นี่เห็นอยู่นี้คือหน้าเว็บ CatDumb เวอร์ชันเก่า

หลายคนอาจเคยรู้สึกสนุกกับการดูคลิปบีบสิวเจาะสิวมาหลายต่อหลายอัน แต่บอกเลยว่าคลิปเหล่านั้นจะดูเป็นเด็กน้อยไปเลย เมื่อเทียบกับคลิปการถอนฟันที่ #เหมียวอ๊อดโด้ นำมาให้ชมวันนี้ รับรองว่าดูไปจะต้องซู่ซ่าไปทั้งตัวแน่นอน   ใครคิดว่าฟันของเราหน้าตาแบบนี้ หลังจากดูคลิปด้านล่างจบ ท่านอาจต้องเปลี่ยนความคิด   โดยคลิปดังกล่าวเราจะได้เห็นทันตแพทย์ค่อยๆ ตัดฟันส่วนที่โผล่ออกมา ก่อนจะใช้สว่านเจาะลงไปในรากฟัน (จังหวะนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ แทบจะปิดจอแล้ว)  และดึงออกมาอย่างโหดเหี้ยม     แม้จะโหดเหี้ยมขนาดนี้ แต่คลิปดังกล่าวมีผู้ชมแล้วกว่า 3.5 ล้านคน และมียอดแชร์บนเฟสบุ๊กกว่า 22,000 ครั้ง ใครอยากรู้ว่าโหดขนาดไหน ลองไปชมคลิปกันได้เลย     เห็นแล้วไม่อยากไปถอนฟันเลย อะไรพี่จะโหดเหี้ยมกันได้ขนาดนี้ ฮืออออ ที่มา theladbible

สำหรับชาวตะวันตก เทศกาลคริสต์มาสนั้นสามารถเทียบได้กับวันสงกรานต์ในประเทศไทย ที่เหล่าสมาชิกในครอบครัวต้องกลับมารวมตัวกันที่บ้านเพื่อเฉลิมฉลองและใช้เวลาร่วมกัน สำหรับครอบครัวของ Ashley Sistrunk เช่นกัน ในวันคริสต์มาสเธออยากให้ครอบครัวของเธออยู่กันพร้อมหน้า และใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขในวันคล้ายวันเกิดของพระเยซูคริสต์ แต่นั่นคงเป็นไปไม่ได้ เมื่อ Brandon สามีของเธอผู้เป็นทหาร ต้องประจำการอยู่ในประเทศอิรักอันห่างไกล     “ฉันเห็นเพื่อนๆ โพสรูปวันคริสต์มาสของครอบครัวพวกเขาลงเฟสบุ๊ก ซึ่งมันน่ารักมากๆ แต่เมื่อมองย้อนมาที่ตัวเอง ฉันก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาที่ทำไมฉันถึงไม่มีภาพแบบนั้นบ้าง ฉันก็เลยคิดว่า ‘ฉันต้องมีภาพวันคริสต์มาสบ้างแล้วล่ะ’” Ashley กล่าว “ฉันเลยเปิดหาไอเดียบนอินเตอร์เน็ตไปเรื่อยๆ จนได้ไอเดียขึ้นมา ฉันให้ Brandon ถือป้ายคำว่า “Merry” แล้วก็ถ่ายรูป จากนั้นฉันก็ถือป้าย “Christmas” แล้วค่อยเอามารวมกัน”     “พวกเราแต่งงานกันเมื่อปี 2006 ตั้งแต่เราอายุได้แค่ 18 ปี แต่ด้วยความจำเป็นบางอย่าง Brandon จึงต้องสมัครเข้าเป็นทหารตั้งแต่ฉันท้องได้ 6 เดือน จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่ใจดีมาก เขาสามารถทำทุกอย่างให้กับทุกคนได้ ขอแค่บอกเขา อย่างเช่นภาพคริสต์มาสตลกๆ เหล่านี้ไง” Ashley เล่าอย่างภูมิใจ     Ashley…

ในโลกโซเชียลนั้น เราสามารถสร้างตัวตนแบบไหนก็ได้ตามต้องการ บางคนจึงมักทำให้ตัวเองดูดี ใช้ชีวิตดี๊ดี ทั้งๆ ที่ในความเป็นแล้วอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้ นักศึกษาสาวชาวรัสเซียฉายา Wolf of Wall Street ถูกจับกุมในข้อหาโกงเงินภาษีกว่า 4 พันล้านบาท หลังตำรวจพบว่าเธอมักจะโพสต์ภาพชีวิตสุดหรูลงโซเชียล Anastasia Tsirenschikova นักศึกษาวัย 22 ปี เป็นหนึ่งในห้าผู้ต้องหาที่ถูกจับในข้อหาโกงเงินภาษี แต่กลับใช้ชีวิตหรูในประเทศรัสเซีย     ภาพของเธอแต่ละภาพที่อัพลงโซเชียลนั้นดูดีเกินกว่าวัยรุ่นวัย 22 จะทำได้ถ้าไม่รวยจริง โดยเธอมักจะจิบไวน์ราคาแพง อาบแดดในสถานที่ที่โด่งดัง และการใช้รถยนต์ยี่ห้อหรู นอกจากนี้แล้ว เธอมักไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดัง ที่มีราคาแพงแสนแพง และมีภาพหนึ่งที่เธอนั่งลูบสิงโตที่เลี้ยงไว้ในบ้านด้วย     จากการสอบสวนพบว่า Tsirenschikova มีรายได้มหาศาลเพราะหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีและร่วมมือกับนักธุรกิจหลายพันราย ในธุรกิจการฟอกเงินด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตราที่ผิดกฎหมาย โดยเธอจะติดต่อผ่านบุคคลชื่อว่า Gomma ที่ได้รู้จักกันผ่านเพื่อนสาวของเธอ ในการแลกเปลี่ยนเงินตรานี้จะคิดค่าบริการร้อยละ 2.5 โดยจะฝากใว้ในบัญชีลับที่หลีกเลี่ยงเจ้าหน้าที่ทางการเงินของรัสเซีย     แน่นอนว่าธุรกิจนี้ทำเงินได้จำนวนมากโดยที่ไม่ต้องเสียภาษีเลย และเพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบได้ พวกเขาจึงนำเงินนี้โอนย้ายไปไว้ที่ต่างประเทศ ซึ่งทางตำรวจคาดว่าน่าจะมีเครือข่ายอยู่ต่างประเทศด้วย ในขณะที่ทุกคนที่อยู่ในเครือข่ายนี้ได้รับส่วนแบ่งเฉลี่ยคนละ 108 ล้านบาท นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหญิงสาวถึงใช้ชีวิตหรูทั้งที่ไม่ได้ทำงานเหมือนคนอื่นเลย…

สำหรับเทศกาลคริสต์มาส สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “ซานต้า” และซานต้าที่ติดตาเรามาตั้งแต่เด็กคือ ลุงแก่ๆ อ้วนลงพุงและมีท่าทางใจดี จนเด็กๆ ทุกคนอยากเข้าหา แต่สำหรับในปีนี้จีนได้เปิดตัวกองทัพซานต้าหนุ่ม ล่ำบึก เพื่อมาเอาใจสาวๆ กันบ้าง ดังนั้นต่อไปนี้ไม่ใช่แค่เด็กที่จะตื่นเต้นกับคริสต์มาส แต่มันจะเป็นเทศกาลที่สาวๆ รอคอยเช่นกัน     โดยกองทัพซานต้าหนุ่มเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นที่ห้างแห่งหนึ่งในมณฑลกว่างโจว ซึ่งมีซานต้าทั้งหมด 16 คน และแต่ละคนนั้นก็ใส่แค่กางเกงกับหมวกเท่านั้น ทำให้สาวๆ ได้เห็นกล้ามแน่นๆ ของซานต้าแบบเต็มตาเลย หื้มมมมม ไม่ใช่แค่มองเท่านั้น แต่สามารถเข้าไปถ่ายรูปอย่างใกล้ชิดได้ด้วย ฟินกันให้ฉ่ำใจไปเลยในเวลา 20 นาที งานนี้สาวๆ บางคนไม่ใช่แค่ถ่ายรูปนะ แต่แอบลูบกล้ามของซานต้าด้วย เอาซิ๊ เอาให้คุ้ม     ทางด้านผู้จัดงานบอกว่า กองทัพซานต้าหนุ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดึงดูดให้ผู้คนมาเข้าห้าง และเพื่อเป็นการทำให้วันหยุดของประชาชนมีความพิเศษมากขึ้น ที่สำคัญคือ พวกเขาจะได้เห็นซานต้าในลุคที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วย!!     หลังจากเสร็จภารกิจการเป็นซานต้าแล้ว พวกเขาก็ยังได้ผันตัวไปงานอื่นๆ ด้วย อย่างการแต่งเป็น สปาร์ตัน ไม่สวมเสื้อ ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่กระชุ่มกระชวยหัวใจไปทั่วเมืองเลยทีเดียว   ภาพภารกิจสปาตัน บรรยากาศก็อย่างด้านล่างนี่แหละ…   กริ๊ดดด ซานต้าหล่อ…

เรื่องราวของ Jerina Edwards คุณแม่ลูก 3 วัย 33 ปี ชาวเมืองทุลซา รัฐโอคลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษามากมายเพราะป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2559 โดยหลังจากที่ทราบว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งนั้น Jerina ก็เข้ารับการฉายแสงไปแล้วเป็นจำนวนกว่า 33 ครั้ง รวมถึงการทำคีโม และผ่าตัดเต้านมทิ้ง อีกทั้งโรคที่เป็นก็ทำให้เธอต้องสูญเสียเส้นผมไปทั้งหมดอีกด้วย     แม้ว่าชีวิตของเธอจะต้องมาเจอกับโรคร้าย แต่ครั้งหนึ่ง Jerina ก็ยังได้พบกับเรื่องราวดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งในวันนั้นเป็นวันที่เธอได้ไปรับประทานอาหารกับครอบครัวที่ร้านอาหารจีนแห่งหนึ่ง และหลังจากที่เธอและครอบครัวกำลังรอจ่ายเงินค่าอาหารอยู่นั้น ทางพนักงานของร้านจึงนำบิลค่าอาหารราคาราวๆ 1780 บาท ที่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วมาให้เธอ พร้อมกับมีข้อความระบุเอาไว้ว่า… “เมื่อ 5 ปีก่อน ภรรยาของผมได้จากไปด้วยโรคมะเร็ง ผมรู้ดีว่าการต่อสู้กับโรคนี้มันยากลำบากแค่ไหน สำหรับค่าอาหารมื้อนี้ ผมได้จ่ายให้คุณแล้ว เมอร์รี่คริสต์มาสครับ”     หลังจากอ่านข้อความจบ ก็ทำให้ Jerina รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก และเธอก็ได้นำภาพบิลที่ถ่ายเอาไว้ไปโพสต์ลงในเฟสบุ๊ค เพื่อเล่าเรื่องราวดีๆ ที่เธอได้เจอในวันนั้น “การป่วยเป็นมะเร็งก็มีข้อดีเหมือนกัน เพราะมันทำให้ได้เห็นว่ายังมีคนจิตใจดี และห่วงใยผู้อื่นอยู่บนโลกใบนี้…

นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันหลังจากที่ #เหมียวบ็อบ ได้อ่านข่าวนี้เป็นครั้งแรก กับเหตุการณ์ที่ตำรวจพากันยื่นใบลาออกทั้งโรงพัก หลังถูกนักการเมืองท้องถิ่นบีบบังคับ ให้พวกเค้าทำเรื่องผิดกฏหมาย และเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา สำนักข่าว Dailymail ได้รายงานเรื่องราวของกลุ่มตำรวจจากเมือง Bunker Hill รัฐอินเดียน่า เมื่อพวกเขาไม่ขอทนกับการที่ถูกละเลยสวัสดิการ และความปลอดภัยในชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ จนต้องลาออกกันยกโรงพัก ในข่าวได้ระบุว่า หัวหน้าตำรวจ ‘Michael Thompson’ ได้เซ็นใบลาออกให้ตัวเอง และเจ้าหน้าที่อีก 4 ชีวิตที่ไม่ได้รับเงินเดือนอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ประกอบไปด้วย ‘Nate Ward’, ‘Josh Graham’, ‘Isaac Sprague’ และ ‘Troy Gornto’   หัวหน้าตำรวจ Michael Thompson   อ้างอิงจากจดหมายลาออก เจ้าตัวได้ระบุว่า สภาประจำเมือง Bunker Hill ในรัฐอินเดียน่า (อินดีแอนา) ได้บีบบังคับให้พวกเขาทำสิ่งที่ผิดกฏหมาย ไร้จริยธรรม และผิดศีลธรรม ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสภาได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ ตรวจสอบประวัติเจ้าหน้าที่สภาของเมืองอื่นๆ เพื่อสืบหาประวัติอาชญากรรม…

ใครที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจในวันที่คุณรู้สึกท้อแท้ หมดหวัง เราขอพาไปรู้จักเรื่องราวชีวิต และการต่อสู้ของ ‘Lai Chi-Wai’ หนุ่มนักปีนเขาชาวจีนกับอดีตดีกรีแชมป์ ‘Asian Rock Climbing Championships’ 4 สมัยซ้อน ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ธันวาคม 2011 ได้เกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ยานพาหนะขึ้นกับเขา และไม่น่าเชื่อว่านั่นเป็นวันที่ทำให้เค้าต้องล้มเลิกการปีนเขา อันเนื่องมาจากประสาทสัมผัสช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไป ไม่สามารถใช้การได้ และเค้าต้องใช้ชีวิตอยู่กับวีลแชร์ตลอดนับแต่นั้นมา…   “ตอนที่ผมตื่นนอนขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล หลังผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหมอได้บอกกับผมว่า จากอุบัติเหตุดังกล่าว อวัยวะช่วงล่างของผมได้กลายเป็นอัมพาต และต้องอยู่กับวีลแชร์ไปตลอด” นักปีนเขาผู้ยิ่งใหญ่กล่าว   แต่ทว่าด้วยความที่เค้าเป็นนักกีฬามาโดยตลอด ทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าไม่อาจที่จะอยู่เฉยๆ และรอรับการช่วยเหลือจากคนอื่นได้ หลังจากฟื้นฟูสภาพร่างกายจากอาการบาดเจ็บ เจ้าตัวได้เปลี่ยนไปเล่นกีฬามวยสากลอยู่ช่วงหนึ่ง เพื่อทำให้ร่างกายกลับมาฟิตดังเดิม จวบจนวันที่ลูกชายสุดที่รักของเขาได้ลืมตาขึ้นมาบนโลก ในปี 2014 ซึ่งได้กลายเป็นแรงบันดาลใจทำให้เค้าอยากจะลุกขึ้นมาท้าทายตัวเอง ด้วยการกลับมาเป็นนักกีฬาปีนเขาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะต้องอยู่กับวีลแชร์ก็ตาม     เขาได้กลับมาฝึกฝนปีนเขาอีกครั้ง โดยมีกำลังใจดีๆจากครอบครัวคอยสนับสนุน และเพื่อนฝูงที่เคยเล่นกีฬาด้วยกัน เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เจ้าตัวได้ประกาศว่าจะขอกลับมาท้าทายตัวเอง ด้วยการปีนเขา ‘Lion Rock’ เป็นระยะทาง…

สำหรับคนรักแมว ถ้าคุณอยากสักรูปแมวสักตัวคุณก็คงจะเลือกภาพที่น่ารัก หรือภาพแมวของตัวเอง และไม่ว่าจะดูสวยมีเอกลักษณ์แค่ไหน มันก็คงไม่ดูแปลกหูแปลกตาเท่ากับลายสักแมวต่อไปนี้หรอก Kazuaki Horitomo เป็นศิลปินญี่ปุ่นในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่มีความสนใจในสองสิ่งมากที่สุดในชีวิตคือ แมว และการสัก เขาจึงตัดสินใจนำทั้งสองอย่างมาทำเป็นงานศิลปะที่สร้างสรรค์ภายใต้โปรเจคที่ชื่อ Monmon Cats   นี่มันลาย ‘แมวสักแมว’   Monmon Cats เป็นชื่อเรียกชุดภาพแมวสักแมวของ Horitomo โดยที่เขาจะใช้เทคนิค Tebori (การสักมือแบบญี่ปุ่น) ในการสร้างสรรค์ผลงาน ทั้งการลงหมึกบนผิวหนัง รวมไปถึงสื่อสิ่งพิมพ์ เสื้อผ้า และสินค้าอื่นๆ ด้วย     ผลงานของเขามีความโดดเด่นตรงที่ลายสักหรือลายแมวนั้นจะแตกต่างจากที่เราเคยเห็นอย่างสิ้นเชิง เป็นการนำศิลปะดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นมาผสมกับแนวคิดภาพการสักแมว ดังนั้นภาพแมวของเขานั้นจะมีลายสักทุกตัว ซึ่งเป็นลายเดียวกันที่เขานำไปสักให้กับลูกค้าที่สนใจด้วย     ในกรณีที่เป็นการสักแมวบนร่างกาย ศิลปินก็จะสักเป็นรูปแมวที่มีรอยสักอีกที ดังนั้นแมวที่เราได้เห็นจากงานของเขานี้ จึงดูไม่อ่อนโยนหรือน่ารักเหมือนดั่งงานสักชิ้นอื่นๆ เพราะผลงานชุดนี้ จะออกแนวแปลกตาไปเสียหน่อย แต่ดูแข็งแรง ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เขากลายเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง นับว่าเป็นการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักได้อย่างคุ้มค่ามาก และเพราะความแหวกแนวนี้เอง ที่ได้สร้างรายได้ให้กับเขาได้มากมายเลยทีเดียว              …

งานศิลปะที่เราเห็นๆ กันอยู่นั้นมักจะถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกและความชอบของศิลปิน จึงทำให้เราได้เห็นผลงานที่มีความหลากหลายแต่มีเอกลักษณ์ Haenuli เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่มีผลงานไม่ซ้ำใคร ซึ่งเธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะชอบผลงานของเธอ แต่แค่อยากให้ผู้คนได้เห็นงานศิลปะที่มีความแตกต่างออกไป     ครั้งหนึ่งเมื่อ Haenuli ได้เดินทางไปเยี่ยมชมงานศิลปะที่พิพิธภัณฑ์ Paris Orsay เธอได้เห็นภาพวาดชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นผลงานของ Marianne Stoke ซึ่งมีชื่อภาพว่า ‘Young girl and the angel of death’ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนความตายมายืนอยู่ตรงหน้า ภาพดังกล่าวนี้ทำให้ Haenuli ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นงานศิลปะที่เผยให้เห็นด้านมืดของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นความตายหรือความเศร้าพร้อมคำบรรยายที่เป็นการเปรียบเทียบอารมณ์ต่างๆ   เธอคือเจ้าหญิงและราชินีของฉัน   ตั้งแต่นั้นมา ภาพชุดนั้นก็เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้  Haenuli นำไปจัดการกับภาวะความซึมเศร้าของตัวเอง เธอคิดถึงเพื่อนมากมายที่หายไป การอกหัก และคิดถึงช่วงเวลาที่ยากเย็น กว่าจะผ่านมันไปได้ แต่เธอก็ได้ยอมรับความเศร้าของตัวเอง และเริ่มที่จะถ่ายทอดความเศร้านั้นออกมาเป็นภาพวาด พร้อมแคปชั่นเล็กน้อย เพื่อเป็นการระบายความเศร้าและเป็นการปลอบใจตัวเอง จนทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น   รออยู่ตรงนี้นะ   ฉันจะอยู่ตรงนี้เพื่อคุณ   เธอคือดาวตกอันเจิดจรัสของฉัน   ฉันต้องอยู่กับวันที่แสนยาวนานและยากลำบาก   ถามอะไรหน่อยสิ – ว่าไง?…

ปัจจุบันนี้การเซลฟี่ทำได้ง่ายมากๆ แค่มีกล้องก็ยกถ่ายได้เลย ดังนั้นจึงทำให้เราได้เห็นภาพเซลฟี่ตามสื่อโซเชียลมากมาย ทั้งของเพื่อนๆ และเหล่าคนดังระดับโลก ซึ่งมีทั้งภาพทั่วไป และภาพที่โด่งดังจนกลายเป็นภาพสำคัญก็มี อย่างภาพที่เรานำมาฝากกันวันนี้ ที่เรียกได้ว่าเป็นภาพเซลฟี่ที่โด่งดัง ท่ามการณ์เหตุการณ์สำคัญของโลกตลอดปี 2016 นี้ ซึ่งอาจจะเคยผ่านหูผ่านตาเรามาบ้างแล้ว   1. ภาพฝูงชนพยายามจะเซลฟี่กับ Hillary Clinton ในออร์แลนโด เมื่อเดือนกันยายน   2. Leo ร่วมเซลฟี่หลังรับรางวัลออสการ์ ช่างภาพถ่ายหนัง Emmanuel Lubezki นักแสดง Leonardo DiCaprio และผู้กำกับ Alejandro Gonzalez Inarritu ได้รับรางวัลจากภาพยนตร์ The Revenant ร่วมถ่ายเซลฟี่ในงานประการรางวัลออสการ์ประจำปีครั้งที่ 88 ที่โรงละคร Dolby วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2016 ในฮอลลีวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย   3. แก๊งชายหนุ่มเซลฟี่เรียงกันเป๊ะทั้งที่ไม่ได้นัดกันไว้   4. นักบินอวกาศ Tim Peake ชาวอังกฤษ เซลฟี่ตอนเดินกลางอวกาศครั้งแรก   5. ผู้ลงคะแนนถ่ายรูปกับแบคดรอปของหน่วยเลือกตั้ง หลังจากลงคะแนนที่ Big Bear…

ใครเป็นคนขี้ลืมบ้าง? แม้จะไม่ใช่คนขี้ลืมแต่เชื่อว่าบางทีเราก็คงมีหลงๆ ลืมๆ กันบ้างแหละเนาะ ซึ่งการลืมบางอย่างอาจทำให้เราหงุดหงิดได้ ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เราขำได้เช่นกัน อย่างกรณีนี้ เมื่อนักท่องเที่ยวคนหนึ่งตัดสินใจมาเช็คอินที่ที่สนามบินมาลาวี ในแอฟริกา ด้วยร่างเกือบจะเปลือย เพราะมีเพียงกางว่ายน้ำกับรองเท้าแตะเท่านั้น ทำให้ผู้คนหันมามองกันใหญ่เลย Greig Bannatyne ได้เข้าร่วมว่ายน้ำเพื่อการกุศลที่ทะเลสาบมาลาวี แต่เมื่อถึงเวลากลับ เขาก็พบว่าตัวเองลืมเอาชุดขากลับมาเปลี่ยนซะงั้น     จากที่พักของเขาไปยังสนามบินนั้น ต้องนั่งรถบัส 4 ชั่วโมง Bannatyne ไม่มีทางเลือก เลยนั่งรถบัสด้วยกางเกงว่ายน้ำเพียงตัวเดียว เมื่อมาถึงสนามบินมาลาวี เขาก็ได้ต่อแถวเช็คอินหมือนคนอื่น แม้จะอายมากๆ ก็ตาม แต่แล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เดินเข้ามาบอกว่า  ‘คุณไม่สามารถเข้าข้างในด้วยสภาพนี้ได้นะ’ เขาจึงพยายามอธิบายให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า ‘ที่ผมต้องอยู่ในสภาพนี้เพราะไปว่ายน้ำการกุศลมา แล้วลืมเอาชุดมาเปลี่ยนน่ะ’ เมื่อทราบเหตุผลแล้วว่า ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจเปลือย เจ้าหน้าที่จึงปล่อยให้เขาผ่านเข้าไปได้ แต่แม้จะผ่านด่านนี้ไป เมื่อเขาเดินเข้าไปเช็คอิน ทั้งพนังงานและผู้โดยสารคนอื่นๆ ต่างพากันหัวเราะเขา จะให้หนีไปไหนก็คงไม่ได้แล้วล่ะ     หลังจากเช็คอินแล้ว เขาก็ไปนั่งรอตรงที่ติดกับทางเดิน เพราะมันว่างพอดี ทีนี้หล่ะ ยิ่งถูกมองหนักเข้าไปอีก และยิ่งไปกว่านั้น เขาก็โดนถ่ายรูป ถูกโพสต์ลงในโลกออนไลน์ด้วย ต่อมาก็มาถึงจุดที่เขาต้องตรวจหนังสือเดินทาง ตำรวจก็ได้ซักถามเขาสองสามอย่าง…

เมื่อพูดถึงกลางเรนเดีย เรานึกถึงอะไรบ้าง? นึกถึงกลางของลุงซานต้าเลย แต่เราเคยเห็นมีใครเลี้ยงกวางเรนเดียร์แบบใกล้ชิดบ้างมั้ย นอกจากสวนสัตว์ งั้นวันนี้เราตามช่างภาพ Joel Santos ไปทำความรู้จักกับหมู่บ้านที่ใช้ชีวิตใกล้ชิดกับกวางเรนเดียร์กันหน่อยดีกว่า ดูแล้วเพื่อนๆ อาจจะแอบอิจฉาเบาๆ ก็ได้     ช่างภาพ Santos ได้เดินทางกว่า 1,000 กิโลเมตร เพื่อไปยังเทือกเขาอัลไต ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศมองโกเลีย ในเดือนกันยายน ปี 2016 นี้เอง Santos ตั้งใจไปยังหมู่บ้านของชนเผ่า Ganbaa ที่ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบ Khovsgol ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 4 วันกว่าจะไปถึง และโชคดีมากๆ ที่มีคนในหมู่บ้านขี่ม้านำทางพาไปด้วย   Purev ผู้นำหมู่บ้านของชนเผ่า Ganbaa โพสต์ท่าถ่ายภาพคู่กับบ้านที่ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาอัลไต ฝั่งมองโกเลีย   และแล้วเขาก็มาถึงหมู่บ้าน Ganbaa โดยมีผู้นำหมู่บ้านคือคุณ Purev และชาวบ้านที่นี่จะมีเพียงไม่กี่คน ลักษณะการอยู่อาศัยของพวกเขานั้น จะอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่มากกว่าเป็นเพื่อนบ้าน และที่สำคัญคือ ทุกคนที่นี่จะใกล้ชิดกับกวางเรนเดียร์มากๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็จะใช้กวางเรนเดียร์เป็นพาหนะในการเดินทาง ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ดูแลพวกมันอย่างดีเช่นกัน   หนึ่งในสมาชิกของหมู่บ้านที่อายุน้อยที่สุด ได้ขึ้นกอดหลังกวางเรนเดียร์อย่างคุ้นเคย   โดยปกติแล้วทางตอนเหนือของประเทศมองโกเลียแห่งนี้ จะมีกวางเรนเดียร์อาศัยอยู่จำนวนมาก…

จะว่าไปแล้วสำหรับผู้ใหญ่ที่เข้าสู่ช่วงวัยทอง คงไม่มีอะไรจะทำร้ายจิตใจพวกเค้าไปได้มากเท่ากับการที่ถูกปล่อยให้อยู่อย่างเหงาหงอย และเดียวดาย ในช่วงบั้นปลายของชีวิต เช่นเดียวกับคุณแม่ชาวจีน Li Yanling วัย 63 ปีคนนี้ ซึ่งเธอได้ลงประกาศตามหาคนที่จะมารับบทเป็นลูกสาว เพื่อที่จะได้ออกไปเที่ยวเป็นเพื่อนเธออย่างสนุกสนาน ให้เหมือนกับว่าเธอมีลูกสาวมาด้วยจริงๆ   คุณแม่ Li Yanling   จากการรายงานของ OddityCentral ระบุว่า เธอได้โพสต์ข้อความตามหาหญิงสาวที่มีช่วงอายุประมาณ 19 – 24 ปี ให้มาอยู่เป็นเพื่อนเธอ ในระหว่างที่เธอไปเที่ยวต่างเมือง ผ่านแอพฯ WeChat โดยเธอได้ระบุอีกว่า ในช่วงวันหยุดฤดูหนาวนี้ เธอมีความฝันที่อยากจะเดินทางไปเที่ยวทะเลที่เมืองซานย่า แต่ก็กลัวว่าถ้าไปคนเดียวแล้วจะเหงา อีกทั้งเธอพร้อมที่จะมอบ iPhone 7 เป็นโบนัสให้กับคนที่พร้อมจะไปกับเธอ แน่นอนว่าการเดินทางครั้งนี้ ฟรีตลอดทั้งทริป!!   เงินจำนวนมาก แพ็คเกจทัวร์ และ iPhone 7 ที่เธอเตรียมไว้ให้สำหรับคนที่พร้อมจะไปด้วยกัน   จากการสืบข้อมูลของ CCTV สำนักข่าวจีน ได้ความว่า ที่จริงแล้วเธอมีสามี และลูกสาว แต่ทว่าลูกสาวไปเรียนต่อที่แคนาดา ส่วนฝ่ายสามีกำลังออกไปปีนเขาอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิท ด้วยความที่เธอเกรงใจลูก และสามี…

ก่อนหน้านี้ลูกพี่เหมียวจอมหื่น #จ่าสิบเหมียว ได้ลงเรื่องราวของหนุ่มเมกัน ที่บัตรเครดิตของเขาเกิดผิดพลาด ได้รับวงเงินอย่างไม่จำกัด พลิกชีวิตจากดินสู่ดาวมาแล้ว (ติดตามข่าวเดิมได้ที่นี่) แถมศาลยังยกฟ้องกรณีที่เจ้าตัวถูกธนาคารฟ้องอีกด้วย แต่สำหรับคราวนี้ เกิดเหตุการณ์คล้ายๆกัน เมื่อสาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ผู้อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย Christine Jiaxin Lee วัย 21 ปี ที่จู่ๆก็มีเงินเด้งเข้าบัญชีเธอมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเจ้าตัวก็คิดว่าพ่อแม่ใจดีโอนมาให้ซะอีก   Christine Jiaxin Lee   ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 จู่ๆก็มีเงินเด้งเข้าบัญชีเธอเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าวงเงินสูงขนาดนี้ ใครล่ะจะอดใจไหว เธอจึงเอาไปช็อปปิ้งอย่างสนุกสนาน (แอบนิสัยไม่ดีเนาะ) จากการรายงานของ Dailymail ได้ระบุว่า เธอถลุงเงินไปกับการช็อปปิ้งกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า สินค้าแฟชั่นแต่งตัวจากแบรนด์ดังทั้งหลาย ซึ่งเธอจ่ายเงินไปสูงถึง 8 ล้านบาท ไปกับการช็อปกระเป๋าแบรนด์ Dior ภายใน 1 วัน   คอลเล็คชั่นกระเป๋าส่วนหนึ่งของเธอ เรียกได้ว่าหรูหราสุดๆ   นี่ก็อีกส่วนหนึ่ง   และนี่ก็ด้วย…

ดูเหมือนว่าอะไรที่มันเนียนจนเกินไป อาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ ก็แหม..คุณยายเค้าฝีมือดี สามารถสร้างตุ๊กตาเด็กทารกออกมาได้จน #เหมียวบ็อบ ก็คิดว่าเป็นเด็กทารกจริงๆ ถึงกับเล่นเอาคุณตำรวจเข้าใจผิดกันเลยล่ะ สำนักข่าว Metro รายงานว่า คุณยาย Kathy Cadle ผู้ประดิษฐ์ตุ๊กตาเด็กทารก และนำไปขายผ่านทางอินเตอร์เน็ต ถูกตำรวจตั้งข้อหาว่าเธอค้ามนุษย์!!   ร้านค้าบนเฟซบุ๊คของเธอมีชื่อว่า Bunny Bundles ดูจากในรูปแล้ว มันเหมือนม๊ากกก!!   เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่ง เธอกำลังวุ่นกับการผลิตตุ๊กตาเด็กทารก กับหลานชายในบ้านของเธอเอง แต่แล้วจู่ๆก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเคาะประตู พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาว่า เธอค้าขายมนุษย์ผ่านอินเตอร์เน็ต และจำเป็นที่จะต้องนำตัวไปสอบสวนที่โรงพัก!! อยู่ดีๆก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โตซะได้ เธอถูกพาตัวไปที่สถานีตำรวจ และทำการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ แน่นอนว่าทั้งหมดมันไม่ใช่ของจริง เธอจึงจำเป็นต้องอธิบายให้พวกเขาเข้าใจว่า ตุ๊กตาทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากไวนิล และเป็นภูมิปัญญาของครอบครัวเธอ ที่สอนกันมาจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่อดีต   มันเหมือนมากจริงๆนะเนี่ย แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง   อีกทั้งเธอยังต้องไปแก้ต่างกับทางเจ้าหน้าที่อีกด้วยว่า เหตุผลที่เธอสร้างตุ๊กตานี้ขึ้นมา ก็เพื่อใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์ โดยมักจะเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้สูงอายุนั่นเอง ซึ่งสุดท้ายแล้วเธอก็พ้นข้อกล่าวหา เพราะนั่นมันไม่ใช่เด็กของจริง จากข่าวนี้ทำให้ #เหมียวบ็อบ เข้าไปดูในเฟซบุ๊คร้านค้าของเธอ แล้วพบว่าทุกผลงานที่เธอสร้างขึ้นมา มันเหมือมากจริงจริ๊ง ลองตามไปดูภาพผลงานส่วนหนึ่งของเธอกันเลย……

ทุกวันนี้แม้จะมีกระบวนการทางกฏหมายที่ให้ความยุติธรรมกับประชาชน แต่จะเห็นได้ว่า บางทีก็เกิดความผิดพลาดจนทำให้คนคนหนึ่งต้องถูกตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม   อย่างกรณีนี้ เมื่ออดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก Fort Worth ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ในข้อหาข่มขืนเด็กอายุ 13 ปี แต่หลังจากติดคุกนาน 21 ปี เขาก็ถูกปล่อยตัวเมื่อความจริงเปิดเผย Brian Franklin เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกลูกเลี้ยงของเพื่อนกล่าวหาว่า เขาข่มขืนเธอในปี 1994 จนทำให้ศาลตัดสินให้เขาติดคุกตลอดชีวิตตั้งแต่ปี 1995     ในการพิจารณาคดีครั้งแรกนั้น ทางฝ่ายโจทก์ไม่ได้มีหลักฐานว่าถูกทำร้าย หรือไม่มีการตรวจดีเอ็นเอเลย แต่เธอได้จ้างพยานเท็จมาให้การ ซึ่งคำให้การของเขาก็หนักแน่นชัดเจนทุกคำพูด Franklin จึงถูกจำคุกตลอดชีวิตโดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ในขณะที่ทางครอบครัวของเขาเองก็ไม่ปักใจเชื่อ ดังในระหว่างที่เขาติดคุก ทางครอบครัวจึงได้พยายามหาความจริง     จนกระทั่งเรื่องของเขาได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีกครั้งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยทางโจทก์ซึ่งปัจจุบันอายุ 30 ปี กลับคำกล่าวหา และรับสารภาพว่า เธอไม่ได้ถูก Franklin ข่มขืนตามที่ได้กล่าวหา และยังพบอีกว่า ก่อนที่จะกล่าวหาตำรวจนั้น เธอไม่เคยมีพเพศสัมพันธ์มาก่อน แต่ถูกพ่อเลี้ยงซึ่งเป็นเพื่อนกับตำราจ พยายามคุกคามทางเพศ และบังคับทำร้ายเธอ หญิงสาวจึงเกิดความกลัว และไม่กล้าบอกใครว่าถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย จึงป้ายความผิดไปให้ Franklin เพราะเขาเป็นคนใกล้ชิดกับพ่อเลี้ยงเธอ…

ก็อย่างที่รู้กันอยู่ว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งอุปกรณ์ในสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องน้ำ และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็อยากจะขอพาเพื่อนๆ ไปชมคลิปวิดีโอสอนวิธีการใช้ห้องน้ำสาธารณะในประเทศญี่ปุ่น หากใครจะไปเที่ยวศึกษาไว้รับรองได้ผลอย่างแน่นอน!!   ก่อนอื่นเลยก็เรื่องของส้วม ที่มีทั้งแบบดั้งเดิมและแบบชักโครก ซึ่งแน่นอนว่าวิธีใช้งานก็แตกต่างกันออกไป มาเริ่มต้นกันที่แบบดั้งเดิม วิธีใช้ก็คือนั่งยองๆ เหมือนกับส้วมซึมของบ้านเรา พอทำธุระเสร็จสรรพแล้วปัญหาก็คือวิธีการชำระล้างนี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่ จากในคลิปก็จะแนะนำวิธีการใช้งาน 2 แบบด้วยกัน ซึ่งก็มีสองท่าด้วยกัน ซึ่งก็คือท่างวงช้าง และท่าหางม้า   ท่างวงช้างก็คือการนำกระดาษชำระเข้าล้วงเข้าไปทางด้านหน้าแล้วก็ลากปาดออกมา   ส่วนท่าหางม้าก็คือการอ้อมไปข้างหลังแล้วก็ปาดลากออกมา (ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ??)   แน่นอนว่าที่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีส้วมที่เป็นแบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แบบชักโครกเค้าก็มีเหมือนกันนะเออ แต่จะมีความพิเศษกว่าที่อื่นๆ ก็คือระบบการชำระล้างแบบอัตโนมัตินี่แหละ ซึ่งตามห้างของบ้านเราก็เริ่มมีมาให้ลองได้ใช้งานกันบ้างแล้ว สำหรับคนที่เคยใช้งานมาแล้วก็จะรู้ว่าไอ้ระบบชำระล้างของมันนั้นเป็นอะไรที่ใช้ยากซะเหลือเกิน เพราะมันไม่เคยจะตรงจุดซักที (หรือเรานั่งไม่ตรงเองหว่า?) ในคลิปก็เลยแนะนำวิธีการเพื่อให้การชำระล้างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นประกอบไปด้วย 3 ท่าดังนี้   ท่าทอร์นาโด ท่านี้ไม่ยากให้หมุนเอวของเราไปรอบๆ เป็นวงกลมเพื่อขยายพื้นที่การทำความสะอาดให้มากยิ่งขึ้น   ท่าซูโม่ เป็นการยกเท้าซ้ายและเท้าขวาขึ้นทีละข้าง คล้ายกับท่าเตรียมพร้อมของนักซูโม่ เพื่อช่วยให้อุปกรณ์ฉีดน้ำสามารถฉีดได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น   ท่านักบดยา คือการขยับเอวไปหน้าหลัง เพื่อขยายพื้นที่การทำความสะอาดและช่วยให้เครื่องฉีดน้ำสามารถยิงน้ำได้ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น   เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากในห้องน้ำของประเทศญี่ปุ่นจะมีกระดาษไว้สำหรับเช็ดมือแล้ว…

ในระบบการศึกษา ‘มหาวิทยาลัย’ ถือเป็นสถาบันการศึกษาที่เรียกได้ว่าเป็นจุดสูงสุด ที่จะทำให้เหล่านักเรียนสามารถยกระดับความรู้ในเชิงวิชาการของตัวเองขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ และสามารถนำใบปริญญาไปใช้ในการสมัครงานและเพิ่มฐานเงินเดือนขึ้นได้อีกด้วย และแน่นอนว่าหลายๆ คนที่ตั้งใจจะเรียนในระดับมหาวิทยาลัยก็ต้องเลือกที่ที่มีชื่อเสียงเพื่อการันตีความสามารถของตัวเอง แต่เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมว่ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของแต่ละประเทศทั่วโลกนั้นเค้ามีค่าเทอมกันเท่าไหร่ ถ้าเรามีโอกาสได้ไปเรียนที่นั่นจะมีโอกาสจ่ายไหวมั้ย? ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมค่าเทอมของมหาวิทยาลัยเหล่านั้นกัน จะเป็นอย่างไรบ้างลองไปชมกันได้เลยจ้า   มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของต่างประเทศ (ค่าเทอมในระดับปริญญาตรีเฉลี่ยต่อปี )   ประเทศสหรัฐอเมริกา   1. สถาบันเทคโนโลยี Massachusetts Institute of Technology ปีการศึกษาละ 1.67 ล้านบาท   2. มหาวิทยาลัย Harvard ปีการศึกษาละ 1.62 ล้านบาท   ประเทศอังกฤษ   3. มหาวิทยาลัย Cambridge ปีการศึกษาละ 1.07 ล้านบาท   4. มหาวิทยาลัย Oxford ปีการศึกษาละ 995,500 บาท   ประเทศสวิตเซอร์แลนด์  …

คุณพ่อถึงกับหัวร้อน เมื่อรู้ว่าพนักงานส่งของจากบริษัทขนส่ง Yodel นำกล่องของขวัญวันคริสต์มาสของลูกๆ ของเขาไปไว้ในถังขยะ หลังจากที่พยายามเรียกหาเจ้าของบ้านแล้วไม่พบ Anthony Thomas จากเมือง Caerphilly ประเทศเวลส์ ได้ทำการโพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นถึงชายที่สวมเสื้อสีเขียวอันเป็นเครื่องแบบของบริษัทขนส่ง Yodel ได้นำกล่องสีน้ำตาลเล็กๆ สองกล่อง ที่บรรจุของขวัญวันคริสต์มาสสำหรับลูกๆ ของเขา ทิ้งลงไปในถังขยะเขียวที่หน้าบ้านของเพื่อนบ้าน     พร้อมกับเขียนบันทึกไว้บนเอกสารการส่งไว้ว่า “ผมได้เอาพัสดุของคุณไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัย ในถังขยะเขียว (ไม่มีใครอยู่บ้านรวมถึงเพื่อนบ้าน)” คุณ Thomas ได้ทำการโพสต์ภาพดังกล่าวเพื่อคอมเพลนการทำงานของเจ้าหน้าที่ของบริษัท Yodel ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ค Yodel – Unofficial complaints บอกว่า “สิ่งของเหล่านี้สำหรับลูกๆ ของผม ที่ตอนนี้ผมได้รับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลังจากที่มันถูกทิ้งลงไปอยู่ในถังขยะ ลูกๆ ของผมคงไม่ต้องการมันอีกแล้ว จริงๆ ในสวนหลังบ้านกล่องสีดำอยู่ ถ้าเอาไปไว้ในนั้นมันจะดีกว่านี้”     หลังจากนั้นไม่นานก็มีลูกค้าคนอื่นๆ ที่เคยประสบกับปัญหาเดียวกันเข้ามาคอมเม้นท์ “เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาฉันก็เพิ่งโดนมาเหมือนกัน แต่พวกเขาไม่ได้ติดโน้ตอะไรไว้ให้เลย แต่โชคดีที่พอเปิดถังขยะออกมาแล้วก็สังเกตเห็นกล่องพัสดุพอดี ดีนะที่ไม่ทิ้งมันไปซะก่อน” ทางด้านโฆษกของ Yodel ก็ได้ออกมากล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “พวกเราต้องขออภัยเป็นอย่างสูงสำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นกับลูกค้า”…

ด้วยสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม รวมไปถึงวิถีชีวิตที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ก็ทำให้แต่ละที่ย่อมมีเสน่ห์ของตัวเองในแบบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งงานนี้เว็บไซต์ familybreakfinder ก็ได้ทำการรวบรวมสโลแกนแต่ละประเทศจากทั่วโลก ให้อยู่ในแผนที่ชวนให้เข้าใจกันได้ง่ายๆ แต่ด้วยความที่มันเยอะ และละเอียด ถ้าจะให้พูดถึงทุกประเทศทั่วโลก อ่านกันวันนี้ก็คงไม่จบ #เหมียวบ็อบ เลยขอยกตัวอย่างประเทศที่เด่นๆ แทนละกันเนาะ เราตามไปดูกันเลย..   ทวีปอเมริกาเหนือ แคนาดา – มีอะไรให้สำรวจอีกเยอะแยะ, สหรัฐอเมริกา – มีทุกอย่างแค่คุณมาให้ถึง, โคลัมเบีย – ราวกับเวทมนตร์ในชีวิตจริง, เวเนซูเอล่า – อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่คุณต้องมา   ทวีปอเมริกาใต้ เปรู – ที่อยู่ของเผ่าอินคา, โบลิเวีย – โบลิเวียรอคุณมาสัมผัสอยู่นะจ๊ะ, ชิลี – พร้อมจะต้อนรับทุกคน, บราซิล – เหมือนได้สัมผัสใบกระเพรา, ปารากวัย – ต้องมาซักครั้งในชีวิต   ทวีปเอเชีย รัสเซีย – ท้าพิสูจน์ความโหดสัสในตัวคุณ, จีน – จี๊นจีน, อินเดีย…

จะว่าไปแล้วสำหรับการที่ผู้ชายจะขอฝ่ายหญิงแต่งงาน ก็ต้องมีการแอบทำเซอไพรส์กันบ้างล่ะ บ่อยครั้งเราจะได้เห็นฝ่ายชายแอบซุกซ่อนแหวนแต่งงานไว้ แล้วเอาออกมาเซอไพรส์ท่ามกลางประชาชน ให้ได้ร่วมเป็นสักขีพยานกัน เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่งาน ‘San Diego Comic Con’ ปี 2016 ที่ผ่านมา ซึ่งภายในงานก็มีการแสดงจากหนุ่มสาว ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเป็นแฟนกัน แต่ว่างานนี้ฝ่ายชาย ‘Robert Monroe’ ขอคอสเพลย์เป็น ‘Kylo Ren’ ตัวร้ายที่มาปรากฏตัวใน Star Wars: Force Awakens คู่กับแฟนสาว ที่คอสเพลย์เป็น ‘Rey’   และการแสดงชุดนี้ ทั้งคู่ได้งัดเอาไลท์เซเบอร์มาฟาดฟันกันบนเวที ให้แฟนบอยสตาร์วอร์ส คิดถึงกันเล่นๆ   ในขณะที่กำลังดวลกันอยู่ ดูเหมือนว่า ‘Kylo Ren’ จะเสียท่าให้กับ ‘Rey’ จากพลังอาชล่า ซึ่งเป็นพลังของด้านสว่าง เรียกได้ว่าเสียหลักไปเต็มๆ   แต่ดูเหมือนจะมีอะไรผิดคิวนิดหน่อย อยู่ดีๆเจ้าตัวก็ถอดหมวกออก เอ๊ะ..หรือจะบาดเจ็บอะไรรึเปล่า? แบบนี้เราไม่ได้ซ้อมกันไว้นี่นา…   ที่จริงแล้ว… ‘Will you marry me?’…

พักหลังมานี้รู้สึกว่า ซีรี่ย์เกาหลีจะมาแรงมากโดยเฉพาะในกลุ่มสาวๆ #เหมียวขี้ส่อง เลยเปิดเข้าไปดูบ้าง แล้วถึงได้เข้าใจว่า มันเป็นเพราะความหล่อกระชากใจของเหล่าบรรดาโอปป้านี่เอง >< แต่สำหรับวันนี้ พักซีรีย์เกาหลีไว้ก่อน เพราะเราจะแนะนำให้รู้จักกับ นักกีฬาจากแดนมังกรที่รับรองได้ว่า มีดีกรีความหล่อไม่แพ้โอปป้าเกาหลีอย่างแน่นอน   Dong Li นักกีฬาฟันดาบทีมชาติจีน วัย 23 ปี   เทพบุตรรูปงามคนนี้ก็คือ Dong Li วัย 23 ปี เป็นนักกีฬาฟันดาบทีมชาติจีน หลังจากได้เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เขาก็กลายเป็นคนโด่งดังในโลกโซเชียลทันที ไม่มีใครรู้หรอกว่า ฝีมือการฟันดาบของเขานั้นร้ายกาจแค่ไหน แต่ที่ทุกคนรู้และสัมผัสได้เหมือนกันคือ ความหล่อที่มากจนสาวๆ ต้องกดปุ่มหัวใจให้รัวๆ และเพียงชั่วข้ามคืน เขาก็กวาดหัวใจแฟนคลับไปกว่าล้านคนทั่วโลกแล้ว     นอกจากหน้าตาและความสามารถแล้ว รูปร่างก็ใช่ย่อย เพราะ Dong Li  มีความสูงถึง 192 เซนติเมตร น้ำหนักตัวอยู่ที่ 78 กิโลกรัม โอ้ยยย หุ่นดีสมส่วน!! อะไรจะเพียบพร้อมขนาดนี้คะ คุณขาาาาาา… สำหรับ Dong Li ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นนักกีฬาฟันดาบทีมชาติครั้งแรกเมื่อปี 2014 ในการแข่งขัน National…

เมื่อพูดถึงเซกส์ทอย (Sex toy) แล้ว มันก็เกิดมาเพื่อเพิ่มความบันเทิงในการบำเรอความสุขทางเพศ และไม่น่าจะสามารถนำไปใช้เพื่อเกิดประโยชน์อันอื่นใดได้อีกแล้ว แต่สำหรับคลิปที่จะได้ดูต่อไปนี้ จะทำให้เพื่อนๆ เห็นว่า จริงๆ แล้วมันมีประโยชน์มากกว่าที่คิด ถึงกับสามารถกำจัดคนร้ายที่จะมาปล้นร้านได้เลยนะเออ     เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ร้าน  “one-stop love shop” ตั้งอยู่ในห้างแห่งหนึ่งของรัฐแคลิฟอเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา อันเป็นร้านของเล่นผู้ใหญ่ และด้วยความเป็นร้านเซกส์ทอย คนร้ายจึงเลือกร้านนี้เพราะคิดว่า คงไม่มีอาวุธที่พนักงานจะเอามาต่อกรได้ ที่สำคัญพนักงานก็มีแต่ผู้หญิง งานนี้ก็หวานหมูเลยสิ     และแล้วคนร้ายก็เริ่มลงมือ เดินเข้าไปในร้านพร้อมชักปืนออกมา แล้วก็บังคับให้พนักงานนำเงินใส่ถุง แต่พนักงานสาวปฏิเสธอย่างไม่เกรงกลัว     แม้คนร้ายจะมีปืนอยู่ในมือ ทางด้านพนักงานสาวกลับไม่เกรงกลัวเลยสักนิด นอกจากไม่ทำตามคำสั่งแล้ว เธอยังด่าใส่คนร้ายแบบจัดหนักจัดเต็มมาก แต่คนร้ายเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะถอยเลย     จนกระทั่งมีพนักงานอีกคน เดินออกมาจากข้างหลัง เธอคนนี้มาแบบนิ่ง ไม่พูดอะไรมาก แต่ในมือนั้น หยิบเซกส์ทอยขึ้นแล้วก็ปาใส่คนร้ายไปหลายที จนคนร้ายเริ่มงง ‘เซกส์ทอยเอามาปาแบบนี้ก็ได้หรอ?’ ในที่สุดคนร้ายก็ตัดสินใจยอมแพ้ และเดินออกจากร้านโดยไม่ได้เงินเลย…     หลายคนงงว่า ทำไมคนร้ายถึงได้จากไปง่ายจัง…

ทุกวันนี้แม้จะมีรั้วกั้นถนนอยู่แล้ว แต่เรายังได้เห็นตามข่าวอยู่บ่อยๆ ว่ารถชนจนหลุดออกจากถนนบ้าง หรือที่หนักกว่านั้นก็คือตกลงเหว สาเหตุที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะว่ารั้วกั้นไม่มีความแข็งแรงพอ หรือมีแรงกระแทกที่แรงเกินไปจนทำให้ที่กั้นนั้นไม่สามารถลดความรุนแรงได้ ดังนั้น บริษัท ETI  ของประเทศเกาหลีจึงได้คิดค้นรั้วกั้นถนนแบบใหม่ ที่พร้อมรับกับทุกแรงกระแทกไม่ว่าจะมาแรงแค่ไหน หรือต่อให้ต้องเจอรถยนต์ขนาดใหญ่ก็ยังเอาอยู่     และนี่คือรั้วกั้นถนนที่มีความยืดหยุ่นสูง เป็นการพัฒนาที่กั้นขอบถนนรูปแบบใหม่ โดยออกแบบมาเพื่อช่วยชีวิตผู้คนและลดโอกาสการได้รับบาดเจ็บของผู้ขับขี่เมื่อชนเข้ากับขอบถนน รั้วกั้นถนนแบบใหม่นี้ จะไม่ทำให้รถหลุดออกจากถนน เพราะมันจะยืดหยุ่นตามแรงกระแทก และจะไม่หลุดออกจากกันเหมือนรั้วกั้นทั่วไป ดังนั้นต่อให้ชนแรงแค่ไหนรถก็จะยังอยู่บนถนน และช่วยป้องกันให้คนในรถได้รับแรงกระแทกจากการชนน้อยที่สุด     นอกจากช่วยลดโอกาสของการบาดเจ็บแล้ว ยังทำให้รถและถนนได้รับความเสียหายที่น้อยลงด้วย เพราะจากปกติที่ชนเหล็กเต็มๆ ก็จะเป็นการชนพลาสติกที่อยู่ระหว่างเหล็กแทน     ทางบริษัท ETI ยังแนะนำอีกว่า นี่เป็นนวัฒกรรมใหม่ที่จะช่วยลดความเสียหาย และความสูญเสียในการใช้รถใช้ถนน ที่หลายๆ ประเทศควรจะนำไปใช้     แต่ก็ไม่ใช่ว่า มีรั้วกั้นแบบนี้แล้ว เราจะขับรถแบบประมาทได้นะ เพราะมันไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อให้ขับชน แต่ทำมาเพื่อรับมือกับอุบัติเหตุบนท้องถนนที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้เสมอต่างหาก     ตัวอย่างการใช้งานรั้วกั้นแบบยืดหยุ่น แล้วเพื่อนๆ ล่ะ คิดว่าเราน่าจะหันมาใช้รั้วกั้นแบบนี้กันมั้ย ที่มา brightside

สำหรับสาวก แฮรี่ พอตเตอร์ แล้ว นอกจากการสะสมของที่ทำในธีมแฮรี่แล้ว บางทีพวกเขาก็อยากจะมีสัญลักษณ์เกี่ยวกับหนังเรื่องดังกล่าวด้วย นั่นคือ รอยสักธีมแฮรี่ พอตเตอร์ ที่จะทำให้แฟนคลับรู้สึกฟินยิ่งขึ้น ราวกับว่าเป็นคนหนึ่งในเรื่องยังไงอย่างงั้นแหละ และยังเป็นการบ่งบอกอีกว่า เรานี่แหละ แฟนคลับแฮรี่ตัวยง วันนี้เราเลยนำไอเดียการสักในธีมแฮรี่ พอตเตอร์มาฝาก สำหรับเหล่าสาวกที่ชื่นชอบการสักลวดลายสวยงาม มีหลากหลายแนวให้เลือก แต่ถ้ากลัวซ้ำ ก็ดูไว้เป็นแนว เผื่อใครจะปื้งไอเดียวที่เจ๋งกว่านี้ และนำไปต่อยอดได้อีกไม่รู้จบ                                                                  …

สำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็คงจะไม่ชอบให้ใครมารุกล้ำ โดยเฉพาะเวลานอน แต่แม้จะมีห้องส่วนตัวแล้ว บางทีก็ยังรู้สึกว่าไม่เป็นส่วนตัวมากพอ บริษัท Privacy Pop เลยนำเสนอ “เต๊นท์เตียง” ที่จะทำให้คุณมีความเป็นส่วนตั๊วววส่วนตัว และจะทำให้การนอนหลับของคุณยาวนานยิ่งขึ้น ไม่มีอะไรมารบกวนจากโลกภายนอก     “เต๊นท์เตียง” นี้เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเด็กหอที่ต้องอยู่ร่วมห้องกับเพื่อนๆ เตียงส่วนตัวนี้จะช่วยคุณได้มากเลย นอกจากจะทำให้คุณมีความเป็นส่วนตัวสูงแล้ว ยังช่วยลดแสงจากภายนอกได้อีกด้วย ในกรณีที่อยากจะนอนก่อนเพื่อนร่วมห้อง แต่เพื่อนยังไม่นอนเพราะต้องอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องใช้แสงสว่าง หรือหากเพื่อนคุณนอนก่อน คุณก็สามารถนำโคมไฟมาตั้งไว้ข้างในเต๊นท์เตียงได้ แล้วปิดไฟข้างนอก เพียงเท่านี้คุณก็จะรู้สึกสบายใจ นอนดึกแค่ไหนก็ไม่เป็นการรบกวนเพื่อนอีกต่อไปแล้ว     และไม่ว่าคุณจะนอนกลางวันหรือกลางคือ เมื่อคุณเข้าไปอยู่ข้างในแล้วปิดม่านลง ทุกอย่างรอบตัวคุณก็จะมืดมิดลงทันที นี่แหละบรรยากาศของการหลับอันแสนสบาย     สำหรับใครที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ privacypop โดยจะมีหลากหลายสี และหลายขนาดให้คุณเลือกในราคาที่สบายกระเป๋าจ้า เอาเป็นว่าเลือกแบบที่คุณคิดว่ามีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดละกันเนาะ     เหล่าบรรดาคุณแม่ จะซื้อให้ลูกๆ ก็ได้นะ จะทำให้หนูน้อยได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่แห่งการนอน คุณเองก็ไม่ต้องห่วงว่าเด็กจะตกเตียงหรืออะไร เพราะสามารถตั้งไว้กับพื้นได้เหมือนกัน     แหม่ มันน่าจัดมาสักชุดนะ เอาตั้งไว้ในออฟิศ ง่วงเมื่อไหร่…

ค่าเฉลี่ยของขยะที่ชาวอเมริกันทิ้งใน 1 วัน จะอยู่ที่ประมาณ 2 กิโลกรัมต่อ 1 คน และจะเพิ่มขึ้นไปมากกว่า 13 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์!! ด้วยเหตุนี้เอง Auri Jackson จากเว็บไซต์ Buzzfeed ก็เลยตัดสินใจที่จะลองใช้ชีวิตโดยที่ไม่ทิ้งขยะเลยภายใน 1 เดือน… ก็ไม่อยากจะพูดถึงมันเท่าไหร่หรอกนะ แต่เส้นทางชีวิตของแต่ละคนนั้นไม่มีอะไรที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตามเราทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่างเพื่อช่วยโลกของเรา เราสามารถเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่ทำกันในชีวิตประจำวันก็ได้ อย่างเช่นการเลือกทานอาหาร พฤติกรรมการทิ้งขยะ เป็นต้น     “เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันได้ยินข่าวคราวของเรื่องสิ่งแวดล้อม ทุกครั้งมันทำให้ฉันกลัว และรู้สึกว่าฉันท้อแท้และหมดกำลังใจ” Auri กล่าว เมื่อตัดสินใจที่จะเริ่มภารกิจ Auri ก็รู้ได้ทันทีว่าในเรื่องของการกินนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะอาหารส่วนใหญ่นั้นจะถูกบรรจุมาเป็นแบบแพ็คเกจซะส่วนใหญ่ นั่นหมายความว่าเธอจะต้องเข้าป่าไปหาผัก หาผลไม้ทานใช่หรือไม่?     “ฉันคงต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ดีมากกว่าการที่จะต้องมานั่งกินแต่กล้วยเพียงอย่างเดียว” Auri บ่นเบาๆ หลังจากที่เริ่มภารกิจ Auri ก็ ได้เรียนรู้ว่าแท้จริงแล้วขยะเป็นจำนวนมากนั้นมาจากการกระทำที่เกิดจากความเคยชิน และสิ่งเล็กๆ ที่เราคิดว่ามันเป็นสิ่งจำเป็น ยกตัวอย่างเช่นกระดาษเช็ดมือ     ในช่วงสัปดาห์ที่สองของภารกิจ…

จากเหตุสงครามภายในที่ดำเนินมาอย่างยาวนานในประเทศซีเรีย จนในที่สุดก็ได้บทสรุปแล้วหลังกองกำลังของรัฐสามารถยึดเมือง Aleppo ที่เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มกบฏได้เป็นที่เรียบร้อยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแน่นอนว่าสงครามก็ยังไม่จบลงที่ตรงนี้ เพราะกองกำลังของกลุ่มกบฎเป็นจำนวนมากได้หลบหนีไปได้ และเชื่อว่าพวกเขาจะต้องดำเนินการบางอย่างเพื่อตอบโต้กลับอย่างแน่นอน สำหรับในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็อยากจะขอพาเพื่อนๆ ไปชมผลงานของ ‘สงคราม’ ที่เกิดขึ้นและมันไม่ได้ส่งผลดีเลยแม้แต่น้อย ด้วยภาพเปรียบเทียบระหว่างในช่วงที่สงบสุขและหลังสงครามของเมือง Aleppo อันเป็นสนามรบแห่งสุดท้ายของกลุ่มกบฏและรัฐบาล   1.   2.   3.   4.   5.   6.   7.   8.   9.   10.   11.   12.   13.   14.   15.   16.   17.   18.   19.  …

เนื่องจากว่าช่วงนี้เรากำลังอยู่ในช่วงฤดูหนาว หลายๆ คนก็จะได้เผชิญกับสภาพอากาศอันหนาวเหน็บไปตามๆ กัน แต่ละพื้นที่ก็จะมีอุณหภมิและบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นประเทศที่อยู่ในเขตร้อนชื้นอย่างบ้านเรา ก็จะเห็นแค่หมอกจางๆ และมีอุณหภูมิที่ลดลงเท่านั้น แต่ถ้าไล่ขึ้นไปทางเหนืออีกหน่อยอย่างประเทศจีน ญี่ปุ่น หรือทางฝั่งยุโรป ก็จะมีอุณหภูมิต่ำจนถึงขั้นติบลบ และมีหิมะให้เห็น ในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็อยากจะขอพาเพื่อนๆ ไปชมบรรยากาศในฤดูหนาวของตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกกัน ว่าคนอื่นๆ เค้าจะได้พบเจอบรรยากาศแบบไหนกันบ้างในช่วงฤดูหนาวนี้   1. Val di Martello ประเทศอิตาลี   2. แม่น้ำ Tadami ประเทศญี่ปุ่น   3. Col de la Tourne ประเทศสวิตเซอร์แลนด์   4. ทะเลสาบ Peyto ประเทศแคนาดา   5. Alcázar of Segovia ประเทศสเปน   6. อุทยานแห่งชาติ Banff ประเทศแคนาดา   7. ป่า Boreal ประเทศนอร์เวย์   8. Hallstatt ประเทศออสเตรีย   9. Manitoba…

บางครั้งเราเคยคิดกันไว้ว่าถ้าได้เจอคนที่เรารักจริงๆ เราจะสามารถยอมตายเพื่อเค้าได้ หลายคนก็คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องในอุดมคติ พอถึงเวลาก็ไม่มีใครทำจริงๆ หรอก แต่สำหรับคนที่อุทิศตัวให้กับความรักแล้ว ต่างก็เชื่อว่าสามารถทำแบบนั้นได้จริงๆ และพร้อมที่จะทำมันด้วย ในวันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวที่จะมาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ยังมีคนที่ยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อคนที่รักน่ะมีอยู่จริงๆ   คุณ Roger Freestone วัย 67 ปี ชายผู้เสียสละตัวเองให้กับความรัก อาศัยอยู่ร่วมกันกับภรรยาสุดที่รักคุณ Maureen วัย 65 ปี หลังจากที่พวกเขาพยายามที่จะปรับปรุงบ้านของตัวเองด้วยการนำกระดานที่ใช้ติดการ์ดและรูปภาพต่างๆ ออก ก็ได้เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ขึ้น     การสืบสวนถึงการตายของทั้งคู่ก็พบว่าไฟได้ลุกติดตรงบริเวณกระดานที่คุณ Roger พยายามจะรื้อออกไป แต่ไฟลุกลามไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่มันลุกลามไปถึงผ้าม่าน ศาลได้พิจารณาว่าเหตุใดคู่รักคู่นี้ถึงได้มีสิ่งของที่ติดไฟง่ายไว้ในบ้านเป็นจำนวนมาก โดยที่ไม่มีทางเอาไว้หลบหนีออกมาหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ ไฟเริ่มลุกมาจากห้องนั่งเล่น และก็เริ่มลามไปเรื่อยๆ จนไหม้บ้านทั้งหลัง จากนั้นคุณ Roger ก็ได้ย้ายเจ้าบอร์ดตัวต้นเหตุที่ทำให้ติดไฟนั้นไปไว้ที่ทางเดินในบ้าน ทำให้ไฟลุกปิดทางหนีของเขา     พนักงานที่ทำหน้าที่ดูแลคุณ Maureen ที่ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งตัวอยู่ ก็ได้ตัดสินใจที่จะหนีออกมาทางหน้าต่าง หนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บเป็นแผลไหม้ที่แขน และบริเวณใบหน้า เพราะก่อนหน้าที่จะหนีออกมาพวกเขาก็พยายามที่จะควบคุมไฟไม่ให้ลุกลามกันอย่างสุดชีวิต แต่กระป๋องสีเป็นจำนวนมากที่อยู่ในบ้านก็เริ่มที่จะระเบิดเพราะโดนความร้อน ทำให้ไฟลุกไหม้แรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งความรุนแรงจากกระป๋องสีสเปรย์ที่ระเบิดนั้น…

เพื่อนๆ หลายคนอาจจะเห็นข่าวที่มนุษย์ช่วยเหลือเหล่าสัตว์อยู่ตลอด นั่นทำให้เห็นว่าเหล่ามนุษย์ทั้งหลายนั้นไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่เลวร้ายแต่อย่างใด และเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในวันนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่จะมาพิสูจน์ให้เห็นกัน… คุณ Costache Mugurel นักผจญเพลิงชาวโรมาเนียได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ในประเทศโรมาเนีย โดยมีชายวัย 51 ปี และหมาของเขาติดอยู่ท่ามกลางเพลิงนั้น     พอไปถึงสถานที่เกิดเหตุ ก็ได้ทำการช่วยเหลือผู้ประสบภัยออกมา และพาตัวส่งโรงพยาบาลทันที ส่วนเจ้าหมาก็ถูกช่วยเหลือออกมาเช่นกัน แต่เนื่องจากสูดควันเข้าไปเป็นปริมาณมาก เจ้าหมาไม่สามารถหายใจได้อย่างปกติ     เจ้าหน้าที่ Mugurel ได้ทำการปั๊มหัวใจ และผายปอดมันอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังสวมหน้ากากออกซิเจนให้กับมัน เพื่อช่วยให้มีชีวิตรอด เขาใช้ทั้งความรู้จากการร่ำเรียนและในการฝึกเพื่อเป็นนักผจญเพลิงมาใช้ เพราะเขาเชื่อว่าเจ้าหมาตัวนี้ยังมีโอกาสที่จะรอด     คุณ Costi Tudor นักข่าวท้องถิ่นได้จับภาพเหตุการณ์ช่วยชีวิตที่แสนประทับใจนี้เอาไว้ได้และนำไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ค พร้อมกับแคปชั่นว่า “ไม่มีใครถูกทิ้งไว้”      แน่นอนว่าชาวเน็ตต่างก็ให้ความสนใจเข้ามาชมกันมากมาย โดยมียอดวิวสูงถึง 3 ล้านวิวเลยทีเดียว   ไปชมคลิปเหตุการณ์กันที่ข้างล่างนี้ได้เลย…   ก็ต้องขอชื่นชมในความกล้าหาญของพี่นักผจญเพลิง ที่ยอมเสี่ยงอันตรายเข้าไปช่วยเหลือทั้งคนและเจ้าหมาออกมาได้ แถมยังไม่ยอมปล่อยให้เจ้าหมาตาย ช่วยทำ CPR…

กลายเป็นที่ฮือฮากันยกใหญ่หลังเกิดปรากฏการณ์ประหลาดพบดวงอาทิตย์ถึง 3 ดวงบนท้องฟ้าของเมือง St Petersburg ประเทศรัสเซีย ทำให้ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวต่างก็ออกมาชื่นชมความงดงามของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับถ่ายรูปอัพลงบนโซเชียลกันเป็นจำนวนมาก     ทางด้านคุณ Maria Boruka หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ทั่วไปจากศูนย์ท้องฟ้าจำลอง Petersburg Planetarium และขณะเดียวกันก็เป็นนักศึกษาปริญญาเอกในสาขาวิชากลศาสตร์ท้องฟ้าจากมหาวิทยาลัย St Petersburg State University ได้เผยว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป เรียกว่า Sundog อันเกิดจากการหักเหของแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบกับผลึกน้ำแข็งบนชั้นบรรยากาศ จำทำให้เกิดการสะท้อนลงมาบนโลกทำให้เห็นเป็นภาพพระอาทิตย์ 3 ดวง     แต่ทางด้านคุณ Nikolay Zheleznov นักวิจัยอาวุโสจากศูนย์วิทยาศาสตร์ประยุกต์ Institute of Applied Astronomy ของสถาบันวิทยาศาสต์แห่งชาติรัสเซียได้ออกมาให้ความเห็นว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องธรรมดา ไม่น่าหวือหวาแต่อย่างใด เป็นเพียงการหักเหของแสงบนผลึกน้ำแข็งในเมฆที่อยู่สูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศที่ระดับความสูงประมาณ 5-10 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังบอกว่าปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดยังดูน่าตื่นตามากกว่าซะอีก     ซันด็อกนี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศโลก คล้ายกับการเกิดพระอาทิตย์ทรงกลด แต่จะเกิดขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์ทำมุมกับผลึกน้ำแข็งของเมฆที่ 22 องศา ทั้งนี้ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยเมื่ออากาศเย็นๆ อย่างเช่นประเทศทางแถบยุโรป ที่มีหิมะตกทุกปี    …

ถึงตอนนี้โลกของเราจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นสังคม รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ได้พัฒนา และล้ำหน้าไปไกล แต่ถึงกระนั้น ผู้คนส่วนใหญ่ก็ต้องการที่จะหยุดพักผ่อน และมองหาสถานที่สวยๆ ตามธรรมชาติ เพื่อพักผ่อนหย่อยใจอยู่ดี วันนี้ #เหมียวขี้อ้อน จึงขอรวมเอา 30 สถานที่น่าตื่นตา และสวยงาม ที่สายเลือดนักผจญภัยอย่างคุณจะต้องไปสัมผัสให้ได้สักครั้งในชีวิต เมื่อได้เห็นแล้วจะต้องอยากตีตั๋วขึ้นเครื่องไปเที่ยวซะตอนนี้เลยละ   1.สวนซากุระสวยๆ ในประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น สวน Kawachi Fuji, สวน Ueno และสวน Hitsujiyama   2.เดินเล่นในเมืองโบราณอันศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าอินคา ที่อายุกว่า 600 ปี ในมาชูปิกชู ประเทศเปรู   3.หากไปเที่ยวซาฟารีในประเทศเคนย่า คุณจะได้ป้อนอาหารให้ยีราฟ และได้ใกล้ชิดกับสัตว์นานาชนิด   4.ทะเลสาบ Moraine ในประเทศแคนาดา ที่งดงามราวเทพนิยาย   5.นาข้าวที่มีสีสันสวยงามเป็นขั้นบันได ในมณฑลหยวนหยาง ประเทศจีน   6.แสงเหนืออันงดงามที่อยู่เหนือน้ำตกแห่งพระเจ้า (Godafoss) ในประเทศไอซ์แลนด์   7.…

ทุกวันนี้ข่าวการทำร้ายร่างกายมีให้เห็นกันอยู่ทุกวัน แต่ในการทำร้ายนั้นย่อมมีเหตุผลว่า ทำไปเพื่ออะไร หรืออะไรอยู่เบื้องหลังอยู่เสมอ แต่สำหรับกรณีนี้ หญิงสาวถูกหนุ่มคนหนึ่งเดินมาถีบจากด้านหลัง จนเธอตกบันได และที่เป็นประเด็นใหญ่โต เพราะทั้งสองคนนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน!! เหตุการณี้ถูกบันทึกไว้โดยกล้องวงจรปิดที่สถานีรถไฟใต้ดิน Hermannstrasse ในกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2016 ที่ผ่ามมา     ขณะที่หญิงสาวคนหนึ่งเดินลงบันไดอยู่ดีๆ ก็มีชายคนหนึ่งที่เดินตามมาข้างหลัง และไม่รู้ว่าเพราะอะไรอยู่ดีๆ ชายคนนี้ก็ถีบหญิงสาวลงไปกองกับพื้น ก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่รู้สึกผิดอะไรพร้อมเพื่อนอีก 3 คน คลิปวิดีโอนี้ถูกแชร์ไปในโลกออนไลน์ในเวลาอันรวดเร็ว โดยที่ทุกคนตั้งคำถามเดียวกันว่า ชายคนนี้เป็นใคร? และทำไปเพื่ออะไร?     เมื่อเรื่องนี้ถึงตำรวจก็พบว่า ชายหนุ่มคนดังกล่าวนี้คือ Svetoslav Stoykov วัย 26 ปี ชาวบัลแกเรีย แต่ตำรวจไม่สามารถจับกุมไว้ได้ เพราะเขาได้หลบหนีไปยังบ้านเกิดของเขาในบัลแกเรียแล้ว ในขณะที่ทางสื่อบัลแกเรียรายงานว่า Stoykov นั้นมีประวัติอาชญากรรมในบัลแกเรียมาแล้วหลายคดี เขาเกิดที่เมือง Dobrich ในภาคเหนือของประเทศบัลแกเรีย แต่ปัจจุบันอาศัยอยู่ใน Varna รีสอร์ทที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลสีดำ     นักข่าวจึงบุกไปหาเขาที่เขตพื้นที่ Maksuda ซึ่งเป็นบ้านของพ่อแม่ชายหนุ่ม…

ในช่วงตลอดปี 2016 นี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องที่ทำให้ดีใจ เสียใจ หรือหดหู่ แต่ทั้งหมดนี้ก็ทำให้เราได้เข้าใจโลกมาในมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น และนี่คือเหตุการณ์ส่วนหนึ่งของปี 2016 ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ และเชื่อว่า ภาพเหล่านี้คงผ่านหูผ่านตาของใครหลายๆ คนมาแล้ว เพราะเป็นภาพที่เรียกได้ว่ามีพลังมากที่สุดแห่งปี   1. Ieshia Evans ถูกเจ้าหน้าที่เข้าคุมตัว ขณะที่เธอลุกขึ้นมาประท้วง หลัง Alton Sterling  ถูกยิงตาย ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของกรมตำรวจ Rouge Police Department ใน Louisiana เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม   2.  Reshma Quereshi นางแบบชาวอินเดียที่ได้รอดจากการถูกน้ำกรดสาด กำลังแต่งหน้าเพื่อเดินแบบให้กับดีไซเนอร์ชาวอินเดีย Archana Kochhar ในช่วง New York Fashion Week เมื่อวันที่ 8 กันยายน   3. Usain Bolt ในระหว่างการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชาย รอบชิงชนะเลิศในกีฬาโอลิมปิก 2016 ในริโอเดจาเนโรเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม  …

ขอฟรีไม่มีในโลก ขนาดหวยเรายังต้องซื้อเลย และกว่าจะถูกรางวัลที่หนึ่ง เราเสียไปเท่าไรกันแล้ว บางคนเสียไปมากกว่าที่ได้มาซะอีก แต่หนุ่มเบลเยี่ยมคนนี้ ยิ่งกว่าถูกหวยซะอีก เพราะเขาได้รับมรดกจากคุณลุง Sonny Angel เป็นโกดังที่ดัดแปลงเป็นอู่ซ่อมรถ แต่แล้วเขาก็พบบางอย่างที่ทำให้ใครๆ ต้องอิจฉาตาร้อนไปตามๆ กัน     คุณลุง Sonny ตอนนี้อายุ 86 ปี ภรรยาของเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และตัวเขาเองก็รู้สึกแก่มากแล้ว ก็เลยอยากวางมือจากธุรกิจอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์นี้ คุณลุงจึงตัดสินใจมอบมรดกเพียงชิ้นเดียวของเขานี้ให้กับหลานชายที่มีความสนใจในเรื่องรถอยู่แล้ว ซึ่งเขาไม่เคยเปิดให้ใครมาเยี่ยมชมอู่ของเขามาก่อนด้วย     ดังนั้นชาวหนุ่มจึงรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้อู่ซ่อมรถมาฟรีๆ เมื่อเขาได้กลายเป็นเจ้าของแล้ว จึงตัดสินใจตรวจดูภายใน เพื่อดูว่ามีอะไรที่ต้องซ่อม หรือมีอะไรที่ใช้ไม่ได้แล้วบ้าง และแล้วเขาก็รู้สึกโชคดีมากขึ้นกว่าเดิมอีก เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในกล่องไม้… มันคือรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิคอายุกว่า 40 ปี ถูกเก็บไว้ในกล่องอย่างดี และสถาพใหม่มาก     ที่สำคัญ ไม่ใช่แค่ 1 คันนะ แต่มีถึง 12 คัน และมือหนึ่งทุกคันซะด้วย อะไรจะโชคดีปานนั้นนนน ทั้ง 12 คันนี้คือ รถมอเตอร์ไซค์อังกฤษยี่ห้อ Norton รุ่น Commando…

สหรัฐอเมริกาถือว่าเป็นดินแดนที่หลายๆ คนอยากเข้าไปแสวงหาความสำเร็จและความก้าวหน้าในชีวิต และมีชาวสหรัฐฯ หลายคน ได้ให้ความช่วยเหลือชาวต่างชาติเหล่านี้ เพื่อให้ได้กรีนการ์ดมาง่ายๆ อย่างเช่นหญิงสาวคนนี้ ที่เธอแต่งงานกับชาวเม็กซิโกคนหนึ่งเพื่อให้เขาได้กรีนการ์ด แต่สุดท้าย ชายชาวเม็กซิโกคนนั้นเอง ก็รวมมือกับภรรยาเก่า ฆาตกรรมเธออย่างโหดเหี้ยม แม้ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถหาร่างพบ     หญิงสาวผู้โชคร้ายคนนั้นมีชื่อว่า Cecelia Bravo Cabrera เธอได้แต่งงานกับหนุ่มชาวเม็กซิกัน Francisco Valdivia เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งการแต่งงานครั้งนี้จะทำให้ Valdivia ได้กรีนการ์ดอย่างถูกกฎหมายมาใช้งาน ภายหลังเธอจึงทราบว่า Valdivia  เคยแต่งงานมาแล้วเมื่อปี 2007 กับหญิงที่ชื่อว่า Rosalina Lopez  ไม่แน่ใจว่าเธอทราบเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่ แต่ไม่ว่าเธอจะพอใจหรือไม่ เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะ Lopez และ Valdivia ได้ร่วมกันข่มขู่เธอเพื่อไม่ให้เธอฟ้องหย่า     จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จู่ๆ Cecelia Cabrera ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครทราบว่าเธอหายไปไหน ทางตำรวจก็ได้พยายามตามหาเธอ หลายเดือนผ่านไป หลักฐานที่พวกเขารวบรวมได้บ่งชี้ว่า เธอถูกฆาตกรรมโดย Valdivia และ Lopez ทางตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนแรงจูงใจ ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าต้องเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของทั้งสามอย่างแน่นอน   ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำกันขนาดนี้ได้ น่ากลัวจริงๆ T_T…

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า ทางโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน สามารถปลูกถ่ายเนื้อเยื่อรังไข่แช่แข็งของ Moaza al Matrooshi หญิงชาวดูไบวัย 24 ปีได้สำเร็จ จึงทำให้เธอได้กลายเป็นหญิงคนแรกของโลกที่ให้กำเนิดลูกชายด้วยเนื้อเยื่อรังไข่     ย้อนเวลากลับไปตอนที่ Moaza อายุได้ 9 ขวบ เธอจำเป็นต้องตัดรังไข่ข้างขวาเก็บเอาไว้ เนื่องด้วยโรคธาลัสซีเมียที่เป็นมาตั้งแต่เกิด จึงทำให้เธอต้องเข้ารับการเคมีบำบัด ซึ่งกระบวนการรักษาดังกล่าวได้ทำลายเนื้อเยื้อรังไข่ข้างที่เหลือของเธอ และส่งผลให้เธอไม่มีประจำเดือนเหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไป     เนื้อเยื่อข้างขวาที่ถูกตัดออกมา ทางแพทย์ได้นำไปแช่แข็งไว้ในอุณหภูมิที่ติดลบถึง 196 องศาเซลเซียสมาโดยตลอด จนกระทั่ง เมื่อ Moaza และสามีของเธอต้องการมีลูก ทางแพทย์ชาวสวีเดน จึงได้ผ่าตัดปลูกถ่ายเนื้อเยื่อรังไข่ข้างขวาที่ถูกตัดไป ให้กลับเข้าไปในผนังมดลูก และรังไข่ข้างซ้ายที่ไม่ทำงานอีกครั้ง หลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการผ่าตัด ทางแพทย์ก็พบว่าระดับฮอร์โมนของ Moaza กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง และพบว่าเธอมีประจำเดือน ดังนั้น ทางแพทย์จึงได้ช่วยให้เธอและสามี ได้มีลูกตามที่หวัง โดยการทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งกระบวนการดังกล่าวได้ทำให้ Moaza สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้นั่นเอง    …

น้อยคนนักที่จะเคยเคยดื่มเพลินจนเมาแอ๋ ซึ่งพอตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองดันไปโผล่อีกที่หนึ่งซะอย่างนั้น เรียกได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยจริงๆ แต่ทว่ามันกลับเกิดขึ้นแล้วกับ William Meara วัย 26 และ Craig Reynolds วัย 24 ปี สองนักท่องเที่ยวหนุ่มชาวไอริช จากเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ผู้ที่เดินทางออกไปท่องเที่ยวรอบโลกมาหลายต่อหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน อินเดีย ออสเตรเลีย พม่า ปากีสถาน และอิหร่าน ที่เกิดดื่มจนเมาปลิ้น และตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่อีกที่ซะอย่างนั้น โถๆๆๆ สงสัยจะเมาหนักจริงๆ     เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า หลังจากที่ William และ Craig ได้เดินทางไปท่องเที่ยวรอบโลกมาแล้วหลายประเทศ พวกเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังตะวันออกกลาง โดยสถานที่ที่จะไปเยือนให้ได้เลยก็คือการเดินทางไปยังเคอร์ดิสถานของอิรัก แต่พวกเขากลับไม่คิดมาก่อนเลยว่าครั้งหนึ่งตนจะได้ไปโผล่ที่แนวหน้าในเขตสนามรบของชาวเคิร์ด     ก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ได้เจอกับทหารอิสระชาวแคนาดาในบาร์แห่งหนึ่ง บริเวณพรมแดนระหว่างอิหร่านกับอิรัก ซึ่งพวกเขาก็ได้พากันดื่มตามปกติ แต่ทว่าการดื่มในครั้งนั้นมันอาจจะหนักไปหน่อย เพราะในวันรุ่งขึ้นสองหนุ่มก็พากันขึ้นรถทหาร พร้อมกับเดินทางไปยังแนวหน้าทางตอนเหนือของอิรัก ด้านสองนักท่องเที่ยวได้เผยว่า “เราต้องพูดอะไรบางอย่างออกไปในคืนที่เราดื่มกับเขาแน่ๆ แล้วพวกเขาจึงเกิดไอเดียว่าจะพาเรามาที่นี่ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดที่ผมเคยเจอมาเลยละ”…

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยภาพของน้องหมาที่น่าสงสารตัวหนึ่ง ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัส หลังถูกพ่อค้าสุนัขตามล่าอยู่ในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน จากภาพเราจะเห็นได้ว่า เจ้าหมาถูกลูกธนูเสียบทะลุบริเวณช่วงไหล่ และลำคอของมัน จนทำให้ขนสีขาวเต็มไปด้วยเลือดเกือบทั่วทั้งลำตัว เมื่อทางศูนย์คุ้มครองสัตว์ ได้ทราบข่าวของเจ้าหมาตัวดังกล่าว พวกเขาก็รีบเข้ามาช่วยเหลือมันทันที พร้อมกับนำตัวของมันไปรักษา     แม้ว่าในตอนแรกมันจะวิ่งหนีเพราะความหวาดกลัว แต่สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถจับตัวมันกลับไปรักษาอย่างปลอดภัย และทำให้มันพ้นขีดอันตรายไปในที่สุด     หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่จากศูนย์คุ้มครองสัตว์ได้นำภาพของเจ้าหมาไปโพสต์ลงในเฟสบุ๊ค ก็สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้คุ้มครองสัตว์จากทั่วโลกเป็นอย่างมาก ด้าน Rose Gardiner หนึ่งในผู้ใช้เฟสบุ๊คได้เข้ามาแสดงความเห็นว่า “ฉันรู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าได้รับการช่วยเหลือ แต่ภาพของมันทำให้ฉันใจสลายเพราะยังมีสุนัขอีกหลายล้านตัว ที่อาจจะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้” นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้เฟสบุ๊คคนอื่นๆ อย่าง Charlotte Roberts ก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นเช่นกัน “นี่ถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก แต่โชคดีที่สุดท้ายเรื่องราวจบลงอย่างมีความสุข”     ส่วนทางเฟสบุ๊คจากกลุ่มคุ้มครองสัตว์ในจีน ก็ได้ออกมาเผยว่า “เจ้าหมาตัวนี้ถูกลูกธนูยิงเข้าบริเวณไหล่ และคอของมัน แต่โชคดีเหลือเกินที่ Qiao Wei ผู้ใจบุญได้เข้ามาช่วยเหลือมันไว้ และรีบส่งตัวมันไปโรงพยาบาล” และที่น่ายินดีไปกว่านั้นคือ ลูกธนูไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อ และอวัยวะภายในของมันได้รับบาดเจ็บรุนแรง…

ใบหน้านั้นสามารถสืบสาวไปถึงตัวของคุณได้ และยุคนี้ความเป็นส่วนตัวของเราเหลือน้อยลงทุกที และล่าสุด Egor Tsvetkov ช่างถ่ายภาพชาวรัสเซียก็ได้มีข้อพิสูจน์ถึงเรื่องนี้ โดยการตามถ่ายภาพคนแปลกหน้าที่เขาพบเจอในสถานีรถไฟใต้ดินที่เขาเข้าไปใช้บริการ และหลังจากนั้น เขาก็ใช้ซอฟต์แวร์สแกนใบหน้า โดยใช้รูปภาพของคนแปลกหน้าที่ถ่ายมาได้ กับ VKontakte โซเชียลเน็ทเวิร์คที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซีย และทำให้เขาสามารถรุบุตัวตนของเหล่าคนแปลกหน้าที่เขาถ่ายภาพมาได้   โดยอัตราความสำเร็จนั้นอยู่สูงถึง 70% เลยทีเดียว   ‘สิ่งที่ผมอยากจะพิสูจน์ก็คือเรื่องที่ว่าโลกออนไลน์ทุกวันนั้นสามารถหาข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายเหลือเกิน โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัวของคนๆ นั้น ยิ่งถ้าเราเปิดเผยสิ่งเหล่านี้มากเท่าไหร่ เหล่ามิจฉาชีพก็อาจนำประโยชน์ส่วนนี้ไปใช้กันได้ ละอย่างยิ่งในยุคโซเชียลมีเดียแบบนี้’ Egor Tsvetkov กล่าว   และถึงแม้ว่าภาพที่เขาถ่ายบางภาพพวกเขาตัวจริงนั้นไม่ค่อยเหมือนรูปโปรไฟล์มากเท่าไหร่ แต่อัตราการสำเร็จก็ถือว่าอยู่ในระดับสูงมากๆ เลยล่ะ   ภาพเหล่านี้เจ้าตัวอนุญาตให้เอามาทำในโปรเจ็คของเขา…                                           เพราะฉะนั้นต้องระวังนะจ๊ะในการใช้โลกออนไลน์และโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวเนี่ย หลีกเลี่ยงจะดีกว่า!!…

หญิงสาวแสนใจดีคนหนึ่งได้ทำการช่วยเหลือเจ้าเหมียวรูปร่างผอมบางตัวหนึ่ง ที่มีดวงตาแปลกประหลาด ไม่เหมือนกับแมวทั่วๆ ไป หลังจากนั้นมันก็วิ่งมาหาเธอที่ร้านในทุกๆ วันเพื่อทักทาย   ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเจ้า Stella   นัยน์ตาของเจ้า Stella นั้นจะมีความแตกต่างจากแมวเหมียวทั่วๆ ไป นั่นเป็นเพราะว่าเป็นอาการป่วยอย่างหนึ่งที่ชื่อว่า Heterochromia Iridum (หรือก็คือโรคตาสองสีนั่นเอง) แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพการมองเห็นของมันแต่อย่างใด เจ้าเหมียว Stella นั้นเป็นแมวเหมียวขนปุยที่มีสุขภาพแข็งแรงมากเลยทีเดียวล่ะ “ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นพันธุ์ผสมระหว่าง เมนคูน และ เปอร์เซียนะ เพราะสีตาของแมวเปอร์เซียนั้นจะมีสีน้ำตาล ส่วนอีกข้างของมันก็ดูสวยงามไม่แพ้กัน เมื่อมองดูดีๆ แล้วจะเห็นว่าเป็นสีเขียวธรรมชาติ ยิ่งจ้องมองก็จะยิ่งหลงใหล ราวกับถูกสะกดให้อยู่ในภวังค์” คุณ Tory_Rox สมาชิกเว็บไซต์ Reddit กล่าว เจ้าเหมียว Stella นั้นถูกพบเมื่อประมาณสองปีก่อน ขณะที่มันกำลังเดินมาหาอาหารกินบริเวณถังขยะที่ตั้งอยู่บริเวณตีนของเนินสูง เนื้อตัวของมันถูกปกคลุมไปด้วยหนาม สภาพของมันผอมบางมาก แต่ด้วยความช่วยเหลือของคุณ Kat Von G หญิงสาวผู้ใจดี ได้พามันกลับมาที่ร้านของเธอ และตั้งแต่นั้นมาเจ้าเหมียว Stella ก็อาศัยที่นั่นเป็นเสมือนบ้านของมันเสมอมา     “ทุกๆ คนคิดว่ามันตาบอด เพราะสีตาของมัน แต่จริงๆ แล้วก็แค่แตกต่างกันในเรื่องของสีเท่านั้น ส่วนในเรื่องของสุขภาพการมองเห็นไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด” Tory_Rox เล่า…

เราทุกคนต่างมีความฝันด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเกิดมาเป็นใคร ฐานะเป็นอย่างไร และที่สุดคือ เราก็คงอยากทำให้ฝันนั้นเป็นจริงก่อนที่จะจากโลกนี้ไป Raul Hinojosa ชายหนุ่มชาวอเมริกัน วัย 33 ปี ที่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่เขาก็มีความฝันเหมือนดั่งคนทั่วไป นั่นก็คือ อยากแต่งงานกับแฟนสาวที่คบกันมานานกว่า 11 ปี Hinojosa เข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองอมาริลโล รัฐเท็กซัส ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่แล้วโดยมี แฟนสาว Yvonne Lamas คอยดูแลอย่างใกล้ชิด       ตอนนี้ทั้งคู่ได้หมั้นกันแล้ว และมีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 9 ขวบ โดยหญิงสาวยังมีลูกติดอีก 3 คน ดังนั้น เธอจึงต้องแบ่งเวลาไปดูแลทั้งคู่หมั้นที่โรงพยาบาล และกลับไปดูแลลูกๆ ที่บ้านด้วย นี่จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง Hinojosa เคยขอ Lamas แต่งงานเมื่อปี 2550 แต่แล้วทั้งคู่ก็ตัดสินใจที่จะรอไปก่อน เนื่องจากชายหนุ่มอยากจัดงานแต่งให้มีบรรยากาศเหมือนเทพนิยาย แต่ยังมีงบไม่พอ ชายหนุ่มจึงตั้งใจทำงานเก็บเงิน…

ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปิน แน่นอนว่าต้องมีความคิดสร้างสรรค์ และไม่ว่าอะไรก็ถูกนำมาดัดแปลงให้เป็นงานศิลปะได้หมด หรือทำให้ของบางอย่างเปลี่ยนบทบาทไปเลยก็มี อย่างศิลปินที่ชื่อ  Benedetto Bufalino ชาวอังกฤษที่ได้ “เปลี่ยนรถผสมปูนให้กลายเป็นลูกดิสโก้ขนาดยักษ์” งานนี้ออกมาแดนซ์กันทั้งเมืองยังได้เลย     ก็อย่างที่เราเคยเห็นกันอยู่แล้วว่า รถโม่ปูนซีเมนต์หรือรถผสมปูนนั้นเวลาทำงานมันหมุนๆ แต่เราคงไม่ติดหรือกว่า นอกจากโม่ซีเมนต์แล้วมันจะเอาไปทำอะไรได้อีก แต่สำหรับ Bufalino แล้ว เขาไม่ได้เห็นรถโม่ปูนเป็นแค่รถบดซีเมนต์อย่างเดียว แต่มันสามารถดัดแปลงให้เป็นอย่างอื่นได้โดยไม่จำเป็นต้องทำลาย     ว่าแล้วเขาก็ได้ดัดแปลงให้มันเป็นลูกดิสโก้ขนาดยักษ์ ด้วยการนำแผ่นกระจกไปติดไว้รอบๆ ตัวถังของรถโม่ แล้วได้นำปจอดไว้ตรงที่มีการก่อสร้าง กลางวันอาจจะไม่คอยมีความโดดเด่นซักเท่าไร และในช่วงเวลากลางคืน ทุกคนที่เดินผ่านอดที่ยืนดูไม่ได้ เพราะเมื่อรถโม่เริ่มหมุน ไฟจากดิสโก้ยักษ์นี้ก็เริ่มส่องแสงระยิบระยับ ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในผับเลย     การดัดแปลงรถโม่เป็นลูกดิสโก้ ไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อใช้งานจริงจัง แต่ทำขึ้นเพื่อให้ผู้คนได้เห็นความแปลก แหวกแนวเท่านั้น ดังนั้น รถคันนี้จึงจอดให้ชมที่สถานที่ก่อสร้างแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ ตั้งแต่วันที่ 8-10 ธันวาคมเท่านั้น คนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงจึงไม่พลาดที่จะเข้าไปชมงานศิลปะอันสร้างสรรค์นี้ ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ซะด้วยซิ จนหลายคนอยากมันถูกนำมาใช้จริง     เบื้องหลังการทำลูกดิสโก้ยักษ์ ถึงกับต้องรถโม่ปูนเอามาจอดในสตูดิโอเลยทีเดียว   เดินอยู่ดีๆ ไปเจอแบบนี้ เป็นใครก็อดเต้นไม่ได้   ใครจะคิดว่ารถโม่จะกลายเป็นสิ่งที่ให้ความบันเทิงกับเราได้ขนาดนี้…

ต้องบอกตรงๆเลยว่า ส่วนตัว #เหมียวบ็อบ หน่ะอิจฉ๊าา อิจฉา ทั้งๆที่รู้ว่ามันผิด เพราะหลังจากได้อ่านข่าวนี้แล้ว ก็อยากจะสวมบทเป็นนักฟุตบอลหนุ่มกับเค้าบ้างจริงๆ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2559 สำนักข่าว Metro ได้รายงานว่า มีหญิงสาว 3 คน รวมกลุ่มกันออกมาลวงนักฟุตบอลชายหนุ่มวัย 20 ไปข่มขืน ซึ่งแน่นอนล่ะว่าเรื่องนี้มันผิดกฏหมายล่วงละเมิดทางเพศอย่างเห็นได้ชัด!!   ภาพจากสถานที่ๆ คนร้ายใช้ก่อเหตุ   จากการรายงานข่าวระบุว่า ผู้ก่อเหตุมีทั้งหมด 3 คนได้แก่ Brogan Gillard วัย 26 ปี Paige Cunningham วัย 22 ปี และ Shannon Jones วัย 20 ปี 3 ผู้ต้องหาได้ให้การสารภาพกับชั้นศาลว่า พวกเขาได้ทำการลวงนักฟุตบอลหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายวัย 20 ปี ไปที่บ้านพักของตน หลังได้เจอกันในคืนวันหนึ่ง ซึ่งเป็นคืนเดียวกับที่ผู้เสียหายได้ทำการแข่งขันฟุตบอลเสร็จเรียบร้อยแล้ว (พูดง่ายๆ ว่าแข่งเสร็จแล้วไปฉลองนั่นแหละ)   Brogan…

การสูญเสียสิ่งที่รักหรือคนที่รัก แน่นอนว่ามันยากที่จะทำใจ เช่นเดียวกับทหารผ่านศึกคนนี้ ที่ได้สูญเสียสุนัขที่เขารักมากที่สุดในขณะที่ไปปฏิบัติหน้าที่ จนต้องอยู่กับความเศร้าเป็นเวลานาน Peter Coukoulis เป็นเหมือนกับทหารคนอื่นๆ หลังรับใช้ชาติมามากกว่า 5 ปี และเคยไปร่วมรบในอัฟกานิสถานด้วย เขาได้ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นทหารเพื่อกลับมาอยู่บ้านในรัฐฟลอริดา     ตอนนี้เขาจึงกลายเป็นทหารผ่านศึกที่อยากกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้าน และจุดประสงค์หนึ่งที่ตัดสินใจกลับมา เพราะอยากกลับมาหาสุนัขเพื่อนรักที่เคยอยู่ด้วยกันมา แต่พอถึงบ้าน เขาก็ได้รับข่าวร้ายว่า สุนัขตัวนั้นได้จากไปแล้วในช่วงที่เขาไปปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ Peter รู้สึกเสียใจมากจนถึงกับปล่อยโฮต่อหน้าครอบครัว เพราะมันเป็นสุนัขที่เขารักมาก ตั้งแต่วันนั้น Peter ก็จมอยู่กับความเศร้า จนทางครอบครัวก็อดที่จะเห็นใจไม่ได้ ดังนั้น พวกเขาจึงคิดที่จะมอบของขวัญที่พิเศษในเขาในวันคริสต์มาสนี้ และเมื่อวันคริสต์มาสมาถึง ทุกคนในครอบครัวก็ฉลองกันตามปกติ รวมทั้งทหารหนุ่มเอง ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไร     ตั้งแต่วันนั้น Peter ก็จมอยู่กับความเศร้า จนทางครอบครัวก็อดที่จะเห็นใจไม่ได้ ดังนั้น พวกเขาจึงคิดที่จะมอบของขวัญที่พิเศษในเขาในวันคริสต์มาสนี้ และเมื่อวันคริสต์มาสมาถึง ทุกคนในครอบครัวก็ฉลองกันตามปกติ รวมทั้งทหารหนุ่มเอง ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไร     และแล้วครอบครัวก็มอบของขวัญให้เขา ซึ่งในตอนแรก Peter ก็ไม่แน่ใจว่ามีอะไรอยู่ข้างใน แต่แล้วกล่องก็ขยับเอง เขาจึงเริ่มเข้าใจว่ามันคืออะไร ทันทีที่ได้เห็นหน้าสุนัขตัวน้อยออกมาจากกล่อง เขาก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ นั่นเป็นครั้งแรกที่ครอบครัวได้เห็นรอยยิ้มของเขาอีกครั้ง  …

เรื่องราวความสุขนั้นบางทีก็ไม่ได้เกิดขึ้นจากการได้สิ่งของสวยๆ งามๆ หรือสิ่งของแพงๆ มาปรนเปรอความต้องการของตัวเอง แต่ ‘การให้’ เองก็เป็นเรื่องที่สามารถสร้างความสุขขึ้นในหัวใจของเราได้ด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของหญิงสาวเศรษฐีที่ร่ำรวยจากการถูกรางวัลแจ็คพอตลอตเตอรี่ ได้ซื้อบ้านทั้งหลังให้กับครอบครัวครอบครัวหนึ่ง ที่มีลูกชายป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่หาได้ยากยิ่ง   ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 สาวชาวอังกฤษ Gillian Bayford ได้กลายเป็นมหาเศรษฐีจากการถูกรางวัลแจ็คพอตจากลอตเตอรี่เป็นจำนวนกว่า 5,600 ล้านบาท     และเธอก็ไม่ได้วางแผนที่จะใช้เงินจำนวนนั้นมาปรนเปรอความสุขให้แต่ตัวเองกับครอบครอบครัวเท่านั้น แต่ยังเผื่อแผ่ไปยังผู้อื่นอีกด้วย เพราะล่าสุดเธอได้ทำการจ่ายเงินเพื่อซื้อบ้านให้กับครอบครัวครอบครัวหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนักเพราะมีลูกชายที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่หาได้ยากยิ่ง     คุณแม่ได้มีความุมานะที่จะช่วยเหลือลูกชายของตัวเองด้วยการจัดแคมเปญเพื่อหาเงิน จนคุณ Gillian มาเห็นเข้าจึงได้เสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือทั้งคุณแม่และเจ้าหนู Blake วัย 4 ขวบที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับทางระบบประสาทชื่อว่า MECP2 Duplication Syndrome ทำให้เขาไม่สามารถขยับตัว และตอบสนองได้ แม้กระทั่ง กลิ้ง เดิน พูดคุย หรือนั่ง ก็ไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้เขายังมีอาการชักอีกด้วย ซึ่งพักหลังๆ มานี้คุณแม่เล่าว่ามีความรุนแรงและบ่อยครั้งมากขึ้นกว่าเดิม จึงต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา     โดยก่อนหน้านี้คุณ Jenny (คุณแม่ของ Blake) ได้เปิดร้านขอรับเงินบริจาค ที่ห่างไปจากบ้านของคุณ Gillian ไปเพียงสองตึก…

ทุกวันนี้ใครๆ หลายคนพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ภาพเจ๋งๆ ไปอวดบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค จนหลายๆ ครั้ง ความพยายามเหล่านั้นก็แทบจะกลายเป็นการฆ่าตัวตายของพวกเขา อย่างเช่นเรื่องราวของชายหนุ่มคนนี้ เมื่อปี 2014 ขณะที่ Harrison Williams จากเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลียกำลังออกไปท่องเที่ยวพักผ่อนกลางทะเลนั้น ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นซากวาฬหลังค่อมตัวหนึ่งลอยอยู่กลางทะเล     แน่นอน ใครล่ะจะได้เห็นซากวาฬตัวจริงแบบนี้บ่อยๆ แถมขนาดกะด้วยสายตาแล้วก็เกือบ 20 ฟุตหรือราว 6 เมตรเลยทีเดียว เขาจึงอดใจไม่ไหว ขอกระโดดลงเรือ แล้วว่ายน้ำขึ้นไปบนซาก แล้วถ่ายรูปซักหน่อยดีกว่า     แต่ทันทีที่เขาขึ้นไปอยู่บนลำตัวของซากวาฬได้ เขาก็ได้สังเกตเห็นบางอย่าง…รอบๆ ตัวของเขาเต็มไปด้วยฉลามหลายตัว กำลังว่ายเวียนไปมาอยู่     โชคดีที่เจ้าฉลามกำลังง่วนกับการกินซากวาฬอยู่ พวกมันจึงไม่ได้สนใจ Williams เท่าไหร่นัก สุดท้ายเขาก็สามารถกลับไปยังเรือได้อย่างปลอดภัย     ภายหลัง William ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากผ่านช่วงเวลาอันน่าหวาดเสียวของชีวิตไปได้อย่างฉิวเฉียด “ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอก จนกระทั่งผมได้ไปอยู่บนซากวาฬเท่านั้นแหละ ผมเห็นนักล่าสามสี่ตัวว่ายอยู่รอบๆ ผม ทั้งฉลามเสือและฉลามขาว” “โชคดีจริงๆ ที่ผมรอดชีวิตมาได้ มันเป็นเรื่องโง่ที่สุดที่ผมเคยทำเลยล่ะ แม่ผมเม้งแตกไปพักใหญ่ๆ แถมพ่อก็ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ด้วย”   …

ในแต่ละปีนั้นแม้จะมีเรื่องราวแย่ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ในทางตรงข้ามก็มีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมายเช่นกัน ซึ่งได้ทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นเป็นกองเลยล่ะ เหมือนกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่ถือว่าเป็นการสร้างความอบอุ่นใจให้กับเราทุกคนตลอดปี 2016 นี้ จนจัดได้ว่าเป็นเรื่องราวสุดประทับใจแห่งปี   1. Manny Pacquiao สร้างบ้าน 1,000 หลังให้คนยากจนในฟิลิปปินส์ Manny Pacquiao (แมนนี่ ปาเกียว) เคยเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่เกิดมาในครอบครัวที่มีความยากจนในฟิลิปปินส์ แต่เมื่อโตขึ้น เขาก็กลายเป็นนักมวยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ครองแชมป์โลกในรุ่น 8 น้ำหนักที่แตกต่างกัน หลังจากที่ชกชนะมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เขาก็ได้นำรายได้จากการชกไปสร้างบ้านให้กับคนยากจนในบ้านเกิดของเขากว่า 1,000 หลัง ดังนั้น ตอนนี้ชาวฟิลิปปินส์กว่า 1,000 ครอบครัว จีงได้อยู่ในบ้านที่สะอาด มีความปลอดภัย และไม่ต้องถูกขับไล่ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณ ‘แมนนี่ ปาเกียว’ ชื่อที่โลกต้องจดจำไปตลอดกาล   2. ชายชาวซีเรียดูแลแมวถูกทิ้งในสงครามอาเลปโป ตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองที่อาเลปโป ประเทศซีเรียในปี 2011 บ้านของ Alaa Jaleel ก็กลายเป็นบ้านที่ให้การดูแลแมวที่ถูกทิ้ง เขาได้ดูแลแมวมากกว่า 100 ตัว ซึ่งเป็นแมวของคนที่อพยพออกจากเมืองจากการถูกบีบบังคับ แม้บางคนไม่อยากทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้แบบนี้…

เมื่อพูดถึงสงครามโลก เราคงจะนึกถึงแต่ความหดหู่จากการสู้รบ…แล้วถ้าถีงวันหยุดหรือเทศกาลต่างๆ ละ พวกเขาจะได้ฉลองเหมื่อนคนอื่นๆ มั้ย!? สำหรับคนธรรมดาอย่างเรา เมื่อถึงวันหยุดหรือเทศกาลสำคัญต่างๆ อย่างคริสต์มาส เรามักจะใช้เวลาอยู่กับเพื่อนหรือครอบครัว แต่สำหรับเหล่าทหารแล้ว ไม่ว่าเทศกาลไหนพวกเขาก็เลือกไม่ได้ว่าจะอยู่กับเพื่อนหรือครอบครัว เพราะพวกเขาเป็นผู้เสียสละเพื่อชาติและคอยปกป้องเราทุกคน แต่ถึงจะอยู่ท่ามกลางสงคราม เมื่อถึงเทศกาลต่างๆ พวกเขาก็มีการฉลองเหมือนกันนะ แม้จะไม่ได้อยู่กับครอบครัว หรืออยู่ในบ้านของตัวเองก็ตาม เช่นเดียวกับภาพต่อไปนี้ ที่เป็นการฉลองของทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าแต่พวกเขาจะฉลองกันยังไงบ้าง…   1. งานเลี้ยงในเทศกาลคริสต์มาส ทหารชายแดนในฝรั่งเศส กำลังร่วมทานอาหารเพื่อฉลองในเทศกาลคริสต์มาสอย่างมีความสุข   2. ทหารสาวกำลังปรุงอาหารเพื่อฉลองในวันคริสต์มาส สมาชิกบางส่วนของกะลาสีเรือสาว กำลังตื่นเต้นที่จะได้ฉลองคริสต์มาสด้วยกัน พวกเขาจึงช่วยกันทำขนมเพื่อเลี้ยงฉลอง   3. ทหารกำลังคัดแยกของขวัญที่ครอบครัวส่งมาให้ แม้จะอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ แต่ในทุกๆ ปี ครอบครัวของเหล่าทหารก็ส่งของขวัญมาให้ ไม่ใช่เฉพาะแค่ครอบครัว แต่ยังมีคนอื่นๆ จากทั่วโลกส่งให้ด้วย เพื่อเป็นกำลังใจให้ทหารที่เสียสละ   4. ทหารแต่งตัวเป็นซานต้าแจกของขวัญให้เด็กๆ มีเด็ก มากมายที่อพยพมาเนื่องจากสงครามที่โหดร้าย ดังนั้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เหล่าทหารก็จะแต่งเป็นซานต้าเพื่อให้เด็กๆ ได้ของขวัญเหมือนเด็กคนอื่นๆ โดยของขวัญส่วนหนึ่งนั้นมาจากเด็กท้องถิ่นที่บริจาคมา   5. ทหารทำลังตกแต่งที่พัก…

โลกของเรานั้นยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา…แต่สำหรับหนูน้อย Bradley แล้ว นี่อาจเป็นเรื่องดีๆ ที่จะเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขา   Bradley Lowery หนูน้อยวัย 5 ขวบต้องเผชิญกับโรคมะเร็งต่อมหมวกไตมาตั้งแต่เกิด ทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษามาอย่างต่อเนื่อง และต้องขอบอกเลยว่าเขาเป็นคอฟุตบอลตัวยงเลยล่ะ และทีมสุดโปรดของเขาก็คือทีมที่มีฉายาว่าแมวดำ Sunderland นั้นเอง     เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทีม Sunderland ได้เปิดโอกาสให้หนูน้อย Bradley เดินลงสนามในฐานะมาสค็อตครั้งแรก ในเกมที่เปิดบ้านรับการมาเยือนของท็อฟฟี่สีน้ำเงิน Everton ถือเป็นการบอกให้ทั้งโลกรับรู้เรื่องราวของแฟนบอลตัวน้อยๆ คนหนึ่งที่กำลังต่อสู้กับโรคร้ายอย่างมะเร็งอยู่ จากนั้นไม่นานก็มีคนร่วมบริจาคเงินมากกว่า 31 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาให้กับหนู Bradley นอกจากทีม Sunderland ที่อาสาเข้ามาทำหน้าที่ในการช่วยเหลือด้านการเงินแล้ว ทีม Everton เองก็ได้สมทบทุนช่วยมาอีก 9 ล้านบาท     และเรื่องราวน่ารักๆ ยังไม่หมดลงแค่นี้ มีแฟนบอลมากมายเขียนการ์ดวันคริสต์มาสส่งไปที่บ้านของหนู Bradley เพื่ออวยพรให้เขาหายป่วยโดยเร็ว และขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น มากกว่า 11,000 ใบเลยทีเดียว และเมื่อคืนที่ผ่านมาหนูน้อย Bradley ก็ถูกเชิญไปเป็นมาสค็อตนำทีมที่ตนรักเดินลงสนามอีกครั้งในเกมที่เปิดบ้านพบกับจ่าฝูงอย่างทีม…

เมื่อย้อนกลับไปในวัยเด็ก งานฉลองวันเกิดนั้นเป็นช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้กับเราได้ทุกครั้ง เพราะได้ทั้งของขวัญ ได้สนุกไปกับเพื่อนๆ ที่มาร่วมงาน ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นช่วงเวลาแสนวิเศษของเจ้าของงาน แต่สำหรับหนูน้อยคนนี้แล้ว ไม่มีเพื่อนร่วมห้องของเธอมาร่วมงานฉลองวันเกิดแม้แต่คนเดียวเลย แน่นอนว่าเป็นใครใครก็ต้องเศร้ากันบ้างล่ะ พอชาวเน็ตได้รับรู้ถึงเรื่องนี้ก็เลยร่วมใจกันจัดงานวันเกิดให้กับเธออีกรอบพร้อมกับเชิญชวนทุกคนมาอย่างคับคั่ง!!   หนูน้อยวัย 6 ขวบ ป่วยเป็นโรค Alopecia (ผมร่วงเป็นหย่อมๆ) ซึ่งทำให้เธอไม่มีผมเลยแม้แต่เส้นเดียว ถูกผู้คนแปลกหน้ามาเซอร์ไพรส์ร่วมวันเกิด หลังจากที่ไม่มีเพื่อนๆ ร่วมชั้นคนไหนมาร่วมงานวันเกิดของเธอเลย ครอบครัวของหนูน้อย Alexis Barnes ได้จัดวันเกิดขึ้นที่ลานสเก็ตที่อยู่ในเมือง Willis รัฐ Texas โดยส่งคำเชิญไปหาเพื่อนๆ ร่วมชั้นทั้ง 17 คน แต่ไม่มีใครมาแม้แต่คนเดียว แน่นอนว่าเธอรู้สึกเศร้าพอสมควร เพราะงานวันเกิดในวันนั้นของเธอก็ผ่านไปอย่างเงียบเหงา     ด้วยเหตุนี้เองคุณ Jessica Barnes คุณแม่ของหนูน้อย Alexis ก็ได้ถ่ายรูปของหนูน้อยโพสต์ลงเฟซบุ๊ค ที่อยู่ในชุดสีชมพูฟรุ้งฟริ้งเตรียมพร้อมสำหรับงานวันเกิดสุดสนุก แต่ไม่มีใครมาร่วมฉลองเลยแม้แต่คนเดียว “เรื่องในวันนี้มันอาจจะน่าเศร้าไปหน่อยสำหรับ Alexis พวกเราจัดงานฉลองครบรอบ 6 ขวบที่ลานสเก็ต และพวกเราก็เชิญเพื่อนร่วมชั้นของเธอทั้ง 17 คนมาด้วย แต่ไม่มีใครมาร่วมงานเลยแม้แต่คนเดียว พวกเราเล่นสเก็ตด้วยกัน…

กลายเป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจชาวโซเชียลเป็นอย่างมากเมื่อเว็บไซต์ DailyMail ได้แชร์ภาพของจดหมายวันคริสต์มาสต์ที่เขียนโดยเด็กชายคนหนึ่งเขียนถึงคุณพ่อของเขาที่เสียชีวิตไปแล้วติดอยู่กับซากลูกโป่งที่ตกอยู่บริเวณสนามหญ้าในเมือง Dunfermline ประเทศสก็อตแลนด์ เนื้อหาในจดหมายได้อธิบายถึงความคิดถึงที่มีต่อคุณพ่อของเขา และเล่าให้คุณพ่อที่อยู่บนสวรรค์ฟังว่าเขาได้ถูกพาไปยังศูนย์อุปการะเพราะว่าคุณแม่ของเขาป่วย เด็กหนุ่มบอกว่าในวันคริสต์มาสต์นี้เขาหวังอยากจะให้คุณพ่อที่อยู่บนสวรรค์ได้อ่านจดหมายนี้ นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าเขาต้องการชุดแข่งของทีมฟุตบอลชื่อดังอย่าง Real Madrid   เนื้อหาในจดหมายเขียนไว้ว่า…   “สวัสดีครับพ่อ ผมแค่อยากจะเขียนจดหมายมาบอกคุณพ่อว่าผมคิดถึงพ่อมาก และต้องการที่จะบอกข่าว ผมแน่ใจว่าพ่อรู้แล่วว่าตอนนี้ผมต้องเข้ามาอยู่ที่ศูนย์อุปการะ เพราะว่าแม่ป่วย และหูของผมก็รู้สึกเจ็บตั้งแต่วันจันทร์แล้ว แต่พรุ่งนี้เราก็จะออกจากที่นี่แล้วล่ะ ผมคิดถึงโรงเรียนและคุณพ่อมากๆ ผมรู้ว่าคุณพ่อขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้ว แต่คุณพ่อปลอดภัยดีรึเปล่า? โอ้ ก่อนที่ผมจะไป อยากจะบอกความฝันของผมในวันคริสต์มากให้พ่อฟัง ความฝันของผมก็คืออยากให้คุณพ่อเขียนจดหมายตอบกลับมา จะเอามาวางไว้ที่ใต้หมอนของผมก็ได้นะ และนี่คือของขวัญวันคริสต์มาสต์ที่ผมอยากได้ : รองเท้าสตั๊ดรุ่น Astro, โกลขนาดเล็ก (สำหรับเล่นฟุตบอล), ลูกฟุตบอลของพรีมียร์ลีคปีล่าสุด, เสื้อแข่งของ Real Madrid ลาก่อนครับพ่อ ผมรักพ่อนะ”     จดหมายนี้ถูกพบโดยคุณ Mr McColl ช่างภาพวัย 30 ปี บริเวณสนามหญ้าในโรงแรม 4 ดาว Balmule House ที่อยู่ในเมือง Dunfermline…

สำหรับคู่สามีภรรยาที่ต้องการมีลูกทั้งหลาย ไม่ว่าใครต่างก็ต้องการที่จะมีลูกแฝดกันทั้งนั้น แต่มันก็เป็นเรื่องยากซะเหลือเกิน เรียกได้ว่าถ้าไม่ฟลุ๊คจริงๆ ก็ไม่อาจมีได้เลยเชียวล่ะ แต่สำหรับคุณพ่อคุณแม่คู่นี้ที่เรียกได้ว่าฟลุ๊คแบบถูกรางวัลแจ็คพอตเลยทีเดียว เพราะพวกเขามีลูกแฝดถึง 5 คนด้วยกัน แถมยังคลอดในครั้งเดียวอีกด้วย!!   คุณแม่ Oksana Kobeletskaya วัย 37 ปี จากเมือง Odessa ประเทศยูเครน ได้ทำการเซอร์ไพรส์คนทั้งโลกด้วยการคลอดลูกแฝดออกมาถึง 5 คนด้วยกัน ที่โรงศูนย์ดูแลแม่ละเด็กในเมือง Odessa     การให้กำเนิดลูกแฝดออกมาทีเดียว 5 คนนี้แพทย์เชื่อว่าเป็นเคสที่เกิดได้ยากมากๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศยูเครนเลย การทำคลอดของคุณแม่ผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร ในที่สุดแฝดน้อยทั้ง 5 คน เป็นเพศหญิง 2 และเพศชาย 3 ก็ได้ออกมาเผชิญโลกกว้างเป็นที่เรียบร้อย คุณแม่และคุณพ่อของเจ้าหนูน้อยทั้ง 5 คน เล่าว่าพวกเขารู้สึกตกใจมากที่รู้ว่ากำลังจะมีลูกแฝด แถมยังมีอีกตั้ง 5 คน เมื่อไปเช็คอัลตร้าซาวด์ในครั้งแรก ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาก็มีลูกสาววัย 3 ขวบอยู่แล้ว 1 คน เท่ากับว่าจากการตั้งครรภ์ 2 ครั้ง…

เดี๋ยวนี้กว่าจะโพสต์รูปลงโซเชียลได้ บางคนแต่งแล้วแต่งอีกเพราะรูปที่ถ่ายมามันไม่ถูกใจ และส่วนหนึ่งอาจมาจากการถ่ายด้วยมุมกล้องที่ไม่ลงตัวอีกด้วย แต่ช่างภาพมือโปรอย่าง Roman Zakharchenko บอกว่า เราแทบจะไม่ต้องพึ่งแอพแต่งรูปเลย ถ้าเรารู้จักหามุมกล้องที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะทำให้สวยแบบธรรมชาติ ยังทำให้เราดูเหมือนมืออาชีพในการเซลฟี่ด้วย   1. พยายามหลีกเลี่ยงภาพมุมต่ำ การถ่ายภาพมุมต่ำนั้น จะทำให้คุณดูไม่เป็นธรรมชาติ และอาจทำให้ดูอ้วนด้วย ดังนั้นภาพที่ดีคือ ควรยกกล้องให้อยู่ในระดับสายตา มุมนี้จะทำให้เห็นใบหน้าที่ชัดเจน และมันจะช่วยปกปิดคางสองชั้นของคุณด้วย (ถ้าหากว่ามีน่ะนะ)   2. อย่าถ่ายภาพมุมสูง ภาพมุมสูงจะทำให้หน้าคุณบานได้เมื่อเทียบกับสัดส่วนในร่างกาย เพราะกล้องจะอยู่ใกล้กับใบหน้ามากกว่าจนทำให้ลำตัวดูเล็ก และดูไม่สมส่วน   3. หันข้างที่ดูดีที่สุด สังเกตมั้ยว่า เวลาถ่ายรูปด้านซ้ายกับขวาจะออกมาไม่เหมือนกัน ดังนั้นควรเลือกหันข้างที่ตัวเองดูดีที่สุด และที่สำคัญต้องหามุมกล้องที่ใช่ด้วย   4. อย่างบีบแก้มตัวเอง บางคนคิดว่าหน้าตัวเองอ้วนเลยแก้ตัวด้วยการทำปากจู๋เพื่อให้หน้าดูเล็กเรียว จนทำให้ดูไม่ธรรมชาติเอาเสียเลย วิธีที่ดีคือ กระดกลิ้นของคุณแตะกับเพดานปาก แล้วทำให้ใบหน้าของคุณห่างจากกล้องประมาณสามในสี่   5. ศิลปะในการหรี่ตา การทำตาโตจะทำให้ดูเหมือนคุณกำลังมีความประหลาดใจ แต่ถ้าคุณลองหรี่ตาลงมาเล็กน้อย จะทำให้คุณดูมีความมั่นใจและดูน่าสนใจขึ้น   6. พยายามอย่าทำหน้าบึ้ง การทำหน้าบึ้งไม่ทำให้ดูเซกซี่เสมอไปนะ เพราะกับบางคนจะทำให้จมูกดูยาวจนไม่โอเคกับหน้า ดังนั้นมุมที่เหมาะสมคือ ถ่ายหน้าตรงแล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย…

ในหน้าหนาวในบ้านเรา สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดที่สุดก็น่าจะเป็นอุณภูมิที่ต่ำลงเนี่ยแหละ เพราะสภาพแวดล้อมคงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากซะเท่าไร แต่ที่เมืองนอก แตกต่างกับบ้านเรามาก ดังนั้นเมื่อฤดูเปลี่ยน สภาพแวดล้อมก็จะเปลี่ยนไปด้วย ราวกับอยู่คนละที่กันเลยแหน่ะ แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นก็ทำให้เห็นถึงความสวยงามอีกรูปแบบหนึ่งนะ   1. ประภาคาร St. Joseph รัฐมิชิแกน   2. หมู่บ้านชาวประมง Hamnøy ประเทศนอร์เวย์   3. ทะเลสาบ Bled ประเทศสโลวีเนีย   4. หมู่บ้านมรดกโลก Shirakawa-Gō ประเทศญี่ปุ่น   5. อุทยานแห่งชาติ Yosemite รัฐแคลิฟอร์เนีย   6. ทะเลสาบวานาก้า ประเทศนิวซีแลนด์   7. วัดนะตะเดะระ จังหวัดอิชิคะวะ ประเทศญี่ปุ่น   8. สะพาน Landwasser ประเทศสวิตเซอร์แลนด์   9. เมืองวิลนีอัส ประเทศลิทัวเนีย   10. Johannapark เมือง Leipzig ประเทศเยอรมนี…

ความกลัวเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ และรูปของความกลัวนั้นก็มีมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่สิ่งที่กลัวเหล่านั้นก็คงจะเกี่ยวข้องกับชีวิตเราเนี่ยแหละ แต่รู้มั้ยว่า ความกลัวบางอย่างถือเป็นโรคด้วยนะ เพราะความกลัวบางอย่างจะเกิดเฉพาะกับคนบางคน และจะเจาะเฉพาะสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือในบางสถานการณ์เท่านั้น ที่สำคัญบางทีความกลัวนั้นมันไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผลได้เหมือน 11 ความกลัวต่อไปนี้   1. Turophobia (โรคกลัวชีส) Turophobia เป็นโรคกลัวชีส ซึ่งคนที่เป็นโรคนี้จะพยายามหลีกเลี่ยงชีส เพราะเขาอาจเคยเจอเหตุการณ์หรือมีประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจ คนที่มีอาการหนักจะน้ำตาไหลเมื่อเห็นชีส หรือแม้กระทั่งเดินผ่านร้านที่มีชีสเขาก็จะแสดงอาการทันที   2. Scopophobia (โรคกลัวการถูกมอง) Scopophobia เป็นโรคกลัวการถูกมอง ส่งผลให้หวาดกลัวการอยู่ในสังคมด้วย และจะมีอาการเกิดขึ้นเฉพาะในบางสถานการณ์เท่านั้น ส่วนสาเหตุอาจมาจากการถูกเยาะเย้ยในวัยเด็กจนทำให้เกิดสูญเสียความมั่นใจ และจะกลัวเมื่อต้องอยู่ในที่ที่มีคนมากๆ   3. Oikophobia (โรคกลัวของใช้ในบ้าน) เชื่อมั้ยว่า มีบางคนที่ทรมานจากการเป็นโรคกลัวของใช้ในบ้าน ซึ่งอาจเกิดการที่คนคนนั้นเคยประสบการเหตุการณ์ร้ายแรงเกี่ยวกับเครื่องใช้ในบ้าน จนกลายเป็นเรื่องฝังใจและเกิดเป็นความกลัวที่มีผลจิตใจอย่างรุนแรง   4. Globophobia (โรคกลัวลูกโป่ง) โรคกลัวลูกโป่งเกิดจาก Oprah Winfrey หญิงสาวที่ไม่สามารถอยู่ใกล้ลูกโป่งได้เพราะกลัวลูกโป่งแตก จนกลายเป็นโรคที่เกิดกับบางคน ถึงกระทั่งว่าไม่สามารถเห็นลูกโปงได้เลยก็มี ดังนั้นเรื่องที่ยากสำหรับคนกลุ่มนี้คือ การไปงานปาร์ตี้ที่มีลูกโป่ง   5. Xanthophobia (โรคกลัวสีเหลือง) สำหรับคนปกติแล้ว สีอาจเป็นสีที่มีความสดใส ดูแล้วสร้างความสุขให้เป็นอย่างดี แต่ยังมีบางคนที่เป็นคนกลัวสีเหลือง ดังนั้นเมื่อเห็นอะไรที่เป็นสีเหลืองก็จะเกิดความกลัวขึ้นมาทันที…

เรียกว่าคนรักสุนัขทั่วโลกเตรียมเฉลิมฉลองกันเลยทีเดียว หลังจากตลาดขายเนื้อสุนัขเจ้าใหญ่ในประเทศเกาหลีใต้กำลังจะปิดตัวลงแล้ว ซึ่งตลาดแห่งนี้เป็นตลาดที่มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 33 เปอร์เซ็นของการขายเนื้อสุนัขทั้งหมดในเกาหลีเลยทีเดียว โดยทางสำนักข่าว The Korea Herald ได้รายงานว่า ตอนนี้ทางการได้มีคำสั่งให้ถอดอุปกรณ์เชือดสุนัขและกรงต่างๆ ออกไปจากตลาดโมราน ที่ตั้งอยู่ในเมืองซ็องนัม ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดขายเนื้อสุนัขที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ และกำลังจะมีคำสั่งห้ามขายเนื้อสุนัขอย่างถาวรในเร็วๆ นี้   ในแต่ละปี มีสุนัขกว่า 80,000 ตัวถูกขายทั้งแบบเป็นๆ และเป็นเนื้อในตลาดแห่งนี้ ซึ่งมีความพยายามรนรงค์ปิดตลาดดังกล่าวจากองค์กรอิสระต่างๆ มาหลายครั้ง เนื่องจากชื่อเสียงด้านความโหดร้ายทารุนนั่นเอง   Lee Jae-myung นายกเทศมนตรีประจำเมืองซ็องนำกล่าวว่า “เมืองซ็องนำของเรานี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศเกาหลีใต้ เพราะ ความยิ่งใหญ่ของชาตินั้นๆ สามารถตัดสินได้จากวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อสัตว์”   Jang In-young โฆษกประจำสมาคมสวัสดิภาพสัตว์แห่งเกาหลีใต้กล่าวว่า “นี่ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับเมืองซ็องนัมในการหยุดการค้าเนื้อสุนัข แต่พวกเราก็จะคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด ว่าพวกเขาได้หยุดการค้าเนื้อสุนัขแล้วจริงๆ หรือไม่”   ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับคนรักสุนัขทั่วโลกจริงๆ และหลายคนหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการหยุดการค้าเนื้อสุนัขในที่อื่นๆ ทั่วโลก ที่มา boredpanda

Ben Carter เด็กวัย 14 ปีจากเมือง Devon ประเทศอังกฤษ เขาเกิดมาพร้อมภาวะออทิสติกตั้งแต่อายุได้ 2 ขวบ สิ่งหนึ่งที่เขาทำเป็นประจำก็คือการดื่มน้ำจากแก้ว Tommee Tippee Sippy Cup ซึ่งตอนนี้มันได้แตกไปแล้ว โชคไม่ดีที่บริษัทที่ผลิตแก้วนี้ได้หยุดผลิตแก้วตัวนี้ลงไปเมื่อหลายปีก่อน ทำให้หาซื้อแก้วแบบนี้ไม่ได้อีก แต่งานนี้ต้องขอบคุณแคมเปญในโลกออนไลน์ที่คุณพ่อ Marc ได้ตั้งขึ้นเพื่อช่วยลูกของเขา   เมื่อเรื่องนี้เป็นกระแส ทางบริษัท Tommee Tippee ได้ยินดังนั้นจึงกลับมาผลิตแก้วนี้อีกครั้ง และไม่ใช่ทำแค่อันเดียวด้วย แต่ทำถึง 500 อันเพื่อให้เด็กคนนี้ได้ดื่มน้ำอย่างต่อเนื่อง และไม่ต้องห่วงว่ามันจะตกแตกอีกกี่ครั้ง Ben ได้โพสต์ภาพแก้วลงในทวิตเตอร์ไม่กี่สัปดาห์ก่อน แล้วก็ได้รับการรีทวีตไปเยอะกว่า 19,000 ครั้ง ทางบริษัทเมื่อทราบข่าวก็เลยออกตามหาโรงงานที่มีแม่พิมพ์ที่เคยใช้ผลิตแก้วตัวนี้ ดูเป็นงานที่ยาก แต่สุดท้ายก็เจอจนได้ และก็ได้ตกลงจะทำแก้วนี้ให้กับ Ben อีกครั้ง พ่อเล่าว่า “มันทั้งตกใจและประหลาดใจมากๆ มันบ้ามากจริงๆ ที่เขาลงทุนทำทุกอย่างให้แบบนี้ ผมหยุดยิ้มไม่ได้เลย”   นี่คือแก้วของ Ben ที่ใช้เป็นประจำ และจะไม่ยอมดื่มน้ำจากแก้วอื่นเลย   ทางบริษัทได้มาเป็นแคมเปญนี้ ก็เลยจะพยายามช่วย Ben อย่างเต็มที่…

เรียกได้ว่าตั้งแต่ที่ ‘สมาร์ทโฟน’ ได้ถือกำเนิดขึ้น เทคโนโลยีชนิดนี้ก็เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของมนุษย์เราไปค่อนข้างจะมากพอสมควร ลองนึกย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว มนุษย์เรายังไม่รู้จักการก้มหน้ากดมือถือ หรือเอามันขึ้นมาใช้แทบจะทุกสถานที่ และทุกเวลา เหมือนเช่นทุกวันนี้เลยด้วยซ้ำ ซึ่งส่วนตัว #เหมียวบ็อบ มองว่าเทคโนโลยีชนิดนี้ มันมีทั้งข้อดี และข้อเสียในตัวมันเองนั่นแหละ ข้อดีคือไม่ว่าเราจะทำอะไรมันก็สะดวกรวดเร็ว ง่ายต่อการติดต่อ หรือบันทึกเรื่องราวต่างๆ แต่กลับกันถ้าหากเราติดมันมากจนเกินไป ก็อาจทำให้ใครบางคนไม่คิดจะทำอะไรอย่างอื่น นอกจากนั่งกดมือถือทั้งวี่ทั้งวัน เรียกได้ว่าปัญหานี้เกิดขึ้นทั่วโลก เช่นเดียวกับลูกชายสุดที่รักของคุณแม่ ‘Karly Tophill’ ครูสอนโยคะจากเมืองคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ   ‘Karly Tophill’ และลูกชายของเธอ   ปัญหามันมีอยู่ว่าลูกชายของเธอวัย 13 ‘Dylan’ เป็นหนุ่มที่ติดโทรศัพท์มือถือมาก เธอสังเกตเห็นพฤติกรรมของลูกชายตัวเองว่า ทุกวันไม่ว่าจะหลังกลับจากโรงเรียน ทำการบ้านเสร็จ กินข้าว อาบน้ำ กิจกรรมต่อไปที่ลูกชายเธอมุ่งให้ความสนใจ ก็คือการง่วนอยู่กับโทรศัพท์มือถือ และการเล่นโซเชียลมีเดีย “ลูกชายของฉันติดมือถือมากเหลือเกิน ทุกวันเขาจะหมดเวลาไปกับการเล่นโซเชียลมีเดียทางมือถือ นั่งเลื่อนจอโทรศัพท์ไปมาได้ทั้งวัน ซึ่งส่วนตัวฉันมองว่ามันช่างเป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะเด็กวัยนี้ น่าจะได้เรียนรู้กิจกรรมอะไรที่มากกว่านี้” คุณแม่ให้สัมภาษณ์กับ Dailymail ด้วยเหตุนี้เองคุณแม่จึงตัดสินใจออกมาตรการเด็ดขาด สั่งห้ามไม่ให้ลูกชายเล่นโทรศัพท์มือถือ…

สำหรับผู้ที่มีความบกพร่องในการมองเห็น หรือมีความบกพร่องทางด้านร่างกายซึ่งอาจส่งผลไปสู่การใช้ชีวิตประจำวันที่ยากลำบาก การใช้ ‘สุนัขนำทาง’ ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะมันจะคอยทำหน้าที่เป็นเพื่อนรักช่วยดูแลเราในยามยาก หรือแม้แต่ในยามเหงา ก็มีเจ้าหมาเนี่ยแหละ ที่คอยอยู่เคียงข้างเราเสมอ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 สำนักข่าว Metro ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับ ‘สุนัขนำทาง’ ได้ที่ช่วยเหลือเจ้านายตาบอด จากเหตุการณ์ไฟไหม้บ้าน ซึ่งถือว่าเป็นอีกวีรกรรมที่น่ายกย่อง และควรค่าแก่การจดจำ (อยากให้แมวที่บ้านเป็นงี้บ้างจัง)   ‘Yolanda’ มะหมาสายพันธุ์ลาบราดอร์ ผู้เป็นฮีโร่ในครั้งนี้   เหตุการณ์เกิดขึ้นที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐฯ ปกติแล้วเจ้า ‘Yolanda’ จะอาศัยอยู่กับเจ้าของ ซึ่งเป็นหญิงชราวัย 60 ปี ผู้มีความบกพร่องในการมองเห็น ทว่า จู่ๆ วันหนึ่งก็เกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ขึ้น ในที่อยู่อาศัยของทั้งสองชีวิต ด้วยความแสนรู้ของมัน มันจึงรีบทำการติดต่อสายด่วนฉุกเฉิน ‘911’ ผ่านโทรศัพท์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อผู้พิการโดยเฉพาะ สิ่งที่อันตรายพอๆ กับเพลิงไฟ ก็คือกลุ่มควัน ที่ลุกโชติช่วงอยู่ตลอดเวลา และนั่นก็ทำให้เธอหมดสติลงอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความแสนรู้ของมัน มันจึงรีบดึงตัวเธอออกมาจากจุดเกิดเหตุ มาในที่ปลอดภัย และรอรับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ในเวลาต่อมา    …

เคยสังเกตมั้ยว่าหน้าเราเหมือนใคร เพราะบางคนก็ไม่เหมือนพ่อหรือแม่เลย แต่อาจจะไปเหมือนปู่ ย่า ตา ยาย หรือทวดก็มี (เอ๊ะ!! หรือเหมือนคนข้างบ้าน อะ ล้อเล่น) เหมือนครอบครัวเหล่านี้ ที่มีความเหมือนบรรพบุรุษของตัวเอง แบบสำเนาถูกต้องเป๊ะ แถมยังมาถ่ายรูปเลียนแบบซะเหมือนจนคิดว่าเป็นคนเดียวกันซะอีก   “คุณพ่อกับผม และ ผมกับลูก”   คุณพ่อในวัยเด็ก และลูกสาวในวัยเดียวกัน   สองคนนี้เป็นเพื่อนกัน ส่วนภาพข้างล่างคือลูกๆ ของพวกเขา   แม่ใส่ชุดแดง ผ่านไป 25 ปี ลูกสาวก็ใส่ชุดเดียวกันนี้อีกครั้ง   ภาพของพ่อในปี 1976 ถูกลูกก๊อปปี้ในปี 2012 เล่นซะเหมือนเป๊ะเลย   ภาพที่ถ่ายห่างกัน 87 ปี ของคุณทวด Michelle และหลานสาว Lucy   ทวดของทวดในปี 1917 และโหลนในปี 1995   แม่และลูกชาย   ลูกชายเลียนแบบพ่อ   คุณปู่ Henry และหลานชาย Edward…

ในโลกนี้เต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจมากมายที่เราไม่เคยไปมาก่อน และเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ไม่สามารถไปได้นั้น เพราะมันอยู่ห่างไกลและเข้าถึงยากรวมทั้งอาจเป็นสถานที่ต้องห้ามด้วย อย่างเช่นสถานที่ต่อไปนี้ ที่น่าสนใจ มีความดึงดูดนักท่องเที่ยวและเหมาะแก่การไปผจญภัย แต่ทว่ามันก็ยังเป็นสถานที่ที่ถูกซ่อนไว้อยู่ดีและไม่มีใครเคยเข้าไป เพราะมันเป็นสถานที่ต้องห้ามนั่นเอง   1. ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน Mount Weather รัฐเวอร์จิเนีย ผู้ที่จะเข้าไปยังสถานที่นี้ได้ ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้น… Mount Weather เป็นที่หลบภัยลับของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายในมีศูนย์ปฏิบัติการ FEMA ถูกซ่อนอยู่ โดยจะทำหน้าที่คอยรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นในประเทศ โครงสร้างบางส่วนของศูนย์ปฏิบัติการนี้ถูกสร้างอยู่เหนือพื้นดิน มีการบริหารจัดการและดูแลความปลอดภัยรอบด้าน นอกจากพวกเขาไม่ได้ใช้กฏหมายเดียวกับภายนอก แต่มีกฏหมายของตัวเอง ดังนั้นบุคคลภายนอกห้ามเข้าโดยเด็ดขาด ที่มา wikipedia l theguardian   2. ห้องนิรภัย Svalbard ที่เก็บเมล็ดพันธุ์จากทั่วโลก ประเทศนอร์เวย์ เป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ…เป็นสถานที่ที่ตั้งอยู่ในเกาะแห่งหนึ่งของ Spitsbergen ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 120 เมตร ภายในเป็นอุโมงค์ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย 10 องศาเซลเซียส โดยจะควบคุมให้มีความชื้นน้อยที่สุด ส่วนปากอุโมงค์นั้นควบคุมด้วยระบบอัฒโนมัติ ความสำคัญของสถานที่แห่งนี้คือ เป็นความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติและเป็นแห่งฟื้นฟูธรรมชาติที่ดีที่สุดเมื่อเกิดภัยพิบัติที่ไม่คาดคิด เพราะในนี้จะเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ต่างๆ จากทั่วโลกไว้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ไม่ให้คนภายนอกเข้า เพราะหากเมล็ดพันธุ์ได้รับความเสียหาย มันจะส่งผลต่อความอยู่รอดของมนุษย์อย่างร้ายแรง ที่มา wikipedia   3. หุบเขา Vale do Javari …

ต้องบอกก่อนเลยว่าส่วนตัว #เหมียวบ็อบ พิมพ์ข่าวนี้ไป ก็รู้สึกเสียด๊ายเสียดาย ก็แหม่…เงินตั้ง 5ล้านล้านบาท แบบได้มาง่ายๆ มีใครบ้างล่ะจะไม่อยากได้ จะเอาไปเที่ยวฮาวาย กินไข่ปลาคาเวียร์ทุกมื้อ หรือจะซื้อเรือดำน้ำก็ได้ทั้งนั้นแหละเนาะ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2559 สำนักข่าว Dailymail ได้ลงเรื่องราวเกี่ยวกับนาย ‘Wang Jianlin’ คุณพ่อวัย 62 ปี ผู้ก่อตั้งบริษัท ‘China’s Dalian Wanda Group‘ และลูกชายของเขา ‘Wang Sicong’ หนุ่มเฟี้ยววัย 28 ปี ผู้ปฏิเสธมรดกรวมมูลค่ากว่า 5 ล้านล้านบาท จากคุณพ่อของตัวเอง!!   Wang Jianlin ผู้เป็นพ่อ   ซึ่งฝั่งคุณพ่อได้ให้การว่า เดิมทีเขามีแพลนที่จะยกธุรกิจทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สวนสนุก สปอร์ตคลับ และธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์อีกจำนวนมาก ให้แก่ลูกชายของตน “ผมถามไถ่ลูกชายเกี่ยวกับแผนธุรกิจในชีวิตของเขา แต่เขากลับตอบมาว่าไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตบนเส้นทางธุรกิจเหมือนกับผม” คุณพ่อ Wang…

ขึ้นชื่อว่าเป็น “สัตวแพทย์” แน่นอนว่า ต้องมีหน้าที่รักษาสัตว์ รวมทั้งดูแลสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเห็นสัตว์บาดเจ็บแล้ว เราต้องนึกถึงสัตวแพทย์เป็นอันดับแรก แต่กับสัตวแพทย์คนนี้ กลับทำในสิ่งที่ตรงข้ามจนกลายเป็นที่พูดถึงทั่วโลกอินเตอร์ หลังจากเขาได้ฆ่าสัตว์ป่าตายหลายต่อหลายตัว จนทำให้ตัวเองต้องถึงแก่ความตายในที่สุด!!     Luciano Ponzetto สัตวแพทย์วัย 55 ปี เสียชีวิตขณะที่ออกไปล่าสัตว์ แต่เมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ มีชาวเน็ตส่วนมากแห่คอมเม้นในทางเดียวกันว่า “สมควรแล้ว” หรือ “มันคือผลของการล่าสัตว์” เนื่องจากที่ผ่านมา สัตวแพทย์คนดังกล่าว เคยโพสต์ภาพตัวเองกับศพกวางที่เค้าเป็นคนล่า จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลกโซเชียล แต่เขาก็ยังคงล่าต่อไปอย่างไม่แยแส     ซึ่งสัตว์แต่ละชนิดที่เขาล่านั้น มักจะเป็นสัตว์ป่าขนาดใหญ่ที่หายาก และบางชนิดก็ใกล้จะสูญพันธุ์แล้วด้วย จนเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับ แต่เขาก็หลีกเลี่ยงมาได้ตลอด ในที่สุด Luciano ก็ได้รับผลกรรมที่ตัวเองทำไว้ เมื่อเขาไปล่าสัตว์ที่หุบเขา Colle delle Oche ในประเทศอิตาลี และได้ลื่นไถลลงจากภูเขาน้ำแข็ง จนทำให้เสียชีวิตคาที่     ตำรวจอิตาลีบอกว่า “เราได้รับแจ้งให้ไปยังภูเขาที่เกิดเหตุ แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าเขาเสียชีวิตแล้ว และไม่มีทางช่วยไว้ได้ เพราะดูเหมือนเขาจะเสียชีวิตทันทีที่ลื่นล้มมา” ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ยกศพเขาออกจากพื้นที่ ก่อนจะนำกลับยังบ้านเกิดของเขา เพื่อประกอบพิธีฝังศพต่อไป…

ต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้ไม่ว่าสังคมไหนก็จะมีการแบ่งชนชั้นกันทั้งนั้น จนทำให้หลายคนขาดจิตสาธารณะไป และทำให้สังคมนี้ขาดความประณีประนอมลงไปเรื่อยๆ อย่างกรณีของคุณแม่ลูกอ่อนคนนี้ ที่ถูกคุณป้าท่านหนึ่งไล่ให้ไปนั่งที่อื่น เพราะเธอไม่มีตั๋วเฟิร์สคลาส จนกลายเป็นประเด็นถกเถียงที่ทำให้ชาวเน็ตปวดหัวกันอีกแล้ว เหตุการณ์นี้เกิดในลอนดอนและถูกโพสต์ลงในเฟสบุ๊คโดย Tyrone Williams (ปัจจุบันถูกลบไปแล้ว)ซึ่งเป็นคลิปที่บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ จนมีคนเข้ามาดูกว่า 330,000 คน     เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อคุณแม่ลูกอ่อนได้กระเตงลูกน้อยขึ้นรถไฟ แล้วเมื่อเห็นที่นั่งว่างแต่มีของวางอยู่ ซึ่งเป็นของของคุณป้าที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอจึงเดินเข้าไปแล้วเอาของวางบนพื้น ก่อนจะนั่งลงไป แต่แล้วก็ถูกคุณป้าร้องห้ามว่า “เธอกับลูกไม่สิทธิจะมานั่งตรงนี้นะ เพราะเธอไม่มีตั๋วเฟิร์สคลาส” แต่คุณแม่ลูกอ่อนตอบกลับไปว่า “ช่วยเอาของของคุณไว้บนพื้นได้มั้ย เพราะฉันแบกลูกอยู่ และตรงนี้ก็เป็นที่ว่างด้วย เห็นใจกันบ้างสิ”      แล้วทั้งคู่ก็ถกเถียงกันเป็นเรื่องเป็นราว โดยคุณแม่ลูกอ่อนได้ชี้ให้คุณป้าดูสัญลักษณ์ที่นั่งพิเศษด้วย แต่ป้าไม่สนใจและอ้างว่า เธอไม่ต้องการได้ยินเสียงเด็กร้อง ซึ่งคุณแม่อาจจะเห็นป้ายสัญลักษณ์สำหรับผู้โดยสารพิเศษ เลยเข้าใจว่านั่งได้ แต่เนื่องจากตรงนั้นเป็นที่เฟิร์สคลาส คุณป้าเลยยืนยันว่า แม้จะเป็นคนพิเศษก็ไม่มีสิทธินั่ง มาถึงตอนนี้ ดูเหมือนเรื่องจะไม่จบง่ายๆ เพราะต่างคนต่างก็อารมณ์ขึ้น จนผู้โดยสารคนอื่นๆ แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์นี้     ผู้โดยสารส่วนหนึ่งบอกว่า “แม่และลูกจะนั่งตรงนี้ไม่ได้ เพราะนี่มันที่นั่งสำหรับคนซื้อตั๋วเฟิร์สคลาส ต่อให้คุณอุ้มลูกก็ใช้เป็นข้ออ้างไม่ได้” ในขณะที่ผู้โดยสารอีกส่วนบอกว่า “เธอเป็นแม่ลูกอ่อนที่มาพร้อมกับลูก ดังนั้น เธอมีสิทธิที่จะนั่งตรงไหนก็ได้ ที่จริงแล้ว เราควรจะสละเก้าอี้ให้เธอด้วยซ้ำ”  …

ผู้ชายแทบทุกคนล้วนมีผู้หญิงในฝันเป็นของตัวเอง บางคนก็อยากมีแฟนสวยๆ หน้าตาน่ารัก บางคนก็ชอบผู้หญิงที่เอาใจเก่ง และเป็นคนดี นิสัยดี เรียกได้ว่าแต่ละคนก็มีความชื่นชอบในแบบที่แตกต่างกันออกไปอะเนอะ เหมือนดังเช่นผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นนามว่า @l67cm_ รายนี้ เขาก็เป็นหนึ่งในผู้ชายที่มีผู้หญิงในอุดมคติเป็นของตัวเองเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงได้วาดภาพผู้หญิงในอุดมคติของตัวเอง พร้อมกับคำอธิบายประกอบขึ้นมา เรามาดูกันว่าสาวในอุดมคติของเขาจะออกมาในรูปแบบไหน…   และนี่คือภาพที่เขาได้วาดขึ้น น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย   คุณลักษณะผู้หญิงในอุดมคติของผม เส้นผมดำตรงสลวยเงางาม, ไม่ดึงดูดความสนใจเวลาปรากฏตัว แต่ผู้คนสามารถมองเห็นถึงความน่ารัก เมื่อพวกเขามองคุณ, ไหล่ต้องแคบ, อย่าใส่สีฉูดฉาด แม้จะอยู่ในช่วงฤดูหนาว ต้องใส่กระโปรงสั้นได้โดยไม่ต้องพึ่งถุงน่อง และมีรูปร่างที่ทำให้ผู้หญิงคนอื่นๆ พูดว่า “คุณผอมมาก” แต่ผู้ชายกลับไม่คิดว่าคุณผอม     ส่วนบุคลิกภาพ ผู้คนจะต้องบอกว่า ว้าว!! ใช่เลย!! หืมม..หรอ!! อ๋อ…งั้นรึ!!  เฮ้ย…เจ๋งวะ!! เมื่อได้เห็นคุณ, ต้องยิ้มตลอด แม้ว่าจะอารมณ์ไม่ดี, เป็นแม่ศรีเรือน โดยเฉพาะการทำอาหารสำคัญมากๆ ต้องเป็นผู้หญิงนิ่ง และสงบเข้าไว้ แต่ถ้าเป็นเรื่องบนเตียงคุณจะต้องดูเซ็กซี่ แต่ก็อย่าลืมนะว่าต้องทำตัวขี้อาย และทำเหมือนตัวเองบริสุทธิ์, ดูฉลาดแต่น้อยกว่าผู้ชาย และอะไรก็ตามที่ผู้ชายทำผิด ก็ยกโทษให้กันซะ   เจอแบบนี้ไปสาวๆ…

สำหรับ #เหมียวบ็อบ แล้วนี่ถือว่าเป็นงานแปลกที่สุด ที่เคยเห็นมา เลยล่ะ!! เพราะคุณปู่ชาวคิวบา ‘Aleeda Rodriguez Pedrasa’ เขาได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลคิวบา ให้เป็นคนเฝ้าแว่นตาของรูปปั้น ‘John Lennon’ ศิลปินชื่อดังจากวงเดอะ บีเทิลส์ เอ้ออแบบนี้ก็มีด้วย   รูปปั้นที่กล่าวถึง   ย้อนกลับไปในช่วงปี 1964 สมัยที่ ‘Fidel Castro’ ได้ขึ้นครองตำแหน่งผู้นำประเทศ เขาได้ทำการสั่งแบนสื่อทุกชนิดเกี่ยวกับชาติตะวันตก แม้แต่เพลงจากวงเดอะ บีเทิ่ลส์ ด้วยก็เช่นกัน แต่ทว่าต่อมาเมื่อมีข่าวศิลปินดังคนนี้ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงระบบสังคมแบบทุนนิยม ก็ทำให้ผู้นำอย่างฟิเดล ได้เปิดใจรับเพลงจากวงนี้ เข้ามาให้ชาวเมืองได้เสพกัน จนกระทั่งได้รับความนิยมอย่างสูงในหลยปีต่อมา พอมาในปี 2000 ปีที่จอห์น เลนน่อน ได้จากโลกนี้ไปเป็นเวลา 20 ปี ทำให้ผู้นำฟิเดล ได้สั่งสร้างอนุเสาวรีย์ของศิลปินคนนี้ขึ้นมา เพื่อยกย่อง และสดุดีในผลงานที่เขาเคยสร้างไว้ที่เมืองฮาวาน่า ประเทศคิวบา   โฉมหน้าของศิลปินระดับตำนาน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักเค้า   หลังจากที่ได้สร้างอนุเสาวรีย์ไว้แล้ว แน่นอนว่ามีนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วโลก เดินทางมาถ่ายรูปคู่ด้วย แต่ทว่าปัญหาคือ…

ปกติแล้วเรามักจะเห็นข่าวแง่ลบของผู้ลี้ภัยจากกลุ่มประเทศแถบตะวันออกกลาง ที่มีปัญหาสงครามอยู่บ่อยๆ จนทำให้คนในพื้นที่แทบไม่อยากจะต้อนรับพวกเขา แต่ในดำยังคงมีขาว จากการรายงานของเดลีเมล?ได้ระบุเรื่องราวของ Saad Al-Kassab หนุ่มวัย 18 ปี จากซีเรีย เขาได้อพยพมายังเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และสิ่งที่เขาได้พิสูจน์ให้คนทั่วโลกเห็นคือความขยันหมั่นเพียร จนทำให้ตัวเองสอบวัดผลภาษาอังกฤษ (ATAR) ได้สูงถึง 96.65 คะแนน!!   Saad Al-Kassab   ต้องบอกก่อนว่าผลสอบ ATAR เนี่ยมันย่อมาจาก Australian Tertiary Admission Rank ซึ่งก็คล้ายๆกับการสอบแอดมิชชั่นเข้ามหาวิทยาลัย ในบ้านเราเนี่ยแหละ ซึ่งเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า ตั้งแต่ที่เขาเริ่มอพยพเข้ามา เขาไม่เคยพูดภาษาอังกฤษได้เลย…   แต่ด้วยความที่อยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาจึงฝึกฝนภาษาอังกฤษผ่านการดูรายการ ‘Question Time’ และท่องจำพจนานุกรมฉบับภาษา อังกฤษ – อารบิค อยู่เป็นประจำ เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในชีวิตได้จริง   ถ่ายรูปคู่กับครูใหญ่ประจำโรงเรียน ในวันรับผลสอบ   ตอนนี้พ่อหนุ่ม Saad ได้เป็นตัวแทนขึ้นไปพูดบนเวที TEDx เกี่ยวกับชีวิตของเขาในช่วงที่ลี้ภัยมาจากสงคราม การถูกทรมาณ และเรื่องราวของเจ้าตัวที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป…

ปัจจุบันนี้ ต้องยอมรับว่า “เว็บหาคู่” เป็นทางเลือกอย่างหนึ่งสำหรับคนโสด ซึ่งที่ผ่านมาหลายคู่ก็ได้พบคู่แท้ผ่านเว็บดังกล่าวนี้แหละ แต่ก็มีอีกหลายคนเช่นกัน ที่เข็ดไปกับเว็บหาคู่ไปตลอดชีวิต อย่างเช่นหญิงสาวคนนี้ ที่ได้รู้จักกับชายหนุ่มจากเว็บหนุ่ม ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเป็นตำรวจ จนทั้งคู่นัดทานข้าวกันในร้านอาหารหรู แต่พอบิลมาเท่านั้นแหละ ชายหนุ่มก็หายตัวโดยไม่ช่วยจ่ายสักบาท Diane Guilmette เป็นสาวโสดที่ร่วมหาคู่เดทในเว็บไซต์ Plenty of Fish แล้วก็มีหนุ่มคนหนึ่งทำเหมือนให้ความสนใจเธอ โดยอ้างว่าเป็นตำรวจชื่อ Paul Gonzales     เมื่อทั้งคู่ไปถึงร้านอาหาร Morton’s Steakhouse ชายหนุ่มก็สั่งอาหารมาเยอะมาก และดื่มไวน์ไปอีกหลายแก้ว จากนั้นทั้งคู่ก็นั่งคุยกันอย่างกระหนุงกระหนิงตามประสาคนออกเดทครั้งแรก ดูเหมือนทุกอย่างกำลังไปได้สวย (หรือ Guilmette จะคิดไปคนเดียวนะ) จนกระทั่ง Gonzales ทำทีเหมือนมีสาเข้าและขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ หญิงสาวเข้าใจว่าเขาคู่เดทของเธอคงไปคุยโทรศัพท์จริงๆ เลยนั่งรอในร้านอย่างใจเย็น แต่พอผ่านไป 15 นาที เธอเริ่มรู้สึกว่า แบบนี้มันไม่ปกติแล้วล่ะ     และแล้วเธอก็มั่นใจว่าคู่เดทของเธอคงไม่กลับมาแล้วแน่ๆ ก็เคยส่งข้อความหาเข้าในแอพ Plenty of Fish แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะ Gonzales ได้บล็อคเธอเรียบร้อย ที่น่าเจ็บใจกว่าคือ หญิงสาวต้องจ่ายค่าอาหารจำนวน 5,700 บาทคนเดียวทั้งหมด… ต่อมา Guilmette จึงนำภาพของชาวหนุ่มพร้อมเรื่องราวที่ถูกหลอกมาไปโพสต์ในโซเชียล…

เชื่อว่าทุกคนล้วนมีบุคคลต้นแบบที่เปรียบเสมือนผู้สร้างแรงบันดาลใจให้เรา หรือที่เรียกกันว่า ‘ไอดอล’ นั่นแหละ โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล แน่นอนว่า ‘ลีโอเนล เมสซี่’ คือนักเตะในดวงใจของใครหลายๆคน เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 สำนักข่าวเดลีเมล์ ได้รายงานเรื่องของหนูน้อยชาวอัฟกันวัย 6 ขวบ ‘Murtaza Ahmadi’ ผู้เกิดมาในครอบครัวที่ยากไร้ ที่เคยถ่ายรูปเสื้อทีมชาติของเมสซี่ ในแบบที่เขาทำขึ้นมาเองโดยใช้ถุงพลาสติก   ถึงแม้ว่าฐานะจะไม่เอื้ออำนวยต่อการซื้อเสื้อนักเตะในดวงใจมาใส่ แต่เขาก็ภูมิใจกับเสื้อถุงพลาสติกที่สร้างขึ้นมาเองมากๆเลยล่ะ   “ลูกชายของผม ชอบอ้อนวอนขอให้เราซื้อเสื้อทีมอาร์เจนติน่า ของเมสซี่อยู่ตลอด แต่ด้วยความที่เราเป็นครอบครัวที่ยากจน ทำให้เราไม่สามารถที่จะซื้อให้เขาได้” คุณพ่อให้สัมภาษณ์กับสื่อ แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่อทีมบาร์เซโลน่าได้เดินทางมาเตะกระชับมิตรกับทีม ‘Al Ahli’ ในเมืองกาต้าร์ ทางกลุ่มผู้จัดงานที่ได้ทราบเรื่องนี้ ก็ช่วยสานฝันของหนูน้อยให้กลายเป็นความจริง   ทางผู้จัดได้ประสานงานกับครอบครัว ช่วยพาให้เขาได้ไปเจอกับนักเตะในดวงใจตลอดกาลอย่างใกล้ชิด แถมยังได้จับมือทักทายกันอีกด้วย   นอกจากนั้นแล้วทั้งคู่ยังได้พูดคุย และถามไถ่สารทุกข์สุขดิบซึ่งกันและกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาไม่นานนัก แต่สำหรับเด็กคนหนึ่งที่มาจากย่านชนบท และมีฐานะครอบครัวที่ไม่สู้ดี ต้องถือว่าเป็นความทรงจำที่เค้าคงไม่ลืมอีกเลยในชีวิตนี้   ทางด้านเมสซี่ก็เป็นกันเองสุดๆ อุ้มหนูน้อยขึ้นมาเล่นด้วยกัน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้เป็นไอดอลของใครหลายคน   นอกจากนั้นแล้ว หนูน้อย…

สำหรับการนอนหลับพักผ่อนนั้น ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่สำคัญมากอันดับต้นๆ ของเราเลยก้ว่าได้ เพราะเป็นการพักผ่อนทั้งสมองและร่างกาย เพื่อทำให้เรามีพลังไว้ต่อสู้กับวันใหม่ต่อไปได้ ปัญหาเกี่ยวกับการนอนก็ถือว่าเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของคนในยุคนี้ เพราะมีสิ่งล่อใจไม่ให้หลับไม่ให้นอนกันเยอะเหลือเกิ้นนน วันนี้เราก็เลยอยากจะนำเสนอ 13 วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้คุณนอนหลับพักผ่อนได้ดีขึ้น   หรี่ไฟในห้องนอนของคุณ เพราะแสงไฟสว่างๆ นั้น จะเป็นการบอกสมองของคุณว่ายังเป็นเวลากลางวัน และควรตื่นอยู่ และจะไม่หลังเมลาโทนินออกมา Harvard Medical School ได้แนะนำว่า แสงไฟสลัวสีแดงนั้นจะทำให้เกิดความรู้สึกอยากนอนพักผ่อนได้ดีที่สุด   เก็บโทรศัพท์ของคุณไว้ให้ห่างจากตัว เพื่อนๆ อาจจะไม่เคยสังเกตกัน แต่โทรศัพท์มือถือจัดว่าเป็นศัตรูร้ายของการนอนหลับพักผ่อนเลยทีเดียว แถมถ้าติดลมกันขึ้นมาล่ะก็ เวลานอนยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ ไปอีก   งดชาและกาแฟ เครื่องดื่มจำพวกคาเฟอีนทำให้สมองหลั่งเมลาโทนินช้าลง นั่นทำให้นอนได้ยากขึ้น โดยเฉพาะก่อนนอนแล้วล่ะก็ ห้ามดื่มกันเด็ดขาด!!   แอลกอฮอล์ไม่ได้ทำให้หลับได้ดีขึ้นหรอกนะ National Institutes of Health ในสหรัฐอเมริกา ได้มีงานวิจัยที่ออกมาชี้ชัดว่าการดื่มแอลกอฮอล์นั้นทำให้การพักผ่อนได้แย่กว่าเดิม แถมยังอาจทำให้เกิดภาวะการหยุดหายใจระหว่างการนอนด้วย   อย่านอนกับคนที่ทำให้คุณไม่มีความสุข การนอนกับคนที่ทำให้เรามีความสุขจะทำให้การพักผ่อนของเราดีขึ้น ยิ่งคู่รักที่นอนหลับพักผ่อนกันดีทั้งคู่นั้น มีแนวโน้มที่จะมีความสุขในชีวิตกันมากกว่าคู่อื่นๆ ซะด้วย   พยายามนอนให้เป็นเวลา และรักษาตารางการนอนนั้นไว้ การนอนหลับให้เป็นเวลานั้นจะทำให้สามารถนอนหลับพักผ่อนกันได้ดีขึ้น…

ไม่เคยมีเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในสงคราม ไม่มีใครถูกหรือผิดที่แท้จริง เพราะทุกฝ่ายต่างผิดกันทั้งนั้น…   จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศซีเรียอยู่ในขณะนี้ ทั้งโลกต่างจับตามองกันอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ในประเทศซีเรียเองนั้นก็ได้รับผลกระทบมากมาย ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย หรือแม้แต่เด็กกับผู้สูงอายุก็ด้วย เพราะทุกที่ที่มีสงครามเกิดขึ้นนั้นย่อมทำให้มีผู้คนล้มตาย และด้วยความโหดร้ายของทัศนคติของผู้ทำสงคราม ก็ทำให้ประชาชนเกิดความหวั่นวิตกเสมือนชีวิตถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย และล่าสุดสงครามการปะทะกันระหว่างกองกำลังต่อต้านรัฐบาล กับกลุ่มกองกำลังของรัฐบาล Assad ก็ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้กับเมือง Aleppo ทุกที ชาวเมืองที่อยู่ที่นั่นก็เริ่มออกมาโพสต์ทวิตเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อร่ำลาบุคคลอันเป็นที่รักและบอกลาโลกใบนี้   เพราะไม่มีใครยื่นมือเข้าไปช่วยพวกเขา ที่ทำได้ก็มีแต่รอความตายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น   หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเพราะเหตุใดชาวเมืองถึงไม่อพยพหนีไปล่ะ? นั่นก็เพราะว่าในขณะนี้ไม่ว่าพื้นที่ไหนในประเทศซีเรียก็กำลังถูกกองกำลังฝั่งรัฐบาลยึดไว้หมดแล้ว เหลือแต่เมือง Aleppo เท่านั้นที่ยังคงเป็นที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มกองกำลังต่อต้านรัฐบาล ซึ่งกลุ่ม Assad นั้นเป็นกลุ่มทหารของรัฐบาลซีเรียซึ่งเป็นเผด็จการและได้ปกครองประเทศซีเรียมาอย่างยาวนาน ส่วนฝ่ายกบฏนั้นก็เกิดจากกลุ่มประชาชนหัวรุนแรงที่นับถือนิกายซุนนีย์ ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลจึงรวมตัวกันออกมาต่อต้าน แต่ภายหลังก็แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มกบฏดั้งเดิมกับกลุ่ม ISIS เพราะผู้นำมีความเห็นไม่ตรงกัน     แต่กลุ่ม ISIS ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการรบของ Assad และกลุ่มกองกำลังต่อต้านแต่อย่างใด แต่มีเป้าหมายในการขยายอิทธิพลขึ้นไปทางตุรกีเสียมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังก่อสงครามและสร้างความรุนแรงให้กับทุกที่ที่แผ่อิทธิพลไปถึง นอกจากนี้ก็มีการยื่นมือเข้ามามีเอี่ยวของเหล่ากองกำลังจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอิรัก รัสเซีย หรืออเมริกาก็ตาม ซึ่งทุกคนต่างก็มีเหตุผลที่จะเลือกสนับสนุนแต่ละกลุ่มแตกต่างกันออกไป   และนี่คือแผนผังความสัมพันธ์ของแต่ละประเทศที่อยู่ทางในแถบยุโรปตะวันออก…

กลายเป็นเรื่องสุดฮาบนอินเตอร์เน็ตไปเลยทีเดียว หลังจากนักเรียนหญิงชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งได้บังเอิญไปเจอรูปเจ้าหญิงโบราณในพิพิธภัณฑ์ที่หน้าเหมือนตัวเองเป๊ะ จนแอบสงสัยว่า นี่เป็นบรรพบุรุษกันหรือเปล่าเนี่ย โดยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา นักเรียนหญิงชาวญีปุ่นคนหนึ่งได้เดินทางไปทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวัน ในกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน   และระหว่างที่เดินชมข้อมูลต่างๆ อยู่นั้น สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นภาพวาดเจ้าหญิงในสมัยราชวงศ์หยวนของประเทศจีนที่ติดอยู่บนผนัง ซึ่งมันคงไม่แปลกอะไร ถ้าเจ้าหญิงในภาพไม่ได้หน้าเหมือนเธออย่างกับแกะ!!   เห็นดังนั้น เธอจึงถ่ายภาพและโพสลงทวิตเตอร์ส่วนตัวของเธอ จนกลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วอินเตอร์เน็ตของญี่ปุ่นและมีผู้รีทวีตแล้วกว่า 50,000 ครั้ง   แน่นอน เมื่อชาวเน็ตเห็นภาพดังกล่าว ก็เข้ามาคอมเมนต์แบบฮาๆ มากมาย เช่น บอกว่าบางทีเจ้าหญิงในภาพอาจเป็นบรรพบุรุษของยูกิก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตบางคนได้ตัดต่อหน้าของยูกิใส่เข้าไปในภาพด้วย เรียกว่าเหมือนสุดๆ เลยทีเดียว   ดูเหมือนว่ายูกิจะไม่ใช่เคสแรกที่มีคนหน้าเหมือนภาพวาดหรือรูปปั้นโบราณ อย่างเช่นนักกีฬาชาวจีนคนนี้ก็บังเอิญหน้าเหมือนรูปปั้นโบราณซะอย่างนั้น   คุณผู้ชายท่านนี้ก็เช่นกัน   นี่ก็ด้วย   บางทีอาจจะต้องมีการเช็คญาติพี่น้องกันดีๆ ว่า มีใครอพยพมาจากประเทศจีนหรือไม่ เพราะอะไรมันจะเหมือนกันขนาดนี้ อิอิ ที่มา dailymail

ในแต่ละประเทศทั่วโลก มีวัฒนธรรมการกินที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งบางทีอาหารของแต่ละประเทศ หรือบางพื้นที่นั้น มันอาจจะดูแปลก หรือพิสดารในสายตาหลายๆ คน แต่ใครจะรู้ละว่ามันเป็นอาหารยอดนิยมของพวกเขาเลยนะ ครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะพาเพื่อนๆ มารับชม 31 เมนูอาหารจากทั่วโลก ที่มีทั้งความแปลก และความพิสดารแบบสุดขั้ว ว่าแต่มันดูแปลกสำหรับคนไทยอย่างเราๆ มากขนาดไหน   1.แมลงปอต้มหรือทอด เมนูอาหารในประเทศอินโดนีเซีย และจีน ที่ดูแปลกตา และอาจจะไม่คุ้นเคยในบ้านเรา แต่เขาว่ากันว่ารสชาติของมันเหมือนกับเปลือกอ่อนๆ ของปูเลยละ   2.ปลาดาวทอด อีกหนึ่งเมนูอาหารอันโอชะส่งตรงจากประเทศจีน ที่มีรสชาติผสมผสานระหว่างยาสีฟัน และเนื้อวัวบด   3.เนื้อจิงโจ้ หลายคนอาจจะคิดว่ามีคนกินเนื้อจิงโจ้ด้วยเหรอ เมื่อพูดถึงเนื้อจิงโจ้ ก็ต้องนึกถึงประเทศออสเตรเลียอย่างแน่นอน โดยเมนูเนื้อจิงโจ้ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ถูกอกถูกใจคนชอบทานแปลกเป็นอย่างมาก มีรสชาติคล้ายกับเนื้อกวางผสมกับเนื้อควายนั่นเอง   4.จมูกกวางมูส เมนูอาหารสุดแปลก แต่กลับมีการบริโภคกันในประเทศแคนาดา   5.แคร็กเกอร์ตัวต่อ แครกเกอร์สุดพิสดารจากเมืองโอมาจิ ประเทศญี่ปุ่น ดูท่าทางน่ากินไหมละ หากใครมีโอกาสไปเยือนประเทศนี้ก็ลองหามาชิมดูได้นะ   6.พายรูปปลาดาว พายรูปปลาดาว เมนูอาหารแบบดั้งเดิมจากอังกฤษ โดยเมนูนี้มักจะทำขึ้นเพื่อระลึกถึงชาวประมงที่หาปลามาให้ผู้คนได้ทานนั่นเอง   7.Lutefisk…

ระบบการศึกษาในต่างประเทศนั้นค่อนข้างที่จะต่างจากบ้านเราสักหน่อย ตรงที่พวกเขาไม่ได้เข้มงวดเรื่องการแต่งกายหรือการตัดผมอะไรมากมาย มุ่งเน้นเพียงการศึกษาเท่านั้น แต่ใช่ว่าการที่พวกเขายอมให้คุณตัดผมทรงอะไรก็ได้จะเป็นเรื่องดีนะ เพราะบางทีการตัดผมทรง “ขัดใจคุณครู” ก็อาจนำพาความเดือดร้อนมาให้คุณได้เหมือนกัน     เรื่องราวต่อไปนี้เป็นของหนุ่มน้อย Mackenzie Emmanuel วัย 7 ขวบ ที่เข้าเรียนในโรงเรียนประถม St Mary’s CofE Primary School ทางตอนเหนือของลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ทำให้คุณพ่ออย่าง Craig Emmanuel เดือดร้อนโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะหนุ่มน้อย Mackenzie ดันไปตัดผมทรง “ขัดใจคุณครู” เข้า ทำให้ต้องมีการเรียกผู้ปกครองเข้ามาปรับทัศนคติกันหน่อย   ตามรายงานบอกว่านาย Craig และภรรยา Louise ถูกคุณครูเรียกให้เข้ามาพบที่โรงเรียน และบอกว่าทรงผมของลูกชายนั้น “ไม่เหมาะสม” เนื่องจากมีรอยบากที่กลางศีรษะและอาจจะทำลายสมาธิของเด็กคนอื่นๆ ได้ จึงขอให้พวกเขารับลูกชายกลับบ้านไปซะ   ทางด้านคุณครูได้บอกกับผู้ปกครองว่านี่เป็นการฝ่าฝืนกฎระเบียบของโรงเรียน ที่ห้ามไม่ให้มีการทำรอยบากหรือซิกแซกบนศีรษะ แต่นี่เป็นเพียงการพักการเรียนชั่วคราวเท่านั้น เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมของเด็กชาย Mackenzie กลับมายาวดกดำเต็มหัว เขาก็สามารถกลับเข้ามาเรียนในชั้นเรียนได้ตามปกติ และยังพยายามช่วยกันหาทางแก้ไขอื่นด้วย   แต่การที่เด็กชาย Mackenzie ต้องกลับมาอยู่ที่บ้านเป็นเวลานานๆ ทำให้นาย Craig ต้องหยุดงานเพื่อมาดูแลลูกของเขาด้วยตัวเอง…

กลายเป็นเรื่องราวที่สร้างความตกใจให้กับชาวเน็ตทั่วโลกเลยทีเดียว หลังจากมีการปล่อยภาพเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายหญิงสาวอย่างอุกอาจกลางสถานีรถไฟใต้ดิน จนเธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา บนสถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อมีชายฉกรรจ์ถีบหญิงสาวคนหนึ่งจนตกบันไดสูงกว่า 2 เมตร โดยที่ทั้งสองไม่ได้รู้จักกันมาก่อน     ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินลงบันไดอยู่ในนั้น มีชายฉกรรจ์สวมเสื้อหนังสีดำ กางเกงยีนส์สีฟ้า เดินตามมาติดๆ   ทันใดนั้นเอง ชายคนดังกล่าวก็ยกเท้าขึ้นมาถีบหญิงสาวอย่างเต็มแรง   ผลคือ หญิงสาวตกจากบันไดสูงกว่า 2 เมตร จนเธอแขนหัก   เมื่อคลิปเหตุการณ์เผยแพร่ออกไป ก็สร้างความตกตะลึงให้กับชาวเน็ตเป็นอย่างมาก ว่ามีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ แม้หลายคนจะสันนิษฐานว่าชายผู้ก่อเหตุอาจเป็นกลุ่มผู้อพยพที่กำลังเป็นปัญหาในหลายๆ ประเทศในยุโรปขณะนี้ ขณะที่ทางสำนักข่าวต่างประเทศหลายๆ แห่งต่างอ้างถึงสาเหตุนี้ ว่าอาจจะเป็นผู้ลี้ภัยหรือผู้อพยพที่คึกคะนอง แต่ทางตำรวจก็ยังไม่ได้มีการยืนยันข้อสันนิษฐานนี้แต่อย่างใด และกำลังเร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดอยู่ในเวลานี้     ขณะเดียวกัน Michael Kuehr บอดี้การ์ดส่วนตัวของนักร้องชื่อดัง Lady Gaga และดาราสาว Charlize Theron ก็ได้เสนอรางวัล 2,000 ยูโรหรือราว 75,000 บาทให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสในการจับกุมชายคนดังกล่าวได้ นอกจากนี้เขายังจะมอบเงินให้กับหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายดังกล่าวอีก 5,000…

ตอนนี้เทศกาลปีใหม่กำลังใกล้เข้ามาถึงแล้ว เชื่อว่าทุกคนกำลังมองหาของขวัญไปมอบให้กับคนที่เรารัก หรืออาจนำไปเข้าร่วมกิจกรรมแลกของขวัญที่จัดในโรงเรียนหรือออฟฟิศ ซึ่งการมองหาของขวัญดีๆ น่ารักๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว วันนี้เพื่อนๆ ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป เพราะ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 27 ขวัญปีใหม่สุดน่าร๊าก!! ที่แม้แต่คนจิตใจหยาบกระด้างมาเห็น ก็ต้องอยากซื้อไปใช้เอง จะน่ารักขนาดไหน ไปชมกันเลย   หมอนแมวและคอร์กี้ ประมาณ 700 บาทหาซื้อได้จาก Thinkgreek    แก้วมาร์ชเมลโล่ ราคาประมาณ 1,200 บาทซื้อได้จาก Amazon   ตัวเม่นครอบแฟรงสีฟันสุดน่ารัก ราคาประมาณ 250 บาท มีขายที่ Amazon   หมอนซูชิ ราคาประมาณ 1,700 บาท  ซื้อได้จาก Amazon   ไฟประดับแมวเหมียว ที่จะทำให้ห้องของคุณมีแต่แมว แมว แล้วก็แมว ราคาประมาณ 500 บาท ซื้อได้จาก Forever21   ยางลบสัตว์โลกตัวจิ๋วที่คุณจะไม่กล้าเอาไปลบอะไรเป็นอันขาด ราคาประมาณ…

ในแต่ละปีนั้นเรามักจะได้เห็นภาพสวยๆ น่าตื่นตาตื่นใจจาก National Geographic อยู่เสมอ ทำให้เราเห็นถึงความงามของโลกในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก และนี่คือภาพส่วนหนึ่งที่ชนะมาจากการประกวดกว่า 100 รายการ ของ National Geographic ประจำปี 2016 ซึ่งเป็นผลงานของช่างภาพทางด้าน ‘ธรรมชาติ’ 1. รางวัลชนะเลิศ สาขา Action + Grand Prize :การอพยพของฝูงปลาซาร์ดีน ในระหว่างการอพยพของปลาซาร์ดีนตามแนวชายฝั่งป่าของแอฟริกาใต้ จะมีปลาซาร์ดีนนับล้านตัวที่ตกเป็นเหยื่อของสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น ปลาโลมา นกทะเล เพนกวิน วงศ์ปลากระโทง(sailfishe) และสิงโตทะเล โดยการล่าจะเริ่มจากปลาโลมาก่อน พวกมันจะมีพัฒนาการล่าที่พิเศษคือ จะต้อนให้ฝูงปลาซาร์ดีนขึ้นไปยังผิวน้ำ เพื่อง่ายต่อการล่านั่นเอง แต่ในปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะมีการล่าปลามากขึ้น บวกกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ทำให้ปลาซาร์กระจัดจายและหาได้ยากมากขึ้น สำหรับการถ่ายภาพนี้ ช่างภาพได้ใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ภาพฝูงปลาซาร์ดีนมากที่สุด เจ้าของภาพ Greg Lecoeur   2. รางวัลชนะเลิศ สาขาภาพสัตว์ : ส่วนลึกในป่าใหญ่ ภาพนี้ถ่ายที่ Amboli ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม…

สำหรับความตายนั้น ถึงจะเป็นสิ่งที่แน่นอน แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดเช่นกัน และที่สำคัญ มันสามารถเข้ามาได้ในทุกๆ รูปแบบเลยล่ะ วันนี้ทางเราก็มีบันทึกเกี่ยวกับ 18 การตายสุดแปลกที่เกิดขึ้นจริงๆ บนโลกของเราใบนี้ จะแปลกมากน้อยแค่ไหนเราต้องมาชมกันเลย   ตายเพราะวัวตกลงมาจากหลังคา ในปี 2013 Joao Maria de Souza พบว่ามีวัวอยู่ในห้องของเธอ และสามีที่นอนอยู่ข้างๆ เธอนั้นบาดเจ็บสาหัส ภายหลังสืบทราบมาว่าวัวนั้นเดินมาเรื่อยๆ จากฟาร์มในละแวก และทำอีท่าไหนไม่รู้ มันเดินขึ้นไปบนหลังคาบ้าน ทำให้หลังคารับน้ำหนักไม่ไหวและถล่มลงมา สามีของเธอเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเพราะแผลบาดเจ็บภายใน   หัวเราะจนตาย!? ปี 1975 ในประเทศอังกฤษ Alex Mitchell กำลังนั่งดูรายการตลกเกี่ยวกับการเล่นสกีชื่อว่า The Goodies โดยตอนนั้นมีชื่อว่า Kung Fu Kapers ซึ่งถูกรสของเขาเข้าอย่างจัง เขาหัวเราะอย่างหนักราวๆ 25 นาทีเต็มๆ ก่อนที่จะเป็นลมล้มพับหมดสติไป และไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ภายหลังภรรยาของเขาก็ได้ส่งจดหมายขอบคุณให้กับทางรายการ ที่ทำให้สามีของเธอตายอย่างมีความสุขขนาดนั้น   ตายเพราะผ้าพันคอ ในปี 1927 เทรนด์ในการใช้รถยนต์เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ Isadora Duncan คือนักแสดงชาวอเมริกาที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศฝรั่งเศส เธอก็เป็นอีกคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว แต่เป็นรถแบบ Open-air…

ในกรณีนี้ขอให้คำนิยามเกี่ยวกับเขาว่า เศรษฐีข้ามคืนเลยก็แล้วกัน ฮร่าาาา   ไม่ว่าจะเป็นรถหรู สปีดโบ๊ท สาวๆ และปาร์ตี้ Luke Moore หนุ่มในวัย 22 ปี ที่เผอิญบัตรเครดิตของเขานั้นเกิดความผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อย (แต่ผลกระทบใหญ่หลวงมาก) และความผิดพลาดนั้นก็คือ วงเงินของเขามีไม่จำกัดล่ะ!!   Luke Moore วัย 22 ปี   ในตอนแรกเริ่มเดิมทีนั้น เขาเป็นหนี้อยู่ราวๆ 5,300 ปอนด์ หรือราวๆ 243,000 บาทอยู่แล้ว แต่พอเขารู้ว่าบัตรเครดิตของเขาไม่จำกัดวงเงิน เขาก็ตัดสินใจออกไปเที่ยวปาร์ตี้และสังสรรค์อย่างหนักทันที นอกจากนี้ก็ซื้อรถ Aston Martin ไปหนึ่งคัน ราคา 54,000 ปอนด์ หรือราวๆ 2.4 ล้านบาท Maserati อีกหนึ่งคัน ราคา 21,000 ปอนด์ หรือประมาณ 9 แสนบาท และสุดท้ายสปีดโบ๊ทอีกหนึ่งคัน ราคา 32,000 ปอนด์ หรือ 1.4 ล้านบาท!!   เรือที่เขาซื้อ  …

เราในฐานะคนรักสัตว์ คงคิดว่า ใครๆ ก็รักสุนัขใช่มั้ยล่า? มันก็อาจจะจริง แต่บางทีการรักสัตว์ก็ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรได้อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจเสมอไป อย่างกรณีของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ได้ส่งสุนัขให้รัสเซียเพื่อใช้ในการเจรจา แต่ถูกปฏิเสธข้อเสนอซะงั้น…     รัฐบาลญี่ปุ่นอยากจะมอบของขวัญให้แก่ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนรักสุนัขมากๆ ด้วยการส่งสุนัขเพศผู้พันธุ์อากิตะ ไว้ให้เป็นเพื่อนกับเจ้ายูเมะ สุนัขเพศเมียสายพันธุ์เดียวกันที่ญี่ปุ่นเคยมอบให้เขาไปเมื่อปี 2555 แต่ต่อมานายโคอิชิ ฮากิวดะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้โพสต์ลงบล็อกส่วนตัวของเขาว่า ‘น่าเสียดายที่ญี่ปุ่นได้ข่าวมาว่า ข้อเสนอที่จะส่งสุนัขเพศผู้ให้เป็นคู่กับสุนัขเพศเมียที่เคยมอบไว้กับผู้นำรัสเซียได้รับการปฏิเสธ’ โดยไม่ได้ให้เหตุผลที่ถูกปฏิเสธมาด้วย     และเร็วๆ นี้นายอาเบะและนายปูตินกำลังจะพบกันที่ญี่ปุ่นในวันที่ 15-16 ธันวาคมนี้ คาดว่าจะหารือเพื่อรื้อฟื้นการเจรจาด้านความมั่นคงและการซ้อมกู้ภัยทางทะเลร่วมกันที่ระงับไปหลังจากรัสเซียเข้ายึดดินแดนไครเมียเมื่อปี 2557 นอกจากนี้ยังมีกำหนดลงนามในข้อตกลงธุรกิจด้วย เพราะทั้งสองฝ่ายยังมีความขัดแย้งยืดเยื้อจากการอ้างสิทธิครอบครองหมู่เกาะอยู่     เป็นที่รู้กันดีว่าประธานาธิบดีปูตินเป็นคนรักสัตว์มาก โดยมักมีภาพถ่ายขี่ม้า ว่ายน้ำกับโลมา และกอดกับเสือดาว ดังนั้นคนที่จะเข้าหาเขา จึงมักจะใช้สัตว์เป็นตัวช่วย ที่ผ่านมาผู้นำรัสเซียได้เจ้ายูเมะสุนัขเพศเมียที่เป็นของขวัญมาจากญี่ปุ่น และยังมีบัฟฟี สุนัขพันธุ์บัลแกเรียเชฟเพิร์ดซึ่งมาจากนายกรัฐมนตรีบัลแกเรียเมื่อปี 2553 ด้วย     ปกติแล้ว เราจะเห็นปูตินในด้านที่เคร่งขรึม น่าเกรงขาม แต่พอเขามีเจ้าหมาอยู่ในอ้อมกอดเท่านั้นแหละ ดูกลายเป็นคนละคนไปเลย เรียกได้ว่า เป็นผู้นำที่เข้มแข็งในหน้าที่…

ครั้งหนึ่งของการได้เกิดมาบนโลกนี้ เราก็คงอยากใช้ชีวิตให้คุ้มค่า แล้วความคุ้มค่าของเพื่อนๆ คืออะไรกันบ้าง? บางคนอาจบอกว่า ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่บางคนคือการได้ทำในสิ่งที่คนอื่นชอบมากกว่า Peter Ter ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จริงๆ แล้วเขาอายุเท่าไร แต่เขาไม่ได้ใส่ใจที่จะหาคำตอบในเรื่องนี้ เพราะมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น แต่เรื่องที่เขาสนใจคือ การทำตัวให้เป็นประโยชน์เพื่อสังคมมากกว่า Peter เกิดในครอบครัวเกษตรกรเลี้ยงวัวในซูดาน เขาเติบโตมากับสงครามกลางเมืองที่ยาวนานที่สุด เมื่อเขาโตขึ้นเป็นหนุ่มก็ถูกพรากจากพ่อแม่ และถูกส่งตัวไปอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศเคนยา     ผู้แทนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้พบกับ Peter ในค่ายผู้ลี้ภัยในปี 2001 พวกเขาจึงได้คาดเดาอายุของชายหนุ่มจากความสูงของเขา และคาดว่าเขาน่าจะเกิดในปี 1980 นั่นเท่ากับว่า Peter อายุ 36 ปี ตอนเป็นเด็ก Peter มีความมุ่งมั่นสูงมาก เขาพยายามเรียนรู้ที่จะอ่านและเขียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง… เขาเล่าให้ฟังว่า “ผมเกิดมาในที่ที่ไม่ดินสอหรือปากกาเลย แต่ผมต้องการที่จะเป็นใครสักคนที่มีตัวตนมากกว่านี้ และผมรู้ว่าภาษาอังกฤษจะช่วยให้ผมเป็นเช่นนั้นได้ ผมไม่อยากเป็นเหมือนในอดีตอีกแล้ว”     ในค่ายลี้ภัยที่เขาอยู่นั้น มีบริเวณกว้างใหญ่ มีผู้คนมากมาย สิ่งที่จำเป็นที่สุดคืออาหารการกิน ดังนั้นการที่จะมีอุปกรณ์การเรียนที่จะช่วยให้เขาฝึกฝนภาษาอังกฤษนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่เขาก็ยังไม่ยอม เขาได้ฝึกเขียนบนพื้นทรายแทนกระดาษ วันแล้ววันเล่า จากคำก็พัฒนาขึ้นเป็นประโยค ที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ “วันหนึ่ง มีผู้ใหญ่เข้ามาเยี่ยมเราในค่าย และเฝ้าดูผมเขียนบนทราย…

ไม่แน่นะว่า นี่อาจเป็นเบาะแสของสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกเลยก็เป็นได้…   ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เทคโนโลยีของกองทัพนาซีนั้นถือว่าล้ำหน้ากว่าทุกๆ กองทัพในโลกเลยก็ว่าได้ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นศึกไหนพวกเขาก็สามารถเอาชนะได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้ดูราวกับว่าเป็นกองทัพของปีศาจเลยทีเดียว รัสเซียก็ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกโจมตีโดยเยอรมนีเช่นกัน ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน Kamennomostsky ก็ได้มีชายคนหนึ่งพบหีบลึกลับโบราณของนาซี และนี่อาจเป็นหลักฐานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดของพวกเขา และความเกี่ยวข้องกับเอเลี่ยน หรือสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก!?   หัวกะโหลกรูปร่างแปลกๆ ที่บรรจุอยู่ในกล่อง   โดยหีบดังกล่าวเป็นของนาซีกลุ่มองค์กร Ahnenerbe ที่ได้รับมอบหมายให้สืบเสาะประวัติศาสตร์และที่มาของชนชาติอารยัน ซึ่งทางนักประวัติศาสตร์ Igor Ogay ได้ออกมากล่าวว่า ‘สิ่งที่เชื่อมโยงหัวกะโหลกแปลกๆ นี้กับกิจกรรมที่กลุ่ม Ahnenerbe ทำนั้น เป็นเรื่องที่คาดเดาและคิดได้ยาก แต่เรื่องที่พวกเขาเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ และพลังวิเศษต่างๆ นั้น ดูเหมือนหลักฐานชิ้นนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เลยทีเดียว’   ไม่ใช่กะโหลกศีรษะของมนุษย์อย่างแน่นอน   ชมคลิปวิดีโอกันได้ที่นี่   ไม่แน่นะนี่อาจเป็นคำตอบของการพัฒนาเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดดของพวกเขาในยุคนั้นเลยก็เป็นได้…   ที่มา: Metro