ชายไต้หวันกลายเป็นไวรัลจากการไว้ทรงผม ‘เหลี่ยมบล็อก’ แข็งราวหินเจอพายุก็ไม่กระดิก!!

จริงอยู่ที่ว่าเรื่องของ ‘ทรงผม’ จะเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ใครอยากทำแบบไหนก็แล้วแต่ความพอใจของคนคนนั้น แต่ว่าบางทีทรงผมที่มันดูแปลกประหลาดไม่เหมือนกับชาวบ้านชาวช่องเขามันก็เป็นอะไรที่เตะตาเสียจริงๆ

ดั่งเช่นตัวอย่างของชายชาวไต้หวันคนนี้ที่ทรงผมของเขามันเป็นเหลี่ยมๆ บล็อกๆ ยังกับหลุดออกมาจากเกม ‘มายคราฟต์’ ยังไงยังงั้น และนั่นเองทำให้เขากลายเป็นกระแสไวรัลไปโดยปริยาย

 

 

ชื่อของนาย Wu Goren ชายชาวไทเปวัย 59 ปีได้เป็นที่รู้จักกับชาวโลกเป็นครั้งแรกในปี 2014 จากภาพทรงผมของเขาที่มีมือดีถ่ายเอาไปลงโซเชียล ซึ่งความแปลกนี้ของเขาก็ดังซะจนถึงขนาดที่ว่ามีสื่อท้องถิ่นไปสัมภาษณ์

 

 

โดยสื่อได้ถามนักวิทยาศาสตร์เคมีประจำโรงพยาบาล National Taiwan University Hospital คนนี้ว่าได้แต่ทรงผมของเขาใดมา ซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่ามันเริ่มขึ้นจากความที่เขาถูกผู้หญิงปฏิเสธไม่รับรัก

เขาจึงหาวิธีที่จะเปลี่ยนตัวเองให้ดูหนุ่มลงราวกับมีอายุช่วง 20 – 30 ปี ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่พบเจอทรงผมเหลี่ยมๆ ของเขาส่วนมากจะเห็นว่าเขาเด็กลงหรือไม่ แต่ที่รู้ๆ คือมันสะดุดตาเหลือคณานับ

 

 

อย่างไรก็ตามตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เป็นข่าวครั้งแรก เขาก็ยังคงไว้ผมทรงนี้อยู่และมีความสุขมากๆ กับการที่มีผู้คนถ่ายรูปไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน จนตอนนี้ก็มีภาพของเขานับได้เป็นอัลบั้มๆ และได้กลับกลายมาเป็นไวรัลอีกครั้งหนึ่ง

แต่นับถึงตอนนี้ Wu ก็ยังคงไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักทีแม้ว่าจะเด่นเพียงใด ทว่าเขาก็ยังคงไว้วางใจกับผมทรงเหลี่ยมนี้ว่าจะสามารถดึงดูดสาวๆ ได้ในวันข้างหน้า

 

 

โดยสื่อรายงานว่า ช่างตัดผมมืออาชีพต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงรวมถึงเจลอีก 2 กระปุกในการเนรมิตผมทรงนี้ให้ออกมาเป๊ะปังอย่างที่เห็น และ Wu จะหวีผมของเขาในทุกๆ 15 วันเพียงเท่านั้น

นอกจากนี้ช่างทำผมยังบอกว่านอกจากเจลแล้วก็ต้องใช้สเปรย์เพื่อล็อกผมให้อยู่ทรงด้วย และเมื่อออกมาท้ายที่สุดแล้วผมของ Wu จะต้องแข็งราวกับหินชนิดที่ว่าแม้แต่พายุไต้ฝุ่นก็ทำลายไม่ได้!!

 

 

ในตอนนี้ Wu ได้กลายเป็นเซเลบฯ ประจำเมืองไทเปที่ไม่ว่าผ่านไปทางไหนก็มีแฟนๆ ขอถ่ายรูปด้วยเสมอ ซึ่งเขาก็ยินดีโพสถ่ายรูปกับแฟนๆ อย่างเป็นมิตรถ้ามีคนขอเขาถ่ายดีๆ และถ้าเพื่อนๆ ไปเที่ยวแล้วเจอเขาก็ขอถ่ายรูปกันได้นะ…

 

ที่มา: odditycentraltribunnews


Tags:

Comments

Leave a Reply