สถิติเผย วัยรุ่นอเมริกัน หันมาอาศัยอยู่กับครอบครัวมากขึ้น แทนที่จะย้ายไปหาที่อยู่เอง…

เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยได้ยินว่า ค่านิยมของสังคมครอบครัวอเมริกัน วัยรุ่นส่วนใหญ่มักจะย้ายออกจากบ้านของพ่อแม่ ทันทีที่จบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย

เพราะพวกเขาถือว่าตนเองนั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงจำเป็นหาเลี้ยงชีพโดยไม่พึ่งในบุญนำพาของพ่อแม่อีกต่อไป ซึ่งค่านิยมดังกล่าวถือว่าเป็นแบบอย่างที่วัยรุ่นหลายๆ ประเทศทั่วโลกอยากทำตาม

 

 

แต่ดูเหมือนว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ค่านิยมนี้ค่อยๆ เปลี่ยนไปแล้ว เพราะล่าสุดทาง Wall Street Journal ได้เปิยเผยตัวเลขสถิติออกมาพบว่า วัยรุ่นอเมริกันอายุ 18-35 ปี กว่า 40 เปอร์เซ็น ยังคงอาศัยอยู่กับครอบครัว ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1940 เลยทีเดียว

 

 

โดยสาเหตุหลักๆ มาจากค่าใช้จ่ายสำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นนั่นเอง ทำให้วัยรุ่นที่เพิ่งก่อร่างสร้างตัว แทบไม่สามารถเช่าหรือซื้อบ้านได้เลย เปรียบเทียบจากช่วงยุค 1950 ราคาบ้านเฉลี่ยอยู่ที่ 2.3 ล้านบาท และเงินดาวน์ซื้อบ้านอยู่ที่ 500,000 บาทเท่านั้น

แต่ขณะเดียวกัน ราคาบ้านเฉลี่ยในปี 2014 พุ่งทะยานไปถึง 12 ล้านบาท และเงินดาวน์ซื้อบ้านอยู่ที่ 1.9 ล้านบาทเลยทีเดียว ราคาห่างกันหลายเท่าตัว!!

 

 

ขนาดวัยรุ่นอเมริกันยังเปลี่ยนไป แสดงว่าค่าครองชีพของคนทั่วโลกสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนจริงๆ นะเนี่ย

ที่มา all-that-is-interesting

Comments

Leave a Reply