บทสัมภาษณ์ความรู้สึกของ “นักโทษประหาร” ในชั่วโมงสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่

หลายคงคิดว่าช่วงเวลาที่เราจะต้องตายจากโลกนี้ไปนั้นไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเมื่อไหร่ แต่ทว่านั่นก็ไม่แน่เสมอไปเพราะยังมีคนกลุ่มหนึ่งจะรู้ได้ก่อนว่าวันไหนที่พวกเขาต้องพบเจอกับความตายโดยแท้จริง

คนเหล่านั้นคือนักโทษประหารที่ทำคดีร้ายแรงเอาไว้ อย่างเช่นการพรากชีวิตผู้อื่นไปหรือก็คือการเป็นฆาตกร ซึ่งแน่นอนว่าคนเหล่านั้นก็จะถูกแจ้งให้รู้ว่าจะต้องถูกฆ่าเพื่อชดใช้ความผิดที่ก่อขึ้นในวันไหน

ไม่มีทางเลือกใดให้สำหรับสิ่งที่พวกเขาต้องเจอ ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าในช่วงเวลาที่ต้องก้าวข้ามประตูไปสู่ความตาย คนเหล่านั้นจะคิดอะไรกันอยู่และจะแสดงออกมากันอย่างไร

 

 

จนเมื่อได้มีการสัมภาษณ์นักโทษประหารคนหนึ่งชื่อว่า Mark Asay ที่ทำความผิดในข้อหาฆาตกรรมชายผิวดำ 2 คน แรงจูงใจมาจากการเหยียดเชื้อชาติ โดยชั่วโมงสุดท้ายก่อนที่จะถูกประหารก็ได้มีการพูดคุยกับเขาเล็กน้อย

การฆาตกรรมของเขานั้นเกิดขึ้นเมื่อได้ยิงชายคนแรกที่มีชื่อว่า Robert Booker เพียงเพราะเรื่องความต่างของเชื้อชาติ หลังจากนั้นก็ให้ Robert McDowell ลูกครึ่งที่เป็นเหยื่ออีกคนทำการสำเร็จความใครjให้กับตัวเองด้วยปาก ก่อนจะฆ่าชายคนนั้นเมื่อรู้ว่าจริงๆ แล้วนั่นเป็นผู้ชายที่แต่งเป็นผู้หญิง

 

คลิปวิดีโอข่าวการสัมภาษณ์นักโทษประหารคนดังกล่าว

 

เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในปี 1987 จนมาถึงวันที่เขาจะต้องถูกประหารก็ได้ให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายเอาไว้ว่า “ผมไม่เคยคิดว่าคนผิวขาวอยู่เหนือกว่าคนอื่น ผมยังคงมีเพื่อนที่เป็นเชื้อชาติอื่นอยู่อีก” อีกทั้งรอยสักสวัสดิกะที่แสดงถึงการแบ่งแยกและเหยียดหยาม เขาก็อธิบายว่าสักเพราะให้สามารถอยู่ในคุกได้ ตอนที่ถูกจับในวัย 19 ปี

ประโยคสุดท้ายที่เขาได้พูดทั้งน้ำตาก็คือ “ผมเพียงแค่ต้องการที่จะขอโทษและสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของผมเอง”

 

 

ชายคนนี้เป็นคนผิวขาวคนแรกที่ถูกประหารเพราะว่าฆ่าคนผิวสีในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา การประหารจะให้เขากินน้ำค็อกเทลที่มียาพิษผสมเอาไว้

ตัวยาที่ถูกผสมในเครื่องดื่มดังกล่าวมีฤทธิ์ในการระงับความรู้สึกที่เปรียบได้กับยาชา ถูกนำมาใช้เพื่อการประหารเป็นครั้งแรก และได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าผลของยาไม่สามารถพิสูจน์ได้จริง และทางผู้ผลิตรู้สึกไม่พอใจกับเหตุผลที่นำตัวยาไปใช้

พี่ชายของผู้ตายที่ตกเป็นเหยื่อคนแรกได้ตอบคำถามเกี่ยวกับการตายของน้องเอาไว้ว่า “อะไรคือเหตุผล? เพียงเพราะเรื่องสีผิวของน้องผมเหรอ? มันไม่มีเหตุผลใดเลยให้เขาต้องทำกับน้องผมอย่างนั้น มันไม่มีเลย”

 

 

 

ก่อนหน้านี้น้องสาวของผู้ต้องหาก็ได้มีการยื่นอุทธรณ์ไปหลายครั้งเพื่อต้องการให้พี่ชายได้มีชีวิตอยู่ต่อนานขึ้น แต่ก็ถูกปฏิเสธไป จนในที่สุดก็ได้จบชีวิตลงในห้องประหาร

เหตุและผลของแต่ละสิ่งที่เกิดขึ้นจากความคิดของมนุษย์คงไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ทั้งหมด เพราะตัวของผู้กระทำเองจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดอยู่ข้างใน

 

ที่มา: ladbible

Comments

Leave a Reply