จากผลสำรวจปี 2015 สื่อนอกยก ‘Detroit’ เป็นเมืองที่แย่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา…

สหรัฐอเมริกาหนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลก พวกเขาคือชาติที่เต็มไปด้วยการพัฒนาต่างๆ มากมายและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง แต่ถึงแม้จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังคงมีเรื่องหนึ่งที่หนีไม่พ้นนั่นก็คือปัญหาพื้นที่เสื่อมโทรมนั่นเอง

ในปี 2015 ทางเว็บไซต์ 24/7 Wall Street ได้จัดอันดับความน่าอยู่ของเมืองที่มีประชากรมากกว่า 65,000 คนทั้งสิ้น 551 เมือง โดยพวกเขาได้แบ่งเกณฑ์การให้คะแนนออกเป็น 9 ด้านประกอบด้วยด้านอาชญากรรม, เศรษฐกิจ, ประชากร, การศึกษา, สิ่งแวดล้อม, สุขภาพ, ที่อยู่อาศัยโครงสร้างพื้นฐานและการพักผ่อนหย่อนใจ และนำมาวิเคราะห์กับปัจจัยอื่นๆ อีกด้วย

 

 

ซึ่งผลจากการศึกษาพบว่าเมืองที่เลวร้ายมากที่สุดนั้นได้แก่เมือง Detroit รัฐมิชิแกนนั่นเอง ที่เมืองนี้มีประชากรทั้งหมด 677,124 คน มีประชากรที่ยากจนคิดเป็น 39.8 เปอร์เซ็นต์และมีประชากรที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเพียงแค่ 14.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่ามีอัตราการจ้างงานที่ลดลง และรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนนั้นเหลือเพียงแค่ประมาณ 8 แสนต่อปีเท่านั้นซึ่งต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยรายได้ของครัวเรือนทั่วประเทศ

 

 

นอกจากนี้ที่เมือง Detroit ยังเต็มไปด้วยอาชญากรรมอีกมากมาย จากการสำรวจพบว่าที่นี่มีอัตตราการเกิดอาชญากรรมสูงเป็นอันดับสองของประเทศ โดยมีผู้เสียชีวิตจากอาชญากรรมมากถึง 1,760 รายจากประชากร 1 แสนคนเลยทีเดียว

ส่วนอันดับอื่นๆ จากการสำรวจนั้นพบว่าเมือง Birmingham รัฐ Alabama นั้นอยู่อันดับสอง และเมือง Flint รัฐ Michigan อยู่อันดับสาม และจากการวิเคราะห์ของเว็บไซต์ 24/7 Wall Street ยังชี้ให้เห็นว่าเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอย่าง Philadelphia และ Miami นั้นก็มีความเสียงต่อการเกิดอาชญากรรมสูงเช่นกัน

 

ที่มา dailymail

Comments

Leave a Reply