Author:

ในโลกปัจจุบันสิ่งที่เรียกว่า ‘กัญชา’ ได้กลายเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในหลายๆ ประเทศและเป็นที่ยอมรับได้ แต่ว่าขณะเดียวกันก็มีหลายๆ ประเทศเช่นเดียวกันที่ยังจัดให้กัญชาเป็นสิ่งเสพติดที่ผิดกฎหมายอยู่ อย่างเช่นในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีข่าวว่าหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งถูกจับจากการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ และภายหลังเธอได้ออกมาเผยว่าเหตุที่ใช้ก็เพราะว่าเครียดเรื่องครอบครัว!?     สื่อต่างประเทศรายงานว่าเมื่อไม่นานมานี้หญิงวัยรุ่นอายุ 15 ปีคนหนึ่งในเขตฟุชิมิ จังหวัดเกียวโต ถูกจับกุมจากความที่เธอใช้กัญชามาตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้นักเรียนชั้น ม.3 คนนี้ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เพราะพ่อแม่ของเธอสังเกตเห็นความผิดปกติและเป็นกังวลกับพฤติกรรมของเธอที่ลุกลี้ลุกลนและก้าวร้าวขึ้น   ในเวลาต่อมาผลการตรวจปัสสาวะของเธอได้บ่งชี้ว่าเธอมีการใช้กัญชารวมถึงสารควบคุมอื่นๆ ซึ่งคุณแม่ของเธอก็ได้บุกค้นห้องในทันที ซึ่งคุณแม่ก็ได้พบกับกัญชาแห้งน้ำหนัก 7 กรัมและยาอีอีก 2 เม็ด     ภายหลังวัยรุ่นหญิงคนนี้ได้ให้การสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “ฉันรู้สึกเครียดและนอนไม่หลับ” เพราะด้วยปัญหาครอบครัวเป็นสาเหตุ “ฉันเจอในอินเทอร์เน็ตว่าการสูบกัญชาสามารถทำให้หลับได้ดีขึ้น ฉันเลยสนใจมันและในที่สุดก็ได้เจอกับคนในอินเทอร์เน็ตและซื้อกัญชาจากเขา” เธอสารภาพ      ในตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนกับเธออยู่ รวมถึงจะดำเนินคดีกับคนที่ขายยาอีและกัญชาให้กับเธอด้วย ส่วนตัวของหญิงสาวก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมแล้วเป็นที่เรียบร้อย   ที่มา: nextshark, soranews24

นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นในเครื่องบินและทำให้คนอื่นๆ พลอยมีรอยยิ้มตามไปด้วย เมื่อผู้โดยสารคนหนึ่งเดินไปคว้าไมค์บนเครื่องบินที่ดีเลย์มาร้องเพลงสโมสรฟุตบอลอย่างหน้าตาเฉย!?     เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวานที่ผ่านมา (30 มี.ค.) ณ เที่ยวบินของสายการบิน Ryanair ที่เดินทางจากสนามบินดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ไปยังเมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษเกิดดีเลย์ไปเป็นเวลา 53 นาที ในระหว่างการเดินทางสั้นๆ นี้จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาคว้าไมโครโฟนบนเครื่องบินที่ปกติจะไว้ให้สำหรับลูกเรือใช้ประกาศต่างๆ มาร้องเพลงอย่างหน้าตาเฉย และเพลงที่เขาร้องก็คือเพลงประจำทีมฟุตบอลสโมสรลีดส์ ยูไนเต็ดที่มีชื่อว่า ‘Marching on Together’ นั่นเอง   วิดีโอขณะที่ชายคนนี้ร้องเพลง (ดูไม่ได้คลิกที่นี่)    ทันทีที่ชายคนนี้เปล่งเสียงร้องขึ้นมา ปรากฏว่าเขาไม่ใช่เพียงแค่คนเดียวที่รู้จักกับเพลงนี้ เพราะว่ามีผู้โดยสารคนอื่นๆ ในไฟลท์ร่วมร้องเพลงนี้ไปกับเขาด้วย วิดีโอดังกล่าวได้ถูกโพสต์ลงในกลุ่มแฟนเพจของสโมสรลีดส์ และก็ได้รับผลตอบรับอย่างล้นหลามอย่างชาวเน็ตบางคนก็บอกว่ามันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมไปเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังมีบางคนบอกว่ามันคือการเอนเตอเทนต์ที่โดดเด่นมากๆ เลยทีเดียว…   ก็ใจมันรักอะเนอะ!!   ที่มา: mirror, dublinlive

นับว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่สามารถเชิญชวนผู้คนให้มาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพได้เป็นอย่างดีทีเดียว สำหรับบริษัทแห่งหนึ่งที่จัดตั้งแคมเปญท้าให้ผู้โดยสารรถไฟทำการ ‘สควอช’ หากทำได้ในเวลาที่กำหนดขึ้นไฟฟรีไปเลย!!     บริษัทที่มากับไอเดียสุดเฉียบที่ว่านี้มีชื่อว่า Prudential บริษัทประกันชื่อดัง ซึ่งพวกเขาได้เสนอตั๋วฟรีให้กับผู้โดยสารรถไฟใต้ดินในประเทศสิงคโปร์ ตามสถานีต่างๆ ตามที่ได้กำหนดไว้   ฮึบๆ เพื่อตั๋วฟรี https://www.instagram.com/p/Bvi8nayHJE5/?utm_source=ig_web_copy_link   โดยแคมเปญที่ว่านี้คือหากมีผู้โดยสารที่มีความสูงมากกว่า 120 เซนติเมตร และสามารถทำสควอชได้ 20 ครั้งภายใน 40 วินาที รับไปเลยตั๋วเดินทางหนึ่งเที่ยวฟรีๆ (แต่ต้องใช้ในวันที่ชนะแคมเปญเท่านั้น)   https://www.instagram.com/p/Bvf2cdrhEX_/?utm_source=ig_embed   สำหรับแคมเปญเชิญชวนออกกำลังกายนี้ทาง Goh Theng Kiat หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทบอกว่า แคมเปญนี้สร้างขึ้นมาเพื่ออยากสนับสนุนให้ชาวสิงคโปร์มีสุขภาพที่แข็งแรงเพื่อมีอายุที่ยืนยาวขึ้น ส่วนผลประโยชน์ที่ทางบริษัทจะได้รับ แม้จะไม่ได้มีอยู่ในแถลงการณ์แต่สื่อต่างประเทศก็รายงานว่าสิ่งที่บริษัทจะได้รับการคือถูกกลายเป็นที่พูดถึงในโซเชียล และเป็นการสร้างชื่อให้กับแบรนด์นั่นเอง   https://www.instagram.com/p/Bvlc9tCH7dp/?utm_source=ig_embed   ในตอนนี้ ‘สควอชบู๊ท’ ได้จัดตั้งอยู่ที่สถานี Tampines MRT station จนถึงวันที่ 3 เมษายนที่จะถึงนี้ จากนั้นก็จะถูกย้ายไปยังสถานี City Hall MRT และอยู่ที่นั่นจนถึงวันที่ 17 เมษายน   https://www.instagram.com/p/BveMiFIDOzg/?utm_source=ig_embed…

ในโลกแห่งภาพยนตร์ ซูเปอร์ฮีโร่ชื่อว่า ‘แบทแมน’ หรือไอ้มนุษย์ค้างคาวอาจจะเป็นเหมือนกับพระเอกที่คอยช่วยเหลือชาวเมืองจากเหตุร้าย รวมถึงบางครั้งก็ช่วยจับผู้ร้ายได้ด้วย แต่ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงการปฏิบัติงานของแบทแมนอาจจะไม่ง่ายอย่างที่เราเห็นในหนัง ไม่เชื่อล่ะก็มาดูในกรณีของแบทแมนคนนี้ที่เสนอตัวขอเป็นซูเปอร์ฮีโร่ขอจัดการปัญหาให้ แต่ตำรวจบอกไม่ต้องเอ็งกลับบ้านไปเลย…   มีอะไรให้ช่วยไหมคุณตำรวจ   เรื่องนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 23 มี.ค. จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุด่วนจากบ้านหลังหนึ่งในเมืองเคโลว์นา รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา พวกเขาจึงรีบรุดไปยังสถานที่โดยเร็ว ในระหว่างทางนั้นเองเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับรถผ่านรถของ Melissa Parent และทำการปิดทางแยก เธอจึงไปอยู่ ณ จุดปลอดภัยแถวๆ นั้นเพื่อสังเกตว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นพร้อมกับบันทึกวิดีโอไว้   วิดีโอของคุณแบทแมน    ต่อมาจู่ๆ เธอก็พบว่ามีรถกระบะ Dodge สีดำทมิฬมาจอดพร้อมกับตราสัญลักษณ์ของ ‘แบทแมน’ ซึ่งคนที่ลงมาจากรถคันนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือชายคนหนึ่งที่สวมชุดแบทแมนแบบเต็มยศที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใด   รถ Batmobile   ซูเปอร์ฮีโร่คนเก่งรีบเดินหน้าเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ปืนจ่อไปยังบ้านหลังนั้นอยู่ พร้อมกับถามว่ามีอะไรที่เขาสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ตอบกับเขาว่า ‘ทุกๆ อย่างอยู่ในการควบคุมแล้ว’   ไม่ต้องเลยๆ   จากนั้นเขาก็ยังไม่หมดความพยายาม เขายังคงคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะเสนอความช่วยเหลือแต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ผลพร้อมบอกให้แบทแมนกลับไปซะ เขาจึงเดินคอตกขึ้นรถ Batmobile ไปอย่างน่าเศร้า    …

เมื่อพูดถึงสถานที่อย่าง ‘คุก’ ความคิดที่ผุดเข้ามาในหัวของใครหลายคน อาจจะนึกถึงสถานที่ที่เอาไว้คุมขังผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ซึ่งหากจะพูดตรงๆ ก็อาจจะไม่ใช่สถานที่สวยหรูนักและผู้ที่อาศัยอยู่ก็ต้องทำตามกฎที่วางเอาไว้ แต่ว่ามีคุกแห่งหนึ่งที่แตกต่างจากคุกที่อื่นอย่างสิ้นเชิง เพราะที่นี่จะให้กุญแจกับนักโทษซึ่งพวกเขาสามารถเข้าออกได้ตลอดเวลา รวมถึงการที่ผู้คุมจะเข้าไปยังห้องของนักโทษก็จะต้องเคาะประตูก่อนเข้าด้วย!?   สภาพห้องขังภายในคุกแห่งนี้   HMP Berwyn คือคุกที่ตั้งอยู่ในเมือง Wrexham ทางตอนเหนือของประเทศเวลส์ ซึ่งที่นี่เป็นคุกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในแถบประเทศอังกฤษและเวลส์ โดยความแปลกของที่นี่ก็คือจะมีนโยบายมอบกุญแจห้องขังให้กับผู้ต้องขังแต่ละคน และพวกเขาก็สามารถที่จะเข้าออกห้องขังได้เมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ หรือว่าหากอยากล็อกห้องก็ได้เช่นเดียวกัน   มีคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ให้ใช้   นอกจากนี้นโยบายของคุกอีกอย่างก็คือ ผู้คุมที่ต้องการจะเรียกตัวผู้ต้องขังก็จะต้อง ‘เคาะ’ ประตูผู้ต้องหาก่อนเสียด้วย (แต่ก็ยังมีนโยบายที่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าห้องได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องเคาะ อย่างเช่นการค้นหาสิ่งของหรือเหตุฉุกเฉิน) และนอกจากนโยบายความเป็นส่วนตัวแล้ว ภายในห้องของพวกเขายังมีคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ให้ใช้งานด้วย (ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสามารถเชื่อมต่อไปยังที่ใดได้บ้าง)   ส่วนกลางของคุก   ทั้งนี้นโยบายเหล่านี้ทางคุกกล่าวว่าเกิดขึ้นเพื่ออยากจะให้สถานที่นี้เป็นสถานที่สำหรับ ‘ฟื้นฟู’ และสร้างบรรยากาศที่ให้ความเคารพแก่ผู้ต้องขังมากยิ่งขึ้น จากการรายงานของสื่อต่างประเทศระบุว่า แนวทางการปฏิบัติของคุกแห่งนี้เป็นไปตามแนวทางที่เรียกว่า Wellbeing in Prison Design ที่ถูกวางไว้โดยบริษัท Royal Institute of British Architects และกระทรวงยุติธรรม     โดยแนวทางนี้ได้อิงตามนโยบายของคุกแถบสแกนดิเนเวียที่มองว่า การยึดเสรีภาพของผู้ต้องขังไปก็เป็นการลงโทษที่เพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตามคุกแห่งนี้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษประเภท C…

คงไม่ใช่ทุกวันแน่ๆ ที่คุณจะมีโอกาสได้เห็นสัตว์เลื้อยคลานหน้าตาแปลกๆ มาวิ่งเล่นอยู่ตามท้องถนน แต่ถ้าคุณไปที่เมืองดาร์บี้ ประเทศอังกฤษ คุณจะมีโอกาสได้เห็นจนเบื่อแน่ๆ เพราะมีคนคนหนึ่งพามันมาเดินเล่นอยู่เป็นประจำ…   นาย Gary และเจ้า Thor   นาย Gary Smith ชาวดาร์บี้วัย 54 ปีเป็นเจ้าของสัตว์เลื้อยคลานสายพันธุ์ Black-throated monitor ซึ่งเขาตั้งชื่อน่ารักๆ ให้กับว่าเจ้า Thor (Black-throated monitor คือสัตว์ในจำพวก ‘กิ้งก่ามอนิเตอร์’ สัตว์สกุลหนึ่งในวงศ์เหี้ย ซึ่ง ณ ที่นี้จะขออนุญาตเรียกว่า ‘ตะกวด’ เพื่อความง่ายต่อความเข้าใจ)     แต่เริ่มเดิมทีนั้นเขาเล่าว่าเขาถูกสภาเมืองสั่งแบนในการที่เขาพาเจ้า Thor ไปเดินเล่น เพราะมีคำร้องเรียนจากชาวบ้านเข้ามาว่าพวกเขากลัวอันตรายว่าเจ้า Thor จะไปทำร้ายหมาหรือเด็กๆ ที่อยู่ในพื้นที่สาธารณะ แต่ในตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่สภาเมืองได้ให้การยกเว้นโทษแบนกับเขา หากเขาตกลงว่าจะจูงเจ้า Thor ให้อยู่ในสายตาตลอดระหว่างที่พาออกมาเดินเล่นที่สวน Markeaton ที่เขามักพามันมาเดินเล่นเสมอ     “ผมได้บรรลุข้อตกลงกับทางสภาเมืองซึ่งมันเป็นเรื่องที่โอเคกับข้อตกลงที่ว่า ผมสามารถพามันเดินเล่นได้นานเท่านานตราบเท่าที่ผมใช้สายจูงมันและดูแลมันให้อยู่ในสายตาเหมือนๆ กับน้องหมา ผมมักจะพามันเดินออกกำลังกายกับรับอากาศบริสุทธิ์น่ะ” “นอกจากนี้ผมยังชอบกับการให้คนอื่นๆ เห็นมันและได้มีประสบการณ์กับการสัมผัสมัน จะบอกอะไรให้มันสามารถวิ่งได้ไวเอามากๆ…

หนึ่งในไอเทมที่เชื่อเลยว่าหลายๆ คนมักจะหยิบมาสวมใส่ในชีวิตประจำวันจะต้องมี ‘กางเกงยีนส์’ ตัวเก่งรวมอยู่ด้วยแน่ๆ เพราะกางเกงยีนส์มันเป็นอะไรที่เหมาะกับการใส่ในทุกๆ วันจริงๆ แถมยังเหมาะกับหลายๆ โอกาสด้วย แต่ว่าถ้าหากคุณผู้หญิงเจอกางเกงยีนส์ตัวนี้ไปล่ะก็ อาจจะมีความลังเลเกิดขึ้นบางแหละว่าจะใส่หรือไม่ใส่มันดีนะ เพราะอะไรมันจะสั้นเสมอหูได้ถึงเพียงนี้!! เมื่อไม่นานมานี้โลกออนไลน์ของต่างประเทศมีเรื่องเกี่ยวกับแฟชั่นเรื่องหนึ่งที่ได้รับการพูดถึงกันอย่างเผ็ดร้อน ซึ่งไอ้เจ้าสิ่งที่ว่านี้ก็คือกางเกงยีนส์ (หรือกางเกงในดี??) จากแบรนด์ Ssense   หน้าตาของเจ้ากางเกงตัวที่ว่านี้   ราคาค่างวดของเจ้ากางเกงสุดฉีกตัวนี้ถูกตั้งค่าตัวเอาไว้อยู่ที่ 235 ปอนด์ (ราวๆ 9,700 บาท) แต่ถ้าใครที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร ทางร้านเขาบอกว่าส่งให้ฟรี!!     ส่วนเหตุผลที่ทำให้มันประเด็นก็คงไม่ใช่เรื่องอะไรที่เดามากยากนักหากใครได้ลองเห็นภาพ เพราะมันคือกางเกงยีนส์ที่สั้นจนเหมือนกางเกงใน และเผยให้เห็นถึงแก้มก้นอย่างเด่นชัดจนทำให้บางคนสงสัยว่ามันควรเอาไว้ใส่ส่วนนอกหรือส่วนในกันแน่!?     ทางด้านความเห็นจากชาวเน็ตที่มีต่อสินค้าชิ้นนี้ก็มีอย่างหลากหลาย ทว่าโดยส่วนมากแล้วจะไปในทางล้อเลียนขำๆ เสียมากกว่า “ดูคูลๆ ดีนะแต่มันจะไม่อึดอัดใช่ไหม”  “สองคำสั้นๆ Fuck no!!” “อืมม…..” “Thank you, next.”   . J A N T I E S…

นับว่าเป็นประสบการณ์เฉียดตายที่เฉียดแค่เพียงนิดเดียวสำหรับพนักงานหญิงคนหนึ่ง จากความที่เธอไปเจองูตัวจ้อยเลื้อยอยู่ในร้านที่ทำงาน แต่เพราะเห็นว่ามันตัวเล็กเลยคิดว่าไม่มีพิษและจับมาถ่ายรูปเล่น ทว่าแท้จริงแล้วมันคือหนึ่งในงูที่มีพิษรุนแรงที่สุดในโลก!!   ภาพที่ Lucy ถ่ายไว้   เรื่องนี้เกิดขึ้นกับ Lucy พนักงานร้านค้าแห่งหนึ่งในเขต Sunshine Coast รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลียในวันอังคารที่ผ่านมา (26 มี.ค.) เมื่อขณะที่เธอทำงานอยู่ร้านเธอก็เห็นงูตัวจิ๋วตัวหนึ่งเลื้อยไปมา แต่ว่าก่อนที่เธอจะเรียกเจ้าหน้าที่จับงูมาถึง เธอก็เล่าว่าเธอได้หยิบเจ้างูตัวนี้มาโพสท่าถ่ายรูปเล่นๆ โดยหารู้ไม่จริงๆ แล้วมันคืองูสีน้ำตาลตะวันออก (Eastern Brown Snake) หนึ่งในงูที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกจากการบอกของเจ้าหน้าที่   งูสีน้ำตาลตะวันออก   อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้ถูกมันฉกแต่อย่างใด และนับว่านี่อาจเป็นประสบการณ์ขนหัวลุกที่ติดตัวเธอไปอีกนานเลยด้วย… ทางด้าน Richie Gilbert เจ้าของบริษัทรับจับงู Sunshine Coast Snake Catchers 24/7 ก็พูดถึงเหตุการณ์นี้ว่าการกัดจากลูกงูก็มีพิษร้ายแรงเหมือนกับงูที่โตเต็มวัยเช่นเดียวกัน “แค่หยดเดียวมันก็สามารถฆ่าคุณได้แล้ว มันคืองูที่ถูกจัดอันดับให้เป็นงูบกที่มีพิษร้ายแรงที่สุดเป็นอันดับสองของโลก และตรงนั้นมันไม่กลัวที่จะกัดอย่างแน่นอน” นาย Gilbert กล่าว    ทั้งนี้เขายังบอกเพิ่มเติมด้วยว่า Lucy สามารถที่จะถูกกัดได้อย่างง่ายดายหากดูจากวิธีในการจับงู “มันเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงเอามากๆ โดยเฉพาะวิธีที่เธอจับมัน เพราะด้านบนหัวของมันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่และอาจหมุนตัวกลับมาฉกได้ไงล่ะ” นาย Gilbert กล่าวทิ้งท้าย…

ในความคิดของคนโดยทั่วๆ ไป หากว่าพูดถึงชื่อของ ‘สิงโต’ ใครๆ ต่างก็จะต้องนึกถึงสัตว์เจ้าป่าผู้น่าเกรงขาม แต่สำหรับสองพี่น้องคู่หนึ่งแล้ว พวกเขากลับเลี้ยงสิงโตเอาไว้ดั่งเพื่อนคนหนึ่งทั้งอยู่ด้วยกัน ไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกัน!!     Hamzah และ Hassan Hussain จากเมืองการาจีประเทศปากีสถานคือบุคคลที่ว่านี้ พวกเขาได้เลี้ยงเจ้า Simba สิงโตแอฟริกันเอาไว้ตั้งแต่มันมีอายุได้เพียงแค่ 2 สัปดาห์เพียงเท่านั้น     เจ้าของร้านอาหารร่วมทั้งสองบอกว่าที่ตั้งชื่อสิงโตตัวนี้ว่า Simba เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์อนิเมชั่น The Lion King แสนโด่งดังนั่นเอง     จุดเริ่มต้นของเจ้า Simba ที่ปัจจุบันมีอายุได้ 26 สัปดาห์เริ่มต้นจากการที่มันเกิดมาในฟาร์มของสองพี่น้อง ซึ่งหลังจากที่มันหย่านมจากแม่แล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจเลี้ยงมันเรื่อยมาจนเป็นแมวยักษ์เหมือนกับในทุกวันนี้     “เจ้าสิงโตมันเกิดมาในฟาร์มของเราและแม่ของเราก็ไม่สามารถป้อนนมให้กับมันได้ ผมเลยเอามันกลับมาเลี้ยงที่บ้านซะเลย” “ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเราก็เลี้ยงมันเหมือนกับเป็นพี่น้องของเรา มันเป็นสิงโตที่เชื่องเอามากๆ และปัจจุบันมีอายุได้ 26 สัปดาห์แล้ว”  “มันก็เหมือนกับลูกของผมแหละ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมไม่กลัวมัน คุณจะสามารถเห็นได้เลยว่าผมสามารถวางมือไว้ในปากของมันได้” Hassan กล่าว     นอกจากนี้สองพี่น้องยังแบ่งปันภาพสายใยระหว่างคนและสัตว์…

การหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับผู้ที่ด้อยกว่าเราหรือผู้ที่ลำบากกว่า เป็นน้ำใจที่แสดงออกให้เห็นว่าโลกใบนี้ยังคงมีมุมดีๆ ให้เห็นอยู่เสมอ และถึงแม้บางครั้งจะเป็นการช่วยที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่สำหรับคนรับแล้วมันอาจมีค่ามากกว่าที่เราคิด… ดั่งเช่นในเวลาที่เห็นคนยากไร้บางคนก็อาจจะมอบเงินทองให้เพื่อให้เขานำไปใช้จ่าย แต่ว่าชายชาวฟิลิปปินส์คนหนึ่งทำสิ่งที่มากกว่านั้นให้กับคนไร้บ้านที่เขาพบเจอ ซึ่งมันเหมือนเป็นการเปลี่ยนเขาเป็นคนละคนกับตอนแรกเลยก็ว่าได้!! เรื่องราวความประทับใจนี้เกิดขึ้นขณะที่นาย Erwin Dean ชายไร้บ้านกำลังไล่หาอาหารมาประทังชีวิตแถวๆ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดเคโซน ประเทศฟิลิปปินส์ ต่อมาบาทหลวงชื่อว่า Franklin Goden ก็มาเจอเขาเข้า จึงได้สอบถามเรื่องราวต่างๆ จนในที่สุดแล้วก็ตัดสินใจพาเขาไปแปลงโฉมเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้กลายเป็นผู้เป็นคน รวมทั้งจัดหาอาหารให้เขาได้อิ่มท้อง “ตอนแรกผมเจอเขาผมก็เอาอาหารให้เขากิน จากนั้นผมก็ไปซื้อเสื้อผ้าให้กับเขาแล้วก็พาไปอาบน้ำ ต่อมาก็พาไปตัดผมจนเสร็จเรียบร้อยก่อนที่เราจะไปกินแมคฯ กัน ท้ายที่สุดผมพาเขาเดินเที่ยวห้างจนเขาสามารถยิ้มออกมาได้” แคปชั่นที่เขียนไว้ในโพสต์   และนี่คือรูปภาพความมีน้ำใจที่มนุษย์เราหยิบยื่นให้แก่กัน   ขอถ่ายรูปคู่ด้วยซะหน่อยสิ   มาไปตัดผมกัน   เอาหล่อๆ เลยนะช่าง   เป็นไงล่ะ จำแทบไม่ได้เลยล่ะสิ   ทำเป็นเข้มเชียวนะ   พามากินแมคฯ สักนิด   ยิ้มหน่อยสิ เอ้า 1 2 3   กินได้จริงๆ เหรอ   งั่มๆ อาหย่อย  …

ในเวลาที่เราไปสวนสาธารณะในช่วงเช้าตรู่หรือในช่วงเย็น เราก็อาจจะเห็นกันว่ามีกลุ่มคุณลุงคุณป้าผู้สูงอายุรวมกลุ่มกันเพื่อออกกำลังกายร่วมกัน และบางครั้งการรำต่างๆ ก็จะมีเรื่องของ ‘เสียงดนตรี’ เข้ามาประกอบจังหวะด้วย แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้มีกลุ่มคนป้าคนรักสุขภาพกลุ่มหนึ่งของประเทศจีนได้รับเสียงชื่นชมมากมาย จากความที่กลุ่มคุณป้าใช้ ‘หูฟัง’ ในการออกกำลังกาย เพราะไม่อยากจะให้เสียงดนตรีไปรบกวนผู้อื่น!!   ร่ายรำด้วยกันอย่างสนุกสนาน   หากว่าคุณมีโอกาสได้เดินทางไปยังลานสาธารณะของเขตเทศบาลนครฉงชิ่ง ก็จะสังเกตได้ว่ามีกลุ่มคุณป้าอยู่กลุ่มหนึ่งตั้งกลุ่มออกกำลังกายร่ายรำกันอยู่เป็นประจำ แต่สิ่งที่แตกต่างจากทั่วๆ ไปคือที่นี่ไม่มีเสียงดนตรีแม้แต่น้อย ทางด้านผู้จัดการกลุ่มออกกำลังกายกลุ่มนี้บอกว่า พวกเขาได้ตัดสินใจหัดใช้หูฟังเพราะไม่อยากจะรบกวนชาวเมืองหรือใครก็ตามที่เดินผ่านไปมา แถมยังบอกด้วยว่ามันยังช่วยในการโฟกัสการเคลื่อนไหวได้เป็นอย่างดี   ชมคลิปการเต้นของกลุ่มคุณป้าได้ที่นี่   หลังจากภาพของกลุ่มคุณป้าได้แพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างก็ออกมาชื่นชมกันอย่างมากมาย อีกทั้งบางคนก็ยังเรียกร้องให้มีการนำวิธีนี้ไปใช้กับกลุ่มคุณป้าทั่วๆ ประเทศด้วย เนื่องมาจากก่อนหน้ามีชาวบ้านหลายออกมากล่าวว่า รู้สึกเบื่อหน่ายกับเสียงเพลงประกอบจังหวะที่มีเสียงดังลั่นและซ้ำซากนั่นเอง   ที่มา: shanghaiist  

สำหรับใครที่เคยดูโคะตะระซีรีส์อย่าง Game Of Thrones คงจะจำกันได้เป็นอย่างดีกับตัวละครสุดกวนแต่ฉลาดเป็นกรดอย่าง ‘ทีเรียน แลนนิสเตอร์’ หรือที่หลายๆ คนเรียกว่าพี่แคระ จากความสูงที่น้อยกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด แต่รู้หรือไม่ว่าบางที Peter Dinklage ผู้แสดงเป็นตัวละครดังกล่าว อาจจะมีฝาแฝดซ่อนเอาไว้ก็เป็นได้ เพราะเมื่อเร็วๆ นี้มีการไปค้นพบพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งในประเทศปากีสถานที่หน้าตาละม้ายคล้างคลึงกับเขาอย่างกับแกะ!?   เหมือนป่ะล่ะ   Rozi Khan คือชื่อของพนักงานเสิร์ฟชาวปากีฯ วัย 24 ปี เขากล่าวว่าไม่เคยได้ยินชื่อของซีรีส์สุดฮิตนี้แม้แต่น้อย จนกระทั่งมีแฟนๆ ของซีรีส์นี้มาขอรูปถ่ายของเขาจากความที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับ Peter Dinklage นักแสดงชาวอเมริกัน   Peter Dinklage   “ผมไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่มีรูปของผมอยู่เต็มไปหมด นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงเป็นที่รู้จักไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน” Khan พนักงานเสิร์ฟร้านอาหารเล็กๆ ในเมืองราวัลปินดีกล่าว     โดยนอกจากหน้าตาที่ดูเหมือนกับพี่น้องกันแล้ว ทั้งคู่ยังมีส่วนที่คล้ายกันอีกคือเรื่องของ ‘ส่วนสูง’ ที่ทั้งคู่มีความสูงอยู่ที่ราวๆ 135 เซนติเมตรเท่ากัน ภาพถ่ายของ Khan และ Peter ถูกนำไปเปรียบเทียบและกลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลในเวลาอย่างรวดเร็ว     “ทุกๆ…

เมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดเรื่องแปลกๆ ขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซีย จากความที่คุณพ่อคนหนึ่งแจ้งตำรวจให้มาจับลูกเขยตัวเอง เพราะเขาคิดว่าลูกเขยคนนี้มี ‘หรรมส์’ ที่ใหญ่เกินไปจนทำให้ลูกสาวของเขาเสียชีวิตคาที่นอน แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น!? เรื่องราวนี้จากความที่นาย Nedi Sito คุณพ่อวัย 55 ปีแห่งเกาะชวา ได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า Jumantri ลูกสาววัย 23 ปีของเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน และสงสัยว่า Barsah ลูกเขยของเขาคือผู้ที่ทำให้เธอเสียชีวิต   คุณพ่อ Sito ผู้ที่แจ้งจับลูกเขย (คนที่สองจากทางขวา)   เพราะด้วยความที่ลูกสาวของเขาเสียชีวิตบนที่นอน บวกกกับความที่คุณพ่อได้ยินข่าวลืมมาว่าเจ้าโลกของลูกเขยมีขนาดใหญ่ยักษ์ จึงทำให้เขาคิดว่าลูกสาวน่าจะเสียชีวิตขณะมีเซ็กส์กับลูกเขยจึงแจ้งตำรวจมาจับในที่สุด… จากการแจ้งความของคุณพ่อทำให้นาย Barsah ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้เปิดอวัยวะเพศให้ดูต่อหน้าญาติๆ และเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่ามันจริงดั่งที่คุณพ่อบอกหรือไม่…   เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซีย   “หลังจากที่เห็นเจ้าโลกของเขาแบบตรงๆ จากที่คิดไว้ว่ามันต้องขนาดใหญ่มากๆ ที่แท้ก็แค่ไซต์มาตรฐานเท่านั้นเอง” “ณ ตรงนั้นคุณพ่อเลยขอถอนแจ้งความ แล้วขอโทษขอโพยกันไปยกใหญ่เลย” Riyanto หัวหน้าเจ้าหน้าที่สืบสวนกล่าว ในท้ายที่สุดคุณพ่อบอกว่าตอนนี้ครอบครัวยอมรับสาเหตุการตายของ Jumantri ว่าเธอเสียชีวิตจาก ‘โรคลมชัก’ ซึ่งเป็นโรคที่เธอต้องเผชิญตั้งแต่มีอายุได้ 14 ปีแล้วนั่นเอง…   ที่มา: mirror, dailymail

อย่างที่ใครๆ ต่างก็รู้กันดีว่าสัตว์อสรพิษอย่าง ‘งู’ สามารถฆ่าเราได้ด้วยการฉกเพียงแค่ครั้งเดียว และด้วยเหตุผลนี้เราจึงไม่ควรเข้าใกล้มันหรือไปยุ่งเกี่ยวกับมัน เพราะอาจเกิดเหตุน่าเศร้าขึ้นมา เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีนนี้ เมื่อชายคนหนึ่งสามารถจับงูจงอางให้อยู่ในการควบคุมได้และยืนโพสท่าให้คนที่อยู่แถวนั้นถ่ายภาพ แต่ในท้ายที่สุดแล้วเขาก็ถูกงูวกกลับมาฉกจนต้องเสียชีวิตไป…   วิดีโอเรื่องราวที่เกิดขึ้น (หากดูไม่ได้คลิ๊กที่นี่)  เรื่องราวอันน่าสลดนี้เกิดขึ้นที่ริมถนนแห่งหนึ่งในเขต Tunchang มณฑลยูนนาน ทางตอนใต้ของประเทศจีน ซึ่งมีวิดีโอเผยให้เห็นถึงบางส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาพในวิดีโอแสดงให้เห็นว่าชายแซ่ Pan วัย 47 ปี ได้ยืนจับงูจงอางยาวประมาณ 3 ฟุตเอาไว้ที่มือซ้าย ส่วนเท้าขวาของเขาก็เหยียบเข้าไปที่ลำตัวของงูเพื่อป้องกันการดิ้น   จับงูไว้ได้แล้ว   แต่ทั้งนี้แหล่งข่าวต่างประเทศก็รายงานว่า เหตุการณ์ต่อจากนั้นก็คือขณะที่นาย Pan กำลังถืองูไว้ในมืออยู่ก็เหมือนกับว่าเขาโพสท่าให้คนอื่นๆ ถ่ายภาพ, วิดีโอ และด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบได้ทำให้เจ้างูที่อยู่ในมือสามารถหมุนหัววกกลับมาฉกได้ซะอย่างงั้น…   ถูกงูวกกลับมาฉก   จากนั้นภาพก็ตัดมาที่เขานอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ซึ่งก็มีพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ณ ตรงนั้นเข้าไปฆ่างูด้วยการใช้มีดฟันจนขาดครึ่ง จากการรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น   เจ้างูตัวที่ว่านี้   สำหรับการช่วยชีวิตเขาโรงพยาบาล Tunchang People’s Hospital ได้ส่งรถฉุกเฉินมาแต่ก็ไม่ทันการณ์ เขาเสียชีวิตก่อนที่รถฉุกเฉินจะมาถึง ซึ่งในรถคันนั้นมีเซรุ่มต้านพิษงูอยู่ด้วย……

ในเวลาที่คนเรามีอารมณ์ทางเพศแล้วไม่ได้รับการปลดปล่อย มันก็อาจจะรู้สึกงุ่นงานหงุดหงิดอารมณ์เสียเป็นธรรมดา แต่ว่าอาการเช่นนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเฉพาะแต่กับมนุษย์เรา อย่างน้อยก็ในกรณีของเจ้าช้างตัวนี้ ที่มันคลั่งบุกเมืองทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าไม่ว่าจะเป็นรถยนต์บ้านเรือนต่างๆ จากเหตุที่มันไม่มีตัวเมียให้ผสมพันธุ์!!     เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 มี.ค.) ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ได้เกิดเรื่องแปลกๆ ขึ้นจากความที่มีช้างเอเชียตัวหนึ่งบุกเข้ามาในเมืองทำลายข้าวของของชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นไปอย่างแตกกระเจิง   วิดีโอขณะเจ้าช้างคลั่ง    ความเสียหายรวมๆ แล้วก็คือรถยนต์จำนวน 9 คันและบ้านเรือนอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดแล้วมาจากอาการคลั่งของเจ้าช้าง     ในระหว่างที่ช้างตัวนี้กำลังแสดงพละกำลังอันมหาศาล ชาวบ้านหลายคนได้ถ่ายวิดีโอเอาไว้ ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันได้ทำอะไรลงไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการพังรถพังบ้านต่างๆ     ทั้งนี้ชาวเมืองที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยก็ได้รับการอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ท้องถิ่นก็สามารถเอามันออกจากเมืองได้หลังจากที่บุกอาละวาดไปราวๆ 30 นาที ซึ่งโชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ในภายหลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุที่ทำให้เจ้าช้างมีอาการคลั่งเช่นนี้ก็อันเนื่องมาจากการที่มันไม่สามารถหาตัวเมียมาผสมพันธุ์ได้จนทำให้อารมณ์หงุดหงิดรวมทั้งถูกไล่ออกจากฝูง จนนำไปสู่การอาละวาดครั้งนี้     อย่างไรก็ตามเจ้าช้างตัวนี้จะได้รับการพาไปปล่อยในป่าต่อไป เพราะช้างเอเชียเป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองในประเทศจีนและกำลังใกล้จะสูญพันธุ์นั่นเอง     ที่มา: dailymail

แน่นอนว่า การที่คนเราจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ นอกจากการกิน การนอนแล้ว เรื่องของ ‘การขับถ่าย’ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งถ้าจะให้ดีแล้วก็ควรมีการขับถ่ายในทุกๆ วันเพื่อสุขภาพที่ดี แต่ในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปดูเคสของคุณตาคนหนึ่งที่เกือบจะเสียชีวิตจากการที่เขามีอาการท้องผูก ไม่ขับถ่ายอุจจาระมาเป็นสัปดาห์ๆ จนท้องเกือบจะระเบิดออกมา     เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นกับคุณตาคนหนึ่งวัย 80 ปีจากไต้หวัน ซึ่งมีสมาชิกครอบครัวไปพบเขานอนสลบอยู่ภายในห้องพัก จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ในเวลาต่อหลังจากที่ได้สติแล้ว เขาก็บอกกับคุณหมอว่าเขาไม่ถ่ายอุจจาระมาเป็นเวลาเกือบสัปดาห์แล้ว!!     ทางคุณหมอจึงได้ทำการแสกนร่างกายแล้วก็พบกับก้อนอุจจาระก้อนแข็งที่มีความยาวราวๆ 30 เซนติเมตรอยู่ในช่องท้องของชายคนนี้ ทางแพทย์จึงได้ผ่าตัดออกโดยด่วน ทีมแพทย์จากโรงพยาบาล Chung-Ho Memorial Hospital ในนครเกาสฺยงได้กล่าวว่า สาเหตุที่ก้อนอุจาระใหญ่ขนาดนี้ เนื่องจากมีการสะสมมาแล้วเป็นระยะเวลาประมาณหนึ่ง และด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เขามีอุณหภูมิในตัวสูงถึง 39 องศาเซลเซียสนั่นเอง     ฃภายหลังทางทีมแพทย์ได้วินิจฉัยให้ชายชราผู้นี้ว่าเป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรัง รวมทั้งนาย Hsieh Yi-chien แพทย์ผู้ให้การรักษาก็กล่าวว่าลำไส้ของชายคนนี้เกือบจะระเบิดออกมา และจะนำไปสู่ภาวะติดเชื้อต่อไป อย่างไรก็ตามคุณตาคนนี้ยังต้องอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปเพื่อดูอาการอีกราวๆ 2 สัปดาห์ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวกลับบ้าน โดยสาเหตุของเรื่องการท้องผูก ส่วนหนึ่งก็มาจากการไม่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์อย่างผักหรือผลไม้ รวมทั้งมีการดื่มน้ำที่ไม่เพียงพอ หรืออาจเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางอย่างก็เป็นได้   ที่มา:…

เทรนด์สำหรับการรณรงค์ ‘ลดการใช้ถุงพลาสติก’ กำลังเป็นอะไรที่มาแรงเอามากๆ ในปัจจุบัน ซึ่งหลายคนก็เข้าร่วมด้วยการเก็บถุงเอาไว้ใส่ของต่อ ใช้เท่าที่จำเป็นหรือบางคนก็เลือกที่จะใช้กระเป๋าผ้าแทน แต่ว่านี่อาจเป็นอีกหนึ่งแนวทางการใช้ถุงพลาสติกให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งนำถุงพลาสติกที่เธอได้รับมาจากการชอปปิง ทำเป็นชุดสำหรับสวมใส่ซะเลย     หากลองเพ่งพิจารณาไปที่ชุดเท่ๆ ชุดใหม่ของผู้หญิงนามว่า Rosa Ferrigno ใครหลายคนคงคิดว่ามันเป็นชุดที่ผลิตมาจากเส้นใยทั่วๆ ไปที่ใช้กัน แต่ว่าหากลองสัมผัสดูล่ะก็จะพบว่ามันมีเสียงก็อบแก็บๆ ของถุงพลาสติกออกมา นั่นก็เป็นเพราะว่าชุดนี้ผลิตมาจากถุงพลาสติกถึง 300 ใบ!!     คุณป้า Rosa ชาวซิซิลีประเทศอิตาลีวัย 75 ปี เป็นผู้หญิงที่ชอบทำสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นในฤดูที่อากาศไม่เย็นนัก เธอก็ชอบที่จะปลูกผักปลูกดอกไม้จนเต็มแปลงไปเสียหมด แต่ในฤดูหนาวกิจกรรมของเธอที่มักจะใช้เวลากับมัน ก็คือการง่วนอยู่กับงานเย็บปักถักร้อย ซึ่งในปีที่แล้วเธอก็ออกแบบชุดที่ทำมาจากการใช้ถุงพลาสติกสีน้ำตาลที่ได้มาจากการไปซื้อของในร้านค้า      อดีตช่างเย็บผ้าท่านนี้ (อาชีพก่อนมีครอบครัว) เล่าว่าเธอได้ปิ๊งไอเดียนี้ขึ้นในเดือนสิงหาคมปีที่แล้วจากไปร่วมรับประทานอาหารกับคนในครอบครัว แล้วสังเกตเห็นว่ามีคนๆ หนึ่งใช้กระเป๋าที่ทำมาจากการใช้ถุงพลาสติก ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าทึ่งสำหรับเธอมากๆ     ต่อมาเธอกับลูกสาวจึงได้พยายามเสิร์ซหาวิธีที่จะทำมันขึ้นมาบ้าง และในท้ายที่สุดเธอก็สามารถผลิตกระเป๋าขึ้นมาได้จริงๆ โดยกระเป๋าใบนั้นมีทั้งสีแดง ขาว ฟ้าและน้ำตาล แต่นั่นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เพียงเท่านั้น หลังจากที่เธอทำกระเป๋าใบที่ 2 เสร็จสิ้น…

สำหรับเด็กๆ คงยังไม่รู้ว่าการกระทำแบบใดที่ถูกการกระทำใดที่ผิด และสิ่งที่จะสามารถทำให้พวกเขารู้ได้ก็คือเรื่องของ ‘การศึกษา’ ดั่งเช่นในกรณีที่น่าสลดที่เกิดขึ้นในประเทศมาเลเซีย เมื่อเด็กหญิงวัย 11 ปีคนหนึ่งเพิ่งจะรู้ตัวว่าถูกคุณปู่ ‘ข่มขืน’ มาอย่างยาวนานจากการที่เธอได้เรียนวิชาเพศศึกษาที่โรงเรียน!!     เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่เมืองโกตากีนาบาลู ประเทศมาเลเซีย เมื่อเด็กหญิงวัย 11 ปีคนหนึ่งถูกคุณปู่ข่มขืนนานเป็นปี แต่เธอก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครจากความที่เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอถูกคุณปู่กระทำเป็นสิ่งที่ผิด แต่ว่าในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เด็กหญิงชั้นป.5 คนนี้ก็ได้เรียนรู้ว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศจากการเรียนวิชาเพศศึกษาที่สอนโรงเรียน จากการเรียนรู้ภายในห้องเด็กหญิงจึงนำเรื่องของเธอไปปรึกษากับทางคุณครู ซึ่งในเวลาต่อมาคุณครูก็แจ้งเรื่องนี้กับทางแม่ของเด็ก และนำไปสู่การแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมคนปู่ต่อไป     ในเวลาต่อมาคุณปู่ผู้ประกอบอาชีพเป็นชาวนาวัย 50 ปีก็ถูกศาลตัดสินจำคุก 27 ปีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จากกรณีที่เกิดขึ้นทำให้  Winnie Yee ประธานกลุ่มต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กแห่งรัฐซาบะห์ (Sabah Women’s Action-Resources Group) ออกมาเรียกร้องให้มีการสอนวิชาเพศศึกษากับทุกๆ โรงเรียนในรัฐ เธอกล่าวว่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นเรื่องที่เศร้า แต่มันก็เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าการศึกษาเรื่องเพศเป็นเรื่องที่จำเป็นและมันสามารถช่วยเหยื่อให้ได้รับการช่วยเหลือได้     “ขณะนี้เรากำลังดำเนินการเพื่อให้กระทรวงการศึกษาของรัฐขยายการสอนเรื่องเพศศึกษาไปยังทุกโรงเรียนในซาบะห์  “เยาวชนบางคนในมาเลฯ ทดลองเสพยาเสพติดและมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน ซึ่งเรื่องเช่นนี้ทำให้พวกเขามีโอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์โดยไม่พึ่งประสงค์ รวมถึงการติดเชื้อ HIV โรคตับอักเสบและโรคติดต่อทางเพศ” “ทุกๆ โรงเรียนจำเป็นต้องมีใครบางคนที่สามารถพูดคุยประเด็นนี้ได้” Yee กล่าว   ที่มา: worldofbuzz,…

เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับคุณครูโรงเรียนอิสลามคนหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย จากการที่เลิกงานมาแล้วพบรถของตัวเองเต็มไปด้วยขยะ – มีผ้าอนามัยอยู่ที่มือเปิดประตูรถ!!   สภาพรถของคุณครู   คุณครูผู้ไม่เปิดเผยชื่อได้ค้นพบเหตุการณ์ดังกล่าวหลังจากเลิกงานที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองซิดนีย์ เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา (21 มี.ค.)   ที่ล้อก็มี   โดยภาพที่คุณครูเห็นก็คือรถยนต์ Audi Q5 ของเธอเต็มไปด้วยถังขยะมากมายถูกวางเอาไว้อยู่บนตัวรถ รวมทั้งเมื่อเดินไปสำรวจก็พบว่ามี ‘ผ้าอนามัยใช้แล้ว’ อยู่ที่มือเปิดประตูรถและมีขยะยัดไว้ที่ล้อด้วย     “มันเป็นอะไรที่น่ารังเกียจเอามากๆ สำหรับการเอาผ้าอนามัยใช้แล้วไปยัดอยู่ตรงประตูรถของเธอ” แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อที่รู้จักกับคุณครูกล่าว   โดยทั้งนี้เป็นที่เชื่อกันว่านี่คือฝีมือของคนในชุมชนที่เรียกว่า ‘กลุ่มต่อต้านมุสลิม’ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนสมาชิกไม่มากนัก เนื่องจากว่าคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้และเป็นมิตรอย่างดีกับคุณครู     “มันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเป็นอย่างมากกับการเห็นคุณครูถูกเลือกปฏิบัติต่อต้านในพื้นที่ที่เรียกว่าบ้าน” แหล่งข่าวกล่าว   มีขยะอย่างมากมายบนรถ   อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุและลงบันทึกเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย แต่ไม่มีการจับกุมใดๆ เกิดขึ้นและคงต้องสืบสวนเรื่องนี้ต่อไป…   ที่มา: dailymail

ปัญหาเรื่องการลักลอบสัตว์ยังคงเป็นปัญหาที่มีให้เห็นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะมีการรณรงค์เพียงใด และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเคสที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อมีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียคนหนึ่งพยายามลักลอบ ‘อุรังอุตัง’ ออกจากบาหลี ด้วยการมอมยา – แอบซ่อนเอาไว้ในตะกร้า เพื่อจะนำตัวมันกลับไปเลี้ยงที่บ้าน…     นาย Andrei Zhestkov ชายวัย 27 ปีชาวรัสเซีย กำลังจะบินออกจากจังหวัดบาหลีกลับบ้านที่ประเทศรัสเซีย แต่ว่าด้วยความมีพิรุธจึงทำให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเขาไว้ก่อน ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นกระเป๋าเดินทางของเขาแล้วก็ได้พบกับ ‘อุรังอุตัง’ ตัวผู้วัย 2 ปีนอนสลบอยู่ในตะกร้าสาน…     “เราเชื่อว่าอุรังอุตังถูกป้อนด้วยยาแก้แพ้จึงทำให้มันหลับ ทั้งนี้เราก็พบยาอยู่ในกระเป๋าของเขา” Ketut Catur Marbawa เจ้าหน้าที่สำนักงานอนุรักษ์บาหลีกล่าว โดยนอกจากอุรังอุตังตัวนี้แล้วยังพบนมผงสูตรเด็กทารกและผ้าห่มจำนวนหนึ่ง รวมทั้งตุ๊กแกที่ยังมีชีวิตอยู่ 2 ตัวและจิ้งจกอีก 5 ตัวด้วยกัน     สำหรับนาย Zhestkov ก็กล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่า เขาได้รับเขาได้รับอุรังอุตังเป็นของขวัญมาจากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียอีกคนหนึ่งซึ่งซื้อมันมาด้วยเงิน 3,000 ดอลลาร์ (ราวๆ 95,000 บาท) ที่ตลาดบนเกาะชวา พร้อมกับได้รับการบอกจากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียดังกล่าวว่า เขาสามารถนำอุรังอุตังกลับไปเลี้ยงที่บ้านได้ในฐานะของสัตว์เลี้ยง… สำหรับโทษของนาย Zhestkov เขาอาจจะได้รับโทษจำคุกสูงสุด 5…

เราอาจจะเคยเห็นข่าวเรื่องของการมี ‘สิ่งแปลกปลอม’ อยู่ในอาหารอย่างเช่น แมลงสาบ หนูหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นความผิดจริงๆ ของทางร้านหรือก็ไม่แน่เหมือนกันว่าอาจเป็นฝีมือของลูกค้าที่จัดฉากขึ้นเหมือนกับเหตุการณ์นี้ ที่ชายคนหนึ่งนำ ‘หนู’ ไปใส่ไว้ในจานของตัวเองขณะที่ใช้บริการร้านหม้อไฟแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ทำทีเป็นว่านี่เป็นของล้านและเรียกเงินชดเชยกว่า 5 ล้านหยวน แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ยอมสารภาพว่านี่เป็นเรื่องที่เขาสร้างขึ้นมาเอง!!   หนูตัวที่พบในหม้อไฟ   จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จากความที่ชายแซ่ Guo ได้ไปรับประทานหม้อไฟที่ร้าน Haidilao สาขาหนึ่งในกรุงปักกิ่งกับภรรยาของเขา แต่ว่าหลังจากที่กินอาหารไปได้ประมาณ 20 นาที เขาก็เรียกพนักงานมาที่โต๊ะแล้วแจ้งว่าพบหนูตัวหนึ่งอยู่ในหม้อไฟที่เขากินอยู่     ตามคำกล่าวอ้างของนาย Guo เขาเล่าว่าในตอนแรกร้านอาหารได้พยายามจะชดเชยให้เขาด้วยการเสนอบัตรกำนัลกินฟรีให้ แต่ว่าหลังจากนั้นพนักงานคนหนึ่งก็เสนอเงินชดเชยให้เป็นเงิน 20,000 หยวน (ราวๆ 94,000 บาท) ทว่าเขาก็ไม่ยอมรับเงินจำนวนดังกล่าวและบอกว่าต้องการเงินชดเชยเป็นจำนวน 5 ล้านหยวน (ราวๆ 23 ล้านบาท) แทน ซึ่งเหตุผลที่เขาเรียกร้องเงินขนาดนี้เป็นเพราะเคยเห็นข่าวที่เกิดขึ้นมณฑลชานตง ที่ร้านหม้อไฟจ่ายเงินชดเชยให้กับลูกค้ารายหนึ่งที่กินหนูเข้าไปเป็นเงิน 5 ล้านหยวนนั่นเอง     แน่นอนว่าข้อเรียกร้องของเขาเป็นเรื่องที่ยากต่อทางร้านในการชดเชย ทั้งสองฝั่งเจรจาตกลงกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง และในเวลาต่อมานาย Guo ก็ติดต่อไปยังหน่วยงานดูแลอาหารและยาท้องถิ่น ส่วนทางร้านก็แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ…

ปัญหาเรื่อง ‘อาหารโรงเรียน’ เป็นปัญหาที่เราเห็นเป็นประจำไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือในต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องในทำนองที่ว่าอาหารไม่มีคุณภาพ หรือปริมาณมีจำนวนน้อยเกินไป แต่ว่าในตอนนี้ประเทศจีนได้คิดค้นวิธีแก้ปัญหาใหม่ขึ้นมาด้วยการให้เจ้าหน้าที่ – ครูอาจารย์กินข้าวร่วมกับเด็กนักเรียน เพื่อรับประกันความปลอดภัยของอาหารที่นักเรียนได้รับ รวมถึงคุณภาพของอาหารด้วย…     เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการ, สำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐและคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ได้ร่วมกันประกาศ “ข้อกำหนดเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารและโภชนาการของโรงเรียน”      ตามข้อกำหนดที่ว่านี้ก็คือการประกาศให้ในทุกๆ โรงเรียนไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนอนุบาลประถมหรือมัธยม ควรจะมีการจัดตั้ง ‘ศูนย์รับประทานอาหารส่วนกลาง’ ให้เจ้าหน้าที่หรือคุณครูรับประทานอาหารร่วมกับเด็กๆ ในแต่ละมื้อ เพื่อเป็นการรับประกันความปลอดภัยของอาหารสำหรับเด็กนักเรียน…     ภายใต้ข้อกำหนดเดียวกัน ผู้ปกครองจะได้รับการเชิญมาเป็นผู้ตรวจสอบ เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับปลอดภัยของอาหาร รวมถึงการพัฒนาคุณภาพด้านโภชนาการร่วมด้วย     นอกจากนี้ข้อกำหนดดังกล่าวยังระบุให้ทางโรงเรียนเปิดเผยข้อมูลอย่างเช่น แหล่งที่มาการจัดซื้อวัตถุดิบ ผู้จัดซื้อ รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลเชิงโภชนาการอาหารของเด็กๆ เป็นรายสัปดาห์ผ่านแพลตฟอร์มสาธารณะที่สาธารณชนสามารถเข้าถึงได้     ทั้งนี้ข้อกำหนดทั้งหมดนี้จะมีการบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายนที่กำลังจะมาถึง แทนที่กฎเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2002 นั่นเอง   ที่มา: xinhuanet, xinhuanews, gov,…

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากจะหนีจากเมืองที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันและผู้คนอีกมากมาย คุณอาจจะเก็บเงินสักก้อนแล้วมาอยู่ที่เกาะแห่งนี้ที่มันเปรียบเสมือนได้กับ ‘เกาะสวรรค์’ บนพื้นที่ขนาด 1.1 เอเคอร์ (2.7 ไร่) !! เกาะส่วนตัวที่มีชื่อเรียกว่า Tjaereholmen เป็นเกาะขนาด 1.1 เอเคอร์ ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งประเทศนอร์เวย์ และถูกวางขายด้วยราคา 1.7 ล้านปอนด์ (ราวๆ 70 ล้านบาท) แต่ว่านอกจากคุณจะจ่ายเงิน 70 ล้านบาทเพื่อได้ครอบครองเกาะที่เขียวชอุ่มแล้ว คุณจะยังได้รับบ้านสุดสวยขนาด 4 ห้องนอนและสามารถจุคนได้สูงสุด 15 คนไปด้วย ซึ่งเราไปดูรายละเอียดของเกาะและบ้านแห่งนี้กันดูดีกว่า   หน้าตาของเกาะที่ว่านี้ มันตั้งอยู่ใกล้เมืองLyngør, Risør และ Arendal ซึ่งแต่ละเมืองเป็นเมืองที่มีร้านอาหารและร้านค้าสุดพรีเมี่ยม   บ้านแห่งนี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันจากสถาปนิก เพื่อใช้ประโยชน์จากแสงอาทิตย์ที่ไหลเข้ามาในห้องตั้งแต่แสงแรกในตอนเช้าจนถึงแสงสุดท้ายของตอนเย็น   ส่วนห้องนั่งเล่นได้รับการออกแบบอย่างดีเยี่ยม   ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในบ้านก็จะได้รับชมวิวดีๆ แน่นอน   บริเวณที่มันตั้งอยู่ โดยใช้เวลาแล่นเรือน้อยที่สุดเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้นจากเมืองที่ใกล้ที่สุด   มีการตกแต่งเป็นลายไม้เพื่อความกลมกลืนกับต้นไม้ที่อยู่รอบๆ .   มีด้วยกันทั้งหมด…

บางสิ่งบนโลกนี้ ‘เงิน’ ก็อาจจะไม่สามารถหาซื้อได้ ดั่งเช่นสูตร ‘บะหมี่เกี๊ยว’ ของร้านดังในแดนลอดช่อง ที่ทางเจ้าของเล่าว่าครั้งหนึ่งเคยมีผู้มาเสนอขอซื้อสูตรบะหมี่ในราคาถึง 2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราวๆ 47 ล้านบาท) แต่พวกเขาไม่ขาย!!   Kok Kee Wanton Noodle คือชื่อของบะหมี่เกี๊ยวแผงลอยร้านดังแห่งประเทศสิงคโปร์ที่เปิดให้บริการลูกค้ามาแล้วหลายต่อหลายปีด้วยกัน แต่ว่าในปี 2016 ทั้งสองสาขาของร้านแห่งนี้ก็ปิดตัวลงอย่างปริศนา ซึ่งแฟนๆ ต่างก็คาดเดากันว่าน่าจะเป็นเหตุมาจากเรื่องสุขภาพของทางเจ้าของร้าน     หลังจากหลายปีที่รอคอยสำหรับเหล่าคอบะหมี่เกี๊ยว ในที่สุดร้านแห่งนี้ก็ได้เปิดตัวอีกครั้งในเดือนนี้ (มี.ค. 2019) ด้วยการดำเนินงานของเจ้าของคนเก่าคนเดิมและเพิ่มเติมด้วยการช่วยเหลือจากลูกๆ อีกทั้งสอง     ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ ลูกชายวัย 35 ปีและลูกสาววัย 32 ปีกล่าวว่าตอนนี้พวกเขายังคงเรียนรู้การทำบะหมี่เกี๊ยวจากพ่ออยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกๆ ชามที่ออกจากมือพวกเขาจะมีรสชาติ ‘ดั้งเดิม’ ที่แฟนๆ ชื่นชอบ การกลับมาเปิดอีกครั้งของร้านบะหมี่ระดับตำนานร้านนี้ ได้ดึงดูดความสนใจของเหล่านักลงทุนจนถึงขนาดที่ว่ามีกลุ่มนักลงทุนกลุ่มหนึ่งยื่นข้อเสนอเป็นเงินจำนวน 2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราวๆ 47 ล้านบาท) สำหรับการซื้อสูตรลับของทางร้าน     “เป็นที่ชัดเจนว่านักลงทุนอยากจะได้ผลตอบแทนกลับในระดับที่สูง…

การตั้งชื่อให้กับลูกน้อยถือว่าเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่คนเป็นพ่อแม่ต้องตัดสินใจ เพราะชื่อที่ตั้งให้มันอาจเป็นสิ่งที่อยู่กับตัวเด็กไปตลอดทั้งชีวิต แต่ว่าคุณแม่คนหนึ่งก็ยืนกรานถึงการตัดสินใจของเธอที่ตั้งชื่อลูกว่า Disney และตอกกลับชาวเน็ตที่วิจารณ์การตั้งชื่อลูกเช่นนี้ด้วยคำพูดอย่างเจ็บแสบ!! ด้วยความที่ Jade Jeanes และสามี Joshua ที่มีอายุ 27 ปีเท่ากัน ต่างก็เป็นแฟนตัวยงของ Disney บริษัทอภิมหาความบันเทิงที่ฝากผลงานให้ผู้คนทั่วโลกได้ชมผ่านสื่ออย่างการ์ตูน หรือภาพยนตร์ ทั้งคู่จึงตัดสินใจตั้งชื่อลูกตาม หนูน้อย Disney แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ค่อยเห็นด้วยนัก หลังจากที่เธอได้แชร์ชื่ออันโดดเด่นของลูกไปยังกลุ่มคุณพ่อคุณแม่ในเฟซบุ๊ก แล้วก็มีคอมเมนต์ที่เธอกล่าวว่ามันทำร้ายจิตใจเธอเข้ามาอย่างมากมาย ทว่าคุณแม่จากเคาท์ตี้ Somerset ประเทศอังกฤษคนนี้ก็ยังสตรอง เธอเล่าว่าเธอไม่เสียใจกับการตั้งชื่อลูกเช่นนี้แม้แต่น้อย แต่ก็คิดว่าผู้คนควรมองเห็นความขำขันของเรื่องนี้มากกว่าการแสดงความคิดเห็นที่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจอย่างที่เกิดขึ้น “มันก็เป็นแค่ชื่อน่ะ มีชื่อธรรมดามากมายที่ผู้คนตั้งแต่ฉันไม่ชอบ แต่ฉันก็ไม่ได้บอกว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ควรที่จะตั้งชื่อแบบนั้นนี่” “มันเป็นโพสต์ที่ตั้งขึ้นสนุกๆ แล้วฉันก็หวังว่าผู้คนจะโอเคกับมัน แต่ในท้ายที่สุดผู้คนก็ตัดสินว่าจะเกลียดมันหรือรักมัน”  “พี่น้องของสามีฉันก็มีลูกน้อยเช่นเดียวกัน และพวกเขาก็ชอบ Disney เหมือนกันด้วย ดังนั้นเราจึงจะสร้างครอบครัว Disney ครอบครัวใหญ่ขึ้นมา” คุณแม่ Jade กล่าว อย่างไรก็ตามตอนนี้ห้องนอนของหนูน้อย Disney ก็ถูกตกแต่งไปด้วยของตกแต่งลายมิกกี้เมาส์ และนอกจากนี้คุณแม่ยังกล่าวด้วยว่าหนูน้อยตะลึงงันไปเลยเมื่อเธอเปิดภาพยนตร์ดิสนีย์เรื่องหนึ่งให้ดู ส่วนแผนการในอนาคตคุณแม่กล่าวว่า เธอกับสามีวางแผนเอาไว้ว่าจะพาหนูน้อย Disney ไปยัง Disneyland กรุงปารีส ในอีกประมาณ 2 – 3 ปีข้างหน้า “เราทนไม่ไหวแล้วกับการพาเธอไปดิสนีย์เวิลด์ แต่เพราะว่าฉันกับ…

ในการออกใบประกาศจับผู้ร้ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเขาอาจจะต้องใช้รูปภาพที่ใกล้เคียงกับสภาพปัจจุบันของบุคคลนั้นๆ ให้มากที่สุด เพื่อที่ประชาชนเมื่อพบเห็นจะได้มั่นใจว่าไม่ผิดตัวแน่ๆ เพื่อไปสู่การจับกุมต่อไป แต่ว่าที่ประเทศจีนได้เกิดเรื่องราวแปลกๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการออกใบประกาศจับ จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ภาพของผู้ร้ายเป็นภาพสมัยเขายังเด็กๆ หน้าใสตาแป๋ว จนชาวเน็ตเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้…   รูปภาพที่เจ้าหน้าที่ใช้ตามหาตัวผู้ต้องหา   เมื่อไม่นานมานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งเขต Zhenxiong มณฑลยูนนาน ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังจากที่พวกเขาโพสต์ภาพใบประกาศจับ Ji Qinghai อาชญากรสุดอันตรายคนหนึ่งที่ถูกตั้งข้อหารุนแรงหลายข้อหาและมีความเกี่ยวข้องกับแก๊งค์มาเฟียท้องถิ่น แต่ว่าภาพที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กลับเป็นภาพสมัยที่นาย Ji ยังคงเป็นเด็กน้อยแก้มยุ้ยตาใสแป๋ว หน้าตาดูน่ารักอยู่ พร้อมทั้งระบุเลขประจำตัวประชาชนไว้ด้วย… “การใช้ภาพเก่าของเด็กคนนี้ได้ดึงความสนใจจากชาวเน็ตและมันได้สร้างผลที่ไม่ค่อยดีนัก พวกเราต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งสำหรับความเลินเล่อของพวกเรา” เจ้าหน้าที่แถลงการณ์ขอโทษ     ในเวลาต่อมานักข่าวได้ไปทำการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าทำไมถึงไม่ใช้ภาพของนาย Ji ให้เป็นปัจจุบันมากที่สุด ทางเจ้าหน้าที่ก็ให้คำตอบว่า พวกเขามีภาพของชายคนนี้เพียงภาพเดียวเท่านั้นนั่นก็คือภาพนี้นั่นเอง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ลบภาพนี้ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่มือดีได้นำภาพไปแชร์แซวกันอย่างแพร่หลายในโลกอินเทอร์เน็ต แต่ขณะที่ชาวเน็ตบางคนก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจและคิดว่าพวกเขาทำดีที่สุดแล้ว   ที่มา: scmp, shanghaiist, ndtv

เรื่องของ ‘ความต้องการทางเพศ’ เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ถึงอย่างไรแล้วเราก็ต้องหาวิธีการที่จะปลดปล่อยให้ถูกให้ควร เพราะไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะต้องถูกจับเหมือนกับชายคนนี้ เพราะเขาดันไปสะบั๊มกั๊มกับ ‘แม่วัว’ ซะอย่างงั้น…   นาย Jose Nino   นาย Jose Nino ชายสัญชาติเม็กซิกัน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่เส้นแบ่งเขตเคาน์ตี้ Hidalgo และ Starr รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐฯ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตะเวนชายแดนกลุ่มหนึ่งเห็นเขากำลังมีเซ็กส์กับแม่วัวตัวหนึ่ง     พวกเขาจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งเคาน์ตี้ Starr County ทันที หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรุดไปยังที่เกิดเหตุ ก็สามารถจับกุมตัวเขาได้เป็นที่สำเร็จด้วยข้อหากระทำชำเราสัตว์ ในเวลาต่อมาผู้พิพากษา JP Guillen ได้กำหนดเงินประกันตัวเอาไว้ที่ 1,500 ดอลลาร์ (ราวๆ 47,000 บาท) ซึ่งเขาก็ถูกปล่อยตัวไปในที่สุด     จากเรื่องราวที่ชายคนนี้ได้ก่อขึ้น ได้ทำให้ชาวเน็ตหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันในเชิงที่ว่าเป็นห่วงการปศุสัตว์ในประเทศสหรัฐฯ เสียจริงๆ “พระเจ้า นี่โลกมันกลายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย”  “เราต้องการกำแพง!!” (พร้อมกับใส่ภาพมีมนายโดนัลด์ ทรัมป์)   ที่มา: mirror, valleycentral, foxnewssouthtexas  

หากใครเคยถูก ‘ตบหน้า’ คงจะรับรู้ดีว่ามันอะไรที่แสบสันไปถึงทรวงขนาดไหน แต่เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ประเทศรัสเซียได้จัดการแข่งขันตบหน้าขึ้นแล้ว และกติกาก็คือใครไม่ร่วงไปก่อนคนนั้นชนะ!!     โดยดินแดนครัสโนยาสค์ ประเทศรัสเซียรับหน้าเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันนี้ และมันก็เป็นการแข่งขันที่เป็นส่วนหนึ่งของอีเว้นท์ที่มีชื่อว่า Siberian Power Show (อีเว้นท์รวมกิจกรรมโหดๆ ตามแบบฉบับรัสเซีย) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 – 17 มี.ค. นี้ อันที่จริงแล้วการแข่งขันตบหน้าเคยมีขึ้นมาก่อนในปีที่ผ่านมาในกรุงมอสโคว แต่ว่าในครั้งนั้นเป็นการแข่งขันระดับมืออาชีพ ส่วนคราวนี้เป็นระดับมือสมัครเล่นที่ใครๆ ก็สามารถสมัครได้นั่นเอง     สำหรับกติกาอย่างเป็นทางการสำหรับการแข่งขันตบหน้าระดับมือสมัครเล่นยังไม่เป็นที่เปิดเผยออกมาเป็นกิจจะลักษณะ แต่จากการรายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่า ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเผชิญหน้ากับอีกฝั่งหนึ่งโดยมีเพียงแค่โต๊ะเล็กๆ เหมือนกับที่ใช้แข่งงัดข้อคั่นกลางเอาไว้ จากนั้นก็ให้ผู้เข้าแข่งขันใช้ฝ่ามือฟาดเข้าหน้าอีกฝ่ายหนึ่งให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งหากใครน็อกไปก่อนก็จะเป็นผู้แพ้ไป แต่ถ้าหากผลัดกันตบจนครบ 3 ครั้งแล้วยังไม่มีการน็อกเกิดขึ้น คณะกรรมการก็จะเป็นผู้ตัดสินให้โดยพิจารณาจากความแรงและเทคนิคในการตบเป็นการตัดสินผู้ชนะ   ลองดูการแข่งขันแล้วอาจจะรู้สึกแสบหน้าแทน…    และถึงแม้ว่าการแข่งขันตบหน้าจะยังไม่ใช่กีฬาที่เป็นทางการ แต่การแข่งขันก็จะมีกฎที่ถือเป็นเบสิคนั่นคือ ห้ามใช้ส่วนล่างของฝ่ามือในการตบจะใช้ได้เพียงแค่ส่วนของนิ้วมือและฝ่ามือส่วนบนเพียงเท่านั้น เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่รุนแรงเกินไป รวมทั้งยังมีข้อห้ามอื่นๆ อย่างเช่นห้ามตบเข้าที่ขมับ หู หรือดวงตาของคู่ต่อสู้ด้วย ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัยของผู้เข้าแข่งขัน      ทว่าด้วยเหตุผลนี้หลายคนอาจจะคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะตบอีกฝ่ายให้ร่วงไปนอนกับพื้น แต่ด้วยความที่ไม่มีกฎการแข่งแบ่งตามเกณฑ์น้ำหนัก…

เรื่องของการมีน้ำใจให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็งดงามเสมอ เฉกเช่นดั่งเหตุการณ์นี้ที่ชายคนหนึ่งยอมเสียสละขับรถไกลกว่า 400 ไมล์ (ราวๆ 643 กิโลเมตร) เพื่อส่งคนแปลกหน้าไปหาแม่ที่ป่วยหนักอยู่ในขั้นนาทีชีวิต!!   ระยะทางทั้งหมดกว่า 643 กิโลเมตร   เรื่องราวดีๆ เริ่มขึ้นในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (17 มี.ค.) เมื่อคู่รักนามว่า Sharleen วัย 58 ปีกับ Ron วัย 77 ปีตั้งใจขับรถจากเมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ไปยังเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ เพื่อจะไปดูใจแม่ของ Ron ที่อยู่ในช่วงวิกฤติ แต่ว่าทั้งคู่ก็ไปไม่ถึงกับที่วางแผนเอาไว้เพราะรถของทั้งคู่เกิดปัญหาขึ้นระหว่างที่ถึงเมือง Stockton-on-Tees ทำให้ทั้งสองต้องเดินร่อนเร่อยู่ริมถนนโดยมีระยะทางอีกถึงครึ่งทางกว่าจะถึงเมืองที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป   ทุกวินาทีมีค่าสำหรับการเดินทางไปบอกลาคุณแม่   ในเวลาที่รถเสียอยู่นั้นเองทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าพวกเขาต้องไปอยู่กับแม่ของ Ron ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหากช้าเพียงแค่วินาทีเดียวพวกเขาอาจสูญเสียช่วงเวลาที่มีค่านี้ไปตลอดกาล ทว่าถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้นจะเข็นรถที่มีปัญหาไปยังสถานีรถไฟก็อาจจะต้องใช้เวลาอย่างต่ำๆ ร่วม 3 ชั่วโมง และไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว…   Dean Moore ผู้ใจดี   แต่ทันใดนั้นเองก็เหมือนกับสวรรค์ส่งชายวัย 40 ปีชื่อว่า Dean Moore มาช่วยเหลือทั้งคู่ ซึ่ง…

อะไรจะเกิดขึ้นถ้าหากคุณผู้หญิงจับได้ว่า ‘เงิน’ ที่ให้คุณผู้ชายเอาไปใช้จ่ายสิ่งที่จำเป็นกลับถูกนำมาลงขวด บางคนอาจงอนบางคนอาจจะถึงขั้นทะเลาะกัน หรือคุณผู้หญิงบางคนก็อาจจะโกรธจัดลงมือทำร้ายร่างกายเหมือนกับเหตุการณ์นี้ ที่สามีคนหนึ่งถูกภรรยาเอาเก้าอี้ฟาดใส่คาบาร์ หลังจากที่ถูกจับได้ว่าเขาเอาเงินที่ภรรยาให้ไปจ่ายค่าอาหารโรงเรียนลูก ไปเลี้ยงเหล้าผู้หญิง!?     เหตุการณ์ความรุนแรงนี้เกิดขึ้นที่บาร์แห่งหนึ่งภายในเมืองอิกิโตส ทางตอนเหนือของประเทศเปรู โดยภาพจากวิดีโอคลิปได้เผยให้เห็นถึงเหตุการณ์ทั้งหมด   คลิปวิดีโอเหตุการณ์ทั้งหมด    โดยคลิปวิดีโอเริ่มขึ้นจากความที่ผู้หญิงผมแดงคนหนึ่ง กำลังใช้เก้าอี้ฟาดผู้เป็นสามีที่นอนป้องกันตัวเองด้วยเก้าอี้อยู่บนพื้น จากนั้นก็มีผู้หญิงคนอื่นเข้ามาห้ามจนทั้งคู่แยกออกจากกันสำเร็จ   ใจเย็นคุณพี่   แต่ว่าหลังจากนั้นระหว่างที่เหตุการณ์คลี่คลายลง สามีก็พยายามจะเดินออกไปจากร้านโดยที่ภรรยายังยืนรออยู่หน้าร้าน งานนี้เลยโดนอีกฉาดใหญ่เป็นกำปั้นลุ่นๆ ส่งเขาลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นพร้อมด้วยกองเลือด   อีกสักฉาดหนึ่งละกัน   โดยในภายหลังภรรยาผู้ไม่ปรากฏชื่อคนนี้ก็เล่าว่า เธอจับได้ว่าสามีของเธอนำเงินที่ต้องเอาไปจ่ายค่าอาหารโรงเรียนให้ลูกมาซื้อเหล้ากิน หนำซ้ำยังเลี้ยงสาวๆ คนอื่นที่อยู่ในโต๊ะอีกสามคนและเห็นคาตาว่ากำลังฉลองกันอย่างสนุกสนาน ทั้งหมดจึงทำให้เธอเกิดบันดาลโทสะขึ้นนั่นเอง…   ยอมแล่วว   ทว่าทั้งนี้ก็ไม่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมายังสถานที่เกิดเหตุหรือไม่ หรือกลับบ้านไปแล้วเขาโดนอะไรอีกแต่ดูเหมือนว่าบทเรียนครั้งนี้เขาจะจำไปอีกนานเลยทีเดียว…   ที่มา: dailymail, 24 World News

เรื่องราวแปลกประหลาดเหนือธรรมชาติบางเรื่อง ยังคงเป็นปริศนาที่รอคำตอบอยู่ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร รวมถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศเม็กซิโกนี้ ที่ ‘ตุ๊กตาพระเยซูตอนเด็ก’ มีน้ำตาไหลออกมาเป็นสายเลือดอย่างหาสาเหตุไม่ได้!?     เรื่องพิศวงที่ว่านี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแถบชนบทชื่อว่า Kilometro 42 เมืองอากาปุลโก โดยชาวบ้านส่วนหนึ่งเล่าว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากการที่อัตราอาชญากรรมในหมู่บ้านเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเฉพาะในปี 2019 เหตุการณ์ที่ตุ๊กตาพระเยซูตอนเด็กร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือดเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 แล้ว…     สื่อท้องถิ่นรายงานว่าครั้งแรกที่ตุ๊กตาเซรามิกร้องไห้ เกิดขึ้นกับตุ๊กตาของครอบครัวแห่งหนึ่งในวันขึ้นปีใหม่ ชาวบ้านเชื่อว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่ตุ๊กตาแสดงออกมาถึงการไม่มีความสุขตามอัตราอาชญากรรมที่มีตัวเลขสูงขึ้น โดยหมู่บ้านแห่งนี้มีค่าเฉลี่ยการฆาตกรรม 111 ครั้งต่อชาวบ้านจำนวน 100,000 คน จากการรายงานของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ “ผู้คนจำนวนมากบอกว่านี่เป็นฝีมือของปิศาจขณะที่บางคนบอกว่านี่เป็นสารจากพระเจ้าแต่จะอย่างไรก็แล้วแต่ ความจริงก็คือเรามั่นใจว่ามันร้องไห้ออกมาจริงๆ แม้ว่าจะมีคนถือมันอยู่ก็ตาม” หนึ่งในชาวบ้านกล่าว   คลิปวิดีโอตุ๊กตาร้องไห้    นอกจากนี้ชาวบ้านยังบอกอีกด้วยว่าไม่มีใครอยากที่จะถือตุ๊กตาเหล่านี้ไปให้กับทางโบสถ์พิสูจน์ความจริงว่าเป็นเช่นไร เพราะกลัวว่าหากเคลื่อนย้ายมันจะมีเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับตัวเอง อย่างไรก็ตามมีนักบวชไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่งจากเมืองตัมปิโกกล่าวว่า ตัวแทนจากศาสนาคริสต์จะดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป เพื่อทำให้มั่นใจว่าไม่มีผู้ใดได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ รวมทั้งกล่าวว่าอาจเป็นการจัดฉากบางอย่าง เนื่องจากว่า ‘ไม่ใช่ทุกอย่างที่เป็นปรากฏการณ์ลี้ลับ’ ซึ่งก็จะมีการสืบหาสาเหตุต่อไป   ที่มา: thesun, mirror, sde

โดยปกติแล้วอาวุธปืนเป็นอาวุธที่เราต้องระวังเอาไว้ให้มากที่สุดถ้าหากมีในครอบครอง เพราะหากพลาดเพียงนิดเดียวมันอาจหมายถึงชีวิตหรือพิการเลยก็เป็นได้ ดั่งเช่นในกรณีของชายอเมริกันวัย 46 ปีคนหนึ่งที่ทำปืนลื่นใส่อัณฑะตัวเองคนนี้…     Mark Anthony Jones ชายชาวอินเดียน่า ประเทศสหรัฐฯ ถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล Marion General Hospital จากบาดแผลฉกรรจ์บริเวณอวัยวะเพศ ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสอบปากคำซึ่งเขาก็ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่าในช่วงเช้าของวันที่เกิดเหตุ (28 ก.พ.) เขาเดินอยู่ใกล้ๆ กับค่ายลูกเสือแห่งหนึ่ง โดยที่เหน็บปืน 9 มม. เอาไว้ที่เอว (ไม่ได้ใส่ซองปืนพกแต่อย่างใด)     แต่แล้วจู่ๆ ปืนมันก็ทำท่าเหมือนว่าจะลื่นไถลเขาจึงเอื้อมมือไปคว้ามันไว้ จากนั้นก็โป้ง!! ปืนลั่นออกมาอย่างไม่รู้ว่าไปทำอิท่าไหน “กระสุนเข้าไปยังจุดที่เหนือกว่าองคชาติของเขาแล้วมันก็ออกไปทางถุงอัณฑะเลย” Stephen D Dorsey เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว     โดยทั้งนี้ Jones ไม่มีใบอนุญาตพกปืนของรัฐอินเดียน่าแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องความผิดนี้จะถูกส่งไปยังอัยการตัดสินต่อไปว่าเขาจะต้องเผชิญกับการรับโทษอย่างใด ส่วนอาการของเขาตอนนี้ยังไม่มีรายงานเพิ่มเติม…   ที่มา: independent, mirror, dailymail

มันคงเป็นอะไรที่น่าเศร้าเสียใจสลดหดหู่ระทมทุกข์เป็นที่สุด กับเวลาที่เราซื้อขนมมาสักถุงหนึ่งแล้วพอเปิดออกดูพบว่าในถุงนั้นมันมีชิ้นชนมบรรจุอยู่เพียงแค่น้อยนิด (นี่อัดอากาศขายกันใช่ไหมเนี่ย ><) แต่เชื่อเถอะว่าหากคุณคิดว่าสิ่งที่คุณเจอเป็นอะไรที่โลกแตกแล้ว ยังมีคนที่ซวยยิ่งกว่านั่นคือคุณแม่คนหนึ่งที่พบว่าขนมที่เธอซื้อมา ‘ทั้งถุง’ มีขนมอยู่แค่ชิ้นเดียว!?     โดยเรื่องราวสุดอับโชคที่ว่านี้เกิดขึ้นกับคุณแม่วัย 28 ปีจากเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษชื่อว่า Jade Amy ซึ่งเธอเล่าว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. เธอได้ไปชอปปิงที่ซุปเปอร์มาเก็ต Aldi และได้หยิบขนมตรา Monster Claws ติดมือมาด้วย (เป็นขนมเฉพาะของทางร้าน)   คลิปขณะแกะถุงขนม  แต่ในเวลาต่อมาเธอก็สัมผัสได้กับความไม่ชอบมาพากลของถุงขนมถุงนี้ เพราะมันไม่เหมือนกับในตอนแรกที่หยิบมา เธอจึงตัดสินใจถ่ายวิดีโอเอาไว้ขณะที่เปิดถุงออกดู ซึ่งก็พบว่ามันมีขนมเพียงแค่ชิ้นเดียวในถุง… “ฉันหยิบขนมถุงนี้หวังจะเอามาให้ลูกชายกิน แต่แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงถ่ายวิดีโอไว้” “ฉันหัวเราะให้กับความช็อกที่เจอนี้ นี่เป็นส่วนหนึ่งของอาหารกลางวันเด็กๆ นะ”  Julie กล่าว   ส่วนในตอนนี้ Jade ก็ยืนยันว่าจะเลิกซื้อขนมจากซุปเปอร์มาเก็ตแห่งนี้อีกต่อไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อมาทาง Aldi ได้ออกมาแถลงการณ์ขอโทษกับเรื่องขนมเจ้าปัญหานี้ “เราต้องขอโทษคุณ Jade เป็นอย่างสูงกับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น เราต้องไปคุยเรื่องนี้กับทางผู้ผลิตต่อไป” โฆษกของ Aldi กล่าว   ที่มา: deadlinenews, thesun

หากพูดถึงชื่อของ ‘ออพติมัส ไพร์ม’ แน่นอนว่าทุกคนต่างก็ต้องนึกถึงหุ่นยนต์สุดเท่ตัวหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง Transformers หนังหุ่นยนต์รบสุดมันส์จากฝีมือของ ไมเคิล เบย์ ผู้กำกับคนเก่ง  แต่เชื่อหรือไม่ว่าชื่อของออพติมัสมันได้กลายมาเป็นชื่อจริงๆ ให้กับชายคนหนึ่ง และที่มาของเรื่องนี้ก็มาจากความที่คุณพ่อผู้เป็นแฟนตัวยงของการ์ตูนต้นฉบับเรื่องนี้ตั้งให้นั่นเอง     ในทุกๆ ครั้งที่หนุ่มปารากวัยวัย 19 ปีนาม Optimosprayn Ismael Meza Barbosa บอกชื่อของตัวเองให้คนอื่นฟัง ผู้คนต่างก็คิดว่าเขาล้อเล่นกันทั้งนั้น เนื่องมาจากชื่อ Optimosprayn เป็นคำพ้องกับชื่อออพติมัส ไพร์มในภาษาสเปน แต่ว่านั่นก็เป็นชื่อจริงๆ ของเขาที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากคุณพ่อแฟนพันธุ์แท้ของการ์ตูนเรื่อง Transformers และชื่อแปลกๆ ชื่อนี้ก็ได้กลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดียในเวลาต่อมา   รูปภาพบัตรประชาชนของเขา https://twitter.com/Cosas_Curiosas/status/1107371091918389249   หลายคนบนโลกไซเบอร์คิดว่านี่อาจเป็นเรื่องจ้อจี้หรือเปล่า เพราะเดี๋ยวนี้ผู้คนก็มักจะหาวิธีต่างๆ สร้างความมีชื่อเสียงให้กับตัวเอง ทว่าความคิดนี้ก็ต้องหยุดลงเมื่อเขาได้ยืนยันตัวเองด้วยภาพบัตรประชาชนกับสื่อท้องถิ่น ในเวลาต่อมาก็มีการเปิดเผยว่าคุณพ่อเป็นแฟนตัวยงของการ์ตูนมหาสงครามหุ่นยนต์ โดยก่อนหน้านี้เขาเคยดูการ์ตูนอย่างเรื่อง Mazinger Z มาก่อน และทันทีที่ Transformers เข้าฉายบนทีวีในปารากวัย เขาก็หลงรักเข้ากับหัวหน้าฝ่ายออโต้บอทตัวนี้เข้าอย่างจัง จนทำให้ในที่สุดพอรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีลูกชายเขาก็ไปขอร้องภรรยาให้ตั้งชื่อลูกเป็นชื่อที่เขาชื่นชอบ   สื่อเข้าไปสัมภาษณ์    ทุกวันนี้สำหรับตัวของหนุ่มออพติมัสเขาก็บอกว่าภูมิใจกับชื่อนี้ แม้ว่ามันจะมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นระหว่างที่เขาอยู่ในโรงเรียนอย่างตอนที่แนะนำตัวเองในวันแรกของทุกๆ ปี เพราะจะมีเพื่อนๆ รอขำอยู่ก็ตาม อีกทั้งเวลาบอกชื่อของเขาก็ใครก็ตามมักจะมีคนไม่เชื่อว่านี่เป็นชื่อจริงๆ…

ว่ากันด้วยเรื่องของ ‘ลอตเตอรี่’ แน่นอนว่าใครที่ซื้อมันมาไว้ต่างก็ต้องอยากให้โชคก้อนใหญ่หล่นใส่แน่ๆ เช่นเดียวกับชายคนที่เพิ่งถูกรางวัลใหญ่มูลค่า 273 ล้านดอลลาร์ (ราวๆ 8.6 พันล้านบาท) คนนี้ แต่เชื่อหรือไม่ว่าความดวงดีของเขาไม่ใช่เพียงแค่จิ้มได้ถูกเบอร์เพียงเท่านั้น เพราะก่อนที่เขาจะถูกรางวัลนี้เขาลืมล็อตเตอรี่ทิ้งเอาไว้ที่ร้าน ทว่าก็มีพลเมืองดีปริศนานำมันมาคืนให้กับร้านรอเจ้าของที่แท้จริงมารับโชคก้อนนี้ไป!!     Mike Weirsky ชาวนิวเจอร์ซีย์คือผู้ที่เดินทางไปรับรางวัลก้อนใหญ่นี้มานอนกอดเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเขาได้ลำดับเรื่องราวกว่าจะถึงจุดนี้ให้ฟัง เขาเล่าว่าตัวเองได้เดินทางไปซื้อลอตเตอรี่ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ร้าน Quick Check ในเมือง Phillipsburg แต่ว่าด้วยความเขามัวแต่สนใจโทรศัพท์ตอนนั้นเลยลืมลอตเตอรี่เอาไว้ ณ ตรงนั้น     ทว่าในเวลาต่อมาก็มีพลเมืองดีบางคนไปพบมันเข้า และแจ้งให้เจ้าของร้านเก็บลอตเตอรี่ใบนั้นเอาไว้เพื่อมอบให้กับเจ้าของที่แท้จริงมารับคืน ซึ่ง Mike ก็ไปรับคืนในวันถัดมา และได้ตรวจสอบแล้วว่านี่เป็นลอตเตอรี่ใบที่เขาซื้อจริงๆ เจ้าของร้านจึงคืนมันให้นั่นเอง… ทางเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานลอตเตอรี่กล่าวว่า หากคนที่พบเจอลอตเตอรี่เขียนชื่อตัวเองเอาไว้บนลอตเตอรี่ใบนั้น ก็อาจเป็นผู้โชคดีแทนที่ Mike ไปแล้ว!!      “ผมกำลังมองหาใครคนนั้นที่นำมันมาส่งคืนให้ ผมอยากจะขอบคุณเขาน่ะและผมอยากจะมอบบางสิ่งให้เขาด้วย แต่มันเป็นอะไรน่ะเหรอผมไม่บอกหรอกผมจะให้เขาเป็นการส่วนตัว” “ผมต้องขอบคุณจริงๆ ตอนแรกผมนึกว่าลอตเตอรี่ใบนั้นมันจะหายไปแล้ว”  โดยก่อนหน้าที่จะถูกรางวัล ชายวัย 54 ปีคนนี้เพิ่งจะผ่านการหย่าเมื่อไม่นานมานี้ จากการที่เขาเป็นสามีที่ปล่อยให้ภรรยาทำงานแต่เพียงผู้เดียว และเขาเล่าต่อว่าเขาหางานมาแล้วเป็นปีแต่ว่าก็ไม่มีที่ไหนเรียกสัมภาษณ์เลย…

อาจมีหลายครั้งหลายคราที่เราเห็นเหตุการณ์ที่ว่าลูกหนี้ไม่ยอมคืนเงินให้กับเจ้าหนี้จนเป็นภาพที่ชินตา แต่ว่ามีเหตุการณ์หนึ่งในประเทศจีนเผยให้เห็นว่า มุมดีๆ ของลูกหนี้ก็ยังมีอยู่ในสังคมเช่นเดียวกัน…     โดยเรื่องราวที่ว่านี้เป็นเรื่องของหญิงชาวจีนชื่อว่า Hai Lin จากเมืองหางโจวมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ซึ่งได้เริ่มขึ้นจากในปี 2015 ที่ตอนนั้นเธอได้ขอระดมทุนจากชาวเน็ตในแอปฯ WeChat คนละ 1,000 หยวน (ราวๆ 4,700 บาท) เป็นจำนวน 300 คน การระดมทุนครั้งนั้นเธอได้สัญญากับผู้ที่บริจาคให้ (ส่วนใหญ่เป็นคนแปลกหน้า) ว่าเธอจะคืนเงินทั้งหมดให้ภายใน 5 ปี     และเงินจำนวนนี้เธอได้ขอยืมก็เพื่อจะใช้เงินเป็นเงินชดเชยให้กับผู้ประสบเหตุ จากความที่พ่อของเธอซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกขับรถไปพุ่งชนชายคนหนึ่ง ขณะเดียวกันในเวลานั้นแม่ของ Lin ก็นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลเนื่องด้วยภาวะเลือดออกในสมองด้วย “ชายคนที่ถูกชนสาหัสเอามากๆ เราต้องเก็บซ่อนเรื่องอุบัติเหตุนี้ไว้ไม่ให้แม่รู้เพราะจะไม่ได้ไม่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเธอ” Lin กล่าว     นอกจากนี้ Lin ยังกล่าวว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของเธอที่ทำให้รู้สึกตื่นกลัว “พ่อบอกฉันว่าถ้าเราไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าชดเชยได้ เขาอาจต้องหลบหนีหนี้ไป ฉันจึงบอกกับเขาว่าฉันจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น” Lin กล่าวเสริม     ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงทำให้ Lin ตัดสินใจขอรับบริจาคในแอปฯ ซึ่งก็มีคนจิตใจดีบริจาคให้เธอจนครบจำนวนที่ต้องการภายในคืนเดียว และเธอก็วางแผนไว้ว่าจะคืนเงินให้กับผู้บริจาคเป็นจำนวน…

เรียกได้ว่าเดี๋ยวนี้โซเชียลเน็ตเวิร์คทั้งหลายอย่าง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์หรืออินสตาแกรม ได้ทำให้เกิดคนดังขึ้นมาอย่างมากมาย ซึ่งแต่ละคนก็จะมีจุดเด่นที่ดึงดูดผู้ติดตามเป็นของตัวเอง แต่ว่าเพื่อนๆ คงยังไม่รู้จักกับคู่รักเลสเบี้ยนคู่นี้ ที่สร้างอินสตาแกรมขึ้นมาเพื่อดูดปุ๊นโชว์แฟนๆ!!   วิดีโอแรกของทั้งคู่ https://www.instagram.com/p/BujL9umBtBr/   Lee กับ Sure ชาวรัฐเมน ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของบัญชี @420oldfatlesbians ด้วยกัน  ซึ่งทั้งคู่คบกันมานานแล้วถึง 12 ปีและเข้าพิธีวิวาห์กันเป็นที่เรียบร้อยในปี 2015   บ้องแบบ DIY เท่ๆ https://www.instagram.com/p/BujaiaVhVVD/   พวกเธอเล่าว่าจุดเริ่มต้นของการสร้างแอคเคาท์นี้ขึ้นมาก็เพราะว่าข้อครหาของสังคมที่มักจะมีคำพูดว่าพวกเธอ แก่ อ้วนและเป็นเลสเบี้ยน พวกเธอจึงตัดสินใจสร้างไอจีนี้ขึ้นมาเพื่อเอาชนะคำพูดเหล่านั้น และนั่นจึงเป็นที่มาของชื่อบัญชีด้วย และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือไอจีที่เพิ่งเปิดมาเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ในตอนนี้มีผู้ติดตามแล้วถึง 37,000 คน!!   บอกเลยว่าอันนี้อย่างได้ https://www.instagram.com/p/BuwLZDYBbNJ/   โดยในวิดีโอแรกที่ทั้งคู่โพสต์ลงในโซเชียลเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ก็คือวิดีโอที่ทั้งคู่สวมแว่นตาดำดูดปุ๊นกันอย่างสบายอารมณ์ด้วยบ้องแบบ DIY ที่ทำมาจากขวดน้ำผลไม้ จากนั้นทั้งคู่ก็ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องกัญชาอย่างต่อเนื่องแถมบางทียังแสดงความหลุดด้วยการแต่งตัวแปลกๆ สร้างสีสันและเสียงฮาจากแฟนๆ ได้เป็นอย่างดี   ยอมแล้วจ้า เต็มปอดแล้วมั้งเนี่ย https://www.instagram.com/p/Buw-hlOBFPu/…

ความรักความห่วงใยที่มีให้กันระหว่างคนในครอบครัว ต้องบอกว่าเป็นสายใยที่มีความแข็งแกร่งเอามากๆ ซึ่งก็มีเหตุการณ์ที่พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วมากมายบนโลก รวมถึงเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นในประเทศจีนเหตุการณ์นี้…   หวัง เสวี่ย ผู้เป็นภรรยาวัย 23 ปี   เมื่อคืนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นที่อาคารแห่งหนึ่งในเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน ซึ่งในเหตุฉุกเฉินเช่นนี้มีคู่สามี – ภรรยาที่สามารถเอาชีวิตรอดมาจากเปลวไฟได้อย่างหวุดหวิด หลังจากที่ผ่านเหตุร้ายมาได้หวัง เสวี่ย ผู้เป็นภรรยาวัย 23 ปีก็เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟังทั้งน้ำตานองหน้า ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องความรักระหว่างเธอและสามีที่เธออาจลืมไม่ลงไปตลอดทั้งชีวิต จากการที่ทั้งคู่ไม่อาจทิ้งกันได้ลงคอ   หลี่ ซั่ว ผู้เป็นสามีวัย 24 ปี   เธอเล่าว่าในเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันนั้น ขณะที่เธอและสามีกำลังนอนหลับอยุู่ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้นมาว่า ‘ช่วยด้วย’ อีกทั้งมีเสียงวิ่งมากมายเกิดขึ้นในชั้นที่ทั้งคู่อาศัยอยู่ จึงได้ปลุกสามีขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทั้งสองก็พบว่าได้เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นโดยที่ไฟนั้นได้ลุกลามมาถึงกระจกห้องนอนของทั้งคู่ ในเวลาตอนนั้นทางหลี่ ซั่ว ผู้เป็นสามีวัย 24 ปีจึงคิดแค่เพียงว่าไม่ว่าจะอย่างไรจะต้องหาทางหนีจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ให้ได้ เขาเล่าว่าในตอนนั้นความคิดที่แล่นอยู่ในหัวคือจะทำอย่างไรให้ภรรยาของเขารอดก่อน เขาจึงตัดสินใจให้ภรรยาวิ่งลงบันไดนำหน้าไปก่อน โดยที่ตนจะคอยเฝ้าระวังหลังให้   ตึกที่ถูกไฟไหม้   “ตอนนั้นควันมันดำมากฉันมองอะไรไม่เห็นเลย ไม่รู้ว่าพอวิ่งลงไปถึงชั้นไหนไม่รู้ ฉันเรียกชื่อเขาแต่ไม่ได้ยินเสียงเขาขานรับ ฉันก็เลยวิ่งกลับไปตามหาตะโกนเรียกชื่อเขาไปด้วย ตอนนั้นมันร้อนมากๆ…

จริงอยู่ที่ว่าเรื่องของ ‘ทรงผม’ จะเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ใครอยากทำแบบไหนก็แล้วแต่ความพอใจของคนคนนั้น แต่ว่าบางทีทรงผมที่มันดูแปลกประหลาดไม่เหมือนกับชาวบ้านชาวช่องเขามันก็เป็นอะไรที่เตะตาเสียจริงๆ ดั่งเช่นตัวอย่างของชายชาวไต้หวันคนนี้ที่ทรงผมของเขามันเป็นเหลี่ยมๆ บล็อกๆ ยังกับหลุดออกมาจากเกม ‘มายคราฟต์’ ยังไงยังงั้น และนั่นเองทำให้เขากลายเป็นกระแสไวรัลไปโดยปริยาย     ชื่อของนาย Wu Goren ชายชาวไทเปวัย 59 ปีได้เป็นที่รู้จักกับชาวโลกเป็นครั้งแรกในปี 2014 จากภาพทรงผมของเขาที่มีมือดีถ่ายเอาไปลงโซเชียล ซึ่งความแปลกนี้ของเขาก็ดังซะจนถึงขนาดที่ว่ามีสื่อท้องถิ่นไปสัมภาษณ์     โดยสื่อได้ถามนักวิทยาศาสตร์เคมีประจำโรงพยาบาล National Taiwan University Hospital คนนี้ว่าได้แต่ทรงผมของเขาใดมา ซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่ามันเริ่มขึ้นจากความที่เขาถูกผู้หญิงปฏิเสธไม่รับรัก เขาจึงหาวิธีที่จะเปลี่ยนตัวเองให้ดูหนุ่มลงราวกับมีอายุช่วง 20 – 30 ปี ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่พบเจอทรงผมเหลี่ยมๆ ของเขาส่วนมากจะเห็นว่าเขาเด็กลงหรือไม่ แต่ที่รู้ๆ คือมันสะดุดตาเหลือคณานับ     อย่างไรก็ตามตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เป็นข่าวครั้งแรก เขาก็ยังคงไว้ผมทรงนี้อยู่และมีความสุขมากๆ กับการที่มีผู้คนถ่ายรูปไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน จนตอนนี้ก็มีภาพของเขานับได้เป็นอัลบั้มๆ และได้กลับกลายมาเป็นไวรัลอีกครั้งหนึ่ง แต่นับถึงตอนนี้ Wu ก็ยังคงไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักทีแม้ว่าจะเด่นเพียงใด ทว่าเขาก็ยังคงไว้วางใจกับผมทรงเหลี่ยมนี้ว่าจะสามารถดึงดูดสาวๆ ได้ในวันข้างหน้า     โดยสื่อรายงานว่า ช่างตัดผมมืออาชีพต้องใช้เวลากว่า 2…

ในโอกาสวันแสนพิเศษอย่างวันเกิดของคุณพ่อคุณแม่ ลูกๆ หลายคนก็คงสรรหาวิธีต่างๆ มาทำให้พวกเขาประทับใจอย่างการพาไปทานข้าว พาไปชอปปิง หาซื้อของขวัญต่างๆ ให้ แต่ว่ามีลูกชายคนหนึ่งที่การอวยพรสุดแหวกของเขาอาจทำให้คุณพ่อต้องจดจำไปทั้งชีวิต เพราะใครจะไปคิดว่าเขาจะสามารถทำให้คุณพ่อมีสายโทรเข้ามาอวยพรได้ถึง 15,000 สาย!!   ป้ายโฆษณาอันใหญ่ยักษ์   เรื่องมีอยู่ว่าในวันที่ 16 มีนาคมปีนี้คุณพ่อชื่อว่า Chris Ferry จะมีอายุได้ 62 ปี ลูกชายขี้แกล้งของเขาจึงได้คิดค้นหาวิธีใหม่ๆ ในการอวยพรขึ้นมาเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับคุณพ่อ และวิธีที่ว่านี้ก็คือเขาได้ทำการเช่า ‘ป้ายโฆษณา’ ขนาดใหญ่ยักษ์ในเมือง Linwood รัฐนิวเจอร์ซีย์ที่ทั้งคู่อาศัยอยู่ แล้วก็เอาเบอร์โทรศัพท์ของคุณพ่อไปแปะไว้พร้อมกับข้อความว่า ‘ช่วยอวยพรวันเกิดให้พ่อของผมหน่อย จากลูกสุดที่รัก…’   พ่อรู้ว่าโดนแกล้งปุ๊บแทนที่จะโกรธ กลับไปเซลฟี่!!   ทางด้านคุณพ่อก็เพิ่งมารู้ความจริงว่าถูกลูกแกล้งจากความที่มีชายชื่อว่า Nick โทรเข้ามาอวยพรวันเกิด ด้วยความแปลกใจคุณพ่อจึงถามชายคนนี้ไปว่ารู้ได้ไงว่าวันเกิดของเขากำลังจะมาถึง ปลายสายก็ตอบกลับมาว่า ‘ผมเห็นในป้ายโฆษณา’ ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องขำๆ เรื่องเล็กๆ และมีแค่คนท้องถิ่นที่จะเห็นเพียงเท่านั้น ซึ่งก็มีคนแปลกหน้าโทรศัพท์เข้ามาอวยพรวันเกิดแค่ไม่กี่คน แต่ว่าหลังจากที่มันกลายเป็นไวรัลในอินเทอร์เน็ต มันก็ลามเร็วราวกับไฟลามทุ่ง…   ลูกชายขี้แกล้งของเขา   โดยตั้งแต่วันแรกที่ป้ายโฆษณานี้ได้ถือกำเนิดขึ้นคือวันที่ 6 มีนาคมจนถึงวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา คุณพ่อ…

คำเตือน: บทความนี้อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่รุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม…   เมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดเรื่องราวที่ได้รับการพูดถึงอย่างเป็นวงกว้างในโซเชียล จากความที่คุณพ่อคนหนึ่งถูก ‘ใบมีดโกน’ บาดจนเป็นแผลลึก เพราะมีใครบางคนนำมันไปติดไว้กับชิงช้าในสนามเด็กเล่น!!   มือของคุณพ่อที่โดนใบมีดบาด   Ross Lambert คุณพ่อวัย 39 ปีได้โพสต์เฟซบุ๊กเตือนให้ผู้อื่นระมัดระวังเวลาที่ใช้งานพื้นที่สาธารณะ หลังจากที่เขาถูกมีดโกนบาดขณะที่อยู่ในพื้นที่เด็กเล่นของเมือง Bathgate ประเทศสกอตแลนด์ โดยในเวลานั้นเขาเล่าว่าได้ไปที่สนามเด็กเล่นกับ Chloe ลูกสาววัย 13 ปีของเขา แต่ว่าก็ถูกใบมีดบาดมือเข้าอย่างจังจากความที่มีใครสักคนนำมันมาติดไว้กับชิงช้า จนเขาต้องรีบเข้าโรงพยาบาลไปเย็นแผลอย่างเร่งด่วน   ใบมีดที่มีมือดีนำมาติดไว้   แต่ทั้งนี้เขาก็บอกว่าอย่างน้อยมันก็ยังเป็นเรื่องดีที่เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเขาเอง ไม่ใช่กับเด็กๆ ที่มาใช้สนามเด็กเล่น… “ผมพาลูกสาวกับหมาไปที่สนามแห่งนั้นแล้วก็พบมันถูกติดเอาไว้กับชิงช้า พวกคนพวกนี้ทำอะไรลงไป ลองนึกภาพถ้าไม่ใช่ผมโดนแต่เป็นเด็กอายุ 4 ขวบล่ะ” Ross กล่าว   แผลลึก   โดยในตอนนี้เรื่องนี้ได้ถูกแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและสภาเมืองแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งพวกเขากล่าวว่าจะดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ “นี่เป็นอะไรที่บ้าบิ่นและน่าห่วงอย่างมากเราตระหนักถึงเรื่องนี้ดี ในตอนนี้สนามเด็กเล่นแห่งนั้นได้รับการตรวจสอบแล้วและใบมีดก็ถูกนำออกไปแล้ว” “โดยปกติเราก็จะมีการตรวจสอบและดูแลรักษาสนามเด็กเล่นอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ซึ่งหากมีปัญหาในการใช้งานใดๆ เราก็ขอให้ประชาชนรายงานสิ่งที่พบเจอมาทางเราด้วย” สภาเมืองกล่าว   ได้รับการเย็บปิดแผลถึง 3 เข็มด้วยกัน  …

เคยสงสัยกันไหมว่า ณ ปัจจุบันคนที่มีอายุเยอะที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่คือใครกัน แล้วเขาอยู่ที่ประเทศไหนอายุเท่าไหร่ ในวันนี้ข้อสงสัยนี้จะหมดไปเพราะว่าได้มีการพบเจอหญิงคนที่ว่านี้แล้ว…     เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (9 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ของบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ (Guinness World Records) ได้พากันไปที่บ้านพักคนชราในเมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้กับหญิงชราท่านหนึ่ง เธอมีชื่อว่า Kane Tanaka ที่ปัจจุบันถึงมีอายุ 116 ปี จึงทำให้เธอคว้าสถิติคนอายุเยอะที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ไปครองโดยปริยาย… “ฉันมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะขอประกาศว่า Kane Tanaka คือคนที่มีอายุเยอะที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยอายุ 116 ปีกับอีก 66 วัน ณ วันที่ 9 มี.ค. “ Kaori Ishikawa กรรมการกินเนสส์กล่าว     การมอบรางวัลครั้งนี้มีครอบครัวของคุณยายและนายกเทศมนตรีมาร่วมฉลองด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งมอบใบรับรองจากกินเนสส์สถิติให้กับมือของคุณยายเองเลย โดยอันที่จริงแล้วเมื่อครั้งอดีตคุณยายเคยเผชิญกับโรคร้ายอย่างมะเร็งมาก่อนแต่ก็สามารถเอาชนะมันมาได้ ส่วนในตอนนี้กิจกรรมโปรดที่คุณยายโปรดปรานก็คือการเล่นบอร์ดเกม ‘โอเทลโล่’ และมีอยู่ส่วนหนึ่งของงานที่มีคนถามว่าคุณยายชอบชีวิตช่วงใดมากที่สุดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณยายก็ตอบว่า ‘ตอนนี้ยังไงล่ะ’!!     โดยคุณยาย Tanaka เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 1903 เป็นลูกคนที่ 7 จาก…

เวลาที่เราลืมเอาหนังสือหรือกระเป๋าไปโรงเรียน เราอาจจะบอกกับคุณครูว่า ‘ลืมเอามาครับ/ค่ะ’ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาจากนั้นก็นั่งชิลๆ ลอยไปลอยมาแต่ว่ามีเด็กคนหนึ่งที่ไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น เพราะเขาลงทุนวิ่งตามรถแม่เป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร จากความที่เขาลืมกระเป๋าเอาไว้บนรถและจะเอาไปโรงเรียนให้ได้!!   แม๊!!!   เรื่องราวที่ว่านี้ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ที่ผ่านมาในเมืองหนิงกั๋ว มณฑลอันฮุย โดยเริ่มจากคุณแม่ได้ไปส่งลูกชายชั้นประถมไปโรงเรียนตามปกติ เมื่อถึงโรงเรียนแล้วเด็กชายคนนี้ก็ลงจากรถแต่เพิ่งนึกได้ว่าลืมกระเป๋าเรียนอยู่บนรถของคุณแม่… แต่กว่าที่เขาจะรู้ตัวคุณแม่ก็ขับรถออกไปแล้วเรียบร้อย เด็กชายคนนี้เลยไม่รู้จะทำยังไงและในที่สุดเขาก็ตัดสินใจวิ่งตามรถของคุณแม่หมายจะเอากระเป๋ามาให้ได้ (เขาไม่มีอุปกรณ์สื่อสารใดๆ)   กระเป๋าเจ้ากรรมทำน้องเหนื่อย แม้ว่าจะวิ่งไกลขนาดไหนทว่าก็ดูเหมือนว่าคุณแม่ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าลูกชายได้วิ่งตามรถมา จนกระทั่งทางโรงเรียนได้โทรไปแจ้งกับคุณแม่ว่าลูกชายของเธอยังไม่ได้เข้าเรียนเลย คุณแม่จึงร้อนใจอย่างหนักด้วยความกลัวว่าลูกชายจะหายตัวไป และได้เข้าแจ้งความเรื่องนี้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ   เจอแล้วจ้า ที่แท้วิ่งตามรถนี่เอง   ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจดูกล้องวงจรปิดในละแวกโรงเรียน แล้วก็พบกับความจริงที่เกิดขึ้นว่าเด็กชายคนนี้วิ่งตามรถของแม่มา ซึ่งเป็นจุดที่มีระยะห่างจากโรงเรียนถึง 2 กิโลเมตรเลยทีเดียว… ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่จึงได้พาตัวเด็กชายคนขี้ลืมกลับบ้านมาหยิบกระเป๋าหนังสือ และนำไปส่งที่โรงเรียนให้ด้วย เรื่องราวนี้ได้กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล ซึ่งบางคนก็บอกว่าทั้งสงสารทั้งเอ็นดูเด็กชายคนนี้ และบางส่วนก็บอกอดขำไม่ได้จริงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น   ที่มา: chinaxinhuanews

แม้ว่าเกมจะเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าเด็กๆ แต่ว่าบางทีพ่อแม่ก็มีเหตุผลในการห้ามไม่ให้พวกเขาเล่นอาจจะด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ทว่าสำหรับเด็กๆ แล้วก็อาจเกิดความไม่พอใจเกิดขึ้นได้ ดั่งเช่นในกรณีที่เกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกานี้ ที่ลูกชายวัย 11 ขวบใช้ปืนของคุณพ่อที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเข้าใส่ ‘บั้นท้าย’ ของพ่อ เพราะถูกพ่อยึดเกมไปหมด!?   คุณพ่อที่ถูกยิงก้น   เรื่องมีอยู่ว่าเด็กหนุ่มวัย 11 ปีที่ไม่เปิดเผยชื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ หลังจากที่เขาก่อเหตุใช้ปืนยิง Matt Makowski คุณพ่อที่มีอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยอาวุธที่เด็กคนนี้ใช้ก็ไม่ใช่อื่นใด เพราะมันคือปืน .45-Caliber ปืนประจำตำแหน่งของคุณพ่อนั่นเอง ซึ่งอันที่จริงแล้วคุณพ่อได้เก็บปืนนี้เอาไว้ในรถตำรวจที่ล็อกไว้ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากจะให้มันอยู่ไกลมือเด็กๆ แต่เด็กหนุ่มคนนี้ก็ยังไปเอามาได้…     เหตุการณ์ในวันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าพวกเขาได้รับแจ้งเหตุยิงกันที่บ้านแห่งหนึ่งในรัฐอินเดียน่าเวลาประมาณ 23.00 น. ซึ่งเมื่อไปถึงเด็กหนุ่มคนนี้ก็ยอมมอบตัวแต่โดยดี ส่วนคุณพ่อก็ถูกส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน     ทางด้าน Allison Makowski ผู้เป็นแม่ของเด็กคนนี้ก็ให้การกับตำรวจว่า ขณะนั้นเธอและสามีกำลังนอนหลับกันอยู่ ก่อนที่จะได้ยินเสียงดังลั่นตามมาด้วยเสียงร้องทรมานของสามี เธอจึงรีบวิ่งไปหาลูกและได้พบกับปืนถูกวางทิ้งไว้บนพื้นนอกห้องนอน เธอจึงรีบเข้าไปหยิบปืนมาในทันทีพร้อมกับโทรแจ้ง 911 จากนั้นก็รีบไปซ่อนตัวในห้องหลังจากเห็นลูกชายเดินขึ้นบันไดมาพร้อมกับปืนบีบีกันและปืนช็อตไฟฟ้า จนกระทั่งตำรวจมาถึงเธอจึงสามารถออกจากที่ซ่อนได้     ทางด้านผู้ก่อเหตุได้สารภาพกับเจ้าหน้าที่ว่าเขาอยากจะเล่นเครื่องเล่น PlayStation, Xbox กับคอมพิวเตอร์ และปิดท้ายด้วยประโยคที่ว่า “จะเอาสิ่งพวกนี้ให้ผมหรืออยากจะมีพาร์ท 2…

บางครั้งการช่วยชีวิตผู้อื่นก็อาจจะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดของตัวเอง ดั่งเช่นกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศจีนกรณีนี้ ที่ตำรวจหญิงคนหนึ่งถูกกัดนิ้วมือจนร้องไห้ เพราะเธอได้ยื่นนิ้วเข้าไปในปากของหญิงคนหนึ่งเพื่อป้องกันการกัดลิ้นจากอาการชัก!!     เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นในช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ผ่านมา (4 มี.ค.) เมื่อหญิงวัย 50 ปีคนหนึ่งได้ไปทำธุระบริเวณสถานีตำรวจเมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน แต่ว่าจู่ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับเธอเมื่อเธอเกิดอาการล้มชักอยู่บริเวณบันไดหน้าสถานีตำรวจ     อาการของเธอไม่ค่อยสู้ดีนักทั้งมีอาการสั่นเกร็งไปทั่วทั้งตัวรวมถึงมีน้ำลายฟูมปาก จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างมามุงให้ความช่วยเหลือกันยกใหญ่ พวกเขาได้ทำการกดโทรศัพท์หาสายฉุกเฉิน แต่ว่าในระหว่างนั้นอาการของเธอก็แย่ลงเรื่อยๆ จนหน้าเริ่มจนเปลี่ยนสี อีกทั้งมีการกัดบริเวณมุมปากเกิดขึ้น     เมื่อเห็นดังนั้นตำรวจหญิงนามว่า Ye Yinying จึงตัดสินใจเอานิ้วสอดเข้าไปในปากของหญิงคนนี้ เนื่องจากกลัวว่าอาการชักจะทำให้เธอกัดลิ้นของตัวเองจนเป็นอันตรายถึงชีวิต จนทำให้คุณตำรวจถูกหญิงคนนี้กัดนิ้วเข้าอย่างจังๆ บริเวณนิ้วกลาง     ในเวลาต่อมารถฉุกเฉินได้มาถึงและรับตัวหญิงผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลได้อย่างทันเวลาจนเธอพ้นขีดอันตราย… ส่วนคุณตำรวจ Ye ก็ได้นำนิ้วให้ทางแพทย์ดูก็พบว่ามีอาการช้ำและเลือดออกใต้เล็บเล็กน้อย ซึ่งทางแพทย์ก็ได้ทำการฆ่าเชื้อให้เป็นที่เรียบร้อย     แม้จะมีเสียงติติงอยู่บ้างว่าการเอานิ้วแหย่เข้าไปเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เพราะหากมีข้อผิดพลาดเช่น โดนกัดนิ้วขาด ลงไปอุดหลอดลม นั่นจะยิ่งทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต แต่อีกส่วนก็มองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งความกล้าหาญที่คุณตำรวจหญิงคนนี้แสดงออกมาเช่นกัน…   ที่มา: kuaibao

หากว่าพูดถึงสระว่ายน้ำหลายคนคงจะนึกภาพของสระสี่เหลี่ยมธรรมดาๆ ที่มีความลึกแค่ประมาณมิดหัว แต่คุณอาจลืมความนั้นไปได้เลยถ้าหากได้เห็นสระว่ายน้ำที่ลึกที่สุดในโลกแห่งนี้ ซึ่งมันมาพร้อมกับความลึกถึง 45 เมตร!!     สระว่ายน้ำชื่อว่า DeepSpot เป็นสระน้ำที่ตั้งอยู่ในเมือง Mszczonów เมืองที่ห่างออกไป 40 กิโลเมตรจากกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ซึ่งสระน้ำแห่งนี้มีกำหนดจะเปิดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้     ความพิเศษของสระว่ายน้ำแห่งนี้ก็คือ ‘ความลึก’ ที่ลึกถึง 45 เมตรซึ่งถือว่าเป็นสระน้ำที่ลึกที่สุดในโลกแซงหน้าสถิติเดิมของสระว่ายน้ำในประเทศอิตาลีที่มีความลึกเพียง 40 เมตร ด้วยความลึกที่มากถึงขนาดนี้จึงทำให้มีการใช้น้ำถึง 8,000 คิวบิกเมตรสำหรับสระเลยทีเดียว…     แต่ว่านอกจากสระน้ำที่เป็นเอกลักษณ์แล้วที่นี่ก็ยังมีส่วนอื่นๆ ให้เยี่ยมชมด้วย อย่างเช่นอุโมงค์ใต้น้ำ โรงแรม ห้องอาหารและห้องประชุมที่ตกแต่งอย่างสวยหรู     อย่างไรก็ตามก็เป็นที่น่าเสียดายที่สระน้ำแห่งนี้อาจจะถือสถิติสระว่ายน้ำที่ลึกที่สุดในโลกได้เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียงเท่านั้น เพราะสระ Blue Abyss ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในประเทศอังกฤษกำลังจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ และสระที่นี่ก็มีความลึกถึง 50 เมตรเลยนั่นเอง     ก็เอาเป็นว่าถ้าใครไม่กลัวน้ำลึกหรืออยากจะลองไปดำน้ำเล่นๆ ดู ที่นี่ก็ถือว่าเป็นสระว่ายน้ำที่ตอบโจทย์ข้อนี้ได้อย่างดีสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ!!   ที่มา: ladbible, dailymail

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่รวยจนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร จะเอาไปโปรยเล่นก็กลัวทำคนตีกัน จะเอาไปเผาทิ้งก็กลัวโลกร้อน บางทีไอเทมชิ้นนี้อาจจะเป็นไอเทมที่คุณกำลังมองหาอยู่ก็เป็นได้ เพราะนี่คือสุดยอดไอเทมสำหรับคนรวยๆ อย่างคุณ!! เพราะมีบริษัทผลิตจิวเวลรี่แห่งหนึ่งผลิต ‘ตะเกียบ’ อุปกรณ์สำหรับไว้คีบอาหารธรรมดาๆ แต่ว่ามันกลับมีราคาแสนแพงถึง 139,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราวๆ 4.4 ล้านบาท)!!   หน้าตาของตะเกียบสุดแพง   โดยเจ้าตะเกียบที่ว่านี้เป็นผลงานของ Paul Amey ยอดช่างทองแห่งบริษัท Erotic Jewellery ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งความวิเศษของเจ้าตะเกียบนี้ก็คือความเป็นทองคำ 18 กะรัตนั่นเอง     “พวกเราชอบอาหารชั้นเลิศโดยเฉพาะอาหารจีนแบบไฮเอนด์ แต่ก็ไม่เคยมีอุปกรณ์การกินที่คู่ควรกับมัน ผมจึงตัดสินใจผลิตมันขึ้นมาเป็นของตัวเอง” Amey กล่าว     โดยนอกจากตัวตะเกียบที่เป็นทองคำ 18 กะรัตแล้ว มันยังถูกประดับประดาไปด้วยเพชร ไข่มุก และไม้ Ebony (ไม้เนื้อแข็งสีดำจำพวกไม้มะเกลือ) ซึ่งกว่าจะได้ตะเกียบนี้มาต้องใช้เวลากว่า 340 ชั่วโมงในการทำ   คลิปวิดีโอสัมภาษณ์เกี่ยวกับเจ้าตะเกียบอันนี้ (ดูไม่ได้คลิ๊กที่นี่)  ส่วนอีกหนึ่งความพิเศษของตะเกียบนี้คือมันสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย อย่างเช่นไข่มุกที่ห้อยอยู่ตรงท้ายของตะเกียบสามารถที่จะนำออกไปเป็นเครื่องประดับได้     ก็เอาเป็นว่าถ้าหากใครอยากมีอุปกรณ์การกินที่สุดแสนจะหรูหราก็ลองหาซื้อมาใช้กันได้ ซึ่งสามารถคลิ๊กเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ eroticjewellery กันเล้ย!!…

ในปัจจุบันเรื่องเพศที่สามเป็นเรื่องที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีประเด็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘เพศ’ เกิดขึ้นให้เห็นอยู่เสมอ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เข้าข่ายเรื่องนี้… โดยเหตุการณ์ที่ว่านี้ได้เริ่มจากความที่ชายชื่อว่า Michael Garcia กับ Arnaldo แฟนหนุ่มของเขาได้ทำการจองสปา Joy Feet Spa ในรัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐฯ เพื่อเข้ารับการนวดแบบ Couples Massage (การนวดแบบพิเศษระหว่างคู่รัก)     ทั้งคู่ได้ทำการจ่ายเงินจำนวน 109 ดอลลาร์ (ราวๆ 3,400 บาท) ผ่านทางเว็บไซต์ที่ทำการจองเรียบร้อย แต่พอถึงวันที่พวกเขาไปใช้บริการ Jerry Liu ผู้จัดการชาวจีนของทางร้านก็กลับปฏิเสธว่าไม่สามารถให้บริการได้ ซึ่งในวิดีโอที่โพสต์ในโลกออนไลน์จะเห็นได้ว่านาย Liu ได้หัวเราะออกมาด้วยขณะที่ทั้งคู่ยืนยันว่าพวกเขาเป็นคู่รักกันจริงๆ นอกจากนี้ระหว่างที่นาย Garcia พูดเถียงกับนาย Liu ว่าทางร้านเลือกปฏิบัติและไม่ให้บริการเพราะพวกเขาเป็นเกย์ นาย Liu ก็อธิบายว่า Couples Massage จะให้บริการเฉพาะคู่ชายและหญิงเท่านั้น พร้อมกับชี้ไปที่โปสเตอร์ที่เป็นภาพชายหญิงเพื่อเป็นการยืนยัน ก่อนที่ในที่สุดผู้จัดการคนนี้จะแนะนำทั้งคู่ให้เข้ารับการนวดแบบเดี่ยวแทน   คลิปวิดีโอขณะคู่รักเถียงกับนาย Liu    หลังจากที่วิดีโอนี้ได้เผยแพร่ออกไปก็ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์นาย Liu อย่างมากมาย จนสุดท้ายแล้วเขาก็ออกมากล่าวขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ผมต้องขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำจำกัดความของคำว่า ‘คู่รัก‘ ผมรู้แล้วว่าคู่รักหมายถึงคนสองคนที่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน…

หลายคนอาจจะเคยเห็นกับโรคแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับคนเรามากมาย แต่ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นกรณีที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะมีโรคที่แปลกซะยิ่งกว่าแปลกเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่ง และทำให้เธอสูญเสียความจำตลอดช่วง 40 ปีไป… เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นกับหญิงชื่อว่า Kim Denicola ชาวรัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งมันได้เริ่มจากการที่เธอมีอาการปวดหัวและสายตาพร่าเบลอขณะที่อยู่ในโบสถ์ จึงได้บอกสามีถึงอาการที่เกิดขึ้น เมื่อที่ได้รับรู้อาการของภรรยา ทางสามีก็บอกให้เธอรีบไปห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลในทันที แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นานก็มีคนเห็นเธอนอนสลบอยู่ที่ลานจอดรถของโบสถ์แห่งนั้น จึงรีบนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน     โดยหลังจากที่แพทย์ได้ทำการรักษาและปล่อยให้เธอนอนพักฟื้น เธอก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งแต่ว่าการตื่นขึ้นมาครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ เพราะเธอไม่สามารถจำอะไรได้ รวมทั้งยังตอบคำถามที่พยาบาลทำการทดสอบผิดหมดทุกข้อ “คุณพยาบาลถามฉันว่ารู้ไหมว่าวันนี้วันอะไรและเป็นปีอะไร ฉันก็ตอบไปว่ารู้สิปี 1980 ไง แล้วพยาบาลก็ถามฉันต่ออีกว่า ‘บอกหน่อยได้ไหมตอนนี้ใครเป็นประธานาธิบดีอยู่’ ฉันก็ตอบไปว่า Ronald Regan ไงล่ะ” Kim ให้สัมภาษณ์   Kim ออกมาเล่าเหตุการณ์ในชีวิต    แต่ส่วนที่แย่ยิ่งกว่าการหลงลืมวันเวลาของ Kim ก็คือเธอจำใครที่อยู่ในชีวิตของเธอไม่ได้เลยแม้แต่ David สามีที่อยู่กินกันมาตลอดระยะเวลา 17 ปี ซึ่งเขาได้เดินเข้ามาในห้องจับมือของเธอทั้งน้ำตา ทว่าในสายตาของเธอแล้วเขาเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่งเพียงเท่านั้นเอง… Kim เล่าว่าเธอจำไม่ได้ว่าเคยแต่งงานแล้ว รวมทั้งจำได้ว่าช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เธอจะสลบไปเธอมีอายุเพียง 18 ปีและอยู่ในช่วงปี 1980…

เราอาจจะเคยได้ยินมาว่าคนที่มีอายุเยอะจะต้องกินอาหารที่ค่อนข้างดีต่อสุขภาพ เพราะร่างกายที่เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาอาจทำให้ร่างกายไม่ดีเหมือนดั่งวันวาน แต่ว่ามีคุณยายคนหนึ่งจะมาพิสูจน์ให้โลกได้เห็นว่าอายุเยอะแล้วไงใครแคร์ จากความที่คุณยายซัดแหลกทั้งแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม แถมด้วยเบอร์เกอร์ที่โปรดปราน!!   ซัดให้เรียบ   เมื่อไม่นานมานี้คุณยายวัย 98 ปีที่รู้จักกันในนาม Grandma Foodie (คุณยายนักกิน) ได้กลายเป็นเซเลบในโลกโซเชียลของประเทศจีน หลังจากที่ทำคลิปร่วมกับหลานสาวลง TikTok ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา   อย่อย   โดยคลิปส่วนใหญ่ของคุณยายชาวมณฑลเสฉวนก็คือการกิน กิน กิน แล้วก็กิน และอาหารที่เธอชอบยิ่งนักก็คือจำพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หม้อไฟ (ชอบกินเผ็ดมว๊ากก) รวมถึงเบอร์เกอร์ที่คลิปวิดีโอหนึ่งเธอกินมันเร็วเกินจนฟันหลอมหลุดเลย…      โดยตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงตอนนี้คุณยายมีผู้ติดตามในโซเชียลแล้วกว่า 416,000 คน ซึ่งคนจำนวนมากก็บอกว่ายินดีด้วยจริงๆ ที่เธอมีความสุขกับชีวิตแม้ว่าอายุอานามจะปาไปเกือบๆ 100 ปีแล้วก็ตาม “ฉันคิดว่าความต่างคือสิ่งที่ทำให้เธอดังได้นะ”  “ยายดื่มโค้กกินเบอร์เกอร์ ชอบกินอาหารเผ็ดๆ แล้วก็อาหารที่มันๆ แม้ว่ามันจะดูไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนักแต่เธอก็มีอายุยืนยาวมากๆ เลย” Cai หลานสาวของคุณยายกล่าว   ตัลล้าก   นอกจากนี้ในครั้งหนึ่ง Cai ยังเล่าว่ามีเหตุการณ์น่ารักๆ ของคุณยายเกิดขึ้น ในตอนนั้นเธอบอกกับยายว่ามีคนจำนวนมากชอบคุณยายจากคลิปวิดีโอ แต่ด้วยความที่คุณยายนั้นไม่รู้จักกับโลกโซเชียลแม้แต่น้อย…

เรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคนอาจมีแง่มุมที่เราต้องการคำปรึกษาจากคนอื่นๆ บ้างเป็นบางเรื่อง แต่ว่าเรื่องราวของหนุ่มคนนี้อาจเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะอธิบายยากเสียจริงๆ ซึ่งจะเกิดอะไรขึ้นนั้นมาลองติดตามเรื่องของเขากัน…     เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องราวชีวิตของหนุ่มรายหนึ่ง ที่เริ่มสังเกตว่าถุงเท้าที่มีของเขาทั้งหมดมันเริ่มเหลือน้อยเต็มทีและสงสัยว่ามันหายไปไหนหมด เขาจึงนำเรื่องนี้ไปถามกับแฟนสาวเผื่อว่าเธอนำมันไปซัก แต่เขาไม่คิดเลยว่าคำถามง่ายๆ เช่นนี้จะทำให้เกิดเรื่องราวบานปลายจนเกิดการทะเลาะกันขึ้นมา เพราะจริงๆ แล้วเกี่ยวกับความลับบางอย่างที่ฝ่ายหญิงซ่อนเอาไว้ ซึ่งพอถูกจับได้เธอก็ร้องไห้ออกมาซะอย่างนั้น ชายคนนี้จึงได้ขอความช่วยเหลือจากชาวเน็ตหลังจากที่ได้รู้ความลับอัน ‘แปลกประหลาด’ ของแฟนสาวว่าเขาจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี     ชายผู้ไม่ประสงค์จะออกนามวัย 28 ปีได้ตั้งกระทู้ถามในเว็บบอร์ด Reddit ถึงเรื่องราวนี้… เขาเริ่มเล่าว่าเขาและแฟนสาวอายุ 26 ปีเพิ่งรู้จักกันไม่นานนัก แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาอย่างรวดเร็วและตอนนี้ก็ย้ายมาอยู่ร่วมกันแล้วเป็นที่เรียบร้อย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็รับหน้าที่เป็นคนดูแลจัดการซักรีดเสื้อผ้าและไม่เคยยอมให้เขาช่วยแม้แต่น้อย ซึ่งในตอนแรกเขาก็คิดว่านี่อาจเป็นเรื่องน่ารักๆ ในชีวิตคู่ที่เธออยากจะทำให้กับเขา แต่เขาไม่รู้เลยว่าจริงๆ มีอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอรับหน้าที่เป็นแม่บ้านเช่นนี้     ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเรื่อยมาด้วยความปกติดี จนในวันหนึ่งขณะที่ไปเปิดถังขยะดู หนุ่มรายนี้ก็ได้ค้นพบกับถุงเท้าของเขาจำนวนมากอยู่ในถุง และที่สำคัญคือมันดูเหมือนกับ ‘เปื้อนขรี้’ แทบจะทุกข้าง!! เขางงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเขากับแฟนสาวก็ไม่มีทั้งสัตว์เลี้ยงหรือลูกน้อย เขาจึงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับถุงเท้า รวมทั้งขรี้ที่ติดมันมาได้อย่างไรกัน หนุ่มรายนี้ได้นำเรื่องนี้ไปถามกับแฟนสาว ซึ่งในที่สุดแล้วเธอก็ยอมรับสารภาพออกมาว่า เป็นเธอเองที่นำถุงเท้าของแฟนหนุ่มไปใช้เช็ดก้นแทนที่กระดาษชำระทั่วๆ ไป!!     “ผมถามไปโพล่งๆ เลยว่านี่เป็นเรื่อง Fetish (วัตถุที่แสดงความคลั่งไคล้ทางเพศ อาทิ ชุดชั้นใน รองเท้า ฯลฯ)…

จะเป็นอย่างไรถ้าหากเราเจอเงินก้อนโตมูลค่าเป็นล้านบาทเข้าให้ มันอาจมีความคิดสักนิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวว่าเราจะเก็บเอาไว้ดีหรือว่าจะเอาไปคืนให้เจ้าของดีนะ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องแล้วแต่ด้านดีด้านมืดของแต่ละคนแล้วแหละ… แต่ว่ามีพนักงานทำความสะอาดคนหนึ่งของประเทศอังกฤษ เจอเงินบนรถบัสซึ่งมีมูลค่ามากพอที่จะเปลี่ยนชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลย ทว่าในท้ายที่สุดพนักงานคนนี้ก็ตัดสินใจเอาเงินไปคืนตำรวจหาเจ้าของที่แท้จริงต่อไป     เรื่องราวดีๆ นี้มีอยู่ว่าพนักงานทำความสะอาดของบริษัท Cordant Cleaners ซึ่งเป็นบริษัทที่รับทำความสะอาดให้กับรถ London Bus ในประเทศอังกฤษ แต่ว่ามีอยู่วันหนึ่งพนักงานที่ไม่เปิดเผยชื่อได้ไปพบซองจดหมายซองหนึ่งถูกทิ้งเอาไว้ขณะทำความสะอาด และเมื่อเปิดดูก็ถึงกับแทบช็อกเมื่อในซองนั้นมีเงินอยู่มากมายนับได้ราวๆ 300,000 ปอนด์ (ราวๆ 12 ล้านบาท)!! เงินจำนวนมากขนาดนี้หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นลาภลอยที่พระเจ้าส่งมาให้เป็นรางวัลสำหรับผู้ที่พบเจอ     แต่ในที่สุดแล้วความซื่อสัตย์ที่อยู่ในตัวของพนักงานคนนี้ก็ทำให้ตัดสินใจมอบเงินให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตามหาเจ้าของเงินที่กำลังอาจเดือดร้อนอยู่ นอกจากสิ่งของมีค่าอย่างเงินทองต่างๆ แล้ว พนักงานของบริษัท Cordant ยังบอกว่า พวกเขายังเคยเจอกับสิ่งแปลกๆ มากมายที่ถูกทิ้งเอาไว้บนรถอีก     อย่างเช่นเซ็กส์ทอย กระทะ ที่ตรวจครรภ์ ผ้าอ้อมเด็ก ผ้าอนามัยใช้แล้ว ฟันปลอมและอื่นๆ อีกมากมายจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนทิ้งสิ่งเหล่านี้เอาไว้บนรถบัส…   สำหรับในตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีคนมาแจ้งความเรื่องเงินหายกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วหรือยัง…   ที่มา: dailymail, metro

กลายเป็นเรื่องไวรัลที่ชวนให้มีรอยยิ้มจริงๆ สำหรับเหตุการณ์น่ารักๆ ที่เกิดขึ้นในวิทยาลัยของประเทศสหรัฐฯ เมื่อมีคุณครูท่านหนึ่งอาสาอุ้มเด็กน้อยซึ่งเป็นลูกของนักเรียนให้ เพื่อที่นักเรียนจะได้จดเลคเชอร์ได้อย่างถนัดมากยิ่งขึ้น!! คุณครูนามว่า Nathan Alexander คุณครูสอนคณิตศาสตร์ ณ วิทยาลัย Morehouse College รัฐจอร์เจีย ถูกจับภาพได้ขณะเขากำลังกระเตงเด็กน้อยคนหนึ่งไว้ที่หน้าอก แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ทำก็คือสอนหนังสือนักเรียนไปด้วย   ภาพของคุณครูที่กลายเป็นไวรัล   เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขาแต่อย่างใด แต่เป็นลูกของนักเรียนชายคนหนึ่งที่ต้องพาลูกมาโรงเรียนด้วย เนื่องจากเขาไม่มีคนดูลูกให้ในเวลาที่มาเรียนนั่นเอง “นักเรียนคนหนึ่งมาเข้าคลาสวันนี้พร้อมกับลูกของเขาเพราะไม่มีใครดูลูกให้ คุณครู Nathan Alexander จึงพูดออกมาว่า ‘เดี๋ยวผมดูลูกคุณให้เอง คุณจะได้จดโน้ตได้ดียิ่งขึ้น” ทวิตเตอร์ของ Nick Vaughn นักเรียนคนหนึ่งในคลาสกล่าว   ทวิตเตอร์ที่เผยแพร่ภาพของคุณครูคนเก่ง   ภาพของคุณครูกลายเป็นไวรัลที่มียอดกดไลก์สูงถึง 42,000 ครั้ง แถมยังได้รับการรีทวีตอีกนับหมื่นเลยทีเดียว “เขาไม่เพียงแต่สอนทั้งคาบด้วยเด็กน้อยที่ยังอยู่ในอ้อมอกนะ เขายังอยู่ต่อหลังเลิกเรียนเพื่อช่วยตอบคำถามให้กับนักเรียนที่สงสัยในบทเรียนที่เขาสอนด้วย และในเวลานั้นเด็กคนนี้ก็ยังอยู่กับเขาอยู่เลย” Nick กล่าวเสริม   คุณครูออกมากล่าวขอบคุณ   นอกจากนี้ก็ยังมีนักเรียนคนอื่นๆ ของคุณครูกล่าวชื่นชมเขาที่ทุ่มเทเสียสละตัวเองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งมันเป็นอะไรที่ช่วยเหลือนักเรียนได้มากๆ เลย     “@professornaite เขาคือหนึ่งในคุณครูคนโปรดของฉัน เขาห่วงใยนักเรียนอย่างแท้จริง และมักจะเสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือนักเรียนในเรื่องที่ช่วยได้อยู่เสมอ” “ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากขอแสดงความเคารพอย่างสูงจริงๆ” นักเรียนคนหนึ่งกล่าว…

โดยปกติแล้วเวลาที่เวลาที่คู่สามี – ภรรยาทะเลาะกัน เราจะเห็นข่าวต่างฝ่ายต่างทำร้ายอีกฝ่ายกันจนเป็นภาพชินตา แต่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้อาจทำให้ความคิดเช่นนี้ของคุณเปลี่ยนไป เพราะว่ามีชายคนหนึ่งตัดสินใจ ‘ตัดนิ้วตัวเอง’ ระหว่างที่ทะเลาะกับภรรยา และที่เขาทำอย่างนั้นก็เนื่องจากว่าเขาไม่สามารถทำใจทำร้ายภรรยาได้…     เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่เมืองหลานโจว มณฑลกานซู่ ประเทศจีน เมื่อชายคนหนึ่งถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลจากการที่เขาตัดนิ้วมือของตัวเองถึง 4 นิ้วในขณะที่ทะเลาะกับภรรยาอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนที่บ้าน     ชายวัย 35 ปีคนนี้ได้บอกกับสื่อท้องถิ่นถึงสาเหตุที่ทำเช่นนี้ ซึ่งนั่นก็เพราะว่าเขาต้องการจะคลายความโมโหในเวลานั้นนั่นเอง     “ผมรู้ว่าผมไม่ควรที่จะทุบตีหรือทำร้ายภรรยาของผม ผมเลยหันไปคว้าปังตอที่อยู่ข้างหลังมาตัดนิ้วของตัวเอง ผมทำสิ่งที่โง่เง่าจริงๆ”  ในเวลาต่อมาคุณหมอที่พูดถึงอาการของชายคนนี้ โดยอธิบายว่านิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางและนิ้วก้อยของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจนถึงกระดูก แต่ว่าด้วยความที่ภรรยาของเขารีบนำตัวมาส่งอย่างเร่งด่วน จึงทำให้คุณหมอสามารถต่อนิ้วทั้งหมดกลับคืนได้       “เราได้ทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนเพื่อเชื่อมต่อนิ้วชี้และก็ทำมันได้สำเร็จ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ต้องแจ้งว่าเขาอาจใช้งานได้อย่างไม่ 100% เต็มในอนาคตแน่นอน” ทีมแพทย์กล่าว     ในขณะนี้ทางคุณสามีกำลังนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลหลังจากการผ่าตัด ซึ่งเขาก็บอกว่าทั้งตัวเองและภรรยาต่างก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น…   คลิปวิดีโอของเหตุการณ์นี้ (ดูไม่ได้กดที่นี่)  ที่มา: dailymail

แม้ว่าเรื่องของสิ่งลี้ลับสิ่งที่มองไม่เห็นจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีจริงหรือไม่ แต่ก็มีคนมากมายที่สามารถสัมผัสได้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะมีอยู่จริงผ่านสื่อสัมผัสต่างๆ อย่าง รูป รส กลิ่นหรือเสียงที่ได้เจอ… ซึ่งหนึ่งในคนกลุ่มที่ว่านี้ก็คือชายคนหนึ่ง ที่เขาอ้างว่าเขาได้เจอดีกับวิญญาณร้ายเข้าให้ และต้องทนทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก จากการตกเป็นทาสเซ็กส์ให้กับวิญญาณร้ายตัวนี้ทุกวี่วันเป็นเวลานานกว่า 2 ปีเต็มๆ!!     ชายวัย 39 ปีนามว่า Goxitini Mboweni ชาวเมืองลิมโปโป ประเทศแอฟริกาใต้ อ้างว่าเขาตกเป็นทาสเซ็กส์ให้กับวิญญาณตัวหนึ่งที่มาเยี่ยมเยียนบ้านของเขาทุกวันตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แล้วมันก็เมคเลิฟกับเขาตลอดทั้งคืนจนไม่ได้หลับได้นอน… แต่ว่าเขาก็ค้นพบวิธีที่จะหยุดยั้งความกระหายของผีตัวนี้ได้ จากการที่บรรพบุรุษมาเข้าฝันบอกความลับที่สามารถนำมาใช้หยุดยั้งเจ้าวิญญาณตัวนี้!!     “ผมตกเป็นทาสเซ็กส์ให้กับ tokoloshe (สัตว์ตำนานของแอฟริกา) จอมกำหนัดเป็นระยะเวลานานเกินไปแล้ว และผมก็แฮปปี้มากๆ ที่บรรพบุรุษมาบอกถึงวิธีหยุดเจ้าสิ่งไร้หัวใจที่ว่านี้” “พวกเขาบอกกับผมว่าผมควรไปที่พุ่มไม้แห่งหนึ่งทันทีที่ตื่นนอน ที่นั่นผมจะได้พบกับซากเต่าที่ตายแล้วตัวหนึ่งถูกฝังอยู่ใต้ต้นไม้ จากนั้นให้เอากระดองมันมาไว้ที่ใต้หมอนทุกๆ คืน” “เช้าวันต่อมาหลังจากที่บรรพบุรุษมาบอกวิธีนี้ ผมก็ทำตามทันทีแล้วก็เป็นเซอร์ไพรส์มากๆ ที่ผมได้เจอเต่าถูกฝังไว้ใต้ต้นไม่จริงๆ!! ผมจึงใช้มีดเลาะตัวเต่าออกแล้วเอากระดองไว้ใต้หมอนตามคำแนะนำ” “ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็บอกลากับเจ้าผีร้ายตัวนั้นไปเลย เท้าของมันไม่กล้าย่างกรายเข้าห้องนอนผมอีกแม้แต่น้อย”  Mboweni กล่าว     นอกจากนี้นาย Goxitini ยังเล่าด้วยว่าเขาเผชิญกับภัยจากผีมาตั้งแต่ปี 2017 แล้วก็เพิ่งจะสิ้นสุดลงเมื่อปีที่ผ่านมาด้วยกระดองเต่าศักดิ์สิทธิ์อันนี้ “บรรพบุรุษบอกให้ผมเอามันติดตัวไปด้วยเวลาที่ไปหมู่บ้านอื่น พวกเขาบอกว่าผมควรมัดมันไว้กับหลังแล้วซ่อนไว้ใต้เสื้อ เพราะมันจะทำหน้าที่เป็นเครื่องรางของขลังได้ด้วย” Goxitini กล่าวปิดท้าย  …

ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ในรถ ไม่แน่ว่ามันอาจจะถูกจับภาพได้โดยกล้องวงจรปิดที่ตำรวจติดเอาไว้สอดส่องดูแลท้องถนน แต่ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ตำรวจแห่งประเทศจีนได้ไปเจอเข้ากับพฤติกรรมของคนขับที่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้น เพราะทันทีที่ตำรวจไปเปิดกล้องวงจรปิดดูก็พบว่ามีคนขับรถแอ็คท่าชูนิ้วสองนิ้วให้กล้องเพียบ และนั่นเป็นสิ่งที่ตำรวจบอกว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย!!     เรื่องนี้ได้ถูกพบเมื่อไม่นานมานี้โดยตำรวจจราจรเมืองเยียนไถ มณฑลชานตง ได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดความคมชัดสูงบนทางด่วนแห่งหนึ่ง     แล้วภาพที่ปรากฏในจอก็ทำให้ตำรวจต้องประหลาดใจ เพราะสิ่งที่พวกเขาเจอก็คือคนขับจำนวนมากชูนิ้วให้กล่องขณะที่กำลังขับขี่ยานพาหนะอยู่ หรือไม่ก็มีบางคนที่พยายามยิ้มให้กล้องเมื่อถึงจุดที่กล้องติดตั้งไว้     ในด้านของตำรวจได้เห็นว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นอะไรที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เพราะขณะที่กำลังชูนิ้วให้กล้องหรือพยายามจะยิ้มให้ อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้นั่นเอง (เตือนเพราะห่วงนะเนี่ย) “กล้องวงจรปิดไม่ใช่กล้องถ่ายรูปที่บ้าน โปรดอย่าทำเป็นเรื่องเล่นๆ”  คำที่เจ้าหน้าที่เตือนเอาไว้     โดยนอกจากการชูสองนิ้วแล้ว การทำอย่างอื่นอย่างเช่นเล่นโทรศัพท์มือถือ  สูบบุหรี่ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สามารถก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นเดียวกัน     แต่ที่มากไปกว่าเดิมคือการเล่นโทรศัพท์หรือบุหรี่อาจทำให้ถูกปรับเงินได้สูงสุด 200 หยวน (ราวๆ 960 บาท) เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอีกด้วย…     ที่มา: china xinhua news

สำหรับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่างๆ มันคงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีการแสดงบัตรที่บ่งบอกอายุของผู้ซื้อตามกฎหมายในประเทศนั้นๆ ว่าจะสามารถซื้อได้หรือไม่ แต่ว่ามีหนุ่มคนหนึ่งที่ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เพราะเขาเข้าปั๊มน้ำมันไปเพียงแค่ซื้อ ‘น้ำดื่ม’ ให้แฟน แต่กลับถูกขอให้ต้องแสดงบัตรประชาชนซะอย่างงั้น!!     เรื่องราวสุดแปลกประหลาดที่ว่านี้เกิดขึ้นกับหนุ่มวัย 20 ปีชาวอังกฤษชื่อว่า Joshua Tacey โดยเขาเล่าว่าในวันนั้นเขาได้แวะปั๊มน้ำมัน Esso BP ในมณฑลลิงคอล์นเชอร์ ประเทศอังกฤษ ในเวลาประมาณบ่ายโมง จุดประสงค์ของการเข้าปั๊มน้ำมันในครั้งนี้ก็เพื่อจะไปซื้อน้ำดื่มให้กับ Lizzie Turvey แฟนสาวของเขาที่ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นัก แต่พอเขาหยิบน้ำแล้วนำไปคิดเงิน ก็ปรากฏว่าแคชเชียร์ให้เขาแสดงบัตรที่ยืนยันว่ามีอายุมากกว่า 18 ปี ทั้งๆ ที่เขาเพียงแค่ซื้อน้ำดื่มธรรมดาๆ เท่านั้นไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่อย่างใด     “ผมเข้าไปที่ปั๊มเพื่อจะซื้อน้ำยี่ห้อ Smart Water ให้คุณแฟนที่น่าสงสาร ทว่าพอผมเอามันไปวางที่เคาน์เตอร์ แคชเชียร์คนนั้นก็ถามขอดูบัตรประชาชนของผมซะนี่” “ผมหัวเราะระเบิดออกมาเลย ผู้หญิงที่ต่อคิวผมอยู่ก็หัวเราะด้วยความสับสนด้วยเหมือนกัน ตอนแรกผมนึกว่าเป็นมุกนะ แต่เธอดูเหมือนจริงจังมากเลย” “ผมเลยถามเธอไปว่านี่มันเป็นมุกใช่ไหม เธอก็ตอบมาว่า ‘เปล่านี่ แต่คราวนี้ฉันจะยกให้คุณแล้วกัน’” “ผมแค่คิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระน่ะที่ต้องแสดงบัตรเพื่อซื้อน้ำดื่มธรรมดาๆ ผมเคยได้ยินข่าวเรื่องการขายเครื่องดื่มชูกำลังที่ต้องจำกัดอายุนะ แต่มันไม่ใช่กับน้ำเปล่า” “มันเป็นอะไรที่พูดยากจริงๆ ถ้าเราต้องเผชิญกับอากาศที่โคตรร้อนในซัมเมอร์อย่างปีที่ผ่านมา แล้วมีเด็กเดินเข้ามาซื้อน้ำเขาจะไม่สามารถซื้อได้เพราะมีอายุไม่ถึงเหรอ?” ชายผู้นี้กล่าว     อย่างไรก็ตามน้ำดื่มยี่ห้อ Smart Water…

ภาษีแลกกับน้องหมา…   ได้เกิดเรื่องที่ชวนอึ้งขึ้นที่ประเทศเยอรมนี เมื่อครอบครัวแห่งหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ของทางการยึด ‘หมา’ ไปขายบนเว็บไซต์ออนไลน์ จากการที่พวกเขาติดค้างค่าภาษีและไม่ยอมชำระเสียที!! เรื่องราวแปลกประหลาดที่ว่านี้เกิดขึ้นที่เมือง Ahlen ประเทศเยอรมนี และจุดเริ่มต้นต้องย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายนปี 2018 ที่ผ่านมา ในเวลานั้นเจ้าหน้าที่ของทางการได้ไปที่บ้านของครอบครัวแห่งนี้เพื่อจะทำการยึดทรัพย์ จากการที่พวกเขาติดค้างหนี้ภาษี (รวมถึงภาษีสำหรับการเลี้ยงสัตว์) กับทางเทศบาลของเมืองและไม่ยอมจ่ายเสียที ปล. การเลี้ยงหมาหนึ่งตัวในเมือง Ahlen จะต้องจ่ายค่าภาษีประมาณปีละเกือบๆ 90 ดอลลาร์ (ราวๆ 2,850 บาท)     ทางครอบครัวบอกกับสื่อท้องถิ่นว่า ในตอนแรกเจ้าหน้าที่จะยึดรถเข็นสำหรับคนพิการของผู้ที่เป็นสามีไป แต่ก็ไม่สามารถนำไปได้เพราะถือเป็นกรณียกเว้น เจ้าหน้าที่จึงจำต้องมองหาสิ่งอื่นแทน แล้วพวกเขาก็เพ่งเล็งมาที่หมาปั๊กชื่อว่า Edda ที่ทางครอบครัวเลี้ยงไว้ แล้วในที่สุดก็ทำการยึดตัวมันไปเป็นที่เรียบร้อย… จากนั้นเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาษีก็นำเจ้า Edda ไปขึ้นขายในเว็บไซต์ eBay ด้วยราคา 750 ยูโร (ราวๆ 27,000 บาท) ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าราคาปกติของหมาปั๊กที่วางขายตามท้องตลาดประมาณครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว     ในเวลาต่อมาผู้หญิงชื่อว่า Michaela Jordan ก็ไปเห็นเจ้าหมาตัวนี้เข้า แต่ด้วยความสงสัยว่าทำไมหมาตัวนี้ถึงได้มีราคาถูกนัก เธอจึงได้ส่งข้อความไปถามกับทางคนขายถึงเหตุผล ทางคนขาย (เจ้าหน้าที่รัฐ)…

แม้ว่าความโสดจะมีข้อดีหลายๆ อย่าง แต่ก็เชื่อเลยว่าหลายคนคงไม่อยากโสดแน่ๆ ยิ่งถ้าคนรอบข้างอย่างเพื่อนๆ มีแฟนกันหมดแล้ว ก็อาจจะรู้สึกถึงความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวหัวใจที่หันไปทางไหนก็มีแต่คนมีคู่!! และในอนาคตไม่แน่เหมือนกันว่าคนโสดทั้งหลาย อาจจะต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับสาวคนนี้ก็เป็นได้ ที่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แต่ปรากฏว่าทุกคนต่างก็มีคู่กันหมดเลย งานนี้ภาพที่ออกมาเลยดูเหงาแสบสันถึงทรวงในเช่นนี้… เรื่องมีอยู่ว่าเฟซบุ๊ก Jayzelle Joy Oliver ของสาวโสดในภาพ ได้โพสต์รูปสุดเหงาของตัวเธอในยามที่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ในทริปหนึ่ง แต่คนอื่นในภาพกลับสวีทกับแฟนของแต่ละคนจนน่าหมั่นไส้  “ส่วนที่เลวร้ายที่สุดของการเป็นโสด” เธอเขียนแคปชั่นไว้   ใช่สิ ฉันไม่มีคู่นิ เชอะ   เห้อมม   โดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเล   น้ำตาจิไหล   ไม่ต้องมาโชว์เลยนะ เชอะ   ว๊ายๆ ไม่มีคู่ว๊ายๆ   แต่ถึงภาพที่ออกมาสาวคนนี้จะดูน่าสงสารหน่อยๆ แต่เธอก็บอกว่าเขียนอธิบายไว้ว่าจริงๆ แล้วทริปนี้มันสนุกเกินกว่าที่คิดเอาไว้อีกซะอีก และถือเป็นทริปที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว แถมเธอยังเป็นกำลังใจให้สาวโสดทั้งหลายให้มีความสุขกับตัวเอง และรอคอยเวลาที่เหมาะสมสำหรับความรัก และเมื่อนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดด้วย (ทุกรูปเป็นรูปที่สาวคนนี้จัดท่าทางเองแถมยังแต่งเองเลยล่ะ)   เห็นแล้วเหม็นความรักขึ้นมาเล๊ย   โพสต์ของเธอได้กลายเป็นไวรัลที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งโลกโซเชียล โดยในตอนนี้มีคนกดแชร์ไปแล้วมากกว่า 30,000 ครั้ง อีกทั้งยังมีคอมเมนต์เข้ามาแบบถล่มทลายและส่วนหนึ่งก็บอกว่ามันเข้าถึงอารมณ์สาวโสดได้ดีจริงๆ  แล้วเพื่อนๆ ล่ะเห็นแล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง เจ็บจี๊ดแปลบๆ…

จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักแสดงชาวเอเชีย ที่คนไทยเราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีสำหรับ ‘ดอนนี่ เยน’ ดาราเจ้าบทบาทสุดหล่อที่มักมาพร้อมกับลีลากังฟูสุดพลิ้วไหวอย่างในเรื่อง ‘ยิปมัน’ ที่โด่งดังถึงขีดสุดในอดีต แต่ว่าเมื่อเร็วๆ มานี้กลับมีเรื่องฮาๆ เกี่ยวกับเจ้าตัวมาให้แฟนคลับได้ขำกันเล่นๆ เพราะใครจะคิดว่าขณะที่เฮียดอนนี่ โพสต์คลิปวิดีโอโชลีลาออกกำลังกาย แต่ชาวเน็ตกลับไปโฟกัส ‘ตูด’ ของเขาแทนซะนี่… เรื่องราวฮาๆ นี้ได้เริ่มขึ้นจากความที่ซูเปอร์สตาร์ชาวฮ่องกง โพสต์คลิปวิดีโอของเขาขณะกำลังออกกำลังกายลงใน IG ของเขา นั่นก็คือคลิปนี้   https://www.instagram.com/p/BuaHUfUhi4N/?utm_source=ig_web_copy_link   ทว่าแทนที่ชาวเน็ตจะประทับใจไปกับท่วงท่าการออกอาวุธที่พลิ้วไหว แต่สิ่งที่มันกลับดึงดูดความสนใจไปจนหมดกลับเป็น ‘บั้นท้าย’ อันแน่นของเขาแทนซะนี่ ชาวเน็ตจึงได้พากันคอมเมนต์สนุกๆ ถึงคุณดอนนี่ว่าจริงๆ แล้ว พวกเขาไม่ได้ดูลีลากังฟูของคุณหรอกนะ   จริงๆ ก็อยากมองอะไรมากกว่าก้นนะ แต่ทำไงได้ล่ะก็มันคิดอย่างนั้นจริงๆ นี่   ก้นงามดีจริงๆ พ่อคุณเอ๋ย   มาแบบตรงๆ แต่ได้ใจความ   คุณดอนนี่ คุณมีก้นได้รูปดีเสียจริง   ขณะเดียวกันก็มีบางคนออกมาปกป้องว่า ให้ดูที่สกิลของคุณดอนนี่บ้าง อย่ามองแต่ตูดอย่างเดียว   เขาแต่งงานแล้วนะ หยุดคอมเมนต์เรื่องก้นซะที   งอนงามขนาดนั้น…

นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา จากความที่ชายโฮมเลสคนหนึ่งอ้างว่าตัวเองเป็น ‘พระเจ้า’ ที่ลงมาจากสวรรค์เพื่อสร้างบันเทิงให้กับผู้หญิง แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพบว่าขณะที่เธอกำลังนอนหลับอยู่ที่บ้าน ลืมตาขึ้นมาก็เจอชายคนนี้กำลัง ‘เลียนิ้วเท้า’ ของเธออยู่!!! Richard Michael Parkhurst ชายไร้บ้านวัย 29 ปีชาวแคลิฟอร์เนีย ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมด้วยข้อหาลักขโมย ข้อหาบุกรุก และข้อหาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอีก 2 กระทง   นาย Richard Michael Parkhurst   สิ่งที่เขาทำเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมปี 2017 นั่นคือการที่เขาไปแก้ผ้าล่อนจ้อนต่อหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งที่จูงหมามาเดินเล่นในเวลานั้น ต่อมาในวันเดียวกันนั้นเอง เขาก็แอบย่องเข้าไปในบ้านของผู้หญิงคนหนึ่งแล้วจัดการ ‘เลียนิ้วเท้า’ ของหญิงเจ้าของบ้านขณะที่เธอหลับอยู่ ซึ่งเธอก็ตกใจตื่นขึ้นมาและรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที และหลักฐานของข้อกล่าวหานี้ก็คือผลการตรวจ DNA ที่ชี้ชัดไปที่ชายคนนี้… “เธอกำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา แล้วพอตื่นขึ้นมาก็เจอเข้ากับชายคนที่กำลังดูดนิ้วเท้าของเธออยู่” อัยการกล่าว นอกจากนี้เขายังได้บุกเข้าไปที่บ้านหลังอื่นๆ ในเขตพื้นที่เดียวกัน ก่อนที่จะถูกจับตัวได้ในที่สุด แต่ก็ไม่วายเขายังไม่หมดฤทธิ์เพียงเท่านั้น เพราะขณะที่เขาอยู่ในห้องขัง เขาก็ทำการช่วยตัวเองขณะที่สายตาจ้องมองผู้คุมหญิงในสถานีตำรวจ     มากไปกว่านั้นเขายังได้เขียนโน้ตส่งให้กับผู้คุม ซึ่งข้อความที่อยู่ในโน้ตนั้นเขาเขียนว่า ตัวเขาเองเป็นเหมือนกับเทพเจ้าซูสที่ถูกส่งลงมาจากดวงดาวเพื่อสร้างความหฤหรรษ์ให้กับผู้หญิง “นาย Parkhurst สร้างความเข้าใจผิดในตัวเองขึ้นมาว่าเขาเป็นเหมือนเทพซูสและถูกส่งลงมาเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้หญิง นั่นจึงเป็นเหตุให้เขาทำพฤติกรรมเช่นนี้ อีกทั้งเขายังเชื่อด้วยว่าสิ่งที่ทำลงไปจะทำให้เขามีลูก” “เขาเชื่อว่าลูกหลานของเขาจะเป็นยอดมนุษย์ที่มากอบกู้ดวงดาวดวงนี้”…

เชื่อเลยว่าใครหลายคนที่เคยใช้บริการรถโดยสารผ่านแอพฯ อย่าง ‘แกร็บ’ หรือ ‘อูเบอร์’ อาจจะต้องเคยเจอกับปัญหาที่ว่าคนขับรถชวนคุยในตอนที่เราไม่อยากคุย หรือบางทีเราอยากคุยอะไรสักอย่างด้วย แต่ว่าคนขับก็กลับนิ่งเฉยซะอย่างงั้น… นี่อาจเป็นปัญหาโลกแตกที่เราอาจคิดว่าไม่มีทางแก้ได้ แต่ว่ามีรถอูเบอร์อยู่คันหนึ่งที่สามารถขจัดปัญหานี้ออกไปได้อย่างหมดจด ด้วยการทำเมนูให้ลูกค้าเลือกซะเลยว่าอยากให้คนขับเป็นแบบไหน จะจัดได้ตามใจสั่ง!!   โพสต์ที่กลายเป็นไวรัล last night my uber gave me a menu on what kind of ride i wanted , pic.twitter.com/SMBBV4kVpu — Łuí (@LuisLovesGoats) February 25, 2019   เรื่องนี้ได้เริ่มมาจากความที่ทวิตเตอร์ @LuisLovesGoats ได้โพสต์ภาพใบเมนูที่เขาได้รับมาจากคนขับอูเบอร์ที่ใช้ชื่อว่า George หลังจากที่เขาไปใช้บริการรถคันนี้มาที่เมืองซีแอตเทิลเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 ก.พ.) โดยในเมนูนั้นมี 5 ออฟชั่นให้เลือกด้วยกัน ว่าจะให้คนขับทำตัวยังไงกับลูกค้าระหว่างที่นั่งรถ จะให้คุยเป็นเพื่อนหรือจะให้เล่าเรื่องตลกให้ฟัง หรือจะให้อยู่เงียบๆ ก็ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ…     ในตัวเลือกของรถนาย George ออฟชั่นแรกมีชิ่อว่า The…

ข่าวคราวเรื่องการพบสิ่งแปลกปลอมในร่างกายยังคงเป็นเรื่องที่มีให้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดนี้ก็มีกรณีที่ทำให้ได้อ้าปากค้างกันอีกแล้ว เมื่อมีการค้นพบว่ามี ‘ปลิง’ ตัวอ้วนติดอยู่ในหลอดลมของชายวัยชราคนหนึ่ง!?     เรื่องนี้มีอยู่ว่าคุณลุงวัย 60 ปีนามชื่อนาย Li มีอาการระคายคอและไอออกมาเป็นเลือดตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา เขาจึงตัดสินใจเข้าโรงพยาบาลเพื่อให้หมอตรวจดูว่าร่างกายของเขามันมีอะไรผิดปกติกันแน่ เขาได้เข้าพบกับผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาล Xingwen County Hospital of Traditional Chinese Medicine ในเมืองยีบิน ประเทศจีน และได้พบกับคุณหมอนามว่า Zhang Dadong     หลังจากคุณหมอได้รับรู้อาการของคุณลุงคนนี้ก็ใช้วิธีการส่องกล้องลงไปยังลำคอของนาย Li แล้วในที่สุดก็พบกับปัญหาที่มาในลักษณะที่เป็นตัว!! เพราะหมอเจอว่ามีปลิงเกาะอยู่กับหลอดลมของเขา แต่เจ้าปลิงตัวนี้มันอยู่ในจุดที่ค่อนข้างจะยากต่อการเอาออก ทางคุณหมอและทีมงานจึงตัดสินใจพ่นยาระงับประสาทลงไปในลำคอเพื่อให้ปลิงสลบ แล้วจึงนำคีมค่อยๆ คีบมันขึ้นมาได้เป็นที่สำเร็จ ทั้งนี้คุณลุง Li มาจากเมืองชนบทเล็กๆ ที่มีชื่อว่า Daba ซึ่งเขาเชื่อว่าเจ้าปลิงตัวนี้น่าจะมาในลักษณะที่ยังเป็น ‘ไข่’ อยู่จากการที่เขาดื่มน้ำที่ไม่ผ่านการต้มนั่นเอง     โดยสำหรับเจ้าปลิงตัวนี้เมื่อนำออกมาได้และนำมาวัดขนาดก็พบว่ามันมีตัวยาวถึง 10 เซนติดเมตรเลยทีเดียว หลังจากดูดเลือดของคุณลุงมาเป็นระยะเวลา 2 เดือน พร้อมกันนี้คุณหมอก็ออกมาเตือนชาวบ้านในเขตชนบทด้วยว่าควรจะต้มน้ำก่อนดื่มด้วยทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและจะได้ไม่เกิดเหตุน่ากลัวเหมือนกับในครั้งนี้…   ที่มา:…

โลกออนไลน์เดี๋ยวนี้สามารถทำให้เราหมดตัวได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการชอปปิงที่แสนสะดวกสบาย การโอนเงินไปยังบัญชีต่างๆ หรือแม้แต่การบริจาคเงินหรือทิปให้กับสตรีมเมอร์ที่เราชื่นชอบ แต่ว่าทางที่ดีแล้วเราควรเก็บบัญชีที่มีเงินให้พ้นจากมือเด็กจะดีกว่า ถ้าไม่อยากจะเป็นเหมือนกับในกรณีนี้ที่คุณปู่หมดเงินไปกว่า 40,000 หยวน (ราวๆ 187,000 บาท) ไปจากการถูกหลานวัย 11 ขวบให้ทิปแก่กับสตรีมเมอร์สาวสวย!?     เรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณปู่แซ่ Li ที่อาศัยอยู่ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน เมื่อเขาพบว่าเงินเก็บราวๆ 40,000 หยวนที่อยู่ในบัญชีธนาคารหายไปอย่างไร้ร่องรอยในระยะเวลาเพียงแค่สามวัน     คุณปู่จึงต้นหาที่มาที่ไปว่าเงินของเขาหายไปได้อย่างไรกัน และจากการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินแล้ว เขาก็พบว่าเงินทั้งหมดถูกจ่ายไปให้เว็บไซต์ iQiyi เว็บไซต์ออนไลน์ชื่อดังของประเทศจีน จนเงินเหลือติดบัญชีเพียง 600 หยวน (ราวๆ 2,800 บาท) เท่านั้น แน่นอนว่าเงินที่ว่านี้ไม่ใช่อยู่ๆ จะถูกโอนไปได้เฉยๆ ซึ่งในที่สุดคุณปู่ก็เจอกับตัวการที่ทำให้เงินหายไปนั่นคือหลานชายตัวแสบวัย 11 ขวบชื่อว่า Xiaowei    ธุรกรรมที่เจ้าหนุ่มโอนมีถึง 54 ครั้ง!!   เขาสารภาพว่าเป็นเขาเองที่เป็นคนใช้เงินของปู่ไปกับการให้ทิปและซื้อของขวัญบนโลกออนไลน์ให้กับสตรีมเมอร์สาวสวยที่เขาชื่นชอบบนเว็บไซต์นั้น   Fei Fei และ Fang Fang สตรีมเมอร์ผู้โด่งดังในประเทศจีน  …

หนึ่งในงานที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในสังคมทุกวันนี้ก็คืออาชีพ ‘รับจ้างทำความสะอาด’ พวกเขาคือคนที่จะมาเก็บกวาดความสกปรกให้บ้านเราดูสะอาดสดใสขึ้นมาอีกครั้ง และถือว่าเป็นหนึ่งบริการดีๆ ที่มีผู้นิยมใช้กันเป็นจำนวนมาก แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดเรื่องช็อกๆ ขึ้นกับคู่สามีภรรยานักทำความสะอาดคู่หนึ่ง หลังจากที่พวกเขาเข้าไปที่บ้านหลังหนึ่งแล้วพบเข้ากับ ‘ถุงขรี้’ กว่า 400 ถุงถูกทิ้งไว้ในบ้าน แถมยังมีขวดใส่ปัสสาวะอีกเพียบ!!     Kenny และ Leanne Elliott คือคู่สามีภรรยานักทำความสะอาด ทั้งคู่เปิดธุรกิจร่วมกันโดยใช้ชื่อว่า Certitude Cleaning Services Ltd โดยให้บริการที่มณฑลเดวอน ประเทศอังกฤษ     ทั้งคู่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำความสะอาดบ้านในหลากหลายรูปแบบ และช่ำชองอย่างยิ่งในการทำความสะอาด ‘สถานที่ที่เกิดอาชญากรรม’ แต่สิ่งที่พวกเขาไปเจอมาในบ้านหลังนี้กลับเลวร้ายกว่าที่เคยเจอมา เพราะว่าพวกเขาไปเจอเข้ากับถุงบรรจุอุจจาระของมนุษย์ที่ถูกทิ้งให้เน่าเหม็นมากมายถึง 400 ถุง อีกทั้งยังมีขวดน้ำที่บรรจุปัสสาวะอีก 270 ขวด!!     “เราถูกเรียกไปยังบ้านแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยขยะและของเสีย เราพบปัสสาวะ 270 ขวด ถุงใส่อุจจาระอีก 400 ใบ แถมยังเจอคราบอุจจาระที่อ่างอาบน้ำอีกด้วย” Leanne กล่าว ในที่สุดทั้งคู่ก็ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงในการเก็บกวาดของเสียทั้งหมดออกจากที่นี่ได้เรียบร้อย…     หากนี่นับว่าเป็นความเลวร้ายสำหรับคนอย่างเราๆ แล้ว แต่สำหรับสามีภรรยาคู่นี้พวกเขาบอกจริงๆ แล้วในงานอื่นๆ…

บนดาวเคราะห์สีฟ้าที่มีชื่อว่า ‘โลก’ ที่เราอาศัยกันอยู่นี้ ถือได้ว่าเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่นอกจากจะทำให้สรรพสิ่งต่างๆ สามารถมีชีวิตอยู่ได้แล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยความสวยงามอย่างมากมายเกินกว่าที่จะกล่าวได้หมดว่ามีที่ไหนบ้าง แต่ว่านี่คือสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ดินแดนต้องมนต์’ ที่ทางเว็บไซต์ Brightside กล่าวว่าควรค่าแก่การไปเยือนสักครั้งในชีวิตของคนเราจริงๆ ซึ่งจะมีที่ไหนบ้างนั้นไปดูกันเลยดีกว่า   Devil’s Bridge ประเทศเยอรมนี https://www.instagram.com/p/BnV-DJCnDxr/?utm_source=ig_embed   เกาะ Kakaban ประเทศอินโดนีเซีย https://www.instagram.com/p/Bmw4qbhB8Yt/?utm_source=ig_embed   หาดทรายสีชมพู ประเทศบาฮามาส https://www.instagram.com/p/BTZJ3shFy7W/?utm_source=ig_embed   ภูเขาไฟ Kelimutu ประเทศอินโดนีเซีย https://www.instagram.com/p/Bs5h-Heg0cU/?utm_source=ig_embed   ธารน้ำแข็ง Mendenhall Glacier ประเทศสหรัฐอเมริกา https://www.instagram.com/p/Brs1qYuB9np/?utm_source=ig_embed   ทะเลสาบ Blue Lake ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ https://www.instagram.com/p/BiUET4BjCHK/?utm_source=ig_embed   ถ้ำ Fingal’s Cave ประเทศสกอตแลนด์ https://www.instagram.com/p/BFrGdzgAckg/?utm_source=ig_embed   เกาะแมว ประเทศญี่ปุ่น https://www.instagram.com/p/BtLP8N4l2oo/?utm_source=ig_embed   Tunnel of Love ประเทศยูเครน…

โดยปกติแล้วสำหรับเหล่าโจรขโมยทั้งหลาย ช่วงเวลาที่พวกเขามักจะเลือกลงมือก็อาจจะเป็นช่วงกลางคืนที่สามารถซ่อนตัวได้ง่ายและยากต่อการมองเห็นของเจ้าของบ้านทั้งหลาย และถ้าใครใจเด็ดจริงๆ ที่เลือกจะปล้นตอนกลางวันแสกๆ ก็อาจจะมีจุดจบเหมือนกับหัวขโมยคนนี้ที่โดนชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ซะเละเทะแทบไม่เหลือชิ้นดี…     เหตุการณ์อันน่าสลดของหัวขโมยคนนี้เกิดขึ้นที่เมืองกูชิง รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย เมื่อมีโจรใจกล้าคนหนึ่งเข้าไปปล้นบ้านในเวลากลางวันแสกๆ ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ว่าด้วยความไม่ศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน ทำให้นักย่องเบาคนนี้ไม่รู้ว่าในบ้านหลังที่เขาเข้าไปมีสัญญาณกันขโมยติดตั้งเอาไว้อยู่ งานนี้เจ้าตัวดักจับมันจึงส่งข้อมูลไปยังโทรศัพท์มือถือของเจ้าของบ้าน และเขาก็ขอความช่วยเหลือต่อจากเพื่อนบ้านอีกที     ในคลิปจะเห็นได้ว่าเป็นภาพของชายคนหนึ่งที่ลุกลี้ลุกลนหาทางหนีออกจากพื้นที่ที่มีชาวบ้านมาล้อมอยู่เต็มไปหมด แต่ในที่สุดแล้วเขาก็ไปไม่รอดกระโดดลงมาแล้วถูกรุมกระทืบจะแทบไม่มีชิ้นดี     เวลาหลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึงสถานที่เกิดเหตุ และพาตัวผู้ต้องหาไปโรงพยาบาลเพราะว่ามีรอยฟกช้ำอยู่เต็มตัวไปหมด ก่อนที่จะนำตัวไปสืบสวนต่อไป     ในภายหลังพบว่าเจ้าโจรคนนี้มีการใช้มอร์ฟีนร่วมด้วย แต่เพื่อนร่วมแก๊งกับเขาอีกคนหนึ่งสามารถหนีรอดไปได้และเจ้าหน้าที่กำลังตามหาตัวมาติดคุกกับชายคนนี้อยู่…     ที่มา: worldofbuzz, newsarawaktribun

นี่อาจเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวแปลกๆ ที่เกิดขึ้นที่ประเทศจีน เมื่อมีผู้โดยสารคนหนึ่งพยายามที่จะโยน ‘เหรียญ’ เข้าใส่เครื่องยนต์ของเครื่องบิน และที่เขาทำอย่างนั้นก็เพื่อเป็นเคล็ดให้เดินทางได้อย่างปลอดภัย!?     เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่สนามบิน Anqing Tianzhushan Airport เมืองอันชิ่ง มณฑลอานฮุย เมื่อเจ้าหน้าที่ไปพบเข้ากับเศษเหรียญ 2 เหรียญนอนนิ่งอยู่ใกล้ๆ กับเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ไฟลท์ดังกล่าวเป็นเที่ยวบิน 8L9960 ของสายการบิน Lucky Air ที่มีกำหนดออกจากเมืองอันชิ่งไปยังคุนหมิงในเวลา 15.00 น.     แต่ในทันทีที่เห็นเหรียญกองอยู่กับพื้นเช่นนี้ ทางสายการบินก็ประกาศยกเลิกเที่ยวบินทันทีและทำการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน จากการสอบสวนในที่สุดก็ได้พบความจริงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของผู้โดยสารวัย 28 ปีแซ่ Lu ที่รับสารภาพว่าเขาเป็นคนที่โยนเหรียญที่ว่านี้เอง โดยหวังว่านี่จะเป็น ‘เคล็ด’ ให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย… หลังจากการประกาศยกเลิกเที่ยวบินนั้น ผู้โดยสารคนอื่นๆ อีกกว่า 161 ก็ต้องรอถึงวันถัดไปจึงจะสามารถบินไปคุนหมิงได้ จากการที่สายการบินจัดหาเที่ยวบินใหม่ให้     ส่วนทางด้าน Lucky Air ก็ออกมากล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีความเสียหายเกิดขึ้นมูลค่าราวๆ 140,000 หยวน (ราวๆ 650,000 บาท) และตอนนี้ก็กำลังเดินเรื่องด้านกฎหมายกับทางผู้โดยสารคนดังกล่าวด้วย…

จริงอยู่ที่ว่าสำหรับหญิงสาวทั้งหลายแล้ว ‘ส้นสูง’ เป็นเหมือนกับไอเทมอีกชิ้นหนึ่งที่สามารถเพิ่มความสวยงามได้อย่างเหลือเชื่อ และไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีแต่คนเหลียวมองกับความสวยสง่าเมื่อได้สวมใส่ แต่ปัญหาก็อยู่ตรงที่ว่าบางครั้งมันก็เป็นเรื่องที่ยากเสียจริงๆ กับการใส่เดิน (ถ้าหากใครยังไม่ชินน่ะ) และอีกปัญหาหนึ่งก็คือมันอาจจะไปติดเข้ากับรูกับร่องอะไรสักอย่างจนเอาออกมาไม่ได้ เหมือนกับเหตุการณ์ของผู้หญิงคนนี้…     หญิงสาวชาวอังกฤษนามว่า Tia-Rae ได้ทวีตแชร์ประสบการณ์สุดเปิ่นของตัวเธอเอง หลังจากที่ไปออกศึกระเบิดความเมากับเพื่อนๆ แล้วตื่นเช้ามาปรากฏว่ามี ‘รางน้ำ’ มาอยู่ในบ้านแบบหน้าตาเฉย เธอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่าในคืนวันนั้นหลังจากที่เมามายถึงจุดที่ต้องแบกร่างตัวเองกลับ เธอก็เรียกแท็กซี่ให้มาส่งที่บ้าน แล้วพอขาของเธอก้าวลงจากรถส้นสูงเจ้ากรรมของเธอก็ดันไปติดเข้ากับรางมันแบบพอดิบพอดี… “ฉันคิดว่ามันก็สมควรดีที่ฉันควรจะไม่ดื่มอีก” แคปชั่นที่เธอเขียนเอาไว้พร้อมกับรูป   ส้นสูงเจ้ากรรมที่ดันไปติดเข้ากับรางน้ำ   “ฉันก้าวขาออกมาจากรถเพื่อจะเดินเข้าไปในบ้าน แต่รู้สึกว่าขาข้างหนึ่งของฉันมันไปติดกับอะไรบางอย่างเข้า ด้วยความไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นฉันเลยพยายามยืนให้ตรงเข้าไว้” “แล้วสิ่งที่รู้ต่อไปก็คือส้นสูงทั้งสองข้างของฉันมันติดกับอะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว แต่ฉันไม่อยากจะทิ้งรองเท้าของฉันเอาไว้ข้างนอกเพราะฉันชอบมันเอามากๆ แถมตอนนั้นยังไม่มีแรงดึงมันออกอีก ฉันเลยคิดว่าน่าจะเอามันเข้าบ้านมาให้แม่ช่วยดูให้น่ะ”  เธอเขียนเล่าอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   มาทีเป็นแผง   โพสต์ฮาๆ ของสาวคนนี้ได้กลายเป็นไวรัลในทวิตเตอร์ที่มีคนกดไลก์มากกว่า 26,000 ครั้ง แถมยังมีสาวๆ หลายคนบอกว่าเรื่องทำนองนี้พวกเธอก็เคยเจอมาแล้วเหมือนกัน “สาวน้อย ฉันรู้ดีเลยถึงความเจ็บปวดของคุณ อย่าเมาอีกแล้วกัน” “(แท็กชื่อเพื่อน) ฉันรอคอยดูวันที่เธอทำอะไรแบบนี้อยู่นะ มันอาจเป็นส่วนที่ทำให้ชีวิตของเธอมีครบทุกรสเลยแหละ”   ที่มา: metro, ladbible

โดยปกติแล้วฟันของคนเราก็จะอยู่ในอวัยวะที่เรียกว่า ‘ปาก’ แต่ว่ามีชายคนหนึ่งที่ทำวงการแพทย์ต้องตะลึง หลังพบว่าเขามีฟันงอกขึ้นมาอยู่ในโพรงจมูกซะอย่างงั้น!! เรื่องแปลกๆ เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับชายวัย 59 ปีที่ไม่เปิดเผยรายชื่อ เขามีฟันงอกขึ้นมาอยู่ในโพรงจมูกซึ่งนั่นมันได้ไปบล็อกระบบทางเดินหายใจของเขามาเป็นเวลา 2 ปีเต็มๆ     เขาเล่าว่าเขาหายใจได้ไม่ค่อยสะดวกนักและสูญเสียการได้กลิ่นต่างๆ ตั้งแต่เมื่อประมาณ 2 – 3 ปีก่อนจึงเข้ามาหาคุณหมอที่โรงพยาบาล University Hospital Aarhus ประเทศเดนมาร์ก แล้วก็พบกับเรื่องประหลาดนี้เข้า การงอกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นทางแพทย์จะเรียกมันว่า Intranasal Retained Tooth ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการบาดเจ็บทางกายภาพหรือมีปัญหาด้านการพัฒนาร่างกาย แต่ในเคสนี้ทางแพทย์ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยทางแพทย์ได้ทำการสแกนและตรวจสอบจมูกของชายคนนี้แล้วทำการผ่าตัดนำมันออกมาได้อย่างปลอดภัย และสิ่งที่พวกเขาได้เจอก็คือฟันเต็มๆ ซี่และไม่ใช่ซี่เล็กๆ เลยด้วย     การที่ฟันจะไปอยู่ในจมูกเป็นภาวะที่หาได้ยากมากๆ ซึ่งทางแพทย์กล่าวว่ามีเพียง 0.1 – 1% ของประชากรบนโลกเท่านั้นที่มีการพบปัญหาเช่นนี้ และบางทีมันก็ขึ้นมาโดยที่ตัวผู้ป่วยไม่ได้สังเกตด้วย รายงานที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ BMJ Case Reports ระบุว่าตั้งแต่ปี 1959 – 2008 มีการพบเคสที่คล้ายๆ เช่นนี้เพียงแค่ 23 ครั้งเพียงเท่านั้น   ที่มา:…

เคยบ้างไหมกับการที่เราจะออกไปท่องราตรี แต่เมื่อถึงหน้าร้านแล้วปรากฏว่า ‘ลืม’ หยิบบัตรประชาชนมาด้วยจนทำให้เข้าร้านไม่ได้ แน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่หัวร้อนจริงๆ และอยากจะเขกหัวตัวเองให้มันรู้แล้วรู้รอดซะเลย และถ้าหากใครที่เจอกับปัญหานี้อยู่บ่อยๆ ขอแนะนำให้ทำเหมือนกับชายชาวเวียดนามคนนี้ที่ตัดปัญหาด้วยการ ‘สัก’ ลายบัตรประชาชนติดเอาไว้ตรงแขนซะเลย…     ภาพของการสักลายบัตรประชาชนภาพนี้ได้กลายเป็นไวรัลที่แชร์กันกระจายในโซเชียลของประเทศเวียดนาม ซึ่งคนโพสต์ก็คือเพื่อนคนหนึ่งของเจ้าของลายสักนั่นเอง โดยในแคปชั่นเขาได้เขียนอธิบายไว้ว่า ภาพที่เห็นเป็นภาพของเพื่อนคนที่ชอบลืมพกบัตรประชาชนติดตัวมาด้วยเวลาไปท่องราตรี และหลายครั้งก็เข้าร้านเหล้าไม่ได้หรือว่าซื้อเหล้ากินไม่ได้.. จนในที่สุดแล้วเขาก็ทนไม่ไหวกับปัญหานี้อีกต่อไป จัดการสักลายเป็นภาพบัตรประชาชนซะเลย และก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าผลที่ออกมามันเหมือนกับบัตรจริงเด๊ะๆ!!     “นี่คือภาพของเพื่อนผมเอง เขาอาศัยอยู่ในโฮจิมินห์และชอบออกไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนๆ แต่แทบจะทุกครั้งเขามักจะลืมบัตรที่เอาไว้ให้ทางร้านตรวจสอบ เลยทำให้เข้าร้านไม่ได้ เขาเลยสักมันซะเลย” แคปชั่นโพสต์เขียนไว้ ภาพของเขาแชร์กระหน่ำ แต่ก็มีบางคอมเมนต์ก็บอกว่าสิ่งที่ทำมันไร้สาระ บางคอมเมนต์ก็บอกว่ามันเป็นรอยสักที่น่าเกลียดเอามากๆ ซะอย่างงั้น ทางด้าน Nguyen Van Thien Dai ช่างสักที่ทำการสักลายนี้ก็บอกว่า ตอนแรกที่ลูกค้าแจ้งว่าอยากได้รอยสักเป็นรูปบัตรประชาชนเขาตกใจเอามากๆ และถามซ้ำว่าจะทำจริงๆ หรือ ซึ่งเขาก็ยืนยันคำเดิม ช่างสักจึงจัดให้ตามคำขอโดยใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นก็เสร็จสิ้นแล้ว…   ที่มา: odditycentral, internasional.kompas

อย่างที่เรารู้ๆ กันดีว่าคนเมามักจะมีพฤติกรรมแปลกๆ รั่วบ้าง จริงจังบ้าง ไปตบตีกับใครบ้าง แต่ว่าในวันนี้เราไปดูในเคสของชายคนหนึ่งที่พิลึกพิลั่นมากกว่านั้น เพราะใครจะไปคิดว่าเขาเมาแล้วจะปีนเสาไฟฟ้าแรงสูง แถมยังเดินไต่สายไฟเล่นซะอย่างงั้น!?   เห้ย เห้ย เห้ย   เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่เมืองเฉวียนโจว มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีชายคนหนึ่งที่มีอาการมึนเมาปีนเสาไฟฟ้าแรงสูงที่มีความสูงกว่า 32 ฟุต (ประมาณ 9.7 เมตร) เหนือระดับพื้น เมื่อพวกเขาไปพบก็เจอเข้ากับชายคนที่ว่านี้จริงๆ ในตอนแรกทางเจ้าหน้าที่ได้สั่งตัดไฟพร้อมกับพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยการพูดผ่านโทรโข่งแต่ก็ไม่ได้ผล เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ เลยกับการคุยกับคนเมาให้รู้เรื่อง…   เอาซะมันส์เชียวนะพ่อหนุ่ม   หลังจากวิธีแรกใช้ไม่ได้ผลเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงนำเบาะมาปูกางเอาไว้บริเวณที่คาดเอาไว้ว่าชายคนนี้อาจตกลงมาได้ ทว่าชายคนนี้ก็กลับเดินเล่นไปๆ มาๆ บนสายไฟซะอย่างงั้น ในที่สุดหลังจากเห็นทีท่าว่าไม่ดีเท่าไหร่ จึงทำให้พวกเขาตัดสินใจโทรศัพท์เรียกหารถกระเช้ามาใช้ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตามวิธีการใช้รถกระเช้าเข้าช่วยมันก็ไม่ได้ผลอีกเช่นกัน     สุดท้ายแล้วยังมีโชคดีอยู่ตรงที่ว่าชายคนนี้เดินเข้าไปใกล้ๆ กับเจ้าหน้าที่ที่ปีนต้นไม้ขึ้นไปช่วย เมื่อสามารถเอื้อมมือคว้าตัวชายคนนี้เอาไว้เจ้าหน้าที่ก็ผลักเขาลงใส่เบาะที่กางเอาไว้อยู่ในทันที เป็นการเสร็จสิ้นภารกิจการช่วยเหลือกว่า 3 ชั่วโมง คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ไม่มีรายงานว่าชายคนนี้โดนลงโทษอะไรหรือไม่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ปลอดภัยดีหลังจากที่ไปผจญภัยบนเสาไฟฟ้าในครั้งนี้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว   ที่มา: ladibble, dailymail

โดยปกติโรงเรียนต่างๆ ก็จะมีการมอบรางวัลให้กับนักเรียนในหลากหลายโอกาส แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้มีโรงเรียนแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ที่มีการจัดตั้งรางวัลแปลกๆ ขึ้นมาและรางวัลนั้นคือรางวัลที่มอบให้แก่นักเรียนที่ ‘นมใหญ่ที่สุด’!?     เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยม Tremper High School รัฐวิสคอนซิน เมื่อมีพ่อแม่หลายคนออกมาแสดงความไม่พอใจกับการจัดตั้งรางวัลของโค้ชเชียร์ลีดเดอร์ที่มอบให้แก่นักเรียนที่มีขนาดหน้าอกและบั้นท้ายที่ใหญ่ที่สุด โดยทั้งนี้สื่อต่างประเทศก็รายงานว่าจริงๆ แล้วรางวัลนี้มีการจัดตั้งแต่ปี 2017 แล้ว…     ในตอนนี้พ่อแม่หลายคนที่รู้สึกไม่พอใจกับรางวัลนี้ได้ทำการร้องเรียนไปยังสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (American Civil Liberties Union) เป็นที่เรียบร้อยเพื่อหวังว่าจะร่วมต่อสู้กับเรื่องดังกล่าว รวมถึงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (19 ก.พ.) ก็มีคนกลุ่มหนึ่งร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังหน่วยงานศึกษาธิการของทางเขตที่โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่แล้วด้วย โดยหวังว่าจะมีการดำเนินคดีกับทางโรงเรียนที่มีการจัดตั้งรางวัลเช่นนี้ขึ้น “ฉันมองดูรอบๆ แล้วคิดขึ้นว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นฟะเนี่ย” “ถ้าลูกสาวของฉันเป็นคนที่ได้รางวัลล่ะก็ ฉันจะรีบวิ่งไปบนเวทีที่มอบรางวัลเลย นี่มันเป็นเรื่องที่ผิดในหลายๆ ทางเลยนะ” คุณแม่คนหนึ่งกล่าว     ทั้งนี้ Steve Knecht ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้ก็บอกว่าเรื่องการมอบรางวัลที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของ Patti Uttech โค้ชเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียน ซึ่งในเวลาต่อมาทางโค้ชก็ได้กล่าวออกมาขอโทษนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่าจะไม่ลาออกแต่อย่างใดและจะไม่มีการมอบรางวัลเช่นนี้เกิดขึ้นอีก…   ที่มา: mirror, time

เชื่อเลยว่าหลายๆ คนอาจจะต้องเคยเจอกับประสบการณ์สุดเลวร้ายเกี่ยวกับเรื่องการตัดผม ที่ไม่ว่าจะเอารูปไปให้ดูก็แล้วกำกับบอกก็แล้ว ยังไง๊ยังไงผลที่ออกมามันก็กลายเป็นคนละเรื่องกับที่เราอยากได้อยู่ดี… แต่ว่าประสบการณ์ของคุณอาจจะดูจิ๊บจ๊อยไปเลย ถ้าหากพบกับเคสของผู้หญิงคนนี้ได้เอาลายทรงอันเดอร์คัตสุดเท่ไปให้ช่างดู ผลที่ออกมามันกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิด!! เรื่องสุดเฟลที่ว่านี้เกิดขึ้นกับสาววัย 22 ปีนามว่า Lucy Burrows ชาวมณฑลกลอสเตอร์เชอร์ ประเทศอังกฤษ อยากจะมีทรงผมเท่ๆ เหมือนกับรูปที่เธอเจอในโลกออนไลน์ เลยไปใช้บริการที่ร้านตัดผมชื่อว่า Barber n’ Bar    นี่คือแบบลายที่เธออยากได้   เพื่อความอยากจะให้เหมือนกับรูปมากที่สุด เธอได้นำแบบทรงผมไปให้กับช่างได้ไถ ซึ่งด้วยความที่มันอยู่ด้านหลังเธอจึงไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่ช่างทำกับผมของเธอได้ จนกระทั่งเสร็จสิ้นแล้วผลที่ออกมาก็คือ…   นี่คือสิ่งที่เธอได้   ทรงผมที่ออกมาเธอบอกว่ามันทำให้เธอต้องอับอายเอามากๆ และถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ผมของเธอมันก็เพิ่งฟื้นคืนจากความเสียหาย จึงเอาเรื่องนี้มาโพสต์ในโลกโซเชียลนั่นเอง “พวกเขาทำลายทรงผมฉันรวมทั้งความมั่นใจในตัวเองด้วย ฉันไม่กล้าไปทำงานเลยเนี่ย”  Lucy กล่าว     แต่ว่าในเวลาต่อมาทางผู้จัดการของร้านตัดผม Barber n’ Bar ก็ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยอ้างว่าเธอน่าจะไปตัดมาจากที่อื่นซะมากกว่าแล้วโยนความผิดให้ร้านนี้ “แม้ว่าเธอจะต้องมีทรงผมเช่นนี้ แต่ทางเราอยากให้ทุกคนรู้ว่าคำกล่าวหานี้ไม่มีหลักฐานมาชี้ว่านี่เป็นฝีมือของร้านเรา” “ร้านของเราตกเป็นเหยื่อของการกล่าวอ้างนี้ ซึ่งอยากให้ทุกๆ คนรู้เอาไว้ว่าร้านของเราเป็นร้านตัดผมชายและไม่มีการตัดผมให้กับผู้หญิงเป็นอันขาด ร้านของเรามีเซเลบริตี้มากมายที่พึงพอใจในฝีมือของพวกเรา” ตัวแทนของร้านกล่าว   งานนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครโกหกกันแน่… ที่มา: metro, mirror

ช่วงเวลาแห่งความ ‘มึนเมา’ อาจเป็นช่วงเวลาโปรดของใครบางคนเพราะไม่ต้องคิดอะไรให้เยอะ ซึ่งบนโลกนี้ก็มีสิ่งที่ทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นหลายอย่างทั้งเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์หรือยาเสพติดต่างๆ ทว่าก็ล้วนแล้วแต่เป็นของที่ไม่ส่งผลดีต่อร่างกายทั้งสิ้น แต่ว่าเมื่อเร็วๆ มานี้ตำรวจของประเทศอังกฤษได้ค้นพบว่า เดี๋ยวนี้วัยรุ่นได้มีวิธีการเมาแบบใหม่ๆ แต่ที่สำคัญคือเป็นวิธีการที่แปลกจนเหนือกว่าการคาดหมายและเป็นอันตรายต่อร่างกายมากๆ เลยด้วย!?     เมื่อไม่นานมานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ ได้พบกับวิธีการเมาใหม่ๆ ที่กลายเป็นเทรนด์ของวัยรุ่น นั่นคือการที่พวกเขาจุดไฟเผาถังขยะเพื่อเก็ตไฮด้วยการสูดดมควันของมัน เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าสิ่งที่เผาไหม้แล้วอาจทำให้รู้สึกเมาได้แก่ ‘สี’ ที่ใช้ย้อมถังขยะเป็นสีต่างๆ ซึ่งหากสูดดมเข้าไปมากๆ อาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างหนัก     อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญได้เคยออกมาเตือนถึงเรื่องทำนองนี้ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ทว่าในตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยืนยันว่าเรื่องนี้มีการเกิดขึ้นจริงๆ ที่โบลตันทางตะวันตกของเมืองแมนเชสเตอร์ โดยเจ้าหน้าที่ได้พบกับเศษซากของถังขยะที่ละลายแล้วถูกทิ้งเอาไว้ที่สนามเด็กเล่นแห่งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของวัยรุ่นในละแวกนั้น จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องออกแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ ทั้งนี้องค์กรแห่งหนึ่งก็กล่าวเอาไว้ว่าพฤติกรรมเช่นนี้มันอันตรายยิ่งกว่าการดมกาวหรือการดมกลิ่นน้ำมันเสียอีก…     “บริเวณสนามเด็กเล่น Longsight Park มีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างหนักในเรื่องของถังขยะที่ถูกนำมาเผาไฟแล้วทิ้งไว้กลางสนาม สิ่งที่เกิดขึ้นมันส่งผลกระทบต่อชุมชนที่ไม่สามารถใช้งานพื้นที่นี้ได้” “ทั้งตำรวจและหน่วยงานดับเพลิงรวมถึงหน่วยงานกู้ภัยได้รับแจ้งเหตุการณ์เผาถังขยะเยอะมากในเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่านี่เป็นเหตุที่เกิดจากวัยรุ่นนำมันมาเผาแล้วสูดดมควันจากมัน” “มันเป็นอันตรายมากๆ เลยทีเดียวสำหรับการสูดควันเหล่านี้เข้าไป เพราะพลาสติกที่เผาไหม้จะมีความเป็นพิษสูงมาก” แถลงการณ์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในตอนนี้สิ่งที่เจ้าหน้าที่สามารถทำได้คือเตือนชาวบ้านให้ไม่นำถังขยะมาวางเอาไว้นอกบ้านถ้าหากไม่จำเป็น และขอความร่วมมือให้ช่วยกันสอดส่องพื้นที่สาธารณะให้ด้วยถ้าหากเป็นไปได้…   ที่มา: 9gag, dailymail, thesun

เพราะความรักไร้ซึ่งขอบเขต…   นี่คือเรื่องราวชีวิตรักของสาววัย 19 ปีคนหนึ่งที่พบรักเข้ากับชาวสูงวัยอายุ 62 ปี ซึ่งแน่นอนว่าชีวิตรักของเธอไม่ได้ราบรื่นมากนักจากช่วงอายุที่แตกต่างกันมากถึง 43 ปี เพราะมีทั้งการถูกเหยียดและการที่ครอบครัวไม่ให้รับการยอมรับ..   Samantha Simpson สาวน้อยผู้ออกมาเล่าเรื่องราวในชีวิต   Samantha Simpson สาวน้อยวัย 19 ปีได้พบกับสามีวัยดึกที่มีชื่อย่อว่า JR ผ่านทางเพื่อนของเธอในขณะที่ตอนนั้นมีอายุได้เพียง 18 ปีเท่านั้น แล้วทั้งสองก็ตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่เดือน แต่ถึงแม้ว่าความรักที่ทั้งสองมีให้แก่กันจะเป็นความรักที่เกิดขึ้นจริงๆ และไม่มีการถูกบังคับใดๆ ทว่าก็ไม่วายที่จะถูกคนรอบข้างพูดจาเหน็บแนมสามีของเธอว่าเป็นพวก ‘คลั่งเด็ก’ อยู่เสมอ     นอกจากนี้ ครอบครัวของฝ่ายหญิงก็ไม่สามารถรับความรักของเธอที่มีต่อชายวัยเกษียณคนนี้ได้ เพราะด้วยช่วงอายุที่ห่างกันราวลุงกับหลานเป็นอุปสรรคที่ขวางกั้น ทว่าด้วยความรักที่เกิดจากใจจริงๆ ทำให้ Samantha ตัดสินใจย้ายออกมาอยู่อพาร์ตเมนต์ด้วยตัวของเธอเองที่รัฐอาร์คันซอ ก่อนที่ JR จะย้ายมาอยู่กับเธอด้วย และเมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมาทั้งคู่ก็ซื้อบ้านอยู่ด้วยกันที่รัฐแคนซัส พวกเขาได้เข้าพิธีวิวาห์กันเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2018 หลังจากที่รู้จักกันได้เพียงแค่ปีเดียว ซึ่งในตอนนี้ทั้งคู่ก็กำลังที่จะสร้างครอบครัวเป็นของตัวเองด้วยความพยายามที่จะมีทายาทตัวน้อยเป็นโซ่ทองคล้องใจ…     สาวน้อย Samantha ที่ได้เผยว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ที่คบกับชายคนนี้ เธอได้รับการเหยียดหยามไม่เว้นแต่ละวัน…

คำเตือน: บทความนี้อาจมีภาพที่ดูน่ากลัว โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม   เวลาที่คนเรามีความเครียดหรือว่าความวิตกกังวลอะไรสักอย่าง สิ่งที่ช่วยได้ก็น่าจะเป็นการทำกิจกรรมที่ชอบหรือว่าการกินของอร่อยๆ อย่างขนมหวานเพื่อบรรเทาอาการเครียดให้ลดน้อยลง แต่ว่ามีชายคนหนึ่งที่มีวิธีแก้ปัญหาที่ว่านี้ค่อนข้างจะแตกต่างจากคนอื่นไปสักหน่อย เพราะเขากินหิน ฝาขวดและเหรียญเพื่อลดอาการโรควิตกกังวล (Anxiety) ที่เป็นอยู่!!     เรื่องราวสุดช็อกที่ว่านี้ได้รับเปิดเผยจากทีมแพทย์ของประเทศเกาหลีใต้ เมื่อมีชายวัย 54 ปีคนหนึ่งถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลด้วยความที่มีอาการปวดท้องอย่างหนักรวมถึงมีอาการท้องอืดร่วมด้วย ทางแพทย์จึงได้รีบทำการทดสอบด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อหาสาเหตุว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ชายคนนี้มีอาการเช่นนี้ แล้วพวกเขาก็พบว่ามีอะไรบางอย่างที่ดูเหมือน ‘ก้อนหินก้อนเล็กๆ’ อยู่ในช่วงท้องของเขา     นอกจากนี้ผลการสแกนยังบ่งชี้ด้วยว่าก้อนหินก้อนเล็กๆ ที่ว่านี้มันสะสมอยู่ในท้องจนเกือบจะเต็มพื้นที่ทั้งหมดเลยทีเดียว และนอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ทำให้ตะลึงยิ่งกว่าก้อนหิน เพราะพวกเขายังพบสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ร่วมด้วย ซึ่งในที่สุดแล้วพวกเขาก็พบว่าเจ้าวัตถุที่อยู่ในท้องนั้นคือก้อนหิน ฝาขวดน้ำและเหรียญที่รวมๆ แล้วมีน้ำหนักมากถึง 2 กิโลกรัม!!     เรื่องราวอันแสนพิสดารนี้ได้รับตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์ American Journal of Medical Case Reports และคุณหมอที่บันทึกเรื่องนี้ได้แก่ด็อกเตอร์ Pyong Wha Choi  ทางแพทย์ได้สันนิษฐานว่าผู้ป่วยคนนี้น่าจะกลืนวัตถุแปลกๆ ที่พบมาเป็นเวลานานเพื่อเป็นการบรรเทาอาการโรควิตกกังวลที่เขาเป็นอยู่ ซึ่งเมื่อถามเรื่องนี้กับเขาก็ได้รับคำตอบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ผู้ป่วยเล่าว่าเขามักจะกลืนหินก้อนเล็กๆ หรือเหรียญในเวลาเมื่อไหร่ก็ตามที่เขารู้สึกกังวล แม้ว่าเขาจะมีการกินยาระงับอาการแล้วก็ตาม โดยทั้งนี้ตั้งแต่เขาเกิดมาก็มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา (Intellectual Disability) อยู่แล้ว  …

เดี๋ยวนี้แฟชั่นเสื้อผ้าต่างๆ ทั้งในและนอกประเทนั้นมีความหลากหลายแนวหลากสไตล์ตามแต่ละคนชอบ ดังนั้นแบรนด์เสื้อผ้าต่างๆ จึงมีการออกแบบชุดใหม่ๆ ออกมาตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคนที่มีความชอบแตกต่างกัน แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้แบรนด์เสื้อผ้าญี่ปุ่นนามว่า Uniqlo ที่เรารู้จักกันดี กลับถูกชาวเน็ตสับเละว่าเสื้อผ้าชุดใหม่ของพวกเขามันเหมือนกับมีแรงบันดาลใจมาจากผู้นำคอมมิวนิสต์อันโด่งดังเมื่อครั้งอดีตซะอย่างงั้น!! สำหรับเสื้อผ้าชิ้นที่กลายเป็นที่มาของปัญหานี้ มันคือเสื้อแจ็คเก็ตทหารตัวหนึ่ง (The Military Jacket) ที่มีสามสีให้เลือกคือสีกากี สีน้ำเงินและสีดำ และมีกระเป๋าอยู่ถึง 4 ที่ในบริเวณข้างหน้า   หน้าตาของแจ็คเก็ตทหารตัวนี้   ราคาขายของเสื้อแจ็คเก็ตถูกตั้งเอาไว้ที่ 6,990 เยน (ราวๆ 1,960 บาท) บนหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Uniqlo Japan และนอกจากนี้ก็ยังมีกางเกงอีกตัวหนึ่งที่เรียกได้ว่าออกแบบมาเพื่อใส่ไว้คู่กันด้วย โดยคำอธิบายของเสื้อแจ็คเก็ตชิ้นนี้เขียนเอาไว้ว่า มันถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์นามว่า Christope LeMare ที่สตูดิโอในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และคอนเซปต์ของมันก็คือ ‘เพิ่มความผ่อนคลาย’ นั่นเอง     แต่ทั้งนี้ชาวเน็ตหลายคนที่ได้เห็นเสื้อตัวนี้ก็ตั้งข้อสงสัยว่า การดีไซน์แจ็คเก็ตมันเหมือนกับการนำชุดของอดีตผู้นำพรรคมิวนิสต์ในอดีตอย่างนายเหมา เจ๋อตุง หรือนายคิม จ็อง-อิล มาเป็นแรงบันดาลใจ… “หลายคนบอกว่าชุดนี้มีกลิ่นอายของคอมมิวนิสต์ในประเทศจีน แต่ฉันคิดว่ามันทำให้คิดถึงนายคิม จ็อง-อิลซะมากกว่า ตอนแรกฉันนึกว่าพวกเขาแค่ทำเล่นขำๆ นะ แต่ปรากฏว่าดันทำมาขายจริงซะอย่างนั้น” “พวกเขาอาจเพิ่มยอดขายด้วยการคอสเพลย์เป็นนายคิม จ็อง-อิลกระมัง” ความเห็นบางส่วนของชาวเน็ต   เมื่อนำแจ็คเก็ตนี้มาเทียบกับชุดของนายคิม จ็อง-อิล…

ปัญหาเรื่อง ‘ผมหงอก’ อาจเป็นปัญหาที่กวนใจใครหลายคน เพราะมันอาจทำให้ดูสีผมไม่สม่ำเสมอกันแถมบางครั้งยังคันยิบๆ จนน่ารำคาญ ครั้นจะถอนเองก็ไม่ได้ จะหาคนมาถอนให้ทั้งวันก็คงจะไม่ใช่เรื่องอีก… ถ้าอย่างนั้นล่ะก็หากคุณมีโอกาสได้ไปที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น คุณอาจแวะไปขจัดเจ้าเส้นผมสีขาวโพลนนี้ให้หมดไปจากหนังหัวได้ เนื่องด้วยที่นั่นมีร้านแห่งหนึ่งที่ตั้งขึ้นเพื่อรับถอนผมหงอกโดยเฉพาะ!!     Shiraganuki Main Store คือชื่อของร้านแปลกๆ ที่ว่านี้ มันตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานี JR Akabane Station โดยใช้เวลาเดินเพียงแค่ 5 นาทีเพียงเท่านั้นจากสถานีก็ถึงร้านจะถึงร้านที่ว่านี้ ทางร้านได้กล่าวไว้ว่าแม้เรื่องของผมหงอกจะเป็นเรื่องเขินหน่อยๆ เวลาที่ขอให้คนอื่นถอนให้ แต่สำหรับทางร้านแล้วพวกเขายินดีอย่างยิ่งที่จะให้บริการในเรื่องนี้ (ถ้าหากเรายินดีจ่ายเช่นกัน ฮ่าๆ)   本日もご来店ありがとうございます。 白髪を抜いて若返りましたね！ pic.twitter.com/Lib7eOTBbo — shiraganuki (@shiraganuki) September 8, 2018   สำหรับค่าบริการของพวกเขาก็เพียงแค่ 3,980 เยน (ราวๆ 1,100 บาท) ต่อเวลาถอนหงอก 30 นาที, 7,480 เยน (ราวๆ 2,100 บาท) ต่อหนึ่งชั่วโมง และถ้าอยากต่อเวลาความเพลินอีกล่ะก็จะมีราคาอยู่ที่…

ว่ากันว่า ‘ภาพถ่าย’ หรือวิดีโอภาพเคลื่อนไหว เป็นเหมือนกับสิ่งที่พาให้เราได้ย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่ภาพได้ถูกถ่ายขึ้น บางภาพเป็นความทรงจำที่สวยงาม บางภาพก็เป็นเรื่องราวที่อาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิต ทว่าหากพูดถึงการถ่ายภาพหรือวิดีโอในสมัยช่วงยุคก่อน เราอาจจะเห็นมันอยู่ในรูปของ ‘ม้วนวิดีโอ’ ที่ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมใช้นักและเครื่องเล่นเจ้าม้วนวิดีโอที่ใหญ่เทอะทะนี้ก็หาซื้อได้ยากเต็มที แต่กลับบางคนแล้วการมีโอกาสได้ดูวิดีโอเก่าๆ มันก็มีความหมายกับพวกเขาเกินกว่าที่หลายคนจะคาดคิด…   หน้าตาของเครื่องเล่นวิดีโอในยุคก่อน   ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า Yoni ได้เปิดเผยเรื่องราวสุดประทับใจของคนขาย ‘เครื่องเล่นวิดีโอ’ บนเว็บไซต์ eBay ที่ได้รับจดหมายจากลูกค้าวัย 86 ปีคนหนึ่งที่ส่งมาเพื่อขอบคุณที่ขายเครื่องเล่นนี้ให้กับเขา เพราะว่าหากไม่มีเครื่องเล่นจากคนขายคนนี้ ชายวัยชราคงจะไม่มีโอกาสได้ดูความงดงามในชีวิตเมื่อครั้งอดีตของเขา โดยเนื้อความที่อยู่บนจดหมายฉบับดังกล่าวมีดังต่อไปนี้ “เมื่อไม่นานมานี้ฉันได้พบกับม้วนวิดีโอเทปเก่าๆ อยู่จำนวนหนึ่งแล้วก็เกิดอยากดูมันขึ้นมา แต่ก็นึกได้ว่าไม่มีเครื่องเล่นจึงเข้ามาที่ eBay เป็นครั้งแรกในชีวิตซึ่งก็พบกับของที่คุณวางขายอยู่”   โพสต์ในทวิตเตอร์ (ดูไม่ได้คลิ๊กที่นี่) This person sold their VHS player on eBay and got a surprise letter in the mail: pic.twitter.com/oaLV8dUFqR — Yoni (@OriginalYoni) February…

งานปาร์ตี้บาร์บีคิวอาจจะเป็นงานสนุกๆ ที่เราได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนกับครอบครัว แต่ว่าบางทีถ้าหากเป็นอะไรที่ซ้ำๆ เดิมๆ เราหรือแขกเหรื่อในงานก็อาจจะเบื่อขึ้นมาได้ ดังนั้นแล้วมันต้องหาอะไรมาสร้างสีสันสักหน่อย อย่างเช่นการแกล้งเพื่อนที่เป็น ‘มือปิ้ง’ ด้วยถ่านรูปหัวกะโหลกรูปลักษณ์น่ากลัวต่อไปนี้ ที่ไม่แน่เหมือนกันว่าทันทีที่ได้เห็น เพื่อนคนครัวของเราอาจจะตกใจหงายท้องไปเลยก็เป็นได้…     ถ่านรูปหัวกะโหลกนี้เป็นไอเดียของศิลปินชาวญี่ปุ่นนามว่า Sekisadamu ซึ่งตอนแรกที่คิดค้นเจ้าถ่านนี้ขึ้นมาเขากล่าวว่าแค่อยากจะเอาไปโชว์เล่นที่ๆ ในเทศกาล Wonder Festival (งานแสดงฟิกเกอร์) ที่จัดขึ้นในจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น แต่ว่าพอเขาโพสต์รูปนี้ลงในโซเชียลเพื่อเชิญชวนผู้คนให้ไปดูผลงานของเขา ก็กลับได้รับผลตอบรับอย่างล้นหลามกว่า 13,000 ไลก์และยอดรีทวีตอีกกว่า 9,300 ครั้ง จนทำให้ตอนนี้เขาเกิดความคิดจะนำถ่านนี้มาวางขายจริงๆ แล้ว     “Wonder Festival Winter 2019 โต๊ะที่ 7-28-06 ถ่านรูปหัวกะโหลกราคา 500 เยน (ราวๆ 140 บาท) ผมจะนำสินค้าไปมากกว่า 200 ชิ้น พวกมันทำจากส่วนผสมที่ได้มาจากธรรมชาติ (รวมทั้งพืข) แบบ 100% ผมคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีอะไรอย่างนี้ในงานนะ” ทวีตคร่าวๆ ของศิลปินคนนี้ ถ่านสุดเท่ที่ว่านี้ได้รับการตอบรับอย่างยอดเยี่ยมทั้งในโลกออนไลน์และในงาน Wonder Festival ที่เขาขายได้จนหมด…

นี่เป็นอีกเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นจริงๆ บนโลกใบนี้   เมื่อประมาณ 48 ปีก่อน ชายชาวเวียดนามชื่อว่า Pham Ngoc Cahn ได้ถูกส่งไปเรียนหนังสือที่ประเทศเกาหลีเหนือ และที่นี่เองที่ทำให้เขาได้พบกับ Ri Yong Hui สาวชาวท้องถิ่นที่กลายเป็นเจ้าสาวของเขาในอีก 4 ทศวรรษต่อมา ในปี 1967 Cahn เป็นหนึ่งในนักเรียนจำนวน 200 คนที่เวียดนามส่งไปศึกษาหาความรู้ในประเทศเกาหลีเหนือ โดยมีจุดมุ่งหมายคือนำความรู้มาพัฒนาประเทศหลังจากสงครามระหว่างเวียดนามกับประเทศสหรัฐอเมริกาได้จบลง   Cahn และ Ri มาบอกเล่าชีวิตรักของทั้งคู่   แต่เรื่องราวความรักของเขาเกิดขึ้นในวันหนึ่งของหลายปีถัดมา ในวันนั้นหนุ่ม Cahn ได้รับโอกาสไปฝึกงานที่โรงงานทำปุ๋ยแห่งหนึ่งทางฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือในฐานะนักศึกษาวิศวกรรมเคมี และที่นี่เองได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล ในวันที่เข้าไปฝึกงาน เขาได้สังเกตเห็นสาวสวยคนหนึ่งทำงานอยู่ในห้องแล็บและนั่นก็คือ Ri นั่นเอง ภาพที่อยู่ตรงหน้ามันกลายเป็นรักแรกพบให้กับทั้งคู่ทันทีที่ได้สบสายตากัน “ในช่วงเวลาที่ได้เห็นเขา ฉันก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาจับใจเพราะรู้สึกว่ารักครั้งนี้มันไม่สามารถเป็นความจริงได้” คุณ Ri ในวัย 70 ปีเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ฟัง     สำหรับ Cahn แล้วเขารู้ตัวในทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาจะต้องแต่งงานด้วย ในตอนนั้นเขาจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเดินเข้าไปขอที่อยู่ของเธอ “ผมบอกกับตัวเอง ผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ให้ได้” Cahn ในวัย…

หากจะพูดถึงการ ‘ปั่นจิ้งหรีด’ หรือว่าหมุนตัวไปมา ใครหลายคนคงจะเคยสัมผัสกับความมึนความเมาแบบสุดๆ ที่ได้มาจากการละเล่นนี้ และเข้าใจดีเลยว่ามันรู้สึกอยากอ้วกแค่ไหนกัน แต่ถ้าสำหรับใครที่ยังไม่เคยลองแบบหนักๆ แบบต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายนาที ลองมาดูตัวอย่างจากอาจารย์คนนี้ก่อนดีกว่าว่าการหมุนตัวจะสามารถทำอะไรกับเราได้บ้าง…   เดี๋ยววันนี้อาจารย์จะมาโชว์ของดี   ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา วัด The Longshan Shanjue Temple ในไต้หวันตอนกลางได้ทำการอัญเชิญนักบวชหญิงชื่อว่าอาจารย์ Huiyen มาทำพิธีอวยพรรดน้ำมนต์ให้กับทางวัด และอาจารย์คนนี้ก็ได้แสดงปาฏิหาริย์ให้ประจักษ์แก่สายตาผู้คนด้วยการหมุนตัวรดน้ำมนต์ไปๆ มาๆ ซึ่งหากลองนับแล้วอาจารย์คนนี้ได้หมุนตัวไปราวๆ 4 นาทีและหมุนราวๆ 150 รอบเลยทีเดียว   คลิปการหมุนตัวรดน้ำมนต์ของอาจารย์    ในวิดีโอจะเห็นได้ว่าอาจารย์ได้หมุนตัวตามเข็มนาฬิกาติ้วๆ พร้อมกับพรมน้ำมนต์ตามพรมแดง ซึ่งจะมีลูกศิษย์คอยยืนถือน้ำมนต์ยื่นให้ตลอดเวลา ตลอดระยะเกือบๆ 4 นาทีเธอยังคงหมุนอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งในที่สุดก็หยุดการพรมน้ำมนต์ลงพร้อมกับอาการวิงเวียนที่เห็นได้อย่างชัดเจน ลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ๆ จึงเข้ามาช่วยพยุงตัวอาจารย์ไม่ให้ล้มลง   แต่แล้วผลจากความมึนหัวก็ได้ทำให้อาจารย์ทนไม่ไหวอีกต่อไป เลย ‘อ้วก’ ออกมากองใหญ่เป็นการปิดคลิปทิ้งท้าย…   ไม่ไหวแล้ว…   ทางชาวเน็ตที่ได้เห็นคลิปนี้ต่างก็คอมเมนต์กันอย่างมากมาย และบางคนก็บอกว่ามันเป็นเรื่องที่ฮาแบบสุดๆ เลยด้วย “อาจารย์ได้บ้วนน้ำศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้ว” “เมื่อนะโมต่อสู้กับการหมุน”…

โดยปกติการคลอดลูกของคนเรามักจะอยู่ที่หนึ่งคนต่อหนึ่งครั้ง หรืออาจจะ ‘ลูกแฝด’ สองคนสามคนบ้างในบางที แต่ว่านี่ถือเป็นกรณีที่หายากจริงๆ เมื่อมีคุณแม่คนหนึ่งให้กำเนิดลูก ‘แฝดเจ็ด’ ได้อย่างปลอดภัย!?   รูปภาพของเด็กๆ จากการกำเนิดครั้งนี้   เรื่องราวสุดมหัศจรรย์ที่ว่านี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองดิยาลา ประเทศอิรัก เมื่อมีคุณแม่วัย 25 ปีคนหนึ่งให้กำเนิดเด็กๆ ขึ้นมาลืมตาดูโลกทีเดียวเจ็ดคนด้วยกัน ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศที่มีการให้กำเนิดแฝดเจ็ดเลยด้วย     ทางด้าน Firas Al Izzawi โฆษกของหน่วยงานด้านสุขภาพท้องถิ่น ได้ออกแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ว่าคุณแม่ได้ให้กำเนิดลูกๆ ด้วยวิธีการทางธรรมชาติ และทุกๆ คนปลอดภัยดี     เด็กๆ ทั้งเจ็ดคนนี้เป็นผู้หญิง 6 คนและผู้ชายหนึ่งคนด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดหลังจากที่ผ่านกระบวนการคลอดแล้ว ก็ได้รับการตรวจสุขภาพอย่างถี่ถ้วน   โรงพยาบาลที่เด็กๆ เกิด   ส่วนทางคุณพ่อ Youssef Fadl ก็กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเขากับภรรยาในตอนนี้มีลูกๆ ในการดูแลถึง 10 คนด้วยกันและคงไม่วางแผนที่จะขยายครอบครัวเพิ่มไปกว่าเดิมแล้ว   ที่มา: dailymail, thesun

โดยปกติแล้ว ‘สบู่ล้างมือ’ เราก็จะมีเอาไว้ทำความสะอาดส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่ว่ามีหญิงชาวอินโดฯ ผู้หนึ่งที่เปลี่ยนสบู่ธรรมดาๆ ให้กลายเป็นไอเทมสำหรับการ ‘ลิ้มรส’ ได้อย่างเหลือเชื่อ จนกลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์อยู่ในตอนนี้!?   แผล็บๆ https://www.instagram.com/p/BtxK7ksDJKG/   Khosik Assyifa คือหญิงสาวชาวอินโดนีเซียที่อาศัยอยู่ ณ เกาะชวา เธอเป็นคนที่ชอบการลิ้มรสสบู่เอามากๆ กับการเอาลิ้นไปเลียๆ ดูดๆ เหมือนกับเป็นไอศกรีมแท่งหนึ่ง ความชอบนี้เองได้ทำให้เธอกลายเป็นขวัญใจจากโลกออนไลน์ จากในแต่ละคลิปที่มียอดกดไลก์และคอมเมนต์เข้ามาอย่างท่วมท้น รวมทั้งแฟนคลับทั้งหลายที่คอยเชียร์ให้เธอรีวิวสบู่ยี่ห้อต่างๆ ด้วยว่ารสชาติมันเป็นอย่างไรกัน…   ไหนลองยี่ห้อนี้ดูซิ https://www.instagram.com/p/Btna5nwgzEq/ อันที่จริงแล้วเธอเพิ่งจะเริ่มโพสต์วิดีโอรีวิวการชิมสบู่แบบขำๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพียงเท่านั้น แต่เธอก็ได้กลายเป็นเซเลบริตี้บนโลกโซเชียลในประเทศอินโดนีเซียได้อย่างเหลือเชื่อ สาววัย 21 ปีคนนี้เล่าให้ฟังว่าการลิ้มรสสบู่เป็นครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ซึ่งในตอนนั้นเธอกำลังตั้งท้องอยู่ (อย่างที่รู้ๆ กันว่าคนท้องมักจะมีความอยากกินอะไรแปลกๆ) และสิ่งที่เธอถวิลหาก็คือการกินสบู่นั่นเอง สาวคนนี้ได้ลิ้มรสสบู่เป็นครั้งแรกระหว่างการอาบน้ำ และด้วยรสชาติที่เหมือนผลไม้ของสบู่ก้อนนั้นมันได้ทำให้เธอติดอกติดใจจนเลียมันเล่นอยู่เป็นประจำ แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้เธอก็ไม่ได้บอกสามีแต่อย่างใดเพราะความเขินอาย ทว่าเขาก็รู้พร้อมๆ กับคนทั้งโลกจากการดูวิดีโอที่เธออัดลงในโซเชียลนั่นเอง   ไหนลองชิม ‘ลักส์’ ดูซะหน่อย https://www.instagram.com/p/BtlFHAfAuNe/   ทั้งนี้เธอได้กล่าวไว้ว่าแม้เธอจะชิมสบู่ระหว่างที่ตั้งครรภ์อยู่ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อลูกในท้องของเธอแต่อย่างใด รวมทั้งยืนยันด้วยว่าเธอไม่เคยกับอาการปวดท้องหรืออาการป่วยใดๆ…

ว่าด้วยเรื่องแฟชั่นแล้วไม่มีอะไรที่เป็นกฏเกณฑ์ตายตัวว่ายุคนี้สมัยนี้ต้องแต่งตัวยังไง จึงทำให้แบรนด์แฟชั่นต่างๆ ออกไอเทมที่แนวๆ เฟี้ยวๆ ออกมาอย่างเต็มไปหมด และล่าสุดนี้ด้วยความที่ Balenciaga แบรนด์ชื่อดังก้องโลกได้ออกวางขาย ‘รองเท้า’ ที่มีหน้าตาแปลกๆ ออกมา ทางแมคโดนัลด์เลยจัดการล้อเลียนขำๆ ด้วยการเอากล่องใส่เฟรนช์ฟรายส์มาทำเป็นรองเท้าซะเลย… เนื่องด้วยฤดูร้อนที่ผ่านมา Balenciaga ได้วางขายรองเท้าคอลเลคชั่นใหม่ที่มีสีแดงและมีหน้าตาแปลกๆ ซึ่งดูเหมือนกับกล่องใส่อะไรบางอย่าง   หน้าตาของรองเท้าที่ว่านี้   สำหรับค่าตัวของเท้าคู่นี้ก็ไม่ใช่แพงแต่อย่างใด โดยราคาที่วางขายบนเว็บไซต์ Barneys New York ได้ตั้งราคาไว้อยู่ที่ 545 ดอลลาร์ (ราวๆ 17,000 บาท) เท่านั้น และเมื่อเห็นดังนั้นแมคโดนัลด์ของสวีเดน จึงเกิดความคิดสนุกๆ ขึ้นมาด้วยการพาโรดี้หรือล้อเลียนรองเท้าคอลเลคชั่นใหม่นี้ด้วย การเอากล่องใส่เฟรนช์ฟรายส์มาทำเป็นรองเท้าซะเลย     “ถ้าเราได้ 103,042 ไลก์ เราจะปล่อยรองเท้านี้ออกมาจริงๆ” แคปชั่นที่แมคโดนัลด์เขียนเอาไว้   https://www.instagram.com/p/Bti0i9WHm88/   แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้ภาพที่ว่านี้มียอดไลก์อยู่ราวๆ ที่ 19,000 ไลก์ ซึ่งดูเหมือนกับว่ายังห่างไกลกับที่คาดหวังเอาไว้จริงๆ ทว่าอย่างไรก็ตามนี่อาจเป็นสีสันขำๆ ที่ทางร้านได้สร้างสรรค์ขึ้นมาสนุกๆ และเรียกเสียงหัวเราะได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว   ที่มา: ladbible, highsnobiety

หากยังจำกันได้ เมื่อไม่นานมานี้เคยมีข่าวหนึ่งที่เป็นไวรัลบนอินเทอร์เน็ตที่กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง ถึงร้านเบอร์เกอร์ร้านหนึ่งในเมืองเมลเบิร์น ที่มีการโรยผงสีขาวๆ บนหน้าเบอร์เกอร์จนดูเหมือนกับว่าเป็นยาเสพติด หากใครไม่เคยรู้จักข่าวนี้ อ่านได้ที่ >> ร้านเบอร์เกอร์ถูกชาวเน็ตโจมตี หลังขายเบอร์เกอร์ที่มี ‘ผงขาว’ โรยอยู่ข้างบนจนเหมือนโคเคน!!     ร้านแห่งนั้นมีชื่อว่า Pablo Escoburgers ซึ่งแน่นอนว่าชื่อนี้มีที่มาจากการนำชื่อของ Pablo Escobar เจ้าพ่อยาเสพติดชาวโคลัมเบียมาเล่นคำใหม่ จนทำให้มีคนส่วนหนึ่งรู้สึกไม่พอใจที่นำชื่อนี้มาเป็นชื่อร้านเบอร์เกอร์ เหตุผลที่ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่พอใจก็อาจเป็นเพราะว่าชื่อนี้เป็นชื่อที่ได้ทำลายชีวิตชาวโคลัมเบียไปนับร้อยนับพันชีวิต ซึ่งในตอนนี้ทางร้านเบอร์เกอร์แห่งนี้ก็บอกว่าพร้อมที่จะเปลี่ยนชื่อร้านให้ ถ้าหากคนที่ไม่ชอบชื่อนี้สามารถเรี่ยไรเงินเพื่อการกุศลได้ 100 ล้านดอลลาร์!?     เมื่อครั้งอดีตผู้คนในโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างก็โจมตีร้านนี้ด้วยการให้รีวิวคะแนนสุดต่ำ พร้อมทั้งมีคอมเมนต์เข้ามาทางเพจอย่างมากมาย อาทิ “นี่ไม่ใช่เรื่องตลกเลย ไม่โอเคเลย” “ฉันล่ะอยากเห็นจริงๆ เลยว่าจะมีใครซื้อพร้อมกับอธิบายให้เด็กๆ ฟังไหมในเวลาที่พวกเขาอยากกินเบอร์เกอร์ชิ้นนี้”     แต่อย่างไรก็ตามนาย Vaughan Marks เจ้าของร้านก็บอกว่าเขาไม่มีนโยบายที่จะเปลี่ยนชื่อร้านหรือว่าวิธีนำเสนอเมนูแต่อย่างใด ซึ่งถ้าผู้คนจะให้เขาทำอย่างนั้นจริงๆ ก็ต้องมีของมาแลกนั่นคือการบริจาคเงินการกุศล 100 ล้านดอลลาร์ (ราวๆ 3.1 พันล้านบาท) “มันเป็นอะไรที่เจ็บแสบเอามากๆ กับการที่พวกเขาอยากให้เราเปลี่ยนชื่อร้าน และถ้าจะทำอย่างนั้นจริงๆ ล่ะก็ต้องมีอะไรบางอย่างมาเป็นเหตุผลกับเรื่องนี้สักหน่อยล่ะ “ถ้าพวกเขาต่อต้านชื่อร้านเราและสามารถรวบรวมเงินได้ 100 ล้านดอลลาร์เพื่อบริจาคการกุศล เราจะเปลี่ยนชื่อร้านให้ นั่นมันมีเหตุผลพอสำหรับผมนะ”…

หากใครที่เคยดูการ์ตูนในตำนานอย่างเรื่อง ‘ดราก้อนบอล’ คงจะคุ้นหน้ากันดีกับชายแก่นามว่า ‘ผู้เฒ่าเต่า’ แต่รู้หรือไม่ว่าในโลกชีวิตจริงมีชายอยู่คนหนึ่งที่เรียกได้ว่าถอดแบบจากผู้เฒ่าเต่ามาแทบจะเหมือนเปี๊ยบ!!   https://www.instagram.com/p/BsgjF_5HUDg/   ชายคนนั้นมีนามว่า Nhon Ly ชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มากับกล้ามเนื้อก้อนโตเหมือนดั่งอาจารย์สอนปรมายุทธในการ์ตูน   https://www.instagram.com/p/BfJojfODUHZ/   เขาเป็นนักเพาะกายมืออาชีพที่เคยกวาดรางวัลมาแล้วมากมาย อย่างเช่น อันดับที่ 4 ในการประกวดประเภท Lightweight ในรายการ U.S. Championship ปี 2011 และอันดับที่ 7 ในรายการเดียวกันในปีถัดมา   https://www.instagram.com/p/Ba35EK8j-XK/   ชายคนนี้ได้ย้ายมาอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ตั้งแต่อายุ 16 ปี และเชื่อหรือไม่ว่าก่อนที่เขาจะเข้าสู่วงการเพาะกาย เขาเคยเป็นช่างทำเล็บมาก่อนและเคยเปิดร้านเป็นของตัวเองด้วย ซึ่งร้านทำเล็บนี้เองทำให้ได้เจอกับภรรยาของเขา   https://www.instagram.com/p/BUpnxlTD8nx/   ด้วยรูปร่างหน้าตาและร่างกายที่แข็งแรงคล้ายกับผู้เฒ่าเต่าในเรื่องดราก้อนบอล ทำให้เขาฮอตเอามากๆ จนในตอนนี้มีผู้ติดตามใน IG แล้วเกือบๆ 40,000 คนเลยทีเดียว   https://www.instagram.com/p/BrntpDHn0aC/   และนี่คือความคิดเห็นของชาวเน็ตบางส่วนที่มีต่อชายคนนี้ รวมทั้งยังมีบางคนที่บอกว่าบนโลกนี้อาจจะไม่มีใครเหมือนผู้เฒ่าเต่าได้เท่าเขาอีกแล้ว   ดูสุดยอดไปเลยอาจารย์  …

เวลาที่เราได้กลิ่นเหม็นๆ ลอยเข้าจมูก แค่เพียงแวบเดียวเราก็อาจจะทนไม่ไหวต้องหาทางไปให้พ้นๆ จากกลิ่นนั้น แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีชาวบ้านของเมืองๆ หนึ่งต้องทนอยู่กับเหม็นชนิดที่ว่า ‘ไม่กล้าที่จะสูดหายใจ’ มานานกว่า 17 ปี!?     ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านแห่งเมือง St.Mary’s เมืองเล็กๆ ในรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ ประเทศแคนาดา ต้องทนทุกข์อยู่กับกลิ่นฉุนจมูกนั่นคือกลิ่นเหม็นเน่าของ ‘น้ำปลา’ ที่ส่งกลิ่นออกมาจากโรงงานร้างใกล้ๆ กับเมือง ความเป็นมาของกลิ่นคละคลุ้งนี้ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1990 เมื่อชาวเวียดนามที่อพยพมาอยู่ที่นี่ได้จัดตั้งโรงงานชื่อว่า Atlantic Seafood Sauce ใกล้ๆ กับเมือง โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะผลิตน้ำปลาซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของประเทศเวียดนาม… ในตอนแรกกิจการของพวกเขาสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ว่าหลังจากนั้น 4 ปีก็มีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของโรงงานนาม Sanh Go ได้เริ่มพร่ำบ่นว่ากฎระเบียบด้านอาหารของประเทศแคนาดากำลังจะค่อยๆ พังธุรกิจของเขา     ธุรกิจยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งในปี 2000 สำนักงานตรวจสอบอาหารของแคนาดาได้เข้ามาตรวจสอบโรงงานแล้วก็ได้ข้อสรุปว่าน้ำปลาที่ผลิตที่นี่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย โรงงานแห่งนี้จึงถูกปิดตัวลงในอีกสองปีต่อมา แต่ว่าสิ่งที่ยังคงอยู่ภายในโรงงานแห่งนี้ ก็คือถังใส่ปลาที่หมักดองแล้วและถังบรรจุน้ำปลาอีกจำนวนมาก ซึ่งนี่เองจึงกลายเป็นที่มาของกลิ่นเหม็นเน่าตั้งแต่นั้นเป็นมา “มันผ่านไปเป็นสิบๆ ปีแล้ว และมันก็แย่ลงในทุกๆ ปีเพราะด้วยกลิ่นของมันเอง ในตอนนี้มันได้ก่อปัญหาด้านสุขภาพจากการที่เราไม่สามารถสูดหายใจได้เลย กลิ่นมันฉุนจริงๆ” Juliette Lee ชาวบ้านให้สัมภาษณ์กับสื่อ สำหรับ Lee…

หากว่าพูดถึง ‘ซอมบี้’ หลายๆ คนอาจจะนึกภาพของมนุษย์ผีดิบที่มีหน้าตาน่ากลัวจนขยาดที่จะเข้าใกล้ แต่รู้หรือไม่ว่าถ้าหากมันมาอยู่ในรูปแบบของตุ๊กตาแล้ว อาจจะมีความน่ารักเป็นพิเศษเหมือนกับในสายตาของสาวคนนี้ ที่เธอแต่งงานกับตุ๊กตาซอมบี้แล้วบอกว่าคงจะหาความสุขไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว!!   Felicity และ Kelly ตุ๊กตาผู้เป็นเจ้าบ่าว   เมื่อประมาณหกเดือนที่ผ่านมา Felicity Kadlec สาววัย 20 ปีได้เข้าพิธีวิวาห์กับ Kelly Rossi ตุ๊กตาผีซอมบี้ที่เธออ้างว่ามีอายุได้ 37 ปี งานแต่งงานของทั้งคู่จัดขึ้นที่รัฐโรดไอแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางแขกเหรื่อคือญาติของฝ่ายเจ้าสาว 4 คนและตุ๊กตาตัวอื่นๆ อีก 8 ตัวมาเป็นสักขีพยานในความรักของทั้งคู่     ในตอนนี้ Felicity ได้ออกมาพูดถึงชีวิตหลังการแต่งงานของเธอหลังจากที่แต่งงานกับ Kelly ว่าเขาเป็นเหมือนการเติมเต็มโลกทั้งใบให้กับเธอเลยก็ว่าได้     “งานแต่งงานของเราช่างเป็นอะไรที่สวยและเพอร์เฟกต์สุดๆ มันเป็นดั่งฉันเฝ้าฝันเอาไว้เลย ฉันพยายามทำให้งานแต่งงานของเราเป็นทางการมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วผลของมันก็ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ” “Kelly เป็นเจ้าบ่าวในพิธีนั้น และ ‘เธอ’ รับบทเป็นผู้ชายในความสัมพันธ์ระหว่างสองเรา จริงๆ แล้วเธอเป็นทอมบอยน่ะ แต่ฉันก็กลับรู้สึกสุขใจเป็นที่สุดที่มีเธอเป็นเจ้าบ่าวให้” “แม้ว่าความสัมพันธ์ของฉันกับ Kelly เพิ่งจะเริ่มต้นมาเพียงแค่ 4 ปี ทว่าการแต่งงานที่เกิดขึ้นก็ทำให้ฉันรู้สึกสนิทกับเธอมากยิ่งขึ้นทั้งเรื่องทางกายและความรู้สึกด้วย” เจ้าสาวกล่าว    …

วันวาเลนไทน์ใครหลายคนอาจจะพาแฟนพาคนรักไปดูหนัง ฟังเพลง หรือกินข้าวอะไรต่างๆ ด้วยความสนุกสนานหรือคนโสดก็อาจจะนอนหงอยอยู่เปื่อยๆ ในห้องรอคอยให้วันที่ว่านี้ผ่านพ้นไปซะที กิจกรรมในวันแห่งความรักของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป แต่ว่าสำหรับเด็กวัย 8 ขวบคนหนึ่งแล้ว มันเป็นวันที่ทำให้เขามีโอกาสได้มอบ ‘ดอกไม้’ ให้กับเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงถึง 68 คนด้วยกัน!?   หนูน้อย Callum Drew วัย 8 ขวบ   โดยเรื่องมีอยู่ว่าโรมิโอน้อยนาม Callum Drew เด็กชายวัย 8 ขวบแห่งโรงเรียน Lacey Gardens School มณฑลลิงคอล์นเชอร์ ประเทศอังกฤษ ได้มีธรรมเนียมประจำตัวเมื่อถึงวันวาเลนไทน์ นั่นก็คือการมอบดอกกุหลาบให้กับเพื่อนนักเรียนหญิงร่วมชั้นเรียนเดียวกับเขา และเจ้าหนูก็ทำอย่างนี้มาแล้วถึง 4 ปีด้วยกัน!! เขาบอกว่าเหตุผลที่เขามอบกุหลาบให้กับเพื่อนๆ ผู้หญิงเพราะอยากจะให้พวกเธอรู้สึกดีในวันสุดวิเศษนี้ รวมถึงจะได้ไม่มีใครรู้สึกว่าแปลกแยกจากคนอื่นๆ     ส่วนเงินที่เอามาซื้อดอกไม้เหล่านี้ เขาไม่ได้ขอเงินจากพ่อแม่แต่อย่างใด โดยในปีก่อนๆ เขาได้ไปทำงานที่ร้านดอกไม้ของคุณยายเพื่อแลกกับเงินวันละนิดละหน่อย และเก็บสะสมเรื่อยมาจนซื้อดอกไม้ให้เพื่อนๆ ได้ แต่ว่าในปีนี้คุณยายของเขาได้เสียชีวิตลงก่อนจะถึงวันวาเลนไทน์ เขาจึงต้องไปทำงานล้างรถเพื่อนำเงินมาซื้อดอกกุหลาบแจกจ่ายให้กับเพื่อนๆ แทน “ผมแค่ต้องการให้ดอกไม้แก่เพื่อนผู้หญิง เพราะไม่ต้องการให้พวกเธอรู้สึกไม่ดีในวันแห่งความรักน่ะ ผมจะไปในทุกๆ ห้องและมอบของขวัญนี้ให้กับพวกเธอ” “ผมทำเช่นนี้มา 4 ปีแล้ว ผู้หญิงที่ได้ของขวัญของผมมักจะกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ด้วยความดีใจเลยล่ะ” หนุ่มน้อยกล่าว…

สำหรับคนบางคนแล้ว ‘การสารภาพรัก’ มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ เอาซะเลย เพราะเมื่อเจอหน้าคนที่ชอบแล้วความขวยเขิน ความประหม่ามันก็ถาโถมเข้ามาอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่ามาจากไหนกัน แต่ถึงอย่างนั้นแล้วนี่อาจเป็นตัวช่วยที่คุณตามหามานานแสนนาน เพราะว่ามีบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่งจะมาช่วยสารภาพรักแทนคุณเอง โดยที่คุณไม่ต้องไปด้วยตัวเองก็ยังได้!!     บริษัทแห่งนั้นมีชื่อว่า Kokunavi ซึ่งเป็นบริษัทที่จะช่วยให้คนที่ขี้เขินขี้อายได้มีโอกาสบอกความในใจกับคนที่แอบชอบ ด้วยการนำข้อความหวานๆ ไปให้กับคนนั้นหรือวิธีอื่นๆ ที่พวกเขาจัดเตรียมเอาไว้ให้ โดยแพคเกจที่บริษัทแห่งนี้ได้เตรียมเอาไว้ให้จะมีด้วยการ 3 แบบด้วยกัน แบบแรกคือ Simple Course ที่จัดว่าเป็นอะไรที่พื้นฐานที่สุดราคาถูกที่สุดนั่นคือ 29,000 เยน (ประมาณ 8,200 บาท) ในแพคเกจนี้จะให้อารมณ์แบบเพื่อนๆ นั่นคือการเอาจดหมายรักไปให้กับคนๆ นั้นจากนั้นก็จะนำคำตอบที่ได้มาให้แก่เจ้าตัวได้รู้กันว่าเธอ/เขาคนนั้นรู้สึกอย่างไร     แบบที่สองมีชื่อว่า Support Pack Course ซึ่งจะว่าด้วยการเข้าพบกับผู้เชี่ยวชาญของบริษัท 2 – 3 เพื่อรับคำแนะนำในเรื่องการใช้คำพูด รวมถึงเวลาและสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเข้าปะทะ โดยแพคเกจนี้มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 59,000 เยน (ราวๆ 16,000 บาท) ท้ายที่สุดสำหรับแพคเกจแบบพรีเมี่ยม ซึ่งแพคเกจนี้จะคลอบคลุมการเข้าพบกับผู้เชี่ยวชาญของบริษัท 4 – 5 ครั้ง รวมถึงการรวบรวมข้อมูลจากโปรเจกต์ครั้งก่อนๆ ของบริษัท เพื่อพิจารณาว่าวิธีสารภาพรักแบบใดจะให้ผลสำเร็จมากที่สุดในแต่ละเคส  …

และแล้วเวลาก็พาให้เราเดินทางมาถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่มีความพิเศษกว่าวันอื่นๆ ตรงที่เป็น วันวาเลนไทน์หรือว่าวันแห่งความรัก ในวันนี้คนที่มีคู่หรือมีแฟนก็อาจจะพากันไปออกเดท กินข้าวดูหนังกันอย่างมีความสุข แต่สำหรับคนโสดหรือเพิ่งโสดมาหมาดๆ ล่ะก็ วันนี้มันอาจเป็นวันที่เหม็นความรักขึ้นคอได้เพราะไม่ว่ามองไปทางไหนก็จะเห็นแต่คนเดินควงกันทั้งนั้น ในใจหนึ่งอาจจะรู้สึกดีใจกับความรักของทุกคน แต่อีกใจหนึ่งบางคนอาจจะนึกโทษ ‘แฟนเก่า’ ของเราที่ปล่อยให้เราต้องเดินอย่างเดียวดายเหมือนอย่างตอนนี้ ฉะนั้นแล้วล่ะก็มันต้องหาอะไรมาแก้แค้นให้มันสาแก่ใจซะหน่อยแล้วล่ะ และถ้าคุณยังคิดหาวิธีไม่ได้ล่ะก็ บางทีอาจจะใช้ตัวช่วยเหมือนอย่างนี้ ด้วยการให้น้องหมีช่วยตะปบให้!!    ถึงตรงนี้ใครหลายคนอาจจะงงๆ ว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน แต่ว่ามีศูนย์อนุรักษ์ชื่อว่า ในรัฐออริกอน ประเทศสหรัฐฯ จะมอบโอกาสให้คุณได้ทำอย่างนั้นจริงๆ ด้วยการที่พวกเขาจะให้คุณบริจาคเงินเพื่อตั้งชื่อปลาแซลม่อนเป็นชื่อแฟนเก่า จากนั้นก็จะเจ้านำปลาผู้โชคร้ายนี้ไปให้กับเจ้าหมีนามว่าเจ้า Kodi กับเจ้า Yak จัดการให้เป็นมื้อแสนอร่อยนั่นเอง     ฟังๆ ดูแล้วมันก็เป็นเรื่องที่น่าสะใจดีอยู่ไม่น้อยใช่ไหมล่ะที่ได้แก้แค้นพวกเขาด้วยวิธีอย่างนี้ แต่ทั้งนี้เงินค่าบริจาคต่อครั้งก็จะอยู่ที่ประมาณ 20 ดอลลาร์ (ประมาณ 680 บาท) ด้วย     แต่ถึงอย่างนั้นพอโพสต์นี้ได้แพร่กระจายไปในโลกโซเชียลก็มีชาวเน็ตแท็กเพื่อนๆ กันอย่างสนุกสนาน รวมถึงมีความคิดเห็นทั้งแง่บวกแง่ลบเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ด้วย อย่าง “ฉันคิดว่านี่เป็นวิธีที่น่าสมเพชมากเลยนะกับการหาเงินบริจาคด้วยวิธีการอย่างนี้” “แต่ฉันก็คิดว่ามันดีกว่าไปเผาบ้านเขานะ”  “นี่เป็นการช่วยสัตว์ และยังเป็นการช่วยปลดปล่อยความรู้สึกที่ไม่ดีของผู้คนออกมาด้วย มันเหมือนเป็นการวิน –…

บางครั้งการค้นพบสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ก็เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญแบบแปลกๆ อย่างเช่นในกรณีต่อไปนี้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเจอฟาร์ม ‘กัญชา’ อย่างจังๆ จากการที่พาคุณป้าคนหนึ่งไปส่งที่บ้าน!?     ความบังเอิญอันแสนโชคดีนี้เริ่มขึ้นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ Heaton เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ ได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่ามีคุณป้าคนหนึ่งมีอาการเมาจากอะไรบางอย่าง จึงโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแล พวกเขาได้พาตัวคุณป้าวัย 65 ปีคนนี้มาส่งที่บ้าน แต่ว่าพอถึงบ้านของคุณป้าพวกเขาก็ได้กลิ่นเขียวๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของกัญชา จึงได้เริ่มสอบถามกับทางเจ้าของบ้าน     ในท้ายที่สุดแล้วทางเจ้าหน้าที่ก็พบว่ากลิ่นที่ลอยเข้ามาเตะจมูกไม่ใช่กลิ่นของการพันจ๊อยเล็กๆ แต่อย่างใด แต่พวกเขาพบคลังต้นกัญชามากกว่า 54 ต้นรวมทั้งอุปกรณ์ดูแลอีกมากมายในห้องใต้หลังคาของบ้านหลังนี้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมคุณป้าคนนี้พร้อมกับชายวัย 69 ปีอีกคนหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย ส่วนของกลาง (กัญชา) ก็ถูกนำไปทำลายอย่างราบคาบ     “เจ้าหน้าที่ของเราตอบรับสายจากพลเมืองดีที่เป็นห่วงสวัสดิภาพของคุณป้าคนหนึ่งที่ตะโกนโหวกเหวกไปมาอยู่กลางถนน สิ่งที่พวกเราต้องทำเป็นสิ่งแรกคือพาเธอไปส่งที่บ้านอย่างปลอดภัย และทำให้พื้นที่สาธารณะสงบสุข” “แต่ว่าพอเข้าไปในบ้านแล้วสัญชาตญาณของเจ้าหน้าที่ก็พบว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะมีการค้นพบฟาร์มกัญชาขนาดใหญ่” “เรารู้ว่ามีมุมมองอันหลากหลายเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่ากัญชา แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย และไม่ว่าจะอย่างไร เราจะยึดและทำลายฟาร์มกัญชาใดๆ ที่เราค้นพบเพราะนั่นเป็นหน้าที่ของเรา” เจ้าหน้าที่ Julie Rana กล่าว   ที่มา: metro, chroniclelive

เมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดเหตุการณ์หนึ่งที่กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในประเทศอังกฤษ หลังจากคุณครูประถมศึกษาคนหนึ่งถูกผู้ปกครองตั้งม็อบต่อต้าน เพราะเขาเป็น ‘เกย์’ และสอนวิชาเกี่ยวกับ LGBT ให้กับเด็กๆ!? Andrew Moffat แห่งโรงเรียน Parkfield Community School เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ คือผู้ที่ถูกต่อต้านจากเหตุการณ์ที่ได้กล่าวมา   Andrew Moffat คุณครูผู้ถูกประท้วง   โดยสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณครูคนนี้ก็คือการที่ผู้ปกครองของเด็กๆ กว่า 100 คนได้ร่วมใจกันก่อม็อบประท้วงเขาบริเวณประตูโรงเรียน รวมทั้งเจ้าตัวยังกล่าวด้วยว่ามีผู้ปกครองบางคนส่งข้อความข่มขู่     ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาถูกปฏิบัติเช่นนี้ก็เพราะว่าเขาเป็นเกย์ และถูกกล่าวหาว่าสอนโปรเจกต์ชื่อว่า The No Outsiders Project ซึ่งเป็นวิชาที่ว่าด้วย “ความเท่าเทียมทางเพศ” ให้กับเด็กๆ เพราะความเชื่อส่วนบุคคลของเขาเอง     “ผมได้รับอีเมล์ที่น่าเกลียดเอามากๆ และยังได้รับข้อความของผู้ปกครองบางคนในโซเชียล ผมรู้สึกว่านี่เป็นคุกคามอย่างยิ่ง” “แต่ทั้งนี้สิ่งที่ทำให้ผมยังคงก้าวต่อไปก็คือการซัพพอร์ตอันยอดเยี่ยมจากทางโรงเรียน รวมถึงหน่วยงามอื่นๆ อย่างหน่วยงานทางการศึกษาและสภาเมือง”  “มีผู้คนจำนวนมากตระหนักว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญและเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการสอนต่อไป” Andrew กล่าว     ทั้งนี้โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่จำนวนมาก จึงอาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผู้ปกครองรู้สึกไม่พอใจนักที่เด็กๆ ได้รับการสอนถึงเรื่องการมีคู่รักเป็นเพศเดียวกัน จนในตอนนี้มีการลงชื่อต่อต้านแล้วกว่า 400 รายชื่อด้วยกัน    …

“The Show Must Go On”   นี่อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความ ‘โคตรร็อค’ ของมือกีต้าร์คนหนึ่ง ที่แม้ว่าหัวของเขาจะมีไฟลุกอยู่ (ไม่ใช่อาการหัวร้อนใดๆ แต่เป็นไฟจริงๆ) แต่เขาก็ยังคงบรรเลงเครื่องดนตรีในมือได้อย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!!     เรื่องนี้เกิดขึ้นขณะวงดนตรีวงหนึ่งที่โคฟเวอร์เป็นวง KISS กำลังแสดงอยู่อย่างเมามันส์บนเวทีในเมือง Sioux รัฐไอโอว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางเสียงหวีดร้องอย่างสนุกสนานของแฟนๆ     แต่แล้วหลังจากที่มีเอฟเฟกต์พลุไฟเกิดขึ้นบนเวที ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้น เพราะไฟจากเอฟเฟกต์นั้นมันดันไปติดเข้ากับผมของมือกีต้าร์ที่อยู่ใกล้ๆ ทว่าก็ดูเหมือนเขาไม่แยแสแต่อย่างใด ยังคงร้องและดีดกีต้าร์แทบจะครบทุกตัวโน้ต ทั้งๆ ที่หัวมีไฟลุกอยู่ถึงหลายวินาที…     จนที่สุดเพื่อนร่วมวงเห็นจะท่าไม่ดีต้องเอามือมาปัดๆ ให้ ก่อนที่จะเรียกทีมงานแบ๊คสเตจมาดับไฟให้จนกระทั่งดับไฟได้อย่างปลอดภัยและโชว์ก็ยังคงความมันส์อย่างต่อเนื่อง ในภายหลัง Bobby Jensen มือกีต้าร์สุดร็อคคนนี้ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า   คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น    “ผมใช้ชีวิตเหมือน Evil Knievel (Evel Knievel คือนักแสดงสตั๊นท์ระดับตำนาน) มาตลอด เพราะงั้นการมีไฟติดหัวนิดหน่อยมันทำอะไรผมไม่ได้เลยสักนิด มันเป็นความสนุกส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง”   “ผมรู้มาตลอดว่ามีไฟติดตัวอยู่ และนั่นก็ไม่ใช่วิกแต่อย่างใดมันคือผมจริงๆ มันดูดีเอามากๆ ก่อนขึ้นโชว์” “ตอนที่ไฟกำลังลุกอยู่…

กลายเป็นที่ชินชาไปซะแล้วสำหรับชีวิตคนเมืองในตอนนี้สำหรับปัญหาเรื่อง ‘รถติด’ ที่ติดได้ติดดีทุกวี่วัน จนบางครั้งก็พาลทำให้หัวเสียได้ง่ายๆ ก็อย่างว่ามันเป็นอะไรที่เปลืองเวลาชีวิตเราอย่างเปล่าประโยชน์เสียจริงๆ ใช่ไหมล่ะ แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในเพียงยุคปัจจุบันเพียงเท่านั้น แต่ในอดีตเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกก็เคยเผชิญกับปัญหานี้เช่นเดียวกัน ถ้าหากยังไม่เชื่อล่ะก็ลองไปดูภาพเก่าๆ อันทรงเสน่ห์เหล่านี้ที่จะมาพิสูจน์ให้คุณเห็นว่า ปัญหาเรื่องจราจรติดขัดมันมีทุกยุคทุกสมัยจริงๆ!!   บริเวณ Oxford Circus ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปี 1888   สะพานลอนดอนในปี 1900   ภาพรถบัสในกรุงลอนดอนปี 1900   แยก Piccadilly Circus กรุงลอนดอนปี 1901   ภาพชั่วโมงเร่งด่วนที่เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐฯ ปี 1909   หัวมุมถนนสาย 7 ตัดกับถนนบรอดเวย์ ดาวทาวน์ลอสแอนเจลิส ช่วงปี 1920s   กรุงลอนดอนในปี 1926   บริเวณตลาดในลอสแอนเจลิส ปี 1927   กรุงเบอร์ลินปี 1927…

ความรัก ความฮา ความกวนระหว่างเพื่อนๆ ของแต่ละคน คงไม่ต้องบอกว่ามันช่างเป็นอะไรที่สร้างสีสันในชีวิตได้เป็นอย่างดี ถึงบางครั้งจะมีการแกล้งกันเบาๆ บ้าง หนักๆ บ้าง แต่ความเป็นเพื่อนก็อาจทำให้ตัดกันไม่ขาดอยู่ดี ทว่าไม่แน่เหมือนกันว่าถ้าหากคุณเล่นอย่างนี้กับเพื่อน มันอาจจะทำให้มองหน้ากันไม่ติดเลยก็ได้ เพราะเขาเอา ‘ดิลโด้’ นับสิบอันไปทากาวแปะไว้ที่หลังเพื่อนตอนนอน!!   คลิปสุดฮาจนขากรรไกรแทบค้าง https://www.instagram.com/p/BtWseYjFsv5/   เรื่องนี้ได้กลายเป็นไวรัลบนโลกอินเทอร์เน็ตที่มีผู้ชมคลิ๊กเข้าดูวิดีโอเป็นแสนๆ ครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ที่ว่านี้เป็นฝีมือของชายนามว่า Ni Do ที่ทำการล้างแค้นใส่เพื่อนของเขาชื่อว่า Abdias Melo ทั้งคู่จัดได้ว่าเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดที่มักจะแกล้งกันไปๆ มาๆ และถ่ายคลิปเก็บเอาไว้ให้ชาวเน็ตเข้ามาลั่นกันอยู่เป็นประจำ และคราวนี้ก็เช่นกัน       ภาพในคลิปวิดีโอดังกล่าวได้เริ่มขึ้นจากการที่ Ni Do เอาดิลโด้นับสิบๆ แท่งมาวางเอาไว้บนโต๊ะพร้อมที่จะแกล้งเพื่อนอย่างเต็มที่ ขณะที่ Abdias กำลังหลับเฝ้าพระอินทร์อยู่อย่างสบายอกสบายใจ Ni Do จึงค่อยๆ เอากาวทาใส่แท่งดิลโด้ทีละอันๆ ไปแปะเอาไว้ที่หลังของเพื่อนรักจนกระทั่งมันเต็มหลังไปหมด แล้วจึงทำการปลุกเพื่อนด้วยเซอร์ไพรส์ที่ไม่มีใครคาดถึงนี้ เหยื่อผู้ถูกกระทำช็อคไปในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองตัวเองในกระจกด้วยความตกใจแล้วสะบัดหลังไปมาๆ เพื่อเช็คดูว่ามันเป็นเรื่องจริงๆ ใช่ไหม…   https://www.instagram.com/p/BtVuMBLHhzE/   ในท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ไปจบลงที่โรงพยาบาลด้วยการให้คุณหมอช่วยนำดิลโด้ทั้งหมดออกให้ และในระหว่างนี้นาย…

เรื่องของการ ‘สักลาย’ เป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคลที่ยินยอมให้ช่างสักใช้เข็มมาสร้างศิลปะบนเนื้อตัว บางคนมีรอยสักน้อยๆ ดูน่ารัก บางคนมีเยอะจนดูน่าเกรงขาม แต่ว่าในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับคุณพ่อคนหนึ่งที่ทุ่มเงินกว่า 90,000 ดอลลาร์ (ราวๆ 2.8 ล้านบาท) เปลี่ยนร่างกายของตัวเองให้ปืนพื้นที่สำหรับศิลปะแขนงนี้ และ 99% ของร่างกายเขาล้วนมีรอยสักทั้งสิ้น!!     Brett Cross คุณพ่อวัย 42 ปีจากรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย คือคนดังกล่าว ในตอนนี้ร่างกายของเขากลายเป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็นอย่างมาก เพราะด้วยความเด่นที่ไม่มีใครเหมือนนั่งเอ เขากล่าวว่ารอยสักรอยแรกในชีวิตคือคำว่า Dorothy นั่นคือชื่อภรรยาและแม่ของลูกเขานั่นเอง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามันก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ     “ตอนที่ผมอายุได้ซัก 25 ก็เมื่อเกือบๆ 20 ปีก่อนนั่นแหละ ผมอยากจะมีชื่อของภรรยาเล็กๆ ไว้บนแผ่นหลังสักหน่อย ตอนนั้นผมคิดว่าแค่ ‘รอยสักเดียว’ เท่านั้นแหละ แต่เมื่อมีหนึ่ง มันก็มีอีกหนึ่งแล้วก็อีกหนึ่งไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นความเสพติด” “ช่างสักบอกกับผมว่าคุณต้องสักให้ใหญ่ไปเลยหรือไม่ก็กลับบ้านไปซะ เพราะการมีรอยสักแค่นิดๆ หน่อยๆ มันจะทำให้คุณดูเหมือนไอ้บื้อ ผมเลยจัดไปเลยอย่างเต็มข้อ” Brett กล่าว     สำหรับพื้นที่ที่เหลือรอดจากการสักลายเพียง 1% ของร่างกายก็คือ…

บางครั้งการทำอะไรให้คนที่เรารัก แม้ว่าจะเหนื่อยจะล้าขนาดไหนแต่มันก็อาจเป็นความเต็มใจกับการได้ทำสิ่งสิ่งนั้น แล้วถ้ายิ่งเป็นเรื่องที่ทำให้พวกเขามีความสุขแล้วล่ะก็ บางคนถึงกับทุ่มสุดตัวสุดหัวใจเลยทีเดียว ในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปดูโมเมนต์ประทับใจของยูทูบเบอร์คนหนึ่งที่ตั้งใจทำ ‘แฮมเบอร์เกอร์’ ให้คุณตาคุณยายกินเป็นครั้งแรกของพวกเขา หลังจากที่พวกเขาเคยเห็นเจ้าสิ่งสิ่งนี้อยู่เพียงแค่ในจอทีวีเพียงเท่านั้น!!     เรื่องนี้ได้รับการบอกเล่าจากยูทูบเบอร์ชื่อว่า Dianxi Xiaoge ซึ่งเธอเป็นยูทูบเบอร์ที่เปิดช่องเกี่ยวกับการทำอาหารท้องถิ่นของประเทศจีน ในวิดีโอหนึ่งเธอเคยเล่าให้ฟังว่าทางบ้านของเธอตั้งอยู่ที่บริเวณทางตอนใต้ของประเทศจีน และจัดได้ว่าค่อนข้างจะอยู่ห่างจากตลาดในเมืองเอามากๆ เธอจึงอยากจะพาครอบครัวไปกินอาหารในเมืองสักครั้งหนึ่ง     “เมื่อได้ทำงานที่ต้องไกลจากบ้าน ฉันมักคิดเสมอว่าหลังจากเก็บเงินได้จะพาพวกเขาไปกินอะไรที่พวกเขาไม่เคยกินมาก่อนสักครั้งในชีวิต” เธอกล่าว โดยจากคำบอกเล่าของ Dianxi ที่ตลาดแถวๆ บ้านของเธอนั้นจะมีขายเพียงแต่อาหารท้องถิ่นเพียงเท่านั้น นั่นจึงหมายความว่าอาหารสำหรับชาวเมืองใหญ่อย่าง ‘แฮมเบอร์เกอร์’ จึงเป็นอะไรที่หากินได้ยากยิ่ง และด้วยเหตุผลนี้เธอจึงเลือกนำเมนูนี้มาเป็นมื้อสุดพิเศษให้กับตา – ยายได้ลองชิม “ฉันกำลังจะทำเบอร์เกอร์เนื้อให้ตายายผู้ไม่เคยกินมาก่อนของฉันได้ทาน พวกเขาเคยเห็นมันแต่เพียงในหน้าจอทีวีเท่านั้น” Dianxi กล่าว     และแล้วกระบวนการทำเบอร์เกอร์ของเธอก็เริ่มขึ้นซึ่งก็ได้ถ่ายวิดีโอเก็บเอาไว้ด้วย โดยเราจะเห็นเป็นขั้นเป็นตอนได้ดังนี้   หลังจากไปเก็บมะเขือเทศมาจากหลังสวน ก็เอาไปปอกเปลือก เอาไปต้มด้วยการเติมน้ำมะนาวนิดหน่อย ก็จะกลายเป็นซอสมะเขือเทศ .   ทำแป้งเบอร์เกอร์ด้วยการใช้ไข่ไก่ แป้ง ยีส น้ำตาล เกลือและน้ำมันหมูนิดหน่อยจากนั้นก็เอาไปพักไว้ 40 นาที   ขั้นตอนต่อมาก็คือการเอาเนื้อไปสับจนละเอียด…

หากใครที่เคยดูหนังฝรั่งหรือเคยเดินทางไปประเทศสหรัฐฯ ก็คงจะเคยเห็นภาพของภูเขาที่แกะสลักเป็นรูปของประธานาธิบดีในอดีตอย่างนายจอร์จ วอชิงตัน, โทมัส เจฟเฟอร์สัน หรือแม้แต่อับราฮัม ลินคอล์น ภูเขาแห่งนั้นมีชื่อว่า ‘ภูเขารัชมอร์’ ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่า ในตอนนี้มีคนอยากที่จะสร้างภูเขาแกะสลักเป็นของตัวเองให้เหมือนกับภูเขารัชมอร์ เพราะเขากำลังกว้านตามหาซื้อภูเขาเพื่อที่จะมาแกะสลักอยู่!!   ภูเขารัชมอร์   เรื่องนี้ได้ถูกเผยออกมาโดยเว็บไซต์ HushHush.com เว็บไซต์ขายสินค้าระดับ Hi-End ที่เล่าว่าในตอนนี้มีมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งคนหนึ่งได้ยื่นเรื่องตามหาสิ่งที่เขาต้องการกับทางเว็บไซต์ และมันไม่ใช่สิ่งปกติที่หาได้ง่ายๆ เลย เพราะเขาคนนั้นกำลังจะหาซื้อภูเขาหรือหน้าผาในแถบสหราชอาณาจักร เพื่อที่จะนำมาแกะสลักให้เหมือนกับภูเขารัชมอร์ ซึ่งมันจะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะแกะสลักรูปเขา ลูกๆ อีกสามคนและหมาประจำบ้านได้ด้วย สำหรับภูเขาที่มหาเศรษฐีกำลังตามหานั้น เขายอมจ่ายเป็นเงินสูงสุดถึง 12 ล้านปอนด์ (ราวๆ 488 ล้านบาท) ซึ่งนี่ไม่รวมค่าแกะสลักที่เขาจะจ่ายแยกอีกเป็นต่างหาก   ข้อความที่มหาเศรษฐีเขียนเข้ามาให้เว็บไซต์ช่วยตามหา   แน่นอนว่าบนเว็บไซต์แห่งนี้ไม่มีภูเขาวางขายอยู่แน่ๆ แต่ว่าเศรษฐีผู้เป็นลูกค้าระดับติดดาวของเว็บไซต์ได้ร้องขอกับทางเว็บว่าให้ช่วยกระจายข่าวแก่สาธารณะตามหาให้หน่อย เพราะเขาหวังว่าที่นี่จะช่วยให้เขาหาสถานที่ที่เหมาะสมกับความต้องการได้ ทางด้าน Aaron Harpin CEO และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ก็บอกว่าปกติมหาเศรษฐีคนนี้มักจะยื่นเรื่องตามหาสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาไม่สามารถหาสินค้าได้ดั่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ     “ลูกค้าคนนี้เป็นคนหนึ่งที่อยู่กับเรามาตั้งแต่ตอนเริ่มต้นและมักจะส่งข้อความมาตามหาไอเทมแปลกๆ ต่างๆ ที่พวกเราไม่มีขายอยู่บนเว็บไซต์ ทั้งหมดที่ผ่านมาพวกเราสามารถตามหาให้กับเขาได้ แต่ครั้งนี้เราต้องขอความช่วยเหลือจริงๆ” Harpin กล่าว ถ้าหากว่าใครแถวๆ นี้ที่มีภูเขาเป็นของตัวเองอยู่ในสหราชอาณาจักรและอยากจะขายต่อล่ะก็ สามารถไปกรอกรายละเอียดได้ที่ hushhush เลยนะฮ่าๆ  …

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นความสัมพันธ์แบบ ‘แม่กับลูก’ แต่ว่าบางครั้งแล้วผู้เป็นแม่ก็อาจจะมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้เกิดอันตรายกับตัวลูกได้ เหมือนกับในกรณีแปลกๆ ต่อไปนี้ ที่คุณแม่ดูดเลือดของลูกออกจากร่างติดต่อกันเป็นเวลาถึง 5 ปี!!     ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (7 ก.พ.) ศาลแห่งเมือง Herning ประเทศเดนมาร์กได้สั่งจำคุกคุณแม่ (ไม่ประสงค์ออกนาม) วัย 36 ปีคนหนึ่งเป็นระยะเวลา 4 ปี จากความผิดที่เธอกระทำกับลูกชาย นั่นคือการใช้เข็มฉีดยาดูดเลือดของเด็กคนนี้ออกมาสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง และทำมาตั้งแต่เด็กมีอายุ 1 ขวบจนถึง 6 ขวบ ซึ่งในแต่ละครั้งเลือดที่ถูกดูดออกมาจะมีปริมาณมากกว่า 1 ไพนต์ (ประมาณ 568 มิลลิลิตร) เสมอ โดยคุณแม่ผู้เป็นพยาบาลวิชาชีพคนนี้ มักจะอ้างกับคุณหมอว่าที่ลูกชายของเธอ (ปัจจุบันอายุ 7 ขวบ) มีจำนวนเลือดในร่างกายน้อยเนื่องมาจากว่าเขาเป็นโรคไขกระดูกที่หายาก แต่ทางแพทย์ก็เริ่มมีความสงสัยขึ้นเรื่อยๆ ว่าอาจมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นจากความเห็นพิรุธ จึงแจ้งเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่สุด     ในเวลาต่อมารายงานทางจิตเวชของทางชั้นศาลได้ระบุเอาไว้ว่า เธอมีภาวะทางจิตที่เรียกว่า Munchausen Syndrome by Proxy  ซึ่งหมายถึงภาวะที่ผู้ดูแลเด็ก (ส่วนมากเป็นแม่) จะทำร้ายเด็กเพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น…

ว่าด้วยเรื่องของอาหาร สิ่งที่ต้องมาควบคู่ด้วยคือเรื่องของ ‘ความสะอาด’ เพราะถึงแม้ว่ารสชาติจะอร่อยรสเลิศเพียงใดแต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ถ้าหากว่าอาหารมันสกปรกหรือปนเปื้อนซึ่งอาจทำให้สุขภาพของคนกินแย่ลง แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังเห็นข่าวของร้านอาหารบางเจ้าที่ไม่ได้มาตรฐานอยู่บ่อยๆ และไม่ใช่เฉพาะแต่เมืองไทยเพราะในประเทศอื่นๆ ก็มีเช่นเดียวกันเฉกเช่นกรณีที่เรานำมาให้ดูต่อไปนี้…     เมื่อไม่นานมานี้โซเชียลเน็ตเวิร์คของญี่ปุ่นแทบจะลุกเป็นไฟ หลังจากที่คลิปวิดีโอพนักงานของร้านซูชิชื่อ Kura Sushi ทำเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ ในร้านอาหารแฟรนไชส์ร้านใหญ่กว่า 400 สาขาทั่วประเทศ เพราะสิ่งที่เขาทำคือโยนเนื้อปลาดิบลงไปในถังขยะแล้วนำกลับมาขึ้นเขียงอีกรอบ!!   วิดีโอเหตุการณ์ที่ว่านี้    โดยคลิปเป็นภาพของพนักงานชายคนหนึ่งที่ยืนแล่ปลาอยู่ จากนั้นเขาก็พูดว่า ‘ฉันจะโยนมันไปแล้วนะ’ จากนั้นก็โยนเนื้อปลาลงไปในถังขยะที่อยู่ข้างหลังเขาด้วยความสนุกหรรษาก่อนที่จะนำปลาชิ้นนั้นกลับมาขึ้นเขียงอีกรอบหนึ่งพร้อมกับเสียงหัวเราะของคนที่ถ่ายคลิป     ในเวลาต่อมาคลิปนี้ได้กลายเป็นไวรัลในทวิตเตอร์ของประเทศญี่ปุ่น จนในที่สุดแล้วทางร้าน Kura Sushi ต้องออกแถลงการณ์ขอโทษถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งมีใจความว่า     “ด้วยวิดีโอที่ได้โพสต์ลงในอินเทอร์เน็ตทำให้เราได้ทราบว่านั่นคือพนักงานพาร์ทไทม์ของร้านเราในสาขาเมืองโมริงูจิ ซึ่งได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง” “เราต้องขออภัยอย่างสุดหัวใจสำหรับสิ่งที่น่ารังเกียจนี้ ที่อาจทำให้ลูกค้าของเราเกิดความไม่สบายใจ อย่างไรก็ตามปัญหาเช่นนี้อาจเกิดขึ้นกับร้านอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน” “ทางบริษัทของเราได้ดูแลเรื่องเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอ แต่ความพยายามของพวกเราอาจจะไม่เพียงพอจนทำให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น นั่นคือสิ่งที่เราต้องขออภัยจริงๆ” แถลงการณ์ของร้านกล่าว     อย่างไรก็ตามทางร้านยืนยันว่าเนื้อปลาชิ้นนั้นไม่ได้มีการเสิร์ฟให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และบอกด้วยว่ามีมาตรการที่จะจัดการกับพนักงานของพวกเขาเองด้วย “หลังจากสอบถามรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้น ทางเราขอยืนยันว่าเนื้อปลาชิ้นนั้นไม่ได้ถูกเสิร์ฟให้กับลูกค้า เราใส่ใจกับปัญหานี้อย่างจริงจังมากและกำลังพิจารณาจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับพนักงานด้วย อย่างไรก็ตามพวกเราจะมีการอบรมพนักงานให้มากขึ้นและเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก” แถลงการณ์เขียนเพิ่มเติม     แต่จะอย่างไรก็ตามชาวเน็ตได้พากันคอมเมนต์กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง…

หลายคนอาจจะจำภาพของ ‘ผู้สูงอายุ’ เป็นภาพของตายายแก่ๆ ที่หมดเรี่ยวแรงตามสังขารที่ร่วงโรยลงไปทุกวันๆ จนบางคนต้องหาคนมาดูแลเรื่องต่างๆ ให้อย่างหุงหาอาหารให้ หรือพาออกไปข้างนอก แต่ว่าคุณยายวัย 75 ปีคนนี้อาจจะทำให้คุณได้เห็นว่าไม่ใช่คนแก่ทุกคนที่เป็นเช่นนั้น เพราะล่าสุดเธอเพิ่งจะช่วยตำรวจจับโจรได้ด้วยการร่างกายอันแข็งแกร่งดุจหินผา!     Iris Davis เป็นผู้หญิงที่เดินทางจากประเทศอังกฤษ มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เมื่อประมาณ 50 ปีก่อนและหลังจากนั้นเธอก็อยู่ที่นี่ตลอดมา ในวันนี้อายุอานามของเธอก็มากถึง 75 ปีแล้วนับตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาดูโลก แต่ถ้าถามถึงผลงานในอดีตต้องบอกว่าไม่ใช่ธรรมดาจริงๆ เพราะเธอเคยเป็นเจ้าของสถิติโลกรวมถึงเป็นนักเพาะกายระดับแชมเปียน     แต่ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ใครจะคิดว่าคนอายุมากอย่างเธอจะสามารถช่วยตำรวจจับผู้ร้ายได้ ทว่าเธอก็ทำมันได้จริงๆ และเล่นซะอยู่หมัดดิ้นไปไหนไม่รอดเลยด้วย…     “ฉันย้ายมาอยู่และที่ทำงานเป็นเทรนเนอร์ที่รัฐฟลอริด้าตั้งแต่อายุ 65 ปี แล้วเมื่อเร็วๆ มานี้ฉันก็เพิ่งเห็นเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น มันคือเหตุการณ์ของตำรวจที่ขับรถไล่กวดผู้ร้ายน่ะ” “พวกเขาขับรถผ่านออฟฟิศของฉัน ฉันเลยออกมาหน้าออฟฟิศเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก จากนั้นก็เห็นว่ามีรถคันหนึ่งวิ่งอยู่บนถนนโดยที่มีรถตำรวจนับสิบคันวิ่งตามหลังมา”      “รถไล่กวดกันจนมาถึงจุดที่ฉันยืนอยู่พอดี แล้วตำรวจก็จับการเอารถพุ่งเข้าชนรถของโจรจนพวกเขาไปไหนไม่รอดต้องพากันวิ่งลงจากรถ พวกโจรมีทั้งหมด 4 คนแหนะ แต่ว่ามีคนหนึ่งที่วิ่งมาทางฉันและกำลังจะผ่านตัวฉันไป” “จำได้เลยตอนนั้นฉันคิดว่าจะทำอย่างไร ควรจะปล่อยให้เขาหนีไปหรือช่วยหยุดเขาให้เพื่อตำรวจมาจับกุมดีนะ… แล้วฉันก็คิดว่าไม่ควรปล่อยโจรคนนี้ไปอย่างเด็ดขาด เลยทำการสกัดเขาและจับกดลงกับพื้นหลังจากสัก 5 วินาทีตำรวจก็เข้ามาชาร์จจับตัวไป” Iris กล่าวอย่างภูมิใจ…

เรื่องราวการใช้ความรุนแรงภายใน ‘โรงเรียน’ ระหว่างนักเรียนด้วยกันเองหรือไม่ว่าจะเป็นคุณครูกับนักเรียน ก็เป็นข่าวที่มีให้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง และนี่ก็เป็นอีกข่าวหนึ่งที่เข้าข่ายทำนองความรุนแรงที่ว่านี้เช่นเดียว เมื่อมีคุณครูคนหนึ่งใช้ฝ่ามือตบเข้าไปที่หน้าของเด็กนักเรียนที่เธอสอนอย่างเต็มๆ ซึ่งต้นเหตุที่แท้จริงนั้นเกิดจากความที่นักเรียนหญิงคนนี้เอาโทรศัพท์เข้ามาใช้ในห้องขณะที่ครูสอนอยู่!?     โรงเรียนหญิง Sans Souci Girls’ High School ในกรุงเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้คือสถานที่เกิดเหตุของเรื่องราวที่ว่านี้ ซึ่งเกิดขึ้นในวันอังคารที่ผ่านมา (5 ก.พ.) แหล่งข่าวรายงานว่าคุณครูวัย 33 ปีเกิดบันดาลโทสะจากความที่นักเรียนหญิงคนหนึ่งมาเข้าชั้นเรียนโดยเอาหนังสือมาผิดเล่ม แล้วเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใช้ระหว่างนี้จึงทำให้เธอโมโหจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ในขณะเดียวกันทางฝ่ายนักเรียนหญิงวัย 16 ปีก็มีการกล่าวคำสบถใส่คุณครูพร้อมทั้งผลักเธอด้วยความโมโหที่คุณครูยึดโทรศัพท์ไป จนในที่สุดแล้วครูโกรธจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ใช้ฝ่ามือตบหน้าเด็กชั้นม. 3 คนนี้อย่างเต็มแรงท่ามกลางสายตาของเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ที่นังอยู่ในห้องนั้น   คลิปวิดีโอของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (หากดูไม่ได้คลิกที่นี่) https://twitter.com/Thabisomolapo/status/1092887598882844672   ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวว่าทั้งคุณครูและนักเรียนต่างก็ยื่นคำร้องในเรื่องการทำร้ายร่างกายต่อกันทั้งคู่ แต่ว่าก็ไม่มีการจับกุมใดๆ เกิดขึ้นและทางหน่วยงานการศึกษาท้องถิ่นก็ได้ออกตัวสืบสวนเรื่องนี้แล้ว     ส่วนทางด้านแม่ของเด็กก็บอกว่าเธอเศร้าและผิดหวังเอามากๆ แต่ถึงอย่างไรก็ยังอยู่ในกระบวนการของการสืบสวนอยู่ เธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มาก ทั้งนี้ Debbie Schäfer เจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการของจังหวัดเวสเทิร์น เคปก็ออกมาพูดว่า อย่างไรแล้วการลงโทษนักเรียนแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมไม่ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นเช่นไรก็ตาม     “ฉันตระหนักว่าเสียงของผู้คนบนอินเทอร์เน็ตอาจจะนำเรื่องนี้ไปเชื่อมโยงกับเรื่องของเชื้อชาติได้ ฉันเข้าใจได้เป็นอย่างดีเลยแหละเมื่อได้ดูคลิปวิดีโอแล้ว แต่ว่าตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติจริงหรือไม่ และไม่สามารถสรุปใดๆ ได้หากยังไม่มีผลการสืบสวนที่แน่ชัด” Debbie…

ชีวิตการแต่งงานของบางคู่อาจมีระยะเวลาที่ยืนยาวนานจวบจนทั้งชีวิต บางคู่ก็อาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่ไม่กี่ปีหรือไม่กี่เดือนก็มีให้เห็นกันอยู่ไม่น้อย แต่ว่าคงไม่มีกรณีไหนที่จะเร็วปานนกกระจอกไม่ทันจะกินน้ำเหมือนในกรณีนี้ เมื่อมีคู่รักแห่งหนึ่ง ‘หย่ากัน’ หลังจากที่แต่งงานกันได้เพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น และนับได้ว่าเป็นชีวิตคู่ที่น่าจะสั้นที่สุดในโลกเลยก็เป็นได้…     เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นที่ประเทศคูเวตในเดือนที่ผ่านมา (ม.ค.) โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่าเหตุการณ์นี้ได้เริ่มจากความที่ทั้งสองได้จูงมือพากันไปจดทะเบียนที่อาคารของหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบในเรื่องการจดทะเบียน พวกเขาได้เซ็นทะเบียนสมรสเป็นที่เรียบร้อยด้วยความชื่นมื่นของทั้งสองฝ่าย และก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่มาทำให้ชีวิตรักของทั้งคู่จบลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า     แต่แล้วขณะที่เดินออกจากอาคารนั้นเองก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อฝ่ายหญิงได้ลื่นล้มหน้าคะมำบนทางเดิน ทว่าแทนที่ฝ่ายชายจะช่วยเธอให้ลุกขึ้นมา เขากลับพูดว่า ‘นังโง่’ แทนซะอย่างงั้น จากคำพูดที่ไม่ค่อยจะเข้าหูนี้ทำให้อารมณ์ของฝ่ายหญิงขึ้นในทันที และด้วยความโมโหจากคำพล่อยๆ นี้เธอได้หันไปร้องขอให้เจ้าหน้าที่ยกเลิกเอกสารที่เพิ่งเซ็นไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ทำให้ตามประสงค์แต่โดยดี พวกเขาแต่งงานกันได้เพียงแค่ 3 นาทีเพียงเท่านั้นหากนับตั้งแต่จรดน้ำหมึกเซ็นเอกสาร ซึ่งนับได้ว่าเป็นชีวิตคู่ที่สั้นที่สุดในประเทศคูเวตเลยทีเดียว     ขณะเดียวกันเรื่องได้กลายเป็นไวรัลบนอินเทอร์เน็ตในประเทศ โดยบางคนก็บอกว่าเป็นโชคดีของฝ่ายหญิงแล้วที่ยกเลิกชีวิตคู่กับชายคนนี้ เพราะไม่แน่ว่าวันข้างหน้าเธออาจถูกหยามน้ำใจไปมากกว่าเดิม “ถ้าเขาแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นชีวิตคู่ล่ะก็ มันคงจะดีกว่าถ้าหากเลิกกับเขาซะ” “การแต่งงานที่ไม่มีความเคารพต่อกัน มันก็อาจล้มเหลวได้ตั้งแต่เริ่มต้นเลย” ความคิดเห็นส่วนหนึ่งของชาวเน็ต   ที่มา: dailymail, odditycentral, q8news

เรื่องของการศัลยกรรม แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เจ้าตัวจะต้องยินยอมให้มีการผ่าตัด เพราะบางทีมันอาจเป็นสิ่งที่ติดตัวไปตลอดชีวิต รวมถึงมีผลต่อเรื่องอื่นๆ อย่างหน้าที่การงานหรือความสัมพันธ์เป็นต้น แต่ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้รับ ‘ของแถม’ ที่เธอไม่เคยนึกเคยฝันมาก่อน เพราะเธอตัดสินใจไปทำการดูดไขมันกับแพทย์คนหนึ่ง แต่ว่าพอตื่นขึ้นมาอีกทีกลับได้รับ ‘ศัลยกรรมจมูก’ ซะอย่างงั้น!!   ผู้มาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง   เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นกับสาวชาวเปรูนามว่า Mariela วัย 41 ปี โดยเธอได้ออกมาเล่าประสบการณ์สยองขวัญนี้ผ่านทางรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง เธอเล่าว่าในตอนที่เธอมีอายุได้ 19 ปีคุณหมอได้ทำการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกให้เธอ โดยที่ไม่ได้รับการยินยอมจากเธอแต่อย่างใด และเหตุผลที่คุณหมอทำก็เพราะเขา ‘อยากทำ’  “ฉันไปที่นั่นเพื่อดูดไขมัน แต่ว่าพอตื่นขึ้นมาก็มีจมูกใหม่แล้ว” Mariela กล่าว     ในตอนนั้นเธอกล่าวว่าเพราะด้วยรูปร่างที่ค่อนข้างเจ้าเนื้อของเธอ ทำให้เธอตัดสินใจว่าจะไปดูดไขมันบริเวณช่องท้องออกนิดหน่อย “ฉันโตขึ้นมาอย่างยากลำบาก ฉันเป็นเด็กค่อนข้างที่จะอวบอั๋นนิดหน่อยและนั่นทำให้ฉันถูกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนกลั่นแกล้งด้วยเหตุผลนี้” Mariela กล่าวเพิ่ม   ภาพเก่าๆ ของเธอ   ในขณะนั้นเธอยังวัยรุ่นอยู่และตัดสินใจไปดูดไขมันทันทีที่ได้กลับไปหาครอบครัวในประเทศเปรู “ฉันไปหาคุณหมอทันทีในวันที่ฉันถึงบ้าน เขาเป็นหมอที่มีชื่อเสียงมากๆ เลยนะ” “พอฉันได้คุยเรื่องนี้กับเขาและบอกสิ่งที่ฉันต้องการ เขาก็บอกว่ามันเป็นเรื่องที่ง่ายนิดเดียวและให้มาทำได้ในวันถัดมาเลย”      อย่างไรก็ตามการศัลยกรรมครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตของเธอไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่เพราะการดูดไขมัน แต่เป็นเพราะฝันร้ายที่เธอต้องตื่นขึ้นมาแล้วอยู่กับจมูกที่ได้รับการผ่าศัลยกรรมไปชั่วชีวิต    …

เพื่อเพิ่มความหฤหรรษ์ในเรื่องทางเพศ บางคนก็อาจเลือกใช้ เซ็กทอยส์ต่างๆ อย่างเครื่องสั่น โซ่ แส้ กุญแจมือตามแต่รสนิยมที่ชอบ และแน่นอนว่ามันไม่น่าจะใช่เรื่องที่ผิดอะไรถ้าหากไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่ว่ามีชายคนหนึ่งที่มีวิธีเพิ่มกามอารมณ์แบบค่อนข้างจะแปลกไปสักหน่อย เพราะเขาชอบสูดดมกลิ่น ‘รองเท้า’ ที่ใช้แล้วของผู้อื่น ซึ่งนั่นทำให้เขาไปขโมยรองเท้าของชาวบ้านมาเป็นตัวช่วยถึง 70 คู่!!     Makoto Endo ชายวัย 40 ปีคือคนดังกล่าว เขาคอยขโมยรองเท้าของชาวบ้านในเขตจังหวัดโทจิงิ และไซตามะ เพราะเขาชื่นชอบการดมกลิ่นรองเท้าใช้แล้ว นาย Endo สารภาพว่าเขาไม่แคร์แม้แต่น้อยว่ารองเท้าที่ขโมยมานั้น จะเป็นของผู้ชายหรือว่าผู้หญิง เพราะไม่ว่าจะเป็นของใครเขาก็สูดดมมันจนแทบจะสิ้นกลิ่นทั้งนั้น… สื่อท้องถิ่นรายงานตอนนี้ Endo กำลังเผชิญกับข้อหาขโมยหลายข้อหา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบรองเท้าที่บ้านของเขาเป็นจำนวนมากนั่นเอง     โดยทั้งนี้มีความเชื่อกันว่าเขาน่าจะขโมยรองเท้ามาแล้วกว่า 70 คู่ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ราวๆ 2,100 ปอนด์ (ประมาณ 85,000 บาท) และทำมาตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนปี 2017 – เดือนสิงหาคมปี 2018 “ผมเพิ่มความสุขทางเพศด้วยการสูดกลิ่นของรองเท้าที่ใช้แล้ว โดยไม่สนว่ารองเท้านั้นจะเป็นของผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตามแต่” Endo สารภาพกับทางเจ้าหน้าที่     เขาถูกจับกุมในเดือนกันยายนปี…

คำเตือน: บทความนี้อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่ชวนขนลุก โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม   คุณจะรู้สึกอย่างไร หากพบว่ามี ‘หนู’ อยู่ในเครื่องดื่มที่คุณเพิ่งทานเข้าไป…   Kenneth Moyer Jr ชาวรัฐโอไฮโอ้วัย 43 ปีได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อ ‘แมคโดนัลด์’ หลังจากที่เขาพบหนูตัวเขื่องนอนอยู่ในก้นแก้วมิลค์เชคช็อกโกแลตที่เขาซื้อจากทางร้าน โดยเงินที่เขาเรียกร้องจากทางร้านแฟรนไชส์ชื่อดังคือ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 3.1 ล้านบาท) สำหรับสิ่งแปลกปลอมนี้ ซึ่งเขายืนยันด้วยว่าเขาเจอมันตอนที่ดูดมิลค์เชคจนแทบจะหมดแล้ว…     Moyer เล่าว่าเขาได้ใช้บริการร้านไดร์ฟ – ทรูแมคโดนัลด์สาขาหนึ่งในเมืองแอครอนเวลาประมาณ 13.15 น. ของวันที่ 15 ธันวาคม 2018 และได้ซื้อมิลค์เชคสองแก้วสำหรับเขาและเพื่อนอีกคน จากนั้นเขาก็จิบไปเรื่อยๆ ระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน แล้วในเวลาต่อมาก็สังเกตว่าหลอดที่ดูดมันเหมือนกับติดอะไรบางอย่างเข้าทำให้ดูดไม่ขึ้น หลังจากส่งเพื่อนที่บ้านเสร็จเรียบร้อย เขาก็ขับรถกลับบ้านและจอดทิ้งไว้โดยที่ทิ้งมิลค์เชคเอาไว้ในรถประมาณ 2 – 3 นาทีเพื่อเดินไปเอาบุหรี่ และที่สุดก็ถึงเวลาคลี่คลายปริศนาที่ค้างคาใจว่าทำไมดูดไม่ขึ้นสักที เขาจึงได้เปิดฝาดู แล้วสิ่งทีเขาพบมันก็ทำให้ตกใจแทบช็อก เพราะเขาพบว่ามิลค์เชคที่เขาดูดเข้าไปมันเหลือเพียงก้นๆ แก้วเท่านั้น แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์กว่าคือ ‘หนูเป็นๆ’ ดิ้นอยู่ในแก้ว!!  …

บางครั้งการที่เราจะแสดงความมีน้ำใจต่อผู้อื่น เราก็จำเป็นที่จะต้องดูให้ออกว่าคนๆ นั้นเขาสมควรได้รับหรือไม่ หรือบางทีก็ต้องดูให้แน่ใจว่าจะไม่มีเรื่องเดือดร้อนเกิดขึ้นกับตัวเอง มิฉะนั้นแล้วอาจเกิดเหตุร้ายอย่างนี้ขึ้นได้ เมื่อมีชายคนหนึ่งเกิดสงสารครอบครัวที่อ้างว่าบ้านของพวกเขาถูกไฟไหม้ จึงให้เข้ามาอยู่ในบ้านพักแบบฟรีๆ แต่ในท้ายที่สุดแล้วบ้านของเขากลับถูกปู้ยี่ปู้ยำซะจนแทบไม่เหลือชิ้นดี!!   Vimalprakash Vijaya เจ้าของบ้าน   โดยเรื่องที่ว่านี้เกิดขึ้นกับนาย Vimalprakash Vijaya เจ้าของบ้านเช่าในเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย ที่เขาบอกว่าความเสียหายที่ครอบครัวนี้ได้ทำไว้มันมีค่ามากถึง 28,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 600,000 บาท) และทั้งหมดนั้นเกิดจากความใจดีของเขาที่เห็นว่าครอบครัวนี้กำลังเดือดร้อน จึงให้เข้าพักแบบฟรีๆ นั่นเอง     ภายในบ้านเต็มไปด้วยขยะมากมาย รวมทั้งสารเสพติด เข็มฉีดยา และคราบเลือดที่แห้งกรังจนยากที่จะทำความสะอาด ซึ่งความเสียหายทั้งหมดนี้เขาต้องทำความสะอาดภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือนเพื่อที่จะรับลูกค้าที่จองจะเข้าพักในเดือนมีนาคม     เขาเล่าให้ฟังว่าครอบครัวนี้ได้ติดต่อมาหาเขาเมื่อเดือนที่แล้ว (ม.ค.) โดยบอกว่าจะหาที่พักราคาถูกอยู่อาศัย แล้วก็เล่าเรื่องราวต่างๆ ในครอบครัวให้ฟัง     “ผมรู้สึกเศร้าทันทีที่เธอบอกว่าบ้านที่เมืองแมนดูร่าห์ของครอบครัวเธอถูกไฟไหม้ อีกทั้งยังมีคนหนึ่งที่ป่วยเป็นมะเร็งอีก ผมเลยบอกกับเธอไปว่าอย่าได้กังวลเรื่องเงินเลย แล้วผมก็ให้พวกเขาอาศัยฟรีๆ ไปสองสัปดาห์” เจ้าของบ้านเล่า     ระหว่างที่ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ที่บ้านเช่าแห่งนี้ นาย Vijaya ก็ชะล่าใจไม่มีติดต่ออะไรกับพวกเขามากนัก แต่พอสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาได้เข้าไปตรวจดูความเรียบร้อย แล้วก็พบกับแจ็คพอตที่ว่านี้เข้าให้ โดยนอกจากความสกปรกแบบสุดขั้วและคราบเลือดแล้ว ทางครอบครัวยังได้ขโมยชุดเครื่องเสียง…

กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะแล้วสำหรับซีซั่นสุดท้ายของมหากาพย์ซีรีส์ ‘Game Of Thrones’ ที่ทุกคนกำลังรอคอยกันอยู่ว่าบทสรุปของเรื่องนี้จะเป็นเช่นไรกันแน่ ซีรีส์เรื่องนี้มีคนที่ชอบจำนวนมากจากเนื้อเรื่องที่สนุกเข้มข้นเฉือนคมกันไปมา จนบางคนถึงขั้นเป็นแฟนพันธุ์แท้เลยทีเดียว และถ้าคุณเป็นอย่างแบบหลังล่ะก็ บางทีสถานที่แห่งนี้อาจจะเป็นสวรรค์สำหรับคุณเลยก็ได้ เพราะว่ามีหมู่บ้านน้ำแข็งแห่งหนึ่งในประเทศฟินแลนด์ ที่จะทำให้คุณเหมือนกับหลุดไปอยู่ในโลกแห่งซีรีส์เรื่องนี้!!     โดยหมู่บ้านน้ำแข็งแห่ง GoT ที่ว่านี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับรีสอร์ท Levi ที่พักอันเลื่องชื่อในแคว้น Lapland ทางตอนเหนือของประเทศฟินแลนด์ ซึ่งภายในหมู่บ้านมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร บาร์และเครื่องเล่นต่างๆ คอยให้เราไปเยี่ยมชม     หมู่บ้านแห่งนี้เกิดได้ส่วนหนึ่งจากความสร้างสรรค์ของ HBO Nordic และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการเนรมิตเอาหิมะกว่า 40,000 คิวบิกเมตร น้ำแข็งกว่า 400,000 กิโลกรัมมาโถมใส่เพื่อก่อสร้างเป็นหมู่บ้านย่อมๆ     สิ่งที่น่าสนใจภายในหมู่บ้านก็จะมีอนุสาวรีย์ของพ่อหนุ่มจอน สโนว์ วิหารเทพไร้หน้าในเวอร์ชั่นของน้ำแข็ง รวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องอย่าง ‘บัลลังก์เหล็ก’     เท่านั้นยังไม่พอถ้าหากคุณเป็นคนที่มีคนรักชอบซีรีส์นี้เหมือนๆ กัน นี่อาจเป็นโอกาสอันดีที่จะเข้าโบสถ์ทำพิธีวิวาห์ในหมู่บ้านน้ำแข็งแห่งนี้ ซึ่งในแต่ละปีจะมีคู่รักประมาณ 50 คู่มาแต่งงานที่นี่ด้วย     แต่ก็มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งคือสำหรับใครที่มาพักที่นี่ พวกเขาแนะนำว่าควรจะพักแค่คืนเดียวเท่านั้นเพราะด้วยอุณหภูมิที่ติดลบกว่า 5 องศารวมทั้งเตียงที่เป็นน้ำแข็ง…

คำเตือน: บทความนี้อาจมีภาพที่ไม่จรรโลงใจอยู่บ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม   หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีรายได้เพิ่มและคิดว่าเรือนร่างของคุณสามารถที่จะเป็นจุดขายได้ล่ะก็ บางทีคุณอาจจะเลียนแบบชายคนนี้ที่เขารับจ้างทำความสะอาดบ้านแบบเปลือยๆ!!     นาย Daniel Aitken ชาวเมืองไบรท์ตันวัย 26 ปีได้เริ่มต้นกิจการ ‘พ่อบ้านเปลือย’ เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งในเริ่มแรกเป็นไอเดียที่เขาใช้อำพ่อแม่แบบขำๆ แต่เขาก็คิดว่ามันน่าจะเวิร์คเลยทำให้เป็นความจริงขึ้นมา จนถึงตอนนี้เขาบอกว่าเป็นบูมเอามากๆ และสามารถทำเงินได้จำนวนไม่น้อย!?     โดยงานที่ว่าของเขานี้ก็คือการทำความสะอาดบ้านตามบ้านต่างๆ เหมือนกับพ่อบ้านแม่บ้านพาร์ทไทม์ทั่วๆ ไป แต่มีความแตกต่างตรงที่ว่าเขาจะล่อนจ้อนไม่เหลืออะไรนอกจากถุงมือเท่านั้นในการทำความสะอาด ส่วนค่าบริการของเขาก็เพียงแค่ 30 ปอนด์ (ประมาณ 1,200 บาท) ต่อชั่วโมงก็เท่านั้นเอง!!   “ส่วนมากลูกค้าของผมมักจะเดินตามผมไปห้องนู้นห้องนี้ระหว่างที่ผมทำความสะอาดไปด้วย ผมบอกเลยว่าผมมีสกิลในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเหลือล้นเลยแหละ” “ผมก็คิดนะว่ามันเป็นงานที่ค่อนข้างจะไม่คงที่เท่าไหร่นัก แต่ผมก็เห็นช่องว่างในตลาดและคิดว่าน่าจะเอาตัวเองกระโดดมายังช่องว่างที่ว่านี้น่ะ”   ลองดูการทำงานของเขาซะก่อน    “ผมเพิ่งจะเริ่มงานพ่อบ้านเปลือยมาแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้นเอง แต่ผมก็เห็นว่ามันน่าจะไปได้ด้วยดี เพราะตอนนี้ผมยุ่งเอามากๆ เลย”  Daniel กล่าว สำหรับเงินที่ได้มาจากงานนี้ Daniel คิดว่าจะเก็บเอาไว้เพื่อซื้อบ้านเป็นของตัวเองสักหลังหนึ่งนั่นเอง    …

แม้ว่าคนเราจะมีความชอบที่แตกต่างกันในเรื่องของ ‘รสนิยมทางเพศ’ แต่ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ ถ้าหากไปบังคับข่มขืนใจผู้อื่น และยิ่งด้วยเป็นสัตว์เหมือนกับในกรณีนี้ เมื่อมีชายคนหนึ่งลงมือข่มขืนม้าคาคอก ซึ่งในภายหลังเขาก็ถูกจับกุมตัวได้เป็นที่เรียบร้อยและบอกว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างหนึ่งในชีวิตของเขาเลยทีเดียว!?   นาย Kenneth L. Duyck ผู้ก่อเหตุในครั้งนี้   ในเดือนเมษายนปี 2018 ได้เกิดเหตุการณ์วิตถารขึ้นจากความที่นาย Kenneth L. Duyck ชายวัย 21 ปีชาวรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐฯ ลงมือข่มขืน ‘ม้า’ ชื่อว่า Ellie ในคอกของคนอื่น การจับกุมตัวเขาได้นี้เกิดขึ้นจากความที่เจ้าของคอกม้าแห่งนั้น สังเกตว่าเชือกที่ผูกม้าอยู่นั้นมันมีวิธีการผูกแปลกๆ ไม่เหมือนกับที่เคยผูก และนอกจากนี้ยังเห็นคราบอสุจิอยู่บนตัวม้าด้วย     เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้าวันที่เกิดเหตุ มีชายคนหนึ่งที่มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า Duyck ร้องขอจะมานอนที่คอกม้าของเธอแต่เธอปฏิเสธไป นี่น่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันแน่ๆ จึงมีการแจ้งตำรวจและนำไปสู่การรวบตัวเขาได้ในที่สุด ศาลได้สั่งตัดสินให้ Duyck รับโทษจำคุก 20 เดือนด้วยกัน พร้อมทั้งสั่งห้ามให้เขาเลี้ยงม้าหรือสัตว์อื่นๆ เป็นระยะเวลา 15 ปีจากความผิดที่เกิดขึ้น โดยขณะที่เขาอยู่ที่ชั้นศาลก็ได้ให้คำรับสารภาพทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการข่มขืนม้าหรือว่าการที่เขาไปขโมยรถปิ๊กอัพคันหนึ่งมา…     โดยก่อนหน้านี้เขาเคยถูกจำคุกมาแล้ว และนอกจากนี้ยังได้รับการวิจัยฉันว่ามีภาวะออทิสติกกับสมาธิสั้น…

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2019  Emiliano Sala ดาวเตะชาวอาร์เจนตินาได้โดยสารเครื่องบิน Piper Malibu เดินทางจากเมืองน็องต์ ประเทศฝรั่งเศส ไปยังเมืองคาร์ดิฟฟ์ หลังจากที่เซ็นสัญญาค้าแข้งร่วมกับทีม คาร์ดิฟ ซิตี้ แต่ว่าหลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้ข่าวหรือมีการพบเห็นเขาอีกเลย…   Emiliano Sala   หลังจากการหายตัวไปเป็นเวลาหลายวันของ Sala ก็ได้มีการค้นพบเครื่องบินลำที่เขาโดยสาร นอนจมอยู่ใต้ท้องทะเลบริเวณช่องแคบอังกฤษ พร้อมกับร่างที่ติดอยู่ในซากนั้นหนึ่งร่าง โดยในตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นร่างที่พบเจอว่าเป็นร่างของ Sala หรือนาย David Ibbotson นักบินวัย 59 ปีกันแน่ แต่ก็เป็นที่เชื่อกันว่าเขาน่าจะไม่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ข่าวนี้ได้กลายเป็นข่าวดังไปทั่วทั้งโลก พร้อมกับความเสียใจโศกเศร้าของแฟนบอลและญาติๆ แต่นอกจากญาติๆ แล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่รอให้เขากลับบ้านอยู่…   Sala และสุนัขของเขา   Romina น้องสาวของดาวเตะผู้ล่วงลับได้โพสต์ภาพของเจ้า Nala สุนัขตัวโปรดของพี่ชายในเฟซบุ๊กของเธอ พร้อมกับพิมพ์ข้อความประกอบไว้ว่า ‘Nala ก็ยังรอพี่อยู่เหมือนกันนะ’    ภาพสุดสะเทือนใจของเจ้า Nala ที่รอคอยให้เจ้าของกลับบ้าน    โดยภาพที่ว่านี้เป็นภาพของเจ้าตูบที่นั่งเหม่อมองออกไปข้างนอกบ้านเหมือนกับว่ามันกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง หรือบางคนให้กลับมาหามันอีกครั้งหนึ่ง   ภาพแรกที่มีการค้นพบซากเครื่องบิน  …

นี่อาจเป็นเรื่องแปลกๆ ที่เราได้ยินไม่บ่อยนัก ซึ่งเป็นเรื่องราวของศพชายชาวเกาหลีคนหนึ่งที่ไปเสียชีวิตในประเทศเม็กซิโก แต่ว่าพอศพถูกส่งกลับมาที่บ้านเกิดกลับพบว่าเครื่องใน หัวใจและสมองของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย!!     สื่อต่างประเทศรายงานว่าชายชาวเกาหลีวัย 35 ปีนามสกุล Kim เสียชีวิตในประเทศเม็กซิโก โดยก่อนหน้านั้นไม่นานเขามีเรื่องวิวาทกับคนกลุ่มหนึ่ง แต่ว่าทางการของประเทศเม็กซิโก ได้ระบุสาเหตุการตายในเอกสารว่าเขาไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต… ด้วยความสงสัยในความผิดปกตินี้ ทางภรรยาของผู้เสียชีวิตจึงได้ออกมาเรียกร้องในโลกออนไลน์ เพื่อจะขอความช่วยเหลือจากทางรัฐบาลเกาหลีให้ช่วยมาตรวจสอบความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่     ต่อมาในวันที่ 22 มกราคมเว็บไซต์ของทางรัฐบาลเกาหลีได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเคสนี้ โดยระบุว่า ทางภรรยาของนาย Kim อ้างว่าสามีของเธอมีเรื่องวิวาทกับบางคนในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในรัฐนวยโวเลออง ประเทศเม็กซิโก ภาพจากกล้องวงจรปิดในวันนั้นแสดงให้เห็นว่า นาย Kim ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียง และในเวลาต่อมาเขาก็ถูกประกาศว่าเป็นผู้เสียชีวิต…     “หลังจากเหตุการณ์การเสียชีวิตของสามีฉัน ฉันได้รับใบวินิจฉัยศพว่า ‘ไม่มีร่องรอยการบาดเจ็บภายนอก’ มันเล่นเอาฉันอึ้งไปเลย” “ในคืนนั้นทางทนายของฉันบอกว่ามันอาจมีความเป็นไปได้ที่การเปลี่ยนแปลงผลการชันสูตรในประเทศเม็กซิโก ฉันจึงขอให้มีการชันสูตรซ้ำอีกครั้งหนึ่งเพื่อความกระจ่าง แล้วผลที่ออกมาก็คือมีร่องรอยการถูกทำร้ายหลายแห่งรวมทั้งรอยฟกช้ำมากมาย แต่ที่ช็อกก็คือสมอง อวัยวะภายในช่องท้องและหัวใจของเขาหายไป” ภรรยาของผู้เสียชีวิตกล่าว นอกจากนี้เธอยังเล่าอีกด้วยว่าเจ้าหน้าที่ของประเทศเม็กซิโก ยกเลิกการสืบสวนเรื่องนี้ทันทีตั้งแต่ผลการชันสูตรศพของที่นั่นเผยออกมาว่า นาย Kim เสียชีวิตด้วยเหตุธรรมชาติ…     “สามีของฉันเป็นประชาชนของชาติเกาหลี ลูกชายวัย 3 ขวบและลูกสาววัย…

ลองจินตนาการดูว่าในวันที่เราตื่นเช้ามาด้วยความสดใส จิบกาแฟหอมๆ ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ แต่ว่าพอออกจากบ้านไปก็พบว่ามีสิ่งแปลกประหลาดบางอย่างอยู่ในรั้วบ้านของตัวเอง มันจะรู้สึกอย่างไรกัน!! และถ้าหากยังจินตนาการไม่ออกล่ะก็ ลองนึกภาพของเจ้าของบ้านแห่งนี้เอาแล้วกัน เพราะใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ จะพบว่าที่บ้านมีแกะขนปุยมาติดอยู่เป็นสิบๆ ตัวซะอย่างงั้น     เรื่องราวนี้ได้เผยแพร่จากเฟซบุ๊กของเจ้าหน้าที่ตำรวจเขต West Yorkshire เมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ เมื่อพวกเขาได้รับแจ้งเหตุว่ามี ‘บางอย่างที่ดูเหมือนแกะ’ อยู่ในบ้านอย่างไม่รู้ที่มาที่ไป “ลองนึกภาพว่ามีเจ้าสิ่งนี้ในสวนของคุณในเช้าที่คุณพึ่งตื่นดูสิ” โพสต์ของเจ้าหน้าที่เขียนเอาไว้ โดยภาพที่เจ้าหน้าที่ถ่ายเอาไว้ เป็นภาพของน้องแกะตัวอ้วนน่ารักๆ กว่า 20 ตัวที่ไปติดแหง็กอยู่สนามของบ้านหลังหนึ่ง และพวกมันก็ไปไหนไม่ได้เพราะถูกรั้วปิดเอาไว้      “เราไม่ได้จับแต่คนร้ายหรือช่วยเหลือผู้คนที่อ่อนแอเท่านั้น เรายังสามารถช่วยสัตว์กลับไปสู่ที่ที่มันควรอยู่ได้ด้วยนะ แม้ว่ามันจะไม่ใช่งานปกติของพวกเขาก็เถอะ”  ในที่สุดแล้วเจ้าแกะเหล่านี้ก็ถูกนำตัวออกจากสนามได้อย่างปลอดภัยด้วยฝีมือของเจ้าหน้าที่ ซึ่งโพสต์ของพวกเขาได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างท่วมท้น และมีคอมเมนต์ตลกๆ กับเหตุการณ์นี้อย่าง “หวังว่าผู้ร้ายจะถูกจับ แล้วเอาไปขังไว้หลังเสียงแบะแบะนะ” “อย่างน้อยพวกมันก็ยังปลอดภัยที่อยู่ที่นี่นะ ฉันคงจะชอบเอามากๆ ถ้าหากมันมาที่บ้านฉันบ้าง”   ที่มา: westyorkshirepolice, dailymail, metro

ในงานศพตามปกติแล้วจะเต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้ ความโศกเศร้าของคนเป็นที่ไว้อาลัยให้กับผู้ที่เสียชีวิต แต่ว่ามีงานศพงานหนึ่งที่นอกจากความโศกเศร้าแล้ว ยังมีเรื่องสุดแสนน่ากลัวเกิดขึ้น เพราะจู่ๆ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานก็ได้ยินเสียงเคาะก๊อกๆ มาจากในโลง ซึ่งในภายหลังปรากฏว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของชายคนที่นอนอยู่ในโลง และที่เขาทำอย่างนั้นได้ก็เพราะเขาฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้ง!!     เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2018 ชายชาวเอธิโอเปียนามว่า Hirpha Negero ถูกประกาศว่าเป็นผู้เสียชีวิต ญาติๆ ของเขาจึงช่วยกันนำร่างไร้วิญญาณของเขาไปไว้ในโลงศพเพื่อประกอบพิธีกรรมต่อไป แต่ว่าหลังจากที่เขาถูกนำไปไว้ในโลงประมาณ 5 ชั่วโมงและขณะนั้นกำลังมีการประกอบพิธีศพอยู่ ชาวบ้านแขกเหรื่อที่มาร่วมงานก็ได้ยินเสียงเคาะดังมาจากข้างในโลงอย่างปริศนา ทุกพาจึงต่างพากันวิ่งกันป่าราบ เหลือเพียงสัปเหร่อคนเดียวเท่านั้นที่มีใจกล้าพอที่จะเปิดโลงศพดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่าเขาฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง   Hirpha Negero ชายผู้ตายแล้วฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง   “ผมได้ยินเสียงร้องไห้ ผมพยายามจะแกะผ้าพันตัวกับผ้าที่อุดปากของผมออก ตอนนั้นผมอ่อนแอมากจนเปล่งเสียงแทบจะไม่ไหวแหนะ แต่ผมก็รวบรวมแรงตะโกนออกไปว่า ‘มีใครอยู่แถวๆ นี้บ้างไหม’” Hirpha เล่ารำลึกความหลังขณะที่อยู่ในโลง ทางด้านนาย Etana Kena สัปเหร่อประจำหมู่บ้านและผู้เป็นลุงของ Hirpha ก็เล่าว่าในตอนนั้นทุกคนวิ่งหนีกันหมดเหลือเพียงตัวเขาเองเพียงเท่านั้น… “ผมเคยทำพิธีศพมาแล้วถึง 50 – 60 ครั้งแต่ยังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนเลย เขาเหมือนคนตายแล้วจริงๆ นะ” Etana กล่าว     นอกจากนี้นาย Hirpha…

แม้ว่าร่างกายจะไม่เหมือนกับคนปกติทั่วๆ ไป แต่ว่าสำหรับ ‘คนแคระ’ คนหนึ่งแล้ว มันไม่ได้มีผลกับความมุ่งมั่นของเขาแต่อย่างใด หนำซ้ำเขายังเอามาเป็นแรงผลักดันในการ ‘เพาะกาย’ จนในตอนนี้เขาก็วางแผนเอาไว้ว่าจะเข้าประกวดเลยทีเดียว!!     ชายนามว่า Lee Liston วัย 26 ปีจากรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประสบกับการเป็นโรคชื่อว่า Achondroplasia อาการผิดปกติของกระดูกที่ทำให้เขามีความสูงเพียงแค่ 120 เซนติเมตรเพียงเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเมื่อประมาณ 12 เดือนก่อนเขาก็ตัดสินใจเข้ายิมสร้างกล้ามเนื้อ โดยไม่ได้นำอุปสรรคเรื่องโรคที่เขาเป็นมาเป็นข้ออ้างแต่อย่างใด     หลังจากนั้นเขาก็ได้รู้ว่าที่ยิม ผู้คนจะให้ความสำคัญกับกล้ามเนื้อมากกว่าเรื่องของความสูงของเขา นั่นจึงทำให้ที่นี่กลายเป็นที่สิงตัวของเขาถึง 6 วันต่อสัปดาห์เลยทีเดียว สำหรับนาย Lee นั้นเขามีอาชีพเป็นนักแสดง นักดนตรีอิสระ จากความโดดเด่นและความสามารถของตัวเขาเอง     “ผมไม่ได้เข้ายิมเพื่อเพิ่มอีโก้แต่อย่างใด แต่กับที่อื่นที่ไม่ใช่ยิม ผมถูกมองว่าเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ แต่เมื่อผมอยู่ที่ยิม ผมได้รับความเคารพจากผู้คนเพราะว่ากล้ามเนื้อของผม ผมมองว่านี่มันเป็นความเท่าเทียมนะ” Lee กล่าว จากกล้ามเนื้ออันมัดแน่นและการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ เขาได้วางแผนเอาไว้ว่าจะเข้าประกวดเพาะกาย     “ผมค่อนข้างรู้สึกดีกับงานประกวดที่กำลังใกล้เข้ามานะ มันน่าตื่นเต้นมาก!! สิ่งเดียวที่ผมกังวลในตอนนี้ก็คือเรื่องการลีนของผมที่ต้องรักษาระดับกล้ามเนื้อไปด้วยนี่แหละ” …

วัยเด็กเป็นวัยที่อยากรู้อยากลองอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ อยู่เสมอ แต่ว่าทางที่ดีก็ควรจะอยู่ในสายตาของผู้ปกครองเพราะด้วยความไม่รู้เดียงสาของพวกเขา อาจทำให้เกิดอันตรายกับตัวเองได้เหมือนกับเหตุการณ์นี้ ที่มีเด็กวัย 12 ขวบคนหนึ่งเอาของเล่นแม่เหล็กยัดเข้าไปใน  ‘จุ๊ดจู๋’ ของตัวเอง จนในที่สุดต้องถึงกับผ่าตัดเอาออกเลย!!     ในรายงานกล่าวว่าเหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นที่มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน เมื่อมีเด็กชายวัย 12 ปีคนหนึ่งเอาของเล่นที่มีชื่อว่าเรียกว่า ‘Magnetic Balls’ ยัดเข้าไปในอวัยวะเพศตัวเอง ด้วยเหตุผลว่า ‘อยากรู้อยากเห็น’     หลังจากเกิดเหตุเด็กชายคนนี้ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเด็กเมืองอู่ฮั่นในวันที่ 13 มกราคม ซึ่งตอนแรกเขาบอกว่าได้กลืนสิ่งแปลกปลอมบางอย่างเข้าไป แต่ทางแพทย์ก็ได้ตรวจสอบอาการของเขาอย่างละเอียดจนได้พบกับเจ้าของเล่นที่ว่านี้ “เด็กคนนี้เขาบอกว่าเขาสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้น เลยเอาของเล่นยัดเข้าไปในอวัยวะเพศซะเลย”  ดอกเตอร์ Wang Jun คุณหมอผู้เชี่ยวชาญกล่าว     ในที่สุดแล้วทางแพทย์ได้ทำการผ่าตัดโดยทำให้เกิดบาดแผลน้อยที่สุด เพื่อนำสิ่งแปลกปลอมนี้ออกมาได้อย่างปลอดภัย และตอนนี้เจ้าหนูก็สามารถปัสสาวะได้ตามปกติเป็นที่เรียบร้อย   ที่มา: mirror

เป็นเวลานานนับหลายปีทีเดียวที่ชาวบ้านในเมือง Vigo ประเทศสเปนต้องอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว อันเนื่องมาจากว่ามักจะเกิดเหตุการณ์ที่รถของพวกเขามีรอยขึ้นมาอย่างน่าฉงน รวมถึงบางครั้งก็มีเศษไม้จิ้มฟันถูกเสียบอยู่ในรูกุญแจ แล้วหลักฐานหลายๆ อย่างก็ชี้ชัดว่าปริศนาที่เกิดขึ้นนี้มาจากฝีมือของชายวัย 79 ปีชื่อว่า Jose Antonio V!!     นาย Jose เป็นผู้ปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ซึ่งถ้าเป็นเพียงแค่คันเดียวอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เชื่อหรือไม่ว่าในปี 2018 ที่ผ่านมาเขาได้ทำการกลั่นแกล้งชาวบ้านด้วยการกรีดรอยและเอาไม้จิ้มฟันไปยัดรูในกุญแจไปแล้วกว่าเป็นพันคัน เขาทำการอุกอาจที่ว่านี้ท่ามกลางกลางวันแสกๆ โดยไม่กลัวว่าจะมีใครเห็นหรือหวั่นเกรงเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด เพราะถ้าหากใครเห็นเขากำลังทำการก่อกวนชาวบ้านอยู่แล้วพยายามจะเข้าไปห้าม ก็จะถูกชายแก่ผู้นี้เอาไม้เท้าฟาดอยู่ร่ำไป      เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คาดประมาณว่าภายในปี 2018 ที่ผ่านมาเพียงปีเดียว เขาได้สร้างความเสียหายให้กับรถไปแล้วกว่า 1,120 คัน รวมทั้งในปี 2019 ที่เพิ่งเปิดศักราชมาเดือนเดียว เขาก็ทำเรื่องที่ว่านี้ไปแล้วกว่า 120 คัน (จากหลักฐานที่บ่งชี้) หลายคนอาจจะคิดว่าที่สิ่งที่ชายคนนี้ทำอาจจะเป็นปัญหาที่มาจากด้านจิต อย่างเช่นสติฟั่นเฟือนหรือโรคบางอย่าง แต่เมื่อตำรวจนำตัวเขาไปตรวจกับทางแพทย์ก็พบว่า เขาเป็นปกติดีทุกอย่างไม่ได้มีปัญหาใดๆ จะมีก็เพียงแค่ภาวะที่เรียกว่า ‘ขาดความเข้าใจผู้อื่น’ (Lack Of Empathy) เพียงเท่านั้น… “เขาไม่ได้ป่วยนะ เขาเพียงแค่โกรธเคืองโลกใบนี้ก็เท่านั้น แล้วเขาก็คือคนที่ชาวบ้านเรียกกันว่าคนหัวแข็งด้วย” เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว ซึ่งถ้าจะว่าจริงๆ แล้วคำว่า…

สำหรับบางคนแล้วการกินเนื้อสัตว์อร่อยๆ เปรียบเสมือนได้กับความสุขอย่างหนึ่ง ซึ่งก็แน่นอนว่านอกจากเนื้อสดๆ แล้วบางทีพวกเขาเหล่านี้อาจจะชอบเนื้อในรูปแบบแปรรูปอย่างเช่น ‘ไส้กรอก’ ด้วย และนี่อาจเป็นสวรรค์สำหรับสายเนื้ออย่างแท้จริง เพราะว่ามีโรงแรมแห่งหนึ่งเปิดขึ้นด้วยธีม ‘โรงแรมไส้กรอก’ ให้คุณสามารถนอนพักท่ามกลางกลิ่นเนื้อหอมๆ แสนจะจรรโลงใจ!!     โรงแรมแห่งนี้มีชื่อว่า BB&BB ซึ่งตามชื่อของเจ้าของโรงแรมนั่นก็คือนาย Claus Böbel ตั้งอยู่ที่เมือง Rittersbach เมืองเล็กๆ ในประเทศเยอรมนี เจ้าของโรงแรมเล่าว่าเขาเป็นคนที่รักเนื้อเอามากๆ รักจนถึงขั้นที่ว่าอุทิศตัวให้กับโลกแห่งเนื้อเลยก็ว่าได้ จึงได้เปิดโรงแรมนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนที่มีความชอบเหมือนๆ กับเขาได้มีความสุขกับสิ่งที่รัก     ภายในห้องพักของโรงแรมแห่งนี้มีทั้งวอลล์เปเปอร์รูปไส้กรอก ไส้กรอกที่แขวนอยู่ตามกำแพงเพื่อให้มันส่งกลิ่นหอมเย้ายวน รวมทั้งพร็อพต่างๆ อย่างหมอน หมอนข้างให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับเนื้ออย่างแท้จริง และไม่เพียงแต่เท่านั้นอาหารที่มีภายในโรงแรมนี้ใดๆ ล้วนแล้วแต่เป็นไส้หรอกทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้าที่เสิร์ฟในโรงแรม หรือจะเป็นไอศกรีมก็ยังเป็นกลิ่นเนื้อด้วย     แต่นอกจากนี้นอกจากห้องที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมๆ ของเนื้อแล้ว ยังมีกิจกรรมสำหรับคนรักเนื้อให้ทำสนุกๆ ด้วย อย่างเช่นเวิร์คช็อปการทำไส้กรอก พาทัวร์ร้านขายเนื้อหรือแม้แต่การลองชิมเนื้อประเภทต่างๆ     สำหรับใครที่สนใจกับที่พักเท่ๆ เก๋ๆ แบบนี้แล้วล่ะก็สามารถดูรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ umdiewurst (แต่เป็นภาษาเยอรมันนะจ๊ะ) กันเลย และถ้าใครเป็นสายเนื้อแล้วล่ะก็ นี่อาจเป็นอีกสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง   ที่มา: ladbible, theguardian

สำหรับคนที่มีลูกสาวถ้าหากรู้ว่าลูกมีแฟนแล้วล่ะก็ อาจจะมีท่าทีขึงขังจริงจังอยู่หน่อยๆ เพื่อข่มให้แฟนลูกของเรานั้นรู้ว่า ‘ตูไม่ใช่เล่นๆ’ นะเฟ้ย ถ้าหากมาหลอกลูกตูเอ็งตายแน่!! แต่นี่อาจเป็นหนึ่งสีสันของคุณพ่อที่ทำให้ชาวเน็ตยิ้มออก เมื่อมีคุณพ่ออาชีพนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งโพสต์ภาพให้ชาวเน็ตช่วยเลือกหน่อยว่า จะเอารูปไหนไปแนะนำตัวกับว่าที่ลูกเขยดีนะ!? โพสต์ของคุณพ่อนามว่า Firdaus Francis ได้กลายเป็นไวรัลบนโลกอินเทอร์เน็ตของประเทศมาเลเซีย เมื่อประมาณเดือนมีนาคมปี 2018 (แต่อยากเอามาย้อนอดีตเล่าสู่กันฟังซะหน่อย อิอิ) โดยความที่ตัวคุณพ่อนั้นเป็นหัวหน้าตำรวจแห่งพื้นที่ Tenom รัฐซาบะฮ์ เขาเลยต้องสร้างมาดเข้มๆ ขึ้นมาสักหน่อย แล้ววานให้ชาวเน็ตช่วยตัดสินให้ทีว่าเขาควรจะใช้ลุคแบบไหนกับการเจอแฟนของลูกสาวดี ระหว่าง   ถือมีดพร้าพร้อมกับหน้าเข้มๆ แบบนี้   หรือเม้มปากดึงหน้าซะหน่อยดี   หรือจะใส่เสื้อดำโชว์โหดแบบนี้ดี   หรือชูดาบอารมณ์แบบว่า ‘ก็มาดิค้าบ’ แบบนี้ดี   หรือใส่หัวใจใสๆ ดีนะ   หรือจะใช้เป็นภาพอันอบอุ่นแบบนี้ดี   เดี๋ยวเอ็งได้รู้จักแน่!!   อย่างที่บอกโพสต์ของคุณพ่อได้กลายเป็นไวรัล ซึ่งมีคนแชร์ออกไปมากกว่า 4,000 ครั้งเลยทีเดียว พร้อมกับคอมเมนต์ขำขันของชาวเน็ตที่ถล่มเข้ามาอย่างท่วมท้น อาทิ “มันตลกมากๆ เลย ฉันพนันเลยว่าคงไม่มีใครกล้ามาตอแยลูกสาวคุณแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาอาจกลายเป็นหมูสับได้” “xxx (แท็กชื่อภรรยา) โปรดเตือนฉันด้วยว่าอย่าลืมโพสต์รูปอย่างนี้เวลาที่ลูกสาวของเรามีแฟน”  …

เรียกได้ว่าเป็นอดีตดาวโป๊อันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้สำหรับ ‘Mia Khalifa’ สาวทรงโตสุดเซ็กซี่ที่ในตอนนี้เธอได้แขวนเต้าลาออกจากวงการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีข่าวของเธออยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะทำอะไรหรือขยับเขยื้อนไปไหน และคราวนี้อีกก็เช่นเดียวกัน เพราะเพียงแค่เธอโพสต์ภาพๆ เดียวเท่านั้น แต่ชาวเน็ตบอกใจบางไปหมดแล้วล่ะตัวเธอ!?     เรื่องมีอยู่ว่าสาว Mia ได้ลงภาพฉลองที่มีผู้ติดตามอินสตาแกรมครบ 13 ล้านคน ด้วยการลงภาพที่เธอบอกว่ามันเป็นคืนที่น่าอายที่สุดในชีวิต นั่นก็คือภาพนี้…   https://www.instagram.com/p/BtJbjx6lFzB/   “เพื่อเป็นเกียรติแก่การมีเลขมงคลผู้ติดตามครบ 13 ล้านคน ฉันอยากจะแชร์ภาพซึ่งเป็นภาพของคืนที่น่าละอายที่สุดคืนหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้” “ในตอนนั้น @rarachelray ตัดสินใจทำที่นอนผ้าห่มให้ฉันไปนอนในอ่างอาบน้ำ เพราะฉันอ้วกไม่หยุดซะที อ้วกใส่ทุกสิ่งและทุกคนแม้แต่กับผมตัวเองก็ยังไม่เว้น และแน่นอนว่าเธอก็เมาเกือบๆ เท่าฉันในตอนนั้น แต่เธอก็ยังเล่นบทเป็นแม่ผู้แสนดีได้อยู่นะ” “บอกเลยว่าฉันเป็นคนที่โคตรจะคออ่อนเลยแหละ รู้สึกวันนั้นจะดื่มไปแค่ 6 ดริ้งก์เองมั้ง เอาจริงๆ ยังมีรอยอ้วกอยู่บนพรมคอยเตือนสติฉันอยู่เลย จนวันต่อมาไม่ไหวจริงๆ ต้องสั่งอาหารจากร้านเบอร์เกอร์มากินพร้อมกับฟังวีรกรรมแย่ๆ ที่ฉันทำเมื่อคืนจากคนอื่นที่เล่าให้ฟัง” แคปชั่นคร่าวๆ ของเธอ     ทางด้านปฏิกิริยาของชาวเน็ตเมื่อมีได้รูปนี้ ต่างก็พากันบอกว่ามันช่างเป็นอะไรที่ใจบางเสียจริงๆ กับรูปร่างชวนฝันของเธอพร้อมกับเรื่องตลกๆ ที่ว่านี้ แล้วก็ต่างพากันให้กำลังใจกันยกใหญ่อย่างเช่น   คุณน่ารักเอามากๆ ในอ่างน้ำ…

เดี๋ยวนี้เราสามารถทำความรู้จักกับคนอื่นได้อย่างง่ายดายผ่านทางช่องทางต่างๆ รวมทั้ง ‘แอปฯ’ หาเพื่อน หาคนคุยที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันสำหรับคนเหงาที่ต้องการหาใครสักคนไว้คุยด้วย แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียตามมา เพราะอย่างว่าเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเบื้องหลังของแชทที่เราคุยนั้นเป็นใครกันแน่ และบางทีหากเราเผลอใจไปตามเล่ห์กล ก็อาจจะเกิดเหตุร้ายแรงแบบเหตุการณ์นี้ขึ้นได้!!     ในเดือนพฤศจิกายนปี 2016 ชายวัย 34 ปีชาว Foong Wei Chieh ได้เล่นแอปฯ หาคู่ชื่อว่า ‘Tinder’ แล้วเขาก็ปัดขวาไปแมตช์กับสาวมหาวิทยาลัยวัย 21 ปี (ในขณะนั้น) ชื่อว่า Mizan Qistina Razali เข้า ทั้งสองได้พูดคุยติดต่อกันจนกระทั่งหญิงสาวได้เชิญชวนฝ่ายชายไปที่คอนโดด้วยจุดประสงค์ว่าจะมีเซ็กส์กัน ทางด้านฝ่ายชายเมื่อเห็นดังนั้นจึงไปตามที่อยู่คอนโดที่เธอแจ้งเอาไว้ เมื่อไปถึงที่ห้อง Foong ก็เห็นว่าฝ่ายหญิงแก้ผ้ารออยู่แล้วจึงเข้าไป แต่ว่าหลังจากนั้นก็มีชายอีกคนหนึ่งที่คาดว่าเป็นแฟนเก่าของเธอเดินเข้ามา พร้อมกับใช้มีดจี้หมายเอาทรัพย์สิน จากนั้นทั้งสองก็ทำร้ายร่างกายเขาแล้วลงไปที่รถของเหยื่อเพื่อขโมยกระเป๋าเงิน พร้อมกับนำบัตร ATM ที่อยู่ในนั้นไปกดเงินที่อยู่ในบัญชีของเขาด้วย   หญิงสาวผู้กระทำผิดถูกจับกุม   โดยรวมแล้วทรัพย์สินที่นาย Foong สูญเสียไปทั้งหมดคือโทรศัพท์ iPhone 6s 1 เครื่องพร้อมกับเงินอีก 1,500 ริงกิต (ประมาณ 11,500 บาท)!!…

โดยปกติแล้วเวลาที่เราไปรับเพื่อน รับแฟนหรือรับคนแปลกหน้าที่สนามบิน เราก็อาจจะเอา ‘ป้ายชื่อ’ ขนาดพอเหมาะติดตัวไปด้วย เพื่อที่ว่าเวลาคนที่เรารอลงเครื่องมาจะได้หาเราได้ง่ายๆ และถูกตัว แต่ว่ามีอยู่กรณีหนึ่งที่ดูแล้วหดหู่หัวใจแทนจริงๆ เมื่อมีหนุ่มคนหนึ่งเอาป้ายที่เขียนว่า ‘ผมรู้นะว่าคุณมีชู้’ ไปชูในสนามบินขณะที่กำลังรอรับแฟนของเขาอยู่…   ภาพของชายหนุ่มผู้หัวใจแตกสลาย   เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่สนามบินเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อผู้โดยสารที่อยู่ในที่เกิดเหตุชื่อว่า Krystal ได้ถ่ายภาพของชายคนหนึ่งขณะกำลังชูป้ายนี้เอาไว้ แล้วนำมาแชร์ต่อในโลกโซเชียล “ที่สนามบินเมลเบิร์นวันนี้ เขากำลังรอพบกับแฟนผู้นอกใจเขาอยู่ ฉันเหมือนกำลังตายให้ได้เลยที่ได้พบเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้” ทวิตเตอร์ของเธอเขียนเอาไว้   โพสต์ที่ว่านี้     หลังจากโพสต์สุดแสนสะเทือนใจนี้แพร่ออกไปก็กลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว โดยมีคนกดไลก์ให้แล้วกว่า 75,000 ครั้งเลยทีเดียว รวมทั้งมีคอมเมนต์กันอย่างมากมาย   “เป็นฉันจะเดินผ่านเขาไปเหมือนกับว่าไม่รู้จักเขาเลยแหละ” “บางทีอาจจะเป็นเพราะการแต่งตัวของเขาก็ได้ ที่ทำให้เกิดเรื่องนี้”  แต่ถึงอย่างไรแล้วเรื่องนี้ก็ไม่มีบทสรุปต่อว่า ในวินาทีที่แฟนของเขามาพบเขากับป้ายนี้เข้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะตอนนั้น Krystal ได้ออกจากพื้นที่นั้นไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวเน็ตบ่นเสียดายกันยกใหญ่ที่ไม่ได้เห็นตอนจบของเรื่องนี้…   ที่มา: mirror, KrystaalA

เป็นธรรมดาที่ร้านอาหารแต่ละร้านจะหาจุดเด่นเอามาเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน แต่ว่าบางทีมันก็อาจผิดคาดจนถึงขั้นที่ว่าโดนถล่มจนเละจากสิ่งที่เรานำมาใช้ก็เป็นได้ เหมือนกับร้านอาหารแห่งนี้ที่เอา ‘ผงสีขาว’ มาโรยข้างบนเบอร์เกอร์ของทางร้าน เพื่อทำให้ดูเหมือนกับโคเคนปลอมๆ ซึ่งมันทำให้หลายคนมองว่าไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมนัก…     เรื่องมีอยู่ว่าร้านเบอร์เกอร์ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียชื่อว่า Pablo Escoburgers (คาดว่าชื่อนี้มีแรงบันดาลใจมาจาก Pablo Escobar เจ้าพ่อยาเสพติดชาวโคลัมเบียผู้โด่งดัง) ได้วางขายเบอร์เกอร์พร้อมกับโรยผงขาวไว้ด้านบน โดยเมนูที่มีการเสิร์ฟแบบนี้ได้แก่เมนูชื่อว่า Patron burger ซึ่งหน้าตาของมันก็คือเบอร์เกอร์ชิ้นโตที่มีการโรยผงขาว (ผงกระเทียม) ไว้ข้างบนเป็นแถว พร้อมๆ กับมีแบงก์ดอลลาร์ปลอมเสียบเอาไว้เท่ๆ ด้วย และนอกจากเมนูแล้วถ้าหากสั่งเป็นเบอร์เกอร์แบบมังสวิรัติ ทางร้านก็จะจัด ‘เกลือ’ ใส่ในถุงใสจนดูเหมือนเป็นยาเสพติดจริงๆ แนบมาให้ พร้อมกับช้อนอีกหนึ่งคัน   Patron Burger   หลายคนมองว่าเรื่องนี้เป็นสีสันความครีเอทของทางร้าน แต่หลายคนก็มองอีกมุมหนึ่งเช่นเดียวกัน โดยบอกว่านี่มันอาจไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย “ไม่รู้จะรู้สึกยังไงเลยดีกับเรื่องนี้” “ฉันล่ะอยากเห็นจริงๆ เลยว่าจะมีใครซื้อพร้อมกับอธิบายให้เด็กๆ ฟังไหมในเวลาที่พวกเขาอยากกินเบอร์เกอร์ชิ้นนี้” “เราขอบอกกับคุณได้ไหมว่าผู้คนไม่สนุกนักหรอกนะกับสิ่งนี้ ลองใช้สมองของคุณคิดดูแล้วกัน” ส่วนหนึ่งรีวิวในเพจเฟซบุ๊กของทางร้าน   เบอร์เกอร์แบบมังสวิรัติมาพร้อมกับถุงเกลือ   ทางด้าน Vaughn Marks หุ้นส่วนของทางร้านนี้ก็บอกว่าบนเพจเฟซบุ๊กของทางร้านได้รับคะแนนเพียงแค่ 2 ดาวเท่านั้น โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความที่ชาวโคลัมเบียกดโหวตด้วยคะแนนต่ำเตี้ยเรี่ยดินนั่นเอง “พวกเรามีความภูมิใจมากๆ…

ด้วยความที่เทคโนโลยีในโลกถูกพัฒนาขึ้นเพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับมนุษย์ หลายคนจึงคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาแฟนหาคู่ครองกันอีกต่อไป เพราะว่าได้มีสิ่งทดแทนเกิดขึ้นบนโลกอย่างมากมาย อาทิ ตุ๊กตายางเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ หรือหุ่นยนต์ตุ๊กตายาง ที่ล้ำขึ้นไปอีกขั้นด้วยสามารถโต้ตอบเราได้ด้วยระบบ AI (ปัญญาประดิษฐ์) แต่ถึงอย่างไรแล้วการมีอยู่ของสิ่งเหล่านี้ก็อาจทำให้เกิดปัญหาในโลกขึ้นได้ เมื่อมีการค้นพบว่าสิ่งของที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการของผู้คน อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วิกฤตการณ์ ‘อัตราการเกิด’ ที่น้อยลงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น!!     ในปัจจุบันสถานการณ์เรื่องอัตราการเกิดกลายมาเป็นเรื่องใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น จนถึงขั้นที่บางคนมีความเชื่อว่าชาวญี่ปุ่นอาจจะกลายเป็นชนชาติที่ ‘ใกล้สูญพันธุ์’ ในอนาคตอันใกล้เลยก็ว่าได้     โดยในปี 2018 มีเด็กที่เกิดในประเทศญี่ปุ่นทั้งสิ้นราวๆ 921,000 คน ลดน้อยลงกว่าในปี 2017 ถึง 25,000 คน ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี 1899 เลยทีเดียวจากคำแถลงการณ์ของหน่วยงานภาครัฐ ขณะเดียวกันในปี 2018 ที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน ก็มีอัตราการเสียชีวิตของชาวญี่ปุ่นอยู่ที่ 1.3 ล้านคน นั่นจึงหมายความว่าจำนวนประชากรระหว่างการเกิด – การเสียชีวิตมีจำนวนห่างกันมากเกือบๆ 500,000 คนในปีเดียวกัน     ในเรื่องนี้ด้านด็อกเตอร์ Kate Devlin อาจารย์อาวุโสฝ่ายระบบปัญญาประดิษฐ์ ด้านสังคมและวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัย King’s College…

หากใครที่เป็นแฟนหนังจีน คงจะจำได้ดีกับภาพของ ‘หงอคง’ และ ‘ตือโป๊ยก่าย’ ผู้อารักขาของพระถังซัมจั๋งระหว่างการเดินทางไปชมพูทวีป ในเรื่องไซอิ๋ว แต่ว่านี่อาจเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คุณลืมภาพเหล่านั้นไปเลย เพราะล่าสุดเรื่องราวชกต่อยที่เป็นไวรัลในประเทศจีน ได้เผยภาพของหงอคงแท็กมือกับตือโป๊ยก่าย แต่การแท็กมือที่ว่านี้ไม่เกี่ยวกับพระถังซัมจั๋งแต่อย่างใด ทว่าเป็นการร่วมมือการรุมยำนักท่องเที่ยวซะจนแทบซี้แหงแก๋ซะอย่างงั้น -*-!!   จ๋าวโจ่ว เจ้านี่บังอาจยิ่งนัก!!   เรื่องราวศึกวันทรงชัยที่ว่านี้เกิดขึ้นในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (26 ม.ค.) ที่ย่านท่องเที่ยวภายในเมืองต้าหลี่ มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ย่านท่องเที่ยวที่ว่านี้เป็นเขตเมืองเก่า ที่นักแสดงมักจะแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นตัวละครต่างๆ แล้วออกมาเดินตามถนนเพื่อให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปแลกกับเงิน   ดูลีลาการวางมวยของทั้งสองกันก่อน (ดูไม่ได้กดที่นี่) https://twitter.com/HilmiAdi/status/1089631676257333248   แต่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายหาเรื่องใครก่อน หรือมีเรื่องอะไรข้องใจกันแน่ แต่ที่รู้ๆ ก็คือต่างฝ่ายต่างใส่กันยับอย่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งหมัดทั้งศอกมันส์ซะจนแทบจะนึกว่าดูมวยช่อง 7 อยู่   เจ้าหน้าที่ระบุว่ารวบทั้งสองฝั่งได้เป็นที่เรียบร้อย   หลังจากที่คลิปแพร่กระจายไปในโลกโซเชียล ในวันจันทร์ (28 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ก็สามารถรวบตัวทั้งหงอคง, ตือโป๊ยก่ายและนักท่องเที่ยวอีกสองคนเอาไว้ได้เป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ไม่เป็นที่เปิดเผยว่าโดนข้อหาอะไรบ้าง   วอนพระถังช่วยลูกด้วย..   ที่มา: shanghaiist, caixinglobal, weibo

หากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีฝันที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก และมีความรู้ในด้านการแฟชั่นเป็นอย่างดี บางทีนี่อาจเป็นโอกาสอันงามให้กับคุณได้ทำตามความฝัน เนื่องมาจากว่า มี CEO อยู่คนหนึ่งกำลังตามหา ‘แฟชั่นดีไซเนอร์’ ช่วยออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับเธอในการเดินทางรอบโลก และแน่นอนว่าเราจะได้ไปเที่ยวแบบฟรีๆ พร้อมด้วยจ้างอีก 40,000 ปอนด์ (ราวๆ 1.6 ล้านบาท) ต่อปี     โดย CEO คนที่ว่านี้มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า Jan ซึ่งเธอได้ทิ้งใบรับสมัครงานเอาไว้ในเว็บไซต์ sewport และมีเนื้อหาใจความคร่าวๆ ได้ว่า เธอกำลังรับสมัครแฟชั่นดีไซเนอร์ที่พร้อมจะออกเดินทางไปรอบโลกกับเธอ ส่วนหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็คือคอยจัดหาเสื้อผ้าที่ดูเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แต่ก็ต้องดูเฉียบๆ ให้กับเธอในโอกาสต่างๆ (อาจต้องออกแบบเองด้วย) และนี่คือคำโปรยที่เธอได้เขียนเอาไว้ในเว็บไซต์ที่ว่านี้     “สวัสดีตอนนี้ฉันกำลังรับสมัครงานในตำแหน่งที่เฉพาะทางเอามากๆ อยู่ตำแหน่งหนึ่ง และคิดว่าบางทีบริษัท (เว็บไซต์) นี้อาจจะช่วยฉันได้ ฉันเป็น CEO คนหนึ่งที่จริงจังกับเรื่องแฟชั่นเอามากๆ ว่าจะต้องมีสไตล์อยู่เสมอ ฉันจึงต้องการตำแหน่งแฟชั่นดีไซน์ในตอนนี้ แต่ว่าเวลาส่วนมากของฉันก็หมดไปกับการเดินทางไปๆ มาๆ ไม่ว่าจะเป็นในการทำงานหรือในโอกาสอื่นๆ ทว่าฉันก็มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้สำหรับคนในตำแหน่งนี้ เพราะฉันชอบเสมอกับการที่ฉันมีเสื้อผ้าที่ไม่เหมือนกับคนอื่นเขา ในอีก 12 เดือนข้างหน้าฉันอาจตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะไปทั้งเอเชียตะวันออก อเมริกาเหนือ ในตอนนี้ฉันกำลังมองหาแฟชั่นดีไซเนอร์ที่สามารถไปกับฉันในทุกๆ…

เคยกันบ้างไหมกับการดูโฆษณา ‘แอร์’ ในจอทีวีหรือสื่อต่างๆ แล้วเห็นว่ามันมีเอฟเฟกต์ไฟวิบวับแวววาวเรืองแสงออกมาจากช่องแอร์อย่างสวยงาม เราก็รู้สึกว่าอยากจะให้มันมีจริงๆ เหมือนอย่างในโฆษณาว่ามันจะเป็นเยี่ยงไรกัน แต่ว่าความคิดนี้จะไม่เป็นเพียงความคิดอีกต่อไป เพราะรู้หรือไม่ว่ามีคนสามารถทำให้มันเป็นความจริงได้แล้ว   ว้าวววว อะไรกันนี่!!   ทวิตเตอร์นักออกแบบ CG ชาวญีปุ่นชื่อว่า @mojon1 ได้เป็นผู้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเขามีหลักฐานมายืนยันนั่นคือคลิปของตู้แอร์ของเขาเอง ที่มันสามารถเปลี่ยนสีได้หลายสีอย่างเหลือเชื่อในเวลาที่แอร์มันปล่อยลมไปมา   พระเจ้ามันอย่างกับหลุดออกมาจากในทีวีเลยล่ะ!! (ดูไม่ได้คลิกที่นี่) うちのエアコンをCMでよく見るアレにしてみた。仕組みは簡単だけど物凄くエアコン効いてる感じで良いぞw pic.twitter.com/iXcp6ocwWJ — モジョン (@mojon1) January 29, 2019   เห็นกันแล้วใช่ไหมล่ะว่ามันเจ๋งขนาดไหน แล้วพอมาถึงตรงนี้หลายๆ คนก็อาจจะสงสัยกันว่าเขาสามารถทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน มันมีเคล็ดลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่ คำตอบของคำถามนี้ก็คือสิ่งของที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึง เพราะมันคือการผสมผสานการทำงานกันระหว่าง ‘โปรเจคเตอร์ และลำโพง Google Home (อุปกรณ์อัจฉริยะที่สามารถทำงานได้ด้วยคำสั่งเสียง)’ นั่นเอง     ดั่งเช่นตัวอย่างคลิปข้างต้นนี้ที่ทางเจ้าของสั่งการผ่านเสียงว่า “Okay Google ลองเปิดระบบทำความร้อนดูซิ” (เป็นภาษาญี่ปุ่น) แสงที่ส่องออกมาจากช่องแอร์ก็จะเปลี่ยนเป็นสีส้มทันที!! คลิปนี้ได้กลายเป็นไวรัลเอามากๆ ในโซเชียลของญี่ปุ่น และมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย แต่ที่ดูจะเป็นไฮไลท์กว่าใครเพื่อนก็คงจะเป็นการที่ Sharp บริษัทเครื่องใช้ยักษ์ใหญ่เข้ามาคอมเมนต์ในคลิปนี้ว่า…

ว่ากันว่าเด็กซนคือเด็กฉลาด แต่ว่าบางทีหากซนจนเกินไปก็อาจจะหาอะไรพิเรนทร์ๆ เล่น แล้วด้วยความไม่รู้ตามประสาเด็กๆ อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนกับในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อหนูน้อยสุดน่ารักคนหนึ่งดันเอาตัวเข้าไปติดกับของเล่นซะอย่างนั้น ทางด้านแม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงต้องโทรหาตำรวจให้มาช่วยเอาของเล่นออกให้ จนกลายเป็นเรื่องขำๆ บนโลกอินเทอร์เน็ตไปโดยปริยาย   ดูหน้าน้องซะก่อน ฮ่าๆ   เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับสายแจ้งเหตุว่ามีเด็กติดอยู่ใน ‘ของเล่น’ สำหรับเด็กๆ ที่เอาไว้เรียนรู้เรื่องรูปทรงต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงไปบ้านที่มีสายแจ้งเข้ามาแล้วก็พบตัวเข้ากับ Luca หนูน้อยวัย 20 เดือนติดอยู่ในของเล่นจริงๆ อย่างที่ได้รับแจ้ง “มันเป็นอะไรที่ดูตลกจริงๆ นะเรื่องนี้เนี่ย เขาเข้าไปได้แต่ว่าออกมาไม่ได้ซะอย่างงั้น” Soona Choe คุณแม่ของน้องกล่าว ในที่สุดแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจว่า ต้องพังกล่องของเล่นเพื่อเอาตัวน้อง Luca ออกมาเนื่องจากว่ากล่องของเล่นถูกออกแบบมาแบบไม่มีที่ขันน็อตเข้า-ออกนั่นเอง และสุดท้ายพวกเขาก็สามารถช่วยน้องออกมาได้อย่างปลอดภัย   ซนจริงๆ เลยนะเราเนี่ย   หลังจากผ่านอุบัติเหตุครั้งนี้มาได้คุณแม่ได้ขอถ่ายรูปคุณตำรวจคู่กับหนูน้อยคนนี้เอาไว้เป็นที่ระลึก เพราะคุณแม่บอกว่าจะเอารูปนี้เก็บไว้ให้เขาดูตอนที่โตแล้ว ว่าในตอนเด็กๆ เขาซนได้ถึงขนาดไหนกัน ทางด้านชาวเน็ตเมื่อได้เห็นถึงปฏิกิริยาและหน้าตาอันไร้เดียงสาของหนูน้อยคนนี้ ก็พากันขำกันเป็นการใหญ่ พร้อมทั้งขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยที่สามารถช่วยเหลือเขาออกมาจากกล่องของเล่นได้อย่างปลอดภัย   เด็กคนนี้จะต้องชอบรูปนี้แน่ๆ เมื่อเขาโตขึ้นน่ะ   น่ารักมากจริงๆ…

นอกจากความอารมณ์ขันของหนุ่มไวรัลนามว่า Timstar ที่โพสต์คลิปสุดฮาจนสามารถคว้าใจสาวคนหนึ่งมาเป็นแฟนได้แล้ว เชื่อหรือไม่ว่าเขายังมีตัวช่วยอื่นๆ อีกในการมัดใจสาวคนนี้ และสิ่งที่ว่านั้นก็คือ ‘ชาไข่มุก’ นั่นเอง เผื่อว่าใครยังไม่รู้จักกับเขาคนนี้ ไปทำความรู้จักเบื้องต้นได้ที่ >> หนุ่มโพสต์คลิป ‘ตามหาสาวข้างกาย’ สุดฮา ไม่น่าเชื่อว่าสุดท้ายก็ได้แฟนสุดน่ารัก!!   คลิปที่กลายเป็นไวรัลบนอินเทอร์เน็ตเมื่อช่วงก่อน    โดยในเรื่องนี้เขาได้เผยในโพสต์ล่าสุด ซึ่งระบุว่าที่เขาสามารถคว้าใจของสาว Sijia Wang มาครอบครองได้นั้นส่วนหนึ่งต้องให้เครดิตไปที่ชาไข่มุกด้วย “ที่ผมได้ครองรักกับแฟนสาวคนนี้ไม่ใช่เพียงเพราะด้วยวิดีโอตามหาแฟนของผมอย่างเดียวหรอกนะ แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เรามาอยู่ด้วยกันและอยู่กันได้นานขนาดนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอชอบชาไข่มุกแบบหวานน้อยน้ำแข็งน้อย เหมือนผมนี่แหละ” Timstar เขียนไว้ดังนี้   โพสต์ที่ว่านี้   เท่านั้นยังไม่พอพ่อหนุ่มคนนี้ยังบอกอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาชอบในตัวของผู้หญิงคนนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่ารูปร่างหน้าตาของเธอมันดูเหมือนกับชาไข่มุกยังไงยังงั้นเลยทีเดียว “จริงๆ นะเธอรูปลักษณ์ของเธอเหมือนกับชาไข่มุกที่ผมชอบเลย” Timstar บรรยายเพิ่ม     และการเข้ามาของผู้หญิงคนนี้ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเมื่อก่อนเขาจะมีสโลแกนประจำตัวว่า “No Chest, No Sex” (ไม่มีอก ไม่มีเซ็กส์) แต่เดี๋ยวนี้เขาบอกว่าคำประจำตัวนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว เป็น “No Boba Tea, No Sex.” (ไม่มีชาไข่มุก ไม่มีเซ็กส์) แทนซะอย่างงั้น  …

บางครั้งคนเราก็อาจมีอาการหลง อาการเคลิ้มได้แบบที่เราไม่รู้ตัว เหมือนกับชายชาวไอริชคนหนึ่งที่กลืนแหวนเพชรมูลค่าแพงระยับลงไป แต่พอต่อมาเขาก็อ้างว่าที่ทำลงไปทำด้วยความไม่รู้ตัว จากความเคลิบเคลิ้มเมื่อเห็นความงามของแหวน!?     Ian Campbell ชายวัย 54 ปีถูกจับกุมตัวระหว่างทริปการไปเที่ยวรีสอร์ทริมทะเลแห่งหนึ่งในชายฝั่งประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา ในครั้งนั้นเขาแวะเข้าไปในร้านจิวเวลรี่แห่งหนึ่งในท้องถิ่น จากนั้นก็กลืนแหวนเพชรมูลค่า 40,000 ดอลลาร์ (ราวๆ 1.2 ล้านบาท) เข้าไปอย่างหน้าตาเฉย ทางร้านจิวเวลรี่เมื่อเห็นดังนั้นจึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในทันที แล้วทางเจ้าหน้าที่ก็พาตัวเขาไปยังโรงพยาบาลด้วยความพยายามว่าจะนำแหวนเพชรวงนั้นออกมาให้ได้     ทางโรงพยาบาลได้เลือกวิธีการให้เขากินยาถ่ายเพื่อขับมันออกมา แต่จนแล้วจนรอดเจ้าแหวนเพชรเจ้าปัญหานี้ก็ไม่สามารถออกมาได้สักที แม้ว่าจะใช้เวลากว่า 36 ชั่วโมงก็ตาม ในที่สุดแล้วทางโรงพยาบาลจึงจำต้องใช้วิธีผ่าตัดนำแหวนออกมา ซึ่งทั้งนี้ก็ได้รับการยินยอมจากเจ้าตัวเป็นที่เรียบร้อย นาย Ian ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ถึงวินาทีที่กลืนแหวนเพชรวงนี้ลงไป โดยเขาบอกว่าเขารู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวเองทันทีในวินาทีที่เจอกับแหวนเพชรวงนี้… “ผมตกอยู่ในภวังค์ทันทีที่เห็นแหวนเพชรวงนี้ ตอนนั้นคนขายบอกอะไรกับผมสักอย่างแต่ผมก็ไม่ได้ยิน ผมคิดว่าผมต้องมนต์อยู่นะตอนนั้น กว่าจะรู้ตัวอีกทีผมพบว่าตัวเองมีแหวนเพชรวงนี้อยู่ในกระเป๋าแล้วกลืนมันไปซะอย่างงั้น” Ian กล่าว   วินาทีที่เขากลืนแหวนลงไป    ทว่านอกจากนี้เขายังอธิบายด้วยว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขามีอาการเป็นเช่นนี้น่าจะมาจากการสูญเสียภรรยาของเขา เพราะในตอนนั้นเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต และแหวนแต่งงานของเธอก็หายไปด้วย ในตอนที่เขาเห็นแหวนครั้งนั้นเขาจึงรู้สึกว่า อย่างไรก็จะต้องนำมันมาครอบครองให้ได้……

สำหรับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่แล้ว มันคงเป็นเรื่องอะไรที่ยอมไม่ได้จริงๆ ถ้าหากเห็นว่าลูกของตนตกอยู่ในอันตราย ซึ่งก็แน่นอนว่าถ้าหากมีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อช่วยลูกๆ ให้ปลอดภัย พวกเขาย่อมทำโดยไม่ลังเล และในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ก็เช่นเดียวกัน เพราะคุณพ่อคนหนึ่งลงทุนใช้ปากกัด ‘จระเข้’ เพื่อที่จะให้มันอ้าปากปล่อยลูกชายที่กำลังโดนงับอยู่ แล้วในที่สุดมันก็ได้ผลจริงๆ!!     เรื่องนี้มีอยู่ว่า Diego Abulhasan เด็กชายชาวฟิลิปปินส์วัย 12 ขวบกำลังว่ายน้ำเล่นอยู่กับพี่ๆ น้องๆ ในแม่น้ำสายหนึ่งใกล้ๆ กับบ้านของเขาที่ตั้งอยู่ในเขตเกาะ Palawan ประเทศฟิลิปปินส์ แต่แล้วก็มีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อมีจระเข้ตัวหนึ่งเข้ามาจู่โจมเด็กชายคนนี้ พร้อมๆ กับพยายามลากเขาลงไปใต้น้ำ คนอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์ดึงร้องโหวกเหวกขอความช่วยเหลือ ในทันใดนั้นเองคุณพ่อชื่อว่า Tejada Abulhasan ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือ จึงรีบวิ่งไปตามเสียงพร้อมๆ กับคว้าท่อนไม้ติดมือไปด้วย     เขารีบกระโจนลงน้ำในทันทีแล้วพยายามใช้ไม้ในมือตีจระเข้ตัวนั้น พร้อมๆ กับการใช้มือต่อย หวังให้เจ้าจระเข้อ้าปากปล่อยลูกชายของเขาให้ได้ แต่ดูเหมือนวิธีการนี้จะใช้ไม่ได้ผล นาย Tejada จึงต้องหาวิธีใหม่ในการช่วยลูก แล้วก็ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาคิดถึง ‘การกัด’ ขึ้นมา เขาจึงได้ลงมือคว้าขาของเจ้าจระเข้แล้วจัดการฝังเขี้ยวลงไปอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปรากฏว่ามันได้ผล!! เจ้าจระเข้ปล่อยเด็กชายคนนี้แล้วรีบว่ายหนีไปในทันที ทางคุณพ่อจึงรีบนำตัวลูกชายขึ้นมาจากน้ำแล้วส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน     ทางคุณพ่อบอกกับตำรวจว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อยกับการกระโจนลงไปในแม่น้ำแล้วจัดการต่อสู้กับเจ้าจระเข้ “มันเหมือนกับว่ามีอะดรีนาลีนมากมายพรั่งพรูอยู่ในตัวผม ตอนนั้นผมไม่มีเวลาจะมาคิดแล้ว ผมตีจระเข้ไปหลายครั้งมากแต่มันก็ไม่ปล่อยลูกผมสักที…

Bryanna ‘Bry” Marie คือชื่อของศิลปินสาวพรสวรรค์สูงคนหนึ่งแห่งรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา และผลงานเด่นที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัวของเธอไปเลยก็คือ การวาดภาพลงบน ‘เหรียญ’ ธรรมดาๆ… เธอกล่าวว่าการวาดภาพลงสี เป็นสิ่งที่เธอรักมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กๆ แล้ว แต่ว่าการวาดภาพลงบนเหรียญเช่นนี้ได้เข้ามาอยู่ในความคิดของเธอเมื่อประมาณสี่ปีก่อนหน้านี้ เนื่องมาจากว่าในตอนนั้นเธออยากจะหาอะไรมาชาเลนจ์ตัวเอง   https://www.instagram.com/p/BtELlVEFJvQ/   เธอจึงได้ฝึกฝนการลงรายละเอียดบนพื้นที่เล็กๆ อย่างเช่นเหรียญเพนนี จนกลายออกมาเป็นงานที่ไม่เหมือนใครดั่งเช่นภาพที่เห็นอยู่เช่นนี้ ผลงานของเธอได้ออกสู่สายตาของชาวโลกผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค และครั้งหนึ่งก็เคยเป็นไวรัลที่มีผู้กดไลก์ใน Reddit กว่า 39,000 ครั้งเลยทีเดียว รวมทั้งยังทำให้อินสตาแกรมของเธอมีผู้ติดตามมากกว่าเดิมถึง 3 เท่าในช่วงเวลาเพียงไม่ถึงปีเท่านั้น…   เนียนตาแบบสุดๆ https://www.instagram.com/p/BtBZJo_lOSO/   ส่วนเคล็ดลับในการวาดภาพของเธอ ที่แง้มเผยออกมาใบ้ให้นิดๆ เผื่อคนที่อยากจะทำตามบ้างก็คือให้ทำมือให้นิ่งที่สุดและเลือกใช้สีโทนสว่างนั่นเอง สำหรับใครที่อยากติดตามชมผลงานของเธอต่อล่ะก็ สามารถเข้าไปติดตามได้ใน IG: bry.marie.arts กันได้เลยนะ!!   เหมือนภาพสามมิติยังไงยังงั้น https://www.instagram.com/p/BsgOrkEF5b2/   เหรียญเพนนีทีมีค่าขึ้นมากกว่าเดิม https://www.instagram.com/p/BsbVbFdlK5Y/   พื้นที่เล็กๆ แต่ก็เต็มไปด้วยรายละเอียดต่างๆ มากมาย https://www.instagram.com/p/Br5SQKAFcC4/   ดูการลงสีแบบฟินๆ https://www.instagram.com/p/BpXb1QMD7ex/   น้องหมาก็มากับเขาด้วย https://www.instagram.com/p/BoJ1fMvjJm9/…

นับว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้เห็นถึงความรัก ความห่วงใยของผู้เป็น ‘แม่’ ที่มีต่อลูกได้เป็นอย่างดีจริงๆ และเป็นหนึ่งเรื่องที่จะมาพิสูจน์ให้เห็นว่าความใส่ใจที่มีนั้นไม่ได้ลดน้อยลงแต่ใดเลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปขนาดไหน โดยนี่คือเรื่องราวน่ารักๆ ของคุณแม่วัยชราคนหนึ่ง ที่ขี่รถออกมารับลูกชายในวันตรุษจีนที่ผ่านมา และพอได้เจอหน้าลูกปุ๊บน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาในทันที…   รถซาเล้งคันน้อยของคุณแม่ ในวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาแห่งการกลับบ้านของชาวจีนส่วนใหญ่เนื่องในเทศกาลตรุษจีน เพื่อกลับไปยังอ้อมกอดอันอบอุ่นและร่วมฉลองวันปีใหม่กับครอบครัวของพวกเขา   เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง   แน่นอนว่าที่สถานีรถไฟนั้นเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่กลับมาจากเมืองใหญ่ เช่นเดียวกับสถานีรถไฟแห่งหนึ่งในเมืองโฮ่วหม่า มณฑลซานซี แต่ที่นี่ก็ต่างจากที่อื่นตรงที่มีหญิงชราวัย 70 ปีคนหนึ่งขับรถซาเล้งมาจอดเอาไว้ ผู้คนที่อยู่ในละแวกนั้นจึงได้เข้าไปถามเธอว่าอายุก็มากแล้ว ทำไมถึงยังขับรถฝ่าลมหนาวออกมาเช่นนี้ เธอก็ตอบกลับมาว่ามารอรับลูกชาย   รอเจอหน้าลูกชายอีกครั้ง   เธอเล่าให้ฟังว่าตัวเองขับรถสามล้อออกจากบ้านมาไกลกว่า 5 กิโลเมตรเพื่อมารอลูกชายผู้มีความบกพร่องทางการได้ยินที่สถานีรถไฟแห่งนี้ หลังจากเขาย้ายไปทำงานต่างเมืองมานาน 6 เดือนและยังไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเลย   น้ำตาไหลเลยทีเดียว   ในวินาทีที่ลูกชายเดินออกมาจากสถานี เธอรีบเข้าไปช่วยหยิบยกกระเป๋าของเขาแทบจะทันที แถมยังแสดงความดีใจที่ได้เจอหน้าลูกอีกครั้งผ่านทางน้ำตาที่ซึมออกมา ทั้งยังบอกว่าสงสารลูก เป็นห่วงเขาและคิดถึงเอามากๆ   ช่วยลูกถือข้าวของ   เรื่องราวประทับใจนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในรูปแบบของคลิปวิดีโอ และมีการอัพผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คของประเทศจีน ซึ่งก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย ดั่งเช่นคอมเมนต์หนึ่งที่กล่าวว่า “ไม่ว่าจะโตแค่ไหน…

ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารถยนต์ในประเทศของเรานั้นมันมีมากมายซะเหลือเกิน มากซะจนขนาดที่ว่าทำให้ถนนหลายสายในเมืองใหญ่เป็นอัมพาตแทบจะสัญจรไปมาไม่ได้ และด้วยความที่มันมีจำนวนมหาศาลเช่นนี้ จะดีแค่ไหนถ้าหากเราสามารถสร้างเม็ดเงินได้จากมลพิษที่รถยนต์เหล่านี้ปล่อยออกมาทางท่อไอเสีย เหมือนกับบริษัทจากอินเดียแห่งนี้ที่สามารถเปลี่ยนควันเขม่าเป็นน้ำหมึกสร้างรายได้อย่างมหาศาล!!     ประเทศอินเดียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีปัญหาเรื่องควันพิษ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้เครื่องยนต์ดีเซลในรถยนต์หรือในอุตสาหกรรมอื่นๆ จนทำให้เมืองบางเมืองถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีขุ่น ด้วยการเห็นปัญหานี้เกิดขึ้นบริษัทสตาร์ทอัพชื่อว่า Chakr Innovations จึงเกิดความคิดอยากจะช่วยลดปัญหานี้และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้   คลิปอธิบายที่มาของสิ่งสิ่งนี้    พวกเขาทำการรวบรวมทีมวิศวกรช่วยกันคิดเพื่อหาทางแก้ไขเรื่องนี้ จนในที่สุดแล้วพวกเขาก็สามารถประดิษฐ์เครื่องมือที่มีชื่อว่า ‘เครื่องดักจับไอเสีย’ ขึ้นมา เจ้าเครื่องดักจับไอเสียที่ว่านี้ วิธีการทำงานของมันก็คือดักจับควันเขม่าที่เครื่องยนต์ไอเสียปล่อยออกมา จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเขม่าคาร์บอนที่เผาไหม้ไม่หมดให้กลายเป็นน้ำหมึกดำเพื่อใช้พิมพ์ใช้ปริ๊นท์สิ่งต่างๆ ซึ่งในเบื้องต้นได้ติดตั้งเครื่องนี้ในเมืองคุร์เคาน์ เมืองที่อยู่ใกล้ๆ กับกรุงนิวเดลี ก่อนที่กระจายไปยังเมืองอื่นๆ ตามลำดับ…     สำหรับน้ำหมึกที่ได้มานั้นผ่านการทดสอบในเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากบริษัท Dell เป็นที่เรียบร้อยจึงมั่นใจได้เลยว่าสามารถใช้งานได้จริงๆ ทั้งนี้ข้อมูลจากทาง ThaiPBS ได้เผยว่าน้ำหมึกนี้สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้มากถึง 5,200,000 บาท (ข้อมูลเมื่อเดือนกันยายน 2018) และสามารถผลิตเป็นน้ำหมึกสีดำได้ถึง 20,000 ลิตรเลยทีเดียว   คลิปวิดีโอจากทาง ThaiPBS      ที่มา: chakr, fastcompany, thaipbs

การจะทำความรู้จักกับใครสักคนหนึ่งในโลกออนไลน์ เรื่องของ ‘โปรไฟล์’ ก็เป็นเรื่องที่เราต้องให้สวยให้ดูดีเอาไว้ก่อน เพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจของคนที่เราอยากคุยด้วย ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่หลายคนอาจจะอัพภาพสวยๆ หล่อๆ เอาไว้ในโปรไฟล์ แต่ว่ามีหนุ่มอยู่คนหนึ่งที่เทพไปกว่านั้น เพราะนอกรูปภาพเหมือนๆ กับทั่วไปแล้วเขายังมีการใช้คะแนนรีวิวที่มาจากครอบครัว เพื่อนๆ รวมถึงแฟนเก่าด้วย…   https://www.instagram.com/p/BoZ_ZHXBhI0/   เรื่องมีอยู่ว่านาย Rizal ชาวเมืองเซาแธมป์ตันวัย 22 ปี อยากจะทำให้หน้าโปรไฟล์แอพฯ นัดออกเดทชื่อว่า Tinder ของเขามีความพิเศษกว่าชาวบ้านเวลาสาวๆ เห็นจะได้ปัดขวา (กดไลก์) เลือกเขาไปออกเดทได้อย่างง่ายๆ เขาเลยจัดเต็มทั้งรูปภาพต่างๆ รวมถึงเขียนเหตุผลว่าทำไมสาวๆ ควรไปออกเดทกับเขา จุดเด่นและทักษะที่ตัวเขามี รวมทั้งมีคะแนนรีวิวจากเพื่อนๆ ครอบครัวและแฟนเก่าประกอบการตัดสินใจด้วย ซึ่งนี่คือการสไลด์การพรีเซนต์ตัวเองในเบบที่ไม่มีใครเหมือนแน่ๆ   สไลด์นี้มีชื่อเรียกว่า ‘ทำไมคุณถึงตัองปัดขวาล่ะ’   บอกถึงคุณลักษณะและบริการต่างๆ ที่เขามีให้ อย่างเช่นกำลังเรียนวิศวะอยู่ เป็นคนอบอุ่น เคยได้รับรีทวีตถึง 17,000 ครั้ง ทำอาหารเป็นแถมมีเน็ตฟลิกให้ดู   รีวิวจากผู้เคยใช้งาน: เขาไม่เคยขโมยอาหารกินเลยนะ จากเพื่อนร่วมห้อง// เขาเป็นหนึ่งในเด็กคนโปรดของฉันเลย จากแม่// ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนักสำหรับแฟนคนแรกของฉัน แนะนำคนนี้เลย จากแฟนเก่า  …

คำเตือน: ในบทความนี้อาจมีภาพหรือหาเกี่ยวกับน้อง ‘ปีเตอร์’ ดังนั้นโปรดทำใจให้แข็งๆ ไว้ขณะที่อ่านนะจ๊ะ   เพราะโลกใบนี้เต็มไปด้วยสรรพสัตว์อย่างมากมาย และบางสถานที่ก็เป็นบ้านสำหรับสัตว์บางจำพวกเพราะด้วยสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม อย่างอาหาร สภาพอากาศ หรืออื่นๆ แต่ในวันนี้เราจะเอาใจคนรักน้องหนวดหน้าตาน่ารักอย่างน้อง ‘แมลงสาบ’ กัน เพราะในวันนี้ #เหมียวจิวยี่ จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวสถานที่แปลกๆ ในประเทศมาเลเซีย นั่นคือถ้ำแมลงสาบ!!     ณ เกาะบอร์เนีย รัฐซาบะฮ์ ประเทศมาเลเซีย มีถ้ำชื่อว่า Gomantong ซ่อนตัวเอาไว้อยู่ โดยถ้ำนี้เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของรัฐแห่งนี้เลยก็ว่าได้     แต่ว่านอกจากความมหึมาของขนาดถ้ำแล้ว ถ้ำแห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นบ้านสำหรับสัตว์ที่หลายๆ คนกลัวอย่างมากมาย ทั้ง ค้างคาว หนู ด้วงต่างๆ รวมถึงสัตว์ที่หลายคนขยาดอย่างแมลงสาบ…     และแน่นอนว่าถ้ำที่ไหนๆ ก็อาจจะมีแมลงสาบได้ แต่ว่าที่นี่ไม่เหมือนกับที่อื่นแน่ๆ เพราะมันมีเยอะมาก!! เยอะจนขนาดที่ว่าแค่เดินเข้าไปก็จะเห็นมันเกาะอยู่เต็มผนังถ้ำเลยทีเดียว   ลองดูความเยอะของพวกมันเสียก่อน  ซึ่งเหตุผลหนึ่งที่อาจทำให้มีแมลงสาบมากขนาดนี้ ก็อาจเป็นเพราะว่าถ้ำแห่งนี้มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับพวกมันอย่างเช่นเรื่องของความชื้น รวมถึงอาหารที่ได้มาจากมูลสัตว์ต่างๆ นั่นเอง  …

คนเราบางครั้งนอกจากโหมดที่จริงจังแล้ว ก็อาจมีมุมเปิ่นๆ โก๊ะๆ อย่างเช่นทักคนผิด จำวันผิดจนใส่เสื้อผ้าไม่เหมือนชาวบ้านเค้าอะไรอย่างนี้เกิดขึ้นได้ และแน่นอนว่ามันอาจจะเป็นโมเมนต์ขำๆ ที่เล่นเอาเราอายจนหน้าแดงเลยทีเดียว แต่ว่าเราจะปล่อยไก่ในช่วงเวลาไหนก็ได้ แต่ทางที่ดีอย่าพลาดเหมือนกับเธอคนนี้จะดีกว่าไม่อย่างงั้นชีวิตอาจเปลี่ยนไปได้เลย เพราะเธอดันไปปล่อยไก่ตัวเบอเร้อตอนที่สัมภาษณ์งานกับ ‘ไมโครซอฟต์’!!     เรื่องนี้ได้กลายเป็นไวรัลสุดฮาในต่างประเทศที่มีคนรีทวีตกว่า 35,000 ครั้งและกดไลก์อีกกว่า 180,000 ครั้งเลยทีเดียว สำหรับโพสต์ของสาวชื่อว่า Laura Maclean เหตุการณ์นี้ได้เริ่มขึ้นจากความที่สาว Laura ได้ยื่นสัมภาษณ์งานกับทางบริษัทไมโครซอฟต์ แล้วทีนี้ก็จะมีการสัมภาษณ์ผ่านทางโปรแกรมสไกป์ ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นไปดูแชทที่เธอแคปมาโพสต์ดีกว่า   สาว Lauren ได้ส่งเมลไปถามทางไมโครซอฟต์ว่า เธอยังไม่ได้รับการสัมภาษณ์เลย มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า   ทางไมโครซอฟท์ก็เมลตอบกลับมาว่า การนัดสัมภาษณ์สำหรับคุณจะมีขึ้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ทางเราก็หวังว่าจะได้คุยกับคุณเหมือนกัน   ขอสวัสดีอีกครั้งค่ะ นี่ก็วันที่ 18 กุมภาพันธ์ตามที่นัดแล้วนะ แต่ฉันยังไม่ได้รับสายจากใครเลย ขอโทษอีกทีที่รบกวนฉันแค่สับสนหน่อยๆ อ่ะค่ะ หวังว่าจะได้รับการติดต่อกลับนะคะ   สวัสดีอีกครั้งคุณ Lauren ขอบคุณสำหรับอีเมล แต่วันนี้คือวันที่ 18 มกราคมนะ กุมภาพันธ์มันคือเดือนหน้าน่ะ  …

มดตัวน้อยตัวนิดแต่มีฤทธิ์มากมาย หลายคนอาจจะยังไม่รู้ฤทธิ์เดชของมดดีในเวลาที่มันรวมพลังกัน แต่มาดูเหตุการณ์ที่มดกลายเป็นฮีโร่นี้ดูแล้วคุณอาจจะรู้ก็ได้ โดยกรณีที่ว่านี้คือเหตุการณ์ของหนุ่มคนหนึ่งที่ฉุดสาวเข้าพุ่มไม้หวังจะข่มขืน แต่ระหว่างที่ทำการขืนใจอยู่นั้นก็ถูกฝูงมดรุมกัด จนทำให้ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อสามารถวิ่งหนีออกไปขอความช่วยเหลือได้!!   Toni Irawan ผู้ก่อเหตุ   เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นที่จังหวัดซูลาเวซีใต้ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (19 ม.ค.) ซึ่งเริ่มขึ้นจากความที่นาย Toni Irawan หนุ่มวัย 29 ปีทำทีเป็นโทรชวนสาววัย 16 ปีนามสมมุติว่า A.S. ไปนั่งรถเล่น สาวคนนี้ตอบตกลง Toni ก็ไปรับเธอที่บ้านในทันที แต่ว่าระหว่างทางที่นั่งรถไปด้วยกันนั้นเองเขาได้ขอเซ็กส์กับหญิงสาว แต่เธอปฏิเสธและพยายามวิ่งหนี ทว่าเขาก็สามารถวิ่งตามเธอได้ทันพร้อมกับจับตัวกลับมาที่รถบอกว่าจะไปส่งที่บ้าน     ระหว่างทางกลับบ้านนั้นเองเขาได้ทำทีเป็นว่าขอลงรถไปทำความสะอาดรถสักหน่อย และอาศัยจังหวะนี้ลากตัวเธอลงมาจากรถไปยังพุ่มไม้แห่งหนึ่ง แล้วเหวี่ยงตัวเธอลงนอนกับพื้นพร้อมกับลงมือข่มขืน แต่ว่าระหว่างการก่อการขืนใจนั้นเอง ทั้งคู่ก็ถูกฝูงมดดำแทบทั้งรังรุมกัดจนต้องเอามือปัดป้องตัวเอง ซึ่งนั่นได้ทำให้เกิดช่องว่างที่หญิงสาวสามารถหนีออกจากเหตุการณ์นี้ไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ ได้นั่นเอง     หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานเรื่องนี้ก็สามารถจับกุมนาย Toni ได้ในวันถัดมา และตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน และหากพบว่าผิดจริงเขาก็อาจถูกตัดสินจำคุก 3 – 15 ปีเลยทีเดียว…   ที่มา: dailymail, worldofbuzz,…

บางครั้งบางคราเราก็อาจพบกับเหตุการณ์ที่ว่าสัตว์มันเข้าไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรจะอยู่ และสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ที่พบเห็น แต่ว่าคงไม่มีใครเจอแจ็คพอตไปยิ่งกว่าผู้หญิงคนนี้อีกแล้วจากเหตุการณ์ทำนองนี้ เพราะใครจะไปคิดว่าขณะที่เธอกำลังไปปลดทุกข์อยู่ในห้องน้ำ จะถูกงูตัวหนึ่งที่นอนอยู่ในชักโครกพุ่งขึ้นมากัดก้นซะอย่างงั้น!!     เรื่องราวสุดช็อกที่ว่านี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงวัย 59 ปีชื่อว่า Helen Richards ซึ่งได้ถ่ายทอดประสบการณ์ชวนขนหัวลุกนี้ให้กับชาวโลกได้ระวังเอาไว้ เธอเล่าว่าในวันนั้นเธอไปบ้านของน้องสะใภ้ในเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย แล้วขอเข้าห้องน้ำ ซึ่งทุกๆ อย่างก็เป็นไปตามปกติทุกอย่าง เธอจึงได้หย่อนก้นนั่งชักโครกอย่างสบายใจ แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น     “ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าถูกของแหลมอะไรสักอย่างมาแตะที่ก้นเบาๆ แล้วมันก็รู้สึกเจ็บนิดๆ ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นกบเป็นเขียดธรรมดาๆ แต่ก็มาฉุกคิดได้ว่าเขียดมันไม่มีพวกมันนี่หว่า”  “ฉันเลยกระโดดจนตัวลอยทั้งๆ ที่กางเกงยังกองอยู่ตรงขาแล้วหันกลับมาดูว่ามันคือสิ่งใดกัน สิ่งที่ฉันเห็นตอนนั้นมันเหมือนกับเต่าคองูกำลังนอนขดเลย” Helen กล่าว แต่แล้วเธอก็ได้รู้ความจริงว่ามันคืองูเหลือมที่มีความยาวมากถึง 1.6 เมตร ซึ่งได้กัดเธอจนก้นมีเลือดซึมออกมาเลยทีเดียว ทว่าก็ยังมีความโชคดีอยู่ที่ว่างูชนิดนี้ไม่มีพิษนั่นเอง     จากนั้นเมื่อรู้แล้วว่าเป็นงูเธอก็ทำการปิดวาล์วน้ำ ปิดฝาชักโครกแล้วเอากระถางต้นไม้มาวางทับไว้กันมันหนีออกมา แล้วจัดการโทรเรียกหน่วยงานจับงูในทันที แล้วก็สามารถจับมันออกมาได้สำเร็จ “ในฐานะที่ทำงานเป็นนักจับงูมา 25 ปีเต็มๆ ฉันยังไม่เคยเห็นใครโดนงูกัดก้นขณะที่ใช้ห้องน้ำอย่างนี้มาก่อนเลย มันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ” Jasmine Zeleny ผู้เชี่ยวชาญด้านการจับงูกล่าว   Jasmine Zeleny ผู้เชี่ยวชาญด้านการจับงู   สำหรับงูตัวนี้ Jasmine ก็กล่าวว่าจะนำไปปล่อยที่ลำห้วยใกล้ๆ ที่เกิดเหตุ และเตือนด้วยว่าควรจะตรวจดูที่ชักโครกทุกครั้งก่อนการใช้งาน…

เชื่อเลยว่าไม่ว่าใครๆ ต่างก็ต้องมีดารา นักร้องหรือว่าใครสักคนที่เรายกให้เป็น ‘ไอดอล’ ประจำใจ และมันคงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรใช่ไหมล่ะถ้าหากว่าเราจะมีรูปไอดอลคนที่ว่านี้อยู่ในห้องนอน… แต่เชื่อเถอะว่าคงไม่มีใครเหมือนกับชายคนนี้อีกแล้วที่นำรูปภาพของ Cheryl Ann Tweedy หรือที่รู้จักกันในนาม Cheryl นักร้องสาวคนสวยขวัญใจของเขามาตกแต่งเต็มห้อง ซึ่งรวมๆ แล้วมีมูลค่าสูงถึง 7,000 ปอนด์ (ประมาณ 290,000 บาท) เลยทีเดียว!!     โดยคนที่ว่านี้คือชาวเมือง Basildon ประเทศอังกฤษชื่อว่า Shaun Smith ซึ่งเขาบอกว่าเขานี่แหละคือแฟนคลับชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นซูเปอร์แฟนของสาว Cheryl อดีตนักร้องแห่งเกิร์ลกรุ๊ป Girls Aloud อันโด่งดัง และเราคงจะต้องเชื่อเขาจริงๆ หากดูจากสภาพห้องของเขาที่ตกแต่งไปด้วยรูปภาพของสาวคนนี้แทบจะทุกตารางนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นประตู หน้าต่าง ผนังห้อง อีกทั้งยังมีสแตนดี้เต็มตัวของเธออีกด้วย     “นอกจากสแตนดี้ขนาดใหญ่ของเธอแล้วยังมีพรมเป็นรูปเธออีกเยอะเลยนะ ผมมีคอลเลกชันของเธอเยอะมากแม้กระทั่งกับที่นอนน้องหมา ผมหมดกับเธอไปเยอะมากเพราะผมรักเธอไงล่ะ” Smith กล่าว     ชายวัย 51 ปีคนนี้เล่าว่าจุดเริ่มต้นในการเริ่มตกแต่งห้องด้วยรูปภาพของเธอเริ่มขึ้นในฤดูร้อนปี 2018 ที่ผ่านมา แต่ว่าจริงๆ พบรักเข้ากับเธอมาตั้งนานแล้ว “ผมดูยูทูบแล้วดูวง Girls Aloud ผมร้องออกมาเลยนี่ Cheryl…