Category: ข่าวคราวรอบโลก
-
ศิลปินญี่ปุ่นวัย 5 ขวบสร้างงานศิลปะพร้อมกับตั้งราคาสุดกวนโอ๊ย “คุณไม่มีปัญญาซื้อหร๊อก”
ปัจจุบันศิลปินหรือผู้ประกอบการนับวันก็จะยิ่งมีอายุน้อยลงไปทุกที อย่างเช่นเถ้าแก่น้อยที่หลายคนรับรู้จุดเริ่มต้นของธุรกิจของเขาได้จากหนังเรื่องวัยรุ่นพันล้าน ในญี่ปุ่นเองก็มีที่คล้ายๆ กันอยู่ แต่พูดเลยว่าจุดเริ่มต้นของเด็กคนนี้แหวกแนวม๊าก! นี่คือเรื่องราวของเด็กชายวัย 5 ขวบชาวญี่ปุ่นที่สร้างงานศิลปะขึ้นมาหลายๆ แบบ ไม่ว่าจะเป็น การพับกระดาษ โมเดลแฮนด์เมด หรือภาพวาดจากสีเทียนต่างๆ มากมาย ก่อนจะนำลงไปขายในเว็บไซต์ร้านค้าส่วนตัวของเขาเองที่คนรอบข้างช่วยทำให้ อย่างชิ้นนี้มีชื่อผลงานว่า “การโจมตีปลาหมึกยักษ์ตัวอ้วนกลม” โดยในช่องราคาเขียนเอาไว้ว่า “การโจมตีปลาหมึกยักษ์ตัวอ้วนกลมเยน” ก็ไม่รู้ว่าจะแปลงเป็นสกุลเงินไทยอย่างไรเลย… แต่ความเจ๋งของเด็กคนนี้ก็คือเขาเป็นคนคิดราคาเองทั้งหมด และมูลค่าของแต่ละงานก็ไม่ใช่ว่าจะถูกๆ เลยเพราะต่ำสุดเริ่มจาก 15 บาทไปจนถึงมากกว่า 2 แสนล้านบาทเลยทีเดียว!! และในบางชิ้นยังมีราคาที่ไม่อาจตีเป็นค่าเงินได้ด้วยนะ นอกจากเรื่องของราคาแล้ว หากเราต้องการจะสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ทั่วๆ ไปก็คงจะเจอกับปุ่ม “หยิบใส่ตะกร้า” แต่คุณจะไม่ได้เจอคำนั้นในเว็บนี้ เพราะเมื่อเลือกสินค้าที่ต้องการจะสั่งซื้อเรียบร้อยจะมีปุ่มให้กดที่เขียนว่า “ราคาอันแสนอัศจรรย์ คุณไม่มีปัญญาซื้อมันหรอก” ซะงั้น… ผลงานที่ถูกที่สุด ดาวกระจาย ราคา 15 บาท และผลงานที่แพงที่สุด กับไดโนเสาร์ Liliensternus พร้อมราคาที่ทำให้บางประเทศล้มละลายกันได้เลย สนนราคามากกว่า 2 แสนล้านบาท!! แต่ในหลายผลงานก็มีราคาที่สามารถยอมรับได้กับผลงาน ด้วยทักษะการประกอบการที่แปลกใหม่และความรู้อันน่าประทับใจเกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่น้อยคนจะรู้จักพวกมัน…
-
22 ภาพที่สื่อไม่นำเสนอ น้ำท่วมครั้งใหญ่ในแถบอินเดีย ที่คร่าชีวิตคนไปกว่า 1,200 ราย…
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังมุ่งประเด็นไปที่ผลกระทบจากเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มาพร้อมกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ ทว่าที่แห่งนั้นไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่เดียวที่ต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะสำนักข่าวนานาชาติเริ่มมีการพูดถึงอีกพื้นที่หนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบหนักไม่แพ้กัน… สำหรับปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศแถบทวีปเอเชียตอนใต้ ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย เนปาล ปากีสถาน และบังกลาเทศ ต้องเจอกับฝนตกหนักเกือบตลอดทั้งเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมและดินถล่มสร้างความเสียหายให้กับอาคารที่อยู่อาศัยกว่า 1,000 หลังคาเรือน นอกเหนือจากนั้นก็เกิดปัญหาขาดแคลนอาหารและยาตามมา เป็นเหตุที่คร่าชีวิตชาวบ้านในละแวกนั้นมากถึง 1,200 คน โดยในจำนวนนี้รวมถึงเด็กด้วย และยังมีคนกว่าอีกล้านคนที่ต้องอพยพออกมา โดยไม่มีที่อยู่อาศัยและต้องการความช่วยเหลืออย่า่งเร่งด่วน ซึ่งภาพเหล่านี้จะสามารถบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นกันชัดเจนมากยิ่งขึ้น… ชายคนหนึ่งต้องปล่อยหลานสาวให้ลอยไปตามแม่น้ำ Koshi ในเนปาล เพราะไม่สามารถหาพื้นที่โล่งเพื่อฝังเธอได้ หนุ่มเนปาลแบกแพะของตนไว้บนบ่า ขณะที่กำลังเดินทางไปยังพื้นที่ปลอดภัยในหมู่บ้าน Topa ภูมิภาค Saptari ชาวเนปาลสองคนกำลังว่ายน้ำพร้อมลากห่วงยางขนาดใหญ่ในภูมิภาค Parsa เด็กหนุ่มใช้แพจากต้นกล้วยในการลำเลียงหนังสือของตนออกมา จากรัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย หญิงสาวเดินอยู่กลางน้ำท่วมในหมู่บ้าน Motihari ประเทศอินเดีย แรดอินเดียเดินลุยน้ำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ารัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย ผู้คนยืนต่อแถวเพื่อบรรจุน้ำดื่มจากแท็งค์น้ำเทศบาล ในพื้นที่น้ำท่วมเมืองอาห์เมดาบัด ประเทศอินเดีย หญิงสาวเดินลุยน้ำในหมู่บ้านที่น้ำท่วมสูงรัฐพิหาร…
-
ช่างภาพถ่ายคน 2 คนจากทั่วโลก เพราะลึกๆ เราต่างต้องการใครซักคนไว้คอยเคียงข้าง…
จริงอยู่ที่บางครั้งเราอาจจะรู้สึกอยากอยู่คนเดียว หรือไม่ต้องการใคร แต่บางครั้งมันก็กลับรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย ราวกับว่าลึกๆ แล้ว เราต้องการใครซักคนไว้คอยเคียงข้าง และนั่นก็เป็นความรู้สึกส่วนหนึ่งที่ Pascal Mannaerts ต้องการจะสื่อออกมาผ่านภาพถ่ายของเขา เขาใช้เวลาเดินทางไปทั่วโลกกว่า 10 ปี เพื่อตามเก็บเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างคน 2 คน ที่ไม่ใช่เรื่องของความรักใคร่ แต่เป็นความสวยงามของมนุษย์ที่เราต่างรู้ดีว่า… ลึกๆ แล้วเราก็อยากมีใครซักคนไว้เคียงข้าง พม่า เยอรมนี ญี่ปุ่น อิหร่าน คีร์กีซสถาน บูร์กินาฟาโซ ฮ่องกง ญี่ปุ่น คีร์กีซสถาน เอธิโอเปีย โดยภาพถ่ายทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องราวของคน 2 คน ที่ไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นเพศไหน ชนชาติใด หรือมีลัทธิความเชื่อแบบใด หากแต่เป็นการบอกเล่าความรู้สึกของความเป็นมนุษย์ที่เราทุกคนต่างรู้จักมันดี ไม่ว่าจะยามสุข ทุกข์ หรือยามท้อแท้หมดหวัง ทุกคนล้วนอยากมีใครซักคนไว้คอยแชร์เรื่องราวต่างๆ เสมอ คีร์กีซสถาน…
-
นักวิทย์ฯ ค้นพบวัตถุประหลาด ลักษณะเป็นก้อนจับกลุ่มกันในน้ำ หน้าตาอย่างกับสมองคน..!!
กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก หลังจากที่มีชาวบ้านแคนาดาไปค้นพบวัตถุประหลาดบางอย่างเค้า เรียกได้ว่าเห็นครั้งแรกแล้วเราอยากจะเชิญธูปเทียนมาขอหวยเลยแหละเธอเอ๋ยย เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า วัตถุประหลาดดังกล่าวปรากฎอยู่ใต้ผิวน้ำแห่งหนึ่งใน Stanley Park เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า… เจ้าก้อนสมองที่เห็นนี้แท้จริงแล้วมันเรียกว่า ‘bryozoans’ (งงกว่าเดิม) ก้อนสมองหน้าตาประหลาดที่มีคนไปเจอเข้า บริเวณที่มีการค้นพบ Kathleen Stormont ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศวิทยาได้ออกมาชี้แจงว่า ก้อนประหลาดที่เรียกว่า ‘Bryozoans’ นั้น เกิดจากสิ่งมีชีวิตระดับจุลภาคจำนวนมากเกาะกลุ่มกัน และสำหรับฟอสซิลประหลาดชิ้นนี้ก็มีอายุมากถึง 470 ล้านปีเลยทีเดียว (ก่อนการกำเนิดของไดโนเสาร์ในอีก 230 ล้านปีต่อมา) สิ่งมีชีวิตไร้กระดูกสันหลังขนาดจิ๋วจะถูกเรียกว่า ‘Zooid’ การค้นพบก้อนฟอสซิลประหลาดนี้นับว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่ถึงกระนั้นนักวิทยาศาสตร์ก็ให้ความสนใจในแง่ปัญหาทางระบบนิเวศน์ และทางธรรมชาติมากกว่า ซึ่งทีมวิทยาศาสตร์ก็ยังชี้ชัดไม่ได้ว่าแท้จริงแล้ว ฟอสซิลก้อนนี้ต้องการจะบอกอะไรเราเกี่ยวกับปัญหาอุณหภูมิที่เพิ่มมากขึ้น หรือมันไม่ได้บอกอะไรเราเลยหากแต่มันแค่ปรากฎขึ้นมาเฉยๆ “สภาพมันเหมือนแมงกระพรุนอายุได้ 3 วัน เนื้อสัมผัสเฟิร์มๆ หน่อย และก้อนนี้เป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วจำนวนมากเกาะกลุ่มกัน และพวกมันก็มีเชื้อสายที่เก่าแก่มานานนับพันๆ ปี ส่วนสาเหตุที่สิ่งมีชีวิตระดับเล็กต้องมาเกาะกลุ่มกัน เราขอสันนิษฐานว่าเป็นไปเพื่อการอยู่รอดของพวกมันเอง…
-
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของ “ดาบไวกิ้ง” ตัวแทนแห่งมูลค่า และสัญลักษณ์แห่งอำนาจ…
ดาบยาว (Longsword) หรือสปาตาร์ (Spatha) ไม่ได้เป็นเพียงแค่อาวุธที่น่าเกรงขามเท่านั้น แต่มันยังใช้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์อันทรงคุณค่า และมักจะถูกรังสรรค์ขึ้นมาโดยช่างตีดาบผู้มากฝีมือ ในบรรดาดาบที่ยังถูกเก็บไว้จนทุกวันนี้ มักจะแฝงไปด้วยเรื่องราวของวัฒนธรรม ศิลปะ สงคราม พิธีกรรมทางศาสนา ประเพณีการฝังศพ กฎหมาย รวมถึงความเกี่ยวข้องทางด้านภาษีด้วย!! ในระหว่างการครองราชย์ของกษัตริย์ชาร์เลอมาญ Charlemagne (ค.ศ. 768 – 814) ดาบยาวพร้อมฝักมีมูลค่าเท่ากับ 7 เหรียญ Solidus ซึ่งเป็นสกุลเงินในเวลานั้น จากการอ้างอิงภายใน Lex Ribuaria ซึ่งเป็นชุดของกฎหมายโบราณจากศตวรรษที่ 7 ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการจ่ายภาษีของผู้คนในยุคสมัยนั้น การจ่ายภาษีในยุคดังกล่าว มักจะถูกจ่ายด้วยสิ่งของ อย่างเช่น ‘ดาบ’ แทนสกุลเงิน ดังนั้นมูลค่าของสินค้าจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า ที่น่าสนใจคือดาบที่ไม่มีฝัก จะมีมูลค่าเพียง 3 Solidus เท่านั้น แสดงให้เห็นว่ามูลค่าของดาบขึ้นอยู่กับฝักนั่นเอง ราคานี้เมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์ ก็เปรียบได้กับม้าที่มีสุขภาพแข็งแรง จะมีราคาเท่ากับ 7 Solidus ในขณะที่วัวสุขภาพดีมีราคาเพียง 1 Solidus เท่านั้น ในช่วงแรก…
-
มือสไนเปอร์ชาวอเมริกัน ผู้ได้ฉายา “ยมทูต” จากการสังหารนักรบตาลีบันกว่า 33 ศพ
Nicholas Irving อายุ 30 ปี อดีตมือปืนในตำนาน แม้ปลดประจำการจากกองทัพแล้ว ก็ยังถูกเล่าขานถึงความเก่งของเขาจากทหารรุ่นต่อมาอยู่เสมอ ถึงความเก่งกาจและความสุดยอดในฐานะนักแม่นปืนสไนเปอร์ และล่าสุด เขาก็ได้มาเปิดเผยชีวิตการเป็นทหารของเขาอีกครั้งใน 6 ปีต่อมา… Irving ได้รับฉายาว่า “The Reaper” หรือ ยมฑูต เขาเป็นหนึ่งในตำนานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักซุ่มยิงที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งแห่งกองทัพอเมริกัน เขาสามารถยิงได้อย่างแม่นยำ ตรงเป้าหมาย ง่ายราวกับเล่นเกมอยู่อย่างนั้น เขาได้เล่าถึงประสบการณ์ครั้งหนึ่ง ตอนที่อายุ 18 ปีในสมรภูมิ Tikrit ประเทศอิรัก เขายิ่งสไนเปอร์ใส่หัวของข้าศึกคนหนึ่งถึง 7 นัด และแม้มันจะเป็นการสังหารศัตรู แต่สภาพของศพที่ถูกยิงนั้น คือสิ่งที่เขายอมรับว่ามันเป็นฝันร้ายหลอกหลอน ที่เขาจะไม่มีวันลืมมันเลยทีเดียว… ทั้งนี้ เขาได้เปิิดเผยถึงเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจของเขาเป็นอย่างมากถึงเหตุการณ์ที่เขาจะไม่มีวันลืมตลอดชีวิต มันเป็นเรื่องเมื่อเพื่อนและหัวหน้าของเขาถูกยิง แล้วเพื่อนของเขาก็ร้องด้วยความเจ็บปวด เขาจึงเก็บความแค้นไว้แล้วเดินออกไปจัดการศัตรูทีละคน “มันเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเท่ที่สุด ผมขับรถไปรอและพร้อมที่จะยิงพวกมันทุกตัว ถึงแม้ผมอาจจะไม่รอดชีวิตออกมาก็ตาม” “มีคนกระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ข้างในนั้นบรรทุกระเบิด อาวุธ ผมเดินออกไป ถือบุหรี่ข้างหนึ่ง ยิงคนแย่ๆ มีอีกคนนั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ ที่มือเขากำลังสาดปืนกลอยู่ มันเป็นประสบการณ์ที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย” …
-
เฉลยความจริงของสัตว์ประหลาด “กิ่งไม้เคลื่อนไหวได้” ชาวไต้หวันจับโยงถึงขั้นเป็นเอเลี่ยน!?!
คุณเชื่อเรื่องของสิ่งมีชีวิตนอกโลกหรือที่เรียกว่ามนุษย์ต่างดาวหรือเปล่า ในจักรวาลของเราประกอบไปด้วยดวงดาวจำนวนหลายล้านดวง ปัจจุบันมนุษย์กำลังศึกษาเรื่องของดวงดาวดวงต่างๆ จากความเชื่อที่ว่ามนุษย์ต่างดาวหรือสิ่งมีชีวิตนอกโลกมีอยู่จริงในจักรวาลแห่งนี้ และคนไต้หวันบางคนก็เชื่ออย่างนั้น จากการพบเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดและบันทึกภาพโดย Huang Meilan ชาวเมืองซินจู๋ ซึ่งเขาบอกว่าได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวหนึ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต และไม่มีใครทราบว่ามันเป็นตัวอะไร โดยลักษณะทางกายภาพของมันเป็นแค่กิ่งไม้กิ่งเล็กๆเท่านั้น แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่ามันเคลื่อนไหวได้ อู้หู้ววววว์ ไหนๆดูซิว่ามันเป็นยังไง สิ่งมีชีวิตประหลาดตัวนี้มันเคลื่อนที่ไปมาบนพื้น และหลังจากที่เธอโพสต์ลงในสื่อสังคมออนไลน์ ก็มีคนพูดไปในทางเดียวกันว่าสงสัยว่านี่จะเป็นเอเลี่ยนหรือเปล่า? แม้จะมีบางคอมเม้นท์ก็บอกว่ามันอาจเป็นการกลายพันธุ์ทางธรรมชาติก็ได้นะ ไม่ใช่เอเลี่ยนอะไรหรอก แต่บางคนถึงกับเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่มีคนบันทึกภาพ UFO ได้ในเมืองซินจู๋ เมื่อวันที่ 15 กันยายน ปี 2015 ไปกันใหญ่แล้วววว อ๊ะ แล้วมันคือตัวอะไรกันแน่!? จากการค้นคว้าเพิ่มเติม พบว่าเจ้านี่น่าจะเป็น พยาธิขนม้า (horsehair worm) ลักษณะของมันที่มีลำตัวเล็กยาว และมักจะชอบขดม้วนเป็นเกลียวแน่น และลักษณะลำตัวที่ยาวนี้คล้ายกับพยาธิตัวกลม แต่ก็มีความแตกต่างอยู่หลายประการ นักวิทย์จึงจัดให้พวกมันอยู่ไฟลัมใหม่ว่า Nematomorpha พยาธิขนม้า มักจะเข้าไปสิงอยู่ในแมลงกลุ่มตั๊กแตน และจิ้งหรีด กระทั่งเมื่อโตเต็มที่แล้ว มันก็เริ่มปีกกล้าขาแข็ง ไม่ยอมอยู่ในร่างใคร ออกมาล่องลอยหาอาหาร และผสมพันธุ์สืบทอดลูกหลานต่อไปในแหล่งน้ำ นั่นจึงเป็นที่มาของปรสิตซึ่งบังคับแมลงเหล่านั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายนั่นเอง ซึ่งมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า…
-
เรื่องจริงของ Deanna คุณแม่ที่เสพเฮโรอีนอยู่เบาะหน้ารถ และปล่อยให้ลูกน้อยเสียชีวิตคาเบาะหลัง
กลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้หลายคนรู้สึกเศร้าตามไปด้วย แม้จะไม่ได้เกิดกับตัวเอง เมื่อหญิงคนหนึ่งในรัฐนิวเจอร์ซีย์ถูกจับกุม หลังจากที่เธอทิ้งลูกสาวของเธอไว้ในรถหลายชั่วโมง ในขณะที่เธอมีเองก็เสพยาจนไม่ได้สนใจ ตอนขณะที่เกิดเหตุ Deanna J. Joseph อายุ 39 ปี ปล่อยให้ลูกวัย 2 ขวบ อยู่ในคาร์ซีทที่เบาะหลัง ขณะที่ตัวเองเสพเฮโรอีนที่อยู่ในเบาะหน้า แล้วก็เผลอหลับไป อัยการแห่ง Salem County คุณ John T. Lenahan ให้สัมภาษณ์ว่า “เด็กถูกขังอยู่ในรถเป็นเวลานาน ในขณะที่แม่ของหนูน้อยอยู่ในอาการหลอนของยาเสพติด และเด็กน้อยอาจจะได้รับบาดเจ็บด้วยก่อนที่เธอเสียชีวิต” จากการชันสูตรพลิกศพพบว่าเด็กน้อยพยายามที่จะหนีแต่ถูกเข็มขัดนิรภัยรัดที่คอจนเสียชีวิต ภาพถ่าย Deanna กับลูกสาวที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊คเมื่อเดือนมิถุนายน เธอได้โทรแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 911 เมื่อเวลา 21.45 น. ว่าลูกสาวของเธอไม่ตอบสนองต่อสิ่งใดๆ เมื่อตำรวจมาถึงที่บ้านในถนน Timberman ก็พบว่าเด็กน้อยเสียชีวิตแล้ว ตำรวจได้กล่าวว่านาง Deanna เสพเฮโรอีน ก่อนที่จะขับรถไปรอบๆ เมืองกับลูกสาวของเธอก่อนที่จะหลับไป และปล่อยให้ลูกสาวตายตรงที่เบาะหลังของรถนั้น ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ในปี 2014…
-
17 สถิติโลกในเรื่องของ “การกิน” ที่แปลกจนแทบจะไม่อยากเชื่อว่ามันมีอยู่จริงๆ
หลายคนคงจะเคยเห็นการแข่งขันกินจุ กินไวต่างๆ กันมาบ้างแล้ว ซึ่งดูแล้วก็สุดแสนจะมหัศจรรย์ว่าพวกเขาทำกันไปได้อย่างไร เช่นเดียวกับสถิติที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้ที่จะชวนให้ต้องทึ่งกับสิ่งที่พวกเขาทำได้ ต่างกันที่ว่าการแข่งกินเหล่านี้จะมีความพิเศษกว่าตรงที่ความไม่ธรรมดาของรูปแบบอาหาร หรือวิธีการที่ทำให้คิดกันว่า อาหารประเภทนี้เขามีการบันทึกสถิติกันด้วยหรือ?! ว่าแล้วก็อย่ารอช้าเราลองไปดูกันเลยดีกว่าว่า 17 อย่างทั้งหมดนั้นจะมีอะไรกันบ้าง ได้มีการบันทุกไว้ว่ามีคนสามารถกินนักเก็ตไก่ ในเวลา 3 นาทีได้ 642.12 กรัม หรือประมาณ 37 ชิ้น ได้มีการบันทึกไว้ว่ามีคนสามารถกินแซนวิชชีสย่าง ในเวลา 1 นาทีได้ 13 อัน จากสถิติชายหนุ่มสามารถกินพิซซ่าขนาด 12 นิ้ว หมดภายใน 32.28 วินาที ขนาดว่าใช้ส้อมนะเนี่ย หนุ่มญี่ปุ่นทำสถิติกินแฮมเบอร์เกอร์ ในเวลา 3 นาทีได้ 12 ชิ้น มีการบันทึกไว้ว่ามีคนสามารถกินเค้กเนยถั่วยี่ห้อ Reese โดยไม่ดื่มน้ำหมดไป 30 ชิ้นในเวลา 2.57 นาที สถิติชายหนุ่มกินพริกปีศาจที่เผ็ดเอามากๆ ได้ 10…
-
นิวซีแลนด์วิกฤติ “อะโวคาโด” โดนขโมยมูลค่าหลายพันเหรียญ แล้วไปขายในเฟซบุ๊ค จังซี้ก็ได้บ่!?
เรื่องแปลกๆนี้เกิดขึ้นที่เกาะเหนือของประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อทางตำรวจได้รับแจ้งว่าเกษตรกรถูกขโมยอะโวคาโดมูลค่าหลายพันเหรียญ!! เนื่องจากประเทศนิวซีแลนด์มีความมีความนิยมผลอะโวคาโด้เป็นอย่างสูง และกำลังขาดตลาด เมื่อความต้องการสูงแต่ผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการก็ทำให้ผลไม้ชนิดนี้มีราคาที่สูงขึ้นมากนั่นเอง จนกระทั่งนำไปสู่เหตุการณ์ขโมยผลอะโวคาโด้ในที่สุด.. จากความต้องการสินค้าที่มีมูลค่าสูงล่อตาล่อใจขนาดนี้ พวกโจรหัวใสจึงทำการขโมยอะโวคาโดเพื่อนำไปขายในตลาดมืดและการซื้อขายผ่านเว็บออนไลน์ ซึ่งทำให้ตำรวจตามจับได้ยาก คุณตำรวจ Trevor Brown ได้รายงานว่าอาชญากรรมการขโมยผลอะโวคาโดนี้กำลังเกิดขึ้นอย่างมากในพื้นที่ดังกล่าว ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เขาบอกกับสำนักข่าวการ์เดี้ยนว่า “นี่เป็นการโจรกรรมเชิงพาณิชย์ ผลไม้ราคาหลายพันเหรียญถูกขโมยไปในช่วงที่เกษตรกรกำลังจะลืมตาอ้าปากได้ คดีนี้เป็นคดีที่มีความผิดร้ายแรง มันไม่เหมือนกับการขโมยจากต้นของเพื่อนบ้าน อันนี้มันซีเรียสกว่ามาก” การกระทำดังกล่าวระบาด ถึงขั้นที่มีการตั้งชื่อศัพท์ขึ้นมาเรียกกลุ่มเหล่านี้ว่า Fruit Theft โดยเฉพาะ “จากการคาดการณ์ คิดว่าอาชญากรอาจจะมีการพูดคุยตกลงซื้อขายกันผ่านทางโซเชียลมีเดีย เนื่องจากการตั้งแผงลอยขายในราคา 50 เหรียญแบบยกลัง นั้นมันยากกว่าเดิมในช่วงหลังที่มีการเข้มงวดกวดขันมากขึ้น” Jen Scoular ซีอีโอของ New Zealand Avocado กล่าว อุตสาหกรรมการซื้อขายอะโวคาโด้ทั้งในประเทศนิวซีแลนด์และออสเตรเลียเติบโตขึ้นมากจาก 64 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นสูงถึง 198 ล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลาแค่ 1 ปีเท่านั้น อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีลักษณะผิวขรุขระ เปลือกหนา มีสีเขียวเข้ม เนื้อมีลักษณะเป็นครีม อ่อนนุ่ม มีรสชาติคล้ายเนย…
-
เมื่อพี่ชายวัย 17 จับน้องชายวัย 3 ขวบ แต่งเป็น “Pennywise” หลอนยิ่งกว่าต้นฉบับซะอีก!!
“It” เป็นชื่อของภาพยนตร์แนวสยองขวัญ ที่เคยถูกนำมาฉายในปี 1990 และถูกนำกลับมาสร้างอีกครั้งในปี 2017 นี้ และที่ความสำคัญทางผู้สร้างยังได้เพิ่มความน่ากลัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก บอกเลยว่าน่าดูมาก!! ส่วนใครที่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้มาแล้ว เราเชื่อว่าคุณจะต้องรู้จัก Pennywise ตัวตลกสุดหลอนที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนโดยเฉพาะเด็กๆ อย่างแน่นอน และด้วยคาแรกเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว งานนี้เลยทำให้ Eagan Tilghman ช่างภาพหนุ่มวัย 17 จากมิสซิสซิปปี ได้หยิบเอาตัวละคร Pennywise มาแต่งในเวอร์ชั่นเด็กชายตัวน้อย ทวีความหลอนมากกว่าต้นฉบับซะอีก นี่คือภาพของ Louie น้องชายวัย 3 ขวบของ Eagan ซึ่งผลงานเหล่านี้ เขาเป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้นมาทั้งหมดทั้งการแต่งตัว แต่งหน้า แล้วตระเวนถ่ายภาพคอลเลคชั่นสุดสะพรึงนี้ บอกเลยว่ามันสมจริงราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์เลยละ ภาพเหล่านี้อาจจะทำให้คุณฝันร้ายได้นะ ทุกสิ่งทุกอย่างได้ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์มาเป็นอย่างดี แม้แต่ Andy Muschietti ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ “It” เวอร์ชั่นใหม่ก็ยังได้เข้ามาชื่นชมในอินสตาแกรมของ Eagan อีกด้วย ภายหลังจากที่เขาได้โพสต์ภาพเหล่านี้ลงในโลกออนไลน์…
-
ภรรยาทุ่มเทลดความอ้วน เพื่อโชว์รูปร่างผอมให้สามีได้เห็น ก่อนที่เขาจะจากไปด้วยมะเร็ง…
หลายคนคงทราบดีว่าการลดความอ้วนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทุกคนรู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะผอม แต่พอจะทำจริงๆ มันช่างเป็นอะไรที่ยากเหลือเกิน เพราะแบบนี้หลายๆ คนจึงต้องหาแรงบันดาลเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก เหมือนกับเธอคนนี้ที่อยากผอมให้สามีได้เห็นสักครั้งก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไป… Taylor Murphy วัย 24 ปี จากรัฐวอชิงตัน ครั้งหนึ่งเธอเคยมีน้ำหนักมากถึง 127 กิโลกรัม นั่นทำให้สามีช็อคหนักมากแต่ก็ไม่ได้ทำให้รักน้อยลงหรอก จนกระทั่งสามีของเธอ Ricky Carrington วัย 29 ปี ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งในสมองที่ไม่สามารถรักษาได้ และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 15 เดือนเท่านั้น นั่นเป็นข่าวร้ายสำหรับ Taylor เป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาเธอแทบจะไม่ดูแลตัวเอง และไม่มีเวลาให้สามีเลย ในที่สุดเธอก็คิดได้ว่าต้องลดน้ำหนักให้ได้ เพื่อที่จะมีรูปร่างผอมให้สามีได้เห็น และได้ทำกิจกรรมร่วมกันก่อนที่เขาจะจากไป ปกติหญิงสาวมักจะกินอาหารในปริมาณมากๆ และมักจะกินอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง โดยเฉพาะตอนเช้า เธอจะกินกาแฟมอคค่าของร้านกาแฟสีเขียวเจ้าดังเป็นประจำ แม้สามีจะไม่ได้รักเธอน้อยลงเพราะความอ้วน แต่เขาก็ยอมรับความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ไม่ค่อยดีนัก เพราะพวกเขาไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เนื่องจาก Taylor มักจะเหนื่อยง่ายและขี้หงุดหงิด แต่ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ตัดสินใจลดน้ำหนัก เธอก็เลิกพฤติกรรมการกินเหล่านั้น ทั้งกาแฟ ทั้งขนมหวานต่างๆ และนั่นช่วยลดน้ำหนักได้ดีมาก …
-
ภาพน่ารักๆ ของ ‘ลูกแม่สอง’ เดินจูงมือด้วยกัน เพราะภรรยาใหม่ของพ่อก็เสมือนแม่อีกคน…
ปัญหาการหย่าร้างนั้นมักจะมาจากมือที่สาม และมันจะยิ่งเลวร้ายไปอีกถ้าหากพวกเขามีลูกด้วยกัน เพราะสุดท้ายปัญหามักจะตกไปอยู่กับคนเป็นลูก แต่มันก็ไม่เสมอไป เพราะแม้พ่อแม่จะมีปัญหากัน แต่พวกเขาก็ยังต้องการที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูก นั่นทำให้หลายๆ คู่ยังคงทำหน้าที่พ่อแม่ต่อไป แม้จะหย่ากันแล้วก็ตาม… เช่นเดียวกับกรณีของ Hayley Booth ที่ได้โพสต์เรื่องราวตัวเองในเฟสบุ๊ก พร้อมชื่นชม Dakota ซึ่งภรรยาคนใหม่ของอดีตสามี และขณะนี้ยังเป็นแม่เลี้ยงให้กับลูกของเธอด้วย Hayley เขียนไว้ว่า บ่อยครั้งที่มีคนถามฉันว่า ฉัน อดีตสามี ภรรยาใหม่ของสามี และลูก อยู่ด้วยกันโดยมีปัญหาได้อย่างไร? ฉันจะตอบเหมือนกันทุกครั้งว่า “เพราะเรารักลูกสาวของเรา” เราทุกคนรักเธอและมันจะไม่วันเปลี่ยน เด็กไม่สมควรที่จะถูกทิ้ง หรือต้องมารับปัญหาที่ผู้ใหญ่ก่อเอาไว้ เธอไม่ได้เลือกที่จะเกิดมาในครอบครัวแบบนี้ และแน่นอนว่าเธอไม่ได้เป็นคนเลือกให้พ่อแม่หย่าร้างกัน ดังนั้น ทำไมเราจะต้องสร้างปัญหาให้กับการเธอด้วยการให้เลือกว่าจะอยู่กับพ่อหรือแม่? Dakota แม่ใหม่ของเด็กหญิง ลูกสาวของฉันเรียกแม่เลี้ยงว่า “แม่” แล้วรู้อะไรมั้ย? ฉันรู้สึกโอเคกับแบบนั้น เพราะสำหรับลูกแล้ว Dakota ก็คือแม่ของเธอคนหนึ่ง Dakota อยู่กับลูกสาวฉันตลอดเวลา ดูแลเธอ เล่นกับเธอ สอนการใช้ชีวิตให้เธอ สอนสิ่งที่ควรทำ ให้ความรักเธอ จูบบอกฝันดี เธอทำทุกอย่างที่แม่ควรทำให้ลูก สิ่งที่สำคัญที่สุด…
-
คุณแม่ลงมือฆ่าชายวัยรุ่น เพื่อทำการแก้แค้นให้กับลูกสาววัย 6 ขวบ ที่ถูกข่มขืน…
เหตุการณ์อันน่าเศร้านี้เกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อนาง Connie Serbu หญิงสาวจากรัฐฟลอริดา ต้องตกเป็นผู้ต้อหาคดีฆาตกรรม หลังจากที่ลงมือสังหารชายหนุ่มที่เคยก่อคดีข่มขืนลูกสาวของเธอด้วยตัวเอง คุณตำรวจเจ้าของคดีสะเทือนขวัญนี้กล่าวว่า หญิงคนดังกล่าวได้ทำการล่อลวง Xavier Sierra เด็กหนุ่มวัย 18 เข้าไปในป่าแห่งหนึ่งในเมืองเนเปิลส์ และทำการปลิดชีวิตเขาด้วยปืน นาง Connie Serbu (ซ้าย) และ Xavier Sierra (ขวา) เด็กหนุ่มผู้ตกเป็นเหยื่อ หลังจากที่จัดการกับเด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว นาง Serbu ได้โทรเรียกตำรวจมายังที่เกิดเหตุ และบอกกับตำรวจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด “ ‘ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาข่มขืนลูกสาวฉัน ฉันไม่สน เขาทำลูกสาวฉัน’ เธอบอกผมทุกอย่างกับเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากที่ผมมาถึง” นายตำรวจเจ้าของคดีกล่าว เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมปี 2016 ตำรวจพบศพของนาย Sierra อยู่ในที่เกิดเหตุ และถัดจากจุดที่พบศพแรกพวกเขายังพบร่างของนาย John Vargas น้องชายวัย 29 ปีของนาง Serbu อีกด้วย โดยจากข้อมูลบอกว่านาง Serbu และนาย Vargas น้องชายของเธอได้ร่วมกันฆ่าเด็กหนุมคนดังกล่าวหลังจากที่เธอทราบว่าลูกสาวถูกชายคนดังกล่าวข่มขืนมาเป็นเวลานาน ผู้เป็นแม่ได้ส่งข้อความหานาย Sierra เพื่อให้มาสร้างเตียงสองชั้นให้ที่บ้าน ก่อนที่ทั้งสองจะพาเด็กหนุ่มเข้าไปในป่าแล้วใช้อาวุธปืนสังหารเขา แต่ทางเหยื่อขัดขืนจึงป็นเหตุให้น้องชายของเธอถูกยิงเข้าที่ท้องและเสียชีวิตในที่สุด ถึงแม้ว่าลูกสาวจะขอร้องแม่ของเธอไม่ให้ทำการตามล่าตัวเขา แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ผู้เป็นแม่ยังคงตั้งใจจะแก้แค้นให้กับลูกสาวของเธอ จนเป็นเหตุสะเทือนขวัญในที่สุด…
-
จากเหตุการณ์คลิปวิดีโอ “พยาบาลถูกตำรวจจับ” เพราะทำหน้าที่ ตอนนี้ได้บทสรุปแล้ว
จากเหตุการณ์ขอความเป็นธรรมของพยาบาลสาวในเหตุการณ์ที่เธอปฏิเสธเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหตุเพราะเธอไม่อยากเจาะเลือดของคนไข้รายหนึ่งออกมาในขณะที่เขาหมดสติอยู่ ทำให้เธอถูกเจ้าหน้าที่คนนั้นจับใส่กุญแจมือและดึงออกไปขังไว้ในรถก่อนที่จะทำการปล่อยตัวออกมาเมื่อผ่านไป 20 นาที เมื่อมีคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวออกมา ก็กลายเป็นกระแสให้ชาวเน็ตและนายกเทศมนตรีเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอทำในการรักษาสิทธิ์ของคนไข้ อีกทั้งไม่พอใจเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำลงไปนั้นกลับไม่ได้รับโทษใดๆ เลยและออกตรวจพื้นที่ตามปกติได้อย่างหน้าตาเฉย จากทั้งหมดนั้นจึงทำให้เกิดข้อสรุปออกมาแล้วในตอนนี้ อ่านข่าวเก่า : เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมพยาบาลสาว หลังเธอปฏิเสธไม่ให้เขาเจาะเลือดผู้ป่วยหมดสติ นายตำรวจ Brandon Shearer ได้ออกมาบอกว่าหัวหน้าของพวกเขาได้เห็นคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย และเขาก็ได้บอกด้วยอีกว่าเรื่องข้อระเบียบของการเจาะเลือดผู้ป่วยนั้นไม่ได้รับการอัปเดตให้ทุกคนได้ทราบกันอย่างถ้วนหน้า แต่หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเรื่องนี้ก็ได้ถูกเพิ่มเติมในข้อระเบียบให้กับตำรวจทุกนายแล้ว นอกจากนั้น Payne นายตำรวจในเหตุการณ์แม้ว่าในตอนแรกจะได้รับปล่อยตัวให้กลับไปทำหน้าที่ตามปกติ แต่ก็ได้ถูกระงับเอาไว้และกำลังอยู่ในช่วงการดำเนินการตรวจสอบภายใน แต่เรื่องที่ควรจะกังวลมากกว่านั้นก็คือสิ่งที่เขาได้พูดกับนายตำรวจอีกคนในคลิปวิดีโอเกี่ยวกับอีกอาชีพหนึ่งของเขา ในการเป็นคนขับรถฉุกเฉินว่า “ฉันจะออกไปรับทุกคนอย่างรวดเร็ว และจะพาคนไข้ไปหาโรงพยาบาลอื่น” และกลายเป็นอีกเรื่องที่พวกเขายังคงต้องตรวจสอบกันต่อไป สุดท้ายแล้วเมื่อมีการถามคำถามกับพยาบาลสาว Wubbles ผู้เสียหายในเรื่องนี้ว่าเธออยากให้ทำอย่างไรกับเจ้าหน้าที่คนนี้ เธอก็ได้ตอบกลับมาว่า “ฉันคิดว่าเขาจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการอบรมที่เข้มงวด” แม้ว่าจะยังเหลือการตรวจสอบภายในอยู่ ทว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพยาบาลคนนี้ก็ได้รับการคลี่คลาย และทางตำรวจได้ออกมาอธิบายเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงแค่ว่านายตำรวจคนดังกล่าวจะได้รับโทษสถานหนักหรือเบา ที่มา: dailymail
-
คุณแม่สุดระทม ต้องขึ้นศาลเจอกับอดีตสามี ด้วยข้อหา… ‘ฆาตกรรมลูกชายตัวเอง’!!
สำหรับหัวอกคนเป็นแม่แล้ว เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รักลูกของตัวเอง เพราะกว่าที่คุณแม่จะให้กำเนิดลูกน้อยได้พวกเธอต้องคอยดูแลเอาใจใส่อยู่นานหลายเดือน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความรักระหว่างแม่ – ลูก ที่ไม่มีสิ่งใดเทียบเคียงได้ และนี่ก็เป็นเรื่องราวสุดร้าวระทมใจของคุณแม่ Ana Estevez ที่ถึงกับต้องหลั่งน้ำตาออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เมื่อเธอต้องมาขึ้นศาลเพื่อฟังคำตัดสินเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมลูกชายเธอ และผู้ต้องหาในครั้งนี้ก็คืออดีตสามีหรือคุณพ่อของผู้เสียชีวิตจริงๆ นั่นเอง ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนเมษายนตอนต้นปี เป็นวันที่ผู้ต้องหา (พ่อ) พาเด็กหนุ่มวัย 5 ขวบ Aramazd Andressian Jr. ไปเที่ยวที่ดิสนีย์แลนด์ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พยานกล่าวว่า เด็กชายนั่งรถออกจากสวนสนุกไปกับคุณพ่อ จากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย หลังจากหนึ่งเพียงหนึ่งวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานว่า มีคนพบว่าคุณพ่อคนดังกล่าว นอนสลบไม่ได้สติอยู่บนรถของตนเองในสวนสาธารณะ Arroyo Seco Park โดยบนรถมีการราดน้ำมันไว้ทั่วคัน และมีแผงยาหลายชนิดตกอยู่บนเบาะ ดูเหมือนว่าเขามีเจตนาจะฆ่าตัวตาย ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัวไว้ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเขาเป็นคนลงมือฆ่าบุตรชายด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่มีหลักฐานเพียงพอ เจ้าหน้าที่จึงต้องปล่อยตัวคุณพ่อฆาตกรคนนี้ไปก่อน มีรายงานว่าเพียงวันเดียวหลังจากที่เขาถูกปล่อยตัว เขาได้ทำการย้อมสีผมและโกนหนวด ราวกับว่าพยายามปกปิดอัตลักษณ์ของตนเอง รวมทั้งย้ายไปอยู่ที่ลาส เวกัส มีรายงานอีกว่า คุณพ่อฆาตกรคนดังกล่าวไม่มีท่าทีเสียใจแม้แต่นิดเดียว เขายังออกไปพบปะผู้คน กินเที่ยวอย่างสนุกสนาน รวมทั้งวางแผนที่จะเดินทางออกนอกประเทศอีกด้วย …
-
สาวขาย “กางเกงในเปื้อนประจำเดือน” และเล็บเท้าออนไลน์ ทำเงินกว่า 2 ล้านบาท!!?
การขายของออนไลน์ในปัจจุบันนั้นเรียกว่าเป็นหนึ่งในอาชีพยอดฮิต ที่ตอนนี้สามารถทำให้คนอายุน้อยสามารถทำเงินได้มากมายสุดๆ โดยส่วนใหญ่ก็อาจจะขายครีมขายเสื้อผ้าเป็นต้น แต่สาวคนนี้มาแหวก และทำเงินได้อย่างมหาศาล ส่วนสิ่งที่ทำให้เธอแปลกนั้นก็คือกางเกงในใช้แล้ว ที่สำคัญต้องเปื้อนประจำเดือนของเธอเองด้วย!!? ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้คุณก็คงพร้อมจะลุยต่อแล้วใช่ไหมล่ะ หรือคุณอาจจะสงสัยว่า มันมีคนขายจริงเหรอ!! หนักกว่าคือมีคนซื้อจริงใช่ไหม? คำตอบคือมีจริง และมันทำเงินไปกว่า 2 ล้านบาท โดยแม่ค้าออนไลน์ที่ใช้ชื่อแฝงว่า Yasmin Night เป็นคนออกมาเล่าด้วยตัวเองเลยล่ะ เธอเล่าว่าตอนแรกเธอก็ทำงานเหมือนคนปกตินั่นแหละ แต่ว่ารายได้มันน้อยและคนก็ดูถูกซะเหลือเกิน จนกระทั่งเธอได้ยินโลกออนไลน์บอกว่า มีคนรับซื้อกางเกงในใช้แล้วอะไรทำนองนี้ เธอก็สงสัยเหมือนกับทุกคนว่ามันขายได้จริงเหรอ เธอก็เลยลองขายดูบ้าง ปรากฏว่ามันขายได้จริง!! เพราะในโลกนี้ล้วนมีคนที่มีความชอบหลากหลาย ปกติเราอาจจะเรียกคนพวกนี้ว่าโรคจิต แต่ยังไงก็ตามถ้ามันไม่เดือดร้อนใครก็ถือเป็นความชอบที่โอเคจริงไหม? เธอได้ขายกางเกงในเปื้อนประจำเดือนของเธอตัวหนึ่งตีเป็นเงินก็จะราวๆ 3,200 บาท หรือถ้าคนที่มาซื้อไม่อยากจ่ายเงินสด ก็สามารถจะจ่ายค่าน้ำค่าไฟ หรือแม้แต่ซื้อของที่เธออยากได้ให้ก็ไม่ว่ากัน นอกจากนั้นเธอยังขายของอื่นๆ เช่นพวกรองเท้าใช้แล้วมีกลิ่นเธอหน่อยๆ เล็บเท้า ผม ชุดชั้นใน และอื่นๆ อีกมากมายจากร่างกายเธอ เธอบอกว่าล่าสุดมีคนยอมจ่ายเงินให้เธอมากกว่า 210,000 บาท เพื่อแลกกับของใช้ต่างๆ ของเธอเลยนะ เรียกว่าความชอบแบบนี้มีค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควรเลยนะเนี่ย ว่าแต่ใครสนใจอยากได้อะไรใช้แล้วจากทีมงานเหมียวบ้างไหม? เธอจะเรียกลูกค้าตัวเองว่าหมูออมสิน…
-
หนุ่มบิ๊กไบค์ ถูกชายอ้างเป็นตำรวจเอาปืนจี้พร้อมขอดูบัตรอย่างอุกอาจ จนชาวเน็ตจวกเละ!!
ไม่นานมานี้ได้เกิดเหตุการณ์สุดอุกอาจขึ้นกลางถนนเมืองคิงเคาน์ตี้ รัฐวอชิงตัน โดยได้มีชายคนหนึ่งอัพคลิปที่เขาถูกชายมีอายุเดินเข้ามาพร้อมกับปืนและขู่เขาพร้อมบอกว่าตนเป็นตำรวจ Alex Randall ชายเจ้าของคลิปคนดังกล่าวนั้น ได้เล่ากับ Kiro 7 News ว่าเขาถูกชายคนหนึ่งเดินมาสั่งให้เขาหยุดรถโดยให้สาเหตุว่าเขาขับรถอันตรายเกินไป ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ เราจะเห็นว่าชายคนนั้นเอาปืนมาขู่ไว้ด้วย ชายคนนั้นอ้างตัวว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก King County Sheriff’s Department และสั่งให้ Alex เอาบัตรประชาชนออกมา แต่ด้วยความที่ Alex ขี่บิ๊กไบค์ซึ่งมีเสียงเครื่องยนต์ที่ดัง และเขาก็ยังใส่หมวก จึงฟังไม่ค่อยรู้เรื่องจึงบอกว่าขอถอดหมวกกับดับรถก่อนได้ไหม? ชายคนนั้นก็ไม่ยอมรอเขา จึงตัดสินใจหยิบกระเป๋าเงินของ Alex ออกมาเองโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยอ้างสิทธิการเป็นตำรวจเช่นเคย ในจังหวะนั้นเขาก็ได้รู้ชื่อของ Alex จากบัตรเรียบร้อย แต่ชายคนดังกล่าวกลับไม่มีการโชว์ตราหรือบอกชื่อตัวเองสักนิดเดียว ล้วงมาหยิบกันแบบหน้าตาเฉย สุดท้ายก็สั่งให้ย้ายรถไปคุยกันข้างหน้า ซึ่งนั้นทำให้เรื่องของการขับรถดีหรือไม่ดีของ Alex ตกไปในทันที กลายเป็นว่านายคนดังกล่าวทำเกินกว่าเหตุหลายอย่างมากๆ ชาวเน็ตที่ได้ดูจึงออกมาโจมตีกันเละเลยทีเดียว ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าทำไมเป็นตำรวจจริงถึงไม่โชว์ตราหรืออะไรเลย แต่มาถึงก็อ้างตัวแถมเอาปืนมาขู่อีก . แต่ถึงจะมีคนด่าชายคนดังกล่าว แต่ก็มีชาวเน็ตที่เห็นใจและเข้าใจเหมือนกัน ว่า Alex ต่างหากที่ผิด ส่วนด้านเจ้าหน้าที่ John…
-
รายการทีวีทดลองขังคนไว้ในห้อง 5 วัน ไม่ติดต่อกับโลกภายนอก รอดูว่าใครจะทนได้!!
ในปัจจุบันอินเตอร์เน็ต โลกโซเชียลมีเดีย รวมถึงสมาร์ทโฟน ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนเรามากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้เราได้รับข้อมูลข่าวสารที่สดใหม่ ยังทำให้เราได้ติดต่อสื่อสารกับคนอื่นๆ ได้อย่างง่ายๆ อีกด้วย ซึ่งมันก็กลายเป็นเรื่องยากไปเสียแล้ว หากชีวิตของใครหลายๆ คนขาดสิ่งเหล่านี้ไป และแม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาเพียงแค่วันเดียว ก็ทำให้หลายๆ คนถึงขั้นทนไม่ไหวเลยก็มี ด้วยเหตุนี้ ทางรายการโทรทัศน์ The Solitary: The Anti-Social Experiment จากสหราชอาณาจักร จึงได้ทำการทดลองขังคนเอาไว้ในห้อง ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า หากถูกคุมขังเป็นเวลานานติดต่อกันนาน 5 วัน โดยที่ไม่ให้เล่นอินเตอร์เน็ต และไม่ติดต่อสื่อสารกับคนภายนอก มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง การทดสอบในครั้งนี้ มีอาสาสมัครทั้งหมดจำนวน 5 คน โดยหนึ่งในนั้นคือ George Lamb ผู้จัดรายการโทรทัศน์ก็เข้ามาเป็นหนึ่งในอาสาสมัครของการทดลองในครั้งนี้ด้วย โดยพวกเขาถูกนำตัวเข้าไปอยู่ภายในห้องเล็กๆ ของตัวเอง ซึ่งภายในห้องจะมีเพียงแค่เตียงนอน ห้องน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของใช้อิเล็กทรอนิกส์ และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น… ภายหลังจากที่ได้เริ่มทำการทดลอง Charmayne วัย 28 ปี…
-
ฆาตกรในคราบนักเขียนชาวจีน ถูกจับกุมหลังจากเขียนนวนิยาย ที่มาจากเรื่องจริงของตัวเอง
เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมหนังสือหลายๆ เล่ม โดยเฉพาะหนังสือแนวฆาตกรรมถึงเขียนออกมาได้ดี ราวกับมันมาจากประสบการณ์จริงมากกว่าจินตนาการ เหมือนกับ หลิวหยงเปียว นักเขียนนวนิยายชาวจีนชื่อดังคนหนึ่ง ผลงานของเขาโด่งดังจนมีการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์จำนวนกว่า 50 ตอน ล่าสุด เขากำลังจะมีผลงานนิยายเรื่องใหม่ว่าด้วยเรื่องของนักเขียนฆาตกรที่พยายามหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังก่อคดีฆาตกรรมสุดสยอง ฟังดูน่าสนใจใช่ไหมล่ะ แต่รู้หรือไม่ เรื่องราวในนิยายดังกล่าว ไม่ได้เป็นแค่สิ่งที่เขาจินตนาการขึ้นมาเท่านั้น แต่กลับเป็นเรื่องจริงที่เขาเคยทำเมื่อยี่สิบปีก่อน! ในบทนำของ เรื่อง The Guilty Secret ผลงานสร้างชื่อให้กับหลิวหยงเปียว เขาได้กล่าวว่า เขาได้เริ่มเขียนผลงานชิ้นใหม่แล้ว โดยนิยายเรื่องใหม่ของเขาจะเป็นนิยายแนวสืบสวนสอบสวน เล่าเรื่องของนักเขียนสาวคนหนึ่งที่ก่อเหตุฆาตกรรมสุดสยอง จนต้องหลบหนีการจับกุมของตำรวจ เขาตั้งชื่อนิยายเรื่องใหม่ของเขาว่า “The Beautiful Writer who Killed” แต่ดูเหมือนว่าทางตำรวจคิดว่าเรื่องราวที่เขาจะเขียนนั้น ไม่ได้เป็นแค่เรื่องแต่ง แต่เป็นเรื่องที่หลิวหยงเปียวเขียนเหตุการณ์จริงในชีวิตและเหยื่อทั้ง 4 คนของเขา ในคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 29 พฤศจิกายน ปี 1995 ต่อมาเมื่อตำรวจมั่นใจว่าหนังสือนั้นเขียนขึ้นมาจากเรื่องจริง จึงทำการเข้าจับกุมทันที เมื่อไปถึงบ้านของนายหลิว เขาก็เดินออกมาพบกับตำรวจด้วยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมกับพูดว่า “ผมรอพวกคุณอยู่ที่นี่ตลอดเวลา” เว็บไซต์ Sixth Tone…
-
เห็นแล้วอิจฉา!! 20 ภาพถ่ายคู่รักยอดเยี่ยมจากการประกวด Junebug Weddings ปี 2017
Junebug Weddings เป็นเว็บไซต์ที่ได้มีการจัดแข่งขันประกวดภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง นั่นทำให้ตากล้อง รวมถึงคู่รักจากทั่วโลกได้มีโอกาสได้โชว์ผลงานอันเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และยังได้นำเสนอเรื่องราวความรักผ่านภาพถ่ายอันสุดแสนโรแมนติกอีกด้วย โดยในปี 2017 นี้ มีช่างภาพจากทั่วทุกมุมโลก ได้ส่งภาพถ่ายพรีเวดดิ้งมาประกวดมากกว่า 4,500 ภาพ และนี่คือภาพที่ดีที่สุดส่วนหนึ่งที่ถูกคัดเลือกมา บอกเลยว่ามีทั้งความโรแมนติก และความสวยงามในเวลาเดียวกัน 1.เทือกเขาแอลป์ ประเทศอิตาลี 2.ประเทศยูกันดา ในแอฟริกา 3.เชียงใหม่ ประเทศไทย 4.Jökulsárlón ประเทศไอซ์แลนด์ 5.Pacifica แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา 6.Moab ยูท่าห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา 7.ทะเลสาบ Bow อัลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดา 8.Lang Co Bay ประเทศเวียดนาม 9.Goa ประเทศอินเดีย 10.อ่าวเมารี ในออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ 11.Fjærland…
-
หนุ่มวัย 27 รับคำท้าจากเพื่อน หาก “นั่งเปลือยตูด” บนรังผึ้งครบ 30 วินาที จะได้เงิน 33,000 บาท
เมื่อคุณถูกท้าให้นั่งเปลือยตูดบนรังผึ้ง คุณจะรับคำท้านั้นหรือไม่ เชื่อว่าหลายคนต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน แต่สำหรับ Jamie Granger หนุ่มวัย 27 ปีจาก Tauranga ประเทศนิวซีแลนด์ คนนี้ เขาได้รับเงินรางวัลจำนวน 33,000 บาท จากคำท้าในการนั่งเปลือยตูดบนรังผึ้ง เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Jamie ได้รับคำท้าจาก Aurel Braguta ผู้เป็นเพื่อน ให้นั่งเปลือยบนรังผึ้งเป็นเวลา 30 วินาที และเมื่อทำสำเร็จก็จะได้รับเงินกลับบ้านไปอย่างง่ายๆ งานนี้ Jamie จึงไม่รอช้า พร้อมรับคำท้าของ Aurel ทันที ซึ่งเขาได้ออกมาเผยว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่ดี และเขาเสนอเงินให้ผมเป็นเงินหนึ่งพันเหรียญ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 30 วินาที มันเป็นเงินที่หาง่ายที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับมา” ภาพจากคลิปวีดีโอแสดงให้เห็นว่า Jamie ได้ถอดกางเกงเปลือยท่อนล่าง ก่อนที่จะนั่งลงไปบนรังผึ้ง จากนั้นเขาก็ได้แสดงสีหน้าออกมาด้วยความเจ็บปวด ขณะที่เพื่อนของเขาได้ช่วยกันนับเวลา และเพียงไม่กี่วินาทีสุดท้าย Jamie ก็รีบกระโดดขึ้นและรีบวิ่งออกไปทันทีทั้งๆ…
-
น่าชื่นชม!! ตำรวจจีนใช้เงินกว่า 3.9 ล้าน สร้างบ้านพักให้กับสุนัขตำรวจชราที่ปลดเกษียณแล้ว
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Bai Yan เจ้าหน้าที่ผู้บังคับสุนัขจากเมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ได้สร้างเรื่องราวสุดประทับใจให้แก่บรรดาชาวเน็ตจีนเป็นอย่างมาก หลังจากที่เขาได้สร้าง “บ้านพักสุนัขชรา” ขึ้นมา เพื่อดูแลสุนัขตำรวจที่ปลดเกษียณแล้ว จากการรายงานระบุว่า ตลอดระยะ 7 ปีที่ผ่านมา นาย Bai ได้ใช้เงินเก็บสะสมทั้งหมดจำนวน 1 ล้านหยวน (ราวๆ 4.9 ล้านบาท) เพื่อใช้ในการเปิดบ้านพักดูแลสุนัขตำรวจที่แก่ชรา ให้พวกมันได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุข สำหรับนาย Bai ปัจจุบันเขาอายุ 55 ปี และได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลสุนัขมาตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งเขาก็ได้ทำการฝึกสุนัขมาทั้งหมดประมาณ 30 ตัวแล้ว คุณลุง Bai ใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่กับสุนัขเหล่านี้ และนั่นก็ทำให้เขาผูกพันกับพวกมันเป็นอย่างมาก ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาได้เห็นว่าสุนัขตำรวจที่แก่ชรา ป่วย หรือทำงานไม่ได้ มักจะไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ อีกทั้ง สิ่งที่มากระตุ้นให้เขาได้ตัดสินใจเปิดบ้านพักสำหรับสุนัขตำรวจที่แก่ชรา เป็นเพราะว่าครั้งหนึ่ง เขาได้เห็นสุนัขตำรวจที่แก่ชราถูกทอดทิ้งอย่างไม่มีใยดี ตัวของมันทั้งสกปรก…
-
นี่คือร้านของชำที่หินที่สุด เพราะพี่แกไปเล่นตั้งอยู่บนผาจริงๆ จะซื้อยังไงเนี๊ยยย..!!?
อันที่จริงแล้วเรื่องร้านขายของชำนี่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร เพราะไม่ว่าเราจะไปที่ไหนบนโลก มันก็ต้องมีร้านของชำตั้งอยู่เสมอ แต่ใครจะไปเชื่อล่ะว่า.. บนหน้าผาอันแข็งแกร่งแห่งรัฐโคโลราโด จะมีร้านของชำที่เราเห็นครั้งแรกก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าใครมันจะมาซื้อได้ฟร๊ะเนี่ย!! แหม๊ กว่าจะไปซื้อได้ต้องปีนผาเอานะจ๊ะ อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะนี่ไม่ใช่ชาวบ้านผู้ยากไร้ที่มาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากบนหินผา แต่เป็นร้านของชำที่เกิดจากไอเดียของสองบริษัทครีเอทีฟเอเจนซี่ WorkInProgress และ 37.5 Technology โดยทั้งสองบริษัทได้ร่วมมือกันริเริ่มไอเดียที่อยากจะมีร้านขายของชำอยู่ในที่ๆ เข้าถึงยากที่สุด Cliffside Shop ตั้งฉากติดกับหน้าผา Bastille Wall ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Colorado’s Eldorado Canyon และที่เห็นในภาพนี้มันตั้งสูงกว่าพื้นดินถึง 92 เมตร พนักงานขายที่อยู่ในร้านก็ไม่ได้ทำอะไรมาก พวกเค้านั่งเตรียมของอย่างนิ่งๆ (เสียวตก) ส่วนสินค้าที่ขายก็จะเป็นพวกอุปกรณ์สำหรับนักเดินทางซะส่วนใหญ่ เช่น ถุงเท้า ผ้าเย็น น้ำดื่ม ปรับเปลี่ยนตามสภาพอากาศท้องถิ่น แต่โครงการนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำเท่เท่านั้น เพราะรายได้ทั้งหมดจะนำไปสนับสนุนให้กับองค์กร American Alpine Club รายได้ทั้งหมดจะถูกนำไปใช้สำหรับการสำรวจพื้นที่เพื่อรองรับนักไต่เขาที่เพิ่มมากขึ้นในทุกๆ วัน ว่าแต่……
-
นินจาทั่วโลกร่วมฉลองครบ 18 ปี มาวิ่งกันแบบนารูโตะ… ฉันจะล้มโฮคาเงะ (10) ให้ได้เล๊ยยย!!
ถึงแม้ว่าการ์ตูนนารูโตะจะจบเรื่องราวไปแล้ว แต่การฝึกฝนบนเส้นทางการเป็นนินจาของเหล่านินจาจากหมู่บ้านโคโนฮะนั้นยังไม่จบ เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่งเป็นวันครบรอบวันเกิด 18 ปี ของการ์ตูนเรื่องนี้ แต่จะให้แฟนๆ ออกมานั่งดูการ์ตูนร่วมกันมันก็น่าเบื่อเกินไปหน่อย แถมยังไม่ได้สุขภาพด้วย งานนี้เหล่าโคโนฮะจากทั่วโลกจึงร่วมกันออกมาเฉลิมฉลองด้วยการ รวมกลุ่มกันวิ่งแบบชาวนินจาซะเลย ปิ๊วๆๆๆๆ เรียกได้ว่าปรากฎการณ์ ‘Naruto Run’ ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะไม่ได้มีแค่แฟนๆ ในญี่ปุ่นเท่านั้นที่ร่วมกันจัดกิจกรรม แต่ไม่ว่าจะเป็นที่แคนาดา สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เบลเยียม หรือแม้แต่เปอร์โตริโก้ก็มีแฟนๆ ออกมารวมตัวเหมือนกัน เวลารวมกลุ่มกันวิ่งมันก็จะออกมาประมาณนี้อ่ะนะ แล้วกิจกรรมมีอะไรอีกบ้างนอกจากจะวิ่งกันหน้าตั้งอย่างเดียว?? ตอนแรกเราก็สงสัยเหมือนกัน… แต่เมื่อได้ไปขุดคุ้ยค้นคว้าเฟ้นหาในงานวิจัยก็ไม่พบข้อมูลยืนยันอะไรเลย (มันคงจะมีอยู่หรอก) แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้คือ นินจาทุกคนชอบวิ่งด้วยการเอาแขนไขว้ไว้ข้างหลังเหมือนกัน ซึ่งบางทีนี่อาจจะเป็นเคล็ดลับของการเป็นสุดยอดนินจา นินจิ๋ว นินแจ๋ว เลยก็ได้นะ แต่ถึงอย่างนั้นชาวเน็ตฝั่งญี่ปุ่น ประเทศผู้ให้กำเนิดนินจาโคโนฮะ ก็อดไม่ไหวที่จะออกมาจิกกัดแซวกันอย่างตลกขบขัน “มันไม่ได้มีแค่นารูโตะหรอกนะที่วิ่งแบบนี้ เพราะเกือบการ์ตูนทุกชนิดในญี่ปุ่นก็มีท่าวิ่งแปลกๆ หมดเลย เหมือนอาราเล่ไงจำได้มั้ย?” “นี่ต้องว่างมากขนาดไหนนะ ถึงจะมาร่วมกันทำอะไรแบบนี้ได้เนี่ย” และมีชาวเน็ตอีกคนหนึ่งให้ความเห็นว่า “นี่สหรัฐฯ กำลังโดนเฮอร์ริเคนถล่มอย่างหนัก แต่คนก็ยังมีอารมณ์มาวิ่งนารูโตะกันอยู่เนอะ ฮ่าๆๆ”…
-
วิศวกรหนุ่มลาออกจาก ‘Tesla’ มาผลิตเครื่องดื่มแก้แฮงค์ หวังลดปัญหาโลกหมุนติ๊วๆ..!!
เรียกได้ว่ายุคนี้ถ้าใครไม่รู้จักบริษัท Tesla ของ Elon Musk แล้วล่ะก็… ต้องถือว่าเอาท์สุดๆ เพราะถือว่าเป็นบริษัทที่กำลังมาแรงแซงไปแล้วหลายโค้งในวงการเทคโนโลยีแห่งมวลมนุษยชาติ แน่นอนว่าบริษัทที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมีผู้คนจากทั่วโลกอยากร่วมงานด้วย แต่อาจจะไม่ใช่กับ Sisun Lee อดีตวิศวกรหนุ่มของบริษัท Tesla ที่อาจจะรู้สึกเบื่ออะไรหลายๆ อย่าง จึงออกมาสร้างแบรนด์เครื่องดื่มแก้แฮงค์ด้วยตัวเองซะเลย ก่อนหน้านี้วิศวกรหนุ่มเคยร่วมงานมาแล้วกับหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ ทว่าเมื่อช่วงปีก่อนเจ้าตัวได้ไปพักผ่อนอยู่ในเกาหลีใต้ และปาร์ตี้อย่างหนัก แต่ก็โชคดีที่ตอนนั้นยังมีเครื่องดื่มในเกาหลีใต้ที่ช่วยเรื่องนี้ได้ เจ้าตัวจึงได้ไอเดียและคิดว่า มันคงจะดีไม่น้อยถ้าหากมีสินค้านี้ในสหรัฐอเมริกาบ้าง แต่ถึงกระนั้นเส้นทางการทำธุรกิจก็ไม่ได้ง่ายเลย ช่วงแรกเขาโดนแทบจะทุกบริษัทปฏิเสธการนำไปขายต่อ ด้วยเหตุผลที่ว่ายังไม่มีชื่อเสียงมากพอ ในช่วงที่ทำงานอยู่ใน Tesla เขาก็ได้ใช้คอนเนคชั่นภายในองค์กรให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะด้วยการถามวิธีการจากนักเคมีหรือผู้ที่มีความรู้ด้านนี้ เพียงไม่นานนักพวกเขาก็ได้ค้นพบว่า หนึ่งในตัวแปรสำคัญของเครื่องดื่มแก้แฮงค์ที่ได้ผลอันยอดเยี่ยมในแถบเอเชียนั้นมาจาก dihydromyricetin (DHM) ซึ่งเป็นสารสกัดที่ถูกใช้มานานนับพันๆ ปี หลังจากได้ค้นพบสารสกัดสำคัญที่จะช่วยให้ผู้คนหายจากอาการแฮงค์โอเวอร์ได้แล้ว เจ้าตัวก็ทดลองนำสินค้าตัวทดลองไปให้เพื่อนฝูงหลายๆ คนทดลองดื่ม ซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด สินค้าถูกบอกต่อและมีคนรู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ “จากนั้นเพียงชั่วข้ามคืน สินค้าของเราก็ขายดีเทน้ำเทท่า แม้แต่ผมเองก็ยังไม่เชื่อเลยว่ามันจะขายดีขนาดนั้น วันนั้นมีคนกว่า 10,000 เข้ามาทดสอบสินค้าของเรา” Lee ให้สัมภาษณ์ ดูเหมือนว่าเส้นทางธุรกิจของเขาจะเป็นไปได้สวย…
-
‘เมสซี’ เรียกแฟนบอลรุ่นจิ๋วเข้ามาถ่ายรูปด้วย หลังจากที่เจ้าหนูถูกการ์ดลากตัวออกไป
การได้ใกล้ชิดกับนักฟุตบอลระดับโลก คงเป็นหนึ่งในความฝันในวัยเด็กของหลายๆ คน และแน่นอนว่าสำหรับใครที่มีนักเตะในดวงใจซักคนล่ะก็ เมื่อเห็นพวกเขาอยู่ตรงหน้าและมีโอกาสได้ใกล้ชิด คงไม่อยากจะพลาดช่วงเวลาดีๆ แบบนี้แน่นอน เรื่องราวอันแสนน่าประทับใจนี้เกิดขึ้นกับแฟนบอลรุ่นจิ๋วของนักเตะระดับโลกอย่าง Lionel Messi ระหว่างที่เขากำลังจะเตรียมตัวลงทำศึกฟุตบอลรอบคัดเลือกระหว่างอาร์เจนติน่าและอุรุกวัย เจ้าหนูน้อยได้มารอนักฟุตบอลคนโปรดของเขาถึงหน้าโรงแรม และในระหว่างที่ดาราดังจากสโมสรบาร์เซโลน่ากำลังจะเดินทางเข้าพักที่โรงแรมในประเทศอุรุกวัย เจ้าหนูก็พยายามจะเดินเข้าไปขอถ่ายรูปกับนักฟุตบอลคนดังด้วยความดีใจทันที แต่ทว่าความฝันของเจ้าหนูต้องจบลง เมื่อเขาถูกฝ่ายรักษาความปลอดภัยลากตัวออกไป พร้อมกับสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้กับดาวเตะระดับโลก แต่ Messi กลับไม่เห็นด้วยที่ไล่เด็กน้อยคนนั้นออกไป ดาวเตะอาร์เจนติน่าเรียกเจ้าหนูน้อยเข้ามาใกล้ๆ เขาพร้อมกับลูบหัวด้วยความเอ็นดูและยอมให้เจ้าหนูถ่ายภาพร่วมกับเขา ก่อนที่ลูกทีมของ Jorge Sampaoli จะเข้าไปพักผ่อนกันภายในโรงแรม เพื่อเตรียมลงแข่งขันฟุตบอลโลกคัดเลือกกับทีมชาติอุรุกวัยในวันที่ 1 กันยายน เวลา 6 นาฬิกาตามเวลาประเทศไทย แหม่… น่าอิจฉาเจ้าหนูน้อยคนนี้จริงๆ เลยนะเนี่ยยย ที่มา dailymail
-
ปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้ของเรือดำน้ำที่จมลงไปอย่างไม่ทราบสาเหตุเมื่อ 150 ปีก่อน
มีหลายเหตุการณ์ที่ยังคงหาคำตอบไม่ได้มาตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต และยังเป็นปริศนามาจนถึงปัจจุบัน เหมือนกับเรือดำน้ำความยาว 12 เมตรที่มีชื่อว่า H.L. Hunley ได้จมหายไปในมหาสมุทรนอกชายฝั่งเมืองชาร์ลตัน รัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศอเมริกา วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1864 ระหว่างสงครามกลางเมืองสหรัฐอเมริกา ในวันนั้นเองที่เรือดำน้ำดังกล่าวได้ทำการยิงตอร์ปิโดเพื่อจมเรือคู่ต่อสู้ชื่อ USS Housatonic ได้สำเร็จ หลังจากนั้นจึงได้ส่งสัญญานกลับมายังชายฝั่งว่าภารกิจเสร็จสมบูรณ์แล้ว ก่อนที่จะหายไปโดยไม่มีลูกเรือคนไหนได้กลับมาขึ้นฝั่งเลย . เวลาผ่านไปกว่า 150 ปีกับปริศนาที่ยังคงคาใจ เพราะถึงแม้ว่าจะมีการกู้เรือลำนี้ขึ้นมาได้ในปี 2000 ก็ไม่พบร่องรอยความเสียหายภายนอกแต่อย่างใด อีกทั้งสาเหตุการตายของลูกเรือเองก็ยังคงไม่แน่ชัดแม้ว่าจะทำการสืบหาจากในห้องลูกเรือแล้วก็ตาม นั่นจึงทำให้เกิดข้อสันนิษฐานต่างๆ มากมาย อย่างเช่นการถูกเรือลำอื่นเข้ามาชนทำให้ต้องดำดิ่งสู่พื้นใต้น้ำ หรือลูกเรืออาจจะมีการคำนวนที่ผิดพลาดจึงทำให้ดำลงไปในจุดที่ระดับออกซิเจนไม่เพียงพอและขาดอากาศหายใจตายในที่สุุด . ทฤษฎีที่สามก็บอกว่ามีกระสุนวิ่งผ่านช่องข้างเรือไปฆ่ากัปตัน ทำให้ลูกเรือไม่สามารถพาเรือกลับเข้าสู่ชายฝั่งได้ นักวิทยาศาสตร์บางคนก็ยังบอกว่า แรงระเบิดที่ได้รับจากตอร์ปิโดที่จมเรือศัตรูได้มีความรุนแรงจนทำให้ลูกเรือต้องถึงแก่ชีวิต แรงระเบิดที่ว่าได้มีการทดลองของนักชีวกลศาสตร์ที่ชื่อว่า Rachel Lance ออกแบบโมเดลขนาดเล็กของเรือดำน้ำเดียวกัน และให้สัมผัสแรงระเบิดที่เกิดขึ้นภายในบ่อน้ำ ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้เขาและผู้วิจัยคนอื่นๆ เชื่อว่าคลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะคร่าชีวิตของเหล่าลูกเรือไปได้จากผลกระทบทำให้เลือดออกในปอด เขาบอกว่า “การระเบิดทุกแบบจะสร้างแรงอัดกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งอาการบาดเจ็บแบบนี้จะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายในทันที” .…
-
ความแปลกใหม่สำหรับการชมดนตรี ในการแข่งขัน “กีต้าร์อากาศ” ชิงแชมป์โลกที่ฟินแลนด์
เราคงเคยเห็นการแสดงดนตรีหรือการแข่งขันวงดนตรีที่จัดขึ้นกันมาหลายต่อหลายงาน ทว่ามันมีการแข่งขันดนตรีประเภทหนึ่งอยู่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีใดๆ ในการแสดงนั่นก็คือ “การแข่งขันกีต้าร์อากาศชิงแชมป์โลก” หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าเจ้ากีต้าร์อากาศนั้นมันคืออะไร จริงๆ มันก็คือการที่เราทำท่าทางเหมือนกับว่าเล่นกีต้าร์อยู่โดยที่ในมือของเราแท้จริงมันว่างเปล่า การตัดสินของคณะกรรมการจึงไม่มีคะแนนให้สำหรับความไพเราะหรือเสียงที่ออกมา แต่จะตัดสินจากลีลาและความมันส์เร้าใจชวนให้ผู้คนต้องสนุกไปพร้อมๆ กัน ด้วยเพลงประกอบท่าทางแนวร็อคหรือเฮฟวี่เมทัล ดังนั้นความเว่อร์วังอลังการของผู้เข้าแข่งขันจึงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้คว้าชัยชนะไปได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมจังหวะความเข้ากันระหว่างลีลาท่าทางและเพลงประกอบ เพื่อทำให้รู้สึกได้เหมือนกับว่าเล่นกีต้าร์อยู่จริงๆ นอกจากนั้น คะแนนบางส่วนก็จะมาจากเทคนิคการแสดงท่าทางให้เหมือนกับว่ามีกีต้าร์จริงๆ อยู่ในมือ รวมถึงเทคนิคการเอนเตอร์เทนคนดู และการแสดงอย่างมีศิลปะในตัวเอง การแข่งขันกีตาร์อากาศเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศสวีเดนและสหรัฐอเมริกาในช่วงยุค 80 โดยช่วงแรกมันเป็นแค่การแสดงตลกๆ ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับงานดนตรีเท่านั้น จนในปี 1996 ก็มีการจัดการแข่งขันชิงแชมป์โลก Air Guitar World Championships ขึ้นเป็นครั้งแรกในเทศกาลดนตรี Oulu Music Video Festival ในเมืองโอวลุ ประเทศฟินแลนด์ และจัดเรื่อยมาทุกปีจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบัน มีการจัดการแข่งขันกีตาร์อากาศในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ บราซิล หรือแม้แต่ประเทศไทยของเราก็มีชื่ออยู่ในนั้น แชมป์ชาวอเมริกันในการแข่งขันระด้บโลก ซึ่งในปีนี้ก็เพิ่งจบการแข่งขันไปเพียงไม่กี่วัน โดยผู้แข่งขันชาวอเมริกัน Matt “Aristotle” Burns ก็ได้รักษาตำแหน่งแชมป์เอาไว้ได้เป็นปีที่ 2 ไม่แน่ว่าในงานดนตรีใหญ่ๆ…
-
หญิงสาวทรมานจากการขับปัสสาวะไม่ได้เป็นเวลา 3 ปี หลังตรวจพบเป็นโรคที่หายาก
คนต้องปัสสาวะแทบทุกวัน บางวันมากกว่า 2-3 ครั้งด้วยซ้ำ แต่สำหรับหญิงสาวคนนี้ไม่ได้ฉี่มานานถึง 3 ปี หลังถูกวินิจัยว่ามีภาวะผิดปกติที่หาได้ยาก Vikki Black หญิงสาววัย 23 ปี จากคัมเบรีย เริ่มรู้สึกปวดท้องเวลาเข้าห้องน้ำครั้งแรกเมื่อปี 2014 ตอนนั้นเธอคิดว่ามันคงเป็นอาการจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบเท่านั้น แต่ปรากฏผ่าน 2-3 วัน อาการปวดดังกล่าวก็ยังไม่ลดลง ตรงกันข้าม Vikki รู้สึกปวดมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงจุดที่เธอทนไม่ได้อีกต่อไป นอกจากอาการปวดแล้ว กระเพาะของเธอก็บวมอย่างเห็นได้ชัด เธอบอกว่ามันเหมือนคนท้องไม่ต่ำกว่า 20 สัปดาห์ และตัดสินใจโทรหาคุณพ่อ Steve ก่อนจะถูกนำตัวไปโรงพยาบาล เมื่อมาถึงโรงพยาบาล Vikki ก็ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที พยาบาลนำสายยางสวนเข้าไปยังกระเพาะปัสสาวะเพื่อระบายน้ำ 1200 มิลลิลิตรออกไป ซึ่งมากกว่าปัสสาวะในร่างกายคนปกติถึง 2 เท่า Vikki อธิบายว่า “ปกติกระเพาะปัสสาวะของคนเราจะเก็บน้ำได้มากที่สุด 500 มิลลิลิตร นั่นหมายความสภาพของฉันในตอนนั้นมันแย่มากๆ” อย่างไรก็ตามหลังจากที่ปัสสาวะปริมาณ 1200 มิลลิลิตร ถูกระบายออกไป Vikki ก็รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างมาก แต่แล้ววันต่อมา ท้องของเธอก็บวมขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง และคุณหมอก็สั่งให้รอดูอาการต่อไปเป็นเวลา…
-
หอสมุดแห่งชาติอังกฤษเผยภาพ HD สมุดโน้ตของ Leonardo da Vinci กว่า 570 หน้า
เช่ื่อว่าทุกคนคงจะเคยได้ยินชื่อ ลีโอนาร์โด ดา วินชี อัจฉริยะผู้มากความสามารถชาวอิตาลีที่เป็นทั้งนักดนตรี นักกายวิภาค นักประดิษฐ์ ประติมากร นักวิทยาศาสตร์ และอีกมากมาย เขามีชีวิตอยู่ในยุคเรอเนซ็องส์หรือยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา มีคนกล่าวว่าไอเดียของเขาหลายอย่างทำให้เกิดสิ่งประดิษฐ์มากมายในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น รถถัง เฮลิคอปเตอร์ หรือร่มชูชีพเองก็ตาม และหากจะถามหาผลงานที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเขาแล้ว ก็หนีไม่พ้นภาพโมนาลิซ่าและภาพพระกระยาหารมื้อสุดท้าย ที่ทำให้ทั่วโลกสามารถจดจำเขาได้มาถึงปัจจุบัน ล่าสุด หอสมุดแห่งชาติของอังกฤษได้ทำการเผยแพร่สมุดบันทึก The Codex Arundel เวอร์ชั่นดิจิตอลที่เขียนโดยลีโอนาโด้ออกมา ซึ่งทุกคนสามารถดูได้แบบฟรีๆ ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณได้ สมุดบันทึกดังกล่าวนับว่าเป็นหนึ่งในผลงานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดยในสมุดบันทึกมีสิ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของลีโอนาโด้ไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนด้วยมือซ้าย และการอ่านจากขวาไปซ้าย แกนหลักของสมุดเล่มนี้คือองค์ประกอบต่างๆ มากมายที่เกิดจากจินตนาการของตัวเขาเองทั้งสิ้น เต็มไปด้วยภาพวาด แผนผัง และข้อความสั้นๆ ที่ครอบคลุมในเรื่องของวิทยาศาสตร์และศิลปะ . คอลเลคชั่นนี้เริ่มเขียนเมื่อช่วงปี 1508 ในบ้านของ Piero di Braccio Martelli ที่เมืองฟลอเร้นซ์ ประเทศอิตาลี สมุดเล่มนี้ก็ได้ถูกเพิ่มเอกสารรวมๆ หลายอย่างที่ถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดตลอดชีวิตทำงานของเขาอีกด้วย ซึ่งเพียงแค่ไม่กี่หน้าที่เราได้เห็นก็คงจะพอทราบได้แล้วว่าตัวเขานั้นรอบรู้มากขนาดไหน . ความสุดยอดของเขาคนนี้ ทำให้นักประวัติศาสตร์และนักวิชาการมากมายมองว่าเขาเป็นแบบอย่างสำคัญของ “ผู้ฟื้นฟูศิลปะและวิทยาการ” และ “อัจฉริยะรอบด้าน”…
-
หนุ่มมาเที่ยวญี่ปุ่น อัดคลิปบ่นหลังเกาหลีเหนือปล่อยมิสไซล์ จนทำให้เขาต้องตื่นเช้า!!
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเราก็คงจะรู้ดีว่า ทางเกาหลีเหนือได้ประกาศยิงมิสไซล์ข้ามประเทศผ่านเหนือน่านฟ้าประเทศญี่ปุ่น แน่นอนว่าถือเป็นข่าวยกใหญ่เลยทีเดียว ผู้คนก็ต่างหวาดกลัวกันไปทั้งประเทศ แต่มีคนหนึ่งไม่คิดแบบนั้น ชายชาวต่างชาติเจ้าของช่อง Abroad in Japan ที่ชื่นชอบในญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมและก็ดันบังเอิญตั้งใจจะไปปีนเขาที่เมืองอาโอโมริซึ่งเป็นเมืองทางตอนเหนือของญี่ปุ่น และที่นั้นก็มีประกาศเตือนมิสไซล์กันยกใหญ่เลยล่ะ แจ้งเตือนกันรัวๆ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่มิสไซล์ ปัญหามันอยู่ที่พ่อหนุ่มคนนี้แกกำลังหลับอยู่และตั้งใจจะพักผ่อนให้เต็มที่ อยากตื่นสายๆ แต่นี่ดันโดนปลุกแหกตาตื่นมาตอน 6 โมงเช้า ด้วยเสียงแจ้งเตือนที่ดังมากๆ ไซเรนดังมากๆ เขาก็บ่นนอยๆ ว่าปกติเวลามาปีนเขา เขาต้องระวังหมีที่จะมาทำร้ายเป็นทุนเดิม ตอนนี้ยังต้องมาระวังมิสไซล์ที่จะลงหัวเมื่อไหร่ก็ไม่รู้อีกชีวิตอะไรจะเศร้าขนาดนั้น หลังจากเขาบ่นๆ เสร็จเขาก็ตัดสินไปไปนอนต่อ ทว่า 10 นาทีผ่านไปทุกอย่างก็ยังไม่สงบลง เสียงไซเรนก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ข้อความแจ้งเตือนก็ยังเด้งมาเรื่อยๆ หนักกว่านั้นคือ 15 นาทีผ่านไป ทีวีเปิดก็มาแจ้งเตือนข่าวเองอีกต่างหาก เขาก็บ่นว่าลำบากตรูต้องลุกไปปิดอีก ซึ่งสุดท้ายเขาก็บ่นว่า ถ้าเกาหลีเหนือมันสร้างปัญหาขนาดนี้ก็เลิกไปเที่ยวเกาหลีเหนือกันได้แล้ว ให้รายได้ในประเทศหดหายไปซะ!! เปิดเองเฉย ลำบากไหมถามใจเธอดู ในที่สุดเขาก็ได้ล้มลงไปนอนต่อเสียที…ลองชมคลิปบ่นของเขาดูก่อนละกัน แต่จากคลิปนี้ก็ทำให้เราได้เห็นว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของทุกคนจริงๆ ชอบตรงที่ทีวีเปิดเองได้นี่แหละ เจ๋งสุดๆ ที่มา Abroad in Japan
-
เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมพยาบาลสาว หลังเธอปฏิเสธไม่ให้เขาเจาะเลือดผู้ป่วยหมดสติ
กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลต่างประเทศ กับกรณีของพยาบาลสาวรายหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ให้ทำการเจาะเลือดของชายแปลกหน้าขณะที่กำลังนอนหมดสติอยู่ในโรงพยาบาล ตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อันเป็นเหตุให้เธอถูกจับกุมในที่สุด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐ Utah เมื่อพยาบาลสาว Alex Wubbels ได้ทำการปฏิเสธกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ Jeff Payne ไม่ให้เขาทำการเจาะเลือด ผู้ป่วยรายหนึ่งที่กำลังนอนหมดสติอยู่บนเตียงจากอุบัติเหตุรถชน ซึ่งทาง Wubbles ก็ได้อธิบายให้เจ้าหน้าที่ Payne ฟังว่าทางโรงพยาบาลได้มีการกำหนดนโยบายเอาไว้ว่าไม่สามารถเจาะ หรือนำเลือดของผู้ป่วยที่หมดสติออกจากร่างกายได้หากพวกเขาไม่ยินยอม แต่จะยกเว้นได้ก็ต่อเมื่อเขาถูกจับดำเนินคดี หรือมีการออกหมายและมีลายลักษณ์อักษรจากศาลว่าสามารถให้เจาะเลือดของเขาไปทำการตรวจสอบได้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ Payne จะมีท่าทางไม่ค่อยพอใจซักเท่าไหร่ เขาตอบกลับไปว่า “จะให้ผมกลับไปพร้อมกับเลือดหรือจะให้ลากตัวเอาออกไป!?” Wubbles ก็ยังคงอธิบายถึงกฎและข้อบังคับของทางโรงพยาบาลให้ฟังอีกครั้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่ Payne ก็ยังคงยืนกรานว่าจะเอาเลือดของผู้ป่วยไปให้ได้ พร้อมกับออกปากเตือนว่าระวังเธอจะถูกจับด้วยนะหากขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ “ถ้าคุณกำลังขู่ฉันอยู่ล่ะขอบอกเลยว่าคุณกำลังทำในเรื่องที่ผิดมหันต์” Wubbles กล่าว “เราหมดธุระที่นี่แล้ว” เจ้าหน้าที่ Payne ตอบ พร้อมกับจับแขนของ Wubbles ลากออกไปนอกตึกโรงพยาบาลแล้วก็นำกุญแจมือใส่เธอ ระหว่างนั้น Wubbles ก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ “ใครก็ได้ ช่วยด้วย ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว!!” …
-
ชายหนุ่มเท็กซัสช่วยสัตว์กว่า 70 ชีวิตในช่วงพายุเข้า ที่ไม่ได้มีแค่หมาแมว แต่มีหมูจรด้วย
พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงให้กับรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะภัยน้ำท่วมอันแสนรุนแรง ที่ส่งผลต่อยอดทำให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมายที่ไม่เพียงกระทบกับมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่มันรวมถึงสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในละแวกนั้น เดือดร้อนชายคนหนึ่งต้องยื่นมือเข้าไปช่วยสัตว์ทั้งหลายในเมืองฮุสตัน เพราะว่าพวกมันไม่สามารถหนีออกมาจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง และเขาก็ได้บอกเล่าเรื่องราวดังกล่าวผ่านโซเชียลมีเดีย . ทหารหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Josiah Meherg ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก หลังจากแชร์รูปที่เขาได้ช่วยสัตว์เลี้ยงมากมายกว่า 70 ตัวในช่วงที่เกิดภัยพิบัติขึ้น มียอดไลค์สูงกว่า 2 แสนเข้าไปแล้ว เขาเล่าว่าเขาต้องการทำให้ผู้คนสบายใจว่าสัตว์ที่ถูกทิ้งอยู่เบื้องหลังจะได้รับการช่วยเหลือออกไป และการได้เห็นหลายๆ คนรู้สึกสบายใจ ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น หลังจากที่เขาไม่สามารถช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงหลายๆ ตัวได้ทันเวลา สัตว์ที่ถูกช่วยเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ . เขาและทีมงานประมาณ 12 คน ถือว่าเป็นทีมช่วยเหลือกลุ่มแรกๆ ที่เข้าไปยังพื้นที่ประสบภัย เป็นกลุ่มแรกๆ ที่ยื่นมือเข้ามา แม้ปริมาณน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และฝนที่ตกหนักจนพวกเขาตัวเปียกเป็นวันๆ แต่นั่นก็ไม่ทำให้พวกเขาหมดกำลังใจ สัตว์ที่ได้รับการช่วยเหลือส่วนมากจะเป็นสุนัขสายพันธุ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชิซุ เยอรมันเชฟเฟิร์ด และพิตบูล อย่างไรก็ตาม เขาก็พบแมวบ้างเล็กน้อยระหว่างทาง รวมทั้งหมูด้วย เจ้าหมูอู๊ดๆ . เขายังบอกอีกว่า “หลายคนอาจไม่อยากทิ้งบ้านของตนเองไปไหน เพราะกลัวว่าข้าวของที่พวกเขาหามาจะเสียหายหรือถูกขโมยไป แต่ทันทีที่พวกเขาออกมา แล้วเห็นปริมาณของน้ำ พวกเขาก็เปลี่ยนใจในทันที หลายคนที่เฝ้าอยู่ที่บ้านแล้วเราเพิ่งไปช่วยมาไม่มีใครตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวเลย แสดงให้เห็นว่าชาวเท็กซัสอย่างพวกเรานั้นเข้มแข็งขนาดไหน” . …
-
ความสุขอันเปี่ยมล้นของหญิงสาว ที่กลายมาเป็นเพื่อนกับเหล่าฮัมมิ่งเบิร์ดเกือบ 200 ตัว
เหล่านกน้อยน่ารักบินเข้ามาเล่นกับเราคงไม่ได้เป็นภาพที่หาดูกันได้ง่ายๆ เพราะพวกมันเป็นสัตว์ที่รักอิสระและขี้หวาดระแวง แต่สำหรับเธอคนนี้กลับเป็นข้อยกเว้น นอกจากพวกมันจะไม่กลัวแล้ว แต่ยังชอบมาอยู่เป็นเพื่อนเธอในทุกๆ วันอีกด้วย Melanie Barboni ผู้ช่วยวิจัยที่มหาวิทยาลัย UCLA รู้จักกันในฉายา “เพื่อนรักของเหล่าฮัมมิ่งเบิร์ด” สาเหตุมาจากเธอได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกับนกกว่า 200 ตัวที่อาศัยกันอยู่นอกออฟฟิศ เธอกับพวกมันได้เกิดสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น สนิทกันขนาดที่ว่าถ้าเธอให้อาหารมันสาย พวกมันก็จะมาส่งเสียงร้องโวยวายให้เธอฟัง ทำให้ใครที่มาพบเห็นต้องพากันอมยิ้มกับสิ่งที่เกิดขึ้น . สำหรับเธอแล้ว การจะบอกว่าเธอเกิดมาเพื่อนกฮัมมิ่งเบิร์ดเลยก็ไม่ถือว่าผิดนัก เพราะนี่เป็นความฝันของเธอตั้งแต่เด็ก เธออยากเป็นเพื่อนกับนกฮัมมิ่งเบิร์ดมาตลอด แต่ในสวิตเซอร์แลนด์บ้านเกิดของเธอ กลับเป็นเรื่องยากมากที่จะได้เห็นนกพันธุ์นี้ซักครั้ง จนภายหลังเธอก็ได้เข้ามาทำงานในลอสแองเจลิส ที่ซึ่งมีนกเหล่านี้อยู่เต็มไปหมด ความฝันได้รับการเติมเต็มจึงทำให้เธอมีความสุขและดีใจที่จะได้มาทำงานนีี้อย่างมาก . เธอถึงกับพูดว่า “ฉันไม่สามารถไปในที่ที่ไม่มีพวกมันได้ มันอาจฟังดูน้ำเน่าไปหน่อยแต่นั่นก็เพราะฉันได้เห็นว่ามันคอยช่วยเหลือผู้คนทำให้ชีวิตมีความสุข ไม่จำเป็นต้องกังวลในวันที่เลวร้าย เมื่อเรามีนกเหล่านี้อยู่รอบๆ ตัวไปหมด และในตอนที่มีความสุขพวกมันก็จะทำให้สุขยิ่งขึ้นไปอีก” . คลิปวิดีโอความน่ารักของฮัมมิ่งเบิร์ดราว 200 ตัว . ด้วยความชอบหลงไหลและรักในตัวพวกมัน จึงทำให้เธอได้มีเพื่อนเพิ่มขึ้นเยอะมาก ก่อให้เกิดความสุขกันทั้งสองฝ่ายอย่างที่ไม่สามารถหาสิ่งใดมาเทียบได้เลย ที่มา: boredpanda
-
คุณแม่ตั้งครรภ์ตัดสินใจถ่ายภาพร่วมกับผึ้งนับหมื่นตัว ด้วยรอยยิ้มแห่งความเป็นมิตร
เมื่อตั้งท้อง เชื่อว่าไม่ว่าใครก็ต้องตื่นเต้นดีใจทั้งนั้น จนทำให้คุณแม่หลายๆ คน จ้างตากล้องเพื่อเก็บภาพช่วงเวลาอันน่าประทับใจเหล่านี้เอาไว้ แต่ดูเหมือนคุณแม่คนนี้จะมีไอเดียการถ่ายรูปที่แตกต่างและดูน่ากลัวไปนิดนึง เพราะเธอถ่ายรูปกับฝูงผึ้งนับหมื่นตัว แบบถึงเนื้อถึงตัว Emily Mueller ทำธุรกิจเกี่ยวกับผึ้งในชื่อว่า Mueller Honey Bee Removal ร่วมกับสามีของเธอ Akron ในรัฐโอไฮโอ งานของพวกเขาคือคอยตามหารังผึ้งเพื่อเก็บน้ำผึ้ง รวมทั้งคอยย้ายรังผึ้งที่อยู่ในที่ๆ ไม่เหมาะสม เช่นในบ้านคนหรือออฟฟิศต่างๆ ไปอยู่ในที่ๆ ปลอยภัย ถึงจะมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง แต่ผึ้งเหล่านี้ก็ทำให้พวกเขามีรายได้จากการขายน้ำผึ้งได้ไม่ใช่น้อย เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งเลย จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้คู่สามีภรรยามีความคุ้นเคย และชำนาญในการเข้าถึงผึ้งได้เป็นอย่าง รวมทั้งรู้วิธีการป้องกันด้วย จนกระทั่ง Emily ตั้งท้อง และมีกำหนดคลอดในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ เธอจึงตัดสินใจที่จะถ่ายรูปกับฝูงผึ้งกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งได้รับการช่วยเหลือ Emily บอกว่า “ผึ้งที่ฉันถ่ายรูปด้วยนี้ ฉันกับสามีได้ช่วยพวกมันจากสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง พวกมันสร้างรังอยู่ในที่คนพลุกพล่าน ซึ่งมีเด็กมากมายวิ่งเล่นแถวนั้น” แต่ผู้คนจะหลีกเลี่ยงตรงที่มีรังผึ้ง หรือบางคนเลือกที่มาสวนสาธารณะแห่งนั้น เพราะกลัวผึ้ง ในที่สุดก็มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมายัง Emily กับสามี ให้มาช่วยกำจัดรังผึ้งดังกล่าว แทนที่สามีภรรยาจะกำจัดผึ้งเหล่านั้น แต่พวกเขากลับย้ายผึ้งไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ห่างไกลผู้คน และนั่นทำให้เกิดมิตรภาพระหว่างมนุษย์กับผึ้ง และนั่นทำให้ Emily ตัดสินใจถ่ายรูปร่วมกับผึ้งเหล่านั้น ซึ่งมีประมาณ 20,000…
-
พลังสามัคคี!! ชาวเท็กซัสจับมือกันเป็น “โซ่มนุษย์” เพื่อช่วยเหลือรถยนต์ที่ติดอยู่กลางน้ำ
ในขณะนี้ทางเว็บไซต์ต่างประเทศก็ยังคงมีการรายงานข่าวเกี่ยวกับพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ออกมาอยู่เรื่อยๆ โดยล่าสุดทาง Boredpanda ได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอสุดประทับใจที่กำลังกลายเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ ณ ขณะนี้ จากคลิปดังกล่าว ปรากฏให้เห็นเป็นภาพของชาวเท็กซัสที่กำลังจับมือกันเป็น “โซ่มนุษย์” เพื่อช่วยเหลือรถยนต์คันหนึ่งที่ติดอยู่กลางน้ำ จากรายงานระบุว่า บนถนนสายหนึ่งในเมืองฮิวสตัน มีรถยนต์คันหนึ่งติดอยู่กลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ด้วยเหตุนี้ ชายฉกรรจ์ที่อยู่บริเวณนั้น จึงชวยกันจับมือเป็นโซ่มนุษย์ เพื่อเข้าช่วยเหลือชายชราคนหนึ่งที่ติดอยู่รถคันดังกล่าว จนสามารถนำเขาออกมาจากรถได้สำเร็จ ภายหลังจากที่คลิปวีดีโอดังกล่าวได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างก็พากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก เช่น “ประเทศกำลังได้เห็นสิ่งที่ผู้คนได้ทำในช่วงเวลาที่ยากลำบาก พวกเขาทำให้ฉันรู้สึกภาคภูมิใจในอเมริกา”, “ฉันรักผู้คน 99% คือมนุษย์ที่ดีเมื่อพวกเขาได้รับโอกาส” ลองมารับชมคลิปวีดีโอวินาทีช่วยชีวิตกันได้เลย ที่มา : boredpanda, Mr.MrsEdwardMata
-
พาไปดู WOW Air บินจากอเมริกาไปยุโรปในราคา 2,100 บาท เราจะได้บริการอย่างไรบ้าง??
เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ สายการบิน WOW Air ได้ประกาศลดราคาเที่ยวบินที่เดินทางจากอเมริกาไปยุโรปเหลือเพียง 2,100 บาทต่อที่นั่งเท่านั้น ซึ่งโปรโมชั่นดังกล่าวเป็นโปรโมชั่นแบบจำกัดเวลา สำหรับโปรโมชั่นนี้ จัดขึ้นมาเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าทุกกลุ่มมีโอกาสได้ใช้บริการจาก WOW Air อย่างไรก็ตาม การลดราคาครั้งนี้มีเฉพาะการเดินทางจากสหรัฐอเมริกาไปยุโรปเท่านั้น ส่วนขายุโรปกลับมาสหรัฐอเมริกา ราคาก็ยังคงสูสีกับสายการบินอื่นๆ อยู่ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ เที่ยวบินโปรโมชั่นจะไม่มีการบริการอาหาร เครื่องดื่ม รวมทั้งสิ่งบันเทิง หากคุณต้องการสามารถจ่ายเงินเพิ่มได้ (แต่ไม่รับประกันว่าจะถูกใจมั้ยนะ) เห็นราคาถูกขนาดนี้ หลายคนคงอยากรู้ว่าถ้าซื้อตั๋วโปรโมชั่นนี้ เราจะได้บริการแบบไหน ได้ที่นั่งแบบยังไง หรือแม้แต่อาหารที่ทางสายการบินบริการจะเป็นอย่างไร ลองไปดูกันเลยดีกว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทางสายการบินนำเสนอเอง แต่เป็นการแชร์ประสบการณ์ของผู้โดยสาร 2 คน ที่ซื้อตั๋วโปรโมชั่นนี้ หนึ่งในนั้นคือ James Dozer เขาจองตั๋วในราคา 3,200 บาท สำหรับเดินทางจากลอสแองเจลิสไปยัง Reykjavik เคาน์เตอร์เช็คอินจะเปิดทำการตั้งแต่เช้า ซึ่งผู้โดยสารต้องเช็คอินก่อนเครื่องออกประมาณ 3 ชั่วโมง ไม่ใช่เพราะเรื่องการเลือกที่นั่งนะ แต่เป็นเพราะเหตุผลอื่น เดี๋ยวรู้กัน กระเป๋าถือขนาดเล็กที่มีขนาด 42 x 32 x 25 ซม.…
-
ภาวะโลกร้อนทำให้ “หมีกริซลี่” ต้องกลายเป็นมังสวิรัติ กระทบต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก
เจ้าหมีกริซลี่ที่หลายคนจะรู้กันดีว่าพวกมันจะกินปลาแซลมอนที่ว่ายทวนน้ำขึ้นมา ทำเอาหลายคนที่ชอบกินอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะปลาชนิดนี้ต้องรู้สึกอิจฉากันไปบ้าง ทว่าตอนนี้เราคงไม่ได้ต้องรู้สึกอย่างนั้นกันอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าพวกมันเลิกกินแซลมอนแล้วหันไปกินเอลเดอร์เบอรรี่กันแทนแล้ว แต่จุดเริ่มต้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะว่าพวกมันเลือกเอง หากเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลกเรา ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นทำให้เบอรร์รี่สามารถสุกได้เร็วกว่าปกตินั่นเอง ในขณะเดียวกันนั้นก็ทำให้ลำธารน้ำใสบนเกาะ Kodiak ในอลาสก้าเต็มไปด้วยแซลมอนว่ายกันมากมาย ซึ่งปกติแล้วเจ้าหมีจะได้กินแซลมอนตัวแรกในช่วงต้นฤดูร้อน ตามด้วยการหันไปกินเบอร์รี่แทนในช่วงท้ายๆ ของฤดูเดียวกัน นั่นคือช่วงสิงหาคมและกันยายน William Decay นักชีววิทยาแห่งมหาวิทยาลัยรัฐ Oregon ผู้ทำการศึกษาปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ออกมาพูดว่า “นี่คือการจัดการแบ่งตารางเวลา เพราะมันก็เหมือนกับคุณกินมื้อเช้าและมื้อเที่ยงพร้อมกันทำให้จะไม่มีอะไรกินจนกว่าจะถึงเย็น คุณจึงต้องเลือกระหว่างสองมื้อนั้นเพราะคุณสามารถกินได้เต็มที่ได้เพียงละระยะเวลาเดียว” จากการศึกษาก็พบว่าในช่วงอากาศร้อนที่ผิดปกติของหน้าร้อนในปี 2014 เจ้าหมีจะต้องมาล่าแซลมอนมากกว่า 75 เปอร์เซนต์ กลับไม่มีให้เห็นในเขตลำธารเลย พวกมันไปให้ความสนใจในการกินเบอร์รี่อยู่ในป่าที่ให้โปรตีนน้อยกว่า แต่ก็สูญเสียพลังงานในการกินที่น้อยกว่าเช่นเดียวกัน ทำให้พวกมันอ้วนขึ้นมากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังได้ออกมาเตือนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะสร้างปัญหาให้กับระบบนิเวศทั้งหมดเอาได้ เพราะปุ๋ยธรรมชาติที่เกิดจากซากศพปลารอบๆ แม่น้ำ จะไม่เกิดขึ้นทำให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่นั้น และจำนวนปลาแซลมอนที่จะมีเยอะมาก ค่าเฉลี่ยของการสุกของต้นเบอร์รี่จะเร็วขึ้น 2 วันครึ่งในทุกๆ 10 ปี และอนาคตต่อไปข้างหน้ามีการทำนายไว้ว่า แซลมอนจะมีมากขึ้นทับซ้อนกันในปี 2070 ทั้งหมดคือการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ใน Proceedings of the National Academy of Sciences…
-
ใครจะเชื่อว่าเปลือกส้มที่ดูไร้ค่า จะสามารถเปลี่ยนผืนป่าคอสตาริกาให้กลับมาชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง!!
ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน ผืนป่าในประเทศคอสตาริก้านั้น อยู่ในระดับที่วิกฤตมากๆ ด้วยเหตุนี้เหล่านักนิเวศวิทยาก็ต่างพยายามต่อสู้เพื่อฟื้นฟูผืนป่าแห่งนี้ ด้วยการหาหนทางต่างๆ มากมายเพื่อป่ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ย้อนกลับไปเมื่อปี 1997 Daniel Janzen และ Winnie Hallwachs สองสามีภรรยานักนิเวศวิทยาได้ร่วมมือกับอุทยานแห่งชาติ Área de Conservación Guanacaste เพื่อฟื้นฟูผืนป่ากลับขึ้นมาอีกครั้ง โดยในตอนนั้นพวกเขาได้ปิ๊งไอเดียบางอย่างขึ้น จึงได้เดินทางไปตกลงกับบริษัท Del Oro ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำผลไม้เจ้าใหญ่ของประเทศ ทั้งคู่ได้เสนอบริษัทว่า ถ้าบริษัทมอบพื้นที่ป่าของบริษัทให้อุทยานแห่งชาติ พวกเขายินดีที่ให้บริษัทเอาขยะที่เป็นเปลือกส้มและเปลือผลไม้อื่นๆ มาทิ้งได้ที่อุทยาน ทางบริษัทเมื่อได้รับข้อเสนอดังกล่าวก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก เพราะปกติแล้วพวกเขาต้องจ้างบริษัททำลายขยะกำจัดเปลือกส้มเหล่านี้ด้วยวิธีการกลบฝังหรือเผาทำลายเท่านั้น แต่หากสามารถนำไปทิ้งได้ที่อุทยาน พวกเขาแทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงนำเปลือกส้มจำนวนกว่า 12,000 ตันมาทิ้งทับถมกันไว้ที่อุทยานดังกล่าว กินพื้นที่ไปกว่า 3 เอเคอร์ เรียกว่าทั้งพื้นที่เต็มไปด้วยเปลือกส้ม แต่สัญญาดังกล่าวกลับมีอายุได้เพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น เพราะปีต่อมาบริษัท Tico Fruit คู่แข่งสำคัญของบริษัท Del Oro ได้ฟ้องร้องต่อศาลว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายป่าในอุทยานแห่งชาติ ซึ่งในท้ายที่สุดศาลตัดศาลสินให้สัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ เวลาผ่านไป 15 ปี เปลือกส้มดังกล่าวยังคงถูกทิ้งไว้ที่เดิมโดยไม่มีใครเข้าไปใยดี แม้จะมีนักวิจัยหลายคนเข้าไปเยี่ยมเยียนพื้นที่ดังกล่าว แต่ก็ไม่มีการประเมินถึงความเสียหายจากการทิ้งเปลืองส้มในครั้งนั้นอย่างจริงจัง จนกระทั่งปี…
-
คู่รักเลสเบี้ยนชนะคดี หลังลูกบุญธรรมถูกขโมยไปโดยแม่ที่แท้จริง ก่อนถูกพ่อแท้ๆ ฆาตกรรม!?
เป็นเรื่องที่น่าเศร้าหลังจากที่เกิดคดีสุดสะเทือนขวัญในเมือง Des Moines รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา ในปี 2014 ที่มีทารกวัย 4 เดือนถูกฆ่าโดยพ่อแท้ๆ ของเขา หลังจากที่ได้ลักพาตัวลูกของตัวเองมาจากพ่อแม่บุญธรรม ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น Rachel และ Heidi McFarland คู่รักชาวเลสเบี้ยนได้รับอุปการะเด็กชาย Gabriel McFarland ที่เกิดจากคุณแม่วัยใสที่ชื่อว่า Markeya Atkins อายุ 16 ปี คู่รักเลสเบี้ยนได้ให้การสนับสนุนเงินให้คุณแม่วัยใสคนนี้ตลอดการตั้งครรภ์ พาเธอไปพบแพทย์อยู่ประจำ เข้าคอร์สเลี้ยงดูเด็กทารก และพอทราบว่าเด็กชายมีโอกาสที่จะหูหนวกข้างเดียว คู่รักนี้ก็วางแผนที่จะเรียนภาษามือเพื่อสื่อสารกับเด็ก จนกระทั่งถึงเวลาคลอด Rachel ก็เป็นคนที่ตัดสายสะดือด้วยตัวเอง หลังจากนั้น 4 เดือน แม่ที่แท้จริงของเด็กน้อยก็เกิดเปลี่ยนใจ อยากรับลูกของเธอกลับมาเป็นของตัวเองจึงได้ทำการลักพาตัวลูกชายของเธอมา แต่ไม่กี่สัปดาห์ผ่านไปหลังจากที่แม่วัยใสรับลูกกลับไปเลี้ยง พ่อของเด็กน้อย Drew Weehler-Smith อายุ 17 ปี ได้ฆ่าเด็กชายอย่างทารุณ พอทราบข่าวคู่รักก็เกิดอาการเสียใจเป็นอย่างมากพร้อมกับกล่าวว่า “ราวกับว่าเด็กน้อยถูกลักพาตัวไปอีกครั้ง มันน่าเสียใจมากๆ” ทั้งคู่ไม่ปล่อยให้คดีต้องจบไปง่ายๆ พวกเขาได้ยื่นฟ้องนาย Smithที่เขาได้นำตัวลูกบุญธรรมไปโดยที่ไม่ได้เซ็นเอกสารแสดงความยินยอม…
-
ตื่นตาตื่นใจกับ 15 สิ่งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก ที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน
ในโลกเรานี้มี สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ขนาดใหญ่มากมาย บางอย่างเราอาจไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้มาก่อน เพราะพวกมันอาจสูญพันธุ์และสูญหายไปจากโลกแล้ว เหลือเพียงร่องรอยทางประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้ดู วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพาเพื่อนๆ ไปชม 15 สิ่งของที่ “ใหญ่” ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน จะมีอะไรบ้าง ลองไปชมกันเลย 15. ต้น Sequoia Sequoia เป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสามารถโตได้สูงสุด 83 เมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 7 เมตร 14. Amphicoelia Amphicoelia เป็นสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีการค้นพบมา พวกมันมีลำตัวยาวสูงสุด 58 เมตร และมีกระดูกสันหลังยาว 2.5 เมตร 13. Titanoboa Titanoboa เป็นสัตว์กระกูลเดียวกับงูหลาม แต่มันตัวใหญ่กว่ามาก พวกมันมีชีวิตอยู่เมื่อ 58-61 ล้านปีก่อน โดยมีลำตัวยาวสูงสุดถึง 13 เมตร สำหรับงูหลาม ยังคงอาศัยอยู่ในโลกจนปัจจุบันนี้ พวกมันมีความยาวสูงสุด 7.5 เมตรเท่านั้น 12. ขนุน ขนุนถือเป็นผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก…
-
9 เมืองชื่อดังจากรอบโลก ที่คุณสามารถไปเที่ยวได้ใน “ประเทศจีน” แบบว่าเนียนสุดๆ
เมื่อพูดถึงเรื่องการก๊อปปี้ หลายคนคงจะนึกถึงประเทศจีน เพราะเป็นประเทศที่ก๊อปได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ของใช้ ของกิน รวมไปถึงการก๊อปเมืองชื่อดังจากรอบโลกด้วย และนี่คือ 9 เมืองสุดอลังการชื่อดังจากรอบโลก ที่คุณสามารถไปเที่ยวได้ครบทุกที่ภายใน “ประเทศจีน” แหม่ ก็อปซะเนียนเลยนะ 1. Florentia Village หมู่บ้าน Florentia Village ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองพอร์ตของเทียนจิน ซึ่งถูกออกแบบมาให้คล้ายกับหมู่บ้านหมู่ในอิตาลี เรียกได้ว่าเป็นการก๊อปได้เนียนมากๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำพุ ลำคลอง กระเบื้องโมเสค แถมยังมีร้านชื่อดังอย่าง Gucci และ Prada ด้วย ที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่อิตาลี และไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาโดยนักพัฒนาชาวอิตาลีนั่นเอง 2. เมืองปารีส เมื่อออกไปทางนอกเมืองหางโจวประมาณ 2-3 ชั่วโมง คุณพบกับเถียนตู้เฉิง ซึ่งเป็นการจำลองเมืองปารีสที่มาพร้อมกับหอไอเฟลสุดอลังการ ที่นี่ถูกตั้งให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 10,000 คน แต่ภาพที่เห็นส่วนใหญ่คือ มันมักจะถูกปล่อยให้โล่งอยู่เสมอ 3. Hallstatt ท่ามกลางมณฑลกวางตุ้งของจีน เป็นที่ตั้งการจำลอง Hallstatt ซึ่งเป็นหมู่บ้านอัลไพน์ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในออสเตรีย นอกจากนี้ จีนยังได้ทุ่มงบกว่า 30,000 ล้านบาทในการก๊อปปี้ UNESCO World Heritage…
-
วินาทีระทึกขวัญของนักบินที่นำเครื่อง “ลงจอดฉุกเฉิน” ท่ามกลางพายุทอร์นาโดหลายลูก
ภาพเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ถูกถ่ายจากสถานี Sochi filmed ทางตอนใต้ของประเทศรัสเซีย เผยให้เห็นวินาทีที่นักบินเครื่องเจ็ทกำลังพยายามนำเครื่องลงจอดท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เกิดเหตุการสภาพอากาศแปรปรวณขึ้นที่บริเวณชายฝั่งของทะเลดำ ในเหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้ภาพของ Water Spouts หรือกระแสน้ำวันที่ออกมาจากทะเลมากถึง 12 แห่ง เป็นเหตุให้นักบินต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบิน Anapa and Krasnodar เหตุการณ์พายุในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ โดยสาเหตุของการเกิดนั้นมาจากมวลอากาศ 2 กลุ่มที่มีความเร็วแตกต่างกันเคลื่อนที่เข้าปะทะกัน ซึ่งส่วนมากแล้วเกิดจากสภาพอากาศอย่างเช่นพายุทอร์นาโด กระแสลมกรด (Jet Streams) เครื่องบินที่กำลังแล่นลงจอดฉุกเฉิน เพื่อหลีกเลี่ยงสภาพอากาศอันเลวร้าย และนี่คือคลิปวิดีโอการลงจอดของเครื่องบินลำดังกล่าวจากผู้เห็นเหตุการณ์ ภาพจากผู้โดยสารบนเครื่องบิน เผยให้เห็นถึงความเลวร้ายของสภาพอากาศภายนอก แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นสถานะการณ์เดียวกันกับในคลิปวิดีโอหรือไม่ ภาพของพายุที่กำลังก่อตัวเหนือทะเลดำ ท่ามกลางความหวาดกลัวของผู้พบเห็นและผู้โดยสาร กัปตันต้องใช้ความสามารถอย่างสูงเพื่อนำเครื่องลงจอดฉุกเฉิน แต่โชคดีพวกเขาสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย ซึ่งโดยปรกติแล้วการเกิดสภาพอากาศแปรปรวนนี้เป็นสาเหตุของการเกิดหลุมอากาศ แต่อย่างไรก็ตามความรุนแรงและความแปรปรวนก็ทำให้เกิดความแตกต่างของชนิดหลุมอากาศเช่นกัน ทางด้านกัปตัน Steve Allright จากสายการบิน British Airways ได้ออกมาเปิดเผยว่าหลุมอากาศนั้นจะมีหลายประเภท ปรกติแล้วมันจะเกิดขึ้นจากสภาพอากาศที่สดใสซึ่งเป็นหลุมอากาศที่พวกเรามักเจอกันบ่อยๆ และไม่มีอันตราย แต่กระแสลมกรดนั้นจะเป็นสภาพอากาศที่รุนแรง ซึ่งนักบินมักจะวางแผนเส้นทางบินก่อนหน้าเพื่อหลีกเลี่ยง แต่อีกปัญหาของกระแสลมกรดก็คือมันมักจะทำให้เกิดมวลน้ำขึ้นมาในบริเวณที่มีความแตกต่างของความเร็วลมนั่นเอง ที่มา dailymail
-
นักบินไม่ยอมนำเครื่องออก หลังรู้ว่าผู้ลี้ภัยอาจเกิดอันตราย ถ้าเกิดถูกส่งกลับประเทศตัวเอง
การช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ด้วยกันนั้น นับเป็นสิ่งที่ประเสริฐ เพราะในบางครั้ง การช่วยเหลือเพียงน้อยนิด อาจเปลี่ยนชีวิตใครคนหนึ่งไปตลอดกาลก็ได้ Samim Bigzad วัย 22 ปี ได้จองตั๋วเครื่องบินเพื่อกลับไปยังประเทศตัวเองคืออัฟกานิสถาน หลังเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองปฏิเสธการยื่นคำร้องขอวีซ่าเข้าสหราชอาณาจักรของเขาเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จริงๆ แล้วมีคนนับพันคนที่ลงชื่อคัดค้านเรื่องดังกล่าวและพยายามปกป้อง Bigzad ไม่ให้ถูกส่งไปยังประเทศตัวเอง เพราะที่นั่นเขาถูกคุกคามโดยกลุ่มตาลีบัน กลุ่มก่อการร้ายที่หลายๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่เมื่อการคัดค้านไม่สำเร็จ Bigzad จึงจำเป็นต้องกลับไป เขาเดินทางไปยังสนามบินฮีทโธรว์โดยมีการ์ด 3 คน บังคับให้ขึ้นเที่ยวบิน Turkish Airlines ที่กำลังจะออก Arash ญาติของเขาบอกว่า “ตอนนั้น Bigzad ร้องไห้ฟูมฟาย และตะโกนซ้ำๆ ว่า ‘ผมจะถูกฆ่าในอัฟกานิสถาน’!!“ เมื่อนักบินของเที่ยวบิน Turkish Airlines ได้ยินเสียงตะโกนของผู้โดยสารคนนั้น เขาก็ตัดสินใจที่ไม่นำเครื่องออก ตราบใดที่ Bigzad ยังอยู่บนเครื่อง Samim เล่าว่า “นักบินออกมายืนพูดกับการ์ดว่า ‘ถ้าคุณไม่พาผู้โดยสารคนนี้ลงจากเครื่อง ผมก็จะไม่นำเครื่องออกเหมือนกัน เพราะชีวิตของเขากำลังตกอยู่ในความเสี่ยง’“ หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ก็ไม่มีสื่อไหนรายงานความคืบหน้าอีก แต่เชื่อว่า Bigzad ถูกส่งตัวไปอยู่ในศูนย์ผู้ลี้ภัย Brook House ที่ใกล้กับสนามบินแกตวิก สำหรับ Bigzad นั้น ได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเมื่อปี 2015…
-
จบเลย โจรหนุ่มเข้าไปปล้นร้าน แต่ขาดันติดกับประตูจนหนีไม่ได้ ต้องรอให้ตำรวจมาช่วย
แม้เราจะไม่ใช่โจรขโมยของ แต่ที่ผ่านมาเราพอจะรู้ว่าก่อนลงมือก่อเหตุ โจรส่วนใหญ่มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ทั้งการบุกเข้าไปยังเป้าหมาย การลงมือ รวมถึงการหลบหนี ว่าจะหนีอย่างไร ไม่ให้ตำรวจสาวมาถึงตัวของพวกเขาได้ แต่ดูเหมือนโจรคนนี้จะมีการวางแผนมาไม่ดีพอ เพราะนอกจากจะไม่ได้อะไรแล้ว ยังถูกจับได้ในที่เกิดเหตุโดยเจ้าหน้าที่แทบไม่ต้องลงแรงด้วยซ้ำ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดของวันจันทร์ที่ผ่านมา โจรคนหนึ่งพยายามเข้าไปขโมยของในร้านที่ตั้งอยู่ในเมืองปู้เทียน มณฑลฝูเจี้ยน โจรดังกล่าวได้ขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาจากร้าน จากนั้นก็ตั้งใจเดินเข้าไปในร้านอีกครั้ง แต่ระหว่างนั้นประตูร้านค่อยๆ เลื่อนลงมา จนทำให้โจรลังเลว่าจะเข้าไปหรือไม่เข้าดี ในที่สุดเขาก็ตัดสินว่าไม่ไปดีกว่า แต่คงจะเพราะคิดช้าไป เพราะ ณ ตอนนั้น ประตูได้เลื่อนลงมาหนีบขาของเขาไว้แล้ว โจรขโมยของพยายามดึงขาออก แต่ดึงเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ แถมมีแต่จะทำให้เจ็บตัวเปล่าๆ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจยอมแพ้ต่อโชคชะตา แล้วก็นอนอยู่ในสภาพนั้นจนสว่าง หวังให้ตำรวจมาช่วย พอเช้ามา โจรก็อยู่ในสภาพที่เห็นนี่แหละ เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกไว้ทั้งหมดโดยกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่หน้าร้าน… มาดูคลิปเต็มๆ กันเลยดีกว่า จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดีเนี่ย ที่มา shanghaiist
-
บริษัทเตียงญี่ปุ่นผุดไอเดีย นำผู้สูงอายุที่เป็นอัมพาต มาถ่ายโฆษณาแฝงแนวคิดสุดล้ำลึก..!!
นับตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นประกาศเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว เราก็ได้เห็นเทรนด์ต่างๆ ที่หันมาเอาใจผู้สูงอายุมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งงานโฆษณา หรือการบริการรูปแบบแปลกใหม่ต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด Bedridden ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทผู้ผลิตเตียงนอน ที่หันมาปรับเปลี่ยนรูปแบบการโฆษณาให้มีการเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสังคมมากยิ่งขึ้น โดยคราวนี้พวกเขาได้นำผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นอัมพาตมาถ่ายแบบ แถมสะท้อนแนวคิดไว้อย่างลึกซึ้ง โดยทีมงานจากบริษัท Mizuki ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ให้บริการความพร้อมด้านการดูแลผู้สูงอายุ ได้ผุดไอเดียที่จะนำผู้สูงอายุที่เป็นอัมพาต ให้มาถ่ายแบบและเฉิดฉายในวงการโฆษณาอีกครั้ง หลายคนอาจมองว่าเป็นการหาผลประโยชน์จากผู้สูงอายุ แต่เปล่าเลย… เพราะโปรเจกต์ Bedridden Silver Screen Debut Project ได้ยืนยันว่า โปรเจกต์นี้จะช่วยทำให้สังคมตระหนักถึงการเป็นอยู่ของผู้สูงอายุมากขึ้น และอีกทั้งยังเป็นการทำให้ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นอัมพาตได้รู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองอีกครั้ง เบื้องหลังการถ่ายทำก็จะมีทีมงานคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และป้ายตัวหนังสือก็เป็นการถือเอาจริงๆ เพื่อให้ได้มุมมองแบบ 3 มิติด้วย จากการทดลองถ่ายทำโฆษณาครั้งแรก พวกเขาก็พบว่าผู้สูงอายุต่างรู้สึกยินดีและปลาบปลื้ม ที่ได้เห็นตัวเองเป็นส่วนร่วมในการทำงาน แต่ก่อนที่ทีมงานจะนำภาพโฆษณาไปใช้ในเชิงพาณิชย์ พวกเขาก็ได้นำภาพถ่ายทั้งหมดส่งไปให้เจ้าตัวและครอบครัวเพื่อทำการตัดสินใจก่อน และเมื่อพวกเขายินดีแล้วทีมงานก็จะนำภาพโฆษณาไปติดไว้ตามศูนย์ดูแลผู้สูงอายุทั่วประเทศ และนี่ก็คือภาพโฆษณาที่ถูกเผยแพ่รออกไปทั่วประเทศ นับว่าเป็นอีกโปรเจกต์ดีๆ แถมยังมีเรื่องน่ารักๆ มาให้เราชมอีกด้วย ที่มา: Rocketnews24
-
นักศึกษาจีน ออกแบบหมวก AI เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีความบกพร่องด้านการมองเห็น
ทุกวันนี้ผู้ที่มีความบกพร่องทางสายตานั้นต้องใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก แม้จะมีอุปกรณ์ช่วยเหลือบ้าง แต่นั่นก็ช่วยได้แค่บางอย่างเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ 2 นักศึกษาหนุ่มจากวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคุนหมิงในประเทศจีน จึงได้คิดค้นอุปกรณ์อัจฉริยะที่มีชื่อว่า Eye See เพื่อช่วยคนที่มีความบกพร่องทางสายใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น Eye See มีลักษณะคล้ายหมวกกันน็อคที่ออกแบบมาเพื่อผู้ที่มีความบกพร่องทางสายตาโดยเฉพาะ โดยมีฟังก์ชันการรับรู้ภาพในตัว ที่ช่วยให้ผู้พิการทางสายตาสามารถอ่านหนังสือได้ นอกจากนี้ยังมีเลเซอร์ตรวจจับอุปสรรคต่างๆ บนท้องถนน เพื่อช่วยให้ผู้พิการไม่เดินสะดุดหรือเดินชนสิ่งกีดขวางที่อาจเป็นอันตรายได้ นอกจากหมวกกันน็อค Eye See แล้ว พวกเขายังได้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ อีกหลายอย่าง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการทางตา หวังซินไข่ หนึ่งในผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์นี้บอกว่า “ตอนนี้เรากำลังพัฒนาแอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เพื่อช่วยให้ผู้พิการสายตาสามารถซื้อสินค้าในซุปเปอร์มาร์เกตผ่านเทคโนโลยีการจดจำภาพ” นี่ถือเป็นตัวอย่างดีๆ ของวัยรุ่นยุคใหม่ ที่นำความรู้ที่เล่าเรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อเพื่อนมนุษย์ที่ต้องการความช่วยเหลืออีกหลายล้านคนทั่วโลก ที่มา designyoutrust
-
เด็กหญิงอายที่มีรอยแผลเป็น คุณพ่อจึงสักเป็นรอยแผลเหมือนกัน เพื่อให้ลูกมั่นใจอีกครั้ง
สำหรับเด็กที่เกิดมาพร้อมกับสภาพร่างกายผิดปกติหรือมีรอยดำ รอยแดงแปลกๆ บนร่างกาย มักจะถูกเพื่อนล้อจนทำให้เด็กสูญเสียความมั่นใจ ซึ่งกำลังใจที่สำคัญที่สุด ก็คงจะเป็นพ่อแม่ของเด็กนั่นเอง เหมือนกับ Freya Fitzpatrick เด็กหญิงวัย 2 ขวบ เธอถูกน้ำร้อนลวกจนเกิดเป็นแผลขนาดใหญ่บนอกด้านซ้าย ซึ่งแผลเป็นดังกล่าวทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นลูกสาวรู้สึกแย่กับรอยแผลเป็น Kyle พ่อวัย 24 ปี จึงตัดสินใจลงทุนประมาณ 2,000 บาท เพื่อสักเป็นรอยแผลเป็นคล้ายกับลูกสาว และอยู่ในตำแหน่งเดียวกันด้วย Kyle บอกว่า “Freya มักจะรู้สึกแย่เมื่อมองรอยแผลเป็นตัวเอง ผมก็เลยคิดว่าเธอคงจะรู้สึกดีขึ้นถ้าเห็นว่าคนอื่นก็มีรอยแบบนั้นเช่นกัน แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ ด้วย เธอไม่รู้สึกแย่กับรอยแผลเป็นตัวเองอีกแล้ว” Tyler Jones แม่ของเด็กหญิงเล่าว่า ขณะที่เธอกำลังต้มน้ำก๋วยเตี๋ยวอยู่ในครัว ลูกสาวในวัยหัดเดินได้เข้ามาในครัวแล้วเอื้อมมือไปจับหม้อที่กำลังเดือด จนทำให้น้ำร้อนหกใส่ลำตัวของเธอ คุณแม่บอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เธอไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่ถึงจะตกใจแค่ไหน เธอก็รวบรวมสติโทรไปบอกสามีที่กำลังทำงานอยู่ ด้านเพื่อนบ้านเมื่อได้ยินเสียงร้องของเธอกับลูก พวกเขาก็รีบมาดูทันทีและช่วยปฐมพยาบาลให้เด็กหญิง ก่อนจะพาไปโรงพยาบาล เมื่อ Kyle ทราบเรื่อง เขาก็รีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลทันที และภาพแรกที่เห็นคือ ลูกสาวผู้เป็นที่รักนอนอยู่เตียงคนไข้ด้วยความทุกข์ทรมาน…
-
คลิปชายหนุ่มพยายามถ่ายฟ้าผ่าไกลๆ เกือบซวยถึงชีวิต เมื่อมันผ่าลงมาที่เขาด้วย!!
เรื่องของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติมันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ ขนาดพยากรณ์อากาศบางวันยังไม่สามารถบอกได้อย่าง 100%เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อย่างเช่นเรื่องราวของนาย Daniel Modøl วัย 38 ปี ได้ออกไปข้างนอกระเบียงหลังบ้านของเขาในเมือง Gjerstad ประเทศนอร์เวย์ เพื่อถ่ายภาพพายุที่อยู่ห่างไกลโดยที่ไม่คิดว่าจะทำให้เขาเกือบเป็นอันตรายซะแล้ว คลิปวิดีโอที่เขาถ่ายพายุแล้วเกิดฟ้าผ่า จากคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่าเขากำลังถ่ายฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นอยู่ไกลๆ จนกระทั่งมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ…. ภาพฟ้าผ่าแบบจังๆ มันได้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งสายฟ้าฟาดลงสนามหลังบ้านเขา!! ผลลัพท์ที่ตามมา สนามหญ้ากระจุยกระจาย . หลังจากที่วิดีโอของเขาได้เผยแพร่ออกไปก็มีผู้มาแสดงความคิดเห็นและแชร์ประสบการณ์ฟ้าผ่าใกล้ๆเหมือนกัน “ฉันก็เคยเจอเหตุการณ์นี้เหมือนกัน ตอนนั้นฉันยืนอยู่ที่ฟาร์มเล็กๆ ชายที่ยืนอยู่ข้างๆฉันเห็นฟ้าผ่าที่บ้านข้างๆ เสียงของมันไม่เหมือนพายุฝนฟ้าคะนอง แต่กลับเหมือน ปั๊งงง ขนาดใหญ่” “ในปี 94 ตอนฉันไปแข่งขันปั่นจักรยานเสือภูเขา อากาศดี อบอุ่น และสดใส แต่มีเมฆหนาแน่น จากนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบ ลงตรงที่ชายคนหนึ่งที่กำลังอยู่กลางลานจอดรถ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง” “ฉันเคยมีประสบกาณ์ฟ้าผ่าตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก มันผ่าลงที่บ้านใกล้ๆของฉันและมันก็ทำให้บ้านหลังนั้นไฟไหม้ด้วย” เรื่องของธรรมชาตินี่ยากจะคาดเดา ทางที่ดีเมื่อเกิดพายุฟ้าฝน ฟ้าแลบ ฟ้าผ่าก็อย่าออกนอกบ้านกันนะคะ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับชีวิตของเรานั่นเอง ที่มา boredpanda
-
ภาพก่อน-หลังของถนนในเท็กซัส หลังถูกพายุถล่มจนเกิดน้ำท่วมหนักที่สุดในประวัติศาสตร์
ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ เท็กซัสได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากพายุฮาร์วีย์ร้ายแรง และยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับภาพด้านล่างนี้ ซึ่งเป็นภาพถนนหลวง I-10 ในเท็กซัส ก่อนและหลังการเกิดอุทกภัยจากพายุฮาร์วีย์ ที่ทำให้เห็นถึงสถานการณ์ที่ขณะนี้รุนแรงมากเพียงใด ถนนหลวงในเท็กซัสในภาวะปกติ ถนนเส้นเดียวกันหลังถูกพายุฮาร์วีย์ถล่ม นอกจากนี้ช่างภาพ Logan Wheat ยังได้ถ่ายภาพวัวที่กำลังอยู่ในอาการหวาดกลัวท่ามกลางน้ำที่ท่วมขึ้นสูงเรื่อยๆ ช่างภาพบอกว่า “เมื่อเห็นวัวอยู่ในสภาพนั้น มันทำให้ผมรู้สึกจุกในลำคอ อยากช่วยเหลือพวกมันออกมา แต่มันค่อนเป็นเรื่องยาก” ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าน้ำท่วมสูงแค่ไหน แต่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 2 เมตร เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกน้ำท่วมสูงจนแทบจะมองไม่เห็นหลังคารถแล้ว ใกล้กับที่ภาพที่เราเห็นนี้ มีศูนย์ผู้ลี้ภัย George R Brown Convention Center ในฮุสตันที่โดยปกติแล้ว สามารถรองรับผู้คนได้เพียง 5,000 คน แต่ขณะนี้ มีผู้ประสบภัยเข้ามาอยู่ถึง 9,021 คนแล้ว พวกเขาต้องอยู่กันอย่างแออัด บางคนนอนพื้นบ้าง นอนบนเก้าอี้บ้าง เนื่องจากเตียงที่มีอยู่ไม่เพียงพอกับจำนวนประชากร อย่างไรก็ตาม ทีมช่วยเหลือก็กำลังทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง เพื่อพาผู้ประสบภัยออกจากอาคารบ้านเรือน ไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย และพยายามจะกระจายคนไปอยู่ตามศูนย์ลี้ภัยต่างๆ…
-
25 บาร์โค้ดเจ๋งๆ ที่ถูกออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ ชูสินค้าให้น่าสนใจขึ้นอีกระดับ
ปัจจุบันไม่ว่าเราจะซื้อสินค้าอะไร ก็มักจะมีบาร์โค้ดกำกับอยู่เสมอ และลักษณะของบาร์โค้ดนั้นก็จะเหมือนกันหมดคือเป็นเส้นๆ หนาบ้าง บางบ้าง เรียงสลับกันเป็นแถวพร้อมตัวเลขด้านล่าง บาร์โค้ดลักษณะดังกล่าวนั้นเราเห็นกันบ่อย จนไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นอีกแล้ว แต่สำหรับภาพต่อไปนี้จะทำให้คุณสังเกตบาร์โค้ดกันมากขึ้น เพราะแต่ละชิ้นนั้นล้วนมีความสร้างสรรค์ แถมทำให้สินค้าดูน่าสนใจยิ่งขึ้น 1. บาร์โค้ดบนขวดครีมโกนหนวด 2. บาร์โค้ดซองสปาเก็ตตี้ 3. บาร์โค้ดด้านหลังหนังสือเด็ก 4. บาร์โค้ดรูปหีบเพลง 5. บาร์โค้ดรากต้นไม้ 6. บาร์โค้ดคนยกกองกระดาษ ข้างขวดน้ำ 7. บาร์โค้ดโรงนา 8. บาร์โค้ดคนตกปลา 9. นี่ถ้าไม่สังเกตดีๆ ไม่คิดว่าเป็นบาร์โค้ดนะ มาเป็นแว่นตาเชียว 10. บาร์โค้ดที่สามารถเรียงกันแล้วเกิดเป็นรูปเป็นร่างอย่างสวยงาม 11. บาร์โค้ดชาซอง 12. บาร์โค้ดต้นไม้ 13. บาร์โค้ดฝักบัว 14. บาร์โค้ดคลื่นทะเล 15. บาร์โค้ดบนปกหนังสือ 16. บาร์ข้างบนขวดแชมพู 17. บาร์โค้ดรูปโต๊ะ 18. บาร์โค้ดหญ้าพร้อมน้องวัว 19. บาร์โค้ดปากกะโหลก 20. บาร์โค้ดรูปสะพานที่ขึ้นชื่อของโลก…
-
เด็กน้อยหลงทางหลังพายุกระหน่ำ เดินถือขวดนมอยู่คนเดียว พลเมืองดีอาสาไปส่งถึงที่..!!
นับตั้งแต่เกิดเหตุพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วี่ถล่มรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องซึ้งๆ การสูญเสียแบบเศร้าๆ หรือแม้แต่เรื่องน่ารักๆ และคราวนี้เป็นเรื่องราวของหนูน้อยวัยแบเบาะที่พลัดหลงกับครอบครัวหลังพายุถล่ม แต่ด้วยพลังของชาวเน็ตในท้ายที่สุดพวกเขาก็สามารถช่วยส่งคืนครอบครัวไว้ได้อย่างปลอดภัย เมื่อ Renz Michael สังเกตเห็นเด็กน้อยหลงทางมาคนเดียว นี่ช่วงที่ Renz Michael กำลังขนย้ายข้าวของเพื่อลี้ภัย เขาก็สังเกตเห็นเด็กน้อยวัยแบเบาะคนหนึ่งที่เดินมาพร้อมกับถือขวดนมอยู่ในมือ จากนั้นเจ้าตัวจึงถามว่า.. “จะไปไหนเอ่ย..??” ชายหนุ่มก็ได้รับคำตอบว่า เด็กน้อยออกมาเดินเล่นและพ่อแม่ของเขาก็อยู่แถวนี้เช่นกัน ซึ่งจากนั้นหนุ่มจึงอาสาพาหนูน้อยไปหาคุณพ่อของเธอ เพราะกลัวว่าอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ หลังจากที่เดินมาส่งถึงประตูหน้าบ้าน ก็ยังโชคดีที่มีพ่อแม่ของเด็กน้อยรออยู่ที่นี่จริงๆ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเจ้าตัวได้นำมาโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว และมีชาวเน็ตแชร์ต่อไปอีกมากกว่า 5,000 ครั้ง จากเหตุการณ์พายุเฮอร์ริเคนถล่ม เราก็ได้เห็นแล้วว่ามีเรื่องราวปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย และล่าสุดกรมอุตุฯ ก็ได้รายงานว่าตอนนี้น้ำได้ท่วมบ้านเรือนสูงถึง 76 ซม. แล้ว ในขณะเดียวกันทั้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง หรือหน่วยกู้ภัย ต่างก็ต้องออกมาปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ย่อท้อ เพราะกลุ่ม Coast Guard ได้รายงานว่า… หลังเกิดภัยพิบัติเพียงชั่วโมงเดียวมีชาวเมืองโทรมาขอความช่วยเหลือมากกว่า 1,000 สาย…
-
โผล่อีกคนแล้ว หนุ่มนักโทษตา 2 สี ‘Prison Bae’ หล่อซะจนถูกทาบทามให้เป็นนายแบบ!!
เรื่องเน็ตไอดอลนี่ก็มีให้เห็นทั่วโลกเหมือนกัน อย่างบ้านเราก็มีกรณี ‘เก่ง ลายพราง’ ที่ได้กลายเป็นเน็ตไอดอลแบบเนียนๆ จนโด่งดังไปทั่วโลกโซเชียล และดูเหมือนว่าโอกาสทองในครั้งนี้จะเกิดขึ้นกับ Mekhi Alante Lucky นักโทษคดีอาญาหนุ่มวัย 20 ปี จากรัฐนอร์ทแคโรไลน่า ผู้มีนัยตาสองสีอันโดดเด่นจนได้กลายเป็นนายแบบไปซะแล้ว Mekhi Alante Lucky เรื่องมันมีอยู่ว่าพ่อหนุ่มคนนี้โดนจับล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน ปี 2016 ด้วยข้อหาขับรถที่ขโมยมาเร็วเกินกำหนด (โดน 2 กระทงเลยนะ) ทีนี้หลังจากที่โดนจับ ทวิตเตอร์แอคเคาท์ที่ชื่อว่า Wake Mugshots (นักโทษหล่อบอกด้วยอะไรประมาณนั้น) ได้โพสต์ภาพของพ่อหนุ่มคนนี้ และผลปรากฏว่ายอดไลค์ ยอดแชร์ ยอดคอมเมนต์ถล่มทลายเลยจ้า จากนั้นก็กลายเป็นกระแสไวรัลโด่งดัง มีบริษัทโมเดลลิ่งมาติดต่อพ่อหนุ่มคนนี้ทันที Atlanta-based St Claire’s Modeling Agency ได้เข้ามาติดต่อก่อนใครเพื่อน ซึ่งในรายละเอียดด้านกฎหมายก็ไม่ได้มีการรายงานว่าพ่อหนุ่มคนนี้ต้องรอพ้นโทษก่อน หรือมีการประกันตัว แต่ทันทีที่ Prison Bae เปิดตัวบนโลกโซเชียล ด้วยนัยตา 2 สี บวกกับบุคลิกท่าทางของเขาที่ดูฮ็อตไม่เบา ก็ได้ผู้ติดตามฐานแฟนคลับให้เขาแล้วมากถึง…
-
เรื่องราวของคุณแม่ชาวเท็กซัส ผู้สละชีวิตตัวเอง เพื่อช่วยไม่ให้ลูกจมน้ำ
มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายท่ามกลางสถานการณ์พายุที่ซัดกระหน่ำ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่อาจทำให้เราน้ำตาไหลออกมาได้โดยไม่รู้ตัว เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานเรื่องราวของคุณแม่ Collette Sulcer วัย 41 ปี ผู้ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยลูกน้อยของเธอให้อยู่รอดปลอดภัย… คุณแม่ Collette Sulcer และ Jordyn ลูกสาววัย 3 ขวบ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา คุณแม่และลูกน้อยทั้งสองคนได้ขับรถลี้ภัยน้ำท่วมออกมาจากบริเวณย่าน Beaumont ในรัฐเท็กซัส ช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. ทว่าด้วยกระแสน้ำที่แรงเกินไป ทำให้รถของเธอติดอยู่กลางถนนและไม่สามารถหนีออกไปไหนได้ และก่อนที่รถจะถูกพัดคุณแม่ก็ได้โอบกอดลูกน้อยไว้ไม่ให้จมน้ำ หลังจากที่รถถูกกระแสน้ำพัดอย่างแรง คุณแม่ก็ได้พยายามอุ้มลูกน้อยของเธอให้ศีรษะอยู่เหนือน้ำไว้ ก่อนจะพยายามเดินฝ่าน้ำไปหาที่หลบภัย แต่น่าเศร้าที่กระแสน้ำพัดแรงเกินไป พวกเขาทั้งคู่ถูกพัดออกไปไกลจากจุดเดิมถึงประมาณ 800 เมตร และเมื่อทีมกู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือก็พบว่า พวกเขาทั้งสองอยู่ในสภาพที่กำลังลอย พยายามไม่ให้ลูกน้อยจมน้ำ Carol Riley หัวหน้าทีมกู้ภัยให้สัมภาษณ์ว่า ตอนที่ทีมพวกเขาไปถึงก็พบว่าคุณแม่ได้พยายามอุ้มไม่ให้ลูกน้อยจมน้ำ ทว่าทั้งคู่ก็ต้องเผชิญกับภาวะตัวเย็นเกิน (hypothermia) ซึ่งหลังจากที่ทั้งสองได้รับการช่วยเหลือแล้ว ทีมแพทย์ก็ได้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะยื้อชีวิตคุณแม่ไว้ แต่กลับไม่สำเร็จ… คุณแม่เสียชีวิตลงจากนั้นไม่นาน…
-
คุณพ่อพาลูกเพื่อนบ้านล่อง “แพดเดิลบอร์ด” สู่ที่ปลอดภัย ก่อนจะกลับมาช่วยครอบครัวตัวเอง…
กลายเป็นเรื่องที่โด่งดังไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ต หลังจากที่มีคุณพ่อชาวฝรั่งเศสวัย 42 ปีคนหนึ่ง ได้ออกมาใช้ ‘แพดเดิลบอร์ด’ ในการช่วยคนถึง 4 คน โดยเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมาเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานเรื่องของ Alexandre Jourde พ่อบ้านชาวฝรั่งเศส ที่ใช้แพดเดิลบอร์ดช่วยเหลือครอบครัวตัวเอง และเพื่อนบ้านจนโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ เชร๊ดด…พี่เท่อย่างกะบอยแบนด์ เดิมทีคุณพ่ออาศัยอยู่กับครอบครัวทั้ง 4 ชีวิต ประกอบไปด้วย ศรีภรรยา และคุณลูกอีกน่ารักทั้ง 2 คน ทว่าในช่วงที่เกิดเหตุการณ์พายุเฮอร์ริเคน เขาก็รู้ทันทีว่ายังมีอีกหลายๆ คนที่ต้องการความช่วยเหลือมากกว่า และด้วยสภาพบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยน้ำท่วมเอ่อล้น คุณพ่อจึงอาสาออกมาพายแพดเดิลบอร์ดช่วยเหลือ Ethan Colman หนุ่มน้อยวัย 4 ขวบ จนกลายเป็นภาพโด่งดังไปทั่วออนไลน์ ภาพที่ช่วยให้เรารู้สึกว่า ความรักในเพื่อนมนุษย์นั้นยังมีอยู่ คุณพ่อเล่าว่าในช่วงที่พายุโหมกระหน่ำ เขาและครอบครัวกำลังเตรียมตัวจะลี้ภัยไปยังศูนย์พักพิง ทว่าระหว่างนั้นได้มีเพื่อนบ้านคนหนึ่งมาขอความช่วยเหลือ โดยพวกเขาไม่มีพาหนะที่จะสามารถพาลูกชายไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้ ทันทีที่ Jourde รู้เข้า เขาก็ไม่ได้มีท่าทียึกยักหรือเล่นตัว หากแต่เขารีบนำแพดเดิลบอร์ดคู่ใจและไม้พายพาเด็กหนุ่มไปส่งยังที่ปลอดภัยทันที เมื่อพาลูกของเพื่อนบ้านไปส่งยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว เขาก็รอให้ครอบครัวของเพื่อนบ้านมารับเจ้าหนู Ethan จากนั้นเขาจึงกลับมารับลูกน้อยทั้ง 2…
-
สื่อนอกเผย ภาพบรรยากาศในเกาหลีเหนือ-ใต้ หลังผู้นำคิม “ปล่อยมิสไซล์” เหนือน่านฟ้าญี่ปุ่น
นับว่าเป็นข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก หลังจากที่ คิม จอง อึน ปล่อยขีปนาวุธบินผ่านเหนือน่านฟ้าประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้ประชาชนต่างรู้สึกหวาดกลัว และต้องออกมาเตรียมตัวรับมือกันเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ได้เห็นภาพบรรยากาศในญี่ปุ่นหลังจากที่มีเสียงสัญญาณเตือนภัยกันมาแล้ว คราวนี้เราจะขอพาไปชมภาพบรรยากาศในเกาหลีเหนือบ้าง ในวันที่พี่คิมสั่งยิงขีปนาวุธ ก็คงมีแต่ประชาชนเกาหลีเหนือนี่แหละที่ดูเหมือนจะยินดีปรีดากว่าใครเพื่อนเลย Ri Chun Hee ผู้สื่อข่าวของเกาหลีเหนือ กับการรายงานข่าวเกี่ยวกับขีปนาวุธที่กำลังเผยแพร่ภาพสดไปทั่วประเทศ โดยมีการรายงานว่าแผนการณ์การของท่านผู้นำเป็นไปตามความคาดหมาย ผู้สื่อข่าว CNN ได้สัมภาษณ์นักศึกษาชาวเกาหลีเหนือ Kim Su Jong วัย 14 ปี ถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ความว่า “ตั้งแต่ที่ประเทศเรามีแสงยานุภาพที่เพียงพอ และอยู่ภายใต้การปกครองของท่านผู้นำคิมจองอึน เราเชื่อว่าไม่มีประเทศไหนในโลกที่จะต่อกรกับเราได้” ภาพประชาชนออกมายืนชมการทดสอบยิงขีปนาวุธ ซึ่ง… เป็นภาพที่เผยแพร่ช้ากว่าสื่ออื่นๆ ทั่วโลกถึง 24 ชม. เลยทีเดียว ในวันนั้นเองชาวเกาหลีเหนือก็ต่างออกมาชื่นชม และให้กำลังใจผลงานของท่านผู้นำ ภาพของคิมจองอึน หลังจากทดสอบยิงขีปนาวุธเป็นระยะทางกว่า 2,735 กิโลเมตร ผ่านน่านฟ้าประเทศญี่ปุ่น เรียกได้ว่างานนี้ได้ผู้นำมานั่งคุมงานเอง กดปุ่มยิงขีปนาวุธด้วยตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าในขณะที่เกาหลีเหนือกำลังภูมิใจกับขีปนาวุธ ประเทศอื่นๆ…
-
ทางการแอลเอคิดนอกกรอบ นำร่องปาดถนนให้เป็นสีขาวจั๊วะ หวังระบายอุณหภูมิอันร้อนระอุ!!
เมืองลอสแอนเจลิส เป็นเมืองเดียวในสหรัฐอเมริกาที่มีอุณหภูมิความร้อนในระดับที่เป็นอันตราย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ ชาวเมืองลอสแอนเจลิส จึงต้องมองหาแนวคิด และวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อต่อสู้กับอุณหภูมิบนท้องถนนที่สูงถึง 55-60 องศาเซลเซียส!! ทางด้านเว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานว่า ในขณะนี้ ชาวลอสแอนเจลิสได้เริ่มทำโครงการนำร่องเพื่อทดสอบ “ทางเย็น” บนถนน 15 สาย ซึ่งจะถูกปกคลุมไปด้วยยางมะตอยสีขาว ที่สามารถช่วยลดอุณหภูมิบนถนนให้ต่ำกว่า 50 องศาเซลเซียส ตามรายงานของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม (Environmental Protection Agency) ได้ระบุว่า ถ้า 35% ของถนนในลอสแอนเจลิสถูกปกคลุมไปด้วยพื้นผิวสะท้อนแสงเช่นนี้… จะทำให้อุณหภูมิลดลง 1 องศาทั่วเมือง ซึ่งหมายความว่าจะสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ประมาณ 100 ล้านเหรียญต่อปีเลยทีเดียว ถนน 15 สายถูกปกคลุมไปด้วยยางมะตอยสีขาว เพื่อระบายความร้อนบนท้องถนน นับว่าเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่แปลกใหม่ ก็คงต้องดูกันต่อไปในระยะยาวว่าสามารถใช้ได้ผลหรือไม่ หากใช้ได้จริงก็น่านำมาใช้กับบ้านเราบ้างนะเนี่ย (ร้อนระอุเหลือเกิน…) ที่มา : curbed, demilked
-
ชีวิตสุดรันทดยายวัย 71 ต้องสวมมาสคอตพิกะจู เพื่อหาเลี้ยงคนในครอบครัวที่กำลังป่วย…
เบื้องหลังการแต่งเป็นมาสคอต เราไม่รู้หรอกว่าคนที่สวมใส่ชุดเหล่านั้นหน้าตาเป็นอย่างไร เพศไหน อายุเท่าไหร่ ซึ่งหลายๆ คนอาจจะคิดว่าผู้ที่มาสวมใส่ชุดหนักๆ แบบนี้ จะต้องเป็นหนุ่มสาววัยรุ่นร่างกายแข็งแรง แต่นั่นอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องไปซะทั้งหมด เพราะในบางครั้งตัวการ์ตูนมาสคอตที่แสนน่ารักอาจจะถูกสวมใส่โดยคุณยายวัย 71 ปี ก็เป็นได้ เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยเรื่องราวชีวิตสุดรันทดของ Han คุณยายวัย 71 ปีรายหนึ่ง ที่สวมชุดมาสคอตพิกะจูเปิดการแสดงอยู่ข้างถนนในมณฑลซานตง ประเทศจีน โดยเหตุผลที่คุณยายต้องออกทำงานเป็นเพราะว่า เธอต้องการหาเงินไปรักษาคนในครอบครัวที่กำลังป่วยถึง 3 คนนั่นเอง ย้อนกลับไปในปี 2007 คุณยาย Han ได้รู้ว่าลูกสาวของเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในสมอง หลังจากนั้น เธอก็ใช้เวลาทั้งชีวิตในการดูแลรักษาลูกสาวของเธอ แต่น่าเศร้าที่ภายหลังลูกสาวของคุณยายกลับต้องมาสูญเสียดวงตาไปอีก และอีก 1 ปีต่อมา สามีของคุณยายที่ทำอาชีพเป็นคนงานก่อสร้าง ก็ได้ตกลงมาจากอาคาร และทำให้ขาของเขาหัก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเกิดขึ้นซ้ำครั้งที่สอง และคุณยายก็ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะนำมาใช้ในการผ่าตัดสามีในครั้งนี้ด้วย แต่ทว่าความโชคร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของคุณยาย Han ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อปีที่ผ่านมา ลูกเขยซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวก็ต้องมาเป็นอัมพาตเพราะเกิดอุบัติเหตุ และความหวังเดียวที่เหลืออยู่สำหรับครอบครัวก็คือ คุณยาย Han ที่จะต้องมาเลี้ยงดูทั้งลูกสาว…
-
นางงามอังกฤษประกาศสละตำแหน่ง หลังถูกบังคับให้ “ลดน้ำหนัก” ก่อนลงประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์ส
นางงามกับเรื่องของรูปร่างเป็นเรื่องที่แยกออกจากกันไม่ได้เลย เพราะความสวยงามในอุดมคติของโลกเรานั้นมีแนวโน้มที่จะชอบผู้หญิงที่มีหุ่นห้างผอมลงเรื่อยๆ ทำให้สาวๆ ทุกคนตกอยู่ในหลุมพรางของสังคม จนต้องลดน้ำหนักเพื่อให้ตัวเองนั้นมีที่ยืนในโลกแห่งนี้ และต่อไปนี้คือเรื่องราวของนางงามคนหนึ่งที่เธอก็ถูกบีบบังคับจากสังคมนางงาม ให้เธอต้องลดน้ำหนักให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนต้องออกจากการประกวดในรอบต่อไปที่จะถึงนี้ Zoiey Smale เธอเป็นสาวสวยอายุ 28 ปี จาก Nottinghamshire และเธอก็รับตำแหน่ง Miss UK ไปหมาดๆ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเธอต้องเข้าแข่งขันในระดับนานาชาติต่อไปที่ประเทศเอกวาดอร์ แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นหลังจากที่เธอรับตำแหน่งได้ไม่กี่สัปดาห์ เพราะผู้จัดงานกองประกวด Miss United Continents ได้บอกกับเธอว่า “เธอต้องลดน้ำหนักให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อโอกาสชนะในการแข่งขันรอบต่อไป” Zoiey รู้สึกสับสนจนไม่จนพูดอะไรไม่ถูก ก่อนวางสายโทรศัพท์และไม่ได้กลับไปที่กองประกวดอีกเลยเป็นเวลาสองสัปดาห์ เธอกล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องเป็นในศตวรรษที่ 21 อย่างงั้นเหรอ!!?” เธอรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของกองประกวด เธอเป็นสาวงามที่เริ่มการประกวดมาตั้งแต่อายุ 18 ปี ซึ่งในตอนนี้เธอรู้สึกแย่และตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมการประกวดรอบต่อไปที่เอกวาดอร์ “ฉันอยากพูดถึงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ฉันทำงานอย่างหนักในทุกๆ ด้าน ฉันโกรธมากที่กองประกวดตัดสินมาแบบนั้นมันทำให้ฉันเจ็บปวด” เธอกล่าวว่า “การเดินโชว์ของนางงามแต่ละรอบนั้น มีเงินสนับสนุนจากนักธุรกิจเพื่อที่จะเป็นสปอนเซอร์ให้กับสาวผอมๆ ที่เปลือยกายอยู่บนเวที นี่ไม่ใช่การประกวดอย่างแท้จริง” เธอได้ปฏิบัติหน้าที่ในการเป็น Miss UK โดยการระดมทุนการกุศลจากการปั่นจักรยาน…
-
ชาวเน็ตประทับใจ “เจ้าหน้าที่นั่งงีบคาเครื่องแบบ” หลังช่วยเหลือผู้คนในเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่
เรามักจะได้ยินคำว่า “ตำรวจรับใช้ประชาชน” ซึ่งมันก็จริงนะ โดยเฉพาะเวลาเกิดเรื่องหรือมีเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ไม่ว่าเวลาไหน เมื่อไหร่ ตำรวจก็พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือเสมอ อย่างเหตุการณ์พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ที่ถล่มเท็กซัส จนเกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยกู้ภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างก็เข้าไปให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เหตุการณ์นี้ทำให้น้ำท่วมถนน บ้านเรือนได้รับความเสียหาย ในบางพื้นที่น้ำท่วมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนไม่สามารถย้ายออกจากอาคารได้ ต้องรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในฮุสตันไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ได้ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือตลอดเวลาตั้งแต่เกิดภัยพิบัติ โดยให้การช่วยเหลือทั้งคนและสัตว์ จนแทบไม่มีเวลาได้หยุดพัก ขณะเดียวกันในเว็บไซต์ Reddit ได้มีการโพสต์ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ที่กำลังนั่งงีบในชุดเครื่องแบบพร้อมรองเท้ากันน้ำ หลังลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง หลังจากภาพดังกล่าวถูกโพสต์ ก็ได้มีการแชร์ต่ออย่างรวดเร็ว หลายคนเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมากและอยากให้พวกเขาพักผ่อนบ้าง แต่สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ประชาชนมาก่อนเสมอ มีหลายคนยังติดอยู่ในบ้าน รอคอยการช่วยเหลือด้วยความหวัง แล้วแบบนี้ตำรวจจะหลับลงได้อย่างไร นั่นทำให้ตำรวจต้องทำงานอย่างไม่รู้จักเหนื่อยเพื่อช่วยผู้ประสบภัยออกมาอยู่ในที่ปลอดภัย สมาชิก Reddit ดังกล่าวยังบอกอีกว่าเจ้าหน้าที่ Robert Goerlitz ผู้ซึ่งทำงานอยู่ที่ Harris County Sheriff’s Office ได้เขียนในเพจว่า “เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากระดับน้ำยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ มีคนโทรเข้ามาขอความช่วยเหลือตลอดเวลา ซึ่งเราเองก็ไม่ได้นิ่งเฉยเพราะนั่นคือสิ่งที่เราต้องทำ ตอนนี้เราได้พาผู้คนออกมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วกว่า 10,000 คน แต่เรายังพักไม่ได้…
-
เจ้าฮิปโปยอมหยุดกินเพื่อเข้าไปช่วยเหลือวีลเดอร์บีสต์ที่กำลังจะถูกจระเข้เขมือบทั้งเป็น!!
ในธรรมชาตินั้นสัตว์ที่อ่อนแอกว่ามักจะตกเป็นเหยื่อของสัตว์ที่แข็งแรงกว่าเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นสัตว์พวกมันก็คงไม่นิ่งเฉยเมื่อเห็นสัตว์ที่อ่อนถูกรังแก เหมือนอย่างเหตุการณ์นี้ที่ฮิปโปผู้หิวโหยถึงกับต้องหยุดกิน เพื่อเข้าไปช่วยเหลือเจ้าวีลเดอร์บีสต์ผู้เคราะห์ที่กำลังจะถูกจระเข้กลืนกินทั้งเป็น เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกได้จาก South Africa’s Kruger Park โดย Mervyn Van Wyk วัย 72 ปี ขณะไปเยือนอุทยานกับภรรยา Tokkie ตอนแรกทั้งคู่เห็นฝูงวีลเดอร์บีสต์จำนวนหนึ่งกำลังมีความสุขกับการหาอาหารตามชายฝั่งแม่น้ำ พร้อมทั้งฝูงม้าลายและละมั่งแอฟริกา แต่แล้วขณะที่ Tokkie เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปอยู่นั้น เธอก็เห็นวีลเดอร์บีสต์ตัวหนึ่งกำลังถูกจระเข้กัดเข้าที่ขาและพยายามจะดึงมันลงน้ำ เจ้าวีลเดอร์บีสต์พยายามขัดขืน ดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างสุดชีวิต จนเวลาผ่านไปประมาณ 8 นาที มันก็หมดแรงและพ่ายแพ้ให้กับจระเข้และก่อนจะถูกลากลงน้ำ ขณะที่เจ้าวีลเดอร์บีสต์ยอมแพ้ต่อชะตากรรมตัวเองนั้น อยู่ๆ ก็มีฮิปโปสองตัวที่กำลังหากินอยู่ในน้ำ เห็นเหตุการณ์เข้า พวกมันตัดสินใจหยุดกินแล้วพุ่งไปยังจระเข้ตัวนั้นทันที จากนั้นพวกมันก็ทำการขัดขวางและบังคับให้จระเข้ปล่อยวีลเดอร์บีสต์ตัวนั้น สักพักจระเข้คงสู้แรงฮิปโปไม่ไหวจึงต้องปล่อยเหยื่อไป ส่งผลทำให้วีลเดอร์บีสต์รอดชีวิตได้ในที่สุด นี่ไม่ใช่แค่ฮิปโปต้องการช่วยสัตว์อื่น แต่มันเป็นการแสดงถึงความเป็นเจ้าถิ่น ด้วยการกันสัตว์อื่นออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะแหล่งน้ำที่เป็นทั้งที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหาร ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่ก็ต้องขอบคุณฮิปโปที่ช่วยเหยื่อได้สำเร็จ ที่มา dailymail
-
นักชิมชาวญี่ปุ่น ทดสอบลิ้นแยกรสชาติ “ทูน่าสดกับทูน่าแช่แข็ง” แบบไหนจะอร่อยกว่ากัน!?
อีกหนึ่งวีธีที่เราจะพิสูจน์ถึงความเป็นชาวญี่ปุ่นแบบแท้ๆ ก็คือการทดสอบความรู้เรื่องอาหาร อย่างคนไทยเราก็จะมีความคุ้นเคยกับอาหารไทยกันเป็นอย่างดี เช่นเดียวกันกับคนญี่ปุ่นที่ควรจะรู้และสามารถแยกรสชาติของอาหารสัญชาติตัวเองให้ออกว่าวัตถุดิบไหนดีหรือไม่ดี… ดังนั้นเป็นการดีที่จะมีการทดสอบชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้ทราบว่าพวกเขาสามารถแยกปลาทูน่าสดๆ กับปลาทูน่าที่แช่แข็งได้หรือไม่ เรียกได้ว่าเป็นการเดิมพันความเป็นชาวญี่ปุ่นกันเลยนะเนี่ย!! เหล่าทีมงานนักชิมของ SoraNews ทั้งเก้าคน มาร่วมตัวเพื่อพิสูจน์ความเป็นญี่ปุ่น ด้วยการปิดตาและชิมปลาทูน่าจากสองแหล่งที่มา แล้วแบบนี้จะสามารถแยกได้หรือไม่!? โดยกฏนั้นมีอยู่ว่าพวกเขาต้องปิดตาแล้วชิมรสชาติและรสสัมผัสของทูน่า A และ ทูน่า B และต้องแยกรสชาติว่าอร่อยหรือไม่อร่อย อันไหนมีราคาถูกหรือมีราคาแพง หลังจากการชิมแล้วพวกเขาต้องตัดสินใจว่าอันไหนสดและมีราคาแพงกว่ากัน ซึ่งในภาพทูน่า A ด้านบนนั้นมีแหล่งที่มาจากสเปนและแช่แข็งมาที่อุณหภูมิ -60 องศาฟาเรนไฮต์ โดยมีราคา 6.45 เยน ต่อกรัม และทูน่า B ด้านล่างนั้นเป็นปลาทูน่าสดมีแหล่งที่มาจากนอกชายฝั่งจังหวัดชิบะ มีราคาอยู่ที่ 8.62 เยน ต่อกรัม ซึ่งเป็นราคาที่แพงกว่าทูน่าแช่แข็ง ทูน่าทั้งสองแหล่งที่มาพร้อมพิสูจน์ชาวแก็งค์คนญี่ปุ่นแล้วว!!! 1. ชายหนุ่มคนแรกที่ทำการทดสอบคือ Nagahashi ที่มีประสบการณ์การชิมอาหารต่างๆ มาแล้วมากมาย “ทูน่า A มันเหมือนกับปลาทูน่าป่า และ ทูน่า B มันมีกลิ่นเหม็นและเนื้อสัมผัสไม่ค่อยสด”…
-
เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ใจดี เปลี่ยนร้านให้กลายเป็นสถานที่พักชั่วคราวให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม
เหตุการณ์น้ำท่วม ถือเป็นหนึ่งในภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์อย่างหนัก ทำให้ผู้คนถึงขั้นเสียชีวิต และไร้ที่อยู่อาศัย… เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์มีรายงานว่า นครฮุสตัน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่จากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ และเกิดฝนตกต่อเนื่องหลายวัน ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในพื้นที่บริเวณดังกล่าว เหตุการณ์นี้ ส่งผลให้ผู้คนกว่า 400 คนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมไร้ที่อยู่อาศัย และนั่นจึงทำให้ Jim McIngvale หรือที่รู้จักในชื่อ “Mattress Mack” ผู้เป็นเจ้าของร้าน Gallery Furniture ในฮุสตัน ได้ยืนมือเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที จากการายงานระบุว่า Jim เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ได้เปลี่ยนร้านของตัวเอง ให้กลายเป็นสถานที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้กับผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วม ทางด้านบริษัท Gallery Furniture ใน North Freeway และ Gallery Furniture ใน Grand Parkway ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า… “เรามีอาหาร เตียง และห้องน้ำที่สะอาดสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ และสัตว์เลี้ยงของคุณก็จะได้รับการดูแลจากเราเป็นอย่างดี”…
-
นักศึกษาสัตวแพทย์ ร่วมกันถ่ายนู้ดกับสัตว์ ระดมทุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง
การขอทุน หรือระดมทุนธรรมดาๆ มันอาจไม่สามารถหาได้เงินเพียงพอต่อความต้องการ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้นักศึกษาสัตวแพทย์ จากมหาวิทยาลัย James Cook ในรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย จำนวน 70 คน ที่จะเรียนจบในปี 2018 นี้… เกิดปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด โดยการเปลื้องผ้า “ถ่ายนู้ด” กับสัตว์ เพื่อทำปฏิทินขาย ทั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง ในขณะส่วนที่เหลือจะนำไปจัดงานเลี้ยงตอนสำเร็จการศึกษา . ทางด้าน Chelsea Crake สัตวแพทย์ผู้จัดงานได้ออกมาเผยว่า “มันน่าตื่นเต้นมากที่ได้มีส่วนร่วมในการถ่ายปฏิทินนี้ นักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัย James Cook ได้ถ่ายนู้ดเพื่อทำปฏิทินขายมาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว เนื่องจากพวกเขา อยากหารายได้ไปบริจาคให้แก่เกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง และหาเงินจัดงานเลี้ยงตอนเรียนจบ… นี่เป็นวิธีที่ดีในการช่วยลดความเครียดในภาคการศึกษาของมหาวิทยาลัยของเรา และเราจะได้มารวมตัวกันเพื่อหารายได้ ในระหว่างการถ่ายภาพมันเป็นช่วงเวลาที่ตลกมาก แม้ในตอนแรกอาจจะดูเกร็งๆ และตื่นเต้น แต่หลังจากนั้นทุกคนก็รู้สึกสบายใจ และสนุกกับสิ่งที่ได้ทำ” สำหรับโครงการเปลื้องผ้าถ่ายนู้ดเพื่อการกุศล ได้รับการสนับสนุนจากคลินิกสัตวแพทย์หลายแห่งทั่วออสเตรเลีย โดยการทำปฏิทินดังกล่าวเป็นโครงการที่ดำเนินมาเป็นเวลายาวนานในมหาวิทยาลัยอื่นๆ เช่นกัน …
-
คุณแม่ยอมเสียสละชีวิตตัวเอง ไม่เข้ารับการรักษาโรคมะเร็ง เพื่อให้กำเนิดลูกน้อย
วันที่ 29 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยเรื่องราวสุดเศร้าของ Tasha Trafford วัย 33 ปี คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ได้ 16 สัปดาห์ ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งกระดูกอีวิงซาร์โคมา (Ewing’s sarcoma) ภายหลังจากที่เธอแต่งงานในปี 2012 ได้เพียงไม่นาน Tasha ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการปวดหลัง ซึ่งเธอต้องไปพบแพทย์ และเข้ารับการทำเคมีบำบัดและฉายรังสีที่โรงพยาบาล Singleton อยู่เป็นประจำ จนให้เธอหายจากการเป็นโรคมะเร็งในอีก 2 ปีต่อมา แต่ทั้งนี้ ทางแพทย์ไม่สามารถบอกได้ว่ามะเร็งจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งทาง Tasha ก็พยายามที่จะใช้ชีวิตอย่างปกติให้ได้มากที่สุด ด้วยความหวังว่าจะมีลูก Tasha เคยใช้วิธีการแช่แข็งตัวอ่อนถึง 3 ครั้ง หลังจากหายจากการเป็นโรคมะเร็งแต่ทว่า 16 สัปดาห์ที่เธอตั้งครรภ์ Tasha ก็ได้รับข่าวที่น่าปวดใจว่ามะเร็งของเธอได้กลับมาอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้เธอต้องเผชิญกับทางเลือกว่า จะต้องยอมเสียลูกไปเพื่อเริ่มรักษาด้วยเคมีบำบัดอีกครั้ง หรือจะเก็บลูกเอาไว้ แต่ตัวเธอเองจะต้องเสียชีวิต ด้วยหัวอกของความเป็นแม่ Tasha ก็ได้ตัดสินใจที่จะรักษาลูกของเธอเอาไว้ ซึ่งเธอได้ออกมาเผยว่า “การทำอะไรที่อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ของฉัน ฉันไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ”…
-
25 ภาพอนิเมชั่นจากการ์ตูน Ghibli ที่จะทำให้คุณสัมผัสความรู้สึกฟินแบบขั้นสุด
ถ้าพูดถึง Studio Ghibli เราก็คงนึกถึงการ์ตูนค่ายหนึ่งของญี่ปุ่นที่ทำการ์ตูนแต่ละเรื่องออกมาได้ดีงามมากๆ จนถึงกับเคยได้รับรางวัลออสการ์มาแล้ว!! ถึงแม้ว่าเราจะเกิดไม่ทัน แต่เราก็ตามเก็บ ตามดูทุกเรื่องที่ค่ายนี้ทำจนหมด เรียกได้ว่าเป็นค่ายที่ครองใจใครหลายคนเลย วันนี้ทางเว็บไซต์ buzzfeed ได้รวบรวมฉากต่างๆ จากการ์ตูนเรื่องต่างของ Studio Ghibli ในรูปแบบ GIF ที่รับรองได้เลยว่ายิ่งดูยิ่งฟิน อื้มมม 1. เป็นการหั่นไข่ดาวที่เกร๋มาก 2. ขึ้นแล้วลงไปพร้อมๆ กัน 3. กลับไข่เจียวแบบมืออาชีพ 4. มันก็จะรู้สึกบุ๋งๆ หน่อยอ่า 5. ความวุ่นวายแบบคิ้วท์ๆ 6. คนอาหารแบบนุ่มละมุนแต่ได้อารมณ์ 7. หายใจเข้า หายใจออก 8. เป็นการปอกเปลือกสัปรดที่นิ่มและลื่นปึ๊ดมาก 9. สบัดหางม้าแบบพลิ้วสวาย 10. กุ้งทอดที่มีความกรุบกรอบจนเรายังสัมผัสได้ 11. โอ้ยยย น้ำลายหกหมดแล้วพี่เอ้ย 12.…
-
8 พิธีเคลื่อนย้ายศพแบบแปลกๆ ไม่ได้เอาฮาแต่ทำจริงจัง ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป…
พิธีเกี่ยวกับศพในแต่ละประเทศนั้น ก็ล้วนมีพิธีการที่แต่งต่างกันไปตามแต่ศาสนาและความเชื่อของท้องถิ่น อย่างในบ้านเราก็จะเป็นการทำบุญและเผา ส่วนฝั่งตะวันตกก็จะเป็นการฝังเสียมากกว่า ซึ่งก่อนการฝังญาติๆ ก็จะทำการแบกโลงศพเพื่อเคลื่อนย้ายไปที่สุสานตามธรรมเนียม แต่เชื่อหรือไม่ว่า ยังมีการจัดงานพิธีเคลื่อนย้ายศพแบบแปลกๆ ที่เรามักไม่ค่อยจะได้เห็นกันอยู่ด้วย (นิยมในบางพื้นที่) บางงานเราแทบจะไม่เชื่อเลยว่าเขาจะทำกันแบบนี้จริงๆ ในงานที่เศร้าโศกแบบนี้… ฉะนั้นเราจะมี 8 งานศพแปลกๆ ที่เราไม่ค่อยได้เห็นกัน ว่าแต่จะมีอะไรบ้างนั้นลองดูเลย!! การขนโลงศพแบบชาวกานา ที่เต้นไปขนไป การขนโลงศพนี้อาจจะดูแปลก และเหมือไม่ให้เกียรติผู้เสียชีวิต แต่จริงๆ แล้วการทำแบบนี้มีเป้าหมายคือ เพื่อให้ญาติๆ ของผู้ตายไม่เศร้าโศกจนเกินไป และพร้อมก้าวต่อไปในวันไปในวันใหม่นั่นเอง การขนศพทหารไร้ญาติโดยเหล่าวัยรุ่นแปลกหน้า ปกติแล้วเรามักจะเห็นญาติๆ หรือทหารมาเป็นคนขนโลงศพให้กับทหารอเมริกัน แต่เรื่องราวในครั้งนี้เป็นการขนศพของกลุ่มวัยรุ่นที่อาสามาขนโรงศพให้กับนายทหารคนนี้ ซึ่งนายทหารคนนี้มีชื่อว่า Jerry Wayne Pino เขาเสียชีวิตด้วยวัย 70 ปี ในชีวิตทหาร เขาเข้าร่วมรบในหลากหลายสมรภูมิ แม้แต่สงครามเวียดนามก็เคยไปมาแล้ว… แต่ที่แปลกคือเขาไม่ได้ถูกลงทะเบียนเป็นนายทหารซะอย่างนั้น เลยกลายเป็นว่าพอเสียชีวิตไปก็ไม่มีใครมาช่วยทำพิธี เด็กๆ กลุ่มดังกล่าวจึงอาสามาทำหน้าที่ให้นั่นเอง ขบวนขนศพที่นำโดยมิ๊กกี้เมาส์ เมื่อปี 2016 ได้มีพิธีเคลื่อนย้ายศพของเด็กชายวัย 3 ขวบนามว่า…
-
ผลจากพายุฮาร์วีย์ ทำให้มดคันไฟต้องรวมกันเป็นเกาะ เพื่อความอยู่รอดในภาวะน้ำท่วม
ตั้งแต่พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ถล่มเท็กซัสในช่วงที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินชีวิตมากมาย ซึ่งบางชีวิตต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเอง โดยเฉพาะสัตว์ที่มักจะถูกช่วยเหลือหลังมนุษย์ สัตว์ที่กำลังถูกพูดถึงในขณะนี้คือมดคันไฟ ที่ได้รวมตัวกันเพื่อความอยู่รอด จนทำให้เกิดเกาะมดขึ้นเป็นแห่งๆ ลอยอยู่เหนือน้ำในฮุสตัน มดคันไฟขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในมดที่กัดเจ็บมากที่สุด แถมยังมีพิษอ่อนๆ ด้วย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เราจะพูดถึง สิ่งที่อยากให้เพื่อเห็นในวันนี้คือ วิธีเอาตัวรอดของมดคันไฟในภาวะน้ำทั่ว พวกมันทีทักษะในการเอาตัวรอดด้วยตัวเอง โดยการรวมตัวกันแล้วสร้างแพหรืออะไรบางอย่างที่ดูเหมือนเกาะกลางน้ำ เพื่อที่อยู่ที่ปลอดภัยในช่วงวิกฤตนี้ การวิจัยในเดือนกรกฎาคมโดยนักวิจัยจาก Georgia Institute of Technology พบว่า มดคันไฟสามารถเชื่อมต่อร่างกายของพวกมันเข้าด้วยกันได้ โดยใช้แผ่นเหนียวๆ ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า เมื่อพวกมันรวมตัวกันมากขึ้นๆ มันจะดูคล้ายกับกองดินหรือเศษไม้ และนี่คือคลิปวิดีโอที่ถ่ายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาในบริเวณฮุสตัน เป็นภาพที่เหล่ามดคันไฟรวมตัวกันแล้วลอยอยู่เหนือน้ำ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอย่าเข้าไปสัมผัสมันเด็ดขาด เพราะไม่ใช่แค่เป็นการทำลายพวกมันเอง แต่ตัวคุณเองอาจตกอยู่ในอันตรายด้วย จากคลิปนี้ ทำให้นึกย้อนไปถึงการวิจัยเมื่อปี 2011 จากวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences พบว่า เมื่อมดคันไฟรวมตัวกันเป็นกลุ่ม พวกมันจะสามารถลอยอยู่บนน้ำได้ตั้งแต่เป็นวันไปจนถึงสัปดาห์ ที่สำคัญมันสามารถรวมตัวกันเป็นเกาะขนาดใหญ่แบบนี้เร็วที่สุดเพียง 100…
-
27 ภาพ “คุณแม่กับลูกสาว” ที่เหมือนอยู่ในวัยเดียวกัน นึกว่าเป็นเพื่อนสาวกันซะมากกว่า
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม่ลูกจะมีหน้าตาเหมือนกัน โดยเฉพาะลูกสาวกับแม่ แต่ต่อให้เหมือนกันมากแค่ไหน ริ้วรอยแห่งวัย จะทำให้เราดูออกว่าใครเป็นลูกหรือใครเป็นแม่ แต่สำหรับคู่แม่ลูกเหล่านี้ ดูเหมือนริ้วรอยหรือความต่างของวัยจะทำอะไรพวกเขาไม่ได้เลย เพราะแต่ละคู่นั้นหน้าตาเหมือนอยู่ในวัยไล่เลี่ยกันจนคิดว่าเป็นพี่สาวกับน้องสาว 1. นักแสดง Reese Witherspoon วัย 41 ปี กับลูกสาว Ava Phillippe วัย 17 ปี 2. แม่(ซ้าย) วัย 43 กับลูกสาวฝาแฝด 3. แม่วัย 41 ปี กับลูกสาว ที่เปรียบเสมือนคู่เพื่อนซี้ 4. แม่(คนมวยผม) กับลูกสาวทั้งสอง 5. เมื่อลูกสาวโตจนถึงวัยที่เหมือนแม่เป๊ะ 6. คนกลางคือแม่วัย 63 ปี คนขวาคือลูกสาววัย 41 ปี และคนซ้ายลูกสาววัย 36 ปี 7. แม่วัย 43 ปี…
-
เมื่อหญิงสาวต้องเลือกระหว่าง ชีวิตของลูกหรือของเธอเอง และเธอก็เลือกมอบชีวิตให้ลูก…
ในหลายครั้งเราจำเป็นต้องเลือกสิ่งหนึ่งเพื่อแลกกับอีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งบางทีตัวเลือกที่เราได้รับนั้นก็คงจะทำให้รู้สึกรักพี่เสียดายน้อง เพราะว่ามันก็สำคัญกับตัวเราทั้งนั้น เหมือนกับเธอคนนี้แตกต่างกันที่ว่าเธอไม่มีความลังเลใดๆ เลย เมื่อว่าที่คุณแม่อย่าง Tasha Trafford วัยเพียง 33 ปี ประสบกับโรคมะเร็งกระดูกในขณะที่เธอกำลังตั้งท้องอยู่ ซึ่งในช่วงเวลา 16 สัปดาห์นั้น เธอจำเป็นต้องทำการฉายรังสีเพื่อรักษาตัวเองให้หายจากโรคร้าย แต่เธอก็ได้ปฏิเสธที่จะทำการรักษา เพราะว่าหากเธอต้องการเช่นนั้น นั่นหมายความว่าเธอจำเป็นที่จะต้องเอาลูกออก ไม่อย่างนั้นก็จะเริ่มการรักษาไม่ได้ จากการที่เธอคอยพยาบาลและดูแลตัวเองมาโดยตลอดทราบดีว่า เธอมีโอกาสที่จะทำให้ตัวเองสามารถมีชีวิตต่อไปได้นานยิ่งขึ้นจากการต่อสู้กับโรคร้ายนี้ แต่เธอก็ตั้งใจและมีความคิดที่แน่วแน่ว่า เธอต้องการให้ลูกได้ออกมาลืมตาดูโลก… คุณแม่ Tasha และลูกชาย Cooper เธอพูดว่า “การทำสิ่งใดก็ตามที่จะสร้างอันตรายให้กับลูก ไม่เคยมีอยู่ในความคิดของฉันเลย” จากสิ่งที่เธอเลือกก็ทำให้เด็กชายได้คลอดออกมาในวันที่ 12 ธันวาคม 2015 แน่นอนว่าโรคร้ายของเธอก็ยังคงไม่หายไปไหน ทำให้เธอมีเวลาได้อยู่กับลูกเพียงแค่ 11 เดือน ก็ต้องจากโลกนี้ไปอย่างน่าเศร้า หวังเพียงต่อการจะให้ตัวเองได้อยู่ครบรอบวันเกิดของเด็กน้อยในปีแรก แต่ก็ไม่สำเร็จ เรื่องสะเทือนใจนี้ทำให้พ่อของเธอ Dai Gallivan ตัดสินใจที่จะออกเดินทางไปยังภูเขาคิลิมันจาโร เพื่อการปีนขึ้นไปสู่ยอดเขาสำหรับการกุศลที่จะมอบเงินให้ศูนย์ดูแลมะเร็ง Tenovus เขาได้เข้ามาดูแลลูกสาวของเขาในหนึ่งเดือนก่อนที่เธอจะจากไป แทนที่ลูกชายอีกคน David และในวันที่เธอจากไปเขาก็ได้โทรบอกลูกชายคนนี้พร้อมกับออกเดินทางไปภูเขา ถึงแม้รู้ดีว่าเมื่อเขากลับมาจะไม่มีเธออยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้วก็ตาม…
-
ย้อนดู 14 ความรัก ‘วัยป๊อปปี้เลิฟ’ อันหอมหวาน ที่จะทำให้หวนนึกถึงสมัยรักไร้เดียงสา…
ขึ้นชื่อว่า ‘ความรัก’ มันก็มักจะเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ โดยเฉพาะความรักครั้งแรก ป๊อปปี้เลิฟ หรือรักในวัยเด็ก เพราะคุณจะรู้สึกตื่นเต้นกับทุกๆ อย่างที่ได้ทำครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นการบอกรัก การได้จับมือ หรือแม้แต่เวลาพูดคุยกัน เราลองมาย้อนอดีตกันซะหน่อยดีกว่า ว่าตอนเป็นเด็กแล้วมีความรักครั้งแรก เราเป็นแบบนี้กันบ้างมั้ย อื้มมม วัยเด็กเริ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว… 1. เมื่อคุณตกหลุมรักใครสักคน คุณจะส่งโน๊ตหยอดคำถามไปให้เขาหรือเธอ 2. เมื่อได้จับมือกันครั้งแรก คุณจะรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้องฟ้าเต็มไปหมด 3. เวลาบอกรักเค้าแล้ว คุณจะขอให้เขารักตอบด้วย 4. ไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะทำด้วยกันเสมอ 5. ทำตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋เลย 6. แอบเอาของขวัญ ดอกไม้ หรือขนม ไปไว้ที่กระเป๋าของเค้า 7. เมื่อคุณชวนอีกฝ่ายไปดูหนัง แต่อีกใจก็กลัวถูกปฏิเสธ ก็เลยทำเป็นชวนเฉยๆ ไม่คาดหวังหรอก แต่ในใจหวังไว้สูงมาก… 8. เมื่อคุณไม่รู้จะพูดอะไรดี ก็เลยวาดภาพไปแทน 9. เมื่อคุณได้จูบครั้งแรก…
-
ฉากอันน่าสะพรึงกลัวของเรือขนาดใหญ่ ขณะกำลังรับมือกับคลื่นยักษ์ในมหาสมุทรแอตแลนติก
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2560 สำนักข่าวเดลีเมล์ ได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวของ OOCL Belgium เรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ ขณะกำลังต่อสู้อยู่กับคลื่นยักษ์ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ สำหรับคลิปวีดีโอดังกล่าวได้ถูกบันทึกเอาไว้ในปี 2014 โดยในช่วงเวลานั้นได้เกิดเหตุการณ์พายุเฮอร์คิวลีสขึ้น ซึ่งความรุนแรงของมันได้นำความเสียหายอย่างหนักต่อเส้นทางเดินเรือในชายฝั่งคอร์นวอลล์และเดวอน ในคลิปวีดีโอได้ปรากฏให้เห็นว่า ความรุนแรงของพายุได้ส่งผลให้เรือเอียงในระดับ 40 องศา อีกทั้ง คลื่นในมหาสมุทรที่สูงประมาณ 20 เมตร ก็ได้ลุกลามเข้ามาในเรืออย่างรวดเร็ว งานนี้ต้องขอขอบคุณบรรดาลูกเรือเป็นอย่างมาก ที่ได้บันทึกภาพช่วงเวลาอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้เอาไว้ และนั้นก็ทำให้เราได้เห็นว่า อาชีพขนส่งทางเรือนั้นมันน่ากลัวมากขนาดไหน อย่างไรก็ตาม จากการรายงานระบุว่า เรือ OOCL Belgium ได้รับความเสียหายเล็กน้อย ซึ่งภายหลังจากที่ซ่อมแซมเสร็จ มันก็ยังคงถูกทำมาใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ สภาพอากาศที่รุนแรง ถือเป็นเรื่องที่ปกติที่มักจะเกิดขึ้นในมหาสมุทร และเรือที่ถูกนำมาใช้สำหรับการขนส่งนั้น ส่วนใหญ่ก็ได้รับการออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อสามารถรับมือกับความน่ากลัวของธรรมชาติได้อย่างสบายๆ มารับชมคลิปวีดีโอไปพร้อมๆ กันเลย ที่มา : dailymail
-
เปิดภาพอันน่าตกใจของ “สุนัขจิ้งจอก” กับความทุกข์ทรมานที่ได้รับในฟาร์มขนสัตว์โปแลนด์
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ ได้เผยภาพอันน่าตกใจของบรรดาสุนัขจิ้งจอกในฟาร์มขนสัตว์ประเทศโปแลนด์ ที่อาศัยอยู่ภายในกรงแคบๆ อันแสนสกปรก และไม่มีแม้แต่แสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาแม้แต่น้อย จากภาพได้ปรากฏให้เห็นว่า สุนัขจิ้งจอกที่น่าสงสารเหล่านี้ ต้องได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส โดยสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งต้องใช้ชีวิตด้วยดวงตาเพียงแค่ข้างเดียว ส่วนอีกตัวก็มีอาการขากรรไกรผิดปกติ ในขณะที่ตัวอื่นๆ กำลังนอนสั่นอยู่ภายในกรงมืดๆ . ภาพหลักฐานที่ปรากฏให้เห็นนี้ ไม่ต่างไปจาก สุนัขจิ้งจอกที่ถูกเลี้ยงในฟาร์มขนสัตว์ที่ประเทศฟินแลนด์เลย โดยทาง Oikeutta eläimille (Animal Justice) ได้ทำการออกสำรวจ และพบว่า พวกมันก็ได้อาศัยอยู่ในสถานที่ที่เป็นดั่งขุมนรกแบบนี้เช่นกัน นอกจากนี้ พวกเขายังได้พบสุนัขจิ้งจอกในฟาร์มขนสัตว์ฟินแลนด์จำนวนมากที่ถูกเลี้ยงให้อ้วน จนมีเนื้อหนังติดกันเป็นชั้นๆ ทั่วร่างกาย โดยตัวเมียตัวหนึ่งมีน้ำหนักมากถึง 3.5 กิโลกรัม ขณะที่เจ้าสุนัขจิ้งจอกที่เพื่อนๆ เห็นในภาพนั้น มีน้ำหนักมากถึง 19 กิโลกรัม ถึงขนาดที่ไขมันส่วนเกินได้ลงมาปกปิดดวงตาของมันเลยทีเดียว ข้อมูลจากกลุ่ม Open Cages ได้ระบุว่า โปแลนด์ ถือเป็นประเทศผู้ผลิตขนสุนัขจิ้งจอกรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก…
-
นักกีฬาโอลิมปิก ถูกเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานกลางเวนิส ทำเอาชาวเน็ตอิจฉาตาร้อนไปตามๆ กัน
เชื่อว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามและถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น ความรักไม่ได้ถูกกำหนดว่าจะต้องเป็นความรักระหว่างชาย-หญิง เท่านั้น ปัจจุบันเรื่องความรักที่เกิดในเพศเดียวกัน กำลังเป็นที่ยอมรับในสังคมมากขึ้น ทำให้คู่รักหลายๆ คู่กล้าที่จะเปิดเผยตัวตน และทำให้โลกรู้ว่าความรักระหว่างเพศเดียวกันนั้นมันโคตรสวยงามเลยนะ!! เช่นเดียวกับเรื่องราวของ Patrick Huber และ Jimmy Sjödin นักดำน้ำโอลิมปิิกชาวสวีเดน คู่รักเพศเดียวกันที่น่าอิจฉาที่สุดในขณะนี้ Patrick วางแผนเซอร์ไพรส์ Jimmy แฟนหนุ่มของเขาหลังจากที่เดินทางออกจากบ้านในเมืองมิวนิค เพื่อนไปเยือนเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ที่จิมมี่พูดอยู่ตลอดว่าต้องการไปซักครั้ง แพทริคได้เตรียมช่างถ่ายภาพจาก Flytographer เพื่อเก็บภาพความทรงจำที่จะเกิดในการมาเยือนเวนิสของเขาในครั้งนี้ การเซอร์ไพรส์อันแสนหวานนี้เริ่มจากทั้งคู่ออกล่องเรือกอนโดล่าใน Grand Canal ที่เป็นซิกเนเจอร์ของเมืองเวนิส และแพทริคก็เอ่ยคำสำคัญที่จำทำให้ชีวิตคู่ของเขาเปลี่ยนไปด้วยการขอแต่งงาน!!!!!!! “ผมไม่ได้คิดเลยว่าการเดินทางในครั้งนี้จะเป็นทริปการหมั้นของเรา ผมเซอร์ไพรส์มากๆ” ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆที่ Jimmy ได้ตอบตกลงทันทีที่แฟนหนุ่มของเขาขอแต่งงาน โดยที่ทั้งคู่วางแผนที่จะแต่งงานกันที่เทือกเขาแอลป์ในประเทศเยอรมนี วันที่ 28 พฤษภาคมปีหน้า . รูปที่พวกเขาถ่ายในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นการบันทึกความทรงจำ ก่อนที่พวกเขาจะแต่งงานกันในอีกสองปีข้างหน้า . . . แค่ดูรูปภาพก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของความรักแล้ว อิจฉาม๊ากมากกกกกก…
-
ตำรวจหนุ่มอินเดียเสี่ยงชีวิต ถือระเบิดแล้ววิ่งให้ห่างจากโรงเรียน ช่วยเด็กๆ ได้กว่า 400!!
เหตุการณ์สุดระทึก เมื่อตำรวจหนุ่มคนหนึ่งยอมสละตัวเองวิ่งไปหยิบระเบิดที่ตกใกล้ๆ โรงเรียนแห่งหนึ่ง พร้อมถือมันวิ่งออกไปให้ห่างจากโรงเรียนเพื่อช่วยชีวิตนักเรียนหลายกว่า 400 ชีวิต!! คลิปเหตุการณ์โชว์ให้เห็นถึงความกล้าของ Abhishek Patel หัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจของอินเดีย กำลังถือระเบิดขนาด 20 ปอนด์ วิ่งหน้าตั้งเพื่อออกให้ห่างจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐมัธยประเทศ จากนั้นก็โยนระเบิดดังกล่าวทิ้งลงแม่น้ำไป Abhishek ได้ให้สัมภาษณ์ของสำนักข่าวท้องถิ่นได้ว่า “ใกล้ๆ นั้นมีนักเรียนกว่า 400 คน และเมื่อระเบิดถูกเจอบริเวณนั้นอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ ฉะนั้นผมก็อยากจะเอามันออกไปให้ไกลมากที่สุดจากชุมชน เพราะถ้ามันระเบิดมันสามารถสร้างความเสียหายเป็นรัศมีถึง 500 เมตร” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังเล่าอีกว่านี้มันเป็นครั้งแรกของที่ได้เจอกับระเบิด ฉะนั้นเขาก็ไม่รู้หรอกว่าจะต้องรับมือยังไง แต่เขาก็ยอมที่จะเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตคนอื่นๆ เขาบอกปิดท้ายว่า “ผมรู้นะว่ามันเสี่ยง แต่มันคือหน้าที่ของผมที่ต้องช่วยคนบริสุทธิ์ ยิ่งตรงนั้นมีเด็กๆ อยู่มากมายผมยิ่งต้องช่วยพวกเขา เพราะเด็กๆ เป็นอนาคตของชาติ” สภาพของระเบิดดังกล่าว สุดท้ายแล้วหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็เดินทางมาถึงและตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ทางด้านหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของรัฐมัธยประเทศก็ได้มอบรางวัลให้แก่ Abhishek เป็นเงินจำนวนราวๆ 26,000 บาท เพื่อตอบแทนในความกล้าหาญของเขา… เจ้าหน้าที่กำลังเสริม มาตรวจเช็คระเบิดดังกล่าว ที่มา ladbible
-
ไปดูระบบการศึกษาของเนเธอร์แลนด์ อีกประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการปฏิรูปการศึกษา
ระบบการศึกษาแต่ละประเทศก็จะมีความแตกต่างกันไปบ้าง เพื่อทำให้ตนเองก้าวสู่ความเป็นหนึ่งในการให้ความรู้กับเยาวชนทั้งหลาย ซึ่ง เนเธอร์แลนด์ ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของเรื่องนี้เลยทีเดียว ปัญหาในเรื่องของการเมืองที่ยาวนานไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับความตั้งใจที่จะพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศแต่อย่างใด เพราะหลังจากเรื่องนั้นจบลงรัฐบาลก็ได้มุ่งเป้ามาที่การสร้างความเท่าเทียมให้กับทั้งโรงเรียนรัฐและเอกชน เพื่อการศึกษาที่ดีในทุกที่ทั่วประเทศ การศึกษาที่ดีไม่ถือว่าเพียงพอ เพราะจุดประสงค์ของพวกเขาก็คือทำให้มันอยู่ในระดับดีเยี่ยม จึงใส่ใจให้กับทุกสิ่งที่เป็นส่วนประกอบของการเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน คุณครู หรือทางโรงเรียนเองก็ตาม ความเป็นอิสระถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นแกนหลักให้เด็กสามารถเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างเต็มที่ คุณครูสามารถใช้วิธีการสอนได้ตามที่ตนถนัด และเรื่องของการบริหารก็จะปล่อยให้ทางโรงเรียนเป็นคนจัดการโดยที่รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ ถึงอย่างนั้นการพัฒนาก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอาจารย์ที่จะจะต้องมีประสิทธิภาพในการถ่ายทอดความรู้และทำให้เด็กมีแรงจูงใจกับการเรียนการสอน จึงได้เกิดวิธีการให้ครูผู้สอนสังเกตการณ์การเรียนการสอนของครูผู้สอนคนอื่นๆ และนำมาพัฒนาการเรียนการสอนของตัวเอง หรือแม้แต่การเข้าไปดูการสอนของอีกท่านเพื่อเป็นการชี้แนะและแนะนำให้เป็นไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นวิธีการที่สามารถสร้างได้ทั้งประสิทธิภาพและความสัมพันธ์ระหว่างกันได้อย่างดีเยี่ยม มองว่าคุณครูทุกคนก็เปรียบเสมือนทีมเดียวกันที่จะช่วยกันผลักดันให้ก้าวต่อไป ผู้อำนวยการวิทยาลัยไทลิงเกนในเนเธอร์แลนด์ ได้พูดว่า “แน่นอนว่าความสำคัญอย่างแรกของการเป็นครูคือความเชี่ยวชาญในเรื่องที่สอน และอย่างที่สองคือการเปิดรับเพื่อพัฒนาตนเองให้สามารถเข้าถึงนักเรียนได้ดีที่สุด เพราะว่าเรื่องที่สอนเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดทักษะความรู้” นอกจากนั้นกระทรวงศึกษาธิการของประเทศก็ได้จัดตั้งโปรแกรม School ann Zet ขึ้นเพื่อให้คุณครูในแต่ละภาควิชาที่แตกต่างกัน เข้ามาพูดถึงแผนการสองในอนาคตของตัวเองทุกเดือน และปรึกษาร่วมกันเพื่อให้มีผลสัมฤทธิ์ทางสอนและการเรียนรู้อย่างแท้จริง และแม้ว่าวิชาจะแตกต่างกัน แต่วิธีการหรือแนวทางการสอนก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาการสอนของตัวเองได้อีกด้วย เป็นทั้งการรับความรู้และการให้คำแนะนำในเวลาเดียวกัน คลิปวิดีโอที่มาและการจัดการระบบการศึกษาในเนเธอร์แลนด์ จากวิธีการของระบบดังกล่าวทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นสนใจที่จะพัฒนาศักยภาพในตัวบุคคลทั้งหมด เพราะว่าในขณะที่นักเรียนเป็นผู้รับ อาจารย์เองก็เป็นตัวกลางที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพอีกเช่นเดียวกัน และอิสระที่เท่าเทียมกับการช่วยเหลือกัน…
-
ภาพที่หาดูยาก ของ “ร่างทรงคนสุดท้าย” ในคาซัคสถานและพิธีล้างบาปให้กับสาวก
พิธีกรรมต่างๆ ที่มีขึ้นแตกต่างกันไปในทั่วโลกก็คงจะสร้างความประหลาดใจให้กับคนต่างถิ่นที่ได้เข้ามาสัมผัสหรือพบเห็น ไม่ต่างกับช่างภาพคนนี้ที่มีชื่อว่า Denis Vejas ที่เข้าไปเก็บภาพพิธีกรรมที่ไม่ธรรมดาในคาซัคสถาน เขาได้ใช้ช่วงฤดูหนาวเก็บเอาเรื่องราวต่างๆ จากการเดินทางของร่างทรงที่เปรียบได้กับผู้นำทางศาสนาของ Sufism นับเป็นแขนงหนึ่งในศาสนาอิสลาม กับหน้าที่ในการออกเดินทางไปเรื่อยเพื่อการรวมศาสนาลึกลับต่างๆ และวัฒนธรรมพเนจรเข้าด้วยกัน ก่อให้เกิดการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ . เธอคนนั้นมีชื่อว่า Bifatima Dualetova เรียกได้ว่าเธอนั้นเป็นหนึ่งในร่างทรงที่เหลืออยู่เป็นกลุ่มสุดท้ายในประเทศนี้ และหาได้ยากยิ่งมาก แม้ว่าภาพที่ได้มาอาจดูน่าตกใจอยู่บ้าง แต่นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกที่ผูกขาดให้เกิดความเคารพและยำเกรงอย่างมากในพื้นที่นั้นๆ . การนับถือความยากจนทำให้เธอใช้วิธีการเดินไปหมู่บ้าน Scared ท่ามกลางความหนาว เพื่อการประกอบพิธีชำระบาปให้กับเหล่าผู้ติดตาม พิธีดังกล่าวต้องทำการตัดหัวแกะออกและอาบเลือดของมันในห้วยน้ำที่เย็นยะเยือก จากข้อมูลที่เธอให้มาก็ได้มีพิธีกรรมที่เลียนแบบเกิดขึ้น เมื่อมาถึงก็ถูกปลกคลุมไปด้วยเลือดและจึงจะล้างตัวด้วยน้ำ . . ช่างภาพที่ติดตามเธอไปได้บอกว่า “มันก็เหมือนกับการเดินทาง แต่มันคือการเดินทางที่ต้องเจอกับคนที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับหลักปรัชญาที่เป็นแกนหลักของชีวิตชุมชน” เขาบอกอีกว่าผู้ติดตามบางคนก็จะมาอยู่กับเธอเพียงไม่กี่วัน แต่บางคนที่มองว่าเธอเป็นผู้รอบรู้ก็จะมาอยู่กับเธอนานเป็นปี มันเป็นสิ่งที่มีเสน่ห์อย่างแท้จริงทำให้เขาต้องตกอยู่กับความอัศจรรย์ และเกือบที่จะบังคับให้จิตใจตัวเองเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ เธอและผู้ติดตาม . . . . . . . . . .…
-
ชายหนุ่มเจอปัญหาชีวิตรุมเร้า โพสต์ระดมทุนขอเงินช่วยค่ารักษาพยาบาลจากชาวเน็ต
บางครั้งการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครบางคน เพราะด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงหรือระยะทางที่ไกล ดังนั้นจึงทำให้บางครั้งคุณอาจจะต้องเลือกระหว่างการรักษาพยาบาลที่ดีหรือการยอมอดทนต่อไป คุณ Conan Soranno ช่างภาพหนุ่มจากลอสแอนเจลิส ได้โพสต์ระบายถึงเรื่องคุณภาพชีวิตของตัวเอง หลังจากที่ต้องเลือกระหว่างการรักษาพยาบาลกับการกลายเป็นคนไร้บ้าน คุณ Conan Soranno อธิบายความยากลำบากและคุณภาพชีวิตที่แย่ของเขาผ่านทางหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัว “นี่มันเป็นอาทิตย์ที่แย่จริงๆ แต่ก็ยังมีเรื่องที่แย่กว่านั้นอีก นั่นก็คือเรื่องความพยายามของใครบางคนที่อยากจะมีชีวิตรอด ซึ่งนั่นก็คือผมนี่แหละ ผมต้องขายรถเพื่อจ่ายค่าเช่าบ้าน และยังต้องเข้าโรงพยาบาลในวันที่ 20 สิงหาที่ผ่านมาหลังจากการอ้วกเป็นเลือดอีก แต่โชคไม่ค่อยดีเลยเพราะผมไม่มีเงินที่จะไปหาหมอ แถมยังไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องอีก ดังนั้นผมจึงต้องเลือกแล้วล่ะว่าจะไปโรงบาล หรือยอมเป็นคนไร้บ้าน “ จากนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะขอความช่วยเหลือในเว็บไซต์ระดมทุนอย่าง YouCaring ชายหนุ่มประกาศขอเงินช่วยเหลือในโปรเจกต์ที่ชื่อว่า “ช่วยชีวิต Conan” และตอนนี้มีผู้ร่วมบริจากเงินแล้วกว่า 2,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 60,000 บาท ชายหนุ่มเขียนเล่าเรื่องราวของเขาในเว็บไซต์ระดมทุนว่า “เรารู้ว่าการมีชีวิตอยู่นั้นต้องใช้เงินและมันก็ค่อนข้างแพงด้วย ผมอยากให้ทุกคนช่วยเหลือผม ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะกล่าวคำขอบคุณพวกคุณทุกๆ คนที่ช่วยเหลือผม มันอาจจะดูเหมือนเป็นการเรียกร้องที่มากเกินไป แต่ผมเดือดร้อนจริงๆ และเมื่อหายดีแล้วผมตัดสินใจว่าจะทำงานเพื่อตอบแทนสังคมโดยการเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเด็กๆ “ ชายหนุ่มตั้งเป้าหมายในการรับบริจาคครั้งนี้เป็นจำนวนเงิน 600 ดอลล่าร์พร้อมกับอธิบายเพิ่มเติมว่า “ถ้าหากผมขายรถได้ผมจะได้เงินอีก 600 ดอลล่าร์ซึ่งพอสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ จริงๆ แล้วผมไม่อยากรบกวนพวกคุณเลยแต่มันจำเป็นจริงๆ และเงินจำนวนนี้ก็มีความหมายกับผมมาก” ที่มา independent
-
ผลงานภาพถ่ายชุด ‘Japanese businessmen’ ตีแผ่ชีวิตยอดมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ แต่ความก้าวหน้าเหล่านี้ล้วนต้องแลกมาด้วยกาารทำงานหนักของผู้คนที่อยู่ที่นั่น เมื่อไม่นานมานี้ได้มีช่างภาพหนุ่มท่านหนึ่งได้เดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นและระหว่างที่กำลังฟังเพลงอยู่ จู่ๆ เขาก็เกิดไอเดียการสร้างสรรค์ผลงานที่สื่อให้เห็นถึงสังคมการทำงานของที่นี่ หนึ่งในภาพถ่ายของช่างภาพหนุ่มผู้นี้ คุณ David Tesinsky ได้สร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายชุด Japanese businessmen หลังจากที่เขาได้เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งแรงบันดาลใจของผลงานชุดนนี้เกิดขึ้นระหว่างที่เขากำลังฟังเพลงเศร้าและถูกรายล้อมไปด้วยนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ช่างภาพหนุ่มเล่าว่า เขาเห็นภาพของนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชีวิตราวกับหุ่นยนต์และทำงานอย่างหนักถึง 14 ชั่วโมงต่อวันหรือมากกว่านั้น “หลังจากเลิกงานแล้ว พวกเขามักจะออกไปดื่มกับเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้า และกลับบ้านประมาณตอนตี 2 ก่อนที่จะตื่นไปทำงานในเช้าวันต่อไป บางครั้งพวกเขาก็อาจต้องนอนข้างถนนถ้าหากไม่มีรถแท็กซี่” คุณ David Tesinsky กล่าว ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานทำให้ชายคนนี้มีสภาพอย่างที่เห็น บางครั้งการเล่นปาจิงโกะ ก็คือการพักผ่อนดีๆ หลังเลิกงาน “พวกเขาทำงานอย่างหนักและมีความหวังกับการก้าวหน้าในหน้าที่การงาน” ช่างภาพหนุ่มกล่าว การดื่มหลังเลิกงาน หนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตของพนักงานชาวญี่ปุ่น ทุกๆ เช้า ในขบวนรถไฟสายเดิม . พวกเขาไม่มีเวลาสร้างความสัมพันธ์กับในครอบครัวเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ยุ่งกับงาน . รถไฟขบวนเช้า ที่อัดแน่นไปด้วยมนุษย์เงินเดือน บางคนก็จำเป็นต้องนอนข้างทาง หากมาไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้าย . .…
-
หญิงวัย 37 ปีถูกสามีทิ้งเพราะอัมพาต แต่นักกายภาพบำบัด ทำให้เธอพบรักครั้งใหม่ (งานดี๊ดี!!)
ด้วยคำที่บอกว่า “ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ” คำคำนี้ถือว่าเป็นความจริงสำหรับ Riona Kelly คุณแม่ลูก 4 วัย 37 ปี ที่ประสบพบเจอกับอุบัติเหตุครั้งใหญ่ของชีวิต ซึ่งมันทำให้เธอเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเอวลงไป ต้องเป็นอัมพาตแล้ว ความโชคร้ายของคุณแม่ลูก 4 คนนี้ยังไม่จบเมื่อ Richard สามีของเธอที่คบกันมาถึง 14 ปีได้ขอหย่า!! “ฉันรู้สึกอยากจะยอมแพ้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ฉันต้องเข้มแข็งเพื่อลูกๆของฉัน ฉันจึงโพสต์ลงบนเฟซศบุ๊ก เมื่อเดือนมกราคม เพื่อหาผู้ฝึกสอนและกายภาพบำบัดส่วนตัวเพื่อที่จะกลับมาเดินให้ได้อีกครั้ง จากนั้นเพื่อนของฉันก็แนะนำให้รู้จักกับ Keith Mason“ หลังจากที่คุณ Keith เข้ามาดูแลเธอ ฝึกให้เธอเดินและทำกายภาพบำบัดทุกวัน คอยถามไถ่อาการของเธอตลอด มันทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก่อตัวขึ้นโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว “เราอยู่ด้วยกันมาประมาณ 11 เดือน และลูกๆ ของฉันก็ชอบเขามาก เขาช่วยมาเติมเต็มกำลังใจให้ฉันอยากมีชีวิตต่อ” ช่วงเวลาที่เธอรู้ว่าตัวเธอประสบกับโรคร้าย เธอเล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งเธอได้ล้มลงและตกบันไดจากนั้นก็ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล และตรวจพบว่าเธอประสบภาวะไขกระดูกสันหลังฝ่อ ทำให้เธอเป็นอัมพาต มันรักษาได้ยากเนื่องจากเมื่อ 18 เดือนที่ผ่านมาเธอก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก่อนแล้ว และมันก็ส่งผลทำให้ร่างกายของเธอมาถึงจุดนี้ จากนั้นเธอก็เล่าถึงความดีที่คุณ…
-
คลิปวิดีโอสุดป่าเถื่อน แสดงให้เห็นการต่อสู้เยี่ยงสุนัขของ “นักโทษที่ติดยาเสพติด”
สารเสพติดต่างๆ ก็จะมีฤทธิ์ร้ายแรงแตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพหลอน หรือสั่งการให้สมองทำงานได้ช้าหรือเร็วขึ้น แน่นอนว่าผลกระทบของมันที่หากว่าใช้ไปอย่างไม่เหมาะสมหรือมากจนเกินไป สิ่งที่ตามมาก็อาจเป็นได้มากกว่าที่เราคาดคิด เมื่อได้มีคลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายในเรือนจำ Forest Bank ในแกรนด์แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ แสดงให้เห็นนักโทษชายสองคนคลานสี่ขาตะโกนใส่กันและกัดกันเหมือนหมาสองตัวที่ต่อสู้กัน ทั้งสองคนถูกฤทธิ์ยาที่มีชื่อว่ายาซอมบี้ ซึ่งเป็นตัวยาที่จะทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งได้ และสภาพของพวกเขานั้นเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าปิดหน้ากับปลอกคอผ้าที่เอาไว้ให้ชายอีกสองคนคอยควบคุมเอาไว้เวลาที่สู้กัน ระบบการสังเคราะห์กัญชาที่สร้างแรงกดดันให้กับเรือนจำดังกล่าวเป็นอย่างมาก ทำให้มีนักโทษหลายร้อยคนที่เสพยาเสพติด นำไปสู่การทำร้ายร่างกายและนำส่งโรงพยาบาล คลิปวิดีโอการต่อสู้กันเยี่ยงสุนัขของนักโทษทั้งสอง ท่าทีของทั้งสองคนที่โดนบังคับเอาไว้เปรียบได้กับสุนัขอย่างมาก เพราะมีการแนะนำตัวชื่อสายพันธุ์ของพวกเขาก่อนที่จะเริ่มต่อสู้ เมื่อกล้องซูมเข้าไปก็มีท่าทีจะพุ่งใส่กล้อง เหมือนสัตว์ที่บ้าคลั่ง มีการขู่คำราม แต่ทว่าจากการสังเกตจะมีให้เห็นการแต่งกายของชายชุดดำสองคนที่คอยควบคุมเอาไว้ เสื้อผ้าในชุดลำลอง อีกทั้งยังมีโน๊ตบุ๊กและขวดโหลเมล็ดกาแฟ จึงทำให้ไม่แน่ใจได้ว่าแท้จริงแล้วสถานที่นั้นอยู่ไหนกันแน่ และในคลิปชายคนหนึ่งก็ได้บอกกลับกล้องอีกว่า “เรากำหนดให้หนึ่งในสัตว์สองตัวนี้ต้องมีเลือดออก นั่นหมายความว่าผู้ที่แข่งแกร่งที่สุดจะเป็นผู้ชนะ” จากประโยคแสดงถึงการกลั่นแกล้ง และความหละหลวมของการดูแลเรือนจำดังกล่าว สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่มีให้เห็นในทุกวัน ด้วยจำนวนของผู้คุมที่มีกันไม่เพียงพอที่จะจัดการปัญหา และนักโทษติดยาก็มีอยู่มาก ทำให้ต้องมีหลายคนที่ร่างกายทรุดตัวลงเพราะเสพมากจนเกินไป เป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมทั้งสิ้น เรือนจำแห่งนี้จัดอยู่ในกลุ่มบี มีผู้ต้องหาอยู่ภายใต้การดูแลเกือบ 1,500 คน และบริหารจัดการโดยบริษัทเอกชน Sodexo การบริหารจัดการเพื่อให้ทุกคนได้อยู่ในความเรียบร้อยนับเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นนักโทษแต่พวกเขาก็ยังมีสิทธิ์ได้รับทุกอย่างเทียบเท่ากับมนุษย์ รวมถึงความปลอดภัยที่พึงมีด้วย …
-
มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นเปิดสอน “วิชานินจา” หนทางการเป็นโฮคาเงะเปิดออกแล้ว!!
นินจาคือชื่อที่แทบทุกคนจะรู้จักกันในภาพของกลุ่มคนที่แต่งตัวปิดหน้าปิดตา และสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างเงียบเชียบด้วยวิชาต่างๆ มากมาย พร้อมกับดาวกระจายที่เป็นอาวุธคู่ใจ สิ่งเหล่านั้นจะเห็นได้จากหนังและการ์ตูน แล้วจะเป็นอย่างไรหากคุณสามารถเป็นแบบนั้นได้จริงๆ เมื่อมหาวิทยาลัย Mie ในอิงะ ประเทศญี่ปุ่น จะเพิ่มวิชานินจาและนินจุสึเข้าไปในข้อสอบในตอนที่รับสมัครนักศึกษาเข้ามา นั่นจะเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินว่าทางมหาลัยจะรับคุณหรือไม่ หากว่าคุณไม่สามารถปล่อยกระสุนวงจักร หรือเดินบนน้ำได้แล้วละก็คงจะเป็นเรื่องยากแล้วแหละ หากใครคิดว่าต้องทำอย่างนั้นจริง ขอบอกเลยว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เพราะขอเพียงแค่คุณมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ความสามารถในการอ่านเอกสารทางประวัติศาสตร์ และทักษะการสื่อสารโดยรวม เท่านี้ก็สามารถทำให้คุณสอบผ่านวิชาดังกล่าวไปได้เกินครึ่งแล้ว และความต้องการในเรื่องสมรรถภาพก็จะมีแค่บางส่วนให้เพียงพอต่อความจำเป็นเท่านั้น จากข่าวที่ออกมานี้ก็ได้รับการตอบรับมากมายในหลากหลายรูปแบบ “ฟังดูแล้วน่าจะเป็นหนทางที่ดีในการก้าวไปเป็นโฮคาเงะนะ” “มหาวิทยาลัย Mei นี่คุณทำอะไรลงไปเนี่ย?” “ยังไงก็เหมือนว่าเราคงต้องเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 อยู่แล้ว นี่อาจเป็นหนทางที่เหมาะสมในวันข้างหน้านะ” “ว้าววว ฟังดูน่าตื่นเต้นดีนะ” ถึงอย่างไรหลักสูตรการเรียนการสอนดังกล่าวก็เป็นเพียงหลักสูตรเสริมที่ไม่บังคับ ดังนั้นคุณก็ยังคงมีสิทธิ์เลือกได้อยู่ และวิชาเลือกนี้ก็มีมานานเป็นปีแล้ว เมื่อปี 2012 มหาลัยได้จ้าง Jinichi Kawakami หัวหน้ารุ่นที่ 21 ของกลุ่มนินจา Koga มาเป็นผู้สอน หากคุณกำลังคิดว่ามันฟังดูเป็นเรื่องตลกแล้วละก็ ไม่ใช่สำหรับเมืองนี้เลย เพราะว่าอิงะนั้นมีประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับนินจามาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญในเรื่องดังกล่าวอีกด้วย ขนาดที่ว่าหากคุณรู้วิชานินจุสึสักอย่างสองอย่าง ก็สามารถต่อยอดเป็นการประกอบอาชีพได้เลยทีเดียว…
-
พาชม “สนามเด็กเล่นร้าง” ที่น่ากลัวที่สุดในรัสเซีย มีแต่ความหลอนเท่านั้นให้คุณสัมผัส
เมื่อพูดถึงสนามเด็กเล่น เราคงจะนึกถึงบรรยากาศความสนุกสนานที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นต่างๆ รูปปั้น พื้นที่วิ่งเล่น และสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเด็กๆ อีกมากมาย แต่ทั้งหมดที่กล่าวไปนั้น คุณจะไม่มีทางสัมผัสได้จากที่แห่งนี้แน่นอน เพราะนี่คือสนามเด็กเล่นที่ถูกทิ้งร้างในรัสเซีย ซึ่งมีบรรยากาศไม่ต่างอะไรจากบ้านผีสิงเลย สิ่งที่ทำให้บรรยากาศของสนามเด็กเล่นแห่งนี้ดูน่ากลัวไม่ใช่แค่เพราะมันถูกทิ้งร้าง แต่รูปปั้นต่างๆ ที่เคยดูน่ารัก สวยงาม ตอนนี้มันเสื่อมสภาพ หัก พัง จนทำให้ดูหลอนอย่างบอกไม่ถูก ยิ้มหลอนๆ ของเหล่าหุ่นยาง แม้แต่ M&M ก็ดูน่ากลัวเมื่ออยู่ในสนามเด็กเล่นร้างแห่งนี้ ถ้าไปตั้งที่อื่น มันคงจะให้ความรู้สึกน่ารักอยู่หรอก แน่ใจนะว่านี่ทำมาเพื่อเด็กเล็ก . อวสานการ์ตูนที่เด็กๆ ชื่นชอบ “ลูกหมูสามตัว” สยดสยองที่สุด สาบาญว่านี่คือครอบครัวสุขสันต์ เล่นไปคนเดียวเถอะ . เหมือนโดนจ้องตลอดเวลา . . . แบบนี้มันต่างจากบ้านผีสิงตรงไหน . มาเล่นกันเถอะ .…
-
ผู้เชี่ยวชาญแนะ 18 เทคนิคการเข้าสังคมแบบง่ายๆ จะทำให้คุณกลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน
ในยุคที่สื่อ เทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อชีวิตเรานี้ อาจทำให้หลายคนมีปัญหาในการเข้าสังคม แล้วคุณรู้มั้ยว่าสาเหตุที่แท้จริงของปัญหานั้นคืออะไร และคุณควรจะแก้ยังไง? มีข้อแนะนำกว่า 83 ข้อ สำหรับการแก้ปัญหาเหล่านี้ แต่เว็บไซต์ Businessinsider ร่วมมือกับ Kathleen Elkins และ Natalie Walters ได้คัดเลือกที่ดีที่สุด 18 ข้อดังนี้ 1. สบตากับคู่สนทนา การสบตาผู้พูดหรือผู้ฟัง จะสร้างความมั่นใจกับคุณมากกว่าการแสดงออกทางพฤติกรรม ทั้งยังแสดงถึงความจริงใจที่คุณมีต่อคู่สนทนาด้วย 2. เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า Basil Chiasson แนะนำว่า เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าจนกว่าการสนทนาจะจบลง มองไปที่ผู้พูดและให้ความสนใจ หยุดทำเรื่องส่วนของคุณ และอย่าขัดจังหวะ 3. เรียกชื่อแทนสรรพนาม เมื่อคุณทักทายใครสักคนด้วยการเรียกชื่อ พวกเขาจะรู้สึกดีกว่าการใช้คำสรรพนามแทน แต่ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องการจำชื่อ ให้ลองใช้วิธีเขียนชื่อพวกเขากับใบหน้าที่ทำให้คุณจำง่าย ประมาณ 2-3 ครั้ง คุณจะจำชื่อพวกเขาได้อย่างขึ้นใจ 4. ยิ้ม คุณอาจไม่รู้ว่าการยิ้มนั้นมีพลังมาก เวลาที่มีคนพูดแล้วคุณยิ้ม หัวเราะ หรือแสดงสีหน้าตามเรื่องที่พวกเขาพูด มันเป็นการสะท้อนว่าคุณให้ความสนใจโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ เช่นเดียวกัน หากคุณอยากให้คนสนใจเรื่องที่คุณพูด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ลองใช้ภาษาท่าทางประกอบ…
-
รู้จักกับ 9 โรคแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะในบางเมือง และเกิดเฉพาะกับคนบางพื้นที่เท่านั้น
ในโลกนี้มีโรคต่างมากมาย แต่เชื่อมั้ยว่าต่อให้เราเป็นคนเหมือนกัน แต่โรคบางชนิดที่เราเป็น คนที่อื่นอาจไม่เป็น เช่นเดียวกัน บางโรคคนที่อื่นเป็น แต่เราเป็นไม่ได้ เพราะโรคเหล่านี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในบางพื้นที่เท่านั้น 1. อินเดียซินโดรม ทุกๆ ปี ผู้คนจากทั่วโลกจะเดินทางไปยังอินเดียเพื่อแสวงบุญ แต่มีบางคนที่ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย ทั้งนี้เป็นเพราะในอินเดียมีลัทธิต่างๆ มากมาย บางลัทธิมีการวิธีการดึงดูดจนทำให้ผู้แสดวงบุญรู้สึกติดเหมือนการติดยาจนถอนตัวไมได้ การฝึกทำตามวิถีของลัทธิอาจทำให้นักเดินทางบางคนสูญเสียความเป็นตัวเอง และมอบชีวิตให้สิ่งตัวเองนับถือ ภาวะเช่นนี้เรียกว่า “โรคอินเดีย” โรคนี้มักเกิดกับคนตะวันตกที่เดินทางไปหาที่พึ่งพาในอินเดีย เพราะวัฒนธรรมต่างๆ ในอินเดียมักจะทำให้คนตะวันตกรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลา โรคนี้อาจจะหายไปเมื่อพวกเขาได้กลับบ้าน สัมผัสบรรยากาศเดิมๆ ที่บ้าน แต่บางคนไม่สามารถแก้ได้ พวกเขาจะกลายเป็นคนประสาทหลอนถาวร และจะหายได้ต่อเมื่อเสียชีวิตเท่านั้น เพิ่มเติม culteducation 2. สตอกโฮล์มซินโดรม โรคนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้คนถูกทำร้ายร่างกาย แต่พวกเขากลับไม่เอาผิดคนทำร้าย ตรงข้าม กลับเห็นอกเห็นใจและยอมให้ตัวเองถูกทำร้ายต่อไป รวมทั้งอาจมีความรู้สึกเสน่หาต่อคนร้ายด้วย โรคนี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1973 เมื่อมีคน 4 คน ถูกนาย Jan-Erik Olsson วัย 32 ปี จับเป็นตัวประกันระหว่างทำการปล้นธนาคาร เมื่อการปล้นจบลง…
-
สภาสั่ง “ยิงกระต่ายทุกตัว” ที่มากินดอกไม้บนหลุมศพในสุสาน หลังถูกญาติผู้ตายร้องเรียน!!
เวลาที่เห็นภาพกระต่ายอยู่ท่ามกลางดอกไม้ มันช่างเป็นภาพที่สวยงาม เห็นแล้ว สบายตาเป็นที่สุด แต่ตอนนี้ทางสภาในคัมเบรีย ได้ออกมาประกาศว่า หากพบกระต่ายกินดอกไม้ให้ยิงทิ้งทันที!! เป็นเวลาหลายปีที่สภา Allerdale Council ในคัมเบรียพยายามจะหยุดกระต่ายจากการกินดอกไม้ไว้ทุกข์ที่ญาติเอามาไว้บนหลุมศพคนตายในสุสาน Cockermouth แต่ก็ไม่สำเร็จ และตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการฆ่ากระต่ายซะ เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้คนรักสัตว์เป็นอย่างมาก ในปีนี้กระต่ายกว่า 30 ตัว ถูกยิงตายในสุสาน Cockermouth ที่สำคัญสุสาน Maryport ก็ใช้วิธีเดียวกันนี้กำจัดกระต่ายเช่นกัน Jaquie Stobbart จาก Cockermouth กล่าวว่า “กระต่ายไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พวกมันกินนั้นหมายความว่าอะไร ดังนั้นการฆ่าพวกมันดูจะโหดร้ายเกินไป และมนุษย์เองก็ไม่ควรฆ่าสัตว์เพียงเพราะเหตุผลแค่นั้น” “ผมมั่นใจว่าการแก้ปัญหาเช่นนี้เป็นความต้องการของคนกลุ่มน้อยเท่านั้น และต่อให้ใช้วิธีนี้ก็ไม่สามารถหยุดพวกมันให้มากินดอกไม้ได้หรอก มีแต่จะทำลายเผ่าพันธุ์กระต่ายเท่านั้น” “การแก้ปัญหาแบบนี้จะจบลงอย่างไร เมื่อไหร่ เพราะสัตว์ป่ามีอยู่ทุกที่ และการที่พวกมันกินดอกไม้ก็เพื่อความอยู่รอด มันเป็นวิถีแห่งธรรมชาติ” ทางด้าน Len Davies ที่ปรึกษาของ Cockermouth กล่าวว่า “เราจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่าง เพราะผู้คนต่างโมโห เมื่อดอกไม้ที่พวกเขาเพิ่งเอามาวางถูกกระต่ายกินจนไม่เหลือชิ้นดี” “ผมเป็นคนรักสัตว์นะ แต่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถหาวิธีอื่นในการแก้ปัญหาได้ นอกจากการฆ่าพวกมัน และผมก็ไม่รู้ว่ามันจะมีวิธีไหนที่ดีกว่านี้มั้ย” Davies บอก นอกจากนี้การแก้ปัญหาดังกล่าวก็ผ่านความเห็นชอบจากสภา Allerdale แล้วด้วย โดยอนุญาตให้ยิงกระต่ายที่มาขุดหลุมหรือการระทำอื่นๆ ที่คุกคามหลุมศพ …
-
ช่างภาพวัย 69 ฝันเป็นจริง หลังได้เข้าชม Leica Store แห่งใหม่ก่อนหมดลมหายใจ..
หากรู้ตัวว่ากำลังจะอยู่บนโลกนี้ในเวลาอีกเพียงไม่นาน เชื่อว่าหลายๆ คนคงอยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และชื่นชอบเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไม่มีโอกาส เหมือนดังเช่น Alan Lee ช่างภาพอิสระวัย 69 ปี ผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคปอดรายนี้ เขาสามารถทำความฝันของตัวเองให้กลายเป็นจริง หลังได้เข้าเยี่ยมชม Leica Store ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ตามที่ต้องการ ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานว่า ภายหลังจากที่ Alan ได้อ่านเกี่ยวกับร้าน Leica Store แห่งใหม่ในโรงแรม Fullerton ระดับ 5 ดาวที่สิงคโปร์ นั่นทำให้สถานที่แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นสถานที่ที่เขาจะต้องมาเยี่ยมชมให้ได้ สำหรับ Alan เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคทางเดินหายใจที่เรียกว่าโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โดยในปัจจุบัน คุณลุงกำลังเข้ารับการดูแลรักษาที่บ้านพักรับรอง Assisi Hospice ในสิงคโปร์ และเพื่อทำให้ความฝันเป็นจริง ด้วยเหตุนี้ ทางผู้ดูแลจึงได้วางแผนที่จะพาคุณลุงไปรับชมสิ่งที่พิเศษที่สุดในชีวิต นั่นคือการเดินทางไปยัง Leica Store นั่นเอง ภายหลังจากที่ได้เดินทางไปถึงยังสถานที่ดังกล่าว เขาได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพมากมาย อีกทั้ง ยังชมนิทรรศการภาพถ่าย พร้อมกับได้สัมผัสกับกล้อง Leica ให้ได้มากที่สุดเท่าที่เขาต้องการอีกด้วย …
-
นานเกิ๊นนน!! ไฟล์ GIF ที่ยาวที่สุดในโลก ใช้เวลามากถึง 1000 ปี กว่าจะเล่นจบ!?
เวลาที่เราดู GIF ทั่วๆ ไปที่จะมีระยะเวลาไม่กี่วินาที ต่างกับคลิปหรือวิดีโอที่ใช้เวลามากกว่า เป็นเรื่องปกติที่เราทุกคนเข้าใจตรงกัน แต่ว่าตอนนี้ได้มีสิ่งที่เหนือความเข้าใจของเรามากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น เมื่อมันไม่ได้เล่นให้เห็นแค่แป๊บเดียว แต่กลับยาวนานถึง 1000 ปีกันเลยทีเดียว นับเป็นศิลปะแบบหนึ่งที่ศิลปิน Juha Van Ingen ได้สร้างสรรค์ขึ้นมาคู่กับผู้ที่ทำเรื่องเสียง Janne Särkelä ทำให้เกิดการเดินทางสู่โลกอนาคตของเจ้าสิ่งนี้ . สิ่งที่มันแสดงออกมาให้เห็นก็จะไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่จะเป็นตัวเลขสีขาวบนพื้นหลังสีดำสนิท นับไปเรื่อยๆ ทุก 10 นาที จากเลข 1 ไปสิ้นสุดที่เลข 48140288 รวมระยะเวลาเท่ากับ 1000 ปี ซึ่งเขาได้เริ่มเล่นเจ้านี่ไปเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ที่พิพิธภัณฑ์ KIASMA ในเมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ และแน่นอนว่ามันก็จะไปจบเอาในตอนปี 3017 และหวังที่จะให้มันเดินทางต่อไปให้ได้ไกลที่สุด มีผู้เข้ามาพูดถึงโปรเจกต์ As Long As Possible นี้ไว้มากมายว่ามันเปรียบได้กับความคงที่ของเทคโนโลยีที่จะยังคงก้าวต่อไปโดยมีความเป็นนิรันดร์ประกอบควบคู่ และเมื่อเทียบกับตัวเราแล้วชีวิตของคนนั้นช่างสั้นเสียเหลือเกิน ถึงตรงนี้แล้วก็คงมีคนสงสัยกันว่าแล้วถ้าหากไฟดับหรือมีปัญหาอะไรขึ้นมามันก็ต้องนับใหม่หรือเปล่า แน่นอนว่าพวกเขาก็จะต้องเตรียมการป้องกันสำหรับปัญหานี้เอาไว้กันแล้วอย่างแน่นอน เพราะหากว่าตัวหลักที่มีอยู่นั้นถูกทำลายจากสงครามหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ…
-
คุณแม่ได้รับจดหมายปลอบใจจากคนแปลกหน้า ช่วยเยียวยาหัวใจหลังสูญเสียลูกชาย
กำลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนที่เสียใจ หมดหวัง หรือท้อแท้ แต่ไม่ว่ากำลังใจนั้นจะมาจากใครก็ตาม มันก็คือสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจได้ Tricia Belstra กำลังเดินทางไปยังชิคาโก เพื่อไปจัดงานศพให้ลูกชาย Kyle วัย 25 ปี ที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา แน่นอนว่าหัวอกคนเป็นแม่นั้นต้องเสียใจมากเมื่อมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อเครื่องลงจอดเธอก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากคนแปลกหน้า ตอนที่ได้รับข่าวร้ายของลูกชายนั้น Tricia กำลังอยู่ที่บ้านในโคโลราโด เธอบอกกับสำนักข่าว BBC ว่า “มันเป็นวันที่เลวร้ายที่สุด ฉันจมอยู่กับความทุกข์ทรมานใจตลอดทั้งอาทิตย์นั้นเลย” จากนั้นเธอพร้อมลูกสาวและสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ จึงได้เดินทางไปยังเซาธ์เบนด์ รัฐอินเดียนา เพื่อจัดงานศพให้กับลูกชายที่จากไป ตอนที่อยู่บนเครื่อง Tricia นั่งอยู่ระหว่างคนแปลกหน้าสองคน และเธอก็ถุงอ้วกอยู่ระหว่างขา จากนั้นก็มีพนักงานเดินเข้ามาถามว่าเธอโอเคมั้ย คุณแม่บอกว่าตอนนี้เธอรู้สึกแย่ เพราะกำลังเดินทางไปจัดงานศพให้กับลูกชาย ซึ่งจะมีขึ้นในวันถัดไป ไม่ใช่แค่จิตใจที่บอกช้ำ ตอนนี้ร่างกายของ Tricia อ่อนโรยริน และมือของเธอก็สั่นตลอดเวลา แม้แต่การเทน้ำใส่แก้วก็ดูจะลำบาก จนผู้โดยสารที่นั้งข้างๆ อาสาเทให้ จนกระทั่งเครื่องลงจอด พนักงานก็นำกระดาษโน๊ตใบหนึ่งมากับให้ Tricia เธอรับมันไว้แล้วขอบคุณก่อนจะลงจากเครื่องไป ขณะที่ออกจากเครื่องแล้วเดินทางตามทางเดิน คุณแม่ก็หยิบกระดาษใบนั้นออกมาดู แล้วเธอก็ถึงกับร้องไห้ออกมาทันที …
-
เท็กซัสเจอวิกฤติหนัก น้ำท่วมสูงต่อเนื่อง จนมีจระเข้ออกมาว่ายน้ำในสวนหลังบ้านแล้ว!?
เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม นอกจากต้องปกป้องทรัพย์สินให้เสียหายน้อยที่สุดแล้ว เรายังต้องปกป้องชีวิตจากอันตรายที่อาจจะมากับน้ำ เช่น งู หรือ จระเข้!! เหมือนอย่างเท็กซัสในขณะนี้ที่ถูกพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ถล่ม เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ร้ายกว่านั้นคือมีคนพบจระเข้ออกมาว่ายน้ำในเมืองฮูสตันด้วย ผู้หญิงคนหนึ่งจาก Missouri City ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองฮูนตัน ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในเฟซบุ๊ก เป็นคลิปขณะที่จระเข้สองตัวกำลังว่ายน้ำอยู่ในสวนหลังบ้านของเธอที่ถูกน้ำท่วม ทั้งนี้ก่อนที่ฮาร์วีย์จะเข้าหนึ่งสัปดาห์ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ทั่วเท็กซัส ได้ออกมาเตือนประชาชนให้ระวังวัตถุอันตรายที่ลอยไปกับน้ำและสัตว์ร้ายที่อาจโผล่มาได้ทุกเมื่อ สำหรับสถานการณ์ล่าสุดทาง National Hurricane Center ได้ออกมาบอกว่า พายุฮาร์วีย์ได้พัดเข้าใกล้เขตแนวชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง มีฝนตกหนัก โดยเฉพาะพื้นที่ฮุสตันและกัลเวลตัน เมื่อคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ยิ่งเป็นการเผยให้เห็นอันตรายที่มีกับพายุดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ในฮูสตันจึงได้ออกมาประกาศเตือนอีกครั้งว่าให้ประชาชนย้ายออกจากพื้นที่น้ำท่วม และยิ่งห่างเท่าไหร่ยิ่งดี นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะยังระบุไม่ได้ว่าเหตุการณ์นี้จะสงบลงเมื่อไหร่ ในขณะเดียวกันทีมช่วยเหลือก็พยายามเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนที่ยังติดอยู่ในอาคาร บ้านเรือนออกมาอย่างเร่งด่วนเท่าที่จะทำได้ Keith Smith เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บอกว่า ปกติแล้วใน 24 ชั่วโมง จะมีคนโทรเข้ามาขอความช่วยเหลือประมาณ 8,000 สาย แต่ตั้งแต่เกิดพายุฮาร์วีย์มีคนโทรเข้ามากว่า 56,000 สาย ในเวลาเพียง 17 ชั่วโมงเท่านั้น …
-
ชายหนุ่มฮีโร่ปีนขึ้นไปบนคานเหล็กสูง 6 เมตร เพื่อช่วยสาวที่กำลังพยายามจะฆ่าตัวตาย
เรื่องราวอันน่าชื่นชมของชายหนุ่มที่ยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อเข้าช่วยเหลือหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังพยายามจะฆ่าตัวตาย ในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินของเมืองแมนแฮตตัน โดยการกระโดดลงมาจากคานเหล็กสูง 6 เมตร หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งได้ทำการปีนขึ้นไปบนคานในชานชาลาของสถานี Broadway-Lafayette เมื่อเวลาประมาณ 3 โมงครึ่งของวันเสาร์ที่ผ่านมา ชายหนุ่มผลเมืองดีคนดังกล่าวได้ปีนไปตามคานดังกล่าวเพื่อช่วยเกลี้ยกล่อมเธอ ในขณะที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์บางคนได้ทำการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือ นาง Witness Michal Klein วัย 38 ปีจากเมือง Hoboken รัฐนิวเจอร์ซี่ ผู้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวในระหว่างที่เธอกำลังจะเดินทางไปยังร้านอาหารได้โพสต์ภาพของทั้งคู่ลงบนเฟซบุ๊กของเธอว่า “มันน่าหวาดเสียวมากๆ เลยทีเดียว ถ้าหากมีใครบางคนกำลังร้องไห้หรือขยับตัวเพียงนิดเดียวก็อาจจะเกิดเรื่องเศร้าได้เลย “ และที่ชายหนุ่มพลเมืองดี กำลังพยายามเกลี้ยกล่อมหญิงสาวที่คิดสั้น นอกจากนี้คุณ Klein ยังเล่าถึงผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวอีกว่า “ฉันเห็นผู้หญิงคนนั้นปีนขึ้นไปด้านบน และพยายามจะฆ่าตัวตาย และหลังจากนั้นพอ่หนุ่มคนนี้ก็ปีนขึ้นไปเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ จากนั้นก็มีใครบางคนโทรแจ้งตำรวจ และไม่นานพวกเขาก็มาถึงพร้อมกับทำการเคลียร์พื้นที่เพื่อช่วยเหลือเธอ” จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ในที่สุดเมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็นเจ้าหน้าที่ก็ช่วยเธอออกมาได้อย่างปลอดภัย “ฉันไม่นึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครกล้าปีนขึ้นไปบนนั้นไหม ชายคนนั้นต้องมีความกล้าและต้องระวังเอามากๆ เลย” Klein ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของ New York Daily News ที่มา dailymail
-
ครอบครัวยอมใช้ชีวิตใน “ห้องน้ำสาธารณะ” พื้นที่ 4 ตร.ม. เพื่อหวังให้ลูกได้เรียนที่ดีๆ
ที่อยู่อาศัยของแต่ละคนก็คงจะแตกต่างกันไป บางคนก็ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่ บางคนก็อยู่คอนโด หรือก็อาจมีที่อาศัยอยู่ในบ้านไม้เก่าหลังเล็กๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เหมือนกับครอบครัวนี้ พ่อแม่ลูกได้อพยพเข้ามาอยู่ในเมืองหวังจะให้ได้รับชีวิตที่ดีขึ้นและไม่อย่างทิ้งลูกชายอาศัยอยู่บ้านเกิดตามลำพัง เธอสองคนเลือกงานทำความสะอาดห้องน้ำ เพราะว่าจะทำให้ลูกไม่ต้องจ่ายค่าเทอมสำหรับโรงเรียนในมณฑลกวางตุ้ง ทว่าพวกเธอจำเป็นที่จะต้องอาศัยอยู่ในที่ทำงาน นั่นก็คือห้องน้ำสาธารณะนั่นเอง เพราะไม่อย่างนั้นลูกของเธอจะไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐบาลในเมืองที่พวกเธอทำงานอยู่ได้ เนื่องจากว่าเป็นผู้อพยพกันทั้งหมด แน่นอนว่าบ้านหลังใหม่นี้จะต้องไม่มีความสะดวกสบายอย่างที่ทุกคนพอเห็นภาพกันได้แน่นอน ทางเดินเข้าไปห้องน้ำดังกล่าวจะเป็นเพียงช่องเล็กๆ คั่นกลางระหว่างร้านค้ากับป้ายบิลบอร์ด เล็กขนาดที่คิดภาพไม่ออกเลยว่าคนอ้วนจะผ่านยังไง และเมื่อคุณเดินผ่านเข้าไปก็จะได้เห็นกับห้องเล็กๆ ขนาด 2×2 เมตรนั่นแหละคือบ้านของพวกเขา ห้องน้ำสาธารณะที่แสนสะอาดจากความรับผิดชอบของสามีภรรยา Liao Xiaoming กับ Wang Xuanna แลกมากับรายได้รวมประมาณ 15,000 บาทพร้อมกับห้องพักที่เล็กเอามากๆ มีชั้นลอยไว้สำหรับนอนและการพักผ่อนหย่อนใจ ด้านล่างไว้สำหรับการกินหรือทำอาหารต่างๆ เป็นชีวิตที่แสนลำบากของครอบครัว โชคยังดีที่สามารถใช้ห้องน้ำคนพิการในการทำธุระส่วนตัวกันได้ เงินเดือนของพวกเขาไม่เพียงพอสำหรับเช่าห้องธรรมดาทั่วไปเพื่อเลี้ยงลูกเลยด้วยซ้ำ และสามีก็ยังบอกอีกว่าถ้าไม่ใช่เพราะการศึกษาของลูก พวกเขาจะกลับไปใช้ชีวิตที่สุขสบายที่บ้านเกิดก็ยังได้ รายได้ก็ดีกว่าที่พักอาศัยก็สบายกว่า แต่ Wang ผู้เป็นภรรยาผู้มองโลกในแง่ดีก็บอกว่า “ความสุขไม่ใช่เรื่องเงิน แต่คือครอบครัวที่แสนอบอุ่นเป็นห่วงซึ่งกันและกัน ลูกชายของฉันเองก็เป็นเด็กดี” สิ่งที่เธอต้องการเพียงอย่างเดียวคือให้ลูกจบการศึกษา มีการมีงานที่ดีทำ แค่นั้นเธอและสามีก็จะหมดห่วงกันได้ …
-
คู่รักเก็บ GoPro ได้ตอนไปฮันนีมูน และได้พลังโซเชียลช่วยให้สามารถหาเจ้าของเจอ
เวลาที่เราเจอของตกแล้วเก็บได้ หวังจะเอาไปคืนให้กับเจ้าของที่แท้จริง ก็คงจะต้องเดินหากันให้วุ่น ไม่ก็เอาไปทิ้งไว้ที่ตำรวจหรือประชาสัมพันธ์ให้เขาช่วยตามหา แต่ทว่าสองสามีภรรยาคู่นี้กลับมีอีกวิธีหนึ่งมานำเสนอ และได้ผลจริง เมื่อคู่รักเดินทางไปฮันนีมูนกันในซิชิลี ประเทศอิตาลี เพื่อเก็บเกี่ยวความทรงจำความหวานต่างๆ เอาไว้ให้มากที่สุดจึงทำให้นอกจากที่จะไปกินไปช็อป หรือไปดูธรรมชาติทั่วไปโดยรอบแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะปีนภูเขาไฟ Etna กันด้วย พวกเขายังคงตื่นเต้นกับการเดินทางปีนภูเขาลูกนี้ขึ้นไปเพราะว่าบรรยากาศที่ใหม่ ซะจนเหมือนกับว่าอยู่บนดวงจันทร์หรือดาวดวงอื่นนั่นเอง แต่ขณะที่กลับพวกเขาก็ได้เจอกับไอโฟนที่ตกอยู่และเมื่อเก็บขึ้นมา เขาก็เห็นว่ามีคนกำลังทำท่าทางหาของอยู่พอดี เธอจึงได้มือถือกลับไปอย่างง่ายดาย คู่รักที่รักกันม๊ากกก ทว่าเมื่อเดินไปอีกประมาณร้อยก้าวก็ได้เจอกับกล้อง GoPro ตกอยู่ถามคนรอบๆ และระหว่างทางกลับก็ไล่ถามไปเรื่อยๆ ก็ไม่สามารถพบเจ้าของได้ ด้วยความที่พวกเธอคิดว่าเจ้าของกล้องนี้ก็ควรจะได้รับความทรงจำดีๆ จากการมาเที่ยวครั้งนี้กลับไปด้วยเช่นเดียวกับพวกเธอ จึงได้พยายามกันอย่างไม่ย่อท้อ พวกเขาในตอนที่ปีนภูเขาไฟ สุดท้ายแล้วพวกเธอก็ตัดสินใจโพสต์เรื่องราวทั้งหมด และรูปสุดท้ายในกล้องดังกล่าวลงในเว็บไซต์ BoredPanda ด้วยหวังว่ากลุ่มสังคมโลกออนไลน์จะสามารถช่วยให้เจอกับเจ้าของกล้องที่แท้จริงได้ ภาพสุดท้ายภายในกล้อง GoPro ภาพก่อนสุดท้าย จนในที่สุดก็ได้เจอกับเจ้าของตัวจริงแล้ววว นั่นคือโพสต์ที่เจ้าของกล้องได้บอกว่า “นั่นคือฉันเอง ขอบคุณมากกก ฉันกำลังพักอยู่ในซิชิลีและก็มีบางคนพูดว่ารูปในโพสนี้หน้าเหมือนฉัน ฉันทำกล้องนั่นหายไปไม่กี่อาทิตย์ก่อน ในวันต่อจากนั้นที่ฉันทำหายก็ได้กลับไปหา แต่ไม่เจอ (ฉันปีนขึ้นลงถึง 2 รอบ)…
-
Netflix ออกสินค้าสำหรับสัมผัสใหม่แห่งการดูซีรีส์ กับ “กัญชา” หลากหลายสายพันธุ์
หากเราพูดถึงผู้ให้บริการซีรีส์และภาพยนตร์ออนไลน์แบบถูกลิขสิทธิ์ เรียกง่ายๆ ว่าเว็บดูหนังออนไลน์ถูกกฎหมายแล้วละก็ หลายคนคงจะรู้จัก Netflix กันมาบ้างแล้ว นอกจากจะมีให้ดูกันอย่างจุใจแล้ว เขายังได้มีการสร้างสัมผัสใหม่แห่งการดูซีรีส์ให้กับคุณอีกด้วย เมื่อมีซีรีส์ใหม่มาลงชื่อว่า Disjointed ได้ดาราชื่อดังอย่าง Kathy Bates มาเป็นนักแสดงนำ ด้วยโครงเรื่องหลักที่มีความเกี่ยวข้องกับสมุนไพรที่ทุกคนรู้จัก จึงทำให้พวกเขานำมาเป็นสินค้าใหม่ก็คือ กัญชา นั่นเอง ทางบริษัทได้บอกว่า “แต่ละสายพันธุ์ถูกเพาะปลูกอย่างเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างกันไปในซีรีส์แต่ละเรื่อง ตัวอย่างเช่น หากว่าเป็นโชว์ที่ไม่ได้มีสาระอะไรก็จะเน้นไปที่กัญชาพันธุ์ Indica แต่ถ้าเป็แนวตลกดราม่าก็จะใช้พันธุ์ Sativa เป็นหลัก เพื่อช่วยสำหรับฉากที่เปี่ยมไปด้วยพลังที่เราจะสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น” สองชื่อที่ได้เห็นไปนั้นคือกลุ่มสายพันธุ์ใหญ่ที่พวกเขาก็ได้แบ่งออกมาแยกย่อยให้กับซีรีส์หรือหนังแต่ละเรื่อง อย่าง Orange is the New Black ที่จะใช้สายพันธุ์ Poussey Riot สำหรับมุขตลกหนักๆ ปนความมันส์ในเรื่อง และก็ยังมีอีกมากมายที่เรียกได้ว่าจัดให้กับซีรีส์ดังไปหลายเรื่อง และแน่นอนว่าสำหรับซีรีส์ที่เป็นแรงบันดาลใช้ให้กับผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ก็ต้องมีความพิเศษที่มากกว่า โดยมีถึง 3 สายพันธุ์ในรูปด้านล่าง ตอบโจทย์ให้กับ Disjointed ที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับกัญชาโดยเฉพาะ น่าเสียดายที่การจำหน่ายกัญชาจากทาง…
-
พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส!! คุณพ่อพยายามจับปลาที่ดั๊นเผลอว่ายเข้ามาในห้องนั่งเล่น
ตอนนี้ในหลายๆ พื้นที่กำลังประสบกับพายุฝนฟ้าคะนอง และสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นความกังวลสำหรับพี่น้องในบางพื้นที่นั่นก็คือปัญหาน้ำท่วมนั่นเอง แต่สำหรับคุณพ่อท่านนี้เรื่องน้ำท่วมบ้านนนั้นกลับไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลย และดูเหมือนพี่แกจะชอบเอามากๆ ซะด้วยนะ เมื่อไม่นานมานาได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ที่กำลังพยายามอย่างจดจ่อที่จะจัดการกับเจ้าปลาที่เข้ามาอยู่ในห้องนั่งเล่นของเขาหลังจากทีมันดันหลงเข้ามาพร้อมกับมวลน้ำ จะไปไหนเจ้าปลา!? พ่อของคุณ Viviana Saldaña ชายหนุ่มกล้ามโตที่ออกมาปรากฏตัวในคลิปวิดีโอ กำลังพยายามที่จะจับเจ้าปลาที่กำลังว่ายอยู่ในบ้านของเขาที่เมือง Houston รัฐเท็กซัส เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่ถูกพายุเฮอริเคนลูกใหญ่เข้าเล่นงาน และหลังจากที่ใช้ความพยายามอยู่ไม่นาน ในที่สุดคุณพ่อก็สามารถพิชิตเจ้าปลาตัวนั้นได้สำเร็จ เขาจับมันโชว์ให้ลูกสาวของเขาดู พร้อมกับยิ้มด้วยความดีใจ ไปชมความพยายามของคุณพ่อท่านนี้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย “ทำไมเราต้องออกไปหาอาหารด้านนนอกด้วย ในเมื่อเรามีอาหารมาเสริฟถึงห้องนั่งเล่น” คุณ Viviana เขียนข้อความติดตลกผ่านทางทวิตเตอร์ของเธอ โดยปรกติแล้วพ่อของคุณ Viviana นั้นเป็นคนที่ชื่นชอบการตกปลาเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว บ่อยครั้งที่เขาและครอบครัวมักจะออกไปตกปลาต้วยกัน และล่าสุดพวกเขาก็เพิ่งออกไปจับปลาที่อ่าวในเม็กซิโกมา เจ้าปลาน้อย นายเสร็จฉันล่ะ!! ภาพของครอบครัวที่เผยให้เห็นว่าคุณพ่อนั้นชอบจับปลาเป็นชีวิตจิตใจเลยทีเดียว ตอนนี้เมือง Houston กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก เรือกู้ภัยกว่า 1,000 ลำถูกส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา และขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมแล้วถึง 5 ราย ส่วนในบางพื้นที่นั้นน้ำได้เ้ขาท่วมสูงกว่าหนึ่งเมตร หลังจากที่พายุเคลื่อนผ่าน สภาพของเมือง Houston ที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้ ที่มา dailymail
-
ผู้คนพากันแบนร้านอาหารแห่งหนึ่ง เพียงเพราะว่ามีกฎ “ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 12 เข้าร้าน”
เวลาที่คุณไปร้านอาหารหรือร้านกาแฟก็คงจะเคยเห็นป้ายที่บอกกฎเอาไว้ว่าร้านนี้ห้ามไม่ให้คุณทำอะไร หรือนำอะไรเข้าไปบ้าง แต่สำหรับร้านของ Bob Hiiginson วัย 61 ปีที่เปิดร้านกาแฟภายใต้ข้อห้ามที่หลายคนอาจไม่เคยเห็นมาก่อน เขาได้เปิดร้านที่มีชื่อว่า Chart Room เพิ่งเปิดมาราวๆ 1 เดือนในเมือง Brixham ประเทศอังกฤษ พร้อมกับกฎที่ว่า อนุญาตให้พาสุนัขเข้าร้านมาได้ แต่สำหรับเด็กอายุที่ต่ำกว่า 12 ปีแล้วจะไม่ให้เข้า ทำให้ผู้อยู่อาศัยในที่ไม่พึงพอใจและพากันแบนไม่เข้าร้านของเขา เพราะมองว่านี่ถือเป็นการแบ่งแยก สิ่งที่เขาทำนั้นได้บอกเหตุผลเอาไว้ว่า กลุ่มเป้าหมายหลักคือเพื่อคนที่มีอายุค่อนข้างสูง และพวกเขาส่วนใหญ่ต้องการความสงบ เขาเสริมอีกว่า “ผมอยากให้คนที่เข้ามาได้พูดถึงวันเก่าๆ หรือการสนทนากันโดยที่ไม่มีเด็กมารบกวน อีกทั้งของตกแต่งภายในร้านมีราคาแพงและไม่ได้มีกระจกมากั้นไว้เหมือนพิพิธภัณฑ์ ในอดีตเคยมีเด็กมาพังของในร้านไปแล้ว แต่สำหรับสุนัขนั้นมันไม่ได้กระโดดไปมา มันอยู่กันโดยไม่ทำลายข้าวของและผมไม่เคยเจอสุนัขนิสัยไม่ดีมาก่อน” ชาวบ้านที่ไม่โอเคกับเรื่องนี้ Wendy Moore ได้ออกมาประท้วงและคิดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นการแบ่งแยกอย่างมากและชัดเจน ที่มองว่าเขามีสิทธิ์อะไรมาห้ามเด็กๆ ไม่ให้เข้าร้านของเขา Lee Knight ก็ได้มาเสริมอีกว่า “ผมมักจะไปในที่ที่เต็มไปด้วยความสุุข เด็กวิ่งเล่นกันไปมา มากกว่าที่จะไปร้านที่ดูมืด เงียบ ดูไม่น่าเข้า โดยที่ทุกคนนั่งบ่นพึมพำและจิบชากันไป แต่นั่นก็เป็นเพียงทางเลือกของผมนะ” ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่ก็มีอีกกลุ่มที่ยังคงสนับสนุนกับความคิดนี้ของเขา ที่ออกมาบอกว่า…
-
12 ภาพถ่ายจากมุมสูง แสดงให้เห็นความแตกต่างของการทำงานในอาชีพที่หลากหลาย
การทำงานในชีวิตประจำวันของเราเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถแยกแยะตัวเราเอง กับบุคคลอื่นที่ทำงานคนละอย่างกันได้ และเราก็คงจะเคยชินกับภาพการทำงานเดิมๆ แต่การทำงานของอาชีพอื่นเราเคยเห็นพื้นที่การทำงานของพวกเขากันชัดๆ หรือเปล่า Sanwal Dean ช่างภาพในโอไฮโอ ได้ทำการถ่ายภาพมุมสูงของพื้นที่การทำงานในหลากหลายอาชีพ เพื่อบอกถึงความสัมพันธ์ของการทำงานและหน้าที่ที่ต้องทำ เขามีความคิดที่ว่าการทำงานของแต่ละคนนั้นจะมีสิ่งที่เป็นสากลมีในตัวของทุกคนอยู่ เปรียบเหมือนกับภาพของคนขายเนื้อที่แม้จะอยู่ในประเทศและสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน แต่ท่าทางที่แสดงออกมาก็ยังคงเหมือนกัน ใช้มือแทบจะเหมือนกันหมด บอกได้ว่าเราไม่ได้แตกต่างกันเหมือนกับที่เราชอบคิดกันอยู่เสมอ Kristen คนขายดอกไม้ เขาหลงใหลในพื้นที่ทำงานต่างๆ ที่มีสเน่ห์และตั้งใจว่าจะไปถ่ายรูปจากหลายๆ ประเทศในอนาคต เพราะปัจจุบันภาพที่ออกมานั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น อย่างไรก็ตามความยากของการถ่ายภาพชุด Work นี้ก็คือการที่ต้องรีบตั้งกล้องและรีบถ่ายโดยที่ไม่สร้างปัญหาให้กับการทำงานของพวกเขา จึงออกมาเป็นภาพจากหลากหลายอาชีพให้พวกเราได้เห็นกันนี้ ตัวเขาเอง ช่างภาพและนักเขียน Perry คนทำขนมปัง Martha นักเปียโน Nicholas ช่างเรียงพิมพ์ Ralph ช่างซ่อมรองเท้า The Fish นักตีกลองไทโกะญี่ปุ่น Greene คนขายเนื้อ Stone ช่างเครื่องยนต์ Maggie นักเขียนและนักประวัติศาสตร์…
-
วินาทีชีวิต!! นักข่าวสาวตัดสินใจช่วยชีวิตชายที่กำลังจะจมน้ำ ระหว่างการรายงานสด
เหตุการณ์น่าประทับใจครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างการรายงานสถาณการณ์น้ำท่วมของนักข่าวท่านหนึ่ง และระหว่างการรายงานสด เธอได้เหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ระหว่างที่คุณ Brandi Smith ผู้ประกาศข่าวสาวของสถานีโทรทัศน์ KHOU II กำลังรายงานข่าวอยู่บนทางวงแหวนแห่งหนึ่งในเมือง Houston เธอได้เหลือไปเห็นผู้ประสบภัยคนหนึ่งที่ติดอยู่ในรถบรรทุกของเขาและกำลังจะจมไปพร้อมกับมัน ทันใดนั้นผู้ประกาศข่าวตัดสินใจเรียกขอความช่วยเหลือชายคนขับรถบรรทุกทันที!! คุณ Brandi ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่ามีชายคนหนึ่งติดอยู่ในรถบรรทุกที่กำลังจะจมน้ำ “ตรงนี้มีรถบรรทุกคันหนึ่งกำลังจะจมน้ำ คุณสามารถลงไปช่วยพวกเขาได้ไหม รถคันนี้จมอยู่ในน้ำลึกกว่า 3 เมตร” เธออธิบายกับเจ้าหน้าที่พร้อมกับชี้จุดที่เธอเห็นรถคันดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาพร้อมกับเรือชูชีพจึงได้เคลื่อนรถเข้าไปใกล้ๆ ที่จุดเกิดเหตุ “นี่คือที่เดียวกันกับจุดที่เราเจอรถบรรทุกคันหนึ่งจมลงไปเมื่อปีก่อน แต่น่าเศร้าที่เราไม่สามารถช่วยชีวิตชายคนนั้นได้” เจ้าหน้าที่กล่าว ไปชมวินาทีการช่วยชีวิตของชายผู้นี้ได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… จากนั้นนายตำรวจทั้งสองจึงเริ่มจัดแจงอุปกรณ์ช่วยชีวิตและเคลื่อนเรือชูชีพเข้าไปใกล้รถของเขา ส่วนทางด้านนักข่าวสาวก็ยังคงคอยตะโกนให้กำลังใจชายหนุ่มอยู่ที่ด้านบนของถนน การช่วยเหลือยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็สามารถช่วยชีวิตชายในรถบรรทุกออกมาได้สำเร็จ และพาตัวเขาออกมาได้อย่างปลอดภัย วินาทีที่เจ้าหน้าที่กำลังช่วยเหลือชายคนดังกล่าว ชายหนุ่มให้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์เฉียดตายของเขากับนักข่าวสาวว่า “เยี่ยมมาก เยี่ยมมากจริงๆ ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา “ผมต้องขอบคุณจริงๆ ที่พวกคุณอยู่ตรงนี้และสามารถช่วยผมได้ทันเวลา ผมรู้สึกซาบซึ้งจริงๆ” และหลังจากที่รอดชีวิตมาได้ ชายหนุ่มก็โผเข้ากอดนักข่าวสาวผู้ช่วยชีวิตเขาด้วยความดีใจ ช่างเป็นเรื่องราวที่น่าดีใจจริงๆ นะเนี่ย โชคดีของชายคนนี้จริงๆ เลย ที่มา dailymail
-
ประมวลภาพเหตุการณ์เฮอร์ริเคน Harvey ที่สร้างความเสียหายจำนวนมากแก่รัฐเท็กซัส
เป็นเวลานานหลายปีแล้วที่อเมริกาไม่ได้เผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่แบบนี้ สำหรับเฮอร์ริเคน Harvey นั้นนับว่าเป็นพายุลูกใหญ่ที่สุดในรอบ 12 ปีเลยก็ว่าได้ที่สร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งรัฐเท็กซัสถือเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบจากพายุครั้งนี้มากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากเหตุการณ์เฮอร์ริเคนพัดถล่มเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก และยังทำให้เกิดน้ำท่วมสูงมากกว่า 1 เมตร พายุดังกล่าวเริ่มต้นด้วยความแรงระดับ 4 และลดลงเหลือระดับ 3 ในระยะเวลาต่อมา ตอนนี้ยังไม่มีการประมาณการความเสียหายทั้งหมด แต่ภาพความเสียหายจากพื้นที่ทั้งหมด โดยเฉพาะเมืองฮูสตัน ได้ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะๆ ทั้งจากทางสื่อเองและประชาชนเอง และนี้ก็คือภาพเหตุการณ์ที่ได้ถูกเผยแพร่ออกมา ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากที่คนที่ได้รับผลกระทบต้องเจอ ซึ่งมันโหดร้ายมากๆ เพียงแค่สีหน้าของผู้คน รวมถึงสุนัขในอ้อมกอดก็สามารถบอกเล่าความรู้สึกได้อย่างดี แม้แต่ม้าก็ยังต้องหนีน้ำที่พัดเข้ามา น้ำที่ท่วมไปทั้งตัวเมือง สะพานที่เคยอยู่เหนือน้ำก็มาอยู่ในระดับเดียวกัน ภาพของเด็กชายที่น้ำท่วมเข้ามา ยังคงกอดตุ๊กตาของเขาไว้ รันเวย์สนามบินที่ท่วมจนไม่เห็นพื้น แม้จะมีเรือก็ยังยากที่จะผ่านพายุนี้ไป แม้รถจะหรู แต่ก็มิอาจจะหนีพ้นภัยธรรมชาติครั้งนี้ได้ ฝนที่ยังคงตกต่อเนื่องเป็นเวลานาน มดที่เกาะกันเป็นแพเพื่อเอาชีวิตรอดและช่วยมดราชินี ภาพสุดเศร้าของบ้านพักคนชราที่ต้องรอคนเข้ามาช่วย ถนนที่เข้าสู่เมืองก็ถูกน้ำท่วมจนมิดมองไม่เห็นแม้แต่ถนน…
-
ญี่ปุ่นจัด ‘สัปเหร่อคอนเทสต์’ แข่งขันแต่งหน้าศพ และผู้ชนะปีนี้เป็นสาววัย 23 เท่านั้น..!!
หลายคนอาจจะคิดว่าคนเป็นสัปเหร่อ ต้องเป็นคนที่ไม่กลัวผี ไม่กลัวความตาย เพราะเค้าต้องทำหน้าที่คอยจัดแจงแต่งหน้าศพให้ออกมาดูดีที่สุด และที่ญี่ปุ่นก็ได้พัฒนาวงการสัปเหร่อให้ก้าวไกลกว่าที่ไหนๆ เพราะเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการจัดการแข่งขัน Tokyo’s Life Ending Industry EXPO 2017 หรือเรียกง่ายๆ ว่างานประกวดสัปเหร่อนั่นเอง จุดประสงค์ของกิจกรรมก็เพื่อสืบสานศิลปะแห่งจิตวิญญาณตามวิถีชินโต . กฎกติกาการแข่งขันนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย เพียงแค่สัปเหร่อต้องออกแบบและตกแต่งศพให้ออกมาดูดีที่สุด ตามความเชื่อดั้งเดิมของชินโตที่ว่า พวกเขาจะได้เดินทางไปสู่โลกหน้าได้อย่างสมศักดิ์ศรี… และผู้ชนะเลิศปีนี้ได้แก่ Rino Terai สาวหน้าใสวัยเพียง 23 ปีเท่านั้น ซึ่งหลังจากเอาชนะผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ที่มีอายุมากกว่าได้ เธอก็ให้สัมภาษณ์ว่า ครอบครัวของเธอมักจะสอนเธอเรื่องวัฒนธรรมดั้งเดิมตามวิถีชินโต ซึ่งเป็นดั่งจิตวิญญาณของชาวญี่ปุ่น “ฉันฝึกแต่งหน้าศพทุกวันเลยค่ะ ไม่ว่าจะลองแต่งด้วยหน้าของตัวเอง หรืออาสาไปแต่งหน้าให้กับศพจริงๆ จากนั้นเราก็มาวิเคราะห์ต่อว่า พวกเขาดูดีรึยัง? หรือดูตลกมากเกินมั้ย? เพราะเราต้องให้เกียรติผู้ตายด้วยค่ะ” . ดูเผินๆ อาจจะเป็นเหมือนการแข่งขันทั่วๆ ไปสำหรับผู้ที่สนใจด้านนี้… ทว่าในแง่ของเศรษฐกิจ ‘สัปเหร่อ’ ก็กำลังจะกลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น …
-
ชม 15 ภาพจากบรรยากาศ ‘GoTopless’ หนุ่มสาวเดินเปลือยท่อนบน รณรงค์เผยหน้าอกเสรี..!!
เราข้ามฝั่งไปกันที่เกาะแมนฮัตตันกันบ้าง เพราะเมื่อวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีเหล่าคนรุ่นใหม่ออกมาร่วมกันเดินขบวนเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ ‘GoTopless’ หรือแปลไทยว่า เทศกาลเปลือยอกนั่นเอง ซึ่งอันที่จริงมันถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีมาตั้งแต่ปี 2007 แล้วล่ะ จุดประสงค์ก็เพื่อออกมาต่อต้านกฎหมายที่ว่า การที่หญิงสาวเปลือยอกเดินในที่สาธารณะถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ก็ใช่ว่าภายในงานจะมีแต่หน้าอกเท่านั้น เพราะยังประกอบไปด้วยวงโยธวาทิต กลุ่มศิลปินที่ออกมาเพ้นท์เรือนร่างให้ผู้คน หรือแม้กระทั่งผู้ชายที่เห็นด้วยกับการแก้กฎหมายดังกล่าว และทั้งหมดนี้คือภาพบรรยากาศจากนิวยอร์ก เอาเป็นว่าลองเลื่อนไปชมกันดูเลย . . . . . . . . . . . . . . ฮึ่มม.. อย่าว่างั้นงี้เลยนะ อยากไปเที่ยวชมงานนี้ดูซักครั้งจัง ไม่ได้คิดหื่นเลยนะจริงจริ๊งง ที่มา: Metro
-
นักบำบัดเรื่องบนเตียงเผย “คุณควรมีเซ็กส์บ่อยแค่ไหน?” เพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืน
บางคนมีเซ็กส์วันละหลายๆ ครั้ง บางคนมีเซ็กส์สองสามวันต่อหนึ่งครั้ง ในขณะที่หลายคนเว้นไว้เป็นเดือนเป็นปี แล้วเราเคยสงสัยกันมั้ยว่าควรมีเซ็กส์บ่อยแค่ไหนมันถึงจะเรียกว่าพอดี? Nelson นักบำบัดเซ็กส์และนักเขียนเรื่อง The New Monogamy กล่าวว่า “หลายคนอยากทราบว่าพวกเขามีเซ็กส์บ่อยเกินไปหรือน้อยเกินไปมั้ย จนบางครั้งพวกเขาก็คิดว่าต้องหาอะไรที่แปลกใหม่ทำบนเตียงกับคู่รัก” เมื่อเกิดคำตามเหล่านี้ Nelson มักจะตอบว่า “ลืมเรื่องความธรรมดาหรือปกติไปเลย เพราะมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งสำคัญคือคุณควรเรียนรู้ที่จะเอาใจใส่คู่นอนของคุณมากกว่า และยอมรับความต้องการของเขาหรือเธอ แม้มันจะต่างไปจากความต้องการของเราก็ตาม” นอกจากนี้ Nelson และนักบำบัดเซ็กส์คนอื่นๆ ได้แนะนำเกี่ยวกับการมีเซ็กส์ ดังต่อไปนี้ 1. หยุดกังวลเรื่องความบ่อยในการมีเซ็กส์ Dawn Michael นักบำบัดเซ็กส์และนักเขียนเรื่อง My Husband Won’t Have Sex With Me บอกว่า “เมื่อพูดถึงเรื่องเซ็กส์ แต่ละคู่ก็คงมีปัญหาอยู่แล้ว และปัญหาเหล่านั้นที่คุณควรจะใส่ใจ ส่วนเรื่องมีเซ็กส์บ่อยหรื่อไม่นั้น ลืมไปได้เลย” “ถ้าคู่รักมีเพศสัมพันธ์กัน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี และตอนนี้ลดลงเหลือสัปดาห์ครั้ง นั่นหมายความว่ารูปแบบการมีเซ็กส์ของคุณเปลี่ยนไป จนทำให้มีเซ็กส์กันน้อยลง ประเด็นนี้แหละที่คู่รักควรจะมีการพูดคุยกันให้มากขึ้น” แต่ถึงแม้หลายคู่จะบอกว่าพวกเขามีเซ็กส์กันสัปดาห์ละ…
-
สาวพบเหมียวน้อยน่าสงสาร ตัดสินใจช่วยและรับมาเลี้ยง ผ่านไป 5 ปีนี่คนละตัวเร๊อะ!?
เรื่องราวของเจ้าเหมียวที่ถูกพบอยู่ข้างถนน สภาพของมันในตอนนั้นเรียกได้ว่าแทบจะดูไม่ได้เลย ทั้งมีหนอนชอนไช ขนหลุดร่วง และรูปร่างซูบผอม แต่มันก็ไม่ยอมแพ้ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด…. ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 คุณ Kathleen และเพื่อนๆ ได้เดินผ่านตึกแห่งหนึ่ง แต่แล้วก็ได้พบกับเจ้าเหมียวที่ดูท่าทางน่าสงสาร ซึ่งเธอก็ตัดสินใจที่จะช่วยเหลือมันเพราะสภาพของมันดูน่าสงสารมาก Kathleen และเพื่อนๆ ได้พาเจ้าเหมียวกลับไปที่บ้าน ซึ่งที่บ้านของเธอนั้นไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อนเลยแม้แต่น้อย แต่ Kathleen ก็อยากที่จะให้โอกาสกับเจ้าเหมียวเพื่อให้มันได้มีสถานที่ที่เรียกว่าบ้านอยู่ “หลังจากที่ได้เห็นมัน แม่ของฉันก็พูดขึ้นมาว่าเราจะต้องหาบ้านใหม่ให้กับมัน แต่ก่อนอื่นต้องทำการอาบน้ำมันก่อน แล้วค่อยพามันไปหาหมอ” Kathleen เล่า คุณหมอทำการให้ยาปฏิชีวนะกับมันเพื่อรักษาแผลติดเชื้อจากการถูกหนอนชอนไช เวลาผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ “มันดูซึมลงไปมากเลยล่ะ จนบางครั้งฉันก็คิดว่ามันไม่น่าจะรอดแล้ว” จากนั้นไม่กี่สัปดาห์ต่อมาเจ้าเหมียวก็กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง!! “มันเริ่มวิ่งเล่นไปทั่วอย่างสนุกสนาน แถมยังเข้ากันได้ดีกับเจ้าหมา 3 ตัวที่บ้านของฉันอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ” Kathleen เล่า จากที่ตอนแรกแม่ของ Kathleen บอกเอาไว้ว่าเราจะต้องหาบ้านใหม่ให้กับมัน แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนใจ และยอมให้เลี้ยงมันไว้ พวกเขาตั้งชื่อมันว่าเจ้า Drizzy และมันก็กลายเป็นแมวเหมียวตัวแรกของครอบครัวนี้ด้วย “พวกเราทุกคนรักมันมากเลยล่ะ”…
-
ตำรวจจับกุมคู่รัก “คาชุดแต่งงาน” จากคืนวิวาห์ กลายเป็นคืนวิวาท เมาหัวทิ่มซัดกันนัว…
งานเลี้ยงภายในงานแต่ง เราก็คงจะคิดว่าได้ใส่ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวพร้อมแขกเหรื่อมากมาย ที่มาร่วมงานเพื่อแสดงความยินดีให้กับทั้งคู่ มีพิธีตัดเค้กโน่นนี่นั่น แต่สิ่งที่พิเศษกว่านั้นคือเมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นี้ได้รับการเซอร์ไพรส์ จากแขกที่ไม่คิดจะรับเชิญเลยเนี่ยสิ… เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมคู่บ่าวสาวภายในห้องจัดเลี้ยง Denizen Hall ณ ตัวเมืองเอ็ดมันตัน ประเทศแคนาดา เหตุเกิดจากค่ำคืนการฉลองวิวาห์กลายเป็นคืนแห่งการวิวาทแทน!? . พวกเธอได้ไปอยู่ตรงบาร์เพื่อดื่มเลี้ยงฉลองกับการแต่งงาน จากการบอกเล่าของพยานผู้เห็นเหตุการณ์ได้บอกว่า “ผมเห็นว่ามีการต่อยตีกันที่บาร์ แต่สิ่งที่แปลกไปกว่าเดิมก็คือ หญิงสาวที่อยู่ในชุดเจ้าสาวกำลังอยู่ในวงนั้นด้วย ผมคิดว่านี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับการเลี้ยงฉลองงานแต่ง เหมือนพวกเขาจะอยู่ตรงนี้มาทั้งวัน บางคนดูเมามากแล้ว” ผู้จัดการบาร์ดังกล่าว Matthew Machado บอกว่าเขาเห็นประตูถูกพังออกมาพร้อมกับผู้คนที่กำลังตบตีกัน และออกมาซัดกันต่อข้างถนน เป็นภาพของเจ้าสาวที่กำลังเหวี่ยงแขนอย่างเมามัน และไม่สามารถบอกอะไรได้มาก เพราะเหตุการณ์นั้นชุลมุนวุ่นวายเต็มไปด้วยผู้คนมากมายในชุดราตรี… แต่แล้วภายในพื้นที่ทะเลาะวิวาท ก็เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนล้อมเจ้าสาวเอาไว้ และเขาก็เห็นว่าเจ้าบ่าวก็กำลังพุ่งจะไปเอาเรื่องกับบาร์เทนเดอร์ อีกทั้งหนึ่งในเพื่อนของเจ้าบ่าวก็ยังจะต่อยกระจกอีก แต่ความตลกร้ายของเรื่องนี้อีกอย่างก็คือ พวกเขานั้นเพิ่งจะมาถึงที่งานฉลองคืนวิวาห์เพียงแค่ 15 นาที ก่อนที่เจ้าสาวจะถูกจับในคดีทำร้ายร่างกาย และเจ้าบ่าวก็โดนคดีทำลายข้าวของ แถมยังถูกปรับเงินหลักแสนอีกต่างหาก… คลิปวิดีโอจับกุมเจ้าบ่าวและเจ้าสาว . งานรื่นเริงที่รอคอยและตั้งใจจะเก็บเป็นความทรงจำก็ได้จบลงเพียงเท่านี้ กลายเป็นบทเรียนให้กับใครที่ชื่นชอบการดื่มเลี้ยงฉลองไปอีกนานแสนนานกันเลยทีเดียว… ที่มา: torontosun, dailymail
-
พบกับ ‘Frederick The Great’ อาชาหนุ่มโฉมงามไร้ที่ติ จนได้ชื่อว่า ‘ม้าที่หล่อที่สุดในโลก’
หลายคนอาจจะดูไม่ออกว่าม้าตัวไหนหล่อหรือสวยมากน้อยกว่ากัน แต่ไม่ใช่สำหรับม้าหนุ่มตัวนี้แน่นอน เพราะมันทั้งโดดเด่นและหล่อกว่าม้าตัวไหนๆ “Real-life Black Beauty” “Storybook Stallion” หรือ “Fabio of Hoses” ทั้งหมดนี้เป็นเพียงฉายาส่วนหนึ่งที่ผู้คนมักใชเรียก Frederick The Great ม้าหนุ่มวัย 16 ปี Frederick เกิดที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และเมื่ออายุ 6 ขวบ มันก็ถูกนำตัวเข้ามาในสหรัฐฯ โดย Stacy Nazario เจ้าของฟาร์มม้า Pinnacle Fiesians ในรัฐ Arkansas Nazario บอกว่าเธอรู้สึกว่าม้าตัวนี้มีความพิเศษตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ Frederick โดมาเป็นม้าที่สง่างามจนมนุษย์เองยังต้องอิจฉาในความหล่อเหลาของมันเลย!! เมื่อช่วงซัมเมอร์ของปีที่ผ่านมา รูปภาพของ Frederick ถูกเผยแพร่สู่โลกโซเชียล จนได้รับการคอมเม้นชื่นชมและถูกแชร์ต่ออีกนับครั้งไม่ถ้วน ผู้คนส่วนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่อยากเชื่อเลยว่ามีม้าที่สง่างามได้ถึงเพียงนี้ ตั้งแต่หัวจรดเท้าของมัน งดงามอย่างไร้ที่ติ บางคนยังยกให้มันเป็นม้าที่หล่อที่สุดในโลกด้วย จนกระทั่งปี 2016 เป็นปีที่ Frederick โด่งดังมากๆ จนกลายที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก Stacy…
-
เรื่องราวของเจ้าหมี Winnipeg ต้นแบบและแรงบันดาลใจ ของตัวละคร Winnie The Pooh
เราหลายๆ คนคงคุ้นหน้าคุ้นตาเจ้าหมีพูห์จาก Winnie The Pooh กันเป็นอย่างดี แต่เราเคยสงสัยมั้ยว่าต้นกำเนิดของตัวละครเอกเรื่องนี้มาจากอะไรกันน้า? Winnipeg หรือที่รู้จักกันในชื่อ Winnie เป็นหมีหนุ่มที่อาศัยอยู่ในสวนสัตว์ลอนดอน มันถูกนำตัวมาไว้ที่นี่ในปี 1915 หลังได้รับความช่วยเหลือโดย Harry Colebourn สัตวแพทย์จากกองทหารแคนาดาที่ 3 ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในสวนสัตว์ Winnipeg ถูกซื้อมาจากนักล่าสัตว์ในรัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา โดยที่ Colebourn ได้จ่ายค่าไถ่ชีวิตของมันในราคาประมาณ 660 บาท ซึ่งคาดว่าแม่ของมันน่าจะถูกนักล่าสัตว์คนนี้ฆ่าไปแล้ว Colebourn ได้ตั้งชื่อเล่นให้มันว่าเจ้า Winnie ก่อนจะพามันกลับไปยังบ้านเกิดในรัฐแมนิโทบา และได้ให้การดูแลมันอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้พาน้องหมีไปที่ประเทศอังกฤษ และที่นั่นก็ทำให้มันกลายเป็นที่มาสคอตอย่างไม่เป็นทางการ ของกองกำลัง Fort Garry Horse ไปโดยปริยาย แต่แล้วเมื่อ Colebourn ต้องไปเข้าร่วมรบสงครามในฝรั่งเศส เขาจึงจำเป็นต้องทิ้ง Winnie ให้อยู่ในการดูแลของสวนสัตว์ลอนดอนแทน เมื่อสงครามจบลง Colebourn ก็ได้ตัดสินใจในช่วงปลายปี 1918 ว่าจะให้น้องหมีอยู่ที่สวนสัตว์ต่อไป เพราะที่นั่นมันกลายเป็นที่รักของนักท่องเที่ยวและทุกคนก็ดีกับมันมาก…
-
อุ๋งๆ น้อยถูกตาข่ายรัดคอเป็นแผลลึก มนุษย์ใจดีช่วยทำแผลให้ และปล่อยกลับสู่ทะเลไป…
ทุกวันนี้สัตว์หลายชนิดถูกจัดอยู่ในสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งนั้นมาจากกิจกรรมหรือการคุกคามของมนุษย์เรานี่แหละ เช่นเดียวกับกรณีนี้ เมื่อนักวิจัย 2 คน กำลังเฝ้าดูกลุ่มแมวน้ำบนชายหาด แต่ก็ผิดสังเกตเมื่อแมวน้ำตัวหนึ่งอยู่แยกออกจากฝูง และพบว่ามีตาข่ายพันอยู่รอบคอของมันอยู่ด้วย!! ไม่ใช่แค่ตาข่ายพันรอบคอธรรมดา แต่ดูแล้วเหมือนจะมันจะถูกพันไว้แน่นเป็นเวลานาน จนเกิดรอยแผลขนาดใหญ่ และหากไม่ได้รับการช่วยเหลือ มันคงไม่รอดแน่ๆ แต่จากสถานการณ์นั้น นักวิจัย 2 คนรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถช่วยมันได้ จึงได้ติดต่อไปยัง British Divers Marine Life Rescue และ Cornish Seal Sanctuary ซึ่งทั้งสองที่ก็ได้ส่งคนไปช่วยเหลือทันที พวกเขาต้องใช้เวลาสักพักในการวางแผนเพื่อเข้าไปช่วยแมวน้ำตัวนั้น โดยไม่ทำให้ตัวอื่นๆ แตกตื่น Dan Jarvis ผู้อำนวยการด้านการพัฒนาสวัสดิการและเจ้าหน้าที่สนับสนุนภาคพื้นดินจาก British Divers Marine Life Rescue บอกว่า “เราต้องเดินเข้าไปช้าๆ และเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ทำให้แมวน้ำแตกตื่น รวมทั้งป้องกันไม่ให้แมวน้ำที่ได้รับบาดเจ็บหนีไป” ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็เข้าถึงตัวแมวน้ำที่ได้รับบาดเจ็บ และจับมันไว้ ขณะที่แมวน้ำพยายามขัดขืน เพราะคิดว่ามนุษย์กำลังเข้าทำร้ายมัน แมวน้ำดิ้นแรงมาก เจ้าหน้าที่จึงต้องนำผ้ามาคลุมหัวและกรามของมัน…
-
ภาพอันน่าสงสารของเหล่าสัตว์ในเท็กซัส ที่ถูกทิ้งไว้เป็นเบื้องหลัง เผชิญพายุอย่างเดียวดาย…
เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมหรือภัยพิบัติต่างๆ มนุษย์ส่วนใหญ่มักจะหนีเอาตัวรอดพร้อมของสำคัญ และบางครั้งสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขก็จะถูกทิ้งให้เอาตัวรอดเพียงลำพัง เหมือนกับน้องหมาตัวนี้ที่ถูกล่ามโซ่ติดไว้กับเสาโทรศัพท์ และถูกทิ้งไว้ท่ามกลางน้ำท่วมที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จากจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่รัฐเท็กซัสอย่างต่อเนื่อง สุนัขที่ถูกทิ้งไว้ในเมืองวิคตอเรีย ท่ามกลางน้ำที่ท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่โชคดีที่ช่างภาพที่ถ่ายภาพนี้ไปเจอเข้าก่อน เขาจึงได้ช่วยเหลือน้องหมาออกจากตรงนั้น ก่อนจะพามันไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย อย่างไรตามทางเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประกาศเตือนว่าพื้นดังกล่าวยังเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตราย และได้ขอให้ประชาชนย้ายออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย พร้อมย้ำว่าอย่าลืมปลดเชือกให้สัตว์เลี้ยงด้วย Valerie Brown และสุนัขของเธอ เดินออกมาจากอพาร์มเม้นต์ ในเมืองร็อคพอร์ท วัวพยายามดิ้นรนเพื่อให้หัวของมันอยู่เหนือระดับน้ำ ส่วนในบริเวณเมืองวิคตอเรีย มีสุนัขอีกตัวที่ถูกมัดไว้กับต้นไม้ที่อยู่นอกบ้าน และดูเหมือนเจ้าของจะย้ายออกไปแล้ว ทิ้งมันต้องเผชิญกับภัยเฮอร์ริเคนเพียงลำพังเช่นกัน นอกจากนี้ในเมือง Roman Forest ของรัฐเท็กซัส ประมาณ 200 กิโลเมตรจากทางเหนือของเมืองวิคตอเรีย ตำรวจถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นสัตว์ที่อยู่ในลักษณะเหมือนถูกทารุณกรรม ทางหัวหน้าตำรวจ Stephen Carlisle กล่าวว่า “ผมสัญญาว่าจะดูแลทุกคนให้ดีที่สุดในช่วงภาวะวิกฤตินี้ แต่ทุกคนต้องอย่าลืมว่าสุนัขคือหนึ่งในครอบครัวของคุณ” นอกจากนี้ยังมีกฎหมายของรัฐที่ระบุว่า ห้ามผูกสุนัขไว้ข้างนอกในสภาพอากาศที่เลวร้าย รวมทั้งภัยพิบัติจากพายุเฮอร์ริเคนเหมือนอย่างในครั้งนี้ด้วย ใครก็ตามที่ละเมิดกฎหมายข้อนี้จะมีความผิดทันที รถบรรทุกพลิกคว่ำในพื้นที่ Coast Bend โดยมีสุนัขตัวหนึ่งแอบซ่อนตัวอยู่ในนั้น …
-
รถหุ่นยนต์ O-R3 ตำรวจสมองกลแห่งดูไบ ออกตรวจตามท้องถนน พร้อมประจำการในปีหน้า!!
เทคโนโลยีนั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดดจริงๆ หลายสิ่งหลายอย่างที่ก่อนหน้านี้ที่เคยคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ ก็เริ่มมีผุดออกมาได้เห็นกันในชีวิตจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคปัจจุบัน อย่างเช่นรถตำรวจที่ขับเคลื่อนด้วยสมองกลคันนี้ เมื่อนครดูไบ แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้นำเทคโนโลยีมาช่วยให้การทำงานของตำรวจ ให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือเจ้า O-R3 หรือรถตำรวจที่สามารถไล่ตามคนร้ายได้ผ่านสมองกลของมันเอง!! สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้เป็นของบริษัท OTSAW Digital จากประเทศสิงคโปร์ และที่ดูไบจะกลายเป็นเมืองแรกของโลกที่จะใช้รถตำรวจสมองกลในตอนสิ้นปี หากใครได้ไปเที่ยวที่ดูไบในปีหน้า ก็คงจะมีโอกาสได้เห็นพวกมันออกปฏิบัติหน้าที่แน่ๆ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้มีไว้มาแทนที่คุณตำรวจแต่อย่างใด หากมีไว้เพื่อช่วยให้จัดการความเรียบร้อยภายในเมืองได้ดียิ่งขึ้น (งานตรวจตรายิบย่อยเล็กๆ ประจำวัน) ถึงแม้ว่าขนาดของมันจะเล็กเหมือนของเล่นเด็ก แต่มันมีฟังก์ชั่นมากมายที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในการไล่ตามผู้ร้ายได้ อย่างเช่น โดรนที่จะบินออกมาถ่ายภาพของคนร้ายเอาไว้ แล้วส่งกลับไปสำนักงาน คลิปวิดีโอโชว์ประสิทธิภาพการทำงานของ O-R3 ผู้บัญชาการกรมตำรวจแห่งดูไบได้ออกมาเสริมอีกว่า การที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอย่างการใช้หุ่นยนต์ เพื่อที่ว่าจะทำให้เกิดความปลอดภัยในท้องถนนมากที่สุด และช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการลาดตระเวนอย่างหนักหน่วงของเจ้าหน้าที่ด้วย เจ้ารถหุ่นยนต์ตัวนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการที่จะใช้เทคโนโลยีสมองกลเข้ามาช่วยปฏิบัติหน้าที่ โดยคาดว่าในปี 2030 จะมีเหล่าสมองกลมาช่วยทำงานมากถึง 25% โดยไม่เฉพาะเจาะจงเป็นหุ่นยนต์เพียงอย่างเดียว… ประโยชน์ของความก้าวหน้าในสิ่งประดิษฐ์มากมาย ก็ช่วยให้มนุษย์มีชีวิตที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และจะยังคงพัฒนากันต่อไปเพื่อตอบโจทย์เราอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้จบ ที่มา: gulfnews, theverge
-
หนุ่มรื้อถอนห้องน้ำ หวังเพื่อจะรีโนเวทใหม่… แต่ดันเจอสุสานโบราณ ที่ซ่อนอยู่ใต้ดินซะงั้น!!
เป็นเรื่องราวการค้นพบที่ไม่มีใครคิดหรอกว่าจะมาเจอกับอะไรแบบนี้ เมื่อ Lucian Faggiano หนุ่มชาวเมืองเลกเซประเทศอิตาลี ได้วางแผนที่จะเปิดร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ทำการซื้อขายตึกแถว 56 Via Ascanio Grandi และก่อนที่จะเริ่มเปิดร้านได้ก็ต้องมีการปรับปรุงรีโนเวทร้านใหม่ทั้งหมดก่อน ในตอนแรกพวกเขาคิดว่า ใช้เวลาเพียงอาทิตย์เดียวก็คงจะเปิดร้านได้แล้ว แต่กลับไม่เป็นอย่างที่วางแผนไว้ เพราะหลังจากที่พวกเขาได้รื้อถอนห้องน้ำและตั้งใจจะรีโนเวทใหม่ ก็ต้องพบว่าใต้พื้นห้องน้ำเดิมทีเป็นที่ตั้งของสุสานโบราณ ซึ่งหลังจากที่มีการค้นพบดังกล่าว พวกเขาต้องใช้เวลานานกว่า 8 ปี เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่จัดการกับวัตถุโบราณทั้งหมดก่อนจะเปิดร้านได้ ทางนักโบราณคดีได้ชี้ว่า สุสานดังกล่าวน่าจะถูกสร้างขึ้นในช่วงยุคโรมัน โดยในตอนนั้นบริเวณดังกล่าวถูกใช้ชื่อเมืองว่า Sybar ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Lupiae และเปลี่ยนเป็น Lecce ในเวลาต่อมา Giovanni Giangreco หนึ่งในเจ้าหน้าที่โบราณคดีอ้างว่า “การค้นพบภายในบ้านของ Faggiano ในครั้งนี้ นับเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ เพราะสถานที่แห่งนี้เคยถูกใช้มาตั้งแต่ยุค Messapians ไปจนถึงยุคโรมัน และจากยุคกลางสืบสานไปจนถึงยุคไบแซนไทน์” นอจากนั้นนักโบราณคดียังขุดพบเครื่องปั้นดินเผา และเครืี่องประดับต่างๆ ที่ถูกสร้างมาโดยอัศวินเทมพลาร์ ซึ่งทางประวัติศาสตร์นั้นถือว่าเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่มาก แต่สำหรับพวกเขาที่มีแผนจะเปิดร้านอาหารนั้น นี้กลับไม่ใช่การค้นพบที่ดีซักเท่าไหร่ เพราะทันทีที่รัฐบาลรู้ว่ามีการค้นพบที่นี่…
-
เรื่องเล่าตำนาน “เรือผีสิง” ลอยลำไปไกลในทะลได้ โดยที่ไม่มีใครอยู่บนนั้นนานถึง 38 ปี!!
หากว่าได้ดูหนังโจรสลัดชื่อดังอย่าง Pirates of The Caribbean ก็คงจะไดเห็นเรือผีสิงที่สร้างความหลอกหลอนให้กับผู้ที่ต้องประสบพบเจอ แต่เรือแบบนั้นกลับมีอยู่จริงในท้องทะเล เรือ SS Baychimo หรือในชื่อเดิมว่า Ångermanelfven เป็นเรือขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1914 มีไว้เพื่อการส่งสินค้าข้ามทะเลระหว่างเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี กับประเทศสวีเดน โดยขนาดของเรือมีความยาว 70 เมตร หนักถึง 1,322 ตัน และใช้ถ่านหินในการขับเคลื่อเครื่องยนต์ไอน้ำที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 19 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เยอรมนีต้องชดใช้หลังสงคราม จึงส่งมอบเรือให้กับบริษัทของอังกฤษในปี 1921 ไปอยู่บ้านใหม่ที่สกอตแลนด์ และได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น Baychimo ไว้สำหรับการล่องเรือรวบรวมขนสัตว์ ในช่วงฤดูร้อนก็จะกลับมาและใช้ขนส่งแลกเปลี่ยน ยาสูบ น้ำตาล ชา และอาวุธตามชายฝั่งของแคนาดา ในปี 1924 เรือลำนี้ก็ได้แล่นไปรอบโลกยังคงทำหน้าที่ขนส่งพัสดุเหมือนเดิม จนถึงปี 1931 เมื่อลูกเรือพบว่าได้ติดอยู่กับทะเลน้ำแข็ง ทำให้ทุกคนต้องเดินทางปีนผ่านแนวน้ำแข็งไปขึ้นฝั่งที่ห่างไปไม่ถึงกิโลในอลาสก้า รอให้น้ำแข็งละลายและจึงกลับมานำเรือแล่นสู่จุดหมายต่อไป ในสัปดาห์ต่อมา เรือก็ได้ไปติดกลางหมู่น้ำแข็งอีกครั้ง พวกเขาจึงส่งข้อความขอให้มีการส่งเครื่องบินมารับพวกเขาออกไป แต่จะทิ้งลูกเรือบางคนไว้ที่ชายหาดใกล้ๆ สร้างกระท่อมคอยสอดส่องดูแลเรือที่ห่างออกไปไม่มาก ตั้งใจว่าจะแล่นเรือกลับในช่วงหน้าร้อนที่กำลังมา…
-
โรงน้ำชากับเส้นทางสุด “หฤโหด” บนยอดเขาหัวซาน ที่คุณต้องลงแรงขึ้นไปด้วยตัวเอง
หลายคนเวลาปีนเขาหรือขัยรถขึ้นดอยก็มักจะแวะจิบชากาแฟ สูดบรรยากาศอันแสนสดชื่นแบบสบายๆ แต่ถ้าหากว่ากลับกันบ้างเมื่อคุณต้องลงทุนลงแรงปีนขึ้นเขาไปเพื่อการกินชาเพียงถ้วยเดียว เพราะว่าร้านน้ำชาที่ประเทศจีนนั้นมีความไม่ธรรมดา ตรงที่ดันไปตั้งร้านอยู่บนยอดเขาอันสูงชัน โดยใช้พื้นที่ของวัดลัทธิเต๋าในสมัยก่อน อันห้อมล้อมไปด้วยหมู่มวลดอกไม้ หากว่าคุณต้องการจะไปจิบชาที่โรงน้ำชาแห่งยอดเขาหัวซาน มันจะไม่เป็นเรื่องง่ายเหมือนที่เราเจอกันทั่วไป อย่างที่บอกว่าที่ตั้งไปอยู่ซะสูงขนาดนั้น คุณก็ต้องออกแรงปีนขึ้นไปด้วยความยากลำบาก อย่าลืมว่ามีความเสี่ยงว่าอาจตกลงไปกลางทางก็ได้อีกนะ ในตอนแรกคุณก็จะได้ชมบรรยากาศโดยรอบอยู่ในกระเช้าลอยฟ้าที่จะพาคุณไปปล่อยเอาไว้ หลังจากนั้นที่เหลือคุณก็ต้องหาทางไปต่อกันเอง แต่เขาก็ยังมีอุปกรณ์ช่วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโซ่เหล็กเส้นไม่ใหญ่มากบวกกับไม้แผ่นเล็กๆ แถมรูเอาไว้สำหรับให้เท้าเหยียบ ถ้ากลัวความสูงก็คงไม่ได้ลิ้มลองรสน้ำชาแล้วล่ะ… และถ้าโชคยังเข้าข้างคุณอยู่ในที่สุดคุณก็จะได้มาเดินขึ้นบันไดซักที แต่หากคิดว่ามันชิลล์ละก็ บอกเลยว่าไม่เพราะบันไดที่ว่านี้มีความลาดชันมากที่สุดในโลก แต่ไม่ต้องกลัวเพราะยังมีราวจับไว้ช่วยพยุงตัวอยู่ แต่ก็ยังหวาดเสียวอยู่ดี… ราวจับหรือเชือกฟาง ซะเล็กเชียว สุดทางก็จะได้พบกับร้านน้ำชาแล้ว จงดื่มด่ำความสำเร็จไปกับชาสักถ้วยอย่างเต็มที่ เพราะว่าเมื่อคุณดื่มเสร็จแล้วก็ต้องรีบเดินลงกันซะหน่อย ไม่งั้นมีหวังฟ้าจะมืดเอาซะก่อนแล้วมันจะลำบาก หากใครอยากที่จะลดน้ำหนัก ออกกำลังกายได้แบบครบวงจรแล้วละก็ ขอแนะนำให้ได้ไปลองดื่มชาร้านนี้กันได้ที่เมืองหัวยิน ประเทศจีนเลย แต่อย่าลืมไปกันแต่เช้าด้วยนะเดี๋ยวไม่มีเวลาเพราะกว่าจะไปถึงร้านอาจปิดไปซะก่อน ที่มา: ranker
-
คู่หูพิทบูลเข้าปกป้องเจ้านายน้อย ให้รอดพ้นจากงูพิษร้าย ต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บสาหัส…
ใครก็ตามที่ได้เลี้ยงสุนัข จะมีรู้สึกว่ามันคือสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว และเป็นส่วนสำคัญในชีวิต ไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่คิดแบบนี้ น้องหมาเองก็รู้สึกว่ามนุษย์เป็นครอบครัวของมันเช่นกัน มันจึงได้ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวยังไงล่ะ นอกเพื่อน ความซื่อสัตย์ที่สุนัขมีให้เจ้าของแล้ว มันยังพร้อมให้การปกป้องคอบครัว แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม เหมือนกับเจ้าหมาพิทบูลคู่นี้ สุนัขคู่หู Slayer และ Paco ได้กลายเป็นฮีโร่ของครอบครัว หลังจากที่พวกมันต่อสู่เพื่อปกป้องเด็กชายสองคนจากงูที่จะเข้ามาทำร้าย Melissa Butt เจ้าของสุนัขได้เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า เหตุการณ์ที่น่าตกใจนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ทางนอกเมืองของฟลอริด้า ตอนนั้น Slayer กับ Paco กำลังเล่นอยู่กับเจ้านายตัวน้อยคือ Zayden วัย 4 ขวบ และ Mallory วัยขวบครึ่ง ที่สนามหลังบ้าน แต่แล้วพวกมันก็เห็นงูโผล่มาวับๆ แวมๆ ก่อนจะเลื้อยหลบซ่อนตามพุ่มไม้ น้องหมาทั้งสองตัวรู้ว่าเจ้างูยังไม่ไปไหน และกำลังรอโอกาสที่เข้ามาทำร้ายเจ้าของบ้าน สุนัขทั้งสองตัวจึงได้ตามกลิ่นของงูตัวนั้นจนเจอ และพวกมันก็เริ่มเห่าเจ้างูตัวนั้น Cynthia ลูกสาวของ Melissa ไม่รู้ว่ามันเห่าอะไร จึงได้ตะโกนห้าม แต่พวกมันก็ไม่ยอมฟังเลย เธอจึงได้พาน้องๆ ทั้งสองคนเข้าบ้านไป ต่อมาไม่นาน Melissa และสามีได้ไปตรวจสอบสถานที่ที่สุนัขเห่า แล้วก็พบว่าพวกมันกำลังจับงูตัวหนึ่งเอาไว้…
-
แอร์สาวถูกบังคับให้ลาออก หลังมีโพสต์ข้อความกล่าวถึงนักร้องดัง ที่เดินทางเที่ยวบินเดียวกับเธอ…
อาชีพแอร์โฮสเตสนั้นมักจะได้เจอกันผู้คนมากหน้าหลายตา รวมทั้งคนดังหลายๆ ด้วย และก็ไม่แปลกถ้าจะตื่นเต้นเวลาเจอคนดัง แต่สำหรับแอร์สาวคนนี้อ้างว่าถูกสายบิน Virgin Atlantic บังคับให้ลาออก หลังเธอส่งข้อความชื่นชมผู้โดยสารเฟิร์สคลาสคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักร้องชื่อดัง Charlotte Whittingham วัย 25 ปี จาก Reading ได้ให้การบริการแก่ Rita Ora นักร้องชื่อดังที่กำลังเดินทางจากลอนดอนไปยัง LA แอร์สาวปลื้มเธอคนนี้มา จนได้ส่งข้อความไปหาแฟนสาวของเธอ Stacey McClean ผ่านเฟสบุ๊ก เธอบอกแฟนสาวว่า “Rita สวยมากๆ เหมือนภาพวาดสีน้ำมันเลย” ทำเอา McClean ตื่นเต้นไปด้วย ถึงกับโพสต์สเตตัสลงในเฟสบุ๊กตัวเองอีกที เพื่อบอกว่าแฟนสาวโชคดีมากที่ได้ให้บริการนักร้องคนดังกล่าว ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีอะไร จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ต่อมา แอร์สาวได้ออกมาบอกถูกผู้บังคับบัญชาสั่งให้ลาออก ไม่เช่นนั้นจะโดนลงโทษทางวินัยสำหรับข้อความของเธอที่ถูกโพสต์ในอินเตอร์เน็ต ต่อมาหนังสือพิมพ์ได้รายงานว่า Charlotte บอกกับเพื่อนๆ ของเธอว่า “ฉันรู้สึกเสียใจมากๆ เพราะการได้เป็นส่วนหนึ่งของสายการบิน Virgin นับเป็นงานในฝันของฉันเลย และที่ผ่านมาฉันก็พยายามอย่างดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับชื่อเสียงของสาบการบิน” “แต่แล้วเมื่อแฟนสาวของฉันโพสต์สเตตัสว่าฉันโชคดีแค่ไหนที่ได้ให้บริการ Rita ฉันก็แค่ตอบกลับชื่นชมไปว่าเธอสวยมากแค่ไหน ซึ่งฉันไม่ได้พาดพิงถึง Virgin เลยด้วยซ้ำ” แอร์สาวบอก …
-
15 ลักษณะพิเศษของร่างกาย ที่หาได้ยากมากๆ และน้อยคนนักที่จะมีอัตลักษณ์แบบนี้…
แม้เราทุกคนจะมีแขนขา มีหัว มีอวัยวะต่างๆ เหมือนกัน แต่ทว่าในตัวของเรานั้นต่างก็มีเอกลักษณ์ ที่สามารถบ่งบอกความเป็นของตัวตนของเราได้ รวมไปถึงรายละเอียดบางจุดเล็กๆ น้อยๆ ภายในร่างกายที่มีความแตกต่างจากคนทั่วไป จนทำให้คนคนนั้นกลายเป็นคนที่ส่วนน้อยที่หากได้ยากมากๆ ไปโดยปริยาย อย่างเช่น 15 ความแตกต่างของร่างกายต่อไปนี้ ที่น้อยคนนักจะมี ลองสังเกตกันดูนะว่า คุณคือหนึ่งในนั้นรึเปล่า? 1. ไม่มีฟันคุด เชื่อมั้ยว่าบนโลกนี้มีคน 20% ที่ไม่มีฟันคุด ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับคนทุกกลุ่ม อย่างเช่น ชาวเม็กซิกันแทบจะ 100% นั้นไม่มีฟันคุดเลย ในขณะที่ชาวพื้นเมืองแทสเมเนียนกลับมีฟันคุดทุกคน ซึ่งความแตกต่างนี้มีความเกี่ยวข้องกับยีน PAX9 และอาจจะรวมทั้งยีนอื่นๆ ด้วย 2. ดวงตาสีฟ้า สำหรับคนที่มีดวงตาสีฟ้านั้น เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีน HERC2 ที่นำไปสู่การลดการผลิตเมลานินในม่านตา ซึ่งมีประชากรโลกเพียง 8% เท่านั้นที่มีดวงตาสีฟ้า 3. นิ้วโป้งเท้าสั้น (Morton’s toe) มีเพียง 10% เท่านั้นที่จะมีนิ้วโป้งเท้าแบบ Morton’s toe คือจะมีนิ้วโป้งเท้าที่สั้นกว่านิ้วเท้าอื่นๆ แล้วรู้มั้ยว่าเทพีเสรีภาพก็มีนิ้วเท้าลักษณะนี้เหมือนกันนะ!! 4. ขวัญผมก้นหอย…
-
พบกับ “ลูลู่จัง” สาวนางแบบในชุดคอสเพลย์ โมเดลตุ๊กตามีชีวิตตัวแรกของโลก!!
การได้แต่งกายเป็นตัวการ์ตูนหรือสวนบทบาทของตัวละครที่ชื่นชอบ เป็นหนึ่งในกิจกรรมโปรดของหลายๆ คน และการได้สวมบทบาทเหล่านั้นก็มักจะทำให้พวกเขามีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว เหมือนกับ Hitomi Komaki สาวน้อยคนนี้ การคอสเพลย์ของ Hitomi นั้นมีความแตกต่างจากการแต่งคอสเพลย์ทั่วๆ ไปเพราะเธอเลือกที่จะแต่งตัวเป็นโมเดลตุ๊กตาสาวที่ดูมีชีวิตจริง ซึ่งนอกจากการแต่งตัวแล้วลักษณะท่าทางต่างๆ ของเธอนั้นก็ยังเหมือนตุ๊กตาแบบไม่มีผิดเพี้ยนเลย!! สาวน้อยวัย 23 ปี ผู้หลงใหลในความน่ารักของตุ๊กตาโมเดลนี้ เธอได้เริ่มต้นออกแบบชุดและแต่ตัวด้วยคาแรคเตอร์นี้เมื่อประมาณ 9 ปีก่อน และตั้งชื่อให้กับชุดที่เธอออกแบบว่า Lulu Hashimoto นอกจากการแต่งตัวต่างๆ แล้วเธอยังได้ไอเดียที่จะทำให้ตัวเองนั้นมีความเหมือนกับตุ๊กตาโมเดลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย หลังจากที่ได้เห็นผลงานตุ๊กตาของบริษัทออกแบบอย่าง Nukopan หญิงสาวได้เริ่มติดต่อกับบริษัทออกแบบดังกล่าวเพื่อขอร่วมงานกับพวกเขา “ฉันได้พบกับ Nukopan เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ฉันรู้สึกสนใจเกี่ยวกับผลงานการออกแบบหัวตุ๊กตาของพวกเขามาก” จนในที่สุดชุดและส่วนต่างๆ ของชุดคอสเพลย์ของเธอ ก็ถูกออกแบบให้มีความเหมือนกับตุ๊กตามากยิ่งขึ้นโดยฝีมือของคุณ Koh Ueno ดีไซเนอร์ชื่อดัง และนี่คือชุดของเธอจากผลงานของดีไซเนอร์ท่านนี้ หญิงสาวสวมใส่ชุดคอสเพลย์ของเธอด้วยความมั่นใจ และเริ่มสร้างฐานแฟนคลับของเธอขึ้นมา เมื่ออยู่ในชุดคอสเพลย์นี้ เธอจะเปลี่ยนเป็นตุ๊กตาสาวน้อยลูลู่จัง “ลักษณะเด่นของลูลู่จังก็คือส่วนหัวของเธอ นอกจากนี้เธอยังมีรูปร่างที่สูงนิดหน่อยอีกด้วย เราอยากจะบอกคุณว่าไม่ว่าเธอจะสวมชุดอะไร หรือแต่งตัวแปลกไปแค่ไหน เธอก็ยังคงตัวเธออยู่ดี” Hitomi…
-
ตามติดชีวิต ‘Tinja’ สาวผู้ทิ้งชีวิตชาวเมือง ออกไปอยู่กลางป่าเขาหิมะ กับฮัสกี้กว่า 85 ชีวิต!!
หากใครที่กำลังรู้สึกเบื่อชีวิตในเมือง เบื่อการตื่นแต่เช้าไปนั่งรถติดทำงาน เราจะขอพาไปรู้จักกับชีวิตของ Tinja Myllykangas สาวชาวฟินแลนด์ ที่ทิ้งชีวิตในเมืองมาอยู่กลางธรรมชาติพร้อมฮัสกี้กว่าอีก 85 ชีวิต Tinja หญิงสาวผู้เลือกที่จะอยู่อย่างไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีอินเตอร์เน็ต หรือไม่มีแม้แต่ห้างสรรพสินค้า คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าเธอฮิปสเตอร์สุดๆ แต่วิถีของเธอนั้นไม่ง่ายเลย เธอต้องใช้ชีวิตท่ามกลางอุณหภูมิ – 45 องศา และต้องประกอบอาหารผ่านแสงเทียน ครั้งหนึ่งเธอเคยออกมาอยู่ในเขตชนบท แต่เธอก็รู้สึกว่ามันไม่ได้สัมผัสถึงธรรมชาติจริงๆ เท่ากับการที่ออกมาอยู่เองแบบนี้ ในขณะที่คนอื่นมีเพื่อนนับแสนบนโลกออนไลน์ แต่เธอมีเพื่อนแท้เป็นหมาฮัสกี้ และม้าสายพันธุ์ดีประจำถิ่น กิจกรรมในแต่ละวันนอกจากหาอาหารแล้ว เธอมักจะใช้เวลาดูแลเหล่าสุนัขเพื่อนซี้ตลอดทั้งวัน รายได้เล็กๆ ส่วนหนึ่งของเธอมาจากการเปิดฟาร์มฮัสกี้ และให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเยี่ยมชมวิถีชีวิตของเธอได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่รายได้ที่มากมายอะไร เพราะเธอทำไปเพียงเพื่อเป็นค่าอาหารและค่าใช้จ่ายในยามฉุกเฉินให้เหล่าสุนัขเท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่า เพื่อนบ้านของเธอที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปถึง 300 กิโลเมตร แบบแปลนของฟาร์มและเพื่อนๆ ของเธอ มีทั้งม้าพันธุ์พื้นเมือง และไซบีเรียนฮัสกี้ อีกหนึ่งสิ่งที่เธอรู้สึกว่าคุ้มค่ามากที่สุด คือการได้ใกล้ชิดกับปรากฎการณ์ธรรมชาติแบบนี้แหละ และด้วยความที่อากาศหนาวจัด…
-
ช่างภาพเผยสาเหตุ ที่เหล่าบล็อคเกอร์สายท่องเที่ยว มักจะเที่ยวซ้ำรอยและอัพภาพในมุมเดียวกัน!?
หากเพื่อนๆ ได้ติดตามไอจีของเหล่าทราเวลบล็อคเกอร์หลายๆ คน จะเห็นว่าพวกเขามักจะอัพภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่เดียวกัน ในมุมเดียวกันเป๊ะๆ หรือไม่ก็มีความคล้ายคลึงอยู่มาก… แล้วเราเคยสงสัยไหมว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? ทางเว็บไซต์ Insider จึงได้ทำการรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาเปรียบเทียบพร้อมกับเผยข้อสงสัยเหล่านี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้จากช่างภาพที่ชอบการท่องเที่ยวคนหนึ่ง เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานที่เหล่านั้นมีความสวยงามจนต้องถ่ายรูปเก็บเอาไว้ ซึ่งก็ไม่ต่างจากการที่นักท่องเที่ยวทั่วไป ที่ไปถ่ายรูปหน้าอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพหรือหอไอเฟล 1. Ben Youssef Madrasa เป็นวิทยาลัยอิสลามโบราณในโมร็อกโก โดดเด่นด้วยประตูโมเสก ซึ่งทราเวลบล็อคเกอร์มักจะถ่ายมุมนี้แหละลงในอินสตาแกรม แต่สำหรับช่างภาพสายท่องเที่ยวอย่าง Sara Melotti ได้ให้เหตุผลที่มากกว่านั้น… โดยย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม Melotti ได้เขียนบล็อกที่เปิดเผยถึงสิ่งที่เธอเรียกว่า “มาเฟียอินสตาแกรม” ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ผู้เล่นอินสตาแกรมใช้ในการเพิ่มยอดผู้ติดตาม เมื่อมียอดผู้ติดมาก ยอดไลค์ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย และสิ่งเหล่านี้แหละที่เป็นตัวดึงดูดแบรนด์สินค้าต่างๆ ในการจ้างเป็นพรีเซนเตอร์นั่นเอง โดยส่วนหนึ่งของกลยุทธ์แบบนี้ Melotti บอกว่าต้องไปสถานที่ที่มีผู้คนรู้จักมาก มีชื่อเสียงโด่งดัง ผู้คนก็จะเข้ามากดไลค์เป็นจำนวนมาก ต่อให้แม้จะเป็นสถานที่เดียวกัน และถ่ายภาพมุมเดียวกันกับบล็อคเกอร์คนอื่นก็ตาม แต่นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้น บางคนต้องการแค่โด่งดังในโซเชียลเท่านั้น ในขณะที่คนไม่น้อยพยายามทำให้ตัวเองมียอดผู้ติดตามและยอดไลค์เยอะๆ จนได้รับความสนใจจากสื่อ ทีนี้หากสื่อจะเอาเรื่องราวหรือรูปภาพไปเผยแพร่ต่อ พวกเขาก็จะเรียกเก็บเงินจากสื่อเป็นการแลกเปลี่ยน 2. สระว่ายน้ำที่โรงแรม Riad BE…
-
สุดงง!! ภาพวาดปี 1937 เผยให้เห็นชนพื้นเมืองกำลังถือ “สมาร์ทโฟน” หรือเป็นเพียง “กระจกเงา”
สิ่งประดิษฐ์ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาจากรุ่นสู่รุ่น มีความก้าวหน้าสร้างความสะดวกสบายที่เพิ่มมากขึ้นให้กับเรามากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับเครื่องมือสื่อสารอย่างโทรศัพท์มือถือ ที่ถูกออกแบบพัฒนาตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเรามาโดยตลอด แต่ความเป็นจริงสมาร์ทโฟนที่เราใช้กันในปัจจุบันอาจมีใช้กันมานานมากแล้วก็ได้ เมื่อมีภาพวาดของจิตรกรชาวอิตาลีที่ได้ถูกวาดเอาไว้ในปี 1937 แสดงให้เห็นถึงการค้าขายระหว่างผู้อยู่ใต้อาณานิคมของอเมริกาที่แต่งตัวกันอย่างมีสีสัน กับชนพื้นเมืองในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยปิดส่วนต่างๆ ด้วยผ้าหนังสัตว์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17 สื่อถึง William Pynchon ผู้ที่เกิดในปี 1590 ที่รัฐแมสซาชูเซตต์ และประสบความสำเร็จจากการค้าขายขนสัตว์ นั่นหมายความว่าจิตรกร Umberto Romano ได้สื่อภาพนี้ไปยังเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 400 ปี ทว่าสิ่งที่ทำเอาหลายคนต้องตกใจกับภาพนี้ก็คือ การที่มีชายชนพื้นเมืองนั่งจ้องสิ่งของในมือที่มีลักษณะเหมือนกับสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน เกิดคำถามที่ว่าทำไมสิ่งประดิษฐ์ของศตวรรษที่ 21 ถึงไปอยู่ในภาพวาดที่ถูกวาดขึ้นมาก่อนหน้าที่จะมีการคิดค้นนานเกือบ 70 ปีได้ ทำให้มีคนออกมาพูดเกี่ยวกับสิ่งนี้เอาไว้มากมาย Dr Margaret Bruchac ได้ออกมาพูดว่า “มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความคล้ายคลึงอันน่าประหลาด กับท่าทางการถือและการเพ่งความสนใจจนเหมือนกับการใช้สมาร์ทโฟน และคิดว่าสิ่งนั้นน่าจะเป็นใบมีดเหล็กมากกว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพแบบจินตนาการนิยม จึงทำให้ยากที่จะคาดเดาได้” มีหนึ่งความเป็นไปได้ว่า สิ่งที่ชนพื้นเมืองกำลังถืออยู่เป็น “กระจกเงา” ที่มีการนิยมใช้อย่างแพร่หลายในช่วงยุคนั้นพอดี และความเป็นไปได้อีกอย่างก็คืออาจเป็นตำราศาสนาที่เกิดจากการเผยแพร่ หรืออาจเป็นการเดินทางข้ามเวลาที่ทำให้สมาร์ทโฟนไปอยู่ในตอนนั้น (แนวคิดสุดท้ายออกจะเพ้อเจ้อเกินไป) ความคลุมเครือของภาพที่ไม่อาจรู้ได้ว่ามาจากความตั้งใจของตัวจิตรกรหรือเปล่านั้น อาจต้องการแสดงถึงความทันสมัยให้กับในยุคที่ผู้คนยังคงล้าหลัง…
-
นิตยสารแนวไซ-ไฟ ที่สร้างขึ้นโดยทีมงานผู้พิการ เผยจินตนาการในมุมมองที่แตกต่าง…
หลายคนมักคิดว่าคนพิการคือคนที่ไร้ความสามารถ แต่จริงๆ แล้วถ้าเราเปิดโอกาสให้พวกเขาแสดงความสามารถในพื้นที่ที่เหมาะสม จะเห็นว่าคนพิการไม่ได้ด้อยความสามารถอย่างที่คิดเลย และนี่คือนิตยสารแนวไซ-ไฟ ที่ทีมงานเป็นผู้พิการทั้งหมด “ฉันเป็นคนหูหนวก และฉันก็ไม่เคยเห็นใครเหมือนฉันในนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะประเภทไหนก็ตาม” นักเขียนและนักกิจกรรม Elsa Sjunneson-Henry ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ HuffingtonPost Sjunneson-Henry เป็นบรรณาธิการของนิตยสาร Disabled People Destroy Science Fiction ซึ่งเป็นนิตยสารแนวไซไฟ ที่แทบจะไม่เหมือนกับนิตรสารในแนวเดียวกัน สำหรับนิตยสาร Disabled People Destroy Science Fiction นั้น ทางผู้จัดทำคาดหวังที่จะให้ผู้พิการเป็นศูนย์กลางในการเล่าเรื่อง และนี่คือสิ่งที่ Sjunneson-Henry กำลังทำอยู่ เธอบอกว่า “ฉันต้องการสร้างพื้นที่ให้คนพิการได้เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่มักจะถูกมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นที่แตกต่าง ความสามารถ รวมทั้งให้พวกเขาเห็นคุณค่าของตัวเองด้วย” ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาซีรีย์นิตยสาร Destroy ได้พัฒนาและต่อยอดแนวคิดเกี่ยวกับไซไฟที่เคยได้รับการพูดถึงในอดีต และเผยแพร่ให้ผู้คนได้รับรู้ นิตยสาร 3 ฉบับแรกของ Destroy ได้รับเผยแพร่โดย Lightspeed Magazine ซึ่งประกอบไปด้วย…
-
12 ภาพสะท้อนความรู้สึกของผู้หญิง เมื่ออยู่ในสถานการณ์ต่างๆ เรารู้คุณก็เป็นใช่มั้ย!?
ชอบมีคนบอกว่าเป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย แหม่… ถ้าให้พูดน่ะ ใครๆก็พูดได้ แต่มันทำยากมากเลยนะ และเพราะการคิดแบบนี้แหละที่ทำให้ผู้หญิงมักอยู่โลกแห่งความฝัน จินตนาการตัวเองในลุคสวยๆ ตลอด แต่ความเป็นจริงนั้นก็รู้ๆ กันอยู่… เหมือนกับภาพเหล่านี้ที่ทำออกมาล้อเลียนผู้หญิง เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ผู้หญิงคิดกับสิ่งความเป็นจริงของผู้หญิง ไหนลองมาดูซิว่า จะตรงกับเราบ้างมั้ยน้าาา?? 1. เวลาผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูง กับสิ่งที่คนอื่นเห็นว่าเราสวย แต่ความรู้สึกภายในนั้น… แม่ม โคตรจะเจ็บตรีนเลย 2. รูปที่ถ่ายเอง รูปที่เพื่อนแท็ก 3. ผู้หญิงตอนแต่งหน้า ผู้หญิงตอนหน้าสด 4. ก่อนช่วงวันหยุดครึ่งปี (กินไม่ยั้ง) ก่อนวันหยุด 1 ชั่วโมง (รีบลดหุ่นเพื่อจะได้ใส่ชุดบิกีนี่สวยๆ ไปเที่ยวทะเล) 5. ตอนผู้ชายไม่สนใจ พอผู้ชายโทรมา 6. อุตส่าห์แต่งหน้ามาซะดิบดี ดันมาจามปากกว้างหมดสวยกันเลย… 7. วันปกติ…
-
นักข่าวหล่อเกินไปจนคุณป้าติดอกติดใจ เกาะแขนไม่ยอมปล่อย เขินจนรายงานต่อไม่ได้…
เวลาที่นักข่าวไปยืนรายงานตามที่สาธารณะหรือที่ที่คนพลุกพล่านเป็นธรรมดาที่จะมีคนเข้ามาทักทายนักข่าว หรือเล่นกับกล้องบ้าง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะต่างออกไปนิดหน่อย เพราะนักข่าวที่มารายงานข่าวในครั้งนี้ ดันมีหน้าตาหล่อเหลาอย่างโดดเด่น จนคุณป้าคนหนึ่งเกาะติด ไม่ยอมปล่อยเลยทีเดียว นักข่าวหนุ่มคนนี้คือ James Longman จากสำนักข่าว ABC เกี่ยวกับผลกระทบของการโจมตีในบาร์เซโลน่า ซึ่งดูจากเรื่องที่เขาจะรายงานแล้ว น่าจะออกแนวเคร่งเครียดหน่อย แต่จากคลิปจะเห็นว่านักข่าวทำหน้ายิ้มแย้มซะงั้น ก่อนจะมีเสียงผู้หญิงแทรกเข้ามา ‘My name Isabelle – Isabelle of Chile.’ James จึงก้มลงไปคุยกับผู้หญิงนั้น แล้วบอกเธอว่า ‘กำลังอยู่ในช่วงรายงานข่าวนะครับ ยังคุยตอนนี้ไม่ได้นะ’ แล้วเขาก็หันมาบอกผู้ชมว่า “ขอโทษครับ พอดีมีผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่งมาคุยกับผม” นักข่าวหนุ่มกำลังจะรายงานข่าวต่อไป แต่เขาก็กึ่งพูดกึ่งยิ้ม ดูเหมือนยังไม่พร้อมจะรายงานสถานการณ์ ทำไมหรอ?? แล้วกล้องก็เลื่อนลงไปจับภาพของผู้หญิงที่ชื่อ Isabelle ปรากฏว่าเธอเอาแก้มแนบกับแขนของ James พร้อมทำหน้าฟิน แบบว่าติดอกติดใจนักข่าวรูปหล่อจนไม่ยอมปล่อยเลยล่ะ ทำเอาคนดูอย่างเรายิ้มตามไปด้วยเลยล่ะ ดูเหมือนคุณป้า Isabelle กำลังคาดหวังว่าจะมีรูปคู่กับนักข่าวหนุ่ม แต่เขาบอกเธอว่าเราไม่ได้ถ่ายรูปนะ เราถ่ายวิดีโออยู่ จากนั้นนักข่าวก็พยายามสูดหายใจเข้าลึก และกลั้นหัวเราะ เพื่อที่จะรายงานข่าวต่อได้ สำหรับการโจมตีบาร์เซโลน่านั้น…
-
สาวกลายเป็นฮีโร่… หลังเห็นมนุษย์ป้าพูดเหยียดผิวใส่พนักงานโรงแรม จนนำไปสู่การวางมวย
การได้เห็นคนอื่นทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หลายๆ คนอาจจะมีวิธีการจัดการกับสถานการณ์ในวิธีที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหลายๆ ครั้งก็มักจะมองข้ามไป ไม่อยากยุ่ง เพราะไม่อยากจะมีปัญหาซะมากกว่า แต่สำหรับ Colleen Dagg แล้วต้องขอบอกเลยว่าเธอไม่ได้คิดแบบนั้น…. เพราะหลังจากที่ได้เห็นคุณป้ารายหนึ่งชื่อว่า Summer Cortts วัย 39 ปี กำลังพูดจาในเชิงเหยียดสีผิวกับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เป็นชาวเฮติ อยู่ในบริเวณล็อบบี้ของโรงแรม La Quinta ภายในเมืองฟอร์ตลอเดอร์เดล รัฐฟลอริดา Colleen จึงอดไม่ไหวที่จะพูดเตือนเธอออกไปว่า ‘เงียบซะ’ จากนั้นมนุษย์ป้ารายนั้นก็หันมาด่ากราดเธอรัวๆ หลังจากที่ Summer กำลังพูดหาเรื่องและท้าทาย Colleen ก็คิดว่าอีกไม่นานคงได้ลงไม้ลงมือกันแน่ๆ เธอจึงเตรียมพร้อมด้วยการก้มลงไปถอดรองเท้า “เธอถอดรองเท้าออกมาทำไม จะเอามันมาตีชั้นเหรอ? คิดว่าชั้นกลัวเหรอ? เดี๋ยวชั้นก็จะตบเธอบ้างหรอก” Summer กล่าวท้าทายขณะที่เห็น Colleen กำลังถอดรองเท้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นท่าทีไม่ดี ก็รีบเข้ามาห้ามปรามเพราะกลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ Colleen ได้เล่าถึงสาเหตุที่เธอถอดรองเท้าว่า “ที่ฉันถอดรองเท้าออกก็เพราะตอนนั้นดูท่าไม่ดีแล้ว ถ้าหากว่าอีกฝ่ายมาแตะต้องตัวเมื่อไหร่ ฉันก็สามารถป้องกันตัวเองได้” พอเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาห้ามไม่ทันไร Summer ก็เดินเข้ามาผลัก Colleen…
-
หนุ่มๆ ไม่ยอม เมื่อนร.หญิง ถูกไล่เพราะใส่เสื้อเปิดไหล่ นร.ชาย จึงออกมาประท้วงให้ซะเลย!!
เรียกได้ว่าปัญหาเรื่องการแต่งกายของนักเรียนหญิง จะเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ถกเถียงกันมาน๊านนาน และก็กลายมาเป็นกระแสดราม่ามาให้เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ ล่าสุดก็ได้เหตุการณ์ที่กลายเป็นความประทับใจไปทั่วโลก โดยเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2017 ซึ่งเป็นวันเปิดเรียนวันแรกของโรงเรียนมัธยมซาน เบนิโต แห่งเมืองฮอลลิสเตอร์ รัฐแคลิฟอร์เนียร์ และได้มีการสั่งให้นักเรียนหญิงกว่า 50 คนกลับบ้าน โทษฐานที่พวกเธอใส่เสื้อเปิดหัวไหล่ ทางโรงเรียนให้เหตุผลว่า… เซ็กซี่เกินไป และเพื่อเป็นการป้องกันอันตรายแก่พวกเธอด้วย แต่ในเรื่องร้ายๆ ก็ย่อมมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น เมื่อเหล่านักเรียนชายในโรงเรียน ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดอะไรด้วยเลย รู้สึกว่าพวกเขาจะยอมให้โรงเรียนสั่งห้ามเรื่องการแต่งตัวไม่ได้เด็ดขาด งานนี้มันต้องประท้วง!! หลังจากนั้นหนุ่มๆ ในโรงเรียนต่างก็พากันใส่เสื้อเปิดไหล่ซะเลย หลังจากที่มีคนโพสต์ภาพกิจกรรมการประท้วงของนักเรียนลงบนโลกโซเชียล มันก็กลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วโลก นักเรียนชาย Andryan Vladimirov ให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าโรงเรียนจะอ้างถึงความปลอดภัย มันควรเป็นเรื่องของมาตรการการป้องกันคนร้าย ไม่ใช่การมาเพ่งเล็งกลุ่มคนที่เป็นเหยื่อ ผู้หญิงไม่ใช่ตัวปัญหาของการข่มขืน แต่เป็นคนที่ทำผิดเองต่างหาก” ท่ามกลางกระแสการประท้วง เหล่านักเรียนต่างรู้สึกสนุกสนานกันยกใหญ่ นักเรียนหญิงคนหนึ่งก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า “ชุดเปิดไหล่มันไม่เคยไปทำร้ายร่างกายใคร และไม่เคยสร้างปัญหาให้ใคร ครูใหญ่บอกว่าที่ต้องห้ามก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเราเอง แต่ขอพูดหน่อยเถอะนะว่า นี่เป็นการแก้ปัญหาที่ผิดจุด เรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศมันเป็นปัญหาที่คุณไม่ควรมองว่าการแต่งกายของผู้หญิงเราเป็นสาเหตุ และดูเหมือนทางโรงเรียนจะโฟกัสผิดจุดไปหน่อยนะ”…
-
ผลสำรวจอังกฤษเผย ผู้คนกว่า 40% มองว่าการมีเซ็กส์กับหุ่นยนต์ ไม่ถือว่าเป็นการนอกใจ..!!
ในขณะที่วงการเซ็กส์ทอยกำลังพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ถึงขนาดที่ว่ามีหุ่นยนตร์เซ็กส์ดอลมากมายออกมาเริ่มวางขาย และผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็มองว่าในอนาคตมันจะเข้ามามีบทบาทสำคัญกับเรามากแน่ๆ แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาจากเทรนด์หุ่นยนตร์เซ็กส์ นั่นก็คือคำถามที่ว่า “ถ้าเรามีแฟนอยู่แล้วแต่ไปมีเซ็กส์กับหุ่นยนต์จะถือว่านอกใจมั้ย?” และทั้งหมดนี้คือผลสำรวจจากประชากรในประเทศอังกษ เราตามไปดูกันเลย ทีมสำรวจสถิติจากมหาวิทยาลัยเชฟฟีลด์ เผยว่าจากผลสำรวจของคนประชากรในอังกฤษเกี่ยวกับศีลธรรมในการร่วมเพศกับหุ่นยนต์ สามารถแบ่งตามสถิติได้ดังนี้ 1. กว่า 1 ใน 3 ของชาวอังกฤษรู้สึกไม่ผิดแปลกอะไรที่จะมีเซ็กส์กับหุ่นยนต์ 2. กว่า 40% ของคนอังกฤษมองว่าการมีเซ็กส์กับหุ่นยนต์ ถึงแม้ว่าจะมีคู่รักอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรม หรือนอกใจแต่อย่างใด 3. อีก 39% เชื่อว่าเทคโนโลยีจะสามารถพัฒนาจนมนุษย์สามารถมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับหุ่นยนต์ได้ภายในปี 2050 (เป็นแฟนกันว่างั้นเถอะ) 4. มากถึง 79% มองว่าเป็นเรื่องที่ผิดจริยธรรมอย่างมาก หากมนุษย์ทำพฤติกรรมร้ายแรงใส่หุ่นยนต์ เช่น ทำร้ายร่างกาย เป็นต้น ซึ่งผลสำรวจนี้ถูกจัดเก็บหลังที่บริษัทยักษ์ใหญ่ Lumidolls ประกาศที่จะเปิดซ่องหุ่นยนต์ในอนาคต Trudy Barber ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเซ็กส์ จากมหาวิทยาลัยพอร์ตสมัท ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า… “ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่สังคมเราจะพัฒนาไปจนถึงขั้นที่มีซ่องหุ่นยนต์ให้บริการ และก็ถือเป็นเรื่องดีที่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้กับหลายๆ คน แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่ตามมาก็อาจจะมีทั้งปัญหาเชิงจริยธรรม และอาจนำไปสู่กฎหมายคุ้มครองหุ่นยนต์ บวกกับเทคโนโลยีที่พัฒนาไปทุกวัน เรามองว่าในอนาคตหุ่นยนต์จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นแน่นอน”…
-
วัยรุ่นท้องแก่ ถูกศูนย์อนามัยปฏิเสธให้ความช่วยเหลือ ปล่อยให้เธอคลอดเพียงลำพังอยู่ข้างถนน…
ในบางครั้งบางสถานการณ์เราก็ต้องการความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง หรือผู้เชี่ยวชาญที่สามารถทำในสิ่งที่คนทั่วๆ ไปไม่สามารถทำกันได้ง่ายๆ อย่างเช่นการทำคลอดที่มันเป็นเรื่องที่ยากเอามากๆ หากต้องคลอดลูกออกมาด้วยตัวเอง แต่เพราะว่าเด็กสาววัย 17 ปีท้องแก่ ถูกทางศูนย์อนามัยท้องถิ่นปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือ นการให้กำเนิดบุตรของเธอ จึงกลายเป็นภาพที่ดูแล้วหดหู่ และน่าสลดเป็นอย่างมากในรัฐฌารขัณฑ์ ประเทศอินเดีย หญิงสาวรายนี้ถูกแฟนหนุ่มทอดทิ้งหลังจากที่รู้ว่าเธอตั้งท้อง และถูกทางครอบครัวไล่ออกจากบ้าน เพราะรู้สึกอับอายกับเรื่องที่เธอท้อง จากคำบอกเล่าของคนในละแวกนั้น เธอได้ใช้ชีวิตอยู่ตามท้องถนนมาเป็นเวลานานถึง 4 เดือนแล้ว จนเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2017 เวลาประมาณ 1 ทุ่มเธอได้ไปขอความช่วยเหลือจากศูนย์อนามัยของโรงพยาบาล Chandil แต่เจ้าหน้าที่ก็ปฏิเสธให้การช่วยเหลือ เพราะว่าเธอไม่มีผู้ปกครองมาคอยกำกับ จากนั้นเมื่อตอนตี 5 เช้าตรู่ของอีกวันหนึ่งเธอก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวที่ข้างถนน ห่างจากจุดที่เธอไปขอให้ช่วยมาเพียง 30 เมตรเท่านั้น คนที่ผ่านไปมาก็สามารถสังเกตได้จากเลือดที่ชุ่มไปหมด และเด็กเล็กที่คลอดมาโดยยังไม่ได้ตัดสายสะดือ คลิปวิดีโอของเรื่องที่เกิดขึ้นกับสาวน้อยท้องแก่คนนี้ Om Prakash Sharma ชาวบ้านละแวกนั้นได้นำสิ่งกีดขวางมาวางไว้บนถนน เพื่อไม่ให้รถขับเข้ามาชนเธอที่นอนกองอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะวิ่งไปขอความช่วยเหลือในที่ที่เธอไปมาแต่ก็ต้องถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลเดียวกัน จนกระทั่งนายแพทย์ Lakhindra Hansda ที่ทำงานอยู่ที่ศูนย์ดังกล่าวได้ออกมาตัดสายสะดือให้ ก่อนที่ Om…
-
ชาวเมืองรู้สึกผวา หลังพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ถล่ม พัดพาจระเข้ออกมาป้วนเปี้ยนเต็มเมือง…
ภัยพิบัติตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นมักจะมาคู่กับความรุนแรงก่อให้เกิดความสูญเสียในหลายๆ อย่าง เห็นได้ชัดสุดก็คือเหล่าต้นไม้ ตึกรามบ้านช่องที่ได้รับผลกระทบ แต่เฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ที่เกิดขึ้นในชายฝั่งรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา กลับมีอะไรที่เพิ่มขึ้นมามากกว่าการทำลายล้างเนี่ยสิ พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เคลื่อนตัวเข้าโจมตีทำความเสียหายให้กับพื้นที่โดยรอบมากมาย ภาพความรุนแรงของเฮอร์ริเคน Harvey ที่ทำซะหลังคาปลิว และจากเหตุการณ์เคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งก็ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างหนักด้วย แต่สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนหวาดผวากันเท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากพายุสงบลง เพราะเหล่ากองทัพจระเข้ได้ออกมาเดินเล่นป้วนเปี้ยนอยู่ตามท้องถนน หรือไม่ก็ซ่อนตัวกันอยู่ใต้รถบ้าง บางตัวก็อัธยาศัยดีแวะไปทักทายตามหน้าบ้านของผู้อยู่อาศัยในละแวกนั้นกันเลยทีเดียว ใครเจอแบบนี้เข้าไปในตอนแรกก็คงจะตกใจกันเป็นธรรมดา ทว่าพวกมันกลับไม่ได้น่ากลัวหรือเป็นอันตรายแต่อย่างใด เพราะพวกมันเพียงแค่หนีขึ้นที่สูงหลบน้ำท่วมเท่านั้นเอง ตัวแทนจากสำนักงานนายอำเภอมณฑล Fort Bend ได้ออกมาพูดว่า “คาดว่านี่เป็นการพลัดถิ่น เพื่อมองหาพื้นที่สูงเพียงเท่านั้น ก็ปล่อยให้มันอยู่ไปก่อนจนกกว่าน้ำจะลง” ทีมงานอนุรักษ์จระเข้ในเท็กซัสก็ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กไว้ว่า “เป็นเรื่องที่รู้กันว่าพวกมันจะหาที่อยู่ในตอนน้ำท่วม แม้ว่าจะเป็นไปได้ยากกับที่มันมาอยู่ตามถนน ตามชานบ้าน หรือใต้รถของคุณ แต่มันก็ไม่ขึ้นมาเพื่อมองหาอาหารหรือมีอาการก้าวร้าว หากคุณปล่อยให้มันไดัพักและกลับสู่ภูมิลำเนาหลังจากที่น้ำลดแล้ว เราควรอยู่ห่างจากพวกมันประมาณซัก 10 เมตร และอย่าไปแหย่ทำให้มันตกใจกลัว หรือการจะพยายามย้ายที่มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ” . ความแตกตื่นตกใจกับสัตว์ที่เรามองว่าพวกมันดูโหดร้ายก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หากว่ามันไม่ได้ทำร้ายหรือเบียดเบียนเรามากจนเกินไป ก็ถือซะว่าเป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไปเถอะนะครับ…
-
เผยภาพ “สุนัขจิ้งจอกตัวอ้วนกลม” ชีวิตที่มีค่าเพียงแค่ขน จากฟาร์มขนสัตว์ในฟินแลนด์
การเจริญเติบโตของมนุษย์ในเรื่องของร่างกายและรูปลักษณ์ภายนอกส่วนหนึ่งมาจากอาหารการกิน ที่ได้รับมาจากคนที่คอยเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เกิด ส่งต่อมาเป็นความปกติของเราในปัจจุบัน และเหล่าสัตว์เองก็เช่นกัน แต่เมื่อมันถูกกำหนดให้เป็นในสิ่งที่เหนือกว่าคำว่าธรรมชาติ แน่นอนว่าผลกระทบที่ตามมา จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของมันไปตลอดกาล… อย่างเช่นสุนัขจิ้งจอกที่ถูกเลี้ยงดูในฟาร์มขนสัตว์ประเทศฟินแลนด์ ที่มีภาพเผยให้เห็นความอ้วนกับเนื้อหนังที่ติดกันเป็นชั้นๆ ทั่วร่างกาย เป็นหนักถึงขนาดที่ว่าส่วนของไขมัน ได้ไปปิดตาของมันเลยทีเดียว คลิปวิดีโอการใช้ชีวิตอยู่ในกรงของจิ้งจอกที่ถูกเลี้ยงดูผิดปกติ กรมคุ้มครองสัตว์ได้ออกมาบอกอีกว่าน้ำหนักตัวของพวกมันในฟาร์มจะหนักกว่าจิ้งจอกทั่วไปถึง 5 เท่า เมื่อจิ้งจอกป่าตัวเมียจะหนัก 3.5 กิโลกรัม แต่สำหรับสุนัขจิ้งจอกที่เห็นนั้น มีน้ำหนักมากกว่า 19 กิโลกรัม จากการตรวจสอบพบว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากการเจริญเติบโตเกินขีดจำกัดของสายพันธุ์ พวกมันจะได้รับอาหารที่มีไขมันสูงเพื่อให้มีขนาดตัวใหญ่มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นับว่าเป็นการทำผิดกฎหมายภายในประเทศฟินแลนด์ ในเรื่องของการเลี้ยงปศุสัตว์อย่างทรมาน . Claire Bass กรรมการบริหารจากองค์กรต่อต้านการใช้ขนสัตว์ได้ออกมากล่าวว่า “ฟาร์มขนสัตว์ไม่สามารถทำสิ่งผิดจรรยาบรรณได้ นั่นคือเรื่องที่ผิดเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้สัตว์ที่ดูสวยงามต้องมาทนทุกข์ทรมานในการเคลื่อนที่อย่างยากลำบาก รวมถึงการมองเห็น” เธอเสริมว่า “สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้สนใจเพียงแค่ผลประโยชน์โดยมองข้ามการใส่ใจดูแลพวกมัน และจะเป็นเรื่องที่รบกวนจิตใจของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากขนของสัตว์เหล่านี้” . จากสถิติประเทศอังกฤษนำเข้าขนสัตว์จากฟินแลนด์เป็นมูลค่ากว่า 1 ร้อยล้านบาทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากรัฐบาลสั่งห้ามไม่ให้มีฟาร์มขนสัตว์ภายในประเทศเมื่อปี 2000 จากการทำผิดจรรยาบรรณ ทำให้ต้องใช้ขนสัตว์จากประเทศอื่นมากมาย…
-
ฆาตกรต่อเนื่อง ปรบมือยั่วยุครอบครัวเหยื่อ ไร้สีหน้าสำนึกผิด หลังถูกศาลตัดสินจำคุก 71 ปี
กลายเป็นที่วิพากย์วิจารย์บนโลกออนไลน์อย่างมาก หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของฆาตกรต่อเนื่องวัย 20 ปี ที่กำลังยิ้มโดยไม่มีความรู้สึกผิดและละอายใจ เมื่อเขาถูกศาลตัดสินโทษจำคุกนาน 71 ปี จากการกระทำฆาตกรรมเหยื่อมาแล้วหลายราย รวมถึงการฆ่าข่มขืนเหยื่อรายล่าสุด Cameron Wilson ฆาตกรโหดได้กล่าวประโยคออกมาเสียงดัง หลังจากที่เขาได้รับพิจาณาโทษว่า “อย่างน้อย ผมก็ยังมีชีวิตอยู่” โดยชายคนดังกล่าวถูกตัดสินว่ามีกระทำความผิดโดยเป็นการฆาตกรรม 5 ครั้ง ข่มขืน 1 ครั้ง และพยายามฆ่าอีก 3 ครั้ง หน้าตาที่ไร้ความรู้สึกผิดของ Cameron Wilson และนี่คือภาพของชายผู้นี้ หลังจากที่เขาทราบผลตัดสินคดีความ ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล ชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงสีหน้าเศร้าโศกหรือรู้สึกผิดแต่อย่างใด แถมเขายังยิ้มและหัวเราะตลอดการรับฟังข้อกล่าวหาอีกด้วย โดยเหยื่อรายสุดท้ายของนาย Wilson นั้นก็คือ Lekita Moore สาวน้อยวัย 18 ปี ที่ถูกฆาตกรโหดรายนี้ข่มขืนและกระหน่ำแทงซ้ำถึง 98 ครั้ง นอกจากนี้เขายังสารภาพรายชื่อของเหยื่อคนอื่นๆ ที่ลงมือฆาตกรรมอีกด้วย หลังจากที่มีการอ่านรายละเอียดโทษของฆาตกรหนุ่มเสร็จเป็นที่เรียบร้อย Wilson ก็ยืนยิ้มพร้อมกับตบมือประชดประชัน สร้างความไม่พอใจให้กับครอบครัวของเหยื่ออย่างมาก หลังจากออกมาด้านนอกศาล หนึ่งในสมาชิกของครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ตะโกนด่าเขาด้วยความโกรธว่า “ไอ้ฆาตกร แกน่าจะไปอยู่ในนรกซะมากกว่า”…
-
หยั่งกับ Ocean Eleven… แก๊งโจรเจาะกำแพงร้านเพชร ฉกอัญมณีมูลค่ารวมกว่า 76 ล้านบาท!!
ใครที่เคยดูหนังเรื่อง Ocean Eleven หรือหนังแนวอาชญกรรมแนวๆ เดียวกัน ก็คงจะเห็นวิธีการปล้นของกลุ่มคนหนึ่งที่ผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดี มีขั้นมีตอนที่แยบยลและลงเอยด้วยการหนีเข้ากลีบเมฆไป แต่ใครจะไปคิดว่าในชีวิตจริงมีเหตุการณ์ที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นแล้ว!! โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 10 กรกฏาคม ตามรายงานระบุว่า แก๊งโจรได้บุกเข้าไปในร้านจิวเวลรี่ Joyalukkas ทางฝั่งตะวันออกของกรุงลอนดอน และได้ฉกเพชรพลอยมูลค่ากว่า 76 ล้านบาทไป สิ่งที่ถูกขโมยไประหว่างการเข้าบุกปล้นร้านเพชร Joyalukkas มีทองเอเชีย สร้อยคอเพชร กำไล จี้ และต่างหู ซึ่งตำรวจคาดการณ์ว่ากลุ่มโจรน่าจะลงมือในช่วงระหว่างเวลา 3.00-6.40 น. แก๊งโจรได้นำของมีค่าต่างๆ ใส่ลงในกระเป๋าเป้มากเท่าที่จะเอาไปได้ ก่อนจะหลบหนีผ่านทางรูบนกำแพงที่พวกเขาได้เจาะเอาไว้ จากการสันนิษฐานเบื้องต้น คาดว่าน่าจะมีคนลงมือก่อเหตุทั้งหมด 8 คน โดยทำหน้าที่ดูต้นทาง 5 คน ส่วนอีก 3 คนทำหน้าที่ทุบกระจกและขโมยข้าวของ นอกจากนี้ตำรวจยังพบเครื่องมือที่ใช้ในการก่อเหตุถูกทิ้งไว้ในตรอกบริเวณถนน Neville ซึ่งช่วงระหว่างลงมือก่อเหตุนั้น กล้องวงจรปิดของร้านได้จับภาพไว้ได้ทั้งหมด แม้ว่าหลังจากที่ออกจากอาคารแล้วจะไม่มีกล้องบันทึกไว้ได้ แต่ตำรวจเชื่อว่าโจรได้ปีนกำแพงหลังร้านออกไป โดยก่อนจะลงมือก่อเหตุ ได้พบว่าผู้ต้องสงสัย 3…
-
ชายหนุ่มถูกวิญญาณแฟนตามหลอน หมอผีแนะให้ขุดโลงศพขึ้นมาเผา แต่ลงเอยด้วยการถูกจับ..
หลายๆ คนคิดว่าความสัมพันธ์ของคนจะจบก็ต่อเมื่อใครคนใดคนหนึ่งตายจากไปแล้ว แต่มันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป เหมือนกับเรื่องราวของชายหนุ่มคนนี้… Yuriy Golovin หนุ่มรัสเซียวัย 30 ปี ถูกจับกุม หลังจากที่ขุดศพของแฟนสาวที่ฝังไปแล้วออกมาเผา โดยอ้างว่าถูกวิญญาณของเธอตามมาหลอกหลอนในฝัน… ทางด้านอดีตแฟนสาวคือ Olga Gileva วัย 17 ปี เสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ทางด้านแฟนหนุ่มที่ยังมีชีวิตอยู่อ้างว่าได้รับคำแนะนำจากหมอผีให้ทำลายหลุมศพของเธอ จากภาพด้านบนนี้ เป็นภาพขณะที่ Golovin หรือผู้สมรู้ร่วมคิดกำลังนอนอยู่บนโลงศพของ Gileva หลังจากที่มีการขุดหลุมศพที่ตั้งอยู่ในสุสานของหมู่บ้าน Menschikovo ภูมิภาค Kurgan ประเทศรัสเซีย แต่โชคดีที่ Oleg Ivanov เพื่อนของ Olga มาเห็นเข้าขณะที่เธอมาเยี่ยมเพื่อนผู้ล่วงลับที่สุสาน เธอจึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ต่อมานักสืบได้จับกุม Golovin พร้อมผู้สมรู้ร่วมคิด ก่อนจะนำตัวไปสอบสวนหาข้อเท็จจริง จนในที่สุดเขาก็ถูกจำคุกเป็นเวลา 5 ปี ต่อมาได้มีการเผยแพร่คำให้การของ Golovin ในโซเชียลว่า เขาต้องการขุดศพของแฟนสาวขึ้นมาเพื่อที่จะเอาไปเผา เขาก็เลยจ้างคนไปขุดขึ้นมาตามรายงานไป เขายังบอกอีกว่าตั้งแต่แฟนสาวตายไป เขาก็เห็นภาพแฟนสาวมาตามหลอกหลอน จนรู้สึกหวาดระแวงตลอดเวลาและไม่เป็นอันทำอะไร ถึงขั้นไปขอคำแนะนำจากหมอผี จนเป็นเหตุที่ขุดหลุมฝังศพเพื่อนำมาเผาทำลายทิ้ง โดยที่สภาพของโลงศพนั้นมีรอยเผาไหม้ ได้รับความเสียหายเพียงบางส่วนเท่านั้น…
-
ฝันที่เป็นจริง… คุณปู่ได้เป็นเจ้าของรถในฝันอีกครั้ง หลังถูกพี่สาวแอบขายไปเมื่อ 65 ปีก่อน
สำหรับบางคนสิ่งของบางอย่างอาจมีค่ามากกว่าสิ่งของ เพราะนอกจากความสวยงามแล้วบางอย่างอาจมีคุณค่าทางจิตใจและเต็มไปด้วยความทรงจำต่างๆ มากมาย แต่บางครั้งก็มีเหตุจำเป็นที่ทำให้เราต้องสูญเสียของสำคัญที่ว่านั้นไปเช่นกัน เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นกับคุณปู่ท่าหนึ่งที่ต้องบอกลากับรถสุดรักเมื่อ 65 ปีที่แล้ว หลังจากที่พี่สาวของเขาดันขายมันให้กับสุสานรถ แต่ทว่าความทรงจำของเขากลับหวนคืนมาอีกครั้ง หลังจากที่ลูกชายได้ซื้อรถรุ่นเดียวกันมาเซอร์ไพรส์!! คุณ Michael ชายหนุ่มจากช่องยูทูป Angry Grandpa ยูทูปเบอร์ชื่อดังที่มียอดติดตามมากกว่าสามล้านคน ได้สร้างเรื่องราวที่น่าประทับใจกับคุณพ่อของเขา Charlie Marvin Green Jr โดยการซื้อรถยนต์ในฝันอย่าง Chevrolet Bel Air 1955 ให้เป็นของขวัญ ชายหนุ่มบอกว่าพ่อของเขามักจะพูดถึงเจ้ารถคันนี้อยู่บ่อยๆ และเมื่อช่องของพวกเขาประสบความสำเร็จ เขาก็อยากที่จะมอบของขวัญชิ้นนี้เพื่อตอบแทนให้กับผู้เป็นพ่อ ย้อนกลับไปเมื่อ 65 ปีที่แล้วคุณปู่ได้รับรถคันนี้เป็นของขวัญเช่นกันและเขาก็ใช้มันสำหรับทำการสอบใบขับขี่ แต่หลังจากนั้น 2 สัปดาห์พี่สาวของเขากับแฟนหนุ่มของเธอ ได้ขอยืมรถคันดังกล่าวเพื่อขับไปเที่ยวที่แคลิฟอร์เนีย แต่ก็น่าเสียดายที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับพวกเขาและรถของคุณปู่ก็ได้รับความเสียหายยับเยิน และด้วยความเสียหายที่เกินกว่าจะแก้ไขได้ พี่สาวของคุณปู๋จึงขายรถคันดังกล่าวเป็นเศษเหล็กให้กับสุสานรถ โดยที่คุณ Charlie ผู้เป็นเจ้าของรถนั้นไม่รู้เรื่องเลย วินาทีที่ได้เจอรถในฝันจอดอยู่ที่บ้าน คุณปู่ของเราก็ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ คุณปู่พูดกับลูกชายในคลิปวิดีโอว่าหลังจากที่เขารู้ว่าพี่สาวแอบขายรถไปเขาก็ออกตามหามันด้วยตัวเอง แต่ถึงจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถตามมันกลับมาได้ จนกระทั่งความคิดที่จะได้ขับเจ้า Chevrolet Bel Air อีกครั้งเป็นเพียงแค่ความฝัน จนกระทั่งวันหนึ่งพวกเขาได้มาพบเจ้ารถคันที่คุณปู่ตามหา จอดอยู่ที่ลานจอดรถแห่งหนึ่ง เมื่อได้เห็นรถในฝันของเขา ชายชราไม่รอช้า รีบวิ่งเข้าไปถ่ายรูปกับรถและเห็นได้ชัดว่าเขาดีใจมากแค่ไหน ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่ารถคันนั้นเป็นของใครก็ตาม……
-
รู้จักกับ ‘Lisa Jelizaveta’ ช่างสักตัวน้อยวัย 7 ขวบจากรัสเซีย ผู้มีฝีมือการสักที่น่ารักสมวัย
ช่างสักส่วนใหญ่ที่เราเห็นมักจะเป็นวัยรุ่นหรือคนที่มีอายุหน่อย และที่สำคัญช่างสักแต่ละคนนั้นต่างก็เป็นผู้ที่มีรอยสัก เคยผ่านประสบการณ์การสักมานับไม่ถ้วน จนได้รับการไว้วางใจจากลูกค้า แต่สำหรับเด็กหญิงคนนี้ แม้จะมีอายุเพียงแค่ 7 ขวบ แต่เธอก็เป็นช่างสักที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ เพราะเธอเกิดมากับพรสวรรค์ในด้านนี้นั่นเอง Lisa จาก Yakaterinburg รัสเซีย ได้เริ่มฝึกสักครั้งแรกบนเปลือกกล้วย และฝึกฝนฝีมือการสักมาเรื่อยๆ จนวันนี้เธอก็มีลูกค้าที่รับการสักเป็นคนแรก นั่นคือพ่อของเธอเอง… สำหรับเส้นทางสู่การสักนี้ มาจากการที่พ่อของ Lisa เป็นช่างสัก และแม่ของเธอก็เป็นศิลปินเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงได้เห็นและเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กๆ พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์จากทั้งพ่อและแม่อย่างเต็มที่ แน่นอนว่าเมื่อโตขึ้นเธอคงได้เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง ทั้งพ่อและแม่ไม่กีดกัดทางด้านความคิดของเธอเลย และทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากการถูกบังคับ แต่มันเป็นความชอบของ Lisa เอง เธอมีความสุขที่ได้สัก และยิ่งแฮปปี้มากยิ่งขึ้นตอนที่คุณพ่อขอเป็นลูกค้ารายแรกของเธอ หลังจากที่ผู้เป็นพ่อเลือกลายที่ต้องการแล้ว ลูกสาวก็ทำตามความต้องการของพ่อทันที และปฏิบัติภายใต้คำแนะนำของคุณพ่ออย่างเคร่งครัด เธอทำมันอย่างตั้งใจทุกขั้น และแทนที่จะรับค่าสักเป็นเงิน เด็กหญิงเลือกที่จะขอชุดเย็บปักถักร้อยแทน นี่เป็นเพียงก้าวแรกของเด็กหญิงวัย 7 ขวบ เท่านั้น ต่อไปนี้ทางครอบครัวจะทำการฝึกฝนให้ และปั้นเธอเป็นช่างสักมืออาชีพในสักวันหนึ่ง เด็กหญิงคอยสังเกตและเรียนรู้จากผู้เป็นพ่อ พ่อจะคอยอยู่ข้างๆ…
-
เด็กชายวัย 4 ขวบ ถูกห้ามไม่ให้เข้าโรงเรียนเพราะไว้ผมยาว แต่คุณแม่กลับไม่คิดแบบนั้น…
เรื่องนี้อาจจะแปลกประหลาดสำหรับบ้านเราสักหน่อย เพราะบ้านเราไม่สามารถที่จะไว้ผมยาวๆ ได้ในช่วงตั้งแต่วัยเด็กจนถึงช่วงจบมัธยมปลาย แต่สำหรับเมืองนอกการไว้ผมยาวไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนักเมื่อเข้าไฮสคูล แต่สำหรับเด็กชาย Jabez Oates วัย 4 ขวบที่กำลังจะได้ไปเรียนวันแรกนั้น กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเขาเป็นเด็กชายที่ไว้ผมยาวมากๆ แน่นอนว่าเขาก็ตื่นเต้นที่จะได้ไปโรงเรียน เพราะเด็กชายบอกว่าเขาจะได้ฝึกสมองและหาความรู้ ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไปถึงโรงเรียนคือ ทางโรงเรียน Barbers Hill Independent Kindergarten Center ในฮูสตัน กลับไม่ยินยอมให้เขาเข้าเรียนซะอย่างนั้น โดยให้เหตุผลว่าเด็กชาย Jabez มีผมที่ยาว ซึ่งเด็กชายจะกลับไปเรียนได้ต้องตัดผมเสียก่อน ด้านเด็กชายก็เสียใจพอสมควร แต่คนที่เดือดสุดๆ ก็คงหนีไม่พ้นคุณแม่ของเขา Jessica Oates ผู้เป็นแม่ออกมาโวยวายใหญ่ว่าทำไมจะต้องให้ตัดผมลูกชายของเธอด้วย ลูกชายเธอไว้ผมมาตั้งแต่เกิดและเขาก็ชอบมันมาก!! แน่นอนว่าจากความหัวร้อนของคุณแม่เราก็รู้ได้เลยว่าเธอเป็นคนที่ซัพพอร์ตลูกมากๆ และไม่ปิดกั้นเลย เพราะเธอบอกว่าถ้าจะให้ตัดผมลูกชาย เธอก็จะตัดให้ แต่มันก็ต่อเมื่อลูกชายร้องขอเองเท่านั้น เธอจะไม่ริดรอนสิทธิในสิ่งที่ลูกเป็นอย่างแน่นอน… นอกจากนั้นเธอยังบอกว่าตอนแรกกฎของโรงเรียนยังอนุญาตให้ไว้ผมยาวได้ปกติอยู่เลย เพียงแค่ต้องมัดผมเท่านั้น แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันกลับไม่เป็นแบบนั้นซะได้ สุดท้ายเธอบอกว่า เธอเสียใจมากๆ เธอตั้งใจจะพาลูกมาเรียนยังที่แห่งนี้และเตรียมการมาอย่างดี นอกจากนั้นลูกชายของเธอก็ตื่นเต้นมากๆ เพราะพวกเขาไม่ใช่คนแถวนี้ การเจอเพื่อนใหม่ๆ จึงเป็นอะไรที่น่าสนุกสำหรับเขา…
-
สาวแชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนัก งดมื้อเย็นที่เคยกินครั้งละ 3 ชุด ผอมลงจนเพื่อนจำไม่ได้..!!
หากใครที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ละก็ เราจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับเรื่องราวของหญิงสาว ที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่เชื่อว่าจะสามารถลดน้ำหนักได้มากถึงขนาดนี้ Erin Hulick สาววัย 30 ปี โดยก่อนหน้านี้เธอมีพฤติกรรมการกินที่มากเกินความจำเป็น เฉพาะอาหารมื้อเย็นในแต่ละวัน เธอต้องรับประทานมากถึง 5,000 แคลอรี่ (ประมาณ 3 ชุดอาหารของคนปกติ) ภาพก่อน & หลัง ที่ตัวเธอเองก็ไม่เชื่อว่าจะทำได้ เป็นประจำทุกวันที่เธอมักจะกินจุกกินจิกอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เธอมีน้ำหนักตัวมากถึง 159 กิโลกรัม และเริ่มสูญเสียความมั่นใจที่จะเข้าสังคม ซึ่งนั่นทำให้เธอตอกย้ำตัวเองด้วยการกินมากขึ้นไปอีก จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว เธอมีโอกาสได้เข้าพบคุณหมอเกี่ยวกับอาการผิดปกติบางอย่างของเธอ ซึ่งเธอก็ได้คำแนะนำจากคุณหมอมาว่า… หากเธอไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต สิ่งเหล่านั้นอาจส่งผลให้เธอเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้เลย ภาพของเธอในอดีต หลังจากที่รู้ว่าสุขภาพตัวเองเริ่มย่ำแย่จากการบริโภคมากเกินไป เธอก็เริ่มหันมาสนใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น เธอหันมาทานอาหารคลีน (เน้นผักมากกว่าเนื้อ) เปลี่ยนจากการโดยสารด้วยรถเข็น เป็นการเดินให้มากขึ้น พอน้ำหนักตัวเธอเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เธอก็หันมาออกกำลังกายให้หนักยิ่งขึ้น โดยเธอเล่าว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่ได้รับกำลังใจที่ดีจากคนรอบข้าง วัดไซส์กางเกงของเธอจากตอนอ้วน vs ตอนที่ผอมแล้ว มีครั้งหนึ่งหลังจากที่เธอลดน้ำหนักได้คงที่แล้ว เพื่อนเก่าของเธอก็เข้ามาทักทายด้วยการแนะนำตัวให้รู้จัก ทั้งๆ ที่เธอจำเขาได้แม่นมาตั้งแต่ช่วงเรียนมัธยมปลาย จนกระทั่งได้บอกว่าเธอชื่อ…
-
สามีตัดสินใจลดน้ำหนักจนมีซิกแพ็ค เพื่อให้กำลังใจภรรยา ในช่วง ‘ภาวะมีบุตรยาก’
บางครั้งเมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหายากๆ การได้กำลังใจจากคนใกล้ชิดนั้นก็มักจะเป็นสิ่งที่ช่วยได้มากและได้ผลที่สุดก็เป็นได้ เช่นเดียวกับคู่รักต่างสัญชาติคู่นี้… Hugh Gwon หนุ่มเกาหลีโดยกำเนิดวัย 34 ได้เริ่มภารกิจให้กำลังใจ Nichola ภรรยาชาวออสซี่วัย 34 ด้วยการตั้งเป้าลดน้ำหนักอย่างหนักหน่วง หลังจากที่ภรรยานั้นตกอยู่ในภาวะมีบุตรยาก ฉะนั้นสิ่งนี้จึงเป็นเพียงไม่กี่อย่างที่เขาจะให้กำลังใจกับเธอได้ Nichola เล่าว่าแฟนหนุ่มของเขาเริ่มมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะเรียกว่าอ้วนก็ได้ แน่นอนว่าแฟนหนุ่มของเธอก็ยอมรับในเรื่องนั้นและบอกจะลดน้ำหนัก แต่ก็ไม่ได้ลดสักที… นอกจากนี้เธอยังเล่าอีกว่า สามีของเธอเคยพยายามลองลดน้ำหนักดูแล้ว แต่ก็ยอมแพ้ไปในท้ายที่สุด แต่ว่าไม่ว่าเธอจะบอกยังไงเขาก็ไม่กลับไปลดน้ำหนัก และยิ่งเมื่อทั้งคู่อยากมีลูกบวกเข้ากับการที่ Nichola มีลูกยาก พวกเขาจึงต้องทำ IVF(การทำเด็กหลอดแก้ว) แต่ด้วยสุขภาพที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงอย่างที่ควรของ Hugh การทำครั้งแรกจึงไม่สำเร็จนั่นเอง ทั้งคู่พับรักกันเมื่อปี 2010 และได้แต่งงานกันเมื่อปี 2012 จนสุดท้ายเมื่อภรรยาต้องทำการ IVF อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเธอต้องการกำลังใจจากแฟนหนุ่มมากๆ แถมในการทำครั้งแรกมันก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายเมื่อแฟนหนุ่มเห็นแบบนั้น เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองให้ดูดีเพื่อนแฟนสาวของเขา ทั้งคู่ใช้เรื่องการมีลูกและทำ IVF มาเป็นแรงผลักดัน แรกเริ่มนั้น Hugh มีน้ำหนักที่ 85 กิโลกรัม แต่เมื่อเวลาผ่านไปทั้งกำลังใจและการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ เขาสามารถลดน้ำหนักไปได้ถึง 23 กิโลกรัม…
-
รวมสิ่งของที่ยึดได้ จากผู้หลบหนีเข้าเมืองอเมริกา ดินแดนแห่ง ‘โอกาส’ ที่คนใฝ่ฝันจะเข้าไป…
ขึ้นชื่อว่าประเทศสหรัฐอเมริกา ‘ดินแดนแห่งเสรีภาพ’ คืออีกหนึ่งประเทศที่มักจะมีคนจากประเทศอื่นๆ รอบข้าง หลบหนีเพื่อทำมากินกันอย่างผิดกฎหมายอยู่เป็นประจำ Thomas Kiefer ช่างภาพผู้ทำงานเป็นภารโรงพาร์ทไทม์ ประจำอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ที่ตั้งห่างชายแดนประเทศเม็กซิโกประมาณ 64 กิโลเมตร เขาได้ใช้เวลาหลายปีในการรวบรวมสิ่งของที่มักจะถูกยึดได้บ่อยๆ จากผู้ที่ยอมเสี่ยงอิสรภาพและชีวิต เพื่อแลกกับโอกาสที่อาจจะได้สร้างชีวิตใหม่ในประเทศที่ดีกว่าเดิม ภายใต้คอนเซ็ปท์ของภาพที่ใช้ชื่อว่า ‘The American Dream’ และรูปภาพเหล่านี้ คือสิ่งที่จะบอกเล่าเรื่องราวของวิถีชีวิต ความเชื่อ และความเป็นอยู่ของผู้คนเหล่านี้ได้ชัดเจนอย่างยิ่ง… ขนม Snickers จำนวนมากที่มักจะถูกยึดอยู่บ่อยๆ กระเป๋าสตางค์รูปแบบต่างๆ ที่ยึดมาได้ กระติกน้ำ ของใช้ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางไกล แปรงหวีผมจำนวนมากของผู้ที่พยายามจะหนีเข้าเมือง และนี่ก็เช่นกัน… ยาสีฟันและแปรงสีฟัน ของจำเป็นที่ต้องพกมาด้วยเสมอ ขวดเปล่าสำหรับบรรจุของเหลวต่างๆ กรรไกรตัดเล็บจำนวนมากที่ยึดไว้ได้ กุญแจต่างๆ ซึ่งเราก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าหลังจากที่พวกเขาถูกจับได้ จะมีโอกาสได้ใช้กุญแจเหล่านี้อีกมั้ยนะ!? ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปสำหรับเด็ก อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์อาหารยอดนิยม ซึ่งจะขาดไม่ได้เลยสำหรับการเดินทางที่แสนลำบาก เชือกผูกรองเท้าที่มีจำนวนมากพอที่จะสะท้อนให้เห็นถึงอัตราคนหลบหนีเข้าเมือง…
-
คุณแม่รู้สึกแย่… เมื่อมีจดหมายติถึงลูก ‘ออทิซึม’ ส่งเสียงดังเกินไป และใช้คำเรียกว่า ‘มัน’
สู่ประเด็นการตั้งคำถามของชาวเน็ต เกี่ยวกับความเหมาะสมของเรื่องนี้ หลังจากที่คุณแม่ได้รับจดหมายเตือนจากเพื่อนบ้าน เกี่ยวกับการส่งเสียงดังยามค่ำคืนของลูกชายตัวน้อยที่ป่วยเป็นออทิซึม โดยเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า คุณแม่วัย 27 ปี Jessica Green ออกมาเรียกร้องถึงความถูกต้อง หลังจากที่เพื่อนบ้านส่งจดหมายเตือนมาหาเธอ โดยใช้สรรพนามแทนลูกของเธอว่า ‘มัน’ Jessica Green และลูกชายวัย 3 ขวบ Henry คุณแม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เธอรู้สึกหวาดระแวงและกลัวว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับลูกน้อยของเธอ หลังจากที่มีเพื่อนบ้านเอาจดหมายเตือนเกี่ยวกับปัญหาเรื่องเสียงดังในยามค่ำคืน โดยเนื้อหาในจดหมายมีดังนี้: “ถึงเพื่อนบ้าน… ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนบ้านของคุณ เราอยากรบกวนให้คุณช่วยจัดการกับเสียงกรีดร้องที่มักจะดังขึ้นมาในยามค่ำคืนจากบ้านของคุณ และในระหว่างที่มันกำลังออกมาวิ่งเล่นข้างนอกส่งเสียงดัง ได้โปรดรับรู้ไว้ด้วยว่าเพื่อนบ้านคนอื่นๆ ทนฟังเสียงกรีดร้องของมันไม่ไหวเช่นกัน” “จนตอนนี้หลายคนเริ่มสงสัยแล้วว่า… ตกลงแล้วคุณเลี้ยงลูกอย่างถูกต้องจริงๆ รึเปล่า? เพราะเชื่อว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหนปล่อยให้ลูกออกมากรีดร้องแบบนี้แน่ๆ ถ้าหากคุณยังไม่แก้ปัญหาที่มันค้างคามานานนับปี เราจะเอาเรื่องนี้ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่รัฐและอาจนำมาซึ่งการย้ายคุณออกจากพื้นที่นี้ได้เลย ตอนนี้ไม่มีเพื่อนบ้านคนไหนกล้าที่จะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เพราะเสียงกรีดร้องจากลูกของคุณ และปัญหานี้ก็คาราคาซังมานานนับปีแต่ไม่มีวี่แววว่าจะเบาลงเลย มีแต่ดังขึ้นทุกวัน ยังไงเราก็หวังว่าคุณจะช่วยแก้ปัญหานี้ให้เราได้นะ จากเพื่อนบ้านในละแวกนี้ทุกคน” ภาพจดหมายดังกล่าว จากประเด็นดังกล่าวคุณแม่ก็ออกมาเรียกร้องถึงความเหมาะสม ที่เพื่อนบ้านใช้คำสรรพนามเรียกลูกชายเธอว่า ‘มัน’ แต่ถึงกระนั้นคุณแม่ก็ได้ชี้แจงคืนว่า คนส่วนใหญ่มักจะไม่เข้าใจความต้องการของเด็กที่ป่วยเป็นออทิซึม……
-
เอาอีกแล้ว… จากหลอกจับหน้าอก ครั้งนี้หนุ่มจีนตีเนียนใช้หน้าซุกแทน อ้างเป็นแคมเปญบริจาค
จะเป็นยังไงถ้าหากว่ามีคนแปลกหน้า เข้ามาขอซุกหน้าอกของเรา เพื่อเป็นการบริจาคเงินให้กับการกุศล? จนเรื่องแบบนี้ก็กลายมาเป็นกระแสวิพากย์วิจารย์ บนโลกออนไลน์ของประเทศจีน เมื่อบล๊อคเกอร์หนุ่มคนหนึ่งได้อัพคลิปวิดีโอวีรกรรมแผลงๆ ของเขาลงบนโลกออนไลน์อีกครั้ง ชายหนุ่มคนดังกล่าวได้ตระเวนออกไปทั่วเมือง พร้อมกับขอเอาหน้าซุกไปที่หน้าอกของสาวๆ และบอกพวกเธอว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญการบริจาคเงินเพื่อการกุศล โดยจะนับเป็นจำนวนเงินบริจาคจากที่พวเธอยอมให้เขาเอาหน้าถูที่หน้าอกแล้ว ชายหนุ่มคนดังกล่าวได้อ้างว่านี้คือหนึ่งในเคมเปญการระดมทุนเพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม โดยทุกๆ ครั้งที่เขาเอาหน้าถูหน้าอกผู้หญิงเป็นเวลา 5 วินาที เขาก็จะมอบเงินให้กับสภากาชาดของประเทศจีนเป็นจำนวน 10 หยวน หรือประมาณ 50 บาทต่อครั้ง หญิงสาวที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว จะต้องยอมโดนเอาหน้าถูกับหน้าอกนานถึง 5 วินาที อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับผู้หญิงที่ปรากฏในคลิปวิดีโอดังกล่าว ว่าถูกว่าจ้างมาหรือไม่ แต่ทว่ายังไม่มีการยืนยันจากสภากาชาดเกี่ยวกับเงินบริจาคก้อนดังกล่าวด้วย ภาพบางส่วนจากคลิปวิดีโอ ที่เผยให้เห็นการกระทำอันไม่เหมาะสมของหนุ่มคนนี้ หนุ่มวัย 26 ปีผู้นี้ รู้จักกันในโลกออนไลน์ในชื่อว่า Xu โดยก่อนหน้านี้เขาก็เคยทำคลิปวิดีโอในลักษณะคล้ายๆ กันมาแล้ว โดยในครั้งนั้นเขาได้ตระเวนออกไปในที่สาธารณะ เพื่อแสดงมายากลเพื่อหลอกจับหน้าอกของสาวๆ จากเหตุในครั้งนั้นทำให้เขาถูกจับขังเป็นเวลา 14 วัน และหลังจากที่พ้นการดำเนินคดี ชายหนุ่มได้ออกมากล่าวขอโทษพร้อมกับบอกว่าเขารู้สึกผิด ที่ไม่ให้เกียรติกับผู้หญิงและไม่ได้ขออนุญาตเสียก่อน… แต่จากการรายงานของเว็บไซต์ Shanghaiist…
-
ความรักของคุณยายวัย 72 กับสามีชาวไนจีเรียวัย 27 ที่พยายามขอวีซ่าให้ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
ความรักคือสิ่งที่ไร้ขอบเขตพรมแดนใดๆ มาขวางกั้นคงเป็นความคิดของใครหลายคนที่มองว่าสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ยึดติดแม้อายุจะต่างกันมากขนาดไหน แต่ชีวิตรักของทั้งสองคนนี้กลับต้องถูกขวางกั้นจากกฎหมายที่ตั้งเอาไว้ คุณแม่ลูก 6 ที่มีชื่อว่า Angela วัย 72 ปีที่ต้องผิดหวังกับชีวิตคู่ หย่าร้างจนต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายก่อนที่จะได้พบกับ CJ Nwachukwu ชายผู้สามารถเติมเต็มความสุขให้เธอได้อีกครั้ง เด็กหนุ่มชาวไนจีเรียที่มีอายุเพียงแค่ 27 ปีซึ่งห่างกับเธอมากถึง 45 ปีนั้นได้เริ่มพูดคุยกันในตอนที่เขาเพิ่มเพื่อนเธอในเฟซบุ๊ก จนกระทั่งแต่งงานกันในปี 2015 เกิดขึ้นหลังจากที่เจอหน้ากันเพียงแค่สองครั้งและเวลาผ่านไปแค่สามเดือนเท่านั้นเอง เธอบินไปไนจีเรียเพื่อการแต่งงานดังกล่าว หลังจากที่เขาขอเธอแต่งงานผ่านวิดีโอคอล เธอบอกว่า “เขาเป็นคนที่หน้าตาดี เราคุยกันเป็นชั่วโมงเหมือนกับว่าเรารู้จักกันมาก่อนเป็นปี จนเมื่อรู้ตัวอีกทีฉันก็คุยกับเขาทุกวัน เราเข้ากันได้ดีมากแม้อายุจะห่างกันเยอะ แต่ฉันก็ตกหลุมรักเขาจนไม่อาจห้ามตัวเองเอาไว้ได้” การมีความรักก็ต้องเจอกับอุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเมื่อเด็กหนุ่มจะย้ายเข้ามาอยู่กับเธอในประเทศอังกฤษ ก็ต้องติดกับปัญหาวีซ่าไม่ผ่าน หน่วยงานคิดว่าเขาไม่มีการเงินรองรับที่เพียงพอ ไม่อาจเข้ามาในประเทศได้ เธอจึงต้องเสียเงินมากกว่า 8 แสนบาทในเรื่องของทนายที่จะช่วยสำหรับการเข้าประเทศ และค่าเครื่องบินไปหาเขาที่ไนจีเรีย แต่ก็ยังบอกอีกว่าเด็กหนุ่มนั้นจะช่วยครึ่งหนึ่งทุกครั้งที่เขาสามารถช่วยได้เสมอ เธอยังเสริมอีกว่าการแต่งงานที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการหลอกลวงแต่อย่างใด เพราะเธอก็ไม่ใช่คนมีเงินอะไรอยู่แล้วซึ่งเป็นสิ่งที่รู้กันทั้งสองฝ่าย ตอนนี้ก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้างที่เขาจะสามารถทำวีซ่าสำหรับนักศึกษาในการมาศึกษาต่อปริญญาโท และเพื่อมาอยู่กับเธอ นอกจากนั้นประชากรอังกฤษสามารถทำเรื่องขอวีซ่าครอบครัวให้กับการย้ายเข้ามาของญาติพี่น้องหรือว่าคู่ครองของตนได้อีกด้วย แต่ว่ากระบวนการดังกล่าวนั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงมากในประเทศอังกฤษ หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองบอกเอาไว้ว่าหากต้องการให้คนจากนอกประเทศเข้ามาอยู่ในฐานะครอบครัวเดียวกัน ต้องเสียเงินมากกว่า 6 หมื่นบาทสำหรับ 2…
-
พาชมบ้านที่ “น่ากลัวที่สุด” ในเบลารุส ที่ทำเอาเพื่อนบ้านขนหัวลุกจนไม่อยากเข้าใกล้!!
บ้านที่เราสามารถเห็นได้ในปัจจุบันก็คงจะมีความคล้ายกันหมดไม่ได้แตกต่างมากซักเท่าไหร่ ที่จะเพิ่มมาก็คือการตกแต่งจากไอเดียของแต่ละคน เหมือนกับบ้านหลังนี้ที่มีไอเดียแหวกแนว จนเพื่อนบ้านถึงกับต้องตกใจและไม่อยากอยู่ร่วมพื้นที่กันไปเลย ในเมืองหลวงของประเทศเบลารุส มีบ้านอยู่หลังหนึ่งที่ทำให้คุณต้องหลบเลี่ยงที่จะเดินผ่านโดยเฉพาะในตอนกลางคืน เพราะความน่ากลัวจากลวดลายการตกแต่งที่เห็นแล้วชวนให้คุณขนหัวลุกเอาได้ง่ายๆ เต็มไปด้วยมือยื่นออกมาจากรั้วบ้าน หัวกระโหลกที่ถูกวางเรียงกันไว้ทั่วหลังคาสิ่งก่อสร้าง และปีศาจอีกมากมายในแต่ละท่วงท่าที่เกาะอยู่ตามหลังคาบ้าน เพียงแค่นี้ก็ทำให้คนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ ไม่อยากย่างกรายผ่านบ้านหลังนี้กันแล้ว . ภาพถ่ายบ้านหลังนี้ได้กลายเป็นกระแสในประเทศทันที แต่ไม่ใช่เพราะเพียงความแปลก ความหลอนของรูปลักษณ์บ้านเท่านั้น ประเด็นหลักคือสถานที่นี้ได้สร้างความลำบากให้กับผู้อยู่อาศัยรอบๆ ที่เกิดความรู้สึกกลัวจนถึงขนาดไม่กล้าเดินผ่านทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม . บางคนที่ถ่ายรูปเอาไปให้เพื่อนร่วมงานดูก็จะรีบลบทันทีเพราะไม่อยากให้มีปีศาจมาอยู่ในมือถือ ได้มีผู้ให้สัมภาษณ์ว่า “มองไกลๆ มันก็ดูสวยโดดเด่นจนหลานสาวของฉันบอกว่าเหมือนประสาทในเทพนิยาย แต่เมื่อเข้าไปเห็นใกล้ๆ เจอกับมือที่ยื่นออกมา และปีศาจมากมาย ฉันก็ไม่พาหลานไปเดินทางนั้นอีกเลย” . ยิ่งตอนกลางคืน แสงไฟจะสะท้อนกับรูปปั้นเหล็กเหล่านั้นก็ยิ่งทำให้ดูน่ากลัวมากกว่าเดิม บ้านข้างๆ ก็ยังบ่นกับหลังคาที่เต็มไปด้วยหัวกระโหลกจนดูเหมือนที่ฝังศพ อีกทั้งรูปปั้นบนหลังคาที่หันธนูมาทางหน้าต่างบ้านของเขา ที่ทำให้อยู่กันไม่เป็นสุขเลย จากคำบอกเล่าของคนละแวกนั้นบอกว่า เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวเป็นนักธุรกิจทั่วไป เริ่มสร้างบ้านตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน และหายไป 8 ปีจนกลับมาสร้างต่อในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ค่อยๆ เติมความสยดสยองจากการตกแต่งแปลกๆ นี้ออกมาเป็นบ้านที่น่ากลัวที่สุดในเมือง ยกกันมาทั้งกองทัพ…
-
ครอบครัวฝ่าฝืนข้อห้าม เหตุเพราะอยากถ่ายรูป ทำให้โลงศพอายุกว่า 800 ปี แตกหักเสียหาย…
บ่อยครั้งที่เราเข้าชมงานศิลปะหรือวัตถุโบราณต่างๆ ก็มักจะสังเกตเห็นป้ายเตือนเล็กๆ ในทำนองว่าห้ามจับ ห้ามแตะต้อง เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหายขึ้นมาได้ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มักจะฝ่าฝืนป้ายเตือนเหล่านั้น จนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาแบบนี้ อย่างโลงศพจากยุคกลางที่มีอายุกว่า 800 ปี ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Prittlewell Priory ต้องหักเป็นส่วนๆ หลังจากที่ครอบครัวหนึ่ง ได้ให้ลูกน้อยของพวกเขาเข้าไปนั่งด้านใน เพื่อถ่ายรูปคู่กับโบราณวัตถุขิ้นนี้ สภาพของโลงศพโบราณที่แตกหักเป็นส่วนๆ เจ้าหนูน้อยถูกอุ้มขึ้นเหนือกระจกกั้น เพื่อเข้าไปนั่งในโลงที่ถูกจัดแสดงเอาไว้ แต่ทว่าน้ำหนักตัวของเขานั้นมีมากเกินไปจึงทำให้โลงศพโบราณแตกออกเป็น 3 ส่วนทันที หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวครอบครัวของเจ้าหนูน้อยได้หนีออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว แต่โชคดีที่กล้องวงจรปิดของพิพิธภัณฑ์สามารถบันทึกภาพของครอบครัวดังกล่าวเอาไว้ได้ โลงศพดังกล่าวนั้นสร้างขึ้นจากหินทรายในยุคกลาง และคาดว่าน่าจะเป็นที่เก็บศพของนักบวช มันถูกค้นพบเมื่อปี 1921 พร้อมกับโครงกระดูกในสภาพที่สมบูรณ์ และถูกเก็บรักษาไว้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คุณ Clare Reed ผู้ดูแลโลงศพและเป็นผู้ได้รับมอบหมายในการซ่อมแซมกล่าวว่า “การดูแลโบราณวัตถุเหล่านี้คือหนึ่งในงานของเรา พวกเราเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากๆ ผมและเจ้าหน้าที่พยายามที่จะปกป้องมรดกของเมือง Southend เพื่อเป็นแหล่งความรู้ให้กับผู้ที่สนใจ” นอกจากนี้คุณ Ann Holland เจ้าหน้าที่จากสภาวัฒนธรรมยังได้ออกมาเตือนผู้เข้าชมคนอื่นๆ พร้อมกับขอความร่วมมือในการช่วยอนุรักษ์โบราณวัตถุเหล่านี้อีกด้วย “เราอยากให้ผู้เข้าชมช่วยกันอนุรักษ์ และช่วยกันปกป้องมรดกทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญเหล่านี้ด้วย” คุณ Ann กล่าว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 12 ก่อนที่จะถูกทำลายในสมัยของพระเจ้าแฮนรี่ที่ 7…
-
บทสัมภาษณ์ความรู้สึกของ “นักโทษประหาร” ในชั่วโมงสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่
หลายคงคิดว่าช่วงเวลาที่เราจะต้องตายจากโลกนี้ไปนั้นไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเมื่อไหร่ แต่ทว่านั่นก็ไม่แน่เสมอไปเพราะยังมีคนกลุ่มหนึ่งจะรู้ได้ก่อนว่าวันไหนที่พวกเขาต้องพบเจอกับความตายโดยแท้จริง คนเหล่านั้นคือนักโทษประหารที่ทำคดีร้ายแรงเอาไว้ อย่างเช่นการพรากชีวิตผู้อื่นไปหรือก็คือการเป็นฆาตกร ซึ่งแน่นอนว่าคนเหล่านั้นก็จะถูกแจ้งให้รู้ว่าจะต้องถูกฆ่าเพื่อชดใช้ความผิดที่ก่อขึ้นในวันไหน ไม่มีทางเลือกใดให้สำหรับสิ่งที่พวกเขาต้องเจอ ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าในช่วงเวลาที่ต้องก้าวข้ามประตูไปสู่ความตาย คนเหล่านั้นจะคิดอะไรกันอยู่และจะแสดงออกมากันอย่างไร จนเมื่อได้มีการสัมภาษณ์นักโทษประหารคนหนึ่งชื่อว่า Mark Asay ที่ทำความผิดในข้อหาฆาตกรรมชายผิวดำ 2 คน แรงจูงใจมาจากการเหยียดเชื้อชาติ โดยชั่วโมงสุดท้ายก่อนที่จะถูกประหารก็ได้มีการพูดคุยกับเขาเล็กน้อย การฆาตกรรมของเขานั้นเกิดขึ้นเมื่อได้ยิงชายคนแรกที่มีชื่อว่า Robert Booker เพียงเพราะเรื่องความต่างของเชื้อชาติ หลังจากนั้นก็ให้ Robert McDowell ลูกครึ่งที่เป็นเหยื่ออีกคนทำการสำเร็จความใครjให้กับตัวเองด้วยปาก ก่อนจะฆ่าชายคนนั้นเมื่อรู้ว่าจริงๆ แล้วนั่นเป็นผู้ชายที่แต่งเป็นผู้หญิง คลิปวิดีโอข่าวการสัมภาษณ์นักโทษประหารคนดังกล่าว เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในปี 1987 จนมาถึงวันที่เขาจะต้องถูกประหารก็ได้ให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายเอาไว้ว่า “ผมไม่เคยคิดว่าคนผิวขาวอยู่เหนือกว่าคนอื่น ผมยังคงมีเพื่อนที่เป็นเชื้อชาติอื่นอยู่อีก” อีกทั้งรอยสักสวัสดิกะที่แสดงถึงการแบ่งแยกและเหยียดหยาม เขาก็อธิบายว่าสักเพราะให้สามารถอยู่ในคุกได้ ตอนที่ถูกจับในวัย 19 ปี ประโยคสุดท้ายที่เขาได้พูดทั้งน้ำตาก็คือ “ผมเพียงแค่ต้องการที่จะขอโทษและสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของผมเอง” ชายคนนี้เป็นคนผิวขาวคนแรกที่ถูกประหารเพราะว่าฆ่าคนผิวสีในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา การประหารจะให้เขากินน้ำค็อกเทลที่มียาพิษผสมเอาไว้ ตัวยาที่ถูกผสมในเครื่องดื่มดังกล่าวมีฤทธิ์ในการระงับความรู้สึกที่เปรียบได้กับยาชา ถูกนำมาใช้เพื่อการประหารเป็นครั้งแรก และได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าผลของยาไม่สามารถพิสูจน์ได้จริง และทางผู้ผลิตรู้สึกไม่พอใจกับเหตุผลที่นำตัวยาไปใช้ พี่ชายของผู้ตายที่ตกเป็นเหยื่อคนแรกได้ตอบคำถามเกี่ยวกับการตายของน้องเอาไว้ว่า “อะไรคือเหตุผล? เพียงเพราะเรื่องสีผิวของน้องผมเหรอ? มันไม่มีเหตุผลใดเลยให้เขาต้องทำกับน้องผมอย่างนั้น…
-
ภาพแซวกีฬาซีเกมส์ในมาเลเซีย ที่ถูกเหน็บว่า ถ้าไม่พร้อมจะเป็นเจ้าภาพก็อย่าจัดเล้ยยย
การแข่งขันกีฬา ซีเกมส์ ปีนี้จัดในประเทศมาเลเซียก็คงจะเป็นที่สนใจสำหรับใครหลายๆ คน ให้ได้นั่งชมนั่งลุ้นนั่งเชียร์ประเทศเราในการคว้าเหรียญกลับมาจากชัยชนะให้ได้เยอะที่สุด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันดันติดอยู่กับที่ตัวเจ้าภาพงานเนี่ยสิ ที่ไม่รู้ว่าเมาอะไรมาถึงได้แสดงความสับสนกับเรื่องธงมาให้เราเห็นซะอย่างนี้ ปีนี้เจ้าภาพงานก็ทำผลงานเอาไว้ดีเหลือเกิน คว้าเหรียญทองไปได้มากถึง 64 เหรียญ เกือบสองเท่าของอันดับ 2 อย่างเวียดนาม หรือแม้แต่สิงคโปร์ก็ด้วย อย่างไรก็ตามมันได้มีเพียงเรื่องความโหดจัดของนักกีฬาเขาหรอกนะ แต่งานนี้ทางมาเลก็ดันปล่อยไก่ทำให้เรางงไปหลายครั้งอยู่ ลองมาดูภาพข้างล่างนี้กันก่อนเลย เพราะธงประจำชาติมันไม่ได้ตรงกับชื่อประเทศเอาซะเลย เวียดนามธงสิงคโปร์ สิงคโปร์ธงไทย ไทยธงอินโดนีเซีย อินโดธงเวียดนาม ฟิลิปปินส์สลับธงกับพม่า กัมพูชากับลาวเองก็เช่นกัน เอาซะสับสนไปหมดว่าประเทศอะไรเป็นประเทศอะไรกันแน่ นั่นมัน 8 ใน 11 ประเทศที่ถูกทำให้ผิดพลาดเลยนะเออ ไม่ใช่เพียงแค่นั้นเมื่อได้มีหนังสือพิมพ์ภายในประเทศตีพิมพ์ธงของอินโดนีเซีย กลายเป็นของประเทศโปแลนด์เฉยเลย ก็แล้วเขาจะมาแข่งกับเราทำไมเล่า ไม่เว้นแม้แต่ประเทศตัวเองเพราะนักกีฬาหมายเลข 6 นั่นคือนักกีฬาของเจ้าภาพเองเลย แต่ตัวอักษรบอกประเทศกลับเป็น KUL ไม่ใช่ MAS นี่คือนักกีฬานำเข้าจากกัวลาลัมเปอร์ละสินะ ไม่พอตอนประกาศตัวนักกีฬาก็ยังจะเอาธงสิงคโปร์มาใส่อีก ไอ้หนุ่มคนนี้กลายเป็นลูกครึ่งในบัดดล นักกีฬามาเลเซีย หนุ่มลูกครึ่งสิงคโปร์กับกัวลาลัมเปอร์ …
-
เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ “เจ้าหมาขาเป๋” และอีก 130 ชีวิตจากโรงงานเนื้อหมาในเกาหลีใต้
วัฒนธรรมการบริโภคเนื้อสุนัขในประเทศแถบเอเชียนั้นมีมาอย่างช้านาน โดยเฉพาะในประเทศจีนและประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งถึงแม้จะมีการคัดค้านจากทั้งชาติตะวันตกและคนรุ่นใหม่ แต่บางส่วนก็ยังมีการลักลอบทำโรงงานเนื้อสุนัขส่งขายอยู่ อย่างเช่นที่เราจะได้เห็นในข่าวนี้… Kelly O’Meara นักช่วยเหลือสัตว์ถึงกับใจสลายทันทีเมื่อได้ไปเยือนโรงฆ่าสัตว์ในเขตเมือง Yesan ประเทศเกาหลีใต้ เธอระบุว่าในฟาร์มแห่งนี้ มีเหล่าสุนัขที่ถูกเลี้ยงไว้ในสภาพที่น่าหดหู่มากๆ แล้วเมื่อถึงเวลามันจะถูกฆ่า เพื่อนำเนื้อของมันไปขายเพื่อเป็นอาหารสำหรับกลุ่มคนที่นิยมกินเนื้อสุนัขในเกาหลีใต้ O’Meara ผู้ซึ่งเป็นผู้อำนวยการอาวุโสของมูลนิธิเพื่อนสัตว์และมีส่วนร่วมในโครงการ Humane Society International (HSI) เข้าช่วยเหลือสุนัขเหล่านี้ทันที เพราะสภาพการเป็นอยู่ของสัตว์เหล่านี้น่าเวทนามาก มันถูกขังอยู่ในกรงโลหะขนาดใหญ่และสกปรก ทางโครงการได้เข้าไปเจรจากับเจ้าของฟาร์มเนื้อสุนัขแห่งนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันคือธุรกิจของเขาและมันสร้างรายได้ให้กับเขา จึงไม่ง่ายเลยที่จะโน้มน้าวใจเจ้าของให้ยอมล้มเลิก แต่ภายหลังการเจรจาต่อรอง และข้อเสนอเรื่องเงินทุนและความรู้ในการให้อาชีพใหม่ๆ กับเขา ในที่สุดเขาก็ยอมยุติกิจการฟาร์มเนื้อสุนัข แล้วเตรียมมองหาลู่ทางในการทำเกษตรกรรมบนที่ดินแห่งนี้่แทน เหล่าเจ้าหมา 130 ตัวและลูกแมวอีก 2 ตัวถูกนำตัวออกจากฟาร์ม จากนั้นก็จะถูกส่งตัวไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อการรักษา แต่ O’Meara ก็สะดุดกับความน่าสงสารของสุนัขที่ชื่อ Minsu เธอพบว่าเจ้า Minsu มีข้อบกพร่องคือคือมันมีขาหน้าที่คดงอ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่กำเนิดและมันยิ่งทำให้เธอสงสารมากขึ้นไปอีก จึงตัดสินใจที่จะรักษามันเองเป็นกรณีพิเศษ หลังจากที่พามันไปฉีดวัคซีนแล้วมันก็ถูกรักษาโดยคุณ Mastiffs ในรัฐเพนซิลเวเนีย โดยการใส่เฝือกเพื่อปรับรูปขาของมันให้กลับมาตรงเหมือนเดิม …
-
ภาพแววตาที่เปลี่ยนไป ของทหารผู้ผ่านสงคราม ตอกย้ำถึงความเลวร้ายของมัน…
มีคำกล่าวเอาไว้ว่า สงครามเป็นสิ่งที่โหดร้าย และเราอาจจะไม่จำเป็นต้องได้เห็นภาพของระเบิด อาวุธ ผู้เสียชีวิต แต่เพียงได้เห็นภาพใบหน้าของคนที่ได้ผ่านการสู้รบในสงคราม ก็อาจจะเข้าใจเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี Claire Felicie ช่างภาพชาวเนเธอร์แลนด์ ได้ทำโปรเจคในการถ่ายภาพที่มีชื่อว่า “Marked” ซึ่งเป็นการถ่ายภาพทหารนาวิกโยธินของกองทัพเนเธอร์แลนด์ที่ได้เข้าประจำการในสงครามต่อต้านผู้ก่อการร้ายที่ประเทศอัฟกานิสถาน ตั้งแต่ปี 2009 โดยภาพที่เขาได้ถ่ายนั้นจะเป็นภาพใบหน้าของทหาร ก่อนเข้าประจำการ ระหว่างสงคราม และหลังปลดประจำการ และภาพนั้นก็เน้นการสื่อความหมายไปที่แววตาของพวกเขาเหล่านั้น และเราจะสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี Dany Pascal Emiel Jeff Koen Arnold Sven Jasper Luke Nicky Jeffrey Remon Sjoerd Tuur จากภาพจะเห็นได้ว่า แววตาก่อนที่ไปสงครามของทุกคนเต็มไปด้วยความกังวล ก่อนที่จะเป็นเข้มแข็งและดุดันในระหว่างสงคราม ก่อนจะกลายเป็นสายตาที่ไร้ความรู้สึกหลังจบสงคราม และมีข้อมูลจากการวิจัยของอังกฤษ ว่าทหารหลังปลดประจำการจากสนามรบในอัฟฟานิสถานมีอาการของโรค PTSD…
-
วินาทีระทึก สาวเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด หลังเล่น “บันจี้จั๊มพ์” แล้วสลิงขาดกลางอากาศ!!
ทางสื่อ People’s Daily Online ของประเทศจีน ได้รายงานว่า มีสาววัย 17 ปี รายหนึ่งเดินทางจากเมืองเทียนจิน เดินทางไปกระโดดบันจี้จั๊มพ์ที่ Shidu National Park ในย่าน Fangshan แถบกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม แล้วเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันดังกล่าวขึ้น!!! คลิปที่ค่อนข้างจะหวาดเสียวหน่อย เตรียมใจไว้ก่อนนะ จากในคลิปจะเห็นว่าหญิงคนนี้กระโดดลงเล่นบันจี้จั๊มพ์ธรรมดา แต่ในระหว่างที่เธอกำลังเล่นเชือกสลิงที่ดึงร่างกายของเธอไว้กลับขาดผึง และทำให้เธอร่วงจากความสูงประมาณ 50 เมตรตกลงสู่แม่น้ำทันที โชคดีของเธอที่เธอไม่ได้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ หลังจากถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมืองฟางซานในกรุงปักกิ่ง เพื่อทำการตรวจร่างกายเบื้องต้น และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลทหาร 301 เพื่อตรวจร่างกายโดยละเอียดต่อไป บริษัท Beijing Juma Entertainment Limited ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการให้บริการการกระโดดบันจี้จั๊มพ์ได้ยืนยัน ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นว่าเป็นความผิดพลาดในการสื่อสารระหว่างการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ หลังจากเหตุการณ์สลิงขาด อุทยานแห่งชาติ Shidu ต้องสั่งปิดทำการเครื่องเล่นดังกล่าวเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยแบบไม่มีกำหนด การเล่นบันจี้จั๊มพ์จำเป็นต้องมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อความปลอดภัยกับผู้มาใช้บริการ แต่เหตุการณ์นี้มาเกิดขึ้นก็คงทำให้ผู้คนหวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเลยนะเนี่ย ที่มา dailymail
-
21 ภาพบอกเล่าไลฟ์สไตล์ของ Hamdan bin Mohammed เจ้าชายที่ฮอตสุดแห่งดูไบ
เจ้าชาย Hamdan bin Mohammed bin Rashid Al Maktoum หรือที่เรียกกันว่าเจ้าชาย Fazza นอกจากจะเป็นมกุฏราชกุมารแห่งนครดูไบแล้ว พระองค์ท่านก็ยังได้รับขนานนามว่าเป็น ราชาแห่งอินสตาแกรม อีกด้วย เจ้าชาย Fazza เป็นโอรสองค์ที่สองของ Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum เจ้าปกครองนครดูไบ อีกทั้งตำแหน่งรองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึงในอนาคตพระองค์ก็ถูกคาดหมายจะเป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไป ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเจ้าชายนั้นมีความน่าสนใจมาก นอกจากความรวยอันดับต้นๆ ของนครดูไบ และเจ้าชายก็โปรดปรานที่จะท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงทำกิจกรรมเอาท์ดอร์อีกนับไม่ถ้วน รับลมหนาวในแคนาดา ผจญภัยในภูเขาน้ำแข็ง นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปแทนซาเนีย นั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสของสายการบินเอมิเรตส์ ใกล้ชิดกับคนท้องถิ่นที่ไปถึง พร้อมกับอัพรูปลงอินสตาแกรม เจ้าชายทรงชื่นชอบการเล่นกีฬา ทั้งขี่ม้า เก่งจนได้รับเหรียญทองเอเชียนเกมส์ที่กรุงโดฮา และกีฬาเอ็กซ์ตรีมทั้งดำน้ำ สกายไดร์เวอร์ ยิงปืน รวมถึงเซิร์ฟบอร์ดอีก ทรงโปรดการเล่นกีฬาเป็นอย่างยิ่ง หรือกิจกรรมผาดโผนเช่นโหนสลิง ภาพในระหว่างเสวยอาหาร …
-
ภาพประทับใจของลูกสาวที่ช่วยให้พ่อได้ชม ‘สุริยุปราคา’ เป็นครั้งแรก ก่อนจะจากโลกนี้ไป
ปรากฏการณ์สุริยุปราคานั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ บางคนแทบจะไม่มีโอกาสได้เห็นเลยด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับคุณตาคนนี้ที่เกือบจะไม่ได้เห็นสุริยุปราคา แต่แล้วลูกสาวก็ทำให้เขาได้เห็นครั้งแรกก่อนหมดลมหายใจ Hedy Morrison จาก Nashville ได้ช่วยให้ Will Roberts ผู้เป็นพ่อมีโอกาสเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงเป็นครั้งแรกในวัย 93 ปี 4 วัน ลูกสาวได้เอนเก้าอี้ของคุณพ่อไปข้างหลัง ในขณะที่ศีรษะของพ่อวางอยู่ตรงอกเธอ เพื่อที่จะให้คุณพ่อได้ดูสุริยุปราคาได้อย่างถนัดตา Hedy วัย 66 ปี กล่าวว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่วิเศษจริงๆ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่คุณพ่อได้เห็นสุริปราคาครั้งแรกในชีวิต แม้มันจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกันก็ตาม ที่สำคัญคือเราได้ดูสุริยุปราคาเคียงข้างกัน” Hedy เล่าว่า เมื่อ 20 ปี ก่อนเธอสูญเสียสามีจากอุบัติเหตุ คุณพ่อจึงได้เข้ามาช่วยดูแลเธอกับลูกๆ อีก 5 คน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอบอกว่า “ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องเป็นฝ่ายดูแลเขาบ้าง พ่อป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองเมื่อ 4 ปีก่อน แต่แม้จะป่วยเขาก็พยายามอดทนเพื่อที่จะอยู่เคียงข้างลูกหลานให้นานที่สุด” ทางด้าน Molly Morrison ลูกสาวของ Hedy เล่าว่า “แม่เป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่คุณปู่ดีมาก ตั้งแต่ปู่ล้มป่วย แม่ก็ทำทุกอย่างให้ ทุ่มเทดูแลเขาอย่างเต็มที่จนแทบไม่มีเวลาให้กับตัวเอง” สำหรับ Hedy การดูแลพ่อไม่ใช่งานหนักเลย แต่เธอกลับรู้สึกว่ามันเป็นโอกาสดีที่จะได้ตอบแทนคุณพ่อที่เคยดูแลเธอมาอย่างดีตลอด ที่สำคัญเธอรู้ว่านี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่ผู้เป็นพ่อเคยทำให้ …
-
ครอบครัวอินเดียช่วยเหลือ “สัตว์ป่ากำพร้า” พร้อมเปลี่ยนบ้านตัวเองกลายเป็นศูนย์ช่วยเหลือ
เมื่อพูดถึงเหล่าสัตว์ที่กำพร้าพ่อแม่แล้ว นอกจากหมาแมวที่เราสามารถพบได้ปกติ เหล่าสัตว์ป่ามากมายก็ตกอยู่ในสถานะนี้เช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาจากผลของการถูกล่าโดนเหล่านายพรานนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ครอบครัวของ Dr. Prakash Amte จึงจัดการเปลี่ยนบ้านของตัวเองให้กลายเป็นศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าทั้งหลายที่กำพร้า Dr. Prakash เล่าว่าเมื่อช่วงต้นปี 70 เขาและภรรยาได้ไปเดินเที่ยวกันในป่าของเขต Gadchiroli ซึ่งเขาได้เจอกับชนพื้นเมืองในเขตนั้นกำลังหิ้วแม่ลิงที่พวกเขาล่ามาได้กลับไปยังหมู่บ้าน ในขณะเดียวกันเขาก็สังเกตเห็นว่าลูกลิงได้เกาะบนศพของแม่และพยายามจะดูดนม ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้เขาใจสลาย เมื่อเป็นอย่างนั้น Dr. Prakash ไม่ยอมที่ให้ชนเผ่าฆ่าลูกลิงแน่ๆ เขาจึงยื่นมือเข้าไปช่วยและขอรับเลี้ยงดูลูกลิงตัวดังกล่าวไว้ แน่นอนว่าเขาเข้าใจดีว่าคนในชนเผ่าไม่ได้ฆ่าสัตว์เพื่อความสนุก แต่พวกเขาทำเพื่อเลี้ยงปากท้อง เขาจึงเสนอข้าวกับเสื้อผ้าเพื่อแลกชีวิตของลูกลิงและนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ลูกลิงถูกตั้งชื่อว่า Babli และเลี้ยงดูมานับแต่นั้น ซึ่งลูกลิงก็ดูจะชอบบ้านหลังใหม่ของมันมาก นอกจากนั้นมันยังสามารถเข้ากับทุกคนในบ้านรวมถึงสุนัขที่เลี้ยงไว้ได้เป็นอย่างดีด้วย จากจุดนี้นั่นเอง Dr. Prakash จึงตัดสินใจได้ว่าเขาจะเข้าไปช่วยเหล่าสัตว์กำพร้าจากชนเผ่า หรือนักล่าคนอื่นๆ โดยการแนะนำเหล่าชนเผ่าให้อย่าฆ่าตัวลูก เพราะมันไม่คุ้มจะเป็นอาหารหรอก เขาจะเป็นคนนำพวกมันกลับมาเลี้ยงเองเพื่อแลกกับพืชผลและยาเป็นการตอบแทน ไม่นานนักบ้านของเขาก็เต็มไปด้วยสัตว์กำพร้ามากมายที่เขาเฝ้าเลี้ยงมาแต่พวกมันยังเด็ก ซึ่งมันก็มีตั้งแต่กระรอกตัวน้อยๆ ไปยังหมี เสือดำ รวมถึงงูอินเดียกับจระเข้ก็มีนะ แบบเลี้ยงอยู่ด้วยกันพี่น้องสุดๆ โดยตัว Dr. Prakash บอกว่าเขายินดีรับสัตว์กำพร้าทุกชนิดไม่มีเกี่ยง ล่าสุดได้มีการนับจำนวนสัตว์ที่เขาเลี้ยงไว้ ซึ่งมีรวมๆ…
-
หญิงสาวผู้ถูกจุดไฟเผาทั้งเป็น เพียงเพราะผู้หญิงหวงแฟน ลืมฝันร้ายนั้นและยืนหยัดอีกครั้ง!!
ความหึงหวงและความขาดสติของคนคนหนึ่ง อาจจะทำให้ชีวิตของคนอีกคนต้องเจ็บปวดไปตลอดกาล เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเอง!! Dana Vulin อายุ 31 ปีจากเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ได้รับการผ่าตัดมากกว่า 200 ครั้งตั้งแต่เธอถูกจุดไฟเผาทั้งเป็นในเดือนกุมภาพันธ์ 2012 คนที่เผาเธอก็คือ Natalie Dimitrovska เพียงเพราะว่าความหึงหวงที่เห็นสามีคุยกับ Dana ในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง และนั่นก็เปลี่ยนชีวิตของเธอไปโดยสิ้นเชิง Dana ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่มันถูกตราตรึงอยู่ในจิตใจของเธอตลอดไปว่า “Dimitrovska ได้เดินเข้ามาหาฉัน จากนั้นก็เปิดขวดเมทิลแอลกอฮอล์ ราดลงมาบนตัวของฉัน ตบหน้าและทำร้ายร่างกาย จากนั้นก็ขว้างขวดนั้นใส่หน้าอกฉันด้วย ก่อนที่นางจะจุดไฟและโยนมาที่ตัวฉัน แล้วฉันก็รู้สึกว่าโลกของฉันถูกเผาจนมอดไหม้ไปหมดแล้ว” “ไฟได้ลุกลามไปทั่วบริเวณร่างกายของฉัน ทั้งหัวไหล่ หน้าท้อง มันได้ลามไปถึงใบหน้าและผมของฉันด้วย หลังจากนั้นฉันก็ล้มลงและกลิ้งกับพื้นเพื่อหวังให้ไฟมันดับ” ความเจ็บปวดนั้นแพร่ไปทั่วร่างกาย และเธอก็บอกได้ได้ยินเสียงหัวเราะของ Natalie กับสามีในขณะที่เธอกำลังถูกไฟไหม้ พวกเขาไม่คิดที่จะช่วยเธอแต่กลับหนีไปซะงั้น “มันเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก ฉันพยายามเอาชีวิตรอดด้วยการวิ่งไปที่อ่างล้างจานและเอาน้ำมาราดตัวเองเพื่อดับไฟ” แล้วเธอยังเล่าอีกว่า เธอพยายามกรีดร้องเพื่อขอความช่วยเหลือ และคิดเพียงว่าเธอจะตายไม่ได้ ช่วงเวลาที่แสนทรมานนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า ไม่มีใครได้ยินการร้องขอความช่วยเหลือของเธอเลย หลังจากที่ไฟถูกดับลงแล้ว แต่สารเคมีก็ยังกัดกินบริเวณผิวของเธออยู่ สุดท้ายก็มีผู้ชายที่อยู่ในอพาร์ตเมนต์ถัดไปวิ่งเข้ามาช่วยเหลือ Denis…
-
กรณีเชียร์ลีดเดอร์สาว โดนบังคับให้ฝึกฉีกขา ‘ทรมานร่างกาย’ ท้ายที่สุดโค้ชถูกไล่ออก…
จากเรื่องที่เกิดขึ้นในคลิปวิดีโอของเชียร์ลีดเดอร์สาววัย 13 ปี Ally Wakefield ถูกจับฉีกขาและกดตัวลงไปจนเธอร้องขอชีวิตด้วยความเจ็บปวดอย่างทรมาน หลังจากนั้นเธอก็มีอาการเจ็บบริเวณต้นขาอย่างมาก เพราะกล้ามเนื้อและเอ็นของเธอฉีกจากวิธีการฝึกที่เธอต้องทำ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การออกกำลังกาย แต่เป็นการทรมานร่างกายของเธอเสียมากกว่า… คลิปวิดีโอดังกล่าวได้ถูกถ่ายไว้ในช่วงสัปดาห์แรกของการเข้าค่ายเชียร์ลีดเดอร์ในเดือนมิถุนายน ซึ่งมีทั้งหมด 8 คลิป และทุกคลิปที่ได้เห็นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นการฝึกบังคับให้ฉีกขา คลิปวิดีโอที่เธอถูกบังคับและการสัมภาษณ์หลังเหตุการณ์ แน่นอนว่าโค้ช Ozell Williams ผู้ควบคุมการฝึกซ้อมและเป็นคนกดหลังเธอลงในคลิปวิดีโอ ถูกไล่ออกจากหน้าที่ที่ทำอยู่ตอนนี้และได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า… “จากเรื่องราวที่คุณได้เห็นในวิดีโอสามารถมองเห็นได้ในมุมมองที่ต่างกัน ผมมีความต้องการที่จะเล่าเรื่องของผม แต่ก็ยังไม่สามารถพูดอะไรได้มากในตอนนี้” โค้ชคนดังกล่าวก่อนหน้านี้เคยถูกไล่ออกมาจากโรงเรียนอีกแห่งด้วยเหตุผลเดียวกัน มีการบอกเล่ามาจากปากของเด็กสาวทั้งหลายว่า เขาจะต่อยเข้าที่ใบหน้าของพวกเธอ หากไม่สามารถทำการแสดงได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อคลิปวิดีโอได้ถูกเผยแพร่ออกไปทางโรงเรียน East High ก็ได้วางตำแหน่งผู้ตรวจสอบภายในเพื่อสอบสวนกันเอง โดย 2 ใน 4 คนนั้นก็คือครูใหญ่และผู้ช่วยครูใหญ่ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสืบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ การฝึกซ้อมอันหนักหน่วงที่เธอต้องถูกเข่าของโค้ชกดไปที่หลังกับมือ ทิ้งน้ำหนักไปยังขาขวาจนเธอได้รับบาดเจ็บ แม่ของเธอก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า… “ฉันได้แนบวิดีโอส่งไปให้ผู้ช่วยครูใหญ่ เป็นภาพที่ลูกสาวและเพื่อนๆ ของเธอถูกบังคับให้ฉีกขา และโดนบังคับให้ต้องรับการฝึก จนเป็นเหตุให้ลูกฉันบาดเจ็บ” Tom Boasberg…
-
ชายหนุ่มละเมิดกฎด้วยการบริจาคสเปิร์มในคลินิก 11 แห่ง จนกลายเป็นพ่อเด็กถึง 102 คน
ผู้ชายหลายๆ คนได้บริจาคสเปิร์มเพื่อช่วยเหลือคนมีลูกยาก แต่บางประเทศอย่างอังกฤษ ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีกฎระบุว่าผู้บริจาคต้องให้สเปิร์มตามที่กฏหมายกำหนดเท่านั้น จากกฏหมายดังกล่าวนี้ คนที่บริจาคสเปิร์มต้องเซ็นสัญญาว่าจะไม่ไปบริจาคสเปิร์มที่คลินิกอื่นอีก แม้จะไม่ถูกตรวจสอบก็ตาม แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้พบคนละเมิดกฎในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่บริจาคสเปิร์มตามคลินิกต่างๆ กว่า 11 ที่ ส่งผลให้เขากลายเป็นพ่อของเด็กถึง 102 คน ตามกฎหมายของประเทศเนเธอร์แลนด์ระบุว่า ผู้บริจาคหนึ่งคนสามารถบริจาคสเปิร์มให้ผู้รับบริจาค 25 คนเท่านั้น เพื่อจำกัดโอกาสที่เด็กจะมีความสัมพันธ์กันในอนาคตโดยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพี่น้องกัน แน่นอนว่าชายที่บริจาคสเปิร์มรู้ดีว่ามันผิดกฎหมาย แต่เขาอ้างว่า “ผมแค่อยากเห็นทุกคนมีความสุข ผมอยากใช้สเปิร์มให้เป็นประโยชน์ เพราะมีหลายคนเป็นทุกข์จากการมีบุตรยาก” นอกจากนี้การบริจาคสเปิร์มนั้นไม่ใช่ทุกคนจะบริจาคได้ แต่ต้องผ่านการคัดกรองจากทางคลินิกด้วย แน่นอนว่าหากผ่านการคัดกรอง ทางคลินิก็มีความสุขไปด้วย นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้สเปิร์มของชายคนนี้ถูกนำไปใช้บ่อยๆ โดยไม่ถูกตรวจสอบประวัติการบริจาคที่ผ่านมา หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ทางสมาคมนรีแพทย์แห่งเนเธอร์แลนด์ (NVOG) จึงได้ประกาสให้คลินิกทั่วประเทศหยุดรับสเปิร์มจากชายคนดังกล่าวทันที สำหรับชายคนที่บริจาคสเปิร์มเกินกฏหมายกำหนดนั้น แม้จะอ้างว่าต้องการทำเพื่อให้คนอื่นมีความสุข แต่เขาจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากจงใจละเมิดกฏ ที่มา metro
-
หมดกัน…เมื่อสิงโตเจ้าป่าถูกเมียรัวหมัดเข้าหน้าเพราะกลับมาช้า จนต้องหนีไปตั้งหลักก่อน
ผู้ชายหลายๆ คน มักจะเป็นคนกลัวเมีย เมียสั่งอะไรก็ต้องทำ แต่ต่อหน้าเพื่อนๆ นี่ เก่งเชียวนะ จะบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรหรอก ขนาดเจ้าป่าอย่างสิงโตเนี่ย ยังกลัวเมียเหมือนกันเลย เหมือนกับเจ้าสิงโตตัวนี้ที่ถูกสิงโตตัวเมียโกรธและเข้าทำร้าย หลังจากที่มันกลับมาหาพวกมันช้า… ภาพเหล่านี้ถ่ายเมื่อเดือนกรกฏาคม โดย Ona Basimane ไกด์จาก Wilderness Safaris Explorations Camp ใน Gomoti บอตสวานา ปกติแล้วเมื่อสิงโตตัวผู้มาหา สิงโตตัวเมียจะดีใจและต้อนรับมันด้วยการเลียเสมอ แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เพราะดูเหมือนสิงโตตัวผู้จะกลับมาหาตัวเมียช้ากว่าที่ผ่านมา เมื่อสิงโตตัวเมียเห็นสิงโตตัวผู้ค่อยๆ เดินออกจากพุ่มไม้ พวกมันก็ลุกขึ้น ทำเสียงคำราม และพร้อมจะจัดการกับเจ้าสิงโตที่มาไม่ตรงนัด พอสิงโตตัวผู้เดินมาใกล้ขึ้นๆ สิงโตตัวเมียก็เช้าจู่โจมด้วยความโมโหทัน ตอนแรกตัวผู้พยายามขัดขืน ป้องกันตัว และพยายามจะอธิบายให้ตัวเมียฟัง แต่ ณ ตอนนั้น ตัวเมียโกรธแบบขีดสุด มันไม่พร้อมจะฟังอะไรทั้งนั้น มันเอาแต่ทำร้ายตัวผู้อย่างไม่ยั้งมือ ในที่สุดสิงโตตัวผู้ก็ตัดสินใจวิ่งหนีออกจากตรงนั้น เพื่อไปตั้งหลักก่อน หลังจากที่ระบายความโกรธจนตัวผู้หนีไป สิงโตตัวเมียก็กลับมาหาลูกๆ แต่หูข้างหนึ่งของมันได้รับบาดเจ็บจนเลือดไหล ใครจะไปคิดว่าสิงโตตัวผู้ที่เป็นถึงเจ้าป่า…
-
รู้จักกับ ‘Celine’ เด็กหญิงวัย 9 ขวบ ผู้มีเสียงอันไพเราะ สร้างความประทับใจให้คนทั่วโลก
เราทุกคนอาจจะร้องเพลงได้ ร้องเพลงเป็น แต่มีน้อยคนนักที่สามารถสร้างความประทับใจและดึงดูดคนฟังด้วยเสียงร้องอันไพเราะ เหมือนเด็กน้อยคนนี้ ที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการร้องเพลง Celine Tam นักร้องวัย 9 ขวบ จากฮ่องกง ผู้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศบนเวที America’s Got Talent เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา Celine เอาชนะใจชาวอเมริกันด้วยเพลง When You Believe ที่เน้นการโชว์พลังเสียง บวกกับอยู่ท่ามกลางเวทีที่ตกแต่งให้เหมือนสวนกุหลาบที่กว้างใหญ่ไพศาล ดูลงตัวและสง่างามมาก เด็กหญิงบอกว่า เธอมี Celine Dion เป็นไอดอลด้านการร้องเพลง และเธอก็เชื่อมั่นว่าการโชว์ร้องเพลงในครั้งนี้จะทำให้ไอดอลของเธอภูมิใจได้บ้าง หลังจากที่เด็กหญิงผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ แฟนจำนวนมากต่างเข้ามาคอมเม้นต์แสดงความยินดี ในขณะที่หลายคนต่างก็รอลุ้นว่าเธอจะใช้เพลงอะไรในการสร้างความประทับใจต่อไปในเดือนหน้า ตอนที่ Celine บอกว่าจะร้องเพลง When You Believe ของ Whitney Houston และ Mariah Carey ที่ใช้ประกอบหนังเรื่อง The Prince of Egypt Mel B บอกกับเด็กหญิงว่า “เธอกล้ามากที่เลือกเพลงนี้ในการประกวด ฉันคิดว่ามันยากเกินไปสำหรับเธอนะ เธอเป็นคนที่มีเสียงไพเราะมาก…
-
ยอดดาราตัวจริง ‘โจว เหวินฟะ’ ออกมาช่วยเก็บกิ่งไม้บนถนน หลังไต้ฝุ่นฮาโตะสงบลง…
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางตอนใต้ของประเทศจีนจีน มาเก๊า และฮ่องกง ต่างโดนถล่มอย่างหนักจากไต้ฝุ่นฮาโตะ จนเกิดเป็นความเสียหายที่มากที่สุดในรอบหลายปีเลยก็ว่าได้ หลังจากพายุฮาโตะพัดผ่านไป ก็ทิ้งไว้แต่เศษซากความเสียหายที่คิดเป็นเงินมูลค่ามหาศาล แถมยังสร้างรอยแผลให้กับผู้คนมากมาย แต่ยังไงผู้คนก็ยังต้องมาช่วยกันจัดการกับเศษซากความเสียหายกันต่อไป ทว่าชายคนหนึ่งกลับสังเกตเห็น ‘โจวเหวินฟะ’ ดาราพระเอกคนดังของฮ่องกงออกมาช่วยเก็บเศษซากความเสียหายเช่นกัน แถมมาเองในชุดลำลองด้วย!! เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นที่ฮ่องกง บริเวณเกาลูน ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมายืนยันว่าตนออกมาช่วยเก็บกวาดท้องถนนจริง เพื่อให้ผู้คนได้กลับมาใช้ถนนได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง รวมถึงจัดการเก็บกวาดต้นไม้ที่พังลงมาด้วย ปกติแล้วการจะเห็นดาราในสถานการณ์แบบนี้ได้ ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการจัดอีเว้นท์หรือออกงานรวมตัวช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดาราผู้มีชื่อเสียงถึงจะออกมาทำอะไรแบบนี้ แต่สำหรับโจวเหวินฟะแล้วกลับไม่เป็นแบบนั้น… ส่วนถ้าใครที่คิดว่าเขามาสร้างภาพหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้ยืนยันได้ว่าเขาเป็นคนนิสัยแบบนี้จริงๆ เพราะขนาดไปดูหนังที่ตัวเองแสดงเขายังต่อคิวซื้อตั๋วเหมือนคนปกติเลย นี่ขนาดเป็นถึงดาราระดับท็อปของฮ่องกงเลยนะเนี่ย!! นอกจากนั้นย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 เขายังได้ประกาศว่าถ้าเขาเสียชีวิตเมื่อไหร่ เขาจะบริจาคสมบัติมูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาทให้กับการกุศลอีกด้วย นับว่าเป็นดาราดังที่ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา มีแนวคิดการใช้ชีวิตดีๆ ไม่ถือตนยกสูง แม้ตัวเองจะมีชื่อเสียงโด่งดังมากแค่ไหนก็ตาม ที่มา weixin
-
22 เทคนิคการถ่ายภาพแบบง่ายๆ ด้วย “สิ่งของเหลือใช้” ทำให้คุณดูเป็นมือโปรมากยิ่งขึ้น
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมช่างภาพมืออาชีพถึงถ่ายภาพออกได้สวยสมบูรณ์แบบ ก็ดูอุปกรณ์ประกอบการถ่ายรูปแต่ละอย่างสิ ราคาโคตรแพง และประสิทธิภาพมันก็สมราคาจริงๆ แต่จริงๆ แล้วต่อให้ไม่มีอุปกรณ์ราคาแพงเหล่านั้น เราก็สามารถใช้สิ่งของที่มีอยู่รอบตัว หรือของใช้ราคาถูกมา DIY ให้สร้างสรรค์ ทั้งอาศัยเวลาและความอดทน เราก็จะได้ภาพสวยไม่แพ้กันแน่นอน 1. ใช่ฟอยล์เป็นพื้นหลัง 2. ใช้กระชอนในการสร้างเงา 3. ใช่ตู้ปลาในการถ่ายรูปในน้ำ 4. ใช้ถุงพลาสติกในการทำให้แสงซอร์ฟลง 5. ใช้กระดาษแข็งและเศษผ้าเป็นพื้นหลัง พกพาสะดวก ราคาไม่แพงด้วย 6. ตัดคนออกจากรูป ตามเทคนิคง่ายๆ ด้านล่างนี้ 7. ใช้ผ้าเลื่อนกล้องสำหรับถ่ายวิดีโอ 8. นำกล้องไปไปติดเพดาน เพื่อถ่ายภาพมุมบนลงด้านล่างด้วยตัวเอง 9. ใช้ไฟดวงน้อยๆ ในการเพิ่มแสง แถมยังดูคูลสุดๆ ด้วย 10. ใช้มุมกล้องในการจัดองค์ประกอบภาพ 11. ตัดกระดาษเป็นรูปหัวใจแล้วแปะตรงเลนส์ สำหรับถ่ายภาพแสดงในเวลากลางคืน …
-
นายกเทศมนตรีเวนิสเตือน ใครที่ตะโกน “อัลเลาะห์อัคบาร์” ในที่สาธารณะ จะถูกยิงทันที!!
อัลเลาะห์ อัคบาร์ เป็นคำที่ชาวมุสลิมใช้ตะโกนเพื่อสรรเสริญพระเจ้าในสถานการณ์ต่างๆ แต่ส่วนใหญ่ที่เราเคยได้ยินในเหตุการณ์ขับขัน อย่างก่อนตายหรือก่อนพลีชีพ หรือแม้แต่เวลาที่ตกอยู่ในอันตราย แต่สำหรับตอนนี้นายกเทศมนตรีเมืองเวนิสฝ่ายขวาได้ออกมาประกาศว่าใครก็ตามที่ตะโกนคำว่า “อัลเลาะห์ อัคบาร์” ในเมืองจะถูกยิงทันที มีการรายงานว่านายกเทศมนตรี Luigi Brugnaro ได้มีคำสั่งในที่ประชุมใน Rimini บนชายฝั่ง Adriatic ของอิตาลีในสัปดาห์นี้หลังการโจมตีจากบาร์เซโลนาว่า “ทุกคนที่ตะโกนคำว่า “อัลเลาะห์ อัคบาร์” ในเขต St Mark’s Square จะถูกยิงสไนเปอร์ที่อยู่ห่างออกไปเพียง 4 ก้าว” เขาบอกอีกว่า “เราจำเป็นต้องเพิ่มความมั่นคงในเรื่องการก่อการร้าย เรามีผู้ก่อการร้ายสี่คนที่ถูกจับกุมในเวนิสเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องการจะระเบิดสะพาน Rialto” “คนที่ตะโกนคำว่า อัลเลาะห์ อัคบาร์ นั้นหมายความว่าอยากไปพบกับอัลลอฮ์ ดังนั้นเราจะส่งพวกเขาไปหาอัลลอฮ์โดยไม่ต้องโดดจากสะพานแต่เราจะทำการยิงแทน” อย่างไรก็ตามหลังจากการประกาศเสร็จสิ้นลง นายกเทศมนตรีเมืองฟลอเรนซ์ Don Nardella ได้เดินเข้ามาในห้องประชุม แล้วตะโกนว่า “อัลเลาะห์ อัคบาร์” เพราะเห็นเป็นเรื่องตลก ต่อหน้า Brugnaro และผู้ร่วมประชุมคนอื่น ๆ แต่ต่อมา Nardella ได้ออกมาขอโทษสำหรับการแสดงพฤติกรรมดังกล่าว หลังถูกบาร์เซโลนาโจมตี เขาเขียนคำขอโทษผ่านเฟซบุ๊กว่า “ผมขอโทษสำหรับคำพูดเชิงติดงตลกในวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ขนะนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่หรือเห็นศาสนาเป็นเรื่องล้อเล่น ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องน่าอายอย่างวันนั้นอีก” …
-
กษัตริย์ซาอุเสด็จกลับประเทศแล้ว หลังจากทริปวันหยุดยาวตลอดเดือน มูลค่า 3,500 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2560 เว็บไซต์เดลีเมล์ได้รายงานเรื่องราวของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดัลอะซิซ อาล สะอูด กษัตริย์แห่งประเทศซาอุดิอาราเบีย ที่เสด็จกลับจากทริปพักผ่อนวันหยุดยาวตลอดเดือน ที่มีมูลค่าสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 3,500,000,000 บาท) กษัตริย์ Salman bin Abdulaziz Al Saud โดยในครั้งนี้พระองค์ได้เดินทางไปพักผ่อนที่เมืองแทนเจียร์ ประเทศโมร็อคโก อีกทั้งยังได้รับการต้อนรับอย่างดีจากนายกรัฐมนตรี Saadeddine Othmani อีกด้วย สื่อต่างชาติได้เปิดเผยว่า การเดินทางครั้งนี้พระองค์ได้เสด็จไปพร้อมกับผู้ติดตามมากกว่า 1,000 คน โดยกระทรวงท่องเที่ยวประเทศโมร็อกโกยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของพระองค์คิดเป็น 1.5% ของรายได้มวลรวมจากการท่องเที่ยวของประเทศโมร็อคโกเลยทีเดียว สำนักข่าว Israel’s Haaretz ยังได้เปิดเผยอีกว่า การเดินทางไปพักผ่อนในครั้งนี้ต้องมีการรีโนเวทสถานที่พักผ่อนทั้งหมดก่อนหน้าเป็นเวลา 12 เดือน บนพื้นที่กว่า 187 ไร่ อีกทั้งยังมีการสั่งสร้างกำแพงล้อมรอบพระตำหนักสูงถึง 1.5 เมตร และมีการจัดตั้งทหารราชองครักษ์อีกกว่า 30 คน …
-
คุณตาคุณยายที่รักกันนานกว่า 77 ปี สิ้นใจพร้อมกัน แถมยังถูกฝังในโลงเดียวกันด้วย…
คู่สามีภรรยาชาวรัฐมิซซูรี ผู้สร้างตำนานรักอมตะแต่งงานกันมา 77 ปี ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนถึงวันสุดท้าย และตลอดไป… เรื่องราวความรักของ คุณยาย Velva Breuer และ คุณตา Raymond เริ่มตั้งแต่คุณตาศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนใน Dawson Township ด้วยความไร้เดียงสา Raymond ผลัก Velva ติดกับเตาผิงและไม่รู้ว่ามันร้อน จนทำให้เธอมีแผลเป็นมาตลอดชีวิต แต่หลังจากนั้นมาคุณตาก็ตกหลุมรักคุณยายและคอยตามจีบเธออยุ่เรื่อยมา จนกระทั่งคุณตาและคุณยายได้แต่งงานกันในปี 1940 มีลูกทั้งหมด 6 คน คุณตาและคุณยาย อยู่เคียงข้างกันมาตลอด 77 ปี ถึงแม้ว่าจะต้องเปลี่ยนที่อยู่บ่อยเนื่องจากการทำงานของ Raymond เขาทำงานให้บริษัทรถยนต์และมีหน้าที่ซึ่งต้องย้ายไปทั่วประเทศ แต่ทั้งคู่ไม่เคยทิ้งกันเลย หลังจากที่เกษียณในปี 1978 คุณตาก็อุทิศตัวเองให้กับการเผยแพร่ศาสนาและการศึกษาพระคัมภีร์ ถึงจะอยู่ด้วยกันมานานแต่ก็มีทะเลาะกันตลอดเรื่องคุณยายชอบแต่งหน้าก่อนนอน แม้จะรักกันเพียงใด แต่สุดท้ายพวกเขาก็หนีสิ่งที่เรียกว่าความตายไม่พ้น ด้วยอายุที่มากขึ้นทำให้โรคภัยเริ่มถามหา คุณตาป่วยหนักและคุณยายก็เช่นเดียวกัน ทั้งสองเข้าโรงพยาบาลด้วยกันทั้งคู่ จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง คุณตา Raymond เสียชีวิตในวันที่ 4 สิงหาคม ซึ่งอีก 30 ชั่วโมงต่อมาคุณยาย Velva…
-
นักดับเพลิงร่วมมือกับแพทย์ ใช้คีมขนาดใหญ่ช่วยเหลือเด็กสาว หลังล้มโดนกรรไกรปักหน้า
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่เมืองตุนหวง มณฑลจี๋หลิน ประเทศจีนได้เกิดอุบัติเหตุ เด็กน้อยคนหนึ่งถูกกรรไกรปักกลางหน้าผากอย่างจัง หนังสือพิมพ์ New Culture Express รายงานจากปากคำนายเบียนผู้เป็นพ่อได้เล่าว่า เด็กน้อยที่กำลังอยู่ในวัยหัดเดินได้หยิบกรรไกรที่อยู่บนพื้นเดินไปมาแล้วเธอก็สะดุดล้ม ทำให้กรรไกรปักเข้าที่หน้าของหนูน้อย หลังจากนั้นก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที กรรไกรนั้นได้ปักตรงที่กระดูกระหว่างคิ้วของเด็กน้อยลึกประมาณ 3 ซม. และยากที่จะเอาออก ทางแพทย์ได้ขอความช่วยเหลือจากนักดับเพลิงให้ใช้คีมดึงเหล็กช่วยดึงกรรไกรออกจากหน้า เด็กน้อยถูกวางยาสลบก่อนการผ่าตัด นักดับเพลิงใช้คีมขนาดใหญ่ตัดกรรไกรก่อนที่แพทย์จะดึงเอาใบมีดออก . คลิปวินาทีการช่วยเหลือ นำกรรไกรออกจากใบหน้าของเด็กสาว… หลังจากการช่วยเหลือประสบความสำเร็จผ่านลุล่วงไปด้วยดี เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม นายเบียนก็ได้โพสต์ขอบคุณที่ช่วยเหลือลูกสาวของเขาว่า “ขอบคุณทุกคน การผ่าตัดประสบความสำเร็จอย่างมากและลูกสาวของผมก็ปลอดภัยแล้ว” เรื่องนี้สอนให้ได้รู้ว่า อันตรายมีอยู่รอบตัว พ่อแม่ควรระมัดระวังในเรื่องของมีคมมากๆนะคะจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้อีก ที่มา dailymail
-
จัดอันดับ 20 เมืองที่ใช้ความรุนแรงมากที่สุดในโลก คงไม่มีใครอยากจะลองไปแน่ๆ
สภาประชาชนเม็กซิโกได้มีการจัดอันดับเมืองที่มีการใช้ความรุนแรงมากที่สุดในโลกขึ้นมาในปีล่าสุด ซึ่งปัจจัยที่จะใช้ในการวัดนั้นก็คือ ความรุนแรงส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องของยาเสพติด ความเสถียรภาพทางการเมือง และความยากจนที่มีผลมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยประเทศที่ติดมาส่วนมากจะอยู่ในแถบละตินอเมริกา จากลิสต์ของเมืองที่มีประชากรเกินกว่า 300,000 คนทั่วโลก และนี่คือ 20 อันดับเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีความรุนแรงมากที่สุดค่ะ… 20. Salvador ประเทศบราซิล 19. Campos dos Goytacazes ประเทศบราซิล 18. Cumana ประเทศเวเนซูเอล่า มีการค้ายาเสพติดเป็นจำนวนมาก จากภาพเป็นการจับถุงโคเคนที่บ้านในเมือง Cumana 17. Barquisimeto ประเทศเวเนซูเอล่า เหตุการณ์การก่อจลาจลที่เรือนจำ Centro Occidental เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2013 16. Vitória da Conquista ประเทศบราซิล มีผู้ถูกฆาตรกรรมในอัตรา 60 คนต่อประชากร 100,000 คน 15. Feira de Santana ประเทศบราซิล เมืองนี้ถูกจัดในอันดับ 15 จากอัตราถูกฆาตกรรม 60.23…
-
คุณแม่ผวา เจองูพิษร้ายแรงติดอันดับโลก มาโผล่อยู่ในกล่องของเล่นลูกซะงั้น!!
บ่ายวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาคุณแม่คนหนึ่งในย่าน Gold Coast รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบงูที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกกำลังอยู่ในบ้านของเธอ!! ภายหลังก็ได้รู้ว่า งูนั้นคือ งูสีน้ำตาลตะวันออก (Eastern Brown Snake) ซึ่งเจ้างูสีน้ำตาลตะวันออกเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงติดอันดับโลก นิสัยดุร้าย พิษของมันมีผลต่อระบบประสาทและการแข็งตัวของโลหิต สามารถพบได้ทั่วไปในย่านชุมชนนั่นเอง อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าสามารถพบงูนี้บ่อยครั้งในเขตชุมชน และครั้งนี้ก็คือในกล่องของเล่นของลูกชายเธอ ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันเข้ามาได้ยังไง แต่เมื่อมันอยู่ในบ้านก็ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ตอนแรกเธอคิดว่ามันเป็นงูหลามตัวหนึ่ง ก็เลยรีบแจ้งนักจับงูโดยด่วน Tony และ Brooke Harrisson นักจับงูได้เดินทางไปที่บ้านของเธอทันทีเมื่อได้รับแจ้งว่างูหลามเข้าบ้าน มันกำลังอยู่ในของเล่นของลูกเธอ แต่พอพวกเขาไปถึงกลับพบว่าไม่ใช่งูหลามที่ไม่มีพิษ แต่มันเป็นงูพิษ!! โค๊ววววว งูขนาดยาว 1.7 เมตรกำลังอยู่ในกล่องของเล่นและพยายามเลื้อยไปมาอยู่ภายในนั้น พวกเขาคาดว่านี่คือช่วงฤดูผสมพันธุ์ของพวกมัน มันเลยตามหาคู่ และก็มาตกอยู่ในกล่องของเล่นของเจ้าหนูในที่สุด Harrisson กับ Tony โชว์จับงูด้วยมือเปล่าด้วย ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญนั้นถือเป็นเรื่องอันตรายมากๆ อย่าลอกเลียนแบบกันนะ โชคดีมากที่เด็กน้อยไม่ถูกงูกัด… ปิดท้ายข่าวนี้ด้วยคลิปจับงูตัวดังกล่าว ซึ่งก็น่าหวาดเสียวจริงๆ ลองชมกันได้เลย ที่มา dailymail
-
คุณแม่หัวร้อน เมื่อลูกชายถูกเจ้าหน้าที่ในเนิร์สเซอรี่ ลากไปกับพื้นจนหลังเป็นแผลถลอก!!
ตำรวจได้ทำการสืบสวนอย่างเร่งด่วน หลังจากจากที่ได้รับแจ้งจากแม่ว่าลูกชายของเธอกลับมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กโดยมีรอยแผลปื้นแดงขนาดใหญ่บนหลังของเขา Hannah Callaghan คุณแม่วัย 25 ปี บอกว่า เธอรู้สึกตกใจมากเมื่อ Archie Joslin ลูกชายอายุ 2 ขวบของเธอร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดในขณะที่เธอกำลังจะอาบน้ำให้เขาในวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยที่ก่อนหน้านี้เธอได้รับแจ้งจากทางเนิร์สเซอรี่ว่าลูกชายของเธอได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยในขณะที่เล่นกับเพื่อน แต่ในตอนเย็นเธอต้องตกใจที่ลูกชายของเธอมีรอยแผลดังกล่าวที่กลางหลังของเขา ผู้จัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัยจึงจัดให้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเต็มที่ และได้รับคำสารภาพจากคุณครูในวันที่ 7 สิงหาคม นั่นทำให้คุณแม่ไม่ไว้วางในในสถานรับเลี้ยงเด็กอีกต่อไป แล้วรับลูกมาอยู่ด้วยเพื่อความปลอดภัย จากนั้นจึงแจ้งทางตำรวจทันที และได้ให้สัมภาษณ์ว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันร้ายแรงมากๆ เราไว้วางใจว่าพวกเขาจะเป็นมืออาชีพและดูแลลูกของเราขณะที่เราไปทำงานได้ แต่พอได้ยินว่าลูกชายของฉันเจ็บฉันก็รู้สึกเจ็บยิ่งกว่า เจ้าหน้าที่พาฉันไปดูว่าเขาได้รับอุบัติเหตุขณะที่เล่นกับเพื่อน และฉันก็เชื่อพวกเขา คิดว่าเด็กคงเล่นกันตามประสา” รอยแผลแดงๆ นั้นมันดูเจ็บปวดมากๆ และพอฉันถามลูกชายว่าใครทำเขาก็พูดแค่ว่า ‘สาวใหญ่’ ด้วยความเด็กมากๆเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มากและบอกไม่ได้ด้วยว่าได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นคุณแม่ก็เดินทางไปยังเนิร์สเซอร์รี่เพื่อร้องขอให้เขาตรวจสอบทันทีและก็ได้รู้ความจริงจากกล้องวงจรปิดถึงสาเหตุของรอยแผลลูกชายของเธอ “ตอนแรกเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่สิ่งที่เห็นคือเจ้าหน้าที่เล่นกับลูกชายของฉันรุนแรงมาก โดยการลากเขาไปกับพรมแข็งๆ และมันเป็นสิ่งทีี่คุณไม่ควรทำด้วยซ้ำ” พอรับทราบและได้หลักฐานแล้วเธอจึงโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอให้ทางโรงเรียนไล่เจ้าหน้าที่คนนี้ออกทันที แต่มันทำให้เธอไม่ไว้วางใจให้ทางเนิร์สเซอรี่เลี้ยงลูกของเธออีกต่อไป ทางด้าน Susan Carr เจ้าของเนิร์สเซอร์รี่กล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอระบุว่าเด็กได้รับบาดเจ็บจากการถูกลากบนพรมแข็งๆ จริง จึงจะรับผิดชอบจัดการกับเรื่องนี้ทั้งหมด โดยอาจจะเป็นการชดเชยรวมถึงไล่พนักงานที่ทำนั้นออกไป…
-
คู่รัก “นักเล่นสเก็ตบอร์ด” พากันไปถ่ายภาพอาฟเตอร์เวดดิ้ง เป็นอะไรที่โคตรคูล!!
การได้ทำสิ่งที่เราชอบและสิ่งที่เรารัก มันเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขได้ใช่ไหมล่ะ แล้วสมมติว่าคนรักของเราก็ชอบสิ่งที่เรารักเหมือนกัน บอกเลย มันเป็นอะไรที่โคตรจะฟิน นี่คือเรื่องราวของ Vina Marwan อายุ 29 ปีและแฟนสาว Ikhzreen Husin วัย 26 ปี คู่บ่าวสาวที่อาศัยอยู่ในกัวลาลัมเปอร์มาเลเซีย Marwan ได้ให้สัมภาษณ์ว่าได้พบกับ Husin เมื่อ 5 ปีที่แล้วตอนที่เล่นสเก็ตบอร์ด ทั้งสองคนเล่นสเก็ตบอร์ดด้วยกันและกลายเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็ว . หลังจากเป็นเพื่อนเล่นสเก็ตบอร์ดกันมานานแล้ว ทั้งคู่ก็เริ่มออกทัวร์นาเมนท์ทั้งในประเทศมาเลเซียและต่างประเทศ มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองเริ่มคบหาดูใจกัน จนกระทั่งทั้งคู่ได้แต่งงานกันในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากเสร็จงานแต่งอันแสนเหนื่อยแล้ว พวกเขาเลยตัดสินใจที่ลานสเก็ต เพื่อถ่ายรูปชุดนี้ขึ้นมา หลานสาวของ Marwan ได้อัพโหลดรูปเบื้องหลังการถ่ายภาพนี้ไปยังทวิตเตอร์แล้วมันกลับกลายเป็นไวรัลที่มีคนรีทวิตไปกว่า 39,000 ครั้ง แน่นอนว่าพอเป็นกระแสก็ย่อมมีทั้งความเห็นแง่บวกและแง่ลบ หลังจากที่รูปถูกแชร์ต่อในโลกออนไลน์ Marwan ก็ถูกวิจารณ์ในเรื่องของการแต่งตัวที่ไม่ค่อยเหมาะสม และการเล่นสเก็ตซึ่งดูไม่เหมาะกับชุด แต่ในทางกลับกัน ชาวเน็ตหลายคนก็บอกว่ามันเป็นอะไรที่โคตรคูล และรู้สึกมีความสุข ยิ้มได้เมื่อได้เห็นชุดภาพอาฟเตอร์เวดดิ้งชุดนี้เช่นกัน… ที่มา buzzfeed
-
เชียร์ลีดเดอร์สาวโดนบังคับ “ท่าแยกขา” ถึงขั้นตำรวจเข้าสอบสวน ชาวเน็ตถกกันสนั่น
จากประเด็นที่กำลังกลายเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้ จากเพจเฟซบุ๊กสำนักข่าว NBC LA ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ที่กำลังถูกคนในทีมจับฉีกขา จนเธอต้องร้องขอชีวิต จนทำให้ต้องมีการเข้าสืบสวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ จากในคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นเหตุการณ์ เด็กสาวที่ชื่อว่า Ally Wakefield วัย 13 ปี ถูกเพื่อนและโค้ชในทีมเชียร์ลีดเดอร์ โรงเรียนมัธยม East Hight ฝึกให้เธอฉีกขาและเธอก็ร้องด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก “No no no no ฉันทำไม่ได้ หยุดเถอะ ได้โปรด หยุดดดดดด ได้โปรดดดดด T^T” จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเดนเวอร์ก็ได้เข้าสืบสวนกับทางทีมเชียร์ลีดเดอร์และโรงเรียนทันที!! Kirsten แม่ของเด็กสาวที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอ ได้บอกว่าลูกสาวของเธอได้รับบาดเจ็บที่ขาจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้มีชาวเน็ตได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก และมีความเห็นแตกต่างกันไปและแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งแรกคิดว่าเรื่องนี้ไม่ผิดและเป็นเรื่องธรรมดา MarK Lubas “ไม่เห็นจะผิดปกติตรงไหนเลย ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นการล่วงละเมิดล่ะก็ คุณอาจจะไม่เคยเรียนบัลเล่หรือเรียนเต้น ถ้าไม่มีความอดทนต่อความเจ็บปวดเล็กๆ น้อยๆ ในครั้งนี้ล่ะก็ ไม่ควรมาเป็นนะ ผมว่า” จากนั้นก็มีการตอกกลับความคิดเห็นนี้ทันทีจากความเห็นต่างของความคิดของชายผู้นี้ “ฉันเรียนเต้นและยิมนาสติกมาทั้งชีวิต การกระทำแบบนี้มันผิดมากๆเลยนะ เป็นการฝึกที่แย่มาก!!” Rein…
-
หนุ่มแต่งรถสปอร์ตมาเกือบ 10 ปี แต่วันพร้อมซิ่งก็ดันไม่ได้ซิ่ง เพราะมีซ่อมท่อหน้าบ้าน โถ่ววว..!!
เข้าใจแหละว่าเรื่องรถสปอร์ต กับผู้ชายมันเป็นของคู่กัน และแน่นอนว่าเมื่อหนุ่มๆ ขยันทำงานเก็บเงินก้อนจนถอยรถคันโปรดได้แล้ว สิ่งต่อไปก็คือการเอามันไปขับเล่นรอบเมืองสนองนี๊ดตัวเองซักหน่อย เช่นเดียวกับพ่อหนุ่มชาวเวลส์ Peter Froud วัย 41 ปี ก่อนหน้านี้เขาทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินซื้อรถสปอร์ตรุ่น 2001 Ford Cougar และแน่นอนว่าเขาก็เก็บเงินได้ตามเป้านั่นแหละ แต่ทว่าเรื่องซวยๆ มันเกิดขึ้นหลังจากนั้นต่างหาก!! แนะนำตัวกันก่อน นี่คือ Peter Froud พ่อครัวที่มีความฝันว่าอยากจะมีรถเฟี้ยวๆ ซักคันไว้ขับเที่ยวเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง และด้วยความขยันหมั่นเพียร เขาก็สามารถซื้อรถคันนี้ในปี 2008 พร้อมกับทำการตกแต่งไปอีกเพียบ… ไหนๆ พี่แกก็อุตส่าห์ซื้อมา (แต่ไม่ได้ขับ) เราต้องเปิดโอกาสให้แกได้อวดของกันหน่อยนะ.. ที่สำคัญพ่อหนุ่มคนนี้ยังเป็นสมาชิกคลับ UKCougar ที่มักจะมีกิจกรรมขับรถออกทริปไปทั่วยุโรป เบาะด้านในก็จะประมาณนี้ “ฝั่งซ้ายมือเป็นพื้นที่สงวนให้คนรักของผมเท่านั้น” พ่อหนุ่มไม่ได้กล่าวไว้ นอกจากนี้เจ้าตัวยังเอาไปปรับแต่งเครื่องยนต์ซะจนเราคิดว่าพี่ดอม ทอเร็ตโต้มาเอง จากความมุ่งมั่นในการตกแต่งรถยนต์ของพี่แกจากราคาที่ซื้อมาประมาณ 55,000 บาท บวกกับค่าตกแต่งไปอีกกว่า 420,000 บาท เป็นระยะเวลานานเกือบ 10…
-
โบสถ์สุดแปลก ที่ประดับประดาไปด้วยกระดูกกว่า 4,000 ชิ้น แค่เพียงมองก็ขนลุกแล้ว…
นับว่าเป็นโบสถ์ที่แปลกที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ สำหรับ Santa Maria della Concezione dei Cappuccini หรือที่เรียกกันในอีกฉายาว่า Our Lady of the Conception of the Capuchins ซึงตั้งอยู่ในกรุงโรม และเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ต้องไปชม โบสถ์ซึ่งบางครั้งเรียกกันสั้นๆ ว่า Cappuccini ได้รับการว่าจ้างจากสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 8 ในปี ค.ศ. 1626 ตามคำสั่งของพระคริสต์คาปูชินว่า ไม่ควรมองว่าโครงกระดูกเป็นตัวแทนแห่งสิ่งชั่วร้ายแต่ให้มองว่ามันเป็นสิ่งที่เอาไว้เตือนเรื่องความตาย Antonio Casoni ผู้ออกแบบโบสถ์แห่งนี้ เริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี ค.ศ.1631 ออกแบบให้ภายนอกโบสถ์เป็นโบสถ์ธรรมดาแต่พอเข้าไปข้างในแล้วก็จะตะลึงกับโครงกระดูกที่อยู่ภายใน สภาพภายนอกของโบสถ์ดังกล่าว ภายในโบสถ์จะแยกออกเป็นวิหารขนาดย่อมๆ แยกตามนักบุญคนที่สำคัญๆ หนึ่งในนั้นคือ Saint Crispin of Viterbo และอีกส่วนหนึ่งของ Saint Felix of Cantalice โบสถ์หลังแรกภายในจะมีแท่นบูชาที่วาดโดย Guido Reni ศิลปินชาวอิตาลี และภาพวาดของนักบุญ Michael the Archangel…
-
ชายพิการใช้เวลากว่า 3 ปี “ขุดถนนผ่านภูเขา” เพื่อให้เดินทางไปทำงาน เลี้ยงครอบครัวได้ดีขึ้น
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น สุภาษิตไทยคำนี้เป็นสุดยอดของคำสั่งสอนให้เป็นคนที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค มีความพยายามและอดทน ถ้าเรายึดสุภาษิตนี้ไว้ประจำใจ ย่อมเป็นคนไม่ตกยาก และจะมีความเจริญมากขึ้นตามลำดับ อย่างเช่นเรื่องราวของ Melethuveettil Sasi วัย 63 ปี ชาวอินเดียผู้พิการเป็นอัมพาตครึ่งซีก ใช้เวลากว่า 3 ปีในการขุดถนนตัดผ่านภูเขาหน้าบ้านด้วยอุปกรณ์ที่มีเพียงพลั่วและจอบเท่านั้น Sasi เคยทำงานเป็นคนปีนต้นมะพร้าว ทำงานมาตั้งแต่อายุ 15 ปี แต่วันหนึ่งตอนที่เขาอายุได้ 18 ปี ก็เกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเขาพลัดตกลงจากต้นมะพร้าว และนั่นทำให้เขากลายเป็นคนอัมพาตครึ่งซีกด้านขวา ขยับร่างกายไม่ได้ไปหลายเดือน จนทำให้ลูกชายต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อทำงานแทนพ่อ หลังจากใช้เวลาหลายปีในการรักษาและกายภาพบำบัดเขาก็สามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง ด้วยความพยายามที่อยากจะให้ครอบครัวได้กลับมากินอิ่มนอนหลับกันสบายอีกครั้ง เขาจึงมีความคิดที่จะซื้อรถสกู๊ตเตอร์แบบสามล้อเพื่อที่จะเดินทางไปขายหวยที่เมือง Thiruvananthapuram และอยากได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานในท้องถิ่น เขาได้ร้องขอผ่านนาย Panchayat เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นเพื่อขอเงินซื้อรถสกู๊ตเตอร์ แต่เจ้าหน้าที่กลับหัวเราะใส่ และถามเขาว่าถ้าได้รถมาแล้วจะเดินทางผ่านเนินลูกรังหน้าบ้านเขาใช่ไหม แต่คงต้องรอไปก่อนกว่าจะมีเจ้าหน้าที่มาสร้างถนนหน้าบ้านให้ใช้งานได้ หลังจากที่เขาได้รับการปฏิเสธ Sasi จึงคิดว่าสิ่งที่เขาควรทำคือการพึ่งตัวเองดีกว่า เขาจึงเริ่มใช้มือของตัวเองนี่แหละขุดถนนด้วยตัวเอง แต่ด้วยร่างกายที่พิการของเขาทำให้เขาทำงานได้ไม่เต็มที่นัก “ทุกๆ วันผมจะเริ่มทำงานตอนตี 5 แล้วหยุดทำตอน 8.30 น. เพราะว่าอากาศร้อน แล้วค่อยกลับมาเริ่มทำตอนเวลา 15.30…
-
พาชมบรรยากาศในสายการบิน Eva Air ในธีม Hello Kitty จะน่ารักมุ้งมิ้งกินไปแย้ววว
ใครที่มีโอกาสได้เดินทางโดยเครื่องบินอยู่บ่อยๆ คงอดไม่ได้ที่จะเบื่อกับความจำเจในการเดินทางแบบเดิมๆ ที่ไม่ว่าจะที่นั่งเดิมๆ อาหารแบบเดิม หรือรูปแบบเครื่องบินเดิมๆ ที่เราเห็นกันบ่อยๆ แล้ว ดังนั้นจะดีไหมถ้าสายการบินจะปรับโฉมใหม่ ในน่ารักขึ้น ในแบบที่สาวๆ ต้องร้องกรี๊ดเลยล่ะ สายการบินสัญชาติไต้หวัน Eva Air ได้เปิดตัวเที่ยวบินสุดพิเศษ Hello Kitty ที่ไม่ว่าจะไรก็เป็นธีมคิตตี้ไปซะหมด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ผ้ากับเปื้อน ที่นั่ง หมอน ก็ได้รับการตกแต่งให้น่ารักสไตล์ Hello Kitty ทั้งหมด สายการบินเที่ยวนี้จะพาคุณไปยังที่ต่างๆ ในเอเชีย และบางเส้นทางในยุโรปและสหรัฐอเมริกาอย่าง ชิคาโก อิลลินอยส์ หรือฮูสตัน เท็กซัส ความสนุกสนานมีตั้งแต่ก่อนเริ่มขึ้นเครื่องบิน . ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของเครื่องภายนอกหรืออุปกรณ์ต่างๆ ภายในก็เป็น Hello Kitty ทั้งหมด . แม้แต่กระดาษรองเบาะก็ยังเป็นคิตตี้ หากคุณเบื่ออาหารแบบเดิมๆ เที่ยวบินนี้จะทำให้คุณรู้สึกสดใสขึ้นมาทันที ผักและผลไม้รูปคิตตี้เป็นอะไรที่น่ารักเกินกว่าจะกินมันเข้าไปจริงๆ ของหวานก็น่าหม่ำสุดๆ ใครที่อยากจะบินเที่ยวนี้ ก็ลองไปหาโอกาสไปกันดูนะ ประสบการณ์สุดพิเศษแบบนี้ไม่ควรพลาด ที่มา thisisinsider
-
แคมเปญ ‘ป้องกันการฆ่าตัวตาย’ ของเกาหลีใต้ ช่วยลดจำนวนได้ กวาดกว่า 38 รางวัลทั่วโลก!!
นับว่าปัญหาการฆ่าตัวตาย เป็นปัญหาที่หลายๆ ประเทศกำลังเผชิญเลยก็ว่าได้ จนทำให้รัฐบาลหลายๆ ประเทศเริ่มที่จะหันมาสร้างแคมเปญเพื่อรณรงค์แก้ปัญหาดังกล่าว เช่นเดียวกับที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งคราวนี้เราจะพาไปชมอีกหนึ่งแคมเปญการแก้ปัญหาที่เกิดจากความมือระหว่างรัฐ และภาคเอกชน ที่ช่วยลดจำนวนตัวเลขบุคคลฆ่าตัวตาย และกวาดรางวัลมาแล้วกว่า 38 รางวัล สะพาน Mapo สถานที่ๆ มีคนมาจบชีวิตตัวเองลงมากที่สุดในเกาหลีใต้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 รัฐบาลเกาหลีใต้ได้จับมือร่วมกับบริษัทประกันภัย Samsung Life Insurance และ Cheil Worldwide เพื่อสร้างแคมเปญที่หวังจะช่วยลดปัญหาการฆ่าตัวตาย มีการใช้พื้นที่โฆษณา และมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ผ่านหลายช่องทาง และหนึ่งในนั้นก็มีการเขียนข้อความติดบนสะพาน Mapo ตัวอย่างเช่น “ทานข้าวมารึยัง?” หรือ “ใจเย็นๆ นะ ไปเดินเล่นด้วยกันมั้ย?” เป็นต้น ด้วยความที่สะพาน Mapo ถูกใช้เป็นสถานที่ฆ่าตัวตายมากที่สุด ทางการจึงได้สั่งให้มีการติดตั้งไฟตามสะพานเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูมืดอึมครึมมากเกินไป รวมทั้งยังมีการสร้างรูปปั้นที่ช่วยตระหนักให้คนที่กำลังหมดหวังในชีวิตให้ได้รู้ว่า… ไม่ว่ายังไง ชีวิตเราก็ยังมีคนที่คอยรับฟัง และพร้อมจะช่วยเหลือเสมอ รูปปั้นของแคมเปญ ‘Bridge of Life สะพานแห่งชีวิต’ ที่กลายเป็นกำลังใจให้ผู้คนที่สิ้นหวัง…
-
2 หนุ่มเล่าประสบการณ์การอยู่กินกับตุ๊กตา Sex Doll พร้อมต่อยอดทำเป็นธุรกิจได้!!
ตุ๊กตายาง “Sex Doll” ถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้คุณหนุ่มๆ ทั้งหลาย สามารถเพลิดเพลินไปกับความสัมพันธ์ที่ดูสมจริงได้ โดยในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า หลายๆ ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น รวมถึงสเปน ได้เปิดบริการซ่องตุ๊กตายางกันมากมาย โดยให้หนุ่มๆ ขี้เหงาทั้งหลายได้ไปใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ ตุ๊กตายางยังเข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์มากขึ้น บางคนถึงขั้นกินอยู่กับตุ๊กตายาง แต่งงานกัน และใช้ชีวิตร่วมกันไปแล้วก็มี ในประเทศสหรัฐอเมริกา ชายหนุ่มที่ชื่อว่า Bryan ได้ทำการจัดตั้งเว็บไซต์ Silicon Wives ขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 หลังจากได้รับแรงบันดาลใจบางอย่างจากหนังฮอลลีวู้ด Bryan ได้ออกมาเผยว่า “ผมเคยทำงานในวงการเพาะกายมานานก่อนที่จะจัดตั้งเว็บไซต์ Silicon Wives โดยส่วนใหญ่ผมจะเน้นขายดิลโด กับไวเบรเตอร์ให้ผู้หญิง” ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีคู่แข่งทางการตลาดที่จำหน่ายสินค้าดังกล่าวเยอะแยะมากมาย และนั่นจึงทำให้ Bryan เริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งตอนแรกเขาไม่เคยรู้จักตุ๊กตายาง Sex Doll มาก่อน จนได้มาเห็นภาพยนตร์เรื่อง Lars and the Real…
-
ชาวเน็ตร่วมกันแชร์ “รูปปั้นแปลกๆ” ที่พวกเขาชื่นชอบ แต่ก็งงว่ามันจะสื่ออะไรกันแน่นะ!?
รูปปั้นที่เกิดจากงานฝีมือของเหล่าช่างปั้นปั้นขึ้นมาด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ก็จะมีความหมายอยู่ในตัวของมันเอง บ้างก็แสดงความหมายให้เข้าใจกันชัดเจน หรือบางทีก็อาจต้องใช้ความคิดเพื่อพยายามตีความกันสักหน่อย ด้วยความที่งานศิลปะเหล่านั้นไม่มีผิดและไม่มีถูก ก็ทำให้ Matt Pearce ผู้สื่อข่าวของ Los Angeles Times ได้ตั้งคำถามง่ายๆ ทิ้งไว้ในทวิตเตอร์ว่า “รูปปั้นสาธารณะไหนที่คุณชอบ ?” จุดเริ่มต้นของความสนุก ก็มาจากคำถามง่ายๆ นี่แหละ ด้วยคำถามง่ายๆ ธรรมดาๆ แต่กลับได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจากทั่วสารทิศ เราลองมาดูกันว่าที่คนทั่วไปได้ตอบกลับมานั้นจะมีรูปปั้นไหนกันบ้าง และรูปร่างของแต่ละอันนั้นจะเป็นยังไง… รูปั้นของปีศาจในตำนานอย่างมอธแมน ซิกแพคเรียงตัวสวยเกิ๊นนน ส่วนบั้นท้ายก็ง๊อน งอนไม่แพ้กัน เจ้าสุนัขนี่ตาเปิดกว้างเชียว สงสัยจะเหวอ มากันเป็นครอบครัว น่ารักๆ (สวนสาธารณะที่บอสตัน ประเทศอเมริกา) ลูกยังขนาดนี้ ไม้จะขนาดใน (พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองแคนซัส) มาดิ้นไปด้วยกัน (ลาสเวกัส) รูปปั้นในนิวยอร์ก ที่ความหมายลึกซึ้ง รูปปั้นของ Laika สุนัขตัวแรกที่ได้ออกไปโคจรรอบโลก…
-
เด็กน้อยถูกเมินหลังที่ตกรถบัสไปโรงเรียน จนกระทั่งชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา จัดไปน้องอ้าย!!
มันเป็นเรื่องยากนะ ที่เวลาอยู่ๆ มีคนแปลกหน้าเดินมาเคาะประตูบ้านและขอให้ช่วยเหลือหน่อย แล้วเราจะยอมยื่นมือไปช่วย เพราะด้วยความเราไม่รู้จักคนๆ นั้น เขาหวังดีหรือเปล่าก็ไม่รู้นั่นเอง เด็กชายในเรื่องราวครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะเจ้าหนูคนนี้พลาดตกรถโรงเรียนและอาจจะไปโรงเรียนไม่ทันถ้าไม่มีคนไปส่ง หนุ่มน้อยเลยตัดสินใจไปเคาะประตูเพื่อนบ้านเพื่อให้พวกเขาไปส่งหน่อย แน่นอนว่าด้วยความที่สังคมเมืองนอกเพื่อนบ้านจะไม่ค่อยสนิทกันมากนัก พวกเขาจึงไม่รู้จักเจ้าหนูคนนี้และตัดสินใจไม่ไปส่ง หนุ่มน้อยทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าขอความช่วยเหลือไปหลายหลังก็ไม่มีใครช่วย จนกระทั่ง… พ่อพระมาโปรดของจริง ใจเขาหล่อสุดๆ Brian Smith ชายหนุ่มผิวสีคนหนึ่งเปิดประตูออกมา ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคนเราตัดสินคนด้วยรูปลักษณ์ภายนอก เราก็จะคิดว่าชายคนนี้น่าตาน่ากลัวไม่เป็นมิตรแน่ๆ แต่ผิดแล้ว เราไม่ควรตัดสินกันแบบนั้น เพราะเขาคนนี้บอกว่า จัดไปน้อง เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง!! เขาได้เล่าเรื่องราวลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “หนุ่มน้อยคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านในตอนเช้า จนผมตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดพร้อมพูดว่า เชรี่ยไรกันเนี่ย!! วินาทีที่เปิดไปเจอเด็กหนุ่มคนอ้อนวอนให้เขาไปส่งหน่อย พร้อมบอกว่าเขาตกรถโรงเรียน ไม่มีใครยอมไปส่งเลย ไปขอมาหลายบ้านแล้วด้วย ผมก็เลยบอกกลับไปว่า ไม่มีปัญหาเดี๋ยวพี่ไปส่งเองไอ้น้อง!! วินาทีนั้นผมไม่คิดอะไรเลย ขนาดฟันผมก็ยังไม่แปรงด้วยซ้ำ ผมหยิบกุญแจรถแล้วไปส่งเขาที่โรงเรียนทันที” Brian ปิดท้ายคอมเม้นว่า ไปหาความรู้เถอะไอ้น้องชาย นี่มันเป็นสิ่งที่พี่ชายจะทำให้ได้ พร้อมแฮชแทคว่าเด็กคืออนาคต…อื้อหือ คนดีสุดๆ จริงๆ งานนี้ชาวเน็ตก็ออกมาชื่นชม Brian กันเพียบเลยล่ะ…
-
11 ตำนานเขย่าขวัญจาก Wikipedia ที่จะทำให้คุณรู้สึกอยากลุกไปล็อคประตูห้องซะเดี๋ยวนี้เลย!!
Wikipedia เป็นอีกหนึ่งในแหล่งให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น เรื่องชีวประวัติของบุคคลผู้มีชื่อเสียง สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์มากมาย แต่ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่าในสารานุกรมเสรีออนไลน์นั้น มีการเผยแพร่เรื่องราวลี้ลับอันน่าเหลือเชื่อให้ได้อ่านกันด้วย และนี่คือ 11 เรื่องราวเขย่าขวัญใน Wikipedia ที่จะทำให้คุณรู้สึกอยากลุกขึ้นไปล็อคประตูห้องซะเดี๋ยวนี้เลย!! 1.ปีศาจโดเวอร์ (Dover Demon) สำหรับเจ้าปีศาจโดเวอร์ เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ และมีแววตาสีเขียวเรืองแสงเป็นประกาย โดยการปรากฏตัวของสัตว์ลึกลับอย่างปีศาจโดเวอร์ เรียกได้ว่าสร้างความหลอนให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อย้อนกลับไปในปี 1977 William Bartlett เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี ได้พบเห็นปีศาจตัวนี้กำลังปีนอยู่บนกำแพงหิน ขณะขับรถผ่านเมืองโดเวอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และต่อมาในช่วงเย็นวันเดียวกัน ก็มีเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ เห็นเจ้าปีศาจตัวนี้บนถนนสายเดียวกันด้วย ในขณะที่คนที่ 3 ได้พบเห็นมันในคืนต่อมา 2.สัตว์ประหลาดแฟลทวูดส์ (Flatwoods Monster) อสูรกายแฟลทวูดส์ ได้ปรากฏกายครั้งแรกในปี 1952 ที่เมืองแฟลทวูดส์ ในบรอกตันเคาน์ตี รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา…
-
ศิลปินออกแบบสร้างห้องนั่งเล่น “ใต้สะพานลอย” สุดโมเดิร์นให้เหมาะกับสังคมยุคนี้
หลายคนก็คงอยากจะมีบ้านมีคอนโดเป็นของตัวเอง ให้เราได้พักอาศัยกันอย่างสะดวกสบายในแบบของใครของมัน เหมือนกับหนุ่มสเปนคนนี้ที่เขาก็มีไอเดียในการสร้างที่พักอาศัยในแบบของตัวเขาเองเช่นเดียวกัน เมื่อดีไซเนอร์ Fernando Abellanas ได้ทำการสร้างห้องนั่งเล่นเอาไว้ที่ใต้สะพานลอย แบบที่เรียกว่ามีความน่าอยู่สะดวกสบายไปอีกแบบ มาพร้อมกับรางเลื่อนให้เคลื่อนที่ไปยังอีกฝั่งของสะพาน รวมทั้งโต๊ะเก้าอี้นั่งทำงานได้แบบครบเซ็ต . เขายังบอกอีกว่าการที่ได้มีฐานทัพลับแบบนี้นั้นเป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่วัยเด็กในการมีห้องบนต้นไม้ แต่เปลี่ยนเป็นการปรับใช้ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในปัจจุบันแทน จึงเกิดเป็นไอเดียนี้ขึ้น การที่ได้ซ่อนอยู่ในสถานที่ต่างๆ ในตอนยังเป็นเด็กเช่น ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะหรือในตู้เสื้อผ้า ก็เป็นการสร้างความสุขและความสงบได้อีกแบบ เหมือนตอนนี้ที่เขาสามารถซ่อนตัวเองมองดูสิ่งรอบตัว รถผ่านไปมาได้โดยที่ไม่มีใครเห็น . อย่างไรก็ตามสถานที่ของเจ้าห้องเล็กๆ นี้ถูกปิดเป็นความลับ เพราะยังคงเป็นเพียงโปรเจกต์ชั่วคราว รอจนกว่าจะมีคนเจอแล้วมาขโมยของไปหรือไม่ก็เจ้าหน้าที่รัฐมาเอามันออกจากที่นั่น . ยามค่ำคืนนั่งอ่านหนังสือชิลล์ๆ . ปิดเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น คลิปวิดีโอการสร้างและการใช้งานห้องนั่งเล่น ก็เป็นไอเดียใหม่ที่สามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมในยุคนี้ที่เราต้องประหยัดพื้นที่กันซักหน่อย และเพิ่มเวลาแห่งความสุขของเราได้ในยามว่าง ที่มา: thespaces
-
ภาพถ่ายเจ๋งๆ ของคุณแม่ บอกเล่าถึง “ช่วงชีวิตตั้งท้อง” อย่างตรงไปตรงมา เอาฮาอีกต่างหาก!!
การถ่ายภาพในปัจจุบันเราก็จะได้เห็นความแปลกแหวกแนวในการนำเสนอมามากมาย ไม่ว่าจะใช้การแต่งรูป มุมกล้อง หรือการถ่ายภาพแบบมีเรื่องราวเป็นอัลบั้ม แต่สำหรับคุณแม่ Maya Vorderstrasse ที่เริ่มรู้สึกเบื่อกับภาพถ่ายแนวคุณแม่ทั้งหลาย ที่มักจะถ่ายรูปตอนตั้งครรภ์แบบสวยๆ ทำให้ดูเป็นเรื่องที่ง่ายดายไม่ต้องมีอะไรกังวลใจ แต่ทว่าเธอเองกลับไม่คิดอย่างนั้น และต้องการจะนำเสนอว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่หลายคนจะคาดไม่ถึง… เธอจึงได้ถ่ายรูปตอนที่ตั้งครรภ์คู่กับกระดานสีดำ ที่เขียนบอกเล่าถึงความรู้สึกและสิ่งที่เธอต้องเผชิญอยู่ในเวลานั้น นั่นคือสิ่งที่คุณแม่ทุกคนต้องได้เจอ จะว่าไปแล้วก็ดูน่ารักไปอีกแบบนะเนี่ย “27 สัปดาห์ มีอาการปวดสะโพกและกระเพาะปัสสาวะ แต่ทุกอย่างก็ยังคงคุ้มค่า” “29 สัปดาห์แล้ว หยุดกินไม่ได้ รองเท้าขนาดไม่พอดีแล้ว ไม่สามารถมีความสุขได้มากกว่านี้” “เข้าสู่สัปดาห์ที่ 31 มองไม่เห็นเท้าตัวเอง อย่างตอนเวลาปัสสาวะ แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉัน” “33 สัปดาห์ เมื่อภรรยาคุณท้องป่องขนาดนี้แล้ว คุณก็ไม่ควรจะกินอะไรสักอย่าง” “สัปดาห์ที่ 35 กุหลาบสีแดง ไวโอเล็ตสีฟ้า ฉันท้องเกินกว่าที่จะแต่งกลอนได้ เอาไอติมมานะ !” “สัปดาห์ที่ 37 ฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่ใส่กางเกงก็ได้ (ใส่ชุดคลุมท้องแทน ฮร่า)” “สัปดาห์ที่…
-
คุณแม่ขังลูกทั้ง 2 ไว้ในรถอันร้อนระอุ เพียงเพราะต้องการ “สั่งสอน” จนเป็นเหตุถึงขั้นเสียชีวิต…
เด็กเล็กๆ ก็มีบ้างที่จะไม่เข้าใจหรือเชื่อฟังในสิ่งที่ผู้ปกครองพูด จนบางครั้งก็ลงเอยด้วยการทำโทษเพื่อให้มีความรู้สึกหลาบจำและปฏิบัติตามในสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการ แต่ทว่าการทำโทษนั้นอาจรุนแรงถึงขั้นที่เสียชีวิตได้เลย… อุทาหรณ์เรื่องนี้เกิดขึ้นในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเจ้าหน้าที่ได้จับกุม Cynthia Marie Randolph คุณแม่ลูกสองวัย 25 ปี ที่เป็นต้นเหตุทำให้ลูกๆ ของเธอที่มีอายุเพียงแค่ 2 ขวบและ 1 ขวบกว่าๆ ต้องเสียชีวิต จากการที่ขังพวกเขาไว้ในรถเพื่อเป็นการทำโทษ… Cynthia Marie Randolph คุณแม่ลูกสองที่ขังลูกเอาไว้ในรถ จนเป็นเหตุทำให้เสียชีวิต โดยที่ทั้งคู่นั้นถูกพบศพในวันที่ 26 พฤษภาคม 2017 และเธอก็ถูกตัดสินในข้อหาทำให้เด็กได้รับการบาดเจ็บร้ายแรงระดับที่หนึ่ง ผลจากการชันสูตรจากลูกทั้งสองคนสามารถระบุได้ว่าเป็นการฆาตกรรม จากอาการไข้ขึ้นสูงจัดจนเสียชีวิตภายในรถ ที่เธอได้ขังพวกเขาเอาไว้ด้วยอุณหภูมิสูงถึง 35 องศาเซลเซียส ทางด้านตำรวจได้ให้ข้อมูลว่า เธอต้องการที่จะสั่งสอนลูกของเธอที่ไม่ยอมลงจากรถเมื่อถูกสั่ง ตามข้อกล่าวหาคือเธอขังเด็กเอาไว้ในนั้นและเข้าบ้านไปสูบกัญชา ก่อนจะงีบหลับไป 2 ถึง 3 ชั่วโมง เพราะคิดว่าลูกๆ จะสามารถออกมาจากรถได้เอง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเสริมอีกว่า เมื่อเธอได้ออกมาเห็นลูกน้อยทรมานอยู่ในรถ ก็ทำการทุบกระจกรถให้ดูเหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอุบัติเหตุ ลูกสาววัย…
-
เด็กน้อยตะโกน “เอาสกู๊ตเตอร์มา” พร้อมกำมีดขู่กลุ่มวัยรุ่นที่โตกว่า พฤติกรรมก้าวร้าวหวังปล้น…
ความรุนแรงเป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่ในตัวเอง แต่สิ่งสำคัญคือความเหมาะสมความเป็นเหตุเป็นผลและวิธีการที่จะแสดงมันออกมา ที่แน่นอนว่าอย่างน้อยๆ ต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อนอย่าให้ต้องเหมือนกับเขาคนนี้ คลิปวิดีโอของเด็กที่ดูแล้วอายุไม่มากนักในสภาพเปลือยท่อนบนในมือกำมีดที่ยาวเกือบเท่าต้นแขนไว้แน่น ตะโกนออกไปว่า “เอาสกู๊ตเตอร์มา” เพื่อขู่เด็กวัยรุ่นที่โตกว่าหวังจะแย่งเอาสกู๊ตเตอร์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในมณฑลเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ เมื่อเหล่าวัยรุ่นเจอท่าทีอย่างนั้นเข้าไป ก็พากันหัวเราะและพูดออกไปโดยไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแต่อย่างใด ในขณะที่เด็กคนนั้นก็ยังคงตะโกนกลับมาในประโยคเดิม จนเมื่อวัยรุ่นที่กำลังถ่ายภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้พูดออกมาว่า “ไม่!! ไปไกลๆ เลย สิ่งที่เอ็งทำอยู่ตอนนี้ มันจะทำให้คนอื่นเขาต้องเจ็บตัวกันเปล่าๆ” หลังจากนั้นเด็กที่ถือมีดก็ตะโกนใส่กล้องก่อนที่จะวิ่งหนีออกไป ในขณะที่คนถ่ายก็ยังพูดไล่และบอกให้ไปหาซื้อเสื้อมาใส่ซะ… สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทางเว็บไซต์ข่าว DailyMailOnline ได้ทำการสัมภาษณ์โฆษกของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องถิ่นเพิ่มเติม โดยทราบเรื่องว่าเกิดเหตุดังกล่าวในวันที่ 20 สิงหาคม เวลาประมาณ 14.20 น. ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นก็ได้ออกไปให้คำแนะนำกับเด็กและผู้ปกครองทุกคน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เดียวกันนี้กับผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้อีก แต่ก็เชื่อว่าผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นได้ออกจากบริเวณดังกล่าวไปกันหมดแล้ว ส่วนสาเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นก็อาจมาได้จากหลายสาเหตุ แต่การเริ่มต้นที่ดีและง่ายที่สุด ก็ต้องเริ่มมาจากคนที่ใกล้ตัวที่สุดอย่างพ่อแม่หรือผู้ปกครอง ที่ควรให้คำแนะนำและดูแลสอดส่องบุตรหลานอย่างใกล้ชิดด้วย ที่มา: thesun, dailymail
-
เจ้าหมาป่วยผอมแห้งแรงน้อย ต้องพึ่งพา “เก้าอี้พิเศษ” เพื่อไม่ให้อดตาย จากหลอดอาหารขยายตัว
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นแตกต่างกันไปในแต่ละอย่างนั้น จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆ เข้าช่วยให้สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ แต่สิ่งที่มากกว่านั้นก็คือความทุ่มเทและความรักเหมือนอย่างที่สุนัขตัวนี้ได้รับ ครอบครัวเก่าของเจ้าหมาที่มีชื่อว่า Patch ได้นำมันมาทิ้งไว้ให้กับสถานพยาบาลสัตว์ ในสภาพที่ผอมแห้งแรงน้อยเนื่องจากอาการป่วยของมัน ก่อนที่จะถูกนำไปยังสมาคมสงเคราะห์สัตว์อีกหนึ่งต่อ… เมื่อได้สืบทราบไปถึงครอบครัวเก่าของมันก็ได้ทราบว่า สุนัขตัวนี้ต้องถูกเลี้ยงดูอยู่ในห้องเช่าไม่ได้เห็นโลกภายนอกใดๆ และน้องสาวของมัน Lulu ก็ต้องจากโลกนี้ไปด้วยความหิวโหย จนเมื่อมันได้มายังสถานสงเคราะห์ เหล่าผู้ดูแลก็พยายามที่จะทำให้มันได้กลับมามีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง ก่อนที่จะพบว่าไม่ได้มีเพียงความอดอยากเท่านั้นที่ทำให้มันผอมได้ขนาดนี้ เมื่อทำการตรวจดูก็รู้ว่ามันป่วยเป็นโรคหลอดอาหารขยายใหญ่กว่าปกติ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะนำอาหารเข้าไปสู่กระเพาะของมัน ความหิวโหยและปัญหาการกินที่ไม่เหมือนสุนัขตัวอื่นๆ จึงทำให้มันมีน้ำหนักตัวเพียงแค่ครึ่งเดียวจากที่ควรจะเป็น . เจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือให้มันกลับมามีชีวิตปกติอีกครั้ง จนกระทั่งมีเครื่องมือที่สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้นั่นก็คือเก้าอี้สูง ช่วยให้อาหารสามารถลงไปสู่กระเพาะได้ง่ายขึ้นจากการนั่งหลัง ด้วยวิธีการกินที่ยากลำบากของมันที่พวกเขาเชื่อว่าจะต้องทำอย่างนี้ไปตลอด เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างก็กังวลว่าจะมีครอบครัวไหนที่สามารถยอมรับกับสิ่งที่มันเป็นได้ จนกระทั่งหญิงสาวที่มีชื่อว่า Lulu Jenkins พร้อมที่จะรับอุปการะมอบชีวิตที่ดีให้กับมัน หญิงสาวผู้ใจดีตัดสินใจรับเจ้าหมาตัวนี้ไปดูแลทันที โดยมันไม่ใช่ตัวแรกที่เข้ามาเป็นสมาชิกในบ้านของเธอ แต่เธอนั้นรับเลี้ยงสัตว์เอาไว้มากมายที่ไม่ได้มีเพียงแค่สุนัขหกตัวเท่านั้น แต่ยังมีม้า ลา และอัลปาก้าอีกด้วย ก่อนที่มันจะได้ย้ายไปในบ้านหลังใหม่ก็ได้เกิดสิ่งที่น่าอัศจรรย์ขึ้น เพราะสุขภาพที่ดีขึ้นเอามากๆ ถึงขนาดที่ไม่จำเป็นต้องใช้เก้าอี้เข้ามาช่วยแล้ว จึงสามารถออกไปเจอกับชีวิตใหม่ที่จะสามารถเยียวยามันได้มากขึ้นไปอีกขั้น “มันช่างเป็นสุนัขที่โชคดีอะไรเช่นนี้” นั่นคือคำกล่าวของรองผู้จัดการสถานดูแลสัตว์ หลังจากที่มันเปลี่ยนไปจากตอนแรกมากขนาดนี้ อีกทั้งได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวใหม่ของมันอย่างท่วมท้น ทุกอย่างเกิดขึ้นได้จากแรงความพยายามบวกกับความรักและการเอาใจใส่ดูแลกันจากใจจริง…
-
เด็กหนุ่มพิการชื่นชอบ “ขบวนพาเหรด” เป็นที่สุด คนทั้งเมืองเลยเซอร์ไพรส์วันเกิดเขาแบบเลอค่า!!
นี่คือเหตุการณ์สุดประทับใจของเพื่อนมนุษย์ เมื่อชาวเมืองเต็มใจจะจัดขบวนพาเหรดและจัดงานวันเกิดให้กับชายพิการทางสมองคนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย เพราะร่างกายและความผิดปกติของเขา… Kim Davis-Robinette คุณแม่ของ Matthew ชายหนุ่มที่มีความผิดปกติมากมายเกี่ยวกับสมอง ซึ่งเธอได้ส่งข้อความหาเพื่อนพร้อมเล่าว่า ลูกชายของเธอกำลังจะมีอายุ 21 ปี แล้ว แต่ว่าด้วยความผิดปกติของเขาทำให้เขาชอบส่งเสียงดังบ่อยๆ จึงไม่สามารถไปเที่ยวไหนได้ โฉมหน้าของพ่อหนุ่ม Matthew เธอเลยร้องขอให้เพื่อนๆ ช่วยกันจัดงานวันเกิดสุดพิเศษให้ลูกชายของเธอ นอกจากนั้นยังบอกว่า Matthew ชื่นชอบในขบวนพาเหรดมากๆ รวมถึงชอบอะไรที่มันดังๆ ฉะนั้นเธอเลยขอให้เพื่อนเธอมาช่วยกันบีบแตรรถให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งเป็นพวกรถตำรวจหรือดับเพลิงได้ยิ่งดี… ข้อความที่คุณแม่ส่งออกไปเพื่อขอให้เพื่อนๆ มาช่วยจัดงานหน่อย คำขอมันอาจจะดูมากไปสำหรับการจัดวันเกิดให้คนๆ หนึ่ง แต่เชื่อเถอะว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ เพราะเมื่อคำขอนี้ถูกส่งออกไป ผู้คนที่มาเห็นก็พากันแชร์ต่อๆ กันไปถึง 1,500 แชร์ เรียกว่าทั้งเมืองรู้ถึงคำขอเลยก็ว่าได้ พอถึงวันงานจริงๆ หน้าบ้านของ Matthew ในเมืองแอนเดอร์สันรัฐอินดีแอนา ก็เต็มไปด้วยผู้คนตลอดสองข้างถนน ที่สำคัญทุกคนต่างพากันมาแสดงความยินดีในวันเกิดของเขา งานนี้ไม่ร้องไห้ด้วยความยินดีก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วล่ะ และนี้ก็คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น Matthew นั้นแสดงอาการดีใจผ่านสีหน้าได้อย่างชัดเจน ลูกโป่งมากมายที่นำมาแสดงความยินดี ข้างบนแค่ส่วนน้อย ของจริงมันต้องอันนี้ ที่สำคัญยังมีป้ายมาให้ด้วยนะ…
-
นักว่ายน้ำยืนนิ่ง ไม่ยอมกระโดดเพื่อ “ไว้อาลัยบาร์เซโลน่า” สร้างกระแสถกเถียงในสังคม
นับว่าวีรกรรมของนักกีฬาว่ายน้ำ Fernando Alvarez ได้รับการกล่าวถึงไปทั่วโลก จากการแข่งขัน World Championships ที่เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดการแข่งขัน เมืองในยุโรปอย่าง บาร์เซโลน่า ก็ต้องเผชิญการถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายสร้างเหตุการณ์ความไม่สงบใส่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 15 คน และบาดเจ็บอีกนับ 100 ราย กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ซึ่งก่อนการแข่งขัน Alvarez ก็ได้ยื่นเรื่องเสนอผู้จัดการแข่งขัน ให้มีการยืนไว้อาลัยแด่ผู้ประสบภัยในเหตุการณ์ที่บาร์เซโลน่า เหมือนกับการแข่งขันหลายๆ อย่าง เช่น ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่จะยืนไว้อาลัย 1 นาทีในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่กลับถูกคณะกรรมการปฏิเสธ “ผมยื่นเรื่องให้มีการยืนไว้อาลัยซักครู่ แต่กลับถูกปฏิเสธเพราะพวกเขาให้เหตุผลว่า จะเสียเวลาแม้แต่ 1 นาทีก็ไม่ได้ ดังนั้นผมเลยเลือกที่จะยืนไว้อาลัยด้วยตัวเอง และออกตัวช้ากว่าคนอื่น 1 นาที สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกถึงคุณค่าของการแข่งขันมากกว่าเหรียญทองซะอีก” Alvarez ให้สัมภาษณ์ ลองไปชมคลิปวิดีโอของเจ้าตัวกันเลย แน่นอนว่าเรื่องราวของ Fernando Alvarez ถูกอกถูกใจชาวเน็ตจากทั่วโลก รวมถึงสร้างกระแสเป็นที่พูดถึง ชาวเน็ตหลายคนเข้ามากล่าวคำชมเชย แม้ว่าคณะกรรการจะปฏิเสธ…
-
น่าทึ่ง!! NASA จับภาพ “สถานีอวกาศนานาชาติ” แล่นผ่านตอนปรากฎการณ์สุริยุปราคา
บางคนอาจได้ทราบกันไปแล้วว่าได้เกิดปรากฎการณ์สุริยุปราคาที่สามารถมองเห็นได้ในประเทศอเมริกาที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้ แต่ความเจ๋งที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเพียงปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ เพราะมันยังคงมีสิ่งที่เราไม่ได้พบเห็นกันง่ายๆ อยู่ เมื่อช่างภาพที่มีชื่อว่า Joel Kowsky ในรัฐไวโอมิง ถ่ายภาพปรากฎการณ์ดังกล่าวและพบว่ามันได้มีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่บริเวณของเสี้ยวดวงอาทิตย์ที่กำลังถูกบดบัง และสิ่งนั้นคือสถานีอวกาศนานาชาตินั่นเอง เขาได้ใช้เพียงกล้องทั่วไปถ่ายไฮสปีดชัตเตอร์ด้วยความเร็ว 1,500 ภาพต่อวินาที ด้วยเลนส์ที่มีความเร็วสูงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการถ่ายเจ้าสิ่งที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วกว่า 28,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หมายความว่าสถานีดังกล่าวนั้นจะเดินทางรอบโลกในทุก 90 นาที นอกจากนั้น NASA ก็ได้ทำการนำแต่ละภาพหลากหลายมุมเข้ามาประกอบกันจนเห็นเป็นสถานีอวกาศขนาดจิ๋วมากมายแล่นผ่านดวงอาทิตย์ ทว่าจากการทำอย่างนั้นจึงทำให้หลายคนคิดว่าภาพนี้คือภาพปลอมที่ถูกทำขึ้น ได้มีความคิดเห็นว่าสิ่งนี้นั้นไม่ใช่เรื่องจริงบ้างก็บอกว่าเป็นการถ่ายทำหนังฮอลลีวู้ดและมองว่าเป็นเรื่องตลก แต่ก็ยังมีคนที่ประทับใจกับภาพดังกล่าวจากความเห็นที่ว่า “ปรากฎการณ์ธรรมชาติในระยะที่ไกลขนาดนี้ ด้วยการเข้าถึงผ่านเทคโนโลยีของมนุษย์ เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก” ในภาพสถานีอวกาศดังกล่าวดูไม่ใหญ่มากนักแต่ความจริงแล้วมันมีความยาวอยู่ที่ 109 เมตร และมีขนาดใหญ่กว่าสถานีอวกาศที่อเมริกาเป็นเจ้าของอยู่ถึง 5 เท่าเลยทีเดียว และสถานีอวกาศนานาชาตินี้ได้เกิดการลงทุนของ 16 ประเทศ รวมมูลค่ามากกว่า 3 ล้านล้านบาท ถ้าเอาไปขายได้ก็คงจะรวยไปอีกหลายชีวิตเลยล่ะ หรือว่าใครคิดว่าภาพดังกล่าวนั้นยังไม่เจ๋งพอหรือว่าคอมเม้นท์แคปชั่นยังไม่โดนใจ งั้นเราลองมาดูภาพของ Donald Trump ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ มองไปยังสุริยุปราคาด้วยตาเปล่าทั้งๆ ที่นักวิทยาศาสตร์ได้ออกมากล่าวเตือนแล้วว่าไม่ควรมองสิ่งนี้โดยไม่มีการป้องกัน เยี่ยมไปเลยมั้ยละ ที่มา: ladbible
-
มงกุฏราชกุมารแห่งเดนมาร์กถูกปฏิเสธ “ไม่ให้เข้าบาร์” เหตุเพราะไม่พกบัตรประจำตัว
กฎหมายนั้นมีขึ้นเพื่อคงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยในแต่ละที่ก็จะมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและเหตุผลที่ไม่เหมือนกัน และมีไว้ใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมพิสูจน์ได้จากเรื่องต่อไปนี้ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา มงกฏราชกุมาร Frederik แห่งเดนมาร์กถูกบาร์แห่งหนึ่งในเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ปฏิเสธไม่ให้พระองค์เข้าร้านเนื่องจากลืมพกบัตรประจำตัวมา พระองค์เดินทางมารัฐควีนแลนด์ในครั้งนี้เพื่อการแล่นเรือใบ และในเวลาราวๆ เที่ยงคืนก็ทรงเสด็จไปยังบาร์ดังกล่าวและถูกห้ามไม่ให้เข้าจากกฎหมายใหม่ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปยังสถานที่ต่างๆ ภายในเมืองได้หลัง 4 ทุ่มหากว่าไม่มีบัตรประจำตัวมาแสดง จากการที่พระองค์ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าร้านจากคนรักษาความปลอดภัยของสถานที่นั้น ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อไปยังกรมควบคุมสุราและการพนันประจำรัฐ ขอให้ละเว้นกฎหมายดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษ เจ้าของบาร์นั้นยังบอกอีกว่านี่มันคือฝันร้ายสำหรับนักท่องเที่ยวและเป็นเรื่องที่ไร้สาระจนเกินไป สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็งเพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้กับคนทั่วไปจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เหตุการณ์คล้ายกันนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว เมื่อกลุ่มนักหมักไวน์ที่มีชื่อเสียงชาวฝรั่งเศสถูกห้ามไม่ให้เข้าบาร์ที่ได้รับรางวัล เพียงเพราะว่าพวกเขาไม่มีบัตรประจำตัวมา เจ้าของร้านนั้นถึงกับออกมาบอกว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่าอายซะจริงๆ อีกทั้งยังมีการบังคับซื้อเครื่องสแกนบัตรที่มีราคาสูงกว่า 2 แสนบาทให้กับสถานที่ต่างๆ ในรัฐ จนทำให้ผู้ค้า 31 แห่งต้องปรับเวลาการปิดร้านจากตี 2 ให้เหลือเพียงแค่เที่ยงคืนเพราะต้องการจะหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามนี่ก็คือการแสดงให้เห็นว่ากฎหมายนั้นมีไว้ใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบและข้อกำหนดที่ถูกตั้งขึ้นมาอย่างมีเป้าหมาย ที่มา: businessinsider, news
-
“ไอ้ทรยศ!!” สรุปดราม่า Floyd Mayweather ฉะเดือด Justin Bieber ด่าแบบไม่ไว้หน้า
ดูเหมือนว่าจะมีดราม่าใหม่แห่งวงการบันเทิงที่โด่งดังไปทั่วโลก หลังจากที่ Floyd Mayweather นักมวยชื่อดังที่กำลังจะมีศึกขึ้นชกกับ Conor McGregor ดันมีปากเสียงกับอดีตเพื่อนซี้ Justin Bieber ซะได้!? หลังจากที่กระแสข่าวเรื่องนี้เริ่มเป็นที่พูดถึง แก๊งค์แมวเหมียวเราก็เลยลองสวมบทไปสอดแนมดราม่าฝั่งเมืองนอกกันบ้าง ข้อพิพาทของทั้งคู่ทางเว็บไซต์ TMZ ก็ได้สรุปไว้ดังนี้… เรื่องมันมีอยู่ว่าก่อนหน้านี้แฟนๆ ของทั้งสองฝั่งอาจจะได้เห็นทั้งคู่ออกสื่อร่วมกันอยู่บ่อยๆ นั่นก็เพราะทั้งสองได้ร่วมลงทุนเงินจำนวนพอสมควรให้กับแอพพลิเคชั่นหนึ่งที่ชื่อว่า ‘Shots’ ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี ทว่าจู่ๆ Justin Bieber ก็อันฟอลโลว์อินสตาแกรมของ Floyd Mayweather ซะงั้น!? กลายเป็นปากเสียงทำให้ต่อมาฝั่งนักมวยออกมาด่านักร้องว่า “ไอ้คนทรยศ!!” ซะอย่างนั้น ทางเว็บไซต์ TMZ เผยว่า สาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่ก่อนหน้านี้จัสตินประสบปัญหาการเงินติดขัด และดูเหมือนว่าในยามวิกฤตินี้ เขาจะได้รับการช่วยเหลือจากฝั่งนักมวยเพื่อนซี้ แหล่งข่าวเผยว่ามีช่วงหนึ่งที่จัสติน เดินทางไปยังโบสถ์ Hillsong Church บ่อยๆ และดูเหมือนเจ้าตัวจะได้คำแนะนำจากคนในนั้น ให้พยายามตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นหลายๆ อย่างออกจากชีวิต และรวมไปถึงตัดเรื่องนักมวยคนดังกล่าวด้วย นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ฝ่ายนักร้องอันฟอลโล่วอินสตาแกรมฝั่งนักมวย ทว่าทั้งสองเพิ่งลงเงินร่วมกันไปเนี่ยสิคือปัญหา ประเด็นดราม่าของทั้ง Justin Bieber…
-
ชาวเน็ตซึ้ง เมื่อมีคนโพสต์ภาพเดินคู่กับพ่อ ที่ผ่านไป 12 ปี ทั้งคู่ก็ยังเดินไปด้วยกันไม่เปลี่ยน
Charles Brockman III นักเรียนไฮสคูลหน้าใหม่ที่พึ่งจะได้ย้ายเข้าหอพักเป็นครั้งแรก ได้ออกมาโพตส์เกี่ยวกับภาพการมาส่งของคุณพ่อที่แม้เวลาผ่านไปถึง 12 ปี ภาพความทรงจำเดิมๆ ก็ไม่เปลี่ยนแปลง Charles นั้นเพิ่งจะย้ายเข้าสู่ช่วงช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาจะต้องย้ายไปอยู่ห่างจากครอบครัวในหอพักในมหาวิทยาลัย Mississippi State แต่ว่าในวันแรกของการเข้าหอ พ่อของเขาก็ยังคงเดินทางมาส่งเหมือนวันแรกที่ส่งไปโรงเรียน ซึ่งนอกจากจะเป็นความทรงจำดีๆ ของพ่อลูกเฉยๆ แล้ว ตัว Charles ก็เห็นว่าพ่อของเขาเป็นคนที่ดีมากๆ ที่สุดคนหนึ่งในชีวิตเขา เขาจึงอยากจะแชร์เรื่องราวนี้ให้กับคนอื่นได้รู้จึงได้ทวีตภาพผ่าน @TheOnlyCharlesB ซึ่งเป็นทวิตเตอร์ส่วนตัว ในภาพนั้นได้ใส่แคปชั่นไว้ว่า “ตั้งแต่วันแรกที่ไปโรงเรียนอนุบาลจนถึงวันแรกที่เข้าวิทยาลัย ขอบคุณครับพ่อ” แน่นอนว่าภาพนี้เขาตั้งใจจะแชร์ให้แค่เพื่อนฝูงญาติสนิทมิตรสหายเท่านั้น แต่มีเหรอว่าโลกอินเตอร์จะไม่รับรู้เมื่อมันถูกเผยแพร่แล้ว ชาวเน็ตต่างเข้ามาชื่นชมในตัวเขาและพ่อกันอย่างล้นหลาม สำนักข่าวมากมายก็ต่างเล่าเรื่องนี้ ตอนนี้มียอดรีทวีตไปแล้วกว่า 70,000 ครั้ง สุดท้ายก็ยังมีชาวเน็ตออกมาพูดกันว่า ภาพมันเฟคแน่ๆ แต่เจ้าตัวหาได้แคร์ไม่ เพราะเขาบอกว่ามันเป็นประสบการณ์ของเขากับพ่อ ชาวเน็ตจะว่ายังไงเขาไม่สนใจหรอก… ที่มา viralnova
-
“คาโอริ” ไอดอล SKE48 ขอร้องแฟนคลับที่มาอีเว้นท์ให้ “ฉีดเต่า” กันหน่อย อิฉันขมคอไม่ไหวแล้ว!!
สำหรับแฟนๆ แล้ว ใครก็อยากจะไปชมผลงานของศิลปินที่ตัวเองรักทั้งนั้นแหละ เช่นเดียวกับแฟนคลับวงไอดอลเกิร์ลกรุ๊ป SKE48 ที่ไม่ว่าพวกเธอจะไปแสดงสดที่ไหน ก็มักจะมีหนุ่มๆ ตามมาให้กำลังใจกันเพียบ เรตติ้งที่เพิ่มมากขึ้นย่อมหมายถึงงานที่เพิ่มขึ้นด้วย ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเธอรู้สึกไม่สบายใจสุดๆ จนต้องออกมาทวีตข้อความให้แฟนๆ ได้รับทราบกัน เกี่ยวกับเรื่องของ ‘จักกะแร้เปียก!!’ คาโอริ ไอดอลวง SKE48 โดยเว็บไซต์ Rocketnews24 ได้รายงานว่า เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาศิลปินสาว ‘คาโอริ มัตสูมูระ’ ได้ทวีตข้อความระบายถึงความอัดอั้นในใจมาตลอดเกี่ยวกับกลิ่นเหม็นหึ่งอันไม่พึงประสงค์ที่เธอต้องเผชิญระหว่างหน้าร้อนนี้ในประเทศญี่ปุ่น เจ้าตัวเล่าว่าเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม SKE48 ได้มีอีเว้นท์พบปะแฟนเพลงพร้อมจับมือ ภายในงานก็มีแฟนเพลงมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก แต่เจ้ากลิ่นเหม็นจากจักกะแร้นี่สิ ชวนทำให้เธอรู้สึกขมคอซะจนทนไม่อยู่เลยก็ว่าได้ จากนั้นเจ้าตัวจึงเปิดประเด็นนี้บนโลกออนไลน์ทันที ข้อความในิวีตเตอร์ระบุไว้ว่า: ‘ขอบคุณแฟนเพลงทุกคนมากนะค๊าา ที่ออกมาพบปะพวกเราในงานที่ผ่านมา แต่หลังจบงานเรากลับได้รับคอมเพลนท์ถึงปัญหาหนึ่งที่ซีเรียสมากๆ มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังต่อแถวจะจับมือทักทายกับพวกเรา เธอเล่าว่าเธอไม่สามารถทนกลิ่นเต่าของหนุ่มๆ ทั้งหลายได้ จริงอยู่ที่การตระหนักถึงกลิ่นกายตัวเองอาจเป็นเรื่องที่เราไม่ค่อยสังเกตกัน และนั่นก็เป็นสิ่งที่พวกเรา SKE48 ต้องคอยดูแลด้วยเช่นกัน ดังนั้นเรามาช่วยกันหยิบโรลออนคนละอันสองอันแล้วทาก่อนมาดูคอนเสิร์ตด้วยนะค่ะ’ หลังจากที่เธอทวีตข้อความดังกล่าวลงไป ก็กลายเป็นกระแสฮือฮาให้แฟนเพลงออกมาแสดงความคิดเห็นกันยกใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่จะไปในแนวที่เห็นด้วยกับเธอ และรู้สึกดีที่เธอกล้าออกมาพูดถึงปัญหานี้่อย่างตรงไปตรงมา…
-
สถานบริการในออสเตรีย เตรียมเปิดตัว “ตุ๊กตายาง” รุ่นใหม่ หลังรุ่นแรกฮอตจนฉุดไม่อยู่!!
วันที่ 21 สิงหาคม 2560 สำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า สถานบริการในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ได้เปิดขายตุ๊กตายาง Sex Doll ตัวที่ 2 หลังจากประสบความสำเร็จจากการขายตุ๊กตารุ่นพี่อย่าง Fanny เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จากการรายงานระบุว่า Fanny ถือเป็นหนึ่งในตุ๊กตายางสุดเซ็กซี่ที่ขายดีที่สุดในออสเตรีย แถมยังได้รับความนิยมจากบรรดาหนุ่มๆ ขี้เหงาเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ ทางสถานบริการในออสเตรียเลยตัดสินใจ นำตุ๊กตายางรุ่นที่ 2 ออกมาวางจำหน่ายโดยคาดว่าน่าจะมีราคาค่าเช่าอยู่ในราคาเดียวกับ Fanny รุ่นแรก โดยอยู่ที่ตัวละ 72 ปอนด์ หรือราว 3,000 บาท ภายหลังจากที่เปิดตัวตุ๊กตายางตัวใหม่ ก็ได้รับความสนใจจากบรรดาหนุ่มๆ เป็นอย่างมาก และด้วยความที่มันเป็นที่ต้องการของหนุ่มๆ ดังนั้น จึงตองมีการสั่งจองล่วงหน้าเอาไว้หลายวันเลยทีเดียว สำหรับ Fanny ตุ๊กตารุ่นก่อนนั้นจะมีลักษณะที่เหมือนกับผู้หญิงแท้ๆ โดยมาในความสูง 152 เซนติเมตร หนัก 38 กิโลกรัม ผมสีบรอนด์ยาว และมีหน้าอกหน้าใจไซส์บิ๊กบึ้ม (เอาใจหนุ่มโดยเฉพาเลยนะเนี่ย) …
-
ชายหนุ่มคว้าปืนกะ “ปล้นรถชาวบ้าน” แต่คนที่อยู่ในรถดันโหดยิ่งกว่า งานนี้เละครับพี่น้อง!!
แม้ว่าเหล่าหัวขโมยนั้นจะมีอาวุธครบมือแค่ไหน แต่ว่าถ้าคุณไปขโมยของไม่ดูตาม้าตาเรือ ชีวิตคุณอาจจะตกเป็นภัยเอง เพราะตัวอย่างก็มีให้เห็นมากมาย ดูอย่าง จอห์น วิค สิตีเป็นไง ขโมยไม่ดูละฆ่าหมาเขาอีก งานนี้ยับ!! Angelo Drew Martinez วัยรุ่นหนุ่มชาวเม็กสิโกวัย 20 ปี ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน เพราะว่าเขาคิดว่าการชักปืนออกมาขู่ชาวบ้านมันจะง่ายมากๆ ที่จะปล้นใครสักคน งานนี้เขาก็เลยไปปล้นรถคันหนึ่งบริเวณ Loma Linda Community Center ในรัฐแอลบูเคอร์คี ประเทศเม็กซิโก ภาพของสถานที่เกิดเหตุ ทว่ารถคันนั้นกลับไม่หมูอย่างที่คิด เพราะทันทีที่เข้าไปปล้นก็ต้องเจอดีเป็นชายหนุ่มสามคนที่เป็นนักฟุตบอล งานนี้ Angelo ถึงกลับร้องขอชีวิต เพราะเขาถูกชายสามคนอัดเละเป็นโจ๊กเลยล่ะ หลังจากที่โดนสวนกลับอย่างหมดสภาพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางมาถึงพร้อมกับรับตัว Angelo ไปคุมขังและถ่ายภาพมัคช็อต และนี้ก็คือสภาพที่ได้ของเขาหลังจากปล้น… โฉมหน้าของตา Angelo หลังจากฆ่าไปหน่อย จากการให้การของพยานทั้งสาม พวกเขาเล่าว่ากลางดึกในคืนเหตุการณ์นั้น พวกเขากำลังนั่งคุยกันอยู่ในรถใกล้ๆ กับ Loma Linda Community Center หลังจากที่พวกเขาซ้อมเสร็จ สักพักเขาก็เห็น Angelo มาด้อมๆ มองๆ…
-
เรื่องราวสุดหลอนจากนักวิจัยเรื่องลี้ลับ รายงานตรงจากหน้าตู้ตุ๊กตา “Annabelle” ของจริง!!
กระแสหนัง Annabelle นั้นยังคงแรงต่อเนื่อง และหลายคนก็คงจะเคยอ่านหรือรู้ประวัติของตุ๊กตาผีตัวนี้กันไปแล้ว แต่หลายคนก็อาจจะไม่รู้ว่าตุ๊กตาผีตัวนี้มันน่ากลัวยังไง และทำอะไรไว้บ้าง… ด้วยเหตุนี้ทางช่อง CT STYLE ก็เลยเดินทางไปยัง The Warren’s Occult Museum สถานที่ตั้งของตุ๊กตาตัวดังกล่าว และเขาก็ได้พูดคุยกับ Tony Spera ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและวิจัยเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับจาก New England Paranormal Research Center มาพูดคุยกันดู Tony เล่าว่า เริ่มแรกเดิมทีนั้นตุ๊กตา Annabelle เริ่มมาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเมื่อปี 1970 ซึ่งเป็นตุ๊กตาของพยาบาลในโรงพยาบาลดังกล่าวและได้รับมอบจากแม่ของเธอ แน่นอนว่าเธอรักตุ๊กตาตัวนี้มากๆ ดูแลเป็นอย่างดีพร้อมเก็บไว้ในอพาร์ทเม้นต์ของเธอ จุดเริ่มต้นความหลอนมันเริ่มจากตรงนี้ วันหนึ่งเธอเจอเข้ากับกระดาษที่เขียนไว้ว่า ‘ช่วยด้วย’ นั่นทำให้เธอรู้สึกว่าต้องมีใครสักคนบุกเข้ามา เธอเลยแปะสก็อตเท็ปและเอาพรมมาวางเพื่อดูว่าใครแอบเข้ามาไหม ซึ่งมันก็ไม่มีใครเลย แต่ว่าตุ๊กตาดันขยับ!! นอกจากนั้น ความหลอนยังสานต่อเมื่อคู่หมั้นของพยาบาลเจ้าของตุ๊กตา ได้ฝันเห็นว่าตุ๊กตามาทำร้ายเขาในฝันและพอตื่นมาก็พบว่ามีรอบข่วนอยู่ตามร่างกาย จนท้ายที่สุดตุ๊กตาก็ถูกส่งต่อไปยัง Ed Warren ตุ๊กตา Annabelle นั้นได้ถูกนำมาเก็บไว้ที่บ้านของเขาจนภายหลังกลายเป็น The Warren’s Occult Museum ซึ่งก็มีคนมากมายอยากจะลองดีกับตุ๊กตานี้ โดยคนแรกที่โดนก็เป็นตัว Ed เอง ซึ่งเป็นผลพวงจากที่นักบวชคนหนึ่งมายังที่แห่งนี้และปาตุ๊กตาลงพร้อมพูดว่า “พระเจ้ามีพลังมากกว่าภูติผีวิญญานทั้งปวง” …
-
รายการ ‘Hotel Hell’ โดยเชฟ Gordon Ramsay เปลี่ยนโรงแรมเจ๊งบ๊ง กลายเป็นสุดหรูได้!!
สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับตัวยงของเชฟระดับโลกอย่าง Gordon Ramsay คงจะเคยติดตามผลงานของเขามาหลายๆ รายการไม่ว่าจะเป็น Hell’s Kitchen, Ramsay’s Kitchen Nightmares หรือรายการดังที่มีการซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาฉายในเวอร์ชั่นไทยอย่าง MasterChef และวันนี้เราจะขอพาทุกคนไปรู็จักกับอีกรายการที่โด่งดังไม่แพ้กัน ของเชฟหัวร้อนคนนี้ นั่นก็คือรายการ Hotel Hell นั่นเอง!! รายการ Hotel Hell นี้จะเป็นการรีโนเวทโรงแรมเก่าๆ จากทางบ้าน ให้กลายเป็นแรงแรมใหม่ที่หรูหรากว่าเดิม โดยรายการนี้ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมปี 2012 ทางช่อง Fox และตอนนี้ก็มีออกมาให้แฟนๆ ได้ชมกันถึง 4 ซีซั่นแล้ว และในครั้งนี้ทางรายการได้เลือกโรงแรม Hotel Caster ให้เป็นผู้โชคดีที่ได้รับการรีโนเวทในครั้งนี้ และด้วยฝีมือการออกแบบงานนนี้จากโรงแรมเก่าๆ ก็ดูสวยงามขึ้นมาทันตาเลยทีเดียว ด้านนอกของโรงแรมก่อนที่จะได้รับการปรับปรุง และนี่คือด้านนอกหลังจากที่ได้รับการปรับปรุง อาจะดูเฉยๆ นะแต่ขอบอกข้างในนั้นสวยกว่านี้อีก!! หลายๆ คนอาจจะงงว่าเชฟผู้มากฝีมือผู้นี้ทำไมถึงมาทำรายการโรงแรม หรือว่าว่ากำลังจะเปลี่ยนทางไปเป็นช่างกันแน่นะ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นหรอก เพราะนอกจากการตกแต่งภายนอกและภายในโรงแรมแล้ว ยังมีการปรับปรุงในส่วนของห้องครัวให้กลายเป็นครัวในแบบฉบับของ Gordon Ramsay อีกด้วย!! คุณ David เจ้าของโรงแรมและภรรยาถึงกับทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียวหลังจากที่ได้เห็นสภาพของห้องใหม่…
-
ชายหนุ่มตัดสินใจ นำร่างของภรรยาเข้ารับการ “แช่แข็ง” เพื่อหวังได้เห็นเธออีกครั้ง
“เธอยังไม่ตาย ตอนนี้ภรรยาของผมเธอแค่พักผ่อนอยู่เท่านั้น” คุณ Gui Junmin หนุ่มชาวจีนวัย 49 ปีที่ตัดสินใจนำร่างไร้วิญญาณของภรรยาเก็บไว้ในเครื่องแช่แข็งเพื่อรอให้เทคโนโลยีการรักษาก้าวหน้ากว่านี้ ร่างของคุณ Zhan Wenlia ภรรยาวัยเดียวกันของคุณ Gui ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ถูกแช่แข็งไว้ในไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิต่ำถึง -196 องศาเซลเซียส คุณ Gui บอกกับสำนักข่าว Xinhua News ว่าเขายังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียภรรยาและไม่อยากเห็นเธอต้องจากเขาไป “ผมไม่อยากเห็นเธอจากไปพร้อมกับเปลวไฟ ผมคิดว่าตอนนี้เธอกำลังไปพักผ่อนที่ไหนซักที่” ชายหนุ่มบอกกับนักข่าว คุณ Zhan ถูกแช่แข็งด้วยวิธีการ cryogenically เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท Yinfeng Biological Group คุณ Gui บอกว่าภรรยาเขาได้ยินยอมเข้ารับการแช่แข็งเพื่อเก็บรักษาร่างกายก่อนที่เธอจะหมดลมหายใจ จากนั้นผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท Yinfeng จึงเดินทางมารอรับร่างของเธอที่โรงพยาบาล และหลังจากที่แพทย์ได้ยืนยันว่าเธอเสียชีวิตเมื่อประมาณตี 4 ของวันที่ 8 พฤษภาคม พวกเขาก็เริ่มต้นขั้นตอนการแช่แข็งโดยทันดี ภายใน 2 นาทีหลังจากที่จัดการเรื่องทางกฎหมายเสร็จ บริษัทได้ทำการฉีดยาต้านการแข็งตัวของเลือดและสารต้านอนุมูลอิสระเข้าไปในร่างกายของคุณ Zhan จากนั้นเกลือ น้ำ และน้ำแข็งก็ถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของเธอ เพื่อช่วยให้ร่างกายเธอเย็นลง เธอถูกสวมเครื่องช่วยหายใจกับเครื่องปั๊มหัวใจ เพื่อช่วยให้เลือดมีการไหลเวียนและป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดออกซิเจน หลังจากนั้นอีก 13 นาทีร่างของคุณ Zhan จึงถูกย้ายไปที่ห้องแลปของบริษัท Yinfeng เพื่อเข้ากระบวนการแช่แข็งและฉีดสารเคมีเข้าไปแทนเลือดเพื่อรักษาอวัยวะต่างๆ…
-
แฟน Mario Kart เก็บตังค์รอเลย เมื่อสนามแข่งรถจะเนรมิตรสนามขึ้นมาจริงๆ!!
Mario Kart อาจจะเป็นเกมส์สุดโปรดในดวงใจของใครหลายๆคนใช่ไหมล่ะ และมันคงจะดีถ้าคุณได้ลองขับรถโกคาร์ทเหมือนในเกมเลย เกมในฝันของหลายๆ คนอย่าง Mario Kart ที่เมือง Missouri สหรัฐอเมริกา ได้เปิดแนวคิดการขับรถโกคาร์ทแนวใหม่ที่จะไม่ทำให้คุณเบื่อกับการขับรถในสนามธรรมดาๆ อีกต่อไป เมื่อทาง Branson Tracks ได้เปิดสนามแข่งรถโกคาร์ทที่น่าตื่นเต้นและรอให้คุณมาสัมผัส สนามแข่งขันที่จะมายกระดับความมันส์ของการขับโกคาร์ทด้วยพื้นต่างระดับ ลาดชัน และโค้งที่น่าหวาดเสียวให้คุณได้แข่งกับเพื่อนเหมือนอย่างกับในเกมส์ สนามแข่งรถของ Branson Track มีความสูงสี่ชั้น หมุนวนเป็นเกลียวจนถึงจุดสูงสุดและเป็นทางลาดชันลงมา แทรคคอนกรีตเป็นเส้นโค้งและมีความปลอดภัยสูงเพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการเล่น นอกจากสนามแข่งรถแห่งนี้แล้วก็ยังมี Niagara Speedway ที่จะเปิดตัวในปี 2018 และมันจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ คอยติดตามกันต่อไปว่าสนามแข่งรถแห่งนี้จะทำสำเร็จหรือไม่ นอกจากนี้ก็ยังมีแนวคิดที่จะสร้างห้องแสดงภาพจำลองและการจัดแสดงแบบ 4 มิติอีกด้วย ข่าวนี้คงทำให้แฟนๆมาริโอ้ทั้งหลายอดใจไม่ไหวที่จะรอคอยการเปิดตัวในปี 2018 ได้อีกแล้ว แต่ต้องรอและเก็บตังค์กันไปก่อนนะจ๊ะ!! ดูคลิปวิดีโอเรียกน้ำย่อยรอก่อนเลย ที่มา ladbible
-
เด็ก 11 ได้รับการปลูกถ่าย “มือไบโอนิคอัจฉริยะ” ถึง 2 แบบ ใช้งานได้เหมือนคนทั่วไป!!
การขี่จักรยาน หรือการรับประทานอาหารด้วยมีดและส้อม อาจจะดูง่ายสำหรับเด็กวัย 11 ปี แต่มันกลับไม่ง่ายสำหรับ Alan Gifford หนุ่มน้อยจากเมืองสวอนซี ประเทศเวลส์ คนนี้ ที่ไม่มีแขนทั้งสองข้างเลย เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2560 สำนักข่าวเดลีเมล์มีรายงานว่า ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ Alan อายุเพียง 3 ขวบ เขาเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคหัวใจ จนทำให้หัวใจไม่แข็งแรงพอที่จะสูบฉีดเลือดที่เลี้ยงปลายนิ้วได้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ Alan ต้องถูกตัดแขน และกลายเป็นเด็กพิการไร้แขนไปอย่างถาวร แต่อย่างน้อย เขาก็ไม่ได้พบกับความโชคร้ายเสมอไป เพราะเมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา Alan ได้รับการปลูกถ่ายมือไบโอนิค หรือมือเทียมกลทั้งสองข้างถึง 2 แบบ และนั่นก็ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเด็กปกติทั่วไปแล้ว จากการรายงานระบุว่า หนุ่มน้อย Alan ได้รับการปลูกถ่ายมือไบโอนิค ภายหลังจากที่ครอบครัวได้แชร์เรื่องราวของเขาผ่านเว็บไซต์ GoFundMe ซึ่งก็มีผู้คนทั่วประเทศได้พากันเข้ามาระดมทุนเพื่อช่วยเหลือ Alan มากถึง 30,000 รายเลยทีเดียว …
-
23 ภาพชีวิตความเป็นอยู่ของ “เด็กหอ” แบบประหยัดในรัสเซีย ที่มีความ “โหดสัส” อยู่ในทุกอณู!!
สำหรับประเทศรัสเซียแล้ว หลายคนอาจนึกถึงความโหดสัสที่เหมือนใครในโลก พวกเขามีทัศนคติ ความคิด และคุณภาพชีวิตที่น้อยคนนักจะเลียนแบบได้ จนเรื่องราวเหล่านั้นกลายเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปส่อง 23 ภาพแสดงคุณภาพชีวิตของ “เด็กหอ” ในรัสเซีย ที่มีความ “โหดสัส” อยู่ในทุกอณูของภาพ ผลงานเหล่านี้เป็นนของ Pascal Dumont นักข่าวและตากล้องที่อาสาเข้าไปเก็บภาพชีวิตของเหล่าเด็กหอรัสเซียในหลายๆ โรงเรียนปะปนกันไป ซึ่งเขาก็ได้ถ่ายทอดออกมาให้เราได้รับทราบ ภาพและคำบรรยายประกอบเหล่านี้ เป็นการถอดคำจาก Sarah Jacobs และ Pascal Dumont ผู้ที่ลงไปคลุกคลีและเก็บภาพมาทั้งหมด Kudakwashe Ndlova ซึ่งเรียนอยู่ที่สถาบัน Lomonosov Moscow University of Fine Chemical Technology พักอาศัยร่วมกับรูมเมทอีก 1 คน โดยเขามาเรียนผ่านทุนการศึกษา บอกว่าหอสภาพนี้จะมีค่าเช่าที่เขาต้องจ่ายสมทบ อยู่ที่ประมาณเดือนละ 350 บาท บางครั้งพวกเขาก็ต้องคอยกังวลว่า น้ำที่ไหลซึมจากเพดาน จะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรเมื่อไหร่ ส่วนนี่เป็นนักศึกษาไนจีเรีย 2 คน Christopher Onoja…
-
หมอบอกหญิงสาวอาจอยู่ไม่ถึงอายุ 40 ปี เธอเลยฟิตจนลดน้ำหนักได้ถึง 100 กก.
ความตั้งใจที่จะทำอะไรสักอย่างคงเป็นเรื่องที่ยากเอามากๆ หากว่ามันต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตคุณในอนาคตไปทั้งหมด แต่แรงผลักดันที่เกิดขึ้นจากสิ่งรอบๆ ตัว บางครั้งจะทำให้รู้ได้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมด Elena Goodall หญิงสาววัย 29 ปีที่อาศัยอยู่ในรัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ผู้มีน้ำหนักมากถึง 184 กิโลกรัม เกิดจากการกินที่ไม่ห่วงเรื่องสุขภาพและอาหารหลักที่กินเข้าไปนั้นเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดจาก McDonald’s และ KFC แทบทั้งสิ้น ความแตกต่างก่อนและหลังที่เธอจะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง ด้วยน้ำหนักที่มากเกินไปของเธอ หมอได้วินิจฉัยว่าเธอป่วยเป็นเบาหวาน และการขาดอากาศหายใจขณะนอนหลับ ยิ่งไปกว่านั้นหมอยังบอกอีกว่าเธอจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เกินอายุ 40 หากว่าเธอยังคงมีวิธีการกินที่ขยายรอบเอวอย่างนี้อยู่ เธอเสพติดการกินฟาสต์ฟู้ดอย่างหนักมาก ในสามมื้อต่อวันแทบจะเป็นอาหารประเภทนี้ทั้งหมด อีกทั้งเธอก็จะสั่งเพิ่มมันฝรั่งทอดอยู่เสมอ มันเป็นเรื่องที่สาหัสเอามากๆ เมื่อมันได้มารบกวนการนอนของเธออีกด้วย จากสิ่งเหล่านั้นบวกกับน้ำหนักตัวที่เยอะมากของเธอ จึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้มากกว่าที่หมอบอก ทางเลือกเดียวของเธอคือการผ่าตัดลดขนาดของกระเพาะเพื่อควบคุมความหิวของเธอให้ลดลง วิธีการดังกล่าวนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นมาได้ พ่อแม่ของเธอก็เป็นกังวลกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรร้ายแรง แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดีและเธอก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฮวบฮาบ นั่นทำให้เธอมีน้ำหนักเหลือเพียงแค่ 69 กิโลกรัม หรือก็คือลดไปได้มากถึง 115 กิโลกรัมเลยทีเดียวการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขที่เยอะมากขนาดนั้น เธอจึงทำการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกของเธอเพิ่มเติมอีกด้วย ทั้งเปลี่ยนสีผมหรือแม้แต่การถ่ายใบขับขี่ใหม่ “ฉันต้องการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง จากคนเก่าให้กลายเป็นคนใหม่” เธอกล่าว บอกกับทุกคนว่าทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้…
-
ญี่ปุ่นประสบปัญหาเด็กวัยรุ่นกว่า 61% ไม่สามารถ “เปิดกระป๋อง” ได้อย่างถูกวิธี
การช่วยเหลือตัวเองตอนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวของแต่ละคนก็คงจะแตกต่างกันไป การดูแลความสะอาดที่อยู่อาศัย ดูแลสุขภาพของตัวเอง หรือแม้แต่การหาอาหารการกินเพื่อให้อิ่มท้องนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ และในบ้านของใครหลายคนก็คงมีอาหารที่สามารถเก็บรักษาได้เป็นระยะเวลานานอย่างอาหารกระป๋องอยู่บ้าง การเปิดกระป๋องเหล็กหากว่าไม่มีหูดึงตรงฝา ก็ต้องใช้ที่เปิดกระป๋องแทนและสิ่งนั้นก็กลายเป็นปัญหาสำคัญของเด็กวัยรุ่นในญี่ปุ่นที่ไม่สามารถใช้อุปกรณ์นั้นได้ จนถึงกับมีการทำการสำรวจเลยทีเดียว เมื่อรายการทีวีในญี่ปุ่นได้ให้แขกรับเชิญสาว Asuka Saito วัย 19 ปีสมาชิกของกลุ่มไอดอล Nogizaka46 ให้มาเจอกับกระป๋องอาหารและที่เปิดกระป๋องวางไว้ข้างหน้าเธอ เพื่อเป็นการดูถึงความสามารถในการพึ่งพาตัวเอง แต่เธอกลับตอบมาว่า “ฉันไม่รู้จักอุปกรณ์นี้ ไม่เคยมีใครใช้มันให้ฉันเห็นมาก่อน” จากนั้นพิธีกรจึงลองถามสมาชิกในกลุ่มคนอื่นว่าเคยใช้มาก่อนหรือเปล่า ก็มีเพียงแค่ 3 หรือ 4 คนที่ยกมือด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก และมีสมาชิกคนหนึ่งบอกว่ามันดูน่ากลัวอีกต่างหาก เด็กได้แผลที่นิ้วจากความพยายามเปิดกระป๋อง ก็เละซะขนาดนั้น เหตุการณ์นี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงชีวิตของไอดอลที่คอยมีแต่คนคอยเอาอกเอาใจทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และได้มีการศึกษาในปี 2016 ที่บอกว่ามีเพียงแค่ 61 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนมัธยมต้นในญี่ปุ่นที่ไม่เคยได้ใช้ที่เปิดกระป๋องมาก่อน ผลการสำรวจดังกล่าวนั้นได้รับการตอบรับที่รุนแรงมากในโลกออนไลน์ เช่น “พ่อแม่เลี้ยงเด็กแบบตามใจมากจนเกินไป เด็กไม่จำเป็นต้องเปิดเองเลยในเมื่อมีแม่คอยเปิดให้” “พวกเขาก็มีประโยชน์ได้พอๆ กับลิงเท่านั้นแหละ” “เด็กทุกคนก็สนใจแค่การถ่ายรูปและโพสต์ลงในโลกโซเชียลมีเดีย” เมื่อหูดึงมันหลุด คราวนี้ก็งานหยาบละแหละ น้อยมากที่จะมีคนเห็นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากการดูแลที่มากจนเกินไปของผู้ปกครอง หรือแนวโน้มการหลงตัวเองของวัยรุ่น แต่มันเกิดจากในปัจจุบันไม่ค่อยได้เห็นภาชนะที่เป็นกระป๋องสักเท่าไหร่แล้ว หรืออย่างน้อยก็คือกระป๋องที่จะต้องใช้ที่เปิดนั่นแหละ…
-
ทหารจีนกับอินเดียปะทะเดือดแถบชายแดนเทือกเขาหิมาลัย ด้วยการ “ปาหินใส่กัน” !??
ถ้าหากใครติดตามข่าวต่างประเทศกันอย่างต่อเนื่อง คงจะทราบข่าวเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างจีนและอินเดียในบริเวณชายแดนใกล้กับเทือกเขาหิมาลัย ล่าสุดได้มีข่าวเกี่ยวกับความรุนแรงในพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก เมื่อทหารของสองชาติได้ปะทะกันอย่างดุเดือด โดยมีก้อนหินเป็นอาวุธ!! จากการรายงานของสำนักข่าว Indian defense official รายงานว่าทหารจีนนั้นได้พยายามที่จะเข้ามาในเขตแดนของดังกล่าวจึงทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย จนเกิดสงครามลูกหินแบบย่อมๆ เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นใกล้ๆ กับทะเลสาบ Pangong ซึ่งเป็นหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่สำคัญของเมือง Ladakh ประเทศอินเดีย “มันเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้น มีการขว้างปาก้อนหินมาจากทหารฝ่ายจีน แต่อย่างไรก็ตามไม่นานสถานะการณ์ดังกล่าวก็ถูกควบคุมไว้ได้” นายทหารท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว การกระทบกันครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเช้าของวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ในระหว่างที่ทหารทั้งสองฝั่งกำลังฝึกซ้อมอยู่ใกล้ๆ กับฐานที่มั่นของตนเอง และนี่คือตำแหน่งของทะเลสาบดังกล่าว พื้นที่ดังกล่าวนั้นอยู่ในรัฐชัมมูและกัศมีร์ของประเทศอินเดีย ซึ่งติดห่างจากชายแดนของประเทศจีนและอินเดียประมาณ 3,500 กิโลเมตร หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐกล่าวว่าการปะทะกันระหว่างทหารทั้ง 2 ชาติที่ชายแดนนั้นเป็นหนึ่งของเส้นควบคุมแท้จริงหรือพรมแดงระหว่างสองประเทศนั่นเอง “เหตุการณ์แบบนี้มักเกิดขึ้นบ่อยๆ ในช่วงหน้าร้อน แต่ไม่มีการใช้อาวุธในการจ่อสู้กันแต่อย่างใด” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับผู้สื่อข่าว AFP การเผชิญหน้าครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีข้อพิพาทกันระหว่างจีนและอินเดียเกี่ยวกับพื้นที่ชายแดนบริเวณทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเทือกเขาหิมาลัยเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนหน้านี้ “การใช้หินเป็นอาวุธนั้นดูเหมือนจะเป็นการพิพาทกันที่แปลกไปจากทุกครั้ง นี่อาจจะเป็ความพยายามในการกระตุ้นและเพิ่มความตึงเครียดโดยที่ไม่ใช้อาวุธก็ได้” เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งกล่าว อย่างไรก็ตามเมื่อวันพุธที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมาได้มีการจัดประชุมระหว่างนายทหารระดับสูงที่ดูแลขอบเขตชายแดนจากทั้งสองประเทศ และได้มีการหยิบประเด็นนี้มาพูดในที่ประชุมด้วย แต่อย่างไรก็ตามจากการรายงานของ The Express ทั้งสองฝ่ายยังคงยึดตามสนธิสัญญาเดิมและยังคงมีการฝึกกันต่อไป นอกจากนี้ทางสำนักข่าว The…
-
13 สิ่งประดิษฐ์สุดคูล ที่จะเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของเราให้ “สะดวกสบาย” ยิ่งขึ้น
โลกของเรานั้น อะไรต่างๆ ก็พัฒนาและวิวัฒนาการกันต่อไปเรื่อยๆ เหมือนกับพวกสิ่งประดิษฐ์ทั้งหลายที่ได้มีคนคิดค้นขึ้นมาให้เราได้รู้สึกแปลกใหม่อยู่ตลอด และบางอย่างก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันด้วย เราลองมาดูสิ่งประดิษฐ์ 13 สิ่ง ที่ตอนนี้มวลมนุษยชาติได้ทำขึ้นและออกแบบมาให้เราเห็นกันบ้างดีกว่า ว่ามันจะอำนวยความสะดวกของพวกเราในเรื่องอะไรได้บ้าง 13.The Third Thumb อุปกรณ์ชิ้นนี้ถูกออกแบบโดยศิษย์เก่าสถาบันศิลปะที่มีชื่อว่า Dani Clode ซึ่งจะมีเซ็นเซอร์การเคลื่อนไหวอยู่ที่รองเท้า มีความคล้ายกับอวัยวะเทียมแต่ไม่ได้เอามาใช้ทดแทนส่วนที่ขาดหายไป ในทางตรงกันข้ามมันมีไว้เพื่อเพิ่มความสามารถของพวกเราไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีต้าร์ การใช้เครื่องมือและการหยิบจับสิ่งของที่ง่ายยิ่งขึ้น 12.Paqsule เจ้าสิ่งนี้ก็คือกระเป๋าอัจฉริยะที่เพียงแค่คุณกดปุ่มที่ควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน ก็จะสามารถฆ่าเชื้อโรคและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ให้หมดไปได้ จากการใช้แสงอัลตร้าไวโอเล็ตและโอโซน กระบวนการนี้จะใช้เวลา 35 นาที ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีอีกกว่า 20 ฟังก์ชันพิเศษๆ รอให้เราไปลองใช้มันอยู่ 11.Water Walker and Spa ใครที่ชื่นชอบการลดน้ำหนักด้วยการไปวิ่งหรือออกกำลังกายในน้ำแล้วละก็ คุณจะต้องชอบสิ่งนี้อย่างแน่นอนเพราะมันจะทำให้คุณสามารถทำทั้งสองอย่างได้พร้อมๆ กัน ในการวิ่งในน้ำเพื่อช่วยในเรื่องของหัวใจอีกทั้งยังสามารถทำได้ที่บ้านของคุณเอง เจ้าเครื่องนี้มีหลากหลายรูปแบบเป็นได้แม้กระทั่งการทำสปาให้กับตัวคุณ 10.Amabrush แน่นอนว่ามันคือแปรงสีฟันที่จะช่วยให้ฟันของคุณสะอาดได้ใน 10 วินาที มันถูกออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายกับฟันยางที่เมื่อคาบไว้ในปากก็จะสามารถตั้งค่าการสั่นและเวลาการแปรงได้ด้วยสมาร์ทโฟน ส่วนประกอบป้องกันแบคทีเรียอีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการกรอฟันให้ได้อีกด้วย โดยราคาของเจ้าสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้อยู่ที่ราวๆ 3,500 บาท…
-
ร้านซุปเปอร์มาเก็ตในอังกฤษ ขาย “ไส้กรอกและแฮม” ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบ!!!
เพื่อนๆ คงเคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับการทานอาหารบางที่ที่มีสารปนเปื้อนและส่งผลกระทบต่อผู้คนกลุ่มหนึ่งกันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในไทยอย่างเช่นการทานหน่อไม้แล้วปวดหัวเข้าโรงพยาบาลกันเป็นแถบๆ หรือจะเป็นเรื่องราวในต่างประเทศอย่างที่เราจะนำเสนอกันในวันนี้ มีคนจำนวนหนึ่งป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบโดยไม่รู้สาเหตุว่ามาจากอะไร จนในตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ได้มาไขคำตอบของต้นเหตุ และออกมาเตือนผู้บริโภคทุกคนให้ระวังภัย จากการทานอาหาร คำเตือนนี้เกิดหลังจากที่มีผู้ป่วยกว่า 60 คนที่ป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบ เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ชอบซื้อไส้กรอกและแฮมในร้านซุปเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่งในอังกฤษ นักวิทยาศาสตร์เผยว่ามันคือไวรัสตับอีกเสบบี HEV G3-2 ที่มักพบในสุกรของทางยุโยป เยอรมนีและฮอลแลนด์ ซึ่งสุกรเหล่านี้เองที่ถูกนำมาทำเป็นไส้กรอกและแฮม โดยไวรัสเหล่านี้ยังส่งผลต่อตับและความเสียหายต่อทางเดินประสาทอีกด้วย จากการรายงานข่าวของสาธารณสุขอังกฤษนั้นพบว่าผู้ติดเชื่อทั้งหมดนั้นได้ไปซื้อไส้กรอกและแฮมจากร้าน “ซุปเปอร์มาเก็ตX” โดยส่วนใหญ่ก็จะเกิดอาการเบื้องต้นของเชื้อไวรัส ในขณะที่บางรายก็อาจจะป่วยขั้นร้ายแรงที่เกิดจากไวรัสไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ในร่างกาย จากการการประเมินพบว่าในอังกฤษนั้นมีผู้ที่ติดเชื่อไวรัสตับอักเสบกว่า 150,000 – 200,000 คนต่อปี และผลงานวิจัยเกี่ยวกับปัญหานี้ใน 2014 ได้เสร็จสิ้นเมื่อปีที่ผ่านมา โดยสรุปว่าเป็นเชื่อไวรัสที่มาจาการร้านซุปเปอร์มาเก็ตX นั่นเอง ดังนั้้นเมื่อเพื่อนๆ ต้องทานอาหาร ก็ควรเลือกจากแหล่งที่ได้คุณภาพและน่าเชื่อถือนะ ที่มา metro
-
ผลสำรวจเผย คนยุโรป “ไม่สบายใจ” กับการแต่งงานชนชาติ-ศาสนาใดที่สุด ตรงกับที่เราคิดหรือไม่!?
ทวีปยุโรปเป็นทวีปหนึ่งที่มีผู้อพยพไปอยู่เป็นจำนวนมากและมีปัญหาอย่างหนึ่งที่พบบ่อยๆ ก็คือความแตกต่างระหว่างเชื้อชาติที่เกิดขึ้น นำไปสู่ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติซึ่งทวีความรุนแรงจากในอดีต และอาจจะมากขึ้นในทุกๆ วัน ย้อนกลับไปในปี 2015 คณะกรรมาธิการยุโรปได้ถามผู้คนจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้งหมด 28 ประเทศ ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการเหยียดเชื่อชาติและรวบรวบความคิดเห็นไว้ในรายงาน ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นประเด็นในเวลาต่อมา ชาวเน็ตที่ชื่อว่า Bezzleford ที่มักจะนำข้อมูลทางสถิติต่างๆ มาสร้างเป็นแผนภาพอันเข้าใจง่าย เลยถือโอกาสหยิบผลสำรวจนั้นมาสร้างกราฟิคให้ได้ชมในเรื่อง “คนยุโรปรู้สึกสบายใจหรือไม่ถ้าลูกของคุณมีความสัมพันธ์กับ….. ซึ่งผลการสำรวจก็ออกมาเป็นแบบนี้ คุณรู้สึกสบายใจไหมถ้าลูกของคุณมีความสัมพันธ์กับคนผิวดำ ผลการสำรวจพบว่าคนยุโรปส่วนมากสบายใจที่ลูกจะมีความสัมพันธ์กับคนผิวดำ คิดเป็นอัตราร้อยละ 64 คุณรู้สึกสบายใจไหมถ้าลูกของคุณมีความสัมพันธ์กับชาวเอเชีย ผลการสำรวจพบว่าคนยุโรปสบายใจที่จะมีความสัมพันธ์กับชาวเอเชียในอัตราร้อยละ 69 คุณรู้สึกสบายใจไหมถ้าลูกของคุณมีความสัมพันธ์กับมุสลิม จากภาพจะเห็นได้ว่าคนยุโรปรับได้น้อยที่สุด ถ้าหากลูกของตนไปมีความสัมพันธ์กับคนมุสลิม พื้นที่ที่เป็นสีแดงมีเยอะ และค่าเฉลี่ยก็อยู่ที่ราวร้อยละ 50 คุณรู้สึกสบายใจไหมถ้าลูกของคุณมีความสัมพันธ์กับชาวยิว สุดท้ายคนยุโรปสบายใจ ถ้าลูกมีความสัมพันธ์กับชาวยิวประมาณร้อยละ 69 จากการสำรวจก็จะเห็นว่าคนยุโรปในบางพื้นที่ยังมีอัตราการเหยียดเชื้อชาติอยู่ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนักในประเด็นของเรื่องสิทธิมนุษยชน และนอกจากนี้ผู้ตอบแบบสอบถามยังแสดงความเห็นว่าควรมีมาตรการใหม่ๆ ในการปกป้องชนกลุ่มน้อยด้วยเพื่อความเท่าเทียมกัน เพื่อจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ที่มา boredpanda
-
หญิงอินเดียสุดจะทน ตัดสินใจฟ้องหย่าสามี หลังไม่ยอม “สร้างห้องน้ำ” ภายในบ้าน
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2560 เว็บไซต์ Metro มีรายงานว่า ศาลอินเดียอนุญาตให้หญิงชาวอินเดียรายหนึ่งหย่ากับสามีของเธอได้ ภายหลังจากที่เขาไม่ยอมสร้างห้องน้ำเอาไว้ภายในบ้าน ด้วยเหตุนี้ จึงให้เธอต้องเดินไปปลดทุกข์กลางทุ่งแทน จากการรายงานระบุว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ทั้งคู่แต่งงานอยู่กินด้วยกันมา หญิงชาวอินเดียรายนี้ได้ถูกสามีบังคับให้ไปขับถ่ายนอกบ้านอยู่เสมอ เพราะที่บ้านไม่มีส้วมให้ใช้ ด้วยความที่เธอได้รับความทุกข์ทรมานทางด้านร่างกายมาเป็นเวลานาน จนในที่สุดหญิงรายดังกล่าวก็ทนไม่ไหวถึงขั้นตัดสินใจฟ้องหย่าสามีทันที ภายหลังจากที่เธอได้ยื่นเรื่องขอหย่า ทางศาลของรัฐราชสถาน ประเทศอินเดียก็อนุญาตให้เธอหย่ากับสามีได้ โดยทางผู้พิพากษาได้ออกมาเผยว่า ตามกฎหมายของอินเดียแล้ว จะมีการอนุญาตให้หย่าร้างได้ในบางสถานการณ์เท่านั้น เช่น ในสถานการณ์ที่โหดร้าย หรือเกิดความรุนแรงภายในครอบครัว แต่สำหรับกรณีของหญิงรายนี้ ทางผู้พิพากษาได้ออกมาเผยว่า การบังคับให้คนไปถ่ายอุจจาระนอกบ้าน ถือเป็นการทารุณกรรมรูปแบบหนึ่ง นอกจากนี้ ทางศาลยังได้เผยอีกว่า หญิงรายนี้มักจะถูกบังคับให้รอจนถึงช่วงเวลากลางคืน ถึงจะสามารถออกไปปลดทุกข์ที่ทุ่งหญ้าได้ “เราใช้เงินในการซื้อยาสูบ สุรา และโทรศัพท์มือถือได้ แต่กลับไม่ยอมนำเงินเหล่านั้นไปสร้างห้องน้ำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของครอบครัว ในหลายๆ หมู่บ้าน ผู้หญิงจะต้องรอจนให้ถึงเวลาค่ำ เพื่อที่จะไปทำธุระส่วนตัวของเธอได้ นี่ไม่ใช่แค่ความโหดร้ายทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำร้ายจิตใจผู้หญิงอีกด้วย” ทางศาลของรัฐราชสถานอินเดียกล่าว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในบางพื้นที่ของอินเดียจะถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับคนทั่วๆ…
-
“FlashTorch Mini” สุดยอดไฟฉายที่มาพร้อมกับลำแสงทรงพลัง ใช้จุดไฟทำอาหารก็ได้
หากคุณยังคงยึดติดอยู่กับภาพลักษณ์ของไฟฉายธรรมดาๆ ทั่วไป บอกเลยว่าเมื่อคุณได้พบกับไฟฉายของ Wicked Lasers รุ่น FlashTorch Mini เชื่อเถอะว่ามันจะต้องทำให้คุณลบภาพไฟฉายแบบเก่าไปเลยล่ะ เพราะไฟฉายรุ่นดังกล่าว นอกจากจะทำหน้าที่ในการให้แสงสว่างแก่เราในยามจำเป็นแล้ว มันยังเป็นไฟฉายทรงพลัง ที่เป็นแหล่งกำเนิดในการจุดไฟ หรือจะนำมาเป็นเตาชั่วคราวเพื่อใช้ในการทำอาหารได้ สำหรับ FlashTorch Mini เป็นไฟฉายที่ทำจากอลูมิเนียมอโนไดซ์ ที่มีความแข็งแรง โดยมาพร้อมกับเลนส์ทนความร้อน และกระจกสะท้อนแสงที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งไฟฉายสุดพิเศษนี้ ดูจากภายนอกเพื่อนๆ อาจจะเห็นว่ามันก็มีหน้าตาเหมือนกับไฟฉายๆ ทั่วๆ ไป แต่ความจริงแล้วมันมีสิ่งที่น่าสนใจมากกกว่านั้นซ่อนอยู่ เพราะเจ้า FlashTorch Mini มีลำแสงที่ทรงพลัง แถมยังมีพลังงานสูง โดยสามารถใช้ส่องไปยังที่มืดๆ ได้อย่างชัดเจน และที่สำคัญ นอกจากจะใช้ส่องแสงแล้ว FlashTorch Mini ยังใช้จุดไฟ และทำอาหารได้ในแบบที่ไฟฉายธรรมดาๆ ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน FlashTorch Mini เป็นไฟฉายที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดและน่าใช้ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่น โดยมาในขนาด 8.5 นิ้ว มีน้ำหนักเพียง 4 ขีด แต่กลับให้ความสว่างสูงถึง…
-
ยิ่งกว่ารักแท้!! คู่รักแต่งงานมา 16 ปี ถึงจะมีลูกแล้ว แต่ก็แยกบ้านกันอยู่อย่างมีความสุข
อีกหนึ่งเรื่องราวความรักสุดโรแมนติคที่เรารู้สึกว่าไม่แชร์ไม่ได้แล้ว ปกติเราคู่รักเวลาแต่งงานแล้วก็ต้องย้ายมาอาศัยอยู่ในชายคาเดียวกัน เพื่อที่จะได้ช่วยเติมเต็มให้กันและกัน ทว่าเรื่องราวของ Claire และ David Burke จะทำให้หัวใจคุณพองโต เพราะพวกเขาเคลมว่า ทั้งคู่ก็มีความสุขได้แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน..!! เป็นปกติทุกวันที่ฝ่ายชายจะเดินทางมาหาภรรยา เพื่อร่วมดื่มด่ำช่วงเวลาอาหารค่ำอันโอชะของครอบครัว และเมื่อทุกทั้ง 3 ชีวิตใช้เวลาในแต่ละวันร่วมกันเสร็จ ฝ่ายชายก็จะขับรถกลับที่พักของตนเอง Claire ภรรยาวัย 49 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า “มันไม่เวิร์คสำหรับเราสองคนที่จะมาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา หลังงานแต่งงานเราได้นอนร่วมกันแล้วรู้สึกว่า.. มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แย่เหลือเกินค่ะ” David สามีหนุ่ม ทั้งคู่เจอกันในสมัยที่ Claire ยังเป็นสาวโสดอายุ 43 ปี ซึ่งตอนนั้นหนุ่ม David เพิ่งเข้ามาอยู่ในช่วงฝึกงานของพนักงานดับเพลิงอยู่ และความสัมพันธ์ทั้งคู่ก็เริ่มก่อตัวจนกลายเป็นความรัก ซึ่งทางด้านของ Claire นั้นเคยแต่งงานมาก่อนแล้ว 2 ครั้ง แต่เธอก็ต้องพบจุดจบของความรักที่ไม่ค่อยสมหวังเท่าที่ควร เช่นเดียวกับหนุ่ม David ที่เส้นทางความรักก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเขาแต่งงานกับภรรยาเก่าครั้งแรกตอนอายุ 17 ปี ซึ่งทำให้เขาไม่มีโอกาสได้สัมผัสชีวิตแบบหนุ่มโสดเหมือนคนอื่นๆ บ้างเลย …
-
นักร้องวง ‘Architects’ สั่งหยุดคอนเสิร์ตกลางคัน หลังพบผู้หญิงถูกลวนลามระหว่างแสดงสด..!!
กำลังกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งโลกวงการดนตรี หลังจากที่ Sam Carter นักร้องนำของวงเมทัล Architects หยุดเล่นเพลงกลางคันหลังพบว่ามีหญิงสาวถูกลวนลาม โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่เทศกาลดนตรี Lowlands Festival ประเทศเนเธอร์แลนด์ ระหว่างที่วงกำลังทำการแสดงสดอยู่นั้น จู่ๆ นักร้องนำก็สั่งหยุด พร้อมกับประกาศออกไมค์ด่ากราดถึงคนที่ลวนลามหญิงสาว วง Architects โดยหนุ่มนักร้องนำอ้างว่า ในระหว่างการแสดงสดและผู้คนกำลังเล่นบอดี้เสิร์ฟอย่างสนุกสนานนั้น จู่ๆ เขาสังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังโรยตัวอยู่บนฝูงประชาชน ถูกชายนิรนามเอามือเอื้อมไปคลึงเต้านมของเธอ ซึ่งการกระทำดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่วงเป็นอย่างมาก นักร้องนำจึงประกาศออกไมค์ว่า “ผมคิดมาตลอดว่าจะพูดถึงสิ่งที่ผมเห็นเมื่อเพลงที่แล้วดีรึเปล่า… และผมทนไม่ไหวจนต้องพูดมันออกมา คุณรู้ไหมเพลงเมื่อกี้ผมเห็นสุภาพสตรีแฟนเพลงของผม ถูกไอ้งั่งแอบเอามือมาจับนมเธอ มึงรู้อะไรมั้ย!? นั่นไม่ใช่ร่างกายมึง และมึงไม่มีสิทธิ์ไปแตะต้องโว้ย และถ้าเอ็งยังอยากทำอีกนะ ขอให้ออกจากคอนเสิร์ตกูไปเลย ไอ้เวร…!!” คลิปวิดีโอที่เจ้าตัวด่ากราดคนที่ลวนลามสุภาพสตรีในคอนเสิร์ต ‘So, i’ve been going over in my f*cking mind about whether I should say something about…
-
ชมสภาพเมือง ‘Rio de Janeiro’ หลังจบโอลิมปิค และต้องเผชิญปัญหาเศรษฐกิจล้มละลาย
การจะเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิคได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะอย่างน้อยๆ ประเทศเจ้าภาพก็ต้องมั่นใจว่าเศรษฐกิจของตัวเองดีพอ และมีเงินหมุนมากพอ ที่จะไม่ทำให้ประชาชนต้องตกระกรำลำบากหลังจบงานไปแล้ว ทว่าหลังจบงานโอลิมปิคปี 2016 เมือง Rio de Janeiro ก็ได้ประกาศเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจล้มละลาย ซึ่งวันนี้เราจะพาไปชมสภาพบ้านเมืองหลังจบงานโอลิมปิคอีกครั้ง… หลังเสร็จสิ้นพิธีปิดได้ไม่นาน ก็มีการประกาศเข้าสู่สภาพวะเศรษฐกิจล้มละลาย แม้ว่าหน้าฉากในช่วงการแข่งขัน เราจะเห็นภาพรอยยิ้มของชาวบราซิล ทว่าหลังจบงานสภาพการเป็นอยู่ของพวกเขากลับไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นกันในสื่อ นักกีฬาผู้เป็นดั่งฮีโร่ของชาวบราซิลหลายๆ คน ก็ไม่ได้รับค่าตัวจากรัฐบาลหลังการแข่งขัน Maicon Andrade นักกีฬาเหรียญทองแดงเทควันโดให้สัมภาษณ์ว่า “ผมคิดว่าเส้นทางกีฬาจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น แต่เปล่าเลย… แม้แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ได้รับค่าตอบแทนแม้แต่สตางค์เดียว” หนึ่งในสเตเดียมที่ใช้ทุนสร้างมหาศาล ทว่าหลังจบการแข่งขันมันก็กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่ไร้ประโยชน์ทันที หลายๆ พื้นที่การแข่งขัน ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ชุมชนแออัด ทำให้มีประชาชนจำนวนมากกลายเป็นคนไร้ที่อยู่ และไม่ได้รับการเหลียวแลใดๆ จากรัฐบาล และทั้งหมดก็มีสเตเดียมที่กลายเป็นพื้นที่รกร้างไปแล้วมากกว่า 27 แห่ง ยกตัวอย่างเช่นสนามแข่งปั่นจักรยาน ที่เคยใช้งานเพียงแค่ครั้งเดียวหลังสร้างเสร็จ ทว่าต้องสูญเงินไปกับค่าบำรุงรักษาสูงถึงปีละ 840,000 ยูโร (ราว 32 ล้านบาท) …
-
สายดาร์กเชิญทางนี้ เพราะเรามี “กาแฟลาเต้ผสมชาร์โคล” เครื่องดื่มแนวใหม่ที่คุณควรได้สัมผัส
ในปัจจุบัน อาหารที่มี “ชาร์โคล” เป็นส่วนประกอบไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีมชาร์โคล ขนมปังชาร์โคล เค้กชาร์โคล ฯลฯ เรียกได้ว่ากำลังมาแรง และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งชาร์โคล หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งในชื่อ “ถ่านกัมมันต์” นั้น คือถ่านที่ได้มาจากพืชชนิดต่างๆ ที่สามารถนำมารับประทานได้ และเมื่อนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหาร ก็จะทำให้หน้าตาของมันดูน่าสนใจ แถมยังมีเอกลักษณ์ชนิดที่เอาใจสายดาร์กฝุดๆ นอกจากจะนำมาเป็นส่วนประกอบในการทำอาหารแล้ว ชาร์โคลยังถูกนำมาเป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มอย่างเช่น “กาแฟ” อีกด้วย และในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะขอพาเพื่อนๆ มาสัมผัสกับกาแฟแนวใหม่ ซึ่งเป็นกาแฟลาเต้ผสมชาร์โคล เมนูเครื่องดื่มใหม่ล่าสุดจากร้าน Round K ในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่กำลังฮอตฮิต และได้รับความนิยมที่สุด ณ ขณะนี้ สำหรับกาแฟลาเต้ผสมชาร์โคล จะประกอบไปด้วยผงชาร์โคล จากขี้เถ้าเปลือกมะพร้าว นมอัลมอนด์ เอสเปรสโซ โกโก้ที่มีความเข้มข้นถึง 98% กะทิ และท็อปปิ้งต่างๆ เมื่อนำมาเป็นส่วนผสมของลาเต้จะช่วยเติมเต็มสีสันให้กับเครื่องดื่มเป็นอย่างมาก “ลูกค้าของเรารู้สึกประหลาดใจ และตื่นตาตื่นใจเมื่อได้ลิ้มรสของมันเป็นครั้งแรก…
-
ชายชราสมองเสื่อม ยังคงฝังใจถึงสมรภูมิเวียดนาม เพื่อนทหารจึงอาสาช่วยปลดประจำการ…
เราคงจะมีความหลังที่ฝังใจเรากันบ้าง ทั้งในเรื่องที่เรารู้สึกอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ หรือแม้แต่เรื่องที่เราอยากลบมันออกไปจากสมอง แต่มันก็ยังคงฝังไว้ในส่วนลึกเองก็เช่นกัน หากเป็นเหตุการณ์ร้ายๆ ถ้าเราคิดถึงมันก็คงจะทำให้เรารู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน อย่างเช่น Lawrence ชายชราชาวอเมริกัน วัย 84 ปีท่านนี่ ตอนวัยหนุ่มเขาได้รับใช้ชาติให้กับประเทศบ้านเกิดนานถึง 20 ปี โดยเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอากาศ และในช่วงเวลานั้น เขาก็ได้ออกรบที่เวียดนามด้วย ซึ่งนั่นคงจะเป็นความทรงจำที่ไม่ดีซักเท่าไหร่ ด้วยอายุที่มากขึ้น จึงทำให้สุขภาพจิตของยิ่งถดถอยลงไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ยังมีครอบครัวคอยดูแลเขาอยู่เสมอให้ผ่านวันแต่ละวันไปได้ด้วยดี จนเมื่อ 2 ปีก่อนที่เขาได้รับการบาดเจ็บที่สะโพกและการฟื้นฟูที่เป็นไปอย่างยากลำบาก รวมไปถึงไม่อาจเชื่อใจลูกๆ และภรรยาด้วยอาการที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รัฐวอชิงตันจึงรับเขามาดูแลแทนในฐานะทหารผ่านศึก เพื่อไม่ให้อารมณ์ของเขาระเบิดออกมาทำร้ายครอบครัวของเขาเอง ลูกสาวและลูกเขยของเขาได้เข้ามาดูแล นำอาหารที่เขาชอบมามอบให้ที่บ้านพักทหารผ่านศึก ในฐานะคนที่ไม่รู้จักกัน เพราะด้วยความที่เขาไม่เชื่อใจคนในครอบครัวอีกต่อไปแล้ว เขาได้เริ่มที่จะพูดถึงเรื่องอดีตที่บางเรื่องก็ไม่ได้มีสาระอะไร หรือกับเรื่องที่จำถูกแล้ว ก็จะยังคงมีปัญหาจำไม่ได้ว่าเรื่องนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เหมือนกับเรื่องที่คิดว่าตัวเขาเองนั้นต้องถูกส่งกลับไปในสงครามที่เวียดนามอีกครั้ง ความคิดที่เชื่อว่าทางกองทัพได้โทรมาตามให้เขากลับเข้าสู่สงครามในวันก่อนหน้านั้น และยังคงพูดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาในแต่ละวัน ขณะที่พูดนั้นก็จะร้องไห้ไปด้วยโดยไม่ทราบสาเหตุ เพราะยังคงเชื่อว่าจะต้องกลับไปสู่เหตุการณ์เหล่านั้นอีก ลูกเขยของเขาจึงเสนอวิธี ให้พานายทหารที่เกษียณอายุไปแล้วเช่นเดียวกัน กลับมาเยียวยาเรื่องนี้ เขาจึงได้โพสต์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าไปในกลุ่มเฟซบุ๊คของเมือง ซึ่งก็ได้รับการตอบกลับให้ความช่วยเหลือมามากมาย ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง และในเช้าวันต่อมาก็ได้มีอดีตนายทหารชั้นพันโทมาหาเขาทันที…
-
15 ความรู้เจ๋งๆ ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็น “จอน สโนว์” เพราะ “ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยย”
เพราะความรู้ใหม่ๆ มักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอ ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องศึกษา และเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นให้มากขึ้น และนั่นก็ทำให้เราได้รับความรู้ใหม่ๆ เพียบ เหมือนดั่งเช่น 15 สิ่งที่น่าสนใจเหล่านี้ ที่มาพร้อมกับความรู้ใหม่ๆ ในแบบที่ไม่เคยรู้มาก่อน บอกเลยว่าหากคุณได้อ่านมันอาจจะทำให้คุณรู้สึกเป็นเหมือนจอน สโนว์ ผู้ที่ไม่เคยรู้อะไรเลยยยยย 1.สุนัขมองเห็นมากกว่าสีดำ และสีขาว เพื่อนๆ หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาว่าเจ้าตูบนั้นตาบอดสี สามารถเห็นสิ่งต่างๆ ในภาพขาวดำเพียงเท่านั้น แต่นั่นไม่เป็นความจริงเลย เพราะน้องหมาสามารถมองเห็นได้หลายเฉดสีแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ความถี่ของสีในการมองเห็นของสุนัขอยู่ในระดับจำกัด เมื่อเทียบกับการมองเห็นของมนุษย์ โดยสีพื้นฐานส่วนใหญ่ที่เจ้าหมาจะสามารถมองเห็นได้คือ สีฟ้า สีเหลือง และสีเทา 2.การนั่งอยู่ใกล้ทีวีจะไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา ในขณะที่เราจ้องไปที่หน้าจอทีวีเป็นเวลานานจะส่งผลให้ดวงตาเหนื่อยล้า และเป็นอันตรายต่อดวงตา ซึ่งการนั่งใกล้หน้าจอทีวีมากเกินไปก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับไปในช่วงปี 1950 ทางบริษัทผลิตโทรทัศน์ได้ปล่อยรังสีที่เป็นอันตรายมากกว่า 100,000 เท่า แต่ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางกลับเห็นว่ามันปลอดภัย 3.ตัวเลมมิ่งไม่ได้กระโดดลงหน้าผาเพื่อฆ่าตัวตาย ตำนานเกี่ยวกับตัวเลมมิ่งได้ระบุเอาไว้ว่า เจ้าสัตว์ชนิดนี้จะชอบกระโดดลงจากหน้าผาเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้มีพฤติกรรมดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะเมื่อปี 1950 สารคดีชื่อ White Wilderness…
-
แก๊งวัยรุ่นในโมร็อกโก ต้องเข้ารับการรักษาโรคพิษสุนัขบ้า หลังจากรุมข่มขืนลาที่ติดเชื้อ…
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ Mirror มีรายงานว่า แก๊งเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่มีอายุระหว่าง 7-15 ปีในโมร็อกโก ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาโรคพิษสุนัขบ้า หลังจากที่พวกเขาได้ร่วมกันข่มขืนลาที่ติดเชื้อ… สำหรับเหตุการณ์ที่น่าตกใจนี้ เกิดขึ้นในพื้นที่ Gharb-Chrarda-Béni Hssen ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโมร็อกโก ซึ่งก็ทำให้ครอบครัวของกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 15 ราย รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และในขณะนี้พวกเขาก็กำลังทนทุกข์อยู่กับการถูกชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเยาะเย้ย จากการรายงานระบุว่า ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็ได้พยายามค้นหาบุคคลต้องสงสัย ที่คาดว่าอาจจะได้รับเชื้อจากโรคระบาดที่เกิดจากสัตว์เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม จำนวนของการติดเชื้อคาดว่าอาจจะมีสูงขึ้น เนื่องจากบางครอบครัวได้พาลูกๆ ของพวกเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลนอกพื้นที่ เพื่อหลีกหนีการถูกเยาะหยันหลังจากที่ลูกๆ ของพวกเขาสร้างความขายหน้าให้แก่ครอบครัว… ที่มา : mirror
-
มหัศจรรย์!! คุณแม่ผิวสีให้กำเนิดลูกน้อยผิวขาวถึง 2 คน กับโอกาสที่เกิดขึ้นได้เพียง 1 ในล้าน…
สำหรับยีนผิวดำ คือ ยีนเด่น และการที่ผู้เป็นพ่อหรือแม่มีผิวดำ แน่นอนว่าลูกที่เกิดมาก็จะต้องมีผิวดำด้วย ในขณะที่ถ้าหากลูกคลอดออกมามีผิวสีขาวนั้นมักจะเกิดขึ้นได้ยากมาก… แต่สำหรับ Catherine Howarth คุณแม่ชาวไนจีเรีย วัย 35 ปี ที่มีสามีเป็นคนผิวขาว กลับให้กำเนิดลูกชายและลูกสาวที่มีผิวสีขาวเหมือนกับคุณพ่อเปี๊ยบ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกรณีที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ เลยล่ะ และนี่คือ Catherine Howarth และ Richard สามีของเธอ ทั้งคู่มีความสุขกับสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับลูกน้อยเป็นอย่างมาก ทางด้านผู้เชี่ยวชาญในด้านพันธุกรรมได้อกมาเผยกับ Catherine ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอนั้นมีโอกาสเกิดได้เพียงแค่ 1 ในล้านเท่านั้น ซึ่งทาง Catherine ก็ได้ออกมากล่าวว่า ในตอนที่พวกเขาเกิดเธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดเลยว่าลูกน้อยของเธอจะเกิดมามีผิวขาวและมีนัยน์ตาสีฟ้าถึง 2 คน “เมื่อ Jonah เกิด ผู้เชี่ยวชาญในด้านพันธุกรรมได้บอกกับฉันว่า มันมีโอกาสเกิดเพียงแค่ 1 ในล้าน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก กับคุณแม่ที่เป็นชาวแอฟริกันผู้ให้กำเนิดลูกออกมามีผิวขาว” Catherine กล่าว ในขณะที่…
-
เผยวินาทีระทึก หญิงชาวอินเดียถูก “หมู” รุมทำร้ายกลางถนน เจ็บหนักถึงขั้นหามส่งโรงพยาบาล…
หมูอู๊ดอู๊ด สัตว์ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีจากการที่นำมันมาเป็นอาหาร และเป็นสัตว์ที่สามารถพบเห็นกันได้ทั่วไปจ ากรูปลักษณ์ภายนอกที่อ้วนกลมดูน่ารัก และด้วยนิสัยที่เหมือนจะขี้เกียจไปนิด ทำให้คิดว่าหมูไม่ได้เป็นสัตว์ที่มีความดุร้าย แต่ทว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้เราได้เห็นอีกด้านของหมูแบบที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลย เมื่อมีคลิปวิดีโอจับภาพผู้หญิงโดนเจ้าหมูสองตัวเข้ารุมทำร้ายกลางถนน จนเธอถึงกับต้องลงไปนอนกองกับพื้นในขณะที่พวกมันรุมกัดเข้าที่ศีรษะและแขนของเธอ เธอคนนั้นมีชื่อว่า Bibi Jan ที่ต้องลงไปนอนกองอยู่กับพื้นจากการโจมตีของหมูตัวแรก และถูกอีกตัวตามมาซ้ำในทันที เพราะเกิดจากสัญชาตญาณในการปกป้องลูกน้อยของมัน ที่จะสังเกตเห็นได้ในตอนเริ่มคลิปวิดีโอดังกล่าว คลิปวิดีโอที่เธอถูกเจ้าหมูทำร้าย หลังจากเกิดเหตุเพียงไม่นาน ผู้คนก็พยายามเข้ามาช่วยเหลือเธอ บ้างก็เอาผ้าเช็ดตัวมาสะบัดไล่พวกมัน และก็ได้มีชายสองคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาลงจากรถมาขว้างหินกันพวกมันให้ออกไป ภายหลังเธอก็ได้ถูกส่งโรงพยาบาลในเมือง Kavali ประเทศอินเดีย เพื่อรักษาบาดแผลที่ถูกกัดตรงใบหน้าและแขนของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นในพื้นที่ดังกล่าว นับเป็นครั้งที่สามในหนึ่งสัปดาห์ที่มีคนถูกเจ้าหมูโจมตี… โดยก่อนหน้านี้คือเด็กวัย 3 ขวบที่โดนสัตว์ป่าทำร้าย และคุณครูที่ถูกพาไปโรงพยาบาล โดยทุกคนเชื่อว่าเกิดจากเจ้าหมูตัวเดียวกันที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ความป่าเถื่อนที่เกิดขึ้นนั้น อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุที่เข้าไปกระตุ้นสัญชาตญาณของมัน เราก็คงต้องระวังสิ่งรอบตัวกันบ้างเพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นได้อีก ซึ่งเรื่องนี้คงทำให้บางคนต้องมองว่ามันไม่ได้น่ารักเหมือนที่เราคิดกันมาก่อนซะแล้วล่ะ แต่หมูน้อยยังไงก็ดูน่ารักอยู่ดีนะ ที่มา: metro
-
8 บ้านที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘บ้านมีดีไซน์สวยที่สุด’ และออกแบบโดยสถาปนิกที่เก่งที่สุด
บ้านคือความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ แต่บ้านที่ดีที่สุด นอกจากจะอยู่สบายแล้ว จำเป็นต้องมีการสร้างอยู่บนพื้นฐานของงานศิลปะด้วย เหมือนกับบ้านต่อไปนี้ที่ถูกยกให้เป็นบ้านที่สวยที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งถูกออกแบบโดยสถาปนิกผู้มากฝีมือ จนทำให้บ้านดูเป็นอะไรที่มากกว่าที่พักอาศัย 1. Farnsworth House เป็นบ้านที่ผสมผสานศิลปะสมัยใหม่ที่เรียบง่าย ที่ได้รับการออกแบบทางสถาปัตยกรรมและโครงสร้างโดย Mies van der Rohe ตั้งอยู่ในเขตนอกเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเมืองชิคาโก Farnsworth House ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1945-1951 โดยมีโครงสร้างคล้ายวัดนิกายเซนที่ผสมศิลปะสมัยใหม่ ปัจจุบันบ้านนี้เป็นของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์บ้าน โดยกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถานแห่งชาติ (NTHP) 2. Casa Batlló เป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับต้นๆ ของบาร์เซโลน่า มีลักษณะคล้ายกระดูก ออกแบบโดย Antoni Gaudí Casa Batlló ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1877 และได้รับการออกแบบใหม่ในปี 1904 เพื่อให้เป็นบ้านของผู้ปกครองเมืองผู้มั่งคั่งและครอบครัว บันไดภายในบ้าน ต่อมาก็ถูกบูรณะอีกเป็นเวลานานหลายปี จนเปิดให้ผู้คนเข้าชมในปี 2002 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ส่วนหลังคาที่ออกแบบด้วยคอนเซปต์ที่ดูแปลกตา 3. Fallingwater บ้านหลังนี้ได้รับการออกแบบโดย Frank…
-
ชาวเมืองใช้ชีวิตไม่ค่อยสุขี เพราะต้องอยู่ร่วมกับ “แก๊งนกอินทรี” เข้ายึดครองพื้นที่ บินโฉบไปมา…
การที่เราจะได้เห็นนกพิราบหรือนกกระจอกบินอยู่ในเมืองมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และก็ไม่ได้รับอันตรายจากนกเหล่านั้นสักเท่าไหร่ อย่างมากสุดก็คงเป็นเรื่องที่พวกมันชอบอึใส่เราก็เท่านั้นเอง และเมืองแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยนกเช่นเดียวกัน เพียงแต่มันแตกต่างกับที่เราคุ้นชินไปมากเลยเนี่ยสิ… เรามาทำความรู้จักกับเมือง Unalaska ในรัฐอะแลสกา เมืองเล็กๆ บนเกาะที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามน่าอยู่และบรรยากาศที่ดึงดูดน่าไปเที่ยวชมวิวทิวทัศน์ที่เป็นภูเขาเขียวขจี รายล้อมไปด้วยทะเลสุดลูกหูลูกตา เกาะเขียวขจีที่รายล้อมไปด้วยทะเลสุดลูกหูลูกตา นอกจากนั้นก็ยังมีท่าเรือที่ชื่อว่า Dutch Harbor ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่มากอีกด้วย ดูแล้วก็จะเหมือนกับเป็นเมืองที่จะใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุขผ่อนคลายกันไป แต่ความจริงแล้วมันกลับไม่ใชอย่างนั้นซะทีเดียว เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากนกที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นมีมากมาย โดยพวกมันไม่ใช่นกที่เราจะได้เห็นกันทั่วไปแต่มันคืออินทรีหัวขาวที่บินกันว่อนอยู่ทั่วเมือง จนทำเอาชาวบ้านต้องอยู่กันอย่างยากลำบากไม่ใช่น้อย… แก๊งอินทรีหัวล้าน นกอินทรีหากเราไปรุกรานอาหารหรือพื้นที่อยู่อาศัยของมัน ก็อาจทำให้เกิดการโต้กลับด้วยทักษะการบินอันโฉบเฉี่ยว และจงอยปากอันแหลมคมเข้ามาทำร้านเราได้ ปัญหานี้จึงเกิดขึ้นแม้แต่การไปส่งจดหมาย เพราะพวกมันดันมาทำรังกันอยู่ข้างตู้ไปรษณีย์ซะอย่างนั้น เมื่อรังของมันอยู่ใกล้ๆ สัญชาตญาณของการปกป้องก็ทำให้พวกมันอาจสร้างอันตรายให้กับผู้ที่มาใช้บริการส่งจดหมายได้ จนถึงกับต้องทำป้ายปักไว้หน้าที่ทำการให้ระวังอินทรีโฉบมาจิกหัวของคุณ เพราะว่ารังมันอยู่ใกล้ๆ ยิ่งหากว่ารังมันถูกโจมตีด้วยแล้วละก็จะลำบากกันไปใหญ่เลยล่ะ ป้ายเตือนระวังอินทรีโฉบ เพราะมีรังมันอยู่ใกล้ๆ คลิปวิดีโอสัมภาษณ์ชาวเมืองถึงการใช้ชีวิตร่วมกับเหล่าอินทรี นอกจากนี้ เรือหาปลาที่กลับมาเทียบฝั่งก็จะถูกปล้นปลาที่หามาได้ไปต่อหน้าต่อตา หรือหากคุณวางถังใส่ปลาไว้หลังกระบะตอนจอดรถลงไปซื้อของละก็ รับรองได้ว่ามันจะต้องหายไปอย่างไร้วี่แววแน่นอน และไม่ใช่เพียงแค่อาหารเท่านั้น เพราะบางทีพวกอินทรีหัวล้านก็จะฉกเอาสิ่งของอื่นๆ ติดไปด้วยอย่างหน้าตาเฉย อย่างเช่นกล่องบิงโก… หลายคนคงจะรู้กันว่านกชนิดดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอเมริกา ด้วยความสง่างามที่ดูองอาจของพวกมันบวกกับกฎหมายการคุ้มครองสัตว์ชนิดนี้ที่เกิดขึ้นในปี 1940 จึงทำให้ผู้อยู่อาศัยในเมืองไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้มากนัก …
-
ช่างภาพจับนายแบบมีหนวด มาถ่ายแบบเซ็กซี่สไตล์ขนอุย เพื่อทำปฏิทินช่วยองค์กรการกุศล…
ปกติเราจะเห็นปฏิทินเป็นรูปสาวเซ็กซี่ หนุ่มโชว์กล้าม รูปดารา หรือภาพเด็กน้อย อะไรทำนองนี้ แต่สำหรับปฏิทินต่อไปนี้ได้ผุดไอเดียที่แตกต่างออกไป นี่คือปฏิทินที่ทำขึ้นโดยช่างภาพ Chad Castigliano, Tim Wilson และเพื่อนๆ ซึ่งเป็นปฏิทินแหวกแนว เพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือองค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหาผลกำไร ไอเดียนี้เกิดขึ้นเมื่อ Catigliano ได้ขอเพื่อนและนักดับเพลิง Tim Wilson หรือที่รู้จักกันในนาม Whimiscal Woodsman ให้มาเป็นแบบสำหรับทำปฏิทิน แต่นี่จะไม่ใช่การถ่ายรูปธรรมดา พวกเขาจะต้องโพสต์ท่าให้ดูเซ็กซี่ในแบบสาวๆ แม้หน้าตานั้นจะดูสวนทางไปสักหน่อยก็ตาม การโพสต์ท่าแบบนี้ อาจจะไม่ใช่งานที่ผู้ชายทั่วไปถนัด แต่เมื่อรู้ว่าเป็นปฏิทินเพื่อองค์กรการกุศล ทุกคนก็ตั้งใจทำเต็มที่ เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด ช่างหนุ่มแสนซน เป็นไงล่ะ พอจะสู้นางแบบมืออาชีพได้มั้ยหว่า!? โปรเจคของ Castigliano ได้รับความสนใจเมื่อปีที่แล้วจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น แต่เพิ่งจะโด่งดังไปทั่วโลกเมื่อทางเพจ The Scene ได้แชร์ภาพงานบางส่วนของเขาในรูปแบบวิดีโอ จนปรากฏว่ามีคนกดเข้าไปดูวิดีโอนั้นกว่า 1.7 ล้านครั้ง และมีความคิดเห็นจากผู้คนอีกเพียบ!! Castigliano บอกว่าเขาได้รับข้อความจากแฟนๆ จำนวนมาก หลายคนตื่นเต้นที่จะได้เห็นปฏิทินชุดนี้ และอยากให้ออกทำออกมาเร็วๆ เขาบอกว่า “นั่นเป็นสิ่งที่ผมกับ Tim…
-
หญิงสาวช่วยเหลือแมวจรจัด จากที่มีเนื้อตัวมอมแมม กลับมาใสวิ้งๆ น่ารักน่ากอดที่สุด!!
เป็นธรรมดาที่แมวจรจัดจะดูสกปรกมอมแมม เพราะมันต้องคลุกคลีอยู่กับแหล่งสกปรกตลอดเวลา แต่นั่นไม่ได้ความหมายความว่าพวกมันจะน่ารักน้อยกว่าแมวที่มีเจ้าของ ขณะที่ Nancy อาสาสมัครจากองค์กรช่วยเหลือสัตว์ Magnificat Cat Rescue and Rehoming ในย่านบร็องซ์ นครนิวยอร์ก เดินอยู่บนถนนก็มีเจ้าเหมียวเนื้อตัวมอมแมมตัวหนึ่งเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางโซเซและหิวโหย เพื่อขอความช่วยเหลือจากเธอ หญิงสาวจึงไปซื้ออาหารกระป๋องให้มันกิน แล้วพามันออกจากถนนนั้น หวังให้คนอื่นมาเห็นและช่วยเหลือมัน ก่อนจะไปทำงานของตัวเองต่อไป ช่วงบ่ายของวันนั้น Nancy ว่างจากการทำงาน เธอจึงเดินกลับมาหาเจ้าเหมียว ปรากฏว่ามันยังนอนอยู่ที่เดิม ราวกับกำลังรอหญิงสาวมารับ ต่อมาหญิงสาวจึงได้ติดต่อไปยังหน่วยงานที่เธอเป็นอาสาสมัครอยู่ให้มารับเจ้าเหมียวตัวนี้ เพื่อพาไปหาสัตวแพทย์ให้รักษาต่อไป Nancy บอกว่า “มันอ่อนแรงมาก แม้ทระทั่งตอนที่เราเอามันใส่กรง มันกลับไม่มีเสียงร้องสักแอะ” และเธอได้ตั้งชื่อให้เจ้าเหมียวตัวนี้ว่า Attila ร่างกายของ Attila ผอมแห้งมาก แต่ตั้งแต่ได้รับการช่วยเหลือมันไม่เคยอยู่นิ่งเลย มันมีความกระตือรือร้นและอยากรู้อยากเห็นตลอดเวลา จากการตรวจร่างกาย ดูเหมือนว่ามันจะเคยมีเจ้าของมาก่อน แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่พบไมโครชิปในตัวมัน… ทาง Magnificat Cat Rescue and Rehoming จึงทำหน้าที่ดูแลมันต่อไป หลังจากที่มันอยู่ในโรงพยาบาลสัตว์หนึ่งคืน Attila ก็ดูแข็งแรงขึ้น หมอได้เอาขนสังกะตังทั่วร่างกายของมันออกจนหมด พร้อมทั้งอาบน้ำให้มันจนสะอาดเอี่ยม Attila รักษาตัวต่อไปอีก…
-
หนุ่มลงทุนทำกระเป๋าเป้ให้พ่อแม่สุนัข เพื่อจะได้แบกลูกน้อย ติดตัวไปเที่ยวอย่างอุ่นใจ…
ปกติเวลาพาน้องหมาไปเดินเล่น ถ้าไม่จูงเราจะอุ้มหรือแบกมันไว้กระเป๋า แต่เราคิดเคยคิดมั้ยว่าบางทีพ่อแม่หมาเองก็คงอยากแบกลูกตัวเองแบบนั้นเหมือนกัน ณ จุดๆ นี้คงไม่มีใครเข้าใจน้องหมาดีไปกว่าหนุ่มเวียดนามคนนี้อีกแล้ว เพราะเขาได้ทำกระเป๋าแบ็คแพ็คให้สุนัขเพื่อให้มันได้แบกลูกไหนมาไหนด้วยอย่างสะดวก เจ้าหมา Tony และ Tiny อาศัยอยู่ในเวียดนามกับเจ้าของที่ชื่อ Tran ซึ่งเป็นชายหนุ่มที่รักสุนัขมากพอๆ กับคนในครอบครัวเลย เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว สุนัขของชายหนุ่มได้คลอดลูกออกมาครอกหนึ่ง ซึ่งพวกเขาญาติๆ ก็รับไปเลี้ยงหมด ยกเว้นเจ้า Teddy ที่ยังอยู่กับ Tran เช่นเดียวกับคนรักสัตว์หลายๆ คน Tran ชอบที่จะพาสุนัขไปกับเขาด้วยทุกที่ แต่ล่าสุดเขาก็เกิดปิ้งไอเดียใหม่ขึ้นมา ในการที่จะพาน้องหมาออกไปเที่ยวอย่างปลอดภัย ปกติเขามักจะแบก Tony หรือ Tiny ไว้ในเป้หมาของเขา ดังนั้นเขาจึงคิดว่าควรจะมีกระเป๋าแบ็คแพ็คที่เหมาะสำหรับเจ้า Teddy ด้วย ว่าแล้วเขาก็นำแจ็คเก็ตยีนส์เก่าที่ไม่ใส่แล้ว มาทำเป็นกระเป๋าแบ็คแพ็ค แต่มันไม่ง่ายเลยนะ Tran ทำพลาดหลายครั้งมาก แต่เขาไม่ยอมแพ้ ยังลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็สำเร็จ ตอนนี้มีกระเป๋าสำหรับแบก Teddy แล้ว แต่ Tran ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อจะแบกเองนะ เขาตั้งใจทำให้ Tony ผู้เป็นพ่อต่างหาก เพื่อให้มันแบกลูกน้อยอย่างสะดวกและปลอดภัยระหว่างออกไปเที่ยวกัน…
-
เผยโฉมหน้าสัตว์โลกตัวจริง ผู้เป็นต้นแบบของเหล่า ‘โปเกม่อน’ ที่เราคุ้นเคยกันดี
เคยสงสัยกันมั้ยว่า เจ้าพวกโปเกม่อนทั้งหลายในการ์ตูน ที่มีจำนวนมากมาย หน้าตาหลากหลายรูปแบบ และความสามารถ มันจะมีที่มาจากไหนกันบ้างนะ? ดังนั้น #เหมียวบ็อบ ขอพาไปรู้จักกับสัตว์โลกพวกนี้ ที่มันเป็นต้นแบบของโปเกม่อนสุดแสนจะน่ารัก ที่เราต่างรู้จักกันดี เอ้าาา รีรออะไรกันอยู่ ไปดูกันเล๊ยยยย… 1. เจ้าแซนด์แพน ที่แท้แล้วก็มาจากเจ้าตัวนิ่มนี่เอง 2. เนียวโรโมะท้องกลมน่ารัก มีที่มาจากลูกอ๊อดสายพันธุ์หนึ่ง ที่มีท้องกลมๆเหมือนกันเด๊ะ 3. เลิฟคัส โปเกม่อนปลารูปหัวใจ ได้แรงบันดาลใจมาจากปลาหมอตาล หรือที่เรียกันว่าปลาจูบ 4. เพรัป เจ้านกแก้วหัวตัวโน๊ต ก็มีที่มาจากนกแก้วคอเหลืองตัวจริง 5. คาระนากุชิ ได้แบบมาจากทากทะเลสายพันธุ์ตัวสีฟ้านี้นี่เอง 6. รัฟเฟรเซีย เจ้าดอกไม้ที่ปล่อยผงนอนหลับ มีที่มาจากดอกรัฟเฟรเซียตามชื่อของมัน 7. วารุเวียล เจ้าโปเกม่อนที่มาจากตะโขงอินเดีย 8. มักเกียว เจ้าปลาน้อยที่มาจาก ปลาสตาร์เกเซอร์ 9. คอยคิง…
-
ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ค้นพบเรือสหรัฐฯ ที่เคยจมหายไปใต้มหาสมุทร เมื่อ 72 ปีก่อน..!!
นับว่ากำลังเป็นข่าวดังไปทั่วโลก หลังจากที่ Paul Allen หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ และทีมของเขา ได้ค้นพบเรือ USS Indianapolis ที่เคยจมหายไปตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ทีมของ Paul Allen ได้ประกาศค้นพบเรือที่เคยใช้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการที่ฮิโรชิม่า ณ มหาสมุทรแปซิฟิคเหนือ ในระดับความลึก 5,500 เมตร USS Indianapolis ข้อความจากทวีตเตอร์ของ Paul Allen หลังจากที่ทีมของเขาค้นพบซากเรือดังกล่าว “ในฐานะอเมริกันชน ผมอยากจะให้เกียรติเหล่าทหารกล้าที่ได้ร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนั้น ทว่าพวกเขาไม่มีโอกาสได้กลับไปเจอครอบครัว เพราะนั่นคือสิ่งที่พวกเขายอมเสียสละให้แก่เราทุกคน ผมเชื่อว่าใครที่มีญาติที่เคยปฏิบัติภารกิจอยู่บนเรือลำนี้ จะต้องรู้สึกผูกพันกับการค้นพบครั้งนี้แน่นอน” Paul Allen ให้สัมภาษณ์ สภาพส่วนหนึ่งของเรือ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 1945 ในช่วงสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 USS Indianapolis เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการทิ้งขีปนาวุธที่ฮิโรชิม่า และนางาซากิ ทว่าระหว่างการปฏิบัติภารกิจ เรือลำนี้กลับถูกโจมตีโดยกองทัพญี่ปุ่น…
-
เมื่อหนุ่มไร้บ้าน ได้เจอกับช่างซ่อมหลังคาผู้ใจดี มอบโอกาสให้เขาได้เปลี่ยนชีวิตตัวเองอีกครั้ง…
เรื่องราวอันน่าประทับใจนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ช่างซ่อมหลังคากลุ่มหนึ่งได้พบกับชายไรบ้าน ที่บังเอิญผ่านมาระหว่างที่พวกเขากำลังทำงานกันอยู่ คุณ JayJay Murray หนึ่งในช่างซ่อมหลังคาที่ได้พบกับ John ชายไร้บ้านคนดังกล่าว เขาได้เชียนเล่าเรื่องราวของหนุ่มจรจัดป่านทางเฟซบุ๊ก “เราซื้อชาให้เขาในตอนเช้า และวันรุ่งขึ้นเราก็บอกให้เขามาช่วยพวกเราทำงาน” ชายหนุ่มกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก ก่อนหน้าที่เหล่าช่างซ่อมหลังคาจากบริษัท Empire UPVC & Roofing Specialists จะมายังไซต์งานของพวกเขา John ก็ได้อาศัยหลับนอนบนม้านั่งใกล้ๆ กับบริเวณนั้น “เขาเพิ่งเริ่มทำงานเป็นครั้งแรก และจากนั้นก็ทำไม่หยุดเลย ผมไม่เคยเห็นใครที่มีความสุขกับการทำงานขนาดนี้มาก่อนเลย เราให้เบอร์เกอร์เป็นอาหารกลางวันแก่เขา” คุณ Jay กล่าวผ่านเฟซบุ๊กของเขา John กำลังพักทานอาหารกลางวัน ก่อนที่จะเริ่มงานต่อ John ยังคงทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างขยันขันแข็งและตั้งใจ ชายไร้บ้านบอกว่าในแต่ละสัปดาห์เขาใช้เงินประมาณ 15 ปอนด์หรือประมาณ 640 บาทเท่านั้น แต่เหล่าช่างกลับให้ค่าตอบแทนเขามากถึง 70 ปอนด์หรือประมาณ 3,000 บาทเลยทีเดียว พร้อมกับบอก John ว่าเขาสามารถมาทำงานที่นี่ได้อีก “ความตั้งใจของคุณจะทำให้พระเจ้ามองเห็น ตั้งใจต่อไป John ทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ไม่มีใครทำงานอย่างขยันแล้วยังต้องมาอาศัยอยู่ข้างถนนหรอก” บางส่วนจากข้อความบนเฟซบุ๊กของคุณ Jay John รู้สึกขอบคุณพวกเขาอย่างมาก “ขอบคุณมากเพื่อน…
-
คู่รักกำลังถ่ายภาพแต่งงาน จู่ๆ ก็มีชาวไวกิ้งกว่า 200 คน โผล่เข้ามาเซอร์ไพรส์พอดิบพอดี!!
หนึ่งในภาพถ่ายที่น่าประทับใจของใครหลายๆ คน คงจะเป็นภาพถ่ายการแต่งงานอย่างแน่นอน และเราก็เชื่อว่าคงไม่มีภาพแต่งงานของคู่ไหนเป็นที่น่าจดจำไปกว่า Sam และ Anna Shepherd สองคู่รักจากเมืองแลงคาเชอร์ ประเทศอังกฤษแล้วล่ะ โดยในขณะที่ทั้งคู่กำลังถ่ายภาพงานแต่งของพวกเขาอยู่นั้น ก็ได้พบกับเรื่องราวที่ไม่คาดฝัน เพราะจู่ๆ ก็มีคนกว่า 200 คนที่สวมใส่ชุดนักรบไวกิ้งแบบเต็มยศ ซึ่งมีทั้งเด็กเล็กไปจนถึงผู้ใหญ่บุกเข้ามาเซอร์ไพรส์ งานนี้เล่นเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว ทางด้าน Anna วัย 32 ปี ได้ออกมากล่าวว่า “เมื่อเราได้ยินเสียงแตรดังขึ้น เราก็เห็นคนที่แต่งตัวเป็นนักรบไว้กิ้งกว่า 200 คนวิ่งมาทางเรา ตอนนั้นเราไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำยังไง… แต่เมื่อทุกคนวิ่งเข้ามาใกล้พวกเขาดูเป็นมิตร และสุภาพมาก สุดท้ายเราก็ได้ตัดสินใจให้พวกเขามาถ่ายรูปด้วยกัน ฉันไม่คิดว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีภาพแต่งงานเหมือนของเรา และหลังจากที่เรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ก็มีแต่คนพูดถึงอยู่ตลอด” จากการรายงานระบุว่า Sam และ Anna Shepherd กำลังถ่ายรูปอยู่ในจุดท่องเที่ยวที่สวยงามของ Rivington Pike ในแลงคาเชอร์ ซึ่งในเวลานั้นมีการจัดขบวนแต่งตัวเลียนแบบชาวไวกิ้งขึ้นพอดี เลยทำให้เกิดภาพสุดประทับใจนี้ขึ้นมา ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สุดเซอร์ไพรส์ ที่ต้องบอกเลยว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เลยนะเนี่ย…
-
โรงเรียนในเกาหลีใต้ ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อ ที่ใช้มานานกว่า 55 ปี เพราะอีกแง่หมายถึง ‘ขรี้’
ในการตั้งชื่อโรงเรียนนั้น มักจะใช้ชื่อที่เป็นมงคล ชื่อบุคคลผู้ก่อตั้ง หรือชื่อที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม รวมทั้งสถานที่ตั้ง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของทางโรงเรียนด้วย แต่หากชื่อโรงเรียนนั้นส่งผลกระทบกับตัวนักเรียนก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสม เช่นเดียวกับโรงเรียนประถมในเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีที่ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อโรงเรียนหลังใช้มาแล้วถึง 55 ปี โรงเรียนนี้มีชื่อว่า Daebyun Elementary School เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อหมู่บ้านคือ Daebyun-ri แต่ชื่อนี้ยังหมายถึง “อุจจาระ” ในภาษาเกาหลีด้วย ด้วยความหมายนั่นเอง ทำให้นักเรียนของโรงเรียน Daebyun Elementary School หลายต่อหลายรุ่นถูกเพื่อนต่างโรงเรียนล้อเลียนเป็นประจำ จนทำให้ชื่อโรงเรียนกลายเป็นเป็นเรื่องตลกไป… ในที่สุดนักเรียนและเหล่าศิษย์เก่า จึงตัดสินใจที่จะขอให้ทางโรงเรียนเปลี่ยนชื่อโรงเรียน โดยการล่ารายชื่อนักเรียนได้มากกว่า 4,000 คน จนทางโรงเรียนต้องออกมาประกาศว่า จะเปลี่ยนชื่อโรงเรียนภายในเดือนมีนาคม ปี 2018 แม้ว่าชื่อใหม่ของโรงเรียนยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ชื่อที่ได้รับการร่างไว้ในตอนนี้มีคำว่า “Haeparang” ซึ่งหมายถึง “คลื่นทะเล” โดยหวังจะลบล้างชื่อเดิมของโรงเรียนที่สร้างความน่าอับอายให้นักเรียนและบุคลากรได้ แล้วเพื่อนๆ ล่ะ เคยอับอายชื่อโรงเรียนจนอยากเปลี่ยนกันบ้างมั้ย? ที่มา channelnewsasia l koreaboo l Korea Times
-
รถหลายคันห้อยท้ายบนขอบสูง 15 เมตร หลังอาคารจอดรถพังลงมา จนต้องปิดไม่มีกำหนด…
ทุกวันนี้มีคนใช้รถส่วนตัวกันเป็นจำนวนมากจนที่จอดรถไม่เพียงพอ หลายๆ ที่จึงได้สร้างตึกไว้สำหรับจอดรถโดยเฉพาะ ซึ่งต้องมีความแข็งแรงและความปลอดภัยที่สูงมาก แต่เมื่อไม่นานนี้อาคารที่จอดรถของ National Car Parks (ผู้ให้บริการพื้นที่จอดรถส่วนตัวของประเทศอังกฤษ) ในเมืองนอตทิงแฮม เกิดพังลงมาส่วนหนึ่งในช่วงกลางคืน ส่งผลทำให้รถหลายคันที่จอดอยู่ภายในอาคารไหลมาติดอยู่บริเวณขอบ โดยส่วนท้ายของรถยื่นออกมาอยู่กลางอากาศบนความสูงกว่า 15 เมตร เช้าวันต่อมา ทางวิศกรได้เข้าไปประเมินสถานการณ์ และนำรถเหล่านั้นออกจากสถานการณ์สุดหวาดเสียว และประกาศปิดที่จอดรถดังกล่าวอย่างไม่มีกำหนด ตำรวจนอตทิงแฮมกล่าวไว้ว่า “ในขณะที่วิศวกรโครงสร้างกำลังประเมินสถานการณ์ เราจำเป็นต้องปิดถนนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วย เพื่อความปลอดภัยของทุกคน” Maureen Black วัย 74 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า “ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ถ้ามีคนอยู่ในรถที่จอดอยู่บนนั้น พวกเขาอาจจะได้รับอันตายถึงชีิวิต” ต่อมาทาง NCP ได้ออกมายืนยันว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มียานพาหนะที่ได้รับความเสียหาย ในขณะที่โฆษกของผู้ให้บริการที่จอดรถได้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์นี้ว่า.. “เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงกลางคืนกับอาคารที่จอดรถในเมืองนอตทิงแฮมของเรา ซึ่งส่วนด้านหน้าของอาคารได้พังลงมาจนปิดกั้นทางเข้าออกของอาคารที่จอดรถ” “ขณะนี้ทางศูนย์ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานร่วมกับ NCP ในการปรับปรุงอาคาร โดยจะปิดไปจนกว่ามันจะสามารถเปิดบริการได้อีกครั้ง” พวกเขายังบอกอีกว่า “เราต้องขออภัยลูกค้าทุกคนในความไม่สะดวกนี้ เราจะทำการปรับปรุงเพื่อความปลอดภัยของทุกคน และจะเปิดบริการอีกครั้งเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว” เจ้าหน้าที่ NCP กำลังกู้รถให้ออกมาจากขอบอาคาร เพื่อนำไปไว้ยังที่ปลอดภัย เจ้าหน้าที่ต้องปิดทางเข้าออกและถนนในบริเวณใกล้เคียง…
-
นักเรียนป.4 ชาวจีน เขียนเรียงความหัวใจอันแตกสลาย ถูกครูทำร้ายนานนับปี จนเก็บไปฝัน
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2560 เว็บไซต์ต่างประเทศได้เปิดเผยเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจของนักเรียนชั้นประถมปีที่ 4 รายหนึ่งในเมืองส่านซี ประเทศจีน ที่ได้ออกมาระบายถึงประสบการณ์ความเจ็บปวดที่ได้รับจากคุณครูในโรงเรียน และภายหลังจากที่เรื่องราวของหนูน้อยรายนี้ ได้ถูกนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ของจีน ก็ได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง และได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก จากการรายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้คุณแม่ของหนูน้อยรายดังกล่าว ได้พบกับเรียงความฉบับหนึ่งที่ลูกสาวของเธอได้เขียนระบายถึงความเจ็บปวดที่เธอได้รับในห้องเรียน โดยในเรียงความที่เธอเขียน เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่สะเทือนหัวใจคนเป็นแม่อย่างมาก เพราะเธอนั้นมักจะถูกคุณครูดุด่า และทำโทษ แม้จะเป็นความผิดพลาดเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการให้อภัยจากคุณครูเลย… และนี่คือข้อความส่วนหนึ่งที่เธอได้เขียนระบายออกมา… “เป็นเวลา 4 ปีแล้วที่หนูเรียนกับครู หนูจำได้ว่าครั้งแรกที่ถูกครูตี เป็นวันที่ 5 ของวันแรกที่เปิดเรียน คุณครูขว้างหนังสือใส่หน้าหนู และทำหน้าตาดุใส่หนู และตั้งแต่นั้นมาก็ทำให้หนูรู้สึกกลัวครูมาก หนูพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเป็นเด็กดีในสายตาของครู แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ใจคิด หนูมักจะถูกคุณครูดุด่าอยู่เสมอ ทั้งๆ ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าหนูทำผิดอะไร หนูมักจะฝันว่าถูกคุณครูทำร้าย หัวใจของหนูกำลังสั่นสะเทือน น้ำตากำลังไหล และมือสั่น ทำไมโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ทำไมหนูถึงต้องแบกรับกับความเจ็บปวดมากมายเหลือเกิน” สำหรับเรียงความระบายความในใจนี้ ถูกค้นพบในวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา…
-
แหวกแนวได้อีก “ซุปเปอร์ชีสเบอร์เกอร์” จากเมืองโตเกียว ใช้ชีสโปะข้างนอกแทนขนมปัง!?
เบอร์เกอร์ชีสทั่วไปที่เราคุ้นตากันเป็นอย่างดี จะต้องมีชีสอยู่ข้างในแล้วประกบด้วยขนมปังด้านนอก แต่สำหรับเบอร์เกอร์ชีสแนวใหม่ที่เมืองโตเกียวนั้น กลับให้ขนมปังอยู่ข้างในแล้วให้ชีสเยิ้มๆ อยู่ด้านนอกแทน!? ภายใต้แบรนด์แฟชั่น Journal Standard ของประเทศญี่ปุ่น มีร้านที่ชื่อว่า J.S. Burgers Cafe ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องเบอร์เกอร์สุดแหวกแนวเช่น Ghostbusters Burger เบอร์เกอร์สีดำและสีขาว ที่ทำมาเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีของภาพยนตร์บริษัทกำจัดผีนั่นเอง และตอนนี้ J.S. Burgers Cafe ก็ได้เรียกกระแสความสนใจในโซเชียลอีกครั้ง กับเมนูเบอร์เกอร์ชีสที่เรียกว่า Super Cheese Burger ฟังแค่ชื่อก็น่าโดนแล้ว!! Super Cheese Burger ใช้ชีส 2 ชนิด คือ เชดดาร์และกามองแบร์ แต่แทนที่ชีสทั้งสองชนิดจะถูกวางเป็นชั้นๆ ประกบภายในขนมปัง พวกเขากลับผสมให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วปล่อยให้มันเยิ้มลงบนขนมปังแทน ทั้งนี้เกิดจากความพยายามที่ต้องการทำให้ให้ลูกค้าได้ลิ้มรสชีส 2 ชนิดที่แตกต่างกัน โดยการวางชีสชิ้นหนาๆ ไว้บนและใต้ขนมปังที่ประกบกัน เบอร์เกอร์ชีสนี้ได้เปิดตัวเมื่อช่วงวันที่ 14 สิงหาคม ในร้าน J.S. Burger Cafe สาขาชินจุกุ ในเมืองโตเกียว แล้วเชื่อมั้ยว่ามันหมดภายในวันเดียวเลย!? …
-
อีกขั้นของงานแกะสลัก เปลี่ยนโฉมแตงโมให้เป็น “โคมไฟ 4 ชั้น” สุดอลังการงานสร้าง!!
แตงโมเป็นผลไม้ที่มักจะถูกนำมาแกะสลักให้มีลวดลาย เปลี่ยนเป็นรูปทรงต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ อย่างล่าสุดได้มีการแกะสลักแตงโมให้เป็นโคมไฟที่ซับซ้อน และสวยงามแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน งานแกะสลักนี้เป็นผลงานจากประเทศจีน ดูจากภายนอกแล้ว มันอาจจะดูเหมือนการแกะสลักแตงโมธรรมดาชิ้นหนึ่ง แต่เมื่อลองดึงสายที่คล้องส่วนบนของแตงโม คุณจะเห็นรายละเอียด ความซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ภายในงานชิ้นนี้!! งานแกะสลักแตงโมดังกล่าวถูกแกะสลักให้เป็นโคมไฟที่แบ่งเป็นชั้นๆ ได้ถึง 4 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นได้มีการตกแต่งลวดลายที่สวยงามลงตัว แสดงให้เห็นว่าคนแกะต้องมีความละเอียดและความประณีตสูงมาก แม้ช่วงต่อของแต่ละชั้นจะมีเพียงแค่ชิ้นเปลือกแตงโมบางๆ แต่เมื่อยกขึ้นจากพื้น มันก็สามารถรับน้ำหนักทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ โดยไม่มีส่วนไหนขาดเลย… ถึงแม้จะมีเพียงแค่ตัวโครงโคมไฟแตงโมที่ไร้แสงไฟ แต่ถ้าใส่เข้าหลอดไฟเข้าไปเมื่อไหร่ละก็ คุณจะต้องได้เห็นความงดงามที่มากขึ้นอีกขั้นแน่ๆ งานละเอียดปลีกย่อยขนาดนี้ ต้องยกนิ้วให้ไปเลย!! ที่มา mymodernmet
-
พบขวดไวน์ที่ ‘เก่าแก่’ ที่สุดในโลกในสุสานชาวโรมัน บ่มไว้นานจนป่านนี้ก็ยังไม่เคยเปิด!?
หลายคนอาจจะเคยได้ยินวลียอดฮิตออย่าง “ไวน์ ยิ่งบ่มนานยิ่งรสชาติดี” กันมาบ้างแน่ๆ และคอไวน์หลายๆ คนก็คงอยากจะสรรค์หาไวน์อายุเก่าแก่และรสชาติดีมาลิ้มลองกันบ้าง ถ้าอย่างนั้นขอเชิญพบกับไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกขวดนี้ได้เลย!! ไวน์ขวดที่ว่านี้ถูกค้นพบที่สุสานโรมันแห่งหนึ่ง ใกล้ๆ กับเมือง Speyer ประเทศเยอรมนี ซึ่งการค้นพบครั้งนี้ได้ทำให้มันกลายเป็นขวดไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกไปในทันที โดยชื่อเต็มๆ ของเจ้าไวน์ขวดนี้ก็คือ The Speyer Wine นั่นเอง และนี่คือไวน์ขวดที่ว่านี้!! เป็นไงล่ะ เก่าได้ใจมั้ย!? ขวดไวน์เก่าแก่นี้ถูกค้นพบเมื่อปี 1867 ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการบรรจุไวน์ที่ผลิตในพื้นที่หมู่บ้านเก่าแก่ของเมือง Rhineland-Palatine ประเทศเยอรมนี โดยไวน์ที่ถูกบรรจุอยู่ภายในนั้น อาจจะมีการผลิตขึ้นเมื่อประมาณคริสต์ศักราชที่ 325 ถึง 359 และมันก็ถูกขุดพบระหว่างการสำรวจสุสานของชาวโรมันจากศตวรรษที่ 4 ลักษณะทั่วไปของขวดนั้นเป็นแก้วสีเขียวขุ่นขนาด 1.5 ลิตร คล้ายกับภาชนะโบราณ และนอกจากนี้ยังมีหูจับเล็กๆ รูปโลมาอยู่ตรงบริเวณคอขวด มีการคาดการณ์กันว่าปริมาณของแอลกอฮอลที่อยู่ภายในขวดนั้นอาจจะลดลง แต่อย่างไรก็ตามส่วนผสมหลักของมันก็ยังคงเรียกว่าไวน์อยู่ดี ถึงแม้จะมีความพยายามศึกษาถึงรายละเอียดของแก้วและส่วนผสมของไวน์ในขวด แต่ก็ไวน์ขวดดังกล่าวก็ยังไม่ถูกเปิดออกเพราะเกรงว่าสิ่งแวดล้อมภายนอก อาจจะทำให้ส่วนผสมและไวน์ที่อยู่ภายในเสียหายได้ และตอนนี้มันถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีด้วยการปิดผนึกปากขวดด้วยขี้ผึ้งและน้ำมันมะกอกไว้ในพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ของเมือง Speyer เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยากรู้เหลือเกินว่าตอนเปิดขวดครั้งแรก กลิ่นจะเป็นยังไงหว่า? ที่มา abandonedspaces
-
ใส่ใจสุดๆ เมื่อ ‘แก๊งไก่ในสกอตแลนด์’ ต้องสวมเสื้อสะท้อนแสง หวังลดปัญหาอุบัติเหตุ
นับว่าเป็นอีกเรื่องราวน่ารักๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้เหล่าแก๊งไก่ทั้งหลายต้องเผชิญปัญหาอุบัติเหตุระหว่างข้ามถนน ด้วยเหตุนี้เอง ทางเจ้าหน้าที่จากบ้านพักตากอากาศ Glenshieling House ในเมือง Blairgowrie ประเทศสกอตแลนด์ จึงได้ริเริ่มทำเสื้อสะท้อนแสงให้พวกมันสวมซะเลย ทีนี้ล่ะจะได้ไปผจญภัยแบบไม่เป็นปัญหาซักที ดูน่ารักมั้ยล่ะ กระต๊ากๆๆ Louise Lennox เจ้าของบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ ได้อธิบายว่า ก่อนหน้านี้เคยมีแม่ไก่ของเขาประสบปัญหาออกไปเดินเล่นแล้วถูกรถชนจนเสียชีวิต ซึ่งเขาก็มองว่ามันเป็นความผิดของเขาเองด้วย ที่ไม่มีสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายอะไรบอกให้ผู้ใช้ถนนระมัดระวังเหล่าแม่ไก่เหล่านี้ และเจ้าตัวก็คิดขึ้นมาได้ว่า.. เขาสามารถทำเสื้อสะท้อนแสงให้เหล่าแก๊งไก่ได้นี่หว่า อ้างอิงจากสำนักข่าว STV News ที่บ้านพักแห่งนี้มีแม่ไก่ทั้งหมด 14 ตัว และทุกๆ วันพวกมันมักจะเดินเตร็ดเตร่ไปทั่ว ซึ่งทางเจ้าของก็ค่อนข้างมั่นใจว่าสีสะท้อนแสงของเสื้อที่ไก่สวม จะช่วยให้ผู้ใช้ถนนสังเกตเห็นพวกมันได้ง่ายขึ้น “ฉันคิดว่ามันคงเป็นภาพที่น่ารัก และก็ปลอดภัยสำหรับพวกมันด้วย เพราะบางทีพวกมันก็ซนกันเหลือเกิน” เจ้าของให้สัมภาษณ์ ลองไปชมคลิปวิดีโอน่ารักๆ จากเหล่าแม่ไก่กันเลยจ้า เป็นไอเดียที่ดีนะเนี่ย ปลอดภัยทั้งคนและไก่ เอาไปเลย 5 ดาวจ้า ที่มา: Metro
-
ภาพถ่ายวิถีชีวิตของคนยากไร้ ต้องอาศัยอยู่ใน ‘สลัมท่อคอนกรีต’ ตามท้องถนนในฟิลิปปินส์
ความหนาแน่นของประชากรในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนยากจนไร้ที่อยู่อาศัย ถึงขนาดที่บางครอบครัวต้องเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในท่อคอนกรีตเล็กๆ ที่อยู่ตามแนวถนน เว็บไซต์เดลีเมล์ ได้แสดงภาพของครอบครัวคนยากไร้ในเมืองหลวง ขณะกำลังนอนหลับในท่อคอนกรีตที่เต็มไปด้วยกองขยะบริเวณรอบๆ โดยมีตั้งแต่เด็กทารก ไปจนถึงผู้ใหญ่ ท่อคอนกรีตที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก และปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกนี้ คงไม่มีใครคิดว่าจะสามารถนำมาเป็นสถานที่อยู่อาศัยได้ แต่สำหรับคนยากจนในฟิลิปปินส์แล้ว นั่นคือที่อยู่อาศัยของพวกเขา บางคนพยายามที่จะสร้างความเป็นส่วนตัวด้วยการนำผ้ามาปิดบังท่อเอาไว้ ในหลายปีที่ผ่านมาฟิลิปปินส์ ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุด เนื่องจากทางรัฐบาลพยายามที่จะขึ้นค่าครองชีพกับประชาชน ซึ่งทำให้ผู้คนมากกว่า 100 ล้านคน ต้องเผชิญกับความยากลำบาก รวมทั้งความเสี่ยงที่จะเกิดพายุไต้ฝุ่นและภัยพิบัติจากธรรมชาติมากขึ้น . ฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นหลายครั้งต่อปี โดยในเดือนธันวาคม ปี 2016 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์พายุใต้ฝุ่นครั้งรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย นอกจากภัยพิบัติดังกล่าวจะทำให้ประชาชนเสียชีวิตแล้ว ยังทำลายที่อยู่อาศัยของผู้คนจนทำให้พวกเขากลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย จนต้องพากันมาตั้งถิ่นฐานอยู่ภายในท่อคอนกรีตเล็กๆ อย่างที่เห็น . . ในขณะที่หลายพื้นที่ในกรุงมะนิลากำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่หลายๆ คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เด็กๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน…
-
คุณพ่อเขียนป้าย “หยุดตัดหน้าม้าให้ม้าได้แล้วโว้ย” หลังมีผู้หวังดี แอบมาตัดให้มันเป็นประจำ…
การที่ม้ามีเส้นผมปรกหน้าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะนั่นเป็นธรรมชาติของมัน แต่หลายคนไม่เข้าใจ คิดว่าการที่ผมปรกหน้าจะทำให้ม้ามองเห็นไม่ชัด จึงช่วยตัดออกให้… เหมือนกับกรณีนี้ เมื่อสมาชิกเว็บไซต์ Reddit ที่ใช้ชื่อว่า btssmgss32412 โพสต์ภาพม้าที่ถูกตัดหน้าม้า จากฝีมือของผู้หวังดีที่อยากให้มันมองเห็นได้ชัดขึ้น เธอเขียนว่า “พ่อได้โทรหาฉันแล้วบอกว่ามีปัญหาเกิดขึ้นในคอกม้า เพราะมีคนแอบมาตัดผมให้ม้าของเขาที่อยู่ในคอก” ซึ่งหลายอาจคนอาจจะคิดว่า มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ!? นั่นอาจจะเป็นมุมมองของมนุษย์ แต่สำหรับม้าแล้วมันไม่ชอบนะ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เจ้าม้าตัวนี้ถูกตัดหน้าม้าเช่นนี้หลายครั้งมาก เพราะทุกครั้งที่หน้าม้าของมันกำลังจะยาวขึ้น ก็มีคนแอบเข้ามาตัดให้มันอีก!? ในที่สุดพ่อของเธอก็ทนไม่ไหว จึงได้เขียนป้ายติดหน้าคอกว่า… “ข้อร้อง หยุดตัดหน้าม้าให้เจ้า Ellen ได้แล้ว มันไม่ชอบ ม้าทุกตัวต้องมีผมปรกหน้า และมีผมยาวไปทางด้านหลังถึงหางของมัน ดังนั้นต่อไปนี้อย่าตัดหน้าม้าให้มันนะโว้ย” สำหรับใครที่สงสัยว่า ทำไมถึงมีคนแอบมาตัดหน้าม้าให้ได้แบบนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่าคอกม้าแห่งนี้คือศูนย์พักพิงช่วยเหลือม้า และมักจะมีม้าวนเวียนมาพักอยู่ที่นี่เสมอ รวมไปถึงอาสาสมัครคนอื่นๆ ที่มาช่วยกันทำงานด้วยนั่นเอง เป็นครั้งแรกก็รู้สึกสงสารน้องม้านะ ที่โดนตัดหน้าม้าจนคนรู้สึกรำคาญแทน แต่ดูหน้าของมันตอนนี้สิ อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ ใครกันนะช่างทำกับมันได้ลง… เอาเป็นว่าขอให้หน้าม้ายาวเร็วๆ นะน้องม้า ที่มา metro
-
พบกับ ‘Elsie Eiler’ หญิงที่รวยที่สุด ฉลาดที่สุด อายุน้อยที่สุด เพราะทั้งเมืองมีแค่คนเดียว…
ในเมืองที่เราอยู่จะมีคนแก่ที่สุด เด็กที่สุด รวยที่สุด หรือฉลาดที่สุด แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้เป็นที่สุดของทุกเรื่องในเมืองที่เธออยู่ Kevin Murphy จากสำนักข่าว Reuters รายงานว่า Elsie Eiler เป็นบุคคลที่น่านับถือมากที่สุดในเมือง Monowi และยังเป็นคนที่ฉลาดที่สุด รวยที่สุด ดูดีที่สุด อายุน้อยที่สุด และอายุมากที่สุดด้วย เรียกได้ว่าสุดแทบจะทุกเรื่องเลย!! เมือง Monowi ในรัฐ Nebraska ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกทิ้งให้เป็นเมืองรกร้าง และไม่มีใครอาศัยอยู่เลย นอกเสียจาก Eiler เพียงคนเดียวเท่านั้น โดยปัจจุบัน Eiler มีอายุ 77 ปีแล้ว เมือง Monowi ในปี 1908 เธอถูกพบว่าอยู่คนเดียวในเมืองนี้ เมื่อมีการสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ ประจำปี 2010 ซึ่งเป็นข้อมูลที่สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนเป็นจำนวนมากในเวลานั้น จริงๆ แล้ว ในการสำรวจสำมะโนครัวเมื่อปี 2000 พบกว่า เมือง Monowi มีคนอาศัยอยู่ 2 คน คือ Eiler และสามีของเธอ Rudy แต่เขาได้เสียชีวิตไปในปี 2004 Eiler…
-
18 ยอดอัจฉริยะ ที่ทำเรื่องง่ายๆ ให้กลายเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้นไปอีก เอ๊ะ… รึเพราะขี้เกียจ!?
เคยได้ยินมั้ย “ยิ่งขี้เกียจมากเท่าไหร่ยิ่งมีความอัจฉริยะมากเท่านั้น” มันอาจฟังดูตลกนะ แต่ลองสังเกตตัวเองหรือคนขี้เกียจรอบตัวสิ แล้วจะพบว่า เฮ้ย!! มันจริงแฮะ คือคนขี้เกียจเนี่ย เค้าจะไม่ชอบอะไรที่มันวุ่นวาย ซับซ้อน หรือยุ่งยาก แต่จะชอบทำอะไรง่ายๆ ดังนั้นสิ่งไหนที่พวกเขารู้สึกว่ามันยากไป พวกเขาจะทำให้มันเป็นเรื่องง่ายทันที หรือแม้แต่เรื่องที่ง่ายอยู่แล้ว คนขี้เกียจก็สามารถทำให้มันง่ายขึ้นได้อีก นี่มันเป็นความอัจฉริยะของคนขี้เกียจนี่หว่า!? 1. อยากนั่งดื่มเบียร์บนชายหาด แต่ขี้เกียจถือ เลยเอาที่ที่ปั๊มท่อมาเป็นที่วางซะเลย 2. นอกจากเป็นที่วางกระป๋องเบียร์แล้ว มันยังนำมาใช้เป็นราวจับบนรถไฟฟ้าได้ด้วย 3. ขี้เกียจคายเม็ดทิ้งที่อื่น ก็ทำช่องให้มันในแตงโมนี่แหละ (ล้ำลึกจริงๆ) 4. ผ้าปิดตาไม่ต้อง ใช้ผมยาวให้เป็นประโยชน์ 5. เมื่ออัจฉริยะขี้เกียจล้างแก้ว 6. อาบแดดยังไงให้ดื่มน้ำได้โดยไม่ต้องใช้มือ 7. นี่แหละ สุดยอดอัจฉริยะ… คิดได้ไง 8. เดี๋ยวน้ำมันกระเด็นใส่มือนะ 9. รองเท้าส้นสูงของคนชั้นเลิศ!! 10. ที่ปัดน้ำฝนพัง…
-
หมา 3 ตัวถูกทิ้ง ถึงตัวโตจะขาหักกระดูกแหลก ก็ยังคอยปกป้องน้องอีก 2 ไม่ห่างไปไหน!!
ในขณะที่คุณไปเที่ยวหรือเดินเล่นนอกบ้าน คุณเคยเจอสัตว์ที่น่าสงสารบ้างไหม แล้วถ้าคุณบังเอิญไปเจอแล้วพบว่ามันป่วยคุณจะทำอย่างไร จะช่วยเหลือมันหรือเปล่า หรือปล่อยผ่านไปไม่สนใจเลย ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Chrissy Beckles และเพื่อนของเธอกำลังเดินเล่นอยู่ที่ชายหาดใน Puerto Rico และสะดุดตาเข้ากับบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวในกองขยะ และพอเดินเข้าไปดูก็พบว่าสิ่งนั้นคือลูกหมาจำนวน 3 ตัว Beckles ประธานและผู้ก่อตั้งโครงการ The Sato เป็นโครงการช่วยเหลือสัตว์ในเมืองเปอร์โตริโกได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันได้พบพวกเขากำลังนั่งอยู่ในกองขยะ ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหารและอากาศก็ร้อนมากอีกด้วย” สุนัขทั้งสามตัวที่ได้ไปเจอนั้น สองตัวแรกอาจจะเป็นพี่น้องกัน แต่มีอีกตัวที่ต่างกันไปชื่อว่า Maximus เพราะว่ามันตัวโตที่สุด Beckles กล่าวว่า “ผมคิดว่ามันอาจถูกทิ้งในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน แต่เจ้า Maximus ทำตัวเป็นพี่ชายคอยปกป้องน้องๆทั้งสอง” แต่พอ Beckles สังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติก็พบว่าเจ้า Maximus ได้รับบาดเจ็บที่ขาหลังของมันอย่างรุนแรง หลังจากที่ลองให้มันยืนดูก็เห็นว่ามันเดินขาเป๋และมันดูเจ็บปวดมากๆ แต่มันไม่แสดงการนั้นออกมาให้เห็นเลย มันดูเป็นห่วงเจ้าหมาน้อยสองตัวนั่นมากกว่า หลังจากนั้นเขาก็รีบพาเจ้า Maximus และหมาน้อยอีก 2 ตัวไปพบสัตวแพทย์ทันทีเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของมัน หลังจากการเอ็กเรย์ดูแล้วก็พบว่าขาหลังของมันทั้งสองข้างหักและกระดูกก็แหลก ซึ่งยากต่อการรักษามากๆ พวกเขาคาดว่ามันอาจจะถูกรถชนแล้วโดนล้อทับอีกที …
-
หญิงสาวผู้ไม่มีช่องคลอด กับการผ่าตัดเปลี่ยนชีวิต เติมเต็มฝันที่จะมี “เซ็กส์” และ “ลูกน้อย”
Kaylee Moats อายุ 22 ปี จาก เมือง Gilbert รัฐ Arizona สหรัฐอเมริกา เกิดมาพร้อมกับอาการ “Mayer Rokitansky Küster Hauser syndrome” หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า ภาวะไม่มีการสร้างของระบบท่อมุลเลอเรียน ภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากการพัฒนาที่ผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ ซึ่งหมายความว่าเธอไม่มีมดลูกหรือช่องคลอด อาการที่ผู้หญิงเกิดมาไม่มีช่องคลอด สามารถพบได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึง 6 ปี เป็นอาการที่มีเยื่อพังผืดยึดติดกันระหว่างแคมทั้งสองข้าง และอาจจะหายได้เองเมื่อพวกเธอเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ Kaylee ค้นพบว่าตัวเองเป็นโรคนี้เมื่ออายุ 18 ปีหลังจากที่เข้าพบสูตินารีแพทย์ และหลังจากการอัลตราซาวด์พบว่าตัวเธอนั้นไม่มีช่องคลอด ซึ่งทำให้เธอเสียใจมากๆเพราะมันหมายความว่าเธอจะไม่สามารถมีลูกได้ “ฉันไม่เคยทราบเลยว่าช่องคลอดของฉันไม่เปิดจนกระทั่งได้รับการอัลตราซาวด์ มันทำให้ฉันเสียใจมากๆ” เมื่อ Kaylee ได้พบรักกับ Robbie Limmer ในช่วงปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัย หลังจากที่คบหาดูใจกันมา 4 เดือน เรื่องนี้ก็กลายเป็นอุปสรรคในความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอ นั่นทำให้ Kaylee ต้องตัดสินใจรวบรวมความกล้าเพื่อบอกกับแฟนหนุ่มของเธอในเรื่องความผิดปกติในร่างกายของเธอ และกลัวว่าจะเป็นเหตุให้ทั้งสองต้องเลิกรา แต่ Robbie ไม่ได้เอาเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศมาเป็นเรื่องหลัก เขาเข้าใจความผิดปกติของร่างกายของแฟนสาวเขาดี และรอคอยที่จะได้มีเซ็กส์กับเธอจนกว่าจะแต่งงาน …
-
หญิงสาวถูกแฟนเก่าทิ้งไป เพราะรู้เธอตั้งท้อง แต่แล้วก็ได้พบรักแท้ที่ตามหา…
สำหรับผู้หญิง การได้รับการดูแลเอาใจใส่และได้พบกับชีวิตคู่ที่ดีคงจะเป็นหนึ่งในความสุขของพวกเธอ แต่ทว่าความโชคดีเหมือนเจ้าหญิงในนิยายแบบนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน เหมือนกับหญิงสาวชาวมาเลเซียคนนี้ Nicole Tee ต้องพบกับเรื่องราวอันสุดแสนเจ็บปวด เมื่อเธอถูกแฟนหนุ่มทิ้งไป หลังจากที่เขารู้ว่าเธอตั้งท้อง หญิงสาวต้องจมอยู่กับความเศร้าและเริ่มขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ทำให้ทุกอย่างกำลังแย่ลงไปเรื่อยๆ แต่หลังจากที่ต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดจากการถูกทิ้งและปัดความรับผิดชอบ ในที่สุด Nicole ก็ได้พบกับชายหนุ่ม Fang Sheng ทั้งคู่ก็เริ่มทำความรู้จักกัน จนในที่สุดแล้วเขาก็ได้เข้ามาช่วยพาเธอออกจากความเศร้านั้นได้ และถึงแม้ว่าเขาจะรู้เป็นอย่างดีว่าฝ่ายหญิงนั้นเคยผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจ พร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะดูแลเธอและลูกในท้องด้วย และแล้ววันหนึ่งก็มาถึง ชายหนุ่มมาหาเธอพร้อมกับช่อดอกไม้และบอกความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีให้กับเธอ แต่ทางฝ่ายหญิงกลับปฏิเสธและบอกว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงยืนยันความรู้สึกของเขาที่มี และให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ จนในที่สุดฝ่ายหญิงก็ใจอ่อนและตอบตกลงคบหากับเขา Nicole เคยมีความกังวลเกี่ยวกับแฟนหนุ่มคนใหม่ของเธอ ว่าเขาจะพร้อมที่จะดูแลเจ้าตัวเล็กและเธอไปตลอดหรือไม่ แต่เธอก็ได้รับคำตอบจากฝ่ายชายว่า… “ถึงแม้เจ้าตัวเล็กจะไม่ใช่ลูกของผม แต่ตั้งแต่ผมเลือกคบกับคุณผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นทั้งสามีที่ดีและพ่อของเขา” ชายหนุ่มเลือกอาหารที่มีประโยชน์ และดูแลแฟนสาวกับลูกของเธอเป็นอย่างดี และแล้วท้องของ Nicole ก็เริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ วันที่เจ้าตัวเล็กจะลืมตาออกมาดูโลกนั้นใกล้เข้ามาทุกที เมื่อท้องเริ่มโต หญิงสาวก็เริ่มเดินไปไหนมาไหนลำบาก แต่ชายหนุ่มก็ยังคงอยู่ข้างเธอตลอดเวลา เขาช่วยนวดและพาเธอเข้าห้องน้ำ คอยดูแลเธอไม่ให้ห่าง …
-
Korowai ชนเผ่าลึกลับในอินโดนีเซีย กับหลักฐานภาพถ่าย ที่ยืนยันการมีตัวตนอยู่บนโลก…
ทุกวันนี้ โลกของเราได้ก้าวหน้าไปมาก เนื่องด้วยมีเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีบทบาทในชีวิตมนุษย์มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะไหลตามไปกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพราะยังคงมีการปรากฏตัวของชนเผ่าโบราณ ที่ยังคงปฏิบัติตามธรรมเนียมของบรรพบุรุษ และรักษาตัวตนฉบับดั้งเดิมของพวกเขาเอาไว้ แม้ว่าโลกใบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาแล้วก็ตาม ในขณะที่เรากำลังจมอยู่กับกิจวัตรประจำวันของชีวิตที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ความโกลาหน และความวุ่นวาย หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่า มีชนเผ่าแห่งหนึ่งที่แทบจะไม่รู้จักโลกภายนอก อาศัยอยู่ร่วมกับเราบนโลกใบนี้ด้วย เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ทางเว็บไซต์ Labible ได้เปิดเผยภาพถ่ายของ Korowai ชนเผ่าลึกลับจากประเทศอินโดนีเซีย ที่เพิ่งจะได้รับการยืนยันว่าพวกเขามีตัวตนอยู่จริงๆ สำหรับชาว Korowai หรือที่เรียกว่า Kolufo เป็นชนเผ่าที่มีสมาชิกอยู่ทั้งหมดประมาณ 3,000 คน พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านต้นไม้ขนาดยักษ์บนเกาะนิวกินีฝั่งตะวันตก ในประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ทางด้านนักมานุษยวิทยายังได้ออกมาชี้ว่า ชนเผ่าดังกล่าวอาจไม่รู้เลยว่านอกเหนือจากพวกเขาแล้ว จะมีคนอื่นๆ อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ด้วย จนกระทั่งพวกเขาก็ได้รับการติดต่อจากบุคคลภายนอกในช่วงปี 1970 จากการรายงานระบุว่า ชนเผ่า Korowai เป็นชนเผ่านักล่าสัตว์ ที่มีทักษะในการล่าสัตว์และการตกปลาที่ดีเยี่ยม นอกเหนือจากนี้ พวกเขายังปลูกผักไว้ทานเองอีกด้วย อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานปรากฏให้เห็นว่า Peter…
-
“Frillback” นกพิราบพันธุ์แฟนซี มีเอกลักษณ์เป็นขนฟูหยิกหยอย ดูโดดเด่นยิ่งกว่าใคร…
“นก” เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ ซึ่งในแต่ละสายพันธุ์นั้นก็จะมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และมีความแปลกที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น นกพิราบสายพันธุ์ Frillback ก็มีลักษณะที่โดดเด่นไม่เหมือนสายพันธุ์อื่นๆ เช่นกัน เนื่องจากขนที่บริเวณลำตัวของมันที่ลักษณะหยิกหยอยแบบนี้… สำหรับ Frillback เป็นสายพันธุ์นกพิราบแฟนซี ที่นอกจากจะมีความแปลกตาแล้ว ก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีนกสายพันธุ์ไหนเหมือนกับมันเลย โดยเจ้านกสายพันธุ์นี้ได้เริ่มเป็นที่รู้จักในช่วงศตวรรษที่ 18 Frillbacks ถือเป็นสายพันธุ์นกพิราบที่มีขนาดใหญ่กว่านกพิราบพันธุ์อื่นๆ อีกทั้งยังเป็นนกพันธุ์โบราณที่ได้รับการพัฒนาในการคัดเลือกสายพันธุ์มาเป็นเวลานานหลายปี โดยชื่อของเจ้า Frillbacks จะเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของขนที่มีความแปลกตา เพราะมันมีความหยิกหยอยและคดงอ ถูกฉลุให้เป็นลวดลายสวยงาม นอกจากเส้นขนที่หยิกแล้ว นกชนิดนี้ยังมีปีก และหางที่ยาว มีดวงตาสีส้มแดง แต่บางสายพันธุ์ย่อยก็มีตาสีดำ หรือสีฟ้า ถ้าจะบอกว่ามันเป็นหนึ่งในนกพิราบที่แปลกที่สุดในโลกก็คงไม่ผิด ก็ดูสิ…ขนของมันมีความเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่น่าจะมีใครเหมือนอีกแล้วล่ะ… ที่มา : wikipedia
-
Violet Jessop พยาบาลสาวดวงแข็ง ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่ม ได้ถึง 3 ครั้ง 3 ครา!?
ความโชคดีที่เราได้เจอในนการใช้ชีวิตนั้นคุณเคยรู้สึกอย่างนั้นกันมากี่ครั้งแล้ว ? แต่สำหรับเรื่องราวของเธอคนนี้นั้นเธอมีความโชคดีที่สูงมาก มากซะจนทำให้เธอรอดตายจากอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นถึง 3 ครั้งเลยทีเดียว หากคุณกำลังคิดว่าอุบัติเหตุนั้นมันจะใหญ่สักแค่ไหน บอกได้ว่ามี 1 เหตุการณ์ที่ดังกระฉ่อนไปทั่วโลกด้วย แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องนั้น เราลองมาทำความรู้จักกับหญิงสาวที่มีชื่อว่า Violet Jessop กันเสียก่อน Violet Jessop เกิดในปี 1887 ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งเกิดมาเธอก็ได้ท้าทายความตายเป็นครั้งแรกกับการที่เธอป่วยเป็นวัณโรค แต่ถึงแม้ว่าแพทย์จะคิดว่าคงไม่สามารถช่วยเธอไว้ได้ แต่สุดท้ายเธอก็รอดมาใช้ชีวิดได้ตามปกติ หลังจากที่พ่อเธอเสียชีวิตตอนที่เธออายุได้ 16 ปี เธอและครอบครัวก็ได้ย้ายไปอยู่ประเทศอังกฤษ เธอต้องเรียนและดูแลน้องไปด้วยเพราะแม่ของเธอได้ขึ้นไปทำงานบนเรือ จึงทำให้มีเวลาอยู่ด้วยกันได้น้อยเพราะต้องเดินทางตลอด จนเมื่อแม่เธอป่วยจึงต้องออกโรงเรียนมาทำงานบนเรือแทนแม่ ซึ่งในตอนนั้นเธออยู่บริษัท Royal Mail Steam Packet และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้แต่งตัวดีๆ แต่งหน้าแต่งตา แต่เธอก็ได้รับการขอแต่งงานถึง 3 ครั้งในตอนที่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่บนเรือ แม้ว่าจะสนุกกับงานที่ทำแต่ด้วยเงินเดือนอันน้อยนิด เธอก็ได้ย้ายไปทำให้กับบริษัท White Star Line ในปี 1910 และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความโชคดีที่ทำให้เธอรอดตายมาได้ถึง 3 ครั้งจากการทำงานในบริษัทนี้ ภาพความเสียหายของเรือ Olympic…
-
เด็กสาวมาทำงานสาย ถูกเจ้านายบังคับให้ลุกนั่ง 100 ครั้ง จนเป็นเหตุทำให้เธอถึงขั้นเสียชีวิต…
การโดนลงโทษนั้นเราคงจะได้เจอกันมาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน เพราะไม่ว่าในสังคมไหนก็จะมีทั้งนั้น ตั้งแต่สังคมครอบครัว สังคมการเรียน แม้แต่สังคมการทำงานเองก็เช่นเดียวกัน ซึ่งในแต่ละที่นั้นก็จะมีวิธีการจัดการที่แตกต่างกันออกไป และบางทีอาจตามมาด้วยผลลัพธ์ที่ไม่ดีซักเท่าไหร่นัก… อย่างการลงโทษที่เกินกว่าเหตุที่เกิดขึ้นในประเทศจีนครั้งนี้ ตามรายงานกล่าวว่ามีเด็กผู้หญิงชื่อ Wu อายุ 15 ปีได้ใช้บัตรประชาชนของเพื่อน สมัครงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งในมณฑลกวางตุ้ง เพื่อหาเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับพ่อ แต่แล้ววันหนึ่งเธอไปทำงานสาย ก็ถูกเจ้านายลงโทษด้วยการให้เธอลุกนั่ง 100 ครั้ง แต่ว่าแม่ของเธอได้บอกกับนักข่าวว่าลูกสาวของเธอพยายามทำได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ แต่ก็ถูกบังคับให้ทำต่อไปเรื่อยๆ นั่นทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาตและอาจเจียนออกมาหลังจากที่โดนลงโทษ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตลงเพราะระบบทางเดินหายใจล้มเหลวในวันที่ 7 สิงหาคม 2017 ผู้จัดการของเธอในสาขาเมืองจงซานไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ในขณะที่ผู้จัดการของบริษัทได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทางรายการทีวีไว้ว่า สิ่งที่เด็กสาวคนนี้ต้องเจอนั้นไม่ใช่การลงโทษ แต่ยอมรับว่ามันคือการถูกบังคับให้ลุกนั่งในจำนวนที่มากจนเกินไป… อย่างไรก็ตามทางบริษัทก็ออกมาแจ้งว่าพวกเขาไม่มีข้อมูลของหัวหน้างานต่างๆ ว่าจัดการกับการมาสายกันอย่างไร และสำหรับเหตุการณ์นี้จึงทำให้ทนายความ Ben Norman ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายการจ้างงานของอังกฤษ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีการลงโทษทางกายแบบทหารนั้น เป็นสิ่งยอมรับไม่ได้ภายในสถานที่ทำงาน ในกรณีดังกล่าวนั้นหากว่าเด็กสาวคนนี้ต้องลุกนั่งเพราะเรื่องของเพศ อายุ หรือความผิดปกติของร่างกายที่หัวหน้างานสามารถแยกแยะได้นั่นถือว่าเป็นการได้รับความเสียหายบางส่วน แต่มันก็สร้างความรู้สึกแย่ได้มากเพียงพอแล้ว แต่หากว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นพนักงานแค่ถูกเลือกไป ก็อาจแสดงให้เห็นถึงว่าเธอนั้นไม่สามารถทำงานที่นี่ต่อไปได้ และตามมาด้วยการลาออก หรือแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสมควรถูกไล่ออกหากว่าได้มีการว่าจ้างในระยะเวลาที่เพียงพอแล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่กฎหมายก็ยังคงมีขึ้นเพื่อช่วยเหลือกับทั้งสองฝ่าย…
-
ญี่ปุ่นเพิ่มบทบาทหุ่นยนต์ “สามารถจ้างไปสวดศพได้” เพื่อความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย
ทุกวันนี้เทคโนโลยีไปพัฒนาไปมากจนบางทีเราก็ตามไม่ทัน หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเคยทำด้วยตัวเอง ในปัจจุบันวันนี้เดี๋ยวนี้ ก็มีเครื่องมืออัตโนมัติหรือหุ่นยนต์มาทำหน้าที่เหล่านั้นแล้ว… แม้แต่การประกอบพิธีทางศาสนายังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูง อย่างเช่นเจ้าหุ่นยนต์ Pepper ที่ถูกผลิตขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้สวดในงานศพด้วยเช่นกัน!? หุ่นยนต์ตัวนี้มีความสูง 1.2 เมตร หัวกลมสีขาวถูกนำไปใช้ในทั้งในงานธนาคาร ร้านซูชิ บ้านพักคนชรา และล่าสุดถูกนำมาใช้งานแทนพระในประเทศญี่ปุ่นแล้ว Nissei Eco Co. บริษัทจากจังหวัดคานากาว่าได้นำเสนอ Pepper ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหุ่นยนต์ตัวแรกของโลกที่สามารถสื่ออารมณ์ได้ และให้มากยิ่งกว่าด้วยความสามารถในการสวดมนต์!! พวกเขาทำการติดตั้งโปรแกรมให้กับ Pepper สามารถสวดคำสวดของนิกายต่างๆ ได้ 4 นิกาย ที่เป็นนิกายทางพุทธศาสนาที่สำคัญของญี่ปุ่น ทั้งนี้ทางบริษัทจะคิดค่าบริการประมาณ 15,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าการนิมนต์พระสงฆ์จริงๆ มาทำพิธี… หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นราคาที่แพง แต่สำหรับการจัดงานศพในญี่ปุ่นนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายแสนเลยทีเดียว ไหนจะต้องซื้อแปลงฝังศพอีก Nissei Eco กล่าวว่าหุ่นยนต์ที่ผลิตขึ้นโดย SoftBank Robotics บริษัทย่อยทางด้านการโทรคมนาคมและการสื่อสารนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่ต้องการปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่เปลี่ยนไป ดังนั้นการผลิตหุ่นยนต์สวดศพจะทำให้ศาสนิกชนมีทางเลือกมากขึ้นในการจัดงานศพ ทั้งมีความสะดวกรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น เหมาะกับวิถีชีวิตของคนปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งทางโฆษก SoftBank กล่าวว่า ปัจจุบันมีหุ่นยนต์ Pepper ประมาณ…
-
‘มินิฮัลค์’ นักเพาะกายร่างแคระ ผู้มีความแข็งแกร่งเกินตัว ต่อให้หนักหนาแค่ไหนก็เอาอยู่!!
การเกิดมามีร่างกายที่ต่างไปจากคนอื่น ไม่ได้แปลว่าคุณจะมีความสามารถน้อยหรือด้อยกว่า แต่คุณสามารถทำทุกอย่างและประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้คนอื่นๆ เลย อย่างเช่น Vince Brasco ที่แม้จะเกิดมาเป็นคนแคระ แต่เขาได้พิสูจน์ให้เห็นว่าแม้ตัวจะเล็กกว่า แต่ก็มีความแข็งแรงมากกว่าใครหลายๆ คนซะอีก ลักษณะความแคระของ Brasco นั้นถูกเรียกว่า Achondroplasia แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ไปเป็นอุปสรรคในชีวิตเลย เขาก้าวข้ามมันไปจนประสบความสำเร็จในการเป็นนักเพาะกายมืออาชีพ Brasco สูงเพียง 121 เซนติเมตรเท่านั้น แต่เขาสามารถเล่นกล้ามอกด้วยท่า Bench Press หนักกว่า 100 กิโลกรัม และขนาดน้ำหนักที่มากกว่านั้นก็ยังทำได้เช่นกัน!! เขามักจะโชว์ความสามารถที่โดดเด่น และยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มความแข็งแรงให้มากขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญความสามารถของเขาสร้างความประทับใจให้ผู้คนทั่วประเทศจนได้รับฉายาว่า Mini-Hulk Brasco เป็นคนสนใจการออกกำลังกายมาตั้งแต่เด็ก จนเมื่อโตขึ้นเขามักจะมีคำพูดที่สร้างแรงบันดาลให้ผู้คน ทำให้มีคนติดตามเขาเป็นจำนวนมาก ทุกครั้งเขาลงรูปในอินสตาแกรม เขาจะมีคำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายเสมอ ส่วนเพื่อนที่อยากติดตาม Mini-Hulk สามารถฟอลโล่วได้ที่อินสตาแกรม officialminihulk นะคะ . . . . . . .…
-
สุดยอดคุณพ่อ ทุ่มเทเนรมิตห้องนอน “โลกแห่งเทพนิยาย” ให้ลูกสาว ด้วยสองมือและหนึ่งแรงใจ
ตอนเราเป็นเด็กเราก็คงอยากจะมีห้องนอนในฝันที่ทำให้เรามีความสุขทุกครั้งเวลาได้เข้าไปเล่น หรือนอนหลับฝันดีอยู่ในนั้นที่ในบางทีความต้องการบางครั้งก็อาจเกินจริงไปหน่อย แต่รับรองว่ามันจะไม่เกินความสามารถของคุณพ่อท่านนี้แน่นอน เมื่อผู้ใช้ Imgur ที่ใช้ชื่อว่า Radamshome ได้มีการโพสต์ถึงรายละเอียดขั้นตอนที่ตัวเองนั้นได้สรรค์สร้างห้องนอนในฝันแนวการ์ตูนแฟนตาซีให้กับลูกสาวที่น่ารัก เราลองมาดูขั้นตอนกว่าจะมาเป็นห้องนอนอันแสนวิเศษนี้จากฝีมือยอดคุณพ่อท่านนี้กัน สภาพของห้องนอน ก่อนที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลง “ผมทำงานในบริษัทเกมส์ และไม่ค่อยได้ร่างภาพในกระดาษมากนัก” โมเดลสัดส่วนอยู่ที่ 1:12 พื้นที่ทำงานและอุปกรณ์พร้อมจะลุยงานกันแล้ว วาดพื้นที่เงาเพื่อช่วยให้ง่ายเวลาติดโน่นวางนี่ มาเริ่มขึ้นโครงเหล็กให้กับต้นไม้ของเจ้าภูติน้อยกัน กิ่งก้านแผ่ขยายไปตามเพดานห้อง เมื่อมีโครงก็ต้องทำใยพื้นผิวเพิ่มกันต่อ . หัวหน้าใหญ่ลงมาสำรวจซะหน่อย ว่าไปถึงไหนแล้ว ติดหลอดไฟให้กับหน้าต่างเหล่าภูติจิ๋ว เสริมความแข็งแรงด้วยคอนกรีต คราวนี้ก็พร้อมสำหรับการลงสีแล้ว เริ่มจากโทนมืดแล้วค่อยไล่ไปโทนสว่าง . ถ้านกมันเห็นคงบินมาทำรังกันเต็มไปหมด ภาพที่วางไว้ให้กำลังใจในยามยาก นอกจากต้นไม้แล้วก็ต้องลงสีพื้นหลังซะหน่อย เห็นเป็นรูปเป็นร่างจริงๆ เข้าแล้ว นอกจากจะปูพื้นไม้ทั่วห้องแล้ว ก็ต้องเผื่อที่ให้กับพรมสำหรับให้นั่งสบายๆ การลงสีให้กับหน้าต่างบ้านต้นไม้จากกระดาษแข็ง…
-
ฮอกไกโดประสบปัญหา “กัญชาล้นป่า” เจ้าหน้าที่กลุ้มใจ กำจัดยังไงก็ไม่หมดไปเสียที…
กัญชาสมุนไพรที่หลายคนรู้จักกันในฐานะสารเสพติดชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายในบ้านเรา จึงทำให้เราคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นต้นของมันได้ง่ายๆ แต่สำหรับในฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นแล้วละก็ เรียกได้ว่ามีให้เห็นกันทุกปีจนเอียนไปเลยล่ะ เพราะว่าเมื่อสมัยก่อนนั้น เคยมีอุตสาหกรรมพืชชนิดนี้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ก่อนที่จะถูกสั่งห้ามและปิดโรงงานเหล่านั้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ถึงแม้จะไม่มีโรงงานแล้วแต่ตัวของต้นกัญชานั้นกลับไม่ได้หายไปไหน… มันยังคงอยู่และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2017 ทางหน่วยงานเทศบาลได้ส่งคนไปจัดการกับเจ้าพืชดังกล่าวในสองแห่งได้แก่ บริเวณหลังบ้านร้าง และบริเวณสุดขอบทุ่งข้าวสาลี แต่เมื่อไปเจอในที่แรกนั้นก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น เพราะต้นกัญชาสูงเท่าคนยืนที่น่าจะถูกกำจัดไปเมื่อปีที่แล้ว มันดันกลับมาให้เห็นซะอย่างนั้น นั่นทำให้พวกเขาต้องจัดการต้นกัญชารุ่นใหม่ โดยการใช้มือดึงต้นและรากออกมาทีละต้นจนหมดวัน พวกเขาได้ถอนรากมันออกถึง 8,081 ต้น มีน้ำหนักรวมแล้วกว่า 280 กิโลกรัมกันเลยทีเดียว พวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่ได้ทำลงไปนั้นมันไร้ความหมาย เพราะในปีต่อไปเดี๋ยวมันก็จะกลับมาอีกอยู่ดี มันโตขึ้นเรื่อยๆ โดยจำนวนของมันนั้นมากกว่าวันเดียวกันเมื่อปีที่แล้วถึงสิบเท่า จนเมื่อข่าวนี้ออกไปก็ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมายอย่างเช่น “ทำไมถึงไม่ส่งออกไปประเทศที่ถูกกฎหมาย” “ก็ให้มันถูกกฎหมายซักพัก เดี๋ยวก็จะหายไปหมดเอง” “เผาเลย จะต้องเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากแน่’ จากเหตุการณ์นี้ทำให้รู้เลยว่าเจ้าพืชที่ลงเหลือมาจากอุตสาหกรรมในสมัยก่อนชนิดนี้นั้นมีความยั่งยืนอย่างมากเพราะช่างยากที่จะกำจัดเสียเหลือเกิน… อย่างไรก็ตามจากที่นั่นกว่า 8 พันต้นนั้นก็ได้ถูกนำไปกำจัดและฝังรวมกับกัญชาที่ไปเก็บกวาดมาได้จากทั่วทุกมุมในฮอกไกโด แหม่ ทำตัวเป็นผักตบชวาไปได้ ที่มา: rocketnews24, yomiuri
-
ตามไปดู 7 สถานที่ชื่อดังรอบโลก หากอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ หน้าตาของพวกมันจะเป็นอย่างไร
จะว่าไปแล้วทุกประเทศทั่วโลกต่างก็มีสถานที่ชื่อดังเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง หรือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ไม่มีคำอธิบาย แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไปทำให้สถานที่เหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรจากความลึกลับอย่างหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และคราวนี้เราจะพาไปชมภาพเปรียบเทียบหน้าตาที่แท้จริงของ 7 สถานที่ชื่อดังรอบโลก ระหว่างอดีตกับปัจจุบัน เรียกได้ว่ากาลเวลาผ่านไป หลายสิ่งอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก 1. The Pyramids of Giza ประเทศอียิปต์ อันที่จริงแล้วปิรามิดที่เราเห็นๆ กันอยู่ ในอดีตมันถูกสร้างขึ้นมาจากหินปูนขาว และในอดีตเมื่อแสงแดดตกกระทบ ปิรามิดหินขาวก็จะสะท้อนประกายแสงออกมาให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ขององค์ฟาโรห์ ก่อนที่ชั้นหินปูนจะหายไปหลังเกิดแผ่นดินไหวขึ้นในปี 1301 2. Sagrada Familia ประเทศสเปน หนึ่งในผลงานชิ้นประวัติศาสตร์ของ Antoni Gaudi ซึ่งมันก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1882 และต้องรอให้นวัตกรรมการก่อสร้างต่างๆ เอื้ออำนวยถึงจะแล้วเสร็จได้ในช่วงหลายสิบปีต่อมา ซึ่งเดิมทีทางผู้สร้างได้คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะแล้วเสร็จได้ในปี 2026 แต่โชคดีที่เทคโนโลยีมนุษย์พัฒนาไปไวกว่านั้น และทำให้มันแล้วเสร็จได้เร็วกว่าที่วางแผนไว้ 3. The Colosseum ประเทศอิตาลี อีกหนึ่งสถานที่ๆ ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่คริศต์ศักราชที่ 1 จนทุกวันนี้ก็ผ่านมานานกว่า 2016 ปี จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ ย้อนกลับไปในช่วงกลางศตวรรษที่ 14 เคยเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นในกรุงโรม แม้ว่าหลายส่วนจะเสียหายชำรุดไปบ้าง…
-
คุณแม่อยู่ห้องเช่าไม่ได้ เมื่อเพื่อนบ้านชั้นบนเสียชีวิต เป็นแหล่งเพาะตัวอ่อนแมลง..!!
เรื่องราวสยองขวัญของคุณแม่ลูกหนึ่ง ที่เกิดขึ้นในเมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ เมื่อจู่ๆ เจ้าของห้องด้านบนแฟลตที่เธออาศัยอยู่ได้เสียชีวิต ทว่ากลับไม่มีใครเข้าไปจัดการ จนห้องของเธอถูกรุกรานด้วยตัวอ่อนของแมลงที่เกิดขึ้นจากศพ!! โดยเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า คุณแม่วัย 26 ปี Beau Marr ได้ออกมาร้องเรียนต่อสื่อท้องถิ่นว่า จู่ๆ ห้องเช่าของเธอก็กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ตัวอ่อนแมลง ซึ่งพวกมันตกลงมาจากซากศพของผู้เสียชีวิตที่อยู่ห้องด้านบน Beau Marr และสภาพห้องของเธอ โดยคุณแม่ออกมาเรียกร้องผ่านสื่อว่า เจ้าของห้องที่เธอเช่าอยู่นั้นไม่ให้ความสนใจที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาใดๆ เพราะเริ่มกลิ่นเหม็นเน่ามาจากชั้นบน ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม และผ่านมาได้สิบกว่าวันแล้ว ที่เธอและลูกน้อยวัย 5 เดือน ต้องอาศัยอยู่กับตัวอ่อนแมลงพวกนี้ ซึ่งเธอก็ไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น ผู้อาศัยอยู่ห้องด้านบนของเธอถึงได้เสียชีวิตลง ทว่ากว่าที่เจ้าของแฟลตจะรู้ก็เลยผ่านไปหลายวัน หลังจากที่แจ้งทางการไปแล้ว เธอก็ได้ตัดสินใจย้ายไปอาศัยอยู่กับเพื่อนและครอบครัว เพื่อรอให้กลิ่นเหม็นเน่าจางหายไป แน่นอนว่าตัวอ่อนทั้งหมดที่เห็นนี้ พวกมันเติบโตมาจากการกินซากศพเป็นอาหาร แต่หลังจากที่ย้ายกลับเข้ามาอีกครั้ง ก็พบกับความจริงอันน่าสยดสยองที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะทั้งห้องเช่าของเธอกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ตัวอ่อนของแมลงไปแล้ว… ต่อให้เธอจะพยายามกำจัดและทำความสะอาดมากแค่ไหน เหล่าตัวอ่อนของแมลงก็ยิ่งตกลงมาจากรอยแตกบนเพดานมากขึ้นเรื่อยๆ “ด้วยความที่ฉันเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง และตอนนี้ต้องลางานออกมาในช่วงที่ลูกใกล้คลอด ยอมรับเลยว่าฉันมีงบประมาณที่จำกัดสุดๆ และนั่นก็อาจจะหมายถึงการเป็นคนไร้บ้านได้เลย ซึ่งดิฉันก็เชื่อว่าถ้าคุณรักความสะอาดมากพอ…
-
ชายหนุ่มเปลี่ยนตัวเองเป็นหญิงสาวตอนอายุ 25 ปี และคิดว่านั่นคือการตัดสินใจที่ดีที่สุด
การที่เราตัดสินใจจะทำอะไรสักอย่างที่เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของเรานั้น เราก็คงจะคิดแล้วคิดอีกเพราะหากเราทำมันลงไปแล้ว ก็ยากที่จะให้มันกลับคืนมาเหมือนเดิมได้ แต่สำหรับชายคนนี้นี่คือการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่ทำให้เขารู้เลยว่า นี่เป็นการทำถูกต้องที่สุดแล้วในชีวิต สิ่งที่ Patricia Perez ผู้ซึ่งเกิดมาเป็นชายได้ตัดสินใจทำนั้นก็คือ การแปลงเพศนั่นเอง ซึ่งเขาบอกว่าไม่เคยคิดมาก่อนเลยและเพิ่งรู้ตัวเองว่าตัวเขานั้นต้องการที่จะเป็นผู้หญิงตอนอายุ 20 ปี เท่านั้นเอง ภาพล่าสุดของเขาในตอนนี้ ในตอนที่เขารู้ตัวครั้งแรกนั้นเขาจำได้ว่าถึงกับได้ร้องไห้ออกมา เพราะคิดว่านั่นมันสายไปเสียแล้ว และรู้สึกมีความคิดว่าจะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ในเมืองเล็กๆ ในรัฐเท็กซัสแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว “ในทุกๆ วันนั้นมันช่างยากลำบากเหลือเกิน แต่แล้วเมื่อฉันได้ใช้ชีวิตมาจนถึงอายุ 25 ฉันก็ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิต” เขากล่าว … นั่นคือการผ่าตัดแปลงเพศ . . จากความคิดที่ว่าไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ ก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง และได้เรียนรู้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ หากคุณมีความต้องการมันมากพอ ปัจจุบันได้รับเลี้ยงหลานสาวที่น่ารักทั้งสามคนและทำทุกวันให้มีความสุขไปด้วยกัน ใช้ชีวิตไปกับเจ้าตัวเล็กทั้งสาม . . นี่อาจสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนที่จะเริ่มต้นลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างเพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ และไม่มีอะไรที่สายเกินไปหรอกนะ ที่มา: boredpanda
-
เอาไปกินให้อิ่ม!! โจรดักปล้นรถ “นูเทลล่า” ได้ไปกว่า 20,000 กิโล มูลค่าเสียหายแตะ 2 ล้าน
ส่วนใหญ่แล้วเราจะเห็นการปล้นอันดุเดือดอย่างที่เราเห็นมาจากภาพยนตร์ อาจจะเป็นรถขนเงิน ขนทอง ขนอาวุธ แต่ใครจะคิดว่าคราวนี้จะ เกิดเหตุปล้นรถบรรทุกขนมหวาน ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 75,000 ดอลล่าร์หรือประมาณเกือบ 2 ล้านบาท!! ตำรวจเยอรมันออกมาให้ข้อมูล คาดว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเบอร์ลิน ในระหว่าง 19.00 น. ของวันเสาร์จนถึง 13.30 น.ของวันอาทิตย์ โดยช็อคโกแล็ตจำนวน 20 ตันถูกปล้นไปพร้อมรถพ่วงบรรทุก ระหว่างการขนย้ายข้ามประเทศ โดยสิ่งที่หายไปนั่นก็คือ ช็อคโกแลตนูเทล่า กับ Kinder Surprise น้ำหนักประมาณ 20,000 กิโลกรัม ใครจะคิดว่าจะมีการปล้นนูเทลล่าเกิดขึ้น!? หน่วยงานท้องถิ่นสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นการวางแผนปล้นหรือ โจรอาจจะเข้าไปเห็นกับขนมหวานที่มีมูลค่ามากพวกนี้พอดีแล้วตัดสินใจเอาไปด้วยเลย หลังจากนั้นก็พบรถบรรทุกถูกทิ้งไว้ในระยะ 25 กิโลเมตรต่อมา ซึ่งคนร้ายได้ขนถ่ายสินค้าไปหมดแล้ว และในสัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุการณ์โจรปล้นขนมหวานนี้ยังเคยเกิดที่รัฐ Schleswig-Holstein ทางตอนเหนือของเยอรมัน ซึ่งเป็นกรณีที่คล้ายกันอีกด้วย ที่มา dailymail
-
เรียงลำดับความสูงจากเตี้ยสุดไปจนถึงสูงสุดของ 50 นักแสดงดังในซีรีส์ Game of Thrones
บางครั้งเวลาที่เราเห็นภาพนักแสดงอยู่ในจอ เรามักจะคาดเดากันว่าพวกเขานั้นอาจจะสูง หรือเตี้ย ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ แต่พอมารู้ภายหลังว่าความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ก็สร้างความตกตะลึงให้กับเราไม่ได้น้อย และสำหรับใครที่เป็นแฟนตัวยงของซีรีส์ยอดฮิตอย่าง Game of Thrones ก็จะต้องมีสงสัยกันบ้างละว่า นอกจากรูปร่างหน้าตาแล้ว พวกเขาสูงกันเท่าไหร่น้า งานนี้ ทางด้านเว็บไซต์ Boredpanda จึงได้ทำการเรียงลำดับความสูงของเหล่านักแสดงดังในซีรีส์จากเตี้ยสุดไปยังสูงสุด บอกเลยว่าบางคนก็ทำให้เราถึงกับอ้าปากค้างได้เลยละ 1.Peter Dinklage (Tyrion Lannister) กับความสูง 135 เซนติเมตร 2.Maisie Williams (Arya Stark) กับความสูง 155 เซนติเมตร 3.Emilia Clarke (Daenerys Targaryen) กับความสูง 157 เซนติเมตร 4.Michelle Fairley (Catelyn Stark) กับความสูง 165 เซนติเมตร 5.Hannah Murray (Silly) กับความสูง 165…
-
ญี่ปุ่น ผุด “หุ่นยนต์หมาป่า” แทนที่หุ่นไล่กา ตอบโจทย์เกษตรกรได้ดีที่สุด ดูหลอนไปอีกแบบ
ในอดีต “หุ่นไล่กา” ถือว่ามีความจำเป็นสำหรับเกษตรกรชาวไร่ชาวนาเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเชื่อว่ามันสามารถที่จะไล่นก หรือสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่จะเข้ามาทำลายพืชผลทางการเกษตรได้ แต่เอาจริงๆ แล้ว หุ่นไล่กาธรรมดาๆ อาจจะยังไม่สามารถตอบโจทย์การไล่ศัตรูพืชได้อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ ญี่ปุ่นจึงได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด โดยผุดหุ่นยนต์หมาป่าขึ้นมา เพื่อนำมาไล่นกรวมถึงสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ แทนหุ่นไล่กานั่นเอง และนี่คือ “Super Robot Wolf” หุ่นยนต์หมาป่าสุดไฮเทค ที่จะมาสร้างความหวาดกลัวให้กับบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ สำหรับ Super Robot Wolf เป็นหุ่นยนต์หมาป่าสุดเจ๋งของเกษตรกรในเมืองคิซะระซุ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Ohta Seiki โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยไล่ศัตรูพืชทางการเกษตรของเกษตรกรชาวญี่ปุ่น โดยเจ้าหุ่นยนต์หมาป่านี้ ถูกออกแบบขึ้นมาให้มีลักษณะคล้ายกับหมาป่าของจริง แถมยังมีหน้าตาที่แสนน่ากลัว และมีดวงตาสีแดงขนาดใหญ่อีกด้วย นอกจากนี้ มันยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับรังสีอินฟาเรด ที่สามารถช่วยตรวจจับสัตว์ขณะที่เข้าใกล้พืชแถมยังสามารถส่ายหัวไปมาได้ราวกับว่ามันมีชีวิต และที่สำคัญเจ้าหมาไฮเทคนี้ ยังสามารถส่งเสียงได้ถึง 40 เสียง เช่น เสียงหมาป่า เสียงของมนุษย์ รวมถึงกระสุนปืน อีกทั้ง มันยังมาพร้อมกับตัวจับเวลา เพื่อให้คุณสามารถตั้งโปรแกรมในการเปิดใช้งานได้ตามที่กำหนด ทางด้านบริษัทผู้ผลิต ก็ได้ทดสอบการใช้งานของ Super Robot…