Author:

ถ้าคุณอยากให้แมวของคุณดูดีแล้ว แค่ใส่ใจดูแลเจ้าเหมียวอย่างเดียวมันไม่พอหรอก คุณต้องหาพร็อบน่ารักๆ ให้เหล่าเจ้านายใช้ด้วย แล้วเตียงแบ๊วๆ พวกนี้ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย ขอแค่มีของใช้แบบนี้มาตั้งไว้ในบ้าน รับรองคนที่ได้มาเห็นต้องคิดว่าแมวของคุณน่ารักขึ้นเป็นกอง     เตียงแมวพวกนี้เป็นไอเดียจากคู่รักทาสแมวชาวยูเครน Kateryna และ Denis พวกเขาทำเตียงเหล่านี้ขึ้นมาจากไหมพรม โดยจุดเริ่มต้นของการทำเตียงพวกนี้ ก็มาจากการที่พวกเขาอยากทำของน่ารักๆ ให้เจ้าแมว Tara ของพวกเขานอนนี่แหละ     แม้ว่าในตอนแรกผลงานของพวกเธอจะออกมารูปทรงแปลกๆ และไม่สวยเท่าไหร่ แต่เจ้า Tara มันก็เข้าไปนอนด้านในนั้นอย่างดูพออกพอใจ เมื่อเห็นเจ้าแมวชอบใจแบบนั้นแล้ว จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ Kateryna ทำเตียงแบบใหม่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นคอลเลคชั่นสุดน่ารักอย่างที่เห็นนี่แหละ   เริ่มจากทรงคลาสสิกแบบธรรมดาที่ดูดีแต่เรียบง่าย   เจ้าเหมียวในกระบองเพชรไร้หนาม   งานนี้โตโตโร่ก็มา น่ารักป้ะล่ะ   เตียงรูปรถไฟจากเรื่องโตโตโร่ก็มีนะ   แบบเท่ๆ อย่างธีมแบดแมนก็มีเช่นกัน   แบบนี้เข้ากับเทศกาลคริสต์มาสสุดๆ   เตียงเจ้าเหมียวสีรุ้งฟรุ้งฟริ้ง   นอนหลับสบายอยู่ในดอกไม้   น้องแมวนอนในพุงหมาจิ้งจอก   อยู่ในอ้อมกอดหมาแพนดี้   ในผลทับทิมมีแมวอยู่ด้วย!?   ทรงฟักทองสุดคลาสสิก…

การทุ่มเทช่วยเหลือเพื่อน 4 ขาไม่จำเป็นต้องรอให้คุณโตแล้วมีงานทำจนมีเงินช่วยเหลือพวกมัน ดูอย่างเด็กชายวัย 9 ขวบคนนี้สิ ถึงจะเด็กและหาเงินเองไม่ได้เขาก็ช่วยเหลือหมาได้เกือบ 100 ตัวแล้ว     เด็กชาย Brady Snakovsky อายุ 9 ขวบมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนายตำรวจ เขาจะได้ช่วยดูแลคนในชุมชนของเขาให้ปลอดภัยได้ นอกจากนี้เขาก็เป็นคนที่รักสุนัขมาก เขาจึงใฝ่ฝันอยากมีคู่หูสุนัขตำรวจเป็นของตัวเองด้วย มันคงจะดีไม่น้อยเลยถ้าเขาและมันได้ช่วยกันปกป้องความสงบไปด้วยกัน     วันหนึ่งขณะที่ Brady นั่งดูสารคดีเกี่ยวกับตำรวจกับคุณแม่ เขาสังเกตเห็นว่านายตำรวจทุกคนมีเสื้อกันกระสุนใส่ แต่เจ้าหมาตำรวจไม่เห็นมีเสื้อใส่สักตัวเลย นั่นทำให้เด็กชายรู้สึกขัดใจอย่างมาก เพราะว่าสุนัขตำรวจเองก็ต้องทำงานเสี่ยงภัยไม่ต่างจากคน พวกมันควรจะมีเสื้อกันกระสุนไว้ป้องกันการบาดเจ็บเช่นกัน     หลังจากเขาบอกแม่เรื่องนี้ ทั้งคู่ก็ลองศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขตำรวจและเสื้อกันกระสุนสุนัขเพิ่มเติมดู แล้วได้รู้ว่าจริงๆ แล้วที่พวกหมาไม่มีเสื้อกันกระสุนใส่เป็นเพราะไม่มีเงินนี่เอง หน่วยที่มีสุนัขตำรวจส่วนใหญ่ต้องออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุนัขเองแทบทั้งสิ้น จึงไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะไม่มีเงินซื้อเสื้อกันกระสุนสุนัขที่ราคาสูงถึงตัวละ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 38,000 บาท) ได้     ถึงจะรู้อย่างนั้นเด็กชายก็อยากให้พวกสุนัขตำรวจปลอดภัยอยู่ดี เขากับแม่จึงลองทำโครงการรับบริจาคเงินเพื่อซื้อเสื้อกันกระสุนสุนัขในเว็บไซต์ GoFundMe ดู เผื่อว่าจะช่วยสุนัขได้บ้างตัวหรือ 2 ตัวก็ยังดี แต่หลังจากนั้นโครงการของ Brady…

การที่เรามีสุนัขคอยอยู่เคียงข้าง ถึงพวกมันจะไม่ค่อยทำอะไรเลยนอกจากกินข้าว วิ่งเล่น และนอนอยู่ที่บ้าน แค่นั้นพวกมันก็ทำให้พวกเรามีความสุขแล้ว แต่ก็มีสุนัขบางตัวที่ไม่ชอบนั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านเหมือนกัน พวกมันชอบออกไปช่วยเจ้าของในที่ทำงานมากกว่า บางตัวมีตำแหน่งหน้าที่เป็นของตัวเองเลยล่ะ แถมงานของพวกมันยังหลากหลายมากๆ ด้วยนะ ลองตามไปดูกันว่าเจ้าหมาทำงานอะไรกันบ้าง แล้วคุณจะได้เห็นว่าพวกมันเก่งกว่าที่คุณคิดเยอะ (แถมน่ารักอีกด้วย)   อยากไปเที่ยวไหนบอกน้องหมาเลย เดี๋ยวจองทริปให้   น้องหมาแสนดีประจำไปรษณีย์   เจ้าหน้าที่ให้กำลังใจตัวน้อยมาแว้ว   ผู้ช่วยงานนายช่าง 4 ขาพร้อมให้บริการ   พนักงานต้อนรับประจำคลินิก เอาไว้คุยกับลูกค้า 4 ขาโดยเฉพาะ   เอาสแตมป์มาสิน้องจะช่วยเลียให้ จะได้ประหยัดการใช้กาวไง   เหล่าหมาตำรวจที่จะมาคอยฝึกเป็นเพื่อนนายตำรวจมือใหม่   ไม่ต้องกลัวจมน้ำ เพราะไลฟ์การ์ดที่นี่ตัวโต แบกคุณไหวแน่นอน   เจ้าหน้าที่ตรวจจับของผิดกฏหมาย Claude รายงานตัว!!   น้องหมารักษ์ คอยดมหารังเต่าเพื่อเอาไข่ไปฟักอย่างปลอดภัย ก่อนปล่อยคืนสู่ทะเล   พนักงานร้านตัวนี้จะคาบของที่คุณซื้อไปที่เคาเตอร์ให้ ไม่ต้องถือให้หนักเลย   เจ้าหมาทำหน้าที่แก้เหงาให้ลูกค้า ระหว่างที่รองานปริ้นอยู่  …

จะมีสักกี่คนที่ซื่อสัตว์กับเราได้เหมือนหมา เราเป็นที่ 1 ในใจของพวกมันเสมอ และมันจะคอยอยู่เคียงข้างเราไม่ห่าง แม้ในสถานการณืที่เลวร้ายที่สุด หนุ่มอายุ 26 ปีนาย Luke McKoy รับเลี้ยงเจ้าหมา Major มาจากศูนย์พักพิงสัตว์ตั้งแต่มันยังตัวเล็กๆ เขาจึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับมัน     ในตอนนี้ที่เจ้าหมาโตแล้ว Luke กับเจ้า Major ก็ยังไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นประจำ พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนรักที่ดีที่สุดของกันและกัน แต่น่าเสียดายที่เวลาแห่งความสุขอยู่กับพวกเขาได้ไม่นาน เมื่อไม่นานมานี้ Luke กับ Major ขับรถออกไปข้างนอกด้วยกัน แล้วโชคร้ายประสบอุบัติเหตุ ส่งผลให้รถของเขาพุ่งชนต้นไม้เข้าอย่างจังก่อนจะไถลลงไปตามไหล่ทาง     Luke ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วน Major เองก็กระดูกขาหักและเคลื่อน แต่ตอนนั้นสิ่งที่เจ้าหมาเลือกทำคือการคลานไปอยู่ข้างๆ เจ้าของที่มันรัก แม้ว่ามันเองน่าจะเจ็บมากจนน่าจะคลานไม่ไหว อีก 5 ชั่วโมงถัดมาหน่วยกู้ภัยก็มาถึงจุดเกิดเหตุ พวกเขาพบว่า Luke เสียชีวิตไปซะแล้ว ถึงจะไม่รู้ว่าเขาเสียชีวิตทันทีที่รถชนหรือยังมีลมหายใจต่อ สิ่งที่พวกเขามั่นใจก็คือเจ้าหมาอยู่ข้างๆ เขาจนถึงลมหายใจสุดท้าย     ทางด้านเจ้า Major นั้นหน่วยกู้ภัยได้พาตัวมันไปรักษากับสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุดแล้ว แต่อาการของมันก็ย่ำแย่พอๆ กับเจ้าของที่จากไปเลย…

เนื่องจากมนุษย์เราขยายพื้นที่เมืองจนทำให้ที่อยู่ตามธรรมชาติของสัตว์ลดลงไป บางครั้งพวกมันก็เลยหนีมาอาศัยอยู่กับพวกเราในเมืองบ้าง ถึงจะอยู่ในที่ที่ไม่ค่อยเหมาะสมก็ตาม บ่อยครั้งเราก็เลยต้องพยายามหาทางย้ายสัตว์เหล่านี้ออกไปเพื่อไม่ให้พวกมันเป็นอันตราย แต่คงไม่มีวิธีไหนที่จะดูยิ่งใหญ่เท่าวิธีการช่วยนกกระสาของบริษัทไฟฟ้าในญี่ปุ่นแล้วล่ะ     เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2019 ที่ผ่านมา มีนกกระสาตัวหนึ่งขึ้นไปทำรังอยู่บนยอดเสาไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น แถมมันดูไม่มีท่าทีจะย้ายไปไหนเลย ด้วยความที่นกกระเรียนเป็นสัตว์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์ ชาวบ้านแถบนั้นจึงกลัวว่ามันจะถูกไฟช็อตเข้า จึงขอให้บริษัท Hokuriku Electric Power Company ซึ่งดูแลเรื่องไฟฟ้าแถบนั้นช่วยจัดการเรื่องนกกระสาตัวนั้น     อย่างไรก็ตามการรื้อรังของมันออกทั้งๆ ที่ตัวเจ้านกกระสายังอยู่บนนั้นก็ดูไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่ ครั้นจะรอจนมันออกไปจากรังเองก็อาจจะโดนไฟช็อตไปก่อนก็ได้ พวกเขาจึงเลือกทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน…นั่นคือการตัดกระแสไฟฟ้าที่ผ่านเสาไฟฟ้าต้นนั้น แล้วเปลี่ยนทางเดินไฟฟ้าไปยังเส้นทางอื่นเพื่อให้มันปลอดภัยแทน และในขณะเดียวกันชาวบ้านก็ยังมีไฟฟ้าใช้เหมือนเดิมด้วย     แต่แน่นอนว่าวิธีนี้คนที่เหนื่อยมากที่สุดก็ต้องเป็นบริษัทไฟฟ้านี่แหละ เนื่องจากพวกเขาต้องวางแผนเส้นทางเดินไฟฟ้าใหม่ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่พอควร ชาวบ้านและชาวเน็ตที่ได้รู้เรื่องการช่วยมัน จึงรู้สึกทึ่งกับความทุ่มเทที่บริษัทมีให้กับชีวิตเล็กๆ ชีวิตหนึ่งมาก พวกเขายอมลำบากเพื่อให้นกกระเรียนตัวนั้นปลอดภัย     ชาวเน็ตต่างก็คอมเมนต์ชม Hokuriku Electric Power Company ต่างๆ นาๆ บ้างก็บอกว่า “ขอบคุณคนท้องถิ่นและบริษัทไฟฟ้ามากจริงๆ” หรือ “โคตรนับถือวิธีแก้ปัญหาของพวกคุณเลย” ซึ่ง #เหมียวอาตี๋ ก็เห็นด้วยกับชาวเน็ตนะ เพราะคงมีไม่กี่คนหรอกที่ยอมลำบากใช้วิธียากและยิ่งใหญ่ขนาดนี้เพื่อช่วยอนุรักษ์สัตว์เพียงไม่กี่ตัว   ที่มา: Sora…

ถ้าสามีที่ดีต้องใส่ใจดูแลครอบครัว และช่วยเลี้ยงดูลูกโดยไม่เกี่ยงว่าเป็นงานของผู้หญิง เจ้าแมวตัวนี้ก็ถือเป็นพ่อแมวในอุดมคติเลยล่ะ     ครอบครัวที่เลี้ยงดูแมวสาวสีดำ Jamie Sullivan และแมวหนุ่มสีส้ม Landon Carter ประสบเหตุไฟไหม้ทำให้พวกเขาไม่มีบ้านอยู่และไม่สามาถดูแลพวกแมวได้ เจ้าแมวทั้ง 2 ตัวก็เลยถูกส่งมาอยู่ในความดูแลของกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Motley Zoo Animal Rescue เพื่อหาบ้านหลังใหม่ โดยที่แมวหนุ่มไม่ยอมออกห่างจากแมวสาวเลย     ตอนที่มาถึง Jamie ก็ท้องแก่อยู่แล้ว ไม่นานมันก็คลอดลูกแมวออกมา 3 ตัว พวกเขาก็เลยพยายามจะจับพ่อแมวแยกออกมาเพื่อให้แม่แมวดูแลลูกได้สะดวก แต่สุดท้ายพกเขาก็แยกพวกมันไม่ได้ พวกเขาเล่าว่า “ปกติแล้วเราต้องแยกแมวตัวผู้ออกมาจากตัวเมียที่ตั้งท้องหรือแม่แมวที่มีลูกเล็ก เพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อลูกแมวได้” แต่พอเราแยกพ่อแม่แมวคู่นี้ พวกมันก็ดูซึมๆ ไป สุดท้ายเราก็เลยต้องให้พวกมันกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม”     และถึงแม้ว่าจะแม่แมว Jamie จะวุ่นวายเพราะต้องดูแลลูกแมว Landon ก็คอยอยู่ข้างๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้แม่แมวโดยไม่ได้ก่อกวนอะไรเลย หนำซ้ำเจ้าแมวหนุ่มยังช่วยแม่แมวเลี้ยงลูกเพื่อให้แม่แมวได้พักซะด้วย อาสามัครบอกว่า “มันเป็นตัวอย่างของพ่อแมวที่ดี ทั้งช่วยดูแลคู่ แล้วก็ช่วยกันเลี้ยงดูลูกด้วย”     เท่านั้นยังไม่พอ ตอนที่พวกมันเข้าไปในศูนย์พักพิง ที่นั่นก็ยังมีลูกแมวกำพร้าตัวอื่นอยู่อีกด้วย พวกมันยังไม่มีใครดูแลเลยนอกจากอาสาสมัครเท่านั้น…

ไม่ว่าจะต้องเจอภัยอันตรายแบบไหนก็ตาม แม่แมวก็จะเอาตัวเข้าปกป้องเพื่อให้ลูกของมันปลอดภัย สำหรับมันลูกคือสิ่งที่สำคัญที่สุด สำคัญยิ่งกว่าความสบายของตัวเอง     เมื่อช่วงก่อนในบริเวณเมืองเจมส์ทาวน์ ประเทศสหรัฐอเมริกา มีแมวจรจัดไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านของหญิงคนหนึ่ง มันเป็นแมวตัวเมียที่กำลังตั้งท้อง ไม่นานนักเจ้าแมวจรจัดก็คลอดลูกแถวบ้านเธอนั่นแหละ ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกันที่พายุฝนพัดผ่านเมืองพอดี ทำให้มีฝนตกหนักมากๆ     ด้วยความที่เธอเป็นห่วงว่าหากแม่แมวและลูกแมวตากฝน พวกมันอาจจะไม่สบายและตายได้ เธอจึงโทรขอให้กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Sparkle Cat Rescue เข้ามาช่วยพาตัวพวกมันไปดูแล Sarah Kelly ซึ่งเป็นคนรับเรื่องรีบออกไปช่วยเหลือครอบครัวแมวด้วยตัวเอง เพราะรู้ว่าสภาพอากาศเลวร้ายแบบนี้เป็นอันตรายกับพวกมัน     ตอนแรกเธอร้อนใจมากเพราะไปถึงก็ไม่เจอตัวพวกมันแล้ว เธอออกค้นหารอบๆ นั้นอย่างเร่งรีบ จนในที่สุดก็เจอครอบครัวแมวอยู่ในพุ่มไม้หลังบ้าน เธอรีบอุ้มพวกมันมาไว้ในอ้อมแขนแล้วตรงไปที่รถทันที แล้วพอไปถึงรถเธอก็สังเกตว่าลูกแมวไม่ได้ตัวเปียกมากอย่างที่คิด แต่แม่แมวตัวเปียกชุ่มไปหมดเลยทีเดียว Kelly เล่าว่า “แม่แมวขดตัวล้อมลูกๆ เอาไว้แล้วรับฝนที่ตกลงมาให้มากที่สุดเพื่อกำบังลูกแมว นั่นเป็นสาเหตุที่มันตัวเปียกโชก”     แม้จะมาอยู่ในรถอย่างปลอดภัยแล้ว แม่แมวก็ยังไม่หยุดดูแลลูกแมว มันโกยลูกเข้ามาชิดตัวแล้วมากที่สุดเพื่อให้ความอบอุ่น แล้วพยายามเลียขนลูกๆ ให้แห้ง ตลอดเวลาที่ Kelly ขับรถกลับไปยังศูนย์ แม่แมวเอาแต่ดูแลลูกท่าเดียวโดยไม่สนใจเลียขนตัวเองที่เปียกเลย ใจมันห่วงแค่ลูกจริงๆ     แม้ว่าเธอจะช่วยครอบครัวแมวมาอย่างกะทันหัน…

ต่อให้คุณจะใจแข็งและไม่ชอบแมวขนาดไหน ขอให้ได้มาอยู่ใกล้ชิดกับแมวสักพักเถอะ คุณจะกลายเป็นทาสของพวกมันไปโดยไม่รู้ตัว ทหารหนุ่มคนนี้ลองมาแล้ว     นี่เป็นเรื่องจากคุณ กัญญาณัฐ (Kanyanath M Pt) และแฟนหนุ่มที่เป็นทหารของเธอ ซึ่งเธอได้แบ่งปันเรื่องราวเอาไว้ในกลุ่มชมรมคนรักแมว เธอเล่าว่า “เรากับแฟนอยู่คนละที่ค่ะ แฟนรับราชการทหารอยู่พิษณุโลก เราอยู่กรุงเทพ อยู่บ้านเช่า เลี้ยงแมวระบบปิดมี 3 ตัว ทำหมันไปแล้ว 2 เหลือตัวสุดท้ายยังไม่ได้ทำ ทีนี้มีเรื่องพลิกผัน เรากำลังจะมีน้องค่ะ เลยต้องย้ายไปอยู่กับแฟนถาวรค่ะ เราก็เลยกังวลว่าแมวจะอยู่ได้ไหม เพราะเป็นบ้านพักข้าราชการ แน่นอนว่าไม่ใช่ระบบปิดเหมือนเดิม และแฟนก็ไม่ชอบแมวมากๆ”     นอกจากนี้พอย้ายมาอยู่กับแฟนได้ไม่นาน แมวอีกตัวที่กะว่าจะเอาไปทำหมันก็ดันมาท้องซะอย่างนั้น คุณกัญญาณัฐเธอก็เป็นกังวลว่าแฟนที่ไม่ชอบแมวอยู่แล้วจะรำคาญลูกแมวอีก แต่ปรากฏว่าทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพราะพอย้ายมาพวกแมวที่เคนอยู่บ้านปิดก็ปรับตัวอยู่บ้านใหม่ได้สบายๆ ออกไปเดินเล่นนอกบ้านได้แล้วก็กลับเข้าบ้านเป็นเวลา แถมหมาข้างบ้านยังเป็นมิตรกับแมวอีกต่างหาก     ที่พีคไปกว่านั้นก็คือคุณแฟนของเธอนี่แหละ ตอนแรกก็นึกว่าไม่ชอบแมวสุดๆ แต่พออยู่ด้วยกันแล้วก็เอ็นดูแมวขึ้นมาซะอย่างงั้น เท่านั้นยังไม่พอเขายังเป็นคนช่วยเธอดูแลพวกแมว แล้วก็เป็นคนตั้งชื่อให้ลูกแมวครอกใหม่ทุกตัวเลย แบบนี้มันทาสแมวชัดๆ เลยนะ     ดูเหมือนว่าแค่ได้ใช้เวลาร่วมกับแมวไม่นานเท่าไหร่ พวกมันก็สามารถเข้าไปอยู่ในใจของทหารหนุ่ม และเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นทาสแมวได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เห็นไหมว่าพวกแมวมันครองใจคนเก่งจริงๆ ใครที่บอกไม่ชอบแมวก็อย่าเผลอตัวเข้ามาอยู่ใกล้มันล่ะ…

ปัญหาทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง เป็นปัญหาที่ฟังดูไม่ใหญ่แต่ร้ายแรง แถมยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนเราอย่างเดียวด้วย มันส่งกระทบถึงสัตว์ทุกชนิดที่อยู่บนโลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ทะเล เนื่องจากพวกมันมักจะกินขยะเหล่านี้เข้าไปด้วยความไม่รู้ ถ้าตัวไหนโชคร้ายติดคอก็ถึงตายได้ หรือสัตว์บางชนิดก็หยิบเอาขยะที่มนุษย์เราทิ้งเรี่ยราดไปเป็นที่อยู่อาศัยแทน เหมือนกับเจ้าหมึกมะพร้าวตัวนี้ที่นักประดาน้ำไปเจอเข้า     ปกติแล้วหมึกมะพร้าวชอบเข้าไปอาศัยในเปลือกมะพร้าวหรือเปลือกหอยเหมือนปูเสฉวน มันจะใช้วัสดุธรรมชาติมาเป็นบ้านและเครื่องมือปกป้องตัวเองจากสัตว์อื่น แต่หมึกมะพร้าวตัวหนึ่งที่ Pall Sigurdsson และเพื่อนนักประดาน้ำเจอกลับใช้แก้วพลาสติกเป็นบ้าน มันดูน่าสงสารมากเลยทีเดียว เขากับเพื่อนจึงตัดสินใจว่าในการดำน้ำครั้งนี้ พวกเขาจะช่วยมันหาบ้านใหม่ที่ไม่ใช่ขยะให้ได้ จากนั้นเขาและเพื่อนจึงดำน้ำแยกกันไปหาเปลือกหอยมาให้เจ้าหมึกมะพร้าว     แต่เนื่องจากหมึกมะพร้าวค่อนข้างจุกจิกในการเลือกบ้านใหม่ มันจึงไม่สนใจเปลือกหอยหลายอันที่พวกเขาเอามาให้เลย ทว่าในที่สุดมันก็ชอบเปลือกหอยอันหนึ่งที่พวกเขาเอามาให้จนได้ แล้วมันก็เลยออกจากแก้วพลาสติกสกปรกๆ เข้าไปอยู่ในเปลือกหอยแทน     ชมวิดีโอตอนนักประดาน้ำช่วยให้หมึกมะพร้าวย้ายมาอยู่ในเปลือกหอย    Sigurdsson เล่าว่า “หมึกมะพร้าวเป็นที่รู้จักดีในด้านความเรื่องมากในการเลือกเปลือกหอย เราต้องลองเอาเปลือกหอยมาให้มันหลายอัน จนในที่สุดก็มีเปลือกหอยอันหนึ่งผ่านมาตรฐานของมันสักที” Sigurdsson และเพื่อนๆ ใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับปัญหาขยะพลาสติกมานานแล้ว พวกเขาจึงรู้ดีว่านี่เป็นเพียงหนึ่งในปัญหามากมายที่เกิดขึ้นเท่านั้น     ในเมื่อมนุษย์เราเป็นคนสร้างปัญหาขยะ เวลาเจอสัตว์ที่ลำบากเพราะเรื่องพวกนี้ก็อย่าลืมหยุดช่วยเหลือพวกมันด้วยล่ะ สิ่งมีชีวิตอื่นจะได้ไม่ต้องมาลำบากเพราะคนเรา   ที่มา: the dodo, Pall Sigurdsson

สำหรับคนรักสัตว์อย่างเราๆ คาเฟ่สัตว์เป็นหนึ่งในที่ที่เข้าไปแล้วสุขใจเป็นที่สุด เพราะนอกจากจะได้นั่งชิลจิบเครื่องดื่มแล้ว ยังมีสัตว์รายล้อมเราเต็มไปหมดด้วย แต่ถ้าคุณไปตะลุยคาเฟ่หมาหรือคาเฟ่แมวมาจนเบื่อความจำเจแล้ว ลองหันมาดู “คาเฟ่หมูจิ๋ว” ทางนี้ดูสิ รับรองว่าน่ารัก แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร     แค่ได้ยินว่าเป็นคาเฟ่ “หมู” ก็แปลกแล้วใช่ไหมล่ะ? แต่คาเฟ่แบบนี้มีอยู่จริงๆ นะ คาเฟ่แห่งนี้ชื่อว่า mipig cafe เป็นร้านที่เปิดบริการอยู่ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่นี่เป็นร้านแห่งแรกและน่าจะเป็นแห่งเดียวในเมืองโตเกียว ที่ทำให้คุณได้สัมผัสกับความน่ารักของหมูแคระอย่างใกล้ชิด   https://www.instagram.com/p/BwpDasGpVj2/   หมูจิ๋วอาจเป็นสัตว์เลี้ยงที่เราไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่ เนื่องจากพวกมันไม่ได้เป็นที่นิยมมากเหมือนแมวกับหมา แต่พวกมันก็น่ารักและอ้อนเก่งไม่แพ้กันเลย ถ้าคุณได้ลองสัมผัสความรู้สึกตอนอยู่กับพวกมันสักครั้ง อาจจะตกหลุมรักกับความน่ากอดของพวกมันเข้าให้ก็ได้     การใช้บริการคาเฟ่หมูจิ๋วแห่งนี้ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย แค่เข้าไปแล้วสั่งเครื่องดื่มที่มีให้เลือก 1 อย่างและเสียค่าเข้าไปนั่งเล่นเป็นชั่วโมงเท่านั้นก็ได้สนุกกับเหล่าลูกหมูแล้ว แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าทางร้านก็เป็นห่วงหมูจิ๋วและไม่อยากให้คนมารุมล้อมพวกมันมากเกินไป พวกเขาเลยจำกัดจำนวนคนที่เข้าในแต่ละรอบไว้ด้วย ถ้าหากคิดจะไปเที่ยวควรจะจองเอาไว้ก่อนไป     แหม่ ในโลกเรานี่มีคาเฟ่สัตว์แปลกๆ เต็มไปหมดจริงๆ ไหนจะมีคาเฟ่แรคคูน คาเฟ่กระต่าย แล้วยังมีคาเฟ่หมูอีก แต่ไม่ว่าจะมีหลากหลายประเภทมากแค่ไหน ในฐานะคนรักสัตว์เราก็อยากจะลองไปมันทุกร้านนั่นแหละ จะได้เข้าถึงความน่ารักได้ทุกแบบไง   https://www.instagram.com/p/BwUWbPoJOAx/  …

แมวน้อยเพิ่งสูญเสียครอบครัวทั้งหมดที่มีไป มันจึงไม่เหลือใครให้อยู่ด้วยอีก แต่พอมันมาอยู่ในศูนย์พักพิงมันก็ได้พบกับลูกแมวตัวอื่นที่พร้อมจะมาเป็นครอบครัวเดียวกับมัน     อาสาสมัครของกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Jin’s Bottle Babies เจอ Smokey กับพี่น้องของมันในตอนที่พวกมันอ่อนแอมากแล้ว บางตัวก็ตายไปแล้วด้วย Shelbi Uyehara รับพวกมันเข้ามาดูแลต่อในบ้านของเธอ แต่ถึงจะพยายามดูแลพวกมันแล้ว พี่น้องแมวตัวอื่นก็ตายไปเพราะร่างกายอ่อนแอ เหลือแค่ Smokey ตัวเดียวที่รอดชีวิต     เธอเลี้ยงดูเจ้า Smokey จนมันกลับมาแข็งแรง มันตัวโตขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็เห็นได้ว่ามันเหงาเพราะไม่เหลือใครให้อยู่ด้วย     ต่อมาไม่นาน Shelbi ก็เอาลูกแมวครอกใหม่เข้ามาดูแล ครั้งนี้เป็นลูกแมวเหมียว 3 พี่น้อง Ana, Kristina และ Daniela     หลังจากดูแลแมวน้อยทั้ง 3 ตัวจนแข็งแรงแล้ว เธอก็ลองพาพวกมันไปอยู่กับ Smokey ดู เผื่อว่าถ้าเข้ากันได้เจ้าแมวจะได้ไม่เหงาอีกต่อไป โชคดีที่ถึงวัยของพวกมันจะต่างกันอยู่บ้าง Smokey ก็ยังปรับตัวเข้ากับแมว 3 พี่น้องได้เป็นอย่างดี มันดูมีความสุขมาเวลาน้องๆ คลานเข้ามากอดเหมือนมันเป็นหมอนใบโต  …

การที่เจ้าของสุนัขติดป้ายเตือนสุนัขดุไว้ถือเป็นเรื่องที่ดี เผื่อว่าคนที่กลัวสุนัขหรือไม่อยากเสี่ยงถูกพวกมันเห่าจะได้เลี่ยงการเข้าใกล้รั้วบ้านหลังนั้นได้ แต่!! บางครั้งน้องหมาที่อยู่หลัง “ป้ายหมาดุ” พวกนี้ก็ไม่ได้ดูอันตรายเลยสักนิดเดียว บางตัวนี่นอนแผ่หลารอให้คุณไปลูบพุงแต่ไกลแล้ว บ่อยครั้งเราจึงได้เห็นความน่ารักของน้องหมาแสนเป็นมิตร ที่ทำท่าทางโคตรขัดกับป้ายเตือนว่าดุอย่างสิ้นเชิง และแน่นอนว่าเราก็อดที่จะตกหลุมรักพวกมันไม่ได้!!   ระวัง!! อย่าปล่อยน้องไว้คนเดียวนาน น้องเหงา   ระวัง!! อย่าจ้องตานาน เดี๋ยวตกหลุมรัก   ระวัง!! อย่าเดินผ่านไปไว เดี๋ยวไม่ได้ทักทายหมา   ระวัง!! หมาชอบหนี ช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้ด้วย   ระวัง…ระวังอะไรเล่า!! ป้ายหน้าดุกว่าน้องหมาอีก!!   ระวัง!! ระวังโดนป้ายหลอกว่าหมาดุ   หน้าแต่ละตัวนี่ดุจริงจริ๊งงงง!!   ระวัง!! ถ้าได้เล่นกับหมาตัวนี้คุณจะติดลม   ระวัง!! หมาน้อยตัวนี้อาจทำให้คุณใจละลายได้   ระวัง!! น้องหมาอาจอยากเล่นกับคุณแล้วตามกลับไปถึงบ้าน   ระวัง!! ถ้าไม่หยุดทักทายก่อนน้องหมาอาจน้อยใจ   ถ้าจะบอกว่าหมาดุก็ขอให้มันเชื่อถือกว่านี้หน่อย…   ระวัง!! เจ้าหมาตัวสูง เล่นด้วยอาจถูกหมาอาจเลียหน้า   ระวัง!! อย่าเล่นกับน้องเพลินจนเอาติดมือกลับบ้านไป…

ถ้าพูดถึงวัวล่ะก็คงไม่มีใครสนใจเท่าไหร่หรอก เพราะมันเป็นสัตว์ที่เราเห็นกันจนชินตาแล้ว และพวกมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือแปลกใหม่ด้วย     แต่รู้กันบ้างรึเปล่าว่าวัวบ้านๆ ของคุณก็สามารถแปลงโฉมให้น่ากอดได้เหมือนกัน พอจับพวกมันแปลงโฉมแล้วมันก็จะกลายเป็น “วัวนุ่มนิ่ม” แบบนี้!!   https://twitter.com/LadyBArtist/status/602493794525806592   เห็นแวบแรกเพื่อนๆ อาจจะคิดว่าวัวขนฟูพวกนี้เป็นวัวสายพันธุ์ใหม่ก็ได้ เพราะตั้งแต่เกิดมาคงแทบไม่มีใครเคยเห็นวัวที่ขนนุ่มอย่างกับหมาโกลเด้นเลย แต่อันที่จริงพวกมันก็เป็นวัวสายพันธุ์ทั่วไปที่ได้รับการดูแลขนเล็กน้อย ทำให้ความน่ารักของพวกมันอัปเลเวลอย่างรวดเร็วเท่านั้นเอง   https://www.instagram.com/p/BdtJQGcgblB/?utm_source=ig_embed   โดยปกติแล้ววัวทั่วไปจะมีขนสั้นๆ ที่ลีบเรียบไปกับตัว ทำให้ขนของพวกมันดูไม่นุ่มฟูน่ากอดเหมือนในภาพที่เราเห็นกัน แต่จริงๆ แล้วขนของมันก็ไม่ต่างจากผมของคนเราเลย แค่ได้รับการสระด้วยแชมพูแล้วเป่าลมให้แห้งสักหน่อย ขนของพวกมันก็จะฟูฟ่องขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ!!   https://www.instagram.com/p/1-kwAWMGYD/?utm_source=ig_embed   จริงๆ แล้วพวกเราไม่เคยเห็นวัวขนฟูแบบนี้ก็ไม่แปลกเท่าไหร่หรอก เนื่องจากปกติพวกมันจะได้รับการสระขนและเป่าจนสวยงามเพื่อไปประกวดในงาน ซึ่งมักจะทำกันแค่ในฝั่งตะวันตกเท่านั้น แถวบ้านเราถึงจะมีการประกวดวัวกันบ้าง ก็ไม่มีคนเลี้ยงคนไหนสระขนให้พวกมันอย่างดีแบบนี้เลย พวกเราก็เลยไม่มีโอกาสเห็นมุมที่น่ารักน่ากอดของมัน   https://www.instagram.com/p/BrWnG7FFSCu/?utm_source=ig_embed   แต่ตอนนี้เพื่อนๆ ก็ได้รู้จักกับความน่ารักในแบบฉบับ “วัวขนนุ่มฟู” แล้ว คงไม่มีทางลืมภาพในมุมน่ารักๆ ของพวกมันได้หรอก แล้วเราก็คิดว่าทุกคนก็คงอยากเสพความน่ารักของพวกมันให้มากกว่านี้อีกเช่นกัน งั้นก็อย่ารอช้าแล้วไปฟินกับให้พอกับวัวนุ่มนิ่มกันเลย!!   ขนฟูฟ่องอย่างกับแกะแน่ะ!! https://twitter.com/cjsweck/status/347875778245046272   ขนสลวยเงางามอย่างกับใช้ซันซิลค์ https://www.instagram.com/p/BsTY8U8gdnG/?utm_source=ig_embed…

จากประสบการณ์เป็นทาสแมวมานาน พวกเราย่อมสามารถบอกได้อยู่แล้ว่าตัวไหนเป็นแมวจริงแมวปลอม บางคนถึงขั้นระบุสายพันธุ์เจ้าแมวได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น แต่พอได้เจอเจ้าแมวตัวนี้ มันก็ทำให้เหล่าทาสแมวพากันกุมขมับ เพราะมันหลอกเราให้เชื่อได้สนิทใจว่ามันเป็นแมวของจริง   https://www.instagram.com/p/BxZCjKAAlpo/?utm_source=ig_embed   เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Miru (@bebebe5353) ได้โพสต์วิดีโอของแมวตัวหนึ่งลงบนทวิตของตัวเอง มันเป็นแมวที่นิ่งมากๆ ขนาด Miru ยื่นมือไปลูบใบหน้าของมัน หรือหลบมุมไปทางซ้ายและขวา เจ้าแมวก็ไม่ขยับเลยสักนิด ชาวเน็ตจึงพากันชื่นชมในความสุขุมของมัน   เชิญชมคลิปวิดีโอ https://twitter.com/bebebe5353/status/1127736124334415873   แต่ทาสแมวทุกคนก็ต้องตะลึงเมื่อได้รู้ความจริงจาก Miru ว่าแมวในคลิปวิดีโอนั้น…ไม่ใช่แมวจริง!! มันเป็นเพียงแมวปลอมขนาดเท่าตัวจริงที่เธอทำขึ้นจากไหมพรม ที่สำคัญก็คือมันมีความสมจริงมากๆ จนทาสแมวที่อยู่กับแมวมาหลายปียังแยกไม่ออก   https://twitter.com/bebebe5353/status/1127753647046029312   ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือ Miru ไม่เคยไปเรียนการทำงานฝีมือจากที่ไหนเลย เธอเรียนรู้การทำแมวเสมือนจริงด้วยตัวเองตั้งแต่ปี 2010 และพัฒนาฝีมือเองเรื่อยมา จนปัจจุบันผลงานของเธอก็สมจริงจนน่าทึ่ง และทำให้ชาวเน็ตประทับใจที่แมวปลอมของเธอหลอกตาพวกเขาได้อย่าง่ายดาย   ผลงานชิ้นอื่นของ Miru https://twitter.com/bebebe5353/status/1011061802333974529   แม้แต่ตอนที่ยังทำเสร็จแค่ช่วงบนก็ดูเหมือนจริงมากแล้ว https://twitter.com/bebebe5353/status/1103466584834695168   หรือจะเป็นตุ๊กตาหมาเสมือนจริงก็มีนะ https://www.instagram.com/p/BviOvUAA9ob/?utm_source=ig_embed   ดูหลอกตาได้ดีไม่แพ้แมวเลย https://www.instagram.com/p/BrwWE_ugsT7/?utm_source=ig_embed   เท่านั้นยังไม่พอ ชาวเน็ตบางคนที่เข้าไปส่องทวิตเตอร์ของ…

ทุกคนคงรู้นะว่าสลอธเป็นสัตว์ที่เชื่องช้าขนาดไหน และก็คงนึกออกว่าตอนมันข้ามถนนมันต้องใช้เวลานานมากๆๆๆๆ ถ้ารอให้มันข้ามเองในชั่วโมงเร่งด่วน กว่าจะถึงที่หมายอาจจะโดนรถทับก่อนได้ Jose Aldenizio ที่ขับรถผ่านมาเจอมันพอดีก็ห่วงว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นเหมือนกัน เขาจึงตัดสินใจหยุดรถที่ข้างทางแล้วลงมาช่วยมันให้ถึงฝั่งตรงข้ามไวขึ้น     เขาเดินไปหาเจ้าสลอธที่กำลังคลานอยู่กลางถนน แล้วค่อยๆ อุ้มมันขึ้นมาอย่างเบามือ จากนั้นจึงพามันเดินไปยังอีกฝั่งที่มันพยายามจะข้ามไป คงมีไม่กี่คนหรอกที่ยอมเสียสละเวลาของตัวเอง เพื่อช่วยสัตว์ป่าที่เพิ่งเคยเจอกันแบบที่ Aldenizio เลือกทำอยู่     พออุ้มมันไปถึงป่าอีกฟากหนึ่งแล้ว Aldenizio ก็ไม่ได้ทิ้งมันไว้ข้างทางเฉยๆ เขาช่วยพามันไปเกาะไว้บนต้นไม้อีกต่างหาก แถมเขายังช่วยจัดแขนจัดขาให้เจ้าสลอธอย่างตั้งอกตั้งใจ เพื่อให้มั่นว่าเจ้าสลอธจะไม่ตกลงมาจากต้นไม้หลังจากที่เขาปล่อยมือจากมันนั่นเอง     จริงๆ การได้ช่วยเหลือสัตว์แค่นี้ก็ทำให้คนรักสัตว์อย่าง Aldenizio มีความสุขมากแล้ว…แต่ครั้งนี้ความสุขของเขาไม่ได้จบเท่านั้น หลังจากที่เจ้าสลอธขึ้นต้นไม้ได้อย่างปลอดภัยแล้ว มันยังหันกลับมายิ้มให้กับเขาด้วย แถมมันยังทำท่าทางเหมือนโบกมือให้เขาอีกต่างหาก เหมือนกับว่าเจ้าสลอธพยายามจะกล่าวขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือมัน     หันมายิ้มและโบกมือให้ด้วย   การที่เจ้าสลอธหันมายิ้มและโบกมือให้กับ Aldenizio เป็นสิ่งที่พิเศษมากจริงๆ คงมีไม่กี่คนที่ได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้ นี่คงเป็นเพราะเขาช่วยมันโดยไม่หวังผล   ชมคลิปวิดีโอตอนที่เขาช่วยเจ้าสลอธ    ที่มา: Daily Mail

คนเราทำใจจากกับสิ่งที่เรารักไม่ได้หรอก ต่อให้ต้องเสียสิ่งที่รักอย่างอื่นไปเราก็จะเลือกเก็บสิ่งที่สำคัญที่สุดเอาไว้ ดังนั้นเมื่อ Liz Haslam อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างสามีหรือสุนัขเพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง…เธอถึงได้เลือกพวกหมา     ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ Liz ได้แต่งงานกับ Mike เมื่อ16 ปีก่อน เธอคิดว่าชีวิตคู่ของพวกเธอคือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่สวยงาม ทั้งคู่ย้ายเข้าไปอยู่บ้านด้วยกัน มีลูกคนแรกด้วยกัน ครอบครัวของพวกเธอดูเหมือนจะมีแต่ความสุข แต่นั่นก็แค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น     หลังจากผ่านช่วงความรักที่หอมหวานไป Mike ก็เริ่มมีเวลาให้กับ Liz น้อยลง เนื่องจากเขาเอาเวลาไปทุ่มเทให้กับงานแทนตามสไตล์คนบ้างาน ส่วน Liz ที่ต้องอยู่บ้านอย่างเหงาหงอย ก็หันไปใส่ใจกับสัตว์ที่เธอชอบอย่างสุนัขแทน โดยการก่อตั้งกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Bed for Bullies     Liz เล่าว่า “พวกเราเริ่มห่างกันมากตั้งแต่เขาทุ่มเทเวลาให้กับงาน ฉันเองก็ไม่อยากเป็นแม่บ้านอยู่ว่างๆ ก็เลยทุ่มเทเวลาให้กับสุนัขเหมือนกัน”     แต่หลังจากอยู่ร่วมกันมาได้ 25 ปีโดยที่ต่างฝ่ายต่างสนใจกันน้อยลง ในที่สุด Mike ก็ทนไม่ได้ที่เห็นภรรยาใส่ใจสุนัขมากกว่าเขา เขาจึงบอกให้เธอเลือกว่าจะอยู่กับเขาหรือหมากันแน่ แน่นอนว่า Liz ไม่ได้เลือกเขา เธอเล่าต่อว่า…

เรารู้นะว่าไม่ว่าทุกคนจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแบบไหน ก็คงจะรักมันมากทั้งนั้นแหละ ถึงแต่ละคนจะแสดงออกให้คนอื่นให้ไม่เท่ากันก็เถอะ แต่มันก็มักจะมีเจ้าของสัตว์เลี้ยงอีกส่วนหนึ่ง ที่ทำอะไรให้เจ้าขนปุยมากกว่าคนอื่นเขา ทำให้พวกเขาดูใส่ใจพวกมันมากกว่าเราไปอีกขั้นเสมอ และนี่คือตัวอย่างของเหล่าเจ้าของที่ใส่ใจสัตว์เลี้ยงแบบขั้นกว่า ถ้าทุกคนได้เห็นความเอาใจใส่ของพวกเขาแล้วเก็บเอาไปใช้บ้าง รัยรองลูกๆ ที่บ้านต้องปลื้ม   จะซื้อของขวัญทั้งทีต้องเอาให้ถูกใจลูก   จะปล่อยน้องหมาเปียกฝนไม่ได้ เดี๋ยวไม่สบาย   แม่เห็นน้องหมานอนไม่หลับ เลยเอาถุงน้ำอุ่นให้ จะได้อุ่นทั้งกายทั้งใจเลย https://twitter.com/shananig0ns/status/935298288802246663   กระต่ายน้อยขาดอะไร แม่ก็จะหามาให้ ถึงสิ่งนั้นจะเป็นหูก็เถอะ   ต่อบันไดให้ลุงหมาเข้าบ้านง่ายโดยเฉพาะ   เจ้าหมาเคยจรจัดมาก่อน ไม่รู้ว่าวันเกิดมันวันไหน คุณพ่อก็เลยจัดให้ตรงกับวันเกิดตัวเองซะเลย   อยู่บ้านกับลูกทั้งที เปิดเพลงผ่อนคลายสำหรับหมาให้ลูกฟังมันทั้งวันละกัน .   เมื่อคุณอยากให้แมวออกไปเล่นข้างนอกบ้าง แต่ก็ยังห่วงความปลอดภัยด้วย .   ลูกรักทั้งที ไม่มีห้องส่วนตัวให้ได้ไง   อยากให้น้องหมาได้นั่งรถเล่นสบายๆ เสียเงินแต่งรถเพิ่มหน่อยไม่เป็นไรหรอก   เลี้ยงลูกตัวเดียวก็เหงา งั้นหาแฟนให้ด้วย   นั่งรถตากลมนานๆ ตาแห้งหมด ใส่แว่นกันไว้นะหนู     เดี๋ยวนี้แดดแรง พื้นถนนก็ร้อน…

จริงๆ แล้วเจ้าหมา Athena ติดพี่สาวของ Isaiah Lenotte แต่พอเธอออกไปเรียนมหาวิทยาลัย มันก็เลยเพิ่งมาสนิทกับน้องชายที่ยังอยู่บ้านด้วยกัน ตอนนี้เจ้าหมากับเขากลายเป็นคู่ที่สนิทกันที่สุดแล้ว Lenotte เล่าว่า “ตอนอยู่บ้านมันจะไม่ยอมอยู่ห่างจากผมเลย แล้วมันก็จะรอเจอผมตอนผมกลับมาบ้านด้วย ไม่มีหมาตัวไหนที่ผมเชื่อใจไปมากกว่านี้แล้ว”     แล้วเจ้าหมาก็ทำให้เขาได้เห็นว่ามันตอบแทนความเชื่อใจที่เขามีให้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ช่วงก่อนหน้านี้มีวันหนึ่งที่ Lenotte ขับรถพาเจ้า Athena ออกไปตกปลาด้วยกัน วันนั้นเขากับเจ้าหมาต่างก็สนุกสนานกันมาก เหมือนเป็นวันปกติทั่วไปวันหนึ่ง แต่ตอนที่เขาขับรถกลับบ้านเขาก็เกิดหน้ามืดขึ้นมา พอได้สติกลับมาอีกทีรถของเขาก็ชนต้นไม้ แล้วพุ่งไปจนช่วงหน้าของรถอยู่ในสระน้ำแล้ว     แม้ว่าเขาจะมีแผลและรอยขีดขวั่นตามตัวเต็มไปหมด เขาก็พยายามอย่างหนักที่จะเอาตัวเองและเจ้าหมาออกจากรถ เพราะเขารู้ดีว่ารถอาจจะติดไฟและระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พอ Lenotte เปิดประตูรถฝั่งคนนั่งออกได้แล้ว เจ้า Athena ต่างหากที่เป็นฝ่ายช่วยลากตัวเขาออกมาจากรถได้สำเร็จ และถึงมันจะดูตื่นกลัวเอามากๆ จนอยากจะวิ่งหนีไป มันก็ยังคอยอยู่ใกล้ๆ เป็นเพื่อนชายหนุ่มอยู่ดี     ทันทีที่ Lenotte เดินออกมาถึงถนนใหญ่ได้เขาก็โทรบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ครอบครัวรู้ แม่ของเขาจึงรีบมาหาพร้อมกับเรียกรถพยาบาลมาด้วย พอมาถึงคุณแม่ก็เห็นว่า Athena นั่งตัวสั่นอยู่ เธอจึงพยายามพามันขึ้นไปบนรถเพื่อให้มันรู้สึกสงบมากขึ้น แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยมันลงมาอยู่กับ Lenotte เหมือนเดิม เพราะพอมันไม่เห็นเจ้าของอยู่ด้วยมันก็ยิ่งร้อนใจ กว่าเจ้าหมาจะพักได้ก็ตอนที่มันเห็นว่าทีมพยาบาลพาตัวเจ้านายไปรักษาแล้วนั่นแหละ…

ใครมีหมอนใบโปรดที่ใช้มาตั้งแต่เด็กยันโตจนกลายเป็น “หมอนเน่า” ขอให้ยกมือขึ้น!! ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีหมอนเน่า คุณก็เป็นพวกเดียวกันกับเจ้าหมา Draco แล้ว     เจ้าหมาพิตบูลล์ Draco ถูกเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก แล้วมันก็ค้นพบของเล่นชิ้นโปรดในทันที มันคือหมอนรูปหัวใจสีแดงที่เจ้าของซื้อให้มัน ถึงเวลาจะผ่านไปจนเจ้า Draco ตัวโตแล้ว มันก็ยังคงติดหมอนใบนั้นงอมแงมเหมือนเดิม ไม่ว่าเจ้าหมาจะไปที่ไหนเจ้าของของมันก็จะเห็นหมอนใบนั้นติดตัวอยู่ด้วย   ติดหมอนมาตั้งแต่เด็กยันโต   แต่เมื่อเร็วๆ นี้เจ้าหมาอีกตัวหนึ่งในบ้านที่ชื่อ Willow คาบเอาหมอนของ Draco ไปเล่น ด้วยความหวงเจ้าหมาก็เลยวิ่งไปแย่งหมอนคืนมา แล้วระหว่างที่ยื้อแย่งหมอนกันอยู่นั่นเอง หมอนเน่าของมันก็ขาด ทำให้เจ้า Draco หงอยไปเลยที่ของชิ้นโปรดพังไปแบบนั้น หลังจากนั้น O’Cain ซึ่งเป็นเจ้าของของมันก็เอาหมอนเน่าไปเย็บให้เจ้าหมา โดยที่มีมันมาเกาะขอบโต๊ะเฝ้าดูหมอนใบโปรดตลอดช่วงที่เย็บให้     ท่าทางของเจ้าหมาที่จ้องมองหมอนใบโปรดไม่ให้คลาดสายตา เป็นภาพที่น่าเอ็นดูมากเลยทีเดียว บางทีมันก็เอาหัวมาเกยโต๊ะแล้วมองดู หรือบางครั้งก็เอาขาทั้ง 2 ข้างเกาะโต๊ะไว้ O’Cain เล่าถึงความรู้สึกในตอนนั้นว่า “ตลอดเวลาที่ฉันเย็บหมอน เจ้าหมาจะคอยมองดูตลอด มันร้องหงิงๆ แล้วก็พยายามจะยื่นตัวเข้ามาคาบหมอนไป มันทำท่าทางเหมือนกับกำลังมองดูภรรยาเข้ารับการผ่าตัดเลยทีเดียว”     ทันทีที่ O’Cain เย็บหมอนให้มันเรียบร้อยแล้วยื่นหมอนให้…

ในฐานะทาสแมวคนหนึ่ง #เหมียวอาตี๋ อยากเอาความเป็นแมวมาใส่ไว้ในทุกส่วนของชีวิต แม้แต่ตอนเลือกซื้อของบางทียังเลือกซื้อจากร้านที่มีแมวเลย ร้านรถเข็นขายมันปิ้งในญี่ปุ่นร้านนี้จึงเป็นอีกหนึ่งร้านที่เราอยากไปลองอุดหนุน ไม่ได้เป็นเพราะที่ร้านเลี้ยงแมวไว้กวักลูกค้าหรอกนะ แต่เขามีแมวมาขายมันปิ้งให้เราเชียวนะ!!   昨日の営業風景なりー。 pic.twitter.com/39KuV45RWy — 山田　三毛猫 (@ZeroZero93) December 21, 2017   ถึงจะบอกว่ามีแมวมาขายมันปิ้งให้ มันก็ไม่ได้เป็นแมวจริงๆ หรอกนะ เจ้านายของพวกเราไม่ขยันทำมาหากินขนาดนั้นหรอก แมวที่ขายของอยู่เป็นคนสวมชุดแมวตัวโตต่างหาก ภายใต้ชุดแมวนั้นก็คือคุณ Mikeneko Yamada (@zerozero93) ซึ่งเป็นคนรักแมวในเมืองคุราโยชิ จังหวัดทตโตริ   もうなってる #あなたは猫になれるかチャレンジ pic.twitter.com/WIfah84Id2 — 山田　三毛猫 (@ZeroZero93) November 27, 2017   Mikeneko เริ่มขายมันเทศปิ้งอย่างนี้มา 6 ปีแล้ว ชุดแมวที่เขาใส่ก็เป็นคนทำเองตั้งแต่หัวจรดหางเลยทีเดียว ปัจจุบันเขาเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนท้องถิ่น เนื่องจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและจดจำง่ายนั่นเอง โดยแรกเริ่ม Mikeneko มีจุดประสงค์ในการขายมันปิ้งเพื่อหาเงินสักก้อนหนึ่งมาเปิดร้านราเมงเป็นของตัวเอง ซึ่งเขาก็ขายดีพอควรจนสามารถเก็บเงินก้อนนั้นได้สำเร็จ   お買い上げくださったかたの着用画像。ちっちゃくて可愛い！ pic.twitter.com/AIflM9W2hP — 山田　三毛猫…

เรารู้ว่าคนทุกคนมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นถึงจะมีคนรู้จักหรือคนใกล้ตัวที่ไม่ชอบเหมือนเรา เราก็จะไม่บังคับพวกเขาให้ชอบพวกมัน แต่ในกลุ่มคนที่บอกไม่ชอบๆ เนี่ย จริงๆ แล้วมีบางคนที่ปากแข็งไม่ยอมรับว่าชอบอยู่ด้วยนะ แล้วพอไม่มีใครเห็นก็ทำท่าทีเอ็นดูพวกมันซะยิ่งกว่าทาสแมวซะอีก อย่างเช่นคุณปู่ของคุณ โรส (Rose Light Comet) นี่ไง เขาเคยบอกคุณโรสว่าเขาไม่ชอบแมว แต่พอเขาอยู่บ้านกับเจ้าแมวตามลำพังก็เป็นอย่างที่เห็น     ภาพนี้เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่คุณโรสติดเอาไว้ในบ้านเอง ท่าทางกำลังถ่ายรูปแมวอย่างตั้งอกตั้งใจแบบนี้ ใครเห็นก็รู้เลยว่าคุณปู่น่ะรักแมวชัดๆ พอคุณโรสเห็นภาพจากกล้องแบบนั้นเธอก็เลยเอามาโพสต์ในกลุ่มทาสแมวว่า “ฮั่นแน่…. ปู่ ไหนบอกไม่ชอบแมวไง เราเห็นนะ 555555” แถมคุณปู่ไม่ได้จบกับเจ้าแมวแค่ถ่ายรูปมันเท่านั้นนะ บางทีก็นอนดูทีวีกับมันอยู่บยโซฟาซะด้วย คนไม่รักกันเขาไม่ทำแบบนี้หรอก!!   เอ้ะ เหมือนว่าคุณปู่จะเปิดพัดลมหันไปทางแมวด้วยนะ ไม่รักแน่เหรอ??   อันที่จริงแล้วคุณโรสไม่ได้ตั้งใจติดกล้องวงจรปิดเพื่อแฉว่าคุณปู่เกลียดแมวไม่จริงหรอก สาเหตุหลักที่เธอติดกล้องวงจรปิดเป็นเพราะเธอเพิ่งมีลูกตัวน้อย แล้วอยากจะจับตาดูลูกเพื่อให้มั่นใจว่าลูกสบายดีตอนเธอไม่อยู่ด้วยต่างหาก แต่ก็มีผลพลอยได้คือการได้เห็นภาพคุณปู่ที่บอกว่า “เกลียดแมว” มาทำตัวน่ารักๆ เหมือนเป็นทาสคนหนึ่งนี่แหละนะ     แต่เราทาสแมวทุกคนเข้าใจคุณปู่นะ ไม่ผิดหรอกที่คุณปู่จะตกหลุมรักเจ้าเหมียว เพราะไม่มีใครในโลกนี้ต้านทานเสน่ห์ของแมวจ้ำม่ำแบบนี้ได้เลย   ที่มา: ทาสแมว / Rose Light Comet

ถ้าแมวของคุณเคยหนีไปจากบ้าน คุณคงเข้าใจดีว่าทาสจะเป็นห่วงมันขนาดไหน ใจเราก็กลัวว่ามันจะมีอุบัติเหตุรึเปล่า หรือว่ามันจะมีข้าวกินจนอิ่มไหม แต่บางทีเราก็ลืมนึกว่าสาเหตุที่มันหายจากบ้านไปอาจไม่ได้เป็นเพราะมันหลงหรือลำบากเลย มันก็แค่ติดสาวเท่านั้นแหละ ไม่นานเดี๋ยวมันก็จะกลับมาเอง…แถมดีไม่ดีอาจพาสะใภ้เข้ามาให้เหมือนตัวนี้ด้วย!! คุณ นู๋อิ่ม (Bebe Sayttapukdee) เลี้ยงแมวไว้มากถึง 7 ตัว และตัวหนึ่งในที่ชื่ว่า ถั่วแดง ก็เพิ่งหนีออกจากบ้านไป     แต่เจ้าแมวก็ปล่อยเจ้าของเป็นห่วงอยู่ที่บ้านได้ไม่นาน แค่ 2 วันต่อมามันก็กลับมาบ้านแล้ว แถวยังพาต้นเหตุที่ทำให้มันหนีออกจากบ้านกลับมาด้วย…ซึ่งก็คือแมวสาว 3 สีที่อยู่ข้างหลังมัน คุณนู๋อิ่มก็เลยรู้ว่าที่แท้เจ้าแมวหายไปจากบ้านเพราะว่ามันติดสาวข้างนอกนี่เอง แล้วเธอก็โพสต์เล่าเรื่องให้ชาวเพจทาสแมวฟังว่า “หายออกจากบ้านไป2วันกลับมาบ้านรอบนี้พาใครมาด้วยก็ไม่รู้”     แต่ท่าทางมันจะไม่ได้ตามมาเที่ยวบ้านเฉยๆ น่ะสิ ดูเหมือนถั่วแดงอยากจะพาแฟนมาอยู่ด้วยกันซะเลย แถมไม่ยอมปรึกษาคนดูแลอย่างทาสสักคำ ด้วยความที่คุณนู๋อิ่มเป็นทาสแมว ถึงที่บ้านจะมีแมวอยู่เยอะแล้ว สุดท้ายเธอก็ใจอ่อนรับลูกสะใภ้ของถั่วแดงไว้ดูแลอีกตัวหนึ่ง     เจ้าถั่วแดงนี่ก็ร้ายไม่เบาเลยนะ หายออกบ้านไปแค่ 2 วันแท้ๆ เสน่ห์แรงจนแมวสาวถึงกับต้องตามมาอยู่บ้านด้วยเลย หรือว่าแมวสาวจะหลอกให้มันพาเข้าบ้านก็ไม่รู้สิ   โถพ่อหนุ่ม มาแค่นี้ก็พกเมียมาด้วย   ที่มา: ทาสแมว Official / Bebe Sayttapukdee

ไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าตัวน้อยขนฟูสุดน่ารักจากประเทศออสเตรเลียอย่าง “โคอาล่า” หรอก มันเป็นหนึ่งในสัตว์ที่คนทั่วทั้งโลกพากันชื่นชอบ แต่คงมีไม่กี่คนที่รู้ว่าพวกมันเหลือน้อยมากแค่ไหน ล่าสุดนักวิจัยจากประเทศออสเตรเลียก็ได้ประกาศออกมาแล้วว่าพวกมันเข้าสู่ภาวะ “สูญพันธุ์โดยปริยาย” ในที่สุด     งงกันล่ะสิว่าพวกมันสูญพันธุ์ยังไง ก็ยังมีโคอาล่าให้เห็นกันอยู่เลย อันที่จริงคำว่า “สูญพันธุ์โดยปริยาย (Functionally Extinct)” ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้พวกมันสูญพันธุ์ไปแล้วหรอก แต่มีความหมายว่าตอนนี้ประชากรโคอาล่าทั่วโลกนั้นมีจำนวนน้อยมากๆ จนมีแนวโน้มสูงว่าพวกมันไม่น่าจะสร้างลูกหลานรุ่นต่อไปได้แล้วนั่นเอง ส่งผลให้ในอนาคตพวกมันจะสูญพันธุ์ในที่สุด     ปัจจุบันองค์กรอนุรักษ์โคอาล่า Australian Koala Foundation ได้ทำการตรวจสอบแล้วว่ามีโคอาล่าเหลืออยู่ตามธรรมชาติเพียงแค่ประมาณ 80,000 ตัวเท่านั้น ถ้ามองย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 ที่มีแหล่งอาศัยของโคอาล่าในประเทศออสเตรเลียถึง 128 แห่ง นับเป็นเรื่องน่าใจหายมากที่ปัจจุบันเหลือแหล่งอาศัยของพวกมันแค่ 87 แห่งเท่านั้น และในแต่ละแห่งก็มีจำนวนลดลงด้วย     ในปี 2016 นักวิจัยยังวิเคราะห์ว่ามีประชากรโคอาล่าอยู่ 144,000 ถึง 600,000 ตัวอยู่เลย การที่พวกมันลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วภายใน 3 ปีเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากๆ     อย่างไรก็ตามการสูญพันธุ์โดยปริยายจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราปล่อยพวกมันไว้ตามธรรมชาติเท่านั้น ถ้ามนุษย์เรายื่นมือเข้าไปช่วยขยายจำนวนพวกมันอย่างจริงจัง อาจทำให้พวกมันพ้นจากภาวะนี้ก็ได้…

เจ้าหมาใกล้จมน้ำกำลังตกที่นั่งลำบาก มันอยู่กลางแม่น้ำใหญ่ซึ่งมีคนมามุงดูมากมาย มันคงจะตกอยู่ในอันตรายหากชายคนนี้ไม่ตัดสินใจลงไปช่วยมัน เจ้าหมา Harper เป็นสุนัขของ Erin O’Donnell มันเป็นหมาที่ขี้กลัวและเข้ากับคนแปลกหน้าได้ยาก โชคดีที่เจ้าของเข้าใจมันและดูแลอย่างใกล้ชิดมาตลอด     จนวันหนึ่งที่เธอต้องออกไปร่วมทำการแสดงกับ Brooklyn Irish Dance Company เธอจึงต้องทิ้งเจ้าหมาเอาไว้กับคนพาเดินเล่นที่มันคุ้นชินแล้ว แต่ตอนที่เจ้าหมากับคนจูงกำลังเดินเล่นอยู่นั่นเอง ก็มีรถคันหนึ่งฝ่าป้ายหยุดรถเข้ามาเฉี่ยวพวกเธอ โชคดีที่พวกเธอไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่ด้วยความตกใจกลัว Harper จึงวิ่งหนีไปเรื่อยๆ จนถึงแม่น้ำใหญ่ซึ่งอยู่ติดกับชุมชน Brooklyn Barge แล้วมันก็โดดลงแม่น้ำไป   pic.twitter.com/1zPpptTNhi — Lorenzo Fonda (@lorenzo_fonda) May 5, 2019 Gabe Castellanos ซึ่งบังเอิญอยู่ใกล้ๆ เล่าผ่านอินสตาแกรมว่า “ผมกำลังฉลองวันเกิดอยู่ที่ Brooklyn ตอนที่ผมเห็นหมาตัวหนึ่งว่ายน้ำ วันนั้นอากาศร้อนมากผมก็เลยคิดว่ามันคงอยากว่ายน้ำเย็นๆ เล่นล่ะมั้ง แล้วเจ้าของก็น่าจะดูอยู่ใกล้ๆ จนกระทั่งคนจูงของมันวิ่งมาทางฝั่งด้านเหนือ แล้วบอกอย่างร้อนใจว่าเจ้าหมา Harper มันวิ่งหนีมาต่างหาก”   pic.twitter.com/lR30dkF6ZO — Lorenzo Fonda (@lorenzo_fonda) May…

มีคนมากมายที่ชื่นชอบสุนัขแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจหามาเลี้ยง เนื่องจากไม่แน่ใจว่าพร้อมจะดูแลพวกมันไหม พอเลี้ยงแล้วจะดีรึเปล่า เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง ก็ต้องฟังประสบการณ์จากคนที่เลี้ยงผ่านมาก่อนนี่แหละถึงจะดี เราจะได้รู้ว่าพอเลี้ยงหมาแล้วชีวิตจะเป็นยังไงบ้าง     ในครั้งนี้เราจะมาฟังประสบการณ์จาก ​Károly Heinrich และแฟน พวกเขาเพิ่งเริ่มเลี้ยงเจ้าหมาตัวแรกตอนเดือนกันยายน 2018 เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาอยากเลี้ยงหมาจริงๆ รึเปล่า แต่เขาก็รับเจ้า Pablo มาจากศูนย์พักพิงใกล้เคียงเพื่อลองหาคำตอบแล้ว     ตอนที่เขารับเลี้ยงมันมาตอนแรกมันตัวเล็กนิดเดียวเอง และมันก็ดูหวาดระแวงกับบ้านใหม่นิดหน่อย แต่ในช่วงแรกก็ต้องให้เวลาเจ้าหมาปรับตัวกันบ้างแหละ     ต่อมาพอเจ้าหมาเริ่มชินที่แล้วมันก็กลายเป็นหมาที่อยากรู้อยากเห็นและซนมาก เขาจึงเริ่มฝึกเจ้าหมาเพื่อให้มันรู้ว่าอะไรควรทำละอะไรไม่ควรทำ     ตั้งแต่มีมันเข้ามาอยู่ด้วยเช้าทุกวันของ Heinrich ก็เริ่มต้นด้วยความสดใส เนื่องจากเจ้าหมามารอเล่นกับเขาตั้งแต่เช้าแล้ว จากนั้นเขาก็จะพามันไปเดินเล่นในป่าใกล้บ้าน หรือบางครั้งเขาก็จะพามันไปเที่ยวเล่นในสวนสาธารณะ มันจะได้เจอเพื่อนหมาตัวอื่นด้วย     ได้ไปเที่ยวแล้วดูตื่นเต้นเชียว   พอมันเชื่องแล้วก็พาไปนอนในห้องนั่งเล่นได้   การเลี้ยงเจ้า Pablo ทำให้ Heinrich ได้ออกกำลังกายมากขึ้น เพราะต้องพาเจ้าหมาออกไปเดินเล่นเป็นประจำ หรือบางครั้งก็วิ่งเล่นกับมันเลย อีกหนึ่งสิ่งที่เขาพบว่าเขาชอบเวลาเลี้ยงหมา ก็คือการได้เห็นมันสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นครั้งแรกนั่นเอง ความรู้สึกนั้นคงเหมือนกับเวลาเราทำอะไรดีๆ ให้ลูก  …

ทางตอนเหนือของประเทศอเมริกา มีทางรถไฟเส้นหนึ่งที่ชื่อว่า Nevada Northern Railway ซึ่งเป็นทางรถไฟเก่าแก่ ซึ่งระหว่างทางนั้นจะมีพิพิธภัณฑ์เปิดให้คนเข้าชมประวัติศาสตร์เกี่ยวกับทางรถไฟนี้ด้วย แต่นอกจากจะมีรถไฟและทางรถไฟซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คนอยากเข้ามาชมความน่ารักของมัน นั่นก็คือเจ้าแมวเหมียว Dirt   https://www.instagram.com/p/Bw8UJRnnXNc/   ที่ที่เพื่อนๆ จะสามารถพบเจ้า Dirt ได้ก็คือพิพิธภัณฑ์ East Ely Railroad Depot Museum โดยเจ้าแมวมักจะป้วนเปี้ยนอยู่แถวห้องดูแลเครื่องยนต์รถไฟ เจ้าแมวไม่ได้มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ แต่มันก็อาศัยอยู่ที่นั่นมานานมากพอจะเรียกได้ว่าที่นั่นเป็นบ้านของเจ้าแมวไปแล้ว   https://www.instagram.com/p/Bw_A34AH8Lp/   Dirt มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือสีขนของมันซึ่งมีสีเหมือนฝุ่น ทำให้มันดูสกปรกเหมือนไม่ได้อาบน้ำมานานแสนนานทั้งๆ ที่จริงมันก็เนื้อตัวสะอาดแล้ว และก็คงเป็นที่มาของชื่อของมันที่แปลว่าฝุ่นเช่นกัน แต่สีขนมอมแมมๆ ของมันกลับเข้ากับสถานที่อย่างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ดีเหลือเกิน เพราะว่าคนที่ทำงานดูแลรถไฟจะเปื้อนฝุ่นหรือถ่านจนดูมอมแมมเหมือนมันเลย   https://www.instagram.com/p/BsdynvPnA5R/   เริ่มแรกนอกจากคนในพิพิธภัณฑ์หรือคนที่เคยมาเที่ยวชม ก็ไม่มีใครรู้จักเจ้า Dirt หรอก แต่พอพวกเขาเริ่มโพสต์รูปเจ้าแมวลงบนโซเชียลมีเดีย เจ้าแมวก็เริ่มได้รับความสนใจจนกลายเป็นมาสคอตของที่นี่ไป มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีคนมาเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เพิ่มขึ้นเยอะ เห็นได้ชัดเลยว่ามีคนให้ความสนใจมันมาก จากยอดไลก์ของรูปเจ้าแมวในเพจที่เทียบกับรูปรถไฟแล้วต่างกันอย่างลิบลับ   รูปรถไฟคนกดไลก์หลักร้อย ส่วนรูป Dirt คนกดไลก์หลักพัน https://www.instagram.com/p/Bw2woRwhsoy/…

พวกแมวมีข้อดีที่ชัดเจนอยู่หนึ่งอย่าง ก็คือถึงพวกมันทุกตัวจะรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกัน แต่พวกมันจะมีส่วนที่น่ารักทั้งนั้น หากคุณคิดว่าแมวไม่ได้น่ารักไปซะทุกตัวหรอก คุณก็ลองดูแมวพวกนี้แล้วพยายามไม่ตกหลุมรักมันดูละกัน แต่ขอบอกเลยว่าต้องพยายามมากหน่อยนะ เพราะการทำใจไม่ให้ตกหลุมรักแมวเป็นเรื่องยากมากๆๆๆๆๆๆๆ   หนวดเจ้าแมวม้วนจนดูเหมือนมันใส่แว่นตลอด   น้องแมวกลัวอะไรอยู่อ่า น่าเอ็นดู   แกรักษาสมดุลให้เก้าอี้ไม่ล้มได้ยังไง?   เจ้าแมวไม่ชอบกินผักหรอก แต่กินเป็นเพื่อนกระต่ายให้มันไม่เหงาเฉยๆ https://twitter.com/AwwwwCats/status/1125805235690188801   เจ้าแมวไม่รู้จักให้พื้นที่ส่วนตัวกันบ้างเลย…แต่แบบนี้ก็ดีนะ https://twitter.com/AwwwwCats/status/1126642555628732416   น้องงง กินแตนเข้าไปทำไม ปากบวมหมดเลย My cousin's cat ate a wasp and I cannot breathe pic.twitter.com/9nSW0ZFClI — Georgia Diebelius (@GJDiebelius) May 5, 2019   เหมือนว่าเขาจะคุยกันรู้เรื่องนะ https://twitter.com/AwwwwCats/status/1126563164089409537   พี่แมวลายสวยมาก จนเจ้าของต้องติดป้ายกันขโมยไว้ว่า “อย่าเอาผมไปเลย ผมมีลูกมีเมียต้องเลี้ยง” literally the most amazing…

ช่วงนี้มีภาพของเสือดาวตัวหนึ่งที่ทำให้ชาวเน็ตต้องแหกตาดูแล้วดูอีก เพราะคนส่วนใหญ่มองยังไงก็ไม่เห็นเสือดาวสักตัว เนื่องจากมันพรางตัวได้เนียนขั้นเทพ ภาพถ่ายนี้ถ่ายโดยช่างภาพ Saurabh Desai เขาถ่ายเสือดาวตัวนี้ได้ในหุบเขา Spiti Valley ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ภาพนี้ทำให้เห็นชัดเจนเลยว่าความสามารถในการพรางตัวของเสือดาวหิมะนั้นน่าทึ่งมากๆ ถ้าตาไม่ดีจริงๆ คงมองหามันไม่เจอหรอก ไม่เชื่อก็ลองมองหามันด้วยตัวเองดูสิ     เผื่อว่าเพื่อนๆ ลองมองหามันนานแล้วยังไม่เจอก็ไม่ต้องเสียใจไปหรอกนะ เพราะว่าเพื่อนๆ อยู่ในกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่มองหามันไม่เจอเช่นกัน แม้จะลองวงจุดที่เสือดาวหิมะพรางตัวอยู่ให้ดูกันแล้ว บางคนก็ยังมองไม่ออกอยู่ดี ชวนให้ชาวเน็ตพากันสงสัยว่าถูกหลอกให้มองหาทั้งที่ไม่มีเสือดาวรึเปล่า     เราจำเป็นต้องซูมกันเข้าไปใกล้มากๆ ถึงจะเห็นตัวเจ้าเสือดาวหิมะชัดเจน ยิ่งเห็นแบบนี้แล้วก็อดชมมันไม่ได้เลยว่าพรางตัวเก่งโคตร แม้แต่คนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ใกล้กับพวกมัน ยังบอกเลยว่าเสือดาวหิมะที่ชาวท้องถิ่นเรียกว่า Shan นั้นมองหาตัวยากจริงๆ     Desai ซึ่งเป็นคนถ่ายรูปมันบอกว่า “ผมอยากให้ภาพของมันออกมาในแบบที่ชาวท้องถิ่นพูดถึงมัน พวกเขามักพูดว่าพวกเขาไม่เห็น Shan หรอก แต่ Shan จะมองเห็นพวกเขาเสมอ” เขาเล่าต่อว่า “ผมใช้เวลาเกือบ 3 ปีในการตามหาแมวใหญ่น่าทึ่งพวกนี้ พอผมได้เห็นมันใกล้ๆ ผมก็พูดไม่ออกเลยว่าพวกมันสุดยอดขนาดไหน”     ถ้าคุณหามันเจอเองก็ยินดีด้วยนะ คุณสายตาดีมาก ที่มา: the dodo

แมวเป็นสัตว์ที่มีความอยากรู้อยากเห็นสูง และเหนือสิ่งอื่นใดพวกมันก็รักอิสระด้วย บ่อยครั้งทาสแมวจึงหนักใจเมื่อพบว่าเจ้าแมวหนีออกจากบ้านแล้วไม่ยอมกลับมาหาสักที ถ้าคุณลองตามหามันหลายวิธีแล้วยังไม่ได้ผล ลองวิธีตามแมวกลับบ้านจากทาสแมวจากญี่ปุ่นดูสิ ถึงจะฟังดูแปลกแต่คนที่ลองทำแล้วบอกว่าได้ผลดีจริงๆ นะเออ     ทาสแมวชาวญี่ปุ่นซึ่งใช้ชื่อในทวิตเตอร์ว่า @charlie0816 ก็เพิ่งเจอปัญหาแมวหนีออกจากบ้านแล้วไม่กลับมาเช่นกัน แต่เขาก็พบเคล็ดลับในการตามเจ้านายที่ทาสแมวคนอื่นแนะนำมาให้ เขาเล่าว่า “แมวของผมหนีออกจากบ้านไป 2 วันแล้วยังไม่กลับมาเลย แต่คนหนึ่งในทวิตเตอร์บอกผมว่า ‘ลองบอกแมวจรจัดแถวนั้นว่า ถ้าเห็นแมวของฉันช่วยบอกให้มันกลับบ้านด้วย ดูสิ เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลดีนะ’ เมื่อคืนผมเลยลองไปที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ แล้วบอกแบบนั้นกับแมวจรจัดที่นั่นดู จากนั้นในตอนเช้านี้แมวของผมก็กลับมาอยู่ตรงหน้าบ้านจริงๆ…ได้ผลดีเกินไปไหม?”     ทวีตของ @charlie0816 ネコが2日前に脱走して帰ってこなかったのだけど「近所の猫に、ウチの猫見つけたら帰るよう言ってくれって言うの効く」ってツイッターで誰かが言ってたので昨日の晩、近くのコンビニに住み着いてる野良ネコにダメ元で言ったら今日の朝家の前まで帰ってきてたんだけど・・え、マジで効くのこれ？ — チャーリー(CV 石川佳典) (@charlie0816) May 6, 2019   ทวีตของเขาได้รับความสนใจอย่างมาก และก็มีหลายคนมาสนับสนุนว่าวิธีนี้ได้ผลดีจริงๆ พวกเขาเล่าว่า “แม่ฉันก็ทำแบบนั้นกับเด็กที่เพิ่งเอาแมวมาเลี้ยงได้ 2 วันแล้วหาย เธอเล่าเรื่องของเด็กคนนั้นให้แมวจรจัดฟัง แล้วเช้าอีกวันมันก็กลับมาเหมือนกันเลย” “ฉันออกไปตามหาแมวของฉันพร้อมกับอาหารแมวกระป๋องหนึ่ง ตอนที่ฉันเจอแมวจรจัดระหว่างทางฉันก็เอาอาหารให้มันกินแล้วพูดคุยกับมัน แค่ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นแมวของฉันก็กลับบ้าน”     “ตอนที่ฉันทำแมวหาย แมวจรจัดตัวหนึ่งผ่านมาที่บ้าน ฉันเลยถามมันว่า ‘รู้ไหมว่าแมวของฉันอยู่ที่ไหน’ มันร้องเหมียวตอบพร้อมเดินช้าๆ…

เจ้าแมวที่ถูกช่วยมายังเด็กอยู่เลย ถึงอย่างนั้นพอมันได้เจอลูกแมวที่เด็กกว่าจากฟาร์มเดียวกัน มันทำตัวเป็นพี่สาวที่ดูแลแมวตัวอื่นแล้ว ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษมีคนเอาแมวมาปล่อยทิ้งไว้มากมาย ถึงเจ้าของฟาร์มจะไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงไว้ แต่เขาก็ดูแลโดยการเอาอาหารให้พวกมันกินเสมอ     แต่เนื่องจากเป็นแมวที่ถูกเอามาทิ้งพวกมันจึงยังไม่ได้รับการทำหมัน พออยู่ไปนานๆ เข้าพวกมันก็เลยเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าของฟาร์มจึงต้องขอความช่วยเหลือจากกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Shuswap Paws Rescue ให้ช่วยแก้ไขปัญหาลูกแมวที่เพิ่มขึ้น     พวกเขาเริ่มการช่วยเหลือโดยการพาแมวทั้งตัวที่โตแล้ว และตัวที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานกลับไปดูแลที่บ้านอุปถัมภ์ เพื่อจะได้ช่วยรักษาโรคและทำหมันให้พวกมัน เจ้าแมวน้อย Bees ก็เป็นหนึ่งในแมวที่ถูกพามาดูแล ตอนพวกเขาเก็บมันมามันยังไม่โตมากนักแล้วก็ค่อนข้างอ่อนแอด้วย แต่พอถูกเอามาดูแล Bees ก็แข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว มันจึงมีแรงเหลือให้เล่นซนและเล่นกับอาสาสมัครแล้ว มันชอบอ้อนให้คนลูบมากๆ เหมือนกับต้องการให้ใครสักคนอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา     ต่อมาไม่นานอาสาสมัครก็เอาลูกแมวอีกครอกมาจากฟาร์มแห่งเดิมอีก คราวนี้ได้ลูกแมวมา 2 ตัวที่เด็กกว่า Bees ซะอีก พวกมันน่าจะยังอายุไม่ถึง 2 อาทิตย์ ตอนที่พวกมันส่งเสียงร้อง Bees จึงเข้ามาดูพวกมัน แล้วพอมันดมกลิ่นลูกแมวทั้ง 2 ตัวมันน่าจะได้กลิ่นฟาร์มเก่าที่คุ้นเคย มันก็เลยนอนขดตัวด้วยกันกับลูกแมว แล้วก็เลียขนทำความสะอาดให้ซะด้วย     จากนั้นมา Bees ก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนพี่สาวให้แมวน้อยทั้ง 2…

ข้างถนนเส้นหนึ่งของรัฐแมสซาชูเซตส์ มีลูกหมาป่าไคโยตีตัวหนึ่งอยู่ตามลำพัง มันน่าจะพลัดหลงกับแม่แล้วเดินมาจนถึงถนนที่รถพลุกพล่านแห่งนี้ นายตำรวจ Carlo Mastromattei เข้ามาเจอมันทันก่อนที่มันจะถูกรถแถวนั้นชน เขารู้ดีว่าถ้าไม่มีแม่หมาป่าดูแลมันก็น่าจะปกป้องตัวเองไม่ได้     เขาจึงรีบติดต่อกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Ocean View Kennels เพื่อให้คนที่มีประสบการณ์ไปช่วยสัตว์ตัวน้อยออกมา ได้อย่างปลอดภัย Mastromattei รู้ดีว่าเขาควรจะพามันไปส่งให้กับศูนย์ควบคุมสัตว์ป่า แต่ตอนที่ช่วยมันเสร็จก็ดึกมากแล้ว ไม่มีศูนย์ดูแลสัตว์ป่าที่ไหนเปิดเลย และถ้าเกิดปล่อยมันทิ้งไว้มันก็จะเป็นอันตรายอีก     Mastromattei ก็เลยอาสาพาลูกหมาป่าไคโยตีกลับไปดูแลที่บ้านเอง แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นเวลาเลิกงานของเขาแล้วก็ตาม เขากับแฟนสาวช่วยกันดูแลลูกหมาป่าให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเขาช่วยป้อนอาหารให้มัน แล้วก็หาที่อุ่นๆ ให้มันพักผ่อน ลูกหมาน้อยดูจะชอบใจที่มีเตียงอุ่นๆ ให้นอนสักที     แล้วเมื่อถึงเวลาเช้าวันถัดมา Mastromattei ก็เป็นคนเอาลูกหมาป่าไคโยตีไปส่งที่ศูนย์ดูแลสัตว์ป่าด้วยตัวเอง เขาดูเป็นห่วงมันจริงๆ สัตวแพทย์ที่ได้ตรวจสุขภาพให้หมาป่าตัวน้อย บอกนายตำรวจว่ามันแข็งแรงดีและไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ซึ่งก็คงเป็นเพราะ Mastromattei ช่วยพามันไปดูแลก่อนหน้านี้นี่แหละ     ต่อจากนี้ทางศูนย์ดูแลสัตว์ป่าจะดูแลลูกหมาป่าไคโยตีต่อจนกว่ามันจะโต จากนั้นพวกเขาก็จะปล่อยมันกลับไปใช้ชีวิตเองต่อเมื่อถึงวัยที่มันดูแลตัวเองได้ หลังจากนั้นไม่นานทางกรมตำรวจเขียนคำขอบคุณให้กับเจ้าหน้าที่ Mastromattei อย่างเป็นทางการเลยล่ะ เพราะเขาทุ่มเทพลังช่วยเหลือมันอย่างเต็มที่ทั้งในหน้าที่และนอกหน้าที่นั่นเอง   ที่มา: the dodo

ร้านค้าหลายแห่งมีมาสคอตเป็นของตัวเอง บ้างก็เป็นตุ๊กตาหรือโลโก้น่ารักๆ ของร้าน หรือหมาแมวที่ทางร้านเลี้ยงไว้ ส่วนร้านซ่อมรถแห่งนี้อาจจะแปลกหน่อย พวกเขามีมาสคอตประจำร้านเป็น ‘ไก่’     เจ้าไก่ตัวนี้โผล่มาที่ร้านซ่อมรถ R and R Garage ในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว คนในร้านคิดว่ามันน่าจะถูกคนเอามาทิ้งไว้ ด้วยความสงสารพวกเขาก็เลยให้เศษอาหารมันกินเป็นประจำ พวกเขาคิดว่ามันคงจะป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้แค่ชั่วคราว พอถึงวันหยุดยาวที่ไม่มีคนอยู่ให้อาหารมันก็คงจะไปที่อื่นต่อเอง แต่พวกเขาคิดผิด ตอนที่กลับมาทำงานหลังจบวันหยุดยาว เจ้าไก่ก็ยังอยู่ที่นั่นไม่ไปไหน พวกเขาก็เลยรับมันไว้เป็นสัตว์เลี้ยงแล้วตั้งชื่อให้ว่า Earl     Earl มักจะนอนหลับอยู่บนต้นไม้ข้างๆ ร้าน แต่ถ้าวันไหนที่อากาศไม่ค่อยดี ช่างในร้านก็จะพามันมานอนข้างในร้านเลย ทุกเช้าเวลามาทำงานพวกเขาก็จะเจอ Earl มายืนรอต้อนรับอยู่แล้ว หลังจากต้อนรับทุกคนเสร็จมันก็จะเดินไปรอบๆ ร้านเป็นเหมือนที่ทำเป็นประจำทุกวัน     ในช่วงเช้ามันจะเดินไปตามซอกตามมุมต่างๆ เพื่อหาแมลงกิน บางครั้งมันก็บินเข้าไปในกล่องเครื่องมือที่อยู่สูงเช่นกันเผื่อว่าจะเจอแมลงหรือแมงมุมในนั้น พอหาอะไรกินเสร็จมันก็จะไปอยู่ใกล้ๆ กับคนในร้านโดยไม่แคร์เลยว่างานที่พวกเขาทำอยู่จะเสียงดังมากแค่ไหน มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของร้านอย่างเต็มตัวแล้ว     คนในร้านเองก็ชินกับมันกันหมด ถึงเจ้า Earl มันจะชอบนอนขวางหน้าประตูจนคนเดินสะดุดบ่อยๆ หรือเดินไปขวางทางทำงานของพวกเขาบ้าง พวกเขาก็ไม่ว่าอะไรมันแล้ว     เป็นมาสคอที่เดินเพ่นพ่านได้ทุกที่โดยไม่มีใครว่า  …

Annabelle Camp เป็นคนรักสัตว์ ดังนั้นตอนที่เธอเห็นหมาน้อยผอมโซอยู่ข้างทาง เธอจึงอดไม่ได้ที่จะจอดรถเพื่อช่วยมัน เธอตั้งชื่อมันว่า Mason แล้วพามันกลับไปดูแลที่บ้านด้วย แต่เธอก็รู้ดีว่าไม่สามารถเลี้ยงมันได้หรอก เพราะคุณยายของเธอต้องไม่อนุญาตให้เลี้ยงแน่นอน เธอจึงทำข้อตกลงกับคุณยายว่าจะขอเก็บมันไว้จนกว่าจะมีบ้านอุปถัมภ์ว่างให้มันอยู่ คุณยายจึงให้เธอเก็บมันไว้ในห้องเก็บของได้     แต่พอเจ้าหมาไปอยู่ในห้องเก็บของมันก็ป่วยอีกจนต้องเข้าโรงพยาบาล ครั้งนี้ Camp จึงอ้อนวอนคุณยายให้ยอมพา Mason มาเลี้ยงในบ้าน ในที่สุดคุณยายก็ตอบตกลงกับเธอเพราะเห็นใจหลาน แต่เธอดูก็รู้แล้วว่าคุณยายไม่ได้อยากให้มันเข้ามาอยู่ด้วยเลยสักนิด     แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าคุณยายที่ไม่ชอบเจ้าหมานักหนา จะรอดชีวิตเพราะมัน…ในคืนวันหนึ่งหลังจาก Mason เข้ามาอยู่ในบ้านกับพวกเธอ มันวิ่งเข้ามาเห่าปลุก Camp ถึงในห้องนอน เธอเล่าต่อว่า “Mason โดดลงจากเตียงแล้วทำท่าทางเหมือนอยากให้ฉันตามมันไป มันวิ่งไปตามทางเดิน (ซึ่งมันรู้ว่าพวกเราห้ามมันเข้า) แล้วก็ตรงไปในห้องคุณยาย ฉันตามมันไปจนถึงในห้องน้ำของเธอ แล้วเห็นว่ามันยืนเลียหน้าคุณยายพร้อมกับทำเสียงหงิงๆ อยู่ เพราะตอนนั้นเธอหัวใจวายจนหมดสติไปแล้ว” การเตือนของเจ้าหมาทำให้ Camp ช่วยคุณยายได้ทันท่วงที…มันช่วยชีวิตเธอเอาไว้     หลังจากนั้นคุณยายก็เปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเจ้าหมาไป ก่อนหน้านี้เธอไม่อยากสุงสิงกับมันเลย แค่ยอมให้มันอยู่ในบ้านด้วยก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว ทว่าตอนนี้เธอกลับมีท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส่ ตอนที่ได้นั่งอยู่ข้างๆ Mason บนโซฟาแล้วลูบหัวให้มัน ถึงคุณยายจะไม่ได้เอ่ยปากบอก แต่ตอนนี้เธอคงจะยอมให้ Camp…

ทุกวันนี้ยังคงมีคนเอาสัตว์ไปทิ้งไว้ตามข้างทางอยู่เรื่อยๆ การที่คุณได้เจอลูกแมวน้อยถูกทิ้งไว้ในกล่องจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณเจอกองทัพแมวเหมียวเกือบ 40 ตัวถูกทิ้งไว้รวมกันไว้ในกล่องเดียวก็คงมีตกใจกันบ้างล่ะ     ศูนย์พักพิงสัตว์ยินดีรับสัตว์ที่ไม่มีคนดูแลเสมอ ตราบเท่าที่กรงของพวกเขามีจำนวนมากพอรับไหว เพราะอย่างน้อยการรับพวกมันเอาไว้ก็ทำให้พวกมันมีเวลาได้หาเจ้าของมากขึ้น ศูนย์พักพิงสัตว์ Paris Animal Shelter เองก็เคยชินกับการที่มีคนเอาลูกแมวมาทิ้งไว้ให้แล้ว แต่พอหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับลูกแมวเต็มกล่องพวกเขาก็ตกใจมาก…พวกมันมีจำนวนมากถึง 39 ตัว!!     หญิงสาวคนนั้นเล่าว่าพวกมันไม่ใช่แมวของเธอเองหรอก มีใครบางคนเอากล่องใบนี้วางทิ้งในสวนหลังบ้านของเธอ เธอก็เลยพาพวกมันมาไว้ที่นี่ ที่น่าห่วงก็คือศูนย์พักพิงสัตว์ก็รับลูกแมวจำนวนมากขนาดนี้ไว้ดูแลไม่ไหวเหมือนกัน พวกเขาไม่มีที่ว่างมากพอสำหรับพวกมัน     แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทอดทิ้งพวกมันหรอก อาสาสมัครพยายามช่วยพวกมันอย่างถึงที่สุด โดยการขอความช่วยเหลือจากศูนย์พักพิงแห่งอื่นให้ช่วยดูแลลูกแมวบางส่วนแทน แน่นอนว่าศูนย์พักพิงแห่งอื่นก็รับลูกแมวทั้งหมดไว้ไม่ไหวเช่นกัน กว่าลูกแมวทั้ง 39 ตัวจะมีที่อยู่หมดอาสาสมัครต้องติดต่อศูนย์พักพิงไปกว่า 10 แห่งเพื่อแบ่งลูกแมวกันไปดูแลเลยทีเดียว     โชคดีที่ลูกแมวทุกตัวไม่ได้มีปัญหาสุขภาพอะไรมาก พอมีศูนย์พักพิงรับไปดูแลพวกมันก็เลยกลับมาแข็งแรงในเวลาไม่กี่วัน จากนั้นพวกมันก็ถูกกระจายตัวไปตามบ้านอุปถัมที่ยังว่างอยู่ ตอนนี้ลูกแมวแต่ละตัวยังเล็กอยู่เลย พวกเขาจึงต้องให้ความสนใจกับการเลี้ยงดูพวกมันก่อน แล้วถ้าพวกมันโตเมื่อไหร่ค่อยสนใจการหาบ้านให้พวกมันอีกที     การที่มีคนเอาลูกแมวตั้ง 39 ตัวมาทิ้งขว้างไว้แบบนี้เป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ก็น่ายินดีที่ยังมีคนอีกมากมายให้ความสนใจและยินดีช่วยให้พวกมันมีชีวิตที่สุขสบาย     ที่มา: the dodo

ไม่รู้ว่าเพราะพวกหมามันหิวมาก หรือว่าเพราะพวกมันกินข้าวมูมมามเป็นปกติ เวลาที่เราเอาข้าวให้พวกมันกินก็เลยเกิดความเลอะเทอะอยู่เป็นประจำ     ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีหมาที่มีกินข้าวเรียบร้อยอยู่หรอกนะ ถ้าหันมาดูมารยาทบนโต๊ะอาหารของพี่หมาชิบะตัวนี้บ้าง คุณอาจอยากเอาวิดีโอของมันไปเปิดเป็นแบบอย่างให้หมาที่บ้านดูเลยทีเดียว     ชิบะตัวนี้ชื่อว่า Purin มันอาศัยอยู่กับเจ้าของในประเทศญี่ปุ่น คนที่ติดตามดูอินสตาแกรมหรือทวิตเตอร์ของมันจะรู้ดีว่ามันมีมารยาทในการกินข้าวที่น่าชื่นชมมากๆ   https://www.instagram.com/p/BvaNAqRnKVo/?utm_source=ig_embed   เวลาที่ Teru Teru ซึ่งเป็นเจ้าของของ Purin ทำกับข้าวให้มันกิน เจ้าหมาจะนั่งรออย่างเรียบร้อยจนกว่าเจ้าของจะทำกับข้าวใส่จานเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นมันก็จะรอให้เจ้าของบอกให้กิน มันถึงจะค่อยกินข้าวด้วย นอกจากนี้เวลาที่มันกินข้าวมันก็จะค่อยๆ กิน ทำให้ข้าวของมันไม่หกเลอะเทอะเลย ดูๆ ไปแล้วมันกินข้าวเรียบร้อยกว่าคนซะอีก   https://www.instagram.com/p/BwrSC2xnAr0/?utm_source=ig_embed   ตอนเจ้าของทำกับข้าวให้ก็จะนั่งรอดีๆ ไม่เข้าไปแย่งดมหรือชิงกินข้าวก่อน   เวลาที่เจ้าของตักข้าวให้มันก็จะค่อยๆ กินจากช้อนแบบไม่ให้หกเลอะเทอะ   หรือแม้แต่ตอนที่กินเองก็สะอาดเรียบร้อยเช่นกัน เป็นเด็กดี๊เด็กดี   เห็นไหมล่ะว่า Purin เป็นเด็กดีที่กินข้าวได้เรียบร้อยมากๆ เลย แต่เจ้าของของมันก็ไม่ได้ทำกับข้าวให้มันกินแบบนี้ทุกมื้อหรอกนะ มื้อปกติทั่วไปมันก็จะกินอาหารหมาธรรมดานี่แหละ ซึ่งแน่นอนว่ามันก็กินได้สะอาดเรียบร้อยเหมือนเดิม ถ้าอยากให้หมาที่บ้านกินได้เรียบร้อยแบบ Purin บ้าง ว่างๆ ก็ลองเอาคลิปของมันเปิดให้หมาที่บ้านดูบ้างสิ ไม่แน่นะถ้าพวกมันแสนรู้พออาจจะสามารถเรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารจากเพื่อนหมาชิบะก็ได้  …

เป็นที่รู้กันดีว่าสุนัขมีความแสนรู้ซ่อนอยู่ทุกตัว แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดเลยว่ามันจะเล่นเกมยากๆ แบบเกมตึกถล่มได้ วีรกรรมนี้จึงทำให้มันดังระเบิด     ตั้งแต่ Ashley Agapiou รับเลี้ยงน้องหมาพันธุ์ลาบราดอร์ Remy มาอยู่ด้วยกัน เธอก็คิดว่าเจ้าหมามีบางอย่างที่พิเศษแล้ว มันชอบอวดสิ่งต่างๆ ให้เธอดูเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นของเล่นชิ้นโปรด หรือไม่ก็ของที่มันชอบอย่างกระดูก มันดูภูมิใจมากเวลาที่ได้โชว์สิ่งต่างๆ ให้เธอเห็น     ล่าสุดมันก็ได้แสดงทักษะการเล่นเกมส์แบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ในตอนนั้น Agapiou จัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ที่บ้านของตัวเอง แล้วนัดทุกคนมาดูการแข่งขันบาสเก็ตบอลด้วยกัน นอกจากนั้นเธอก็ยังเอาเกมตึกถล่ม (Jenga) มาตั้งไว้ในห้องรับแขกด้วย เผื่อว่าจะมีคนเบื่อการแข่งขันแล้วอยากหาอะไรทำฆ่าเวลาแทน แต่ทุกคนก็จดจ่ออยู่กับการแข่งจนไม่มีใครสนใจเกมเลย     จะมีก็แต่เจ้า Remy นี่แหละที่มานั่งด้อมๆ มองๆ เกมตึกถล่มอยู่ด้วยความสงสัย เนื่องจากมันไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนเลย ระหว่างที่ Agapiou กำลังจ้องมอง Remy อย่างเพลินๆ อยู่นั่นเอง จู่ๆ เจ้าหมาก็โชว์สกิลเกินหมา ดึงบล็อกไม้ออกมาได้สำเร็จโดยที่ตึกไม่ถล่ม ทำให้เธอและเพื่อนๆ แปลกใจมากเลย จากนั้นมันก็เอาชิ้นส่วนที่คาบได้ไปกัดเล่นอยู่ใต้โต๊ะอย่างภาคภูมิใจ มันคงชอบที่มีคนเห็นความเก่งของมันเยอะแบบนี้   https://www.instagram.com/p/BxG0ssfg2hl/?utm_source=ig_embed   แต่คนที่เห็นความเก่งกาจของมันไม่ได้มีแค่เพื่อนๆ…

ดูเหมือนหมาน้อยตัวนี้จะห่วงกินเกินไปหน่อย มันเลยไม่สนใจเลยว่าสภาพตัวเองดูน่าขำขนาดไหน ขอแค่ให้มันได้กินข้าวต่อจนหมดก็พอแล้ว หมาน้อย Apollo มีครอบครัวดูแลแล้ว พวกเขาเอาใจใส่มันอย่างดี แล้วก็คอยเติมข้าวให้มันไว้ในมุมหนึ่งของห้องครัวเสมอด้วย วันหนึ่งตอนที่มันวิ่งไปกินข้าว ดูเหมือนว่า Apollo จะไม่ทันระวังแล้วปัดชามข้าวเข้า ชามข้าวของมันก็เลยคว่ำจนอาหารหกไปอยู่ใต้ที่วางชาม เจ้าหมาน้อยซึ่งไม่สนใจอะไรนอกจากอาหาร ก็เลยมุดเข้าไปกินอาหารที่ตกอยู่ด้านในต่อ แต่ดูเหมือนว่าระหว่างที่มันพยายามอยู่นั้น มันก็เข้าไปติดอยู่ในช่องของที่วางชามข้าวซะแล้ว ภาพที่เห็นนั้นน่าขำจนครอบครัวของ Apollo ดูอยู่นิ่งๆ ไม่ไหว ถึงกับต้องหยิบกล้องออกมาถ่ายวิดีโอวีกรรมของมันเก็บไว้เลยทีเดียว แต่การที่ตัวของเจ้า Apollo เข้าไปติดอยู่ในที่วางชามก็ไม่ได้ทำให้มันลืมสิ่งที่สนใจอยู่สักนิด มันยังคงตั้งอกตั้งใจเลียอาหารที่กระจายอยู่บนพื้นต่อไป ไม่นานนักเจ้าหมาน้อยก็เลียกินอาหารบนพื้นจนสะอาดหมดจด แล้วมันก็เดินกลับไปหาคุณพ่อคุณแม่อย่างสบายใจ โดยเหมือนว่ามันจะไม่รู้ตัวว่ามีของชิ้นโตติดอยู่กลางตัวเลย แหม่น้องหมา Apollo นี่ก็เห็นแก่กินได้โล่จริงๆ เอาซะไม่สนใจสิ่งรอบๆ ตัวเลย ไม่รู้ว่ามันรู้ตัวรึป่าวว่าวีกรรมของมันได้ถูกบันทึกไว้แล้ว แต่อย่างน้อยนิสัยรักกินของมันก็สร้างเรื่องฮาๆ ให้คนที่เห็นยิ้มได้บ้างล่ะนะ  ที่มา: Daily Mail

ว่ากันว่าสัตว์เลี้ยงจะมีหน้าตาคล้ายกับเจ้าของ ทว่าเจ้าแมวตัวนี้ไม่ได้ดูคล้ายเจ้าของเลยสักนิด กลับกันมันดันไปหน้าคล้ายคนอื่นแทน แถมคนคนนั้นยังเป็นนักแสดงซะด้วย     เจ้าแมวเหมียว Marla ได้เข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์ตั้งแต่เพิ่งเกิดได้ใหม่ๆ ถึงจะอยู่ที่นั่นนาน 2 ปีแล้วก็ยังไม่มีใครรับเลี้ยงมันไปสักที จน Jen Chavez ได้ไปเจอมันนั่นแหละ เธอก็เลยรับมันมาเลี้ยง บางทีการที่มันไม่มีคนมารับเลี้ยงเป็นเวลานาน อาจจะเป็นเพราะหน้าตามันค่อนข้างดูแปลกๆ เมื่อเทียบกับแมวตัวอื่นก็ได้     แต่พอ Chavez ได้สังเกตดูดีๆ แล้ว เธอพบว่าหน้าตาของมันเหมือนกับนักแสดงชาวอเมริกัน Steve Buscemi อย่างไม่น่าเชื่อ แถมมันยังไม่ได้แค่ดูเหมือนในระดับทั่วๆ ไปด้วยนะ หน้าตาของ Marla เหมือนกับ Buscemi ชนิดที่ว่าถอดแบบกันมาเลยทีเดียว   อะเทียบกันให้เห็นชัดๆ   หันข้างก็ยังคล้าย   มุมนี้ก็ยังคล้ายได้อีก   แต่นอกจากหน้าที่คล้ายคนมากกว่าแมวแล้ว Marla ก็เป็นแมวปกติทั่วไปนี่แหละ มันชอบเล่นซนกับแมวตัวอื่นๆ ในบ้าน แล้วก็ชอบใช้เวลาอยู่กับทาสด้วย Chavez เล่าว่า “เจ้าแมวมีนิสัยตลก อ่อนหวานและชอบเล่นซนกับแมวตัวอื่นๆ มันรักการกินแล้วก็ดูชอบใจตอนที่สามีของฉันร้องเพลงให้มันฟัง”     จนถึงตอนนี้…

ปกติแล้วงูไม่จำเป็นต้องอาบน้ำ แต่ความซุกซนของงูน้อยตัวนี้ ทำให้มันได้อาบน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ แถมยังทำให้ตัวมันหอมฉุยไปด้วยกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มดาวนี่ เรื่องนี้เกิดขึ้นในบ้านของ Sanela Kamencic จากรัฐอิลลินอยส์ เธอได้นำผ้าไปปั่นทิ้งไว้ในเครื่องซักผ้าพร้อมใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มดาวนี่ตามปกติ แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือในเครื่องซักผ้ามีแขกไม่ได้รับเชิญอยู่ด้วย     กว่าเธอจะสังเกตเห็นงูตัวน้อยตัวนั้นก็ตอนที่เธอซักผ้าเสร็จแล้ว โชคดีที่มันดูไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แถมยังตัวหอมฉุยอีกต่างหาก แต่แน่นอนว่าถึงมันจะตัวเล็ก Kamencic ก็ตกใจกลัวมันอยู่ดี เธอจึงโทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ Pedro Carrasco และเจ้าหน้าที่ควบคุมสัตว์ Jason Pound มาเพื่อเอาตัวมันไปตรวจกับสัตวแพทย์ต่อ     เจ้าหน้าที่ตำรวจ Carrasco เล่าให้ฟังว่าตอนที่พวกเธอไปถึงที่บ้าน เจ้างูยังอยู่ในเครื่องซักผ้าอยู่เลย แล้วมันก็ชะโงกหัวออกมาทักทายพวกเธอ ส่วนเจ้าหน้าที่ควบคุมสัตว์ Pound บอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเจ้างูกลิ่นตัวเหมือนน้ำยาปรับผ้านุ่มดาวนี่ไม่มีผิด ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าบ้านนี้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อไหน     หลังจากที่ Carrasco และ Pound พามันไปหาสัตวแพทย์เรียบร้อยแล้ว พวกเธอก็ช่วยกันสืบหาดูว่าเจ้างูตัวนี้มาจากที่ไหนกันแน่ สักพักก็ได้ความว่าเจ้างูไม่มีพิษตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของเด็กวัย 12 ขวบที่บ้านอยู่ใกล้ๆ กับ Kamencic นี่เอง มันคงหนีออกมาจากตู้เลี้ยงตอนที่เจ้าของไม่ทันเห็น แล้วหลบเข้ามาอยู่ในเครื่องซักผ้าบ้านข้างๆ สำหรับตอนนี้เจ้างูได้กลับไปอยู่กับเจ้าของเรียบร้อยแล้ว และเขาก็คงจะได้กลิ่นหอมๆ จากตัวมันไปสักพักหนึ่งเลยทีเดียว    …

หมา 2 พี่น้องอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก พวกมันทั้ง 2 ตัวไม่เคยแยกจากกัน ถึงจะน่าเศร้าแต่ในเมื่อหาบ้านให้อยู่ด้วยกันไม่ได้พวกมันก็อาจจะต้องแยกกันอยู่ โชคดีที่มีคนเห็นใจและช่วยเหลือพวกมันไว้ได้ทันเวลา     พี่น้องหมาขาวดำคู่นี้มีพลเมืองดีจากประเทศอิหร่านไปเจออยู่ด้วยกัน ข้างๆ กันนั้นมีศพของแม่มันซึ่ถูกแทงจนตายนอนนิ่งอยู่ เธอเป็นห่วงอนาคตของหมาทั้ง 2 ตัวเนื่องจากหากอยู่อิหร่านต่อไปพวกมันก็ยังเสี่ยงถูกทำร้าย เธอจึงติดต่อไปหากลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Dogs Without Borders ในประเทศอเมริกาเพื่อขอให้ช่วยพาพวกมันไปอยู่ที่นั่นแทน     กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ยินดีรับพวกมันไว้ดูแล แล้วตั้งชื่อให้ว่า Han และ Solo…หมา 2 พี่น้องคู่นี้มีสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นมากแบบที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน พวกมันจะอยู่ข้างๆ กันเสมอ ไม่มีตอนไหนเลยที่พวกมันยอมอยู่ห่างจากกัน นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่พวกเขาตั้งชื่อให้มันตามคู่หูเพื่อนซี้ในหนังเรื่องสตาร์วอร์ส     ทางกลุ่มช่วยเหลือสัตว์รู้ดีว่าทั้งคู่ไม่อยากแยกจากกัน จึงตั้งใจเปิดให้คนมารับเลี้ยง Han และ Solo ไปพร้อมกันทั้ง 2 ตัว แต่การเปิดรับเลี้ยงแบบนี้มีคนให้ความสนใจน้อยอยู่แล้ว ถึงพวกมันจะเป็นสุนัขที่เป็นมิตรกับคน ทั้งยังถูกฝึกให้ชินกับชีวิตในบ้านแล้ว แต่ก็ยังไม่มีคนมารับเลี้ยงพวกมันเลย อันที่จริงแค่การหาบ้านอุปถัมภ์ให้มันอยู่ก็ยากมากแล้ว     พอเวลาผ่านไปนานเข้าทางศูนย์พักพิงสัตว์ก็เริ่มหมดทางเลือก พวกเขาจึงโพสต์หาบ้านให้พวกมันเป็นครั้งสุดท้ายว่า “พวกเราร้อนใจเป็นอย่างมาก แล้วก็ไม่มีทางเลือกเหลือแล้ว…

คนจากทั่วทุกมุมโลกพากันบอกว่าหมาเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์กับเจ้าของมาก ทว่า Jesse ไม่แน่ใจเรื่องนั้นเท่าไหร่ หลังจากเจ้าหมาที่เลี้ยงไว้รับส่วยจากหมีอยู่หลายครั้ง นี่คือเจ้าหมาพันธุ์มาสทิฟผสมชื่อ Brickleberry ที่ Jesse เลี้ยงเอาไว้ เขาเลี้ยงมันมาเองกับมือตั้งแต่แม่ของมันตายไปตอนคลอดมัน     แต่มันก็ทำเรื่องให้ Jesse หน่ายใจอยู่เหมือนกัน เขาเล่าผ่านทวิตเตอร์ว่า “เจ้าลูกชายขนฟูบ้าๆ ของผมมีงานต้องทำอย่างเดียวในช่วงกลางคืน คือเห่าไล่อะไรก็ตามที่มาบุกรุกให้หนีไป ง่ายใช่ไหมล่ะ? แต่!! หมีตัวหนึ่งเรียนรู้ว่าลูกชายขนฟูของผมสามารถซื้อใจได้ และนี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่มันรับกระดูกกวางเป็นส่วยแลกกับการให้เจ้าหมีเข้ามาคุ้ยขยะในบ้าน มันทำแบบนี้อยู่เรื่อยเลย!!”     ดูเหมือนว่าเจ้า Brickleberry จะเห็นแก่กินมากกว่าการปกป้องบ้านให้เจ้านายซะเลย แถมมันยังนอนกอดกระดูกที่ได้มาแบบไม่คิดจะปกปิดเลย     ได้กระดูกแล้วก็แทะเล่นอย่างเดียวเลยนะแก   ที่ Jesse รู้ว่าผู้ร้ายเป็นเจ้าหมี เนื่องจากเขาสังเกตดูจากร่องรอยความเสียหายของบ้านนั่นเอง ตัวโตและทำบ้านเละเทะได้ขนาดนี้ต้องเป็นหมีไม่ผิดแน่นอน     ในเมื่อเจ้าหมาทำหน้าที่บกพร่องหลายรอบแล้ว เขาคงไม่ไว้ใจให้เจ้าหมาเฝ้าบ้านต่อแล้วล่ะ ปล่อยให้มันนอนหลับสบายๆ ไปจะดีกว่า แต่ถึงมันจะเจ้าบ้านได้ไม่ดี Jesse ก็ยังรักมันอยู่เหมือนเดิมนะ อย่างที่เขาอธิบายถึงมันว่า “มันเป็นหมาพันธุ์มาสทิฟผสมฮาวด์มัท และมีความเป็นบีเกิ้ลอยู่ในตัวบ้าง มันเป็นเด็กดีที่สุด มันเข้ากับเด็กได้ดี…

มีคนมากมายที่สงสารและเห็นใจหมาจรจัดที่เจอ ทว่าคงมีน้อยคนที่ยอมหิวแล้วเสียสละข้าวของตัวเองให้พวกมันเหมือนกับชายคนนี้     คุณ ทศพร เลิศวิลัย เป็นชายคนหนึ่งที่มีใจรักสัตว์ ถึงเขาจะมีรายได้ไม่มากเขาก็ยังช่วยแบ่งข้าวให้สัตว์จรจัดอยู่บ่อยครั้ง เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน 2019 ที่ผ่านมาคุณทศพรก็ได้ออกไปซื้อข้าวมันไก่พิเศษเพื่อจะเอากลับไปกินที่บ้าน แต่ระหว่างทางเขาเจอหมาจรจัดตัวหนึ่ง มันรูปร่างผอมติดกระดูก เขาเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารมันมากๆ เขาจึงยอมเสียสละข้าวเย็น ยกข้าวมันไก่ที่ซื้อมาให้มันไปทั้งกล่องเลย     เจ้าหมาได้อิ่มท้องมื้อนี้เพราะคุณทศพรล้วนๆ   เขานำเรื่องนี้ไปเล่าในกลุ่มเฟซบุ๊ก ‘รักหมา’ ว่า “ซื้อมาจะกินหลังเลิกงาน แต่ดู สภาพเอ็งแล้ว เอ็งต้องการข้าวมันไก่พิเศษกล่องนี้มากกว่าข้าวะ (หนังติดกระดูกเลย) เดี๋ยวข้ากินมาม่าก็ได้ กินให้หมดนะ #ให้ #หมาจร“ แน่นอนว่าชาวเน็ตต่างก็พากันชื่นชมและขอบคุณเขาที่ช่วยให้เจ้าหมามีข้าวกิน ก็จะไม่ให้ชมได้ยังไงล่ะ คงมีไม่กี่คนหรอกที่ยอมให้ตัวเองลำบากเพื่อให้เจ้าหมาได้อิ่มท้องแบบนี้     นอกจากเจ้าหมาตัวนั้นแล้ว คุณทศพรก็เคยช่วยเหลือสัตว์อีกหลายครั้งหลายครา อย่างล่าสุดในเฟซบุ๊กของเขาก็ได้โพสต์เรื่องที่เขาแบ่งอาหารให้แมวอีกตัวหนึ่ง ตอนนั้นเขาไปซื้อน้ำพริกปลาทูมาทานเป็นข้าวเย็น แต่พอเจอแมวที่ดูหิวโซแล้วเขาก็ใจอ่อน เลยยอมยกปลาทูให้มันไปเลย แล้วตัวเขาเองก็กลับไปกินน้ำพริกผักต้มกับข้าวเปล่าแทน     แกคงหิวมากกว่าฉันสินะ   งั้นเอาปลาทูไปกินเลย   คุณทศพรเป็นตัวอย่างที่น่าชื่นชมในเรื่องของความมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมโลก หากมีคนทำตามเขาเพิ่มขึ้นบ้างแม้เพียงไม่กี่คน ก็คงช่วยให้หมาและแมวจรจัดได้อิ่มท้องเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย   ที่มา…

หมาจรจัดมีอยู่ทั่วทุกมุมโลก พวกมันมีจำนวนมากมายจนคนรักสัตว์ไม่สามารถช่วยได้หมด หลายครั้งที่คนช่วยต้องเลือกช่วยตัวที่ลำบากมากๆ ก่อน แต่เมื่อครั้งที่ Tamara Johnson ได้เจอกับเจ้า Basil ถึงมันจะลำบากไม่ต่างจากหมาจรจัดตัวอื่นที่เธอเคยเจอ เธอก็ตัดสินใจช่วยมัน เพราะในใจของเธอบอกว่านั่นเป็นสิ่งที่ควรทำ     เจ้า Basil เป็นหมาจรจัดที่ไม่มีแม่ดูแล ส่วนพี่น้องที่มันมีก็ถูกรถชนตายไป มันจึงอาศัยไปๆ มาๆ ระหว่างบ้านแถวนั้นที่เอ็นดูมันเพื่อขอเศษอาหารกิน แต่ก็ไม่มีใครดูแลมันได้เต็มที่ ตอนที่ Johnson ไปเจอมันนั้น เจ้าหมายังอายุได้แค่ 2 เดือนเท่านั้นเอง แต่มันก็ขาดสารอาหารและผอมกร่อง มีเพียงช่วงท้องที่บวมออกมาเพราะว่าท้องอืด เธอกลัวว่าหากปล่อยมันไวแบบนี้มันจะเอาตัวรอดไม่ไหว     ก่อนที่ Johnson จะช่วยเจ้าหมามันมีอาการสั่นหวาดระแวงคน แต่เธอก็ตัดสินใจอุ้มมันไปขึ้นรถของตัวเองอยู่ดี เพราะตั้งใจว่าจะพามันไปให้สัตวแพทย์รักษา ทว่าพอ Basil ได้รู้ว่าเธอไม่ได้คิดร้ายกับมัน เจ้าหมาก็ทั้งอ้อนแล้วก็ซุกไซ้เธอยกใหญ่เลย มันคงเพิ่งเคยได้เจอคนที่มันไว้ใจได้เป็นครั้งแรก ในขณะเดียวกันการอ้อนของมันก้ทำให้คนช่วยมีกำลังใจช่วยมันเต็มเปี่ยม     Johnson เล่าว่า “ฉันเชื่อสนิทใจว่าที่มันอ้อนเป็นเพราะมันรู้สึกสบายใจมาก เหมือนกับว่ามันรู้ว่ามีคนจะมาช่วยมันแล้ว เจ้าหมาไม่ดิ้นหนีเลย มันเอาแต่ซุกตัวอยู่ในแขนฉันแล้วก็หลับปุ๋ยไป มันรู้ว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว”     การที่ Johnson ตัดสินใจพาเจ้า…

หลายคนอาจคงจะรู้จัก Brian May ในฐานะมือกีต้าร์ของวงดนตรีร็อกชื่อดังอย่างวง Queen ทว่าคงมีน้อยคนนักที่จะรู้จักเขาในมุมของคนรักสัตว์ตัวน้อยด้วย     May เป็นหนึ่งในสมาชิกของวงดนตรีร็อก Queen ร่วมกับเพื่อนๆ อีก 3 คน ลุ๊กของพวกเขาตอนอยู่บนเวทีนั้นดูเท่มากจนกลายมาเป็นขวัญใจของหลายคนเลยทีเดียว แต่ถ้าหากเราได้ไปเจอ May ตอนที่เขาอยู่ที่บ้านแล้ว เราจะพบว่าเขาเป็นคนรักสัตว์ที่มีนิสัยอ่อนโยนมากคนหนึ่งเลย โดยสัตว์ที่เขามักจะดูแลเป็นประจำก็คือเม่น     May ช่วยเหลือเม่นเป็นประจำมานานมากแล้ว หลังจากเขาเริ่มช่วยเหลือเม่นบ่อยเข้า เขากับ Anne Brummer ซึ่งเป็นคนรักเม่นเหมือนกัน ก็ได้ร่วมกันก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือเม่น Saving Grace Rescue Centre ขึ้น นอกจากนี้เขายังได้เปลี่ยนสวนหลังบ้านของตัวเองให้กลายเป็นที่พักฟื้นสำหรับเหล่าเม่นด้วย ในตอนนี้สวนหลังบ้านของเขามีเม่นอาศัยอยู่มากถึง 24 ตัวเชียวนะ     มอบสวนหลังบ้านให้พวกเม่นไปเลย   May บอกว่าการช่วยเหลือเม่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาทำแล้วมีความสุขมากที่สุดในชีวิตเลยล่ะ บางครั้งเวลาที่พวกมันต้องรักษาหรือผ่าตัดเขายังไปเฝ้าพวกมันถึงที่เลย     ตอนเม่นที่ดูแลต้องผ่าตัด May ก็ไปช่วยเป็นกำลังใจให้พวกมันด้วย   คนอะไรทั้งเก่งเรื่องดนตรี ทั้งดูดีมีแฟนคลับเยอะ แถมยังรักสัตว์และมีจิตใจงดงามอีก May เป็นคนรักสัตว์คนหนึ่งที่น่าชื่นชมมาก…

หมาชิบุสุนัขอีกพันธุ์หนึ่งที่มีคนชื่นชอบเป็นจำนวนมาก ด้วยความที่พวกมันมีขี้เล่นและแสนรู้ ทั้งยังมีหน้าตาดูดีไม่แพ้พี่ไซเลย ถึงโดยรวมแล้วชิบะจะดูน่ารักไปหมด แต่ก็จะมีบางตัวที่มีฐานแฟนคลับเยอะกว่าเพื่อนหมาชิบะด้วยกัน ซึ่ง Riri ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น มันมียอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมเกือบ 50,000 คนเชียวนะ   https://www.instagram.com/p/BubE0jlg8-8/?utm_source=ig_embed   Riri เป็นหมาชิบะแสนซนจากประเทศญี่ปุ่นที่มีคนติตดามมาก เนื่องจากความกระตือรือร้นของมันมีมากพอชนะใจชาวเน็ตที่ผ่านมาเห็นได้ ถ้าเพื่อนๆ ลองตามไปดูชีวิตของมันในทวิตเตอร์ จะเห็นว่ามันซนมากเลยทีเดียว แต่นั่นก็เป็นความน่ารักอย่างหนึ่งที่ทำให้เราอยากตามดูมัน   https://www.instagram.com/p/Bu8aQvknhO4/   เมื่อไม่นานมานี้ Riri ก็ได้โชว์ความทะเล้นตามแบบฉบับชิบะให้เราได้เห็นอีกตอนที่มันไปเที่ยวทะเล ไม่ว่ามันจะทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมดจริงๆ   แค่นั่งถ่ายรูปเฉยๆ ก็สวยกินใจแล้ว https://www.instagram.com/p/BTLqLFOFxS9/?utm_source=ig_embed   ดูสิว่าเจ้า Riri มันตื่นเต้นขนาดมากไหนที่ได้ไปเที่ยวทะเล มันเอาแต่วิ่งเล่นไปทั่วหาดทรายแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย แถมทุกอย่างที่มันทำระหว่างที่เที่ยวทะเลอยู่ ก็ทำให้ผู้ติดตามได้เห็นความน่ารักของมันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูน่ารักเกินห้ามใจ   https://www.instagram.com/p/BwAwuU5Ha5A/?utm_source=ig_embed   น้องชอบมุดหน้าลงไปในทราย น่ารักอะ งื้อ https://www.instagram.com/p/Bv567p9nAM1/?utm_source=ig_embed   แต่ตอนที่ Riri ดูน่ารักที่สุดในทริปเที่ยวทะเลครั้งนี้ ก็ไม่น่าจะหนีพ้นตอนที่มันว่ายน้ำท่าลูกหมาตกน้ำอย่างตั้งอกตั้งใจ ทั้งที่พ่อของมันยังไม่ทันหย่อนมันลงน้ำเลยแท้ๆ   น้องตีขารอว่ายน้ำแล้ว…

คนทุกคนมีนิสัยแตกต่างกันไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องการเหมือนกัน คือคนที่เข้าใจเราและคอยอยู่เคียงข้างเราเสมอในยามที่เราเผชิญกับปัญหา และดูเหมือนว่าสำหรับเด็กชายคนนี้ คนที่ว่าเป็นเจ้าแมวขนปุยของเขานี่เอง Jayden Denton เป็นเด็กพิเศษซึ่งทำให้เขามีปัญหาเวลาเข้าสังคม เนื่องจากบางครั้งเขาไม่สามารถเข้าใจผู้อื่นได้ ส่งผลให้เขามีอารมณ์โมโหรุนแรงหรือเศร้าหนักมากๆ     คุณแม่ Tonya Denton เล่าถึงลูกว่า “ลูกชายของฉันมีปัญหาในการประมวลผลอารมณ์ และก็มีปัญหาอื่นๆ ใกล้เคียงกับปัญหาข้างต้น เวลาที่เขารับอารมณ์มามากเกินไปจนประมวลไม่ทันหรือไม่เข้าใจ อารมณ์ของเขาจะระเบิดออกมา บางครั้งก็ร้องไห้หนักจนไม่มีใครปลอบได้” Jayden จะมีปัญหากับการจัดการอารมณ์หลังเข้าสู่ภาวะนี้ทุกครั้ง จนกระทั่งครอบครัวได้รับเจ้าแมว Kitty เข้ามาเลี้ยง     Kitty ก็เป็นแมวทั่วไปเหมือนบ้านอื่นนี่แหละ มันชอบเล่นซนและขี้สงสัย บางครั้งก็ดื้อและเข้าใจยาก แต่มันรักและเป็นห่วง Jayden พอมันเห็นว่า Jayden ระเบิดอารมณ์ออกมาทีไร แทนที่มันจะหนีเตลิดไปด้วยความตกใจ มันเลือกที่จะอยู่เคียงข้างเขา แล้วปลอบใจจนเด็กชายสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อ Tonya เล่าว่า “เราเริ่มเห็นว่า Kitty มักจะวิ่งไปหาลูกชายตอนที่เขาระเบิดอารมณ์ แล้ว Kitty ก็จะเลียหัวของ Jayden จนกระทั่งเขาใจเย็นลง นี่เป็นวิธีเดียวที่เรารู้ว่าจะช่วยให้ Jayden สงบได้”   ตัวอย่างครั้งหนึ่งตอนที่เด็กชายจัดการกับอารมณ์ไม่ได้ แต่มีเจ้าแมวคอยปลอบใจ  …

รู้สึกเหนื่อยบ้างไหมกับการที่เจ้านายขนปุยที่บ้านเอาแต่นอนรอให้เราเติมข้าวให้…บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าพวกมันลุกมาช่วยกันทำมาหากินบ้างก็คงจะดีไม่น้อย แต่ถ้าเกิดจะให้พวกมันไปทำงานจริงๆ พวกมันจะไปทำอาชีพอะไรได้บ้างล่ะ? ถ้าอยากรู้ก็ไปพบกับภาพฮาๆ ของเหล่าแมวเหมียวตอนกำลังทำงานที่ทาสพากันอวดได้เลย รับรองว่าแต่ละงานดูไม่ธรรมดา!!   ขายต้นกระบองเพชรจ้า เอาสักต้นไหม?   พี่เขาไม่ได้นอนเล่น เขากำลังทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ที่นอนอยู่   เป็นแม่บ้านค่ะ จะให้ทำความสะอาด เลี้ยงเด็ก หรือทำกับข้าวก็ได้หมด   คู่นี้เป็นครูสอนดนตรี ถ้าอยากเรียนด้วยก็จ่ายมาเป็นปลาทูละกัน   เปิดธุรกิจปริ้นต์งานและรับถ่ายเอกสาร   เป็นพรีเซนเตอร์ยาสีฟัน โชว์ฟันขาวสะอาดให้ทาสเห็นกันชัดๆ ไปเลย   เป็นช่าง (ทำให้เราต้อง) ซ่อมรถมเตอร์ไซ   รับซักอบรีด จะเหมาจ่ายเป็นรายเดือนก็ไม่ว่ากัน   เป็นช่างรถยนตร์ช่วงล่าง ด้วยประสบการณ์นอนใต้ท้องรถมากว่าหลายปี เชื่อมือผมเถอะ!!   ใครอยากต่อทะเบียนหรือ พรบ. ขอให้มาทางนี้   เรียนหนังสือเก่งไม่เก่งไม่รู้ แต่ก็เลี้ยงควายได้   เป็นพรีเซนเตอร์ให้แบรนด์อาหาร   เป็นเด็กนั่งดริ้งขี้อ้อนก็ยังได้   ผันตัวออกมาเป็นพนักงานออฟฟิศบ้าง เซ็นเอกสารไม่เก่ง แต่เรื่องทำลายเอกสารขอให้บอก   เป็นแม่ค้าออนไลน์ นั่งส่องออเดอร์ทั้งวัน…

หากคุณได้ใช้เวลาร่วมกับสัตว์สักตัวหนึ่งสักพัก มันย่อมก่อให้เกิดสายสัมพันธ์ที่พิเศษระหว่างคุณกับมันขึ้น และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน มันก็จะยังจำคุณได้อยู่เสมอ ช้าง Kirsty ถูกย้ายเข้ามาอยู่ในสวนสัตว์ Calderpark Zoo ในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์ตอนช่วงปี 1980 ซึ่งตอนนั้นคนที่ดูแลมันอยู่ก็คือ Peter Adams     ชายหนุ่มกับเจ้าช้างสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว มันไว้ใจเขามากและเขาก็ดูแลมันอย่างเต็มที่เช่นกัน ทำให้ทั้งคู่รู้สึกผูกพันกัน แต่อยู่ด้วยกันได้ไม่กี่ปี ในปี 1987 เจ้า Kirsty ก็ถูกย้ายไปสวนสัตว์ Chester Zoo ทำให้มันต้องแยกกับ Peter ซึ่งเป็นคนดูแลของสวนสัตว์เดิม เท่านั้นยังไม่พอเจ้าช้างยังถูกย้ายไปที่สวนสัตว์ในเมืองดับลินเมื่อปี 1994 และถูกย้ายไปอยู่ในสวนสัตว์ที่ประเทศเยอรมนีอีกครั้งเมื่อปี 2005 ทำให้ Peter ตามข่าวไม่ทันว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่     จนกระทั่ง 35 ปีต่อมาเมื่อ Peter ลองใช้อินเตอร์เน็ตค้นหาข้อมูลดู เขาก็เลยรู้ว่า Kirsty อยู่ในสวนสัตว์ Neunkirchen Zoo ในเมื่อรู้ที่อยู่ของมันแล้ว เขาก็เลยอยากไปเยี่ยมเพื่อนตัวสำคัญดู โชคดีที่พอติดต่อคนดูแลสวนสัตว์แห่งนั้นไปแล้วเขาก็ยินดีให้ Peter เข้าไปเยี่ยมมันแบบใกล้ชิด ถึงอย่างนั้นเขากับมันก็ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว…

ถ้าคุณคิดว่าชีวิตของคุณผ่านเรื่องเลวร้ายมามากแล้ว ลองมาดูเรื่องของนกแก้วตัวนี้ก่อน แล้วคุณอาจจะพบว่ามันผ่านความเจ็บปวดมามากกว่าคุณซะอีก เจ้านกแก้ว Freddy Krueger ถูกพบครั้งแรกตอนมันอยู่กับโจรลักลอบค้าสัตว์ ตอนนั้นโจรกำลังทำการหลบหนีจากตำรวจ และมีการเปิดฉากยิงปืนใส่กัน ตอนนั้น Freddy ก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แล้วมันก็โดนลูกหลงจากการยิงปืนแลกกัน ทำให้จงอยปากด้านบนของมันเป็นแผล ทั้งยังมีรอยไหม้ที่ตรงกลางหน้าด้วย     แม้จะบาดเจ็บหนักและมีรอยแผลเป็นบนหน้า มันก็ถูกรักษาจนหายดี จากนั้นมันก็ถูกส่งไปอยู่กับสวนสัตว์แห่งหนึ่งในเมืองคาสคาวีล ประเทศบราซิล แล้วคนดูแลก็ตั้งชื่อให้มันว่า Freddy Krueger ตามตัวละครในหนังสยองขวัญที่ถูกไฟไหม้ใบหน้าจนเป็นแผลเป็นเช่นกัน     หลังจากผ่านเหตุการณ์ถูกยิงมาแล้ว คนดูแลคิดว่ามันจะมีชีวิตที่สุขสบายในสวนสัตว์ แต่ว่า 4 ปีต่อมาเจ้า Freddy ก็ผ่านเหตุการณ์เฉียดตายอีกครั้งเมื่อมีงูเข้าไปในกรงของมัน เจ้านกแก้วถูกงูกัดเข้าให้ที่ขา ถึงแม้ว่างูที่กัดมันจะไม่มีพิษ แต่ก็ทำให้มันเลือดออกเยอะมากเลยทีเดียว โชคดีที่ครั้งนี้มันก็ผ่านมาได้อย่างปลอดภัยอีกเช่นกัน     แต่ระหว่างที่มันกำลังรักษาตัวจากการถูกงูกัดอยู่นั่นเอง ก็มีโจรติดอาวุธ 3 คนบุกมาที่สวนสัตว์เพื่อขโมยสัตว์อีก นกหลายตัวรวมทั้ง Freddy ถูกกลุ่มโจรลักพาตัวไปและหลบหนีไปได้ ทว่าหลายวันต่อมา Freddy ก็ถูกพบอยู่บนต้นไม้ใกล้ๆ กรงของตัวเอง พวกเขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันหนีออกมาได้เอง หรือโจรทิ้งมันไว้เพราะมันมีแผลเป็น แต่ก็มีเพียงมันตัวเดียวเท่านั้นที่กลับมาได้    …

โดยทั่วไปแล้วชาวไร่ชาวนาจะเลี้ยงลาเอาไว้เพื่อใช้แรงงานในไร่ บ้างก้ใช้ให้พวกมันช่วยยกของ หรือบางทีก็ใช้พวกมันเป็นพาหนะ แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกมันจะมีงานใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม ด้วยการผันตัวมาเป็นเด็กเสิร์ฟในงานสังสรรค์ต่างๆ แถมค่าตัวก็ดีไม่ใช่เล่นซะด้วย   https://www.instagram.com/p/BrlRen8gcsm/   เจ้าลาเด็กเสิร์ฟที่ว่าก็คือ Zoey และ Burrito นั่นเอง แต่พวกมันไม่ได้ออกมารับงานเสิร์ฟด้วยตัวเองหรอกนะ คนที่ช่วยพวกมันรับงานก็คือบริษัท Little Burro Events ที่เป็นเจ้าของพวกมันต่างหาก พวกมันจะไปให้บริการเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับคนที่ติดต่อมา(ส่วนมากก็จะอยู่ในประเทศอเมริกา) ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานเฉลิมฉลอง งานเลี้ยงรุ่น งานแต่งงาน หรืองานสังสรรค์ทั่วไปก็ตาม   https://www.instagram.com/p/Bo7Qgr4gRJC/   เวลาปฏิบัติหน้าที่ Zoey และ Burrito จะสะพายเป้ข้างตัวทั้ง 2 ข้างซึ่งใส่เครื่องดื่มต่างๆ เอาไว้ แล้วเดินเตร็ดเตร่ไปรอบๆ งานเพื่อให้แขกหยิบเครื่องดื่มจากตัวมันกันตามสะดวก แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าพวกมันจะเดินไม่เป็นที่เป็นทางเลย เพราะตอนทำงานพวกมันไม่ได้เดินตามลำพัง แต่จะมีคนดูแลเดินนำอยู่ 1-2 คนอีกด้วย   https://www.instagram.com/p/Bppw9Zlgc6i/   แค่มีพวกมันมาเดินป้วนเปี้ยนในงานก็เป็นการช่วยเสริมความน่ารักน่าชมให้กับงานเลี้ยงแล้ว นอกจากนี้ยังมีคนช่วยเสิร์ฟเครื่องดื่มเพิ่มอีกต่างหาก ดังนั้นการจ้างพวกมันมาจึงเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวเลยนะ แต่ถ้าคุณอยากให้ Zoey และ Burrito มาเป็นสีสันในงานก็ต้องทุ่มทุนกันสักหน่อย…

การลาจากกับสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องที่ทำใจได้ลำบาก แต่ถ้ามีกำลังใจจากรอบข้างคอยหนุนช่วย โดยเฉพาะจากคนที่ไม่คาดคิด มันจะช่วยคุณได้มากเลยทีเดียว Joseph Inabnet อยู่กับหมาแสนรัก Bailey มานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงรักและผูกพันกับมันมากด้วยเช่นกัน แต่เมื่อไม่นานมานี้มันก็ตายจากเขาไป     ตอนที่มันตายไป เขายังมีอาหารหมาที่สั่งมาจากเว็บไซต์อาหารสัตว์ chewy.com เหลืออยู่ที่บ้านอีกถุงใหญ่เลย แต่ในเมื่อเขาไม่มีเจ้าหมาอยู่ด้วยแล้ว เขาจึงคิดว่าจะเอาอาหารกลับไปคืน แต่พอติดต่อทางเว็บไซต์ไปแล้ว พวกเขาบอกว่าแทนที่จะเอาอาหารไปคืนเป็นเงิน พวกเขาขอให้ Inabnet เอาอาหารไปบริจาคแทนดีกว่าสุนัขตัวอื่นจะได้มีอาหารกินฟรี พร้อมกันนั้นทางเว็บไซต์ยังส่งเงินคืนให้เขาเต็มจำนวนด้วย นอกจากนี้อีกไม่กี่วันต่อมาทางเว็บไซต์ก็ได้ส่งจดหมายมาให้เขาอีกครั้งทั้งที่ไม่มีธุระกันต่อแล้วด้วย พอเปิดออกดูก็พบว่าทางเว็บไซต์ได้ส่งการ์ดพร้อมรูปวาดสีน้ำมันของเจ้า Bailey มาให้!!     โดยในการ์ดเขียนข้อความให้กำลังใจไว้ว่า “มันไม่ง่ายที่จะบอกลาสิ่งที่เรารัก แต่พวกมันก็จะอยู่ในความทรงจำของเราและถูกนึกถึงตลอดไป สัตว์เลี้ยงเข้ามาในชีวิตของเรา พร้อมกับทิ้งรอยเท้าไว้ในหัวใจและเปลี่ยนเราไปตลอดกาล พวกเราขอช่วยส่งความรักและความคิดบวกให้คุณ พวกเราอยากให้รู้ว่าถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ เรายังอยู่ตรงนี้เพื่อคุณเสมอ…ด้วยรัก จากครอบครัว Chewy”     Inabnet ไม่นึกเลยว่าร้านขายอาหารสัตว์ที่เขาอุดหนุนประจำจะใส่ใจลูกค้าคนหนึ่งมากขนาดนี้ เขาประทับใจกำลังใจที่ได้รับมากๆ ส่วนคนที่สงสัยว่าเว็บไซต์ไปเอารูปของเจ้า Bailey มาได้ยังไง…พวกเขาก็วาดมาจากรูปของเจ้าหมาที่ Inabnet เคยเอาไปโพสต์ไว้บนเพจของเว็บไซต์นั่นเอง     ชายหนุ่มซาบซึ้งใจในความใส่ใจของ chewy.com…

หมาน้อยน่าสงสารถูกคนรุมทำร้ายตั้งแต่ยังเล็ก แต่มันก็ไม่ได้ลำบากลำบนตลอดหรอก พอมีคนเก็บมันมาดูแลชีวิตของมันก็ดูมีความหวังขึ้นมาแล้ว ตอนที่มีคนไปเจอหมาน้อย Murphy มันกำลังถูกเด็กเกเรรุมขว้างหินใส่อยู่ คนที่เห็นจึงช่วยไล่เด็กเหล่านั้นไปแล้วพาเจ้าหมามาให้กับกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Sidewalk Specials จากการตรวจดูแล้วหมาน้อยอายุเพิ่งครบ 6 สัปดาห์ไม่นานนี้เอง นอกจากมันจะเจ็บตัวเพราะโดนหินปาใส่แล้ว พวกเขายังตรวจเจอว่ามันเป็นโรคโลหิตจางด้วย     เพื่อให้เจ้าหมาเรีบนรู้การปรับตัวใช้ชีวิตใหม่ พวกเขาจึงส่งมันไปอยู่ในบ้านอุปถัมภ์กับอาสาสมัครที่รู้จัก มันจะได้หัดทำความคุ้นชินกับคน แล้วก็ลองใช้ชีวิตในบ้านด้วย พอไปอยู่ในบ้านที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาทำร้าย หรือดิ้นรนเอาชีวิตรอดแล้ว Murphy ดูมีความสุขขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย มันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่นกับพี่หมาตัวโตในบ้าน และใช้เวลาที่เหลือเพื่อกินอาหารอร่อยๆ กับนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่     ถึงก่อนหน้านี้มันจะถูกเด็กเกเรทำร้ายมาก่อน แต่ดูเหมือนมันจะไม่ฝังใจกลัวมนุษย์นะ มันชอบแม่อุปถัมภ์คนใหม่ของมันมากเลยล่ะ ช่วงที่เธอต้องออกไปทำงานที่ออฟฟิศ เธอก็จะพาเจ้า Murphy ติดไปที่ทำงานด้วย เธอจะได้จับตาดูมันได้ตลอดเวลา ระหว่างที่อยู่ในออฟฟิศเจ้าหมาก็จะอ้อนให้เธอเล่นด้วยอยู่เรื่อย ถึงมันอาจจะทำให้เธอทำงานได้ช้าลงบ้าง แต่การเล่นกับมันก็ช่วยเติมพลังใจให้แม่อุปถัมภ์ได้เป็นอย่างดี      น่าดีใจกับเจ้า Murphy นะ ที่จะได้พ้นจากชีวิตหมาน้อยข้างถนนมาสักที ถ้ามันยังเป็นหมาจรจัดต่อไปอีกหน่อยมันก็เสี่ยงจะถูกทำร้ายอีก แต่ตอนนี้มันมีคนมาช่วยดูแลความปลอดภัยและเติมความสุขให้เรียบร้อยแล้ว   ที่มา: Sidewalk Specials, We Love Animals

สุนัขเป็นสัตว์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเฉลียวฉลาดและแสนรู้ หลายครั้งที่พวกมันใช้ความแสนรู้ช่วยเจ้าของให้พ้นจากอันตรายมากได้ ถึงพวกมันจะถูกชมว่าแสนรู้อย่างไร บางตัวอาจจะโชว์ความซื่อบื้อได้อย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แปลว่านั่นเป็นเรื่องไม่ดีหรอกนะ บางครั้งความซื่อของมันก็ทำให้เราได้ยิ้มออกเหมือนกัน Richard Millar เลี้ยงหมาลาบราดอร์อายุ 2 ขวบไว้ตัวหนึ่งชื่อว่า Bugsy บางครั้งเวลาที่มันเจอสุนัขตัวอื่น มันก็จะเห่าใส่กันบ้าง     แต่ระยะหลังมีสิ่งหนึ่งนอกจากหมาที่เจ้า Bugsy เห่าใส่อย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งก็คือรูปวาดข้างกำแพงที่วาดเป็นรูปหมาสีดำสนิท รูปวาดนี้ถูกวาดเอาไว้ตรงกำแพงร้านค้าแห่งหนึ่ง เพื่อบอกว่าจุดที่รูปภาพถูกวาดเอาไว้เป็นจุดมัดสัตว์เลี้ยงสำหรับลูกค้า ก่อนจะเข้าไปจับจ่ายซื้อของนั่นเอง     แต่ดูเหมือนว่า Bugsy จะไม่เข้าใจว่าหมาสีดำที่เห็นเป็นแค่รูปภาพ มันคิดว่าหมาตัวนั้นเป็นสุนัขจริงๆ มันก็เลยเห่าขู่เป็นการใหญ่ทุกครั้งที่ได้เดินผ่านตรงนี้ Richard เล่าให้ฟังว่า “ตอนที่ถ่ายคลิปไว้ ผมกำลังจะเดินไปที่ผับประจำของผม ผมถ่ายคลิปวิดีโอเองในเมือง Abergavenny แล้วเจ้าหมาก็จะเห่ารูปแบบนี้ทุกครั้งที่เราเดินผ่าน”     แหม่เจ้า Bugsy นี่ก็เข้าใจผิดคิดว่ารูปภาพเป็นหมาจริงๆ ไปซะได้ ไม่รู้ว่าต้องเดินผ่านตรงนี้อีกกี่ครั้งมันถึงจะเริ่มเข้าใจสักทีว่ารูปภาพนั้นไม่ทำอันตรายมันหรอก แต่อย่างน้อยระหว่างที่มันยังเข้าใจผิดคิดว่าภาพวาดนั้นเป็นหมาจริงอยู่ มันก็จะทำให้คนที่มองมันได้ยิ้มด้วยความฮาปนเอ็นดูไปกับความซื่อของมันล่ะนะ   ที่มา: Daily Mail

เวลาที่เจ้าแมวมีความสุขมากๆ ถึงมันจะขี้เก๊กหรือพยายามคีพลุ๊คมากแค่ไหน เราก็จะรับรู้ได้จากเสียง ‘คราง’ ในลำคอของพวกมันอยู่ดี หญิงสาวเองก็รู้ว่าแม่แมวตัวนี้กำลังมีความสุขมากที่เธอให้ที่อุ่นๆ เพื่อให้มันเลี้ยงลูก เนื่องจากมันเอาแต่ครางเสียงดังไม่ยอมหยุด     เจ้าเหมียว Happy เป็นแมวที่มาอาศัยอยู่กับชาวนาในฟาร์ม พวกเขาตั้งชื่อนี้ให้มันเพราะว่ามันดูอารมณ์ดีอยู่เสมอ และมันก็เป็นมิตรมากๆ มันเดินตามชาวนาโดยไม่กลัวพวกเขาเลย พอเจ้าแมวตั้งท้องชาวนาจึงติดต่อให้ Ashley Morrison ซึ่งเป็นคนช่วยแมวช่วยดูแลมัน เนื่องจากพวกเขาไม่มีที่ที่เหมาะสมให้ลูกแมวอยู่     ตอนที่เจ้าแมวมาถึงบ้านของ Morrison มันก็ท้องแก่มากๆ แล้ว เธอบอกว่าเธอเห็นลูกของมันขยับอยู่ในท้องชัดเจนเลยทีเดียว แม่แมวส่งเสียงให้เธอได้ยินตั้งแต่ตอนที่มันยังไม่คลอดเลย มันอาจะรู้สึกขอบคุณเธอที่เธอยอมให้มันใช้บ้านเป็นที่เลี้ยงลูก     เธอวางแผนว่าจะช่วยแม่แมวตอนที่มันกำลังคลอดลูกด้วย แต่แม่แมวก็ไม่ยอมคลอดสักที เธอก็เลยต้องแวะมาดูมันอยู่บ่อยๆ แล้วในตอนเช้าวันหนึ่งระหว่างที่เธอเอารถออกไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องนั่นเอง ภายในเวลาสั้นๆ ที่เธอไม่อยู่บ้านแม่แมว Happy ก็คลอดลูกเองและทำความสะอาดลูกเสร็จหมดซะแล้ว     Happy คลอดลูกออกมาทั้งหมด 7 ตัวเป็นลูกแมวตัวผู้ 4 ตัว และลูกแมวตัวเมียอีก 3 ตัว ซึ่งทุกตัวล้วนมีสุขภาพแข็งแรงดี     ระหว่างที่ Happy กำลังดูแลลูกแมวอยู่ มันจะส่งเสียงครางออกมาดังมาก…

คนเราเลี้ยงไก่เพื่อเอาไว้ผลิตไข่มานานแล้ว แต่ฟาร์มบางแห่งก็ใช้งานพวกมันเหมือนเป็นแค่เครื่องมือ โดยไม่ดูแลสุขภาพของพวกมันเลย เนื่องจากมีฟาร์มแบบนี้อยู่ Geoff Regier และเพื่อนๆ จึงพยายามช่วยกันนำพวกไก่ออกมาเพื่อให้มันได้รับการดูแลที่ดี ซึ่งในจำนวนที่พวกเขาเคยช่วยมา ดูเหมือนว่าเจ้าไก่ Penny เป็นหนึ่งในไก่ที่เปลี่ยนไปมากที่สุด     Regier เจอ Penny อยู่ในเล้าไก่แห่งหนึ่งที่พวกเขาบุกเข้าไปช่วย ตอนที่เขาเจอมันครั้งแรกมันจมอยู่ในกองอึและไม่มีแรงลุกขึ้นมาเอง พอเขาช่วยดึงมันออกมาก็ได้เห็นว่านอกจากจะอ่อนแอแล้ว ขนบนตัวของมันก็แทบจะไม่มีเหลืออยู่ สภาพร่างกายของมันแย่เอามากๆ แม้แต่จะทรงตัวยืนก็ยังทำแทบไม่ไหวเลย นอกจากนี้ไข่ที่มันฟักออกมาก็เป็นไข่เละๆ เนื่องจากร่างกายของมันขาดสารอาหารจนไม่สามารถผลิตเปลือกไข่ได้ ทำให้ตอนฟักไข่ออกมามีแต่ตัวอ่อนข้างในเท่านั้น     พวกเขาจึงช่วยนำตัวมันมาทำความสะอาดและรักษา ให้มันกินยาและสารอาหารเพิ่มเติม แล้วก็ให้มันนอนพักหน้าหลอดไฟอุ่นๆ จนกระทั่งมันดูแข็งแรงขึ้นมาบ้าง แต่สิ่งที่ยังรักษาไม่ได้ทันทีก็คือความกลัวของเจ้าไก่ ดูเหมือนมันจะไม่ได้รับการดูแลเลย ทำให้ตอนนี้มันกลัวคนแบบเต็มขั้น พอเห็นคนเดินเข้ามาใกล้หน่อยก็วิ่งหนีแล้ว     Regier พยายามใช้ความเอาใจใส่เอาชนะใจ Penny เขาอดทนและค่อยๆ ให้ความรักกับมันเป็นเวลานานร่วมปี จนในที่สุดจากที่ตอนแรกมันไม่กล้าเข้าใกล้ ตอนนี้มันกลับเป็นฝ่ายที่อยากมาอยู่ใกล้เขาเอง ตอน Penny กลับมามีขนสวยงามทั่วตัวแล้ว และมันก็ติดพ่อใหม่เอามากๆ ด้วย ถึงขนาดว่าขอตามไปนอนด้วยกันในห้องนอนของเขาเลยล่ะ     Regier เล่าว่าเดี๋ยวนี้ Penny เริ่มมีความกล้ามากขึ้นแล้ว…

ยิ่งเราได้อยู่กับสัตว์เลี้ยงนานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับพวกมันมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นหญิงสาวซึ่งอยู่กับสัตว์เลี้ยงมานานกว่า 50 ปีคนนี้จึงผูกพันกับมันมากกว่าใคร Jeanna Smith ชื่นชอบเต่ามาตั้งแต่เด็กแล้ว พอถึงวันเกิดครบรอบ 10 ขวบของเธอ คุณพ่อกับคุณแม่จึงให้เต่าเป็นของขวัญวันเกิด แล้วเธอก็ตั้งชื่อให้มันว่า George     พ่อแม่ของเธอมอบสัตว์เลี้ยงตัวนี้กับเธอ เพื่อให้เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเอาใจใส่ผู้อื่น และทำให้เธอมีความรับผิดชอบมากขึ้น แต่พวกเขาคงไม่ได้คิดว่ามันกับเธอจะเป็นเพื่อนกันอย่างยาวนาน   Jeanna ตอนยังเด็ก   ตั้งแต่ Jeanna ได้รับเจ้า George มาในปี 1962 เธอก็ดูแลเอาใจใส่มันอย่างดี เธอชอบให้มันอยู่ข้างๆ ตลอด บางครั้งเธอก็จะเอามันใส่ตะกร้าแล้วขี่จักรยานไปชมวิวด้วยกัน หรือแม้แต่ตอนที่เธอออกไปเที่ยวไกลๆ หลายวัน เธอก็จะพา George ติดไปด้วย มันจึงกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของเธอไปโดยปริยาย     พอ Jeanna ต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แม้ว่าทางหอพักของมหาวิทยาลัยจะห้ามเลี้ยงสัตว์ เธอก็ไม่อาจทำใจให้อยู่ห่างจาก George ได้ เธอจึงแอบเอามันเข้าไปอยู่ด้วย… โชคดีที่แม้ว่าผู้ดูแลหอพักจะรู้เข้า พวกเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรที่เธอเอา George มาเลี้ยง อาจจะเป็นเพราะมันเป็นสัตว์ที่ไม่รบกวนผู้อื่น หรือไม่เป็นเพราะคนในหอพักต่างรู้สึกชอบมันก็ได้…

หากคุณเคยให้อาหารหมาจรจัด ส่วนใหญ่แล้วพวกมันจะรีบกินอาหารทันทีเนื่องจากความหิว ทว่าบางครั้งก็มีหมาที่ไม่ห่วงตัวเองแล้วคาบอาหารไปให้หมาตัวอื่นเหมือนกัน อย่างที่ Yusuf Kılıçsarı เคยได้เจอ เขาเป็นชายรักสัตว์จากประเทศตุรกี เขามักจะให้อาหารสุนัขจรจัดที่อยู่ข้างทางบ่อยครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาเอาอาหารเทใส่ถ้วยให้หมาจรจัด แต่หมาตัวนี้ไม่เหมือนตัวอื่น มันไม่ยอมกินอาหารทันทีแต่กลับคาบถ้วยอาหารวิ่งไปที่อื่นแทน     Kılıçsarı จึงลองขับรถตามเลียบทางเท้าไปอย่างช้าๆ เพื่อตามเจ้าหมาไป ด้วยความอยากรู้ว่ามันจะคาบถ้วยอาหารไปถึงที่ไหน เขาขับรถตามมันอยู่หลายนาที มันเดินไปเรื่อยๆ ตามถนน ผ่านเขตก่อสร้างและที่ทิ้งขยะ ระหว่างนั้นเขาก็ถ่ายคลิปวิดีโอตอนที่ตามมันไว้ด้วย      จนกระทั่งเจ้าหมามาถึงที่จอดรถแห่งหนึ่งมันก็เดินเลี้ยวเข้าไปในนั้น Kılıçsarı ก็เลยต้องจอดรถทิ้งไว้แล้วเดินตามเข้าไป แล้วเขาก็ได้รู้ว่าที่เจ้าหมาไม่ยอมกินอาหารแล้วคาบมาซะไกล ก็เพื่อจะเอาอาหารมาให้ลูกๆ ของมันที่รออยู่ตรงนี้ได้กินข้าวนั่นเอง ดูจากขนาดตัวของลูกหมาที่อ้วนพีสมบูรณ์ดีแล้ว ท่าทางแม่หมาคงจะคาบอาหารมาให้พวกมันกินจนอิ่มท้องเป็นประจำ     เห็นแบบนี้แล้วก็ทำให้เราได้รู้ว่าถึงจะเป็นแม่หมาจรจัดที่หากินลำบาก แต่มันก็รักลูกมากกว่าตัวเองเสียอีก ถึงตัวเองไม่มีกินก็ไม่เป็นไร แต่ลูกต้องได้อิ่มท้องก่อนเสมอ Kılıçsarı เองก็คงจะซาบซึ้งกับความรักลูกของแม่หมาตัวนี้เช่นกัน เขาลงคลิปวิดีโอและภาพของพวกมันลงบนโซเชียลมีเดีย พร้อมกับเขียนอธิบายสั้นๆ ไว้ว่า “ความเป็นแม่”   ที่มา: the dodo

ตอนที่หนุ่ม Dillan Elliott และเพื่อนๆ ออกไปตกปลาด้วยกันบริเวณชายฝั่งประเทศออสเตรเลีย พวกเขาก็เห็นบางอย่างกำลังดำผุดดำว่ายอยู่กลางทะเล เมื่อพยายามมองดูดีๆ ก็ต้องตกใจที่พบว่ามันเป็นจิงโจ้ตัวหนึ่งที่ลอยมาอยู่กลางทะเลได้ยังไงก็ไม่รู้ เขาเล่าว่า “คุณเห็นได้ชัดเลยว่ามันพยายามกระโดดอยู่ในน้ำ แต่ก็กำลังตกที่นั่งลำบากอยู่” พวกเขาอยากจะช่วยมันจึงโยนเชือกไปหาหวังจะคล้องตัวมันไว้แล้วพามาบนเรือ แต่ด้วยความที่มันกำลังอยู่ในอาการตกใจมันจึงดิ้นจนหลุดจากเชือกทุกครั้ง     สักพักหนึ่งจิงโจ้ตัวนั้นก็จมน้ำจนสลบไป พวกเขาจึงสามารถลากตัวมันขึ้นมาบนเรือได้โดยง่าย แต่มันไม่ยอมหายใจเลย ทุกคนกลัวว่ามันจะไม่รอดซะแล้ว แต่ด้วยความที่อยากจะช่วยมัน ประกอบจากได้รับคำแนะนำจากคนขับเรือ พวกเขาจึงลองทำ CPR ให้มันดู โดยการใช้มือปั๊มหัวใจมันเรื่อยๆ แม้ว่า Elliot จะไม่เคยทำ CPR ให้สัตว์มาก่อน เขาก็พยายามทั้งๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าทำถูกต้องไหม เพราะเขารู้ว่าถ้าไม่ลองทำดูมันต้องไม่รอดแน่นอน     โชคดีที่มันฟื้นขึ้นมาในที่สุด ชายหนุ่มเล่าว่า “มันเงยหัวขึ้นมาและเอาจมูกมาแตะกับจมูกผม มันเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ ” นี่อาจจะเป็นการขอบคุณที่เขาช่วยมันไว้ “นอกจากนั้นแล้วมันยังเอาอุ้งมือมาเกาะผมไว้ด้วย แล้วมันก็อ้าปาก ผมคิดว่ามันน่าจะคอแห้งผมก็เลยเอาน้ำดื่มมาเทให้มันกิน”     หลังจากได้ดื่มน้ำและพักผ่อนแล้วเจ้าจิงโจ้ก็ดูอาการดีขึ้นบ้าง แต่พวกเขาก็ยังเป็นห่วงมันอยู่จึงติดต่อให้เจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์ป่ามาดูอาการมันอีกที ตอนที่ถึงฝั่งและกำลังรอเจ้าหน้าที่มาหาอยู่ พวกเขาช่วยกันมัดเจ้าจิงโจ้ไว้อย่างหลวมๆ เพื่อไม่ให้มันหนีไป หวังว่ามันคงจะเข้าใจนะว่าพวกเขาทำไปเพราะเป็นห่วง     หลังจากที่เจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์ป่ามาถึงแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าถึงมันจะจมน้ำจนหมดสติไป มันก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยสักนิด…

ช่วงนี้ประเทศไทยเราอาจจะยังอยู่ในฤดูร้อน แต่ทางประเทศอเมริกากำลังอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นฤดูที่มีความสวยงามทางธรรมชาติให้เห็นมากมาย หนึ่งในสิ่งเหล่านั้นก็คือลูกสุนัขจิ้งจอกซึ่งจะสามารถเห็นได้เฉพาะช่วงนี้เท่านั้น และพวกมันก็ไม่ได้หาดูง่ายๆ เลย ทว่าคุณยายคนหนึ่งมีโอกาสได้เห็นพวกมันแทบทุกวันเลยล่ะ ผู้ใช้ Reddit ชื่อว่า Vechrotex บอกว่าคุณยายของเขาอาศัยอยู่ในบ้านซึ่งอยู่ใกล้กับป่า และช่วงนี้ก็มักจะมีแขกขนปุยตัวน้อยแวะมาเล่นตรงระเบียงบ้านของเธอประจำ ซึ่งมันก็คือลูกจิ้งจอกตัวน้อยนั่นเอง     บางครั้งมันก็เดินเข้ามาใกล้กับประตูกระจกแล้วมองเข้ามาข้างใน เหมือนกับจะพยายามขอของกินหรือกำลังมองหาคนมาเล่นด้วย ส่วนครั้งอื่นๆ มันก็จะมาขอใช้พื้นที่ระเบียงของคุณยายเพื่อวิ่งไล่จับกับพี่น้องของมัน ซึ่งทำให้คุณยายได้เห็นภาพที่น่ารักแบบนี้ทุกวัน     Vechrotex เล่าว่าพวกมันไม่ได้มากันเองตามประสาเด็กๆ หรอก ทุกครั้งที่พวกมันมาเล่นตรงนี้จะมีแม่จิ้งจอกมานั่งเฝ้ามองดูจากมุมไกลๆ เสมอ แต่พวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจกับแม่จิ้งจอกหรอก เพราะมันแวะมาตรงระเบียงบ่อยกว่าลูกจิ้งจอกซะอีก แม่จิ้งจอกจะแวะมาที่ระเบียงของพวกเธอตลอดปี ส่วนลูกจิ้งจอกจะโผล่มาให้เห็นแค่ช่วงนี้ของปีเท่านั้น     นั่นเป็นเพราะว่าจิ้งจอกจะผสมพันธุ์และมีลูกในเวลาเดิมเป็นประจำทุกปี และลูกจิ้งจอกมีพัฒนาการที่ไวมากๆ เพียงแค่เดือนกว่าๆ พวกมันก็จะโตจนดูเหมือนจิ้งจอกผู้ใหญ่แล้ว ถ้าหากจะหาดูความน่ารักของลูกจิ้งจอกตัวน้อยน่าทะนุถนอม ก็ต้องดูตอนช่วงเดือนเมษายนถึงกรกฎาคมเท่านั้นแหละ     หลายคนอาจจะไม่อยากอยู่บ้านแถบชายป่าเหมือนคุณยายของ Vechrotex เพราะมันห่างไกลความเจริญ แต่ถ้าแลกกับการได้เห็นความน่ารักแบบนี้บ่อยๆ ก็ดูคุ้มที่จะไปอยู่เหมือนกันนะ   ที่มา: Reddit, boredpanda

Randy Etter กับเจ้าหมา Gemini อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนเจ้าหมายังตัวเล็กแล้ว ปัจจุบันพวกเขาอยู่ด้วยกันมานานกว่า 2 ปี เขารักเจ้าหมามากๆ มันเป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของเขาเลย หากขาดมันไปเขาคงรู้สึกเศร้าแทบขาดใจ ดังนั้นเขาจึงยินดีจะทำทุกทางเพื่อช่วยมันเมื่อรู้ว่ามันเป็นอันตรายถึงชีวิต     ทุกครั้งที่ Etter ไปหาแฟนสาวที่บ้าน เจ้าหมาจะไปเล่นกับลูกสาวของเธอเสมอ…เด็กหญิงชอบโยนขวดนมออกมาให้ Gemini แล้วมันก็ไปคาบขวดนมกลับมาทุกครั้ง ปกติ Etter จะรีบเอาขวดนมออกจากปากมันแล้วเอาไปล้างก่อนจะคืนให้เด็กหญิง แต่ครั้งนี้เจ้าหมาคาบขวดนมไปโดยที่เขาไม่ทันสังเกต แล้วมันก็กัดจุกขวดนมจนขาดแล้วกลืนลงไป     ตั้งแต่ตอนนั้นเจ้าหมาก็เริ่มป่วย มันดูไม่กระตือรือร้นเหมือนปกติ แล้วก็เอาแต่เดินตามชายหนุ่มเหมือนต้องการให้ช่วยอะไรสักอย่าง เขาพอจะดูออกว่ามันไม่สบาย แต่ก็ยังลองดูอาการต่อก่อนสักพัก และเมื่อมันอ้วกอย่างรุนแรงเขาก็มั่นใจว่ามันป่วยหนัก ก็เลยรีบขับรถพามันไปหาสัตวแพทย์     น่าเสียดายที่สัตวแพทย์ที่เขาพาเจ้าหมาไปหาบอกไม่ได้ว่าอาการของมันเกิดจากอะไร เขาจึงต้องพามันขับไปตามคลินิกต่างๆ เพื่อหาสัตวแพทย์ที่บอกสาเหตุของอาการป่วยมันได้ Etter เล่าว่า “ผมเสียงานที่ทำไปเพราะต้องพามันขับไปหาสัตวแพทย์ตามที่ต่างๆ แต่ผมก็ไม่ได้รู้ความคืบหน้าเกี่ยวกับอาการของมันเลย ผมกลัวว่าผมจะช่วยมันไม่ทันเวลา นั่นเป็นสิ่งที่ผมกลัวที่สุด”     ในที่สุด Etter ก็เจอสัตวแพทย์ที่รู้อาการของเจ้า Gemini จนได้ คุณหมอบอกเขาว่าเจ้าหมามีบางอย่างอุดหลอดอาหารอยู่ แต่จำเป็นต้องผ่าตัดรักษา ซึ่งค่าใช้จ่ายสูงถึง 4,500…

ด้วยความน่ารักในแบบฉบับของหมาคอร์กี้ บวกกับนิสัยขี้อ้อนและเป็นมิตรแล้ว ทำให้แทบไม่มีใครต้านทานความน่ารักของ Max ได้เลย แม้แต่นักวิ่งก็ยังต้องหยุดแวะเล่นด้วย เจ้าหมา Max เป็นสัตว์เลี้ยงของนาย Colin ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐนิวออร์ลีนส์ ประเทศอเมริกา เขามักจะพามันไปไหนมาไหนด้วยเสมอ     เมื่อไม่นานมานี้ Colin ก็เพิ่งพา Max ไปชมการวิ่งแข่ง  Crescent City Classic ระยะ 10 กิโลเมตรด้วยกัน เนื่องจากเขาเองก็ต้องไปเชียร์เพื่อนที่เข้าร่วมงานวิ่งด้วย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาเห็นว่า Max ดูเหนื่อย เขาก็เลยอุ้มมันขึ้นมาเพื่อที่มันจะได้ไม่ต้องเดินเอง แล้วมันก็จะได้เห็นนักวิ่งชัดๆ ด้วย ตอนนั้นเองที่นักวิ่งทั้งหลายสังเกตเห็น Max อย่างชัดเจน นักวิ่งแทบทุกคนที่วิ่งผ่านมันในตอนนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะต้องแวะมาลูบเจ้าหมาก่อนจะวิ่งผ่านไป     แน่นอนว่าการที่พวกเขาหยุดเพื่อลูบเจ้า Max มันต้องทำให้พวกเขาเข้าเส้นชัยช้าลงนิดหน่อยแน่นอน แต่ถ้าเทียบกันแล้วกำลังใจที่ได้จากการลูบเจ้าหมาก็คุ้มค่ากว่าอยู่แล้ว Colin เล่าว่า “ตลอดเวลาที่เจ้าหมามีคนมาแวะลูบพุง ผมรู้สึกขำที่เห็นผู้คนยอมเข้าเส้นชัยช้าลงหลายวินาทีเพื่อแค่จะได้ลูบเจ้าหมา!”   https://www.instagram.com/p/Bac_UC6nuqF/?utm_source=ig_embed   แต่เราจะไปโทษนักวิ่งที่ยอมเสียเวลาไม่ได้หรอก ถ้าเราไปอยู่ต่อหน้า Max ในตอนนั้น พวกเราเองก็คงเป็นหนึ่งในคนที่หยุดลูบพุงมันเหมือนกัน  …

เมื่อแมวเหมียวสุดรักอยากรู้จักเพื่อนใหม่ห้องตรงข้าม เลยเป็นหน้าที่ของทาสที่ต้องช่วยให้มันสมหวัง และเกิดเป็นเรื่องราวสุดน่ารักขึ้น     เรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Mackenzie (@kenziecoffman) เห็นว่าเจ้าแมวส้ม Simon ของเธอมองแมวที่อยู่ในห้องตรงข้ามหน้าต่างอยู่บ่อยครั้ง เธอเลยคิดว่ามันน่าจะหลงรักแมวของเพื่อนบ้านเข้าให้แล้ว ครั้นจะปล่อยให้เจ้าแมวมองหน้ากันไปเรื่อยๆ แบบนี้ ความสัมพันธ์ของพวกมันก็คงไม่มีวันคืบหน้า เธอจึงตัดสินใจช่วยให้พวกมันรู้จักกันมากขึ้น     โดยการเขียนป้ายข้อความติดหน้าต่างไว้ว่า “แมวของคุณชื่ออะไร? ด้วยรักจาก Simon” และหวังว่าเจ้าของแมวฝั่งตรงข้ามจะเห็นข้อความนี้แล้วตอบกลับมาบ้าง แล้วหลังจากผ่านไปไม่นานก็มีข้อความส่งกลับมาหาเธอจริงๆ ว่า “สวัสดี Simon ฉันชื่อ Theo นะ แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย จาก Theo”     ดูเหมือน Simon จะดีใจมากเลยที่ได้รู้จักแมวฝั่งตรงข้ามเพิ่มขึ้นสักที หลังจากเริ่มเขียนจดหมาย พวกมันทั้ง 2 ตัวก็มาเจอหน้ากันที่หน้าต่างบ่อยขึ้นกว่าเดิมอีก แน่นอนว่าพอทาสของทั้ง 2 ฝ่ายรู้ว่าแมวฝั่งตรงข้ามอยากรู้จักแบบนี้ พวกเธอก็ย่อมยินดีช่วยให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาไปไกลมากยิ่งขึ้น     แม้ว่าทั้ง Mackenzie และทาสของ Theo จะไม่เคยคุยกันมากกว่าที่เขียนจดหมายให้เจ้าแมวเลย พวกเธอก็กล้ามากพอที่จะเปิดหน้าต่างให้มันทั้ง 2 ตัวได้คุยกันด้วย   THEO’s…

ทาสแมวบางคนเขารักแมวยิ่งกว่าลูกแท้ๆ ซะอีก ดูอย่างบ้านหลังนี้สิ เห็นลูกร้อนยังพอทน แต่เห็นแมวร้อนบ้างไม่ได้ต้องติดแอร์ให้!!     นี่เป็นเรื่องเล่าจากคุณ บี (บีอย่านอนดึกมากนะลุก อ่านหนังสือด้วย) และการติดแอร์ตัวใหม่ในบ้านของเธอเอง ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะเจ้าเหมียว โจวชัว เธอเล่าไว้ในเพจ “ทาสแมว” ว่าที่บ้านของเธอไม่ได้ติดแอร์สักที เพราะว่าพ่อไม่ยอมให้ติดแอร์มาตั้ง 3 ปีแล้ว แม้พี่ชายของเธอเสนอจะจัดการให้คุณพ่อก็ยังไม่อนุมัติให้เอาแอร์เข้ามาสักที จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้คุณพ่อเห็นเจ้าโจวชัวมันทนร้อนไม่ไหว ถึงกับต้องหลบไปอาศัยกระเบื้องเย็นๆ ในห้องน้ำเป็นที่นอน คุณพ่อถึงรีบทำการติดตั้งแอร์อย่างเร่งด่วน     จากที่ลูกๆ ทนร้อนกันมานาน 3 ปีก็ยังไม่มีแอร์ใช้ พอแมวร้อนเท่านั้นแหละภายในเวลา 24 ชั่วโมงในบ้านก็มีแอร์ตัวใหม่ใช้เลย รวดเร็วเหมือนเสกแอร์มาลงยังไงยังงั้น คุณบีถึงกับเขียนขอบคุณเจ้าแมวว่า “คุณหลวงโจวชัววิฬาร์สลิดเสนากับแอร์ตัวใหม่ของเขา กราบแมวสิโว้ยรออะไร นี่ถ้าไม่มีแมวเราร้อนตายเลย”     อันที่จริงดูเหมือนก่อนหน้านี้คุณพ่อของคุณบีก็ไม่ได้สนับสนุนให้เธอเลี้ยงแมวหรอกนะ เขาน่าจะเคยบอกเธอว่า “เรียนจบไม่ต้องเอามันกลับมาบ้านนะ พ่อเกลียดแมว” แต่ดูเหมือนพอได้อยู่ด้วยกันแล้วคุณพ่อก็ต้านทานเสน่ห์ของโจวชัวไม่ไหวเหมือนกัน ตอนนี้กลายเป็นทาสแมวอย่างเต็มตัวแล้ว แถมยังทำท่าทางห่วงมันยิ่งกว่าลูกซะอีกแน่ะ     ขอขอบคุณท่านโจวที่นำความร่มเย็นมาให้คุณบี   ที่มา: บีอย่านอนดึกมากนะลุก อ่านหนังสือด้วย, ทาสแมว

สายสัมพันธ์ของสัตว์มีความแน่นแฟ้นไม่แพ้มนุษย์ โดยเฉพาะสายสัมพันธ์ของแม่ลูกที่ยากจะตัดให้ขาด ความรักของแม่สัตว์ที่มีให้กับลูกแม้แต่มนุษย์อย่างเราก็มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แม่วัวชื่อ Karma เคยอยู่ในสภาพที่คนดูแลไม่ให้น้ำ อาหาร หรือที่กำบังกับพวกมันมาก่อน มันจึงถูกช่วยมาอยู่ในฟาร์ม The Gentle Barn     แต่พอ Karma มาถึงฟาร์มแล้ว มันก็เอาแต่ส่งเสียงร้องโหยหวนทั้งที่ร่างกายของมันก็แข็งแรงดี และก็มีน้ำกับอาหารให้มันกินเหลือเฟือ คนดูแลสังเกตเห็นว่ามีน้ำนมหยดจากเต้าของมันตลอดเวลา จึงคาดการณ์ว่ามันอาจจะร้องเพราะว่าคิดถึงลูกก็ได้ แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ยินว่ามันมีลูก     ตอนที่กลับไปตรวจสอบที่ฟาร์มเก่าของมัน พวกเขาก็ได้รู้ว่า Karma มีลูกตัวหนึ่งจริงๆ แต่คนเลี้ยงไม่ยอมบอกพวกเขาเพราะจะเก็บลูกวัวไว้ขาย ดีที่พวกเขารู้เรื่องนี้ทันการณ์จึงสามารถช่วยลูกวัวกลับมาที่ฟาร์มด้วยอีกตัวหนึ่ง     ตอนที่พวกเขาพาลูกวัวไปถึงฟาร์ม Karma คงจะรู้ว่าลูกมาแล้ว มันก็เลยรีบวิ่งมาที่รั้วกั้นแล้วส่งเสียงเรียกลูกเป็นการใหญ่เลย พอลูกวัวได้ยินเสียงแม่ มันก็รีบวิ่งตามเสียงไปเช่นกัน ท่าทางดีใจของพวกมันตอนได้กลับมาอยู่ด้วยกันทำให้เรารับรู้ได้ว่ามันรักกันมากๆ     หลังจากนั้น Karma กับลูกก็คลอเคลียอยู่ด้วยกัน แม่วัวให้ลูกกินนมจากเต้าของมัน และมันก็ไม่ส่งเสียงร้องแบบโหยหวนหรือทรมานอีก เรื่องของพวกมันทั้ง 2 ตัวทำให้เรารับรู้ได้ชัดเจนว่าแม่สัตว์ก็รักลูกสัตว์มาก ไม่ได้แพ้ที่คนเรารู้สึกรักครอบครัวเลย ถึงภายนอกเราจะไม่เหมือนกันแต่จิตใจข้างในคงไม่ต่างกันหรอก     รับชมเรื่องราวของ Karma…

ผู้ชายบางคนจะเก๊กมาดเข้มอยู่ตลอดเวลา บ้างก็ทำแบบนั้นเพราะทำแล้วดูสุขุมมาดแมน หรือบางคนก็แค่ไม่ชอบแสดงท่าทีอ่อนหวานต่อหน้าคนอื่นเพราะอายเท่านั้น แต่ไม่ว่าคุณจะดูมาดเข้มขนาดไหน ถ้าผู้ชายได้มาเป็นทาสแมวและอยู่ร่วมกันแล้ว ก็ต้านทานความขี้อ้อนของพวกแมวไม่ไหวหรอก ทำให้พวกเขามักจะมีมุมอ่อนหวานตอนอยู่กับเจ้านายขนปุย อีกอย่างตอนผู้ชายอยู่กับแมวนั้นดูน่ามองมากๆ เลย เพราะจะมีออร่าความอ่อนโยนแผ่ออกมาแบบไม่รู้ตัว!!   คุณลุงพาเจ้าแมวแก่ออกมาชมวิวด้วยกัน ก่อนที่มันจะสิ้นใจ   เห็นคุณพ่อชอบทำหน้าดุ พอมีแมวปุ๊บก็น่ามองขึ้นทันตาเห็น   ถึงจะงานยุ่งแค่ไหน ก็ยอมแบ่งเวลามากอดเจ้าแมว   อยู่กับแมวแล้วผ่อนคลาย ผู้ชายเลยไม่ทำหน้าเครียด   ชอบส่งสายตาขี้อ้อนแบบนี้ไง แม้แต่ผู้ชายก็ทนใจแข็งด้วยไม่ได้   ถึงเจ้าแมวจะกวนการทำงานไปหน่อย คุณพ่อก็ไม่ไล่หรอก เพราะอยากอยู่ใกล้มัน   คนรักแมวจะดูหล่อขึ้น 10,000%   ถ้าคุณรักแมว แมวก็จะรักคุณ   ปกติไม่หอมใครออกหน้ากล้องนะ แต่ถ้าเป็นแมวยอมหอมก็ได้   เมื่อคุณอินกับการดูแลแมวมากจนถึงขั้นสวมวิญญาณเพศแม่   ถ้าเจ้าแมวอยากนอนกอด งั้นเราไม่ลุกก็ได้   ดูแลแมวเหมือนเป็นลูกเลยทีเดียว   คนนี้เคยบอกว่าไม่ชอบแมว ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ…   หน้าพ่อไม่ยิ้มนะ แต่ในใจต้องฟินมากแน่ๆ   เมื่อยคอ แต่ยอมให้นอนต่อก็ได้ ฟินดี…

พี่น้องแมวยังเด็กมากทั้งคู่ หากต้องดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีแม่ โอกาสรอดชีวิตของมันก็แทบไม่มีอยู่เลย ดังนั้นการช่วยเหลือของหญิงสาวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้พวกมันเติบโตอยู่ในที่ที่ปลอดภัย     มีสาวคนหนึ่งเจอแมวน้อยสีดำและแมวน้อยสีเทาอยู่ในเขตโรงเรียน แต่เธอไม่เห็นวี่แววของแม่แมวอยู่แถวนั้นเลย เธอจึงช่วยเก็บพวกมันมาดูแล แต่ถึงเธอจะดูแลพวกมันโดยการให้อาหารทุก 2 ชั่วโมงแล้ว พวกมันก็ดูอาการไม่ดีนัก เธอดูแลต่อไม่ไหวก็เลยส่งพวกมันต่อไปให้ Nikki Martinez ซึ่งเป็นคนช่วยแมวที่มีประสบการณ์มากกว่า     Nikki ตั้งชื่อให้แมวน้อยสีดำว่า Ponch ส่วนแมวน้อยสีดำชื่อว่า Jon พอพวกมันมาอยู่กับเธอปุ๊บ เธอก็เห็นเลยว่าพวกมันมีปัญหาในการกินอาหาร ใขณะที่ Jon กินอาหารผ่านทางหลอดฉีดยาได้ เจ้า Ponch เอาแต่คายอาหารออกมาตลอด ทำให้เธอต้องใช้หลอดป้อนอาหารสอดลงไปในช่องปากมันโดยตรงเพื่อให้อาหาร     Nikki เล่าว่า “พวกเราได้รับการฝึกการป้อนอาหารโดยใช้หลอดจากสัตวแพทย์แล้ว…เจ้า Ponch มันต่อต้านตอนที่ฉันพยายามป้อนอาหารให้ มันไม่ยอมกลืนลงไปเลย การให้อาหารโดยใช้หลอดจึงเป็นทางเดียวที่จะทำให้มีอาหารตกถึงท้องมัน ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ดีไม่ดีมันอาจจะขาดสารอาหารตายเอา”     ทั้ง Jon และ Ponch ค่อยๆ แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้ Nikki มาช่วยดูแลพวกมัน ตอนนี้พวกมันไม่ได้ตัวผอมจนน่าเป็นห่วงแล้ว แต่พวกมันทั้งคู่ก็ยังเอาแต่กอดกันอย่างน่าเอ็นดู เหมือนกับตอนที่มีคนไปเจอพวกมันทั้ง…

การบริจาคเลือดเป็นกิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่คนใจบุญชอบไปทำกัน เนื่องจากเลือดของเราสามารถช่วยชีวิตคนอื่นได้ในยามฉุกเฉิน การไปบริจาคเลือดจึงเหมือนการได้ทำบุญแบบอ้อมๆ ไปด้วย ถึงเราจะคุ้นเคยกับบริจาคเลือดของคนดีแล้ว แต่คงมีไม่กี่คนที่รู้ว่าสุนัขก็บริจาคเลือดได้ด้วยเช่นกัน ลองไปฟังเรื่องราวจากหญิงที่พาสุนัขไปบริจาคเลือดเป็นประจำดูดีกว่า เราจะได้รู้ว่าการบริจาคเลือดสุนัขมันเป็นยังไง     Chrissa เป็นเจ้าของน้องหมา Milo เธอเคยพามันไปบริจาคเลือดมาก่อนแล้ว เธอจึงแค่ทำการนัดหมายกับทางคลินิกไม่มากก่อนจะพามันไปตรวจสุขภาพ และบริจาคเลือดเท่านั้น แต่ถ้าสุนัขของคุณยังไม่เคยทำการบริจาคเลือดล่ะก็ อาจจะต้องให้น้องหมาไปลงทะเบียน แล้วค่อยให้รับการตรวจร่างกาย ตรวจโรคและกรุ๊ปเลือดซะก่อน ถ้ามันแข็งแรงมากพอถึงจะสามารถบริจาคเลือดได้     คลินิกที่เธอพาเจ้าหมาไปบริจาคเลือดจะให้ขนมเป็นรางวัลกับเจ้าหมาก่อนที่มันมาทำความดี จากนั้นจึงจะค่อยพามันไปนอนบนเตียงเพื่อเจาะเลือด โชคดีที่เจ้าหมามันไม่กลัวคุณหมอ มันก็เลยไม่ได้ขัดขืนมากนัก สำหรับครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่มันมาบริจาคเลือด คุณหมอเลยต้องให้ยากล่อมประสาทเบาๆ มันจะได้ไม่ดิ้นมาก ถ้ามันมาบ่อยกว่านี้จนชินแล้วต่อไปก็ไม่ต้องใช้ยาอีก     ให้ยากล่อมประสาทนิดนึงนะ จะได้ไม่ดิ้นมาก   การบริจาคเลือดของเจ้าหมาจะใช้เข็มเจาะเข้าไปตรงบริเวณใต้คอ โดยจำเป็นจะต้องโกนขนตรงนั้นออกก่อนเพื่อให้ง่ายต่อการเจาะเข็ม และก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหมาเอง หลังจากเจาะเลือดเสร็จแล้วก็จะเข้าสู่เข้าตอนรอให้เลือดเต็มถุงเหมือนของคนเราเลย โดยจะช้ารึเร็วก็ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่ละตัว ส่วนเจ้า Milo ใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นเนื่องจากมีสุขภาพแข็งแรงดี     เจาะเลือดเสร็จก็แค่รอให้เลือดเต็มถุง   รอแป๊บเดียวเลือดก็เต็มถุงแล้ว เก่งมากเลยเจ้าตูบ   สัตวแพทย์บอกว่าเลือดสุนัขขนาดใหญ่หนึ่งถุง สามารถช่วยเหลือสุนัขขนาดใหญ่ตัวอื่นได้ถึง 4 ตัวเลยทีเดียว…

เวลาที่เราเลี้ยงสัตว์รวมกันไว้หลายตัว พวกมันมักจะมีเรื่องป่วนๆ ฮาๆ หลุดมาให้เราได้เห็นเสมอ คู่หูชิพมังค์กับกระต่ายคู่นี้เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @shiratama_suzu เลี้ยงกระต่ายเอาไว้หลายตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเจ้ากระต่ายขาว Shiratama แล้วนอกจากกระต่ายก็ยังมีชิพมังค์อีกตัวชื่อว่า Suzu ด้วย   น้อง Shiratama   และน้อง Suzu   Shiratama กับ Suzu อยู่ด้วยกันประหนึ่งเพื่อน พวกมันไม่มีปัญหาอะไรกันเลย จะมีก็แค่นิสัยแปลกๆ ของ Suzu เท่านั้นที่เห็นแล้วน่าตีจริงๆ เพราะมันชอบไปแย่งข้าวหรือขนมของเจ้ากระต่ายกิน ไม่ใช่ว่าเจ้าของให้ข้าวพวกมันไม่เท่ากันหรอกนะ เขาแบ่งข้าวไว้ให้พวกมันเรียบร้อยแล้ว แต่พอเจ้าชิพมังค์เห็นเพื่อนกระต่ายกินอะไรอยู่เท่านั้นแหละ มันก็จะวิ่งไปแย่งกินทุกครั้ง   なんで2個あげたのに1個を取り合うの？ pic.twitter.com/ccW1HegLC0 — しらたま&すずはツンデレラ (@shiratama_suzu) April 7, 2019   บางครั้งเวลาไปแย่งขนมมาเป็นของตัวเอง แล้วเจ้ากระต่ายหันไปกินชิ้นอื่นแทนแล้ว มันก็ยังจะตามมาแย่งข้าวของกระต่ายกินอยู่ดี เรียกว่าไม่ได้หิวแต่ชอบแย่งจะดีกว่า   大きい🍎を捨ててまで‥ pic.twitter.com/gLgWAnOJwU — しらたま&すずはツンデレラ (@shiratama_suzu) 10 เมษายน…

โชคชะตาของแม่ลูกแกะคู่หนึ่ง เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที เมื่อหญิงที่ประมูลตัวพวกมันได้ไม่ได้ซื้อพวกมันไปเป็นอาหาร แต่เป็นการจ่ายเงินเพื่อต่อชีวิตให้     แม่แกะหมายเลข 264 และลูกแกะหมายเลข 265 ถูกขายให้กับโรงประมูล Palm Sunday เพื่อให้โรงฆ่าสัตว์ประมูลตัวพวกมันไปเป็นอาหารอีกทอดหนึ่ง โชคดีที่คนที่มาประมูลพวกมันไปไม่ใช่โรงฆ่าสัตว์ แต่เป็น Marla Riley ซึ่งรักสัตว์และอยากเลี้ยง ชีวิตของพวกมันจึงรอดพ้นจากอันตราย   แม่แกะหมายเลข 264   ลูกแกะหมายเลข 265   Riley เป็นคนที่รักสัตว์ และเธอกับครอบครัวก็ช่วยกันทำกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ The Riley Farm Rescue อยู่ด้วย ก่อนหน้าแม่ลูกแกะคู่นี้ เธอก็ช่วยชีวิตสัตว์มามากมายแล้ว เธอบอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจมาช่วยชีวิตแม่ลูกแกะเป็นพิเศษ แต่พอเธอมางานประมูลแล้วเจอพวกมัน เธอก็คิดว่า 2 ตัวนี้แหละที่ฉันควรจะช่วย     หญิงสาวบอกอีกว่าเธอรู้ว่าแกะ 2 ตัวนี้ไม่ได้เป็นสัตว์คู่เดียวที่ตกที่นั่งลำบากในการประมูลครั้งนั้น มีสัตว์อีกหลายตัวที่ถูกประมูลขายให้โรงฆ่าสัตว์อีก ถึงเธอจะไม่สามารถช่วยเหลือพวกมันได้ทุกตัว แต่เธอก็ตัดสินใจว่าจะช่วยพวกมันเท่าที่ช่วยได้ อย่างน้อยแม่ลูกคู่นี้ก็ได้มีชีวิตอยู่ต่อเพราะความช่วยเหลือเล็กๆ ของเธอ     Riley ตั้งชื่อแม่แกะว่า Daisy…

ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหมาหรือเจ้าแมว ตอนอยู่บ้านกับเราพวกมันก็เล่นซนหรือนอนหลับแทบทั้งวัน เหมือนมันอยู่แบบไม่แคร์เราเลย จนบางคนก้อดสงสัยไม่ได้ว่ามันสนใจเราบ้างรึเปล่า แต่นั่นอาจเป็นเพราะคุณไม่เคยเห็นพวกมันตอนอยู่ห่างจากคุณ ถ้าคุณลองแอบถ่ายรูปหรือวิดีโอตอนที่คุณไม่อยู่บ้านไว้ คุณอาจจะได้เห็นว่าพวกมันคิดถึงคุณมากจนแทบรอเจอหน้าไม่ไหวก็ได้ แบบสัตว์พวกนี้เป็นต้น   พอใกล้เวลาพ่อกลับบ้าน ก็มารอตรงนี้ทุกที   ไม่ไดม้ีแค่หมาที่คิดถึง แมวก็คิดถึงทาสเด้อ   ช่องล่างกว้างสุด รอดูจากช่องนี้ละกัน   ดีนะหน้าต่างอยู่ระดับสายตาพอดี เลยนอนรอได้   กลับมาบ้านสักทีนะทาส เติมข้าวให้เราได้แล้ว   กระต่ายยังมารอมนุษย์กลับบ้านด้วยเลย   นั่นไงแกทาสกลับมาแล้ว   คิดถึงทาสจังเลย อยู่บ้านคนเดียวไม่รู้จะกวนใคร   พวกหมาตาถั่ว นั่นไม่ใช่รถมนุษย์สักหน่อย เรียกเรามาให้ดีใจเล่นทำไม   ปกติไม่เห็นสนใจเราเลย พอมาดูกล้องวงจรปิด มันแอบมารอเรากลับบ้านเว้ย!!   คาบของขวัญมารอต้อนรับด้วยเลยเหรอ   พอทาสไม่อยู่ก็เหงาล่ะสิเจ้าเหมียว   กลับบ้านมาก็ดีอยู่หรอกทาส แต่คราวหน้าอย่ากลับดึกเข้าใจไหม!!   ไปหัดนั่งท่านี้มาเพื่อรอเจ้าของกลับบ้านโดยเฉพาะเลยนะ   ไม่ใช่แมวบ้านนี้หรอก แต่มารอน้องกลับจากโรงเรียน จะได้มีคนเล่นด้วย   ตัวสูงก็จะมองเห็นเจ้านายไกลๆ หน่อย จะได้มีเวลาเตรียมตัวกระโจนใส่…

แมวเหมียวตาบอดไม่ได้รับความสนใจจากแม่หรือพี่น้องเลย แต่ชีวิตมันก็ยังมีความสุขได้ เพราะมีมนุษย์พามันไปอยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหม่     Kerry Denman เป็นหญิงสาวที่ชอบแมว บางครั้งเธอก็จะแวะไปที่ศูนย์พักพิงสัตว์เพื่อเล่นกับพวกแมว แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะรับเลี้ยง ครั้งนี้เธอก็มาศูนย์พักพิงสัตว์เพื่อเล่นกับแมวอีกเช่นเคย แต่คราวนี้เธอได้เจอกับเจ้า Louie ซึ่งเป็นลูกแมวที่มาอยู่ใหม่ด้วย     Louie เป็นลูกแมวที่เกิดมาก็ตาบอดแล้ว และก็มีโครงสร้างกระดูกผิดปกติบางจุด เธอเห็นมันนั่งขดอยู่ตัวเดียวบนตะกร้าผ้า แม่ของมันไม่ดูแลมันเลยเพราะมันเป็นตัวที่อ่อนแอที่สุดในในครอก ส่วนพี่น้องของมันก็ไม่ยอมเล่นกับมันเช่นกัน เธอรู้สึกสงสารมัน แต่ก็ไม่ได้พามันกลับบ้านด้วยในตอนนั้น…     แต่หลายวันผ่านมาเรื่องของเจ้าแมวน้อย Louie ก็ยังวนเวียนอยู่ในหัว Denman เหมือนเดิม เธอจึงกลับไปรับเลี้ยงเจ้าแมวตาบอดมาอยู่ด้วยกัน     Louie ปรับตัวกับบ้านหลังใหม่ได้ไวกว่าคนที่รับเลี้ยงมันซะอีก Denman เล่าว่า “วันแรกที่พามันมาอยู่บ้านฉันสติแตกมาก แต่เจ้าแมวไม่ได้ดูหวาดกลัวเลย มันก็แค่สำรวจบ้านไปรอบๆ มันทำตัวเหมือนกับว่ามันอยู่กับฉันมานานแล้ว”     เวลาที่ Louie อยู่กับหญิงสาวตามลำพัง เธอบอกว่ามันดูไม่หวาดกลัวเลย แต่ถ้ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในห้องด้วยมันจะเดินตามเสียงของเธอตลอด เธอคิดว่าจริงๆ มันก็คงจะรู้สึกกลัวหรือกังวลกับสิ่งแปลกใหม่บ้าง แต่เจ้าแมวน้อยมันไว้ใจเธอตั้งแต่แรก เธอก็เลยไม่เห็นมันกลัวเท่านั้นเอง     หลังจากเลี้ยงมันมาได้พักใหญ่ๆ Louie…

แมวเหมียวสีขาวดำตัวนี้ไม่เคยเดียวดายเลย เพราะถึงมันจะออกไปเล่นข้างนอกตัวเดียว แต่มันก็จะเอาของเล่นติดตัวไปเป็นเพื่อนด้วยเสมอ…     แมวเหมียวอายุ 12 ขวบตัวนี้ชื่อว่า Pixie มันอาศัยอยู่บ้านกับทาส Beth Wilson ด้วยกันที่บ้านในประเทศอังกฤษ Wilson รัก Pixie และโอ๋มันมากๆ เธอให้มันออกไปเที่ยวเล่นตามใจชอบ และก็ซื้อของเล่นให้มันมากมายซึ่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นตุ๊กตาที่มันโปรดปราน     Pixie ติดตุ๊กตาเอามากๆ เวลาที่มันออกไปเล่นซนทีไรมันต้องมีตุ๊กตาติดตัวไปด้วยอย่างน้อย 1 ตัว แล้วมันก็จะดูแลตุ๊กตาเป็นอย่างดี เวลาที่เจ้าแมวทำอะไรแล้วรู้สึกดี มันก็จะอยากจะให้ตุ๊กตารู้สึกอย่างนั้นด้วย อย่างเช่นถ้าเจ้าแมวรู้สึกฟินตอนมันนอนหงายท้องรับแสงแดด มันก็จะให้ตุ๊กตาของมันนอนหงายท้องเหมือนกัน     หรือถ้าวันนั้นมันเอาแต่วิ่งเล่นสำรวจไปทั่วสวน มันก้จะไม่ปล่อยตุ๊กตาทิ้งเอาไว้ แต่จะคาบติดตัวไปด้วยกันเลย มันคงได้ความรู้สึกเหมือนว่ามันกับเจ้าตุ๊กตาได้สำรวจโลกกว้างไปพร้อมๆ กัน     เจ้าแมวมีตุ๊กตาหลายตัว แต่ก็ดูแลอย่างดีทุกตัว   Pixie ไม่ได้ติดตุ๊กตาแค่เวลาออกไปข้างนอกบ้านเท่านั้น ถ้าวันไหนฝนตกจนออกไปนอกบ้านไม่ได้ มันก็จะคาบตุ๊กตาเดินเล่นอยู่ในบ้านนั่นแหละ Wilson เล่าว่า “ในช่วงหน้าร้อนมันจะเอาตุ๊กตาออกไปเล่นด้วยที่สวน บางครั้งมันก็จะคาบตุ๊กตาออกไเดินเที่ยว แล้วกลับเข้ามาในบ้าน… ส่วนช่วงหน้าหนาวมันจะคาบตุ๊กตาเดินไปรอบๆ บ้าน บางครั้งมันก็เอาตุ๊กตาเข้ามาในห้องหลายตัวเลยทีเดียว”    …

เมื่อ 2 เดือนก่อนเราเคยได้เล่าเรื่องราวของคุณตา John และเจ้าหมา Pawpaw ให้ทุกคนได้อ่าน รวมถึงความหวังที่เขาอยากหาบ้านให้มันก่อนจะจากโลกนี้ไป (อ่านเรื่องราวก่อนหน้านี้ของคุณตา John และเจ้าหมา Pawpaw ได้ที่ https://www.catdumb.com/old/man-last-wish-find-dog-home-700) และในตอนนี้หลังจากที่ตามหาบ้านให้เจ้าหมาแรมเดือน ความปรารถนาของคุณตา John ก็เป็นจริงได้ทันเวลาอย่างฉิวเฉียด     คุณตา John ผู้รักหมาอยู่กับหมามาหลายตัวแล้ว แม้จะแก่มากแล้วเขาก็ยังรับเลี้ยง Pawpaw มาอยู่เป็นเพื่อนคู่ใจกัน แต่เนื่องจากคุณตาป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม เขาจึงรู้ตัวเองดีว่าเขาเหลือเวลาใช้ชีวิตอยู่อีกไม่นาน เขาห่วงอย่างเดียวเท่านั้นคืออยากให้ Pawpaw มีคนดูแลต่อก่อนเขาตาย     กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Muttville Senior Dog Rescue ซึ่งมอบ Pawpaw ให้กับ John ก็พยายามช่วยคุณตาหาบ้านให้กับเจ้าหมามาสักระยะหนึ่งแล้ว จนเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่ตามหาเจ้าของใหม่อยู่นาน… พวกเขาคิดว่า Bernie Knobbe กับ Tim Belavich เป็นคนที่เหมาะสมจะได้เลี้ยงมันต่อ จึงได้นัดพวกเขาให้ไปเจอกับเจ้าหมาดูก่อน     Bernie…

เชื่อว่าทาสแมวทั้งหลายน่าจะยังจำแมวส้ม Go-chan และแมวดำ Ken-chan ได้ พวกมันคือคู่หูแมวที่พยายามจะลักลอบเข้าพิพิธภัณฑ์ Onomichi Museumในจังหวัดฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น (อ่านเรื่องราวก่อนหน้านี้ของ Go-chan และ Ken-chan ได้ที่ https://www.catdumb.com/old/cats-visiting-japanese-art-museum-777)     Ken-chan นั้นอาศัยอยู่กับทาสในบ้านที่อยู่ใกล้เคียง และจะออกมาเล่นข้างนอกบ้านเป็นประจำ ส่วน Go-chan เป็นแมวจรจัดที่อาศัยอยู่ในเขตอพาร์ตเมนต์แถวนั้น ทุกวันนี้เจ้าแมวส้มและแมวดำก็ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์เหมือนเดิม และยังคงพยายามจะเข้าไปในพิพิธภัณฑ์อย่างไม่ลดละ   『久しぶりニャ😺 Long time no see! ②』(23/4/2019) #尾道 #千光寺公園 #尾道市立美術館 #黒猫 #cat #onomichi pic.twitter.com/YPS0m14x5n — 尾道市立美術館 (@bijutsu1) April 23, 2019   แม้ลุงยามที่เฝ้าประตูอยู่ ก็ไม่ให้มันเข้าไปข้างในเช่นเคย แต่เขาก็อ่อนโยนและเอ็นดูทั้ง Ken-chan และ Go-chan บ่อยครั้งที่พวกมันมาหาเขาก็จะหยุดเล่นกับพวกมัน เจ้าแมวทั้ง 2…

คงไม่มีใครหรอกที่ห้ามใจไม่ให้รักนกเจ้าถิ่นแห่งแดนขั้วโลกอย่าง “นกเพนกวิน” ได้ ก็หน้าตาพวกมันทั้งดูใสซื่อบริสุทธิ์และน่ารักซะขนาดนั้น แล้วรู้รึเปล่าว่าพวกเพนกวินมันก็มีวันพิเศษเป็นของตัวเองด้วยนะ…ซึ่งก็คือวันที่ 25 เมษายน ของทุกปีนั่นเอง     “วันเพนกวินโลก” ถูกกำหนดขึ้นครั้งแรกเมื่อนักวิจัยบนเกาะรอสส์ ในทวีปแอนตาร์กติกา ค้นพบว่านกเพนกวินอาเดลีจะพากันอพยพในวันนี้เป็นประจำทุกปี พวกเขาก็เลยทำให้มันเป็นวันพิเศษที่ทุกคนจะได้ชมการอพยพของพวกมันซะเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะฉลองให้กับพวกมันเพียงสายพันธุ์เดียวหรอกนะ วันเพนกวินโลกเป็นวันที่จะทำให้คนทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญของเพนกวินทุกสายพันธุ์เท่าๆ กัน     ก็อย่างที่รู้กันดีว่าปัจจุบันสภาวะโลกร้อนนั้นส่งผลกระทบต่อการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกเป็นอย่างมาก และมันก็ส่งผลโดยตรงต่อถิ่นที่อยู่อาศัยของนกเพนกวินด้วย ทำให้จำนวนของพวกมันลดลงอย่างน่าเป็นห่วง ตอนนี้ในจำนวนนกเพนกวินทั้งหมดที่มีอยู่บนโลก 17 สายพันธุ์ พวกมัน 11 สายพันธุ์ถูกประกาศให้เป็นสัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์หรือสัตว์ล้ำค่าเรียบร้อยแล้ว ในอีกนัยหนึ่ง วันนี้จึงเป็นวันที่ทำให้มนุษย์เราหันมาใส่ใจปัญหาโลกร้อนและการอนุรักษ์เพนกวิ้นด้วยเช่นกัน     ส่วนพวกเราขอย้ำเตือนความสำคัญของพวกมันด้วยภาพน่ารักๆ ดีกว่า พอเพื่อนๆ ตกหลุมรักกับนกเพนกวิ้นแล้ว จะได้อยากให้พวกมันอยู่กับเราไปนานๆ แล้วช่วยกันอนุรักษ์พวกมันไงล่ะ     วันนกเพนกวินทั้งที พี่หมีลองมาเป็นเพนกวินกับเขาบ้างก็ได้   เหมือนมาอยู่ผิดฝูงเลยแฮะ   บางทีไม่ต้องมีน้ำแข็งเพนกวินก็อยู่ได้ ขอแค่อากาศหนาวเย็นก็พอ   เห็นเพนกวินชอบอากาศหนาว แต่ก็ชอบอาบแดดเหมือนกันนะ   ใครบอกเพนกวินบินไม่ได้ เราบินได้ไม่กี่วิต่างหาก  …

มีบางบ้านเหมือนกันที่ถึงจะแต่งงานกันนานแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกตัวน้อยด้วยกันสักที ที่เห็นมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็มีแค่เจ้าหมานั่นแหละ ถ้าคุณสงสัยว่าพวกเขาไม่อยากเลี้ยงเด็กบ้างเลยเหรอ…จริงๆ พวกเขาอาจจะไม่มีลูกกันเพราะทุกวันนี้ที่เลี้ยงหมาก็รู้สึกเหมือนเลี้ยงลูกคนแล้วก้ได้ ฮั่นแน่!! แอบคิดอยู่ล่ะสิว่าลูกหมากับลูกคนมันจะไปเหมือนกันได้ยังไง อะไปดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า แล้วเอาปากกามาวงว่าตรงไหนบ้างที่มันไม่เหมือน!!   จะไม่ฟังคำว่าไม่จากปากเราเด็ดขาด ไม่งั้นจะงอน https://twitter.com/GrizzlySZN/status/1107292798590599168   มีคนเปเสื้อผ้าน่ารักๆ ให้ใส่เสมอ My mum gets handmade clothes from America for my dog and I literally can’t cope 😂😩😂 pic.twitter.com/lpGnDiLyi0 — Rubess🌹 (@rubyymaee) March 27, 2018   จะเด็กหรือหมาก็อารมณ์แปรปรวนง่าย อยู่ๆ จะงอนก็งอน https://twitter.com/Smashhlyn/status/1117537003719942144   เล่นสนุกคนเดียวได้เป็นชั่วโมงๆ Lads look at my dog being the…

ชายคนหนึ่งเข้าไปคุ้ยหาเศษอาหารเพื่อประทังชีวิต ครั้งนี้แม้เขาจะไม่ได้ของกินให้ตัวเอง แต่เขาได้ช่วยชีวิตน้อยๆ เอาไว้ถึง 7 ชีวิต เมื่อกลางเดือนเมษายน 2019 ที่ผ่านมา มีชายไร้บ้านคนหนึ่งไปคุ้ยถังขยะซึ่งอยู่ข้างร้านขายอะไหลารถยนต์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา     แต่แทนที่เขาจะเจอเศษอาหารอย่างที่ตั้งใจ เขากลับพบว่ามีคนเอาลูกหมา 7 ตัวมามัดใส่ถุงพลาสติกแล้วทิ้งไว้ในนั้นแทน เขาจึงช่วยหิ้วเอาตัวพวกมันออกมา แล้วเอาพวกมันไปวางไว้ใกล้กับด้านหน้าของทางเข้าร้านขายอะไหล่รถยนต์ เผื่อคนที่ผ่านมาจะช่วยเหลือพวกมันได้   .   Jazzy Espino ซึ่งทำงานอยู่ที่ร้านขายอะไหล่รถยนต์เล่าให้ฟังว่า “ลูกค้าที่เข้ามาบอกฉันว่าข้างนอกมีลูกหมาถูกทิ้งอยู่ เราก็เลยเอาพวกมันใส่กล่องแล้วพามาไว้ข้างในร้าน พวกมันเนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะอากาศข้างนอกนั่นร้อนมาก แล้วพวกมันก็ทั้งร้องทั้งกัดนิ้วเราเนื่องจากพวกมันหิวมากด้วย…วันนั้นอากาศร้อนถึง 95 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งทำให้พวกมันตายได้ง่ายๆ เลยล่ะ”     เธอเล่าต่อว่า “ที่ทิ้งขยะอยู่ตรงด้านข้างของร้านเรา ตรงนั้นแทบไม่มีใครผ่านไปเลย ถ้าไม่ได้คนไร้บ้านคนนั้นคุ้ยพวกมันออกมาล่ะก็ คงไม่มีใครเจอพวกมันหรอก” จากนั้น Espino ก็ติดต่อไปหาเพื่อนที่ทำงานช่วยเหลือสัตว์ เพื่อนของเธอจึงนำอาหารมาป้อนให้พวกมันกิน แล้วช่วยไม่ให้พวกมันหิวตายได้   .   ส่วนทางด้านคนใจร้ายที่นำลูกหมาเป็นๆ มาทิ้งไว้ ทางร้านและเจ้าหน้าที่ควบคุมสัตว์ได้เปิดกล้องวงจรปิดดูย้อนหลัง และเจอตัวเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอเป็นหญิงวัย 54…

การรับเลี้ยงหมาไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องดูแลมันฝ่ายเดียวเท่านั้น สำหรับบางคนเจ้าหมาก็มีส่วนช่วยในการดูแลเจ้าของเช่นกัน เหมือนกับคุณตาและเจ้าหมาคู่นี้ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ก่อนหน้านี้เจ้าหมา Buddy อยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์มานานแล้ว ในเมื่อไม่มีใครมารับดูแลมันสักที ทางศูนย์พักพิงสัตว์จึงตัดสินใจว่าคงถึงเวลาต้องการุณยฆาตมัน ก่อนหน้าที่จะถึงวันสุดท้ายในชีวิตของเจ้าหมานั่นเอง Richard Patterson ก็ได้เข้ามาในศูนย์พักพิงสัตว์แห่งนั้นพอดี แล้วพอเขารู้ว่ามันจะมีชีวิตได้อีกแค่วันเดียว เขาก็รับมันมาเลี้ยงเอาไว้     ทว่าเขาไม่ได้เป็นฝ่ายช่วยชีวิตมันฝ่ายเดียวเท่านั้น หลังจากที่มันมาอยู่กับเขาสักระยะหนึ่งแล้ว มันก็ช่วยเตือนภัยเขา โดยการเห่าและใช้อุ้งเท้าแตะบริเวณที่เขารู้สึกปวดด้วย เขาคิดว่ามันอาจเป็นการเตือนภัยบางอย่าง เขาจึงลองไปหาหมอเพื่อตรวจร่างกายดู แล้วได้รู้ว่าเขาเป็นมะเร็งผิวหนังบริเวณที่เจ้าหมาแตะจริงๆ เนื่องจาก Buddy ช่วยให้เขาตรวจเจอมะเร็งตั้งแต่ระยะแรก หมอจึงช่วยผ่าตัดเอาส่วนที่เป็นเนื้อร้ายออกให้เขาได้ ทำให้เขามีชีวิตต่อได้โดยไม่ต้องเป็นโรคมะเร็ง     นอกจากจะช่วยเตือนภัยเรื่องโรคมะเร็งให้ Patterson แล้ว Buddy ยังช่วยให้เขาต่อสู้กับโรค Post-traumatic stress disorder (PTSD) หรือก็คืออาการเครียดที่ฝังใจ ซึ่งเกิดขึ้นกับเขาหลังออกรบที่เวียดนามมาด้วย โรคนี้ทำให้ Patterson กลายเป็นคนมีปัญหาในการเข้าสังคม แต่พอมี Buddy มาอยู่ด้วยเขาก็รู้สึกว่ามันช่วยให้เขาผ่านปัญหานี้ไปได้     โดยเจ้าหมาจะไปอยู่เป็นกำลังใจให้เขาทุกเวลา เขาเล่าว่า “มันไปที่โบสถ์กับผม มันนอนเป็นเพื่อนผม แล้วก็ไปส่งผมเข้าห้องน้ำด้วย ตอนไปหาหมอมันก็ยังไปเป็นกำลังใจให้ผมเลย”  หรือแม้แต่เวลาที่เขาไปออกกำลังกายที่ยืมมันก็ไปออกกำลังกายเป็นเพื่อนเขาเช่นกัน  …

แมวแก่ขี้เซาไม่มีคนรับเลี้ยงไปสักที เนื่องจากมันไม่ค่อยดึงดูดความสนใจจากคนที่มาหาแมวเลี้ยง อาสาสมัครจึงต้องให้ครูฝึกช่วยให้มันหาจุดเด่นเพิ่มให้ตัวเองบ้าง ทำให้ในที่สุดมันก็มีคนสนใจและรับไปเลี้ยง เจ้าแมว Lynette Baguette มาอยู่ในศูนย์พัพิงสัตว์ Monmouth County SPCA (MCSPCA) ได้สักพักแล้ว และการทำให้มันมีคนอยากรับเลี้ยงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย     เนื่องจากเจ้าแมวเป็นโรคไขข้ออักเสบ มันจึงรู้สึกเจ็บแผลและทำให้มันมีอารมณ์บูดเกือบตลอดเวลา เวลามีคนอยากเล่นด้วย มันก็มักจะใช้อุ้งเท้านุ่มๆ ตะปบหรือใช้ฟันที่เหลืออยู่ซี่เดียวงับเพื่อบอกว่าไม่อยากเล่นด้วย คนที่ดูแลมันรู้ถึงปัญหาเรื่องนี้ดี พวกเขาจึงพยายามรักษาโรคไขข้ออักเสบให้มันก่อนเป็นอันดับแรก จนกระทั่ง Lynette หายจากโรคนั้น     แต่พอ Lynette หายเจ็บแล้ว แทนที่จะมันจะสนใจเล่นกับคนอื่นมากขึ้น มันกลับรู้สึกสบายตัวมากๆ แล้วเลือกที่จะนอนหลับเกือบตลอดเวลาแทน นั่นทำให้ทุกคนที่มีคนมารับเลี้ยงแมวในศูนย์พักพิงสัตว์ พวกเขาก็จะสนใจแมวตัวอื่นที่เข้ามาเล่นด้วยมากกว่า แล้วเจ้า Lynette ที่เอาแต่นอนหลับก็แทบจะไม่อยู่ในสายตาทาสทั้งหลายเลย     ด้วยเหตุนี้คนดูแลจึงตัดสินใจพาครูฝึกแมว Lindsay มาเจอมัน เพื่อให้เธอช่วยหาวิธีแก้ความขี้เซาของเจ้าเหมียว และทำให้มีคนรับเลี้ยงมันให้ได้ ซึ่งหลังจากที่ Lindsay ใช้เวลาอยู่กับ Lynette สักระยะหนึ่ง เธอก็พบว่ามันมีความสามารถที่ไม่เหมือนแมวตัวอื่น ซึ่งก็คือการทำ “ไฮไฟว์” หรือการแตะมือกับทาสเพื่ออ้อน  …

แมวจรจัดตัวหนึ่งมักจะมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ บ้านของ Noemi Camacho เธอเองก็เป็นคนชอบแมว ก็เลยหลงเสน่ห์มันแล้วเอาข้าวเอาน้ำให้มันกินบ่อยๆ สักพักหนึ่งเธอก็สังเกตว่าแมวตัวนั้นกำลังท้องอยู่ ด้วยความที่เป็นห่วงมันเธอก็เลยเก็บเอามันเข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อให้มันมีที่ไว้คลอดลูก     ลูกแมวส่วนใหญ่สุขภาพแข็งแรงดี แต่มีอยู่ตัวหนึ่งที่มีขาบิดเบี้ยวผิดรูป ซึ่งเธอไม่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลแมวแบบนี้จึงไม่สามารถช่วยมันเองได้ เธอจึงช่วยพวกมันโดยการติดต่อไปหากลุ่มช่วยเหลือสัตว์ในชุมชนแทน ครอบครัวของมันจึงได้ไปอยู่กับกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Friends for Life RescueNetwork     Jacqueline DeAmor ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ตั้งชื่อแม่แมวว่า Nymeria เธอรับมันและลูกมาอยู่ในกันในศูนย์พักพิงที่เธอดูแลอยู่ แล้วเธอก็ให้อาสาสมัครช่วยแม่แมวในการดูแลแม่แมว ซึ่งตัวที่พวกเขาต้องดูแลเป็นพิเศษก็คือ Troy ลูกแมวที่มีขาผิดรูป     พวกเขารู้ว่าขาที่ผิดรูปของ Troy มีสาเหตุมาจากเส้นเอ็นที่ตึงมากเกินไป พวกเขาจึงทำการบำบัดให้มันด้วยการนวดเป็นประจำ Jacqueline เล่าว่า “เส้นเอ็นของมันสั้นเกินและจึงเกินไป ถ้าเรานวดและช่วยยืดเอ็นให้มัน เราก็หวังว่ามันจะช่วยให้เส้นเอ็นยืดอย่างถาวรได้”     โชคดีที่การรักษาเป็นไปตามที่เธอคิด หลังจากนวดให้มันไม่กี่วัน ขาของ Troy ก็เริ่มเข้าที่เข้าทางเป็นปกติแล้ว ที่เหลือก็แค่นวดให้มันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อทำให้เส้นเอ็นของมันอยู่ตัวตามปกติ ส่วนลูกแมวตัวอื่นนั้นอาสาสมัครแทบไม่ต้องช่วยดูแลเลย เพราะว่าแม่แมว Nymeria ดูแลลูกแมวเองทุกอย่างจนไม่เหลืออะไรให้อาสาสมัครช่วยเลย     Jacqueline เล่าถึงแม่แมวว่า “มันเป็นแม่แมวที่หวงลูกอย่างแรง…

มีคนเคยบอกไว้ว่าอย่าเชื่ออะไรจนกว่าจะได้เห็นกับตาตัวเอง แต่ถึงคุณจะได้เห็นบางอย่างกับตาแล้ว นั่นก็อาจจะไม่ใช่ความจริงก็ได้!? เพราะบางครั้งสิ่งที่เห็นก็ยังหลอกตาคุณอยู่ดี เหมือนกับสัตว์พวกนี้ที่ถึงจะดูเหมือนกับสัตว์ชนิดหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วเป็นสัตว์คนละตัวเลย พวกมันมีความคล้ายกับตัวอื่นขั้นเทพ ชนิดที่ว่าหลายคนมองผ่านแล้วเข้าใจผิดกันง่ายๆ เลย ไปดูกันว่าคุณจะมองตัวจริงของสัตว์พวกนี้ออกทุกตัวไหม   หมาแพนดี้ กับหมีแพนด้า   เป็นลูกหมาแท้ๆ แอ๊บเป็นลูกหมีซะเนียน   ถ้าดูแค่ลายก็เป็นเสือดีๆ นี่เอง   ถ้าคุณคิดว่านี่เป็นแกะ…คุณคิดผิด!! มันคือหมูพันธุ์ Mangalitsa ที่มีขนเต็มตัวตลอดทั้งปี   นี่คือ Owl Butterfly เป็นผีเสื้อแต่มีหน้านกฮูกอยู่บนปีก   อุ๋งๆ ตัวนี้ว่ายได้แค่ท่าลูกหมาตกน้ำเท่านั้นแหละ   คล้ายกันแบบนี้ ถึงจะมีคนเข้าใจหนูผิดเป็นแมวหรือแมวผิดเป็นหนู ก็จะไม่แปลกใจเลย   พี่หมานิวฟาวด์แลนด์ ตัวโตจนเนียนไปกับม้าซะงั้น   เจ้าแห่งการปลอมตัว ตั๊กแตนกิ่งไม้   ใจเย็นๆ น้องไม่ใช่หมาป่า น้องเป็นแค่หมาพันธุ์ Tamaskan   ถึงจะเหมือนกระต่ายขนปุย แต่จริงๆ มันคือทากทะเลต่างหาก   ดูหน้าเป็นหนู แต่พอดูรวมๆ…

เราได้เห็นแมวที่มีลักษณะแปลกเพราะความผิดปกติทางพันธุกรรมมาเยอะ บ้างก็มีขาผิดรูป บ้างก็มีหูเยอะเกิน หรือบางตัวก็มีปากแหว่ง แต่คงไม่มีอะไรจะแปลกเท่าแมว 2 หน้าอีกแล้ว     ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2017 แม่แมวตัวหนึ่งในประเทศแอฟริกาใต้ได้ให้กำเนิดลูกแมว 3 ตัว แต่หนึ่งในนั้นมีความแปลกประหลาด เนื่องจากมันมีใบหน้า 2 ใบ ถ้าจะบอกให้ละเอียดกว่านั้นคือลูกแมวน้อยมีตา 4 ดวง มีจมูก 2 อัน และก็มีปาก 2 อันด้วย เนื่องจากเจ้าของแมวไม่เคยเห็นแมวแบบนี้มาก่อน เขาจึงรีบพามันไปหาสัตวแพทย์     เขาได้รู้จากสัตวแพทย์ว่าลูกแมวมีความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เรียกว่า craniofacial duplication ซึ่งทำให้มันมีใบหน้าเกินมา เขาแนะนำกับเจ้าของว่าควรการุณยฆาตมันซะตั้งแต่ตอนนั้น เนื่องจากลูกแมวที่มีความผิดปกติแบบนี้มักจะมีโอกาสรอดชีวิตน้อย แล้วถ้าอยู่ไปก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอด     ถึงอย่างนั้นเจ้าของแมวก็อยากลองให้โอกาสมันใช้ชีวิตดูก่อน เธอจึงพามันกลับบ้านไปด้วยพร้อมกับตั้งชื่อให้แมวน้อยว่า Bettie Bee     ในช่วงแรก Bettie Bee มีพัฒนาการไม่ต่างไปจากลูกแมวปกติเลย มันกินเก่ง นอนเก่ง แล้วก็ชอบเล่นซนเหมือนลูกแมวทั่วไป แล้วเจ้าแมว 2 หน้าก็มีน้ำหนักตัวตรงตามมาตรฐานเหมือนกับแมวตัวอื่นด้วย…

ใครที่เลี้ยงแมวอยู่คงรู้อยู่แล้วว่าสิ่งหนึ่งที่เจ้าแมวชอบเล่นมากๆ ก็คือ “ทิชชู่” ถ้าทิ้งทิชชู่ไว้ใกล้มือมันเมื่อไหร่ รับรองว่าหมดม้วนแน่นอน ทว่ามีทาสแมวอยู่คนหนึ่งที่อยากให้เจ้านายได้เล่นทิชชู่อย่างจุใจ เขาจึงลองสร้างห้องที่มีแต่ทิชชู่ให้มัน งานนี้ไปดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น     เจ้าเหมียวที่ถูกทาสสปอยล์อย่างหนักชื่อว่า Pusic เนื่องจากทาสของมันชอบสร้างวิดีโออารมณ์ดีเกี่ยวกับแมว มันจึงได้ทำอะไรที่แมวตัวอื่นไม่เคยทำอยู่บ่อยครั้ง   https://www.instagram.com/p/BfvPUGMguWV/   และครั้งนี้เขาจะมาสร้างห้องที่เต็มไปด้วยทิชชู่ซึ่งเป็นของเล่นที่แมวทุกตัวโปรดปราน ให้กับเจ้า Pusic ตัวเดียวโดยเฉพาะ เขาลงทุนซื้อทิชชู่มาร่วม 100 ม้วนเพื่อความบันเทิงของเจ้าแมวเลยทีเดียว ทาสคงกะจะให้เจ้าแมวเล่นอย่างจุใจชนิดที่ไม่ห่วงเรื่องการเก็บกวาดเลย   ภารกิจในวันนี้ ทำห้องทิชชู่ให้เจ้าแมวโดยใช้ทิชชู่ 100 ม้วน!!   โดยห้องที่ทาสเลือกใช้ทำดินแดนทิชชู่ให้เจ้าแมวก็เป็นห้องนั่งเล่นในบ้านของเขาเอง นอกจากจะลงทุนซื้อทิชชู่ให้มันเป็นจำนวนมากแล้ว เขายังลงทุนลงแรงจัดห้องให้มันแบบจัดเต็มด้วย เขาทำให้ทั้งพื้นห้อง เพดานห้อง และผนังห้องปกคลุมไปด้วยทิชชู่ทั้งหมด แค่ดูภาพก่อนและหลังจัดห้องก็รู้แล้วว่าเขาทุ่มเทให้เจ้าแมวมาก   สภาพห้องก่อนกลายเป็นดินแดนทิชชู่   เอาทิชชู่ติดตามเพดาน และคลี่ลงมาปกคลุมผนังห้องทุกด้าน   แล้วก็ใช้ทิชชู่ที่เหลือโปรยให้เต็มพื้น จนได้ออกมาเป็นดินแดนทิชชู่!!   เห็นสภาพห้องแล้วไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าเจ้าแมวต้องชอบมันมากแน่ๆ แล้วพอเจ้า Pusic ได้เข้ามาอยู่ในห้องมันก็ถูกใจห้องทิชชู่อย่างที่คาดไว้จริงๆ มันไม่รอช้ารีบพุ่งตัวเข้าไปหากองทิชชู่อย่างเอาเป็นเอาตายเลยทีเดียว ถ้าไม่บอกว่ามันปกติดีเราอาจเข้าใจผิดว่ามันเมากัญชาแมวมาก็ได้นะ    …

ที่ศูนย์พักพิงสัตว์ Wayside Waifs ในเมืองแคนซัส เพิ่งมีการจัดงานรับเลี้ยงสัตว์ครั้งใหญ่ไปเร็วๆ นี้เอง ซึ่งก็มีคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้ความสนใจอย่างมาก ในงานนั้นมีทั้งสุนัข แมว หรือแม้แต่หนูตะเภาถูกรับเลี้ยงไปตัวแล้วตัวเล่า รวมแล้ววันนั้นมีสัตว์ถูกรับเลี้ยงไปกว่า 200 ตัวเชียวนะ แต่พอจบงานแล้วก็ยังมีหมาอยู่ตัวหนึ่งที่ไม่ถูกรับเลี้ยง นั่นก็คือเจ้าหมา Kenny แถมมันยังเป็นหมาเพียงตัวเดียวที่เหลืออยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์ด้วย     Kenny ถูกส่งตัวมาจากศูนย์พักพิงสัตว์อีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากที่นั่นไม่มีที่มากพอให้มันอยู่แล้ว โดยหวังว่ามันจะสามารถหาบ้านได้จากที่นี่ ถึงอย่างนั้นในขณะที่เพื่อนของมันถูกรับเลี้ยงไปตัวแล้วตัวเล่า มันก็ยังเป็นหมาตัวเดียวที่หลงเหลืออยู่ มันจึงต้องเผชิญกับความเดียวดายอีกครั้ง     Casey Waugh จากศูนย์พักพิงสัตว์เล่าว่า “จริงๆ แล้ว Kenny เป็นหมาที่ร่าเริงและเป็นมิตร มันเป็นหมาที่เข้ากับคนได้ดี เมื่อวานอาสาสมัครของเราพามันไปเที่ยว เขายังบอกเลยว่ามันเป็นหมาในฝัน” แม้มันจะเป็นหมาตัวเดียวที่ยังไม่ถูกรับเลี้ยงในวันนั้น มันก็ไม่ได้ดูเศร้าเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะอาสาสมัครเข้ามาปลอบใจและเอาใจมัน มันจะได้ไม่รู้สึกเหงาหรือเศร้า     บางทีการที่มันยังไม่ถูกรับเลี้ยง อาจเป็นเพราะมันยังไม่เจอคู่หูที่เข้ากันได้จริงๆ ก็ได้ หวังว่าในครั้งหน้ามันจะโชคดีกว่านี้และมีคนรับไปอยู่บ้านสักทีนะ     ที่มา: the dodo

ในการแข่งกีฬา แฟนคลับของแต่ละทีมมักจะเชียร์ทีมของตัวเองเสมอ ทว่าสำหรับเจ้าหมาผู้ช่วยนักกีฬาตัวนี้แล้ว มันทำตัวเป็นเด็กดีจนเป็นที่รักของทุกคน พอมีคนแกล้งมันแฟนคลับของทุกทีมจึงเข้าข้างเจ้าหมาทั้งนั้น     หลายคนอาจจะรู้จักเจ้าหมาอยู่แล้ว มันคือเจ้า Finn หมาผู้ช่วยนักเบสบอลของทีม Las Vegas Aviators ซึ่งเป็นขวัญใจของทุกคนแม้แต่ทีมคู่แข่งด้วย มันถูกฝึกให้มีหน้าที่ช่วยเก็บไม้เบสบอลของนักกีฬามาเก็บไว้ที่ข้างสนาม หรือบ้างครั้งมันก็วิ่งเอาน้ำดื่มไปส่งให้นักกีฬาในสนามเช่นกัน มันขยันทำงานมากเลยล่ะ     ปกติน้องหมาทำหน้าที่เก็บไม้เบสบอล   บางทีก็เป็นเด็กเสิร์ฟน้ำด้วย ขยันจริงๆ Opening night at new @AviatorsLV stadium almost here!! Can’t wait to see all my #umpire buddies again!! pic.twitter.com/jQI8QH831j — Finn The Bat Dog, Lambo and Ruin (@finnthebatdog) April 7, 2019  …

เจ้าหมาพิตบูลล์ Ruby อยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์ Orange County Animal Services มาสักพักหนึ่งแล้ว เมื่อไม่นานมานี้มีครอบครัวหนึ่งเพิ่งขอรับเลี้ยงมันไป ทางศูนย์พักพิงสัตว์รู้ว่ามันเป็นหมาที่แสนรู้ มันค่อนข้างเชื่อฟังเจ้าของ และนิสัยมันก็เป็นมิตร พวกเขาจึงไม่คาดคิดเลยว่ามันจะมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับครอบครัวใหม่     อย่างไรก็ตามไม่กี่สัปดาห์ต่อมา Ruby ก็ถูกส่งตัวกลับมาอยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์ โดยครอบครัวที่รับเลี้ยงมันไปให้เหตุผลว่ามัน “เป็นเด็กดีเกินไป” พวกเขาอธิบายเพิ่มว่าพวกเขาอยากได้หมามาช่วยเฝ้าบ้าน แต่ Ruby มันไม่เห่าใครเลย เจอใครมันก็เป็นมิตรด้วยซะหมด ก็เลยไม่ตรงกับความต้องการของพวกเขา   ถูกส่งตัวกลับมาอีกเพราะเป็นเด็กดีเกินไป   พอได้ฟังเหตุผลแล้วคนในศูนย์พักพิงสัตว์ก็ยังแปลกใจไม่หายที่มันถูกส่งคืนมาเพราะดีเกินไป ใครจะไปคิดว่าหมาก็โดนทิ้งเพราะเหตุผลแบบนี้ด้วย แต่ในอีกทางหนึ่งครอบครัวนั้นก็เป็นคนยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าหมานิสัยดีมาก ทันทีที่ศูนย์พักพิงสัตว์เอาเรื่องนี้ไปโพสต์ลงในเพจเฟซบุ๊ก เจ้าหมาก็ได้รับความสนใจจากคนรักสัตว์อย่างท่วมท้น     ไม่ทันไร Ruby ก็กลายเป็นกระแสไวรัลซะแล้ว นอกจากจะมีคนเห็นใจมัน ยังมีคนส่งคำขอรับเลี้ยงมาให้เจ้าหมาเยอะมากๆ นั่นทำให้เจ้าหมาได้เจอบ้านหลังใหม่อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าครั้งนี้ครอบครัวที่ได้หมาแสนดีตัวนี้ไปไม่ส่งมันมาคืนแล้วล่ะ เป็นคนดีมันก็อยู่ยากเหมือนกันนะเนี่ย ที่มา: Animal Channel, Click Orlando

แมวเหมียวหายไปจากบ้านหลายปีจนทาสถอดใจเรื่องการกลับมาของมันแล้ว จู่ๆ พอมีคนบอกว่าเจอตัวมัน แล้วยังบอกอีกว่าตลอดมามันอยู่ไม่ไกลจากเธอ เธอจึงแทบไม่อยากเชื่อเลย คุณป้า Lyn Whittock เลี้ยงพี่น้องแมวเหมียว Max และ Dot เอาไว้ เธอผูกพันกับพวกมันมาก โดยเธอสนิทสนมกับ Max เป็นพิเศษ แต่แล้ววันหนึ่งในปี 2013 เจ้า Max ก็หายตัวออกไปจากบ้านอย่างเงียบเชียบ Lyn ทั้งตามหามันเองและทำโปสเตอร์ประกาศแมวหายติดไว้ทั่ว แต่ก็ไม่มีข่าวคราวของเจ้าแมวมาถึงหูเธอเลย     หลายปีผ่านไป ถึง Lyn จะยังคิดถึง Max อยู่แต่เธอก็ทำใจแล้วว่ามันคงจะไม่กลับมาหาเธออีก เธอยังนึกว่ามันถูกรถชนตายไปแล้วด้วยซ้ำ จนเมื่อเดือนมีนาคม 2019 เธอก็ได้รับการติดต่อจากคลินิกสัตว์ Cambridge Cat Clinic พวกเขายืนยันว่าเจอเจ้า Max แล้ว และก็เป็นมันไม่ผิดแน่นอนเนื่องจากตรวจดูจากไมโครชิป ตอนนั้น Lyn ยังทำใจเชื่อไม่ได้เลย เธอเล่าว่า “ตอนที่ฉันไปหามัน ฉันยังคิดว่าพวกเขาคงไม่ได้เจอแมวของฉันจริงๆ หรอก ฉันก็ไม่รู้เหมือนว่าทำไมคิดแบบนั้นเพราะพวกเขาตรวจเจอมันจากไมโครชิปซึ่งไม่น่าจะผิดพลาดได้”     จากนั้นเธอจึงได้รู้ว่าที่ผ่านมามันอยู่ไม่ไกลจากเธอนี่เอง โดยคนที่ดูแลมันมาตลอดก็คือ…

ถึงคุณจะเป็นทาสแมวตัวยง ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมัน อันที่จริงแล้วพวกแมวก็คงไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเองดีเช่นกัน ครั้งนี้เราจึงอยากขอนำเสนอเกร็ดความรู้หรือข้อเท็จจริงเล็กน้อยเกี่ยวกับเจ้าแมวเหมียว เพื่อที่พวกเราเหล่าทาสแมวจะได้รู้เรื่องเกี่ยวกับพวกมัน และมีความเป็นทาสแมวที่ดีเพิ่มขึ้นไปอีกขึ้น   1. แมวสามารถส่งเสียงได้มากกว่า 100 แบบ ในขณะที่สุนัขส่งเสียงได้เพียงแค่ประมาณ 10 แบบ เจ้าเหมียวสามารถส่งเสียงได้มากกว่าเป็น 10 เท่า โดยจะทำเสียงแตกต่างกันไปตามอารมณ์และสิ่งที่มันต้องการจะสื่อ     2. แมวจะร้องเหมียวเฉพาะตอนคุยกับมนุษย์ หากมันจะสื่อสารกับแมวตัวอื่น มันจะใช้ภาษากาย เสียงเพอร์ หรือเสียงขู่เท่านั้น ส่วนเสียงร้องเหมียวๆ น่ะไว้ใช้เฉพาะกับมนุษย์     3. แมวจำเสียงของทาสได้ แมวมีความสามารถในการแยกแยะเสียงได้ดี มันจึงรู้ว่าเสียงไหนเป็นเสียงของทาส และเสียงไหนเป็นของคนแปลกหน้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าเรียกแล้วมันจะสนใจทาสเสมอไปหรอก     4. แมวมีประสาทการรับเสียงที่ดีกว่ามนุษย์…และหมา!! ถ้าเทียบกันแล้วมนุษย์สามารถรับเสียงที่มีความถี่ 20 เฮิรตซ์ถึง 20 กิโลเฮิรตซ์ได้ ส่วนสุนัขจะรับรู้เสียงได้มากถึงความถี่ 40 กิโลเฮิรตซ์ แต่เจ้าแมวรับรู้เสียงที่มีความถี่ได้มากถึง 64 กิโลเฮิรตซ์เลยทีเดียว     4. จำนวนสายพันธุ์ของแมวไม่ได้มีมากอย่างที่คิด…

นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้เห็นถึงความกล้าหาญและความซื่อสัตย์ที่สุนัขมีต่อเจ้าของ เมื่อมันช่วยไล่โจร 4 คนที่มีอาวุธออกจากบ้านไป ภาพที่เราเห็นกันเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในบ้านของครอบครัวหนึ่งในเขตเซอร์เรย์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งในช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นเป็นเวลาประมาณ 3 ทุ่ม     ตอนนั้นเจ้าของบ้านยังอยู่ในบ้านอยู่เลย แล้วก็เปิดไฟในบ้านไว้อย่างสว่างไสวด้วย ถึงอย่างนั้นโจร 4 คนก็ยังบุกเข้ามาในบ้านอย่างอุกอาจ แถมยังมีอาวุธติดมือมาด้วย พวกเขาเดินผ่านห้องที่เจ้าของบ้านอยู่ และพยายามจะเข้าทำการปล้นทันที แต่เจ้าของบ้านก็ปิดประตูใส่หน้าโจรได้ทันท่วงที   ในตอนที่พวกโจรพยายามจะพังประตูเข้าไปนั่นเอง เจ้าหมาที่ครอบครัวเลี้ยงไว้ก็วิ่งเข้ามาจากอีกด้านหนึ่งของทางเดินแล้วเห่าไล่โจรให้หนีไป ถึงโจรคนหนึ่งจะพยายามใช้กระบองต่อสู้ยื้อกับเจ้าหมาไว้ เจ้าหมาก็ไม่มีท่าทีเกรงกลัว ในที่สุดมันก็ไล่โจรทุกคนออกไปจากบ้านได้สำเร็จ    เจ้าหมาไล่โจรไปแบบไม่เกรงกลัวเลย   หลังจากนั้นพวกเขาถึงโทรเรียกตำรวจมายังที่เกิดเหตุ แต่ก็ไม่สามารถจับโจรที่มาบุกบ้านได้ เนื่องจากพวกเขาหนีไปนานแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังถือว่าเป็นโชคดีที่ไม่มีคนหรือสุนัขได้รับบาดเจ็บเลย แล้วของในบ้านก็ไม่ได้ถูกขโมยไปแม้แต่ชิ้นเดียวเลยด้วย     แต่ถ้าเกิดไม่ได้เจ้าหมามาช่วยไล่โจรไปก่อน เหตุการณ์อาจจะเลวร้ายกว่านี้มากก็ได้ เรื่องครั้งนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้เจ้าหมาล่ะนะ   ที่มา: Daily Mail

หากสัตว์ที่อยู่โดยไม่มีเจ้าของดูแลเป็นโรคผิวหนังจนขนหลุดร่วง ไม่ว่าตัวไหนก็ต้องรู้สึกทรมานทั้งนั้น แต่คงไม่มีตัวไหนที่จะลำบากจากการไม่มีขนเท่ากับตัวนี้ เจ้า Bear ถูกพบในสวนของหญิงคนหนึ่งจากประเทศอังกฤษ ตอนแรกที่เธอเห็นมันเธอคิดว่ามันเป็นลูกบอล แต่ต่อมาเธอก็เห็นว่ามันกำลังหายใจอยู่     เธอดูไม่ออกเลยว่ามันเป็นตัวอะไร แต่เธอก็พามันไปส่งให้กับกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Cuan Wildlife Rescue ที่นั่นเองที่เธอได้รู้จากอาสาสมัครว่ามันเป็น “เม่น” Fran Hill ซึ่งเป็นผู้จัดการศูนย์ฯ ของกลุ่มช่วยเหลือสัตว์เล่าว่า “ฉันแทบไม่อยากเชื่อตัวเห็นมันครั้งแรกเลย ฉันเคยเห็นเม่นที่ขนหายไป 30-40 เปอร์เซ็นต์อยู่หรอก แต่เจ้าตัวนี้ขนหายไปตั้ง 97 เปอร์เซ็นต์แน่ะ!!“     คงไม่แปลกหรอกที่หญิงที่เจอมันจะดูไม่ออกเลยว่า Bear เป็นเม่น เนื่องจากเราแทบไม่เคยเห็นเม่นตอนไม่มีขนเลย ส่วนสาเหตุที่ Bear มาอยู่ในสภาพนี้ Hill คิดว่าน่าจะเป็นเพราะมันเข้าจำศีลโดยที่มีตัวไรหูเกาะอยู่ พอมันหลับยาวไรหูก็เลยลามไปทั่วตัวมันอย่างง่ายดาย แล้วทำให้ขนมันร่วงเกือบหมดอย่างที่เห็น     หลังจากพวกเขาให้อาหารและอาบน้ำยาฆ่าเชื้อราให้ Bear แล้ว พวกเขาก็พามันไปอยู่ในกรงที่เต็มไปด้วยกองผ้าห่ม มันจะได้ไม่รู้สึกหนาวแม้จะไม่มีขนปกคลุมตัว แล้วพวกเขาก็เริ่มทายาให้มันเป็นประจำทุกวัน แล้วยังช่วยนวดให้มันเพื่อให้เลือดมันไหลเวียนดี และเป็นการเร่งให้ขนของมันขึ้นเร็วขึ้นด้วย     มานวดๆ นะน้องเม่น   …

หมาเคยช่วยปกป้องมนุษย์จากอันตรายมานักต่อนักแล้ว จะให้นำทางมนุษย์ไปที่ปลอดภัย ต่อสู้กับโจร หรือรับกระสุนแทนกันก็ย่อมทำได้ หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการปกป้องไม่ให้เจ้านายถูกเพื่อนแกล้งมันก็ทำเช่นกัน เหมือนกับในคลิปวิดีโอที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @iyashi_no_time ได้แบ่งปันให้ชาวเน็ตดู ในตอนแรกจะเห็นว่าเจ้าหมาเยอรมันเชพเพิร์ดกำลังอ้อนเจ้าของที่เล่นมือถืออยู่ แค่ดูก็รู้แล้วว่ามันรักเจ้าของเอามากๆ เลย     หลังจากนั้นหญิงเจ้าของของมันก็ลุกขึ้นไปที่โต๊ะข้างๆ ระหว่างนั้นนั่นเองเพื่อนของเธอที่อยู่อีกมุมหนึ่งก็แอบเอาน้ำมาเทใส่เบาะรองนั่งสีเหลืองของเธอ เจ้าหมาเห็นก็พยายามห้ามใหญ่เลย แต่ก็หยุดไม่ให้เพื่อนเทน้ำไม่ได้     ถ้าหญิงสาวกลับมานั่งที่เบาะทั้งๆ แบบนี้ ก้นของเธอต้องแฉะเพราะโดนเพื่อนแกล้งเป็นแน่ พอคิดได้แบบนั้นเจ้าหมาก็เลยเอาขาหน้าไปวางกั้นไว้ไม่ให้เจ้าของนั่งบนเบาะอีก     แต่ดูเหมือนพอเจ้าของของมันกลับมา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องหวงเบาะด้วย เธอจึงพยายามจะนั่งลงบนเบาะเหมือนเดิม เมื่อเห็นว่าเจ้าของจะนั่งให้ได้แล้ว เจ้าหมาก็เลยเปลี่ยนวิธีช่วยเป็นการคาบเบาะหนีไปอีกทางซะเลย เธอจะได้ไม่ต้องเปียก     หญิงสาวเห็นแบบนั้นก็เลยพยายามแย่งเบาะรองนั่งกลับมาจากมัน พอเบาะเปียกๆ มาอยู่ในมือแล้ว เธอถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเจ้าหมาพยายามช่วยไม่ให้เธอโดนเพื่อนแกล้งนี่เอง รู้แบบนั้นแล้วเจ้าของก็มอบกอดให้เจ้าหมาเป็นการตอบแทน ให้สมกับที่มันทำตัวเป็นเด็กดีที่พยายามเตือนเธอให้พ้นจากแผนร้ายของเพื่อน     เจ้าหมาทำดีมากเลย มากอดหน่อยมา   รับชมคลิปวิดีโอฉบับเต็มทางนี้ たってる間にクッションを濡らすイタズラしたら、犬さんが守ってた pic.twitter.com/o6REhEelK1 — 癒しの時間 (@iyashi_no_time) April 4, 2019  …

Avigayil Spero เลี้ยงหมาเอาไว้ตัวหนึ่งชื่อว่า Jimmy เธอรักมันมาก เนื่องจากเธอคิดว่ามันเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของเธอ เธอช่วยมันมาจากเมืองเยรูซาเลมตอนยังเป็นลูกหมาตัวเล็กๆ เนื่องจากตอนเด็กเธอเองก็เอาชีวิตรอดจากการทิ้งระเบิดมาหลายครั้ง และเจ้าหมาก็ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆ กับเธอ เธอก็เลยเห็นใจมัน     หลังจากเก็บมันมามันก็กลายเป็นเพื่อนสนิทตัวสำคัญของเธอ และก็เป็นแหล่งกำลังใจชั้นดีของเธอด้วย เธอผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมาได้เพราะมีมันอยู่ข้างๆ พอโตแล้วเธอกับครอบครัวซึ่งรวมไปถึงเจ้าหมาด้วย ก็พากันย้ายไปอยู่เมืองอื่นอีกหลายเมือง ล่าสุดพวกเธอก็ปักหลักอาศัยกันอยู่ในประเทศอิสราเอล     มันอยู่กับเธอมานานจนตอนนี้มันอายุได้ 19 ปีแล้ว และเนื่องในโอกาสวันครบรอบอายุ 19 ปีของเจ้าหมา คุณแม่ของเธอก็ทำของขวัญชิ้นพิเศษให้มัน หลังจากที่แม่เธอเกษียณจากการทำงาน เธอก็ไปเข้าเรียนวิชาศิลปะมา ครั้งนี้เธอจึงเลือกจะทำรูปปั้นเจ้าหมาให้เป็นของขวัญแก่ Spero และ Jimmy แต่ดุเหมือนภาพเจ้าหมาในหัวของคุณแม่จะต่างจากเธออยู่นิดหน่อย รูปปั้นที่ออกมาก็เลยหน้าตาค่อนข้างประหลาด     เธอรู้สึกดีใจนะที่แม่ทำรูปปั้นเป็นของขวัญให้ แต่เธอก็ต้องยอมรับเช่นกันว่ารูปปั้นของเจ้าหมาค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว มันดูไม่เหมือนหมาด้วยซ้ำ เธอจึงโพสต์ภาพกับรูปปั้นหมาลงเฟซบุ๊กให้ชาวเน็ตดู พร้อมกับข้อความว่า “ขอบใจนะสำหรับของขวัญจากแม่ แต่มันช่างช่างน่าขนลุกซะเหลือเกิน”     เนื่องจากหน้าตาที่ประหลาดของมัน รูปปั้นที่แม่ของเธอทำจึงกลายเป็นของขวัญชวนฮาสำหรับเธอและเพื่อนๆ ชาวเน็ตไปแล้ว ดูเหมือนชาวเน็ตจะดูชอบใจกับความแปลกของรูปปั้นอันนี้มาก พวกเขากดไลก์รูปให้ Spero จนมียอดครบ 5,000 ไลก์ภายในไม่กี่วันเท่านั้นเอง  …

คงไม่แปลกเท่าไหร่หากคุณเจอหมาหรือแมวออกมาเดินข้างถนนตามลำพัง แต่ถ้าคุณเจอม้ามาเดินเล่นตัวเดียวล่ะก็ คงจะทำเอาคุณมองตามด้วยความแปลกใจเป็นแน่ ถ้าคุณได้ไปเที่ยวในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีคุณอาจจะตกใจกับเจ้าม้า Jenny ที่มาเดินเล่นเองตัวเดียว ทว่าชาวบ้านแถวนั้นเขาชินกับมันกันหมดแล้วล่ะ     Jenny เดินเล่นบนถนนเส้นเดิมในเมืองแฟรงก์เฟิร์ตมานาน 14 ปีแล้ว โดยจะเดินวนบนเส้นทางเดิมเสมอ คนที่อยู่แถวนั้นจึงคุ้นหน้าคุ้นตามันเป็นอย่างดี บางทียังแวะทักทายและให้ขนมมันกินด้วย   .   เห็นแบบนี้ Jenny ก็ไม่ได้เป็นม้าไม่มีเจ้าของหรอกนะ มันเป็นม้าของ Werner Weischedel ซึ่งอาศัยอยู่แถวนั้นแหละ เขาเคยขี่มันมาเดินเล่นเป็นประจำ จนกระทั่งเมื่อ 14 ปีก่อนเขาก็เริ่มขี่ม้าไม่ไหว Jenny จึงเริ่มมาเดินเล่นตามลำพังในเส้นทางที่เขาเคยพามันไป     คนที่เพิ่งเคยมาแถวนี้เป็นครั้งแรกมักจะตกใจเมื่อเห็นมันเสมอ เนื่องจากปกติม้าจะมีเจ้าของมาด้วย ทำให้ตำรวจได้รับสายแจ้งว่าม้าหลงอยู่บ่อยครั้งเลยทีเดียว แล้วทุกครั้งที่มีคนโทรแจ้ง ก็จะมีตำรวจโทรมาถาม Weischedel ว่า Jenny เดินเล่นอยู่รึเปล่า ถ้าเขาตอบว่าใช่ตำรวจก็จะรู้ว่าไม่ได้มีม้าหลงหรอก ก็แค่ Jenny กำลังเดินเล่นเท่านั้นเอง   .   ด้วยความที่มีคนเข้าใจผิดว่ามันเป็นม้าหลงบ่อย เจ้าของก็เลยติดป้ายไว้กับสายจูงของมัน ซึ่งข้อความบนป้ายเขียนเอาไว้ว่า “ฉันชื่อว่า Jenny…

บางคนอาจคิดว่าสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก พยายามฟังพวกมันพูดกี่ทีก็ไม่เก็ทว่าพวกมันอยากบอกอะไรอยู่ นั่นอาจเป็นเพราะคุณไม่ได้จ้องหน้าพวกมันดีๆ ตอนคุยัน สัตว์เลี้ยงน่ะเก็บอารมณ์ไม่เก่งหรอก เวลาพวกมันรู้สึกอะไรก็แสดงออกมาทางสีหน้าหมดแหละ ดังนั้นถ้าคุณลองมองสีหน้าพวกมันดีๆ คุณต้องเข้าใจพวกมันได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าคุณยังคิดว่าการมองหน้าพวกมันไม่ได้ช่วยให้รู้ความคิดในหัวมันอีกล่ะก็ ลองมาดูหน้าน้องหมาน้องแมวทางนี้ก่อนละกัน ว่าพวกมันแสดงอารมณ์ออกทางสีหน้ากันชัดขนาดไหน แล้วคุณจะต้องเปลี่ยนความคิดชัวร์   เมื่อคุณงอนแฟน แต่อดใจอ่อนไม่ได้ถ้าโดนง้อ   ซู้ดดดด ถุงพวกนี้มันดีจริงๆ ไปเอาถุงมาอีก!!   เมื่อคุณต้องเผชิญกับปัญหาที่แก้ไม่ตกเป็นครั้งแรก   เมื่อยแล้ว แต่ขยับตัวไม่ได้เดี๋ยวบี๋ตื่น   มนุษย์มันจะพาเราไปไหนเนี่ย ไม่น่าไว้ใจจริงๆ   น้องง่วงแล้ว พาน้องไปนอนสักทีเถ้อ   เมื่อคุณถูกแฟนบังคับให้ไปเที่ยวด้วย อารมณ์มันก็จะต่างกันหน่อยๆ   ตกใจแทบตายนึกว่านาฬิกาไม่ปลุก ที่แท้นี่มันวันหยุดนี่หว่า   อารมณ์เดียวกับผู้หญิงเห็นของเซลล์แน่ๆ   สีหน้าของคุณตอนต้องตอบคำถามที่ไม่อยากตอบ   แกยังบอกว่าฉันอยากให้กอดอยู่อีกเหรอทาส!!   โอ้โห น้องคนนั้นช่างขาวสวยหมวยอึ๋มดีจัง   พอคุณจับได้ว่าเพื่อนที่คุยด้วยตอแหล   จะกวนข้าอีกนานไหมทาส อ่านปากตูชัดๆ นะ…ไม่ต้องมายุ่ง!!   ที่มา: BRIGHT SIDE

ช่วงนี้บรรยากาศในสวนสัตว์แห่งชาติของประเทศออสเตรเลียอาจจะกร่อยๆ หน่อย เนื่องจากพวกเขาเพิ่งสูญเสียหนึ่งในสัตว์ที่น่ารักที่สุดอย่างวอมแบทไป แถมยังเป็นตัวที่แก่ที่สุดในโลกด้วย เมื่อไม่นานมานี้เจ้า Winnie วอมแบทแก่ประจำสวนสัตว์ National Zoo and Aquarium เพิ่งจะตายจากโลกนี้ไป ทำให้คนดูแลและคนที่เป็นแฟนคลับของมันเศร้าใจมาก     มันจากโลกนี้ไปด้วยวัย 32 ปี ถึงจะดูไม่มากนักแต่นั่นก็เป็นอายุไขที่มากกว่าวอมแบทตัวอื่นเกือบเท่าตัว เนื่องจากวอมแบทตัวอื่นที่ถูกเลี้ยงในพื้นที่ปิดมักจะมีอายุขัยเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น นอกจากนี้เจ้า Wiinnie ก็ยังถือเป็นวอมแบทที่มีอายุมากที่สุดในโลกในตอนนี้อีกด้วย การจากไปของมันจึงถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่     ในวันที่ 18 เมษายา 2019 ทางสวนสัตว์โพสต์บอกลามันทางเฟซบุ๊กว่า “สุขภาพของ Winnie ถดถอยมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากอายุที่มากขึ้น เนื่องจากเราให้ความสำคัญกับคุณภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ทุกตัว ถึงแม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยาก เราก็เลือกที่จะให้มันจากไปอย่างสงบจะได้ไม่ต้องทรมานต่ออีก”     “Winnie เป็นสัตว์ที่อยู่กับเรามานานที่สุด มันอยู่ที่นี่มาก่อนที่ National Zoo & Aquarium จะเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ 27 ปีก่อนซะอีก เราเชื่อว่ามันเป็นวอมแบทที่แก่ที่สุดในโลกด้วยอายุที่มากถึง 32 ปี คนที่เคยเจอ…

ว่ากันว่าสัตว์มีเซนส์พิเศษที่ช่วยให้มันรับรู้ได้ว่าใครต้องการความช่วยเหลือจากพวกมัน นี่อาจเป็นสาเหตุที่เจ้าแมวจรจัดเข้ามาเติมกำลังใจให้ชายคนนี้ถึงในบ้านก็ได้ คุณพ่อของ Andrew Falloon เพิ่งผ่านการผ่าตัดไปไม่นานมานี้เอง แต่เนื่องจากแผลจากการผ่าตัดของเขาไม่ได้ร้ายแรง เขาจึงได้กลับมาพักฟื้นตัวที่บ้าน ถึงอย่างนั้นหมอก็กำชับให้เขานอนหลับมากๆ     แล้ววันหนึ่งก็มีเรื่องสุดน่ารักเกิดขึ้นกับคุณพ่อ Falloon เล่าว่า “วันนั้นแม่ของผมออกไปข้างนอกเพื่อทำธุระหลายๆ อย่าง แล้วก็ปิดประตูบานหนึ่งไว้ไม่สนิท ตอนที่คุณแม่กลับมาถึงบ้าน เธอก็เห็นว่าคุณพ่อกับเจ้าแมวตัวหนึ่งกำลังนอนกอดกันอยู่บนโซฟา” ซึ่งแน่นอนว่าบ้านของเขาไม่ได้เลี้ยงแมว และพวกเขาก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อน เขากับคุณแม่คิดว่ามันน่าจะแอบเข้ามาทางประตูที่แง้มอยู่โดยไม่มีใครเห็น แล้วขึ้นมางีบเป็นเพื่อนคุณพ่อที่นอนพักผ่อนอยู่โดยที่เขาก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน     เขาเล่าต่อว่า “พ่อของผมไม่ได้เป็นทาสแมวหรอก ผมคิดว่าตอนที่แม่ปลุกเขาแล้วเห็นว่ามีแมวนอนอยู่ด้วยเขาก็คงแปลกใจไม่แพ้พวกเรา” ถึงอย่างนั้นการได้เจ้าเหมียวมานอนกอดเป็นเพื่อน ก็คงช่วยให้คุณพ่อพักฟื้นตัวได้ดีขึ้นมากทีเดียว ถึงจะไม่ได้ช่วยให้ร่างกายหายไวขึ้น แต่จิตใจของคุณพ่อคงเต็มไปด้วยความอบอุ่นจากเจ้าแมว   พวกเขารู้ทีหลังว่าเจ้าแมวตัวนี้ชื่อว่า Ziggy มันเป็นแมวที่อาศัยอยู่ในชุมชนของพวกเขานี่เอง บางครั้งมันก็จะเข้าไปทักทายคนแถบนั้นถึงในบ้าน แต่ก่อนหน้านี้มันไม่เคยมาที่บ้านของ Falloon มาก่อนเลย การที่มันเข้ามาตอนที่คุณพ่อกำลังพักฟื้นตัวแบบนี้ คงเป็นเพราะมันรู้ว่าคุณพ่อต้องการกำลังใจในการพักฟื้นมากเป็นพิเศษ   ที่มา: the dodo, Animal Channel

เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้วที่หนุ่ม Nathan Sonoras กับเจ้าแมวเหมียวสีดำ Loki ได้อาศัยอยู่ร่วมกันฉันทาสกับเจ้านาย เริ่มแรกเดิมที Loki เป็นแมวจรจัด แต่พอมันได้เจอกับ Sonoras ก็รู้สึกถูกชะตาก็เลยรับเลี้ยงไว้ มันนิสัยน่ารักและขี้อ้อนมาก เขาก็เลยรักมันมากเหมือนกัน     ถึงจะบอกว่าเขารับเลี้ยง Loki ไว้แล้ว แต่เนื่องจากมันเป็นแมวจรจัดมาก่อน มันจึงชอบออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านเป็นประจำ Sonoras เห็นแบบนั้นก็ตามใจมันเพราะไม่อยากขังมันไว้แต่ในบ้าน อีกอย่างถึงมันจะชอบออกไปเที่ยวข้างนอกมันก็ไม่ลืมที่จะกลับมาบ้านทุกวัน     ทว่าเรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้นในวันหนึ่งที่ Sonoras ขับรถกลับมาบ้าน ระหว่างทางเขาเห็นก้อนดำๆ ก้อนหนึ่งอยู่กลางถนน ในตอนแรกเขาคิดว่านั่นเป็นเสื้อ แต่พอเข้าไปใกล้เขาก็เห็นว่ามันเป็นแมวสีดำที่นอนแน่นิ่งอยู่…เขารีบเข้าไปตรวจสอบดูแล้วพบว่ามันคงจะเป็นเจ้า Loki ของเข้าจริงๆ เขาจึงร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจที่เสียมันไป     เขาและแฟนสาวพาร่างเจ้าแมวกลับมาที่บ้าน แล้วช่วยกันฝังร่างของมันไว้ใกล้ๆ กับต้นไม้ในสวน พร้อมกับทำพิธีศพเล็กๆ ให้กับมัน Sonoras เล่าว่า “พวกเราร้องไห้หนักมาก แล้วก็พูดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่มีมันอยู่ด้วย เราหวังว่า Loki จะได้วิ่งเล่นอย่างอิสระอยู่บนสวรรค์ของแมว มันเศร้ามากที่เราต้องบอกลามัน” นั่นคือจุดจบของความสัมพันธ์ของ Sonoras…

ตั้งแต่เกิดมา ไม่ว่าแกะตัวไหนๆ ก็ดูเหมือนกันไปหมดในสายตาของมนุษย์ เนื่องจากพวกมันมีลักษณะคล้ายกันมาก แต่ถ้าเป็นเจ้า Joey ล่ะก็แค่มองหาแวบเดียวก็เจอตัวแล้ว เพราะมันมีเขาที่พิเศษไม่เหมือนใคร     Joey เป็นแกะแปลกที่มีเขาอันใหญ่อยู่กลางหัว ทำให้คนที่เลี้ยงมันตั้งชื่อเล่นให้ว่า “แกะ-ยูนิคอร์น” เนื่องจากเขาของมันดูเหมือนเขายูนิคอร์นไม่มีผิด ส่วนสาเหตุที่เขาของมันเป็นแบบนั้น เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้เขาอีกข้างของมันพัฒนาไม่เต็มที่ แล้วมีพัฒนาการเขาอีกข้างหนึ่งใหญ่ผิดปกติแทน     Michael Foster ซึ่งเป็นคนเลี้ยงสัตว์มานานก็ไม่เคยเห็นแกะแบบนี้เช่นกัน เขาคิดว่าการที่มันมีลักษณะแบบนี้เป็นสิ่งที่พิเศษมาก เขาเล่าว่า “ผมคิดว่ามันดูเหมือนยูนิคอร์นไม่มีผิด ผมทำงานเป็นคนเลี้ยงสัตว์มาก็ 6 ปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเห็นสัตว์แบบมัน…เท่าที่ผมรู้มันน่าจะเป็นตัวเดียวในประเทศออสเตรเลีย” ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่าเจ้าของเก่าของมันตั้งใจว่าขายมันให้กับโรงฆ่าสัตว์ เขาจึงเข้าไปช่วยชีวิตมันเอาไว้ด้วยการเอามันมาเลี้ยงซะเอง     นอกจากตัวของ Joey เองจะมีความแปลกแล้ว สิ่งที่ Foster ใช้เข้าแลกเพื่อช่วย Joey เองก็ฟังดูแปลกไม่แพ้กันเลย เขาไม่ได้ใช้เงินเพื่อซื้อตัวมันมาจากเจ้าของเก่า แต่เขาเอา “เบียร์ 2 ลัง” ไปแลกตัวมันมาแทน เรื่องแบบนี้เรายังไม่เคยได้ยินมาก่อน!!     สำหรับคนที่ไม่ดื่มเบียร์ เบียร์ 2 ลังอาจดูไม่มีค่าอะไรมาก แต่คนที่ดื่มจะรู้ดีว่าเบียร์จำนวนนั้นมีคุณค่ามากไม่แพ้เงินก้อนหนึ่งเลย ในทางหนึ่งเราจึงอาจบอกได้ว่า…

ในรัฐมินเนโซตาที่หญิงชาวอเมริกา Chantel Grant อาศัยอยู่ มีเป็ดอาศัยอยู่ตามธรรมชาติมากมาย และด้วยความที่เธอเป็นคนรักสัตว์เธอก็มักจะช่วยเหลือพวกมันเท่าที่ทำได้ เธอจำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอเก็บเป็ดหลงทางมา แล้วขับรถวนเพื่อช่วยมันตามหาแม่เป็ดจนในที่สุดมันก็ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว เธอพยายามช่วยมันอย่างเต็มที่จริงๆ แต่ถึงเธอจะพยายามช่วยพวกมันอย่างมาก เธอก็ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเธอจะได้เก็บเป็ดมาเลี้ยงไว้เองที่บ้าน     จนกระทั่งมีแม่เป็ดตัวหนึ่งมาวางไข่ไว้ใกล้ๆ กับบ้านของ Chantel เธอช่วยดูแลมันจนไข่ฟักเป็นลูกเป็ด แล้วมันก็เดินนำทางลูกๆ จากเธอไป แต่พอย้อนกลับมาดูอีกทีเธอก็เห็นว่ามีลูกเป็ดถูกทิ้งไว้ที่บ้านของเธอตัวหนึ่ง เธอพยายามจะตามหาแ่เป็ดเพื่อเอาลูกไปคืนให้ แต่ครั้งนี้เธอหาแม่เป็ดไม่เจอเลย แล้วเธอก็ไม่สามารถเอาลูกเป็ดไปส่งให้เจ้าหน้าที่ควบคุมสัตว์ได้ด้วย เนื่องจากพวกเขาไม่รับดูแลเป็ดสายพันธุ์นี้ เธอจึงตัดสินใจจะเลี้ยงมันเอาไว้ที่บ้าน     เธอกับครอบครัวตั้งชื่อลูกเป็ดน้อยว่า Petunia พวกเธอช่วยกันดูแลเจ้าเป็ดอย่างดีที่สุด มันได้มีชีวิตที่เป็ดตัวอื่นต้องอิจฉาเชียวล่ะ มันได้รับความรักและความสนใจจากทุกคนในครอบครัว พวกเขาโอ๋มันมากๆ แล้วก็สร้างห้องนอนส่วนตัวให้ Petunia ด้วย แต่ถึงจะมีห้องนอนเป็นของตัวเองมันก็ไม่ค่อยอยู่ในนั้นหรอกนะ มันชอบเข้ามานอนในห้องกับ Chantel มากกว่า มันจะอยู่ห้องของตัวเองเวลาที่อยู่บ้านคนเดียวเท่านั้นแหละ     บางครั้ง Petunia ก็จะออกไปอยู่กับ Chantel ในที่ทำงานของเธอ แต่ถ้ามันไม่ได้ไปด้วยมันก็จะรอคอยพวกเขาอยู่ที่บ้าน แถมทุกครั้งที่มันได้เจอกับเจ้าของตอนกลับบ้าน มันจะส่ายหางดุ๊กดิ๊กด้วยความดีใจ เหมือนกับว่ามันเป็นหมาเลยทีเดียว     Chantel เล่าว่า “ตอนที่พวกเขากลับบ้านหลังจากทำงานเสร็จ…

ทาสแมวบางคนคงยังไม่รู้ ว่าเจ้านายขนฟูพุงยื่นๆ ของเรา บางครั้งก็มีช่วงที่อยากลุกขึ้นมาเต้นตามเสียงเพลงกับเขาด้วย ฮั่นแน่!! กำลังคิดอยู่ล่ะสิว่ามันเต้นได้ที่ไหน เกิดมายังไม่เคยเห็นพวกมันเต้นเลย…พวกมันก็แอบเต้นลับหลังทาสเหมือนกับตอนที่มันวางแผนยึดครองโลกโดยไม่ให้คุณรู้นั่นแหละ แต่ก็ยังมีชาวเน็ตมือดีที่แอบถ่ายภาพตอนพวกมันเต้นเอาไว้ได้ โดยที่เจ้านายไม่ทันตั้งตัว ลีลาฉบับแมวๆ มันจะดุเด็ดเผ็ดมันส์หรือชวนฮามากแค่ไหน ลองไปดูกันดีกว่า   ดูการบิดเอวนั่นสิ พริ้วดีจริงๆ   จะให้หมุนตัวกลางอากาศกี่ตลบก็ย่อมได้   ลีลาศแบบเบาๆ ก็ดีนะทาส   บีบอยผมก็ทำได้นะคร้าบ   อ้วนๆ แบบนี้ก็เต้นเป็นกับเขาเหมือนกัน   เรื่องท่ายากต้องยกให้เขาล่ะ   บอยแบนด์เจอพี่ยังต้องชิดซ้าย   ตัวนี้ไม่มาเปล่า เขามาเป็นชุดสีๆ เลยจ้า   พุงจะใหญ่แค่ไหน ก็ยังยืนจิกเท้าแบบบัลเล่ต์ได้ เจ๋งป่าว   นี่ก้เต้นรำนะ แต่เป็นรำไทเก๊ก   ลักษณะจะเต้นท่าสะพานโค้ง   ไม่ต้องเต้นแรงหรอก ส่ายเอวเบาๆ เหมือนอยู่ในผับก็พอแล้ว   เต้นรำกับข้าสักเพลงนะทาส   ชูมือขึ้นแล้วหมุนๆ   เต้นคนเดียวมันมันส์ไม่พอ ต้องมีเพื่อนมาเรื้อนด้วย   เต้นโชว์ให้รูปปั้นมันดู…

การเล่นโยคะแบบปกติก็ว่ายากแล้ว แต่บางที่ก็ยังมีการเพิ่มความสร้างสรรค์และแปลกใหม่เข้าไปอีก ด้วยการให้คุณเล่นโยคะกับหมา หรือเล่นโยคะกับแมว ทว่าล่าสุดมีการเล่นโยคะที่แปลกใหม่แหวกแนวยิ่งกว่าเดิมซะอีก โดยการให้คุณเล่นโยคะร่วมกับตัว “ลีเมอร์” พอเจอแบบนี้เข้าไปแล้วโยคะอื่นๆ ที่ว่าแปลกก็ต้องชิดซ้ายไปเล๊ย     การเล่นโยคะกับตัวลีเมอร์นี้เป็นคอร์สโยคะที่จัดขึ้นโดยโรงแรม Armathwaite Hall ในเมืองเคสวิก ประเทศอังกฤษ พวกเขาตั้งชื่อคอร์สนี้ว่า “Lemoga” ซึ่งก็คือการเล่นคำผสมระหว่างคำว่า ลีเมอร์(Lemur) และคำว่า โยคะ(Yoga) นั่นเอง     เก๊ามาอยู่ด้วยเฉยๆ ไม่ได้ทำโยคะด้วยนะ   ถึงบางท่าจะเหมือนเล่นโยคะอยู่ด้วยก็เถอะ   ทางโรงแรมคิดค้นการเล่นโยคะกับตัวลีเมอร์ขึ้น เพราะมีตั้งใจอยากทำโยคะแบบใหม่ที่ลูกค้าจะสามารถเล่นโยคะ และผ่อนคลายกับการอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติไปด้วยกันได้ แล้วตัวลีเมอร์ที่ทางโรงแรมบอกว่ามีนิสัยเป็นมิตร ชอบเข้าสังคม และรักการอยู่ร่วมกับมนุษย์ก็ช่างเป็นตัวเลือกที่เหมาะเหม็งกับงานนี้พอดี นอกจากนี้ใครได้เห็นก็ต้องบอกว่าหน้าตาของพวกมันดูน่ารักด้วย     มนุษย์ชูมือ ลีเมอร์ชูหาง   ไม่ยอมอยู่นิ่งเลยสักตัว   เหมือนจะอยากช่วยนวดขานะ   ทำท่าตามมนุษย์บ้างก็ได้   การเล่นโยคะกับตัวลีเมอร์ก็ฟังดูไม่เลวเลย เพราะนอกจากจะได้ออกกำลังกายและผ่อนคลายร่างกายแล้ว การมีสัตว์อย่างลีเมอร์อยู่ใกล้ๆ ก็ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นด้วย นี่ก็เป็นกิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ สำหรับคนรักสัตว์ที่ชอบเล่นโยคะด้วย หากเพื่อนๆ มีโอกาสได้ไปเยือนเมืองเคสวิก…

ดนตรีเป็นสื่อกลางอย่างหนึ่งที่สามารถรวมจิตใจของผู้คนให้เป็นหนึ่งเดียวได้ และดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เข้าถึงจิตใจของมนุษย์อย่างเดียวซะด้วย แม้แต่หมาก็อินไปกับพวกเขาและเข้าร่วมร้องเพลงด้วยเป็นประจำ จากคำบอกเล่าของ Sushma Date (@sushmadate) จากประเทศอินเดีย เธอบอกว่าเธอและเพื่อนมีกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกสัปดาห์อยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือการขับร้อง Keertan (หรือ Kirtan) ซึ๋งเป็นการเล่นดนตรีร่วมกันเพื่อทำให้จิตใจสงบและเป็นหนึ่งเดียว โดยพวกเธอจะไปขับร้องเพลงด้วยกันที่วัดทุกวันพฤหัสบดี     แล้วทุกครั้งที่พวกเธอไปร้องเพลง ก็จะมีแขกไม่ได้รับเชิญตัวหนึ่งมาเข้าร่วมด้วยเสมอ ก็คือเจ้าหมาสีขาวซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของเพื่อนที่อาศัยอยู่แถววัดนี่เอง เธอบอกว่า “เจ้าหมาตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงในโรงงานของเพื่อนฉันเอง ทุกเย็นวันพฤหัสบดีมันจะวิ่งมาที่วัดซึ่งอยู่ใกล้กันทุกครั้ง แล้วมาร่วมร้อง keertan กับเรา มันมาหาเราทุกสัปดาห์ไม่มีขาดเลย”     ถึงจะบอกว่าเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ (เพราะมันมาของมันเอง) แต่เจ้าหมาก็ตั้งใจร้องเพลงร่วมไปกับพวกเขา แล้วทำตัวเป็นเด็กดีมากๆ ไม่มีดื้อซนเลย มันจะอยู่กับพวกเขาไปเรื่อยๆ จนกว่าการร้องเพลงของวันนั้นจะจบลง มันถึงจะยอมหยุดร้องเพลงแล้วเดินกลับบ้านของตัวเองไป   https://twitter.com/sushmadate/status/1116398367091904513   พอเจ้าหมามาร้องเพลงด้วยความตั้งใจเป็นประจำ ก็ดูเหมือนมันจะกลายเป็นสมาชิกขาประจำของวงดนตรีไปด้วยซะแล้ว Date และคนในวงเองก็ชอบที่จะได้เจอเจ้าหมาทุกวันพฤหัสบดีเหมือนกัน เธอดีใจที่ดนตรีได้ช่วยเชื่อมความสัมพันธุ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แล้วยังช่วยให้เธอมีเพื่อนสัตว์ตัวใหม่ด้วย     ที่มา: the dodo

เราเคยเห็นแม่หมาดูแลลูกเป็ด แม่ไก่ดูแลลูกเป็ด หรือแม้กระทั่งแม่แมวดูแลลูกเป็ดกันมาแล้ว แต่มาเจอนกฮูกเป็นแม่ชั่วคราวให้มันบ้างต้องยอมรับเลยว่าแปลกจริงๆ ถ้าถามว่าพวกมันมาเจอกันได้ยังไง คงต้องไปฟังเรื่องราวจาก Laurie Wolf… เธอและครอบครับต่างก็เป็นคนรักสัตว์ พวกเธอจึงติดตั้งบ้านนกไว้หลายแห่งรอบบ้านเพื่อให้สัตว์ป่าได้มีที่พักพิง เมื่อไม่นานมานี้เธอเห็นว่าแม่เป็ดจากบ้านนกหลังหนึ่งได้ทำการขนย้ายไข่ไปหลังอื่น เธอคิดว่ามันคงจะย้ายไข่เพราะบ้านหลังเดิมโดนตัวอื่นแย่งอาศัยอยู่     ในช่วงที่แม่เป็ดกำลังย้ายไข่ เธอก็รู้เช่นกันว่ามีนกฮูกตัวหนึ่งเข้ามาใหม่ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจพวกมันมากนัก เนื่องจากปกติเธอจะไม่เข้าไปรบกวนชีวิตประจำวันของพวกสัตว์ จนกระทั่งตอนเดือนถัดมาตอนที่ลูกเป็ดฟักเป็นตัวหมด เธอก็ได้เห็นภาพคู่หูนกฮูกและลูกเป็ดสุดแปลกตาโผล่ออกมาจากบ้านนกหลังหนึ่ง ทำเอาเธอแปลกใจมาก เธอเล่าว่า “วันนั้นฉันเห็นบางอย่างที่มีขนนุ่มฟูหายเข้าไปในรูของบ้านนกหลังนั้นช่วง 4 โมงเย็น ฉันคิดว่าเราน่าจะมีลูกนกฮูกก็เลยลองจับตาดูบ้านนกต่อ อีก 2 ชั่วโมงถัดมาฉันก็เห็นว่านกฮูกกับลูกเป็ดโผล่ออกมาที่ประตูพร้อมๆ กัน”     ดูเหมือนว่าที่ลูกเป็ดมาอยู่กับนกฮูกได้แบบนี้ คงจะเป็นเพราะแม่เป็ดขนย้ายไข่ออกไปไม่หมดนั่นเอง แล้วนกฮูกที่มาอยู่ใหม่ก็เลยช่วยดูแลไข่ใบสุดท้ายที่เหลือให้ต่อจนกระทั่งมันฟัก มันก็เลยกลายมาเป็นแม่ชั่วคราวให้เป็ดน้อยอย่างที่เห็น ทั้งเจ้านกฮูกกับลูกเป็ดต่างก็ดูสบายใจสุดๆ ที่มีอีกตัวอยู่เป็นเพื่อนด้วยกัน เป็นภาพที่เห็นแล้วน่ารักมากๆ     แต่เธอก็เล่าต่อว่าพวกมันไม่ได้อยู่ด้วยกันนานหรอกนะ เพราะปกติเป็ดพันธุ์นี้จะออกจากรังในวันเดียวกันกับวันที่ฟักตัวเลย Wolf บอกว่าพอเป็ดน้อยเริ่มส่งเสียงร้องเรียกหาแม่ ดูเหมือนว่าแม่ของมันจะได้ยินเสียง แม่เป็ดจึงส่งร้องเรียกกลับหามันบ้าง แล้วลูกเป็ดก็ตามเสียงแม่เป็ดไปจนถึงสระน้ำใกล้ๆ มันก็เลยได้กลับไปอยู่กับครอบครัวจริงๆ ของมัน ถึงเจ้าเป็ดน้อยกับนกฮูกจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ Wolf ได้เห็นมิตรภาพดีๆ ระหว่างสัตว์…

ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าย้อนกลับไม่กี่สิบปีก่อน พวกหมาเคยขึ้นชื่อเรื่องความไม่ถูกกับบุรุษไปรษณีย์แบบสุดๆ มาส่งจดหมายกันทีไรเป็นต้องโดนเห่าตามประจำ ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ มีภาพบุรุษไปรษณีย์เล่นกับน้องหมาอย่างเป็นมิตรว่อนไปทั่วโลกออนไลน์แล้ว บางตัวไม่ได้แค่ยินดีต้อนรับบุรุษไปรษณีย์เท่านั้นนะ มันยังรู้สึกรักคนพวกเขาเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันเลยทีเดียว   https://www.instagram.com/p/BqKajtdBkvr/   ถ้ายังไม่เห็นภาพกันชัดพอ ลองไปดูเรื่องราวของเจ้าหมา Pippin ดูก็แล้วกัน Pippin เป็นสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์อายุ 6 ขวบที่อาศัยอยู่ในประเทศอเมริกา มันมีเพื่อนสนิทในบ้านมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของที่รักยิ่ง เด็กหญิงตัวน้อยที่เป็นเหมือนน้องสาว และยังมีหนูตะเภาเพื่อนรักอีกต่างหาก   https://www.instagram.com/p/Bu1MLGUhKVz/   แต่มีเพื่อนสนิทอยู่กลุ่มหนึ่งที่มันตั้งหน้าตั้งตารอเจอทุกวันแม้จะไม่ได้อยู่บ้านด้วยกันก็ตาม นั่นก็คือบุรุษไปรณีย์จากบริษัทส่งของ UPS นั่นเอง พวกเขาจะมาส่งของให้กับครอบครัวของ Pippin เป็นประจำทุกวัน และทุกครั้งที่รถของเขาเข้ามาใกล้ เจ้าหมาก็จะมารอเจอพวกเขาที่แถวหน้าบ้านด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นเสมอ   https://www.instagram.com/p/BvRTkxKBvHi/     แม้ว่าบุรุษไปรษณีย์จะเปลี่ยนกันแวะเวียนมาหลายคน แต่เจ้าหมาก็จะเป็นมิตรกับพวกเขา และทำตัวเป็นเด็กดีไปรอเล่นกับพวกเขาทุกครั้งไป จริงๆ เจ้าของของ Pippin บอกว่าเจ้าหมาน่ะเป็นมิตรกับคนทุกคนนั่นแหละ แต่กับบุรุษไปรณีย์แล้วมันดูจะเป็นมิตรมากเป็นพิเศษเลย อาจจะเป็นเพราะมันได้ขนมจากพวกเขาบ่อยก็ได้นะ   https://www.instagram.com/p/BhwNWUCly8Y/     นอกจากความมุ้งมิ้งที่ Pippin มีให้กับบุรุษไปรษณีย์แล้ว น้องหมาตัวนี้ยังมีความน่ารักอีกมากมายที่ทำให้เราตกหลุมรักมันอย่างง่ายดาย…

อาสาสมัครรับพี่น้องแมวเหมียวมาดูแลหลังจากพวกมันผ่านเหตุไฟไหม้มา แต่พวกเธอยังไม่หยุดช่วยพวกมันเพียงเท่านั้น พวกเธอตั้งใจจะพาแม่แมวกลับมาอยู่กับพวกมันอย่างพร้อมหน้าด้วย     เมื่อไม่นานมานี้เกิดเหตุไฟไหม้ในเมืองเฟรสโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ไฟไหม้ลุกลามรุนแรงมากจนต้องใช้นักดับเพลิงกว่า 30 คนเพื่อเข้าควบคุมเพลิงในครั้งนี้ หลังจากพวกเขาช่วยกันฉีดน้ำดับเพลิงจนไฟสงบแล้ว พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องเมี๊ยวๆ ดังมาจากซากบ้านไหม้ๆ แล้วพบว่ามีแมวน้อย 3 พี่น้องรอดชีวิตอยู่     แมวเหมียวทั้ง 3 ตัวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่พวกเขาใช้ดับเพลิง แต่แลกกกับการที่พวกมันรอดชีวิตจากไฟไหม้มาได้ แค่ตัวเปียกก็ดีมากแล้ว นักดับเพลิงติดต่ออาสาสมัครจากกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ The Cat House on the Kings เพื่อให้รับลูกแมวเหล่านี้ไปดูแลต่ออีกทอดหนึ่ง     Cindy Unruh เป็นอาสาสมัครที่ไปรับพวกมันมาดูแล เธอเป็นห่วงมากว่าพวกมันจะเป็นอันตรายไปก่อนจะถึงศูนย์พักพิงสัตว์ เนื่องจากศูนย์พักพิงของพวกเธออยู่ไกลจากที่เกิดเหตุถึง 40 นาทีเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนว่านอกจากจะตัวเปียก มีกลิ่นเหม็นไหม้ และก็หิวข้าวแล้ว พวกมันก็แข็งแรงดีทุกอย่าง พอเธอป้อนข้าวเสร็จพวกมันก็ร่าเริงแล้ว ไม่กี่ชั่วโมงถัดมานักดับเพลิงก็ติดต่อเธอมาอีก เนื่องจากพวกเขาพบลูกแมวตัวที่ 4 ซึ่งน่าจะเป็นพี่น้องของพวกมันเหมือนกัน แล้วก็เลยส่งพวกมันมาอยู่รวมกัน     อยู่กันครบ 4 พี่น้องแล้ว  …

ปกติแล้วเรามักจะเห็นผึ้งแค่ตอนพวกมันบินออกมาหาเกสรดอกไม้ พอเสร็จงานแล้วพวกมันก็จะบินกลับเข้าไปในรัง ทำให้เราไม่ได้เห็นมันในมุมอื่นเท่าไหร่ คราวนี้พอเราเห็นพวกมันตอนนอนบ้าง จึงเป็นอะไรที่แปลกใหม่ แล้วยิ่งได้รู้ว่าพวกมันพากันมานอนในดอกไม้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งดูน่ารักขึ้นกว่าเดิมหลาย 10 เท่า!!     คนที่ถ่ายภาพผึ้งนอนหลับในดอกไม้ได้ก็คือ Joe Neely ช่างภาพหนุ่มจากรัฐอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาไปเจอพวกมันโดยบังเอิญตอนไปถ่ายรูปกับคู่หมั้น     เขาเล่าว่า “ตอนนั้นผมกับ Niccole คู่หมั้นของผมออกไปหาถ่ายรูปดอกป๊อปปี้ด้วยกัน ตอนขากลับเราเห็นพุ่มดอกไม้สีชมพูอยู่ข้างทางด่วน เราเลยหยุดถ่ายรูปกัน ในพุ่มดอกไม้สีชมพูนี้มีดอก Globe Mallow ซ่อนอยู่ด้วย แล้วเธอก็ได้ยินเสียงผึ้งบินอยู่ใกล้ๆ จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าดอกไม้บางดอกมีผึ้งนอนอยู่ในนั้นโดยไม่ขยับตัวเลย“     เขาเล่าต่อว่า “ผมก็เลยเข้ามาดูบ้าง แล้วเห็นว่ามีผึ้งตัวอื่นบินเข้ามาเพิ่มอีก ไม่นานนักดอกไม้ที่ว่างอยู่ก็ถูกจับจองเป็นที่นอนหมดเลย มีผึ้งตัวหนึ่งที่ไม่มีดอกไม้อยู่ มันเลยปีนเข้าไปในดอกไม้ที่มีผึ้งอีกตัวอยู่แล้ว ผมมองมันพยายามเบียดตัวเข้าไปก่อนที่มันจะหลับปุ๋ย”     สำหรับคนที่สงสัยว่าผึ้งทำไมมานอนในดอกไม้ ปกติมันต้องนอนในรังไม่ใช่เหรอ? เราขอบอกว่าจริงๆ ผึ้งไม่ได้นอนในดอกไม้กันหมดหรอก แต่ผึ้งที่พวกเขาเจอมันเป็นสายพันธุ์ Diadasia diminuta หรือ globe mallow bee ซึ่งพวกมันจะเลือกนอนในดอก globe mallow เท่านั้น…

ชีวิตของเจ้าหมาเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ได้เจอคุณลุงนักดับเพลิง เขาเป็นทั้งคนที่ช่วยให้มันเป็นอิสระ แล้วก็เป็นคนที่ทำให้มันมีบ้านอยู่ นักดับเพลิงจากรัฐเซาท์แคโรไลนาได้รับแจ้งให้ช่วยหมาตัวหนึ่ง ครอบครัวที่แจ้งให้ช่วยมันบังเอิญได้ยินเสียงมันร้องตอนพวกเขาไปขี่จักรยานเล่น พอ Paul Bryant จากหน่วยดับเพลิงไปถึงก็พบว่าเจ้าหมาติดอยู่ใต้กองดินและคอนกรีต พวกเขาเห็นหน้ามันจากรูเล็กๆ แต่ยังช่วยมันออกมาไม่ได้เพราะช่องนั้นแคบเกินกว่าจะพาตัวมันออกมา     พวกเขาต้องช่วยกันขนคอนกรีตที่กองทับกันอยู่ออกก่อน แล้วก็เอาพลั่วมาขุดดินออกอีกทีหนึ่งกว่าจะสามารถเอาตัวมันออกมาได้ การช่วยเหลือเจ้าหมาใช้เวลาเพียงแค่ 11 นาทีเท่านั้น แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่ามันติดอยู่ในกองคอนกรีตมานานแค่ไหนแล้ว ทันทีที่หลุดออกมาได้เจ้าหมาดูท่าทางดีใจมาก มันรีบเข้ามาเลียหน้า Bryant ซึ่งเป็นคนช่วยมัน เหมือนเป็นการกล่าวคำขอบคุณต่อเขา     พวกเขาตั้งชื่อมันว่า Rocky หลังจากพามันไปหาสัตวแพทย์เรียบร้อยแล้ว มันก็ถูกส่งไปอยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์  Charleston Animal Society เพื่อรอหาเจ้าของต่อไป แต่แย่หน่อยที่ไม่มีใครมารับเลี้ยงมันเลย     ดีที่ Bryant ยังคงเป็นห่วงมันอยู่เลยกลับมาดูมันอีกครั้ง เขาเล่าว่า “ผมอยากรู้ว่ามันได้เจอเจ้าของรึยัง หรือคนที่แจ้งให้ช่วยตอนนั้นอยากรับเลี้ยงมันไหม พอผมรู้ว่ามันยังไม่มีใครมารับเลี้ยงเลย และครอบครัวนั้นก็ไม่ต้องการเลี้ยงมัน ผมก็ยินดีที่จะพามันไปอยู่บ้านกับผมเอง”     เขารู้สึกชอบเจ้าหมาตั้งแต่ตอนที่ช่วยมันแล้ว เขารู้สึกผูกพันกับมันและคิดว่ามันกับเขาต้องเข้ากันได้ดีมากแน่ๆ เขารู้สึกดีใจไม่หายเลยตั้งแต่ได้รับเลี้ยงมันมา     ได้มาอยู่บ้านด้วยกันแล้ว   เจ้าหมาเองก็ดูร่าเริงไม่น้อยเลยที่ได้มีบ้านกับเขาสักที แล้วยิ่งได้เจ้าของเป็นคนที่ช่วยมันด้วยแล้ว…

การถอยรถโดยไม่ระมัดระวังของเจ้าของ เกือบทำให้ลูกหมาตัวน้อยต้องเคราะห์ร้าย หากไม่ได้เจ้าหมาบอร์ดเดอร์คอลลี่ช่วยเอาไว้ คลิปวิดีโอนี้คงกลายเป็นเรื่องเศร้าแทน จากคลิปวิดีโอซึ่งได้ถ่ายจากกล้องวงจรปิด จะเห็นว่ามีชายคนหนึ่งกำลังเล่นกับหมา 2 ตัวและลูกหมาอีกตัวหนึ่งอยู่บนถนนซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นบริเวณหน้าบ้านของพวกเขา     จากนั้นหญิงอีกคนที่เป็นเจ้าของของพวกมันเช่นกันก็ออกมาจากบ้าน เธอตรงไปที่รถเพื่อเตรียมตัวจะขับรถออกไปข้างนอก แต่ตอนที่เธอกำลังถอยรถอยู่นั่นเอง เจ้าหมาตัวน้อยก็เดินออกมาขวางทางพอดี แถมหญิงเจ้าของของมันก็ดูท่าจะไม่ได้มองข้างหลังด้วยว่ามันขวางทางอยู่ ท่าทางมันคงจะถูกทับแล้ว     น้องหมาจะถูกรถทับแล้ว!?   แต่เจ้าหมาบอร์ดเดอร์คอลลีที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ก็เข้ามาช่วยอย่างว่องไว มันรีบวิ่งเข้ามาจากทางขวาแล้วคาบลูกหมาออกไปให้พ้นทางได้อย่างเฉียดฉิว แม้ว่าทุกคนจะเห็นว่าเจ้าของหยุดรถได้ทันก่อนจะถึงตัวลูกหมา และอาจไม่ต้องให้เจ้าหมาอีกตัวเข้ามาช่วยเลย แต่เป็นไปได้มากว่าที่เธอหยุดรถทันเพราะเธอเห็นเจ้าบอร์ดเดอร์คอลลีวิ่งเข้ามานั่นเอง     ทางด้านหญิงที่เป็นคนถอยรถเองก็กลับลงมาดูเจ้าหมาด้วยเหมือนกัน ตอนแรกเธอคิดว่าเธอขับรถทับเจ้าหมาไปแล้วเสียอีก ดีนะที่พวกมันไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ตามชาวเน็ตที่ได้ดูคลิปลงความเห็นกันว่าหญิงคนนี้ขับรถประมาทมากๆ เจ้าหมาวิ่งมาอยู่หลังรถตั้งนานแล้ว หากเธอรอบคอบมากกว่านี้น่าจะเห็นเจ้าหมาทันก่อนจะถอยรถถึงตัวมัน     แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ต้องยกนิ้วให้เจ้าหมาบอร์ดเดอร์คอลลีเลย ด้วยความแสนรู้ของมัน มันจึงสามารถช่วยกอบกู้สถานการณ์เลวร้ายเอาไว้ได้ และทำให้หมาตัวน้อยปลอดภัย   ชมคลิปวิดีโอทางนี้    ที่มา: the dodo, RM Videos

ปกติแล้วคนรักสัตว์มักจะตกหลุมรักหมาเพราะความน่ารัก แต่สำหรับเจ้าหมาตัวนี้ คงต้องบอกว่าคนตกหลุมรักมันเพราะความเก่งและความอดทนมากกว่า…เนื่องจากมันไปเข้าร่วมมาราธอนสุดโหดที่มนุษย์หลายคนยังท้อมาแล้ว!!   https://twitter.com/DogMds/status/1115877655512002561   หากคุณเป็นคนที่ชอบเข้าร่วมงานวิ่งมาราธอน คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับ Marathon des Sables (MdS) มาบ้าง มันคืองานวิ่งมาราธอนสุดหินที่จัดขึ้นในทะเลทรายซาฮาร่าซึ่งจัดขึ้นนาน 6 วัน และมีระยะทางถึง 251 กิโลเมตรเชียวนะ!! การแข่ง MdS ครั้งล่าสุดก็เพิ่งจะจัดไปเมื่อวันที่ 4-9 เมษายน 2019 นี้เอง แต่ครั้งนี้มีนักวิ่งที่พิเศษไม่เหมือนครั้งอื่นอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งก็คือ Cactus   He did it! Cactus ran the whole long stage of 76 km 😮He is in a very good shape, has eaten, drunk, he keeps running everywhere…

เขาบอกว่าการเลี้ยงแมวจะทำให้ชีวิตไม่น่าเบื่อ ในฐานะที่เราเป็นหนึ่งในทาสแมว เราขอยืนยันว่าทุกวันที่มีเจ้าเหมียวอยู่ด้วยเป็นแบบนั้นจริงๆ สาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะพวกมันชอบทำตัวป่วนๆ หรือทำอะไรประหลาดอยู่บ่อยๆ น่ะสิ แล้วสิ่งที่มันทำก็เป็นความบันเทิงประจำวันสำหรับเหล่าทาสไปโดยปริยาย ถ้าหากว่าบ้านของคุณไม่มีแมวอยู่ด้วยล่ะก็ วันนี้ลองไปสัมผัสประสบการณ์ฮาๆ ของชีวิตที่มีแมวด้วยกัน ด้วยภาพเหมียวที่ชาวเน็ตโหวตกันแล้วว่ามองแล้วต้องหลุดหัวเราะ   จะถ่ายรูปไอส้มอะ แกมาแย่งซีนทำไมเนี่ย!?   มีแสงแดดแค่นี้ก็ยังจะเอา ยอมแล้ว   เลี้ยงแมวไว้ 3 ตัว ก็ทำหน้า 3 อารมณ์ไม่เหมือนกันเลย   ไปท้องกลับจากข้างนอกมาเอง อย่าทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่อง   อยากจะรู้เพียง ถ้าไม่มีเขาแล้วเราจะรักกันไหม?? https://twitter.com/UmarHayaKr/status/1071150718512492546   ทำเหมือนพวกแกไม่เคยเห็นโคมไฟไปได้   ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแมวตัวเองเป็นโรคจิตขโมยกางเกงใน   เมื่อคุณได้ออกห้องครั้งแรก และพึ่งรู้ว่าจริงๆ โลกนั้นช่างกว้างใหญ่ไพศาล On this day in history: my indoor cat went outside for the first time, finally understood…

บางคนอาจจะคิดว่าการช่วยเหลือหมาจรจัด เป็นเรื่องที่คนซึ่งมีกินพอเหลือแล้วเท่านั้นถึงจะทำได้ แต่จริงๆ ถึงจะไม่มีเงินคุณก็สามารถช่วยพวกมันให้อิ่มท้องได้ โดยใช้วิธีเดียวกันกับ Fernando Kushner     Kushner เริ่มต้นการช่วยเหลือสุนัขเมื่อ 4 ปีก่อน โดยมีแรงบันดาลใจมาจากหมาจรจัดตัวหนึ่งที่เขาแบ่งอาหารให้มันกิน เขาได้เห็นใบหน้าที่มีความสุขและไร้เดียงสาของมัน แล้วก็อยากจะเห็นความสุขแบบนั้นจากสุนัขตัวอื่นอีก เขาจึงเริ่มให้อาหารสุนัขจรจัดบ่อยขึ้น     ไม่นานหลังจากนั้น Kushner ก็พบว่าเขาอยากช่วยพวกมันมากกว่านี้ เขาจึงลาออกจากงานผู้จัดการการตลาดซึ่งได้เงินดี แล้วไปให้อาหารสุนัขแทน ในแต่ละวันเขาจะขนอาหารสุนัขกว่า 11 แกลลอน เพื่อนำไปเทไว้ตามจุดต่างๆ ในเมือง และจะทำแบบนี้วันละ 2 เวลาไม่เคยขาด ทำให้หมาจรจัดมากมายได้อิ่มท้อง     หลายคนคงคิดว่าเขาต้องรวยมากแน่ๆ ถึงได้มีอาหารให้พวกมันมากมายขนาดนี้ แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ใช้เงินในการให้อาหารพวกมันเลย กลับกันเขาใช้ความพยายามแทน ในแต่ละวัน Kushner จะตระเวนไปตามร้านอาหารและคาเฟ่ต่างๆ เพื่อขอเศษอาหารเหลือทิ้งจากพวกเขา ซึ่งเศษอาหารฟรีเหล่านี้นี่เองที่กลายมาเป็นอาหารให้หมาจรจัด     ถึงแม้ว่าการทำแบบนี้จะไม่ได้มีค่าตอบแทนเป็นเงินมากมายเหมือนงานที่เขาเคยทำ แต่เขาก็ยังทุ่มเททำมันทุกวัน เพราะการให้อาหารหมาจรจัดเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเขา เห็นไหมว่าแม้ไม่ต้องมีเงินเพื่อนๆ ก็สามารถช่วยเหลือหมาจรจัดได้ แค่ต้องใช้ความพยายามและแรงใจเพื่อหาอาหารมาให้พวกมันเท่านั้นเอง    …

คุณลุงกับคุณป้าช่วยกันดูแลแม่หมาและลูกหมาจรจัดมานานหลายเดือนแล้ว เพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นคู่รักและลูกของหมาที่เลี้ยงไว้ แต่พอพวกเขารู้ว่าความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น พวกเขาก็ยังยืนยันจะดูแลมันต่อเพราะรักไปแล้ว Baekgu เป็นหมาที่คุณลุงคุณป้าเลียงเอาไว้ โดยมีกรงของตัวเองอยู่บริเวณนอกบ้าน แต่หลังๆ มานี้มันไม่เข้าไปอยู่ในกรงเลย     ส่วนสาเหตุที่มันไม่เข้าไปอยู่ในกรง ก็เป็นเพราะตอนนี้มันได้ยกกรงให้กับแม่หมา Moongchi และลูกๆ ทั้ง 4 ตัวอยู่แทน     Baekgu และ Moongchi ได้เจอกันครั้งแรกตอนที่คุณลุงคุณป้าพามันออกไปเดินเล่น หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าหมาทั้ง 2 ตัวดูสนิทสนมกัน พวกเขาจึงคิดว่าการที่ Baekgu ยอมให้แม่หมาและลูกหมาเข้ามาอยู่ เป็นเพราะมันรักกันและมีลูกด้วยกันในช่วงที่พวกเขาไม่ทันสังเกตใช่     อย่างไรก็ตามก็ยังมีอย่างหนึ่งที่ผิดสังเกต นั่นก็คือลูกหมาทุกตัวดูไม่คล้ายกับ Baekgu เลยสักนิด สายพันธุ์ก็ไม่เหมือน สีขนก็ไม่ตรง คนที่เห็นต่างก็สงสัยว่ามันอาจไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ     ด้วยความสงสัยคุณลุงและคุณป้าจึงลองเก็บเนื้อเยื้อของพวกมันทุกตัว แล้วเอาไปตรวจ DNA ดู…แล้วก็พบว่าจริงๆ แล้วลูกหมาไม่ได้เป็นลูกของ Baekgu เลยสักตัว!! พ่อของพวกมันน่าจะเป็นหมาจรจัดแถวนั้นซึ่งเป็นพันธุ์เดียวกับ Moongchi ซะมากกว่า แบบนี้ก็เท่ากับว่าหมาจรจัดมาแย่งกรงของลูกชายสุดที่รักของพวกเขาไปฟรีๆ น่ะสิ  …

ลูกแมวกำพร้า 2 ตัวและครอบครัวแมวอีกครอบครัวหนึ่งต่างก็ถูกเอามาทิ้งไว้ในกล่องเหมือนกัน อาจเป็นเพราะมันมีชะตากรรมเหมือนกัน แม่แมวก็เลยช่วยดูแลพวกมันแม้ว่าจะมาจากคนละที่     Barb ซึ่งเป็นอาสาสัครช่วยเหลือสัตว์อยู่ในรัฐอินเดียน่า ประเทศอเมริกา เพิ่งจะรับอุปถัมภ์ลูกแมวมา 2 ตัวชื่อว่า Roscoe กับ Rosebud มีคนไปเจอพวกมันอยู่ในกล่อง แล้วจึงช่วยพามันมาอยู่กับกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ EB Feline Rehoming ที่ Barb ติดต่ออยู่ด้วยพอดี เขาจึงรับตัวพวกมันมา เนื่องจากพวกมันยังเด็กมากและต้องป้อนอาหารทุก 2-3 ชั่วโมง เขาจึงพยายามดูแลพวกมันอย่างดีที่สุด แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีความรักไหนอบอุ่นเท่าที่แม่แมวจริงๆ มอบให้     วันต่อมากลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Whitley County Humane Society เองก็เจอลูกแมว 11 ตัวกับแม่แมว 2 ตัวถูกทิ้งไว้ในกล่องตรงหน้าประตูศูนย์พักพิงสัตว์เช่นกัน Barb เองก็มาที่ศูนย์พักพิงสัตว์นั้นด้วย เขาจึงช่วยอุปถัมภ์แม่แมว Susie กับลูกแมวอีก 3 ตัวไปไว้ที่บ้านของตัวเอง เขาคิดว่าแม่แมวอาจจะช่วยดูแล Roscoe และ Rosebud ที่ไม่มีแม่ด้วยก็ได้    …

แม่แมวจรจัดรักและหวงลูกมาก แต่พอเห็นว่ามนุษย์ช่วยรักษาโรคให้ลูกๆ มันก็ดูอ่อนโยนกับพวกเขามากขึ้น แล้วยังยอมให้มนุษย์ช่วยดูแลลูกอีกต่างหาก     กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Sparkle Cat Rescue ในรัฐแคโรไลนาเพิ่งช่วยครอบครัวแมวซึ่งประกอบไปด้วยแม่แมวและลูกแมว 4 ตัว โดยรับดูแลมันต่อจากสัตวแพทย์ พวกมันเป็นแมวที่อาศัยอยู่ในสวนสาธารณะ พอมีคนจับพวกมันได้ก็เลยพาไปหาสัตวแพทย์ พวกมันก็สุ่มเสี่ยงจะไม่รอด เพราะมันป่วยหนักมาก     ลูกแมวทุกตัวติดเชื้อในทางเดินหายใจ บางตัวก็มีอาการหนักกว่าตัวอื่นมาก แต่กลุ่มช่วยเหลือกสัตว์ก็ช่วยรักษาพวกมันทุกตัวจนหาย ดูเหมือนว่าการช่วยของเขาจะช่วยให้ลูกแมวรอดชีวิตได้ทันเวลาพอดี     พอลูกแมวหายป่วยหมดแล้วและได้เข้ามาอยู่ในบ้านอุปถัมภ์ แม่แมวก็ดูหายระแวงอาสาสมัครไปเลย มันเอาแต่สนใจการดูแลลูกเท่านั้น แม่แมวจะคอยนอนอยู่กับลูกแมวเพื่อเลียขนให้พวกมัน และก็ให้พวกมันกินนม มันไม่ปล่อยให้ลูกแมวหลุดรอดจากสายตาเลยแม้แต่นาทีเดียว     Sarah Kelly ซึ่งเป็นคนรับอุปถัมภ์พวกมันเล่าว่า “ฉันไม่เคยดูแลแม่แมวที่ขี้หวงแบบนี้มาก่อนเลย มันยอมให้ฉันช่วยดูแลลูกนะ แต่มันก็จะจ้องมองอยู่ตลอด แล้วก็ส่งเสียงขู่ตอนที่ฉันพาลูกแมวไปชั่งน้ำหนัก แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วมันก็เป็นแม่แมวที่อ่อนโยนดี มันส่งเสียงเพอร์เมื่อฉันให้ความสนใจมัน…การที่พวกมันได้อยู่ในบ้านที่อบอุ่น มีอาหารกินและปลอดภัย นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”     เธอเล่าต่อว่า “แม่แมวรักลูกของมันมาก แค่คิดว่าถ้า Sparkle Car ไปช่วยพวกมันไว้ไม่ทันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ใจสลายแทนแล้ว ตอนนี้พอมาอยู่กับฉันมันมีความเป็นอยู่ดีกว่าที่เคยเป็น…พวกเราจะช่วยดูแลทั้งแม่แมวและลูแมวและทำให้มั่นใจว่ามันจะไม่หิวหรือไร้บ้านอีก”  …

น่าจะมีหลายคนที่รู้จัก Patrick Stewart เขาเป็นนักแสดงที่เคยแสดงหนังชื่อดังอย่าง X-men และ Star Trek แถมยังเป็นพิธีกรของรายการต่างๆ อีกหลายรายการ และแสดงละครเวทีอีกด้วย แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าในชีวิตจริงเขายังมีบทบาทอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการเป็นพ่ออุปถัมภ์ผู้มอบความรักให้กับสุนัขจรจัด     เคยแสดงเป็น Professor X ใน X-Men   เคยแสดงเป็น Picard ใน Star Trek   ไม่ว่าคุณจะเคยเห็น Stewart ในบทบาทแบบไหนมาก่อน ในชีวิตจริงเขาเป็นคนที่รักสุนัขมาก และบางครั้งเขาก็ช่วยเหลือพวกมันโดยการช่วยรับอุปถัมภ์ อย่างเมื่อตอนปี 2017 เขาได้ช่วยรับอุปถัมภ์เจ้าหมาพิตบูลล์ Ginger เอาไว้ ทำให้มันมีโอกาสได้สัมผัสความอบอุ่นของบ้านก่อนที่จะมีคนมารับเลี้ยงไปจริงๆ   Fostering Ginger left a lingering joy in my life that I believe is here to stay. Happy to share…

Jacob Fisher เป็นนายทหารเรือจากประเทศอเมริกา ครั้งหนึ่งเขาเคยต้องไปประจำการอยู่ในประเทศอาฟกานิสถานเป็นเวลานาน 7 เดือน ที่นั่นมีการทิ้งระเบิดบ่อยมาก มันทั้งเสี่ยงและอันตราย นอกจากนี้เขายังต้องห่างจากครอบครัวทำให้เขารู้สึกเหงาด้วย แต่เขาก็รู้สึกดีขึ้นหลังจากเจอหมาน้อย Jax     เจ้า Jax มาติดกรงดักสัตว์ที่ทหารวางเอาไว้รอบๆ ค่าย เพื่อป้องกันไม่ให้มีสัตว์จรจัดหลุดเข้ามาอาศัยข้างใน แต่พอเห็นว่ามันเป็นเพียงลูกหมาตัวเล็กๆ พวกเขาก็ไม่ได้ปล่อยมันไป พวกเขาเห็นว่ามันทั้งหนาวสั่นจากการเผชิญกับหิมะด้านนอก แล้วมันก็ดูแลตัวเองไม่ได้ด้วย Fisher และเพื่อนจึงเอามันเข้ามาดูแลในค่าย     แม้ว่า Jax จะเป็นฝ่ายได้รับการเลี้ยงดูจากเหล่าทหาร แต่มันเองก็ช่วยให้ทุกคนในค่ายรู้สึกสดใสตามความขี้เล่นของมันไปด้วย Fisher เล่าว่า “Jax เข้ามาช่วยทำให้กำลังใจของทุกคนดีขึ้น มันวิเศษมากจริงๆ ที่สัตว์ตัวเล็กอย่างมันช่วยทำให้คุณผ่านวันร้ายๆ ไปได้ภายในไม่กี่วินาทีที่ได้เจอหน้ามัน”     ตอนที่อยู่ในค่าย Fisher เป็นคนที่สนิทกับเจ้า Jax มากที่สุด มันมักจะมาเล่นซนอยู่ใกล้ๆ กับเขา หรือบางครั้งก็นอนหลับด้วยกัน เขาจึงรู้สึกผูกพันกับมันมาก     น่าเสียดายที่เขามีเวลากับมันเพียงไม่นาน เนื่องจากพอครบกำหนดประจำการ 7 เดือน เขาก็ต้องเดินทางกลับมาประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกรักมันมากกว่าจะยอมทิ้งมันไว้…

การได้มองดูการเปลี่ยนแปลงของชีวิตแมว ตั้งแต่ตอนมันยังจรจัดและมอมแมม จนกลายสภาพเป็นแมวเหมียวสุขภาพดีมีบ้าน ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของคนช่วยสัตว์ และยิ่งถ้ามันรู้คุณเหมือน Peaches ก็ยิ่งน่าช่วยเข้าไปใหญ่     เจ้าแมว Peaches เคยเป็นแมวจรจัดอยู่ในเมืองลอสแองเจลิส ตอนที่กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Best Friends มันก็สุขภาพแย่มากแล้ว มันมีเห็บหมัดตามตัว เป็นโรคหิด แถมยังมีปัญหาสุขภาพช่องปากอย่างหนัก พวกเขาไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มันมีชีวิตอย่างไรบ้าง แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือมันไม่ได้รับการดูแลที่ดี มันถึงอยู่ในสภาพที่มีโรคมากมาย     เพื่อช่วยเจ้า Peaches อาสามัครจึงเริ่มรักษาโรคให้มันทันที เริ่มจากการให้ยาเพื่อรักษาอาการติดเชื้อบนผิวหนังของมันก่อน จากนั้นจึงทำการถอนฟันที่ใช้การไม่ได้ออก ซึ่งก็ถอนไปเยอะเลยทีเดียว ตอนนี้เจ้าแมวเหลือฟันแค่ไม่กี่ซี่เท่านั้น ทำให้บางครั้งลิ้นของมันก็ห้อยออกมาจากปากเอง     สิ่งที่ทำให้อาสาสมัครมีความสุขในการช่วย Peaches ก็คือความขี้อ้อนและความรู้คุณของมัน เจ้าแมวจะครางอย่างมีความสุขเสมอไม่ว่าจะต้องรับการรักษาอะไรก็ตาม เหมือนมันรู้ว่าพวกเขากำลังทำให้มันดีขึ้น อาสาสมัครเล่าว่า “เหมือนกับสัตว์ทุกตัวที่นี่ เราทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้มันรู้สึกสบาย แล้วก็ให้ความสนใจกับความรักกับมันด้วย ซึ่งเจ้าแมวก็ทำให้เห็นอย่างชัดเจน (ด้วยการส่งเสียงครางหึ่มๆ) ว่ามันรู้สึกดีแค่ไหนที่เราช่วยมัน”     หลังจากรักษาโรคให้ Peaches เสร็จแล้ว มันก็ถูกส่งไปอยู่ในบ้านอุปถัมภ์เพื่อหลบความวุ่นวายในศูนย์พักพิง และจะได้มีคนเอาอกเอาใจมันได้อย่างเต็มที่ พอไปอยู่บ้านอุปถัมภ์ได้ไม่ทันไร…

ไม่รู้ว่าไปยังไงมายังไงเจ้าสกังก์ถึงได้เข้าไปติดอยู่ในลานสเก็ต บางทีมันอาจจะหล่นไปในลานในช่วงกลางคืน นอกจากจะกลับขึ้นขอบทางเองไม่ได้แล้ว ตอนนี้มันยังกลัวคนที่เริ่มผ่านไปมาด้วย งานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกรม Sebastopol จึงต้องออกมาถึงลานสเก็ต เพื่อช่วยเหลือสกังก์ตัวนี้กลับออกไปยังป่าให้ได้     อย่างไรก็ตามจากที่เห็นว่ามันฉี่แตกทิ้งไว้แล้ว เจ้าสกังก์คงจะรู้สึกตื่นกลัวไม่ใช่น้อย ถ้าพวกเขาเข้าไปอุ้มตัวมันออกมาเลยมันคงรู้สึกกลัวมากๆ อีกอย่างถ้ามันตกใจกลัว งานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็คงจะโดนมันปล่อยแก๊สเหม็นใส่เต็มๆ แน่ พวกเขาจึงพยายามหาทางอื่นในการช่วยมันโดยไม่ทำให้มันรู้สึกกดดัน     ในที่สุดพวกเขาก็ตกลงกันว่าจะทำทางขึ้นฉุกเฉินให้มัน โดยใช้ไม้กระดานซี่มาวางต่อกัน จนกลายเป็นบันไดแบบชั่วคราว จากนั้นก็จะค่อยๆ ช่วยกันต้อนเจ้าสกังก์อย่างช้าๆ ให้มันปีนขึ้นบันไดแล้วออกจากลานสเก็ตไปเอง ฟังดูเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ     หลังจากที่พวกเขาช่วยกันขนไม้มาสร้างบันไดให้เจ้าสกังก์แล้ว มันก็สามารถใช้บันไดเพื่อปีนขึ้นมาบนขอบทางได้เองจริงๆ     เจ้าสกังก์ปีนออกไปจากลานสเก็ตได้สำเร็จจนได้!! งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้คุณตำรวจทั้งหลาย ที่พยายามช่วยเจ้าสกังก์ด้วยความใจเย็นสุดๆ แม้ว่าการอุ้มมันออกมาจะง่ายและเร็วกว่า แต่พวกเขาก็เลือกที่จะทำให้มันรู้สึกปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ งานนี้เจ้าสกังก์เลยได้กลับไปอยู่ตามถิ่นสมใจ และคุณตำรวจเองก็ไม่ต้องมีใครถูกพ่นแก๊สใส่จนตัวเหม็นด้วย ถือว่าวินวินกันทั้งคู่     ที่มา: the dodo

การที่มีแมวขี้อ้อนอยู่ด้วยก็ถือเป็นโชคดีอย่างหนึ่งในชีวิต แต่น่าเสียดายที่มนุษย์เราไม่ได้ว่างพอจะเอาใจมันทุกเวลา ทำให้บางครั้งเจ้าแมวก็อ้อนเราเก้อซะอย่างนั้น โชคดีที่ครอบครัวหนึ่งมีวิธีรับมือกับการอ้อนตลอดเวลาของเจ้าแมว ทำให้พวกเขาสามารถเอาใจมันได้อย่างเต็มเหนี่ยวทุกที่ทุกเวลา     Debbie Morse มีแมวแก่อยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า Ricky ตอนนี้มันอายุ 17 ปีแล้ว มันเป็นแมวที่อ้อนเก่ง อ้อนคนอยู่ตลอดเวลา อ้อนกันแบบไม่มีความอายแบบทั่วๆ ไปกันเลยทีเดียว เธอคิดว่าการที่มันชอบอ้อนแม้ว่าจะแก่มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งคงจะเป็นเพราะมันเป็นโรคไขข้อเสื่อม พอเวลามันถูกลูบก็จะทำให้มันรู้สึกสบายตัวนั่นเอง     ขี้อ้อนเป็นที่หนึ่ง   ทาสก็ตามใจมันมากเหมือนกัน เห็นมันทำอะไรแล้วรู้สึกชอบก็ทำให้หมด Welcome to my new cat-based followers. I am mainly trying to post sage coach style advice to make life feel better but my animals get the most attention. And…

หากเรามอบความรักให้สัตว์เลี้ยง เราก็จะกลายเป็นคนพิเศษสำหรับมัน ถึงจะห่างหายกันไปนานเราก็จะอยู่ในใจของมันเสมอ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 นาย Jon Gulla ได้รับแมวดำมาเลี้ยงไว้ 2 ตัวซึ่งก็คือ Jack กับ Julie เขารักแมวทั้ง 2 ตัวมากแล้วมันก็รักพวกเขาตอบเช่นกัน โดยเฉพาะเจ้า Julie ดูจะติดเขามากเป็นพิเศษ     Jon Gulla ทาสของเจ้าแมว   ต่อมา Gulla ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัย เขาจึงต้องทิ้งพวกแมวไว้ที่บ้านแล้วย้ายไปต่างถิ่น ระหว่างนั้น Lorinda Roberts ซึ่งเป็นแม่ของเขาสัญญาว่าจะดูแลแมวให้เอง แต่น่าเสียดายที่วันหนึ่งเจ้า Julie หลุดออกไปข้างนอกบ้าน แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ว่าเธอจะตามหามันยังไงก็หาไม่เจอ     Gulla และ Roberts พยายามช่วยกันตามหาเจ้าแมวแล้แต่ก็ไม่มีวี่แววของมันสักที เธอรู้สึกผิดมากที่ปล่อยให้เจ้าแมวหายไป แถมต่อมา Gulla ยังป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอีก ทำให้ครอบครัวต้องหันมาสนใจรักษาโรคให้เขา แล้วไม่ได้ตามหาเจ้าแมวต่อ ถึงอย่างนั้นลึกๆ แล้วพวกเขาก็ยังคงคิดถึงมัน     6 ปีต่อมาชีวิตของชายหนุ่มเปลี่ยนไปมาก เขารักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจนหายขาด…

มีหลายคนที่ชอบหมาใหญ่สไตล์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ลาบราดอร์ หรือไม่ก็ไซบีเรียนฮัสกี้ เพราะพวกมันตัวใหญ่กอดแล้วรู้สึกอุ่นกายดี แต่เราอยากบอกเพื่อนๆ ว่าหมาเล็กเองก็มีมีความเลี้ยงไม่แพ้หมาใหญ่เลย แล้วยิ่งเป็นลูกหมาขนปุยอย่าง “ปอมเมอเรเนียน” ก็ยิ่งทวีคูณความน่ารักเข้าไปใหญ่ ถึงหมาน้อยขนฟูตัวนี้จะกอดแล้วไม่อุ่นกายเท่าพี่หมาตัวโต แต่ขอรับประกันว่าความน่ารักของมันช่วยอุ่นใจของคุณได้เป็นอย่างดี   เรื่องตัวเล็กต้องยกให้เขา https://www.instagram.com/p/BssDZx9BwmN/?utm_source=ig_embed   เห็นยังเด็กแบบนี้เก๊าก็แสนรู้นะจะบอกให้ https://www.instagram.com/p/BvccOF2jxoi/?utm_source=ig_embed   ขนาดหาวก็ยังน่ามอง https://www.instagram.com/p/BuxymowhGKF/?utm_source=ig_embed   นี่ใบไม้ไงน้อง กลัวทำไมอ่า https://www.instagram.com/p/BZrA0EwFa5p/?utm_source=ig_embed   นั่งท่าเท่เชียวนะเจ้าปอม นึกว่ามีคนถ่ายรูปอยู่มั้ง https://www.instagram.com/p/BvWnFJ4BA2m/?utm_source=ig_embed   อย่าเอาหนูชั่งโลขายเลยนะ ตัวหนูเบา https://www.instagram.com/p/BvMCD7bn8SL/?utm_source=ig_embed   นอนกอดกันใหญ่เลยอะ น่ารัก งื้อออ https://www.instagram.com/p/BudxG3wBd9U/?utm_source=ig_embed   เห็นน้องน่ารักเลยอยากพกติดตัวไปด้วยล่ะสิ https://www.instagram.com/p/BvMgU6uAKnB/?utm_source=ig_embed   ไม่ว่าคุณจะดูขรึมแค่ไหนก็ต้องรักปอมน้อย https://www.instagram.com/p/BFT8tomu5KX/?utm_source=ig_embed   แค่นี้ก็พร้อมออกไปเที่ยวแล้ว https://www.instagram.com/p/BtvbpADhUKc/?utm_source=ig_embed   ขาวสวยกว่ารองเท้าก็ปอมนี่ไงจะใครล่ะ https://www.instagram.com/p/BrGKHmXh5Gt/?utm_source=ig_embed   มนุษย์จะจับเค้าล้างมือรึยัง ขี้เกียจอาบน้ำบ่อยอะเข้าใจป่าว https://www.instagram.com/p/BvMkTD0Fa9H/?utm_source=ig_embed   ไม่ว่าจะสีไหนปอมก็ยังดูน่ารัก…

Jilly Dickinson ได้เจอกับแก๊งหมายิ้มเก่งครั้งแรกที่บ้านเก่าของพวกมัน เธอได้รับแจ้งจากคนในแถบนั้นว่าหมาในบ้านหลังของหญิงคนหนึ่งน่าจะมีความเป็นอยู่ที่ไม่ดี ซึ่งพอเธอตามไปตรวจสอบแล้วก็พบว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ บ้านหลังนี้มีพื้นที่คับแคบมากเมื่อเทียบกับจำนวนหมาทั้งหมดที่มีถึง 9 ตัว     หมาครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในห้องนั่งเล่น โดยถูกขังไว้ในกรงอีกทีหนึ่ง Dickinson บอกว่าภายในห้องมีกลิ่นเหม็นสาบเหมือนอยู่ในส้วมเลยทีเดียว ส่วนสุนัขอีกครึ่งหนึ่งนั้นอาศัยอยู่ในสวนนอกบ้าน ซึ่งพวกมันก็อยู่ในกรงเช่นกัน สุนัขทุกตัวจึงไม่ได้มีพื้นที่เพียงพออย่างที่ควรจะเป็น     ถึงสภาพพวกมันจะน่าสงสาร แต่ Dickinson ก็เห็นว่าเจ้าของยังรักพวกมันอยู่ เธอจึงให้คำแนะนำในการเลี้ยงดู พร้อมทั้งเสนอจะช่วยทำหมันพวกมันฟรีทุกตัว โดยหวังว่าคราวหน้าที่กลับมาตรวจพวกมันจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่พอเธอกลับมาหลายสัปดาห์ให้หลัง ก็พบว่าเจ้าของไม่ได้ทำอะไรให้พวกมันดีขึ้นเลย แถมยังดูแย่ลงอีกต่างหาก เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยึดตัวหมาทั้ง 9 ตัวมาอยู่ในความดูแลขององค์กรช่วยเหลือสัตว์ RSPCA     หมาทุกตัวต่างก็อยู่แต่ในกรง ไม่เคยได้ทำความคุ้นเคยกับมนุษย์คนอื่นมาก่อน พวกมันจึงดูตื่นกลัวและมึนงงกับสถานการณ์ใหม่เล็กน้อย แต่พอพวกมันรู้ว่าพวกเขากำลังพยายามช่วยมันอยู่ หมาทุกตัวต่างก็ส่ายหางไม่หยุดและยิ้มกว้างให้เหล่าอาสาสมัครกันเต็มที่ เห็นได้ชัดเลยว่าพวกมันมีความสุขมากกว่าที่เคยเป็น     ได้ออกมาจากบ้านแคบๆ แล้ว ดีใจ   โชคดีที่สุนัขทุกตัวยังชอบที่จะพบปะผู้คนอยู่ พวกเขาจึงหายห่วงเรื่องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกมัน ถ้าพวกมันเป็นมิตรแบบนี้ไม่มีปัญหาแน่ๆ ที่เหลือพวกเขาก็แค่ต้องช่วยมันหาบ้านที่ดีให้เจอ แล้วช่วยดูแลพวกมันให้ดีระหว่างรอเจ้าของใหม่เท่านั้น แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอนาคตที่สดใสกำลังรอหมายิ้มเก่งพวกนี้อยู่      …

ร้านอาหารโดยทั่วไปแล้วไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไป เวลาเจ้าของสัตว์เลี้ยงจะไปทานอาหารจึงต้องแยกกับเจ้าหมาอยู่บ่อยครั้ง แต่วันนี้มีร้านเนื้อย่างที่สายกินสามารถพาเจ้าหมาแสนรักเข้าไปนั่งทานด้วยกันได้แล้ว จะได้ทานของอร่อยและใช้เวลาร่วมกับลูกรักไปพร้อมๆ กัน   【同伴OK】愛犬と食事ができる焼肉店「うしすけ」https://t.co/otAvoAP3OF pic.twitter.com/ibmU7SHOe5 — いぬのきもち・ねこのきもち (@inunekome) October 10, 2016   ร้านเนื้อย่างที่ว่านี้เป็นร้านเนื้อย่างแบรนด์ Ushisuke ซึ่งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยมีสาขาถึง 5 สาขากระจายอยู่ในหลายเมืองเลยทีเดียว หากคุณได้ลองไปกินข้าวในร้าน คุณจะพบว่ามีคนมากมายพาเจ้าหมาเข้าไปกินด้วย บรรยากาศเหมือนคุณอยู่ในคาเฟ่หมาที่เป็นร้านข้าวแทนที่จะเป็นร้านกาแฟเลยเชียว   ワンちゃんロース50g#うしすけ pic.twitter.com/d6sIAUYCkJ — 水野ちぱる (@Chiparu125) March 20, 2018   เนื้อย่างในร้านก็จะเป็นบริการเหมือนร้านเนื้อย่างอื่นๆ ทั่วไป ที่ลูกค้ามีเนื้อให้เลือกหลากหลาย สามารถเลือกกินกันได้ตามใจชอบ แต่ที่เพิ่มมาก็คือภายในร้านจะมีครูฝึกสุนัขมืออาชีพมาคอยเฝ้าดูแลและควบคุมอยู่ด้วย จึงไม่ต้องกลัวว่ามีสุนัขมาอยู่รวมกันเยอะๆ แล้วจะเกิดเรื่องขึ้นเลย   お台場のうしすけで焼肉ランチしてまーす🍖( '-' 🍖 )ｵﾆｸﾁｬﾝ 1枚目は人用(私と姉)の焼肉…2枚目はワンコ用(もなちゃん用)です(∪ •ᴗ•∪ ) 美味しかったよ～😋💕#うしすけ pic.twitter.com/Iazvs0j0mK — きゃん (@134_xxxxx) December 5,…

การที่คุณเป็นคนขี้เซาไม่ได้ผิดอะไร คุณจะนอนมากแค่ไหนก็ได้ถ้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ก็ระวังอย่าไปนอนไม่เป็นที่เป็นทางแบบเจ้าหมาตัวนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวคนที่เห็นจะตกอกตกใจเพราะเข้าใจผิด     นี่คือเจ้าหมา Ruben สุนัขพันธุ์เทอร์เรียร์อายุ 5 ปีของ David Harsanyi สิ่งที่มันรักยิ่งกว่าอะไรก็คือการได้นอนหลับพักผ่อนระหว่างวัน Harsanyi เล่าว่า “งานอดิเรกของเจ้าหมาก็คือการนอนหลับและเห่าใส่คนแปลกหน้า แต่โดยส่วนมากแล้วก็คือนอนหลับ…Ruben ชอบนอนหลับอยู่ใกล้ๆ กับเท้าของผม”     ดังนั้นไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ Harsanyi ขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 เจ้าหมาก็จะเดินตามเขาไปด้วย แต่มันไม่ได้ตามเขาไปข้างบนหรอกนะ มันก็แค่หยุดอยู่ตรงกลางของบันไดและเฝ้ามองเขาจากตรงนั้น ซึ่งบ่อยครั้งมันก็มักจะเผลอหลับไป ทำให้ทุกครั้งที่ Harsanyi เดินลงบันไดมา เขาก็จะเห็นเจ้าหมาสลบอยู่ตรงตีนบันได…แต่ถ้าคนที่ไม่รู้ว่ามันหลับอยู่มาเห็นล่ะก็คงต้องนึกว่ามันตกบันไดจนสลบไปแน่ๆ เลย เพราะภาพที่เห็นดูยังไงก็น่าจะเป็นแบบนั้น     เจ้าของเล่าต่อว่า “เจ้าหมาของผมชอบมานอนหลับอยู่ตรงที่ตีนบันได แต่ทุกครั้งที่มันทำแบบนั้น ก็จะดูเหมือนว่ามันสลบไปเพราะเพิ่งสะดุดตกบันไดทุกครั้ง”     โชคดีที่ Harsanyi เห็นมันนอนหลับอยู่ตรงนั้นจนชินแล้ว จึงไม่ได้ตกใจที่เห็นมันนอนอยู่ในท่าชวนเข้าใจผิดทุกวี่ทุกวัน อีกอย่างมันก็ไม่ได้นอนตรงนั้นตลอดเวลาหรอก ถ้าเขามาอยู่ที่ชั้นล่างบางทีมันก็จะมานอนบนที่นอนสีชมพูอันโตของตัวเองดีๆ ด้วย     แต่เขาก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าที่นอนนุ่มๆ กับตีนบนไดตรงไหนเป็นที่โปรดของมันกันแน่ เพราะไม่ว่ามันจะนอนอยู่ตรงไหนมันก็ดูหลับลึกเหมือนกำลังฝันหวานทุกครั้งไป…

เจ้าหมามีนิสัยขี้กลัวติดตัวมาตั้งแต่ก่อนรับเลี้ยง พอได้มาอยู่กับเจ้าของใหม่ เขาจึงทำห้องส่วนตัวสุดหรูให้เพื่อให้มันรู้สึกปลอดภัย และทำให้เห็นว่าเขารักมันจริงๆ Sean Farrell รับเลี้ยงเจ้าหมาสตาฟฟอร์ดชายร์บูลเทอร์เรียชื่อ Buster มาเมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากเขารับอุปถัมภ์ดูแลมันแล้วดันตกหลุมรักจนปล่อยมันไปไม่ได้     ก่อนหน้านี้มันเคยผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายมา ทำให้มันไม่ชอบอยู่กับผู้ชายคนเดียว หากมันอยู่กับ Sean ตามลำพังมันก็จะเก็บตัวอยู่ในห้องนอน มันจะมาอยุ่ที่ชั้นล่างตอนมีคนอยู่หลายๆ คน หรือไม่ก็ตอนจะกินข้าวหรือออกไปเดินเล่นเท่านั้น Sean ต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าที่เจ้าหมาจะชินและไว้ใจเขา     ถึง Buster จะก้าวข้ามความกลัวมาได้ และได้เป็นสุนัขเยียวยาที่ช่วยให้กำลังผู้ป่วยด้วยกำลังใจอันเปี่ยมล้นของมัน แต่ลึกๆ แล้วเขาก็รู้ว่าลึกๆ แล้วความกลัวของมันยังไม่หายไปซะทีเดียว เพื่อทำให้มันสบายใจเวลาอยู่กับเขา Sean จึงตั้งใจจะสร้างห้องส่วนตัวเล็กๆ ให้มันไว้ในห้องของตัวเอง แถมยังทำเองทุกขั้นตอนทั้งที่ไม่มีประสบการณ์สร้างของใดๆ ด้วย   เริ่มจากเลือกมุมที่ต้องการให้เจ้าหมาก่อน   วางโครงให้เป็นรูปร่าง   ทำหน้าต่างเล็กๆ ให้มัน ห้องจะได้ไม่ดูทึบ   เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว   ทาสีสักหน่อยก็ดูสวยงาม   ห้องที่ Sean สร้างให้ Buster ไม่ได้เป็นแค่ห้องกับที่นอนธรรมดาๆ…

ปกติครอบครัวจะมีพ่อกับแม่แค่อย่างละ 1 คน เท่านั้น ทว่าครอบครัวนี้แปลกกว่าตรงที่มีแม่ 1 ตัวและมีพ่อ 2 ตัว ซึ่งพวกมันก็อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข แถมยังช่วยกันดูแลลูกเป็นอย่างดี     เจ้านก 3 ตัวที่ว่านี้ก็คือแม่เหยี่ยว Starr กับพ่อเหยี่ยว Valor 1 และ Valor 2 ซึ่งอยู่ในความดูแลขององค์กร Stewards of the Upper Mississippi River Refuge ก่อนหน้านี้แม่เหยี่ยว Starr ได้ออกไข่มา 3 ใบ และเมื่อไข่ฟักเป็นเหยี่ยวตัวน้อยแล้ว ทางองค์กรจึงเอา Valor 1 และ Valor 2 มาช่วยมันดูแลลูก ซึ่งทั้ง 3 ตัวก็ผลัดสับเปลี่ยนกันดูแลเหยี่ยวน้อยเป็นอย่างดี     หลายคนอาจจะสงสัยว่าเหยี่ยวตัวผู้ 2 ตัวนี้ไม่ตีกันแย่งตำแหน่งพ่อเหรอ…อันที่จริงแล้วพวกมันเคยไม่ชอบหน้ากันมาก่อนตอนเจอกันครั้งแรกเมื่อปี 2013 พวกมันเป็นคู่กัดกันเลยล่ะ แต่เมื่ออยู่ร่วมกันไปสักพักหนึ่งพวกมันก็ปรองดองกัน แล้วก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่มีชื่อเหมือนกันอย่างที่เห็น แม้แต่ตอนดูแลลูกก็ยังช่วยกันดูแลเลย  …

หญิงสาวเป็นคนรักสัตว์มาก ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยงลาหรอก ทว่าตอนนี้มันก็กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่เธอรักมากๆ แล้ว     Payton Dankworth เป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายจากรัฐเท็กซัส ประเทศอเมริกา เห็นเด็กๆ อย่างนี้เธอก็มักจะช่วยเหลือสัตว์เท่าที่เธอพอจะทำได้ เมื่อเพื่อนของเธอติดต่อมาเพื่อให้ช่วยดูแลลูกลาที่ถูกแม่ทิ้ง เธอจึงปฏิเสธไม่ได้ เธอเล่าว่า “เขาถามว่าฉันอยากช่วยให้มันมีชีวิตรอดไหม มันสุขภาพไม่ดีนัก และอาจจะมีชีวิตไม่รอดจนถึงเช้าอีกวันด้วย ด้วยความที่ฉันเป็นคนรักสัตว์ ฉันจึงไม่มีทางที่จะปล่อยให้ลาน้อยตัวนั้นต้องตาย” ด้วยเหตุนี้เจ้าลา Jack จึงได้มาอยู่บ้านกับเธอ     เธอไม่ยอมปล่อยให้ลูกลาตายโดยไม่ช่วย   ตอนมาถึง Jack อ่อนแอมากอย่างที่เพื่อนของเธอบอกจริงๆ Dankworth จำเป็นต้องป้อนนมให้มันทุก 2 ชั่วโมงเพื่อให้มันมีแรง แล้วเธอก็ต้องกอดมันเพื่อให้ความอบอุ่นด้วย   หญิงสาวทั้งป้อนอาหาร…   และช่วยมอบความรักให้   การทุ่มเทช่วยเหลือของเธอทำให้ Jack มีชีวิตรอดมาได้…จากนั้นเธอจึงค่อยๆ ดูแลมันต่ออีกเพื่อให้มันแข็งแรงเหมือนลาปกติทั่วไป นอกจากนี้การที่ Dankworth ทุ่มเทใจให้ Jack ยังทำให้มันไว้ใจเธอและรักเธอมากๆ ด้วย มันดูร่าเริงมากเมื่อมีเธออยู่ใกล้ๆ     Dankworth เองก็เริ่มรักมันมากขึ้นเหมือนกัน จากตอนแรกที่กะว่าจะช่วยเฉยๆ ตอนนี้เธอเลยตัดสินใจรับเลี้ยงมัน…

ความรักของสุนัขที่มีให้เจ้าของ มีมากจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่ถ้าต้องพูดให้เห็นภาพล่ะก็ มันยังคงรักและอยากอยู่ข้างเราแม้ว่าเราจะจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม ในเมือง Montemorelos ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก เกิดอุบัติเหตุคนถูกรถไฟชน ส่งผลให้นาย Victor Reyna Vazquez อายุ 57 ปีเสียชีวิตทันที     เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ แต่เมื่อไปถึงก็พบว่านาย Victor ไม่ได้อยู่ตามลำพัง ข้างๆ กันนั้นยังมีสุนัขแสนรักของเขาอยู่ด้วย มันนอนอยู่ใกล้กับร่างไร้วิญญาณของเจ้าของตั้งแต่ตอนที่เขาถูกรถไฟชนตายแล้ว แม้จะผ่านไปนานจนหน่วยกู้ภัยมาถึงมันก็ยังไม่ยอมลุกไปไหนเลย     ตอนที่หน่วยกู้ภัยพยายามจะนำร่างของนาย Victor ออกไป เจ้าหมามีท่าทางเกรี้ยวกราด มันทั้งเห่าและจะกัดพวกเขาเลยทีเดียว เจ้าหมาคงรู้แล้วแหละว่าเจ้าของไม่อยู่บนโลกนี้กับมันแล้ว แต่มันน่าจะยังไม่อยากให้ใครมาเอาตัวเขาออกห่างจากมันอยู่ดี นักกู้ภัยจึงจำเป็นต้องจับตัวเจ้าหมาออกจากที่เกิดเหตุก่อน ถึงจะเอาร่างของนาย Victor ออกมาจากบริเวณรางรถไฟได้     จากเหตุการณ์นี้ทุกคนคงได้เห็นแล้วว่าความรักของสุนัขยิ่งใหญ่ขนาดไหน ตอนที่เรายังมีโอกาสอยู่ข้างๆ มันก็อย่าลืมที่จะรักมันให้มากๆ ให้เท่าที่มันรักเราด้วยนะ   ที่มา: Daily Mail

คนที่มีสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นเจ้าหมาหรือว่าเจ้าแมว มักจะรู้สึกรักพวกมันมาก และหาวิธีต่างๆ มาเอาอกเอาใจพวกมันอยู่เสมอ แต่ก็จะมีเจ้าของอยู่บางคนที่รักพวกมันมากกว่าเจ้าของทั่วๆ ไป วิธีการเอาใจของพวกเขาก็เลยดูมากกว่าคนอื่นๆ ตามไปด้วย ถ้าคุณอยากรู้ว่าตัวเองรักสัตว์เลี้ยงและโอ๋พวกมันมากเกินไปไหม ลองเอาสิ่งที่ตัวเองทำให้ลูกๆ ไปเทียบกับสุดยอดการเอาใจสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของผู้คลั่งไคล้เขาทำกันดู   ถ่ายรูปรวมให้ปลาที่เลี้ยงเป็นประจำทุกปี Today I took yearbook photos of my fish pic.twitter.com/KkNz9jqqq9 — Alec Ploof (@AlecPloof) August 26, 2017   วันเกิดทั้งที ทำบัตรประจำตัวให้ลูกซะเลย   วันฮาโลวีนก็แต่งตัวเป็นแมวสุดรักนี่แหละ   จัดงานวันเกิดให้แมวหรูกว่าคนอีก   เจ้าหมาตาบอดเลยส่องกระจกไม่ได้ เจ้าของเลยบอกว่ามันหล่อให้มันฟังทุกวัน   มันเป็นลูกชายที่รัก มันก็เลยต้องมีรูปคู่วางไว้ในบ้านด้วย   ทำช่อดอกไม้แครอทให้เจ้ากระต่ายในวันวาเลนไทน์ หวานแหววไหมล่ะ   ถ้าถามว่าทำไมรูปสวยน่ะเหรอ ก็จ้างช่างภาพมาถ่ายเจ้าหมาโดยเฉพาะ จะไม่ให้สวยได้ไง   ซื้อเตียงให้เจ้าหนูซะเลย จะได้พามันไปอยู่ด้วยได้ทุกที่   ทำบ้านที่มีเฟอร์นิเจอร์พร้อมรูปติดข้างฝาให้ขนาดนี้ ไม่รักไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว…

Kevin ถูกเอามาทิ้งไว้ที่ศูนย์พักพิงสัตว์ Austin Animal Center ตั้งหลายเดือนแล้ว และก็ยังไม่มีใครมาขอรับมันไปเลี้ยงเลย ไม่นานมานี้เนื่องจากศูนย์พักพิงสัตว์มีปัญหาเกี่ยวกับที่อยู่ของพวกสัตว์เล็กน้อย ก็เลยย้าย Kevin เข้าไปอยู่ในโซนออฟฟิศเป็นการชั่วคราว     ตั้งแต่เจ้าหมามาอยู่ในออฟฟิศ ของในออฟฟิศก็เริ่มหายไปทีละอย่าง 2 อย่าง และทุกอย่างจะถูกพบอยู่ในที่นอนของ Kevn ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเป็นคนขโมยไป ก่อนหน้านี้ตอนมันอยู่ในกรง ไม่เคยมีใครรู้ว่ามันชอบขโมยของเลย…แต่ก็คงไม่แปลกเนื่องจากในนั้นไม่มีอะไรให้มันขโมยเลยสักชิ้น   ขโมยทุกอย่างตั้งแต่เศษเงิน ของเล่น และเสื้อผ้า   โดยเจ้าหมาจะขโมยทุกอย่างที่คนเผลอทิ้งไว้ ตั้งแต่เสื้อผ้า ของเล่น อาหาร(แต่ขโมยไปแล้วก็ไม่กินนะ) กระเป๋า หรือแม้แต่เศษเงินเลยทีเดียว แล้วมันก็จะไม่ยอมคืนของให้ทุกคนด้วย มันจะนอนขวางทางไม่ยอมให้ใครมาหยิบของไปเลย เวลาเดียวที่พวกเขาจะได้เอาของคืนคือตอนที่พามันไปเดินเล่นข้างนอกเท่านั้น แต่นอกเหนือจากเรื่องขโมยของ Kevin ก็เป็นสุนัขที่นิสัยน่ารักมาก มันชอบเล่นกับทุกคนที่เข้ามาหามัน แล้วมันก็เป็นมิตรกับคนอื่น     คนที่ดูแลมันคิดว่าการที่เจ้าหมาขโมยของแบบนี้ น่าจะเป็นเพราะมันอยากให้คนมาขอของคืน เนื่องจากมันจะรู้สึกเหมือนพวกเขาให้ความสนใจ ส่วนอีกคนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่ามันน่าจะขโมยเสื้อผ้าไปเพราะอยากได้กลิ่นเจ้าของเสื้อมากกว่า มันจะได้ไม่รู้สึกเหงา เพราะตอนที่อยู่ด้วยกันมันก็ไม่มีท่าทีจะเริ่มขโมยอะไรเลย     บางทีถ้าเกิด Kevin มีคนมารับเลี้ยงและได้เข้าไปอยู่ในบ้านซึ่งมีคนสนใจมันตลอดแล้ว มันอาจจะเลิกขโมยของเพื่อเรียกร้องความสนใจไปเอง แต่ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้แน่หรอกจนกว่าจะมีคนมารับมันไปเลี้ยงจริงๆ…

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจ้าหมา Mosley ถูกพาเข้ามาในศูนย์พักพิงสัตว์ มันก็มีรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวแบบแปลกๆ อยู่แล้ว มันคงจะเกิดมาพร้อมรอยยิ้มแบบนี้ มันอยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์มานานหลายเดือนแล้ว ในขณะที่เพื่อนหมาตัวอื่นมีคนรับเลี้ยงไปเรื่อยๆ มันมักจะถูกมองข้ามเสมอ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะรอยยิ้มที่ไม่ปกติของมัน     Amanda Harris ซึ่งเป็นฝ่ายการตลาดของกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Atlanta Humane Society ตกหลุมรักกับรอยยิ้มของมัน แม้เธอจะเลี้ยงมันเองไม่ได้ เธอก็เห็นใจที่มันไม่มีคนสนใจรับเลี้ยงสักที เธอจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือเจ้าหมา ด้วยการเข้าไปถ่ายทำสื่อทั้งภาพและวิดีโอเกี่ยวกับมัน ซึ่งทำให้มีคนสนใจเจ้าหมามากขึ้น ไม่นานก็มีครอบครัวนับ 10 ยื่นคำขอเข้ามารับเลี้ยงมัน     หลังจากทางศูนย์พักพิงสัตว์พิจารณาคำขอรับเลี้ยง ในที่สุดมันก็ได้เจ้าของเป็น Lindsey Ramsey  ซึ่งเป็นคุณแม่ลูก 2…เจ้าหมาดูดีใจมากๆ เลยที่ได้มีบ้านของตัวเองสักที     Ramsey เล่าว่า Mosley เป็นสุนัขที่น่ารักมาก มันชอบให้กอดให้ลูบแล้วก็ชอบเดินตามคนในครอบครัวไปรอบๆ บ้านตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน แถมเจ้าหมายังเข้ากับเด็กๆ ได้ดีเนื่องจากมันมีความขี้เล่นสูง เหมาะกับลูบชายวัยกำลังซนของเธอทั้ง 2 คนมากทีเดียว     แม้ว่าทั้งคนที่ศูนย์พักพิงสัตว์และครอบครัวที่เลี้ยงมันจะไม่รู้ว่าเจ้าหมามาจากที่ไหนและมีความหลังยังไง ตอนนี้เจ้าหมายิ้มแปลกก็ได้เจอที่ที่เหมาะกับตัวเองพอจะเรียกว่าบ้านได้แล้ว     ที่มา: the dodo

เคยสังเกตบ้างไหมว่าไม่ว่าเจ้าหมากับเจ้าแมวที่บ้านจะทำอะไร มันก็มักจะดูเปิ่นๆ ในสายตาของเรา ทำให้เรามีเรื่องให้ได้หัวเราะพวกมันแทบทุกวันเลย ไม่รู้ว่าเจ้าหมาเจ้าแมวมันเกิดมาพร้อมสวรรค์ในการสร้างเสียงหัวเราะรึเปล่านะ มันถึงได้ทำให้เราฮากับพฤติกรรมแปลกๆ ของพวกมันได้ขนาดนี้ และนี่คือเหล่าสัตว์เลี้ยงที่ชาวเน็ตพากันลงความเห็นว่า เป็นตัวท๊อปด้านความฮาที่สุดในช่วงนี้แล้ว ไปดูพร้อมกันดีกว่าว่าพวกมันจะทำอะไรแปลกๆ กันอีก   ตั้งแต่ซื้อลูกบอลอันนี้ให้เจ้าหมา ก็ได้เห็นมันยิ้มกว้างทุกวันเลย https://twitter.com/thomaslinux/status/1112962021253963776   เมื่อใส่เพลงประกอบให้เจ้าแมว มันก็จะฮามากๆ I have been CACKLING at this video for the past FIFTEEN MINUTES I am CRYING pic.twitter.com/F37ctM1rz1 — Twunky (@QueenGarbage_) October 22, 2018   สัตว์ตัวนี้ดุร้ายและอันตรายมาก โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม!! https://twitter.com/aman9919/status/1112768261832228865   เมื่อแม่ขอให้คุณเอาใจแมวด้วยการใช้เบาะทำถ้ำให้มัน…ถ้ำอะไรเนี่ย!? Asked mom why the cat keeps trying to dig…

ถ้าคุณคิดว่ามีแต่พวกแมวเท่านั้นแหละที่นอนหลับได้ทุกสถานการณ์ คุณต้องหันมามองพวกหมาซะก่อน พวกมันเองก็นอนหลับได้แปลกไม่แพ้แมวเลย ไม่ว่าเจ้าหมาจะเล่นอยู่ ชมวิวอยู่ หรือว่าเที่ยวอยู่ ถ้าเกิดพวกมันรู้สึกง่วงขึ้นมาล่ะก็ จะเป็นที่ไหนหรือเมื่อไหร่เจ้าหมาก็หลับได้ทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้บางครั้งพวกเราก็เลยได้เจอเจ้าตูบหลับอยู่ในสถานที่แปลกๆ หรือมีท่านอนแปลกตาจนเราอดขำท่านอนของมันไม่ได้เลยเชียว   นอนท่านี้เลือดไหลไปเลี้ยงสมองดี   ใครบอกว่านี่เป็นที่จับประตู มันเป็นเตียงน้องหมาต่างหาก   เหมือนว่าเจ้าหมาจะสับสนระหว่างตะกร้าผ้ากับที่นอน   ที่มีตั้งเยอะตั้งแยะ จะนอนบนดินในกระถางต้นไม้เนี่ยนะ…   อื้อหือ ส่องสาวข้างบนจนหลับคาประตู   ลูกหมาหลับหรือว่าไก่ย่าง 5 ดาว!?   รถติดเกินน้องทนไม่ไหวแล้ว คร่อก   ที่นอนก็มี แต่เลือกจะมานอนขวางมนุษย์ทำงาน   แม่ขับรถนิ่มมาก เลยถือโอกาสหลับซะหน่อย   นั่นไม่น่าจะเป็นที่นอนนะเจ้าตูบ   ถึงจะเอาเปรียบเพื่อนไปหน่อย แต่นอนแบบนี้นิ่มสบายกว่า   เดินเล่นแล้วเหนื่อยตรงไหนหลับเลยก็ได้เหรอ??   เมื่อคุณรอให้พ่อเล่นด้วย แต่พ่อยังทำงานไม่เสร็จ….หลับรอก็ได้   ให้น้องเลือกว่าจะกินข้าวหรือจะนอน   อ้อ ประโยชน์ของรองเท้านอกจากใช้ใส่เดินแล้วก็เป็นหมอนได้   จะนอนหลับรวมกันทั้งทีต้องเป็นระเบียบหน่อย   อะ…

ครอบครัวของ Yvonne Gutierrez (@yvonnethebird12) เคยเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่งชื่อว่า Coco พ่อของเธอรักมันมาก แต่เมื่อไม่นานมานี้พวกเขาเพิ่งเสียเจ้า Coco ไป นั่นทำให้พ่อของเธอมีอาการซึมเศร้าเพราะขาดสุนัขสุดหวงเพียงตัวเดียวที่มีอยู่     หลุมศพของ Coco กับเจ้าหมาข้างบ้านที่มาเยี่ยม   พ่อของ Yvonne ดูไม่ร่าเริงเลยตั้งแต่ Coco จากพวกเขาไป ด้วยความที่เธออยากให้พ่อกลับมามีความสุขอีกครั้ง เธอจึงวางแผนเซอร์ไพรซ์เขาด้วยการหาหมาตัวใหม่มาให้ ในวันที่เธอพาลูกหมาตัวใหม่ไปเจอคุณพ่อ เขารู้สึกดีใจมากเลยทีเดียว เขารีบอุ้มมันมานั่งไว้บนตัก แล้วลูบหลังมันด้วยความเอ็นดู แถมยังเอามันเข้ามาหอมด้วย   Yvonne เอาลูกหมาตัวใหม่มาเซอร์ไพรซ์คุณพ่อ   เขารู้สึกดีใจมากที่ได้มีเจ้าหมาตัวใหม่มาอยู่ด้วย   เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากอุ้มมันได้สักพักหนึ่ง คุณพ่อเก็บความดีใจเอาไว้ไม่อยู่จนร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว เขาคงรู้สึกตื้นตันมากที่ได้สัมผัสความอบอุ่นจากเพื่อน 4 ขาอีกครั้ง   คุณพ่อถึงกับร้องไห้ออกมาแบบกลั้นไม่อยู่เลยทีเดียว   คลิปวิดีโอที่ Yvonne ถ่ายไว้ตอนเอาเจ้าหมาตัวใหม่ให้คุณพ่อ https://twitter.com/yvonnethebird12/status/1110018749409554432   หลังจากนั้นคุณพ่อก็เลิกหมกมุ่นกับการจากไปของ Coco แล้วเริ่มให้ความสนใจกับลูกหมาน้อยที่ Yvonne เอามาให้แทน พอทั้งคู่กลับบ้านไปด้วยกันได้ไม่นาน…

ตำรวจและสุนัขตำรวจถูกจับคู่ให้เป็นคู่หูกันเมื่อเริ่มงาน ถึงพวกเขาจะเจอกันเพราะหน้าที่ เขาก็ห่วงมันเหมือนเป็นเพื่อนตัวสำคัญตัวหนึ่ง ตั้งแต่ Greg Shone เข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อ 3 ปีก่อน เขาก็ได้เจ้าหมาเยอรมันเชพเพิร์ด Titan มาเป็นคู่หู และได้เริ่มทำงานพร้อมๆ กัน     ทั้งคู่ได้ใช้เวลาร่วมกันเยอะมาก ทั้งฝึกร่วมกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน และตอนทำงานก็ยังคงอยู่ด้วยกัน พวกเขาจึงสนิทกันดั่งเพื่อนที่รู้ใจ Shone เล่าว่าเจ้าหมาช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้กับเขา เป้าหมายแรกของการเป็นตำรวจของเขาคือผ่านการฝึกไปด้วยกันกับมัน และต่อมาเขาก็ตั้งใจว่าจะต้องพาตัวเองและคู่หูกลับบ้านอย่างปลอดภัยหลังทำงานทุกกะ     ทว่าเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาได้ออกไปจับกุมมือปืนหลังมีเหตุยิงกันกลางสี่แยก คนร้ายวิ่งหนีทันทีที่เห็นตำรวจ เจ้า Titan จึงนำทาง Shone ไปจนถึงตัวคนร้าย แต่ระหว่างจับกุมเขาเจ้าหมาก็ถูกยิงบาดเจ็บ หลังจบงาน Shone จึงรีบพาเจ้าหมาไปส่งโรงพยาบาลด้วยตัวเอง พร้อมทั้งอยู่รอมันระหว่างที่มันเข้ารับการผ่าตัดด้วย     เท่านั้นยังไม่พอ ตอนที่เจ้าหมานอนพักฟื้นตัว Shone ก็ยังมานั่งเฝ้าข้างๆ เพื่อให้กำลังใจเจ้าหมา มันจะได้รู้สึกอุ่นใจที่มีคนดูแล อาการของ Titan นั้นคงที่แล้ว แค่พักผ่อนสักหน่อยแผลมันก็จะค่อยๆ ฟื้นฟูเอง แต่ถึงอย่างนั้น Shone ก็ยังยืนยันที่จะอยู่ดูแลมันตลอดอยู่ดี    …

นักปั่นหนุ่มเริ่มออกเดินทางเพื่อปั่นจักรยานรอบโลกตามลำพัง ทว่าระหว่างทางเขาก็ได้เจอกับคู่หูโดยไม่คาดคิด แถมมันยังทำให้เขารักมันหมดใจด้วย     Dean Nicholson เคยทำงานเป็นช่างเชื่อมเหล็กอยู่ในเมืองดุนบาร์ ประเทศสกอตแลนด์ แต่เขาก็เบื่อกับวิถีชีวิตแบบเดิมๆ ที่ต้องทำงานเป็นกะแบบเดิมๆ อยู่ทุกวัน เมื่อเดือนกันยายน 2018 เขาจึงตัดสินใจจับจักรยานคู่ใจออกไปปั่นรอบโลกตามลำพัง เพื่อเติมเต็มสีสันของชีวิตที่ขาดหายไป     วันหนึ่งขณะที่เขาปั่นจักรยานอยู่ เขาได้ยินเสียงของแมวจรจัดจึงหยุดเล่นกับมัน ทว่ามันกลับมีนิสัยน่ารักกว่าที่เขาคิดไว้ แล้วมันก็อ้อนเขาไม่ยอมหยุดเลยด้วย เขาดูสภาพของมันก็รู้แล้วว่าเป็นแมวจรจัด แถมดีไม่ดีมันอาจจะถูกคนเอามาทิ้งอีกต่างหาก ด้วยความที่รู้สึกถูกใจมันเขาจึงเก็บมันมาดูแลพร้อมตั้งชื่อให้ว่า Nala และแน่นอนว่าในเมื่อเขาเดินทางอยู่มันก็ต้องเดินทางไปด้วยกันกับเขา     ไปกับพี่นะเจ้าแมว   ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคดีหรือโชคชะตา Nala ถึงไม่มีปัญหาอะไรกับการเดินทางเลย มันสามารถนั่งบนไหล่ของเขาหรืออยู่ในกระเป๋านิ่งๆ ได้ตลอดเวลาที่เขาปั่นจักรยานอยู่ นอกจากนี้มันยังดูมีความสุขเวลาที่ได้เดินทางไปกับเขาด้วย มันชอบมองดูวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น     จะเดินทางแบบไหนก็ไม่หวั่น   หลังจากใช้เวลาด้วยกันไม่นานเท่าไหร่ Nicholson ก็ตกหลุมรัก Nala เข้าให้เต็มเปา ตอนนี้เขาเอ็นดูและเป็นห่วงมันมากๆ   https://www.instagram.com/p/BtWFfGbBbEU/   ก่อนที่จะมี Nala หนุ่มนักปั่นมักจะเดินทางทุกในสภาพอากาศ ไม่ว่าจะอากาศหนาวหรือฝนตกหนักเขาก็ยังเดินหน้าปั่นจักรยานต่อไป…

เรื่องบางเรื่องอาจทำให้สำเร็จได้ยากมากๆๆๆ แต่ถ้าเรามีความพยายามมากพอที่จะไม่ยอมแพ้ มันก็อาจจะทำให้สิ่งที่เราทำมีผลลัพธ์ผลิบานได้ เหมือนกับที่สัตวแพทย์พยายามช่วยเจ้าหมาจนรอดชีวิต เจ้าหมาไซบีเรียนฮัสกี้ Ice ถูกกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Vet Ranch ช่วยเอาไว้จากการถูกการุณยฆาตในศูนย์พักพิงสัตว์ แต่ชีวิตของมันยังไม่ปลอดภัย     ตอนที่มาอยู่ในมือของอาสาสมัคร Ice ก็มีร่างกายที่อ่นแอมากแล้ว มันมีความดันต่ำ ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ มีพยาธิปากขอและเชื้อไวรัสพาร์โว อาการของมันดูไม่ดีนัก มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่ามันจะไม่รอด แต่สัตวแพทย์ก็ยังไม่อยากยอมแพ้ พวกเขาพยายามช่วยมันทุกวิถีทางเท่าที่ทำได้     แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าหมาก็เอาแต่นอนนิ่งไม่ไหวติง แม้ว่าสัตวแพทย์จะเรียกชื่อมันเท่าไหร่ มันก็ยังไม่ยอมขยับ หรือไม่มันก็คงไม่มีแรงจะขยับตัวอีกแล้ว     สัตวแพทย์ลองช่วยมันด้วยทุกวิธีที่คิดออก ด้วยการเปลี่ยนถ่ายเลือดให้ Ice รวมไปถึงการให้สารน้ำทางเส้นเลือดกับมันด้วย โชคดีที่หลังจากมันได้รับสารและเปลี่ยนเลือด เจ้าหมาเริ่มมีแรงลุกขึ้นมามองพวกเขาบ้างแล้ว นั่นทำให้พวกเขามีความหวังว่ามันจะรอด     หลังจากการรักษาแล้ว Ice ยังไม่สามารถกินอาหารได้ เนื่องจากเชื้อไวรัสพาร์โวส่งผลถึงกระเพาะอาหารของมัน พวกเขาต้องดูแลมันอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว เมื่อดูแลมันได้ 2 อาทิตย์เจ้าหมาถึงจะเริ่มกินอาหารปกติได้ พวกเขาเริ่มเห็นว่ามันกลับมาร่าเริงและมีความสุข เพราะไม่ต้องถูกการุณยฆาต แถมยังมีคนช่วยรักษาโรคให้ได้     Ice ถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์เพื่อให้มันพักฟื้นตัวก่อน จากนั้นจึงจะเริ่มหาบ้านและเจ้าของให้มันผ่านการขอรับเลี้ยง…

บ่อยครั้งที่สุนัขทำความผิดอย่างหนีออกจากบ้านหรือทำลายข้าวของแล้วไม่มีท่าทีรู้สึกผิดเลย อาจทำเจ้าของสุนัขคิดว่าพวกมันไม่มีความรู้สึกกลัวความผิดก็ได้ แต่หลังจากดูคลิปวิดีโอของเจ้าคอร์กี้น้อยตัวนี้แล้ว เราคงจะต้องเปลี่ยนความคิดกันเสียใหม่ เพราะนอกจากมันจะกลัวความผิดแล้ว ยังหันหลังกลับวิ่งหนีแทบจะในทันที เจ้าหมาคอร์กี้ที่ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของชายชาวจีนจากเมืองจงชาน มณฑลกวงตง มันทำความผิดโดยการมาคุ้ยถังขยะในบ้านจนเลอะเทอะแล้วหนีไปหน้าตาเฉย…   มาคุ้ยขยะจนเลอะเทอะแบบนี้มันน่าตีนัก   เจ้าของของมันจึงต้องล่อมันด้วยอาหารเพื่อให้มันวิ่งมาหาตรงนี้ มันจะได้รับความผิดตรงที่เกิดเหตุซึ่งมีหลักฐานกองอยู่จะๆ เลยมันจะได้แก้ตัวไม่ขึ้น ซึ่งวิธีนี้ก็ใช้ล่อมันได้เป็นอย่างดี แค่เธอส่ายจานข้าวของมันจนเกิดเสียงอาหารเม็ดกระทบจานมันก็วิ่งมาหาเธอถึงที่อย่างลืมตัว   ต้องล่อด้วยอาหารถึงจะยอมโผล่หน้ามารับผิด   แต่พอมันเห็นสิ่งที่ตัวเองทำไว้เท่านั้นแหละ มันคงจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองทำความผิดเอาไว้ และรู้ตัวว่ากำลังจะถูกเจ้าของเรียกมาด่า เพื่อเป็นการหลีกหนีความผิด เจ้าหมาก็เลยรีบกลับหลังหัน แล้ววิ่งหนีไปยังกรงสีชมพูของตัวเอง ซึ่งเป็นที่ที่คิดว่าปลอดภัยทันที   อ้าวเฮ้ย แม่เรียกมาด่านี่หว่า หนีก่อนดีกว่า   นอกจากมันจะหนีเข้าไปในกรงเพื่อหลบภัยแล้ว เจ้าหมายังใช้ปากงับประตูกรงจากด้านใน เพื่อดึงให้ประตูปิดสนิทอีกด้วย มันคงคิดว่าถ้าอยู่ในกรงที่ปิดดีแล้ว แม่คงจะทำโทษหรือว่ามันไม่ได้ล่ะมั้ง ถึงความจริงจะไม่เป็นแบบนั้นแต่พอได้เห็นท่าทางของมันแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้เลย     ปิดกรงป้องกันตัวก่อนนะงับ   เห็นไหมว่าสุนัขเองก็รู้สึกกลัวความผิดได้เหมือนกัน แถมยังแสนรู้จนพาตัวเองหนีความผิดได้ด้วย แต่อย่าปล่อยให้ความน่ารักของมันทำคุณใจอ่อนล่ะ ต้องดุให้ลูกรู้ว่าทำแบบนี้มันไม่ดี คราวหลังมันจะได้ไม่ทำซ้ำอีก   ชมคลิปวิดีโอของเจ้าหมาได้ทางนี้    ที่มา: Daily Mail

สมันก่อนการถ่ายภาพแบบ ‘พาโนรามา’ ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก มันเป็นรูปแบบการถ่ายรูปที่เห็นรายละเอียดในรูปอย่างกว้างขวาง แต่สมัยนี้ทุกคนน่าจะเคยถ่ายภาพพาโนรามากันหมดแล้ว เนื่องจากมีให้ใช้ในโทรศัพท์มือถือทั่วๆ ไป แต่การถ่ายภาพพาโนรามาก็ไม่ได้ง่ายเท่าไหร่ นอกจากคุณจะต้องมือนิ่งแล้ว สิ่งที่คุณจะถ่ายก็ต้องอยู่นิ่งด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นภาพจะเกิดการทับซ้อนจนดูผิดธรรมชาติไปหมด ดังนั้นเมื่อลองใช้โหมดพาโนรามาถ่ายสัตว์เลี้ยงที่อยู่นิ่งไม่เป็นแล้ว จึงทำให้พวกเราได้ภาพฮาๆ ของพวกมันในแบบที่ไม่คาดคิดเพียบเลย   หมาบ้าอะไรมี 7 ขา!?   ใครอยากมีหน้าวีเชปต้องอิจฉาเจ้าตัวนี้แน่   เจ้าเหมียวแยกหัวท้ายแบบนี้ก็ได้เหรอ!?   เคยเห็นแต่หมาหน้าย่น ส่วนหมาตัวย่นพึ่งเคยเห็นวันนี้แหละ   หมาญานาค??   เหมือนว่าสัตว์ในทะเลทรายจะมีวิวัฒนาการณ์ที่ ‘ยาว’ ไกลกว่าเรา   น้องหมาไปทำอะไรมาทำไมหน้าแหลมขนาดนั้น   แน่ใจเหรอว่านั่นมันเป็ด…   เจ้าหมาคงโกหกเก่งน่าดู จมูกเลยยาวแบบพินอคคิโอ   ตกลงเป็นหมาหรือจิงโจ้คะ   ถ้ามีแบบนี้จริงๆ สักวันอาจจะโดนมันรัดตาย   ตัวอื่นเขาถ่ายแล้วยาว ทำไมหนูได้รูปเป็นก้อนๆ ล่ะ   รู้งานดีไม่ขยับตัวเลย แต่ห้ามขยับหางไม่ได้จริงๆ   พึ่งรู้ว่ายีราฟยังยืดคอไปได้อีก   ก่อนถ่ายรูปยังมีหัวอยู่เลย พอถ่ายเสร็จหัวหายซะงั้น…

ปกติกระรอกที่เราเห็นกันจะมีสีล้วน บางตัวก็มีสีเทา บางตัวก็มีสีส้ม หรือถ้าหายากหน่อยก็จะเป็นกระรอกเผือกสีขาว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสีอะไรพวกมันก็ถือว่าน่ารักมากแล้ว แต่ไม่นานมานี้ชาวเน็ตต้องพากันตะลึงเมื่อได้เห็นความงดงามของ ‘กระรอกหลากสี’ ที่มีหลายสีรวมอยู่ในตัวเดียว!!     กระรอกหลากสีที่เราเห็นกันนี้ มีชื่อเรียกว่า ‘Malabar Giant squirrel‘ พวกมันเป็นกระรอกตัวโตซึ่งเป็นสัตว์ท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศอินเดีย บางครั้งพวกมันจึงถูกเรียกว่า Indian Giant Squirrel เช่นกัน จุดเด่นของพวกมันก็คือสีสันบนตัวที่มีสีครีม แดง และดำรวมอยู่ 3 เฉดสี และมีการไล่เฉดสีตามตัวที่ดูสวยงามอย่างลงตัว   .   ช่างภาพมือสมัครเล่น Mohammed Farooq จากเมือง Kodaikanal ประเทศอินเดียที่ถ่ายภาพเจ้ากระรอกได้ เล่าว่าเขาบังเอิญเจอมันในตอนเช้าอย่างไม่คาดคิด ปกติเขาก็จะเดินเล่นในเส้นทางเดิมนี้ประจำ แต่ไม่เคยเห็นกระรอก Malabar Giant Squirrel มาก่อนเลย ครั้งนี้เขาจงรู้สึกแปลกใจมาก   . .   กระรอกสายพันธุ์นี้ไม่ได้เป็นสัตว์เสี่ยงศูนย์พันธุ์ก็จริง แต่จำนวนของพวกมันก็ลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากมนุษย์เริ่มคุกคามแหล่งอาศัยของมันมากขึ้น การได้เจอพวกมันและได้ชมความงามของ Malabar Giant Squirrel ด้วยตาของตัวเองจึงถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีอยู่เหมือนกัน…

เราว่าทุกคนต้องเคยประสบกับปัญหา ที่บอกช่างตัดผมว่าเล็มออกนิดเดียว แต่ดันถูกตัดผมซะสั้นจุ๊ดจู๋แน่ๆ มันเป็นเหมือนปัญหาโลกแตกที่หาทางแก้ไม่ได้เลยล่ะ นอกจากช่างตัดผมแล้ว ดูเหมือนว่าช่างตัดขนสุนัขเองก็มีปัญหาเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน Hannah ช่วยยืนยันเรื่องนนี้ได้ดีเลยทีเดียว     Hannah (@hannahgomez44 จากทวิตเตอร์) เป็นหญิงสาวเจ้าของสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ตัวหนึ่ง มันไม่ได้ตัดขนมาระยะหนึ่งแล้ว ด้วยความที่ช่วงนี้เจ้าหมามันผลัดขน การไม่ตัดขนมันจึงเป็นปัญหาสำหรับเธอซึ่งต้องมาเก็บกวาดทำความสะอาดขนของมัน เธอจึงตัดสินใจว่าจะพามันไปเล็มขนออกสักหน่อย   สภาพเจ้าหมาก่อนโกนขน   แต่ดูเหมือนว่าการไปตัดขนครั้งนี้จะไม่ได้เป็นไปตามที่เธอหวังไว้ เพราะเจ้าหมาสุดรักของเธอกลับบ้านมาในสภาพที่ขนโล้นไปเกือบทั้งตัวเลย     ทำไมเหลือขนแค่นี้ล่ะลูก!?   เธอเล่าผ่านทวิตเตอร์ว่า “โอเค หมาของฉันเลยกำหนดตัดขนมานานแล้ว ครั้งนี้ฉันเลยพามันไปตัดกับร้านตัดขนใหม่ซะหน่อย เราบอกพวกเขาว่า ‘ช่วยโกนขนมันออกให้หน่อยๆ ให้มันไม่ผลัดขนมากก้พอค่ะ’ แต่ดูเหมือนพวกเขาจะโฟกัสกับคำว่าโกนมากไปหน่อย ฉันเลยบอกไม่ถูกเลยตอนที่เห็นรูปที่ 2″   https://twitter.com/hannahgomez44/status/1112001556294062080   โถน่าสงสารเจ้าหมาจังเลย ถูกแทนที่จะได้เอาขนออกนิดเดียวดันถูกโกนออกซะเกลี้ยงเฉย แถมมันไม่ได้แค่หมดหล่อเท่านั้นนะ… การโกนขนออกหมดแบบนี้ยังไม่ดีต่อสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ด้วย ชาวเน็ตก็พากันบอกว่าช่างตัดขนไม่มีความชำนาญเอาซะเลย     อย่างไรก็ตามถึงเจ้าหมาจะหมดหล่อและเสียความมั่นใจไปบ้าง Hannah ก็ยังยืนยันว่ามันเป็นเด็กดีและร่าเริงเหมือนเคย แค่ไม่มีขนฟูๆ เหมือนเดิมเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามคราวหน้าเธอคงไม่พาเจ้าหมาไปตัดร้านนี้แล้วล่ะ เพื่อนๆ เองก็ระวังเอาไว้ด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นผมตัวเองหรือขนของเจ้าหมาเจ้าแมว…

เมื่อครั้งก่อนที่ Daniel Suttie และเพื่อนๆ พากันไปตกปลาที่ฝั่งทะเลของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย พวกเขาได้เจอสิ่งที่แปลกตาอยู่กลางน้ำ มันคือเจ้าวัลลาบี (สัตว์มีถุงหน้าท้องคล้ายจิงโจ้) ตัวหนึ่งที่กำลังตะเกียกตะกายทรงตัวอยู่กลางน้ำ มันไม่ได้แปลกหรอกที่วัลลาบีจะลงมาว่ายน้ำบ้าง แต่เจ้าตัวนี้มันออกมาจากฝั่งไกลโขเลยทีเดียว   Daniel Suttie   เจ้าวัลลาบีดูเหนื่อยพอสมควร แล้วอีกอย่างหนึ่งในน้ำที่มันว่ายอยู่ก็มีสัตว์นักล่าอย่างฉลามกับจระเข้อยู่ด้วย ถ้าทิ้งมันให้กลับเข้าฝั่งเองคงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ Suttie และเพื่อนจึงตัดสินใจช่วยพามันเข้าฝั่ง โดยขับเรือเข้าไปใกล้ๆ ตัวมัน แล้วใช้มือรวบแขนทั้ง 2 ข้างของมันไว้เพื่อดึงมันเข้าฝั่งไปกับเรือนั่นเอง     แต่ในฐานะพลเมืองดี Suttie ไม่ได้ช่วยมันเข้าฝั่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขายังเทศน์ให้มันฟังด้วยว่าที่ที่มันเลือกมาว่ายน้ำอันตรายมากแค่ไหน เผื่อว่าถ้ามันฟังเข้าใจมันจะได้ไม่ทะเล่อทะล่ามาว่ายน้ำเล่นตรงนี้อีก     Suttie บ่นให้เจ้าวัลลาบีฟังตลอดทางที่พามันกลับเข้าฝั่งนั่นแหละ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันฟังเขารู้เรื่องรึเปล่า แต่ก็ถือว่าเขาได้ช่วยบอกเตือนให้มันเรียบร้อยแล้ว สุดท้าย Suttie และเพื่อนๆ ก็พาเจ้าวัลลาบีตัวนั้นไปส่งถึงฝั่งได้อย่างปลอดภัย พอใกล้ถึงฝั่งเจ้าวัลลาบีมันรีบวิ่งขึ้นไปบนฝั่งอย่างไวเลยล่ะ หวังว่าคราวหน้ามันจะไม่ว่าน้ำออกไปไกลจนเข้าไปในอาณาเขตของนักล่าอีกนะ     ที่มา: the dodo, Only In Australia

ลูกแมวน้อยเกิดมาด้อยกว่าพี่น้องตัวอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันดีไม่เท่าพวกพี่ๆ หรอก ถึงมันจะตัวเล็กกว่าพี่ๆ เยอะ มันก็มีความสดใสที่มากกว่าเข้ามาทดแทน     กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Henrico Humane Society ได้รับแจ้งเกี่ยวกับครอบครัวแมวจรจัดครอบครัวหนึ่ง พวกเขาจึงไปรับมันมาดูแลในบ้านอุปถัมภ์ แม่แมวจะได้ดูแลลูกๆ ได้โดยไม่ต้องห่วงภัยอันตรายข้างนอก บ้านที่พวกมันได้ไปอยู่ก็เป็นบ้านของอาสาสมัคร Krystle Waldron ซึ่งทำงานอยู่กับกลุ่มช่วยเหลือสัตว์นี่เอง เธอพร้อมต้อนรับพวกมันทุกตัวแม้ว่าจะได้รับแจ้งอย่างกะทันหัน     ลูกแมวทุกตัวที่ช่วยมาติดเชื้อที่ตาหมด แต่ตัวที่ติดเชื้อหนักกว่าเพื่อนก็คือเจ้าแมวน้อยที่ชื่อ Pukini ตาของมันจะปิดทุกๆ 2 ชั่วโมงแม้ว่าจะเพิ่งได้รับการทำความสะอาดไป นอกจากจะป่วยมากกว่าพี่น้องแล้ว มันก็ยังเป็นลูกแมวที่ตัวเล็กที่สุดในครอกด้วย ทำให้มันต้องดิ้นรนมากกว่าตัวอื่นในทุกๆ ด้าน     Krystle เล่าว่า “ตอนที่เราได้แม่แมวมามันมีน้ำหนักแค่ 4.5 ปอนด์เอง มันตัวเล็กจนผลิตน้ำนมไม่พอให้กับลูกๆ ทุกตัว นอกจากนี้พี่น้องของมันก็ยังผลักเจ้าแมวตัวเล็กออกมาเพื่อแย่งกินนมด้วย มันจึงต้องกินอาหารเสริมจากขวดแทน มันกินแบบนั้นอยู่นานหลายสัปดาห์เลยจนกระทั่งมันเริ่มกินอาหารเองได้”     ตัวเล็กกว่าเพื่อนเลยแย่งนมตัวอื่นกินไม่ได้   ถึงมันจะเริ่มโตขึ้นมาบ้างแล้ว มันก็ยังตัวเล็กกว่าพี่น้องอยู่ดี แถมยังโตช้ามากๆ ซะด้วย นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้มันเหนื่อยง่าย แต่มันก็เป็นแมวที่มีความร่าเริงสดใสเสมอ มันชอบเล่นกับลูกบอลของเล่นชิ้นโปรดของตัวเอง ถึงมันจะล้มบ่อยและเหนื่อยไว แต่พอหลับพักสักหน่อยมันก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแล้ว…

ที่ผ่านมามีเรื่องราวมากมายที่แสดงให้เห็นถึงความแสนรู้ของพวกหมา เรื่องของเจ้าหมาตัวนี้เองก็ทำให้เราเห็นว่ามันแสนรู้เช่นกัน มันรู้ว่ามันควรจะไปขอความช่วยเหลือจากที่ไหน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ Soto และ Rose จากรัฐฟลอริด้า ประเทศอเมริกาเพิ่งทำหน้าที่เสร็จและกำลังจะกลับไปที่รถตำรวจ พอพวกเขาเข้าไปถึงรถ พวกเขาก็เห็นสุนัขตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่ประตูรถของพวกเขา เหมือนมันพยายามจะเรียกคนในรถให้เปิดประตูให้     พอมันเห็น Soto กับ Rose เดินมา มันก็เข้ามาหาพวกเขาด้วยความดีใจ เหมือนกับว่ามันกำลังรอพวกเขาอยู่เลยทีเดียว แต่พวกเขาก็เห็นว่ามันมีปลอกคออยู่ พวกเขาถึงรู้ว่ามันชื่อว่า Hank และมันก็น่าจะมีเจ้าของแล้ว พวกเขาให้อาหารมันไปก่อนเพราะว่ามันดูหิวมาก ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่ามันน่าจะเป็นหมาที่หลงทางมา โชคดีที่ปลอกคอของมันมีที่อยู่ติดอยู่ด้วย พวกเขาจึงช่วยติดต่อเจ้าของของมันได้ทันที     พวกเขาเล่าว่ามันเพิ่งหลงออกมาได้ไม่นาน เจ้าของของมันยังไม่ทันรู้เลยว่ามันหนีออกจากบ้านมา ยังไงก็ดีแล้วที่มันกลับบ้านได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็น่าชื่นชมมันเหมือนกันนะ เหมือนกับว่า Hank รู้ว่าตำรวจช่วยเหลือมันได้ มันก็เลยเป็นฝ่ายเข้าไปหาพวกมันก่อนเอง นี่เป็นเหตุผลหลักเลยที่ทำให้มันได้กลับบ้านไวขนาดนี้     ที่มา: the dodo

สัตว์ที่เราคุ้นเคยกันส่วนใหญ่ล้วนแต่มีอายุสั้นกว่ามนุษย์เราทั้งนั้น ทว่าสัตว์ที่เรากำลังจะไปรู้จักกันนี้มีอายุยืนมากๆ มันอยู่มาตั้งแต่รุ่นทวดของคุณเชียวนะ และปัจจุบันก็ยังอยู่ดีด้วย หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อของมันแล้ว มันคือเจ้า Jonathan เต่าบกยักษ์จากเกาะเซนต์เฮเลนาในทะเลแอดแลนติกตอนใต้     เจ้า Jonathan ลืมตาดูโลกครั้งแรกเมื่อปี 1832 ตอนนี้มันอายุได้ 187 ปีแล้ว มันเป็นสัตว์ที่อาวุโสที่สุดในศูนย์อนุรักษ์สัตว์ที่มันอยู่เลย นอกจากนี้มันยังนับว่าเป็นสัตว์บกที่มีอายุเยอะที่สุดในโลกขณะนี้เลย     เพื่อนเต่าที่แก่รองลงมาจาก Jonathan ก็คือเจ้า David แต่ถึงมันจะแก่เป็นอันดับที่ 2 ในบรรดาเต่าทั้งหมดมันก็ยังอายุเพียงแค่ 80 ปีเท่านั้น เทียบกับเจ้า Jonathan แล้วคนละรุ่นกันเลย แต่ถึงอย่างนั้น David ก็ยังถือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกับเจ้า Jonathan พวกมันมักจะใช้เวลาช่วงกลางวันนอนอาบแดดด้วยกันประจำ     ความอายุยืนของ Jonathan เป็นเรื่องที่คนท้องถิ่นยกย่อง รูปของมันถูกใช้เป็นหน้าหนึ่งของเหรียญเงินตราบนเกาะเชียวนะ ปัจจุบันคนที่ดูแลคาดว่าด้วยอายุที่เยอะมาก เจ้าเต่าน่าจะตาบอดสนิทไปเรียบร้อยแล้ว แต่มันก็ยังคงเดินไปอาบแดดและไปไหนมาไหนเองได้ตามปกติ แถมมันยังจำเสียงคนที่ดูแลมันได้ทุกคนด้วย ถึงมันจะเปลี่ยนคนดูแลหลายครั้งแล้ว เวลาพวกเขาเรียกมันก็จะรีบไปกินข้าวทันที     ปัจจุบันแม้เจ้า Jonathan จะมีโรคอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วมันก็ยังมีสุขภาพดีเยี่ยม…

ว่ากันว่าโลมาเป็นสัตว์ที่มีสติปัญญาดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก พวกมันสามารถแก้ปัญหาสิ่งต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาด อย่างเช่นในครั้งนี้ที่มันเข้ามาขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ด้วยความตั้งใจของตัวเอง โลมาตัวที่ว่านี้อาศัยอยู่บริเวณหมู่เกาะฮาวาย มันบังเอิญว่ายน้ำไปพันกับสายเบ็ดตกปลาของมนุษย์ ทำให้ตอนนี้มันมีเหยื่อและสายเอ็นพันตัวอยู่     ตอนที่มันว่ายน้ำมาเจอนักประดาน้ำ Martina Wing และช่างภาพใต้น้ำอยู่ใกล้ๆ มันจึงว่ายเข้าไปหาพวกเขา แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งคู่พอดิบพอดี แม้ตอนแรก Wing จะไม่รู้ว่ามันต้องการอะไร แต่เขาก็เห็นว่าตัวของมันมีบางอย่างพันอยู่ เขาจึงเข้าใจได้ว่ามันอยากให้เขาช่วยเอาสิ่งนั้นออกให้     นักประดาน้ำหนุ่มเริ่มต้นจากการดึงเบ็ดซึ่งเกี่ยวกับครีบของมันออกก่อน ถ้าเป็นการช่วยสัตว์ตัวอื่นคงจะลำบากมากทีเดียว เพราะสัตว์เหล่านั้นชอบดิ้นหนีเวลาถูกช่วย แต่เจ้าโลมาตัวนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย มันฉลาดมากพอที่จะรู้ว่าตัวเองควรอยู่นิ่งๆ เพื่อให้คนช่วยได้อย่างสะดวก การเอาเบ็ดตกปลาที่ติดอยู่กับตัวมันออกจึงใช้เวลาแค่ครู่เดียวเท่านั้น     อยู่นิ่งๆ ให้ช่วยอย่างว่าง่าย   เท่านั้นยังไม่พอนะ หลังเอาเบ็ดตกปลาออกเสร็จมันก็ยังไม่จากเขาไปไหน มันรู้ว่าเขาจะช่วยตัดสายเอ็นที่ยังพันตัวออกได้ การตัดสายเอ็นที่พันตัวโลมาออกยากกว่าที่คิด เพราะมันพันกันยุ่งไปหมดแล้ว Wing จึงต้องหยิบที่ตัดลวดออกมาเป็นตัวช่วย     เจ้าโลมาก็เหมือนจะรู้ว่าเขาหวังดีและไม่มีทางทำร้ายมัน ถึงเขาจะเอาเครื่องมือแปลกๆ ที่มันไม่รู้จักออกมามันก็ยังใจเย็นและอยู่นิ่งๆ ที่เดิมจนกระทั่งเขาช่วยมันเสร็จเรียบร้อย   ตัดสายเอ็นออกให้เสร็จแล้วนะ   พอทำเสร็จแทนที่โลมาตัวนี้จะว่ายหนีไปเลย มันก็ยังวนกลับมาหา Wing และเพื่อนอีกครั้งก่อน ราวกับว่าเป็นการกล่าวขอบคุณที่พวกเขาช่วยมัน…

หมาที่เป็นโรคเรื้อนมักจะถูกคนหลีกเลี่ยง เนื่องจากพวกมันดูสกปรกและมีกลิ่นเหม็น แต่ก็อย่าลืมว่าภายใต้ผิวหนังแห้งๆ นั้นมันก็เป็นเพียงแค่หมาธรรมดาตัวหนึ่ง พวกมันเองก็ต้องการความรักไม่ต่างจากสุนัขทั่วไป หากคุณรักษามันจนหายดี มันอาจจะเป็นหมาที่น่ารักที่สุดตัวหนึ่งเลยก็ได้     เจ้าหมาน้อย Pippa และครอบครัวของมันทั้งพ่อแม่และพี่น้อง ถูกกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Atlanta Humane Society เก็บมาดูแล พวกมันทุกตัวเป็นโรคเรื้อนกันหมด แต่ตัวที่เป็นหนักที่สุดเลยก็คือเจ้า Pippa มันไม่มีขนเหลือเลย และผิวหนังหลายแห่งก็เป็นเกล็ดด้วย     ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นหมาที่เป็นมิตรที่สุดในกลุ่ม มันไม่สนใจเลยว่าการถูกสัมผัสผิวหนังจะทำให้ตัวเองรู้สึกระคายเคืองหรือเจ็บยังไง ไม่ว่าอาสาสมัครจะเจอหน้ามันกี่ครั้งมันก็จะอ้อนให้อุ้มเสมอ นอกจากนี้มันก็ยังชอบขดตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆ ถึงผิวของมันจะต้องสีกับผ้าห่มด้วย Amanda Harris ซึ่งเป็นคนดูแลมันคงนึกสงสัยเหมือนกัน ว่าหากมันหายเป็นโรคเรื้อนแล้วมันจะขี้อ้อนมากกว่าเดิมขนาดไหน     นอกจากจะขี้อ้อนมากแล้ว ความขี้เล่นของเจ้าหมาน้อยก็มีมากไม่แพ้กัน มันชอบเข้าไปเล่นกับพี่หมาตัวโตในบ้านอุปถัมภ์ เกมโปรดของมันคือชักเย่อ แน่นอนว่ามันสู้แรงพี่หมาตัวใหญ่ไม่ได้หรอก ทว่ามันก็ดูมีความสุขที่ได้พยายามยื้อแย่งเชือกอยู่นะ     หลังจากมาอยู่กับ Harris เจ้าหมาน้อยก็อาการดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ Pippa หายเป็นเรื้อนแล้ว และขนของมันเริ่มขึ้นมาบ้าง Harris คอยอัปเดตอาการของมันผ่านอินสตาแกรมอยู่ตลอด ทำให้มันเองก็มีแฟนคลับกลุ่มเล็กๆ ที่คอยเอาใจช่วยมันเหมือนกัน    …

ชีวิตของหมาจรจัดลำบากก็จริง แต่ไม่ว่าจะลำบากมามากขนาดไหน พวกมันทุกตัวก็ยังมีโอกาสได้ใช้ชีวิตที่มีความสุข ดังจะเห็นได้จากเจ้าหมาพิการ Lunita  Lunita เป็นอัมพาตช่วงล่าง มันถูกนำมาทิ้งไว้กับรถเข็นที่เสียแล้วและผ้าอ้อมถุงหนึ่ง แล้วก็ยังถูกล่ามโซ่ไว้กับรั้วด้วย เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าของเก่าไม่อยากดูแลมันต่อแล้ว กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ LUBA Salta ผ่านมาเห็นมัน พวกเขาจึงเก็บมันมาดูแลที่ศูนย์พักพิงของตัวเอง เพื่อรอหาเจ้าของใหม่ให้กับมัน     พวกเขารู้ว่าการหาบ้านให้ Lunita ต้องเป็นเรื่องที่ยากมากแน่ๆ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากดูแลหมาพิการหรอก มันเป็นภาระที่มากพอดู ไม่นานนัก Lunita ก็มีครอบครัวมาขอรับเลี้ยง แต่พวกเขาดูแลสุนัขพิการไม่เป็น ความเป็นอยู่ของเจ้าหมาในบ้านหลังนั้นจึงไม่ดีเท่าไหร่ สุดท้ายมันก็ถูกส่งตัวกลับมาที่กลุ่มช่วยเหลือสัตว์อีกครั้ง     ต่อมามันก็ได้มาอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง โชคดีที่พวกเขามีความรู้ในการดูแลสุนัขพิการ แถมยังเอาใจใส่มันดีด้วย ครั้งนี้เจ้า Lunita ได้เริ่มต้นชีวิตแสนสุขสักที นอกจากจะดูแลมันแล้ว ครอบครัวใหม่ยังช่วยรักษาอาการติดเชื้อและโรคเห็บหมัดที่ติดตัวมา จนมันหายเป็นปลิดทิ้ง ถึงมันจะเป็นหมาพิการแต่ตอนนี้มันก็มีสุขภาพแข็งแรงดี     การได้มาอยู่กับครอบครัวใหม่ทำให้ Lunita ไม่เหงาเลย มันมีเพื่อนสุนัขตัวใหม่ที่พร้อมเป็นเพื่อนให้มันเสมอ เจ้าของของมันเองก็จับตาดูอย่างดี ไม่มีปล่อยให้มันหลุดพ้นสายตา แถมพวกเขายังพามันไปเที่ยวข้างนอกเป็นประจำ และช่วยจัดงานวันเกิดให้ในแบบที่ก่อนหน้านี้มันไม่เคยได้รับมาก่อนด้วย     ได้มีงานวันเกิดเป็นของตัวเองด้วย หมาบางตัวยังไม่เคยสัมผัสบรรยากาศนี้เลย…

แมวเหมียวตัวนี้ขี้อายกว่าแมวทั่วไป ตอนมาอยู่กับมนุษย์ใหม่ๆ มันพยายามหลบหน้าหลบตาท่าเดียว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้มันไว้ใจมนุษย์ไม่ได้ แค่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิม     ก่อนหน้านี้แมวน้อย Olivia เคยอยู่กับมนุษย์มาก่อน แต่คนเลี้ยงมันไม่ได้ดูแลมันดี มันจึงค่อนข้างผอมแถมยังกลัวคนอีกต่างหาก Nikki Martinez ซึ่งเป็นคนชอบช่วยเหลือสัตว์ จึงไปรับมันมาดูแลต่อ แต่ดูเหมือนมันจะไว้ใจคนยากกว่าที่เธอคิดไว้มาก     ตอนที่เธอพามันไปบ้านเจ้าแมวเอาแต่ร้องด้วยความตื่นกลัว มันพยายามจะหลบอยู่ในมุมกรงและหันหน้าหนีเธอให้มากที่สุด ถึงเธอจะพามันออกมาจากกรงแล้ว และห่อมันด้วยผ้าห่มนุ่มๆ พร้อมกอดมัน วิธีนี้ก็ไม่ได้ผลดีเหมือนกับตอนที่เธอช่วยแมวตัวอื่น มันยังคงหลับตาปี๋และทำท่าเหมือนหลบหน้าเธอเหมือนเดิม     นอกจากนี้ Olivia ยังทำท่าทางไม่สนใจอาหารที่ Nikki ให้ด้วย ทำให้เธอใช้อาหารเพื่อทำให้มันไว้ใจเธอไม่ได้เช่นกัน     แต่ Nikki ก็เริ่มมีความหวังเมื่อเธอซื้อของเล่นชิ้นหนึ่งมา มันเป็นเบ็ดตกปลาของเล่นที่มีปลายเป็นขนนก ดูเหมือน Olivia จะชอบสุดๆ เลย แล้วเวลาเธอเข้าไปใกล้เจ้าแมวพร้อมกับของเล่นชิ้นนี้ ไม่ว่าตอนเล่นกันหรือตอนกอดมันก็ตาม เจ้าแมวก็จะเข้าสู่โหมดผ่อนคลายทันที     ชมความน่ารักของเจ้าแมวทางนี้    หลังจากที่มันเจอของเล่นที่ถูกใจแล้ว Olivia ก็เริ่มเปิดใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีตัวช่วยเป็นเจ้าเหมียว Shadoobie และเจ้าหมา Frank ที่เธอเลี้ยงเอาไว้…

แมวชอบหาที่นอนที่อุ่นสบายเสมอ แต่ก็เพิ่งจะเคยเห็นแมวเลือกที่นอนได้เข้าท่าสุดๆ ก็คราวนี้นี่แหละ นอกจากจะอุ่นสบายแล้วยังซ่อนจากสายตามนุษย์ได้เนียนมากๆ นาย Qi Le ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองยิงโขว ประเทศจีนเป็นเจ้าของของสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวโต และลูกแมวน้อยอีกตัวที่เขาเพิ่งเลี้ยงได้ไม่นาน     มีอยู่วันหนึ่งเขามองหาเจ้าแมวน้อยไม่เจอ เขาจึงพยายามตามหามันไปทั่วทั้งห้อง ดูตามซอกตามมุมก็แล้ว ยกของขึ้นดูก็แล้วแต่ก็ไม่เจอเจ้าแมวเลย จะเห็นก็แต่เจ้าหมาที่นอนหมอบอยู่บนโซฟาโดยไม่สนใจเขาเท่านั้น…แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่าตรงแถวคอของเจ้าหมามีการเคลื่อนไหวแปลกๆ ด้วยความสงสัยเขาก็เลยลองดึงใบหูของมันขึ้นมาดู แล้วพบว่าเจ้าแมวน้อยที่เขาตามหามันมาซุกตัวหลับอยู่ใต้ตัวเจ้าหมานี่เอง แถมพี่หมายังกอดมันเอาไว้แน่นด้วย     ตอนที่ Le เจอเจ้าแมวน้อย เจ้าหมาโกลเด้นมองเขาตาขวางเชียวล่ะ ราวกับกำลังพยายามจะบอกเขาว่า “น้องนอนหลับอยู่ ห้ามกวนน้องนะ!!” ภาพที่เจ้าแมวหลับอยู่ใต้หูของเจ้าหมาช่างดูน่ารักมากจริงๆ แค่มองก็รู้แล้วว่ามันต้องรู้สึกอบอุ่นมากที่ได้นอนตรงนั้น แถวใบหูของพี่หมายังช่วยซ่อนตัวมันไม่ให้มนุษย์มากวนได้เป็นอย่างดี…ถึงสุดท้ายมนุษย์จะเจออยู่ดีก็เถอะ     ถ้าคราวหน้าที่เจ้าแมวน้อยหายไปอีก Le ก็รู้แล้วว่ามันจะอยู่ที่ไหน หวังว่าครั้งหน้าเขาจะไม่บังเอิญไปกวนช่วงเวลาแสนสุขของเจ้าแมวน้อยกับเจ้าหมาแบบครั้งนี้อีกนะ   ชมคลิปวิดีโอได้ทางนี้    ที่มา: Daily Mail

ขอบอกเลยว่าในสังคมการทำงาน แม้จะเป็นสายงานที่ชอบการทำงานก็เป็นเรื่องน่าเบื่ออยู่ดี หรือถ้าแย่หน่อยก็เครียดไปเลย ดังนั้นการรู้จักหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ กับสิ่งที่ชอบระหว่างทำงาน จะช่วยทำให้คุณมีความสุขในการทำงานมากขึ้นได้ เหมือนกับหนุ่มคนส่งของอารมณ์ดี Jason Hardesty   https://www.instagram.com/p/BvnCxlug5_O/   หนุ่ม Jason หรือในอีกชื่อสั้นๆ ว่า Jay เป็นพนักงานส่งของของบริษัท Ups ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งชื่อดังในประเทศอเมริกา ก่อนหน้านี้เขาเคยอยู่ในบรรยากาศทำงานที่ไม่มีความสุขมาก่อน เนื่องจากเส้นทางส่งของเก่าของเขามักจะเจอคนที่ต่างวัยกันมาก และสุนัขในแถบนั้นก็ไม่เป็นมิตรกับเขาด้วย   https://www.instagram.com/p/BvVDJVYgI4d/   เมื่อ 2 ปีก่อนที่เขาถูกย้ายมาอยู่ในเส้นทางส่งของใหม่ซึ่งมีคนรุ่นเดียวกันเยอะ และสุนัขของพวกเขาก็เป็นมิตรมาก ทำให้ Jay มีความสุขในการทำงานมากขึ้น เนื่องจาก Jay เป็นคนรักหมา การที่สุนัขแถบนั้นเป็นมิตรกับเขาจึงช่วยเพิ่มความสุขในการทำงานได้มากทีเดียว และเขาก็ถือโอกาสเก็บภาพกับพวกมันทุกตัวเอาไว้ เพื่อบันทึกความรู้สึกดีๆ ที่พวกมันมอบให้   https://www.instagram.com/p/BvDAP1uglvo/   ตอนที่เริ่มทำงานในเส้นทางใหม่นั่นเอง Jay ก็เริ่มโพสต์รูปเขากับพวกหมาลงบนอินสตาแกรม Jason Hardesty ของตัวเองด้วย ซึ่งนอกจากจะทำให้เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้ย้อนรูปเขากับเจ้าหมาแล้ว ชาวเน็ตและคนรู้จักของเขาเองก็พลอยมีความสุขจากรูปของเขาไปด้วยเช่นกัน เพราะทุกรูปของเขากับเจ้าหมานั้นดูมีความสุขชนิดที่ว่าล้นทะลักออกมานอกจอ เผื่อแผ่ถึงชาวเน็ตทุกคนเลยทีเดียว  …

เจ้าหมาเป็นสิ่งพิเศษสำหรับเจ้าสาวและเจ้าบ่าว ดังนั้นพวกเขาคิดไว้ตั้งนานแล้วว่าในวันแต่งงานของพวกเขา มันจะต้องมีส่วนร่วมในแบบพิเศษๆ ด้วย Jennifer Hindieh และแฟนหนุ่มรับเลี้ยงเจ้าหมา Bailey มาตั้งแต่มันยังอยู่แค่ 5 เดือน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามันก็กลายเป็นสมาชิกครอบครัวที่สำคัญอีกตัว     ตลอดเวลาที่คบกันมานาน 7 ปี พวกเขาคิดไว้ตลอดว่าอยากให้เจ้าหมาเป็นคนสำคัญที่สุดในวันงานแต่งของพวกเขา ทั้งคู่ตัดสินใจเรื่องนี้มานานแล้ว เมื่อพวกเขาทำการหมั้นหมายกันในปลายปี 2018 พวกเขาจึงเริ่มวางแผนงานแต่งโดยไม่ลืมที่จะรวมเจ้าหมาเข้าไปในแผนด้วย     แต่ไหนๆ จะให้มันมาเป็นคนสำคัญในงานแต่งทั้งที ถ้ามันต้องเดินคู่กับบ่าวสาวแต่ดูไม่สวยเทียบเท่าพวกเธอ ก็คงจะไม่ดูพิเศษในสายตาแขกเท่าไหร่ ตอนที่ Hindieh ไปเลือกชุดเจ้าสาว เธอจึงถือโอกาสหาชุดสวยๆ ให้มันใส่ไปด้วยซะเลย แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีชุดให้เจ้าหมาหรอก     เธอจึงตัดสินใจสั่งชุดมาให้มันเป็นพิเศษ แล้วได้มาเป็นชุดแต่งงานสีขาวล้วนสำหรับสุนัข แถมยังดูเข้ากับชุดของเธอดีซะด้วย โชคดีที่ Bailey มันชอบใส่เสื้อผ้าอยู่แล้ว ตอนที่สั่งชุดแต่งงานมาให้มันจึงยอมใส่แบบไม่มีปัญหาเลย แถมดูมันจะชอบด้วยนะ     ยิ้มแบบนี้ชอบชุดล่ะสิ   Hindieh เล่าว่า “ฉันตัดสินใจหาชุดให้มันเพราะว่ามันเป็นครอบครัว เป็นลูกรัก และการที่มีมันอยู่ก็ทำให้ชีวิตของเราเป็นวันพิเศษทุกวัน…ฉันไม่รู้หรอกนะว่าจะมีลูกรึเปล่า แต่ตอนนี้มันก็เป็นเหมือนลูกของฉันแล้ว” มีชุดสวยๆ…

ครั้งหนึ่งเจ้าแมว Marcy เคยอาศัยอยู่กับครอบครัวของตัวเอง แต่พอพวกเขาย้ายออกไปมันก็ถูกทิ้งเอาไว้ตามลำพัง แล้วกลายเป็นแมวจรจัด มันใช้กล่องกระดาษพังๆ ใบหนึ่งที่วางทิ้งไว้แถวนั้นเป็นที่กำบังลมแดด แล้วก็อยู่แบบนี้มาตลอดระยะเวลาหลายเดือน จนกระทั่งมีคนให้ความสนใจมัน     Rebecca McGinn ได้เจอกับ Marcy ตอนที่เธอไปหาพี่ชายของเธอซึ่งอาศัยอยู่แถวนั้น พอเจอกันพี่ชายของเธอก็เล่าเรื่องเจ้าแมวให้เธอฟัง ด้วยความที่เธอเป็นคนรักแมวเธอจึงหาเวลาออกไปดูเจ้าแมวตรงจุดที่พี่ชายบอกไว้ แล้วก็เจอมันขดตัวอยู่ในกล่องอย่างที่เห็น     ถึงมันจะตัวสั่นเทาอยู่ในกล่อง แต่มันก็ไม่ได้กลัวคนเลย ทันทีที่มันเห็น McGinn มันก็รีบวิ่งออกมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเธอ ด้วยความน่าสงสารและความเป็นมิตรของมัน หญิงสาวจึงตัดสินใจจะรับเลี้ยงมันเอาไว้เอง เธอไม่อยากเห็นมันถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังนานกว่านี้แล้ว   ได้มาอยู่ในบ้านแล้ว   บ้านที่อุ่นสบายช่างเป็นที่ที่เหมาะกับ Marcy จริงๆ มันดูมีความสุขมากที่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังจากต้องลำบากอยู่นานหลายเดือน สิ่งที่มันชอบทำที่สุดเวลาอยู่ในบ้านก็คือการได้ซุกตัวอยู่ในที่อุ่นๆ อันที่จริงแล้วมันแทบจะเป็นสิ่งเดียวที่เจ้าแมวทำเลยล่ะ     McGinn เล่าว่า “เจ้าแมวติดผ้าห่มกับคนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เลย มันชอบให้เราห่มผ้าห่มให้ มันจะนอนอยู่บนผ้าห่มหรือไม่ก็ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม 99 เปอร์เซ็นต์ของเวลาทั้งหมดที่อยู่บ้านเลย สิ่งที่มันชอบที่สุดรองจากการนอนในผ้าห่ม ก็คือการได้อยู่กับฉันหรือแฟน แล้วถูกพวกเรากอดนี่แหละ” มันเป็นแมวที่ขี้อ้อนมากเลยนะเนี่ย   ที่ไหนอุ่นๆ ก็ชอบหมด   ได้นอนบนผ้าห่มคือดี…

พวกแมวนี่มันร้ายจริงๆ นะ พวกมันขยายกลุ่มทาสแมวให้ใหญ่ขึ้นทุกวันๆ เหมือนกับว่าพยายามจะยึดโลกอยู่จริงๆ แม้แต่คนที่เป็นคนรักหมาก็ยังถูกพวกมันเปลี่ยนเป็นทาสได้แบบเนียนๆ     คุณ เจี๊ยบ (Jeab Naka) เป็นคนรักหมาซึ่งเลี้ยงหมาไว้ที่บ้านจำนวนหลายตัว เธอไม่เคยคิดจะเลี้ยงแมวมาก่อนเลย จนกระทั่งไม่นานมานี้เธอได้ยินเสียงสุนัขในบ้านเห่าบางอย่างอยู่ เมื่อเธอตามไปดูก็เจอกับเจ้าแมวน้อยตัวนี้ติดอยู่บนหลังคาบ้าน     เธอเอาตัวมันลงมาและเห็นว่ามันมีปลอกคออยู่ด้วย ตอนแรกจึงนึกว่ามันมีเจ้าของแล้ว แต่พออ่านโน๊ตที่เขียนว่า “Help Me” ซึ่งติดมากับปลอกคอ เธอก็พบว่ามันไม่มีคนดูแล     โน๊ตที่ติดมากับเจ้าแมวเขียนด้านหน้าว่า Help และด้านหลังว่า Me หมายถึงขอให้ช่วยแมวตัวนี้ด้วย   โดยในโน๊ตเขียนไว้ว่า “ได้โปรดช่วเหลือแมวตัวนี้ด้วยการรับเลี้ยง หรือหาบ้านให้มัน มันได้พลัดหลงมา ผู้พบเจอไม่สามารถดูแลมันได้ จึงต้องปล่อยไปตามทาง แต่หากมันโชคดีได้เจอผู้รับเลี้ยงและโน๊ตแผ่นนี้ รบกวนอัปเดตชีวิตมันลงในเพจ “ทาสแมว” ด้วย ผู้พบเจอจะได้ช่วยเหลือเท่าที่สามารถทำได้ ขอขอบพระคุณ”     คนรักหมาอย่างเธอเจอแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี จะเลี้ยงมันเอาไว้ก็ไม่ได้เพราะเห็นชัดเลยว่าเจ้าหมาที่บ้านเห่ามันกันยกใหญ่ แต่ด้วยความสงสารเธอจึงตัดสินใจพามันไปหาสัตวแพทย์เพื่อทำหมันและฉีดวัคซีนก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงจัดแจงซื้ออาหารแมวมาเผื่อไว้แม้ไม่รู้จะดูแลมันยังไงก็ตาม     พาไปหาสัตวแพทย์มาแล้ว   แล้วก็กลับบ้านมาด้วยกันถึงไม่รู้จะเลี้ยงยังไงก็เถอะ  …

ถ้าคุณไม่เคยได้เลี้ยงแมว คุณคงไม่เข้าใจหรอกว่าการต้องมาตามรับใช้และเอาใจเจ้านายขนฟูแบบนี้ ทำให้ชีวิตทาสอย่างเรามีความสุขได้ยังไง เราอยากจะขอบอกว่าถึงเราจะต้องเอาใจมันมากสักหน่อย แต่พวกมันก็ตอบแทนเราด้วยรอยการสร้างรอยยิ้มให้เราเช่นกัน…ด้วยเรื่องป่วนๆ ที่มันสร้างให้เราไม่เว้นวันนี่แหละ แค่ได้เห็นเจ้าเหมียวเอาแต่ร้องเมี๊ยวๆ ไม่ยอมหยุด หรือได้เห็นท่าทางงงๆ ของมันตอนเจอของชิ้นใหม่ที่ไม่คุ้นเคย แค่นี้ก็ทำให้คนที่อยู่กับมันยิ้มได้ทุกวันแล้ว แบบที่เจ้าแมวพวกนี้กำลังจะมอบรอยยิ้มให้กับคุณ   นี่คงเป็นแมวที่ประหลาดที่สุดในโลกแล้วละมั้ง 🐱🦵🦵 pic.twitter.com/BrRMfcbbg4 — ❄️🥖 Kéké 🥖❄️ (@Kekeflipnote) February 15, 2019   เปิดเสียงฟังน้องรับโทรศัพท์เร็ว น่ารักโคตรๆ!! UNMUTE THIS, YOU NEED TO HEAR THIS pic.twitter.com/JDtIN9qmzN — reg¨̮⁷ | missing bts (@jingerbreadmiin) February 19, 2019   เมื่อแมวคุณร้องไม่หยุด เลยต้องลองเอามาแปลงเสียงเป็นเพลงให้ดูเพราะขึ้น…ฟังเพลินดีนะ https://twitter.com/joabaldwin/status/1097316143377707008   กะจะแอบนอนอยู่ตรงนี้ทั้งวันล่ะสิเจ้าเหมียว ลุกจากเตียงได้แล้ว https://twitter.com/KihuBlue/status/1096891016139788288   แมวอะไรแสนรู้จัง ช่วยปลอดล็อกประตูบ้านให้ทาสได้ด้วย!?…

คนที่สนิทกับคนอื่นยากน่าจะเข้าใจเจ้าหมาตัวนี้ได้ดี มันเองก็มีไว้ใจคนยากจึงทำให้มีเพื่อนที่สนิทน้อยเช่นกัน ดังนั้นสำหรับมันแล้วนั้นเพื่อนแต่ละตัวจึงสำคัญมากๆ เจ้า Juno เป็นสุนัขพิตบูลล์เจ้าปัญหาจากกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ มันไว้ใจคนยากมากๆ บ้านที่รับมันไปเลี้ยงก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 หลังจึงส่งมันกลับมา     จนในปี 2017 เจ้าหมาก็ได้เจอกับ Kelly Tedford หญิงรักสุนัขซึ่งมีความตื๊อไม่แพ้กัน เธอเห็นรูปของมันจากอินเตอร์เน็ตแล้วจึงลองมาขอรับเลี้ยง แต่พอได้เจอความใจแข็งของมันเข้า เธอต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อซื้อใจมัน ทั้งอยู่กับมันจนมันชินหน้าเธอ แล้วก็พามันไปเดินเล่นด้วย แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน มันถึงยอมไว้ใจเธอ     ถึงจะมีคนรับเลี้ยงมาแล้วเจ้า Juno ก็ยังมีปัญหาเรื่องความกลัวและความไว้วางใจอยู่เลย สัตวแพทย์ถึงกับต้องให้ยามันเลยนะมันถึงจะดีขึ้น หลังจากที่มันได้กินยาอย่างสม่ำเสมอ และได้ทำความคุ้นเคยกับสุนัขตัวอื่นที่ Tedford รับจ้างพามาเดินเล่นเป็นประจำแล้ว มันจึงเริ่มมีเพื่อนสนิทเป็นสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ Callie กับ Blondie   ได้ไปเดินเล่นกับหมาตัวอื่นบ่อยๆ จนเริ่มมีเพื่อน   ตัวที่ Juno สนิทด้วยและไว้วางใจที่สุดคือเจ้า 2 ตัวนี้ https://www.instagram.com/p/BoxBaYZlP9j/?utm_source=ig_embed   แต่ต่อมา Tedford ต้องย้ายที่อยู่ใหม่ ทำให้เจ้า Juno…

ถ้ามีใครสักคนบอกคุณว่าเขาซื้อขนมมาจากเจ้าหมา คุณอาจจะคิดว่าเขาเพี้ยนก็ได้ แต่มันมีร้านขายของที่มีสุนัขขายอยู่เพียงตัวเดียวจริงๆ นะ!!     ซื้อมันเทศปิ้งอร่อยๆ ไหมฮะ?   ร้านที่ว่านี้เป็นร้านขายมันเทศปิ้งซึ่งตั้งอยู่ในเมืองซัปโปโร เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นนี่เอง ตัวร้านก็เป็นเหมือนกับบู้ทเล็กๆ ข้างทางเท่านั้น ส่วนเจ้าหมาซึ่งเป็นพนักงานเพียงหนึ่งเดียวตัวนี้ชื่อว่า Ken-kun มันจะยืนเฝ้าร้านอยู่จากทางด้านใน และคอยต้อนรับลูกค้าที่มาซื้อของด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ     บริการด้วยรอยยิ้มแสนน่ารัก   แต่ถึงจะบอกว่า Ken-kun ขายมันเทศปิ้งเพียงตัวเดียว มันก็ไม่ได้ปิ้งมันเอง หรือว่ารับเงินแล้วทอนเงินได้เองหรอกนะ มันปิ้งจะถูกปิ้งทิ้งไว้แล้ว และนำเอาไปวางไว้บนเครื่องอุ่นซึ่งอยู่ในกล่องพลาสติกที่หน้าร้านอีกทีหนึ่ง ลูกค้าที่ต้องการซื้อก้สามารถหยิบมันไปเองได้โดยไม่ต้องให้เจ้าหมาช่วยเลย ส่วนการจ่ายเงินก็เพียงแค่เอาเงินหย่อนใส่ช่องที่อยู่เหนือกล่องมันเทศขึ้นมาเท่านั้น แค่นี้ก็ซื้อขายกันเสร็จโดยไม่มีปัญหาใดๆ แล้ว   หย่อนเงินไว้ทางนี้   แล้วหยิบสินค้าไปได้เลย   ก็จะได้มันเทศร้อนๆ น่าทานแบบนี้ไปกิน   สำหรับคนที่กำลังคิดว่าหยิบของจ่ายเงินกันเองแบบนี้ ไม่โดนโกงเงินกันบ้างรึไง?? ไม่ต้องหรอกไปหรอกว่าจะมีใครโกง ที่ผ่านมายังไม่มีใครกล้าโกงหมาน้อยน่ารักตัวนี้เลย อีกอย่างหนึ่ง Ken-kun ก็จับตาดูลูกค้าเป็นอย่างดี และถึงจะไม่ได้มาซื้อของ Ken-kun ก็ยินดีต้อนรับและหยุดทักทายคนที่อยากเล่นกับมันอย่างเดียวด้วยนะ บริการกันดีจริงๆ     จะแวะมาเล่นด้วยอย่างเดียวก็ได้นะ…

MacKenzie Allmon เป็นทั้งทาสหมาและทาสแมว เธอเลี้ยงพวกมันเอาไว้ด้วยกัน เท่านั้นยังไม่พอเธอยังเลี้ยงหนูเอาไว้อีกหลายตัวด้วย ถึงเธอจะรู้ว่าเจ้าแมวเป็นมิตรกับสัตว์อื่นรวมไปถึงเจ้าหมา เธอก็ไม่มั่นใจว่ามันจะรู้สึกยังไงกับพวกหนู จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้เห็นพวกมันอยู่ด้วยกัน     แถวบ้านของ Allmon มักจะมีคนเอาแมวมาปล่อยไว้เสมอ จึงทำให้มีแมวจรจัดค่อนข้างเยอะ แล้วครั้งหนึ่งก็เคยมีแมวจรจัดมาคลอดลูกในโรงรถของพวกเธอด้วย เธอช่วยดูแลและหาบ้านให้แม่แมวกับลูกแมวเกือบทั้งหมดได้ ยกเว้นเจ้า Jagger ซึ่งเธอรู้สึกผูกพันด้วยมากกว่าตัวอื่น เธอจึงรับเลี้ยงมันไว้เอง     Jagger เป็นแมวที่เป็นมิตรกับสัตว์อื่นมาตั้งแต่ยังเล็กแล้ว มันรักเจ้าหมาที่อยู่ด้วยกันมาก เธอมักจะเห็นพวกมันนอนอยู่ด้วยกันบ่อยๆ     แต่ถึงมันจะเข้ากับสัตว์อื่นอย่างสุนัขได้ง่าย เธอก็ไม่แน่ใจว่าพอเป็นหนูมันจะยังเป็นมิตรด้วยอยู่รึเปล่า หรือมันจะล่าพวกมันตามสัญชาตญาณ? ต่อมาเมื่อเธอเอาหนู 4 ตัวเข้ามาเลี้ยงเธอจึงให้พวกมันอยู่ในกรง แยกกับห้องที่ Jagger อยู่เพื่อให้มั่นใจไว้ก่อนว่าพวกมันจะปลอดภัย     จนกระทั่งวันหนึ่งเจ้าหนู Willow บังเอิญหนีออกมาจากกรงได้ Allmon ตามหามันซะให้ทั่วเลยแต่ก็ไม่เจอตัวเจ้าหนูสักที แล้วเธอก็ไปเจอมันในที่ที่เธอไม่คาดคิดที่สุด ซึ่งก็คือในกรงของ Jagger นั่นเอง แถมพวกมันยังดูรักกันดีมากๆ ด้วย เจ้าแมวไม่มีท่าทีจะทำร้ายหนูน้อยเลย     ดูสิมันรักกันดีจะตาย      …

โดยทั่วไปแล้วทาสแมวชอบถูกรายล้อมไปด้วยเจ้าเหมียว ยิ่งมีเยอะมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ทว่าบางทีถ้าเยอะเกินไปก็ไม่ดีเหมือนกันนะ หญิงทาสแมวคนนี้ถึงกับต้องขอความช่วยเหลือหลังจากแมวที่มีจำนวนพุ่งเยอะเกิน 100!! เมื่อไม่นานมานี้ลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Toronto Cat Rescue ถูกหญิงคนหนึ่งขอให้ช่วยรับแมวจากบ้านของเธอไปช่วยดูแล เนื่องจากมันมีจำนวนเยอะเกินไปจนเธอดูแลไม่ไหว     กว่าพวกเขาจะนับจำนวนแมวคร่าวๆ ได้ก็ลำบากกันพอสมควรเลย เนื่องจากพวกมันยั้วเยี้ยเต็มไปหมด แล้วก็ไม่อยู่นิ่งเลยสักตัว เมื่อพวกเขาไปถึงบ้านของเธอ พวกเขาก็ต้องทึ่งกับจำนวนของพวกมัน ที่บ้านของเธอมีแมวโดยประมาณ 120 ตัวอยู่ในบ้านเพียงแค่หลังเดียว!?     แม้ว่าหญิงเจ้าของบ้านจะเป็นทาสแมวที่รักเจ้านายมาก แต่ด้วยจำนวนขนาดนี้แทนที่จะทำให้เธอมีความสุข มันก็กลายเป็นปัญหาสำหรับเธอแทน ส่วนสาเหตุที่พวกมันเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วภายในเวลาสั้นๆ ก็ไม่ใช่อะไรหรอก มันเริ่มมาจากการที่เธอไม่ยอมพาพวกมันไปทำหมันนั่นแหละ     Belinda Vandersluis ซึ่งเป็นผู้อำนวยการจากกลุ่มช่วยเหลือสัตว์เล่าว่า “การดูแลพวกมันต้องเป็นภาระหนักมากแน่ๆ สถานการณ์นี้เลยเถิดเกินกว่าที่ทาสของมันจะรับมือไหว เธอคงไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับแมวที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ของพวกเขาพยายามช่วยเธออย่างเต็มที่ โดยการรับแมว 50 ตัวไปดูแลและหาเจ้าของใหม่ให้เอง ส่วนที่เหลือก็กระจายไปตามกลุ่มช่วยเหลือสัตว์อื่นๆ ที่ทำงานร่วมกัน     อันที่จริงแล้วหญิงทาสแมวควรได้รับโทษด้วย เนื่องจากตามกฎหมายแล้วแต่ละบ้านสามารถเลี้ยงแมวได้เพียงแค่ 6 ตัวเท่านั้น แต่นี่เกินมาตั้ง 20 เท่าตัวแน่ะ ทว่าการที่เธอเป็นคนติดต่อแจ้งเรื่องกับพวกเขาเอง และยังดูแลแมวทุกตัวให้มีสุขภาพดีด้วย…

เขาบอกกันว่าหมาเป็นสัตว์ที่มีความแสนรู้ แต่ก็ไม่เสมอไปหรอกนะ บางครั้งพวกมันก็ทำเอาตัวเองและคนรอบข้างลำบากเพราะความบื้อของมันเหมือนกัน Nick จากรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เลี้ยงเจ้าหมาตัวน้อยๆ อยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า Pete และเมื่อไม่นานนี้มันก็เพิ่งทำเรื่องสุดแสบกับแม่ของเขาไว้     วันนั้นคุณแม่และ Pete เพิ่งกลับบ้านมาหลังจากขับรถออกไปข้างนอกด้วยกัน แล้วเธอก็ลงรถมาก่อนโดยที่เจ้าหมายังอยู่ข้างในเพื่อทำธุระแป๊บเดียวเท่านั้น แต่เมื่อเธอหันหลังกลับมาก็พบว่าเจ้า Pete มันล็อกประตูรถของเธอไปเรียบร้อยแล้ว โดยที่โทรศัพท์ของเธอก็อยู่ในรถด้วย     จะบอกว่ามันแสนรู้ที่ล็อกประตูเป็นก็กระไรอยู่ เพราะถ้ามันแสนรู้จริงๆ มันก็คงปลดล็อกประตูให้แม่เข้าไปข้างในได้แล้วล่ะ     ยังดีที่คุณแม่เธอหยิบไอแพดติดลงรถมาด้วย เธอจึงใช้มันเพื่อติดต่อกับ Nick เพื่อเล่าเรื่องความแสบซนของเจ้า Pete ให้เขาฟัง แล้วก็ให้ลูกชายเรียกองค์กร American Automobile Association (AAA) ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับรถยนต์มาช่วยเปิดรถให้เธอด้วย   ลูกเรียก AAA มาบ้านเราเร็ว ไอ้ Pete มันล็อกรถขังตัวเองไว้!? https://twitter.com/NickUchihaa/status/1109303070989709312   กว่าที่พนักงานจาก AAA จะมาช่วยเอาเจ้าหมาออกจากรถก็กินเวลาไปกว่า 3 ชั่วโมงแล้ว ดีนะที่ตอนเจ้าหมาล็อกรถคุณแม่ยังติดเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์ไว้ให้มันด้วย    …

ในฐานะคนที่รักสัตว์มากๆๆๆ คนหนึ่ง #เหมียวอาตี๋ มีความใฝ่ฝันอันสูงสุดว่าอยากจะเลี้ยงแมวกับหมาไว้ในบ้านด้วยกัน เชื่อว่าหลายคนก็ฝันอยากจะทำแบบนี้เหมือนกันด้วย บางคนที่เป็นแค่ทาสแมวหรือทาสหมาอย่างเดียว อาจจะไม่เข้าใจว่าการเอาสัตว์ 2 ตัวนี้มาอยู่รวมกันมันฟินยังไง อยู่แยกกันมันไม่ดีกว่าเหรอ? แต่เชื่อเถอะว่าแค่เพื่อนๆ ได้เห็นภาพพวกนี้ ก็จะเข้าใจถึงความดีงามของการได้เลี้ยงพวกมันร่วมกันโดยไม่ต้องอธิบายอะไรให้เสียเวลาเลย   สนิทกันจนห่มผ้าผืนเดียวกันได้ https://www.instagram.com/p/BhPVZXdBRDe/?utm_source=ig_embed   เห็นพวกเธอรักกันดีคนเลี้ยงก็ชื่นใจ   ขอซุกตัวใต้พี่หมาหน่อย อุ่นดี   เห็นมันดูเฉยๆ ใส่กันแบบนี้ เจ้าหมาหวงแมวตาเดียวมากนะ   มานอนให้พี่เขาเห็นหน้าชัดๆ หน่อย กลัวเขาเหงา   ดูแล้วเพื่อนต่างไซส์คู่นี้น่าจะเข้ากันดี   หลับบนหัวเพื่อนสบายไหมเจ้าแมว?   กอดกันนอนขนาดนี้ รักไม่รักคงไม่ต้องถามแล้ว   กอดแมวน้อยเป็นลูกเลยนะเอ็ง   เพื่อนขนฟูเขาอยากอ้อนกัน มาถูๆ หน่อย   บอกเลยถ้าไม่รักแมวลุกหนีไปแล้ว   พี่หมาไม่กลัวแมวหนักบ้างเหรอ หนุนซะเต็มที่เลย   อื้อหือ อ้อนพี่หมาหนักไปไหมลูก   ใจเย็นๆ นะ น้องเขาแค่เลียขนให้อยู่ ไม่ได้กัดกัน…

ปกติแมวจรจัดจะไม่เข้าหาคนเอง แต่เจ้าเหมียวตัวนี้มันเดินไปหาคนถึงหน้าประตูบ้านเลย แถมไปตั้งหลายหลังด้วย น่าเสียดายที่แต่ละหลังที่มันไปหาไม่ได้ต้อนรับมัน     กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Alley Cat Rescue of Los Angeles ได้ยินมาว่ามีลูกแมววัย 3 เดือนตัวหนึ่งเตร็ดเตร่อยู่ตามถนนในเมืองลอสแองเจลิส ประเทศอเมริกา มันพยายามร้องเรียกมนุษย์อยู่หน้าประตูบ้านแต่ละหลังที่มันเดินผ่านไปเพื่อขออาหารและขอเข้าไปอาศัยด้วย แต่คนแถบนั้นไม่มีใครรับดูแลมัน มีแค่เด็กบางคนที่ผ่านมาให้ขนมปังมันกินเท่านั้น     ตอนที่อาสาสมัครจากกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ไปเจอมัน มันก็ยังร้องเมี๊ยวๆ เรียกให้ชาวบ้านแถวนั้นเปิดประตูให้อยู่เลย แต่คนในบ้านหลังนั้นก็ส่งเสียงไล่ให้มันเดินไปไกลๆ พวกเขาอยากช่วยมันก็เลยเก็บมันมาอยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์ของตัวเอง แล้วตั้งชื่อเจ้าเหมียวจรจัดว่า Pistachio     เจ้าแมวเนื้อตัวมอมแมมเอามากๆ แค่จับมันนอนลงกับผ้าห่มไม่ทันไร ผ้าห่มก็เปลี่ยนจากสีชมพูเป็นสีหม่นๆ เพราะเปื้อนฝุ่นจากตัวมันแล้ว แต่ถึงจะตัวมอมแมมยังไงเจ้าแมวก็ไม่ได้สนใจเลย ตอนนี้มันขอแค่ได้อ้อนและเล่นกับมนุษย์อย่างเดียว มันอ้อนไม่ยอมหยุดเลยล่ะ     เป็นแมวมอมแมมแต่ขี้อ้อน   พออาบน้ำเสร็จก็ดูสะอาดขึ้นมาทันตา แบบนี้กอดได้สบายๆ แล้ว   นอกจากจะขี้อ้อนจนทำให้อาสาสมัครชอบแล้ว เจ้า Pistachio ก็ไม่ได้มาอยู่กินฟรีด้วย มันช่วยงานอาสาสมัครได้ดีทีเดียว วิธีการช่วยของมันก็คือช่วยดูแลแมวจรจัดตัวอื่นๆ ที่เด็กกว่า ดูเหมือนมันจะมีความรักเยอะมากพอจะแบ่งปันให้ทั้งอาสาสมัครและแมวน้อยทุกตัว    …

เวลาคุณเจอหมาจรจัดมันอาจจะดูระแวงคุณและเอาแต่เดินหนี แต่ในใจลึกๆ มันอาจจะอยากเล่นกับคุณ แค่ไม่รู้ว่าต้องอ้อนยังไงก็ได้ ในกรณีแบบนี้มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่ต้องทำ คือทำให้มันไว้ใจคุณให้ได้ ไม่กี่วันก่อนตอนดึก Jillian เจอสุนัขจรจัดตัวหนึ่งแถวบ้าน ด้วยความที่เธอรักสัตว์เธอจึงอยากเล่นกับมัน แต่ด้วยความขี้ระแวงฉบับหมาจร มันจึงเดินหนีเธอทันทีที่เห็นเธอหันมา แต่ในวันถัดมามันก็โผล่มาให้เธอเห็นอีก เธอสังเกตว่ามันจะเว้นระยะห่างกับเธอไว้เสมอ แต่ก็มองกลับมาดูตลอดเหมือนต้องการบางอย่่างจากเธอ     แถมพอเธอทำท่าจะหันหลังกลับ มันก็เดินตามเธอมาห่างๆ ด้วย เธอจึงลองนำทางมันกลับไปที่บ้านตัวเองเพื่อเอาข้าวเอาน้ำให้มันกินดู เผื่อมันจะไว้ใจเธอมากขึ้น แค่เห็นมันกระดิกหางไปมาไม่หยุด เธอก็รู้แล้วว่ามันมีความสุขมากๆ ที่ได้กินข้าวและอยู่ใกล้เธอ แต่มันก็ยังคงเว้นระยะห่างกับเธอไว้อยู่ดี                           อีกวันหนึ่งเธอก็เจอเจ้าหมาอีก ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันเป็นมิตร แต่ก็ไม่ได้หวังจะเข้าใกล้มันมากกว่านี้แล้ว เธอแค่อยากเห็นมันมีความสุขก็พอ Julian ก็เลยเดินนำมันให้มากินข้าวที่บ้านของเธออีก เธอเล่าว่า “ครั้งนี้เราเตรียมอาหารหมาไว้ให้มันมากกว่าเดิม แล้วก็ทิ้งอาหารไว้เป็นทางให้มันตามมาในสวนบ้านเราด้วย”     เธอเล่าต่อว่า “ครั้งนี้ฉันก็นั่งใกล้ๆ กับมันตอนมันกินอาหาร ฉันกะว่ามันคงจะเดินจากไปหลังกินข้าวเสร็จ แค่ครั้งนี้มันเข้ามาใกล้ๆ แล้วดมฉันแทน!…

ถ้าเป็นสมัยก่อนที่การติดต่อสื่อสารกันเป็นเรื่องยาก เด็กหญิงคงต้องต่อสู้กับโรคตามลำพัง แต่ในยุคที่การติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องง่ายดาย ทำให้เธอมีกำลังใจจากเจ้าหมาหลายพันตัวช่วยต่อสู้กับโรคร้ายแล้ว เด็กหญิง Emma Mertens ถูกตรวจเจอว่ามีเนื้องอก Diffuse Intrinsic Pontine Glioma (DIPG) หรือก็คือเนื้องอกในสมองที่ผ่าตัดออกไม่ได้ตั้งแต่ยังอายุแค่ 7 ขวบ     ตอนที่รู้ตัวว่าป่วยนอกจากเงินค่ารักษาแล้ว Emma ก็ต้องการกำลังใจมากๆ ด้วย และเนื่องจากเธอเป็นคนรักหมา เธอจึงอยากให้คนส่งกำลังใจมาโดยการส่งรูปหมาของแต่ละคนมาให้เธอ หลังจากพ่อแม่ของเธอช่วยกระจายข่าวเพื่อขอให้คนส่งรูปเจ้าหมามาให้กำลังใจลูกแล้ว คำขอของเด็กหญิงก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทีเดียว ไม่นานก็มีคนส่งจดหมายมาให้ Emma จนนับไม่ถ้วน     นอกจากจดหมายจากหมาๆ ทั้งหลายแล้ว ก็มีคนส่งรูปเจ้าหมามาให้เธอทางอีเมลด้วยเช่นกัน ปัจจุบันเธอได้รับเมลเป็นกำลังใจไม่สามารถเปิดดูได้หมดเลยทีเดียว     พ่อแม่ของเธอจึงจำเป็นต้องเปิดเพจ Team Emma – Emmalovesdogs7 เพื่อรวบรวมรูปหมาสำหรับ Emma โดยเฉพาะ แล้วให้ชาวเน็ตที่หวังดีโพสต์รูปรวมกันไว้ที่นั่นแทน Emma และครอบครัวจะได้ดูรูปได้สะดวก พ่อแม่ของเธออธิบายว่า “พวกเราได้รับอีเมลชั่วโมงละประมา๊ 2,800 ฉบับ มันมากจนเราตรวจดูไม่ทันแล้ว แต่มันก็ช่วยให้เราเห็นว่าคนรักหมามากมายมีความรักเหลือพอให้คนแปลกหน้าอย่างลูกเรา”     เธอเล่าต่อว่า…

ดูเหมือนว่าเจ้าหมาสุดแสนเป็นมิตรตัวนี้ จะไม่พลาดโอกาสที่จะได้เล่นกับคนที่มาหาเลย ถึงเขาจะยังไม่ได้เข้าไปหามันในบ้าน มันก็โผล่หัวออกมาเล่นกับเขาแล้ว เมื่อสัปดาห์ที่แล้วช่างประปา James Reynolds จากประเทศอังกฤษ ถูกลูกค้าเรียกไปช่วยงานที่บ้านของพวกเขาเอง ทันทีที่เขาไปถึงแล้วกดออด เขาก็พบว่าสิ่งแรกที่มาต้อนรับเขาไม่ใช่ลูกค้าหรอก แต่เป็นเจ้าหมาสีดำตัวหนึ่งที่โผล่หัวออกมาทักทายทางประตูสำหรับเจ้าเหมียวต่างหาก     แถมพอเขาเผลอลูบหัวมันแบบไม่ทันคิดด้วยความเอ็นดู ก็ทำให้เจ้าหมาคิดว่าเขาคงอยากเล่นกับมัน มันจึงมุดหัวกลับเข้าไปด้านใน แล้วกลับมาพร้อมกับบอลลูกหนึ่ง เห็นแบบนี้แล้วเป็นใครก็คงเข้าใจทั้งนั้นแหละว่าเจ้าหมาต้องการอะไร Reynolds จึงโยนลูกบอลกลับเข้าไปให้มัน แล้วกลายเป็นการเล่นคาบของสุดน่ารักผ่านช่องประตูแบบนี้   Knocked on a customers door today and got the best possible outcome pic.twitter.com/0PGSxAwuoE — James Reynolds (@JReynolds_M9) March 22, 2019   เขาเล่าว่า “ผมคิดว่าตัวเองต้องดูประหลาดมากแน่ๆ ถ้าลูกค้าเปิดประตูมาตอนผมยัดลูกบอลกลับไปให้มันทางประตูแมวพอดี แต่ผมก็เลือกที่จะทำอยู่ดีแหละ แล้วผมก็ประหลาดใจมากเมื่อเห็นว่าเจ้าหมาคาบบอลกลับมาให้ผมเรื่อยๆ ผมเองก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายคลิปวิดีโอตอนเล่นกับมันไว้เพื่อแบ่งปันให้โลกรู้ถึงความน่ารักของเจ้าหมา” เจอหมาแบบนี้ใครก็อดใจเล่นด้วยไม่ไหวทั้งนั้นแหละเนอะ สักพักหนึ่งเจ้าของของมันก็มาเปิดประตูให้กับ Reynolds ดูเหมือนเธอจะไม่แปลกใจเลยที่เขาเล่นกับเจ้าหมาอยู่ เธอบอกกับเขาว่ามันก็ทำแบบนั้นประจำแหละ    …

หากหมาของคุณเอาแต่ทำตัวป่วนๆ ก่อเรื่องกวนโอ้ยไม่เว้นแต่ละวัน คุณคงไม่นึกว่ามันจะช่วยชีวิตคุณได้หรอก แต่เอาเข้าจริงๆ พอถึงเวลามันก็ทำให้เจ้าของรอดได้เช่นกัน เจ้าหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ Hank เป็นหมาที่ Ulysses S. Cocksman เลี้ยงเอาไว้ตั้งแต่มันยังเด็ก ที่ผ่านมามันมักจะสร้างเรื่องป่วนๆ ไม่เว้นวันเสมอ     แต่เมื่อไม่นานมานี้มันได้ช่วยชีวิตเขากับครอบครัวไว้ เขาเล่าผ่านทวิตเตอร์ว่า “ผมอยากเล่าเรื่องเกี่ยวกับ Hank ให้คุณฟัง นี่รูปคือเจ้าหมาเมื่อ 6 ปีก่อน ภรรยาของผมได้รับแจ้งเตือนจากรูปนี้ว่าเมื่อ 6 ปีก่อนมันเพิ่งกัดรองเท้า Vans คู้ใหม่ของเธอไป ดูหน้ามันก็คงรู้สึกผิไม่ใช่เล่นเลย โถ่เจ้า Hank” แปลว่าป่วนมาตั้งแต่เด็กเลยนะเนี่ย     Cocksman เล่าต่อว่า “ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเราได้รับแจ้งเตือนอันนั้น ตอนเที่ยงคืนของเมื่อคืน เจ้า Hank ก็ส่งเสียงเห่ามาจากห้องนั่งเล่นไม่หยุดเลย ส่วนภรรยาและลูกของผมหลับหมดแล้ว“ หลังจากนั้นเจ้าหมาก็เข้ามาเรียกร้องความสนใจจากเขา และพยายามพาเขาออกไปข้างหลังบ้านให้ได้ ซึ่งทำให้เจ้าของของมันแปลกใจกับท่าทางของมันมาก     แต่พอเขาออกไปข้างหลังบ้านตามเจ้าหมาแล้ว เขาก็เห็นว่าโรงเก็บของซึ่งทำจากไม้กำลังลุกไหม้อยู่ ต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ เองก็ติดไฟไปทั้งต้น ภาพบรรยากาศตอนนั้นเป็นสีแดงเพลิงไปทั่ว เขาไม่รอช้ารีบเรียกหน่วยดับเพลิง รวมทั้งปลุกทุกคนในบ้านให้วิ่งออกมาข้างนอก โดยที่มีเจ้าหมาทั้ง 2 ตัววิ่งตามมาไม่ห่าง…

พนักงานหนุ่มนำรถเครนของบริษัทออกมาช่วยแมวที่ติดเสาไฟฟ้าสูง แม้ที่ทำงานของเขาจะดูไม่ปลื้มเท่าไหร่ แต่เขาชนะใจชาวเน็ตไปเต็มๆ Amanda Fairchild Boyce เป็นคนแรกที่เห็นว่าแมวของเพื่อนบ้านไปติดอยู่บนเสาไฟฟ้าที่สูงมาก จนมันไม่สามารถกลับลงมาเองได้ เธอและเจ้าของแมวต่างก็พยายามติดต่อกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ และพนักงานดับเพลิงให้มาช่วยมันแล้ว แต่น่าจะเป็นเพราะมันอยู่สูงเกินไปจึงไม่สามารถช่วยมันลงมาได้     ระหว่างที่เจ้าแมวกำลังรอความช่วยเหลือนั่นเอง Maurice German ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท Verizon (บริษัทด้านการสื่อสาร) ก็ได้ทราบเรื่องเข้า เขาจึงอาสาจะนำรถเครนมาช่วยพาเจ้าแมวลงมา ซึ่งตอนที่เขาพาเจ้าแมวลงมาได้นั้น คนที่ดูอยู่รอบๆ พากันดีใจและชื่นชมในความช่วยเหลือของเขา     พาเจ้าแมวลงมาได้แล้ว “Momma” the cat is rescued in Port Richmond after a long ordeal. See how the community came together to get it done on #CBS3 at 11. (📹= Amanda Boyce) pic.twitter.com/N2hlGoQGNC…

เจ้าหมา Sara อยู่กับ Colleen มาเนิ่นนานแล้ว ก่อนหน้านี้มันเป็นเพียงสุนัขที่ถูกช่วยไว้ผู้แสนอ่อนหวาน แต่แล้วพอแก่ตัวมากขึ้นมันก็มีปัญหาเรื่องความกลัว Sara จะมีอาการหวาดวิตกและตื่นกลัวทุกครั้งหากไม่ได้อยู่ใกล้ๆ Colleen ซึ่งก็เป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากเธอไม่สามารถอยู่กับมันตลอดเวลาได้     ถ้าเธอไม่อยู่บ้านเจ้าหมาจะเอาแต่เดินวนไปมาอย่างเป็นกังวล เห่าสิ่งรอบๆ ตัวเหมือนกลัวทุกอย่าง บางครั้งก็ทำลายข้าวของหรือทำให้ตัวเองเจ็บด้วย เคยมีครั้งหนึ่งที่ Colleen ต้องออกไปข้างนอกบ้านสักพักหนึ่ง พอกลับมาเธอก็เห็นว่า Sara เอาจมูกของตัวเองสีกับประตูจนเป็นแผลแดงแจ๋เลยทีเดียว     Colleen เคยลองใช้วิธีแก้ปัญหาทั่วไปอย่างการใช้กลิ่นบำบัด ฝึกให้มันอยู่ในกรง หรือพามันไปเดินเล่นนานๆ เป็นกานทดแทนดูแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผลดีเลย แม้แต่ยาที่สัตวแพทย์แนะนำให้ลองดูก็ไม่ได้ผลเช่นกัน จนวันหนึ่งเพื่อนของเธอก็เสนอความคิดให้เธอลองทำตุ๊กตาแทนตัวเองไว้ที่บ้านดู เผื่อว่าเจ้าหมาจะรู้สึกเหมือนมีเธออยู่ด้วย เธอจึงลองสั่งตุ๊กตาขนาดเท่าตัวเองมาตัวหนึ่ง     ตอนที่เธอได้เจ้าตุ๊กตามา เธอชั่งใจในความคิดนี้มากๆ เธอคิดว่าเจ้าหมาไม่มีทางถูกหลอกด้วยมุกตุ๊กตาตื้นๆ แบบนี้หรอก แต่เธอก็ตัดสินใจจะลองดู เนื่องจากถ้ามันได้ผลดีขึ้นมา ก็จะทำให้เธอออกไปทำธุระได้ง่ายขึ้น แล้วก็จะทำให้เจ้าหมาสบายใจระหว่างที่เธอไม่อยู่ได้   เธอแต่งตัวตุ๊กตาให้คล้ายตัวเองที่สุด หาแว่นให้ใส่ด้วย   เอาตุ๊กตาไปขลุกไปบนเตียงตัวเอง เพื่อให้มีกลิ่นตัวของเธอติด   แต่ทันทีที่เธอลองทิ้งเจ้า Sara…

ร้านค้าทั่วไปมักจะมีแมวกวักไว้เป็นเคล็ดเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้าน แต่ตุ๊กตาพวกนั้นก็สู้แมวกวักของจริงไม่ได้หรอก ขนาดว่ามันไม่ทำอะไรนอกจากนอนขวางทาง มันยังช่วยเรียกลูกค้าเข้าร้านได้เรื่อยๆ เลย ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อ Nathamon Ketmanee เปิดร้านขายของใช้ชื่อ CK shop อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต โดยเธอเลี้ยงแมวสีขาวไว้ตัวหนึ่งด้วย เธอเรียกมันว่า อิแย้ม     วันๆ หนึ่งอิแย้มมันก็ไม่ค่อยทำอะไรหรอก ส่วนใหญ่มันจะนอนทั้งวัน โดยท่านอนที่โปรดปรานของมันก็คือท่านนอนหงายท้อง ดูล่อตาเหล่าทาสแมวเป็นยิ่งนัก ที่สำคัญมันนอนไม่ได้เกรงใจคนขายของหรือลูกค้าเลย มันชอบนอนอยู่กลางทางเข้าร้านเสมอ หรือไม่บางครั้งมันก็จะย้ายมานอนอยู่กลางทางเดินร้านแทน ซึ่งคนที่มาซื้อของก็ต้องเดินหลบมันกันเองตามระเบียบ     ใครจะซื้อไรก็ซื้อ อย่ามากวนแมวนอนก็พอ   เห็นแล้วมันน่าเข้าไปขยุ่มพุงนุ่มๆ ซะจริง   บางครั้งอาการหนักหน่อยก็จะมานอนขวางเค้าท์เตอร์คิดเงินเลย   เจ้าของเป็นทาสของข้า ข้าจะทำอะไรก็ได้   เห็นมันเอาแต่นอนแบบนี้ มันก็ช่วยเรียกลูกค้าได้ไม่น้อยเลยนะ เพราะมักจะมีลูกค้าที่เป็นทาสแมววนเวียนเข้ามาซื้อของกับเธอด้วยความอยากเจอหน้าอิแย้มอยู่เสมอ บางครั้งเธอก็จะถ่ายรูปเจ้าแมวไปโพสต์ลงในกลุ่ม ‘ทาสแมว’ ซึ่งเจ้าแมวขี้เซาตัวนี้ก็ได้กระแสตอบรับจากคนรักแมวอย่างดีเลยทีเดียว     นอนแบบนี้มันทุกวัน เป็นวิธีเรียกลูกค้าเฉพาะของเขา   หลังจากที่อิแย้มเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มทาสแมวแล้ว บางครั้งก็มีลูกค้าแวะมาหามันโดยเฉพาะด้วยนะ บางคนนี่เข้ามาถามหาแมวเป็นอย่างแรกเลย ของที่จะซื้อเอาไว้ถามทีหลัง     โพสต์ท่าให้แฟนคลับถ่ายรูป…

เจ้าหมาหายตัวไปนานหลายเดือน เจ้าของเองก็ออกตามหาอย่างเต็มที่แต่ไม่เจอตัวมันสักที ถ้าเป็นบางคนคงจะยอมแพ้ไปแล้ว แต่เธอคนนี้ทำให้เราได้เห็นว่าความพยายามไม่มีสูญเปล่า ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nokmaya Naja เป็นเจ้าของของหมา บู้หู้ หมาเพศผู้สีน้ำตาลหน้าตาน่ารัก เธอรักมันเหมือนลูกแท้ๆ ของเธอเองเลย     ทว่าเมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2018 เจ้าบู้หู้ได้หายออกไปจากบ้าน หญิงซึ่งเป็นเจ้าของของมันก็เดือดร้อนใจอยากจะตามหาตัวมันให้เจอ เธอจึงนำเรื่องรูปของมันไปโพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊ก รักหมา และโพสต์ในกลุ่มสุนัขหายอีกหลายกลุ่มด้วย ซึ่งก็มีคนให้เบาะแสเกี่ยวกับมันบ้าง แต่ก็ไม่เจอตัวมันสักที     แต่เธอไม่ได้ยอมแพ้แค่นั้น เธอยังคงพยายามตามหามันอย่างต่อเนื่อง โดยการเข้าไปขุดโพสต์ตามหามันในโลกโซเชียลเป็นประจำทุกเดือน บางครั้งถ้าโพสต์ของเธอตกไปจนหาอันเก่าไม่เจอแล้ว เธอก็โพสต์มันใหม่ซะเลย เธอยังคงมีความหวังว่าเธอจะได้เจอกับเจ้าบู้หู้อีกครั้ง   โพสต์ตามหาบู้หู้ของเดือนมกราคม 2019   โพสต์ตามหาบู้หู้ของเดือนกุมภาพันธ์ 2019   จนเมื่อเดือนมีนาคม 2019 นี่เองที่เจ้าของของบู้หู้ได้รับการติดต่อว่ามีคนเจอตัวมันสักที โดยคนที่เจอช่วยดูแลบู้หู้มา 5 เดือนแล้วโดยไม่รู้ว่ามันมีเจ้าของ ทว่าหลังจากที่รู้ว่าบู้หู้มีเจ้าของแล้ว พวกเขาก็ติดต่อมาหาเธอแล้วยินดีนัดเจอกันเพื่อคืนตัวบู้หู้ให้ เจ้าหมาจึงได้กลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง     ส่วนคนที่สงสัยว่าตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาเจ้าบู้หู้มันหายไปไหน มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง เราลองไปอ่านเรื่องราวจากแชทของเจ้าของและคนที่เจอมันดู   . . . .…

โคอาล่า 5 ตัวได้ย้ายบ้านไปอยู่ในที่ที่แสนสุขสบาย และมีคนคอยดูแลอย่างดี พวกมันได้ใช้ชีวิตในแบบที่หลายๆ คนอาจอิจฉา แต่เหตุผลในการย้ายบ้านของพวกมันนั้นน่าเศร้า     Zen, Dennis, Maizie, Coorong และ Violet เคยอาศัยอยู่ในสวนสัตว์ซาฟารี Longleat Animal and Safari Park ในประเทศอังกฤษมาก่อน แต่ตอนนี้พวกมันถูกย้ายมาอยู่ในที่อยู่แบบอินดอร์ ซึ่งน่าจะสะดวกสบายสำหรับพวกมันมากกว่าพื้นที่เปิดโล่งที่เก่าในทุกทาง   ย้ายมาอยู่ในกรงขนาดใหญ่แบบอินดอร์   ที่นี่พวกโคอาล่าสามารถนอนได้มากเท่าที่ต้องการ เนื่องจากพวกเขาได้เปิดเครื่องปรับอากาศไว้ที่อุณหภูมิ 18-21 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอากาศที่สบายสำหรับพวกมันไว้แล้ว แถมยังไม่ต้องห่วงว่าจะมีสัตว์อื่นมารบกวน นอกจากนี้ใบยูคาลิปตัสซึ่งเป็นอาหารของพวกมันก็ถูกนำเข้ามาจากต่างเขต และถูกคัดเลือกจากทั้งหมด 800 กว่าสายพันธุ์ให้เหลือเพียง 11 สายพันธุ์ซึ่งดีและปลอดภัยสำหรับพวกมันเท่านั้น แถมยังมีให้กินแบบไม่อั้น     จะนอนหรือกินทั้งวันก็ตามสบาย ไม่มีใครว่า   James Dennis ซึ่งเป็นคนดูแลของพวกมันเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เขาถูกส่งไปอยู่ในทวีปออสเตรเลียเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับพวกมันอยู่ครึ่งปี เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับโคอาล่ามากพอจะดูแลมันได้ ก่อนจะได้มาดูแลพวกมันจริงๆ ตอนนี้นอกจากเขาจะดูแลโคอาล่าได้เป็นอย่างดีแล้ว เขายังสามารถแยกแยะโคอาล่าแต่ละตัวที่ดูแลได้ และรู้นิสัยของพวกมันด้วย ในขณะที่คนดูแลบางคนยังแยกพวกมันจากมุมไกลๆ ไม่ออกเลย  …

ไม่นานมานี้ผู้ใช้ Reddit ชื่อว่า Desertgodfather ได้แบ่งปันเรื่องราวของเขาและหมาตัวหนึ่ง ซึ่งเจอกันระหว่างทางโดยบังเอิญ แต่เขารู้สึกว่าเขาปล่อยมันไว้ตรงนั้นไม่ได้ Desertgodfather เล่าว่าวันที่เจอกับหมาน้อยเขากำลังวิ่งออกกำลังกายอยู่ และเมื่อเขาวิ่งเข้าไปตามทางเท้า เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของบางอย่างดังอยู่ไม่ไกล     เมื่อเขาเดินตามเสียงไปเรื่อยๆ ก็แปลกใจมากเมื่อพบว่าสิ่งที่กรีดร้องอยู่เป็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งซึ่งแอบอยู่ข้างต้นไม้ มันดูกลัวทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด เสียงร้องของมันทำให้เขาเข้าใจได้ว่ามันต้องผ่านความลำบากมามาก และต้องการความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่กล้าที่จะไว้ใจใครเลย     คลิปวิดีโอตอนที่เขาเข้าไปเจอมัน                         ด้วยความสงสารและอยากช่วยให้มันได้พบความสุข เขาจึงตัดสินใจว่าจะช่วยรับเลี้ยงมันเอง เขาจะทำให้มันเลิกร้องด้วยความหวาดกลัวให้ได้ เขาตั้งชื่อมันว่า Scopy หลังจากที่เข้าถึงตัวมันได้ เขาก็อุ้มมันกลับบ้านไปด้วยกันเพื่อไปดูแลต่อ คืนนั้นมันได้กินอาหารจนอิ่มท้องและพักผ่อนอย่างสะดวกสบาย     ในคืนแรกเขาอดเป็นห่วงไม่ได้เลย เขาอยากพามันไปหาสัตวแพทย์ไวๆ แล้วตรวจดูว่ามันไม่สบายรึเปล่า จะได้รีบรักษา โชคดีที่สัตวแพทย์บอกเขาว่ามันแค่หิวมากๆ เพราะไม่ได้กินอะไรมานาน นอกนั้นเจ้า Scopy ก็สบายดี ถึงจะมีอาการกลัวด้วยก็ตาม    …

หากคุณต้องกลายเป็นคนตาบอด คงมีหลายสิ่งที่คุณไม่สามารถทำได้เหมือนเดิม แม้แต่การวิ่งออกกำลังกายตามปกติก็เป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับคุณแล้ว ทว่าหากคุณไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ถึงคุณจะเป็นคนตาบอดคุณก็ยังสามารถวิ่งออกกำลังกาย หรือแม้แต่วิ่งในการแข่งขันใหญ่ได้ด้วย โดยพึ่งพาความช่วยเหลือจากเจ้าตูบเหมือนกับชายคนนี้     Thomas Panek เคยเป็นคนที่มีสายตาปกติมาก่อน แต่เนื่องจากลักษณะพิเศษทางพันธุกรรม ทำให้เขากลายมาเป็นคนตาบอดตั้งแต่ยังอายุ 20 ต้นๆ ด้วยความที่เขาชอบวิ่งออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ เขาจึงหาทางที่จะทำให้เขาวิ่งได้เหมือนเดิมแม้จะตาบอด และเขาก็ได้มาเจอกับเจ้าหมานำทางที่เป็นทางออกของเขา     นั่นทำให้ Thomas ตระหนักถึงความสำคัญของหมานำทาง และเริ่มให้ความสำคัญกับพวกมัน ปัจจุบันเขาได้เป็น CEO ขององค์กรสุนัขนำทางชื่อว่า CEO of Guiding Eyes     ที่ผ่านมาสุนัขนำทางได้พาเขาวิ่งออกกำลังกาย และเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งเล็กๆ มานานแล้ว แต่เขายังไม่เคยวิ่งระยะทางไกลมากๆ เหมือนการเข้าร่วมวิ่งฮาล์ฟมาราธอนเลย เมื่อเดือนมีนาคม 2019 ที่เขาสามารถเข้าเส้นชัยในงานวิ่งฮาล์ฟมาราธอน New York City Half Marathon ได้จึงเหมือนเป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดครั้งใหม่     แล้วก็ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะว่าการพาเจ้าหมาไปวิ่งไกลขนาดนั้นจะเป็นการทรมานมัน เนื่องจากเขารู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว จึงได้ฝึกวิ่งล่วงหน้ากับเจ้าหมา Waffle, Westley และ Gus อยู่นานหลายเดือนแล้ว…

เจ้าหมาพิตบูลล์ตัวหนึ่งถูกคนในครอบครัวยกให้เป็นฮีโร่ เนื่องจากมันช่วยเตือนพวกเขาเกี่ยวกับไฟไหม้ ทำให้พวกเขาหลบหนีออกมาทันก่อนบ้านจะถูกไฟไหม้ ถ้าไม่มีมันพวกเขาอาจไม่ได้อยู่เพื่อบอกเล่าความแสนรู้ของมันแล้ว Latana Chai ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกามีลูกสาวที่น่ารักชื่อว่า Masailah และก็มีสุนัขพิตบูลล์ชื่อว่า Sasha อยู่ด้วย Masailah และ Sasha เกิดในเวลาใกล้เคียงกัน จึงบอกได้ว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด พวกเธอจึงมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันเป็นพิเศษ     คืนหนึ่งในเดือนมิถุนายน 2018 เจ้า Sasha ที่ปกติจะอยู่นอกบ้านเริ่มเห่าเสียงดังอย่างต่อเนื่อง และก็ข่วนเรียก Chai จากประตูหลังบ้าน เธอแปลกใจมากที่มันทำแบบนั้นเนื่องจากมันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เธอเล่าว่า “ตอนที่ฉันวิ่งไปเปิดประตูให้มัน มันวิ่งพรวดเข้าไปด้านในโดยยังเห่าอยู่ ฉันคิดว่า ‘แกเป็นอะไรน่ะ ปกติไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย’ แล้วฉันก็มองไปข้างนอกจึงเห็นว่าบ้านข้างๆ มีขวัญดำลอยออกมา แล้วก็มีไฟลุกด้วย” ตอนนั้นแหละที่ Chai เข้าใจว่าเจ้าหมาพยายามเตือนภัยให้เธอรู้ถึงไฟไหม้นี่เอง เธอและเพื่อนบ้านอาศัยอยู่ในบ้านแถวที่สร้างติดกัน ดังนั้นอีกไม่นานไฟก็ต้องไหม้มาถึงบ้านเธอแน่ๆ     ทันทีที่ Chai ตั้งสติได้ เธอรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านเพื่อพา Massailah ออกมา แต่พอไปถึงเธอก็เห็นเจ้า Sasha พยายามช่วยเด็กหญิง โดยการคาบผ้าอ้อมของเธอแล้วลากตัวออกมาอยู่แล้ว จากนั้นเธอ ลูกสาวและเจ้าหมาจึงหนีออกมาที่หน้าบ้านด้วยกันแล้วโทรเรียกนักดับเพลิง…

เมื่อพูดถึงแมวป่าล่ะก็ สิ่งที่ทุกคนมักจะนึกถึงต้องเป็นเสือหรือสิงโตไม่ผิดแน่นอน เพราะว่าพวกมันเป็นสัตว์ป่าตระกูลแมวที่เป็นที่รู้จักดี ทั้งที่จริงๆ แล้วยังมีหากพูดถึงแมวป่า ก็ยังมีอีกหลายสายพันธุ์ที่เข้าข่ายคำนี้ โดยเฉพาะสัตว์แสนเท่อย่าง คาราคัล ที่เพื่อนๆ กำลังจะได้เห็นกัน     คาราคัล (Caracal) เป็นแมวป่าที่มีขนาดเล็กกว่าพวกสิงโตและเสือ ชื่อของมันมีต้นตอมาจากคำว่า karakulak ในภาษาตุรกี ซึ่งคำคำนี้แปลว่า “หูสีดำ” ซึ่งก็เป็นชื่อที่อธิบายถึงตัวพวกมันได้ดีจริงๆ จุดที่โดดเด่นของพวกมันก็คือหูสีดำเรียวยาวที่มีขนตรงปลายนี่แหละ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้พวกมันดูสง่างามในสายตาของพวกเรา อีกอย่างก็คือหางที่ค่อนข้างจะสั้นกว่าเพื่อนแมวสายพันธุ์อื่น     หูของพวกเราเท่ใช่ไหมล่ะ   ขนาดตัวก็ไม่ได้ใหญ่มาก ถ้าเทียบให้เห็นภาพก็จะประมาณนี้   แต่ถึงจะตัวพวกมันจะไม่ได้ใหญ่มาก พวกมันก็เป็นนักล่าที่น่าเกรงขามทีเดียว ในสัตว์ตระกูลแมวขนาดเท่าๆ กัน มันถือเป็นสายพันธุ์ที่วิ่งได้ไวที่สุดเลยล่ะ ดังนั้นคาราคัลจึงวิ่งเข้าถึงตัวเหยื่อได้อย่างง่ายดาย โดยเหยื่อของพวกมันก็จะเป็นสัตว์ตัวเล็กกว่าจำพวกนกซะเป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็พวกกระต่ายป่า     เรื่องขนาดตัวอาจไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าเรื่องความเร็วเราไม่ยอมแพ้หรอก   และในขณะที่คาราคัลซึ่งโตเต็มวัยแล้วดูมีความหล่อเหลาหรือสุขุม ลูกๆ ของพวกมันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ขอบอกเลยว่าลูกคาราคัลตัวน้อยนั้นน่ารักมากๆ พวกมันทั้งตัวเล็กน่าทะนุถนอมและมีขนฟูสวย ดูน่ารักชนิดที่เราอยากจะคว้าตัวพวกมันมากอดไว้แน่นๆ ทันทีที่เห็นเชียวล่ะ     คาราคัลตัวโตก็จะหล่อหน่อยๆ   ส่วนตัวเล็กดูแบ๊วๆ…

ด้วยความที่เจ้าหมาและเจ้าแมวทั้งเป็นมิตรและมีขนนุ่มฟู พวกมันจึงเป็นสัตว์ในดวงใจของคนมากมายทั่วโลก และกลายเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยม แต่ถ้าพูดถึงความเป็นมิตรและขนนุ่มฟูล่ะก็ กระต่ายเองก็เป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิดที่มองข้ามไปไม่ได้เหมือนกัน พวกมันน่ารักไม่แพ้พี่หมาพี่แมวหรอก หากใครเคยสัมผัสประสบการณ์การเลี้ยงกระต่ายมาแล้วคงจะรู้ซึ้งถึงความน่ารักของพวกมันดี…แต่ถ้าใครยังไม่เคยล่ะก็ มาตกหลุมรักพวกมันไปพร้อมๆ กันตอนนี้เลย!!   ขนนุ่มๆ ของกระต่ายนี่แหละดีต่อใจที่สุด   อยากได้สัตว์เลี้ยงกระเป๋า กระต่ายก็เป็นให้ได้ (ถ้ายังตัวไม่โตนะ)   จะมองมุมไหนก็น่ารักไปซะหมด   โดยเฉพาะพุงนุ่มนิ่มน่าขยุ้มของพวกมัน   แค่นั่งจะยืนก็ยังดูแบ๊วไม่เปลี่ยน   ตั้งใจนอนอ่อยมนุษย์อยู่รึเปล่านะ?   กระต่ายชอบทักทายด้วยการจุ๊บ   น่ารักยิ่งกว่าตุ๊กตาตัวไหน   เจอมันเหลียวมองแบบนี้ เอาใจไปเลย!!   ตอนตัวเล็กก็ดูน่าทะนุถนอม   ตอนตัวโตก็ดูนุ่มนิ่มน่ากอดไปอีกแบบ   สีขาวล้วนดูสวย น่าจับจองเป็นเจ้าของจัง   ดูเหมือนแมวสามสีจะมีคู่แข่งด้านความน่ารักซะแล้ว   ถ้าเอาใจใส่มากๆ กระต่ายก็จะรักเรากลับแบบนี้   ชอบสัตว์ตัวเล็กเหรอ แบบนี้เล็กพอไหม?   ตกลงเป็นกระต่ายหรือแมว ชอบไปนอนในกล่อง…   กระต่ายตัวน้อยกับแครอทของเขา งื้อ   เป็นสัตว์ที่เปี่ยมไปด้วยความรัก  …

สัตว์บางชนิดอย่างกิ้งก่าคาเมเลี่ยนเกิดมาพร้อมกับความสามารถที่ช่วยให้พวกมันซ่อนตัวได้ดี มันจึงสามารถรอดพ้นจากสายตาเราได้อย่างแนบเนียน แต่ก็มีสัตว์ตัวอื่นเหมือนกันที่ไม่ได้เกิดมาด้วยความสามารถที่ช่วยให้ซ่อนตัวเลย แต่พวกมันกลับซ่อนตัวได้ดีไม่แพ้กิ้งก่าคาเมเลี่ยน!! ลองไปดูเทคนิคซ่อนตัวอันชาญฉลาดของพวกมันกันดู แล้วคุณจะเห็นว่าสัตว์พวกนี้มันช่างหาที่ซ่อนกันได้แบบสร้างสรรค์เหลือเกิน   แค่เปลี่ยนอยู่ใกล้ต้นไม้ก็เนียนได้สบายๆ   เข้าใจหาที่ซ่อนนะเจ้าหมา   อย่าซื้อพรมสีเดียวกับเจ้าหมา เดี๋ยวจะหามันไม่เจอ   ปลาตัวใส เวลาว่ายอยู่ในตู้นี่แทบมองไม่เห็นเลยทีเดียว https://www.instagram.com/p/BCT6bAwG2pi/?utm_source=ig_embed   รู้รึเปล่าว่าก้อนไหนไม่ใช่หมอน? https://www.instagram.com/p/BtnjtZLBOx6/?utm_source=ig_embed   แอบมานอนตรงนี้ระวังเจ้าของนั่งทับนะ https://www.instagram.com/p/BoHSKq5FatC/?utm_source=ig_embed   แต่ละตัวก็เข้าใจเลือกที่นอน   เจ้าหมาหน้าย่นเนียนเป็นผ้าเช็ดตัวได้สบายๆ   ถึงจะเป็นลายวัว แต่แมวก็ใช้เนียนได้ https://www.instagram.com/p/Btr0V3ggMhF/?utm_source=ig_embed   ผีเสื้อดูเหมือนใบไม้ขนาดนี้ ไม่มีทางดออกง่ายๆ หรอก แกะทะเล…ทากทะเลสุดแบ๊วดูเหมือนะพุ่มไม้ https://www.instagram.com/p/BdVoHQcAI_c/?utm_source=ig_embed   มองหาหมาจริงกันเจอไหมน้า? https://www.instagram.com/p/Bd8QOS1B9-5/?utm_source=ig_embed   ก็เนียนใช้ได้อยู่ https://www.instagram.com/p/BpkETLbnhvR/?utm_source=ig_embed   เจ้าหมาหายไปไหน?   อันนี้ไม่รู้ว่าซ่อนตัวหรือวางกับดักมนุษย์กันแน่…   มองผ่านๆ ต้องไม่ทันสังเกตเจ้าแมวแน่นอน   เจอแบบนี้จริงคงมองหาหมากันตาลาย https://www.instagram.com/p/BZ064KNFxwd/?utm_source=ig_embed   นี่มันแมวยักษ์เหรอ!?…

อาสาสมัครต่างก็พยายามเอาใจเจ้าแมวตัวใหม่อย่างหนัก ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีท่าทางว่าจะเปิดใจให้เลย แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าคนที่เปิดใจแมวเก็บตัวตัวนี้ได้จะเป็นลูกแมวเหมียวน้อยๆ 3 ตัว     เจ้าเหมียว Goose เพิ่งถูกช่วยมาจากชุมชนแมวจรจัด ด้วยความที่มันไม่เคยอยู่กับมนุษย์เลย และต้องมาอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใหม่ มันจึงเก็บตัวมากๆ มันพยายามอย่างหนักเพื่อจะหลบทุกคนที่เข้าหา และเมื่อถูกจับตัวเจ้าแมวก็จะหลับตาปี๋เพราะคิดว่าทำแบบนั้นทุกคนจะไม่เห็นมัน แม้มันจะไม่ขู่พวกเขาแต่มันก็ไม่เปิดใจให้เลย     ซ้ำร้ายเจ้าแมวยังต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคด้วย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้มันรู้สึกไม่ไว้ใจมนุษย์เข้าไปอีก…เมื่อเห็นว่ามันไม่ยอมเปิดใจให้กับคนพวกเขาจึงลองให้มันไปอยู่กับเพื่อนแมวแทน ทว่า Goose ก็ไม่เปิดใจให้กับแมวตัวอื่นเช่นกัน มันคอยหลบเพื่อนแมวเหมือนที่มันหลบอาสาสมัครไม่มีผิดเลย ดูเหมือนการทำให้มันไว้ใจจะเป็นเรื่องยากซะแล้ว     แต่พออาสาสมัครช่วยลูกแมวเหมียว 3 ตัวเข้ามาใหม่ เจ้า Goose กลับยอมเปิดใจให้พวกมันอย่างง่ายดาย แล้วเข้าไปนอนกอดกับลูกแมว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นมันอย่างมีความสุข Julia Rosenfeld ซึ่งทำงานอยู่กับกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ที่ช่วยพวกมันมาเล่าว่า “ลูกแมวทุกตัวชอบนอนกอดกับ Goose แล้วก็กัดหูของมันเล่น แล้วพี่แมวก็จะดูพวกมันเล่นด้วยกัน และเลียขนให้พวกมันตอนที่คิดว่าเราไม่ได้มองอยู่”     ลูกแมวสามารถเปิดใจพี่เหมียวขี้อายได้   มันคอยดูแลน้องๆ ทั้งที่แต่ก่อนไม่ยอมยุ่งกับคนหรือแมวเลย   การที่ลูกแมวทั้ง 3 ตัวเข้ามาอยู่กับ Goose เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เจ้าแมวเริ่มไว้ใจคนอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะอาสาสมัคร ตอนนี้มันไม่หลบพวกเขาแล้ว แถมมันยังไม่รู้สึกกลัวเวลาที่พวกเขาเดินผ่านหรือว่าเข้าไปเล่นกับมันด้วย…

เคยคิดบ้างไหมว่าระหว่างที่เราไม่อยู่บ้านน้องหมาสุดรัก ถ้าพวกมันได้มีโอกาสออกไปเจอเพื่อนๆ เหมือนกับเด็กอนุบาลบ้างก็คงจะดีไม่น้อยเลย หลายคนที่คิดแบบนั้นคงไม่รู้ว่ามีบริการ ‘อนุบาลหมาน้อย’ อยู่จริงๆ ซึ่งจะมีคนดูแลน้องหมาให้เหมือนโรงเรียนอนุบาลของมนุษย์เลยล่ะ แถมถึงจะบอกว่าเป็นอนุบาลหมาน้อยก็ยังรับดูแลหมาใหญ่ด้วยนะ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมบรรยากาศความน่ารักในอนุบาลหมาน้อยแห่งหนึ่งจากเกาหลีกัน แล้วจะได้เห็นว่าพวกหมาๆ ดูมีความสุขมากแค่ไหน     การพาเจ้าหมาไปอนุบาลหมาน้อยก็ไม่ได้ยากอะไรเลย ก็แค่ติดต่อทางโรงเรียนก่อน แล้วพาพวกมันส่งไปตามวันที่นัดหมายไว้ โดยปกติก็จะพาน้องหมาไปส่งไว้ช่วงเช้าและไปรับกลับตอนช่วงบ่ายแก่ๆ และถ้าหากน้องหมาของเรามีใช้ส่วนตัวที่จำเป็น (ยา ขนม หรือของเล่นชิ้นโปรดที่ขาดไม่ได้) ก็สามารถแพ็กใส่กระเป๋าให้น้องไปโรงเรียนได้ด้วย     ที่โรงเรียนก็จะมีคุณครู (เจ้าหน้าที่) ที่รู้วิธีการดูแลสุนัขช่วยเอาใจใส่พวกมันเป็นอย่างดี แล้วก็จะโซนมีสนามเด็กเล่นไว้ให้พวกมันได้เล่นซนอย่างเต็มที่ด้วย โดยที่คนคุมก็จะดูแลตอนที่น้องๆ เล่นกันอยู่ไม่ห่าง จะได้มั่นใจว่าพวกมันไม่ซนเกินไป หรือว่าเล่นกันแรงจนได้แผลไงล่ะ   มีสนามเด็กเล่นให้น้องๆ ซนเต็มที่   ของเล่นจำพวกพัซเซิลก็มีนะ   ช่วงเวลาโปรดที่สุดของเจ้าหมา ช่วงเวลาของว่าง   หลังจากเล่นกันแบบตามใจชอบเรียบร้อยแล้ว ที่นี่มีการจัดแบ่งน้องหมาเป็นกลุ่มๆ แล้วพาพวกมันไปเล่นกิจกรรมหรือเกมส์ด้วยกันด้วย     แล้วพอน้องหมาเล่นกันจนเหนื่อยแล้ว คนดูแลก็จะพาพวกมันไปนอนหลับพักผ่อนเพื่อพารอผู้ปกครองมารับ บางที่ก็จะมีเพลงเปิดกล่อมน้องหมาให้อีกต่างหาก ขอบอกเลยว่าเวลาที่พวกหมาทั้งหลายนอนหลับเรียงกันเยอะๆ มันเป็นภาพที่น่ารักเกินจะหาอะไรมาเทียบได้เชียวนะ     หลับสบายเชียว…

การตัดแต่งขนของสุนัขก็เหมือนกับการแต่งตัวของคนเรา มันสามารถทำให้เราดูดีขึ้นได้แบบไม่น่าเชื่อ แล้วก็ทำให้เราดูเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน…ไม่สิ…เปลี่ยนเป็นสัตว์คนละชนิดได้เลยทีเดียว!!     Rachelle Lynn McGinnis เป็นช่างตัดขนสุนัขวัย 33 ปีจากสหรัฐอเมริกา เธอมักจะแปลงโฉมให้กับสุนัขเป็นประจำ และแต่ละครั้งก็จะทำให้พวกมันเปลี่ยนไปเหมือนเป็นตัวละตัวเลยทีเดียว และถึงแม้จะเห็นว่าเธอย้อมขนเจ้าหมาตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นประจำ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของมันเลย เพราะเธอใช้สีที่ไม่เป็นอันตรายต่อเจ้าหมา และเธอเองก็มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ด้วย     โดยสุนัขที่เธอมักจะใช้เป็นนางแบบก็คือเจ้าหมา Bijou อายุ 12 ปีของเธอเองนี่แหละ เธอเคยลองแปลงโฉมให้มันกลายเป็นม้า หรือแม้แต่มังกรมาแล้ว   เจ้าหมากร แฮร่   ที่เห็นเป็นอานนั่นขนล้วนๆ เลยนะจ๊ะ   แต่ผลงานที่ผ่านมาก็ดูจืดไปเลยเมื่อเทียบกับการแปลงโฉมครั้งล่าสุดของเธอ โดยครั้งนี้ Rachelle ได้ลองตัดแต่งขนของ Bijou ให้ดูคล้ายกับหมีขั้วโลกดูบ้าง และผลที่ได้ออกมานั้นก็น่าทึ่งมาก แม้ครั้งนี้จะไม่ต้องใช้สีย้อมขนใดๆ แต่มันกลับให้ความสมจริงยิ่งกว่าผลงานก่อนหน้านี้ซะอีก   รอบนี้ลองทำให้ลูกรักเป็นหมีขั้วโลกดู   อื้อหือ ก๊อปเกรด A มากๆ เนียนฝุดๆ   ลุคใหม่ของ Bijou นั้นดูคล้ายหมีขั้วโลกของจริงไม่มีผิดเลย ยิ่งพามันไปถ่ายรูปในที่ที่มีหิมะแล้วก็ยิ่งเสริมความแนบเนียนให้มากขึ้นไปอีก แบบนี้ถ้ามีคนเดินผ่านแล้วเข้าใจผิดจริงๆ…

Caitlin Burch และสามีมีลูกสาวที่น่ารักด้วยกัน 2 คน พวกเธอรักลูกมาก และก็รู้จักลูกดีพอจะรู้ว่าพวกเธอมีจินตนาการที่ล้ำเลิศด้วย คืนหนึ่งเมื่อลูกสาวคนเล็กบอกพวกเธอว่า เธอเจอสัตว์ขนปุยตัวเท่าฝ่ามือในห้อง แถมมันยังเดินวนไปรอบๆ ห้องด้วย พวกเธอจึงไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ อีกอย่างหนึ่งเธอกับสามีก็ช่วยเข้าไปดูในห้องนอนลูกสาวแล้วด้วย แต่ก็ไม่เจอตัวอะไรอย่างที่เธอว่าเลย จึงเข้าใจว่ามันน่าจะเป็นสัตว์ในจินตนาการของลูกสาว     หลังจากนั้นพวกเธอก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก Burch เล่าว่า “เรื่องที่เธอเล่าในตอนนั้นมันฟังดูน่าเชื่อน้อยพอๆ กับเรื่องสัตว์ประหลาดใต้เตียงนั่นแหละ” แต่ไม่กี่วันต่อมาลูกสาวของเธอก็มาหาเธอตอนดึกอีก คราวนี้เป็นลูกสาวคนโตบ้างที่บอกว่าเธอก็เห็นสัตว์ที่น้องสาวว่าเหมือนกัน สามีของเธอจึงเดินไปดูในห้องให้อีกครั้งหนึ่ง…แต่ว่าครั้งนี้เขากลับมาบอกเธอด้วยความแปลกใจว่ามีสัตว์อยู่ในห้องของลูกจริงด้วย!?   เอ๊ะ นั่นมันตัวอะไร!?   ปรากฏว่าสัตว์ที่อยู่ในห้องของลูกสาวของเธอตลอดหลายวันมานี้ เป็นตัวโอพอสซัม (สัตว์มีถุงหน้าท้องเหมือนจิงโจ้ แต่หน้าตาคล้ายหนูตัวใหญ่) พวกเขาเจอมันแอบอยู่ตรงข้างกล่องดินสอ ซึ่งอยู่ในตู้เสื้อผ้าของสาวๆ โชคดีที่มันไม่ได้เป็นสัตว์ที่ดุร้ายหรือน่ากลัวเลย ส่วนที่ลูกสาวบอกไม่ถูกว่ามันเป็นตัวอะไร ได้แต่อธิบายคร่าวๆ เหมือนเป็นสัตว์ในจินตนาการนั้น เป็นเพราะทั้งคู่ไม่รู้จักโอพอสซัมนั่นเอง     Burch ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าโอพอสซัมอยู่ในห้องมานานรึยัง หรือว่าหลุดเข้าไปในห้องลูกสาวได้ยังไง แต่เธอก็เลือกที่จะเอามันไปปล่อยทันทีหลังจากเจอ     ทว่าถึงตัวโอพอสซัมจะจากกับลูกสาวไปแล้ว แต่เวลาสั้นๆ ที่พวกเธอใช้ร่วมกันในห้องนั้นก็ทำให้ลูกสาวชื่นชอบความน่ารักของมันเข้าแล้ว หลังจากนั้นมาลูกสาวของเธอก็ดูจะชอบโอพอสซัมมากทีเดียว พวกเธอคิดว่ามันน่ารักซะเหลือเกิน Burch ก็เลยซื้อตุ๊กตาโอพอสซัมเป็นของขวัญวันคริสต์มาสให้พวกเธอคนละตัว ดูพวกเธอจะดีใจและรักตุ๊กตาตัวนั้นสุดๆ…

เจ้าหมาโกลเด้นเพิ่งเริ่มมองไม่เห็นตอนมันแก่ แต่แทนที่ชีวิตของมันจะมืดมนเหมือนกับการมองเห็น มันกลับดูสดใสยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากตอนนี้มันมีเพื่อนตัวน้อยที่คอยเอาใจใส่     เจ้าหมา Charlie วัย 11 ปีเพิ่งจะเริ่มตาบอดเมื่อไม่นานนี้เอง แม้มันจะปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงได้ แต่มันก็เชื่องช้าลงแล้วก็ไม่ร่าเริงเท่าที่เคยเป็น แต่พอมีเพื่อนหมาตัวน้อยเข้ามาอยู่ด้วย ชีวิตของมันก็สดใสขึ้นมาทันตาเห็น เหมือนกับว่ามันได้เจอแหล่งกำลังใจแห่งใหม่แล้ว     เพื่อนใหม่ที่ว่าก็คือลูกหมาน้อย Maverick… Chelsea Stipe ซึ่งเป็นเจ้าของของ Charlie เอามันมาเลี้ยงเพราะคิดว่ามันน่าจะช่วยให้เจ้าหมาตาบอดร่าเริงขึ้นได้ ทว่านอกจากมันจะช่วยให้กำลังพี่หมาได้แล้ว เจ้าหมาน้อยยังช่วยดูแลรุ่นพี่ดีมากกว่าที่เจ้าของคาดการณ์เอาไว้ซะอีก     เธอเล่าว่า “Charlie ดูร่าเริงสดใสขึ้นอย่างชัดเจนเลยล่ะ ตั้งแต่มี Maverick มาอยู่ด้วย มันก็กลับมาทำตัวขี้เล่นเหมือนเป็นหมาน้อย ก่อนหน้านี้เราเคยซื้อของเล่นมาให้มันเล่นดูแล้ว แต่มันไม่เล่นเลย ตอนนี้มันเล่นทั้งของเล่นแล้วก็เล่นกับเจ้าหมาน้อยเป็นประจำ”     นอกจากนี้เวลาที่ Charlie จะลุกไปที่อื่น หรือออกไปเดินเล่นข้างนอก Maverick ก็จะจับตาดูและช่วยนำทางให้พี่หมาเสมอ แล้วเวลาที่เจ้าหมาแก่นอนพัก เจ้าหมาน้อยก็จะเดินตามไปนอนเป็นเพื่อนด้วย มันช่วยดูแลพี่หมาตาบอดราวกับเป็นพยาบาลส่วนตัวเชียวนะ   พี่เดินเบี้ยวจนเบียดน้องตกทางแล้ว เลี้ยวไปทางโน้นหน่อย   จะปล่อยให้พี่นอนคนเดียวก็กลัวจะเหงา นอนด้วยละกัน…

ไซเป็นหนึ่งในหมาที่ดูหล่อเหลาและสง่างามที่สุด แต่ก็เป็นหมาสายพันธุ์ที่มีคนยกให้เป็นอันดับต้นๆ เรื่องความต๊องเช่นกัน แถมมันยังชอบสร้างเรื่องป่วนๆ ให้เจ้าของเสมอด้วย เช่นการกระโจนเข้าไปเล่นโคลน จนสภาพเละเทะยิ่งกว่าหมาจรจัดซะอีก สงสัยมันจะถือคติว่า ‘ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์’ โดยที่ไม่ได้แคร์เลยว่ามนุษย์ต้องเหนื่อยกับการอาบน้ำของมันทุกรอบ!! ไม่เชื่อก็ดูสีหน้าที่ไม่สำนึกผิดของพวกมันสิ!!   นี่มันไซหรือหมาจรจัดกันแน่   เล่นโคลนกำลังสนุกเลย มนุษย์ลงมาเล่นด้วยกันสิ   แต่ละตัวไม่มีใครห้ามกันเลย เลอะทั้งคู่   ก็อากาศมันร้อน เข้าใจกันบ้างสิ   มองเหมือนไม่รู้ว่าไปทำอะไรผิดมา   นอกจากจะต้องอาบน้ำให้พี่แกแล้ว ต้องเหนื่อยซักเสื้อให้อีกต่อด้วย   เพิ่งมารู้สึกผิดตอนโดนจับได้เนี่ยนะ!?   ตัวนี้หน้าหนาพอ โดนจับได้ยังเล่นต่ออยู่เลย   ตอนแรกจำไม่ได้เลยว่านี่หมาตัวเอง ทำไมพวกแกมอมแมมขนาดนี้!?   เราไม่ได้เล่นโคลน เรากำลังบำรุงผิวอยู่   เล่นโคลนมาแล้วยังกล้าเดินเข้ามาในบ้าน มันน่าตีให้ก้นลาย   หน้าเหมือนบอกว่า “เล่นเสร็จละ อาบน้ำให้เร็วๆ สิ”   เล่นซนไปหน่อย โดนกักบริเวณเลย เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จค่อยปล่อยนะ   นี่ไซไงจำกันไม่ได้เหรอ?   เล่นโคลนกันเป็นแก๊ง พอโดนเจ้าของด่าก็ทำหน้าหงอยกันหมด…

ลูกหมาน้อยเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเสน่ห์เป็นพิเศษ ความน่ารักของพวกมันทำให้ทุกคนหลงรักและเอ็นดูพวกมันได้อย่างง่ายดาย ด้วยความพิเศษแบบนี้จึงมีการจัดให้มีวันของพวกมันเป็นพิเศษด้วย     วันของพวกมันก็คือ “วันลูกหมาแห่งชาติ (International Puppy Day)” ซึ่งตรงกับวันที่ 23 มีนาคมของทุกๆ ปี วันลูกหมาแห่งชาติริเริ่มโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุนัข Colleen Paige โดยเธอกำหนดวันนี้ขึ้นเพื่อให้คนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลลูกหมา ไม่ว่าจะเป็นลูกหมาจรจัด ลูกหมาในฟาร์มเพาะพันธุ์ หรือลูกหมาทั่วไป     ดังนั้นสิ่งที่คุณจะช่วยทำให้กับเหล่าหมาน้อยในวันสุดพิเศษนี้ ก็มีตั้งแต่ออกให้ให้อาหารหมาน้อยที่หิวโซ รับเลี้ยงหมาน้อยและช่วยพวกมันหาบ้าน หรือจะแค่เอาอกเอาใจหมาน้อยของคุณเองเป็นพิเศษก็ได้ ส่วนพวกเราจะขอร่วมฉลองให้กับพวกมัน โดยการนำความน่ารักของหมาน้อยทั้งหลายมาฝากให้เพื่อนๆ ได้รู้ซึ้งถึงเสน่ห์ของพวกมันเอง   ตอนหลับนี่แหละน่าเอ็นดูที่สุด   ดูคล้ายตุ๊กตาไม่มีผิดเลย   ใครก็ได้พาน้องไปเดินเล่นที รอนานแล้ว   ฝึกน้องหมาอาบน้ำตั้งแต่เด็ก ตอนโตจะได้ไม่ดื้อนะ   อยากออกไปนั่งรถเล่นละสิ   น้องไซนี่มันหล่อตั้งแต่เด็กจริงๆ   จะรับตัวเดียวหรือทั้งฝูงดีจ้ะ?   หมาน้อยเป็นสิ่งมีชีวิตที่เล่นก็เล่นสุด หลับก็หลับสุดเช่นกัน   อยู่กับแม่ก็จะสบายหน่อยๆ มีคนเอาใจ   เป็นเด็กดีจังเลย ว่าง่ายมาก  …

ไม่รู้หรอกนะว่าสำหรับแต่ละคนคำว่า “นางฟ้า” ต้องเป็นยังไง สำหรับ #เหมียวอาตี๋ แล้วคนที่จะออกปากเรียกว่านางฟ้าได้ ต้องเป็นคนที่มีจิตใจดีมากๆ…และน้องคนนี้ก็เหมาะสมกับคำว่านางฟ้าเหลือเกิน เมื่อกลางเดือนมีนาคม 2017 น้องนักศึกษาหญิงคนหนึ่งกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านหลังเลิกเรียน แต่พอไปถึงแยกไฟแดงคลองแห เธอก็เห็นสุนัขตัวหนึ่งนอนเจ็บอยู่เพราะถูกรถชน คนอื่นๆ พากันเมินเฉยมันเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตนเอง แต่เธอเลือกที่จะหยุดรถอุ้มมันขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วใช้มืออีกข้างบึ่งรถพามันไปรักษา     พอเธอมาถึงหน้าร้านเซเว่นคลองแห เธอจึงวางเจ้าสุนัขนอนลงที่ด้านนอกร้าน แล้วเข้าไปซื้ออุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยเงินของเธอเอง เสร็จแล้วก็ออกมาทำแผลให้เจ้าหมาอยู่ที่หน้าร้านเซเว่นนั่นแหละ กลายเป็นภาพที่ทำให้คนที่ได้ผ่านมาเห็นทั้งประหลาดใจและประทับใจในความมีน้ำใจของเธอ คุณ โอม (Chombun Chccn) เองก็เป็นคนหนึ่งที่ผ่านไปเจอเธอตอนนั้นพอดี ด้วยความสงสัยเขาจึงเข้าไปสอบถามเรื่องราวจากเธอแล้วนำมาบอกต่อความประทับใจในโลกโซเชียล     น้องนักศึกษาทำแผลให้เจ้าหมาอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยไม่กลัวว่าเสื้อสีขาวสะอาดของตัวเองจะเปื้อนเลือดน้องหมาเลย เธอตั้งใจช่วยมันด้วยความจริงใจ นอกจากนี้เนื่องจากเจ้าหมาบาดเจ็บอยู่มันจึงยังเดินเองไม่ได้ พอเธอทำแผลเสร็จแล้วเธอจึงอุ้มเจ้าหมากลับไปดูแลต่อที่บ้านเองด้วย     นี่แหละนางฟ้าในอุดมคติของคนรักสัตว์จริงๆ  เมื่อเห็นว่ามีเพื่อนร่วมโลกบาดเจ็บอยู่ เธอก็ไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือมันเท่าที่ทำได้ ถ้าหากสังคมเรามีคนอย่างน้องนักศึกษาคนนี้เยอะๆ คงจะทำให้โลกใบนี้ดูสดใสขึ้นมากเลยทีเดียว…ขอให้เจ้าหมาหายเจ็บไวๆ นะ   ที่มา: Chombun Chccn

มนุษย์เรามีทั้งคนที่ดีและไม่ดี แต่ไม่รู้ทำไมเราถึงมักจะเห็นส่วนที่ไม่ดีบ่อยๆ มีคนมากมายที่ทำให้ชีวิตอื่นเดือดร้อนเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง และหลายครั้งสัตว์ตาดำๆ ก็ต้องมาตกเป็นเหยื่อของพวกเขาเหมือนในครั้งนี้     เมื่อกลางเดือนมีนาคม 2019 แม่ลิงอุรังอุตังและลูกลิงในเกาะสุมาตรา ถูกเจ้าหน้าที่และสัตวแพทย์ช่วยออกนำตัวมารักษาหลังพบว่าพวกมันได้รับบาดเจ็บ คาดว่าคนที่ทำร้ายพวกมันน่าจะเป็นกลุ่มนักล่าสัตว์ที่ต้องการจับตัวลูกลิงไปขาย จึงทำร้ายแม่ลิงที่ปกป้องมันอยู่เพื่อชิงตัวลูกไปแต่ไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตามทั้งแม่และลูกลิงก็อยู่ในอาการที่น่าเป็นห่วงมากทีเดียว     พอพาตัวพวกมันไปที่โรงพยาบาลสัตว์แล้ว จากการเอกซ์เรย์พบว่าแม่ลิงอุรังอุตังที่พวกเขาตั้งชื่อว่า Hope มีกระสุนปืนอัดลมอยู่ในตัวถึง 74 แห่งเลยทีเดียว…พวกเขาคิดว่าแม่ลิงน่าจะใช้ตัวเองรับกระสุนแทนลูกน้อย ส่วนลูกน้อยของมันนั้นทั้งขาดสารอาหารและร่างกายอ่อนแอ เนื่องจากแม่ที่บาดเจ็บไม่สามารถหาอาหารมาให้หรือดูแลมันระหว่างที่บาดเจ็บได้ น่าเศร้าที่สุดท้ายลูกลิงก็เอาชีวิตไม่รอด   ในร่างแม่ลิงมีกระสุนปืนอัดลมอยู่ 74 นัดเลยทีเดียว   นอกจากจะได้รับบาดเจ็บทั่วทั้งตัวแล้ว ยังมีกระสุนบางนัดที่ยิงเข้าตาซ้ายและตาขวาของแม่ลิง Hope ด้วย ส่งผลให้มันตาบอดสนิท ยังดีที่นอกจากเรื่องตาของมันที่กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ร่างกายของมันก็ฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ความดูแลของคุณหมอ     ตอนนี้ผ่านมาประมาณ 1 สัปดาห์แล้วหลังจากที่ช่วยแม่ลิง Hope มา อาการของมันดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังต้องรักษามันต่อไปอีก สัตวแพทย์บอกว่าหากมันหายดีแล้ว พวกเขาจะส่งมันไปอยู่ในความดูแลของมนุษย์ เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่มันได้รับทำให้มันกลับไปใช้ชีวิตตามธรรมชาติเองไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อยก็ดีที่มันมีชีวิตรอด     หวังว่าสักวันหนึ่งมนุษย์เราคงจะตระหนักได้ว่า การทำร้ายสัตว์เพื่อผลประโยชน์มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนและสลดใจให้กับโลกนี้ แล้วเลิกทำร้ายพวกมันได้ในอนาคต…

เรื่องการช่วยเหลือสุนัขฟังดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเรา แต่นั่นไม่เป็นความจริงเลย ที่มันฟังดูไกลตัวเป็นเพราะเราไม่เคยได้รับการปลูกฝังเรื่องนี้ต่างหาก ถ้าพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการช่วยสุนัข แม้ว่าพวกเขาจะยังเป็นเด็กก็สามารถช่วยเหลือพวกมันได้ อย่างที่เด็กชายคนนี้พาตัวหมาน้อยไปรักษา     เด็กชาย Alex และเพื่อนกำลังเล่นด้วยกันอยู่ใกล้กับโรงเรียนในประเทศโรมาเนีย ในตอนนั้นเองพวกเขาก็เห็นลูกหมาตัวหนึ่งที่ขนหายไปเป็นหย่อมๆ ปกติแล้วเด็กในวัยนี้ได้แต่สงสารมันได้เท่านั้น พวกเขาเองก็ไม่รู้จะต้องช่วยมันยังไง แต่ Alex รู้จักกับคนที่ช่วยมันได้ เขาจึงอุ้มลูกหมากลับมาด้วย     Hilary Anderson ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Barking Mad Dog Rescue เล่าว่า “ครอบครัวของ Alex อาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกันกับบ้านที่เราใช้เป็นที่ดูแลหมา เขาจึงได้รู้ว่าพวกเราช่วยหมาพวกนี้ได้…Alex ก็เลยอุ้มมันมาให้ Aura ซึ่งดูแลพวกหมาจรจัดอยู่ที่บ้านในขณะนั้น มันจึงได้มาอยู่กับเรา”     แม้ว่า Alex จะไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากพาตัวมันมา แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากแล้ว เนื่องจากถ้าไม่ได้เขาซึ่งรู้จักแหล่งช่วยสุนัข เจ้าหมาขนร่วงคงไม่ได้รับการช่วยเหลือ แล้วต้องใช้ชีวิตตามลำพังต่อไป ตอนนี้พวกเขาตั้งชื่อเจ้าหมาว่า Felix แล้วก็จะช่วยดูแลมันจนหายดีและได้เจอบ้านที่อบอุ่น เหมือนกับที่เด็กชาย Alex อยากให้มันเป็น     Anderson บอกว่าเธอดีใจมากที่ความพยายามในการช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกของพวกเธอ ได้ขยายต่อไปถึงเด็กรุ่นใหม่ๆ และคนอื่นด้วย แม้ว่าคนเหล่านี้จะช่วยหมาเองไม่ได้ แต่แค่พวกเขาได้รู้ว่าเราช่วยสุนัขได้…

คนเรามักจะเข้าใจผิดว่าสัตว์ที่มีหน้าตาน่ารัก ก็จะมีนิสัยน่ารักและเป็นมิตรกับเราเช่นกัน ทั้งที่จริงๆ แล้วพวกมันไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกตัว สัตว์ที่น่ารักบางตัวก็เหมือนกุหลาบที่มีหนามแหลมคม พวกมันมีไม้ตายที่สามารถทำร้ายคุณได้อย่างคิดไม่ถึง เราลองมาเรียนรู้เกี่ยวกับพวกมันให้มากขึ้นดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง   1. ปลาปักเป้า ถึงปลาชนิดนี้จะดูกลมป๊อก ไม่น่าเป็นพิษเป็นภัยแต่ขอบอกไว้เลยว่าถ้าถูกหนามของปลาปักเป้าตำเข้าคุณคงยิ้มไม่ออกแน่ มันมีพิษที่น่าสะพรึงกลัวทีเดียว   2. ฮิปโปโปเตมัส สัตวตัวโตที่ดูเป็นมิตรมากๆ ตัวนี้ แม้จะเชื่องช้าและดูใจเย็น ถ้ามันได้เข้าสู่โหมดโมโหเมื่อไหร่ มันสามารถวิ่งแซงมนุษย์ได้ง่ายๆ และพลังกรามของมันก็มีมากพอที่จะฆ่าได้แม้แต่จระเข้   3. ลิงลม ภายใต้หน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ของลิงลม ซ่อนพิษร้ายที่ฆ่าผู้ล่าตัวโตกว่าได้ ระวังมันกัดด้วยล่ะ   4. แมวน้ำเสือดาว อุ๋งๆ สายพันธุ์อื่นอาจจะไม่มีพิษภัยก็จริง แต่ถ้าเป็นแมวน้ำเสือดาวล่ะก็ขอให้อยู่ห่างไว้ มันเองก็เป็นนักล่าที่น่ากลัวเทียบเคียงวาฬเพชฌฆาต   5. แรคคูน สัตว์ตัวป่วนอย่างแรคคูนกัดหรือข่วนเราให้ตายไม่ได้ก็จริง ทว่าคุณอาจติดโรคไข้กระต่าย ไข้ฉี่หนู หรือโรคพยาธิตัวกลมจากการถูกมันกัดได้ ซึ่งโรคพวกนี้อันตรายถึงชีวิตได้เลยนะ   6. จิงโจ้ สัตว์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำแดนออสเตรเลียตัวนี้หน้าตาน่ารัก แต่อย่าลืมว่าพวกมันมีร่างกายที่แข็งแรงกำยำกว่าเรา หากมันต่อยหรือถีบมุษย์เรา บางทีอาจกระดูกหักกันง่ายๆ เลย…แถมมีหลายครั้งที่พวกมันมาทำร้ายคนก่อนด้วย   7. วูล์ฟเวอร์รีน…

การเลี้ยงหมาก็เหมือนกับเด็กเล็กคนหนึ่ง เวลาที่พวกมันต้องการอะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจ ก็มักจะงอแงประท้วงคนเลี้ยงเสมอ แต่ละตัวก็จะมีวิธีประท้วงต่างกันไป บางตัวก็ตีงอนไม่สนใจเจ้าของ บางตัวก็ตีหน้าเศร้าให้เราใจอ่อน…ส่วนเจ้าหมา Begbie ใช้วิธีนอนนิ่งแกล้งตาย แถมยังทำได้เนียนจนคนที่ผ่านมาเห็นแล้วตกใจด้วย     Michele Bilsland เป็นคนที่รับจ้างพาสุนัขไปเดินเล่น และเธอก็มักจะได้พาเจ้า Begbie ไปกับเธอเป็นประจำด้วย ปกติเธอจะพามันไปเดินเล่นในป่าใกล้ๆ ซึ่งเป็นที่โปรดของมันเสมอ และถ้าครั้งไหนไม่ได้ไปที่นั่นมันก็จะประท้วงด้วยการแกล้งนอนตายอยู่กับที่     ล่าสุดตอนที่เธอพามันไปเดินเล่น เธอก็ไม่ได้พามันไปเดินตรงที่โปรดเช่นกัน เนื่องจากสภาพอากาศไม่ค่อยดีนัก อาจจะมีพายุหรือฝนตกก็ได้ แต่พอเจ้า Begbie เห็นว่าเธอไม่ได้เลี้ยวไปทางที่มันต้องการเท่านั้นแหละ มันก็ล้มแหมะลงกับพื้นเพื่อแกล้งตายเป็นการประท้วงทันทีทันใด ส่วน Bilsland ไม่ได้ว่าอะไรมัน เนื่องจากเธอรู้ว่าพอมันงอแงสักพักเดี๋ยวมันก็จะลุกเดินตามเธอมาเอง…แต่ชายที่ขับรถผ่านมาเห็นนี่สิเชื่อสนิทใจเลยว่ามันตายแล้ว จึงรีบหยุดรถลงมาดูด้วยความตกใจ     เธอเล่าว่า “พวกเขาเป็นคู่พ่อลูกที่ขับรถ่านมา พอเห็นมันพวกเขาก็หยุดรถแล้วรีบถามอย่างร้อนใจว่ามันเป็นอะไรรึเปล่า ฉันบอกพวกเขาว่ามันไม่เป็นอะไร แค่งอแงแล้วก็เศร้ามันก็เลยแกล้งตายเท่านั้น พวกเขาก็เลยหัวเราะใหญ่เลยที่ได้รู้ว่ามันแค่งอแง แล้วฉันก็รอให้มันลุกขึ้นเองต่อ”   คลิปวิดีโอที่มันเคยงอตอนไปเดินเล่นครั้งก่อนๆ   ถึงจะเห็นว่ามันเอาแต่ใจแบบนี้ก็เถอะ Bilsland ก็คิดว่าการแกล้งตายของมันทำให้มันดูน่ารักกว่าเดิม แม้ว่าครั้งแรกที่มันแกล้งตายใส่เธอเองก็ตกใจมากเช่นกัน อีกอย่างใครจะไปโกรธสุนัขตัวโตกำยำ แต่ดันมีจิตใจอ่อนโยนและเป็นมิตร แถมยังมีเพื่อนสนิทเป็นแมวเหมียวได้ล่ะ จริงไหม?    …

แม้ว่าแมวน้อยจะตัวเล็กที่สุดในบรรดาเพื่อนแมว มันก็ไม่ได้รู้สึกด้อยกว่าเลย มันต่างหากที่เป็นฝ่ายมอบกำลังใจให้เพื่อนแมวอย่างต่อเนื่อง     แมวน้อย Tennessee ถูกช่วยมาจากรัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วถูกส่งตัวมาอยู่กับกลุ่มช่วยเหลือแมวพิเศษ  The Odd Cat Sanctuary ในรัญแมสซาชูเซตส์ มันเองก็เป็นแมวพิเศษเหมือนกัน เนื่องจากมันมีอายุมากแล้ว ซึ่งสังเกตได้จากฟันของมันที่ขึ้นครบหมด แต่ตัวของมันกลับมีขนาดเท่าลูกแมวอายุ 2 เดือน     พวกเขาคาดว่าการที่มันตัวเล็ก คงจะเป็นเพราะมันเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่เพียบพร้อม มันจึงขาดสารอาหารแบบนี้ และมันคงจะตัวเล็กแบบนี้ตลอดไป     อย่างไรก็ตาม เจ้า Tennessee ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย หลังจากถูกช่วยมามันก็ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แถมมันยังชอบเข้าไปให้กำลังใจแมวพิเศษตัวอื่นๆ โดยการเข้าไปนอนเป็นเพื่อน หรือเข้าไปคลอเคลียด้วย     ปลอบใจเจ้า August แมวเดินเป๋เพราะสมองบกพร่อง   ให้กำลังแมวขาวดำ Memphis ซึ่งเกิดมาพร้อมใบหน้าผิดรูป   ต้อนรับแมวแก่ Bishop อย่างอุ่น ทำให้มันอุ่นใจแม้จะเพิ่งถูกทิ้งมา   Tara Kay ผู้ก่อตั้งกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ที่ช่วยมันเล่าว่า…

ทาสแมวย่อมเข้าใจกันดี ว่าแมวเหมียวหรือเจ้านายของเราเป็นสัตว์ที่มีนิสัยแปลกมากๆๆๆๆ ยากเกินกว่าทาสจะทำความเข้าใจได้ แต่รู้รึเปล่าว่านอกจากนิสัยที่แปลกแล้ว เจ้านายบางตัวก็ยังมีลวดลายที่ไม่เหมือนใคร ทำให้พวกมันแปลกมากไปกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้ทาสจำเจ้านายของตัวเองได้ขึ้นใจยิ่งกว่าเดิม ส่วนคนที่ไม่เข้าใจว่าลายของเจ้านายแบบไหนถึงเรียกว่าแปลก ลองไปดูตัวอย่างที่เรารวบรวมกันมาทางนี้ดูนะ แล้วจะรู้ว่าความไม่ซ้ำใครมันเป็นยังไง   เจ้าแมวตัวนี้น่าจะเป้นลูกน้องแบทแมนมาก่อน   ถึงเจ้านายจะดูเหวี่ยงๆ แต่ดูก็รู้ว่ามันมีใจให้ทาส   น้องมีปานรูปสายฟ้าเหมือนแฮรี่พอตเตอร์เลย   มีมังกรมาเกาะอยู่บนหลังเจ้าเหมียว   น้องไม่ได้นอนน้อย น้องแค่ขอบตาดำ   ตอนที่เจ้าเหมียวชูหางขึ้นคุณจะเห็นเครื่องหมายตกใจอันโต…บางทีก็เป็นเครื่องหมายคำถามได้ด้วย!?   มองหน้าข้าสิ แล้วจะรู้ว่าใครเป็นที่ 1 ในบ้านหลังนี้   ข้ามีจิตวิญญาณของหมาป่าสถิตย์อยู่   ไม่ต้องใส่แว่นเจ้าแมวก็มี 4 ตาได้!?   ถ้ามองดีๆ คุณจะเห็นว่าน้องแมวพกดาบมาด้วย   เจ้าเหมียวตัวนี้ใช้เป็นตัวอย่างสอนเรื่องรูปทรงได้ดีทีเดียว   ทำหนวดเลียนแบบชาร์ลี แชปลิน เผื่อจะดังเหมือนกันบ้าง   อายไลน์นงไลน์เนอร์ไม่เคยใช้ แต่ขอบตานี่ชัดเชียว   ถ้ามองด้านหน้าน้องจะเป็นแมว แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่งเราจะเห็นหมา…หมาแพนดี้   เจ้านายกำลังใบ้ให้ทาสซื่อ 101 อยู่ รับรองถูกหวยแน่…

เจ้าหมากินข้าวเองไม่ได้ ไม่ได้เป็นเพราะมันพิการ แต่เป็นเพราะอาการป่วยของมัน มันคงจะลำบากมากหากไม่มีเจ้าของที่พร้อมดูแล โชคดีที่เจ้าของของมันรักมันมากและหาวิธีแก้ปัญหาให้มันจนได้     เจ้าหมาสีดำตัวนี้คือ Daisy มันเป็นสุนัขของ Doug และ Grace Jones แต่ก่อนมันก็เป็นสุนัขที่ปกติดี แต่หลายปีก่อนมันถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งส่งผลให้มันเป็น ‘ภาวะหลอดอาหารขยายใหญ่’ ตามมา ภาวะหลอดอาหารขยายใหญ่ (Megaesophagus) ทำให้หลอดอาหารของเจ้าหมาลำเลียงอาหารได้ไม่ดี ส่งผลให้พอมันกินอาหารแล้วจะอ้วกออกมาบ่อยครั้ง แต่ก็มีวิธีแก้คือการให้มันกินข้าวในท่านั่ง ซึ่งต้องหาเก้าอี้แบบพิเศษซึ่งเรียกว่า ‘Bailey Chair’ มาเป็นตัวช่วยให้มัน…Daisy จึงมีเก้าอี้กินข้าวพิเศษของตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก     โดยเวลาที่มันจะกินข้าว Daisy จะเดินมาที่เก้าอี้ด้วยตัวเอง จากนั้นก็จะนั่งลงเพื่อให้เจ้าของดึงที่วางแขนลงมาให้ แล้วค่อยกินข้าวบนเก้าอี้ทั้งแบบนั้น พอกินแบบนี้แล้วอาหารที่กินเข้าไปก็จะไหลลงไปที่กระเพาะได้ดีขึ้น เนื่องจากมีแรงโน้มถ่วงเป็นตัวช่วยลำเลียงนั่นเอง     ถึงแม้มันจะเป็นหมาพิเศษที่ต้องใช้เก้าอี้แบบนี้ไปตลอดชีวิต Doug และ Grace ก็ไม่ทำให้เรื่องนี้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของเจ้าหมา เพราะพวกเขารักมันพอที่จะทำทุกอย่างเพื่อมัน หากต้องออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยกันนานๆ พวกเขาก็ยอมลำบากแบกเก้าอี้ตัวนี้ติดรถไปด้วยทุกครั้ง เพื่อให้เจ้าหมาได้ไปเที่ยวด้วยกัน โดยที่ยังกินข้าวได้แบบไม่มีปัญหา     มีเก้าอี้ของตัวเองมันรู้สึก V.I.P จะตาย   แม้ว่าโรคของมันฟังดูเหมือนจะเป็นโรคหายาก แต่ก็ไม่ได้มีมันตัวเดียวหรอกนะที่เป็นโรคนี้…

Mäuschen ความสัมพันธ์ในโลกนี้ไม่เคยมีแบ่งกั้นเพศ เชื้อชาติ หรือแม้แต่เผ่าพันธุ์ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหากรู้สึกผูกพันและเป็นมิตรกับอีกฝ่ายก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ทั้งนั้น ดังจะเห็นได้จากเรื่องราวของแมวเหมียวและพี่หมีเพื่อนรัก ซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันในสวนสัตว์ พวกมันรักกันและไม่อยากอยู่ห่างกันเลย     ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนที่สวนสัตว์ Berlin Zoo ซึ่งอยู่ในประเทศเยอรมนี มีหมีตัวหนึ่งชื่อว่า Mäuschen อาศัยอยู่ในกรงของตัวเองตามลำพัง มันอยู่แบบนั้นมานานแล้ว คนดูแลและผู้ที่มาดูมันไม่เคยคาดคิดเลยว่ามันจะมีเพื่อนร่วมกรงเข้ามาหาเอง แถมยังเป็นคนละสายพันธุ์กันด้วย     อยู่มาวันหนึ่งคนดูแลเห็นเจ้าแมวดำเกาะอยู่บนต้นไม้ในกรงของ Mäuschen ตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว พวกเขาแปลกใจมากเนื่องจากในสวนสัตว์ไม่น่าจะมีแมว แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมันมาก จนกระทั่งเจ้าหมีสังเกตเห็นเจ้าแมว มันดูสนอกสนใจเจ้าแมวมากเลยทีเดียว มันจึงพยายามเข้าไปหาเจ้าแมว ส่วนเจ้าแมวก็กระโดดลงมาหามันบนพื้น     ตอนนั้นคนดูแลและผู้เข้าชมที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ลุ้นว่าเจ้าแมวจะปลอดภัยไหม เนื่องจากเจ้าหมีทั้งตัวใหญ่และแข็งแรงกว่า ไม่ใช่เรื่องยากเลยถ้า Mäuschen จะทำร้ายเจ้าแมวจนตาย ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือสัตว์ทั้ง 2 ตัวเข้าไปคลอเคลียด้วยกันอย่างเป็นมิตร พวกมันไม่มีท่าทีว่าจะทำร้ายกันเลยสักนิดเดียว     พวกมันเข้าไปผูกมิตรกัน ผิดความคาดหมายของทุกคน   ตั้งแต่นั้นมาเจ้าแมวก็อยู่เป็นเพื่อนเจ้าหมีในกรงเดียวกัน มันไม่จากไปไหนอีกเลย คนดูแลเจ้าหมีจึงเลี้ยงมันไว้และตั้งชื่อให้มันว่า Muschi     พอมี Muschi อยู่ด้วยแล้ว Mäuschen ก็ไม่เหงาอีกเลย พวกมันมักจะใช้เวลาทั้งวันเดินไปนอนพักตามมุมต่างๆ…

เขาบอกกันว่าความรักของแม่ที่มีให้กับลูกเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หลายครั้งเราก็ได้เห็นว่าแม่ทำทุกอย่างเพื่อพยายามปกป้องลูกจริงๆ แม้แต่แม่หมาก็ทำเช่นนั้น จะเห็นได้จากเหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ในเมืองบัลปาราอิโซ ประเทศชิลีเมื่อหลายปีก่อน ไฟป่าครั้งนั้นลุกลามใหญ่โตไปถึงชุมชนเมืองเลยทีเดียว เมื่อไฟสงบลงแล้วนักดับเพลิงจึงออกสำรวจพื้นที่ เพื่อช่วยดับไฟที่ยังหลงเหลืออยู่ และช่วยเหลือคนที่มีชีวิตรอด ตอนนั้นเองที่พวกเขาพบกับหลุมลึกซึ่งมีหมาน้อยอยู่ข้างใน   นักดับเพลิงเจอลูกหมาอยู่ในหลุมหลบภัย ซึ่งแม่หมาเป็นคนขุดไว้   หลุมนั้นลึกมากและถูกปิดปากหลุมไว้เพื่อป้องกันความร้อนจากไฟ พวกเขาต้องใช้เวลานาน 45 นาทีเลยทีเดียวกว่าจะช่วยลูกหมาทั้ง 9 ตัวออกมาหมดได้ แต่พวกมันทุกตัวก็ปลอดภัย คนที่อยู่แถวนั้นเล่าว่าเขาเห็นแม่หมาเป็นคนขุดหลุมนั้นเองเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยให้กับลูก ส่วนตัวมันเองก็วิ่งไปหลบภัยที่อื่น สักพักหนึ่งพวกเขาก็เห็นว่าแม่หมาก็ปลอดภัยเหมือนกัน มันหลบไฟอยู่ที่ใต้ตู้คอนเทนเนอร์ที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก พวกเขาเลยช่วยพวกมันออกมาด้วยกันทั้งครอบครัว   ส่วนตัวแม่หมาไปหลบอยู่ใต้ตู้คอนเทนเนอร์ใกล้ๆ นั้น   หลังจากนั้นชีวิตของแม่หมาและลูกหมาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง พวกมันมีคนยอมรับอุปถัมภ์ไว้ ทำให้พวกมันไม่ต้องใช้ชีวิตลำบากอยู่ข้างถนนต่อไปแล้ว เรื่องของแม่หมากลายเป็นที่พูดถึงอย่างมาก ทุกคนต่างก็ชื่นชมมันที่มันช่วยลชีวิตลูกๆ เอาไว้ได้ ในปีที่เกิดเหตุไฟไหม้พวกมันกลายเป็นข่าวดังเลยทีเดียว     น่าชื่นชมแม่หมานะที่มันคิดถึงความปลอดภัยของลูกก่อน แล้วหยุดขุดหลุมท่ามกลางไฟที่ลุกลามอยู่ ทั้งที่ตัวเองอาจจะเป็นอันตรายก็ได้ มันทำให้เราเห็นว่าแม่เห็นลูกสำคัญกว่าตัวเองจริงๆ แม้ตัวเองจะต้องเสี่ยงภัยก็ไม่เป็นไร ขอให้ลูกๆ อยู่รอดปลอดภัยก็พอ   คลิปวิดีโอข่าวของเจ้าหมากับลูกๆ    ที่มา: We Love Animals, ODN

การช่วยชีวิตเพื่อนร่วมโลกสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ด้วยความคิดนี้ชายชาวซิกข์จึงยอดถอดผ้าโพกหัวออกเพื่อใช้ช่วยเจ้าหมา แม้ว่าเขาอาจจะถูกเพื่อนร่วมศาสนาหมิ่นเอาได้ Sarwan Singh เป็นชายที่นับถือศาสนาซิกข์ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศอินเดีย วันหนึ่งเขาสังเกตเห็นหมาตัวหนึ่งอยู่ในแม่น้ำ โดยที่มันทำท่าเหมือนกับว่าจะจมน้ำแล้ว เขาจึงจอดรถแล้วถอดผ้าโพกหัวออกเพื่อนำไปช่วยมัน     โดยเขาใช้ผ้าโพกหัวผืนหนึ่งผูกเอาไว้กับที่ยึดใกล้กับฝั่ง แล้วค่อยๆ หย่อนตัวเข้าไปใกล้กับเจ้าหมาซึ่งอยู่ในแม่น้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นจึงพยายามใช้ผ้าโพกหัวอีกผืนหนึ่งคล้องตัวมันเอาไว้ แล้วค่อยๆ ดึงตัวมันขึ้นมาจนเจ้าหมากลับมาบนบกได้อย่างปลอดภัย     ได้ตัวแล้ว   แต่การช่วยมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เนื่องจากเจ้าหมาอยู่ในสภาวะตื่นกลัว กว่าเขาจะเอาผ้าคล้องตัวมันได้ก็ต้องเดินตามมันสักพักเลยทีเดียว นอกจากนี้การที่เขาถอดผ้าโพกหัว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความนับถือและศรัทธาของชาวซิกข์ออก ก็อาจทำให้คนรอบข้างคิดว่าเขาไม่เคารพศาสนาอีกด้วย     Sarwan บอกว่า “ตอนที่ผมเริ่มถอดผ้าโพกหัวออก คนที่ดูอยู่รอบข้างดูตกใจมากทีเดียว พวกเขาน่าจะคิดว่าผมไม่เคารพความเชื่อของชาวซิกข์“ อย่างไรก็ตาม Sarwan ก็ไม่ได้ลังเลที่จะถอดผ้าโพกหัวออกเลย เขาคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดซึ่งควรจะทำในตอนนั้นก็คือช่วยชีวิตเจ้าหมาเอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม     ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วเจ้าหมาจะไม่ได้มีท่าทีซาบซึ้งที่เขาช่วยมัน และก็ถูกคนบางคนมองด้วยสายตาที่ไม่ดีนัก แต่เขาก็เชื่อว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นถูกแล้ว และเขาก็ยังคงนับถือและเคารพคำสอนของศาสนาซิกข์เหมือนเดิม แม้เขาจะถอดผ้าโพกหัวซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของความเชื่อออกชั่วขณะก็ตาม      ที่มา: Daily Mail, We Love Animals

บางคนเรียกสุนัขตัวนี้ว่าหมาจิงโจ้ เพราะมันเดินด้วย 2 ขาหลังเหมือนจิงโจ้ไม่มีผิด บางคนก็เรียกมันว่าหมานักสู้ เนื่องจากมันไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ ที่ต้องเจอ ตอนที่มีคนไปเจอเจ้า Roo มันยังเป็นเพียงลูกสุนัขเท่านั้น แต่มันก็ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส และถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างทางรถไฟในประเทศโรมาเนีย สัตวแพทย์ที่เอาตัวมันมารักษา จำเป็นต้องตัดขาหน้าของมันทั้ง 2 ข้างตั้งแต่ช่วงหัวไหล่ เพื่อช่วยให้มันรอดชีวิต     ต่อมาเจ้าหมาได้กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Safe Rescue for Dogs รับดูแล มันจึงย้ายเข้ามาอยู่ในประเทศอังกฤษ แล้วได้เจอกับ Ian และ Nikki Dick ซึ่งเป็นเจ้าของของมันในตอนนี้     แม้ว่าตอนแรกเจ้า Roo จะเดินไม่ได้เพราะว่ามันเสียขาไป แต่มันก็ไม่ได้ยอมแพ้กับชีวิตเลย มันพยายามจะเดินให้ได้ด้วย 2 ขาที่ยังเหลืออยู่ ไม่นานนักมันก็สามารถเดินได้โดยใช้ขาแค่ 2 ข้าง ตอนที่เดินมัจะก้าวขาไปข้างหน้าแล้วทรงตัวช่วงบนเอาไว้ ซึ่งทำให้มันดูเหมือนจิงโจ้เลย     ตอนเริ่มหัดเดินยังไม่ค่อยคล่อง   สักพักก็เดินได้อย่างเป็นธรรมชาติ    ถึง Roo จะสามารถเดินได้แล้ว แต่มันก็ยังไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนหมาปกติ เนื่องจากมันไม่สามารถเดินได้นานนัก มันต้องพักเป็นระยะๆ…

สุนัขตำรวจในต่างประเทศ ก็เปรียบเสมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่ง พวกมันทำงานอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้ประชาชนใช้ชีวิตได้แบบสบายใจ ล่าสุดมันก็เพิ่งพาคุณยายหลงทางกลับไปส่งบ้านได้อย่างรวดเร็ว     สุนัขตำรวจสายพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด Saby และคู่หู Dustin Brock เข้ามาในกรมตำรวจ Birmingham Police Department พร้อมๆ กัน พวกเขาจึงสนิทสนมกันมาก ทั้งคู่ทำงานเข้าขากันได้เป็นอย่างดี Brock รู้ว่าเขาสามารถไว้ใจ Saby ได้เสมอ มันมักจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้งานของพวกเขาสำเร็จลุล่วง     เมื่อไม่นานมานี้คุณยาย Loudell Hubbard ซึ่งเป็นโรคความจำเสื่อมได้เดินหลงออกจากบ้านไปไกล เธอล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นกรวด และไม่สามารถลุกขึ้นเองได้เนื่องจากไม่มีไม้เท้า และเธอก็จำทางกลับบ้านไม่ได้ด้วย พอครอบครัวของเธอรู้ว่าเธอหายไป พวกเขาจึงแจ้งตำรวจให้ช่วยตามหาตัวเธอ Brock และ Saby เองก็ออกไปช่วยตามหาเธอด้วย     ทว่าการตามหาเธอก็ไม่ได้ง่ายเลย แม้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมากมายช่วยกันหาทั่วทั้งบริเวณ ก็ยังไม่เจอวี่แววของคุณยาย Hubbard เลย เจ้า Saby เองก็ดมหากลิ่นของเธออย่างเต็มที่เช่นกัน มันนำทางคู่หูเข้าไปในป่าลึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็ได้กลิ่นของเธอ แล้วนำทางเขาไปหาเธอถูกที่จนได้     ตั้งแต่ Hubbard หายตัวไปจากบ้านจนถึงตอนที่เจอตัว ก็เป็นเวลากว่า 12 ชั่วโมงแล้ว พวกเขาจึงต้องรีบส่งตัวเธอไปที่โรงพยาบาลก่อน…

หากข้าวของในบ้านของคุณเริ่มเปลี่ยนที่เองบ่อยครั้งเข้า ถึงคุณจะไม่เชื่อเรื่องผี ก็คงเริ่มสงสัยว่าที่บ้านมีสิ่งลึกลับสถิตอยู่รึเปล่า โชคดีที่ในกรณีของคุณตาคนนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เขาเพียงแค่มีเพื่อนตัวน้อยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนช่วยเก็บของให้เท่านั้นเอง คุณตา Stephen Mckears อายุ 72 ปีจากประเทศอังกฤษมักจะใช้โรงเก็บของข้างบ้านเป็นห้องทำงานฝีมือ และบ่อยครั้งเขาก็ไม่ได้เก็บของที่ใช้ให้เป็นระเบียบหลังใช้งานแล้ว   Stephen Mckears   เขามักใช้โรงเก็บของทำงานฝีมือบ่อยๆ โดยไม่ได้เก็บของให้เป็นระเบียบ   แต่ช่วงเดือนก่อนนี้เขาสังเกตว่าของที่เขาวางระเกะระกะไว้บนโต๊ะ มักจะถูกเก็บกลับคืนเข้ากล่องอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเสมอ โดยที่เขาไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง เนื่องจากทั้งเขาและเพื่อนบ้านก็ไม่ได้เป็นคนเก็บ แล้วก็ไม่มีร่องรอยคนอื่นเดินเข้าออกห้องเก็บของเลยด้วย   ของของคุณตาถูกเก็บเข้ากล่องเองอย่างลึกลับ!?   ด้วยความสงสัยคุณตาและเพื่อนบ้านจึงช่วยกันตั้งกล้องวิดีโอเอาไว้ในโรงเก็บของ เพื่อจับภาพสิ่งลึกลับที่มาเก็บของให้เขาอยู่ทุกวี่ทุกวัน แล้วพวกเขาก็ได้รู้ความจริงอันน่าทึ่งว่า คนที่เก็บของเข้ากล่องอย่างเป็นระเบียบไม่ใช่ผีที่ไหนหรอก มันเป็นหนูที่แอบอาศัยอยู่ในโกดังของคุณตาต่างหาก!?   อ้าว…ที่แท้ก็เป็นเจ้าหนูตัวนี้นี่เอง!!   ในตอนกลางคืน มันจะแอบมาหยิบของทีละชิ้น   แล้วเอาใส่กลับเข้าไปในกล่อง เหมือนกับแม่บ้านที่คอยช่วยคุณตารักษาความสะอาด   ชมคลิปวิดีโอที่ Mckears ถ่ายไว้ทางนี้    คุณตา Mckears แปลกใจมากที่รู้ว่ามันเป็นฝีมือของหนูน้อย เขาไม่รู้ว่ามันช่วยเขาเก็บของเข้ากล่องทำไม เขาไม่ได้เลี้ยงหรือให้อาหารมันด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยินดีที่เจ้าหนูน้อยช่วยเขาเก็บของอยู่ทุกวี่ทุกวันอย่างฟรีๆ มันช่วยให้โต๊ะทำงานของเป็นระเบียบโดยไม่ต้องเหนื่อยเองเลย     คุณตาบอกว่าทุกวันนี้เจ้าหนูตัวนี้ก็ยังออกมาทำหน้าที่เก็บของให้เป็นระเบียบอยู่เหมือนเดิม โดยจะออกมาทำงานเวลาประมาณเที่ยงคืนถึงตี 2 ครึ่ง…

หมามักก็รักเจ้าของมากเป็นธรรมดา มันไม่ชอบให้ใครมาแย่งความรักจากเจ้าของไปหรอก ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ตัวอื่น หรือเจ้าบ่าวของเธอก็ด้วย!! ในวันที่ 14 มีนาคม 2019 ที่ผ่านมา หญิงซึ่งเป็นเจ้าของของเจ้าหมาได้เข้าร่วมพิธีแต่งงานกับแฟนหนุ่ม โดยตามพิธีนั้นฝ่ายชายจะต้องนำขบวนเข้ามาในบ้านเพื่อขอแต่งงานฝ่ายหญิง ทว่าเมื่อเจ้าบ่าวมาถึงหน้าประตูห้องของเจ้าสาว สุนัขของเธอก็รีบพุ่งมาขวางทางเข้าประตูไว้ทันที ทำให้เจ้าบ่าวเข้าไปหาเจ้าสาวไม่ได้     แถมมันยังนอนอยู่หน้าประตูไม่ยอมออกไปไหนเลยด้วย ไม่ว่าเจ้าบ่าวหรือเพื่อนเจ้าบ่าวจะไล่มันยังไง มันก็ยังปักหลักขวางทางอยู่ตรงที่เดิม จนสักพักหนึ่งเมื่อเห็นว่ามันไม่มีทีท่าว่าจะขยับจริงๆ พ่อเจ้าสาวจึงต้องเข้ามาอุ้มมันออกไปไว้อีกห้องหนึ่ง เจ้าบ่าวจึงทำพิธีแต่งงานต่อไปได้     เจ้าสาวเล่าหลังจากงานแต่งว่าอันที่จริงแล้วเจ้าหมามันขี้กลัวมากๆ เลย แค่ได้ยินเสียงอะไรนิดหน่อยมันก็กลัวตัวสั่นแล้ว เธอจึงแปลกใจมากที่ได้ยินว่ามันกล้าออกมาขวางทางคนจำนวนมากขนาดนั้น แต่ถ้าคิดอีกมุมหนึ่งเจ้าหมาก็อยู่กับเธอมานาน 6-7 ปีแล้ว และมันกับเธอก็รักกันมาก มันน่าจะเข้ามาขวางทางไว้เพราะไม่อยากให้เจ้าบ่าวเอาตัวเธอไปจากมัน     โถ่ น่าเห็นใจเจ้าหมานะ มันคงรู้ว่าหากเธอแต่งงานแล้วเธอคงมีเวลาให้มันน้อยลงกว่าเดิม เพราะส่วนมากเจ้าสาวต้องย้ายไปอยู่กับเจ้าบ่าว   ชมคลิปวิดีโอได้ทางนี้   ถ้าเป็นไปได้เราก็อยากบอกมันเหลือเกินว่าไม่ต้องห่วงไปนะ เจ้าสาวไม่มีทางทิ้งหมาที่รักเจ้าของแบบแกหรอก อีกอย่างหนึ่งถ้าเจ้าของของมันแต่งงานกับแฟนหนุ่มแล้ว เจ้าหมาก็จะได้มีคนดูแลมันเพิ่มขึ้นอีกคนด้วย   ที่มา: Sinchew, World of Buzz

Rocky Kanaka เป็นพิธีกรรายการทีวี ซึ่งให้ความช่วยเหลือเหล่าหมาที่ลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการหาบ้านให้พวกมัน หรือช่วยให้พวกมันมีความสุข โดยการทำให้พวกมันกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนและให้พวกเขาช่วยสนับสนุนมัน และครั้งนี้ก็ถึงคราวของ Freddie ที่จะได้รับความช่วยเหลือแล้ว แถมเขาไม่ได้พามันมารู้จักทุกคนเฉยๆ ด้วย เขายังช่วยมอบของขวัญมากมายให้เจ้าหมา โดยให้มันเป็นคนเลือกเอง     เจ้าหมา Freddie ถูกเจอในกองขยะ กระดูกของมันหักหลายแห่ง แล้วมันก็ขาดสารอาหาร มันต้องถูกพาไปห้องผ่าตัดโดยด่วนเพื่อช่วยชีวิต หลังจากมันหายดีมันก็ถูกส่งไปอยู่กับกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Marley’s Mutts ซึ่งช่วยให้มันได้เจอกับ Angela ซึ่งเป็นเจ้าของของมันในตอนนี้     แม้เจ้าหมาจะมีคนเลี้ยงอยู่แล้ว แต่พอได้เห็นมันผ่านความลำบากมามากและเป็นหมาพิเศษ Rocky จึงตัดสินใจมอบวันที่พิเศษให้กับมัน โดยการพามันไปซื้อของที่ร้านขายของสัตว์เลี้ยง แล้วเขายังให้โอกาสมันเลือกของที่จะซื้อเองด้วย เขาจะปล่อยให้มันดูของตามมุมต่างๆ ในร้าน และหากมันสนใจแล้วเข้าไปแตะของชิ้นไหน เขาก็จะซื้อให้มันทุกชิ้นเลย   เอาชิ้นนี้นะมนุษย์   ได้ของขวัญมาเพียบเลย นอกจากเจ้า Freddie แล้ว Rocky ก็ยังพาเจ้าหมา Bosco ซึ่งเป็นเพื่อนของมันในศูนย์พักพิงสัตว์มาซื้อของด้วย เขาหวังว่ารายการของเขาจะช่วยให้มันมีคนมาขอรับเลี้ยง เหมือนที่เพื่อนของมันได้เจอเจ้าของแล้ว   ได้มาซื้อของกับเพื่อนด้วยอีกตัว   Rocky บอกว่าถึงจุดเริ่มต้นของคลิปวิดีโอนี้ว่า “ตอนที่ผมเห็นหมาอย่าง Freddie…

ครอบครัวในเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดาได้เจอแมวเหมียวสีดำตัวหนึ่ง พวกเขาสงสารจึงให้อาหารมันกิน จากนั้นมันก็มากินข้าวที่บ้านพวกเขาเป็นประจำ     ถึงจะได้ช่วยให้มันอิ่มทองทุกวัน ครอบครัวก็รู้สึกสงสารที่มันต้องกลับไปสู้กับลมหนาวตามลำพัง แต่จะรับเลี้ยงไว้เองก็ไม่สะดวก พวกเขาจึงติดต่อไปหา Nadia ซึ่งเป็นคนรักแมวที่อยู่ใกล้ๆ หลังจากเธอได้ฟังเรื่องของมันเธอก็ยินดีพามันไปตามหาบ้านของตัวเอง     เธอจับมันมาได้อย่างง่ายดาย แค่เข้าไปหามันก็ยอมเข้ากรงกลับมากับเธอแล้ว แถมมันยังอ้อนเธอต่อตอนมาถึงบ้านของเธอด้วย เธอตั้งชื่อมันว่า Laloue ตอนแรกเธอตั้งใจว่าจะหาบ้านให้มันทันที แต่ก็สังเกตเห็นก่อนว่าเจ้าแมวตัวนี้ไม่ได้มาตามลำพัง…มันกำลังท้องใกล้คลอดอยู่ เธอจึงยอมให้มันอยู่ด้วยจนกว่าลูกๆ จะโต     ที่แท้ก็ท้องนี่เอง ก็ว่าทำไมกินข้าวเยอะจัง   ไม่นานนัก Laloue ก็คลอดลูกออกมา 4 ตัว ลูกแมวทั้งหมดมีสีน้ำตาลไม่เหมือนมันเลย คงจะได้พ่อมามากกว่า แล้วพวกมันทุกตัวก็แข็งแรงดี     นอกจากเจ้าแมวจะเป็นมิตรกับมนุษย์ดีแล้ว มันก็เป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบอีกต่างหาก มันดูแลลูกอย่างเต็มที่ แล้วก็ไม่เคยปฏิเสธความช่วยเหลือจาก Nadia เมื่อเธอพยายามช่วยดูแลลูกของมัน ความเป็นมิตรของ Laloue ทำให้เราไม่อยากเชื่อเลยว่ามันเป็นแมวจรจัดที่อยู่ข้างนอกมานาน มันช่วยเหลือง่ายและอยู่ด้วยง่ายกว่าแมวบ้านบางตัวซะอีก     ตอนนี้ Nadia จะช่วย Laloue เลี้ยงลูกไปเรื่อยๆ…

คุณนึกออกไหมว่าถ้าต้องยืนหลับมาตลอด ชีวิตของเราจะต้องลำบากมากขนาดไหน?…นั่นคือสิ่งที่หมาน้อยตัวหนึ่งเคยเผชิญมาก่อน ทว่าตอนนี้มันได้เรียนรู้ถึงความอบอุ่นแล้ว เจ้าหมา Jordan Knight เคยอยู่กับคนเพาะพันธุ์สุนัขมาก่อน ถึงเขาจะมีใบอนุญาตอย่างถูกกฎหมาย แต่ก็ถูกตรวจพบว่าสภาพความเป็นอยู่ของหมาที่เขาดูแลนั้นย่ำแย่เกินจะบรรยาย พวกมันหลายร้อยตัวจึงถูกช่วยออกมา     คืนแรกที่ Jordan มาอยู่ในบ้านอุปถัมภ์กับ Melissa Lentz เธอพยายามเอาใจใส่มันมาก เนื่องจากได้รู้มาว่ามันไม่เคยถูกดูแลมาก่อน แล้วพอตอนที่เธอส่งมันเข้านอน เธอก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นว่ามันนอนหลับทั้งที่ยืนอยู่ โดยใช้แค่หัวพิงเบาะนอนไว้เท่านั้น     เจ้าหมายืนหลับอย่างน่าสงสารมาก   กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Releash Atlanta ซึ่งช่วยมันออกมาอธิบายว่า “มันเคยชินกับการยืนหลับ เนื่องจากกรงของมันแออัดมากจนไม่สามารถล้มตัวนอนได้…แล้วมันก็ทำแบบนั้นตอนไปถึงบ้านอุปถัมภ์คืนแรกด้วย” เมื่อได้เห็นถึงความลำบากของมันแล้ว เธอก็อยากทำให้มันได้เรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตที่สุขสบายบ้าง โดยเริ่มจากการให้มันเรียนรู้ถึงความรักในบ้านก่อน   เจ้าหมาเรียนรู้ว่ามีเพื่อนหมามากมายที่เป็นมิตรกับมัน   มีที่กว้างๆ มากมายให้มันนอนพักได้ตามใจชอบ   Lentz พยายามทำให้เจ้าหมาผ่อนคลายให้มากที่สุด โดยการปล่อยมันพักผ่อนตามสบาย และก็พามันไปอาบน้ำให้ตัวสะอาด นอกจากนี้เพื่อนหมาตัวอื่นในบ้านก็ช่วยให้มันคุ้นเคยกับความสบายด้วยอีกแรงหนึ่ง เหมือนเป็นรุ่นพี่ที่คอยสอนรุ่นน้องให้ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง   ได้รู้ว่าการอาบน้ำก็ทำให้รู้สึกดีได้เหมือนกัน   เพื่อนๆ ทุกตัวดูแลเจ้าหมาดีมาก   มนุษย์ก็ช่วยมอบความรักให้มันเต็มที่เช่นกัน   ไม่นานนักเจ้าหมาก็ลืมชีวิตเก่าในโรงเพาะพันธุ์ และเริ่มปรับตัวกับการอยู่ในบ้านได้แล้ว มันดูไม่ตื่นกลัวเท่าตอนเข้ามาอยู่ครั้งแรก แล้วมันก็รู้แล้วด้วยว่ามนุษย์ที่อยู่ด้วยเป็นมิตรกับมัน ที่สำคัญก็คือตอนนี้มันเรียนรู้การล้มตัวลงบนที่นอนแล้ว มันค้นพบแล้วว่าความสบายที่แท้จริงเป็นอย่างไร…

เมื่อสัตว์เล็กต้องเผชิญหน้ากับนักล่าน่าเกรงขามอย่างนกอินทรี ส่วนใหญ่พวกมันก็หนีเอาชีวิตรอดกันเกือบทั้งนั้น ทว่ากระรอกตัวนี้ไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่นอน เมื่อไม่นานมานี้มีนกอินทรีหัวขาวตัวหนึ่งบินไปเกาะอยู่ที่ยอดของต้นไม้ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเจ้ากระรอกน้อยพอดี มันคงจะมารอหาเหยื่ออยู่ตรงนั้นเฉยๆ     แต่เจ้ากระรอกคงจะคิดว่ามันมาบุกรุกอาณาเขตของตัวเอง ถ้าเป็นแบบนั้นมันไม่ยอมแน่ๆ มันจึงออกมาเผชิญหน้ากับนกอินทรีหัวขาว แม้ว่าตามหลักแล้วมันไม่น่าจะสู้นกอินทรีได้ก็ตาม มันพยายามปีนขึ้นมาเกาะอยู่บนกิ่งไม้เดียวกันกับนกอินทรี แล้วพยายามเข้าไปใกล้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหมือนพยายามจะยั่วโมโหนักล่าอยู่   ก็มาดิค้าบบบ   จะหาเรื่องใช่ไหม!?   มีบางครั้งเหมือนกันที่เจ้ากระรอกพยายามจะเข้าไปใกล้แล้ว แต่นกอินทรีก็กระพือปีกไล่จนเจ้ากระรอกต้องถอยหลังหนีไปเช่นกัน แต่มันก็ไม่ยอมแพ้ มันยังคงปีนกลับที่ที่ยอดต้นไม้เหมือนเดิม แล้วเผชิญหน้ากับนกอินทรีหัวขาวต่อ เพื่อหวังจะปกป้องอาณาเขตให้สำเร็จ ถ้ามันพูดได้เราคงได้ยินมันบอกว่า ‘ก็มาดิค้าบ’ เหมือนวลีที่ติดหูเราช่วงนี้     Roger Stevens Jr. ซึ่งถ่ายภาพพวกมันได้ในเมืองลินคอล์น รัฐเมน ประเทศอเมริกา บอกว่าเขาขับรถผ่านไปเห็นพวกมันพอดี แล้วเขาก็ชอบถ่ายภาพนกอยู่แล้วจึงหยุดรถแล้วหยิบกล้องที่นำติดตัวไว้เสมอมาเก็บภาพพวกมันไว้ เขาเล่าว่า “เจ้ากระรอกดูเหมือนจะรู้ว่าควรเข้าใกล้มากเท่าไหร่เพื่อให้นกอินทรีหัวร้อน มันยั่วยวนอีกฝ่ายอย่างใจกล้า จนสุดท้ายหลังจากมันขึ้นไปลองเชิงกับนกอินทรีอยู่มันก็เข้าถึงตัวนกอินทรีได้” ท้ายที่สุด Stevens ที่ยืนดูอยู่นานก็เห็นว่านกอินทรีกลับเป็นฝ่ายที่โดนเจ้ากระรอกไล่จนบินหนีไป เป็นภาพที่ทำให้เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตา     ไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกว่ากระรอกตัวนี้กล้าหาญหรือบ้าบิ่นดี แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่ามันเก่งจริงๆ ที่ไล่นักล่าตัวโตไปได้สำเร็จ   ที่มา: Daily Mail

อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ในศูนย์พักพิงสัตว์ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนรักสัตว์จากใจจริงทั้งนั้น บางครั้งพวกเขาจึงไม่ได้ดูแลพวกมันแค่ตามหน้าที่ แต่ยังดูแลพวกมันนอกเหนือจากนั้นด้วย Nina Allen เองก็ชอบดูแลและเอาใจสัตว์ที่เธอเจอเหมือนกัน และเมื่อไม่นานมานี้เธอก็ทำให้ชาวเน็ตได้เห็นความรักสัตว์ของเธอผ่านทางคลิปวิดีโอสุดน่ารักอันหนึ่ง     Allen เป็นสัตวแพทย์ของศูนย์พักพิงสัตว์ Longview Animal Care and Adoption Center ในเมืองลองวิว รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่าเธอจะมีตำแหน่งเป็นสัตวแพทย์ เธอก็ไม่ได้รักษาแค่ร่างกายของพวกมันเท่านั้น บางครั้งเธอก็ลงมาดูแลสัตว์และสร้างรอยยิ้มให้กับพวกมันในออฟฟิศด้วย     แล้วตอนที่เธอกำลังจะเดินไปห้องผ่าตัดสัตว์นั่นเอง เธอก็ได้เจอเจ้าแกะน้อย Ursula ระหว่างทางเดินพอดี เธอจึงอยากทักทายมัน เธอเริ่มเต้นนำมันก่อนเพื่อให้มันเห็นว่าเธอดีใจที่ได้เจอมัน จากนั้น Ursula ก็กระโดดเต้นรำตามเธอไปด้วย เพื่อนร่วมงานที่อยู่ในห้องข้างเคียงต่างก็พากันออกมาดูภาพสุดน่ารักของ Allen กับเจ้าแกะ แถมยังถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้ด้วย     Chris Kemper ซึ่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์พักพิงและเป็นคนถ่ายคลิปวิดีโอไว้ นำคลิปของเธอไปแบ่งปันความสดใสให้กับคนรักสัตว์ในเพจ ดูเหมือนว่าชาวเน็ตจะชอบความสดใสของ Allen และ Ursula ไม่แพ้เพื่อนร่วมงานเลย เห็นได้จากยอดวิวที่ตอนนี้ทะลุ 6 ล้านวิวไปเรียบร้อยแล้ว     Kemper คิดว่าการที่…

เวลาที่เราต้องไปทำธุระหรือท่องเที่ยวต่างถิ่น เรามักจะต้องจำใจทิ้งสัตว์เลี้ยงแสนรักไว้ที่บ้าน เนื่องจากการพาพวกมันไปด้วยค่อนข้างลำบาก แถมโรงแรมหรือที่พักทั่วไปก็มีน้อยที่นักที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงไปอยู่ด้วย แต่สำหรับที่พักอิสระอย่างจาก Airbnb เป็นศูนย์รวมที่พักจากทางบ้านนั้นต่างออกไป แต่ละที่มีกฎเกณฑ์ไม่เหมือนกัน บางครั้งเราจึงนำสัตว์เลี้ยงไปพักด้วยได้     แถมที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นก็คือที่พักบางหลังมีสัตว์เลี้ยงของเจ้าของบ้านรอต้อนรับเราอยู่แล้ว ทำคนรักสัตว์ที่ได้ไปพักไม่ต้องเหงาเพราะจากเพื่อน 4 ขาที่บ้านมาเลย ลองไปฟังประสบการณ์จากปากผู้พักเหล่านี้กันดู แล้วคุณจะรู้ว่าว่าการไปพักต่างถิ่นแบบมีเพื่อน 4 ขาตัวใหม่มารอต้อนรับ มันสร้างความสุขให้คุณได้มากมาย   เจ้าของบ้านที่ปลุกเช้านี้น่ารักจังเลย   โอ้โห แต่งชุดพนักงานต้อนรับมารอเจอเลยเหรอน้อง   ระหว่างที่ไปพักเจ้าของบ้านรับเลี้ยงลูกหมาน้อยพอดี ฉันชอบพวกมันมากก็เลยพักต่ออีก 1 อาทิตย์!!   น้องมาอ้อนให้เล่นด้วยตลอด ถึงไม่ได้ออกไปเที่ยวก็ยังคุ้มที่ได้มาพัก   มาพักผ่อนได้เพื่อนแมวแถมฟรี แบบนี้ต้องมาพักอีกแน่นอน   งื้อ หมอนของบ้านพักหลังนี้มันกอดอุ่นจัง   ดูสิว่าผมเจอใครมานอนรอต้อนรับอยู่บนเตียงที่ห้อง?   ถึงจะพาแมวที่บ้านมาด้วยไม่ได้ เจอแบบนี้ก็หายเหงาไปเยอะเลย   จองบ้านพักแถมหมาบินได้จ้า   จองแค่ห้องพักได้แถมเพื่อนนอนแบบนี้ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม   มาพักกับบ้านที่ทำฟาร์มมันดีแบบนี้นี่เอง   เจอรอยยิ้มน่ารักแบบนี้ ไม่อยากกลับบ้านแล้วล่ะ พักต่อดีกว่า…

การจับหมาหรือแมวสุดรักมาแต่งองค์ทรงเครื่องให้ดูไฉไล ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนักสำหรับเหล่าเจ้าของ เนื่องจากบ่อยครั้งหมาแมวพวกนี้รู้สึกรำคาญเสื้อผ้าที่เราหามาให้ แล้วก็ทำทีจะถอดออกท่าเดียว แต่ไม่ใช่กับเจ้า Pluto แน่นอน มันชื่นชอบการใส่เสื้อผ้ามากๆ เพราะสำหรับมันแล้วเสื้อผ้าไม่ได้มีไว้ใส่เพื่อความสวยงามเท่าหรอก     ตอนที่ Lily (@heyitslilyyy) เพิ่งรับเลี้ยง Pluto มาจากศูนย์พักพิงสัตว์ใหม่ๆ เธอและครอบครัวสังเกตว่ามันมีอาการสั่นอยู่ตลอดเวลา พอถามสัตวแพทย์พวกเขาก็บอกว่ามันสั่นเนื่องจากรู้สึกหวาดกลัว ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับสุนัขบางตัวที่ผ่านสถานการณ์เลวร้ายมาก่อน     Lily จึงลองหาเสื้อผ้ามาให้มันใส่ เผื่อว่ามันจะช่วยให้เจ้าหมารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยมากขึ้น และมันก็ได้ผลดีมากๆ เลยทีเดียว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเจ้าหมาก็ชอบใส่เสื้อผ้ามาตลอด มันทำท่าดีใจทุกครั้งที่ได้เห็นเจ้าของเอาเสื้อผ้ามาให้ พวกเขาจึงเริ่มซื้อเสื้อผ้าให้มันมากขึ้นเรื่อยๆ     จนเมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่งเสื้อผ้าของ Pluto ก็เริ่มเยอะเกิน และเนื่องจากเสื้อผ้าของมันมีขนาดเล็ก บางครั้งจึงถูกวางไว้ไม่เป็นที่และหาลำบาก คุณพ่อของ Lily จึงช่วยแก้ปัญหาให้เธอและหลาน (เจ้าหมา) โดยการทำตู้เสื้อผ้าให้มันโดยเฉพาะซะเลย…เจ้าหมาดูดีใจมากๆ ที่ได้ตู้เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง     ทำตู้เสื้อผ้าให้หนูจริงๆ เหรอ ดีใจที่สุดเลย!!   Lily เล่าว่า “คุณพ่อทำตู้เสื้อผ้าให้หมาของฉันโดยใช้เวลาแค่ 2 วัน นั่นมันน่าทึ่งมากสำหรับฉัน…

ทางมหาวิทยาลัย University of Waterloo รู้ว่าบัณฑิตแต่ละคนต่างก็มีคนใกล้ตัวที่อยากให้ร่วมฉลองความสำเร็จด้วยกัน พวกเขาจึงอนุญาตให้บัณฑิตพาคนสนิท 1 คนมาถ่ายรูปรับปริญญาด้วยกันได้ Parker ได้ยินแบบนั้นเขาก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยว่าเขาจะพาใครไม่ เขาต้องเลือกคน…ไม่สิ… “แมว” ที่สนิทที่สุดของเขาอยู่แล้ว!!     แมวนาย Parker จะพามาถ่ายรูปด้วยชื่อว่า Zeus เขาเล่าว่า “Zeus เป็นแมวที่ทำตัวสลายๆ และมีความอดทนที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ มันชอบให้คนอยู่ด้วย แล้วก็ชอบถูกอุ้ม” เขารักมากถึงมากที่สุด เขาบอกว่าสายสัมพันธ์ของเขากับมันนั้นพิเศษไม่เหมือนใครเลยทีเดียว ดังนั้นมันจึงเป็นเพื่อนตัวสำคัญที่เขาอยากพาไปถ่ายรูปด้วย     อีกอย่างหนึ่งมันก็เป็นเพื่อนที่อยู่กับเขาตอนเขาอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นตอนดึก หรือตอนกลางวันก็ตาม จึงพอพูดได้ว่ามันมีส่วนช่วยในการเรียนของเขาด้วยเช่นกัน เขารู้ว่าเขาต้องเหนื่อยในการพามันไปถ่ายรูปด้วย เนื่องจากวันนั้นเขามีสอบกลางภาคพอดี เขาจำเป็นต้องสอบก่อนแล้วรีบบึ่งรถมารับมันเพื่อพาไปถ่ายรูป แต่เขาก็คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะยอมเหนื่อยสักหน่อย   เพื่อนสนิทตัวนี้รู้ใจกันดีจริงๆ   แม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะส่งอีเมลไปถามยืนยันกับช่างภาพแล้วว่าเอาแมวไปถ่ายด้วยได้ แต่พอถึงวันจริงการพาเจ้าแมวไปด้วยก็ทำให้เขาเป็นเป้าสายตามากเลยทีเดียว ทั้งทีมช่างภาพและอาจารย์ต่างก็จ้องมองเขาด้วยความแปลกใจ แต่ยิ่งมีคนมองมาก Zeus ก็ยิ่งชอบใจ Parker เล่าว่ามันชอบเป็นจุดสนใจ มันไม่มีปัญหากับที่ที่คนเยอะเลย แล้วระหว่างที่เขาถ่ายรูปเดี่ยวอยู่ มันก็เดินเล่นรอบๆ ตามใจชอบอย่างสบายใจด้วย     ถึงแม้บัณฑิตคนอื่นจะพาแฟนสุดหล่อสุดสวยมาถ่ายด้วยยังไงก็ตาม จังหวะนี้คงไม่มีใครน่าอิจฉาและโดดเด่นเท่ากับ Parker…

ในรัฐโอเรก้อน ประเทศสหรัฐอเมริกา มีประชากรม้าที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติเยอะมากๆๆๆ บ่อยครั้งสำนักงานจัดการพื้นที่ (Bureau of Land Management: BLM) จึงต้องจับพวกมันมาเพื่อควบคุมประชากร ม้าที่ถูกจับมาส่วนใหญ่จะถูกแยกกับครอบครัว และส่งไปอยู่ต่างที่กัน เจ้า Hawk เองก็เป็นหนึ่งในจำนวนม้าหลายร้อยตัวที่ถูกแยกด้วย     นอกจากนี้เนื่องจากขาของมันบาดเจ็บ มันจึงถูกแยกออกมาอยู่ในคอกพิเศษของม้าป่วยอีกต่างหาก ในสถานการณ์ที่แปลกใหม่และไร้คนใกล้ชิดแบบนี้ มันคงเหงาและสับสนมากทีเดียว แต่ความเหงาหงอยของมันก็หายไปในเวลาไม่นาน เนื่องจากมันได้เจอเจ้าม้า Chief ที่บาดเจ็บน้อยกว่ามาสนิทด้วย พวกมันคอยเป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอ     เจอเพื่อนสนิทตัวใหม่แล้ว สบายใจขึ้นเยอะ   อย่างไรก็ตามถึงมันจะหายเหงาแล้ว สถานการณ์อันเลวร้ายของมันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง พวกมันอาจถูกจับแยกกันได้ทุกเมื่อถ้าไม่มีคนมารับเลี้ยง อีกอย่างหนึ่งขาที่เจ็บของ Hawk ก็ไม่ดีขึ้นเลย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปทาง BLM อาจตัดสินใจการุณยฆาตมันแทนเนื่องจากเป็นภาระในการดูแล     โชคดีที่ Skydog Sanctuary ยื่นมือเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน พวกเขาเข้ามาทำเรื่องขอรับเลี้ยง Hawk ก่อนมันจะถูกการุณยฆาตไม่นาน นอกจากนี้พอพวกเขาเห็นว่ามันสนิทกับ Cheif มากจนไม่อยากแยกจากกัน พวกเขาก็รับเลี้ยงมันไปอยู่ด้วยกันเพิ่มอีกตัวหนึ่ง     หลังจากมาอยู่ในฟาร์มของ Skydog Sanctuary กับเพื่อนตัวใหม่…

หนุ่มน้อยเพิ่งเคยป่วยหนัก เขารู้สึกแย่จนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใครรวมทั้งพ่อและแม่ด้วย ยกเว้นก็แต่เจ้าหมาตัวโตที่เป็นเพื่อนสนิทและพี่เลี้ยงของเขา Bryan Junior และภรรยารับเจ้าหมาพิตบูลล์ Riddick มาเลี้ยงตั้งแต่ปี 2015 หลังจากที่มันถูกเจ้าของเก่าโยนทิ้งมาจากรถ จากนั้นมามันก็เป็นครอบครัวเดียวกันกับพวกเขา     มันเข้ากับสุนัขพิตบูลล์สีขาว Cambria ที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงก่อนได้อย่างดี มันมีความเป็นมิตรให้กับทุกคนที่มันได้เจอ ในปีต่อมาเมื่อพวกเขามีลูกชายตัวน้อย Dawson เจ้าหมาทั้ง 2 ตัวก็ต้อนรับเขาด้วยความรักเช่นกัน แถมยังโอ๋น้องมากเป็นพิเศษด้วย     ตั้งแต่เกิดมา Dawson ก็ได้รับการเฝ้าดูแลจาก Riddick กับ Cambria มาโดยตลอด มันจะอยู่กับเขาตลอดเวลาที่เด็กชายตื่น แล้วพวกมันก็ยังไปส่งเขาเข้านอน พร้อมทั้งนั่งฟังคุณพ่อเล่านิทานเป็นเพื่อนทุกคืนด้วย ทำให้เด็กชายรู้สึกรักเจ้าหมาทั้ง 2 ตัวมากเช่นกัน     เมื่อไม่นานมานี้ Dawson เพิ่งป่วยเป็นไข้หวัด มันเป็นการป่วยที่หนักที่สุดในชีวิตของเขา เขารู้สึกไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใครเลยแม้แต่พ่อแม่ที่เป็นห่วงอยู่ ทว่าเขาก็ยังเหลือพื้นที่ให้เพื่อนสนิทอย่าง Riddick ได้เข้ามาดูแล เขายอมให้เจ้าหมามาอยู่ใกล้ๆ และเป็นเพื่อนเขาระหว่างที่นอนหลับพักผ่อน       Junior ผู้เป็นพ่อบอกว่าเจ้าหมาคงจะสัมผัสได้ว่าเด็กชายป่วย มันก็เลยเข้าไปให้กำลังใจใกล้ๆ แถมมันยังเป็นหมอนให้เด็กชายนอนกอดด้วย มันทำตัวว่าง่ายและอยู่นิ่งๆ ตลอดระยะเวลาที่หนุ่มน้อยหลับ เขาเล่าต่อว่า “Riddick…

สัตว์แต่ละตัวมีความลับน่าตื่นตาตื่นใจมากมายที่เราไม่เคยรู้ บางตัวสามารถใช้ชีวิตบนต้นไม้ได้เป็นเดือนๆ บางตัวสามารถกลั้นหายใจได้นานจนน่าชื่นชม เวลาที่เราได้รู้เรื่องเหล่านี้ก็พลอยรู้สึกทึ่งตามพวกมันไปด้วย ทว่าอีกมุมหนึ่งพวกมันก็มีนิสัยบางอย่างที่ฟังดูน่าเศร้าและน่าสงสารเช่นกัน ไปลองฟังกันดูนะว่ามีเรื่องของสัตว์ตัวไหนบ้าง แล้วมันจะชวนให้เราเศร้าไปด้วยขนาดไหน   ถ้าไม่ได้อยู่กับฝูงที่ไว้ใจ ม้าลายจะนอนไม่หลับเลย   ลูกสลอธอาจรอดจากการตกต้นไม้ แต่บ่อยครั้งแม่ของพวกมันจะไม่ลงมารับ แล้วปล่อยลูกทิ้งไว้ เนื่องจากกลัวว่าถ้าลงไปจะถูกสัตว์อื่นโผล่มาทำร้ายตัวเอง   ตัว Dik Dik ต้องเสียน้ำตาบ่อย เพราะมันใช้น้ำตาในการแสดงความเป็นเจ้าของอาณาเขต   ในทะเลแปซิฟิก มีวาฬตัวหนึ่งที่มีความถี่เสียงสูงมาก จนเพื่อนวาฬตัวอื่นไม่สามารถได้ยินเสียงของมันเลย   หากหนูเห็นเพื่อนตัวอื่นเศร้า มันจะรู้สึกเศร้าตามเสมอ   วัวแต่ละตัวจะมีเพื่อนสนิทของตัวเอง และถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันพวกมันจะรู้สึกเศร้า   หากจ่าฝูงลิงบาบูนมีนิสัยก้าวร้าว ทั้งฝูงก็จะก้าวร้าวตามมันไปด้วย ทั้งที่จริงๆ พวกมันก็เป็นมิตรละรักสงบได้เหมือนกัน   แมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่ไม่มีหัวใจ…   ช้างไม่สามารถกระโดดได้ มันทำได้เพียงเดินดินขึ้นไปบนที่ที่สูงชันกว่าเท่านั้น   ลิงชิมแปนซีว่ายน้ำไม่ค่อยได้ เนื่องจากช่วงบนของพวกมันมีน้ำหนักมาก ยากต่อการทำให้หัวโผล่พ้นผิวน้ำ   เมื่อมีหมาป่าตัวหนึ่งออกจากฝูง ทุกตัวในฝูงจะหอนอย่างเศร้าสร้อยเสมอ   ถ้าเกิดเฟอร์เรทตัวเมียติดสัด แต่ไม่สามารถหาคู่ได้ พวกมันจะตาย   กระรอก Gray…

ที่ผ่านมาค่ายแอนิเมชั่นชื่อดังอย่าง Pixar สร้างสรรค์ตัวละครจากสัตว์มากมาย และพวกมันก็กลายมาเป็นขวัญใจที่สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน แต่ก็ไม่มีตัวละครสัตว์จากเรื่องไหนเลย ที่จะตีแผ่ถึงชีวิตแมวและหมาจรจัดได้อย่างสมจริงและสวยงามเหมือนกับ “KitBull”     KitBull เป็นแอนิเมชั่นสั้นเรื่องใหม่จากทาง Pixar ซึ่งกำกับการแสดงโดย Rosana Sullivan และอำนวยการสร้างโดย Kathryn Hendrickson โดยเน้นไปที่เรื่องราวความสัมพันธุ์ระหว่างแมวเหมียวจรจัดขี้กลัว และสุนัขพิตบูลล์ที่ถูกมนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ ซึ่งไม่ได้สวยหรูเหมือนอยู่ในทุ่งดอกลาร์เวนเดอร์     เนื้อเรื่องในหนังสั้นดำเนินไปโดยไม่มีบทพูดใดๆ แต่ทุกคนก็จะเข้าใจตัวละครได้เป็นอย่างดีจากอารมณ์และท่าทางของพวกมันทั้งคู่ แถมสภาพแวดล้อมในหนังสั้นก็ยังทำให้เราได้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับสัตว์จรจัดในชีวิตจริงของเราด้วย จึงทำให้กลุ่มคนรักสัตว์อินไปกับพวกมันได้ไม่ยาก     Sullivan ซึ่งเป็นผู้กำกับของหนังสั้นเรื่องนี้เล่าว่า จุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้เริ่มจากการที่เธออยากวาดแมวโง่ๆ ในแบบของตัวเองเท่านั้น แต่มันก็กลายมาเป็นตัวละครที่คล้ายคลึงกับตัวเธอเอง ในด้านของความเปราะบางและขี้อาย จากนั้นเธอจึงอยากบอกเล่าเรื่องราวเมื่อเจ้าแมวตัวนี้ก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเอง จนกลายมาเป็น KitBull อย่างที่เห็น     ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ Sullivan ได้หยิบเอาเรื่องราวของสุนัขพิตบูลล์ที่มักถูกใช้ในสังเวียนต่อสู้ และถูกคนเข้าใจว่ามันมีนิสัยดุร้ายมาด้วย แล้วก็นำเสนอมุมที่อ่อนโยนและเป็นมิตรของพวกมันบ้าง ทำให้คนทั่วไปมีโอกาสได้เห็นอีกมุมของพวกมันที่จากหนังสั้นเรื่องนี้     รับรองเลยว่าหากเพื่อนๆ ได้ชม KitBull แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนรักสัตว์หรือไม่ก็ตาม ต้องมีน้ำตาคลอกันเหมือน #เหมียวอาตี๋ แน่นอน ส่วนรายละเอียดของเรื่องจะเป็นยังไงขอไม่พูดถึงดีกว่า…

ในงานแข่งความสามารถสุนัขที่ทุกคนมาแข่งกันเพื่อเป็นผู้ชนะ เจ้าหมาตัวนี้กลับทำตัวสบายๆ และเดินทักทายคนดู ทำให้คนจดจำมันได้ขึ้นใจ แม้มันจะไม่ชนะการแข่งขันก็ตาม ที่งานแข่งขันสุนัขของบริษัท Crufts ซึ่งเป็นผู้จัดงานโชว์สุนัขขนาดใหญ่ มีสุนัขมากมายแสดงความเก่งกาจในการข้ามสิ่งกีดขวางอย่างรวดเร็ว แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่เจ้า Kratu แน่ๆ     ถึงมันจะมาแข่งขันความเร็วในการข้ามสิ่งกีดขวาง ทว่ามันกลับใช้เวลาในสนามนานกว่าทุกตัวที่มาแข่ง เนื่องจากมันไม่ยอมข้ามสิ่งกีดขวางแล้วทำตัวเหมือนอยู่ในสนามเด็กเล่นนั่นเอง Kratu สามารถข้ามรั้วได้อย่างสวยงามในตอนเริ่มต้นเท่านั้น แต่พอจะข้ามรั้วอันที่ 2 ตามที่คนฝึกชี้นำ มันกลับเดินลัดรั้วไปแบบไม่สนใจอะไรเลย ส่งผลให้คนดูพากันขำในความขี้เล่นของมัน     แล้วพอมันมุดเข้าไปในอุโมงค์ ซึ่งเป็นจังหวะที่ทุกคนคิดว่ามันกลับมาให้ความสนใจกับการแข่งแล้ว พวกเขากลับพบว่ามันมานอนพักอย่างเอ้อระเหยอยู่ตรงปลายอุโมงค์ซะอย่างนั้น จึงขำมันหนักกว่าเก่าอีก เท่านั้นยังไม่พอนะมันยังเดินไปใกล้กับรั้วที่ผู้ชมนั่งดูอยู่ แล้วส่งรอยยิ้มให้พวกเขาเหมือนคนดังกำลังเดินทักทายแฟนๆ อยู่ด้วย ทำให้คนดูชอบใจในความน่ารักของมัน     ไม่สนใจการแข่งเลย มาเดินทักทายคนอย่างเดียว   แต่ Kratu ก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก มันดูมีความสุขมากที่ได้แข่งแบบตามใจชอบ   ดูการแข่งเต็มๆ ของ Kratu ได้ทางนี้ ออกนอกเส้นทางไปไกลเลยทีเดียว    Tessa Eagle Swan ซึ่งเป็นครูฝึกของมันเล่าว่าเดิมทีมันเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกช่วยมา แล้วเอามาฝึกอีกทีหนึ่ง มันมีนิสัยค่อนข้างหัวแข็งทีเดียว…

การปีนเขาที่สูงชันอย่างเทือกเขาหิมาลัยไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ยิ่งถ้าคนที่เคยไปมาแล้วจะเข้าใจได้เป็นอย่างดี ว่ามีน้อยคนนักที่จะไปถึงจุดหมายซึ่งก็คือยอดเขา ถึงจะอย่างนั้นก็มีหมาจรจัดตัวหนึ่งขึ้นไปถึงยอดเขามาแล้ว และมันก็น่าจะเป็นสุนัขตัวแรกที่พิชิตยอดเขาในความสูงระดับนี้ซะด้วย     เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2018 นาย Don Wargowsky และเพื่อนได้ไปไต่เขา Baruntse ซึ่งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์ในการไต่เขาและมีคนนำทางไปด้วย ก็ยังเป็นการเดินทางที่ลำบาก เขาจึงแปลกใจมากเมื่อเจอหมาจรจัดตัวหนึ่งที่ความสูงประมาณ 17,500 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล มันเป็นสุนัขที่เขาเจอในหมู่บ้านก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ไกลพอสมควร     ก่อนหน้านี้ที่เจอกันมันไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะอยากตีสนิทกับเขาซะเองแล้ว แถมยังอยากร่วมเดินทางไปด้วยกัน พวกเขาเห็นว่ามันตามทีมไต่เขาได้อย่างไม่มีปัญหา จึงยอมให้มันติดไปด้วย Wargowsky ตั้งชื่อให้มันว่า Mera แล้วก็ได้มันมาเป็นเพื่อนสนิทตัวใหม่ในการพิชิตยอดเขา     เจ้าหมาสนิทกับเขามากๆ มันมักจะเดินอยู่ใกล้ๆ กับเขาเสมอ แล้วตอนกลางคืนมันก็ยังนอนในเต้นท์เดียวกันกับเขาอีกด้วย มันทำตัวสบายๆ เหมือนกับไม่เกรงกลัวสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ หรืออันตรายที่ต้องเจอจากการปีนเขาเลยแม้แต่นิดเดียว     เพื่อนร่วมเต้นท์ตัวใหม่   ยิ่งพวกเขาไต่เขาขึ้นไปสูงมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งแปลกใจกับความใจสู้ของมัน Wargowsky เล่าว่ามันไต่เขาได้โดยแทบไม่ต้องให้มนุษย์ช่วยเหลือเลย เวลาเดียวที่พวกเขาต้องช่วยมัน มีแค่การพามันขึ้นซิปไลน์ผ่านส่วนที่ไม่สามารถเดินไปได้เท่านั้นเอง มันจึงถือว่าเก่งมากในฐานะนักปีนเขา     คนต้องเดินกันอย่างระมัดระวัง เจ้าหมาเดินไปเองอย่างชิลๆ  …

คนที่เป็นทาสแมวคงรู้ดีว่าแมวมีคุณสมบัติที่พิเศษกว่าสัตว์อื่นอยู่ เนื่องจากมันเป็นของเหลวที่สามารถเอาตัวเองเข้าไปอยู่ได้ในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นแก้วใบเล็กๆ หรือกล่องใบจิ๋วก็ตาม     แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้แมวจะไม่ได้เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่เป็นของเหลวซะแล้ว เจ้าพวกกระต่ายเองก็เริ่มทำตัวเองเป็นของเหลวเหมือนกัน!? ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @myuu_Gt ยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเจ้ากระต่ายที่เธอเพิ่งเอามาเลี้ยง ทำตัวเป็นของเหลวต่อหน้าต่อตาเธอเลย     ขณะที่เธอกำลังมองดูความน่ารักของมันอยู่จากนอกกรงนั่นเอง เจ้ากระต่ายก็ยื่นจมูกออกมาจากช่องระหว่างซี่กรง เหมือนมันพยายามจะออกมาข้างนอกให้ได้ แต่มันก็คงไม่มีทางออกมาได้หรอก เพราะรูนั้นมีขนาดเล็กมาก ในขณะที่เรากำลังคิดแบบนั้นนั่นเอง เจ้ากระต่ายน้อยก็เอาตัวเองหนีออกมาจากกรงได้อย่างเหลือเชื่อ โดยการบีบตัวเองให้เล็กลงจนลอดผ่านรูออกมาสำเร็จ ราวกับมันเปลี่ยนตัวเองเป็นของเหลวเลยทีเดียว   เฮ้ย!! เอาจริงดิ!? https://twitter.com/myuu_Gt/status/1102163596211965952   หลายคนอาจจะคิดว่านี่เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ของเจ้ากระต่ายที่ @myuu_Gt เลี้ยงเอาไว้ก็เป็นได้ กระต่ายตัวอื่นคงไม่เป็นของเหลวแบบนี้หรอก ทว่าชาวเน็ตคนอื่นที่เข้ามาดูคลิปของเธอ ก็ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่ากระต่ายมันก็ทำตัวเป็นของเหลวได้เหมือนกันนะ เหมือนกับกระต่ายของพวกเขาที่ลอดหนีออกมาจากกรงได้เหมือนกัน   ฉันเข้าใจเธอดี เพราะกระต่ายของฉันก็เป็นแบบนี้ 全く一緒でした pic.twitter.com/SgFJ1HY15x — りさちゃん (@riichuuun13) March 4, 2019 ตัวนี้ก็ทำได้ กระต่ายมันเป็นของเหลวชัดๆ 全く一緒でした pic.twitter.com/SgFJ1HY15x — りさちゃん (@riichuuun13) March 4, 2019  …

หากความรักสุนัขวัดจากความต้องการปกป้องพวกมัน โดยไม่สนใจว่าเรากับเจ้าหมาจะผูกพันธ์กันมาก่อนหรือไม่ Timofey Yuriev ก็คงนับได้ว่าเป็นคนรักสุนัขอย่างแท้จริง   Timofey Yuriev และเจ้า Kira   เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Melissa Kho ซึ่งเป็นภรรยาของ Yuriev ได้โพสต์วิดีโอที่เขาช่วยชีวิตสุนัข 2 ตัวขึ้นมาจากน้ำที่เย็นเฉียบ โดยมีเจ้าตูบ Kira ที่เลี้ยงเอาไว้เป็นผู้ช่วย คงมีไม่กี่คนหรอกที่ยอมเอาตัวเองเสี่ยงภัยหนาว ว่ายน้ำลงไปช่วยสุนัขที่ไม่รู้จัก ในแม่น้ำที่หนาวเหน็บขนผิวน้ำกลายเป็นน้ำแข็งแบบนั้น     Kho เล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้นว่า “พวกเรากำลังเดินเล่นอยู่ริมทะเลสาบ เจ้าหมา 2 ตัวที่เป็นของคนอื่นพยายามวิ่งตัดทะเลสาบมาจากอีกด้านหนึ่ง แต่ก็ร่วงไปในน้ำเพราะน้ำแข็งบางจนรับน้ำหนักพวกมันไม่ไหว ตอนแรกพวกเราก็คิดว่าพวกมันจะว่ายน้ำออกมาได้เอง แต่สักพักมันก็ชัดเจนว่าพวกมันออกมาเองไม่ได้ พวกมันจึงหยุดว่ายน้ำแล้วอยู่นิ่งๆ พวกเราเห็นแบบนั้นก็เลยเข้าไปดูใกล้ๆ แล้ว Tim ก็กระโดดเข้าไปช่วยพวกมัน”     ส่วน Yuriev เล่าว่า “พวกมันพยายามว่ายน้ำออกมาเองสักพักจนในที่หยุดก็หยุดนิ่งไป ผมรู้ว่าพวกมันตกที่นั่งลำบากและก็อยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย ผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอดเสื้อผ้าแล้วว่ายน้ำลงไปช่วยพวกมัน ผมมองดูก็คิดว่าน้ำแข็งคงรับน้ำหนักตัวผมไม่ไหว ผมจึงเลือกที่จะว่ายน้ำไปทำลายน้ำแข็ง เพื่อเปิดทางให้พวกหมาว่ายเข้ามาในฝั่งแทน”     เจ้า Kira ที่พวกเขาเลี้ยงเอาไว้ก็พุ่งลงน้ำตามเจ้าของไปเช่นกัน ในขณะที่ Yuriev ทำลายน้ำแข็งให้เป็นทาง เจ้า…

เจ้าหมาพลัดหลงมาไกลจากบ้านมาก มันดีใจมากเมื่อมีคนช่วยพามันกลับไปที่บ้านอีกครั้ง แต่ก็น่าเศร้าที่เจ้านายเก่าของมันไม่ต้อนรับมันแล้ว Blue ถูกคนพบตัวในเขต Midland County รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นจึงถูกส่งตัวไปให้กับศูนย์พักพิงสัตว์ในพื้นที่ ก่อนที่จะถูกตรวจพบจากไมโครชิปว่าบ้านของมันอยู่ในรัฐฟลอริด้าซึ่งอยู่ไกลออกไปมาก     พวกเขาติดต่อหาเจ้าของของมันเพื่อแจ้งว่าจะเจอหมาของเธอแล้ว ตอนนั้นเธอเองก็บอกพวกเขาว่ายินดีจะรับตัวมันคืน พวกเขาจึงเริ่มหาทางส่งตัว Blue กลับบ้าน ต่อมาพวกเขาได้เจอ Stephanie ซึ่งอาสาพามันไปส่งฟรีๆ เธอยอมใช้วันหยุดที่เธอมีลาหยุดเพื่อขับรถไปส่งมันที่ต่างรัฐ โดยต้องใช้เวลาเดินทางถึง 20 ชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าจะไปถึงบ้านของมันซึ่งอยู่ไกล 1,400 ไมล์ (ประมาณ 2,250 กม.)     ตอนที่ไปถึงเจ้า Blue ดูดีใจมากที่จะได้กลับบ้านอีกครั้งหนึ่ง แต่ทุกอย่างก็พังทลายลงเมื่อจู่ๆ เจ้าของก็บอกกับหญิงที่มาส่งมันว่าเธอไม่ต้องการ Blue แล้ว เธอให้เหตุผลว่าเธอไม่มีเวลาดูแลหรือฝึกมันให้ดี เธอไม่ต้องการเจ้า Blue หรือหมาอีก 3 ตัวที่ถูกขโมยไปเหมือนกับ Blue แล้วด้วย พอชาวเน็ตได้รู้เรื่องนี้จากคำบอกเล่าของ Stephanie พวกเขาก็คิดว่าเรื่องราวของหญิงคนนี้ฟังดูน่าสงสัยชอบกล ใครกันจะถูกขโมยหมาไปตั้ง 4 ตัวแถมยังไม่อยากได้ตัวมันคืนอีกต่างหาก     อย่างไรก็ตามทางศูนย์พักพิงสัตว์ก็ขอให้ทุกคนละทิ้งเรื่องนั้นไปซะ เนื่องจากอยากรู้ไปก็ไม่มีอะไรช่วยแก้ปัญหาให้เจ้า Blue…

ที่ผ่านมาเจ้าหมาเจ้าแมวต่างก็เป็นตัวป่วนตอนเราทำการบ้าน บางครั้งพวกมันก็ก่อกวนเราเวลาที่ทำการบ้านอยู่ หรือถ้าหนักกว่าหน่อยก็แอบทำลายการบ้านที่เราทำเสร็จแล้วจนสภาพนำไปส่งครูไม่ได้ ทว่าวันนี้เจ้าหมาได้มีส่วนช่วยเหลือในการทำการบ้านแล้ว อย่าเข้าใจผิดว่ามันมาช่วยเราเขียนคำตอบลงในสมุดล่ะ แต่มันมาช่วยเฝ้าไม่ให้เด็กหญิงว่อกแว่กจนทำการบ้านไม่เสร็จต่างหาก ในคลิปวิดีโอที่กำลังดังติดกระแสในประเทศจีนขณะนี้ เราจะเห็นเจ้าหมาสีขาวตัวหนึ่งยืนเฝ้าเด็กหญิงที่กำลังทำการบ้านอยู่ ราวกับมันเป็นคุณครูที่คอยเฝ้าจับตามองนักเรียนเลยทีเดียว   ทำการบ้านไป ห้ามอู้นะเข้าใจไหม   คุณ Xu ซึ่งเป็นพ่อของเธอและเป็นคนแชร์คลิปวิดีโอดังกล่าวเล่าว่า เขาเริ่มฝึกให้เจ้าหมาเฝ้าลูกสาวทำการบ้าน เนื่องจากเธอมักจะผัดวันประกันพรุ่ง และชอบเล่นมือถือจนทำการบ้านไม่เสร็จ พอมีเจ้าหมาช่วยเฝ้าแล้ว เวลาที่เธอว่อกแว่กหรือว่าเล่นมือถือพวกมันก็จะช่วยเห่าเตือนให้คุณพ่อรู้ว่าลูกสาวกำลังอู้ และก็เป็นการกระตุ้นให้เธอทำการบ้านต่อด้วย   น้องท่าจะซนมากเลย ต้องมาช่วยกันเฝ้าตั้ง 2 ตัว   แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเจ้าหมาเอาแต่ดุใส่เด็กหญิงล่ะ นอกเหนือจากเวลาทำการบ้านแล้วมันก็เป็นเพื่อนสนิทและเพื่อนเล่นตัวสำคัญของเธอ แถมมันยังแสนรู้และไม่ดื้อซนอีกต่างหาก เจ้าหมาเข้ามาอยู่กับครอบครัวของเธอตั้งแต่ปลายปี 2016 ตอนนั้นพวกมันยังเป็นลูกหมาตัวน้อยอยู่เลย เมื่อมันโตขึ้นคุณพ่อก็เลยลองฝึกให้มันทำตามคำสั่งหลายๆ อย่างดู ซึ่งพวกมันก็ทำได้อย่างชาญฉลาด จนเมื่อไม่นานมานี้เขาก็เลยใช้ความแสนรู้ของพวกมันนี่แหละ มาฝึกให้ช่วยเป็นหูเป็นตาเฝ้าลูกสาวทำการบ้านอีกแรงหนึ่ง ซึ่งก็เป็นผลดีต่อตัวลูกสาวเอง แถมยังทำให้เจ้าหมาได้ทำตัวเป็นประโยชน์ด้วย      ถ้าเพื่อนๆ ที่อ่านเรื่องของเจ้าหมาอยู่มีงานหรือการบ้านค้าง ก็อย่าลืมหาเวลาไปเคลียร์ให้เรียบร้อยด้วยล่ะ อย่าให้ถึงขั้นต้องลำบากน้องหมาไปเฝ้าเวลาทำงานเลย ที่มา: Unilad, World news for all

ใครที่ได้เห็นลิงตัวน้อยเกาะหลังของเจ้าหมาไปทุกที่ในหมู่บ้าน Kanskheda ประเทศอินเดีย คงจะแปลกใจกับภาพแสนน่ารักนี้ไม่น้อยเลย และก็คงจะหลงรักพวกมันยิ่งขึ้นหากได้รู้เรื่องราวเบื้องหลังของพวกมัน ลูกลิงกำพร้าตัวนี้เคยถูกฝูงหมาข้างถนนจ้องจะทำร้ายอยู่ พอเจ้าตูบ Ruby ผ่านไปเห็นมันจึงรีบวิ่งเข้าไปเห่าไล่ฝูงหมาและช่วยลูกลิงเอาไว้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาลูกลิงกำพร้าก็เกาะอยู่บนหลังสุนัขที่ช่วยปกป้องมัน ส่วน Ruby เองก็เอ็นดูลิงกำพร้าราวกับว่ามันเป็นลูกของตัวเอง     Suresh Prabhy ผู้เป็นเจ้าของของ Ruby เล่าว่าเจ้าหมาไม่มีลูกของตัวเอง แต่หลังจากมันได้พบลูกลิงกำพร้า มันก็ดูแลลิงตัวนี้เหมือนเป็นลูกแท้ๆ ไม่มีผิด ตั้งแต่เจ้าหมาช่วยลูกลิงมาก็ผ่านมาเดือนครึ่งแล้ว ลิงน้อยยังคงเกาะอยู่บนหลังของแม่หมาเหมือนเดิม จนกลายเป็นภาพที่ชินตาสำหรับคนท้องถิ่นแถวนั้น     บางครั้งเวลาคนแถวนั้นเจอพวกมัน พวกเขาก็จะเอาอาหารให้เจ้าหมากับลูกลิงบ้าง แต่ก็ยังคงต้องป้อนลูกลิงมันบนหลังเจ้าหมานั่นแหละ เพราะมันไม่ยอมปีนลงมาเลย เวลาเดียวที่มันยอมปีนลงมาจากหลังของ Ruby ก็คงจะเป็นตอนที่มันลงมาดูดนมของเจ้าหมานี่แหละ แล้วถ้าเมื่อไหร่ที่มันไม่อยู่บนหลัง เจ้าหมาก็จะคอยจับตาดูลูงลิงเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ใครมาทำร้ายมันอีก     แม้ว่าพวกมันจะเป็นสัตว์คนละสายพันธุ์ แถมเพิ่งเจอกันไม่นาน ความรักของ Ruby ที่มีให้กำลิงน้อยนั้นก็บริสุทธิ์และจริงใจ มันเพียงแค่อยากปกป้องลิงน้อยและมอบความอบอุ่นให้มันเท่านั้นเอง      ที่มา: Lad Bible, Daily Mail, Story Pick, Animal Antics

ชีวิตเราพบกับเรื่องไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อจริงๆ ใครจะไปคิดล่ะว่าการออกไปหาผักในป่า จะจบลงด้วยการช่วยเหลือชีวิตของครอบครัวสุนัขนับ 10 ชีวิต     ในวันที่ 12 มีนาคม 2019 คุณ แอน (Ann Mayuree) ได้ออกไปหาผักหวานป่าบนดอยกับน้าสาว แต่ก่อนเธอจะได้สิ่งตั้งใจมาหา พวกเธอก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือซะก่อน มันเป็นเสียงของแม่สุนัขตัวหนึ่งที่ตรงป่าอีกฝั่งหนึ่ง พอเธอกับน้าสาวตามไปจนถึงต้นเสียงก็พบแม่หมาตัวหนึ่งวนเวียนอยู่ข้างกระสอบสีขาวใบโต…โดยที่ข้างในนั้นมีลูกหมาถูกมัดทิ้งไว้รวม 13 ตัวด้วยกัน!!     เธอรีบปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระจากกระสอบใบนั้น ทำให้พวกมันรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด แต่จะทิ้งไว้ที่นี่ก็คงไม่ปลอดภัยสำหรับพวกมัน เธอจึงพาพวกมันกลับมาดูแลด้วย เนื่องจากเป็นการช่วยเหลือแบบกระทันหัน แถมยังมีสุนัขให้เลี้ยงดูตั้ง 14 ชีวิต (แม่หมาและลูกอีก 13 ตัว) คุณแอนจึงได้โพสต์ขอความช่วยเหลือเรื่องค่าอาหารทางเฟซบุ๊กของตนเอง โพสต์ของเธอได้รับความสนใจจากคนรักสัตว์มากมาย และก็มีคนหลายคนส่งเงินไปช่วยเหลือค่าอาหารให้เธอจนครบจำนวนในเวลาไม่นาน ครอบครัวหมาจึงมีข้าวให้กินจนอิ่มท้อง   เม็ดเงินจากคนใจดีทั้งหลาย เป็นข้าวให้กับน้องหมาแล้ว   พวกมันจะไม่ต้องทนหิวอีกต่อไป   และถึงแม้คุณแอนจะไม่สะดวกดูแลพวกมันทั้งหมด ล่าสุดคุณแอนก็ได้รับการติดต่อจากผู้มีน้ำใจ ซึ่งเต็มใจจะให้ที่เจ้าหมาทั้ง 14 ตัวอยู่อาศัยในบ้านของตัวเองเป็นการชั่วคราวเรียบร้อยแล้ว จึงอุ่นใจได้ว่าพวกมันจะมีที่ซุกหัวนอน   มีคนใจดี ยอมแบ่งพื้นที่ให้เจ้าหมาอาศัยชั่วคราวแล้ว   พอรอดมาอยู่ในที่ปลอดภัยก็ซนกันใหญ่เชียว…

สุนัขพิตบูลล์มักจะถูกเข้าใจว่าเป็นสุนัขที่ดุร้ายเสมอ ซึ่งจริงๆ แล้วพวกมันไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกตัว นิสัยของพวกมันนั้นขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมต่างหาก ดูอย่างพิตบูลล์ตัวนี้สิ มันทั้งอ่อนย่อนและกตัญญูรู้คุณ มันเดินตามหลวงพ่อที่ให้อาหารและที่อาศัยมัน เพื่อไปช่วยท่านบิณฑบาตเป็นประจำ     ที่วัดสิรินธรเทพรัตนาราม จังหวัดนครปฐมนั้นมีหมาจรจัดอยู่มากมาย ซึ่งทางวัดได้ใส่ใจและเลี้ยงดูเป็นอย่างดี รวมทั้งช่วยฝึกให้พวกมันเป็นมิตรด้วย พี่หมาพิตบูลล์ชื่อว่า กุหลาบ ก็เป็นสุนัขอีกตัวหนึ่งที่วัดสิรินธรเทพรัตนารามเลี้ยงเอาไว้ แม้จะเป็นสุนัขตัวบึกบึนแต่จิตใจของมันอ่อนโยนผิดกับรูปลักษณ์มาก     แถมเจ้าหมาก็ไม่ได้มาอาศัยอยู่วัดฟรีๆ ด้วย มันทำตัวเป็นเด็กดี ขยันออกไปช่วยพระในวัดบิณฑบาตเสมอ มันจึงเป็นที่รักของทุกคน โดยเวลาที่มันออกไปบิณฑบาตกับหลวงพี่ มันจะคาบตะกร้าใบเล็กๆ ใส่ปากไปด้วยเสมอ เพื่อเอาไว้ให้หลวงพี่ใส่ของ ซึ่งก็ถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระให้พระได้บ้าง     แต่ถึงจะเห็นว่ามันเป็นเด็กดีทำตัวเป็นประโยชน์แบบนี้ บางครั้งเวลาออกไปบิณฑบาตเจ้าหมาก็จะดื้อซนหรืองอแงบ้าง ตามประสาหมาขี้เล่นตัวโตที่ชอบเรียกร้องความสนใจ หลายครั้งคนที่ไปใส่บาตรหรืออยู่ใกล้ๆ แถวนั้นจึงได้เห็นภาพสุดน่ารัก ของพี่หมาตัวโตที่ลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้นราวกับเด็กตัวเล็กๆ เลยทีเดียว   เป็นเด็กดีแต่ก็งอแงเก่ง   ตกลงน้องมาช่วยเขาบิณฑบาตหรือมาป่วนเนี่ยลูก    แม้แต่เวลาไปหาหมอกุหลาบก็คาบตะกร้าไปด้วย   ตอนอยู่ในวัดก็คอยส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้เด็กวัดทำงาน   เห็นไหมว่าถ้าเกิดสุนัขได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี และได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหนก็เป็นมิตรได้เหมือนกัน อย่าตัดสินพวกมันที่สายพันธุ์เลยนะ เพื่อนๆ สามารถไปติดตามความน่ารักสไตล์หมาวัดของเจ้ากุหลาบและผองเพื่อนได้ในเพจเฟซบุ๊ก หมาวัด_สาธุ บอกเลยว่าหมาวัดที่นี่ทั้งป่วนทั้งฮา ไม่ธรรมดาจริงๆ…

ถึงนกจะเป็นสัตว์รักอิสระที่ชอบโบนบินไปบนท้องฟ้า แต่มันก็ชอบกลับมาทักทายมนุษย์ที่บ้านหลังเดิมเช่นกัน โดยเฉพาะถ้ามีคนที่มันรักอยู่ในบ้านหลังนั้น เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวจากคุณ ออมมี่ ยิ้ม หวาน โดยเป็นเรื่องราวของคุณตา Daniel Red ของเธอซึ่งอาศัยอยู่กับคุณยายในประเทศเยอรมนี     คุณยายของเธอไปเจอนกพิราบตัวหนึ่งปีกหักจนไม่สามารถบินได้ เธอจึงเก็บมันมารักษาและดูแลที่บ้านโดยตั้งชื่อให้ว่า Kevin คุณตาเองก็ช่วยดูแลมันด้วย ก่อนหน้านี้คุณตา Daniel ไม่เคยเลี้ยงสัตว์เลย แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยงนกพิราบตัวนี้ไว้ด้วย แต่ระหว่างที่รักษามันทั้งคู่ก็เกิดความผูกพันธ์กัน     ระหว่างที่รักษาเจ้า Kevin อยู่ในบ้าน แม้ว่ามันจะยังบินไม่ได้ แต่มันก็สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ตามปกติ คุณตาและคุณยายจึงปล่อยให้มันเดินไปในบ้านอย่างอิสระ ทว่าดูเหมือน Kevin จะติดคุณตา Daniel มักจึงมักจะเลือกเดินตามคุณตาไปทุกที่ ไม่ว่าคุณตาจะทำงาน หรือพักผ่อนมันก็จะตามไปอยู่ใกล้ๆ เสมอ   ชอบเกาะอยู่ตรงไหล่คุณตาตอนที่เขาทำงาน   คุณตานอนพัก Kevin ก็จะขอนอนด้วย   ไม่ทันไรคุณตา Daniel กับ Kevin ก็สนิทกันไปซะแล้ว   ถึงแม้คุณตาจะชอบที่มีเจ้านกพิราบอยู่ด้วย แต่เขาก็อยากจะช่วยเหลือมันตามความตั้งใจที่มีในตอนแรก ดังนั้นในเดือนถัดมาเมื่อมันหายดี คุณตากับคุณยายจึงปล่อยมันไป แต่พวกเขาก็ไม่ต้องทนคิดถึงมันเลยแม้แต่นิดเดียว เนื่องจากปล่อย Kevin…

คนรักสุนัขคงรู้ว่าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์เป็นหมาสายพันธุ์ที่ผูกมิตรเก่ง ไม่ว่าจะเห็นอะไรก็อยากจะผูกมิตรไปด้วยซะหมด ขนาดพี่ไซบีเรียนที่เล่นด้วยกันไม่ได้ น้องหมาโกลเด้นก็ยังไปแวะทักทายเลย รูปน่ารักๆ นี้เป็นภาพไซบีเรียนฮัสกี้ของคุณ จุ๋ม (Jeerawan Soprom) และลูกหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่อยู่แถวบ้านของเธอเอง โดยเธอได้แบ่งปันภาพเหล่านี้ในกลุ่มเฟซบุ๊ก ‘i Like Husky คนรักไซบีเรียนฮัสกี้’     โดยเจ้าหมาโกลเด้นตัวน้อยเนี่ยชอบเข้ามาทักทายไซบีเรียนฮัสกี้ของเธอ มันจะแวะมานั่งจ้องหน้ากับสุนัขของเธอที่นอนเล่นอยู่ตรงรั้วบ้านเสมอ แม้ว่ามันจะเข้ามาเล่นกับพี่ไซไม่ได้เพราะมีรั้วบ้านกั้นอยู่ก็ตาม มันก็ยังคงอยากผูกมิตรกับพี่ไซ จึงมักจะส่งรอยยิ้มท่าทางเป็นมิตรมา     ภาพนี้ทำให้คนรักสุนัขในกลุ่ม i Like Husky คนรักไซบีเรียนฮัสกี้ กรี้ดกร้าดไปกับความน่ารักของน้องหมาทั้ง 2 แบบห้ามใจไม่อยู่ แถมยังพากันบอกให้คุณจุ๋มเปิดประตูให้น้องโกลเด้นได้เข้ามาหาพี่ไซด้วย ทั้งคู่จะได้เล่นด้วยกันสมใจอยากสักที   ผมอยากเล่นกับพี่นะฮะ ลุกออกมาเล่นกันเถอะ   แต่คุณจุ๋มเจ้าของพี่ไซก็ยังบอกว่าขอคิดดูก่อนดีกว่า ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากให้เจ้าหมามีเพื่อนใหม่ หรืออยากจะแกล้งให้พวกมันมองหน้ากันไปเรื่อยๆ หรอกนะ แต่พี่ไซบีเรียนของเธอน่ะสิซนไม่ใช่เล่นเลย เธอคงกลัวว่าถ้าปล่อยมันออกไปเล่นกับน้องแล้วน้องจะเจ็บตัวซะมากกว่า       พี่หมาตัวแสบซนเกิ๊น ซนจนเจ้าของไม่กล้าปล่อยออกไปเล่นกับน้องโกลเด้นเลย   ถึงจะน่าเสียดายที่พวกเราไม่มีโอกาสได้เห็นน้องโกลเด้นกับพี่ไซเล่นด้วยกัน แต่แค่ได้เห็นมันมานั่งจ้องหน้ากันเท่านี้ก็ทำให้ใจละลายกันไปเป็นแถบแล้ว   ได้เห็นหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ของน้องหมา ก็ทำให้ชาวเน็ตชื่นใจแล้ว  …

มีสัตว์มากมายบนโลกนี้ที่คุณยังไม่เคยเห็น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพวกมันไม่ได้อาศัยอยู่ใกล้ๆ เรา และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพวกมันแทบไม่มีเหลืออยู่บนโลกแล้วนั่นเอง ในชีวิตนี้เราคงไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นสัตว์พวกนี้นักหรอก แต่โชคดีที่เราอยู่ในยุคของอินเตอร์เน็ต ถึงจะไม่ได้เจอพวกมันจริงๆ อย่างน้อยเราก็ได้เห็นหน้าพวกมันง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว แถมวันนี้ไม่ต้องไปค้นหาภาพพวกมันเองให้เสียแล้วด้วย เพราะเราได้รวบรวมภาพสัตว์สุดหายากมาให้ทุกคนได้ชมกันตรงนี้แล้ว   เสือลายเมฆ (Clouded Leopard) เสือดาวที่มีลวดลายสวยงามแต่มีจำนวนน้อยนิด   เสือดาวดำ ซึ่งหาตัวได้ยากเต็มที https://www.instagram.com/p/BuEZ7leACzT/?utm_source=ig_embed   จิงโจ้ต้นไม้ สัตว์ท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะนิวกินีเท่านั้น https://www.instagram.com/p/BZ0XtySAoDH/?utm_source=ig_embed   เพนกวิ้นแอนตาร์กติก้าปกติจะเป็นสีขาวดำ แต่ก็มีสีดำล้วนและขาวล้วนบ้างเหมือนัน   โคอาล่าว่าหาดูยากแล้ว โคอาล่าเผือกหาดูยากยิ่งกว่า   ม้า Mongolian Wild Horse เคยหายไปจากธรรมชาติแล้วครั้งหนึ่ง จนกระทั่งคนช่วยขยายพันธุ์พวกมัน   กุ้งอเมริกันล็อบสเตอร์สีฟ้าซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์   เสือสายพันธุ์ South China Tiger ปัจจุบันเหลืออยู่แค่ในสวนสัตว์บางแห่งเท่านั้น   ยีราฟสีเผือกก็มีนะเออ ใครเคยเห็นของจริงถือเป็นบุญตา https://www.instagram.com/p/BJNKSwODnrl/?utm_source=ig_embed   ลิงจิ๋ว Gerp’s mouse lemur ลิงสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบไม่นานมานี้  …

เจ้าหมาเคยถูกเจ้าของเก่านมาทิ้งไว้กลางถนน แล้วขับรถหนีออกไปอย่างไม่ใยดี ทิ้งให้เจ้าหมาต้องเผชิญกับความเดียวดาย ทว่าวันนี้มันไม่เดียวดายอีกต่อไปแล้ว เจ้าหมา Snoop เคยเป็นกระแสโซเชียลเมื่อสิ้นปี 2018 เนื่องจากมีการแชร์คลิปวิดีโอที่เจ้าหมาก็วิ่งตามรถของเจ้าของแบบสุดชีวิตหลังจากมันถูกทิ้ง ซึ่งทำให้ชาวเน็ตต่างก็พากันสงสารมัน (อ่านเรื่องราวของ Snoop ย้อนหลังได้ที่ https://www.catdumb.com/old/snoop-dog-offer-adopt-abandoned-dog-700/)      ในตอนนั้นเรื่องของเจ้าหมาได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มคนรักสัตว์ และก็มีคนมากมายยินดีรับเลี้ยงมัน รวมไปถึงคนดังอย่าง Snoop Dogg และ Andrew Neil ด้วย แต่ทางกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ RSPCA ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจทันทีว่าจะให้มันไปอยู่กับใคร และยังคงมองหาบ้านที่สมบูรณ์แบบสำหรับมันอยู่     ทว่าในที่สุดเจ้าหมาก็เจอกับเจ้านายคนใหม่แล้ว ซึ่งก็คือนาย Laurence Squire จากเขต Herefordshire ประเทศอังกฤษ แถมดูท่าทางเจ้าหมาจะมีความสุขมากๆ ด้วย Rachel Butler จาก RSPCA เล่าว่า “ตอนที่ฉันไปเยี่ยม Snoop ที่บ้านใหม่ของมัน ฉันบอกได้ทันทีเลยว่ามันได้เจอบ้านที่ใช่แล้ว เจ้าหมากับ Laurence มีายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง และ Snoop ก็รักเขามาก”     เธอเล่ายอนหลังไปว่า “ตอนที่มันถูกทิ้งใหม่ๆ…

สัตว์ตัวน้อยมีบางอย่างที่พิเศษอยู่ในตัว พวกมันมีพลังดึงดูดให้ทุกคนหลงรัก แม้แต่คนที่ใจแข็งเป็นหินยังแพ้ความน่ารักของพวกมันเลย แถมความน่ารักแบบใสซื่อบริสุทธิ์และความน่าทะนุถนอมของพวกมัน ยังทำให้คนที่ได้มองรู้สึกดีตามไปด้วยนะ พวกมันถือเป็นสิ่งที่ช่วยให้จิตใจเราสดใสแบบไม่มีอะไรเทียบได้เลย แล้ววันนี้เราก็ได้พาสัตว์ตัวน้อยทั้งหลายมาแวะทักทายทุกคนถึงที่แล้วด้วย มารับชมความน่ารักของพวกมันไปพร้อมๆ กันทางนี้เลย   พี่น้องนากจิ๋วกำลังพูดอะไรอยู่น้า? 今日は天気が良かったので、展示場に2時間程出しました！見た目がスパルタな！？子育てでプールには入れられるし、泥まみれにされるし、かなりお疲れな様子でした。写真は、ちょっと一息ついて体を拭いてあげた後の様子です！ pic.twitter.com/Ww310osVcq — 鹿児島市平川動物公園 (@hirakawazoo) April 11, 2015   แมวน้อยได้เพื่อนใหม่ตัวเท่าๆ กันแล้ว https://www.instagram.com/p/BuCn2ICgGqI/?utm_source=ig_embed   ลูกฮิปโปที่ใครได้เห็นก็ต้องใจอ่อน   ลูกหมีน้อยที่น่ารักที่สุดในย่านนี้   ลูกหมูป่าตัวน้อยกับบ่อโคลนเล็กๆ ของเขา   เมื่อครูถามว่าใครเป็นเด็กดีบ้าง   ชู่ว อย่าเสียงดังนะเดี๋ยวลูกจิ้งจอกตื่น   น้องหมากำลังยิ้มให้คุณนะ ยิ้มกลับให้มันสิ   ดูเหมือนวัวน้อยอยากจะผูกมิตรกับเรานะ   อัลปาก้าน้อยขนปุยน่ากอดตั้งแต่เด็ก   แฮมเตอร์จิ๋วตัวนี้จะทำให้คุณอยากปกป้องมันโดยไม่รู้ตัว   ขอพาลูกๆ มาพักผ่อนในบ้านหน่อยนะมนุษย์   ใครเล่าจะไม่ตกหลุมรักวีเซลตัวน้อยที่หันมายิ้มให้กล้อง   เคยเห็นลูกนกฟลามิงโก้กันรึเปล่า มันก็น่ารักแบบนี้แหละ   แม้แต่ไฮยีน่าตัวแสบ ตอนเด็กก็น่ากอดเหมือนกัน…

ชายหนุ่มอยากได้สัตว์เลี้ยงมาสักพักแล้ว แต่ก็ไม่นึกเลยว่ามันจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาเอง แล้วก็ยึดบ้านกับหัวใจของเขาได้อย่างง่ายดาย Adam Laigo เจอกับมิ้วน้อยจรจัดในวันที่เขาพาเพื่อนมาเล่นเกมด้วยกันที่บ้าน ระหว่างที่เขากำลังทำอาหารอยู่ในครัว เพื่อนของเขาก็เห็นเจ้าแมวเดินเข้ามาทางหน้าบ้าน     มันเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วก็วิ่งหนีไปเมื่อรู้สึกตกใจเพื่อนของเขา ด้วยความเป็นห่วงมัน Laigo จึงถือกระป๋องปลาแซลมอนตามมันไป พอได้กลิ่นปลาแซลมอนแล้ว แมวน้อยก็ตามเขาเข้ามาในบ้านอีกครั้งหนึ่ง ทว่าหลังกินอาหารเสร็จมันก็ไม่กลับออกไปอีกเลย   เห็นว่าให้อาหารเรา จะยอมให้เป็นทาสก็ได้   ชายหนุ่มเองก็ถูกใจเจ้าแมวน้อย ก็เลยตัดสินใจเลี้ยงมันเอาไว้ โดยตั้งชื่อว่า Tuna ตามอาหารมื้อแรกที่มันได้กินในบ้านหลังนี้ เพียงแค่คืนแรกเจ้าแมวก็ไว้ใจเขาเต็มที่แล้ว มันยอมให้เขาอาบน้ำให้ แล้วก็เข้าไปซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเพื่อนอนบนเตียงกับเขา ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาชีวิตของ Laigo ก็เปลี่ยนไป…     ชีวิตประจำวันของ Laigo จะมี Tuna เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ตั้งแต่เช้าเขาก็จะตื่นนอนมาพร้อมมัน แล้วก็ต้องเล่นกับมันจนพอใจ มันซนมากเลยทีเดียว เขาเล่าว่า “เจ้าแมวชอบปีนบนป้อมปราการที่ผมทำขึ้นจากลังกระดาษ สิ่งที่มันชอบที่สุดคือการวิ่งไล่จับตุ๊กตาหนูยัดไส้กัญชาแมว ผมจะโยนมันไปไกลๆ แล้วเจ้าเหมียวก็จะพุ่งไปคาบมันกลับมาอย่างรวดเร็ว”     ในช่วงเวลาที่ Tuna เอาแต่เล่นซนกับของเล่นนี่แหละที่เขาจะได้มีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเอง เพราะว่าพอมันเล่นซนเสร็จ มันก็จะมาอ้อนเขาต่อจนเขาต้องตามเอาใจมันต่อแล้ว…

ใครก็อยากให้น้องหมาแสนรักอยู่กับเรานานๆ ทั้งนั้น แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าสุนัขแต่ละตัวจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ เพราะเรื่องเหล่านี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่างรวมกัน แต่ถ้าดูแค่เรื่องสายพันธุ์แล้วล่ะก็ จะมีสุนัขบางสายพันธุ์ที่มีอายุขัยเฉลี่ยมากกว่าเพื่อนสายพันธุ์อื่น ซึ่งก็น่าจะทำให้คนเลี้ยงอุ่นใจได้ว่าพวกมันน่าจะอยู่กับเราไปได้ยาวๆ ส่วนจะมีสายพันธุ์ไหนบ้าง เชิญไปรับชม 10 สายพันธุ์สุนัขที่มีอายุขัยยืนยาวอันดับต้นๆ ของโลกกันเลย   10. มอลทีส (Maltese) จากสถิติแล้วสุนัขที่อายุยืนกว่าเพื่อนส่วนใหญ่จะเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก อย่างสายพันธุ์มอลทีมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 15 ปี   9. บีเกิ้ล (Beagle) เจ้าบีเกิ้ลแสนซนมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 15 ปี โดยตัวที่แก่ที่สุดชื่อว่า Butch นั้นมีอายุมากถึง 27 ปีเลยทีเดียว แต่มันตายไปตอนปี 2009 แล้ว   8. ออสเตรเลียนเชพเพิร์ด (Australian Shepherd) ออสเตรเลียนเชพเพิร์ดเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ไม่กี่ตัวที่ติดอันดับอายุยืน มีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 15 ปี   7. ชิสุ (Shih Tzu) สุนัขชิสุซึ่งเป็นพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันก็มีอายุยืนมากเหมือนกันนะ อายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 15 ปี  …

2 พี่น้องเหมียวไม่เคยได้รับสัมผัสจากมนุษย์มาก่อน ในตอนแรกพวกมันจึงออกห่างพวกเขา แต่พอได้เข้าถึงความรู้สึกดีๆ จากการถูกสัมผัสแล้ว พวกมันก็ติดการกอดซะเอง Ani หญิงรักแมวจากประเทศแคนาดาเจอแมวเหมียวตัวหนึ่งเดินโซเซอยู่ตามลำพัง และเมื่อตามไปดูมันก็ได้รู้ว่ามีน้องของมันอีกตัวหนึ่งอยู่ด้วย     ทั้งคู่กำลังซุกตัวอยู่ด้วยกันเพื่อหาไออุ่นมาสู้กับอากาศที่หนาวหนาวเย็น หากปล่อยเอาไว้ตามลำพัง Ani รู้ว่าพวกมันคงมีโอกาสรอดไม่มาก เธอจึงใช้อาหารและความอดทนเข้าสู้ จนสามารถจับพี่น้องแมวคู่นี้มาได้ เท่านั้นยังไม่พอเธอยังได้ตัวแม่ของพวกมันติดมาด้วย     พี่น้องแมวทั้ง 2 ตัวอายุได้ 3 เดือนแล้ว พวกมันไม่จำเป็นต้องอยู่กับแม่แมวอีก แม่แมวจึงถูกส่งไปอยู่กับกลุ่มช่วยเหลือสัตว์อีกกลุ่มหนึ่งเพื่อหาบ้านทันที ส่วนพี่น้องแมวถูกส่งมาอยู่กับกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Chatons Orphelins Montréal พวกเขาตั้งชื่อแมวน้อยสีส้มว่า Poutchi ส่วนแมวน้อยสีน้ำตาลชื่อว่า Mila     เนื่องจากพวกมันทั้งคู่ไม่เคยอยู่กับมนุษย์มาก่อน มันจึงหวาดระแวงและซุกตัวอยู่ด้วยกันตลอด จนกระทั่งมนุษย์เริ่มมอบความรักให้กับพวกมัน       เจ้า Poutchi เป็นตัวแรกที่เริ่มเปิดใจให้พวกเขา มันไว้ใจพวกเขาอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาก็ยังต้องอ่อนโยนกับมัน เพราะหากมันเห็นอะไรก็ตามเคลื่อนที่อย่างปุบปับใกล้ๆ ตัว มันจะเข้าสู่โหมดระแวงทันที แต่ถ้ามันได้ถูกอุ้มแล้วล่ะก็ มันจะเริ่มส่งเสียงครางหึ่มๆ และค่อยๆ หลับตาลงแล้วหลับปุ๋ยไปในอ้อมกอดของพวกเขาอย่างว่าง่าย     กลุ่มช่วยเหลือสัตว์เล่าว่า…

แมวเหมียวตาเขมีปัญหาสุขภาพมากมายที่น่าเป็นห่วง แต่ที่หนักว่านั้นก็คือความบอบช้ำทางจิตใจของมันที่ควรได้รับการเยียวยามากกว่า     กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Little Wanderers ไปเจอแมวดำตาเขอยู่ในชุมชนแมวจรจัด พวกเขาเห็นว่ามันมีไข้สูง ขาดสารอาหาร และมีโรคอีกหลายอย่างจึงพาตัวมันกลับมาดูแลพร้อมตั้งชื่อให้ว่า Spike แต่พอได้อยู่กับมันแล้วถึงได้รู้ว่าสภาพจิตใจของมันนั้นย่ำแย่ยิ่งกว่าสุขภาพกายเสียอีก มันเอาแต่ส่งเสียงขู่ฟ่อๆ ใส่มนุษย์และไม่ยอมให้ใครจับตัวเลย     Adrienne ซึ่งเป็นอาสาสมัครที่มีประสบการณ์ในการทำให้แมวโตแล้วเปิดใจ จึงออกตัวขอรับมันมาอุปถัมภ์และช่วยทำให้มันไว้ใจมนุษย์เอง ทว่าอาการของมันนั้นน่าหนักใจกว่าที่เธอคิดไว้มาก พอมาถึงบ้านเจ้าแมวก็วิ่งเข้าไปหลบอยู่ตรงมุมห้องแล้วก็ไม่ให้เธอจับตัวเหมือนกัน     Adrienne และสัตวแพทย์คิดว่า Spike น่าจะเคยถูกทำร้ายมาก่อน ทำให้มันไม่ไว้ใจมนุษย์ อาการตาเขของมันก็น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากการถูกทำร้ายเช่นกัน เธอจึงใช้ความอดทนเข้าสู้แล้วค่อยๆ เข้าหามันทีละนิด เธอรู้ว่าถ้าให้เวลาเจ้าแมวสักหน่อย มันก็น่าจะรับรู้ถึงความเป็นมิตรของเธอได้เอง     เธอใช้เวลาอยู่นาน 3 สัปดาห์ก็ยังแทบจับตัวมันไม่ได้ แต่มันก็มีพัฒนาการบ้างเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะยังไม่สนิทกับมนุษย์ ตอนนี้เจ้าแมวทำตัวผ่อนคลายขึ้นมากแล้วเนื่องจากมันสนิทกับแมวตัวอื่นในบ้าน     จนกระทั่งวันหนึ่งก็ถึงเวลาที่เจ้าแมวยอมเปิดใจให้ Adrienne เธอเล่าว่า “วันหนึ่งจู่ๆ เจ้าแมวก็กระโดดเข้ามาตรงหน้าฉันแล้วขอให้ฉันลูบมัน ฉันรู้สึกเหมือนกับมันเปลี่ยนใจมารักฉันแล้ว หนึ่งเดือนหลังจากนั้นมันก็กระโดดขึ้นมาบนอกของฉันตอนที่ฉันนอนอยู่ แล้วมันก็กลายเป็นแมวที่ชอบกอดชอบอ้อนที่สุดเลย”     ในที่สุดเจ้าแมวขี้กลัวที่ไม่ยอมให้มนุษย์แตะเนื้อต้องตัว ก็เป็นฝ่ายเข้ามาขอให้เธอกอดมันเองสักที เธอทำให้มันไว้ใจมนุษย์ได้สำเร็จ…

หมาตัวน้อยเคยใช้ชีวิตอย่างเงียบเหงาในศูนย์พักพิงสัตว์ ได้พบกับชีวิตใหม่เมื่อมีมนุษย์รับมันไปเลี้ยง แล้วเปลี่ยนให้มันเป็นนักท่องโลกร่วมกับพวกเขา   https://www.instagram.com/p/BtzRYUPlht8/   เจ้าชิวาว่าน้อยตัวนี้มีชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หลังจาก Amanda Klecker และ Jeremy Warren มาพบมันในศูนย์พักพิงสัตว์แล้วพาตัวมันออกไป พวกเขาตั้งชื่อให้มันว่า Jonathan Warren โดยให้มันมีนามสกุลเดียวกับคุณพ่อ เหมือนว่ามันเป็นลูกชายแท้ๆ ของพวกเขาเลย   https://www.instagram.com/p/BtZKbZhFWjr/   เนื่องจาก Amanda ต้องเดินทางไปยังต่างประเทศบ่อย เจ้าหมาจึงมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวกับพวกเขาด้วยทุกครั้ง ปัจจุบันมันเดินทางไปเที่ยวมาหลายประเทศแล้วทั้งฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และแคนาดาด้วย โดยตั้งแต่มีเจ้าหมาเข้ามาในชีวิต Amanda ก็เปลี่ยนมาใช้บริการสายการบินที่อนุญาตให้พาสุนัขขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกรักของเธอได้ไปด้วยกันทุกที   https://www.instagram.com/p/BqxbS9UFrsY/   เธอเล่าว่า “เจ้าหมาชอบนั่งเครื่องบิน รถไฟ และรถยนต์ด้วย มันชอบมาขดตัวนอนอยู่ในกระเป๋าบนตักฉัน แล้วก็สนุกกับการเดินทางไปด้วยกัน แถมมันยังเรียบร้อยมาก ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่มันขับถ่ายเรี่ยราดระหว่างที่บินอยู่ ฉันคิดว่ามันเองก็เรียนรู้มารยาทในการเดินทางได้ขึ้นใจแล้วล่ะ เราเลยไม่ต้องกังวลเวลาพามันไปด้วยเลย”   https://www.instagram.com/p/Bo6MaT2A7Ei/   เธอไม่ได้คิดไปเองหรอกนะว่าเจ้าหมาชอบเดินทาง ทุกครั้งที่มันเห็นเธอจัดกระเป๋าเดินทาง Jonathan จะมาอ้อนเธอทุกครั้ง แล้วมันก็จะทำท่าทางตื่นเต้นเมื่อเห็นเธอเริ่มจัดกระเป๋าเดินทางส่วนตัวให้มัน เธอรักเจ้าหมามากถึงขั้นว่าถ้ามันไม่สามารถเดินทางไปกับเธอได้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ เธอก็จะยกเลิกการเดินทางแล้วอยู่กับมันแทน   https://www.instagram.com/p/BquMyhfFTnV/…

คุณสามารถหาดูคลิปน่ารักๆ ของเจ้าตูบได้ทั่วทั้งอินเตอร์เน็ต แต่ไม่มีที่ไหนเลยที่จะบอกเล่าความน่ารักแบบสั้นๆ ได้ใจความเหมือนกับทวิตเตอร์ ถ้าเพื่อนๆ ไม่อยากพลาดความน่ารักของมะหมาที่กำลังมาแรงล่ะก็ การติดตามทวิตเตอร์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เพราะเจ้าหมาน่ารักตัวใหม่สามารถดังระเบิดบนทวิตเตอร์ได้ทุกเวลา แต่ถึงบางคนจะไม่มีทวิตเตอร์ก็ไม่เป็นไร วันนี้เราได้รวบรวมเจ้าตูบสุดแสนน่ารักจากทวิตเตอร์ในช่วงนี้มาให้ชมกันแล้ว ถ้าคุณเตรียมตัวยิ้มไปกับเรื่องราวของพวกมันแล้วล่ะก็ ไปรับชมกันได้เลย!!   เจ้าหมาอยากออกไปฉี่ แต่ข้างนอกฝนตก คุณแม่เลยทำเสื้อกันฝนแฮนด์เมดให้ So my dog needed to pee, and it was raining, so this was my mom’s solution pic.twitter.com/Qvn2OEAljB — Eli (@Ehlliss) March 2, 2019   15 วินาทีสั้นๆ ของสิ่งที่น่ารักที่สุดในชีวิต https://twitter.com/NatBCo/status/1101494721740976128   เจ้าหมาตะกละ โดดเข้าไปในช่องไดรฟ์ทรูแมคโดนัลด์เฉยเลย My Damn dog jumped into the McDonald’s drive…

อินเตอร์เน็ตทำให้เรื่องที่เคยเป็นเรื่องยุ่งยากดูง่ายขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า หนึ่งในนั้นคือเรื่องการสานความสัมพันธ์ด้วย จะเห็นได้จากการที่มีแอปพลิเคชันจับคู่มากมายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทว่าที่ผ่านมามีแต่แอปพลิเคชันที่ช่วยให้มนุษย์เจอคนในดวงใจเท่านั้น ยังไม่มีแอปพลิเคชันไหนที่ช่วยให้เราเจอสัตว์เลี้ยงคู่ใจง่ายๆ เลย จนกระทั่งมีแอปพลิเคชัน GetPet ออกมา     GetPet ถูกพัฒนาโดยอาสาสมัครผู้รักสัตว์ 7 คนในประเทศลิทัวเนีย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้สัตว์จรจัดได้พบกับเจ้าของที่ใช่ได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว โดยมีแรงบันดาลใจมาจาก Tinder ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันหาคู่ยอดนิยมสำหรับมนุษย์ Asta Zaiceva Stalmakova ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาบอกว่า “ระหว่างที่ฉันดูแลสัตว์จรจัดและสัตว์ในศูนย์พักพิง ฉันคิดมาตั้งนานแล้วว่าถ้ามีเครื่องมือทันสมัย ที่ช่วยแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของสัตว์ในลิทัวเนียได้ก็คงจะดี ตอนนี้ฉันดีใจมากที่ทีมของเราช่วยให้มันเป็นความจริงได้”     แอปพลิเคชันนี้จะรวบรวมข้อมูลสุนัขจากศูนย์พักพิงสัตว์ในที่ต่างๆ มาไว้ที่เดียว และจะช่วยแยกแยะข้อมูลของพวกมันทั้งเรื่องสายพันธุ์ นิสัย อายุ และความต้องการอื่นๆ ด้วย ทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถตามหาสัตว์เลี้ยงที่ตัวเองต้องการได้อย่างง่ายดาย จากนั้นถ้าพวกเขาอยากเลี้ยงมันจริงๆ ก็สามารถแชทคุยกับทางศูนย์พักพิงสัตว์ได้ในแชทเลย แล้วค่อยนัดวันกันเพื่อไปเจอหน้าพวกมันจริงๆ ก่อนจะตัดสินใจรับเลี้ยง   หมาแก่ผู้ใจดี และเจ้าขนปุยแสนเป็นมิตร   เมื่อเทียบกับการที่คนรักสุนัขต้องไปตามหาหมาที่ใช่ตามศูนย์พักพิงสัตว์ต่างๆ เอง แอปพลิเคชันนี้ช่วยให้พวกเขาประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการตระเวนหาสุนัขได้มากเลยทีเดียว แถมยังเป็นการเปิดโอกาสให้สุนัขที่ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็น ทำให้พวกมันดูโดดเด่นขึ้นด้วยรูปและโปรไฟล์ที่ดูน่ารักด้วย     เจ้าหมาขี้กลัวที่ไม่ค่อยกล้าเข้าหาคนในศูนย์พักพิงก็จะได้มีคนเห็นมากขึ้น   GetDog เปิดให้ใช้งานในประเทศลิทัวเนียครั้งแรกเมื่อวันที่…

มีคนมากมายที่พบว่าชีวิตอันวุ่นวายในเมืองไม่ใช่ความสุขที่พวกเขาต้องการ จึงละทิ้งทุกอย่างเพื่อไปอยู่กับเหล่าสัตว์ซึ่งให้ความสุขพวกเขาได้มากกว่า Dean Schneider เองก็เป็นหนึ่งในคนจำนวนนั้น     Schneider เป็นคนรักสัตว์มาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อโตขึ้นเขาจึงให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือสัตว์ร่วมกับกลุ่มช่วยเหลือสัตว์อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งเมื่อปีก่อนเขาก็พบว่าชีวิตที่เป็นอยู่ไม่ใช่ตอบโจทย์ความต้องการของเขา เขาจึงละทิ้งชีวิตในฐานะนักวางแผนการเงิน และขายทุกสิ่งที่มีในประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพื่อย้ายไปอยู่กับเหล่าสัตว์ในทวีปแอฟริกา   .   เขาเปิดศูนย์ดูแลสัตว์ป่า Hakuna Mipaka (แปลว่าไร้ขอบเขต) ขึ้นเพื่อช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ถูกมนุษย์จับไป และนำพวกมันมาดูแลที่นี่ ซึ่งหลักๆ แล้วเขาจะช่วยเหลือเสือและสิงโต แต่ก็ยังคงช่วยเหลือสัตว์ป่าอื่นๆ อย่างเช่นลิง ม้าลาย แรคคูน หรือแม้กระทั่งงูด้วยเช่นกัน   . .   ใครเห็นก็คงต้องคิดว่าหนุ่มอายุ 26 ปีคนนี้ช่างทุ่มเทแรงกายให้กับพวกสัตว์มากมายเหลือเกิน หากใครติดตามอินสตาแกรมของเขาก็จะได้เห็นว่าเขาดูแลสัตว์จำนวนมากทุกวัน ทว่าส่วนตัวแล้ว Schneider ไม่ได้คิดอะไรที่ยิ่งใหญ่มากมายหรอก เหมือนที่เขาอธิบายไว้ในเว็บไซต์ของ Hakuna Mipaka ว่าเขาก็แค่ปกป้องสิ่งที่เขารัก ซึ่งก็คือพวกสัตว์เท่านั้นเอง   . .   Schneider เชื่อว่าการที่เขาช่วยเหลือสัตว์ และถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ ของพวกมันผ่านทางอินสตาแกรม จะช่วยให้มีคนเห็นใจพวกสัตว์มากขึ้น แล้วก็หันมาช่วยเหลือพวกมันเพิ่ม ซึ่งดูจากยอดติดตามอินสตาแกรม Dean Schneider ของเขาที่มีมากถึง 570,000…

Tu กระต่ายตัวน้อยและ Ted พี่หมีสีขาส้ม เป็นตัวการ์ตูนสุดแสนน่ารักที่ Chow Hon Lam และ Roey Li ร่วมกันสร้างขึ้นมา พี่หมีกับกระต่ายน้อยจะพาเพื่อนๆ ไปเจอเพื่อนสัตว์ตัวอื่นๆ และดูว่าชีวิตประจำวันของพวกมันต้องเจออะไรกันบ้าง ขอบอกไว้เลยว่าเพื่อนๆ จะต้องยิ้มไปกับความฮาและน่ารักของพวกมันแน่นอน   น้องปีนต้นไม้เอามันจะไวกว่าไหม?   ผู้มีบุญคุณต้องได้รับการตอบแทน   พอมีเรื่องฉุกเฉินเราก็จะวิ่งไวหน่อยๆ   อ้าวเพื่อน กลับมาก่อน   ความลับของหมาแพนดี้ที่เราไม่เคยรู้   เล่นไรเนี่ยลูก เปลืองค่าไฟ   น้องแมวไม่ได้หวังร้าย น้องกำลังทำความดีอยู่   เล่นใหญ่ซะ เรานึกว่าของจริงเลย   นอนแบบไหนก็ไม่อุ่นเท่านอนกอด   น้องดูปลาที่ไหนอยู่ พี่ไม่เห็นเลยสักตัว   ไม่ได้ทำลายข้าวของสักหน่อย ช่วยตกแต่งประตูต่างหาก   หนูตัวนั้นอย่ากินเลยนะ คนรู้จักเยอะ   น้องแมวลงทุนไปไหมลูก   ไม่ต้องเอาไปปลูกซะทุกอย่างก็ได้นะ…   อย่าแซงคิวสิว้อยยย   เจ้าหมาไปคาบมาผิดอันซะงั้น  …

หมาแก่ต้องเผชิญกับปัญหาอีกครั้งในวัยชรา เนื่องจากเจ้าของเก่าทิ้งมันไป และมันต้องตามหาเจ้าของใหม่ที่เข้าใจความต้องการนอนเยอะของมัน เมื่อ 2 เดือนก่อนเจ้าของของ Eric นำมันไปฝากไว้กับเพื่อนบ้านแล้วไม่กลับมารับมันอีก เมื่อนานวันเข้าเพื่อนบ้านจึงจำเป็นต้องเอาลุงหมาวัย 14 ปีตัวนี้ไปไว้ที่ศูนย์พักพิงสัตว์ เนื่องจากพวกเขาก็ดูแลมันนานๆ ไม่ได้เหมือนกัน     เจ้า Eric จึงได้เข้ามาอยู่กับ RSPCA ร่วมกับสัตว์ถูกทิ้งตัวอื่นๆ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นที่ที่เหมาะสมกับมัน เนื่องจากมันไม่สามารถทำกิจกรรมโปรดซึ่งก็คือ ‘นอนหลับ’ ได้อย่างเต็มที่ ด้วยวัยที่มากขึ้นทำให้ตอนนี้เจ้า Eric ต้องนอนหลับพักผ่อนมาก มันเข้านอนอย่างต่ำวันละ 9 ชั่วโมงเลยทีเดียว และยังมีช่วงเวลาที่ต้องนอนกลางวันเพิ่มอีก     Deborah Satchell ซึ่งเป็นผู้จัดการของศูนย์พักพิงสัตว์ที่มันพักอยู่เล่าว่า “เจ้าหมาจะเข้านอนก่อน 4 ทุ่มเสมอ และมันจะไม่ตื่นขึ้นมาจนกว่าจะเลยเวลา 7 โมงเช้า! มันชอบงีบกลางวันในที่ที่อากาศเย็นเช่นทางเดินหรือพื้นกระเบื้อง” ดังนั้นศูนย์พักพิงสัตว์ซึ่งมีเสียงดังอยู่ตลอดเวลาจึงไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตของ Eric เลย     เพื่อให้มันใช้ชีวิตได้สบายขึ้นชั่วคราว ตอนนี้มันจึงถูกส่งไปอยู่ในบ้านอุปถัมภ์ที่เงียบสงบ ทำให้มันสามารถนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ถึงมันจะมีบ้านอุปถัมภ์ที่อุ่นสบายอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีทางดีเท่าบ้านของตัวเองที่มีคนที่เข้าใจคอยดูแลหรอก ดังนั้นคนที่ดูแลมันจึงหวังให้มันถูกรับเลี้ยงไปไวๆ     แม้…

ปกติโจรทำการปล้นคนอื่นก็เพื่อหวังเงินทองซะส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางตัวที่ไม่สนใจเงินอยู่เหมือนกัน เพราะสำหรับมันแล้วเงินมีค่าน้อยกว่ากล้วยซะอีก     ในคลิปวิดีโอจากประเทศจีน เผยให้เห็นลิงตัวหนึ่งที่วิ่งเข้าไปหานักท่องเที่ยวแม่ลูกที่กำลังเดินขึ้นบันไดอยู่ เห็นหน้าตามันน่ารักๆ แบบนี้ แต่เจตนาในการเข้ามาของมันนั้นร้ายกาจมากนัก พอเข้ามาถึงตัวคุณแม่และคุณลูก เจ้าลิงก็ทำการล้วงกระเป๋าเสื้อของเด็กชายเพื่อปล้นกันแบบโต้งๆ เลย แล้วพอเห็นว่าเด็กชายไม่มีอะไรให้ปล้นก็มาล้วงกระเป๋าของคุณแม่ต่อด้วย     คุณแม่ก็คงจะหลงความน่ารักของเจ้าจ๋อ ก็เลยเปิดล็อกกระเป๋าสะพายให้มันค้นของได้แบบเต็มที่ ส่วนเจ้าลิงก็รีบค้นกระเป๋าแบบไม่มีท่าทางเกรงใจเช่นกัน แต่แทนที่มันจะเอาของมีค่าอย่างเงินไปเหมือนโจรที่เราเห็นกันในข่าว มันกลับโยนเงินที่คุ้ยเจอทั้งหมดทิ้งไปกับพื้น ถ้าโจรที่เป็นมนุษย์มาเห็นคงกรีดร้องด้วยความเสียดายไปแล้ว     สิ่งที่มันเอาไปจากหญิงคนนั้นมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือห่อทิชชูสีเหลือง ซึ่งมันน่าจะเข้าใจผิดว่าเป็นของกิน เนื่องจากมันมีสีเหมือนกล้วยนั่นเอง แต่หลังจากมันตรวจสอบห่อกระดาษทิชชูดูแล้วรู้ว่ากินไม่ได้แล้ว มันก็โยนห่อทิชชูทิ้งลงกับพื้นเช่นกัน…มันคงไม่สนใจอะไรเลยนอกจากของกิน     เห็นว่ากินไม่ได้ปุ๊บก็ทิ้งปั๊บเลย   เห็นแล้วเราก็คงจะเข้าใจได้ว่าสิ่งที่มีค่าสำหรับแต่ละคนนั้นต่างกัน สำหรับคนเราแล้วเงินมีค่ามาก แต่สำหรับเจ้าลิงแล้วมันมีค่าน้อยกว่าของกินซะอีก อยากจะไปกระซิบบอกเจ้าลิงเหมือนกันนะ ว่าถ้าหยิบเงินออกไปคงจะเอาไปซื้อกล้วยได้หลายหวีเลยทีเดียว ดีไม่ดีอาจจะทำให้มันมีกินทั้งเดือนก็ได้…ถึงมันจะไม่มีทางเข้าใจเรื่องนั้นก็เถอะ     แหม่ คุณแม่ก็ใจเย็นจังเลยนะ ปล่อยให้เจ้าลิงค้นกระเป๋าแบบไม่คิดอะไรเลย คงจะเพราะเห็นว่ามันเป็นสัตว์น่ารักๆ ถึงได้ยอมแบบนั้น แต่ทางที่ดีอย่าให้มันค้นกระเป๋าเราเลย ถ้ามันหยิบอะไรสำคัญๆ ติดมือไปล่ะก็คงไม่มีทางได้คืนง่ายๆ หรอก   ที่มา: Daily Mail