นี่เห็นอยู่นี้คือหน้าเว็บ CatDumb เวอร์ชันเก่า

น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน ที่่บ่อยครั้งเรามักจะได้เห็นเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้นในประเทศจีน อาจจะเพราะว่า ‘จีน’ เป็นประเทศที่มีประชากรเยอะ หรือมีพื้นที่ประเทศกว้างใหญ่มหาศาล โอกาสในการเกิดเรื่องแปลกๆ ก็เลยสูงมากกว่าที่อื่นมั้ง? และล่าสุดที่เราได้ไปเจอมา สำนักข่าวจีน Sina ได้รายงานเรื่องราวของสองคู่รัก จากอำเภอเจียซ่าน มณฑลเจ้อเจียง ที่ลงประกาศขายลูกสาววัยทารกของตัวเองบนอินเตอร์เน็ต เพื่อนำเงินไปซื้อแมวมาเลี้ยงแทน!?     เมื่อปี 2013 นาง ‘Ding’ คุณแม่วัย 26 ปี และนาย ‘Jia’ ได้ทำการโพสต์เสนอขายลูกสาวตัวเองตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ผ่านเว็บไซต์ ‘Tencent’ ของจีน ซึ่งตั้งราคาไว้ที่ 20,000 หยวน หรือประมาณ 1 แสนบาทไทย โดยทั้งคู่ได้ให้การกับศาลว่า สาเหตุที่ต้องประกาศขายลูกสาวตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพราะทั้งคู่ยังไม่มีการงานที่มั่นคง อีกทั้งญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็ไม่เห็นด้วยที่ทั้งคู่มาคบหากัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งคู่จึงใช้ชีวิตร่วมกันแบบไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีเงินไปทำคลอด และไม่กล้าที่จะกลับไปขอความช่วยเหลือจากทางบ้าน แต่ทว่าหลังจากที่ทั้งคู่สามารถขายลูกในไส้แท้ๆของตัวเองได้แล้ว ก็ได้เจียดเงินจำนวนหนึ่งเพื่อไปซื้อแมวเหมียวมาเลี้ยงแทน โดยอ้างว่าทำไปเพื่อไม่ต้องการให้แฟนสาวของตนรู้สึกเหงา และจากการกระทำดังกล่าว ทำให้ทางด้านของฝ่ายหญิง ถูกศาลสั่งจำคุกเป็นเวลา 5 ปี ส่วนฝ่ายชายก็ถูกสั่งจำคุกเป็นเวลา 5…

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักกลุ่มผู้ก่อการร้าย ไอซิส หรือ กลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย  (Islamic State of Iraq and Syria) ที่ได้สร้างความไม่สงบในแถบตะวันออกกลาง รวมทั้งอยู่เบื้องหลังเหตุก่อการร้ายหลายครั้งทั่วโลกอีกด้วย แต่หลังจากสู้รบกับกองกำลังพันธมิตรมาอย่างยาวนาน ดูเหมือนว่ากลุ่มไอซิสในอิรักใกล้จะถึงจุดจบแล้ว โดยล่าสุดนายกรัฐมนตรีของอิรัก นายไฮเดอร์ อัล อาบาดี ได้ออกมาประกาศว่า กองกำลังไอซิสกำลังจะถูกกำจัดในอีกสามเดือนข้างหน้านี้แล้ว     ตลอดปีที่ผ่านมา กองกำลังผสมที่มีทั้งทหารอิรัก ชาวเคิร์ด ทหารอิสลามนิกายชีอะห์ รวมทั้งกองกำลังของสหรัฐอเมริกา ได้ค่อยๆ ยึดเมืองที่เป็นฐานที่มั่นของกลุ่มไอซิสมาได้ทีละเมืองๆ จนตอนนี้เหลือเพียงเมืองโมซุลทางตอนเหนือของอิรักเท่านั้น และตอนนี้กองกำลังผสมของอิรักและสหรัฐได้ปิดล้อมเมืองดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แผนการต่อไปคือปลดแอกเมืองโมซุลออกจากการยึดครองของไอซิส และสร้างช่องทางหลบหนีให้กับประชาชนผู้บริสุทธิภายในเมืองอีกด้วย     อย่างไรก็ตาม ทางกำลังกองกำลังอิรักต้องประสบปัญหาในการบุกโจมตี หลังจากกองกำลังไอซิสได้ใช้ชาวเมืองผู้บริสุทธิ์เป็นโล่มนุษย์ รวมทั้งภายในเมืองยังมีชาวบ้านอยู่อีกนับล้านคน ทำให้การโจมตีเป็นไปอย่างยากลำบาก   หวังว่าอิรักจะกลับคือสู่ความสงบสุขโดยเร็วนะฮะ ที่มา CNN

เรื่องราวปาฏิหาริย์นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้บ่อยๆ และมันจะเกิดขึ้นได้เฉพาะกับคนที่ไม่ยอมแพ้ และยังมีหวังอยู่เท่านั้น เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของเจ้าหมาตัวนี้… ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายน เจ้าหน้าที่จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Animal Cruelty Division ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าพบซากสุนัขอยู่ในลังที่มีสภาพสกปรกดูไม่ได้     และเมื่อพวกเขามาถึงยังสถานที่เกิดเหตุที่ตั้งอยู่ในเมือง Austin รัฐเท็กซัส ก็ต้องพบว่ามันยังไม่ตาย ยังคงหายใจอยู่อย่างโรยแรงแต่สภาพร่างกายของมันนั้นผอมจนเหลือแต่กระดูก และเนื้อตัวของมันนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษอุจาระ     เจ้าหน้าที่ Ewa Wagner ก็รู้เลยว่าเจ้าหมาตัวนี้จะต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน   “อุณหภูมิของมันนั้นต่ำมาก แทบจะตรวจวัดด้วยเทอร์โมมิเตอร์ไม่ได้เลย และมันก็ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย” คุณ Ewa เล่า   “พวกเราคิดไม่ออกเลยว่ามันจะรอดจากความตายได้อย่างไร” เธอกล่าวต่อถึงความรู้สึกเมื่อได้เห็นสภาพของเจ้าหมา   สัตวแพทย์ Elizabeth Mancera ได้ทำการอาบน้ำอุ่นให้กับมัน และค่อยๆ เป่าให้แห้งเพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้กับร่างกายของมัน   “ฉันพูดกับมันอยู่ตลอดเวลา ร่างกายของมัน้ย็นและเปียก แล้วก็มองมาที่ฉันด้วยสายตาวิงวอน” คุณหมอ Elizabeth กล่าว   “ทุกคนคิดว่ามันกำลังจะตาย แต่ฉันพยายามบอกมันตลอดว่ามันจะต้องปลอดภัย”   และเจ้าหมาตัวนี้ก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าปาฏิหาริย์มีอยู่จริง เพราะไม่เพียงแค่รอดตายเท่านั้น แต่มันยังแข็งแรงแบบดีวันดีคืน คุณ Ewa ได้ทำการตั้งชื่อมันว่า…

หากคุณรู้ตัวว่าต้องตายในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า คุณจะทำอะไรเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิต? เราอาจจะเลือกทำสิ่งดีๆ เลือกกินอาหารดีๆ หรือบางคนอาจจะอยากอยู่เฉยๆ มากกว่า แต่สำหรับนักโทษที่ต้องถูกประหาร พวกเขาจะมีสิทธิ์ในการเลือกอาหารมื้อสุดท้าย บางคนขออาหารที่ไม่เคยกิน บางคนขออาหารโปรดของตัวเอง และบางคนก็เลือกที่จะไม่กินอะไรเลย     Henry Hargreaves ช่างภาพที่มีชื่อเสียงจากภาพชุด No Seconds ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นใหม่ที่ชื่อ A Year of Killing โดยจะเน้นเกี่ยวกับวิธีการประหารนักโทษของสหรัฐอเมริกาในปี 2016 หลังจากภาพชุด No Seconds ที่ถูกปล่อยในปี 2011 เขาก็ทำงานด้านนี้มาเรื่อยๆ โดยผลงานก่อนหน้านี้คือ รวบรวมอาหารนักโทษในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา     แต่สำหรับ A Year of Killing เป็นอาหารชุดล่าสุดของนักโทษประหารในปี 2016 นอกจากอาหารแล้ว เขายังต้องการแสดงให้เห็นว่า นักโทษต้องอยู่ในแดนประหารนานแค่ไหนก่อนถูกประหาร ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ มักจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเสมอ     Hargreaves บอกว่า “การประหารนักโทษในเรือนจำของรัฐ มักจะมีปัญหามากมายเกิดขึ้น เช่น ยาที่ใช้ประหารไม่มีประสิทธิภาพมากพอ เชื้อชาติของนักโทษไม่ชัดเจน(บางทีมีการประหารเพราะอคติ) และที่สำหรับคือ มักจะมีข้อผิดพลาดระหว่างการกำหนดโทษต่างๆ” “แต่การประหารชีวิตยังคงเป็นวิธีการที่ใช้มาจนปัจจุบันนี้…

ทุกวันนี้ในโลกเรามีประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และโลกยังมีขนาดเท่าเดิม แม้จะสร้างตึกสูงแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ต้องอยู่กันอย่างแออัด จนกลายเป็นปัญหาสังคม หากมองตามความจริงแล้ว เรื่องนี้อาจไม่มีทางออกที่ลงตัว ดังนั้น ศิลปินท่านหนึ่ง จึงสร้างหมู่บ้านลอยฟ้า เพื่อให้เด็กเกิดจินตนาการและรู้เกี่ยวกับปัญหาการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก Sky Villages หรือหมู่บ้านลอยฟ้า ออกแบบโดย James Paulius ซึ่งได้ติดตั้งอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์เด็ก SPARK Brooklyn Children’s Museum     Sky Villages เป็นหมู่บ้านจำลอง โดยบ้านแต่ละหลังทำขึ้นจากไม้ แล้วนำไปติดไว้บนผนังที่มีพื้นหลังเป็นท้องฟ้า ศิลปินเจ้าของผลงาน ได้ออกแบบมาเพื่อให้ความรู้กับเด็กๆ เกี่ยวกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่พื้นที่โลกนี้มีอยู่อย่างจำกัด และมันไม่ได้ขยายตามปริมาณประชากรเลย     ดังนั้น  James จึงสร้างหมู่บ้านบนท้องฟ้า เพื่อสร้างจินตนาการให้เด็กๆ เพราะวันหนึ่งหากพื้นบนโลกนี้เต็ม บางทีท้องฟ้าอาจเป็นทางเลือกในการทำที่อยู่อาศัยก็ได้ Sky Villages เป็นการนำเสนอที่อยู่อาศัยบนท้องฟ้าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมดูลาร์ ที่สามารถเพิ่มหรือลดจำนวนประชากรได้ตามต้องการ     หากพื้นที่ไหนไม่มีความเหมาะสมก็สามารถเปลี่ยนที่ได้ และสามารถเคลื่อนย้ายให้ใกล้ชิดกันได้ หากมีครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามาอยู่ โดยปกติของธรรมชาติและมนุษย์แล้ว ย่อมมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น นี่จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ออกแบบโลกในจินตนาการของตัวเอง แม้ว่านี้อาจจะเพียงของเล่นสำหรับเด็กๆ  แต่วันหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่า พวกเขาอาจจะทำให้จินตนาการเหล่านี้กลายเป็นจริงก็ได้    …

เราทุกคนอยากประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น แต่หนทางที่จะไปถึงจุดนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แน่นอนว่าสำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องง่าย เพราะพวกเขามีความสามรถหรือพื้นฐานที่ดีกว่า แต่เพราะคนเรามีสามารถไม่เหมือนกัน อยู่ในฐานะที่ไม่เท่าเทียมกัน จำทำให้บางความสำเร็จมันก็อยู่ใกลตัวเกินไป แต่ใช่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จไม่ได้ บางทีการเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ความเร็จอยู่ใกล้ขึ้นแล้ว และนี่คือ 13 สิ่งที่ควรล้มเลิก หากอยากประสบความสำเร็จ…   1. เลิกพฤติกรรมที่ทำให้เสียสุขภาพ Jim Rohn บอกว่า “หมั่นดูร่างกายของคุณให้ดี เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้คุณมีชีวิตอยู่” หากคุณต้องการประสบความสำเร็จ คุณต้องเริ่มที่จะดูแลสุขภาพให้ดีเสียก่อน โดยมี 2 สิ่งที่คุณต้องจำไว้เสมอคือ อาหารเพื่อสุขภาพ และ การออกกำลังกาย หากคุณทำสิ่งเล็กๆ เหล่านี้ได้ สักวันหนึ่งคุณจะขอบคุณตัวเอง   2. เลิกพฤติกรรมที่ให้ผลในระยะสั้น Mae West บอกว่า “คุณมีชีวิตอยู่เพียงครั้งเดียว ถ้าคุณทำในสิ่งที่ถูกต้อง ครั้งเดียวก็เพียงพอ” คนที่ประสบความสำเร็จมักจะกำหนดเป้าหมายระยะยาว และความสำเร็จเหล่านี้มักจะเกิดจากเป้าหมายระยะสั้นที่พวกเขาทำเป็นประจำ พฤติกรรมบางอย่างอาจให้ผลในระยะสั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรทำ แต่ควรเป็นสิ่งที่ควรมี เพราะการตั้งเป้าจากสิ่งเล็กๆ จะทำให้คุณประสบกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่   3. เลิกอยู่ในโลกใบเล็กๆ ของตัวเอง ถ้าคุณไม่ลองทำอะไรใหม่ หรือให้โอกาศกับตัวเอง คุณจะไม่มีวันรู้ศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองเลย ที่สำคัญคือ โลกจะไม่ได้รับประโยชน์จากความสำเร็จของคุณเลย…

ในช่วงวันปีใหม่ที่จะถึงนี้ เชื่อว่าหลายคนกำลังมองหาของขวัญไปเซอร์ไพรซ์ลูกๆ หลานๆ แต่จะซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไอพ่ง ไอแพด อะไรพวกนี้ก็ดูจะแพงไป แถมยังอาจทำให้เด็กเกิดอาการสมาธิสั้นอีกด้วย งั้นลองไปดูของเล่นสุดเจ๋ง ที่ไม่เพียงเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กๆ แล้ว ราคาไม่แพง แถมดูดีอีกต่างหาก เราไปชมพร้อมๆ กันเลย     ของเล่นชิ้นนี้เป็นผลงานการออกแบบของดีไซน์เนอร์จากเนเธอร์แลนด์ Joop Bource โดยเขาสร้างตัวต่อ “ตัวด้วง” จากกระดาษขึ้นมา ซึ่งสามารถซื้อเป็นของขวัญให้กับเด็กๆ ในช่วงปีใหม่ได้ทันที     ในชุดจะประกอบด้วยตัวต่อที่ผ่านการออกกแบบอย่างดี เพียงแค่ใช่ความพยายามและความตั้งใจซักเล็กน้อย ท่านก็จะสามารถประกอบตัวด้วงขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยตัวต่อ “ตัวด้วง” นี้จะมีทั้งหมดห้าแบบ ห้าสายพันธุ์ และแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีสีแตกต่างกันออกไป สามารถเลือกได้ตามความชอบเลย     สนนราคาอยู่ที่ตัวละประมาณ 1,200 บาท สามารถสั่งซื้อได้จากเว็บไซต์ etsy     เห็นแล้วอยากได้ซักอันจริงๆ เหมาะกับการซื้อไปหาลูกหลานเล่นที่บ้านช่วงปีใหม่นี้ ใครสนใจก็สั่งซื้อกันได้เลยนะฮะ   ที่มา thisiscolossal

ในขณะที่เรามีห้องนอนแสนอบอุ่น มีผ้าห่มหนาๆ บางคนมีเครื่องทำความอุ่นด้วยซ้ำ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีคนส่วนหนึ่งที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ เพราะความยากจนทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นคนไร้บ้านและใช้ชีวิตอยู่ข้างถนนอย่างหนาวเหน็บ แต่โชคดีที่มีหลายคนไม่เพิกเฉยต่อความลำบากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน พวกเขาจึงพยายามช่วยคนไร้บ้านเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเครื่องนุ่งห่มให้ หรือการมอบของที่จำเป็นให้ เช่นเดียวกับ Mark Burgess วัย 35 ปี จากย่าน Llanrumney เมือง Cardiff ที่เข้าใจดีว่าการใช้ชีวิตอยู่ข้างถนนนั้น มันคงจะลำบากและหนาวมากแค่ไหน โดยเฉพาะในฤดูหนาวนี้     สิ่งที่คนไร้บ้านต้องการมากที่สุดคือ บ้าน แต่การจะสร้างบ้านนั้นต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลย Mark จึงสร้างห้องเล็กๆ ที่พออยู่ได้ให้กับคนไร้บ้าน เขาได้สร้างห้องพักเล็กๆ ด้วยไม้ โดยติดล้อไว้ให้ด้วย เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายได้ตลอด และสามารถถอดล้อออกได้ ในกรณีที่พวกเขาเจอที่พักที่เหมาะสมแล้ว ภายในห้องพักไม้ เขาได้ติดตั้งสัญญาณเตือนไฟไหม้ มีฉนวนกันความร้อน ที่ระบายอากาศ ทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อเป็นที่นอนให้กับคนไร้บ้าน และเพื่อที่พวกเขาจะเก็บข้าวของเล็กๆ น้อยๆ ได้ หลังจากสร้างเสร็จแล้ว เขาก็ได้ใช้ช่วงเวลาวันคริสต์มาสอีฟ ออกตามหาคนที่มีความจำเป็นต้องใช้มัน เพื่อให้พวกเขาได้นอนในที่สบาย และได้ตื่นมารับเช้าวันคริสต์มาสอย่างสดใส Mark เล่าว่า “ในวันคริสต์มาอีฟ ผมได้เดินไปรอบๆ Cardiff และเมื่อเดินปยังถนน St Mary Street ผมเห็นคู่รักคู่หนึ่งกำลังนั่งอยู่กับสุนัขของพวกเขา ผมได้พูดคุยกับพวกเขาสักพัก ก่อนจะมอบห้องเคลื่อนนี้ให้”…

สวนสนุกดิสนีย์เวิลด์เป็นสถานที่ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปสักครั้ง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ยกให้เป็นสวรรค์บนดินเลยล่ะ เพราะที่นี่มักจะสร้างรอยยิ้มและความสุขให้ผู้ที่เข้ามาชมเสมอ แต่เรารู้มั้ยว่า เบื้องหลังของดินแดนแห่งความสนุกนี้ มีความลับหลายเรื่องที่ทางสวนสนุกไม่อยากให้เรารู้ อย่างไรก็ตาม ชายผู้สวมชุดกูฟฟี่นานกว่า 20 ปี คนหนึ่ง ได้มาเปิดเผยความลับเหล่านั้นให้เราได้รู้ผ่านเว็บไซต์ Reddit ในชื่อ Ihaveanotheridentity     1. ความจริงแล้วดิสนีย์เวิลด์มีอุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่ อุโมงค์ใต้ดินของดิสนีย์เวิลด์หรือเรียกอีกอย่างว่า Utilidor ซึ่งเป็นอุโมงค์ที่เข้าได้เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้นและไม่กระทบกับการแสดงบนเวที ภายใน Utilidor มีร้านอาหาร 2 ที่ มีร้านตัดผม และสำนักงานที่นั่น… ความสวยงามที่เราได้เห็นนั้น ก็มีระบบควบคุมจากข้างล่างนี้เหมือนกัน แต่ทั้งหมดนี้ คนนอกไม่เคยได้รู้   2. มีคุกดิสนีย์ สำหรับคนที่ก่อความวุ่นวายในสวนสนุก คุกในดิสนีย์มีลักษณะเหมือนห้องพัก ที่เอาไว้ขังคนก่อความวุ่นวายแบบชั่วคราว แต่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะพาพวกเขาไปยังคุกในท้องถิ่นที่ออร์แลนโด   3. มีการแบ่งลำดับชั้นสำหรับตัวละครต่างๆ สำหรับตัวละครต่างๆ ที่อยู่ดิสนีย์เวิลด์ พวกเขาจะถูกแบ่งห้องพักตามลำดับชั้น โดยตัวละครกลุ่ม “cool” หรือบรรดาเจ้าหญิงทั้งหลายจะอยู่ชั้นสูงสุด   4. การคัดเลือกตัวละคร ต้องมีความสวยเป็นมาตรฐาน การจะมาเป็นตัวละครในดิสนีย์เวิลด์ ต้องผ่านการคัดตัวเหมือนเวทีอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าหญิงที่ต้องเน้นหน้าตาเป็นพิเศษ แต่สำหรับตัวการ์ตูนที่เน้นความสนุกอย่างโดนัลด์ดั๊ก หรือ พลูโต ต้องเน้นความสามารถในการเอนเตอร์เทนมากกว่า  …

ล่าสุดรัฐ Michigan ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมายใหม่ ทำให้ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยิงใส่สุนัขได้ หากพวกมันเห่าและขยับตัวมากเกินไปเวลาที่เจ้าหน้าที่เข้าไปทำการตรวจค้นในบ้าน กฎหมายใหม่นี้เพิ่งผ่านร่างมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง นั่นทำให้เจ้าหน้าที่สามารถทำการวิสามัญสัตว์เลี้ยงได้เลยหากพวกมันเห่าหรือขยับตัวมากเกินไปจนขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่     ซึ่งการตัดสินให้ผ่านร่างนี้ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง Battle Creek รัฐ Michigan ที่ตำรวจต้องทำการวิสามัญสุนัขถึง 2 ตัว ขณะที่ทำการตรวจค้นยาเสพติดในบ้านของผู้ต้องสงสัย ซึ่งจากเหตุการณ์นี้เจ้าของ Mark และ Cheryl Brown ก็ได้ออกมายื่นคำร้องให้ทางเจ้าหน้าที่และเทศบาลออกมาแสดงความรับผิดชอบกับการตายของสัตว์เลี้ยงของพวกเขาเมื่อในปี 2013 เมื่อเร็วๆ นี้ จากคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า ที่เขายิงเจ้าพิตบูลตัวแรกนั้นเป็นเพราะมันขยับและมุ่งตรงมาทางเขาด้วยท่าทางที่ดุร้าย     ส่วนตัวที่สองนั้นถูกยิงเพราะมันเดินเข้ามาด้านข้างพร้อมกับเห่า จากรายงานของสำนักข่าว First Coast News จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็วิ่งตามสุนัขที่วิ่งหนีไปหลบที่มุมเพื่อยิงซ้ำอีกครั้ง โดยเอกสารบันทึกรายละเอียดคดีในศาลได้ระบุว่า… ที่เจ้าหน้าที่ทำแบบนี้ก็เพราะเลือดของเจ้าหมานั้นไหลออกมามาก และมีบาดแผลฉกรรจ์ เขาไม่อยากให้มันเจ็บปวดและทรมานจึงจำเป็นต้องตามไปยิงซ้ำอีกรอบ ศาลได้ตัดสินว่าครอบครัว Brown นั้นไม่มีหลักฐานที่จะมายืนยันว่าสุนัขของพวกเขาไม่ได้เห่าหรือไม่มีเจตนาพุ่งเข้ามาจู่โจมเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงทำให้ถูกยกฟ้องไป     ทางด้านผู้พิพากษา Eric Clay ก็ได้เขียนถึงการตัดสินใจของตัวเองในครั้งนี้ว่า “จากสภาพการณ์ทั้งหมด และจากมุมมองของเจ้าหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่แล้วพบว่า สุนัขนั้นเป็นต้นเหตุให้เกิดภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่” “จากกฎหมายที่เราได้ตั้งไปในวันนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับสุนัขได้ขณะที่ดำเนินการตามหมายค้น เพื่อค้นหาสิ่งผิดกฎหมายในบ้านของผู้ต้องสงสัย  ซึ่งเป็นเหตุที่เหมาะสมแล้ว…

ตลอดทั้งปีที่ผ่านมานี้ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย จนทำให้หลายคนต้องเข้าไปค้นผ่านสื่ออินเตอร์เน็ตต่างๆ และหนึ่งในช่องทางเหล่านี้คือ Google นั่นเอง ทาง Google ประเทศไทย เองจึงได้จัดอันดับสุดยอดการค้นหาประจำปี 2016 ซึ่งแบ่งออกเป็นหลากหลายหมวดหมู่ และหมวดที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ ละคร-ซีรี่ย์ ก็อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่า ในปีนี้มีละครและซีรี่ย์หลายเรื่องที่คนไทยเราให้ความสนใจ แต่จะมีเรื่องไหนบ้างนะที่ถูกค้นผ่าน Google มากที่สุด? มาดูกันเลยดีกว่าว่าในมีเรื่องไหนถูกค้นมากที่สุดใน 10 อันดับแรก   10. ละครเจ้าบ้านเจ้าเรือน เป็นละครแนวย้อนยุคที่เกี่ยวกับการข้ามภพข้ามชาติ โดยมี ติ๊ก เจษฎาภรณ์ พระเอกหน้าหล่อตลอดกาลรับบทเป็นเจ้าบ้านเจ้าเรือนจนทำให้สาวๆ คลั่งไคล้หนักเข้าไปอีก ทางด้านนักแสดงหญิงเอง แต่ละคนก็ถือว่าเป็นตัวแม่ทั้งนั้น ดังนั้นเมื่อละครออกอากาศ ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังจริงๆ ใครที่ไม่ได้ดูถึงกับต้องกลับไปดูย้อนหลังเลยทีเดียว   9. พิษสวาท ละครจากช่อง one ที่ได้นางเอกมากฝีมืออย่าง นุ่น วรนุช มารับบทเป็นคุณอุบล ซึ่งเป็นวิญญาณของหญิงสาวที่ถูกสามีฆ่าเพื่อให้เฝ้าสมบัติชาติ ทำเอาคนดูสงสารจับใจ นอกจากตัวละครแล้ว เนื้อเรื่องยังเกี่ยวกับความเชื่อและวิญญาณ ซึ่งเป็นความเชื่อเดิมของคนไทยเราอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อได้มาดูละครเรื่องนี้จึงทำให้ยิ่งฟินเข้าไปอีก   8. Moonlight Drawn by Clouds หรือ รักเราพระจันทร์เป็นใจ โดยปกติแล้วซีรี่ย์ย้อนยุคมีไม่กี่เรื่องหรอกที่จะโด่งดัง แต่สำหรับเรื่องนี้ได้พระเอกหนุ่มหน้าหล่ออย่าง พัคโบกอม…

ใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว เพื่อนๆ คิดกันหรือยังว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี? ในบ้านเราก็มีที่เที่ยวหลายที่นะ ใครชอบป่าชอบเขาก็ขึ้นเหนือ ใครชอบน้ำชอบปลาก็ลงใต้ เลือกเอาที่ชอบเลยจ้า เอ๊ะ หรือใครอยากไปตั้งเต้นท์ชิลๆ ที่ไหนดีล่ะ!? แล้วรู้ยังว่าจะไปไหน!? ไม่เป็นไร วันนี้เรามีตัวเลือกมาให้แล้ว แต่ละที่วิวสวยมากๆ จนคุณไม่อยากพลาดแม้แต่ที่เดียวเลยล่ะ   1. วิวจากริมแม่น้ำโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา   2. วิวจากหน้าผาที่อยู่บริเวณถ้ำ Benagil Sea Cave ในประเทศโปรตุเกส   3. หมะปกคลุมยอดเขาที่ Eagle Cap Wilderness ในรัฐออริกอน   4. ชายฝั่งที่สวยงามของทะเลสาบ Lake Gjende ในนอร์เวย์   5. Mt. Rainier ภูเขาไฟขนาดยักษ์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ   6. พักผ่อนชิลๆ ที่อุทยานแห่งชาติ Grand Teton National Park ในไวโอมิง   7. หาดทรายนุ่มๆ ที่ Luskentyre Beach ใน Isle of Harris   8. ชมพระอาทิตย์ตกที่ North…

หลังจากเผชิญกับปัญหาชีวิตมาพักใหญ่ๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้ บริตนีย์ สเปียส์ อดีตสาวน้อยมหัศจรรย์เจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อบ จะสามารถกลับมาเข้าร่องเข้ารอยเหมือนเดิมได้แล้ว ทั้งผลงานที่ปล่อยออกมาเรื่อยๆ และความนิยมที่กลับมา แม้จะไม่ได้ฟู่ฟ่าระดับยิ่งใหญ่เช่นเดิมก็ตาม   นอกจากลักกี้อินเกมแล้ว ดูเหมือนว่าชีวิตรักของเธอก็กำลังไปได้สวยซะด้วย เพราะล่าสุดเธอเพิ่งเปิดตัวแฟนหนุ่มคนใหม่ ที่บอกได้คำเดียวว่า แซ่บมากกกกกกกก   หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า แซม แอชการี เธอได้รู้จักกับเขาครั้งแรกในการถ่ายทำมิวสิกวีดีโอเพลง “Slumber Party”   เพลงนี้แหละ นอกจากจะฮิตแล้ว ยังทำให้เธอได้แฟนอีกต่างหาก   ดูเผินๆ แล้วคล้าย เซน มาลิก ของ วันไดเร็กชั่นเหมือนกันนะเนี่ย   ตอนแรกมีข่าวลือว่าทั้งสองกำลังคบหาดูใจกัน และแซมก็ได้ลงรูปคู่ในไอจี แต่ก็ลบออกไปหลังจากนั้นไม่นาน   จนเมื่อวันคริสต์มาสที่ผ่านมา บริตนีย์ได้อัพคลิปวีดีโออวยพรวันคริสต์มาสให้กับแฟนๆ ในทวิตเตอร์และ แซม ก็อยู่ในวีดีโอด้วยเช่นกัน นั่นแปลว่าพวกเขากำลังคบกันจริงๆ ตามข่าวลือ (คลิกที่นี่ หากไม่สามารถชมวิดีโอได้)   @britneyspears on Sam’s Instagram story! ???? pic.twitter.com/Bot2RPbRFi — Britney…

เชื่อว่าหนุ่มๆ ขี้เหงาหรือสาวๆ หลายคนต้องรู้จัก “ตุ๊กตายาง” ของเล่นเสมือนจริงที่สร้างขึ้นมาเพื่อมอบความสุขสมอารมณ์หมายให้กับผู้ใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเวลาเราเห็นตุ๊กตายาง เราจะเห็นตอนที่มันอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน แล้วขั้นตอนการผลิตของมันล่ะ พวกเขาทำกันอย่างไร?   ล่าสุดตากล้องชาวสหรัฐอเมริกา Robert Benson ได้เข้าไปเก็บภาพในโรงงานผลิตตุ๊กตายางของบริษัท Abyss Creations ในรัฐแคลิฟอร์เนียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงขั้นตอนการสร้าง “ตุ๊กตายาง” ของจริง โดย Benson เล่าวว่า “พนักงานทุกคนรักในสิ่งที่พวกเขาทำ และพวกเขาก็ทำงานกันอย่างจริงจังมากๆ เหมือนกับที่ทุกคนทำงานอื่นๆ นั่นแหละ”   Matthew McMullen ศิลปินผู้ก่อตั้งบริษัท Abyss Creations เล่าว่าการก่อตั้งบริษัทนี้ ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญเป็นอย่างมาก เพราะตอนแรกเขาทำงานเป็นผู้ผลิตหน้ากากฮาโลวีน จนตอนหลังเขาเปลี่ยนมาทำหุ่นผู้หญิงแบบเสมือนจริง พอหลายคนเห็นผลงานของเขา ก็ลองขอให้เขาทำหุ่นเหล่านั้นเป็นตุ๊กตายาง ปรากฎว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เขาจึงเปลี่ยนอาชีพมาทำตุ๊กตายางจนถึงทุกวันนี้     ตุ๊กตายางถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นช่วงปี 1980 โดยในยุคแรกวัสดุจะใช้พลาสติก แต่เพื่อความสมจริงยิ่งขึ้นภายหลังจึงเปลี่ยนวัสดุเป็นซิลิโคนคุณภาพสูง แน่นอนว่าตุ๊กตายางของ McMullen ถือว่าเป็นของระดับพรีเมี่ยม สนนราคาเริ่มต้นนั้นอยู่ที่ตัวละประมาณ 6,500 ดอลลาร์หรือราว 200,000 บาท โดยลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าอยากได้หน้าตา สีผิว สีผม หรือแม้กระทั่งลักษณะและสีของหัวนม…

Quinceanera ถือเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่ขึ้นชื่อของประเทศแถบอเมริกากลาง เมื่อเด็กผู้หญิงมีอายุครบ 15 ปี ก็จะมีการจัดพิธีเฉลิมฉลองงานวันเกิดอย่างยิ่งใหญ่ โดยจะมีการเชิญแขกเป็นครอบครัวเพื่อนบ้านหลายๆ คนมาร่วมงาน เพื่อประกาศให้รู้ว่าเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว เจ้าของงานวันเกิดนั้นจะสวมชุดราตรีสวยๆ เหมือนกับชุดที่สวมไปงานกาล่าเดินไปมาในงาน     และในงาน Quinceanera ของสาวน้อย Rubi Ibarra Garcia เองจะต้องกลายเป็นเรื่องราวที่น่าจดจำไปตลอดชีวิตของเธอ เพราะมีคนมาร่วมงานกันอย่างคับคั่งมากกว่า 1,000 คน จนกลายเป็นเหมือนการจัดงานเทศกาลแบบย่อมๆ ไปเลยทีเดียว!! เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา พ่อแม่ของเธอได้ทำคลิปโปรโมทงาน Quinceanera ของลูกสาว Rubi Ibarra García ที่มีอายุครบ 15 ปี และสร้างกิจกรรมในเฟซบุ๊กเพื่อเชิญชวนญาติๆ และเพื่อนๆ มาร่วมงาน     โดยพวกเขากล่าวเป็นภาษาสเปนว่า “สวัสดีทุกคน เป็นไงกันบ้าง? พวกเราขอเชิญชวนทุกคนมาในวันที่ 26 ธันวาคม มางาน Quinceañera ของลูกสาวของเรา Rubi Ibarra Garcia” พร้อมกับอธิบายรายละเอียดภายในงานว่าจัดที่ไหน และมีวงดนตรีอะไรบ้างที่จะมาเล่นในงาน แต่ดันเกิดเหตุเพราะว่าพวกเขาลืมไปว่าเฟซบุ๊กของพวกเขาตั้งค่าเป็น “สาธารณะ” เอาไว้ ทำให้มีผู้คนมากมายเห็นเข้าและให้ความสนใจกดตอบรับคำชวนกว่าหลักล้านคนเลยทีเดียว!! (โอ้วมายโก้ชชชชชช!!)  …

คงไม่มีอะไรจะน่าโศกเศร้าได้เท่ากับการที่เราต้องสูญเสียคนที่เรารัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นคนในครอบครัวเราเอง ไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับใครก็ตาม แน่นอนว่ามันเป็นความเสียใจที่ยากจะรับมือ แต่ทุกชีวิตก็ต้องเดินหน้า และก้าวผ่านความเจ็บปวดนี้ไปให้ได้ เหตุการณ์อันน่าเศร้าใจครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2012 ที่อุทยานแห่งชาติ Virunga ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก   เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่ ‘Phil Moore’ เจ้าของผลงานภาพถ่ายที่เต็มไปด้วยอารมณ์ และความรู้โศกเศร้า ได้เดินทางเพื่อตามเก็บภาพหายากของเหล่าลิงกอริลล่า แต่ทว่าเขาได้ไปเจอกับโมเม้นต์ที่ เจ้ากอริลล่าภูเขาตัวหนึ่งกำลังเศร้าโศกเสียใจ โดยมีเพื่อนมนุษย์ ‘Patrick Karabaranga’ เจ้าหน้าที่ดูแลอุทยานแห่งนี้ กำลังนั่งจับมือ และปลอบใจเจ้าลิง หลังจากที่มันเพิ่งสูญเสียแม่ไป โดยกลุ่มลักลอบล่าสัตว์อย่างผิดกฏหมาย   “ฉันรู้ว่านายเศร้า ฉันเข้าใจนายดี ทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้ ฉันสัญญา”   สำหรับ ‘กอริลล่าภูเขา’ นับว่าเป็นสัตว์อีกสายพันธุ์หนึ่งที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ จากพฤติกรรมของมนุษย์ โดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งนี้ได้เล่าว่า สาเหตุทั้งหมดมาจากการตัดไม้ทำลายป่า ทำให้พวกมันไม่มีถิ่นที่อยู่อาศัย ทุกปีพื้นที่ป่าไม้มากถึง 200,000 ไร่ ต้องถูกทำลายลง อันเนื่องมาจากการนำไม้ไปใช้งานในอุตสาหกรรม การสร้างเหมืองแร่ การถางที่ดินเพื่อสร้างถนน และจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้กลุ่มลักลอบล่าสัตว์ สามารถเข้ามาล่ากอริลล่าภูเขา เพื่อนำไปซื้อขายต่อได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน     “ถึงหน้าจะดุ แต่ที่จริงพวกมันเป็นสัตว์รักสงบ”  …

เราคงได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับสภาวะโลกร้อน และผลกระทบที่มีต่อระบบนิเวศทางธรรมชาติในหลายๆด้านกันอยู่บ่อยๆ แต่คงไม่มีเรื่องไหนที่จะสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ดีเท่านี้อีกแล้ว เมื่อ ‘Patty Waymire’ ช่างภาพสาวตั้งใจออกเดินทางไปยังเกาะ Barter ในรัฐอลาสก้า ประเทศสหรัฐฯ แต่เธอกลับต้องแปลกใจ เพราะจุดหมายปลายทางของเธอ อันเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าหมีขั้วโลก กลับไม่มีแม้แต่หิมะ หรือธารน้ำแข็งอยู่เลย!! (แปลเนื้อหาจากคำบอกเล่าบางส่วนของช่างภาพ เพื่อสะท้อนมุมมองที่เธอมีต่อภาพที่ถ่าย และสถานการณ์ของสถานที่นั้น)   ชาวบ้านในละแวกนั้นได้บอกกับเธอว่า เป็นปรากฏการณ์ทางสภาพอากาศที่แปลกสุดๆ เพราะปกติที่นี้จะเต็มไปด้วยหิมะ แต่ปีนี้กลับเป็นปีที่หน้าหนาว มีสภาพอากาศอุ่นที่สุดเท่าที่เคยมีมา   หลังจากนั้นเธอจึงทำการเก็บภาพเหล่าหมีขั้วโลก ที่ต้องเผชิญกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป สะท้อนให้เห็นว่า ปรากฏการณ์โลกร้อน มันเกิดขึ้นจริงๆ และส่งผลกระทบต่อธรรมชาติมากขนาดไหน   “ทุกครั้งที่ฉันกำลังเก็บภาพ สังเกตุเห็นได้ชัดว่า เหล่าหมีขั้วโลกต่างตกใจ และทำท่าทางเหมือนกำลังไตร่ตรอง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับธรรมชาติของพวกมัน” Patty เล่า   เป็นอย่างที่เรารู้กันดีว่าปกติแล้ว หมีขั้วโลกจะต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ หิมะ และธารน้ำแข็ง แต่สำหรับปีนี้มันกลับเหลือเพียงแค่ เศษหินดินทราย และชายหาดเท่านั้น   ภาพถ่ายสะท้อนความเป็นจริงของโลกชุดนี้ ถูกตั้งชื่อว่า ‘No Snow, No Ice’ อีกทั้งยังได้รับการคัดเลือกเข้าแข่งขันภาพถ่ายของรายการ National Geographic…

ถึงแม้ว่าเทศกาลฉลองวันปีใหม่จะใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว แต่อีกมุมหนึ่งของโลกเรา ยังคงเต็มไปด้วยความรุนแรง การก่อการร้าย และสงคราม โดยไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2559 สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานถึงเรื่องราวของ ‘ผู้ก่อการร้ายจิฮาด’ คนหนึ่ง กับเรื่องราวอันน่าสลดใจ ที่เขาใช้ลูกสาวของตัวเองแท้ๆ เป็นระเบิดพลีชีพเพื่อใช้ในการก่อการร้าย!!   ‘Abu Nimr’ พ่อแท้ๆของเด็กสาวทั้งสอง   โดยเนื้อข่าวได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมานาย ‘Abu Nimr’ ได้ทำการใช้ลูกสาวแท้ๆของตัวเอง เป็นระเบิดพลีชีพ เพื่อก่อการจลาจลที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ในเมือง Damascus ประเทศซีเรีย ทำให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บอย่างหนัก 3 ราย เจ้าหน้าที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ได้พบเห็นหญิงสาวรูปร่างหน้าตาธรรมดาสองคน เดินเข้ามาทำทีขอใช้ห้องน้ำของสถานีตำรวจ ก่อนจะทำการจุดชนวนระเบิดตัวเอง และก่อให้เกิดความสูญเสียในที่สุด   ภาพจากวิดีโอ คนพ่อกำลังปลูกฝังความคิดบางอย่างกับลูก ให้พวกเขายอมสละชีพเพื่อกลุ่ม โดยเชื่อว่าจะเป็นหนทางไปสู่สวรรค์   สถานที่เกิดเหตุ   และจากคลิปวิดีโอที่พวกเขาได้ปล่อยออกมา เจ้าหน้าที่ได้เห็นถึงการวางแผนของกลุ่มผู้ก่อการร้าย โดยใช้ข้ออ้างทางศาสนาเพื่อยุโยง ปลุกปั่น ให้ลูกสาวทั้งสองคนทำตามภารกิจที่พวกเขาบอก โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าวจะพาให้ได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ เพราะถือว่าเป็นการต่อสู้เพื่อพระเจ้าตามแบบที่กลุ่มของตนนับถือ…

ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมานี้มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงจะเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะมันคือเทศกาลแห่งความสุข แต่ก็ส่วนน้อยคือเรื่องที่ใครหลายคนไม่อยากให้เกิด… เมื่อวันคริสต์มาสอีฟ หรือวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ผู้คนกำลังฉลองกันอย่างมีความสุข ได้เกิดเหตุคนจรจัดถูกเผาที่สถานีรถไฟใต้ดิน Schönleinstraße ในกรุงเบอร์ลิน!! เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะอายุประมาณ 15-21 ปี โดยมีผู้ต้องสงสัย 7 คน ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยจากซีเรีย 6 คนและจากลิเบีย 1 คน     Thomas Neuendorf รองหัวหน้าตำรวจจาก Berlin Police บอกว่า ตัวการหลักในการลงมือก่อเหตุครั้งนี้ น่าจะเป็นคนที่อายุมากสุดคือ 21 ปี ส่วนหลักฐานที่ใช้ในการจับกุมคือ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เห็นผู้ต้องสงสัยทั้ง 7 คนอยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งในขณะที่คนจรจัดถูกเผานั้น พวกเขาได้ยืนดูและหัวเราะโดยไม่มีใครเข้าไปช่วย!!   จากภาพเหตุการณ์นี้ ทำให้ตำรวจปักใจเชื่อว่า พวกเขาคือคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุจริง นอกจากนี้ยังมีพยานหลายอีกคนที่ให้การตรงกับภาพในกล้องวงจรปิดด้วย ยิ่งกว่านั้นคือ เหตุการนี้เกิดห่างจากเหตุการณ์ “หญิงสาวถูกชายแปลกหน้า ถีบกลางสถานีรถไฟแบบไร้เหตุผล” เพียงไม่มากนัก ซึ่งถือเป็นอีกครั้งที่สร้างความตกใจให้กับคนเยอรมันเป็นอย่างมาก     แม้ตำรวจจะเฝ้าระวังเป็นพิเศษแล้ว แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดเหล่านี้ก็ยังคงเกิดขึ้นเรื่อยๆ…

เรียกว่ากลายเป็นประเด็นร้อนระดับชาติเลยทีเดียว หลังจากมีภาพนักเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งในประเทศไต้หวัน ได้เดินพาเหรดวันคริสต์มาสด้วยธีมชุดนาซี จนถูกทูตจากประเทศอิสราเอลตำหนิผ่านสื่อสาธารณะ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในนครซินจู๋ ประเทศไต้หวัน เมื่อนักเรียนของโรงเรียนได้แต่งตัวด้วยชุดนาซี พร้อมด้วยธงสวัสดิกะ และรถถังจำลอง เดินขบวนแฟนซีในช่วงวันคริสต์มาสที่ผ่านมา จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากชาวโลก     ทางนาย Asher Yarden ผู้แทนประเทศอิสราเอลได้กล่าวตำหนิเหตุการ์ดังกล่าวผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า “มันน่าละอายและน่าตกใจมากที่ 70 ปี หลังเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว โรงเรียนมัธยมปลายในไต้หวันได้แสดงออกสนับสนุนการกระทำอันโหดเหี้ยมดังกล่าว เราขอประณามการกระทำอันไร้ซึ่งรสนิยมเหล่านี้ และขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจของไต้หวัน ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาพร้อมสอนให้เด็กๆ ได้รู้ว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หมายถึงอะไรและมันโหดร้ายขนาดไหน”     หลังเหตุการณ์ดังกล่าว Cheng Hsiao-ming อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมัธยมดังกล่าวได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง “ในฐานะผู้มอบความรู้ เราควรสอนให้พวกเขารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง พวกเราจะเรียนรู้จากความผิดพลาด และเหล่านักเรียนก็ต้องเรียนรู้เช่นกัน”     หนังสือพิมพ์ The Taipei Times รายงานว่า จริงๆ แล้วทางครูได้เสนอให้เดินพาเหรดในธีมวัฒนธรรมอาราบิก แต่สุดท้ายนักเรียนก็ได้โหวตเลือกธีมนาซีเยอรมันแทน   ก็ถือว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบกันไป ว่าแต่ประเทศเขาไม่มีสั่งย้ายบ้างเหรอ ไม่เหมือนประเทศแถวนี้เบยเนอะ อิอิ ที่มา bbc

เรียกว่าเป็นหัวขโมยโชคร้ายจริงๆ (เหรอ?) สำหรับหัวขโมยจากประเทศจีนคนนี้ หลังพยายามขโมยโทรศัพท์มือถือจากคนขับรถบรรทุกคนหนึ่ง แต่สุดท้ายก็โดนกระโดดถีบอย่างกับหนังกังฟูเลยทีเดียว เรื่องราวเกิดขึ้นที่เมืองฟอฉาน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เมื่อมีโจรคนหนึ่งแอบย่องมาขโมยโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ในรถของคนขับรถบรรทุกคนหนึ่งไป แล้วขี่มอเตอร์ไซต์ไปอย่างหน้าตาเฉย   โชคดีที่เจ้าของโทรศัพท์กลับมาเห็นจังหวะที่เจ้าโจรกำลังขี่รถไปพอดี เขาจึงรีบวิ่งไปดักหน้ารถของโจรคนนั้น   แต่ด้วยความโกรธเกรี้ยว เจ้าของโทรศัพท์ก็โชว์โหดกระโดดถีบใส่รถของเจ้าโจรอย่างเต็มแรง   ผลคือร่วงทั้งคน ร่วงทั้งรถ เจ้าทุกข์จึงฉวยจังหวะนั้น ไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองคืน   ไปดูคลิปที่กล้องวงจรปิดเก็บภาพเอาไว้ได้กันดีกว่า   ต้องบอกว่าสมน้ำหน้าจริงๆ แต่ #เหมียวอ๊อดโด้ ว่า อย่าไปกระโดดถีบแบบนี้เลย อันตรายมาก เกิดพลาดขึ้นมาจะเจ็บหนักเอานะ ลองหาวิธีที่ปลอดภัยกว่านี้ดีกว่า   ที่มา shanghaiist

เชื่อว่าวัยทำงานทุกคนต้องมีความรู้สึกเบื่องานที่ตัวเองทำอยู่ บางทีก็รู้สึกแทบไม่อยากตื่นขึ้นมาทำงานด้วยซ้ำ และทุกๆ วันก็นั่งนับวันนับคืนว่าเมื่อไหร่จะถึงวันหยุดซักที ถ้าใครรู้สึกแบบนั้นอยู่ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปดู 18 อาชีพสุดยากลำบากจากทั่วโลก ที่รับรองว่าเพื่อนๆ เห็นแล้วจะต้องขอบคุณที่ตัวเองได้ทำอาชีพสบายๆ แบบทุกวันนี้ ไม่เชื่อ ไปชมกันเลย   แรงงานแบกหามในเอเชียกลาง   ช่างไฟฟ้าในจีน   นักเดินเรือ   ทีมงานสร้างทางเดินบนหน้าผา   คนงานเหมือง   เจ้าหน้าที่บนเรือบรรทุกเครื่องบิน   นักขุดลอกท่อในอินเดีย   คนขับรถขุดเจาะ   เจ้าหน้าที่ขุดบ่อน้ำมัน   คนขับรถบรรทุกในรัสเซีย   คนเช็ดกระจกบนตึกสูง   นักดับเพลิง   ช่างซ่อมบำรุงเครื่องจักรขนาดยักษ์   แรงงานบรรจุเกลือในอินเดีย   แรงงานเหมืองเพชรในแอฟริกา   นักเดินเรือในฤดูหนาว   แรงงานในเฮติ   คนงานเหมืองถ่านหินในปากีสถาน   เห็นชีวิตอันยากลำบากของแต่ละคนแล้ว กลับไปตั้งใจทำงานกันเถอะเพื่อนๆ…

แม้ว่าวันนี้จะเลยเทศกาลคริสต์มาสมาแล้ว แต่ก็ยังคงมีควันหลงน่ารักๆ จากหลายที่มาให้เราได้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ อย่างเช่นเรื่องราวของพี่ชายคนหนึ่งที่เซอร์ไพรส์น้องสาวด้วยรถสปอร์ตสุดหรู แต่หลังจากที่เธอได้รู้ความจริงก็ถึงกับเงิบหงายหลังเลยล่ะ… เรื่องนี้ถูกเปิดเผยผ่านผู้ใช้ทวิตเตอร์ Morgan Svobodny เธอได้โพสต์ภาพการ์ดอวยพรคริสต์มาสและรถสปอร์ตเชฟโรเล็ค คาเมโร่ สีขาวนวล พร้อมกับข้อความว่า “โอ้พระเจ้า ฉันคิดว่าพี่ชายซื้อของขวัญให้กับฉันจริงๆ เพื่อแกล้งให้ฉันตกใจเล่น แต่ไม่ใช่อย่างงั้นเลย^^!”     จากภาพคุณจะเห็นข้อความในการ์ดที่เขียนด้วยลายมือบอกว่า “ของขวัญคริสต์มาสจอดรออยู่ที่ถนน” ซึ่งไม่ว่าใครพอได้อ่านข้อความแบบนี้ก็ต้องคิดว่าของขวัญเป็นรถกันทั้งนั้น เมื่อเธอออกไปดูก็พบว่ามันก็เป็นรถจริงๆ แต่เมื่อเธอได้อ่านข้อความอวยพร (เหรอ) ของพี่ชายก็ทำเอาเงิบ เพราะมันเขียนไว้ว่า “ฉันเอารถคันนี้มาจากร้านเช่า และต้องเอามันไปคืนก่อนเวลา 5 โมงเย็นของวันจันทร์ด้วย ยังไม่ได้จ่ายค่าเช่า ฉันเลยจะขอให้เธอจ่ายด้วยบัตรเดบิตของเธอให้ด้วย”     ทางด้านพี่ชายได้อธิบายว่าเขาได้ใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับการซื้อของขวัญให้คนในครอบครัวไปหมดแล้ว จึงไม่เหลือเงินมาซื้อของขวัญให้เธอ แต่ก็ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง ด้วยการแนบเอาการ์ดสมาชิกจากร้านอาหารบางแห่งมาเพื่อให้เธอได้ขับรถไปซื้อของกินเพื่อเป็นของขวัญปลอบใจ… เอาหน่า อย่างน้อยๆ ก็ได้ขับไปกินอาหาร ขับไปคืนร้านเช่ารถอยู่นะ     หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกอินเตอร์เน็ต ผู้คนในโลกออนไลน์ก็ต่างขานรับกับเรื่องราวสุดเกรียนนี้กันไปอย่างมากมาย เช่น @mynameispage “นี่คุณทนไม่ฆ่าเขาได้ยังไงเนี้ยะ” @shaZayn1 “พี่ชายคุณนี่ตลกเป็นบ้าเลย” @RileySorgatz “ฉันขำแบบจริงจังมาก นี่มันอัจฉริยะชัดๆ” @Du_mmor “ผมนี่พูดไม่ออกเลย มันยิ่งใหญ่มากๆ”  …

เรื่องราวของสาวน้อยวัย 3 ปี ฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตคุณแม่ของตัวเองหลังพบว่าสลบอยู่และไม่มีการตอบสนองใดๆ จึงตัดสินใจโทรแจ้งเบอร์ฉุกเฉิน และทำให้คุณแม่รอดชีวิตอย่างหวุดหวิด หากโทรช้ากว่านี้คุณแม่จะต้องตายอย่างแน่นอน     Samantha วัย 24 ปี ถูกพบขณะที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ในบ้านที่ตั้งอยู่ในเมือง Derby ประเทศอังกฤษ สาเหตุเป็นเพราะเธอเกิดอาการเป็นลมและตอนที่ล้มนั้นหัวของเธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง คุณหมอบอกว่าหากถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลช้ากว่านี้ล่ะก็ คงจะเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน หลังจากการโทรหาเบอร์ 999 หนูน้อย Amelia นำโยเกิร์ตไปให้กับ Evie พี่เลี้ยงเด็กที่ดูตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อทำให้เธอใจเย็นลง (จะนิ่งไปหนล่ะหนูเอ้ยย) หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวคุณ Samantha ได้กล่าวถึงวีรรรมของลูกสาวว่า “ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวของ Amelia เป็นอย่างมาก สิ่งที่เธอทำนั้นมันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม”     ในวันเกิดเหตุนั้นคุณ Samantha เล่าว่าเธอมีอาการปวดหัวเป็นอย่างมาก และมองไม่ค่อยชัด จึงทำให้พลาดตกจากบันได ซึ่งขณะนั้นเธอกำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่ว่าเธอมีรู้สึกไม่ค่อยดี และำลังเดินลงบันไดจากชั้นสองไปเข้าห้องน้ำที่ชั้นแรก     แต่ในระหว่างทางนั้นจู่ๆ ก็ทรุดลง แต่โชคดีที่ Samantha เคยสอน Amelia ลูกสาวผู้น่ารักไว้ก่อนแล้ว ถึงวิธีการจัดการกับเหตุฉุกเฉิน จึงทำให้หนูน้อย Amelia ตรงดิ่งไปหยิบโทรศัพท์แล้วกดเบอร์โทร…

ในโลกเรานี้เต็มไปด้วยสถานที่แปลกๆ มากมาย แน่นอนว่า บางสถานที่เราก็ไม่เคยได้เห็นหรือได้ยินด้วยซ้ำไป ดังนั้น วันนี้เราจึงขอพาไปรู้จักกับทะเลสาบแห่งหนึ่งที่ถือว่า แปลกที่สุดในโลกและเป็นแห่งเดียวของโลกด้วย Lake Natron เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่แปลกที่สุดในโลก และชื่อของมันก็เกิดจากการผสมระหว่างธรรมชาติกับสารเคมี ตั้งอยู่ในภูมิภาคอาชูรา ทางตอนเหนือของประเทศแทนซาเนีย ติดกับชายแดนประเทศเคนยา     โดยทะเลสาบแห่งนี้เป็นแหล่งรองรับน้ำจากแม่น้ำ Southern Ewaso Ng’iro ของประเทศเคนยา นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยน้ำพุร้อนที่มีแร่ธาตุจำนวนมากไหลผ่านด้วย ลักษณะเด่นของทะเลสาบแห่งนี้คือ เป็นทะเลสาบตื้น มีความลึกมากที่สุดเพียงแค่ 3 เมตรเท่านั้น เนื่องจากว่าน้ำในทะเลสาบแห่งนี้จะระเหยไปในอากาศอย่างรวดเร็ว     ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีเกลือและแร่ธาตุ Natron สะสมอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ในน้ำทะเลสาบยังมีความเป็นด่างในปริมาณ 9-10.5 ซึ่งมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนสูงมากเช่นเดียวกับแอมโมเนีย และมีอุณหภูมิสูงประมาณ 60 องศาเซลเซียส     หลังจากที่น้ำได้ระเหยไปแล้ว ทะสาบ Lake Natron จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เนื่องจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กพวกฮาโลไฟลที่อาสัยอยู่ในพื้นที่น้ำเค็มจัด โดยเฉพาะไซยาโนแบคทีเรีย ที่สามารถสังเคราะห์แสงได้เช่นเดียวกับพืช แต่นอกจากสัตว์พวกนี้แล้ว ก็ไม่มีสัตว์ชนิดอื่นอาศัยอยู่ได้เลย     มีเพียงนกฟลามิงโกเท่านั้นที่อาศัยที่นี่เป็นหลัก จำนวนมีมากกว่าล้านตัว พวกมันอยู่ได้ด้วยการกินสาหร่ายสไปรูลินาสีน้ำเงินเขียวในน้ำของทะเลสาบที่มีเม็ดสีแดงติดอยู่ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนกฟลามิงโกถึงมีสีแดงอมชมพู แต่เพราะน้ำที่นี่มีความเป็นด่างสูง จึงทำให้เห็นซากนกซากปลาจำนวนมาก โดยซากสัตว์ที่ตายในทะเลสาบแห่งนี้ทั้งหมดจะมีลักษณะคล้ายกับสัตว์ที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ เพราะร่างของพวกมันจะแห้งและแข็งเหมือนหิน…

“ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ความรักของแม่” นี่คือคำพูดที่เรามักจะได้ยินกับบ่อยๆ และมันก็เป็นแบบนั้น เพราะแม่เป็นคนเดียวที่ยอมทำเพื่อเราได้ทุกอย่าง และสิ่งเดียวที่แม่ทุกคนหวังจากลูกคือ อยากเห็นความสำเร็จของลูกในสักวันหนึ่ง… แต่น่าเสียดายที่คุณแม่บางคนไม่มีโอกาสนั้น Ariel Matthews คุณแม่ที่คลอดลูกน้อย Ronan แต่ 11 วันหลังคลอด เธอก็ต้องสูญเสียลูกน้อยไปอย่างน่าเศร้าใจ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำให้ผู้เป็นแม่เสียใจอย่างหนัก     ในขณะที่ร่างกายของ Ariel อยู่ในช่วงที่พร้อมสำหรับการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่ง โดยเฉพาะน้ำนมที่พร้อมจะป้อนให้ลูกน้อยได้ทุกเมื่อ แต่วันนี้ไม่มีลูกที่จะมากินนมนี้อีกแล้ว แม้จะเสียใจมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่อยากให้การจากไปของลูกต้องสูญเปล่า Ariel ได้ตัดสินใจปั๊มน้ำนมที่เหลือเพื่อนำไปบริจาคให้แม่คนอื่นๆ ที่มีน้ำนมไม่เพียงพอ     Ariel ได้บริจาคน้ำนมทั้งหมด 71,100 ซีซี และได้โพสต์ลงในเพจอินสตาแกรมของเธอว่า “ขอบคุณลูกน้อย Ronan ที่ทำให้แม่ได้อวยพรทารกอีก 3 คนด้วยน้ำนมของแม่” “ตอนนี้น้ำนมของแม่ได้ถูกนำไปช่วยเหลือทารกคนอื่นๆ เพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นมามีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะลูกนะ Ronan”     Ronan ทารกน้อยที่จากไปด้วยอายุเพียง 11 วัน เพราะเขาเกิดมาพร้อมกับปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ และมีเลือดออกในสมอง ทำให้เขาต้องจากไปก่อนวัยอันควร ครั้งแรกนั้น Ariel ได้ปั๊มนมออกมา 30,000…

ถ้าเพื่อนๆ รู้ตัวว่าจะมีอยู่ได้อีกไม่นาน เราเลือกที่จะทำอะไรเป็นสิ่งสุดท้าย? บางคนอาจจะอยากไปในที่ที่ไม่เคยไป บางคนอาจจะกินอาหารที่ไม่เคยกิน หรือทำอย่างอื่นที่สร้างความสุขให้กับตัวเอง แต่สำหรับเด็กชายคนนี้ เมื่อรู้ตัวว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เขาไม่ได้เลือกที่จะทำเพื่อตัวเอง แต่เลือกที่จะทำเพื่อคนอื่น จนได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก เด็กชาย Tijn วัย 6 ขวบ จากเนเธอร์แลนด์ ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรค DIPG (มะเร็งสมองชนิดหนึ่งที่หายากและไม่มีทางรักษาหาย) และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึง 1 ปี     แน่นอนว่าเด็กอายุแค่ 6 ขวบ เป็นวัยที่กำลังเรียนรู้โลก ตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ และคงจะเต็มไปด้วยความใฝ่ฝันมากมายที่อยากทำ แต่ Tijn เลือกที่จะคิดต่างจากเด็กทั่วไป เขาตัดสินใจใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตในการช่วยเหลือเด็กแอฟริกันที่ป่วยเป็นโรคปอดบวม เพราะเขาคิดว่า มันเป็นโรคที่รักษาได้และไม่อยากให้เด็กคนอื่นๆ ต้องมาจากโลกก่อนวัยอันควรเหมือนกับเขา     ที่ผ่านมานั้น โรคปอดบวมถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ในหลายประเทศของแอฟริกาต้องเสียชีวิต เนื่องจากพวกเขาไม่มีเงินมากพอที่จะรักษา ทั้งๆ มันเป็นโรคที่รักษาให้หายได้ ซึ่งเด็กชายไม่ได้ขอรับบริจาคเปล่าๆ แค่เขาแลกกับการทาเล็บให้ผู้ที่มาบริจาค โดยตั้งเป้าไว้ที่ 4,000 บาท แต่รู้มั้ยว่าผ่านไป 2 วัน ยอดเงินบริจาคพุ่งอยู่ที่ 37 ล้านบาทแล้ว!!…

  ในประเทศกายอานาที่ตั้งอยู่บนทวีปอเมริกาใต้นั้น กว่า 80% ของประเทศถูกปกคลุมไปด้วยภัยคุกคามของการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าอย่างผิดกฎหมาย และไม่ค่อยมีใครได้รู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นัก ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลายาวนานและไม่มีทีท่าที่จะหายไปได้ง่ายๆ มันเป็นเรื่องที่ยากมากกับการจะบอกให้ชาวโลกได้รับรู้ว่าที่นี่มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ส่วนหนึ่งนั้นมาจากจำนวนประชากรที่น้อยซะเหลือเกิน เพียงแค่ 735,000 คนเท่านั้น     ซึ่งถ้าเทียบกับขนาดของพื้นที่กว่า 83,000 ตารางไมล์ แล้วต้องขอบอกเลยว่าน้อยมาก นั่นทำให้การตรวจตราและการดูแลผืนป่าไม่ถูกกระจายไปทั่วถึง แต่ชนเผ่า Wapichan ที่เป็นชาวพื้นเมืองประมาณ 9,000 คน ที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ อันเป็นพื้นที่อยู่ของเขานั้นได้ถูกบุกรุกพิ้นที่ป่าไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาจึงร่วมกันคิดแผนการต่อต้านการบุกรุกพื้นที่ป่าอันเป็นถิ่นที่อยู่ของพวกเขา     จากรายงานของเว็บไซต์ Quartz บอกว่าการที่รัฐบาลไม่สามารถลงมาจัดการกับเรื่องดังกล่าวได้นั้น เป็นเพราะพวกเขาไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดได้ว่า มีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเกิดขึ้นจริงๆ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เลย ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงเป็นที่มาของความคิดอันแสนชาญฉลาดของชนเผ่า Wapichan ที่ทำการสร้างโดรนบังคับติดกล้องแบบ DIY ขึ้นมา เพื่อบังคับให้มันไปบันทึกภาพและคลิปวิดีโอเหตุการณ์การบุรุกป่าที่เกิดขึ้นจริงๆ เก็บมาเป็นหลักฐาน และส่งให้กับหน่วยงานรัฐ     ทั้งหมดนั้นพวกเขาศึกษาวิธีทำมาจากคลิปวิดีโอใน Youtube และลงมือสร้างมันขึ้นมาเองทั้งหมด จากนั้นเจ้าโดรนตัวนั้นก็ถูกใช้บันทึกภาพการบุกรุกป่าในพื้นที่อยู่อาศัยของชนเผ่า Wapichan เป็นเวลากว่า 1 เดือน ก่อนจะส่งหลักฐานทั้งหมดที่ถ่ายเก็บเอาไว้ได้ให้กับทางรัฐบาล…

หลายคนใฝ่ฝันที่อยากเล่นการเมือง หรืออยากเป็นนายก เพราะหากใครมีตำแหน่งเหล่านี้ นอกจากเงินเดือนแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้วย ไม่ว่าจะเป็นรถหรูประจำต่ำแหน่ง บ้าน และอื่นๆ อีกมากมาย แม้ทั้งหมดนี้จะเป็นสิ่งล่อใจทางหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่กับนักการเมืองทุกคน อย่างเช่น นายกรัฐมนตรีลาว ที่ประกาศขอใช้รถธรรมดาเพื่อช่วยประหยัดงบประมาณประเทศ เมื่อไม่นานมานี้นาย ทองลุน สีสุลิด ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศลาว ได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนจำนวนมาก หลังจากที่เขาได้ออกมาประกาศว่า เขาจะไม่ใช้รถประจำตำแหน่งที่ได้รับ เพราะมันมีราคาแพงเกินไป     สำหรับรถประจำแหน่งที่เขาได้มานั้น มักจะเป็นรถยุโรปที่มีราคาแพง เช่น BMW, Mercedes Benz หรือรถราคาแพงอย่าง Lexus เขาให้เหตุผลว่า รถพวกนี้มีราคาแพงเกินไป ดังนั้นเขาจะนำรถพวกนี้ไปประมูลขาย เพื่อนำไปซื้อรถธรรมดามาใช้แทน เขายังบอกอีกว่า ถึงแม้จะมีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เขาก็ไม่อยากใช้ตำแหน่งนี้เอาเปรียบประชาชน และอยากให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกันด้วย การประกาศนี้ได้ใจประชาชนไปเต็มๆ เพราะไม่ใช่แค่การบ่งบอกว่าเป็นคนมัธยัสถ์ แต่ยังช่วยประหยัดงบประมาณโดยรวมของประเทศอีกด้วย     ไม่ใช่แค่นายกคนเดียวเท่านั้น บรรดารัฐมนตรีคนอื่นๆ เมื่อได้เห็นตัวอย่างแบบนี้ พวกเขาก็แห่ทำตามเช่นกัน โดยการหันมาใช้รถที่มีความสมเหตุสมผลกับการใช้มากขึ้น ซึ่งเน้นการใช้งาน ไม่ได้เน้นความหรูหราเหมือนที่เป็นมา นายทองลุน เพิ่งจะได้รับตำแหน่งเมื่อไม่นานนี้ แต่ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาได้นำการเปลี่ยนมาสู่ประเทศในทางทีดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนโยบายหรือภาพลักษณ์ สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนในวงกว้าง…

ขึ้นชื่อว่า อุบัติเหตุแล้ว ถ้ามันจะเกิดมันก็เกิดและมักจะเกิดแบบไม่ทันตั้งตัวได้ ขนาดนั่งในบ้านอยู่ดีๆ อุบัติเหตุยังมาเยือนถึงที่เลย เช่นเดียวกับคลิปวิดีโอนี้ที่โพสต์ลงในเพจเฟสบุ๊คของไต้หวันและโด่งดังมากในโลกออนไลน์ เมื่อคุณพ่อคนหนึ่งเห็นรถพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง เขาจึงกระโดดคว้าตัวเด็กสองที่อยู่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นฉากในหนังแอคชั่นยังไงอย่างงั้น   ก่อนหน้านี้มีการแชร์กันว่าคลิปนี้เกิดขึ้นในไทย แต่หลังจากหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วพบว่าเป็นประเทศอินโดนีเซีย   เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองจัมบิ ในประเทศอินโดนีเซีย ในอู่ซ่อมรถเล็กๆ ของ Anwar Sotanto Chen  ในวันที่เกิดเหตุนั้นเขาก็กำลังซ่อมรถมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าบ้านตามปกติ โดยมีลูกๆ เล่นอยู่ใกล้ๆ กัน ทุกอย่างเป็นปกติเหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา เขาจึงไม่ได้เอะใจหรือหันไปดูลูกๆ เลย เพราะไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น     แต่เมื่อหันไปดู ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเห็นรถคันหนึ่งพุ่งตรงมายังลูกด้วยความเร็วสูง คุณพ่อไม่ลังเล วิ่งเข้าไปคว้าตัวเด็กทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว และรอดมาได้อย่างหวุดหวิด เพราะจุดที่พ่อลูกล้มลงไปนั้นห่างจากตัวรถแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น!!   คลิปวินาทีที่คุณพ่อกระโดดคว้าตัวลูกๆ   หลังจากคคลิปนี้ถูกเผยแพร่ไป มีชาวเน็ตมากมายร่วมแสดงความคิดเห็น ส่วนใหญ่จะชมคุณพ่อคนนี้ที่เข้าช่วยลูกโดยไ่มคิดชีวิต เขาช่างเป็นฮีโร่ของลูกจริงๆ ในขณะที่บางส่วนก็วิพากษ์วิจารณ์คนขับรถคันนั้น ที่ประมาทจนเกือบทำเด็กสองคนนั้นต้องตาย และเขาควรจะได้รับบทลงโทษที่สาสม แต่ตำรวจเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย ได้มีการลงพื้นที่ไปตรวจที่เกิดเหตุ ในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสอบสวน ซึ่งคาดว่าจะรู้ข้อเท็จจริงในเร็วๆ นี้ว่าเป็นเพราะความประมาท หรืออุบัติเหตุแบบสุดวิสัยจริงๆ   สภาพรถที่พุ่งเข้าอู่หลังจากเกิดเหตุ…

แมรี่ คริสต์มาสสสส ใครได้ของขวัญกันแล้วบ้าง? ใครได้แล้วก็เฮกันไป แต่ใครที่ยังไม่ได้ก็รอต่อไปนะ ยังมีเวลาอีกเยอะ หรือบางคนอ่าจจะไม่ได้เลยก็มี แต่ก่อนอื่นอยากขอเตือนคนที่ของขวัญว่า อย่าดีใจออกนอกหน้าจนเกินไปนะ เพราะต้องเข้าใจว่า มีบางคนที่ไม่ของขวัญ พวกเขาหรือมันอาจทำอะไรที่ไม่คาดคิดได้ อย่างชายหนุ่มคนนี้ ที่ได้แกะของขวัญจากแฟนสาว เป็นเครื่องเกมในฝันอย่าง PlayStation 4 ด้วยความตื่นเต้นสุดขีดจนลืมไปว่า มีพลังงานบางอย่างไม่พอใจ เลยจู่โจมเข้าทำร้ายซะเลย     เหตุการณ์นี้เริ่มขึ้นเมื่อ ชายหนุ่มคนหนึ่ง ย้ำนะว่าเป็นหนุ่มแล้ว เมื่อได้ของขวัญเขาก็ดีใจเหมือนคนอื่นๆ เนี่ยแหละ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะดีใจเกินเหตุ เหมือนเด็กเวลาได้ของเล่นใหม่อย่างงั้นแหละ ชายหนุ่มแกะไป ร้องไป จนน้องหมา น้องแมวที่เลี้ยงไว้รีบวิ่งเข้ามาดู แต่ชายหนุ่มยังคงร้องลั่นด้วยความดีใจอย่างไม่สนใจ เจ้าเหมียวรู้สึกหมั่นไส้ จึงกระโดดขี่คอเข้าทำร้ายชายหนุ่มทันที เพื่อเป็นการเตือนว่า ‘อย่าเยอะ!!’     แต่โชคดีที่แมวตัวนี้อยู่ในบ้านที่ทุกคนรักมัน มันจึงไม่ถูกทำโทษ แต่กลับทำให้เจ้าของสำนึกได้ว่า ‘เอ๊ะ!! นี่เราดีใจเกินไปใช่มั้ยเนี่ย เจ้าเหมียวถึงจัดการกับเราแบบนี้’ หลังจากจัดการเจ้าของหนุ่มได้แล้ว แมวเหมียวก็เดินออกมา ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนชายหนุ่มนั้น หลังจากดีใจกับการเปิดของขวัญแล้ว เขาก็ไปหาหมอต่อเพื่อรักษาแผลที่เจ้าเหมียวฝากไว้     เมื่อเรื่องนี้ถูกแชร์ลงเฟสบุ๊ค มีหลายคนแนะนำให้ทำโทษแมวตัวนี้ แต่ทางครอบครัวยืนยันที่จะไม่ทำแบบนั้น เพราะเข้าใจว่า มันคงไม่ได้ตั้งใจ…

ชายหนุ่มสองคนถูกตั้งข้อหากระทำการทารุณสัตว์ หลังถูกกล่าวหาว่าทำร้ายเจ้าหมูที่ชื่อว่า Polla และไก่อีกจำนวนมาก ในฟาร์ม Nimbin ที่ตั้งอยู่ในรัฐ New South Wales Bradley Presbury วัย 20 ปี และ Reece Parke วัย 22 ปี เป็นผู้ต้องหาที่ทำให้ไก่ 7 ตัว เสียชีวิต และทำร้ายหมูจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งคู่จะถูกจำคุกไปจนถึงช่วงวันที่ 17 มกราคม และจะถูกศาลตัดสินอีกครั้ง…   Bradley Presbury หนึ่งในคนร้ายที่ถูกจับข้อหาทารุณกรรมสัตว์   Reece Parke ชูนิ้วกลางใส่กล้องหลังจากที่ถูกตำรวจรวบตัว   คนงานในฟาร์ม Nimbin เป็นคนพบกับเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา คุณ Robyn Francis เจ้าของฟาร์มเล่าว่า ขณะที่เขาเอาอาหารไปให้สัตว์ในฟาร์มในตอนเช้าตรู่ จู่ๆ ก็พบเจ้ากับซากไก่มากมาย บางส่วนก็อยู่ในสภาพหัวขาด ถูกโยนเกลื่อนไปทั่วยุ้งฉาง มีไก่สองตัวที่คอของมันถูกตัดขาดเพราะของมีคมและโยนเข้าไปในเล้าหมู ซึ่งเธอก็เดินตามเข้าไปดูปรากฏว่าเจ้าหมูเองก็ถูกกระทำร้ายแรงเช่นเดียวกัน ร่างกายของมันบอบช้ำจากการถูกทุบตี…

เรื่องราวของเจ้า Chunky หมาที่เคยผ่านประสบการณ์ที่อาจทำให้มันเกลียดมนุษย์เข้าไส้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงเลือกที่จะไว้ใจเหล่ามนุษย์ต่อไป เมื่อปีที่ผ่านมาเจ้า Chunky หมาพันธุ์ชิวาว่าผสม ถูกกลุ่มเด็กที่มีจิตใจโหดเหี้ยม 4 คนลักพาตัวไป และพวกเขาก็ลงมือทรมานมันด้วยวิธีที่แสนจะโหดร้ายทารุณ     เด็กๆ เหล่านั้นบังคับให้เจ้า Chunky กินยาเสพติดเข้าไป เตะต่อย บีบคอ และ พยายามที่จะหักคอมัน ก่อนที่จะทิ้งมันเอาไว้ในสภาพที่ใกล้ตาย เท่านั้นยังไม่พอก็พบว่าที่บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะดวงตาของมันนั้นมีรอยแผลไฟไหม้อยู่ด้วยเพราะถูกเอาสเปรย์ดับกลิ่นมาพ่นไฟใส่หน้า ช่างเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณเกินมนุษย์ แต่โชคดีที่มีคนมาพบมันและพามันไปรักษาได้อย่างทันท่วงที เจ้า Chunky ถูกรักษาจากอาการบาดเจ็บทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นแผลไฟไหม้ อาการข้างเคียงจากการถูกบังคับให้กินยา และกระดูกขาที่หักจนหายดี “นี่เป็นเคสที่ยุ่งยากที่สุดเท่าที่ฉันเคยรับมือมา ทั้งหมดที่พวกเขาทำกับเจ้า Chunky นั้นมันทำให้ฉันรู้สึกแย่มากๆ” คุณ Caroline Doe จากศูนย์ช่วยเหลือ RSPCA กล่าว     อาการของเจ้า Chunky ดีขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้มันก็ได้กลับคืนสู่เจ้าของเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นที่น่าแปลกใจของคุณ Caroline และเจ้าของของมันมาก ที่ถึงแม้ว่าเจ้า Chunky จะเพิ่งผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงส่ายหางดุ๊กดิ๊กไปมาตลอดเวลาอันแสดงให้เห็นว่ามันรู้สึกมีความสุขเป็นที่สุด นั่นเป็นเพราะว่าที่บ้านหลังนี้และเจ้าของสุดที่รักของมัน คือสถานที่ที่มันคิดว่าปลอดภัยที่สุดแล้วในโลกใบนี้…    …

เมื่อกล่าวถึงชีวิตวัยเด็กแล้ว เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้กันดีว่าเป็นช่วงที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ใช้ชีวิตให้สนุกสนาน ไม่ต้องประสบพบกับความเครียดอะไรเลย ที่เจ็บหนักที่สุดก็คงเป็นแค่การหกล้มเท่านั้นเอง แต่หนุ่มน้อยคนนี้กลับแตกต่างออกไป…แทนที่จะใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน เล่นสนุกกับเพื่อนๆ แต่เขากลับลุกขึ้นมาทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ Tijin เด็กน้อยชาวเนเธอร์แลนด์ที่ป่วยเป็นเนื้องอกในสมองและไม่สามารถรักษาให้หายได้ คุณพ่อของเขาเล่าว่า Tijin นั้นเหลือเวลาอยู่บนโลกนี้อีกไม่นานแล้ว อาจจะไม่ถึงคริสต์มาสในปีหน้าเลยด้วยซ้ำ     ถึงจะเป็นเด็กตัวเล็กๆ แต่หัวใจของเขายิ่งใหญ่เกินตัว Tijin ได้ตัดสินใจที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดทำเพื่อเด็กคนอื่นๆ ที่ป่วยเหมือนๆ กับเขา ด้วยความช่วยเหลือจาก DJ ของช่องวิทยุ Dutch Radio จึงได้มีการจัดงานการกุศลเพื่อหาเงินช่วยเหลือเหล่าเด็กๆ ขึ้นตามเจตจำนงค์ของหนูน้อย Tijin     ซึ่งล่าสุดทางเหล่า DJ ของคลื่น Dutch Radio ก็เคยทำกิจกรรมการกุศลแบบนี้มาแล้ว เมื่อปีก่อน ด้วยการขังตัวเองให้อยู่ในห้องกระจกใส ทำกิจกรรมทุกอย่างอยู่ในห้องกระจกแคบๆ นั้นเป็นเวลา 2 วัน เพื่อเรี่ยไรเงินบริจาค และพวกเขาก็ทำไปได้ทั้งหมดกว่า 93 ล้านบาทเลยทีเดียว     และในปีนี้เองก็จัดขึ้นอีกครั้ง แต่มีความพิเศษอยู่ที่แขกรับเชิญนี่แหละ โดยเจ้าหนู Tijin…

บนโลกของเรานั้นมีผู้คนอาศัยอยู่ทั้งหมดประมาณ 7 พันล้านคน ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนนั้นก็มีรูปแบบชีวิต และมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป แต่มีเพียงกลุ่มคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่การกระทำของพวกเขาสามารถทำให้โลกทั้งใบถึงกับต้องเปลี่ยนแปลง และผู้คนทั่วทั้งโลกต่างก็จับตามองพวกเขาอยู่ และทางนิตยสาร Forbes ก็ได้ทำการจัดอันดับผู้คนที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก ซึ่งก็จัดเป็นประจำทุกปี โดยวินิจฉัยจากผลกระทบต่อคน 100 ล้านคน ที่จะได้รับหากพวกเขาออกมาเคลื่อนไหวทำอะไรซักอย่างหนึ่ง หากเป็นนักการเมืองหรือผู้นำประเทศเราย่อมรู้ดีกว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาย่อมส่งผลต่อประชากรทั้งประเทศ และหากประเทศไหนที่มีประชากรมากก็จะส่งผลกับผู้คนเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ทำให้พวกเขาติดอยู่ในอันดับต้นๆ ได้อย่างง่ายดาย ส่วนคนที่เป็นนักธุรกิจ หรือผู้ก่อตั้งบริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก การกระทำบางอย่างก็จะส่งผลกับเรื่องของการเงินและธุรกิจไปทั่วโลก อย่างเช่นราคาของหุ้นเป็นต้น ถือว่าเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลไม่น้อยไปกว่าผู้นำประเทศเลยทีเดียว!! และมาดูกันว่าในปี 2016 นี้จะมีใครติดอันดับไหนบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   20. Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีแห่งอิสราเอล 19. Jamie Dimon ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัททางการเงิน JPMorgan Chase 18. Ali Hoseini-Khamenei ผู้นำสูงสุดของประเทศอิหร่าน 17. Carlos Slim Helu & family 16. Salman bin Abdulaziz Al Saud พระราชาแห่งซาอุดิอาระเบีย 15. Warren Buffett CEO…

เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยได้ยินว่า ค่านิยมของสังคมครอบครัวอเมริกัน วัยรุ่นส่วนใหญ่มักจะย้ายออกจากบ้านของพ่อแม่ ทันทีที่จบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย เพราะพวกเขาถือว่าตนเองนั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงจำเป็นหาเลี้ยงชีพโดยไม่พึ่งในบุญนำพาของพ่อแม่อีกต่อไป ซึ่งค่านิยมดังกล่าวถือว่าเป็นแบบอย่างที่วัยรุ่นหลายๆ ประเทศทั่วโลกอยากทำตาม     แต่ดูเหมือนว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ค่านิยมนี้ค่อยๆ เปลี่ยนไปแล้ว เพราะล่าสุดทาง Wall Street Journal ได้เปิยเผยตัวเลขสถิติออกมาพบว่า วัยรุ่นอเมริกันอายุ 18-35 ปี กว่า 40 เปอร์เซ็น ยังคงอาศัยอยู่กับครอบครัว ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1940 เลยทีเดียว     โดยสาเหตุหลักๆ มาจากค่าใช้จ่ายสำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นนั่นเอง ทำให้วัยรุ่นที่เพิ่งก่อร่างสร้างตัว แทบไม่สามารถเช่าหรือซื้อบ้านได้เลย เปรียบเทียบจากช่วงยุค 1950 ราคาบ้านเฉลี่ยอยู่ที่ 2.3 ล้านบาท และเงินดาวน์ซื้อบ้านอยู่ที่ 500,000 บาทเท่านั้น แต่ขณะเดียวกัน ราคาบ้านเฉลี่ยในปี 2014 พุ่งทะยานไปถึง 12 ล้านบาท และเงินดาวน์ซื้อบ้านอยู่ที่ 1.9 ล้านบาทเลยทีเดียว ราคาห่างกันหลายเท่าตัว!!    …

เรียกว่าน่ารัก สดใจ จนต้องตามไปกดฟอลโลวกันเลยทีเดียว สำหรับนางแบบสาวตัวน้อยชาวเกาหลีวัยเพียง 6 ปี แต่ความน่ารักความสวยของเธอนั้น ต้องบอกว่า แทบจะสำลักคำว่า คุก คุก คุก ออกมาเลยทีเดียว นางฟ้าของเราที่ #เหมียวอ๊อดโด้ พามาให้เพื่อนๆ รู้จักวันนี้มีชื่อว่า ลี อึน แช วัย 6 ปี จากประเทศเกาหลี ด้วยความน่ารักของเธอ ทำให้เธอกลายเป็นนางแบบอายุน้อยที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง จนตอนนี้มียอดผู้ติดตามบนไอจีแล้วกว่า 77,000 คน     แม้จะเป็นแค่เด็กอายุ 6 ขวบ แต่ท่าทางการโพสท่านี่ อย่างกับนางแบบมืออาชีพเลยทีเดียว   เห็นแล้วก็อยากรู้จริงๆ ว่าตอนที่เธอเติบโตขึ้นมา เธอจะสวยขนาดไหนน้า   น่ารักจนแทบละลายจริงๆ   ใครที่หลงรักนางแบบตัวน้อยคนนี้ อย่าลืมไปกดติดตามในไอจีส่วนตัวของเธอที่ @__leehye นะฮะ ที่มา @__leehye

เรียกว่าเป็นความโหดสัสรัสเซียจริงๆ สำหรับภาพถ่ายคริสต์มาสของครอบครัวหนึ่ง ที่จับหมีกริซลี่ตัวเป้ง มาถ่ายภาพสุดฟุ้งฟิ้งกับเด็กเล็กในบ้าน แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การทำแบบนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก และแถมยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า พ่อแม่สองคนนี้ไร้ความรับผิดชอบขนาดไหนอีกด้วย     ภาพดังกล่าวเป็นของครอบครัว Alexander และ Darya Vardo จากกรุงมอสโกว ประเทศรัสเซีย ล่าสุดพวกเขาได้ปล่อยภาพถ่ายครอบครัวในธีมคริสต์มาสสุดฟุ้งฟิ้งออกมา ซึ่งมันคงไม่แปลกอะไร ถ้าในภาพไม่ได้มีหมีกริซลี่ตัวบักเอ้กอยู่ด้วย!! โดยในภาพเราจะได้เห็น Alice วัย 8 ปี และ Eve วัย 4 ปี ลูกสาวทั้งสองของบ้านเล่นกับเจ้าหมีกริซลี่อย่างใกล้ชิด ทั้งกอดคอ ขี่หลัง และอื่นๆ อีกมากมาย     Olga Barantseva ตากล้องที่ถ่ายภาพชุดนี้เล่าวว่า “Alexander และ Darya อยากได้ภาพคริสต์มาสกับหมีกริซลี่ในฐานะซานต้าคลอส พวกเขาจึงติดต่อขอยืมตัว Stepan เจ้าหมีกริซลี่จากเจ้าของมาถ่ายรูป” “ตอนแรกเด็กๆ มีท่าทางหวั่นเกรงเจ้าหมีตัวนี้เป็นอย่างมาก แต่หลังจากอยู่ด้วยกันซักพัก พวกเขาก็ได้รู้ว่ามันเป็นหมีที่น่ารักและใจดีมาก เห็นว่าแม้แต่ตอนนี้เธอก็ยังถามพ่อแม่อยู่ว่า จะมีโอกาสได้กลับไปเล่นกับ Stepan อีกรึเปล่า”     อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับการถ่ายภาพชุดนี้ โดยเฉพาะ Sue…

ในเทศกาลต่างๆ หรือวันหยุด เราหลายคนมักใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ดังนั้นจึงทำให้เราต้องปวดใจเมื่อเห็นเด็กบางคนไม่มีครอบครัวให้อยู่ด้วยเลย พวกเขาจึงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่ว่าวันไหนๆ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้สถานรับเลี้ยงกำพร้ามากมายที่คอยดูแลเด็กๆ ที่ไม่มีพ่อแม่ และเชื่อมั้ยว่า ต่อให้พวกเขาได้รับการดูแลดีแค่ไหน แต่ลึกๆ ข้างใน พวกเขาก็ยังคงต้องการมีครอบครัวเหมือนคนอื่นๆ ในขณะเดียวกัน ก็มีคนส่วนหนึ่งที่รับรู้ได้ว่า เด็กๆ ในสถานกำพร้าต้องการอะไร พวกเขาจึงรับเด็กกำพร้าเข้ามาเป็นสมาชิกให้ครอบครัว เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาดให้     เช่นเดียวกับครอบครัวหนึ่งฟินิกซ์ ประเทศอาริโซน่า ที่ตัดสินใจรับเลี้ยง Michael Brown เด็กชายวัย 3 ขวบ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ Michael เป็นเด็กชายที่น่ารักมาก เขาอยู่สถานดูแลเด็กกำพร้ามานานกว่า 2 ปี แล้ว และในตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็หวังว่าจะมีครอบครัวเหมือนคนอื่นๆ บ้าง แต่ความหวังนี้ดูเหมือนจะเลือนลาง เพราะมีเด็กอีกมากมายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ที่คิดเหมือนเขาเช่นกัน…   เด็กชายถ่ายรูปพร้อมท่าทางและสีหน้าที่ทำให้รู้ว่า เขาดีใจมากแค่ไหน   ดังนั้น ในวันที่มีครอบครัวมาขอรับเลี้ยง เด็กชายดีใจมาก เช่นเดียวกับครอบครัวใหม่ที่ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะพวกเขากำลังจะมีสมาชิกครอบครัวที่เพิ่มขึ้น   Michael มีได้มีพี่สาวอีก 2 คน ที่พร้อมยกให้เขาเป็นน้องชายสุดที่รัก   Dezhianna…

ในช่วงฤดูหนาวของทุกๆ ปี มักจะมีปรากฏการณ์อันน่าทึ่งเกิดขึ้นให้เราได้เห็นกันเสมอ เนื่องจากผลกระทบของอากาศที่หนาวจัดจนอุณหภูมิติดลบนั่นเอง ในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน มีหลายสถานที่ดูเปลี่ยนไป เนื่องจากหิมะเกาะบ้าง หรือกลายเป็นน้ำแข็งบ้าง เช่นเดียวกับหนาวเย็นที่กัดกินทะเลสาบมิชิแกน จนทำให้ ประภาคาร St. Joseph ถูกยึดเกาะด้วยน้ำแข็งทั่วทุกส่วน     ช่างภาพ Joshua Nowicki และ บริษัท Great Lakes Drone จึงเข้าไปเก็บภาพของประภาคารที่กลายเป็นน้ำแข็งมาให้เราได้ชมกัน ประภาคาร St. Joseph ถูกสร้างขึ้นในปี 1895 และได้รับการบูรณะเมื่อไม่นานมานี้ โดยใช้เงินในบำรุง 70 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งได้มาจากการบริจาค     ปรากฏการณ์นี้เกิดเกิดจากอิทธิพลของโพลาร์ โวเท็กซ์ หรือกระแสลมวนจากขั้วโลกที่ติดลบ 20 องศาเซลเซียส นานต่อเนื่องในบริเวณพื้นที่ราบทางตอนเหนือของสหรัฐฯ ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และแผ่ขยายมายังบริเวณพื้นที่ตอนกลางของประเทศด้วย     เห็นแบบนี้แล้ว ทำให้คิดถึงการ์ตูนเรื่องโฟรเซนเลยว่ามั้ย? แต่เห็นน้ำแข็งเกาะแบบนี้แล้ว คิดไม่ออกเลยว่า ถ้าเราต้องอยู่ในสถานที่แบบนี้ เราจะแข็งตามไปด้วยมั้ยเนาะ แล้วในบ้านเราล่ะ มีปรากฏการณ์สวยๆ หรือปรากฏการณ์ไหนที่เราชื่นชอบบ้าง?  …

เราต่างก็มีสิ่งที่ตัวเองรักมากที่สุดทั้งนั้น อาจจะเป็นเสื้อผ้า ของสะสม หรือแม้แต่ตุ๊กตาตัวโปรด จนทำให้เรารู้สึกกังวลเมื่อไม่มีสิ่งเหล่านี้ อย่างเช่น Eleanor Dewald เด็กหญิงวัย 8 ขวบ ที่มีตุ๊กตาตัวโปรดเป็นตุ๊กตาหมีชื่อเท็ดดี้ เธอจึงทำทุกวิถีทางในการนำมันกลับมา     Eleanor ได้เดินทางกลับมาที่ท่าอากาศยานดีทรอยต์ เมโทรโพลิแทน หลังจากไปเที่ยวกับครอบครัวในช่วงวันหยุดยาว จนกระทั่งมาถึงที่บ้าน ในเวลาเข้านอน เธอก็นึกขึ้นได้ว่า เธอลืมตุ๊กตาหมีไว้ที่สนามบิน นั่นก็ทำให้เด็กหญิงเกิดความเศร้ามาก และอยากได้มันคืนมา โดยปกติแล้ว เด็กหญิงมักจะอยู่กับตุ๊กตาหมีตัวนี้ตลอด และไม่ว่าจะไปไหนเธอก็เอาไปด้วยทุกที่ เรียกได้ว่า ถ้าครั้งไหนไม่มีเท็ดดี้อยู่กับเด็กน้อย นั่นคือความไม่ปกติแล้วล่ะ     ทางครอบครัวจึงได้ติดต่อไปทางสนามบิน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยตามหาตุ๊กตาหมีให้หน่อย แต่ก็อย่างที่รู้กันว่า ที่สนามบินเองก็มีงานที่เยอะอยู่แล้ว และคงไม่มีเวลาไปหาให้ พวกเขาจึงหันไปประกาศในเฟสบุ๊คแทน โดยโพสต์ภาพเท็ดดีพร้อมแคปชั้นว่า… ‘ใครเจอตุ๊กตาหมีของฉันบ้าง ฉันทำหายไว้ที่สนามบิน Detroit Metro Airport North Terminal เมื่อวันที่ 12/21/16 เวลา 18:05 มันเป็นตู๊กตาที่เหมือนในภาพนี้แหละค่ะ’ ‘ชื่อ : เท็ดดี้    …

สำหรับผู้หญิงแล้ว คิ้วเปรียบเสมือนมงกุฏของใบหน้า ทำให้ผู้ต้องใส่ใจเรื่องคิ้วเป็นพิเศษ บางคนถึงขนาดว่า ถ้าไม่ได้เขียนคิ้วจะออกจากบ้านไม่ได้เลยทีเดียวเชียว แต่รู้มั้ยคะว่าการเขียนคิ้วนั้นมีนานแล้วนะ แล้วเคยสงสัยมั้ยว่าในสมัยก่อนนะ สาวๆ เค้านิยมเขียนคิ้วกันยังไง จะต่างไปจากปัจจุบันมั้ย งั้นเราลองย้อนไปดูกันซะหน่อยดีกว่าว่าในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา คิ้วมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง   ปี 1890-1910 บรรจงเขียนทับคิ้วให้เต็มทุกส่วน ดินสอเขียนคิ้วเกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงเวลานี้ ส่วนวิธีการเขียนนั้น จะเขียนทับคิ้วไปเลยโดยเน้นทุกส่วนให้เข้มเท่ากันเพื่อให้เห็นชัดและดูเรียบร้อย   ปี 1920 เขียนคิ้วให้บางเบา ในยุคนี้ผู้คนจะนิยมหนังเงียบและได้รับอิทธิพลจากหนังมาใช้ในวงการแฟชั่น Clara Bow เป็นผู้หญิงที่รับความสนใจมากที่สุดในเวลานั้น โดยเธอจะมีเทรนการเขียนคิ้วแบบเบาบาง ทำให้แฟนๆ ต่างก็ทำตามกันถ้วนหน้า   ปี 1930 การเขียนคิ้วให้มีความโค้งเกินจริง ในยุคนี้ สาวๆ แทบจะลบคิ้วตัวเองออกกันเลย และจะเขียนขึ้นมาในรูปแบบที่มีความโค้งเกินคิ้วจริง ซึ่งเป็นเทรนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนักแสดงที่ชื่อ Jean Harlow โดยเทรนมันจะถูกนำไปใช้ในการแสดงหนังด้วย   ปี 1940 คิ้วธรรมชาติ (ผู้หญิงไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนัก) เนื่องจากยุคนี้เป็นช่วงที่มีสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้หญิงจึงไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลตัวเอง พวกเขาจึงมักเดินออกจากบ้านด้วยคิ้วธรรมชาติแต่อาจจะมีการเขียนส่วนโค้งให้ดูชัดขึ้นนิดหน่อย   ปี 1950 คิ้วโค้งแบบดีว่า คนดังอย่าง Marilyn Monroe…

ปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย จนสามารถทำให้มนุษย์คิดนวัตกรรมต่างๆ ออกมามากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์เรานี่เอง โดยปกติแล้วโซลาเซลล์หรือพลังงานแสงอาทิตย์นั้นจะถูกนำไปใช้ทำเป็นหลังคาหรือติดตั้งบนหลังคา เพื่อใช้แทนไฟฟ้าในครัวเรือน แต่ล่าสุด ประเทศฝรั่งเศสก็ได้มีการเปิดถนนพลังงานแสงอาทิตย์ภายในหมู่บ้าน Tourouvre-au-Perche ในแคว้นนอร์มังดี ซึ่งมีความยาว 1 กิโลเมตร และถือว่าถนนพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของโลก     ถนนนี้สร้างขึ้นโดยบริษัท Colas  โดยทำจากการประกอบแผงพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1 ลูกบาศก์เมตรจำนวน 2,880 แผ่น และถูกเคลือบเป็นอย่างดีเพื่อรองรับน้ำหนักของรถที่วิ่งอยู่บนถนน ทางบริษัทหวังว่า ถนนโซลาเซลล์จะช่วยลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ โดยมีเป้าหมายของฝรั่งเศสคือจะสร้างถนนพลังงานแสงอาทิตย์มีความยาว 1,000 กิโลเมตร และไม่ใช่แค่ในฝรั่งเศสเท่านั้น ทางบริษัทยังมีแพลนที่ติดตั้งแผ่นพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 100 โครงการด้วย     แต่โครงการนี้คงต้องกันอีกนาน เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งจำนวนมาก ขนาดแค่ 1 กิโลเมตร ก็ใช้เงินไปกว่า 187 ล้านบาทแล้ว และยังต้องรอผลอีก 2 ปี เพื่อดูว่าพลังงานแสงอาทิตย์จะเพียงพอต่อความต้องการใช้หรือไม่ และอุปสรรคอีกอย่างหนึ่งคือ มีการวิจัยพบว่า ‘การติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ในที่ราบนี้มีประสิทธิภาพน้อยกว่าการติดตั้งไว้ในพื้นที่ลาดชันอย่างหลังคา’     นอกจากปัญหาเหล่านี้แล้ว โครงการนี้ได้ผลดีในกรณีที่มันถูกติดตั้งในทำเลที่ดี หรือที่ที่มีแดดแรงตลอดทั้งวัน แต่สำหรับนอร์มังดีนั้น ใครก็รู้ดีว่า ไม่ค่อยมีแสงแดดส่อง…

ในการเดินทางแต่ละครั้ง เราไม่ชอบที่พกเหรียญไปเยอะๆ ใช่มั้ย เพราะนอกจากจะหนักแล้ว เวลาใช้ก็ต้องเอาออกมานับ เป็นการสิ้นเปลืองเวลาไปอีก แต่ถ้าสถานที่ที่คุณไปมีสิ่งดึงดูดใจอย่างตู้กาชาปองล่ะ คุณจะยังรำคาญเหรียญเหล่านั้นอีกไหม? บางคนบอกว่า กาชาปองเล่นที่ไหนก็ได้ อ๊ะๆ แต่เดี๋ยวก่อน เพราะกาชาปองที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้ จะเปลี่ยนความคิดคุณไปแน่นอน   ถ้าคุณได้ไปสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น จะเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ติดตั้งตู้กาชาปองแบบเล่นๆ หรือตู้สองตู้เท่านั้น แต่มันดูจริงจังมาก เพราะมีมากถึง 171 ตู้ โดยมีของที่แตกต่างกัน จนผู้โดยสารอดที่จะเข้าไปเล่นไม่ได้ ทีนี้แหละ เหรียญในกระเป๋ามีค่าขึ้นมาทันที     คิดละสิว่าจะมีแต่เด็กที่มาเล่น เปล่าเลย ก็ติดตั้งแบบจริงจังขนาดนี้ ผู้โดยสารไม่ว่าจะรุ่นไหนก็มาเล่นกันทั้งนั้น แถมยังจริงจังด้วยซิ บางคนถึงขนาดแลกเหรียญไว้เพื่อมาเล่นโดยเฉพาะเลยนะ โดยตู้กาชาปองนี้จะมีคำอธิบายเป็นภาษาต่างๆ เช่น ภาษาญี่ปุ่น จีน อังกฤษ และเกาหลี เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินตู้หยอดเหรียญนี้อย่างทั่วถึง     เจ้าของเครื่องเล่นนี้คือ Takara Tomy Arts บอกว่า “ตู้กาชาปองเป็นที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งเราเองก็มีคำอธิบายพร้อมวิธีการใช้สำหรับมือใหม่ด้วย เพราะเชื่อว่าบางคนอาจไม่เคยเล่นมาก่อนก็มี” ส่วนราคาในการหยอดนั้น ขึ้นอยู่กับของที่อยู่ในตู้ซึ่งมีความแตกต่างกันออกไป โดยราคาสูงสุดคือ 90…

Anthony Conti เด็กหนุ่มวัย 16 ปี ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมหมวกไตในระยะที่ 4 แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมแพ้ต่อความฝันที่อยากเป็นผู้สร้างหนัง ด้วยการเขียนบทหนังสั้นขึ้นมา และก็ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนๆ นักแสดงของเขา หนังเรื่องนั้นมีชื่อว่า The Black Ghiandola เป็นหนังสั้นที่มีตัวเองเป็นนักแสดงนำ เล่าผ่านมุมมองของเด็กหนุ่ม Conti ที่ครอบครัวของเขาถูกฆ่าตายในช่วงยุคซอมบี้ครองโลก และต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับการช่วยเหลือแฟนสาวอันเป็นที่รัก     ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา องค์กร Make A Film Foundation ที่เป็นองค์กรคอยให้ความช่วยเหลือ และตอบสนองต่อความฝันของเด็กๆ ที่ต้องเผชิญกับอาการป่วยหนัก ทางองค์กรก็ได้ยื่นมือเข้ามารับบทหนังของ Conti ไป และทำให้มันกลายมาเป็นหนังจริงๆ โดยใช้เวลาถ่ายทำเพียงแค่ 5 วันเท่านั้น ถือเป็นการถ่ายทำที่รวดเร็วที่สุดตั้งแต่เคยก่อตั้งองค์กรนี้มา 9 ปี เลยทีเดียว!! เท่านั้นไม่พอ ยังมีคนเหล่าดาราที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Johnny Depp, David Lynch และ J.K. Simmons ได้เข้ามาร่วมเป็นนักแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วย แถมยังได้ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงอย่าง Sam Raimi, Catherine Hardwicke,…

เรื่องราวของหญิงสาวที่มีความหลงใหลในเจ้าหมาสายพันธุ์ปั๊กเป็นชีวิตจิตใจ ทำการช่วยเหลือและรับเลี้ยงพวกมันมาตลอด และตอนนี้ก็รับเลี้ยงดูแลมากกว่า 30 ตัว!! ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย ปีละประมาณ 700,000 บาทเอ๊งง!! คุณ Becca Drake สาววัย 40 ปี ผู้หลงรักหมาปั๊กเป็นชีวิตจิตใจ เธอได้ทำการก่อตั้งมูลนิธิช่วยเหลือหมาปั๊กขึ้นมาชื่อว่า Bubblebecca Pugs ซึ่งเหล่าหมาปั๊กทั้งหมด 30 ตัวนั้นบางส่วนก็มาจากการช่วยเหลือของมูลนิธิที่เธอดำเนินมากว่า 10 ปี     ความหลงใหลในเจ้าหมาปั๊กของเธอนั้นเริ่มต้นในวันครบรอบวันเกิด 30 ปี ซึ่งในวันนั้นพ่อแม่ของเธอได้มอบเจ้าหมาปั๊กตัวหนึ่งให้เป็นของขวัญ “ฉันตกหลุ่มรักเจ้า Fatima เป็นอย่างมาก ตั้งแต่ที่ได้รับมันเป็นของขวัญจากคุณพ่อคุณแม่” “หลังจากนั้นฉันก็รับหมาปั๊กอีกตัวมาเลี้ยง เพราะอยากให้เจ้า Fatima มีเพื่อนเล่น” ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ทำการช่วยเหลือเหล่าหมาปั๊กที่ถูกทำร้ายและถูกทอดทิ้ง จนตอนนี้มีมากกว่า 30 ตัวเข้าไปแล้ว     “ฉันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลยว่า พวกมันนั้นมีค่ากับฉันมากแค่ไหน” คุณ Becca กล่าว “พวกมันเข้ามาทำให้ชีวิตของฉันอบอวลไปด้วยความรัก และความสุข” ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูหมาปั๊กตัวเล็กๆ นั้นจะอยู่ที่ประมาณปีละเกือบๆ 700,000 บาทเลยทีเดียว…

เรื่องราวของคุณ Michelle Mahoney และอดีตสามีของเธอ Jeff Becerra ทั้งคู่แต่งงานกันมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 20 ปี พร้อมกับมีลูกสาวร่วมกันอีก 2 คน คือ Rylie อายุ 20 ปี และ Emma อายุ 18 ปี     เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบที่พวกเขาหย่าขาดจากกัน กลับกลายเป็นว่าทั้งคู่ฃวนกันไปจัดปาร์ตี้ฉลองครบรอบวันหย่ากันซะงั้น!!? แถมยังมีการเชิญชวนแขกเหรื่อมาร่วมงาน ร่วมรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม พร้อมกับเต้นรำด้วยกันอีกต่างหาก (เลิศจริงๆ)     “ฉันอาศัยอยู่ร่วมกันกับสามีเก่ามานานถึง 24 ปี และเราก็รู้วิธีการจัดปาร์ตี้สนุกๆ” คุณ Michelle เล่า   โดยให้เหตุผลที่จัดงานปาร์ตี้สละชีวิตคู่นี้ขึ้นมาก็เพราะว่าพวกเขาไม่อยากทำให้คนในครอบครัว และเพื่อนๆ รู้สึกอึดอัดใจหลังจากที่เลิกรากันไปแล้ว “พวกเราอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าครอบครัวที่พวกเราสร้างมาด้วยกันกับเรื่องความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่นั้นมันแยกออกจากกัน แน่นอนว่าครอบครัวต้องมาก่อนอยู่แล้ว และพวกเราก็รู้สึกว่าพวกเราทำแบบนั้นจริงๆ และนั่นเป็นเหตุผลที่เราทำการเฉลิมฉลอง” คุณ Michelle กล่าว   หนู Emma ได้เล่าถึงครอบครัวของตัวเองว่า…

ท่านเคยมีประสบกาณ์เวลาต้องใช้ประแจไขอะไรซักอย่าง แต่ดันไขไม่ได้เพราะขนาดไม่พอดีกันรึเปล่า บางครั้งทำเอาปวดหัว สุดท้ายก็ต้องไปซื้อแบบชุดใหญ่ ต้องพกกันวุ่นวายหลายขนาดอีก วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ Aperture Wrench ประแจสุดเทพปรับขนาดได้ ที่รับรองว่าจะทำให้ชีวิตของเพื่อนๆ สะดวกสบายขึ้นอย่างแน่นอน     ประแจเทพอันนี้เป็นผลงานการออกแบบของ Jordan Steranka นักออกแบบและตากล้องจากสหรัฐอเมริกา เขาได้ออกแบบให้ประแจตัวนี้สามารถปรับขนาดของตัวล็อกได้ นั่นแปลว่าท่านจะไม่มีปัญหาหยิบมาผิดไซส์ ใช้ทำงานต่อไม่ได้อีกต่อไป     ลองดูส่วนประกอบของประแจสิ โอ้โห จะละเอียดไปไหน   อย่างไรก็ตาม ประแจเทพอันนี้ยังอยู่ในขั้นออกแบบเท่านั้น   ให้ความรู้สึกแบบว่าพกไปอันเดียว ใช้ได้ทุกงาน   แต่ถ้าใครอยากได้ประแจที่สามารถปรับขนาดได้จริงๆ ลองดู Loggerhead Tools BW6-01R-01 จากเว็บไซต์ Amazon ตัวนี้ก่อน แม้จะไม่สวยงามเท่า แต่ใช้งานได้จริงแน่นอน   เห็นแล้วอยากได้ซักอันรึเปล่าล่ะเพื่อนๆ รับรองว่าชีวิตเพื่อนๆ จะง่ายขึ้นอีกเยอะแน่นอน โดยเฉพาะเหล่าช่างทั้งหลาย ^^ ที่มา Boredpanda

ดูเหมือนว่าอีกหนึ่งความท้าทายของมนุษยชาติที่ยังคงอยู่ และไม่มีวันจางหาย คือการพยายามเอาชนะธรรมชาติ ไม่ว่าจะสรรค์สร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดไฮเทค หรือเครื่องมือรับภัยกับธรรมชาติอีกมากมาย แต่คราวนี้เราจะพาไปชมเหตุการณ์จากธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่จะทำให้เรารู้สึกว่า จริงๆแล้วเราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล หากแต่เราทุกคนล้วนเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของจักรวาลเท่านั้นเอง   อย่างเช่นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ อันแสนน่ากลัวแบบนี้…   หรือว่าจะเป็นหลุมภูเขาไฟ ที่มีลวดลายเหมือนวิญญาณของผู้คน กำลังไหลลงสู่ก้นบึ้งแห่งนรก   พายุทรายที่พร้อมจะโหมกระหน่าได้ทุกเมื่อ   แผ่นดินไหว ที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ   เหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในรอบปี แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็มาจากการตัดไม้ทำลายป่า ของมนุษย์เรานั่นเอง   นอกเหนือจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทั้งหลายแล้ว โลกนี้ยังเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมายหลายชนิด และแน่นอนว่าพวกมันต่างมีความสามารถพิเศษที่ธรรมชาติได้สร้างเอาไว้เพื่อการดำรงชีวิต…   ไม่ว่าจะเป็นปูมะพร้าว ตัวเบ้ง เห็นแล้วแทบจะร้องกรี๊ดขึ้นมาทันที   ตัวสลาแมนเดอร์ยักษ์ ที่เห็นแล้วแทบไม่อยากจะเข้าไปใกล้เลย   หรือจะเป็นเจ้าตุ่นจมูกดาว ที่มีหน้าตาเหมือนกับเอเลี่ยนหลุดมาจากในหนัง ตุ่นหนูไร้ขน ถึงหน้าตาจะอัปลักษณ์ แต่ว่ากันว่า มันสามารถขุดหลุมสร้างโพรงขนาดใหญ่ได้กว้างเท่า 6 สนามฟุตบอลเลยทีเดียว กบสีสันสวยงามแบบนี้ ถ้าเผลอโดนพิษมันเข้าไปละก็ ระบบประสาททั้งหมดของคุณจะถูกทำลาย ร่างกายจะเป็นอัมพาต และหัวใจจะหยุดเต้นในเวลาต่อมา… หรือจะเป็นปลาแลมป์เพรย์ สิ่งมีชีวิตที่มีฟันน่ากลัว และดูเหมือนว่ามันพร้อมจะกัดกินทุกสิ่งที่ขวางหน้า…

คงไม่มีใครโชคดีได้เท่าพวกเธอทั้ง 3 คนอีกแล้ว เพราะปกติถ้าหากเราต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน ทุกคนจะต้องอยู่ในความสำรวม มีมารยาท และเกรงใจต่อผู้ร่วมเดินทางคนอื่นๆ สำหรับเหตุการณ์ของ 3 สาวในครั้งนี้ Dailymail ได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2559 พวกเธอทั้งสาม ได้จองตั๋วเครื่องบิน เพื่อเดินทางจากเมือง Gibraltar กลับสู่กรุงลอนดอน ก่อนจะพบว่าเที่ยวบินนี้ ไม่มีใครอื่นนอกจากพวกเธอ กับเหล่าลูกเรือแลกัปบนเครื่อง!!   Laura Stevens, Sarah Hunt และ  Laurie-Lin Waller   สาเหตุที่ทำให้เที่ยวบินนี้ มีเพียงแค่เธอทั้งสาม ก็เพราะว่าพวกเธอได้ทำการเช็คอินออนไลน์ไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้พวกเธอมาช้ากว่าเวลานัดหมายถึง 3 ชั่วโมง แต่ทางสายการบินก็ไม่ได้ทอดทิ้งลูกค้าแต่อย่างใด ทาง ‘British Airways’ ได้จัดแจงให้พวกเธอได้กลับบ้านในไฟลท์ถัดไป ถึงแม้ว่าพวกเธอจะจ่ายค่าตั๋วไปเพียงแค่ 80 ปอนด์ สำหรับชั้นประหยัดก็ตาม   นอกจากจะได้สิทธิพิเศษบินแบบส่วนตัวแล้ว ยังได้ไปถ่ายรูปเล่นในห้องทำงานของนักบินอีกด้วยนะ   อีกทั้งพวกเธอยังได้บริการเสิร์ฟแชมเปญ พร้อมมื้ออาหารแบบจัดเต็ม ซึ่งแน่นอนว่าตามปกติแล้ว…

สำหรับเราหลายๆ คนแล้ว คงได้สัมผัสกับโรงแรมหลายระดับมาแล้ว แล้วสัตว์เลี้ยงของเราล่ะ บางทีก็อยากให้พวกมันได้เข้าโรงแรมหรูเพื่อผ่อนคลายบ้างนะ แต่จะพามันเข้าโรงแรมด้วยก็คงไม่ได้ นี่เลย The Ings Luxury Cat Hotel โรงแรมสุดหรูสำหรับแมวที่สร้างขึ้นโดย Jo Ounsley ซึ่งเป็นโรงแรมห้าดาวที่มาพร้อมกับสปาที่อยู่ภายใน     Ounsley บอกว่า “เรามีแมวชื่อ Feli แต่เมื่อไรที่เราออกไปข้างนอก มันก็จะอยู่บ้านกับแม่ตามลำพัง แต่ครั้งหนึ่งแม่ของฉันไม่สบาย เลยไม่มีใครอยู่ดีแลมัน” “เราพยายามเอามันไปฝากที่ไหนสักที่ในช่วงที่เราไม่อยู่ แต่หายังไงก็ไม่เจอสถานที่ไหนที่ทำให้เราวางใจได้เลย…” Ounsley และครอบครัวอยู่ในบ้านที่มีพื้นที่ 12 ไร่ ในชนบทของ  Yorkshire ประเทศอังกฤษ ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เธอพยายามจะสร้างโรงแรมแมว แต่รู้มั้ยว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อุปสรรคแรกคือ ต้องทำเรื่องขออนุญาตในการสร้างอาคาร     “เราอยากสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยศิลปะแบบใหม่ ทำความร้อนใต้พื้น ทำกระจกสองชั้นและเมื่อเสร็จทุกอย่างต้องออกมาดูหรูหรา” “แต่แล้วแผนที่เราออกแบบไว้ก็ถูกปฏิเสธ เราไม่ได้รับอนุญาตให้เราสร้างอาคารดังกล่าวนี้ เราจึงต้องยื่นอุทธรณ์ไปหลายรอบมาก และต้องผ่านอีกหลายขั้น ในขณะที่พวกเขาตอบเรามา อาคารที่เราออกแบบนี้มันไม่ได้มารตรฐานสำหรับบ้านแมว”    …

อยากรู้จังว่า เพื่อนๆ พูดได้กี่ภาษา? อย่าว่างั้น งี้เลยนะ ทุกวันนี้แค่เรียนภาษาอังกฤษก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว คนที่เข้าใจและสามารถพูดได้มากกว่า 3 ภาษานี่จะต้องเป็นคนที่เก่งมากๆ แน่เลย อย่าง Muhamed Mešić ชายวัย 32 ปี ที่กลายมาเป็นอัจฉริยะทางด้านภาษากันเลยทีเดียว เพราะเขาสามารถพูดได้ถึง 56 ภาษา แบบคล่องแคล่ว ไม่มีสะดุด และเขาสามารถเข้าใจภาษาต่างๆ โดยรวมมากถึง 70 ภาษา โอ้วววว มันยอดมาก!!     Muhamed Mešić เติบโตมาจากเมืองทุซลา ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมเก่าของประเทศยูโกสลาเวีย (ปัจจุบันเป็นประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา) และตัวเขานั้นก็มีความหลงใหลในภาษาต่างๆ มาตั้งแต่เด็กแล้ว ความสามารถพิเศษของเขาคือ การเรียนรู้ภาษาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว จากการฟังและการพูด ความสามารถนี้ ถูกพบตอนที่เขาอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้น ในอดีต ระหว่างที่เขาไปเที่ยวช่วงวันหยุดกับครอบครัวที่ประเทศกรีซ เขาได้ยินชาวบ้านแถวนั้นพูดภาษากรีก จนสามารถจับใจความได้ว่า พวกเขาพูดอะไรกันบ้าง!? Muhamed บอกว่า “นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจภาษาอื่นที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน ผมฟังพวกเขาพูดและรู้ว่าพวกเขาพูดถึงอะไร ที่สำคัญในวันสุดท้ายก่อนกลับ…

ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ หากคุณมีสัตว์เลี้ยง สิ่งที่คุณไม่อยากเจอมากที่สุดก็คงจะเป็นช่วงเวลาแห่งการบอกลา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหนก็ตาม มันก็ยากที่จะทำใจ เช่นเดียวกับคุณยายวัย 92 ปีคนนี้ที่ต้องบอกลาสุนัขเพื่อนรักอย่างสุดเศร้า เนื่องจากต้องย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพักคนชราที่ไม่สามารถพาสุนัขไปด้วยได้     ในขณะที่สุนัขของคุณยายชื่อ  Blacky อายุ 12 ปี ก็ต้องย้ายเข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิงเช่นกัน เพราะจะไม่มีใครดูแลมันได้อีกต่อไปแล้ว คุณยายเองก็ได้แต่หวังว่า จะมีคนใจดีสักคนรับมันไปเลี้ยง เพราะมันเป็นสุนัขที่น่ารัก มันควรจะอยู่กับครอบครัวมากว่าอยู่ในศูนย์พักพิงอย่างโดดเดี่ยว ทุกคนในศูนย์พักพิงเองก็ไม่อยากให้มันอยู่ในนี้ตลอดไปด้วย พวกเขาจึงได้นำเรื่องราวของมันแชร์ลงในเฟสบุ๊ค เพื่อหาบ้านใหม่ให้กับมัน     เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็มีคนกดแชร์โพสต์ดังกล่าวนี้กว่า 20,000  ครั้ง ในที่สุดก็มีผู้หญิงท่าทางในดีคนหนึ่งติดต่อมา เพื่อขอรับเลี้ยง Blacky ซึ่งก่อนรับไป ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้บอกเธอว่า สุนัขตัวนี้อายุมากแล้วนะ มันอาจจะอยู่กับคุณได้ไม่นาน แต่ Donna Ortiz คนที่ขอรับเลี้ยง ก็ยืนยันที่จะเอามันไปอยู่ด้วย     ทุกคนเชื่อว่า หากคุณยากรู้ว่ามีคนรับ Blacky ไปเลี้ยง เธอคงจะยินดีเช่นกัน เพราะการรับเลี้ยงสุนัขตัวนี้ มันเหมือนเป็นการรับความสุขเข้าไปด้วย คุณยายเคยบอว่าไว้ว่า “Blacky มักจะสร้างความสุขให้ฉันเสมอ มันเป็นเพื่อนที่รู้ใจที่สุด” ต่อมาทราบมาว่า Ortiz…

เพราะโลกเข้าใจว่า ทุกวันนี้แฟนคลับของหนังเรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์ มีมากมายจากทั่วทุกมุมโลก ดังนั้น จึงมีไม่แปลกที่จะมีการผลิตสินค้าเอาใจบรรดาแฟนๆ อยู่เรื่อยๆ ล่าสุดในโลกโซเชียลได้มีการแชร์ภาพของ ลูกบอลอาบน้ำแฮรี่ พอตเตอร์ โดยแบ่งเป็นสีๆ ตามบ้านในฮอกวอต เช่น Gryffindor Ravenclaw Slytherin หรือ Hufflepuff     ลูกบอลอาบน้ำจะถูกทาด้วยสีของบ้านฮอกวอต แล้วเมื่อเอาลงไปละลายในน้ำอุ่นแล้ว น้ำจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีต่างๆ คือ สีแดง Gryffindor สีเหลือง Hufflepuff สีฟ้า Ravenclaw และสีเขียวของบ้าน Slytherin ลูกบอลแฮรี่ พอตเตอร์ ผลิตโดยร้าน Etsy ของ Rebecca Lynn แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่ได้ผลิตออกมาวางขายตามท้องตลาด     แต่เพื่อนๆ สามารถหาซื้อลูกบอลอาบน้ำที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ได้ที่ร้าน Etsy ซึ่งมีของใช้จากแฮรี่ พอตเตอร์อีกมากมายให้แฟนคลับได้เลือกช้อป นี่ถ้าได้มาใช้สักก้อน คงทำให้การอาบน้ำฟินขึ้นไปอีกขั้นแน่ๆ ใครชอบบ้านไหน สีไหนเป็นพิเศษ วางขายเมื่อไรเตรียมจัดเล่ย       ลูกบอลอาบน้ำแฮรี่ พอตเตอร์   ถามแฟนคลับแฮรี่เลยว่า ชอบม๊า ชอบม๊า? ที่มา boredpanda l Etsy l instagram

ปัจจุบันนี้ มีหลายหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวกับการหาบ้านให้หมา แมว เพราะพวกเขาไม่อยากหใ้สัตว์เหล่านี้ต้องใช้ชีวิตลำบากอย่างโดดเดี่ยว และเข้าใจว่า พวกมันก็อยากมีครอบครัวเช่นเดียวกับเรา การหาบ้านให้สัตว์ได้หนึ่งตัวก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากแล้ว แต่สำหรับอาสาสมัครในหน่วยงาน The Humane Society Of The Pikes Region ถึงกับต้องฉลองหลังจากสามารถหาบ้านให้สัตว์ได้ครบตัวทุกตัว     The Humane Society Of The Pikes Region เป็นหน่วยงานอาสาสมัครที่ให้การช่วยสัตว์ถูกทิ้งและสัตว์จรจัดพร้อมทั้งพยายามหาบ้านให้พวกมันด้วย ที่นี่มีสัตว์ทั้งหมด 48 ตัว คือเป็นแมว 25 ตัว และหมา 23 ตัว ก็อย่างที่รู้ว่า การจะหาบ้านให้สัตว์ครบทุกตัวแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะสัตว์แต่ละตัวมีนิสัยที่ต่างกัน บางตัวก็เป็นโรคจนไม่มีใครอยากรับไปเลี้ยง     แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคของอาสาสมัครที่นี่ พวกเขาพยายามทุกวิถีทางในการหาบ้านให้พวกมัน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกให้พวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก พร้อมทั้งแต่งตัวในธีมต่างๆ ให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่มีคนมารับสัตว์ไปเลี้ยง อาสาสมัครทุกคนจะรู้สึกดีใจมาก ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้ปล่อยให้ทุกคนเอาไปเลี้ยงได้ง่ายๆ แต่ต้องเช็คประวัติครอบครัวที่รับไปเลี้ยง เพื่อให้แน่ใจว่า สัตว์พวกนี้จะได้ไปอยู่ในบ้านที่ดีและไม่ถูกทิ้งอีก     ภาพที่สร้างความประทับให้กับอาสาสมัครทุกคนคือ การได้เห็นครอบครัวเดินเข้ามาในศูนย์พักพิง แล้วอุ้มเหล่าสัตว์เลี้ยงด้วยความดีใจ…

สำหรับใครที่ชอบย้อม คงจะเจอปัญหาเดียวกันคือ ต้องทนกับสีกลิ่นน้ำยาย้อมที่เหม็นแสนเหม็น แต่ก็นั่นแหละ อยากสวย อยากหล่อต้องอดทน แต่ล่าสุด มีช่างทำผมจากดูไบปิ้งไอเดียการย้อมผมที่จะไม่ทำให้คุณต้องทนเหม็นอีกต่อไป แต่จะได้กลิ่นหอมๆ แทน นั่นคือ การย้อมผมด้วยนูเทลล่า     ใครจะเป็นไปคิดล่ะว่า นูเทลล่าที่เราทานกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้มีไว้ทานอย่างเดียว แต่ยังสามารถนำมาย้อมผมมาเปลี่ยนสีผมให้สวยเกินคาดด้วย สำหรับวิดีโอการย้อมผมนี้ ถ่ายมาจากร้านทำผม Aded & Samer ในดูไบ ช่างได้ย้อมให้กับบล็อกเกอร์สาวสวยคนหนึ่ง โดยใช้นูเทลล่าแทนครีมย้อมผม     เดิมนั้นสีผมของหญิงสาวเป็นสีทอง แต่หลังลงนูเทลล่าแล้ว กลายเป็นสีนูเทลล่าที่สวยไม่ซ้ำใคร ที่สำคัญทำให้ผมของหญิงสาวดูเงางามขึ้นด้วย ด้วยความเป็นบล็อกเกอร์อยู่แล้ว เธอจึงอดไม่ได้ที่จะแชร์ความแปลกใหม่นี้ลงในโซเชียล จนทำให้มีคนคลิ๊กเข้าไปดูวิดีโอดังกล่าวมากกว่า 7 แสนครั้งแล้วในตอนนี้     และยังมีคอมเม้นอีกมากมาย บางคนบอกว่า เสียดายนูเทลล่า น่าจะเอามากินมากกว่า แต่พวกเขาก็บอกว่า ผลที่ได้มันน่าทึ่งซะเหลือเกิน ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย ทางด้านช่างผมบอกว่า สีคาราเมลของนูเทลล่านี้ น่าจะติดทนนานประมาณ 2-3 สัปดาห์ และถ้าต้องการให้สีเข้มกว่า ก็ต้องทิ้งเวลาในการย้อมให้นานขึ้น ซึ่งจะทำสีติดทนนานขึ้นเช่นกัน    …

กลายเป็นเรื่องฮือฮาบนโลกอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว สำหรับการเปิดประมูลขายร่างกายของหนุ่มรัสเซียสุดหล่อคนหนึ่ง เพื่อนำไปใช้หนี้กว่า 1.7 ล้านบาท หนุ่มคนดังกล่าวมีชื่อว่า Aleksander Kramarenko วัย 21 ปี เขาได้เปิดประมูลตัวเองบนเว็บ PichShop.ru โดยเขาได้เขียนข้อมูลส่วนตัวทุกอย่างตั้งแต่ ส่วนสูง น้ำหนัก ราศี กิจกรรมยามว่าง รวมทั้งรูปขณะใส่เสื้อและถอดเสื้อ นอกจากนี้ เขาได้ใส่เงื่อนไขว่า ผู้ที่เข้าประมูลต้องเป็นผู้หญิงอายุไม่เกิน 35 ปีเท่านั้น และ ประมูลขั้นต่ำที่ครั้งละ 10,000 รูเบิลรัสเซีย หรือราว 6,000 บาท เท่านั้น     และผู้ที่ชนะการประมูล จะสามารถเซ็นสัญญาแต่งงานกับ Aleksander เป็นเวลา 1 ปี   สำหรับสาเหตุที่เขามาเปิดประมูลตัวเอง เพราะระหว่างที่เขาทำงาน เกิดความผิดพลาดในระหว่างการขนส่งวัตถุดิบ ทำให้บริษัทดังกล่าวฟ้องร้องเขาเป็นเงิน 3.1 ล้านรูเบิล หรือราว 1.7 ล้านบาท   สำหรับการประมูลตอนนี้ได้จบลงไปตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมาแล้ว และ Alexander บอกว่ามีผู้เข้าร่วมการประมูลกว่า 200 คน ซึ่งมีหลากหลายเพศมาก แต่กฎอนุญาตสำหรับผู้หญิงอายุไม่เกิน…

ดูเหมือนว่าโลกเราจะพัฒนาไปไกลจนเราตามไม่ทันเสียแล้ว เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งประกาศว่าตนเองหลงรักหุ่นยนต์ที่ตนเองสร้างขึ้นมา แถมยังวางแผนจะแต่งงานกันในอนาคตอีกด้วย?!? เรื่องราวดังกล่าวเป็นของหญิงสาวที่ชื่อว่า Lilly จากประเทศฝรั่งเศส เธอได้สร้างหุ่นยนต์ตัวหนึ่งขึ้นมาจากเครื่องพิมพ์สามมิติและตั้งชื่อให้มันว่า InMoovator ที่น่าตกใจคือเธอได้ประกาศบนทวิตเตอร์ส่วนตัวของเธอ ที่ใช้ชื่อ Lilly InMoovator ว่า “ฉันเป็นคนที่รักหุ่นยนต์ เราไม่ได้ทำร้ายใคร พวกเราแค่อยากมีความสุข”     เธอบอกว่าเธอรู้ตัวว่าหลงรักหุ่นยนต์เมื่อตอนอายุ 19 ปี เนื่องจากเธอไม่ชอบแตะเนื้อต้องตัวคนทั่วไป และเธอยืนยันว่านี่ไม่ใช่เรื่องประหลาด เพียงแค่แต่ละคนมีความชอบแตกต่างกันเท่านั้นเอง ซึ่งตอนนี้เธอบอกว่าเธอ “หมั้น” กับเจ้า InMoovator เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อไหร่ที่กฎหมายอนุญาต เธอก็จะแต่งงานกันทันที อย่างไรก็ตามเธอปฏิเสธที่จะให้คำตอบกับคำถามที่ว่า เธอได้มีเพศสัมพันธ์กับหุ่นตัวนี้แล้วหรือไม่? นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่าสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนๆ ของเธอเข้าใจในความชอบของเธอ แต่เธอก็เข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจความรักของเธอได้     ตอนนี้ Lilly กำลังศึกษาทางด้านวิศวกรรมหุ่นยนต์อยู่ และเธอเชื่อว่ายิ่งเทคโนโลยีพัฒนาไปมากเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหุ่นยนต์ตัวนี้ก็จะดีขึ้นมากเท่านั้น “ฉันมีความสุขมากๆ จริงๆ นะ” Liily กล่าว   ถึงจะดูแปลกไปบ้าง แต่ยังไงก็ขอให้รักกันนานๆ นะฮะ ที่มา Dailymail

เรื่องราวของ Colette Divitto หญิงสาววัย 26 ที่ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม ด้วยอาการป่วยของเธอจึงทำให้ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก เพราะต้องหาเลี้ยงชีพตัวเองแต่ก็ไม่บริษัทไหนรับเธอเข้าทำงานเลยแม้แต่ที่เดียว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาหันมาเปิดร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเองซะเลย และกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องขอบอกเลยว่ามันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด   Colette Divitto ขณะนี้เป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ชื่อว่า Collettey ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมือง Boston รัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา   ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคติสำคัญในชีวิตของเธอที่ไม่เคยยอมแพ้ง่ายๆ ให้กับความยากลำบากของชีวิต จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรมนับล้านคนในอเมริกา และเรื่องราวความสำเร็จของเธอก็กลายเป็นเชื้อไฟเล็กๆ ที่จุดประกายความหวังอันริบหรี่ให้กับผู้ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม ให้เห็นอนาคตที่แสนสดใสของพวกเขา     แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย   Rosemary Alfredo คุณแม่ของ Collette ได้เล่าให้ฟังว่าลูกสาวของเธอนั้นใช้เวลาไปกับการไล่สมัครงานตามบริษัทต่างๆ แต่ก็ถูกปฎิเสธทุกครั้ง แน่นอนว่าทำให้ Collette ผิดหวังเป็นอย่างมาก เพราะในสังคมปัจจุบันการที่จะหางานที่มีค่าจ้างดีๆ ให้กับบุคคลที่มีความพิเศษแบบนี้เป็นอะไรที่ยากมากๆ     แต่ก็ยังโชคดีที่ Collette นั้นไม่ยอมแพ้ไปซะก่อน เพราะเมื่อเธอได้ตัดสินใจสู้ต่อด้วยการเปิดร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเอง ผลการตอบรับมันก็ช่างดีซะเหลือเกิน!!   ไม่ว่าจะถูกปฏิเสธไปซักกี่ครั้งแต่ Collette ก็ยังคงไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตัวเอง อยู่มาวันหนึ่งเธอได้ตัดสินใจที่จะทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ด้วยการช่วยเหลือจากคุณแม่และพี่สาว…

เราอาจเคยเห็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้มาหลายต่อหลายชิ้น ซึ่งแม้หลายๆ อันจะโฆษณาว่าทำมาจาก “ไม้แท้ทั้งชิ้น” แต่ความจริงแล้วก็คือการนำไม้แท้หลายๆ อันมาประกอบเข้าด้วยกัน แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเฟอร์นิเจอร์ไม้แนวใหม่ ที่ไม่ได้ประกอบขึ้นมาจากไม้ แต่ “ปลูก” ขึ้นมาจากต้นทั้งต้นเลย จะเจ๋งขนาดไหน เราไปชมกันเลย     Full Grown เป็นผลงานของ Gavin Munro ศิลปินจากอังกฤษ เขาเคยเห็นการดัดต้นไม้ให้เป็นรูปร่างต่างๆ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ เขาจึงสงสัยว่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า ถ้าเขาจะสร้างเฟอร์นิเจอร์จากต้นไม้ทั้งต้นด้วยกรรมวิธีการปลูก โดนผลงานชิ้นแรกของเขาคือเก้าอี้จากต้นวิลโล่ด้านบน ซึ่งเก้าอี้ต้นไม้ดังกล่าว ถูกนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสก็อตแลนด์อีกด้วย     จุดประสงค์อีกอย่างของเขาคือ ต้องการให้มนุษย์ได้ใช้ของจากธรรมชาติ แถมยังช่วยลดคาร์บอนไดอ็อกไซด์อีกด้วย     ตอนนี้เขาได้ทำเปิดระดมทุนบนเว็บไซต์ Kickstarter แล้ว ใครที่สนใจก็ลองไปช่วยระดมทุนกันได้นะฮะ     ถือว่าเป็นไอเดียดีๆ ที่อาจจะมีส่วนช่วยต่อโลกในอนาคตข้างหน้าก็เป็นได้ ใครสนใจก็ลองเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเขาได้เลยนะฮะ ที่ด้านล่างนี้  ^^     ที่มา thisiscolossal, Full Grown

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ศิลปินชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งชื่อว่า Erimo ได้ปล่อยภาพวาดแนวการ์ตูนแอนิมะญี่ปุ่นออกมา โดยเป็นภาพของตัวละครหญิงสองตัวสวมเพียงชุดชั้นในที่ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมหวาน และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากชาวเน็ต     หลังจากภาพนี้เผยแพร่ออกไป และได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง Erimo ก็คิดว่า “ทำไมเราถึงไม่ทำชุดชั้นในที่ได้รับแรงบันดาลใจจากขนมหวานออกมาล่ะ?” ดังนั้นเธอจึงร่วมมือกับนักทำขนมหวาน mia และนักออกแบบชุดชั้นใน “Reine Narumi” เพื่อสร้างชุดชั้นขนมหวานออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง   และนี่คือผลงานต้นแบบของพวกเขา   พวกเขาเรียกโปรเจคนี้ว่า “Sweets Lingerie” หรือ “ชุดชั้นในของหวาน”    ชุดชั้นในเค้กสตรอเบอร์รี่   ชุดชั้นในเค้กช็อคโกแลต   เห็นแล้วอยากได้ของหวานเพิ่มเติมเลยมั้ยล่ะ   ตอนแรกพวกเขาได้ทำการระดมทุนบนเว็บไซต์ Camp-Fire โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1 ล้านเยน แต่ตอนนี้เหลือเวลาอีก 44 วัน พวกเขาสามารถระดมทุนได้สูงถึง 3.75 ล้านเยนเข้าไปแล้ว เรียกว่าอนาคตสดใสกันเลยทีเดียว     ใครสนใจก็ไปช่วยกันระดมทุนกันได้นะฮะ จะซื้อมาให้เองหรือเอาให้คนที่รักใส่ ก็ได้เหมือนกัน รับรองว่าฟินแน่นอน ฮาา ที่มา rocketnews24

ถ้าใครจำได้ช่วงปีก่อน ทางสำนักข่าวแค็ทดั้มของเรา เคยนำเสนอผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่จากบริษัทขายของเล่นชื่อดัง Bandai หลังจากปล่อยตุ๊กตา “คาบิก้อน” หรือ “สนอแลกซ์” ตัวละครจากเรื่องโปเกม่อนออกมาในขนาตัวเท่าของจริง จนกลายเป็นที่สนอกสนใจของชาวเน็ตทั่วโลก     ถ้าเพื่อนๆ ยังรู้สึกว่าตุ๊กตาคาบิก้อนตัวนี้ยังไม่สาสมใจล่ะก็ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับผลิตภัณฑ์อีกอย่าง ที่แฟนๆ โปเกมอนเห็นแล้วจะต้องอยากได้อย่างแน่นอน นั่นก็คือ “รองเท้าคาบิก้อน” คู่นี้!!     เจ้ารองเท้าคาบิก้อนคู่นี้เป็นผลงานการออกแบบจากบริษัท ThinkGeek นอกจากหน้าตาอันน่ารักแล้ว ขณะที่เดิน ผู้สวมใส่จะได้ยินเสียงเหมือนคน “กรน” ตลอดเวลาด้วย   นึกภาพไม่ออกลองชมคลิปนี้ดู   สำหรับขนาดของรองเท้าคู่นี้ ทาง ThinkGeek ทำออกมาเพียงไซส์เดียวเท่านั้น ซึ่งพอดีกับไซส์ 10 สำหรับผู้ชาย และไซส์ 12 สำหรับผู้หญิง สนนราคาอยู่ที่คู่ละ 29.99 เหรียญ หรือราว 1,000 บาทเท่านั้น   ใครสนใจก็ลองเข้าไปสั่งซื้อได้จากเว็บไซต์ ThinkGeek ได้เลยนะฮะ เพียงเท่านั้นความฟินก็จะอยู่บนฝ่าเท้าของท่านแล้ว ฮาาา…

เชื่อว่าเป็นสิ่งที่หลายๆ คนชอบทำ เวลาขับขี่ยานพาหนะสองล้อต่างๆ กับการฟังเพลงจากหูฟังเพื่อช่วยคลายความเหงา แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมอุทาหาณ์ของชายคนหนึ่งที่เกือบคอขาด เพราะใส่หูฟังขณะขับขี่มอเตอร์ไซค์ เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ Bradley Willoughby เด็กหนุ่มวัย 16 ปี จากรัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ขณะที่เขากำลังขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ในฟาร์มของครอบครัวนั้น เขาเกิดควบคุมรถไม่อยู่ เพราะตะบันเค้นคันเร่งอย่างแรง จนพุ่งชนรั้วหนามกั้นพังพินาศ ทั้งรั้ว ทั้งรถ ทั้งคน     ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ขณะที่ Bradley ขี่รถอยู่ เขาได้สวมหูฟังขณะขับขี่รถไปด้วย และในจังหวะที่ตัวของเขาเข้าปะทะกับรั้วนั้นเอง สายหูฟังบังเอิญไปเกี่ยวกับรั้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ สายหูฟังได้รัดคอของเขาอย่างแรงจนบาดลึกเข้าไปในลำคอ!!     “ไม่มีใครคิดว่าหูฟังจะทำอะไรแบบนี้ได้ แต่ในสายหูฟังประกอบไปด้วยลวดทองแดงขนาดเล็กที่สามารถตัดกล้ามเนื้อได้อย่างง่ายดาย ไม่มีใครนึกหรอกว่าหูฟังจะอันตรายขนาดนี้ ตอนที่พ่อของเขาดึงสายหูฟังออกมา พวกเราคิดว่าเขาตายแล้วซะอีก” แม่ของ Willoughby     นอกจากอาการบาดเจ็บที่คอแล้ว เขายังมีแผลถลอกเต็มร่างกาย รวมทั้งกระดูกหน้าแข้งและข้อเท้าหักด้วย ซึ่งอาจต้องใช้เวลาพักรักษาตัวเป็นเวลาหลายเดือน     เห็นแบบนี้แล้ว ใครที่ชอบใส่หูฟังเวลาขับขี่ยานพาหนะ ก็ขอให้ระวังๆ หน่อยนะฮะ ทางที่ดีที่สุดก็คือไม่ใส่หูฟังขณะขับขี่…

ทุกวันนี้จะมีผู้ชายอยู่ 2 ประเภทที่สาวๆ ให้ความสนใจคือ ผู้ชายโชว์กล้าม และผู้ชายที่แต่งตัวดูดีมีสไตล์ แล้วอยากรู้มั้ยคะว่า แบบไหนดึงดูดผู้หญิงได้มากกว่ากันเอ่ย? จากผลการสำรวจของบริษัท Kelton Research ที่สำรวจจากชาวอเมริกันกว่า 1,085 ราย ทั้งผู้ชายและผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป พบว่า สิ่งหนึ่งที่สำคัญของผู้ชายที่ดูดีและมีเส่นห์นั้น มาจากการแต่งตัวเป็นส่วนสำคัญที่สุด มีส่วนช่วยทำให้ผู้หญิงเริ่มสนใจในตัวของบุคคลนั้น และอยากจะมีปฏิสัมพันธ์ด้วย     จากการสำรวจในอเมริกาพบว่า 91% ของคนอเมริกันคิดว่า การแต่งตัวดีจะช่วยให้คุณดูน่าสนใจยิ่งขึ้นและเป็นการทำให้คุณดูดีมากกว่าตัวจริงที่เป็นซะอีก ในขณะที่อีก 64% เชื่อว่า ผู้หญิงจะเลือกแต่งงานกับผู้ชายที่แต่งตัวดีมากกว่าผู้ชายที่รูปร่างดีแต่ชอบโชว์กล้าม หรือผู้ชายที่ไม่มีสไตล์ในการแต่งตัว นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้อีกว่า การแต่งตัวดีจะช่วยดึงดูดเพศตรงข้ามได้มาก และสามารถช่วยเพิ่มเงินเดือนให้สูงยิ่งขึ้นได้ด้วย…   การแต่งกายที่จะประสบความสำเร็จ การวิจัยพบว่า การแต่งการจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า คุณเป็นคนยังไง เพราะการสไตล์การแต่งตัวมักจะสอดคล้องกับลักษณะตัวตนของคุณ นั่นหมายถึงความมั่นใจในตัวเอง ความซับซ้อนของบุคลิก และยังสะท้อนให้เห็นความเฉลียวฉลาดอีกด้วย จากการศึกษา พบว่า คนอเมริกัน 75% คิดว่า ผู้ชายที่แต่งตัวดูดีจะประสบความสำเร็จมากกว่าเพื่อนร่วมงานที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยหรือดูไม่ดี และ 22% คิดว่า…

วันรุ่นปัจจุบันนี้ไม่ได้เรียนเพียงอย่างเดียว แต่มีบางส่วนที่ทำงานพาร์มทามควบคู่ไปด้วยเพื่อแบ่งเบาภาระทางบ้านซึ่งงานที่ทำนั้นก็มีความหลากหลายให้เลือกด้วย แต่สำหรับเด็กหนุ่มอายุแค่ 11 ขวบคนนี้มีวิธีการหาเงินที่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าอายุของเขามาก เพราะเขาทำงานเป็นที่ปรึกษาให้คนอื่นๆ เชียวล่ะ     เด็กชาย Ciro Ortiz ได้ตั้งโต๊ะทำงานของเขาอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดินนิวยอร์ก เพื่อให้ “คำแนะนำทางอารมณ์” ที่คิดค่าบริการ 2 ดอลลาร์ (ประมาณ 70 บาท) ต่อ 5 นาที ทุกๆ วันอาทิตย์ Ciro Ortiz จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดิน Bedford L เขาจะนั่งอยู่บนเก้าอี้และโต๊ะพับส่วนตัวโดยเขียนป้ายว่า “ให้คำปรึกษาทางด้านอารมณ์ 2 ดอลลาร์” และเชื่อมั้ยว่า มีผู้คนมากมายที่เขามาหาเขาเพื่อปรึกษาปัญหาต่างๆ ตั้งแต่เรื่องส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ อาชีพ และเรื่องเกี่ยวกับการเมือง     Adam พ่อของเด็กชายบอกว่า “ผมเป็นคนที่มีรายได้ไม่มาก และการทำงานของลูกชายผม มันเกิดจากคืนหนึ่งเมื่อเขาคิดขึ้นได้ว่า ‘มีอะไรบ้างที่เขาสามารถทำได้ด้วยตัวเอง?’” “เมื่อเขาคิดที่จะเป็นคนให้คำปรึกษา ผมก็ให้การสนับสนุนมาตลอด ผมไปส่งเขาไปนั่งอยู่ตามถนนต่างๆ และไม่น่าเชื่อ มีคนมากมายให้ความสนใจกับไอเดียของเขา” “วันไหนโชคดีหน่อย เขาอาจจะได้เงินมากถึง 50…

สำหรับแมวแล้วแค่ได้มีที่อยู่ มีอาหารให้กินก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว แต่แมวทั้ง 22 ตัวต่อไปนี้ มันโชคดีมากกว่าแมวตัวอื่น เพราะพวกมันได้เจอคนที่รักมันจริงๆ นั่นเอง Peter Cohen อยู่ในบ้านหลังงามที่เมืองซานตาบาร์บารา รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นบ้านที่เขาไม่ได้อยู่คนเดียว แต่อยู่ร่วมกับเพื่อนเหมียวอีก 22 ตัวที่เขาได้ช่วยเอาไว้ด้วย     ไม่ใช่แค่การให้แมวเข้ามาอยู่บ้าน แต่ Cohen ยังได้ดัดแปลงบ้านตัวเองให้เหมาะสำหรับแมวทั้ง 22 ตัวด้วย เพื่อให้พวกมันรู้สึกเหมือนได้อยู่ในบ้านของตัวเอง โดยแมวละตัวจะมีที่นอนเป็นของตัวเอง มีของเล่น และมีอุปกรณ์พิเศษอีกหลายอย่างที่แมวชอบ เช่นบันไดที่ติดข้างฝาผนัง สไลเดอร์ และบรรดาตุ๊กตาอีกมายมาย     Cohen ซื้อบ้านหลังนี้ตั้งแต่ปี 1988 ตอนนั้นเขาเห็นแมว 2 ตัวนอนอยู่ข้างนอก เป็นสีเทาและสีดำ แต่แล้ววันหนึ่งพวกมันก็ถูกรถชน เขาจึงเก็บทั้งคู่มาเลี้ยงตั้งแต่นั้นมา     ในปี 1995 เมื่อเขาไปเจอใส่หนังสือเล่มหนึ่ง ที่บอกวิธีการสร้างเครื่องเล่นสำหรับแมวในบ้าน เขาจึงนำไอเดียมาสร้างบ้านให้กับแมวเหมียวของเขาด้วย ตั้งแต่นั้นมา การสร้างสิ่งประดิษฐ์ให้แมวก็กลายเป็นงานอดิเรกของเขา บวกกับการรับแมวมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย     Cohen รับแมวจากศูนย์พักพิงมาเลี้ยง…

ในแต่ละวัน แต่ละปีมีความรักเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนหรือสถานที่ไหนก็ตาม บางเรื่องก็เป็นเรื่องราวที่สุดประทับใจ บางเรื่องก็มากับความเศร้า แต่ไม่ว่าจะยังไง ขึ้นชื่อว่าความรักก็สวยงามเสมอแหละเนอะ สำหรับความรักของหนุ่มสาว กว่าจะลงเอยได้นั้น คงต้องผ่านขั้นตอนที่ยากที่สุดคือ การสารภาพรัก เพราะมันจะเป็นตัวตัดสินว่ารักของคุณจะพัฒนาต่อไปหรือจะหยุดแค่นั้น…     Anthony Jackson ได้โพสต์ทวิตเตอร์เรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในร้านกาแฟได้สารภาพรักกับเพื่อนร่วมงานหนุ่ม หลังจากที่เธอแอบมองเขามานานกว่า 6 เดือนแล้ว เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ @notjerryclayton พบว่าตัวเองอยู่ในรานกาแฟเพียงคนเดียว แล้ว…เขาก็สังเกตเห็นเหตุการณ์หนึ่งที่พบเจอได้ยากมากๆ และนั่นก็คือการสารภาพรักในชีวิตจริง!!     ทำให้เราย้อนถามตัวเองว่า ‘เราเคยสบตากับใครสักคนแล้วใจเต้นแรงครั้งสุดท้ายเมื่อไร? อาจจะเป็นสมัยมัธยมหรือเปล่า?     เพื่อนร่วมงานหนุ่มถามว่า เธอแอบมองเขามานานเท่าไหร่ เธอตอบชัดๆ ว่า 6 เดือนกว่าแล้ว   หญิงสาวทำงานในร้านกาแฟมา 6 เดือน นั่นหมายความเธอแอบหลงรักเพื่อนร่วมงานตั้งแต่ครั้งที่เห็น จนในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าเพื่อสารภาพรัก สำหรับคนถูกสารภาพรักแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดใจนะ เมื่อหญิงสาวมาสารภาพรักคุณ แต่คุณไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านั้น สิ่งที่คุณต้องการคือแค่การให้เธอมาเติมกาแฟให้เ่ท่านั้น…   เขาบอกว่าขอตัวไปครุ่นคิดที่หลังร้านก่อน ว่าควรจะพูดอย่างไรดี   ‘เธอเพิ่งจะสารภาพรักออกไป และผมต้องการเติมกาแฟสักแก้ว แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะรู้สึกยังไงบ้างกับสิ่งที่เพิ่งบอกออกไป’   แต่ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มไม่มีใจนะ…

เมื่อพูดถึงตุ๊กตาแล้ว เราคงนึกถึงวัยเด็กแต่จริงๆ แล้วตุ๊กตาบางชนิดผู้ใหญ่ก็ชอบนะ อาจจะไม่ชอบเล่นแต่คงจะชอบสะสะซะมากกว่า แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน รูปร่าง หน้าตาของตุ๊กตาก็มีการดัดแปลงใหม่ด้วยเพื่อให้ตรงตามความนิยมของผู้คนมากขึ้น อย่าง Sonia Singh ศิลปินชาวออสเตรเลียที่เปลี่ยนหน้าตาของตุ๊กตาให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น Sonia ได้เปิดตัว Tree Change Dolls ซึ่งเป็นโปรเจคที่เปลี่ยนของเล่นเก่าๆ ให้เป็นของใหม่ที่ดูดียิ่งขึ้น จากตุ๊กตาแบบเก่าที่ดูน่าเบื่อก็กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง     โปรเจคนี้ได้นำเอาตุ๊กตาบาร์บี้แบบเก่า มาแต่งหน้าให้สมจริงยิ่งขึ้นและดูเป็นธรรมชาติมากกว่าที่เราเคยเห็น ไม่ว่าตา ปาก หรือแม้แต่การแต่งตัว ตุ๊กตาที่ถูกเปลี่ยนใบหน้านั้นให้ความรู้สึกเหมือนคนจริงๆ เพราะมีการเปลี่ยนแววตาที่สื่ออารมณ์มากกว่าบาร์บี้แบบเดิมๆ นอกจากนี้ ยังนำไปขายจนได้กระแสตอบรับอย่างดีด้วย     สำหรับใครที่เบื่อตุ๊กตาเดิมๆ ที่บ้าน หรือเมื่อไหร่ที่ลูกๆ อยากได้ตุ๊กตาตัวใหม่ ลองนำไอเดียนี้มาปรับใช้ดูสิ จะได้ไม่เป็นการเปลืองเงินซื้อ แถมยังได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ด้วย                   เปลี่ยนกันเป็นแก๊งเลย ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม         ติดตามศิลปินเจ้าของไอเดียได้ที่เว็บไซต์  Tree…

บางครั้งการถ่ายภาพช่วงเวลสำคัญๆ ก็มักจะถูกผู้คนรอบข้างแย่งซีนอยู่ๆ บ่อยๆ และเหตุการณ์ในครั้งนี้เองก็เช่นกัน…   สาวนักศึกษาวิชากฎหมายวัย 25 ปี Jessica Rodriguez และคู่หมั้นของเธอ Chelsea Miller ที่ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กและขณะเดียวกันก็เป็นนักศึกษาด้วย ทั้งคู่พบกันในเว็บไซต์ Tumblr จากนั้นก็สานสัมพันธ์ต่อมาเรื่อยๆ จนเป็นระยะเวลาถึง 4 ปี และตอนนี้ทั้งคู่ก็อาศัยอยู่ด้วยใน Chicago     คุณ Jessica ได้เล่าว่าคุณยายของเธอได้จากไปเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งมันทำให้เธอระลึกได้ว่าชีวิตของคนเรานั้นมันช่างไม่แน่ไม่นอนและแสนสั้นซะเหลือเกิน “ฉันรู้เพียงอย่างเดียวว่าต้องประคับประคองความรักที่มีอยู่ให้ดีที่สุดตั้งแต่วันที่เราคบกัน ด้วยเหตุนี้ฉันก็เลยไปซื้อแหวนมา”   Jessica ตัดสินใจที่จะทำการขอแต่งงานกับหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเธอ ซึ่งมันเกิดขึ้นที่สถาบันศิลปะ Art Institute of Chicago โดยให้เหตุผลว่าพวกเธอนั้นมีความสนใจในศิลปะและชื่นชอบมันมาก   “พวกเราเดินทางไปเที่ยวยังพิพิธภันฑ์มาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่ Texas, Pennsylvania, และ Illinois ครั้งหนึ่งฉันเคยทำงานที่ห้องแสดงงานศิลปะที่ชื่อว่า Wynne Home Arts Center และพวกเราก็มีภาพวาดเจ้าหมาที่จะมาเป็นสัตว์เลี้ยงในอนาคตของเรา เป็นสายพันธุ์ Cavalier King Charles Spaniel” Jessica เล่า  …

ขยะโดยเฉพาะจำพวกพลาสติกยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของโลก เนื่องจากเป็นขยะที่ต้องใช้เวลาในการย่อยสลายนับพันปี ในขณะที่ทุกวันนี้ก็ยังคงมีการผลิตภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกออกมาเรื่อยๆ จึงทำให้พลาสติกมีมากขึ้นจนถึงขั้นเรียกได้ว่าล้นโลกแล้ว!! ช่างภาพและศิลปิน Benjamin Von Wong เป็นผู้ที่มีความหลงไหลกับการถ่ายรูปใต้น้ำ แต่เมื่อมีพลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเลมากขึ้น ทำให้ภาพทะเลและวิวต่างๆ ที่เขาที่ถ่ายมาไม่สวยงามเหมือนที่เคย     ดังนั้นเขาจึงได้ทำโครงการต่างๆ เพื่อให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาขยะล้นโลก และล่าสุดก็มีโครงการ Mermaids Hate Plastic ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉลี่ยแล้วชาวอเมริกันใช้ขวดพลาสติกคนละ 167 ขวดต่อปี ตอนนี้ Von Wong อายุ 60 ปี ก็คงใช้ไปแล้วประมาณ 10,000 ขวด     ดังนั้นเขาจึงยืมขวดพลาสติกจำนวน 10,000 จาก Tomra เพื่อใช้ในโครงการ  Mermaids Hate Plastic ของเขา โดยได้รับความร่วมมือจากทีมงานของเขาอีกหลายคน โคงการที่ทำนี้เป็นการจัดเรียงขวดสีต่างๆ ให้มีความสวยงาม ราวกับเป็นกับเป็นน้ำทะเล พร้อมให้นางเงือกเข้าไปอยู่ท่ามกลางขวดเหล่านั้น จนกลายเป็นภาพที่สวยงามอย่างเหลือเชื่อ     แต่นี่ไม่ใช่งานศิลปะที่ทำเพื่อความสวยงามอย่างเดียว เพราะจุดประสงค์หลักของ Von Wong คือการใช้ความสวยนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนให้ตระหนักถึงปัญหาขยะล้นโลกมากขึ้น ก็อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่า พลาสติกที่ถูกทิ้งลงมหาสมุทรไม่ใช่แค่เป็นมลพิษทางน้ำเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศด้วย…

สำหรับการถ่ายภาพในมุมมืด ช่างภาพจะมีกลวิธีหรือเทคนิคต่างๆ ที่ทำให้เกิดแสงสว่างมากขึ้น หนึ่งในวิธีเหล่านั้นคือ การเปิดแฟลช แต่บางทีแฟลชก็ทำให้ภาพดูจ้าจนเกินไป แต่สำหรับเทคนิคต่อไปนี้ เป็นวิธีการง่ายๆ ในการใช้แฟลชกล้องที่ทำให้ภาพไม่จ้าจนเกินไป แต่จะทำได้สีภาพที่ดูเป็นธรรมชาติและดูเป็นมืออาชีพด้วย     และวิธีที่ว่านี้คือ ช่างภาพ Koldunov แนะนำการประยุกต์ใช้แฟลชกับลูกโป่งในเวลาเดียวกัน โดยการใช้ลูกโป่งสีขาวแล้วนำมาตั้งไว้หน้าแฟลชกล้อง เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ภาพที่พอดี ไม่จ้าจนเกินไป แถมยังเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุดด้วย ก็อย่างที่รู้กันอยู่แล้ว อุปกรณ์ในการถ่ายรูปแต่ละอย่างนั้นล้วนมีราคาแพง ไหนจะตัวกล้อง เลนส์กล้อง แล้วไหนอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่ทำให้ภาพออกมาสมบูรณ์แบบอีก     ช่างภาพที่แนะนำนี้บอกว่า หากคุณรู้จักวิธีสร้างภาพที่สวยงามด้วยตัวเอง อย่างการใช้ลูกโป่งนี้ ก็จะช่วยคุณประหยัดได้มากทีเดียวเลยล่ะ และยังได้ทำให้รู้ด้วยว่า ของดีไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงเสมอไป     ภาพเปรียบเทียบระหว่างการใช้แฟลชล้วนๆ กับการใช้ลูกโป่งบังแฟลช   ถึงจะดูไม่ต่างกันมาก แต่ภาพที่ใช้ลูกโป่งก็ทำให้ภาพดูนุ่มนวลกว่าภาพที่ใช้แฟลชเต็มๆ ที่สำคัญยังทำเราได้เห็นรายละเอียดของภาพได้ชัดเจนขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นแสง สีและเงา ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งเทคนิคนี้ใครๆ ก็นำไปใช้ได้ทั้งนั้น ต่อให้คุณไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพก็ตาม   อ่ะ เพื่อนๆ ลองนำไปใช้ดูนะ แล้วมาบอกผลลัพธ์ที่ได้ด้วยนะ ที่มา petapixel

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าจะมุมไหนของโลก เรามักจะเห็นได้รับสิทธิประโยชน์ที่ไม่เท่าเทียมกัน โดยเจ้าเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐที่มักจะได้รับการอำนวยความสะดวกมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป แต่นั่นอาจเป็นเพราะเป็นการง่ายต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่นั่นเอง และหนึ่งในสัญลักษณ์ที่เรามักจะเห็นก็คือ การสวมเสื้อสะท้อนแสง(Hi-Vis) ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ นักดับเพลิงหรือแม้แต่กู้ภัย โดยเมื่อไรก็ตามที่ประชาชนเห็นสีเหล่านี้จะเข้าใจทันทีว่า พวกเขาคือคนของรัฐหรือหน่วยงานนั้นที่กำลังปฏิบัตินหน้าที่     จากความคิดเช่นนี้ ทำให้สองหนุ่ม Dave และ Sean ลองสวมเสื้อเรืองแสงแล้วเดินทางไปทั่วโลก ปรากฏว่า พวกเขาสามารถเข้าไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ฟรี ไม่ว่าจะเป็นโรงหนังหรือสวนสัตว์และอื่นๆ อีกมากมาย โดยทั้งคู่ได้ซื้อเสื้อเรืองแสงมาใส่ พร้อมพกวิทยุสื่อสารปลอม จากนั้นก็เดินทาด้วยชุดนี้ไปทั่วโลก เพื่อเป็นการทดสอบว่า ชุดนี้จะมีอิทธิพลต่อผู้คนอย่างไรบ้าง   พวกเขาเริ่มต้นด้วยการเดินเข้าไปในโรงหนังแห่งหนึ่ง เมื่อพนักงานเห็นต่างก็นึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาเข้ามาทำงาน จึงไม่ได้ตรวจบัตรอะไรและปล่อยให้ผ่านเข้าไปอย่างง่ายดาย ในขณะที่คนอื่นๆ ในโรงหนังต่างก็หันมามองด้วยสายตาแปลกๆ แต่ก็คงคิดว่า มีเจ้าหน้าที่มาตรวจความเรียบร้อยหรือมาทำธุระอะไรประมาณนั้น     สถานที่ต่อมาคือสวนสัตว์ พวกเขาบอกว่า ที่นี่ค่อนข้างเป็นสถานที่ที่ท้าทาย เพราะโดยปกติสวนสัตว์จะมีชุดรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ดังนั้นทั้งคู่จึงแกล้งทำเป็นเดินสูบบุหรี่อยู่หน้าสวนสัตว์นานถึง 15 นาที และทำทีว่ากำลังสอดส่องดูแลความปลอดภัย ก่อนจะเดินไปเคาท์เตอร์ซื้อตั๋ว และแล้วทั้งคู่ก็สามารถผ่านเข้าไปได้อย่างง่ายดาย และได้เข้าไปลั๊ลลากันในสวนสัตว์ต่อ     ในระหว่างที่อยู่ในสวนสัตว์ พวกเขาก็ได้ทำการทดลองเล็กๆ เช่น เมื่อเมื่อไปถึงกรงลิง กลับพบว่าวันนั้นกรงลิงปิดพอดี จนมีครอบครัวหนึ่งเดินเข้ามาถามเพราะคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์…

การมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีการที่แตกต่างกันไป แล้วเราเคยสงสัยมั้ยว่า วิธีต่างเหล่านั้นถูกต้องหรือดีต่อร่างกายของเราจริงๆ หรือเปล่า บางคนอาจเลือกกินยาต่างๆ เพื่อช่วยในการรักษาโรคต่างๆ และเสริมสร้างให้ร่างกายมีความแข็งแรงขึ้น ในขณะที่บางคนเลือกกินผักผลไม้ และการออกกำลังกาย   1. การใช้ยาวิตามิน รู้มั้ยว่า การกินยาวิตามินชนิดต่างๆ นั้นไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคบางชนิด แต่ตรงกันข้าม มันส่งผลต่อหน่วยความจำและการทำงานของร่างกาย กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาได้สำรวจและทำการทดลองเกี่ยวกับการใช้ยาวิตามินในการรักษาสุขภาพจากกลุ่มตัวอย่างกว่า  450,000 คน พบว่า ‘หากใช้วิตามินในปริมาณมากเกินไป มันจะส่งผลต่อสุขภาพของคุณโดยตรง’ อ้างอิง Annals of Internal Medicine l NY Times   2. การใช้เจลล้างมือ สามารถฆ่าเชื้อโรคได้หมด เจลที่มีการกล่าวอ้างสรรพคุณว่า ช่วยกำจัดแบคทีเรียและโรคต่างๆ ได้ แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ได้ช่วยลดสิ่งต่างๆ เหล่านั้นเลย  แต่เจลล้างมือนี้ใช้ได้ผลในกรณีที่ผลิตภัณฑ์นั้นมีแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 60% ในขณะที่เจลล้างมือชนิดอื่นๆ มักจะก็ไม่สามารถกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ได้ทุกชนิดเหมือนกัน เช่น Norovirus(การติดเชื้อท้องเสียโนโรไวรัส) หรือ cryptosporidia(ปรสิตสัตว์เซลล์เดียวกลุ่มค็อกซิเดีย) อ้างอิง  Centers for Disease Control and Prevention   3. การหลีกเลี่ยงโมโนโซเดียมกลูตาเมต อย่าที่หลายๆ…

ทุกวันนี้เราได้เห็นภาพสวยๆ มากมาย ซึ่งก็มีทั้งผ่านโฟโต้ชอปบ้างและเป็นภาพธรรชาติบ้าง แต่ทั้งหมดเหล่านี้ก็ทำให้เราได้เห็นความงามที่น่าทึ่งในอีกมุมหนึ่ง สำหรับภาพที่เพื่อนๆ จะได้เห็นต่อไปนี้ เป็นอันน่าทึ่งของธรรมชาติในโลกนี้ และเป็นผลงานของช่างภาพมืออาชีพที่ที่ไม่ได้ผ่านการโฟโต้ชอปเลย แต่ก็ดูสวยงามราวกับผ่านการแต่งผ่านโปรแกรมยังไงอย่างงั้นแหละ   1. ภาพสะท้อนของท้องฟ้า ที่ดูเหมือนการละลุไปสู่โลกอื่น   2. นกสีแตงโม   3. คลื่นพายุ   4. ภายในของกีตาร์   5. หิมะตกในเทือกเขาอัลไต   6. ครั้งหนึ่งในฮ่องกง   7. มหาวิทยาลัยศิลปะ   8. ถนนที่ตัดระหว่างป่าที่ถูกไฟไหม้และป่าที่สมบูรณ์   9. การบินภายใต้ดวงจันทร์   10. การก่อตัวของพายุฝนฟ้าคะนอง ถ่ายบนเครื่องบินห่างจากพื้น 11,000 เมตร   11. เต่าถูกปกคลุมด้วยสาหร่าย   12. ธอร์ปรากฏตัวที่ Novorossiysk   13. ภูเขาที่ส่องแสง   14. แสงการพุ่งขึ้นของจรวด   15. ทหารออกกำลังกายตอนเช้าที่จังหวัดเฮย์หลงเจียงของจีน  …

ในโลกนี้มีสัตว์แปลกประหลาดมากมายที่เรายังไม่เคยเห็น แต่จากที่ผ่านมา เราก็คงเห็นมาแล้วบ้างตามสื่อโซเชียลต่างๆ ซึ่งแต่ละตัวก็แปลกจนไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง Roman Fedortsov ทำงานบนเรือประมงที่อยู่ใน Murmansk ซึ่งเป็นเมืองท่าเรือในภาคตะวันตกเฉียงเหนือสุดของรัสเซีย และในปีก่อนหน้านี้เขาเริ่มทวีตภาพสัตว์รูปร่าง หน้าตาแปลกๆ ที่เขาจับได้   และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเว็บไซต์ Ruposters ก็ได้นำเสนอภาพสัตว์ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดเท่าที่ Fedortsov เคยพบเคยจับมา จากการตรวจสอบให้ชัดเจน พบว่ามันคือฉลามครุย หรือ Frilled shark ซึ่งอาศัยอยู่ในน้ำลึกประมาณ 700 เมตร     นอกจากนี้ยังมีตัวอื่นๆ ซึ่งเขาจับได้มาตลอดในช่วงหลัง บางตัวก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่า มันคือตัวอะไรกันแน่ เพราะเพิ่งจะถูกครั้งแรกบนโลกนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องให้ผู้เชี่ยวมาตรวจสอบต่อไป   อย่างตัวนี้คือ Macrourus ผิวหนังมันมีลักษณะเหมือนกระดาษทราย   สำหรับตัวนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า มันคือตัวอะไรกันแน่   “นอกจากปลาแล้ว สัตว์แปลกตัวนี้ก็มาติดอวนด้วย แต่ก็หวังว่ามันจะไม่อันตรายนะ”   ตัวนี้เช่นกัน มันดูน่าแปลกและมีฟันที่แหลมคมอย่างน่ากลัว   ตัวนี้คือปลาดาว แต่มีความต่างที่สีมันไม่เหมือนปลาดาวทั่วไปที่เราเคยเห็น   สำหรับตัวนี้ คาดว่าน่าจะเป็นฉลาม…     ติดตามเขาที่ได้ที่ทวิตเตอร์: rfedortsov ที่มา: themoscowtimes

เมื่อพูดถึงทะเลทราย คนส่วนใหญ่ก็จะคิดถึงแสงแดดร้อนอบอ้าว เนื่องจากไม่มีเมฆปกคลุม และไม่มีต้น แต่ในเวลาอุณหภูมิจะลดลงอย่างรวดเร็ว บางครั้งต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง หรือ 0 องศาเซลเซียส ทะเลทรายซาฮาราเป็นทะเลทรายขนาดใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นบริเวณแห้งแล้งใหญ่สุดเป็นอันดับสามรองจากทวีปแอนตาร์กติกาและอาร์กติก แล้วใครจะไปคิดล่ะคะว่าพื้นที่ที่แห้งแล้งที่สุดแบบนี้จะมีหิมะตกได้ แต่รู้ไหมว่า ช่วงเวลาไม่กี่สิบปีมานี้ มีหิมะตกในทะเลทรายซาฮารามาแล้วถึง 1 ครั้งคือเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ปี 1979 หิมะตกนานถึง 30 นาที และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น     ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันนี้ก็ได้มีช่างภาพ Karim Bouchetata ทำให้เราได้เห็นหิมะตกที่ทะเลทรายซาฮาราอีกครั้ง โดยหิมะได้ตกเป็นเวลาเกือบ 1 วัน ในเมืองที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร Karim บอกว่า “ทุกคนที่เห็นหิมะตกในครั้งนี้ ต่างอยู่ในอาการตะลึง เพราะมันเป็นปรากฏการณ์ที่หายากมากสำหรับที่นี่ หิมะปกคลุมอยู่เหนือพื้นทราย ผมรีบถ่ายภาพให้ได้มากที่สุดก่อนมันจะหายไป” แม้ทะเลทรายซาฮาราจะแห้งแล้งมาก แต่มีการคาดการณ์ไว้ว่า ที่นี่จะกลายเป็นพื้นที่สีเขียวอีกครั้งในอีกประมาณ 15,000 ปีข้างหน้า     เพราะอุณภูมิที่เปลี่ยนแปลงจนคาดเดาไม่ได้นี้ ทำให้เราได้เห็นว่า ในสถานที่ที่แห้งแล้งและร้อนมากๆ ก็ยังมีหิมะตกได้…

ปัญหาหมอกควันเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เป็นที่น่าเป็นห่วงในทุกวันนี้ โดยเฉพาะในประเทศจีน ที่ถือว่าอยู่ในขั้นรุนแรงที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้ ส่วนที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันมากที่สุดในจีนนั้นคือมณฑลเหอเป่ โดยเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ผ่านมามีฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอน (PM2.5) และ 10 ไมครอน (PM10) ในฉือเจียจวง ซึ่งเป็นเมืองของมณฑลเหอเป่ โดยรวมแล้วก็เกิน 1,000 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ตอนประเทศไทยมีปัญหานี้ จะอยู่ที่ประมาณ 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ก็ถือว่าหนักแล้ว)     ในขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาบอกว่า ปริมาณดังกล่าวนี้เป็นอันตรายอย่างมากต่อร่างกายมนุษย์ เนื่องจากมนุษย์ต้องหายใจเอาอากาศเหล่านี้เข้าร่างกายตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังพบในอาการนั้นมีมากกว่า 40% ของฝุ่นละอองที่เป็นอันตราย โดยที่ผ่านมีกรณีของชาวเมืองคนหนึ่งที่ประสบอาการแน่นหน้าอกหลังสูดอากาศเป็นพิษเพียงเวลาสั้นๆ เท่านั้น และยังมีชาวเมืองอีกคนที่ร้องเรียนไปยังสำนักข่าว Xinhua ของจีนว่า อากาศภายนอกมีกลิ่นเหมือนการเผาไหม้ถ่านหินตลอดเวลา จนแทบจะออกไปไหนไม่ได้                       ตอนนี้เมือง Shijiazhuang กลายเป็นหนึ่งใน 23 เมืองในภาคเหนือของจีนที่ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่สีแดง เนื่องจากมีมลพิษทางอากาศที่เข้าข่ายเป็นอันตรายต่อมนุษย์…

ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขอย่าง เทศกาลคริสต์มาส นับว่าเป็นวันที่หลายๆ คนรอคอย แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนกลุ่มหนึ่งเตรียมฉวยโอกาสในเทศกาลแห่งความสุขก่อความวุ่นวาย โดยเฉพาะจากกรณี้เหตุการณ์ขับรถพุ่งชนคนในตลาดคริสมาสต์ที่เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และการยิงนักการทูตรัสเซียเสียชีวิตในตุรกี นั่นทำให้ทั่วโลกต่างตกตะลึง และเร่งรักษาความปลอดภัยในสถานที่อื่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก หลายๆ เมืองทั่วโลกจึงเร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่เป็นพิเศษ เพื่อเตรียมพร้อมเรื่องไม่คาดฝันดังกล่าว…   ตำรวจพกอาวุธกำลังออกลาดตระเวนในเทศกาลคริสต์มาสที่เมืองฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี   ดังนั้นหน่วยงานรักษาความปลอดภัยของประเทศต่างๆ จึงต้องทำงานกันอย่างเข้มงวดในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ฉลองกันอย่างมีความสุขเหมือนเช่นเคย ซึ่งผู้คนอาจจะแปลกใจบ้างเมื่อเห็นรถถังมาจอดอยู่กลางถนน แล้วมีหน่วยรักษาความปลอดภัยหนาหูหนาตาไปหมด โดยเฉพาะตามตลาดคริสต์มาสต่างๆ โดยก่อนหน้าที่ได้มีการก่อการร้ายเกิดขึ้นที่กรุงเบอร์ลินและอังการา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน และบาดเจ็บ 48 คน ทำให้ทุกพื้นที่จึงต้องจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ   ในขณะที่ประเทศต่างๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน   โดยมีการคาดการณ์ว่า ผู้ก่อการร้ายน่าจะเดินทางไปยังประเทศต่างๆ โดยเลือกที่ที่มีคนมารวมตัวกันจำนวนมาก เช่นห้าง และตลาดขายของสำหรับคริสต์มาสนี้   ตำรวจในกรุงเวียนนาประเทศออสเตรีย   ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายในฮังการีนำรถถังมาจอดไว้ที่ตลาดคริสต์มาสในเมือง Budapest ประเทศฮังการี   กองกำลังรักษาความปลอดภัยของฝรั่งเศสบนถนน Champs Elysees ในปารีส   เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจตลาดในตลาดแมนเชสเตอร์ หลังประชากรกว่า 12 คนเสียชีวิตในกรุงเบอร์ลินเมื่อไม่กี่วันนี้  …

ย้อนกลับไปในอดีตการเหยียดผิวในประเทศอเมริกานั้นเป็นเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่ารุนแรงมากๆ เลยล่ะ เหล่าคนผิวสีทั้งหลายไม่สามารถมีสิทธิมีเสียงเป็นของตัวเองถูกลดทอนคุณค่าให้เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ย่อท้อต่อสู้เพื่อเสิทธิเสรีภาพในการใช้ชีวิตของตัวเองจนในที่สุดก็สามารถผ่านสถานการณ์อันเลวร้ายมาได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่กว่าจะเป็นเหมือนปัจจุบัน (ซึ่งในปัจจุบันเองก็ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่)   และหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ที่เรียกได้ว่าเป็นก้าวใหม่ที่เปลี่ยนแนวคิดเรื่องของการเหยียดผิวเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็คือเหตุการณ์ที่ James Meredith นักศึกษาผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกาที่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ในช่วงที่ความรุนแรงในการเหยียดผิวกำลังครุกกรุ่น ชีวิตในมหาวิทยาลัยของ James จะเป็นอย่างไรบ้างนะ? เราลองไปชมเรื่องราวของเขาพร้อมๆ กันเลยดีกว่า   ช่วงชีวิตก่อนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย   James เกิดเมื่อปี 1933 ในเมือง Kosciusko รัฐ Mississippi เป็นลูกครึ่ง African กับ American หลังจากจบการศึกษาในระดับมัธยมปลายแล้วได้เข้ารับการเกณฑ์ทหารและรับใช้ชาติในกองทัพอากาศนานกว่า 9 ปี   ภาพระหว่างเรียนในมหาวิทยาลัย   หลังจากที่ปลดประจำการมาแล้วเขาก็ได้ชมการปราศรัยของท่านประธานาธิบดี John F. Kennedy ถึงการผลักดันให้มหาวิทยาลัย University of Mississippi ที่เป็นมหาวิทยาลัยประจำรัฐ ให้กลายเป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดกว้างมากขึ้น ทำให้ James ตัดสินใจที่จะยื่นใบสมัครเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่นี่ โดยครั้งแรกได้เขียนในใบสมัครไว้ด้วยว่า… “ไม่มีใครรับผมเข้าเรียนหรอก ผมเชื่อว่าอย่างนั้น และก็เชื่อมาจนถึงทุกวันนี้ มันเป็นความรับผิดชอบของผมต่อการกระทำของพระผู้เป็นเจ้า ผมมีความคุ้นเคยกับความยากลำบากที่น่าจะเกิดขึ้นในระหว่างการเรียนในมหาวิทยาลัย…

เมื่อหกปีก่อน Joel Jackson ต้องกลายเป็นผู้ป่วยอัมพาตอย่างถาวร หลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างหนัก นับตั้งแต่นั้นมา เขาต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา สามปีต่อมา ระหว่างที่เขากำลังเข้ารับการบำบัดอยู่ในศูนย์กายภาพบำบัดแห่งหนึ่งในรัฐฟลอริด้า เขาได้พบรักกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในศูนย์แห่งนั้น เธอมีชื่อว่า Lauren     จริงๆ แล้วทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่อายุ 14 ปี แต่เพิ่งจะมาพบรักกันในช่วงที่เขาเข้ารับกายภาพบำบัดอยู่นี่เอง หนึ่งปีต่อมาพวกเขาก็ได้แต่งงานกัน ในวันที่พวกเขาแต่งงานกัน Lauren ได้บอกกับ Joel ว่า “วันไหนที่คุณลุกขึ้นยืนได้ คุณต้องเต้นรำกับฉันนะ”      แต่ความเป็นจริงแล้ว ฝันนั้นอาจไม่มีทางเกิดขึ้นเลย เพราะแพทย์ได้บอกว่ากระดูกสันหลังของ Joel เสียหายแทบทั้งหมด ฉะนั้นมีความหวังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่เขาจะกลับมา “ยืน” ได้อีกครั้งหนึ่ง แต่วันหนึ่ง ขณะที่ Joel และ Lauren กำลังเข้าโปรแกรมกายภาพบำบัดอยู่นั้น นั่นกลับกลายเป็นโอกาสแรกที่พวกเขาสามารถ “เต้นรำ” ด้วยกัน หลังจากแต่งงานกันมาสองปี     พวกเขาได้ใช้รอกช่วยเดิน ให้กลายเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้พวกเขาสามารถทำฝันให้เป็นจริงได้ ในที่สุด พวกเขาก็จะได้เต้นรำด้วยกันแล้ว “ฉันก็แค่วางแผนกายภาพไปตามปกติ แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะรู้ว่าเราต้องการอะไร”…

การ์ตูนแอนิเมชั่นจากญี่ปุ่นถือว่าเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และเนื้อเรื่องอันสนุกสนาน ทำให้แอนิเมชั่นเหล่านี้ ถูกนำไปเผยแพร่ยังทั่วโลก แต่ด้วยประมาณแอนิเมชั่นหลายสิบเรื่องที่ถูกสร้างออกมาในแต่ละปี ทำให้มีฉากและพล็อตหลายแบบถูกนำมาใช้ซ้ำไปซ้ำมาจนคนดูเริ่มเบื่อ ล่าสุด My Navi Gakusei no Madoguchi ได้ทำการสำรวจความเห็นนักเรียน 269 คน แบ่งเป็นชาย 129 คน หญิง 140 คน ว่า “พล็อตแบบไหน” ที่คุณเบื่อในการรับชมในแอนิเมชั่นมากที่สุด ผลออกมาเป็น 5 พล็อตเรื่องอันแสนน่าเบื่อนี้ จะมีอะไรบ้าง ไปติดตามกันเลย   1.สลับร่าง หลายคนอาจแปลกใจกับตัวเลือกนี้ แต่พวกเขาให้เหตุผลว่า พล็อตแบบนี้เห็นบ่อยแล้ว และตอนจบค่อนข้างจะเดาได้ง่ายอีกด้วย เลยไม่ค่อยอยากดูพล็อตแบบนี้อีก เรื่องที่แนะนำ : Birdy the Mighty, Kokoro Connect, Your Name   2. ข้ามกาลเวลา เหตุผลที่ชาวญี่ปุ่นเบื่อพล็อตแบบนี้ เพราะตอนจบมันค่อนข้างเดาง่ายอีกนั่นแหละ แม้เนื้อเรื่องจะดีแค่ไหน แต่สุดท้ายตัวเอกก็ต้องเลือกว่าจะทำบางสิ่งบางอย่างที่กระทบต่อเส้นเวลาหรือไม่ เรื่องที่แนะนำให้ดู : Re:Zero, Steins;Gate, Puella Madoka Magica  …

สำหรับคนเลี้ยงสัตว์แล้ว ไม่ใช่การคอยให้อาหารหรือให้ที่อยู่กับมันเท่านั้น แต่ยังมีอย่างอื่นอีกมากมายที่เราอยากทำให้สัตว์เลี้ยงของเรามีความสุข ที่สำคัญมันต้องไม่ทำให้ชีวิตเราวุ่นวายด้วย และของใช้สุดเจ๋งต่อไปนี้ จะทำให้การเลี้ยงสัตว์เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว แม้พาออกไปข้างนอกก็ไม่ใช่เรื่องหนักใจอีกต่อไป แถมสัตว์เลี้ยงยังแฮปปี้สุดๆ ด้วย   1. ที่นั่งในรถสำหรับสุนัข เวลาเอาน้องหมาขึ้นรถเนี่ย พวกมันไม่ชอบอยู่นิ่งๆ อาจจะกัดเบาะบ้าง ขนติดตามเก้าอี้บ้าง หรืออาจฉี่รดเก้าอี้บ้าง ทำให้เจ้าของต้องเหนื่อยในการทำความสะอาด นี่เลยผ้าดีบุกที่ทำมาเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดเหล่านั้น   2. รถไอศกรีมกระดาษแข็ง เป็นกล่องที่ดัดแปลงให้เป็นบ้านสำหรับสัตว์เล็ก และไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเพราะมันสามารถนำมารีไซเคิลและย่อยสลายได้   3. กระเป๋าแมว กระเป๋าเป้ที่จะทำให้ทาสแมวสามารถพาเจ้านายน้อยไปไหนมาไหนด้วยทุกที่โดยไม่ต้องเอาแมวออกจากกระเป๋า เพราะมีช่องให้พวกมันได้ชมสิ่งรอบตัวตลอดทาง   4. หมอนทรงสัตว์เลี้ยง หมอนที่คุณสามารถออกแบบได้เอง โดยจะทำออกมาเป็นให้เหมือนสัตว์เลี้ยงของคุณเลยก็ได้ ให้พวกมันได้หนุนอย่างสบาย หรือเจ้าของจะเอาไว้กอดเองก็ได้นะ   5. หญ้าอเนกประสงค์ หญ้าพลาสติกที่จะกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงของคุณข้ามมานั่งข้างหน้าได้ และคุณยังสามารถเก็บของอื่นๆ เล็กๆ น้อยๆ ได้ด้วย ไม่ตกแตกแน่นอน   6. สายจูงสายลับ สายจูงพิเศษที่ออกมาเพื่อการพาสัตว์เลี้ยงในเวลากลางคืน เพราะสายจูงจะเรืองแสงในที่มืด แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวแล้วว่าจะหากันไม่เจอ   7. ขวดน้ำพกพา H20 ขวดน้ำพร้อมฝาที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณให้น้ำสัตว์เลี้ยงได้ทุกที่ทุกเวลา…

สิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ทุกคนคาดหวังจากลูกคือ การได้เห็นลูกโตมาประสบความสำเร็จ ในขณะที่ลูกๆ ทุกคนก็คงอยากดูแลพ่อแม่ในวัยแก่ชรา แต่ก็ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่จะได้ทำหรือได้เห็นในสิ่งที่ตัวเองคาดหวังไว้ อย่างคุณแม่ Bree Rowand และสามี Luke ที่ต้องพบเรื่องเศร้า เมื่อคุณหมอบอกว่าลูกสาว Kylie วัย 19 เดือนของทั้งคู่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย     Kylie ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งนี้เป็นเวลาหลายเดือน แต่ไม่ว่าจะรักด้วยวิธีไหน ก็ดูเหมือนว่า อาการของเธอก็ไม่ดีขึ้นมาเลย เด็กน้อยจึงต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน ทั้งคู่สร้างเพจเฟสบุ๊คที่ชื่อว่า  “Prayers For Kylie, God’s Little Warrior” ทำให้ผู้คนจากทั่วโลกเข้ามาให้กำลังใจ พร้อมสมทบเงินเป็นค่ารักษาให้พวกเขาด้วย เพื่อให้ทั้งคู่ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้     แต่แล้ว Kylie น้อยก็จากอ้อมกอดพ่อแม่ไปในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2015 สร้างความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตให้กับ Luke และ Bree จนไม่อาจลบเลือนได้ แม้ทั้งคู่จะเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาตั้งใจว่า จะนำเงินที่เหลือไปช่วยครอบครัวอื่นๆ ที่ต้องเผชิญกับโรคร้าย     โดยทั้งคู่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง “Secret In Their Eyes” ที่เป็นเรื่องราวของแม่ที่สูญเสียลูกไปเพราะเหตุฆาตกรรม เธอจึงออกตามล่าฆาตกรนานกว่า 13 ปี สุดท้ายก็เจอ…

การที่คนสองคนจะรักกันได้นั้น บางทีไม่จำเป็นต้องพูดภาษาเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมีฐานะเท่าเทียมกัน แต่พวกเขาก็รักกันได้อย่างลงตัวถ้าเข้าใจกันและรับได้ในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น อย่างเรื่องราวความรักของ Tiffany ครูสาวชาวอเมริกันและ Cai Xiaohua ยามชาวจีน ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน จึงก้าวข้ามอุปสรรคของความแตกต่าง จนลงเอยด้วยชีวิตคู่สุดแฮปปี้     เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้สื่อข่าวจาก Tianzhong Evening News ได้ไปหาทั้งคู่ที่บ้านในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน เพื่อสอบถามเรื่องราวความของทั้งคู่ เพราะตอนนี้ชีวิตของคู่พวกเขาได้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ตแล้ว เรื่องราวของทั้งคู่เมื่อ 9 ปีที่แล้ว… Tiffany  เป็นบัณฑิตมหาวิทยาลัยจากรัฐนิวเจอร์ซีย์ และทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนนานาชาติในกว่างโจว ในขณะ Cai Xiaohua ทำงานเป็นผู้รักษาความปลอดภัย(ยาม) อยู่ที่โรงเรียนเดียวกับ Tiffany ซึ่งเขาก็มักจะยิ้มทักทายนักเรียนและบุคลากรอย่างเป็นมิตรเสมอ     Tiffany เล่าว่า “ฉันจากที่ฉันจบจากมหาวิทยาลัยในอเมริกา ฉันก็เดินมาประจีนคนเดียว ดังนั้นเมื่อเห็นคนที่ยิ้มให้ ฉันจะถือว่าคนนั้นเป็นเพื่อน” ส่วน Cai เกิดที่ชนบทในครอบครัวที่ยากจน และเมื่ออายุ 10 ขวบ พ่อกับแม่ก็อย่ากัน ทำให้พ่อต้องทำงานในฟาร์มเพียงคนอย่างยากลำบาก Cai จึงตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้ครอบครัว หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนงานมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาทำงานเป็นยามที่โรงเรียนและได้เจอกับ Tiffany     Tiffany ได้รู้จักกับ Cai เพราะเธอมักจะเห็นชายหนุ่มเป็นประจำและจะยิ้มให้เสมอ…

เพื่อนๆ คนไหนกำลังตามหาดีๆ สักคน แนะนำให้เลี้ยงสุนัขไว้สักตัวสิ แล้วคุณจะรู้ว่า มันมีค่ามากกว่าสัตว์เลี้ยง ที่สำคัญมันทำให้คุณเข้าใจความหมายของ “เพื่อนแท้” แม้ว่าจะเป็นจะเป็นยังไง ยากดีมีจน หรือไม่สบาย แต่สุนัขก็พร้อมจะเคียงข้างคุณในทุกสถานการณ์ อย่างเรื่องราวของคุณยายท่านนี้ที่ล้มป่วยจนต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลในลอนดอน     เมื่อเจ้าหน้าที่เขาไปช่วยเหลือคุณยาย เพื่อพาไปส่งโรงพยาบาล พวกเขาก็เห็นสุนัขตัวหนึ่งอยู่ข้างๆ คุณยาย โดยไม่ยอมออกห่างเลย เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจพามันไปด้วย และต้องขอบคุณในความสามารถของมันด้วย เพราะสุนัขจะมีความสามารถในดมกลิ่น จนรู้ว่าเจ้าของมีความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย บางตัวยังสามารถบอกได้ว่าใครเป็นเบาหวานหรือมะเร็ง ได้ด้วย     เหมือนกับสุนัขตัวน้อยนี้ ที่รู้ว่าเจ้าของกำลังป่วย ดังนั้นในระหว่างที่คุณยายกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล มันก็นั่งรออยู่ข้างนอกและไม่ยอมไปไหน ตอนนี้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจึงให้การดูแลทั้งคุณยายและสุนัขผู้ซื่อสัตย์ในเวลาเดียวกัน และตัดสินใจที่จะไม่แยกพวกเขาออกจากกัน เพราะทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น และดูเหมือนคุณยายเองก็ไม่มีใครเลย นอกจากสุนัขตัวนี้ บางทีพวกเขาอาจจะเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของกันและกันก็ได้     คุณยายได้รับการดูแลโดยคุณหมอ ในขณะที่สุนัขที่รออยู่ข้างนอกได้รับการดูและโดย A&E ของโรงพยาบาล Northwick Park Hospital พวกเขานำผ้าห่ม อาหาร น้ำ ขนม และคอยดูแลความปลอดภัยให้กับมัน ราวกับมันเป็นแขกคนสำคัญคนหนึ่ง นอกจากเจ้านี้ดังกล่าวแล้ว คนที่ผ่านไปผ่านมาไม่ว่าจะเป็นคุณหมดหรือพยาบาลต่างก็เข้าาทักทายและเอาอาหารให้    …

ถ้าใครที่เป็นคอซีรี่ย์และหนังจีน เชื่อว่าไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อ “พาน อิ๋งจื่อ” นางเอกที่สร้างชื่อเสียงจากการรับบท “บูเช็คเทียน” ในเรื่อง “บูเช็คเทียน จอมนางแดนมังกร” และอาจารย์หญิง “เซียวเหล่งนึ่ง” จากเรื่อง “ลูกมังกรหยก” อย่างแน่นอน     ล่าสุด ได้มีการปล่อยภาพ พานอิ๋งจือในการถ่ายทำโฆษณาชิ้นใหม่ออกมา ซึ่งภาพชุดดังกล่าวได้สร้างความตกตะลึงให้กับชาวโลกเป็นอย่างมาก เพราะพานอิ๋งจือในวัย 71 ปี ยังคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้อย่างน่าตกใจ   เซียวเหล่งนึ่ง ไง จะใครละ?   ประวัติส่วนตัวของเธอ!? พานอิ๋งจือเกิดเมื่อปี วันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1945 แม้เธอจะเป็นหนึ่งในนักแดสงที่เข้าวงการตั้งแต่วัยรุ่น เพราะเข้าวงการมาตอนอายุ 17 ปี แต่ผลงานที่ทำให้เธอโด่งดังจริงๆ ก็คือ “ลูกมังกรหยก” เวอร์ชั่นปี 1984 และ “บูเช็คเทียน” เวอร์ชั่นปี 1985 ซึ่งตอนนั้นเธออายุเกือบ 40 ปีเข้าไปแล้ว   แน่นอนว่าการที่คนอายุ 71 ปี จะดูอ่อนเยาว์ได้ขนาดนี้…

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคลิปๆ หนึ่งที่โด่งดังจนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วโลก นั่นก็คือคลิปวิดีโอของชายหนุ่มคนหนึ่งในสถานีรถไฟใต้ดิน ที่จู่ๆ ก็เดินเข้าไปถีบหญิงสาวตกจากบันไดแบบไร้สาเหตุ (อ่านข่าวเก่าหนุ่มบัลแกเรียถีบหญิงสาวตกบันไดโดยไร้เหตุได้ที่นี่)     ล่าสุดมีรายงานว่าชายหนุ่มคนนี้ได้ถูกจับกุมตัวแล้วเรียบร้อย เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมสำนักข่าวต่างประเทศหลายๆ แห่งเช่น Dailymail หรือ Thesun ได้มีรายงานตรงกันว่านาย Svetoslav Stoykov ชาวบัลแกเรียวัย 27 ปี ได้ถูกเจ้าหน้าตำรวจที่จับกุมตัว หลังจากมีคนขับรถโดยสารคนหนึ่งจำหน้าเขาได้ จึงได้รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาจับกุมเขาโดยทันที     ตามรายงานบอกว่าหลังจากที่เขาก่อเหตุในกรุงเบอลิน ประเทศเยอรมันแล้ว เขาก็ได้เดินทางออกจากเยอรมันไปยังฝรั่งเศสเพื่อไปซ่อนตัวที่บ้านญาติๆ ของเขาในฝรั่งเศส แต่เมื่อกลับไปแล้ว เขาก็เกิดความคิดว่าการอยู่ในฝรั่งเศสน่าจะเป็นอันตรายกว่า และที่เยอรมันคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จึงตัดสินใจบินกลับไปยังกรุงเบอลินอีกครั้งพร้อมกับภรรยา     แต่นั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดทีเดียว เมื่อนาย Svetoslav Stoykov ได้ไปใช้บริการขนส่งสาธารณะ แต่คนขับรถบัสบอกว่าเขาได้ยินเสียงของนาย Svetoslav กำลังเถียงกับผู้โดยสารอีกรายด้วยภาษาบัลแกเรีย ซึ่งคนขับเองเป็นชาวบัลแกเรียเหมือนกัน จึงจดจำใบหน้าของเขาได้ว่าเคยก่อเหตุอะไรมา   เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้ง พวกเขาก็ขนเอาเจ้าหน้าที่กว่าสิบนายมารอรับเขาที่สถานีรถบัส และสามารถเข้าจับกุมเขาได้โดยไม่มีการขัดขืนใดๆ เบื้องต้นเขาได้ถูกตั้งข้อหาทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยเจตนา และอาจถูกจำคุกระหว่าง 6 เดือนถึง 10 ปี…