Category: ข่าวคราวรอบโลก
-
คุณแม่อยากสุดเกรียนโพสต์ภาพลูก “โดนเจาะที่แก้ม” ลงเฟซบุ๊ก จนชาวเน็ตด่าเละ!!
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากคุณแม่คนหนึ่งได้โพสต์รูปลูกของเธอที่เจาะแก้มลงบนโซเชียล งานนี้พอชาวเน็ตเห็นก็ไม่พอใจเข้ามาโจมตีกันยกใหญ่… เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน Enedina Vance คุณแม่ลูกหนึ่งได้โพสต์ภาพลูกสาวของเธอลงบนโซเชียล แต่ปัญหามันจะไม่มีอะไรเลย ถ้าภาพลูกสาวของเธอไม่ได้มีจุดสายตาบริเวณแก้มที่ถูกเจาะอยู่ พร้อมกับข้อความว่า “น่ารักใช่ไหมล่ะ? เชื่อสิว่าเธอจะต้องชอบมากๆ และขอบคุณฉันอย่างแน่นอนเมื่อเธอโตขึ้น แต่ถ้าเธอไม่ชอบก็แค่เอาออกไม่ยากเลยจริงไหม?” ยังไม่หมดแค่นั้น Enedina ยังบอกอีกว่าเธอเป็นแม่ของเด็ก เธอจะทำอะไรก็ได้ เธอจะติดสินทุกอย่างให้ลูกของเธอจนกว่าลูกจะอายุ 18 และข้อความอีกมากมายเพื่อแสดงว่าเธอเป็นเจ้าชีวิตของลูก คนอื่นไม่มีอำนาจมาตัดสิน!! งานนี้ชาวเน็ตก็โมโหกันยกใหญ่ว่า ถึงจะเป็นพ่อแม่ก็ไม่มีสิทธิไปตัดสินชีวิตเด็กนะเว้ย!! ต้องให้เด็กเลือกอนาคตตัวเอง และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกว่าด่ากันยับเลยทีเดียว ทว่าความจริงเกี่ยวกับภาพเด็กดังกล่าวนั้นกลับทำให้ทุกคนต้องช็อค เมื่อจริงๆ แล้วภาพดังกล่าวเป็นภาพปลอม!!? เพราะส่วนที่เจาะแก้มเด็กนั้นเกิดขึ้นจากการโฟโต้ช็อป ไม่ได้เจาะจริงๆ แต่อย่างใด งานนี้คุณแม่คนดังกล่าวเล่นเอาชาวเน็ตเงิบกันเป็นแถบๆ เป้าหมายจริงๆ ที่คุณแม่ชาวเน็ตคนนี้อยากจะสื่อก็คือ ทำไมเธอจะทำแบบในภาพไม่ได้ ในเมื่อพ่อแม่ทั่วไปยังบังคับให้เด็กผู้ชายไปขลิบได้เลย การทำแบบนี้มันก็ไม่ต่างกัน ไม่ก็อาจจะร้ายแรงกว่าด้วยซ้ำ สุดท้าย Enedina ก็ออกมาบอกว่า “ฉันรู้สึกดีที่การโพสต์เกรียนของเธอทำให้หลายคนได้ตระหนักถึงสิทธิของเด็กทารก ว่าพวกเขาควรจะเป็นคนเลือกสิ่งต่างๆ ให้กับตัวเอง รวมถึงการทำอะไรกับอวัยวะเพศของตัวเองก็เช่นกัน”…
-
กลับมาอีกครั้ง!! “Ke$ha” ปล่อยเพลงใหม่ล่าสุด หลังหายไปเรื่องคดีความนานถึง 4 ปี…
หลังจากตกเป็นข่าวดังเมื่อช่วงปีที่แล้วเกี่ยวกับการฟ้องร้องการถูกคุกคามทางเพศโดยโปรดิวเซอร์ของค่าย แต่ผลออกมากลับเป็นฝ่ายเธอที่พ่ายแพ้เนื่องจากศาลยกฟ้องคดีดังกล่าวเพราะมีหลักฐานไม่เพียงพอ สำหรับใครที่ยังไม่ทราบประเด็นดังกล่าว สามารถตามอ่านข่าวเก่าๆ ได้ที่ – ประเด็นร้อน!! นักร้องสาว Ke$ha ถูกโปรดิวเซอร์ข่มขืน ศาลยกฟ้อง และบีบบังคับให้อยู่ในค่ายตามสัญญา – Dr.Luke ออกมาปฏิเสธข่าวข่มขืนนักร้องสาว Ke$ha “ผมไม่เคยข่มขืนเธอ” – แถลงการณ์จาก Sony ช่วยเรื่องสัญญาของ Kesha ไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับโปรดิวเซอร์โดยตรง!! – Kesha เผย Sony พร้อมยกเลิกสัญญาของเธอ เพียงบอกว่า “เธอไม่เคยโดนข่มขืนมาก่อน” – ปิดมหากาพย์ Kesha ถอนฟ้อง Dr. Luke เพราะคดีไม่คืบหน้า ขอสู้ด้วยดนตรีแทน!!! แต่หลังจากที่หายหน้าหายตาไปเกือบๆ 4 ปี คราวนี้เธอกลับมาอีกครั้งพร้อมกับปล่อยเพลง Praying ให้แฟนๆ ของเธอได้หายคิดถึงกันอีกครั้ง… เพลงดังกล่าวเป็นหนึ่งในอัลบั้ม Rainbow ซึ่งเป็นอัลบั้มล่าสุดของเธอ มีการวิเคราะห์กันว่าในบทเพลงจะพูดถึงตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ และเกี่ยวกับเรื่องราวร้ายที่อดีตโปรดิวเซอร์ Dr. Luke เคยทำกับเธอ เพลง Praying ได้แรงบันดาลใจมาจากคำสอนของศาสนาคริสต์เกี่ยวกับพระเจ้าซึ่งได้ฝีมือการเขียนเพลงของ…
-
Andrew Garfield เปิดเผยตัวว่าตัวเองอาจจะเป็นเกย์ แต่ไม่ถึงขั้นอยากมีอะไรกับผู้ชาย!!!
งานนี้เรียกว่าสาวๆ หลายคนที่เป็นแฟนพ่อหนุ่มสไปดี้คนที่สองคนนี้ต้องอกสั่นขวัญแขวนกันไปตามกันๆ หลังจากที่ล่าสุด Andrew Garfield ได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่า เขารู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเกย์ เรื่องในครั้งนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อหนุ่ม Andrew กำลังอินกับบทนำใน Angels in America ละครเวทีเรื่องล่าสุดที่ไปแสดงมาหรือไม่ หรือจริงๆ แล้วตัวเขาเป็นเกย์แต่แรก แต่ที่รู้แน่ๆ คือเขาได้ออกมาเปิดอกพูดกับนิตยสาร Gay Times เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาได้บอกว่า “ผมรู้สึกว่าตัวผมอาจจะเป็นเกย์นะ แต่ก็ยังไม่ได้เป็นแบบจริงจังหรือรู้สึกอยากมีอะไรกับผู้ชาย แต่ก็รู้สึกได้เหมือนกันว่าน่าจะใช่แน่ๆ” ยังไม่หมดเท่านั้น Andrew ยังเล่าถึงเบื้องหลังจากการพักกองอีกว่า “ในช่วงพักการแสดงทุกๆ วันอาทิตย์ผมและเพื่อนๆ ก็มักจะไปดู RuPaul’s Drag Race กันอยู่เสมอ ซึ่งในตอนแรกผมก็ไปดูเพื่อช่วยให้บทการแสดงของผมดีขึ้น” สุดท้ายในบทสัมภาษณ์เขาก็พูดปิดท้ายว่า “ผมอาจจะยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นนะว่าผมเป็นเกย์จริงๆ ไหม แต่ผมก็เปิดรับในเรื่องของการรักเพศเดียวกันนะ ตอนนี้ผมโอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่และยังไม่คิดถึงขั้นมีอะไรกับผู้ชายหรือคบกันใครจริงจัง” “บางทีบางส่วนนั้นในตัวผมอาจจะตื่นขึ้นมาในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตผมก็ได้ ผมมั่นใจว่ามันจะต้องสวยงามอย่างแน่นอน และผมก็จะสำรวจพร้อมกับทำความเข้าใจในส่วนนั้นที่ผมพึ่งจะค้นพบมัน” แม้ว่าเขาพึ่งจะยอมรับการเป็นเกย์ แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่ให้การสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ มาเป็นเวลานานแล้ว รวมถึงยังสนับสนุนการแต่งงานของเพศเดียวกันด้วย เขายังถามกลับอีกว่าถ้าเขาเป็นเกย์จริงๆ มันจะหมายความว่า Spider-Man…
-
ผู้ใหญ่บ้านเม็กซิโกต้องแต่งงานกับ ‘จระเข้’ เพราะเชื่อว่าจะนำโชคลาภมาให้ชาวประมง
โชคลาง อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายให้เห็นแบบประจักษ์ได้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีคนไม่น้อยที่มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้และใช้ชีวิตให้สอดคล้อง เช่น การดูฤกษ์ก่อนแต่งงาน การตั้งชื่อที่เหมาะกับดวง และอื่นๆ อีกมากมาย อย่างชาว marenos ในเม็กซิโกก็มีธรรมเนียมให้ผู้ใหญ่บ้านต้องแต่งงานกับจระเข้ เพราะเชื่อว่าจะเป็นการนำโชคมาให้ชาวประมงในท้องถิ่น พวกเขาจะนำจระเข้ตัวเมียมาแต่งตัวด้วยชุดเจ้าสาวที่ชาวบ้านทำขึ้นมาเอง โดยจะทำการปิดปากของมันไว้จนกว่าจะถึงพิธีแต่งงาน นอกจากนี้เจ้าสาวจระเข้จะต้องปิดหน้าระหว่างเดินขวนเข้าสู่งานแต่งด้วย หลังจากนั้นก็จะเข้าพิธีแต่งงานกับ Victor Aguilarand ผู้ใหญ่บ้านแห่ง San Pedro Huamelula การแต่งงานกับจระเข้นี้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมอันเก่าแก่ที่รับการถ่ายทอดโดย Chontal Indians ตั้งแต่ปี 1789 โดยเชื่อว่าพิธีดังกล่าวจะนำความมั่งคั่งมาให้ชาวประมงท้องถิ่นในรัฐ Oaxaca ตามจารีตประเพณี จระเข้จะถือเป็นเจ้าหญิงที่จะนำความสงบสุขและความมั่งคั่งมาให้กับคนในชุมชน ดังนั้นทุกคนจึงเรียกมันว่า “เจ้าหญิง” Aguilar บอกว่า “ชาว marenos จะเรียกจระเข้ว่าเจ้าหญิง ดังนั้นบทบาทของผมคือต้องเป็นสามีของเจ้าหญิงครับ” ทางด้านชาวบ้านบอกว่า “การเต้นของทั้งคู่พร้อมเสียงดนตรีนั้นเป็นการถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า เพื่อขอบคุณที่ท่านมอบที่ดิน ผลผลิต และปลาให้กับชุมชนเสมอมา” เจ้าหญิงจระเข้ในชุดเจ้าสาว มีแขกมากมายเข้าร่วมงานแต่งของผู้ใหญ่กับจระเข้ การทอดแหก็เป็นหนึ่งในพิธีกรรมเช่นกัน ที่มา mirror
-
อุทาหรณ์ “อ่านข่าวปลอมในเน็ต” นำไปสู่การปลุกระดมเพื่อประท้วง จนมีคนบาดเจ็บจริงๆ!!
เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ประท้วงบางอย่างขึ้นที่รัฐเพนซิลเวเนีย ทว่าการประท้วงครั้งนี้กลับเป็นอุทาหรณ์ที่ดีให้ชาวเน็ตทั่วโลกได้จดจำกันเอาไว้ โดยสำนักข่าวท้องถิ่นจากรัฐเพนซิลเวเนีย ได้รายงานว่าเมื่อวันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม ได้มีกลุ่มคนออกมารวมตัวประท้วงกันที่ Gettysburg National Military Park หลังมีการประกาศบนเฟซบุ๊กว่าจะมีกลุ่มคนมารวมตัวเพื่อเผาทำลายธงสมาพันธรัฐอเมริกา เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มจากเพจที่มีผู้ติดตามเพียงร้อยกว่าคน ได้เผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘Antifa’ ในเนื้อหามีการระบุว่ากลุ่ม ‘Antifa’ เป็นกลุ่มแอคทิวิสต์ผู้ต่อต้านระบบลัทธิฟาสซิสต์ นอกจากนั้นยังมีการเชื้อเชิญกลุ่มผู้ที่ต้องการประท้วงโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ออกมารวมตัวกันที่ Gettysburg National Battlefield พร้อมทั้งนำธงสมาพันธรัฐของสหรัฐมาเผาทำลายด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ได้มีเพจที่ชื่อว่า Harrisburg Antifa ซึ่งมีผู้ติดตามเพียงหลักร้อย ได้ออกมาโพสต์ข้อความแนวปลุกระดม ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะได้ผล เพราะไม่กี่วันต่อมาได้มียูทูปเบอร์ TheDelawarePatriot ได้ออกมาเชื้อเชิญผู้ติดตาม ให้ออกมารวมตัวต่อต้านการกระทำของกลุ่ม ANTIFA ในวันนัดหมาย จนต่อมาวันที่ 21 มิถุนายน ได้มีชาวเน็ตไม่ระบุตัวตนออกมาโพสต์ข้อความในกลุ่มเว็บบอร์ดการเมืองท้องถิ่น ด้วยข้อความยุโยงปลุกปลั่นให้เกิดความรุนแรง ข่าวลือดังกล่าวกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมากยิ่งขึ้น เมื่อ Jack Posobiec นักเขียนการเมืองคนหนึ่ง ได้นำข้อความดังกล่าวมารีทวีต ถึงแม้ว่าภายหลังเจ้าตัวจะพยายามแชร์ข่าวนี้ พร้อมทั้งประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่ามันเป็นข่าวปลอม…
-
ครอบครัวจีนปฏิเสธไม่ยอมย้ายบ้าน นายทุนจึงส่งคนมาทำร้าย และจับโยนออกจากบ้าน!!
ทุกวันนี้นายทุนส่วนใหญ่มักจะกว้านซื้อที่ดินเพื่อนำไปสร้างบ้านจัดสรร ทำห้าง หรือตึกสูง โดยใช้วิธีการให้เงินชดเชยบ้าง หรือบีบบังคับให้ออกบ้าง ส่วนคนที่ไม่ยอมขายที่หรือไม่ยอมย้ายออกไปก็จะถูกนายทุนข่มขู่ด้วยสารพัดวิธี บางรายรุนแรงถึงชีวิตเลยทีเดียว…เหมือนกับครัวนี้ที่ถูกทำร้ายยกครัวเพราะไม่ยอมออกจากพื้นที่ นี่เป็นเรื่องที่เกิดในประเทศจีนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2017 โดยมีคลิปที่เผยแพร่โดย DW News รายงานว่า บ้านของครอบครัว Wu เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฟื้นฟูเมืองในหมู่บ้าน Qianfeng เขต Xixiang เมือง Hanzhong แต่เมื่อครอบครัวนี้ปฏิเสธที่จะรับเงินชดเชยจากสภานายทุนและไม่ยอมย้ายออกไป จึงโดนข่มขู่ด้วยการมัดแขนมัดขาทุกคนในครอบครัวรวมทั้งลูกน้อยอีก 2 คนด้วย ในคลิปจะเห็นว่าชายคนหนึ่งถูกพันรอบปากด้วยสก๊อตเทป ในขณะที่ชายอีกคนถูกมัดด้วยสายพลาสติกรอบตัว และทุกคนทั้งหมดก็ถูกจับโยนออกไปนอนอยู่บนถนน Li ลูกเขยของครอบครัว Wu บอกว่า “มีผู้ใหญ่ 5 คนและเด็กอีก 2 คน ถูกลากออกจากบ้านและโดนจับโยนไปอยู่บนถนน แถมยังโดนทุบตีอย่างรุนแรงด้วย” ตามที่สำนักข่าว DW News รายงานว่า บ้านหลังดังกล่าวอยู่ในพื้นที่โครงการฟื้นฟู ดังนั้นจึงต้องถูกรื้อถอน โดยทางนายทุนได้เสนออพาร์ทเมนท์ให้ครอบครัว Wu ที่มี 4 ห้อง พร้อมกับให้เงินชดเชยอีกประมาณ 480,000 บาท …
-
หญิงสาวโดนหนุ่มจับก้น จึงถ่ายรูปมาประจาน แต่กลับนำไปสู่ดราม่าถกเถียงกันยกใหญ่!!
เมื่อผู้หญิงถูกลวนลามในที่สาธารณะจะมีการตอบสนองสองทางคือ กลุ่มหนึ่งจะนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะอายหากมีคนอื่นรู้ ในขณะที่ผู้หญิงอีกประเภทหนึ่งจะระเบิดออกมาและจัดการกับคนโรคจิตคนนั้นทันที เหมือนกับ Krystal Olsen บาร์เทนเดอร์สาวจากจากนิวยอร์กที่ทำงานในแอริโซนา ที่เพิ่งถูกลวนลามมา แต่วิธีที่เธอใช้จัดการโรคจิตนั้น สาวๆ จดและนำไปใช้ได้เลย เมื่อ Krystal ถูกโรคจิตจับก้น เธอตัดสินใจต่อสู้ก่อนที่โรคจิตคนดังกล่าวจนลงไปนอนกับพื้น แล้วเธอก็ทำการมัดมือเขาไว้ข้างหลัง ทำเอาโรคจิตทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งร้องไห้ แค่นั้นยังไม่พอ เธอยังถ่ายรูปโรคจิตแล้วเอาไปประจานในโซเชียล และหลังจากที่โพสต์ในทวิตเตอร์เพียงไม่กี่นาทีก็มีคนรีทวิตถึง 80,000 ครั้ง และกดไลค์อีกนับไม่ถ้วน ชาวเน็ตจำนวนมากที่ชื่นชมวิธีการสั่งสอนโรคจิตของ Krystal เพราะทุกวันนี้ผู้หญิงมักจะถูกคุกคามทางเพศในลักษณะนี้ บางคนบอกว่าผู้หญิงหลายๆ คนถูกลวนลามแบบนี้แต่ไม่กล้าตอบโต้แล้วก็ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างเงียบๆ แต่รู้ไม่ว่านั่นเป็นการเปิดโอกาสให้โรคจิตทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเขายังบอกอีกว่าผู้หญิงที่ถูกลวนลามไม่ใช่คนที่ต้องอาย แต่โรคจิตต่างหากที่ควรจะได้รับความอับอายจากการกระทำของตัวเอง ที่สำคัญผู้หญิงควรจะเรียนรู้วิธีการป้องกันตัวเอาไว้ เพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อของโรคจิต ส่วนใครที่ไม่มีรู้วิธีเอาตัวรอด ขอแนะนำ 5 เทคนิคง่ายๆ ลองเอาไปฝึกดูนะคะ สุดยอดมาก ผมจะให้ลูกสาวทำเหมือนคุณเช่นกัน เก่งมากๆ ฉันมีลูกสาว 3 คน หวังว่าพวกเขาจะทำเหมือนกับคุณนะ แต่บางคนกลับมองว่าเธอทำรุนแรงเกินไป… …
-
หญิงสาวบอกน้องว่า “อย่าเลี้ยงหมา” แต่เธอไม่ฟัง เป็นไงล่ะ.. โตมาได้เพื่อนซี้สุดน่ารักเลย!!
พ่อแม่หลายๆ คนมักไม่ให้ลูกน้อยเข้าใกล้สัตว์เลี้ยงเพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายกับลูก แต่ในขณะเดียวกันก็มีพ่อแม่ไม่ให้ที่ให้ลูกเติบโตไปพร้อมๆ สัตว์เลี้ยง ย้อนกลับไปในปี 2007 ผู้ใช้เว็บไซต์ Imgur คนหนึ่ง ได้บอกกับน้องสาวว่า ‘เวลามีลูกอะ อย่าให้ลูกเข้าใกล้สัตว์เลี้ยงนะ’ แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้หลานสาวของเธอได้กลายเป็นเพื่อนซี้กับน้องหมาไปแล้ว มิตรภาพของน้องหมากับเด็กน้อยเริ่มขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เด็กหญิงเกิดมา โดยจะมีสุนัขสีดำตัวหนึ่งคอยอยู่ข้างๆ เธอไม่เคยห่าง แถมบางครั้งมันยังแอบกินคุกกี้ของเธอด้วย นั่นทำให้ความเป็นเพื่อนค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ต่อมาเมื่อเด็กหญิงโตขึ้นมาเล็กน้อย ทุกวันอาทิตย์เธอจะตื่นแต่เช้าเพื่อมานั่งดูการ์ตูนกับน้องหมาเพื่อนรัก พวกเขาจะทำทุกอย่างด้วยกันเสมอ ไม่ว่าจะเล่น นั่งในรถ หรือแม้แต่นั่งแช่โซฟาเฉยๆ ทั้งคู่ก็จะตัวติดกันเสมอ แม้กระทั่งตอนที่เด็กหญิงถึงวัยที่ต้องเข้าเรียน น้องหมาก็จะเดินไปส่งเธอเสมอ มันช่างเป็นมิตรภาพอันสวยงามและยากที่จะอธิบายจริงๆ แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในขณะที่เด็กหญิงกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ น้องหมากลับแสดงอาการของอายุที่มากขึ้น เช่น มีเคราสีเทา แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความรักที่ทั้งคู่มีให้กันน้อยลงไปเลย บางทีน้องหมาก็ชอบที่จะแต่งตัวสวยๆ เพื่อเอาใจเด็กหญิง เพราะอยากเห็นเธอมีความสุข และอยากเห็นรอยยิ้มของเธอในทุกช่วงเวลา แม้ตัวเองจะอ่อนแรงเต็มทีแล้วก็ตาม หลังจากที่ทั้งคู่อยู่เคียงข้างกันมา 10 ปี น้องหมาก็ตรวจพบเนื้องอกจนคุณหมอต้องผ่าออกให้ และในช่วงที่มันพักฟื้นนั้น เด็กก็อยู่เคียงข้างมันตลอด…
-
6 แพคมันน้อยไป เด็กชายวัย 7 ขวบ เจ้าของสถิติ 8 แพ็ค และชนะการแข่งขันระดับโลก
เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ต่างก็นิยมออกกำลังกายกันทั้งนั้น ยิ่งทำให้มีกล้ามหรือ 6 แพคหน่อยๆ ก็จะยิ่งดี เพราะจะทำให้รูปร่างดูดีไปด้วย และไม่ใช่เฉพาะในกลุ่มหนุ่มสาวหรือวัยทำงานนะที่อยากมีกล้าม เด็กๆ บางคนก็สนใจการเล่นกล้ามเช่นกัน อย่าง Chen Yi เด็กชายชาวจีนวัย 7 ขวบ ผู้เป็นนักกีฬาเล่นกล้ามระดับโลกตั้งแต่วัยเยาว์ 6 แพคว่าเจ๋งแล้ว แต่ Chen เจ๋งยิ่งกว่าเพราะเขามี 8 แพค และชนะการแข่งขันระดับโลกมาแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งจบชั้นอนุบาลเพียงหมาดๆ ความสำเร็จของเด็กชายคนนี้เกิดจากทั้งพรสวรรค์และความมุ่งมั่น แม่ของเขาบอกว่า Chen เป็นเด็กอัจฉริยะด้านความแข็งแกร่ง เขาสามารถดึงข้อได้ตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบเท่านั้น ความสามารถดังกล่าวนี้ทำให้ Chen ได้รับการคัดเลือกจากจากโรงเรียนยิมนาสติกท้องถิ่น ปัจจุบันอยู่ในช่วงฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และจะได้กลับบ้านเฉพาะหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น หลังจากที่เรื่องราวของเด็กชายถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ มีคนจำนวนมากชื่นชมในความสามารถของเขา แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่มองว่าเขากำลังทำในสิ่งที่ไม่สมกับวัย คนที่ไม่เห็นด้วยบอกว่า Chen ควรจะใช้ชีวิตในแบบของเด็ก เพราะหากเล่นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ และอาจส่งผลต่อร่างกายในอนาคตได้ อย่างไรก็ตามในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาได้แสดงทักษะในการแข่งขันยิมนาสติกในหางโจว จนได้รับเหรียญทอง 6 เหรียญและเหรียญเงิน 1 เหรียญ…
-
สามีบันทึกภาพถ่ายภรรยา ที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง กับโลกอันโหดร้ายผู้ป่วยต้องเผชิญ…
ผู้ป่วยมะเร็งหลายๆ คนพยายามปกปิดสิ่งที่ตัวเองเป็นด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป แต่ใครบางคนบอกเราว่า ‘การต่อสู้กับความเจ็บป่วยไม่ใช่เรื่องที่ต้องปกปิด’ Faye Eid วัย 26 ปี ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งในรังไข่เมื่อปี 2016 และได้รักษาด้วยการทำเคมีบำบัดมา 6 เดือนที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ Jarred สามีของเธอผู้เป็นช่างภาพงานแต่ง จึงตัดสินใจบันทึกภาพของภรรยาทุกช่วงเวลาต่อจากนั้น เพื่อเผยให้เห็นว่าโลกของผู้ป่วยมะเร็งเป็นอย่างไร สามีได้เริ่มถ่ายรูปของภรรยาตั้งแต่ก่อนที่เธอจะเริ่มเข้ารับการทำเคมีบำบัด ช่วงเข้ารับการรักษา และช่วงหลังจากที่โกนผม เพื่อแสดงให้เห็นว่าตลอดการต่อสู้กับมะเร็งนั้น Faye มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน ภาพส่วนใหญ่จะเป็นภาพขาวดำหรือปรับให้เป็นโทนสีมืดๆ เขาก็มักจะถ่ายภาพใบหน้าของภรรยาแบบใกล้ๆ เพื่อให้เห็นความรู้สึกที่แสดงออกทางสายตาของเธอ Faye พยายามต่อสู้กับโรคร้ายด้วยความยากลำบาก แต่ก็รู้ดีว่าคนที่ลำบากไม่น้อยไปกว่าเธอคือสามีและครอบครัว พวกเขามักจะบอกเธอทุกครั้งก่อนทำเคมีบำบัดว่า ‘ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี’ แม้จะรู้ว่าเป็นแค่คำปลอบใจแต่มันก็ทำให้เธอมีแรงใจในการสู้ทุกครั้ง ตอนแรก ภรรยาไม่รู้ว่าสามีแอบถ่ายรูป เพราะเธอเหนื่อยเกินไปที่จะสังเกต แต่หลังที่ Faye รู้ เธอก็ยินดีให้สามีถ่ายต่อไป เพื่อที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ป่วยคนอื่นๆ ในการต่อสู่กับโรคร้ายเช่นเดียวกับเธอ พวกเขาบอกว่าสิ่งที่คนป่วยมะเร็งต้องเจอนั้นมีทั้งดีและไม่ดี ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องฝืนทำเป็นเข้มแข็ง แค่ปล่อยมันไปตามธรรมชาติและอยู่กับมันให้ได้ . .…
-
พ่อดักจับหนุ่มโรคจิตส่งข้อความคุกคามลูกสาว หลังแจ้งตำรวจแล้วแต่ไม่ดำเนินการอะไรเลย
ยุคนี้การเข้าถึงตัวบุคคลสามารถที่จะทำได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ทำได้แค่สุ่มโทรเข้าเบอร์บ้าน และด้วยอินเตอร์สมัยนี้จึงทำให้โรคจิตสามารถที่จะโจมตีเหล่าสาวๆ ได้อย่างไม่ยากเย็นด้วยการสืบหาข้อมูลจากโปรไฟล์ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค เรื่องราวในครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อคุณพ่อท่านหนึ่งในสหรัฐอเมริกาสามารถจับตัวหนุ่มโรคจิตวัย 33 ปีได้คาหนังคาเขา หลังจากที่โรคจิตคนดังกล่าวส่งข้อความหาลูกสาววัย 15 ปี ของเขาด้วยข้อความลามกอนาจาร นี่ยังไม่รวมทั้งรูปโป๊ของตัวชายโรคจิตอีก คุณพ่อคนเก่งได้เล่ากับสำนักข่าว KOCO 5 ว่า “ผมได้เตรียมการทุกอย่างกับลูกสาวไว้เรียบร้อย และพวกเราก็พร้อมมากๆ ในตอนนั้นที่จับชายโรคจิตคนดังกล่าว” โฉมหน้าของคุณพ่อคนดังกล่าว ซึ่งเขาไม่ได้เปิดเผยชื่อของตัวเอง โดยเขาให้ลูกสาวทำเป็นเชิญชวนชายคนดังกล่าวมาที่บ้านที่รัฐโอคลาโฮมา ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดถูกจับไว้ได้ด้วยกล้องวงจรปิด ตัวชายโรคจิตได้ถูกนัดให้มาเจอกับเด็กสาวที่เต้นท์บริเวณสวนของบ้านและถูกหลอกว่าตัวเธอจะรออยู่ในเต้นท์ เมื่อถึงเวลาชายโรคจิตคนดังกล่าวก็โผล่มาจริงๆ เขาเดินไปเช็คดูที่เต้นท์ทันทีตามที่ถูกนัดไว้ ซึ่งในเต้นท์ก็มีหญิงสาวอยู่จริงๆ แต่ไม่ใช้เด็กสาวที่เขานัดไว้ทว่ากลับเป็นหญิงสาวที่โตกว่า และวินาทีที่เขาเปิดออกมาคนในครอบครัวคนหนึ่งกระโดดออกมารวบตัวชายโรคจิตทันที จากนั้นก็ตามมาด้วยคนอื่นๆ อีกเพียบ!! วินาทีนั้นชายโรคจิตรู้ตัวทันทีว่าเขาได้ถูกหลอกแล้ว และเมื่อเขาถูกรวบตัวคุณพ่อก็ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที คุณพ่อยังบอกอีกว่าเขาค้นเจอถุงยางอนามัยในกางเกงของชายโรคจิตด้วย งานนี้เรียกว่ากะเตรียมพร้อมสุดๆ จากรายงานของตำรวจก็ได้พบว่าผู้ต้องหามีชื่อว่า Jeremy Dewayne Gibson ซึ่งเขาได้ถูกตั้งข้อหาใช้เทคโนโลยีล่อลวงผู้เยาว์ ทางด้านครอบครัวผู้เสียหาย แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ทางด้านตำรวจก็บอกว่าการวางแผนแบบนี้อาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับพวกเขาได้ ถ้าเกิดว่าโรคจิตคนดังกล่าวมีอาวุธหรือแข็งแรงกว่านี้ แต่ตำรวจก็ยอมรับว่าจะโทษทางครอบครัวก็ไม่ได้ เพราะเป็นใครก็ต้องห่วงใยลูกๆ ของตัวเองอยู่แล้วนั่นเอง…
-
ซะมีดื่มเหล้าจนดึกดื่น ภรรยาก็จับ “กันดั้ม” มัดเป็นตัวประกัน ไม่ยอมกลับบ้านได้เจอดีแน่!!
สำหรับพ่อบ้านที่เติบโตขึ้นมากับการ์ตูนเรื่องโมบิลสูทกันดั้ม แล้วต้องขอบอกเลยว่าการซื้อโมเดลกันดั้มมาสะสมถือเป็นงานอดิเรกสุดโปรดเลยทีเดียว สำหรับคนที่เคยเป็นเจ้าของมาก่อนจะรู้กันดีว่ามันมีคุณค่าทางจิตใจแค่ไหน เพราะนอกจากจะซื้อมาในราคาที่ค่อนข้างสูงแล้ว ยังต้องมานั่งต่อเองจนเป็นตัวขึ้นมาอีกต่างหาก แต่สำหรับพ่อบ้านชาวญี่ปุ่นผู้คลั่งไคล้โมเดลกันดั้มผู้นี้จะต้องมีเหวอกันบ้างล่ะ เพราะเจ้าตัวเล่นออกไปดื่มหลังเลิกงานจนดึกดื่นไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องซักที… ด้วยความโมโหคุณภรรยาก็เลยถ่ายภาพโมเดลกันดั้มสุดที่รักของพ่อบ้าน พร้อมกับมัดเชือกห้อยต่องแต่งราวกับว่าจับเป็นตัวประกันส่งไปให้ดูในแชทซะเลย ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวถูกอัพลงทวิตเตอร์ และพบว่ามีชาวเน็ตมากมายให้ความสนใจจนเข้ามากดไลค์กันมากกว่า 130,000 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 100,000 ครั้งเลยทีเดียว!! ชาวเน็ตทั้งหลายพอได้เห็นโพสต์ดังกล่าวต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย… “นี่เขาเรียกว่า ‘อาชญากรรม’ แล้วนะ” “เป็นคู่รักที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” “ถ้าเป็นตรูนะ ตรูจะรีบกลับเลยล่ะ แถมแบตฯ ยังเหลือน้อยอีกต่างหาก” “ผมคิดว่าเธอเป็นภรรยาที่ดีมากเลย (ถ้านี่เป็นเรื่องขำๆ ที่เธอคิดขึ้นมาล่ะก็นะ)” “เป็นเจ้าสาวที่น่ากลัวชะมัด!!” จะ ใจเย็นๆ ก่อนนะจ๊ะเมียจ๋า มีอะไรค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันก่อนก็ด๊ายยยยย!! ที่มา : Naoki
-
สุดสยอง!! คุณพ่อถูก “แมงมุม” ขนาด 3 นิ้วกัด เจ็บถึงขั้นโคม่า จนเกือบเสียไปทั้งแขน!!
หลายครั้งที่เหตุการณ์ร้ายแรงนั้นมักจะมาในรูปแบบภัยที่ไม่รู้ตัว โดยเฉพาะจากเหล่าสัตว์มีพิษชนิดต่างๆ อย่างเช่นเหตุการณ์ของคุณพ่อท่านหนึ่งที่กำลังกินกล้วยแต่บังเอิญว่ากล้วยดันมีแมงมุมแอบซ่อนอยู่ และมันก็กัดเขาเข้าอย่างจังจนเกิดเป็นแผลที่สาหัสมากๆ Paul Jory คุณพ่อวัย 59 ปีคนนี้ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ตัวเขาต้องเจอกับแมงมุมแม่ม่ายขนาด 3 นิ้วที่แอบอยู่ในหวีกล้วยที่เขากำลังจะหยิบมากิน และเจ้าแมงมุมนั้นกัดเข้าที่แขนของเขาอย่างจังพร้อมทิ้งพิษอันร้ายแรงไว้ พิษของแมงมุมตัวดังกล่าวร้ายแรงขนาดที่ว่าทำให้ Paul ต้องตกอยู่ในอาการโคม่านานถึง 1 สัปดาห์ และพิษก็กัดกินเนื้อบริเวณแขนของเขาไปเยอะมากขนาดที่ว่าต้องผ่าตัดใหญ่เลยทีเดียว เขาเล่าถึงประสบการณ์ในตอนนั้นว่า “ผมจำไม่ได้เหมือนกันว่ามันเป็นแมงมุมอะไร แต่ผมจำได้ดีเลยละว่าตอนที่ถูกมันกัดมันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากๆ และด้วยเวลาไม่นานแขนผมก็เริ่มไม่รู้สึกอะไรเลย ผมรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลทันที ผมยังจำสีหน้าของพยาบาลตอนที่เห็นว่าสภาพแขนของผมว่ามันร้ายแรงแค่ไหน สิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้คือหมอมาถึงผมก็เข้าสู่อาการโคม่าและหลับยาวทันที” หลังฟื้นจากอาการโคม่า เขาก็รู้ตัวว่าตัวเองหลับไปนานถึง 1 สัปดาห์เต็มเลยทีเดียว และเขาก็ยังพบว่าทีมแพทย์สามารถรักษาแขนของเขาเอาไว้ได้ แต่ไม่ได้มีแต่เรื่องดีเสมอไป เพราะแม้ว่าทีมแพทย์จะรักษาแขนไว้ได้ แต่เขาต้องเสียการควบคุมแขนไปกว่า 40% อยู่ดี นั่นจึงทำให้เขาต้องใช้เวลาพักรักษาตัวอีก 4 สัปดาห์อยู่ที่ Watford General Hospital และ Royal Free Hospital เพื่อเรียนรู้การควบคุมแขนและเฝ้าดูอาการ หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นเขาบอกว่า รู้สึกไม่ชอบแมงมุมอีกเลย…
-
สุดประทับใจ… หญิงคนกวาดขยะ เสียสละอาหารเช้าของตัวเอง เพื่อมอบให้ขอทานได้กิน
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะไปทางไหนเราก็มักจะเห็นขอทานอยู่เสมอจนกลายเป็นความเคยชิน และเพราะความเคยชินนี้แหละทำให้หลายคนไม่ให้ความสำคัญกับขอทาน เราอาจช่วยคนขอทานได้ไม่มาก แต่หากเราให้ความสนใจพวกเขาสักนิด อาจจะมีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราพอจะช่วยพวกเขาได้บ้าง… อย่างเรื่องราวสุดประทับใจที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของเมื่อวานในเมืองเจิ้งโจว ประเทศจีน เมื่อหญิงกวาดขยะคนหนึ่งยอมเสียสละนำอาหารเช้าของตัวเอง เพื่อมอบให้กับขอทานที่ตาบอด ไม่เพียงแต่เอาอาหารให้เท่านั้น แต่เธอยังแกะเปลือกไข่แล้วป้อนให้เขาอีกด้วย… ด้วยความซาบซึ้ง ชายขอทานจึงแสดงความขอบคุณด้วยการคุกเข่าแล้วก้มลงกราบที่เท้าของหญิงกวาดขยะ สร้างความประทับใจให้ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ต่อมาภาพความประทับใจดังกล่าวได้ถูกโพสต์ลงในสื่อออนไลน์ ทำให้มีคนจำนวนมากชื่อชมหญิงกวาดขยะ บางคนบอกว่า “คนที่มีจิตใจดี มักจะทำความดีเช่นนี้โดยไม่จำเป็นต้องให้ใครเห็น” ก่อนหน้านี้ก็มีการเผยแพร่คลิป ที่ชายคนหนึ่งเดินกางร่มให้คนตาบอด จนได้รับการชื่นชมอย่างแพร่หลายเช่นกัน มันอาจจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นจุดเล็กๆ ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่มันก็คือสิ่งที่สังคมอยากให้เกิดวันละหลายๆ ครั้ง และไม่ใช่แค่คนกวาดขยะเท่านั้น แต่มันคือหน้าที่ที่เราทุกคนควรจะดูแลซึ่งกันและกันเช่นนี้ ที่มา shanghaiist
-
ไม่ว่าจะแก้บนหรือแก้ล่าง เราได้รวม 9 อีเว้นท์ “แก้ผ้า” จากทั่วโลกมาให้ดูกันแล้ว!!
เราอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเทศกาลแปลกๆ จากทั่วทุกมุมโลกมาแล้ว โดยหนึ่งในเทศกาลที่แปลกๆ นั่นก็คือ “งานแก้ผ้า” ซึ่งชุดที่จะใส่ไปเข้าร่วมงานแน่นอนว่าเป็น “ชุดหนังตัวเรานี่แหละ!!” ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ งานประเภทนี้ไม่ได้จัดเพียงแค่ที่เดียวหรือประเทศเดียว มันได้ถูกจัดขึ้นรอบโลก!? #เหมียวปั๊ก ได้รวบรวม 9 งานแก้ผ้าจากทั่วโลกมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันว่าแต่ละที่แตกต่างกันหรือเปล่า 1.) World Naked Bike Ride เทศกาลนี้จัดขึ้นที่ London โดยเหล่าผู้รักการแก้ผ้ากว่า 70 ประเทศได้รวมตัวกันเพื่อปั่นจักรยานไปตามท้องถนน ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อเรียกร้องให้รถที่สัญจรไปมาในท้องถนนให้ความสำคัญกับจักรยานเพื่อนร่วมทางด้วย 2.) การแสดงเต้นเปลือยเปล่า (ออสเตรเลีย) นอกจากการแสดงที่จะเปลือยแล้ว คนที่เข้าชมก็เปลือยด้วย!? ซึ่งการแสดงนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Sydney Festival โดยบัตรเข้าชมขายหมดภายใน 1 วัน นอกจากมารยาทในการรับชมแบบทั่วไปแล้ว ผู้ชมจะต้องเปลือยเพื่อรับชมการแสดงนี้ด้วยนะ 3.) ชั้นเรียนการอาบน้ำ (ญี่ปุ่น) เพื่อการอาบน้ำที่ถูกวิธีเลยมีการเปิดสอนเป็นชั้นเรียนให้เสียเลย โดยเจ้าของไอเดียนี้คือคุณ Yuichi Tamura วัย 36 ปี เจ้าของโรงอาบน้ำ Hinodeyu เพื่อเป็นการรักษาธรรมเนียมการอาบน้ำของญี่ปุ่นไว้ เขาจึงได้ผุดไอเดียเปิดคลาสสอนวิธีการอาบน้ำแบบญี่ปุ่นเสียเลย…
-
เพื่อนๆ เซอร์ไพรส์คู่รักหลังงานแต่ง ละเลงบ้านเจ้าภาพซะเละเป็นโจ๊ก หนักขนาดนี้มีเลิกคบ!!
การเตรียมตัวแต่งงานนั้นถือเป็นอะไรที่เหนื่อยและยากอย่างหนึ่งเลยสำหรับคู่รัก และหลังจากที่จบงานแล้วคู่รักก็คงอยากจะกลับมาพักที่บ้านเพื่อพักผ่อน หลังจากต้องรับหน้าแขกกันมาทั้งวันอย่างแน่นอน แต่จะเป็นยังไงถ้าคู่รักกลับมาบ้านแล้วพบว่า เพื่อนๆ ของพวกเขาจัดการละเลงเรือนหอของพวกเขาซะเละเป็นโจ๊ก ขนาดที่ว่าจะเดินไปส่วนไหนก็ลำบากและสกปรกสุดๆ … เรื่องราวดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจริงๆ กับ Rene และ Marcelle van de Werken คู่รักจากประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ต้องเจอกับชีวิตการเริ่มต้นคู่รักที่ยากลำบาก เมื่อบ้านอันเป็นที่รักของพวกเขาถูกเพื่อนๆ จัดการเซอร์ไพรส์ด้วยการทำให้สภาพเละจนดูไม่ได้เลยทีเดียว ว่าแต่จะเละขนาดไหนลองมาดูกัน… ลงรถมาเจอหน้าบ้านก็เข่าแทบทรุดแล้ว พอเดินไปที่สวน ก็โดนพ่นโลโก้ทีม Ajax ซึ่งเป็นทีมคู่แข่งกับทีม Feyenoord โดย Marcelle เชียร์ทีมนี้อยู่นั่นเอง เดินเข้ามาห้องนั่งเล่น อุต๊ะ!! จะเป็นลม เดินไปห้องครัวถึงกับเงิบ มีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาเฉยเลย พอจะเดินขึ้นไปล้มตัวบนห้องนอน ก็ต้องขึ้นบันไดอย่างลำบาก กะว่าอาบน้ำก่อนนอน อืม อ่างอาบน้ำกลายบ่อเลี้ยงปลาซะงั้น ไม่อาบก็ได้ เข้าห้องนอนหลับพักผ่อนดีกว่า แล้วดูทางเดินก็ไม่เหลือ พีคสุดก็ห้องนอนนี่แหละ ผ่าง!! เละไม่พอ เอาสระน้ำมาวางไว้ทำไม แล้วร่มนั่นคืออะไร นอนชายหาดเหรอ!? สุดท้ายแล้วคู่รักได้เล่าว่า…
-
จีนสร้างแผงโซล่าร์เซลล์ “รูปแพนด้า” ขนาดยักษ์ น่ารักซะจนชนะใจชาวโลกไปเล๊ยย!!
กลายเป็นสัญญาณความน่ารักที่ส่งออกไปทั่วโลก หลังจากที่รัฐบาลจีนได้สร้างแผงโซล่าร์เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ขนาดยักษ์ขึ้นโดยใช้ชื่อว่า ‘Panda Power Plant’ นับตั้งแต่ปี 2016 ที่บริษัท Panda Green Energy ได้จับมือร่วมกับ United Nations Development Program เพื่อพัฒนาเจ้าแพนด้าสังเคราะห์แสงนี้ขึ้นมาเป็นที่แรกในเมืองต้าถง มณฑลซานซี แผงโซล่าร์เซลล์ขนาดยักษ์ถูกติดตั้งบนพื้นที่กว่า 3,793 ไร่ ซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่ต้นแบบในการสร้างพลังงานจากแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่แล้ว มันยังถูกใช้เป็นภาพสะท้อนสมบัติชิ้นใหม่ของชาติจีนด้วยเช่นกัน เมื่อโครงการนี้สร้างแล้วเสร็จ ทางการจีนคาดว่ามันจะสามารถช่วยสร้างพลังงานไฟฟ้าให้ได้มากถึง 100 เมกาวัตต์ (1,000 กิโลวัตต์ = 1 เมกาวัตต์) ต่อวัน จากแผนงานระยะยาว 25 ปี ของโครงการนี้ เชื่อว่าจะสามารถลดปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ได้มากถึง 2.74 ล้านตัน/ปี แต่ใช่ว่าสถานที่แห่งนี้จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อผลิตพลังงานเท่านั้น เพราะมันยังถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นศูนย์เรียนรู้และวิจัยด้านพลังงานด้วยเช่นกัน ผังโครงสร้างทั้งหมดหลังแล้วเสร็จ ไม่น่าเชื่อว่าจีนเขาก็มีอารมณ์มุ้งมิ้งกับเขาเหมือนกันนะเนี่ย ที่มา: Shanghaiist
-
ขี้เห่อจัง… หนุ่มซื้อรถใหม่ไม่อยากให้เป็นรอย เลยจอดคร่อมมันแม่ม 4 ช่องเลยละกัน!!
ปกติแล้วเวลาที่เราลงทุนลงแรงเพื่อซื้อสิ่งของหรืออะไรที่เราตั้งใจ เราก็ไม่อยากให้ใครมาทำลายสิ่งที่เราภูมิใจกับมัน อย่างเช่นรถคันใหม่ป้ายแดง เราก็คงไม่อยากให้มันเป็นรอยจากฝีมือคนคนอื่น ซึ่งพ่อหนุ่มเจ้าของเรื่องราวคนนี้ก็เช่นกัน… แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องราวนี้มันแตกต่างจากคนรักรถปกติก็คือ เมื่ออยู่ดีๆ ก็มีกระแสบนโลกอินเตอร์เน็ตโพสต์ภาพของรถสีขาวคันหนึ่งที่เล่นจอดคร่อมช่องจอดรถถึง 4 ช่องด้วยกัน ทำให้รถคันดังกล่าวถูกกระแสวิพากย์วิจารย์อย่างหนัก จากนั้นไม่นาน ก็มีชายที่ใช้ชื่อเฟสบุ๊กว่า Fabio Silva ได้ออกมายอมรับว่ารถในภาพดังกล่าวคือรถของเขาเอง พร้อมกับตอกกลับชาวเน็ตทำนองว่า เขาเก็บเงินมาเป็นเวลานานกว่าจะได้เงินพอซื้อรถคันนี้ มันเป็นความภาคภูมิใจของเขา เขาไม่อยากให้คนบ้าที่ไหนมาจอดรถใกล้ๆ แล้วทำให้รถของเขาเป็นรอย!? ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เขายังโพสต์ภาพแก้ต่างว่า เขาไม่ได้จอดสี่ช่อง แต่มันเป็นสองช่องต่างหาก และยังบอกอีกว่าสองกับสี่มันต่างกันนะเว้ย!! งานนี้ละครับ ชาวเน็ตก็รุมโจมตีพ่อหนุ่มคนนี้กันต่อ ด้วยหลากหลายเหตุผลไม่ว่าจะเป็นการไล่ให้ไปทำประกัน ถ้าไม่อยากให้มีรอยขีดข่วนในเร็วๆ นี้ หรือไม่ก็ติดกล้องไว้ที่รถ ไม่ก็จอดไว้ที่บ้านเฉยๆ จะดีกว่า… อย่างไรก็ตาม เชื่อเถอะว่าใครๆ ก็รักรถของตน แต่การออกมาทำแบบนี้ในพื้นที่ส่วนรวม ก็ถือว่าเป็นการรักรถแบบผิดวิธีและเห็นแก่ตัวมากๆ หรือถ้าใครมีความคิดเห็นที่แตกต่างยังไง ก็ลองมาแชร์กันได้นะ รักรถก็ไม่ผิดหรอกนะ แต่แบบนี้มันก็ยังไงอยู่น๊าา ที่มา dailymail
-
สาวออมเงินได้เป็นล้าน ด้วยการกินของเหลือทิ้งจากถังขยะ ในระยะเวลาเพียงแค่ 8 เดือน!!
ถ้าให้พูดถึงเรื่องการออมเงินนั้น เชื่อว่าแต่ละคนก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันออกไปตามแต่สไตล์ของแต่ละคน แต่เชื่อหรือไม่ว่าหญิงสาวคนหนึ่งสามารถที่จะเก็บเงินได้เป็นหลักล้านบาท ได้จากการประหยัดค่าอาหารด้วยการหากินของเหลือจากถังขยะแทน!!? เรื่องราวทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องราวของ Amanda Holden หญิงสาววัย 32 ปีจากเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ที่ตอนแรกเธอทำงานเป็นพนักงานด้านการเงินให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง จนกระทั่งเธอตั้งเป้าหมายว่าจะเดินทางไปยังแอฟฟริกาใต้ ทำให้นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการประหยัดเงินของเธอโดยการกินของเหลือจากคนอื่นๆ จากการกระทำดังกล่าวทำให้เธอถูกเพื่อนร่วมงานร่วมกันตั้งฉายาให้ว่า Dumpster Dog ซึ่งเธอยังเล่าเรื่องราวของเธอผ่านบล็อคของเธอว่า “ที่ทำงานของฉันมีผู้ชายอยู่เยอะมากๆ ฉะนั้นมันจึงมีอาหารที่กินทิ้งกินขว้างอยู่เยอะพอสมควร ฉันก็เลยเลือกที่จะกินส่วนที่พวกเขาเหลือไว้” เธอยังบอกเพิ่มอีกว่า ในตอนแรกที่ความคิดเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาแล้วเล่าให้กับเพื่อนร่วมงานฟัง ทุกคนต่างพากันหัวเราะในสิ่งที่เธอจะทำ แต่ไม่นานนักพวกเขาก็เข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เธอทำ ส่วนถ้าใครคิดว่า ทำไมจะต้องทรมานตัวเองแบบนี้เพื่อไปเที่ยวด้วย เธอก็บอกว่าตัวเธอนั้นไม่ได้ทำเพื่อทรมานร่างกายหรอก เพราะบางครั้งเธอก็ไม่ได้กินของเหลือเสมอไป โดยถ้าวันไหนหาของเหลือไม่ได้ เธอก็ซื้อกินตามปกติแต่แน่นอนว่าต้องประหยัดไว้ก่อน Amanda ยังย้ำอีกว่าแม้จะกินของเหลือยังไง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องทรมานจากความหิวแน่ๆ นอกจากการประหยัดเรื่องการกินแล้ว เธอยังลดค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ อย่างการช็อปปิ้งอะไรทำนองนี้อีกด้วย นอกจากนี้ Amanda ยังเล่าอีกว่า “การประหยัดเงินแบบตอนนี้มันก็ดีนะ เพราะย้อนไปตอนที่ฉันอายุ 27 ตอนนั้นฉันทำงานหาเงินแล้วก็ใช้มันวันต่อวันเลย เรียกว่าออกท่องราตรีทุกคืนเลยล่ะ ปัญหาคือฉันไม่มีเงินเก็บเลยสักนิดเดียว ซึ่งมันก็สร้างความลำบากมาจนถึงตอนนี้ มันก็เลยทำให้ฉันต้องกลายเป็นคนประหยัดเงินแบบนี้แหละ” จนเมื่อเวลามาถึง…
-
ชัยชนะของนร.ชาย ได้รับอนุญาตใส่ขาสั้นได้แล้ว หลังประท้วงใส่กระโปรงมาโรงเรียน!!
เมื่อเดือนที่แล้วเราได้นำเสนอเรื่องของนักเรียนชายที่ใส่กระโปรงไปโรงเรียนเพื่อประท้วงอากาศที่ร้อนจัด แต่ทางโรงเรียนกลับไม่อนุญาตให้ใส่กางเกงขาสั้นแทนกางเกางขายาวได้ ล่าสุดการประท้วงของพวกเขาได้ประสบความสบความสำเร็จ โดยนักเรียนชายได้รับสิทธิ์ในการใส่กางเกงขาสั้นไปโรงเรียนแล้ว หลังที่กลุ่มนักเรียนชายจาก ISCA Academy ได้ออกมาประท้วงด้วยการใส่กระโปรง จากเพียงแค่ไม่กี่คนก็กลายมาเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น จนทำให้อาจารย์ใหญ่อย่าง Aimee Mitchell ทนแรงกดดันไม่ไหว จึงได้ออกมาประกาศว่า จะให้กางเกงขาสั้นสีเทาเป็นหนึ่งในเครื่องแบบของนักเรียนชายอย่างเป็นทางการในปีหน้า ทางโรงเรียนระบุว่า “เนื่องจากอากาศในฤดูร้อนเริ่มมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น เราจึงกำหนดให้กางเกงขาสั้นเป็นเครื่องแบบนักเรียนตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป แต่ยังไม่สามารถบังคับใช้ได้ทันที เพราะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ปกครองด้วย” นอกจากนี้โรงเรียนระบุว่าเด็กนักเรียนชายประมาณ 30 คนที่รวมตัวกันใส่กระโปรงมาโรงเรียนที่ผ่านมานั้นจะไม่ถูกลงโทษแต่อย่างใด Claire Reeves หนึ่งในผู้ปกครองของเด็กนักเรียนบอกว่า “ภูมิใจที่เด็ก ๆ ออกมาประท้วงเรียกร้องสิทธิของตัว เพราะผู้คนมักจะพูดเรื่องสิทธิที่เท่าเทียมกันระหว่างหญิงและชาย ดังนั้นเรื่องเครื่องแบบก็ควรจะมีความเทียมกันเช่นกัน” ส่วนการใส่กระโปรงไปเรียนของนักเรียนชายบางส่วนนั้น พวกเขาก็ได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน อย่าง Josh Baxter บอกว่า “หลังจากที่ผมใส่กระโปรงไปเรียน คุณครูก็สั่งให้ถอดออกเพราะผมมีขนขาครับ” ในขณะที่อีกคนออกมาบอกว่า “ตอนใส่กระโปรงไปเรียนมันรู้สึกดีมากเลยครับ เพราะมีลมพัดมาทำให้รู้สึกเย็นสบาย” อย่างไรก็ตาม แม้ทางโรงเรียนจะให้สิทธิ์นักเรียนชายใส่กางเกงขาสั้นในปีหน้า แต่มีผู้ปกครองบางคนไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะต้องเสียเงินซื้อกางเกงขาสั้นให้ลูกอีก ก็อากาศมันร้อนอ่ะ ‘จารย์ ที่มา dailymail
-
คู่รักถูกลอตเตอรี่มูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท แต่ยังคงใช้ชีวิตแบบเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง…
ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคนตั้งความหวังไว้กับลอตเตอรี่สูงมาก ถึงกับยอมจ่ายไม่อั้นในการซื้อลอตเตอรี่แต่ละครั้ง เพราะถ้าหากว่าถูกรางวัลใหญ่ขึ้นมา มันอาจจะเปลี่ยนชีวิตของคุณจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ได้ แม้ลอตเตอรี่จะเปลี่ยนชีวิตได้ แต่บางคนเลือกที่จะใช้ชีวิตเหมือนอย่างเช่นเดิม…อย่าง David Kaltschmidt และภรรยา Maureen Smith คู่รักชาวอเมริกันที่ถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่มูลค่าสูงถึง 18,000 ล้านบาท แต่ทว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิถีในการใช้ชีวิตเลย พวกเขาไม่ได้ลาออกจากงาน ไม่ได้ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย ไม่ได้ซื้อบ้านหลังใหม่ แต่ยังคงทำทุกอย่างเหมือนเดิม แถมยังซื้อลอตเตอรี่เหมือนเช่นเคยด้วย จริงๆ ตอนที่ได้ถูกรางวัล David เคยบอกกับสื่อว่าเขาจะซื้อรถยนต์คันใหม่ จนเพื่อนบ้านต่างคาดหวังว่าเขาต้องซื้อรถหรู ราคาแพงแน่ๆ เลย แต่เปล่าเลย รถคันใหม่ที่ David ซื้อนั้น เป็นรถ SUV สีทองที่ราคาไม่ได้หรูหรา และแทบจะไม่แตกต่างจากคันเก่าของเขาเลย เช่นเดียวกับคนถูกหวยคนอื่นๆ ทางสำนักข่าว DailyMail ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ทั้งคู่แล้วถามว่า ‘หลังจากที่ถูกรางวัลไปแล้ว ชีวิตคุณเป็นยังไงบ้าง?’ พวกเขายิ้มแล้วตอบว่า ‘เออ ก็เหมือนเดิมนะ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย’ อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็นำเงินส่วนหนึ่งไปดูแลครอบครัว แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษหรือหวือหวามากนัก ส่วนการถูกรางวัลครั้งนี้ ทั้งคู่บอกว่าได้สุ่มตัวเลข 4 8 19 27 34 ทำแบบนี้มาเรื่อยๆ เป็นเวลา…
-
ชาวบ้านอินเดียรายล้อม ชายหนุ่มผู้ข่มขืนเด็กสาว มัดมือและรุมประชาทัณฑ์ตีไม่ยั้งมือ…
คนผิดก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย แต่บางคนทำผิดร้ายแรงจนเหยื่อหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นว่าบทลงโทษทางกฎหมายคงไม่สาแก่ใจ จึงเป็นเหตุทำให้เกิดการประชาทัณฑ์ขึ้นมา อย่างกรณีที่เกิดขึ้นที่อินเดีย เมื่อชายคนหนึ่งถูกกล่าวหาว่าข่มขืนเด็กผู้หญิง สร้างความไม่พอใจให้ผู้หญิงในหมู่บ้านโดยเฉพาะผู้เป็นแม่ทั้งหลาย จึงได้ร่วมกันทำการรุมประชาทัณฑ์ชายคนดังกล่าว เหตุการณ์นี้เป็นคลิปวิดีโอที่คาดว่าเกิดขึ้นในประเทศอินเดีย จะเห็นผู้ชายคนหนึ่งถูกมัดมือไว้ข้างหลัง โดยมีผู้หญิงยืนรายล้อมอยู่หลายคน พร้อมผลัดกันตีอย่างไม่ยั้งมือ ผู้ชายในคลิปไม่การขัดขืนหรือต่อสู้แต่อย่างใด ในขณะที่ผู้หญิงยังคงตีเขาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาห้ามการประชาทัณฑ์ดังกล่าว การประชาทัณฑ์เช่นนี้อาจดูโหดร้าย แต่ทั้งหมดนี้เป็นการแก้แค้นของบรรดาแม่ๆ แทนลูกสาว เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้คนอื่นๆ ไม่กล้าทำผิดอีก ส่วนรายละเอียดของการข่มขืนนั้น ทางสื่อไม่ได้ระบุไว้… อย่างไรก็ตามการข่มขืนถือเป็นปัญหาหลักของอินเดีย เพราะมีคดีข่มขืนเกิดขึ้นเป็นหมื่นๆ ครั้งในแต่ละปี อย่างในปี 2015 มีรายงานการข่มขืนภายในประเทศอินเดีย 34,000 ราย แต่ทว่าจริงๆ แล้วเกิดเหตุข่มขืนมากกว่านั้น เพราะคนร้ายหลายๆ ไม่ได้ถูกจับกุมไปให้ตำรวจ เพราะเกรงว่าตำรวจจะไม่เชื่อหรือกลัวถูกชาวบ้านรังเกียจ จึงเลือกที่จะทำการลงโทษกันเอง . จะสงสารหรือสะใจดี!? ที่มา dailymail
-
ช่างภาพขายภาพสงครามจากเมือง “Mosul” แต่ไม่มีใครซื้อ ก็เลยแจกฟรีซะเลยนี่…!!
ไม่น่าเชื่อว่าอีกด้านหนึ่งของไฟสงคราม เมืองโมซูลก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นสนามแข่งขันสำหรับช่างภาพฝีมือดีที่หวังจะถ่ายภาพจากสงครามเพื่อนำไปขายให้กับสื่อดังจากทั่วโลก เช่นเดียวกับ Kainoa Little ช่างภาพชาวสหรัฐอเมริกาที่ได้เดินทางเข้าไปถ่ายภาพเรื่องราวสงครามในโมซูล เขาหวังว่าจะสามารถขายภาพทั้งหมดได้หลังสงครามสิ้นสุด ทว่ากลับขายไม่ออก… เจ้าตัวเลยนำมาเปิดเผยให้เราได้ดูกันฟรีๆ!! กลุ่มตำรวจกำลังยิงขีปนาวุธใส่ผู้ก่อการร้าย แน่นอนว่าภาพถ่ายทั้งหมดที่จะได้ชมนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสมรภูมิรบ เขาต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงในแนวหน้าสนามรบ เฉกเช่นเดียวกับเหล่าทหารที่ต่อสู้เพื่อกอบกู้เอกราช เจ้าหน้าที่กำลังบุกเข้าโจมตีโรงหนังเก่า หลังได้รับแจ้งว่าพบวัตถุระเบิดต้องสงสัยในตึกนี้ กระสุนจากฝั่ง ISIS ที่ทะลุเข้ามายังฝั่งทหาร พื้นที่ภายในโรงหนัง หลังจากถ่ายภาพนี้ได้ไม่กี่วินาที กลุ่มโจร ISIS ก็ได้เปิดการโจมตีใส่กองกำลังจากด้านบน ภาพเจ้าหน้าที่ขณะกำลังปฏิบัติภารกิจค้นหาผู้ก่อการร้ายในอาคาร ภาพที่เผยให้เห็นกระสุนของผู้ก่อการร้าย ที่กระหน่ำโจมตีใส่ทหารอย่างไม่หยุดหย่อน การโต้กลับของเจ้าหน้าที่ใส่กลุ่ม ISIS พ่อครัวในสนามรบกำลังเตรียมทำเสบียงให้แก่ทหารทุกนาย เมื่อพักจากการรบนี่คือเวลาว่างของพวกเขา พวกเขาต้องอาศัยอยู่ในบ้านร้างของประชาชนอย่างยากลำบาก ภาพของประชาชนกำลังอพยพหลบหนีออกจากพื้นที่เสี่ยงอันตราย กลุ่มผู้อพยพกำลังรอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ เพื่อหลบหนีข้ามแม่น้ำ รถบัสส่วนหนึ่งที่คอยขนส่งประชาชนอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย กองกำลังทหารอิรัก กับภารกิจนำโดรนบินขึ้นสำรวจพื้นที่สนามรบ …
-
นักวิทย์ค้นพบสาเหตุที่ “คอนกรีตโรมัน” ยังแข็งแกร่งอยู่ได้นับพันปี แม้จะอยู่ริมทะเลก็ตาม!!
นับว่าเป็นปริศนามานานนับหลายพันปี กับการพยายามตามหาคำตอบที่ว่า… ทำไมเสาคอนกรีตของโรมันยุคโบราณ ถึงมีความแข็งแกร่งมานานนับ 2,000 ปี แม้ว่าจะโดนน้ำทะเลกัดเซาะทุกวันก็ตาม และล่าสุดทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยยูท่าห์ ก็ได้ค้นพบคำตอบของปัญหาดังกล่าวแล้วว่า ทำไมเสาคอนกรีตโรถึงมีความแข็งแรงมากขึ้นตามอายุขัยของมัน..!? โดยทีมวิจัยได้เดินทางรวบรวมตัวอย่างจากทั้งวิหารพาร์เธนอนและวิหารต่างๆ จากนั้นนำไปศึกษาค่าแร่ธาตุที่ประกอบอยู่ในเสาผ่านการฉายแสงเอ็กซ์เรย์ ทีมวิจัยผู้ค้นพบคำตอบของปริศนา 2,000 ปี ทีมวิจัยจากสหรัฐอเมริกาได้ค้นพบว่า เสาโรมันยุคโบราณที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเถ้าภูเขาไฟและหินปูนนั้น สามารถที่จะดูดซับเกลือแร่จากน้ำเค็มของทะเลได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ และส่งผลให้เสาคอนกรีตโบราณมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น วิศวกรจากยุคโรมันได้คิดค้นวิธีการสร้างเสาชนิดนี้ ด้วยการผสมเถ้าภูเขาไฟ หินปูนและน้ำทะเลเพื่อสร้างเป็นปูนขาว จากนั้นผสมตามด้วยหินภูเขาไฟก่อนจะนำมาสร้างเป็นเสาวิหารอีกทีหนึ่ง นอกจากนั้นทีมนักวิจัยยังเชื่อว่า ภูมิปัญญาการสร้างเสาหินของชาวโรมันในยุคนั้นอาจเรียนรู้มาจากปฏิกิริยาทางธรรมชาติที่เรียกว่า ‘Tuffs’ ซึ่งเป็นการกำเนิดหินภูเขาไฟตามธรรมชาติ ถึงแม้ว่าจะไม่มีการค้นพบหลักฐานที่บันทึกภูมิปัญญาดังกล่าวเป็นชิ้นเป็นอัน แต่จากการค้นพบครั้งนี้ก็ทำให้ทีมวิจัยได้กลับไปทดลองสร้างคอนกรีตโดยใช้วิธีการที่ค้นพบจากยุคโรมันอีกครั้ง นักวิจัยเชื่อว่าถ้าหากเราสามารถนำวิทยาการจากยุคโบราณดังกล่าว มาประยุกต์ใช้กับโลกยุคปัจจุบันได้ ภูมิปัญญาจากโรมันชิ้นนี้อาจจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการก่อสร้างได้เลย “ในยุคโบราณชาวโรมันมักจะมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการใช้ประโยชน์จากหิน พวกเขาค้นพบว่าเถ้าภูเขาไฟสามารถนำมาสร้างเป็นหินที่ดูดซับเกลือแร่จากทะเลได้ดี ทว่าทรัพยากรหินชนิดนี้กลับมีน้อยมาก เราจึงจำเป็นที่จะต้องหาวัตถุดิบชิ้นอื่นแทน” ศาสตราจารย์ให้สัมภาษณ์ และล่าสุดงานวิจัยครั้งนี้ได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร American Mineralogist อีกด้วย… อีกหน่อยถ้านำมาประยุกต์ใช้ได้จริง คงช่วยพัฒนาการก่อสร้างอาคารไปได้อีกขั้นเลยนะ ที่มา: Telegraph
-
หนุ่มวัย 16 แต่งงานกับยายวัย 71 ปี อ้าง…ถ้าไม่ได้แต่งจะฆ่าตัวตายด้วยกันทั้งคู่!!
อาจเป็นเพราะความรักนั้นไม่มีพรหมแดน และไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว เหมือนดั่งเรื่องราวความรักของโรมิโอ & ป้าจูเลียต จากอินโดนีเซียคู่นี้ เรื่องราวการแต่งงานของทั้งคู่กลายเป็นข่าวคึกโครมไปทั่วโลก เพราะเจ้าสาวเป็นคุณยายวัย 71 ปี ในขณะที่เจ้าบ่าวสุดหล่อยังเป็นหนุ่มกลัดมันวัย 16 ปี Selamat Riayadi และเจ้าสาวของเขา Rohaya ทว่าเส้นทางความรักของพวกเขากลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ด้วยอายุและวัยที่แตกต่างทำให้ก่อนหน้านี้ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายต่างไม่เห็นด้วยกับความรักในครั้งนี้ และด้วยความพยายามบวกกับคำขู่ของทั้งสองที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า ‘ถ้าหากไม่ยอมให้มีการจัดงานแต่งงาน หรือไม่ยอมให้ทั้งคู่รักกัน พวกเขายอมที่จะฆ่าตัวตายเพื่อความรักครั้งนี้’ แม้ว่าในทางกฎหมายจะอนุญาติให้แต่งงานได้เมื่ออายุครบ 19 ปี แต่พวกเขาเลือกที่จะปฏิบัติตามประเพณีความเชื่อทางศาสนาอิสลามที่เรียกว่า ‘Nikah Siri’ โดยไม่จำเป็นต้องมีการจดทะเบียนสมรสแต่อย่างใด โดยสื่อท้องถิ่นได้เปิดเผยว่าค่าสินสอดสำหรับสู่ขอเจ้าสาววัย 71 ปีครั้งนี้ รวมเป็นเงินทั้งหมดประมาณ 11.50 ยูโร (ราว 500 บาท) เท่านั้น ภายในงานหมั้น เจ้าสาวได้กล่าวคำปฏิญาณว่าจะขอดูแลสามีวัยหนุ่มและอยู่เคียงข้างเขาไปตลอด เช่นเดียวกับเจ้าบ่าวที่ประกาศตนว่าจะรักเดียวใจเดียวต่อเจ้าสาววัย 71 ปีคนนี้ตลอดไปเช่นกัน ลองไปชมคลิปพิธีหมั้นหมายสู่ขวัญของเจ้าบ่าว เจ้าสาวกันเลย เชื่อแล้วว่าช่วงนี้เทรนด์ผู้ชายชอบสาวสูงอายุมาแรงจริง..!! ที่มา: Dailymail
-
ชาวเมืองในอิรัก ช่วยกันบูรณะห้องสมุดอีกครั้ง หลังถูก ISIS ทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี..!!
ช่วงก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ก่อการร้าย ISIS ได้สร้างความตื่นกลัวไปทั่วโลก เช่นเดียวกับที่เมืองโมซูล ประเทศอิรัก ซึ่งเป็นหนึ่งในสมรภูมิรบที่ครั้งหนึ่งเคยถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายยึดพื้นที่ไปได้ และในช่วงที่เมืองตกเป็นของ ISIS นั้นเอง ทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะเผาทำลายตำราหนังสืออันทรงคุณค่าทุกชนิด ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องสมุดในมหาวิทยาลัยก็ตาม สภาพห้องสมุดภายหลังจากที่สงครามสงบลง ครั้งหนึ่งห้องสมุดของมหาวิทยาลัยโมซูล เคยเป็นหนึ่งในสถานที่รวบรวมหนังสืออันทรงคุณค่าในเชิงประวัติศาสตร์ เช่นคัมภีร์อัลกุรอานจากศตวรรษที่ 9 หลังความขัดแย้งสงบลง เหลือเพียงชาวบ้านตาดำๆ เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากภัยสงคราม รวมถึง Mosul Eye (นามสมมุติ) ชายหนุ่มวัย 30 กลางๆ ผู้มีความผูกพันกับเมืองและมหาวิทยาลัยที่เพิ่งถูกทำลายไป “ในอดีตทุกครั้งที่เข้ามาในมหาวิทยาลัย ผมมักจะใช้เวลาอยู่ในห้องสมุด และเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมรู้สึกว่าอยากโดดคาบเรียน ผมก็มักจะมาที่ห้องสมุดเหมือนกัน มันเป็นสถานที่ๆ สำคัญต่อพวกเราทุกคนจริงๆ” ชายหนุ่มผู้ไม่เปิดเผยตัวตนให้สัมภาษณ์ เขาเป็นหนึ่งในแกนนำที่เกณฑ์ชาวบ้านให้มาช่วยกันฟื้นฟูบูรณะห้องสมุดแห่งนี้อีกครั้ง ชาวบ้านต้องช่วยกันค้นหาซากหนังสือที่ยังพอกอบกู้ได้ ถึงแม้ว่าเศษซากจากสงครามทำให้ดูเหมือนไม่มีความหวังก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีหนังสือจำนวนมากที่ถูกทำลายไปอย่างน่าเสียดาย แต่พวกเขาก็ได้ค้นพบหนังสือที่ยังไม่ถูกเผามากกว่า 2,000 เล่ม มีหนังสือหายากหลายเล่มถูกค้นพบอีกครั้ง… ในขณะเดียวกัน ที่กรุงแบกแดดก็มีชาวเมืองออกมารับบริจาคหนังสือ เพื่อส่งไปบรรจุไว้ในห้องสมุดที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ทั่วประเทศ “ผู้คนจากทั่วโลกส่งหนังสือมาให้เรา ทั้งจากออสเตรเลีย…
-
มาแล้วจ้า!! สาวออฟฟิศจีนผู้โด่งดัง ล่าสุดโชว์การ “แต่งหน้า” โดยใช้เครื่องสำอางที่ทำจากอาหาร
ก่อนหน้านี้เราจะเห็นได้ว่า มีคลิปวีดีโอของสาวจีนรายหนึ่งที่หลายคนรู้จักเธอในชื่อ “Little Ye in the office” ได้ออกมาโชว์การทำอาหารกลางออฟฟิศ จนได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก และที่สำคัญคลิปวีดีโอของเธอก็ได้ถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก จนได้กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้มีเพียงแค่ความสามารถในด้านการทำอาหารเพียงอย่างเดียว เพราะล่าสุดได้มีคลิปวีดีโอการแต่งหน้าของเธอออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะชน ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตไม่แพ้กันเลยละ สำหรับคลิปวีดีโอดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่า สาวจีนรายนี้ได้มาโชว์วิธีการแต่งหน้าในแบบฉบับที่ไม่ธรรมดา เหมือนที่เราเห็นวีดีโอสอนการแต่งหน้าทั่วๆ ไป แต่เธอนั้นได้นำของกินต่างๆ มาสร้างสรรค์ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ทำขึ้นมาด้วยตัวเอง เห้ย!! จริงดิ จุดเริ่มต้นของคลิปวีดีโอ เป็นเปิดฉากภายในสำนักงานแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ตัดภาพมาเป็นใบหน้าของสาวออฟฟิศที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี โดยเธอนั้นมาในหน้าสดที่เพิ่งตื่น หลังจากนั้นเธอก็ได้เดินไปรอบๆ สำนักงาน และรวบรวมวัตถุดิบ และของกิน ทั้งในตู้เย็นและจากเพื่อนร่วมงานมาทำเป็นเครื่องสำอาง… ตั้งแต่ รองพื้นที่ทำจากแป้งผสมผงโอริโอ้บดละเอียด แป้งฝุ่น ที่เขียนคิ้วจากโอริโอ้บดโดยใช้ขนไก่มาทำเป็นแปรงเขียนคิ้ว อายแชโดว์ ไปจนถึงลิปสติกก็ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติล้วนๆ นอกจากจากจะเป็นคนที่มีไอเดียในการสร้างสรรค์เมนูอาหารสุดน่ากิน โดยใช้อุปกรณ์ที่พอหาได้พื้นที่เล็กๆ ในออฟฟิศแล้ว เธอยังสามารถเนรมิตเครื่องสำอางขึ้นมาเองได้อีกด้วย สุดยอดเลย!! นี่คือรองพื้นจากอาหาร ส่วนนี่คือลิปสติกจากผลไม้ ลองไปรับชมคลิปวีดีโอของเธอกันเลยจ้า ต้องยอมรับในความครีเอท…
-
อึ้งทั้งงาน!! เจ้าบ่าวพลาดท่าลั่น “ปืนอาก้า” ใส่ช่างภาพในงานแต่งจนได้รับบาดเจ็บ
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยภาพ พร้อมคลิปวีดีโอช่วงเวลาอันน่าตกใจภายในงานแต่งงานแห่งหนึ่งที่เมืองบีเตห์ริน ประเทศเลบานอน โดยในคลิปวีดีโอแสดงให้เห็นเป็นภาพของชายรายหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าบ่าว กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารที่ล้อมรอบไปด้วยแขกที่มาร่วมงานมากมาย ขณะอยู่ในระหว่างการทำพิธีของเลบานอน ซึ่งในขณะนั้นเองมือข้างหนึ่งของเขากำลังถือปืนอาก้าหรือ AK47 อยู่ และแล้วเขาก็ได้ยิงปืนขึ้นไปบนฟ้า เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง ทว่าเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะหลังจากที่ได้ลั่นไกออกไป เขาก็เกิดสูญเสียการควบคุมจนกระสุนปืนพลาดไปโดนช่างภาพที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่คลิปวีดีโอจะตัดจบไป จากการรายงานระบุว่า ภายหลังจากการเกิดเหตุทางช่างภาพผู้เคราะห์ร้าย ก็ถูกนำตัวส่งตัวไปรักษาโดยด่วนที่โรงพยาบาล Mount Lebanon’s Bhannes Medical Center ในเลบานอน อย่างไรก็ตาม ทางแหล่งข่าวไม่ได้มีการเปิดเผยอาการบาดเจ็บของช่างภาพรายนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องราวยังไม่จบลงเพียงแค่นี้ เพราะหลังจากที่ช่างภาพรายดังกล่าวได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ทางญาติที่ได้นำตัวผู้บาดเจ็บมาส่ง ก็ได้มีเรื่องกับแพทย์ที่รักษาผู้ป่วย จนทำให้แพทย์รายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ทางด้าน Michel Chahine ผู้อำนวยการของโรงพยาบาล Bhannes ได้ออกมาเผยว่า “ญาติที่พาช่างภาพมาส่งที่โรงพยาบาล กลับมีเรื่องทะเลาะกับแพทย์ที่รักษาอาการบาดเจ็บให้ผู้ป่วย จนทำให้แพทย์รายหนึ่งได้รับบาดเจ็บจนเบ้าตาแตก และทำให้ขาต้องเข้ารับการผ่าตัดในวันต่อมา ในตอนนี้เรายังไม่มีคำอธิบายใดๆ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะญาติของผู้ก่อเหตุเป็นคนพาผู้ได้รับบาดเจ็บมาส่ง แต่สุดท้ายก็ดันมาทะเลาะกันเอง อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รู้ตัวผู้กระทำความผิดแล้ว…
-
ส่องรถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่จากจีน วิ่งเร็ว 250 กิโล/ชั่วโมง มีเตียงสองชั้น-สิ่งอำนวยความสะดวกครบ
การเดินทางด้วยรถไฟยังคงเป็นที่นิยมอย่างสูงในหลายประเทศ แม้จะไม่เร็วเท่าเครื่องบิน แต่ก็อาจจะสะดวกและสบายกว่าก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้ ช่วงหลังๆ เราจึงเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของรถไฟเพื่อเอาใจคนเดินทางมากขึ้น ทั้งเพิ่มความเร็ว เพิ่มความสะดวกสบาย ให้คนได้ไปถึงจุดหมายอย่างมีความสุขมากที่สุด ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจีนก็ได้เปิดตัวรถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่มาในรูปแบบขบวนนอน ที่อาจจะไม่เร็วที่สุด แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นต้องมองข้าม และยังดูน่าใช้งานอีกด้วย . เมื่อไม่นานมานี้มีการเปิดตัวรถไฟ D311 ขบวนใหม่ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก รถไฟแล่นออกจากสถานีรถไฟของกรุงปักกิ่งไปยังสถานีรถไฟเซี่ยงไฮ้ ด้วยความเร็ว 250 กม./ชม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น จุดเด่นของ D311 คือ เป็นรถขบวนนอน ให้เตียงจะถูกติดตั้งให้ขนานกับห้องโถง แบ่งเป็นชั้นบนกับชั้นล่าง ในแต่ละช่องจะมีพื้นที่ส่วนตัวที่มีทั้งโต๊ะน้ำชา ที่ชาร์ตแบต และโคมไฟสำหรับอ่านหนังสือ ทั้งยังมีผ้าม่านแยกทั้งชั้นบนและล่างด้วย แต่ละตู้นอนจะมีที่ชาร์ตไฟไว้บริการด้วย หืมมม น่าลองใช่มั้ยล่ะ… สำหรับใครที่มีโอกาสได้เดินทางระหว่างสองเมืองใหญ่นี้ ก็ลองให้รถไฟขบวนใหม่นี้เป็นตัวเลือกสำหรับคุณได้นะ . ที่มา shanghaiist
-
แค่คิดก็ผิดแล้ว… หนุ่มวัยรุ่นโดนขังคุก 16 ปี หลัง “วางแผน” ระเบิดงานคอนเสิร์ต Elton John
วัยรุ่นชาวอังกฤษนายหนึ่งถูกจับกุมตัวหลังจากที่เขาถูกจับได้ว่าเคยวางแผนจะวางระเบิดคอนเสิร์ตของท่านเซอร์ Elton John ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2016 ที่ผ่านมา Haroon Syed วัยรุ่นชายชาวอังกฤษวัย 19 ปีจากลอนดอน ได้รับสารภาพต่อศาลว่าเขาเคยวางแผนก่อการร้ายซึ่งมีเป้าหมายเป็นจุดที่มีผู้คนเยอะๆ อย่างจุดช็อปปิ้ง หรือท้องถนนใน Oxford ไม่ก็อาจจะเป็นคอนเสิร์ตของ Elton John ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตลำลึกครบรอบ 15 ปีเหตุการณ์ 9/11 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อการร้ายในอเมริกา ด้วยการรับสารภาพดังกล่าวทำให้ Haroon ถูกตั้งข้อหาจำคุกนาน 16 ปี นอกจากนั้นทางด้าน Deb Walsh ผู้เป็นเจ้าหน้าที่รับการดูแลคดีนี้ยังบอกว่า “แม้จะเป็นแค่ความคิดที่จะวางแผน แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ว่าตัว Haroon นั้นเป็นภัยต่อสังคมและคนบริสุทธิ์แล้ว” จากรายของเจ้าหน้าที่ยังบอกเพิ่มเติมว่า Haroon ใช้อินเตอร์ในการวางแผนทั้งหมด รวมใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการติดต่อกับผู้คนที่เขาคิดว่าน่าจะให้การสนับสนุนกลุ่ม IS ซึ่งมีส่วนหนึ่งของข้อความที่เขาส่งไปว่า “หลังจากที่พวกเราทำการโจมตีด้วยปืนกลแล้ว พวกเราก็ทำจะการพิธี Martyrdom นี่แหละคือแผนของผม” และการใช้อินเตอร์เน็ตนี้เองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาถูกจับได้ เพราะเขาดันไปพูดคุยกับสมาชิก MI5 ที่ทำทีและแฝงตัวเป็นกลุ่มหัวรุ่นแรงในโลกโซเชียล…
-
แฟนหนุ่มสุดครีเอท วางแผน “เซอร์ไพรส์ขอแต่งงานแฟนสาว” งานนี้เธอจะปฏิเสธยังไงได้!?
คุณอาจจะเคยเห็นการเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานมาแล้วมากมาย ซึ่งมันก็อาจจะมีทั้งหวานซึ้งโรแมนติก หรือบางทีก็เป็นการขอแต่งงานที่แปลกประหลาด และสำหรับเรื่องราวการขอเซอร์ไพรส์แต่งงานที่เราได้นำมาให้ได้รับชมกันในวันนี้ บอกเลยว่ามันมีทั้งความประทับใจ และโรแมนติกที่สุดจนทำให้คนดูอย่างเราๆ ถึงขั้นแอบยิ้มตามไปด้วยเลยละ Jivago Sales และ Laura Alvarenga สองคู่รักที่ทำงานเป็นช่างภาพงานแต่งงาน ทั้งคู่ได้คบหาดูใจกันมาเป็นเวลานานกว่า 8 เดือนแล้ว และนั่นก็ทำให้ฝ่ายชายได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่แม้แต่แฟนสาวของเขาก็คิดไม่ถึง หลังจากที่คบกันมาเป็นเวลานานเกือบปี ทาง Jivago ก็ได้คิดว่าเขาควรจะขอแฟนสาวของตัวเองแต่งงานซะที แต่ทว่าเขาจะมีวิธีการขออย่างไรให้แตกต่างจากคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ Jivago จึงได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด โดยการจัดงานแต่งหลอกๆ ของคนอื่นขึ้นมา แล้วทำการขอ Laura แต่งงานภายในงานซะเลย งานนี้บอกเลยว่ามันจะต้องทำให้เธอเซอร์ไพรส์สุดๆ แน่ Jivago ใช้เวลาในการเตรียมเซอร์ไพรส์เป็นเวลานานกว่า 3 สัปดาห์ โดยการจัดงานแต่งหลอกๆ ซึ่งก็มีทั้งเพื่อน และครอบครัวของเขามาช่วยเตรียมงานในครั้งนี้ด้วย และที่ไม่ธรรมดาไปกว่านั้นก็คือ เขาได้ทำการเชิญแขกมาร่วมงานในครั้งนี้มากถึง 240 คนกันเลยทีเดียว เมื่อวันแต่งงานมาถึง Laura ก็ได้มารับงานถ่ายภาพงานแต่งในครั้งนี้ด้วย ซึ่งในตอนนั้นเธอไม่รู้เลยว่ากำลังมีเรื่องราวสุดเซอร์ไพรส์รอคอยอยู่ …
-
เรื่องราวของหนุ่มฝรั่งเศสหลงทางอยู่ใน “ถ้ำใต้ดิน” ที่เต็มไปด้วยความมืดและหัวกระโหลก…
การหลงเข้าไปในที่แปลกๆ หรือสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ย่อมทำให้เราเกิดอาการกลัวได้เป็นธรรมดา แต่ถึงจะหลงเขาไปที่แปลกหรือน่ากลัวแค่ไหนก็คงไม่เท่าวัยรุ่นกลุ่มนี้แน่นอน!! เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ทีมกู้ภัยและหน่วยค้นหาได้พบกับเด็กชายวัย 16 ปีและ 17 ปี หลงอยู่ภายในสุสานใต้ดินของกรุงปารีส เป็นเวลานานถึง 3 วัน ภาพของสุสานใต้ดินดังกล่าวที่เด็กหนุ่มทั้งสองติดอยู่นานถึง 3 วัน สุสานดังกล่าวมีลักษณะเป็นอุโมงยาวประมาณ 240 กิโลเมตร โดยจะมีบางส่วนที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปชมได้ แต่ก็ยังมีคนที่แอบเข้าไปในเขตหวงห้ามอยู่บ่อยๆ ซึ่งทางตำรวจนั้นไม่ทราบว่าเจ้าหนูทั้งสองนั้นหลงเข้าไปได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือพวกเขาต้องอยู่ในความมืดพร้อมกับกองกะโหลกนานหลายวันเลยทีเดียว แค่เห็นภาพก็ขนลุกขึ้นมาแล้วนะเนี่ย บรึ๋ยย!? หลังจากที่ทั้งสองถูกช่วยออกมาจากสุสานแห่งนี้ พวกเขาถูกส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลทันทีเนื่องจากอาการ Hypothermia (สภาวะร่างกายมีอุณหภูมิต่ำเกิน) ลองจินตนาการว่าคุณติดอยู่ในสุสานนี้สามวัน พร้อมกับโครงกระดูกพวกนี้ดูสิ ถ้าเกิดมีชิ้นไหนเผลอหลุดมาละคุณเอ๊ย!! ที่มา viralnova
-
7 นักล่าเสียชีวิตหลังพยายามตามหา “ขุมสมบัตินาซีในตำนาน” ที่ยังเป็นปริศนาไร้คำตอบ!?
วันนี้เรามีเรื่องแปลกๆ จะมาเล่าให้อ่านกันเล่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพรรค ‘นาซี’ ที่มีผู้นำเป็นอดอล์ฟ ฮิตเลอร์และขุมสมบัติที่พวกเขานำไปซ่อนไว้หลังพ่ายแพ้สงคราม เอาเป็นว่าเริ่มเรื่องเลยดีกว่า… ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 1945 เป็นวันที่ฝ่ายพันธมิตรสามารถเอาชนะกองทัพนาซีได้สำเร็จ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เหล่าทหารชั้นผู้นำทั้งหลายต่างหนีเอาตัวรอดพร้อมสมบัติ และเชื่อว่าส่วนหนึ่งถูกทิ้งลงทะเลสาป Toplitz ในประเทศออสเตรีย เป็นเวลายาวนานกว่า 60 ปีที่มีนักล่าสมบัติมากมาย พยายามจะดมน้ำหาสมบัติที่นี่แต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งปี 2005 บริษัท Bundesforste AG ได้เข้ามาถือสัมปานเป็นผู้ดูแลทะเลสาบทั้งหมด และได้เซ็นสัญญากับ Norman Scott นักล่าสมบัติชื่อดังชาวอเมริกันในยุคนั้น โดยพวกเขาหวังว่าจะสามารถแก้ปมปริศนานี้ได้ ทว่าระหว่างการค้นหาก็ได้เกิดอุบัติเหตุบางอย่าง ทำให้นักล่าสมบัติชาวอเมริกันคนนี้เสียชีวิต เช่นเดียวกับทหารอเมริกันที่เคยเข้ามาดำน้ำหาสมบัติและเสียชีวิต ณ ทะเลสาปแห่งนี้เมื่อปี 1947 จากคำบอกเล่าของ Albrecht Syen ผู้เปิดร้านอาหารในพื้นที่ดังกล่าว ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ‘มีตำนานและเรื่องเล่าเกี่ยวกับสมบัติทองของนาซีมานานแล้ว และทุกๆ ปีก็มักจะมีคนมาค้นหาสมบัติแต่น่าเสียดายที่พวกเขากลับต้องแลกด้วยชีวิตคนแล้วคนเล่า’ ตลอดภารกิจค้นหาที่พยายามกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุดแคมเปญที่เกิดจากการระดมทุนของนิตยสารรายใหญ่อย่าง Stern ในเยอรมัน ก็ได้สามารถทำให้ปริศนานี้คลี่คลายได้ในที่สุด พันธบัตรกว่า 72…
-
อินเดียสร้างสถิติโลก ปลูกต้นไม้ 66 ล้านต้นใน 12 ชั่วโมง หวังกระตุ้นให้คนสนใจเรื่องโลกร้อน
ปัญหาโลกร้อนนั้นถือเป็นปัญหาอันร้ายแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว และปัญหาดังกล่าวยังถือเป็นปัญหาระดับโลกอีกด้วย ซึ่งล่าสุดชาวอินเดียก็มองเห็นว่าปัญหาดังกล่าวเริ่มยุ่งยากเข้าไปทุกที จึงจัดการรณรงค์ให้ชาวอินเดียมาช่วยกันปลูกต้นไม้นั่นเอง แต่ใครจะเชื่อกันว่า เมื่อการรณรงค์ปลูกต้นไม้ในครั้งนี้ถูกกระจายข่าวออกไปผู้คนมากมายต่างพาให้ความสนใจกันเพียบ งานนี้เรียกว่าทั้งเด็กผู้ใหญ่คนเฒ่าคนแก่ และอาสาสมัครมากมายต่างมาร่วมปลูกต้นไม้พร้อมกันถึง 1.5 ล้านคนเลยทีเดียว!! เรื่องชวนตะลึงยังไม่หมดเท่านั้น ผู้คนทั้งหมดต่างสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาปลูกต้นไม้จนได้มากถึง 66 ล้านต้น ในเวลาเพียงแค่ 12 ชั่วโมงเท่านั้น อู้วหู้ว.ว.ว.ว ต้นไม้ทั้งหมดนั้นถูกปลูกตลอดแนวแม่น้ำ Narmada ซึ่งมีความยาวกว่า 1300 กิโลเมตร งานนี้ในเวลาอีกราวๆ สิบปียี่สิบปี บริเวณดังกล่าวอาจจะเกิดเป็นป่าผืนใหม่ของอินเดียก็เป็นได้ นอกจากนั้นการปลูกป่าในครั้งนี้ยังถือเป็นการทำลายสถิติโลกอีกด้วย โดยในปี 2016 รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดียได้รวบรวมอาสาสมัครเพื่อปลูกป่าจำนวนกว่า 50 ล้านต้นภายในเวลาวันเดียว แต่เมื่อเจอสถิติใหม่ 12 ชั่วโมงทำให้สถิติเก่าต้องตกไป แต่ไม่ว่าสถิติไหนจะดีกว่ากันผลดีก็ตกอยู่กับชาวอินเดียอยู่ดีนั่นเอง นอกจากนั้น Shivraj Singh Chouhan ผู้นำรัฐมัธยประเทศได้ออกมาพูดว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นเหตุการณ์การประวัติศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะเดิมอินเดียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ฉะนั้นการช่วยกันปลูกต้นไม้สร้างผืนป่าจึงไม่เพียงแค่ช่วยเหลือประเทศแต่ยังเป็นการช่วยเหลือโลกอันเป็นผืนแผ่นดินของทุกคน สุดท้ายแล้วแผนการปลูกป่าทั้งหมดนั้นถือเป็นข้อตกลงของประเทศอินเดียกับที่ร่วมลงนามในสนธิสัญญา Paris Agreement ซึ่งเป็นข้อตกลงระดับชาติเพื่อช่วยเหลือโลกของเราและเตรียมความพร้อมกับการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของโลกก่อนปี 2030 …
-
พบกับคุณปู่เมกัน ผู้ครอบครอง “อาวุธสงคราม” เยอะที่สุดในประเทศ จะปืนหรือรถถังมีหมด!!
เราก็คงจะพอทราบกันดีว่าในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น การครอบครองอาวุธปืนถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ เพราะในหลายๆ รัฐนั้นอนุญาตให้ชาวเมืองทั่วไปสามารถเดินไปซื้อปืนจากร้านได้สบายๆ เพียงแค่มีเงินก็พอแล้ว แต่ปกติแล้วคนทั่วไปก็จะซื้อกันมาเพียงกระบอกสองกระบอกเพื่อใช้ในการป้องกันตัวเท่านั้น แต่ตาลุง Mel Bernstein วัย 71 ปี จากรัฐโคโลราโด คนนี้แกไม่พกแค่นั้น เพราะแกเล่นพกกันเป็นคลังแสง ที่สำคัญมีรถถังอีกเพียบ!! ตาลุง Mel นั้นเป็นที่รู้จักกันในวงการนักสะสมปืนว่า Dragon Man เพราะตัวรถฮาเล่ย์เดวิดสันของแกมันเป็นมังกรนะสิ…อะไร ไม่เชื่อเหรอ ไม่เชื่อก็ดูแล้วจะรู้ว่ามังกรจริงๆ !! ทะยานไปเลยเฟรมไคเซอร์!! กลับกันมาที่ตัวลุง Mel กันต่อ ตัวลุงแกนั้นเริ่มสะสมปืนก็เมื่อตอนที่ตัวเขาเองอยู่ในนิวยอร์คแล้ว เพราะลุงแกให้เหตุผลของการสะสมปืนว่า เวลามีปืนอยู่ในห้องนอนหรือใกล้ๆ ตัว ลุงจะรู้สึกผ่อนคลายสบายใจและปลอดภัย พอเป็นแบบนั้นแล้ว รู้อีกทีลุงก็มีอาวุธครบมือตั้งแต่ปืนกล รถถัง ลากยาวไปยันอาวุธสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง จนตอนนี้ของสะสมของลุงก็กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ทางการทหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญในหนึ่งวันจะมีคนมาเยี่ยมเยียนลุงแกมากกว่า 200 คนเลยทีเดียว ส่วนถ้าใครสงสัยว่ามันเยอะขนาดตั้งพิพิธภัณฑ์ได้เลยเหรอ คำตอบก็คือลุง Mel มีปืนในครอบครองถึง 200 กระบอก พาหนะทางการทหารอีกกว่า 20 คัน รวมถึงระเบิดมือ เครื่องยิงจรวดและอื่นๆ…
-
โครงการ “จักรยานสาธารณะ” ของรัฐบาลจีน นำไปสู่สุสานจักรยานมากว่า 20,000 คัน
สิ่งที่คุณกำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ไม่ใช่งานศิลปะหรือประติมากรรม แต่มันคือสุสานรถจักรยานในเมือง Hangzhou ประเทศจีนต่างหาก!! ภาพถ่ายของจักรยานนับพันที่ถูกนำมาทึ้งไว้ในพื้นที่ว่างของเมืองเหล่านี้ล้วนเป็นจักรยานในโครงการ Bike-Sharing ที่เกิดจากความร่วมือระหว่างรัฐบาลจีและบริษัทเอกชน ซึ่งถูกยึดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภาพจักรยานนับพันคันที่ถูกจอดทิ้งไว้ ในสุสานรถจักรยานแห่งนี้… อันที่จริงแล้วโครงการดังกล่าวเป็นความต้องการที่จะลดภาวะมลพิษทางอากาศของรัฐบาลจีน แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในเมืองนี้ โครงการดังกล่าวเปิดตัวเมื่อปี 2008 ด้วยงบประมาณ 24 ล้านเหรียญหรือประมาณ 814 ล้านบาท โดยประชาชนจะสามารถใช้รถจักรยานยนสาธารณะในการปันไปยังจุดต่างๆ ที่ทางการจัดไว้ให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จักรยานที่ถูกนำมาทิ้งที่นี่สวนมากยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อยู่ ในตอนแรกนั้นโครงการ Bike-Sharing นี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยสามารถลดปริมาณมลพิษทางอากาศได้มาถึง 110,000 ตันเลยทีเดียว แต่ทุกอย่างกลับล้มเหลวหลังจากการเข้ามาของบริษัทเอกชนและพยายามนำโปรเจกต์ที่เรียกว่า ‘Dockless’ Bikes เข้ามา โปรเจกต์ดังกล่าวจะทำให้ง่ายในการใช้บริการจักรยานสาธารณะ เพราะผู้ใช้สามารถจอดรถไว้ที่ไหนก็ได้และพวกเขาสามารถปลดล๊อคจักรยานได้โดยการแสกน QR โค๊ต แต่ทว่าดูเหมือนข้อดีจะกลายเป็นข้อเสีย เมื่อจักรยานในโปรเจกต์ Dockless กว่า 23,000 คันนั้นจอดในที่ห้ามจอดจึงทำให้ถูกคุณตำรวจมายึดไปไว้ที่สุสานแห่งนี้ หลังจากที่ถูกร้องเรียนจากผู้เดือดร้อน อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวยังคงมีให้บริการในเมือง Hangzhou เพราะรัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับการลดปัญหามลพิษในเมือง อันที่จริงโครงการนี้ก็ถือว่าเป็นโครงการที่ดีทีเดียวเลยหล่ะ…
-
ผลพวงมนุษย์ทิ้งยาคุมกำเนิด-สารเคมี ลงชักโครกมากไป จนปลากว่า 20% กลายเป็น “ปลากะเทย”
การกระทำหลายอย่างที่มนุษย์ทำไปโดยไม่รู้ตัว อาจจะส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ รวมถึงสัตว์น้อยใหญ่ได้ และนั่นก็อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งที่ใครต่อใครก็คาดไม่ถึง เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 ทางเว็บไซต์เดลีเมล์มีรายงานว่า นักวิจัยได้ทำการศึกษาน้ำปลาจืดกว่า 50 แห่งในสหราชอาณาจักร พบว่า ปลาเพศผู้กว่า 20% ได้เปลี่ยนเพศกลายเป็นปลากะเทย โดยสาเหตุดังกล่าวเกิดจาก สารเคมีที่มีฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนเพศหญิง ยาคุมกำเนิด และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด รวมถึงของใช้ในครัวเรือนต่างๆ ที่ถูกล้างออกทางท่องระบายน้ำ และห้องน้ำ จากการรายงานระบุว่า สารเคมีที่ถูกล้างออกทางท่อระบายน้ำ จะทำงานกับปลาในลักษณะเดียวกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในมนุษย์ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ จากเพศผู้กลายเป็นปลากะเทย นอกจากนี้ สารเคมียังมีผลโดยตรงต่อปลาในแม่น้ำ โดยจากปลา 1 ใน 5 ตัวที่ได้รับผลกระทบจะสามารถลดการผลิตอสุจิลง ทางด้านผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์ พบว่า ร้อยละ 20 ของปลาน้ำจืดกว่า 50 สถานที่ต่างๆในสหราชอาณาจักร กลายเป็นปลาที่มีลักษณะเป็นเพศเมียมากขึ้น นอกจากนี้ พวกเขายังพบว่า ลูกหลานของปลาเหล่านี้ อาจมีแนวโน้มที่จะอ่อนแอมากขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสารเคมี ด้านศาสตราจารย์…
-
โอ้พระเจ้า!! พบกับหญิงชาวมะกันวัย 43 กับขนาดสะโพกอันใหญ่ยักษ์ที่วัดได้ถึง 95 นิ้ว
วันที่ 3 กรกฎาคม 2560 เว็บไซต์เดลีเมล์ได้เปิดเผยเรื่องราวอันน่าทึ่งของ Bobbi-Jo Westley หญิงวัย 43 ปี จากรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มาพร้อมกับสะโพกขนาดใหญ่ยักษ์โดยวัดได้ถึง 95 นิ้ว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีขนาดสะโพกที่ใหญ่เกินกว่าคนทั่วๆ ไป แต่ Bobbi ก็ยังหวังว่าอยากจะเป็นผู้หญิงที่มีขนาดสะโพกที่ใหญ่ที่สุดในโลกสักครั้ง เพราะในตอนนี้หญิงที่ได้รับการบันทึกในสถิติว่ามีสะโพกที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ Mikel Ruffinelli จากลอสแอนเจลิส ซึ่งมีขนาดสะโพกที่ใหญ่ถึง 99 นิ้วเลยทีเดียว สำหรับ Bobbi เธอเป็นสาวรูปร่างใหญ่ที่หนักถึง 245 กิโลกรัม และถึงแม้ว่าเธอจะมีรูปร่างที่อ้วนมาก แต่อย่างน้อยเธอก็พอใจในรูปร่างของตัวเอง เนื่องจากมันสามารถทำรายได้ในโลกออนไลน์ให้กับเธอ เพราะเพียงแค่เธอได้โชว์รูปร่างของตัวเองผ่านเว็บแคม เธอก็ได้รับเงินประมาณ 2,000 ดอลล่าร์ หรือราวๆ 68,000 บาทต่อชั่วโมง “ฉันได้รับของขวัญ และข้อความจากแฟนๆ ซึ่งก็มีหนุ่มๆ บางคนเข้ามาถามฉันว่าคุณจะแต่งงานกับผมไหม ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะฉันแต่งงานแล้ว” Bobbi กล่าว …
-
หนุ่มจีนยอมงดเหล้า-บุหรี่ ออกกำลังกายทุกวัน เพื่อช่วยชีวิตเด็กน้อยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน!!
เป็นเรื่องราวดีๆ ที่ถูกพูดถึงและแชร์ต่อไปทั่วโลกโซเชียลของจีน หลังจากที่เว็บไซต์ jsnews ได้รายงานเรื่องราวคุณงามความดีของนาย ซุน ฮ่าวชิง หนุ่มวัย 39 ปี ผู้ยอมเปลี่ยนชีวิตเพื่อช่วยเหลือเด็กน้อยวัย 4 ขวบ แม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 หนุ่มจีนคนนี้มีโอกาสได้ไปบริจาคเลือด และเขาก็ได้ทราบว่ามีผู้ป่วยโรคเลือดจำนวนมากที่ต้องการไขกระดูก ด้วยจิตใจที่โอบอ้อมอารี เขาจึงได้ประสงค์ลงนามเป็นผู้บริจาคอวัยวะ แต่เรื่องราวของเขามันไม่จบเพียงเท่านี้… จนกระทั่งต่อมาเมื่อช่วงสิงหาคม ปี 2559 เขาได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ว่า มีผู้ป่วยเป็นเด็กวัย 4 ขวบคนหนึ่ง ต้องการปลูกถ่ายไขกระดูก ซึ่งผลเลือดของเขาก็ตรงกับเด็กน้อยคนนี้ แน่นอนว่าเจ้าตัวดีใจมากที่เขาจะได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทว่าผลการตรวจสุขภาพกลับไม่เป็นอย่างที่คาดคิด ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ ซุนเป็นคนที่มีนิสัยดื่มหนัก สูบหนัก และมักจะสังสรรค์อยู่เป็นประจำ ทำให้เขาต้องกลับมาฟื้นฟูสุขภาพตัวเองใหม่อีกครั้งถ้าหากต้องการจะเหลือผู้ป่วยจริงๆ บางคนอาจจะรู้สึกไม่ชอบที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่น แต่สำหรับซุน ฮ่าวชิง เขาเลือกที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่ทั้งหมดเพื่อเด็กน้อยวัย 4 ขวบที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เขาหย่าขาดจากการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ อีกทั้งยังตอนเวลาตี 5 เป็นประจำในทุกๆ เช้า เพื่อไปออกกำลังกายและควบคุมอาหารตลอดทุกมื้อ ด้วยความพยายามที่ตั้งใจมาหลายเดือน ในที่สุดผลตรวจสุขภาพก็ผ่านเกณฑ์…
-
ร้านราเมงญี่ปุ่นผุดไอเดียเจ๋งติด “ทิชชู่” นับสิบไว้รอบห้องน้ำ แก้ปัญหาทิชชู่หมดระหว่างอึ๊!!
ร้านราเมงแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นได้นำเสนอไอเดียสุดเจ๋งเพื่อหวังมอบการบริการระดับสุดยอดให้กับลูกค้า หลังจากที่พวกเขาได้ออกแบบห้องน้ำที่มีความสะดวกสบายสุดๆ ที่คุณสามารถนั่งอึได้โดยไม่ต้องกังวลว่าทิชชู่จะหมด!! ไอเดียห้องน้ำสุดแหวกแนวนี้เปิดให้บริการในร้านราเมง Ichiran ในทุกสาขา โดยพวกเขาได้ออกแบบห้องน้ำที่เต็มไปด้วยที่ใส่ทิชชู่ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าและทำให้พวกเขามั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ทิชชู่หมดระหว่างทำธุระแน่นอน ทิชชู่จำนวนมากที่ถูกติดไว้ข้างผนังห้องน้ำ สบายใจได้เลยยังไงก็ไม่หมดแน่นอน!! . อื่ม… เป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์การเข้าห้องน้ำมาก ลูกค้าสามารถเลือกใช้ทิชชู่ม้วนไหนก็ได้ตามความสะดวก และห้องน้ำที่เต็มไปด้วยทิชชู่แบบนี้จะมีอยู่ในร้านราเมง Ichiran ทุกสาขา . ไอเดียห้องน้ำทิชชู่นี้เริ่มต้นจากการที่ร้านเริ่มเสิร์ฟราเมงแบบเผ็ดๆ ตามความต้องการของลูกค้า ดังนั้นถ้าหากคุณเกิดทานๆ อยู่แล้วปวดท้องขึ้นมา พวกเขาก็จะมีห้องน้ำพร้อมกับทิชชู่เหล่านี้ไว้บริการคุณได้อย่างทันท่วงทีนั่นเอง แต่บางสาขาก็ขอร้องให้ลูกค้าเริ่มใช้จากอันด้านล่างขึ้นมาก่อน และไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะปล่อยให้ทิชชู่หมด โดยทางร้านจะคอยเช็กปริมาณของทิชชู่ในห้องน้ำอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้การปลดทุกข์ของคุณต้องขาดช่วง ลองนึกภาพตอนคุณกำลังปวดท้องสุดๆ แล้วเปิดประตูมาเจอแบบนี้ อ่า… สบายใจ . ภาพนี้ดูคล้ายๆ กับมีทิชชู่ส่งลงมาจากสวรรค์เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ ช่างเป็นร้านที่ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ ที่มา rocketnews24
-
จากคู่จิ้นกลายเป็นคู่จริง “ซงจุงกิ และ ซองเฮเคียว” ประกาศแต่งงานอย่างเป็นทางการแล้ว!!
ว้ายตายว้ายกริ๊ดดดด หลังจากที่แฟนๆ ซงจุงกิกับซองเฮเคียวต่างลุ้นให้ทั้งคู่เป็นคู่รักนอกจอ ทั้งยังคาดการณ์ต่างๆ นาๆ ว่าทั้งคู่ต้องแอบคบหาดูใจกันแน่ๆ และแล้ววันนี้ความคาดหวังของแฟนคลับก็เป็นจริงแถมเกินคาดด้วย เมื่อสำนักข่าวเกาหลีหลายสำนักต่างออกมาประกาศว่าซงจุงกิกับซองเฮเคียวจะเข้าพิธีวิวาห์กันในวันที่ 31 ตุลาคมปี 2017 นี้ เชื่อว่าหลายคนอาจจะช็อคกับข่าวนี้ อย่างไรก็ตามทางบริษัทต้นสังกัดของทั้งสองฝ่ายได้ออกมายืนยันแล้วว่า ซงจุงกิกับซองเฮเคียวนั้นได้คบกันมาสักพักแล้ว และกำลังจะแต่งงานกันตามที่เป็นข่าว พวกเขาบอกว่า “การแต่งงานไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวของทั้งสองฝ่าย นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราเพิ่งออกมาบอกข่าวนี้ในตอนนี้ หวังว่าแฟนๆ คงจะเข้าใจนะ” “ตอนนี้เราก็ขอให้ความรักของทั้งคู่เป็นไปอย่างราบรื่น และก็คาดว่าทั้งสองคนจะมาบอกข่าวดีกับแฟนๆ ด้วยตัวเองในเร็วๆ นี้นะครับ” ต้นสังกัดบอก ส่วนเส้นทางความรักนั้น แฟนๆ คงจะรู้กันบ้างแล้วว่าทั้งคู่ได้ร่วมงานกันครั้งแรกในเรื่อง Descendants of the Sun จากความรักในจอก็กลายเป็นความรักนอกจออันแสนหวาน แม้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องที่คบกัน แต่ก็มีคนตาดีแอบเห็นพวกเขาไปเที่ยวด้วยกันที่โตเกียว โดยทาง Dispatch บันทึกภาพทั้งคู่ไว้ได้ . . . . . ปัจจุบันซงจุงกิอายุ 32 ส่วน ซองเฮเคียวอายุ 35…
-
จากผลสำรวจปี 2015 สื่อนอกยก ‘Detroit’ เป็นเมืองที่แย่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา…
สหรัฐอเมริกาหนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลก พวกเขาคือชาติที่เต็มไปด้วยการพัฒนาต่างๆ มากมายและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง แต่ถึงแม้จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังคงมีเรื่องหนึ่งที่หนีไม่พ้นนั่นก็คือปัญหาพื้นที่เสื่อมโทรมนั่นเอง ในปี 2015 ทางเว็บไซต์ 24/7 Wall Street ได้จัดอันดับความน่าอยู่ของเมืองที่มีประชากรมากกว่า 65,000 คนทั้งสิ้น 551 เมือง โดยพวกเขาได้แบ่งเกณฑ์การให้คะแนนออกเป็น 9 ด้านประกอบด้วยด้านอาชญากรรม, เศรษฐกิจ, ประชากร, การศึกษา, สิ่งแวดล้อม, สุขภาพ, ที่อยู่อาศัยโครงสร้างพื้นฐานและการพักผ่อนหย่อนใจ และนำมาวิเคราะห์กับปัจจัยอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งผลจากการศึกษาพบว่าเมืองที่เลวร้ายมากที่สุดนั้นได้แก่เมือง Detroit รัฐมิชิแกนนั่นเอง ที่เมืองนี้มีประชากรทั้งหมด 677,124 คน มีประชากรที่ยากจนคิดเป็น 39.8 เปอร์เซ็นต์และมีประชากรที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเพียงแค่ 14.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่ามีอัตราการจ้างงานที่ลดลง และรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนนั้นเหลือเพียงแค่ประมาณ 8 แสนต่อปีเท่านั้นซึ่งต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยรายได้ของครัวเรือนทั่วประเทศ นอกจากนี้ที่เมือง Detroit ยังเต็มไปด้วยอาชญากรรมอีกมากมาย จากการสำรวจพบว่าที่นี่มีอัตตราการเกิดอาชญากรรมสูงเป็นอันดับสองของประเทศ โดยมีผู้เสียชีวิตจากอาชญากรรมมากถึง 1,760 รายจากประชากร 1 แสนคนเลยทีเดียว ส่วนอันดับอื่นๆ จากการสำรวจนั้นพบว่าเมือง Birmingham รัฐ Alabama นั้นอยู่อันดับสอง และเมือง Flint…
-
หญิงสาวผู้ป่วยด้วย “โรคซึมเศร้า” ผันตัวเป็นนักดำน้ำและให้ท้องทะเลช่วยบำบัดอาการป่วย
โรคซึมเศร้า หนึ่งในสาเหตุของการฆ่าตัวตาย ผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้ส่วนมากจะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากคนที่เคยร่าเริ่งก็กลายเป็นคนเงียบๆ ไม่ยอมพูดคุยกับใคร การที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้นั้นนอกจากจะเป็นการดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว การใช้ธรรมชาติเพื่อช่วยบำบัดก็อาจเป็นอีกวิธีหนึ่งเหมือนกับหญิงสาวท่านนี้ Amelia Klonaris หญิงสาววัย 23 ปีผู้ที่บำบัดอาการซึมเศร้าของเธอด้วยการดำน้ำ และออกไปชื่นชมความสวยงามของท้องทะเลในประเทศบาฮามาส เธอใช้เวลาส่วนมากชื่นชมความสวยงามของโลกใต้ทะเลพร้อมกับเหล่าสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเต่า ปลากระเบนและฉลาม “ฉันชอบการถ่ายภาพและเอามันกลับมาดูอีกครั้ง ฉันชอบการถ่ายภาพทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพใต้น้ำหรือที่ไหนก็ตาม การอยู่ใต้น้ำมันเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง มันทำให้ฉันรู้สึกสงบมากๆ “ คุณ Amelia Klonaris กล่าว การดำน้ำกับพวกสัตว์คือกิจกรรมที่ทำให้เธอมีความสุข แต่การดำน้ำนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเธอต้องเรียนรู้การดำน้ำกับผู้เชี่ยวชาญ ก่อนที่จะกลายเป็นนักดำน้ำได้อย่างทุกวันนี้ “ในระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย ฉันมีความคิดที่จะทำธุรกิจแบบเพื่อนๆ ของฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกหดหู่สุดๆ หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ ฉันเดินทางกลับมาที่บ้านและเริ่มเรียนรู้การดำน้ำ และก็ได้พบกับสิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุขอย่างทุกวันนี้” . ท้องทะเลและชายหาดช่วยบำบัดโรคซึมเศร้าของเธอ . . และทั้งหมดนี้คือฝีมือการถ่ายภาพของเธอ… . . . . เจ้าหมูตัวน้อยเพื่อนซี้ของเธอ . .…
-
คุณแม่ข้ามเพศแคนาดา เปลี่ยนลูกตัวเองให้กลายเป็น “บุคคลไร้เพศ” คนแรกของโลก
กลายเป็นเรื่องราวสุดแปลกและโด่งดังสุดๆ ในช่วงนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อคุณแม่คนหนึ่งผู้เป็นหญิงสาวข้ามเพศได้ประกาศให้ลูกของตัวเองเป็นเด็กคนแรกของโลกที่ไม่มีการระบุเพศอย่างชัดเจน Kori Doty คือพ่อและแม่ชาวแคนาดาของ Searyl Atli เด็กวัย 8 ขวบที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะใช้การระบุเพศว่า Unknown หรือก็คือระบุไม่ได้ และยังยืนยันอีกว่าจะให้เด็กใช้เพศแบบนี้ในทุกเอกสารที่ต้องยืนยันเพศ ด้วยความทั้งตัว Kori เป็นผู้ปกครองที่แรกเริ่มเดิมทีเป็นผู้หญิงและได้ทำการข้ามเพศเป็นผู้ชายแทน ทำให้ตอนนี้เขาก็สามารถเป็นได้ทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียว เขาจึงมีความคิดที่ว่าอยากจะให้ลูกของตนมีทางเลือกทางเพศตามใจตัวเองเมื่อตอนโตและไม่อยากตีกรอบของเด็กในตอนนี้ เขาจึงจัดการสู้เพื่อดำเนินเรื่องดังกล่าวให้ถึงที่สุด ในตอนแรกที่ลูกของเขาเกิดมานั้น ทางสำนักงานเขตก็ได้ปฏิเสธคำร้องของเขาในการให้เด็กไม่มีการระบุเพศ แต่ว่าตัว Kori ก็ไม่ยอมเขายังคงต่อสู้หลังชนฝาเพื่อให้ลูกได้มีเพศที่สามารถเลือกจะเป็นได้ จนกระทั่งในที่สุด Kori ก็สามารถต่อสู้จนลูกของเขา Searyl ได้รับการระบุเพศเป็นตัว U เสียที ซึ่งเพศดังกล่าวก็ย่อมาจาก Unknown นั่นเอง และนี่นับว่าเป็นเด็กคนแรกบนโลกเลยก็ว่าได้ที่ได้รับเพศดังกล่าว ด้านฝ่ายกฏหมายของเขาก็ระบุว่าในรัฐออนแทรีโอเปิดกว้างในเรื่องเพศพอสมควร ฉะนั้นการใช้เพศดังกล่าวจึงไม่มีปัญหาใดๆ ทว่าถ้าเกิดออกไปใช้ที่อื่นอาจจะเกิดปัญหาตามมาทีหลังได้เช่นอาจจะผิดกฏหมายในประเทศหรือรัฐอื่นๆ สุดท้าย Kori และกลุ่มสิทธิมนุษย์ British Columbia ก็ได้ออกมาบอกว่า ในเรื่องของกฏหมายและงานเอกสารทั้งหมดควรจะเปลี่ยนให้ทุกเพศทุกสามารถที่จะใช้งานและเข้าถึงกันได้อย่างเท่าเทียมภายในประเทศเสียทีนั่นเอง ยังไงซะ ก็ต้องดูกันต่อไปว่าเมื่อเด็กคนดังกล่าวโตขึ้นมาชะตาชีวิตของเขาจะเป็นยังไง และเขาจะเลือกเพศไหนกันก็ต้องติดตามกันต่อไป ไม่แน่ในอนาคตอาจจะมีเด็กเพศ…
-
น่ารักน่าฟัดจริงจริ๊ง “เสี่ยวหมาน” สาวน้อยชาวจีนที่ได้รับฉายาว่า “เครื่องจักรบริโภคอาหาร”
#เหมียวขี้อ้อน เชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนคงจะเคยเห็นคลิปวีดีน่ารักๆ ของหนูน้อยจ่ำม่ำแก้มยุ้ยคนหนึ่ง ที่มาพร้อมกับการโชว์กินอาหารแบบเหลี้ยงชามผ่านเฟซบุ๊ก หรือตามเว็บไซต์ต่างๆ กันมาบ้างแล้ว โดยหลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอของหนูน้อยผู้รักการกินดังกล่าว ก็ทำให้ถูกแชร์จนกลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลกออนไลน์ของจีน จนยอดวิวทะลุเป็นล้านวิวแล้วจ้า และในวันนี้ เราก็จะขอพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับหนูน้อยนักกินคนนี้ บอกเลยว่ายิ่งรู้จักก็จะต้องยิ่งหลงรักเธออย่างแน่นอน สำหรับหนูน้อยคนนี้มีชื่อว่า “เสี่ยวหมาน” อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เธอได้กลายเป็นซุปตาร์ตัวน้อยภายในชั่วข้ามคืน หลังจากที่มีคลิปวีดีโอการกินแหลกแบบน่ารักได้เผยแพร่ออกมา และคลิปวีดีโอก็ได้แสดงให้เห็นว่า แม่หนูคนนี้เธอรักการกินมากจริงๆ เพราะเธอนั้นสามารถกินได้ทุกอย่างตั้งแต่เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ หรือแม้กระทั่งทุเรียน นางก็กินมาแล้วนะจ๊ะ เพราะความน่ารักของเธอเลยก็ทำให้ใครต่อใครต่างก็พากันหลงรัก และนี่คือคลิปวีดีโอน่ารักๆ ในขณะที่หนูน้อยกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ว่าแล้วก็ไปรับชมกันเลย มาชมภาพของเธอกันบ้างดีกว่า เพราะความกินเก่ง และกินทุกอย่างที่ขวางหน้าเลยทำให้หนูน้อยเสี่ยวหมานรับฉายาว่า “เครื่องจักบริโภคอาหาร” หลงรักเลย โตขึ้นอีกระดับแล้ว สดใสมาก เห็นแล้วหลง >< สำหรับใครที่ชื่นชอบ และหลงใหลหนูน้อยนักกินคนนี้เข้าอย่างจังล่ะก็ คุณสามารถเข้าไปติดตามชีวิต…
-
ประเทศในแอฟริกาจ้างทหารอังกฤษเพื่อช่วยปกป้อง “งาช้าง” ที่ถูกล่าจากกลุ่มก่อการร้าย
ในขณะที่สถานการณ์การล่าช้างในแอฟริกากำลังมีทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ต้องเผชิญกับกลุ่มนักล่าที่มีความอันตรายและร้ายกาจมากขึ้นเรื่อยๆ จนล่าสุดทางการได้ขอกำลังของทหารจากอังกฤษเพื่อมาป้องกันโขลงช้างเหล่านี้แล้ว เนื่องจากราคาที่สูงและมีความต้องการอย่างมากในตลาดมืด ทำให้ช้างแฟริกาหลายร้อยตัวต้องตกอยู่ในอันตรายจากเหล่านักล่ามากมาย รวมทั้งกลุ่มผู้ก่อการร้ายด้วย คุณ Christian Mbina ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคจากอุทยาน Gabon บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “เรามีหลักฐานมากมายที่บ่งบอกได้ว่ามีกลุ่มผู้ก่อการร้ายลักลอบเข้ามาฆ่าช้างและตัดเอางาพวกมันออกไป” เครือข่ายของกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ อย่าง Boko Haram และ Al-Shabaab มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่าช้างเพื่อเอางาในแถบประเทศเคนยาและแทนซาเนีย นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เจ้าหน้าที่ต้องขอความช่วยเหลือไปยังกองทัพอังกฤษ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา นายทหารจำนวนมากถูกส่งไปประจำการที่แทนซาเนีย โดมินิกัน รวันดา คองโกและเอธิโอเปียเพื่อฝึกและป้องกันการบุกรุกจากลุ่มก่อการร้าย เด็กๆ ผู้ลี้ภัยส่วนมากตกเป็นเหยื่อของการถูกบังคับให้ขนสิ่งของผิดกฏหมายนี้ และเมื่อต้นปีได้มีการจับกุมเด็กกลุ่มหนึ่งที่กำลังลักลอบขนงาช้างหนัก 40 กิโลกรัม ทหารที่ถูกส่งมาประจำการตามที่ต่างๆ ต้องได้รับการฝึกอย่างหนักเพื่อให้คุ้นเคยกับสภาพภูมิประเทศ นายทหารท่านหนึ่งเล่าว่า “เนื่องจากสภาพภูมิอากาศมีความชื้นค่อนข้างสูง ดังนั้นพวกเราจึงต้องมีการฝึกเพื่อให้คุ้นเคยกับสภาพอากาศแบบนี้ ตอนนี้พวกเรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องโขลงช้าง” ที่มา ladbible
-
รวมผลสำรวจ 5 ความในใจของ “สาวญี่ปุ่น” กับสิ่งที่อยากบอก “พ่อ” ตัวเองเหลือเกิน…
วันพ่อของญี่ปุ่นนั้นตรงกับวันที่ 18 มิถุนายนของทุกปี โดยในวันนี้จะเป็นโอกาสที่เหล่าคุณลูกๆได้แสดงความรักให้กับคุณพ่ออย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นการเฉลิมฉลอง รวมไปถึงการซื้อของขวัญให้เหล่าคุณพ่อที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อครอบครัวมาทั้งปี และเมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทเสื้อผ้าชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง Uniqlo ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของสาววัยรุ่นชาวญี่ปุ่นที่อยู่บ้านเดียวกับคุณพ่อจำนวน 200 คน โดยสอบถามในเรื่องที่เกี่ยวกับคุณพ่อของพวกเธอเอง จากผลการสำรวจนี้ได้เผยถึงข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เหล่าคุณลูกสาวอยากจะบอกกับพ่อของเธอเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ โดยจัดเป็น 5 อันดับได้ดังนี้ อันดับที่ 5 อยากให้คุณพ่อหวีผมบ้าง (ตอบข้อนี้ 21%) ถึงแม้ในญี่ปุ่นการอาบน้ำในตอนดึกจะเป็นเรื่องปกติ แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบตอนเช้า เหล่าคุณพ่อก็มักจะไม่สระผม เลยทำให้ผมของพวกเขานั้นชี้โด่เด่ไปในทิศทางต่างๆ อันดับ 4 อยากให้คุณพ่อจัดการเกี่ยวกับเหงื่อ (ตอบข้อนี้ 27%) ด้วยจำนวนเหงื่อที่ออกมาเยอะ เหล่าคุณพ่อก็ควรที่จะมีการจัดการอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพกผ้าซับ หรือใส่เสื้อซับเพื่อลดการเกิดเหงื่อขึ้นมานั่นเอง อันดับ 3 อยากให้คุณพ่อใส่เสื้อผ้าเท่ๆ (ตอบข้อนี้ 34%) ไม่มีใครอยากที่จะแต่งตัวเฉยๆ ไม่เข้ากับสมัย โดยเหล่าคุณลูกส่วนใหญ่นั้นบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณพ่อควรจะใส่เสื้อผ้าที่ดูดีหรือมีความเท่บ้าง คือช่วยใส่ใจกับการแต่งตัวหน่อยเถอะ!! อันดับ 2 อยากให้คุณพ่อได้ออกกำลังกายบ้าง (ตอบข้อนี้ 36%) แม้ว่าอายุจะร่วงโรยไปตามวัย แต่ร่างกายก็ไม่ควรร่วงโรยไปตามอายุ เหล่าลูกสาวก็เลยอกกมาบอกกับเหล่าคุณพ่อว่าควรที่จะออกกำลังกายบ้างเพื่อทำให้ตัวเองมีสุขภาพที่แข็งแรง …
-
รัฐเนวาด้าประกาศเปิด “เสรีกัญชา” ผู้คนนับร้อยแห่กันต่อคิวซื้อราวกับไอโฟนรุ่นใหม่
วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์มีรายงานว่า รัฐเนวาดา ได้กลายเป็นรัฐที่ 5 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่อนุญาตให้จำหน่ายกัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในเมืองคนบาป (ลาสเวกัส) แล้ว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการนำมาใช้เพื่อความเพลิดเพลินส่วนบุคคล จากการรายงายระบุว่า หลังจากที่มีการเปิดเสรีกัญชาเป็นครั้งแรกในเที่ยงของวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็มีประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวได้พากันมาต่อคิวซื้อกัญชากันอย่างล้นหลาม ในแต่ละปีลาสเวกัส ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองในรัฐเนวาดา ที่ผู้คนเดินนับล้านได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งหลังจากที่มีการเปิดขายกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว คาดว่าเมืองแห่งนี้อาจจะได้รับรายได้อย่างมหาศาลมากถึง 60 ล้านเหรียญภายในช่วงสองปีแรก สำหรับลาสเวกัส ซึ่งเป็นเมืองที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 42 ล้านคนต่อปี จะได้กลายเป็นเมืองสำหรับกัญชา ที่พร้อมจะแซงหน้าเมืองหลวงของกัญชาโลกอย่างกรุงอัมสเตอร์ดัม ในประเทศฮอลแลนด์ กัญชาที่ทางร้านเตรียมนำออกจำหน่าย ภาพของผู้คนกว่า 500 รายที่ยืนรอคิวยาวเป็นกิโลอยู่นอกร้านขายยา Euphoria Wellness ใน Enterprise ที่ชานเมืองลาสเวกัส และเมื่อประตูเปิดออกก็มีเสียงเฮจากผู้คนมากมายที่รอซื้ออยู่ด้านนอก ประชาชน หรือนักท่องเที่ยวที่สามารถซื้อกัญชาได้ จะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป…
-
เรื่องราวดีๆ ของสาวใจบุญที่มอบ “รางวัลกินพิซซ่าฟรีทั้งปี” ให้สถานสงเคราะห์เด็กไร้บ้าน
การแบ่งปันเป็นหนึ่งสิ่งที่เราควรมอบให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน บางครั้งการแบ่งปันนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสิ่งที่มีค่ามากหรือต้องใช้เงินทองอะไรมากมาย แต่น้ำใจเพียงเล็กน้อยๆ และความตั้งใจจริงก็เพียงพอแล้วสำหรับการแบ่งปัน พบกับเรื่องราวการให้ที่น่าประทับใจของคุณ Hannah Spooner หญิงสาวที่ตัดสินใจมอบรางวัลกินพิซซ่าฟรีตลอดทั้งปีของเธอให้กับคนไร้บ้าน Hannah Spooner ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลกินพิซซ่าฟรีทั้งปี หญิงสาววัย 19 ปีจากรัฐมิชิแกนบอกว่าเธอได้รับสายจากร้านพิซซ่า Little Caesar ว่าเธอเป็นผู้ได้รับรางวัลกินพิซซ่าฟรีทั้งปีมูลค่า 500 เหรียญ หญิงสาวจึงอยากจะมอบรางวัลดังกล่าวให้กับผู้ที่ต้องการมันมากกว่าเธอ “ฉันมองหาที่บริจาคพิซซ่าตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ ใกล้บ้าน” หญิงสาวกล่าว จนในที่สุดหญิงสาวก็ได้พบกับ Covenant House Michigan มูลนิธิเพื่อเด็กไร้บ้าน “ที่นี่มีคนต้องการรางวัลนี้มากกว่าฉัน พวกเขาดูเป็นมิตรและอบอุ่นอย่างมาก” คุณ Spooner กล่าว ส่วนทางด้านของสถานสงเคราะห์ก็รู้สึกยินดีอย่างมากที่ได้รับการบริจาคจากหญิงสาวท่านนี้ คุณ Carolyn Millard เจ้าหน้าที่ของสถานสงเคราะห์แห่งนี้กล่าวว่า “เราดีใจมากหลังจากที่ได้รับสายจาก Spooner และรู้ว่าจะได้รับบริจาครางวัลนี้” พวกเด็กๆ จะได้รับพิซซ่าฟรี 3 มื้อต่อวัน คุณ Millard บอกว่าเด็กๆ ทุกคนที่นี่ชอบกินพิซซ่าและพวกเขาก็ตื่นเต้นมากๆ เลยทีเดียว ตอนนี้ขึ้นตอนต่างๆ กำลังอยู่ในช่วงดำเนินการและคุณ Milard หวังว่าพวกเด็กๆ จะได้รับพิซซ่าไม่เกินสัปดาห์หน้านี้…
-
ไขคำตอบ “แพะปีนต้นไม้” พฤติกรรมชวนฉงนที่หลายคนสงสัยมานาน ไม่ใช่ภาพตัดต่อนะ!!
เมื่อพูดถึง “แพะ” มันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี แต่ที่คนส่วนใหญ่ไม่คุ้นก็คือ ภาพของเจ้าแพะที่พากันยกโขยงขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ เรียกได้ว่ามันเป็นภาพที่ทำให้เราต้องขยี้ตาดูหลายๆ รอบว่าเอ๊ะ!! นี่มันเรื่องจริงหรือนี่ และแน่นอนว่าภาพของแพะปีนต้นไม้ที่เพื่อนๆ ได้เห็นกันอยู่นี้ ไม่ใช่ภาพตัดต่อแต่อย่างใด เพราะนี่คือภาพแพะปีนต้นไม้ของจริง ที่คุณสามารถพบเห็นได้ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโมร็อกโกเท่านั้นนะจ๊ะ สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่สงสัยว่าเอ…ทำไมเจ้าแพะถึงพากันขึ้นไปอาศัยอยู่บนต้นไม้กันน้า ในวันนี้ #เหมียวขี้อ้อน มีคำตอบมาให้แล้วจ้า เมื่อคุณได้เดินทางไปยังภาคตะวันตกเฉียงใต้ ของประเทศโมร็อกโก แน่นอนว่าคุณจะได้เห็นแพะนักปีนต้นไม้ที่ชำนาญ ซึ่งแพะเหล่านี้ จะมีกีบเท้าที่สามารถปีนต้นไม้ได้ดีเช่นเดียวกับแพะภูเขา ที่สามารถปีนเขาที่สูงชันได้แบบง่ายๆ นั่นเอง ส่วนคำถามที่ว่าทำไมแพะถึงขึ้นไปอยู่บนต้นไม้นั้น เป็นเพราะว่าทางเกษตรกรได้ใช้แพะเหล่านี้มาเป็นเครื่องมือในการเก็บเมล็ดของต้นอาร์แกน โดยจะรอเก็บเมล็ดจากอึของมันยังไงละ สำหรับต้นอาร์แกน เรียกได้ว่าเป็นต้นไม้ใหญ่ที่เกิดในโมร็อกโกเพียงที่เดียว มีลักษณะลำต้นสูง 8-10 เมตร แถมยังมีอายุยืนถึง 150-200 ปี เลยนะ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นต้นไม้ที่มีลำต้นเป็นหนาม แต่เจ้าแพะเหล่านี้ก็สามารถเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับต้นอาร์แกนได้อย่างงายดาย แถมยังสามารถปีนขึ้นไปเก็บกินเมล็ดอาร์แกนได้อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้ลิงเลยทีเดียว หลังจากที่ได้เมล็ดอาร์แกนจากอึแพะ ทางเกษตรกรก็นำเมล็ดของมันไปสกัดเป็นน้ำมันเพื่อนำไปส่งขาย ซึ่งน้ำมันที่สกัดจากผลอาร์แกนก็ได้รับความนิยมในท้องตลาดเป็นอย่างมาก เพราะน้ำมันจากผลอาร์แกนนั้น มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนริ้วรอย…
-
เรื่องราวน่าสนใจของรถ “Bugatti” รุ่นหายากที่ถูกพบอยู่ใต้ก้นทะเลสาบในสวิตเซอร์แลนด์
ถ้าให้พูดถึงยี่ห้อรถหรูนั้น ปกติแล้วบ้านเราอาจจะนึกถึงรถอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ เช่น Mercedes-Benz , BMW , Ferrari หรือ Lamborghini เป็นต้น แต่สำหรับรถหรูสายพันธุ์ฝรั่งเศสอย่าง Bugatti นั้นอาจจะไม่แพร่หลายในบ้านเราสักเท่าไหร่ ซึ่งเจ้ารถยี่ห้อ Bugatti นี้ถือเป็นอีกหนึ่งเพชรน้ำงามของรถยุโรปไม่แพ้ยี่ห้ออื่นๆ เลยล่ะ นั่นก็เลยเป็นสาเหตุทำให้ในครั้งนี้ #เหมียวมุ่ทู่ เลยขอหยิบเรื่องเล่าเกี่ยวกับรถหายากจากแบรด์ดังกล่าวมาให้อ่านกัน… เรื่องในครั้งนี้เป็นเรื่องของ Bugatti Type 22 Brescia Roadster รุ่นสั่งทำพิเศษปี 1925 ที่ถูกค้นพบใต้ทะเลสาบแห่งหนึ่งบริเวณชายแดนประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี ซึ่งมันถูกกู้ซากขึ้นมาเมื่อปี 2009 และคาดว่าจมอยู่บริเวณนั้นมาตั้งแต่ปี 1935 แล้ว เดิมทีเจ้ารถคันนี้ถูกสร้างที่เมือง Brescia ประเทศอิตาลีและได้รับการลงทะเบียนรถอย่างถูกต้องที่ประเทศฝรั่งเศส โดยป้ายทะเบียนของรถได้เขียนไว้ว่า “George Nielly, 48 Rue Nollet, Paris” ทำให้คาดว่า George Nielly คงจะเป็นชื่อของเจ้าของในตอนนั้น เมื่อมาถึงจุดหนึ่งตัวรถก็ต้องถูกเปลี่ยนมือไปสู่เจ้าของใหม่ จากรายงานได้บอกว่าผู้รับช่วงต่อนั้นก็คือ René Dreyfus ผู้เป็นนักแข่งระดับตำนาน แต่แล้วตัวรถก็อยู่ในมือของเขาได้ไม่นาน เพราะในปี 1934 ตัวรถก็ต้องตกไปอยู่กับ…
-
สาวจีนท้าให้แฟนหนุ่มที่มาขอแต่งงาน “กระโดดลงแม่น้ำ” เพื่อต้องการพิสูจน์รักแท้!!
หลายคนที่มีความรัก คงอาจจะเคยลองพิสูจน์รักแท้กับคู่รักของคุณมาบ้างแล้ว ซึ่งเราก็เข้าใจนะว่าการพิสูจน์รักแท้ของแต่ละคนก็มีวิธีที่แตกต่างกันออกไป ดูอย่างหญิงสาวรายนี้ที่บอกให้แฟนหนุ่มของตัวเองกระโดดแม่น้ำ เพื่อต้องการพิสูจน์ว่าเขารักเธอจริงหรือไม่? วันที่ 3 กรกฎาคม 2560 ทางเว็บไซต์ Rocketnews24 ได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีการขอแต่งงานของคู่รักหนุ่มสาว บนกลางสะพานข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่งในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน จากคลิปวีดีโอแสดงให้เห็นถึงวินาทีที่ชายหนุ่มกำลังคุกเข่ายื่นช่อดอกไม้ให้แฟนสาว พร้อมกับได้ขอเธอแต่งงานท่ามกลางผู้คนมากมายที่อยู่บริเวณนั้น เรียกได้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่โรแมนติกมากจริงๆ แต่ทว่า เรื่องราวมันอาจจะไม่จบลงง่ายๆ เหมือนคู่รักทั่วๆ ไป ที่แฟนหนุ่มคุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงานแล้วแฟนสาวจะตอบตกลงทันที เพราะทางหญิงสาวคนนี้ เธอได้ถามแฟนหนุ่มกลับว่า “คุณรักฉันจริงไหม ถ้าคุณรักฉันจริงก็กระโดดแม่น้ำเพื่อพิสูจน์รักแท้สิ แล้วฉันจะตกลงแต่งงานด้วย” งานนี้ เล่นเอาผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็พากันตะโกนเชียร์ให้ชายหนุ่มกระโดดน้ำว่า “กระโดด กระโดด กระโดด” ส่วนทางด้านชายหนุ่มก็แอบลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็ได้ตัดสินใจกระโดดลงแม่น้ำเพื่อพิสูจน์รักแท้ทันที อย่างไรก็ตาม ทางด้านสื่อจีนก็ได้ติดต่อไปยังผู้บันทึกวีดีโอ และได้ทราบว่าชายหญิงคู่ดังกล่าวไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือมีความรักกันจริงๆ งานนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพียงแค่การจัดฉาก หรือเพราะชายหนุ่มโมโหที่ขอแต่งงานไม่สำเร็จกันแน่ และนี่คือคลิปวีดีโอวินาทีขณะที่ชายหนุ่มขอแฟนสาวแต่งงาน ลองไปรับชมกันเลย ที่มา : rocketnews24
-
แหม่~ ใครว่างานสบาย พาชมชีวิตการเป็นเจ้าหน้าที่ “เลี้ยงแพนด้า” มันเหนื่อยนะโว้ยย
แพนด้าเป็นสัตว์ที่อยู่ในวงศ์ตระกูลเดียวกับหมี ด้วยรูปร่างและลักษณะนิสัยที่ขี้เล่นน่ารักของมันตั้งแต่เด็กๆ ทำให้มันกลายเป็นสัตว์ที่เหล่ามนุษย์อย่างเราอยากอยู่ใกล้ด้วยอีกชนิดนึงเลย หนึ่งในวิธีการที่ทำให้คนอย่างเราๆ สามารถที่จะใกล้ชิดกับแพนด้าได้นั้นคือการเป็นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ที่ดูแลในส่วนของแพนด้าซึ่งถือเป็นความฝันของใครหลายๆ คนที่จะได้อยู่กับเจ้าแพนด้าและได้กอดรัดฟัดฟอดกับมันทุกวัน แต่หารู้ไม่ว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย!! ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ #เหมียวปั๊ก จะพาเพื่อนๆ ไปชมคลิปวิดีโอหลักฐานการทำงานอันแสนยากลำบากของพนักงานกับเจ้าแพนด้าตัวป่วนกัน ทุกเช้าที่ต้องออกมากวาดใบไม้ คุณอาจจะโดนแย่งไม้กวาดได้ หนักๆ หน่อยพกมันก็อาจจะประท้วงไม่ให้เข้ามาในกรงเลย วู้วว ~ สนุกจังเลย!! ใบไม้ ใบไม้!! นอนเล่นสบายใจเฉิบเลยนะเราหน่ะ ชมคลิปวิดิโอเต็มได้ที่นี่เลย ทั้งน่ารักแล้วก็ซนในเวลาเดียวกัน #เหมียวปั๊ก เห็นแบบนี้แล้วก็ยอมนะ ถึงจะเหนื่อยหน่อย แต่ถ้าได้อยู่กับเจ้าอ้วนปุกปุยแบบนี้ก็น่าจะหายเหนื่อยนั้นแหละ ที่มา: youtube
-
บริษัทสหรัฐเตรียมขาย “เนื้อเพาะแลป” ในปี 2018 ไม่ต้องเลี้ยงไม่ต้องฆ่า ให้เสียเวลาอีกแล้ว!!
เราคงจะคุ้นเคยกับการกินพืชผักที่เก็บได้จากการเพาะปลูกในพื้นที่ต่างๆ หรือจะเก็บได้ตามธรรมชาติก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าปัจจุบันนี้เราสามารถที่จะ “เก็บเนื้อ” จากการเพาะปลูกเขาเราได้ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติอเมริกาอย่าง Hampton Creek ได้ออกมาประกาศเปิดตัวว่าพวกเขาจะจะนำเนื้อที่ได้จากการเพาะออกมาจำหน่ายเพื่อการบริโภคในปี 2018 ที่จะถึงนี้ ซึ่งนี่สามารถที่จะเรียกเสียงฮือฮาให้แก่เหล่าชาววีแกนที่ใส่ใจต่อสัตว์เป็นอย่างมาก Hampton Creek ไม่ได้เป็นบริษัทเดียวที่มีแนวคิดในการวางขายเนื้อเพาะ แต่ยังมีบริษัทอย่าง Memphis Meat ที่ออกมาประกาศว่าจะวางขายเนื้อเพาะในปี 2021 ด้วยสัญญาณการเปลี่ยนแปลงจาก 2 บริษัทนี้ นี่อาจจะเป็นผลกระทบต่อวงการธุรกิจอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ก็เป็นไปได้ แนวคิดการเพาะเนื้อเพื่อการบริโภคนั้นมีโอกาสที่จะสามารถเข้ามาแทนที่การเลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภคแบบเก่าได้ เนื่องจากจำนวนสัตว์ที่ต้องทำการเลี้ยงเป็นจำนวนมากนั้น ทำให้ใช้พื้นที่ในการผลิตมากตามไปด้วยเช่นกันในขณะที่การเพาะเนื้อสามารถที่จะลดปัญหาเรื่องพื้นที่ลงไปได้ เรื่องโรคระบาดในสัตว์ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งเช่นกัน เนื่องจากการเลี้ยงที่แออัดสามารถทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้เร็วอีกทั้งเชื้อโรคเหล่านี้สามารถดื้อยาและกลายพันธุ์ติดต่อมาสู่คนได้อีกด้วย การเลี้ยงแบบเก่าที่แออัดสามารถทำให้เชื้อดื้อยาได้ นอกจากนั้นการอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภคแบบเก่านั้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโลกร้อนหรือภาวะเรือนกระจก เนื่องจากการเลี้ยงนั้นสามารถที่จะปล่อยก๊าซมีเทนที่มาจากการผายลมของสัตว์ โดยก๊าซมีเทนนี้สามารถสร้างภาวะเรือนกระจกได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่า อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์สามารถปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศจำนวนมาก ถึงแม้ว่าทางบริษัท Hampton Creek จะยังไม่ประกาศวันและสถานที่สำหรับการปล่อยผลิตภัณฑ์แน่นอน แต่นี่ก็ถือเป็นอีกสัญญาณที่น่าจับตามองเช่นกัน และสำหรับใครทีต้องการจะติดต่อผลงานและข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท Hampton Creek ก็สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ที่นี่ได้เลย ที่มา: smart-farm , businessinsider
-
ดักแก่!! รวม “ภาพพักหน้าจอ” คอมจากอดีต ที่เชื่อว่าเรามักจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี!!
เราคงจะรู้จักกับคอมพิวเตอร์กันเป็นอย่างดี และหากเราไม่ได้ใช้งานคอมพิวเตอร์นานๆ หน้าจอก็อาจจะขึ้นเป็น Screen Saver ที่เราตั้งค่าไว้เพื่อพักหน้าจอโดยมีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบ แต่ไม่ว่าเพื่อนๆ จะเป็นวัยรุ่นยุค 90′ หรือยุค Millennium #เหมียวปั๊ก ก็มีความเชื่อว่าเพื่อนๆ ก็อาจจะเคยเห็นเจ้า Screnn Saver แบบนี้มาก่อนแหละน่า ~ เขาวงกตมหาสนุก ท่องไปในโลกของวินโดว ~ บ้านพิศวง คุณลุงรอโทรศัพท์ ท่อหรรษา ชิพลอยหาย~ สถานีอวกาศ เดินทางด้วยความเร็วแสง ตัวอักษรสามมิติ อันนี้ Classic สุดๆ รูปทรงที่เปลี่ยนตลอดเวลา รูปทรงซ้อนทับไปมา แต่ละอัน #เหมียวปั๊ก ยอมรับเลยว่าเกิดไม่ทัน (จริ๊งๆ ~) แต่ถ้า #ประธานเหมียว…
-
เมื่อเจ้าหมาใกล้ตาย พบกับ “เด็กชายออทิสติก” จากนั้นชีวิตของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
มีเรื่องราวดีๆ มากมายบนโลกนี้ที่ยังไม่ได้ถูกบอกต่อเหมือนกับเรื่องราวของเจ้าสุนัขใกล้ตายตัวหนึ่งที่หมดอาลัยตายอยากกับชีวิตกับเด็กออทิสติกวัย 8 ขวบ ผู้เหงาและโดดเดียว Jonny Hickey เด็กน้อยวัย 8 ขวบผู้เป็นออทิสติกทนอยู่กับเหงาและโดดเดี่ยว ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถเข้ากับครอบครัวของเขาได้เป็นอย่างดี แต่การปฏิสัมพันธ์กับคนนอกครอบครัวนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับเขา Jonny Hickey วัย 8 ขวบ ผู้เป็นออทิสติก ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของ Dekalb Animal Services นั้นสามารถช่วยเหลือเจ้าลูกสุนัขอย่าง Xena ที่สภาพของมันย่ำแย่มากเนื่องจากความอดอยาก Chrissy Kaczynski สมาชิกผู้ก่อตั้ง Canine Caravan Rescue ซึ่งเป็นเพื่อนขององค์กรกู้ภัยสัตว์ของ Dekalb กล่าวว่า “ตลอด 12 ปีที่ผ่านมานี้ ฉันไม่เคยเห็นสภาพของสุนัขที่ย่ำแย่ได้มากขนาดนี้มาก่อน” สภาพของ Xena ที่ถูกช่วยมาจากข้างถนน หลังจากที่เรื่องราวของ Xena ได้แพร่ออกไป คุณแม่ของหนุ่มน้อย Jonny ก็ได้สนใจที่จะรับเลี้ยงมัน เธอได้ติดต่อไปยังศูนย์ Dekalb Animal Services เพื่อรับเลี้ยงเจ้าสุนัข Xena…
-
ช่างภาพถ่ายเศษซากดาว ‘Tatooine’ แฟนหนัง Star Wars จึงรวมเงินกันบูรณะให้เหมือนใหม่
ใครที่เคยชมภาพยนตร์มหาสงครามแห่งอวกาศอย่าง Star Wars คงรู้จักกับดาว Tatooine กันเป็นอย่างดี และอย่างที่ทราบกันดาวที่ว่านี้ถูกสร้างขึ้นจริงๆ เพื่อใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับทะเลทราย Chott el Djerid ประเทศตูนีเซีย แต่หลังจากที่การถ่ายทำเสร็จเรียบร้อย ฉากของเมืองดังกล่าวกลับถูกทิ้งให้รกร้าง และกลายเป็นที่อยู่ของชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทรายที่ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่หลบความร้อนจากแสงแดด คุณ Rä di Martino ได้เดินทางไปยังเมืองแห่งนี้เมื่อปี 2010 และบันทึกภาพบรรยากาศต่างๆ ภายใน เธอเล่าว่า “ฉันมาถึงที่นี่ได้จากแผนที่ของกูเกิล ฉันได้พบกับคนขับรถที่จะสามารถพาฉันมาที่นี่ได้ เราเดินทางมาไกลจากชายแดนของประเทศแอลจีเรียประมาณ 15 กิโลเมตร” ช่างภาพสาวยังบอกอีกว่า “มันเหลือแต่ซากปรักหักพัง ที่นี่เหมือนเศษซากของขยะจากประเทศที่ร่ำรวย” แต่หลังจากที่ผลงานของเธอถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีแฟนๆ หนังจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับคำว่า “ขยะ” ที่เธอใช้เรียกดาวบ้านเกิดของสกายวอร์คเกอร์ เหล่าแฟนหนังได้รวบรวมเงินกันเพื่อใช้ในการบูรณะสถานที่ดังกล่าวให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว พวกเขาใช้เวลาถึง 4 วันและงบประมาณกว่า 11,000 เหรียญหรือประมาณ 3 แสนบาทในการซ่อมแซมพื้นที่ดังกล่าวร่วมกับผู้คนในพื้นที่ เศษซากปรักหักพังของดาว Tatooine . . อุปกรณ์ประกอบฉากต่างๆ ยังคงอยู่ที่เดิม . .…
-
ตำรวจลงมือสังหารหนุ่มลูกครึ่งเอเชียวัย 20 ปี เพียงเพราะสงสัยว่าเขาพกอาวุธมีด
เหตุการณ์น่าสลดนี้เกิดขึ้นกับหนุ่มน้อยวัย 20 ปี Tommy Le เขาถูกเจ้าหน้าที่นายหนึ่งยิงเสียชีวิต หลังจากที่ถูกสงสัยว่าพกอาวุธมีด แต่สุดท้ายกลับพบว่าเขาไม่ได้มีอาวุธซ่อนไว้แต่อย่างใด ทางสถานีตำรวจ King County ในเมืองซีแอตเทิลกล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมาเด็กหนุ่มคนดังกล่าวได้เดินเข้ามาใกล้เจ้าหน้าที่พร้อมกับถือบางอย่างไว้ในมือ เจ้าหน้าที่สงสัยว่า Tommy จะมีอาวุธมีดอยู่ในมือจึงได้ยิงไปที่หนุ่มน้อยลูกครึ่งเวียดนาม – อเมริกันถึง 3 นัด Tommy ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาเจ้าหน้าที่กลับเปิดเผยว่าสิ่งที่อยู่ในมือ Tommy เมื่อวันเกิดเหตุนั้นเป็นเพียงแค่ปากกา หนุ่มน้อยผู้ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า ก่อนหน้าวันที่เขากำลังจะเข้าพิธีสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมที่โรงเรียน South Seattle College Tony Dinh เพื่อนของหนุ่มน้อยคนหนึ่งกล่าวว่า “ภาพของเหตุการณ์ที่ Tommy ถูกยิงถึง 3 นัดยังคงติดอยู่ในใจผมอยู่เลย ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงถูกยิง ทั้งๆ ที่ในข่าวบอกว่าเขาแค่ถือปากกาเท่านั้น มีคำถามมากมายสำหรับการตายของเขา แล้วใครจะรับผิดชอบกับการตายของเขา” ส่วนทางด้านคุณครูของ Tommy ก็ออกมาบอกว่าเขาเป็นเด็กที่เรียบร้อยและไม่เคยกร้าวร้าวเลยแม้แต่น้อย “ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเขา เขาไม่เคยทำเรื่องแย่ๆ เลยในโรงเรียนและไม่เคยทำนิสัยก้าวร้าวเลย” คุณ Peterson กล่าว ที่มา nypost
-
นักวิจัยเผย Harry Potter เป็นสาเหตุทำให้เกิดตลาดมืดซื้อขายนกฮูก ในประเทศอินโดนีเซีย…
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ทางนักวิจัยเชื่อว่า ในประเทศอินโดนีเซีย ความนิยมของนิยายชื่อดังอย่าง Harry Potter อาจเป็นตัวการสำคัญที่จะนำไปสู่การค้านกฮูกในตลาดมืดเพิ่มมากขึ้น ในการศึกษาใหม่ในวารสาร Global Ecology and Conservation ทาง Vincent Nijman หนึ่งในผู้ร่วมงานวิจัยได้อธิบายถึงสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “ผลของ Harry Potter” ว่า… “ในอดีตนกฮูกได้รับการเสนอซื้อขายในจำนวนที่น้อยมากในตลาดนกเหล่านี้ แต่นับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวหนังสือ Harry Potter ในอินโดนีเซีย ในช่วงต้นทศวรรษที่ 2000 เป็นต้นมา ความนิยมของนกฮูกในฐานะสัตว์เลี้ยงก็เพิ่มมากขึ้น… หลังจากที่ผู้แต่ง J.K. Rowling ได้ออกหนังสือเล่มแรกในปี พ. ศ. 2540 โดยในหนังสือได้แสดงให้เห็นถึงนกฮูกหิมะสีขาวของ Harry Potter ที่ชื่อว่า Hedwig นั่นเอง” จากการรายงานระบุว่า ในอดีตมีการค้านกฮูกในประเทศอินโดนีเซียน้อยมาก แต่ในปัจจุบันนกฮูกจากหลากสายพันธุ์สามารถหาซื้อได้ง่ายมากขึ้น ซึ งมันถือเป็นข่าวร้ายสำหรับสมาคมอนุรักษ์นกเป็นอย่างมาก โดยในตลาดนกขนาดใหญ่อาจมีนกฮูกกว่า 8…
-
หญิงสาวเล่นพิเรนทร์ แกล้งแฟนให้อ้วกแตก ทำขนมปังปิ้งยัดซากแมงมุมให้กิน!!
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2560 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอช่วงเวลาชวนสยองขณะที่ Kirsty Matthews หญิงสาวผู้ที่ได้แกล้งแฟนหนุ่มของตัวเอง โดยการแอบนำเจ้าแมงมุมที่ตายแล้ว ไปใส่ไว้ในขนมปังปิ้งที่เตรียมไว้ให้เขา งานนี้บอกเลยว่าเล่นเอาแฟนหนุ่มถึงขั้นร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ จากคลิปวีดีโอปรากฏให้เห็นเป็นภาพของ Daniel Brookes ผู้เป็นแฟนหนุ่มที่กำลังนั่งทานมื้อเที่ยงนั่นคือ เมนูขนมปังปิ้งไส้ชีสสุดโปรดของเขาอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่ไม่ได้นึกถึงส่วนผสมแปลกๆ ที่อยู่ภายในผสมปังเลย แต่เมื่อทานไปทานมา Daniel ก็รู้ตัวว่ามีบางอย่างในขนมปังที่ดูผิดปกติ ด้วยเหตุนี้ เขาเลยลองตรวจสอบดูและพบว่ามีซากแมงมุมที่ตายแล้วซ่อนอยู่ งานนี้เลยทำให้เขาถึงกับร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจทันที ซึ่งหลังจากที่คลิปวีดีโอดังกล่าว ได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตหลายต่อหลายคนก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีผู้ใช้รายหนึ่งได้กล่าวว่า “นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย มันเลวร้ายมาก” ลองไปรับชมคลิปวีดีโอกันเลย ที่มา : mirror, dailymail
-
ค้นพบวัตถุนาซีโบราณจำนวนมาก ถูกเก็บซ่อนอยู่ภายในบ้าน ของนักสะสมงานศิลปะ!!
หนึ่งในความน่าสะพรึงกลัวของประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คงจะหนีไม่พ้นเรื่องราวของ Adolph Hitler ผู้นำเผด็จการนาซีเยอรมนี ที่ได้ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวมากกว่า 3 ล้านคน และถึงแม้ว่าจะมีขบวนการต่อต้านฮิตเลอร์จอมโหดเกิดขึ้น แต่ก็เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีบางคนที่ชื่นชอบ และต้องการระลึกถึงพวกนาซีอยู่เสมอ บางคนถึงขั้นเก็บรวบรวมสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ของนาซีเอาไว้ เพราะด้วยความเลื่อมใสศรัทธา แต่ถึงกระนั้นก็ต้องคอยหลบหลีกการจับกุมของตำรวจ เนื่องจากสิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีการรายงานว่า ทางตำรวจสหพันธรัฐในอาร์เจนตินา ได้ค้นพบสิ่งของที่ผิดกฎหมายของนาซีที่ซ่อนอยู่หลังห้องสมุดภายในบ้านของนักสะสมงานศิลปะในกรุงบัวโนสไอเรส ซึ่งมีจำนวนมากถึง 75 ชิ้นเลยทีเดียว โดยสิ่งของที่ถูกค้นพบภายในบ้านหลังนี้ เป็นของพวกนาซีทั้งหมด โดยมีตั้งแต่กล่องมีด อุปกรณ์ทางการแพทย์ อาวุธ รวมไปถึงภาพลับๆ ของ Adolph Hitler จากการรายงานระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกเข้าไปยังบ้านดังกล่าวที่มีคลังสิ่งของผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2017 หลังจากที่ได้รับแจ้งถึงเบาะแสการมีสิ่งของผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง และเมื่อทางตำรวจได้เข้าไปภายในบ้านพวกเขาก็พบกับชั้นวางหนังสือลึกลับ และได้พบกับสิ่งประดิษฐ์และวัตถุโบราณหลายอย่างของพรรคนาซี ใครจะไปรู้ล่ะว่าด้านหลังตู้หนังสือภายในบ้านหลังนี้ ความจริงแล้วเป็นห้องเก็บของลับ ที่เจ้าของบ้านได้เก็บรักษาของที่ระลึกของนาซีเอาไว้ทั้งหมด ทางด้านนักวิจัย และทีมผู้เชี่ยวชาญได้ทำการตรวจสอบแล้วว่า ของทั้งหมดที่ถูกค้นพบนี้ล้วนเป็นของจริงทั้งหมด…
-
เราจะไม่ทน!! รวมไอเดีย 18 ของใช้ที่ชาวญี่ปุ่นพัฒนาขึ้น เพื่อต่อกรกับปัญหาร้อยแปดพันเก้า
ญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำ บางอย่างอาจจะดูแปลกๆ ในขณะที่บางอย่างก็ดูอัจฉริยะเสียเหลือเกิน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเจ๋งจริงๆ นะ เหมือนกับสิ่งประดิษฐ์ต่อไปนี้ที่ชาวญึ่ปุ่นคิดค้นขึ้นมา เพื่อทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของนั้นมีความง่ายและสะดวกสบายขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง 1. ที่นั่งรถไฟหมุนได้ สำหรับคนที่ไม่ชอบนั่งมองด้านหลังของเก้าอี้ด้านหน้าเฉยๆ ก็สามารถปรับเก้าอี้ตัวเองให้หันไปต่างที่ต้องการได้ 2. หมวกนิรภัยที่มีช่องสำหรับผมหางม้า แม้แต่เรื่องเล็กๆ ของผู้หญิงผมยาว ญึ่ปุ่นก็ไม่เคยมองข้าม แบบนี้สิผมจะได้ไม่เสียทรง 3. ที่นั่งสำหรับทารกในห้องน้ำสาธารณะ สำหรับคนที่มีลูกน้อย คุณไม่ต้องแบกลูกตอนทำธุระส่วนตัวอีกแล้ว เพราะมีเก้าสำหรับทารกในห้องน้ำที่จะทำให้การขับถ่ายของคุณง่ายขึ้น 4. คาเฟ่สำหรับคนขี้เหงา ถ้าคุณไม่ชอบนั่งคนเดียวในร้านกาแฟ นี่จะเป็นทางเลือกสำหรับคุณ เพราะทางร้านจะมีตุ๊กตานุ่มนิ่มมานั่งเป็นเพื่อน เพื่อคลายความเหงาใจ 5. ทางข้ามม้าลายแนวเฉียง ปกติตามสี่แยกจะไม่มีทางข้ามม้าลายตรงกลางสี่แยก แต่ที่ญี่ปุ่นมีนะ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางการเดิน ทำให้รวดเร็วมากขึ้นไปอีก 6. แท่นจับแท็บเล็ต แท่นจับแท็บเล็ตจะทำให้มือของคุณเป็นอิสระมากขึ้น เพราะไม่ต้องจับแท็บเล็ตให้เมื่อยมืออีกแล้ว จะนั่งจะนอนก็สะดวกเหมือนกัน 7. แว่นตากันแดดสำหรับสุนัข สำหรับคนที่ชอบพาน้องหมาออกไปเดินเล่นกลางแจ้ง บางทีพวกมันอาจไม่ชอบแดดก็ได้ ญี่ปุ่นเข้าใจเรื่องนี้ดีเลยทำแว่นเพื่อพวกมันซะเลย 8. ไมโครโฟนเก็บเสียง ถ้าคุณเป็นคนชอบร้องคาราโอเกะ แต่บางทีก็กลัวมันจะไปรบกวนคนอื่น…
-
เซอร์ไพรส์ไปอีก!! แรคคูนบุกเข้าบ้าน ขโมยอาหารไม่พอ นอนตีพุงสบายใจเฉิบเลยนะเอ็ง
เป็นใครก็ต้องเซอร์ไพรส์เมื่อเจอแขกไม่ได้รับเชิญบุกขึ้นบ้าน แถมยังนอนแผ่อ้าซ่าเหมือนกำลังอยู่ในบ้านตัวอย่างนั้นแหละ อย่างรอบครัวนี้ที่กลับบ้านมาเจอเจ้าแรคคูนบุกขึ้นบ้าน มันเข้ามาทางประตูแมว แล้วก็มานอนสบายอยู่ในบ้านโดยไม่เกรงกลัวว่าเจ้าของจะกลับมา เมื่อกลับมาถึงบ้าน Marek Chapanionek และภรรยา Caroline ก็พบความผิดปกติภายในบ้าน จึงมองหารอบๆ เพื่อหาที่มาของความผิดปกติดังกล่าว Marek บอกว่า “ตอนแรกผมได้ยินเสียงแปลกๆ ก็คิดว่าเป็นเสียงแมวที่เลี้ยงไว้ แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้องอาหาร แมวก็วิ่งผ่านผมไป ตอนนั้นคิดแล้วว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” และทันใดนั้นเขาก็จ๊ะเอ๋เข้ากับเจ้าแรคคูน พร้อมกับวิ่งพุ่งเข้าใส่กระเป๋าของภรรยา แล้วก็คว้าซีเรียลบาร์ออกจากกระเป๋าติดมือไปด้วย จากนั้นก็ขึ้นไปยังห้องนอนของลูกสาว หลังจากที่ตามมันขึ้นไปบนห้อง Marek ก็เห็นมันกำลังค้นลิ้นชักภายในห้องนอนของลูกสาวอย่างมันมือ… ตอนนั้นทุกคนได้แต่คอยตามดูว่ามันทำอะไรบ้าง โดยไม่กล้าเข้าไปใกล้ แต่ก็พยายามต้อนมันไปที่ระเบียงพร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่จาก RSPCA ให้มาจัดการกับเจ้าแรคคูนขี้ขโมยตัวนี้ เจ้าหน้าที่มาถึงบ้านหลังดังกล่าวในเช้าวันรุ่งขึ้น นั่นเป็นเวลาที่เจ้าแรคคูนได้นอนอย่างเต็มอิ่มแล้วบนที่นอนของแมว ส่วนเจ้าของบ้านก็แทบไม่ได้นอนเลย มัวแต่นั่งเฝ้ามันเพราะเกรงว่ามันจะก่อเรื่องวุ่นวายอีก Marek กล่าวเสริมว่า “ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงของใครบางคนนะ เพราะมันรู้จักวิธีเปิดประตูเป็นอย่างดีเลย” ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจาก RSPCA ว่าแรคคูนถูกนำเข้าประเทศเพื่อนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงมากขึ้น อย่างไรก็ตามทางสื่อไม่ได้รายงานว่าแรคคูนที่บุกเข้าไปในบ้านเขานั้น เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของหรือเป็นสัตว์ป่าที่มากันแน่ ว่าแต่ถ้ามันติดใจจะกลับมาอีกมั้ยนะ? บุกขึ้นบ้านครั้งเดียว เล่นซะคุ้มเลยนะ ที่มา mirror
-
ญี่ปุ่นเสนอลดราคา ทั้งค่าอาหารและค่าจัดงานศพ ให้ผู้สูงอายุที่สมัครใจยกเลิกใบขับขี่!?
การขับขี่บนท้องถนนของผู้สูงอายุในญี่ปุ่นนั้นถือภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของประชาชนในวงกว้าง เพราะเป็นถือเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดญี่ปุ่นได้แก้ปัญหานี้ด้วยการลดค่าอาหาร และลดค่าจัดงานศพให้กับผู้สูงอายุที่ยกเลิกใบขับขี่ เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่แทน!? จากผลการศึกษาระดับประเทศของญี่ปุ่นพบว่า อุบัติเหตุจากการจราจรลดลงอย่างมากตั้งแต่ปี 2005 แต่ในทางกลับกันก็พบว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่นั้นมีเหตุมาจากผู้สูงอายุ และมักจะจบลงด้วยการเสียชีวิตเสมอ อย่างกรณีของหญิงชราวัย 83 ปี ที่ขับรถขึ้นบนทางเท้าแล้วไปชนวัยรุ่นสองคนจนเป็นเหตุให้ทั้งสองคนเสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีชายวัยประมาณ 80 ปี ขับรถทะลุเข้าร้านสะดวกซื้อจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสองคน แต่เขากลับไม่สนใจแถมยังลงไปซื้อบุหรี่ในร้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปัจจุบันญี่ปุ่นมีอัตราผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงต้องมีการตรวจสอบความพร้อมกันหลายต่อหลายครั้ง เพื่อตรวจสอบผู้ขับขี่ที่อยู่ในสภาพสมองเสื่อม แต่เนื่องจากมีประชากรจำนวนมากจึงไม่สามารถตรวจได้ทั่วถึง ส่วนสาเหตุที่กลุ่มผู้สูงอายุมักทำให้เกิดอุบัติเหตุนั้น ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเกิดจากความจำของผู้สูงอายุที่มีอาการสับสนว่าอันไหนเบรก อันไหนคันเร่ง จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายนที่มา ตำรวจกรุงโตเกียวได้เปิดตัว Driving Graduation Certificate เป็นโครงการที่รัฐหวังจะสร้างแรงจูงให้ผู้สูงอายุเลิกขับขี่บนท้องถนนด้วยความสมัครใจ เมื่อผู้สูงอายุยกเลิกใบอนุญาตขับขี่ตัวจริง พวกเขาจะได้ใบรับรองที่มีลักษณะคล้ายใบขับขี่ โดยใบรับรองนี้สามารถใช้เป็นส่วนลดรถประจำทางได้ 50% และใช้ได้กับรถรางทุกชนิด นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นส่วนลดค่าแท็กซี่ 10% และใช้เป็นส่วนลดกับร้านอาหารบางแห่งได้ด้วย… โครงการนี้ได้สร้างแรงบันดาลให้ภูมิภาคอื่นๆ ทั่วญี่ปุ่นด้วย อย่างเช่นเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัด Aichi ผู้ขับขี่ที่มีอายุเกิน 75 ปี ต้องเข้ารับการทดสอบเพื่อทำใบขับขี่ใหม่ แต่ถ้าพวกเขาคิดว่ายังไงก็สอบไม่ผ่าน…
-
สหรัฐฯ วางแผนก่อตั้ง “กองทหารอวกาศ” เพื่อเสริมเป็นกองกำลังเหล่าที่ 6 ของประเทศ!?
ตอนเด็กๆ เรามักจะได้ดูการ์ตูนหรือการแสดงที่เกี่ยวกับตำรวจอวกาศ มันช่างเป็นอะไรที่เจ๋งแม้จะรู้ว่ามันเป็นแค่การสร้างขึ้นตามจินตนาการก็ตาม แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ อาจจะเกิดตำรวจหรือทหารอวกาศขึ้นมาจริงๆ ก็ได้นะ เพราะทาง House Armed Services Committee ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการลงคะแนนให้ก่อตั้ง “กองกำลังอวกาศสหรัฐฯ” ซึ่งเป็นกองกำลังใหม่ที่จะทำงานร่วมกับกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในการปฏิบัติภารกิจอวกาศที่กำลังดำเนินในปัจจุบันด้วย หากกองกำลังอวกาศสหรัฐฯ เกิดขึ้นจริง ก็จะกลายเป็นกองกำลังที่จัดตั้งขึ้นใหม่ครั้งแรกในรอบหลายปี จากที่ไม่เคยมีเพิ่มมาตั้งแต่ปี 1947 และเรื่องดังกล่าวได้ถูกยื่นเข้าสู่สภาอย่างกระทันหัน แม้แต่สมาชิกของ House Armed Services Committee ก็เพิ่งจะทราบเรื่องดังกล่าวได้เพียงไม่นาน ทำให้ไม่มีเวลามากพอที่จะพิจารณาทำการคัดค้านข้อเสนอดังกล่าว Michael Turner สมาชิกพรรค Republican จากรัฐโอไฮโอ บอกว่าเขาได้ยินเรื่องนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่ข้อเสนอนี้ถูกส่งไปถึงคณะอนุกรรมการฝ่ายยุทธศาสตร์แล้ว และเขาก็เพิ่งรู้ว่าช่วงเปิดลงคะแนนโหวตในเรื่องนี้ เขาก็ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมด้วย ตำรวจ (ทหาร) อวกาศมาแว้วววววววว!! อย่างไรก็ตามเรื่องการสร้างกองกำลังอากาศนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ เพราะฝ่ายที่คัดค้านกับการตั้งกองกำลังอวกาศ มองว่ามันไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ได้ และจะเป็นการเพิ่มปัญหาในการควบคุมกองกำลังมากกว่าเดิม แต่สำหรับฝ่ายที่สนับสนุนนั้นได้ให้เหตุผลเอาไวในทำนองที่ว่า กองกำลังอวกาศมีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์การป้องกันของสหรัฐอเมริกา เพราะมีการส่งอุปกรณ์สำรวจอวกาศออกไปเป็นจำนวนมาก และต้องได้รับการปกป้องเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย (ถ้าหากมีใครต้องการจะมาทำลาย) ที่มา independent
-
เทพธิดาสู่สรวงสวรรค์… Eileidh สาวน้อยป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ได้จากไปแล้วอย่างสงบ
หลังจากที่เมื่อไม่นามานี้เราได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับสาวน้อย Eileidh Paterson เด็กหญิงวัย 5 ขวบผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมหมวกไตระยะสุดท้าย ที่ได้เขาพิธีวิวาห์กับเพื่อนหนุ่มเมื่อเดือนที่แล้ว (อ่านข่าวเก่า สาวน้อย 5 ขวบป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ขอแต่งงานกับหนุ่มเพื่อนซี้ ทำฝันให้เป็นจริงก่อนตาย…) ล่าสุดทางเฟซบุ๊คเพจของเธอได้ออกมาเปิดเผยว่า เทพธิดาตัวน้อยได้จากโลกนี้ไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา… โรคร้ายในร่างกายหนูน้อยลุกลามไปที่ตับ หลังจากที่เธอได้รับการสแกนร่างกายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ก่อนที่อาการของเธอจะทรุดลงหนักและจากไปในที่สุด ข้อความจากทางเพจเฟซบุ๊คดังกล่าวบอกว่า “ทุกๆ หัวใจของเรารู้สึกเศร้ามาก ฉันรู้สึกเสียใจที่ต้องบอกทุกคนว่า Eileidh นางฟ้าตัวน้อยของเราได้จากโลกนี้ไปแล้วเมื่อเวลา 11 โมง 45 นาทีของวันที่ 1 กรกฎาคม” “โชคร้ายที่เราได้พบเจอในวันพฤหัสบดี หลังจากทำการสแกนอัลตราซาวด์แล้ว ก็พบว่าตับของเธอนั้นขยายตัวและเต็มไปด้วยมะเร็ง มันเป็นสิ่งที่ร้ายแรงกับเธออย่างมาก เธอใช้ลมหายใจสุดท้ายอยู่กับครอบครัว เธอชนะใจทุกๆ คนที่ได้พบเจอ และทุกคนก็จะคิดถึงเธอเสมอ” หลังจากที่ทราบข่าว ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเธอ หลายๆ คนรู้สึกเศร้าอย่างมาก หนึ่งในคอมเม้นต์จากชาวเน็ตบอกว่า “เธอได้รับความรักจากพวกเราที่นี่ทุกคน เราเสียใจอย่างมากที่เธอต้องจากไปแบบนี้” ชาวเน็ตร่วมแสดงความเสียใจต่อการจากไปของสาวน้อย …
-
สาวจีนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นว่านหางจระเข้ โชว์กินพืชมีพิษให้ดูสดๆ จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด!!
ว่านหางจระเข้สามารถใช้รักษาร่างกายได้ทั้งภายนอกและภายในร่างกาย อย่างเช่นนำมาใช้ในการรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกสำหรับภายนอก ส่วนภายในใช้รักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารโดยการทานส่วนที่เป็นวุ้น แต่ก็ใช่ว่าจะทานสุ่มสี่สุ่มห้าได้ เพราะว่านหางจระเข้มีหลายชนิดทั้งกินได้และกินไม่ได้ ทานมั่วๆ อาจเป็นอัตรายถึงชีวิตได้ เหมือนกับ Zhang สาวจีนวัย 26 ปีคนที่ ที่ทำการไลฟ์โชว์กินว่านหางจระเข้สดๆ จนสุดท้ายเกือบเอาชีวิตตัวเองไม่รอด จากการที่ Zhang ได้โชว์กินว่านหางจระเข้แบบสดๆ ไปนั้น เพราะเธอเข้าใจว่ามันเป็นพืชธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ยิ่งกินสดยิ่งให้ผลลัพธ์ที่ดี ในคลิปจะเห็นว่า หลังจากที่กินว่านหางจระเข้คำแรก เธอบอกว่า “อื้มม มันดีมากเลยค่ะ” แต่พอกินคำที่สองเธอเริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆ ก็เริ่มพูดกับกล้องว่า “หืออ ขมมากเลยอะ ยิ่งกินก็ยิ่งรู้สึกขม” เมื่อดูดีๆ ปรากฏว่าสิ่งที่เธอกำลังกินนั้นไม่ใช่ว่านหางจระเข้ แต่กลับกลายเป็น Agave Americana พืชมีพิษจากเม็กซิโกที่ไม่สามารถทานได้ Zhang บอกว่าจากการกินคำแรกก็ทำให้รู้สึกปากชาไปหมด และมีอาการร้อนในลำคอเหมือนถูกไฟไหม้ยังไงอย่างงั้น… ภายหลังเธอถูกหามส่งโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่า Zhang มีผื่นขึ้นตามตัวและมีแผลพุพอง คุณหมอจำเป็นต้องดูดเอาพืชมีพิษที่อยู่ในส่วนท้องของเธอออกมา เพื่อช่วยชีวิตเธอเอาไว้… จนในที่สุดเธอพ้นก็ขีดอันตราย เอาเป็นว่า ถ้าเจอพืชอะไรแปลกๆ ก็อย่าไปกินสุ่มสี่สุ่มห้าจะดีกว่านะ ที่มา shanghaiist
-
สาวยอมลงทุนบินตรงไปถึงอิหร่าน เพื่อไปช่วยเจ้าหมาปั๊กป่วย ที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน…
เพื่อนๆ หลายคนที่ชอบช่วยเหลือสุนัขนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าเราสงสารพวกมัน เนื่องจากในบางครั้งนั้นพวกมันไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และต้องการเพียงแค่โอกาสจากใครสักคน โดยในวันธรรมดาวันหนึ่งนั้น Izabella St. James ได้รับข้อความส่วนตัวในอินสตาแกรมจาก Katy Kargosha หญิงสาวชาวอิหร่านที่อาศัยอยู่ในเมือง New Orleans ประเทศสหรัฐอเมริกา “เธอส่งคลิปวิดีโอของเจ้าหมาปั๊กที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มาให้ฉันดู หลังจากที่ฉันเห็นใบหน้าเล็กๆ ของมันแล้ว ฉันก็ร้องไห้ออกมาเลย เจ้าหมาทำได้เพียงแค่เห่าและร้องไห้ ไม่อาจขยับตัวไปไหนได้เลย” Izabella กล่าว มันไม่สามารถที่จะยืนได้ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แม้แต่เรื่องง่ายๆ อย่างการกินก็ยากเช่นกัน เธอจึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือหมาปั๊กตัวนั้น โดยให้ทางฝั่งของบ้านรับเลี้ยงสัตว์ส่งมันมาที่อเมริกา แต่เรื่องราวไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคาดหวังเนื่องจากนโยบายการแบน 7 ชาติมุสลิม ทำให้การส่งเจ้าหมาปั๊กที่ป่วยตัวนี้จึงเป็นไปได้ยาก Izabella และ Katy พยายามสืบประวัติของเจ้าหมาปั๊กที่น่าสงสารตัวนี้จนรู้ว่าอาการที่มันเป็นอยู่นั้น เกิดมาจากการทารุณกรรมโดยครอบครัวเจ้าของคนเก่าของมัน มันถูกครอบครัวเก่าของมันทารุณกรรมจนเป็นเช่นนี้ “พวกเขาไม่ได้พาเจ้าหมาปั๊กไปหาหมอ พวกเขาเพียงแค่ปล่อยให้มันบาดเจ็บและพิการอยู่อย่างนี้” Izabella กล่าวเสริม หลังจากที่เจ้าปั๊กได้พบกับครอบครัวใหม่ในช่วงแรกดูเหมือนนี่จะเป็นสัญญาณที่ดีของมัน แต่ในเวลาต่อมาครอบครัวใหม่ของมันก็ไม่สามารถที่จะเลี้ยงมันได้เนื่องจากภาระงานที่เยอะ พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะคืนเจ้าสุนัขกลับไปที่ศูนย์รับเลี้ยงก่อนที่จะคืนให้แก่ครอบครัวเก่าที่สร้างบาดแผลให้มันตั้งแต่แรก และเรื่องก็เป็นไปที่คาดการณ์ไว้ ครอบครัวเก่าของมันไม่สามารถที่จะเลี้ยงมันได้จนตัวมันถูกทิ้งและพบอยู่ข้างทาง Izabella จึงรู้สึกว่าพอกันทีกับเรื่องแบบนี้…
-
ลีมูซีนมันเชยไปแล้ว!? หนุ่มเมืองผู้ดีบดตีนตะขาบรถถังคู่ใจ เพื่อเดินทางไปร่วมงานพรอม
งานพรอมถือเป็นอีกงานหนึ่งที่สำคัญในชีวิตวัยรุ่น เพราะนอกจากมันจะเป็นงานที่เราจะได้พบปะเพื่อนฝูงแล้ว ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ชวนคนที่เราชอบมาร่วมเต้นรำส่งท้าย เพราะอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ฉะนั้นจึงต้องเข้าร่วมให้ได้เพื่อทำให้ชีวิตวัยรุ่นนั้นสมบูรณ์ และการเดินทางไปงานพรอมส่วนใหญ่นั้น เพื่อความดูดีและเรียกเสียงฮือฮาได้ วัยรุ่นส่วนใหญ่จึงมักใช้รถลีมูซีนเป็นยานพาหนะสำหรับการเดินทาง แต่สำหรับ Brennan Boys เด็กหนุ่มวัยรุ่นอายุ 16 ปีนั้นกลับมีไอเดียที่แตกต่างออกไป Brennan Boys (ซ้ายสุด) และผองเพื่อนของเขา เขาคิดว่าการเดินทางโดยรถลีมูซีนนั้นเป็นอะไรที่ธรรมดาไปสำหรับเขา เขาจึงตัดสินใจที่จะยืมรถถังหนักกว่า 17 ตันของคุณตาของเขามาใช้เป็นพาหนะสำหรับการเดินทางไปงานพรอม!! “ผมขอคุณตาผมว่า มันจะเป็นไปได้ไหมที่จะเอารถถังไปงานพรอม ต้องขอบคุณคุณตาผมที่เป็นทั้งพลขับและคนจัดการเรื่องนี้ให้ครับ” Brennan กล่าว ในระหว่างการเดินทาง ก็มีคุณตาเป็นผู้ควบคุมเจ้ารถถังไปถึงที่หมาย โดยรถถังอายุ 30 ปีคันนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศออสเตรเลีย และเคยถูกขับเคลื่อนโดยนักบินกองทัพอากาศ RAF ของอังกฤษ แต่ปัจจุบันรถถังรุ่นนี้ถูกปลดประจำการไปหมดแล้ว คุณตาของ Brennan นามว่า Brian นั้นอดีตเป็นสารวัตรทหาร โดยปัจจุบันเขาสะสมยานพาหนะหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นรถจิ๊ปอเมริกันจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รถถังต่อสู้ขนาด 55 ตันและรถถังขนาดเล็กอื่นๆ ที่ใช้ประกอบในภาพยนตร์ Saving Private Ryan ด้วย นั่งรถถังไป…
-
ญี่ปุ่นเปิด ‘คาเฟ่สาว 2D’ ให้คุณได้นั่งดื่มกับสาวไอดอลการ์ตูน เสมือนได้นั่งต่อหน้าตัวจริง
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าญี่ปุ่นถือเป็นแหล่งศูนย์รวมสารพัดคาเฟ่ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่สัตว์ คาเฟ่กอด คาเฟ่ผี คาเฟ่งีบ และอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน!? ล่าสุดนี้ทางร้าน Blue Leaf Cafe ของญี่ปุ่นก็ได้เปิดตัวคาเฟ่ที่ให้ลูกค้ามานั่งดื่มนั่งทานร่วมกับสาว 2D สำหรับคนโสด คนเหงา หรือคนที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ หลายคนอาจจะงงว่าจะนั่งดื่มกับสาว 2D ได้อย่างไร? สำหรับบริการของคาเฟ่นี้จะทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนพิเศษที่ทางร้านได้จัดเตรียมไว้ให้ และตัวละครที่จะมาร่วมนั่งทานอาหารกับคุณด้วยก็คือ Hatsune Miku ตัวการ์ตูนไอดอลสาวเสมือนจริงนั่นเอง ด้วยความน่ารักและความสดใส แฟนคลับหลายคนก็อยากจะได้เจอตัวเธอจริงๆ บ้าง แต่สาวน้อย Miku ไม่ได้มานั่งทุกวันนะ เธอจะมานั่งบริการในร้านเพียงแค่ 5 วันเท่านั้น คือวันที่ 8, 9, 15, 16 และ 17 ของเดือนกรกฎาคม 2017 นอกจากนี้ทางร้านก็ยังมีเมนูพิเศษที่มาธีมของ Miku ระหว่างวันที่ 8 และ 31 กรกฎาคม เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 10…
-
บริษัทจีนคิดก้าวหน้า “เปลี่ยนจักรยานให้กลายเป็นแหล่งโฆษณา” เพื่อเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจ
ปกติเราจะเห็นการโฆษณามีอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นบนรถยนต์ บนถุงสินค้า บนถนน และอื่นๆ อีกมากมาย ล่าสุดในประเทศจีน ก็เกิดไอเดียทำป้ายโฆษณาบนจักรยาน เพื่อเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ ธุรกิจเช่าจักรยานในจีนนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนมีหลายๆ บริษัทเปิดแข่งขันกัน ดังนั้น Ofo ในฐานะหนึ่งในบริษัทให้เช่าจักรยานที่ใหญ่ที่สุดของจีน จึงได้ใช้ไอเดียการโฆษณาโดยใช้จักรยาน เพราะเป็นยานพาหนะที่ผู้คนในประเทศนิยมใช้สูงมากๆ Ofo เป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้เช่าจักรยานรายใหญ่ของจีน โดยมีจักรยานจำนวนมากที่ถูกตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนมินเนียน เพื่อโปรโมทภาพยนตร์ Despicable Me 3 ของ Universal Pictures ในประเทศจีน ส่วนภาพที่เราเห็นกันอยู่นี้ถ่ายในย่านธุรกิจของกรุงปักกิ่ง โดยนาย Edmond Lococo ผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีในประเทศจีน จะเห็นได้ว่าจักรยานของบริษัท Ofo นั้น เป็นสีเหลืองอยู่แล้ว ดังนั้นจึงแทบจะไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมาก แค่ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยลายของมินเนียนเท่านั้นเอง ทางด้านบริษัท Ofo เปิดเผยว่าจักรยานของทางบริษัทถูกเช่ามากที่สุดเป็นจำนวน 10 ล้านครั้งต่อวัน ดังนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจการโฆษณา โดยมีค่าเช่าแค่ 30 บาทต่อคันเท่านั้น หากจักรยานถูกเช่าเป็นจำนวนมากต่อวันในราคาที่ไม่แพงแบบนี้ แน่นอนว่ามันคุ้มค่ามากที่จะทำการโฆษณาผ่านตัวจักรยาน เพราะถ้าเทียบกับการโฆษณาด้วยวิธีอื่นแล้วมันมีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก อย่างไรก็ตามตอนนี้หลายๆ…
-
หนุ่มคุกเข่าขอสาวแต่งงาน และเซอร์ไพรส์น้องสาวเธอ ให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคู่ด้วย…
ความรักนอกจากจะเกิดจากความเข้าใจกันแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือการยอมรับในตัวตนของอีกหนึ่งคนนั่นเอง อย่างเช่นในเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ที่ฝ่ายชายนั้นมอบความรักให้กับแฟนสาวของเธอและยอมรับทุกสิ่งที่เป็นเธอ… ย้อนไปเมื่อปี 2010 ในงานมอเตอร์โชว์งานหนึ่ง คุณ Will Seaton ได้พบกับแฟนสาวของเขาคุณ Ashley Schaus จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มทำความรู้จักกันและเริ่มสานสัมพันธ์ของความรัก แต่ก่อนที่จะเริ่มความสัมพันธ์กันแบบคู่รัก หญิงสาวได้บอกกับชายหนุ่มว่าเธอนั้นมีน้องสาวที่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรมและเธอจำเป็นจะต้องดูแลน้องสาวอย่างใกล้ชิด “น้องสาวของฉันเป็นโรคดาวน์ซินโครมและเบาหวาน ฉันจำเป็นจะต้องดูแลเธออย่างใกล้ชิด ดังนั้นถ้าหากคุณรักฉัน คุณก็ต้องรักเธอด้วยเช่นกัน” คุณ Ashley กล่าว คุณ Ashley และ Hannah น้องสาวของเธอนั้นรักกันมาก ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดตั้งแต่เด็กๆ และมักจะทำกิจกรรมด้วยกันอยู่บ่อยๆ ดังนั้นน้องสาวจึงมีความสำคัญกับคุณ Ashley มาก และแล้วเมื่อทั้งคู่ทำความรู้จักกันมาจนถึงจุดที่พร้อมจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ในวันที่ 8 มีนาคมปี 2016 ชายหนุ่มตัดสินใจของเธอแต่งงาน แต่ไม่เพียงเท่านั้นคุณ Will ยังขอให้น้องสาวของคุณ Ashley กลายมาเป็นเพื่อนร่วมชีวิตคู่ของพวกเขาอีกด้วย ชายหนุ่มคุกเขาต่อหน้าน้องสาวของคู่หมั้น และขอให้เธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคู่ของพวกเขา “มันเป็นวินาทีทีน่าประทับใจมากๆ น้องสาวของฉันดูมีความสุขสุดๆ เราอาจไม่รู้ว่าในอนาคตเธอจะเจอผู้ชายที่แสนดีหรือเปล่า แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกประทับใจที่เธอได้รับช่วงเวลาดีๆ แบบที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรจะได้รับ” คุณ Ahsley กล่าว นอกจากนี้ในงานแต่งงานของทั้งสอง น้องสาวของคุณ…
-
ศิลปินญี่ปุ่นเปลี่ยนยุงจอมจิ้ม ให้ดูน่ารักใสๆ สไตล์อนิเมะ จะดูดเลือดแกให้หมดอีตาบ้า!!
ยุง สิ่งมีชีวิตที่แสนน่ารำคาญมากที่สุดในโลก หลายๆ คนอาจจะเกลียดเจ้าสัตว์จอมดูดนี้เข้าไส้กันเลยทีเดียว แต่เคยคิดกันบ้างหรือเปล่าว่าจริงๆ แล้วพวกมันอาจจะน่ารักเหมือนสัตว์ตัวอื่นๆ ก็ได้นะ อืม… แทบมองไม่เห็นภาพเลยใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ ถ้าอย่างนั้นลองไปชมภาพของเจ้ายุงที่เรานำมาฝากกันในวันนี้เลย.. รับรองคุณจะรู้สึกดีกับพวกมันมากขึ้นแน่นอน เจ้ายุงลายตัวนั้น… บรื๋ออออ มันจะไปน่ารักได้ยังไงฟระ!? ศิลปินชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งได้เปลี่ยนให้ยุงสัตว์ที่ใครหลายๆ คนเกลียดให้กลายเป็นหนูน้อยสุดน่ารักและอัพเดทลงบนทวิตเตอร์ @bionekojita ของเขา ภาพดังกล่าวคือภาพของยุงในร่างของสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่มาพร้อมชุดยูนิฟอร์มสุดเท่ ทำเอาหลายๆ คนที่เป็นแฟนการ์ตูนต้องยอมให้กับความน่ารักของเจ้ายุงตัวนี้เลยทีเดียว จากนั้นไม่นานภาพของสาวน้อยยุงก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตในญี่ปุ่นอย่างมาก ภาพดังกล่าวถูกรีทวีตมากถึง 8,000 ครั้งและมีผู้ถูกใจอีกจำนวนมาก ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย หลายๆ คนอยากรู้จักชื่อของเจ้ายุงตัวนี้ ชาวเน็ตท่านหนึ่งบอกว่า “ผมชอบการออกแบบจริงๆ รายละเอียดต่างๆ สวยงามมาก” ในขณะที่บางคนก็บอกว่า “ฉันไม่อยากโดนยุงตัวนี้กัดเลย” เจอยุงแบบนี้ตบไม่ลงเลยทีเดียวนะเนี่ย!? แหม๊… อยากจะรู้จังว่าเป็นยุงพันธุ์อะไรน้าาาา?? เจอยุงแบบนี้พูดได้คำเลยเลยว่า “อยากโดนกัด!!” ที่มา rocketnews24
-
ตามส่องบรรยากาศในงานเทศกาล Rainbow Gatherings มนุษย์ ‘ฮิปปี้’ ในยุค 2017
เมื่อกล่าวถึงเหล่า ‘ฮิปปี้’ เพื่อนหลายคนคงจะคิดถึงกลุ่มวัยรุ่นในช่วงยุคช่วง 100 ปีก่อน ที่ต้องขอบอกเลยว่ายุคนั้นผู้คนให้ความสนใจกับวิถีชีวิตแบบ ‘บุปผาชน’ เป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันนี้เรียกได้ว่าแทบจะหายไปหมดแล้ว หลงเหลือไว้เพียงแค่ภาพถ่ายและอุดมการณ์เรื่องเสรีภาพในการใช้ชีวิตอันแรงกล้าเท่านั้น สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับ กลุ่มที่มีชื่อว่า Rainbow Gathering หรือ ‘การรวมตัวของสายรุ้ง’ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มฮิปปี้ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในยุคปัจจุบัน ที่นี่จะเป็นศูนย์รวมของ ความรัก ความมีอิสรภาพ ไม่มีกฎ ไม่มีค่าเข้าร่วม และไม่มีลำดับชั้นหรืออำนาจใดๆ ระหว่างผู้คน ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะได้ทำการเต้นรำ ตีกลอง มีการทำเวิร์คช็อป นั่งสมาธิ กุมมือกัน ทำโยคะ หรือแม้แต่เสพยาหลอนประสาท เพราะทุกคนมีอิสระในการกระทำสิ่งต่างๆ แต่นั่นก็หมายความว่าจะต้องรับผิดชอบผลการกระทำของตัวเองด้วย และช่างภาพ Denis Vejas เองก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมทำกิจกรรมกับกลุ่ม Rainbow Gatherings มานานกว่า 8 ปีแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้มาใช้ชีวิตกันอยู่แบบนี้ไปตลอด แต่จะมีการกำหนดการจัดงานคล้ายกับเป็นเทศกาล ซึ่งจะมีการสลับสับเปลี่ยนไปเป็นแต่ละสถานที่ทั่วโลกเลยล่ะ …
-
ช่างภาพตั้งกล้องไว้ที่โคนต้นไม้ เพื่อสังเกตพฤติกรรมน่ารักๆ ของเหล่าสัตว์ป่าทั้งปวง…
เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมว่าในผืนป่าที่แสนกว้างใหญ่นั้นจะมีสัตว์อยู่กันซักกี่ตัวกันเชียว!? หลายๆ ครั้งที่เรามีโอกาสได้เข้าไปในป่า ก็มักจะไม่ค่อยได้พบกับเหล่าสัตว์ป่าตัวเป็นๆ ซักเท่าไหร่ จนบางครั้งก็เข้าใจไปว่าบางทีประชากรสัตว์ป่าอาจจะเหลือน้อยเต็มทีแล้วก็ได้ สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมชีวิตของเหล่าสัตว์ป่าผ่านการตั้งกล้องของ ForestBeat ที่ตั้งไว้ตลอดระยะเวลา 1 ปี ทำให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล และสัตว์ชนิดต่างๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา รวมไปถึงพฤติกรรมลับๆ ของพวกมันอีกด้วย!! เจ้ากล้องนี้ถูกติดตั้งไว้ที่บริเวณต้น Beech ในอุทยานแห่งชาติ Abruzzo National Park ในประเทศอิตาลี ด้วยฤดูกาลที่ผันเปลี่ยนไป เผยให้เห็นถึงสัตว์ชนิดต่างๆ มากมายที่วนเวียนกันมาเยี่ยมเยียนที่ต้น Beech แห่งนี้ บ้างก็เดินผ่านเฉยๆ บ้างก็แวะมาทำธุระปะปัง เช่นเจ้ากวางตัวนี้ที่แวะมาถ่ายรูปออกกล้องซักหน่อย แชะ!! เจ้าหมาป่าที่แวะมาชิ้งฉ่อง (คิดว่าไม่มีคนเห็นล่ะซิ อิอิ) เจ้าหมีที่แวะมาเกาหลัง ฮั่นแน๊ะ!! มีสะดุด คิดว่าไม่มีใครเห็นล่ะสิ 555+ ลองไปชมคลิปวิดีโอที่ถูกบันทึกเอาไว้แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…. ที่มา : Parco Abruzzo,…
-
หมารึแมวน้ำ!? Lu-Seal ชิวาว่าอ้วนฉุ ต้องเข้าคอร์สลดน้ำหนักจริงจัง เพื่อให้กลับมาผอมสุขภาพดี
ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเจ้า Lu-Seal หมาพันธุ์ชิวาว่า ที่ดูไปดูมาแล้วอาจไม่ใช่หมาแต่มันคือแมวน้ำตัวอ้วนฉุชัดๆ!!… เจ้า Lu-Seal วัย 9 ปี กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะป่วยเป็น ‘โรคอ้วน’ มีน้ำหนักตัวพุ่งสูงขึ้นไปถึง 7.2 กิโลกรัมเลยทีเดียว (ทั้งๆ ที่เป็นหมาตัวเล็กแท้ๆ) ด้วยความที่เป็นหมาอ้วน จะเดิน หรือขยับตัวไปทำอะไรก็ลำบาก วันๆ เอาแต่นอนและก็กินอย่างเดียว ก็เลยทำให้เจ้าของคนก่อนของมันเบื่อ และพามันไปทิ้งที่สถานสงเคราะห์ ความอ้วนของมันส่งผลให้ข้อต่อ และเอ็นบริเวณหัวเข่าฉีกขาด จนทำให้มันเดินได้อย่างยากลำบากเหลือเกิน แต่ก็ต้องขอขอบคุณคุณ Julia Morley ที่ได้ให้โอกาสในการมีชีวิตใหม่กับมันอีกครั้งหนึ่ง และนอกจากจะให้บ้านใหม่กับมัน เธอยังช่วยมันลดน้ำหนักเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องสุขภาพที่เจ้า Lu-Seal ต้องพบเจออีกด้วย ด้วยการควบคุมอาหาร จำกัดให้ทานวันละไม่เกิน 200 แคลอรี่ต่อวัน และเข้าคอร์สออกกำลังกาย ในช่วงแรกๆ มันก็อาจจะลำบากไปบ้าง แต่ด้วยความพยายามในที่สุดเจ้า Lu-Seal ก็เริ่มกลับมาเดินได้อีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้มันมีน้ำหนักอยู่ที่ 3.6 กิโลกรัม แถมยังได้สุขภาพที่ดีกลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้คุณ…
-
ตำรวจรับอุปการะเด็ก 8 ขวบ ผู้เคราะห์ร้ายจากคดีทำร้ายร่างกาย ที่เขาต้องตามจับ!!
อีกเรื่องราวของนายตำรวจผู้ใจบุญ Jody Thompson จากเมือง Poteau ในรัฐโอคลาโฮม่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่กลายเป็นความประทับใจให้ชาวเน็ตส่งต่อกันไปทั่วโลก ก่อนหน้านี้ Jody ได้รับแจ้งเกี่ยวกับคดีทารุณกรรมเด็ก เมื่อเขาไปถึงยังที่เกิดเหตุเขาก็ไม่รู้มาก่อนเลยว่า นั่นจะเป็นครั้งแรกที่ทำให้เขาได้ช่วยเหลือเด็กชายคนหนึ่งออกมาจากความโหดร้าย และได้พบกับลูกชายของเขาเองในอนาคต Jody Thompson ทันทีที่เขาเห็นเด็กหนุ่มผู้ถูกทำร้ายร่างกาย เขาก็รู้ตัวทันทีว่าต้องช่วยเหลือเด็กคนนี้อย่างสุดความสามารถ และจะไม่ปล่อยให้เด็กหนุ่มต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวแน่นอน “สภาพแรกที่ผมไปเห็นคือเขาถูกมัดมือมัดเท้าและถูกขังไว้ในถังขยะ พวกเขาไม่ให้อาหารเด็กหนุ่มเลยสภาพของเขาดูอิดโรยมากและร่างกายก็เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ” นายตำรวจเล่า หลังจากสิ้นสุดเรื่องคดีความ ทั้ง Jody และภรรยาของเขาก็พยายามทำทุกวิถีทางตามกฎหมาย เพื่อยื่นเรื่องขอรับอุปการะ John Thompson เด็กหนุ่มที่ต้องเผชิญกับชีวิตในวัยเด็กอันแสนโหดร้าย “เขาเป็นเหมือนลูกสุดที่รักของเราอีกคนหนึ่ง เขามีความหมายกับครอบครัวเรามาก และเราก็ยินดีที่จะทำให้เขาเติบโตมาเป็นคนดีของสังคมและรู้จักที่จะส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้สังคมต่อไป” ภรรยาเล่า เมื่อนักข่าวเดินทางไปถามถึงผลการเรียน และพฤติกรรมของหนุ่มน้อย John Thompson ทางโรงเรียนก็ได้ชี้แจงว่า เด็กน้อยคนนี้เป็นคนที่ขยันตั้งใจเรียน มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมีสมาธิตั้งใจเรียนดีมาก “เขาเป็นเหมือนทุกอย่างในชีวิตของผมเลยครับ และเขาก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมยังมีชีวิตอยู่ตรงนี้ได้…” John พูดถึงความรู้สึกที่มีต่อพ่อบุญธรรม เพราะเด็กไม่สมควรที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย และพวกเขาก็สมควรที่จะได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกต้องเช่นกัน ที่มา:…
-
บริษัทการ์ตูนในญี่ปุ่น โปรโมทอนิเมะ “Love and Lies” ด้วยการแจกถุงยางอนามัย!!
ปกติแล้วบริษัทการ์ตูนในญี่ปุ่นมักจะทำโฆษณาโปรโมทอนิเมะเรื่องใหม่ ด้วยการทำโฆษณาลงตามหน้าสื่อต่างๆ ทำเป็นไวรัลออนไลน์ หรือไม่ก็แผ่นโปสเตอร์ติดตามร้านขายหนังสือการ์ตูน แต่การตลาดของทีมงาน ‘Love and Lies’ นั้นแตกต่างออกไปจากการโปรโมทอนิเมะเรื่องอื่นๆ เพราะพวกเขาทำการโฆษณาให้ตรงกับเนื้อหาของอนิเมะด้วยการแจกถุงยางอนามัยรุ่นพิเศษ ให้หนุ่มสาวได้เอาใช้กันฟรีๆ!! ภาพส่วนหนึ่งจากตัวอย่างอนิเมะ Love and Lies เนื้อหาโดยย่อของอนิเมะเรื่องนี้ก็ประมาณว่า เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศบังคับหาคู่ให้กับเด็กหนุ่มที่อายุครบ 16 ปีบริบูรณ์เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรในประเทศ ตัวเอกของเรื่อง Yukari เป็นหนุ่มอายุ 16 ปีที่ถูกทางการบังคับให้แต่งงานกับหญิงสาวที่ชื่อว่า Ririna และนั่นทำให้เขาต้องแยกทางกับแฟนสาว Misaki แต่ด้วยความรักก็ทำให้ทั้ง Yukari และ Misaki แอบมาเจอกันภายใต้สภาพสังคมที่อาจถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายได้ ตัวอย่างรูปภาพที่จะติดอยู่หน้ากล่องถุงยางอนามัยแจกฟรี ทว่าหลังจากที่มีการประกาศว่าจะแจกถุงยางอนามัยเพื่อเป็นการโปรโมท ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตในญี่ปุ่นมากมาย หลายๆ คนมองว่า “ถ้าหากแฟนอนิเมะคนนั้นมีคู่รักให้ใช้ถุงยางอนามัยด้วยได้ละก็… พวกเขาคงไม่ใช่แฟนอนิเมะตั้งแต่แรกแน่ๆ” แต่ถึงกระนั้นแฟนการ์ตูนหลายคนก็ตั้งข้อสังเกตว่า เนื้อเรื่องเป็นการพูดถึงญี่ปุ่นในยุคที่ต้องการเร่งเพิ่มจำนวนประชากร ทว่าถุงยางอนามัยกลับเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเครื่องคุมกำเนิด หรือนี่อาจเป็นกิมมิคที่ผู้ผลิตต้องการสื่อนัยยะออกมากันแน่? โดยทางบริษัทประกาศว่าจะแจกถุงยางอนามัยสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ให้กับแฟนๆ ทุกคนที่มาเที่ยวชมร้าน Akihabara ทั้ง 3…
-
ครั้งหนึ่งของ “ชุดชั้นในหัวกระสุน” เคยเป็นที่นิยมของสาวๆ ในอดีต ยิ่งแหลมยิ่งเร้าใจ!!
แฟชั่นกับผู้หญิงมักเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าแต่ละยุคแฟชั่นจะเป็นอย่างไร ผู้หญิงก็มักจะไม่พลาดที่จะตามกระแสนั้น แล้วรู้มั้ยครั้งหนึ่งในอดีตราวๆ ยุค 1940-1950 ชุดชั้นในหัวกระสุนได้รับความนิยมในหมู่สาวๆ เป็นอย่างมาก ใครที่ไม่ใส่ถือว่าเอาท์สุดๆ เลยหละ ชุดชั้นในหัวกระสุนนี้มีชื่อเสียงมาจากกลุ่มดาราสาวฮอลลีวูดในยุคนั้น โดยที่พวกเธอจะนิยมสวมใส่เสื้อกันหนาวแบบรัดๆ เพื่อให้เห็นหน้าอกทรงกรวยหรือชุดชั้นในทรงหัวกระสุน ที่สำคัญ Madonna ยังเคยสวมชุดชั้นในหัวกระสุนที่ออกแบบโดย Jean Paul Gaultier ในระหว่างทัวร์คอนเสิร์ต Blond Ambition ในปี 1990 ด้วยนะเออ ต่อมา What Katie Did ก็กลายเป็นบริษัทแรกที่นำเอาชุดชั้นในหัวกระสุนเข้าสู่การบวนการผลิตในยุคสมัยใหม่ และวางจำหน่ายในปี 1999 ตั้งแต่นั้นมาบริษัทชุดชั้นอื่นๆ ก็แห่ทำตามและสร้างเป็นชุดชั้นในหัวกระสุนในแบบของตัวเอง จนได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายในหมู่สาวๆ ส่วนการใส่ให้ดูสวยน่ะเหรอ? ต้องใส่กับเนื้อรัดรูปหรือเสื้อฟิตๆ เพื่อให้เห็นทรงหัวกระสุนได้ชัดเจน ยิ่งหัวยกทรงแหลมมากเท่าไรก็จะเพิ่มความเซ็กซี่ให้สาวๆ มากขึ้นเท่านั้น . . . . ต้องใส่ให้พุ่งแบบนี้ถึงจะดูสวย พุ่งให้สุดค่ะ เซกซี่ไปอีก นี่แหละแฟชั่นที่คนยุคปัจจุบันอาจเข้าไม่ถึง…
-
ว่าไงนะ?? สายการบินโคลอมเบียผุดไอเดียนำเก้าอี้ออก ให้ผู้โดยสารยืนตลอดเที่ยวบินแทน
ทุกวันนี้สายการบินต่างๆ มักแข่งขันกันเพื่อเรียกลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการจัดโปรโมชั่น การเพิ่มบริการ เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย เพื่อจะได้รับการไว้วางใจผู้โดยสารให้มากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน สายการบิน VivaColombia กลับเตรียมเปิดแนวคิดใหม่ด้วยการนำเก้าอี้ออกจากเครื่องทั้งหมด แล้วให้ผู้โดยสารยืนแทน ทางสายการบินเผยว่า การพิจารณาเตรียมนำเก้าอี้ออกจากเครื่องบิน ก็เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายสำหรับแต่ละเที่ยวบิน อีกทั้งยังสามารถรับจำนวนผู้สารต่อเที่ยวได้เพิ่มมากขึ้นด้วย ตามรายงานของเว็บไซต์ Miami Herald กล่าวว่าในปัจจุบัน ประเทศโคลอมเบียประสบความสำเร็จด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยมีการท่องเที่ยวระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 43% จากช่วง 4 เดือนแรกของปี เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ดังนั้นเที่ยวบินสำหรับยืนจะเป็นอีกหนึ่งบริการที่จะทำให้รองรับผู้โดยสารมากขึ้น เพื่อเพิ่มกำไรให้สายการบิน โดยมีแนวโน้มในการนำมาใช้กับเที่ยวบินที่มีระยะเวลาในการเดินทางหนึ่งชั่วโมง William Shaw ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร VivaColombia บอกว่า “ตอนนี้เรากำลังมองหาทางเลือกที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ได้ประสบการณ์การเดินทางในราคาที่เหมาะสม” “ดังนั้นหากใครไม่สนใจเรื่องบริการบนเครื่องบิน ไม่สนใจของว่าง ไม่สนในที่นั่งนุ่มๆ รวมทั้งระบบความบันเทิงอื่นๆ สายการบินสำหรับยืนนี้ก็คงจะเหมาะกับคุณที่สุดแล้ว” เขาบอก จริงๆ ก่อนหน้านี้ในปี 2010 สายการบิน Ryanair ก็มีแนวคิดที่จะทำเที่ยวบินในเชิงการยืนเหมือนกัน โดยจะเป็นในลักษณะของเก้าอี้ที่นั่งสูงพร้อมกับเข็มขัดนิรภัย ที่จะออกมาในแนวบังคับยืนกลายๆ แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่การบินพลเรือนก็ไม่อนุญาตทำแบบนั้น Alfredo Bocanegra ผู้อำนวยการฝ่ายการบินพลเรือน บอกว่า “มนุษย์ต้องเดินทางในแบบมนุษย์…
-
ชายผู้ถึงจุดสุดยอดวันละ 100 ครั้ง ถึงขั้นต้องเปลี่ยนแปลงเพศ เพื่อลดให้เหลือแค่ 8 ครั้งต่อวัน…
การมีอารมณ์ทางเพศหรือการมีเซ็กส์ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และคุณก็สามารถระบายมันออกมาได้ตามต้องการ แต่ถ้ามันบ่อยมากจนเกินไป ก็จะเป็นอันตรายกับร่างกายได้เหมือนกันนะ!! นี่คือเรื่องราวของคุณแม่ข้ามเพศที่เคยใช้ชีวิตเป็นผู้ชายมาก่อน แต่เพราะเขาต้องเจอกันฝันร้ายที่ทำให้ถึงจุดสุดยอดถึงวัน 100 ครั้ง และต้องพยายามทำให้จำนวนครั้งลดน้อยลงไปด้วยการเปลี่ยนแปลงเพศของตัวเอง!! Dale Decker ปัจจุบันคือ Christine Decker ในวัย 40 ปี จากเมือง Two Rivers รัฐวิสคอนซิน เขาเกิดมาเป็นผู้ชายตั้งแต่กำเนิด เธอต้องต่อสู้กับความผิดปกติที่เรียกว่า Persistent Genital Arousal Syndrome (PGAS) หรือโรคถึงจุดสุดยอดพร่ำเพรื่อ ตั้งแต่ปี 2012 หลังจากประสบอุบัติเหตุ อาการของความผิดปกตินี้ทำให้เธอถึงจุดสุดยอดมากถึง 100 ครั้งต่อวัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Christine ต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว และเพิ่มเติมฮอร์โมนเพศหญิงเข้าไปในร่างกาย เพื่อลดจำนวนการถึงจุดสุดยอดจนเหลือเพียงแค่ 8 ครั้งต่อวัน Dale Decker ปัจจุบันคือ Christine Decker อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Christine ก็ยังคงอยู่กับภรรยาวัย 36 ปี กับลูกชายสองคนคือ Christian…
-
Stormtrooper ใช่มั้ย!? รัสเซียเปิดตัวต้นแบบชุดเกราะไฮเทคล้ำยุค เพิ่มเขี้ยวเล็บให้กองทัพ
ถ้าหากใครที่เป็นแฟนๆ หนังสตาร์วอร์คงจะคุ้นเคยกับเหล่าตัวประกอบทหารสีขาวหรือพวก Stormtrooper กันเป็นอย่างดี และด้วยความไฮเทคบอกกับความเท่ของชุด ก็กำลังจะกลายมาเป็นชุดเกราะของทหารรัสเซียแล้ว!! ตัวอย่างของชุดเกราะจากโลกอนาคตนี้ พึ่งเปิดตัวในประเทศรัสเซียเมื่อช่วงวันพฤหัสที่ 29 มิถุนายน 2017 โดยจัดแสดงในมหาวิทยาลัย National University of Science and Technology MISiS ณ กรุงมอสโก ชุดสุดไฮเทคนี้ประกอบก้วยเกราะด้านนอกที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับผู้สวมใส่ ในส่วนของหมวกนั้นก็มีระบบไฟ Night Vision สำหรับใช้งานในตอนกลางคืนติดตั้งมาให้ด้วย ส่วนของแขนจะมีผ้าที่เป็นลายพรางและเกราะที่ติดธงชาติของรัสเซีย และส่วนของรองเท้าจะมีลักษณะคล้ายกับรองเท้าสกีที่ทำจากวัสดุที่ทนทาน ช่วยปกป้องกระสุนและระเบิดได้ อีกทั้งยังมีเซนเซอร์ตรวจกับระเบิดอีกต่างหาก นอกจากนี้ตัวชุดเกราะนั้นก็มาพร้อมกับโครงเหล็ก Exoskeleton ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถแบกอาวุธหนักได้เป็นระยะเวลานานมากยิ่งขึ้น รายละเอียดของชุดทหารแห่งอนาคตจากรัสเซีย ชุดดังกล่าวถูกสร้างขึ้นในสถาบันวิจัยและค้นคว้าอาวุธของรัสเซีย Central Research Institute for Precision Machine Building ซึ่งทางด้าน Oleg Chikarev หัวหน้าของทีมค้นคว้ากล่าวว่า “การเปิดตัวชุดเกราะนี้จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเราสำหรับการพัฒนาชุดเกราะในอีกสองปีข้างหน้า” โดยชุดดังกล่าวเป็นการพัฒนาร่วมกับบริษัทต่างๆ ภายในประเทศรัสเซียที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน …
-
เด็กหนุ่ม 10 ขวบ ถูกเพื่อนๆ รังแก กลุ่มบิ๊กไบค์ 200 กว่าคัน ขับไปส่งถึงหน้าโรงเรียนเลย!!
เป็นปัญหาของทุกโรงเรียนทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ที่มักจะมีเด็กๆ จับกลุ่มกันรังแกเพื่อนคนอื่น ถึงแม้ว่าดูเผินๆ อาจจะเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่อันที่จริงแล้วถือว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่มากเลยล่ะ เช่นเดียวกับ Xander เด็กหนุ่มวัย 10 ขวบลูกชายของ Katie Laybolt ซึ่งคุณแม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเด็กๆ ทุกคนในโรงเรียนประถม Harbourside ในแคนาดา มักจะรวมตัวกันกลั่นแกล้งลูกชายของเธอเป็นประจำ “มันเป็นอะไรที่บ้ามาก เกือบทุกวันลูกชายของฉันจะกลับบ้านมาพร้อมกับสภาพถูกรังแก แถมยังมีเด็กคนอื่นใช้คำพูดไล่ให้เค้าไปตายด้วย” ด้วยความไม่สบายใจคุณแม่ก็ได้พยายามประสานงานกับทางโรงเรียน และผู้ปกครองของเด็กคนอื่นๆ ทว่ากลับไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย เธอจึงลองติดต่อกลุ่มเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Defenders of Children ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่จัดตั้งขึ้นจากกลุ่มไบค์เกอร์เพื่อลดปัญหาการกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้นในโรงเรียน ชาวไบค์เกอร์ก็ได้ให้ความร่วมมืออย่างดี พวกเขารีบติดต่อสมาชิกเครือข่ายในท้องถิ่นให้รวมตัวปฏิบัติภารกิจเพื่อช่วยเหลือหนุ่มน้อย Xander ทันที เช้าวันต่อมาพวกเขาก็ได้ยินเสียงรถบิ๊กไบค์กว่า 200 คัน มาจอดรออยู่หน้าบ้าน พวกเขาไม่ใช่แก๊งค์อันธพาลหรือนักเลงหัวโต แต่พวกเขาคือขบวนคาราวานที่จะพาหนุ่มน้อย Xander ไปประกาศศักดาถึงหน้าโรงเรียน Xander Rose ดูเท่สุดๆ เมื่อเขามาโรงเรียนโดยมีไบค์เกอร์กว่า 200 ชีวิตตามมาส่ง Mike Basso หนึ่งในสมาชิกกลุ่มให้สัมภาษณ์ว่า…
-
พ่อแม่ยอมจ่ายเงินกว่า 2 แสนบาท ให้ลูกสาวไปเสริมหน้าอก ถ้าหากลดน้ำหนักได้!?
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Jayne คุณแม่วัย 44 ปี และ Terence คุณพ่อวัย 45 ปี จากแมนเชสเตอร์ ได้สังเกตเห็นว่า Hollie Modlinsky ลูกสาววัย 23 ปีของพวกเขาดูไม่มีความสุขเอาซะเลย งานนี้ผู้เป็นพ่อแม่จึงได้ทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ลูกสาวกลับมามีความสุขอีกครั้ง ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2015 Hollie ได้ออกมาเผยว่า เมื่อตอนที่เธอได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศอียิปต์ เธอได้จ่ายเงินเป็นจำนวน 150 ปอนด์ หรือราวๆ 6,700 บาทต่อสัปดาห์ เพื่อการกินและดื่มอย่างหนักจนทำให้น้ำหนักของเธอพุ่งพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้ เธอมีน้ำหนักเพียง 95 กิโลกรัม แต่หลังจากนั้นเพียง 9 เดือน น้ำหนักตัวของเธอก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 117 กิโลกรัมอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมันยังทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเวลาที่ได้ใส่กระโปรงตัวเก่งเป็นอย่างมาก และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอตัวใหญ่เกินไปสำหรับเสื้อผ้าของเธอซะแล้ว หลังจากที่ Hollie ได้กลับมาถึงบ้าน พ่อแม่ของเธอก็ได้บอกว่า เธอมีน้ำหนักที่มากเกินไป…
-
Ekaterina Lisina หญิงสาวจากประเทศรัสเซีย ที่ขึ้นชื่อได้ว่ามีขาเรียวยาวที่สุดในโลก!!
เราเชื่อว่า สาวๆ หลายคนอาจจะหลงใหล และใฝ่ฝันว่าอยากจะมีขาที่เรียวยาว และสวยเหมือนกับนางแบบ แต่ถ้าหากคุณได้เห็นภาพของสาวรัสเซียคนนี้ บางทีคุณอาจภูมิใจที่อย่างน้อยไม่ต้องเกิดมามีขายาวแบบเธอก็เป็นได้ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2560 ทางเว็บไซต์เดลีเมล์ได้เผยภาพ พร้อมเรื่องราวของ Ekaterina Lisina สาววัย 29 ปี จาก Penza ประเทศรัสเซีย ที่มีความสูงมากถึง 6 ฟุต 9 นิ้ว หรือประมาณ 2 เมตร ทั้งนี้ เธอยังขึ้นชื่อได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สูงที่สุดในประเทศรัสเซียในตอนนี้อีกด้วย สำหรับ Ekaterina เธอเคยเป็นอดีตนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก และนักบาสเกตบอลจาก Penza โดยในปัจจุบันเธอมีอาชีพเป็นนางแบบสาวที่มีขาที่ยาวมากที่สุดในโลก โดยสามารถวัดความยาวของขาถึง 52.4 นิ้วเลยทีเดียว “ฉันอยากจะมีชื่อเป็นนางแบบที่สูงที่สุดในโลกในสถิติของ Guinness Book of World Records และยากจะมีโอกาสได้เป็นผู้หญิงที่มีขาที่ยาวที่สุดในโลก โดยขาของฉันมีความยาวถึง 52.4 นิ้ว ซึ่งยาวกว่าสถิติที่ถูกบันทึกไว้ในปัจจุบัน” Ekaterina กล่าว…
-
ก็ใจมันรัก!! หนุ่มเม็กซิกันหลอกเมียว่าไปซื้อบุหรี่ แล้วก็บินไปเชียร์บอลที่รัสเซียหน้าตาเฉย
ฟุตบอลหนึ่งในกีฬาโปรดของผู้ชายหลายๆ คน การได้ดูฟุตบอลทีมีรักในช่วงสุดสัปดาห์นี่มันสวรรค์ชัดๆ แล้วยิ่งถ้าได้ดูติดขอบสนามอีกนะ โอ้โห.. ฟินสุดๆ บางคนถึงกับยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ชมการแข่งขันของทีมฟุตบอลที่ตนเองรัก และชายคนนี้ก็คือหนึ่งในตัวอย่างของผู้คลั่งไคล้ฟุตบอลมากๆ มากจนถึงขนาดที่ว่ายอมโกหกเมียว่า ออกไปซื้อบุหรี่แค่เดี๋ยวเดียว แล้วก็ลงทุนบินลัดฟ้าไปตามเชียร์ทีมชาติที่กำลังฟาดแข้งในต่างประเทศ!? ในรายการ Confederations Cup ระหว่างเม็กซิโกและเยอรมนีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ชายหนุ่มท่านหนึ่งนามว่าคุณ Antonio Garcia ได้ลงทุนบินลัดฟ้าจากเม็กซิโกเพื่อไปเชียร์ทีมชาติเม็กซิโกถึงขอบสนามที่ประเทศรัสเซีย โดยชายหนุ่มคนดังกล่าวกลายเป็นคนดังเพียงชั่วข้ามคืน หลังจากที่คลิปวิดีโอสัมภาษณ์ของเขาถูกปล่อยในโลกอินเตอร์เน็ต ชายหนุ่มบอกว่าเขาขอภรรยาออกไปซื้อบุหรี่ข้างนอก แต่หลังจากนั้นก็แอบขึ้นเครื่องแล้วเดินทางมาเชียร์ฟุตบอลที่รัสเซีย “ผมบอกเมียว่าจะออกไปซื้อบุหรี่ที่ร้านสะดวกซื้อ Oxxo แต่ผมไม่ได้บอกเธอว่าจะมาดูบอลที่นี่ เพราะผมคิดว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าเธอไม่รู้ และเธอคงไม่คิดหรอกว่าผมจะแอบขึ้นเครื่องมาที่นี่” คุณ Garcia กล่าว “ค่าใช้จ่ายในการเดินทางนั้นไม่สำคัญ แต่การได้ชมทีมรักแบบใกล้ชิดนั้นสำคัญกว่า” แฟนบอลท่านนี้กล่าวเสริม ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วภรรยาของแฟนบอลตัวจริงท่านนี้จะรู้ว่าเขานั้นแอบขึ้นเครื่องมาถึงรัสเซีย และแน่นอนว่าตอน ขากลับคุณ Garcia คงจะต้องมีของฝากเล็กๆ น้อยๆ ติดมือไปฝากภรรยาบ้างแล้วล่ะ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะได้นอนนอกบ้านก็เป็นได้นะ ฮ่าๆ ที่มา odditycentral, sports.ru
-
ช่างภาพมืออาชีพ เปลี่ยนมุมธรรมดาๆ ที่คนมองข้าม ให้กลายเป็นผลงานภาพถ่ายสุดสวย!?
การถ่ายรูปนั้นใครๆ ก็ทำได้ แค่เพียงมีกล้อง แต่จะถ่ายรูปยังไงให้ดูน่าสนใจนั้นใช่ว่าทุกคนจะทำได้ เพราะจะต้องฝึกฝีมือในการถ่ายภาพมามากพอสมควร ทั้งการเรียนรู้มุมกล้องและองค์ประกอบภาพต่างๆ Vijce เป็นช่างภาพมืออาชีพจากเยอรมันที่เคยได้รับรางวัลการประกวดถ่ายภาพมาแล้ว เขาเป็นช่างภาพที่สามารถเปลี่ยนมุมธรรมดาๆ ให้ดูน่าสนใจขึ้นได้ บันไดของสถานีรถไฟที่อาจจะดูน่าเบื่อหรือน่าเกลียด ตอนนี้เขากลับมาอีกครั้งกับผลงานการถ่ายภาพสถานีรถไฟใต้ดิน ที่ผู้คนมักเดินผ่านไปผ่านมาโดยไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เขาทำให้เห็นว่ามันมีความงดงามซ่อนอยู่ Vijce ได้เขียนให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ PetaPixel ไว้ว่า “ผมชื่อชอบการถ่ายภาพตามท้องถนน โดยเฉพาะสถานที่ที่ผู้คนไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” “แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะหาความน่าสนใจจากสถานที่ธรรมดา และก็ใช่ว่าการถ่ายรูปบนถนนจะสวยงามเสมอไป” เขาบอก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้เวลาสังเกตภายในสถานีรถไฟใต้ดิน แล้วมองหาแหล่งที่ผู้คนส่วนใหญ่มักมองข้ามหรือไม่ทันสังเกตเพื่อเผยให้เห็นมุมมองที่แตกต่าง แต่ช่างภาพมองเห็นความสวยงามซ่อนอยู่ในความน่าเกลียดเหล่านั้นได้ . . สิ่งที่ช่างภาพทุกคนต้องทำคือการดูตำแหน่งและเล่นกับมุมกล้อง . . . ที่นี่เคยเป็นเพียงสถานว่างเปล่า แต่ตอนนี้เต็มไปด้วยมนุษย์และชีวิตมากมาย . ช่างภาพได้เผยเคล็ดลับการถ่ายภาพในสถานที่ธรรมดา ให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นด้วยนะ ที่มา boredpanda l PetaPixel
-
กระแสของชายชาวญี่ปุ่น หันหน้ามาพึ่งตุ๊กตายางแทน เพราะเริ่มเบื่อความสัมพันธ์แบบเดิม…
หลังจากที่เริ่มต้นชีวิตคู่มาช่วงหนึ่ง คุณ Masayuki Ozaki หนุ่มใหญ่ชาวญี่ปุ่นท่านนี้กลับได้พบความรักครั้งใหม่ในแบบที่เขากำลังตามหาอยู่หลังจากที่ได้รู้จักกับตุ๊กตายาง!? ในทุกๆ วัน Ozaki จะแบ่งเตียงนอนส่วนหนึ่งของเขาให้กับตุ๊กตายางสาวน้อยที่ตั้งชื่อให้ว่า Mayu และปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นภรรยาและลูกสาวคนหนึ่ง โดยที่เขาให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “หลังจากที่ภรรยาผมให้กำเหนิดลูกคนแรกเธอก็เลิกมีเซ็กส์กับผม และด้วยเหตุนี้ทำให้ผมรู้สึกเหงาเหลือเกิน” คุณ Masayuki Ozaki กำลังร่วมอาบน้ำกับตุ๊กตายางของเขา แต่หลังจากที่เขาได้รู้จักกับ Mayu ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ความเหงาในจิตใจของคุณลุงได้ถูกเติมเต็ม หลังจากที่เขาซื้อตุ๊กตาตัวดังกล่าวมาแล้ว ก็ให้ความดูแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงการซื้อเสื้อผ้าต่างๆ ให้ “ภรรยาผมโกรธมากหลังจากที่เห็นผมซื้อตุ๊กตาตัวนี้เข้าบ้าน ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ค่อยพอใจอยู่เหมือนกัน และลูกสาวของผมก็เช่นกัน เธอไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่หลังจากที่รู้ว่า Mayu ไม่ใช่ตุ๊กตายางธรรมดา “ คุณลุงกล่าว คุณ Ozaki คือหนึ่งในชาวญี่ปุ่นที่หลงรักกับตุ๊กตายาง นอกจากนี้คุณลุงยังยอมรับอีกด้วยว่าตัวเองนั้นเริ่มถูกปิดกั้นจากผู้อื่นแล้ว “ผู้ชายส่วนมากมักต้องการแม่บ้านที่ไม่ค่อยบ่น และพร้อมจะรับฟังในเวลาที่กลับจากการทำงานอันแสนเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ตอนนี้ผมมี Mayu อยู่ข้างๆ ผมมีความสุขมาก และอยากจะอยู่กับเธอไปตลอดชีวิต” คุณ Ozaki กล่าว กระแสการใช้ชีวิตกับตุ๊กตายางของชายชาวญี่ปุ่นกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เทคโนโลยีของการผลิตตุ๊กตายางนั้นก้าวหน้าจากยุคก่อนอย่างมาก ทั้งพื้นผิวและรูปร่างของเซ็กส์ทอยชิ้นนี้ดูใกล้เคียงกับผู้หญิงจริงๆ มาก…
-
Justin Bieber โยนรองเท้ากลางคอนเสิร์ต คนที่เก็บได้ประมูลขาย แค่ข้างเดียวได้ถึง 2 แสน!?
สาวๆ คนไหนที่เป็นแฟนคลับของศิลปินดังระดับโลกอย่าง Justin Bieber คุณคงพอจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า เขานั้นเป็นหนึ่งในศิลปินวัยโจ๋ที่ชอบทำอะไรห่ามๆ เซอร์ไพรส์แฟนคลับอยู่เสมอ และล่าสุด เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ในขณะที่ศิลปินหนุ่ม Justin Bieber กำลังแสดงคอนเสิร์ต ที่จัดขึ้นที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี อยู่นั้น จู่ๆ เขาก็ได้ถอดรองเท้า Adidas สีขาว รุ่น Yeezy Boost 350 V2 ทั้งสองข้างแล้วโยนให้แฟนเพลงที่อยู่ด้านล่าง งานนี้บอกเลยว่าเรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนๆ ได้กระหึ่มไปทั่วทั้งฮอลล์เลยล่ะ ซึ่งหลังจากที่ศิลปินหนุ่มคนดังได้โยนรองเท้าให้กับบรรดาแฟนเพลงแล้ว แฟนคลับผู้โชคดีที่ได้รับรองเท้าของเขากลับไม่ได้เก็บเอาไว้เชยชมแต่อย่างใด เพราะมีคนหนึ่ง ที่สามารถเก็บรองเท้าข้างขวาของเขาได้ เอาไปประมูลขายในเว็บไซต์ eBay โดยเริ่มประมูลที่ราคากว่า 5,000 ยูโร หรือราวๆ 200,000 บาทเลยทีเดียว นอกจากนี้ ทางผู้ขายได้เผยว่า “เราชอบ Justin Bieber และเพลงของเขา แต่เราคิดว่าน่าจะมีคนอยากได้รองเท้าข้างนี้ของเขามาก…
-
พ่อชาวจีนจับลูกมัดกับบันได จับกดลงในน้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อทำโทษในฐานที่ลูกดื้อเกินไป!!
เป็นธรรมดาของเด็กที่จะมีความซุกซน และต่อให้ดื้อมากแค่ไหนก็ไม่ควรลงโทษเกินความเหมาะสม มิฉะนั้นอาจกลายเป็นการทำทารุณเด็กจนอาจทำให้เกิดบาดแผลทางจิตใจได้ อย่างกรณีนี้ ที่พ่อชาวจีนคนหนึ่งทำโทษลูกด้วยการทำให้เขาหวาดกลัว เพื่อไม่ให้ลูกทำผิดซ้ำอีก… นี่เป็นคลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายในเมือง Yueyang จังหวัดหูหนานของจีนตอนกลาง ในคลิปจะเห็นเด็กชายคนหนึ่งถูกผูกติดไว้กับบันได อยู่ในสภาพที่ทั้งร้องไห้และสำลักน้ำ เพราะถูกพ่อผลักบันไดลงไปใต้น้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก เด็กชายพยายามตะโกนบอกพ่อว่า “ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ไม่ทำแล้ว” แต่พ่อก็ยังคงทำโทษต่อไปเรื่อยๆ ตามรายงานบอกว่า เด็กชายคนนี้กระทำความผิดในโรงเรียน เขาทำการขโมยของและชกต่อยกับเพื่อน ผู้เป็นพ่อจึงตัดสินทำโทษลูกด้วยการทำให้เขาหวาดกลัวเพื่อที่จะไม่ทำผิดซ้ำอีก แต่ทว่ายังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าการกระทำของผู้เป็นพ่อในครั้งนี้ ได้มีการสอบสวนจากตำรวจแล้วหรือไม่ เพราะเป็นการกระทำที่มีความรุนแรงกับเด็กเป็นอย่างมาก การลงโทษที่แรงเกินเหตุ นอกจากไม่ทำให้เด็กจำแล้วอาจกลายเป็นการสร้างปมในใจให้เด็กก็ได้นะ ที่มา dailymail
-
คุณหมอผ่าตัดให้นายทหารผ่านศึก เพื่อนำกระสุนที่ฝังในร่างตั้งแต่ช่วงสงครามโลกออกมา!!
สงครามโลกครั้งที่สองถือได้ว่าเป็นหนึ่งในความขัดแย้งที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตประมาณ 50-85 ล้านคน ในระหว่างปี 1939-1945 ที่น่าแปลกใจคือมีรายงานว่ามีทหารผ่านศึกที่รอดตายเพียง 900 คนเท่านั้นจากทั่วโลก และหนึ่งในนั้นยังคงมีกระสุนฝังในร่างกายโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่ง 70 ปีผ่านไป เมื่อ Baltabay Kaziev วัย 92 ปี จากคาซัคสถาน รู้สึกมีอาการปวดบริเวณสะโพก เขาจึงตัดสินใจไปพบแพทย์ แล้วสิ่งที่เห็นทำเอาทุกคนเซอร์ไพรส์หนักมาก เพราะสิ่งที่ทีมแพทย์เห็นหลังทำการผ่าตัดคือ มีกระสุนอายุประมาณ 73 ปี ฝังอยู่ในสะโพกของเขา Saule Hamzina หมอผู้ผ่าตัดบอกว่า… “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Baltabay ไม่เคยมีปัญหาสุขภาพเลย แต่เมื่อไม่นานมานี้ เขามาหาหมอในโรงพยาบาลทหารผ่านศึก เพราะมีอาการบวมที่สะโพก” แต่เมื่อทำการสแกนด้วย MRI ก็พบว่ามีกระสุนฝังอยู่จริง ซึ่ง Baltabay คาดว่าน่าจะถูกยิงฝ่ายศัตรูยิงในปี 1944 และฝังอยู่ในร่างกายมากว่า 7 ทศวรรษ ก่อนจะใช้เวลาเพียง 7 นาทีในการผ่าเอากระสุนดังกล่าวออกมา สำหรับตัว Baltabay นั้น เขาเคยอยู่ยูเครนช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนนั้นเขาเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในการยิงปืนกลมาก และมีส่วนร่วมในการปลดแอกเมืองหลายแห่งรวมทั้งเมืองหลวง Kiev…
-
น้ำตาซึม!! คู่รักตัวน้อยวัย 9 ขวบโผกอดร่ำลา เมื่ออีกฝ่ายต้องย้ายบ้านจากไปไกลแสนไกล…
การที่จะต้องจากกันย่อมทำให้เกิดความรู้สึกที่เศร้าเสียใจ ซึ่งหลายๆ คนนนั้นคงจะเข้าใจเป็นอย่างดี และดูเหมือนคู่รักตัวน้อยท้งสองคนนี้ก็เช่นกัน ทั้งคู่ร้องไห้อย่างหนักพร้อมกับกอดกัน หลังจากที่ฝ่ายเด็กชายต้องย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่อื่น Merce และ Mylee ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่อายุ 2 ขวบในคอร์สสอนเต้นโดยคุณยายของ Merce ในเมือง Gonzales รัฐลุยเซียนา และแล้วความรักของเด็กน้อยทั้งสองก็เกิดขึ้น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็ไม่สามารถแยกออกจากกันได้อีกเลย พ่อของ Merce เล่าว่า “ตั้งแต่ที่จำได้ ผมก็เห็นพวกเขาเรียกกันว่าแฟนมาตลอดนะ” แต่แล้ววันที่ต้องจากกันก็มาถึง เมื่อครอบครัวของหนุ่มน้อยกำลังจะย้ายไปที่แคลิฟอร์เนีย หลังจากที่คุณพ่อของเขาได้งานใหม่ที่นั่น “ตอนที่ Mylee รู้ว่าพวกเราจะย้ายไป เธอร้องไห้อย่างหนักแล้วพูดว่า ชีวิตฉันจบแล้ว ฉันควรจะแต่งงานกับ Merce ฉันจะแต่งงานกับเขาได้ยังไงถ้าเขาย้ายไปแคลิฟอร์เนียร์” คุณ Gle พ่อของหนุ่มน้อยเล่า ภาพของทั้งคู่ที่กำลังบอกลากัน . และแล้วเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกันจริงๆ เรื่องราวสุดน่าประทับใจของทั้งสองก็เกิดขึ้น เมื่อ Merce ได้เข้าไปกอดแฟนสาวตัวน้อยของเขาเพื่อบอกลา สาวน้อยกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เธอสะอึกสะอื้นด้วยความเศร้าเสียใจ แต่หนุ่มน้อยก็พยายามปลอบและทำให้เธอเข้าใจ ความน่ารักของทั้งคู่ทำเอาหลายคนที่ได้เห็น ต้องอินไปตามๆ กัน หลังจากเหตุการ์นั้นพี่สาวของ Mylee ได้ถ่ายรูปหนูน้อยทั้งสองและอัพเดทลงบนทวิตเตอร์ของเธอ พร้อมกับบอกว่า “แฟนหนุ่มตัวน้อยของน้องสาวฉันกำลังเข้ามาใกล้ๆ…
-
Eva นางแบบชุดชั้นในผู้เข้าใจความสำคัญของชีวิต มอบเงินจากการถ่ายแบบเพื่อการกุศล
ถึงแม้จะผ่านเรื่องราวร้ายๆ มาตั้งแต่ตอนเป็นวัยรุ่น แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมแพ้ เธอต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ และกลับมามีความสุขได้อีกครั้ง ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เธอเข้าใจถึงคุณค่าของชีวิต และเป็นจุดเริ่มต้นของการทำประโยชน์เพื่อมอบให้กับผู้อื่น เรื่องราวของ Eva McGauley สาวน้อยวัย 19 ปีที่สามารถกลับมามีชีวิตปกติและได้ทำตามความฝันของเธออีกโดยการทำกิจกรรมเพื่อการกุศล!! Eva McGauley สามน้อยผู้หนึ่งที่ฝันอยากจะมีชีวิตที่แสนสวยงามและมีความสุขแบบคนอื่นๆ แต่แล้วก็เหมือนโชคชะตาจะไม่เข้าใจความต้องการของเธอ ในปี 2015 เมื่ออายุได้ 17 ปี หญิงสาวก็ได้รับข่าวร้ายโดยแพทย์วินิจฉัยว่าเธอเป็นมะเร็งที่โพรงจมูก จากนั้นไม่นานสาวน้อยจากนิวซีแลนด์ ต้องเข้ารับการรักษาโดยการฉายแสงและเคมีบำบัด แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเรื่องที่น่าประหลาดใจเกิดขึ้นกับเธอ เมื่อเธอได้ทราบข่าวว่าการวินิจฉัยนั้นมีความผิดพลาด อันที่จริงแล้วมะเร็งโพรงจมูกของเธอนั้นเป็นแค่เนื้องอกเท่านั้น.. หลังจากที่ผ่านเรื่องร้ายมาได้และเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของชีวิต หญิงสาวเริ่มที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับผู้อื่น จากสถิติทำให้เธอพบว่าในประเทศของเธอนั้นมีการทารุณทางเพศอย่างมาก เด็กหญิงหนึ่งในสามและเด็กผู้ชายหนึ่งในเจ็ดคนถูกคุกคามทางเพศตั้งแต่อายุไม่ถึง 16 ปี Eva จึงตัดสินใจที่จะหาเงินเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ถูกคุกคามทางเพศเหล่านั้น ในเดือนกรกฏาคมปี 2016 เธอเริ่มลงมือหาเงินสนับสนุนองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรแห่งหนึ่งในเมือง Auckland ซึ่งทำหน้าที่ช่วยเหลือเด็กและสตรี จากนั้นไม่นานก็เริ่มมีคนสนใจที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอ บริษัทชุดชั้นใน Lonely ได้เสนอให้สาวน้อยมาถ่ายแบบชุดชั้นในกับพวกเขา และยืนยันจะมอบรายได้ทั้งหมดจากการจำหนายชุดชั้นในคอลเลคชั่นชั่นดังกล่าวให้กับองค์กรการกุศลทั้งหมด และแทบไม่น่าเชื่อ ตอนนี้ยอดการจำหน่ายพุ่งสูงถึง 30,000 ยูโรหรือประมาณ 1,000,000 บาทแล้ว!!…
-
หนุ่มถูกปฏิเสธเข้าร่วมชมรมรักบี้เพราะ ‘แห้งเกินไป’ จุดไฟให้หันมาฟิตหุ่นจนแน่นเปรี๊ยะ
แม้ว่ารูปร่างอาจจะไม่สำคัญเท่าความสามารถ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางทีมันก็มีผลต่อการใช้ชีวิตเหมือนกันนะ เหมือนกับหนุ่มคนนี้ที่ไม่ได้เข้าชมรมรักบี้เพราะผอมแห้งและตัวเล็กเกินไป เมื่อตอน Jamie Wykes-Hobday อายุ 17 ปี เขามักจะถูกเพื่อนว่าล้อว่าเป็นคนผอมเกินไป แถมสภาพร่างกายในตอนนั้นก็ดูย่ำแย่จากการไม่ดูแลตัวเองเลย นอกจากนี้เขายังมีความใฝ่ฝันที่อยากเป็นนักกีฬารักบี้ แต่แล้วความฝันก็สลายทันทีเมื่อเขาไปสมัครเข้าชมรมรักบี้แล้วถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า “ผอมแห้งเกินไป” ทั้งหมดนี้ทำให้ Jamie รู้สึกท้อแท้ในชีวิต ถึงกับไม่อยากทำอะไรแล้ว เขาเมา 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ทานแต่อาหารฟาสฟุ๊ดปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนดูโทรม และกลายเป็นคนไม่มีเป้าหมายในชีวิต แต่แล้วพอถึงจุดจุดหนึ่ง ชายหนุ่มก็คิดได้ว่าควรหยุดใช้ชีวิตไร้สาระแบบนี้เสียที แล้วเขาก็หันมาดูแลตัวเองด้วยการเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง จนกระทั่งปัจจุบัน Jamie อายุ 23 ปี เขาประสบความสำเร็จจากการออกกำลังกายอย่างมาก ด้วยการละทิ้งทุกอย่างทั้งเพื่อนสนิทมิตรสหาย รวมไปถึงขอเลิกกับแฟน เพื่อทำตามความตั้งใจของตัวเอง และทำให้เขารู้สึกว่าไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจไปแบบนี้ เพราะในตอนนี้เขาสนใจแค่การออกกำลังกายเท่านั้น ชายหนุ่มบอกว่า “ตอนที่เจอมรสุมชีวิต ผมไม่มีความสุขและไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยครับ แต่พอเริ่มออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์ ผมกลับไม่เสียใจกับสิ่งที่ผ่านมาเลยครับ” หลังจากที่เขาออกกำลังกายดูแลตัวเองผ่านไปสองปี Jamie ก็สามารถเพิ่มน้ำหนักจาก 60 กิโลกรัม เป็น 88 กิโลกรัมพร้อมกับมวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากแต่ก่อนที่ใช้ชีวิตตกกลางคืนในการออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ เขาก็หันมาใช้เวลาเหล่านั้นในการวางแผนอาหารการกิน และการออกกำลังกายแทน…
-
จีนสั่งตัดสินโทษประหารชีวิต 13 พ่อค้ายา ต่อหน้าผู้คนนับหมื่น หวังกวาดล้างอย่างจริงจัง!!
อีกหนึ่งข่าวที่กำลังโด่งดังและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่านักสิทธิมนุษยชนทั่วโลก เมื่อรัฐบาลจีนประกาศกวาดล้วงกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง และหนึ่งในวิธีการนั้นก็ต้องมีการ ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’ Beijing News รายงานว่าเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2017 ได้มีการนำตัวนักโทษคดีค้ายาเสพติดจำนวน 18 คนมาตัดสินโทษต่อหน้าประชาชนนับหมื่นชีวิต ที่เมืองซานเหว่ย มณฑลกวางตุ้ง ก่อนเริ่มการตัดสินมีการนำตัวนักโทษทั้ง 18 คนมาเดินขบวนท่ามกลางฝูงชนเพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้ประชาชนทำตาม ศาลตัดสินให้มีนักโทษ 13 คนต้องถูกส่งตัวไปประหารชีวิตทันที!! ทางด้านของสื่อท้องถิ่นจีนได้รายงานว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ทางการจีนต้องการจะกวาดล้างมาโดยตลอด และไม่นานมานี้ได้มีการออกมาตรการปราบกลุ่มพ่อค้ายาอย่างจริงจัง ทว่าการตัดสินต่อหน้าฝูงชนนับหมื่นของทางการ ถูกนักสิทธิมนุษยชนและกลุ่มแอคทิวิสต์จากทั่วโลกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก William Nee จากองค์กรนิรโทษกรรมนานาชาติได้ให้สัมภาษณ์ว่า “การนำผู้กระทำผิดมาตัดสินต่อหน้าผู้คนแบบนี้ นับว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายและป่าเถื่อนที่สุด” การตัดสินในครั้งนี้คาดว่ามีประชาชนมาเข้าชมมากกว่า 10,000 ชีวิต จากผลงานการกวาดล้างในปี 2014 อ้างอิงโดย Daily Telegraph พบว่าภายในหนึ่งวันมีเจ้าหน้าที่กว่า 3,000 นายของจีนสามารถกวาดล้างแล็ปทำยาเสพติดในบริเวณเมืองหลูเฟิ่งได้ถึง 77 แห่ง เช่นเดียวกับเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ทางการจีนสามารถสกัดจับการขนส่งยาเสพติดกว่า 640 กิโลกรัม ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่มาเลเซียได้สำเร็จ นักโทษที่ถูกตัดสินในวันนั้น…
-
ทำเป็นเล่นไป!! ไปรษณีย์แคนาดา “ถูกอีกาคุกคาม” จนถึงขั้นต้องหยุดทำงานเลยทีเดียว
อุปสรรคอย่างหนึ่งที่บุรุษไปรณีย์มักจะเจอคือการต้องไปส่งจดหมายหรือของในบ้านที่มีสุนัขดุ ไม่ว่าจะเจอกี่ครั้งๆ ก็เห่าอยู่นั่นแหละ จนถึงขั้นเป็นคู่ปรับที่ไม่อาจจะอยู่ร่วมด้วยกันได้เลย แต่ใครจะคิดละว่านอกจากสุนัขแล้ว นกก็เป็นอุปสรรคในการทำงานของบุรุษไปรณีย์เหมือนกันนะ ร้ายแรงถึงขั้นต้องหยุดงานกันเลยทีเดียว อีกาตัวดังกล่าวมีชื่อว่า Canuck มันเป็นอุปสรรคหลักของไปรษณีย์ในย่านตะวันออกของเมือง Vancouver ประเทศแคนาดาเลยล่ะ ทำเอาเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ จนกว่าเจ้าอีกาจะหายไปจากตรงนั้นเสียก่อนถึงจะกลับมาทำงานส่งจดหมายต่อได้!? ส่วนความร้ายกาจของมันก็มีทั้งจิกกัด ขโมยของที่มีความแวววาวอย่างเช่น ‘มีด’ ที่ขโมยมาจากจุดเกิดเหตุคดี นอกจากนั้นก็ชอบมาก่อกวนการเดินทางของเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์อีก นี่เอ็งจะร้ายกาจเกินกว่าจะเป็นนกแล้วนะ!! สิ่งที่สามารถระบุตัวเจ้าอีกานี้ได้ก็คือ แท็กสีแดงที่ติดกับขาของมัน ซึ่งชาวบ้านในละแวกนั้นต่างก็ติดตลกกับการติดแท็กของมันก็ด้วยนิสัยที่ก้าวร้าวจนต้องติดเครื่องติดตามตัว ฮร่าาา Darcia Kmet โฆษกของไปรษณีย์แคนาดาบอกว่า “พนักงานของเขาถูกโจมตีจากอีกา จนได้รับบาดเจ็บในขณะที่พยายามไปส่งจดหมายในละแวกถิ่นที่อยู่อาศัยใน Vancouver” เจ้าอีกา Canuck กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ “ล่าสุดมีบ้าน 3 หลังที่ไม่ได้รับจดหมาย เพราะมันอยู่ในเขตที่เจ้าอีกาครองอยู่ และไม่ปลอดภัยสำหรับพนักงานของเรา” โฆษกบอก เขาบอกอีกว่า “ตอนนี้เรากำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบสถานการณ์ในพื้นที่ดังกล่าว ถ้าเจ้าอีกาไม่อยู่หรือมีความปลอดภัยเมื่อไหร่ บ้านทั้ง 3 หลังก็จะได้รับจดหมายครับ” และด้วยความร้ายแสนจะแสนของเจ้าอีกา มันก็มีเพจเป็นของตัวเองด้วยนะในชื่อ Canuck and I ที่สร้างขึ้นโดย Shawn Bergman ผู้เล่าถึงการผจญภัยของอีกาตัวนี้…
-
จีนเตรียมสร้าง ‘เมืองป่า’ แห่งแรกของโลกในปี 2020 หวังช่วยลดปัญหามลพิษในอากาศ
ในขณะที่โลกทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลง อาคารบ้านเมืองต่างๆ กำลังขยายตัวขึ้น สิ่งหนึ่งที่ตามมาจากการพัฒนานี้ก็คงหนีไม่พ้นปัญหาด้านมลพิษทางอากาศอย่างแน่นอน และหนึ่งในประเทศที่เรียกได้ว่ามีมลพิษทางอากาศสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกนั่นก็คือประเทศจีน แต่เมื่อไม่นานมานี้ทางการจีนมีแผนที่จะจัดการกับปัญหาดังกล่าว โดยพวกเขาได้วางแผนสร้างเมืองต้นไม้เพื่อหวังแก้ปัญหามลพิษที่ว่านี้ สำหรับโครงการเมืองต้นไม้นี้ ทางการจีนกำลังวางแผนจะสร้างในเมือง Liuzhou ในเขตปกครองตนเอง Guangxi ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเมืองแห่งนี้จะเป็นเมืองแห่งป่าที่แรกของโลกเลยทีเดียว!! การออกแบบดังกล่าวเป็นผลงานของคุณ Stefano Boeri สถาปนิกชื่อดังที่เคยฝากผลงานการออกแบบอาคารต้นไม้ในเมือง Milan มาแล้ว เมืองเล็กๆ แห่งนี้จะมีพื้นที่ในการก่อสร้างทั้งหมดราวๆ 1,750,000 ตารางเมตร และจะประกอบไปด้วยที่พักอาศัยของผู้คนประมาณ 30,000 คน ในเมืองต้นไม้แห่งนี้จะมีการนำพลังงานเชื้อเพลิงที่สะอาดอย่างความร้อนจากใต้พื้นโลก พลังงานแสงอาทิตย์ มาใช้ทดแทนพลังฟอสซิล และนอกจากเมืองดังกล่าวยังเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และโรงพยาบาล โปรเจกต์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในความต้องการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศของรัฐบาลจีน ที่นี่จะเต็มไปด้วยต้นไม้ถึง 40,000 สายพันธุ์มากกว่า 1,000,000 ต้น โดยแต่ละปีต้นไม้เหล่านี้จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซน์ได้เกือบ 10,000 ตันและสารพิษอื่นๆ อีก 57 ตัน และนอกจากนี้พื้นที่สีเขียวเหล่านี้ยังสามารถสร้างก๊าซออกซิเจนได้มากถึง 900 ตันต่อปีเลยทีเดียว นอกจากประโยชน์ในเรื่องของการลดปัญหามลพิษและให้ความร่มรื่นกับมนุษย์แล้ว พันธุ์ไม้หลากชนิดในเมืองสีเขียวแห่งโลกอนาคตนี้ยังอาจช่วยพื้นฟูระบบนิเวศต่างๆ และเป็นที่อยู่ของพวกแมลงและสัตว์ต่างๆ อีกด้วย…
-
นี่ไงเพื่อนเกลอรูปเธอแฟนฉัน Messi & Antonella ตำนานรัก 25 ปี ลงเอยด้วยการแต่งงาน
เรื่องราวความรักของใครหลายๆ คนอาจจะมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็พบเจอกันตอนเรียนมหาวิทยาลัยลัย บ้างก็เจอกันตอนทำงาน แต่มีน้อยคู่นักที่จะพบเจอกันตั้งแต่วัยเด็กและได้ลงเอยกันด้วยการแต่งงาน ชีวิตรักของสตาร์ฟุตบอลชื่อดังกระฉ่อนโลกอย่าง Lionel Messi ที่มีโอกาสได้พบเจอกับสาวๆ มากหน้าหลายตา กลับมั่นคงต่อความรักที่มีกับเพื่อนสาววัยเด็กที่คบหากันมานานกว่า 25 ปี และลั่นระฆังวิวาห์กันไปเมื่อวานนี้ Lionel Messi และ Antonella Roccuzzo รู้จักกันตั้งแต่วัย 5 ขวบ ทั้งคู่อาศัยอยู่ในเมือง Rosario ที่อยู่ห่างออกไปจากเมืองหลวง Buenos Aires ของประเทศอาร์เจนติน่าออกไปประมาณ 300 กิโลเมตร ย้อนชีวิตกลับไปในวัยเด็ก Messi เกิดในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง มีครอบครัวที่แสนอบอุ่น ประกอบไปด้วยพี่ชาย 2 คน และ น้องสาวอีก 1 คน ส่วนฝ่ายเจ้าสาวนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเพื่อนสนิทของ Messi จึงทำให้พวกเขามีโอกาสได้พบเจอกันอยู่บ่อยๆ Messi และ Roccuzzo ได้แยกจากกันไปหลังจากที่ ฝ่ายชายต้องเดินทางข้ามทะเลไปเล่นฟุตบอลที่ประเทศสเปนเมื่อตอนอายุได้ 13 ปี จนในที่สุดก็มาเริ่มตกลงคบหาเป็นแฟนกันในช่วงปลายปี 2000 และความรักของทั้งคู่ก็เบ่งบานเสมอมาจนมีสัญญารักด้วยกันถึงสองคน…
-
‘Dating AI’ แอพหาคู่ที่ทำให้ได้พบกับคนหน้าคล้าย ผ่านการวิเคราะห์จากรูปดาราที่เราชื่นชอบ
ด้วยความชื่นชอบในตัวดารานักแสดงดังก็คงจะเคยฝันถึงการได้ออกไปเดทกับดาราคาที่ชอบกันบ้าง แต่ก็คงทำได้แค่ฝันเท่านั้น ถ้าหากมาใช้แอพฯ Dating AI แอพหาคู่ที่จะช่วยให้คุณได้เจอกับคนที่มีใบหน้าคล้ายกับดาราที่ชอบได้!! Dating AI เป็นแอพหาคู่แนวใหม่ ที่จะให้คุณได้เดทกับคนที่มีใบหน้าดาราที่เราชื่นชอบ โดยการวิเคราะห์จากรูปภาพดาราที่เราเลือก แล้วก็จะทำการคัดบุคคลที่มีใบหน้าใกล้เคียงกับดาราคนนั้นมาให้คุณทันที!! แอพจะให้เราเลือกภาพดาราที่ชื่นชอบแล้วจะหาคนที่หน้าคล้ายดาราคนมาเป็นคู่เดทของเรา โดยจะวิเคราะห์จากจากฐานข้อมูลของแอพฯ เดทชื่อดังอย่าง Tinder และ Bumper ส่วนหากใครยังทำใจลืมแฟนเก่าไม่ได้ แอพยังสามารถหาคนที่มีหน้าคล้ายแฟนเก่าได้ด้วย หรือจะเป็นการค้นหาคนที่หน้าคล้ายตัวเราเองในเพศตรงข้ามก็ได้ จากการอัพโหลดรูปเข้าไปในระบบ Dating.ai ได้เปิดตัวเมื่อ 2 เดือนที่ผ่าน คุณสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ฟรีใน Google Play และ App Store ในแอพจะมีรูปดารามากมายให้คุณเลือก แต่จะมีค่าบริการเดือนละประมาณ 300 บาท Heath Ahrens ผู้ก่อตั้ง Dating.ai มองว่าประเด็นของการใช้รูปเหล่านั้นไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย ” เพราะเมื่อคุณเข้ามาใช้แอพนี้แล้ว คุณก็อยากจะให้คนอื่นมาเจอคุณบ้างเช่นกัน” นอกจากนี้ทางผู้คิดค้นยังบอกอีกว่าการจะเจอคนที่ใช่นั้นต้องเริ่มจากการมีรสนิยมความชื่นชอบที่คล้ายกัน และจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการมีเรื่องให้ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกันทุกวันโดยไม่มีเบื่อ คนโสดจะรออะไร ดาวน์โหลดมาใช้เลยสิ…
-
บริษัทในญี่ปุ่น ออกกฎให้พนักงานยืนทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสุขภาพที่ดีกว่า..!!
แต่ละบริษัทอาจจะมีวิธีการกระตุ้นกำลังใจของพนักงาน หรือหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่พวกเขาที่แตกต่างกันไป และคราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับวิธีใหม่ของบริษัทแห่งหนึ่งจากญี่ปุ่น Iris Ohyama หนึ่งในบริษัทส่งออกวัสดุพลาสติกขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ได้ออกกฎระเบียบการทำงานใหม่ที่เชื่อว่าจะช่วยพัฒนาประสิทธิภาพ และเป็นผลดีต่อสุขภาพของพนักงานด้วยการ ‘ยืนทำงาน’ โดยกฎระเบียบใหม่ที่เพิ่งออกมาบังคับใช้กับพนักงานนี้ มีใจความระบุไว้ว่า: ‘ขอประกาศห้ามมิให้พนักงานนั่งใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน และทางบริษัทขอเสนอให้ใช้คอมพิวเตอร์จากโต๊ะทำงานขนาดเล็กที่ถูกติดตั้งเพิ่มเข้ามาแทน’ แต่ก็ใช่ว่าบริษัทจะบังคับให้พนักงานยืนเมื่อยขาทั้งวันทั้งคืน เพราะพนักงานแต่ละคนจะมีสิทธิ์ใช้คอมพิวเตอร์แค่คนละ 45 นาทีต่อรอบเท่านั้น ประมาณว่าถ้างานเอกสารก็ใช้โต๊ะขวามือนั่งทำงานได้ แต่ถ้าอยากใช้คอมพิวเตอร์ก็ต้องยืนแทน ฝ่ายผู้บริหารเชื่อว่าการจำกัดช่วงเวลาในการใช้คอมพิวเตอร์ จะช่วยทำให้พนักงานเห็นคุณค่าของเวลาในการทำงานมากขึ้น มีสมาธิมากขึ้น ตั้งใจทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นผลดีในระยะยาวต่อสุขภาพของพวกเขาอีกด้วย ที่สำคัญกว่านั้นก็คือไม่ใช่แค่พนักงานเท่านั้นที่ต้องทำตามกฎนี้ เพราะภาพจากแผนผังของบริษัทเผยให้เห็นรูปแบบการจัดวางโต๊ะของฝ่ายผู้บริหารที่ต้องยืนทำงานเฉกเช่นเดียวกับพนักงานทุกคน ภาพแผนผังการจัดวางโต๊ะทำงานใหม่ อย่าคิดนะว่าถ้าบริษัทห้ามแบบนี้เราก็พกโน๊ตบุ๊กมาทำงานเองเลยไม่ดีกว่าเหรอ? เพราะตั้งแต่ปี 2007 บริษัท Iris Ohyama ได้ออกกฎห้ามมิให้พนักงานใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวในที่ทำงานด้วยเช่นกัน แต่สำหรับพนักงานที่มีเงื่อนไขทางการแพทย์ ทางบริษัทก็ยินดีที่จะยืดหยุ่นกฎดังกล่าวให้สอดคล้องกับเงื่อนไขปัจจัยต่างๆ ของพนักงานแต่ละคนด้วยเช่นกัน บรรยากาศการทำงานคงคึกคักขึ้นน่าดูเลยเนาะ ที่มา: Rocketnews24
-
แม้แต่นกก็ยังมีวินัย!? มหาลัยญี่ปุ่นติดป้าย “ห้ามอีกาเข้า” หลังจากนั้นมันก็ไม่มาอีกเลย…
นอกจากประเทศญี่ปุ่นจะขึ้นชื่อเรื่องความครีเอทีฟและเทคโนโลยีสุดล้ำแล้ว ประชากรของประเทศนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของความมีระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดอีกด้วยนะเออ แต่ไม่ใช่แค่เพียงชาวญี่ปุ่นเท่านั้นที่จะมีวินัย เพราะล่าสุดได้มีข่าวมาว่ามหาวิทยาลัยในเมือง Otsuchi ได้แก้ไขปัญหาการรุกรานของอีกาด้วยการติดป้าย ‘ห้ามเข้า’ และไม่น่าเชื่อว่าพวกมันจะอ่านรู้เรื่อง แถมยังยอมทำตามกฎอีกด้วย!! ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยต้องเจอกับปัญหาการรุกรานของอีกา เพราะพวกมันมักจะเข้ามาทำลายทรัพย์สินภายในอาคารต่างๆ อยู่เป็นประจำ ฝ่ายบุคลากรในมหาวิทยาลัยก็พยายามที่จะหาทางแก้ปัญหา จนกระทั่งอาจารย์ Katsufumi Sato ได้คำแนะนำจาก Tsutomu Takeda เพื่อนผู้เชี่ยวชาญด้านอีกาให้ลองเขียนป้ายคำว่า ‘ห้ามอีกาเข้า’ โดยผู้เชี่ยวชาญได้ให้เหตุผลว่า จริงๆ แล้วอีกามันไม่สามารถอ่านภาษาคนออกหรอก ทว่าเมื่อมีการติดป้ายแล้วผู้คนที่สัญจรไปมาก็จะอ่านป้าย และแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าเพื่อชี้นิ้วไปที่พวกมัน ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้อีการู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย และไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่งอีก เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วทางมหาวิทยาลัยก็ได้มีคำสั่งให้ติดป้ายเตือนอีกาทันที และไม่น่าเชื่อว่าวิธีการนี้จะใช้ได้ผลจริงๆ โดยบุคลากรได้ช่วยกันนำป้ายเตือน ‘ห้ามอีกาเข้า’ ไปติดในบริเวณที่ได้รับความเสียหายการจากฝีมือของพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นกระจก ท่อน้ำ บานประตู หรือแม้แต่บนต้นไม้ที่พวกมันชอบไปอาศัยอยู่ คุณ Takeda ให้สัมภาษณ์ว่า “มันเป็นกลอุบายที่ใช้จัดการกับปัญหาอีกานักเลงทั้งหลายได้ดีมากๆ คุณลองนึกภาพดูสิว่าหลังจากที่เราติดป้ายนี้ไปแล้ว ด้วยความที่มันเตะตาไม่ว่าใครก็ตามที่มาเยือนสถาบันแห่งนี้ก็จะได้อ่านป้าย จากนั้นพวกเขาก็มักจะแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าและชี้นิ้วใส่อีกา ซึ่งวิธีนี้ทำให้พวกมันรู้สึกกลัวคนที่มาเยือนสถาบันของเรา และมันก็ช่วยลดปัญหาความวุ่นวายได้จริง” ช่างเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ฉลาดล้ำลึกยิ่งนัก แถมยังใช้งานได้ดีอีกด้วยนะ…
-
บริษัทพานาโซนิคญี่ปุ่นเปิดตัว “ไม้แขวนเสื้อไฮเทคขจัดกลิ่น” กลิ่นแรงแค่ไหนก็เอาอยู่!!
ไม้แขวนเสื้อต่อให้มีรูปร่างแปลกไปบ้างมันก็คือสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นมาไว้แขวนเสื้อผ้านั่นแหละ โดยล่าสุดนี้ ที่ประเทศญี่ปุ่นก็ได้ออกแบบไม้แขวนเสื้อไฮเทคที่ไม่ได้มีไว้เพียงแค่แขวนเสื้อ แต่ยังช่วยในเรื่องของการดับกลิ่นด้วย นี่คือ Deodorant Hanger MS ไม้แขวนเสื้อที่ใช้เทคโนโลยี NanoE จากบริษัทพานาโซนิคของญี่ปุ่น ที่จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาและจัดการชีวิตคุณให้ง่ายขึ้น โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องนำไปซักหรือซักแห้ง เพียงเพราะอยากกำจัดกลิ่นเล็กๆ น้อยๆ ทันทีที่คุณเสียบปลั๊ก ไม้แขวนเสื้อไฮเทคจะปล่อยอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าขนาดนาโนให้ซึมซับเข้าไปในเนื้อผ้า เพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนเสื้อผ้า แต่หากเสื้อผ้าของคุณมีกลิ่นแรงมากๆ อาจจะต้องใช้เวลาในการกำจัดกลิ่นนานถึง 5-7 ชั่วโมง อนุภาคเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยการใช้แรงดันและความชื้นในอากาศ โดยจะปล่อยออกมาจากจุดต่างๆ ของไม้แขวนเสื้อ 8 จุด เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและขจัดกลิ่นอย่างทั่วถึง ทางพานาโซนิคญี่ปุ่นบอกว่าพวกเขาได้ทดสอบเทคโนโลยี NanoE กับกลิ่นต่างๆ เช่น กลิ่นเหงื่อ กลิ่นควันบุหรี่ และกลิ่นเนื้อย่าง จากการทดสอบพบว่าไม้แขวนเสื้อไฮเทคสามารถลดความรุนแรงของกลิ่นต่างๆ ได้ดี และช่วยคงสภาพของการกำจัดกลิ่นได้นานหลายชั่วโมงด้วย ทั้งนี้ไม้แขวนเสื้อไฮเทคสามารถปรับการใช้งานได้ 2 โหมด คือโหมดปกติและโหมดระยะยาว โดยโหมดแรกนั้นจะอยู่ได้นาน 5 ชั่วโมง ส่วนหมดหลังอยู่ได้นานถึง 7 ชั่วโมง นอกจากนี้ไม้แขวนเสื้อไฮเทคยังมาพร้อมที่คลุมผ้าเพื่อให้สามารถแขวนเสื้อผ้าได้ครั้งละหลายๆ ตัว โดยที่ไม่ทำให้เสื้อผ้ายับไปกว่าเดิม บริษัทพานาโซนิกกล่าวว่า ไม้แขวนเสื้อ…
-
สาวไทยอาสาถ่ายรูปให้ฟรี เมื่อไปเที่ยวโครเอเชีย แลกกับบริจาคผ้าอนามัยให้องค์กรการกุศล
ประเทศโครเอเชียถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีความสวยงามอยู่มาก ไม่ว่าจะบ้านเมืองที่สร้างมาแบบคุมโทนหรือวิวทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา นั่นจึงไม่แปลกที่มันจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางให้นักท่องเที่ยวหลายๆ คน และถ้าหากว่าคุณกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปที่นั่นแต่ยังไม่มีกล้องแจ่มๆ หรือไม่มีเงินมากพอจะจ้างช่างภาพเดินทางไปกับคุณล่ะก็ #เหมียวฟิ้น อยากจะแนะนำให้คุณได้รู้จักกับช่างภาพคนหนึ่ง ที่อาสาจะไปถ่ายรูปให้กับคุณแบบฟรีๆ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ช่างภาพที่เราพูดถึงนี้เธอมีชื่อว่าคุณโช สาววัย 21 ปี ที่เดินทางไปเรียนต่อที่กรุงซาเกร็บ ประเทศโครเอเชีย และยังเป็นสมาชิกขององค์กร Give Her 5 ในประเทศอินเดียด้วย เธอเล่าว่าภายในองค์กร Give Her 5 นั้นจะผลิตผ้าอนามัยแบบซักได้เพื่อแจกจ่ายให้กับเหล่าหญิงสาวที่ไม่มีเงินมากพอจะซื้อด้วยตัวเอง แต่ถึงจะมีการผลิตเพื่อแจกจ่ายแล้วก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการอยู่ดี มีการทำผลสำรวจจนพบว่ากว่า 1 ใน 5 ของเด็กสาวในอินเดียถูกทางโรงเรียนบีบให้ออกจากโรงเรียนเนื่องจากขาดเรียนเพราะเป็นประจำเดือนบ่อยครั้ง กว่า 88% ของเด็กสาวในอินเดียต้องใช้เสื้อผ้า เศษขี้เถ้าหรือทรายเพื่อใช้ซับประจำเดือนของพวกเธอ และที่สำคัญก็คือหญิงสาวกว่า 400 ล้านคนในอินเดียไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อผ้าอนามัย จึงทำให้ผ้าอนามัยกลายเป็นของใช้ที่ไม่อาจซื้อมาใช้ได้ง่ายๆ ด้วยเหตุเหล่านี้เองคุณโชก็เลยอยากจะช่วยเหลือองค์กร Give Her 5 ด้วยการอาสาถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวฟรีๆ เพื่อแลกกับการที่เราจะช่วยบริจาคเงินเล็กๆ น้อยๆ เพื่อนำไปผลิตผ้าอนามัยให้กับหญิงสาวชาวอินเดียที่ไม่มีเงินซื้อ หรือหากใครสะดวกจะบริจาคเป็นผ้าอนามัยเลยก็ได้เช่นกัน …
-
ภาพสุดท้าย… พ่อโอบกอดลูกชายที่ป่วยเป็นมะเร็งไว้ เพื่อเติมเต็มความหวังก่อนที่จะจากไป
สิ่งที่พ่อแม่ทุกคนไม่อยากเห็นมากที่สุดคือการเห็นลูกต้องล้มป่วยด้วยโรคร้าย ถ้าเลือกได้พวกเขาก็อยากจะเจ็บแทนเองด้วยซ้ำ แต่พ่อแม่คู่นี้ต้องเจ็บยิ่งกว่านั้น เพราะต้องทนเห็นลูกจากไปในอ้อมกอดของตัวเอง Braiden Prescott เด็กชายวัย 7 ขวบ ป่วยด้วยโรคมะเร็งชนิดนิวโรบลาสโตมา (Neuroblastoma) ได้เสียชีวิตลงหลังแอดมิทเข้าโรงพยาบาลในเดือนกันยายนปี 2016 ได้เพียงแค่ 2 วันเท่านั้น คนที่เจ็บปวดที่สุดจากการเสียชีวิตของเด็กชายก็คงจะเป็นคุณแม่ Steph และคุณพ่อ Wayne Prescott จากเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ พ่อแม่ได้แชร์ภาพช่วงสุดท้ายของ Braiden ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทั้งคู่แทบใจสลายไปพร้อมๆ ลูก เพราะต้องเห็นลูกชายที่รักจากไปต่อหน้าต่อตา ในวันที่เด็กชายเสียชีวิต คุณแม่ Steph เล่าว่า “ฉันนอนอยู่ข้างเตียงของลูกตลอดทั้งคืน แล้วตื่นมาตอนตี 3 เพราะได้ยินเสียงลูกสำลัก จึงทำการตามพยาบาลมาทันที” หลังจากที่เข้ามาตรวจสอบอาการสักพัก พยาบาลบอกกับเธอว่า “ใกล้จะถึงเวลาที่เขาจะไปแล้ว” แม้คุณแม่จะรู้อยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินแบบนั้น เข่าของเธอแทบจะทรุดลงไปทันที แต่ก็ยังพยายามฮึดสู้แล้วเดินไปปลุกสามี แม่อยากอุ้มลูกชายไว้เพื่อให้เขาจากไปอย่างสงบในอ้อมกอดของเธอ แต่ไม่อาจทำใจได้ เธอจึงปล่อยให้สามีเป็นคนอุ้มแทน ส่วนเธอก็นั่งจับมือลูกอยู่ข้างๆ สำหรับโรคร้ายที่หนูน้อยต้องเจอนั้น เป็นความผิดปกติเนื่องจากมีเนื้องอกที่ขากรรไกร ทำให้เขาไม่สามารถเปิดปากได้หรือพูดได้ พ่อแม่เลยไม่รู้ว่าลูกชายต้องการอะไรเป็นสิ่งสุดท้าย …
-
ชาวนอร์เวย์ร่วมลงเงินบูรณะ ‘ผากระปู๋’ อันเลื่องชื่อ มีมือดีบังอาจมาตัดแท่งหินยื่นออก!!
ประเทศนอร์เวย์ เป็นหนึ่งประเทศที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันแสนสวยงาม รวมไปถึง Trollpikken หน้าผาหินหรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘หน้าผาจู๋’ อันขึ้นชื่อของที่นี่ แต่เมื่อไม่นานมานี้หน้าผาอันแสนลือชื่อนี้ก็ต้องเหลือเป็นเพียงตำนาน หลังจากส่วนหินที่ยื่นออกมานั้นได้หายไปอย่างลึกลับ ทำให้ชาวบ้านผู้อยู่อาศัยในละแวกนั้น รวมไปถึงนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ถึงกับงงเลยทีเดียว หลังจากที่ทราบข่าวการหายไปของตำนานหน้าผา Trollpikken นักท่องเที่ยวและผู้ที่ชื่นชอบสถานที่ดังกล่าวได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมาก ชายคนนี้ถึงกับอารมณ์เสียเลยทีเดียว เมื่อรู้ว่าหินส่วนที่ยื่นออกมานั้นหายไป อีกหนึ่งเสียงจากชาวเน็ต ที่ออกมาประณามการกระทำดังกล่าว จากการรายงานของสำนักข่าว Huffington Post บอกว่าการหักของแท่งหินดังกล่าวนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เกิดจากฝีมือของใครบางคนจากการใช้เครืองมืออย่างสว่านยักษ์ หรือไม่ก็อุปกรณ์ที่ทรงพลังมากๆ เพื่อที่จะตัดหินส่วนที่ยื่นออกไปได้ แต่อย่างไรก็ตามชาวนอร์เวย์ผู้หวงแหนในแท่งหินดังกล่าว ได้ร่วมกันลงขันเพื่อบูรณะฟื้นฟูหินก้อนนี้ผ่านทางเว็บไซต์ระดมทุน ซึ่งตอนนี้มียอดเงินบริจาคแล้วถึง 20,000 เหรียญหรือประมาณ 600,000 บาท โดยงบประมาณของเงินที่ใช้ไป 1 ใน 3 นั้นจะหมดไปกับค่าเช่าเฮลิคอปเตอร์สำหรับการยกแท่งหินดังกล่าวกลับขึ้นมา และในเงินส่วนที่เหลือจะนำไปใช้สำหรับกระบวนการบูรณะประกอบหินเข้าตำแหน่งเดิม โถสงสารเจ้าหินจริงๆ เลยนะเนี่ย ใครกันหนอมาเฉือนกล่องดวงใจมันได้ลงคอ ฮืออ.. ที่มา distractify, globalnews, huffingtonpost
-
พ่อแม่ถูกโรงพยาบาลปฏิเสธไม่ให้พาที่ลูกป่วยหนักกลับบ้านใน “ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต”
พ่อแม่ทุกคนอยากหยิบยื่นสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกตั้งแต่เกิดไปจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต เหมือนกับพ่อแม่ของ Charlie Gard ที่อยากให้ลูกกลับไปเสียชีวิตที่บ้าน เพราะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้ลูกได้ เมื่อไม่นานมานี้ลูกชายของ Connie Yates และ Chris Gard ป่วยด้วยโรคร้ายและจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่นาน ดังนั้นพ่อแม่จึงอยากทำความปรารถนาสุดท้ายกับลูก สิ่งที่พ่อแม่ต้องการคืออยากพา Charlie กลับไปตายที่บ้าน แต่กลับถูกปฏิเสธจากทางโรงพยาบาลและไม่อนุญาตให้ทั้งคู่ทำเช่นนั้น ทั้งคู่เปรียบลูกชายตัวน้อยเหมือนทหารผู้กล้าหาญ พวกเขาอยากสู้กับโรคร้ายนี้ไปพร้อมๆ กับลูกจนวินาทีสุดท้าย แต่มาตอนนี้กลับถูกปฏิสเสธไม่ให้ทำเช่นนั้น Chris บอกว่า “เราไม่สามารถทำอะไรได้ แม้กระทั่งพาลูกกลับไปตายที่บ้าน” ดังนั้นพ่อแม่คู่นี้จึงทำทุกวิถีทางเพื่อจะพาลูกกลับบ้านให้ได้ แม้ต้องจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาลก็ตาม ในขณะที่ Connie บอกว่า “เราคิดอยู่เสมอว่าอยากให้ลูกกลับไปตายที่บ้านเมื่อถึงเวลา และฉันก็บอกกับเขาทุกวันว่าจะพาเขากลับบ้าน” “มันเป็นคำมั่นสัญญาที่เราให้ไว้กับลูก เราจึงต้องรักษาคำพูดนั้น เพื่อไม่ให้ลูกผิดหวัง ที่สำคัญมันคือสิ่งสุดท้ายที่เราจะทำให้ลูกได้ก่อนที่เขาจะจากไป” ผู้เป็นแม่บอก อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ มีครอบครัวและเพื่อนๆ ของทั้งคู่ที่อยากบอกลาเด็กน้อยเป็นครั้งสุดท้าย แต่ไม่สามารถมาได้ ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าที่จะพาลูกกลับบ้านที่มีทุกคนอยู่รอเขาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พวกเขายังบอกอีกว่าได้ขออนุญาตคุณหมอว่าขออยู่กับลูกในสัปดาห์สุดท้ายของการรักษา แต่คำขอนี้ก็ถูกปฏิเสธอีกครั้ง ที่ผ่านมาพวกเขาได้รับเงินบริจาคกว่า 38 ล้านบาท ผ่านการระดมเงินในเว็บไซต์ GoFundMe เพื่อนำไปเป็นค่ารักษาให้ลูก และตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการต่อสู้เพื่อพาลูกกลับบ้านต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่พาลูกกลับบ้านให้ได้นะคะ ที่มา metro
-
ชายหนุ่มทำตามคำสัญญา ขอแต่งงานกับสาวผู้เป็น ‘ป๊อบปี้เลิฟ’ รักมั่นคงมาถึง 20 ปี!!
เชื่อแน่ว่าหลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ‘ป๊อบปี้เลิฟ’ กันมาบ้างแน่ๆ ความรักสมัยเด็กๆ ที่แสนจะน่ารักและหลายๆ คนก็อาจจะเคยได้สัมผัสมากับตัวเองบ้างแน่ๆ เลยใช่ไหมล่ะ แต่ใครจะไปเชื่อว่าความรักใสๆ แบบเด็กจะอยู่ยืนยงถึง 20 ปีและทำให้ทั้งคู่กลายมาเป็นสามีภรรยากัยในที่สุด พบกับเรื่องราวความรักอันแสนน่าอจฉาของคุณ Laura Scheel และ Matt Grodsky Laura Scheel และ Matt Grodsky คู่รักที่พบกันครั้งแรกเมื่อ 20 ปีก่อน ทั้งสองพบกันครั้งแรกตอนช่วงเข้าเรียนชั้นอนุบาล ถ้าหากให้พูดถึงความทรงจำดีๆ ของ Matt นั้นคงต้องย้อนไปถึงช่วงวัยเด็ก ตอนที่เขาเจอกับว่าที่ภรรยาเป็นครั้งแรก “หนึ่งในความทรงจำของผมเกิดขึ้นเมื่อตอน 3 ขวบ มันเริ่มขึ้นตอนเรียนชั้นอนุบาล ตอนนั้นผมลุกขึ้นกลางห้องเรียนแล้วก็บอกกับทุกคนว่าจะแต่งงานกับเธอ” หลังจากเรียนจบชั้นอนุบาลแล้ว ทั้งคู่ต่างแยกย้ายจากกันไป แต่แล้วพรหมลิขิตก็กำหนดเส้นทางให้ทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยเรียนมัธยมและทั้งสองก็เริ่มคบกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Matt เล่าเรื่องราวของเขาผ่านอินสตาแกรม ตอนนี้ผ่านมาแล้วกว่า 20 ปี หลังจากที่พวกเขาพบกันครั้งแรกตอนเด็กๆ ในที่สุดพ่อหนุ่ม Matt ของเราก็อยากจะรักษาคำพูดในวัยเด็กของเขา ชายหนุ่มจึงขอเธอแต่งงานเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา ภาพของ…
-
เจ้าเหมียวแก่ได้พบกับหมอ Ed Sheehan ทาสผู้เป็นรักแท้ หลังต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวมาตลอด…
เจ้าเหมียวแก่อายุ 15 ปี เป็นแมวจรจัดมาทั้งชีวิต ถูกพบอยู่ข้างถนนในรัฐ New Jersey ก่อนจะถูกพามาไว้ที่สถานสงเคราะห์สัตว์ Voorhees Animal Orphanage พวกเขาตั้งชื่อมันว่า Barnaby หลังจากที่มาอยู่ที่สถานสงเคราะห์ได้ไม่นาน เจ้า Barnaby ก็เริ่มภารกิจขโมยหัวใจของทุกคน และสะกดจิตให้กลายเป็นทาสได้อย่างง่ายดาย (ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยแท้ๆ) ไม่เพียงแค่ผู้คนและสัตว์ตัวอื่นๆ ที่อยู่ในสถานสงเคราะห์สัตว์เท่านั้นที่ถูกขโมยหัวใจ สัตวแพทย์ Ed Sheehan และภรรยา Clare Sheehan ที่ได้เห็นภาพของเจ้า Barnaby ผ่านทางเฟซบุ๊กก็เกิดตกหลุมรักในทันที “เมื่อพวกเราได้เห็นภาพของมันผ่านทางเฟซบุ๊ก ก็รู้ได้ทันทีว่ามันต้องการการดูแลมากแน่ๆ ก็เลยตัดสินใจที่จะติดต่อไปขอรับตัวมันมาดูแล” คุณ Clare เล่า ได้มีสถานที่ที่เรียกว่าบ้านจริงๆ อยู่กับเค้าซักทีนะ ^^ พอมาถึงปุ๊บคุณหมอ Ed Sheehan ก็จับมันตรวจเลือดก่อนเลย จากนั้นเจ้า Barnaby ก็เดินสำรวจบ้านใหม่จนทั่ว ผลการตรวจเลือดของมันผ่านไปด้วยดี และไม่พบถึงปัญหาที่ร้ายแรงอะไร ส่วนน้ำหนักตัวก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ทางคุณหมอ Sheehan…
-
หนุ่มชาวอังกฤษ ผู้เอา “เบค่อน” ตบหน้าสาวมุสลิม ถูกศาลตัดสินจำคุก 6 เดือนเรียบร้อย!!
เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ฮือฮาไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ตหลังจากที่มีหนุ่มใช้เบค่อนทำร้ายร่างกายหญิงสาวชาวมุสลิม โดยผู้กระทำความผิดในครั้งนี้เป็นนาย Alex Chivers วัย 36 ปี ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวถูกศาลตัดสินให้จำคุก 6 เดือน โทษฐานไม่เคารพศาสนาผู้อื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว Alex Chivers เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า จากคลิปวิดีโอที่เพื่อนของ Alex Chivers เป็นคนถ่าย เผยให้เห็นภาพของสองแม่ลูกชาวมุสลิมกำลังเดินอยู่ข้างถนน หลังจากนั้นหนุ่มผู้ต้องหาสวมใส่หมวกกันน็อคเพื่ออำพรางใบหน้า และนำเบค่อนปาใส่หญิงสาวแม่ลูกชาวมุสลิม มิหนำซ้ำเจ้าตัวก็ได้ตะโกนออกมาว่า ‘พวกมุสลิมเxี้ย’ และ ‘พวกเอ็งสมควรได้รับสิ่งนี้’ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้การในชั้นศาลว่า หญิงสาวทั้งสองคนพยายามที่จะเดินหนีและไม่ต้องการความรุนแรง ทว่าพวกเขากลับรู้สึกกลัวที่จะต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ปกติสุขต่อจากนี้ James Payne จาก Enfield Community Safety Unit ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า “นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจมาก โดยผู้เคราะห์ร้ายไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร และการกระทำดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งภายในสังคม” นอกจากคนร้ายจะถูกสั่งจำคุก 6 เดือนแล้ว ศาลยังสั่งให้เขาต้องทำสาธารณะประโยชน์ให้แก่สังคมอีกเป็นเวลา 12 สัปดาห์ ต้องจ่ายค่าปรับให้ผู้เสียหาย 115 ยูโร และต้องถูกคุมประพฤติอีก…
-
อดขำไม่ได้… เมื่อแม่เห็น “หมาหลงทาง” แต่คิดว่าเป็นหมาตัวเอง ทั้งที่ไม่เหมือนกันซักกะติ๊ด!!
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากคุณจำหน้าสัตว์เลี้ยงไม่ได้หลังจากไม่เจอกันนาน เพราะพวกมันก็มีการเปลี่ยนแปลงไม่ต่างจากเรา อย่างคุณแม่คนนี้ที่จำหมาตัวเองไม่ได้ หลังจากที่มันหายออกจากบ้านไปเป็นเวลานาน Jeff Squires วัย 17 ปี กับคุณแม่ Terri Squires อาศัยอยู่ในเมือง Grafton รัฐโอไฮโอ พวกเขามีสุนัขพันธุ์แจ็ครัสเซลเทอร์เรียชื่อ Duey (ชื่ออาจจะสะกดแปลกๆ เพราะมันได้ชื่อผิดๆ มาตั้งแต่เอกสารที่กรอกในคลินิกสัตว์แล้ว) Jeff บอกว่า “สุนัขของเราน่าจะหนีออกจากบ้านประมาณวันที่ 4 เดือนกรกฎาคม ในช่วงที่มีคนพลุกพล่านที่เทศกาลดอกไม้ไฟ เพราะมันกลัวก็เลยวิ่งไปทั่ว“ จนกระทั่งวันอังคารที่ผ่านมาคุณแม่ได้เห็นโพสต์ในเฟสบุ๊กว่า ‘พบสุนัขสองตัวที่คาดว่าน่าจะหลงทางอยู่ในเมือง’ เธอจึงแคปภาพรูปสุนัขหนึ่งในนั้นแล้วส่งไปให้ลูกชายดู เพื่อให้แน่ใจว่าใช่เจ้า Duey หรือเปล่า หลังจากที่ได้เห็นรูปแล้ว ลูกชายก็ตอบกลับมาว่า ‘ไม่ใช่แม่ หน้าของ Duey จะเป็นสีน้ำตาล’… ‘เอ้าเหรอ อืม แค่เช็คดูน่ะ เผื่อจะใช่มัน’ คุณแม่ตอบกลับ Jeff บอกว่าเขางงมากที่แม่ส่งรูปนั้นมาให้ คือมันไม่เหมือนเจ้า Duey เลยซักนิดเดียว มันขนสีขาวทั้งตัวเหมือนหมีขั้วโลกเลย ส่วนคุณแม่บอกกับสื่อว่า “ตอนที่ฉันออกจากห้องประชุมแล้วเห็นรูปหมาในเฟซบุ๊ก ฉันเห็นว่ามันขนสีขาวเหมือน…
-
10 ภาพความพังพินาศเมื่อคุณ “ทิ้งลูกไว้เพียงลำพัง” ผลงานไร้เดียงสาที่คุณจะลืมไม่ลง…
วัยเด็กเป็นวัยที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เห็นอะไรก็อยากหยิบอยากจับไปหมด ดังนั้นพ่อแม่จึงต้องคอยดูแลเพื่อไม่ให้ลูกน้อยเล่นซุกซนจนได้รับบาดเจ็บหรือสร้างความเสียหายได้ แล้วถ้าพ่อแม่ปล่อยให้ลูกๆ อยู่กันตามลำพังล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น… แน่นอนเวลาที่พ่อแม่ไม่อยู่นั้น มันคือช่วงเวลาแห่งอิสระของเด็กๆ เลยล่ะ แล้วคิดเหรอว่าพวกเขาจะอยู่นิ่งๆ โดยไม่ทำอะไรเลย!? 1. เผลอแป๊บเดียว บ้านเกือบกลายเป็นทะเลฟองแล้ว 2. ศิลปินตัวน้อยช่วยแต่งบ้านให้พ่อแม่ เหนื่อยจนเผลอหลับไปเลย 3. เด็กอะเนาะ ทำอะไรก็ไม่ผิด ก็ไม่แปลกที่เธอจะนั่งยิ้มกับผลงานตัวเอง 4. มีเด็กที่ไหนความสนุกอยู่ที่นั่น อืม สนุก สนุกกันเองนะ… 5. เมื่อปล่อยเด็กสองคนไว้กับสี 4 ถัง… 6. โลกศิลปะมักไร้ขอบเขต ไปให้สุดค่ะลูก เต็มที่เลย 7. มีคนอยู่เต็มบ้านแต่ไม่มีใครสนใจ เด็กน้อยเลยใช้วิธีนี้ซะเลย จะได้ผลมั้ยนะหรอ ดูเอาเอง 8. หนูชอบแปรงฟันมากเลยค่ะ เล่นยาสีฟันทาซะทั่วขาเชียวนะ 9. รู้สึกว่าในบ้านเงียบจนเกินไป โผล่มาเจออีกทีในห้องนอน เละเทะสภาพนี้เลย…
-
ครบรอบ 10 ปี “ไอโฟน” ย้อนดูไอโฟนตั้งแต่รุ่นแรกจนรุ่นล่าสุด คุณได้ครอบครองรุ่นไหนบ้าง?
ปัจจุบันมีสมาร์ทหลายรุ่นให้ผู้คนได้เลือกใช้ หนึ่งในนั้นคือ Apple ที่ได้เปิดตัวโทรศัพท์ไอโฟน และไม่ว่าจะออกมากี่รุ่นๆ ก็ได้รับความนิยมเสมอ และในปีนี้ก็เป็นที่ 10 แล้วสำหรับไอโฟน ทำให้หลายคนนึกย้อนไปถึงตอนที่ Apple เปิดตัวไอโฟนรุ่นแรกจนกระทั่งรุ่นล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกหรือลูกเล่นของไอโฟนแต่ละรุ่นที่มีความแตกต่างกัน เรามาดูดีกว่าเพื่อนๆ เคยครอบครองไอโฟนรุ่นไหนบ้าง iPhone – 2007 เรียกได้ว่าเป็นโทรศัพท์รุ่นแรกๆ ที่มาในรูปแบบจอสัมผัส ความกว้าง 3.5 นิ้ว ราคาจะขึ้นอยู่กับหน่วยความจำ คือ 8GB ราคา 20,000 บาท 4GB ราคา 17,000 บาท นอกจากนี้ยังมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. นั่นหมายความว่าคุณจะไม่สามารถเสียบหูฟังขนาดอื่นได้ อีกอย่างหนึ่งคือแบตโทรศัพท์รุ่นนี้ค่อนข้างอยู่ได้ไม่นาน ที่สำคัญคือไม่มี 3G ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นทำด้วยหินอลูมิเนียมอย่างสวยงาม iPhone 3G – 2008 รุ่นนี้มีการดีไซน์ที่ค่อนข้างดูดี ด้านหลังทำจากพลาสติกสีดำเงาแทนอลูมิเนียม รองรับ 3G ทำให้สามารถใช้เน็ตผ่าน WiFi ได้ และได้ปรับปรุงหูฟังกับแบตเตอร์รี่ให้ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีกล้องความชัด…
-
อดีตครูสาววัย 24 ปีถูกจับ หลังมีเซ็กส์กับนักเรียนชายวัย 17 ปีบ่อยครั้ง ทั้งในรถและในบ้าน…
เข้าใจว่าปัจจุบันนี้เซ็กส์มีหลากหลายรูปแบบ และสามารถทำกันได้ทุกเพศทุกวัย แต่บางทีก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและกฎหมายบ้านเมืองด้วย อย่างกรณีของ Loryn Barclay อดีตครูสาววัย 24 ปี จาก Washburn รัฐ Missouri ถูกกล่าวหาว่ามีเพศสัมพันธ์กับนักเรียนชายวัย 17 ปี ในข่าวระบุว่าเธอกับลูกศิษย์ได้มีเพศสัมพันธ์กันหลายครั้งบนรถของฝ่ายชาย ในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2016 และในเดือนมกราคม 2017 ทั้งคู่ก็มีเซ็กส์กันที่บ้านของนักเรียนชายถึง 2 ครั้ง ในขณะที่เธอเป็นครูอัตราจ้างของโรงเรียน Monett High School ใน Lawrence County หลังจากที่ถูกสอบสวน Barclay ให้การสารภาพว่าเธอมีเพศสัมพันธ์กับนักเรียนจริงตามที่ถูกกล่าวหา ทางโรงเรียนจึงปลดเธอออกจากตำแหน่งหน้าที่การงาน และปล่อยให้เธอถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ภายหลังจากที่ถูกจับกุมแล้ว Barclay ก็ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว หลังจากยื่นเงินประกันตัวเป็นจำนวน 800,000 บาท แต่ต้องกลับมาขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีอีกในวันที่ 24 กรกฎาคม 2017 ส่วนข้อมูลของฝ่ายนักเรียนชายคนดังกล่าวนั้นสื่อไม่ได้ระบุเอาไว้แต่อย่างใด ที่มา dailymail
-
ฝรั่งเศสทดลอง “หมักไวน์ใต้ทะเลลึก” เพื่อพิสูจน์ความกลมกล่อม ที่มากกว่าการหมักทั่วไป!?
กระบวนการและวิธีการหมักไวน์นั้นถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีผลกับรสชาติของไวน์ แต่ในเมื่อความอร่อยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน วิธีการหมักจึงแตกต่างกันไป เมื่อ 2 ปีที่แล้ว สมาคมผู้ผลิตไวน์ในฝรั่งเศสก็ได้นำไวน์แดง ไวน์ขาว และไวน์กุหลาบ จำนวน 120 ขวด ไปแช่ไว้ใต้ทะเลเมดิเตอเรเนียน เพื่อพิสูจน์ว่ามันจะมีรสชาติดีกว่าการหมักไว้ในห้องใต้ดินแบบดั้งเดิมหรือไม่ สมาชิกสมาคมผู้ผลิตไวน์ของ Les vins de Bando บอกว่าพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากการค้นพบขวดโหลขนาดใหญ่ที่อยู่ในท้องทะเลเป็นร้อยๆ ปี ที่สำคัญในขวดโหลนั้นมีไวน์หลงเหลืออยู่นิดหน่อย ซึ่งคาดว่าน่าจะถูกทิ้งลงทะเลในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่รสชาติของมันยังคงกลมกล่อมอย่างไม่น่าเชื่อ ตามทฤษฎีนี้ พวกเขาต้องนำไวน์ไปแช่ทะเลในความลึก 40 เมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่น่าจะมีผลต่ออายุของไวน์มากที่สุด แต่ทั้งนี้ต้องดูที่สภาพแวดล้อมด้วย ดังนั้นในช่วงฤดูร้อนของปี 2015 พวกเขาจึงได้นำไวน์ที่ดีที่สุด 120 ขวด ลงไปแช่ในทะเลเมดิเตอเรเนียน และมีแผนที่จะทดสอบรสชาติของมันในปีถัดไป Philippe Faur-Brac ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ และเป็นผู้ครองตำแหน่งซอมเมอลิเยร์ (Sommelier) หรือปราชญ์ผู้รอบรู้เรื่องไวน์ที่ดีที่สุดในโลกในปี 1992 บอกว่า “ไวน์ทุกชนิดสามารถแช่น้ำได้ โดยจะมีผลต่ออายุของมันในเชิงบวก” นอกจากนี้เขายังได้อ้างถึงการทดลองที่คล้ายกันเมื่อ 20 ปีก่อน ที่มีการทดลองกับไวน์ขาวใน…
-
นักเรียนประดิษฐ์รถยนต์ 5 ที่นั่ง ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และยกย่องให้เป็นรถแห่งอนาคต!!
ทุกวันนี้พลังงานทดแทนได้รับความนิยมมากขึ้นเกือบทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคอุสาหกรรมต่างๆ และได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ล่าสุดที่มหาวิทยาลัย Eindhoven University of Technology ในประเทศเนเธอร์แลนด์ กลุ่มนักเรียนได้พัฒนารถพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อาจเปลี่ยนการขับขี่ของเราในอนาคตได้แล้ว นี่คือ Stella Vie เป็นรถพลังงานแสงอาทิตย์ที่มี 5 ที่นั่ง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 999 กิโลเมตรในแต่ละวันช่วงฤดูร้อน พวกเขาจึงเรียกมันว่า “รถแห่งอนาคต” นอกจากนี้ยังได้มีการติดตั้งระบบซอฟต์แวร์ที่จะทำให้คนขับเร่งความเร็วและเบรกได้อย่างราบรื่น เมื่อต้องการจอดระบบจะนำทางให้ไปจอดในตำแหน่งที่แสงอาทิตย์ตก เพื่อเป็นการชาร์จพลังงานในระหว่างจอด นอกจากนี้รถ Stella Vie ยังมีความสามารถในการวิเคราะห์การจราจร การแจ้งเตือนคนขับ และสามารถประหยัดพลังงานได้โดยการทำตามคำแนะนำของระบบที่ติดตั้งในรถ Stella Vie จะช่วยผู้ขับขี่ให้มีสมรรถนะในการขับขี่อย่างปลอดภัยมากที่สุดโดยการให้ข้อเสนอแนะที่ละเอียดผ่านระบบไฟในตัว มันจะขึ้นไฟเตือนสีแดงในกรณีที่คนขับเบรกกระทันหันหรือเหยียบคันเร่งเร็วเกินไป สำหรับรถคันดังกล่าวนี้ กลุ่มนักเรียนจะนำไปแข่งขันในเวที Bridgestone World Solar Challenge ที่ประเทศออสเตรเลีย ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ และหวังว่าจะสามารถนำมาพัฒนากับระบบรถยนต์ในอนาคตได้จริงๆ เสียทีนะ เจ๋งโคตรๆ อะ ที่มา aplus
-
พี่น้องได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง หลังเข้าใจว่าอีกฝ่ายตายแล้ว ทั้งที่อยู่ห่างกันแค่ 16 กิโลเมตร
คุณไม่รู้ตัวหรอกว่าในแต่ละวันแต่ละปีนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณบ้าง บางทีอาจมีเซอร์ไพรส์แบบไม่รู้ก็ได้ เหมือนพี่น้องคู่นี้ที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง หลังจากที่ต่างเข้าใจว่าอีกฝ่ายได้ตายจากไปแล้ว Dennis Whiting วัย 81 ปี และน้องสาวของเขา Betty Glenville ขาดการติดต่อกันนานกว่า 54 ปี เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว ทั้งที่ความจริงอยู่ห่างกันแค่ 16 กิโลเมตรเท่านั้น ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันเมื่อ Janet Thompson ลูกสาวของ Dennis ถ่ายภาพของพ่อที่อยู่ข้างเรือประมง Hull ซึ่งมีความสำคัญกับเขามาก ลูกสาวก็ได้อัพโหลดรูปที่ถ่ายลงในโซเชียล เป็นรูปตอนที่พ่ออายุ 24 ปี จนมีหญิงคนหนึ่งชื่อ Elaine ส่งข้อความมาหาลูกสาวแล้วบอกว่าเธอเป็นพี่น้องกับผู้ชายในรูปนี้ นั่นทำให้สองพี่น้องได้กลับมาจากกันอีกครั้ง หลังจากที่พบกันครั้งสุดท้ายตั้งแต่ปี 1963 ตอนที่ Dennis อายุ 27 ปี ส่วน Betty อายุ 25 ปี Janet บอกว่า “พ่อของฉันมีพี่น้อง 4 คน ประกอบด้วยพี่ชาย 1 คน และน้องสาว 2 คน แต่ขาดการติดต่อตั้งแต่ตอนแม่ของพวกเขาเสียชีวิตเมื่อ 54…
-
สายการบินญี่ปุ่นออกมาขอโทษ หลังปล่อยให้ “ผู้โดยสารพิการ” คลานขึ้นเครื่องด้วยตัวเอง..!?
กลายเป็นกระแสดราม่าโด่งดังไปทั่วโลกของสายการบิน Vanilla Air จากประเทศญี่ปุ่น หลังมีข่าวออกมาว่าลูกเรือของสายการบิน ปล่อยให้ผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์ต้องคลานขึ้นบันไดเพื่อไปนั่งบนเครื่องบินสูงกว่า 17 ชั้นด้วยตัวเอง!! โดยเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นกับนาย Hideto Kijima ผู้โดยสารหนุ่มชาวญี่ปุ่นวัย 44 ปี ที่ได้เดินทางไปพักผ่อนบนเกาะ Amami ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น Hideto Kijima ด้วยความที่เขาเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงไป ทำให้เขาจำเป็นที่จะต้องใช้วีลแชร์ช่วยเหลือในการเดินทางอยู่เสมอ ทว่าเมื่อถึงเวลาไฟลท์ขากลับเจ้าตัวก็ต้องอึ้งกับบริการที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ หลังสิ้นเสียงประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง นาย Kijima พยายามที่จะขอความช่วยเหลือจากพนักงาน ทว่าเขากลับถูกปฏิเสธ และได้รับคำตอบที่ว่า ‘ทางเราไม่มีนโยบายที่จะช่วยเหลือคนพิการ ถ้าคุณอยากจะขึ้นเครื่องก็ต้องช่วยเหลือตนเอง หรือไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเสียสิทธิ์ในการเดินทางได้’ และล่าสุดทางสายการบิน Vanilla Air ก็ได้ออกมาแถลงการณ์ขอโทษถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งสัญญาว่าจะพัฒนาบริการเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าผู้มีความต้องการพิเศษให้ดียิ่งขึ้นในภายภาคหน้า ซึ่งทาง Kijima ผู้เสียหายก็ได้ออกให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ก่อนหน้านี้เจ้าตัวมีโอกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยวมาแล้วหลายประเทศ และได้ใช้บริการจากหลากหลายสายการบิน “ผมเคยเดินทางมาแล้วก็บ่อย ที่ผ่านมาผมไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้มาก่อน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจออะไรแบบนี้ซึ่งผมก็แอบสงสัยไม่ได้ว่า… เจ้าหน้าที่ของเค้าไม่รู้สึกผิดลึกๆ ในใจบ้างเหรอ? หรือเค้าไม่มีใจรักงานบริการกันนะ?” ที่มา: BBC
-
นักเบสบอลหนุ่ม ได้เข้าไปถ่ายรูปกับทรัมป์ทั้งที… งานนี้ต้องใช้โอกาสชูนิ้วกลางซักหน่อย!!
ครั้งแรกสุดที่เราได้เห็นข่าวนี้ เราก็รู้สึกได้เลยว่าพ่อหนุ่มคนนี้ช่างมีความกล้าเสียยิ่งกะไร เพราะถ้ามีใครมาชูนิ้วกลางแบบนี้ถ่ายรูปกับนายกแถวๆ นี้บ้างละก็… รับรองว่าเรื่องใหญ่แน่นอน!! และภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเมื่อทีมนักเบสบอล และผู้จัดการทีมส่วนหนึ่งได้มีสิทธิ์เข้าไปพยปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สุดเอ็กซ์คลูซีฟถึงข้างในห้องทำงานกันเลยทีเดียว ในฐานะที่ทีม Chicago Cubs สามารถคว้าแชมป์ World Series ได้ พวกเขาก็ได้ทำการมอบของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่ประธานาธิบดี บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนจับมือทักทายกันอย่างสุภาพชนก่อนที่จะถ่ายภาพรวมหมู่ และช่วงที่ถ่ายภาพหมู่นั้นเองก็ได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ให้สังเกตนาย Albert Almora Jr. ไว้ให้ดี… เพราะในระหว่างที่กำลังจะถ่ายรูปนั้น จู่ๆ พ่อหนุ่มคนนี้ก็แอบชูนิ้วกลางขึ้นมาแบบเนียนๆ ต่อหน้าประธานาธิบดีซะเลย ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่โดย Chicago Sun Times และมันก็กลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลก เมื่อมีนักข่าวไปสัมภาษณ์เจ้าตัวก็อธิบายว่า “ต้องบอกตามตรงว่ามันไม่ใช่ทุกวันของชีวิต ที่คุณจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับคนที่เป็นถึงประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา แต่ก็อย่างว่าแหละ… บางทีเราต้องลองทำอะไรห่ามๆ ดูบ้าง” โถ่ววพ่อหนุ่มทำเอาเราตื่นเต้นไปด้วยเลย ลองมาทำแบบนี้ที่บ้านเราสิ…. ที่มา : dailymail
-
Emma Watson แอบซ่อน “นวนิยาย” กว่า 100 เล่มทั่วกรุงปารีส หวังให้ทุกคนรักการอ่าน
หากให้พูดถึงชื่อของสาวฮอต หนึ่งในนั้นคงจะหนีไม่พ้นชื่อ Emma Watson แน่ๆ ก็ทั้งความสวยและความสามารถรอบด้านยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับสาวคนนี้ จนเป็นที่รักของแฟนคลับทั่วโลก บ่อยครั้งที่เธอมักจะเข้าร่วมงานการกุศลต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นองค์กรสิทธิสตรี หรือการช่วยแชร์หนังสือในโครงการ Books on the Underground (อ่านข่าวเก่า Emma Watson สุ่มทิ้งหนังสือเล่มโปรด ไว้ตามสถานีรถไฟ เพื่อให้ผู้คนหยิบไปอ่านฟรีๆ ) แ ละล่าสุดเธอได้ช่วยการโปรโมทหนังสือเล่มหนึ่ง โดยการนำไปซ่อนยังสถานที่ต่างๆ ทั่วกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นักแสดงสาววัย 27 ปี ได้นำหนังสือเรื่อง The Handmaid’s Tale ไปซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ ทั่วมหานครในฝรั่งเศส หลังจากที่แฟนหนังสือและนักเขียนต่างๆ ทราบข่าวนี้ พวกเขาได้ร่วมกันตามหาหนังสือนิยายสุดคลาสสิคของ Emma ซ่อนไว้ ซึ่งมีริบบิ้นสีเขียวผูกอยู่ นักแสดงสาวได้ทวีตข้อความว่า “ฉันซ่อนหนังสือเล่มนี้ไว้ในปารีส” ทั้งภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส นิยายสุดคลาสสิคเล่มนี้เป็นงานเขียนของ Margaret Atwood ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1985 ถูกนำมาสร้างเป็นบทละครแนวดราม่าที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเว็บไซต์ Hulu ซึ่งนำแสดงโดย Elisabeth Moss ทางด้านบริษัท Book Fairies ผู้ริเริ่มการจัดกิจกรรมดังกล่าวนี้ บอกว่า “แฟนๆ หนังสือโชคดีมากๆ ที่จะได้หนังสือเล่มนี้กลับบ้านฟรีๆ…
-
ทัวร์โรงงาน “M&M” ชมขั้นตอนการผลิต กว่าจะมาเป็นขนมหวานยอดฮิต เขาทำกันอย่างไร!!
เมื่อกล่าวถึง M&M หลายคนคงรู้จักกันดีในนามของ “ช็อกโกแลตเม็ดเคลือบน้ำตาล” ที่มีสีสันสวยสดใส มีให้เลือกทานหลากหลายรูปแบบ ทั้งช็อกโกแลตนมเคลือบน้ำตาล, อัลมอนด์ ช็อกโกแลต แคนดี้ รวมไปถึงช็อกโกแลตนมไส้ข้าวพอง และช็อกโกแลตนมไส้ถั่วลิสง ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เชื่อว่าเพื่อนๆ คงจะเคยทานกันมาแล้วอย่างแน่นอน และนอกจากรสชาติที่หอมหวาน นุ่มละลายในปากแล้ว M&M ยังถือเป็นช็อคโกแลต ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ช็อกโกแลตยี่ห้ออื่นๆ เลยละ ด้วยความที่เป็นช็อกโกแลตที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จนทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ไอ้เจ้าช็อกโกแลตเม็ดเล็กๆ ที่เราทานกันอยู่บ่อยๆ นี้ เขามีวิธีการผลิตอย่างไร? ในวันนี้เราจะพาคุณไปรับชมเอง สำหรับ M&M ได้กำเนิดขึ้นในปี 1941 โดย Forrest E. Mars ผู้เป็นเจ้าของกิจการช็อกโกแลต และขนมหวานอันโด่งดัง และนี่คือ โรงงานช็อกโกแลต The Mars Chocolate North America ในเมือง Hackettstown รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตช็อกโกแลต M&M รวมไปถึงช็อกโกแลตยี่ห้อดังอีกมากมาย ได้แก่…
-
คนแปลกหน้ายอมควักเงินซื้อรถ เพื่อมอบให้ชายที่ต้องเดินไปทำงาน 10 กิโลฯ ในทุกวัน!?
เรื่องราวสุดซึ้งเมื่อกลุ่มคนแปลกหน้าในรัฐเท็กซัส ได้มอบของขวัญให้กับชายแปลกหน้าอีกคนเป็นรถยนต์คันงาม โดยที่ประเด็นเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้แม้ว่าทั้งสองฝ่ายไม่เคยรู้จักกันเลย!! เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อ Andy Mitchell ได้บังเอิญเห็น Justin Korva ชายผิวสีที่สวมใส่เครื่องแบบร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง เดินในเส้นทางเดิมทุกวัน ด้วยเหตุนี้เขาก็อาสาจะไปส่งยังจุดหมาย ซึ่งเขาก็เลยถามกับ Justin ระหว่างทางว่าทำไมเขาถึงต้องเดินแบบนี้ทุกวัน? โฉมหน้าของ Andy และ Justin Justin ก็ตอบว่าเขาต้องเดินไปทำงานทางนี้ทุกวัน เพราะเขาต้องเก็บเงินเพื่อซื้อรถให้กับตัวเอง การเดินจึงเป็นวิธีลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ดีที่สุด แม้ว่าอากาศจะร้อนและระยะทางไกลกว่า 10 กิโลเมตรก็ตาม เมื่อ Andy ได้ยินเรื่องราวในครั้งนี้เขาก็ไม่อยู่เฉย เขาและเพื่อนๆ ได้ทำการเงินเรี่ยไรจากผู้คนในชุนชนละแวกนั้น เพื่อช่วยเหลือชายผู้มีเป้าหมายอันแน่วแน่คนนี้ พวกเขาใช้เวลาเพียง 48 ชั่วโมงเท่านั้นเพื่อรวบรวมเงินจนถึงเป้าที่ตั้งเอาไว้ ตอนที่ทุกคนมาเซอร์ไพรส์ Justin เจ้าตัวแทบจะไม่เชื่อเลยล่ะ ซึ่งรถที่ Andy ซื้อให้เป็น Toyota Camry ปี 2004 สีขาว นอกเหนือจากนั้น ด้วยจำนวนเงินที่รวมมาได้มีจำนวนมากและเหลือจากการซื้อรถอีกมากพอสมควร พวกเขาจึงจัดการเรื่องเอกสาร เรื่องประกันภัย พร้อมกับมอบบัตรเติมน้ำมันมูลค่าอีกประมาณ 17,000 บาท มอบให้แก่เขาไปด้วย แม้จะไม่ใช่รถหรูอะไร…
-
สะพานในเคนย่าที่สร้างโดยบริษัทจีน “พังเละ” หลังประธานาธิบดีเปิดใช้ได้แค่ 11 วัน เท่านั้น!!
ก่อนหน้านี้หลายๆ คนอาจจะได้เห็นกระแสดราม่ากรณีที่มีการเปิดให้บริษัทจีนเข้ามาก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทย ซึ่งสร้างความลำบากใจให้แก่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่แค่กับประเทศไทยเท่านั้นที่มีบริษัทจีนเข้ามาก่อสร้าง เพราะที่ประเทศเคนย่าก็ได้มีการก่อสร้างสะพาน ‘Sigiri’ ซึ่งถูกสร้างขึ้นให้เป็นสะพานแด่มิตรภาพจีน – แอฟริกา ทว่าล่าสุดสะพานดัวกล่าวกลับถล่มลงมาซะงั้น!? สะพานแห่งนี้พังถล่มลงมาหลังจากเปิดให้ประชาชนใช้สัญจรได้เพียง 11 วันเท่านั้น โดยสะพานขนาดระยะ 100 เมตร ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศเคนย่า ถูกสร้างโดยบริษัท China Overseas Engineering Co ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ China Railway อีกทีหนึ่ง โดยอุบัติเหตุในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่มีพิธีเปิดสะพานโดยประธานาธิบดีได้เพียงแค่ 11 วัน และทำให้มีคนงานบาดเจ็บมากถึง 28 คน ทางบริษัทของจีนก็ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงถึงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้แต่อย่างใด สะพาน Sigiri ใช้งบประมาณสร้างทั้งหมด 11.5 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่ประธานาธิบดี Uhuru Kenyatta ชูว่าจะสามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้นได้ นอกเหนือจากสะพานที่เพิ่งถล่มไป ในช่วงหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ นักการเมืองคนนี้ก็ได้ชูนโยบายสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเพื่อเชื่อมต่อจากเมือง Mombasa สู่เมืองหลวง Nairobi ภาพจากการหาเสียงของประธานาธิบดีเคนย่า ทว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวอย่าง Raila Odinga…
-
คุณแม่ขาดเรียนเพราะสถานดูแลเด็กปิด แต่ความเป็นห่วงของอาจารย์ก็ชนะใจชาวเน็ตสุดๆ!!
เหตุการณ์อันน่าประทับใจในครั้งนี้เกิดขึ้นกับคุณแม่วัย 21 ปี Morgan King นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทนเนสซี เธอเป็นซิงเกิ้ลมัมที่คอยดูแลลูกสาว Korbyn เพียงลำพัง ทว่าวันหนึ่งจู่ๆ อาจารย์ก็ต้องแปลกใจเมื่อนักศึกษาที่ตั้งใจเรียนมาโดยตลอดอย่างเธอ ไม่มาเข้าเรียนคลาสที่มีการสอบเก็บคะแนน และนั่นอาจมีผลกระทบต่อผลการเรียนของเธอได้เช่นกัน Morgan King และลูกสาวของเธอ Korbyn ซึ่งเธอก็ได้ส่งอีเมล์ไปขอโทษอาจารย์ และอธิบายสาเหตุไม่สามารถเข้าเรียนได้เพราะสถานดูแลเด็กไม่เปิด และเธอจำเป็นที่จะต้องอยู่ดูแลลูกน้อย ลึกๆ แล้วเธอรู้สึกผิดต่ออาจารย์ที่ไม่ไปเข้าเรียน แต่เมื่ออาจารย์ตอบอีเมล์กลับมา มันก็ได้กลายเป็นสิ่งที่สร้างกำลังใจและความรู้สึกดีๆ ให้เธอได้อย่างท่วมท้น ‘สวัสดีมอร์แกน… เราสงสัยมากเลยทำไมเธอถึงไม่เข้าเรียนในเช้าวันนี้ ครูเสียใจด้วยนะที่ได้ทราบถึงสาเหตุเกี่ยวกับเรื่องสถานดูแลเด็กของเธอ และในอนาคตถ้าเธอรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะต้องหาคนมาดูแล Korbyn ละก็ ขอให้เธอทำตัวตามสบายที่จะพาลูกสาวมาที่คลาสเรียนได้เลยจ๊ะ ครูสัญญาแน่นอนว่าจะอุ้มเธอไปด้วยระหว่างสอน และคุณแม่ก็จะได้เต็มที่กับการเรียน ครูทำงานให้กับแผนกการศึกษาด้านเด็กและครอบครัว มันคงจะเป็นเรื่องเลวร้ายมากถ้าหากครูจะไม่อนุญาตให้พ่อแม่พาลูกมานั่งเรียนด้วยจริงไหม? ครูจริงจังนะเนี่ย… อย่าลืมเอาลูกเธอมาเรียนด้วยล่ะ ส่วนเรื่องการสอบเก็บคะแนนวันนี้ก็ไม่ต้องกังวลไป และเรื่องการขาดเรียนครูได้แจ้งเหตุผลว่าเป็นเหตุสุดวิสัยไปให้แล้วนะ ถ้าหากเธอต้องการความช่วยเหลือด้านใดก็สามารถบอกครูได้เลย’ – เนื้อหาในอีเมล แต่หลังจากที่คุณแม่สาวได้โพสต์ภาพอีเมล์ของอาจารย์แล้ว มันก็กลายเป็นกระแสไวรัลโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องราวนี้จะโดนใจชาวเน็ตกันขนาดไหน… หลายคนออกมาให้กำลังใจ และบอกว่านี่แหละคือครูผู้ให้ที่แท้จริง…
-
เด็กน้อยผู้ประสบกับโรคร้าย พยายามต่อสู้อย่างที่สุด กับเวลาที่เหลือน้อยลงไปทุกที…
พบกับเรื่องราวการต่อสู้กับโรคมะเร็งนิวโรบลาสโตมาของเด็กชาย Bradley Lowery วัย 6 ขวบจากประเทศอังกฤษ ซึ่งแม้เด็กชายจะอายุน้อยมากๆ แต่เขาก็สามารถสู้กับโรคร้ายได้อย่างกล้าหาญ Bradley นั้นก็เหมือนกับเด็กปกติทั่วไปที่เกิดมามีสุขภาพแข็งแรง แต่แล้วเมื่อเขาอายุได้ 18 เดือน ก็ต้องพบว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งนิวโรบลาสโต ทว่าเด็กชายก็ไม่ยอมแพ้รวมถึงครอบครัวของเขาก็เป็นกำลังใจจนเด็กชายมีอายุอานามมาได้จนถึง 6 ขวบ!! แม้จะรู้ว่าตัวเองป่วย Bradley ก็ยังยิ้มได้!! ในช่วงเวลาที่เขาต้องสู้กับโรคร้ายนั้น มีครั้งหนึ่งที่ Bradley สามารถจะเอาชนะกับมะเร็งได้ เพียงแต่ว่าในปี 2016 โรคร้ายก็กลับมาหาเขาอีกครั้งและอาการในครั้งนี้ก็แย่กว่าเดิมเสียอีก ในช่วงเวลาที่เด็กชายต้องสู้กับมะเร็งนั้น เขาเป็นแฟนตัวยงของทีมฟุตบอล Sunderland และเป็นแฟนคลับนักเตะ Jermain Defoe นอกจากนั้นเขายังได้เป็นมาสคอตให้กับทีมอีกด้วย Bradley เป็นแฟนตัวยงของทีม Sunderland เลยล่ะ และก็ยังได้ลงไปเป็นมาสคอตคู่กับนักบอลขวัญใจของเขา Jermain Defoe พอถึงวันเกิดของเจ้าหนู Bradley เหล่านักฟุตบอลจากทีมโปรดอย่าง Jermain Defoe และ Vito Mannone ก็มาร่วมฉลองวันเกิดกับเขาด้วย ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ ทีมแพทย์ของเด็กชายก็ได้บอกข่าวร้ายกับครอบครัวว่า โรคร้ายที่ลูกชายของพวกเขากำลังเผชิญอยู่ กำลังมีอาการที่แย่ลงเรื่อยๆ และทำร้ายสุขภาพของ Bradley…
-
เด็กชายอยากได้ตุ๊กตาแพนด้า แต่แม่ไม่ยอมซื้อให้เลยเขียนจองเอาไว้ ‘ถ้ามีเงินจะมาซื้อ’
เมื่อเด็กๆ เจอตุ๊กตาที่ชื่นชอบ พวกเขามักจะอ้อนพ่อแม่ให้ซื้อให้ แต่บางทีการอ้อนก็ไม่ได้ทำให้เด็กๆ ได้สิ่งที่ต้องการเสมอไป พวกเขาก็เลยต้องใช้วิธีอื่น เหมือนกับเด็กชายวัย 10 ขวบคนนี้ ที่อยากได้ตุ๊กตาหมีแพนด้ามากๆ แต่แม่ไม่ซื้อให้ เขาก็เลยเขียนจองไว้ที่ข้างกล่องว่าห้ามใครซื้อ มีเงินเมื่อไหร่เขาจะมาซื้อเอง Leon Phillips ได้ไปเจอเข้ากับตุ๊กตาที่เรียกว่า Lovable Huggable Panda วางอยู่บนชั้นวางของร้าน Asda ในย่านชานเมืองลิเวอร์พูลขณะที่ไปช้อปปิ้งกับแม่ เด็กชายอยากได้ตุ๊กตาหมีแพนด้าตัวนี้มาก แต่ Debbie คุณแม่วัย 35 ปี ทำอาชีพพยาบาลบอกกับลูกว่า “โห ราคาตั้ง 500 บาท แม่ซื้อให้ไม่ได้หรอก ยังไม่เอาเนาะ” นั่นไม่ได้หมายความว่าแม่จะไม่ซื้อให้ เธอบอกลูกชายว่าจะจะกลับมาซื้อให้ครั้งหน้า… แต่ Leon กลัวว่าจะมีเด็กคนอื่นมาซื้อไปซะก่อน เขาก็เลยนำตุ๊กตาหมีแพนด้าใส่กล่องพร้อมเขียนจองเอาไว้ เด็กชายเขียนไว้ว่า “แม่ผมยังไม่มีเงินซื้อให้ แต่เธอจะกลับมาซื้อตุ๊กตาหมีแพนด้าให้ผมอาทิตย์หน้า วันที่ 15 มิถุนายน ดังนั้นขอร้องอย่าเพิ่งซื้อมันไปนะ ไม่งั้นผมต้องร้องไห้แน่ๆ ขอบคุณมากครับ จากเจ้าของในอนาคต แพนด้าตัวนี้มีชื่อว่า Pandy” เมื่อพนักงานของ Asda…
-
คู่รักชาวซิกข์ ถูกปฎิเสธไม่ให้รับ “ลูกบุญธรรม” ที่เป็นคนผิวขาว แถมไล่ให้ไปรับจากอินเดียแทน
ทุกวันนี้การเหยียดเชื้อชาติ สีผิวและศาสนาถูกต่อต้านจากผู้คนจำนวนมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงมีหลายๆ ประเทศที่มีความขัดแย้งในเรื่องนี้อยู่ อย่างกรณีของ Sandeep และ Reena Mander คู่รักชาวซิกข์ จากอังกฤษ อาศัยอยู่ใน Berkshire ที่ถูกปฏิเสธไม่ให้รับเด็กเลี้ยงทารกผิวขาว เพียงเพราะวัฒนธรรม และให้ไปรับเด็กจากอินเดีนมาเลี้ยงแทน ทั้งคู่เป็นนักธุรกิจและได้บอกหน่วยงานการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมว่าพวกเขาพร้อมและยินที่จะรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมจากทุกเชื้อชาติ หลังจากที่ตรวจสอบประวัติแล้ว ทั้งคู่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมทุกประการ แต่ทางหน่วยงานบอกว่ายกเว้นเด็กผิวขาวที่พวกเขาไม่สามารถรับเลี้ยงได้ ทางด้าน Adopt Berkshire หน่วยงานที่ดำเนินการโดย Royal Borough of Windsor และ Maidenhead บอกว่าพ่อแม่ชาวอังกฤษหรือยุโรปต้องรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมที่มีเชื้อชาติเดียวกันเท่านั้น สำหรับคู่รัก Mander นั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับอินเดียเลย แค่นับถือศาสนาซิกข์ พวกเขาคิดว่ามันเป็นการเลือกปฏิบัติในการให้บริการ ดังนั้นทั้งคู่จึงตัดใจดำเนินคดีกับหน่วยงานดังกล่าว Reena พยายามตั้งครรภ์ตลอด 7 ปี และเข้ารับการ IVF อีก 16 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถมีลูกได้ ก็เลยตกลงกับสามีว่าจะรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมโดยไม่เกี่ยงเชื้อชาติ เพราะทั้งคู่อยากมีลูกจริงๆ Sandeep บอกว่า “เราตั้งใจจะรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม แต่กลับถูกปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะเรื่องความพร้อมของครอบครัวแต่เป็นเพราะเรื่องวัฒนธรรมของเรา พวกเขาเลยให้รับเลี้ยงเด็กผิวขาวแต่ให้ไปรับจากอินเดียหรือปากีสถานแทน” …
-
ช่างภาพทำโปรเจคถ่ายภาพ “คนผิวเผือก” เพื่อเผยให้เห็นถึงความงดงามของพวกเขา
ผิวเผือก หรือ Albinism เกิดจากยีนด้อย ที่มีอยู่ในพันธุกรรม ทำให้ผู้ที่เป็นโรคนี้ มีสีผิวขาว ผมขาว ตาสีขาว ม่านตาสีเทาและโปร่งแสง รูม่านตาสะท้อนแสงออกมาเป็นสีแดง ร่างกายอ่อนแอติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ดังนั้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนของปีแล้ว Yulia Tait ได้ทำโปรเจกต์ที่มีชื่อว่า Porcelain Beauty เพื่อเผยให้เห็นความงดงามของคนผิวเผือก จนได้รับความสนใจจากทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะคนผิวเผือก Yulia บอกว่า “คนผิวเผือกจำนวนมากส่งข้อความหาฉัน บอกว่าโปรเจกต์ของฉันทำให้พวกเขารู้สึกมีพลังและมีความมั่นใจมากขึ้นกับสิ่งที่เป็น” Tair กับ Gili นี่เป็นปัจจัยที่ทำให้ Yulia ตัดสินใจทำ Porcelain Beauty Volume 2 เพื่อเป็นกำลังใจคนผิวเผือกทุกคนบนโลกใบนี้ และเพื่อทำให้สังคมเข้าใจพวกเขามากขึ้นด้วย เธอได้บอกคนผิวเผือกทุกคนว่า “ขอบคุณที่ชอบและสนับสนุนผลงานของฉัน เพราะถ้าไม่มีพวกคุณฉันก็ไม่สามารถสร้างภาพที่มีพลังและสวยงามเช่นนี้ได้เหมือนกัน” Shira Ortal Yali Neta Nitay Michal Ofek Rafael Noa …
-
ภาพความประทับใจ ความรักระหว่างคุณตาและคุณยาย แม้จะผ่านมา 70 ปี รักก็ยังไม่จืดจาง
คู่รักหลายๆ คู่ เมื่ออยู่กินกันไปนานๆ ก็จะมีความรู้สึกเบื่อและไม่แสดงความรักให้กันเหมือนตอนคบกันแรกๆ แต่กับบางคู่เวลาไม่อาจทำลายความรักของพวกเขาได้เลย เหมือนกับคุณตาคุณยาย Ollie และ Donald King ที่แต่งงานกันมา 68 ปี แล้วแต่ความรักของพวกเขายังคงเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามันยังไงอย่างงั้น เมื่อต้นเดือนที่ผ่าน หลานสาวรู้ว่าใกล้จะถึงวันครบรอบของคุณตาคุณยาย เลยได้จัดให้ทั้งคู่ถ่ายรูปโชว์ความหวานโดยช่างภาพ Paige Franklin การถ่ายรูปในครั้งนี้แทบจะไม่ต้องจัดฉากอะไรมาก เพราะคุณตาคุณยายได้แสดงออกมาตามความรู้สึก ดูแล้วน่ารักน่าอิจฉามาก และ Paige ยังได้แชร์ภาพของคู่ลงในเพจเฟซบุ๊ก Love What Matters ด้วย ช่างภาพบอกว่า “ฉันรักการถ่ายรูปมากขึ้นหลังจากที่ได้เห็นคุณตากับคุณยายแสดงความรักให้กัน และกำลังจะครบรอบ 68 ปี ในเดือนกันยายนนี้ค่ะ” เมื่อถามคุณตาว่าประทับใจอะไรในตัวคุณยายมากที่สุด เขาหันไปมองหน้าช่างภาพและมองไปที่คุณยายแล้วตอบว่า “เธอเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งกว่าอะไรทั้งปวงในโลกนี้” แม้เวลาจะผ่านไปนานเกือบ 70 ปี แต่คุณตาคุณยายก็ยังเป็นคนพิเศษของกันและกันเสมอ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมความรักของทั้งคู่ถึงไม่จืดจางเลย . . . . . …
-
ชาวฮิปปี้เฮ!! CEO โฟล์คยืนยันมีผลิตและจำหน่าย ‘ID Buzz’ รถตู้แห่งอนาคตแน่นอน..
หลังจากในงาน Detroit Motor Show 2017 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทางบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากเยอรมันได้เปิดตัวคอนเซ็ปต์การนำรถตู้สุดคลาสสิก มาปรับปรุงใหม่และพัฒนาให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น (อ่านข่าวเก่า Volkswagen เปิดตัว ‘I.D.Buzz’ ผสมผสานความวินเทจกับความล้ำสมัย ได้อย่างลงตัว!!) และล่าสุดเหมือนความฝันของผู้ที่หลงรักในความคลาสสิกนี้ใกล้จะเป็นจริงแล้ว เมื่อทางคุณ Herbert Diess CEO ของบริษัทดังกล่าวได้ออกมายืนยันแล้วว่าพวกเขานั้นจะพัฒนารถคันดังกล่าวและทำออกมาจำหน่ายอย่างแน่นอน!! คุณ Herbert Diess กล่าวว่า “อารมณ์ความรู้สึกของรถนั้นเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ตอนนี้เรายังคงจำหน่ายรถรุ่น Beetles ในประเทศอังกฤษ ที่ผ่านมาเราเพิ่งเปิดตัวรถตู้จากโลกอนาคตอย่าง ID Buzz และเราตัดสินใจที่จะผลิตมันในเร็วๆ นี้” นี่คือโฉมหน้าของเจ้า ID Buzz ที่ทาง Volkswagen ได้ยืนยันว่าจะมีการพัฒนาและผลิตออกมาจำหน่ายแน่นอน ส่วนทางด้านสมรรถนะของเจ้ารถคันนี้ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ นอกจากรูปร่างที่ถอดโครงมาจากรถตู้รุ่นคูณปู่แล้ว มันยังมีเทคโนโลยีที่เจ๋งๆ อีกด้วย ทั้งการใช้กระแสไฟฟ้า การขับเคลื่อนอัตโนมัติ และการประมวลผลสภาพถนนแบบเรียลไทม์ ทางบริษัทผู้ผลิตบอกว่าบริมาณแบตเตอร์รี่ 80 เปอร์เซ็นนั้น จะใช้เวลาชาร์จไฟเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น และสามารถเดินทางไกลได้ถึง 482 กิโลเมตรเลยทีเดียว และนี่คือภาพภายในของเจ้ารถตู้แห่งอนาคตนี้ .…
-
หมาโดนย้อมสีแล้วเอาไปทิ้ง เพราะหมดประโยชน์ ไม่อาจสร้างเงินให้เจ้าของได้แล้ว..!!
เป็นอีกครั้งที่เราจะได้เห็นความน่าสงสารของหมาน้อย 2 ตัว ที่โชคร้ายไปเจอกับเจ้าของเก่าผู้ใจร้ายเอามันไปย้อมสีเพื่อหวังใช้พวกมันสร้างรายได้ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศรัสเซีย เว็บไซต์ TheSun รายงานว่ามีชาวบ้านพบเห็นสุนัขถูกย้อมเป็นสีสองตัว ถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างน่าสงสารที่บริเวณ Gelendzhik สำหรับเรื่องนี้จะโทษคนเพาะเลี้ยงอย่างเดียวก็คงจะไม่ถูกต้องนัก เพราะก่อนหน้านี้เทรนด์การเลี้ยงสุนัขย้อมสีได้รับความนิยมสูงมากในประเทศรัสเซีย ทว่าปัจจุบันความต้องการทางตลาดอาจลดลง ทำให้มีข่าวคราวแบบนี้มาให้เราเห็นกันมากขึ้น ถึงแม้จะไม่มีการชี้ชัดว่าสุนัขผู้น่าสงสารทั้งหลาย ถูกมนุษย์จับย้อมสีขนด้วยวิธีการใด แต่ทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวเหลือพอจะดูออกว่าวิธีการและสีที่ใช้นั้นมีคุณภาพที่ต่ำมาก Mark Protsenko ผู้ประกอบการเจ้าของฟาร์มสุนัขหลากสี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเทรนด์การจับหมามาย้อมสีว่า “เอาจริงๆ นะ พวกสัตว์ไม่ต้องทำงานหาเงินเพื่อซื้อสิ่งของภายนอก มันต้องการก็แค่อาหารและที่อยู่ เรายอมรับว่าเราเพาะพันธุ์ลูกสุนัขย้อมขนขาย แต่มันก็ไม่แฟร์เอาซะเลยที่จะมาโทษเรากับเรื่องที่พวกมันถูกเจ้าของคนที่ซื้อไปทิ้งอย่างไร้เยื่อใย” นอกเหนือจากเพาะพันธุ์ลูกสุนัขย้อมสีแล้ว บ่อยครั้งที่ Mark Protsenko และภรรยามักจะพาลูกสุนัขคอกใหม่ออกไปเดินเล่นในเมืองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคน และทำรายได้ให้เขาสูงถึงวันละ 10,000 บาทเลยทีเดียว “คู่รักสองคนนี้มักจะออกมาเดินตามท้องถนนพร้อมกับลูกสุนัขคอกใหม่เสมอ ทั้งสีชมพู สีน้ำเงิน หรือบางตัวก็ถูกทาสีให้ดูเหมือนสิงโต” กลุ่มอนุรักษ์ออกมาแฉพฤติกรรมดังกล่าว นอกจากนั้นพวกเขายังได้ตามสังเกตการณ์และพบว่า สองสามีภรรยาคู่นี้มักจะเดินทางไปตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เช่นอาทิตย์ที่แล้วพวกเขาไปปรากฎตัวที่ Novorossiysk และล่าสุดก็ที่เมือง Gelendzhik ถึงแม้ว่าตามข้อกฎหมายจะยังไม่สามารถเอาผิดผู้ประกอบการด้านนี้ได้ แต่ก็ยังดีที่ตอนนี้สองตูบสีชมพูผู้ถูกทิ้งไว้กลางทางได้รับการช่วยเหลือแล้ว น่าสงสารจริงๆ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่…
-
ข่าวดี!! ‘Jason Statham’ ได้ฤกษ์เป็นพ่อคน ภรรยาสาวคลอดลูกเป็นที่เรียบร้อยแล้วจ้า
ใครที่ติดตาม Jason Statham นักแสดงหนังแอคชั่นมาดดุดันวัย 49 ปีคนนี้ คงจะรู้กันดีแล้วว่าเขานั้นมีคนคบหาดูใจกันอยู่แล้ว ซึ่งเธอก็คือ Rosie Huntington-Whiteley นางแบบสาววัย 30 ปีนั่นเอง โดยย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2017 Rosie ได้ประกาศข่าวดีกับทุกคนว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกกับแฟนหนุ่ม Jason หลังจากที่คบหาดูใจกันมานานถึง 7 ปี และเมื่อไม่นานมานี้ Rosie ก็ได้โพสต์ภาพผ่านอินสตาแกรมความเคลื่อนไหวล่าสุด เพื่อประกาศว่าเธอคลอดลูกชายคนแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2017 โดยที่พวกเขาตั้งชื่อให้ลูกว่า Jack Oscar Statham น้ำหนักแรกเกิด 3,900 กรัม และมีสุขภาพแข็งแรงดี สำหรับ Rosie นั้น เธอรู้สึกว่าชีวิตเพิ่งเริ่มต้นเมื่อรู้ว่ากำลังตั้งท้องลูกคนแรก เพราะลูกคือสิ่งที่เธอรอคอยมาทั้งชีวิต และเขาก็ทำให้เธอมีความสุขจนยากจะบรรยายเป็นคำพูด ซึ่งหลังจากคลอดลูกได้ไม่นาน เธอก็ได้โพสต์ภาพที่ลูกน้อยจับนิ้วของเธอ เป็นภาพที่ไม่ต้องมีคำบรรยายก็เข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง โดยมีแฟนคลับมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง ทั้งคู่ได้บอกกับสื่อว่าก่อนหน้านี้พวกเขาทุ่มเทให้กับงานเสมอ แต่หลังจากที่มีลูกแล้ว พวกเขาจะให้เวลาและดูแลลูกเป็นหลัก ส่วนเรื่องอื่นๆ จะให้ความสำคัญรองลงไป …
-
แก๊งมิจฉาชีพซวย เจอโปรแกรมเมอร์เขียนโค้ดให้โทรกลับ 28 ครั้ง/วินาที เอาคืนซะเละเลย!!
ไม่ใช่แค่บ้านเราเท่านั้นที่มักจะมีแก๊งมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อ แสร้งทำเป็นโทรมาตามหนี้ให้คนที่รู้ไม่เท่าทันรู้สึกกลัว และตกเป็นเหยื่อด้วยการโอนเงินไปให้พวกมันในที่สุด ปัญหานี้ได้เกิดขึ้นกับชาวเน็ตคนหนึ่งผู้เป็นทั้งโปรแกรมเมอร์และยูทูปเบอร์ งานนี้เจ้าตัวเลยหวังเอาคืนแก๊งมิจฉาชีพด้วยการเขียนโค้ดขึ้นมาเพื่อก่อกวนสายโทรศัพท์ และเรียกการกระทำครั้งนี้ว่า… ‘Project Mayhem’ (เชร๊ดดอย่างกับในเรื่อง Fight Club) เรื่องมันมีอยู่ว่าวันหนึ่งเขาได้ไปเจอกับเว็บไซต์ซัพพอร์ตของไมโครซอฟท์เวอร์ชั่นของปลอม เจ้าตัวจึงลองโทรไปสอบถามและพบว่าเป็นเว็บไซต์ที่แก๊งมิจฉาชีพสร้างขึ้นมาหลอกให้โอนเงินจริงๆ โดยเขาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าหมายเลขการติดตั้ง (License Key) ได้หมดอายุลงแล้ว และสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการไปซื้อบัตรเติมเงิน iTunes ราคา 200 เหรียญ ทันทีที่รู้ว่าเขาได้เจอกับแก๊งค์มิจฉาชีพ โปรแกรมเมอร์คนนี้ก็ได้ตัดสินใจที่จะเขียนโค้ดหวังแก้แค้นเอาคืนทันที ปฏิบัติการ Project Mayhem จึงได้เริ่มขึ้น… เขาทำการเขียนโค้ดโปรแกรมขึ้นมา โดยตั้งค่าให้โทรศัพท์กระหน่ำโทรที่เบอร์ของมิจฉาชีพเป็นจำนวนทั้งหมด 28 ครั้งต่อวินาที ทุกครั้งที่แก๊งมิจฉาชีพรับสาย พวกเขาก็จะได้ยินข้อความที่ว่า ‘สวัสดีไอ้พวกมิจฉาชีพ วันนี้อาจเป็นวันดีของคุณที่จะสร้างทางเลือกใหม่ ถอดหูฟังออก กลับบ้านไปซะ แล้วเรื่องทั้งหมดนี้จะจบลงอย่างรวดเร็ว หรือ… ถ้าคุณยังไม่หยุดละก็ เราก็จะก่อกวนคุณไม่หยุดจนกว่าคุณจะเลิกเช่นเดียวกัน’ อีกทั้งเจ้าตัวยังได้ติดตั้งโปรแกรมให้บันทึกเสียงจากปลายสาย และส่งกลับไปให้พวกมิจฉาชีพฟังกันเองอีก เรียกได้ว่าวิธีนี้ทำให้เหล่ามิจฉาชีพถึงกับหัวร้อนประสาทกินกันไปข้างหนึ่งเลย อันที่จริงนี่ก็ไม่ใช่ผลงานครั้งแรกของเขา เพราะเจ้าตัวมักจะอัพวิดีโอแก้เผ็ดเหล่ามิจฉาชีพให้เราดูกันผ่านแชนแนล ProjectMayhem เป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าใครอยากได้ยินเสียงหัวร้อนของแก๊งสแกมเมอร์…
-
หนุ่มสาวลองเล่นเซ็กส์ทอย 4 นิ้ว ยัดเข้า “รูตรู๊ด” คิดว่าจะออกมาเองได้ แต่สุดท้ายไม่พ้นมือหมอ!!
จากค่ำคืนอันเสียวซ่านกลายเป็นค่ำคืนสุดทรมาน เมื่อหญิงสาวและคู่นอนอยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่เพื่อเพิ่มรสชาติเซ็กส์ของพวกเขา โดยแฟนหนุ่มจัดการใช้เซ็กส์ทอยยัดเข้าไปที่ก้น ทว่าเรื่องกลับผิดพลาด เซ็กส์ทอยดันติดอยู่ในรูก้นเอาออกมาไม่ได้ซะอย่างนั้น!!? Emily Georgia หญิงสาววัย 20 ปี จากประเทศอังกฤษ ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์หลังจากที่เซ็กส์ของเธอและคู่นอนไม่เป็นไปอย่างที่คิด เธอได้เล่าถึงช่วงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า คู่นอน “วันไนท์สแตน” ของเธอแนะนำให้เอาเซ็กส์ทอยอันนี้ยัดเข้าไปที่ก้น เดี๋ยวมันก็ออกมาเองตามธรรมชาติ แต่ว่าเวลาผ่านไปมันกลับติดอยู่ข้างใน ออกมาไม่ได้เลย ซึ่งคู่นอนเธอก็ไม่รู้จะช่วยยังไงพร้อมกล่าวอ้างว่าต้องทำงานตอนเช้า ก็เลยทิ้ง Emily ไว้กลับเซ็กส์ทอยขนาด 4 นิ้วในก้นของเธอ… จากนั้นเธอต้องทุกข์ทรมานอยู่กับเครื่องเล่นเสียวที่อยู่ในร่างกายของเธออยู่พักหนึ่ง จนเพื่อนสนิทของเธอเข้ามาเจอเข้าและรีบนำตัว Emily ส่งโรงพยาบาลทันที ทีมแพทย์ก็ทำการเอ็กซ์เรย์ช่วงล่างของเธอก็พบว่า เจ้าเซ็กส์ทอยเจ้าปัญหามันเข้าไปลึกมากๆ ที่สำคัญตัวเซ็กทอยยังทำมาจากเหล็กพร้อมกับมีเพรชอยู่ตรงท้ายซึ่งคมมากๆ ถ้าดึงออกมาเฉยๆ จะเกิดปัญหาตามมาได้ ที่สำคัญมันเกือบจะสร้างแผลให้กับลำไส้ของเธอแล้วด้วย ทีมแพทย์จึงตัดสินใจว่าการผ่าตัดจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด พวกเขาต้องใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงเพื่อช่วยรูทวารและลำไส้ของ Emily ให้ปลอดภัย . สุดท้ายหลังจากผ่าตัดเธอก็พักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งวัน จากนั้นก็กลับบ้านได้ เธอเล่าว่าถ้าใครที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ อย่ารอช้าให้รีบมาหอหมอทันทีและมันก็ไม่น่าอายอย่างที่คิดด้วย ที่สำคัญเธอก็คงจะเข็ดกับอะไรแบบนี้ไปอีกระยะหนึ่งเลยล่ะ ทีหลังก็แทงแต่พอดีนะหนู อย่าเอาเข้าไปหมดแบบนั้น!! . …
-
รวมภาพ 10 ปีให้หลัง เหล่าทหารผ่านศึกชาวอเมริกัน กับความสูญเสียจากสมรภูมิตะวันออกกลาง
สำหรับทหารที่ออกรบมาแล้วนั้น สงครามของพวกเขาก็มีทีท่าที่ไม่จบสิ้นเสียที เพราะในทุกๆ วันของพวกเขาต้องต่อสู้กับบาดแผลที่ได้รับมาจากสงครามไม่ว่าจะหนักหรือเบาเพียงใด ทั้งภายนอกทางด้านร่างกายรวมไปถึงภายในจิตใจด้วย David Jay และ James Nachtwey สองตากล้องได้บันทึกภาพของเหล่าทหารอเมริกันที่กลับจากสมรภูมิในอิรักและอัฟกานิสถาน โดยชุดภาพนี้มีชื่อว่า “Unknow Soldier” ซึ่งได้เข้ารอบสุดท้ายประเภท Portrait ของ Magnum Photography Awards ในปี 2016 ที่ผ่านมาด้วย Bobby Henline ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวหลังจากที่รถลาดตระเวนที่เขาโดยสารโดนระเบิดโจมตี Jerral Hancock เป็นพลขับรถถัง เขาเสียแขนทั้งสองข้าง ด้วยแรงระเบิดจากการปะทะของศัตรู Jason Park สูญเสียขาทั้งสองข้าง อันเป็นผลจากระเบิดแสวงเครื่อง แต่มันไม่อาจทำให้เขาสูญเสียความร่าเริงแต่อย่างใด Shilo Harris รอดชีวิตจากการลาดตระเวน เขาสูญเสียคนในทีมไป 3 คนจากแรงระเบิดครั้งนั้น Joel Tavera ตาบอด มีบาดแผลไฟไหม้ และสูญเสียขาไปจากสงครามนี้ Bo Reichenbach เคยอยู่หน่วย…
-
สไนเปอร์สาวถูก ISIS ยิงเฉียดหัวไปนิดเดียว แต่กลับหัวเราะออกมา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!?
คงไม่มีใครยิ้มออกหากต้องอยู่ในสนามรบที่มีการต่อสู้อย่างดุเดือด แต่สไนเปอร์สาวชาวเคิร์ดกลับหัวเราะออกมา ทั้งที่กระสุนจาก ISIS เพิ่งจะเฉียดหัวเธอไปไม่ถึงนิ้ว… ผู้สื่อข่าว Hemze Hamza ได้แชร์วิดีโออันน่าตกตะลึงนี้ผ่านทวิตเตอร์ เผนให้เห็นภาพของมือสไนเปอร์หญิงคนหนึ่งจากหน่วย Women’s Protections Units (YPG – Yekîneyên Parastina Jin) ที่กำลังร่วมรบอยู่ในสมรภูมิกลางเมืองอัรร็อกเกาะฮ์ ในประเทศซีเรีย ในคลิปดังกล่าวจะเห็นสไนเปอร์สาวกำลังลอบยิงฝ่ายศัตรูจากส่วนหนึ่งของอาคาร โดยที่เธอโผล่หัวออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และหลังจากที่เธอยิงไปแล้ว ในขณะเดียวกันก็มีกระสุนสไนเปอร์จากฝ่ายตรงข้ามยิงสวนกลับมา โดยที่เฉียดฉิวไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น แทนที่หญิงสาวจะตกใจหรือกลัว แต่เธอกลับแลบลิ้นและหัวเราะออกมาซะงั้น แถมยังนั่งพูดคุยกับคนในนั้นต่อราวกับไม่มีอะไรเกินขึ้นเลย แม้จะเป็นช่วงเวลาเฉียดตายของเธอก็ตาม!? หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโซเชียลก็มีผู้เข้าชมอย่างล้นหลามและถูกรีทวิตไปอีกหลายครั้ง Hamza นักข่าวผู้ที่ได้ทำการทวีตโพสต์ดังกล่าวได้ให้แคปชั่นเอาไว้ว่า “การปะทะกันระหว่างมือสไนเปอร์ในเมืองอัรร็อกเกาะฮ์ ขอบคุณพระเจ้าที่ ISIS ยิงพลาด” เขาบอกอีกว่า “หญิงชาวเคิร์ดผู้ไม่รู้จักความกลัว ใครอยู่ในสถานนี้ก็ต้องกลัวทั้งนั้น แต่เธอกลับหัวเราะออกมาได้” นอกจากนี้ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ยกย่องในความกล้าหาญของเธอ วินาทีที่สไนเปอร์สาวถูกยิงเฉียดหัวไปนิดเดียว เธอก็ยังยิ้มได้อยู่เลยแฮะ หรือเธออาจจะรู้สึกดีที่รอดมาได้!? ที่มา dailymail
-
คนเก็บขยะช่วยเหลือทารกน้อย ที่ถูกพ่อแม่ใจร้ายนำมาทิ้ง เพียงเพราะเขาคลอดก่อนกำหนด!?
ทุกวันนี้เรามักจะได้ยินหรือได้เห็นข่าวพ่อแม่นำลูกไปทิ้ง โดยอ้างด้วยเหตุผลต่างๆ นานา อย่างในกรณีนี้ก็มีพ่อแม่คู่หนึ่งนำลูกตัวเองไปทิ้ง เพียงเพราะด้วยเหตุที่ว่าเขาคลอดออกมาก่อนกำหนด เรื่องนี้เกิดขึ้นบริเวณโรงพยาบาล Fuling Centre Hospital เมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2017 โดยชายเก็บขยะได้พบทารกน้อยถูกทิ้งไว้ในถังขยะสาธารณะ จึงได้นำตัวเด็กส่งกลับไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสภาพร่างกาย และตามหาพ่อแม่ที่ทิ้งเด็กไป ทางโรงพยาบาลจึงได้ประสานกับเจ้าที่ตำรวจเพื่อหาตัวพ่อแม่ของทารก เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็พบว่าพ่อเด็กเป็นคนนำลูกไปทิ้งในถังขยะ ทั้งๆ ที่ผู้เป็นแม่ยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ตำรวจจึงได้เรียกทั้งสองคนมาสอบสวน ทั้งคู่อ้างว่าได้นำลูกไปทิ้งหลังจากคลอด เพราะชื่อว่าเด็กที่คลอดก่อนกำหนดจะอายุไม่ยืน สุขภาพไม่แข็งแรง พวกเขายังบอกอีกว่าตอนตัดสินใจไปทิ้งก็ไม่ได้คิดให้รอบคอบด้วย และเสียใจต่อสิ่งที่ได้ทำลงไป ส่วนเรื่องที่เด็กคลอดก่อนกำหนดนั้นเป็นเพียงความเชื่อส่วนตัว เพราะคุณหมอที่ทำคลอดบอกว่าแม้ลูกของทั้งคู่จะคลอดก่อนกำหนด แต่เขามีสุขภาพแข็งแรงดีและอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน หลังจากที่รับสารภาพแล้ว พวกเขาก็รับปากกับตำรวจว่าจะดูแลลูกต่อจากนี้และไม่คิดจะทิ้งอีก ตำรวจจึงให้โอกาสพวกเขาได้ทำหน้าที่พ่อแม่ให้เด็กคนนี้อีกครั้ง โดยไม่ได้มีการปรับใดๆ เพียงแต่ตักเตือนด้วยวาจาเท่านั้น สำหรับเด็กที่คลอดก่อนกำหนดนั้นมีโอกาส 1 ใน 13 คน เด็กที่คลอดก่อน 34 สัปดาห์ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษในตู้อบจนกว่าเด็กจะแข็งแรงเป็นปกติ โชคดีที่ทารกถูกช่วยเหลือไว้ทัน ไม่งั้นพ่อแม่อาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเลยล่ะ ที่มา dailymail
-
ชีวิตไม่มีทางเลือก… หนุ่มไร้บ้านตั้งถิ่นตกปลาข้างคลอง เพื่อประทังชีวิตรอดในเมืองใหญ่
คนไร้บ้านส่วนใหญ่มักจะมีชีวิตรอดด้วยการขอทาน แต่ก็ใช่ว่าจะขอได้ทุกวันเสมอไป ดังนั้นคนไร้บ้านบางคนจึงต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองมากกว่ารอการช่วยเหลือจากคนอื่น เหมือนกับ Stuart Potts ชายไร้บ้านที่อาศัยอยู่ข้างคลอง Bridgewater Canal เมือง Eccles ต้องเอาตัวรอดด้วยการตกปลาจากคลองแห่งนี้ โดยที่ผ่านมานั้น Stuart กับแฟนสาว Georgia Twemlow เคยอาศัยอยู่ในบริเวณป้ายรถมเล์ ก่อนที่จะย้ายข้าวของไปอยู่ใกล้กับลำคลอง พวกเขามีสมบัติติดตัวเพียงเล็กน้อย อย่างโซฟาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว ตู้หนังสือ และเตียงเก่าๆ ที่คนขายเฟอร์นิเจอร์ในบริเวณใกล้เคียงนำมาทิ้งเอาไว้ แต่การตั้งถิ่นฐานของพวกเขากลับสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่ผ่านไปผ่านมา และถูกร้องเรียนกับหน่วยงานตำรวจท้องถิ่น PCSO ถึง 14 ครั้ง ภายในเวลาแค่ 2 วันที่พวกเขาย้ายมา แม้จะถูกร้องเรียน แต่ทั้งคู่ปฏิเสธที่จะย้ายออกไป เพราะไม่มีที่ให้ไปแล้ว นอกจากนี้พวกเขายังมีเพื่อนที่ชื่อ John อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นจึงวอนให้สังคมเข้าใจด้วย Stuart บอกว่าเขาเคยมีชีวิตที่มั่นคงมาก่อน แต่แล้วก็ถูกขับไล่ออกจากอาคารบ้านเอื้ออาทร ทำให้ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ข้างถนนในทุกวันนี้ เขายังบอกอีกว่าพยายามขอความช่วยเหลือจากสภาเมือง Salford แล้ว แต่ถูกตอบกลับไม่ใช่สิ่งที่ทางสภาจะต้องมาทำการแก้ไขปัญหาเหล่านี้… ในสถานการณ์เช่นนี้ Stuart จึงตัดสินใจปลูกพริก…
-
โตเกียวเปิดร้าน “ทุบแผ่นกระเบื้อง” ให้นักท่องเที่ยวได้ฝึกศิลปะต่อสู้ พร้อมกับระบายอารมณ์!?
หากใครเคยไปโตเกียวคงจะรู้จักย่านอะซะกุซะเป็นอย่างดี เพราะที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในโตเกียว อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของวัดที่สำคัญที่สุดของเมืองด้วย แต่หากคุณไม่ค่อยสนใจสถานที่ท่องเที่ยวหรือวัฒนธรรมเก่าแก่เหล่านั้นก็ไม่เป็นไร เพราะในย่านอะซะกุซะแห่งนี้ยังมีบริการแปลกใหม่ที่เรียกว่า Kawarana ที่จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม สำหรับร้านบริการ Kawarana นี้ตั้งอยู่ข้างถนนที่ดูภายนอกแล้วเหมือนจะไม่มีอะไร จะมีแต่ป้ายที่วางตรงทางเข้าเขียนไว้ว่า “KAWARA SMASH” อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่คุ้นเคยกับภาษาญี่ปุ่นก็คงจะเกิดคำถามอีกว่า แล้วคำว่า ‘Kawara’ มันคืออะไรกันแน่ ซึ่งคำตอบก็คือ กระเบื้องหลังคาแบบดั้งเดิมที่ทำจากดิน ซึ่งศิลปินจะนำมาใช้ในศิลปะการต่อสู้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของร่างกายให้คนรุ่นหลังได้ดู ที่ร้าน Kawarana แห่งนี้ลูกค้าสามารถเลือกจำนวนกระเบื้องหลังคาได้ตามกำลัง โดยจะมีทีมงานคอยจัดให้ตามต้องการ จากนั้นให้ลูกค้าทำลายกระเบื้องทั้งหมดภายในครั้งเดียวด้วยมือเปล่า ส่วนราคาแห่งการทำลายจะเริ่มต้นที่ 150 บาท ต่อกระเบื้องหลังคา 1 แผ่น และยิ่งซื้อมากก็จะยิ่งมีส่วนลดมาก ในการใช้บริการแต่ละครั้งจะมีถุงมือและเสื้อโค้ทกันเปื้อน รวมทั้งชุดสำหรับการต่อสู้ให้ด้วยถ้าหากลูกค้าต้องการ เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำลายแผ่นกระเบื้องหลังคา ทางร้านก็จะนำผ้ามาวางไว้บนกระเบื้อง โดยมีวงกลมสีแดงเพื่อให้ชี้เป้าให้ลูกค้าได้ทุบกำปั้นได้ตรงจุด แต่เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดกับร่างกายของลูกค้า ก่อนทำลายกระเบื้องจริงๆ จะมีทีมงานคอยสอนว่าต้องใช้ตำแหน่งไหนของมือในการทุบ หรือต้องทุบด้วยท่าไหนเพื่อไม่ให้เจ็บตัว ก่อนที่จะลงมือทุบ ให้คุณจำไว้ว่ามีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้นในการทำลายแผ่นกระเบื้องเหล่านี้ เปรียบได้เหมือนดั่งการทำลายศัตรูในชีวิตจริง ที่ไม่มีโอกาสให้แก้ตัวเป็นครั้งที่สองนั่นเอง เมื่อลูกค้าทุบแล้วไม่แตกภายในครั้งเดียว…
-
20 สิ่งของราคาบรมโคตะระแพง มีเงินอย่างเดียวคงซื้อไม่ได้… ต้องมีเงินมากๆ ด้วย
รวมข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ที่มีราคาแพงบรมโคตรแพง ที่มีแต่คนบรมโคตรรวยเท่านั้นที่ซื้อได้ ใครที่มีเงินมากๆ จนไม่รู้จะเอาไปทำอะไรมาทางนี้เลย… อันดับที่ 20 น้ำบรรจุขวด มูลค่า $60,000 (2,000,000 บาท) Verachi Acqua di Cristallo’s “Tributo a Modgliani” คือน้ำบรรขวดที่ทำขึ้นเพื่อยกย่องศิลปินขาวอิตาเลียน Amedo Clemente Modigliani ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ภายในบรรจุด้วยน้ำแร่ธรรมชาติจากฟิจิและฝรั่งเศส ผสมผสานด้วยน้ำจากธารน้ำแข็งจากไอซ์แลนด์และผงทองคำจำนวน 5 มก. ขวดทำมาจากทองคำ 24 กะรัต ออกแบบและผลิตโดย Fernando Altamirano และ Paulo di อันดับที่ 19 เคสโทรศัพท์ iPhone 5 มูลค่า $100,000 (3,400,000 บาท) The Natural Sapphire Company ผลิตเคส iphone 5 ที่ตัวโครงผลิตด้วยทองคำขาว 18 กะรัต และประดับด้วยอัญมณีซัฟไฟร์ซีลอนทั้งอัน มีสีให้เลือกหลายสีด้วยกัน และมีทับทิมสีแดง 38 เม็ด กับพลอยเขียวส่องเป็นรูปโลโก้ ถ้าคุณใช้เคสนี้…
-
ถึงกับเข่าทรุด!! สาวจีนลอง “กำไลหยก” เล่นๆ แต่เผลอทำแตก โดนปรับเงิน 1.5 ล้านบาท
บ่อยครั้งที่เราอาจจะเห็นการตั้งกฎของร้านค้าว่า ‘หากสินค้าชำรุด ต้องซื้อเต็มราคา’ แน่นอนว่าถ้าเห็นป้ายนี้เราก็คงไม่อยากจะเข้าไปใกล้เท่าไหร่เพราะกลัวเสียเงิน แต่ไม่ใช่กับสาวจีนคนนี้ เรื่องราวทั้งหมดนี้ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ Shanghaiist โดยรายงานว่า มีนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนคนหนึ่งได้เดินทางมาที่แหล่งค้าหยกในเมือง Ruili มณฑลยูนาน เมื่อเดินทางมาถึงร้านขายหยกแห่งหนึ่ง เธอได้ตัดสินใจขอลองสวมใสกำไลชิ้นนั้น แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น… ด้วยความที่เธออยากจะลองกำไลวงอื่นแต่เธอรีบร้อนที่จะถอดกำไลวงเก่ามากเกินไป กำไลหยกแท้ทรงคุณค่าก็ตกลงพื้นแตกออกเป็นสองเสี่ยงทันที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเรื่องนี้จะลงเอยเช่นไร เธอเริ่มหน้ามืดตัวมัวคล้ายจะเป็นลมแม้จะพกยาขึ้นมาดมมันก็ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะหลังจากที่เจ้าของร้านบอกว่า เธอต้องจ่ายเงินค่ากำไลนั้นเป็นราคาสูงถึง 3 แสนหยวน เธอก็เป็นลมล้มพับไปทันที คิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 1.5 ล้านบาทเอง สำหรับกำไลหยกที่แตกออกเป็นสองชิ้น ชาวบ้านและลูกค้าคนอื่นๆ ต้องช่วยกันพยายามปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาเผชิญกับความจริงอันโหดร้าย แต่หลังจากที่ชาวบ้านนำเธอไปส่งที่โรงพยาบาล คุณหมอก็ได้วินิจฉัยออกมาว่าร่างกายเธอไม่ได้ผิดปกติอะไรเลย และสาเหตุของการหน้ามืดเป็นลมอาจจะเกิดจากยอดหนี้ที่เข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ถึงกระนั้นเรื่องราวดังกล่าวก็ยังเป็นที่ถกเถียงของชาวเน็ต เพราะบางคนก็มองว่าเจ้าของร้านปรับเงินสูงเกินราคาจริงของสินค้า ในขณะที่ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าทางครอบครัวยื่นข้อเสนอจะจ่ายเงินชดเชยให้แค่ 70,000 หยวนเท่านั้น ลองไปชมคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบสั้นๆ กันเลย ไม่รู้ว่างานนี้จะจบยังไง แต่ที่รู้ๆ คือต่อไปนี้จะไม่หยิบจับอะไรไปเรื่อยอีกแล้ว บรึ๋ยยย!! ที่มา: Shanghaiist
-
ความหวังสุดท้าย!! นักวิทย์ลองอีกครั้ง ช่วยสืบพันธุ์ให้เจ้า ‘ซูดาน’ แรดขาวตัวสุดท้ายของโลก
‘ซูดาน’ เป็นแรดขาวตัวสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ และเป็นความหวังสุดท้ายที่จะสืบทอดเผ่าพันธุ์ของพวกมันไม่ให้สูญพันธุ์ เรียกได้ว่าตอนนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์ต้องต่อสู้กับเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ โดยมีความหวังเป็นการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์แรดขาวที่กำลังจะหมดจากโลกนี้ไป ‘ซูดาน’ แรดขาวเพศผู้ตัวสุดท้ายวัย 43 ปี ที่อยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรรักษาสัตว์แห่งหนึ่งในประเทศเคนย่า Zacharia Mutai หนึ่งในเจ้าที่ผู้คอยดูแลซูดานตลอด 12 ชม./วัน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ซูดานเป็นแรดที่วิเศษที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา พวกเราต่างพยายามดูแลมันให้ดีที่สุด แต่ด้วยวัยที่ชราอาจทำให้มันจากเราไปได้ทุกเมื่อ” ซูดานถูกค้นพบครั้งแรกโดยทีมอนุรักษ์ซาฟารี Chipperfield จากประเทศเซาธ์ซูดานเมื่อปี 1975 ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปอาศัยอยู่ในสวนสัตว์ที่เมือง Czechoslovakia สหภาพโซเวียต ก่อนหน้านี้ซูดานเคยทำหน้าที่เป็นพ่อคนมาแล้ว มันเคยให้กำเนิดลูกน้อยมากถึง 3 ตัวด้วยกัน ทว่าด้วยปัจจัยบางอย่างทำให้ลูกๆ ของมันเสียชีวิตไปอย่างน่าสงสาร และนั่นก็อาจจะเป็นปมในใจ เพราทุกวันนี้ไม่ว่านักวิทยาศาสตร์จะพยายามให้มันผสมพันธุ์ด้วยวิธีไหนก็ตาม ดูเหมือนว่าซูดานจะไม่ได้สนใจหรือมีความรู้สึกอยากจะสืบทอดเผ่าพันธุ์อีกต่อไปแล้ว อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์ยังคงมุ่งมั่นที่จะสืบทอดเผ่าพันธุ์แรดขาวต่อไปด้วยวิธี ‘IVF’ โดยพวกเขาได้ทำการเก็บตัวอย่างสเปิร์มจากซูดาน และจะถูกนำมาผสมกับรังไข่ของแรดขาวตัวเมียตัวสุดท้าย ถึงแม้ว่าวิธีผสมพันธุ์ดังกล่าวยังไม่ถูกนำมาใช้กับสัตว์ที่มีขนาดใหญ่อย่างแรดมาก่อน แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีแห่งความหวังที่พวกเขาเชื่อว่าจะช่วยรักษาเผ่าพันธุ์ของพวกมันไว้ได้ “เราจะรักษาสปีชีส์สัตว์ไว้ได้อย่างไรถ้าในมื่อมันกำลังถูกจัดให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์แล้ว และนั่นเป็นสาเหตุที่วิทยาศาสตร์ต้องเข้ามาช่วยจัดการ” ศาสตราจารย์ Thomas Hildebrandt ผู้อยู่เบื้องหลังโครงการนี้ให้สัมภาษณ์ ยังไงก็ขอเอาใจช่วยให้พวกเค้าสามารถรักษาเผ่าพันธุ์มันไว้ได้ละกันนะ ที่มา: Mirror
-
จากผลสำรวจเด็กญี่ปุ่น พบว่าพวกเขาไม่เคย ‘ปลดทุกข์หนัก’ ที่โรงเรียนเลย อั้นกันได้ยังไง!?
ถ้าพูดถึงการปวดขี้ที่โรงเรียน เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะมีความรู้สึกกลัวที่จะขี้ที่โรงเรียนกันแน่นอน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เช่นอาจจะเป็นเพราะความสกปรกของห้องน้ำ พอเข้าไปขี้แล้วจะโดนล้อว่ามรึงแม่งขี้แตก ว้ายๆ หรืออาจจะรู้สึกเขินอาย ที่จะต้องขี้ที่ห้องน้ำโรงเรียนขนาดว่าต้องรอห้องน้ำไม่มีคนถึงเข้าไปใช้… ปัญหาดังกล่าวฟังแล้วน่าจะเป็นเพียงแค่ปัญหาส่วนตัว แต่หารู้ไม่ว่าปัญหานี้มันเวิลด์ไวด์สุดๆ เพราะล่าสุดทาง Japan Toilet Labo ได้มีการไปให้สัมภาษณ์นักเรียนญี่ปุ่นกว่า 4,777 คนเกี่ยวการขี้ที่โรงเรียน แล้วผลที่ออกมากลับเล่นเอาตะลึงเชรี่ยๆ เด็กนักเรียนมากกว่า 50% ไม่เคยขี้ที่โรงเรียนเลยเว้ยเฮ้ย!!? แต่ถ้าลองมาหาเหตุผลเชิงลึก และแบ่งเหตุผลออกเป็นข้อๆ ตามจำนวนร้อยละของกลุ่มนักเรียนที่ไม่ขี้ที่โรงเรียนเป็นหลายๆ กลุ่ม เราก็สามารถที่จะได้เหตุผลเยอะแยะเลยทีเดียว 29.3% บอกว่า ที่โรงเรียนมันมีแต่ส้วมหลุม 29.2% บอกว่าสวมที่โรงเรียนมันเหม็นสลัด นอกจากต้องดมขี้ตัวเองยังต้องดมของคนอื่นอีก 26.3% บอกว่าพวกเขามีเวลาช่วงพักน้อย ถ้าไปขี้ทีก็นานสุดๆ ข้าวนี่ไม่ต้องกินกันล่ะ 29.2% บอกว่าส้วมที่โรงเรียนมันไม่สะอาดเลย อี๋… 23.9% บอกว่าเวลาขี้ที่โรงเรียนแล้วรู้สึกไม่มีความสุข 20.1% บอกว่าพื้นห้องน้ำมันสกปรก 16.1 % บอกว่าชักโครกมันเย็น เอาตูดวางลงทีไรขนลุกทุกที หน้าตาของส่วมหลุมที่เด็กๆ ไม่ค่อยปลื้ม อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักๆ…
-
ช่างภาพหนุ่มทำสารคดีเกี่ยวกับแฟน หลังจากรู้ว่าเธอป่วยเป็นมะเร็ง และต้องฝ่าฟันต่อสู้กับมัน…
ถ้าวันหนึ่งเรารู้ว่าเพื่อนสนิทหรือคนใกล้ตัวอยู่ดีๆ ก็ป่วยเป็นมะเร็ง คำพูดหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะคิดออกมาเป็นคำแรกๆ เสมอนั่นก็คือ “ไม่ต้องห่วง มันรักษาได้” หรือไม่ก็ “เดี๋ยวก็หายนะ” เป็นต้น Faye Eid หญิงสาววัย 26 ปี จากรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อเธอรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งรังไข่ ญาติๆ ของเธอก็ต่างมาพูดด้วยคำปลอบข้างต้นเช่นเดียวกัน ซึ่งเธอรู้สึกว่าคำพวกนี้มันไม่ได้มีด้านดีเสมอไป ส่วนทางด้านสามีของเธอ Jarred ก็เลือกที่จะอยู่ข้างภรรยาและพร้อมจะผ่านมันไปด้วยกันมากกว่าเชื่อในคำปลอบดังกล่าว ในช่วงแรก Faye ต้องทนทุนกับสิ่งที่เธอต้องเจอ และในช่วงเวลานั้นก็มีทั้งความสุข ความเศร้า และความเครียดถาโถมเข้ามาพร้อมๆ กัน แต่ด้วย Jarred นั้นเป็นช่างภาพ เขาจึงได้ใช้วิธีการเล่าเรื่องราวของภรรยาผ่านสารคดีที่เขาสร้างขึ้นนานถึง 6 เดือนตลอดระยะเวลาการบำบัดของเธอ เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า การป่วยเป็นมะเร็งและต้องบำบัดเรื่อยๆ นั้นไม่ใช่สิ่งที่ง่ายดายเลย ภาพถ่ายทั้งหมดนั้น Jarred ได้เริ่มถ่ายตั้งก่อนภรรยาของเขาเข้าบำบัด จนกระทั่งทำคีโม่และบำบัดอื่นๆ มากมาย และภายในภาพก็จะมีเรื่องราวและอารมณ์ของมันที่สื่อออกมาได้โดยไม่ต้องมีคำบรรยายอะไรเลย เพราะด้วยสีหน้าของตัว Faye ก็เพียงพอแล้ว . …
-
เหล่าเด็กๆ ผิวเผือกแทนซาเนีย ที่ถูกตัดแขนเพื่อนำไปขาย ได้รับอวัยวะเทียมทดแทนอีกครั้ง
มนุษย์เผือก หรือ Albinism นั้นเป็นความผิดปกติของสีผิวภายในตัวบุคคลที่เกิดมาแล้วตัวจะเป็นสีขาวเผือกทั้งตัว รวมไปถึงสีผมและนัยน์ตา (สามารถอ่านข่าวเก่า สะเทือนใจ!! แทนซาเนียล่า “มนุษย์เผือก” ถูกตัดแขนตัดขา และเอาอวัยวะไปขาย ได้ที่นี่) มีคนที่ป่วยเป็นมนุษย์เผือกในแทนซาเนียบางส่วนนั้นถูกช่วยเหลือออกมาได้ แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ถูกตัดออกไปบางส่วนก็สร้างบาดแผลลึกในจิตใจให้พวกเขาได้เช่นกัน มนุษย์เผือกส่วนใหญ่จะถูกตัดอวัยวะของพวกเขาตอนนอนตั้งแต่เด็กๆ มนุษย์เผือกเหล่านี้มักจะถูกล่าเพื่อนำขาย ส่งต่ออวัยวะเหล่านั้นไปใช้สำหรับการเป็นเครื่องรางของขลัง ปัญหาของการล่ามนุษย์เผือกในประเทศแทนซาเนียนั้นมีการแพร่ระบาดมากที่สุดในโลก ซึ่ง Baraka Cosmas วัย 7 ขวบ Mwigulu Matonange , Emmanuel Festo วัย 15 ปีและ Pendo Sengerema วัน 16 ปี คือกลุ่มเด็กที่ถูกช่วยเหลือให้รอดพ้นมาจากนักล่ามนุษย์เผือก ได้รับอวัยวะเทียมจากโรงพยาบาลในเมืองฟิลาเดเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เด็กๆ มนุษย์เผือกจะได้รับอวัยวะเทียมเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิต ในช่วงระหว่างที่พวกเขาย้ายมาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้อาศัยอยู่ในมหานครนิวยอร์กภายใต้การดูแลของ Elissa Montanti ด้วยการช่วยเหลือของ Global Medical Relief Fund องค์กรไม่หวังผลกำไรช่วยเด็กจากพื้นที่แทนซาเนียของเธอเอง Elissa Montanti พบกับเด็กๆ…
-
คู่รักฉลองครบรอบวันแต่งงานในทุกๆ ปี ด้วยธรรมเนียมการรับสุนัขมาเลี้ยงปีละ 1 ตัว!!
คู่รักส่วนใหญ่นั้นมักจะทำกิจกรรมพิเศษๆ ในวันครบรอบการแต่งงานของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการออกไปทานอาหารมื้อดีๆซักมื้อ หรือการออกท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ เพื่อทำให้ชีวิตรักไม่จืดจาง การฉลองวันครบรอบที่กล่าวไปนั้น ก็เป็นสิ่งที่คู่รักทั่วไปทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว หากเสียแต่ว่าสำหรับคู่รักคู่นี้กลับมาวิธีการเฉลิมฉลองความรักในรูปแบบที่แตกต่างออกไป ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ Odalis ได้โพสต์รูปภาพธรรมเนียมฉลองวันครบรอบแต่งงานของพี่เขยและพี่สาวของเธอ ซึ่งในทุกๆ ปีที่ครบรอบแต่งงานนั้น พวกเขาทั้งสองคนจะรับสุนัขมาเลี้ยงแทนความรักที่พวกเขามีให้กัน และตอนนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว นั่นก็หมายความว่าตอนนี้รับมาแล้วทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน . ชาวเน็ตที่เข้ามาเห็นปุ๊บ ก็ถึงกับหาภาพมาบอกว่า อีกไม่นานก็น่าจะเต็มบ้านแน่ๆ และด้วยความน่ารักของธรรมเนียมที่คู่รักทำให้กันทุกๆ ปี ทำให้ชาวเน็ตต่างก็อิจฉากันเป็นแถวและออกมาแสดงความคิดเห็นมากมาย ถ้าสามีฉันไม่ทำแบบนี้บ้างนะ ฉันจะเลิกกับเขาเลย!? มันเป็นอะไรที่น่ารักมากๆ เลยนะ มันเป็นไอเดียที่ดีมากๆ เลยนะ มันเป็นอะไรที่เจ๋งนะ แต่ถ้าจะให้เลี้ยงหมา 12 ตัวพร้อมกัน ก็น่าจะเหนื่อยพอตัว ถ้ามีสุนัขเพิ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ #เหมียวปั๊ก ว่าเปิดเป็นคาเฟ่หมาพ่วงไปเลยก็แจ๋วนะ น้องหมาจะได้เจอผู้คนด้วย ที่มา: distractify
-
คุณพ่อถึงกับงง!? เมื่อได้รับสายจากชายที่อ้างว่าเป็น “ลูกชาย” ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 10 กว่าวันก่อน
บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินข่าวแปลกๆ เกี่ยวกับการตายอย่างเช่น คุณตาที่ตายแล้วกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ หรือเด็กชายที่สามารถคุยกับยมบาลได้ เป็นต้น แต่เรื่องราวแปลกๆ เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่บ้านเราเท่านั้น ในต่างประเทศเองก็มีเรื่องแบบเกิดขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แปลกๆ นี้เกิดขึ้นกับคุณปู่ Frank J. Kerrigan วัย 82 ปี หลังจากที่เขาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของสถานีตำรวจ Orange County ว่า พบร่างไร้วิญญาณของชายคนหนึ่งบนท้องถนน ซึ่งเมื่อตรวจสอบลายนิ้วมือแล้วพบว่าชายคนดังกล่าวเป็นลูกชายผู้พิการของคุณปู่ท่านนี้ คุณตาเสียใจอย่างมากเมื่อได้ทราบข่าวการตายของลูกชาย เขารีบไปรับร่างของลูกชายและนำมาประกอบพิธีที่บ้าน เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางครอบครัวได้จัดงานศพให้กับลูกชายของพวกเขาและมีแขกมาร่วมงานมากถึง 50 คน แต่แล้วก็เกิดเรื่องน่าปะหลาดใจขึ้น เมื่อคุณตาได้รับสายจากชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเขาคือ Frank M Kerrigan ลูกชายวัย 57 ปีที่เพิ่งเสียชีวิตไป ชายชราแทบจะไม่อยากเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริง เขาพูดคุยกับชายคนดังกล่าวอยู่นานจนมั่นใจว่านั่นคือลูกชายของเขาจริงๆ หลังจากนั้นทางสถานีตำรวจ Orange County ได้ออกมายอมรับว่าผลการตรวจรายนิ้วมือนั้นมีการผิดพลาด และศพของชายคนดังกล่าวก็ไม่ใช่ลูกชายของคุณปู่ การระบุตัวตนที่ไม่ถูกต้องนั้นทำคุณ Frank นั้นต้องเสียสิทธิผู้พิการของเขา และตอนนี้ทางครอบครัวกำลังดำเนินการจัดการกับปัญหาดังกล่าว ทางครอบครัวของคุณตาได้ออกมาตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งบอกว่าพวกเขาไม่มีมาตรฐานในการทำงานเอาเสียเลย ส่วนทางเจ้าหน้าที่ได้ออกมากล่าวขอโทษกับเรื่องนี้พร้อมกับแสดงความเสียใจ “เราขอแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของพวกเราจริงๆ “ คุณ Lane Lagaret จากสถานีตำรวจ Orange…
-
ชาวต่างชาติร่วมยกนิ้วให้ “ฉลาดเกมส์โกง” เป็นหนังไทยที่น่าดูมาก หลังได้ชมตัวอย่างไปแล้ว
หนังที่ดีไม่จำเป็นต้องเป็นหนังฟอร์มยักษ์เสมอไป หนังที่ดีนั้นนอกจากจะสามารถสร้างความสนุกสนานให้แก่ผู้ชมได้แล้ว เรื่องราวที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และน่าติดตาม ก็ถือเป็นอีกข้อหนึ่งของหนังที่ดีควรมีไว้ เช่นเดียวกับหนังสัญชาติไทยเรื่อง “ฉลาดเกมโกง” ถึงแม้ว่าหนังจะออกโรงภาพยนต์ในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยเรื่องราวที่แปลกใหม่และไม่เคยมีใครทำมาก่อน ก็สามารถที่จะเรียกความสนใจจากชาวต่างชาติที่เข้ามาชมได้เป็นจำนวนมาก ลิน ~ ส่งคำตอบให้หน่อย มีอีกคนหนึ่งที่สามารถช่วยเราได้ ~ ไม่ว่าจะเป็นชาวมาเลเซีย สิงคโปร์รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต่างให้ความสนใจกับภาพยนตร์ “ฉลาดเกมโกง” หรือชื่อภาษาอังกฤษนั่นก็คือ “Bad Genius” จนเกิดเป็นคอมเม้นท์หลากหลายความคิดเห็นแบบนี้ โปสเตอร์หนัง Bad Genius หรือ ฉลาดเกมโกง เป็นหนังที่น่าสนใจมากๆ เลยหล่ะ จากอินโดนิเซีย ขอบคุณสำหรับซับอังกฤษนะ อยากให้เรื่องนี้ฉายในฮ่องกงจังเลย เจ๋งเป้งไปเลย!? หนังเรื่องนี้ทำฉันประหลาดใจได้เลยแต่ก่อนฉันเคยดูหนังไทยเรื่องอื่นๆ แต่เรื่องนี้มันน่าดูมากๆ ฉันหวังว่าหนังไทยเรื่องนี้จะได้ฉายในต่างประเทศด้วย นักแสดงดูสื่ออารมณ์มากๆ จากแฟนคลับประเทศเม็กซิโก เสียดายจัง ฉันน่าจะดูหนังเรื่องนี้ตอนอยู่ที่กรุงเทพนะเนี่ย!! หนังเรื่องนี้น่าดูสุดๆ ฉันหวังว่ามันจะเข้าฉายในมาเลเซียนะ เนื้อเรื่องและนักแสดงน่าสนใจมากๆ…
-
คุณลุงทหารผ่านศึกผู้ชื่นชอบ Disneyland เยี่ยมชมติดต่อกัน 2,000 วัน จนทำลายสถิติโลก!!
มีอยู่หลายคนที่ชอบไปในที่โปรด จะเป็นร้านกาแฟ หรือสวนสนุกอย่าง “ดิสนีย์แลนด์” ถ้าเป็นสถานที่ที่สามารถทำให้เราสบายใจได้ จะไปกี่ทีก็ไม่มีเบื่อหรอกเนอะ และสำหรับคุณ Jeff Reitz วัย 44 ปีทหารผ่านศึกจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ดูเหมือนจะชื่อชอบสถานที่นี้เป็นพิเศษจนกลายมาเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาอีกอย่างหนึ่งไปเสียแล้ว คุณลุง Jeff Reitz ผู้ชื่นชอบ Disneyland และด้วยความชื่นชอบนี้ คุณ Jeff ได้เดินทางมาเยี่ยมชม Disneyland ติดต่อกันกว่า 2,000 วัน โดยเริ่มในวันที่ 1 มกราคม ปี 2012 จากตั๋วเข้าชมรายปีที่เขาได้รับเป็นของขวัญ ไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าร้อง แดดออก น้ำท่วม เขาก็รักที่จะไปดิสนีย์แลนด์อย่างมาก เขาเดินชมรอบสวนสนุกและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่เข้าชมเช่นกัน จะผู้คนหรือตัวการ์ตูน เขาก็ชอบไปหมดเลย “ความสนุก คือเหตุผลหลัและเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมมาที่นี่ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน มันไม่เกี่ยวกับการสร้างสถิติหรืออะไรหรอก การที่ได้มาพบปะผู้คนและหาความสนุกสนานให้กับตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตผม” Jeff กล่าว วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายนปี 2017 ที่เพิ่งผ่านมานี้ เป็นวันครบรอบ…
-
ตายแล้วไปไหน!? “พาสปอร์ตสู่สวรรค์” ของนักรบ ISIS ถูกพบโดยกองกำลัง Syria
เราคงเคยสงสัยว่าหากเราตายแล้วเราจะไปไหน เราคงได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย แต่ละเรื่องราวนั้นมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะความเชื่อของศาสนา เมื่อไม่นานมานี้ กองกำลังของ Syria ได้พบกับ “พาสปอร์ตสู่สวรรค์” ของกลุ่มกองกำลัง ISIS โดยลักษณะภายนอกของพาสฟอร์ตนั้นประกอบไปด้วยตัวอักษรทั้งภาษาอังกฤษ และภาษามลายูหรือยาวี พาสปอร์ตสู่สวรรค์ที่กองกำลังพบ พาสปอร์ตสู่สวรรค์นี้เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่กลุ่ม ISIS จะมอบให้กับเหล่านักรบของตนเองเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจทำให้รบได้ดีขึ้น โดยเฉพาะมือระเบิดพลีชีพ ในปกของหนังสือพาสปอร์ตนี้ได้เขียนไว้เป็นภาษาอาหรับว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ มูฮัมหมัดคือผู้ส่งสารของพระเจ้า” ISIS มีความเชื่อว่านักรบของพระเจ้าจะไม่สามารถเดินทางสู่นรกได้ แต่สามารถเดินทางสู่สวรรค์ได้ ถึงแม้จะไม่มีการระบุข้อมูลส่วนตัวใดๆ ของผู้ถือพาสปอร์ตนี้ แต่เอกสารนี้ก็สามารถที่จะโน้มนาวนักรบส่วนหนึ่งให้เชื่อได้ว่าพวกเขาสามารถเดินทางไปสวรรค์ได้โดยไม่ลงนรก Cihan Shekh Ehmed โฆษกกลุ่มทหารรักษาการณ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามของกองกำลังประชาธิปไตยซีเรียกล่าวว่ากลุ่มนักสู้ของกลุ่มนี้ยึดเมืองทางตะวันตกของ al-Qadisiya จาก ISIS ในวันจันทร์ที่ 26 เดือนมิถุนายนปี 2017 ที่ผ่านมา Cihan Shekh Ehmed โฆษกของกองกำลัง Syria ที่มา: dailymail
-
Justin Trudeau ร่วมเดินพาเหรด LGBT พร้อมแตะมือกับสาวน้อย เล่นเอาชาวเน็ตรุมอิจฉา
ถ้าให้พูดถึงนักการเมืองที่หล่อพอจะเป็นขวัญใจของสาวน้อยสาวใหญ่ Justin Trudeau ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแคนาดา ก็คงจะเป็นชื่อแรกที่โผลขึ้นมาในหัวอย่างแน่นอน ด้วยความที่ว่าพ่อนายกคนนี้มีหมาดที่หล่อเหลาเอาการสุดๆ และยังดูเป็นมิตรกับประชาชนมากๆ ซึ่งล่าสุดเขายังได้คะแนนเสียงจากกลุ่มคนที่เป็น LGBT อีกด้วย เพราะได้เขาได้ไปเดินขบวน Pride March เพื่อยืนยันจุดยืนว่าเขาสนับสนุนคนทุกเพศทุกวัยจริงๆ ไม่จบแค่นั้น ในวันงานเพียงวันเดียว Adam Scotti ผู้เป็นช่างภาพประจำตัวของ Justin ก็ได้เก็บภาพความประทับใจของเขาได้มากมายเลยทีเดียว แต่ที่จะกินใจมากที่สุดก็คงจะเป็นช็อตที่ตัว Justin ได้ไปแตะมือกับสาวน้อยผู้แต่งตัวเป็น Wonder Woman พร้อมกับใส่ถุงเท้าที่มีลายสีรุ่ง ช็อตเดียวได้คะแนนเสียงไปเต็มๆ เลยนะเนี่ยท่านนายก ยัง.. มันยังไม่หมดแค่นั้น ถุงเท้าที่เราเห็นนั้นไม่ใช่สีรุ้งเพื่อใช้ในการร่วมขบวนพาเหรดเท่านั้น แต่ตัวถุงเท้ายังมีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า Eid Mubarak ซึ่งเป็นคำที่ไว้เฉลิมฉลองในวันเราะมะฎอน เรียกว่านอกจากได้ใจกลุ่ม LGBT แล้วยังได้ใจชาวอิสลามอีก มันยังไม่พอ ความเอาใจใส่ของพี่ Justin ยังมีอีก เขาได้เพ้นท์ใบหน้าด้วยรูปใบเมเปิ้ลซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของธงชาติแคนาดา แต่เปลี่ยนเป็นสีรุ่งซึ่งเป็นธงประจำกลุ่ม LGBT อะไรมันจะเก็บรายละเอียดเอาใจคนทุกกลุ่มขนาดนี้ ไม่รู้ว่าพี่แกตั้งใจหรือว่าฝ่ายคอสตูมดูแลมาอย่างดีกันแน่นะ ถึงทำให้การออกงานครั้งเดียวแต่ได้ใจทุกกลุ่มแบบนี้ . . แต่ที่รู้ๆ คือพี่จะหล่อไปไหนเนี่ย ยอมใจจริงๆ<3…
-
แอลกอฮอล์มันเรียกร้อง!! หนุ่มโดนรถบัสชนจังๆ แต่พี่แกลุกขึ้นมาปัดๆ แล้วเดินเข้าผับเฉย!!?
ถ้าพูดถึงอุบัติเหตุอย่างการถูกรถชนนั้น ปกติแล้วไม่ว่าใครจะถูกชนด้วยรถขนาดไหนก็ต้องได้รับบาดเจ็บกันเป็นธรรมดา ยิ่งเป็นรถยนต์หรือรถบัสไม่ก็รถสิบล้ออะไรทำนองนี้ ถ้าโดนเข้าจังๆ รับรองว่าไม่น่ารอดแน่นอน… แต่สำหรับ Simon Smith จากประเทศอังกฤษกลับไม่เป็นแบบนั้น จากภาพบันทึกของกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุแสดงให้เห็นชายผิวสีคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ข้างทาง จากนั้นรถบัสสีม่วงขนาดใหญ่ก็เลี้ยวเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วพร้อมชนเข้ากับชายหนุ่มคนนั้นจนกระเด็น!! แต่เชื่อไหม Simon กลับลุกขึ้นมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดุจดังว่ามีคนวิ่งชนเฉยๆ ลุกขึ้นมาปัดเสื้อผ้าจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในผับที่เป็นจุดหมายเดิมของเขา งานนี้เป็นใครก็อึ้ง นั่นมันรถบัสนะโว้ย!! หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเขาได้เดินทางไปตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาล ซึ่งหมอก็บอกว่าเขาไม่บาดเจ็บอะไรเลยปลอดภัยดี พอเขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทีมแพทย์ฟังกลับไม่มีใครเชื่อเรื่องของเขา ด้วยเหตุนี้ทางตำรวจจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมดูกล้องวงจรปิดก็พบว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ที่สำคัญพอไปเช็คตัวรถแล้วมันเละมากๆ แต่ทั้งหมดก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าทำไมชายคนนี้กลับไม่เป็นอะไรเลย . สุดท้าย Simon ก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร จะทิ้งก็แต่คำถามที่คาใจทุกคนที่ได้เห็นคลิปเหตุการณ์ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นใครกันแน่ หรือว่าเขาคือซุปเปอร์ฮีโร่กันนะ? ที่มา ladbible
-
พ่อเตรียมตัวให้ลูกสาววัย 2 ขวบ สู่ความตาย ด้วยการพาไปนอนเล่นในหลุมศพทุกวัน
สิ่งที่พ่อแม่ทุกคนคาดหวังจากลูกคืออยากเห็นลูกโตมามีชีวิตที่ดี และประสบความสำเร็จในชีวิต แต่สำหรับพ่อแม่บางคนกลับไม่มีโอกาสได้เห็นวันนั้นของลูก เหมือนกับพ่อแม่คู่นี้ที่ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาลูกสาวที่ป่วยหนัก พวกเขาจึงตัดสินใจให้เธอเผชิญกับความตายโดยพาไปเล่นในหลุมศพของเธอ Zhang Xin Lei เด็กหญิงวัย 2 ขวบ จากประเทศจีน ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคธาลัสซีเมียตั้งแต่อายุแค่ 2 เดือนเท่านั้น ที่ผ่านมาพ่อแม่ของเธอก็จ่ายค่ารักษาไปแล้วกว่า 400,000 บาท จนตอนนี้พวกเขาไม่มีเงินที่จะจ่ายค่ารักษาอีกแล้ว นอกจากนี้ทางครอบครัวได้ยืมเงินเพื่อนทุกคนที่ยืมได้แต่แทบไม่ได้ใช้คืนเลย เพราะลูกสาวต้องรักษาตลอดชีวิตและถ่ายเลือดเป็นประจำ จนตอนนี้เพื่อนๆ ก็ไม่มีให้ยืมแล้วเช่นกัน เมื่อตกอยู่ในสภาพนี้ Zhang Liyong พ่อของเด็กหญิงจึงตัดสินใจให้เธอเผชิญกับความตาย เขาบอกว่า “ผมคิดอะไรไม่ออก และไม่รู้จะทำยังไงนอกจากพาเธอไปดูสถานที่ที่เธอจะพักผ่อนอย่างสงบไปตลอดกาล” พ่อได้เตรียมชีวิตสู่ความตายให้ลูก โดยขุดหลุมศพให้แล้วพาเธอมานอนเล่นที่นี่ทุกวันเพื่อให้ทำความคุ้นเคยกับที่พักของในอนาคตอันใกล้นี้ และไม่ว่าเด็กน้อยจะรู้ตัวหรือไม่ เธอก็จะมาเล่นที่นี่ทุกวันพร้อมครอบครัว สำหรับโรคของเด็กหญิงนั้น ต้องได้รับการดูแลจากหมอย่างใกล้ชิดหรือไปหาหมอเป็นประจำ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจมีผลร้ายแรงต่อร่างกายและเสียชีวิตในที่สุด ทางด้านคุณแม่พูดทั้งน้ำตาว่า “เราถูกบีบให้ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ และเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ” แล้วเพื่อนๆ ล่ะ ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้จะหาทางออกอย่างไร? ที่มา mirror
-
หญิงชาวอังกฤษ กลายเป็น “อัมพาต” อย่างถาวร หลังถึงจุดสุดยอดตอนมีอะไรกับสามี
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยเรื่องราวของ Lucinda Allen หญิงวัย 43 ปี จากสเตาร์บริดจ์ ประเทศอังกฤษ ที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากอาการปวดหัวอย่างฉับพลันระหว่างมีเพศสัมพันธ์กับสามี จนทำให้เธอกลายเป็นอัมพาต และได้นั่งรถเข็นคนพิการอย่างถาวร Lucinda ได้ออกมาเผยว่า เมื่อ 5 ปีก่อน ขณะที่เธอกำลังตั้งครรภ์ 6 เดือน เธอได้มีเพศสัมพันธ์กับ Tony ผู้เป็นสามี แต่หลังจากนั้น ก็เกิดอาการปวดหัวอย่างฉับพลัน ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเธอเลย แต่ในวันนั้น Lucinda กลับรู้สึกว่าเธอมีอาการปวดที่ดวงตาด้านขวา และทำให้ไม่สามารถหลับตาได้ ด้วยเหตุนี้ Lucinda จึงถูกนำตัวส่งโรงพยาล Queen Elizabeth’s Hospital ในเบอร์มิงแฮม โดยในขณะที่เธออยู่ในรถพยาบาล เธอก็เริ่มมีอาการตกใจมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่พบว่าตัวเองไม่สามารถพูดได้ “ฉันคิดว่าฉันอาจจะมีเลือดออกในสมอง หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นภาพเบลอๆ ทั้งหมดที่ฉันจำได้คือความสับสน ความฝัน และความเป็นจริงที่ผสมผสานกับความกลัว” Lucinda กล่าว หลังจากที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล Lucinda…
-
นักวิทย์ถก ทำไมแม่น้ำในคอสตาริกาถึงมีสีฟ้าสวย? หรือจริงๆ แล้วเป็นเพียงภาพลวงตา?
เมื่อได้มองเห็นแม่น้ำสีฟ้าสวยสดใสแบบนี้ เราก็คิดว่ามันจะมีอยู่แต่ในเทพนิยาย แต่ใครจะรู้ละว่าความจริงแล้วมันมีอยู่จริงในโลกของเรา โดยแม่น้ำที่เพื่อนๆ ได้เห็นกันอยู่นี้ มีชื่อว่า Rio Celeste ตั้งอยู่ในประเทศคอสตาริกา บอกเลยว่ามันทั้งงดงามและน่าทึ่งเป็นอย่างมาก หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่า ทำไมแม่น้ำ Rio Celeste แห่งนี้ ถึงเป็นสีฟ้าอมเขียว หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อสีเทอร์คอยซ์ (Turquoise) มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกันนะ หรือจริงๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตากันแน่ วันนี้เรามีคำตอบมาให้แล้วจ้า ทฤษฎีเกี่ยวกับสีฟ้าครามที่เกิดขึ้นในแม่น้ำ Rio Celeste มีการศึกษาในวงการวิทยาศาสตร์เป็นเวลาหลายปี แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยมีใครสามารถหาคำตอบได้ ซึ่งบางคนก็ได้อ้างว่า สีที่ผิดปกตินี้อาจจะมีสาเหตุมาจากทองแดงในระดับสูง แต่เมื่อมีการทดสอบพบว่า ไม่มีทองแดงอยู่ในน้ำเลย หรือบางคนก็อ้างว่า อาจเป็นเพราะสารเคมีแคลเซียมคาร์บอเนต และกำมะถันก็เป็นได้ หลังจากนั้นในปี 2013 ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก Universidad the Costa Rica และ Universidad National ได้เก็บตัวอย่างน้ำจากแม่น้ำ 2 สายเล็กๆ อย่างแม่น้ำ Sour Creek และแม่น้ำ…
-
พาไปดูภายใน HMS Queen Elizabeth สุดยอดเรือบรรทุกเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ
ในอดีต “กองทัพเรือ” ถือเป็นกองกำลังรบที่สำคัญอีกกองหนึ่ง เพราะนอกจากจะถูกนำมาใช้ในการบุกโจมตีศัตรูแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งกำลังที่สามารถใช้บรรทุกเสบียง รถถัง กำลังพล และเครื่องบินได้อีกด้วย และในวันนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะพาเพื่อนๆ มารู้จักกับ HMS Queen Elizabeth (R08) เรือบรรทุกเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดและใหม่ที่สุดของอังกฤษ ที่ได้ถูกนำออกไปลอยในน้ำเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา สำหรับ HMS Queen Elizabeth เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่มาก โดยมีน้ำหนักมากถึง 65,000 ตัน และมีต้นทุนในการสร้างมากถึง 3.1 พันล้านปอนด์ อีกทั้ง ยังใช้เวลาในการสร้างทั้งหมดนานเกือบ 10 ปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีคลังเก็บอาวุธปืนขนาด 30 มม. มีการติดตั้งระบบอาวุธใกล้เคียง พร้อมด้วยเรดาร์ที่ทันสมัย และมีโรงเก็บเครื่องบินขนาดใหญ่ที่มีห้องพักสำหรับเครื่องบินรบ และเฮลิคอปเตอร์ F-35B อีกด้วย HMS Queen…
-
2 โจรเวียดนามบุกเข้าไป “ช็อตสุนัข” เพื่อขโมยไปกินต่อหน้าต่อตาเจ้าของ อย่างไม่เกรงกลัว!!
บทความนี้อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่มีความรุนแรง ใครที่ไม่พร้อมเลื่อนผ่านได้เลยนะคะ… เพราะนี่คือเหตุการณ์ที่โจรช็อตสุนัขต่อหน้าต่อตาเจ้าของอย่างไม่เกรงกลัว!! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เมื่อเวลาประมาณ 5 โมงเช้าของเมื่อวาน โดยมีโจรสองคนขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าบ้านที่มีสุนัขอยู่ 3 ตัว จากคลิปจะเห็นว่าสุนัขตัวแรกกับตัวที่สามนั้นถูกช็อตด้วยไฟฟ้าจนนิ่งไปในทันที ก่อนโจรจะใช้หอกทิ่มเข้าไปที่ลำตัวสุนัขเพื่อลากออกมานอกรั้ว ส่วนสุนัขตัวที่สองดูเหมือนจะถูกยิงด้วยลูกศรปืนกล แล้วก็ถูกลากออกไปเช่นกัน… ทันใดนั้นเอง Nam เจ้าของบ้านก็วิ่งออกมาดูหลังได้ยินสุนัขเห่าเสียงดัง Nam ตั้งใจจะเข้าไปช่วยสุนัขของเขา แต่ถูกคนร้ายใช้หอกจี้ ทั้งยังมีปืนกลอยู่ด้วย เขาไม่กล้าเข้าไปช่วย ได้แต่ยืนมองน้องหมาทั้งสามตัวถูกลากไปด้วยความเจ็บใจ ต่อมาชายเจ้าของบ้านบอกว่า “ผมอยากเข้าไปช่วยสุนัขของผมใจจะขาด แต่ก็กลัวถูกคนร้ายยิงครับ” ทางด้านครอบครัวบอกว่าพวกเขาเลี้ยงสุนัข 10 ตัวไว้ที่อำเภอ Cu Chi แต่ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์ขโมยหมาเช่นนี้มาก่อน ทางด้าน Huyen Chau วัย 16 ปีที่อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวบอกว่า “มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาเลยครับ เราเลี้ยงหมาไว้ 10 ตัวด้วยความรัก แต่การต้องเห็นพวกมันถูกฆ่าตายในสภาพเช่นนี้ เรารับไม่ได้จริงๆ ครับ” เขายังบอกอีกว่า “เข้าใจนะว่าพวกเขาทำแบบนี้เพราะไม่มีเงิน แต่ทำแบบนี้มันถูกต้องแล้วหรอ คุณรู้มั้ยสุนัขสำคัญกับครอบครัวเรามากแค่ไหน ผมอยากเห็นหน้าคนโจรในคลิปเหลือเกิน จะได้ถามพวกเขาว่ายังมีความเป็นคนอยู่มั้ย”…
-
เครื่องบินต้องดีเลย์ 5 ชั่วโมง เพราะอาซิ่ม “โยนเหรียญ” ใส่ใบพัด อ้างเพื่อโชคลาภ..!?
เป็นอีกเหตุการณ์ที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2560 ณ ท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยงไฮ้ผู่ตง มีการประกาศจากสายการบิน China Southern Airlines ไฟลท์ CZ380 ซึ่งมีเหตุขัดข้องทำให้ต้องดีเลย์ไป 5 ชั่วโมง โดยตามตารางการบิน เครื่องบิน Airbus 320 จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยงไฮ้ผู่ตง และมุ่งหน้าสู่สนามบินกวางเจาตอนเวลา 15.05 น. ทว่าช่วงที่ลูกเรือลำเลียงผู้โดยสารขึ้นเครื่องนั้น ได้มีหญิงชราแซ่ฉิ๋ววัย 80 ปี โยนเหรียญจำนวนหนึ่งเข้าไปในบริเวณใบพัดของเครื่องยนต์โดยเธอให้เหตุผลว่า ‘เป็นโชคลาภที่จะทำให้เดินทางปลอดภัย’ ทำให้ไฟลท์ดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปนานหลายชั่วโมง แม้แต่ผู้โดยสารที่ขึ้นเครื่องไปก่อนหน้าแล้วก็ต้องดีเลย์ไปตามๆ กัน เพราะเจ้าหน้าที่จำเป็นที่จะต้องตรวจเช็คความเรียบร้อยของใบพัดเครื่องยนต์ก่อน นานหลายชั่วโมงกว่าที่เจ้าหน้าที่จะตรวจตราความปลอดภัยของเครื่องยนต์ทุกอย่างเสร็จ ทำให้ไฟลท์นี้ต้องเลื่อนเวลาการเดินทางออกไปเป็นตอน 17.52 น. และไปถึงกวางเจาตอนเวลา 20.14 น. China Southern Airlines ได้ออกมาชี้แจงว่า ผู้โดยสารวัย 80 ปีคนดังกล่าวจะถูกดำเนินคดีตามกฎการบินพลเรือน ซึ่งอาจก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมตามมาได้ ที่มา: SCMP
-
บริษัทด้านพลังงานผุดไอเดีย ‘อยากฝึกงานกับพี่… ใส่บิกินี่สิจ๊ะ’ เพื่อคัดเลือกนศ. ฝึกงาน!!
ถือว่าเป็นไอเดียที่แปลกใหม่ และอาจเสี่ยงต่อการเป็นประเด็นดราม่าบนโลกออนไลน์เลยก็ว่าได้ เมื่อบริษัทพลังงานนิวเคลียร์ CEZ จากประเทศสาธารณรัฐเช็ก ผุดไอเดียคัดเลือกนักศึกษาฝึกงานสาว จากการประกวดบิกินี่!! โดยบริษัทได้เผยแพร่ภาพของนักศึกษาสาวงามผู้เข้าประกวดรายการ ‘Miss Energy 2017’ ทั้ง 10 คน ซึ่งผู้ชนะได้เข้าไปฝึกงานกับบริษัทแห่งนี้เป็นเวลา 14 วัน ภาพจากการประกวดส่วนใหญ่ จะเป็นภาพสาวงามใส่ชุดบิกินี่ สวมหมวกนิรภัยให้ถูกต้องตามกฎ และโพสท่าสวยๆ คู่กับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการชี้แจงว่านักศึกษาสาวทุกคนที่เข้ามาประกวดในรายการนี้ ต่างมีความสุขและยินดีที่จะยอมรับเงื่อนไขของการประกวด แต่ทว่าเรื่องราวดังกล่าวก็แอบกลายเป็นประเด็นดราม่าเล็กๆ เมื่อมีชาวเน็ตหลายๆ คน ให้ความเห็นว่า ‘จะเหลือพนักงานผู้ชายซักกี่คนเชียว ถ้าหากพวกเขาต้องถูกคัดเลือกจากเรือนร่างแบบนี้บ้าง?’ บริษัทได้โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า “เราคิดว่าเป็นภาพที่มีรสนิยมดีมาก เป็นการผสานความงามและบรรยากาศแบบอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน” แต่ดูเหมือนว่าสุดท้ายกระแสดราม่าบนโลกออนไลน์ที่พูดถึงเรื่องของการคัดเลือกอันไม่เหมาะสม ทำให้บริษัทด้านพลังงานแห่งนี้ต้องออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า ‘จุดประสงค์ของการจัดประกวดในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการโปรโมทการศึกษาในด้านนี้ให้มีคนเข้าถึงมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ด้วยกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่อาจเกิดความไม่สบายใจ ทางเราจึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย’ และล่าสุดทางบริษัทก็ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า นักศึกษาสาวทั้ง 10 คนจะได้เข้าไปฝึกงานกับบริษัทเป็นเวลา 14 วันตามสัญญาทุกประการ …
-
โฆษณา “กีวี” ได้รับรางวัลจากเมืองคานส์ กับไอเดียสุดเกรียน แต่งแต้มภาพศิลปะชื่อดัง
หากใครที่เคยเห็นภาพวาดคลาสสิกระดับโลกที่ติดอยู่ตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ คุณจะเห็นได้ว่า ภาพเหล่านั้นล้วนแต่เป็นภาพครึ่งตัว โดยที่เราไม่เคยได้เห็นท่อนล่างของพวกเขาเลยใช่ไหมละ และด้วยเหตุนี้นี่เอง ที่ทำให้ทางทีมงาน Ogilvy ได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิดโดยการผุดแคมเปญ “Portraits Completed” ขึ้นมา ด้วยการนำเสนอผลงานศิลปะโชว์ช่วงล่าง ซึ่งเป็นการเพิ่มเท้าให้กับภาพวาดของบุคคลที่มีชื่อเสียง อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าคนดังเหล่านั้นใส่รองเท้าแบบไหนกันน้า สำหรับภาพวาดศิลปะท่อนล่างของบุคคลดัง ทางทีมงานได้สร้างสรรค์ให้มีลักษณะเหมือนกับภาพวาดต้นฉบับเป๊ะๆ และออกแบบมาเพื่อการดูแลรองเท้าโดยเฉพาะ ซึ่งความคิดอันชาญฉลาดนี้เองที่ทำให้ทางน้ำยาขัดรองเท้ากีวี สามารถคว้ารางวัลสิงโตทองคำ และสิงโตเงิน ในหมวด สิ่งพิมพ์ และ สื่อกลางแจ้ง จากงาน Cannes Lions ที่เมืองคานส์ในปีนี้ เป็นการโฆษณาที่ออกแบบมาเพื่อการดูแลรองเท้าโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย และแล้วเราก็ได้รู้กันสักทีว่าภาพบุคคลดังที่เห็นแค่ครึ่งตัวมาตลอด เขาใส่รองเท้าแบบไหนกัน . . . . แหม!! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม “Portraits Completed” ถึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ถึงขั้นได้รับรางวัลใหญ่ในเทศกาล Cannes Lions จากเมืองคานส์ประจำปีนี้ ก็เพราะเป็นการโฆษณาอันชาญฉลาด ที่จับเอาภาพวาดคนดังมาเล่นเนี่ยแหละ ฮร่าๆ ที่มา : mymodernmet
-
คุณแม่ลูกสองวิ่งมาราธอนกว่า 110 กิโลเมตรจนเกิดเป็น “แผลพุพอง” น่ากลัวแบบนี้
[ภาพในเนื้อหามีความรุนแรงโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม] ก่อนการวิ่งมาราธอนหรือวิ่งระยะไกลต่างๆ นั้นนอกจากจะต้องเตรียมสภาพร่างกายที่พร้อมแล้ว การแต่งกาย อุปกรณ์ต่างๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถป้องกันอาการบาดเจ็บได้ และบางครั้งสภาพอากาศก็สามารถทำร้ายนักวิ่งได้ เหมือนกับคุณแม่ที่ชื่อว่า Julie Nisbet ที่ได้ลงแข่ง Ultra-run ที่รู้จักกันในนาม “The Wall” Julie Nisbet คุณแม่ลูกสองผู้รักการวิ่ง เธอวิ่งเป็นระยะเวลา 21 ชั่วโมงติดต่อกันด้วยระยะทางกว่า 110 กิโลเมตร ผลที่ได้จากการโหมวิ่งครั้งนี้ก็คือแผลพุพองขนาดใหญ่บนน่องทั้งสองข้างของเธอ แม้เธอจะรีบรุดไปที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาบาดแผลของเธอ แต่เจ้าแผลพุพองของเธอนั้นก็เริ่มที่จะขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ เธอทวิตรูปลงหลังจากที่มาถึงโรงพยาบาล 1 สัปดาห์หลังจากการวิ่ง Ultra-Run ครั้งนั้น Julie ก็ยังคงทนทุกข์กับแผลพุพองของเธอ ซึ่งแผลนี้อาจจะเกิดมาจากแสงแดดที่เผาน่องของเธอระหว่างวิ่ง ทุกวันเธอต้องนอนคว่ำและทนกับความเจ็บปวดจากบาดแผล “มันเป็นความผิดพลาดของฉัน แม้ฉันจะทาครีมกันแดดแล้ว แต่เหงื่อและน้ำได้ล้างมันออกไปในระหว่างวิ่ง กว่าฉันจะรู้ตัวอีกทีมันก็เป็นแผลเช่นนี้แล้ว” Julie กล่าว แพทย์บางคนกล่าวหลังจากเห็นภาพบาดแผลของเธอว่านี่เป็นบาดแผลแดดเผาที่รุนแรงที่สุดภาพหนึ่งที่พวกเขาเคยเห็นมา เป็นแผลที่น่ากลัวจริงๆ และดูเหมือนว่า Julie นั้นจะไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับผลจากแดดเผา Greg Binnie ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รับบาดแผลแดดเผาจากการทำงานกลางแจ้งของเขา…
-
ขึ้นง่ายไปมั้ยพี่!! คู่รัก “กระหน่ำหมัด” ใส่เจ้าของร้าน หลังไม่พอใจอาหารที่สั่งมา
ตำรวจรัฐจอร์เจียประเทศสหรัฐอเมริกาได้ไล่ล่าคู่รักผิวสีหลังจากที่ทำการระดมต่อยเจ้าของร้านและลูกสาวของเธอเนื่องจากไม่พอใจอาหารที่สั่งมา จากภาพวงจรปิด ภายหลังตำรวจสามารถระบุตัวได้ว่าคู่รักทั้งสองคนนั้นมีชื่อว่า Nathaniel Eric Smith และ Latasha M. Smith Eric และ Latasha คู่รักผู้กระหน่ำหมัดใส่เจ้าของร้านและลูกสาวเธอ ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่ได้เข้าไปใช้บริการของร้านอาหารที่นาง Jeanette Norris เป็นเจ้าของ ก่อนที่ทั้งสองคนจะไม่พอใจเนื่องจากไก่ที่เย็นชืดและเฟรนช์ฟรายที่ได้น้อยเกินไป Jeanette เห็นลูกค้าไม่พอใจในอาหารี่ร้านของเธอทำจึงยินดีที่จะคืนเงิน แต่ดูเหมือนว่าคู่กรณีทั้งสองจะไม่จบเพียงเท่านี้ พวกเขาทั้งสองเริ่มที่จะทุบกระจกของร้านจน Jeanette ตัดสินใจพาพวกเขาออกมาคุยกันข้างนอก Jeanette เชิญคู่รักออกจากร้านอาหาร ไม่นาน Latasha ก็ดูคลุ่งคลั่ง เดินเข้ามาต่อย Jeanette หลังจากนั้นเธอก็ถูก Latasha ระดมหมัดเข้าใส่ ก่อนที่จะหลุดออกจากเฟรมไป ต่อมาลูกสาวของ Jeanette วัย 15 ได้ลงมาจากรถเพื่อปกป้องแม่ของเธอก่อนที่จะถูก Nathaniel ชกเข้าไปที่หน้า หลังจากที่ต่อยอยู่เป็นเวลานาน ลูกสาวของ Jeanette วัย 15 พยายามจะปกป้องแม่ของเธอ …
-
ครั้งหนึ่งกับสงครามเย็น เมื่อสหรัฐกับโซเวียตแข่งกันผลิต “รถยนต์” กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
สงครามเย็น เป็นสงครามที่เกิดขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้จะไม่มีเวลาเริ่มที่แน่ชัด แต่นี่เป็นสงครามของ 2 ขั้วมหาอำนาจนั่นคือ สหภาพโซเวียต และ สหรัฐอเมริกา ที่ห้ำหั่นกันเพื่อชิงความเป็นเจ้ามหาอำนาจบนโลกนี้ ความเป็นเลิศที่ทั้ง 2 ชาติมหาอำนาจแข่งกันนั้นมีอยู่หลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการทหาร ด้านแฟชั่น ด้านการสำรวจอวกาศ ด้านยนตกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทั้งสองประเทศแข่งกัน อเมริกามีแนวคิดรวบยอดเกี่ยวกับรถยนต์มาตั้งแต่ปี 1938 โดย Harley Earl หลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง GM (General Motors) ก็พร้อมกลับสู่สังเวียนยนตกรรมอีกครั้ง รถยนต์ The LeSabre ออกสู่ตลาด เขาได้รถยนต์ The LeSabre และออกสู่สาธารณะในปี 1951 โดยรูปทรงของรถยนต์นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของเครื่องบิน โดยส่วนหน้ามีส่วนที่คล้ายกับไอพ่นและตัวรถยนต์ที่เป็นอลูมิเนียมสามารถสร้างความประทับใจจากประชาชนได้เป็นจำนวนมาก มันถูกออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากส่วนต่างๆ ของเครื่องบิน ในขณะที่ฝั่งโซเวียตก็ได้ผลิตรถยนต์จากโรงงาน ZIL โรงงานที่ผลิตรถลิมูซีนชื่อดัง โดย ZIS-112 นี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก LeSabre อย่างเห็นได้ชัดโดยจำลองรูปลักษณ์ของรถในรูปแบบไซโคลโลว์ให้ดูเรียบง่ายแม้กระทั่งกระจกหน้ารถที่บิดเบี้ยว …
-
สุดซึ้ง!! วินาทีแม่ป่วยเป็น “มะเร็งระยะสุดท้าย” ได้เห็นลูกสาวเรียนจบ ก่อนจากโลกนี้ไป…
สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนแล้ว ก็ย่อมอยากที่จะเห็นลูกของตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิต เหมือนดังเช่น Patricia Parrotte คุณแม่รายนี้ ที่อยากเห็นลูกสาวของตัวเองเรียนจบก่อนที่เธอจะเสียชีวิตจากการป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และนี่คือเรื่องราวของคุณแม่ Patricia กับช่วงเวลาที่แสนเศร้า และมีความสุขในเวลาเดียวกัน เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว Patricia Parrotte คุณแม่วัย 55 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะที่ 3 พร้อมกับเป็นโรคภูมิคุ้มกัน ต่อมาในเดือนเมษายน ปี 2017 ทางแพทย์ได้บอกกับครอบครัวว่า มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังกระดูกสันหลังของเธอ และเธอก็จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อีกไม่นาน แต่ที่น่าเศร้าไปกว่านั้นก็คือ ทางครอบครัวกลัวว่าเธออาจจะไม่ได้ไปร่วมงานวันสำเร็จการศึกษาของลูกสาวคนเล็ก ด้วยเหตุนี้ ทางโรงเรียนมัธยมนิวยอร์กจึงได้อนุญาตมอบโอกาสพิเศษให้ Samantha Parrotte ผู้เป็นลูกสาวเข้าทำพิธีสำเร็จการศึกษาที่ข้างเตียงของแม่ที่นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล และให้ครอบครัวของเธออยู่เฉลิมฉลองร่วมกันได้ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น แต่เชื่อว่าคุณแม่ Patricia คนนี้ คงจะมีความสุขที่ได้เห็นลูกสาวของเธอเรียนจบไม่น้อยเลยล่ะ ภาพของคุณพ่อที่กำลังเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเขา มันเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่น และซึ้งในเวลาเดียวกัน และแล้วเรื่องสุดเศร้าก็มาถึง…
-
เกิดเหตุสลด!! แม่แท้ๆ ขังลูกน้อยและปล่อยให้ขาดใจในรถ ที่จอดกลางแดดนาน 3 ชั่วโมง
เรื่องราวอันแสนน่าเศร้าของเด็กน้อยสองพี่น้องวัยหัดเดิน ที่ต้องจบชีวิตหลังจากถูกแม่แท้ๆ ทำโทษโดยการขังเอาไว้ในรถที่จอดตากแดดนานถึง 3 ชั่วโมง… นาง Cynthia Marie Randolph ถูกจับกุมตัวหลังจากที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของ Juliet กับ Cavanaugh ลูกน้อยวัย 2 ขวบและ 16 เดือนของเธอ Cynthia Marie Randolph คุณแม่วัย 24 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ตอนแรกหญิงสาวให้การปฏิเสธโดยเธออ้างว่าเด็กทั้งสองคนได้เผลอขังตัวเองเอาไว้ในรถที่จอดอย่บริเวณบ้านของพวกเขาในรัฐเท็กซัส ซึ่งในวันนั้นเป็นวันที่มีอุณหภูมิสูงถึง 35.5 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ภายหลังสถานีตำรวจ Parker County ได้รายงานว่านาง Cynthia นั้นได้กลับคำให้การโดยยอมรับสารภาพว่าเธอเองที่เป็นคนขังลูกๆ เอาไว้ในรถ หลังจากที่เห็น Juliet และ Cavanaugh กำลังเล่นกันอยู่ด้านใน ทางตำรวจบอกว่า นาง Cynthia นั้นคิดว่าเด็กๆ จะสามารถเปิดประตูรถออกมาได้เอง เธอจึงได้แต่ยืนดูพวกเขาอยู่ด้านนอก สำนักข่าว Washington Post รายงานว่าเธอเข้าไปนอนในบ้านและใช้ยาเสพติด ก่อนที่จะกลับออกมาอีกครั้งหลังจากนั้น 3 ชั่วโมง แต่เมื่อกลับมาที่รถเธอก็พบว่าลูกๆ ทั้งสองนั้นนอนหมดสติไปแล้ว Cynthia สารภาพว่าหลังจากนั้นเธอได้ทุบที่กระจกรถเพื่อให้ดูเหมือนว่า เธอพยายามที่จะช่วยลูกของเธอ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ตำรวจปักใจเชื่อเธอได้ เด็กน้อยทั้งสองได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิต ในช่วงประมาณ…
-
อดีตนางงามอิตาลี กลับมาสู้ชีวิตอีกครั้ง หลังถูกแฟนหนุ่ม “สาดน้ำกรด” ใส่จนหน้าเสียโฉม
เมื่อกล่าวถึง “ความรัก” หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่สำหรับ Gessica Notaro สาววัย 28 ปี อดีตนางงามผู้เข้ารอบสุดท้ายในเวทีการประกวดนางสาวอิตาลีคนนี้ ชีวิตของเธอกับต้องมาพังทลายลงเพียงเพราะผู้ชายคนนหนึ่งที่ส่งผลให้เธอต้องเจ็บทั้งหาย และเจ็บทั้งใจ หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ ตกเป็นเหยื่อของแฟนหนุ่มที่สาดน้ำกรดใส่ใบหน้าของเธอจนเสียโฉม และเกือบตาบอด ถึงแม้ว่า Gessica จะถูกทำร้ายร่างกายจนปางตาย และทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามกลายเป็นเสียโฉม แต่อย่างน้อยเธอก็ยังสามารถฮึดกลับมาสู้ชีวิตได้อีกครั้ง ย้อนเวลากลับไปเมื่อช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว Gessica กับ Jorge Edson แฟนหนุ่มได้เลิกรากันไป แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวของทั้งคู่จะจบลงไม่สวยงามนัก เพราะแฟนหนุ่มของเธอกลับโกรธแค้น แถมยังสะกดรอยตามเธออยู่ตลอด นั่นทำให้ Gessica ถึงกับต้องเข้าไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ทันที ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีคำสั่งให้ Jorge อดีตคนรักห้ามเข้าใกล้ตัวเธอ แต่นั่นกลับไม่เป็นผล เพราะท้ายที่สุด Jorge ก็ได้กลับมาทำร้ายเธอโดยการสาดน้ำกรดใส่ที่ใบหน้าเมื่อช่วงต้นปี 2017 ที่ผ่านมา และเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ Gessica ต้องใช้เวลานานเกือบ 6 เดือนในการเข้ารับการผ่าตัดรักษา ทาง Gessica ได้ออกมาเผยเรื่องราวที่แสนเลวร้ายของเธอผ่านทางรายการโทรทัศน์ว่า…
-
“เพราะฉันเคยจนมาก่อน…” สาวประกาศให้คนยากไร้มาอยู่บ้านฟรีๆ ขอแค่ช่วยดูแลเท่านั้น
เราอาจจะเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก่อนและไม่รู้จะหาที่พึ่งหรือแก้ไขปัญหาที่พบเจอนั้นได้อย่างไร แต่ใครจะไปนึกว่าในปัจจุบันยังมีนางฟ้าตัวจริงที่ใจดีพร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นแบบเรื่องราวที่ #เหมียวปั๊ก จะมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ดู เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา คุณนันทนา ปัชชาเขียว ได้โพสลงเฟซบุ้คของเธอประกาศสำหรับผู้ที่ไม่มีที่พักและต้องการที่พักอาศัย สามารถเข้ามาอยู่บ้านของเธอได้ฟรีๆ เธอประกาศอนุญาตให้คนสามารถเข้ามาอยู่บ้านเธอได้ สำหรับคนที่จะเข้ามาอาศัยสามารถติดต่อเธอได้ทางเฟสบุ้คโดยตรง จะเป็นคนที่เธอรู้จักหรือไม่รู้จักเธอก็ยินดีที่จะให้พวกเขาเหล่านั้นเข้ามาอยู่ โดยมีเพียงกฎเล็กน้อยที่ต้องปฎิบัติตามนั้นคือ รักษาความสะอาดและไม่ทำข้าวของภายในบ้านเสียหาย สภาพภายในบ้าน บ้านตั้งอยู่จังหวัดตรัง อยู่ห่างกับโรงเรียนราชมงคล 500 เมตร แม้จะหลังไม่ใหญ่โต แต่นี่ก็สามารถเป็นที่พักพิงอย่างดีให้กับผู้ที่ต้องการเลยนะ หลังจากที่เธอโพสลงเฟซบุ๊ก โพสของเธอก็ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมากจากบุคคลที่เดือดร้อนต้องการที่พักและชาวเน็ตที่ชื่นชมในการกระทำของเธอ สำหรับคนที่สนใจจะเข้าอยู่อาศัยก็สามารถที่จะติดต่อเธอได้ทาง นันทนา ทุเรียนทอดกรอบ ปัชชาเขียว ของเธอได้ที่นี่เลยนะครับ เป็นอีกการกระทำท่าน่าชื่นชมมากๆ เลยนะ #เหมียวปั๊ก ขอชื่นชมจากใจเลย ~ ที่มา: นันทนา ทุเรียนทอดกรอบ ปัชชาเขียว
-
แม้จะเป็นวันที่อากาศร้อนสุดของปี แต่ก็ยังมีคนทิ้งหมาไว้ในรถ ตำรวจเร่งช่วยเกือบไม่รอด
หลายครั้งที่เราได้เห็นข่าวของสัตว์เลี้ยงอย่างหมา แมว หรือเด็กตัวเล็กๆ เสียชีวิตจากการถูกทิ้งให้อยู่ในรถเพียงลำพัง เพราะบางครั้งเราอาจจะคิดว่าคงไม่เป็นไรหรอก แต่จริงๆ แล้วหารู้ไม่ว่าอุณหภูมิของรถที่จอดทิ้งไว้นั้น จะยิ่งสะสมความร้อนมากขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที แถมยังสามารถคร่าชีวิตสุนัขได้ง่ายอีกด้วย เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า สุนัขตัวหนึ่งกำลังทุกข์ทรมานอยู่ในรถ หลังจากที่เจ้าของได้จอดรถทิ้งไว้ตรงบริเวณที่จอดรถในมณฑล Suffolk ประเทศอังกฤษ เขาปล่อยให้มันอยู่เพียงลำพัง จนทำให้เจ้าหมาเกือบตาย แต่อย่างน้อยมันก็ยังโชคดีที่มีคนมาเห็น และถูกช่วยเอาไว้ได้ทัน โดยในวันนั้นเรียกได้ว่ามันหนึ่งในวันที่อากาศร้อนที่สุดในอังกฤษเลยก็ว่าได้ ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก Suffolk ได้ออกมากล่าวว่า “เราได้รับโทรศัพท์จากประชาชนว่ามีรถคันหนึ่งจอดอยู่ชั้นล่างของที่จอดรถ และมีสุนัขตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งอยู่ในนั้น หน้าต่างรถทั้งหมดถูกปิดสนิท มันไม่ได้กินน้ำ และถูกขังอยู่ในรถด้วยอุณหภูมิสูงเกือบ 30 องศาเซลเซียส… เจ้าหมาอยู่ในรถเป็นเวลานาน แต่โชคดีที่มีคนมาเห็นมันอยู่ในนั้น และได้รับความช่วยเหลือเอาไว้ได้ทัน ซึ่งทางเราก็พร้อมทำการตรวจสอบ จากนั้นเราก็ได้ทุบหน้าต่างรถ เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้เจ้าหมาออกมาจากรถได้” หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถช่วยชีวิตของน้องหมาได้สำเร็จ พวกเขาก็พบว่ามันพยายามดิ้นรนเพื่อหาอากาศหายใจ แถมมันยังมีปัญญาในเรื่องการเดินอีกด้วย ไม่นานหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ปล่อยลูกสุนัขออกมาจากรถ พวกเขาก็ได้พบกับเจ้าของ ซึ่งทางผู้เป็นเจ้าของน้องหมาผู้เคราะห์ร้ายได้อ้างว่า พวกเขาไม่ได้จะไปทำธุระนานๆ เลย แต่ตั๋วที่จอดรถ ซึ่งอยู่บนรถของพวกเขากลับแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องออกไปทำธุระนานเกินกว่าหนึ่งชั่วโมงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม…
-
หนุ่มขอสาวแต่งงานบนเครื่องบิน ผู้โดยสารลุ้นเอาใจช่วย สมหวังได้จิบแชมเปญถ้วนหน้า!!
ถ้าพูดถึงเรื่องการขอแต่งงานแบบเซอร์ไพรส์นั้น เราก็มักจะเห็นกันอยู่บ่อยๆ ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการขอแต่งงานกลางคอนเสิร์ต หรือแม้แต่กลางรายการทีวีก็มีเช่นกัน ทว่าทุกครั้งก็จะมีการจัดฉากและเตรียมงานกับทีมงานในสถานที่นั้น เสมอ แต่เราก็ไม่ค่อยจะได้เห็นการแต่งงานบนเครื่องบินบ่อยๆ ใช่ไหมล่ะ!? Deepum Patel ชายหนุ่มผู้ทำงานอยู่ที่เมืองแอตแลนตาคนนี้ เขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่วางแผนจะขอแต่งงานแฟนสาว Neha Chakravati แบบเซอร์ไพรส์ ซึ่งเขาได้วางแผนให้เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นบนเที่ยวบินที่เขาและแฟนสาวจะเดินทางไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์ แน่นอนว่ามันคือการเซอร์ไพรส์ ฉะนั้น Neha จะรู้เรื่องนี้ไม่ได้เลย ทางด้าน Deepum จึงต้องวางแผนให้แยบยลมากที่สุด เขาจึงติดต่อไปยังสายการบิน Delta Airline เพื่อขอความร่วมมือในครั้งนี้ด้วย แถมยังแอบให้สายการบินขอความร่วมมือจากผู้โดยสารทุกคนอีกด้วย ในขณะที่เครื่องบินกำลังอยู่บนระดับความสูงราว 9 กิโลเมตรจากพื้นดิน Deepum ก็เห็นว่าถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะต้องเริ่มแผนการ เขาให้เจ้าหน้าที่ประกาศว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากทันตแพทย์สักคนที่เป็นผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง เพราะตอนนี้มีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ด้วยความที่ Neha เป็นนักศึกษาทันตแพทย์และน่าจะพอมีความรู้เรื่องการรักษาบ้างนิดหน่อย เธอจึงลุกไปติดต่อเจ้าหน้าที่ตามที่ประกาศ ช่วงเวลานั้นเองทำให้ Deepum ส่งซิกให้ผู้โดยสารคนอื่นเริ่มตามแผนพร้อมเตรียมจับภาพการขอแต่งงานของเขา . วินาทีแห่งคำตอบก็มาถึงเมื่อ Deepum ถามกับแฟนสาวว่าเธอจะแต่งงานกับเขาไหม แน่นอนว่าเธอก็ตอบตกลง ทำให้ในชั่วโมงนั้นทั้งตัวเขาเองและผู้โดยสารรวมถึงเจ้าหน้าที่ก็ต่างพากันมีความสุขไปพร้อมๆ กัน และทางสายการบินก็แจกแชมเปญฉลองให้ทั้งคู่รวมถึงผู้โดยสารทุกคน… . . สุดท้ายเมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงที่หมาย ทางสายการบินก็จัดการเตรียมต้อนรับคู่รักไว้เรียบร้อย ด้วยการตกแต่งทางเดินด้วยลูกโป่งพร้อมกับมอบช่อดอกไม้ให้ด้วย ปิดท้ายด้วยการถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับทั้งคู่…
-
คนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน มาเล่นเกม ดูทีวี กินเหล้าเจ้าของบ้าน ยังไม่พอ.. ชิกวิ้ว ทิ้งคราบน้ำไว้อีก!!
หลายคนอาจจะเคยมีประสบการณ์ขโมยขึ้นบ้านกันมาแล้ว และแน่นอนว่าจุดประสงค์ของโจรเหล่านั้นก็คือ การเข้ามาขโมยสิ่งของมีค่าภายในบ้านของเราไป แต่สำหรับเรื่องราวของขโมยที่เราจะมานำเสนอในครั้งนี้ บอกเลยว่ามันอาจทำให้หลายๆ คนถึงกับแอบขำ เพราะหัวขโมยรายนี้ ไม่ได้เอาของอะไรออกไป แต่มาทำให้บ้านเละตุ้มเป๊ะซะอย่างนั้น วันที่ 23 มิถุนายน 2560 ทางสำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า ในช่วงเช้าของวันพุธที่ผ่านมา Jeff Holbrook เจ้าของบ้านที่อาศัยอยู่ใน Cranbourne ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอเหตุการณ์ขณะหัวขโมยขึ้นบ้านลงบนโลกออนไลน์ หลังจากที่เขาพบจากกล้องวงจรปิดว่า มีชายนิรนามรายหนึ่งได้แอบบุกรุกเข้ามาในบ้านของเขา Jeff บอกว่าหัวขโมยรายดังกล่าวได้แอบเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านเป็นเวลานานกว่า 5 ชั่วโมง แถมยังแอบเข้ามาอาบน้ำ ดูทีวี เล่นเกม ทำอาหาร ดื่มเหล้าจนเมาแอ๋ พร้อมกับทำลายข้าวของภายในบ้าน ยังนะ.. แค่นั้นยังไม่พอ เขายังแอบช่วยตัวเองบนโซฟาจนสำเร็จความใครอีกด้วย “มีใครบางคนกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องนอนของฉัน ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร” Jeff พูดขณะแอบถ่ายวีดีโออีก จากนั้นไม่นาน Jeff ก็รีบเดินลงไปชั้นล่าง พร้อมกับกล่าวว่าตำรวจกำลังจะมาถึงในไม่ช้า และเขาจะไม่หยุดถ่าย และสั่งไม่ให้พ่อหนุ่มหัวขโมยแตะต้องอะไรเลยจนกว่าตำรวจจะมาถึงที่นี่ หลังจากที่มาถึง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รีบเข้าจับกุมตัวชายรายดังกล่าวทันที โดยขณะนั้นเขามีท่าทางที่ดูสับสน หลังจากที่เพิ่งตื่นนอน …
-
Prada ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “คลิปหนีบกระดาษ” ราคาก็เบาๆ แค่ 6,000 นิดๆ เอ๊งงงงง!!
นี่คือหน้าตาของคลิปหนีบกระดาษ ที่หลายคนอาจจะมองเห็นว่ามันก็เป็นเพียงแค่สิ่งของธรรมดาๆ ทั่วไป แต่ความจริงแล้วไม่มีใครรู้หรอกว่า เจ้าคลิปหนีบกระดาษสีเงินนี้ มันจะมีราคาที่สูงถึง 6,000 บาทเลยนะ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2560 มีรายงานว่าหลังจากที่ทางห้างสรรพสินค้าสุดหรู Barney’s New York ในนิวยอร์กได้นำคลิปหนีบกระดาษสีเงิน ที่แปะแบรนด์หรูอย่าง Prada มาวางจำหน่ายในราคา $180 หรือราวๆ 6,000 บาท ก็ได้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาชาวเน็ตเป็นอย่างมาก โดยเจ้าคลิปหนีบกระดาษดังกล่าว ถูกผลิตขึ้นมาจากวัสดุชั้นดีอย่างเงินสเตอร์ลิง (Sterling Silver) ที่มีความยาว 6 เซนติเมตร อีกทั้งยังมาพร้อมกับการสลักโลโก้ลายนูนสุดหรูคำว่า Prada อยู่ด้านข้างอีกด้วย งานนี้หลังจากที่ทาง Prada ได้ออกสินค้าดังกล่าวออกมา ก็ทำให้ผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายคนได้พากันออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย เพราะสินค้าดังกล่าวมีราคาสูงเกินที่จะเอื้อมถึง ทำไมถึงต้องเสียเงินจำนวนมากให้กับคลิปหนีบกระดาษของ Prada ที่มีราคาสูงมากกว่าคลิปหนีบกระดาษแบบปกติ ตัวอย่างคอมเม้นท์ก็อย่างเช่น… ห๊ะ Prada ทำคลิปหนีบกระดาษอันละ 185 เหรียญ มันต้องมั่นขนาดไหนกันเนี่ย นี่อิชั้นหวังจะรวยขนาดที่มาจ่ายเงินซื้อคลิป…
-
วินาทีสุดประทับใจ ตำรวจพร้อมใจขับรถอารักขา “ฝูงห่าน” จากท้องถนนที่อันตราย…
มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเดียวบนโลกใบนี้ที่ต้องได้รับการปกป้องจากงานบริการต่างๆ ซึ่งตำรวจเจ้าของเรื่องราวนี้ก็ดูจะเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว… เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อเจ้าห่านกลุ่มหนึ่งได้เดินทางท่องเที่ยวไปบริเวณริมถนนหลวงในเมืองกรีนวูด รัฐโคโลราโด แน่นอนว่าสัตว์เล็กแบบนั้นการเดินอยู่บนถนนหลวงย่อมเป็นอะไรที่อันตรายมาก ด้วยเหตุนี้การปล่อยให้พวกมันเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองจึงเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ทางตำรวจกรีนวูดจึงเดินทางมาหาเจ้าห่านพวกนี้ พร้อมกับขับรถตำรวจสองคัน ปิดด้านข้างและปิดท้ายริมทางเท้า เพื่อช่วยอารักขาพวกมันจนไปถึงพื้นที่ปลอดภัย จนเกิดเป็นคลิปสุดประทับใจ Rod Wayne ชายผู้บันทึกคลิปเหตุการณ์ได้บอกเล่ากับเว็บไซต์ Thedodo ว่า “ผมเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยกันปกป้องพวกห่านอย่างใจเย็น และพาพวกมันไปจนสุดทางของถนนจนพวกมันเดินเข้าไปบริเวณหญ้าข้างทาง” เรื่องทั้งหมดอาจจะดูไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้วมันบ่งบอกถึงความใส่ใจในเพื่อนร่วมโลก ที่ยอมเสียเวลามาช่วยพวกห่าน แถมนี่ยังเป็นสัญญานที่บอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวมองเห็นห่านพวกนี้เป็นสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกับมนุษย์และต้องการสิทธิ์ในความปลอดภัยเช่นกัน ต้องชื่นชมพวกเขาจริงๆ สามารถดูคลิปเหตุการณ์เต็มๆ ได้ข้างล่าง ผู้คนต่างมาชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจกันเพียบ คนดูคลิปนี้ไปมากกว่า 2 ล้านครั้ง และแชร์อีกกว่า 4 หมื่นครั้งแล้ว!! ที่มา Thedodo
-
ชิ้นส่วนกระจาย!! การต่อสู้ “ซูโม่หุ่นยนต์” จากญี่ปุ่น ใครจะอยู่ใครจะไปวัดกันที่ความแข็งแกร่ง..
‘ซู่โม่’ หนึ่งในกีฬาประจำชาติของญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน การวัดพลังกันของลูกผู้ชายบนเวทีเล็กๆ นี้ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศนี้ แต่เมื่อการพัฒนาของเทคโนโลยีเริ่มก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น จึงเกิดการรวมกันระหว่างวัฒนธรรมอันเก่าแก่กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี กลายเป็น “การแข่งซูโมโดยหุ่นยนต์” เจ้าหุ่นสองตัวที่กำลังเผชิญหน้าเข้าหากันบนสังเวียนซูโม่.. การแข่งขันดังกล่าวอาจจะแตกต่างไปจากการแข่งขันซูโมทั่วไป เพราะนอกจากจะใช้หุ่นยนต์ในการวัดพลังกันแล้ว ในการแข่งขันแต่ละเกมนั้นก็จบลงเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น หุ่นยนต์ที่ลงแข่งขันแต่ละตัวจะมีการปรับแต่งเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมันในยามที่ลงสนาม อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนที่ช่วยในการผลัก หรือเครื่องยนต์ที่ช่วยเพิ่มความเร็วถูกติดเข้าไปเพื่อให้หุ่นสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ง่ายขึ้น ระหว่าการต่อสู้หุ่นซูโมนั้นจะถูกบังคับโดยเจ้าของที่อยู่ทางด้านหลัง นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันยังต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันสิ้นส่วนต่างๆ ที่กระเด็นออกมาระหว่างการต่อสู้ เพื่อความปลอดภัยอีกด้วย การผลักให้อีกฝ่ายตกเวทีคือกฏข้อหนึ่งของการแข่งขันนี้ เพราะฉะนั้นการอกแบบก็จะยากตรงที่ ทำให้มันเร็วเกินไปไม่ได้ มันจะหลุดเวทีซะก่อน ช้าเกินไปก็ไม่ได้เพราะจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ขณะเดียวกันก็ต้องแข็งแกรงพอที่จะไม่โดนอีกฝั่งผลักตกจากเวทีเช่นกัน การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกจังหวะมีผลต่อการแพ้ชนะ ปิดท้ายกันด้วยคลิปบรรยากาศจากในงานต่อสู้หุ่นยนต์ ลองมาลุ้นกันดูสิ… เป็นอีกหนึ่งการแข่งขันที่เจ๋งดีเหมือนกันนะเนี่ย ไม่แน่นะอีกหน่อยเราอาจเห็นการต่อสู้ของหุ่นยนต์แบบในหนังขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ ที่มา rocketnews24
-
วิทยาศาสตร์บอกว่า นี่แหละ 7 ลักษณะของผู้หญิง ที่ดึงดูดเพศตรงข้ามได้ดี!!!
จะว่าไปแล้วเวลาจะชอบใครรักใครนั้น แน่นอนว่าคนๆ นั้นต้องมีลักษณะที่เราชอบอยู่บ้างล่ะ แต่วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีงานวิจัยที่น่าสนใจ เกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า 7 ลักษณะของผู้หญิงที่ดึงดูดเพศตรงข้ามได้ดี ลองมาดูกันซิว่าจะมีอะไรบ้าง!? 1. ผู้หญิงที่กำลังอยู่ในช่วงประจำเดือนจะมีความดึงดูดต่อเพศตรงข้ามมากกว่า!? การทดลองนั้นแสนเรียบง่าย โดยให้ผู้ชายดมเสื้อของสาวๆ ที่ใส่มาก่อนแล้วก็พบว่า เสื้อของสาวที่อยู่ในช่วงนั้นของเดือนดูจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ จากงานวิจัยของ Psychological Science 2. ผู้ชายชอบผู้หญิงที่มักจะหัวเราะให้กับมุกตลกของเขา แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากให้ผู้หญิงที่ชอบมีความสุขใช่มั้ยล่ะ? เหล่าผู้ชายก็เช่นกัน มักจะชอบพอผู้หญิงที่พึงพอใจกับมุกของเขามากกว่า จากงานวิจัยของ Evolution and Human Behavior ทีนี้สาวๆ อย่าลืมแอ๊บตลกล่ะ ฮร่าาา 3. จากงานวิจัยหลายชิ้นชี้ชัดว่า ผู้ชายชอบผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ ทั้ง Journal of Research in Personality และ Journal of Psychology & Human Sexuality ต่างชี้ชัดว่าผู้ชายจะชอบผู้หญิงที่มีความซื่อสัตย์ต่อพวกเขา โดยเฉพาะในความสัมพันธ์ระยะยาว 4. เสื้อผ้าสีแดงสามารถดึงดูดเพศตรงข้ามได้ดี!!! อ้างอิงจากงานวิจัย Journal of Personality and…
-
ช่างภาพอินเดีย นำเอาภาพในความฝัน มาสร้างเป็นประติมากรรมจิ๋ว ราวกับว่าสถานที่นั้นมีจริง
หลายครั้งที่คุณหลับแล้วฝันเห็นเรื่องราวต่างๆ พอตื่นขึ้นมากลับหลงๆ ลืมๆ ถึงเหตุการณ์ ผู้คน หรือสถานที่ที่พบเจอในความฝัน แต่ความหลงลืมที่ว่านั่นกลับไม่เกิดขึ้นกับศิลปินรายนี้ เพราะเขานำเอาความฝันมาสร้างเป็นงานศิลปะขนาดเล็ก ทีนี้จะได้จดจำไม่รู้ลืมอีกเลย ศิลปินที่#เหมียวฟิ้นกำลังพูดถึงอยู่นี้เขามีชื่อว่านาย Vatsal Kataria เป็นช่างภาพจากประเทศอินเดียที่มีความสามารถในการจดจำรายละเอียดในความฝันได้ดีมาก แต่ถึงจะมีความจำที่ดีแต่ก็ไม่สามารถนำไปถ่ายทอดให้คนอื่นรู้ได้ เขาก็เลยนำมันมาสร้างเป็นงานประติมากรรมขนาดเล็กซะเลย นาย Vatsal ได้เคยให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ BoredPanda เอาไว้ว่า “ผมได้สร้างสรรค์งานประติมากรรมขนาดจิ๋วของสถานที่ที่ผมเจอในฝัน ผมใช้เวลาทำราวๆ 2 เดือนเลย มันเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับผมมากในการทำให้มันกลายเป็นของจริง แต่มันก็สนุกมาก” ความสงบสุขที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ถ้ำสักแห่งบนโลกใบนี้ ทางแยกระหว่างความฝันและความเป็นจริง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ใช่ภาพ CG ล้วนๆ นะ แต่เป็นวัสดุจริงๆ ที่เขาสร้างขึ้นจากสิ่งของรอบตัว แล้วค่อยนำมาเติมแต่งผ่านคอมพิวเตอร์ภายหลัง . . . ใครชอบผลงานแปลกๆ เจ๋งๆ แบบนี้ก็ตามไปดูกันต่อได้ที่ IG ของเขา vatkatphotography ได้เลย ที่มา distractify , vatkatphotography
-
คนงานก่อสร้างบังเอิญค้นพบ “ดาบอัศวินโบราณ” อายุ 600 ปี ว่ากันว่าสมบูรณ์ที่สุด เท่าที่เคยพบมา
ในสมัยโบราณ ช่วงเวลาก่อนที่มนุษย์จะต่อสู้กันด้วยปืน หลายชนชาติล้วนเคยใช้ดาบมาก่อน แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒไปแบบก้าวกระโดด ทำให้ดาบเริ่มกลายเป็นสิ่งที่ล้าหลังและไม่มีใครใช้อีกต่อไป ดาบบางเล่มถูกเก็บเข้าพิพิธพันธ์เพื่อนำไปโชว์ ในขณะที่บางเล่มก็สูญหายไปตามกาลเวลา แต่เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ Nationalgeographic ได้รายงานว่ามีคนงานก่อสร้างรายหนึ่งในเมือง Hrubieszow ประเทศโปแลนด์ค้นพบดาบอัศวินเก่าแก่ที่มีอายุราวๆ 600 ปีโดยบังเอิญแถวๆ บึงแห่งหนึ่ง ซึ่งดาบเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 13 ถึง 14 เลย ตัวดาบมีขนาดยาวประมาณ 1.2 เมตร และมีน้ำหนักราวๆ 1.3 กิโลกรัม แต่สิ่งที่มันน่าอะเมซิ่งมากๆ สำหรับการค้นพบครั้งนี้ก็คือ ถึงตัวดาบจะเก่าแก่ที่สุดแต่มันก็อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มากๆ Bartłomiej Bartecki ผู้บริหารพิพิธภัณฑ์ในโปแลนด์ให้ความเห็นว่ามันมีความเป็นไปได้ที่อัศวินผู้เป็นเจ้าของดาบเล่มนี้อาจจะถูกผลักตกลงไปในบึงหรือไม่ก็อาจจะทำหล่นเอาไว้ที่นั่นเอง ตามรายงานไม่ได้เปิดเผยแหล่งที่ค้นพบที่แน่ชัด เนื่องจากกลัวว่าจะมีกลุ่มคนแห่กันไปขุดดินและสร้างความวุ่นวาย แต่มีการอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญและนักโบราณคดีเข้าไปเป็นการส่วนตัว เพราะอาจจะมีสมบบัติและวัตถุโบราณรอให้ถูกค้นพบอีกหลายอย่าง ตัวดาบจะถูกส่งไปทำความสะอาดและวิเคราะห์ก่อนจะส่งมอบมันให้กับพิพิธภัณฑ์ Stanisław Staszic ในเดือนกันยายน 2017 นี้ ที่มา ladbible
-
ชายหนุ่มโพสต์ภาพเหยียด ชายชาวซิกข์บนเครื่องบิน และตั้งแง่ให้เขาเป็น ‘ผู้ก่อการร้าย’
กลายเป็นเรื่องที่สร้างกระแสความเกลียดชังบนโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อหนุ่มชาวเน็ตรายหนึ่งได้โพสต์รูปของชายผู้นับศาสนาซิกข์ พร้อมกับข้อความที่ดูถูกและกล่าวหาว่าชายคนนี้เป็นผู้ก่อการร้าย… ผู้ใช้ Snapchat คนดังกล่าวได้โพสต์ภาพของเขาระหว่างอยู่บนเครื่องบิน ซึ่งในภาพเหล่านั้นมีรูปของชายชาวซิกข์ท่านหนึ่งปรากฏอยู่ด้วย แต่ด้วยเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการหรืออย่างไร พี่แกกลับใส่แคปชั่นแบบไม่คิดหน้าคิดหลังตลอดการเดินทาง แต่เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อชายชาวซิกข์คนดังกล่าวมานั่งที่เบาะหลังของเขา ชายหนุ่มก็ยังคงถ่ายรูปพร้อมกับข้อความที่บอกว่า “ผมยังมีชีวิตอยู่ ” และในภาพต่อมาเขายังคงไม่หยุดการกระทำดังกล่าว ชายหนุ่มจับภาพของชายชาวซิกข์ท่านเดิมพร้อมกับแคปชั่นว่า “ได้โปรดพระเจ้า ปล่อยให้เขาหลับเถอะ” ก่อนที่ภาพสุดท้ายชายคนดังกล่าวจะลาไปด้วยภาพของตัวเองและบอกว่า “เมื่อกี้ เขาเดินไปที่ท้ายเครื่องแล้วก็วนไปที่หน้าเครื่อง ก่อนที่จะกลับมานั่งที่เดิม” และปิดประโยคนี้ด้วยรูปใบหน้าแสดงความตกใจ ภาพจากแอพฯ Snapchat ที่ถูกเผยแพร่ออกมา . ภาพชุดดังกล่าวเชื่อว่ามีการโพสต์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และหลังจากนั้นนาย Simran Jeet Singh นักวิชาการเกี่ยวกับศาสนาจากมหาวิทยาลัย Trinity ซึ่งนับถือศาสนาซิกซ์เช่นกัน ได้โพสต์ภาพชุดดังกล่าวลงบนทวิตเตอร์ของเขา พร้อมกับข้อความที่เปรียบเทียบกับความคิดของคนทั่วไปที่มักจะคิดแบบนี้ชาวมุสลิมเช่นกัน หลังจากนั้นข้อความของคุณ Singh ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างมาก มีผู้เข้ามารีทวีตถึง 6,800 ครั้งและแสดงความคิดเห็นอย่างล้นหลาม บางคนบอกว่า “ฉันหวังว่าพวกเราควรจะได้รับการเดินทางอย่างอิสระ โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะคิดอย่างไร” หรือบางคนก็บอกว่าการกระทำของชายคนดังกล่าวนั้นไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก จากเหตุการณ์ 9/11…
-
เอาใจเหล่าคนรักเจ้าตูบหน้าย่นสุดกวน เตรียมเปิดตัวคาเฟ่ “หมาปั๊ก” ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ
บางคนอาจจะชอบสุนัขที่รูปร่างสูงสง่า หรืออาจจะตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารัก แต่กับเจ้าสุนัขพันธุ์ “ปั๊ก” นั้นมีความน่ารักที่แสนจะเป็นเอกลักษณ์ นอกจากหน้าที่ย่นของมันแล้ว พฤติกรรมช่างสงสัยแบบเด็กๆ ของมันก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากเราได้อยู่เสมอ หื้ออ ~ อารายหยออ และด้วยความน่ารักของมันนี้ ทำให้มีนักธุรกิจหัวใสผุดไอเดียเปิดคาเฟ่หมาปั๊กที่อนุญาตให้ทุกคนได้มากิน ดื่ม และให้อาหารเหล่าหมาปั๊กในช่วงเวลาพิเศษจากคาเฟ่แห่งนี้ คาเฟ่หมาปั๊กนี้ได้เปิดมาก่อนหน้านี้แล้วที่เมือง Guildford และเมือง Brighton ในตอนนี้คาเฟ่เฮฮาแบบหมาปั๊กก็ได้กำหนดการที่จะมาเปิดตัวถึงกรุง London เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะสีขาวหรือดำ ก็ปั๊กเหมือนกันนะ โดยสินค้าภายในร้านนั้นก็จะมีทั้ง Barkery บิสกิตแบบโฮมเมด เค้ก รวมไปถึงกาแฟสูตร Pugoccinos ซึ่งจะเป็นสินค้าสำหรับการเอาใจน้องหมาปั๊กโดยเฉพาะเลยล่ะ กาแฟมาเสิร์ฟแล้วฮะ แนวคิดการเปิดคาเฟ่หมาปั๊กนี้เกิดขึ้นมาจากเจ้าของที่ต้องการให้พื้นที่เหล่านี้ เป็นพื้นที่เพื่อพบปะกันระหว่างคนรักหมาปั๊ก รวมไปถึงเจ้าหมาปั๊กด้วยกันเอง สิ่งเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นภายในร้าน ทำให้ผู้คนสามารถมาใช้บริการได้อย่างสบายใจในขณะที่พวกเขานั่งอยู่ท่ามกลางหมาปั๊กตัวน้อย กำหนดการในการเปิดงานจะจัดขึ้นในวันที่ 2 กันยายนปี 2017 ณ เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยใช้ชื่อคาเฟ่ว่า The Popup Pug Cafe…
-
“ไม่ต้องห่วงผม ช่วยพ่อผมก่อน” เด็กชาย 6 ขวบ ตะโกนบอกหมอ หลังถูกรถชนบาดเจ็บทั้งคู่
การตอบแทนความรักของพ่อแม่นั้นไม่ต้องรอให้โตก็ทำได้ อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตแต่เรื่องเล็กน้อยอย่างการตั้งใจทำสิ่งต่างๆ ให้ดีที่สุด ไม่เกเร ออกนอกลู่นอกทางที่ควร ก็ทำให้พ่อแม่ชื่นใจแล้ว อย่างเด็กชายคนนี้แม้จะมีอายุเพียงแค่ 6 ขวบ แต่ก็ถูกชื่นชมจากชาวเน็ตในจีนถึงความเด็ดเดี่ยว หลังเขาขอร้องให้หมอช่วยคุณพ่อของเขาก่อน ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากมอเตอร์ไซค์ถูกรถชน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในเมือง Xinyu มณฑลเจียงซี เป็นอุบัติเหตุบนถนนเมื่อคุณพ่อที่พาลูกซ้อนมอเตอร์ไซค์มาด้วยถูกรถชนเข้าอย่างแรง จนทำให้กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ภาพที่เห็นคือผู้เป็นพ่อลงไปนอนกับพื้น หน้าแนบกับพื้นถนน ส่วนข้างๆ กันนั้นมีแต่ซากรถกระจายเต็มไปหมด… เพียงไม่นานหลังจากนั้นรถพยาบาลก็มาถึงจุดเกิดเหตุ ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างบอกให้หมอไปช่วยเหลือเด็กชายก่อนเพราะตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด แต่เด็กน้อยกลับบอกกับหมอว่า “ไปช่วยพ่อผมก่อนครับ” คุณหมอทึ่งมากเมื่อได้ยินเด็กชายพูดแบบนั้น หมอจึงเข้าไปช่วยผู้เป็นพ่อ และให้พยาบาลดูแลเด็กชายแทน โชคดีที่ทั้งพ่อและลูกบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย… เด็กชายผู้กล้าหาญบอกว่า “ตอนนั้นผมเห็นพ่อลงไปนอนกับพื้น เลยคิดว่าพ่ออาการหนัก ผมก็เลยอยากให้เขาได้รับการช่วยเหลือก่อน เพราะผมรักพ่อมากครับ” ทางด้านคุณพ่อ เมื่อทราบว่าลูกได้บอกหมอให้ช่วยเขาก่อน เขารู้สึกซาบซึ้งและภูมิใจในตัวลูกมาก พ่อบอกว่า “ผมรู้สึกประทับใจจริงๆ ครับ เขากล้าหาญมากกว่าผมด้วยซ้ำ” ปิดท้ายกันด้วยคลิปตอนที่หนูน้อยบอกหมอให้ช่วยพ่อก่อน เป็นเด็กที่กล้าหาญมากจริงๆ ยกนิ้วให้รัวๆ เลยจ้า!! ที่มา shanghaiist
-
ลุงวัย 49 ปี ถูกจับฐานสั่งซื้อตุ๊กตายางคล้ายเด็กวัย 4 ขวบ พร้อมสื่ออนาจารเด็กอีกเพียบ!?
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ณ ประเทศผู้ดีอย่างอังกฤษ เมื่อผู้เชี่ยวชาญทางด้านพลังงานนิวเคลียร์อย่าง Andrew Dobson วัย 49 ปี ถูกจับในข้อหาลักลอบนำตุ๊กตายางแบบเด็กเข้ามาในอังกฤษ คดีนี้ดูเหมือนจะเป็นกรณีแรกในสหราชอาณาจักร โดยนาย Andrew ชาวมณฑล Cheshire ได้ทำการสั่งตุ๊กตายางเด็กผ่านช่องทาง Ebay มูลค่าประมาณ 6,500 บาทซึ่งมีฐานผลิตอยู่ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง สภาพตุ๊กตายางเด็กและโฉมหน้าของ Andrew Dobson สินค้าชิ้นนี้ถูกสกัดได้โดยเจ้าหน้าที่ เมื่อถูกขนส่งผ่านมาถึงสนามบิน East Midlands ในเมือง Leicestershire ซึ่งนอกเหนือจากตัวตุ๊กตาแล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ อย่างเสื้อคลุมผู้หญิง ผ้าปิดตา ถุงมือ ฯลฯ ที่ใช้ในการสนองอารมณ์ทางเพศให้เหมือนกับคนจริงๆ ภายหลังตำรวจได้ขยายผลโดยการตรวจค้นบ้านของนาย Andrew ในหมู่บ้าน Wistaston ใกล้กับเมือง Crewe มณฑล Cheshire และได้พบกับวิดีโอและภาพอนาจารของเยาวชนรวมแล้วกว่า 26 รายการ Andrew กำลังเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา เขาถูกยึดของกลางและถูกตัดสินให้จำคุก 2 ปี 8…
-
นวัตกรรมโต๊ะคอมพ์สำหรับเกมเมอร์ขี้เกียจ จะนั่งเล่นหรือนอนเล่นก็ได้ แหม่ ~ สบายดีจัง
โต๊ะคอมพิวเตอร์นั้นเป็นอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่สำคัญ สำหรับการออกศึกเล่นเกมในสมรภูมิต่างๆ หากโต๊ะนั้นไม่สามารถที่จะตอบโจทย์การใช้งานของเราได้ ก็อาจจะทำให้การเล่นเกมของเรานั้นหมดสนุกไปเลยล่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการหาชุดโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่สามารถตอบโจทย์การพักผ่อนหลังจากเล่นเกมเสร็จในแต่ละแมตช์ วันนี้ #เหมียวปั๊ก ขอนำเสนอ “โต๊ะคอมพิวเตอร์สำหรับเกมเมอร์ขี้เกียจ” ที่จะทำให้การเล่นเกมของเพื่อนๆ ทุกคนอุดมไปด้วยความสะดวกสบาย ~ พบกับชุดโต๊ะที่จะพาเหล่าเกมเมอร์พักผ่อนได้อย่างสะดวกสบาย Bauhutte บริษัทญี่ปุ่นได้ผุดไอเดียสุดแจ่มขึ้นมา โดยทำการผลิตโต๊ะตัวนี้เพื่อตอบสนองต่อเกมเมอร์ที่ต้องการความสะดวกสบายขั้นสูงสุด บางส่วนของเจ้าโต๊ะตัวนี้สามารถที่จะพับเก็บได้ นอกจากเสายึดหน้าจอที่โค้งรับกับการเอนของเก้าอี้แล้ว ยังมีส่วนเพิ่มเติมคือเบาะพักเท้าที่ยื่นออกมาอีกด้วย สัดส่วนที่เหมาะสม สร้างความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งาน . สนนราคาของโต๊ะตัวนี้ซึ่งรวมกับเจ้าเก้าอี้เข้าไปแล้ว ก็จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 58,000 บาท โดยชุดเฟอร์นิเจอร์ที่จะได้รับประกอบไปด้วย เสายึดจอภาพ โต๊ะ เก้าอี้นั่งเล่นเกม เก้าอี้เบาะรองเท้า และผ้าคลุมเก้าอี้ ถึงแม้จะมีราคาที่สูง แต่เจ้าเก้าอี้จาก Bauhutte นี้ก็สามารถที่จะตอบสนองต่อการพักผ่อนของเกมเมอร์ได้อย่างดีเยี่ยม จะเอนตัวก็ยังคงสามารถเห็นหน้าจอได้ ไม่ว่าอิริยาบถไหนก็สบายตัว จะนั่งหรือนอนก็แจ่มแมวสุดๆ ไปเลย ~ สำหรับใครที่สนใจอยากจะสั่งซื้อเจ้า “โต๊ะคอมพิวเตอร์สำหรับเกมเมอร์สายขี้เกียจ” ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดผ่านทางเว็บไซต์ของ Bauhutte ได้เลยจ้า!! …
-
คุณแม่นักวิ่งตั้งท้อง 5 เดือน ร่วมแข่งวิ่ง 800 เมตร แม้จะไม่ชนะ แต่ก็ได้ใจคนดูไปเต็มๆ
ปกติผู้หญิงตั้งครรภ์มักจะเคลื่อนไหวได้เชื่องช้า เนื่องจากสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป และต้องคอยระวังไม่ได้ลูกในท้องได้รับการกระทบกระเทือนด้วย แต่ Alysia Montano วัย 31 ปี นักวิ่งชาวอเมริกัน ที่กำลังท้องได้ 5 เดือน กลับฉีกกฎเหล่านั้นด้วยการเข้าร่วมวิ่งแข่งระยะทาง 800 เมตร แม้ว่าจะไม่สามารถคว้าชัยชนะมาได้ แต่ก็สร้างความประทับใจให้คนดูไม่น้อยเลยทีเดียว Montano มีกำหนดคลอดในเดือนพฤศจิกายน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ทำสถิติวิ่ง 800 เมตร ภายในเวลา 2 นาที 21.40 วินาที ซึ่งห่างจากผู้ชนะเพียง 19 วินาทีเท่านั้น นี่ไม่ใช่ครั้งที่เธออุ้มลูกในท้องมาวิ่ง ย้อนกลับไปในปี 2014 Montano ก็ได้เข้าร่วมแข่งวิ่ง ทั้งที่ตอนนั้นเธอตั้งท้องได้ 34 สัปดาห์แล้ว และเข้าเส้นชัยช้ากว่าปีล่าสุดไป 11 วินาที เธอบอกว่า “ฉันรู้สึกดีที่มีคนมากมายชื่นชมหลังเห็นฉันวิ่งพร้อมลูกในท้องค่ะ และอยากบอกทุกคนว่านี่ไม่ใช่การทำร้ายลูกในครรภ์นะคะ เพราะฉันรู้ว่าควรออกแรงแค่ไหน และวิ่งแบบไหนถึงจะปลอดภัยกับลูกในท้องด้วย” เธอยังบอกอีกว่าจะเข้าร่วมวิ่งต่อไปเรื่อยๆ เพราะมันเหมือนการออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์ และจะทำเท่าที่ทำได้ แม้ว่าจะไม่ชนะการแข่งขันก็ตาม …
-
เด็กชายถูกพ่อทิ้งจึง ‘เขียนการ์ดวันพ่อ’ มอบให้พี่ชายคนโต เพื่อขอบคุณที่ทำหน้าที่แทนพ่อ
วันพ่อเป็นวันที่ลูกๆ จะจัดงานฉลองเพื่อตอบแทนและขอบคุณพ่อที่ทำงานหนักเพื่อครอบครัว แต่น่าเศร้าที่บางครอบครัวไม่มีพ่อให้ตอบแทนแล้ว เหมือนกับเด็กชาย Jackson Lanphere กับพี่ๆ อีก 2 คนที่ถูกพ่อทิ้งไปเมื่อปีที่ผ่านมา ดังนั้นวันพ่อปีนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้แสดงความรักต่อพ่อเหมือนปีที่ผ่านๆ มา สามพี่น้องตระกูล Lanphere แม้ว่าพ่อจะไม่อยู่กับพวกเขาแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญเพราะพวกเขายังคงดูแลกันเสมอ โดยเฉพาะ Ethan พี่ชายคนโตที่ทำหน้าที่ดูแลน้องๆ แทนพ่อ เขาบอกว่า “พ่อทิ้งเราไปเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้วครับ แต่แทนที่เราจะเสียใจ เรากลับรู้สึกขอบคุณเขา ที่ทำให้ผมกับน้องและแม่ดูแลกันเองอย่างมีความสุข โดยไม่รู้สึกขาดอะไรไปเลยครับ” มันอาจจะเป็นเรื่องที่ Ethan เข้าใจและปรับตัวได้ เพราะเขาโตพอที่จะคิดเองได้แล้ว แต่สำหรับ Jackson วัย 9 ขวบ น้องเล็กสุดของบ้าน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ดังนั้นเมื่อถึงวันพ่อที่โรงเรียนของ Jackson ก็ให้เด็กทำการ์ดวันพ่อเหมือนเช่นทุกปี ซึ่งเด็กชายก็ทำอย่างตั้งใจแม้จะรู้ว่าไม่มีโอกาสมอบการ์ดนี้ให้พ่อแล้วก็ตาม แต่แทนที่เด็กชายจะเขียนถึงพ่อ เขากลับเขียนเป็นชื่อของ Ethan พี่ชายคนโตที่กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย Cornell University แทน การ์ดวันพ่อที่น้องชายตั้งใจเขียนมอบให้กับพี่ชายคนโต ใจความข้างในนั้น เป็นสิ่งที่น้องอยากจะขอบคุณพี่ชายที่ทำหน้าที่แทนพ่อ …
-
5 เพื่อนซี้นัดถ่ายรูปหมู่ ‘ที่เดิมและท่าเดิม’ ทุกๆ 5 ปี มิตรภาพที่เหนียวแน่นจนอายุ 53 กันแล้ว!!
การนัดเจอเพื่อนๆ เป็นเรื่องที่ง่ายมากในวัยเด็ก แต่ยิ่งโตขึ้นยิ่งเจอกันยากขึ้น โดยเฉพาะการนัดเจอกันเป็นกลุ่มเป็นแก๊ง โอกาสที่จะกลับมาเจอพร้อมหน้ากันทุกคนนั้นเป็นได้ยากมาก เพราะทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ต่อให้แม้จะยุ่งยากมากสักแค่ไหน กลุ่มเพื่อนซี้ทั้ง 5 คนนี้ก็พยายามจะมาเจอกันให้ได้ อย่างน้อยปีละครั้ง จนตอนนี้ก็ย่างเข้าสู่ปีที่ 35 แล้วสำหรับมิตรภาพของพวกเขา รูปถ่ายหมู่ใบแรก ในปี 1982 ตอนทุกคนอายุเพียง 19 ปี กลุ่มเพื่อน 5 คนนี้ประกอบไปด้วย John Wardlaw, Mark Rumer, Dallas Burney, John Molony และ John Dickson พวกเขาพบกันครั้งแรกตอนเรียนที่โรงเรียน Santa Barbara High School รัฐแคลิฟอร์เนีย ในช่วงปี 1970 จนกระทั่งปี 1982 เป็นครั้งแรกที่พวกเขามีโอกาสถ่ายรูปหมู่ในทะเลสาบ Copco Lake ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียใกล้ๆ กับเขตของออริกอน รูปหมู่ในปี 1987 ตอนนี้ทั้ง 5 คนอายุ…
-
ในวาระครบรอบ 20 ปี ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์’ เรามาดูกันว่าพ่อมดน้อยให้อะไรกับโลกใบนี้บ้าง!!?
หลายคนคงรู้สึกได้ว่าเหมือนพึ่งส่งแฮร์รี่ พอตเตอร์ขึ้นรถไฟไปฮอกวอตส์เป็นครั้งแรกเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่ใครจะเชื่อว่าระยะเวลาของการมีตัวตนอยู่ของพ่อมดน้อยคนนี้ก็ปาเข้าไป 20 ปีแล้ว อู้วววววว มันผ่านมาเยอะแล้วนะ!! วันที่ 26 มิถุนายน 1997 คือวันที่แฮร์รี่ พอตเตอร์ถูกตีพิมพ์ออกมาสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก แต่จริงๆ แล้วปี 1995 คือปีที่แฮร์รี่ พอตเตอร์ถือกำเนิดขึ้นโดย J.K Rowling ทว่ากว่าจะถูกตีพิมพ์ออกมาได้เธอก็ถูกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์มาหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งสำนักพิมพ์ Bloomsbury ตัดสินใจที่จะเป็นผู้รับพิมพ์โดยที่พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่า นิยายที่เขารับไปจะกลายเป็นหนังสือที่ขายดีถึง 450 ล้านเล่ม และมีการตีพิมพ์ใหม่นับครั้งไม่ถ้วน ที่สำคัญยังมีภาคใหม่คลอดออกมาอีกเป็นขบวนและต่อยอดได้อีกเพียบ!! และด้วยการมาของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็ถือเป็นการปฏิวัติวงการเลยก็ว่าได้ เพราะมันได้เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปในทางที่ดียิ่งขึ้น พร้อมกับสร้างแรงบันดาลใจต่างๆ มากมาย ฉะนั้นเราลองมาดูกันดีกว่า 20 ปี แฮร์รี่ พอตเตอร์ได้เปลี่ยนอะไรให้กับโลกใบนี้บ้าง!! เปลี่ยนให้คนจำนวนมาก กลายเป็นนักอ่าน!! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์คือนิยายเล่มแรกที่หลายคนหันมาอ่าน จนเกิดเป็นนิสัยชอบอ่านนิยายจนลุกลามไปยังเรื่องอื่นๆ บางคนที่อ่านอยู่ อาจจะเริ่มจากเรื่องนี้เหมือนก็ได้จริงไหม? เปลี่ยนให้หลายคน กลายมาเป็นนักเขียน เช่นเดียวกับการเปลี่ยนให้หลายคนเป็นนักอ่าน แฮร์รี่ พอตเตอร์ก็ทำให้นักอ่านหลายคนก็เริ่มหันมาอยากเขียนนิยายของตัวเองบ้าง จนบางคนตอนนี้อาจจะมีชื่อเสียงไปแล้วก็ได้ ทำให้รถไฟไอน้ำกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง…
-
หนุ่มฝรั่งเศสถ่ายทอดความน่ากลัวของ ‘โรงแรมผี’ ณ เกาะบาหลี ที่ถูกธรรมชาติทวงคืน…
เกาะบาหลี หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน และแน่นอนเมื่อขึ้นชื่อว่าเกาะแห่งการท่องเที่ยว ก็ย่อมที่จะมีการลงทุนต่างๆ มากมาย หนึ่งในนั้นก็คงหนีไม่พ้นการลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างโรงแรมหรือห้องพัก ช่างภาพชาวฝรั่งเศสคุณ Romain Veillon ผู้ที่เคยไปเยื่อนสถานที่รกร้างมากมายทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น เมืองผีที่ประเทศนามิเบีย หรือซากอารยธรรมของโซเวียตในประเทศบัลแกเรีย ซึ่งล่าสุดนี้เขาก็ได้ฝากผลงานชุดใหม่ที่เต็มไปด้วยความหลอน ด้วยการเข้าไปถ่ายภาพของโรงแรมร้างแห่งหนึ่งบนเกาะบาหลี ชายหนุ่มได้ใช้เทคนิคการถ่ายภาพของเขาในการรวบรวมภาพของโรงแรมร้างแห่งหนึ่งบนเกาะบาหลี ไว้ในชุดภาพถ่าย โดยใช้ชื่อว่า “The Ghost Hotel” ซึ่งผลงานชุดดังกล่าวให้อารมณ์ความรู้สึกน่ากลัวได้ดีเลยทีเดียว และนี่คือผลงานของช่างภาพหนุ่มผู้นี้ที่เรานำมาฝากกัน โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะบาหลี ใกล้ๆ กับหมู่บ้าน Bedugul ห่างจากเมือง Denpasar ประมาณ 40 กิโลเมตร ประวัติความเป็นมาของโรงแรมแห่งนี้ไม่มีใครทราบได้แน่ชัด ช่างภาพหนุ่มของเราได้ข้อมูลเพียงเล็กน้อยจากคำบอกเล่าของชาวบ้านเท่านั้น “ที่แห่งนี้มีเรื่องราวลึกลับมากมาย ทั้งการก่อสร้างโดยเจ้าของคนก่อนและตำนานแปลกๆ ของที่นี่” คุณ Veillon กล่าว หนึ่งในตำนานลึกลับของที่นี่ก็คือ มักจะมีผู้พบเห็นวิญญาณหรือผีในโรงแรมแห่งนี้ จากข้อมูลที่ได้มา ช่างภาพหนุ่มกล่าวว่า ที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในโครงการลงทุนของ Tommy Suharto ลูกชายคนสุดท้องของอดีตประธานาธิปดีอินโดนีเซีย แต่หลังจากที่ Suharto ถูกจำคุก 15 ปีในคดีพัวพันกับการฆ่าผู้พิากษาที่ฟ้องร้องเขาเรื่องการทุจริต เมื่อช่วงปี 2000 ที่นี่ก็ถูกทิ้งร้างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา…
-
เอาเข้าไป… เมื่อหมอหนุ่มสุดหล่อประกาศหาที่พัก สาวๆ เข้ามาเสนอเพียบ ให้อยู่ฟรีเลยค่ะ!?
เดี๋ยวนี้ทรัพยากรผู้ชายมีน้อยกว่าผู้หญิง และที่มีอยู่นี่ก็กินกันเองไปเกือบครั้งแล้ว ดังนั้นผู้หญิงจะมัวมานั่งเล่นตัว เขินอายแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว มีโอกาสเมื่อไรต้องรีบคว้าให้เร็วที่สุด แหม่จริงๆ ไม่ต้องบอกผู้หญิงเดี๋ยวนี้ก็ทำแบบนั้นอยู่แล้วนะ ดูอย่างเหตุการณ์นี้สิ เมื่อคุณหมอสุดหล่อประกาศหาที่พักผ่านเฟสบุ๊ก บรรดาผู้หญิงต่างเข้ามาเสนอที่พักกันแบบรัวๆ แถมไม่คิดราคาด้วย!? Rehan Munir วัย 26 ปี ผู้เป็นทั้งหมอและนายแบบ เขาได้เวียนไปประจำอยู่ที่โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อหาประสบการณ์การทำงาน ล่าสุดคุณหมอกำลังจะไปประจำอยู่ที่โรงพยาบาล Mount Sinai Heart ในนิวยอร์กซิตี้ แต่ยังไม่รู้จะไปพักที่ไหนก็เลยประกาศหาที่พักผ่านเฟสบุ๊ก เพื่อขอคำแนะนำจากชาวเน็ต ในโพสต์ของคุณหมอบอกว่า ‘สวัสดีครับ ผมชื่อ Rehan กำลังหาที่พักแถวๆ Upper East Side, Upper West Side หรือ Midtown Manhattan และกำลังจะย้ายเข้าไปในช่วงวันที่ 20 กรกฎาคม และจะอยู่จนถึงวันที่ 30 สิงหาคม ‘ข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับตัวผมเอง ผมเป็นหมออายุ 26 ปี และกำลังจะไปประจำอยู่ที่ Mount Sinai…
-
แม่จ่อฟ้องทางโรงเรียน หลังบังคับลูกชายให้ล้างหม้อร่วมสัปดาห์ เพื่อเป็นการลงโทษ!?
จำได้ว่าสมัยเรียนเวลาทำผิดก็จะถูกครูลงโทษ แต่ไม่ได้ทำโทษแค่ตีด้วยไม้เรียวเท่านั้น ยังมีวิธีอื่นเช่น ไปวิ่งรอบสนาม ไปเก็บขยะ ไปล้างห้องน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อให้เราจำและไม่ทำผิดอีก แต่ไม่รู้ว่านักเรียนสมัยนี้มีความแตกต่างจากสมัยของเรามากแค่ไหน ล่าสุดคุณแม่ท่านหนึ่งได้ทำการฟ้องทางโรงเรียน หลังคุณครูลงโทษลูกชายของเธอ ด้วยการบังคับให้ล้างหม้อเป็นเวลานานหลายสัปดาห์!? เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ Rahys Wajid นักเรียนวัย 12 ปี จากโรงเรียน Bluecoat Beechdale Academy กลับมาฟ้องคุณแม่ Aqueelah Khursheed วัย 33 ปี ว่าคุณครูบังคับให้เขาขัดหม้อมาหลายสัปดาห์ เพื่อเป็นการลงโทษที่เขาทำความผิด สร้างความโกรธให้กับผู้เป็นแม่อย่างมาก สำหรับความผิดของ Rahys นั้น ทางครูเผยว่าเขามักจะโดดเรียน เวลาเรียนก็ไม่ตั้งใจ แต่งตัวไม่เรียบร้อย และลืมนำกล่องดินสอมาเรียนด้วยหลายต่อหลายครั้งมาก แต่ไม่ว่าลูกชายจะถูกลงโทษด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ทางคุณแม่ Aqueelah รู้สึกรับไม่ได้ และเตรียมฟ้องทางโรงเรียนในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชน คุณแม่บอกว่า “ลูกของฉันไม่ใช่ทาส Rahys เริ่มเข้าโรงเรียนนี้ตอนเดือนกันยายน มันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับการปรับตัวในช่วงแรก แต่เขาก็มีเพื่อนและอยู่ร่วมกับทุกคนได้ดี” เธอยังบอกอีกว่า “ทุกครั้งที่ Rahys ทำผิดเพียงเล็กน้อย…
-
ของเล่นสุดอันตราย ‘หน้าไม้ไม้จิ้มฟัน’ แพร่ระบาดหนัก สร้างความหนักใจให้พ่อแม่ชาวจีน!!
ของเล่นในปัจจุบันที่โด่งดังก็คงไม่พ้นเจ้า “Fidget Spinner” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อบำบัดอาการของคนสมาธิสั้น แต่ในภายหลังมันก็กลายเป็นของเล่นสุดฮิตของคนทั่วทั้งโลกไปแล้ว แต่เมื่อไม่นานมานี้นอกจากความโด่งดังของเจ้า Fidget Spinner แล้ว ดูเหมือนว่าของเล่นอย่าง ‘หน้าไม้ไม้จิ้มฟัน’ ก็โด่งดังไม่แพ้กันภายในประเทศจีน หน้าไม้ไม้จิ้มฟัน ที่โด่งดังไม่แพ้ Fidget Spinner จากกระแสความนิยมนี้ก็สร้างความกังวลใจให้กับพ่อแม่ชาวจีนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากความอันตรายที่แอบแฝงมาในความสนุกเหล่านั้นด้วย เจ้าหน้าไม้ไม้จิ้มฟันนี้มีความรุนแรงมาก ถึงกับขนาดที่ว่าสามารถยิงทะลุกระดาษแข็ง แอปเปิ้ล หรือแม้แต่กระป๋องโซดาได้เลย แล้วลองนึกภาพเจ้าหน้าไม้นี้ยิงไม้จิ้มฟันใส่ผู้คนดูบ้าง มันจะสามารถทำร้ายผู้คนได้มากขนาดไหน!! แก้วน้ำธรรมดาๆ ก็ยังถูกยิงทะลุได้ แอปเปิ้ลก็เช่นกัน หรือแม้แต่กระป๋องน้ำอัดลมก็ยังไม่เหลือ ของเล่นชิ้นนี้เป็นที่ชื่นชอบและฮิตในเหล่านักเรียนจีนเป็นจำนวนมาก เด็กๆ สามารถที่จะหาหน้าไม้นี้ได้ทั้งจากร้านค้าแถวโรงเรียนและร้านค้าออนไลน์ด้วยราคาเพียง 50 บาทเท่านั้น หน้าไม้ที่ขายพร้อมกับกระสุนไม้จิ้มฟัน เมืองต่างๆ ในประเทศจีนไม่ว่าจะเป็นเฉิงตู คุนหมิงและฮาร์บินได้ทำการสั่งห้ามจำหน่ายของเล่นชิ้นนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ตำรวจของเมืองฉงชิ่ง หนิงปัวและหูหนานก็ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับของเล่นชิ้นนี้แล้ว ถึงแม้จะดูสนุก แต่เจ้าของเล่นนี้ก็เป็นอันตรายได้อย่างมาก หากเรายิงไปที่ดวงตา ก็อาจจะทำให้ตาบอดได้เลยนะ ที่มา: shanghaiist
-
ชาวเมืองเทใจร่วมโหวตให้ “หมา” ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน!!
การเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยที่ประชาชนมีสิทธิในการเลือกผู้นำของตนได้อย่างเสรีตามกรอบที่ได้วางไว้ ถึงจะสามารถขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำได้ บางที่ก็อาจจะไม่มีการเลือกตั้งเลย ลัดเข้าสู่การแต่งตั้งมอบตำแหน่งให้ตัวเองก็ยังมี แต่สำหรับนายกเทศมนตรีเมือง Rabbit Hash ในรัฐ Kentucky ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น สามารถที่จะชนะใจคนมาได้ถึง 4 สมัยแล้ว!! Brynneth Pawltro เจ้าหมานายกเทศมนตรีแห่งเมือง Rabbit Hash Brynneth Pawltro เจ้าสุนัขสุดน่ารักตัวนี้ (เดี๋ยวนะ!?) สามารถที่จะเอาชนะใจชาวเมือง และได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองมากว่า 4 สมัยแล้ว ขอบคุณทุกเสียงโหวตนะคะ >.< เจ้า Brynneth นั้นสามารถที่จะชนะผู้ลงสมัครตัวอื่นๆ อันได้แก่ ไก่ ลาและเด็ก ได้อย่างโปร่งใส และดูเหมือนว่าชาวเมืองก็จะมีความสุขมากกับผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วย ถึงแม้ว่านี่จะเป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมเมืองในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีแบบปลอมๆ แต่มันก็สามารถที่จะสร้างเสียงหัวเราะและความฮือฮาให้แก่ชาวเมืองได้เป็นอย่างมาก เธอกำลังเดินตรวจตราทั่วเมือง ธรรมเนียมการเลือกตั้งนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 1990 สำหรับใครที่ต้องการจะร่วมโหวตนั้น ก็สามารถทำได้เพียงแค่บริจาคเงิน 1 ดอลลาร์หรือ 30 บาท สามารถโหวตได้ 1 เสียง และหากต้องการที่จะโหวตอีกก็จ่ายเพิ่ม 30 บาทไปเรื่อยๆ เงินที่ได้จากการบริจาคทั้งหมดนี้จะนำไปเป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาเมืองต่อไปในอนาคต ซึ่งธรรมเนียมนี้สามารถที่จะช่วยชาวเมืองซ่อมแซมหรือพัฒนาส่วนต่างๆ…
-
คู่รักนักเดินทางวัย 26 ปี ออกเดินทางทำตามฝัน เริ่มเที่ยวรอบโลกด้วยรถแวนคันน้อย!!
ทุกวันนี้กระแสการออกไปท่องเที่ยวนั้นดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากการที่เราได้เห็นหลายๆ คนที่ผันตัวกลายมาเป็นนักเดินทางพร้อมกับรีวิวที่เที่ยวแบบชิคๆ คูลๆ ผ่านหน้าฟีดเฟซบุ๊คหรืออินสตราแกรม และคู่รักสองคนที่เราจะพาไปรู้จักวันนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่การเที่ยวของพวกเขานั้นดูจะไม่ค่อยเหมือนกับนักเดินทางในโลกอินเตอร์เน็ตสักเท่าไหร่ เพราะพวกเขาเลือกที่จะท่องเที่ยวไปกับรถแวนคันเก่าเพื่อชมความสวยงามของสถานที่ต่างๆ Sabrina และ Jimmy Horel สองคู่รักวัย 26 ปี จากเมือง Montclair รัฐแคลิฟอร์เนีย และแคว้น Brittany ประเทศฝรั่งเศส ได้อาศัยอยู่ในรถโฟล์คสวาเกนสุดคลาสสิคมาเป็นเวลามากกว่าหนึ่งปีแล้ว Sabrina เล่าถึงประสบการณ์เดินทางของพวกเขาว่า “ระหว่างการเดินทางเราผ่านเรื่องดีๆ และเรื่องแย่ๆ มาด้วยกันมากมาย แน่นอนว่าการเที่ยวด้วยรถตู้แบบนี้อาจมีข้อจำกัดในเรื่องของความสะดวกสบาย แต่มันกลับให้อิสระในการท่องเที่ยวได้มากกว่า” ถึงแม้ว่าจะเจอกับอุปสรรค์มากมายระหว่างการเดินทางไม่ว่าจะเป็นการถูกตำรวจมาเคาะที่ประตูเพื่อไล่ การรบกวนจากแมลงและยุงต่างๆ อากาศภายในรถที่ร้อนอบอ้าว หรืออาการงอแงของเจ้ารถตู้ แต่มันก็คุ้มค่ากับความสวยงามและความน่าทึ่งของสถานที่ท่องเที่ยว พวกเขาเหมือนชนเผ่าเร่ร่อนในยุคใหม่ ในทุกๆ วันทั้งคู่จะได้พบเจอกับวิวที่แตกต่างกันออกไป Sabrina และ Jimmy มีความสุขในการดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลสาบ Peyto ในแคนาดา และการได้นอนดูดาวที่ลานเกลือ Bonneville ในรัฐยูทาห์ ภาพของสิ่งรอบๆ ตัวนั้นเปลี่ยนไปทุกๆ วัน . ทั้งสองเดินทางด้วยเจ้ารถแวนคันเล็กมาแล้วกว่า 4,800 กิโลเมตร ทั้งสองพบกันในบาร์แห่งหนึ่งที่แคลิฟอร์เนีย ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานด้วยกัน จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มทำงานและเก็บเงินเพื่อทำตามความฝัน หลังจากที่ทำงานได้ซักพักและเริ่มมีเงินเก็บมากพอสมควรแล้ว Sabrina และ Jimmy จึงลาออกจากงานและเริ่มต้นการเดินทาง …
-
คุณยายวัย 65 กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ด้วยการผ่าตัดที่ใช้ส่วนของ “ฟัน” ของเธอเอง!?
การมองเห็นถือเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา มีคนจำนวนมากที่ต้องทนทุกข์กับสายตาที่บอดจากกรณีต่างๆ โดยคุณยายวัย 65 คนนี้เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น Honor Davis วัย 65 ปี จากไอร์แลนด์เหนือได้สูญเสียการมองเห็นไปตั้งแต่อายุ 26 ปีเนื่องจากโรคทางสายตาที่หายากของเธอ Honor Davis ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก กว่า 40 ปีที่เธอต้องทนทุกข์กันสายตาที่พร่ามัวของเธอ เมื่อไม่นานมานี้ทีมแพทย์ได้ประมวลความเป็นไปได้ที่จะผ่าตัดรักษาเธอโดยใช้ส่วนฟันของเธอมาเป็นเลนส์ตาให้ตัวเธอเอง ซึ่งโรคตาที่เธอเผชิญอยู่นี้คือ Stevens-Johnson Syndrome จะแสดงอาการแผลพุพองตามผิวหนังรวมไปถึงลดความสามารถในการมองเห็นด้วย คุณหมอ Christopher Liu ผู้นำทีมผ่าตัด ด้วยความสามารถของทีมแพทย์ ทำให้พวกเขาสามารถที่จะรักษาผลของ Steven-Johnson Syndrome ที่เกิดบนดวงตาของเธอได้โดยการปลูกถ่ายเลนส์ใสจากฟันของเธอ โดยขั้นตอนการรักษาดังกล่าวเรียกว่า Osteo-Odonto-Keratoprosthesis เลนส์นั้นจะถูกใส่เข้าไปในดวงตาผ่านทางรูที่ทีมแพทย์ได้เจาะไว้ ตราบใดที่จอประสาทตาของเธอยังคงใช้งานได้นั้น เธอก็ยังสามารถที่จะมองเห็นผ่านเลนส์ตาใหม่ที่ได้จากแผ่นเลนส์ใสที่ทำมาจากฟันของเธอ เธอพยายามมองลูกสาวของเธอหลังจากการผ่าตัดครั้งแรก แต่นี่ไม่ใช่วิธีการผ่าตัดธรรมดาทั่วไปนะ เพราะการผ่าตัดแบบนี้สามารถรักษาผู้ที่ตาบอดได้บางประเภทเท่านั้น โดยศาสตราจารย์ Christopher Liu และทีมงานของเขาที่โรงพยาบาล Sussex Eye Hospital ในเมืองไบรตันเป็นหนึ่งทีมรักษาเพียงไม่กี่ทีมจากทั่วโลก ที่สามารถทำการรักษาเช่นนี้ได้ …
-
ถึงบางอ้อ!! เผยเบื้องหลังการถ่ายโฆษณาสินค้าต่างๆ ด้วยเทคนิค Visual Engineering
ในโลกของการถ่ายทำโฆษณานั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบในการทำถ่ายเช่นกัน อย่าง Computer Graphic ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก แต่สำหรับ Visual Engineering ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน Visual Engineering เป็นเทคนิคการนำวิศวกรรมประยุกต์ทางด้านหุ่นยนต์ไฮบริดมาใช้กับการถ่ายภาพเพื่อให้ได้ภาพวิดิโอหรือภาพถ่ายที่มีความแตกต่างและน่าสนใจ ขั้นตอนและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำ Visual Engineering การใช้เทคนิคนี้เข้ามาถ่ายทำโฆษณาทำให้เราได้ภาพที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ และเมื่อเรานำคอมพิวเตอร์และเจ้าหุ่นยนต์มาผสมผสานกัน ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นเป็นสิ่งที่คูลมากๆ เลย ~ อุปกรณ์ที่แปลกตาเหมือนอยู่ในห้องทดลอง . ด้วยเทคนิคนี้ทำให้เรามีวิธีที่หลากหลายที่จะถ่ายทำให้ตัวสินค้าเกิดความโดดเด่นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการสาด หมุน ระเบิด กระโจน ปั่น และอื่นๆ อีกมากมาย ก็สามารถทำได้ รองเท้ากันน้ำ เบื้องหลังใครจะไปรู้ว่านี่เป็นการสาดน้ำจริงๆ การทำงานในฐานะช่างภาพหรือช่างถ่ายทำภาพยนตร์ทำให้ศิลปินต้องพยายามปรับตัวเข้าทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็วใจปัจจุบัน การที่เราปฏิเสธเทคโนโลยีจะส่งผลให้งานที่ถ่ายออกมานั้นมีความล้าสมัยและไม่น่าสนใจ ความสามารถในการปรับตัวให้ทันเทคโนโลยีการถ่ายทำแบบนี้นอกจากจะทำให้ภาพถ่ายหรือวิดิโอออกมามีความโดดเด่นแล้ว ยังสามารถที่จะตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ดีเลยทีเดียว ดูผงโกโก้ที่ทรงพลังนี่สิ! เบื้องหลังการถ่ายทำโฆษณารองเท้า เบื้องหลังการถ่ายทำโฆษณาขนมหวาน เบื้องหลังการถ่ายทำโฆษณาแฮมเบอเกอร์ พบกับเทคนิคการถ่ายทำแบบ Visual…
-
รวมภาพแนว “ดาร์กไซด์” จากเว็บขายภาพออนไลน์ ความเหวอสไตล์เว็บขายภาพสต็อก…
ในสมัยนี้ การจะสร้างรายได้จากภาพถ่ายดูจะไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะมีเว็บหลายแห่งเช่น iStock, Shutter Stock หรือ Getty Image เปิดโอกาสให้คุณนำภาพถ่ายไปประกาศขายลงบนเว็บไซต์ได้ ซึ่งคนที่มาซื้อก็จะเป็นเว็บไซต์ที่ทำบทความรูปแบบต่างๆ หรืออาจจะแค่ถูกใจรูปภาพของคุณแล้วอยากซื้อเฉยๆ ก็ได้ ภาพถ่ายส่วนใหญ่ที่จะนำไปประกาศขายจะเป็นภาพในสถานการณ์ต่างๆ ที่หลากหลาย อาจจะเป็นภาพคนทำงาน ภาพพ่อแม่ลูก ภาพคู่รัก ภาพอาหาร ภาพสีหน้าคนแบบต่างๆ แต่เนื่องจากเว็บเปิดโอกาสให้ใครมาประกาศขายภาพก็ได้ มันจึงมีภาพจำนวนไม่น้อยที่แปลกประหลาด ภาพที่ดาร์กไซด์จนเรางงว่าภาพแบบนี้ก็มีขายด้วยเหรอ? เมื่อไม่นานมานี้#เหมียวฟิ้นได้ไปเจอเข้ากับทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @darkstockphotos ซึ่งเป็นทวิตเตอร์ที่รวบรวมเอาภาพดาร์กๆ จากเว็บขายภาพเหล่านี้มาโพสต์ลงในโลกออนไลน์ ทำให้เรายิ่งปวดขมับเข้าไปอีกเมื่อคิดว่า “ใครจะซื้อไปใช้” และ “เอาไปใช้ในสถานการณ์แบบไหนกัน” ทวิตเตอร์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยนักวารสารที่ชื่อว่านาย Andy Kelly เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อออนไลน์ว่า “ผมมักจะเจอกับภาพสต็อกตลกๆ และในขณะที่ผมค้นหาลึกเข้าไปเรื่อยๆ ในเว็บพวกนี้ผมก็สังเกตเห็นว่ามีบางภาพโดดเด่นออกมา บางอันก็ไม่น่าดู แต่บางอันก็ตลก” “ไม่สำคัญว่าวัตถุในภาพจะดูจริงจังแค่ไหน การสร้างสรรค์ภาพที่เหนือจริงและขวานผ่าซากของภาพสต็อกเหล่านี้ก็ดูน่าขบขันอยู่ดี” เนื่องจากนาย Kelly ทำงานที่ต้องคอยค้นหาภาพมาประกอบบทความอยู่เรื่อย คำค้นหาที่เขาใช้บ่อยๆ ก็จะมีคำว่า Death, gun,…
-
เผยโฉมสตาร์บัคส์สาขาเกียวโต ในสไตล์โรงน้ำชาเก่าแก่แห่งแรก นั่งจิบกาแฟบนเสื่อทาทามิ…
เมื่อพูดถึงสตาร์บัคส์แล้วหลายคนอาจคุ้นเคยกันดี แม้ราคาจะค่อนข้างสูงไปหน่อยก็ตามแต่ต้องยอมรับการตกแต่งร้านแบบสมัยใหม่กับบริการของเขานี่มันดีจริงๆ นะ แต่สตาร์บัคส์สาขาใหม่ในเกียวโตได้สร้างบรรยากาศที่แตกต่างออกไป ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงน้ำชาเมื่อ 100 ปีก่อนยังไงยังงั้นเลยแหละ!! อย่างที่รู้กันแล้วว่าเมืองเกียวโตเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมอันหลากหลายของประเทศญี่ปุ่น มีทั้งวัฒนธรรมเก่าแก่และแบบใหม่ที่อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว และด้วยเหตุนี้ร้านกาแฟสตาร์บัคสาขาใหม่ที่เปิดให้บริการให้เมืองเกียวโต ก็ได้ปรับเปลี่ยนบรรยากาศร้านให้เป็นในรูปแบบย้อนยุค ที่ยังคงผสมกับเอกลักษณ์ของร้านเอาไว้ด้วย ตั้งอยู่ที่ย่าน Ninenzaka ในเขต Higashiyama ของเกียวโต ซึ่งจะเปิดบริการในวันที่ 30 มิถุนายน 2017 ที่จะถึงนี้ สตาร์บัคส์สาขาใหม่มีชื่อว่า Ninenzaka Starbucks อยู่ในโรงน้ำชาเก่าแก่ของญี่ปุ่น ที่สร้างขึ้นเมื่อ 100 ปีที่แล้ว แต่ยังอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ เนื่องจากโรงน้ำชาดังกล่าวเป็นอาคารแบบโบราณ ทางทีมงานจึงคงสภาพเดิมไว้ให้มากที่สุดเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงบรรยากาศแบบดั้งเดิม Ninenzaka Starbucks จะมีที่นั่งที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ ให้ลูกค้าได้จิบกาแฟสตาร์บัคส์โดยการนั่งกับพื้น และถือเป็นสตาร์บัคส์แห่งแรกของโลกที่ให้บริการด้วยสไตล์นี้ นอกจากบรรยากาศภายในแล้ว ป้ายหน้าร้านก็ถูกทำให้ดูย้อนยุคด้วย โดยทำจากผืนผ้าดั้งเดิมของญี่ปุ่นแล้วมีโลโก้สตาร์บัคส์สีดำอยู่กลาง สำหรับการเข้าไปใช้บริการนั้น จะมีให้เลือกสองชั้นแต่จุดเด่นอยู่ที่ชั้นสองเพราะจะเป็นที่นั่งแบบนั่งพื้น ปูด้วยเสื่อทาทามิอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว แต่ก่อนที่จะขึ้นไปชั้นสองได้ ลูกค้าต้องสั่งเครื่องดื่มจากชั้นล่างก่อน แล้วอย่าลืมถอดรองเท้าก่อนขึ้นไปด้วยนะ นอกจากเสื่อทาทามิ ยังมีหมอนนุ่มๆ ที่ทำจากผ้าเครปซึ่งเป็นผ้าที่ขึ้นชื่อของเกียวโตด้วย …
-
ศาสตร์จีนโบราณนวดหน้าด้วย “ปังตอ” ผ่อนคลายความเครียด และช่วยปรับสมดุลร่างกาย!?
หลังจากนั่งทำงานมาทั้งวันหรือออกกำลังกายอย่างหนัก หนึ่งสิ่งที่ตามมานั้นก็คืออาการปวดเมื่อยนั่นเอง ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะมีการจัดการที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะใช้บริการการนวด หรือบางคนอาจจะหายามาทา แต่วันนี้เราก็มีอีกหนึ่งวิธีการนวดคลายเส้นแบบแปลกๆ มาฝากกัน ซึ่งนอกจากจะคลายอาการปวดเมื่อยแล้วยังช่วยคลายเส้นลดความเครียดสะสมได้อีกด้วยนะ การนวดที่ว่านี้จะแปลกแค่ไหนไปชมกันเลย… ที่เมื่องไทเป ประเทศไต้หวัน คุณ Hsiao Mei Fang หญิงสาวผู้เปิดร้านนวดสุดแปลกนี้มากว่า 30 ปีแล้ว สิ่งที่ทำให้บริการการนวดของร้านเธอนั้นแตกต่างไปจากที่อื่นนั่นก็คือการใช้มีดในการนวดใบหน้าให้กับลูกค้านั่นเอง การนวดดังกล่าวลูกค้าจะต้องนอนบนเตียงที่ทางร้านเตรียมไว้ และจากนั้นหมอนวดจะนำมีดมากดเป็นจังหวะๆ เพื่อช่วยในการไหลเวียนของเลือดบนใบหน้า โดยมีเพียงผ้าบางๆ กันไว้เท่านั้น นอกจากนี้ทางหมอนวดจะทำการเปล่งเสียงไปด้วยระหว่างการนวด เพื่อเป็นการขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากตัวลูกค้า ค่าบริการเริ่มตั้นนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 1,100 บาท คุณ Hsiao Mei Fang กล่าวว่า “การรักษานี้มีจุดกำเนิดมาจากประเทศจีนเมื่อ 2,500 ปีก่อน แต่เราได้ปรับปรุงใหม่โดยการใช้มีดเข้ามาช่วยในการรักษา มีดทั้งสองตัวที่ถูกใช้ในการนวดเปรียบเหมือนหยินกับหยาง และถูกสั่งทำขึ้นมาพิเศษเพื่อความปลอดภัย เราไม่ได้ใช้มีดทำครัวมาใช้ในการบำบัด” โอโห!! เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งศาสตร์การรักษา ที่แปลกและน่าสนใจเหมือนกันนะเนี่ย ที่มา metro
-
คลาสสิคพอไหม!? ค้นพบรองเท้าหนังที่เก่าแก่สุดในโลก อายุ 5,500 ปี นี่แหละแฟชั่นยุคนั้น
สำหรับใครที่ชื่นชอบในความคลาสสิกของรองเท้าหนังและรู้สึกว่ารองเท้าที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้มันไม่ตรงต่อความต้องการเอาซะเลย วันนี้แคทดั๊มบ์ไดเร็กเลยจัดให้กับรองเท้าหนังที่เก่าแก่ที่สุดในโลก พวกเธอว์จงเสพมันซะ!! รองเท้าหนังที่เก่าแก่ที่สุดในโลกคู่นี้มีชื่อรุ่นว่า The Areni-1 ตัวรองเท้าถูกค้นพบในถ้ำแห่งหนึ่งเมื่อปี 2008 ในประเทศอาร์มีเนีย ซึ่งทางทีมผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอายุอานามของรองเท้าน่าจะมีมากถึง 5,500 ปีเลยทีเดียว ตัวรองเท้าทำมาจากหนังเพียงแผ่นเดียว ส่วนขนาดของรองเท้าจะมีความกว้างอยู่ที่ 2.6 นิ้ว และยาว 9.6 นิ้ว โดย Ron Pinhasi นักสำรวจผู้ค้นพบรองเท้าบอกว่าเขาไม่แน่ใจว่าตัวรองเท้านี้เป็นของผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นของผู้ชายแน่ๆ เพราะขนาดไซส์ปกติของผู้หญิงในสหราชอาณาจักรจะอยู่ที่ 6 นิ้ว ดูหน้าตาและวัสดุกันแบบชัดๆ แต่ตัวรองเท้า The Areni-1 ไม่ได้เป็นรองเท้าที่เก่าแก่ที่สุดหรอกนะ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีการค้นพบรองเท้าที่มีอายุกว่า 10,000 ปีมาแล้วในรัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เนื่องจากทำมาจากคนล่ะวัสดุจึงถูกจัดให้อยู่ในคนละประเภทนั่นเอง การค้นพบในครั้งนี้ทำให้รองเท้าของมนุษย์น้ำแข็ง Ötzi ที่มีอายุ 5,300 ปี ต้องพ่ายแพ้ (ในด้านความเก่าแก่) ให้กับ The Areni-1 ไปเลย ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงแล้วมันมีความเก่าแก่ยิ่งกว่าพีระมิดกีซ่าเลยด้วยซ้ำ เอาเป็นว่า The Areni-1 คงจะถูกใจคนที่ชื่นชอบความคลาสสิกและรองเท้าหนังไม่มากก็น้อย หรือใครสนใจจะดึงไปออกแบบใหม่สร้างแบรนด์ของตัวเองก็ไม่ว่ากัน ที่มา thevintagenews
-
“Rubber Body” เหล่ามนุษย์ยางแปลกๆ เด้งดึ๋งๆ จากญี่ป่น กลับมาอีกครั้งแล้ว!!
เราอาจจะเคยดูคลิปวิดิโออนิเมชั่นเรื่องสั้นมากมายในอดีต ไม่ว่าจะเป็นแนวน่ารักมุ้งมิ้งหรือน่ากลัวชวนหลอนแต่หนึ่งในอนิเมชั่นเรื่องสั้นที่โด่งดังนั่นก็คือ Going to the Store รับบทนำโดยมนุษย์ยางยืดตัวป่วนอย่าง Rubber Man Rubber Man หรือเจ้ามนุษย์ยางยืดตัวป่วนนั้นปรากฎตัวครั้งแรกเมื่อปี 2012 ในคลิปวิดิโอที่มีชื่อว่า Going to the Store สามารถเรียกเสียงฮือฮาจากชาวเน็ตได้เป็นอย่างมาก ด้วยยอดวิวกว่า 27 ล้านวิว เจ้า Rubber Man ใน Going to the Store สวัสดี จำผมได้ไหม อย่างดีด วู้วว ~!! หลังจากความสำเร็จครั้งแรกกับ Going to the Store และ Late For Meeting เหล่ามนุษย์ยางยืดสุดแปลก Rubber Man กลับมาโลดแล่นอีกครั้งหลังจากที่หายหน้าหายตาจากโลกนี้ไปนาน โดยครั้งนี้เขาไม่ได้มาเพียงแค่คนเดียว แต่ได้พาเพื่อนๆ มาเรียกเสียงฮือฮาเป็นหมู่คณะ โดย…
-
ลูกชายหายตัวไป ตำรวจหายังไงก็ไม่เจอ จนเฮลิคอปเตอร์ทำข่าวมาพบ ไปแอบบนหลังคาบ้าน..!!
บางทีอารมณ์และความเอาแต่ใจแบบวัยเด็กก็อาจจะทำให้ลูกคิดทำอะไรแปลกๆ เพื่อประชดพ่อแม่อย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ก็เป็นได้ โดยเว็บไซต์ Mirror ได้รายงานเรื่องราวของครอบครัว Rayburn เมื่อพวกเขาพบว่าลูกชายวัย 11 ปี หายตัวหนีออกจากบ้านไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยความเป็นห่วงผู้ปกครองจึงโทรแจ้งตำรวจ และเรื่องราววุ่นๆ ก็ได้เกิดขึ้น… Angel Gort ลูกชายวัย 11 ปี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และการตามหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เริ่มต้น ตำรวจเกือบทั้งเมือง Hialeah แห่งรัฐฟลอริดา ได้ระดมกำลังสุนัขดมกลิ่นออกตามหาทั่วทั้งบ้านและบริเวณใกล้เคียง เพราะเกรงว่าอาจเป็นคดีการลักพาตัว แต่ทุกอย่างก็ถึงบางอ้อ… เมื่อเฮลิคอปเตอร์ของสำนักข่าวที่บินผ่านมารายงานการหายตัวไปของเด็กชาย ก็ได้เจอกับภาพอย่างที่เราเห็นกันอยู่นี้ จากสถานการณ์ซีเรียสตึงเครียดก็กลายเป็นเรื่องก่อนบ่ายคลายเครียดไปในทันที หลังจากค้นพบเด็กหนุ่มไปแอบอยู่บนหลังคาบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวจึงช่วยกันกล่อมเด็กหนุ่มให้ลงมาจากหลังคา เมื่อนักข่าวไปสัมภาษณ์ Angel Gort ถึงสาเหตุที่หนีขึ้นไปหลบอยู่บนหลังคา เด็กหนุ่มได้ให้เหตุผลว่า “ก็แม่ผมอ่ะ… ชอบทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจ ผมก็ไม่ได้อยากจะสร้างปัญหาซักหน่อย ผมไม่ได้อยากจะให้น้าตำรวจมาเสียเวลาด้วย!!” หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายลง คุณแม่ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุของการทะเลาะกันแบบแม่ลูกในครั้งนี้ “เรื่องของเรื่องคือลูกชายไม่อยากไปเข้าค่ายตอนซัมเมอร์กับเพื่อนๆ เพราะเค้ามีปัญหาสมาธิสั้น แต่ตอนนั้นดิฉันอยากให้เค้าได้มีช่วงเวลาสนุกกับเพื่อนๆ แบบประสาเด็กๆ บ้างก็เท่านั้นเองค่ะ” “นอนเล่นอยู่ดีๆ…
-
รถขนน้ำมัน 40,000 ลิตรพลิกคว่ำ ผู้คนนับร้อยรุมไปตักมาใช้ สุดท้ายระเบิดไฟคลอกตาย 123 ศพ!!
เรื่องของรถบรรทุกสิ่งของแล้วประสบอุบัติเหตุ จนกระทั่งมีผู้คนไปรุมล้อมเอาของเหล่านั้นมาเป็นของตนเอง ไม่ได้มีแต่ที่ประเทศแถวๆ นี้อย่างเดียว แต่ในต่างประเทศก็เกิดด้วยเช่นกัน เราอาจจะเคยเห็นการขโมยปลา ผลไม้ หรืออาหารต่างๆ มาบ้างแล้ว แต่คราวนี้มันเกิดขึ้นกับรถขนน้ำมัน และกลายเป็นเหตุสลดที่เตือนใจเราได้อย่างดี รถขนน้ำมันกว่า 40,000 ลิตร เดินทางจากเมือง Karachi ไปยัง Lahore ในประเทศปากีสถาน แต่กลับเกิดอุบัติเหตุเสียหลักพลิกคว่ำเสียก่อน บริเวณเขตเมือง Ahmedpur East ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่าน่าจะเกิดจากยางระเบิด ทำให้รถเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ จนน้ำมันรั่วไหลออกมานองเต็มถนน จึงมีผู้คนนับร้อยรีบวิ่งเข้าไปตักเอาน้ำมันหวังจะได้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของตนเอง Raja Riffat ตำรวจท้องถิ่นเล่าว่า “เมื่อรถคว่ำ คนที่อยู่ใกล้ๆ หมู่บ้าน Ramzanpur Joya ก็กรูเข้าไปล้อมรถขนน้ำมันทันที หลายคนขี่มอเตอร์ไซค์มาเพื่อตักน้ำมันไปให้มากที่สุด” “พวกเขาทำแบบนั้นอยู่ราวๆ 10 นาที ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าประกายไฟเกิดขึ้นได้ยังไง แต่มันก็กลายเป็นระเบิดลูกใหญ่คร่าชีวิตคนที่อยู่ใกล้ๆ จนหมด” ขณะที่ตัวแทนจากรัฐบาล Rana Mohammed Saleem Afzal ก็ได้ออกมารายงานว่ามีผู้คนอย่างน้อย 123 คนที่เสียชีวิตจากการระเบิดครั้งนี้ และอีกกว่า 100…
-
‘Ramen Kabuto’ เชฟเจ้าของร้านสไตล์ซามูไร ทำเอง ใส่เอง เสิร์ฟความอร่อยให้ลูกค้าทั้งชุดเกราะ!!
พบกับร้านราเมงสุดแหวกจากประเทศญี่ปุ่น ที่เสิร์ฟทั้งความอร่อยและวัฒนธรรมอันเก่าแก่พร้อมๆ กัน ลืมภาพของเจ้าของร้านราเมนทั่วไปที่มักจะสวมชุดเชฟสีขาวยืนทำราเมนให้เราทานไปได้เลย เมื่อคุณมาถึงร้านราเมนที่เมือง Sapporo แห่งนี้ ร้านราเมนแห่งนี้มีชื่อว่าร้าน Ramen Kabuto ซึ่งทางเจ้าของร้านนั้นเป็นผู้ที่คลั่งไคล้ซามูไรอย่างมาก ดังนั้นเมื่อเข้ามาในร้านคุณจะได้พบกับพ่อหนุ่มซามูไรในชุดเกราะสีแดงที่จะคอยมาเสิร์ฟราเมนให้กับคุณ ราเมงมาแล้วจ้า!! เจ้าของร้านในชุดซามูไร ที่เดินออกมาพร้อมกับราเมงของทางร้าน ร้าน Ramen Kabuto นั้นเปิดให้บริการมานานถึง 4 ปีแล้ว ซึ่งคำว่า “Kabuto” ในภาษาญี่ปุ่นนั้นแปลว่าหมวกเหล็ก มาจากความชอบส่วนตัวของเจ้าของร้าน แต่อย่างไรก็ตามชุดซามูไรนั้นไม่ได้ออกแบบมาสำหรับใส่เพื่อทำกับข้าว ดังนั้นจึงต้องมีการปรับแต่งนิดหน่อยเพื่อให้มีน้ำหนักเบา และสามารถสวมใส่ได้ง่าย หลังจากที่ปรึกษากับช่างทำชุดเกราะ เจ้าของร้านก็ได้ชุดซามูไรในแบบที่เขาต้องการ โดยชุดดังกล่าวนั้นทำออกมาคล้ายกับชุดเกราะในยุค Sengoku ซึ่งวัสดุของชุดส่วนมากทำมาจากอลูมิเนียมเพื่อให้มีน้ำหนักเบาแทนการใช้เหล็ก เชฟของทางร้านในชุดซามูไรจากสมัย Sengoku กำลังจัดเตรียมราเมนสำหรับลูกค้าของทางร้าน เมนูขึ้นชื่อของร้านนี้ก็คือ “มิโซะ ราเมน” นั่นเอง ตอนนี้ร้าน Ramen Kabuto นั้นมีอยู่สองสาขาด้วยกัน แต่มีเพียงแค่สาขาที่ย่าน Sumikawa เท่านั้นที่มีการเสิร์ฟราเมนด้วยชุดซามูไร ดังนั้นถ้าอยากสัมผัสความพิเศษก็อย่าไปผิดสาขาล่ะ ซึ่งสาขาในย่าน Sumikawa นั้นจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 11 โมงเช้าจนถึงตี 3…
-
แฟนสาวถ่ายทอดช่วงเวลาดีๆ ที่มีร่วมกับแฟนหนุ่มหน้าหนวดในทุกๆ วัน ผ่านการ์ตูนสุดน่ารัก…
หลายๆ คนที่มีคู่อาจจะเคยเจอโมเม้นท์น่ารักๆ ของคู่ตัวเองมาบ้างแน่ๆ และส่วนมากแล้วก็มักจะเป็นฝ่ายหญิงนั่นเองที่ชอบทำอะไรตะมุตะมิอยู่บ่อยๆ และก็ต้องยอมรับเลยว่าโมเม้นท์แบบนี้ทำให้ความรักของหลายคู่ยังคงอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งล่าสุดนี้ก็ได้มีศิลปินสาวนามว่า Catana วาดภาพการ์ตูนเพื่อถ่ายทอดช่วงเวลาดีๆ ระหว่างเธอกับแฟนหนุ่ม ที่มักจะทำอะไรน่ารักๆ ซ่อนอยู่ในนั้นด้วย จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นาน ก็กลายเป็นการ์ตูนที่มียอดคนติดตามเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผู้ติดตามอินสตราแกรมของเธอกว่า 300,000 คนแล้ว เรียกได้ว่าได้รับความนิยมจากคู่รักสุดๆ แต่สำหรับคนโสดก็ไม่ต้องเสียใจนะ ลองดูภาพเหล่านี้ซ้อมเอาไว้ก่อนก็ได้.. 1. ชาร์จแบตหน่อยน้าา.. 2. วิธีทำให้แฟนมีความสุขหรอ?? ง่ายนิดเดียวก็แค่จุ๊บหน้าผากไงเพื่อน 3. ไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยกว่าอ้อมกอดของแฟนหรอกจริงไหม?? 4. อยู่ด้วยกันไปจนแก่เลยน้าา… 5. ไม่ว่าตอนไหนคำว่า “น่ารัก” จากหนุ่มๆ ก็ยังคงทำให้รู้สึกดีเสมอ 6. ตอนที่บอกว่า “นี่แฟนผมเอง” ก็แทบจะใจละลายเลย… 7. ไม่ชอบให้ใครมาส่งสายตาให้หนุ่มๆ ของพวกคุณใช่ไหม?? 8. ช่วยเค้าหน่อยเดินไม่ไหวแล้ว!! 9. บางครั้ง สาวๆ ก็ชอบทำตัวเหมือนเจ้าเหมียวเลยนะว่าไหม?? …
-
บริษัทสร้างเว็บไซต์ ทุ่มเงินให้พนักงานเที่ยวปีละ 170,000 บาท และให้ทำงานแค่ 4 วัน/สัปดาห์
เวลาเราทำงานบริษัทเราอาจจะคุ้นชิ้นกับเจ้าเงินโบนัสที่มักจะเป็นเงินก้อนพิเศษที่ได้เพิ่มมาจากเงินเดือน โดยเงินจำนวนนี้จะมากหรือจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับบริษัทว่าจะให้เงินจำนวนนี้มากน้อยเพียงใด สำหรับ CEO บริษัทสร้างเว็บไซต์ชื่อว่า Basecamp อย่าง Jason Fried มองว่าเงินจำนวนนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้พนักงานของเขาสามารถทำงานในบริษัทได้ดียิ่งขึ้น Jason Fried เจ้าของบริษัท Basecamp “ผมมีความสุขที่จะให้พนักงานของผมมีความสุขและความสบายมากขึ้นๆ ” Jason กล่าว และด้วยปณิธานของ CEO คนนี้จึงทำให้เกิดนโยบายของบริษัทที่มุ่งเน้นการดูแลพนักงานให้มีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบาย มากกว่าจำนวนผลงานที่ทำได้ ด้วยเงินเดือนที่สูงบวกกับสวัสดิการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล เงินโบนัสในวันหยุด 170,000 บาท เงินสำหรับค่านวดผ่อนคลายที่บ้าน 3,400 บาทต่อเดือน และเงินสำหรับค่าอาหารสด 3,400 บาทต่อเดือน ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงสวัสดิการส่วนหนึ่งที่นาย Jason Fried มอบให้แก่พนักงาน… เพราะว่ายังมีนโยบายให้พนักงานทำงานเพียงแค่ 4 วันต่อสัปดาห์ในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วยนะเออ ซึ่งเงินจำนวนนี้ถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากๆ สำหรับการให้สวัสดิการแก่พนักงานต่อหนึ่งคน แต่ด้วยจำนวนพนักงานที่มีเพียงแค่ 50 คนจึงทำให้การจ่ายเงินสวัสดิการเหล่านี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทมากนัก ด้วยจำนวนพนักงานที่น้อย จึงสามารถมอบสวัสดิการได้เยอะ และด้วยการดูแลจากบริษัทที่ดีเช่นนี้ จึงทำให้พนักงานของ…
-
ผู้ปกครองสลด พบพยาบาลที่จ้างมาดูแลเด็กป่วยพิเศษ “ทำร้าย” ลูกของพวกเค้าเอง
นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เปรียบดั่งฝันร้ายของหัวอกคนเป็นพ่อแม่เลยก็ว่าได้ ซึ่งเกิดขึ้นกับครอบครัวของคุณแม่ Dyanna Ko หลังจากที่เธอพบว่า พยาบาลพี่เลี้ยงเด็กที่จ้างมาดูแลลูกของเธอกลับเป็นคนทำร้ายร่างกายลูกเธอซะเอง!! โดยเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ Dailymail ได้ระบุว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวจำเป็นจะต้องจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลลูก เนื่องจากอาการป่วยด้วยโรค Rubinstein-Taybi ของลูกชายเธอ อาการป่วยดังกล่าวทำให้เด็กน้อยต้องทานอาหารผ่านท่อ ตาบอดหนึ่งข้าง และต้องดูแลเป็นพิเศษตลอด 24 ชั่วโมง ครอบครัวจึงตัดสินใจที่จะว่าจ้างพยาบาลพี่เลี้ยงเด็กพิเศษ เพื่อมาช่วยแบ่งเบาภาระดูแลลูกชายของพวกเขาตลอด 24 ชั่วโมง แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น… เมื่อคุณแม่สังเกตการณ์จากกล้องวงจรปิด เธอก็ได้เห็นภาพที่ทำให้หัวอกคนเป็นแม่ต้องใจสลาย เริ่มแรกพี่เลี้ยงเด็กพยายามใช้มือเขย่าตัวเด็ก จากนั้นมีการมือตีเป็นบางครั้ง พี่เลี้ยงเด็กมีการนำนิตยสารมาม้วนและใช้ทุบตีเด็กน้อย และดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจทำร้ายร่างกายเด็ก เพราะวิดีโอจากภาพวงจรปิดเผยให้เห็นการทุบตีอยู่หลายครั้ง โชคดีที่ ณ เวลานั้นผู้ปกครองทั้งสองคนอยู่ห่างจากบ้านเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น ทันทีที่พวกเขาเห็นพฤติกรรมดังกล่าว พวกเขาจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติพบว่า พี่เลี้ยงเด็กคนดังกล่าวเป็นชาวเม็กซิกันชื่อ Thelma Manalastas ซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท Maxim Healthcare Services จากเหตุการณ์นี้ทำให้เธอถูกพ้นสภาพการเป็นพนักงาน และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวฐานมีความผิดทางอาญาทันที “มันเป็นความปวดร้าวที่เราต้องเห็นคนอื่นมาทำร้ายลูกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกเราเป็นเด็กที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับครอบครัวอื่นๆ ระวังภัยเรื่องนี้มากขึ้น” คุณแม่ให้สัมภาษณ์…
-
อย่าทิ้งลูกไว้กับพ่อ!! ลูกสาวตัวน้อยถูกทิ้งให้อยู่กับคุณพ่อวัย 36 ปี จึงเกิดเป็นภาพน่ารักแบบนี้
เพื่อนๆ คงเคยได้ยินวลีเด็ดที่ว่า “อย่าปล่อยลูกไว้กับคุณพ่อ” ไม่ใช่เพราะความอันตรายจากคุณพ่อหรือว่าอะไรหรอกนะ แต่อาจจะเป็นเพราะคุณพ่อชอบสร้างความปั่นป่วนชวนปวดหัวให้คุณแม่เหมือนกับคุณพ่อคุณลูกคู่นี้ Sholom Ber Solomon คุณพ่อวัย 36 ปี เกิดไอเดียแจ่มแมวสร้างความน่ารัก ด้วยการจับคุณลูกสาววัย 9 เดือนของเขามาถ่ายรูปพร้อมกับเสื้อผ้าและอริยาบทต่างๆ จนเกิดเป็นภาพน่ารักๆ สไตล์พ่อลูกแบบนี้ยังไงล่ะ!! เจ้าหนูขอดูใบขับขี่หน่อย ลูก!! ดูนั่นสิ สิงโต ~ คนแคระมาอยู่ในบ้านฉันได้ไงเนี่ยะ!? วันสบายๆ ของกัปตันเรือกับเจ้าลูกดอกไม้ สีสเปรย์ง่ายไป เอาเป็นสีเทียนเลยละกันเนอะ ดูความน่ารักของคุณพ่อกับคุณลูกสิ! ฮูลาฮูล่า ฮูลาลาลา ไปทะเล ~ คุณพ่อคุณลูกเต้นบัลเล่ต์กัน เจ้าอาวุธชีวภาพนี้ ฆ่าผมได้เลยนะเนี่ยะ ~ มาทำคุกกี้กันนะลูก เออ…พ่อว่าพ่อใส่สบู่ผิดกล่องหน่ะ ต๊ะเอ๋ ~ อยู่นี่เอง ใครที่มีลูกมีหลานอยากลองถ่ายแบบนี้ก็เก๋ไม่หยอกเลยนะเนี่ยะ…
-
มิ้วน้อยไปติดบน “อาคารก่อสร้าง” กรีดร้องสุดเสียงขอความช่วยเหลือ ในที่สุดก็มีคนได้ยิน
ความซุกซนของแมวนี่มันไม่มีขีดจำกัดจริงๆ ชอบหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะการปีนขึ้นไปที่สูงแล้วดันลงมาเองไม่ได้ ต้องลำบากมนุษย์ไปช่วยอีกตามเคย เหมือนกับแมวน้อยตัวนี้ที่ไม่รู้ไปทำท่าถึงเอาตัวเองไปติดอยู่บนยอดอาคารก่อสร้างใน Beirut Lebanon มันพยายามร้องเมี๊ยวๆ ขอความช่วยเหลือทั้งวันแต่ไม่มีใครได้ยินเสียงของมันเลย ตั้งแต่เจ้าเหมียวไปติดอยู่บนนั้นมันก็พยายามร้องขอความช่วยเหลือตลอด จนเสียงค่อยๆ แหบและเกือบจะไม่มีเสียงออกจากลำคอของมันแล้ว จริงๆ ที่ไซต์ก่อสร้างแห่งนี้ก็ไม่ได้ว่างนะ เพราะมีคนงานหลายคนเข้าออกตลอด แต่ไม่มีใครรู้เลยว่ามีแมวติดอยู่บนนั้น มันเลยไม่ได้รับการช่วยเหลือ จนกระทั่งคนที่อยู่ในตึกข้างกันได้ยินร้องของแมวจนพบว่ามีแมวติดอยู่บนอาคารก่อสร้าง เขาจึงแจ้งไปยัง Animal Lebanon ให้มาช่วยเหลือทันที ระหว่างที่รอนั้น พลเมืองดีคนดังกล่าวก็ได้วิ่งไปยังไซต์ก่อสร้างแล้วช่วยน้องแมวลงมา ก่อนจับมันใส่กรงเพื่อรอให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือต่อไป Animal Lebanon บอกว่า “แมวน้อยติดอยู่บนอาคารเป็นเวลาหลายวัน ท่ามกลางอากาศร้อนและไม่มีน้ำ มันกรีดร้องจนเสียงมันแหบไปหมด” พวกเขายังบอกอีกว่า “มันดูอ่อนแรงมากๆ เพราะมันเสียงพลังงานไปกับการร้องขอความช่วยเหลือและไม่ได้กินน้ำเลย น่าจะไม่ต่ำกว่า 3 วัน” สำหรับลูกแมวตัวนี้คาดว่ามันน่าจะเกิดใกล้ๆ กับไซต์ก่อสร้างแห่งนี้ แล้วเกิดพลัดหลงกับแม่ มันจึงเดินเข้าไปในตัวอาคารเพื่อหาที่ปลอดภัย จนกระทั่งขึ้นไปอยู่บนยอดอาคารอย่างที่เห็น ตอนที่มันถูกพบครั้งแรก น้องแมวอยู่ในอาการหวาดกลัว หิว แถมยังติดเชื้อในทางเดินหายใจช่วงบนด้วย แต่หลังจากที่มันได้กินอาหาร กินยา และได้นอน ร่างกายของมันค่อยๆ…
-
อียิปต์ไม่ได้มีพีระมิดมากที่สุดในโลก แต่กลับกลายเป็น “ซูดาน” ที่มีพีระมิดมากถึง 255 องค์
หากเราพูดถึงพีระมิด เราก็คงนึกถึงประเทศ “อียิปต์” อันเป็นประเทศต้นกำเนิดเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมเหล่านี้ และทุกคนคงจะคิดว่าประเทศอียิปต์นี่แหละคือประเทศที่มีจำนวนของพีระมิดเยอะที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่ใช่!? “ซูดาน” เพื่อนบ้านของอียิปต์กลับกลายเป็นประเทศที่มีพีระมิดที่เยอะที่สุด โดยมีมากถึง 255 องค์กันเลยทีเดียว แต่อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านนี้มีพีระมิดที่เยอะกว่าประเทศต้นกำเนิดอย่างอียิปต์ล่ะ? ย้อนกลับไปเมื่อ 4,700 ปีก่อนนั้น สถาปัตยกรรมพีระมิดนี้ถูกคิดค้นขึ้นโดยชาวอียิปต์นามว่า “อิมโฮเทป” เพื่อเป็นสุสานให้ฟาโรห์โจเซอร์ราชวงศ์ที่ 3 ของอียิปต์ อิมโฮเทป ชาวไอยคุปต์ผู้ออกแบบพีระมิด หลังจากที่อิมโฮเทปได้สร้างพีระมิดเป็นครั้งแรก ชาวไอยคุปต์ (ชาวอียิปต์โบราณ) ได้นำสถาปัตยกรรมนี้มาเป็นต้นแบบในการสร้างสุสานแก่กษัตริย์ของพวกเขาเรื่อยมา ตลอดระยะเวลา 3,000 ปี ซูดานตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอียิปต์ ในขณะนั้นชาวนูเบีย (ชาวซูดานโบราณ) ตกอยู่ใต้อาณัติของชาวไอยคุปต์ เนื่องจากความอ่อนแอของตนเอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวนูเบียไม่ค่อยมีความโดดเด่นในหน้าประวัติศาสตร์เท่ากับชาวไอยคุปต์ เรื่องขึ้นชื่อของชาวนูเบียคือการส่งบรรณาการ “ทองคำ” แก่ชาวไอยคุปต์เป็นระยะเวลาติดต่อกันอย่างยาวนาน จนมาถึงช่วงรอยต่อระยะที่ 3 ของประวัติศาสตร์ ชาวไอยคุปต์อ่อนแอลงเนื่องจากการยึดครองจากต่างชาติที่สับเปลี่ยนกันเข้ามา รูปแบบที่โดดเด่นของพีระมิดอียิปต์ที่สมส่วน ในช่วงที่ชาวไอยคุปต์กำลังอ่อนแอ ก็ทำให้ชาวนูเบียกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง จนทำให้ชาวนูเบียสามารถที่จะสถาปนาราชวงศ์ตนเองขึ้นมาได้และรับเอาสถาปัตยกรรมการออกแบบนี้ขึ้นมาปรับเปลี่ยนเป็นของตนเอง ในขณะที่พีระมิดของชาวไอยคุปต์มีความกว้างและเตี้ยกว่า ชาวนูเบียก็จะสร้างพีระมิดที่แคบและสูงกว่าจนกลายเป็นลักษณะเด่นของพวกเขา…
-
แชร์ประสบการณ์พา “ซีวอน” น้องหมาตัวผู้ไปทำหมัน พร้อมวิธีการดูแลแบบง่ายๆ
ใครที่เลี้ยงสุนัขอยู่แล้วไม่อยากให้มันไปติดสาวต่างบ้านหรือไม่อยากมีสมาชิกเพิ่ม ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คงจะเป็นการทำหมันให้พวกมันซะ ส่วนใครที่กำลังคิดจะพาน้องหมาไปทำหมัน และอยู่ในช่วงหาข้อมูล วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง ขอแชร์ประสบการณ์การพาน้องหมาไปทำหมัน เผื่อเป็นประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ให้เพื่อนๆ ได้บ้างนะคะ มาเริ่มกันเลยค่ะ นี่คือ ซีวอน น้องหมาตัวผู้ที่เหมียวรับมาเลี้ยงตั้งตอนอายุ 1 เดือน 4 วัน จนวันนี้อายุได้ 9 เดือนแล้ว แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นพันธุ์อะไรกันแน่ รู้แค่ว่ามันโตเร็วมากแถมกินเยอะด้วย เมื่อโตเป็นหนุ่ม มันก็ไม่ต่างจากมนุษย์เราหรอกค่ะ ซีวอนเริ่มมีอารมณ์ทางเพศและดูเหมือนฮอร์โมนความหนุ่มของมันจะทำงานเต็มที่แล้ว ทำให้มันมีอาการติดสัดครั้งแรก โชคดีที่บ้านมีสุนัขตัวเมียอีกตัวชื่อ ยูกึมบี อายุ 7 เดือน เป็นหมาที่ขี้อายมากๆ ปกติซีวอนจะเอ็นดูมันเหมือนน้องสาวนะ แต่พอฮอร์โมนความหนุ่มพุ่งปรี๊ดดด อะไรก็ฉุดไม่อยู่ค่ะ มันเลยลงกับกึมบีนี่แหละ แต่ใครมันจะไปคิดละคะ ว่าซีวอนจะติดใจจนไม่ยอมให้กึมบีได้พักผ่อนเลยค่ะ ยูกึมบี น้องหมาขี้อายที่ต้องรองรับอารมณ์ให้ซีวอน เหมียวก็เลยตัดสินใจพาซีวอนไปทำหมันค่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ทันทีได้นะ เพราะน้องยังติดสัดอยู่ ถ้าทำทันทีอาจเสียเลือดมาก เหมียวก็เลยเริ่มด้วยการโทรหาโรงพยาบาลสัตว์หลายๆ ที่เพื่อปรึกษาเรื่องทำหมันให้น้องหมาแบบด่วนที่สุด พร้อมสอบถามค่าใช้จ่ายด้วย โรงพยาบาลสัตว์ส่วนใหญ่แนะนำให้ทำหลังซีวอนหายติดสัดแล้ว…
-
ร้อนจนต้องร้องขอชีวิต!! รัฐแอริโซนาอุณหภูมิพุ่งสูงเกือบ 50 องศา ร้อนจนละลายแทบทั้งเมือง
ในขณะที่บ้านเราอยู่ในหน้าฝน แต่อีกซีกหนึ่งของโลกอย่างรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกานั้นกำลังอยู่ในช่วงหน้าร้อน ถ้าคิดว่าที่ไทยร้อนแล้วล่ะก็ ขอบอกเลยว่าเด็กๆ เพราะตอนนี้ที่รัฐแอริโซนากำลังเผชิญกับอุณภูมิสูงถึง 48 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ส่งผลทำให้ผู้คนที่นั่นได้รับผลกระทบจากสภาวะอากาศร้อนนี้อย่างรุนแรง ทำให้หลายๆ คนเกิดอาการฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด และไม่ใช่แค่คนเท่านั้น สิ่งของอื่นๆ ก็แทบจะทนความร้อนระอุสุดขีดเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว ถ้าหากใครจินตนาการไม่ออกว่ามันร้อนขนาดไหนนั้น ลองไปชมภาพเหล่านี้กันเลย… แค่เห็นตัวเลขอุณหภูมิเหงื่อก็แตกแล้ว!! บ้านเราแค่ร้อนจนออกไปไหนลำบาก แต่ที่นี้ร้อนสุดๆ ถึงขั้นเครื่องบินไม่สามารถขึ้นบินได้เลย แม้แต่เสากล่องจดหมาย ยังต้องยอมสยบให้กับความร้อน รั้วบ้านเองก็เช่นเดียวกัน ไม่อาจต้านทานความร้อนแรงของที่นี่ได้เลยจริงๆ ขยะก็ยังละลาย!! สีทนไม่ไหวแล้วว้อยยย!! จากแผนที่แสดงอุณหภูมิของรัฐแอริโซนา จะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่มีอุณหภูมิสูงมาก ร้อนจนอบขนมในรถได้!! แหม่.. ดูท่าจะเอาจริงด้วยนะเนี่ย แม้แต่ตอนขับรถก็ยังต้องสวมถุงมือกันร้อนด้วย!! ร้อนแค่ไหนคิดดูละกัน น้องหมาเองก็ด้วย จะออกไปเดินนอกบ้านยังต้องใส่รองเท้าเลย เจอแบบนี้ แดดเดือนเมษาบ้านเรายังต้องชิดซ้ายเลยนะเนี่ย!! ที่มา buzzfeed
-
รีสอร์ทจัด “ปาร์ตี้สระน้ำ” ให้น้องหมาในศูนย์พักพิง เพื่อคลายความน่าเบื่อระหว่างรอการรับเลี้ยง
โดยปกติแล้วเหล่าสัตว์ที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ มักจะถูกจับขังกรง รอคอยวันที่จะถูกรับไปเลี้ยงอย่างน่าเบื่อ แต่จริงๆ แล้วน่าจะมีกิจกรรมให้พวกมันทำระหว่างการรอนี้ด้วยนะ เหมือนกับรีสอร์ท Second Home Pet Resort ที่จัดปาร์ตี้สระว่ายน้ำให้น้องหมาในศูนย์พักพิงเพื่อทำลายความน่าเบื่อระหว่างรอการรับเลี้ยง เจ้าของรีสอร์ท Second Home Pet Resort เป็นคนรักและช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงเสมอ ทั้งยังทำงานร่วมกับกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ในรัฐแอริโซนามาแล้วหลายปี ดังนั้นเมื่อพนักงานจาก Maricopa County Animal Care and Control (MCACC) ติดต่อขอจัดปาร์ตี้ให้สุนัขในรีสอร์ท เขาจึงตอบตกลงทันที Jordan Cowan ผู้อำนวยการรีสอร์ท Second Home Pet Resort บอกว่า “อะไรก็ตามที่เราสามารถช่วยสัตว์เลี้ยงได้ เรายินดีที่จะทำ” ปาร์ตี้สระว่ายน้ำครั้งนี้ มีน้องหมา 8 ตัวที่ได้เข้าร่วม ได้แก่ Rogue, Grayson, Bean, Henry, Loki, Ozzie, Benito และ Polo สุนัข 7 ใน 8…
-
ศิลปินนำ “ตุ๊กตาหน้าดารา” มาแต่งเติมให้ดูสมจริงมากยิ่งขึ้น แม้แต่ผู้ใหญ่ยังอยากได้!!
หลายคนมักจะคิดว่าตุ๊กตาเป็นของเล่นสำหรับเด็ก จึงไม่จำเป็นต้องใส่รายเอียดอะไรมาก แต่สำหรับศิลปินบางคนกลับคิดว่าสามารถเปลี่ยนตุ๊กตาเด็กให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นได้ ศิลปินคนนั้นคือ Noel Cruz ศิลปินชาวฟิลิปปินส์ที่กำลังทำงานอยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้เปลี่ยนตุ๊กตาหน้าดาราธรรมดาๆ ให้กลายเป็นชิ้นงานศิลปะที่ไม่ธรรมดา อย่างที่รู้ว่าตุ๊กตาส่วนใหญ่มักจะทำเลียนแบบตัวละครในหนังหรือการ์ตูน ดังนั้น Noel จึงได้นำตุ๊กตาเหล่านั้นมาแต่งเติมให้เหมือนจริงยิ่งขึ้น เพื่อเป็นของสะสมสำหรับผู้ใหญ่ได้ด้วย 1. Emma Watson 2. Angelina Jolie 3. Gal Gadot 4. Ralph Fiennes 5. Marilyn Monroe 6. Jim Parsons 7. Cher 8. Naomie Harris 9. Johnny Depp 10. Daniel Radciffe 11. Princess Diana 12. Helena Bonham Carter 13. Emma Watson 14. Cate Blanchett…
-
เด็กหญิงวัย 11 ปี เขียนรายงาน 6 หน้าให้พ่อแม่ เพื่อบอกเหตุผลที่ว่า ‘ทำไมถึงอยากเลี้ยงแมว’
หลายคนที่อยากเลี้ยงสัตว์แต่ไม่ได้เลี้ยงเพราะถูกคนในบ้านสั่งห้าม แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงพยายามทุกอย่าง เพื่อให้ทางบ้านอนุญาตให้ได้ เหมือนกับเด็กหญิงวัย 11 ปี คนนี้ ที่อยากเลี้ยงแมวมาก ก็เลยเขียนรายงานความยาว 6 หน้าให้พ่อแม่ได้รับรู้ เพื่อบอกถึงเหตุผลที่เธออยากจะเลี้ยงแมว Rimsha นักศึกษาจากวิทยาลัยในซานอันโตนิโอ รัฐเท็กซัส กับน้องสาววัย 11 ปี ชื่อ Romesa สองพี่น้องอยากเลี้ยงแมวมากๆ แต่ว่าที่บ้านไม่อนุญาต ก่อนหน้านี้ครอบครัวของสองพี่น้องเลี้ยงปลาและนกมาแล้ว ก่อนจะรับแมวที่ชื่อ Pepper มาอยู่ด้วยสองสามเดือน แต่สุดท้ายน้องแมวก็จากพวกเขาไป การได้เลี้ยงแมวเพียงสองสามเดือน ทำให้ Rimsha และน้องสาวมีความผูกพันกับแมวมาก ก็เลยอยากรับแมวตัวใหม่มาเลี้ยง แต่พ่อแม่กลับไม่อนุญาต แม้หญิงสาวจะขอพ่อแม่หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งน้องสาวที่รักแมวเหมือนกันตัดสินใจทำบางอย่างเพื่อขอให้พ่อแม่เห็นใจ Romesa เขียนรายงานให้พ่อแม่ถึง 6 หน้ากระดาษด้วยกัน โดยให้เหตุผลว่าทำไมเธอกับพี่สาวถึงอยากเลี้ยงแมว ซึ่งทั้งหมดนี้เธอใช้เวลาเขียนเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น Romesa บอกว่า “ปกติพ่อชอบให้ฉันเขียนรายงานค่ะ ฉันก็เลยคิดว่าการขอแมวด้วยการเขียนรายงานนี่แหละเป็นวิธีที่น่าจะได้ผลที่สุด” เธอบอกอีกว่าเป็นคนที่ชอบเขียนอยู่แล้ว ดังนั้นการเขียนรายงาน 6 หน้าเป็นอะไรที่จิ๊บๆ มาก นอกจากนี้เธอยังหาข้อมูลเกี่ยวกับแมวจากอินเตอร์เน็ตเพื่อทำให้รายงานน่าเชื่อถือขึ้นด้วยนะเนี่ย!! …
-
หนุ่มตากล้องเก็บภาพชนพื้นเมืองไซบีเรีย ในช่วงเวลา 6 เดือน ระยะทางกว่า 25,000 กม.!!
เราอาจจะเห็นตากล้องอยู่หลากหลายคนที่ออกเดินทางท่องโลกกว้างเพื่อให้ได้มุมมองใหม่ๆ มาแบ่งปันให้กับเพื่อนร่วมโลกอย่างเราๆ ซึ่งนาย Alexander Khimushin ก็เป็นหนึ่งในตากล้องประเภทนั้นเช่นกัน เขาได้เดินทางไปเยี่ยมชมกว่า 84 ประเทศทั่วโลกและค้นพบว่า “ผู้คน” เป็นสิ่งที่น่าสนใจและสวยงามที่สุด เขาเลยตัดสินใจที่จะถ่ายภาพผู้คนที่เป็นชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆ ในเขตไซบีเรียกลับมา ความท้าทายที่สุดไม่ใช่เพียงแค่ระยะทาง 25,000 กิโลเมตร หรือ ระยะเวลากว่า 6 เดือนในการเก็บภาพ แต่เป็นสภาพอากาศที่โหดร้าย โดยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเขตที่หนาวที่สุดในโลกและการเดินทางที่แสนลำบากกว่าจะได้ภาพเหล่านี้มา ชนเผ่า Dolgan ชนเผ่า Sakha เด็กน้อยจากชนเผ่า Evenki สาวน่ารักจากชนเผ่า Ulchi ท่านผู้เฒ่าประจำเผ่า Evenki เด็กน้อยผู้ร่าเริงจากเผ่า Uilta การแต่งกายแบบเผ่า Sakha เด็กน้อยจากเผ่า Buryat สาวยิ้มสวยจากเผ่า Soyot ชนเผ่า Negidal หมอผีประจำเผ่า Buryat เสื้ออีกแบบประจำเผ่าของ…
-
ชาวเวียดนามอพยพมาอยู่อเมริกา ฝันจะสร้างบ้านเด็กกำพร้า ผ่านไป 16 ปี ฝันของเธอก็เป็นจริง…
แม้ทุกวันนี้จะมีหลายหน่วยงานคอยให้การช่วยเหลือเด็กกำพร้า แต่ก็ยังมีเด็กกำพร้าอีกจำนวนมากที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือและต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ด้วยเหตุนี้ Tracy Vu ชาวเวียดนามที่อพยพไปยังอเมริกาในปี 2000 จึงมีความใฝ่ฝันว่าสักวันเธออยากจะสร้างบ้านเพื่อเด็กกำพร้าให้ได้ Vu ได้อพยพไปพร้อมกับสามีและลูกๆ อีก 3 คน ตอนนั้นเธอทั้งยากจนและพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย จนกระทั่ง 16 ปีผ่านไป ไม่เพียงแค่พูดอังกฤษได้ แต่เธอยังเป็นเจ้าของร้านเสริมสวยที่ประสบความสำเร็จในแคปิโตลา ซานตาครูซเคาท์ตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย แม้จะประความสำเร็จแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ลืมความฝันที่จะสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในเวียดนาม และได้พยายามมาโดยตลอดเพื่อให้ฝันเป็นจริง Vu บอกว่า “ฉันเรียนจบแค่ ป.5 เท่านั้นค่ะ แต่ฉันรู้ว่าการศึกษามันสำคัญขนาดไหน ฉันก็เลยอยากให้เยาวชนในบ้านเกิดของฉันได้เรียนหนังสือและจะสนับสนุนพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” Truong Xe วัย 18 ปี ลูกชายของ Vu บอกว่าหลังจากที่แม่ตั้งเนื้อตั้งตัวได้ มีความมั่นคงทางการเงินพอสมควร เธอก็ได้เดินทางกลับประเทศเวียดนามทุกๆ 3 ปี เพื่อช่วยเหลือคนยากจนและเด็กกำพร้า และเมื่อเดือนพฤษภาคมของปี 2016 เธอก็ตัดสินใจที่จะเติมเต็มความฝันให้สมบูรณ์ด้วยการสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในเวียดนาม Vu เริ่มจากการระดมเงินบริจาคจากชุมชนซานตาครูซ ครอบครัว เพื่อนๆ และเงินส่วนตัวของเธอเองที่เตรียมไว้สำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ…
-
เสียวแปล๊บ!? หนุ่มจีนเสียบเข็ม 15 เล่มไว้ในปู๋นานเป็นปี ทนเจ็บไม่ไหวจนต้องเข้าโรงพยาบาล
สำหรับท่านชายอาจจะอยากมีขนาดอวัยวะเพศชายที่ใหญ่ขึ้นเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่คู่นอน ก็อาจจะมีวีธีทำที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการนวดท่านชายด้วยน้ำมัน หรืออาจจะเป็นการนำเข็มไปเสียบที่ท่อปัสสาวะเหมือนชายผู้นี้!? และกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นกับชายชาวจีนอายุ 30 ปี ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลในเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง เพื่อรับการรักษาหลังจากนำเข็มจำนวนหนึ่งยัดเข้าไปข้างในท่อปัสสาวะของเขา ภาพ X-ray แสดงเข็มที่อยู่ภายในท่อปัสสาวะของเขา เข็มจำนวนกว่า 15 เล่มที่ถูกเสียบเข้าไปในช่วงปีที่ผ่านนั้น ถูกนำออกมาจากท่อปัสสาวะของเขาทีละเล่ม และเข็มบางเล่มนั้นได้เริ่มเกิดสนิมขึ้นแล้ว ในส่วนของแรงจูงใจที่ทำให้ชายชาวจีนวัย 30 ปี ผู้นี้ นำเข็มไปเสียบเข้าไปที่ท่อปัสสาวะของเขายังไม่เป็นที่แน่ชัด คาดว่าอาจจะเป็นการเพิ่มขนาดของอวัยวะ หรืออาจจะเป็นเพียงแค่ “งานอดิเรกแปลกๆ ” ตามที่ญาติของเขากล่าวก็เป็นไปได้ เข็มกว่า 15 เล่มที่ถูกนำออกมาเรียงราย… การกระทำแบบนี้สามารถที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นจากการติดเชื้อ หรือจะเป็นบาดทะยักที่มาจากสนิมในเข็มก็ได้ ในปัจจุบันยังไม่มีผลงานวิจัยทางการแพทย์ชิ้นไหน ที่สามารถบ่งชี้ถึงวิธีการเพิ่มขนาดของอวัยวะเพศชายได้อย่างถาวร เราอาจเคยได้ยินถึงวิธีการที่หลากหลาย แต่ก็ยังไม่มีวิธีไหนที่ใช้ได้แน่นอนตามที่กล่าวอ้างกันมาแต่อย่างใด… ที่มา: shanghaiist
-
ผู้โดยสารทนไม่ไหว ถ่ายรูปคุณลุงขี้เจือกแอบส่องโทรศัพท์คนอื่น จะไปยุ่งอะไรกับเค้าล่ะลุ๊ง!?
ขณะโดยสารอยู่ในรถไฟฟ้า เราก็คงมีช่วงเวลาที่จะต้องใช้มือถือสำหรับการแชทคุยธุระส่วนตัวเพื่อแก้เบื่อ ซึ่งโดยปกติแล้วก็คงจะไม่มีใครมาจ้องหน้าจอโทรศัพท์ของเราหรอก ใช่มั้ย!? แต่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ระหว่างที่ทุกคนกำลังโดยสารในขบวนรถไฟใต้ดิน คุณลุงคนหนึ่งดูเหมือนว่าจะมีอาการขี้เหงา ได้ชะโงกดูหน้าจอโทรศัพท์ของผู้โดยสารคนอื่นที่นั่งข้างๆ จนชาวเน็ตคนหนึ่งรู้สึกทนไม่ได้ จึงทำการถ่ายรูปและทวีตลงบนบัญชีผู้ใช้งานของเขาเอง ทำไมอะไรน่ะ!? ขอลุงดูหน่อย ~ มีหลายคนที่พยายามจะขยับออกห่าง แต่คุณลุงไม่วายที่จะเขยิบตัวเขามาใกล้ๆ เพื่อที่จะ(แอบเจือก)ดูมือถือของคนเหล่านั้น แหม่ ~ ทำไมถึงอยากรู้อยากเห็นขนาดนั้นล่ะลุ๊งงงงง ขนาดพยายามเปลี่ยนท่านั่งแล้วนะ ลุงก็ยังจะพยายามดูอี๊กกก อืม ~ ไอ้เกดลูกยายโนน แต่งงานแล้วหรอ?? และด้วยรูปภาพที่ชาวเน็ตคนนี้ได้ทวีตลงไปในบัญชีผู้ใช้งานของเขา ก็สามารถเรียกเสียงฮือฮาและความคิดเห็นจากชาวเน็ตคนอื่นๆ ได้เป็นจำนวนมาก หลังจากที่ทวีตไปแล้ว ชาวเน็ตก็ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ลุงแกคงชอบดูหน่ะ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงใช้หน้าจอสะท้อน เพราะมันทำให้คนอื่นดูหน้าจอไม่ได้!! เหมือนตอนฉันดูมือถือแฟนเลย ใครก็ได้เอามือถือให้ลุงแกที ~ บางทีลุงแกพยายามดูว่าคนอื่นเขาทำอะไรกันอยู่หน่ะ ทางที่ดี สำหรับใครที่ไม่อยากไปมีเรื่องอะไร ก็อย่าไปทำตามคุณลุงคนนี้เขาละกันนะ ที่มา: metro
-
เรื่องราวของ Tora เจ้าเหมียวที่คอยอยู่กับพี่ฮัสกี้ เพื่อช่วยบรรเทาอาการกังวลให้ค่อยๆ จางหายไป!!
เราคงเคยเห็นว่าเจ้าเหมียวสามารถที่จะช่วยรักษาคนที่เป็นโรคซึมเศร้าได้ แต่กับเจ้ามะหมาขี้เหงาซึมเศร้าตัวนี้ ก็สามารถที่หายจากโรคนี้ได้เพราะเจ้าเหมียวน้อยตัวนี้เช่นกัน!! Kuma เจ้าสุนัขพันธุ์อลาสกันฮัสกี้ มีอาการซึมเศร้าอันเนื่องมาจากความเหงาของมัน ที่ขาดเพื่อนเล่นมาตั้งแต่เด็กๆ จนเติบโตขึ้นมา… หลังจากที่ Sara เจ้าของ Kuma ทราบอาการของมันเข้า เธอจึงตัดสินใจหาเพื่อนให้กับเจ้า Kuma โดยเธอไปเจอกับเจ้าเหมียวที่ต้องการบ้านหลังใหม่เข้าโดยบังเอิญในอินเตอร์เน็ต และหลังจากนั้นก็รับมันมาเลี้ยงทันที เจ้าเหมียวน้อยสมาชิกใหม่ และได้ชื่อว่าเจ้า Tora ในตอนแรกเธอเป็นกังวลเล็กน้อยว่าเจ้า Kuma จะสามารถเข้ากับเจ้าเหมียวตัวใหม่ได้หรือไม่ ผลปรากฎว่าเจ้า Kuma มีท่าทีชอบเจ้าเหมียวตัวใหม่มากๆ “พวกมันเข้ากันได้ดีตั้งแต่แรกเจอเลยล่ะ!! หลังจากที่พบกันแล้ว เจ้า Kuma ก็โน้มตัวนอนลงและทำตัวเหมือนแม่ของเจ้าเหมียวน้อย โดยในตอนแรกเจ้าเหมียวก็มีอาการกลัวเล็กน้อย ก่อนที่มันจะเริ่มชินกับ Kuma” Sara กล่าว ว่าไงเจ้าตัวเล็ก ~ Tora และ Kuma เข้ากันได้ดี ตอนหลับพวกมันดูน่ารักมาก ~ หลังจากที่เจ้าเหมียวเริ่มคุ้นเคยกับ Kuma มันก็เริ่มเดินตาม เกาะแข้งเกาะขาเจ้า Kuma…
-
ชายหนุ่มทำซึ้ง คุกเข่า “ขอเป็นพ่อ” เด็กหญิง หลังจากที่เพิ่งขอแม่ของเธอแต่งงาน!!
การเป็นแม่หม้ายลูกติดไม่ได้หมายความว่าจะมีความรักอีกไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการที่ผู้ชายที่จะเข้ามาในชีวิตนั้นต้องพร้อมจะเป็นพ่อให้ลูกของคุณด้วย และนี่คือเรื่องราวสุดประทับใจของชายหนุ่มคนหนึ่งกับคุณแม่ลูกติด เรื่องราวเริ่มเกิดขึ้นหลังจากที่ Grant Tribbett คุกเข่าขอแฟนสาว Cassandra Reschar แต่งงานแล้ว เขายังไปคุกเข่าต่อหน้าลูกสาวของเธอเพื่อขอเป็นพ่อด้วย Tribbett วัย 29 ปี รู้ดีว่า Reschar ฝ่ายหญิงผ่านการแต่งงานมาแล้ว และตอนนี้เธอก็มีลูกสาวหนึ่งคน แต่เขาก็ยืนยันที่จะเป็นทั้งสามีและพ่อให้กับทั้งสองคน แม้จะคบกันมา 7 เดือนแล้ว แต่ Reschar ก็ไม่เคยคิดว่าจะได้แต่งงานเป็นครั้งที่สอง จนกระทั่งวันที่ 27 พฤษภาคม 2017 ที่ผ่านมา Tribbett ได้พาเธอและลูกสาว Adrianna ไปทานอาหารเช้านอกบ้านในรัฐอินดีแอนา หลังจากที่ทานข้าวด้วยเสร็จ พวกเขาก็ไปเดินเล่นที่สะพานไม้กลางป่าที่ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี เป็นบรรยากาศที่โรแมนติกมาก และในจังหวะนั้นเอง Tribbett ก็คุกเข่าแล้วขอ Reschar แต่งงาน ทำเอาหญิงสาวปิติจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และเธอก็ตอบตกลงทันที แค่นั้นยังไม่พอ หลังจากขอแฟนสาวแต่งงานเสร็จ ชายหนุ่มก็ไปคุกเข่าต่อหน้า Adrianna แล้วพูดกับเธอว่า “ให้ฉันเป็นพ่อของหนูได้ไหม?” เขายังบอกอีกว่า…
-
สาวซื้อ ‘กล้องฟิล์มเก่า’ จากร้านมือสอง พบภาพเหตุการณ์ภูเขาไฟปะทุจากปี 1980 อยู่ในนั้น!!
‘กล้องถ่ายรูป’ เป็นอุปกรณ์ที่มีไว้เพื่อบันทึกความทรงจำต่างๆ ให้คงอยู่ แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม… และนี่คือกล้องฟิล์มเก่าแก่ ที่สาวคนหนึ่งบังเอิญไปซื้อมาจากร้านขายของมือสอง พบว่าข้างในยังคงมีฟิล์มติดอยู่ แถมยังจุไปด้วยภาพความทรงจำต่างๆ ในช่วงยุค 1980 ที่หาดูชมได้ยากมากๆ เลยล่ะ Kati Dimoff ช่างภาพสาวและนักสะสมกล้องเก่าจากเมือง Portland รัฐ Oregon ต้องการที่จะหาซื้อกล้องฟิล์มเก่าที่ยังคงมีฟิลม์หลงเหลืออยู่ข้างในนั้น เธอจึงได้เข้าไปเลือกซื้อที่ร้านขายของมือสอง Goodwill ที่ตั้งอยู่ในบริเวณ Grand Avenue และแล้วเธอก็ได้พบกับกล้อง Argus C2 ที่มีความคงทนเป็นเอกลักษณ์ ถูกผลิตในรัฐ Illinois เมื่อช่วงปี 1938 และ 1942 แต่น่าเสียดายที่มันพังไปซะแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นกล้องที่เธอซื้อมานั้นมันมีขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์ซ่อนอยู่ข้างใน ม้วนฟิล์มที่อยู่ในกล้องนั้นถูกใช้งานไปแล้ว ผ่านการบันทึกภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตมาอย่างมากมาย โดยคาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงยุค 70s หรือไม่ก็ 80s โดยประมาณ ภาพของการแข่งรถ ในรายการ Portland International Raceway ที่น่าจะเกิดขึ้นในช่วง…
-
เหมือนดั่งเมืองใต้น้ำ… เผยภาพช่วงเวลาตี 4 ของ Kraków ถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกทั่วเมือง
การต้องฝืนตัวเองให้ตื่นเช้าๆ ช่างเป็นอะไรที่ยากเหลือเกิน ว่ามั้ย? เว้นเสียแต่ว่าเช้านั้นเรามีธุระหรือเหตุจำเป็นให้ต้องตื่นเช้า… ถ้าคุณเป็นคนที่เกลียดการตื่นเช้า ลองมาดูประสบการณ์ของช่างภาพคนนี้ที่ตื่นขึ้นมาตอนตี 4 แล้วก็พบว่าการตื่นเช้าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าจริงๆ เมืองกรากุฟเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองและเก่าแก่ที่สุดในประเทศโปแลนด์ และเป็นจุดหมายปลายทางที่นิยมของนักท่องเที่ยว แต่น้อยคนนักที่จะได้เห็นบรรยากาศในช่วงเช้า และไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญหรือตั้งใจเมื่อช่างภาพคนนี้ตื่นขึ้นมาตอนตี 4 แล้วพบว่าเมืองกรากุฟถูกปกคลุมไปด้วยหมอก แน่นอนว่ามันเป็นภาพที่ไม่ค่อยคุ้นตานัก เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ตื่นเช้ามากขนาดนี้ เขาจึงเดินไปตามถนนพร้อมกล้องหนึ่งตัวเพื่อบันทึกภาพสุดประทับใจเหล่านี้ การที่ทุกอย่างถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ทำให้เห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวไม่ค่อยชัดเจน แต่มันก็เป็นความพร่ามัวที่สวยงาม และคนตื่นเช้าเท่านั้นแหละที่จะได้สัมผัส ถ้าเราไม่รู้เรื่องราวของภาพนี้มาก่อน เราก็อาจจะคิดได้ว่ามันเป็นเมืองใต้น้ำจริงๆ ความสวยงามของช่วงเช้าไม่ได้มีแค่ในเมืองกรากุฟเท่านั้น เพราะที่เมืองไทยของเราก็มีนะ ลองตื่นเช้าๆ สักวันสิ แล้วจะรู้ว่ามันคุ้มที่จะสละเวลานอนเพื่อสัมผัสบรรยากาศในตอนเช้าตรู่แบบนี้ . . . . . . . . . เห็นแบบนี้แล้ว มาตื่นเช้าๆ กันเถอะ ที่มา boredpanda l behance.net
-
13 กลเม็ดเช็ดแม่ของมิจฉาชีพ ที่ใช้ดักข้อมูลจากตู้ ATM มันเนียนซะจนคุณดูไม่ออก…
เป็นที่รู้กันดีว่าการใช้ตู้ ATM แต่ละครั้งต้องระมัดระวังให้มาก เพราะเราไม่รู้เลยว่ามิจฉาชีพจะมาในรูปแบบไหน โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ การดักข้อมูลจากตู้ ATM มีหลากหลายวิธีเกินกว่าที่เราจะรู้ทัน ดังนั้นเราก็ควรที่จะศึกษาหาความรู้เพื่อป้องกันตัวเองเอาไว้บ้าง บางทีภายนอกตู้ ATM อาจดูปกติ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะใช้ได้อย่างปลอดภัย เพราะมิจฉาชีพอาจจะวางกับดักไว้แล้ว และคุณก็จะตกเป็นเหยื่อทันทีที่เข้าไปใช้ เพราะฉะนั้นแล้วเรามาดูกันเถอะว่า ทุกวันนี้การปล้นตู้ ATM ไปถึงขั้นไหนแล้ว จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของกระบวนการเหล่านี้ 1. บางทีตู้ ATM ที่เราเห็นอาจถูกสวมรอยทั้งตู้เลยก็ได้ 2. ที่เสียบบัตรปลอมของโจร เหมือนจนแทบแยกไม่ออก 3. อาจมีกล้องซ่อนอยู่ตามจุดที่คาดไม่ถึงเพื่อแอบดูรหัสของคุณ 4. ตู้ปลอมมักมีร่องรอยของการงัดแงะ 5. มิจฉาชีพสามารถซ่อนกล้องได้ทุกที่ 6. ปุ่มกดปลอม มาพร้อมทั้งเครื่องดักข้อมูลบัตร 7. ปลอมแปลงช่องจ่ายเงิน 8. กล้องขนาดเล็กที่แอบซ่อนในช่องกดรหัส 9. แม้แต่ช่องเสียบบัตรก็อาจจะเป็นของที่โจรนำมาติดตั้งเอง 10. เครื่องดักข้อมูล ATM พร้อมจะส่งข้อมูลที่ดักมาได้ผ่านทาง…
-
สุดซึ้ง… พ่อปั่นจักรยานไกล 2,300 กม. เพื่อไปฟังเสียงหัวใจลูกสาว ที่เต้นอยู่ในร่างชายอีกคน
สำหรับหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่แล้ว คงไม่มีสิ่งไหนที่จะสำคัญไปกว่าชีวิตของลูกสุดที่รัก และสิ่งที่จะทำให้พวกเขาเศร้าได้มากที่สุด ก็คือการจากไปของลูก.. เช่นเดียวกับ Bill Conner ชายหนุ่มที่ได้สูญเสีย Abbey ลูกสาววัย 20 ไปจากอุบัติเหตุทางน้ำ แต่การจากไปของเธอก็นำมาซึ่งชีวิตใหม่ของชายอีกคนหนึ่ง ด้วยความรู้สึกคิดถึงลูกสาวอย่างสุดขั้วหัวใจ ทำให้คุณพ่อตัดสินใจปั่นจักรยานเป็นระยะทางไกลกว่า 2,300 กม. เพื่อมาพบกับชายที่ชื่อว่า Loumonth Jack Jr. ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 5 เดือนก่อน Abbey ประสบอุบัติเหตุทางน้ำ มีเจ้าหน้าที่ไปพบตัวเธอและพี่ชายนอนสลบอยู่ในสระน้ำอย่างขาดสติ โชคดีที่เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือทั้งสองคนมาได้ แต่น่าเศร้าที่สมองของ Abbey ได้รับความเสียหายมากเกินไปทำให้ทีมแพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตเธอไว้ได้ ช่วงก่อนที่เธอจะจากไป ครอบครัวได้ทำเรื่องบริจาคอวัยวะไว้ และการจากไปของ Abbey ก็ได้ต่อชีวิตให้กับชายคนหนึ่ง หัวใจของลูกสาวเพียงคนเดียวถูกนำไปบริจาคให้กับ Loumonth Jack Jr. ชายหนุ่มชายเมืองหลุยเซียน่า และทันทีที่พ่อของเธอรู้ว่าหัวใจของลูกสาวอยู่ในตัวชายคนนี้ เขาก็รีบเดินทางไปเยี่ยมเยียนทันที “ตอนนี้คนเดียวที่ได้รับบริจาคอวัยวะจากลูกสาวผม ก็คือ Loumonth ไม่น่าเชื่อว่าหัวใจของเธอจะสามารถช่วยต่อลมหายใจให้กับเขาได้ ผมจึงติดต่อหน่วยงานให้ประสานงานติดต่อว่าผมอยากเดินทางไปพบเขา” คุณพ่อเล่า ภาพถ่ายครอบครัวของ Bill Conner หลังจากนั้นคุณพ่อก็ได้ปั่นจักรยานเดินทางจากรัฐวิสคอนซินสู่เมือง Baton…
-
ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากชาวอังกฤษ ว่าเห็น “ควีนอลิซาเบธ” นั่งรถไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
ในพิธีกล่าวเปิดการประชุมสภาของควีนอลิซาเบธที่ 2 ที่ผ่านมา นอกจากประเด็นการแต่งกายของพระองค์ที่ชาวเน็ตหยิบไปตีความเกี่ยวกับเรื่อง Brexit แล้ว ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่ชาวอังกฤษให้ความสนใจไม่แพ้กัน (อ่านขาวเก่า ชาวเน็ตแซว “ควีนอลิซาเบธ” จิกกัดรัฐบาลอังกฤษเรื่อง Brexit ด้วยชุดสุดงามของพระองค์ ) ในระหว่างขบวนเสด็จขององค์ราชินีแห่งสหราชอาณาจักร มีคนตาแหลมผู้หนึ่งได้เหลือบไปเห็นที่เบาะหลังของรถพระที่นั่งที่พระราชินีทรงเสด็จมาด้วย และสิ่งที่เขาสังเกตุเห็นนั่นก็คือองค์ราชินีไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ภาพของควีนอลิซาเบธที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ในรถพระที่นั่ง และไม่รู้ว่าด้วยความเป็นห่วงพระองค์หรือความคิดทะลึ่งของบุคคลผู้นี้ เขาได้โทรไปแจ้งกับเบอร์ 999 ว่าควีนของเขานั้นไม่ได้คาดเข็มขัด ซึ่งเบอร์ดังกล่าวนั้นมีไว้สำหรับในการแจ้งเรื่องฉุกเฉินเท่านั้น เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยโดยทวีตเตอร์ของสถานีตำรวจจากเมือง West Yorkshire ข้อความจากสถานีตำรวจที่บอกว่าได้รับสายจากบุคคลนิรนามที่โทรมาแจ้งว่าพระราชินีอลิซาเบธไม่ได้คาดเข็มขัด แต่อย่างไรก็ตามการไม่คาดเข็มขัดของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 นั้นถือว่าไม่มีบทลงโทษทางกฎหมายแต่อย่างใด เนื่องจากมีบางข้อยกเว้นให้สำหรับพระองค์ ตัวอย่างเช่น การขับรถแบบไม่ต้องใช้ใบอนุญาตขับขี่เหมือนประชาชนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ทางผู้สื่อข่าวจาก Metro ได้แสดงความเห็นว่าการกระทำดังกล่าวนั้นอาจเป็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมแก่ประชาชนท่านอื่น ซึ่งอันที่จริงแล้วถ้าหากประชาชนทั่วไปไม่คาดเข็มขัดนิรภัยระหว่างขับรถยนต์นั้นจะถูกปรับเป็นเงิน 500 ยูโร หรือประมาณ 18,000 บาท หลังจากมีประเด็นดังกล่าว ก็เกิดเป็นไวรัลทางโลกออนไลน์ของอังกฤษ และมีผู้คนส่งต่อทั้งในทางเห็นด้วยกับคนแจ้ง หรือไม่ก็แซวว่าคนแจ้งคิดมากเกินไป หรือบางคนก็พูดถึงองค์ราชินีของพวกเขาในเชิงแสดงความเคารพรัก ส่วนทางเว็บไซต์ของสำนักราชวังอังกฤษได้กล่าวผ่านเว็บไซต์ว่า “สมเด็จพระราชินีนั้นได้ทรงระวังและตรวจสอบกิจกรรมต่างๆ ของพระองค์ เพื่อให้แน่ใจว่าการกระทำเหล่านั้นถูกต้องตามกฎหมาย…
-
เจ้าหน้าที่เตือนภัย พบกล้องจิ๋วซ่อนไว้ในห้องน้ำ “คนพิการ” หวังแอบถ่ายภาพหลุด..!!
ถึงแม้ว่าเหตุการณ์อุทาหรณ์ครั้งนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศไทย แต่เราเชื่อว่าอย่างน้อยมันก็น่าจะช่วยให้เราตระหนักถึงภัยใกล้ตัวมากได้ยิ่งขึ้น โดยเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2017 เว็บไซต์ Metro ได้รายงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ห้าง Matalan and Lidl แห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้าง พบว่ามีการแอบซ่อนกล้องขนาดเล็กไว้ในห้องน้ำของคนพิการ!! กล้องวงจรปิดที่ถูกค้นพบ ลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับเครื่องพ่นสเปรย์ปรับอากาศ Adedeji Adebanwo หัวหน้าฝ่ายรักษาการของห้าง ได้เข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับกลุ่มลูกค้าผู้มีความต้องการพิเศษ ทว่าเจ้าตัวกลับไปพบกล้องขนาดเล็กเข้า “พอดีว่าวันนั้นผมเข้าไปตรวจสอบอุปกรณ์ความพร้อมในห้องน้ำ ปรากฎว่าผมไปสังเกตเห็นเครื่องเล็กๆ นี่เข้า คือ..จะว่าไปมันก็ไม่เหมือนเครื่องปรับอากาศ พอแงะออกมาดูก็พบว่ามันเป็นกล้องแอบถ่ายจริงๆ ด้วย” หัวหน้ารักษาการประจำห้างได้ชี้แจงกับสื่อท้องถิ่นว่า เหตุการณ์ดังกล่าวควรจะเป็นปัญหาที่ผู้คนหันมาตระหนักและให้ความสำคัญมากขึ้น “ในแต่ละวันมีทั้งเด็ก สุภาพสตรี และผู้สูงอายุ ต่างเข้ามาใช้บริการห้องน้ำ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจมากและการแอบถ่ายผู้อื่นก็เป็นเรื่องผิดกฎหมายด้วยเช่นเดียวกัน” Adebanwo กล่าวเสริม ในยุคที่เทคโนโลยีมีราคาถูกลงเรื่อยๆ แทบไม่น่าเชื่อว่ากล้องขนาดจิ๋วที่ใช้แอบถ่ายภาพหลุด จะสามารถหาซื้อได้ในราคาไม่ถึงหลักพัน และสั่งซื้อได้ตามเว็บไซต์ทั่วไป… จากเรื่องนี้ทำให้เราได้รู้ว่าแม้แต่ห้องน้ำในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ยังมีการแอบติดตั้งกล้องได้ ดังนั้นเราแทบจะไม่รู้เลยว่าตามห้องน้ำสาธารณะจะมีคนแอบเอากล้องมาติดไว้มากขนาดไหน ถือว่าเป็นอีกภัยร้ายใกล้ตัวที่น่ากลัวมากๆ เลยนะเนี่ย ที่มา: Metro
-
เผยหน้าตา “กำแพงเมืองทรัมป์” กั้นสหรัฐ-เม็กซิโก พร้อมโซลาร์เซลล์ยักษ์ ผลิตไฟฟ้าได้อีก!!
หนึ่งในแคมเปญดังของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ ก็คือโครงการกำแพงเมืองที่กั้นระหว่างชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ที่ไม่น่าเชื่อว่าพี่แกจะพูดจริงทำจริงไม่ทิ้งประชาชน!! โดยเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา จากการประชุมในรัฐสภาประธานาธิบดีได้ออกคำสั่งให้ผู้นำพรรครีพับลิคกัน ได้มีการสร้างกำแพงดังกล่าวด้วยแผงโซลาร์เซลล์ หวังประหยัดพลังงานเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ภาพจากกำแพงชายแดน สหรัฐ-เม็กซิโก ที่ San Ysidro รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2017 Bryan Birsic ผู้บริหารบริษัท Wunder Capital ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “เราตื่นเต้นมากกับนโยบายของทรัมป์ ที่หันมาใช้ประโยชน์ และให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าที่ได้จากแผงโซลาร์เซลล์” กำแพงรูปแบบใหม่จะถูกสร้างด้วยแผงโซลาร์เซลล์ทั้งหมด โดยเชื่อว่าจะสามารถช่วยประหยัดพลังงานในการก่อสร้างต่อไปได้อีก นี่คือตัวอย่างกำแพงที่จะหันหน้าเข้าฝั่งเม็กซิโก โดยมันจะหันเข้าทางทิศใต้เพื่อที่จะได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์อย่างเต็มเปี่ยม ในส่วนบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง ก็จะมีการเสริมคอนกรีตเข้าไปให้สอดคล้องกับแบบแปลนของสถานีตม. Thomas Gleason หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท Gleason Partners LLC ได้ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการนี้กับ Business Insider ว่า “กำแพงโซลาร์เซลล์ดังกล่าวจะช่วยให้เราสามารถประหยัดพลังงานในการก่อสร้างไปได้อีก 20 ปี และเป็นโอกาสดีที่จะเริ่มดำเนินโครงการในเร็วๆ…
-
ฝันสลาย…Straddling Bus ระบบโดยสารครอบถนนของจีน ถูก “ยกเลิก” เรียบร้อยแล้ว
เมื่อปีก่อนเราอาจจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับรถขนส่งมวลชนประเทศจีนที่สามารถจะเดินทางครอบถนนได้อย่าง Straddling Bus ที่สามารถแก้ปัญหารถติดได้อย่างชาญฉลาด (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ มาให้เห็นจริงแล้ว!! จีนเปิดตัว “รถบัสไฮเทค” วิ่งคร่อมถนน ไม่แคร์ทุกปัญหารถติด) แต่ดูเหมือนว่าโครงการนี้จะไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันได้หลังจากการเปิดตัวครั้งแรกทุกอย่างก็เริ่มดูแย่ลงเมื่อสื่อของจีนวิจารณ์สิ่งนี้ว่าดูใหญ่และเทอะทะไป รวมไปถึงเรื่องการดำเนินงานของบริษัทแม่อย่าง TEB Technology ที่ระดมเงินทุนกว่าพันล้านหยวนผ่านการลงทุนแบบ P2P แต่ใช้เงินไปจริงๆเพียงแค่ 200 ล้านหยวน หากเห็นภาพแล้วก็อาจจะร้องอ๋ออ ~ เจ้ารถรางนี้เอง ด้วยผลงานที่ยังไม่เป็นรูปธรรมและการทดลองใช้ที่จำนวนน้อยครั้ง ทำให้ผู้ลงทุนเกิดความไม่มั่นใจและเรียกเงินทุนของตนเองคืนเป็นจำนวนหลายราย ความไม่น่าเชื่อถือของการบริหารจัดการโครงการ ทำให้การพัฒนารถ Straddling Bus ถูกยกเลิกไป ปลายปี 2016 ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า Straddling Bus ของบริษัท TEB นั้นไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด อีกทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทยังออกมาบอกกับสื่อว่าพวกเขาถูกบริษัทลืมไปแล้ว!? Straddling Bus ถูกจอดทิ้งไว้ในโรงรถของมัน ในปัจจุบันรัฐบาลเมือง Qinghuangdao มีรายงานว่าจะไม่ต่อสัญญาเกี่ยวกับพื้นที่สำหรับนักพัฒนาของ TEB ในโปรเจ็คนี้ โดยสัญญานี้จะสิ้นสุดลงในเดือนกรกฎาคมดังนั้นเจ้ารถ Straddling Bus…
-
ชาวบ้านแตกตื่น ‘ลูกแกะประหลาด’ เชื่อซาตานส่งมา ฝ่ายนักวิทย์โต้เดือด มันไม่ใช่งั้นว๊อย!!
ทุกวันนี้โลกของเรามีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งบางอย่างแม้แต่นักวิทยาศาสตร์หรือผู้เชี่ยวชาญก็อธิบายไม่ได้ อย่างลูกแกะรูปร่างประหลาดตัวนี้ที่ชาวบ้านเชื่อว่าถูกซาตานส่งมาเกิด ลูกแกะประหลาดนี้เกิดในเทศบาลเมือง Chris Hani มลรัฐ Eastern Cape ของแอฟริกาใต้ มีลักษณะครึ่งมนุษย์ครึ่งแกะ มีกีบเท้าและมีผิวสีชมพู ทำเอาชาวบ้านพากันแตกตื่นไปตามๆ กัน ชาวบ้านบางคนเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ซาตานส่งมาเกิด อีกกลุ่มหนึ่งก็คิดว่ามันเกิดจากการฉีดอสุจิมนุษย์เข้าไปในตัวแม่แกะในขณะที่บางคนเห็นจากภาพแล้วคิดว่ามันเป็นแค่ภาพตัดต่อเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่จาก Eastern Cape Department of Rural Development ยืนยันว่าภาพสิ่งมีชีวิตที่เห็นนั้นถูกถ่ายมาจากของจริง ไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ ทั้งสิ้น ทางด้าน Lubabalo Mrwebi หัวหน้าผู้อำนวยการฝ่ายบริการสัตวแพทย์ บอกว่าจากการทดสอบพบว่าสิ่งมีชีวิตนี้เป็นลูกแกะจริงๆ แม้จะมีรูปร่างที่แปลกออกไปก็ตาม เขายังบอกอีกว่า “อย่างไรก็ตามเรายังต้องทำการทดสอบว่าความผิดปกติดังกล่าวนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะมันเหมือนมนุษย์ที่ไม่ใช่มนุษย์ ในขณะเดียวกันมันก็เหมือนแกะที่ยังไม่สมบูรณ์ หรือมันอาจจะติดเชื้อระหว่างการตั้งครรภ์ก็เป็นได้ครับ” จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องแปลก หากสัตว์จะติดเชื้อในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ แต่หากติดเชื้อแล้วมันจะส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ เหมือนกับแกะประหลาดตัวนี้ ในระหว่างการทดสอบหาข้อเท็จริงนี้ Lubabalo ก็ได้ออกมาเตือนประชาชนว่าอย่างเพิ่งแตกตื่นกับแกะประหลาดตัวนี้ และที่ยืนยันได้ตอนนี้คือมันไม่ได้เกิดจากการผสมกันระหว่างไข่แกะกับอสุจิมนุษย์แน่นอน เขายังบอกอีกว่า “เนื่องจากแม่ได้ตั้งครรภ์เมื่อ 5 เดือนก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่มีฝนตกหนักและมีความชื้นสูงมาก อาจเป็นไปได้ว่ามันอาจจะถูกยุงกัด…
-
เจ้าเหมียวถูกทิ้งไว้กลางถนน ร้องเมี๊ยวๆ ให้คนช่วย จนแผนสำเร็จ ได้บ้านใหม่เรียบร้อย!!
หากเพื่อนๆ เห็นสัตว์ถูกทิ้งอยู่กลางถนนจะทำยังไง? จะเดินผ่านมันไปหรือจะเข้าไปช่วยเหลือมัน? แต่สำหรับชายคนนี้เขาเลือกที่จะเข้าไปช่วย หลังจากเห็นแมวตัวนี้กำลังอยู่ในกรงบนถนน ในขณะที่ George เดินไปตามถนน Leyton ในลอนดอน เขาก็เห็นตะกร้าที่มีแมวอยู่ข้างใน จึงรู้ทันทีว่ามันต้องถูกทิ้งมาแน่ๆ เมื่อเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงมันร้องเมี้ยวๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะตอนนั้นตะกร้าของมันร้อนมาก ชายหนุ่มก็เลยย้ายมันไปอยู่ในที่ร่ม จังหวะนั้นเองเขาก็เห็นชายคนหนึ่งที่หลบอยู่หลังต้นไม้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนที่นำแมวตัวนี้มาทิ้งแล้วคอยแอบดูจนกว่าจะมีคนมาเก็บมันไป และเมื่อเห็น George เขาก็รีบวิ่งหนีไปทันที George ไม่รอช้า รีบแจ้งตำรวจถึงเหตุการณ์นี้ โดยหญิงคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ก็แนะนำให้เขาขอความช่วยเหลือจาก Celia Hammond Animal Trust กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ใน Lewisham ของลอนดอน เมื่อกลุ่มอาสาสมัครจาก Celia Hammond มาถึง George ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะจริงๆ แล้วเขากะจะรับมันไปเลี้ยง แต่บ้านพักที่เช่าอยู่ไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ ก็เลยต้องปล่อยให้มันอยู่ในศูนย์พักพิง และตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมมันบ่อยๆ ตอนนี้เจ้าเหมียวมีชื่อใหม่ว่า Marcus โดยอยู่ในการดูแลของ Celia Hammond ซึ่งทุกคนก็มักจะกอดและให้ความรักกับมันเสมอ เพื่อปลอบโยนมันหลังจากผ่านการถูกทิ้ง นอกจากนี้อาสาสมัครกำลังอยู่ในช่วงหาบ้านใหม่ให้มันด้วย แต่ทั้งนี้ต้องหาบ้านที่รัก Marcus และต้องเช็คให้มั่นใจว่าคนที่รับเลี้ยงจะไม่ทิ้งมันอีก แม้จะเพิ่งถูกทิ้ง แต่น้องเหมียวได้รับการเยียวยาจิตใจจนพร้อมที่จะเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่แล้ว และคาดว่ามันจะได้บ้านในอีกไม่ช้านี้…
-
ร้อนหนาวไม่เท่ากัน!? ไม่เป็นไร เรามีเตียงที่แบ่งแยกอุณหภูมิได้ ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
ร่างกายของคนเรานั้นมักจะรับความร้อนหนาวไม่เท่ากัน ทำให้คู่รักหลายๆ คู่มักจะมีปัญหาเวลานอนเช่น อยากนอนเตียงเดียวกันแต่ภรรยาร้อน สามีหนาว จนทำให้หลายๆ คู่ต้องแยกกันนอน แต่จะดีแค่ไหนหากคู่รักได้นอนเตียงเดียวกันภายใต้อุณหภูมิที่แตกต่างกัน อย่างเตียงที่ออกแบบโดย SmartDuvet Breeze ที่จะทำให้การนอนหลับของคุณสบายยิ่งขึ้น แถมยังกระชับความสัมพันธ์ของคู่รักด้วย และนี่คือครั้งแรกของโลกกับเตียงนอนที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ โดยจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผ้าปูที่นอนกับผ้านวม ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิด้วยตัวเอง เตียงดังกล่าวนี้ปรับอุณหภูมิผ่านแอพพลิเคชั่นผ่านสมาร์ทโฟนและกล่องควบคุมที่ติดตั้งไว้ใต้เตียง โดยปรับไว้อุณหภูมิไว้ก่อนนอน แต่หากคุณไม่อยากนอนภายใต้สภาพอากาศนั้นทั้งคืนก็สามารถตั้งเวลาไว้ได้ด้วย ไอเดียเตียงปรับอุณภูมิถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Indiegogo เพื่อระดมทุนประมาณ 600,000 บาท สำหรับใช้ในการผลิตเตียงสู่ท้องตลาด แต่เพียงไม่นานพวกเขาได้เงินกว่า 6 ล้านบาท นั่นหมายความว่าเตียงปรับอุณหภูมินี้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ดังนั้นแทนที่คุณจะแยกเตียงหรือแยกห้องนอน เราแนะนำให้คุณซื้อเตียงปรับอุณภูมิจาก SmartDuvet Breeze ที่กำลังจะวางขายในราคา 6,700 บาท รับรองว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน ต่อไปเราลองมาดูความรู้สึกของชาวเน็ตที่มีต่อเจ้าเตียงตัวนี้กันบ้างดีกว่า กริ๊ดดด เตียงแบบนี้แหละเหมาะกับชีวิตแบบฉันมากที่สุด มันเจ๋งตรงปรับอุณหภูมิได้นี่แหละ แต่ก็มีคนที่ไม่ค่อยมั่นใจกับเตียงดังกล่าวเหมือนกัน… เอิ่ม ผมคิดว่าเราไม่ควรมีสมาร์ทโฟนไว้บนเตียงเวลานอนนะ…
-
ออสเตรเลียจัดกิจกรรมให้ CEO นอนข้างถนนเหมือนคนจรจัด 1 คืน เพื่อหาเงินช่วยคนเร่ร่อน
หลายประเทศกำลังประสบกับปัญหาคนจรจัดเกลื่อนเมือง ซึ่งการรอพึ่งแต่รัฐบาลอย่างเดียวคงจะไม่เพียงพอ ดังนั้นประชาชนของแต่ละประเทศควรมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหานี้ด้วย เหมือนกับ CEOSleepout ซึ่งเป็นโครงการการกุศลของออสเตรเลียที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายวัฏจักรของคนเร่ร่อน ที่ริเริ่มจาก St. Vincent de Paul Society ในทุกๆ ปี CEO จากทั่วประเทศออสเตรเลียจะมารวมตัวกันเพื่อทำโปรเจกต์ “Sleep Out” หรือการนอนข้างถนนเป็นเวลา 1 คืน สำหรับหาเงินบริจาคเพื่อจะเอาไปช่วยเหลือคนจรจัดหลายพันคนในประเทศ ทั้งนี้ประชาชนทั่วไปก็สามารถร่วมเป็นสปอนเซอร์ให้กับ CEO ที่นอนข้างถนนได้ โดย CEO แต่ละคนจะมีเป้าหมายไม่เท่ากัน บางคนตั้งเป้าไว้สูงถึง 5 ล้านบาท ในขณะที่บางคนทำเท่าที่จะทำได้ สำหรับ CEOSleepout ปี 2017 นี้ ได้เริ่มขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยมี CEO หลายร้อยคนเข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะไปนอนตามที่ต่างๆ ทั่วประเทศออสเตรเลีย พวกเขาจะมีกระดาษแข็งไว้ปูนอน รวมทั้งเอาไว้บังลมด้วย และต้องพยายามนอนในค่ำคืนที่สภาพอากาศหนาวเย็นให้ได้ แน่นอนว่ามันไม่มีความสบายเลย แต่พวกเขาต้องผ่านไปให้ได้เพื่อคนจรจัดหลายพันคนในประเทศ ในขณะเดียวกันทาง CEOSleepout ก็โพสต์วิดีโอผ่านทวิตเตอร์ ที่ให้…
-
“White Jewel” สตรอเบอร์รี่สีขาว รสหวานฉ่ำ ราคาสูงปรี๊ด และมีเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น
ในแต่ละฤดูกาลมักจะมีของกินประจำฤดูนั้น และวันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพาเพื่อนๆ ไปตะลุยประเทศญี่ปุ่น ไปดู “สตรอเบอร์รี่สีขาว” ที่มีเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แน่นอนว่าผู้คนส่วนมากอาจจะยังไม่เห็นสตรอเบอร์รี่สีขาว แต่รู้มั้ยว่ามันเป็นผลไม้ที่ได้วางขายทั่วตลาดญึ่ปุ่นมานานหลายปีแล้ว ทั้งนี้ประเทศในแถบเอเชียจะมีพันธุ์สตรอเบอร์รี่สีขาวหลายชนิด แต่ White Jewel หรือ Hiroi Houseki ถือเป็นพันธุ์ที่มีความโดดเด่น เพราะหายากและราคาแพงที่สุด สตรอเบอร์รี่ White Jewel ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อ 4 ก่อน โดย Yasuhito Teshima จนทุกวันนี้ฟาร์มของเขาในจังหวัด Saga ของญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นหนึ่งเดียวในโลกที่ปลูกสตรอเบอร์รี่สีขาวนี้ Teshima บอกว่าเขาใช้เวลาหลายสิบปีในการคิดค้นและดัดแปลงสตรอเบอร์รี่ให้มีหลากหลายพันธุ์ จนได้สตรอเบอร์รี่ที่ขาวทั้งภายนอกและภายใน ส่วนเคล็ดลับของการปลูกสตรอเบอร์รี่ White Jewel คือ ต้องลดการสัมผัสกับแสงแดด เพราะจะเป็นการช่วยลดลดระดับแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารในธรรมชาติที่ทำให้สีแก่ผักและผลไม้ แต่กว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ Teshima บอกว่าเขาต้องพบกับความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง เพราะตอนแรกสตรอเบอร์รี่เป็นสีขาวแค่ 10% นั้น ส่วนที่เหลือก็จะมีเนื้อแดงเหมือนสตรอเบอร์รี่ทั่วไป แต่หลังจากที่พยายามมาอย่างหนัก สตรอเบอร์รี่ White Jewel ก็ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ และต่อให้มันโดนแดด มันก็จะไม่กลับไปเป็นสีแดงอีก นี่ถือเป็นพันธุ์สตรอเบอร์รี่ทั้งหายากและปลูกยากมากๆ ดังนั้นเขาจึงสามารถตั้งราคาสูงได้ตามต้องการ…
-
23 สิ่งที่ “คนจัดฟัน” ต้องเจอประสบการณ์สุดช้ำ ถ้ารู้ว่าต้องเจอแบบนี้ขอบายดีกว่า!!!
ปัจจุบันการจัดฟันนั้นไม่ใช่เพื่อจัดระเบียบฟันเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่บางคนจัดเพราะอยากสวยอยากหล่อ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่มักทำตามกันเป็นแฟชั่น และหากใครเป็นมนุษย์ฟันเหล็กหรือคนจัดฟันแล้ว จะมีประสบการณ์เฉพาะที่คนจัดฟันเท่านั้นจะเข้าใจ แต่จะมีอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลยค่ะ เผื่อเป็นข้อคิดให้คนที่กำลังคิดจะจัดฟัน 1. เริ่มด้วยการพิมพ์ฟันด้วยวัตถุชิ้นนี้ 2. มันคือผงปูนที่เอาผสมกับน้ำที่หมอใช้พิมพ์ฟันให้คุณ 3. หลังจากพิมพ์เสร็จ มันก็จะออกมาเป็นแบบนี้ 4. คนดัดฟันทุกคนต้องเคยโดนถ่างปากแบบนี้ 5. หลังจากจัดไปสักพัก คุณจะได้ใช้ยางวงเล็กๆ นี้ดึงฟันทุกวัน 6. แต่บางทีก็มีหลงๆ ลืมๆ บ้าง เลยต้องตั้งเวลาเตือนตัวเองเสมอ 7. เวลาจัดฟันใหม่ๆ จะยิ้มเห็นฟันไม่ได้ เพราะมันเหยินมาก เลยต้องอมเอาไว้แบบนี้ 8. เวลาถ่ายรูป เอ้า ชีสสสสสส… ยิ้มได้แค่นี้แหละ 9. แปรงฟันที่ใช้บานแล้วบานอีก ต้องเปลี่ยนบ่อยมาก 10. ที่แย่ที่สุดคือเวลาหมอตัดเหล็กที่เกินมาออกไม่หมด คุณจะรู้สึกเหมือนโดนเข้มทิ่มปากตลอดเวลา 11. แล้วคุณก็ต้องอยู่กับความเจ็บปวดนั้นจนกว่าจะได้ไปหาหมออีกครั้ง…
-
หญิงสาวป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย อยากจะเจอ ‘Ed Sheeran’ ตัวจริงก่อนตาย แล้วเขาก็สานฝันให้เธอ!!
คนส่วนใหญ่ต่างก็มีความฝันที่อยากให้เป็นจริงสักครั้งในชีวิต แต่ด้วยเงื่อนไขหลายๆ อย่าง อาจทำให้เราพลาดความฝันนั้นไป และหากโชคดีหน่อยฝันของคุณอาจเป็นจริงในวินาทีสุดท้ายก็ได้ เหมือนกับ Sophia Gall สาววัย 15 ปี จากรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ที่ป่วยเป็นมะเร็งตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2015 และเธอก็มีความปรารถนาสุดท้ายคือการได้เจอนักร้อง Ed Sheeran กับ Ellen DeGeneres จากรายทีวีในอเมริกัน Sophia เป็นมะเร็งในกระดูกชนิดที่หายากและอาการก็แย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มะเร็งของเธอก็ลามเข้าสู่ระยะสุดท้าย ด้วยเหตุนี้หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินทางไปยุโรปเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน เพื่อทำความปรารถนาสุดท้ายให้เป็นจริง และเธอก็ทำสำเร็จ เพราะรูปล่าสุดในอินสตาแกรม เป็นภาพที่เธอเซลฟี่กับ Ed Sheeran ในภาพดังกล่าว Sophia เขียนแคปชั่นว่า “ในที่สุดฉันก็เจอนักร้องโปรดของฉัน ฉันมีความสุขมากจริงๆ ฉันอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ไม่อยากให้ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ผ่านไปเลย” เธอยังบอกอีกว่า “Ed Sheeran เป็นนักร้องที่ฉันชื่นชอบมากๆ และเพลงของเขาก็เป็นกำลังใจให้ฉันสู้กับโรคร้ายนี้มาตลอดค่ะ” ก่อนหน้านี้ Sophia ได้โพสต์วิดีโอในเฟซบุ๊กของเธอ โดยบอกว่ามะเร็งได้ลามไปยังขาและยังคงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญมันไม่มีทางรักษาให้หายด้วย โดยก่อนที่ Sophia จะตรวจพบโรคมะเร็งนั้น เธอเป็นทั้งนักฟุตบอลและนักเต้นที่เก่งมาก…
-
ชาวเน็ตจีนเรียกร้องให้ตรวจสอบสวนสัตว์ หลังมีการเผยภาพ “เจ้าหมีที่ซูบผอม” เหลือหนังหุ้มกระดูก
สวนสัตว์แห่งหนึ่งในประเทศจีนถูกเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับการดูแลสัตว์ของพวกเขา หลังจากมีผู้บันทึกภาพของเจ้าหมีสีน้ำตาล ตัวหนึ่งที่มีสภาพผอมแห้งเหลือแต่กระดูก ภาพของเจ้าหมีที่ดูเหมือนกับว่าขาดสารอาหารถูกถ่ายจากสวนสัตว์ในเมือง Xinxiang ในมณฑลเหอหนาน และได้มีการอัพเดทลงในเว็บไซต์ Weibo เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา และนี่คือภาพของเจ้าหมีตัวดังกล่าว สื่อท้องถิ่นได้รายงานว่าทางสวนสัตว์นั้นออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าว โดยกล่าวว่าพวกสัตว์นั้นได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและมีการตรวจร่างกายเป็นประจำอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ภาพของเจ้าหมีตัวดังกล่าวถูกโพสต์ลงในโลกอินเตอร์เน็ต ก็ได้มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก บางคนถึงกับบอกว่าไม่เคยเห็นหมีที่ผอมขนาดนี้มาก่อน หรือบางคนก็เขียนตอบโพสต์รูปดังกล่าวว่า “เนี่ยนะคือหมีสุขภาพดี อย่ามาหลอกกันหน่อยเลยน่า ฉันไม่เชื่อหรอ!!” ด้าน Jill Robinson เจ้าหน้าที่จากองค์กรรักษาสัตว์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “เรากังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเจ้าหมี มันดูผอมแห้งและสภาพแย่อย่างเห็นได้ชัด ในภาพเหมือนกับว่าเจ้าหมีตัวดังกล่าวกำลังมองหานักท่องเที่ยวและกำลังรออาหารจากพวกเขา เห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ได้รับอาหารและการดูแลที่เหมาะสม” แต่อย่างไรก็ตามทางสวนสัตว์ก็ยังคงยืนยันว่าเจ้าหมีตัวดังกล่าวนั้นได้รับอาหารและการดูแลเป็นอย่างดี “อันที่จริงแล้วหมีสีน้ำตาลนั้นจะมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วกกว่าหมีพันธุ์อื่นๆ และตอนนี้มันกำลังอยู่ในช่วงของการผลัดขน ซึ่งในช่วงดังกล่าวจะเกิดขึ้นในฤดูร้อน และตัวของพวกมันจะดูเล็กลงและดูบอบบางอย่างมาก ตอนนี้สัตวแพทย์กำลังดูแลพวกมันอย่างใกล้ชิด” “การทำตามความต้องการของผู้คนทั่วไปนั้นอาจจะเป็นเรื่องยาก เพราะบางครั้งพวกสัตว์ก็จะต้องมีการปรับตัวตามธรรมชาติที่เปลี่ยนไป ซึ่งอาจทำให้พวกมันดูผอมหรือดูแปลกไปจากปรกติ แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาควรจะทำนั่นก็คือการทบทวนเกี่ยวกับสวัสดิภาพของพวกมันอย่างเช่นในส่วนของสภาพแวดล้อมในกรง” Jason Baker ประธานจากองค์กร PETA กล่าว ที่มา dailymail
-
สุดฟิน!! พนักงานก่อสร้างเปลี่ยน “กระบะรถ” ให้กลายเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัว สู้กับอากาศร้อน
ในวันที่อากาศร้อนๆ แล้วคุณต้องทำงานหนักกลางแดด โอโห… แค่คิด หลายๆ คนก็เหงื่อออกเป็นเม็ดๆ แล้วใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องถึงขั้นออกไปทำงานกลางแดดจริงๆ หรอกใช่ไหม?? แต่ถึงแดดจะร้อนแค่ไหน หน้าที่การงานของเรานั้นก็คงจะละเลยเสียไม่ได้ และหลายๆ คนก็อาจจะมีวิธีที่ทำให้สนุกกับงานกลางแจ้งได้ ไม่ว่าจะเป็นการสวมเสื้อแขนยาว หรือการทาครีมกันแดด และพี่ๆ คนงานก่อสร้างจากประเทศอังกฤษเหล่านี้ก็เช่นกัน พวกเขาก็มีวิธีคลายร้อนที่ไม่ธรรมดาเลย… ท่ามกลางแสงแดดตอนกลางวันที่ร้อนสุดๆ คุณ Steve Moran คนงานวัย 47 ปีและเพื่อนร่วมงานของเขาคุณ Alex Williams วัย 33 ปี กำลังเตรียมกระบะของรถบรรทุกพวกเขาเพื่อใช้สำหรับขนคอนกรีต โดยการเติมน้ำเพื่อทำให้มันเย็นลง แต่ครั้นจะปล่อยน้ำพวกนั้นออกไปให้เปล่าประโยชน์พวกเขากลับลงไปว่ายเพื่อคลายร้อนเอง จากนั้นหลังกระบะของรถบรรทุกคนดังกล่าวจึงกลายเป็นสระว่ายน้ำไปเลย!! นี่มันสวรรค์ชัดๆ !! ทั้งคู่ลงไปแช่ในสระว่ายน้ำส่วนตัวหลังจากทานมื้อกลางวันเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่สนุกสนานกับสระว่ายน้ำของพวกเขาพร้อมกับเจ้าเป็ดพลาสติกที่ชื่อว่า Edward นาย Steve และ Alex ทำงานในบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งเมือง Plympton ในมลฑล Devon ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหราชอาณาจักร ทั้งคู่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการเติมน้ำใส่กระบะของรถที่สูงถึง 2 เมตรจากพื้น Steve กล่าวว่า “มันรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวชายหาดเลย เวลาที่คุณมีสระว่ายน้ำเป็นของตัวเอง พวกเราต้องเติมน้ำก่อนที่จะเทคอนกรีตลงไป “ สระว่ายน้ำดังกล่าวพร้อมกับเจ้าเป็ด Edward…
-
ภาพเหตุการณ์ล่าฝูงวาฬ “Pilot Whales” ในเทศกาลประจำปีของหมู่เกาะแฟโร
หลังจากที่การเริ่มต้นของฤดูอพยพของพวกวาฬ Pilot Whales น้ำทะเลที่ชายหาดของหมู่เกาะแฟโร นั้นจะเต็มไปด้วยสีแดงสดของเลือด เหล่าวาฬสายพันธุ์ดังกล่าวที่ถูกล่าโดยชาวประมงถ้องถิ่นของที่นี่ ซึ่งพวกเขาทำกันมาอย่างยาวนาน ในทุกๆ ปี พวกวาฬจะถูกต้อนให้ว่ายเข้ามาใกล้ๆ กับหมู่เกาะในเขตปกครองตนเองภายใต้ประเทศเดนมาร์กแห่งนี้ และที่นั่นจะมีชาวประมงท้องคอยต้อนรับพวกมันด้วยเรือลากอวนและเรือบดต่างๆ เพื่อใช้ในการล่าเหล่าวาฬ ภาพของชายหาดในหมู่เกาะ Faroe ที่เต็มไปด้วยเลือดของวาฬ Pilot Whales หลังจากที่ถูกต้อนมาที่ชายฝั่ง เหล่าชาวประมงจะลงไปจัดการกับฝูงวาฬในทะเล จากนั้นจึงพวกมันขึ้นมาบนฝั่งเพื่อรอการชำแหละต่อไป ปัจจุบันนี้ประชาการของวาฬสายพันดังกล่าวนี้เหลือน้อยลงไปทุกทีแล้ว โดย Pilot whales พันธุ์ครีบยาวนั้นเหลือเพียง 1 ล้านตัว ส่วนพันธุ์ครีบสั้นนั้นเหลือแค่ 2 แสนตัวเท่านั้น ชายหนุ่ม 2 คนนี้กำลังอยู่ในทะเลที่เต็มไปด้วยฝูงวาฬและน้ำทะเลสีแดง ในช่วงฤดูร้อนของทุกๆ ปี ที่นี่จะมีการจัดเทศกาลล่าวาฬนำร่อง (เป็นชื่อสายพันธุ์ของวาฬชนิดนี้) ต่อเนื่องกันมานานกว่า 100 ปีแล้ว โดยในแต่ละปีจะมีวาฬว่ายเข้ามาในเขตชายฝั่งประมาณ 800 ตัว ชาวประมงและชาวบ้านก็จะเข้ามารุมล้อมและจับเอาวาฬเหล่านั้นไปทำเป็นอาหาร แม้ว่าการล่าวาฬจะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในฝั่งยุโรปก็ตาม แต่ชาวบ้านท้องถิ่นบางส่วนก็ยังต่อสู้เพื่อไม่ให้ประเพณีที่สืบต่อกันมานานต้องหายไป กลุ่มของชาวประมงกำลังช่วยกันลากซากวาฬที่พวกเขาเพิ่งจัดการเสร็จขึ้นไปบนฝั่ง ผู้คนนับร้อยมารวมตัวกันที่ตรงชายฝั่งเพื่อเป็นพยานในงานเทศกาลประจำปีของพวกเขา ทะเลกลายเป็นสีแดงของเลือด หลังจากที่พวกวาฬถูกล้อมด้วยเรือ และถูกฆ่าทีละตัวอย่างที่พวกเขาเคยทำ… ที่มา dailymail
-
ครอบครัวที่ทำอาชีพ “นักท่องเที่ยวฟูลไทม์” ขายทุกอย่าง แล้วซื้อรถบ้านออกผจญภัย!!
การทำตามความฝันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับชีวิต เพราะเราเกิดมาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น การทำตามความฝันอาจจะถูกฉุดรั้งด้วยเหตุผลหลายประการ แต่นี่ก็ยังเป็นสิ่งหนึ่งทำให้เรามีเป้าหมายในการใช้ชีวิต หลังจากที่การเที่ยวครั้งก่อนทำให้ครอบครัวเขารู้ว่า พวกเขานั้นรักการเดินทางมากเพียงใด Joe Hendricks คุณพ่อตากล้องมากประสบการณ์ตัดสินใจที่จะขายทุกสิ่งทุกอย่างและซื้อบ้านรถพ่วงมา พวกเขาตัดสินใจจะทำอาชีพนักท่องเที่ยวและช่างภาพแบบเต็มเวลา จึงออกตระเวนผจญภัยถ่ายรูปไปกับครอบครัวของเขา ทั้งครอบครัวได้ตระเวนถ่ายรูปไปทั่วทุกแห่งในการเดินทางของเขาจนได้รูปภาพสวยๆ เหมือนที่เราเห็นนี้ ท้องฟ้ายามค่ำคืน พระอาทิตย์ตกในรัฐฟลอริด้า ตระเวนตามที่ต่างๆ กลางทะเลทราย เรื่องราวที่น่าค้นหา ท้องฟ้ายามค่ำคืนกับบรรยากาศสบายๆ ทิวทรรศ์ที่สวยงาม เราอาจจะเจอเพื่อนร่วมทางระหว่างการเดินทางด้วย แม้ทางจะไกลแต่ใจสู้ หมอกทำให้ดูลี้ลับ หลังลงภูเขามาแล้วก็ขอถ่ายสักรูปน่า ~ ดูเป็นการผจญภัยที่คุ้มค่า Joe ไม่ได้มีแค่พียงภาพของรถพ่วงเขาเท่านั้นนะ เขายังมีอัลบั้มอื่นๆอีกด้วย และสำหรับใครที่ชอบผลงานของคุณพ่อตากล้องคนนี้ก็สามารถที่จะเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ joehendricks.com ของเขาได้เลย ที่มา: boredpanda
-
12 ช่องทางทำเงินในโลกออนไลน์ ของเหล่า “ศิลปิน” ที่คุณสามารถเอาผลงานตัวเองไปขายได้!!
ในอดีตศิลปินนักสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะต่างๆ อาจจะคุ้นเคยกับการขายงานศิลปะของพวกเขาผ่านแกลลอรี่ หรือพ่อค้าคนกลางซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาจากการขายเหล่านี้ แต่ในปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เหล่าศิลปินสามารถที่จะขายผลงานของพวกเขาสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งนี่ทำให้เหล่าศิลปินสามารถที่จะลดต้นทุนในการขายเพื่อสร้างกำไรเพิ่มเติมได้ แต่ช่องทางการขายแบบ “Online” อยู่ที่ไหนหล่ะ!? สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจ นี่คือ 12 ช่องทางการทำเงินจากผลงานของเหล่าศิลปินที่สามารถทำได้ครับ Shopify สำหรับบางคนที่มีสินค้าเก๋ๆ อยู่แล้ว และต้องการที่จะขายออนไลน์แต่ไม่อยากจ้างโปรแกรมเมอร์มาเขียน เว็บไซต์ก็สามารถใช้เจ้า Shopify สร้างเว็บไซต์ซื้อขายสินค้าของตัวคุณเองได้นะเออ ด้วยขั้นตอนที่ง่ายเพื่อนๆ สามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ที่ เว็บไซต์ ได้เลย Amazon เพื่อนๆ บางคนอาจจะสงสัยว่า เห้ย Amazon มันขายหนังสือไม่ใช่หรอ ปัจจุบัน Amazon ได้เปิดตัวส่วนของ Art Section ขึ้นมาให้ศิลปินได้ขายผลงานภาพวาดของตนเองกันแล้ว Etsy นอกจากงานภาพวาดแล้วเว็บไซต์ Etsy เป็นอีกช่องทางสำหรับเหล่าศิลปินที่ทำผลงานจำพวกแฮนด์เมด และของวินเทจทั้งหลาย ให้เข้ามาขายสินค้ากันภายในเว็บไซต์นี้ได้ด้วยคติประจำเว็บว่า “Shop for anything from creative people anywhere” Ebay เป้นอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจ เพื่อให้ได้ราคาที่สูงที่สุด “การประมูล” อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี โดยภายใน…
-
ชาวเน็ตประทับใจ…ภาพการทานอาหารร่วมกันของ ‘ชาวบ้านในซีเรีย’ หลังเทศกาลถือศีลอด
นี่คือภาพการร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำหลังจากที่เพิ่งผ่านพ้นเทศกาลศีลอด ท่ามกลางซากปรักหักพังในเขต Douma ที่เป็นชานเมืองของกลุ่มกบฎในเมือง Damascus ประเทศซีเรีย หลังจากต้องเผชิญกับสงครามที่ยืดเยื้อมายาวนาน สำหรับการเฉลิมฉลองในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดย Adeleh Foundation องค์กรการกุศลที่ให้การสนับสนุนกับกลุ่มกบฏ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในประเทศตุรกี ในภาพจะเห็นประชาชนหลายสิบคนกำลังเพลิดเพลินกับมื้ออาหาร ซึ่งเป็นอาหารมื้อแรกหลังจากที่พวกถือศีลอดในช่วงเดือนแห่ง Ramadan ซึ่งเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ Adeleh บอกว่าพวกเขาจะจัดเลี้ยงอาหารจนถึงวัน Eid al-Fitr โดยจะเริ่มเลี้ยงอาหารในวันศุกร์หรือวันเสาร์ ตามปฏิทิน Ramadan “พวกเราต้องมีความระมัดระวังในความปลอดภัยของเหล่าชาวเมืองในการจัดงานเฉลิมฉลองแบบนี้ เพราะการโจมตีทางอากาศสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่เนื่องจากว่าการทำสัญญายกเลิกการโจมตีเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทำให้เราสามารถวางใจได้ในระดับหนึ่ง” โฆษกของ Adeleh ให้สัมภาษณ์กับ BBC เขต Douma เป็นจุดที่เกิดการทำสงครามกันมายาวนานกว่า 6 ปี และตอนนี้ก็อยู่ในการครอบครองของกลุ่มกบฎชาวอิสลามที่มีชื่อว่า Jaish al-Islam แถมยังเคยถูกโจมตีทางอากาศมาตั้งแต่ปี 2012 และถูกล้อมโดยกองกำลังของรัฐบาลเมื่อปี 2013 ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านจะต้องทำการเฉลิมฉลองหลังเทศกาลถือศีลอดในบ้าน หรือไม่ก็ในมัสยิด แทนที่จะออกมาจัดกันที่กลางหมู่บ้านเพราะต้องคอยหลบภัยจากการจู่โจมทางอากาศ จนในที่สุดเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งอาหาร ยารักษาโรค ความช่วยเหลือต่างๆ ถูกส่งมาถึงมือของเหล่าชาวบ้านเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2016 ภาพถ่ายและวิดีโองานเฉลิมฉลองของชาวเมืองในครั้งนี้ถูกแชร์ไปในโลกโซเชียลนับแสนครั้งเลยทีเดียว ตั้งแต่มันถูกโพสต์ลงบนโลกออนไลน์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “ความมีชีวิตชีวาได้เข้ามาแทนที่ความหดหู่ในเมือง Douma เป็นที่เรียบร้อยแล้ว” ชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าว…
-
เจ้าชายแฮร์รี่เปิดใจ… ไม่มีรัชทายาทองค์ใดประสงค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ เพราะหน้าที่นั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน!!
สำหรับประเทศอังกฤษนั้น เราคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ในอดีตเคยปกครองด้วยระบอบกษัตริย์มาก่อน และปัจจุบันอังกฤษก็ได้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทว่าล่าสุดเจ้าชายแฮร์รี่แห่งเวลส์ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อดังหลายสำนักว่า สำหรับรัชทายาทรุ่นใหม่ในราชวงศ์อังกฤษไม่มีองค์ใดประสงค์สืบสันตติวงศ์เป็นกษัตริย์หรอก เพราะภาระหน้าที่นั้นช่างยิ่งใหญ่ซะเหลือเกิน!! โดยพระองค์ทรงให้สัมภาษณ์กับสื่อ Newsweek ไว้ว่า “ถ้าจะให้พูดกันตามตรงก็คงต้องบอกว่า ในความเป็นจริงแล้วข้าพเจ้าไม่คิดว่าในราชวงศ์จะมีใครประสงค์ขึ้นเป็นกษัตริย์นะ..” จากประโยคดังกล่าวที่พระองค์ทรงให้สัมภาษณ์ไว้ ก็ได้กลายเป็นกระแสไปทั่วโลกออนไลน์ และสื่อหลายสำนักต่างก็พากันวิเคราะห์ประโยคดังกล่าวถึงความเป็นไปได้ในอนาคต แต่ก็ใช่ว่าพระองค์จะสละราชสมบัติไปซะทีเดียว เพราะเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมาพระองค์ประสงค์จะให้สามัญชนคนทั่วไปได้รับรู้ว่า การเกิดมาเป็นเชื้อสายราชวงศ์ของอังกฤษนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ว่าจะต้องคอยดูแลตัวเองไม่ให้มีข่าวเสียหาย ต้องเสด็จไปตามงานที่ถูกเชื้อเชิญทั่วทั้งประเทศ รวมถึงยังต้องคอยมีส่วนร่วมกับประเพณีที่สืบทอดมาอย่างช้านาน โดยพระองค์ได้ทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า ส่วนตัวพระองค์ยังคงต้องการให้ประชาชนทั่วไปมองว่า พระองค์ยังคงใช้ชีวิตเหมือนคนปกติสามัญชน ไปช็อปปิ้งในห้างบ้างในวันหยุด หรือไปทานอาหารนอกบ้านบ้างในบางโอกาส ที่มา: Independent
-
ลาครั้งสุดท้าย… ชาวเมืองนับพันร่วมไว้อาลัยงานศพ Otto Warmbier ผู้ถูกจับขังในเกาหลีเหนือ
หากเราได้ติดตามข่าวต่างประเทศในช่วงนี้ ข่าวของนาย Otto Warmbier นักศึกษาวัย 22 ปีที่ถูกจับ ณ ประเทศเกาหลีเหนือได้รับความสนใจไม่น้อย (สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติ่มได้ที่ Otto Warmbier หนุ่มมะกันที่เดินทางไปเที่ยวเกาหลีเหนือ ถูกตัดสินจำคุกและทำงานอย่างหนัก 15 ปีเต็ม) หลังจากที่เขารับโทษจากประเทศเกาหลีเหนือในข้อหาพยายามล้มล้างสถาบันด้วยการขโมยโปสเตอร์แล้ว เขาก็ถูกส่งกลับมาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยสภาพสมองที่บอบช้ำและได้รับการกระทบกระเทือน จนกระทั่งเสียชีวิตในวันจันทร์ ที่ 19 มิถุนายน 2017 Otto Warmbier นักศึกษาชาวอเมริกันผู้ถูกจับเพราะขโมยโปสเตอร์ของเกาหลีเหนือ หลังจากการเสียชีวิตของนาย Otto งานศพของเขาได้รับความสนใจจากชาวเมืองเป็นอย่างมาก ทำให้มีผู้เข้าร่วมงานศพของเขาหลายพันคนเมื่อวันพฤหัสที่ 22 มิถุนายน 2017 และยังมีผู้คนอีกจำนวนหนึ่งที่ต้องอยู่โซนข้างนอก เนื่องจากหอประชุมของโรงเรียน Wyoming High School นั้นสามารถจุคนได้เพียง 2,100 คนเท่านั้น ผู้คนเรียงแถวรอส่งเขาในงานศพ ภายในห้องประชุมใหญ่ของโรงเรียนมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก “เป็นเรื่องยากที่ผมจะดำเนินรอยตามเขาไม่ว่าจะเป็นเรื่องกีฬา เรื่องการเรียน เขาเป็นคนดี มันไม่สำคัญว่าเขาจะอยู่ที่ไหน แต่เขาจะอยู่ภายในหัวใจของพวกเราตลอดไป” Austin…
-
“ท่านปูติน” ยืนไว้อาลัยทหารที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่แคร์พายุฝนที่โหมกระหน่ำ
ย้อนกลับไปในวันที่ 22 มิถุนายนปี 1941 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วันนั้นเป็นวันที่กองทัพนาซีได้เข้าโจมตีสหภาพโซเวียตด้วยยุทธการบาร์บารอสซาเพื่อพิชิตสหภาพโซเวียตทั้งหมด เหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นการโจมตีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ทั้งด้านกำลังพลและความเสียหาย ทำให้ประเทศภายในสหภาพโซเวียตกว่า 15 ประเทศได้รับความเสียหายมหาศาล นับตั้งแต่นั้นมาจึงมีการจัดงานเพื่อรำลึกถึงเหล่าผู้คนและทหารที่เสียชีวิตไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น และเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2017 ที่ผ่านมาก็ได้มีการจัดงานรำลึกถึงเหตุการณ์การถูกโจมตีเป็นปีที่ 76 ที่บริเวณพระราชวังเครมลิน ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย โดยในงานครั้งนี้ได้มีประธานาธิบดีของรัสเซียอย่าง วลาดิเมียร์ ปูติน เข้าร่วมด้วย ในระหว่างงานได้มีสายฝนโปรยลงมาอย่างหนัก แต่ถึงอย่างนั้นปูตินก็ไม่ได้หลบเข้าร่มหรือหยุดพิธีการ แต่ยังคงยืนทำความเคารพท่ามกลางสายฝนอย่างตั้งอกตั้งใจ จนกระทั่งวางพวงหรีดไว้ในสุสานเพื่อรำลึกถึงเหล่าทหารนิรนามที่เสียชีวิตไป นอกจากวลาดิเมียร์ ปูตินแล้วในเหตุการณ์ครั้งนี้ยังมีเหล่าคณะรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภารายอื่นๆ ก็ยังคงยืนตากฝนเพื่ออยู่ร่วมพิธีด้วยเช่นกัน ประมวลภาคจากสำนักข่าว NBC ที่แสดงให้เห็นถึงความเคร่งครัดและการแสดงความเคารพต่อผู้ที่จากไป ประมวลคลิปเหตุการณ์ในยุทธการบาร์บารอสซา จากเหตุการณ์ดังกล่าวจึงกลายเป็นคลิปไวรัลที่เรียกกระแสจากชาวเน็ตได้เป็นอย่างดี จากชื่อเสียงของปูตินที่โด่งดังในโลกออนไลน์ (จนนับว่าเป็นเน็ตไอดอลคนหนึ่ง) คงจะทำให้วลีที่ว่า “แข็งแกร่งอย่างรัสเซีย” หรือ “โหดสัสรัสเซีย” ที่จะยังคงอยู่ในเน็ตไปอีกนานและนานเลยล่ะ ที่มา NBC Nightly News…
-
สาวน้อย 5 ขวบป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ขอแต่งงานกับหนุ่มเพื่อนซี้ ทำฝันให้เป็นจริงก่อนตาย…
เราทุกคนต่างล้วนมีความฝันที่อยากจะทำซักครั้งในชีวิตกันแทบทั้งนั้น แต่จะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าเราได้รู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่มันอาจไม่มากพอที่จะพาเราไปถึงจุดนั้นได้ Eileidh Paterson สาวน้อยวัย 5 ขวบ เธอป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมหมวกไตในเด็กระยะสุดท้าย (Neuroblastoma) ซึ่งเธอก็รู้ดีว่าเวลาของตัวเองเหลือไม่มากนัก เธอจึงอ้อนวอนขอร้องเพื่อให้ได้ทำสิ่งสุดท้ายของชีวิต ก่อนที่เธอจะหมดลมหายใจ… สาวน้อย Eileidh ประกาศก้องให้โลกรู้ว่ากำลังจะแต่งงานกับ Harrison Grier เด็กหนุ่มเพื่อนซี้วัย 6 ขวบ คุณพ่อของ Harrison ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ลูกชายตัวน้อยของเราไม่เคยไปงานแต่งมาก่อน และแน่นอนว่าเขาก็ไม่เคยเป็นเจ้าบ่าวด้วยเช่นกัน แต่มันเป็นช่วงเวลาที่วิเศษมากครับซึ่งลูกชายของเราก็ดูจะตื่นเต้นเอามากๆ” เด็กน้อยทั้งสองคนอาจเปรียบได้ดั่งขวัญกับเรียม หรือโรมิโอกับจูเลียตส์ หากแต่เวลาของเจ้าสาวกลับเหลือน้อยลงทุกที และหนุ่มน้อยคนสนิทก็รู้ดีว่า เขาคือเพื่อนที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ ภายในงานถูกจัดขึ้นด้วยธีม ‘โลกแห่งเทพนิยาย’ เรียกได้ว่าเพื่อนๆ คุณครู และญาติๆ ต่างก็เดินทางมาร่วมงานกันอย่างครบครัน นอกจากนั้นภายในงานยังมีการกล่าวสุนทรพจน์เล่าเรื่องราวชีวิตของหนูน้อย Eileidh ในแบบแฟนตาซี โดยมีมะเร็งเป็นตัวร้ายของเรื่อง และยังมีการกล่าวประโยคสุดคลาสสิคที่ว่า… ‘ถึงแม้ว่าเราจะจากกัน แต่ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ.. เพื่อนที่ดีที่สุด’ ด้วยความที่สาวน้อยวัย 5 ขวบ ชื่นชอบตัวละครและเพลงจากโลกดิสนีย์เป็นชีวิตจิตใจ ทำให้ภายในงานถูกตกแต่งให้อยู่ในธีมของโลกแห่งเทพนิยาย…
-
ชาวเน็ตจีนงง พบตึกมี “ถนนอยู่บนหลังคา” ในเมืองฉงชิ่ง คนข้างล่างจะนอนได้มั๊ยเนี่ย!?
รู้สึกว่านอกจากประเทศญี่ปุ่นที่มักจะมีอะไรล้ำๆ ให้เราได้รู้สึกแปลกใจอยู่ตลอดแล้ว ก็มีประเทศจีนเนี่ยแหละที่มีอะไรให้แปลกใจได้ไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยล้ำเท่าไหร่ก็เถอะ เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นชวนให้ชาวเน็ตมาสงสัยกันทั่วประเทศจีน หลักจากที่มีคนไปเจอภาพของตึกขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองฉงชิ่ง ที่มีรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้แตกต่างจากตึกทั่วไป แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือมันมีถนนอยู่ข้างบนชั้นดาดฟ้านี่สิ!! หลังจากที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ Weibo ก็มีชาวเน็ตจีนให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่แล้วชาวเน็ตจีนก็มักจะตั้งคำถามกันว่า ‘ชาวบ้านที่อาศัยในตึกนั้นไม่หนวกหูตายเลยเหรอ? จะนอนหลับกันลงได้ยังไง?’ ถึงแม้จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ตั้งของตึกแห่งนี้ แต่ชาวเน็ตหลายคนเชื่อว่าต้องเป็นอพาร์ทเม้นท์ขนาดใหญ่ที่เปิดให้คนเช่าอาศัยรายเดือนแน่นอน อาจจะด้วยความที่ต้องการประหยัดพื้นที่ ก็เลยทำให้ต้องสร้างที่จอดรถไว้ข้างบนก็เป็นได้นะ แต่จะว่าไปแล้วในเมืองฉงชิ่งที่มีประชากรมากกว่า 8.5 ล้านคน สิ่งก่อสร้างดังกล่าวที่เราเห็นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใหม่สำหรับชาวเมืองเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเทศบาลเมืองฉงชิ่งพยายามที่จะเพิ่มกิมมิค หรือใส่ลูกเล่นให้กับผังโครงสร้างเมืองของตัวเองเสมอ ยกตัวอย่างเช่น… เส้นทางหลวงแห่งหนึ่งในเมืองฉงชิ่ง ที่เชื่อมต่อระหว่างถนน Yangtze และ Jialing เข้าด้วยกัน พอดูไกลๆ ก็จะเห็นว่า.. เชร๊ดดด แยกไหนไปโผล่ไหนกันละเนี่ย งงไปหมดแล้ว!! หรือจะเป็นสะพานลอยฟ้าที่เชื่อมต่อสองอพาร์ทเม้นท์เข้าหากัน แถมมีความสูงจากระดับพื้นมากถึง 40 เมตร (ประมาณชั้นที่ 13) ซึ่งสะพานแห่งนี้ก็ตั้งอยู่ในเมืองฉงชิ่งเหมือนกัน หรือจะแอดว๊านซ์ขึ้นไปอีก ด้วยเส้นทางรถไฟฟ้าที่ทะลุผ่านคอนโดแห่งหนึ่ง และแน่นอนว่ารถไฟฟ้าสายนี้ก็ตั้งอยู่ในเมืองฉงชิ่งเช่นเดียวกัน…
-
สวนน้ำญี่ปุ่นจัดปาร์ตี้เชื้อเชิญ ‘นางแบบกราเวียร์ตัวท๊อป’ เพื่อให้คนทั่วไปมาร่วมถ่ายรูป!!
ก็อย่างที่รู้กันดีว่า Gravure ไอดอลของญี่ปุ่นนั้นเป็นอะไรที่นวลตาและน่าดูมากๆ เพราะนอกจากจะมาในแบบเซ็กซี่แล้วยังมีกลิ่นอายความแบ๊วที่เป็นเอกลักษณ์ของสาวญี่ปุ่นผสมเข้ามาอีกด้วย >< ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วผู้คนทั่วไปก็คงจะได้เห็นผลงานการถ่ายแบบของพวกเธอแต่ในนิตยสาร หรือโซเชียลมีเดียเท่านั้น แต่สำหรับวันที่ 24 มิถุนายน 2017 ทางสวนน้ำ Toshimaen Water Park ที่อยู่ในเมืองโตเกียว ได้ทำการจัดกิจกรรมพิเศษที่จะเชิญเหล่านางแบบ Gravure ไอดอลระดับท็อปมากมายหลายคนมาที่สวนน้ำ แล้วก็เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเดินทางมาถ่ายรูปภาพของเธอได้แบบ Exclusive สุดๆ!! เอาล่ะ อย่ารอช้า เราไปชมโฉมหน้าของเหล่านางแบบที่ทางสวนน้ำ Toshimaen Water Park เชิญมาที่งานอีเว้นท์กันแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…. คนแรกก็คือนางแบบ Jun Amaki สาววัย 22 ปี ที่มีสัดส่วนดูราวกับหลุดออกมาจากโลกอนิเมะ คนที่สอง Yuka Kuromochi ผู้ได้รับฉายาว่า “Bottom Artisan” เรซควีนที่ป็อปปูล่าร์สุดๆ อย่าง Misato Kitauchi นอกจากนี้ก็ยังมีนางแบบคนอื่นๆ อีกมากมาย… Ayaka Sayama Sara Oshino Saya…
-
นักเรียนชายใส่ “กระโปรง” มาโรงเรียน เพื่อประท้วงอากาศที่ร้อนจัด แต่ดันใส่ขาสั้นไม่ได้!!
โรงเรียนที่มียูนิฟอร์มของผู้ชายเป็นกางเกงขายาวเหมือนจะดูดีนะ เพราะดูเป็นผู้ใหญ่แถมยังให้ความอบอุ่นในหน้าหนาวด้วย แต่ถ้าหากว่าต้องมาใส่ในหน้าร้อนล่ะ? มันจะอบอ้าวมากขนาดไหนกัน… เหมือนกับเด็กชายกลุ่มนี้ ที่ต้องทนกับการใส่กางเกงขายาวไปโรงเรียน ในวันที่อากาศร้อนถึง 34 องศาไม่ได้ ก็เลยแหกกฎด้วยการใส่กระโปรงไปโรงเรียนซะเลย!! โดยเหตุการณ์นี้เริ่มจากเด็กนักเรียนชาย 5 คนจากโรงเรียน SCA Academy ในสหราชอาณาจักร ได้ร้องเรียนถึงอากาศที่ร้อนอบอ้าว ไหนจะต้องมาใส่ชุดของโรงเรียนอีก ก็เลยอยากจะเปลี่ยนกางเกงที่สวมใส่มาโรงเรียน และในตอนนั้นมี 1 ใน 5 คนนั้นได้พูดว่าจะใส่กระโปรงมาโรงเรียน เพราะครูใหญ่เคยพูดว่า ‘จะใส่กระโปรงมาก็ได้นะ ถ้าอยากจะใส่’ และในเช้าวันต่อมาเด็กชายทั้ง 5 คนนั้นก็ใส่กระโปรงมาโรงเรียนจริงๆ แล้วก็เป็นไปตามระเบียบคือถูกเรียกเข้าห้องปกครอง ไม่ใช่เพราะใส่กระโปรงนะ แต่เป็นเพราะกระโปรงของเขามันสั้นเกินไปต่างหาก คุณแม่ของเด็กชายคนดังกล่าวบอกว่า “จริงๆ ลูกชายอยากใส่กางเกงขาสั้นไปมากกว่า แต่ถ้าใส่ไปแล้วเขาจะถูกจับกักบริเวณตลอดทั้งอาทิตย์ เขาก็เลยใส่กระโปรงแทนค่ะ” เธอยังเล่าอีกว่า “ก่อนหน้านี้ที่คุณครูใหญ่บอกพวกเขาว่า ‘จะใส่กระโปรงมาก็ได้นะ ถ้าอยากจะใส่’ แต่ฉันคิดว่าคุณครูพูดประชดมากกว่า” หลังจากที่เด็กชายใส่กระโปรงไปโรงเรียน นอกจากเรื่องที่ว่ากระโปรงสั้นแล้ว ครูใหญ่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีกเลย ตราบใดที่มันยังคงเป็นกระโปรงยูนิฟอร์มของโรงเรียน และด้วยเหตุนี้เอง ก็ทำให้นักเรียนชายคนอื่นๆ อีกกว่า 50 คน ที่อยากใส่กระโปรงมาบ้าง โดยพ่อแม่ของเด็กชายเหล่านั้นบอกว่า ลูกๆ…
-
ชายอินเดียอุทิศชีวิตตน เพื่อดูแลนกใกล้สูญพันธุ์ และนกที่ถูกทิ้งกว่า 468 สายพันธุ์จากทั่วโลก
มนุษย์ส่วนใหญ่มักมีชีวิตเพื่อเป้าหมายหรือฝันของตัวเอง ในขณะที่บางคนมีชีวิตเพื่อผู้อื่น เหมือนดั่งชายอินเดียผู้นี้ที่อุทิศชีวิตของตนเองเพื่อเลี้ยงดูนกหลายร้อยพันตัวเลยทีเดียว Dr. Sri Ganapathy Sachchidananda Swamiji เพิ่งได้รับการบันทึกชื่อจาก Guinness World Records ในฐานะผู้เลี้ยงดูนกหลากหลายสายพันธุ์เป็นจำนวนมากที่สุดในโลก นั่นก็คือ 468 สายพันธุ์!! Swamiji ไม่ได้เลี้ยงนกเพราะอยากจะเป็นนักสะสม แต่เป็นเพราะเขาอยากดูแลนกที่ใกล้สูญพันธุ์ นกที่ได้รับบาดเจ็บ และนกที่ถูกทิ้งทั่วโลก โดยนำนกเหล่านั้นมาเลี้ยงไว้ที่บ้านของตัวเอง ด้วยความที่เป็นคนรักนกมาก เขาจึงได้ก่อตั้ง Avadhoota Datta Peetham Ashram ในเมือง Mysuru ประเทศอินเดีย เพื่อดูแลนกให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ Swamiji เติบโตมาในป่า Mekedattu ซึ่งอยู่บนชายฝั่งของแม่น้ำ Cauvery เขาบอกว่า ตอนเด็กๆ เขาชอบเฝ้าดูการใช้ชีวิตของนกตามธรรมชาติ จนกระทั่งปี 2011 เขาก็ค้นพบเป้าหมายในชีวิต หลังจากที่ได้ไปเยี่ยมชมน้ำตกเอนเจล ในประเทศเวเนซุเอลา แต่เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางทำให้เขาหมดสติไป พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในป่าที่ถูกห้อมล้อมด้วยนกนับร้อยตัว และเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้เขาชื่นชมความงดงามของนก และคิดขึ้นมาได้ว่าจะสร้างศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพสำหรับนกที่ได้รับบาดเจ็บและดูแลใกล้สูญพันธุ์ โดยสร้างบ้านให้นกบนพื้นที่ 52 ไร่ ในบริเวณป่า Mysuru …
-
ลุ้นระทึก!! หญิงสาวเสี่ยงชีวิต ตามไปช่วยสุนัขหลุดกลางถนน ท่ามกลางการจราจรที่วุ่นวาย
ใครที่เลี้ยงสุนัขจะเข้าใจดีว่าสุนัขมีความสำคัญกับเจ้าของมากแค่ไหน ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นสุนัขกำลังเดือดร้อน พวกเขามักจะไม่นิ่งเฉยและเข้าไปช่วยเหลือทันที แม้ว่าในบางครั้งมันค่อนข้างจะเสี่ยงก็ตาม เหมือนกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอที่ถูกโพสต์ลงในทวิตเตอร์โดย Calaveritabike เป็นภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่เสี่ยงชีวิตเพื่อเข้าไปช่วยน้องหมาที่วิ่งอยู่กลางถนนในเม็กซิโกซิตี้ หลังจากที่หญิงสาวเห็นสุนัขวิ่งไปยังถนนที่เต็มไปด้วยรถรามากมาย เธอไม่ลังเล รีบควบจักรยานแล้วตามมันไปทันที ทั้งๆ ที่เสี่ยงถูกชนมาก แต่ดูเหมือนน้องหมาจะตกใจมาก เพราะทั้งรถที่แล่นกันวุ่นวาย ทั้งเสียงแตรที่บีบใส่มันอีก มันเลยวิ่งต่อไปเรื่อยๆ พร้อมเชือกจูงที่คาดว่าเจ้าของคงทำหลุดมือ ในขณะที่หญิงสาวก็ปั่นจักรยานตามโดยไม่คิดชีวิตเช่นกัน แม้ว่าการไล่ตามน้องหมาจะใช้เวลาแค่ 2 นาที แต่ทุกวินาทีเต็มไปด้วยความเสี่ยง จนคนดูต้องลุ้นให้เธอจับน้องหมาได้เร็วๆ อีกใจก็กลัวว่าน้องหมากับหญิงสาวจะถูกรถชน ในที่สุดก็มีคนจับเชือกน้องหมาได้ระหว่างที่มันวิ่งเข้าข้างทาง หลังจากนั้นหญิงสาวจึงพาสุนัขไปคืนให้เจ้าของพร้อมเตือนให้เขาระมัดระวังความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงให้มากขึ้น หญิงสาวคนนี้เล่าว่าทันทีที่เห็นน้องหมาหลุดจากมือเจ้าของ เธอก็ตามมันไปอย่างอัตโนมัติโดยไม่ทันคิดถึงความปลอดภัยของตัวเอง คิดแค่ว่าต้องช่วยน้องหมาให้ได้เท่านั้นเอง เธอยังบอกอีกว่า “ฉันก็เลี้ยงหมาเหมือนกัน จึงเข้าใจดีว่าสุนัขมีความสำคัญกับครอบครัวมากแค่ไหน” หากคุณมีสัตว์เลี้ยง ดูแลพวกมันดีๆ นะ เพราะเราอาจไม่โชคดีแบบนี้ทุกครั้งไป ที่มา thedodo
-
หนุ่มชาวสวนสกอต “ทำงานกลางแดดจัด” นานกว่า 7 ชั่วโมง ร้อนระอุมากจนเป็นแผลพุพอง!?
เมื่อเพื่อนๆ ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งไม่ว่าเป็นการว่ายน้ำ ไปเที่ยวทะเล หรือการทำสวนหน้าบ้านกลางแดดจัดๆ นั้น สิ่งที่เพื่อนๆ ควรจะทำนั่นก็คือการปกป้องตัวเองจากแดด ทั้งการใส่เสื้อแขนยาว กางร่มหรือการทาครีมกันแดด แต่มีหนุ่มคนหนึ่งที่เขาต้องทำสวนกลางแดดจัดเป็นเวลาหลายชั่วโมง แต่ดันลืมที่จะป้องกันผิวจากแสงแดด ทำให้หนุ่มคนนี้ต้องพบกับอาการสุดทรมาน ที่ใครเห็นก็ต้องรู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปตามๆ กัน Greg Binnie หนุ่มชาวสกอตแลนด์อายุ 20 จากเมือง Edinburgh เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำงานท่ามกลางแดดจัดในวันเสาร์และอาทิตย์เพื่อเก็บเงินไปเที่ยวที่เกาะ Ibiza กับเพื่อนๆ ทำให้เขาประสบกับอาการผิวไหม้ที่พุพองที่บริเวณไหล่ แผลไหม้พุพองของ Greg นั้นทั้งแสบร้อนและมีตุ่มใสพองขึ้นมา หลังจากที่เขาใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ในการทำสวนและรดน้ำต้นไม้ที่เมือง Dumfries ซึ่งเขาไม่ทันสังเกตว่าแดดในวันนั้นร้อนจัดขนาดไหนจึงละเลยที่จะทาครีมกันแดด และเมื่อถึงคืนวันอาทิตย์อาการพุพองที่ไหล่ก็เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ Greg ได้เล่าว่า “ในวันเสาร์ ผมสังเกตได้ว่าแดดมันร้อนเอามากๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจแล้วก็ไปตัดหญ้าต่อที่สนาม” “แต่ผมรู้สึกถึงอาการพุพองที่มันบวมขึ้นในวันอาทิตย์ พอกลับจากทำงานแล้ว ก็เปิดดูจึงรู้ว่าอาการมันหนักขนาดไหน ที่เลวร้ายที่สุดคงจะเป็นที่คอและไหล่ของผม ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองจะมีผิวที่อ่อนไหวต่อแสงแดดขนาดนี้” พ่อและแม่ของเขาตกใจมากกับแผลพุพองที่มีอยู่ทั่วบ่าของเขา Greg รู้สึกปวดแสบปวดร้อนมากๆ เมื่อต้องขยับแขนและร่างกายท่อนบน จนกระทั่งเขาได้นับคำแนะนำจากเภสัชกรท้องถิ่น ที่ให้ทำรักษาแผลพุพองดังกล่าวโดยใช้ Sudocrem และสเปรย์ว่านหางจระเข้…
-
ชาวเน็ตแซว “ควีนอลิซาเบธ” จิกกัดรัฐบาลอังกฤษเรื่อง Brexit ด้วยชุดสุดงามของพระองค์
ในแต่ละปี ที่ประเทศอังกฤษจะมีพิธีกล่าวเปิดสมัยประชุมสภาโดยควีนอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งทุกปีควีนจะสวมใส่ฉลองพระองค์สีขาวมาโดยตลอด แต่สำหรับปีนี้ เหมือนจะมีอะไรดลใจให้พระองค์เปลี่ยนมาสวมใส่ฉลองพระองค์สีน้ำเงินซะอย่างนั้น… สำหรับคนปกติแล้วก็คงจะไม่คิดอะไร แต่ว่ากับชาวเน็ตกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะพวกเขาสังเกตเห็นฉลองพระองค์สีฟ้าและหมวกที่เป็นสีของธง EU ซะอย่างนั้น นอกจากนั้นตัวเกสรดอกไม้บนหมวกก็เป็นเหลืองและเรียงตัวเป็นวงกลมซึ่งเป็นตัวแทนของดาวบนธงอีกด้วย ซึ่งอาจจะสื่อว่าพระองค์ไม่ค่อยปลื้มกับ เหตุการณ์ Brexit สักเท่าไหร่นัก (ส่วนใครที่ยังไม่ทราบว่า Brexit คืออะไรจะอธิบายให้เข้าใจด้านล่างนะจ๊ะ) เราลองมาดูฉลองพระองค์ในแต่ละปีของควีนอลิซาเบธกัน ว่าในแต่ละปีพระองค์สวมใส่ฉลองพระองค์แบบไหนบ้าง ในช่วงปี 2010 ฉลองพระองค์ของควีนเป็นโทนสีขาวทอง 2011 ฉลองพระองค์เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว ต่อมาปี 2012 โทนสีของฉลองพระองค์ก็ยังคงเดิม ปี 2013 ควีนก็ยังคงโทนสีไว้ดังเดิม เรื่อยๆ ไปจน 2014 ปี 2015 ยัน 2016 ก็ยังเป็นสีขาว และนี้ก็คือฉลองพระองค์ที่เป็นต้นเรื่องในปี 2017 นี้ ชาวเน็ตร่วมกันคาดเดาถึงความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เนื่องจากตัวควีนอลิซาเบธที่ 2…
-
นักการเมืองหญิงออสเตรเลีย สร้างประวัติศาสตร์เป็นคนแรกที่ “ให้นมลูก” ระหว่างการประชุมสภา
หลังจากที่คุณ Larissa Waters จากพรรคการเมือง Australian Greens ได้กลายเป็นนักการเมืองหญิงคนแรกที่ให้นมลูกระหว่างการประชุมรัฐสภาของประเทศออสเตรเลีย เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และล่าสุดเธอได้ทำสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นอีกขั้นของการเลี้ยงลูก เมื่อวุฒิสมาชิกสาวคนดังกล่าวได้ให้นมกับหนูน้อย Alia Joy ลูกของเธอในระหว่างที่กล่าวรายงานเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวในการต่อสู้กับโรคปอดดำ ที่เกิดจากมลพิษของถ่านหิน คุณ Waters บอกกับผู้สื่อข่าวแบบติดตลกเกี่ยวกับการให้นมลูกของเธอระหว่างประชุมว่า “ตอนนี้โรคปอดดำกำลังเป็นปัญหาสำคัญของคนงานเหมืองถ่านหินในเมือง Queensland และลูก Alia ก็กำลังหิวนมด้วย” นอกจากนี้วุฒิสภาสาวคนดังกล่าวหวังว่าการกระทำของเธอจะเป็นการส่งข้อความไปยังเหล่าคุณแม่ท่านอื่นๆ ว่าการให้นมลูกนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญพอๆ กับการทำงาน “ผู้หญิงมักจะทำงานและเลี้ยงดูลูกอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือที่บ้านก็ตาม ฉันหวังว่าการกระทำนี้จะช่วยให้เห็นว่าการให้นมลูกนั้นเป็นเรื่องปกติและช่วยทำให้พวกเธอไม่อายที่จะให้นมลูกในตอนที่พวกเขาหิว” คุณ Waters กล่าวทิ้งท้าย สำหรับใครที่อยากจะชมคลิปวิดีโอขณะประชุม ในคลิปด้านล่างเลยครับ… (ใครที่ชมคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่ครับ) Greens Senator @larissawaters just became the first woman in Australian parliament to give a speech while breast feeding. pic.twitter.com/lvmZ8C32GN…