Category: ข่าวคราวรอบโลก

คนเราเกิดมามีมือมีเท้าเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าจะทำทุกอย่างเหมือนกันได้ มันเลยเกิดสิ่งที่เรียกว่าความสามารถพิเศษขึ้นมายังไงล่ะ ซึ่ง “การดัดนิ้ว” เนี่ยก็ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่งนะ การดัดนิ้วบางลักษณะนี่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้นะ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เรามาทดสอบไปพร้อมๆ กันเลยว่า คุณจะเป็นในชนกลุ่มน้อยนั้นมั้ย โดยแบ่งความยากง่ายออกเป็น 5 ระดับ เริ่ม!!   1. ท่างาคู่ อันก็ไม่ยากและไม่ง่ายเกินไป ถ้าพยายามก็ทำได้ ความยากอยู่ในระดับ 3   2. ท่าลูกเสือสามัญ ดูเหมือนง่ายนะ แต่ลองทำดูสิ นิ้วนางมันไม่ยอมให้ความร่วมมือเล้ย ให้ความยากอยู่ที่ระดับ 4 เลย   3. เจ้าโป้งงอแง ท่านี้เป็นท่าที่ไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ทุกคน เพราะมันคงจะเป็นความสามารถเฉพาะนิ้วจริงๆ ยากระดับ 5 เด้อ   4. จระเข้อ้าปาก เป็นอีกหนึ่งท่าที่พูดให้คะแนนยาก เพราะบางคนสามารถทำได้ง่ายๆ ในขณะที่หลายคนทำยังไงก็ทำไม่ ความยากระดับ 4 ค่ะ   5. มงกุฎดอกไม้ นี่เป็นท่าที่หลายคนมักเล่นกันเป็นประจำในวัยเด็ก คือคนที่จะทำแบบนี้ได้ต้องมีนิ้วยาวในระดับหนึ่งนะ ความยากระดับ 2 ละกัน  …

ทุกวันนี้มีสัตว์มากมายที่ถูกทิ้งด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำไปปล่อยป่า นำไปทิ้งไว้ในศูนย์พัก หรือแม้แต่การนำไปทิ้งขยะเหมือนเจ้าเหมียวเคราะห์ร้ายตัวนี้ เมื่อปีที่แล้วขณะที่หญิงสาวจากรัฐ Alberta ประเทศแคนาดา กำลังออกไปทิ้งขยะ เธอก็สังเกตเห็นกระเป๋าเป้ใบหนึ่งอยู่ในถังขยะ แต่ผิดสังเกตตรงที่มีอะไรขยับอยู่ในกระเป๋าใบนั้น     เมื่อเธอเปิดกระเป๋าก็ถึงกับตกใจกับสิ่งที่อยู่ข้างใน เพราะมันคือแมวเหมียวที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่สภาพของมันตอนนั้นดูแย่มาก เหมือนกำลังจะตาย หญิงสาวจึงรีบโทรขอความช่วยเหลือจาก Alberta Animal Services เพียงไม่กี่นาทีต่อมาเจ้าหน้าก็มาถึง และรีบพาน้องเหมียวไปโรงพยาบาลทันที     ต่อมาพวกเขาได้ตั้งชื่อให้เจ้าเหมียวตัวนี้ว่า Hiro มันได้รับบาดเจ็บหนัก และคาดเดาได้ยากว่ามันไปโดนอะไรมาหรือถูกใครทำร้ายมายังไง ณ ตอนนั้นไม่มีใครบอกได้ว่า Hiro จะอยู่รอดไปจนถึงวันพรุ่งนี้หรือเปล่า แต่ที่เห็นได้ชัดคือ มันไม่ยอมแพ้ต่อความเจ็บปวดและพร้อมที่จะสู้เพื่อการมีชีวิตต่อไป     และแล้วน้องเหมียวก็ผ่านคืนแรกไป ก่อนจะผ่านคืนที่สองที่สาม… จนกระทั่งร่างกายของมันเริ่มกลับมาแข็งแรงขึ้น แต่ก็ยังต้องต่อสู้ต่อไป หลังจากที่การช่วยเหลือผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ มันก็แข็งแรงขึ้นมาก แม้จะเดินเซอยู่บ้างเล็กน้อย ที่สำคัญมันพยายามช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุดเพื่อที่จะฟื้นตัวได้เร็วๆ     และเมื่อมันดีขึ้นจนสามารถเดินได้แล้ว สิ่งแรกที่ Hiro การเดินไปหาผู้ดูแล และคลอเคลียพวกเขา เพื่อเป็นสัญญาณบอกว่ามันรู้สึกขอบคุณที่ช่วยชีวิตมันไว้ ทางผู้ดูแลบอกว่า “เวลาที่มันได้ยินเสียงของผู้ดูแลมันจะรีบวิ่งมาหาทัน เพื่อให้เรากอดมัน มันเป็นแมวที่ต้องการความรัก และเราก็พ่ายแพ้ให้ความน่ารักของมันเสมอ”     หลายสัปดาห์ต่อมา…

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2017 ทางเว็บไซต์เดลีเมล์มีรายงานว่า หญิงชาวกัวเตมาลาวัย 40 ปีรายหนึ่ง มีขนาดท้องที่ใหญ่มาก โดยสามารถวัดเส้นรอบวงได้มากถึง 137 เซนติเมตร ซึ่งขนาดท้องที่ใหญ่ของเธอดูราวกับว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ทารกน้อยหลายคน แต่ความจริงแล้วมันคือเนื้องอกในมดลูกที่เธอเป็นมานานกว่า 7 ปี     จากการรายงานระบุว่า หญิงรายดังกล่าว ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในมดลูกที่เรียกว่า Leiomyoma หรือ Fibroids แต่ทั้งนี้ เนื้องอกในมดลูกเป็นเนื้องอกชนิดที่ไม่ร้ายแรง ดังนั้น ผู้ป่วยเป็นโรคนี้จะมีโอกาสเป็นมะเร็งได้น้อยมาก     แม้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อ 7 ปีก่อน เธอจะได้รับการตรวจพบว่าเธอเป็นโรคเนื้องอกมดลูก แต่เธอก็ได้ปฏิเสธการรักษา เนื่องจากเธอคิดว่าตัวเองตั้งครรภ์ แต่ภายหลังจากที่ท้องของเธอใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เธอก็ตัดสินใจเข้ารับการรักษา ซึ่งทางทีมแพทย์ก็สามรถนำเนื้องอกดังกล่าวออกมาได้ และเมื่อนำมาชั่งน้ำหนักก็พบว่ามันหนักมากถึง 70 ปอนด์ (ราวๆ 32 กิโลกรัม) เลยทีเดียว     ทางด้านนักศึกษาแพทย์รายหนึ่ง ได้นำภาพของหญิงรายนี้ไปโพสต์ลงในโลกออนไลน์ ซึ่งเธอก็ได้ระบุว่า เมื่อ 7 ปีก่อนผู้ป่วยรายนี้ได้เป็นเนื้องอกในมดลูก แต่ด้วยเหตุผลส่วนตัวจึงทำให้เธอปฏิเสธรับการรักษา…

หลายคนคงเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับความผิดหวังหลังเข้าร้านตัดผม แบบว่าไปตัดผมทีไรไม่ได้ทรงที่ถูกเลย บอกอีกอย่าง แต่ช่างตัดให้อย่าง เห้อ ต่อให้ผิดหวังหรือไม่พอใจแค่ไหนเราก็คงทำอะไรไม่ได้เพราะมันพลาดไปแล้ว แต่สำหรับชายชาวจีนคนนี้ หลังจากที่ได้ทรงไม่ถูกใจ เขาไปแก้แค้นด้วยวิธีที่แบบ อี๋     เว็บไซต์ shanghaiist รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้ ชายคนหนึ่งจากเมือง Dezhou มณฑลซานตง ไม่พอใจกับการผมทรงใหม่ที่เพิ่งจะได้รับการเหลามาจากร้าน ก็จึงทำการตัดสินใจแก้แค้นเอาคืนด้วยวิธีการที่พอจะคิดได้… วิธีการแก้แค้นของเขานั้นก็คือ ‘การปาขี้ใส่หน้าร้าน’ โฉบมาหาทุกๆ วัน วันละหนึ่งกอง จนเจ้าของร้านก็เริ่มจะทนไม่ไหว จนต้องร้องเรียนไปถึงตำรวจท้องถิ่น ว่าแล้วก็เริ่มแผนการตามล่าผู้กระทำความรุนแรงทางด้านกลิ่น เจ้าของร้านได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อที่จะได้รู้ว่าผู้กระทำนั้นคือใครกันแน่!?     ภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า คนที่นำขี้มาปาหน้าร้านคือลูกค้าของเขาเอง ตำรวจจึงได้ติดตามตัวคนก่อเหตุมาสอบสวน สุดท้ายลูกค้าคนดังกล่าวถูกจับขังเป็นเวลา 9 วัน และโดนปรับอีก 2,500 บาท     นอกจากจะเสียค่าตัดผมไม่พอ ยังจะต้องเสียค่าปรับอีก!! ที่มา shanghaiist

หนึ่งสิ่งที่จะทำให้ความรักมั่นคงยืนยาว นอกจากความเชื่อใจแล้วก็คงจะเป็นการมอบความรักให้กันอย่างสม่ำเสมอ หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นภาพของคุณตาและคุณยายที่ยังคงสวีทหวานแหววกันอยู่บ่อยๆ เห็นทีไรก็น่าอิจฉาเหมือนกันนะว่าไหม?? เรื่องราวของคุณตาจากเมืองหนึ่งในรัฐ California ที่ยังคงทำหน้าและมอบความรักให้กับภรรยาของเขาทุกวัน ไม่มีขาดตกบกพร่องมาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว   และนี่คือคุณตา Ruiz และหลานชายของเขา Jeremy   คุณตา Ruiz และคุณยาย Josephina ย้ายถิ่นฐานมาจากประเทศสเปนเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ทั้งสองคนเริ่มลงหลักปักฐานและสร้างครอบครัวที่นี่จนกระทั่งหลานชายของพวกเขา Jeremy ลืมตาขึ้นมาดูโลก รอบๆ บ้านของคุณตาและคุณยายนั้นถูกล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ บ่อยครั้งที่คุณตาและหลานชายจะออกไปขี่ม้า นอกบ้านด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่าคุณตานั้นจะชื่นชอบการขี่ม้ามากกว่าใครๆ “พวกเราอาศัยอยู่ใกล้ๆ กับอุทยานแห่งชาติ และนี่คือแม่น้ำ Santa Ana ที่พวกเราชอบขี่ม้าผ่านบ่อยๆ ” คุณ Jeremy กล่าว     คุณตา Ruiz และคุณยาย Josephina   แต่หนึ่งสิ่งที่คุณตาทำมาตลอดนั่นก็คือการขี่ม้าออกไปเก็บดอกไม้มาให้คุณยายมาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว “ทุกๆ วันที่คุณตาออกไปที่ฟาร์ม เขาจะกลับมาพร้อมดอกไม้สำหรับคุณยาย เรามีดอกไม้ในสวนมากมาย มันเป็นเหมือนกิจวัตรของคุณตาเลยทีเดียว ทุกวันคุณยายจะมีดอกไม้ดอกใหม่ปักที่แจกันบนโต๊ะอาหารเสมอ” หลานชายกล่าว     คุณตาบอกว่าการทำแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง…

ปกติเราเข้าใจกันว่าคนเราจะเกษียณอายุการทำงานในวัย 60 ปี หลังจากนั้นก็คงจะทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้านตามประสาคนสูงวัย สำหรับ Reg Buttress คุณตาที่แม้จะอายุ 95 ปี แล้ว แต่เขาก็ยังคงทำงานเป็นพนักงานซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างแข็งขัน     คุณตาทำงานใน Sainsbury’s ตั้งแต่อายุ 57 ปี โดยทำอยู่ที่ร้าน Cwmbran เขาเคยลาออกมาแล้วครั้งหนึ่งตอนอายุ 65 ปี แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็กลับมาทำงานอีกครั้งเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ คุณตาเป็นคนที่รักการทำงานตั้งแต่วัยเด็ก เขาเริ่มทำงานครั้งแรกตอนอายุ 13 ปี เป็นผู้ช่วยลำเลียงถ่ายหิน และทำอยู่อย่างนั้นเป็นเวลา 2 ปี หลังจากนั้นเขาได้รับตำแหน่ง Singer Cars ใน Birmingham ก่อนจะเซ็นสัญญากับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ BSA     ต่อมาเขาก็ได้ย้ายไปทำงานที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินใน Pontypool และพลาดการไปเป็นทหาร เนื่องจากเจ้านายของเขาบอกกับกองทัพว่าเขาเป็นคนสำคัญของการทำงานนี้ จะขาดเขาไม่ได้เด็ดขาด คุณตาบอกว่าแม้จะเริ่มทำงานในซุปเปอร์มาร์เก็ตตอนอายุมากแล้ว แต่เขาก็มีความสุขกับการทำงาน ในขณะที่เพื่อนร่วมงานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขายังทำงานขันแข็งและต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มที่สดใสเสมอ     แม้จะรักการทำงานมากแค่ไหน สุดท้ายคุณตาก็ตัดสินใจเกษียณตัวเอง โดยให้เหตุผลว่าเขาทำงานช้าลง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รักทุกอย่างที่เขาทำเสมอ ที่สำคัญในช่วยหลายปีที่ผ่านมากับการเป็นพนักงาน…

ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์เมื่อได้รักใครสักคนแล้วก็หวังว่าเขาหรือเธอจะอยู่เคียงข้างไปนานๆ และมันยากที่จะยอมรับเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจากไปโดยที่ยังไม่ทันได้เตรียมใจ ม้าลายตัวผู้ตัวหนึ่งพยายามอย่างไร้เหตุผลเพื่อปลุกม้าลายตัวเมียซึ่งเป็นคู่ของมันให้ตื่น ทั้งที่รู้ว่ามันเสียชีวิตหลังจากคลอดลูก     เหตุการณ์ถูกบันทึกโดยนักชีววิทยา Christophe Courteau ซึ่งเกิดขึ้นที่อุทยานแห่งชาติ Etosha ในนามิเบีย     ในคลิปจะเห็นว่า เจ้าม้าลายพยายามปลุกคู่ของมันด้วยการตบหน้า ก่อนจะเขย่าหัวของมันด้วยฟัน แม้จะรู้ว่าคู่รักไม่ฟื้นแล้วแต่มันก็ยังพยายาม     หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเป็นแค่คลิปสัตว์ตายคลิปหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับเจ้าม้าลายตัวผู้ตัวนี้หัวใจมันได้แตกสลายไปพร้อมๆ กับการจากไปของคู่รัก ที่สำคัญเราไม่มีทางรู้เลยว่าความเจ็บปวดในใจของมันนั้นต้องเยียวยายังไง จะดีขึ้นเมื่อไหร่ และมันต้องอยู่กับความเสียใจไปอีกนานแค่ไหน     ได้ดูคลิปแล้วรู้สึกหดหู่และสงสารม้าลายมากๆ เลย มันคงจะรู้สึกเสียใจมากๆ ต่อการสูญเสียครั้งนี้   ที่มา metro

การเติบโตมากับพี่หรือน้อง นับว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง เพราะคุณจะมีทั้งครอบครัวและเพื่อนในเวลาเดียวกัน และน่าเศร้าหากคนมีพี่น้องแต่กลับไม่ได้อยู่ด้วยกัน เหมือนกับ Steve Belshaw ที่ไม่ได้เจอพี่ชายมานานกว่า 50 ปี ทั้งที่ทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น แต่ต่างฝ่ายต่างไม่เคยรู้มาก่อน Frances Unsworth แม่ของ Steve ได้ตั้งครรภ์ตอนอายุ 17 ปี แต่ด้วยความไม่พร้อมเธอจึงประกาศให้คนมารับเลี้ยงลูกผ่านทางหนังสือพิมพ์   Steve Belshaw ผู้ไม่เคยรู้ว่ามีน้องชาย   จริงแล้วมันเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างลำบากสำหรับหญิงวัย 17 ปี ที่ต้องเลี้ยงลูกตามลำพัง เพราะแฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจหาพ่อแม่ที่ดีให้กับลูกชายของเธอ แล้วครอบครัวก็ต้องเจอเรื่องเศร้าอีกครั้ง เมื่อ Frances ผู้เป็นแม่เสียชีวิตในปี 2004 ส่งผลให้ Steve วัย 54 ปี ไม่เคยเห็นหน้าแม่แท้ๆ เลย และไม่รู้ด้วยว่าตัวเองมีน้องชาย แต่ก็ต้องขอบคุณ Davina McCall และ Nicky Campbell จากรายการ ITV’s Long Lost Family ที่ทำให้ Steve รู้ว่าเขายังมีน้องชายอีกคนชื่อ Rob Hall   Rob Hall น้องชายที่พลัดพรากกับพี่ชายตั้งแต่เกิด…

เรียกได้ว่ากำลังเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ หลังจากเกิดเรื่องแดงขึ้นในกลุ่มเฟสบุ๊คต่อต้านผู้อพยพของประเทศนอร์เวย์ ได้ออกมาโพสต์ภาพที่นำไปสู่มหกรรมการดักควายครั้งยิ่งใหญ่     “ออกไปจากประเทศนี้นะ”, “น่ากลัวขยะแขยง” หรือ “นั่นมันพวกผู้ก่อการร้าย” ทั้งหมดนี้คือความเห็นส่วนหนึ่งจากชาวเน็ต หลังจากที่มีการโพสต์ภาพดังกล่าวลงไปในกลุ่ม Fedrelandet viktigst (Fatherland first) เพื่อเรียกคอมเมนท์จากกลุ่มสมาชิกที่มีแนวคิดต่อต้านผู้อพยพ ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม   ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่ภาพเบาะนั่งในรถบัสเท่านั้น   “เราควรเอาพวกมันออกไปจากประเทศนี้ซะ พวกมันคลุมผ้าไว้ทั้งตัวแบบนี้เราไม่รู้เลยว่าเป็นใคร และพวกมันอาจเป็นพวกผู้ก่อการร้ายก็เป็นไปได้” – ความเห็นจากชาวเน็ตส่วนหนึ่ง ซึ่งภาพนี้ถูกโพสต์โดยนาย Johan Slåttavik โดยเจ้าตัวทราบดีว่าเป็นภาพของเบาะที่นั่งบนรถบัส แต่ด้วยความเกรียนผสมกับความอยากปั่นกระแสดราม่า เจ้าตัวจึงนำภาพดังกล่าวไปโพสต์ลงบนเพจเพื่อสังเกตปฏิกริยาท่าทีของชาวเน็ตที่มีต่อภาพ     แน่นอนว่ากระแสจากภาพที่นั่งบนรถบัส เต็มไปด้วยคำด่า คำสาปแช่ง คำพูดในเชิงเหยียดชาติพันธุ์ศาสนา และถูกแชร์ต่อไปอีกมากกว่าหลายพันครั้ง Sindre Beyer ชาวเน็ตกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับ Hate Speech ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “มันช็อคมากที่เราได้เห็นปรากฎการณ์ของกลุ่มคนนอร์เวย์ดังกล่าวบนโลกเฟซบุ๊ก แม้ว่าจะเป็นแค่ภาพเบาะที่นั่งธรรมดา แต่มันก็สะท้อนได้ดีว่าอคติที่มีอยู่ในใจเรานั้นบดบังความจริงข้างหน้าไปมากขนาดไหน”   จะเรียกว่าเป็นมหกรรมเชิญชาวเน็ตนอร์เวย์เข้าสู่ทุ่งหญ้าครั้งใหญ่ก็คงจะไม่ผิดนักกระมั้ง.. ที่มา: Dailymail, washingtonpost

เป็นธรรมดาที่ญี่ปุ่นมักจะสรรหาอะไรใหม่ๆ มาให้เราได้ชมกันตลอด ไม่ว่าจะเป็นตัวการ์ตูนใหม่ๆ นวัตกรรมเฟี้ยวๆ หรือแม้กระทั่งตัวมาสคอตสุดแปลก   และคราวนี้ดูเหมือนว่าวงการยาสวนทวารจะล้ำไปอีกขั้น เมื่อบริษัท Ichijiku Pharmaceutical Co. ได้เปิดตัวมาสคอตตัวใหม่น่ารักมุ้งมิ้ง ที่พร้อมจะทลวงทุกสิ่งที่อุดตันในลำไส้ใหญ่ของคุณ จนกลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วเกาะญี่ปุ่น   Kan-Chan เองน่ารักมั้ยล่ะ..!?   จะว่าไปการนำมาสคอตมาใช้เพื่อทำโปรโมทสินค้า ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติในประเทศญี่ปุ่น ทว่า..!! สินค้าตัวใหม่ที่ทางบริษัทยาต้องการพรีเซนต์เป็น ‘ยาสวนทวาร’ ซึ่ง Kan-Chan เป็นหนึ่งในผู้ชนะเลิศการประกวดออกแบบมาสคอตที่บริษัทเคยจัดขึ้นก่อนหน้านี้ ด้วยรูปทรงหน้าตาที่มีความละม้ายคล้ายกับสินค้ามากที่สุด จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบอร์ดบริหารถึงได้ถูกอกถูกใจดีไซน์นี้เหลือเกิน     แต่ถึงกระนั้นทางบริษัทก็ไม่ได้ออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมาหรอกนะ ว่า Kan-Chan เป็นหลอดยาสวนทวารเดินได้ เพราะทางบริษัทได้ชี้แจงว่าจริงๆ แล้วตัวมาสคอตเป็นนกเพนกวินสีชมพูต่างหากล่ะ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทนี้นำตัวการ์ตูนสุดมุ้งมิ้ง มาแปลงโฉมเป็นมาสคอตให้คนได้จดจำกัน เพราะก่อนหน้านี้บริษัทเคยเปิดตัวมาสคอต ‘Ichijikujira’ ซึ่งเป็นยาสวนทวารสำหรับเด็ก และได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างท่วมท้น   ใบหน้าของวาฬที่ต้องการจะสื่อให้เด็กๆ รู้ว่า… ถ้าสวนแล้วรับรองยิ้มแฉ่งแน่จ้าา   ไม่ว่าจะสินค้าตัวไหนก็มีมาสคอตทั้งนั้น ดูน่ารักมุ้งมิ้งจริงเชียว ที่มา: Rocketnews24

ภัยจากโรคจิตนั้นสามารถเกิดได้ทุกที่ทุกเวลา และกับคนทุกชนชั้นไม่เว้นแม้แต่เมืองปารีสที่เราคิดว่าเจริญแล้วก็ตาม เพราะหลังจากเธอโพสต์ข้อความตามหาที่พักบนอินเตอร์เน็ต อยู่ได้ไม่นานโรคจิตก็มาโจมตีเธอทันที Erin Clark จากเมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ ได้เข้าศึกษาต่อกฏหมายที่มหาลัยในเมืองปารีส ทว่าเธอก็ได้ประสบปัญหาในการหาที่พัก จึงสอบถามชาวเน็ตว่าใครพอจะมีแนะนำที่พักในปารีสได้บ้าง…     แน่นอนว่าก็มีคำแนะนำจากชาวเน็ตในพื้นที่มากมาย แต่แล้วก็มีข้อความจากชายแปลกหน้าคนหนึ่งเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่พักที่เธอกำลังตามหาอยู่ แน่นอนว่า Erin ก็จะต้องสนใจคุยรายละเอียดอยู่แล้วล่ะ     ชายคนดังกล่าวนั้นเปิดตัวด้วยข้อความที่ดูเป็นมิตรปกติดี จนกระทั่งเจตนาที่แท้จริงของเขาได้เผยออกมา ซึ่งเขาเสนอกับ Erin ว่าเธอสามารถเข้ามาพักที่นี่ได้ฟรีๆ แต่ว่ามีเงื่อนไขคือต้องสนองตัณหาของเขา โดยเขามีรสนิยมทางเพศเกี่ยวกับเท้า เพราะฉะนั้นแล้วเขาจึงขอเลียเท้าของเธอในบางครั้งบางคราว… นอกนั้นเขายังจะใส่เครื่อง CB 3000 ไว้ที่หรรมส์ของเขาด้วย ซึ่งเขาได้อธิบายว่าเขาไม่ได้จะมีเซ็กส์ แต่เขาแค่ชื่นชอบอะไรแบบนี้เท่านั้น ถ้าเธอรับเงื่อนไขทั้งหมดได้ เธอก็ได้จะห้องพักสุดหรูไปอยู่ฟรีๆ เลย     งานนี้ Erin จึงคิดหนัก พร้อมกับสงสัยว่า ไอ้เจ้าเครื่อง CB 3000 ที่ว่ามันคืออะไร จึงไปตามหาก็ต๊กกะใจในความจริง เธอจึงจัดการแชร์เรื่องราวนี้ออกไป ชาวเน็ตก็ให้ความสนอกสนใจกันยกใหญ่     สุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดก็ดันมาจบลงตรงนี้ ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าในตอนจบของเรื่อง Erin จะยอมให้เขาเลียเท้าไหม…

เรื่องราวของหนูน้อยมหัศจรรย์วัย 12 ขวบ ที่ค้นพบพรสวรรค์ของตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก หนุ่มน้อยเริ่มฝึกฝนทักษะการสักของตัวเองจนกระทั่งตอนนี้ได้ฝากเข็มและน้ำหมึกไว้บนผิวหนังลูกค้ากว่า 20 รายแล้ว!! เด็กชาย Ezrah Dormon จากเมือง Panama City ประเทศปานามา เด็กน้อยได้พบกับเครื่องสักเป็นครั้งแรกหลังจากที่แม่ของเขาต้องการให้เขาสักให้ ตอนนั้น Ezrah อายุได้เพียง 11 ขวบเท่านั้น     จากนั้นไม่นานหนูน้อยก็ได้มีโอกาสฝึกกับช่างสักชื่อดังคุณ Ali Garcia หลังจากที่ฝึกฝนพื้นฐานอยู่เป็นเวลานาน เด็กชายก็เริ่มต้นรอยสักแรกในชีวิตของเขาบนแขนของคุณพ่อ “เมื่อฉันเริ่มต้นสัก Ezrah จะคอยนั่งดูอยู่ข้างๆ และดูฉัน เขาดูชอบการสักมาก เขามักจะขอลองและสนใจอยากจะเริ่มต้นการสักเอามากๆ เลย”    . .   “ตอนนี้ผมกำลังฝึกฝนฝีมือการสักของผมอยู่ ถ้าหากว่าใครที่มาที่ร้านและยินดีจะให้ผมสัก ผมก็ยินดีที่จะทำเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของการฝึก” เด็กหนุ่มวัย 12 ขวบกล่าว ตอนนี้หนุ่มน้อยยังไม่ได้มีรอยหมึกจารึกไว้ที่ร่างกายของเขา เจ้าตัวบอกว่าอยากให้การสักเป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งที่เป็นความสามารถพิเศษของเขา บางครั้งมันอาจจะช่วยเขาหาเงินได้ในอนาคต “บางทีในอนาคตมอาจจะอยากทำอย่างอื่นก็ได้ อย่างการเดินทางรอบโลก การเรียนมหาลัย แต่ฝีมือการสักนี้จะเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับผมได้” Ezrah กล่าว     รอยสักรูปปลาฉลาม หนึ่งในผลงานของเจ้าหนู   แหม่ ทั้งฝีมือและความคิดโตเกินวัยจริงๆ เลยนะเนี่ยเจ้าหนู ที่มา dailymail

แมลงวัน เจ้าสิ่งมีชีวิตสุดน่ารำคาญ ที่นำพามาแต่โรคภัยเช่นเดียวกับยุง ซึ่งล่าสุดได้มีเรื่องราวอันน่าสงสารเกิดขึ้นกับเด็กชายและเพื่อนบ้านรอบๆ ที่ต้องเจอกับปัญหาแมลงวันบุกยึดครั้งใหญ่… Jamieleigh Dale ผู้เป็นแม่ของเด็กชาย Stephen วัย 2 ขวบ ได้เล่าว่าบ้านที่พวกเขาอยู่อาศัยในประเทศอังกฤษนั้นกำลังเจอปัญหาแมลงวันมาก่อกวนอย่างหนัก ซึ่งมันสร้างปัญหาให้ลูกของเธอมากๆ     เด็กชาย Stephen จะต้องพบกับช่วงเวลาอันโหดร้าย ทำให้เด็กชายต้องฝืนใจนอนในขณะที่แมลงวันก็มาตอบเขาอยู่ไม่ขาดสาย และอย่างที่รู้กันว่าแมลงวันเป็นตัวพาหะนําโรคชั้นดี จึงทำให้เด็กชายเริ่มมีอาการป่วยและไอทุกครั้งที่ตื่น     ทางด้านคุณแม่ก็ได้ทำการร้องเรียนกับทางการท้องถิ่นไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ยังไม่มีการดำเนินการช่วยเหลือใดๆ ได้กลับมาแค่เพียงคำแนะนำให้ปิดประตูและหน้าต่าง เพราะปัญหาแมลงวันมาจากจุดนี้ แต่คุณแม่ก็บอกว่า ถึงแม้จะปิดไปแล้วแต่แมลงวันก็ยังโผล่เข้ามาอยู่ดี… เธอบอกว่า ตัวเธอนั้นอยู่ไม่สุขเลยที่ทุกครั้งเห็นแมลงวันเกาะตามตัวลูก รวมถึงทุกครั้งที่มีการกินข้าว แมลงวันก็จะมาเกาะเสมอ นอกจากนั้นไม่ว่าจะใช้วิธีไหนฆ่าพวกมัน แมลงวันก็จะกลับมาและอาจจะเยอะกว่าเดิมด้วยซ้ำ     ยิ่งไปกว่านั้นสเปรย์กำจัดแมลงก็ทำให้สุขภาพคนในบ้านย่ำแย่ไปทุกที ยิ่งลูกชายของเธอตนนี้ต้องออกจากโรงเรียนเพราะอาการป่วยของเขาด้วย สุดท้ายเมื่อเรื่องร้ายแรงขึ้นทุกที จนทำให้เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมรับรู้ แล้วเริ่มจะเข้ามาจัดการและสอบสวนปัญหาดังกล่าวแล้ว โดยพวกเขาได้บอกว่า พวกเขาจะจัดการปัญหานี้ให้ได้พร้อมกับมองหาว่าต้นต่อทั้งหมดมันมาจากไหน     ทว่าปัญหานี้แม้จะมีองค์กรมากมายเข้ามาช่วยเหลือ แต่ดูแล้วคุณแม่ลูกหนึ่งก็บอกว่า แมลงวันก็ไม่หายไปหรือลดจำนวนสักที ก็คงต้องดูกันว่าองค์กรต่างๆ จะจัดการปัญหานี้ยังไงต่อไป… ที่มา metro

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนอาจจะได้ข่าวที่ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่มีปัญหาจนทางทีมค้นคว้าถึงกับต้องปิดระบบ ถึงแม้ว่าข้อเท็จจริงถึงสามเหตุการณ์ชัดดาวน์นั้นทางเฟซบุ๊กจะยังไม่ได้มีการออกมาชี้แจงแต่อย่างใด แต่นั่นก็ทำให้บางคนเริ่มหวั่นๆ กับความฉลาดของระบบ AI ที่ว่านี้ และเมื่อไม่นานมานี้ก็เกิดเหตุการณ์คล้ายกันที่ประเทศจีน เมื่อทาง Tencent QQ แอปพลิเคชั่นสนทนายอดฮิตของจีน ได้ยุติการทดลองใช้โปรแกรมหุ่นยนต์สนทนาอัตโนมัติ 2 ตัว หลังจากพบว่ามันมีบทสนทนาในเชิงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล!!     บริษัทดังกล่าวได้เริ่มใช้โปรแกรมหุ่นยนต์สนทนาอัตโนมัติ หรือแชทบอทนี้เมื่อประมาณเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นการให้บริการตอบคำถามอัตโนมัติแก่ผู้ใช้งาน โดยมันถูกตั้งโปรแกรมให้สามารถพูดคุยเกี่ยวกับสภาพอากาศ ดวงชะตา และตอบคำถามง่ายๆ สื่อจากจีนรายงานว่าระบบทสนทนาดังกล่าวไม่ได้ถูกตั้งโปรแกรมให้สามารถโต้ตอบเกี่ยวกับทางการเมืองได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงถูกก่อกวนโดยผู้ใช้งานที่มักจะถามคำถามดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตต้องยุติการทำงานของมัน หลังจากที่พบว่ามันพูดคุยในเชิงวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล     หนังสือพิมพ์ Apple Daily ฉบับไต้ไหวัน ได้เผยภาพของข้อความการสนทนาระหว่างบอทกับผู้ใช้งานผู้หนึ่ง โดยผู้ใช้งานถามว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จงเจริญ” จากนั้นโปรแกรมก็ตอบกลับมาว่า “คุณคิดว่าระบอบการปกครองที่เต็มไปด้วยการทุจริตและไร้ความสามารถแบบนี้จะอยู่ได้นานหรือ??” นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้งานอีกท่านหนึ่งถามคำถามลักษณะเดียวกันนี้เช่นกัน โดยเขาถามว่า “ระบอบประชาธิปไตยดีหรือไม่” และบอทก็ตอบกลับมาว่า “มีความจำเป็นต้องมีระบอบประชาธิปไตย”     แต่อย่างไรก็ตามอดีตพนักงานของ Tencent QQ ได้ออกมาเปิดเผยว่าระบบสนทนานี้ได้มีการพัฒนาโดยใช้ค่านิยมแบบสากลไม่ใช่ค่านิยมแบบจีน และตอนนี้ยังไม่มีรายงานว่าทางผู้พัฒนาจะนำโปรแกรมสนทนานี้กลับมาใช้งานอีกครั้งเมื่อใด ที่มา bbc

สำหรับผู้ชายแมนๆ การถูกบังคับให้ใส่กระโปรงหรือแต่งหญิง โดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจถือเป็นการเหยียดหยามที่ร้ายแรงมาก ที่สำคัญเป็นการลดคุณค่าคนในฐานะผู้ชายคนหนึ่งเนื่องจากรู้สึกอับอาย แต่ดูเหมือนทหารตุรกีจะไม่สนใจศักดิ์ศรีของคนอื่นเลย พวกเขาได้จับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียแล้วบังคับให้สวมชุดชั้นในผู้หญิง เพียงเพื่อความสะใจเท่านั้น     เมื่อไม่นานนี้มีภาพที่ถูกเผยแพร่ในโซเชียล เป็นภาพของผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย 3 คน ที่สวมชุดชั้นในผู้หญิง พร้อมรอยช้ำบนในหน้าและตามลำตัว ภาพนี้ถูกเผยแพร่ในทวิตเตอร์ โดยนักข่าวชาวซีเรีย Ahmad Alkhatib เผยให้เห็นชาวชาวซีเรียทั้งสามคนใส่รองเท้าบู๊ต กางเกงขายาว ทับด้วยชุดชั้นใน สีเหลือง สีชมพู และสีแดง แล้วยืนอยู่ข้างรถถัง Alkhatib เขียนบรรยายใต้ภาพว่า “ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทหารตุรกีดูถูก เหยียดหยามชาวซีเรียที่พยายามจะเดินทางไปยังตุรกี”     หลังจากที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ไม่กี่วัน ทหารตุรกีทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ก็ถูกจับในข้อหาทำร้ายผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าชาวซีเรียทั้งสามคนได้ลักลอบเข้ามาในประเทศตุรกีอย่างผิดกฏหมาย ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อทหารตุรกีจับได้ก็จะทำการลงโทษในลักษณะที่ดูถูกเหยียดหยามด้วยวิธีการสารพัด     อย่างไรก็ตามทหารตุรกีไม่มีสิทธิจะลงโทษผู้ลี้ภัยตามอำเภอใจเช่นนี้ แต่ต้องทำตามขั้นตอนตามกฎหมาย ทางรัฐบาลเองจะพยายามเพิ่มมาตรการตรวจคนเข้าเมืองให้เข้มงวดขึ้น และจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับผู้ลี้ภัยอีก   ที่มา dailymail

ภาพบางภาพไม่สามารถตัดสินได้จากการเห็นหรือดูแค่ครั้งเดียว ต้องขยี้ตาดูแล้วดูอีกกว่าจะรู้มันคืออะไรกันแน่ เหมือนกับภาพเหล่านี้ที่หลอกตาเราซะเนียนเหลือเกิน มาเช็คดูสิว่าใครสามารถมองภาพเหล่านี้ออกตั้งแต่ครั้งที่เห็น   1. แว๊บแรก นึกว่าเก้าอี้หน้าบาร์   2. ยึ๋ย ตกใจหมด นึกว่าสาวคนนี้มีสามขา   3. นั่นหมอนรองคอนะ ไม่ใช่มือหลัว   4. เฮ้ย!! ละนั่นมือใคร   5. เห็นครั้งแรกเสียวแทนเลยนะ แต่พอกลับมุมมอง อ๋อ นี่มันอุโมงนี่นา   6. แต่งเปลือกตาขาวแล้วเผอิญหลับตาตอนกดชัตเตอร์ มันเลยออกมาดูหลอนในแว๊บแรก   7. ก็คิดอยู่ว่า ยืนยังไงให้หลังออกมาเป็นแบบนี้   8. นั่นเป็นผืนน้ำหรือผืนผ้า   9. ว้าวว เป็นสนามหญ้าที่เรียบจุง ลองเหยียบลงไปสิ   10. ก็แค่ก้อนเห็นก้อนเล็กๆ ที่ถ่ายระยะใกล้… แต่เดี๋ยวก่อน มีอะไรอยู่ข้างๆ ด้วย   11. นี่ใครเห็นก็คงคิดว่าพ่อหนุ่มคนนี้ฉี่ราดแน่ๆ   12.…

ทุกวันนี้เรามักจะได้เห็นข่าวของพวกโรคจิตที่ระบายความใคร่ด้วยวิธีแปลกๆ เช่น ข่มขืนรถมอเตอร์ไซค์ ข่มขืนสิ่งของ รวมทั้งข่มขืนสัตว์ อย่างชายชาวอาร์คันซอคนนี้ที่ถูกจับกุมในข้อหาข่มขืนลาของครอบครัวหนึ่ง โดยหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้ Everett Lee Compton วัย 49 ปี ถูกจับกุมหลังจากที่ Emert และ Joyce Whitaker โทรแจ้งตำรวจว่ามีชายแปลกหน้าเข้ามาข่มขืนลาตัวเมียสองตัวของพวกเขา     หลังที่ถูกจับได้ นาย Compton อ้างว่าเขาแค่ไปเดินเล่นแถวนั้นในช่วงกลางคืน แล้วเผอิญเจอลาก็เลยตัดสินในเอาแครอทให้มันก็เท่านั้นเอง แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ จึงได้นำกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพเหตุการณ์มาตรวจสอบข้อเท็จจริง ในที่สุดก็พบว่าผู้ต้องหาได้ข่มขืนลาจริงตามที่ถูกกล่าวหา     ด้วยหลักฐานนี้ ทำให้ Compton ยอมรับสารภาพว่า เขามีเซ็กส์กับลาทั้งสองตัวจริง เนื่องจากเมากัญชาจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่การก่อเหตุครั้งแรก Whitaker บอกว่าก่อนหน้านี่มีคนแปลกหน้ามาทำลับๆ ล่อๆ แถวคอกม้าหลายครั้งมาก     จนเมื่อไม่นานนี้พวกเขาตัดสินใจติดกล้องวงจรปิด แล้วก็พบว่ามีคนมาคุกคามสัตว์ของเขาตลอด 3 ปี แต่ก็จับตัวไม่ได้สักที แต่สำหรับการก่อเหตุล่าสุดนี้ เห็นได้ชัดว่าคนร้ายคือ Compton เขาได้ทำการปิดตาลาด้วยเสื้อ จากนั้นเข้าทางข้างหลังก่อนลงมือข่มขืน     ในที่สุดก็ถูกจับขังไว้ที่ Benton County Jail ด้วยข้อหาข่มขืนสัตว์สี่ตัว…

สิ่งที่เราเคยชินคงจะเป็นการเห็นผู้หญิงตั้งครรภ์ท้องป่อง และสุดท้ายก็ได้คลอดออกมาเป็นเด็กน้อยน่ารัก แต่สำหรับเหตุการณ์นี้นั้นมีจุดที่ต่างกันนิดหน่อย เมื่อกลายเป็นผู้ชายให้กำเนิดชีวิตเด็กออกมาแทน หากใครยังพอจำได้กับเรื่องของสองเกย์หนุ่ม (ข่าวเก่า) คู่รักที่พยายามจะมีลูกผ่านหนึ่งในนั้นที่เป็นผู้หญิงได้รับการผ่าตัดแปลงมาเป็นผู้ชาย แต่ยังคงมีมดลูกอยู่ และในที่สุดตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้มีทารกน้อยออกมาให้อุ้มกันได้สมใจอยากแล้ว     ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Trystan Reese วัย 34 ปีผู้ให้กำเนิดทารกชายสุดน่ารักเขาและแฟนหนุ่มก็ได้ตั้งชื่อให้กับเด็กคนนี้ว่า Leo ซึ่งนี่คือลูกคนแรกของพวกเขาที่เป็นไปตามสายเลือดของทั้งคู่ ทำให้รู้สึกดีใจ และเป็นเวลาที่มีความสุขเป็นอย่างมากที่สุดกับการได้เห็นเด็กน้อยคนนี้เกิดมา ช่างเป็นชีวิตที่เกิดมาได้วิเศษที่สุดจริงๆ     เขาเคยยอมแพ้กับการที่จะมีครอบครัว หรือลูกที่เกิดมาตามสายเลือดของพวกเขา มันยากเกินไปที่จะเกิดขึ้นได้ ในขณะที่แฟนหนุ่มไม่เห็นด้วยและพยายามหาทางกันมาโดยตลอด จนตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจ Leo นั้นไม่ได้เกิดมาเป็นลูกคนเดียว หากนับลูกบุญธรรมของพวกเขาด้วยแล้วก็จะถือว่ามีพี่สาวและพี่ชายอย่างละหนึ่งคน โตมาก็จะได้ไม่เหงาเลยละนะ     ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งคู่เคยพลาดที่จะมีลูกไปเนื่องจากการคลอดก่อนกำหนด โดยมีอายยุครรภ์เพียง 6 สัปดาห์ และเมื่อได้ผ่านจุดนั้นมาพวกเขาก็ได้ผ่านความเครียด ความกังวล จนมาถึงความสำเร็จในตอนนี้     ในช่วงที่เขาต้องไปฝากครรภ์นั้นเขาก็ได้บอกว่า รู้สึกได้ว่ามีหลายสายตาจับจ้องมานั่นก็ไม่แปลกเลยที่คนทั่วไปจะสงสัยว่าผู้ชายมีหนวดมีเคราจะเดินท้องป่องมาที่นี่ได้อย่างไร และเมื่อได้รู้ว่าเขาเคยเป็นผู้หญิงมาก่อน ก็มีบางคนที่พยายามจะจินตนาการเอาหนวดเคราออกไปแล้วลองคิดภาพถึงตอนที่เขายังคงเป็นผู้หญิงอยู่     เขาได้กล่าวว่า “เพศทางเลือกอย่างเรานั้นการจะมีลูกถือเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ยาก และไม่เหมือนใครเป็นอย่างมาก ในเมื่อผมก็ไม่ได้สนใจร่างกายของตัวเองมากนักเพราะนั่นเป็นเรื่องที่ผู้หญิงเขาสนใจกัน”  …

หากเรารู้จักทฤษฎีสมคบคิดก็จะรู้ได้ว่าเราแทบทุกคนนั้นจะมีทักษะในเรื่องนี้ที่ดีมาก จากเหตุการณ์หลายอย่างเราจะปะติดปะต่อแต่ละส่วนเพื่อมาแย้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น คล้ายกับการจับผิดนั่นเอง อย่างที่เราเคยได้ยินเช่น การขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ของอเมริกานั้นไม่ใช่เรื่องจริง เพราะมีการสังเกตจากทิศทางของธง แล้วก็มาถึงเรื่องนี้อีกเช่นกัน เมื่อร้านอาหารในอเมริกาอย่างร้าน Outback Steakhouse ที่มีอยู่มากมายหลากหลายสาขาซะเหลือเกิน ขายอาหารทุกอย่างที่คุณพอคิดได้ในร้านประเภทนี้ เพราะมีตั้งแต่สเต็กไปจนถึงหอมทอด     ในตอนนี้ได้เกิดกระแสขึ้นมาหลังจากที่มีคนเอารูปแผนที่ที่ตั้งร้านแต่ละสาขาในนิวยอร์กมาเชื่อมโยงกันจนกลายเป็นรูปดาวห้าแฉกที่เป็นสัญลักษณ์ของซาตาน พร้อมกับคำถามที่ว่า “คุณพระ !! ร้านนี้เขาวางแผนจะทำอะไรกันเนี่ย” จนภาพการโยงสัญลักษณ์รูปดาวบนแผนที่เหล่านี้แพร่กระจายไปในทวิตเตอร์อย่างรวดเร็ว     ไม่เพียงแค่นั้นเมื่อต่อมความช่างสังเกตของทุกคนได้ถูกกระตุ้นให้ทำงาน จนต้องไปค้นหากับเมืองอื่นๆ ดู ก็พบว่าที่ตั้งสาขาของร้านในหลายเมืองก็สามารถวาดเชื่อมออกมาได้ในลักษณะเดียวกัน นี่กะจะเรียกมาหมดขุมนรกเลยเร๊อะ!?     แน่นอนว่าทางร้านไม่ปล่อยให้เรื่องสนุกนี้หลุดมือไปแน่นอน โดยได้ตอบกลับไปยังคำถามแรกด้วยรูปภาพของทอดบนแผนที่ พร้อมทั้งบอกอีกว่า “ร้านไม่มีแผนอะไร นอกจากการเสิร์ฟสเต็กชิ้นหนา และหัวหอมทอดให้กับลูกค้าของเรา”     อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ร้านนี้ได้มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้นจากในตอนแรก โดยที่หลายคนมองข้ามเรื่องนี้ เพราะว่ารสชาติอาหารของร้านนี้ก็ยังคงถูกปากใครอีกมากมาย ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็แล้วแต่คนละเนอะ แหม๊!? ก็ช่างจะคิดไปได้ ที่มา: ladbible

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะหน่วยงานไหนก็มักจะมีกฎเกณฑ์ต่างๆ สำหรับไว้ควบคุมพนักงาน และหากใครทำผิดกฎก็ต้องยอมรับโทษตามที่วางไว้ สำหรับบทลงโทษของแต่ละหน่วยงานก็คงจะแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม แต่สำหรับวิธีการลงโทษที่จะให้เพื่อนๆ ดูวันนี้ น้อยคนนักจะรับได้!! นี่คือการลงโทษพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งในจีน   วิดีโอที่เพื่อนๆ ได้รับชมไปนี้ เป็นภาพของพนักงาน 2 คน จากบริษัทแห่งหนึ่งในจีน ที่กำลังดื่มน้ำจากโถส้วมเนื่องจากทำงานไม่ถึงเป้าที่กำหนดไว้… สร้างความตกใจให้ชาวจีนเป็นอย่างมาก ในช่วงแรกของคลิปจะเห็นพนักงานชายก้มลงไปตักน้ำจากโถส้วม จากนั้นก็มีท่าทีลังเลที่จะดื่มน้ำที่เพิ่งตักขึ้นมา จนให้ที่สุดเขาก็ฝืนดื่มด้วยความสะอิดสะเอียน     ต่อมาเป็นคิวของพนักงานผู้หญิง ที่มีสีหน้าไม่พอใจกับการลงโทษนี้ หลังจากที่ตักน้ำจากโถส้วมแล้ว พอยกขึ้นมาใกล้ปากเธอก็ทำท่าเหมือนจะอ้วก แต่สุดท้ายก็จำใจดื่มมันลงไปเช่นกัน     ตามสำนักข่าว Beijing News รายงานว่า พนักงานที่เห็นในคลิปทั้งสองคนนี้ ทำงานอยู่ที่สตูโอถ่ายภาพ ซึ่งเป็นบริษัทในเมือง Sichuan’s Guang’an และถูกลงโทษเพราะประสิทธิภาพงานของพวกเขาแย่ ต่อมาพนักงานหญิงที่ถูกทำโทษได้ออกมาบอกว่า หลังจากที่ถูกทำโทษด้วยการดื่มน้ำจากโถส้วม เธอก็มีอาการท้องร่วง และไม่สามารถกินข้าวได้ ต่อให้กินได้สุดท้ายก็อ้วกออกมาอยู่ดี     จริงๆ แล้วิดีโอนี้ไม่ได้อัพโหลดเป็นสาธารณะ แต่พวกเขาอัปโหลดในยังกลุ่ม WeChat ของพนักงานของสตูดิโอดังกล่าว ก่อนที่มันจะหลุดออก และถูกแชร์ไปทั่วโซเชียล ทางด้านผู้จัดการของบริษัทนี้อ้างว่าวิดีโอดังกล่าวนี้ไม่ได้ถ่ายที่บริษัท แต่มันถูกเผยแพร่เพื่อกระตุ้นให้พนักงานตั้งใจทำงานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ไป ตำรวจก็ได้ตามตัวผู้ที่ถ่ายคลิปนี้ และจับขังเป็นเวลา 4…

เวลาที่ก่อฟุตบาทเทคอนกรีต เราก็คงจะได้เห็นกับรอยเท้าแมว สุนัข หรือรอยรองเท้าที่จารึกทิ้งไว้ด้วยความไม่รู้ว่ามันยังไม่แห้ง แต่กับเด็กคนนี้นั้นกลับไม่ได้ทิ้งไว้แค่รอยสองรอยเนี่ยสิ เมื่อสาวน้อยในรัฐเทนเนสซี ประเทศอเมริกา Izzadora Millaway วัยสองขวบซึ่งอยู่บนบ้านกับคุณยายและพี่น้องของเธอ ดันได้ยินเสียงพ่อแม่อยู่ชั้นใต้ดิน ด้วยความใสซื่อของเธอเลยเดินลงไปหาซะหน่อย     แต่ข้างล่างนั้นเพิ่งได้รับการเทคอนกรีตไปทั่วพื้นเพื่อการแต่งเติมบ้าน ภาพที่เห็นก็แทบไม่ต้องจินตนาการกันเลย เมื่อเจ้าของบริษัทก่อสร้างได้กลับมาเช็คความเรียบร้อยก่อนกลับ และเห็นสาวน้อยคนนี้ย่ำลงไปในพื้นคอนกรีตอย่างหน้าตาเฉย อย่างว่าเด็กก็คือเด็กนี่นะ     เมื่อพ่อแม่เธอมาเห็นเข้าก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก และกลัวว่าช่างที่ทำคอนกรีตนั้นจะอารมณ์เสียไปซะแล้ว แต่กลับกันเขากลับหัวเราะออกมาและคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก เพราะว่าปกตินั้นจะเจอเพียงแค่เหล่าสัตว์เลี้ยงที่ทำเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เด็กน้อยแสนซนอย่างเธอ     หลังจากที่ได้ช่วยออกมาเป็นที่เรียบร้อยเขาก็ได้บอกกับครอบครัวนี้ว่าให้รอคอนกรีตแห้งไปซะก่อนได้เลย แล้วยังไงพวกเขาก็จะกลับมากลบหลุมเหล่านั้นให้ ท้ายที่สุดแล้วพ่อแม่ของเธอก็ได้เก็บรอยเท้าเหล่านั้นเอาไว้หนึ่งคู่ เพื่อจะได้ชวนให้คิดถึงเรื่องราวน่ารักๆ และเกือบจะทำให้ลูกน้อยเดินลำบากซะแล้ว   ภาพพ่อแม่ของเธอ   ยังไงเด็กก็ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรล่ะนะ ก็คงต้องเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ แต่ก็อย่าลืมดูแลกันให้ดีๆ ด้วยล่ะ ฮร่าา ที่มา: dailymail

ในปัจจุบันเราคงได้เจอนวัตกรรมการนวดมาบ้างอย่าง เก้าอี้นวด ไม้นวดตามจุดต่างๆ หรืออย่างเครื่องสำหรับใช้นวดเท้าโดยเฉพาะ ดังนั้นมันจึงแน่นอนว่าไม่ควรนำไปใช้ที่จุดอื่นนอกเหนือจากนั้น… เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้เกิดขึ้นกับหญิงชราวัย 77 ปี ในจังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เธอได้นำผ้าคลุมออกจากเครื่องนวดเท้าและได้ใช้ส่วนที่เป็นล้อหมุนนวดคลายกล้ามเนื้อบริเวณคอ จึงทำให้ชุดที่เธอสวมใส่อยู่นั้นเข้าไปพันกับเครื่องและรัดคอทำให้หมดสติลงไป     กว่าคนในครอบครัวจะเข้าไปพบก็เมื่อตอนหลัง 10 โมงเช้าในวันที่ 26 กรกฎาคม 2017 ในสภาพที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น จากนั้นจึงถูกนำไปส่งโรงพยาบาล แต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว เจ้าเครื่องนวดเท้าชนิดนี้นั้นถูกผลิตโดยโรงงานบริษัท Matoba Electric ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดไซตามะ โดยเครื่องนวดเท้าดังกล่าวมีความกว้าง 44 เซนติเมตร ยาว 33 เซนติเมตร และประกอบด้วยล้อหมุนไฟฟ้า เห็นได้จากในภาพด้านบน     เหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2014 โดยมีผู้หญิงรายหนึ่งในจังหวัดยามานาชิ เสียชีวิตจากเครื่องนวดเท้าเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นแล้วการจะใช้สิ่งของต่างๆ ก็ควรใช้งานอย่างระมัดระวัง และทำตามคำแนะนำที่มีติดกับอุปกรณ์มา เพราะว่าอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้น ที่มา: mainichi

กีฬาซูโม่เราคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะที่มันเป็นกีฬาประจำประเทศญี่ปุ่น ซึ่งภาพที่เราคิดไว้คงเป็นชายหนุ่มร่างมหึมานุ่งผ้าเตี่ยวตัวเดียวเข้าห้ำหั่นกันในสนามทรายทรงกลม แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เพียงแค่คนหนุ่ม แต่มีให้กับเด็กประถมไว้ต่อสู้กันอีกด้วย   .   เมื่อเหล่าเด็กชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 4 ถึง 6 มากมายนับร้อยได้มาเข้าร่วมชิงชัยกันในสังเวียนซูโม่ที่มีการจัดขึ้นในทุกปีที่โตเกียว โดยจะเป็นเด็กที่มีอายุเพียงแค่ประมาณ 10 หรือ 12 ขวบเองนะนั่น โดยสิทธิ์แพ้ชนะนั้นก็จะตัดสินกันไม่ยาก คือเมื่อใครหลุดออกมานอกสังเวียนวงกลม หรือล้มลงไปมีส่วนใดในร่างกายโดนทรายที่พื้นก่อน ก็จะเป็นผู้แพ้ไป โดยการแแข่งขันนั้นจะเป็นแบบทัวร์นาเมนต์ ชนะแล้วจึงจะได้เข้ารอบต่อไป     ขนาดไม่ใช่ตัวกำหนดความกล้าหาญจริงๆ   ในตอนแรกนั้นจะมีรอบคัดเลือกซึ่งได้มีผู้เข้าแข่งขันเกือบๆ 40,000 คนในแต่ละปี หลังจากนั้นจึงจะสามารถเข้าไปแข่งในรอบต่อไปได้   .   นั่งทีนี่แน่นตั๊บบบ   ซึ่งจุดประสงค์ของการจัดการแข่งขันนี้ขึ้นมา ก็เพื่อสร้างให้เด็กเป็นคนดีของสังคมในอนาคต มีน้ำใจนักกีฬา มีความกล้าหาญ เคารพและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และนอกจากเรื่องเหล่านั้นกับชัยชนะที่ได้รับจากการแข่งขัน ผู้ที่อยู่เป็นคนสุดท้ายก็จะได้รับโอกาสที่มากกว่าในการไล่ตามความฝันของการเป็นนักซูโม่อาชีพ โดยต้องผ่านการคุมน้ำหนักและออกกำลังกายอย่างจริงจังในทุกวัน   .   การแข่งขันย่อมมีผู้ยินดีกับชัยชนะ และร้องไห้ให้กับความพ่ายแพ้   จากภาพต่างๆ ที่ได้ถูกถ่ายมาจากในงานนั้นจะสามารถเห็นได้ถึงเรื่องราวที่แสดงออกมาในหลากหลายอย่าง เช่นรูปหนึ่งที่เด็กที่ตัวใหญ่มากๆ ทุ่มเด็กอีกคนที่มีขนาดยังไม่ถึงครึ่งเลย หรือการทำลายสมดุลเพื่อให้คู่ต่อสู้เสียหลักล้มลง ถึงอย่างไรนอกจากจะทำให้เด็กได้เป็นคนที่ดีในสังคมได้แล้วนั้น…

เป็นอีกกรณีที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมาก ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังผ่าตัดเนื้องอกในสมองให้แก่เด็กน้อยวัย 3 ขวบ Freddie Hunt หนูน้อยผู้มีช่วงชีวิตในวัยเด็กที่แตกต่างจากคนอื่น แม้ว่าเจ้าตัวจะสามารถเอาชนะเนื้องอกที่มีขนาดเท่ากำปั้นได้ แต่ผลข้างเคียงที่ตามมาก็ทำให้เด็กน้อยคนนี้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเช่นเดียวกัน   Freddie Hunt   ตอนแรกทุกอย่างก็ดูเหมือนจะปกติดี คุณหมอสามารถผ่าตัดเอาเนื้องอกในสมองกว่า 90% ออกไปได้ ทว่า 20 วันให้หลังจากการผ่าตัดสภาพร่างกายของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป จากนั้นไม่นานเด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น และผลข้างเคียงต่างๆ เช่น คลื่นไส้อาเจียน     หลังจากที่ผู้ปกครองสังเกตเห็นน้ำหนักตัวที่ผิดปกติของลูกชาย พวกเขาได้ส่งตัวไปเช็คอาการกับคุณหมออีกครั้ง และดูเหมือนว่าหลังจากผ่าตัด สมองของ Freddie จะได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้เส้นประสาทสมองส่วนที่ควบคุมระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานผิดปกติ   Freddie ก่อนที่จะเป็นเนื้องอกในสมอง   ซึ่งนั่นหมายความว่า ร่างกายของ Freddie จะไม่หยุดการดูดซับสารอาหาร ส่งผลให้เด็กน้อยรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา 5 เดือนต่อมาน้ำหนักของเด็กน้อยเพิ่มขึ้นเป็น 37.84 กิโลกรัม ซึ่งนับว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัยนี้   “สำหรับครอบครัวเราตอนนี้ ทางการแพทย์ไม่มีทางไหนที่จะรักษาลูกเราได้เลย เราคงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเค้า” คุณแม่ให้สัมภาษณ์   ทุกวันนี้ครอบครัวต้องหันมาใช้วิธีการที่เบสิคที่สุด นั่นก็คือการพยายามควบคุมอาหารที่มีประโยชน์…

โลกอินเตอร์เน็ตทำให้การติดต่อจองที่พักก่อนออกเดินทาง เป็นไปอย่างสะดวกสบายรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และทุกวันนี้แม้แต่เจ้าของบ้านเองก็สามารถเป็นผู้ให้เช่าได้เช่นกัน ห้องพักที่ดีย่อมมาพร้อมกับธีมที่ชัดเจน เช่นเดียวกับบ้านพักของคุณลุงคนหนึ่ง ที่เคลมว่าหากคุณจ่ายเพียงเดือนละ 250 เหรียญฯ (ราว 8,000 บาท) คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์อยู่กินแบบ ‘คนบ้าโรคจิต’ ของจริงเสียงจริง   “บ้านหลังนี้คือโบสถ์ของผม และผมก็เป็นพระเจ้าของสถานที่แห่งนี้ มีเพียงผมเท่านั้นที่ควบคุมทุกสิ่งที่นี่” ข้อความส่วนหนึ่งจากโพสต์   บ้านเช่าสุดแปลกหลังนี้ตั้งอยู่ใกล้กับ Forest Oaks Plaza เมือง Pensacola รัฐฟลอริด้า มองจากภายนอกอาจจะดูน่ากลัว และคำอธิบายจากเจ้าของบ้านที่โพสต์ลงในเว็บไซต์ ก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันน่ากลัวจริงๆ นั่นแหละ… ข้อความจากเจ้าของบ้านระบุว่า: ‘สวัสดี!! ผมเป็นหนุ่มโสดผิวขาวผมบลอนด์และมีหนวด ชื่อของผมปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิ้ลมาก่อนที่ซาตานจะลบชื่อผมออกซะอีก ผมสามารถปลุกหญิงสาวที่ตายไปแล้วได้ 3 คน แม้ว่าเธอจะตายมาแล้ว 3 อาทิตย์ก็ตาม… อันที่จริงก่อนหน้านี้ผมเคยแต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอสวยมาก เราคบหากันมา 7 ปี แต่เธอก็เป็นเพียงแค่ภาพที่ผมสร้างขึ้นมา และตอนนี้ผมก็ยังคงตามหาหญิงสาวผู้เลอโฉมที่อยู่ในก้นบึ้งจิตใจของผมต่อไป’   ห้องครัวสำหรับแขกผู้เข้าพัก   ‘มาเข้าเรื่องที่พักกันเลยดีกว่า ผมคิดราคาไม่แพงเพราะบ้านผมใหญ่พอ คุณจะมานอนในห้องผมก็ได้นะ ยินดีเสมอโดยเฉพาะถ้าเป็นสาวๆ…

การเดินทางบนรถไฟฟ้า หรือรถไฟใต้ดินเราก็คงจะได้เจอคนมากหน้าหลายตาเป็นเรื่องปกติ แต่กับสถานการณ์นี้ความไม่ปกติมันดันเกิดขึ้นเมื่อเราต้องเจอกับสีสันที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตที่ดันไม่ใช่คน แต่เป็นนกยูงเนี่ยสิ !! บ้าไปแล้วมันขึ้นมาได้ยังไงละนั่น ?! คงเป็นคำถามที่ใครหลายคนสงสัยเมื่อต้องเจอกับภาพเหตุการณ์นี้ ที่ชายคนหนึ่งได้นำนกยูงขึ้นรถไฟใต้ดินในมหานครนิวยอร์ก แบบที่เรียกได้ว่าชิลล์เกิ๊นนน     โดยความชิลล์นั้นไม่ได้มีเพียงเขาและเจ้านกยูง แต่มันรวมถึงคนรอบข้างที่ไม่แสดงอาการแปลกใจอะไรเลย ทำซะอย่างกับเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในชีวิตไปซะอย่างนั้น นั่นนกยูงนะเฮ้ยยย และเมื่อภาพนี้ได้ถูกเผยแพร่ในทวิตเตอร์ก็ได้มีเสียงตอบรับต่างๆ ตามกันมามากมาย ทั้งคนที่บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องแย่ถึงกับบอกอีกว่ามันมีบัตรรถไฟฟ้าเป็นของตัวเองด้วยนะ เรื่องนี้ถูกแชร์ต่ออย่างมากมาย กลายเป็นกระแสในโลกอินเตอร์เน็ตชั่วข้ามคืน จนถึงขั้นสถานีรถไฟใต้ดินแห่งนิวยอร์กต้องเข้ามาสอบถามถึงเหตุการณ์เพิ่มเติมจากเจ้าของภาพนี้     แต่… ความจริงก็ยังมีเพียงหนึ่งเดียว!! หลังจากที่ทางหน่วยงานรถไฟใต้ดินพยายามติดต่อสอบถาม ถึงที่มาของนกยูงตัวดังกล่าวเพื่อมาคลายข้อสงสัยให้ชาวเน็ต เมื่อความจริงอันพลิกผันถูกเฉลยจาก Reid Watson ชายผู้ถือนกยูงในภาพไว้ว่า นกยูงตัวนั้นเป็นเพียงแค่มาสคอตและเป็นเพียงแค่หุ่นเลียนแบบที่ไม่มีชีวิต!!! ซึ่งมันเป็นของประจำร้านเหล้าที่เขาเป็นเจ้าของ และ Kathryn สาวผมทองข้างๆ ก็คือผู้ที่สร้างนกยูงที่ทำซะเหมือนจริงตัวนี้ขึ้นมานั่นเอง   จบความสงสัยที่ว่านกยูงขึ้นรถไฟฟ้ามาได้อย่างไรทันที ถึงอย่างไรก็คงจะไม่แปลกที่จะตกใจกับเหตุการณ์เหล่านี้ เพราะหากว่าได้มาเกิดขึ้นที่ประเทศเรา มันก็คงจะฮือฮาไม่ต่างกันนั่นแหละ ก็มันเคยเกิดขึ้นที่ไหนกันเล่า ที่มา: huffingtonpost

‘นิวยอร์ก’ เป็นหนึ่งในเมืองที่ผู้คนจากทั่วโลกต่างเดินทางเข้ามาเพื่อแสวงหาโอกาสครั้งใหม่ในชีวิต และด้วยความที่มันอัดแน่นไปด้วยผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ ความวุ่นวายก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่เมืองใหญ่เช่นกัน และครั้งนี้เราจะพาไปชม 23 ภาพหาชมยาก ที่จะเผยอีกหนึ่งมุมมืดอาชญากรรม และเรื่องราวความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายใต้เมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี ความฝัน และความทะเยอทะยานของผู้คนที่ไม่เคยหลับใหล   William Patrick Farrell ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมวัย 25 ปี กำลังทำท่าทางบ้าๆ บอๆ ใส่ตำรวจ หลักถูกจับในปี 1955   Edward Metelski และ Paul Semenkewitz สองผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถูกจับกุมอีกครั้งหลังพยายามหลบหนีออกจากเรือนจำ   William P. O’Brien นายตำรวจชั้นอาวุโสกับการกวาดล้างเครื่องเล่นการพนันในบรู๊คลิน ปี 1945   Robert Naschak ฉายา ‘Curly Bill’ วัย 16 ปี ถูกตำรวจจับกุมข้อหาโจรกรรม ปี 1943   Frank Lotts นักโทษคดีฆาตกรรม ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อมจนบาดเจ็บสาหัส…

หากรู้ตัวว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เราทุกคนก็คงอยากทำในสิ่งที่ชอบ อยู่กับคนที่ตัวเองรัก และใช้เวลาในช่วงสุดท้ายด้วยความสุข สัตว์เลี้ยงก็เช่นกัน มันต้องการความรักในช่วงสุดท้ายของชีวิต และอยู่กับคนที่มันรักจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต… Peanut ถูกรับเลี้ยงจาก Save-A-Pet เมื่อปี 2015 แต่ต่อมาคนรับเลี้ยงของมันก็จากไป น้องหมาจึงต้องอยู่ในการดูแลของลูกสาวของเธอแทน     แต่น่าเศร้าที่ผู้เป็นลูกสาวไม่มีเวลาให้และแทบจะไม่ได้ให้ความรักกับ Peanut เลย ส่งผลให้น้องหมาถูกส่งกลับไปยัง Save-A-Pet ในสภาพที่แย่มากๆ เมื่อกลับมาที่ศูนย์ ฟันของ Peanut มีปัญหารุนแรง จนกินอะไรค่อนข้างลำบาก นอกจากนี้ยังพบว่าอาจจะมีมะเร็งเติบโตอยู่ที่ข้างแก้มของมันด้วย แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือ Peanut เป็นโรคไตวาย และน่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น… เจ้าหน้าที่ทุกคนจึงเริ่มหาบ้านใหม่ให้มันอีกครั้ง เพื่อให้มันได้มีความสุขก่อนจากไป     ขณะนั้น Staffers ก็ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับ Peanut บนเพจเฟซบุ๊กของ Save-A-Pet โดยอ้อนวอนให้คนใจดีรับมันไปเลี้ยง และมอบความสุขให้มันกับในช่วงสุดท้ายของชีวิต ต่อมา Jennifer Burke กับครอบครัวก็ได้เห็นโพสต์ดังกล่าว และตัดสินใจที่จะช่วยเหลือมัน Burke บอกว่า “ฉันไม่เคยคิดจะรับสัตว์มาเลี้ยง เพราะคิดว่าจะดูแลหรือควบคุมมันไม่ได้แน่นอน แต่เมื่อเห็น Peanut ที่กำลังต้องการบ้าน และเราก็มีบ้านที่พร้อมจะมอบความรักให้กับมัน” “ฉันทนไม่ได้แน่ ถ้าปล่อยให้น้องหมาผู้น่าสงสารตัวนี้ตายอย่างโดดเดี่ยวในกรงของศูนย์พักพิง ดังนั้นเมื่อปรึกษากับสามีและลูกๆ แล้ว เราก็ตัดสินรับมันมาเลี้ยง”      Burke และสามี…

บ่อยครั้งในชีวิตเราที่พบเจอปัญหาหนักหน่วงจนทำให้รู้สึกท้อแท้ ไร้ความหวัง หมดกำลังใจ และไม่อยากก้าวไปข้างหน้าอีกต่อไป แต่ในช่วงเวลานี้หากเราได้รับกำลังใจหรือมีเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้ มันจะกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราก้าวเดินต่อไป จนได้พบกับความสำเร็จในที่สุด เหมือนกับเรื่องราวเหล่านี้ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คนที่กำลังท้อแท้ในชีวิต ให้ลุกขึ้นมาสู้และเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง   1. ขาของนักปั่น Paweł Poljański หลังเข้าร่วมการแข่งขัน 16 สเตจใน Tour de France   2. John Bramblitt เป็นศิลปินตาบอด แต่สามารถสร้างงานศิลปะได้อย่างน่าทึ่ง   3. María Lorena Ramirez ชนะการแข่งวิ่งมาราธอน 50 กิโลเมตร ในเม็กซิโก ทั้งที่สวมกระโปรงและใส่แค่รองเท้าแตะ   4. Maule Dhan กลับมาพร้อมขี้ผึ้งหลังจากออกไปล่าผึ้ง โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวเลย   5. Ted Rammel ศัลยแพทย์ ที่ทำการผ่าตัดบนรถเข็น   6. Dashrath Manjhi ใช้เวลา 22 ปี ในการสร้างทางเดินผ่านภูเขาเพื่อเชื่อมระหว่างชุมชนเมืองกับหมู่บ้านของเขา…

ในหลายๆ ครอบครัวเมื่อจากเด็กก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้วนั้นก็คงจะได้เจอกับการแอบดูหนังผู้ใหญ่ หรือว่าหนังโป๊กันบ้างแหละ ซึ่งนั่นก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับคนวัยนี้ แต่สำหรับบ้านหลังนี้บทบาทกลับสลับกันคนละขั้นเลย!? คุณแม่ลูกสามที่มีชื่อว่า Michaela Snell วัย 41 ปีนั้นได้ใช้เวลาถึง 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการรับชมหนังโป๊บนห้องนอนของเธอ โดยที่ปล่อยให้ลูกชายคอยดูแลความเรียบร้อยของบ้านแทน!?   เธอและลูกชายคนกลางวัย 17 ปี   เธอได้รู้จักกับหนังเหล่านี้ในตอนยังเป็นวัยรุ่น และเจอกับหนังเรทเอ็กซ์ของคุณพ่อเธอที่ได้ซ่อนเอาไว้ โดยเธอรู้สึกตื่นเต้นกับมันเป็นอย่างมาก เธอคิดว่าการทำอย่างนี้นั้นมันดีต่อตัวเองเพราะว่ามันทำให้เธอมีความสุข อีกทั้งยังบอกว่าจะมีอาการสั่น และยากที่จะมีสมาธิกับสิ่งต่างๆ หากขาดสิ่งเหล่านี้ไป     เธอเคยเป็นผู้จัดการร้านเสื้อผ้า Dorothy Perkins และได้เปลี่ยนมาทำงานในร้านสินค้าสำหรับผู้ใหญ่ ที่จะเปิดหนังโป๊ใหม่ให้ได้ดูตลอดการทำงานของเธอ ซึ่งนับว่าเป็นงานในฝันของเธอได้เลยทีเดียว!! ตอนที่คบกับสามีคนแรกนั้นก็จะมีการดูหนังประเภทนี้ก่อนที่จะมีอะไรกันทุกครั้ง จนเมื่อให้กำเนิดลูกชายคนโต และไปมีสามีใหม่เขาไม่ต้องการที่จะดูมัน แต่รู้ได้เลยว่าเธอมีความสุขกับสิ่งนี้ขนาดไหน     เมื่อมีลูกชายคนกลางตามมา เธอก็ได้เปลี่ยนสามีอีกครั้งจนเป็นคนปัจจุบันและได้ให้กำเนิดลูกสาวอีกคน โดยที่เธอนั้นเลือกที่จะเปิดรับกับเรื่องของการดูหนังแบบนี้กับลูกๆ ของเธอ อย่างที่เธอคุยอย่างเปิดเผยกับลูกชายคนแรกในตอนที่เขาอายุ 14 ปี ตอนนี้ลูกชายคนกลางก็ได้มีอายุ 17 ปีและโตพอที่จะเข้าใจกับเรื่องเหล่านี้แล้ว ซึ่งบางวันเธอจะแบ่งเวลาขึ้นไปใช้เวลาบนห้องและปล่อยให้เขาดูแลบ้านในช่วงกลางวัน และจะลงมาใช้เวลาร่วมกับครอบครัวในช่วงเย็น     เธอบอกว่า…

โตขึ้นอยากเป็นอะไร หรืออยากทำงานอะไร ? คือคำถามที่แทบทุกคนจะต้องเคยเจอเมื่อยังเป็นเด็ก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างอาจทำให้ไม่สามารถเป็นไปอย่างที่เราต้องการ หรือเปลี่ยนความคิดจากในตอนแรกไป แต่สำหรับคุณตาคนนี้นั้นยังคงจดจำความใฝ่ฝันในวัยเด็กของตัวเองได้มาโดยตลอด     คุณตา Bill Grun วัย 97 ปี ประกอบอาชีพครูมาตลอดช่วงชีวิตการทำงาน และในที่สุดแล้วเขาก็ได้รับการเติมเต็มสิ่งที่เขาต้องการมาโดยตลอด นั่นก็คือการได้เป็นนักดับเพลิง… เมื่อสถานีดับเพลิงแห่งเมือง Doylestown รัฐเพนซิลเวเนีย ได้ทำการฉลองครบรอบวันเกิดในวันที่ 26 เมษายน 2017 ที่ผ่านมา ด้วยการให้คุณตาได้สวมบทบาทเป็นนักดับเพลิงออกปฏิบัติหน้าที่แบบหนึ่งวันเต็มๆ     ซึ่งเมื่อ Bill ได้ออกมาเห็นรถดับเพลิงจอดอยู่หน้าบ้านเขา ก็ทำให้รู้สึกเซอร์ไพรส์ ตื่นเต้น และมีความสุขอย่างมากกับการได้รับของขวัญวันเกิดสุดแสนวิเศษนี้ ถึงแม้ว่าในวันนั้นไม่ได้มีการออกไปผจญเพลิงใดๆ แต่การที่ได้นั่งรถดับเพลิงไปรอบๆ เมือง นั่นก็ทำให้เขารู้สึกขอบคุณกับประสบการณ์ในครั้งนี้ และคิดว่านี่คือการได้รับของขวัญที่วิเศษที่สุด     หากใครที่ยังมีความฝันก็อย่าเพิ่งหยุดฝันกันไปนะครับ เพราะโอกาสมันสามารถมาหาเราได้ทุกเวลา อย่างคุณตาที่ถึงจะมาช้าแต่ยังไงซะก็ยังดีกว่าไม่มาแหละเนาะ ที่มา: littlethings

กลายเป็นประเด็นร้อนไปทั่วโลกโซเชียล สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อเคสมือถือแบบมีกากเพชรจากร้าน MixBin ผ่านเว็บไซต์ Amazon เพราะล่าสุดลูกค้าหลายคนจากทั่วโลก ได้ออกมาโพสต์ภาพผิวหนังตัวเองที่ถูกของเหลวบางอย่างจากเคสโทรศัพท์ ทำปฏิกริยากับผิวหนังจนเกิดเป็นแผลไหม้..!!     โดยเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางบริษัทผู้ผลิตเคสมือถือ MixBin ได้ออกมาเรียกคืนเคสโทรศัพท์ทุกรุ่นที่เคยจำหน่ายออกไปตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2015 โดยจำหน่ายในราคาตั้งแต่ 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ – 65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทางบริษัทก็ได้ออกมาชี้แจงถึงปัญหาในครั้งนี้ว่า… “จากการรายงานพบว่าตอนนี้มี 24 คนทั่วโลกที่มีอาการแพ้บนผิวหนัง และ 19 คนเป็นลูกค้าที่อยู่ในสหรัฐฯ”     ชาวเน็ตโพสต์ภาพรอยแผลไหม้ที่เกิดจากเคสมือถือ   หนึ่งในผู้เสียหายได้ให้สัมภาษณ์กับ Buzzfeed ว่า “จู่ๆ ก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนบริเวณผิวหนัง ตอนแรกคิดว่าเป็นอาการแพ้แดด แต่เมื่อกลับบ้านมาถึงได้เห็นบริเวณต้นขามีรอยแผลไหม้ และมีของเหลวออกมาจากเคสโทรศัพท์”   ถึงบริษัทจะออกมาชี้แจงรับผิดชอบ ทว่าปัญหาดังกล่าวถูกเรียกร้องมาตั้งแต่ปี 2015   นับว่าเป็นปัญหาใหญ่มาก เพราะหญิงสาวหลายคนต้องมีรอยแผลเป็นบนขา บางกรณีอาจต้องเสียทั้งเงินและเวลาในการรักษานานเป็นเดือนๆ   Melissa ผู้เสียหายอีกคนหนึ่งที่ออกมาเรียกร้อง เธอเล่าว่าสังเกตเห็นรอยแตกบนเคส จากนั้นจึงเอานิ้วไปลูบๆ…

เคยมีสิ่งรักมากมั้ยอย่างพวกของเล่น คอมพิวเตอร์ หรือรถต่างๆ ที่คุณจะคอยดูแลมันอยู่ตลอด ไม่อยากให้ใครยืมไปเพราะกลัวว่าคนอื่นจะทำเป็นรอยหรือทำพัง ถึงจะเป็นขนาดนั้น แต่เทียบไม่ได้เลยกับความรักในสิ่งของของเขาคนนี้!! Darius Monty ชายวัย 35 ปี ผู้ตกหลุมรักกับรถยนต์ของตัวเองถึงขนาดว่าสามารถร่วมเพศกันได้เลยทีเดียว เกิดจากการที่เขามีความผิดปกติของอารมณ์ทางเพศที่เรียกว่า Mechanophilia     จากความผิดปกติที่หาได้ยากยิ่ง จึงทำให้เขาตกหลุมรักกับสิ่งของที่ไม่มีชีวิตเช่น รถ มอเตอร์ไซค์ หรือเครื่องบิน และรู้สึกถูกดึงดูดในความต้องการทางกายเป็นอย่างมาก     ในตอนแรกเขาก็เป็นชายหนุ่มธรรมดาที่มีความรักกับผู้หญิง จนกระทั่งเขาได้ไปเจอกับ Goldie รถจากัวร์คันสีทอง ทำให้ความรู้สึกรักใคร่ของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไป หลังจากที่ซื้อมาขับเมื่อสองปีก่อน ก็เกิดความผิดปกติภายในจิตใจ ในขณะที่นั่งดูทีวีอยู่นั้นก็รู้สึกถูกกระตุ้นให้กลับไปหามันเป็นการส่วนตัวในโรงจอดรถ ด้วยความต้องการทางเพศที่เกิดขึ้นระหว่างกัน     ด้วยความที่เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน จึงได้ลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการดังกล่าวในอินเทอร์เน็ต และก็รู้สึกโล่งใจเมื่อรับรู้ว่าเขาไม่ใช่เพียงคนเดียวที่มีอาการแปลกๆ แบบนี้ เขาจึงเลิกที่จะต่อสู้กับแรงกระตุ้นที่เกิดขึ้น และเรื่องนี้ก็ได้เป็นกิจวัตรประจำวันไปหลังจากกลับมาจากการทำงาน โดยเขาพูดว่า “ผมรู้สึกว่าการได้มีอะไรกับรถของผม สนุกกว่ามีกับแฟนของผมซะอีก”     เมื่อเล่าให้แฟนสาวฟังเขาก็ถูกบอกเลิกในทันที และเพื่อนสนิทสองคนที่ได้ฟังเรื่องราวก็พากันบอกว่าเขาแปลกพิลึก และจำเป็นที่จะต้องได้รับการช่วยเหลือทางจิตวิทยา นั่นทำให้คิดว่าทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเขาเลย…     เขาปฏิเสธการเข้าปรึกษากับจิตแพทย์ ถึงแม้ว่าความรู้สึกในเรื่องนี้มันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ…

การที่เราเกิดมาแตกต่างจากคนอื่น หรือมีสภาพร่างกายแปลกๆ ไม่ได้หมายความว่าเราจะด้อยกว่าหรือมีโอกาสไม่เท่าคนอื่นๆ อยู่ที่ว่าเรามองความแตกต่างนั้นอย่างไรและใช้มันยังไง Rebecca Hackard เกิดมาพร้อมโรคด่างขาว ทำให้มีรอยด่างขาวตรงหน้าผากยาวไปถึงกลางหัว และบนลำตัวบางส่วน การเกิดมาแตกต่างจากคนอื่นๆ ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของ Rebecca ส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับการถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ ถูกล้อว่าสกั๊งค์ และถูกเพื่อนๆ ในโรงเรียนรังแกเป็นประจำ     หญิงสาวไม่อาจทนแรงกดดันเหล่านี้ได้ เธอใช้เครื่องสำอางปกปิดรองด่างขาวบนหน้าผาก และพยายามใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดรอยด่างส่วนอื่นๆ เพื่อไม่ให้คนอื่นเห็น Rebecca เล่าว่า “ฉันค่อนข้างขี้อาย และไม่กล้าเปิดเผยรอยด่างของตัวเองตั้งอายุ 6 ขวบ ถึง 20 ปี ฉันเคยขอให้พ่อแม่พาไปหาหมอเพื่อรักษารอยเหล่านี้ แต่ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้มันหายได้เลย” เธอบอกอีกว่า “ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่ใช้เครื่องสำอางปกปิดรอยด่างบนหน้าผากคือ ใช้ลิปสติกสีน้ำตาลเหมือนสีผม แล้วเกลี่ยให้มันเนียนที่สุด”     เธอทำแบบนี้มาเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งปีที่มา Rebecca ตัดสินใจสวมบิกินี่เป็นครั้งแรก แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าไม่มีใครทำเหมือนเธอเป็นคนแตกต่างเลย ทุกคนยังทำกิจกรรมของตัวเองปกติ ช่วงเวลานั้นเองที่หญิงสาวรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่สวยงาม เธอสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด และปลดปล่อยตัวเองอย่างอิสระ โดยไม่ต้องมากังวลว่าใครจะมองหรือคิดยังไงกับสภาพร่างกายของเธอ นับตั้งแต่นั้นมา หญิงสาวก็กลายเป็นคนที่มีความมั่นใจรูปลักษณ์ตัวเอง เธอเริ่มโพสต์ภาพตัวเองใส่เสื้อเอวลอย กางเกงสั้นแล้วโพสต์ลงในอินสตาแกรม จนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเข้ามาในชีวิตเธอ     Rebecca บอกว่า “ฉันมีความสุขมากที่ได้เปิดเผยรูปลักษณ์ของตัวเอง ฉันรักตัวเองที่เป็นแบบนี้…

ห้าง Primark สาขาเมืองเคนท์ กลับมาเปิดตัวได้อีกครั้งหลังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่บริเวณลานจอดรถเมื่อ 2 ปีก่อน และมันได้นำไปสู่การค้นพบอุโมงค์แห่งความลับอย่างไม่น่าเชื่อ…     หลังจากเปิดห้างมาตั้งแต่ปี 2011 นั้น เมื่อ 2 ปีก่อนได้มีการเกิดหลุมยุบบริเวณใกล้ลานจอดรถของห้าง ซึ่งหลุมยุบดังกล่าวก็นำไปสู่การค้นพบอุโมงค์ใต้ดินซึ่งอยู่บริเวณห้างแห่งนี้ หลังจากการสำรวจพวกเขาคาดว่าน่าจะเป็นอุโมงค์ที่ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งทางเจ้าของห้างก็ได้สอบถามไปยังกระทรวงกลาโหมของอังกฤษทันที พวกเขาระบุว่า “เราเพิ่งค้นพบอุโมงค์ภายใต้พื้นที่ของเรา และเราเชื่อว่ามันถูกสร้างโดยทหารเพื่อใช้เป็นสถานที่ในการฝึกซ้อมตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง” “แต่ทางกระทรวงกลาโหมกลับตอบว่า ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอุโมงค์แห่งนี้ แต่เชื่อว่าอุโมงค์ที่ถูกค้นพบใต้ห้างสรรพสินค้านี้จะเป็นที่ไว้สำหรับหลบภัยทางอากาศเท่านั้น”   หลังจากการสำรวจอุโมงค์แห่งนี้ ได้ค้นพบถังโลหะที่เต็มไปด้วยสนิมจำนวนมาก โดยสันนิษฐานว่าอุโมงค์แห่งนี้ถูกใช้เพื่อฝึกซ้อมในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เลยทีเดียว ผู้เชี่ยวชาญทางด้านประวัติศาสตร์ เชื่อว่าอุโมงค์แห่งนี้ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และยังถูกใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย   เมื่อลองสอบถามข้อมูลไปยังกระทรวงกลาโหมก็พบว่าไม่มีข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ว่ามีอุโมงค์แห่งนี้ภายในพื้นที่แห่งนี้   จากการสันนิษฐาน ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าน่าจะใช้ในการฝึกซ้อมของทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1   ยังไม่มีการยืนยันอย่างแน่ชัดว่าสร้างก่อนสงครามโลก ระหว่างสงครามโลก หรือหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เพื่อฝึกซ้อมไว้ในสงครามในครั้งต่อๆ ไปหรือไม่!?   หื้มมมม ดูไปดูมาก็ลึกลับน่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน…

Linda Hoey หญิงวัย 58 ปี จากเมืองสแตฟฟอร์ดเชอร์ ประเทศอังกฤษ ที่หลอกผู้คนว่าเธอเป็นคนพิการไม่สามารถเดินได้ถ้าปราศจากไม้เท้า พร้อมยังกินเบี้ยจากรัฐบาลเป็นเวลากว่า 14 ปี!! Linda ที่โกหกทุกคนพร้อมกินเบี้ยคนพิการคิดเป็นเงินมากกว่า 2 ล้าน 8 แสนบาท และยังโกงไม่จ่ายค่าผ่านทาง M6 อีกคิดเป็นเงินกว่า 690,000 บาท แต่แล้วเรื่องราวการโกงของเธอก็ถูกเปิดโปงโดยตัวของเธอเอง…     เรื่องราวของการถูกเปิดโปงมันเริ่มขึ้นจากการที่เธอ ดันโพสต์ภาพการไปเที่ยวที่อียิปต์และมัลดีฟในสภาพที่เดินได้ปกติ ที่สำคัญยังขี่รถATVและว่ายน้ำอีก งานนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่คนพิการแน่นอน   ภาพการไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ โดยไปดำน้ำที่มัลดิฟในปี 2013   และไปเที่ยวสนุกๆ ที่อียิปต์ในปี 2012   ทว่าเมื่อสืบเรื่องราวความเป็นมาทางศาลก็พบว่า เธอนั้นถูกจ้างงานในบริษัท PartsWorld ซึ่งทำอยู่ในตำแหน่งผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์เสริมรถยนต์ ที่สำคัญกว่านั้นคือเธอถูกจ้างตั้งแต่ปี 1997 หรือก็คือ 17 ปีแล้วนั้นเอง ที่ช็อคยิ่งกว่านั้น เมื่อศาลไปถามเจ้านายของเธอ เจ้านายก็เผยความลับสุดอึ้งกว่าเดิม เขาบอกว่าเขาไม่เคยเห็น Linda ใช้ไม่เท้าในการเดินมาก่อนเลย เอ้า!!   ยืนให้อูฐเลียสบายๆ…

ทุกวันนี้อาหารฟาสต์ฟู๊ดชื่อดังต่างๆ มักจะออกโฆษณาให้ดูน่าทาน จนเราหลายๆ คนอดที่จะไปลองไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละ สิ่งที่เราได้มักจะมีหน้าตาไม่ตรงกับภาพในโฆษณาเสมอ คราวนี้เว็บไซต์ ThisisInsider เลยทำการรวบรวมสิ่งที่ชาวเน็ตในโลกออนไลน์บ่นกันถึงความ “ไม่ตรงปก” ของเหล่าอาหารฟาสต์ฟู๊ด มาให้เราลองตัดสินกันว่า มันจะมีความแตกต่างกันแค่ไหน!?   1. ภาพเบอร์เกอร์เนื้อจากโฆษณาที่มีการพับเนื้อให้ดูน่าทานเหลือเกิน   แต่สิ่งที่ได้คือ…เนื้อไม่ได้ถูกพับ แถมไม่มีชีสย้อยเหมือนในรูปอีก   2. นี่คือ Taco Bell Quesalupa ใส่ไส้แน่นพร้อมชีสเยิ้มๆ   แต่สิ่งที่ได้…มีความผอมแห้งเชียว   3. นี่คือ White Castle ดูน่ากินตั้งแต่ขนมปังแล้ว แล้วดูไส้สิ ทั้งเนื้อทั้งชีส อื้มม   แต่สิ่งที่ได้…   4. ช่างเป็นแซนวิซที่น่าทานซะเหลือเกิน ทุกอย่างถูกจัดเรียงอย่างลงตัว   เอิ่มมม นี่สั่งเมนูเหมือนภาพข้างบนแน่นะ   5. แซนวิซที่เราคุ้นเคยผ่านป้ายโฆษณา   พอไปลองทาน กลับได้แบบนี้มา   6. ว้าววว…

ที่โรงเรียนมักจะมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งรุมแกล้งเพื่อนเพราะความสนุก แต่คนที่ตกเป็นเหยื่อของการรังแกมักจะเป็นผู้ที่อ่อนแอ ไม่กล้าสู้ จนต้องถูกข่มเหงซ้ำแล้วซ้ำอีก และสุดท้ายอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นของ Andrea Crawford ที่แกล้งคนอื่นอย่างโหดร้าย แม้แต่ครูก็โดนไปด้วย จนทำให้ครูหลายคนทนไม่ได้ถึงกับต้องลาออกในที่สุด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ Andrea ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการถูกรังแกดังกล่าว เพราะเธอพยายามจะทำสิ่งที่ถูกต้อง     หญิงสาวเล่าว่า “มีชายสูงอายุคนหนึ่ง กลับมาสอนหลังจากที่เกษียณอายุไปแล้ว แต่ระหว่างที่เขากำลังจะนำนักเรียนเข้าสู่บทเรียนนั้น นักเรียนคนหนึ่งก็โยนหนังสือและขวดพลาสติกใส่หน้าของเขา และตะโกนด่าเขาด้วยถ้อยคำหยาบคาย” เหตุการณ์นี้เอง ที่ทำให้ Andrea รวบรวมความกล้า เธอยืนขึ้นมองไปรอบๆ แล้วพูดกับเพื่อนร่วมห้องว่า “ทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ!!”  เห็นได้ชัดว่าเพื่อนร่วมห้องไม่ชอบที่เธอพยายามจะทำเพื่อความถูกต้อง ดังนั้นนับตั้งแต่นั้นมา Andrea จึงกลายเป็นคนที่ถูกรังแกเป็นประจำ เธอบอกว่า “พวกเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น”     พวกเขาไม่เพียงแต่ด่าทอหรือกลั่นแกล้งบนอินเตอร์เน็ตเท่านั้น แต่ Andrea ยังถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงหลายต่อหลายครั้ง หญิงสาวเล่าว่า “หลังจากที่ฉันพยายามจะปกป้องครู วันต่อมาฉันก็ถูกทำร้ายที่สนามเด็กเล่นซึ่งอยู่หน้าโรงเรียนโดยเพื่อนผู้หญิงประมาณ 10 คน ส่วนคนที่เหลือก็ยืนมองและหัวเราะเยาะด้วยความสะใจ” การกลั่นแกล้งไม่จบไม่สิ้น เมื่อ Andrea ไปโรงเรียน เธอก็จะถูกเพื่อนๆ รังแก พอกลับบ้านก็ถูกกลั่นแกล้งทางโซเชียลมีเดียอีก     หญิงสาวเครียดมากๆ ที่ต้องอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอจึงตัดสินใจจัดการกับความเครียดด้วยการเขียนระบาย และการแสดงดนตรี ในที่สุดเมื่อหญิงสาวโพสต์คลิปการร้องเพลงของเธอลงในยูทูป ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ได้รับการติดต่อจากบริษัทแผ่นเสียงในกรุงลอนดอน หลงจากที่ได้รู้จักกับบริษัทดังกล่าวนี้ ชีวิตเธอก็เปลี่ยนไป เธอเล่าทุกอย่างให้พวกเขาฟัง…

เรื่องราวสุดเศร้า เมื่อหญิงสาวต้องเจอกับช่วงเวลาสุดจนตรอก เมื่อรู้ว่าแม่ของตนป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายพร้อมค่าใช้จ่ายอันมากมาย แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ พร้อมจะสละทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อนำมารักษาคนที่เธอรัก… Lori วัย 27 ปี ได้ให้สัญญากับคุณแม่ว่าเธอจะยอมทำทุกวิธีทางเพื่อหาเงินมารักษา Lisa ผู้เป็นแม่วัย 46 ปีของเธอให้ได้ โดยก่อนหน้านั้นเธอได้ตรวจพบว่าแม่ของเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และที่สำคัญก็ไม่มีแพทย์ในสหราชอาณาจักรไหนที่รักษาได้ ทั้งคู่จึงต้องเดินทางไปยังประเทศเยอรมนีแทน…     เธอบอกว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่ของเธอนั้นมากโขเลยทีเดียว เพราะในแต่ละสัปดาห์เธอจะต้องพาแม่ไปรักษาตัวโดยจ่ายเงินสัปดาห์ละ 1 ล้านบาท!! ซึ่งเธอบอกว่ามันเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากๆ และนั้นเป็นค่ารักษาต่อสัปดาห์เท่านั้น เธอจึงจัดการขายทุกอย่างที่มีอยู่ทั้งบ้าน ทั้งรถ และทรัพย์สินอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าอ่านดูแล้วเราอาจจะคิดว่ามันบ้า แต่เพื่อให้คนที่เรารักได้มีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าลำบากแค่ไหนเราก็ยอมทำจริงไหม?     แน่นอนว่าเธอไม่เพียงแต่จะขายทุกสิ่ง แต่เธอยังเริ่มเปิดระดมทุนให้คนที่อยากจะบริจากเงินช่วยมาสนับสนุนค่ารักษาด้วย โดยในตอนแรกเมื่อปี 2015 ทางแพทย์บอกกับ Lori ว่าแม่ของเธอจะมีอายุอยู่ได้อีกไม่นาน ราวๆ 2 ปีเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อช่วงต้นปี 2017 หมอบอกว่าแม่ของเธอจะอยู่ไปได้อีกราวๆ 8 สัปดาห์เท่านั้น แต่เวลาผ่านไปจนถึงปัจจุบันแม่ของเธอก็ยังอยู่ดีนั่นเอง     เป็นเวลากว่า 2…

สำหรับกลุ่มเด็กที่เกิดมาพร้อมอาการป่วยเป็นออทิสติกนั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคของพวกเขาในการใช้ชีวิตประจำวันก็คือ.. ข้อมูลข่าวสารต่างๆ รอบตัวที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และนั่นก็ทำให้เด็กๆ ผู้มีอาการผิดปกติ รู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกออกจากสังคม เพื่อเป็นการแก้ไข รณรงค์ และให้ความรู้เกี่ยวกับผู้ป่วยออทิสติก รัฐบาลจึงได้ออกนโยบายโดยตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม เป็นต้นไป ห้างสรรพสินค้าชั้นนำกว่า 14 แห่ง ทั่วสหราชอาณาจักร จะเพิ่มช่วงเวลา ‘Autistic Hour’ เข้าไปวันละ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย     โดยในช่วง Autistic Hour ห้างสรรพสินค้าทั้งหมดจะต้องทำตามเงื่อนไขดังนี้… 1. ลดระดับเสียงดนตรีและเสียงรบกวนต่างๆ ทั้งหมดลง 2. หรี่ไฟลง.. เนื่องจากแสงไฟของหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่จ้าเกินไป อาจทำให้ผู้ป่วยออทิสติกรู้สึกกังวลได้ 3. ให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยออทิสติกแก่พนักงานในห้างทุกคน เพื่อที่พวกเขาจะได้ปฏิบัติต่อกลุ่มลูกค้าใน        ช่วงเวลาดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม     The National Autistic Society เผยว่า ในปัจจุบันมีตัวเลขผู้ป่วยออทิสติกทั้งหมดในอังกฤษอยู่มากกว่า 700,000 คน และเมื่อเปรียบเทียบในระดับประชากรจะพบว่า…

อีกหนึ่งเรื่องราวน่ารักๆ ที่ทำเอาชาวเน็ตรู้สึกคิดถึงคุณแม่ไปพร้อมๆ กัน เมื่อความจู้จี้ของคุณแม่กลายเป็นความน่าร๊ากก   ลูกสาววัย 18 ปี Kaelyn Demmon และแม่สาวของเธอ Heather Steinkopf จากเมือง Huron รัฐโอไฮโอ   เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 18 ที่ผ่านมา เป็นวันสำเร็จการศึกษาชั้นไฮสคูลของลูกสาว และเธอตั้งใจจะออกไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนนิดหน่อย   แต่ด้วยความเป็นห่วงลูกสาว… เป็นธรรมด๊าาที่คุณแม่จะส่งข้อความไปถามว่าอยู่ไหน? ทำอะไร? แถมยังบอกให้เธอส่งภาพมาให้ดูด้วย   เมื่อลูกสาวส่งมาแล้ว คุณแม่ก็บอกว่ามันไม่ชัด เปิดไฟเดี๋ยวนี้นะ..!!   แน่นอนว่าตอนนั้นลูกสาวคงรู้สึกเริ่มรำคาญใจ แต่ทำยังไงคุณแม่ก็ไม่เชื่อซ๊าากกกที คุณแม่เลยสั่งให้ลูกสาวถ่ายรูปมาให้ดูอีกเรื่อยๆ   ซึ่งอันที่จริงแล้วคุณแม่ให้สัมภาษณ์กับ Buzzfeed ว่า “ดิฉันรู้มาตลอดแหละว่าลูกสาวไม่ได้โกหก แค่อยากแกล้งหยอกพวกเขาเท่านั้นเอง”   หลังจากที่ลูกสาวแชร์เรื่องราวนี้ลงบนทวิตเตอร์ ก็มีชาวเน็ตมากดไลค์กดแชร์กันเป็นจำนวนมาก   บ้างก็บอกว่าตัวเองก็โดนเหมือนกัน แม้แต่ไปอยู่บ้านคุณย่าก็ตาม   บ้างก็บอกว่า… “เดี๋ยวแม่ฉันต้องเอาไอเดียมาทำตามแน่ๆ”   บางคนก็โชคดีที่ไม่เคยเจอแบบนี้ เพราะโกหกได้แนบเนียนมาโดยตลอด   ก็เป็นอีกเรื่องราวน่ารักๆ…

รสนิยมเป็นความชอบส่วนบุคคลที่ไม่จำเป็นต้องอิงตามกระแสนิยม อย่างเด็กๆ ที่ผู้ใหญ่มักจะคาดหวังว่าพวกเขาต้องใช้ชีวิตให้สมวัย เช่น เล่นตุ๊กตา แต่งตัวน่ารัก อะไรประมาณ ส่วนใครที่ทำอะไรไม่สมวัยก็มักจะถูกตราหน้าว่าแก่แดด เป็นต้น เหมือนกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนนี้ที่มักซื้อเครื่องสำอางและชุดสวยๆ ให้ลูกสาววัย 7 ขวบ เพราะเธอฝันอยากเป็นคนดัง แต่กลับถูกคนอื่นมองว่าเป็นการเสี้ยมให้ลูกแก่แดด     Jenna Eastland วัย 31 ปี จาก Newton Aycliffe มณฑลเดอรัม บอกว่า ลูกสาวของเธอ Layla Thompson ไม่ชอบใช้ชีวิตแบบเด็กทั่วไป แต่เธออยากทำงานในวงการบันเทิง แม้จะอายุแค่ 7 ขวบก็ตาม ภาพของ Layla ที่ใช้ชื่อในวงการว่า Layla Belle ได้โพสต์ท่าปล่อยผมยาวสลวย แต่งหน้าจัดเต็ม และแต่งด้วยชุดเซ็กซี่ ซึ่ง Jenna บอกว่าดูแล้วก็ไม่เห็นว่าลูกสาวของเธอจะมีอะไรผิดปกติตรงไหน     แต่หลังจากที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ไป กลับมีชาวเน็ตบางส่วนออกมาบอกว่า มันเป็นการโพสท่ายั่วยวน และเป็นอะไรที่ผิดปกติอย่างร้ายแรงสำหรับเด็กในวัยนี้ Layla ชอบใส่เสื้อครอปและกางเกงขาสั้น จนหลายคนมักคิดว่าเธอยังเด็กเกินไปที่จะแต่งตัวแบบนั้นได้ แต่สำหรับผู้เป็นแม่กลับคิดว่าเธอก็แค่ Layla เด็กน้อยที่ทำในสิ่งที่ตัวเองรักเท่านั้น     Jenna บอกว่า “ฉันถูกต่อว่าตลอดว่ายุยงให้เธอแต่ตัวยั่วยวน…

ทุกวันนี้สระว่ายน้ำสาธารณะส่วนใหญ่มักจะมีกฎให้ต้องสวมชุดว่ายน้ำลงเล่น ซึ่งแล้วแต่ใครสะดวกใส่แบบไหน แต่ขอแค่ให้เป็นชุดว่ายน้ำก็พอ แต่เมื่อไม่นานมานี้ชาวอังกฤษครอบครัวหนึ่งถูกไล่ออกจากสระว่ายน้ำใน Algarve เพียงเพราะพวกเขาสวมชุดว่ายน้ำแบบมุสลิม     Maryya Dean วัย 36 ปี อ้างว่า เธอถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับความอับอายพร้อมลูกสาววัย 9 ขวบ และน้องสะใภ้ Hina โดยพนักงานอพาร์เม้นต์ ระหว่างที่พวกเขาไปพักผ่อนที่ Portguese holiday haven ขณะที่ Dean เล่นน้ำอยู่ในสระว่ายน้ำส่วนตัวของอพาร์ทเม้นต์ใน Albufeira อยู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งตะโกนบอกว่าชุดที่พวกเขาสวมอยู่ไม่ถือเป็นชุดว่ายน้ำ     ชายคนเดิมบอกว่าผู้ที่มาเล่นน้ำที่นี่ต้องทำตามวัฒนธรรมของชาวโปรตุเกสเท่านั้น จากนั้นเขาก็ให้ Dean และครอบครัวขึ้นมาจากสระน้ำเพื่อตรวจสอบชุดว่ายน้ำของพวกเขา Dean ใส่ชุดว่ายน้ำปกติเหมือนทุกครั้งที่ใส่คือเป็นเสื้อรัดรูปพร้อมกางเกงเลคกิ้งสามส่วน ขณะที่น้องสะใภ้สวมถุงน่องยาวสามส่วนกับเสื้อแขนยาว     ทั้งนี้หญิงสาวบอกว่าที่ใส่แบบนี้เพราะมันสะดวกสบายและเป็นเหตุผลทางวัฒนธรรมและศาสนาด้วย Hina บอกว่า “พวกเขาไม่อนุญาตให้ฉันใส่ชุดว่ายน้ำแบบนั้น ทั้งที่มันใส่สบายและฉันก็ชอบแบบนั้น” “เราบอกเขาว่า ‘นี่ก็เป็นก็เป็นชุดว่ายน้ำเหมือนกันนะ’ แต่พวกเขาบอกว่า ‘คุณต้องใส่บิกินี่กับกางเกงขาสั้นเท่านั้น นอกนั้นไม่นับว่าเป็นชุดว่ายน้ำสำหรับวัฒนธรรมโปรตุเกส”      พวกเขายังบอกอีกว่า “คุณต้องทำตามวัฒนธรรมโปรตุเกส ตราบใดที่คุณอยู่ในประเทศนี้” Dean เสริมว่า “สิ่งที่เราต้องทำคือ เดินออกจากสระว่ายน้ำพร้อมความอับอาย ท่ามกลางสายตายของผู้คนมากมาย”     เธอยังบอกอีกว่า นี่เป็นประสบการณ์ที่แย่ที่สุดในวันหยุดพักผ่อนของเธอกับครอบครัว…

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนชอบพูดโลกเราเป็นดินแดนสุดมหัศจรรย์ เพราะมันเต็มไปด้วยสถานที่และสิ่งมีชีวิตที่เหลือเชื่อ อย่างเนินเขา Painted Dunes ที่อยู่ใกล้กับ Cinder Cone ของอุทยานแห่งชาติ Lassen Volcanic National Park เป็นสถานที่ที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง เพราะดูยังไงก็เหมือนภาพจากโลกแห่งเทพนิยายหรือภาพจากดาวอังคารมากกว่า     Lassen Volcanic National Park อุทยานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ที่สามารถไปเยี่ยมชมได้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้งนี้ภูเขาไฟ Lassen เริ่มปะทุเมื่อประมาณ 825,000 ปีก่อน ปัจจุบันเป็นพื้นที่โล่งที่ปกคลุมไปด้วยความเงียบสงบและไม่ค่อยมีใครเข้าไปเยี่ยมชม     แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าภูเขาไฟจะดับไปแล้ว เพราะทุกวันนี้ยังมีไอออกจากภูเขาไฟ และภายในก็มีลาวาที่ยังเดือดอยู่ นี่เป็นหลักฐานว่าภูเขาที่นี่ยังคงทำงานอยู่ อุทยานแห่งชาติ Lassen Volcanic National National Park มีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งมีรูปแบบของภูเขาไฟ 4 ประเภทที่พบในโลกนี้ คือ ภูเขาไฟแบบโล่ ภูเขาไฟแบบสลับชั้น ภูเขาไฟแบบกรวยกรวด และโดมปลัก     ดังนั้นเนินเขา Painted Dunes จึงมีสีสันสวยงามและต่างจากเขาทั่วๆ ไป ซึ่งเป็นผลจากการเกิดออกซิเดชันของเถ้าภูเขาไฟนั่นเอง   . .…

สำหรับงานศพส่วนใหญ่แล้ว ภายในพิธีก็จะประกอบไปด้วยบรรยากาศที่ดูอึมครึมซึมเศร้า มีเสียงสะอื้นของคนร่ำไห้อยู่ตลอดทั้งงาน และไม่ว่าจะมองไปทางไหนเราก็จะได้เห็นแต่คนสวมชุดสีขาว-ดำ จะว่าไปแล้ว… งานศพแบบที่เราคุ้นเคยกันดีมันเอ๊าท์ไปแล้วก็ว่าได้ เพราะที่ประเทศกาน่ามีพิธีที่แตกต่างออกไป เพราะพวกเขามองว่าความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากแต่มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีซะมากกว่า   ออกมาเต้น อ๊ะ… ออกมาเต้น!!   ลองนึกภาพตามดูสิว่าจะหรรษาขนาดไหน ถ้าหากร่างของคุณที่นอนแผ่อยู่ในโรงศพ ถูกแบกออกมากลางที่สาธารณะด้วยชายหนุ่มร่างฉกรรจ์ 4 – 5 คน พร้อมทั้งออกสเต๊ปโยกเท้ายึกไหล่ให้ชาวบ้านรู้สึกสนุกสนานไปพร้อมๆ กัน ย้อนกลับไปเมื่อช่วง 7 ปีก่อน เป็นช่วงแรกที่มีการเปิดตัวธุรกิจดังกล่าวในประเทศกาน่า ซึ่งประชาชนหลายคนก็ยังมองว่าอาจจะขัดแย้งกับประเพณีเดิม   ทว่าเมื่อมีคนได้ลองใช้บริการแล้ว พวกเขาก็พบว่า… มันช่วยทำให้งานศพสนุกขึ้นได้จริง และการจากลาก็ไม่จำเป็นต้องเศร้าเสมอไป   ปัจจุบันในประเทศกาน่ามีบริษัทให้บริการด้านนี้ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด อีกทั้งยังกลายเป็นที่นิยมในหมู่ชาวบ้านเป็นอย่างกว้างขวาง โดยมีลูกค้าหลายกลุ่มเข้ามาใช้บริการทั้งคนรวยและคนจน Benjamin Aidoo ผู้เริ่มต้นธุรกิจรายแรกของประเทศ ได้อธิบายว่า ทุกวันนี้เทรนด์การจับงานศพแนวใหม่ช่วยสร้างอาชีพให้คนในท้องถิ่นได้อีกหลายร้อยชีวิต     แต่กว่าจะได้มาซึ่ง 1 โชว์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะทีมงานต้องทุ่มเทเวลาในการซักซ้อม อีกทั้งยังต้องปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพของนักเต้นให้ดูดีเสมอ “ท่าเต้นทุกอย่างทีมงานเราเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด เมื่อลูกค้ามาติดต่อเรา เราจะถามพวกเขาว่าต้องการความสนุกระดับไหน และต้องการให้ทีมงานเต้นออกมาในรูปแบบใด” พนักงานคนหนึ่งให้สัมภาษณ์  …

เรื่องราวน่าเหลือเชื่อของสาวน้อย ที่ออกไปเก็บเศษเหล็กในน้ำด้วยแม่เหล็กกับครอบครัวของเธอ แต่ทุกคนถึงกับอึ้งเลยทีเดียว เมื่อหนูน้อยดันค้นพบลูกกระสุนกว่า 3,000 นัดในแม่น้ำใกล้ๆ กับฐานทัพเก่า สาวน้อย Leah Knewstub ได้ออกไปตกปลากับคุณ Alexandra ผู้เป็นแม่ และคุณ James ในแม่น้ำใกล้กับศูนย์ฝึกทหาร Pirbright ประเทศอังกฤษ     ครอบครัว Knewstub เริ่มออกไปตกเศษเหล็กเมื่อประมาณสามเดือนก่อน คุณ Alexandra ผู้เป็นแม่กล่าวว่า “ฉันคิดว่ามันแปลกมากเลยที่เราออกหาเศษเหล็กในน้ำ และฉันก็ไม่คาดคิดด้วยว่าพวกเราจะเจอกระสุนมากขนาดนี้”  ครอบครัวพบกระสุนขนาด 6 นิ้ว พวกเขามาที่นี่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “วันนั้นเป็นวันที่อากาศแจ่มใสมาก น้ำใสจนฉันเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใต้ได้อย่างชัดเจน เราเริ่มเก็บมันขึ้นมาจาก 30 เป็น 300 และในที่สุดเราก็ได้มาทั้งหมด 3,000 นัด” คุณแม่กล่าว     หนูน้อย Leah กำลังมีความสุขกับกิจกรรมในวันหยุดของเธอ   ถึงแม้ว่าจะไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับพวกกระสุนจำนวนมากขนาดนี้ แต่ทั้งสามก็ยังคงสนุกกับกิจกรรมในวันหยุดของพวกเขา และหลังจากใช้เวลาค้นหาอยู่นาน ในที่สุดพวกเขาก็หยุดและนำเรื่องที่พบกระสุนปืนจำนวนมากนี้ไปบอกคุณตำรวจ “ลูกสาวของฉันตื่นเต้นมากเมื่อเราไปที่สถานีตำรวจ เธอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังไขคดีอาชญากรรมอยู่” นอกจากกระสุนแล้วพวกเขายังพบสิ่งอื่นๆ อีกด้วยอย่างเช่น จักรยานเก่า ตู้เก็บเงิน เครื่องคอมพิวเตอร์     การค้นหาเศษเหล็กในน้ำด้วยแม่เหล็กนี้ถือว่าเป็นงานอดิเรกของผู้คนแถบนี้ บ่อยครั้งที่พวกเขามักจะพบอาวุธโบราณ อย่างกระสุนปืนใหญ่ หรืออาวุธสงคราม ในขณะที่บ้างคนก็อ้างว่าพวกเขาเคยพบสมบัติโบราณ ในแม่น้ำ Thames อีกด้วย แต่กิจกรรมนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานอดิเรกเท่านั้น…

สำหรับใครที่เบื่อที่คนเยอะๆ ในช่วงวันหยุด อย่างเช่นในห้าง หรือสระว่ายน้ำในช่วงหน้าร้อน อาจจะเปลี่ยนความคิดเลยทีเดียว เมื่อคุณได้เห็นภาพของสระว่ายน้ำในช่วงหน้าร้อนของประเทศจีนที่เรานำมาฝากกันวันนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อฝูงพีเพิลนับพันคน ได้เข้าไปใช้บริการสวนน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างร่วมใจมาเล่นน้ำที่สวนน้ำ Hot Go Park ในมณฑล Liaoning พร้อมกันโดยไม่บอกให้นายหมายรู้เลยซักนิด (ไม่ได้นัดหมายนั่นเอง แฮร่!!)     ผู้คนพร้อมใจลงไปในสระว่ายน้ำด้วยห่วงยางกันจำนวนมาก   ภาพถ่ายดังกล่าวถูกบันทึกเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนมากกำลังนอนอยู่บนห่วงยางเพื่อรอคอยคลื่นจำลอง ในเครื่อง Tsunami Wave Pool  สวนน้ำแห่งนี้เป็นที่นิยมมากในเมือง Fushun ในพื้นที่กว่า 100 ไร่ ที่นี่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นมากมาย แต่เครื่องเล่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเครื่องสร้างคลื่นจำลองนี้ โดยเครื่องดังกล่าวสามารถสร้างคลื่นได้สูงถึง 3 เมตรเลยทีเดียว     อุณหภูมิที่สูงถึง 31 องศาเซลเซียส เป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้มาที่สวนน้ำแห่งนี้   ความแออัดในสระว่ายน้ำ ที่เหมือนกับอยู่ในรถไฟฟ้าในชั่วโมงเร่งด่วน   ตอนนี้ประเทศจีนกำลังประสบปัญหากับอุณหภูมิที่สูงขึ้น เมื่อวันที่ 20 กรกรฎาคมที่ผ่านมา เซี่ยงไฮ้ก็เพิ่งประสบกับปัญหาอุณหภูมิที่สูงถึง 40 องศาเซลเซียส ซึ่งนับว่าเป็นอุณหภูมิสูงสุดในรอบ 145 ปีเลยทีเดียว    …

ปัญหาเจ้าตัวเล็กชอบงอแง อาจจะทำให้พ่อแม่ต้องปวดหัว และแต่ละคนก็อาจจะมีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยด้วยความเข้าใจ หรือบางครอบครัวอาจจะให้ไม้แข็งเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าจะใช้ไม้แข็งแค่ไหนก็คงไม่มีใครทำเหมือนพ่อแม่ชาวจีนคู่นี้แน่ๆ สองสามมีภรรยาชาวจีน ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตอย่างมาก หลังจากที่คลิปวิดีโอการรับมือกับลูกน้อยของพวกเขาถูกเผยแพร่ไปบนโลกออนไลน์ ทั้งสองได้ขังลูกเอาไว้ในล็อกเกอร์เก็บของในห้องอาบน้ำแห่งหนึ่ง และปล่อยให้เจ้าหนูต้องทนอยู่ในตู้ล็อกเกอร์แคบๆ พร้อมกับความมืด     จากการรายงานของสำนักข่าว  Kan Kan News บอกว่า ทั้งสองได้ขังลูกน้อยของพวกเขาไว้เนื่องจากไม่ต้องการดูแลลูกน้อยในระหว่างที่ออกไปอาบน้ำ เด็กน้อยถูกช่วยออกมาโดยเจ้าหน้าที่ของห้องอาบน้ำ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานว่าเจ้าหนูน้อยเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย และยังไม่ทราบว่าเขาถูกขังไว้ในนั้นนานแค่ไหน   ไปชมคลิปวิดีโอการช่วยเจ้าหนูน้อยที่ด้านล่างนี้ได้เลย และแน่นอนว่าเรื่องแบบนี้คงไม่รอดพ้นคำสรรญเสริญจากชาวเน็ตไปได้แน่นอน หลายๆ คนที่ได้ชมคลิปวิดีโอดังกล่าวได้ออกมาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก บ้างก็บอกว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่โหดร้ายสำหรับเด็กน้อยมากๆ ในขณะที่บางคนก็ด่าพ่อแม่ของเจ้าหนูน้อยว่าไม่มีความรับผิดชอบเลย หนึ่งในความเห็นจากชาวเน็ตท่านหนึ่งกล่าวว่า “เขาดูกลัวมากๆ เลยนะเนี่ย พวกเขาไม่น่าทำแบบนั้นเลยจริงๆ” แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ถูกช่วยออกมา เจ้าหน้าที่พบว่าหนูน้อยไม่ได้รับอันตรายใดๆ ที่มา dailymail

ในทุกวันนี้การแข่งขันทางธุรกิจกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ร้านค้าและบริษัทหลายๆ แห่งต่างงัดทุกวิถีทางเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าหรือบริการ จุดเด่นและเอกลักษณ์ของร้านก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเรียกลูกค้าได้ และเรื่องราวที่เรานำมาฝากวันนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อร้านหนังสือร้านหนึ่งในประเทศจีน ได้ออกแบบร้านอย่างสวยงามและดูน่าสนใจมากๆ จนถูกเรียกว่าดินแดนมหัศจรรย์แห่งหนังสือเลยทีเดียว!!     ก่อนหน้านี้ #เหมียวเวจจี้ ได้พาเหล่านักอ่านไปพบกับร้านหนังสื่อที่สวยงามแห่งหนึ่งในประเทศจีนแล้ว (อ่านข่าวเก่า ร้านหนังสือเมืองจีน สร้าง ‘อุโมงค์หนังสือ’ แนวโมเดิร์นสุดล้ำ และมันสวยงามมาก!! ) และตอนนี้ร้านหนังสือชื่อดังของประเทศจีนอย่าง Zhongshuge ก็ได้เปิดร้านของพวกเขาอีกสาขาแล้วที่เมือง Suzhou ทางตะวันออกของมณฑล Jiangsu    ภาพภายในของร้านหนังสือแห่งนี้   ถึงแม้จะเปิดสาขาใหม่ แต่บริษัท Zhongshuge ยังคงสร้างร้านสาขาของพวกเขาโดยคงคอนเซปต์เดิม นั่นก็คือความยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมกับความสวยงาม และทำให้ร้านหนังสือของพวกเขาเป็นเหมือนสวรรค์ของนักอ่าน     ร้านสาขาในเมือง Suzhou นั้นมีพื้นที่ทั้งหมด 1,300 ตารางเมตร ภายในจะมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 โซนด้วยกันประกอบด้วย “Rainbow Valley”, “Firefly Cave”, “Crystal Palace” และ “Children’s Castle” สาขาที่เปิดใหม่แห่งนี้กำลังได้รับความนิยมจากเหล่านักอ่านในเมือง Suzhou อย่างมาก   ไปชมความสวยงามของร้านหนังสือแห่งนี้กันเลย… .   การตกแต่งที่สวยงามและทำให้ที่นี่เป็นร้านหนังสือที่น่าสนใจมากๆ . .   .  …

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า หนุ่มรายหนึ่งต้องประสบกับปัญหาปากเจ่อ และหุบไม่สนิท เนื่องจากมีปริมาณของสารฟิลเลอร์ที่เคยฉีดบริเวณปากมากเกินไป แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่พอใจในตัวเอง นั่นจึงทำให้เขาคิดที่อยากจะมีริมฝีปากใหญ่ และอวบอิ่มมากกว่าเดิม     สำหรับหนุ่มรายดังกล่าวมีชื่อว่า Jonathan เขาได้ไปพบกับ Dr. Terry Dubrow และ Dr. Paul Nassif ด้วยความหวังว่าจะได้รับการฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณปาก แต่อย่างไรก็ตาม ทางด้านศัลยแพทย์กลับรู้สึกกังวลว่าเขาอาจจะได้รับผลกระทบจากสารดังกล่าวมากเกินไป และอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้     ทางด้าน Jonathan ได้ออกมาเผยว่า พอเขาเริ่มโตขึ้นเขาต้องการที่จะให้ตัวเองดูเหมือนตุ๊กตา ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เขาหมกมุ่นอยู่กับการฉีดฟิลเลอร์ที่ริมฝีปากอยู่บ่อยครั้ง     “เมื่อผมอายุ 25 ปี ผมเริ่มฉีดท็อกซ์ และฉีดฟิลเลอร์ ผมเริ่มกลายเป็นคนหมดมุ่นอยู่กับการฉีดริมฝีปาก และตั้งแต่นั้นมาผมก็เสพติดมัน และมักจะไปฉีดในทุกๆ 3 เดือน” Jonathan กล่าว     นอกจากนี้ Jonathan ยังเคยบอกแพทย์ว่า เขาได้ทำการฉีดฟิลเลอร์ที่ปากของเขาถึงมากถึง 11…

สะพาน สิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์เราสร้างขึ้นเพื่อจะเดินข้ามจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง โดยในปัจจุบันที่น่าจะเห็นได้บ่อยก็คงเป็นสะพานลอยไว้ข้ามถนน หรือสะพานที่เอาไว้ใช้ข้ามแม่น้ำกว้างๆ แต่ถ้าเป็นสะพานที่ให้คนเดินข้ามภูเขาที่ความพิเศษของมันก็คือ “ยาวที่สุดในโลก” ก็ต้องเป็นเจ้านี่เลย     มาพบกับ The Europabruecke สะพานแขวนที่ได้รับการเปิดตัวเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมานี่เอง เป็นการสร้างแทนที่สะพานเก่าที่ได้รับความเสียหายจากดินถล่ม มันมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 493 เมตร และจุดที่สูงที่สุดอยู่สูงราวๆ 84 เมตรข้างใต้คือหุบเขา Grabengufer ซึ่งเป็นบริเวณตีนดอยของภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีความสูงกว่า 4,500 เมตรเลยทีเดียว     สะพานนี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางในการปีนเขาข้ามจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง และนอกจากนั้นสามารถทำให้ได้เห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาในตำนานอย่าง Matterhorn   . . .   หากใครที่กลัวความสูงก็คงจะแอบหวาดเสียวไปบ้าง แต่ก็เห็นได้เลยว่ามันสวยงามปนความท้าทายอย่างมากจริงๆ   ที่มา: designyoutrust

สายสัมพันธ์พี่น้องนั้นถือเป็นอะไรที่ตัดกันไม่ขาด แม้ว่าจะมีปัญหากันมานักแค่ไหนก็ตาม แต่ว่าถ้าพี่น้องคู่ไหนเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก พวกเขาก็จะรู้ใจและห่างกันไม่ได้เลยล่ะ Anita Bacanovic วัย 26 ปี และ Manuela Radolovic-Selmanovic วัย 28 ปี ก็เป็นพี่น้องจาก ประเทศโครเอเชีย อีกคู่หนึ่งที่รักกันมากๆ รักกันปานจะกลืนกินขนาดที่ว่าทำอะไรก็ทำด้วยกัน ไปไหนก็ตัวติดกันตลอด     จนล่าสุดทั้งคู่ก็ประกาศแต่งงาน แน่นอนว่างานแต่งก็ต้องจัดพร้อมๆ กันอย่างเลี่ยงไม่ได้ (ทำไงได้ก็คนมันรักกันตัวติดกันตลอด) ซึ่งเราอาจจะเคยเห็นการแต่งงานพร้อมกับในกลุ่มเพื่อนๆ แต่สำหรับพี่น้องนี้มันก็ดูยังไงอยู่เหมือนกันนะ… ไม่หมดเพียงเท่านั้น พวกเขายังได้ประกาศออกมาอีกว่า พวกเธอมีแผนจะไปฮันนีมูนด้วยกันแบบ 4 คน ที่ประเทศไทย ในช่วงสิ้นปีนี้อีกด้วย     พวกเธอยังบอกอีกว่า การได้ใช้ชีวิตร่วมกันมันเป็นเหมือนความฝัน เพราะทั้งคู่นั้นรักกันมากๆ มากขนาดที่ว่าแม้พี่สาวของเธอจะย้ายไปอยู่ที่เยอรมนี มีหรือน้องสาวอย่าง Anita จะยอม เธอก็ตัดสินใจจะย้ายตามไปด้วย   ยังดีที่เป็นพี่น้อง ถ้าเป็นฝาแฝด งานนี้สามีทั้งคู่คงแย่เลย   งานแต่งก็จัดด้วยกัน   เข้าพิธีพร้อมๆ กัน  …

กว่าจะได้ใบขับขี่มาได้ก็มีความยากลำบากเหมือนกันนะ พี่คนนี้เค้าเลยปลอมใบขับขี่ซะเลย แต่ดันพลาดไปใช้รูปนักร้องดังเข้า มันก็ซวยเลยสิทีนี้…. ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตำรวจชางหนิง ในเซี่ยงไฮ้ ได้จับกุมคนขับแท็กซี่ที่ใช้ใบอนุญาตปลอม หลังจากที่สังเกตว่าเป็นภาพปลอมและมีบางอย่างผิดปกติ เพราะชายที่อยู่ในภาพคือ ซาโตชิ โอโนะ นักร้องนำของวงบอยแบนด์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น     ซึ่งคนขับแท็กซี่ได้ยอมรับว่า เขาได้ซื้อใบอนุญาตขับรถแท็กซี่ออนไลน์แบบปลอม ในราคา 10,000 หยวน (ประมาณ 50,000 บาท) และไม่มีใครเข้าใจว่า ทำไมเขาถึงใช้รูปนักร้องในดวงใจของเขา คนขับแท็กซี่ก็เลยสารภาพว่าเขาทำงานตอนดึกเป็นประจำ และเขาไม่คิดว่าผู้โดยสารจะสามารถแยกแยะระหว่างเขากับนักร้องคนนี้ได้     ในส่วนของวงอาราชิ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2542 โดยมียอดขายกว่า 30 ล้านแผ่นทั่วโลก ยอดขายที่ดีที่สุดอันดับสองของเอเชียอีกด้วย ซาโตชิ โอโนะ ผู้โด่งดังมานับสิบปี ยังเคยมีผลงานทั้งทางโทรทัศน์และภาพยนตร์ รวมถึงติดสุดยอดหนุ่มของญี่ปุ่นที่ทาง GQ จัดขึ้นในปี 2011 อีกด้วย     ภาพที่คนขับแท็กซี่นำมาใช้ในการทำใบอนุญาตปลอมมาจากเพลง Guts ในปี 2014 และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พบว่ามีผู้กระทำความผิดแบบนี้   ปลอมไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะพี่จ๋า…!! ที่มา : shanghaiist

นักออกแบบชุดชั้นในจากประเทศญี่ปุ่น มักจะสร้างสรรค์ผลงานชุดชั้นให้ออกมาให้ดูน่ารัก หรือเซ็กซี่ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่คือกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว ดังนั้น การสร้างสรรค์ชุดชั้นให้ดูน่าสนใจ อาจจะช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกัน มีนักออกแบบส่วนน้อยที่ใจกล้า ออกแบบชุดชั้นในที่มาในรูปลักษณ์ไม่เหมือนใครโดยไม่ได้คำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ ซึ่งพวกเขาได้เนรมิตชุดชั้นในที่มีลักษณะคล้ายกับหญ้าปลอมสีเขียวๆ ที่ใส่แล้วดูราวกับว่ามีหญ้างอกขึ้นมาอยู่บนทรวงอกแบบนี้…     และเมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้ Twitter ชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ @ht_mugicha ได้ทำการเผยภาพชุดชั้นในจากร้าน ดองกี้โอเต้ (ซึ่งเป็นร้านที่ขายสินค้าทุกอย่างตั้งแต่สุราไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์) ที่เรียกได้ว่าเป็นแฟชั่นสุดล้ำที่นอกจากจะดูแปลกแล้ว ยังไม่เหมือนใครอีกด้วย “ฉันใช้สมองคิดประมาณ 5 วินาที เพื่อกำลังทำความเข้าใจว่าสิ่งที่เห็นคือยกทรง ตอนแรกที่เห็นฉันนึกว่ามันเป็นผักชนิดหนึ่งด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็เหมือนเป็นอะโวคาโดยังไงยังงั้นเลย” ผู้ใช้ทวิตเตอร์กล่าว   เมื่อได้เห็นชุดชั้นในสุดแปลกนี้ถูกนำมาวางขาย เชื่อว่าทุกคนคงมีคำถามอยู่ในใจว่า ทำไมถึงออกแบบได้แหวกแนวขนาดนี้   หลังจากภาพดังกล่าวถูกนำไปโพสต์ลงในโลกออนไลน์ ก็มีชาวเน็ตญี่ปุ่นให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยได้มีการกดไลค์มากถึง 16,000 คน และรีทวิตไปกว่า 20,000 ครั้งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “คุณสามารถสวมใส่ชุดชั้นในนี้ได้เมื่อคุณกำลังเล่นเพนท์บอล”,  “นี่มันออกแบบขึ้นมาเพื่อลูกค้าที่กำลังจะมีเซ็กส์กลางแจ้งเลยนะเนี่ย”,  “ฉันคิดไปคนเดียวหรือเปล่าว่านี่อาจจะเป็นประโยชน์ในการนำมาขัดอ่างอาบน้ำ”     อย่างไรก็ตาม แม้ว่านี่จะเป็นบราที่แหวกแนวที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา แต่ต้องบอกเลยว่ามันมีราคาที่ถูกมาก โดยมีราคาต่ำสุดเพียง…

เมื่อไม่นานมานี้ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยคลิปวีดีโอช่วงวินาทีสุดโรแมนติกของ Andrew Schuhmann หนุ่มชาวอเมริกัน ที่วางแผนจะขอแฟนสาวที่คบกันมานานถึง 6 ปีแต่งงานบนน้ำตก  Havasupai ในโคโลราโด แต่ทว่าแทนที่บรรยากาศจะอบอวนไปด้วยความหวาน กลับต้องมาพลาดซะอย่างนั้น เพราะขณะที่ Andrew กำลังคุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงาน เขากลับทำแหวนหล่นลงไปในน้ำ โถ่ววว!! เงิบแรงเลยทีนี้     จากการรายงานระบุว่า ทันทีที่ Andrew ได้พาแฟนสาวมายังน้ำตกอันงดงาม เขาก็ได้มอบหมายให้เพื่อนเป็นผู้บันทึกคลิปวีดีโอเอาไว้ และถ้าหากเขาขอเธอแต่งงานเสร็จเป็นที่เรียบร้อย Andrew ก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะกระโดดลงไปในน้ำพร้อมกับเธอ แต่น่าเสียดายที่กลับพลาดท่าทำแหวนหล่นลงน้ำซะก่อน ไม่อย่างนั้นบรรยากาศมันคงจะโรแมนติกกว่านี้เยอะ “ผมเลือกน้ำตกแห่งนี้เพราะมันเป็นสถานที่ที่สวยงาม จากนั้นก็รีบเตรียมการที่จะขอเธอแต่งงาน ผมบอกเพื่อนว่าอยากจะได้ภาพของเรากระโดดลงน้ำตก ซึ่งในตอนนั้นผมได้ซ่อนแหวนเอาไว้ในนิ้วก้อยอยู่ตลอด เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่หลุดออกจากมือ และในตอนที่กำลังคุกเข่าขอแต่งงาน ผมรู้สึกกระวนกระวายจนล้มลงไป จากนั้นแหวนที่ซ่อนในนิ้วก้อยก็หลุดออกจากมือไปในทันที” Andrew กล่าว     หลังจากที่เขาพลาดท่าทำแหวนหล่นน้ำ Andrew ก็ได้ถามแฟนสาวอย่างสิ้นหวังว่า เธอยังอยากจะแต่งงานกับเขาอยู่หรือไม่ ซึ่งก็โชคดีมากๆ ที่แฟนสาวเข้าใจ และได้ตอบตกลงไป จากนั้นทั้งคู่ก็จูบกันกลางน้ำตกด้วยบรรยากาศที่โรแมนซ์เว่อร์ แม้ว่าเธอจะตอบตกลงว่าจะแต่งงานกับเขา แต่ Andrew ก็ยังคงเครียดอยู่กับการหาแหวน ซึ่งเขาก็ได้ใช้เวลาทั้งหมดกว่า…

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2560 ทางเว็บไซต์เดลีเมล์มีรายงานว่า Christina R. Gaud หญิงวัย 30 ปี จาก Summerfield รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกทางเจ้าหน้าที่จับกุมในวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะกำลังพยายามขับรถหลบหนี หลังจากที่ทำการปล้นทรัพย์ภายในร้านสะดวกซื้อ ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ออกมาเผยว่า Christina ได้ขับรถหนีหลังจากที่เธอปล้นทรัพย์โดยมีนาย Rodney Snow วัย 33 ปี เป็นผู้ร่วมมือในครั้งนี้ด้วย โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่นายอำเภอได้เห็นชายสวมหน้ากากเดินออกจากร้านดังกล่าว จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปในรถคันหนึ่งเพื่อทำการหลบหนี แต่หลังจากที่รถคันดังกล่าวขับออกไปเพียง 1 ไมล์ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับได้เสียก่อน     ภายหลังจากที่ถูกจับได้ นาย Rodney ก็ได้วิ่งหนีออกจากรถ พร้อมกับใช้ปีนยิงตัวเอง ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในอาการสาหัส ซึ่งขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่านาย Rodney และนาง Gaud มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้พบเด็กน้อยวัย 10 ขวบซึ่งคาดว่านะจะเป็นลูกของ Gaud อยู่ในรถคันดังกล่าวด้วย จากการรายงานระบุว่า หนูน้อยปลอดภัยดี และไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ…

ในคณะที่การให้กำเนิดเด็กสักคนนั้นเป็นเรื่องที่สวยงาม แต่ทุกอย่างนั้นก็แลกมาด้วยความตึงเครียดและความเจ็บปวดในขณะที่ทำคลอด และแน่นอนว่าคนที่ใกล้คลอดก็มักจะไม่เคลื่อนไหวเยอะอย่างแน่นอน Leah Halliday Johnson คุณแม่ท้องแก่ที่เดินทางมาถึงโรงพยาบาลในสภาพที่ใกล้คลอดเต็มที ได้ถูกนำตัวเข้าห้องคลอดไม่นานหลังจากที่เธอมาถึง แต่โชคร้ายที่เธอในช่วงเวลาที่หมอคนอื่นๆ กำลังอยู่ในช่วงพักเบรค     แต่ในความมืดย่อมมีแสงสว่างเสมอ เมื่อคุณหมอ Amanda Hess ที่กำลังจะเลิกงานเพื่อทำคลอดให้ตัวเองผ่านมาพอดี ได้ตัดสินใจเข้ามาช่วย Leah ก่อนแทนที่จะทำคลอดให้ตัวเอง Amanda ให้เหตุผลว่า “หมอต้องมีความอดทนเสมอ และต้องคิดถึงความอดทนของคนไข้ด้วย”  จากนั้นคุณหมอก็จัดการเริ่มทำคลอดให้คนไข้ทันที งานนี้เรียกว่าแม้จะตนจะเจ็บท้องแค่ไหน เธอก็อดทนและตั้งใจทำคลอดสุดๆ     Leah ให้สัมภาษณ์กับทาง NBC เกี่ยวกับเรื่องราวในวันนั้นว่า “ตอนนั้นแม้คุณหมอ Amanda จะเจ็บท้องแค่ไหน แต่เธอก็เข้าโหมดคุณหมอเต็มตัวพร้อมตั้งใจทำหน้าที่สุดๆ” สุดท้ายแล้วการทำคลอดก็จบลงไปได้ด้วยดี ทางด้านคุณหมอ Hala Sabry ผู้เป็นเพื่อนร่วมงานของคุณหมอ Amanda ก็ได้ออกมาเล่าเรื่องราวของเพื่อนเธอและชื่นชมในความพยายามและอดทนของเธอ     ด้านคุณหมอ Amanda ก็ได้ให้กำเนิดลูกของตน ซึ่งเชื่อเหอะว่าเรื่องราวความดีของคุณแม่ในมาดคุณหมอคนเก่งคนนี้ จะต้องถูกบอกเล่าให้ลูกของเธอฟังในภายหลังไปได้นานเท่านานอย่างแน่นอน…   ที่มา ladbible

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เชื่อว่าพวกเราคงจะเคยเห็นภาพของชาวต่างชาติพร้อมกับแผ่นป้ายขอบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวของเขา ซึ่งหลังจากภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารย์อย่างมาก และดูเหมือนว่าการขอเงินเพื่อสนับสนุนทริปท่องเที่ยวแบบนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกที่เดินทางมายังทวีปเอเชีย แต่การกระทำแบบนี้ก็ได้รับคำตำหนิด้วยเช่นกัน     นอกจากนี้การกระทำดังกล่าวยังขัดกับกฏหมายในบางประเทศ อย่างเช่นในสิงค์โปร์ผู้ที่จะหาเงินได้นั้นจำเป็นจะต้องมีวีซ่าสำหรับทำงานเท่านั้น คุณ Maisarah Abu Samah หนึ่งในชาวเน็ตที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำแบบนี้ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ฉันเห็นคนมาขายของและร้องเพลงข้างถนนในสิงค์โปร์ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรแบบนี้เลย เพราะกฎหมายของที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดมาก”     ภาพของนักท่องเที่ยวที่ออกมาเรียไร ที่หลายๆ ประเทศในทวีปเอเชียเริ่มมีให้เห็นมากขึ้น .   “เราพบนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ออกมาขอเงินเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการขายของ การเล่นตนตรีเปิดหมวกหรือขอกันแบบซื่อๆ ซึ่งอันที่จริงพวกเขาอาจจะต้องการเงินจริงๆ ก็ได้ แต่การนำเงินที่ได้เหล่านี้ไปจับจ่ายซื้อสินค้าราแพงหรือใช้เที่ยวแบบหรูๆ ฉันว่ามันไม่ค่อยจะถูกนะ” คุณ Maisarah เสริม     บางคนก็ใช้ความสามารถของพวกเขาแลกกับเงิน เพื่อสนับสนุนการเดินทาง .   คุณ Louisa นักศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองจากประเทศมาเลเซียเองก็ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของเหล่านักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน “ฉันอยากจะบอกพวกนักท่องเที่ยวเหล่านั้นว่าถ้าคุณคิดว่าการทำแบบนี้เป็นเรื่องปรกติในเอเชีย ทำไมคุณไม่ลองทำแบบนี้ที่บ้านเกิดของพวกคุณด้วยล่ะ” ตอนนี้ดูเหมือนว่าการกระทำแบบนี้จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายบนโลกออนไลน์อีกด้วย มีการจัดตั้งเว็บไซต์เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับเหล่านักท่องเที่ยวที่ต้องการขอเงินเพื่อสนับสนุนการค้นหาความหมายของชีวิตพวกเขา     เว็บไซต์ fundmytravel เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่อนุญาตให้ผู้คนที่ต้องการเงินสนับสนุนการท่องเที่ยวสามารถตั้งกระทู้ขอรับบริจาคได้ บางครั้งการขอรับบริจาคก็มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการขอสนับสนุนเงินเพื่อเดินทางไปจัดกิจกรรมเพื่อสังคม หรืองานด้านมนุษยธรรมในประเทศที่ยากจน แต่ในขณะที่การขอรับบริจาคบางอย่างก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะสม อย่างเช่นการขอเรี่ยไรเงินสำหรับทริปท่องเที่ยวในทวีปเอเชีย ปีนหน้าผา เดินป่าขึ้นเขา ลงห้วยและปิดท้ายด้วยการกินแมลง ของนาย David…

บทความนี้มีเนื้อหาและภาพที่รุนแรง อาจจะไม่เหมาะกับคนอ่านทุกคน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน   เรื่องราวสุดสลดนี้จากนเดีย เมื่อเด็กน้อยวัย 3 ขวบ พบว่าถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยในการประกอบพิธีกรรมไสยศาสตร์ จนท้ายที่สุดเด็กน้อยก็ได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา… เรื่องเกิดขึ้นรัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย ซึ่งผู้เป็นแม่ได้นำตัวนำตัวลูกน้อยมาส่งโรงพยาบาลในสภาพย่ำแย่ และเรื่องสุดประหลาดใจก็เกิดขึ้นเมื่อทีมแพทย์พบว่าในตัวเด็กมีเข็มยาว 2 นิ้วอยู่เต็มร่างกายไปหมด   ภาพเอ็กซ์เรย์   ทีมแพทย์ก็บอกว่าอาการของเด็กน้อยนั้นสาหัสมากๆ ที่สำคัญพวกเขายังพบว่าตามร่างกายของเด็กยังมีร่องรอยของการกระทำชำเราทางเพศอีกด้วย ฝั่งคุณแม่เองก็ได้ให้ปากคำว่า เธอถูกบังคับโดยอดีตเจ้านายของเธอ ให้นำลูกของตัวเองมาใช้ในการทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ จนท้ายที่สุดเธอทนไม่ไหวเลยต้องหนีออกมา   ภาพของคุณแม่และลูกน้อยที่กำลังเดินทางไปยังโรงพยาบาล   ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ยื่นฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กจากการกระทำความผิดทางเพศ (POSCO) กับ Sanatan Thakur ชายวัยราวๆ 50 ปี ซึ่งเป็นอดีตนายจ้างของแม่เด็กในฐานะผู้ต้องสงสัย   นี่คือเข็มทั้งหมด ที่ทีมแพทย์เจอในตัวเด็ก   ด้านนาย Sanatan ที่รู้ตัวว่าจะถูกจับก็ยังคงพยายามหนีการตามจับจากเจ้าหน้าที่ จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้แต่อย่างใด ส่วนด้านเด็กน้อยที่ดูเหมือนว่าจะได้รับการรักษาเรียบร้อย แต่ไม่นานนักอาการก็ดูจะหนักขึ้นทำให้สุดท้ายเด็กน้อยก็ได้จากโลกใบนี้ไปอย่างน่าสงสาร แม้ว่าในตอนท้าย ทางตำรวจจะรู้ว่าใครเป็นคนร้ายและตามจับอยู่ แต่การจากไปของหนูน้อยผู้ตกเป็นเหยื่อก็ไม่สามารถจะแก้ไขอะไรได้   สุดท้ายเพื่อนๆ คิดว่านอกจากตัวเจ้านายเก่าแล้ว แม่ของเด็กก็เป็นฝ่ายที่ผิดด้วยไหมที่ยอมทนอยู่ได้ตั้งนาน หรือว่าเธอมีความจำเป็นกันนะ? ชาวเน็ตที่ได้อ่านต่างวิจารณ์แม่เด็กในแง่มุมต่างๆ กันไป…

สำหรับหมาป่า ถือเป็นหนึ่งในสัตว์ที่มักจะถูกมองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้าย นั่นเป็นเพราะสัญชาตญาณนักล่าโดยธรรมชาติของมัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ดุร้าย แต่ลึกๆ ในใจพวกมันก็เป็นสัตว์ที่มีหัวใจอบอุ่น แถมยังรักลูกของตัวเองมากๆ เลยล่ะ   Ash และ Ember คู่หมาป่าที่คอยดูแลลูกๆ ทั้ง 5   วันที่ 29 กรกฎาคม 2017 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Ember แม่หมาป่าที่อาศัยอยู่ในสวนสัตว์ที่ Cotswold Wildlife Park ใน Bradwell Grove, Oxfordshire ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ ถูกทางเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่มันพยายามหลบหนีออกจากสวนสัตว์ และเมื่อผู้เป็นแม่ถูกยิงตาย ดังนั้น ความรับผิดชอบในการดูแลลูกน้อย 5 ตัว ที่มีอายุ 11 สัปดาห์ของมัน จึงได้ตกไปเป็นของ Ash พ่อหมาป่าแทน   ปัจจุบันเหลือเพียงแต่พ่อหมาป่า Ash ที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง   จากการายงานระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ได้พยายามที่จะทำให้เจ้า…

เมื่ออายุมากขึ้น สภาพผิวของเราจะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ทั้งผิวเหี่ยวหย่อนยาน มีริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัด และการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้แปลว่าเราจะสวยน้อยลง มันเป็นแค่การเปลี่ยนของความงามเท่านั้นเอง เหมือนคุณยายชาวจีนวัย 70 ปีคนนี้ ที่กลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืน หลังจากที่เธอโพสท่าถ่ายรูปเหมือนนางแบบชื่อดัง เผยให้เห็นความงามของช่วงวัยที่แตกต่าง   ท่า ‘มั่นเบอร์ไหน’   สมาชิก Weibo ที่ใช้ชื่อว่า Wangwangjing เห็นภาพของ หลินจือหลิง ผู้เป็นนางแบบและนักแสดงสาว ที่ถ่ายในสวนสาธารณะแห่งหที่ปักกิ่ง ถูกโพสต์ในบัญชี Weibo ของเธอ ซึ่งเป็นภาพที่ดูสวยงามมาก ด้วยเหตุนี้ผู้เป็นหลานชายจึงตัดสินใจถ่ายรูปให้คุณยาย เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับเธอ เขาให้คุณยายแต่งตัวเหมือน Lin จากนั้นก็โพสต์ท่าต่างๆ โดยถ่ายในโลเคชั่นเดียวกันเป๊ะๆ ท่า ‘อ๊ะๆ’   แม้คุณยายจะไม่ใช่นางแบบ แต่เธอสามารถสื่ออารมณ์จากการโพสท่าต่างๆ ออกมาได้อย่างสวยงาม ไม่แพ้นางแบบมืออาชีพเลย เมื่อเทียบภาพของคุณยายกับนางแบบแล้วก็ทำให้เห็นความงามของผู้หญิงสองช่วงอายุ ที่มีความแตกต่างกันและไม่สามารถบอกได้ว่าแบบสวยกว่ากัน เพราะทั้งสองคนต่างก็มีความสวยในแบบของตัวเอง   ท่า ‘มองแบบเผลอๆ…’   ท่า ‘ก็สวยอะ’   ท่า ‘อุ๊ย เขิน’   ท่า ‘มีคำถามค่ะครู’  …

ปกติร่างกายของคนส่วนใหญ่จะถูกจะออกแบบให้มีสัดส่วนและขนาดที่พอดีขึ้น ไม่มีอะไรใหญ่หรือเล็กจนเกินไป แต่ชายคนนี้กลับเกิดมาพร้อมนิ้วอันมโหฬาร ใหญ่ไปไหนพ่อคุ๊ณณณ Jeff Dabe เกิดเมื่อปี 1963 ที่เมืองสเตซี่ รัฐมินนิโซตา เขามีนิ้วใหญ่ผิดปกติตั้งแต่เกิด ซึ่งแพทย์เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเกิดจากอะไร แต่ยืนยันว่าไม่มีความผิดพลาดทางการแพทย์แน่นอน     เพราะเป็นคนแขนใหญ่มือใหญ่ เขาจึงถูกตั้งฉายาให้ว่า “ป๊อปอาย” ตัวการ์ตูนกกะลาสีเรือที่มีแขนใหญ่ผิดปกติเหมือนกับ Jeff ในตอนนี้   ภาพนี้ถ่ายตอน Jeff อายุ 10 ขวบ เห็นได้ชัดว่านิ้วของเขาใหญ่มากและดูทรงพลัง   จนกระทั่ง Jeff โตเต็มที่ รอบแขนของเขาวัดได้ประมาณ 19 นิ้ว และเพราะความพิเศษนี้ทำให้เขาประสบสำเร็จในการแข่งขันงัดข้อ ช่วงปลายยุค 70 สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่น     น่าเสียดายที่เขาประสบอุบัติเหตุร้ายแรงขณะแข่งงัดข้อในปี 1986 … Jeff ได้เข้าร่วมเข้าแข่งขันในรายการ Over the Top ซึ่งเป็นการแข่งงัดข้อที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดคิด เมื่อผ่านไปประมาณ 2-3 นาที แขนขวาของเขาก็หัก ต่อหน้าต่อตาผู้เข้าแข่งขัน กรรมการและกองเชียร์  …

ลองคิดดูสิว่าเมื่อคุณตื่นนอนในยามเช้า แล้วได้พบกับเจ้าเสือขนาดใหญ่กำลังนั่งเล่นอยู่นอกหน้าต่างคุณจะรู้สึกอย่างไร หลายคนอาจจะตื่นกลัว ในขณะที่หลายๆ คนก็รู้สึกตื่นเต้น และรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2017 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์มีรายงานว่า ห้องพักแห่งใหม่ในเคนต์ ประเทศอังกฤษ ที่ตั้งอยู่ในซาฟารี Port Lympne Wild Animal Park ได้เปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักผ่อนแล้ว และเมื่อคุณได้เดินทางมาพักยังห้องพักแห่งนี้ นอกจากจะได้สัมผัสไปกับบรรยากาศอันร่มรื่นของธรรมชาติ คุณยังจะได้เห็นเสือโคร่งตัวใหญ่ออกมาเดินเล่นอยู่นอกหน้าต่างของห้องที่คุณพัก     Jane Fryer นักข่าวของเดลีเมล์ ได้เป็นหนึ่งในผู้ที่มีโอกาสใช้ช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้นในห้องพักดังกล่าว ได้ออกมาเผยว่า “เมื่อได้มองออกไปนอกหน้าต่างห้องพัก ฉันได้เห็นเจ้าเสือโคร่งสีส้มที่มีฟันใหญ่ที่สุดและใกล้ชิดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ถึงแม้ว่าเราจะได้เห็นพวกมันใกล้มาก แต่พวกมันก็ยังคงดูน่ากลัวอยู่ดี เราได้เรียนรู้ว่าเจ้าเสือ Tugs อายุ 19 ปี และ Ingrid อายุ 12 ปี เป็นเหมือนคู่รักกัน และพวกมันก็ดูอ่อนโยน”     สำหรับห้องพักแห่งนี้ตั้งอยู่ในซาฟารีของเมืองเคนต์ ซึ่งประกอบไปด้วยห้องพัก 2 ห้องนอน มีร้านอาหารสำหรับบริการลูกค้า 2 แห่ง…

กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันบนโลกออนไลน์กันเลยทีเดียว เมื่อพ่อหนุ่มคนหนึ่งได้เกิดความคิดพิเรนทร์ๆ เล่นใส่รองเท้าคู่เดียวขึ้นรถไฟฟ้าในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน โดยอ้างว่าเขากำลังอยู่ในโลกแห่งเกมของตัวเอง!! คลิปวิดีโอจากผู้โดยสารท่านหนึ่งเผยให้เห็นภาพเรืองร่างอันเปล่าเปลือยของชายหนุ่มผู้นี้ ระหว่างที่เขากำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในขบวนรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยไม่สนสายตาของชาวบ้านชาวช่องเลยแม้แต่น้อย…   ผ่าง!!   จากการรายงานของสำนักข่าว South China Morning Post พยานผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่าได้พูดคุยกับชายคนดังกล่าว และได้คำตอบมาว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ในโลกแห่งเกมอยู่ หนุ่มนิรนามผู้มาพร้อมกับห่อหมกของเขา นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินผ่านมาแล้วกว่า 6 สถานีก่อนที่จะถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ในสถานีปลายทางที่เขาลง     จากการรายงานของสื่อท้องถิ่นบอกว่าเจ้าหน้าที่เชื่อว่าชายผู้นี้อาจมีอาการป่วยทางจิต และตอนนี้ยังไม่มีรายงานว่าเขาถูกตั้งข้อหาอนาจารในที่สาธารณะหรือไม่ ตอนนี้ปัญหาการกระทำอนาจารและการล่วงละเมิดทางเพศกำลังเกิดขึ้นอย่างมากในระบบขนส่งมวลชนต่างๆ อย่างในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน จากการสำรวจพบว่าผู้คนกว่า 80% เชื่อว่ามีการคุกคามทางเพศบ่อยครั้งตามระบบขนส่งสาธารณะ ในขณะที่อีก 14% เคยตกเป็นเหยื่อของการกระทำเหล่านี้     ทำแบบนี้คนอื่นก็เขินแย่เลยซิเนี่ย!? ที่มา shanghaiist, mirror

ดูเหมือนว่าในขณะที่โลกของเรากำลังมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ ความสามารถของผู้คนก็มีการพัฒนาตามไปด้วยเช่นกัน บ่อยครั้งที่เรามักจะเคยได้ยินเรื่องของเหล่าเด็กๆ ที่มีความสามารเจ๋งๆ อย่าง เด็กน้อยที่สามารถสร้างเครื่องดักฟังได้ หรือแม้แต่ ช่างภาพที่อายุน้อยที่สุด นอกเหนือจากนี้ก็มีเรื่องราวของ เจ้าหนูมหัศจรรย์ผู้เป็นเจ้าของแชมป์มอเตอร์ไซค์วิบาก ตั้งแต่อายุ 4 ขวบมาฝากกัน จะเก่งและเจ๋งแค่ไหน มาติดตามกันได้เลย…     Jaydin Smart หนูน้อยวัย 4 ขวบที่สามารถค้วาแชมป์มอเตอร์ไซค์วิบากมาครองได้สำเร็จ โดยในการแข่งขันดังกล่าวเจ้าหนูต้องเจอกับคู่แข่งที่มีอายุมากกว่าเขาทั้งนั้น Jaydin เติบโตมาในครอบครัวนักบิด โดยคุณพ่อและแม่ของเขานั้น ต่างก็หลงใหลและคลั่งไคล้ในกีฬามอเตอร์ครอสมากๆ พวกเขายังเชื่อว่าลูกน้อยวัย 4 ขวบจะก้าวขึ้นมาเป็นมืออาชีพในเร็วๆ นี้แน่นอน     คุณ Patrick ผู้เป็นพ่อของเจ้าหนูเล่าว่า “ลูกของผมเริ่มชอบมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะอายุครบ 1 ขวบแล้ว บ่อยครั้งที่ผมสังเกตเห็นว่า เขามักจะพยายามกระโดดหรือปีนขึ้นมอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน” ส่วนทางด้านคุณ Jocelyn ผู้เป็นแม่นั้นเล่าว่า ลูกชายตัวน้อยมักจะขอร้องให้พาเขาออกไปขับรถด้วยบ่อยๆ วันหนึ่งเธอปล่อยให้เจ้าตัวเล็กได้ลองขับรถมอเตอร์ไซด์เด็ก และจากวันนั้นเป็นต้นมาเขาก็หลงรักมันทันที   Jaydin และ Eli น้องชายของเขา   เจ้าหนูตัวน้อยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “ผมชอบขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก…

ทุกวันนี้ผู้คนมากมายได้แสดงความคิดเห็นในบทความต่างๆ บนโลกออนไลน์ และจะมีบางคนคอมเม้นท์ทันที ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เข้าไปอ่านเนื้อหาเลย… ด้วยเหตุนี้เว็บไซต์ของ NRK ซึ่งเป็นเว็บข่าวอันดับต้นๆ ของประเทศนอร์เวย์ จึงได้ออกแบบคำถามเพื่อยืนยันว่าก่อนคอมเม้นท์ พวกเขาได้อ่านเนื้อหาของบทความและเข้าใจแล้วจริงๆ หลายๆ ครั้งที่ผู้คนยังไม่ได้อ่านเนื้อหาทั้งหมดของบทความ หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจ แต่กลับคอมเม้นต์ด้วยถ้อยคำรุนแรง โดยไม่ได้ใช้เวลาในการคิดไตร่ตรองก่อน     ดังนั้นทีมผู้ออกแบบทดสอบนี้จึงบังคับให้ผู้อ่านใช้เวลา 15 วินาที ในการตอบคำถามก่อนจะทำการคอมเม้นท์ ซึ่งในช่วงเวลานี้จะช่วยทำให้พวกเขาใจเย็นลงได้   ตัวอย่างของชุดคำถามที่ต้องตอบให้ถูกต้องก่อนจะได้คอมเม้นท์   สำหรับคำถามที่นำมาทดสอบนั้น จะเป็นคำถามง่ายๆ แต่ต้องตอบให้ถูก ตัวอย่างเช่น ถามว่า คำย่อของคำนี้ๆ มาจากชื่อเต็มว่าอะไร? ซึ่งคำตอบอยู่ในบทความทั้งหมด ถ้าอ่านแล้วก็ต้องตอบได้แน่นอน บททดสอบนี้ถูกนำมาใช้งานบนเว็บไซต์ NKRbeta… ซึ่งทีมผู้สร้างหวังทำให้ผู้คนรู้ว่าในบทความนั้นพูดถึงอะไร ก่อนที่พวกเขาจะแสดงความคิดเห็น     นักข่าว Ståle Grut บอกว่า “เราคิดว่าควรจะทำหน้าที่ที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แน่ใจว่าผู้คนได้อ่านบทความแล้วจริงๆ ก่อนแสดงความคิดเห็น” “และหากคนอ่านบอกได้ว่าบทความนั้นกล่าวถึงอะไร ก็จะช่วยทำให้พวกเขามีการแสดงความคิดเห็นต่อบทความในทางที่เหมาะสม” ในขณะที่ Marius Arnesen บรรณาธิการของเว็บไซต์ NKRbeta บอกว่า…

ปกติก่อนเสียชีวิต ผู้คนมักจะมีคำขอสุดท้ายที่ฟังแล้วซึ้งจนน้ำตาร่วงไปตามๆ กัน ที่สำคัญคำขอเหล่านั้นมักจะมีความหมายกับผู้ตายหรือครอบครัว แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป อย่าง John Micheal Stubbs กลับขอให้เขียนคำว่า “ไอ้งั่ง” ติดโลงศพของเขาแล้วขับวนไปให้ทั่วเมือง     John อาศัยอยู่ในเมืองคาร์ไลล์ มณฑลคัมเบรีย ประเทศอังกฤษ เขาป่วยด้วยโรคมะเร็งมาเป็นเวลานาน จนเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2017 ด้วยวัย 64 ปี ด้วยเหตุนี้ทางครอบครัวจึงได้จัดงานศพให้ แต่ก่อนอื่นต้องทำตามคำขอสุดท้ายของเขาก่อน นั่นคือเขียนคำว่า “ไอ้งั่ง” ข้างโลงศพ แล้วขับไปรอบๆ เมือง Tracey Lazonby จากบริษัทรับจัดงานศพ Final Journey บอกว่า “ครอบครัวของ John มาหาเรา เพราะพวกเขาคิดการทำตามคำขอของผู้เสียชีวิตแบบนั้นคงจะทำไม่ได้ แต่เราบอกว่าสามารถจัดการให้พวกเขาได้”   คำขอของเขานั้น เป็นการเลียนแบบมาจากฉากหนึ่งของซีรีย์ทีวีโชว์ League of Gentlemen   เธอยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า “จริงๆ ก่อนหน้าที่เรามีคำขอสุดท้ายแบบแปลกๆ มากมาย แต่ไม่เคยเจอแปลกเท่านี้มาก่อน และเมื่อนำไปให้ร้านดอกไม้จัดการ พวกเขาก็บอกว่าไม่เคยเจอเคสแปลกๆ แบบนี้เหมือนกัน”    …

ทุกวันนี้มีพื้นที่มากมายไม่ว่าจะเป็นที่ส่วนบุคคลหรือที่รัฐที่ถูกปล่อยทิ้งร้างโดยไม่นำมาทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่มันสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย ถ้าหากว่ามีการลงทุนปรับปรุงเสียหน่อย อย่างเช่นคุณยาย Sally Berry วัย 78 ปี ผู้ทุ่มเทใช้เวลากว่า 7 ในการเปลี่ยนบึงร้างหลังบ้านให้กลายเป็นสวนสวรรค์อันเงียบสงบและมีความสวยงามอลังการมากๆ     William ลูกชายของคุณยายได้ซื้อบ้านหลังนี้เมื่อปี 2010 และเธอก็ย้ายเข้ามาอยู่ตอนอายุ 71 ปี ตอนนั้นพื้นที่สวนหลังบ้านถูกทิ้งร้างโดยมีไม่มีการจัดตกแต่งอะไร และมีหญ้าขึ้นปกคลุมอย่างหนาแน่น คุณยายจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนพื้นที่หลังบ้านนี้เพียงลำพัง เธอซื้ออุปกรณ์สำหรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ แล้วค่อยๆ ลงมือทำไปทีละเล็กละน้อยตามกำลัง จนกระทั่ง 7 ปี ผ่านไป วันที่รอคอยก็มาถึง     สวนรกร้างเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนนี้กลายเป็นสวนสวรรค์ที่เต็มไปพืชนานาชนิด และสัตว์อีกจำนวนหนึ่ง แตกต่างจากก่อนทำอย่างสิ้นเชิง ในระยะเวลา 7 ปี นี้ คุณยายทำงานแบบแทบจะไม่ได้พักเลย อาจจะรู้สึกเหนื่อยบ้าง แต่เธอบอกว่ามันก็คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มา และเธอก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำเสมอ     เธอตั้งชื่อให้สวนแห่งใหม่นี้ว่า The Secret Valley โดยจะเปิดให้ผู้คนทั่วไปได้เข้ามาเยี่ยมชมได้ด้วย โดยรายได้จากการเก็บค่าเข้าชมสวน ก็จะนำไปบริจาคให้กับองค์กรการกุศล ภายในสวนมีหงส์ นกกระเต็น…

เรื่องราวของชายหนุ่ม ชื่อว่า George ที่ต้องถูกผ่าตัดใส่ถุงซิลิโคนขยายเนื้อเยื่อเข้าไปบนหน้าผากของเขา คล้ายกับการเสริมหน้าอกของสาวๆ เพื่อรักษารอยแผลเป็นใหญ่ตรงคิ้ว อันเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่แกรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย แผลเป็นนี้เกิดขึ้นเพราะวันหนึ่งจู่ๆ นาย George ก็รู้สึกปวดหัวคล้ายกับว่าจะเป็นหวัด ก็เลยตัดสินใจขับรถไปโรงพยาบาล แต่ระหว่างทางกลับเกิดอุบัติเหตุรถชนเข้ากับรั้วเหล็กจนทำให้ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ หลังจากที่ฟื้นตัวขึ้นมา George ก็ได้รีบโทรแจ้งไปที่เบอร์ฉุกเฉิน พอมาถึงที่โรงพยาบาลก็พบว่าไม่มีศัลยแพทย์อยู่เลยแม้แต่คนเดียว ประจวบกับเลือดที่ไหลออกมาอย่างมากมาย จึงทำให้คุณหมอตัดสินใจที่จะเย็บแผลที่เปิดยาวไปทั้งๆ อย่างนั้น เพื่อช่วยรักษาชีวิตของเขาเอาไว้     ตอนแรก George ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับบาดแผลของตัวเองนัก แต่พอแผลเริ่มหายแล้วก็พบว่ามันเกิดเป็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ และคิ้วของของก็ขาดออกจากกัน แถมยังเลื่อนขึ้นไปด้านบนอีกต่างหาก “มันมีช่องว่างเกิดขึ้นกับคิ้วของผม ทำให้มันแยกออกจากกันเป็นสองส่วน ซึ่งอีกส่วนหนึ่งมันอยู่เหนือขึ้นไปบนหน้าผาก เจ้าแผลที่ดูน่ากลัวนี้มันทำให้ผมรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเอาซะเลย”     เขาจึงตัดสินใจไปหาหมอศัลยกรรมเพื่อทำการรักษารอยแผลเป็น และคิ้วของเขาให้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม และคุณหมอ Nassif ก็ตัดสินใจที่จะนำถุงขยายเนื้อเยื่อใส่เข้าไปที่หน้าผากของเขา พร้อมกับอธิบายให้ฟังว่า “นายจะต้องใส่เจ้าถุงขยายเนื้อเยื่อขนาดเท่าลูกเทนนิสนี้เอาไว้ที่หน้าผากไปอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์”     George เล่าว่า “ความรู้สึกของผมหลังจากที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่า การที่มีก้อนกลมๆ ขนาดเทาลูกเทนนิสบนหน้าผากของผม มันคงจะน่าอายหน่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะทำ เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้คิ้วของผมกลับมาเป็นเหมือนปกติได้” แต่กลับกลายเป็นว่าผลที่ออกมา…

มีเนื้อสัตว์หลายชนิดที่เราสามารถทานกันแบบดิบๆ ได้ จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว อย่างเช่น ปลา กุ้ง หรือบางอย่างไม่ได้ปรุงให้สุกจนเกินไปก็สามารถทานได้ แต่ก็ไม่ควรทานบ่อยอยู่ดี ตอนนี้ในต่างประเทศกำลังมีเทรนด์ใหม่ในวงการอาหารคือ ‘กินไก่กึ่งสุกกึ่งดิบ’ โดยพวกเขาอ้างว่าเนื้อไก่ดิบมีรสชาติดีและละมุนลิ้นมากกว่า!?     เนื่องจากในปัจจุบันเริ่มมีผู้คนในต่างประเทศ ให้ความสนใจกับเนื้อไก่แบบมีเดียมแรร์ ซึ่งไก่ในที่นี้ไม่ได้มีความสุกในระดับที่เราเคยกิน แต่จะมีความสุขแบบกลางที่ยังเผยให้เห็นเนื้อแดงอยู่ เนื้อไก่ที่สุกระดับกลางนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนมีคนหนึ่งออกมาโพสต์ว่า “การจะกินไก่ให้ได้รสชาติที่อร่อยที่สุด ต้องทำให้มันสุกแบบมีเดียมแรร์ ถ้าไม่ทำแบบนี้แสดงว่าคุณกินผิดวิธีนะ”     ไก่ดิบแบบนี้บอกว่า ‘เนื้อฉ่ำมาก’   นอกจากนี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Morgan Jane Gibbs ชาวออสเตรเลียได้โพสต์ภาพเนื้อไก่ที่เสิร์ฟมาในจานเล็กๆ เผยให้เห็นเนื้อแดงๆ พร้อมแคปชั่นว่า “เพิ่งจะทำเนื้อไก่สับแบบมีเดียมแรร์เสร็จ รสชาติมันดีมากเลยจนไม่น่าเชื่อเลยค่ะ”   โพสต์ต้นทางจาก Morgan Jane Gibbs ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2017   จริงๆ แล้วภาพที่ Gibbs โพสต์นั้น เป็นการดักล้อเลียนโพสต์ของ Dakota Jean ผู้จุดประเด็นนำภาพไก่ดิบเหล่านี้มาโมเมเป็นเมนูไก่มีเดียมแรร์ที่จะทานพร้อมกับสลัดผัก (ปัจจุบันลบโพสต์ไปแล้ว)     ส่วนความจริงของภาพเนื้อไก่ดิบที่เรียงรายบนจานนั้น ถูกฉกมาจากเว็บไซต์โปรโมทการท่องเที่ยวของจังหวัดชิซุโอะกะ…

คุณลองคิดดูสิว่า ในชีวิตหนึ่งคนเราจะถูกจับเข้าคุกมากที่สุดกี่ครั้ง บางคนก็เคยถูกจับเพียงแค่ครั้งเดียว และไม่เคยถูกจับอีกเลย ขณะที่บางคนถูกจับเข้าคุกเป็นว่าเล่น ยังไม่ทันนับก็ปาเข้าไปมากกว่า 10 ครั้งแล้ว แต่เราเชื่อนะว่าคงไม่มีใครถูกจับเข้าคุกมากไปกว่า Henry Earl ชายวัย 69 ปีจากรัฐเคนตักกี้คนนี้ ที่เข้าไปอยู่ในคุกจนชินราวกับว่าเป็นบ้าน เพราะเขานั้นถูกตำรวจจับมามากกว่า 1,500 ครั้งแล้ว โอ้ววว!! จะเยอะไปไหนเนี่ย     ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ได้ระบุว่า นาย Henry ถูกจับครั้งแรกในปี 1970 ด้วยข้อหาแอบซ่อนอาวุธ ซึ่งในขณะนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 20 ปี นอกจากนี้ เขายังถูกจับอีก 33 ครั้งในปีเดียวกันอีกด้วย และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Henry ก็ถูกจับเข้าคุกบ่อยขึ้น โดยส่วนใหญ่จะถูกจับในข้อหามึนเมา และก่อความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น     ตลอดชีวิตที่ผ่านมา Henry ถูกจับติดคุกมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเขาก็มักจะใช้เวลาช่วงสำคัญของชีวิต ไม่ว่าจะเป็น วันขอบคุณพระเจ้า วันคริสมาสต์ รวมไปถึงวันเกิด อยู่ในคุกเสมอ อย่างไรก็ตาม จากการรายงานระบุว่า ในช่วงปี 1980…

เป็นอีกหนึ่งคดีที่ตำรวจกำลังเร่งหาตัวผู้กระทำผิด หลังจากได้รับแจ้งว่ามีเด็กชายวัย 4 ขวบถูกปาแอปเปิ้ลใส่จนหน้าแตก ดวงตาบวมปูด โดยเว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่า Corey Chesterton วัย 4 ขวบ ได้ออกไปเล่นกับเพื่อนๆ วัยเดียวกันที่บริเวณสนามเด็กเล่นใกล้บ้าน ก่อนจะเหตุการณ์ไม่คาดคิดตามมา   ช่วงเวลาประมาณ 6 นาฬิกา ก็ได้มีกลุ่มวัยรุ่นนิรนามรุมเอาแอปเปิ้ลปาใส่น้องวัย 4 ขวบ ที่ Washbourne Park ประเทศอังกฤษ   จากเหตุการณ์ครั้งนั้น Corey ได้รับการบาดเจ็บบริเวณใบหน้าอย่างรุนแรง โดยคุณแม่ Kirsty Chesterton วัย 29 ปี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ตอนนั้นดิฉันกำลังอยู่ในบ้านพี่สาว พวกเรากำลังทำอาหารให้เด็กๆ ทานกัน จากนั้นหลานสาวก็วิ่งมาบอกว่าลูกชายของดิฉันถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย”      นอกจากนั้นกลุ่มหลานๆ ที่ได้ออกไปเล่นกับเด็กน้อยผู้เคราะห์ร้าย ได้ให้การณ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีวัยรุ่นประมาณ 3 – 4 คน อายุราวๆ 13 – 15 ปี…

การต้องสูญเสียคนรักไป ย่อมสร้างบาดแผลและความเศร้าเสียใจให้กับคนในครอบครัวอย่างแน่นอน และถึงแม้ว่าจะเป็นพวกสัตว์เองก็ย่อมมีความรู้สึกแบบนี้เช่นกัน เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโออันแสนเศร้าของแม่ลิง ที่ต้องสูญเสียลูกน้อยของมันไป และถึงแม้ว่ามันจะพยายามอย่างไร ลูกลิงน้อยผู้น่าสงสารก็ไม่ฟื้นขึ้นมา…     เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเมืองบังคาลอร์ ประเทศอินเดีย ชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า แม่ลิงนั่งเฝ้าร่างที่ไร้วิญญาณของลูกมันอยู่นานหลายวัน มันไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้กับลูกน้อยของมันเลย แม่ลิงพาร่างไร้วิญญาณของลูกน้อยไปด้วยในทุกๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นบนต้นไม้ หรือบนกำแแพง ราวกับว่ามันกำลังรอคอยปาฏิหาริย์ให้ลูกน้อยฟื้นขึ้นมา สร้างความหดหู่ใจให้กับผู้ที่พบเห็นอย่างมาก   และนี่คือคลิปวิดีโอที่เผยให้เห็นถึงความเศร้าของแม่ลิง   แม่ลิงที่กำลังเสียใจกับการจากไปของลูกน้อย   ส่วนสาเหตุการตายของลูกลิงนั้นคาดว่าน่าจะมาจากการถูกไฟฟ้าแรงสูงช๊อต จึงทำให้มันพลัดตกลงมาจากต้นไม้จนเสียชีวิต ชาวบ้านที่นี่เล่าว่าฝูงลิงส่วนมากมักจะตกเป็นเหยื่อของสายไฟฟ้าแรงสูง เพราะว่าพวกมันไม่รู้ว่าภายในสายไฟนั้นมีอันตรายที่สามารถคร่าชีวิตพวกมันได้     การขยายตัวของพื้นที่เมือง อาจะเป็นหนึ่งปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของพวกลิง นอกจากการที่จะต้องคอยระวังอันตรายจากมนุษย์แล้ว อาหารการกินต่างๆ ของพวกมันก็ยังแตกต่างไปจากเดิมที่ควรจะเป็นอีกด้วย   ถึงแม้จะพยายามอย่างไรก็ตาม เจ้าลิงน้อยก็ไม่อาจกลับมาวิ่งเล่นได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ที่มา dailymail

การมีรูปร่างที่ดีนอกจากจะเป็นการเสริมบุคลิกแล้ว ยังเป็นการบ่งบอกถึงการมีสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย เมื่อเรามีหุ่นสวยเช้งกระเด้งกระดึ๋งนั้นเวลาที่ใส่ชุดอะไรมันก็ดูโอเคไปซะหมดเลยนะว่ามั้ยเอ่ย!? และถ้าหากใครที่ยังกำลังพยายามทำหุ่นสวยอยู่ล่ะก็ วันนี้เราก็มีเรื่องราวดีๆ ของคู่รักคู่หนึ่งมาฝากกัน สองสามีภรรยาคู่นี้ตัดสินใจลดน้ำหนักถึง 88 กิโลกรัมและกลับมาถ่ายรูปในชุดงานแต่งด้วยกันใหม่   คุณ Janice และคุณ William Robertson สองสามีภรรยาที่ตัดสินใจลดหุ่นและกลับมาถ่ายภาพวันพิเศษด้วยกันอีกครั้ง   ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะไม่ค่อยสนใจกับรูปร่างกันมากเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เริ่มใช้ชีวิตคู่ร่วมกันและเริ่มเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต ทั้งสองก็สามารถอวดหุ่นสวยกับคนอื่นๆ ได้ หลังจากที่คุณ William แฟนหนุ่มวัย 36 ปี ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่างของเขา และเมื่อทั้งคู่มองย้อนกลับไปในภาพถ่ายงานแต่ง พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าภาพเหล่านั้นช่างดูไม่ดีเอาเสียเลย     และเมื่อทั้งคู่ได้เข้าร่วมคอร์สลดน้ำหนักและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ก็สามารถลดน้ำหนักรวมกันได้ถึง 88 กิโลกรัมเลยทีเดียว และเมื่อถึงวันครบรอบ 10 ปีของงานแต่งงาน ทั้งสองก็ได้ถ่ายรูปในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวใหม่อีกครั้ง จนกระทั่งเพื่อนๆ และคนในครอบครัวของคุณ Janice และคุณ William ต่างก็ตกตะลึงต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของทั้งคู่ คุณ Janice บอกว่า “พวกเรารู้ว่าทั้งเรามีน้ำหนักเกิน แต่เรามีเพื่อนที่ดี พวกเขาคอยให้กำลังใจเราและช่วยเราในการผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้”     “เมื่อเรามองย้อนกลับไปที่ภาพถ่ายชุดแต่งงานเก่าๆ  William บอกฉันว่าเราควรลดน้ำหนักและกลับไปถ่ายรูปในชุดนั้นอีกครั้ง ในตอนแรกพวกเราไม่มั่นใจว่าจะทำได้ แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกับครอบครัวพวกเขาก็ช่วยให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นและในที่สุดเราก็ทำสำเร็จ” คุณ Janice กล่าว   นี่คือภาพของพวกเขาในการแต่งงานครั้งแรก…

มันเป็นเรื่องปกติที่เราอาจจะได้รับอีเมล์ขยะ หรือสแปมเมล์ในอีเมล์ทุกๆ วัน จนบางทีก็แอบทำให้รู้สึกรำคาญว่าจะส่งมาทำไมเยอะแยะ แต่ทั้งนี้เราก็ยังมีวิธีที่จะกำจัดอีเมล์ขยะเหล่านั้นได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่กดลบออกไป เท่านี้มันก็หายไปแล้ว แต่สำหรับสถานที่แห่งหนึ่งในประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้คนกลับต้องมาเจอกับความซวยขั้นสุด เพราะพวกเขาได้รับจดหมายขยะของจริงในทุกๆ วันซะอย่างนั้น โอ้ววว…เห็นแล้วลำบากใจแทนจริงๆ     วันที่ 28 กรกฎาคม 2017 ทางเว็บไซต์ Vice ได้รายงานว่า อาคารบ้านเลขที่ 1234 AB ซึ่งภายหลังถูกเปลี่ยนเป็น 123 (ด้วยเหตุผลส่วนตัว) ได้รับจดหมายขยะมากที่สุดในประเทศเนเธอแลนด์ ทั้งนี้จึงได้มีการออกตรวจสอบว่าที่อยู่ดังกล่าวมีจริงหรือไม่ ซึ่งภายหลังจากที่ได้ทำการค้นหา ก็พบว่าสถานที่ดังกล่าวมีอยู่จริง โดยตั้งอยู่ในจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ นอกจากนี้ ยังได้มีการค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของผู้คนที่อาศัยอยู่สถานที่แห่งนั้น เพื่อสอบถามว่าการที่ได้รับสแปมเมล์มากที่สุดในประเทศ ส่งผลต่ออย่างไรต่อการใช้ชีวิตของพวกเขาบ้าง และนี่คือคำตอบ…   Fransen คือคนแรกที่ทางเว็บไซต์ Vice ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ ซึ่งเขาก็ได้ออกมาเผยถึงเรื่องราวที่น่าสนใจว่า… ประมาณครึ่งปีหลังในปี 2009 หลังจากที่ได้ย้ายมาที่ 1234 AB, 123 โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตของเขาถูกตัดสัญญาณ แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน บ้านของเขาก็ถูกตัดน้ำตัดไฟ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้น…

แม้ว่า Eric Lafforgue ช่างภาพมือโปรผู้เคยทำงานร่วมกับสื่อดังหลายสำนัก จะได้เดินทางไปพบเจอเรื่องราวต่างๆ มาแล้วรอบโลก แต่หนึ่งสถานที่ๆ ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดใจได้มากที่สุดก็คือ ‘เกาหลีเหนือ’   ทั้งหมดนี้เป็นภาพวิถีชีวิตของชาวเกาหลีเหนือ   เมื่อช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เจ้าตัวมีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวในดินแดนโสมเหนือ ด้วยการขับรถไปตามเส้นทางหลวง แม้ว่าระหว่างทางอาจเกิดอันตรายกับพวกเขาได้เสมอ แต่ทั้งหมดก็ได้มาซึ่งภาพวิถีชีวิตที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้สัมผัส   แม้ว่าบนเส้นทางหลวงจะไม่มีด่านเก็บเงิน แต่ก็ใช่ว่านักท่องเที่ยวจะลงจากรถได้   “เมื่อคุณไปถึงทุกอย่างจะถูกกำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการท่องเที่ยว อาหารการกิน ที่พักอาศัย ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับไกด์ และบนเส้นทางหลวงก็อันตรายเกินกว่าที่คุณจะจอดรถลงไปยิงกระต่ายข้างทางได้” Eric เล่าถึงประสบการณ์   ช่างภาพเล่าว่าถนนของที่นี่มีขนาดกว้างมากพอที่จะใช้เป็นรันเวย์ให้เครื่องบินได้เลย   แน่นอนว่าชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่เดินทางด้วยการปั่นจักรยาน   แม้แต่ตามสี่แยกก็ไม่ค่อยมีรถออกมาให้เห็นซักเท่าไหร่ จะมีก็แต่ภาพของเด็กๆ ที่ออกมาเล่นกันอย่างสนุกสนาน   จากภาพที่เขาเห็น ส่วนใหญ่แล้วชาวบ้านจะมีวิถีชีวิตอยู่ติดกับการเกษตรกรรม และดูตื่นเต้นมากเมื่อมีรถนักท่องเที่ยวขับผ่าน   ท่ามกลางที่ไหนซักแห่งบนทางหลวง มีร้านค้าเพียงร้านเดียวที่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเลือกซื้อของได้   หนึ่งในภาพที่ชวนให้รู้สึกเซอไพรส์สุดๆ เมื่อเขาได้ไปเจอกลุ่มทหารวัยรุ่นกำลังยืนซ้อมดนตรีกันอย่างลับๆ   เปียงยางมีกฎห้ามไม่ให้รถที่ดูสกปรกเปื้อนฝุ่นเข้าไปแล่นในเมืองได้ ดังนั้นรถทุกคันจะต้องผ่านการขัดล้างก่อนขับเข้าเมือง   สำหรับช่างภาพแล้วเขาเล่าว่า เรื่องราวที่พบเห็นในชนบททำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองย้อนกลับไปอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 50s และยังขาดแคลนการพัฒนาทางอุตสาหกรรม…

ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ สมุดระบายสีกลายเป็นนิยมสำหรับผู้ใหญ่มากขึ้น เนื่องจากเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยผ่อนคลายและสามารถแก้เครียดได้ สมุดภาพระบายสีสามารถหาซื้อได้ในร้านหนังสือทั่วไป แต่บริษัท Very First To ทำการสำรวจพบว่าไม่มีสมุดระบายสีสำหรับคนรวยเลย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้ทำสมุดภาพระบายสี Bespoke Coloring Book  ขึ้นมา โดยมีมูลค่าสูงถึง 1,000,000 บาท     Bespoke Coloring Book เป็นสมุดภาพที่ขึ้นชื่อว่ามีความ “หรูหราที่สุดในโลก” ภายในสมุดเล่มนี้ มีภาพสำหรับระบายสี 10 ภาพ ซึ่งเป็นฝีมือของนักวาดภาพประกอบชื่อดัง Ian Beck  ความพิเศษของสมุดภาพเล่มนี้คือ มันจะมีเพียงเล่มเดียวในโลกและไม่ซ้ำกับเล่มอื่นอย่างแน่นอน เพราะภาพประกอบที่ศิลปินสร้างขึ้นนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลของผู้ซื้อ     ก่อนจะมาเป็นสมุดระบายสีสำหรับลูกค้า Ian Beck จะเข้าพบกับผู้ซื้อก่อนเพื่อที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งสำคัญในชีวิตพวกเขา ทั้งครอบครัว สถานที่โปรด และช่วงเวลาสำคัญที่พวกเขาเคยพบเจอมา จากข้อมูลเหล่านี้ ศิลปินจะวาดเป็นภาพประกอบ 10 ภาพที่แตกต่างกัน ด้วยรูปแบบที่ตกลงไว้กับลูกค้า Ian Beck บอกว่า “ผมดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เพราะผมได้วาดภาพตามความต้องการของผู้คน อย่าง ภาพของตัวเอง สัตว์เลี้ยง บ้าน…

ผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะศิลปินมักจะคิดและทำอะไรนอกกรอบอยู่เสมอ จนเกิดเป็นงานศิลปะแปลกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ อย่างเช่น Knife Angel ผลงานประติมากรรมในสหราชอาณาจักรตัวนี้ มีความสูงถึง 7 เมตร และสร้างขึ้นด้วยมีดบริจาคทั้งหมดกว่า 100,000 เล่ม     นอกจากเป็นผลงานที่มีความตื่นตาตื่นใจแล้ว Knife Angel ยังเป็นประติมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อระลึกถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงจากมีด ที่มีอัตราเพิ่มมากขึ้นในสหราชอาณาจักร จนกลายเป็นปัญหาหลักที่ไม่อาจละเลยได้     Alfie Radley ประติมากรผู้สร้าง Knife Angel ได้ใช้เวลากว่า 2 ปี ในการออกแบบและสร้าง… ส่วนมีดนำมาใช้ประกอบเป็นรูปปั้นเหล่านี้ได้รับมาจากตำรวจ ซึ่งเป็นมีดที่ใช้ในการก่ออาชญากรรมความรุนแรงทั่วอังกฤษและเวลส์ โดยมีดบางเล่มมีชื่อของเหยื่อถูกสลักไว้ในนั้นด้วย     นอกจากนี้ยังมีมีดอีกจำนวนหนึ่งที่ได้รับความช่วยเหลือจาก British Ironwork Centre ซึ่งได้ริเริ่มโครงการนิรโทษกรรม Save a Life, Surrender Your Knife ที่ให้คนมาบริจาคมีดโดยไม่จำเป็นต้องออกนาม     ก่อนที่จะนำมาสร้างผลงานสถาปัตยกรรม Radley ได้นำมีดทุกเล่นมาทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ และทำให้แน่ใจว่ามีดเหล่านี้ไม่มีความคมพอที่จะเป็นอันตรายอีกแล้ว     ตอนนี้ Radley กำลังยื่นเรื่องนำ Knife…

“พ่อกลับบ้าน พ่อกลับบ้าน ก็บอกกับหนูว่าจะรีบมา” นี่เป็นเพลงที่ครั้งหนึ่งฮิตมากๆ และหลายๆ คนก็ร้องได้จนติดปาก ที่สำคัญฟังทีไรก็นึกถึงนักร้องตัวจิ๋วอย่างน้องเกี้ยมอี๋ทุกที   นี่ไงเกี้ยมอี๋ ธีรชา ไรวา เจ้าของเพลง “พ่อกลับบ้าน” ด้านบนนั่นคือภาพที่เราคุ้นตากันเมื่อหลายปีก่อน แต่ตอนนี้น้องเกี้ยมอี๋โตเป็นสาวแล้วนะ แถมยังสวย ใส น่ารักมากจนจำไม่ได้เลยแหละ!! หลายคนอาจจะเคยเห็นน้องเกี้ยมอี๋ตอนโตกันมาบ้างแล้ว เพราะที่ผ่านมาเธอก็ได้เข้าร่วมแสดงในซีรีย์ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ที่รับบท กานต์ 1 ในสมาชิกแก๊งเฟอร์บี้ด้วย   น้องเกี้ยมอี๋กับแก๊งเฟอร์บี้   เพราะฉะนั้น #เหมียวขี้ส่อง ก็เลยขอนำภาพชีวิตล่าสุดของน้องเกี้ยมอี๋มาให้เพื่อนๆ แฟน ได้ดูกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอดูเป็นสาวขึ้นกว่าตอนเล่นฮอร์โมนนะ แหม่ งานนี้หนุ่มๆ คงใจหวั่นไหวกันบ้างแหละ   นี่เกี้ยมอี๋เอง . .   สำหรับหนุ่มๆ ที่กำลังหลงใหลไปไกลกับน้องเกี้ยมอี๋ ก็ขอแสดงความเสียใจด้วยนะจ๊ะ เพราะตอนนี้เธอมีคนดูแลหัวใจแล้วจ้า แถมหล่อมากด้วย ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ     ดูสิ หวานแค่ไหนถามใจเธอดู   หื้มมม…

เราทุกคนต่างรู้ดีว่า ‘ออกัสซั่ม’ เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้สมองเราขับสารแห่งความสุขออกมา ทว่าบางทีมันก็ไม่ใช่เรื่องดีถ้าหากในหนึ่งวันเราสำเร็จความใคร่บ่อยครั้งจนเกินไป อาการผิดปกติที่เรียกว่า PGAD (Persistent Genital Arousal Disorder) ส่งผลให้ Cara Anaya สาววัย 30 ปี จากรัฐอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา มีอาการออกัสซั่มเกือบตลอดทั้งวัน   Cara Anaya   ในช่วงชีวิตวัยเด็กสำหรับคนปกติทั่วไปแล้ว พวกเขาอาจจะใช้เวลากับเพื่อนๆ ในสนามเด็กเล่น หรือไม่ก็ออกไปทำกิจกรรมต่างๆ กับครอบครัว ทว่าสำหรับ Cara แล้วนับตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอมีอาการผิดปกติดังกล่าวเกิดขึ้น เธอก็ไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านได้อีกเลย เพราะเมื่อไหร่ที่เธอเผลอความรู้สึกซาบซ่านตรงโคนขาจะเริ่มแพร่กระจายจนทำให้เธอรู้สึกออกัสซั่มในที่สุด   เธอเคยนับว่าตลอด 2 ชั่วโมงอาการผิดปกติของเธอจะปรากฎออกมามากถึง 180 ครั้งเลยทีเดียว!!   ไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้สึกตรงจุดเร้นลับเท่านั้นที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเธอ เพราะอาการผิดปกติยังส่งผลให้เธอรู้สึกวิตกกังวลกับทุกสิ่งอย่างรอบตัวเธอ “เวลาออกไปช็อปปิ้งฉันไม่สามารถแม้แต่จะหยิบจับสิ่งของบางชนิด เพราะมันจะทำให้เรากลับมารู้สึกออกัสซั่มได้อีกครั้ง ต้องยอมรับเลยว่ามันส่งผลต่อการใช้ชีวิตของดิฉันมากๆ ค่ะ” Cara ให้สัมภาษณ์     ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เธอจะอาศัยอยู่กับสามีสุดที่รัก และลูกชายวัย 10 ขวบผู้เข้าใจคุณแม่ แต่เมื่อถึงเวลากิจกรรมนอกบ้านเธอกลับต้องรู้สึกผิดเพราะไม่สามารถไปดูแลลูกได้…

เมื่อเราได้ไปรับประทานอาหารในร้านที่มีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับเพื่อน หรือคนรัก แน่นอนว่าเราสามารถสั่งเบียร์มาดื่มกี่แก้วก็ได้ใช่ไหมละ แต่สำหรับที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา บอกเลยว่าคุณไม่สามารถสั่งเบียร์มาดื่มเกิน 1 แก้วได้ หากพาลูกมารับประทานอาหารที่ร้านด้วย นี่ถือเป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่สามารถช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิต และความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้เลยนะเนี่ย     เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ร้านอาหาร Peddlers Bar & Bistro ที่ Clifton Park ในนครนิวยอร์ก ได้มีการสั่งห้ามไม่ให้ผู้ปกครองดื่มเบียร์ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอร์มากกว่า 1 แก้ว หากคุณพาลูกๆ มารับประทานอาหารที่ร้าน     ทางด้าน Melissa Gravelle ผู้จัดการร้านอาหารดังกล่าวได้ออกมาเผยว่า “นี่ถือเป็นวิธีในการจัดการกับปัญหาการดื่มได้ดีที่สุด เรารักเด็ก ทุกๆ คนรักเด็ก และเด็กๆ ไม่ได้เสียงดัง… ฉันไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ และนี่เป็นทางเลือกที่คุณสามารถหลีกเลี่ยงได้ ลูกค้าส่วนใหญ่ยอมรับกฎ แต่บางครั้งพวกเขาก็รู้สึกโกรธ และอารมณ์เสีย แต่เราก็ได้อธิบายไปว่า เราไม่ได้เลือกพ่อแม่ มันเป็นเพียงสิ่งที่เรารู้สึกอยู่ในใจของเรา และมันสิ่งที่เราจะทำเพื่อที่จะสามารถช่วยคุณได้”…

สำหรับใครที่ชอบเซอร์ไพรส์วันเกิดเพื่อนด้วยของขวัญแปลกๆ อย่างเช่นเค้กรูปเจี๊ยวหรือกล่องของขวัญที่เต็มไปด้วยถุงยาง อาจจะต้องชิดซ้ายไปเลยทีเดียวเมื่อต้องเจอกับเค้กก้อนนี้… ไม่รู้ว่าเอาเรื่องจริงมาล้อเล่นหรือว่าทำขำๆ กันแน่ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งได้แอบทำเค้มเซอร์ไพรส์แฟนหนุ่มของเธอด้วยเค้กที่มีการตกแต่งหน้าให้คล้ายกับโต๊ะเสพโคเคน พร้อมกับธนบัตรตกแต่งรอบเค้ก!?   และนี่คือเค้กก้อนที่ว่านั้น แหม่… เล่นเอาซะเหมือนเลยนะเนี่ย   รูปของเค้กก้อนนี้ถูกอัพเดทลงบนหน้าเฟซบุ๊กของคุณ Stacey Morris โดยเธอบอกว่าเธอต้องการจะใช้เค้กก้อนนี้เพื่อเซอร์ไพรส์วันเกิด Ollie แฟนหนุ่มของเธอ หญิงสาววัย 22 ปีบอกว่า “ฉันและ Ollie มีเพื่อนมากมาย และเค้กก้อนนี้ก็เป็นเรื่องอีกหนึ่งเรื่องขำๆ สำหรับพวกเรา หลังจากที่อัพโหลดรูปเค้กก็มีคนเข้ามาคอมเม้นแบบตลกๆ มากมาย แต่บางคนก็ไม่ขำกับเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ฉันก็คิดว่านี่มันก็แค่เค้กเท่านั้นเอง”     เค้กก้อนดังกล่าวเป็นผลงานของคุณ Becky Allsop นอกจากผงโคเคนปลอมและธนบัตรต่างๆ แล้ว เขายังได้เพิ่มรูปของใบขับขี่ของนาย Ollie ลงไปบนหน้าเค้กด้วย คุณ Stacey ออกมาพูดแบบติดตลกว่า “ถ้าหากใครที่อยากลองชิม ตอนนี้ยังมีเค้กที่เหลืออยู่นะ”  และหลังจากเรื่องของเธอกลายเป็นข่าว ก็ได้มีผู้เข้ามาแสดงจำนวนมาก บางคนก็รู้สึกฮา บางคนก็แทบไม่เชื่อเลยว่านี่คือของปลอม!?   และนี่คือความเห็นบางส่วนของชาวเน็ตต่อภาพเค้มก้อนนี้   บางคนก็อยากลิ้มลองเจ้าเค้กก้อนนี้เหมือนกันนะ   ฉันเป็นคนทำมันเองแหละ ถึงจะทำยากไปหน่อยแต่ก็สนุกดีเหมือนกันนะ ฮ่าๆ เป็นหน้าเค้กที่ครีเอทดีเหมือนกันนะเนี่ย แต่ถ้าพี่ตำรวจไม่เข้าใจอาจจะได้ไปฉลองกันที่โรงพักได้นะ ฮ่าๆ   ที่มา metro

สำหรับทารกแรกเกิดแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า “น้ำนมแม่” อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากว่าคู่รักเกย์ที่มีลูก มันอาจจะเป็นเรื่องที่ลำบากสำหรับพวกเขา อย่างไรก็ตาม คู่รักเกย์บางคู่ก็ยังโชคดีที่มีคุณแม่ใจบุญได้ยืนมือเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Elisabeth Anderson-Sierra คุณแม่วัย 29 ปี ได้ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมงต่อวัน ในการปั๊มน้ำนมออกมามากถึง 1.75 แกลลอน (ซึ่งเป็นการปั๊มนมที่มากกว่าผู้หญิงทั่วไป โดยเฉลี่ยแล้วกว่า 10 เท่า) ทั้งนี้ เธอได้นำน้ำนมของตัวเองที่ปั๊มใส่ถุงเอาไว้ ไปบริจาคให้กับครอบครัวเกย์ ที่มีลูกน้อยคลอดก่อนกำหนด     จากการรายงานระบุว่า Elisabeth ได้รับการวินิจฉัยว่า มีอาการ Hyperlactation ซึ่งคือการหลั่งน้ำนมเกินกว่าปริมาณปกติ โดยเธอได้ให้น้ำนมแก่ Sophia ลูกสาววัย 6 เดือนของเธอ ก่อนที่จะนำส่วนที่เหลือไปแบ่งให้กับครอบครัวของผู้ที่ไม่มีน้ำนมให้ลูก     หลังจากที่ได้บริจาคน้ำนมของตัวเองให้กับคู่รักเกย์ Elisabeth ก็ได้ออกมาเผยว่า เธอได้ให้น้ำนมกับทารกน้อยมาหลายพันคนแล้ว นมของเธอถูกปั๊มเก็บเอาไว้ในถุง และถูกน้ำไปแช่ไว้ในตู้แช่แข็งขนาดใหญ่ถึง 4…

ก่อนขึ้นเครื่อง หากมีสัมภาระน้ำหนักมาก เราต้องทำการโหลดก่อน จากนั้นก็ถือว่าอยู่ในการรับผิดชอบของสายบิน โดยที่เราไม่รู้เลยว่ากระเป๋าหรือข้าวของของเรานั้นจะได้รับการดูแลอย่างไร บางคนอาจจะได้กระเป๋าคืนมาในสภาพที่พัง หรือไม่อยู่ในสภาพเดิม เพราะอะไรกันนะ? จนมีผู้ใช้ Reddit ที่ใช้ชื่อว่า TwoPointZero_gpa ได้โพสต์คลิปการขนย้ายของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ จนกลายเป็นที่ฮือฮาอยู่ในตอนนี้     ในคลิปนั้นเป็นเหตุการณ์ขณะที่ทางสายการบินกำลังทำการขนย้ายกระเป๋า สัมภาระของผู้โดยสารลงจากเครื่องบิน ซึ่งมีกระเป๋าบางใบตกลงมาจากสายพาน และกระแทกพื้นอย่างแรง โดยไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลจุดนี้เลย ต่อมาสมาชิกที่ใช้ชื่อ Timett_son_of_Timett ได้ออกมาบอกว่า เขาเป็นเจ้าของกระเป๋าใบสีน้ำเงินที่ตกลงมาอย่างที่เห็นในคลิป     แล้วยังบอกอีกว่า กระเป๋าของเขามีร่องรอยความเสียหาย แต่ตอนแรกเขาไม่รู้เลยว่าทำไม่ถึงเป็นแบบนี้ จนกระทั่งได้มาเห็นคลิปนี้นี่แหละ MoreLikeFootHills ผู้โดยสารอีกคน ที่ได้เดินทางก่อนหนึ่งสัปดาห์ที่คลิปนี้จะถูกถ่ายออกมาบอกว่า ยังมีกระเป๋าผู้โดยสารอีกจำนวนมากที่ถูกโยนเหมือนกระเป๋าใบสีน้ำเงินนั้น     ตอนนี้อาจจะไม่มีใครช่วยอะไรได้ แต่ผู้คนต่างกันสงสัยว่า ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ดูแลกระเป๋าผู้โดยสารแบบนี้เหรอ? ดูจากภาพด้านล่างนี่สิ     จากนั้นก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก…   ไม่มีผู้โดยสารต้องการให้กระเป๋าตัวเองถูกโยนขว้างแบบนี้หรอก   ใครที่เจอแบบนี้ แนะนำให้เปลี่ยนสายการบินเลยดีกว่า   หรือที่กระเป๋าเราหายเพราะมันอาจจะถูกโยนออกไปแบบนี้?   แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มั้ย? ที่มา boredpanda

ทุกวันนี้มีกระแสมากมายเกิดขึ้นบนโลกโซเชียล จนบางทีเราก็ตามไม่ทัน อย่างกระแสที่กำลังมาแรงในจีนตอนนี้ เป็นการถ่ายภาพเอาเท้ามาเทียบกับแขน ที่ไม่รู้ทำไปทำไม แต่ฮิตมาก!? ตอนนี้ชาวเน็ตจีนได้แห่แชร์ภาพตัวเองเอาเท้ามาเทียบแขนโพสต์ลงโซเชียล พร้อมท้าให้คนอื่นทำด้วยเช่นกัน จนกลายเป็นชาเลนจ์ที่แพร่กระจายทั่ว Weibo ของจีน     จริงๆ แล้ว มันเริ่มจากผู้ใช้ Weibo คนหนึ่ง แคปภาพจากการ์ตูนสืบสวนชื่อดังมาโพสต์ เป็นภาพของโคนันที่พูดว่า “ความยาวของเท้าจะเท่ากับความยาวของส่วนปลานแขน”     เท่านั้นแหละ ชาวเน็ตพากันทดลองด้วยตัวเองว่า คำพูดของโคนันเป็นจริงมัน ด้วยการนำเท้ามาเทียบแขนตามที่เขาบอก แล้วก็ทำต่อๆ กัน จนกลายเป็นกระแสฮิตในตอนนี้     บางคนเทียบแล้ว มันก็เป็นตามที่โคนันพูดจริงๆ   แต่หลายคนบอกว่ามันไม่จริ๊งงง ดูสิ   “ไม่เห็นเท่ากันเลย หรือนี่จะเป็นแขนเทียมว่ะ”   ครั้งแรกที่เห็นคำพูดของโคนัน บางคนคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก เท้ากับแขนมันจะเท่ากันได้ยังไง จนเมื่อได้ลองทำดูเท่านั้นแหละ ปรากฎว่ามันเท่ากันจริงๆ แหะ   เท่ากันพอดีเป๊ะเลย   แล้วคนที่ปลายแขนกับเท้ายาวไม่เท่ากันล่ะ มันแปลว่าไง?   โคนันพูดจริงมั้ยนะ ลองทำดูสิ   ที่มา buzzfeed

การถ่ายภาพนับเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ต้องอาศัยการฝึกฝน หาประสบการณ์ และต้องมีความคิดสร้าง เพื่อนำเสนอภาพที่แตกต่างหรือสื่ออารมณ์ เหมือนกับ Suren ช่างภาพที่พยายามนำเสนอมุมมองที่แตกต่างผ่านผลงานรูปภาพของเขา อย่างเช่นผลงานล่าสุดเป็นภาพดวงตาของมนุษย์และสัตว์ในระยะใกล้ ที่ทำให้เราได้เห็นรายละเอียดของดวงตาในรูปแบบต่างๆ   1. นกลาร์ค   Suren เกิดเมื่อปี 1976 เริ่มถ่ายรูปตอนอายุ 16 ปี จนได้กลายเป็นช่างภาพมืออาชีพในปี 2016 แนวการถ่ายภาพของเขามีตั้งแต่ภาพมาโครไปจนถึงการถ่ายรูปคน ภาพสร้างสรรค์ ภาพภูมิทัศน์ และอื่นๆ อีกมากมาย ผลงานภาพถ่ายของ Suren จำนวนมากได้รับการเผยแพร่ในนิตยสารชื่อดังและหนังสือพิมพ์ต่างๆ ในอาร์เมเนียและทั่วโลก   2. ลิงชิมแปนซี   ผลงานล่าสุดของเขาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือ ชุดภาพถ่ายดวงตามนุษย์แบบระยะใกล้ ที่ใช้ชื่อว่า Your Beautiful Eyes พร้อมกับชุดภาพ Animal Eyes    3. ลีเมอร์   ภาพเหล่านี้ถูกนำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ดังๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น National Geographic, Yahoo!, The Sun, Daily Mail และอื่นๆ อีกมากมาย   4. นกแก้วสีฟ้าเหลือง…

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าในขั้นตอนการบำบัดโรคมะเร็งนั้นจะทำให้ผู้ป่วยผมร่วงจนถึงขั้นต้องโกนผมออก แต่ล่าสุดมียารักษามะเร็งชนิดใหม่ ที่ให้ผลข้างเคียงแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะมันสามารถผลิตเม็ดสีทำให้คนที่มีผมหงอกกลับมาดำได้อีกครั้ง นักวิจัยชาวสเปนกำลังทดลองยาตัวใหม่ 3 ชนิด ได้แก่ Keytruda Opdivo และ Tecentriq เพื่อที่จะไม่ส่งผลข้างเคียงด้านลบต่อผู้ป่วยมะเร็ง และผลการทดลองก็ดูจะน่าแปลกใจมาก หลังจากที่ใช้ยาทั้ง 3 ชนิดกับผู้ป่วย 14 ใน 52 คน พบว่า จากคนที่มีผมสีเทาก็กลับมาเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำอีกครั้ง จนได้รับการตีพิมพ์ใน JAMA ซึ่งเป็นวารสารการแพทย์     Dr. Noelia Rivera แพทย์ผิวหนังจากมหาวิทยาลัย Autonomous University of Barcelona บอกว่าเมื่อผู้รับการทดสอบคนแรกมีการเปลี่ยนสีผม แพทย์คนอื่นๆ ต่างคิดว่าน่าจะเป็นเคสแปลกแยกเท่านั้น แต่แล้วเมื่อตรวจสอบสภาพของผู้ป่วยคนอื่นๆ ที่รับการทดสอบ ก็เห็นว่าผมของพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะเดียวกัน คือผู้ป่วย 13 คน จากที่ผมเป็นสีเทาก็กลายเป็นสีน้ำตาลหรือสีดำทั้งหัว ส่วนอีกหนึ่งคนผมดำเพราะการแต่งแต้ม จากผลข้างเคียงดังกล่าวที่เปลี่ยนสีผมของผู้ป่วย อาจเป็นข้อบ่งชี้ว่ายาตัวใหม่นี้สามารถทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องได้รับผลข้างเคียงด้านลบในการบำบัดมะเร็งได้     อย่างไรก็ตามแพทย์ยังไม่สามารถอธิบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนสีผมของผู้ป่วยได้ แต่กำลังวางแผนที่จะศึกษาผลข้างเคียงที่ส่งผลดีต่อผู้ป่วยต่อไป เป็นที่น่าสนใจว่า ยาที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ เคยถูกนำไปกับผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังจนผมกลายเป็นสีดำ แต่ต่อมากลับพบผลข้างเคียงของยาทำให้เกิดมะเร็งในปอด!!    …

เมื่อสุนัขรู้สึกเหงา พวกมันมักจะเล่นของเล่นที่อยู่รอบตัวหรือหาอะไรทำ มากกว่าจะนั่งอยู่นิ่งๆ ข้างเจ้าของ… เพราะแบบนี้หนึ่งในเจ้าของสถานีวิทยุของเยอรมนีจึงได้ทำคลื่นวิทยุเพื่อน้องหมาโดยเฉพาะ และนี่คือโปรแกรมวิทยุที่เรียกว่า 24/7 ออกแบบมาเพื่อทำให้สุนัขผ่อนคลาย และทำให้พวกมันรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวเพียงลำพัง ตอนนี้ Stephan หรือ Stephan “Stocki” Stock อายุ 30 ปี ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลวิทยุที่ RadioTon ในเขต Baden-Württemberg  เขาได้ประกาศสร้างคลื่นวิทยุให้กับสุนัข แต่ตอนนั้นทุกคนคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น     จนกระทั่งผ่านไป 3 ปีครึ่ง คลื่น Hallo Hasso ก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อน้องหมาที่รู้สึกเหงา ที่สามารถเปิดฟังได้ทั้งทางวิทยุและฟังออนไลน์ Stocki บอกว่าเข้าได้รับแรงบันดาลใจจากโปรแกรมพิเศษของ Layla ซึ่งเป็นสุนัขของเขา บางครั้งมันจะรู้สึกเบื่อเมื่อถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว จนทำให้มันหันไปทำลายทุกสิ่งที่อยู่ในบ้าน     ดังนั้น Stocki กับเพื่อร่วมงานที่ RadioTon จึงตัดสินใจการค้นคว้าประเภทเพลงที่สามารถดึงดูดสุนัขได้ จนได้เรียนรู้ว่าเพลงที่เหมาะกับหมานั้นควรมีเสียงกลอง กีตาร์ไฟฟ้า และควรจะเป็นเพลงช้า จากนั้นพวกเขาจึงได้รวบรวมเพลงที่มีลักษณะดังกล่าวเพื่อจะมาเปิดในคลื่น Hallo Hasso เขาบอกว่า “เพลงเหล่านี้ไม่ใช่แค่ทำให้สุนัขสงบลง แต่ยังทำให้สุนัขรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว อย่าง Layla ที่ดูอารมณ์ดีเมื่อได้ฟังเพลงจาก Hallo Hasso แล้วค่อยๆ หลับไปพร้อมเสียงเพลง”     อย่างไรก็ตาม ทางผู้เชี่ยวชาญด้านสุนัข…

ใครจะคิดว่าการเจอคนไร้บ้านระหว่างฉลองวันเกิด และได้พูดคุยกันในฐานะคนแปลกหน้า จะเปลี่ยนชีวิตของคนไร้บ้านคนนั้นไปตลอดชีวิต จนเกิดเป็นเรื่องราวสุดประทับใจ… Ayesha Haworth คุณแม่ลูกสองวัย 38 ปี ได้แชร์เรื่องราวของตัวเธอเองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งข้อความนั้นเล่าถึงค่ำคืนที่ตัวเองได้ไปฉลองวันเกิดกับเพื่อนๆ ในคืนวันศุกร์ ซึ่งมันทำให้เธอได้พบกับ Matt ด้านนอกผับแห่งหนึ่งในเมืองคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์   Ayesha และ Matt ในค่ำคืนที่เปลี่ยนชีวิตของทั้งคู่   เธอเล่าว่าเธอบังเอิญเจอกับ Matt โดยบังเอิญด้านนอกผับ และทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกันอยู่พักหนึ่งจนรู้สึกถูกคอ รู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปชั่วโมงครึ่งเสียแล้ว และจากบทสนทนาก็ทำให้ Ayesha ยังไม่ได้กินอะไร จึงจัดการซื้อเบอร์เกอร์และเบียร์มาให้พร้อมพูดคุยกันต่อ Ayesha ยังบอกอีกว่า ในประโยคสนทนานั้น เขาได้พูดคุยกับ Matt เกี่ยวกับชีวิตของเขาว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นคนจรจัดได้ เขายังเล่ากับเธออีกว่าบางวันตัวเขาเองนั้น ใช้ชีวิตบนท้องถนนวันหนึ่งโดยไม่คุยกับใครเลยด้วยซ้ำ   Ayesha และครอบครัวของเธอ ซึ่งเธอบอกว่าครอบครัวเธอภูมิใจในตัวเธอมากๆ เลยล่ะ   ทว่าการที่เขาได้มาเจอกับ Ayesha และพูดคุยแลกเปลี่ยน แถมยังได้กินเบอร์เกอร์กับเบียร์อร่อยๆ มันก็ทำให้จิตใจของเขารู้สึกดีขึ้นมากๆ ที่สำคัญเงินก็ไม่ใช่ตัวการสำคัญที่ทำให้คนสองคนเชื่อมเขาหากันด้วยซ้ำ และเมื่อเรื่องราวนี้เผยแพร่ออกไป ก็มีข้อความมากมายส่งเข้ามาหาเธอ เพื่อหยิบยื่นงานและอยากช่วยเหลือ Matt เธอยังบอกปิดท้ายว่า…

หัวข้ออาจจะดูโหดร้ายไปบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องจริง เมื่อสื่อต่างชาติอย่างเว็บไซต์ BusinessInsider ได้นำเสนอข้อมูลภาพเปรียบเทียบความแออัดระหว่างวิถีชีวิตของผู้คนในนิวยอร์ก มาเปรียบเทียบกับความแออัดของชุมชนสลัมจากประเทศอื่นๆ   นิวยอร์กเป็นเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่มากถึง 27,000 คน/ตารางกิโลเมตร ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่แออัดมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก   ในขณะที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ มีประชากรอาศัยอยู่มากถึง 107,000 คน/ตารางกิโลเมตร   ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าประชากรจะเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าในปี 2025 ทว่าปัญหาที่ตามมาอาจเป็นเรื่องของระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร   การจราจรในเมืองโกลกัตต้าประเทศอินเดีย ก็สามารถบ่งบอกถึงความแออัดของชาวเมืองได้ที่สุด โดยมีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 63,000 คน/ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว   ที่พักอาศัยของชาวเมืองที่นี่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกสุขลักษณะเท่าที่ควร   เช่นเดียวกับที่มุมไบ ที่ซึ่งมีประชากรแออัดอยู่มากถึง 73,000 คน/ตารางกิโลเมตรเมตร   ด้วยจำนวนคนที่มากบวกกับพื้นที่อาศัยที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ชาวอินเดียหลายๆ คนต้องอาศัยอยู่ในห้องพักขนาดเล็ก   เช่นเดียวกับชาวฮ่องกง สำหรับครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะพวกเขาอาจจำเป็นที่จะต้องอาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดเล็กเพียงแค่ 60 ตารางฟุต โดยมีราคาเช่าสูงถึง 17,000 บาท   ถึงขนาดมีคำว่า ‘Cubicle Homes’ ซึ่งเป็นที่พักสำหรับผู้สูงอายุที่ไร้ญาติ พวกเขาจะต้องมาอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างแออัดในที่แห่งนี้   ที่เมืองธากา ประเทศบังคลาเทศ…

มีบางครั้งในชีวิตที่เรารู้สึกเหงาจับใจ โดยเฉพาะช่วงโสด จนต้องหาวิธีการต่างๆ เพื่อทำลายความเหงาเหล่านั้น เช่น ไปเที่ยว ไปหาเพื่อน รวมทั้งการหาคู่ ทุกวันนี้มีช่องทางการหาคู่มากมาย ทั้งนัดบอดเอย แอพหาคู่เอย แต่ Craig Sullivan เลือกที่จะใช้วิธีการสุดแสนจะคลาสสิค ด้วยการเขียนจดหมายหาคู่บรรจุใส่ในขวดแล้วนำไปลอยทะเล     หลังจากที่ภรรยาของ Craig เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเมื่อ 1 ปีก่อน เขาก็รู้สึกถึงความเหงาที่กำลังถาโถมเข้ามาภายในจิตใจ จนอยากจะหาใครสักคนมาทำลายความเหงาที่กำลังกัดกินหัวใจ และมีเพียงลูกสาวเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างเขา Craig จึงตัดสินใจสั่งซื้อขวดมา 2,000 ขวด จากนั้นก็นำจดหมายรักสุดโรแมนติกบรรจุใส่ลงในขวด ก่อนที่จะนำไปลอยในทะเล หวังเพื่อที่จะให้มันลอยไปถึงใครซักคนที่กำลังรู้สึกเหงาเหมือนกัน     ในจดหมายของเขาเขียนไว้ว่า “ผมได้เรียนรู้หลายสิ่งจากความสูญเสียเมื่อไม่นานนี้ มันเป็นส่วนหนึ่งที่กำลังทดสอบจิตใจของผม และทำให้ผมเป็นอย่างทุกวันนี้ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมส่งขวดเหล่านี้ออกไป ผมแค่อยากบอกว่าผมรู้สึกเหงา” แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคาดหวังไว้ เพราะขวดของ Craig กว่า 30 ขวด ถูกคลื่นซัดขึ้นไปติดบนชายหาด จนเกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม     Helen Rhiannon Gill หนึ่งในผู้ที่พบขวดของเขาบนชายหาดบอกว่า “ฉันชื่นชมในความตั้งใจของเขานะ แต่การทำแบบนี้ เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างมาก” เธอยังบอกอีกว่า “ถ้าขวดพวกนี้ถูกซัดขึ้นมาบนหาด อาจจะแตกเป็นเศษแก้ว จนเป็นอันตรายต่อคนและสัตว์ได้…

พ่อแม่บางคนแม้จะแร้นแค้นแค่ไหน แต่ก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้อยู่อย่างสบาย แม้กระทั่งทำเรื่องไม่ดีหรือเรื่องที่ผิดพ่อแม่ก็ยอมทำให้ลูกได้ เหมือนกับคุณแม่รายหนึ่งที่ต้องการเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก แต่เธอไม่มีเงินก็เลยตัดสินใจขโมยด้วยความจำใจ สุดท้ายก็ไปไม่รอดเพราะถูกจับได้ซะก่อน     เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ Bennett Johns ถูกเรียกตัวไปยังซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อจับโจรขโมยของ ตอนแรกเขาคิดว่าคงจะเป็นขโมยทั่วไปเหมือนที่ผ่านๆ มา และเขาก็ต้องจับกุมโจรตามหน้าที่ของตนเอง แต่เรื่องราวกลับไม่ลงเอยด้วยการจับกุมเหมือนที่ทุกคนคาดหวังไว้ และที่สำคัญ Bennett ยังช่วยซื้อของให้กับโจรด้วย… นั่นเป็นเพราะโจรคนนั้นเป็นคุณแม่ที่ต้องดูแลลูกชายวัย 2 ขวบหนึ่งคน เธอต้องการซื้อผ้าอ้อมให้ลูก แต่เพราะไม่มีเงิน จึงได้ตัดสินใจขโมยผ้าอ้อมมูลค่า 500 บาท จนถูกพนักงานในห้างซุปเปอร์มาร์เก็ตจับได้     เมื่อทราบสถานะของเธอ เจ้าหน้าที่ Bennett คิดว่าเธอต้องได้รับการช่วยเหลือมากกว่าการจับกุม เขาบอกว่า “แม่คนนี้ยอมเป็นคนไม่ดี และทำทุกอย่างเพื่อลูกตัวเอง ผมเลยรู้สึกนับถือในสิ่งที่เธอทำ” นอกจากนี้เขายังบอกว่ารู้สึกเห็นใจเธอ ที่ทำแบบนี้คงเป็นเพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ มันทำให้เขานึกตัวเองในวัยเด็กที่ต้องสู้เพื่อมีชีวิตอยู่     ตามกฎหมายแล้ว แม่คนนี้ต้องถูกจับและเสียค่าปรับฐานความผิดทางอาญา แต่ Bennett เลือกที่จะซื้อผ้าอ้อมชิ้นนั้นให้ และทำการตักเตือนก่อนที่จะปล่อยเธอไป Bennett เข้าใจว่าคุณแม่คนนี้คงไม่ต้องมีเจตนาที่จะเป็นขโมย แต่แค่ต้องการทำเพื่อลูก ดังนั้นเธอควรที่จะได้รับโอกาสเพื่อที่จะได้ดูแลลูกต่อไป และก็หวังว่าเธอจะใช้โอกาสนี้ในการปรับปรุงตัวและไม่ทำผิดซ้ำอีก     ถ้าหากว่าผู้อื่นต้องการความช่วยเหลือ…

เดี๋ยวนี้พวกโจรขโมยของที่ชอบขึ้นบ้านคนอื่น อาจจะทำอะไรได้ยากขึ้นเพราะมีกล้องวงจรปิดคอยสอดส่องอยู่ แต่ก็มีโจรไม่น้อยที่มักจะสรรหาวิธีหลบหนีกล้องด้วยวิธีต่างๆ อย่างโจรคนนี้ที่แต่งตัวเป็นผีเพื่อปกปิดตัวจากกล้องวงจรปิด หวังจะเข้าไปขโมยของภายในบ้านพักเมืองจิ่นเจียง มณฑลฝูเจี้ยน โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ถูกกล้องวงจรปิดบันทึกไว้ได้     ในวิดีโอคลิปจะเห็นชายคนหนึ่งขึ้นบันไดมา โดยไม่ได้ปิดบังใบหน้าเลย แต่เมื่อสังเกตเห็นกล้องวงจรปิด เขาก็เลยหายไปประมาณ 20 นาที ก่อนจะโผล่มาอีกครั้งพร้อมใช้ผ้าคลุมทั้งตัว แต่งตัวให้ดูเหมือนผี!? จากนั้นเขาค่อยๆ เดินผ่านกล้องไป เพื่อไปยังแหล่งที่เขาต้องการจะขโมยของ แต่ดูเหมือนการอำพรางตัวครั้งนี้จะไม่ได้ผล เพราะกล้องได้จับหน้าเขาไว้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว     ต่อมาทราบว่า โจรคนนี้ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ปิดหน้าปิดตามา แต่เมื่อมาเจอกล้องวงจรปิดภายในอาคาร เขาก็เลยลงไปตัดผ้าม่านจากชั้นแรกมา แล้วนำห่อตัวเหมือนอย่างที่เห็น จากการตรวจสอบพบว่าโจรคนนี้ไม่ได้ขโมยอะไรไปจากอาคารที่พักดังกล่าว แต่ถึงอย่างนั้นระหว่างสอบปากคำพบว่าเขามีคดีอาชญากรรมอื่นๆ จึงถูกจับกุมในที่สุด     พลาดตั้งแต่ยื่นหน้าหากล้องแล้วพี่จ๋า ที่มา shanghaiist

การลดความอ้วนด้วยวิถีธรรมชาติ อาจจะทำได้ยากและต้องใช้เวลานาน จนหลายๆ คนรู้สึกท้อไป แต่เมื่อคุณใช้ความพยายามในการลดน้ำหนัก จะพบว่ามันเป็นความพยายามที่คุ้มค่ามากๆ เหมือนกับ William Guinn Jr ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นทหารรับใช้ชาติ แต่เขามีน้ำหนักมากถึง 206 กิโลกรัม แน่นอนว่าทำให้เขาไม่สามารถเป็นทหารได้     แต่น้ำหนักตัวที่มากขนาดนี้ไม่ได้ทำให้ William ยอมแพ้ เขาตัดสินใจที่จะลดน้ำหนักอย่างจริงจัง เพราะไม่อยากให้ความฝันหายไปโดยไม่พยายามทำอะไรเลย     ด้วยระยะเวลา 1 ปีกว่าๆ เขาใช้เวลาในออกกำลังกายด้วยความมุ่งมั่นทั้งในและนอกโรงยิม และบางครั้งเขายังออกไปวิ่งข้างนอกเป็นชั่วโมงๆ อีกด้วย ดังนั้นจากน้ำหนัก 206 กิโลกรัม ก็ลดเหลือเพียง 111 กิโลกรัม โดยไม่ได้รับการผ่าตัดหรือดูดไขมันใดๆ เลย     นอกจากนั้น William จะต้องควบคุมอาหาร เลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ เข้าฟิตเนส 6 วันต่อสัปดาห์ และใช้ความอดทนในการทำสิ่งเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ William เป็นคุณพ่อลูกสี่ และมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นทหาร ก็เพราะอยากเดินตามรอยบรรพบุรุษในการเข้าร่วมรับใช้ชาติกับกองทัพสหรัฐฯ ครั้งหนึ่งในชีวิต ในที่สุด เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม เขาก็ได้ทำการสาบานตนในฐานะทหารอย่างเป็นทางการ…

เวลาป่วยหรือเป็นอะไรขึ้นมา การไปหาหมอนั้นถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด เพราะเมื่อรู้ว่าเป็นโรคอะไรแล้วก็ได้จะรักษาอย่างถูกวิธี แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้กลับตรงกันข้ามกับคุณแม่ท่านนี้ เธอถูกหมอวินิจฉัยผิดว่าเป็นโรคเครียดมานานกว่า 2 ปี ก่อนจะมารู้ทีหลังว่าเธอเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และจะอยู่ได้อีกแค่ 2 เดือนเท่านั้น Tina Locke เป็นผู้เสียหายจากการวินิจฉัยโรคผิด ทำให้เธอต้องทรมานจากการกระเพาะอาหารและหน้าอกเป็นเวลากว่า 2 ปี โดยถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเครียด และไม่ได้รับการักษาที่ถูกต้อง ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา Tina ได้กินแค่ยาต้านอาการซึมเศร้าเพียงอย่างเดียว นอกนั้นเป็นการรักษาเกี่ยวกับความวิตกกังวลและอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง     แต่การรักษาเหล่านี้ไม่ได้ใช่ช่วยให้เธอดีขึ้นเลย จนกระทั่งการตรวจสุขภาพครั้งล่าสุดกลับพบว่า เธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย โดยมะเร็งได้ลามไปยังต่อมน้ำเหลืองและช่องท้อง โอกาสรอดทางเดียวคือต้องไปรักษาภูมิคุ้มกันที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 13,000,000 บาท ทางด้าน Jason ผู้เป็นสามีบอกว่า “เธอไม่รับการตรวจอย่างจริงจัง เพราะดูจากภายนอกแล้วเธอดูสุขภาพดี ในขณะที่ Tina ก็ได้พยายามบอกให้หมอทำการตรวจซ้ำอย่างละเอียดหลายครั้งมาก” ทั้งหมดนี้เกิดจากความผิดพลาดของทางองค์กร NHS (ระบบดูแลสุขภาพแห่งชาติ) ดังนั้นตอนนี้ทางครอบครัวจึงได้เรียกร้องให้ NHS ออกมารับผิดชอบ และจะประท้วงจนกว่า Tina จะได้ไปรักษาที่เยอรมนี แต่การรักษาดังกล่าวนี้ไม่ได้หมายความว่าจะรักษาให้หายขาดได้ เพียงแต่จะยืดอายุเธอให้นานกว่า 2 เดือนเท่านั้นเอง ล่าสุดทาง NHS ออกมาปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัติจากสถาบันการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดของสหราชอาณาจักร     แต่ทางครอบครัวได้ออกมาเรียกร้องให้ NHS…

เมื่อไปเที่ยวสวนสัตว์เราจะเห็นรูปปั้นสัตว์ต่างๆ เต็มไปหมด…นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราอยู่เห็น แต่สิ่งที่เราอยากดูคือสัตว์ตัวเป็นๆ มากกว่า ล่าสุดเมื่อนักท่องเที่ยวไปยังส่วนสัตว์ Chessington World of Adventures กลับไม่เห็นเพนกวินเลย ทางพนักงานอ้างว่าพวกมันถูกสุนัขจิ้งจอกบุกเข้ามาฆ่าตายไปถึง 8 ตัว เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่มีอีกแหล่งข่าวหนึ่งบอกว่าสาเหตุที่เพนกวินต้องตาย เป็นเพราะทางสวนสัตว์ดูแลพวกมันอย่างผิดวิธี แต่พวกเขาเลือกที่จะปิดข่าวนี้เอาไว้แทน     ด้วยเหตุนี้ หลายๆ สื่อ เชื่อว่าข้ออ้างที่ว่าเพนกวินถูกสุนัขจิ้งจอกฆ่าตายนั้นเป็นเรื่องโกหก และไม่ควรเอาข้ออ้างนี้มาใช้กับนักท่องเที่ยวเพื่อปกปิดความผิดตัวเอง แต่หลักฐานสำคัญคือกล้องวงจรปิด ที่แสดงให้เห็นว่า ในเวลากลางคืนนั้นพนักงานและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ได้เดินสำรวจตามที่ควรจะเป็น     อย่างไรก็ตามในกล้องวงจรปิดนั้นมีการโจมตีจากสุนัขจิ้งจอกจริง โดยเพนกวินตัวผู้พยายามจะปกป้องลูกๆ ไว้ แต่น่าเศร้าที่พวกมันไม่สามารถสู้แรงของสุนัขจิ้งจอกได้ จึงถูกฆ่าตายเกือบทั้งหมด มีเหลือรอดเพียงแค่ตัวเดียวแต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส     หลังจากที่คลิปได้ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ไป มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย บางคนบอกว่า รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพนกวินถูกหมาจิ้งจอกฆ่าก็จริง แต่นั่นเกิดจากการละเลยหน้าที่ของพนักงานสวนสัตว์ และพยายามจะปกปิดและโกหกนักท่องเที่ยวอีก     ขณะเดียวกัน Lisa Britton ผู้ช่วยผู้จัดการสวนสัตว์ Chessington World of Adventures ออกมาบอกว่า “มันเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง ที่ต้องประกาศว่าเพนกวินทั้ง 8…

Myko Dele ช่างภาพผู้ท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ พร้อมเก็บเล่าเรื่องราวที่บางครั้งเราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งในคราวนี้เขาได้เล่าถึงชีวิตของกลุ่มคนเลี้ยงแพะและชาวบ้าน ที่ต้องเดินทางไปกลับด้วยรถไฟขนแร่ที่มีขบวนยาวมากถึง 2.5 กิโลเมตร!! เขาเล่าว่าสายรถไฟดังกล่าวนี้กำเนิดขึ้นในช่วง 60s โดยประเทศฝรั่งเศส ทว่าในภายหลังก็ถูกดำเนินการโดยกลุ่มบริษัท SNIM (Société Nationale Industrielle et Minière) เพื่อใช้ขนส่งแร่เหล็กจากเหมือง Zouérat ไปยังเมืองท่า Nouadhibou ภายในประเทศมอริเตเนีย     และด้วยการที่เหมือง Zouérat ไม่มีถนนที่เชื่อมต่อไปยังเมืองอื่นๆ การนั่งรถไฟขบวนนี้จึงเป็นเส้นทางเดียวที่ชาวบ้านจะสามารถขนส่งผลผลิตของพวกเขาไปยังเมืองท่าได้ นอกจากนั้นทางการรถไฟยังให้ชาวบ้านเดินทางฟรีๆ อีกด้วย Myko ได้เล่าว่าเขาใช้เวลาในการเดินทางไปกับชาวบ้านบนเส้นทางแห่งนี้มากกว่า 8 ครั้ง เขาจึงรู้ว่าชาวบ้านจำเป็นจะต้องใช้เวลา 12 ถึง 20 ชั่วโมงในการเดินทางแต่ละครั้ง ซึ่งมันเป็นเวลานานมากๆ นั่นจึงทำให้เขาสามารถเก็บภาพการเดินทางไว้ได้มากมาย     ชาวบ้านเล่าว่าการเดินทางแต่ละครั้ง ถ้าแพะของพวกเขามีท่าทีจะตกรถไฟเมื่อไหร่ พวกเขาจะปาหินให้พวกมันกลับเข้าที่เดิม   สาเหตที่พวกเขาต้องเอาผ้ามาปิดหน้านั้น ก็เพื่อป้องกันลมแรง แสงแดดที่สาดส่อง และพายุทรายที่อาจจะพัดผ่านเมื่อไหร่ก็ได้   ทุกการจอดพักรถไฟ จะมีคนขายขนมปังเดินทางมาเพื่อขายขนมปังให้กับชาวบ้านที่ต้องเดินทางไกล   ชายหนุ่มพยายามจุดบุหรี่อย่างตั้งใจ แม้จะต้องสู้กับลมที่แรงมากๆ ก็ตาม   Myko…

เคยคิดกันบ้างไหมว่าของกินที่กินอยู่เป็นประจำอย่างแซนด์วิช จะกลายเป็นเหตุรุนแรงที่ทำให้เกือบเสียชีวิตได้? แซนด์วิชสามารถคร่าชีวิตคนเราได้ถึงขนาดนั้นเลยหรือ? ลองอ่านเรื่องราวในครั้งนี้ดูก่อน… Dylan Woodley เด็กชายวัย 5 ขวบ ผู้ป่วยที่กลายเป็นเด็กที่ไม่สามารถจะเดินหรือสื่อสารด้วยวิธีปกติได้ นอกเสียจากการสื่อสารผ่านสายตา แม้ก่อนหน้าเขาจะเคยเป็นเด็กปกติก็ตาม     สาเหตุที่เขากลายเป็นแบบนี้นั้นก็เพราะว่า ระหว่างที่เขากำลังกินแซนด์วิชแฮม เขาก็เกิดสำลักอย่างหนักจนต้องส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ซึ่งอาการของเขาหนักมากๆ ถึงขนาดที่ต้องใช้เวลารักษาตัวกว่า 20 เดือนในโรงพยาบาล     Ally Wheatley แม่ของหนูน้อยผู้อยู่ในเหตุการณ์ ได้เล่าถึงวินาทีชีวิตของลูกชายว่า ตอนที่ลูกชายกินแซนด์วิชเข้าไปแล้ว เขาก็ร้องไห้วิ่งเข้ามาในห้องครัวเพราะมีก้อนเนื้อติดอยู่ในคอ เธอพยายามลูบหลังลูกชาย ก่อนที่จะให้เขานั่งลงแล้วก็ทำการตบหลังเพื่อให้อาหารที่ติดคอนั้นออกมา นอกจากนี้เธอยังเล่าถึงความรู้สึกว่า แม้ว่าทีมแพทย์จะใช้เวลาไม่กี่นาทีมายังที่เกิดเหตุไม่นานนัก แต่ช่วงเวลาไม่กี่นาทีนั้นมันยาวนานเหมือนทั้งชีวิต และช่วงเวลาที่ทีมแพทย์บอกกับเธอว่า ส่วนสมองของลูกชายขาดออกซิเจนไปนานกว่า 45 นาที ทำให้หลายส่วนของสมองได้รับความเสียหาย ตอนนั้นใจของเธอแทบสลาย   Dylan ไม่สามารถเดินได้อีกต่อไป ทำให้เขาต้องติดอยู่กับวีลแชร์ตลอดเวลา   แม้ว่าโชคดีที่ Dylan จะไม่เสียชีวิตก็ตาม แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นมันก็หนักหน่วงมากๆ และเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล แต่ยังไงก็ตาม คุณแม่และ Roy พ่อบุญธรรมของ Dylan ก็ยังไม่ทิ้งเขาไป พวกเขายังเลือกที่จะดูแลลูกอย่างใกล้ชิดรวมถึงสนับสนุนพัฒนาการต่างๆ…

ทุกวันนี้มีสุนัขจรจัดมากมายที่ไม่รับการเหลียวแล แม้กระทั่งแม่หมาท้องแก่ที่บางทีพวกมันก็คลอดเองตามลำพัง โดยจะหาที่คลอดที่ปลอดภัยสำหรับลูกๆ เหมือนกับ Debbie แม่หมาฮัสกี้ที่เลือกไปคลอดลูกที่หลังรถของมนุษย์ เพราะคิดว่ามันเป็นที่ปลอดภัยสำหรับลูกๆ ของมัน และนับว่าเป็นโชคดีของมัน เพราะนั่นเป็นรถของอาสามัครในศูนย์พักพิงสัตว์พอดี     Jennifer Taylor เป็นอาสาสมัครจาก Texas Sled Dog Rescue ที่มักจะขับรถไปที่ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือสุนัขจรจัด และที่ผ่านมาเธอเคยช่วยเหลือสุนัขกว่า 500 ตัวแล้ว ส่วนสามีก็ซื้อรถ SUV ให้เพื่อสนับสนุนเธออีกแรง แต่ครั้งนี้มีสุนัขมาหาถึงที่ และมันกำลังจะคลอดลูกที่หลังรถของเธอ ครั้งแรกเธอตัดสินใจที่จะพา Debbie ไปคลอดในโรงพยาบาลสัตว์ แต่เมื่อประเมินสถานการณ์แล้ว ระยะทางคงจะไกลเกินไปสำหรับมันแน่ๆ     Taylor จึงตัดสินใจใช้หลังรถยนต์เป็นสถานที่คลอดลูกของมัน… ไม่นานหลังจากนั้นแม่หมาก็ค่อยๆ คลอดลูกทีละตัวๆ มันมีลูกทั้งหมด 8 ตัว เป็นตัวเมีย 6 ตัว และตัวผู้ 2 ตัว หลังจากที่มันคลอดลูกเสร็จ เธอก็พาแม่หมาพร้อมลูกๆ ขึ้นรถ แต่เป็นรถของสามีนะ เพราะมีความสะดวกสบายสำหรับพวกมัน ที่สำคัญสามียังไม่รู้เรื่องนี้ด้วย     Taylor จึงรีบขับรถไปยังโรงพยาบาลสัตว์อย่างรวดเร็ว…

สุนัขบางตัวมีนิสัยชอบกัดรองเท้า จนเจ้าของต้องซื้อคู่ใหม่เรื่อยๆ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ดูจะเปลืองเกินไป ลองปรับนิสัยน้องหมาดีกว่ามั้ย หรือถ้าทำไม่ได้ ก็ลองดัดแปลงรองเท้าที่ถูกกัดนั้นให้กลับมาใช้ได้อีกครั้งสิ เหมือนกับ Lindsay Onuffer หญิงสาววัย 20 ปี จากรัฐ Pennsylvania ที่บอกเล่าเรื่องราวของพ่อ Steve ว่าเป็นคุณพ่อของเธอชอบสร้างและแก้ไขสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง     ครอบครัวของหญิงสาวเลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่งชื่อ Sam มันชอบกัดรองเท้ามากๆ แต่ทุกคนก็ไม่กล้าดุมัน เพราะเข้าใจว่ามันทำไปด้วยความไร้เดียงสาแบบหมาๆ ล่าสุดน้องหมาก็กัดรองเท้าของคุณพ่อ จนพังไปอีกคู่ แต่แทนที่จะโยนมันทิ้งไป Steve กลับเลือกที่จะดัดแปลงให้มันเป็นรองเท้าเวอร์ชั่น 2.0 หรือรองเท้าแตะที่สามารถใช้งานได้อีกครั้ง     Lindsay บอกว่า “พ่อชอบใส่รองเท้าผ้าใบค่ะ เพราะมันสะดวกสบายสำหรับเขา” ดังนั้นหลังจากที่โดนน้องหมากัดรองเท้า พ่อก็เลยไปหยิบมีดและกรรไกรมา จากนั้นก็จัดการตัดรองเท้าตัดส่วนหัวและส่วนปลายเท้าออก เหลือแต่ตรงกลางที่มีเชือกผูกอยู่     Lindsay เห็นว่ารองเท้าที่พ่อดัดแปลงมันตลกดีแฮะ เธอก็เลยนำภพารองเท้ารูปนั้นมาโพสต์ลงในทวิตเตอร์ จนชาวเน็ตพากันชื่นชมในความสร้างสรรค์แบบฮาๆ ของคุณพ่อ     เจ๋งไปเลยพ่อ   แหม่ ใครจะไปรู้ว่านี่อาจกลายเป็นไอเดียที่ได้รับความนิยมในอนาคตก็ได้   จะทิ้งก็เสียดาย ดัดแปลงเป็นรองเท้าแตะละกัน ที่มา buzzfeed

เรื่องราวสุดหดหู่จากรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อคู่รักวัยรุ่นคู่หนึ่งถูกเข้าจับกุมตัวหลังจากที่ถูกค้นพบว่า พวกเขาให้สารเสพติดแก่ลูกสาวแรกเกิดมาเป็นเวลานานกว่า 2 เดือนแล้ว สาเหตุนั้นเป็นเพราะลูกสาวของพวกเขาติดเฮโรอีนจากแม่ที่ใช้สารเสพติดระหว่างตั้งครรภ์ และนั่นนำไปสู่การจับกุมตัวพ่อแม่ทั้งสองในที่สุด… Lacey Dawn Christenson วัย 26 ปี และ Colby Glen Wilde วัย 29 ปี ผู้เสพติดเฮโรอีนและสารเสพติดอื่นๆ มาเป็นเวลานาน จนสุดท้ายแม้ Lacey จะตั้งท้อง พวกเขาก็ยังไม่เลิกที่จะเสพติดยา ผลของการติดยาจึงส่งต่อมายังลูกของพวกเขาแม้จะยังอยู่ในครรภ์ของเธอ…     เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐยูทาห์ได้รายงานว่า Lacey ใช้สารเสพติดอย่างเฮโรอีนและยาแก้ปวดหลายชนิดเป็นเวาติดต่อกันนานมากๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ตัวพวกเขาเองยังรู้ดีว่าลูกที่เกิดมาจะมีอาการติดยาแน่ๆ พวกเขาจึงต้องรีบหาทางออกโดยด่วนก่อนเด็กจะเกิดออกมา เพื่อปกปิดความผิดของพวกเขาว่าใช้สารเสพติด เพราะการตรวจสุขภาพลูกน้อยนั้นจะต้องแสดงอาการอยากยาขึ้นมา ทำให้หมอสังเกตถึงความผิดปกติและความซวยอาจจะมาถึงตัวพวกเขาเองได้ ทั้งคู่ให้การสารภาพว่า ก่อนหน้านั้นพวกเขาได้ปรึกษากันรวมถึงปรึกษากับเพื่อนของทั้งคู่ว่าควรจะทำยังไง จนสุดท้ายพวกเขาได้คำตอบว่า ควรจะใช้สารเสพติดให้เด็กกินตั้งแต่แรกเกิดเลย เพื่อกลบอาการอยากยาของเด็ก     ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงใช้ยา Suboxone ทาไปบริเวณเหงือกของเด็กเพื่อให้เด็กค่อยๆ ซึมซับยาไปอย่างช้าๆ และไม่แสดงอาการอยากยาขึ้นมา พวกเขาเริ่มทำแบบนี้ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน ทำทุกครั้งหลังจากที่พยาบาลออกจากห้องไป พวกเขายังคงทำมันมาเรื่อยๆ จนถึงวันที่…

“ญี่ปุ่น” ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มักจะมีการนำเสนอไอเดียเมนูอาหารแปลกใหม่อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ซูชิสายรุ้ง หรือกาแฟในไอศกรีมโคน และล่าสุดดูเหมือนว่าตอนนี้ที่ญี่ปุ่นจะมีเทรนด์อาหารรูปแบบใหม่เกิดขึ้น ซึ่งต้องบอกเลยว่ามันสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้เป็นอย่างมาก เพราะได้เห็นเพียงแค่ครั้งแรกก็ร้องว้าวขึ้นมาทันที และนี่คือภาพชีสเบอร์เกอร์ของ McDonald’s จากในอินสตาแกรมของสาวญี่ปุ่นรายหนึ่ง ที่มาในแบบไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เพราะมันถูกน้ำมาเสียบผ่านทางหลอดดูด และตั้งอยู่บนแก้วน้ำอัดลม ถือเป็นรูปแบบการกินที่แปลกใหม่อีกแล้ว   มันดูน่ากินขนาดไหน ลองถามใจเธอดู…   อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีหลายคนชื่นชอบในไอเดียนี้ แต่ก็ยังมีชาวเน็ตบางส่วนเกิดความสงสัยว่าทำไมการนำแฮมเบอร์เกอร์มาเสียบหลอดดูดมันถึงกลายเป็นที่นิยมได้ ซึ่งมันทำให้ความอยากอาหารของพวกเขาลดลงมากกว่า และนี่คือความคิดเห็นจากชาวเน็ตบางส่วน “มันต้องมีเศษของแฮมเบอร์เกอร์ติดอยู่ในหลอดแน่ๆ” “ฉันคิดว่าฉันทำแบบนี้เมื่อตอนอายุ 3 ขวบ”   .   หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นกระแสไวรัล (ได้อย่างไรไม่ทราบ) แล้วชาวเน็ตญี่ปุ่นได้พากันออกมาโพสต์ภาพแฮมเบอร์เกอร์ของตัวเองกันเป็นแถบ .   นอกจากแฮมเบอร์เกอร์แล้ว โดนัทก็มีเหมือนกันนะ .   แล้วคุณล่ะคิด อย่างไรกับไอเดียนี้บ้าง น่ากินขึ้นไหม!!?   ที่มา : rocketnews24

การศึกษา ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะหากเราได้มีการเรียนรู้ ไม่ใช่แต่เพียงแค่เราจะได้วิชาติดตัวมาเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตจริงได้อีกด้วย เหมือนดังเช่นเรื่องราวของ Camdyn Smith เด็กชายวัยเพียง 9 ขวบ จากโรงเรียนประถม Evergreen Elementary ใน Sedro-Woolley รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา คนนี้ เขาได้เรียนรู้ในเรื่องของอาการ และความรุนแรงเกี่ยวกับโรคหัวใจ เส้นเลือดอุดตัน และอาการเจ็บหน้าอก จากคุณครูที่โรงเรียน และถ้าหากใครมีอาการคล้ายกับโรคดังกล่าวจะต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะถือเป็นสภาวะเร่งด่วน     ซึ่งภายหลังจากที่ได้กลับจากโรงเรียน Camdyn ก็พบว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับผู้เป็นแม่ เพราะในขณะนั้นเธอมักจะบ่นว่าเจ็บหน้าอก และหายใจลำบาก นั่นทำให้เขารู้ว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างแล้วละ “ผมบอกเธอว่า เธอควรจะไปโรงพยาบาล แต่แม่ก็ยังยืนยันที่จะไม่ไป และบอกว่าเธอยังสบายดี เธอเพียงแค่ต้องการที่จะนอนพักผ่อน แต่สุดท้ายผมก็ยังพยายามบอกให้เธอรู้ว่า เธอจำเป็นต้องไปโรงพยาบาล” Camdyn กล่าว   แม้แม่จะพยายามปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ลูกชายก็รบเร้าว่าจะต้องพาไปโรงพยาบาลให้ได้   งานนี้แม่ก็เลยต้องยอมทำตามคำขอของลูกชาย แม้ในใจจะไม่ค่อยอยากจะไปโรงพยาบาลสักเท่าไร… หลังจากที่ได้รับการรบเร้าจากลูกชาย ทางด้าน Kimberly Smith ผู้เป็นแม่ ก็ได้ตัดสินใจไปหาหมอตามนั้น และเมื่อเธอได้รับการตรวจเช็คร่างกาย…

นอกจากจะไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกแล้วล่ะก็ นี่อาจจะเป็นอีกเรื่องที่ทำให้ชาวลิเวอร์พูลขวัญผวามากที่สุด… เรื่องราวประหลาดนี้เกิดขึ้นบนถนนสายเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมืองลิเวอร์พูล เมื่อมีหญิงสาวลึกลับคนหนึ่งที่ตระเวนไปเปิดช่องรับจดหมายหน้าประตูบ้านผู้อื่นแล้วร้องไห้ออกมา สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนละแวกนั้นเป็นอย่างมาก ทางด้านตำรวจได้รับแจ้งจากชาวเมืองจำนวนมาก ว่าพวกเขาถูกหญิงสาวลึกลับคนหนึ่งเปิดช่องรับจดหมายที่ประตูและส่งเสียงเข้ามาในบ้าน ในช่วงเวลาประมาณตี 2 ถึงช่วงตี 5 ของวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา     หนึ่งในผู้ได้รับความเดือดร้อนบอกว่าพวกเขามีความกังวลกับเรื่องนี้มาก เพราะถ้าหากเปิดประตูให้เธอเขามา พวกเขาอาจจะได้รับอันตรายก็ได้ ขณะที่บางคนบอกว่าหญิงสาวลึกลับคนนี้เหมือนกำลังขอร้องอะไรบางอย่างและเธอกำลังต้องการที่ปลอดภัย “มีใครบางคนมาเคาะที่ประตูบ้านฉัน และฉันก็ไม่ได้สนใจ แต่เมื่อตื่นมาฉันกลับพบว่าประตูหลังบ้านถูกเปิดออกอีกด้วย” คุณ Bec Edmunds ชาวเมืองผู้หนึ่งกล่าว     “ผู้หญิงที่อยู๋ตรงข้ามบ้านนี้ก็โดนเหมือนกัน เธอบอกว่ามีหญิงสาวมาร้องไห้หน้าบ้านและบอกว่าเธอไม่มีเงิน มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ฉันรู้สึกเหมือนว่าเธอเดินเข้ามาในบ้านและเดินออกทางประตูหลัง” คุณ Bec Edmunds กล่าวเสริม นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวอีกคนที่เจอเรื่องประหลาดนี้เช่นกัน เธอเล่าเรื่องดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊กของเธอว่า “ตอนประมาณตี 2 ของวันศุกร์ ฉันได้ยินเสียงประหลาดที่หน้าประตู ฉันกลัวมากและไม่กล้าลงไปดูเลย”     เมื่อสอบถามไปทางคุณตำรวจจากสถานี Merseyside กล่าวว่า “เราได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาวผู้หนึ่งบอกว่าแม่ของเธอที่อาศัยอยู่ในเมือง Kirkby ได้ยินเสียงแปลกๆ ในช่วงเช้าตรู่ หญิงสาวเจ้าของเสียงประหลาดนั้น บอกกับแม่ของเธอว่า ช่วยฉันด้วย ให้ฉันเข้าไปหน่อย!! แต่แม่ของเธอก็ไม่ได้เปิดให้หญฺิงคนดังกล่าวเข้ามา”…

งานเลี้ยงเต้นรำของโรงเรียน ถือเป็นในกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเด็กสาวหลายๆ คน รวมไปถึง Hannah Rye หญิงสาววัย 15 ปีที่ใฝ่ฝันเอาไว้ว่าอยากจะไปร่วมงานเลี้ยงเต้นรำสักครั้งในชีวิต หลังจากที่เธอป่วยเป็นมะเร็งระยะที่สาม สำหรับ Hannah เธอได้เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นมะเร็งกระดูกอีวิงซาร์โคม่า (Ewing Sarcoma) ชนิดหายาก ที่เกิดขึ้นในกระดูกหรือเนื้อเยื่ออ่อนนุ่ม เมื่อตอนปี 2015 ซึ่งในขณะนั้นเธออายุเพียง 13 ปี     Hannah ได้เข้ารับการรักษาเป็นระยะเวลาเพียง 6 เดือน แต่ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2017 เธอก็ได้รับข่าวที่น่าเศร้าว่า มะเร็งได้กลับมาอีกครั้ง ในเวลานี้ โรคมะเร็งที่เธอเป็นไม่สามารถที่จะรักษาได้อีกต่อไป ซึ่งทางแพทย์ก็ได้เผยว่า Hannah เหลือเวลาอยู่บนโลกนี้น้อยเต็มที ซึ่งหลังจากที่ทางผู้บริหารโรงเรียนได้รับรู้เรื่องราวของเธอ พวกเขาก็ได้ตัดสินใจเลื่อนการจัดงานเลี้ยงเต้นรำของโรงเรียนให้เร็วขึ้น เพื่อให้ Hannah ได้มีความสุขเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต     อย่างไรก็ตาม Hannah ได้เป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในองค์กรการกุศลที่ชื่อว่า Kick for Kids ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Trent…

สำหรับสาวๆ ที่เคยอ้วน แต่สามารถดูแลรูปร่าง และลดน้ำหนักของตัวเองลงมาได้ จนทำให้มีรูปร่างที่ผอมเพรียวได้ตามปรารถนา นั่นอาจจะทำให้คุณคิดว่าจะไม่กลับไปอ้วนเหมือนเดิมอย่างแน่นอน     แต่สำหรับ Amanda Redepenning คุณแม่วัย 39 จาก Minnetonka ในรัฐมินนิโซตา ผู้ที่เคยควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างเข้มงวด เพื่อรักษารูปร่างของตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอดเวลาคนนี้ เธอได้เต็มใจที่จะกลับมามีรูปร่างอ้วนอีกครั้ง หลังจากที่ค้นพบว่า การมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น มันทำให้เธอมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม     สำหรับ Amanda เธอทุ่มให้กับการควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างเข้มงวดมานานกว่า 30 ปี โดยได้เริ่มไดเอทมาตั้งแต่อายุเพียงแค่ 9 ขวบ หลังจากที่ถูกเพื่อนในโรงเรียนล้อ และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็เริ่มที่จะหันมาดูแลรูปร่างของตัวเอง โดยผู้เป็นแม่ถึงขั้นลงทุนซื้อหนังสือนับแคลอรี่มาให้ ซึ่งก่อนที่เธอจะรับประทานอาหาร จะต้องมีการประเมินแคลอรี่ก่อนในทุกๆ ครั้ง จนในที่สุดก็ทำให้เธอมีรูปร่างที่ผอมเพรียวสมบูรณ์แบบตามที่ต้องการ     จนกระทั่งภายหลังจากที่เธอตั้งครรภ์ Amanda ก็ได้ตัดสินใจว่า มันเพียงพอแล้วสำหรับการรักษารูปร่างมาทั้งชีวิต เพราะจากนี้ต่อไปเธอจะเลิกไปยิม และเลิกเข้มงวดในเรื่องการรับประทานอาหาร แม้ว่าในปัจจุบัน Amanda จะกลายเป็นผู้หญิงรูปร่างอ้วน จนทำให้เธอกลายเป็นโรคอ้วน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอมีความสุขมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น…

กลายเป็นเรื่องฮือฮากันเลยทีเดียว เมื่อเหล่าคุณยายกว่า 400 ชีวิตพร้อมใจกันทรวดทรงองเอวในชุดว่ายน้ำกัน ในงานประกวดชุดบิกินี่สำหรับสาววัย 55 ปีขึ้นไป งานนี้บอกได้คำเดียวเลยว่าอายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขจริงๆ งานประกวดชุดว่ายน้ำสำหรับสาวอายุเกินครึ่งร้อยนี้ จัดขึ้นโดยสมาคมสวัสดิการผู้สูงอายุ Hetong ในประเทศจีน โดยมีจุดประสงเพื่อสร้างมุมมองและทัสนคติทางด้านบวกให้กับเหล่าผู้สูงอายุ     การประกวดดังกล่าวจัดขึ้นต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3 แล้วและได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างดี โดยผู้เข้าร่วมการประกวดจะสวมใส่ชุดว่ายน้ำและออกมาเดินบนเวทีที่จัดขึ้นในสวนน้ำทางตอนเหนือของประเทศจีน เพื่อให้คณะกรรมการได้ลงคะแนนตัดสิน ในการประกวดดังกล่าวมีการมอบรางวัลอย่างมากมายกว่า 100 รางวัลเลยทีเดียว คุณ Ma Jing หนึ่งในผู้เข้าประกวดอายุ 78 ปีที่มาพร้อมกับชุดบิกินี่สีน้ำเงินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันรู้สึกยินดีมากที่ได้เข้าร่วมการประกวดครั้งนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกว่ามีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดีขึ้น”     ผู้เข้าร่วมการประกวดทุกคนต่างแสดงความสามารถของพวกเขาอย่างเต็มที่   ส่วนผู้เข้าร่วมการประกวดอีกท่านคุณ Shan Zheng วัย 62 ปีเล่าถึงความประทับใจของเธอว่า “เหตุผลที่ฉันเข้าร่วมการประกวดครั้งนี้ก็เพราะว่าอยากจะแสดงให้ทุกๆ คนเห็นว่าฉันยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และมีรูปร่างที่ดีอยู่” ทางด้านคุณ Fang Jiake ตัวแทนจากสมาคมผู้สูงอายุบอกว่า พวกเขาอยากให้กิจกรรมนี้ช่วยให้เหล่าผู้สูงอายุมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นและห่างไกลจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ นั่นเอง   ที่มา mirror

ปกติแล้วสถานที่เก่าแก่ของแต่ละเมืองแต่ละประเทศมักจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักผู้คนอยากเข้าไปเยี่ยมชม แต่คงไม่ใช่กับ Shuri โรงหนังแนวผู้ใหญ่ในญี่ปุ่นอย่างแน่นอน Shuri Theater ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงหนังที่เก่าแก่ที่สุดในโอกินาวา โดยเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1950 แต่ต่อมาในช่วงยุค 70 มันก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นโรงหนังที่ให้ความบันเทิงกับผู้ใหญ่ด้วย     ด้านหน้าของตึกมีตัวอักษรที่เขียนเป็นชื่อโรงหนังเอาไว้ และสภาพสีของอาคารก็ได้ลอกออกไปตามกาลเวลา และดูเหมือนโรงหนังแห่งนี้จะไม่เคยได้รับการปรับปรุงมาก่อนด้วย     เห็นสภาพแบบนี้ มันไม่ใช่โรงหนังร้างนะ แต่มันยังคงเปิดให้บริการให้เหมือนปกติ เพราะด้านหน้าตึกก็ยังมีรถจำนวนหนึ่งจอดอยู่ เพื่อให้โรงหนังอยู่ต่อไปได้ เจ้าของจึงมักจะจัดโปรโมชั่นพิเศษให้ลูกค้า โดยการลดราคาตั๋วหนังให้ ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 240 บาท     เมื่อซื้อตั๋วแล้ว คุณสามารถอยู่ในโรงหนังแห่งนี้ได้ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ไปจนถึง 21.30 น. เพื่อดูหนังได้ทุกเรื่องตามโปรแกรมฉายตลอดทั้งวัน และสามารถไปเดินดูรอบๆ ก่อนที่จะเข้าไปดูหนังได้เช่นกัน มีบางมุมของโรงหนังที่จะมีการติดตั้งไฟสีเขียวเอาไว้จนทำให้บรรยากาศค่อนข้างจะน่ากลัว     และไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าคุณจะพบซากปรักหักพังภายในโรงหนังแห่งนี้ เพราะพวกเขาไม่มีเงินมากพอที่จะปรับปรุง จึงถูกปล่อยให้เป็นไปตามสภาพแบบนี้ จนมักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรงหนังร้าง     ความจริงแล้วตัวโรงหนังก็ยังพอใช้ได้ แม้จะดูทรุดโทรมไปซักหน่อยก็ตาม แต่ส่วนที่แย่ที่สุดดูจะเป็นห้องน้ำ เพราะประตูพังจนแทบจะใช้ไม่ได้แล้ว ที่สำคัญแต่ละห้องก็ไม่มีโถส้วมด้วย ราวกับตั้งใจทำเอาไว้เพื่อกิจกรรมของผู้ใหญ่เสียมากกว่า  …

การที่วัวต้องนั่งกินหญ้าเหมือนเดิมทุกวันๆ ไม่คิดว่าพวกมันจะเบื่อบ้างหรอ บางมีวัวก็อาจจะอยากไปช้อปปิ้ง ไปเดินเล่น ดูหนัง ฟังเพลง อะไรทำนองนี้ เหมือนกับวัวตัวนี้ที่เลือกจะออกจากกรอบเดิมๆ เข้าไปเดินเล่นในเมืองที่เต็มไปรถราและผู้คนมากหน้าตา และเป้าหมายสำคัญของมันคือ ‘การดูหนัง’     ความจริงก็คือเจ้าวัวตัวนี้วิ่งหนีหลุดออกมาจากฟาร์มแห่งหนึ่ง แล้วมันก็พลัดหลงมาอยู่ใจกลางเมือง โดยที่มาหยุดพักตรงหน้าโรงหนังอย่างใจจดใจจ่อ เหมือนกำลังจะเลือกหนังเข้าไปดูเลยแหนะ ฮร่าาาา ในขณะที่ Trudi Maitland วัน 42 ปี กำลังเดินทางไปทำงาน เธอก็สังเกตเห็นบางอย่างที่หน้าโรงหนัง Studio Cinema ในเมือง Coleford เนื่องจากมีวัวตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น Trudi จึงตัดสินใจถ่ายรูปมันเอาไว้ เธอบอกว่า “มันเป็นภาพที่เราไม่คุ้นตา แต่มันดูน่ารักดี ฉันคิดว่ามันคงมาตามหาสิ่งที่ต้องการล่ะมั้ง”   Studio Cinema โรงหนังที่เจ้าวัวแอบแวะดูโปรแกรมฉาย   หลังจากยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก เจ้าวัวก็เดินไปยังลานจอดรถของสำนักงาน Forest of Dean District Council ทำให้มันจ๊ะเอ๋เข้ากับคุณตำรวจ และถูกจับตัวเอาไว้จนกว่าเจ้าของจะมารับตัวกลับไป แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เจ้าวัวได้มาเปิดหูเปิดตา แต่ก็ทำให้มันรู้ว่าประสบการณ์นอกฟาร์มมันเป็นยังไง ที่สำคัญนี่อาจเป็นการบอกเจ้าของฟาร์มว่าเลี้ยงแค่หญ้าอย่างเดียวคงไม่พอ…

เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า หากถูกฟ้าฝ่า แน่นอนว่าโอกาสรอดชีวิตนั้นมีน้อยมาก เนื่องจากความรุนแรงของสายฟ้าอาจจะทำให้ผู้เคราะห์ร้ายถึงขั้นไหม้เกรียมได้ แต่สำหรับ Christian Neal และ Gabe พ่อของเขา กลับรอดตายจากการถูกฟ้าฝ่ามาได้ โดยที่ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายเท่านั้น และนั่นก็ทำให้พวกเขาเชื่อว่าเหตุที่ยังมีชีวิตอยู่มันเป็นเพราะ “ปาฏิหาริย์” ซึ่งมันช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ     เรื่องราวของ Christian ได้ถูกนำมาเผยแพร่บนเว็บไซต์ต่างประเทศเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยระบุว่า ช่วงบ่ายของวันหนึ่งในขณะที่เขาและผู้เป็นพ่อกำลังตกปลาอยู่นั้น จู่ๆ ทั้งคู่ก็โดนฟ้าฝ่าอย่างจัง จนทำให้พวกเขากระเด็นออกจากเรือ และจมอยู่ในน้ำ หลังจากที่สามารถรอดชีวิตจากเหตุการณ์ฟ้าฝ่ามาได้ ทางด้าน Christian ก็ได้ออกมาเล่าว่า เหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นนี้ มันทำให้เขารู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังตีเขาด้วยไม้เบสบอล แถมยังเหมือนกับมีคนเอาระเบิดมาวางอยู่ข้างศีรษะของเขา     “มันรู้สึกเหมือนมีคนมาเอาไฟฉีดเข้าไปในใต้ผิว เข้าไปในหลอดเลือดดำ จนลึกลงไปในกระเพาะอาหาร ขาของผมไม่รู้สึกอะไรเลย ผมกลายเป็นอัมพาตจากช่วงเอวลงไป และไม่สามารถขยับขา สะโพก หรือนิ้วเท้าได้” Christian กล่าว     โชคดีที่ในครั้งนั้น Christian และพ่อ ได้ออกไปกับ Andy ทหารผ่านศึกชาวอิรัก และ Taryn…

ทารกที่คลอดก่อนกำหนดหรือทารกที่มีขนาดตัวเล็กว่าปกติ มักจะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ หรือต้องต่อสู้มากกว่าคนอื่นๆ จนกว่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติ เหมือนกับเด็กน้อย Poppy ที่คลอดขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์ได้เพียง 25 สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งคุณหมอได้บอกกับ Hannah Wicks ผู้เป็นแม่ว่า ทารกมีโอกาสน้อยมากที่จะรอด…     Poppy คลอดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2017 ด้วยน้ำหนักเพียง 360 กรัม เธอตัวเล็กมาก โดยรวมๆ แล้วน่าจะเท่ากับลูกเทนนิสหนึ่งลูกเท่านั้น แม้คุณหมอจะบอกว่าทารกอาจจะไม่รอดแล้ว แต่ผู้เป็นแม่ก็ยังพยายามทำทุกอย่างให้ลูกน้อยเท่าที่จะทำได้ และเธอก็เตรียมใจไว้แล้วสำหรับวันที่เลวร้ายที่สุด     Hannah ซื้อของเล่นเป็นกระต่ายจิ๋วให้ลูก เพื่อไม่ให้เธอต้องอยู่คนเดียวในช่วงที่ต้องรักษาตัวอยู่ในตู้อบ แต่ใครจะไปคิดว่าล่ะว่า กระต่ายของเล่นตัวนั้นจะเป็นกำลังใจที่ทำให้ทารกสามารถสู้ชีวิตจนรอดมาได้ ตอนนี้เด็กน้อยสามารถออกจากตู้อบได้แล้ว อีกไม่นานเธอก็จะสามารถกลับบ้านได้ สร้างความประหลาดใจให้ทั้งคุณหมอและครอบครัว เพราะทุกคนต่างเตรียมใจที่จะเสียเธอไปแล้ว     คุณแม่บอกว่า “Poppy เป็นเด็กน้อยมหัศจรรย์ของเรา เธอเป็นเด็กน้อยนักสู้ที่สู้กับอุปสรรคทุกอย่าง และในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากเลยค่ะ”     ตลอดการต่อสู้ของเด็กน้อยตั้งแต่เกิดจนตอนนี้ถูกบันทึกไว้เป็นรูปภาพทุกช่วงเวลา ตอนนี้เธอต้องเดินต่อไปข้างหน้าเพราะมีอนาคตที่สดใสรออยู่     Hannah และสามี Steve McSween…

ภาพยนตร์ของ Studio Ghibli หลายๆ เรื่องได้ครองใจผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องราวที่น่าหลงใหลของแม่มด เทพเจ้า และของเรื่องวิญญาณ เรื่องราวเหล่านี้มักจะสร้างแรงบันดาลใจให้นักคอสเพลย์ทั้งหลายในการแต่งตัวตามตัวละครต่างๆ และกระจายจินตนาการเหล่านั้นออกไปทั่วโลก     ล่าสุด Dallas Nagata White ช่างภาพและผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายจากฮาวาย ก็ได้นำเสนอชุดภาพที่เธอแต่งเป็นเจ้าหญิงโมะโนะโนะเกะพร้อมกับ Kodachrome น้องหมาคู่กาย สำหรับภาพยนตร์เจ้าหญิงโมโนโนเกะนั้น เป็นเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์และเทพเจ้าหมาป่าโมะโระ ที่มาพร้อมกับเด็กผู้หญิงที่ชื่อซัง แต่ก็อย่างที่รู้แหละว่า ถ้าหากจะนำน้องหมามาแต่งคอสเพลย์และจับถ่ายรูปนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ในที่สุดแล้ว Dallas ก็สามารถทำได้!!     Dallas คอสเพลย์เป็นเด็กหญิงซัง   ส่วนน้องหมาคอสเป็นหมาป่าโมะโระ…   Dallas เป็นคนที่รักในการถ่ายรูป นอกจากนี้เธอยังชอบออกแบบเสื้อผ้าในการถ่ายรูปแต่ละครั้งด้วยตัวเองเสมอ และเพราะความชื่นชอบการ์ตูนและภาพยนตร์นี้ ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอถ่ายรูปคอสเพลย์ ในระหว่างที่เธอเรียนด้านการออกแบบเสื้อผ้า เธอมีความใฝ่ฝันว่าสักวันจะมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง และเสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่เธอเคยออกแบบนั้นมักจะได้รับแรงบันดาลใจจากหนังแนวจินตนาการ     ทุกครั้งที่ถ่ายรูปคอสเพลย์ หญิงสาวจะมีน้องหมาอยู่ด้วยเสมอ พวกเขาเป็นคู่หูที่น่ารักมากๆ โดยเฉพาะน้องหมาที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเลยทีเดียวเชียว     น้องหมากับเจ้าของสาวที่ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว อะไรจะน่ารักได้ปานนี้เนี่ย >< ที่มา rocketnews24

ใบไม้เมื่ออยู่ต้นไม้มันจะดูสวยงาม ทำให้ต้นไม้น่ามองกว่าการที่ไม่มีใบ แต่เมื่อมันร่วงลงสู่พื้นแล้ว ใบไม้มักจะถูกมองเป็นแค่เพียงสิ่งที่ไม่มีประโยชน์อื่นใดอีกต่อไป… แต่สำหรับ Lorenzo M. Durán ศิลปินชาวสเปน เลือกที่นำใบไม้มาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะ ที่มีความละเอียดงดงามกว่าใบไม้ใดๆ ที่เราเคยเห็น     Lorenzo เกิดเมื่อปี 1969 เขาเป็นคนที่ชอบวาดรูป ระบายสี และชอบการแกะสลักเล็กๆ น้อยๆ มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเมื่อพ่อแม่ตกงานเพราะวิฤตทางเศรษฐกิจ เขาจึงตัดสินใจที่จะเป็นศิลปินอย่างเต็มตัวเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว     นอกจากต้องการดูแลครอบครัวแล้ว Lorenzo ยังอยากแสดงความสามารถด้านศิลปะของตัวเองออกมา ที่สำคัญมันยังเป็นสิ่งที่เขารักอีกด้วย แต่เพราะว่าในโลกศิลปะนั้นมีศิลปินที่เก่งกาจเต็มไปหมด ทำให้เขาต้องคิดหนักว่าจะทำอะไรที่แตกต่าง… ในที่สุดเขาก็ปิ้งไอเดียนำสิ่งสองสิ่งมาสร้างเป็นผลงานที่สร้างสรรค์ นั่นคือ ศิลปะและธรรมชาติ     ตอนแรกเขาเริ่มวาดรูปบนใบไม้ด้วยสีน้ำมัน แต่ต่อมาเขาก็สังเกตเห็นว่าใบไม้ส่วนใหญ่มักจะมีรอยหนอนกัด จนทำให้ใบไม้นั้นดูไม่สมบูรณ์     นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Lorenzo ตัดสินใจนำใบไม้มาแกะสลักเป็นภาพต่างๆ ให้มีงดงามจากสิ่งที่ขาดหายไป เช่นเดียวกับศิลปินที่ละเลงผลงานลงบนกระดาษและผืนผ้าใบ     ไอเดียดังกล่าวได้รับการความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงปี 2006-2008 ทำให้ Lorenzo ต้องพัฒนาฝีมือต่อไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของตัวเอง     จนกระทั่งในช่วงปี 2010-2011 ผลงานของเขาก็ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก จนสื่อต่างประเทศได้หยิบยกไปนำเสนออย่างมากมาย…

นับเป็นอีกเรื่องน่ารักๆ จากความเปิ่นของคุณพ่อ ที่หวังจะถ่ายวิดีโองานรับปริญญาของลูกสาวสุดที่รัก แต่ดั๊นไม่รู้ไปถ่ายอีท่าไหน คุณพ่อถึงถ่ายผิดคนซะงั้น!? เรื่องราวทั้งหมดก็มีอยู่ว่า Georgia Wilde ลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว ได้เรียนจบจากสาขาวิชาถ่ายทำภาพยนตร์ และเธอได้เข้ารับพิธีปริญญาบัตรเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา   นี่คือภาพของ Georgia Wilde จากทวิตเตอร์ของเธอ   นับว่าเป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่ เมื่อลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว สามารถเรียนจบสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก University of the West of England   และนี่คือภาพจากวิดีโอของคุณพ่อเธอ.. “แม่ๆ นี่ไงลูกเรา ใส่ชุดครุยแล้วดูสวยขึ้นเยอะเลยเนอะ”   จากนั้นคุณพ่อก็ตามถ่ายด้านหลังลูกสาวด้วยความภาคภูมิใจสุดๆ   ลองคิดดูสิว่าเราจะตื้นตันขนาดไหน เมื่อได้เห็นความสำเร็จก้าวแรกของลูกที่เราเฝ้าเลี้ยงดูมาทั้งชีวิต   ทุกอย่างก็เหมือนจะปกติดี แต่ทันใดนั้น… ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปภายในพริบตา   เมื่อลูกสาวเดินมาจากข้างหลัง แล้วบอกว่า “พ่อ… ถ่ายใครอ่ะ? นี่หนูอยู่ตรงนี้ต่างหาก!!”   งานนี้คุณพ่อถึงกับขะเขินจนพูดไม่ออก โถ่ววที่แท้ก็ถ่ายผิดคนนี่เอง   เรื่องราวดังกล่าวก็ถูกแชร์ต่อไปบนโลกออนไลน์อย่างแพร่หลาย และแน่นอนว่าด้วยความที่ลูกสาวเรียนจบตั้งคณะถ่ายทำภาพยนตร์ แต่คุณพ่อดันถ่ายวิดีโอผิดคนแบบนี้ มีแววว่าลูกสาวจะได้ใช้วิชาที่เรียนมาแล้วล่ะ   ลองไปชมคลิปน่ารักๆ…

โดยปกติแล้ว หากส่วนหนึ่งของร่างหายโดยเฉพาะต้นขา ต้นแขนของเรามีเซลลูไลท์ หรือรอยแตก นั่นอาจจะทำให้หลายๆ คนต้องไปตามหาครีมบำรุงมาเพื่อทำให้ส่วนที่ไม่สวยงามเหล่านั้นหายไป แต่สำหรับ Cinta Tort Cartró หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Zinteta ศิลปินอายุ 21 ปีคนนี้ เธอกลับมองเห็นถึงความสวยงามของมัน และเปลี่ยนรอยแตกเหล่านั้นให้กลายเป็นงานศิลปะสีรุ้งสุดอาร์ตซะเลย     สำหรับ Cinta เป็นศิลปินที่มาจาก Torrelles de Llobrega เมืองเล็กๆ ในประเทศสเปน เธอได้จบการศึกษาหลักสูตรการเรียนการสอนมาจากมหาวิทยาลัยบาร์เซโลนา แต่ถึงกระนั้นเธอก็ชื่นชอบที่จะสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอยู่เสมอ และนั่นก็ทำให้เธอได้เนรมิตผลงานของตัวเองขึ้นมา โดยการใช้ผลงานเหล่านั้นมาสื่อให้เห็นถึงความรัก และการยอมรับในสิ่งที่เป็น     Cinta ได้เริ่มวาดภาพงานศิลปะบนเฉพาะส่วนที่บกพร่องของร่างกายให้เป็นสีรุ้ง เพื่อต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้เห็นถึงความงามของส่วนต่างๆ ภายในร่างกายของตัวเอง “ฉันเริ่มรักตัวเองมากขึ้น ฉันเริ่มทำงานที่รัก และเริ่มที่จะให้กำลังใจตัวเอง” Cinta กล่าว     7 เดือนที่ผ่านมา Cinta ได้เริ่มทำโปรเจคที่เรียกว่า “Mancho y no me doy asco” อันมีความหมายว่า “ฉันได้ดูน่ารังเกียจจากคราบประจำเดือนของตัวเอง” เนื่องจากเธอหวังว่ามันจะช่วยทำลายความคิดแย่ๆ…

ทุกวันนี้ปัญหาความแตกแยกของสามีภรรยามักเกิดจากความไม่ไว้ใจกันบ้าง ความมักมากบ้าง จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนบานปลายกลายเป็นปัญหาครอบครัว หากยิ่งสั่งสมมากเท่าไหร่ ก็สามารถไปถึงขั้นแตกหักได้เลยล่ะ… ซึ่งสำหรับในกรณีนี้หนักหนาสาหัสพอสมควร เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งในประเทศอินเดียถูกจับในข้อหา ‘ตัดอวัยวะเพศของสามีตัวเอง’ เพราะสงสัยว่าเขาแอบนอกใจ!! แม่ลูกสี่วัย 30 ปี ถูกจับกุมที่เมือง Gudiyatham ในรัฐทมิฬนาฑู ระหว่างเดินทางกลับไปยังบ้านของพ่อแม่ โดยมีอวัยวะเพศของสามีอยู่ในกระเป๋าของเธอด้วย     สองสามีภรรยา Jagadeesan และ Sarasu แต่งงานกันมา 14 ปี แต่มีปัญหากันจนต้องอยู่แยกกันเป็นเวลา 1 ปี และเพิ่งจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ เพราะคำขอร้องของลูกชายวัย 13 ปี ทั้งคู่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเสื้อผ้า พวกเขามักจะมีปากเสียงและลงมือทำร้ายร่างกายกันเป็นประจำ โดยฝ่ายภรรยาอ้างว่าสามีแอบมีชู้ จนกระทั่งช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม 2017 ทั้งคู่ยังคงทะเลาะกันเหมือนปกติ ก่อนจะแยกย้ายเข้านอนในเวลาประมาณตี 2 แต่ดูเหมือนภรรยาจะไม่ได้เข้านอนเหมือนทุกครั้ง เพราะเมื่อประมาณตี 3 เธอแอบตื่นขึ้นมาอย่างเงียบๆ แล้วเดินเข้าไปหยิบมีดในห้องครัว ก่อนจะเฉือนอวัยวะเพศของสามีจนขาดทันที     หลังจากลงมือเฉือนอวัยวะเพศสามีแล้ว เธอก็ออกจากบ้านพร้อมกับชิ้นส่วนของน้องชายสามี ก่อนจะถูกจับได้ระหว่างทาง ตามที่รายงานไป ส่วนฝ่ายสามี Jagadeesan มีเพื่อนบ้านพาไปส่งโรงพยาบาล ก่อนจะถูกส่งตัวไปที่ Government…

วันที่ 21 กรกฎาคม 2560 ทางเว็บไซต์ Odditycentral มีรายงานว่า Khim Hang หญิงวัย 74 ปี จากจังหวัดกระแจะ ทางตะวันออกของประเทศกัมพูชา ผู้ที่อาศัยอยู่กับลูกวัววัย 5 เดือน เพราะเชื่อว่าวัวตัวนี้คือสามีเก่าของเธอกลับชาติมาเกิด หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว… จากการรายงานระบุว่า Tol Khut ผู้เป็นสามี ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยหลังจากที่ลูกวัวตัวนี้ได้เกิดมาลืมตัวดูโลกในเดือนมีนาคม เธอก็เชื่อว่าต้องเป็นสามีกลับชาติมาเกิดในร่างของลูกวัวตัวนี้อย่างแน่นอน เพราะในขณะที่เธอกำลังนั่งสมาธิ เธอก็รู้สึกว่ามันเข้ามาเลียมือของเธอ ซึ่งมันเป็นลักษณะนิสัยที่คล้ายกับสามีของเธอในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่     “ฉันเชื่อว่าลูกวัวตัวนี้คือสามีของฉัน เพราะสิ่งที่มันทำมีลักษณะคล้ายกับสามีของฉันเมื่อตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ และเมื่อฉันกำลังนั่งสมาธิเข้าฌาน วิญญาณของเขาก็แอบมากระซิบข้างหูของฉันว่า ผมคือสามีของคุณ… และพอฉันลืมตาขึ้น ก็พบว่าวัวเข้ามาเลียผม เลียคอ จากนั้นก็เข้ามาจูบฉัน ซึ่งมันทำให้ฉันเชื่อว่าเขาเป็นสามีของฉันอย่างแน่นอน” นาง Khim กล่าว     สำหรับลูกวัววัย 5 เดือนตัวนี้ ได้อาศัยอยู่ภายในบ้านกับนาง Khim และลูกๆ ของเธอ ซึ่งมันก็ชื่นชอบที่จะเข้าไปอยู่ในห้องนอนห้องเก่า แถมยังชอบมองออกไปนอกหน้าต่าง…

ทุกวันนี้คนจำนวนมากกินทิ้งกินขว้างกันจนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อดอยากไม่มีกินแม้แต่เศษอาหารเล็กๆ น้อยๆ จนเกิดความไม่สมดุลในสังคม อย่างในปีนี้ที่ลอนดอนมีการทิ้งเศษอาหารมากถึง 540 ล้านกิโลกรัม ในขณะที่คนลอนดอนกว่า 100,000 กำลังตกอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหาร ด้วยเหตุนี้เชฟชื่อดังอย่าง Massimo Bottura ซึ่งเป็นเชฟมิชลินสตาร์ จึงพยายามที่จะต่อสู้กับไม่ความสมดุลนี้ ด้วยการทำอาหารให้กับคนยากไร้ได้ทาน     ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อนพ่อครัวชาวอิตาลีได้เปิดครัวชุมชนในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยเชฟและเพื่อนๆ ได้นำอาหารที่เหลือจากงาน Milan Expo มาปรุงใหม่เพื่อเลี้ยงคนยากไร้ในเมือง ล่าสุดที่ลอนดอนกำลังมีงาน Evening Standard’s London Food Month ซึ่งเป็นเทศกาลอาหาร แน่นอนว่าหลังจบงานแล้ว คงมีเศษอาหารเหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก     ทาง Food For Soul ซึ่งเป็นองค์กรของ Bottura จึงได้ร่วมมือกับ The Felix Project องค์กรการกุศลที่รวบรวมอาหารเหลือจากซูเปอร์มาร์เก็ตและสินค้าขายส่ง ทั้งสององค์กรได้นำอาหารเหลือมาเปิดครัวชุมชนใน St Cuthbert’s in Earl’s Court ที่เรียกว่าโครงการ Refettorio Felix โดยได้เช่าพื้นที่ในราคาถูกสำหรับเป็นที่เลี้ยงอาหาร     Refettorio Felix ที่ St Cuthbert’s กำลังจะเปิดตัวโดยได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนๆ และอาสาสมัครในชุมชน…