เจ้าของสร้าง “ห้องส่วนตัวสุดหรู” ให้เป็นของขวัญแก่เจ้าหมาขี้กลัว

เจ้าหมามีนิสัยขี้กลัวติดตัวมาตั้งแต่ก่อนรับเลี้ยง พอได้มาอยู่กับเจ้าของใหม่ เขาจึงทำห้องส่วนตัวสุดหรูให้เพื่อให้มันรู้สึกปลอดภัย และทำให้เห็นว่าเขารักมันจริงๆ

Sean Farrell รับเลี้ยงเจ้าหมาสตาฟฟอร์ดชายร์บูลเทอร์เรียชื่อ Buster มาเมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากเขารับอุปถัมภ์ดูแลมันแล้วดันตกหลุมรักจนปล่อยมันไปไม่ได้

 

 

ก่อนหน้านี้มันเคยผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายมา ทำให้มันไม่ชอบอยู่กับผู้ชายคนเดียว หากมันอยู่กับ Sean ตามลำพังมันก็จะเก็บตัวอยู่ในห้องนอน

มันจะมาอยุ่ที่ชั้นล่างตอนมีคนอยู่หลายๆ คน หรือไม่ก็ตอนจะกินข้าวหรือออกไปเดินเล่นเท่านั้น Sean ต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าที่เจ้าหมาจะชินและไว้ใจเขา

 

 

ถึง Buster จะก้าวข้ามความกลัวมาได้ และได้เป็นสุนัขเยียวยาที่ช่วยให้กำลังผู้ป่วยด้วยกำลังใจอันเปี่ยมล้นของมัน แต่ลึกๆ แล้วเขาก็รู้ว่าลึกๆ แล้วความกลัวของมันยังไม่หายไปซะทีเดียว

เพื่อทำให้มันสบายใจเวลาอยู่กับเขา Sean จึงตั้งใจจะสร้างห้องส่วนตัวเล็กๆ ให้มันไว้ในห้องของตัวเอง แถมยังทำเองทุกขั้นตอนทั้งที่ไม่มีประสบการณ์สร้างของใดๆ ด้วย

 

เริ่มจากเลือกมุมที่ต้องการให้เจ้าหมาก่อน

 

วางโครงให้เป็นรูปร่าง

 

ทำหน้าต่างเล็กๆ ให้มัน ห้องจะได้ไม่ดูทึบ

 

เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว

 

ทาสีสักหน่อยก็ดูสวยงาม

 

ห้องที่ Sean สร้างให้ Buster ไม่ได้เป็นแค่ห้องกับที่นอนธรรมดาๆ ด้วย หลังสร้างเสร็จเขายังช่วยวางของประดับและกรอบรูปไว้ให้มันอีกต่างหาก

แถมยังมีการตกแต่งด้วยไฟสลัวๆ เพื่อให้เหมาะแก่การเข้าไปพักผ่อนด้วย แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าเจ้าหมาจะรู้สึกร้อนเลย เพราะเขาติดพัดลมไว้ให้มันด้วยเช่นกัน

 

ติดพัดลมไว้ให้ด้วย เข้าไปไม่รู้สึกร้อนแน่นอน

 

มีกรอบรูปของเพื่อนหมาตัวเก่าไว้ให้ดูแก้เหงาด้วย

 

มีไฟสลัวๆ เหมาะกับบรรยากาศนอนพักผ่อนมากเลย

 

หรือถ้าต้องการไฟสว่างๆ ก็มีให้เช่นกัน

 

Sean เล่าว่า “ผมจะไม่กวนหรือว่าเข้าไปเล่นกับมันตอนมันอยู่ในบ้าน เพราะว่าผมอยากให้มันรู้สึกว่ามุมนั้นเป็นมุมส่วนตัวของมันจริงๆ แต่ถ้ามันเดินออกมาข้างนอกเมื่อไหร่มันเจอผมฟัดแน่

แน่นอนว่า Buster เองก็ชอบห้องส่วนตัวที่ชายหนุ่มทำให้เช่นกัน เวลามันอยู่ในห้องนั้นมันดูเหมือนจะยิ้มอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะ มันโชคดีนะที่มีเจ้าของที่ใส่ใจและทุ่มเทให้มันขนาดนี้

 

 

ที่มา: boredpanda


Tags:

Comments

Leave a Reply