Category: ข่าวคราวรอบโลก
-
หนุ่มสาวอยู่กันคนละซีกโลก ตกหลุมรักผ่านทวิตเตอร์ และออกไป “เที่ยวรอบโลก” ด้วยกัน!!!
เรื่องราวความรักของหลายคนอาจจะเกิดในรูปแบบที่แตกต่างกัน บ้างก็เจอกันที่มหาวิทยาลัย วัด ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงเจอกันบนโลกออนไลน์ จนตกหลุมรักกัน และกลายมาเป็นคู่รัก จนถึงขั้นแต่งงานกันไปแล้วก็มี Leonie Sii ในวัย 24 จากซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และ Mattias Holmbom จากประเทศสวีเดนก็เช่นกัน ทั้งคู่ก็เป็นหนึ่งในคู่รักที่ได้เจอกันบนโลกออนไลน์ จนกระทั่งพวกเขาตกหลุมรักกัน แถมยังตัดสินใจที่จะพากันออกไปท่องเที่ยวรอบโลกอีกด้วย โหวววว น่าอิจฉาเนาะ!! สำหรับเรื่องราวความรักแสนหวานของ Leonie Sii และ Mattias Holmbom อาจไม่ได้เกิดขึ้นเพราะพวกเขาเจอกันบนถนน ห้าง หรือสถานที่ต่างๆ บนโลก แต่มันเกิดขึ้นบนทวิตเตอร์ต่างหากละ ถ้าอย่างนั้นเราย้อนเวลากลับไปฟังเรื่องดีๆ ของพวกเขากันเลยดีกว่า…. คืนหนึ่งในปี 2012 Leonie Sii กำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องของเธอหลังจากที่นอนไม่หลับ เลยหาอะไรดูบนโลกออนไลน์ แต่จู่ๆ เธอก็ได้พบคลิปวีดีโอของ Mattias บนทวิตเตอร์ ซึ่งมันสามารถทำให้เธอหัวเราะ และมีความสุขได้ นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกอยากจะขอบคุณเจ้าของโพสต์ พร้อมกับทวิตข้อความไปหาเขาว่า “คุณเป็นคนที่น่าอัศจรรย์มาก” …
-
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… เป็น “นักมวย” อย่ามัวแต่เต้นเยยคู่ต่อสู้ เพราะอาจโดนหลับกลางอากาศ
สำหรับคลิปวีดีโอการต่อสู้ระหว่าง John Segas และ Joe Harding สองนักมวย MMA เรียกได้ว่ากำลังได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก และโด่งดังไปทั่วโลกโซเชียลในขณะนี้เลยก็ว่าได้ เนื่องจาก John Segas นักมวยกวนบาทาที่สุดในโลก มัวแต่เต้นเยาะเย้ยแบบกวนๆ คู่ต่อสู้ งานนี้เล่นเอาฝั่งตรงข้ามถึงกับทนไม่ไหว เล่นสวนกลับซะจนไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2560 ในโลกออนไลน์ต่างประเทศได้มีการแชร์คลิปสุดฮาระหว่างการต่อสู้ของ Johan Segas และ Joe Harding ขณะที่กำลังใช้ชั้นเชิงในการต่อสู้กัน แต่ทว่าเรื่องราวมันกลับมีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมากกว่านั้น เพราะทาง John ดันไปเต้นกวนคู่ต่อสู้แบบนี้… จนในที่สุดฝ่าย Joe Harding ถึงกลับทนไปไหว อาศัยจังหวะนั้นเล่นจัดคืนชุดใหญ่จนทำให้พ่อหนุ่มนักมวยคนดังกล่าวถึงขั้นหงายเงิบไปเลยทีเดียว ฮร่าๆ น็อคไปเลยจ้า เป็นไงละ!! ซ่าส์ดีนัก สุดท้ายโดยเข้าไปเต็มๆ (ทรีนนนนน) นี่เป็นแค่ภาพเรียกน้ำจิ้มเท่านั้น ส่วนใครที่อยากเห็นชอตโดนน็อคแบบเต็มๆ สามารถคลิกเข้าไปชมคลิปวีดีโอด้านล่างนี้ และสุดท้ายเรื่องนี้ก็สอนให้เราได้รู้ว่า อย่าคิดริอาจไปกวนบาทาใคร เพราะบางทีการที่เราเห็นว่าเขานิ่งๆ…
-
เพื่ออะไรไม่รู้ รู้แค่เขาทำได้คนเดียว… ชายญี่ปุ่นผู้ทำลาย “สถิติโลกดีดนิ้ว” 1 นาที 291 ครั้ง!!
เวลาเรานึกถึงอะไรที่ “ที่สุดในโลก” เราจะต้องนึกถึงนิตยสาร Guinness World Records ขึ้นมาเป็นอย่างแรกอย่างแน่นอน เพราะนิตยสารนี้ได้ทำการบันทึกเรื่องราวที่ “ที่สุด” เอาไว้มากมาย มีทั้งดีๆ บ้าง ประหลาดๆ บ้าง คละเคล้ากันไป ล่าสุดทาง Guinness World Records ได้ทำการบันทึกการทำลายสถิติครั้งใหม่ ซึ่งทำลายโดยนักศึกษาชาวญี่ปุ่น โดยสถิติที่พวกเขาทำลายนั่นก็คือ “การดีดนิ้วให้ได้มากที่สุดในหนึ่งนาที” เอากับพี่แกสิ!! และนี่ก็คือลีลาเจ้าของสถิติดังกล่าว… หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Satoyuki Fujimura เขาได้พยายามทำลายสถิติ “ดีดนิ้วเยอะที่สุดในหนึ่งนาที” ต่อหน้าคณะกรรมการจาก Guinness World Record สุดท้ายเขาก็สามารถทได้สำเร็จ ด้วยการดีดไปถึง 296 ครั้งในเวลาเพียงแค่ 1 นาที… ขอย้ำว่า 1 นาทีเท่านั้น!!! ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาทุ่มเทขนาดนั้น สุดท้ายก็ได้ใบประกาศจาก Guinness World Record ไปครอบครอง ไปดูกันดีกว่าว่าการดีดนิ้วเกือบ 300 ครั้งในหนึ่งนาที…
-
Chester นักร้องนำ Linkin Park ตอบโต้แฟนเพลง “เราอยากเป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น”
ช่วงที่ผ่านมา ถือว่าเป็นกระแสโด่งดังเลยทีเดียว สำหรับเพลง Heavy เพลงใหม่ของวง Linkin Park ที่เปลี่ยนแนวจากนูเมทัล มาเป็นเพลงป๊อปอิเล็คทรอนิกอย่างเต็มตัว จนมีแฟนๆ เพลงเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์มากมาย (ข่าวเก่า : รวมคอมเมนต์แฟนๆ Linkin Park หลังได้ยินซิงเกิ้ลใหม่ Heavy ที่แสนจะแหวกแนว!!) ใครที่ยังไม่ได้ฟังก็ลองดูในคลิปด้านล่างนี้ครับ… ซึ่งเราก็พอจะรู้ว่า มีแฟนเพลงหลายๆ คนไม่ชอบกับสไตล์เพลงแนวนี้ โดยเฉพาะแฟนคลับบางส่วนที่ถึงกับบอยคอท เพราะคาดหวังว่าจะได้ฟังเพลงของวงนี้ในแบบที่พวกเขาคิดเอาไว้ แต่เมื่อมันออกมาตรงกันข้าม ก็ย่อมมีเสียงวิจารณ์แง่ลบออกมามากพอสมควรเลยเช่นกัน… ล่าสุดทาง Chester Bennington นักร้องนำของวง Linkin Park ได้ออกมาตอบคำถามของแฟนๆ ที่ถามเข้ามา เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงแนวเพลงครั้งนี้ อย่างเช่นแฟนๆ คนหนึ่งถามเข้ามาถามว่า “ทำไม Linkin Park ถึงกลายเป็นวงป็อบไปแล้วล่ะ” ทาง Chester ได้ตอบกลับมาว่า “พวกเราอยากเป็นอะไรก็ได้ที่อยากจะเป็น คุณก็ทำได้นะ” แฟนคลับอีกคนก็เข้ามาถามว่า คิดยังไงกับกระแสลบที่เกิดขึ้น …
-
ชมภาพถ่ายหาดูยากของ “โถฉี่” ในศตวรรษที่ 19 หน้าตามันหรูกว่ายุคนี้มากเพียงใด!?
พักจากเรื่องราวหมาแมวมารับชมภาพหาดูยากในอดีตกันบ้างดีกว่าเนาะ ซึ่งในวันนี้เราได้นำภาพถ่ายของโถฉี่จากในอดีตมาให้หลายๆ คนได้รับชมกัน บอกเลยว่ามันมีทั้งความแปลกตา และคลาสสิคในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน สำหรับภาพถ่ายเหล่านี้ถูกถ่ายขึ้นในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สมัยศตวรรษที่ 19 จากผลงานของ Charles Marville ผู้ที่ได้ทำการบันทึกภาพโถฉี่สุดแปลกตาเหล่านี้เอาไว้ให้คนในยุคปัจจุบันอย่างเรามีโอกาสได้เห็น ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าโถฉี่เหล่านี้ ถูกออกแบบขึ้นมาให้มีลักษณะที่ไม่ซ้ำกัน และถูกนำมาตั้งเอาไว้เต็มท้องถนน เพื่อให้ผู้คนได้ใช้บริการกันตามที่สาธารณะนั่นเอง สำหรับโถฉี่เหล่านี้ได้ประดิษฐ์ขึ้นในปี 1834 อีกทั้งภาพเหล่านี้ยังได้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ภายในกรุงปารีส ณ ขณะนั้นอีกด้วย โถฉี่ที่มีลักษณะหรูหรา และสวยงาม อลังการงานสร้างไม่เบา ลองดูโถฉี่แบบอื่นๆ ที่เปิดเผยให้เราเห็นความตั้งใจในการสร้างให้ออกมาแตกต่างกันในแต่ละจุดของเมือง . . . . คงต้องขอบคุณช่างภาพในยุคนั้น ที่ได้บันทึกภาพถ่ายที่น่าสนใจเหล่านี้ให้คนรุ่นหลังอย่างเราได้รับชม อีกทั้งยังทำให้เราได้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรือง และวิถีชีวิตผู้คนในยุคนั้นๆ อีกด้วย ที่มา : sobadsogood
-
หนุ่มเคนย่าฮีโร่ตัวจริง ยอมขับรถวันละชั่วโมง เพื่อเอาน้ำไปให้สัตว์ป่าทั้งหลายกิน!!
ความแห้งแล้งในประเทศเคนย่าส่งผลให้สัตว์ป่าจำนวนมากตายเนื่องจากขาดน้ำ แต่อย่างน้อยสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติ Tsavo West National Park ก็ยังโชคดีที่มีมนุษย์ยอมขับรถหลายชั่วโมง เพื่อนำน้ำมาส่งให้พวกมันประจำทุกวัน นี่คือ Patrick Kilonzo Mwalua หนุ่มอาสาสมัครผู้ใจดีวัย 41 ปี ที่กลายเป็นพ่อพระของอุทยานแห่งชาติ Tsavo West ไปซะแล้ว หลังจากที่เขามักจะนำน้ำกว่า 3,000 แกลอน ไปให้แก่บรรดาสัตว์ป่าได้ดื่มกิน จนทำให้มันสามารถรอดชีวิตมาได้ “เมื่อสัตว์ป่าไม่มีน้ำดื่มกิน ดังนั้นมันก็จะกลายเป็นหน้าที่ของมนุษย์แล้วละ เพราะถ้าหากเราไม่ช่วยพวกมัน สัตว์เหล่านี้ก็จะตาย” Patrick กล่าว นอกจากนี้เขายังเผยอีกว่า เวลาที่เขานำน้ำไปให้พวกมัน สัตว์หลายตัวมักจะพากันเบียดเข้ามาดื่มน้ำ ซึ่งเขาเคยเห็นควายกว่า 500 ตัว มารออยู่ที่หลุมน้ำที่เขาจะเทน้ำให้มันกิน และเมื่อ Patrick เดินทางมาถึง พวกสัตว์ก็จะได้กลิ่นของน้ำ และรีบมาหาเขาทันที “พวกมันพากันดื่มน้ำในขณะที่ผมยืนอยู่ตรงนั้น และดูเหมือนว่าพวกมันจะตื่นเต้นมากๆ เลยละ” Patrick กล่าว สำหรับ Patrick เขาเป็นเพียงแค่เกษตรกรธรรมดาๆ คนหนึ่ง…
-
บทเรียนเตือนใจสังคม… จากเงินแค่ 15 บาท ลงเอยที่ลูกค้าฆ่าเจ้าของร้านบะหมี่!?
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ชายแซ่หูอายุ 22 ปี หลังจากที่เขากินก๋วยเตี๋ยวจนเสร็จพร้อมกับจ่ายเงิน แต่แล้วเขาก็พบว่าเจ้าของร้านได้โกงเงินเขาไปชามละ 1 หยวน ซึ่งเขากินไปทั้งหมด 3 ถ้วยด้วยกัน จึงรวมกันเป็นทั้งหมด 3 หยวน ซึ่งเจ้าของร้านได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นจนทั้งคู่เกิดเหตุทะเลาะกันยกใหญ่ ซึ่งสุดท้ายแล้วนายหูก็ได้หยิบมีดมาตัดคอเจ้าของร้านวัย 42 ปี แล้วนำไปทิ้งไว้ในถังขยะใกล้ๆ กับร้าน สุดท้ายแล้วตำรวจก็ได้เข้าจับกุมตัวนายหู โดยตำรวจได้ตรวจค้นประวัติของเขาคนนี้ก็พบว่าเขาเป็นคนจากมณฆลเสฉวน แถมยังเคยมีประวัติการเข้ารับการรักษาทางจิตและยังมีประวัติการใช้ความรุนแรงมาก่อนในช่วงหนึ่งปีที่แล้ว ญาติของเขาได้ให้ปากคำกับตำรวจว่า นายหูมีปัญหาทางจิตและชอบใช้ความรุนแรงมานานแล้ว เขาชอบที่จะทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวของเขาบ่อยๆ รวมถึงพ่อและแม่ของเขาด้วย แม่ของนายหูกล่าวกับผู้สื่อข่าว “ต้องขอโทษจริงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันสอนเขามาไม่ดีเอง” ท้ายที่สุดแล้วจากรายงานของเพื่อนบ้านแถวนั้นได้บอกว่า เจ้าของร้านคนนี้อาศัยอยู่กับลูกชายวัน 13 ปีเพียงสองคนหลังจากเขาแยกทางกับภรรยาของเขาเมื่อ 5 ปีก่อน แถมชาวบ้านแถวนั้นยังบอกอีกว่าเจ้าของร้านเป็นที่ซื่อสัจสุจริตมากๆ เขาไม่เคยโกงลูกค้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว สุดท้ายแล้วเจ้าของร้านโกงจริงหรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้ หรือจริงๆ แล้วนายหูอาจจะหลอนแล้วคิดไปเองอย่างงั้นเหรอ? เรื่องนี้ก็คงต้องรอให้ทางตำรวจพิสูจน์กันต่อไป… ที่มา shanghaiist
-
หญิงชาวอังกฤษ บริจาคธนบัตรหายาก มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เพื่อนำเงินช่วยคนยากไร้
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2560 ทางเว็บไซต์ Metro สื่อของประเทศอังกฤษได้เผยเรื่องราวสุดประทับใจของหญิงผู้ไม่ประสงค์ออกนามรายหนึ่ง ที่ได้ทำการบริจาคธนบัตรหายากที่มีมูลค่าถึง 50,000 ปอนด์หรือราวๆ 2 ล้านบาทให้กับองค์กรการกุศล โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้พวกเขาได้นำเงินเหล่านั้นไปช่วยเหลือผู้คน เรียกได้ว่าหากใครที่ได้ธนบัตรเหล่านี้ไป มันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ เพราะธนบัตรมีจารึกแผ่นทองคำตราประทับรูป Jane Austen ที่มาพร้อมกับหนึ่งในคำพูดของเขาที่หลายๆ คนรู้จักเป็นอย่างดี อีกทั้งแผ่นจารึกทองคำเหล่านี้ยังถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดย Graham Short ศิลปินผู้มีความชำนาญในด้านการแกะลายขนาดเล็ก ที่ได้ทำการจารึกแผ่นทองคำในรูปแบบพิเศษที่ไม่สามารถดูได้ด้วยตาเปล่าอีกด้วย เธอก็ได้นำธนบัตรใส่ลงในจดหมาย พร้อมส่งไปให้ทางทางห้องแสดงงานศิลปะ Tony Huggins-Haig Gallery ในประเทศสกอตแลนด์ตรวจสอบ และได้รับการยันยันว่ามันคือของจริง นอกจากนี้หญิงนิรนามคนดังกล่าวยังได้บอกกับทางห้องแสดงงานศิลปะว่า “เวลาในชีวิตของเธอ เธอไม่จำเป็นต้องบันทึกมัน เพียงแค่ขอให้พวกเขาใช้มันเพื่อช่วยผู้คนก็พอ” ทางด้าน Tony Huggins-Haig Gallery ก็ได้ตัดสินใจที่จะทำการประมูลธนบัตรดังกล่าวด้วยเงินมูลค่า 2 ล้าน และนำเงินที่ได้มาบริจาคให้กับเด็กที่อยู่ในความต้องการของพวกเขาต่อไป . นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่ฟังแล้วก็รู้สึกประทับใจเหลือเกิน ไม่ว่าเธอจะเป็นใครมาจากไหน แต่เธอก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีจิตใจเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์เป็นอย่างมาก…
-
ชาวอังกฤษเงิบดิพี่ อยู่ๆ ก็เจอ “ลูกเจี๊ยบ” กว่า 1,000 ตัว ถูกมาทิ้งไว้กลางทุ่งหญ้า?!?!
เวลาเรานึกถึงว่าสัตว์ชนิดไหนมักถูกนำมาทิ้งบ่อยๆ หลายคนอาจนึกถึง สุนัข หรือ แมว เป็นอย่างแรกๆ เพราะเมื่อเจ้าของของพวกมันเลี้ยงต่อไม่ไหว ก็มักแก้ปัญหาด้วยการโยนภาระให้กับสังคม แต่ล่าสุดในประเทศอังกฤษ เกิดเรื่องแสนประหลาดขึ้นมา เมื่อมีชาวบ้านไปพบว่า มีลูกเจี๊ยบกว่า 1,000 ตัว ถูกนำมาทิ้งไว้กลางทุ่งหญ้าของชุมชนพวกเขาซะอย่างนั้น?!?!? เรื่องราวเกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่าโครวแลนด์ แคว้นลินคอร์นเชียร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อชาวเมืองอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงร้องเจี๊ยวจ้าวจากทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง พวกเขาเห็นว่ามันผิดปกติ จึงตัดสินใจเข้าไปสำรวจ และก็พบกับอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เนื่องจากภาพตรงหน้านั้นมีลูกเจี๊ยบกว่า 1,000 ตัวเดินไปเดินมาอยู่!! เมื่อเห็นดังนั้น พวกเขาจึงโทรแจ้งหน่วยงาน RSPCA จากนั้นก็ช่วยกันต้อนลูกเจี๊ยบเหล่านั้นเข้ากล่อง เพื่อให้มันอยู่รวมกันและช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้แก่กันและกัน เพราะนี่คือช่วงฤดูหนาวอันหนาวเหน็บของประเทศทางยุโรปนั่นเอง “ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย มันเหมือนกับทุ่งสีเหลืองของอะไรซักอย่าง แถมเสียงพวกมันนี่เจี๊ยวจ๊าวน่ารำคาญใช้ได้เลย พวกมันมีอายุแค่วันสองวันเองมั้ง” Justin Stubbs หนึ่งในเจ้าหน้าที่จาก RSPCA กล่าว RSPCA สันนิษฐานว่า ลูกเจี๊ยบเหล่านี้เป็นของฟาร์มไก่บริเวณนั้น แต่อาจจะถูกนำมาทิ้งโดยบริษัทขนส่งหรือพ่อค้าคนกลางด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง อาจจะเพราะพวกเขาไม่มีอาหารพอเลี้ยงมันหรือ!? อาจจะเพราะพวกเขา หลังจากฟาร์มไก่ดังกล่าวทราบเรื่อง พวกเขาก็ส่งคนมาช่วยคนลูกเจี๊ยบกลับไป พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ในการหาผู้กระทำผิดต่อไป…
-
“จอห์น ซีน่า” เผยว่าบังคับแฟนสาวเซ็นเอกสาร 75 หน้า ก่อนจะย้ายมาอยู่บ้านเดียวกัน…
แม้ John Cena นักมวยปล้ำชื่อดังจะกลายเป็นหนึ่งในมีมที่มีคนพูดถึงและถูกนำมาล้อเล่นอยู่บ่อยๆ บนอินเตอร์เน็ต แต่ว่ากันจริงๆ แล้ว เราแทบไม่รู้จักชีวิตส่วนตัวของเขาแม้แต่น้อยว่าอดีตนักเพาะกายผู้นี่ มีชีวิตอย่างไร นิสัยแบบไหน ล่าสุด Nikki Bella แฟนสาวคนปัจจุบันของ John Cena ซึ่งคบหาดูใจกันมาตั้งแต่ปี 2012 ได้ออกมาเปิดเผยว่าเธอต้องอ่านและเซ็นเอกสารด้านกฎหมายมากมาย เพื่อย้ายมาบ้านเดียวกับเขา ทางฝ่าย Nikki ยืนยันว่าเธอต้องเซ็นสัญญาเนื้อหากว่า 75 หน้า ก่อนที่จะย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกับพระเอกหนุ่มนักมวยปล้ำคนนี้ โดยไม่มีการเปิดเผยว่าเอกสารดังกล่าวมีเนื้อหาอย่างไรบ้าง สื่อคาดการณ์ว่าเอกสารเหล่านี้คือข้อตกลงทางด้านกฎหมาย ที่พูดถึงการใช้ชีวิตระหว่างเขาทั้งสองคน และกฎข้อห้ามต่างๆ ทั้งในบ้านและนอกบ้านที่ทั้งเขาและเธอจะปฏิบัติตาม เพื่อความสุขในชีวิตคู่ นั่นเพราะครั้งหนึ่ง John Cena เคยแต่งงานครั้งหนึ่งเมื่อปี 2009 กับ Elizabeth Huberdeau แต่สุดท้ายพวกเขาก็หย่าร้างกันในสามปีถัดมา นั่นทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยในความสัมพันธ์ก็เป็นได้ Cena บอกว่าเขาได้ไอเดียมาจากประสบการณ์การใช้ชีวิตของโปรดิวเซอร์ John Laurinaitis ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์ทั้งสำเร็จและสมหวังมาหลายครั้งตลอดชีวิต เขาบอกว่าสัญญานี้เหมือนเป็นตาข่ายกันตกของชีวิตเขา “นี่คือมุมมองของผม มันเหมือนคุณซื้อปืนมาป้องกันบ้าน มันทำให้คุณรู้สึกปลอดภัย เวลามีอะไรเกิดขึ้นมันจะช่วยคุณได้ แต่ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้น…
-
เด็กหนุ่มซุ่มพับกระดาษรูปหัวใจ 1,500 ดวงตลอดปี แจกให้เพื่อนทุกคนที่ ในวันวาเลนไทน์…
ในช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยว เวลาเห็นคนมีคู่กระหนุงกระหนิงกันอยากจะเดินเข้าไปสร้างความร้าวฉานให้ทันที และนี่จึงทำให้ชายนิรนามคนหนึ่งในเข้าใจความรู้สึกนี้ เขาจึงแจกจ่ายความรักให้คนทั้งโรงเรียน ทรอย ไฮสคูล ในรัฐโอไฮโอ ซึ่งในโรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนมากถึง 1,500 คน แต่ว่ามีนักเรียนคนหนึ่งที่ได้ทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่มอบให้กับทุกคนในช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมา เขาทำการพับกระดาษสีสันสดใสเป็นรูปหัวใจพร้อมกับเขียนข้อความให้กับทุกคนในโรงเรียน เพียงเพราะว่าเขาไม่อยากให้คนที่ไม่มีคู่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวในวันแห่งความรักนี้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในโรงเรียนได้บอกว่านักเรียนนิรนามคนนี้เริ่มทำหัวใจพวกนี้ตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว เขาเขียนข้อความไว้ว่า “You are loved” เพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ถูกรักและมีความสำคัญ ความพยายามของเขาตลอดปีเป็นผลสำเร็จ มีหลายๆ คนที่ชอบและประทับใจกับของขวัญวันวาเลนไทน์ชิ้นนี้ จึงมีการแชร์ต่อไปอย่างแพร่หลาย และไม่ใช่แต่ที่โรงเรียนนี้แห่งเดียว เขาเป็นแบบอย่างให้กับหลายๆ ที่อีก… และเมื่อเรื่องราวนี้กระจายออกไป ก็เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันขึ้นในที่อื่นๆ ก็ได้ทำเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าบางที่ก็จะมีข้อความจำเพราะแต่ละใบที่ต่างไป หรือมีลูกอมหัวใจแนบติดมาด้วยนั่นเอง อย่างเช่นที่โรงเรียนนี้ดูเหมือนจะเป็นแม่เหล็กรูปหัวใจแทนกระดาษ แถมมีชื่อทุกคนด้วยนะ ส่วนภาพนี้ไม่ได้ทำคนเดียวแต่เป็นกลุ่มนักเรียนผู้หญิงแทน แถมมีรูปของพวกเธอด้วย ภาพนี้จากออสวีโก ไฮสคูล ซึ่งมีหัวใจมากถึง 1,800 ดวงเยอะกว่าตัวต้นฉบับอีก แถมข้อความแต่ละใบยังเขียนมือและไม่เหมือนกันเลย ยอมใจคนทำจริงๆ ของที่นี้ดูน่าจะน้อยไปหน่อย 380 ดวง แต่ดูจากข้อความแล้วน่าจะยาว และไม่เหมือนกันสักใบเช่นกัน การกระทำพวกนี้ก็แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้เราจะไม่มีคู่รักในวาเลนไทน์แต่ว่าความรักก็มีได้หลากหลายรูปแบบนั่นเอง…
-
25 ภาพมุมสูงจากเมืองต่างๆ รอบโลก งดงามในแบบที่เราแทบไม่เคยเห็นมาก่อน…
ปกติแล้วเวลาเราอยากจะได้รูปถ่ายสถานที่สวยๆ สักที่หนึ่งเราก็จะเดินทางไปแล้วถ่ายรูปกันตามปกติ หรือถ้าอยากจะได้มุมที่ดูสูงขึ้นอีกหน่อยเราก็มักจะขึ้นไปบนที่ๆ สูงขึ้นเพื่อจะได้วิวสวยๆ ยิ่งขึ้น แต่ว่าถ้าเกิดเราอยากได้ภาพที่เป็นมุมสูงระดับนกหรือเครื่องบินมองลงมาล่ะ!? ล่าสุดก็ได้มีทีมช่างภาพจากรัสเซียที่มีว่า AirPano ซึ่งพวกเขาเห็นว่าการไปเที่ยวถ่ายรูปเมืองต่างๆ จากพื้นดินนั้นมันยังไม่ตอบโจทย์การเที่ยว ที่จะได้เห็นส่วนต่างๆ ของเมืองแบบชัดๆ พวกเขาก็เลยริเริ่มโปรเจ็คถ่ายภาพมุมสูงโดยภาพเหล่านี้โชว์ให้เห็นถึงรูปทรงและสถาปัตยกรรมที่สวยงามของแต่ละสถานที่ ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นกันทั่วไปเท่าไหร่เลยด้วย เม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ป้อมอัครา ประเทศอินเดีย มาดริด ประเทศสเปน คริสตจักรซากราดาฟามีเลีย บาร์เซโลนา ประเทศสเปน ปารีส ประเทศฝรั่งเศส พาราณสี ประเทศอินเดีย เซาเปาโล ประเทศบราซิล โทรอนโต ประเทศแคนาดา ปรัมบานัน ประเทศอินโดนีเซีย ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซีเอนา ประเทศอิตาลี ลิมา ประเทศเปรู ปารีส ประเทศฝรั่งเศส . อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์…
-
อุทยานแห่งชาติอินเดีย ยิงผู้ลักลอบล่าสัตว์กว่า 50 คน เพื่อปกป้องชีวิตของ “แรด” เอาไว้…
ชิ้นส่วนต่างๆ ของสัตว์จำพวก งาช้าง นอแรด อุ้งตีนหมี ของพวกนี้ถือว่าเป็นของที่มีมูลค่าสุงมากๆ แต่ว่ากว่าจะได้มากลับต้องแลกไปด้วยชีวิตผู้บริสุทธิ์มากมาย ทำให้สิ่งมีชีวิตข้างต้นลดจำนวนลงไปมากจนถึงขั้นเกือบจะสูญพันธ์ แต่ทว่าก็ยังมีอุทยานแห่งหนึ่งที่ยังสามารถปกป้องบางชีวิตไว้ได้…. อุทยานแห่งชาติกาซีรังคา เป็นที่เรารู้ดีว่าอุทยานแห่งนี้ประสบความสำเร็จในเรื่องของการการอนุรักษ์ แรดอินเดีย ที่ใกล้จะสูญพันธ์ุ แต่สาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จนี้ก็เพราะว่า อุทยานแห่งนี้อนุญาติให้เจ้าหน้าที่สามารถยิงพวกลักลอบล่าสัตว์ได้ทันทีโดยที่ไม่ได้โทษใดๆ แถมล่าสุดก็ได้รับการยืนยันว่าทางอุทยานได้ทำการยิงพวกลอบล่าสัตว์ในอุทยานตายไปถึง 50 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพวกเขายืนยันว่าจากการที่พวกเขาจัดการพวกลักลอบล่าสัตว์พวกนี้ ทำให้จำนวนการตายของแรดมีร้อยกว่าการตายของพวกลักลอบล่าสัตว์เสียอีก ในยุคร้อยกว่าปีก่อน แรดถือเป็นสัตว์ที่มีจำนวนเยอะมากๆ แต่ว่าผลกระทบของการถูกล่าจากพวกลักลอบทำให้แรดอินเดียเหลือจำนวนน้อยมาก แต่ว่าถึงอย่างนั้นในอุทยานแห่งชาติกาซีรังคามีแรดอินเดียมากถึง 2,400 ตัว ซึ่งนับเป็นประชากรสองในสามของแรดอินเดียทั่งโลกเลยทีเดียว ส่วนสาเหตุที่พวกลักลอบพยามจะล่านอแรดก็เพราะว่า นอแรดหนึ่งอันสามารถขายได้มากถึงราว 200,000 บาท ต่อนอ 100 กรัม ซึ่งจะเห็นได้ว่าราคานอแรดแพงมากกว่าทองเสียอีก แถมหลายๆ ที่ยังบอกอีกว่านอแรดเป็นยาวิเศษที่ช่วยในการรักษาโรคต่างๆ จึงไม่แปลกที่คนบางกลุ่ม ที่จะล่าแรดเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่คอยปกป้องแรดเหล่านี้จากพวกลักลอบล่าสัตว์ ยังคงมีกลุ่มคนจำนวนมาก ที่พยายามปกป้องพวกมันเอาไว้… ถึงแม้ว่าแรดจะเป็นสัตว์ที่ต้องการการปกป้อง…
-
สู้!! พ่อแม่ตามเชียร์ลูกชายแข่งเกม Overwatch ถึงขอบสนาม เพื่อชิงทุนการศึกษา 3.5 ล้านบาท
กลายเป็นภาพสุดน่ารักเลยทีเดียว สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านหนึ่งที่ตามไปเชียร์ลูกชายซึ่งเป็นนักศึกษา ในการแข่งขัน e-Sport เกม Overwatch ถึงขอบสนาม แถมยังพากันใส่เสื้อทีมที่มีสัญลักษณ์ของลูกชายกันทั้งครอบครัวอีกด้วย เรื่องราวเกิดขึ้นในการแข่งขันกีฬา e-Sport เกม Overwatch รายการ TCS National Championship ซึ่งเป็นการแข่งขันที่รวบรวมทีมจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกามาแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัลมูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.5 ล้านบาท หลังจากขับเคี่ยวกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุดทีมที่ชนะการแข่งขันก็คือทีมจากมหาวิทยาลัย United of California, Berkeley ทีมนี้ ที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือ หนึ่งในสมาชิกของทีมที่ใช้ชื่อว่า SlurpeeThief (คนขวาสุดในภาพด้านบน) มีครอบครัวมาเชียร์ถึงขอบสนาม และเขาก็ไม่ทำให้ครอบครัวผิดหวัง ด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศไปครอบครอง โดยครอบครัวของเขาสวมเสื้อยืดที่มีสัญลักษณ์แก้วสเลอปี้สวมแว่นตามาด้วย บอกได้คำเดียวว่าน่ารักสุดๆ ไปเลย ทางคุณแม่ได้ให้สัมภาษณ์กับทางรายการว่า “พวกเราบอกลูกๆ ของเราเสมอว่าให้เต็มที่กับสิ่งที่พวกเขาชอบ เราไม่เคยห้ามเขาเล่นเกมหรือจำกัดชั่วโมงหน้าคอมของเขา ซึ่งเขาก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเรื่องการเรียน ดังนั้นเราจึงอนุญาตให้เขาเล่นได้อย่างเต็มที่” อย่างที่ทราบกันดีกว่าการเป็นนักเล่นเกมมืออาชีพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และหลายๆ ครั้งที่ยากยิ่งกว่าคือการได้รับการยอมรับจากครอบครัว ฉะนั้นไม่แปลกใจเลยว่าทำไม SlurpeeThief ถึงทำผลงานได้ดีทั้งในเกมและการเรียน เพราะเขามีแรงสนับสนุนที่ดีอยู่เบื้องหลังแบบนี้นี่เอง ^^ ที่มา kotaku
-
พนักงาน Burger King “ชนะคดี 1.6 ล้านบาท” หลังถูกไล่ออกเพราะแค่เอาแซนด์วิชกลับบ้าน
ที่เมืองนอกนั้น การทำงานที่ร้านอาหารโดยเฉพาะร้านฟาสต์ฟู้ดถือเป็นทางเลือกที่ง่ายมากกับการหารายได้ ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทไทม์หรือฟูลไทม์ แต่เนื่องจากมันง่าย ก็เลยต้องแลกมากับเงินอันน้อยนิด แต่ก็ยังดีที่บางร้านก็มีอะไรตอบแทนให้กับพนักงานบ้าง เช่นมีมื้ออาหารให้ฟรี แต่บางครั้งมันก็ไม่เพียงพอ ผู้จัดการก็ใจดีให้พนักงานสามารถนำอาหารกลับไปที่บ้านได้ แต่สำหรับร้าน Burger King สาขานี้ ผู้จัดการตัดสินใจที่จะไล่พนักงานคนหนึ่งออกหลังจากเกิดเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเอาแซนด์วิชชุด Big Fish Meal กลับบ้าน เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อ Usha Ram วัย 55 ปี พนักงานของ Burger King ในประเทศแคนาดา ได้ถามผู้จัดการ Tayyaba Salman ว่าขอนำแซนด์วิชปลากลับบ้านได้ไหม พร้อมจะจ่ายเงินให้ภายหลัง แต่ทว่าเธอลืมนำกระเป๋าเงินติดตัวมาด้วย ซึ่งผู้จัดการก็โอเคแล้ว ดังนั้นเธอนำแซนด์วิชกลับบ้านไปโดยไม่จ่ายเงิน แต่ปัญหามันอยู่ที่ผู้จัดการคิดว่าเอาไปแค่แซนด์วิช ไม่ได้หมายถึงทั้งชุดอาหาร พอเห็นว่าพนักงานคนนี้ถือของกลับบ้านชุดใหญ่ มีทั้งน้ำส้มโซดา เฟรนช์ฟราย ผู้จัดการก็เลยไปรายงานเจ้านายใหญ่ พร้อมกับกล่าวหาว่า Ram ขโมย แต่เธอก็บอกว่าจะจ่ายให้ ผลสุดท้ายก็ลงเอยที่เธอโดนไล่ออก!? Ram ทำงานกับ Burger King มา 24 ปี ทำเงินกว่า 735,000…
-
จีนทุ่มงบกว่า 2,500 ล้านบาทเพื่อเนรมิต “เมืองกุ้ยหยางโบราณ” ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง!!
โดยทั่วไป หลายประเทศพยายามที่จะอนุรักษ์เมืองโบราณไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้เห็นประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน สถานที่สำคัญ หรือแม้กระทั่งกำแพงก็ยังเป็นสิ่งที่น่าค้นหา แต่สำหรับในมณฑลหูหนานแล้ว ได้ทำการลงทุนสร้างเมืองโบราณขึ้นมาใหม่เองซะเลย โดยใช้งบประมาณประมาณ 2,500 พันล้านบาท เพื่อเนรมิตเมืองกุ้ยหยางเก่าแก่ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยโปรเจกต์นี้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเมืองเก่าแก่นี้จะใช้พื้นที่ประมาณ 144 เฮกตาร์ หรือ 1,440,000 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าใหญ่มากๆ ประมาณหนึ่งหมู่บ้านหรือหนึ่งตำบลในบ้านเราเลย ในเมืองนี้เราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่เหมือนกับเมืองกุ้ยหยางโบราณทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวัด Guiyang Confucius Temple, พิพิธภัณฑ์, Kun Opera House, และเขตการค้าซึ่งจำลองแบบมาจาก 2,000 ปีที่แล้วอย่างครบถ้วน ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดการว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ แต่ถ้าสร้างเสร็จออกมามันต้องเป็นอะไรที่สวยงามและเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่ๆ แน่นอน ที่มา people.cn
-
ไม่เกี่ยงสถานะ… หญิงสาวเข้าร่วมการประกวด “Miss World” แม้เธอจะต้องนั่งรถเข็นก็ตาม
โดยปกติแล้วการประกวดสาวงามนั้น จะต้องการผู้เข้าร่วมการประกวดที่เพรียบพร้อมไปด้วยทั้งความงามและบุคลิกอันดีเยี่ยม แต่ล่าสุดในประเทศออสเตรเลีย มีหญิงสาวคนหนึ่งที่เข้ามาเปลี่ยนวงการนางงามโดยสิ้นเชิง เพราะเธอเข้าร่วมการประกวด ทั้งๆ ที่เธอนั่งรถเข็น?!?! หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่า Justine Clarke วัย 26 ปี เธอได้กลายเป็นผู้หญิงนั่งรถเข็นคนแรกที่เข้าร่วมการประกวด Miss World เธอได้เข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายของเมืองแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย โดยเธอมีอาการผิดปกติที่ขาส่วนล่าง ทำให้เธอไม่สามารถเดินได้เหมือนคนทั่วไป ซึ่งเธอบอกว่าเธอต้องการทำให้เห็นว่าไม่ว่าใครก็สามารถงดงามได้ “ฉันอยากให้แคทวอร์คเป็นที่สำหรับผู้หญิงทุกคน การนั่งรถเข็นไม่ได้ทำให้ฉันด้อยคุณค่าลง ฉันยังเข้มแข็ง งดงาม และมีความเป็นผู้หญิงเสมอ” Justine กล่าว Justine ไม่ได้พิการมาตั้งแต่เกิด เธอบอกว่าเธอต้องนั่งรถเข็นเมื่อสองปีก่อน แต่อย่างไรก็ตาม เธอไม่ยอมเผยสาเหตุว่าเพราะอะไรเธอจึงตกอยู่ในสภาพนี้ “ฉันไม่อยากเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันอยากจะเป็นแบบอย่างให้กับสาวๆ ทั่วโลก ว่าแม้แต่คนที่นั่งรถเข็นอย่างฉัน ก็สามารถเข้าร่วมการประกวดแบบนี้ได้ ฉันอยากบอกทุกคนว่า ไม่ว่าคุณจะมีเชื้อชาติอะไร อ้วนหรือผอม หรือมีความพิการหรือไม่ คุณก็ยังสวยงามอยู่เสมอ” เธอกล่าว แม้สุดท้ายเธอจะไม่สามารถผ่านเข้าไปในรอบสุดท้ายทั่วประเทศของออสเตรเลียได้ แต่การเข้าร่วมการประกวดครั้งนี้ ก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน ทาง Deborah Miller ผู้บริหารของการประกวด Miss…
-
มิวสิควีดีโอสุดเจ๋งจากญี่ปุ่น โชว์ให้เห็นโลกของคน “ฮิคิโคโมริ” อาการชอบเก็บตัวในห้อง
หลายคนน่าจะเคยได้ยินเรื่องราวของชาวญี่ปุ่นที่ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกไปไหนหรือสุงสิงกับใครจนเป็นเวลานาน บางรายอาจจะแค่ไม่กี่วัน ไม่กี่สัปดาห์ แต่บางรายก็เป็นหนักมากกว่า 6 เดือน ซึ่งเราจะเรียกคนพวกนี้ว่า “Hikikomori” อย่างที่เราเคยได้ยินในข่าวหรือโทรทัศน์บ่อยๆ นั่นเอง ซึ่งล่าสุดก็ได้มีคนทำเอ็มวีที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองของคนเหล่านี้ออกมาแล้ว ผลงานนี้มีชื่อว่า “No Reason” กำกับโดย Oscar Hudsonและเป็นเพลงของศิลปินชาวอังกฤษที่มีชื่อว่า Bonobo ซึ่งเขาได้ทำเพลงนี้ออกมาเพื่อจะแสดงให้เห็นถึงมุมมองของเหล่า Hikikomori ผ่านทางมุมกล้องขนาดเล็กที่ค่อยๆ ไหลผ่านแต่ละห้อง มุมมองนี้จะทำให้เราเห็นถึงความรู้สึกของพื้นที่คับแคบ ความวิตกกังวลทางจิตและความรู้สึกที่ไม่มีสิ้นสุดทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานของประชากรคนญี่ปุ่นที่เป็นอาการดังกล่าวมากถึงราวๆ 700,000 คน เริ่มแรกเราจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนฟูกตรงหน้าม้วนกระดาษ ที่เขียนว่า “บ้านหลังน้อยของฉัน” จากนั้นห้องต่อๆ ไปก็จะเป็นชายคนเดิมกำลังทำสิ่งต่างๆ ทั้งอ่านมังงะ เล่นเกม หรือกินบะหมี่สำเร็จรูป จากนั้นเราจะเริ่มเห็นได้ว่าตัวเขาค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นและห้องก็แคบเท่าเดิม ทำให้เห็นถึงความระส่ำระสายของเขาที่เพิ่มขึ้น คล้ายกับสวาพจิตใจของเขา จนเมื่อไปถึงห้องสุดท้าย กล้องก็เริ่มย้อนกลับมาแสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เพื่อให้เรารู้ว่ายังมีจุดเริ่มต้นใหม่ๆ รออยู่ข้างหลังประตูแห่งความสัญโดษนี้ เป็นที่รู้กันดีว่าบ้านในญี่ปุ่นมีขนาดที่แคบมากๆ และตัว MV นี้ก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงภาพจิตใจของคนที่เป็นอาการ “Hikikomori” ดีที่ต้องอยู่ในห้องแคบๆ ตลอดเวลา ซึ่งการใช้ชีวิตแบบนี้เป็นชีวิตที่พวกเขาถูกบีบบังคับให้เป็น ท้ายที่สุดแล้วทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็พยามสุดความสามารถเพื่อที่ช่วยกลุ่มคนเหล่านี้ ใครที่สนใจอยากจะชมแบบเต็มๆ รวมถึงเบื้องหลังก็สามารถดูได้จากข้างล่างนี้เลย …
-
เรื่องราวของ “คู่เดทดาวน์ซินโดรม” ที่ทำให้ชาวเน็ตต่างชาติปลาบปลื้ม ในความน่ารักของทั้งคู่
ปกติแล้วคนที่ป่วยเป็นดาว์นซินโดรม มักจะไม่ค่อยมีโอกาสที่ดีเหมือนคนปกติเท่าไหร่นัก นั่นอาจจะเพราะความไม่ปกติเหมือนคนอื่นๆ จนถูกมองว่าแปลกแยกหรือด้อยในบางสิ่งบางอย่าง แต่ว่าล่าสุดก็ได้มีกระแสไวรัลหนึ่งเกิดขึ้นบนโลกอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับผู้ป่วยดาว์นซินโดรม ซึ่งเป็นภาพที่หลายๆ คนคิดเห็นตรงกันว่าน่ารักมากเลยล่ะ ยูสเซอร์ทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า ThatGuyJigg ได้แชร์ภาพของคู่รัก ที่น่ารักที่สุดในโลกตอนนี้ นั่นก็คึอพี่ชายของเขา Josh ที่ถ่ายกับคู่เดทไปงานพรอม Victoria นั่นเอง ทั้งคู่ป่วยเป็นดาว์นซินโดรมและทั้งคู่ก็แต่งสวยแต่งหล่อกันเพื่อที่จะได้ไปงานพรอมที่มีชื่อว่า Night to Shine ที่เป็นงานที่จัดให้กับคนที่ป่วยเป็นดาว์นซินโดรโดยเฉพาะ แน่นอนว่าทั้งคู่จะไม่ลืมประสบการณ์ที่ดีจากงานนี้เลยล่ะ นอกจากนี้ ThatGuyJigg ยังโพสต์ขอให้ทุกคนในทวิตเตอร์ช่วยกันรีทวิตภาพนี้ให้มันกลายเป็นไวรัลจนดังเปรี้ยงปร่าง แน่นอนว่าชาวเน็ตก็จัดให้ทันที มียอดคนถูกใจหลังจากเห็นคู่รักนี้กว่า 660,000 ครั้งเลยทีเดียว นี้คือภาพของ ThatGuyJigg กับพี่ชายของเขา Josh ถ่ายรูปรวมกันซะหน่อย ปิดท้ายด้วยรูปถ่ายกับคุณแม่ กระแสโด่งดังซะจนมีคนวาดรูปมาให้ด้วยนะ น่ารักจริงๆ นอกจากนี้ก้ยังมีความเห็นจากคนที่รีทวีตอีกมากมาย โดยจะเอาหยิบยกมาสักสองสามอันให้ดูกัน @Caeles_ “นี่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันเคยเห็นในปี 2017 เลย” @Albaaa_gux “ฉันถึงกับหลั่งน้ำตาเลย พวกเขาน่ารักมากๆ” @kickitoldschool “ฉันอายุ 50 แล้ว ยังไม่เคยดูหล่อเท่า พ่อหนุ่มคนนี้เลย” ยังไงซะก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มีกิจกรรมดีๆ สำหรับผู้ป่วยดาว์นซินโดรม ซึ่งถ้าใครอยากจะเป็นโฮสจัดงานปาร์ตี้แบบนี้สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ทางเว็บไซต์ของ Night to Shine ได้เลยครับ… ที่มา distractify
-
วีรกรรมน่ายกย่อง เมื่อวัยรุ่นคนหนึ่งเสี่ยงตัวเอง เข้าไปช่วยเด็กสาวจากรถที่กำลังลุกไหม้
ปกติแล้วถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นและมีเวลาเพียงชั่วอึดใจที่จะสามารถช่วยผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุนั้นได้ เราจะเลือกที่เข้าไปช่วยผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นไหม!? แต่กับเขาคนนี้เขาเลือกที่จะลงมือทำมัน เด็กหนุ่มคนวัย 16 คนนี้มีชื่อว่า Emmanuel Toula เขาเล่าว่าเขากำลังอยู่ในเหตุการณ์ประท้วงของวัยรุ่นผิวสีแต่ทว่าในระหว่างเหตุการณ์ประท้วงเขาก็ได้เห็นเด็กสาวคนหนึ่งติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้ “ในช่วงเวลาที่ผมเห็นรถคันนั้น ผมคิดว่ารถมันสามารถที่จะระเบิดตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นผมต้องไปช่วยเธอ” เขาบอกว่าในตอนแรกรถคันนี้ได้ขับมาตามถนนปกติ แต่ว่าก็ต้องเจอกับฝูงผู้ประท้วงที่มาพร้อมกับถังขยะติดไฟและรถคันนี้ก็ไม่สามารถจะเคลื่อนไปไหนได้ จึงถูกลูกหลงของผู้ประท้วงทั้งโยนก้อนหินและถังขยะเข้าใส่รถ “ผมมีน้องชาย 4คน และน้องสาวอีก 2 คน ซึ่งผมเข้าใจได้ทันทีว่าผมก็จะไม่ปล่อยให้เด็กสาวคนนั้นต้องติดอยู่ในนั้น ยิงในช่วงเวลาแบบนั้นที่มีคนอยู่รอบๆ แต่กลับไม่มีใครทำอะไรเลย ผมบอกกับตัวเองว่าผมต้องลงยื่นมือเข้าไปช่วยเธอให้ได้” ในตอนแรกแม่ของเด็กๆ ในรถได้พาลูกชายออกมาก่อน แต่ทว่าลูกสาวกลับยังติดอยู่ในรถที่ไฟลุกคันนั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปช่วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดพอดีระหว่างการประท้วงของคนผิวสีต่อตำรวจสหรัฐอเมริกา หลังจากมีข่าวความรุนแรงกับคนผิวสี ซึ่งเขาก็ไปอยู่ในเหตุการณ์พอดี เขาบอกว่าเขาไม่ใช่พวกหัวรุนแรงหรือก่อความไม่สงบ เป็นเพียงแค่ประชาชนที่อยากออกมาแสดงจุดยืน เขาก็ไม่ได้คิดว่าตำรวจทุกคนจะเป็นคนไม่ดี เพียงแต่ว่าตำรวจไม่ดีมันก็มีอยู่มากมายนั่นเอง สุดท้ายแล้วหลังจากข่าวของเขาถูกเผยพร่ออกไป เขาก็ไดรับคำชมมากมายรวมถึงจากทางกรมตำรวจท้องที่ว่า @prefpolice “ทางกรมตำรวจต้องขอสรรเสริญความกล้าหาญ ของเด็กหนุ่มที่ช่วยเด็กสาวออกจากรถที่กำลังลุกไหม้” @Emmanuel_Toula ก็เลยออกมาตอบกลับว่า “ผมไม่ใช่ฮีโร่ ผมเป็นแค่พี่ชายคนหนึ่ง ที่กำลังคิดว่ามีน้องสาวกำลังอยู่ในอันตรายและหวาดกลัว” สุดท้ายแล้วต่อให้เด็กหนุ่มคนนี้จะพูดยังไง เขาก็ยังคงเป็นฮีโร่ของสาวน้อยคนนั้นอยู่ดี ที่มา metro
-
รายการพาอดีตคู่รักมานั่งคุยเปิดอก เหตุใดถึงนอกใจกัน ชาวเน็ตแห่ลุ้นตามเพียบ!!
ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แล้วว่า ความรักเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน แน่นอนว่าถ้ามีคนที่สามเข้ามาเมื่อไหร่ละก็… เรื่องราวความทรงจำดีๆ ทั้งหมดที่เคยมีให้กัน อาจกลายเป็นฝันร้ายที่คอยทิ่มแทงหัวใจเราก็ว่าได้ และล่าสุดรายการ ‘TheScene’ ได้เชิญอดีตคู่รักที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยอยู่ด้วยกันให้กลับมาเปิดอกคุยกันอีกครั้ง ซึ่งพวกเขาเคยมีช่วงเวลาดีๆ ต่อกัน และคอยเป็นห่วงเป็นใยกัน จนกระทั่งวันหนึ่งฝ่ายหญิงจับได้ว่าผู้ชายแอบมีคนอื่น แน่นอนว่าคนที่เสียใจมากที่สุด คือคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย…. อดีตคู่รักที่สุดท้ายต้องเลิกรากันไปทั้งน้ำตา ทั้งคู่ได้กลับมาคุยกันอีกครั้งถึงเรื่องราวที่ทำให้ความรักต้องจบลง โดยฝ่ายหญิงถามว่า เธอไปทำอะไรมา? ซึ่งฝ่ายชายก็ยอมรับอย่างเต็มอกว่า ‘ผมแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น’ จากนั้นทั้งคู่ก็พูดคุยถึงเรื่องราวที่ทำให้ได้เจอกันในตอนแรก ฝ่ายชาย: ‘เราอยู่โรงเรียนเดียวกัน เราไปห้องเรียนเดียวกัน แต่ตอนแรกคุณก็ไม่ชอบผมใช่มั้ยล่ะ แต่เวลาผ่านไปเราได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น และผมก็กล้าพูดเลยว่าคุณคือเพื่อนที่ดีที่สุด’ ฝ่ายหญิง: ‘ใช่ฉันก็ด้วย ยอมรับว่าฉันแอบค้นมือถือของคุณ ฉันเจอทุกอย่างเลย ทั้งเมสเสจ รูปผู้หญิงคนอื่น และสิ่งที่เธอโกหก แต่เธอก็ทำเหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง จำได้มั้ยวันหนึ่งที่ฉันเข้าไปในห้อง คุณกำลังอยู่กับผู้หญิงอีกคน แต่คุณดันเลือกที่จะไล่ให้ฉันกลับบ้านไป… รู้มั้ยว่าคืนนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันเสียใจมากนอนร้องไห้ทั้งคืน ไม่คิดเลยว่ามันจะเจ็บขนาดนี้’ จากนั้นผู้ชายก็ได้ให้เหตุผลว่า ทำไมตอนนั้นเขาถึงนอกใจเธอ ฝ่ายชาย: ‘ขอโทษด้วยจริงๆ ที่ตอนนั้นผมทำแบบนั้นลงไป ยอมรับว่าบางทีผมคิดว่าเราไปด้วยกันไม่ได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำให้ผมในตอนนั้นมันคือสิ่งดีที่สุด ผมโชคดีมากที่ได้คบกับคุณ…’…
-
งี้ก็มี… เด็กหนุ่มญี่ปุ่นขโมยจักรยาน ปั่นหนีออกจากบ้าน 900 กิโล ไม่กินอะไรเลย 3 วัน 3 คืน!?
ปัญหาการว่างงานนั้น เป็นปัญหาเรื้อรังกันมานานแล้วในสังคมญี่ปุ่น เพียงแต่ใครจะคิดว่าการที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งว่างงานจะผันตัวมาเป็นหัวขโมยจักรยาน แถมเขายังปั่นมันข้ามจังหวัดกันเลยทีเดียว! ตำรวจจากจังหวัดอะโอะโมะริได้รายงานว่า พวกเขาได้จับเด็กหนุ่มอายุ 18 ปี ที่ว่างงานคนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีขโมยจักรยานได้ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ส่วนชื่อของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้รับการเปิดเผยเพราะว่ายังคงเป็นผู้เยาว์ ภาพแผนที่การขโมยจักรยาน และปั่นข้ามประเทศของเขา ตำรวจได้บอกว่าเขาคนนี้ได้ขโมยจักรยานจากเมืองโมะริงุจิ จังหวัดโอซาก้า จากการคาดเดาของตำรวจชายหนุ่มคนนี้น่าจะปั่นจักรยานมาไกลถึง 900 กิโลเมตรเพื่อมาจังหวัดอะโอะโมะริ แถมยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่าเด็กชายคนนี้ได้หนีออกจากบ้านในเมืองโยะโกะฮะมะตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว จักรยานที่ผู้ต้องสงสัยได้ขโมยมาเป็นจักรยานของเด็กนักเรียนคนหนึ่งจากโรงเรียนมัธยมในโอซาก้า โดยตัวจักรยานที่ถูกขโมยมาเดิมทีจอดอยู่ที่จุดจอดจักรยานของเมืองโมะริงุจิ ซึ่งจากการคาดการณ์ จักรยานนี้มีมูลค่าประมาณ 3,000 บาท และตำรวจคาดว่าจะขโมยตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ในช่วง 6 โมงเย็นของวันที่ 17 กุมภาพันธ์นั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบถามถึงประวัติโดยรวมของเด็กหนุ่มคนนี้พร้อมกับตั้งข้อหา ซึ่งเด็กหนุ่มก็ยอมรับความผิดที่เขาทำแต่โดยดี นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังบอกเพิ่มเติมว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีเงินติดตัวอยู่แค่ไม่กี่เยนเท่านั้น แถมเขายังบอกว่าเขาไม่ได้กินอะไรมามากกว่า 3 วันแล้วด้วย แต่ถึงอย่างนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่รู้ถึงแรงจูงใจของเด็กหนุ่มอยู่ดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนหาข้อเท็จจริงที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง ขโมยจักรยานยังไม่พอ เล่นปั่นข้ามจังหวัดไกลเป็น 900 กิโล จิตใจเขาทำด้วยอะไรกันนะ!? ที่มา sankei
-
ศิลปินอังกฤษออกแบบเหล่าโปเกมอน ให้ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตจริงๆ น่ารักพอไหมล่ะ?
อย่างที่แฟนๆ รู้กันว่าตัวละครจากโปเกมอนนั้นเป็นเพียงตัวละครสมมติที่ถูกออกแบบให้แฟนตาซี (แต่บางตัวก็มีจริงนะ อย่างในบทความที่เราเคยทำไว้ก่อนหน้านี้) แต่คำถามก็คือ หากพวกมันกลายเป็นสัตว์จริงๆ และมีชีวิตอยู่บนโลกจริงๆ พวกมันจะมีลักษณะเป็นอย่างไร? เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวฟิ้น ได้ไปเจอกับผลงานของนักออกแบบภาพวาดคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Joshua Dunlop เขาอาศัยอยู่ในคิงส์ตัน ประเทศอังกฤษ นาย Joshua มักจะออกแบบภาพวิว เหตุการณ์ อุปกรณ์ต่างๆ ตามจินตนาการ ซึ่งล่าสุดเขาได้หยิบเอาไอเดียตัวการ์ตูนจากโปเกมอนมาทำให้มันดูสมจริงยิ่งขึ้น เช่น ฟุชิงิดาเนะ อีวุย หรือปิกาจู บางตัวน่ากลัวขึ้น บางตัวก็น่ารักจนอยากกระโจนเข้าใส่ ไม่เชื่อลองไปชมกันเลย ฟุชิงิดาเนะ ดิ๊กด้า อีวุย ปิกาจู ฮิโตะคาเงะ เซนิกาเมะ คาเตอปี นาโซโนะคุสะ เนียวโรโม หน้าตาแต่ละตัวน่ารักน่าชังทั้งนั้น เห็นแล้วก็อยากออกไปล่าโปเกมอนอีกรอบเลย ที่มา unilad
-
แสบทรวง… แฟนเก่าเขียนจดหมายมาง้อ ฝ่ายชายจัดตรวจคำผิด และตัดเกรดกลับไปให้!?
คนเราเมื่อคบกันก็ย่อมมีเลิกรากันเป็นธรรมดา คนที่เลิกกันแบบดีๆ ก็อาจจะกลายมาเป็นเพื่อนกันได้ แต่สำหรับใครที่เลิกกันแบบไม่ค่อยจะดีก็คงยากที่จะรักษาความสัมพันธ์นั้นๆ ไว้ และเมื่อรู้สึกผิดต่อกัน สิ่งที่พอจะหวังได้ก็คงจะมีเพียงคำขอโทษ ไม่ว่าจะผ่านข้อความ ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก หรือจะเป็นกระดาษข้อความธรรมดาๆ เรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้มาจากนาย Nick Lutz เขาได้เล่าผ่านทวิตเตอร์ของตัวเองว่าเพิ่งจะเลิกกับแฟนสาวมาไม่นานนี้ แต่เนื่องจากฝ่ายหญิงรู้สึกเสียใจเลยเขียนจดหมายมาขอโทษเป็นเรื่องเป็นราว แต่ด้วยลายมือที่อ่านค่อนข้างยากราวกับเด็กหัดเขียนใหม่ๆ และรูปแบบประโยคแปลกๆ เขาก็เลยเอาจดหมายของเธอมาเขียนแก้กำกับไว้ ประหนึ่งว่าตัวเองเป็นอาจารย์ตรวจงานนักศึกษายังไงยังงั้นเลย สิ่งแรกที่ Nick สนใจไม่ใช่เนื้อหาการขอโทษขอโพยของอดีตแฟนสาว แต่เป็นรูปแบบการเขียน เขาเลยใช้ปากกาแดงเขียนแก้เอาไว้ มีบางคำที่เธอเขียนมาแบบงงๆ และบางตัวอักษรก็เกิน เขาก็เน้นไว้ให้เห็นกันชัดๆ มีการแก้ไขบางคำให้กับจดหมายของเธอ ปิดท้ายด้วยการให้คะแนน เกรด และแสดงความเห็นกับความสัมพันธ์ที่ผ่านมาที่เธอนอกใจเขา หรือนี่อาจจะเป็นการเอาคืนที่เจ็บแสบในแบบของเขาก็เป็นได้ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าภาษาเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าคุณจะบอกรัก บอกเลิก หรือขอโทษนะ ฮร่า ที่มา NICKLUTZ12
-
นักวิจัยเผยผลสำรวจ คนเลี้ยงหมามีเสน่ห์ความเซ็กซี่ ในปริมาณที่มากกว่าคนเลี้ยงแมว!!
เคยมีการเถียงกันว่าระหว่างคนที่เลี้ยงแมวกับคนที่เลี้ยงสุนัข คนไหนจะดูดีหรือดูเซ็กซี่มากกว่ากัน? ล่าสุดเรามีผลสรุปอย่างเป็นทางการมาให้ชมกันแล้วล่ะ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ EliteSingles ได้เผยแพร่ผลการสำรวจจากคน 1,000 คน เพื่อหาว่าคนเลี้ยงสุนัขหรือแมวที่ดูดึงดูดมากกว่ากัน? และผลก็คือคนเลี้ยงสุนัข เพราะนักวิจัยพบว่า 63% ของคนที่เลี้ยงสุนัขดูเป็นคนที่ดึงดูดมาก ส่วนอีก 18% มองว่าคนเลี้ยงแมวดูดึงดูด ในขณะที่อีก 19% มองว่าจะเลี้ยงสัตว์แบบไหนก็ไม่ได้ดูดึงดูดหรือน่าสนใจเลย จากการศึกษาโดย EliteSingles ยังพบว่าผู้คนมักจะเก็บเรื่องสัตว์เลี้ยงไว้พิจารณาก่อน ในขณะที่กำลังมองหาคู่ครองตามเสป็คหมายปอง มีคนราวๆ 72% ที่ตอบแบบสอบถามบอกว่าพวกเขาสามารถคาดเดาพฤติกรรมของบุคคลนั้นๆ ในเรื่องของความสัมพันธ์ได้ จากวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อสัตวเลี้ยงของตัวเอง ในขณะที่อีก 32% ของผู้เลี้ยงสุนัขจะทำการเทเดทนั้นทันที ถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่ให้ความสำคัญกับเพื่อนสัตว์เลี้ยงของพวกเขา และ 27% ของคนรักแมวก็จะทำแบบนี้เช่นกัน นักจิตวิทยา Salama Marine ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเดทกล่าวว่าตัวเลขทั้งหมดเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวหรือเสียสละของคน เธอกล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นคนเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ที่อยู่ไม่สุขอย่างสุนัข ต้องมีความมุ่งมั่นและการเสียสละอย่างมาก คนโสดที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงมักจะถูกมองว่าเป็นคนใจดีมีน้ำใจ เป็นมิตรและพร้อมที่จะอุทิศตนสำหรับความสัมพันธุ์ระยะยาว” ที่มา metro
-
อะไรจะโชคดีปานนี้? สามีภรรยาท้องลูกแฝดถึง 2 รอบ แชร์ภาพแฟชั่นจนคุณอยากมีลูกแฝดบ้างเลย
น้อยคนมากที่จะมีลูกแฝด (เมื่อเทียบกับสัดส่วนของคนทั่วๆ ไปในปัจจุบัน) บางคนถึงขั้นไปขอพรไหว้พระไหว้เจ้าเพื่อให้ได้ลูกแฝด แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว แต่กับคุณ Juliet และภรรยาสาว Nikki Cannici ดูจะเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพราะเมื่อ 2 ปีที่แล้วพวกเขาได้ให้กำเนิดลูกแฝด 2 คนคือ Nico และ Siena (แฝดชายหญิงด้วยนะ) แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็คิดจะมีลูกกันอีกครั้ง ปรากฏว่าท้องที่ 2 ก็ยังคงเป็นลูกแฝดอีก!! พวกเขาตั้งชื่อให้แฝดคู่ใหม่นี้ว่า Gia และ Gemma หลังจากที่คลอดได้ไม่นาน ดูเหมือนว่าแฝดผู้พี่จะประทับใจกับน้องๆ ของพวกเขามาก Juliet และ Nikki เลยจับลูกๆ ของตัวเองมาถ่ายภาพเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก เพราะมันคงไม่บ่อยนักหรอกที่คนเราจะมีลูกแฝดได้ถึง 2 ครั้งติด จากภาพจะเห็นว่า Nico และ Siena แสดงท่าทางราวกับว่าพวกเขาเป็นพี่เลี้ยงเด็กยังไงยังงั้นเลย ครอบครัวของพวกเธอดูจะอบอุ่นขึ้นมาก นางฟ้าตัวน้อยๆ . . .…
-
พาชมวัฒนธรรมการดูหนังของคนอินเดีย โคตรบันเทิงตั้งแต่กรีดร้อง ลุกเต้นในโรง ยันจุดพลุ!!
เมื่อพูดถึงการดูหนังทุกคนน่าจะนึกถึงภาพของโรงหนังที่มีคนนั่งดูเรียงรายกันอย่างเงียบเชียบพร้อมกับป็อปคอร์นและน้ำอัดลมในมือ แต่คุณเชื่อ #เหมียวฟิ้น ไหมว่ามีโรงหนังในบางประเทศเหมือนกันที่ไม่ได้นั่งดูหนังกันแบบนิ่งๆ แถมยังลุกออกมาร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานเลยด้วย ในบทความนี้เราจะพาทุกๆ คนไปชมวัฒนธรรมการดูหนังของชาวอินเดียกัน เพราะที่นี่เขาอินกับหนังเอามากๆ ไม่มีใครจะดูหนังได้สนุก หรืออินกับนักแสดงไปมากกว่าพวกเขาอีกแล้ว!! ส่วนหนึ่งที่ชาวอินเดียลุกออกมาร้องรำทำเพลงก็เพราะว่าหนังส่วนใหญ่มีฉากที่เหล่าตัวละครออกมาร้องเพลงวิ่งไปมา ซึ่งดูจะกลายเป็นเครื่องหมายทางการค้าของหนังอินเดียไปแล้ว และยิ่งเพลงไหนฮิตๆ ติดลมบนก็ยิ่งทวีคูณความสนุกเข้าไปอีก สมาชิกเว็บไซต์ Reddit ที่ชื่อ LetMeBeGreat ได้อธิบายว่าเขาคือลูกครึ่งอินเดียอเมริกัน และบอกว่าวัฒนธรรมการดูหนังของพวกเขาแตกต่างจากที่อื่นๆ ในโลกมาก “มันเป็นเรื่องปกติมากที่คนอินเดียจะไม่ได้ดูหนังทั้งเรื่อง บางคนเข้าโรงหนังมาตอนที่หนังเริ่มไปแล้วครึ่งเรื่องก็มี บางคนก็โทรศัพท์ระหว่างดูหนังแถมไม่มีใครใส่ใจด้วย ไม่มีใครถือมารยาทแบบชาวอเมริกันเมื่อพวกเขามาดูหนัง แถมตั๋วหนังก็ยังถูกแสนถูกเมื่อเทียบกับตั๋วของอเมริกา ฉะนั้นเลยไม่ค่อยมีใครสนใจอะไรมากนัก” ถึงแม้ว่ามารยาทการดูหนังของพวกเขาจะไม่เหมือนใครแต่การดูหนังในโรงหนังของอินเดียเองก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่าสนุกอยู่ เพราะผู้คนจะเอาแต่ผิวปากส่งเสียงเชียร์ กรี๊ดกระจาย เมื่อพระเอกออกโรง แต่ก็ไม่ได้โกลาหลอะไรมาก อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาวอินเดียคลั่งไคล้การดูหนัง (ในสไตล์ของเขา) มาก ก็เพราะว่านักแสดงมีความใกล้ชิดกับชาวอินเดียมากกว่าของฮอลลีวูด อย่างเช่นพระเอกในหนังหลายคนอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกับชาวบ้าน พวกเขาก็จะออกมาดูหนังเรื่องนั้นและเชียร์อย่างออกนอกหน้า ถ้ายังไม่เห็นภาพงั้นไปแดนซ์กับพวกเขากันเลย อินกับหนังให้มันสุดๆ แบบพวกเขา เต้นยับยิ่งกว่าในผับ และถ้าคุณคิดว่าทั้งหมดนี้มันอเมซิ่งแล้วล่ะก็ยังน้อยไป เพราะบางโรงมีการจุดพลุด้วยนะเออ!! (ใครดูคลิปไมได้กดตามลิ้งนี้ไปเลยนะ)…
-
“Flex-N-Feel” ถุงมืออัจฉริยะ ที่ช่วยให้คุณสัมผัสกับคนรักได้ แม้ตัวจะอยู่ไกลกัน
สมัยนี้การโทรศัพท์หาคนที่คุณรักเวลาที่อยู่ไกลกันอาจจะไม่พอแล้วละ เพราะปัจจุบันมีเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทันสมัยเกิดขึ้นมากมาย และหนึ่งในนั้นก็มีเทคโนโลยีสุดเจ๋งที่อาจจะสามารถช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนได้อยู่ใกล้กันมากขึ้น นั่นก็คือถุงมือ “Flex-N-Feel” สุดเจ๋ง นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่สามารถช่วยให้คุณได้สัมผัสกับคนรัก เมื่ออยู่ไกลกันนั่นเอง นี่คือโฉมหน้าของ Flex-N-Feel เป็นถุงมือหุ่นยนต์ ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อจำลองการสัมผัสของคนที่คุณรัก Carman Neustaedter ศาสตราจารย์ที่โรงเรียนสอนศิลปะและเทคโนโลยี ที่มหาวิทยาลัย Simon Fraser ประเทศแคนาดา ผู้คิดค้นถุงถือสุดมหัศจรรย์ได้กล่าวว่า “ถุงมือดังกล่าวมีฟังก์ชั่นที่หลากหลาย โดยคุณสามารถจำลองการสัมผัสใบหน้าของคนอื่นๆ แบบอ่อนโยน หรือนวดเบาๆ ได้” Flex-N-Feel เป็นถุงมืออัจฉริยะที่มีด้วยกัน 2 ส่วน ในส่วนแรกจะเรียกว่า The Fex เป็นตัวหลักที่ช่วยในการส่งสัญญาณความรู้สึก ส่วนที่สองเรียกว่า Feel เป็นตัวรับสัญญาณจากตัวแรกนั่นเอง ในส่วนของถุงมือที่เป็นตัวรับ จะมีปุ่มที่สามารถตอบกดรับได้ ซึ่งถ้าหากปุ่มที่เป็นตัวหลักมีการส่งสัญญาณมา ตัวรับสามารถกดยอมรับ หรือปฏิเสธได้อีกด้วย สำหรับถุงมือ Flex-N-Feel ยังมีระบบสั่นเบาๆ อยู่ภายใน ซึ่งมันจะสามารถเลียนแบบการเคลื่อนไหวได้ นอกจากนี้ ทาง Carman และทีมงานของเขายังได้ออกแบบการสัมผัสขั้นพื้นฐานเอาไว้อีกด้วย เช่น การจับมือกัน เป็นต้น…
-
ชายผู้เสียใบหน้า เพราะเคยยิงฆ่าตัวตาย เข้ารับการผ่าตัดใบหน้าจนดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ…
เรื่องที่#เหมียวฟิ้นได้หยิบมาเล่าในวันนี้เป็นเรื่องราวสุดอเมซิ่งของนาย Andy Sandness ชายหนุ่มผู้เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายมาก่อน แต่โชคชะตาก็พลิกผันและทำให้เขารอดตายมาได้และมีใบหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เท้าความกลับไปในปี 2007 ช่วงที่นาย Andy คิดจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเขาอายุ 21 ปี ประสบกับภาวะซึมเศร้าจนคิดฆ่าตัวตาย เขาเลยตัดสินใจจบชีวิตด้วยการยิงปืนเข้าที่ใบหน้าของตัวเอง แต่หลังจากที่เขาลั่นไกออกไป เขาก็ได้รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดอย่างรุนแรง จึงขอร้องทุกๆ คนรีบพาเขาไปยังโรงพยาบาลและขอร้องให้แพทย์ช่วยชีวิตเขาให้รอดตายด้วย จากการพยายามฆ่าตัวตายทำให้เขาสูญเสียจมูก แก้ม ปาก ริมฝีปาก ขากรรไกร และฟันของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง และยากต่อการจะทำให้หน้าของเขากลับมาเหมือนเดิม และเนื่องจากหน้าตาของเขา ทำให้นาย Andy แทบจะไม่ได้เข้าสังคมกับใครเลย เป็นเวลาหลายปี วันหนึ่งในปี 2012 เขาได้รับโทรศัทพ์จากคลีนิค Mayo Clinic ในรัฐไวโอมิ่ง ที่โทรมาแจ้งข่าวดีกับเขาว่าตอนนี้พวกเขามีแผนที่จะเปิดโปรแกรมศัลยกรรมปลูกถ่ายใบหน้าและอยากให้เขามาเป็นคนไข้รายแรก แต่ก่อนที่จะผ่าตัดได้ทางทีมแพทย์จะต้องมีการประเมินผลทางจิตเวชอย่างเข้มงวด เพื่อที่จะได้รู้ว่าเขาพร้อมสำหรับการผ่าตัดใหญ่ครั้งนี้หรือไม่? ทีมศัลยแพทย์มีการคาดการณ์ว่าเขาอาจจะต้องรอนานถึง 5 ปี เพื่อรอชิ้นเนื้อที่มีความเข้ากันกับใบหน้าของเขา แต่เขาก็ได้รับการติดต่อหลังจากนั้นภายใน 5 เดือนเท่านั้น ตามรายงานทางการแพทย์บอกว่าชิ้นเนื้อที่จะทำการผ่าตัดเปลี่ยนให้กับเขา มาจากนาย Calen…
-
อาสาสมัครช่วยชีวิตงูชาวอินเดียเสียชีวิต เพียงเพราะ “พยายามจูบงู” ที่เขาช่วยจากตลาดมืด
เราน่าจะมีภาพที่ติดตากันพอสมควรสำหรับหมองูจากอินเดียที่มักจะเป่าปี่เพื่อให้งูเต้นรำตามในหนังสือการ์ตูน หรือจะเป็นหมองูบ้านเราที่โชว์จูบงูให้เห็นกันบ่อยๆ แต่ว่าไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จูบงูได้สำเร็จ หนุ่มคนนี้ก็คือหนึ่งในผู้โชคร้ายคนนั้น…. อาสาสมัครช่วยชีวิตงูนายนี้มีชื่อว่า Somnath Mhatre อายุ 18 ปี เขาคือเจ้าหน้าที่ขององค์กรพิทักษ์ ที่มีหน้าที่คอยช่วยเหลืองูจากตลาดค้าของผิดกฎหมาย เพื่อนำมันกลับเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในธรรมชาติ ในครั้งล่าสุด เขาได้เดินทางไปช่วยงูเห่าตัวหนึ่งจากย่านการค้า ในมุมไบ เพื่อที่จะได้นำมันไปปล่อยในที่ปลอดภัยห่างจากผู้คน แต่ก่อนจะปล่อยเจ้างูตัวนี้ไป เขาก็อยากจะถ่ายรูปคู่กับมันสักหน่อย เขาค่อยๆ ยกงูขึ้นมาพร้อมกับจะจูบตรงกลางหัวมันเพื่อบอกลา แต่ทว่าเรื่องที่ไม่ขาดคิดก็เกิดขึ้น เจ้างูเห่าพุ่งเข้าฟังขมเขี้ยวลงกลางอกของเขาทันที ภาพของเขาที่เคยถ่ายกับงูก่อนหน้านี้ เขาถูกหามส่งโรงพยาบาลในมุมไบทันที แต่ทว่าโชคกลับไม่เข้าข้างเขา เพราะ 5 วันหลังจากต่อสู้กับพิษงู เขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับมันและตายลงอย่างสงบในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อาสาสมัครที่ไม่ประสงค์ออกนามอีกคนบอกว่า “Somnath เขาเดินทางเพื่อไปช่วยงู ที่ย่านการค้า ในมุมไบ แต่ว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นขณะที่เขากำลังจะถ่ายรูปกับงูที่เขาช่วยมา แต่ว่างูดันหันมาฉกเขาเข้าที่กลางอก” คนที่รู้จักต่างก็บอกว่า… Mhatre เขาเป็นคนที่รักสัตว์มากๆ ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้ช่วยงูมากแล้วมากกว่า 100 ตัวเลยทีเดียว .
-
คุณแม่ลูกสองผู้กินจั๊งค์ฟู๊ดวันละเกือบ 10,000 แคลอรี่ จนหนักกว่า 187 กิโล พยายามหาทางลดหุ่น…
อาหารฟาสต์ฟู๊ด หรือที่บางคนเรียกว่า จั๊งค์ฟู๊ด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นอาหารที่หากินได้ง่าย สะดวก และมีราคาถูก(ในต่างประเทศ) นั่นทำให้หลายคนถึงกลับเสพติด และนั่นแน่นอนว่ามันส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างปฏิเสธไม่ได้ Tiffaney Anderson คุณแม่ลูกสอง วัย 26 ปี จากรัฐยูทาห์ ซึ่งเธอคนนี้มีน้ำหนักมากถึง 187 กิโลกรัม ด้วยผลของการกินอาหารฟา่สต์ฟู๊ดทุกวันของเธอทำให้เธอได้รับแคลอลี่มากถึง 11,000 แคลอรี่ทุกวัน แน่นอนว่าการมาติดอาหารของเธอนั้นก็มีสาเหตุ เธอบอกว่ามันเกิดจากความเครียด จากผลที่เธอถูกรังแกโดยพ่อและเพื่อนร่วมคลาสของเธอทำให้เธอหันมากินอาหารจำนวนมากนั่นเอง “ฉันกินอาหารฟาสต์ฟู๊ด ทุกวันโดยที่ฉันไม่สนเลยว่าปริมาณแคลอรี่ในแต่ละมื้อที่กินมันจะสูงแค่ไหน นี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันอ้วนขึ้นไวมากๆ” “ที่แย่ไปว่านั้นหลังหลังจากที่ฉันกินมื้อแรกเสร็จ 20 นาทีต่อมาฉันก็กลับไปที่แมคโดนัลและสั่งอาหารแบบเดิมมาอีกชุดก่อนจะไปทำงาน” เธอเล่าว่าเธอกินเพราะเธออารมณ์เสียมากๆ เธอเติบโตมาอย่างไม่ค่อยมีความสุขนัก และอาหารก็คือสิ่งที่ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้น “ฉันโตมาด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีนัก แถมยังถูกรังแกที่โรงเรียนอีกตะหาก พวกเขาเรียกฉันว่า ยัยวัวอ้วน หรือยัยวาฬยักษ์” . แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่เธอเริ่มอ้วนมากเกินไป ทำให้เธอต้องเริ่มหันมามองการผ่าตัดเอาไขมันออก เธอบอกว่าหลังจากที่เธอดูดไขมันทำให้น้ำหนักของเธอลดลงถึง 108 กิโลกรัมแต่ว่าผลกระทบจากการดูดไขมันทำให้เธอต้องมีผิวหนังที่เหี่ยวและดูน่าเกลียดมากๆ เธอจำเป็นต้องใช้เงินถึง 520,000 บาท แต่ว่าเธอไม่มีเงินมากขนาดนั้น เธอจึงเริ่มที่จะทำงานหนักมากขึ้นพร้อมกับขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ เพื่อให้เธอกลับมาสวยอีกครั้ง แต่หลังจากการดูดไขมันตอนนี้เธอก็ผอมสวยลงบ้าง สุดท้ายแล้วเธอจะได้ผ่าตัดเอาหนังส่วนเกินออกหรือไม่ เราคงต้องเป็นกำลังใจให้เธอแล้วล่ะ …
-
อดีตนักรบ ISIS เผยเหตุตัดสินใจออกจากกลุ่ม หลังเห็นความโหดร้ายต่อเชลยทาสเซ็กส์…
จิตใจของมนุษย์ต่อให้ทำเรื่องโหดร้ายแค่ไหน แต่ว่าลึกลงไปแล้วความเป็นมนุษย์ก็จะย้ำเตือนเราเสมอว่า สิ่งที่ทำนั้นถูกหรือผิด ซึ่งเรื่องที่เกิดกับกับชายคนนี้ก็เช่นกัน ชายคนนี้รู้จักกันในชื่อว่า Nizar เขาเคยเป็นคนของกลุ่มก่อการร้าย ISIS และครั้งหนึ่งอุทิศชีวิตให้กับองกรณ์นี้ ซึ่งเขาได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนความคิดของเขาให้ลาออกจากกลุ่มนี้ ว่าอะไรเปลี่ยนความคิดของเขากันแน่!? เขาเล่าถึงเด็กหญิงคนหนึ่งที่ต้องตายอย่างทรมาน จากการที่พวกเขาปล่อยให้เธอเลือดไหลจนหมดตัวตาย หลังจากที่เธอถูกข่มขืนในกรงขังของเธอ เขาไม่ได้พูดว่าการกระทำพวกนี้มันเป็นอุบัติเหตุ แต่เขาบอกสาเหตุที่พวกเขาทำแบบนั้นก็เพราะว่าคนอื่นบอกว่า “นักโทษก็คือนักโทษ จะทำอะไรกับพวกเขาก็แล้วแต่เลย” ย้อนกลับไปหลังจากที่ ISIS เข้าบุกยึดเมืองของเขาในซีเรีย เขาก็คิดว่ามันจะเป็นความคิดที่ดี ถ้าเขาเข้าร่วมกับกลุ่ม ISIS และเข้าเป็นหน่วยรบของกลุ่ม “มันทำให้รู้สึกได้ถึงความเป็นอิสลามในตัวของผม พวกเราเริ่มที่จะหันไปเข้ามัสยิดและรับฟังคำสอนต่างๆ” กลุ่มคนอิสลามจากหลากหลายเชื้อชาติเริ่มที่จะรวมตัวกันจนกลายเป็นกลุ่มที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น พวกเขาเข้าจับกุมตัวผู้ชายมากกว่า 100 คนทุกวัน ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ต้องเผชิญกับข้อหาตั้งแต่สูบบุหรี่ไปจนถึงการมีภรรยา “พวกเขาจะถูกกักขังและเขี่ยนตี หลังจากนั้น 2-3วันพวกเขาก็จะถูกปล่อยตัวออกมา” หลายอย่างยิ่งแย่ขึ้นไปอีกเมื่อหญิงสาว 475 คน ซึ่งรวมถึงหญิงสาวชาวอีรัคและยาซิดี้ พวกเธอถูกจับมาเพียงเพราะพวกเขาต้องการให้พวกเธอกลายเป็นภรรยาของเหล่านักรบและทหารฝ่ายค้าน “ในตอนที่ผมเดินลงบันไดมาเจอพวกเธอ ผมถึงกับช็อคมากๆ” เขายังบอกอีกว่าพวกนักโทษผู้หญิงได้แต่ร้องไห้เพราะพวกเธอถูกพรากจากลูกๆ ของเธอ และทุกๆ ครั้งที่มีคนใหม่เข้ามาพวกเธอก็จะได้รับเสียงเชียร์จากเหล่านักรบ ISIS ซึ่งหลังจากนั้นเหล่าผู้ก่อการร้ายนับสิบคนก็จะเข้ามาเพื่อเลือกหญิงสาวเหล่านี้ไปเป็นทาสทางเพศให้กับพวกเขาเป็นเวลา 3 วัน พวกเธอจะถูกทารุณกรรมหรือถูกจับไปแต่งงานกับคนแปลกหน้า…
-
มิติใหม่แห่งโฆษณา Toyota ญี่ปุ่นโปรโมทรถด้วยเกม Street Fighter II มาแบบสุดคูล!!
ต้องบอกเลยว่าโฆษณารถทั่วๆ ไปนั้นจะเป็นการนำเสนอคุณสมบัติของรถคันนั้นๆ นำเสนอความสวยงาม นำเสนอไลฟ์สไตล์ของผู้คับขี่ ว่าถ้าได้ขับรถคันนั้นแล้วจะออกมาดูดีขนาดไหน แต่กับโฆษณารถ Toyota รุ่นล่าสุดที่ #เหมียวฟิ้น ไปเจอมานี่แหวกแนวมาก เพราะเขาเอาโฆษณามาผสมกับเกม Street Fighter II ด้วยนะ!! นี่เป็นโฆษณารถ Toyota รุ่น CH-R จากญี่ปุ่น ที่จับมือกับ Capcom บริษัทผู้ผลิตเกมชื่อดัง โดยการสร้างรถแบบ 64 บิตขึ้นมาในเกมแล้วให้ตัวเอกอย่าง “ริว” (คนละคนกับจิตสัมผัส) ขับมันออกไปตะลุยตามด่านต่างๆ ก่อนที่โฆษณาจะดำเนินไปถึงฉากสุดท้ายที่ริวขับรถของเขาไปต่อสู้กับเวก้า หนึ่งในตัวละคร Street Fighter II แถมยังมีการกระโดดและปล่อยพลังกันด้วย… ออกผจญภัยไปกับริวและรถของเขาในคลิปโฆษณากันได้เลย . ฉากต่อสู้ระหว่างรถ Toyota และเวก้า ย๊ากกก!!! นี่ดูจะเป็นโฆษณาที่เข้าถึงผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่มากทีเดียว แถมยังมีความเห็นชื่นชมอีเพียบ VIDEOGAME “โฆษณายอดเยี่ยมสุดๆ” Cartoon Hero “โฆษณาภาคต่อทีเถอะขอร้อง” Tom Noko “ถ้าซื้อแล้วจะแถมริวด้วยไหม?” Simbaba A…
-
สาวไปลองเสื้อใน 11 ห้องของเสื้อแบรนด์ดัง พบความแตกต่าง และเทคนิคการตลาดที่แฝงไว้!?
ปกติแล้วเวลาที่เราไปเลือกซื้อเสื้อผ้า สถานที่หนึ่งในร้านที่เราจะใช้เวลาอยู่นานพอๆ กับตอนเลือกเสื้อผ้านั่นก็คือ “ห้องลองเสื้อ” แถมสถานที่แห่งนี้เป็นจุดที่ตัดสินชะตากรรมของเสื้อผ้าที่เราเลือกมาเลยก็ว่าได้ แต่ใช่ว่าห้องลองเสื้อที่ไหนก็จะเหมือนๆ กันไปหมดเพราะความลับที่ร้านค้าไม่ได้บอกเรามันอยู่ที่เจ้าห้องนี้นั่นเอง และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดกา่รทดลองนี้ขึ้นมาโดยสาวชาวรัสเซียคนหนึ่ง เธอคนนี้ชื่อว่า Inna ซึ่งเธอเกิดความสงสัยในห้องแห่งความลับเหล่านี้เธอจึงตัดสินใจที่จะหาความจริงโดยการถ่ายภาพเซลฟี่ของตัวเองจากกระจกที่บ้าน แล้วไปเปรียบเทียบกับกระจกในห้องลองเสื้อของร้านค้าชั้นนำที่ต่างๆ ในเสื้อผ้าหน้าผมแบบเดิมตลอด คราวนี้และเราจะรู้แล้วว่าในห้องนี้มันมีความลับอะไรอยู่ เราถึงตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าได้ง่ายๆ หลังจากลองในห้องพวกนี้ เริ่มต้นด้วยภาพจากกระจกบ้านของเธอ Promod สำหรับห้องลองเสื้อที่นี้จะดูมีผ้ากั้นข้างหลังเป็นสีแดง พร้อมกับแสงที่ดูแแล้วทำให้ใบหน้าดูสดใสและหุ่นของเธอดูเพรียวขึ้นมากๆ H&M สำหรับ H&M เธอได้บอกไว้ว่าห้องลองเสื้อที่นี้กว้างมากๆ และกระจกก็ดูสดใสแต่ไม่ดีมากเท่าที่ Promod แต่ก็อยู่ในระดับที่โอเคเลยล่ะ Sela เธอบอกว่าเธอชอบห้องลองเสื้อของ Sela มากๆ ถึงขนาดที่บอกว่ามาอาศัยอยู่ในนี้ได้เลย แถมตัวกระจกและแสงก็ทำให้เธอดูเด็กลงอีกด้วย Mango เธอบอกว่าแสงที่นี้ไม่ได้สว่างมาก แถมยังทำให้รู้สึกสบายตาด้วยแสงที่พอดีๆ จนทำให้เธอรู้สึกอยากจะซื้อใหม่ขึ้นมาทันที Ostin สำหรับห้องลองเสื้อของ Ostin ที่ใช้ผ้าข้างหลังเป็นสีดำสนิท มันทำให้ห้องดูมืดและแสงก็ทำให้สีของผ้าจำพวกสีดำดูกลืนและไม่สวยทันที Zara เธอบอกว่าห้องลองเสื้อของที่นี้มันฝันร้ายชัดๆ ทั้งแสงที่ทำให้หน้าของเธอดูมืดและโทรมยังมาพร้อมกับห้องที่แคบแถมยังมีเสื้อที่กำลังลดราคาวางอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย New Yorker…
-
ชาวเน็ตร่วมลงชื่อเรียกร้อง ลงโทษหนุ่มตุรกีตัดหูหมาถ่ายรูป แต่โดนปรับแค่ 1,000 ดอลลาร์
มักจะมีข่าวคราวการทำร้ายสัตว์ออกมาให้เห็นกันเป็นประจำ และไม่มีทีท่าว่าจะหายไปจากพฤติกรรมของมนุษย์เสียที เพราะในโลกนี้มีทั้งคนรักเอ็นดูสัตว์ และคนที่เกลียดสัตว์เช่นเดียวกัน ในกรณีล่าสุดนี้แทบจะทำให้เหล่าคนรักสัตว์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยทีเดียว เมื่อสองหนุ่มจากประเทศตุรกี Hasan Kuzu และ Neşet Yaman กระทำในสิ่งที่โหดร้ายต่อสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัข… จากสาเหตุที่ทั้งสองกระทำการดังกล่าวต่อสุนัขตัวนี้ เนื่องมาจากพวกเขาพาเจ้าสุนัขลงแข่งในการต่อสู้สุนัข แต่ทว่ามันไม่อาจทำได้ดั่งที่ใจพวกเขาต้องการ ก็เลยทำการลงโทษมันด้วยการตัดใบหูทั้งสองข้างของมันทิ้งอย่างไร้ปราณี หลังจากที่ภาพของสุนัขและสองหนุ่มตุรกีถูกเผยแพร่ออกไปบนโลกออนไลน์ ชาวเน็ตที่เห็นต่างก็รู้สึกแย่ต่อการกระทำอันโหดร้ายนี้ จนในที่สุดทางตำรวจเมือง Isparta ของตุรกีก็ได้ทำการจับกุมทั้งสองเป็นที่เรียบร้อย แต่ทว่าเรื่องมันดูจะลงเอยง่ายไปหน่อย เพราะทั้งสองถูกเรียกค่าปรับเป็นจำนวนเงินเพียง 1,000 ดอลลาร์ (35,000 บาท) ไม่มีการจำคุกใดๆ ทั้งสิ้น แค่จ่ายค่าปรับและลอยตัวออกไปได้ทันที บาดแผลบนใบหูของน้องหมาก็ไม่หาย และบาดแผลที่เกิดขึ้นในใจคนรักสัตว์ก็เช่นกัน ดังนั้นจึงถือกำเนิดการรณรงค์ผ่านเว็บไซต์ Change ขึ้นมา เพื่อให้ผู้คนได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวที่ว่าทั้งสองคนนี้ไม่ได้รับบทลงโทษที่สาสม!! ตอนนี้มีผู้เข้าร่วมลงชื่อกว่า 200,000 รายแล้ว แต่ยังไม่ถึงเป้าหมายที่ 300,000 ราย หากใครต้องการเรียกคืนความยุติธรรมให้น้องหมาก็สามารถเข้าร่วมลงรายชื่อได้ ที่นี่ เลยครับ ด้วยเหตุผลที่ว่าสุนัขไม่ใช่เป็นเพียงของเล่น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความบันเทิงของใครทั้งนั้น มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความนึกคิดและความรู้สึกเหมือนกับเรา…
-
สามีโร่ฟ้องหย่าภรรยา… เพราะถูกบังคับให้ ‘เลียน้องจิมมี่’ ในช่วงมีประจำเดือน!?
Idongesit Etuk วัย 38 ปี ได้กล่าวหาภรรยาของตัวเองวัย 40 ปี ว่าเธอพยายามที่จะบังคับให้เขาดื่มเลือดของเธอเข้าไป อีกทั้งยังบอกว่าเธอกำลังนับถือลัทธิอะไรบางอย่าง ที่ส่งผลถึงรสนิยมเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ของเธอ เข้าได้ให้การในชั้นศาลว่า “ภรรยาของผมถูกปิศาจเข้าสิง เป็นเวลากว่าหลายปี เธอมักจะยืนกรานที่จะมีเซ็กส์ในช่วงที่เธอมีประจำเดือน” “ในตอนแรกผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก เพราะว่าเธอคือภรรยาของผม และผมก็ได้สาบานไว้แล้วว่าผมจะรักเธอ” “แต่เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่ เพราะเธอมักจะบังคับให้ผมทำออรัลเซ็กส์ให้ขณะที่มีประจำเดือน” “ในตอนแรก ผมก็ให้การปฏิเสธไปแต่เธอขู่ว่าเธอจะหย่ากับผมพร้อมกับพาลูกอีก 2 คนไปอยู่ด้วย ถ้าผมไม่ยอมทำตามที่เธอต้องการ” ทางฝั่งภรรยาก็ได้ให้การปฏิเสธว่าเธอไม่เคยบังคับเขาเลย แต่แค่ขอให้เขาทำให้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น “ฉันไม่ได้บังคับเขา ฉันขอให้เขาทำเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และเมื่อเขาไม่ยอมทำให้ ฉันก็ไม่เคยรบเร้าเขาอีกเลย” “ฉันยังคงรักสามีของฉันอยู่ และฉันไม่สามารถอยู่ได้ถ้าไม่มีเขา ลูกของฉันเองก็ไม่สามารถอยู่ได้โดยที่ไม่มีพ่อ เพราะอายุของพวกเขายังน้อยอยู่” ทางผู้พิพากษา Phillip Williams ได้ตัดสินว่าชีวิตคู่ของทั้งคู่นั้นไม่สามารถดำเนินต่อไปได้แล้ว เพราะชีวิตของนาย Idongesit นั้นถูกคุกคาม เขาจึงตัดสินให้ทั้งคู่หย่ากัน ส่วนในเรื่องของลูกๆ ก็จะอยู่ในการดูแลของภรรยา ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดูแลลูกสามีต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งเขาเองก็มีอิสระที่จะเข้าพบลูกๆ ด้วยเช่นกัน เรื่องรสนิยมเกี่ยวกับการมีเซ็กส์นี่ก็ส่งผลต่อชีวิตรักเหมือนกันนะเนี่ย ที่มา…
-
ภาพอุทาหรณ์ ‘อุบัติเหตุที่เกิดจากบันไดเลื่อน’ อย่าประมาททุกก้าวเวลาใช้งานพวกมัน!!
เมื่อเราไปห้างหรือไปตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารเรียน ห้างสรรพสินค้า หรือสนามบิน สิ่งที่ต้องเจออยู่เป็นประจำก็คือ ‘บันไดเลื่อน’ และหลายๆ ครั้งที่เราได้เห็นข่าวอุบัติเหตุจากบันไดเลื่อนในข่าวจนทำให้เกิดการสูญเสียมากมาย บางเหตุการณ์ก็ถึงกับมีผู้เสียชีวิตเลยทีเดียว และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมภาพที่เกิดจากอุบัติเหตุบนบันไดเลื่อน ว่าถ้าหากเราประมาทหรือไม่มีสติแล้วไปใช้งานบันไดเลื่อน จะน่ากลัวขนาดไหน รูนี้มันมาได้อย่างไร!?? ใช้บันไดเลื่อน กรุณาอย่าประมาทเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นปลายนิ้วเท้าของคุณอาจจะหายไป ขนาดรองเท้าผ้าใบยังมีสภาพเละเทะขนาดนั้น แล้วรองเท้าแตะจะไปเหลืออะไร . . ถ้าถอดรองเท้าไม่ทันคงได้ถอดเท้าจริงๆ แทนแล้วล่ะ ส้นสูงเองก็ต้องระมัดระวังด้วยนะจ๊ะ เหมือนถูกปลาฉลาม หรือสัตว์ที่มีฟันแหลมคมกระชากไปยังไงยังงั้นเลย ขึ้นบันไดเลื่อนต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา . . แม้แต่สายรองเท้าที่ว่าแข็งแรงยังขาดกระจุยกระจายไม่เหลือชิ้นดี ยับยู่ยี่เหมือนกับกระดาศทิชชู่ . . นี่มันหายนะชัดๆ แหม่ หลังจากชมภาพเหล่านี้แล้วขอให้เพื่อนๆ ทุกคนจำไว้ให้ขึ้นใจเลยนะว่าทุกครั้งที่ใช้งานบันไดเลื่อน จะต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา มิเช่นนั้นอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ที่มา :…
-
รู้จักกับ 13 วิธีการ ‘สวัสดี’ ที่แตกต่างออกไป ตามแบบประเพณีของแต่ละประเทศทั่วโลก!!
ถ้าพูดถึงเรื่องการกล่าว ‘สวัสดี’ แน่นอนว่าสำหรับไทยเราก็มีวิธีการยกมือไหว้ผู้ที่อาวุโสกว่า ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งในประเพณีของไทยที่ทรงคุณค่า และเป็นที่น่าสนใจจากชาวต่างชาติ ทว่านอกเหนือจากประเทศไทยเรา ที่อื่นๆ เขาก็มีวิธีการทักทายกันตามแบบประเพณีที่แตกต่างกันออกไป และวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 13 วิธีการ ‘สวัสดี’ จากแต่ละประเทศทั่วโลก ไปชมกันเลย… 1. ฟิลิปปินส์ ที่ฟิลิปปินส์ก็มีวัฒนธรรมการทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ ใกล้เคียงกับไทยเราอยู่เหมือนกัน ของเขาจะเรียกว่า ‘Mano’ โดยการกุมมือของผู้ใหญ่ แล้วเอาหน้าผากลงไปแตะ 2. ญี่ปุ่น เชื่อว่าทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ที่ญี่ปุ่นจะใช้วิธีการเคารพด้วยการโค้งคำนับ โดยระดับองศา และระยะเวลาในการโค้งคำนับ จะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ 3. อินเดีย ที่อินเดียผู้คนจะทักทายกันด้วยการกล่าวคำว่า ‘นมัสเต’ พร้อมกับพนมมือไว้บนอก คล้ายกับของไทยเราเลย 4. ฝรั่งเศส การทักทายสไตล์ฝรั่งเศส อาจจะทำให้หนุ่มๆ หลายคนในบ้านเราอยากจะหันมาใช้วิธีนี้แทน เพราะที่ฝรั่งเศสผู้คนจะทักทายกันด้วยการหอมแก้มของกันและกัน น่ารักดีเนาะ 5. นิวซีแลนด์ ชนพื้นเมืองในนิวซีแลนด์ (เผ่าเมารี) มีวัฒนธรรมการทักทายที่เรียกว่า ‘hongi’ ด้วยคนสองคนจะเอาจมูก และหน้าผากมาชนกันแบบในภาพนี้… …
-
สาวน้อยกลับมาหยิบจับสิ่งของได้อีกครั้ง กลุ่มคนใจดีสร้าง “แขนเทียม Iron Man” ให้เธอ
บางครั้งฮีโร่ ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ผ้าคลุม หรือมีพลังวิเศษเสมอไป… เด็กสาวชาวออสเตรเลียวัย 10 ขวบ ที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติทางร่างกายทำให้แขนข้างขวาของเธอไม่เจริญเติบโตเหมือนกับคนปกติทั่วไป แต่แล้วฮีโร่ก็ได้ยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือ ทีม UnLimbited ได้ทำการสร้างแขนเทียม Iron Man ขึ้นมา และนำมาเซอร์ไพรส์มอบให้กับหนูน้อย โดยเจ้าแขนเทียมนี้จะมีกลไกพิเศษอยู่ ทำให้เธอสามารถบังคับให้มันหยิบจับสิ่งของได้ดั่งใจ เพียงแค่เอ่ยปากสั่งการเท่านั้นเอง!! ทีม UnLimbited ได้ทำการสร้างเจ้าแขนกลอัจฉริยะนี้ขึ้นมาด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ จากนั้นก็ใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเข้าไป ทำให้มันสามารถเคลื่อนไหวได้ ไม่เหมือนกับแขนเทียมทั่วๆ ไป แน่นอนว่าเธอชอบมันมากๆ และที่สำคัญ พวกเขาทำมันโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น!! การกระทำของพวกเขาทำให้เขาถูกขนานนามว่าเป็นฮีโร่ในโลกแห่งความจริง ไปชมคลิปความน่ารักของหนูน้อยขณะที่ถูกเซอร์ไพรส์ด้วยแขนเทียมไอรอนแมนกันเลยดีกว่า ขอบอกเลยว่าปลื้มปริ่มสุดๆ ทีม UnLimbited นั้นก่อตั้งขึ้นมาโดยนาย Drew Murray และ นาย Stephen Davies อาสาสมัครชาวอังกฤษ โดยเป้าหมายของทีมนี้ก็คือการสร้างอุปกรณ์ชนิดต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเหล่าผู้ป่วยที่ต้องการ หรือผู้พิการ โดยไม่หวังผลตอบแทน…
-
ประเพณี ‘ชนสุนัข’ ในอัฟกานิสถาน เป็นความบันเทิงหรือการทารุณกรรมสัตว์กันแน่!?
มีประเพณีอันแสนโหดร้ายที่น่าจะถูกล้มเลิกไปตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ในประเทศอัฟกานิสถาน… ก่อหน้านี้ทางกลุ่มตาลีบันได้ทำการประกาศแบนกีฬา ‘ต่อสู้สุนัข’ ไปแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เกี่ยวข้องกับหลักคำสอนของอิสลาม แต่ในปัจจุบันถูกนำกลับมาจัดการแข่งขันอีกครั้งแล้ว เจ้าของสุนัขหลากหลายคนต่างก็พาสุนัขของตัวเองมาเข้าร่วมการต่อสู้เป็นประจำทุกสัปดาห์ในเขต Paghman เมือง Kabul โดยที่แมตช์คู่เดือดจะจัดขึ้นในช่วงวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันหยุดพักผ่อนของประเทศอัฟกานิสถาน เจ้าหมาขนาดใหญ่หลายตัวจะต้องมาต่อสู้ห้ำหั่นกัน ซึ่งการแข่งขันจะจบลงเมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมวิ่งหนีไป หรือถูกทำให้หมดสภาพ แม้ไม่ถึงกับเสียชีวิต แต่ทำให้ได้รับแผลฉกรรจ์จากการต่อสู้ ฤดูการต่อสู้นั้นจะมีขึ้นในช่วงเดือน พฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม เพราะพวกเขาเชื่อว่าบาดแผลของสุนัขนั้นจะหายได้เร็วกว่าในอากาศหนาว ในการแข่งขันจะมีกรรมการที่คอยจับตาดูและตัดสิน ขณะเดียวกันก็จะมีผู้คนยืนล้อมรอบเป็นวงกลมกลายเป็นสังเวียน ส่วนเจ้าของของสุนัขก็จะอยู่ข้างในวงเพื่อสั่งให้สุนัขสู้กัน สายพันธุ์ที่ผู้คนนำมาเข้าร่วมมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Mastiffs และ Afghan ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความตัวใหญ่และความดุดันอยู่แล้ว ซึ่งผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัลเป็นการตอบเป็นมูลค่ามากกว่า 100,000 บาทเลยทีเดียว แล้วเพื่อนๆ ชาวเหมียวมีความคิดเห็นอย่างไรกับกีฬานี้บ้าง? คิดว่าโหดร้ายป่าเถื่อนหรือไม่? หรือมองว่ามันเป็นแค่กีฬา ก็สามารถแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้เลยนะจ๊ะ ที่มา : dailymail
-
เรื่องจิมมี่ไว้ใจผม… ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดจิ๊มิ๊มากกว่า 400 คน คงไม่มีใครรู้ดีเท่าเค้าอีกแล้วล่ะ!!
ขอออกตัวก่อนเลยว่าพวกเราไม่ได้เป็นเหมียวลามกจริงจริ๊งงง และเรื่องที่เราเอามานำเสนอนี้เชื่อว่าอาจจะทำให้ผู้หญิงหลายคน หันมาสนใจดูแลสุขภาพจิ๊มิ๊กันมากยิ่งขึ้น… เพราะเราจะพาไปรู้จักกับ Dr. Amir Marashi ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจิ๊มิ๊ สิ่งที่เค้าทำเป็นประจำทุกวันนั่นก็คือการผ่าตัดศัลยกรรมน้องสาว ให้ออกมาดูสวยงามราวกับว่าไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน อู้ววหูววว!! เรื่องจิ๋มไว้ใจผม!! ผลงานที่ผ่านมาของเค้าไม่มากไม่มายเท่าไหร่ มีหญิงสาวเข้ามาใช้บริการปีละประมาณ 80 – 100 คนเอ๊งง ซึ่งคุณหมอเค้าสามารถจัดการกับทุกปัญหาที่คุณผู้หญิงต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาด รูปทรง หรือแม้แต่สี อะไรที่ทำให้สาวๆ รู้สึกไม่มั่นใจคุณหมอคนนี้ช่วยได้หมดแหละ ชื่อเสียงของเขาโด่งดังมากในวงการจิ๊มิ๊แห่งนิวยอร์ก ถึงกับถูกขนานนามว่าเป็น ‘Vagina Whisperer’ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านจิ๋มนั่นเอง ‘แต่ละคนก็จะมีความต้องการที่ไม่เหมือนกันครับ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาต้องการความมั่นใจ และรู้สึกดีกับจิ๊มิ๊ของตัวเองมากกว่าเดิมอีกครั้ง มีคนไข้หลายคนที่ให้ฟีดแบ็คกลับมาว่าพวกเธอรู้สึกสำเร็จความใคร่ได้สุดยอดกว่าเดิม หรือบางคนก็บอกว่าพวกเธอรู้สึกมั่นใจเรื่องบนเตียงมากขึ้น’ คุณหมอเล่า นอกจากเรื่องของความสวยความงามแล้ว คุณหมอยังสามารถรักษาอาการผิดปกติของบริเวณนั้นได้ด้วยเช่นกัน โดยคุณหมอได้เล่าว่า เคยมีอยู่เคสหนึ่งที่คนไข้พบกับภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และสุดท้ายก็เป็นหน้าที่ของคนหมอที่สามารถรักษา และทำให้หญิงสาวคนนั้นกลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้ง คุณหมอได้เล่าว่าปัจจุบันเทรนด์การหันมาดูแลจิ๊มิ๊ของสาวๆ ในนิวยอร์ก กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ อาจกล่าวได้ว่าเป็นกระแสหนึ่งที่กำลังมาแรงสุดๆ ‘ที่ผ่านมามีดาราเซเล็บฯ คนดังมากมายมาใช้บริการกับผม มันไม่ใช่แค่เรื่องอย่างว่าเท่านั้นหรอกนะครับ เพราะบางทีรูปทรงจิ๊มิ๊ของพวกเธอ ก็ทำให้พวกเธอรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อใส่กางเกงรัดรูป…
-
Mark Zuckerberg แนะพ่อแม่รุ่นใหม่สอนลูกเล่นเกม เพราะมันอาจเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ได้
“เกม” มักจะกลายเป็นจำเลยของสื่อและสังคมอยู่หลายครั้ง เพราะเนื่องจากเป็นสื่อบันเทิงที่เด็กและวัยรุ่นให้ความสนใจมากจนบางครั้งแบ่งเวลาไม่ถูก บางคนก่ออาชญากรรมและโทษว่าทำตามสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากเกม ทำให้ผู้ใหญ่หลายต่อหลายคนมองว่าเกมเป็นสื่อขยะและไม่มีประโยชน์สำหรับเด็กไปโดยปริยาย แต่ในขณะเดียวกัน เกมก็ได้สร้างแรงบันดาลใจอย่างยิ่งใหญ่ให้กับคนบางคน จนสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบชีวิตของคนบนโลกนี้ได้อย่างสิ้นเชิง เช่น Mark Zuckerberg คือผู้ก่อตั้ง Facebook ที่พวกเราใช้งานกันทุกวัน Mark ดูจะเป็นคนที่มีแนวคิดเปิดกว้างเกี่ยวกับเรื่องการเล่นเกมมาก เพราะเขาเองก็เติบโตมากับการเล่นเกมเหมือนกัน และเขายังแนะนำให้พ่อแม่รุ่นใหม่สอนลูกเล่นเกมอีกด้วย ผู้ก่อตั้ง Facebook ได้ตอบคำถามในงานฉลองวันเกิดอายุครบ 31 ปี ค.ศ. 2015 กับสื่อในหลายหัวข้อ และหัวข้อเกี่ยวกับเกมก็เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเล่าไว้ว่า เขาเติบโตมาทางตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเมื่อถึงฤดูหนึ่งก็จะมีหิมะให้ปาเล่นกัน แต่ด้วยสภาพอากาศที่แย่ ทำให้พี่สาวของเขาอดเล่นปาหิมะ วันหนึ่งเขาจึงนำเอาการปาหิมะมาเป็นแรงบันดาลใจสร้างเกมปาหิมะบนคอมพิวเตอร์ “มันเป็นเกมที่ห่วยมาก” Mark กล่าว แต่นั่นก็เป็นแรงบันดาลใจเล็กๆ ที่ทำให้เขาสนใจการเขียนโปรแกรมต่างๆ เลยมาจนถึงการสร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างที่เราเห็น และในแง่ของการเล่นเกม ส่วนตัว Mark มองว่าการเล่นเกมเป็นประตูไปสู่การเขียนโปรแกรม หรือทำให้เราอยากต่อยอดมันในแนวทางอื่นๆ “ผมคิดว่าสิ่งรอบๆ ตัวเด็กที่กำลังเติบโตเหล่านี้ เช่นการสร้างเกมและเล่นเกม มันเป็นสิ่งสำคัญมากอย่างหนึ่ง” “เพราะผมคิดว่านี่คือวิธีหนึ่งที่เด็กๆ จะได้เขียนโปรแกรมเป็น…
-
ครอบครัวพาหมาไป ‘ศัลยกรรม’ เพราะอยากให้หูของมันคล้าย Milo ในเรื่อง The Mask
ครอบครัวหนึ่งกำลังถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักหลังจากที่พาหมาของตัวเองไปผ่าตัดศัลยกรรม เพราะพวกเขาไม่ชอบรูปแบบลักษณะหูของมัน สัตวแพทย์ถูกขอให้ผ่าตัดศัลยกรรมหูของเจ้าหมาพันธุ์ Jack Russell ให้ต่ำลงมา เพราะพวกเขาอยากให้มันมีหน้าตาเหมือนกันกับเจ้า Milo หมาจากหนังเรื่อง The Mask เจ้า Milo จากเรื่อง The Mask Marina Esmat หญิงวัย 37 ปี จากรัสเซีย ได้นำลูกหมาตัวนี้มามอบให้กับลูกชายในของขวัญวันเกิด และภายหลังก็พบว่าเมื่อมันโตขึ้นหูของมันยิ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ทางครอบครัวได้ใช้ทั้งอุปกรณ์ถ่วง และกาว เพื่อพยายามทำให้ตำแหน่งหูของมันลดต่ำลงมา แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะพามันไปผ่าตัดศัลยกรรม แต่คุณหมอได้ห้ามพวกเขาเอาไว้ พร้อมกับแนะนำว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่ทางครอบครัวก็ยังดื้อด้านเพราะพวกเขาเชื่อว่าหากทำศัลยกรรมเสร็จแล้วมันจะต้องดูสวยงามมากกว่าเดิมแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าหน้าที่ Andrey Mezin ก็ยืนกรานที่จะปฏิเสธการผ่าตัดให้อยู่ดี เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น!! อันที่จริงแล้วเจ้าของสุนัขต้องการที่จะพาหมาของตัวเองไปประกวด และรูปแบบของหมาสายพันธุ์นี้ก็จะถูกตั้งเงื่อนไขไว้โดยคณะกรรมการ ซึ่งเจ้าหมาของพวกเขาเองก็มีรูปแบบตรงตามที่ตั้งไว้ตรงทุกประการ ยกเว้นแค่หูของมันเท่านั้น… ทำให้พวกเขาไม่ได้รับชัยชนะกลับมา และไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย… หลังจากที่เรื่องราวนี้ถูกโพสต์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทำให้เหลายๆ…
-
หนุ่มทำลายสถิติโลก อัดคลิปตัวเองนั่ง ‘คลิ๊กเมาส์’ 1 ล้านครั้ง ใช้เวลา 17 ชั่วโมงครึ่ง!!
ก็อย่างที่รู้กันดีว่าบนโลกของเรานั้นมีคนว่างๆ อยู่มากมาย เช่นกันกับพ่อหนุ่มยูทูบเบอร์รายนี้ ที่ดูแล้วเหมือนจะเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ ก็เลยมานั่งอัดคลิปคลิ๊กเมาส์โชว์ให้ครบ 1 ล้านครั้ง สร้างสถิติโลกซะเลย!! เรื่องมีอยู่ว่าแชแนลยูทูบ Tocen ได้ทำการอัพคลิปของตัวเองที่ทำการคลิ๊กเมาส์เป็นจำนวนกว่า 1 ล้านครั้งที่มีความยาวมากกว่า 17 ชั่วโมง 31 นาที 21 วินาที และกลายเป็นการสร้างสถิติโลกการคลิ๊กเมาส์ 1 ล้านครั้งอีกด้วย!! ทำเวลาไปทั้งหมด 17 ชั่วโมง 27 นาที กับอีก 7 วินาที ทางเจ้าตัวได้กล่าวหลังจากที่ได้ทำคลิปไปว่า “การคลิ๊กเมาส์เพื่อทำสถิติโลกนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายและยากมากๆ และมันเป็นเรื่องน่ากลัวที่ผมเคยได้ทำในชีวิตของผม การนั่งอยู่เฉยๆ กับการคลิ๊กเมาส์กว่า 700,000 ครั้ง โดยที่ไม่ได้ทำอะไรทำให้ผมรู้สึกอยากถอดใจ แต่จังหวะของการคลิ๊กเมาส์มันทำให้ผมแน่วแน่ และรู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่” “ผมไม่ได้หวังว่าจะให้ใครมาทำแบบที่ผมทำ ผมรู้สึกภูมิใจกับประสบการณ์ที่ได้รับ แม้ว่าหลายๆ คนอาจจะบอกว่าผมไม่ได้สร้างความสำเร็จอะไรเลย แม้แต่ตัวของผมเองก็ยังคิดอยู่ว่ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่!? แต่พอทุกอย่างเสร็จสิ้นไปแล้ว มันก็ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจ” นอกจากนี้พี่ Tocen ยังบอกอีกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากแชแนลยูทูบ MrBeast ที่ทำการนั่งนับเลขตั้งแต่…
-
เจ้าเหมียว Boss ผู้เป็นใหญ่ พอถูกช่วยเหลือมาปุ๊บ ก็ยึดอำนาจและไหล่ของทาสซะ!!
เจ้าเหมียวตัวหนึ่งโผล่มาจากแหล่งที่อยู่อาศัยของแมวจรจัด เพื่อขออาหารจากชายหนุ่มในทุกๆ วัน หลังจากที่ความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่มาถึง จากนั้นมันก็เข้ามาครอบงำและขโมยหัวใจและไหล่ของเขาไปซะเลย!! ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเจ้าเหมียว Boss เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อนาย John Sibley หน่วยกู้ชีพช่วยเหลือสัตว์ ได้ไปทำงานที่แหล่งที่อยู่อาศัยของแมวจรจัด เพื่อดำเนินการช่วยเหลือพวกมัน ในตอนแรกทีมงานคาดไว้ว่าพวกมันน่าจะมีราวๆ 5 ตัว แต่ที่ไหนได้พวกมันมีมากกว่านั้น “ในทุกๆ อาทิตย์ที่พวกเราไปวางกับดักเพื่อจับพวกมัน จู่ๆ ก็มีเจ้าเหมียวตัวหนึ่งโผล่หน้ามาหาผม จากนั้นก็เดินตามไปเรื่อยๆ ราวกับเป็นเจ้าหมาตัวหนึ่งเลยล่ะ” คุณ John เล่า ทุกๆ ครั้งพวกเขาจะไปพร้อมกับรถขนปลา และดูเหมือนว่าเจ้าเหมียวตัวนั้นจะสนใจแต่รถบรรทุกอาหาร เพราะดูเหมือนว่ามันจะเห็นแก่กินมากๆ เลยล่ะ หลายๆ ครั้งที่ John ใช้เจ้าเหมียวตัวนั้นเป็นเหยื่อ เพื่อล่อให้แมวตัวอื่นๆ รู้สึกสบายใจและกล้าที่จะเดินเข้ามาทานอาหาร จากนั้นก็จะวางกับดักไว้บริเวณนั้น แต่กลับกลายเป็นว่า เจ้าเหมียวตัวนั้นฟาดซะเรียบ!! จนในที่สุด John ก็ตัดสินใจที่จะพามันกลับไปด้วย “เราจับมันมาด้วย และตัดสินใจว่ามันจะไม่ต้องกลับไปใช้ชีวิตอย่างอดอยากที่ข้างถนนอีกต่อไปแล้ว” John พาเจ้า Boss เหมียวจอมเห็นแก่กินไปอยู่ที่บ้านด้วย พร้อมกับให้การรักษาเพื่อทำให้ร่างกายของมันกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง แม้จะมีอาการเจ็บป่วยอยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความอยากอาหารของมันลดน้อยลงแต่อย่างใด “มันอยู่ที่บ้านของผมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา…
-
หนุ่มหล่อ Ashton Kutcher ผู้ก่อตั้งองค์กรต่อต้านค้ามนุษย์ ช่วยเหลือมาแล้วกว่า 2,000 ราย
สำหรับแฟนๆ หนังของ Hollywood แล้ว อาจจะมีหลายๆ คน คุ้นหน้าคุ้นตากับพ่อหนุ่ม Ashton Kutcher กันมาบ้างแล้ว แม้ว่าจะไม่ค่อยมีผลงานการแสดงในหนังเรื่องดังๆ มากมาย แต่ถึงอย่างนั้นความหล่อของพี่แกก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป… เพราะนอกจากจะการันตีเรื่องความหล่อที่หน้าตาด้วยการเป็นดารานักแสดงให้กับ Hollywood แล้วพ่อหนุ่ม Ashton ยังมีความหล่อที่ใจอีก เพราะเขาได้ก่อตั้งองค์กรการกุศล Thorn: Digital Defenders of Children ขึ้นมาร่วมกันกับอดีตภรรยา Demi Moore เมื่อปี 2009 สร้างซอฟแวร์ขนาดเล็กเพื่อต่อต้านขบวนการค้ามนุษย์ จนถึงทุกวันนี้ เจ้าเครื่องมือดังกล่าวสามารถระบุได้ว่ามีผู้คนกว่า 6,000 ราย ที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น Ashton เองก็มีลูก 2 คน ร่วมกับภรรยาคนปัจจุบัน Mila Kunis เล่าว่า “หลายๆ ช่วงที่ผมทำงานเป็นผู้ต่อต้านการค้ามนุษย์ ผมเคยพบกับเหยื่อมามากมายทั้งในประเทศรัสเซีย ประเทศอินเดีย ประเทศเม็กซิโก เหยื่อจาก นิวยอร์ค นิวเจอร์ซีย์ และจากส่วนต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา” …
-
พ่อถ่ายภาพกับลูกสาวในธีม Beauty And The Beast เพื่อเป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์
หลายคนคงเคยเห็นภาพผลงานของคุณพ่อช่างภาพสุดเจ๋ง ที่สานฝันลูกน้อยของเขาให้กลายเป็นจริง โดยเนรมิตให้เธอกลายเป็นตัวละคร Wonder Woman กันมาแล้ว และในครั้งนี้ John Rossi สุดยอดคุณพ่อช่างภาพก็ได้กลับมาอีกครั้งกับผลงานใหม่ล่าสุด ที่ได้ทำเซอร์ไพรซ์ให้ Nellee ลูกสาวของในภาพถ่ายธีม “Beauty And The Beast” และแน่นอนว่าผลงานของเขาก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง เพราะนอกจากจะมีความงดงามราวกับอยู่ในเทพนิยายแล้ว ยังดูสมจริงเหมือนในภาพยนตร์ และการ์ตูนอีกด้วย สำหรับช่างภาพมืออาชีพอย่างคุณพ่อ John เขามักจะชื่นชอบการถ่ายภาพของลูกสาวในวันหยุดอยู่เสมอ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้สร้างสรรค์ผลงานเจ๋งๆ ออกมาแล้วมากมาย ทั้งเปลี่ยนลูกสาวให้กลายเป็นหนูน้อยหมวกแดง รวมไปถึง Wonder Woman และล่าสุดเขาก็ได้เนรมิตให้ Nellee ได้กลายเป็นเจ้าหญิง Belle ใน Beauty And The Beast ก่อนที่ภาพยนตร์จะเข้าฉาย และเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ให้กับเธอ ซึ่งก็ทำให้ Nellee รู้สึกตื่นเต้น และดีใจเป็นอย่างมาก หนูน้อย Nellee ในชุดเจ้าหญิง Belle จากผลงานของดีไซเนอร์ระดับมืออาชีพอย่าง…
-
Diandra Forrest นางแบบผิวเผือกชาวแอฟริกัน-อเมริกัน เปิดมิติใหม่ของ “ความงดงาม”
เป็นที่ทราบกันดีว่า คำว่าแอฟริกันอเมริกันย่อมหมายถึงคนที่มีผิวสีดำ ซึ่งมีบรรพบุรุษจากทวีปแอฟริกา แต่จะเป็นอย่างไรหากชาวแอฟริกันอเมริกันคนนั้น มีลักษณะผิวเผือกด้วย?!?! จะงดงามขนาดไหน เราไปชมกันเลย หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่า Diandra Forrest เธอมีเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันซึ่งควรจะมีผิวสีดำ แต่เธอบังเอิญมีอาการผิวเผือก ทำให้เธอมีผิวสีนม และมีผมสีทอง ซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยากเป็นอย่างมาก ลักษณะผิวเผือกจะมีโอกาสเกิดขึ้นประมาณ 1 ใน 17,000 ซึ่งอาการดังกล่าวเกี่ยวของกับพันธุกรรมของผู้ป่วย และแน่นอนว่าด้วยลักษณะที่โดดเด่นเช่นนี้ ทำให้ Forest กลายเป็นเป้าการแกล้งในสมัยเด็ก “ฉันมักรู้สึกแปลกยากอยู่เสมอตอนเด็กๆ พี่ชายของฉันก็มีลักษณะผิวเผือกเช่นกัน เวลาไปไหนก็ตามไม่ว่าจะโรงเรียน หรือบนรถไฟ ก็จะมีคนจ้องมองฉันกับพี่ แล้วก็หัวเราะ ซึ่งฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไม” Forest กล่าว ภายหลังเมื่อเธอเติบโต เธอก็ค่อยๆ มั่นใจในตัวเองมากขึ้นจนไม่สนใจผู้ที่หัวเราะเยาะเธอ เธอค่อยๆ พัฒนาตนเองจนกลายเป็นนางแบบชื่อดังคนหนึ่งในวงการ ตอนนี้เธอได้เข้าร่วมแคมเปญกับนิตยสารแฟชั่น เพื่อแสดงให้เห็นว่า ทุกคนมีความงดงามในตนเอง โดยเฉพาะคนที่มีลักษณะผิวเผือก และอย่าให้สังคมมาตัดสินได้ว่าคุณงดงามหรือไม่งดงาม “ลองนึกภาพว่า ถ้าฉันตอนเด็กๆ มีผู้ใหญ่ผิวเผือกคนหนึ่งมาเป็นแบบอย่างให้ว่าพวกเขาจะเติบโตมาเป็นแบบไหน ฉันคงจะมีกำลังใจในการใช้ชีวิตในสังคมต่อไป และผู้ใหญ่คนนั้นก็เข้าใจด้วยว่า…
-
“The Airport Jacket” แจ็คเก็ตสุดเจ๋ง เพียงแค่เสื้อตัวเดียวยัดของขึ้นเครื่องได้เกือบหมด!!
การขึ้นเครื่องบินแม้จะสะดวกสบายและใช้เวลาน้อยกว่าการเดินทางชนิดอื่นๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า การนำสัมภาระติดตัวไปด้วยค่อนข้างจะลำบาก ด้วยข้อจำกัดทางด้านน้ำหนักและจำนวนกระเป๋า ด้วยเหตุนี้การจะเดินทางไปไหนด้วยเครื่องบิน ผู้โดยสารจะติดคิดให้ถี่ถ้วนว่าจะเอาอะไรไปบ้าง ไม่อย่างนั้นอาจได้แกะทิ้งหน้าประตูสนามบินก็เป็นได้ แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับอุปกรณ์ชนิดหนึ่ง ที่จะทำให้การแบกสัมภาระขึ้นเครื่องบินของท่านเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งขึ้นกับ “The Airport Jacket” แจ็กเก็ตดังกล่าวเป็นผลงานของ Andrew Benke และ Claire Murphy ที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือของเหล่านักท่องเที่ยวที่อยากท่องเที่ยวโดยเครื่องบิน แต่งบน้อย ไม่อยากเสียเงินซื้อกระเป๋าเพิ่ม แจ็กเก็ตตัวนี้สามารถรองรับน้ำหนักได้ 15 กิโลกรัม มีช่องเก็บของทั้งหมด 14 ช่อง ถอดแบ่งได้เป็นสามส่วน ซึ่งสามารถพับเป็นกระเป๋าถือได้ ช่องเก็บของมากมาย สวมใส่ก็ง่าย พอขึ้นไปบนเครื่อง ก็ถอดพับ เก็บสบาย มีทั้งสำหรับผู้ชาย สำหรับผู้หญิง ตอนนี้พวกเขากำลังระดมทุนกันอยู่บนเว็บไซต์ Kickstarter สนนราคาอยู่ที่ตัวละ 48 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 1,200…
-
ตากล้องฮังการี นำฟิกเกอร์มาถ่ายภาพ สร้างเรื่องราวของ “โลกตัวจิ๋ว” ที่สุดล้ำจินตนาการ
เมื่อช่วงปีก่อน Péter Csákvári ตากล้องชาวฮังการีต้องนั่งอยู่ในบ้านเปล่าๆ ปลี้ๆ ไปไหนไม่ได้ เพราะสภาพอากาศภายนอกเลวร้ายอย่างหนัก จนหลายครั้งเขาคิดว่า เขาน่าจะย้อนกลับไปเป็นเด็ก ที่สามารถนั่งเล่นของเล่นได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงสั่งฟิกเกอร์หลายตัวมาทางอินเตอร์เน็ต จากนั้นเขาก็นำฟิกเกอร์เหล่านั้น มาเซ็กฉากสร้างเรื่องราว กลายเป็น ชุดภาพ “โลกตัวจิ๋ว” อันแสนล้ำจินตนาการ “ในฐานะตากล้อง ผมโฟกัสไปที่การสร้างโลกในจินตนาการของผม ผมเรียกภาพชุดนี้ว่า ‘The Tiny Wasteland’ ซึ่งมันทำให้ผมมีอะไรทำในแก้เบื่อช่วงฤดูหนาวเลยล่ะ” Péter กล่าว CSI ปาร์ตี้ค็อกเทล คนงานบลูเบอร์รี่ ทีมงานนักเปิด ขอน้ำผึ้งหน่อย ไล่ออก ขอให้ไปสู่สุขคติ นักรวบรวมถั่ว เชฟใหญ่ ขอดูหน่อย วิศวกร แช่น้ำแข็ง โอบาม่าและภรรยา ใครชื่นชอบก็ไปกดติดตามเฟสบุ๊กของเขาได้ที่ด้านล่างเลยนะฮะ …
-
หนังสือเรียนอินเดีย สอนให้เด็กทดลอง “กล่องปิดตายขังแมว” เพื่อทดสอบสิ่งมีชีวิต
กลายเป็นประเด็นร้อนบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว หลังจากมีชาวเน็ตชาวอินเดียท่านหนึ่ง ถ่ายภาพแบบเรียนของเด็กประถมในประเทศอินเดีย ที่สอนให้นักเรียน “ฆ่าแมว” เพื่อทดสอบสิ่งมีชีวิต หนังสือเรียนดังกล่าวมีชื่อว่า Class IV เป็นหนังสือเรียนวิชาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ก็จะเกี่ยวกับโลก สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตทั่วไป แต่มีบทหนึ่งของหนังสือมีเนื้อหาว่า “การหายใจของสิ่งมีชีวิต” หนังสือบรรยายว่า “สิ่งมีชีวิตจะต้องหายใจเอาอากาศเข้าไป ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนมีชีวิตรอดถ้าไม่มีอากาศหายใจ คุณสามารถทำการทดลองได้ ด้วยการทำกล่องที่มีรูบนฝากับกล่องที่ไม่มีรูแล้วนำแมวเข้าไปใส่ ทิ้งไว้ซักพักแล้วมาเปิดดู คุณจะพบว่าว่าแมวที่อยู่ในกล่องที่ไม่มีรูจะตาย” หลังจากกระแสข่าวโด่งดังออกไป ทางโฆษกของ PP Publications สำนักพิมพ์ที่ผลิตแบบเรียนดังกล่าวได้ออกมาแถลงว่า “เราได้เรียกคืนหนังสือทั้งหมดกลับมาแล้ว และจะมีการปล่อยเวอร์ชั่นปรับปรุงออกมาในช่วงปีหน้า” ซึ่งชาวเน็ตท่านหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นว่า “คนเขียนแบบเรียนนี้ น่าจะไปอยู่ในกล่องแทนแมวนะ” และอีกความเห็นก็กล่าวว่า “นี่มันบ้าอะไรเนี่ย มีใครตรวจสอบหนังสือเล่มนี้ก่อนที่จะได้รับอนุญาตและใช้งานในโรงเรียนมั้ย จริงๆ ถามไปก็เท่านั้น คงไม่มีคนตอบหรอก” แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรบ้าง ลองแสดงความเห็นกันเข้ามานะ ที่มา odditycentral
-
งานแต่งสองสไตล์ของคู่รักจากอินเดีย ทั้งพื้นบ้านและสากล บนรากฐานแห่งความสุข…
ในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะพาเพื่อนๆ ทุกคนมาชมภาพบรรยากาศหนึ่งในงานแต่งที่สวยงาม และโรแมนติกสุดๆ ของ Karan และ Alita คู่รักจากเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ที่เพิ่งเข้าพิธีวิวาห์ไปได้ไม่นาน แต่ภาพงานแต่งงานของพวกเขากลับได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมาก… เนื่องจากพวกเขาเป็นคู่รักที่นับถือศาสนาต่างกัน ดังนั้น เมื่อถึงวันที่ได้ตัดสินใจแต่งงานกัน ทั่งคู่จึงทำการจัดงานแต่งในแบบสองสไตล์ซึ่งมีทั้งแบบฮินดู และแบบคริสเตียนซะเลย งานนี้บอกเลยว่างานแต่งของพวกเขาเต็มไปด้วยสีสันที่สวยงาม และน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ เลยทีเดียว งานแต่งงานของบ่าวเจ้าสาวคู่นี้ เต็มไปด้วยสีสัน และความสุขของผู้คนในครอบครัว และเพื่อนสนิทของพวกเขา งานแต่งงานของพวกเขาได้จัดขึ้นที่รัฐกัว ในประเทศอินเดีย ภาพของเจ้าสาวแสนสวยในชุดแต่งงานแบบอินเดีย งดงามมากๆ เลยทีเดียว . เพื่อนเจ้าสาวก็พากันจัดหนักจัดเต็มแบบไม่มีใครยอมใคร เจ้าบ่าวเดินทางมาในรถตุ๊กๆ สีทองคันเล็กตามแบบฉบับของอินเดีย . เป็นงานแต่งที่เต็มไปด้วยสีสันสดใส ผู้ที่มาร่วมงานต่างก็มีความสุขไม่แพ้คู่บ่าวสาวเลย ต่อมาเป็นช่วงของพิธีแบบคริสเตียนกันบ้าง เราจะเห็น Alita เจ้าสาวแสนสวยมาในชุดแต่งงานลายปักสีขาว . แถมยังมีการปักวันที่แต่งงานลงบนแขนเสื้ออีกด้วย ภาพของเจ้าบ่าวในชุดสูธสีฟ้าสดใสกันบ้าง…
-
หนุ่มสละรถ Tesla ราคา 3 ล้าน ช่วยชีวิตคนขับที่หมดสติ Elon ปลื้มช่วยค่าซ่อมให้ทั้งหมด!!
เจ้าของรถ Tesla โมเดล S ผู้ถูกขนานนามว่าเป็นฮีโร่ ได้เสียสละรถของเขาเพื่อช่วยเหลือคนขับรถอีกคนที่ไม่ได้สติ… Manfred Kick เจ้าของรถ Tesla S ผู้ช่วยชีวิตคนขับที่หมดสติกลางท้องถนน Manfred Kick ชายวัย 41 ปี กำลังขับรถยี่ห้อ Tesla โมเดล S ของเขาอยู่บนทางด่วนใกล้ๆ กับเมือง Munich ประเทศเยอรมนี แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นสิ่งผิดปกติเมื่อรถยี่ห้อ Volkswagen Passat เกิดเสียหลักเลี้ยวเข้าชนรั้วอยู่หลายครั้ง พอมองดูดีๆ แล้วก็พบว่าคนขับได้หมดสติไปแล้ว นาย Manfred จึงได้ตัดสินใจทำสิ่งที่กล้าหาญเพื่อช่วยชีวิตคนขับ Volkswagen ในทันที ด้วยการขับรถไปจอดขวางหน้ารถคันดังกล่าวพร้อมกับดึงเบรคมือเพื่อหยุดรถของเขาเอาไว้ จากนั้นก็แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากที่เจ้าหน้าที่มาถึงก็พบว่าคนขับรถ Volkswagen นั้นหมดสติเพราะเกิดอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ก่อนจะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทำให้ชายคนดังกล่าวรอดชีวิต การกระทำในครั้งนี้ของนาย Manfred ได้รับการกล่าวชื่นชมไปทั่วประเทศเยอรมัน ข่าวหลายสำนักต่างก็ยกย่องให้เขาเป็นฮีโร่ เพราะเขายอมเสียสละทรัพย์สินส่วนตัวโดยที่ไม่เสียดายแม้แต่น้อยเพื่อช่วยเหลือชีวิตของคนแปลกหน้า (ตามรายงานของสำนักข่าวบอกเอาไว้ว่าค่าเสียหายของรถทั้งสองคันโดยรวมแล้วเป็นมูลค่ากว่า…
-
แด่อิสรภาพ… ชุมชนในคิวบา ‘Los Frikis’ ผู้ฉีด HIV ใส่ตนเอง เพื่อหนีปัญหาความรุนแรง!!?
ถ้าพูดถึงเรื่องของเชื้อ HIV แน่นอนว่ามันเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จักกันดี เพราะเราต่างรู้ดีว่า ถ้าหากใครได้ติดเชื้อชนิดนี้เข้าไปแล้ว นอกจากภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ลดลงอย่างน่าใจหายแล้ว ยังโดนสังคมมองว่าเป็นตัวน่ารังเกียจอีกต่างหาก แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับชุมชนผู้นิยมเสพดนตรีแบบหนักหน่วง ‘Los Frikis’ จากประเทศคิวบา ชุมชนของคนที่ต้องการจะหนีปัญหาความรุนแรงอันเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ ในช่วงยุค 80s – 90s ด้วยการฉีด HIV เข้าสู่เส้นเลือดตัวเอง!! ภาพชุมชนดังกล่าวในอดีต ‘Los Frikis’ คือชุมชนที่เกิดจากการรวมตัวของคนที่มีความชื่นชอบทั้งทางด้านดนตรี วัฒนธรรมการใช้ชีวิต และการแสดงออก ที่เหมือนกับสังคมประเทศที่เปิดกว้างอย่างในสหรัฐฯ หรือยุโรป แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขาทำ คือสิ่งที่รัฐบาลเผด็จการในยุคนั้นต้องการจะปราบปรามมากที่สุด ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนที่มีปัญหากับครอบครัว ถูกสังคมมองว่าแปลกแยก หรือมีคดีติดตัว พวกเขามักจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเสพดนตรี พูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ (ถูกสั่งห้ามในยุคนั้น) และด้วยความเบื่อหน่ายจากความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ พวกเขาจึงประท้วงด้วยวิธีที่คงไม่มีใครกล้าทำตาม นั่นก็คือการเอาเลือดของเพื่อนซี้ มาฉีดเข้าสู่เส้นเลือดตัวเอง ทุกคนยอมติดเชื้อ HIV ถ้าหากมันเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้พวกเขาได้อยู่กันอย่างสันโดษ Yoandra Cardoso อดีตสมาชิกชุมชนที่ยังมีชีวิตอยู่ ในช่วงเวลานั้นเองประเทศคิวบาต้องเผชิญกับปัญหาเชื้อ HIV ระบาด มีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ป่วย…
-
ศิลปินแปลงร่าง “อักษรอาหรับ” เป็นภาพประกบตัวอักษรได้อย่างน่าสนใจ จำง่ายขึ้นเยอะเลย!!
Mahmoud El Sayed ศิลปินหนุ่มชาวอาหรับผู้ที่หลงใหลในการจัดคำเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้เริ่มสร้างสรรค์ผลงานภาพตัวอักษรอาหรับให้กลายเป็นภาพประกอบความหมายของแต่ละคำ ซึ่งมีทั้งหมดถึง 40 ภาพเลยทีเดียว และสำหรับใครที่ชื่นชอบการเรียนรู้ภาษา หรือกำลังสนใจในภาษาอาหรับก็สามารถนำไปใช้ได้นะ รับรองว่าคุณจะได้ความรู้ใหม่ๆ จากภาษาเหล่านี้อีกเพียบเลยละ 1.แมว – Qitt 2.สุนัขจิ้งจอก – Thaealab 3.วาฬ- Hout 4.หมีโคอาล่า – Koala 5.ยีราฟ – Zarafa 6.กาแฟ – Qahuwa 7.สุนัข – Kalb 8.เป็ด – Batt 9.ป้อมปราการ – Qale’a 10.แตงโม – Batikh 11.หนู – Fa’ar…
-
คู่รักทุ่มเงินกว่า 11 ล้านบาทเพื่องานวิวาห์ แต่ต้องยกเลิกไป เพราะเกิดสงครามญาติ…
การแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคู่รักเลย เพราะไหนจะต้องจัดเตรียมทั้งเรื่องชุด สถานที่ และอีกมากมาย ซึ่งถ้าหากเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว และงานก็กำลังจะเริ่มภายในอีก 1 วัน แต่ต้องถูกล้มเลิกไป มันคงทำให้คู่รักที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวรู้สึกแย่ไม่น้อย และสิ่งที่เราได้เกริ่นไปข้างต้น มันได้เกิดขึ้นกับ Bradley Moss ในวัย 32 ปี และ Amy Bzura ในวัย 27 ปี สองคู่รักจากนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้ทุ่มทุนกว่า 11 ล้านบาท ในการจัดงานแต่งงานของพวกเขา แต่สุดท้ายดันคว้าน้ำเหลวไม่เป็นท่า หลังทางญาติของฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวกลับสร้างสงครามระหว่างกันจนทำลายบรรยากาศอันแสนโรแมนติก สุดท้ายเลยทำให้งานแต่งของทั้งคู่ต้องเป็นอันยกเลิกไปซะอย่างนั้น จากการรายงานของทางเว็บไซต์ต่างประเทศระบุว่า ในวันที่ทั้งคู่ได้ฉลองมื้อค่ำก่อนที่จะถึงงานวันวิวาห์นั้น ทาง Adam ซึ่งเป็นพี่ชายของเจ้าสาวได้เปิดวีดีโอนำเสนอของ Bradley และ Amy พร้อมกับกล่าวคำอวยพรให้กับพวกเขา แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่ Adam ทำนั้น สร้างความไม่พอใจให้กับ Robert พ่อของเจ้าบ่าวเป็นอย่างมาก และยังทำให้ Michael พี่ชายของเจ้าบ่าวได้เข้าไปชกหน้าของเขา เท่านั้นยังไม่พอฝ่ายเจ้าบ่าวยังได้ขู่ที่จะไล่ Adam…
-
โรงเรียนในซิดนีย์ ให้นักเรียนลองเล่นอุปกรณ์ล้ำๆ ในอดีต เด็กยุคใหม่ถึงกับไปไม่ถูก!!
ไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะว่าเวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่สิบปี อุปกรณ์แก็ดแจ็ตสุดไฮเทคในอดีตอย่างเครื่องเล่นเทป เกมบอย หรือโทรศัพท์บ้านแบบหมุน ที่เวลาจะโทรที่ก็ต้องหมุนเลขเอา แหม่…ตอนนี้ทั้งหมดก็กลายเป็นตำนานไปซะแล้ว (นี้พวกเราแก่กันแล้วนะรู้ตัวยัง?) ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองซิดนีย์ ได้ปิ๊งไอเดียนำอุปกรณ์เก่า 3 อย่างประกอบไปด้วย เครื่องเล่นเทป เกมบอย และโทรศัพท์บ้านแบบหมุน มาให้นักเรียนทดลองใช้เพื่อดูปฏิกริยาว่าพวกเขาจะงงงวยกันขนาดไหน!!? เด็กๆ ถึงกับอึ้งเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าโทรศัพท์บ้านแบบเก่านั้น ต้องไล่หมุนเบอร์โทรทีละตัวเลข และถ้าหมุนผิดไปแค่ตัวเดียว ก็ต้องกลับมาเริ่มหมุนใหม่ทั้งหมด ทันทีที่คุณครูนำอุปกรณ์ทั้ง 3 มาให้นักเรียนได้สัมผัส ก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาทันทีว่า ‘เหมือนหนูจะเคยเห็นของพวกนี้จากพิพิธภัณฑ์ Powerhouse มาแล้วเลย’ (นี่เราแก่กันขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย!!) ซึ่งแน่นอนว่าเด็กๆ ต่างดูงงๆ กับอุปกรณ์ยอดฮิตจากยุค 90s จากนั้นคุณครูให้เด็กลองเล่นเกมบอย และดูเหมือนว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้ยังเป็นที่น่าสนใจของเด็กรุ่นใหม่อยู่บ้าง ‘มันเหมือนกับเครื่องเล่นเกมในอดีตเลย ผมรู้สึกชอบมันมากๆ และมันดูน่าสนุกกว่าเครื่องเล่นเกมทุกวันนี้ซะอีกฮะ’ นักเรียนชายคนหนึ่งกล่าว สำหรับเครื่องเล่นเทปดูเหมือนจะทำให้เด็กๆ ถึงกับไปไม่ถูกมากกว่าอุปกรณ์ชิ้นอื่นๆ นักเรียนหญิงคนหนึ่งให้ความเห็นว่า ‘หนูคิดว่าเมื่อก่อนมันก็คงทำหน้าที่เหมือน แอพฯ ฟังเพลงที่เราใช้กันในปัจจุบัน’ และหลังจากที่พวกเขาได้เห็นปกอัลบั้มเทป พร้อมเพลย์ลิสต์ ก็มีเด็กนักเรียนอีกคนหนึ่งถึงกับสงสัยว่าคนเมื่อก่อนเค้าอยู่กันได้อย่างไร ‘ผมรู้สึกสงสารคนเมื่อก่อนมากเลยครับ ถ้าพวกเขาได้ฟังแต่เพลงของไมเคิล แจ็กสัน ผ่านเจ้าเครื่องนี้ทั้งวันทั้งคืน’ นักเรียนคนหนึ่งกล่าว …
-
หนุ่มจีนใช้ส้มโอ 999 ลูก สารภาพรักสาวที่ชอบ สุดท้ายกลายเป็นแห้ว จีนมุงก็เก็บไปคนละลูก!!
กลายเป็นเรื่องราวสุดเฟลเลยทีเดียว สำหรับหนุ่มนักศึกษาจีนคนหนึ่งที่นำ “ส้มโอ” จำนวน 999 ลูกมาจัดเป็นรูปหัวใจ แล้วสารภาพรักสาวที่ชอบ สุดท้ายก็แป้กได้แห้วกลับมาแทน เดินคอตกกลับบ้านไปอย่างเหงาๆ เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ลานเอนกประสงค์ของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน เมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เมื่อนักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งได้นำส้มโอ 999 ลูก มาจัดเรียงเป็นรูปหัวใจกลางลานเอนกประสงค์ โดยส้มโอแต่ละลูกจะมีโน๊ตเขียนรูปหัวใจแปะไว้ จากนั้นเขาก็เชิญสาวคนที่เขาชอบมาที่บริเวณดังกล่าว แล้วประกาศความรักผ่านเครื่องขยายเสียง ต่อหน้าสาธารณะชนว่า “ผมชอบคุณมาตั้งแต่วันแรกที่ได้พบหน้า และผมก็อยากให้ทุกคนได้รู้ว่าผมชอบคุณ ช่วยมาเป็นแฟนผมได้รึเปล่า” หนุ่มคนดังกล่าวประกาศ แต่ดูเหมือนว่าส้มโอจะไม่ใช่ของเธอที่ชอบซักเท่าไหร่ เธอได้ปฏิเสธคำขอเป็นแฟนของหนุ่มคนนั้น และบอกว่า พวกเขาควรเป็นแค่เพื่อนกันจะดีกว่า หลังจากได้ยินคำดังนั้น หนุ่มก็ถึงกับช็อคไปเลย เมื่อหญิงสาวเดินจากไป จีนมุงที่รออยู่แถวนั้น ก็ช่วยกันเก็บส้มโอแห่งความผิดหวังกลับไป . เห็นได้ชัดเลยว่า “ส้มโอ” ควรอยู่ในลิสต์ของที่ไม่ควรนำมาขอสาวเป็นแฟนหรือขอแต่งงาน และควรใช้ รถหรู เงิน หรือ โทรศัพท์ไอโฟนแทนนะ ฮาาาาา ที่มา nextshark
-
ความจริงที่น่าเศร้าของม้ากว่า 30,000 ตัว ที่ถูกส่งไปฆ่ายังประเทศแคนาดา
นี่คือเรื่องราวอันน่าเศร้าของม้ากว่า 30,000 ตัวในสหรัฐอเมริกา ที่อาจจะทำให้คนรักสัตว์ทั้งหลายถึงกับน้ำตาไหล เพราะเจ้าม้าที่น่าสงสารเหล่านี้ แทนที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระอย่างที่มันควรจะเป็น แต่ในทุกๆ ปี พวกมันมักจะถูกมนุษย์ส่งไปขายในต่างประเทศ และถูกฆ่าตายอยู่เสมอ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560 ทางเว็บไซต์ Thedodo ได้เผยว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากอาจไม่คิดว่าม้ากว่า 100,000 ตัวจากสหรัฐฯ ถูกส่งไปยังประเทศอื่นๆ ในแต่ละปี เพื่อฆ่านำไปทำเป็นเนื้อบริโภค แต่ทว่าในปีที่ผ่านมา มีการค้นพบว่า นับตั้งแต่ที่โรงฆ่าม้าในสหรัฐอเมริกาปิดตัวลงในปี 2007 ม้ากว่า 30,000 ตัวในสหรัฐฯ ที่ถูกส่งไป ณ โรงฆ่าสัตว์ในประเทศแคนาดา ไม่ได้เพียงแต่ถูกฆ่าเท่านั้น แต่พวกมันยังถูกนำไปประมูลขาย และถูกนำไปใช้ในการขนส่งอีกด้วย จากการรายงานระบุว่า เนื้อของพวกมันถูกส่งออกไปยังยุโรป สำหรับใช้ในการบริโภค แต่ในปี 2015 ยุโรปกลับสั่งห้ามนำเนื้อม้าจากเม็กกิโกเข้ามา เพราะพบว่าม้ามีอาการป่วย และได้รับสารอันตรายเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งพวกเขาคาดว่า หากนำเนื้อของพวกมันมาบริโภคอาจจะเป็นอันตรายต่อผู้คนได้ ปัจจุบันการลักลอบขนส่งม้าไปยังประเทศแคนาดาได้รับการเปิดเผยมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ ได้ใช้เวลาสองปีที่ผ่านมาในการตรวจสอบโรงฆ่าม้าในประเทศแคนาดา และพบว่าในสถานที่แห่งนั้นมีทั้งม้าตาบอด ป่วย พิการ…
-
BMW ร่วมมือกับ LEGO เปิดเผยคอนเซป “ฮูเวอร์ไบค์” จักรยานยนต์ไร้ล้อแห่งอนาคต!!
อย่างที่ทราบกันดีว่า เลโก้ เป็นของที่เด็กเล่นได้ ผู้ใหญ่เล่นดี เพราะมันสามารถช่วยให้ผู้เล่นสามารถฝึกความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการได้อย่างไม่รู้จบ ซึ่งล่าสุดทาง BMW และบริษัท LEGO ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านั่นคือเรื่องจริง โดยทางทีมงาน LEGO และ BWM ร่วมมือกันออกแบบ BMW R 1200 GS ขึ้นมาใหม่ โดยไม่อิงตามแบบแผนใดๆ ผลปรากฎว่าพวกเขาได้สร้าง BMW R 1200 GS เวอร์ชั่นไร้ล้อขึ้นมาในชื่อว่า “ฮูเวอร์ไบค์” ขึ้นมา เรียกว่าได้เจ๋งสุดๆ โดยฮูเวอร์ไบค์จะมีลักษณะเหมือนรถจักรยานยนต์ไร้ล้อ ที่สามารถลอยเหนือพื้น แน่นอนว่ามันยังเป็นแค่จินตนาการ แต่ไม่จบแค่โมเดลเท่านั้น เมื่อทาง BMW ได้นำโมเดลนั้นไปสร้างเป็นตัวรถจริงๆ ขึ้นมา โดยใช้รถ BMW R 1200GS เป็นพื้นฐาน ซึ่งแม้จะมีพื้นฐานมาจากรถจริงๆ แต่ก็มีบางชิ้นส่วนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ใน “ฮูเวอร์ไบค์” คันนี้โดยเฉพาะ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาจริงจังกับโครงการนี้ขนาดไหน โดยรถ…
-
ได้ด้วยเหรอ? ทหารคาซัคสถานขับฮ. หลงทาง เลยจอดถามรถสิบล้อกลางถนนมันซะเลย!!
ถ้าบอกว่ามีคนจอดเฮลิคอปเตอร์อยู่กลางถนน เพื่อถามทางชาวบ้านที่ใช้รถใช้ถนนในละแวกนั้น ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ แต่มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ อย่างกับในหนังแหน่ะ!! เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว Mirror ได้รายงานเรื่องราวของพลทหารผู้ขับเฮลิคอปเตอร์ กำลังบินอยู่เหนือน่านฟ้าของประเทศคาซัคสถาน ด้วยสภาพอากาศที่ยากแก่การมองเห็นทาง ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน และเพื่อที่จะได้ไม่ต้องขับฮอฯ ตามหาเส้นทางให้เปลืองน้ำมัน พลทหารจึงเอาฮอฯ ลงจอดกลางถนนแล้วถามทางชาวบ้านแถวนั้นซะเลย นี่ไงล่ะ อยู่ดีๆพี่แกก็ลงจอดกลางถนนซะงั้น เล่นเอาไม่มีใครกล้าขับรถผ่านกันเลยทีเดียว ‘ขอโทษนะครับพี่ ผมขอรบกวนถามทางหน่อยครับ!!’ หลังจากคนขับรถสิบล้อได้บอกทางแล้ว จากนั้นนายทหารก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความงุนงงของชาวบ้าน บางคนถึงกับอุทานออกมาว่า ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย!?’ เรียกได้ว่าการลงจอดฮอฯ เพื่อถามทางในครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เราคงไม่ได้เห็นกันง่ายๆ ก็แหม…มีอย่างที่ไหนคนขับเครื่องบินบนฟ้า ลงมาถามทางคนขับรถบนดิน หลังจากที่เรื่องนี้กลายเป็นกระแสไวรัลบนโลกออนไลน์ ทางด้านโฆษกของกองทัพอากาศได้ออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “พลขับฮอฯ ของเราได้รับการฝึกฝนมาอย่างเชี่ยวชาญ ถึงแม้ว่าการลงจอดในครั้งนี้อาจสร้างความไม่สบายใจให้กับชาวบ้านในละแวกนั้นบ้าง แต่ขอให้เชื่อมั่นว่ากองทัพอากาศได้ฝึกฝนพวกเขามาเป็นอย่างดี” วิดีโอจากกล้องที่ชาวบ้านถ่ายไว้ได้ ถ้าพี่ทหารกล้าจอดขนาดนี้ ชาวบ้านเค้าก็กล้าหยุดให้เหมือนกันแหละ เอ้าาาา…. อย่างกับมุกตลกในหนังฝรั่งอะไรทำนองนั้น ไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นได้จริง ฮ่าฮ่าฮ่า ที่มา: Mirror
-
จำคุณยาย ‘Norma’ เพื่อนซี้นักแสดงหนุ่มได้ไหม? ตอนนี้เธอจากไปอย่างสงบแล้วนะ
คงไม่ใช่ภาพที่เราจะมีโอกาสได้เห็นกันบ่อยๆ เมื่อคุณยาย ‘Norma Cook’ วัย 89 ปี ผู้อยู่บ้านเพียงลำพัง ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหม่กับนักแสดงหนุ่ม ‘Chris Salvatore’ วัย 31 ปี ในฐานะเพื่อนซี้ต่างวัย ก่อนหน้านี้ #เหมียวมู่ทู่ ได้นำเสนอเรื่องราวมิตรภาพต่างวัยอันจะแสนน่ารักของทั้งคู่ ที่ชาวเน็ตเห็นแล้วเป็นต้องใจชื้นไปตามๆ กันมาแล้ว (ลิ้งค์ข่าวเดิม) ทว่าล่าสุดสำนักข่าว Dailymail ได้รายงานให้ชาวเน็ตผู้ที่คอยติดตามมิตรภาพของทั้งคู่จากทั่วโลก ให้ทราบพร้อมกันแล้วว่า ตอนนี้คุณยาย Norma Cook ได้จากโลกนี้ไปสู่สุขคติแล้วนะ ช่วงเวลาแห่งความสุขตอนที่คุณยายยังมีชีวิตอยู่ คุณหมอผู้ดูแลเธอได้ออกมารายงานว่า ก่อนหน้านี้คุณยายต้องต่อสู้กับโรคลูคีเมียเพียงลำพังมาตลอด 10 ปี จนกระทั่งเธอตัดสินใจที่จะไม่ขอรับการรักษาอีก และจากไปอย่างสงบเมื่อวันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทุกคนต่างรู้ดีว่า เธอคือคุณยายผู้หลงใหลในการดื่มแชมเปญ และเลี้ยงแมวตัวโปรดที่ชื่อว่า ‘Hermes’ หลังจากที่คุณยายจากโลกนี้ไปอย่างสงบ หนุ่มนักแสดงเพื่อนซี้ต่างวัยของคุณยาย ก็อดไม่ไหวที่จะขอระบายความรู้สึกผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘มันเป็นเรื่องที่หนักใจผมพอสมควร กับการทราบข่าวว่าเราได้สูญเสียหญิงสาวที่สวยที่สุด ตอนนี้คุณยายได้พักผ่อนอยู่ในความสงบชั่วนิรันดร์ ถึงแม้ว่าร่างกายของเธอจะไม่ได้อยู่กับเราแล้ว…
-
สาวสุดเศร้าเมื่อสุนัขแสนรักตาย เพราะสายการบินหยุดพักเที่ยวบินนาน 20 ชั่วโมง!!
หนึ่งในวิธีการขนส่งสัตว์เลี้ยงที่รวดเร็วทันใจ และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง คงหนีไม่พ้น “การขนส่งสัตว์ทางเครื่องบิน” แต่ถึงแม้ว่าการขนส่งทางเครื่องบินจะมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงมากเพียงใด เจ้าของส่วนใหญ่อาจไม่ได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของสายการบินที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งข้อผิดพลาดที่เราหมายถึงก็คือชีวิตของพวกมันนั่นเอง และถ้าหากเกิดเรื่องที่น่าเศร้าแบบนี้ขึ้นกับสัตว์เลี้ยงของเรา คุณจะทำอย่างไร!? นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวชาวอเมริกันนามว่า Kathleen Considine ที่ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ หลังจากที่เธอได้ใช้บริการขนส่งน้องหมาแสนรักขึ้นเครื่อง แต่แล้วก็ต้องพบกับเรื่องที่แสนเศร้า เพราะเจ้าหมาดันเสียชีวิต!! เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ทาง Kathleen และครอบครับของเธอ กำลังจะย้ายไปอาศัยอยู่ที่พอร์ตแลนด์ ในรัฐโอเรกอน โดยเธอ และครอบครัวได้ตัดสินใจใช้บริการขนส่งสัตว์ทางเครื่องบินของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ โดยการให้เจ้า Jacob สุนัขแสนรักวัย 7 ขวบเดินทางไปยังพอร์ตแลนด์โดยเครื่องบิน ซึ่งก่อนที่จะเดินทางเธอก็ได้พาเจ้าหมาไปตรวจร่างกายกับสัตว์แพทย์ หลังจากที่นำตัวของมันขึ้นเครื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางสายการบินได้โทรศัพท์มาบอกกับเธอว่า ในครึ่งแรกของการเดินทางจะมีการลงจอดพักเครื่องในชิคาโกเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เนื่องจากเกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง ซึ่งทางสายการบินไม่สามารถให้มันขึ้นเที่ยวบินรอบที่สองได้ แต่อย่างไรก็ตามทางสายการบินก็ยืนยันว่าจะพา Jacob กลับไปหาเจ้าของมันให้เร็วที่สุด แต่ทว่าแทนที่จะหยุดพักเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ทางสายการบินกลับเลื่อนเวลาออกไปนานกว่า 20 ชั่วโมง ทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้แม่ของ…
-
กระรอกน้อยรู้คุณ ต่อสู้กับโจรที่มาบุกรุกบ้าน เพื่อปกป้องชายผู้ชายชีวิตมัน!!
โดยปกติแล้วสัตว์ที่เลี้ยงเอาไว้เฝ้าบ้าน และคอยไล่คนแปลกหน้าออกไป เรามักจะคิดถึงสุนัขกันใช่ไหมเอ่ย?? แต่สำหรับบ้านหลังนี้ต้องขอบอกเลยว่ามันไม่ใช่แบบนั้น… เมื่อประมาณ 6 เดือนก่อน นาย Adam Pearl Sr. ที่อาศัยอยู่ในรัฐ Idaho ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจให้การช่วยเหลือกับเจ้ากระรอกทารากตัวน้อยเอาไว้ จนมันสามารถรอดชีวิตมาได้ เขาตั้งชื่อมันว่า Joey “มีเพื่อนของเราพบมันขณะกำลังนอนหมดแรงอยู่กใกล้ๆ กับสวนดอกไม้ พวกเขาไม่รู้ว่าจะดูแลมันอย่างไรก็เลยนำมามอบให้กับเรา ในตอนนั้นตาของมันยังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ ก็เลยต้องป้อนนมให้กับมัน จนตอนนี้วิ่งไปทั่วบ้านเลยล่ะ” คุณ Pearl เล่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่คุณ Pearl กลับมาจากที่ทำงาน ก็พบว่าในบ้านนั้นมีรอยเท้าปริศนาอยู่บริเวณสนามหน้าบ้าน ซึ่งรอยเท้านั้นมุ่งตรงไปยังบ้านของเขา ด้วยความสงสัยเขาจึงรีบเข้าไปสำรวจในบริเวณบ้าน และปรากฏว่ามีของบางอย่างถูกขโมยไป แถมยังมีร่องรอยงัดแงะอีกไม่กี่แห่ง ส่วนเจ้า Joey ยังปลอดภัย แต่คุณ Pearl เองก็ไม่รู้มาก่อนเลยว่าก่อนหน้านั้นมันได้ทำอะไรกับหัวขโมยเอาไว้บ้าง คุณ Pearl รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขามาถึงก็เริ่มทำการสืบสวนสอบสวนในทันที จนเวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็โทรมาหาคุณ Pearl และรายงานว่าหัวขโมยถูกจับเรียบร้อยแล้ว ขณะทำการสอบสวนเจ้าหน้าที่ก็พบว่าที่แขน และมือของหัวขโมยนั้นมีรอยข่วนอยู่ด้วย…
-
เรื่องราวความรักแสนประทับใจ คู่รักตกลงแต่งงานกัน แม้รู้ว่าเจ้าบ่าวจะอยู่ได้อีกไม่นาน…
เรื่องราวความรักระหว่าง Roda Newberry กับ Damien Leask ชาวออสเตรเลีย ที่แม้ว่าจะเป็นช่วงที่สั้นไปซักหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็งดงาม ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายด้วยกัน แต่ก็ต้องแยกจากกันเพราะหลังจากจบการศึกษา Roda ก็ต้องย้ายไปอยู่ที่เมือง Gold Coast และอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลากว่า 15 ปี เธอเล่าว่าเรื่องราวความรักของเธอนั้นเริ่มต้นหลังจากที่ได้รับข้อความจาก Damien “เราเริ่มต้นคุยกัน และ 3 วันหลังจากนั้น เขาก็มาหาฉันที่ Gold Coast” และอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาทั้งคู่ก็ตกลงปลงใจเป็นแฟนกัน… ในช่วงแรกของการเป็นแฟนกัน มีข้อตกลงอย่างหนึ่งที่ Roda ได้ตั้งเอาไว้ ว่าจะไม่แต่งงานกันจนกว่าจะคบกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี แต่โชคชะตากลับเล่นตลกกับพวกเขา ในปี 2016 สุขภาพของ Damien ย่ำแย่ลง จนถึงขั้นเลวร้าย ร่างกายของเขาเริ่มที่จะปฏิเสธปอดที่เพิ่งได้รับการปลูกถ่ายมาเมื่อ 7 ปีก่อนหน้านี้ ที่ต้องปลูกถ่ายปอดก็เพราะว่าเขาป่วยเป็นโรคปอดเรื้อรังมาตั้งแต่เกิด และนอกจากนี้คุณหมอยังตรวจพบมะเร็งที่บริเวณริมฝีปากของเขาอีกด้วย นั่นทำให้เขาไม่สามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้อีกต่อไป …
-
ภารกิจช่วยชีวิตนานกว่า 10 วัน เพื่อลูกสุนัขตัวน้อยที่ดั๊นไปติดในหลุมลึกกว่า 60 เมตร…..
โดยปกติทั่วไปแล้ว สัตว์ชนิดไหนก็แล้วแต่ในช่วงที่ยังเป็นเด็ก พวกมันมักจะมีนิสัยซุกซน ขี้เล่น และไม่ค่อยระวังภัยให้ตัวเอง เหมือนกับมนุษย์เราตอนเด็กๆ เลยล่ะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมือง Beykoz ประเทศตุรกี ด้วยความซุกซนของเจ้าตูบตัวน้อย ทำให้มันพลัดตกลงไปในหลุมใต้ดินลึกมากกว่า 60 เมตร และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่มีฮีโร่ใจดีเข้ามาช่วยชีวิตสุนัขตัวนี้เอาไว้ได้… แชะภาพกับพี่เจ้าหน้าที่สุดหล่อ ที่ช่วยชีวิตมันไว้ ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าลูกสุนัขตัวนี้มันตกลงไปในหลุมลึกดังกล่าวได้อย่างไร แต่หลังจากที่ทีมกู้ภัยได้รับแจ้งจากชาวเมืองว่า มีคนพบเห็นลูกสุนัขตัวหนึ่งอยู่ในหลุมใต้ดิน กำลังส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างอิดโรย ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้รีบไปสำรวจที่หลุมดังกล่าวทันที ดูจากลักษณะของหลุมแล้ว คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับลูกสุนัขที่จะปีนขึ้นมาด้วยตัวเองได้ ภารกิจช่วยชีวิตน้องหมาในครั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งนักดับเพลิง และองค์กรช่วยเหลือสัตว์ เข้ามาช่วยกันแก้สถานการณ์ดังกล่าว อันดับแรกเจ้าหน้าที่รีบนำเอาเต๊นท์มาคลุมบริเวณหลุมไว้ เพราะกลัวว่าถ้าหากฝนตกลงมา เจ้าหมาน้อยคงช่วยตัวเองไม่ได้แน่ๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็สอดกล้องลงไปเพื่อสำรวจดูพื้นที่ภายในหลุม และเพื่อตามหาตัวเจ้าหมาน้อย นั่นไงเจอแล้วเจ้าตูบน้อย ดูสายตานายเศร้ามากเลยนะ… ด้วยขนาดความลึกของหลุมทำให้ภารกิจนี้ไม่อาจสำเร็จลุล่วงไปได้ง่ายๆ พวกเขาต้องคอยป้อนอาหารให้มันอยู่รอด และพยายามใช้เชือกยาวหย่อนลงไปในหลุม ค่อยๆ คล้องคอน้องหมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานถึง 10 วัน กว่าจะพาตัวมันขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย และหลังจากที่มันได้รับการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้อาสารับมันไปดูแลเป็นอย่างดี จนตอนนี้พวกเขาได้ตั้งชื่อให้มันว่า ‘Kuyu’…
-
20 ไอเดียเจ๋งๆ เพิ่มความสวยงามให้ปกคอเสื้อ เพียงจุดเล็กๆ ก็เลิศเลอได้มากกว่าเดิม
เชื่อว่าทุกวันนี้ในตู้เสื้อผ้าของทุกคน จะต้องมีเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อคอปกอยู่อย่างน้อยๆ สองหรือสามตัว ซึ่งบางที แม้เสื้อคอปกจะทำให้เราดูเป็นมืออาชีพและดูทางการ แต่ก็ต้องยอมรับว่า บางทีมันก็ดูแล้วน่าเบื่อเหลือเกิน วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ ก็เลยจะพาเพื่อนๆ ไปชม 20 ไอเดียเจ๋งๆ ให้เพื่อนๆ นำไปตกแต่งเสื้อเชิ้ตของตนเอง จะสวยเก่แค่ไหน ไปชมกันเลย จะทำเป็นเกลียวคลื่น ปีกผีเสื้อ ก็สวยเก๋ไม่เบา ลายธรรมชาติก็มา นางเงือก หรือจะทำเป็นมือก็ได้ เจ้าเหมียวก็มา แล้วแต่ความสร้างสรรค์ของแต่ละคน ลองไปชมไอเดียอื่นๆ กันเลย . . . . . . . . . . . สวยๆ ทั้งนั้นเลยใช่มั้ยล่า หวังว่าเพื่อนๆ จะได้ไอเดียไปปรับใช้กันนะฮะ ที่มา boredpanda
-
ฝันวัยเด็กเป็นจริง ญี่ปุ่นเปิดให้บริการเครื่อง VR พาคุณท่องสู่โลกของ ‘โดราเอม่อน’!!
ย้อนกลับไปในสมัยตอนที่เรายังเป็นเด็กๆ หลังจากที่ได้นั่งดูการ์ตูนเรื่อง ‘โดราเอม่อน’ เป็นประจำทุกเช้าวันเสาร์ และวันอาทิตย์ เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่หลายคนแอบคิดเหมือนเป๊ะเลยก็คือ… อยากมีเพื่อนแบบโดราเอม่อนบ้างจังเลยโว้ยยย!! และตอนนี้ความฝันที่ดูเหมือนจะเพ้อเจ้อมากเกินไปหน่อยของเราในวัยเด็ก มันได้ถูกสร้างขึ้นมาให้กลายเป็นความจริงแล้ว เพราะ ‘Project I Can’ คือโปรเจคที่จะพาเราเข้าสู่โลกของโดราเอม่อน ราวกับว่าเราได้กลายเป็นโนบิตะไปแล้วจริงๆ โดยทาง ‘Project I Can’ ได้สร้างเกมที่จำลองภาพจากโลกโดราเอม่อน บนระบบเครื่อง VR ที่จะทำให้เราได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ไม่มีเกมไหนเหมือนแน่นอน โดยทีมผู้สร้างได้จำลองแบบห้องนอนของโนบิตะ และประตูวิเศษ ขึ้นมาได้อย่างสมจริงสุดๆ ไปเลยล่ะ และแน่นอนว่าสิ่งแรกที่เราจะได้เจอ ก็คือการต้อนรับจากเพื่อนซี้ของทุกคนในวัยเด็ก โดราเอม่อน แมวเหมียวที่ชอบกินโดะระยะกิ แถมยังกลัวหนูสุดๆ เครื่องเล่นสุดล้ำนี้จะเปิดให้บริการที่ตึก Tokyo Solamachi ชั้น 3 (Area 12) ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ไปจนถึง 14 เมษายน แต่ต้องทำการจองทางออนไลน์ก่อนอย่างน้อยล่วงหน้า 1 เดือน (เว็บไซต์จอง: Doraeiga-VR) ขอแค่มีประตูวิเศษจากห้องนอนของโนบิตะ ก็พาเรามาโผล่ที่ขั้วโลกเหนือได้…
-
ภาพบรรยากาศต้นซากุระอันแสนงดงามจากคาวาซุ ในช่วงบานสะพรั่งเป็นครั้งแรกของปี
พอถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นที่ทราบกันดีว่าต้นซากุระในประเทศญี่ปุ่นก็จะเริ่มเบ่งบาน กลายเป็นวิวทิวทัศน์สีชมพูอันแสนงดงามตระการตา และในช่วงนี้เอง เหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลกก็จะเดินทางเข้าไปเที่ยวชมประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก โดยปกติแล้ว ดอกซากุระจะเริ่มบานในช่วงปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนเมษายน แต่มีสถานที่หนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ที่ดอกซากุระจะเบ่งบานเร็วกว่าพื้นที่อื่นๆ นั่นก็คือเมืองคาวาซุจากภูมิภาคคันโตแห่งนี้ เมืองคาวาซุ ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตรจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สาเหตุที่เมืองนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นเพราะว่าดอกซากุระของที่นี่จะเริ่มบานตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งถือว่าเป็นที่แรกๆ ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ต้นซากุระกว่า 8,000 ต้นทั่วเมืองก็จะเริ่มเบ่งบาน หากนักท่องเที่ยวท่านไหนนั่งรถไฟผ่านไป ก็จะได้เห็นดอกซากุระบานสะพรั่ง จนเกิดเป็นแสงสีชมพูอบอวลไปหมด ด้วยระยะห่างเพียง 2 ชั่วโมงจากกรุงโตเกียว ทุกๆ ปี จะมีนักท่องเที่ยวกว่าหนึ่งล้านคนเดินทางมายังเมืองคาวาซุแห่งนี้ ลองไปชมภาพสวยๆ จากเมืองคาวาซุกันเถอะ . . . . . ตารางช่วงเบ่งบานของดอกซากุระในประเทศญี่ปุ่น ใครจะไปช่วงไหน ก็เล็งกันให้ดีๆ นะฮะ นอกจากนี้หากใครอยากจะทราบข้อมูลเพิ่มเติมทางด้านการท่องเที่ยวภายในเมืองคาวาซุ สามารถติดตามรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ kawazu-onsen.com ได้เลย ทางเว็บไซต์รองรับภาษาไทยด้วยนะจ๊ะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวอันน่าสนใจจากประเทศญี่ปุ่นเลยนะเนี่ย ใครกำลังวางแผนจะไปเยือนช่วงนี้…
-
บริษัทเบียร์ ให้พนักงานลาพักได้อาทิตย์นึง เงื่อนไขถ้าพวกเขา “รับเลี้ยงสุนัขตัวใหม่”!!
เรียกว่าเป็นนโยบายแปลกแต่น่าสนใจจริงๆ สำหรับบริษัทเบียร์จากสก็อตแลนด์ที่อนุญาตให้พนักงานสามารถลาหยุดได้หนึ่งสัปดาห์ไปแบบฟรีๆ หากพวกเขารับสุนัขตัวใหม่มาเลี้ยง บริษัทเบียร์ดังกล่าวมีชื่อว่า BrewDog จากเมืองอันเบอร์ดัน ประเทศสก็อตแลนด์ พวกเขาขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่รักสุนัขมากๆ โดยในสำนักงานใหญ่มีสุนัขอยู่เกือบ 50 ตัว และพวกเขาถือว่าสุนัขเหล่านั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเช่นกัน ล่าสุดพวกเขากำลังจะเปิดสำนักงานอีกแห่งที่เมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งที่สำนักงานใหม่นี้เอง พนักงานทุกคนจะได้รับสวัสดิการในการลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์ หากพวกเขารับสุนัขใหม่มาเลี้ยง James Watt และ Martin Dickie สองผู้บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท ซึ่งตอนตั้งพวกเขาก็เลี้ยงสุนัข และให้พวกมันเป็นส่วนหนึ่งตั้งแต่แรกด้วย ได้กล่าวว่า “การมีสุนัขในออฟฟิศจะทำให้บรรยากาศในการทำงานผ่อนคลายขึ้น แต่เรารู้ดีว่า เวลาสุนัขที่ต้องย้ายมาอยู่บ้านใหม่ การที่มันยังไม่คุ้นเคย อาจทำให้มันเครียดได้” “เราจึงอนุญาตให้พนักงานของเรา สามารถลาพักร้อนซักหนึ่งสัปดาห์ เพือใช้เวลาช่วงนี้ สานสัมพันธ์กับสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น” BrewDog ถือว่าเป็นบริษัทเบียร์ที่เติบโตเร็วที่สุดบริษัทหนึ่งในโลก โดยพวกเขาก่อตั้งด้วยสมาชิกเพียงสองคนในปี 2007 ด้วยผู้ถือหุ้นไม่กี่ราย แต่ภายในไม่กี่ปีให้หลัง ภายในปี 2015 พวกเขามีพนักงานถึง 540 คน และมีผู้ถือหุ้นกว่า 32,000 รายอีกด้วย…
-
สื่อต่างชาติเผย ชีวิตน่าเศร้าของ ‘Angel’ โลมาเผือก ที่โดนจับมาอยู่ในน้ำคลอรีน!?
ดูเหมือนว่าโลมาจะเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่จำนวนประชากรของมันลดลงอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้พวกมันต้องอยู่กันยากลำบาก ก็คือน้ำมือของมนุษย์เรานี้แหละ เรื่องราวของเจ้าโลมา ‘Angel’ มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2014 ที่เมือง Taiji จังหวัดวะกะยะมะ ประเทศญี่ปุ่น มีประเพณีการล่าโลมาเป็นประจำทุกปี โดยชาวประมงท้องถิ่นจะทำการต้อนโลมานับพันตัวให้มาอยู่ในบริเวณที่สร้างไว้ จากนั้นพวกเขาจะเลือกตัวที่ดูดีที่สุด และขายมันให้กับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทั้งหลาย ส่วนตัวอื่นที่ไม่ถูกขายจะถูกนำไปแปรรูปให้กลายเป็นอาหารเปิบพิศดารแทน ในฐานะที่ Angel เป็นโลมาเผือก แน่นอนว่ามันถูกขายให้กับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Taiji ทว่านี้ไม่ใช่เรื่องราวการรับสัตว์มาเลี้ยงและดูแลอย่างดี ด้วยความที่ Angel เป็นโลมาเผือก มันจึงมีหน้าที่คอยสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยว แต่สิ่งที่พิพิธภัณฑ์ได้มอบให้กับมัน และโลมาตัวอื่นๆ คือ…แท้งค์น้ำขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยคราบสกปรก สารคลอรีนในน้ำที่ทำให้พวกมันไม่สามารถลืมตาใต้น้ำได้ อีกทั้งยังต้องอยู่กันอย่างแออัดในพื้นที่จำกัดอีก ดูเจ้า Angel สิ มันไม่สามารถลืมตาใต้น้ำได้ ทั้งๆที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมันแท้ๆ Jessie Treverton ตัวแทนจากองค์กรพิทักษ์สัตว์น้ำได้ให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุที่พิพิธภัณฑ์ใส่คลอรีนลงไปในน้ำ ก็เพื่อต้องการนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นโลมา จากอุโมงค์ใต้น้ำได้ชัดนั่นเอง ‘สารคลอรีนทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องคอยทำความสะอาดแท้งค์น้ำอยู่บ่อยๆ แถมยังทำให้นักท่องเที่ยวเห็นภาพพวกมันได้ชัดอีกต่างหาก แต่ความจริงแล้วสารคลอรีนเป็นอันตรายต่อสุขภาพของโลมาอย่างยิ่ง’ ไม่ใช่แค่กับเจ้า Angel เท่านั้นที่ลืมตาใต้น้ำไม่ได้ แต่โลมาตัวอื่นๆ…
-
หนุ่มพกชุด “แกนดาล์ฟ” ไปถ่ายรูปด้วย ขณะท่องเที่ยวตามรอย LOTR ในนิวซีแลนด์
จะมีอะไรยอดเยี่ยมไปกว่าการท่องเที่ยวมิดเดิ้ลเอิร์ธ เอ่อ…นิวซีแลนด์นั่นแหละ โดยมี พ่อมดไมอาสุดเทพจาก “เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง” อย่าง “แกนดาล์ฟ” เป็นคนนำทาง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่หนุ่มคนนี้คิด ขณะที่วางแผนเที่ยวนิวซีแลนด์เป็นเวลาหกเดือน หลังจากจบการศึกษาชั้นปริญญาตรี หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Akhil Suhas เขาหลังจากที่เขาเรียนจบ เขาวางแผนที่จะไปเที่ยวประเทศนิวซีแลนด์ซึ่งเป็นโลเคชั่นของหนัง “เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง” และ “เดอะ ฮอบบิต” “ผมดูหนังทั้งสองเรื่องไม่ต่ำกว่า 5 รอบ ทุกครั้งที่ผมนึกถึงนิวซีแลนด์ ผมก็นึกหนังชุดนี้กับภูมิประเทศอันงดงามเสมอ ผมก็เลยคิดว่า ทำไมไม่เอาสองอย่างนี้มารวมกันเลยล่ะ” Akhil Suhas กล่าว เขาใช้เวลาเกือบสองเดือนในการตามหาชุดพ่อมดแกนดาล์ฟที่เขาพอใจ จากนั้นเขาก็นำชุดนั้นและกล้องถ่ายภาพออกเดินทาง ช่วงแรกเขาตั้งใจที่จะถ่ายภาพตัวเองกับชุดด้วยขาตั้งกล้อง แต่ปรากฎว่าไม่ดีเท่าไหร่ สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนไปถามนักท่องเที่ยวที่เขาเจอระหว่างทาง ว่าจะยอมมาเป็นนายแบบให้รึเปล่า หลายคนอาจสงสัยว่า ใครจะไปยอมใส่ แต่ในความเป็นจริง Akhil กล่าวว่าแทบจะไม่มีใครปฏิเสธเลย เพราะใครที่มาเที่ยวนิวซีแลนด์ ต่างชื่นชอบภาพยนตร์ เดอะ ลอร์ดฯ ทั้งนั้น แล้วใครจะยอมพลาดสวมชุดแกนดาล์ฟล่ะ …
-
โบสถ์อายุกว่า 400 ปี โผล่มาให้เห็นเพราะภัยแล้งเม็กซิโก หลังจมอยู่ก้นแม่น้ำมานานนับ 50 ปี!!
โบสถ์โดมินิกันในประเทศเม็กซิโกได้จมไปอยู่ก้นแม่น้ำมาตั้งแต่ช่วงทศววรตที่ 1960 แต่หลังจากที่ประเทศเม็กซิโกต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้ง จนสามารถเห็นโบสถ์เก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 400 ปี นี้ได้อีกครั้งหนึ่ง โบสถ์แห่งนี้ถูกสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นมาโดยพระและแม่ชี ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1500 เมื่อพวกเขาเดินทางมายังประเทศเม็กซิโกเพื่อเผยแพร่ศาสนา ในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเม็กซิโก จนมาถึงช่วงปี 1962 ได้มีการสร้างเขื่อน Benito Juarez Dam ขึ้นมาทำให้โบสถ์แห่งนี้ถูกน้ำท่วมไปจนไม่เห็นแม้แต่เงา จากนั้นปริมาณน้ำในเขื่อน ก็ค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันเหลือจำนวนน้ำเพียง 16 เปอร์เซ็นต์จากความสามารถในการจุน้ำได้ทั้งหมดของเขื่อน นั่นหมายความว่าเราสามารถมองเห็นเกือบทุกส่วนของโบสถ์ได้แล้ว จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รู้ถึงความรุนแรงของปัญหาภัยแล้งในประเทศเม็กซิโกได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่ามันส่งผลไปถึงการทำการเกษตรอย่างเช่นการปลูกข้าวโพด ที่เป็นพืชเศรษฐกิจของพวกเขาด้วย สถาปัตยกรรมบางส่วนของโบสถ์ก็ถูกน้ำกัดเซาะจนหายไป แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ในสภาพที่ดีอยู่ พื้นที่ที่แห้งแล้ง ภายในที่ยังคงมีน้ำขังอยู่ บางส่วนก็แห้งสนิท จนเด็กๆ สามารถเข้ามาวิ่งเล่นกันได้ ต้องขอบอกเลยว่า เป็นสถาปัตยกรรมที่อึด ถึก และทน จริงๆ หลังจากที่นอนอยู่ก้นแม่น้ำมานานนับ 50 ปี แต่ก็ยังคงรูปร่างเดิมเอาไว้ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุการณ์นี้ก็ชี้ให้เห็นว่าโลกของเรากำลังเผชิญปัญหาภัยแล้งในหลายๆ พื้นที่…
-
ชมภาพวาดจากยุค 50 ที่จะทำให้เราได้เห็นว่าในยุคนั้น “สาวอวบ” เป็นที่นิยมมากขนาดไหน
หากจะถามว่ารูปร่างในอุดมคติของสาวๆ เป็นอย่างไร เชื่อว่าหลายคนจะต้องชื่นชอบหุ่นผอมเพรียวเอวบางอย่างแน่นอน เพราะการมีรูปร่างที่ผอมนอกจากจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจแล้ว หากจะหยิบจับเสื้อผ้าชิ้นไหนมาใส่ก็สวยไปซะหมด แต่เมื่อลองย้อนกลับไปในยุค 50 บอกเลยว่าสาวๆ หุ่นบางไม่ได้กินนะจ๊ะ เพราะสมัยนั้นผู้หญิงที่มีรูปร่างสมส่วน มีสัดส่วนโค้งเว้าที่ชัดเจนกลับได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ยิ่งมองก็รู้สึกถึงความยั่วยวน และเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าค้นหา ครั้งนี้เราจะขอพาเพื่อนๆ ทุกคนมาชื่นชมผลงานภาพวาดของนักเขียนการ์ตูนนามว่า Duane Bryers ที่ได้สร้างสรรค์ภาพของหญิงสาวผมแดงรูปร่างอวบในนาม Hilda ขึ้นมา เพื่อแสดงให้เห็นว่าในยุค 50 สาวรูปร่างอวบได้รับความนิยมมากขนาดไหน… ภาพเหล่านี้ได้ทำให้เราเห็นว่า… การเป็นสาวอวบก็ดูสวย และเซ็กซี่ได้เหมือนกัน แถมยังมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลอีกด้วย สาวอวบมีรูปร่างที่ดูนุ่มนวลชวนสัมผัส มองทีไรก็ไม่เคยเบื่อเลย ผู้หญิงอวบๆ แบบนี้น่ากอดดีนะว่าไหม หนุ่มๆ หลายคนคงชื่นชอบสาวอวบไม่น้อย เพราะเวลาอยู่ใกล้แล้วทำให้รู้สึกอบอุ๊นอบอุ่น ไม่ว่าจะเป็นสาวรูปร่างผอมบาง หรืออวบอั๋น ทุกคนก็ย่อมมีความงามในตัวเองทั้งนั้น สำหรับภาพเหล่านี้นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความงดงามของรูปร่างผู้หญิงแล้ว ยังทำให้เราได้เห็นความสนุกสนาน ความร่าเริงสดใส แถมยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่ามองอีกด้วย ที่มา : demilked
-
ความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด… รู้จักกับคุณตาชาวอิตาลีวัย 70 ผู้มีปริญญาบัตรเยอะที่สุดในโลก!!
จะว่าไปแล้ว…. แค่การเรียนให้จบปริญญาตรีซักใบ สำหรับคนทั่วไปก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยเฉพาะตอนทำวิทยานิพนธ์นี่แหละ หลังจากทำเสร็จแล้วหลายคนถึงกับบ่นในใจว่าชาตินี้ขออย่ามาเจอกันอีกเลยนะเธอจ๋า แต่สำหรับ ‘Luciano Baietti’ คุณตาชาวอิตาลี วัย 70 ปี อดีตครูใหญ่ผู้เกษียณอายุแล้วนั้น เขาเป็นผู้ที่หลงใหล และชื่นชอบการศึกษาเล่าเรียนมากเป็นพิเศษ ถึงขนาดที่ว่าเจ้าตัวกวาดปริญญาบัตรมาแล้วทั้งหมด 15 ใบ และถูกบันทึกลงในกินเนสบุ๊ค ว่าเป็นคนที่สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมหา’ลัย มากที่สุดในโลก อู้วววหูววว!!! คุณตา Luciano Baietti สาเหตุที่ทำให้เขาได้ปริญญาบัตรมากขนาดนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะความรักในการแสวงหาความรู้ของตัวเขาเอง ทุกวันยามเช้าเขาจะทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านที่ดี คอยดูแลงานบ้าน งานสวน เหมือนคนเกษียณอายุทั่วไป ทว่าทุกวันเวลาประมาณตี 3 เป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่หลับใหล คุณตาเลือกที่จะใช้เวลาแห่งความเงียบสงบนี้ไปกับการอ่านตำราเรียน โดยคุณตาอ้างว่า การศึกษาเล่าเรียนเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้สมองของเขาทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะสาขาวิชาไหนก็ตาม… ย้อนกลับไปในช่วงปี 2002 ตอนนั้นคุณตาได้สำเร็จการศึกษาไปแล้วมากถึง 8 สาขาวิชา ประกอบไปด้วย พลศึกษา สังคมวิทยา วรรณกรรม กฏหมาย ปรัชญารัฐศาสตร์ และวิชาที่ว่าด้วยเรื่องทักษะการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ แต่นั่นก็ยังไม่พอสำหรับคุณตาผู้มีใจรักในการเรียนรู้ เพราะ…
-
แบบนี้ก็มี? หนุ่มแก้แค้นเครื่องตรวจจับความเร็ว เปิดกระโปรงรถบังกล้องมันซะเลยนี่แน่ะ!!
มีใครบ้างที่ไม่รู้สึกเซ็งเวลามีใบสั่งส่งมาให้ถึงที่บ้าน? จริงอยู่ที่เราทำผิดกฏจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจเลยส่งใบสั่งปรับมาให้เรา แต่ก็นะ…ใครจะไปอยากเสียเงินฟรีๆ กันล่ะ ไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้นที่รู้สึกไม่ถูกชะตากับใบสั่ง เพราะพ่อหนุ่ม ‘Chris Welford’ เค้าก็ไม่ค่อยชอบที่จะโดนตำรวจปรับเหมือนกัน และด้วยความไม่ชอบนี่แหละทำให้เจ้าตัวลุกขึ้นมาสร้างวีรกรรมแบบที่เรียกได้ว่า ใครใช้รถใช้ถนนในช่วงเวลานั้น เป็นอันต้องซาบซึ้งในบุญคุณพ่อหนุ่มคนนี้ทุกรายไป เพราะเจ้าตัวเล่นเปิดกระโปรงหลังรถขึ้นมาบังกล้องตรวจจับความเร็วซะงั้น!? นี่แหละโฉมหน้าของผู้กล้าที่แท้จริง สำนักข่าว Dailymail ได้เล่าว่า เดิมทีพ่อหนุ่มคนนี้เป็นผู้ใช้รถใช้ถนนบนเส้นทางนี้เป็นประจำอยู่แล้ว ทว่าครั้งแล้วครั้งเล่าที่เจ้าตัวขับเร็วเกินกำหนด และโดนตำรวจสั่งปรับกันเป็นว่าเล่น ด้วยความรู้สึกแค้นลึกๆ ผสมกับความอยากกวนทีนตำรวจหน่อยๆ วันหนึ่งหลังจากที่เขารับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ เจ้าตัวก็ขับรถ BMW คู่ใจมาจอดต่อกับรถจับความเร็วของตำรวจ จากนั้นเขาก็ทำการเปิดกระโปรงหลังรถเพื่อให้กล้องจับความเร็วไม่ได้ซะเลย และหลังจากที่ภาพนี้เริ่มเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ เจ้าตัวก็แอบหวั่นๆ ว่าจะโดนตำรวจหิ้วตัวไปเหมือนกัน แต่ผลปรากฏว่าจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีใครมาเอาความเลยจ้า… จากการกระทำดังกล่าวก็มีทั้งคนที่เชิดชูว่าเขาเป็นฮีโร่ผู้เสียสละ และคนที่รู้สึกไม่เห็นด้วย แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน แต่ก็น่าแปลกใจตรงที่ไม่มีใครอยากเอาเรื่องเค้าซ๊ากกคน ‘บอกตรงๆ ผมคิดว่าบริเวณนี้ไม่จำเป็นต้องมีการจำกัดความเร็วที่ต่ำขนาดนี้ รถทุกคันล้วนวิ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูงกว่ากำหนด ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้บริเวณนี้จะมีโรงเรียน แต่ตอนนี้มันได้ปิดตัวลงไปแล้ว ผมก็เลยคิดว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะควบคุมความเร็ว’ พ่อหนุ่มเล่า ดูได้แต่คงทำเลียนแบบไม่ได้ เพราะบ้านเราเค้าไม่จับความเร็ว แต่เค้าจับหมวกกันน็อคกันต่างหากล่ะ… ที่มา: Dailymail
-
รวมคอมเมนต์แฟนๆ Linkin Park หลังได้ยินซิงเกิ้ลใหม่ Heavy ที่แสนจะแหวกแนว!!
ถ้าช่วงต้นยุค 2000 เชื่อว่าหนึ่งในวงดนตรีร็อคที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก หลายๆ คนจะต้องนึกถึง Linkin Park อย่างแน่นอน ด้วยเพลงฮิตอย่าง Somewhere I Belong, Numb, Don’t Stay และอื่นๆ อีกมากมาย แม้จุดเริ่มต้นของวง Linkin Park จะมาจากการเป็นวงแนวเมทัล แต่ในอัลบั้มหลังๆ พวกเขาค่อยๆ ปรับเปลี่ยนแนวเพลงของตนเอง จนแทบจะเป็นคนละวงกับสมัยแรกๆ ซึ่งทางสมาชิกก็ได้ออกมาบอกว่า พวกเขาต้องการทดลองและหาแนวทางใหม่ๆ บ้าง แน่นอน เมื่อแนวเพลงเปลี่ยน ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนๆ มากมาย บางคนก็แสดงความไม่พอใจที่วงที่ตนชื่นชอบในช่วงแรกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แต่บางคนก็รับได้ เพราะชีวิตของคนเราก็ต้องก้าวเดินต่อและหาแนวทางใหม่ๆ บ้าง ล่าสุดวง Linkin Park ได้ปล่อยเพลง Heavy feat.Kiiara ซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้ม One More Light ออกมา ลองไปฟังกันดู หลังจากซิงเกิ้ลถูกปล่อยออกมา แฟนๆ ของ Linkin Park ก็เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย เพราะค่อนข้างจะผิดหวังที่เพลงนี้ออกมาทางแนวป๊อบอิเล็กทรอนิก…
-
หนุ่มจีนหนัก 220 กก. ลื่นล้มบนทางเดินข้างถนน ต้องให้คนกว่า 20 คนช่วยพยุงขึ้นมา…
สำหรับคนทั่วไป การล้มก้นจ้ำเบ้าอาจไม่เชื่อเรื่องร้ายแรงอะไร เพราะเดี๋ยวคุณก็ลุกขึ้นมาได้ (ถ้าไม่บาดเจ็บอะไร) แต่ถ้าคุณน้ำหนัก 220 กิโลกรัมล่ะก็ นั่นอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ เสี่ยวหวง หนุ่มคนหนึ่งจากเมืองวู่หาน มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน นับตั้งแต่เด็กแล้วเขาจะตัวใหญ่กว่าเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันเสมอ จนกระทั่งเมื่อ 7 ปีก่อน น้ำหนักเขาก็พุ่งทะยานอย่างหยุดไม่อยู่แตะ 200 กิโลกรัม และกลายเป็นคนที่อ้วนที่สุดในเมือง น้ำหนักตัวที่มากขนาดนั้น ทำให้เขาไม่เพียงเคลื่อนไหวยากเท่านั้น แต่ยังทำให้เขาไม่สามารถหางานทำได้ด้วย ทำให้หลังจากเรียนจบเป็นต้นมา เขาก็เอาแต่เล่นเกมคอมพิวเตอร์อยู่ที่บ้าน ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ครอบครัวของเขาพยายามพาเขาตระเวนหาทางลดน้ำหนัก แต่ก็ไม่มีวิธีไหนประสบความสำเร็จแม้แต่วิธีเดียว จนสุดท้ายน้ำหนักเขาก็เพิ่มไปจนถึง 220 กิโลกรัม ด้วยความเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ ตั้งแต่ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา พวกเขาได้บังคับให้เสี่ยงหวงลดน้ำหนัก ด้วยการลดอาหารและงดขนมทุกชนิด ซึ่งการลดอาหารครั้งนี้ ทำให้เสี่ยวหวงไม่ค่อยมีแรงและเป็นลมง่าย อย่างเช่นเมื่อช่วงต้นเดือน เขาเป็นลมในห้องน้ำ ครอบครัวของเขาต้องโทรเรียกตำรวจมาช่วยพาเขาไปโรงพยาบาล หลังจากทำการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลกว่าหนึ่งสัปดาห์ เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมาเขาก็ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ และระหว่างที่เขากำลังจะขึ้นแท็กซี่หน้าโรงพยาบาลนั้นเอง เขาก็เกิดลื่นล้ม และเขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ด้วยตนเอง แม่ของเสี่ยวหวงจึงโทรเรียกตำรวจมาช่วย ตอนแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจมากันเพียงสองคน…
-
เด็ก 7 ขวบเขียนใบสมัครงานส่งไปให้ Google ทาง CEO ประทับใจ ส่งจดหมายตอบกลับ!!!
เด็กหลายๆ คนมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นนักบินอวกาศ เชฟ หรือไม่ก็เป็นนักผจญเพลิง แต่สำหรับเด็กสาวคนนี้กลับใฝ่ฝันที่อยากจะทำงานในบริษัทชื่อดังอย่าง Google กลายเป็นเรื่องราวสุดน่ารักเมื่อสาวน้อยวัย 7 ขวบ ส่งจดหมายไปสมัครงานกับบริษัท Google และก็ได้รับการตอบกลับจาก CEO ซะด้วย!! Chloe Brigewater เด็กสาววัย 7 ขวบ ได้ทำการเขียนจดหมายด้วยลายมือเล่าถึงความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ และบอกถึงความสนใจที่จะทำงานในสถานที่ที่มีเก้าอี้ฟูกและโกคาร์ทบริการให้กับพนักงาน ข้อความในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า… “ถึง Google Boss หนูชื่อว่า Chloe และเมื่อโตขึ้นหนูอยากทำงานร่วมกับ Google หนูยังอยากทำงานในโรงงานช็อคโกแล็ตอีกด้วย และไปว่ายน้ำแข่งขันในโอลิมปิค หนูต้องไปว่ายน้ำทุกวันเสาร์และวันอังคาร พ่อหนูบอกว่าถ้าไปทำงานที่ Google หนูจะได้นั่งทำงานบนเก้าอี้ฟูกแสนนุ่มนิ่ม สไลด์เดอร์ และเล่นโกคาร์ทแสนสนุก หนูชอบคอมพิวเตอร์เหมือนกันและมีแท็บเล็ตเป็นของตัวเองด้วยนะ หนูเล่นเกมที่คุณพ่อโหลดมาให้เป็นเกมที่ต้องบังคับหุ่นยนต์ขึ้นๆ ลงๆ เพื่อหลบกล่องสี่เหลี่ยม พ่อบอกว่าการเรียนคอมพิวเตอร์มันจะช่วยหนูได้มาก และพ่อบอกว่าจะซื้อคอมฯ ให้หนูด้วย หนูอายุ 7 ขวบ และคุณครูบอกแม่กับพ่อของหนูว่าหนูเป็นเด็กที่เรียนดีมากๆ ทั้งการอ่าน และการออกเสียง พ่อบอกว่าถ้าหนูตั้งใจเรียนและทำคะแนนดีๆ แบบนี้ต่อไป…
-
หนูน้อยมารยาทดีถอดรองเท้าให้ ‘ตุ๊กตาบาร์บี้’ ก่อนเอาไปเล่นในบ้าน ถูกใจชาวเน็ตนับแสน!!
โดยปกติแล้วก่อนเข้าบ้านทุกคนจะต้องถอดรองเท้าเอาไว้ที่หน้าบ้านเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในวันนี้ต้องขอบอกเลยว่ามันไม่ปกติ… เพราะสาวน้อยคนนี้เธอถอดรองเท้าของตุ๊กตาทุกตัวก่อนที่จะพามันไปเล่นในบ้านด้วยนี่สิ ฮร่า!! ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับหนูน้อย Korra Lam เด็กหญิงวัย 4 ขวบจากเมือง Orange County รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เรื่องราวความน่ารักของเธอนั้นถูกพูดกันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล เพราะทุกครั้งที่เธอเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ เธอจะถอดรองเท้าให้กับตุ๊กตาก่อนที่จะพาเข้าไปในบ้านตุ๊กตา นั่นก็เพราะเป็นธรรมเนียมที่ชาวเอเชียอย่างเราๆ มักจะปฏิบัติกัน พี่สาวของเธอ Ivy Ho วัย 16 ปีเล่าว่าหนูน้อย Korra นั้นเพิ่งได้ชุดของเล่นตุ๊กตาร์บาร์บี้ Barbie Dream House มาจากของขวัญวันคริสต์มาสที่ผ่านมาส และเธอก็ไม่เคยรู้เลยว่าทุกครั้งที่น้องสาวของตัวเองเล่นมันนั้น จะทำการถอดรองเท้าของตุ๊กตาออกก่อนทุกตัวก่อนที่จะพาเข้าไปในบ้าน “ฉันถามเธอว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้น และเธอก็บอกว่า ‘พวกเขาก็เหมือนกับพวกเรานั่นแหละ ที่สำคัญยังทำให้บ้านของพวกเขาสะอาดอยู่ตลอดเวลาด้วยนะ” Ho เล่า Ho ได้ทำการโพสต์รูปภาพของน้องสาว พร้อมกับเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นลงทวิตเตอร์ส่วนตัวของตัวเอง ทำให้มีผู้คนเข้ามากดไลค์กันมากกว่า 390,000…
-
จดหมายสุดท้ายของหญิงสาว… ตัดสินใจจบชีวิต เพราะถูกกลั่นแกล้ง-ข่มขืนอย่างโหดร้าย
Cassidy Trevan เป็นชื่อของหญิงสาววัย 15 ปี จากเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ที่ต้องมาเจอกับเรื่องราวอันแสนเลวร้ายในชีวิต หลังจากที่ถูกคนใจร้ายรังแก และข่มขืนในตอนที่เธออายุได้เพียง 13 ปีเท่านั้น เหตุนี้จึงทำให้เธอได้ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเอง จนนำมาสู่เรื่องราวอันแสนเศร้าที่ทำให้หลายคนถึงกับใจสลาย วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้นำเรื่องราวของ Cassidy มาเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ ก็ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างก็พากันโศกเศร้า และเสียใจไปตามๆ กันที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องมาจบชีวิตลงเพราะความโหดร้ายของมนุษย์ จากการรายงานระบุว่า ก่อนที่ Cassidy จะเสียชีวิต เธอได้เขียนจดหมายลาตาย เพื่อเป็นคำเตือนให้กับนักเรียนคนอื่นๆ ที่โรงเรียนของเธอ โดยมีข้อความดังต่อไปนี้… “ฉันชื่อ Cassidy Trevan และฉันถูกข่มขืน ฉันเป็นนักเรียนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ฉันถูกนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่โรงเรียนเดียวกันข่มขืน จุดประสงค์ที่ฉันเขียนจดหมายขึ้นมาก็เพราะฉันอยากจะออกมาเตือนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น (รวมถึงผู้ปกครองด้วย) เพราะฉันกลัวว่าพวกเขาอาจจะทำกับนักเรียนคนอื่นๆ เหมือนที่ทำกับฉัน… สำหรับคนที่ข่มขืน กลั่นแกล้งฉัน และทำให้ฉันถูกข่มขืน ฉันไม่ได้ต้องการที่จะแก้แค้น แต่เพียงแค่อยากจะออกมาเตือนนักเรียนในโรงเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 7-12 ปี เพราะฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับใครอีก หลังจากที่เกิดเรื่องฉันเลยอยากออกมาเตือน…
-
สนามบินเกาหลีระดมพนักงานทำความสะอาดเพิ่ม หลังกรุ๊ปทัวร์จีนลง สร้างขยะมากยิ่งขึ้น!!
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สนามบินเจจู ในประเทศเกาหลีใต้ต้องประกาศระดมพนักงานทำความสะอาดเพิ่มเติม หลังจากมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนมาทิ้งขยะเอาไว้กลางอาคารผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก และเป็นภาพที่ถูกส่งต่อกันในโลกออนไลน์อย่างแพร่หลาย… ทางสนามบินได้รายงานว่า พวกเขาได้พยายามให้เจ้าหน้าที่เข้าไปแนะนำให้นักท่องเที่ยวทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทางแล้ว แต่สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นอย่างที่เราเห็นกันในภาพด้านบน ทางสนามบินเจจูจึงจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนของพนักงานทำความสะอาดในอาคารผู้โดยสาร พร้อมๆ ทั้งให้คำแนะนำแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนต่อไป โดยหวังว่าพวกเขาจะมีพฤติกรรมดีขึ้นในอนาคต โดยปัญหานักท่องเที่ยวจีนเริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงปีก่อน แม้จะมีความพยายามจะแก้ปัญหา ด้วยการให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามทางสนามบินได้กล่าวว่า ไม่ใช่คนจีนทุกคนที่จะทำแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่คนที่ทำ จะมาเป็นกรุ๊ปมากกว่า นอกจากนี้ไม่เพียงแค่บนสนามบินเท่านั้น แม้กระทั่งบนรถบัส ก็มีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นเช่นกัน… หนึ่งในพนักงานสนามบินเจจูกล่าวว่า “เราไม่ได้มีปัญหากับนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่นี่มันเป็นปัญหาของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ขาดจิตสำนึกที่ดี และได้กระทำการอย่างไม่เหมาะสมในสนามบิน” หลังจากชาวเน็ตซึ่งได้อ่านข่าวและเห็นภาพดังกล่าว ต่างก็พากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงต่างๆ แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่จะไปในแนวทางที่ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมดังกล่าว เช่น… “คนจีนอีกแล้วเหรอเนี่ย คนพวกนี้ไม่เคยทำอะไรให้ถูกต้องและถูกสุขลักษณะเลยนะ” “นี่มันหยาบคายและไม่เคารพกันสุดๆ เลย นี่มันไม่ใช่การทิ้งโดยบังเอิญแล้ว แต่มันคือการตั้งใจทิ้งชัดๆ การเป็นนักท่องเที่วไม่ได้แปลว่าจะทำอะไรก็ได้นะเฮ่ย” “คนจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่ ฉันเคยเจอตอนไปฮ่องกง พวกเขาชอบแทรกแถวและก็ดันๆ คนฮ่องกงดีกว่าเยอะ” “ก็จริงที่นักท่องเที่ยวจีนไปทำแบบนี้ แต่ทำไมคอมเมนต์ด่าคนจีนทั้งหมดเลยล่ะ…
-
13 ภาพพ่อและลูกในช่วงเวลาสุดมุ้งมิ้ง เห็นแล้วก็ต้องยิ้มตาม น่ารักจริงๆ นะ!!
เรามักจะเคยเห็นภาพช่วงเวลาดีๆ น่ารักๆ ซึ้งๆ ระหว่างแม่กับลูกกันมาก็เยอะแล้ว ถ้าอย่างนั้นลองมารับชมภาพของพ่อกับลูกบ้างกันดีกว่า รับว่ามันจะทำให้คนดูอย่างเราๆ รู้สึกประทับใจ และอบอุ่นตามแน่นอน ลองคิดดูสิว่าผู้ชายตัวโตๆ คนหนึ่ง เมื่อกลายมาเป็นคุณพ่อที่แสนดี มันจะน่ารักขนาดไหน และนี่คือ 13 ภาพสุดประทับใจที่จะมาทำให้คุณได้เห็นว่าหนุ่มๆ เหล่านี้เป็นคุณพ่อที่น่ารักที่สุดในโลกเลย เขารู้วิธีเสริมสวยให้ลูกสาวด้วยนะ พวกเขาพร้อมเสมอที่จะเล่นกับลูกๆ สามารถช้อปไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วยก็ยังได้ สตรองมาก!! รักแรกพบ เป็นการกอดที่ดูอบอุ่นที่สุดแล้ว นอนบนอกพ่อ สบายที่สุดแล้ว ความรักสำคัญกว่าอะไรทั้งสิ้น เป็นคุณพ่อที่มีความคิดสร้างสรรค์มาก อยู่กับพ่อไม่เคยทำให้เบื่อเลย ถึงจะเป็นคุณพ่อที่งานยุ่งมากเพียงใด แต่ก็รู้วิธีที่จะผ่อนคลายนะ เล่นไปด้วยทำงานไปด้วยก็ยังได้ การบอกลาลูกเพื่อไปทำงานมันเป็นอะไรที่ยากที่สุดแล้ว ถึงจะเป็นผู้ชายร่างใหญ่ แต่เมื่ออยู่กับลูกพวกเขาจะกลายเป็นคนอ่อนโยนไปในทันทีเลย ผู้ชายอยู่กับเด็กก็น่ารักมุ้งมิ้งเหมือนกันนะเนี่ย หากสาวๆ คนไหนมีสามีที่เป็นสุดยอดคุณพ่อแบบนี้ คุณจะต้องเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกแน่ๆ ที่มา : brightside
-
เรื่องราวของคู่รักมี Skype สื่อรักในทุกๆ วัน แม้ตัวจะอยู่ห่างไกล แต่ไม่ใช่อุปสรรค!!
ย้อนกลับไปในช่วงอดีต เวลาที่อยู่ห่างจากคนที่เรารัก เช่น อยู่กันคนละจังหวัด หรืออยู่กันคนละประเทศ หลายคนอาจจะหาวิธีคลายความคิดถึงได้โดยการโทรศัพท์ หรือส่งจดหมาย แต่นั่นอาจจะทำให้เรายิ่งคิดถึงกันมากขึ้นกว่าเดิม เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ทำให้เราได้ยินเพียงแค่เสียง และเห็นเพียงแค่ตัวหนังสือ ซึ่งต่างจากปัจจุบันที่เทคโนโลยีได้รับการพัฒนามากขึ้น ทำให้เราสามารถมองเห็นหน้ากันได้ แม้กว่าจะอยู่กันคนละซีกโลกก็ตาม… และนี่คือเรื่องราวของ Justine และ Derek คู่รักที่อยู่ห่างไกลกันออกไปกว่า 5,600 ไมล์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรักของทั้งคู่ที่มีให้กันลดน้อยลงไปเลย และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่แอพพลิเคชั่นสามารถทำให้ทั้งคู่เหมือนอยู่ใกล้กันได้ เรื่องราวของ Justine และ Derek ได้เริ่มขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่พบกันครั้งแรกที่โรงเรียนมัธยมในเมืองลาเวิร์น รัฐแคลิฟอร์เนีย และได้ตัดสินใจคบกัน แต่น่าเสียดายที่ความรักของทั้งคู่ต้องจบลงในระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือน ซึ่งหลังจากที่จบการศึกษาพวกเขาก็ไม่ได้พบกันอีกเป็นนานกว่า 3 ปี จนในที่สุดในปี 2011 ทั้งคู่ก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง วันหนึ่ง Justine ได้เห็นชื่อของ Derek บน Skype ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอได้ตัดสินใจติดต่อไปหาเขา และนั่นก็ทำให้เธอได้รู้ว่า Derek…
-
คุณยายเฝ้ารอสามีอย่างมีความหวัง จนเวลาผ่านไป 70 ปี พบว่าเขาเสียชีวิตไปแล้วในสงคราม
เป็นเวลากว่า 70 ปีมาแล้วที่คุณยาย Peggy Harris ต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง เพราะสามีของคุณยาย คุณตา Billie Harris ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย… เรื่องราวความรักของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นในปี 1944 ขณะที่คุณยาย Peggy อาศัยอยู่ที่เมือง Vernon รัฐ Texas และได้พบกับคุณตา Bellie ขณะที่อายุได้ 22 ปี ไม่นานหลังจากที่ทั้งคู่ได้พบกัน พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะแต่งงาน และอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมาคุณตา Billie ก็ต้องออกเดินทางไปยังยุโรปเพื่อเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นเหตุให้ทั้งคู่ต้องแยกจากกัน และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่คุณยาย Peggy ได้พบกับเขา จนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไปกว่า 70 ปี ที่คุณยายต้องต่อสู้และเผชิญกับความโดดเดี่ยวเพียงลำพัง โดยที่ไม่เคยแต่งงานใหม่แม้แต่ครั้งเดียว หลังจากที่ออกไปรบเมื่อวันนั้น คุณตา Billie ก็หายตัวไป มีข่าวลืออย่างหนาหูว่าเขาเสียชีวิตไปในสงครามแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคุณยายก็ยังคงไม่ละทิ้งความหวัง และเชื่อมาตลอดว่าคุณตายังคงมีชีวิตอยู่ หลังผ่านไปประมาณ 70 ปี ญาติของคุณยาย Peggy ก็ได้ทำการค้นหาข้อมูลของคุณตา…
-
เจ้านายทุ่มสุดตัว เพื่อรีบลงไปช่วยชีวิตหมาแสนรัก หลังเกิดพลัดตกลงไปในธารน้ำแข็ง
ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ทำเอาคนดูจากทั่วโลกลุ้นไปตามๆ กันเลยทีเดียว เมื่อน้องหมาสีขาวตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Freddie ดันตกลงไปในธารน้ำแข็ง แต่โชคดีที่มันสามารถรอดชีวิตมาได้ เพราะเจ้านายลงมาช่วยเอาไว้ได้ทันท่วงที เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 ทางสำนักข่าว Thesun ได้เผยภาพวินาทีสุดประทับใจขณะที่เจ้าของสุนัข กำลังคลานเข้าไปกลางทะเลสาบน้ำแข็ง ใน Chingford กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อเข้าไปช่วยเหลือน้องหมาแสนรักของเธอ หลังจากที่มันดันตกลงไปในธารน้ำแข็ง โดยที่ไม่สามารถขึ้นมาเองได้ หลังจากที่ Freddie ได้ลงไปเล่นกลางทะเลสาบ มันก็เกิดพลาดท่าตกลงไปในธารน้ำแข็ง โดยที่ไม่สามารถดึงตัวเองขึ้นมาได้เลย โชคดีที่เจ้าของผู้กล้าหาญของมันได้เสี่ยงชีวิตลงไปช่วยเอาไว้ เจ้าหมาสีขาวตัวน้อยในเสื้อจัมเปอร์สีแดงถูกดึงขึ้นมาจากธารน้ำแข็ง มันเปียกชุ่มไปทั้งตัว สำหรับภาพดังกล่าวถูกถ่ายขึ้นโดย Alice Wardill ช่างภาพมือสมัครเล่น ที่ได้ไปท่องเที่ยวยังสถานที่แห่งนั้นพร้อมกับสามีและลูกของเธอ และสามารถบันทึกภาพถ่ายวินาทีที่น่าทึ่งเอาไว้ได้พอดี “เราอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 12.00 น. จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา และภาพที่เห็นก็คือมีสุนัขตัวหนึ่งได้วิ่งลงไปกลางทะเลสาบ แล้วตกลงไปบริเวณน้ำแข็งที่ละลาย…. จากนั้นเราก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งได้คลายเข้าไปเพื่อช่วยเหลือเจ้าสุนัขตัวนั้น เธอดึงมันขึ้นมา และพามันกลับไปยังที่ที่ปลอดภัย” Alice กล่าว …
-
‘Kanae Kijima’ ฆาตกรหญิงชื่อดังแห่งญี่ปุ่น ฉายา ‘แม่ม่ายดำแห่งยุคอินเตอร์เน็ต’!!
ปกติแล้วถ้าชวนให้คิดถึงเรื่องฆาตกร เราเชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกถึงภาพชายหนุ่มผู้มีความผิดปกติทางจิต มีท่าทางดูน่ากลัว มาพร้อมกับนัยน์ตาที่ดูโหดร้ายสุดๆ แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับฆาตกรหญิงชื่อดังจากแดนอาทิตย์อุทัย เธอได้รับฉายาว่าเป็น ‘แม่ม่ายดำแห่งยุคอินเตอร์เน็ต’ ผู้พรากชีวิตชายหนุ่มมาแล้วหลายต่อหลายคน!! คานาเอะ คิจิมะ เรื่องราวทั้งหมดของเธอนั้นค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว สาเหตุที่เธอได้รับฉายาแม่ม่ายดำ เพราะเธอมักจะหลอกเหยื่อซึ่งส่วนใหญ่เป็นชายวัยกลางคน และมีฐานะที่ค่อนข้างดีจากเว็บไซต์หาคู่ โดยเธอจะทำทีว่าชวนเหยื่อมาค้างที่บ้านก่อนจะทำการหลอกลวงเอาเงิน และฆาตกรรมอย่างโหดร้าย พร้อมทั้งอำพรางรูปคดีให้ดูเหมือนว่าเป็นการฆ่าตัวตาย โดยส่วนใหญ่เธอจะใช้วิธีลวงให้เหยื่อสูดดมควันพิษจากการเผาไหม้ หลังจากที่เธอแอบวางยานอนหลับ และนั่นก็ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการฆ่าตัวตายซะมากกว่า (เป็นวิธีฆ่าตัวตายยอดนิยมของคนญี่ปุ่นในช่วงนั้น) ภาพของเธอจากหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ในญี่ปุ่น ในโปรไฟล์ของเธอตามเว็บไซต์หาคู่ เธอมักจะสร้างภาพให้ตัวเองเป็นผู้หญิงไฮโซ มีรสนิยมที่ค่อนข้างใช้เงินสูง และมักจะประกาศว่าตัวเธอเองอยากเป็นเจ้าสาวของคนดีๆ ซักคน ทว่าเรื่องราวทั้งหมดเริ่มเป็นที่สงสัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อมีคนตรวจสอบพบว่ามีชายสองคนที่รู้จักเธอ และทั้งคู่ต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้พบหลักฐานชี้ชัดว่า เธอมีความผิดข้อหาฉ้อโกงติดตัวอยู่ก่อนแล้ว และมีชายอีก 4 คนที่เกี่ยวข้องกับเธอ พร้อมทั้งหายตัวไปอย่างลึกลับเหมือนกัน ต่อมาเธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมพร้อมหลักฐาน โดยศาลได้พิจารณาว่าเธอฆ่าคนไปเพียงเพื่อต้องการทรัพย์สิน และเธอก็พร้อมที่จะฆ่าแฟนหนุ่มทุกคนหลังจากที่เขาไม่สามารถหาเงินให้เธอใช้แล้วได้ โดยมีประโยคหนึ่งที่เธอได้ให้การไว้ในชั้นศาล ซึ่งมันสามารถสะท้อนความเป็นตัวตน และเหตุจูงใจในการกระทำของเธอได้เป็นอย่างดี ‘ฉันมีชีวิตที่หรูหรามาตั้งแต่เด็ก และฉันก็รับไม่ได้ถ้าหากว่าชีวิตจะตกต่ำลง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉันก็คือการหาใครซักคน ที่สามารถช่วยเหลือฉันเรื่องเงินได้’ คำกล่าวของเธอในชั้นศาล 13…
-
เชื่อหรือไม่ว่า “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ที่คุณกำลังเห็นนี้ ไม่ใช่ตัวจริง แต่เป็นการคอสเพลย์!!!
ถ้าพูดถึงนักร้องสาวที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดในยุคนี้ เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึง “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ชาวอเมริกันอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าเธอจะปล่อยเพลงอะไรออกมา ก็ได้รับความนิยมอย่างสูงเรื่อยมา แต่เชื่อหรือไม่ คนที่ในภาพด้านล่างนี้ แม้เธอจะดูคล้ายนาดไหน แต่เธอไม่ใช่เทย์เลอร์ สวิฟต์… เธอมีชื่อว่า “แอพริล กลอเรีย” นักคอสเพลย์สาวอเมริกัน ปกติเธอก็คอสเพลย์ตัวละครจากเกม หนัง หรือการ์ตูนเหมือนนักคอสเพลย์คนอื่นๆ แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ เธอสามารถคอสเพลย์เป็น “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ได้เหมือนแบบสุดๆ เลยล่ะ เธอกล่าวว่า “ฉันชอชการสร้างสรรค์มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ปัจจุบันฉันก็ชอบคอสเพลย์เป็นตัวละครต่างๆ แต่ฉันก็ชอบวาดรูปแล้วก็แต่งหน้าอีกด้วย ทุกวันนี้ฉันทำงานเต็มเวลาในโรงงานแห่งหนึ่ง แต่เมื่อว่าง ฉันก็จะมาทำสิ่งที่ฉันรัก” ในยามปกติ เธอก็มีส่วนคล้ายเทย์เลอร์อยู่แล้ว ยิ่งแต่งหน้าซักนิด ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่ มองมุมไหนก็เทย์เลอร์ สวิฟต์ชัดๆ เพื่อนๆ ว่าเหมือนมั้ยล่ะ นอกจากเทย์เลอร์ สวิฟต์แล้ว เธอยังคอสเพลย์เป็นตัวละครอื่นๆ ด้วยนะ . ใครอยากติดตามผลงานของเธอ…
-
นิตยสาร Playboy ประกาศกลับมาใช้รูปเปลือยอีกครั้ง หลังเพิ่งแบนไปเมื่อปีที่ผ่านมา!??
หลังจากที่นิตยสารปลุกใจเสือป่าชื่อดังระดับโลกอย่าง Playboy ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะทำการแบนภาพเปลือยออกไปจากนิตยสารเมื่อปีที่ผ่านมา… แต่เหมือนอะไรจะดลใจ มีเสียงต่อต้าน หรือผลประโยชน์อะไรบางอย่างเราก็ไม่ทราบได้ เพราะล่าสุดพวกเขาก็ได้ออกมาประกาศยกเลิกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อปีก่อนว่าจะทำการแบนรูปเปลือยทั้งหมดออกจากนิตยสารเพราะต้องการที่จะดึงดูดผู้อ่านหลักและผู้ลงโฆษณาให้มากยิ่งขึ้น แต่สุดท้ายแล้วนโยบายดังกล่าวก็ถูกล้มเลิกไป เพราะเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาทางนิตยสาร Playboy ได้ลงรูปเปลือยของนางแบบ Elizabeth Elam พร้อมกับโคว้ตข้อความว่า “การเปลือยเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดา” เรื่องนี้ต้องอ้างไปถึงนาย Cooper Hefner ลูกชายของผู้ก่อตั้งนิตยสาร Playboy ที่เข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟของ Playboy เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตามรายงานได้บอกเอาไว้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับการแบนภาพเปลือย ซึ่งเป็นจุดเด่นของนิตยสารตั้งแต่ครั้งแรกที่ตีพิมพ์ออกมาเมื่อปี 1953 (โดยมีนางแบบผู้โด่งดังคือ Marilyn Monroe ที่คนจะรู้จักมากที่สุด) ทางนิตยสาร Playboy กล่าวเอาไว้ว่า ในยุคนี้ผู้คนสามารถเข้าถึงสื่อลามกได้อย่างง่ายดายผ่านทางระบบออนไลน์ ทำให้ยอดขายและผู้อ่านนิตยสารลดลง “ผมจะเป็นคนแรกที่จะยอมรับในวิถีทางของนิตยสารอย่างที่เราเคยทำมาก่อน ซึ่งการนำภาพเปลือยออกไปถือเป็นการกระทำที่ผิดพลาด ภาพโป๊เปลือยไม่เคยเป็นปัญหา เพราะการเปลือยไม่ใช่ปัญหา วันนี้เราจะนำเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบที่เราเคยเป็นมาตลอดกลับมาและจะทำให้ทุกคนรู้จักเราในแบบที่เป็นเราอย่างแท้จริง” Cooper กล่าว จากการตัดสินใจในครั้งนี้เรียกเสียงตอบรับที่ดีจากกลุ่มเรียกร้องสิทธิให้สตรี เพราะดูเหมือนว่าบางกลุ่มจะเห็นว่าภาพเปลือยของผู้หญิงก็เป็นสิ่งที่ปกติธรรมดา และการแบนมันออกไปก็เหมือนกับการดูถูกกันนั่นเอง… นี่สิถึงจะเรียกว่า ‘นิตยสารปลุกใจเสือป่า’…
-
สุดเฟี้ยว!! อาม่าวัย 94 ฝึกฝนวิชาศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่ 4 ขวบ จนได้รับฉายา “กังฟูอาม่า”
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2560 ทางเว็บไซต์ข่าวจากทางประเทศจีนได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวของ Zhang Hexian อาม่าวัย 94 ปีรายนี้ เพราะเธอไม่ใช่เพียงแค่คนแก่ทั่วๆ ไป แต่เธอได้รับฉายาว่าเป็น “กังฟูอาม่า” ที่พกเอาวิชาศิลปะป้องกันตัวมาคอยปกป้องความปลอดภัยของผู้คนในหมู่บ้าน โอ้ววว…สุดยอดไปเลยอาม่า!! ตามประวัติระบุว่า เธออาศัยอยู่ในหมู่บ้านลี่หยาง มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกเฉียงได้ของจีน เธอเริ่มที่จะเรียนรู้กังฟูเมื่อตอนที่มีอายุเพียง 4 ปี และหลังจากนั้นเธอก็เริ่มฝึกฝนวิชามาตลอดเป็นระยะเวลามากกว่า 90 ปี จนกลายเป็นอาม่าสุดแกร่งอย่างที่เห็น แม้ว่าอายุอานามของอาม่าจะมากถึง 94 ปี แล้ว แต่เธอก็ยังดูแข็งแรง และคล่องแคล่วว่องไวไม่แพ้หนุ่มสาวเลยทีเดียว จากที่เคยเริ่มหัดกังฟูตั้งแต่เด็กจนทำให้เธอกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ด้านวิชาป้องกันตัวไปแล้ว และในตอนนี้อาม่าก็ยังฝึกฝนวิชาอยู่นะ นอกจากนี้ อาม่าก็มักจะโชว์ทักษะด้านการต่อสู้ให้กับชาวบ้านได้รับชมอยู่บ่อยๆ แถมยังถูกยกให้เป็นผู้ปกป้องความปลอดภัยจากเหล่าวายร้าย และผู้ที่ถูกรังแกอีกด้วย ที่มา : shanghaiist
-
ไปรู้จักกับ 7 คุณทวดทั่วโลก ที่ล้วนอายุเกิน 100 ปี พวกเธอเป็นใคร แล้วทำอะไรถึงอายุยืน!?
การที่เรามีสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่ดี เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้คนเรามีอายุที่ยืนยาวได้ เพราะการมีอายุที่ยืนยาวนั้นจะช่วยทำให้เราได้อยู่กับคนที่เรารักไปได้นานๆ ยังไงละ และในครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 7 คุณทวดที่ล้วนแต่มีอายุเกิน 100 ปี ที่ยังมีสุขภาพ และร่างกายที่แข็งแรงจนอยู่กันมาได้นับศตวรรษ บางคนก็เคยถูกบันทึกไว้ว่าเป็นบุคคลที่มีอายุเยอะที่สุดในโลกกันเลยทีเดียว 1. Emma Morano Emma Morano คุณทวดชาวอิตาลีที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นบุคคลที่แก่ที่สุดในโลก และเป็นคนสุดท้ายที่เกิดในศตวรรษที่ 19 ที่ยังชีวิตอยู่ เธอเกิดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 1899 เธอแต่งงานกับ Giovanni Martinuzzi ในปี 1926 แต่หลังจากที่ลูกของเธอเสียชีวิตลง เธอกับสามีก็ได้แยกทางกัน นั่นทำให้คุณทวดตัดสินใจเป็นโสดมาตลอด นอกจากนี้ เธอยังได้มาเผยเคล็ดลับการที่มีอายุยืนว่า การที่มีอายุยืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้เป็นผลมาจากการที่เธอชอบทานไข่ดิบนั่นเอง (เอ๊ะ!?) 2. Yisrael Kristal Yisrael Kristal คุณทวดชาวโปแลนด์ที่ได้รับการบันทึกจาก Guinness World Records ว่าเป็นบุคคลที่อายุยืนมากที่สุดในโลก ซึ่งคุณทวดเคยเป็นหนึ่งในคนที่สามารถรอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในช่วงสงครามโลกมาได้ แต่น่าเศร้าที่เขาต้องเสียลูกและภรรยาอันเป็นที่รักไปจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่ต่อมาคุณทวดก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ และได้แต่งงานใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็พาภรรยาและบุตรชายอพยพไปยังประเทศอิสราเอล และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนับตั้งแต่นั้นมา…
-
รวมภาพสถานที่จัดโอลิมปิกริโอ 2016 หลังผ่านไปไม่ถึงปี กลับเสื่อมโทรมน่าใจหาย…
เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา หลายคนคงจะจำได้ว่ามีการจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2016 ขึ้น ณ นครริโอ เดอ จาเนโร โดยมีประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพ ซึ่งนอกจากเราจะได้เห็นพิธีเปิดที่ยิ่งใหญ่แล้ว เรายังได้เห็นเหล่านักกีฬาจากทั่วโลกมารวมตัวกันอีกด้วย และนี่ก็เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้วสินะ ที่มหกรรมการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดของโลกได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลายคนอาจไม่ได้สนใจว่าสถานที่ที่เคยจัดการแข่งขันนั้น ในตอนนี้มีสภาพเป็นอย่างไร บางคนอาจคิดว่ามันคงกลายไปเป็นสถานที่ที่ให้บรรดานักกีฬาของประเทศได้ฝึกซ้อม หรือนำไปใช้ประโยชน์ต่อ แต่ในความเป็นจริงหลังจากที่การแข่งขันจบลง สถานที่เหล่านั้นหลายแห่งและแทบจะทั้งหมด กลับไม่มีใครเข้ามาดูแล แถมยังถูกทิ้งร้างไปอย่างน่าเสียดาย… นี่คือภาพของสนามกีฬามารากานัง สนามฟุตบอลในเมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เป็นสนามกีฬาแห่งชาติของบราซิล และถือเป็นหนึ่งในสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกใช้เป็นสถานที่จัดพิธีเปิดและปิดโอลิมปิก เก้าอี้ในสนามที่ไม่มีใครดูแล จนมีสภาพชำรุดเสียหายอย่างที่เห็น สนามหญ้าที่แห้งแล้ง และไม่สวยงามดังเดิม ก่อนหน้าที่จะเริ่มจัดโอลิมปิก 2016 นั้น ที่ริโอเคยมีเรื่องราวอื้อฉาวเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการระบาดของโรคไวรัส Zika หรือจะเป็นเรื่องของรัฐบาลรัสเซียสนับสนุนให้นักกีฬาของประเทศตัวเองโด๊ปยา หรือข่าวการทุจริตของประธานาธิบดี Dilma Rousseff เป็นต้น สภาพสระว่ายน้ำที่ถูกทิ้งไม่มีการดูแล จนสระกลายเป็นสีเขียวขุ่น…
-
หนูน้อย 9 ขวบเขียนถึง 9 สิ่งที่เธออยากทำสักครั้งในชีวิต ฝันไกลซะจนผู้ใหญ่ยังยอม…
เราทุกคนล้วนมีความฝันและลิสต์รายการสิ่งที่อยากจะทำซักครั้งในชีวิตทั้งนั้นแหละหน่าา แม้ว่าสิ่งนั้นมันอาจจะดูบ้าบอ หรือดูไกลตัวเรามากเกินไปบ้างก็เถอะ แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีลิสต์สิ่งที่อยากจะทำซักครั้งในชีวิตอันไหนจะพีคเท่าของสาวน้อยวัย 9 ขวบคนนี้อีกแล้ว!! ชาวเน็ตผู้ใช้ทวิตเตอร์ ‘Asbronaut’ หรือนาย Josh ได้ทำการโพสต์ภาพ ลิสต์รายการสิ่งที่อยากจะทำซักครั้งในชีวิต (Bucket List) ของน้องสาววัย 10 ขวบของเขาเอง ความพิเศษของมันก็คือ… มันช่างเป็นลิสต์รายการที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ เห็นแล้วเป็นต้องยอม เพราะแต่ละอย่างที่สาวน้อยคนนี้อยากทำมันช่างแอดว๊านซ์ซะเหลือเกิ๊นนน โดยความฝันเล็กๆ แต่แสนจะยิ่งใหญ่ของสาวน้อยวัย 10 ขวบ มีดังนี้… 1. กินปลาฉลามหัวค้อน กินงู และกินหมี 2. เลี้ยงปลาบล็อบฟิช หมีโคอาล่า สล็อต และนกฟลามิงโก้ (สัตว์ป่าหายากทั้งน๊านนน) 3. หาป้ายซักอันที่เขียนด้วยภาษาอื่น แล้วค่อยมาแปลอีกทีตอนวันที่ 12 มีนาคม 2019 4. ได้ลองเล่นกายกรรมโหนผ้า 5. อยู่ในห้องโล่งๆ ซักชั่วโมงนึง 6. กินทาโก้ 10 อัน จากร้าน Taco…
-
ตำรวจจีนได้รับแจ้ง เสือบุกสวนสาธารณะ รีบระดมกำลังปิดล้อมจับ แล้วพบว่ามันคือ… “ตุ๊กตา”
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 ทางเว็บไซต์ข่าวจากทางประเทศจีน ได้เผยเรื่องราวชวนขำของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากมณฑลเจ้อเจียง ในประเทศจีนว่า… ในช่วงบ่ายวันพฤหัสบิดีที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเสือขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง กำลังเดินป่วนอยู่ในสวนสาธารณะ Huaguoshan ในเขต Changxing งานนี้จึงทำให้พวกเขารีบไปสถานที่ดังกล่าวทันที เพื่อให้การช่วยเหลือ ทางด้านประชาชนก็ต่างพากันหวาดกลัว หลังจากที่ได้ทราบว่ามีเสือขนาดใหญ่ออกมาเพ่นพ่านอยู่กลางสวนสาธารณะ ถึงขนาดทำให้ชายคนหนึ่งเกิดโรคความดันกำเริบกันเลยทีเดียว หลังจากที่ไปถึงยังจุดเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาพร้อมกับชุดเกราะป้องกันภัย ก็รีบพากันตรงไปยังศาลาที่ชาวบ้านบอกว่าเสืออยู่ที่นั่น ตำรวจมากันหลายคนและเต็มยศ พร้อมชุดป้องกันสำหรับจับสัตว์ร้าย แต่พอไปถึงก็ทำให้พวกเขาถึงกับหัวเราะออกมา เพราะเสือที่ว่า จริงๆ แล้วคือ “ตุ๊กตาเสือ” ต่างหากละ ปัดโถ่!! ที่แท้ก็ตุ๊กตาเสือดีๆ นี่เอง เล่นเอาใจหายใจคว่ำกันเลยทีเดียว และนี่คือภาพของการจับกุมเจ้าเสือ โถ… น่าสงสารโดนหิ้วทั้งตัว คงจะเมื่อยน่าดู หากจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเสือมันก็คงไม่แปลก เพราะดูไกลๆ มันก็เหมือนจริงอยู่เหมือนกันนะ ฮร่าๆ เราไปชมคลิปวีดีโอขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติภารกิจกันเลย หากเป็นเจ้าเสือตัวนี้ หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นตุ๊กตามากกว่า เนื่องจากมีหุ่นที่อวบอั๋นกว่าเสือทั่วไปมากเลยทีเดียว ดูสิ…น่ากอดจริงๆ ฮร่าๆ…
-
คู่รักทหารสก็อตที่ช่วยหญิงชาวยิว เมื่อสมัยสงครามโลก ฉลองวาเลนไทน์ครองรักครบ 71 ปี!!
หากย้อนกลับไปในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หนึ่งในเหตุการณ์ที่คนทั่วโลกไม่อยากจะจดจำมากที่สุด คือเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว จากจักรวรรดินาซีนั่นเอง ทว่าในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายกลับมีเรื่องราวความรักของคนสองเกิดขึ้น และมันช่างเป็นเรื่องราวคามรักที่สวยงามซะจนเราต้องเอามาเล่าต่อเลยล่ะ เพราะปีนี้ทั้งคู่กำลังฉลองวันแห่งความรักเป็นรอบที่ 71 แล้วนะ…. John Mackay คุณปู่วัย 96 ปี และ Edith Steiner คุณย่าวัย 92 ปี เรื่องราวความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โน้นแหละ ในตอนนั้นคุณปู่ยังทำหน้าที่เป็นนายทหารคอมมานโดให้กับกองทัพสก็อตแลนด์ และภารกิจส่วนใหญ่ที่เขาได้รับนั่นก็คือ การเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือชาวยิวที่ถูกจับเป็นเชลยศึก ครั้งหนึ่งเขาได้รับภารกิจให้เข้าไปช่วยเหลือชาวยิวส่วนหนึ่งที่กำลังจะถูกต้อนเข้าห้องรมแก๊สพิษ แน่นอนว่าภารกิจสำเร็จลุลวงด้วยดี หนึ่งในชาวยิวที่เขาช่วยเหลือมาได้ในครั้งนั้น ก็มี Edith Steiner หญิงสาววัย 20 ปี ผู้ที่กลายมาเป็นรักแท้ของเขาในเวลาต่อมา ภาพของพวกเขาในสมัยยังเป็นหนุ่มสาว หลังเสร็จสิ้นภารกิจจากสมรภูมิรบ ทั้งคู่พบกันอีกครั้งที่งานเต้นรำเฉลิมฉลองอิสรภาพ ในที่สุดพวกเขาก็ได้แต่งงานกันในวันที่ 17 มิถุนายน 1946 อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวอย่างมีความสุขพร้อมกับทายาทตัวน้อยอีก 2 ชีวิต ภาพถ่ายครอบครัว ถ้าหากเรื่องราวการพบกันของทั้งคู่น่าสนใจแล้ว…
-
คุณลุง “พิการทางสมอง” กินอาหารปกติไม่ได้ พนักงานเสิร์ฟหนุ่มขอช่วยป้อนให้แทน…
เรื่องราวของพนักงานเสิร์ฟอาหารคนหนึ่ง ที่ได้ทำการอาสาช่วยป้อนอาหารให้กับลูกค้าที่ป่วยเป็นโรคที่ทำให้เขาไม่สามารถดูแลตัวเองได้เหมือนกับคนปกติทั่วไป สร้างความประทับใจให้กับคนอื่นๆ อีกมากมาย Lee Bondutant วัย 51 ปี อาศัยอยู่ในเมือง Raleigh รัฐ North Carolina ขณะที่เขาได้ออกไปทานมื้อเย็นรวมกับคุณแม่อย่างยากลำบาก แต่จู่ๆ ชายแปลกหน้าคนหนึ่งก็ได้เสนอตัวเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ในวันเกิดเหตุที่ร้าน Oyster Bar ในเมือง Raleigh คุณ Linda Bondurant-Snow คุณแม่ของ Lee กำลังทานอาหารด้วยกันอย่างยากลำบาก เพราะนอกจากจะต้องทานด้วยตัวเองแล้ว เธอยังต้องป้อนข้าวให้กับลูกชายที่ป่วยเป็นโรคสมองพิการ ทำให้ไม่ดูแลตัวเองได้ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีพนักงานเสิร์ฟคนเหนึ่ง ชื่อว่า Five ได้เข้ามาช่วยเหลือ ทำการ ป้อนอาหาร และดูแล Lee เพื่อแบ่งเบาภาระของคุณแม่ “เขาเดินเข้ามาพร้อมกับหยิบยื่นความช่วยเหลือให้” คุณ Linda เล่า พ่อหนุ่ม Five ไม่ได้มีท่าทีที่รังเกียจ Lee แต่กลับช่วยเหลือทุกอย่าง ตั้งแต่ป้อนอาหาร…
-
นักศึกษาจีนกตัญญู พาย่าไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยด้วย เพื่อที่เธอจะได้ดูแลย่าตลอดเวลา…
กลายเป็นเรื่องราวที่สร้างความประทับใจให้กับชาวเน็ตทั่วโลกจริงๆ กับนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวจีนคนหนึ่ง ที่พาคุณย่าบังเกิดเกล้ามาอาศัยในเมืองใหญ่ด้วย เพื่อเธอจะได้ดูแลผู้มีพระคุณคนนี้อย่างใกล้ชิด แม้จะทำให้เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แต่นั่นก็ไม่ทำให้เธอท้อแต่อย่างใด เรื่องราวดังกล่าวเป็นของนักศึกษาภาควิชาเศรษฐศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยว จากมหาวิทยาลับเฉิงตูคนหนึ่งชื่อว่า หลิวหลิน เธอเล่าว่าพ่อของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก แม่ก็ป่วยหนัก เธอจึงถูกเลี้ยงมาโดยคุณย่าในเมืองเล็กๆ ที่เชื่อว่าเน่ยเจียง ในมณฑลเสฉวน ภายหลังเธอสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเฉิงตู ซึ่งเป็นมหาลัยอันดับต้นๆ ในมณฑลเสฉวนได้ เธอจึงต้องทิ้งบ้านเกิดเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ ด้วยความเป็นห่วงว่าคุณย่าที่อายุมากแล้วจะไม่มีคนดูแล เธอจึงพาคุณย่าของเธอมาอยู่ที่เมืองเฉิงตูด้วย โดยเธอได้เช่าอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยและอาศัยอยู่กับย่าสองคน ด้วยความที่คุณย่าของเธอได้รับบาดเจ็บกระดูกหัก จนไม่สามารถเคลื่อนไหวด้วยตนเอง เธอจึงต้องคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา โดยทุกๆ เช้าเธอจะเตรียมอาหารและอาบน้ำให้ย่า จากนั้นก็จะไปเรียน เมื่อเรียนเสร็จตอนเที่ยง เธอจะแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของกลับมาทำอาหาร หากอากาศแจ่มใสเธอก็จะพาคุณย่านั่งรถเข็นออกไปชมโลกภายนอก “ฉันเติบโตมาได้ก็เพราะคุณย่า ตอนนี้เป็นตาของฉันแล้วที่ต้องดูแลเธอบ้าง” หลิวหลินกล่าว ทุกวันนี้เธอต้องจ่ายค่าเช่าห้องเดือนละประมาณ 3,500 บาท ซึ่งน้องชายของเธอที่ทำงานอยู่ในเมืองเฉิงตู จะส่งเงินมาให้เดือนละประมาณ 11,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายทุกอย่าง และตัวเธอเองก็ทำงานพิเศษเพื่อหาเงินอีกทางหนึ่ง แม้เธอจะต้องรับภาระหนักขนาดนี้ แต่การเรียนของเธอก็ยังทำผลงานได้อย่างโดดเด่น จนภายหลังมหาวิทยาลัยทราบเรื่องราวของเธอ และเสนอจะมอบทุนการศึกษาให้ แต่เชื่อหรือไม่ เธอปฏิเสธทุนการศึกษานั้น… “ฉันแค่รู้สึกว่ามันไม่ถูกที่จะไปรับเงินใครโดยไม่มีเหตุผล น้องชายของฉันกำลังทำงานอยู่ในเมือง และฉันก็จะหางานพิเศษพาร์ทไทม์ทำ…
-
ชุดเจ้าสาวอายุ 147 ปี หายไปจากร้านซักรีด จึงขอแรงชาวเน็ตช่วย สุดท้ายเจอมันอีกครั้ง…
สำหรับหลายๆ บ้าน ก็มีข้าวของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษแตกต่างกันออกไป บ้างก็อาจเป็นที่ดิน บ้างก็อาจเป็นตัวบ้าน บางคนอาจมีนาฬิกาอายุร้อยๆ ปี แต่สำหรับบ้านตระกูล Newall พวกเขามีสิ่งของชิ้นหนึ่งที่ตกทอดกันมานับร้อยปี จากรุ่นสู่รุ่น นั่นก็คือชุดแต่งงานตัวนี้นั่นเอง… ชุดแต่งงานที่เธอทำหายไป ชุดดังกล่าวตัดเพื่อใช้ในงานแต่งงานของแม่ของทวดเมื่อ 147 ปีก่อน ซึ่งก็ตกทอดมาเรื่อยๆ จนถึงรุ่นของ Tess Newall ซึ่งเธอก็ได้สวมชุดดังกล่าวเข้าพิธีแต่งงานเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากจบงานแต่งงาน เธอได้ส่งชุดแต่งงานอายุร้อยกว่าปีเข้าร้านซักรีกแห่งหนึ่งในกรุงเอดินบะระ ประเทศสก็อตแลนด์ ที่มีชื่อว่า “Kleen Cleaner” ร้านซักรีดดังกล่าว แต่เมื่อถึงกำหนดไปรับชุด ร้านกลับบอกว่า ชุดแต่งงานหายไปซะอย่างนั้น ซึ่งตัวเธอนั้นไม่ปักใจเชื่อเรื่องดังกล่าว และคิดว่าร้านน่าจะแอบเอาชุดแต่งงานอายุร้อยปีนี้ไปขาย เธอจึงมาขอให้ชาวเน็ตช่วยเหลือตามหาชุดนั้น ในโพสต์เฟซบุ๊คนั้นระบุข้อความประมาณว่า “ฉันรู้สึกว่าร้านซักรีดนั้นทำชุดแต่งงานที่รักที่สุดของฉันหายไป ซึ่งมันถูกทอขึ้นมาโดยคุณย่าทวดของคุณย่าตั้งแต่ปี 1870 และฉันก็ใส่มันในช่วงเดือนมิถุนายน 2016 ร้านดังกล่าวเคยเป็นร้านที่ดีมากๆ แต่ตอนนี้มันเหมือนว่าถูกขายไป และอาจจะอยู่ในที่ไหนสักแห่ง ได้โปรดแชร์โพสต์นี้ไปทั่วโลกเพื่อตามหาชุดนี้กลับคือมา ขอบคุณทุกคนมาก” หลังจากโพสข้อความไป โพสของเธอก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก จนมีคนกดไลค์กว่า 46,000 ไลค์ และมีคนแชร์กว่า 302,000 ครั้ง…
-
นักท่องเที่ยวชาวบราซิล อยากไปจับลูกฉลามมาถ่ายคลิป จนเกือบต้องเสียนิ้วไปตลอดชีวิต!!
หลายคนน่าจะเป็นที่รู้กันดีว่าฉลามนั้นเป็นสัตว์ที่ดุร้ายพอสมควรเลยที่เดียว ยิ่งถ้าเป็นคนปกติแล้วเวลาเราเจอฉลามเราก็จะต้องเอาตัวรอดก่อนแบบไม่ต้องคิดอะไรเลยใช่ไหมล่ะ แต่บางครั้งฉลามมันก็ไม่ได้มาในแบบตัวเต็มวัย และนักท่องเที่ยวสาวก็คงคิดว่ามันเป็นสัตว์น่าจับมาถ่ายภาพเล่น… เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ หมู่เกาะเฟร์นันดูจีนอโรนยาในประเทศบราซิล ซึ่งตามรายงานข่าวระบุว่าเธอได้ไปเที่ยวพักร้อนกับสามีของเธอที่เกาะแห่งนี้ ในระหว่างทางที่เธอกำลังเดินเล่นอยู่ริมชายหาด เธอก็ได้มองเห็นลูกฉลามมะนาวตัวหนึ่งว่ายอยู่ใกล้ๆ เธอไม่รอช้ารีบเข้าไปจับเจ้าลูกฉลามตัวนั้นหวังว่าจะได้ภาพเซลฟี่สวยๆ แต่เธอหารู้ไม่ว่าเธอได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดมากๆ ในชีวิตลงไป เธอคงจะคิดว่าลูกฉลามตัวน้อยน่าจะไม่มีพิษภัย แต่เจ้าลูกฉลามกัดเข้าที่มือเธออย่างจัง ฟันของมันฝังลึกไปบนนิ้วของเธอและดูท่าว่ามันก็จะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ นี้ก็คือคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ เนื้อหาข่าวไม่ได้ระบุว่าพวกเขาทำยังไงกับเจ้าลูกฉลาม (อาจจะปล่อยมันไป) สุดท้ายเราก็ไม่รู้ว่าเจ้าลูกฉลามจะเป็นยังไง ก็คงได้แต่หวังให้มันปลอดภัยจากเงื้อมมือของมนุษย์และมีชีวิตต่อไป ส่วนหญิงสาวนางนี้เธอดูเธอจะไม่เป็นไรมาก นอกจากเย็บแผลที่นิ้ว 4 เข็มและเสียเงินนิดหน่อยจากค่ารักษาเท่านั้น แต่… ยังไม่จบ!! แต่ว่าเธอกับสามีต้องมาเจ็บมากกว่าเดิมในภายหลังเพราะว่า ฉลามมะนาวเป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองซึ่งถ้าใครไปทำอัตรายให้กับพวกมันแล้วละก็ จะถูกปรับถึง 56,000 บาท และด้วยการที่จุดเกิดเหตุอยุ่ในหมู่เกาะคุ้มครองโดยกองทัพเรือค่าปรับจึงคูณสองเป็นเงินถึง 112,000 บาทเลยทีเดียว งานนี้เจ็บตัวไม่เท่าไร แต่เจ็บใจเรื่องโดนปรับคงจะเข็ดไปนาน… เรียกได้ว่าค่ารักษายังไม่เจ็บค่าปรับนั่นเอง ก็คงได้แต่หวังว่านี้จะเป็นบทเรียนราคาแพงให้กับหญิงสาวนางนี้ และคนอื่นๆ ในอนาคตเนอะ ที่มา thedodo
-
ชายผู้รับเลี้ยงเด็ก 22 คนที่ติดเชื้อ HIV และถูกพ่อแม่ทิ้ง มาเป็นลูกๆ ของเขาเอง
แม้ทุกวันนี้ หลายๆ หน่วยงานจะพยายามให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคเอชไอวีแก่ประชาชนทั่วไป ว่าโรคดังกล่าวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ก็ยังมีคนจำนวนมาก ยังรู้สึกรังเกียจและแบ่งแยกผู้ป่วยเอชไอวีเหล่านี้อยู่ ซึ่งความเชื่อดังกล่าว ทำให้ผู้ป่วยหลายๆ คนต้องใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะเหล่าผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อมาจากพ่อแม่ ที่ต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน เพราะเหล่าญาติพี่น้องรังเกียจ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้น อย่างเช่น ราจิบ โทมัส วัย 44 ปีจากเมืองมุมไบ ประเทศอินเดียคนนี้ ตลอดสิบปีที่ผ่านมา เขาได้รับเลี้ยงเด็กไร้บ้านที่ป่วยเป็นโรคเอชไอวีมาแล้วกว่า 22 คน ทุกวันนี้ เด็กทั้ง 22 คนอาศัยอยู่ในบ้านในเมืองมุมไบของราจิบ พร้อมกับตัวราจิบ ภรรยาของเขา และลูกแท้ๆ อีกสองคน ซึ่งภรรยาของเขาจะรับหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารการกิน ส่วนตัวราจิบจะดูแลเรื่องสุขภาพและการศึกษาของเด็กๆ “เมื่อปี 2007 ผมพบกับเด็กหญิงติดเชื้อเอชไอวีคนหนึ่งนั่งอยู่นอกโรงพยาบาล เธอขอให้ผมซื้อข้าวให้เธอหน่อย ซึ่งวันนั้นผมไม่สามารถซื้อข้าวให้เธอได้ และผมสัญญาว่าผมจะกลับมาในวันต่อไป” “วันถัดมาผมกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง และผมก็พบว่าเด็กหญิงคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก คืนนั้นผมนอนคิดทั้งคืนเลยว่าผมจะทำอะไรให้กับพวกเขาได้บ้าง” ราจิบ กล่าว หลังจากนั้น เขาก็ได้ปรึกษา เดเวีย มิทาเล่ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคเอดส์และเชื้อเอชไอวี เกี่ยวกับการรับเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีมาเลี้ยง…
-
Burger King เปิดขายชุด “แฮปปี้มีล” สำหรับผู้ใหญ่ในช่วงวาเลนไทน์ กับของเล่นสุดสยิว!!
ถ้าพูดถึงชุดแฮปปี้มีล เราอาจนึกถึงชุดอาหารน่ารักๆ ที่แถมของเล่นเด็กจากร้านฟาสฟู๊ด อย่างที่เราเห็นในโฆษณาตามโทรทัศน์ แบบนี้ หรือของคู่แข่งอย่าง McDonald’s ก็มีแบบนี้ แต่ล่าสุดทาง Burger King ได้ปล่อยเมนูพิเศษสุดสยิวออกมาต้อนรับวันวาเลนไทน์ ด้วยชุดอะดั้ลท์มีลชุดนี้!! โดนเมนูนี้จะขายในช่วงวันที่ 14 กุมภาพันธ์เท่านั้น และจะขายตั้งแต่ช่วงเวลาหลัง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป เฉพาะผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้นถึงจะซื้อได้ (ก็พอจะรู้เนอะ ว่ามันเป็นไอเท็ม 18+ แน่นอน) ภายในชุดก็จะประกอบไปด้วย เฟรนฟรายด์สองถุง เบียร์สองขวด แส้ ผ้าปิดตา แปรงขนนก และอุปกรณ์อะไรซักอย่างท่าทางสยิวกิ้ว เหมาะสำหรับคู่รักที่กำลังจะไปฉลองวันวาเลนไทน์ด้วยกัน อย่างไรก็ตามชุดอะดั้ลท์มีลดังกล่าวมีขายเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ประเทศอื่นๆ อดตามระเบียบครับ ลองไปชมโฆษณาโปรโมทกันดู เห็นแล้วอยากได้สักชุดมั้ยละ แบบนี้ก็มีด้วย สงสัยช่วงนี้มากับกระแส Fifty Shade of Grey เข้าโรงพอดี คนคิดแคมเปญอาจจะอินมากไปหน่อยแล้วล่ะ ฮาาาา ที่มา Leo Burnett Israel ליאו ברנט…
-
ศิลปินญี่ปุ่นสร้างงานศิลปะ “มนุษย์ต้นไม้” ที่ทั้งงดงามและน่าขนลุกไปพร้อมๆ กัน
“ป่า” แม้จะเป็นสถานที่อุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวิต ในแต่ทางกลับกัน ป่าก็เต็มไปด้วยภัยอันตรายและความน่ากลัวมากมายเช่นกัน และเชื่อว่ามนุษย์ฺทุกคน ต่างมีความหวาดเกรงในธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นี้อยู่ ล่าสุด นางาโตะ อิวาซากิ ได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ “มนุษย์ต้นไม้” ขึ้นมา ที่ไม่ว่าใครเห็นแล้วก็ต่างรู้สึกได้ถึงความงดงามและความหวาดผวาลึกๆ ในใจไปพร้อมๆ กันขึ้นมา ลองนึกภาพว่าถ้าคุณเจอรูปปั้นเหล่านี้ในป่าตอนกลางคืน คุณจะรู้สึกยังไง ผลงานแต่ละอันคือการนำเศษไม้ กิ่งไม้ และเปลือกไม้ สร้างรูปร่างขึ้นมาเหมือนกับคนหรือหุ่นยนต์ในท่าทางต่างๆ กันไป ซึ่งล้วนสมจริงและมีรายละเอียดเยอะมาก ใครอยากติดตามผลงานของศิลปินท่านนี้ เข้าชมได้ที่เพจ Nagato Iwasaki และเว็บไซต์ nagato-iwasaki.com ได้เลยนะฮะ มีผลงานเจ๋งๆ อีกเพียบแน่นอน ราวกับทุกตัวมีจิตวิญญาณและชีวิตของตนเอง พวกเขาคอยปกป้องป่า จากผู้ไม่ประสงค์ดีและมนุษย์ผู้ชั่วร้ายทั้งหลาย เชื่อเถอะ ว่าคุณไม่อยากเจอพวกเขาหรอกจริงมั้ย . บางภาพอาจจะทำให้นึกถึงกรูทจากเรื่อง Guardians of the Galaxy เลยไหม!? . . . . อื้อหือ หลอนจริงๆ ถ้า #เหมียวอ๊อดโด้ เจอคนเดียวในป่านะ…
-
คนขับรถชน “แม่แพะท้องแก่” จนตาย แต่ลูกในท้องกลับรอด เติบโตมาได้อย่างปาฏิหาริย์
กลายเป็นเรื่องราวสุดประทับใจเลยทีเดียว หลังจากแม่แพะท้องแก่ตัวหนึ่ง โชคร้ายถูกรถคันหนึ่งชนจนตายคาที่ โชคดีปาฏิหาริย์ เมื่อลูกของมันในท้องกลับรอดชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ รายงานข่าวจากทางเว็บไซต์ Scmp เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระบุเรื่องราวเกิดขึ้นบนทางหลวงแห่งหนึ่งในมณฑลเจียงซี ประเทศจีน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีแพะตัวหนึ่งถูกรถชนจนตายอยู่กลางถนน เมื่อได้รับแจ้งดังนั้น พวกเขาจึงรุดไปยังที่เกิดเหตุทันที และพบว่ามีซากแพะตัวหนึ่งนอนอยู่ แต่ที่ทำให้พวกเขาเซอร์ไพรส์ก็คือข้างๆ มีลูกแพะตัวน้อยนอนอยู่ ลำตัวของมันยังมีรกติดอยู่ด้วย เมื่อเห็นสภาพของแม่แพะที่ถูกชนจนตายคาที่ ทางตำรวจคิดว่าลูกแพะตัวนั้นก็คงไม่รอดเป็นแน่แท้ แต่เมื่อเข้าไปสำรวจใกล้ๆ พวกเขาก็ตกใจเมื่อลูกแพะตัวน้อยยังมีชีวิตอยู่และท่าทางจะไม่เป็นอะไรมากซะด้วย เมื่อเห็นดังนั้นพวกเขาคิดว่าคงจะต้องช่วยชีวิตมัน พวกเขาจึงเก็บลูกแพะตัวนั้นกลับไปยังสถานีตำรวจ ทางตำรวจได้ทำการให้นม และเชิญสัตวแพทย์มาตรวจอาการของเจ้าแพะน้อยตัวนี้ ซึ่งโชคดีมากที่มันไม่ได้รับบาดเจ็บหรือมีแผลรุนแรงแม้แต่นิดเดียว และหลังจากดื่มนมได้ไม่นาน มันก็สามารถลุกขึ้นยืนได้ด้วยขาของตนเอง สร้างความประทับใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก ทางสัตวแพทย์คาดการณ์ว่า แม่แพะคงจะท้องแก่มากและจะคลอดลูกน้อยตัวนั้นพอดี แต่มันถูกรถชนตายอย่างน่าใจหายเสียก่อน พอดีกับแรงกระแทกก็ผลักลูกแพะออกมาจากท้องของมัน และรกที่ฉีกขาดไปทำให้มันหายใจได้ทันที ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศหาเจ้าของ เพื่อทำการคืนแพะตัวนี้กลับไป แต่ระหว่างนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะช่วยดูแลเจ้าแพะตัวนี้ไปก่อนจนกว่าจะมีคนไหน หรือสถานดูแลยื่นมือเข้ามาขอรับไปเลี้ยง แม้หนึ่งชีวิตจะจบลงไป แต่อย่างน้อยก็ยังมีอีกชีวิตได้ถือกำเนิดขึ้นมาเนอะ ที่มา scmp
-
สนไหม!? KFC ออกไอเดีย “ช่อดอกไม้ไก่ทอด” ให้มอบกับคนรัก เนื่องในวันวาเลนไทน์
เมื่อถึงเทศกาลวาเลนไทน์ เหล่าหนุ่มสาวก็จะหาช่อดอกไม้สวยๆ เอาไปเซอร์ไพรส์คู่รักของพวกเขา แต่แน่นอนว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปๆ การมอบช่อดอกไม้ก็ไม่ใช่อะไรที่สร้างความประทับใจได้อีกต่อไป จนถึงขนาดที่ว่ามีการทำภาพแซวกันว่าควรจะทำอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ อย่างการทำช่อดอกไม้เป็นไก่ทอดด้วย แต่แล้ววันนี้มันก็ไม่ได้เป็นเพียงมุกตลกอีกต่อไป… ข่าวนี้ถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ โดยบอกว่า KFC แฟรนไชส์ผู้ผลิตไก่ทอดชื่อดังกำลังเตรียมที่จะทำช่อดอกไม้ไก่ทอดออกมาให้หนุ่มสาวได้ซื้อไปมอบให้คนรักเนื่องในวันแห่งความรักแบบไม่ซ้ำใครด้วย ตามที่ KFC ได้ให้รายละเอียด ในช่อดอกไม้ (หรือช่อไก่ทอด) จะประกอบไปด้วย ไก่ป็อป ไก่ไม่มีกระดูก และน่องไก่ทอด แต่น่าเสียดายที่ช่อดอกไม้แบบนี้จะวางขายแค่ภายในเมืองอ็อกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์เท่านั้น และจะขายให้กับผู้โชคดีเพียง 20 คนเท่านั้น KFC โพสต์เรื่องเกมการแข่งขันลงบนหน้าเพจของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าการแข่งขันนี้ก็จะเปิดให้คนในคนที่ไปยังสาขา Quay St. ในเมืองอ็อกแลนด์ได้เล่นในวันวาเลนไทน์ การแข่งขันที่ว่านี้สร้างความสนใจให้กับผู้คนได้มากถึง 2,000 คน และจะมีผู้ชนะเพียงแค่ 20 คนเท่านั้นที่จะได้สิทธิ์คว้าช่อไก่ทอดนี้ไปมอบให้คนรัก น่าเสียดายที่มีแคมเปญนี้เฉพาะในนิวซีแลนด์ เพราะคิดว่าคู่รักไทยหลายๆ คนคงจะอยากได้บ้าง… สงสัยคงต้องซื้อไก่มาทำเป็นช่อเองแล้ว!!! ที่มา dailymail
-
ซาบซึ้งใจ… ลูกบันทึกภาพความรัก พ่อแม่นอนป่วยกุมมือกัน ในช่วงสุดท้ายของชีวิต
เมื่อเราลองจินตนาการถึงการที่ต้องเห็นคนรักเจ็บไข้ได้ป่วย มันดูจะเป็นสิ่งทรมาณจิตใจของเราไม่น้อย แต่มันจะยิ่งน่าเศร้าเข้าไปอีกเมื่อคุณเองก็กำลังป่วยและใกล้จะตายไปพร้อมๆ กับคนที่คุณรักเช่นกัน เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะนำเสนอต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของคุณแแม่ลูกสามที่ชื่อ Julie Bennet จาประเทศอังกฤษ เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเมื่อราวๆ เดือนพฤษภาคม 2016 ในขณะที่สามีของเธอ Mike Bennet ป่วยเป็นโรคมะเร็งในสมองมาตั้งแต่ปี 2013 แล้ว จนมาถึงปี 2016 อาการของพวกเขาก็แย่ลงจนยากต่อการรักษา Julie สั่งให้ลูกๆ ของเธอพยายามทำกิจวัตรประจำวันให้เหมือนเดิมทุกอย่างในช่วงที่สามีของเธอป่วย แต่พอเธอเริ่มป่วยบ้างเธอก็เหมือนจะรู้ว่าตัวเองมีเวลาอีกไม่นาน เธอเลยพยายามสร้างความทรงจำกับครอบครัวของเธอให้มากที่สุด ในระหว่างที่พวกเขาทั้งคู่ป่วยหนักและพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เหล่าลูกๆ ได้แก่ Oliver 13 ปี Hannah 18 ปี และ Luke 21 ปี ก็อดรู้สึกหดหู่กับภาพที่เกิดขึ้นไม่ได้ พวกเขาจึงถ่ายภาพในระหว่างที่พ่อกับแม่นอนกุมมือกันแล้วนำมาบอกเล่าให้โลกออนไลน์ได้รับรู้ เพื่อบันทึกว่าครั้งหนึ่งเคยมีคนสองคนรักกันมากแค่ไหนและจากโลกนี้ไปยังไง ทั้ง Julie และ Mike มีเพื่อนที่สนิทต่อกันอยู่หลายคน และเพื่อนของพวกเขาให้คำมั่นว่าจะดูแลลูกๆ แทนหากพวกเขาจากโลกนี้ไปแล้ว Sue Wright คือหนึ่งในเพื่อนของทั้งคู่กล่าวว่า “เราบอกกับ Julie ว่าคนในชุมชนของเราจะช่วยกันดูแลลูกๆ ของเธอเอง และจากนั้นเธอก็ลืมตาและยิ้มให้ฉัน”…
-
หนุ่มไร้บ้านโวยถูกเจ้าหน้าที่รัฐยึด “เจ้าเป็ด” หลังชาวบ้านแจ้งเรื่องกลิ่น และเสียงก๊าบก๊าบ!!
แม้ว่ากลุ่มคนไร้บ้านจะไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย อาจจะด้วยสาเหตุของปัญหาชีวิต เงินทอง หรือบางคนเลือกที่จะไม่ทำงานทำการและปล่อยให้ชีวิตมันเป็นไปแบบนั้นเอง แต่พวกเขาก็พอจะมีความสุขได้บ้างจากสัตว์เลี้ยง เช่นเดียวกับนาย Russ O’Conner เขาคือหนึ่งในคนไร้บ้านที่ต้องการเพื่อนเป็นสัตว์เลี้ยงสักตัวเหมือนกัน เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้นำเสนอเรื่องราวของนาย Russ O’Conner ชายไร้บ้านในเมือง Newton Abbot มณฑล Devon ประเทศอังกฤษ ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ช่วยชีวิตเป็ด 2 ตัวมาจากข้างถนน จากนั้นเขาก็หากล่องกระดาษเอามาทำเป็นบ้านให้กับเจ้าเป็ดพวกนั้นและพามันไปด้วยทุกที่ที่เขาไป แต่เนื่องจากไม่มีความรู้เรื่องการเลี้ยงเป็ดหรือการทำความสะอาดที่ถูกต้อง ทำให้กลิ่นอาหาร กลิ่นฉี่และกลิ่นอึของพวกมันไปรบกวนชาวบ้านคนอื่นๆ เข้า วันหนึ่งชาวบ้านแถวๆ นั้นจึงโทรแจ้งตำรวจให้มาจัดการเอาเป็ดนี่ออกไปจากถนน ตามรายงานบอกว่าเจ้าหน้าที่ได้ขับรถตู้สำหรับปราบจลาจลมายังถนนที่นาย O’Conner นอนอยู่พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อีก 9 คน กลุ่มพิทักษ์สัตว์ RSPCA ได้ออกมากล่าวว่ามีชาวบ้านโทรเข้าไปร้องเรียนกับพวกเขาเยอะมาก และยังแสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพสัตว์ด้วย จึงต้องเข้ามารับตัวเป็ดดังกล่าวไป หลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้ามาเอาเป็ดทั้ง 2 ตัวไป นาย O’Conner ก็แสดงอาการว้าวุ่นใจที่สูญเสียสัตว์เลี้ยงของเขาและบอกด้วยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามบังคับใช้กฎหมายทุกๆ ข้อเพื่อยึดเอาเป็ดของเขาไป “ผมเลิกสูบกัญชาเพื่อที่จะได้ดูแลเป็ดของผม พวกมันไม่ได้ชอบเล่นกับคนมากนัก” ชายไร้บ้านกล่าว นาง…
-
ช่องยูทูปจีน ไปทดสอบทักคนญี่ปุ่นว่า “ทำเงินตก” เพื่อดูว่าพวกเขาจะรับหรือไม่!?
สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับชาวญี่ปุ่นมานานคือ ‘ความซื่อสัตย์’ ที่ถูกปลูกฝังมาหลายต่อหลายชั่วอายุคน ไม่ว่าใครต่างก็รู้สึกประทับใจกับสิ่งเหล่านี้ที่พบเจอมา ถึงกับเป็นการบอกปากต่อปากว่าชาวญี่ปุ่นนั้นมีความซื่อสัตย์มากขนาดไหน แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเจอการแสดงความซื่อสัตย์ของชาวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ก็คงจะไม่เชื่อซักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ ก็มีตัวอย่างให้เห็นมากพอสมควรในโลกอินเตอร์เน็ต อย่างเช่นการทำคลิปทดสอบความซื่อสัตย์ของชาวญี่ปุ่นที่มีอย่างแพร่หลายผ่านยูทูป และในคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เป็นการทดสอบความซื่อสัตย์ของชาวญี่ปุ่นจากช่อง YouTube สัญชาติจีน JokeTV ด้วยการพิสูจน์จากเงินจำนวน 10,000 เยน ทำทีไปทักว่าคนๆ นั้นทำเงินตก (ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ของตัวเอง) แล้วเขาจะรับเงินจำนวนมากขนาดนี้รึเปล่า? สำหรับธนบัตร 10,000 เยนนั้นถือว่าเป็นธนบัตรที่ชาวญี่ปุ่นนิยมพกติดไว้ในกระเป๋าหลายๆ ใบ เพื่อความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน (เหมือนดั่งธนบัตรมูลค่า 1,000 บาทของบ้านเรา) พอชายผู้นี้โดนทักว่าทำเงินตกรึเปล่า เขารีบปฏิเสธทันทีว่าไม่ใช่ของตัวเอง บางคนที่ถูกทักปุ๊บ ก็จัดแจงตรวจสอบกระเป๋าเงินก่อนว่าทำตกจริงๆ รึเปล่า แต่ทว่าก็ไม่มีใครยอมรับว่าทำเงินตกเลย ทำเงินตกรึเปล่าคะ? เอ่อ เปล่าครับ อย่างเธอคนนี้ก็ถูกทักว่าทำเงินตกจากจุดที่เดินผ่านมา สุดท้ายแล้วก็บอกว่าไม่ได้ทำตกแต่อย่างใด คุณยายรายนี้ก็ถูกทักเช่นกัน…
-
นักวาดการ์ตูนมืออาชีพเปลี่ยนสัดส่วน “การ์ตูนมือสมัครเล่น” ให้ดูเทพได้ภายใน 10 นาที!!
ว่ากันด้วยเรื่องของวัฒนธรรมการ์ตูนที่เติบโตภายในบ้านเรา ส่วนใหญ่แล้วก็จะได้รับอิทธิพลมาจากมังงะของประเทศญี่ปุ่น และเนื่องด้วยในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้นเป็นวันมังงะญี่ปุ่นด้วย เพราะฉะนั้นเรามาดูอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับการ์ตูนซักนิดนึงกันดีกว่า หลายๆ คนที่อ่านการ์ตูนมาเยอะ และฝันอยากจะเป็นนักวาดการ์ตูนมืออาชีพ ก็ต้องหมั่นฝึกฝนบ่อยๆ และจะต้องอาศัยทักษะในการวาดจากการอ้างอิงผลงานของศิลปินที่ชื่นชอบ จนพัฒนาเป็นลายเส้นของตัวเอง แต่ทว่าฝึกยังไง๊ ยังไงก็ไม่มีแววพุ่งพล่านซักที!? ถ้าอย่างงั้นก็ต้องให้นักวาดการ์ตูนมืออาชีพช่วยแก้ไขในส่วนที่บกพร่องซักหน่อย อย่างศิลปินรุ่นใหม่ Seiji Nakazawa ได้เข้าไปขอความช่วยเหลือจากบรรณาธิการ Go Hattori เพื่อช่วยทำให้งานชิ้นนี้มีความชัดเจนและสมสัดส่วนมากขึ้น แต่ทว่าทางบรรณาธิการเองก็มองว่า ‘มันก็ดีอยู่แล้วนะ’ แต่เจ้าตัวอยากจะให้มันดูตื่นเต้นมากกว่านี้ ให้อารมณ์กระแทกการตีโฮมรันอย่างสวยงาม ลูกเบสบอลพุ่งเข้าหน้าคนอ่านอะไรทำนองนั้น ซึ่งคุณ Hattori เองก็ไม่สามารถช่วยขัดเกลาอะไรได้มากนัก แต่เขารู้ว่าพอจะขอความช่วยเหลือจากใครได้ นั่นก็คือคุณ Kyoshiro Mamiya นักวาดการ์ตูนมืออาชีพของเว็บไซต์ Rocketnews24 นั่นเอง ด้วยประสบการณ์ด้านการวาดการ์ตูน 18 ปี คุณ Mamiya ก็คงจะพอมองเห็นจุดบกพร่องที่ควรจะได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน หลังจากที่เขามองภาพวาดนั้นแล้ว ก็ยิ้มมุมปากเบาๆ ก่อนจะเอ่ยว่า ‘มันดูกระด้างไปนิด สัดส่วนร่างกายก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เดี๋ยวให้ผมจัดการเพิ่มเติมก็แล้วกัน’ …
-
องค์กรการกุศลช่วยเหลือ “ชายจรจัดคนหนึ่ง” เปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ ให้มันดีขึ้นกว่าเดิม…
หากเราเห็นคนจรจัด คนไร้บ้าน หรือ ขอทานอยู่ข้างถนน เราจะช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นได้อย่างไรบ้าง ในบ้านเราก็คงทำได้เพียงซื้ออาหารหรือของใช้จำเป็นมอบให้แก้ขัดเป็นครั้ง เป็นคราว แต่ไม่สามารถทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้อย่างถาวร แต่สำหรับกรณีที่ #เหมียวเลเซอร์ กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้ คือการเปลี่ยนแปลงชีวิตของชายจรจัดหนึ่งคน ให้พลิกกลับมาดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าอาสาสมัครของร้านการกุศล ShareShop และองค์กรการกุศล Chester Aid to the Homeless แห่งเมืองเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เรื่องราวของชายนามว่า David ชายไร้บ้าน ไร้ซึ่งทุกอย่าง จากก่อนหน้านั้น 12 เดือน เขาได้เดินเข้าไปรับอาหารฟรีจากร้าน ShareShop และเมื่ออาสาสมัครเห็น David ปุ๊บ ก็เริ่มให้การช่วยเหลือกับเขาทันที จุดเริ่มต้นนั้นมาจากกาแฟที่มีผู้อื่นจ่ายไว้ให้แล้ว David ก็รับกลับมาพร้อมกับแซนด์วิชฟรีของห้าง Tesco ในท้องถิ่น ยิ่งนานวันผ่านไป เขาได้รับน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากอาสาสมัครมากขึ้น จึงทำให้เขารู้สึกพร้อมที่กลับเข้าสู่สังคมอีกครั้ง ทางร้าน ShareShop จึงช่วยเขาในด้านการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ภายนอก โกนหนวดเครา…
-
ขอคาราวะ!! ตากล้องญี่ปุ่นจับ “ฟิกเกอร์ฮีโร่” มาเซ็ตฉากถ่ายภาพ สร้างเรื่องราวได้เท่สุดๆ
แม้ว่าในชีวิตจริงเหล่าฮีโร่จาก DC และ Marvel จะเป็นคู่แข่งที่ยากจะอยู่ในเฟรมเดียวกันได้ แต่เหล่าแฟนๆ หลายคนก็ยังฝันว่าวันหนึ่งพวกเขาจะได้เห็น ไอร์อ้อนแมน แบทแมน ซุปเปอร์แมน หรือ เดดพูล มาอยู่ในจักรวาลเดียวกัน และด้วยความฝันนี้เอง ตากล้องชาวญี่ปุ่น hotkenobi จึงได้ทำโปรเจคภาพถ่ายสุดพิเศษขึ้นมา โดยการนำฟิกเกอร์ซุปเปอร์ฮีโร่ทั้งค่าย DC และ Marvel รวมทั้งแฟรนไชน์ Star Wars มาสร้างเรื่องราวผ่านภาพถ่ายไอเดียแสนบรรเจิดชุดนี้ hotkenobi พยายามคง “บุคลิก” และ “นิสัย” ของฮีโร่แต่ละตัวเอาไว้ในภาพถ่ายทุกภาพ โดยฟิกเกอร์แทบทุกตัวที่ปรากฎในภาพชุดนี้ เป็นของสะสมของ hotkenobi เอง ลองไปชมผลงานของเขากันเลย พี่ซุปบอกว่าชิวๆ แบทแมนถึงกับอึ้ง รวมจอมเกรียนแห่งยุค จริงจังนักใช่มั้ย แกล้งซะเลย เดี๋ยวผมจับให้ จัดเลยพี่วูฟ เอ มันจะเล่นได้มั้ยน้า เดี๋ยวๆ นายยกค้อนนั่นขึ้นด้วยเหรอ ลุยยยย . …
-
Nokia เตรียมปล่อย “3310” รุ่นใหม่ ในงาน MWC 2017 พร้อมมือถือแอนดรอยด์อีกสองรุ่น!!
ถ้าถามว่าโทรศัพท์รุ่นไหนของ Nokia อดีตผู้ผลิตโทรศัพท์อันแสนยิ่งใหญ่จากฟินแลนด์ที่ตอนนี้กลายเป็นเพียงอดีตเพื่อนๆ ก็คงจะนึกถึง Nokia 3310 เป็นรุ่นแรกอย่างแน่นอน ด้วยความอึดถึกทนที่ทั่วโลกต่างยอมรับ ทำให้มันกลายเป็นโทรศัพท์ในตำนานรุ่นหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ด้วยยอดขายรวมกว่า 100 ล้านเครื่องทั่วโลก (3310 ในตำนาน) ล่าสุด บริษัท HMD Global ผู้รับหน้าที่ผลิตโทรศัพท์แอนดรอยด์แบรนด์ Nokia ได้วางแผนที่จะเปิดตัวโทรศัพท์มือถือสองสามรุ่นในงาน MWC 2017 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ที่เมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Nokia 3310 รุ่นใหม่นั่นเอง!! จากรายงานของ Venture Beat พวกพวกเขาเตรียมประกาศเปิดตัวโทรศัพท์แอนดรอยด์สองรุ่นนั่นก็คือ Nokia 5 และ Nokia 3 ที่มีสเปคระดับกลางๆ ค่อนไปทางล่าง ราคาไม่เกิน 7,000 บาท (Nokia 6 ที่วางจำหน่ายแล้วในประเทศจีน) นอกจากนี้พวกเขาจะเปิดตัวโทรศัพท์ฟีเจอร์โฟนอีกรุ่น นั่นก็คือ NoKia 3310 เวอร์ชั่นโมเดิร์น ซึ่งน่าจะมีราคาราวๆ 2,100 บาท…
-
มิตรภาพ “โบรแมนซ์” แสนโรแมนติก ที่เกิดขึ้นในเกม H1Z1 เกมฆ่ากันที่คนในเกมก็รักกันได้…
เป็นปกติที่ในโลกออนไลน์ยุคนี้ มิตรภาพสามารถเกิดขึ้นได้เสมอหลากหลายวิธี ซึ่งหนึ่งในวิธีสุดฮิตที่ทำให้เกิดมิตรภาพออนไลน์บ่อยๆ ก็คือ เกมออนไลน์ นั่นเอง แต่ว่าสำหรับเกมแนวเอาตัวรอดส่วนใหญ่การสร้างมิตรภาพจะเกิดขึ้นได้ยากมาๆ เพราะทุกคนล้วนต้องการจะมีชีวิตพร้อมกับไม่อยากจะเสียไอเท็มทั้งหมดที่พวกเขาหามา ยิ่งสำหรับเกมที่ชื่อว่า H1Z1: King of the Kill เกมเอาตัวรอดที่ทุกคนจะต้องคำนึงถึงตัวเองเป็นหลักแล้ว มิตรภาพกับคนแปลกหน้าถือว่าเกิดขึ้นได้ยากพอสมควรเลยละ แต่ล่าสุดได้มีทวิตจากยูสเซอร์เนมที่มีชื่อว่า @koumai_jp ได้โพสคลิปเกี่ยวกับมิตรภาพที่เขาได้เจอกับผู้เล่นคนหนึ่งกลางทาง โดยในตอนแรกผู้เล่นคนนี้ก็ไม่ได้ไว้ใจหนุ่มเจ้าของทวิตสักเท่าไหร่นักเพราะว่าตัวละครของเขาในตอนนั้นไม่มีอาวุธอะไรเลย แต่แล้วเมื่อเจ้าของทวิตเริ่มพูดคุยกับผู้เล่นแปลกหน้าคนนั้น บทสนทนานี้จึงเกิดขึ้น “นายเป็นคนที่ไหนเหรอ?” ด้านคนแปลกหน้าก็ตอบกลับมาว่า “เราเป็นคนไมอามี่ แล้วนายล่ะ” “เราเป็นคนญี่ปุ่น” เมื่อหนุ่มไมอามี่ได้ยินถึงที่มาของเจ้าของทวิตแล้ว เขาก็ตะโกนออกมาทันทีว่า “ฉันรักญี่ปุ่น” เมื่อเจ้าของทวิตได้ยินเช่นกันเขาจึงแบ่งไอเท็มบางชิ้นในตัวให้กับหนุ่มไมอามี่คนนั้น จนเกิดเป็นมิตรภาพของสองคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันมาก่อน พวกเขาทั้งสองก็ได้แยกทางกันไปแต่แล้วในตอนท้ายที่สุด มิตรภาพแบบโบรแมนซ์ที่แท้จริงก็เกิดชึ้น เมื่อเจ้าของทวิตได้สู้กับผู้เล่นแปลกหน้าอีกคนหนึ่งแต่ว่าตัวเจ้าของทวิตกลับพ่ายแพ้ไป แต่แล้วอยู่ดีๆ พ่อหนุ่มไมอามี่ก็พุ่งออกมาจากที่ไหนไม่รู้พร้่อมกับตะโกนว่า “แกฆ่าเจแปนนนนนน” พร้อมกับกราดกระสุจใส่คนแปลกหน้าคนนั้น แต่น่าเศร้าที่ไมอามี่บอย ก็ต้องตายเช่นเดียวกับ เจแปนบอย ซึ่งเจ้าของทวิตก็ได้โพสปิดท้ายว่า จนสุดท้ายแล้วเขาก็ยังไม่ได้เจอกับไมอามี่บอยคนนั้นอีกเลย ซึ่งเขาก็ได้แต่หวังว่าเขาจะได้เจอกับไมอามี่บอยในเกมอีกครั้งหนึ่ง หรือไม่แน่เขาอาจจะได้เจอกันในชีวิตจริงก็ได้นะ และเมื่อเหตุการณ์นี้ได้ถูกทวิตออกไป กระแสตอบรับที่ได้กลับมามันดีอย่างไม่น่าเชื่อ…
-
รวยไปก็ไม่ดี!? สาวถูกล็อตเตอรี่ 43 ล้านบาท จ่อฟ้ององค์กรสลาก อ้างว่าทำลายชีวิตเธอ!?
นี่เป็นเรื่องราวชวนงงของสาวอังกฤษรายหนึ่งที่มีชื่อว่า Jane Parks วัย 17 ปี เธอถูกล็อตเตอรี่เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 43 ล้านบาทเมื่อปี 2013 แต่แทนที่ชีวิตของเธอจะแฮปปี้กลับมีแต่เรื่องชวนเครียดซะงั้น เรื่องนี้ถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Metro เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยบอกว่า Jane Parks รู้สึกว่าชีวิตของเธอพังทลายมากตั้งแต่ถูกลอตเตอรี่ เพราะเธอต้องแบกรับความเครียดหลังกลายเป็นเศรษฐี และหากย้อนกลับไปได้เธออาจจะไม่ซื้อมันมาด้วยซ้ำ ปัจจุบัน Jane อายุ 21 ปีแล้วเธอกล่าวว่า “ในบางครั้งฉันรู้สึกเหมือนว่าการถูกลอตเตอรี่เป็นการทำลายชีวิตของฉัน” นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่าเธอเตรียมที่จะฟ้ององค์กร Euromillions ผู้ออกลอตเตอรี่มาขายให้กับเธอด้วย เธอใช้เงินไปกับการเสริมหน้าอก ซื้อที่ดิน 2 ที่ และสุนัขชิวาว่ามาเลี้ยง 1 ตัว แต่ถึงจะมีเงินเยอะและได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่เธอก็ยอมรับว่าเธอยังคงตามหาความหมายของชีวิตอยู่ “ผู้คนมองมาที่ฉันและคิดว่า ‘คงจะดีนะถ้าเรามีชีวิตแบบเธอบ้าง’ แต่พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่ามันเครียดขนาดไหน” Jane กล่าว โดยทั่วไปแล้วองค์กรที่ออกลอตเตอรี่มาขาย จะมีการช่วยเหลือผู้ที่ชนะรางวัลด้วยการบริหารเงินให้กับคนที่ไม่เคยบริหารเงินเป็นล้านๆ มาก่อน แต่ Jane ก็ยังประสบกับปัญหาเรื่องการใช้เงินอยู่ดี เมื่อประมาณสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เธอได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาเมาแล้วขับระหว่างขับรถไปซื้อของกินที่ McDonald’s…
-
อาชีพแบบนี้ก็มี… พาไปรู้จัก “นักทดสอบเซ็กส์ทอย” รายได้ต่อเดือนสูงถึง 650,000 บาท
หากคุณฝันอยากจะมีงานที่น่าสนุก งานที่ทำให้คุณมีความสุข งานที่ไม่เหนื่อยมาก และงานที่ทำให้คุณถึงจุดสุดยอดล่ะก็ งานนี้นี่แหละที่เหมาะกับคุณ บอกไปคุณอาจจะไม่เชื่อเราว่ามีงานแบบนี้อยู่ในโลกด้วย แต่ Cara Houiellebecq เธอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ทดสอบอุปกรณ์ “เซ็กส์ทอย” มืออาชีพ แถมยังมีรายได้ดีด้วยนะเออ Cara บอกว่าภายในออฟฟิศของเธอมีเซ็กส์ทอยมากกว่า 2,000 ชิ้น ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเธอเคยผ่านมือและการทดสอบจากเธอมาแล้วทั้งนั้น… จะถามว่าทดสอบแบบไหน ก็… ทดสอบแบบนั้นแหละ นักทดสอบเซ็กส์ทอยมืออาชีพบอกว่าเธอเริ่มต้นงานนี้เมื่อประมาณปี 2009 แต่ใช่ว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะถูกซื้อมาใช้เล่นๆ แล้วทิ้ง เพราะมีบริษัทผลิตของเล่นพวกนี้คอยสนับสนุนเธออยู่และจ่ายเงินเพื่อให้เธอเขียนรีวิวลงบล็อคของตัวเองแบบชิ้นต่อชิ้นเลย ในแต่ละสัปดาห์จะมีเซ็กส์ทอยถูกส่งตรงมายังบ้านของเธอประมาณ 4-5 ครั้ง และคุณแม่ลูกสองก็จะใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพื่อทดสอบอุปกรณ์พวกนี้จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่เธอชินชาไปแล้ว ธุรกิจการรีวิวเซ็กส์ทอยเริ่มเติบโตในอเมริกาขึ้นมาก บริษัทผู้ผลิตของเล่นเหล่านี้จะพยายามมองหาผู้ชายหรือผู้หญิงเพื่อมาทดสอบอุปกรณ์ของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา Cara บอกว่า “ของเล่นพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของฉันเลย มันทำให้ฉันมีไอเดียเพื่อที่จะเขียนเกี่ยวกับเซ็กส์ของฉันและฉันมีไอเดียที่จะเริ่มทดสอบเซ็กส์ทอย มันเป็นงานที่ยอดเยี่ยมมาก ฉันเคยทำงานในธนาคารมาก่อน แต่ฉันไม่เคยกลับไปทำอีกเลย งานที่ฉันทำตอนนี้มันไม่เคยน่าเบื่อเลย” เพื่อนๆ ของเธอมักจะถามเธอเสมอเกี่ยวกับพวกเซ็กส์ทอย เพราะเธอคือคนที่รู้จักของเล่นพวกนี้ดีที่สุดและรู้ว่าชิ้นไหนราคาถูกที่สุด งานที่เธอทำไม่ใช่เพียงแค่ทดสอบเพื่อบอกว่าอันไหนทำให้รู้สึกดีที่สุด แต่ยังรวมไปถึงการรีวิวรูปร่าง ราคา อายุการใช้งาน…
-
ชายคนหนึ่งหายตัวใกล้ๆ ปากแม่น้ำ ทีมกู้ชีพเร่งค้นหาไปทั่วทะเล แต่เจ้าตัวกลับโผล่ในผับ!?
การที่บุคคลได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็ยังเห็นอยู่เป็นปกติสุขดีนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่าชะตากรรมของคนเหล่านั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป ถ้าขั้นเลวร้ายที่สุดก็อาจจะพบร่างอันไร้วิญญาณไปแล้ว อย่างในกรณีของชายนิรนามรายนี้ ที่ทางเว็บไซต์ Dailypost ได้รายงานว่า ชายคนดังกล่าวกำลังเดินอยู่ในบริเวณระหว่างหมู่บ้าน Portmeirion แม่น้ำ Dwyryd และหมู่บ้าน Porthmadog ในประเทศอังกฤษ จนกระทั่งสัญญาณเตือนภัยอันตรายของชายฝั่งได้ดังขึ้นมา… บริเวณที่ชายนิรนามหายตัวไประหว่างหมู่บ้าน Portmeirion และหมู่บ้าน Porthmadog ทีมกู้ภัยได้รับสัญญาณเตือนภัยปุ๊บ ก็รีบออกไปทำภารกิจค้นหาและกู้ชีพทันทีหลังจากที่ชายรายนี้หายตัวไป ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ชายฝั่ง 4 นาย ทีมเรือกู้ชีพ พร้อมกับทีมเฮลิคอปเตอร์ค้นหา เรียกได้ว่าจัดเต็มทุกทีมเพื่อตามหาคนเพียงคนเดียว และคาดการณ์ถึงภัยที่ร้ายแรงที่สุดด้วยว่า ไม่น่าจะหาตัวเขาเจอแน่ๆ เนื่องจากบริเวณที่เขาหายตัวไปนั้นเป็นแม่น้ำที่มีสายน้ำไหลลงสู่มหาสมุทร จึงทำให้อดคิดไม่ได้ว่า จากการค้นหาร่วม 2 ชั่วโมงกว่าๆ อาจจะเปล่าประโยชน์ ผืนน้ำอันแสนกว้างใหญ่ขนาดนั้น อาจจะกลืนร่างของเขาไปแล้วก็ได้ ภาพทีมเฮลิคอปเตอร์กู้ชีพประกอบเนื้อหา แต่ทว่าเรื่องราวทั้งหมดกลับหงายหน้าเป็นหลัง… เพราะภายหลังตำรวจพบชายคนดังกล่าวเวลาประมาณ 2 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่น อยู่ในสภาพที่ครบถ้วนสมบูรณ์ 32…
-
คุณแม่ชาวจีนเผลอให้ลูกกิน “ดินวิทยาศาสตร์” เพราะเข้าใจผิดว่าเป็น “ลูกอม” ไปซะได้
สำหรับใครที่เคยปลูกต้นไม้น่าจะพอรู้จักดินวิทยาศาสตร์กันมาบ้างอย่างแน่นอน และก็เป็นที่รู้กันว่าเจ้าดินวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ไม่ควรกินเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าเรื่องน่าเศร้านั้นก็เกิดขึ้นเมื่อมีคุณแม่เข้าใจผิดคิดว่าดินวิทยาศาสตร์เป็นลูกอมซะงั้น เรื่องมันมีอยู่ว่าคุณชาวจีนจากมณฑลเจียงซูท่านหนึ่ง ได้ไปซุปเปอร์มาเก็ตพร้อมกับซื้อดินวิทยาศาสตร์กลับมาถุงหนึ่ง ซึ่งเธอคิดว่าเจ้าลูกบอลจิ๋วหลากสีสันนี้ เป็นลูกอมโปรดของลูกสาววัย 3 ขวบของเธอไปซะได้ รายงานข่าวจากเว็บไซต์ Shanghaiist ระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พอเธอกลับไปถึงที่บ้าน เธอก็ทำการให้สามีป้อนเจ้าดินวิทยาศาสตร์ที่เธอคิดว่าเป็นลูกอมกับลูกน้อยของเธอชิ้นต่อชิ้น จนรู้ตัวอีกทีเจ้าลูกอมนี้ก็หมดเสียแล้ว แต่กว่าคุณแม่ท่านนี้จะรู้ตัวว่าสิ่งที่เธอให้ลูกกินมันเป็นดินวิทยาศาสตร์ ลูกเธอก็กินมันเข้าไปแล้วมากกว่า 280 ลูก ซึ่งเมื่อทั้งคู่รู้อย่างนั้นพวกเขาจึงรีบพาลูกสาวไปหาหมอทันที!!! ซึ่งหมอก็ได้ทำการเอ็กซเรย์ให้เห็นถึงภาพของเด็กสาวที่เต็มไปด้วยดินวิทยาศาสตร์เต็มท้องของเธอ โดยทั้งคู่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกับเข้าใจถึงความผิดพลาดนี้ทัน แถมในตอนนั้นดินวทิยาศาสตร์ก็เริ่มที่จะดูดซับน้ำในท้องของเด็กแล้วด้วย และถ้ายิ่งปล่อยไว้นานมันก็ยิ่งจะทำให้ท้องของเธอเต็มไปด้วยดินวิทยาศาสตร์ที่ขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม หมอจึงให้ยาแก่เด็กสาวเพื่อที่เธอจะได้ขับเจ้าดินวิทยาศาสตร์นี้ออกมาก่อนที่มันจะขยายไปกว่านี้ พร้อมกับบอกว่าดินวิทยาศาสตร์พวกนี้จะออกมาจนหมดภายใน 24 ชั่วโมงอย่างแน่นอน โชคดีที่เจ้าหนูสามารถรอดมาได้อย่างปลอดภัย และน่าเป็นอุทาหรณ์ให้กับพ่อแม่คู่นี้ไปนานเลยล่ะ เวลาจะเอาอะไรให้ลูกกินคงต้องดูให้ดีๆ แล้วล่ะ ว่าแต่ของมันไม่น่าจะวางอยู่ตรงชั้นของกินในห้างสรรพสินค้าเลยนะเนี่ย ที่มา shanghaiist
-
ปัดโถ่!! สื่อนอกเผยสหรัฐอาจขอดู “รหัสผ่าน” โซเชียลมีเดียของคุณ ประกอบการขอวีซ่า
กลายเป็นเรื่องให้ถกเถียงกันในโลกออนไลน์ทั้งในไทยและต่างประเทศเลย สำหรับข่าวต่างประเทศที่บอกว่าตอนนี้สหรัฐอาจจะมีมาตรการใหม่ในการป้องกันอันตรายจากต่างประเทศ โดยการของดูรหัสผ่านโซเชียลมีเดียของคุณ!? เรื่องนี้ถูกเปิดเผยผ่านสำนักข่าว NBC เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา โดยบอกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ John Kelly ได้กล่าวในขณะประชุมคณะกรรมาธิการ ว่าหลังจากนี้ไปหากชาวต่างชาติคนไหนจะยื่นวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าสหรัฐ จะต้องกรอกรหัสผ่าน Facebook, Twitter, Youtube, Line และอีกมากมาย เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบประวัติต่างๆ นาย Kelly กล่าวว่า “เราต้องการเข้าถึงโซเชียลมีเดียของพวกเขาด้วยรหัสผ่าน พวกคุณทำอะไร? พวกคุณคุยเรื่องอะไนกัน? ถ้าพวกเขาไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่ต้องให้พวกเขาเข้าประเทศมา” ซึ่งมาตรการนี้เป็นแนวคิดที่ต่อยอดมาจากคำสั่งของประธานาธิบ Donald Trump ที่ต้องการกีดกันผู้อพยพจาก 7 ประเทศมุสลิมได้แก่ โซมาเลีย, ซูดาน, เยเมน, ลิเบีย, อิรัก, อิหร่านและซีเรีย ไม่ให้เข้าประเทศ เพราะเกรงว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความคิดที่ยังอยู่ในการพิจารณาเบื้องต้นเท่านั้น และยังคงต้องมีการหารือกันเพื่อความเหมาะสมก่อนจะมีการตัดสินใจใดๆ ก็ตาม แต่มีการคาดการณ์กันว่าหลังจากนี้ไป การตรวจคนเข้าเมืองจะเป็นเรื่องที่เข้มงวดขึ้นกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่ความคิดใหม่เสียทีเดียว เพราะหาก ย้อนกลับไปในปี 2015 ในสมัยที่รัฐบาลสหรัฐยังคงอยู่ในความดูแลของประธานาธิปดี…
-
นี่คือ 10 พฤติกรรมขยายพันธุ์ 18+ ของสัตว์โลก ที่ทั้งโหด และหลอนในเวลาเดียวกัน!?
สิ่งมีชีวิตใดๆ บนโลกใบนี้ ถูกสร้างขึ้นมาให้มีความแตกต่างกัน ทั้งรูปร่างหน้าตา ขนาด พฤติกรรม รวมไปถึงรูปแบบการสืบพันธุ์แบบต่างๆ แต่เพื่อนๆ บางคนอาจจะไม่รู้ว่าสัตว์บางสายพันธุ์นั้นมีพฤติกรรมที่ชวนสยองเหมือนกัน และในบทความนี้#เหมียวฟิ้นได้รวบรวมเอาพฤติกรรมที่ว่านี้มาตีแผ่ให้ทุกคนได้รู้ น่าสยองอย่างที่ว่าจริงไหมลองไปดูกันเลย 1. จิ้งเหลนหางแส้มีลูกได้เอง นี่คือความสามารถที่สาวๆ บางคนอาจจะอยากได้มันมากๆ เพราะพวกจิ้งเหลนหางแส้สามารถผสมพันธุ์และให้กำเนิดลูกได้เอง โดยที่ตัวอ่อนจิ้งเหลนจะสามารถเจริญเติบโตและเป็นรูปเป็นร่างได้อยู่ภายในร่างกายของตัวเอง แม้จะไม่ผ่านการปฏิสนธิจากตัวผู้เลยก็ตาม สิ่งนี้เรียกว่า Parthenogenesis (ภาษากรีกแปลว่าการสร้างสรรค์แบบบริสุทธิ์) 2. ปลาตกเบ็ดไม่ต้องห่วงเรื่องนอกใจ ดูจะเป็นสายพันธุ์สัตว์ที่โรแมนติกสุดๆ แต่มันก็ตามาด้วยเรื่องชวนอึ้งเช่นกัน เพราะเมื่อปลาตกเบ็ดตัวผู้ฝักออกมาจากไข่ พวกมันก็จะตรงเขาไปกัดที่ท้องของปลาตกเบ็ดตัวเมียทันที จากนั้นร่างกายของมันก็จะหดเล็กลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นเหมือนปรสิตตัวเล็กๆ เกาะติดตัวเมียไปตลอดเวลา อีกทั้งยังใช้ระบบเลือดร่วมกันด้วยนะ เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงวันที่ตัวเมียเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ตัวผู้ก็จะปล่อยสเปิร์มเข้าไปในตัวเมียเพื่อให้มันตั้งท้อง และถึงแม้จะผสมพันธุ์กันไปแล้ว แต่พวกมันก็จะอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง 3. ตั๊กแตนตำข้าวกินหัวตัวผู้!? ราวๆ 16% ของการผสมพันธุ์ของตั๊กแตนตำข้าวตัวผู้และตัวเมีย ตัวเมียจะกินหัวของตัวผู้เข้าไประหว่างผสมพันธุ์กัน…อึ๋ย 4. ฮิปโปสุดยัวะ มันคือหนึ่งในสายพันธุ์สัตว์ที่อันตรายที่สุดในแอฟริกาเลยก็ว่าได้ ไม่มีอะไรที่จะหยุดพวกมันได้หากพวกมันอยากจะหว่านเสน่ห์ใส่ตัวเมีย แต่วิธีในการดึงดูดเพศเมียของพวกมันอาจจะแปลกสักหน่อยตรงที่พวกมันจะทั้งอึและฉี่ออกมาเพื่อสร้างอนาเขตของตัวเอง ให้เพศเมียรู้สึกสะดุดตา… 5. เม่นปล่อยสิ่งปฏิกูลเพื่อสร้างความประทับใจ!? การที่ร่างกายของพวกมันมีหนาม ไม่ได้ทำให้การผสมพันธุ์เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเลย แต่เรื่องที่แปลกก็คือเม่นตัวผู้มักจะฉี่ใส่เม่นตัวเมียก่อนที่จะมีอะไรกัน… และบางคนอาจจะกังวลว่าพวกเม่นตัวเมียจะรู้สึกเจ็บปวดหรือเปล่าเมื่อต้องให้กำเนิดลูก? เราก็ขอบอกเลยว่ามันไม่ได้เจ็บปวดอะไรนะ…
-
โรงพยาบาลนี้ช่วยชีวิตเด็กหนุ่มที่ถูกยิง ถัดมา 9 ปี เขากลายมาเป็น “คุณหมอ” จนได้…
เคยคิดกันไหมถ้าเราเจอกับเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้เราเกือบไม่รอด แต่แล้วเหตุการณ์นั้นก็เป็นแรงบันดาลใจหรือแรงผลักดัน ที่จะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล เรื่องนี้เกิดขึ้นกับชายหนุ่มคนหนึ่งในดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน เขาคนนี้มีชื่อว่า Kevin Morton Jr ขาถูกยิงเข้าที่ท้องถึง 9 นักในคืนหนึ่ง หลังจากที่เขาปิดร้านอาหารที่ทำงานและเดินทางกลับบ้าน แต่ถูกกลุ่มคนร้ายดักปล้น หลังจากที่เขาถูกยิง เขาก็ถูกหามส่งโรงพยาบาล Detroit’s St. John ทันที ทีมแพทย์รีบเข้ามาดูทันที ครอบครัวของเขาบอกว่าตอนนั้น Kevin มีโอกาสรอดเพียงแค่ 10% เท่านั้น แต่แพทย์หญิงคนหนึ่งชื่อว่า Dr. Sheth- Zelmanski กลับสามารถที่จะช่วยชีวิตเขาไว้ได้ในคืนนั้น “ฉันรู้ว่าเขายังไม่ยอมแพ้ แล้วทำไมพวกเราจะต้องยอมแพ้ล่ะ? พวกเราต้องทำมันให้สำเร็จ” Dr. Sheth ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่เธอยังคงพยามช่วย Kevin แม้เขาจะมีโอกาสรอดแค่ 10% ตอนแรกเขาวางแผนไว้ว่า เขาจะเข้าทำงานเกี่ยวกับเภสัชกรรม แต่หลังจากที่เขาต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลนานถึง 50 วันที่โรงพยาบาล St. John รวมถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ที่ทำให้เขารอดมาได้ มันทำให้เขาตระหนักถึงการช่วยเหลือชีวิตของผู้อื่น มันทำให้เขารู้สึกว่าเขาควรจะเดินในเส้นทางสายนี้เช่นกัน หลังจากนั้น 10 ปี เขาได้เรียนจบจาก Michigan State University’s College of…
-
ชายหนุ่มช่วยพิตบูลที่ถูกล่ามโซ่มาตลอดชีวิต และสอนให้มันรู้จัก ‘อิสรภาพ’ เป็นครั้งแรก!!
Steffen Baldwin ชายหนุ่มผู้เป็นกระบอกเสียงในการเรียกร้องสวัสดิภาพให้สัตว์ และผู้ฝึกหมา ได้ทำการให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหมาพิตบูลที่ถูกเจ้าของผู้ใจดำล่ามโซ่เอาไว้ เจ้าหมาพิตบูลตัวดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นหมาที่ถูกทิ้งเอาไว้ หรือไม่ได้เป็นหมาจรจัดแต่อย่างใด มันเป็นหมาที่มีเจ้าของ แต่มันถูกเลี้ยงอย่างทารุณ จนทำให้เพื่อนบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นทนไม่ไหวแจ้งให้กับนาย Steffen ที่เป็นผู้ก่อตั้งองค์กร Animal Cruelty Task ในรัฐ Ohio กฎหมายของรัฐ Ohio นั้นระบุเอาไว้ว่า สุนัขที่มีเจ้าของจะต้องได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าของเป็นอย่างดี มีให้ทั้งอาหาร และน้ำ แต่หลังจากที่ได้พบกับเจ้าหมาพิตบูลแล้วก็พบ่วามันไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อย ไม่มีใครเหลีวแลมันแม้แต่น้อย นาย Steffen ก็เลยตัดสินใจที่จะติดต่อไปยังเจ้าของ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่มัน เจ้า Tank สุนัขพันธุ์พิตบูลต้องใช้ชีวิตอยู่กับโซ่ล่ามมาตลอดชีวิต จากการที่มันถูกล่ามเอาไว้ ทำให้เจ้า Tank มีสภาพที่ดูย่ำแย่ จนทำให้ใครหลายๆ คนที่เดินผ่านไปผ่านมากลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ เจ้า Tank นั้นไม่ได้เป็นที่รักของเจ้านายของมันนัก เพราะแต่ละครั้งที่พวกเขาให้อาหารมัน ก็มักจะให้ด้วยการโยน หรือบางครั้งก็ไม่ให้เลย จากการพูดคุยระหว่างนาย Steffen กับครอบครัวเจ้าของของเจ้า Tank ก็เป็นไปได้ด้วยดี จากนี้ไปเจ้า Tank จะได้ไปอยู่บ้านหลังใหม่…
-
หญิงสาวรับงาน “แม่บ้านเปลือย” ทำความสะอาดบ้าน ไม่ขายตัว แต่ได้เงิน 2,000 ต่อชั่วโมง
คุณแม่วัยสาวอายุ 25 ปี สามารถที่จะสร้างรายได้สูงถึง 2,000 บาทต่อชั่วโมง ด้วยการเป็นแม่บ้านเท่านั้น แต่ว่าวิธีการทำงานของเธอนั้นพิเศษไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน?!! Emily Nikols คุณแม่วัย 25 คนนี้เธอทำงานเป็นแม่บ้านที่มีวิธีแตกต่างจากคนอื่นพอสมควรคือ เวลาเธอทำงานเป็นแม่บ้านเธอจะสวมเพียงแค่ถุงมือยางในการทำงานเท่านั้น… ใช่แล้ว เธอบอกว่าชุดทำงานประกอบด้วยถุงมือยางอย่างเดียวเท่านั้น เธอจะไม่ใส่ชุดอะไรทำงานเลย นั่นหมายความว่าเธอเปลือยนั่นเอง… แต่ก่อนที่จะคิดกันไปไกล เธอไม่ได้ทำอะไรนอกจากงานเป็นแม่บ้านเลยนะ เพราะเธอมีกฏอยู่ว่าลูกค้าจะไม่สามารถทำอะไรลามกอนาจารกับเธอได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นแม้เวลาพวกเขามาจ้องดูเธอทำงานบ้าน เธอกลับรู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นวัตถุทางเพศแต่อย่างใด “ฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยที่จะต้องเปลือยทำงาน มันรู้สึกสบายเสียด้วยซ้ำเวลาเคลื่อนไหวแล้วไม่มีเสื้อผ้ามารบกวน แถมยังเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับฉันมากๆ เลยล่ะ” นอกจากนี้จากบทสัมภาษณ์ยังได้ถามถึงคำถามที่ว่าแล้วแบบนี้ลูกค้าจะรู้สึกยังไง เวลาที่เธอแก้ผ้าทำงานแบบนี้ ซึ่งเธอก็ตอบกลับมาว่า “เท่าที่พบเจอมาลูกค้าส่วนใหญ่ พวกเขาจะให้ความคารพฉันพอสมควรเลยนะพวกเขาช่วยยังช่วยถืออุปกรณ์ให้ฉันอีกต่างหาก แถมยังเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ อีกด้วย” นอกจากนี้จากบทสัมภาษณ์ยังได้ถามถึงความรู้สึกของครบครัวและเพื่อนๆ ของเธอว่ารู้สึกยังไงที่เห็นเธอมาทำงานแบบนี้ “พวกเพื่อนๆ และครอบครัวของฉันออกจะสนับสนุนฉันซะด้วยซ้ำนะ แต่ว่าสามีของฉันก็ออกจะเป็นห่วงอยู่บ้างถึงความปลอดภัยของฉัน แต่สุดท้ายเขาก็โอเคกับมันเพราะเขาเชื่อใจ” มาถึงกันขนาดนี้แล้ว หลายคนคงอยากจะจ้างแม้บ้านเปลือยสักคนใช่ไหมล่ะ แต่บอกเลยว่าราคามันเจ็บพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งชั่วโมงแรกจะต้องจ่ายในราคาราวๆ 2,800 เลยทีเดียว ส่วนชั่วโมงต่อไปจะอยู่ที่ราคาราวๆ…
-
ตำนานของชาย 2 คน ที่ขโมยเครื่องบินโบอิ้ง ขับหายไปจากสนามบิน จนตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ!?
เรื่องราวลึกลับรอบโลกนั้นมีมากมายกายกอง มีทั้งที่หาข้อสรุปได้และยังหาข้อสรุปไม่ได้ ซึ่งทุกเรื่องก็ล้วนน่าสนใจทั้งนั้น ซึ่งมีอยู่เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ และทุกวันนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงง… หลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินหรือรู้จักเรื่องนี้กันมาบ้าง แต่ถ้าใครยังไม่รู้ก็ปูเสื่อนั่งฟังกันได้เลยครับ… โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องของเครื่องบิน Boeing 727-223 ที่อยู่ดีๆ ก็หายไปนานนับสิบปี จนตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลว่ามันหายไปไหน 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2003 เครื่องบิน Boeing 727-223 ออกบินจาก Quatro de Fevereiro Airport ในประเทศแองโกลา ตามรายงานระบุว่า ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน มีชายสองคนแอบลักลอบขึ้นไปบนเครื่องบินที่จอดอยู่ในสนามบิน และพามันบินขึ้นโดยไม่มีการอนุญาตก่อน โดยเรื่องผิดปกติที่เกิดขึ้นก็คือ ตอนนั้น(ต้องใช้คำว่าตอนนั้น เพราะตอนหลังเค้าก็ทราบนี่นา)ไม่มีใครรู้เลยว่าใครเป็นคนขับเจ้าเครื่องบินลำนี้ออกไป แถมเจ้าหน้าที่วิทยุการบินก็พยายามห้ามพวกเขา แต่ถูกตัดการสื่อสารไป มีคนเชื่อว่าเครื่องบินถูกขโมยไปโดยคนเพียงสองคนเท่านั้น โดยทั้งสองคนนี้มีชื่อว่า Ben Charles Padilla และ John Mikel Mutantu โดยทั้งคู่ได้รับการรับรองให้สามารถขับ Boeing 727 ได้ (เพียงแต่ว่าโดยปกติแล้วการจะขับเครื่องบินแบบนี้ได้จำเป็นจะต้องมีลูกเรือขั้นต่ำ 3 คน) ภาพของ Ben Charles Padilla เครื่องบินแล่นออกจากสนามบินโดยที่ไม่ติดต่อวิทยุการบินรวมถึงไม่มีไฟนำทางเข้าสู่รันเวย์แม้แต่น้อย หลังจากที่บินขึ้นได้สักระยะตัวเครื่องบินมุ่งตรงสู่มหาสมุทรแอทแลนติก อย่างไม่มีเหตุผลอะไรรองรับจุดหมายของทั้งคู่ และแน่นอน…
-
ตามส่อง 17 เมนูจาก McDonald’s ทั่วโลก ที่มีขายเฉพาะประเทศนั้น ที่อื่นอดนะจ๊ะ!!
McDonald’s คือแฟรนไชส์ร้านฟาสต์ฟู๊ดที่เปิดสาขาไปแทบทุกประเทศทั่วโลก และแน่นอนว่าแม้จะขายเบอเกอร์เป็นหลัก แต่ในแต่ละประเทศก็จะไม่มีเมนูที่ไม่เหมือนของที่ไหนอีกด้วย ปกติแล้ว McDonald’s ในแต่ละประเทศมักจะมีเมนูที่ซิกเนเจอร์ของตัวประเทศนั้นๆ ในส่วนของไทยก็มี แต่เราก็คงจะกินกันจนเป็นปกติแล้วล่ะเนอะ วันนี้เราเลยจะมาดูเมนูซิกเนเจอร์ของประเทศอื่นๆ กันบ้างว่าจะน่ากินขนาดไหนกันนะ Sweety con Nutella เบอร์เกอร์นูเทล่าล้วนๆ จากประเทศอิตาลี Poutine เฟรนช์ฟรายส์ราดด้วยน้ำเกรวี่และชีส จากประเทศแคนาดา McKroket เนื้อบดทอดผสมกับชีสและซอสมัสตาร์ด จากเนเธอร์แลนด์ Pancake Helado แพนเค้กโปะด้วยไอศกรีมวนิลาจากประเทศอุรุกวัย Twister Fries เฟรนช์ฟรายส์ที่มีหน้าตาโค้งๆ ที่จะขายทุกช่วงตรุษจีนในประเทศสิงคโปร์ Shaka Shaka Chicken ไก่ทอดผสมกับผงรสชาติต่างๆ (เลม่อน,พริกไทย,ชีส) จากประเทศญี่ปุ่น Churros จากประเทศเกาหลีใต้ Prosperity Burger เบอร์เกอร์ไก่ที่ขายเฉพาะช่วงตรุษจีนมาพร้อมกับแฮชบราวน์ จากประเทศมาเลเซีย Veggie Crunch Burger เบอร์เกอร์มังสวิรัติ จากประเทศสิงคโปร์ Frozen…
-
พบ “อัลลิเกเตอร์สีส้ม” สุดแปลกตา ทำชาวเน็ตพากันแซวขำๆ ว่าเหมือน Donald Trump
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยภาพของอัลลิเกเตอร์ตัวหนึ่ง ในรัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่กำลังกลายเป็นที่สนใจของผู้คน ณ ขณะนี้เลยก็ว่าได้ เพราะถึงแม้ว่ามันจะมีลักษณะเหมือนกับอัลลิเกเตอร์ทั่วๆ ไป แต่สิ่งที่ทำให้มันแตกต่างก็คือ สีผิวของมันนั่นเอง… ซึ่งจากภาพเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า อัลลิเกเตอร์ตัวดังกล่าวมีผิวสีส้มสดใสทั่วทั้งลำตัว ดูแล้วช่างประหลาดตายิ่งนัก งานนี้เลยทำให้ผู้คนแอบสงสัยกันใหญ่เลยว่า ทำไมตัวของมันเป็นสีส้มกันน้า!? งานนี้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นก็ได้ถ่ายภาพของมัน แล้วนำไปโพสต์ลงในโลกโซเซียล จนทำให้ชาวเน็ตต่างก็เข้ามาแสดงความเห็นกันมากอย่างมาย บางคนก็แอบนำไปเปรียบเทียบกับประธานาธิบดี Donald Trump พร้อมแอบตั้งฉายาให้แบบขำๆ ว่า “Trumpagator” โดยสาเหตุที่ชาวเน็ตได้นำไปเปรียบเทียบกับ Trump ก็เพราะว่าเขาเป็นคนที่ชอบการสเปรย์ผิวแทนมาก ซึ่งพอทำแล้วมันไม่ทำให้ผิวของเขากลายเป็นผิวแทน แต่จะออกเป็นโทนสีส้มมากกว่า ดังนั้น ชาวเน็ตจึงได้นำสีผิวของเขามาเปรียบเทียบกับเจ้าอัลลิเกเตอร์นั่นเอง แม้หลายคนอาจจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องฮา แต่สำหรับบางคนอาจไม่คิดอย่างนั้น เพราะพวกเขาคาดว่าสีผิวที่ผิดปกติของมันอาจจะเกิดจากมลพิษในน้ำ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ยากจะตัดสินใจ เว้นแต่จะมีการนำไปตรวจสอบ ขณะที่บางคนก็เข้ามาแสดงความเห็นว่า “ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”, “มันอาจจะเป็นสายพันธุ์ใหม่ ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม และสีผิวของมันก็เป็นสีส้มตามธรรมชาติ” ที่มา : dailymail
-
ถ้าพลาดป่อง ก็มาซื้อนมที่เรานะ… บริษัท Durex ทุ่มเงินซื้อกิจการ “นมผง” ยักษ์ใหญ่เรียบร้อย
Reckitt Benckiser Group หรือ R.B. บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดังที่เราใช้กันอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น Dettol,ผลิตภัณฑ์ยา Nurofen, สเปรย์ปรับอากาศ Air wick หรือจะเป็น Durex ก็เป็นสินค้าในเครือนี้ ซึ่งล่าสุดตอนนี้ทางบริษัทก็ได้ทำสัญญาซื้อขายกิจการกับบริษัทผลิตนมผงยักษ์ใหญ่ Mead Johnson Nutrition เป็นที่เรียบร้อย สาเหตุที่ทาง R.B. เลือกที่จะหันมาลงทุนซื้อกิจกรรมนมผงนั่นก็เพราะว่า ในตอนนี้ผลประกอบการที่เป็นอยู่มีกำไรที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก ทาง R.B. จึงจำเป็นจะต้องหาแบรนด์ใหม่เข้ามาเพื่อที่ช่วยเสริมกำลัง และด้วยตัว Mead Johnson Nutrition ครองตลาดในฝั่งเอเชียอยู่แล้ว การเข้าซื้อกิจกรรมในครั้งนี้จึงเป็นทั้งการเข้าตีตลาดและกู้วิกฤติกลับมานั่นเอง สำหรับตัวบริษัท Mead Johnson Nutrition เป็นเครือที่ผลิตนมผงและอาหารเสริมสำหรับเด็กเป็นหลัก แถมที่สำคัญกิจการในเครือนี้ยังทำรายได้มหาศาลมากถึงราวๆ 126,000 ล้านบาท จึงไม่แปลกเลยที่ R.B. จะอยากเข้ามาตีตลาดผ่านบริษัทนี้ Rakesh Kapoor ประธานของ R.B. ยังบอกอีกว่าเขาคาดหวังกับดีลในครั้งนี้พอสมควรเลยทีเดียว และยังหวังว่าการดีลในครั้งนี้จะช่วยสร้างเม็ดเงินให้เขาราวๆ 8,000 ล้านบาทในช่วงเวลา 3 ปี เขาบอกว่าธุรกิจของทาง Mead Johnson Nutrition นั้นผลิตทั้งนมผงและอาหารเสริมสำหรับเด็กซึ่งในทางฝั่งของจีนที่มีนโยบายไม่ให้มีลูกมากกว่า 1 พ่อแม่จึงจำเป็นจะต้องเลี้ยงดูลูกๆ…
-
ช่างภาพตามถ่าย “สวนสัตว์อิรัก” สะท้อนปัญหาที่พวกมันได้รับ จากสงครามของมนุษย์ผู้บ้าคลั่ง
แน่นอนว่าสงคราม นั้นนำมาซึ่งความสูญเสีย และมันไม่ใช่สำหรับคนเท่านั้น แต่มันคือความสูญเสียสำหรับสิ่งอื่นๆ ทั้งสังคม บ้านเมือง กระทั่งสัตว์เช่นกัน ภาพที่จะได้เห็นต่อไปนี้เป็นภาพจากสวนสัตว์ Mosul ที่อยู่ในอิรัก โดยเราจะเห็นว่าสัตว์หลายชนิดถูกทิ้งไว้ให้หิวตายอยู่ภายในสวนสัตว์ ภาพของสิงโตที่หิวโหยในกรง กำลังมองสิงโตอีกตึวหนึ่งนอนตายอยู่ภายในหลุม เมือง Mosul เคยถูกยึดครองโดยกลุ่มไอซิส และภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกมาโดยช่างภาพของกลุ่ม Mosul Eye ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านไอซิส พวกเขาต้องการให้หน่วยงานด้านสัตว์ในระดับนานาชาติ มองเห็นถึงความทารุณและโหดร้ายของที่นี่ เพื่อพวกมันได้จะได้รับการช่วยเหลือ เพราะในสภาวะสงครามเช่นนี้พวกเขาแทบไม่มีงบเลย “ในขณะที่สงครามทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าไปปกป้องและจัดการกับพวกสัตว์เหล่านี้” Abu Omar เจ้าของสวนสัตว์กล่าว นอกจากสิงโตแล้ว ยังมีหมีอีกหนึ่งตัวที่สภาพผอมซูบ ภาพของเด็กๆ และผู้คนที่แวะมาเยี่ยมเยียนพวกสัตว์ ที่พยามจะช่วยชีวิตให้พวกมันมีชีวิตต่อไปได้ นอกจากนี้ยังมีภาพของสภาพรอบๆ สวนสัตว์ที่แสดงให้เห็นผลกระทบของสงครามได้ทิ้งไว้ หลังจากที่สงครามจากไป ความสูญเสียก็ไม่ได้ตามไปกับสงคราม แต่มันยังคงอยู่ในที่แห่งนี้ ภาพของป้ายสวนสัตว์ที่ถูกทิ้งร้างไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้ครอบครัวต่างๆ มักจะพาลูกหลานมาเที่ยวกัน จากภาพนี้จะเห็นได้ว่าสภาพของสวนสัตว์หลังจากถูกทิ้งร้างมันแย่ขนาดไหน จุดนี้เคยเป็นจุดที่มีกรงลิงอยุ่ แต่ว่าด้วยลูกหลงของระเบิดมันจึงกลายเป็นหลุมแบบที่เห็น เด็กแถวนั้นโชว์ให้เห็นถึงลอยข่วนจากลิงที่หลุดออกมา จากภาพทั้งหมดเราจะเห็นได้ว่าผลกระทบของสงคราม มันส่งผลให้ทุกสิ่งรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นคน ที่อยู่อาศัย…
-
‘Holocaust of Greyhounds’ ประเพณีสุดโหดจากสเปน ที่ฆ่าสุนัขนักล่านับหมื่นตัวทุกปี!!
เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเทศกาลสู้วัวกระทิงจากประเทศสเปน กันมาบ้างแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นเทศกาลที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยอดีต จนกลายมาเป็นเหมือนประเพณีที่ต้องจัดทุกปี แต่ทว่านอกเหนือจากเทศกาลสู้วัวกระทิงแล้ว ที่ประเทศสเปน ยังมีอีกหนึ่งเทศกาลที่โหดร้ายไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ‘Holocasut of Greyhounds’ ซึ่งเป็นเทศกาลที่ถูกจัดขึ้นเพื่อคัดสรรสุนัขนักล่าที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้ว และในแต่ละปีคาดว่ามีจำนวนสุนัขที่ถูกพรากชีวิตไปมากนับหมื่นตัว!! ต้องเล่าก่อนว่า ‘สแปนิชกัลโก้’ คือสายพันธุ์สุนัขนักล่าที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศสเปน โดยส่วนใหญ่แล้วมันจะถูกฝึกให้ล่าสัตว์เล็กเช่นกระต่าย หรือหนู ทว่าเมื่อมันเริ่มแก่ตัวมากขึ้น ตัวไหนก็ตามที่ไม่สามารถแสดงศักยภาพให้เจ้าของเห็นได้เหมือนในอดีต พวกมันก็จะถูกทารุณกรรมอย่างโหดร้าย จนถึงขั้นเสียชีวิตลงในที่สุด และนี่คือต้นกำเนิดของเทศกาลดังกล่าว นักล่าส่วนใหญ่จะมีสุนัขสายพันธุ์ดังกล่าวไว้ล่าสัตว์มากกว่า 10 ตัว บางคนก็อาจจะมีมากไปถึง 70 ตัว และในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงสิ้นสุดฤดูกาลล่าสัตว์ ตามประเพณีดั้งเดิมของชาวสเปนแล้ว ถ้าหากสุนัขตัวไหนไม่สามารถทำผลงานได้ตามที่ต้องการ บ้างก็จะถูกนำมาแขวนคอ เผาทั้งเป็น ถูกจับให้สู้กับสุนัขด้วยกัน หรือแม้แต่โดนสาดด้วยน้ำกรด แต่สำหรับนักล่าบางคนที่ไม่อาจทำใจฆ่ามันได้ลงคอ หลายคนก็เลือกที่จะปล่อยให้มันกลายเป็นสุนัขจรจัด หรือบางคนก็เลือกที่จะหักขามัน และเอาไปปล่อยในที่ต่างถิ่นเพื่อไม่ให้มันกลับมาได้อีก และส่วนใหญ่พวกมันก็มักจะถูกปล่อยให้อดอาหารจนตายทั้งเป็น น่าเศร้าใจยิ่งนักสำหรับคนที่อยู่ในประเทศที่ไม่มีประเพณีดังกล่าว เพราะคนส่วนใหญ่ที่นี่ยังคงมองว่ามันเป็นประเพณีโบราณอย่างหนึ่งที่สืบทอดกันมา และเป็นเรื่องธรรมดาถ้าหากจะมีการจัดประเพณีนี้ขึ้นเป็นประจำทุกปี อ้างอิงจากข้อกฏหมายของประเทศสเปน ได้มีการระบุไว้ว่า ‘สุนัขสายพันธุ์สแปนิชกัลโก้ ถูกจัดให้เป็นสุนัขเลี้ยงเพื่อใช้งาน’…
-
วัดในญี่ปุ่นจัด DJ มาเปิด ‘เพลง EDM’ เพื่อเอาใจวัยรุ่นให้หันมาเข้าวัดเข้าวากันมากขึ้น!!
เมื่อกล่าวถึง ‘วัด’ แล้ว เพื่อนๆ หลายคนก็คงจะคิดถึงความสงบ ความเงียบ สถานที่แห่งความเมตตา และการปฏิบัติธรรม แต่สำหรับวัด Shō-onji ในเมืองฟุกุอิ ประเทศญี่ปุ่นแล้วต้องขอบอกเลยว่ามันช่างแปลกใหม่เป็นอย่างมาก เพราะที่นี่มีทั้ง DJ และการเปิดเพลงในวัดเพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ และทำให้เหล่าวัยรุ่นหันมาเข้าวัดเข้าวากันมากขึ้น Gyōsen Asakura พระคุณเจ้าวัย 49 ปี เป็นคนที่คิดไอเดียสุดแปลกนี้ขึ้นมา ซึ่งทำให้บรรยากาศในวัดกลายเป็นเหมือนผับ มากกว่าที่จะเป็นสถานปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเป็นการวางไฟ และเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิคที่เปิดมาจาก IDM (Intelligent Dance Music) เป็นแนวเทคโนผสมผสานกับบทสวดมนต์ของชาวพุทธ อาจจะเป็นเรื่องแปลกๆ ที่มองเห็นภาพของพระคุณเจ้า ที่ยืนอยู่บนแท่น DJ พร้อมกับสวมหูฟังคอยเปิดเพลงให้กับเหล่าศาสนิกชนที่เดินทางมาที่วัด แต่นี่ถือเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้เหล่าวัยรุ่นทั้งหลาย หันมาสนใจในเรื่องของศาสนามากยิ่งขึ้น สำหรับท่านพระคุณเจ้า Gyōsen Asakura เองก็เป็นแฟนๆ ของดนตรีอิเล็คทรอนิค และเป็นอดีต DJ ด้วย และการที่ท่านได้นำบทสวดมนต์ของศาสนามาปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นแนวดนตรีอิเล็คทรอนิกส์เองก็ ไม่ใช่เรื่องที่ยากแต่อย่างใด “สิ่งที่เราต้องการจะทำนั้นก็คือการใช้เทคโนโลยีในยุคสมัยใหม่ มาปรับใช้กับคำสอนของศาสนา…
-
ชาวเน็ตชื่นชม คุณแม่ ‘ซิงเกิ้ลมัม’ คอสเพลย์เป็นคุณพ่อสุดน่ารัก ไปร่วมงานที่โรงเรียน
กลายเป็นเรื่องราวสุดประทับใจเมื่อซิงเกิ้ลมัมจากรัฐ Utah ประเทศสหรัฐแต่งตัวเป็นผู้ชาย เพื่อไปร่วมงานเทศกาลที่โรงเรียนของลูกชาย เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อว่า Whitney Kittrell ได้ทำการโพสต์รูปภาพของตัวเองคู่กับลูกชาย โดยที่ใบหน้าของเธอนั้นมีการเขียนหนวด สวมหมวกเบสบอล และแต่งตัวเป็นนักเบสบอลชาย เพื่อไปร่วมงาน Dads and Doughnuts ที่โรงเรียนของลูกชาย พร้อมกับแคปชั่นว่า “หลังจากที่ฉันกลายเป็นซิงเกิ้ลมัมเมื่อ 3 ปีก่อน ฉันได้สาบานกับตัวเองไว้ว่าจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ แม้แต่การออกไปจากคอมฟอร์ตโซน เพื่อทำให้ลูกๆ ของฉันมีชีวิตที่เป็นปกติ เหมือนกับที่เด็กๆ คนอื่นๆ เค้ามีกัน” “ในเช้าวันนี้ ฉันก็เลยแปลงร่างเป็นคุณพ่อที่แสนดี หาชุดเบสบอลมาใส่ เขียนหนวด และออกไปทานอาหารเช้าร่วมกับลูกชายสุดน่ารักของฉัน” “ฉันรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก แต่มันก็ช่วยไม่ได้ และความรู้สึกเหล่านั้นก็มลายหายไปเมื่อลูกชายที่น่ารักของฉันพาฉันไปให้เพื่อนๆ ของเขารู้จัก พร้อมกับแนะนำว่า ‘นี่คือแม่ของฉัน….และเธอก็เป็นพ่อของฉันด้วย ก็เลยพาเธอมา’” โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างล้นหลาม มีคนเข้าไปกดไลค์กว่า 15,000 ครั้ง และแชร์ไปอีก 8,000 ครั้งเลยทีเดียว เธอพยายามทุกอย่างที่จะทำให้ลูกๆ รู้ว่าพวกเขานั้นได้รับความรักอยู่เสมอ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าเด็กๆ จะไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์ซะจนไม่รับรู้ถึงความรักที่เธอมีให้…
-
สยึ๋มกึ๋ยมาก!! ชวนดูคลิป “ลอกสิว” จากผิว แม้ขยะแขยงแค่ไหน แต่ก็อยากกดดูอยู่ดี…
ปัญหาเรื่องสิวนี่แม้ว่าจะเป็นปัญหาเล็กๆ แต่พอมันเกิดขึ้นบนใบหน้าเยอะๆ มันก็สร้างน่ารำคาญได้นะ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณต้องเอามันออกไปจากใบหน้าล่ะก็ เมื่อนั้นความสนุกอาจจะมาเยือนคุณก็เป็นได้ เพราะในทุกครั้งที่คุณจะเอาสิวเสี้ยนออกจากใบหน้า คุณก็ต้องใช้แผ่นลอกสิวยี่ห้อต่างๆ มาแปะที่หน้าเพื่อดึงเอาสิวออก เมื่อมันหลุดออกมาเป็นก้อนๆ คุณจะรู้สึกดีแบบแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก และถ้าคุณชอบอะไรแบบนั้น นี่คือสิ่งที่คู่ควรกับคุณ เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวฟิ้น ได้ไปเจอเข้ากับช่องยูทูบที่ชื่อว่า KeanaTankentai ความพิเศษของช่องนี้ก็คือ เขาจะลงแต่คลิปวิดีโอจำพวกสิวหัวขาว สิวหัวดำ การดึงหนวด หรือแม้แต่การปั่นขี้หู ที่ถูกถ่ายด้วยกล้องจุลทรรศน์ ทำให้เราเห็นสิวกันแบบใกล้ชิดยิ่งกว่าที่เคย ปิ๊ดๆ อ่าหหห์ ถ้านี่คือสิ่งที่ทำให้คุณดูแล้วรู้สึกดีล่ะก็ งั้นไปชมตัวเต็มๆ กัน หากใครยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้เราได้เคยพูดถึงดอกเตอร์คนหนึ่งที่ชื่อ Dr. Pimple Popper หรือชื่อจริงคือ Sandra Lee เธอเองก็มีชื่อเสียงในด้านการบีบสิวเช่นกันและมีคนติดตามดูสิว เอ้ย ดูเธอบีบสิวมากถึง 2 ล้านกว่าคนทีเดียว หากใครชอบก็ตามไปกดซับสไครบ์ได้เลย ดูจบแล้วรีบลุกไปล้างหน้ากันดีกว่านะ ที่มา viralnova , Dr. Pimple Popper
-
อย่างกับพล็อตหนัง… หนุ่มดูแลแฟนสาวความจำเสื่อม ให้กลับมาตกหลุมรักได้อีกครั้ง!!
เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ มันอาจจะดูเหมือนกับว่าเป็นพล็อตหนังรัก ที่เรามักจะเห็นกันอยู่บ่อยๆ…. Jessica Sharman หญิงสาวผู้ป่วยเป็นโรคลมชักมาตั้งแต่เกิด แต่มันไม่ได้ส่งผลร้ายต่อชีวิตของเธอมากนัก จนมาถึงเมื่อช่วงเดือนมีนาคมปี 2016 ที่ผ่านมา Jessica และ แฟนหนุ่ม Richard Bishop ที่เพิ่งคบกันมาได้ประมาณ 7 เดือน ณ ตอนนั้น ได้ออกไปเดทกัน ระหว่างทางที่กำลังโดยสารรถไฟไปลอนดอน จู่ๆ ฝ่ายแฟนสาวก็รู้สึกหน้ามืดและหมดแรงล้มลงไป หลังจากที่ถูกช่วยเหลือโดยแฟนหนุ่มออกมาจากรถไฟเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อคุณแม่ของเธอก็รีบมาหาเพื่อดูอาการทันที ซึ่งตอนนั้น Jessica ก็ฟื้นขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเธอจำใครไม่ได้เลย… Jessica Sharman และ Richard Bishop คุณแม่ของเธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพื่อทบทวนความจำให้กับเธอ แต่เหตุการณ์ ณ ตอนนั้นกลับแย่ลง เพราะเธอจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ของ Jessica ก็เลยตัดสินใจที่จะพาเธอกลับมาที่บ้านด้วยทั้งๆ ที่ยังจำอะไรไม่ได้ “พ่อแม่ของฉันชวน Richard มาด้วย แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักเขา เวลาที่พวกเขาทิ้งให้ฉันอยู่กับเขาสองต่อสอง มันทำให้ฉันรู้สึกกลัวมาก”…
-
คำขอสุดท้ายของเด็กสาว “อยากรับเลี้ยงแมว” ก่อนที่มะเร็ง จะพรากชีวิตของเธอจากไป…
เชื่อว่าชีวิตของมนุษย์ทุกคนจะต้องพบเจอกับช่วงเวลาที่อ่อนแอ และเลวร้ายที่สุด นั่นทำให้เราต้องการกำลังใจจากคนที่เรารัก และอยากใช้เวลาที่เหลือทำในสิ่งที่ใจต้องการ เหมือนดังเช่นเรื่องราวของ Kylie เด็กสาววัย 12 ปีคนนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก และมักจะสร้างรอยยิ้มให้กับคนรอบข้างอยู่เสมอ กระทั่งวันหนึ่ง เธอถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคมะเร็ง และอาจจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ในเวลาเพียงไม่นาน ดังนั้น เธอจึงได้ตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่ตนเองต้องการเป็นครั้งสุดท้าย นั่นก็คือ “การเลี้ยงแมว” นั่นเอง ในตอนแรกทางครอบครัวของเธอก็รู้สึกกังวลในการที่จะรับลูกแมวมาเลี้ยง เพราะที่บ้านของพวกเขามีสัตว์เลี้ยงถึง 4 ตัวแล้ว แต่ในเมื่อสาวน้อย Kylie ได้ร้องขอ แน่นอนว่าพวกเขาก็จะทำในสิ่งที่เธอปรารถนา ซึ่งคุณพ่อของเธอก็ได้ติดต่อไปยังมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ทันที “เจ้าเหมียวเป็นแมวที่มีสุขภาพที่ดี และก็รอให้คนใจดีมารับไปเลี้ยง จนกระทั่งเราได้รับสายที่น่าเศร้าว่าสาวน้อยที่ชื่อ Kylie ป่วยเป็นมะเร็ง ในตอนแรกทางครอบครัวไม่ได้รับเจ้าเหมียวมาเลี้ยงเป็นการถาวร แต่จะให้มันอยู่กับ Kylie ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเธอเท่านั้น” เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิกล่าว หลังจากที่ทางครอบครัวของ Kylie ได้รับเจ้าเหมียวที่แสนน่ารักจากมูลนิธิมาเลี้ยง พวกเขาก็เห็นว่าเธอกับเจ้าเหมียวสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี ซึ่งเธอได้เรียกมันว่า “Eliza” ครั้งแรกที่ Kylie ได้เจ้าเจ้าเหมียว ใบหน้าของเธอดูมีความสุขมาก และในวันต่อๆ…
-
เก๋าเหรอ!! อินทรีโดนอีกาบินโฉบกวนประสาท ถึงกับต้องชักสีหน้าทำตาโตมองบน
ในวันที่อากาศสดใส มีนกอินทรีขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังยืนชิวๆ อยู่บนกิ่งไม้ ซึ่งตัวมันเองก็คงคิดว่าวันนี้อาจจะเป็นวันที่ดีมากๆ แต่ใครจะรู้ละว่าอีกไม่กี่นาทีต่อมาเจ้านกอินทรีจะต้องมาเผชิญหน้ากับสัตว์ปีกชนิดหนึ่ง บอกเลยว่างานนี้เล่นเอานกอินทรีถึงขั้นไม่พอใจอย่างแรง Greaves Henriksen ช่างภาพวัย 52 จากรัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย สามารถบันทึกภาพวินาทีขณะที่อีกาดำตัวหนึ่งได้บินโฉบเข้ามาหาเจ้าอินทรีย์เอาไว้ได้ และนี่คือภาพที่คุณกำลังจะได้เห็น… เจ้าอินทรีกำลังยืนอยู่บนกิ่งไม้รับแดดแบบชิวๆ แต่ไม่รู้เลยว่ามีอีกาตัวหนึ่งกำลังบินเข้ามาหา จู่ๆ มันก็บินลงมาเหยียบหัวของอินทรีย์ จึ๊กกกกก โอ้วววว นี่มันหยามหน้าหยามหัวกันชัดๆ ดูเหมือนว่าเจ้าอินทรีจะเริ่มโกรธหลังจากที่อีกาเข้ามากวนประสาท ทางด้าน Greaves เจ้าของภาพก็เชื่อว่าอินทรีตัวนี้อาจจะยืนอยู่ใกล้กับรังของอีกา และเมื่อมันมาเห็นเข้าก็เลยพยายามที่จะปกป้องที่อยู่อาศัยของมันยังไงละ นี่ที่มันถิ่นข้า เจ้าควรออกไปซะ ฮร่าๆ อีกาก็กวนประสาทอินทรีอยู่นั่นแหละ… เล่นเอาซะพี่แกหัวเสียกันเลยทีเดียว ที่มา : designyoutrust
-
สาวตัดต่อภาพชายหนุ่ม มโนเป็นคู่หมั้นนาน 4 ปี เจอตัวจริงทนไม่ไหวโร่แจ้งความ!!
บางครั้งการที่เราหลงรักใครซักคนก็อยากที่จะได้เค้ามาเป็นแฟน แต่ถ้าบังเอิญว่าคนๆ นั้นมีแฟนอยู่แล้ว หรือไม่ชอบเราก็ควรที่จะตัดใจเสียดีกว่า เพราะการที่เราพยายามดื้อดึงไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นอยู่ดี เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของหญิงสาวคนนี้ที่แอบปิ๊งรักชายหนุ่มคนหนึ่ง ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเจอหน้า และไม่เคยคุยกันแม้แต่คำเดียว แต่กลับเอารูปของเขามาตัดต่อแล้วโมเมว่าเป็นคู่หมั้นของตัวเอง แถมยังเอาไปหลอกให้คนอื่นหลงเชื่ออีก Jill Sharp หญิงสาววัย 31 ปี ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นโรคจิตแอบติดตามนาย Graham McQuet ที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว เป็นเวลานานกว่า 4 ปีด้วยกัน เพื่อหลอกให้คนอื่นเชื่อว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน ด้วยการตัดต่อรูปของตัวเองไปใส่คู่กับใบหน้าของชายหนุ่มแล้วโพสต์ลงเฟซบุ๊ค จากรายงานของเว็บไซต์ Daily Record เล่าว่า เธอได้ไปบอกกับเพื่อนคนอื่นๆ ว่าเธอมีคู่หมั้นแล้ว และชายคนในภาพตัดต่อนั้นก็คือคู่หมั้นของเธอ เพื่อทำให้คนอื่นๆ เชื่อ ผู้ต้องหา Jill ได้ทำการไปเที่ยวที่ลอนดอน หลังจากที่เห็นนาย McQuet ถ่ายรูปคู่กับโบสถ์ Westminster Abbey และเธอก็ถ่ายรูปแล้วเอามาโพสต์เทียบกันให้เห็นจะๆ แล้วอ้างว่าไปเที่ยวด้วยกันมา จนในที่สุด เหล่าเพื่อนๆ ของ Jill ก็เริ่มสงสัย วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเป็นเวลา 4 ปี โดยที่…
-
อาสาสมัครนิวซีแลนด์เร่งช่วยเหลือวาฬกว่า 400 ตัว หลังโดนคลื่นซัดมาเกยชายหาดเอง
อาสาสมัครในประเทศนิวซีแลนด์เร่งเข้าช่วยเหลือเหล่าวาฬเกยตื่น หลังจากพบว่ามีวาฬนำร่อง (Pilot Whale) หลายร้อยตัวต้องตายอย่างทรมานหลังจากเกยตื่นอยู่บนฝั่งเป็นเวลานาน นี่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าหลังจากมีคนพบเห็นปลาวาฬนำร่องทั้งหมด 416 ตัว กำลังนอนเกยตื่นอยู่บนชายฝั่งแฟร์เวลล์สปิต ทางใต้ของ โกลเดน เบย์ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยล่าสุดชาวบ้านและอาสาสมัครก็ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเป็นการด่วน แต่ก็พบว่ามีวาฬตายไปแล้วกว่า 275 ตัว ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังคงพยามช่วยเหลือพวกมันโดยการทำให้ตัวของพวกมันเปียกออยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นการช่วยเหลือก็ยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า ซึ่งเมื่อเข้าใกล้เวลาเที่ยงวันร่างกายของพวกวาฬก็เริ่มที่จะแห้งไวขึ้นเนื่องจากผลกระทบของแสงแดด Cheree Morrison นักข่าวที่ในพื้นที่กล่าวว่า “คุณจะได้ยินเสียงพวกมันพยามดิ้นรนเอาชีวิตรอดตลอดเวลา ยิ่งพวกวาฬเด็กยิ่งดูจะทรมานมากที่สุด ภาพพวกนี้มันเศร้าเสียจนฉันไม่รู้จะพูดอะไรออกมานอกจากได้แต่ร้องไห้ และพยามช่วยพวกมันอย่างสุดความสามารถ” ตามรายงานบอกว่าวาฬนำร่องมีขนาดที่ใหญ่มากๆ ทำให้ยากที่จะพลักพวกมันกลับลงไปในทะเล พวกเขาจึงต้องพยามยื้อชีวิตพวกมันและรอเวลาให้น้ำขึ้นสูงอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาช่วยวาฬส่วนใหญ่ได้แล้ว พวกเขาจำเป็นจะต้องสร้างกำแพงมนุษย์ขึ้นมาเพื่อกันไม่ให้พวกวาฬที่พวกเขาช่วยไว้ได้หันกลับเข้าฝั่งมาเกยตื่นอีกครั้ง เพราะพวกมันไม่เต็มใจที่จะทิ้งฝูงของมันไว้แน่ๆ พวกเขาก็ได้แต่หวังว่ากระแสน้ำจะพาพวกมันกลับลงไปในทะเลได้อย่างปลอดภัย การเกยตื่นในครั้งนี้นับว่าเป็นเหตุการณ์เกยตื่นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเหตุการณ์ที่เมืองออกแลนด์ในปี 1985 ที่มีวาฬเกยตื้น 450 ตัว และเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นที่หาดในหมู่เกาะชัตแฮมปี 1918 ที่มีวาฬมาเกยตื่นถึง 1000 ตัว พวกเราก็คงได้แต่หวังว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกบ่อยๆ กับพวกวาฬที่น่าสงสารพวกนีั้ ที่มา dailymail
-
เมื่อตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ชมพูถูกลืมเอาไว้ ทางสนามบินจัดแคมเปญตามหาเจ้าของให้ซะเลย!!
ภารกิจตามหาเจ้าของให้กับตุ๊กตา ได้เริ่มขึ้นหลังจากที่ตุ๊กตาหมีเทดดีแบร์ที่น่าสงสารตัวนี้ ถูกเจ้าของลืมไว้ที่สนามบิน Cork ในประเทศไอร์แลนด์ ด้วยเหตุนี้ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิดในการจัดแคมเปญตามหาเจ้าของให้กับมันซะเลย ซึ่งหลังจากที่ทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ Cork Airport ได้โพสต์ภาพของเจ้าตุ๊กตาหมีตัวดังกล่าวลงในเฟสบุ๊ค ไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีการแชร์โพสต์ออกไปมากกว่า 903 ครั้งเลยทีเดียว จากการรายงานทางเว็บไซต์ต่างประเทศระบุว่า ในวันที่สองหลังจากที่เจ้าตุ๊กตาหมีถูกทิ้งเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว ทางเจ้าหน้าที่สนามบินจึงได้ตัดสินใจสร้างแคมเปญตามหาเจ้าของให้กับมัน โดยการนำภาพไปโพสต์ลงในเฟสบุ๊คพร้อมทิ้งข้อความเอาไว้ว่า “ตุ๊กตาหมีสีชมพูตัวนี้กำลังจะเดินทางออกไปท่องเที่ยว แต่น่าเสียดายที่มันต้องแยกจากเพื่อนร่วมเดินทาง หากคุณคิดถึงเจ้าหมีตัวนี้ ก็โปรดติดต่อกลับมาหาเรา ตอนนี้มันกำลังทานมื้อเย็น ดื่มชา และพักผ่อนอยู่ในห้องพัก” ช่วยตามหาเจ้าของให้หน่อยน้าาาา ขณะรอคอยเจ้าของกลับบ้าน อยู่ว่างๆ ก็มานั่งเล่นดนตรี ฮร่าๆ “เราพบเจ้าเท็ดดี้อยู่อย่างโดดเดี่ยวบริเวณประตูขึ้นเครื่องบิน และเราก็รู้ว่ามันจะต้องเหงามากแน่ๆ และตอนนี้มันก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสนามบินไปแล้ว มันมีความสุขในการช่วยเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า พร้อมกับรอคอยให้เจ้าของมารับกลับบ้าน” เจ้าหน้าที่จากทางสนามบินกล่าว ตอนนี้มันได้รับชุดทำงาน และกำลังจะกลายเป็นพนักงานในสนามบินแล้ว ดูสิว่ามันน่ารักแค่ไหน หากเจ้าของไม่มารับมันกลับไป เจ้าตุ๊กตาหมีน้อยตัวนี้อาจจะต้องเซ็นสัญญาระยะยาว เพื่อที่จะเข้าทำงานกับทางสนามบินแล้วนะ ฮร่าๆ…
-
‘คริปโตไนท์ Nokia 3310’ อายุการใช้งานมากที่สุดในอังกฤษ สิริรวมแล้วทั้งสิ้น 17 ปี
เชื่อหรือไม่ว่าเจ้ามือถือ Nokia 3310 เครื่องนี้มันอึก ถึก และทน มากขนาดที่ว่าใช้งานมา 17 ปี ยังไม่เคยพังเลยแม้แต่ครั้งเดียว เรื่องมีอยู่ว่าคุณลุง Dave Mitchell วัย 49 ปี ได้ซื้อ Nokia 3310 รุ่นคลาสสิค 90s มาเมื่อปี 2000 และไม่เคยเปลี่ยนไปใช้เครื่องอื่นเลย คุณลุงถึงกับเปรียบเปรยว่าเจ้าเครื่องนี้มันทำมาจากแร่ ‘คริปโตไนท์’ เพราะมันไม่เคยพังเลยแม้แต่ครั้งเดียว คุณลุงบอกว่า “สำหรับผมแล้วโทรศัพท์นั้นมีไว้เพื่อรับสายและส่งข้อความเท่านั้น มีอยู่ครั้งนึงผมทำโทรศัพท์ตกลงไปในตะกร้าผ้า จากนั้นก็ไม่มีใครสามารถติดต่อผมได้เลย สร้างความเดือดร้อนให้กับทุกคน” “ล่าสุดผมได้รับโทรศัพท์ใหม่ ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้มาจากลูกชายเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ แต่ว่าผมไม่ได้ต้องการมันเลย สิ่งที่ผมต้องการนั้นเป็นอะไรที่ธรรมดามาก แค่โทรศัพท์ที่สามารถคิดเลขได้ และมีเกมสนุกๆ อย่าง Snake 2 ให้เล่นในเวลาที่เบื่อๆ ก็พอแล้ว” คุณลุง Mitchell กล่าว คุณลุงใช้โทรศัพท์เครื่องนี้มามากกว่า 10 ปีแล้ว และขณะที่ไปประจำการที่อัฟกานิสถาน,…
-
7 โรงเรียนในฝันจากทั่วโลก ที่พ่อแม่เห็นแล้ว อาจจะอยากส่งลูกเข้าไปเรียนในทันที!!
ลองย้อนกลับไปในสมัยที่เรายังเป็นนักเรียน หลายคนอาจจะไม่อยากไปโรงเรียน เพราะบรรยากาศมันชวนให้น่าเบื่อซะเหลือเกิน แต่สำหรับ 7 โรงเรียนจากแต่ละประเทศทั่วโลกที่เราได้นำมาให้ชมในวันนี้ นอกจากจะเน้นในเรื่องของการเรียนการศึกษาแล้ว พวกเขายังให้ความสำคัญกับสถานที่ภายในโรงเรียนอีกด้วย งานนี้จึงทำให้เด็กนักเรียนทั้งสนุกไปกับการเรียน และได้เห็นสิ่งแปลกตาที่น่าสนใจภายในโรงเรียนมากมาย ว่าแล้วก็ไปรับชมกันดีกว่าว่าโรงเรียนแต่ละแห่งมาจากที่ไหนกันบ้าง 1.โรงเรียนอนุบาล Kaushik ประเทศจอร์เจีย หากเด็กๆ ที่ไม่ชอบการไปโรงเรียน ได้เห็นโรงเรียนอนุบาล Kaushik (Kindergarten Co-Pilots) ในเมือง Rustavi จากประเทศจอร์เจียแห่งนี้ละก็ รับรองว่าจะต้องอยากไปโรงเรียนจนไม่อยากกลับบ้านแน่นอน เพราะในปี 2012 โรงเรียนแห่งนี้ นอกจากมอบความรู้ให้กับเด็กๆ แล้ว ยังช่วยสร้างความสุขให้กับพวกเขา โดยการนำเครื่องบินปลดประจำการ รุ่น Yakovlev Yak-42 ของสายการบิน Georgain Airways มาสร้างสรรค์ให้กลายเป็นห้องเรียนแสนสนุกอย่างที่เห็น… ภายในห้องเรียนจะเต็มไปด้วยอุปกรณ์การเรียนการสอน รวมโต๊ะ เก้าอี้ที่ถูกนำมาจัดไว้ในเครื่องบินอย่างสวยงาม และนอกจากจะเป็นห้องเรียนแล้ว สิ่งที่ทำให้เด็กๆ ตื่นตามากที่สุดก็คือ พวกเขาสามารถเรียนรู้ และเล่นทุกอย่างภายในเครื่องบินได้อย่างใจฝัน เพราะมันมีปุ่มบนแผงวงจรที่ใช้ควบคุมเครื่องบินกว่า 1,500 ที่เด็กๆ สามารถทดลองกดเล่นได้ ทำให้เด็กๆ ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ…
-
รับพรกันถ้วนหน้า… กลุ่มไอดอลสาวญี่ปุ่นพ่นน้ำใส่คนดู ส่วนพ่อยกก็ชอบอกชอบใจกันใหญ่!!
เวลาเราได้ไปชมคอนเสิร์ตของวงดนตรีสุดโปรดของเรา สังเกตไหมว่าไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรบนเวที มันก็ช่างดูเท่ ดูน่ากรี๊ดกร๊าดซะเสมอ ทำไงได้ก็คนมันชอบนี่นา แต่คราวนี้เราจะพาไปชมวิธีการเอ็นเตอร์เทนคนดู ของเกิร์ลกรุ๊ปสาวน้อยหน้าใส ‘Shizukaze & Kizuna’ ด้วยวิธีการที่แบบว่า เอิ่ม…ถ้าไม่รักจริง ชอบจริงนี่ คงมีร้องอี๋กันบ้างอ่ะ โฉมหน้าสาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปที่มีเหล่าชายฉกรรจ์เป็นแฟนคลับอยู่เพียบ!! เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ในระหว่างที่เกิร์ลกรุ๊ปวงนี้ไปเปิดการแสดงที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ในระหว่างโชว์จู่ๆ พวกเธอก็เอาน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม พร้อมกับพ่นใส่เหล่าแฟนคลับที่เป็นผู้ชาย แต่นั่นก็ไม่ทำให้แฟนเพลงรู้สึกรังเกียจแต่อย่างใด เพราะแฟนเพลงที่อยู่ข้างล่างต่างก็พากันตะโกนเรียกร้องให้พวกเธอพ่นน้ำออกมาอีก เออเอากับเค้าสิ ถ้านักร้องกล้าทำคนดูก็กล้าบ้าตามเหมือนกันเอ้าาา ปรู๊ดดดดด รับน้ำมนต์กันไปถ้วนหน้าเลยจ้า และหลังจากที่เธอพ่นน้ำเสร็จแล้ว ดูเหมือนจะมีผู้จัดการวงคอยกำกับอยู่ด้านหลังนะว่าพวกเธอต้องทำอะไรต่อไป… เขาสั่งให้เธอกระโดดบอดี้เซิร์ฟใส่คนดู แน่นอนว่าเพื่อแฟนเพลงสุดที่รักแล้ว ศิลปินยอมทุ่มเททุกอย่างให้เลยจ้า (แหม…หนุ่มๆ ข้างล่างคงชอบใจกันใหญ่เลยสิท่า) วิดีโอจากเหตุการณ์ ถ้าเราเป็นคนดูอยู่หน้าเวทีจะทำยังไงดีน๊าา… จะว่าไปในวงการป็อปไอดอลของญี่ปุ่น แต่ละวงก็มักจะมีวิธีมัดใจคนดูอยู่เสมอ อย่างเช่นกรณีของ ‘AKB48’ ที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกนั้น ครั้งหนึ่งพวกเธอมักจะจัดอีเวนต์ขนาดย่อมให้แฟนเพลงสามารถเข้าไปจับมือเชคแฮนด์ หรือพูดคุยทักทายได้ แต่ทว่าในปี 2014 พวกเธอต้องกลับมาคิดแผนการเอาใจแฟนเพลงกันใหม่อีกครั้ง หลังจากที่มีสมาชิกในวง และทีมงาน ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่มีแฟนเพลงเอาเลื่อยตัดไม้ขนาดใหญ่…
-
ครอบครัวทุ่มเงินนับหมื่น เพื่อผ่าตัดช่วยเหลือ ‘เจ้าบ็อบ’ ปลาทองพี่ใหญ่สุดของบ้าน!!
สัตว์เลี้ยงของใคร ใครก็ต้องหวงกันทั้งนั้น เพราะตลอดเวลาที่เราได้อยู่ดูแลมันมา ก็มักจะมีเรื่องราวความทรงจำดีๆ เกิดขึ้นเสมอ ไม่ใช่แค่เราดูแลสัตว์เลี้ยงเท่านั้น แต่บางทีพวกมันก็เป็นเหมือนสิ่งสำคัญที่ช่วยดูแลจิตใจเราด้วยเหมือนกัน 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาสำนักข่าว DailyMail ได้รายงานเรื่องของครอบครัวหนึ่ง ผู้ยอมทุ่มเงิน £300 (13,000 บาท) เพื่อเป็นค่าผ่าตัดก้อนเนื้อร้ายที่อาจจะพรากชีวิต ‘บ็อบ’ ปลาทองวัย 20 ปี ไปได้ ปลาทองบ็อบ พี่ใหญ่ประจำครอบครัวที่มีอายุมากกว่าลูกของเจ้าของมันซะอีก!! ซึ่งเจ้าของผู้ไม่ประสงค์เปิดเผยนาม ได้สังเกตเห็นว่าปลาทองสุดที่รักของเขามันไม่สามารถว่ายน้ำได้เหมือนปกติ เมื่อพาไปหาหมอจึงพบว่า เจ้าปลาทองต้องเผชิญกับก้อนเนื้อร้ายที่งอกขึ้นมาร่างกายของมัน ทว่าด้วยความที่มันมีขนาดตัวเล็กเพียงแค่ 3 นิ้ว การผ่าตัดรักษาจึงมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ เพราะต้องใช้สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ และงานนี้ก็ตกเป็นของ Dr. Bethnall สัตวแพทย์สาวผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดสัตว์เล็ก โดยคุณหมอได้ให้สัมภาษณ์ว่า ‘เราจำเป็นต้องทำให้มันสลบก่อน จึงจะสามารถใช้เครื่องมือขนาดจิ๋วผ่าตัดเอาก้อนเนื้อร้ายออกมาได้ ฉันเข้าใจดีว่าปลาทองบ็อบมีความหมายต่อครอบครัวมากขนาดไหน และมันก็เป็นหน้าที่ของฉันค่ะ ที่ต้องทำให้พวกเขากลับไปอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง’ การผ่าตัดดังกล่าวใช้เวลาไปเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น ซึ่งคุณหมอก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างจะยากลำบากพอสมควร เนื่องจากอวัยวะของปลาทองมีขนาดที่เล็กมาก และเธอต้องคอยระวังไม่ให้มันเสียเลือดมากเกินไปอีกด้วย และทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี…
-
หนุ่มแคนาดาหายตัวไปอย่างลึกลับนาน 5 ปี เจอตัวอีกที เดินเท้าไปโผล่ที่บราซิลเฉยเลย!?
หลายคนคงเคยเห็นประกาศตามหาคนหายบนหน้าเฟซบุ๊กของเราอยู่บ่อยๆ และบ่อยครั้งที่พลังการแชร์ของชาวโซเชียล ก็ได้ช่วยกันตามหาคนหายได้อย่างสำเร็จ แต่สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้มันโคตรจะพีคสุดๆ เมื่อหนุ่มแคนาดานามว่า ‘Anton Pilipa’ หายตัวไปจากบ้านที่เมืองโทรอนโตอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่ปี 2012 ครอบครัวพยายามตามหาทุกวิธีทางจนแทบจะหมดความหวัง จนต่อมาได้พบว่าเขาไปปรากฏตัวอยู่อีกประเทศหนึ่ง ซึ่งมันไกลจากเมืองที่เขาอยู่มากถึง 10,460 กิโลเมตร โอ้วพระเจ้าทำไมนายไปโผล่ที่นั่นได้ละเพื่อน!! Anton คนซ้ายมือหลังจากที่ได้กลับมายังเมืองโทรอนโต อีกครั้ง หลังจากการหายตัวไปของเขาเมื่อปี 2012 ทางครอบครัวได้ทำทุกวิถีทางเพื่อออกตามหา ไม่ว่าจะเป็นการปิดใบประกาศ หรือร้องขอความช่วยเหลือจากชาวเมืองโทรอนโตให้ช่วยกันสอดส่องดูแล แต่ทว่าเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ครอบครัวก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจบราซิลว่า ได้พบตัวนาย Anton แล้ว ซึ่งเขาอาศัยอยู่ที่เมืองมาเนาส์ ประเทศบราซิล ใบประกาศคนหายของเจ้าตัว ทางด้านน้องชายของเขา Stefan เชื่อว่าพี่ชายของเขามีอาการป่วยทางจิตมาเป็นเวลานาน และได้เดินทางไปยังบราซิลด้วยการเดินเท้าเปล่าเพียงลำพัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ Helenice Vidigal ผู้พบตัวหนุ่ม Anton ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ‘วันนั้นฉันก็ออกตรวจตามปกติค่ะ และพบกับชายหนุ่มคนนี้ดูท่าทางอิดโรย ไม่สวมรองเท้า และฉันก็มั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนย่านนี้ หลังจากที่ฉันได้เข้าไปสอบถาม ก็ต้องพบว่าเขาคือชายแคนาดาผู้หายตัวไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย เมื่อปี 2012 นั่นเอง’ น้องชายของเขา…
-
ชม 12 ภาพถ่ายแห่งประวัติศาสตร์ของคนอินเดียสมัยโบราณ ในช่วงศตวรรษที่ 19
ครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ทุกคนมาชมภาพถ่ายของชาวอินเดียโบราณ ที่ไม่ได้หาชมง่ายในปัจจุบัน โดยภาพถ่ายทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของ มหาราช ซาราม ซิงห์ ผู้ปกครองเมืองชัยปุระ หรือ นครสีชมพู ในช่วงปี 1835-1880 ซึ่งในปัจจุบันเมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความโดดเด่นที่สุดในโลกไปแล้ว ย้อนกลับไปในสมัยที่ มหาราช ซาราม ซิงห์ อยู่ในช่วงที่กำลังปกครองเมืองชัยปุระ เขามักจะชื่นชอบการเดินเที่ยวเตร่อยู่ตามท้องถนนโดยที่ไม่เผยตัวตน เพื่อที่จะได้สังเกตการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ อีกทั้งเขายังชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ พร้อมทั้งทุ่มเทเวลาที่มีสร้างผลงานภาพถ่ายของตนเองขึ้นมา และแน่นอนว่าผลงานภาพถ่ายของเขา ก็ทำให้คนรุ่นหลังอย่างเราได้มีโอกาสเห็นภาพของชาวอินเดียในสมัยนั้นอีกด้วย นี่คือภาพถ่ายของหญิงนางโลมแห่งเมืองชัยปุระ ปี 1857 ภาพถ่ายของหญิงนางโลมแห่งเมืองชัยปุระ ระหว่างปี 1857 – 1865 ชายในพระราชวังหลวงแห่งเมืองชัยปุระ ปี 1857-1865 มหาราช ซาราม ซิงห์ ที่ 2 แห่งเมืองชัยปุระ ในปี 1857 – 1865 ภาพถ่ายหญิงแห่งเมืองชัยปุระ ปี 1857 – 1865…
-
เจ้า Acorn กระรอกบินที่รอดตายจากพายุเฮอร์ริเคน พลิกโฉมจนมีชีวิตที่ดีขึ้นในภายหลัง…
ในช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา หลายคนคงจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับพายุเฮอร์ริเคนแมทธิว ซึ่งเป็นเฮอร์ริเคนที่รุนแรงที่สุด ได้พัดถล่มรัฐหลายรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา จนทำให้ผู้คนได้รับความเดือดร้อนกันมากมาย และนอกจากมนุษย์แล้ว มันยังเกือบทำให้เจ้าสัตว์โลกตัวน้อยๆ อย่าง “กระรอกบิน” เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้อีกด้วย แต่โชคดีของมันเหลือเกินที่มนุษย์ได้ไปพบเข้า และช่วยชีวิตมันเอาไว้… ย้อนกลับไปในช่วงที่เกิดพายุเฮอริเคน หลายครอบครัวในสหรัฐอเมริกา รวมถึงครอบครัวของ Katlyn Dence ที่อาศัยอยู่ในซาวานนาห์ รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ย้ายผู้คนออกไปจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ แต่ทางครอบครัว Katlyn กลับถูกสั่งให้อยู่ที่เดิมเพราะสามีของเธอเป็นทหาร และต้องทำหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้คน ดังนั้น เธอและครอบครัวจึงต้องอาศัยอยู่ที่เดิม เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่พายุสงบ เธอได้ปล่อยให้สุนัขของเธอออกไปที่สนามหน้า หลังจากที่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง โดยเจ้าหมาได้เริ่มเข้าไปดมกลิ่น จนได้พบกับสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ ที่กำลังจะใกล้ตาย “ฉันมองเห็นอะไรบางอย่างอยู่ในหญ้า ดังนั้น ฉันจึงให้สุนัข และสามีของฉันออกไปสำรวจดูว่ามันคืออะไร ซึ่งสิ่งที่สามีของฉันก็ได้พบกับกระรอกบินตัวเล็กๆ ที่คาดว่ามันคงมีอายุประมาณ 4 สัปดาห์… เจ้ากระรอกยังเด็กมาก มันไม่ควรออกมาจากที่อยู่ของมันเลย ตัวของมันเปียก และเย็น ดังนั้นเราจึงต้องนำมันกลับเข้าบ้าน และให้ความอบอุ่นกับมัน” Katlyn กล่าว …
-
หนุ่มจีนฉีดยาฆ่าแมลงใส่หูตัวเอง หลังพบว่ามีแมลงสาบตัวเบ้งติดอยู่ข้างในนั้น…
คงไม่มีบ้านไหนอยากจะต้อนรับคุณปีเตอร์ หรือชื่อทางการว่า ‘แมลงสาบ’ หรอกจริงไหม เพราะพวกมันทั้งสกปรก เป็นพาหะนำโรค แถมยังมีหน้าตาที่แบบว่าอิ่ม…อย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันเลยนะเธอจ๋า แล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าคุณปีเตอร์ผู้ไม่ได้รับเชิญดันเข้ามาอยู่ในรูหูเราซะงั้น!? แค่คิดก็สยองแล้ว แถมมันยังกลายเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับหนุ่มจีน ‘Liu Qian’ วัย 60 จากเมืองเฉิงตู ช่างอับโชคเหลือเกิน โดยเว็บไซต์ OddityCentral ได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ หนุ่มจีนคนนี้พบว่าแมลงสาบได้ไต่เข้าไปในโพรงหูของเขา จึงพยายามใช้นิ้วแคะก็ไม่สำเร็จ ใช้ไม้แคะหูก็ไม่สำเร็จ จากนั้นเจ้าตัวจึงเอามือตบที่หูของเขา เพราะคิดว่าน่าจะสร้างความหวาดกลัวให้แมลงสาบได้ แต่กลายเป็นว่ามันเข้าไปอยู่ลึกกว่าเดิม ด้วยความรำคาญใจ เขาเลยเอาสเปรย์ฆ่าแมลง มาฉีดเข้าใส่รูหูตัวเองซะเลย!! แน่นอนว่าเจ้าปีเตอร์ตายทันทีหลังจากที่ได้รับสารเคมีเข้าไป แต่ปัญหาของเขายังไม่จบ เพราะแมลงสาบตายในหูไม่ยอมออกมาตายข้างนอก หลังจากนั้นหนุ่มจีนเลยจำเป็นต้องเข้าพบคุณหมอ (แล้วทำไมไม่ไปตั้งแต่แรก) โดยคุณหมอกล่าวว่า การที่พ่นสเปรย์ฆ่าแมลงอาจจะทำให้พวกมันตายได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้มันออกมาได้ เพราะสารเคมีจากสเปรย์ทำให้รูหูบวมมากขึ้น และนั่นก็ทำให้แมลงติดอยู่ข้างในไปด้วยเช่นกัน ภาพจากรูหูของเจ้าตัว บรึ๋ยยยย! ‘ปกติแล้วพฤติกรรมของแมลงสาบ พวกมันมักจะเข้าหาพื้นที่ๆ มีความอบอุ่นมากกว่า จึงไม่น่าแปลกใจที่ช่วงฤดูหนาวพวกมันมักจะเข้ามาหลบซ่อนในบริเวณบ้าน และขี้หูของคนเราก็ถือว่าเป็นอาหารจานโปรดของพวกมันได้เลยล่ะ’ คุณหมอ Wang…
-
คราวก่อนแบตฯ ซัมซุงระเบิด คราวนี้โรงงานผลิตแบตฯ ในจีน ระเบิดตามกันไปแล้วจ้า!!
ก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่เล่นเอาผู้บริหาร ‘Samsung’ ต้องเครียดไปตามๆ กัน เพราะหลังจากที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ‘Samsung Note 7’ ทุกอย่างดูเหมือนจะไปด้วยดี จนกระทั่งมีผู้ใช้งานพบว่าแบตฯ ระเบิด และไม่ใช่แค่คนเดียวที่เจอ เพราะมีกรณีระเบิดจากมือถือรุ่นนี้มาให้เห็นเรื่อยๆ ถึงขนาดที่บางสายการบินต้องสั่งห้ามพกมือถือรุ่นนี้ขึ้นเครื่องบิน!! และล่าสุดจากเว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า โรงงานที่ผลิตแบตเตอรี่ให้ซัมซุงโน๊ต 7 ที่ตั้งอยู่ในเมืองเทียนจิน ก็ได้ระเบิดตามกันไปแล้ว… เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยโฆษกของบริษัทซัมซุง Shin Yong-doo ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในโรงงานเทียนจินนั้นเกิดขึ้นจริง ต้องใช้รถดับเพลิงมากถึง 19 คัน และนักดับเพลิงอีกกว่า 119 ชีวิต กว่าจะควบคุมสถานการณ์เพลิงไหม้ได้ ส่วนสาเหตุนั้นก็มาจากตัวแบตเตอรี่ของรุ่นโน๊ต 7 อีกนั่นแหละ ทว่าโชคดีที่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่รุนแรงมากนัก ทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด ซึ่งโรงงานแห่งนี้เป็นหนึ่งในสองโรงงานที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ให้กับบริษัทซัมซุง และถึงแม้ว่ารุ่นโน๊ต 7 จะไม่ปังเท่าที่หวัง จากการที่แบตฯ ระเบิดบ่อยๆ แต่ตอนนี้ทางบริษัทก็ได้กำลังอยู่ในขั้นตอนการคิดค้น ทดลอง และวิจัย…
-
โปรเกม ‘Counter-Strike’ โดนแบนไอดี 1,000 ปี หลังถูกจับได้ว่าส่งรูปกระปู๋ให้สาว!!
ปกติแล้วถ้าเราทำผิดกฏกติกาในเกม ทางระบบก็มักจะสั่งแบนไอดีผู้เล่นนั้นๆ เป็นเวลา 3 วันบ้าง 7 วันบ้าง แล้วแต่กฏการลงโทษที่ผู้ให้บริการเกมจะกำหนดขึ้นมา ทว่าล่าสุดเว็บไซต์ Kotaku ได้นำเสนอเรื่องของพ่อหนุ่มนักกีฬาเกม ‘Counter-Strike’ ที่โดนระบบสั่งแบนเป็นเวลานานถึง 1,000 ปีเต็ม หลังถูกจับได้ว่าเจ้าตัวแอบสนทนากับหญิงสาววัย 15 ปี แต่แค่นั้นยังไม่พอ พี่แกดันไปส่งรูปกระปู๋ตัวเองไปให้สาวอีก!! พ่อหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า ‘Reece Bloom’ โดยในเกมเจ้าตัวได้ใช้ไอดีที่ชื่อว่า ‘Bloominator’ ซึ่งเขาก็ไม่ใช่ผู้เล่นไก่กาทั่วไป แต่เจ้าตัวเป็นถึงหนึ่งในทีมนักแข่งเกมเคาน์เตอร์สไตรค์ ที่มีชื่อเสียงในวงการอยู่พอสมควร โดยไอดีของเขาในระบบ ‘ESEA’ ได้ถูกสั่งแบนเป็นเวลาทั้งหมด 365,000 วัน ประมาณว่ากว่าระบบจะปลดแบนให้ก็ต้องรอไปจนถึงวันที่ 6 มิถุนายน 3016 โน้นนเลย Reece Bloom คือคนซ้ายสุด กับทีม ‘Armor Esports’ เหตุผลที่ทำให้เจ้าตัวโดนแบนอย่างยาวนาน ก็เพราะเจ้าตัวได้ไปมีบนสนทนากับหญิงสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ในเชิงยั่วยุทางเพศ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการตั้งใจพรากผู้เยาว์อย่างเห็นได้ชัด และมันก็ส่งผลทำให้เขาไม่สามารถลงแข่งขันเกมต่อไปได้ ตัวอย่างแชทของเจ้าตัวกับสาววัย…
-
25 ความน่ารักของ Chris Hemsworth ที่จะทำให้เห็นว่าเขาเป็น “คุณพ่อ” ที่แสนดีขนาดไหน
หากคุณได้ติดตาม Chris Hemsworth นักแสดงหนุ่มสุดล่ำที่เรารู้จักกันในบท “ธอร์” เทพเจ้าสายฟ้า และภรรยา Elsa Pataky ของเขาบนอินสตาแกรมละก็… คุณคงจะได้เห็นไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของเขาและครอบครัวกันมาเยอะพอสมควร และตั้งแต่ที่หนุ่ม Chris กลายมาเป็นคุณพ่อลูก 3 นั้น เรามักจะเห็นเขาโพสต์ภาพน่ารักๆ เวลาเล่นกับลูกๆ อยู่เสมอ และนี่คือภาพของ Chris Hemsworth ที่จะมาพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นคุณพ่อที่ดี และน่ารักมากขนาดไหน ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้นอนบนอ้อมแขนอันแสนอบอุ่นของพ่อแล้ว เมื่อลูกๆ ชอบซุปเปอร์แมนมากกว่าการที่ได้เห็นพ่อเป็นเทพเจ้าสายฟ้า งานนี้พ่อก็เลยจัดให้ ภรรยาแอบแชะภาพความน่ารักของพ่อลูก เมื่อวันเกิดของ India ลูกสาวสุดที่รักมาถึง คุณพ่อธอร์ก็รีบเข้าครัวลงมือทำเค้กวันเกิดให้ลูกด้วยตัวเอง เป็นภาพที่อาจจะทำให้คนดูใจละลายได้ พาลูกๆ ไปท่องเที่ยวรอบโลก น่ารักจริงๆ เมื่อลูกสาวบอกว่าเธออยากจะมีจู๋เหมือนพี่ชายของเธอ ก็บอกลูกว่าเอาเลย ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ฮ่าาาา เป็นคุณพ่อผู้ชอบลงมือทำอาหารให้ลูกๆ ทาน ทุ่มเทเพื่อลูกได้ทุกอย่าง ดูแล้วยิ้มตามเลย…
-
ลูกลิงชิมแปนซีตัวน้อย วิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ เพราะไม่อยากถูกจับไปขาย
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 ทางเว็บไซต์เดอะโดโด้ ได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอของ Mado ลูกลิงชิมแปนซีตัวน้อยที่กำลังวิ่งร้องไห้อย่างน่าเวทนา พร้อมกับเอื้อมมือเพื่อเข้าไปขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ เห็นแล้วก็น่าสงสารเหลือเกิน จากการรายงานระบุว่า เจ้า Mado ถูกพบในขณะที่มันได้ออกมาเดินรอบๆ หมู่บ้านในแอฟริกัน ซึ่งคาดว่าแม่ของมันอาจจะถูกฆ่าตายไปแล้ว ส่วนตัวของมันก็กำลังจะถูกจับไปขาย ซึ่งหลังจากที่คลิปวีดีโอดังกล่าวถูกนำไปเผยแพร่ลงใน Facebook ชาวเน็ตรายหนึ่งก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นว่า “มันช่างเจ็บปวดใจเหลือเกิน ดูเหมือนว่ามันพยายามเอื้อมมืออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือ” รับชมคลิปวีดีโอของมันได้เลย โชคดีที่ทางด้านเจ้าหน้าที่จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Lwiro Primates ในคองโกได้เข้ามาช่วยเหลือ และนำตัวของเจ้า Mado กลับไปดูแลในสถานที่ที่ปลอดภัย อีกทั้งทางศูนย์ยังได้รับเงินบริจาคเงินในการช่วยชีวิตเจ้าลิงจากผู้คนทั่วโลกอีกด้วย น่าเศร้าที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถช่วยเหลือสัตว์ทุกตัวที่ถูกนำไปค้าขายได้ เพราะผู้คนเหล่านั้นมักลักลอบทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย โดยการเข้ามาลักลอบจับสัตว์แปลกๆ แล้วนำไปค้าขายในตลาดมืด และปริมาณการทำผิดมากเกินกว่าที่พวกเขาจะช่วยทั้งหมด “สัตว์หลายตัวโชคร้ายเพราะตายในระหว่างการขนส่ง พวกมันจะถูกขังอยู่ในที่แออัด โดยอยู่ในรูปแบบที่ไม่เหมาะสมต่อความต้องการทางชีวภาพ และกายภาพของพวกมัน” Adam Roberts จากองค์กร Born Free USA กล่าว ทางด้านเจ้าหน้าที่จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์เผยว่า “ตอนนี้เจ้าจ๋อปลอดภัยดีแล้ว…
-
นี่คือ “Geckolepis megalepis” ตุ๊กแกพันธุ์ใหม่ มีเกล็ดคล้ายปลา แถมลอกหนีศัตรูได้อีก
เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่าบนโลกใบนี้มีสัตว์อยู่มากมายหลายชนิดเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นทั้งที่มนุษย์ค้นพบแล้ว และยังไม่ถูกค้นพบ ซึ่งในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปทำความรู้จักกับ “ตุ๊กแก” จากมาดากัสการ์ หลายคนอาจจะคิดว่า สัตว์อย่างตุ๊กแกไม่เห็นมีอะไรนาตื่นตาตื่นใจเลยสักนิด เพราะมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว แต่เดียวก่อนหากคุณได้ชมภาพของมัน คุณอาจจะเริ่มสนใจเจ้าตุ๊กแกสายพันธุ์นี้ขึ้นมาเลยก็ได้ และนี่คือ ตุ๊กแก Geckolepis megalepis หน้าตาของมันไม่คุ้นตาเอาเลยใช่ไหม สำหรับ Geckolepis megalepis เป็นตุ๊กแกสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งดูจากรูปทรงภายนอกเจ้าตุ๊กแกสายพันธุ์นี้ก็ดูแตกต่างจากตุ๊กแกทั่วๆ ไป แต่จริงๆ แล้วมันมีความพิเศษมากกว่านั้น!! Geckolepis megalepis หรือ ตุ๊กแกเกล็ดปลา ถูกค้นพบโดย Mark SCHERZ นักสัตวิทยาจากมหาวิทยาลัยลุดวิก แม็กซิมิเลียนในมิวนิก ประเทศเยอรมนี และเพื่อนร่วมงานของเขาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เยอรมนี และโคลัมเบีย ซึ่งเจ้าตุ๊กแกสายพันธุ์นี้ เรียกได้ว่าตุ๊กแกที่มีลักษณะสุดแปลกประหลาด โดยมีเกล็ดขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบมาในสัตว์วงศ์จิ้งจก-ตุ๊กแกเลยก็ว่าได้ เกล็ดขนาดใหญ่ที่ปกคลุมทั่วร่างกายของมัน สามารถหลุดลอกออกได้ด้วยนะ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ศัตรูเข้ามาใกล้ มันจะสลัดเกล็ด และผิวหนังข้างใต้ออกไปได้อย่างง่ายดาย เพื่อเป็นการหลบหลีกศัตรูนั่นเอง จากการรายงานของเว็บไซต์ต่างประเทศระบุว่า ผิวของตุ๊กแกชนิดนี้ถูกดัดแปลงขึ้นมาเป็นพิเศษ…
-
8 สาวที่เคยคลั่งผอม เปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่จนเป็นสาวหุ่นสวย แถมสุขภาพดีอีก!!
การเป็นสาวรูปร่างดี ถือเป็นความใฝ่ฝันของผู้หญิงหลายๆ คน บางคนก็อยากผอมสวยเหมือนดารานางแบบ จนถึงขั้นคลั่งผอม และทำให้กลายเป็นโรคกลัวอ้วน และโรคการกินที่ผิดปกติ ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้สุขภาพจิต และสุขภาพกายย่ำแย่ และทรุดโทรม เหมือนดังเช่น 8 สาวเหล่านี้ แต่ก่อนพวกเธอเคยเป็นโรคกลัวอ้วนจนทำให้ร่างกายซูบผอมจากการอดอาหาร จนในที่สุดพวกเธอก็ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่โดยการหันอาทานอาหาร และออกกำลังกายจนกลายเป็นสาวสุขภาพดี มีหุ่นสุดเป๊ะจนน่าอิจฉา ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าพวกเธอสามารถผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายเหล่านั้นมาได้อย่างไร 1. Hayley Harris สำหรับ Hayley Harris เธอเคยยอมรับว่าเธอเริ่มอดอาหาร เพื่อที่จะได้ให้ตัวเองมีหุ่นที่บางเฉียบเหมือนกับนางแบบในนิตยสาร จนทำให้เธอต้องเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพราะเป็นผลที่เกิดจากความผิดปกติของการรับประทานอาหาร ซึ่งหลังจากที่เธอฟื้นตัว เธอก็ได้เปิดบัญชีอินสตาแกรม โดยอ้างว่าผู้ที่เข้ามาติดตามเธอในไอจีช่วยรับมือกับความเจ็บปวดของเธอ และในตอนนี้เธอก็ใช้เวลาในการรณรงค์ต่อต้านคนที่คลั่งผอม 2. Courtney Black เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา Courtney Black มีน้ำหนักตัวเพียง 45 กิโลกรัมเท่านั้น เธอออกกำลังกายอย่างหนักเพราะอย่างมีกล้ามเนื้อ และรูปร่างที่ผอมบาง อีกทั้งเธอยังบริโภคอาหารเพียงแต่ 800 แคลลอรี่ต่อวัน จนในที่สุดร่างกายของเธอก็อ่อนแอ และต้องเข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาล หลังจากที่ได้รับการรักษา Courtney ก็ได้หันมาปฏิวัติตัวเองครั้งใหญ่ โดยการเริ่มทานอาหารวันละ 2000 แคลลอรี่ จนในตอนนี้เธอมีรูปร่างที่สวยงาม อีกทั้งยังกลายมาเป็นคุณครูสอนวิธีการออกกำลังกายอีกด้วย …
-
15 “นางงาม” ที่สวย และโดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของการประกวด Miss World
Miss World เป็นหนึ่งในเวทีประกวดนางงามระดับนานาชาติที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นใน 1951 ณ สหราชอาณาจักรโดย Eric Morley ในตอนแรกเขาหวังแค่อยากให้มันเป็นเพียงแต่งานประกวดครั้งเดียวเท่านั้น แต่ทว่ามันกลับได้รับความนิยมมาก นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้เห็นการประกวด Miss World ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง จากที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่ามีสาวงามจากหลายประเทศที่ได้รับตำแหน่งเป็น Miss World ซึ่งแน่นอนว่าพวกเธอแต่ละคนจะต้องมีทั้งความสวย ความฉลาด และมีความโดดเด่น จนได้ครองมงกุฎอันทรงเกียรตินี้ และวันนี้เราจะพาคุณไปชม 15 ภาพ Miss World ที่ทางเว็บไซต์ BrightSide คัดเลือกมาว่าสวยงาม และโดดเด่นที่สุดตั้งแต่มีการจัดประกวด เรามาดูกันว่าจะมีใครกันบ้าง 1.Susana Duijm, Venezuela Miss World 1955 เมื่อเอ่ยถึงประเทศที่เป็นตัวเต็งในการประกวดนางงามแน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นเวเนซูเอลา ซึ่งในการประกวด Miss World สาวงามจากประเทศนี้ได้รับตำแหน่งมามากถึง 6 ครั้ง และ Susana Duijm ก็เป็นคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ ปัจจุบันเธอกลายเป็นนักแสดงมืออาชีพ และเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ 2.Penelope Coelen, South…
-
คู่รักหนุ่มสาว ขอแต่งงานกันต่อหน้า Celine Dion เล่นเอานักร้องดังตกใจหน้าเหวอ อิอิ!!
สำหรับช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดในชีวิตอย่าง ‘การขอแต่งงาน’ แล้ว หลายๆ คู่รักก็มักจะมีวิธีการขอแต่งงานกันในแบบที่แตกต่างกันออกไป แต่ต้องขอบอกเลยว่าสู้คู่รักคู่นี้ไม่ได้อย่างแน่นอน!! ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับ Nick Janevski และ Austin McMillan ทั้งคู่มีอายุ 24 ปี และอาศัยอยู่ในลาส เวกัส Nick นั้นทำงานอยู่ที่คาสิโน Mirage ในฝ่ายเกี่ยวสุขภาพขององค์กร ส่วน Austin นั้นเปืดร้านอาหารร่วมกับครอบครัว ทั้งคู่คบหากันมาเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว หลังจากที่ได้พบกันที่ยิม Austin เล่าว่าเธอและแฟนจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน ในแต่ละเดือนไปออกเดทกัน เพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น และก็พบว่าทั้งคู่นั้นช่างเหมาะสมกันเสียนี่กระไร Austin นั้นเป็นแฟนตัวยงของนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกอย่าง Celine Dion เช่นเดียวกันกับคุณแม่ของเธอ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Austin เล่าวว่าเพลง ‘My Heart Will Go On” ของ Celine Dion…
-
ทุกชีวิตก็มีค่า… นักดับเพลิงช่วยชีวิต “แมวเหมียว” หมดสติจากไฟไหม้ จนมันฟื้นอีกครั้ง
เป็นอีกเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนรีบเร่งปฏิบัติหน้าที่อย่างเอาจริงเอาจัง นั้นอาจเป็นเพราะภายในบ้านที่ไฟไหม้ มีแมวอ้วนตัวหนึ่งหมดสติจากควันไฟอยู่!! เรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงบนเพจของเดลีเมล์ไม่ได้ระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน และใครเป็นคนช่วยเหลือ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น… เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง พวกเขาก็รีบเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในอาคารไฟไหม้ทันที และเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้ช่วยเหลือแมวเหมียวที่หมดสติ จากการสูดดมควันเผาไหม้มากจนเกินไป เขานำตัวมันออกมาข้างนอกได้ ก็พบว่ามันเป็นลมหมดสติไป สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องทำคือการช่วยชีวิตมัน โดยหวังว่ามันจะกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง เจ้าหน้าที่ต้องรีบเอาหน้ากากอ๊อกซิเจนมาปิดจมูกมันไว้ และใช้น้ำสะอาดช่วย เพื่อทำให้มันสามารถกลับมาหายใจได้เหมือนเดิมอีกครั้ง แต่ทว่าทุกอย่างต้องแข่งกับเวลา เวลาในที่นี้คือเวลาชีวิตของเจ้าเหมียว ในขณะที่มันหมดสติ และดูเหมือนจะหายใจไม่ค่อยออก ไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะกลับมาได้อีกครั้งหรือไม่ และดูเหมือนว่าปาฏิหาริย์จะมีอยู่จริง หลังจากที่เจ้าหน้าที่พยายามช่วยเหลือมันอย่างสุดความสามารถ ไม่กี่นาทีต่อมาเจ้าเหมียวก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง มันเริ่มหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ และเริ่มขยับร่างกายเล็กน้อย… หลังจากนั้นเจ้าเหมียวก็ส่งเสียงร้องเบาๆ ออกมาว่า ‘เมี๊ยววว’ อย่างน้อยมันก็ได้ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนรู้ว่า แมวตัวนี้รอดพ้นจากขีดอันตรายแล้วนะ ถึงแม้ว่ามันจะยังดูมีอาการสะลึมสะลืออยู่บ้างก็ตาม เจ้าหน้าที่ทุกคนถึงกับโล่งอก หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องของมัน คลิปวิดีโอจากเพจต้นฉบับ ลองไปชมวินาทีชีวิต เมื่อเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือเจ้าแมวเหมียวกันเลย เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกใจชื้นสุดๆ เมื่อได้เห็นว่าเจ้าเหมียวอ้วนมันฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง ขอยกนิ้วให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเลย เยี่ยมจริงๆ! เยี่ยมจริงๆ! เยี่ยมจริงๆ!…
-
ภรรยาจะโดดตึก แต่สามีใช้ความเร็วด้วยได้ทันด้วยการ “ดึงผม” ลุ้นระทึกเกือบไปแล้ว…
ณ ห้วงขณะหนึ่งในจิตใจมนุษย์ว่ากันว่า ถ้าหากเรารู้สึกแย่สุดขีด หรือรู้สึกหมดความหวังในการมีชีวิตต่อไป บางคนอาจจะหาทางออกที่สร้างสรรค์เพื่อฟื้นฟูอารมณ์ตัวเองได้ แต่บางคนก็เลือกที่จะทำสิ่งที่เรียกว่า ‘การฆ่าตัวตาย’ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เว็บไซต์ข่าวจีน Shanghaiist ได้รายงานเรื่องราวของสามีชาวจีนคู่หนึ่ง จากมณฑลส่านซี ที่สามารถเข้าไปช่วยภรรยาผู้คิดสั้นต้องการจะกระโดดตึก ได้ทันเวลาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด!! ก่อนอื่นเราไปชมคลิปวิดีโอจากในเหตุการณ์กันก่อนเลย เพราะเป็นเหตุการณ์จริง ตัวละครในคลิปก็คือคนจริงๆ ไม่ใช่ภาพยนตร์ มันเลยลุ้นระทึกสุดๆ วิดีโอดังกล่าวกำลังเป็นที่พูดถึงของชาวเน็ตในประเทศจีนเป็นอย่างมาก กับวีรกรรมของสามีที่สามารถเข้าไปช่วยภรรยาได้สำเร็จ ตอนแรกนั้นไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุใดถึงทำให้เธออยากจากโลกนี้ไป แต่ทว่า ณ วินาทีที่เธอตัดสินใจกระโดดลงมาจากตึกสูง ทันใดนั้นก็ได้มีมือของสามีเข้ามาดึงผมเธอไว้ได้ทันการ ภาพข่าวจากอีกมุม ดูหวาดเสียวนะเนี่ย!! หลังจากที่สามีสามารถจับผมของภรรยาเพื่อยื้อเวลาได้นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รีบรุดเข้าไปช่วยสามีพยุงตัวภรรยาขึ้นมาให้พ้นจากจุดอันตรายทันที สำนักข่าวท้องถิ่นในจีนได้ระบุว่า ‘ชายหนุ่มได้เข้าไปดึงผมภรรยาได้ทัน ทำให้ช่วยยื้อเวลาได้ครู่หนึ่ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรีบเข้าไปช่วยกันดึงเสื้อผ้า และตัวของภรรยาไว้ได้’ ภาพจากวินาทีที่ดึงตัวไว้ได้ทัน และเพื่อเป็นการระวังภัย เราก็มีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ให้ปฏิบัติตาม เมื่อเราสังเกตเห็นว่าคนรอบข้างของเราเริ่มมีพฤติกรรมต้องการที่จะปลิดชีพตัวเอง 1. ถ้าสังเกตเห็นว่าคนนั้นเริ่มมีอาการน่าเป็นห่วง หรือเสี่ยง อย่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวเป็นอันขาด 2.…
-
ตามส่องชีวิต “บารัค โอบาม่า” หลังพ้นจากตำแหน่ง เที่ยวสุดมันส์กับ “ริชาร์ด แบรนสัน”
อดีตประธานาธิบดีอย่าง ‘บารัค โอบาม่า’ ได้ใช้โควต้าการขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศแบบเต็มสูบนานถึง 8 ปี และล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ลงจากตำแหน่ง และปล่อยให้หน้าที่ต่อไปเป็นของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ตามกฏกติกาต่อไป หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วหลังจากที่เขาพ้นจากตำแหน่งแล้วเจ้าตัวจะไปทำอะไรต่อ? นั่งเลี้ยงหลาน เล่นกับสุนัข หรือไปอ่านหนังสือพิมพ์กินกาแฟชิลๆ กันนะ!? ตอนนี้เราได้คำตอบแล้ว เพราะว่าล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า เขากำลังเล่นไคท์เซิร์ฟอยากสนุกสนาน และดูมีความสุขสุดๆ เลยล่ะ ดูรอยยิ้มของเขาซะก่อน แค่นี้ก็คงพิสูจน์ได้ว่าเจ้าตัวมีความสุขมากขนาดไหน สื่อได้รายงานว่าทั้งโอบาม่า และมิเชล ได้เดินทางมาพักผ่อนที่เกาะส่วนตัวของ ‘Richard Branson’ ผู้เป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ Virgins นั่นเอง ดูเจ้าตัวจะสนุกกับการเล่นไคท์เซิร์ฟสุดๆ ถึงจะเกษียณอายุจากการทำงานมาแล้ว แต่ร่างกายของเขายังดูแข็งแรงดีมาก ทางด้านของ Branson ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ‘เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผมได้ต้อนรับอดีตประธานาธิบดี และครอบครัว ให้มาพักผ่อนที่เกาะส่วนตัวของผม ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราฝึกเล่นไคท์เซิร์ฟร่วมกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน เพราะเขาทำงานมาหนัก และได้สร้างประโยชน์หลายอย่างให้บ้านเมือง…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นเผยเทคนิค “บรรเทาอาการปวดหลัง” ด้วยผ้าห่ม ได้รับความนิยมอย่างสูง
ในยุคสังคมปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่มักจะมีอาหารปวดหลังกันมากยิ่งขึ้น นั่นอาจมีสาเหตุมาจากการนั่งนาน เช่น การนั่งทำงาน หรือนั่งขณะดูหนัง ซึ่งก็อาจจะส่งผลให้เกิดอาการดังกล่าวได้ง่ายเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ทางผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นนามว่า @itiitiY จึงได้ออกมาเผยเทคนิคง่ายๆ ที่สามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้ และไม่น่าเชื่อเลยว่าวิธีของเธอนั้นจะทำให้ชาวเน็ตคนอื่นๆ ชื่นชอบ จนมีการรีทวิตและถูกใจรวมกันกว่าไปมากกว่า 50,000 ครั้ง เธอบอกว่าก่อนหน้านี้เธอเองก็มีอาการปวดหลังอยู่บ่อยๆ อันมีสาเหตุมาจากการนั่งดูหนังในโรงหนังเป็นเวลานาน ดังนั้น เธอจึงได้หาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านั้น โดยการเข้าไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และพบว่าจริงๆ แล้วผ้าห่มก็สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้นะ แอร์โรงภาพยนตร์มันอาจจะหนาวจับใจ ดังนั้นโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นหลายๆ แห่ง มักจะมีการใช้เช่าผ้าห่มตอนดูหนัง เพื่อที่จะทำลูกค้าได้ชมภาพยนตร์อย่างสบายใจมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามชาวเน็ตผู้ใช้ชื่อคุณ @itiitiY ได้ออกมาบอกว่า นอกจากจะใช้ห่มแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกด้วย หลังจากนั้น เธอโพสต์ภาพวิธีการใช้ผ้าห่มเพื่อช่วยลดอาการปวดหลังลงในทวิตเตอร์ พร้อมอธิบายประกอบด้วยว่า เพียงแค่ใช้ผ้าห่ม และม้วนมันแค่ไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็นำไปวางไว้ตรงกลางเบาะ และนั่งทับลงไป เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถเพลิดเพลินไปกับการรับชมภาพยนตร์ โดยที่ไม่ต้องปวดหลังอีกต่อไปแล้ว ม้วนให้ถูกวิธีด้วยนะ เดี๋ยวจะปวดยิ่งกว่าเดิม… นอกจากนี้ เธอยังแนะนำอีกว่า คุณสามารถนำเทคนิคง่ายๆ เหล่านี้ ไปใช้บนรถ หรือเก้าอี้ที่บ้านขณะนั่งทำงาน เล่นเกม…
-
นักทำขนมแคนาดา Melly Eats World ผู้สร้างสรรค์ “มาการอง” และบรรดาขนมน่ารักจนไม่กล้ากิน
เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก มาการอง ขนมหวานที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส ด้วยหน้าตาอันเป็นเอกลักษณ์และรสชาติอันแสนเอร็ดอร่อย ทำให้ขนมชนิดนี้กลายเป็นที่นิยมของคนทั่วโลก แต่ถ้าเพื่อนๆ คิดว่ามาการองไม่สามารถน่ารักได้มากกว่านี้ล่ะก็ เห็นทีจะต้องคิดใหม่แล้วล่ะ ถ้าเพื่อนๆ ได้เห็นผลงานของนักทำขนมจากแคนาดาคนนี้ ปกติแล้วมาการองทั่วๆ ไป ก็จะหน้าตาประมาณนี้ แต่… แท๊แด๊มมมมมมม มาการองยุคใหม่เพิ่มความมุ้งมิ้ง มาการองสุดน่ารักเหล่านี้เป็นผลงานของ Melly Eats World นักทำขนมจากเมืองโทรอนโต้ ประเทศแคนาดา เธอได้เปลี่ยนมาการองธรรมดาๆ ให้มีรูปร่างเป็นสัตว์นานาชนิด ไม่ว่จะเป็นหมีแพนด้า ลิง แมว สุนัข และหมูเป็นต้น ด้วยความน่ารักเหล่านี้ ทำให้ไอจีของเธอมีผู้ติดตามแล้วกว่า 5,000 คน ทั้งนี้ เธอไม่ได้เปิดเผยว่าสูตรของเธอทำอย่างไรจึงออกมาน่ารักมุ้งมิ้ง แต่ถ้าใครมีโอกาสแวะไปเมืองนี้ก็ลองแวะชิมของเธอได้ นอกจากนี้ถ้าใครอยากจะสั่งทำเป็นรูปอะไรพิเศษ เธอก็รับทำอยู่นะ แต่เธอบอกว่าต้องสั่งล่วงหน้า 6 สัปดาห์ เพราะงานเธอแน่นเอี๊ยดเหลือเกิน ลองไปชมผลงานของเธอกันเลย รับรองว่าน่ารักจนกินไม่ลงอย่างแน่นอน (ใครสนใจลองกดเข้าไปดูในไอจีของเธอ @mellyeatsworld ได้เลยนะฮะ รับรองว่ามีภายสวยๆ อีกเพียบแน่นอน) . .…
-
นักโบราณคดีจีนขุดพบ ‘ดิลโด้โบราณ’ อายุ 2,000 ปี แต่จุดประสงค์การใช้งานยังคงเป็นปริศนา!?
จากการค้นพบล่าสุดของนักโบราณคดีก็ทำให้รู้ว่าเหล่าขุนนางภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮั่น ในช่วงยุค 206 ปีก่อนคริสตกาล นั้นดูเหมือนว่ามีช่วงเวลาที่เยี่ยมยอดมาก… ในการขุดค้นสุสานโบราณที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ที่ตั้งอยู่ในมณฑล Jiangsu นักโบราณคดีได้ค้นพบสมบัติที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย ประกอบไปด้วยวัตถุที่เป็นเซรามิค, จานชาม, อุปกรณ์อาบน้ำ (ฟองน้ำที่ใช้ขัดตัว), และอุปกรณ์ที่น่าทึ่งอย่างดิลโด้ที่ทำจากทองแดงและหยก ถึงแม้มีการสันนิษฐานว่าดิลโด้ทองแดง อาจจะถูกใช้เป็นวัตถุทางด้านเพศ ทั้งให้ผู้หญิงใช้หรือผู้ชายใช้เพื่อเป็นเซ็กส์ทอยกับคู่ฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตามทางด้านนักวิจัยเชื่อว่าเจ้าดิลโด้หยกนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อสนองต่อความต้องการทางเพศแต่อย่างใด เพราะหยกนั้นถือเป็นอัญมณีที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของชาวจีนมาอย่างช้านาน และคาดว่ามันน่าจะถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมากกว่า “เจ้าสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกับดิลโด้ที่ทำขึ้นมาจากหยกนี้ ถูกใช้งานเพื่อปิดผนึกร่างกายเพื่อกักเก็บเนื้อแท้ของตัวตน ไม่ให้มันรั่วไหลออกมาในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่และตายไปแล้ว” ภัณฑารักษ์ Fan Zhang กล่าว ส่วนเจ้าดิลโด้ทีทำขึ้นมาจากทองแดงนั้นเองก็ ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีไว้ทำอะไรกันแน่ เพราะรูปร่างของมันช่างแปลกประหลาด มีห่วงวงกลมเล็กๆ ติดอยู่ข้างหลังจึงทำให้นักวิจัยต่างก็ตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้วมันมีไว้เพื่อสนองต่ออารมณ์ทางเพศจริงหรือไม่!? “เจ้าดิลโด้ที่ทำมาจากทองแดงนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากๆ และมันมักจะถูกพบในหลุมฝังศพของชนชั้นสูง เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาทำมันขึ้นมาเพื่อใช้งาน แต่จะใช้งานในเรื่องใดนั้นยังไม่อาจทราบได้ เจ้าห่วงวงกลมนั้นก็คือสายหนัง หรือหนังที่ถูกคล้องเอาไว้ แต่มันก็ทำให้ชวนสงสัยว่าพวกเขาจะสวมใส่กันอย่างไร? มีไว้สำหรับผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่!?” คุณ Zhang กล่าว การค้นพบครั้งนี้ อาจจะเป็นหลักฐานสำคัญไขไปสู่เรื่องน่าสนใจในประวัติศาสตร์อีกหลายๆ เรื่องก็เป็นได้ ต้องคอยติดตามกันดูแล้ว… ที่มา :…
-
ชาวเน็ตบังเอิญเจอ ‘ขนมชีโตส’ รูปร่างคล้าย Harembe มีคนประมูลซื้อ 3 ล้านกว่าบาท!?
เมื่อปีที่ผ่านมาได้มีเรื่องราวที่ทำให้คนทั้งโลกต้องจดจำ เมื่อเด็กชายคนหนึ่งตกลงไปในกรงของกอริลล่า แต่จู่ๆ ก็มีเจ้ากอริลล่าตัวหนึ่งชื่อว่า Harembe ได้เดินเข้ามาอุ้มเด็กชายคนนั้นไป จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจที่จะปลิดชีวิตมัน เพื่อช่วยเด็กชายคนนั้นไว้ เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันมากมายทั้งในโลกโซเชียล และในแวดวงของผู้เชี่ยวชาญว่าแท้จริงแล้วเจ้า Harembe นั้นมีเจตนาที่จะช่วยเหลือเด็กหรือทำร้ายเด็กกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือเหตุการณ์ที่น่าสลดนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าพ่อแม่หรือผู้ปกครองดูแลเอาใจใส่บุตรหลานอยู่ตลอดเวลา ไม่ปล่อยปละละเลยจนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องราวเหล่านี้ผ่านมา และก็เป็นบทเรียนให้เราได้คิดคำนึง หาวิธีแก้ไขต่อไปในอนาคตเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอะไรน่าเศร้าขึ้นมาอีก… ทีนี้มาดูเรื่องแปลกๆ ซึ่งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้กันบ้าง… และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็ได้มีเหตุบังเอิญเกิดขึ้น มีชาวเน็ตรายหนึ่งซื้อขนมชีโตสมากิน และพบว่ามีชิ้นหนึ่งที่มีรูปร่างดูคล้ายกับเจ้า Harembe ซะเหลือเกิน เขาจึงได้นำเจ้าขนมชีโตสชิ้นดังกล่าว ไม่รวมถุง และขนมชิ้นอื่นๆ ไปเปิดประมูลในเว็บไซต์ eBay โดยเริ่มต้นราคาประมูลที่ 420 บาท รูปร่างของขนมชีโตส ที่กลายเป็นกระแสในเน็ต ส่งผลถึงการประมูลครั้งนี้มีคนเข้าร่วมเพียบ ผ่านไปกว่า 1 สัปดาห์ มีคนเข้ามาทำการประมูลไปทั้งหมด 132 ครั้ง จนเมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ผ่านมาการประมูลก็จบลง และขนมชีโตสรูปร่างคล้าย Harembe ถูกขายไปในราคากว่า…
-
ชาวเน็ตประทับใจ “ควีนอลิซาเบธ” เมื่อฉลองพระองค์สีเขียว เสด็จกลับกรุงลอนดอน…
ถ้าถามว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก เชื่อว่าชื่อของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรต้องโผล่ขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆ แน่นอน และตอนนี้ในวัย 90 พรรษา พระองค์ก็ถือว่าเป็นประมุขแห่งรัฐบริเตนที่ทรงราชย์นานที่สุดในประวัติศาสตร์ไปแล้ว ด้วยระยะเวลารวมกว่า 65 ปี ล่าสุดเมื่อวานมีการเผยภาพของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ขณะเดินทางกลับมาจากพระตำหนักซานดริงแฮม ในมณฑลนอร์โฟล์ก ประเทศอังกฤษ ซึ่งคราวนี้ยังคงความสะพรั่งเพราะพระองค์มาในฉลองพระองค์สีเขียวอ่อนแสนสดใส สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นธรรมเนียมของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธอยู่แล้ว ที่เมื่อถึงช่วงคริสต์มาสพระองค์จะเสด็จไปประทับที่พระตำหนักซานดริงแฮมและใช้เวลาที่นั่นจนถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งพอหลังจากการใช้ชีวิตในซานดริงแฮมสิ้นสุดลง ก็เสด็จกลับยังกรุงลอนดอนของประเทศอังกฤษตามปกติ พระองค์ได้เสร็จกลับพระราชวังบักกิ้งแฮมช่วงวานนี้ โดยพระองค์ได้เสร็จขึ้นรถไฟที่สถานีคิงส์ลินน์ และได้โดยสารบนตู้ขบวนชั้นพิเศษ พร้อมกับกล่องแดงประจำตัวของพระองค์ (กล่องแดงประจำตัว ภายในจะบรรจุของใช้ส่วนพระองค์ จดหมาย รูปภาพ หรือเอกสารอื่นๆ ที่จะเป็นต้องใช้ติดต่อทางเชื้อพระวงศ์ของทางสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ) ช่างภาพข่าวอังกฤษตามถ่ายการเสด็จ กลายเป็นประเด็นให้ชาวเน็ตอังกฤษและฝั่งตะวันตก ต่างประเทศใจในฉลองพระองค์สีเขียวสดใส (ซึ่งแม้แต่สาวๆ วัยรุ่นหลายคนยังต้องขอยอมแพ้งดประชัน) . . ล่าสุด พระองค์เป็นกษัตริย์สหราชอาณาจักรองค์แรกที่มีพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติไพลิน (Sapphire Jubilee) ซึ่งจะจัดขึ้นสำหรับกษัตริย์ที่ครองราชนานถึง 65 ปี เท่านั้น ที่มา…
-
เรื่องราวของ ‘ประตูนางฟ้า’ ในตำนาน ที่โผล่ขึ้นมาทั่วเมือง Ann Bor อย่างปริศนา
เมือง Ann Arbor ที่ตั้งอยู่ในรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกานั้นถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แปลกกว่าที่อื่นๆ และน่าสนใจไม่น้อย เท่านั้นยังไม่พอ ที่แห่งนี้ยังมีเรื่องราวเร้นลับที่ดูน่าค้นหา ปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วเมืองเป็นที่รู้จักกันดีว่าคือ ‘ประตูนางฟ้า’ Jonathan B. Wright ชายผู้ทำการศึกษาเกี่ยวกับเบื้องหลังของประตูนางฟ้าเหล่านี้ เป็นคนพบมันครั้งแรกเมื่อปี 1993 ที่จู่ๆ ก็โผล่มาที่บ้านของเขา คุณ Jonathan เล่าว่า “ข้างหลังประตูเล็กนี้ยังมีบันไดที่เชื่อมขึ้นไปสู่ประตูอีกบานด้วย และมันจะล็อคทุกครั้งที่ผมเข้าไปทำการตรวจสอบ” จนมาถึงในช่วงปี 2005 ประตูนางฟ้าก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้งในร้านคอฟฟี่ช็อปแห่งหนึ่งชื่อว่า ร้าน Sweetwaters Coffee and Tea จากนั้นไม่นานประตูนางฟ้าก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นทั่วเมืองเต็มไปหมด ไม่มีใครทราบที่มาที่ไปว่าประตูเหล่านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร จนมาถึงปัจจุบัน เราสามารถพบประตูนางฟ้าได้ทั่วเมือง Ann Arbor ตั้งแต่คอนเสิร์ตฮอลล์ ร้านเฟอร์นิเจอร์ กิ๊ฟต์ช็อป รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะ คุณ Jonathan จึงตัดสินใจที่จะเขียนหนังสือเกี่ยวกับเจ้าประตูนางฟ้าเหล่านี้ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า ‘Who’s Behind the…
-
สภาพของเมือง ‘ฟูกุชิมะ’ 5 ปีผ่านไป สถานที่กาลเวลาหยุดนิ่ง ทุกอย่างยังคงอยู่ตรงนั้น…
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่เมืองฟุกุชิมะเมื่อช่วงเดือนมีนาคม ปี 2011 ที่ผ่านมา หรือเมื่อราวๆ 6 ปีก่อน จนเกิดเป็นภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่เรียกได้ว่าสร้างความเสียหายยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์เชอร์โนบิลเลยทีเดียว แม้จะไม่มีรายงานว่ามีการเสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับการสัมผัสกับสารกัมมันตรังสีในระยะสั้นที่มากเกินไป แต่ก็มีผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว และสึนามิมากกว่า 18,500 คน เลยทีเดียว จากความเสียหายครั้งใหญ่ในคราวนั้น ก็ผ่านแล้วเป็นเวลา 5 ปี เมืองที่เคยคึกคักกลับถูกทิ้งร้างให้ว่างเปล่า แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมบรรยากาศภายในเมืองฟุกุชิมะกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ลองไปชมผลงานของช่างภาพ Arkadiusz Podniesinski ชาวโปแลนด์ ที่เข้าไปเก็บภาพในเมืองมาให้พวกเราได้ชมกัน 1. เจ้าหน้าที่ทำการตรวจผู้มาเยือน เพื่อเช็คการปนเปื้อนแม้จะผ่านไปแล้ว 5 ปีก็ตาม 2. ร้านขายแผ่นเสียงที่เงียบงัน ไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย 3. มีแต่แมงมุมที่เข้ามาสร้างรังอาศัยอยู่ 4. ไปทางไหนก็มีแต่ต้นหญ้าขึ้นสูงเต็มไปหมด 5. ถนนตอนกลางคืนที่ยังคงส่องสว่าง แม้จะไม่มีใครอยู่อาศัยแล้วก็ตาม 6. แหล่งทิ้งขยะเรียงรายนับล้านถุง 7. ขบวนรถที่จอดอยู่มากมาย ทำให้เราเห็นว่าในอดีตก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นบนท้องถนนเคยคึกคักมากแค่ไหน …
-
สนามบินออกแลนด์ ฉีดม่านน้ำพุต้อนรับเที่ยวบินตรงการ์ต้า ที่นานที่สุดในโลกกว่า 16 ชั่วโมง
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เส้นทางเที่ยวบินใหม่และเป็นการให้บริการครั้งแรกของสายการบิน การ์ต้า แอร์เวย์ ได้เดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ณ เมืองออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยระยะเวลารวมทั้งสิ้น 16 ชั่วโมง 23 นาที โดยเครื่องบินโบอิ้ง 777 เที่ยวบิน คิวอาร์ 920 ของสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์ ได้ออกเดินทางจากกรุงโดฮา ประเทศการ์ต้า ไปยังเมืองออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นระยะทางทั้งหมด 14,535 กิโลเมตร ถือว่าเป็นเที่ยวบินตรงที่ไกลที่สุดในโลก เที่ยวบินดังกล่าวต้องเดินทางผ่านเส้นแบ่งเวลากว่า 10 เส้น ต้องใช้นักบิน 4 คนในการสลับเปลี่ยนหมุนเวียน รวมทั้งพนักงานต้อนรับอีก 15 คน ในการบริการผู้โดยสารทั้งหมด ซึ่งพวกเขาได้แจกกาแฟไปทั้งสิ้น 1,100 ถ้วย น้ำดื่มอีก 2,000 ขวด และอาหารอีกกว่า 1,036 จาน และเมื่อถึงสนามบินออกแลนด์ ทางสนามบินก็ได้จัดเตรียมรถดับเพลิง ฉีดน้ำทำเป็นม่านต้อนรับเที่ยวบินดังกล่าวอีกด้วย…
-
ถ้า ‘มนุษย์กลายเป็นสุนัข’ ชุดภาพสะท้อนความหดหู่ กับการทารุณกรรมสุนัขภายในจีน!!
เป็นประจำทุกปีที่เมืองยู่หลิน ประเทศจีน จะมีการจัดงานเทศกาลเนื้อหมาขึ้นเป็นประจำ โดยงานจะจัดเป็นเวลายาวนานถึง 10 วัน และคาดว่ามีสุนัขมากกว่า 15,000 ตัว ที่ถูกนำมาทำเป็นอาหารสำหรับเทศกาลประจำปีนี้ แต่ใช่ว่าเมืองจีนจะเต็มไปด้วยความโหดร้ายเสมอไป ท่ามกลางประเพณีการกินเนื้อสุนัข ก็ยังมีกลุ่มคนบางส่วนที่ออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องเหล่าน้องหมาไม่ให้ถูกนำไปทำเป็นอาหารอีก และล่าสุดทีมนักเต้นโพลแด๊นซ์ ‘POLE 11’ ได้ออกมารวมตัว เพื่อประท้วงเทศกาลกินเนื้อหมา และต้องการให้ทุกคนตระหนักถึงความโหดร้ายที่สุนัขจรจัดถูกทารุณกรรมโดยน้ำมือมนุษย์ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์เลี้ยงผู้ซื่อสัตย์ก็ตาม… โดยพวกเขาได้จำลองสถานการณ์ให้แก่ตนเอง ตามแบบที่มนุษย์ทำกับสุนัขจรจัดอย่างหดหู่ อีกทั้งต้องการตระหนักให้ทุกคนเริ่มหยิบยื่นการช่วยเหลือให้แก่เหล่าสุนัขจรจัดทั้งหลาย บางตัวก็ถูกเผาทั้งเป็น มีอีกหลายชีวิตที่ต้องพยายามเอาตัวรอดแบบวันต่อวัน พวกมันไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวมันเองบ้าง บ้างก็ถูกมนุษย์ใจร้ายล่ามไว้ และปล่อยให้อดอาหารนานแรมเดือน เพียงเพราะเขาคนนั้นรู้สึกรำคาญพวกมัน และอีกหลายชีวิตที่ถูกนำมาทำเป็นอาหาร มีสุนัขมากมายที่ต้องตายจากไปด้วยน้ำมือของมนุษย์ วันแล้ววันเล่า บางทีก็ถูกทรมานให้ตายทั้งเป็น เพียงเพราะความสนุกอันแสนโหดร้ายของคนบางคน จากภาพทั้งหมดนี้ พวกเขาก็ได้แต่หวังว่ามันจะช่วยทำให้ชาวจีนตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้น ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งของเทศกาลเนื้อสุนัข กลับเต็มไปด้วยผู้คนให้ความสนใจจำนวนมาก… อันที่จริงแต่ละประเทศก็มีวัฒนธรรมอาหารการกินที่ต่างกัน แต่สำหรับคนรักสัตว์อย่างเราๆ เห็นแบบนี้แล้วมันอดที่จะสงสารไม่ได้จริงๆ ที่มา: Fwdder
-
นักการเมืองฝรั่งเศส ใช้วิธีหาเสียงเลือกตั้งแบบล้ำๆ ไม่ใช่ป้าย แต่มาเป็นโฮโลแกรมเลยจ้า!!
เมื่อใกล้จะถึงช่วงของการเลือกตั้งเพื่อเฟ้นหาตัวแทนนักการเมือง เพื่อขึ้นมาดำรงค์ตำแหน่งผู้นำประเทศ ถ้าเป็นบ้านเราก็คงจะได้เห็นป้ายหาเสียงที่วางกระจัดกระจายอยู่เต็มฟุตบาธไปหมด หรือไม่ก็ออกไปหาเสียงตามท้องตลาด เข้าไปผูกมิตรกับพ่อค้าแม่ค้า ก่อนที่พวกเขาจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังได้ตำแหน่ง… ถึงแม้ว่าตอนนี้ ‘การเลือกตั้ง’ ดูจะเป็นเรื่องที่ไกลตัวประเทศเรามากเกินไปหน่อยก็เถอะ แต่ที่ประเทศฝรั่งเศส เหล่านักการเมืองผู้ลงสมัครเลือกตั้ง ต่างก็กำลังงัดเอาทีเด็ดของแต่ละคนออกมาหาเสียงกันอย่างขมักเขม่น และล่าสุดเราได้ไปเจอกับวิธีการหาเสียงแบบล้ำสมัยของ ‘Jean-Luc Melenchon’ โดยใช้เครื่องโฮโลแกรม งานนี้เจ้าตัวบอกว่าไม่เปลืองทรัพยากร และไม่ต้องไปแอ๊คถ่ายรูปกับพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดให้เสียเวลา แถมยังฝากเรามาบอกต่อถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่นี่ด้วยว่า ‘เลส อิส มอร์ ยูโน๊วว!?’ บรรยากาศการปราศรัยของ Jean-Luc Melenchon ที่เมืองลียง โดยเมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ‘Jean-Luc Melenchon’ ได้ขึ้นมาปราศรัยที่เมืองปารีส โดยใช้เครื่องโฮโลแกรมนี่แหละ ถ่ายตัวเองจากเมืองลียง ก่อนจะส่งข้อมูลไปยังเครื่องฉายโปรเจคเตอร์เมืองปารีสที่อยู่ห่างไกลกว่า 500 กิโลเมตร อัพเดทแบบเรียลไทม์กันไปเลย “ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนแล้วนะ? ตัวผมอยู่ที่เมืองลียงนี่ และผมก็ขึ้นมาปรากฏตัวที่ปารีสได้” เจ้าตัวกล่าวบนเวที โดยภาพวิดีโอที่ถ่ายจากเมืองลียง จะถูกฉายเข้ากับพื้นหลังบนเวทีปราศรัยที่มีความเอียงระดับ 45 องศา จึงทำให้เรามองเห็นเขายืนพูดบนเวทีแบบ 3 มิติ …
-
15 ภาพของแมงมุมตัวน้อย ช่วยบรรเทาโรคกลัวแมงมุมของคุณ ด้วยพลังแห่งความน่ารัก!!
“แมงมุม” อาจเป็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ ที่แสนธรรมดาสำหรับใครหลายๆ คน แต่สำหรับบางคนเพียงแค่เห็นภาพ หรือใยที่ว่างเปล่าของมันก็อาจจะทำให้รู้สึกกลัว ตกใจ และขนลุกขนพองขึ้นมาแล้ว สำหรับคนที่เห็นแมงมุมแล้วเกิดรู้สึกใจสั่น ร้องไห้ หรือกรี๊ดร้องขึ้นมานั้น คุณอาจจะเป็นโรคจำเพราะชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “โรคกลัวแมงมุม” หรือ “Arachnophobia” ซึ่งเป็นโรคที่สามารถพบได้มากในผู้คนทั่วๆ ไป นั่นเอง ว่าแต่เมื่อมีความกลัวเข้ามาครอบงำแบบนี้ คุณเคยคิดที่จะเอาชนะความกลัวเหล่านั้นบางหรือไม่ ในวันนี้เราจะพาคุณมารับชมภาพของเหล่าแมงมุมตัวน้อย ที่จะมาช่วยรักษาโรค Arachnophobia ของคุณด้วยความน่ารักของพวกมัน รับรองว่าเมื่อเห็นภาพเหล่านี้คุณอาจจะรู้สึกชื่นชอบ และอาจจะหายกลัวมันขึ้นมาบ้างก็เป็นได้ พบกับลูกแมงมุมตัวน้อยที่มีใบหน้าสุดบ๊องแบ๊ว ไม่ต้องกลัวนะ พวกเราไม่เป็นอันตรายต่อใครเลย แม้แต่ตอนที่เติบโตขึ้น พวกมันก็ยังคงน่ารักอยู่ เพิ่มเติมคือสีสันสวยงามมากๆ แม่แมงมุมกับลูกน้อย ขอถ่ายภาพเซลฟี่หน่อยนะ พวกเราอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ว่างๆ ก็มาเยี่ยมกันได้ ใบหน้าที่ดูอ่อนโยน ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหนเลย ทักทายกันหน่อยเร็วพวกมนุษย์ ต๊ะเอ๋!! ว้าวววว สีสันสวยสดงดงามฝุดๆ สวัสดี…ได้โปรดอย่ากลัวฉันเลย เราออกจะใสๆ ขนาดนี้…
-
ความเห็นฮาๆ ของบรรดาต่างชาติ เมื่อคนญี่ปุ่น “ซู๊ดดดดด” อาหารอย่างเอร็ดอร่อย!!
ในบ้านเราการสูดอาหารเสียงดังๆ อาจจะดูไร้มารยาท แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่นแล้วมันกลับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เพราะการสูดอาหารเสียงดังๆ อย่างเช่นการกินเส้นโซบะนั้น มันแสดงให้เห็นว่า ยิ่งสูดดังๆ ก็ยิ่งแปลว่าอร่อยนั่นเอง แม้ว่าคนไทยส่วนใหญ่อาจจะเข้าใจในธรรมเนียม และวัฒนธรรมการรับประทานอาหารดังกล่าวของคนญี่ปุ่น แต่ชาวต่างชาติหลายคนอาจจะยังคงมองว่าเป็นเรื่องแปลก และเมื่อได้เห็นการสูดอาหารเสียงดังๆ ของชาวญี่ปุ่น พวกเขาจะคิดอย่างไรน้า!? และทั้งหมดนี้คือความคิดเห็นฮาๆ ของชาวต่างชาติ เมื่อได้เห็นคนญี่ปุ่นโชว์การโซ๊ยและสูดอาหาร มาดูกันว่าพวกเขาจะมีความเห็นอย่างไร สองนักท่องเที่ยวจากสวีเดนที่ได้มาเยือนประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ได้บอกว่าการสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวดังๆ ของคนญี่ปุ่นนั้นฟังแล้วเหมือนเสียงของหมูเลย และไม่น่าเชื่อเลยว่าสองคู่หูชาวสหรัฐอเมริกาก็คิดเช่นเดียวกัน ส่วนนักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์ที่ได้มาเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก บอกว่าเธอรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ข้างคนที่กำลังโซ้ยอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนหนุ่มน้อยจากอังกฤษบอกว่าถ้าเพื่อนๆ ของเขาสูดอาหารแบบนั้น เขาจะบอกให้หยุดทำซะ!! อีกหนึ่งเหตุผลที่ชาวต่างชาติไม่ชอบการสูดอาหารดังๆ ของชาวญี่ปุ่นก็คือ นอกจากจะเสียงเหมือนหมูแล้ว ยังเหมือนเสียงกดชักโครกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ในหลายๆ ประเทศอาจจะมองว่าลักษณะการรับประทานอาหารของคนญี่ปุ่นดูไร้มารยาท แต่เราก็ต้องยอมรับว่าวัฒนธรรมในการกินของแต่ละประเทศนั้นไม่เหมือนกัน . แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องทำตามกฎของเขาไปซะถูกอย่าง เพียงแค่อยากให้รู้ไว้ว่าลักษณะการรับประทานและมารยาทบนโต๊ะอาหารของบ้านเขาเป็นเช่นไร ถ้ามาเจอการจกข้าวเหนียวที่บ้านเราบ้าง เขาจะมองว่าไร้อารยะในการกินบ้างรึเปล่าหนอ? ที่มา : kotaku
-
คุณก็รู้ที่นี่บราซิล!! 13 ความจริงของบราซิล จะทำให้รู้สึกว้าวแต่หน้าไม่ร้าว และอยากไปเที่ยว
ดูเหมือนประโยคที่ว่า ‘คุณก็รู้ที่นี่บราซิล’ จะถูกนำมาประยุกต์ใช้กับอะไรก็ตามที่ค่อนข้างจะไทยแลนด์โอนลี่สุดๆ ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคำพูดดังกล่าวมันมาจากที่ไหน แต่ถึงเราจะไม่รู้ที่มาที่ไปของประโยคสุดฮิต แต่อย่างน้อยเราก็รู้ 13 เรื่องจริงของประเทศนี้ และมันก็เป็นเหตุผลที่เราควรจะเก็บตังค์ จองตั๋ว และหาโอกาสไปสัมผัสให้ได้ซักครั้งในชีวิต 1. เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ 2. จริงๆ แล้วเมืองหลวงคือ ‘Brasilia’ ส่วน ‘Sao Paulo’ จัดว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ 3. มีชายหาดที่ชื่อว่า ‘Baia do Sancho’ โดย TripAdvisor ได้จัดอันดับว่าเป็นชายหาดที่สวยงามที่สุดในโลก!! 4. เป็นหนึ่งในประเทศที่ส่งออกเมล็ดกาแฟมากที่สุดในโลก (ราว 80% ของกาแฟทั่วโลก) 5. มีสนามบินเยอะที่สุดในโลกมากกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ 6. นามสกุลที่ถูกใช้มากที่สุดคือ ‘Silva’ นักฟุตบอลในภาพเป็นกองหลังทีมชาติบราซิลชื่อ ‘Thiago Silva’ 7. ชาวประมงที่นี่สามารถใช้โลมาช่วยจับปลาได้! 8. ที่นี่มีบริการบาร์ในธีม…
-
สาววัย 18 ไม่ยอมทำความสะอาดห้อง พลาดไปเหยียบอะแดปเตอร์ชาร์จทะลุเข้าเนื้อลึก!!
สำหรับใครที่ไม่เคยทำความสะอาดห้อง และปล่อยให้ห้องรกจนไม่มีทางเดินละก็!! ระวังเอาไว้ให้ดี เพราะบางทีมันอาจจะนำมาสู่บทเรียนอันแสนเจ็บปวดที่จะทำให้คุณจดจำไปตลอดชีวิตก็เป็นได้ และนี่คือบทเรียนตัวอย่างที่จะทำให้คุณได้เห็นว่าโทษของการปล่อยให้ห้องรกมันเป็นอย่างไร รับรองว่าเมื่อได้เห็นแล้วจะต้องรีบไปเก็บกวาดห้องขนมาทันทีเลยละ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Julia Pechar หญิงสาววัย 18 คนนี้ ได้รับบทเรียนอย่างหนัก หลังจากที่เท้าของเธอดันไปเหยียบกับที่ชาร์จโทรศัพท์จนทะลุเข้าไปในเท้า… โดยสาเหตุที่ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่เธอไม่ยอมเก็บกวาดห้องนอน แถมเสื้อผ้าก็เกลื่อนไปทุกที่ จนทำให้แทบไม่มีทางเดินกันเลยทีเดียว นี่คือสภาพห้องของเธอ แต่ใครจะรู้ละว่ามันมีภัยร้ายซ่อนอยู่ จากการรายงานระบุว่า ในขณะที่ Julia กำลังนั่งดูหนังอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงป๊อบคอร์นที่อบไว้สุกพอดี จากนั้นเธอจึงกระโดดลงจากเตียง และทำให้เท้าดันไปเหยียบใส่ปลั๊กสำหรับชาร์จไอโฟนเข้าไปเต็มๆ และนี่คือสภาพที่เกิดขึ้น น่ากลัวมากจริงๆ!! Julia ได้บันทึกภาพถ่ายเอาไว้ และนำไปโพสต์ในทวิตเตอร์ของเธอ พร้อมระบุข้อความเอาไว้ว่า “ก่อนที่ฉันจะตะโกนเรียกแม่ ฉันได้คลานไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อถ่ายภาพ ส่วนใครที่สงสัยว่ามันไม่มีเลือด จริงๆ แล้วมันมีนะ…แถมยังมีเยอะมากด้วย” ด้านชาวเน็ตหลังจากที่ได้เห็นภาพดังกล่าวต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ห้องของเธอเหมือนซ่อนบางอย่างเอาไว้เลย” “บางทีแม่ของคุณควรจะเขียนโน้ตเอาไว้เพื่อบอกให้คุณทำความสะอาดห้องซะบ้าง มันน่ากลัวจริงๆ” และ…
-
ปาฏิหาริย์ที่เป็นจริง คุณแม่ได้พบกับลูกสาวอีกครั้ง หลังจากพลัดพรากกันนานกว่า 77 ปี!!
ความสัมพันธ์ของแม่ลูกนั้น เป็นระดับความสัมพันธ์ที่ตัดกันไม่ขาด แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ หรือต้องอยู่ไกลกันขนาดไหนก็ตาม เช่นเดียวกับเรื่องราวของคุณแม่ผู้สูงอายุ ‘มินก้า ดิสโบรว์’ เมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นได้อายุ 17 ปี เธอถูกข่มขืน และตั้งท้องในเวลาต่อมา มินก้า ดิสโบรว์ แต่ด้วยภาระหน้าที่ ที่ไม่สามารถส่งเสียเลี้ยงดูลูกได้ เธอจึงจำใจต้องยอมให้ลูกสาวคนแรกของเธออยู่ภายใต้การดูแลของศูนย์สงเคราะห์เด็ก จนเวลาผ่านไปนานเนิ่นทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลย สิ่งเดียวที่เธอมีคือรูปถ่ายขาว-ดำ ในสมัยที่ลูกสาวของเธอเพิ่งลืมตาออกมาดูโลกได้ไม่นาน ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอพยายามเขียนจดหมายหลายต่อหลายฉบับส่งไปที่ศูนย์ดูแลเด็ก ซึ่งที่ผ่านมาทางศูนย์ก็ได้ให้ความหวังว่าจะพยายามติดต่อลูกสาวเธอให้ได้ จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงการจัดการภายใน จึงทำให้ความปรารถนาของเธอดูจะเลือนลางจางหายไป “ขอแค่ให้ฉันได้พบกับเธออีกครั้ง ฉันสัญญาว่าจะไม่ยุ่งยาก จะไม่กวนใจเธอเลย” คุณแม่กล่าว จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อช่วงกรกฏาคม ปี 2006 มินก้าได้รับโทรศัพท์จากชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาได้แนะนำตัวว่าชื่อ ‘ไบรอัน ลี’ ผู้เป็นลูกชายของ ‘เบ็ตตี้ เจน’ ซึ่งเธอก็คือลูกสาวเพียงคนเดียวที่มินก้าพยายามตามหามาโดยตลอด ปัจจุบันเธอใช้ชื่อว่า ‘รูธ ลี’ แทน เรื่องมันมีอยู่ว่า รูธ ลี…
-
เมื่อนกแก้วตัวน้อย มีพี่แมวตัวโตมาดูแล ตามติดแจไม่ยอมห่าง จะไปไหนก็ไปด้วย!!
แมวกับนกอาจจะเป็นสัตว์ ที่หลายคนมองว่าพวกมันไม่น่าจะมาเป็นเพื่อนกันได้หรอก เพราะไหนจะเกิดมาคนละสายพันธุ์ แถมดูเหมือนนิสัยต่างกันมากจนไม่น่ามาอยู่ด้วยกันได้ แต่ในความจริงสัตว์ทั้งสองนี้มันเข้ากันได้นะ แถมยังรักกันมากๆ อีกด้วย ถ้าหากใครไม่เชื่อละก็ ขอเชิญพบกับ Bonifazii เจ้าเหมียวตัวส้ม และ Yasha นกแก้วแสนน่ารักเลยจ้า ถึงจะต่างสายพันธุ์ แต่ว่าพวกเราทั้งสองเป็นเพื่อนคู่ซี้ที่สนิทสนมกลมเกลียวกันสุดๆ เลย สำหรับเจ้า Yasha เป็นนกแก้วที่เติบโตมากับเจ้าเหมียว Bonifazii ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทั้งคู่ถึงรักกันมาก พวกมันกินด้วยกัน นอนด้วยกัน เล่นด้วยกัน แถมยังตัวติดกันตลอด เจ้าเหมียวมักจะปล่อยให้นกน้อยกระโดดไปนั่งบนหลังของมันอยู่เป็นประจำ และที่สำคัญเวลาที่เจ้า Bonifazii ไปที่ไหน นกน้อย Yasha ก็จะตามมันไปทุกๆ ที่ เรียกได้ว่าตัวติดกันอย่างกับตังเมเลย “พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานกว่า 5 ปีแล้วละ ทั้งยังชอบวิ่งไปรอบๆ อพาร์ทเม้น มันเป็นมิตรภาพที่งดงามจริงๆ” Irina ผู้เป็นเจ้าของกล่าว ในตอนนี้เจ้าเหมียวอายุ 10 ปีแล้ว ในขณะที่เจ้านกน้อยอายุเพียง 5…
-
ศิลปินหนุ่มสร้าง “จิ๊กซอว์” ที่ยากที่สุดในโลก เพราะมี 1,000 สีตามมาตรฐาน CMYK
การต่อจิ๊กซอว์อาจเป็นกิจกรรมที่ใครหลายๆ คนชอบเล่น เพราะนอกจากจะเป็นการฝึกสมาธิ ความอดทน และควมช่างสังเกตแล้ว มันยังเป็นอีกหนทางในการฆ่าเวลาระดับเทพอีกด้วย (แป๊ปๆ หมดไปหลายชั่วโมงนึงละ) แต่ถ้าจิ๊กซอว์ปกติมันยังไม่ท้าทายพอล่ะก็ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปพบกับจิ๊กซอว์ที่ยากที่สุดในโลก เพราะพี่แกเล่นมีสีครบทุกสีในสเปกตรัมเลยน่ะสิ จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย!! จิ๊กซอว์ดังกล่าวเป็นผลงานของนักออกแบบและศิลปินหนุ่ม Clemens Habicht โดยเขาได้สร้างจิ๊กซอว์ขนาด 5,000 ชิ้นขึ้นมา ด้วยการใช้มาตรฐานสี CMYK ในการออกแบบ ซึ่งจะมีการไล่สีทุกระดับชนิดที่ว่านั่งจ้องยังแยกแทบไม่ออกเลยทีเดียว แค่เห็นสีก็ปวดใจแล้ว มันจะคล้ายกันไปไหน ต้องใช้ความพยายามหน่อยล่ะ สุดท้ายก็ต่อจนสำเร็จจนได้นะเนี่ย ใครสนใจก็ไปซื้อกันได้ที่เว็บไซต์ colossalshop เลยนะฮะ สนนราคาอยู่ที่ชุดละ 49.99 ดอลลาร์ หรือ ราว 1,750 บาท รับรองว่าท่านจะได้รู้ว่า “นรกมีจริง” ฮาาาา ที่มา colossalshop
-
ย้อนอดีตไปชมภาพถ่าย “ห้องสมุดเคลื่อนที่” ในต้นศตวรรษ 20 ที่หาชมไม่ได้ง่ายๆ เลย
ในปัจจุบันโลกของเราได้มีการพัฒนาไปเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านเทคโนโลยีต่างๆ ที่ให้ทั้งความสะดวกสบาย และรวดเร็ว เช่น หากเราอยากได้หรืออยากซื้ออะไร เพียงแค่คลิกเข้าไปในเว็บไซต์นั้นๆ ก็สามารถสั่งซื้อ และรอรับของที่บ้านได้ และใครก็ตามที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือ คุณสามารถไปยังห้องสมุด หรือซื้อผ่านเว็บไซต์ Amazon ที่หลายๆ คนรู้จักในนามของร้านหนังสือออนไลน์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกได้อีกด้วย แต่จริงๆ แล้ว เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่า Amazon ไม่ได้เป็นร้านหนังสือ หรือห้องสมุดเคลื่อนที่ที่เพิ่งเกิดขึ้นหรอกนะ เพราะในอดีตเมื่อย้อนกลับไปในต้นศตวรรษที่ยี่สิบ เราก็เคยมีห้องสมุดเคลื่อนที่มาแล้วเหมือนกัน และนี่คือภาพหาดูยากของห้องสมุดเคลื่อนที่ในอดีตก่อนที่ Amazon จะก่อกำเนิดขึ้น เรามาดูความคลาสสิค และชื่นชมกลิ่นอายห้องสมุดเคลื่อนที่ในอดีตกันเลย ห้องสมุดเคลื่อนที่ได้เปิดให้บริการในปี 1925 สำหรับห้องสมุดเคลื่อนที่แห่งแรกนั้น คาดว่าได้ปรากฏตัวขึ้นที่ Warrington ประเทศอังกฤษในช่วงปลายยุค 1850 โดยจะมีตั้งแต่รถม้าเทียมลากห้องสมุดคันเล็กๆ ไปจนถึงรถตู้คันใหญ่กว้างขวาง ในช่วงปีแรกของการเปิดให้บริการมีจำนวนการยืมหนังสือไปมากถึง 12,000 ต่อมาห้องสมุดเคลื่อนที่จึงถูกมาตั้งในยานพาหนะ หลังจากนั้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 จึงได้เข้ามาแพร่หลาย และได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศอเมริกา ห้องสมุดเคลื่อนที่ครั้งแรกในซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ ปี 1927 ห้องสมุดเคลื่อนที่ในอิหร่าน ปี…
-
อะจึ๋ย… เด็กหญิงชาวอเมริกันผู้หลงใหล “แมลงสาบ” เลี้ยงจนออกลูกหลานนับพันตัว
เด็กๆ ในวัย 8-9 ขวบ อาจจะชื่นชอบสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ อย่างหมา แมว กระต่ายที่แสนจะมุ้งมิ้ง แต่สำหรับ Shelby Counterman หนูน้อยวัย 8 ขวบ จากเมืองทัลซา มลรัฐโอกลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกาคนนี้ เธอกลับชื่นชอบในสิ่งที่แตกต่างออกไป เพราะแทนที่จะชื่นชอบสัตว์น่ารักๆ แต่เธอกลับหลงใหล “แมลงสาบ”….ใช่แล้ว!! คุณฟังไม่ผิดแน่ๆ หนูน้อย Shelby คนนี้ เธอชอบแมลงสาบมากๆ แถมยังเลี้ยงแมลงสาบเอาไว้ในห้องนอนของเธอเป็นพันๆ ตัวอีกด้วย!! ทางด้านหนูน้อย Shelby ก็ได้ออกมาเผยว่า เธอได้กลายเป็นนักสะสมแมลงสาบมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ หลังจากที่ได้รับมาจากเพื่อนบ้าน และหลังจากนั้นเธอก็เลี้ยงดู และทะนุถนอมมันมาเรื่อยๆ จนเหล่าแมลงสาบเริ่มขยายพันธุ์และออกลูกหลานเต็มบ้าน หนูน้อย Shelby ดูแลเหล่ากองทัพแมลงสาบแสนรักของเธอเป็นอย่างดี โดยให้พวกมันอาศัยอยู่ในตู้ปลาชนิดพิเศษ ที่ทาวาสลีนไว้ตรงขอบตู้ เพื่อไม่ให้มันสามารถวิ่งออกมาสร้างความวุ่นวายภายในบ้านนั่นเอง ด้าน Meg Counterman ผู้เป็นแม่ได้ออกมาเผยว่า “ในตอนแรกฉันยอมรับเลยว่างานอดิเรกของลูกสาวมันดูน่ากลัวไปหน่อย…
-
คุณปู่ประกาศหาเพื่อนไปตกปลาหลังคู่หูเสียชีวิต สุดท้ายก็ได้หนุ่มวัย 22 มาเป็นเพื่อน
นับตั้งแต่เสียภรรยาไปเมื่อหลายปีก่อน กิจกรรมที่คุณปู่ Ray Johnstone วัย 75 ปี ชาวออสเตรเลียทำเป็นประจำคือการออกไปตกปลากับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง และดูเหมือนว่านั่นคือความสุขเดียวที่ชายไม้ใกล้ฝั่งอย่างเขาจะมีได้ แต่น่าเศร้า เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนนักตกปลาคู่หูของคุณตาก็เสียชีวิตไปด้วยโรคชรา ทำให้คุณตาไม่อยากออกไปตกปลาคนเดียว (เพราะมันเหงา) คุณตาจึงซื้อโฆษณาบนเว็บไซต์ Gumtree เพื่อหาคนไปตกปลาด้วย โฆษณาดังกล่าวได้สะกิดใจ Mati Batsinilas หนุ่มวัย 22 ปี จากเมืองบริสเบนเป็นอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจติดต่อคุณปู่ Johnstone ไปในทันที หนึ่งสัปดาห์ต่อมาพวกเขาก็ได้ไปออกทริปตกปลาด้วยกันที่เกาะสเตรดโบรก และพวกเขาก็ได้ถ่ายภาพเซลฟี่ลงมาอวดโซเชียลด้วย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตกได้ปลาตัวใหญ่ไม่เบาเลยนะเนี่ย หลังจากตกปลากันเสร็จแล้ว พวกเขาก็วางแผนจัดทริปต่อไปกันในทันที โดยพวกเขาวางแผนกันไว้ว่าจะขับรถ 4×4 เข้าไปในป่าและหาที่ตกปลาดีๆ กัน “ผมชวนเขาไปเที่ยว ไม่ใช่แค่ตกปลาเท่านั้น แต่หมายถึงการไปพักผ่อนในที่ห่างไกลด้วย ผมบอก Ray แต่แรกแล้วว่าเราจะทำมันให้สำเร็จจนได้ ผมอยากขอบคุณถ้อยคำดีๆ ทุกคนที่ทุกคนมอบให้กับผม แต่นี่เป็นความตั้งใจของครอบครัวผมด้วย ไม่ใช่แค่ตัวผมคนเดียวเท่านั้น” Batsinilas กล่าว Batsinilas และครอบครัว รวมทั้งคุณปู่ Johnstone “ความสัมพันธ์ของเราเป็นไปด้วยดีมาก และผมก็รู็สึกดีจริงๆ…
-
วีรกรรมสุดกล้าหาญ แอร์โฮสเตสช่วยเหลือ “ผู้โดยสารหญิง” ให้รอดจากขบวนการค้ากาม…
วีรกรรมอันแสนกล้าหาญของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2011 ที่เธอได้ช่วยเหลือเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งไว้จากขบวนการค้ามนุษย์ Shelia Frederick วัย 49 ปี พนักงานต้อนรับบนเครื่องของสายการบิน Alaska Airlines ได้เล่าถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุผ่านทางรายการข่าว 10 News ในวันนั้นเธอต้องทำงานต้อนรับผู้โดยสายบนเครื่องบินที่จะเดินทางจากเมือง Seattle ไปยังเมือง San Francisco แต่ด้วยความช่างสังเกต เธอก็ได้เห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างกับผู้โดยสารคู่หนึ่ง เธอเล่าว่า “ในใจของฉันบอกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง” ภาพที่เธอเห็นก็คือมีเด็กสาวอายุราวๆ 14 ถึง 15 ปี ที่ดูสภาพโทรมนั่งติดกับชายที่มีอายุมากกว่าซึ่งเดินทางมาด้วยกันแต่การแต่งตัวนั้นผิดกันลิบลับ มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล มิหนำซ้ำยังมีท่าทางที่น่าสงสียขึ้นไปอีก เธอได้เดินเข้าไปพูดคุยกับเด็กสาวเพื่อสอบถามว่ามีสิ่งใดให้ช่วยเหลือหรือไม่ แต่ฝ่ายผู้ชายกลับเป็นคนตอบคำถามให้ทั้งหมด ไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดเลย มันเลยไม่น่าไว้วางใจ… เมื่อสบโอกาส คุณ Shelia จึงแอบกระซิบบอกเด็กหญิงเบาๆ ว่าให้ลุกไปเข้าห้องน้ำ และเธอได้เตรียมโน้ตที่เขียนข้อความในกระดาษเพื่อถามว่าเธอต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่แปะไว้ที่หน้ากระจก พร้อมกับปากกาและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเอาไว้ให้ด้วย ปรากฏว่าเด็กสาวคนนั้นต้องการความช่วยเหลือ เพราะเธอถูกขบวนการค้ามนุษย์จับตัวไปขายเพื่อเป็นทาสทางเพศ เมื่อทราบดังนั้นแล้ว คุณ Shelia ได้ทำการแจ้งไปยังกัปตันและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด…
-
คุณตาจบ ป.3 ลงทุนเรียนกฎหมาย 16 ปี เพื่อฟ้องบริษัทสารเคมี ที่ทำให้หมู่บ้านเขาเป็นมลพิษ
หลายๆ ครั้งที่เหล่าชาวนาทั้งหลายนั้นตกเป็นเหยื่อของการถูกเอารัดเอาเปรียบ เพราะโดยปกติแล้วพวกเขาจะเป็นคนที่มีอายุมากและไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของกฎหมาย ทำให้รู้ไม่เทาทันในเล่ห์เหลี่ยมของเหล่านายทุน แต่ไม่ใช่กับคุณตาชาวจีนอย่างแน่นอน เพราะเขาลงทุนศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายด้วยตัวเองเป็นเวลากว่า 16 ปี เพื่อทำการฟ้องร้องต่อสู้คดีกับบริษัทสารเคมี ที่สร้างมลภาวะให้กับที่ดินของเขา ทำให้ชาวบ้านและตัวของคุณตาเองต้องเดือดร้อน นี่คือคุณตา Wang Enlin วัย 60 ปี ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน Yushutun ตั้งอยู่บริเวณชานเมือง Qiqihar มณฑล Heylongjuang ประเทศจีน เขาประกอบอาชีพเกษตรกรรมมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งบริษัท Qihua Group ได้เข้ามาตั้งโรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสารเคมีที่บริเวณใกล้ๆ กับ ที่ดินทำกินของเขา จนทำให้เกิดมลพิษปกคลุมไปทั่ว คุณตาเล่าว่าเมื่อช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปี 2001 ขณะที่กำลังนั่งฉลองอยู่กับเพื่อนบ้านอยู่ จู่ๆ โรงงานก็ปล่อยน้ำเสียออกมาจนท่วมพื้นที่บ้าน และไร่นาของคุณตา เท่านั้นยังไม่พอ น้าเสียที่โรงงานปล่อยออกมายังท่วมไปถึงส่วนอื่นๆ ในหมู่บ้านด้วย จากรายงานของเอกสารราชการเมื่อปี 2001 ได้บันทึกเอาไว้ว่าพื้นที่การทำเกษตรของชาวบ้านจะไม่สามารถใช้ทำกิจกรรมใดๆ ได้เลย เป็นเพราะสารพิษที่ถูกปล่อยทิ้งออกมา ในช่วงปี 2001 ถึง 2016 บริษัท Qihua ยังคงทิ้งสารเคมีอันเป็นผลมาจากการทำอุตสาหกรรมอยู่ตลอด…
-
โกลาหล… ตำรวจบราซิลหยุดงานประท้วงค่าแรง จนผู้ร้ายเหิมเกริม ก่อเหตุจลาจลทั่วเมือง!!
กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเลยทีเดียว สำหรับเหตุการณ์จราจลในเมือง Victoria รัฐ Espirito Santo ประเทศบราซิลที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ Rio de Janeiro หลังจากตำรวจของเมืองได้หยุดงานประท้วงค่าแรง จนเกิดเหตุอาชญากรรมพุ่งสูงขึ้นกว่า 10 เท่า สภาพของเมืองยามปกติ ซึ่งดูงดงามไม่น้อย.. เหตุการณ์เริ่มจากตำรวจกว่า 200 นายในเมือง Victoria ไม่พอใจในค่าแรงที่พวกเขาได้รับ ก็เลยได้หยุดงานประท้วงให้กรมตำรวจเพิ่มค่าแรงกะกลางคืน และเพิ่มเบี้ยความเสี่ยงให้กับตำรวจที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยตั้งแต่ช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา ทีนี้ก็เป็นเรื่องขึ้นมา เพราะเมื่อเหล่าคนร้ายรู้ว่ามีตำรวจหยุดงานไปหลายนาย ก็เลยได้โอกาสในการออกมาก่อเหตุต่างๆ มากขึ้น จนตอนนี้ผ่านมาได้ 4 วันจำนวนเหตุฆาตกรรมเพิ่มขึ้นสูงถึง 51 ครั้งแล้ว เทียบกับในเดือนมกราคมทั้งเดือนมีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นแค่ 4 ครั้งเท่านั้น ภาพความโกลาหลที่เกิดขึ้นภายในเมือง นอกจากนี้ชาวเมืองยังได้ถ่ายภาพและคลิปเหตุอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ตำรวจหยุดงาน ไม่ว่าจะเป็นการปล้นร้านค้า หรือการทำร้ายร่างกายต่างๆ โดยในขณะนี้ โรงเรียนและสถานที่ราชการต่างๆ ได้ปิดทำการชั่วคราวแล้ว และจะเปิดทำการอีกครั้งหนึ่งเมื่อเหตุการณ์สงบลง โดยไม่มีการระบุวันหรือเวลาที่แน่นอน ล่าสุดประธานาธิบดีบราซิลได้ส่งกองกำลังกว่า 200 นายเข้าไปควบคุมสถานการณ์แล้ว รวมทั้งได้สั่งปลดหัวหน้าตำรวจชุดที่ประท้วงดังกล่าวออก และแต่งตั้งหัวหน้าหน่วยคนใหม่เข้าไปแทน ซึ่งพอภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ก็สร้างความตกตะลึงให้กับชาวโลกเป็นอย่างมาก…
-
“ร้านสะดวกซื้่อญี่ปุ่น” เริ่มสนองนโยบายรัฐ เอาพื้นที่สูบบุหรี่ออก ต้อนรับโอลิมปิค 2020
ปกติแล้วด้านหน้าของร้านสะดวกซื้อต่างๆ ทั้งในญี่ปุ่นและชาติอื่นๆ ก็จะมีที่เขี่ยบุหรี่วางไว้ข้างหน้าร้านเสมอ อาจจะเป็นเพราะว่าต้องการจัดสถานที่สูบให้เป็นที่เป็นทาง แน่นอนว่าแม้จะมีข้อดีเรื่องการสูบเป็นที่เป็นทาง มีที่เขี่ยบุหรี่ และมีถังขยะให้ทิ้ง แต่เวลาผู้คนต้องการที่จะเข้าไปก็จำเป็นจะต้องเดินผ่านเหล่าสิงห์อมควันทั้งหลาย ซึ่งมันไม่ดีต่อสุขภาพของคนทั่วไปแน่นอน ไม่นานมานี้ ในปี 2015 ทางญี่ปุ่นได้เริ่มมีการควบคุมยาสูบและขอร้องให้ร้านสะดวกซื้อต่างๆ เอาที่เขี่ยบุหรี่ออกไป หรือย้ายจุดให้ไกลออกไปจากประตูทางเข้าเพื่อช่วยลดมลพิษนั่นเอง สร้างภาพลักษณ์ในโอลิมปิคที่จะถึง… ล่าสุดหลังจากที่ญี่ปุ่นได้รับให้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิค 2020 รัฐบาลญี่ปุ่นจึงเริ่มรณรงค์ให้คนงดสูบบุหรี่เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพโอลิมปิคกันมากขึ้น หนึ่งในนโยบายนั้นก็คือการทำให้ประเทศปรับตัวเข้าหาแบบตะวันตกมากกว่าเดิม อะไรหลายๆ อย่างที่เป็นแนวๆ ญี่ปุ่นสไตล์ ก็เลยต้องทำให้ลดน้อยลงไปด้วย หนึ่งในนั้นคือวัฒนธรรมสูบบุหรี่จัดนั่นเอง และผลจากการร่วมรณรงค์จึงกลายเป็นโอกาสอันดีที่จะช่วยโน้มน้าวให้ร้านสะดวกซื้อเริ่มนำที่เขี่ยบุหรี่ออกไป ซึ่งล่าสุดตอนนี้ตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ เริ่มมีป้ายให้งดสูบบุหรี่แปะไว้ข้างหน้าร้านและใกล้กับที่เขี่ยบุหรี่แล้ว นอกจากนั้นทาง 7-Eleven ก็กำลังวางแผนที่จะนำที่เขี่ยบุหรี่ออกไป (ซึ่งปกติที่เขี่ยบุหรี่จะอยู่ใกล้กับทางเข้าร้าน) แน่นอนว่าทางร้านสะดวกซื้ออื่นๆ อย่าง Family Mart หรือ Lawson ก็เตรียมที่จะทำตามเช่นเดียวกัน เพื่อเคลียร์ให้ติดเป็นนิสัย แม้ว่าจะมีเวลาอีก 3 ปีกว่าที่โอลิมปิกจะเริ่ม การทำแบบนี้ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดี ที่จะช่วยให้คนญี่ปุ่นเลิกสูบบุหรี่รับโอลิคปิคที่จะถึง แต่ว่าการทำแบบนี้ไม่ใช่ดีแค่กับภาพลักษณ์ของประเทศ แต่มันจะส่งผลถึงคุณภาพชีวิตของคนในชาติแน่นอน ที่มา rocketnews24
-
เมื่อรัฐอาร์คันซอ อนุญาตให้ผู้ข่มขืน ฟ้องเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องการทำแท้งได้!?
ปกติแล้วคดีข่มขืนถือว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรงมากๆ และตัวเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายสามารถที่จะเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ แต่ถ้าเกิดกรณีที่ข่มขืนแล้วท้องขึ้นมาล่ะ!? กรณีข่มขืนและท้องในแต่ละประเทศก็จะมีนโยบายด้านกฎหมายต่างกัน บ้างก็ยังผิดกฎหมายด้านการทำแท้ง ทำให้เกิดการทำแท้งเถื่อนตามมา หรือบางประเทศก็จะเปิดให้ทำแท้งได้เป็นกรณีพิเศษ ล่าสุดมีรายงานว่าทางรัฐอาร์คันซอในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตั้งกฏหมายขึ้นมาใหม่ว่า ถ้าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากคดีข่มขืนต้องการที่จะทำแท้ง สามารถที่จะถูกฟ้องจากผู้ก่อเหตุคดีข่มขืนได้ ในฐานะที่เป็นพ่อของลูกคนนั้น กฏหมายตัวนี้จะถูกนำมาใช้งานในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้ โดยนาย Andy Mayberry ตัวแทนของรัฐอาร์คันซอและเป็นผู้ร่วมลงนามในกฏหมายตัวนี้ ได้บอกว่า “ถึงแม้กฏหมายตัวนี้จะอนุญาตให้ผู้ก่อเหตุคดีข่มขืนสามารถฟ้องร้องผู้เสียหายในกรณีที่จะทำแท้งได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องสิทธิทางการเงินต่างๆ เช่นกัน” Karen Musick ผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายผู้สนับสนุนการทำแท้ง ที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ก็ออกมาตอบโต้ถึงกรณีที่กฎหมายดังกล่าวกำลังจะถูกนำมาใช้งานจริง “ฉันไม่เข้าใจสักนิดเดียวว่าทำไม ผู้ก่อเหตุคดีข่มขืนที่ทำให้ผู้เคราะห์ร้ายตั้งครรภ์ โดยที่พวกเขาไม่ได้ตั้งใจหรือพร้อมที่จะมีลูก ได้รับสิทธิที่ชอบธรรมนั้นไป” กฎหมายตัวนี้ที่เรียกว่า Act.45 จะแบนการทำแท้งในระยะที่ 2 ของการตั้งครรภ์ (ช่อง 4-6 เดือน) ซึ่งกว่า 95% ของคนที่ทำแท้งจากการตั้งครรภ์โดยผิดพลาด จะใช้ช่วงนี้มากที่สุด และหากใครละเมิด ก็อาจจะโดนโทษปรับสูงถึง 350,000 บาทเลยทีเดียว กฏหมายตัวนี้จึงยังเป็นเรื่องถกเถียงกันเป็นอย่างมาก ว่าการให้สิทธิแบบนี้กับผู้ที่ก่อคดีข่มขืนเป็นเรื่องที่ถูกแล้วเหรอ? การทำแบบนี้จะช่วยลดการทำแท้งได้จริงไหม? การอนุญาตให้ทำแท้งได้เป็นเรื่องสิทธิของตัวคนที่ตั้งครรภ์หรือเปล่า? แล้วแบบนี้เพื่อนๆ คิดยังไงกันบ้างเกี่ยวกับกฏหมายตัวนี้…
-
ไอเดียเปลี่ยน “อพาร์ทเมนต์กลางลอนดอน” จากตึกเก่า ให้คุณรู้สึกถึงธรรมชาติกลางเมือง
ทุกวันนี้การจะหาพื้นที่สีเขียวลางเมืองใหญ่ๆ ในโลกแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าใครก็ต่างจับจองพื้นที่เหล่านั้นและเปลี่ยนให้เป็นตึกสูงหรือไม่ก็ที่พักอาศัยของคน ฉะนั้นผู้คนในเมืองจะต้องอดทนกับป่าคอนกรีตอันน่าเบื่อต่อไป แต่ละสุดบริษัท Airbnb เจ้าของแอปหาที่พักที่เราคุ้นเคยกันดีและ Pantone บริษัทผลิตสีชื่อดัง ได้ร่วมกันเปลี่ยนอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ ให้กลายเป็นห้องพักสีเขียว ที่เพื่อนๆ จะรู้สึกเหมือนได้อยู่กลางธรรมชาติเลยทีเดียว หากมองจากภายนอก คงจะไม่นึกว่าด้านในของพื้นที่เมืองแห่งนี้จะเต็มไปด้วยป่าสีเขียว ภายนอกของอพาร์ทเมนต์แห่งนี้อาจดูเหมือนที่อื่นๆ แต่เมื่อเปิดเข้าไปข้างใน เราจะได้พบกับห้องที่ตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์สีเขียวลายธรรมชาติ รวมทั้งมีการนำต้นไม้จริงๆ เข้ามาตกแต่งด้วย มีการตกแต่งแบบฮิปปี้ในหลายๆ ส่วนของบ้าน อ่างอาบน้ำก็เป็นธรรมชาติ ห้องนอนก็เต็มได้ด้วยต้นไม้และสีเขียว โต๊ะทานอาหารก็สวยงามแบบธรรมชาติ ลองไปชมภาพมุมต่างๆ ภายในบ้านกันเลย . . . สวยงามจริงๆ ใครสนใจก็ลองเข้าไปเยี่ยมชมหรือจองห้องพักได้ที่เว็บไซต์ airbnb ได้เลยนะฮะ ที่มา airbnb.co.uk
-
เว็บญี่ปุ่นผสมผสาน “ชุดนักเรียน” และ “ชุดว่ายน้ำ” เข้าด้วยกัน เป็นแฟชั่นที่น่าลองไหม!?
ต้องยอมรับว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอะไรแปลกๆ เจ๋งๆ ออกมาให้เราได้ชมกันอยู่บ่อยๆ ล่าสุดพวกเขาได้ปล่อยชุดว่ายน้ำแบบใหม่ออกมา ซึ่งมันคงจะไม่แปลกอะไร หากชุดว่ายน้ำตัวนี้ ไม่ได้มีแรงบันดาลใจมากจากชุดนักเรียนญี่ปุ่นสุดคาวาอิ๊ (แฮ่กๆ) อย่างที่ทราบกันดีว่านักเรียนหญิงญี่ปุ่น จะต้องสวมชุดนักเรียนที่หน้าตาคล้ายๆ กับชุดกะลาสีเรือ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ทางบริษัท Moira Design จึงจับชุดนักเรียนเหล่านั้นมารวมกับชุดว่ายน้ำซะเลย ชุดว่ายน้ำรุ่นนี้จะมีโบว์และปกเสื้อแบบกะลาสีเรือ โดยราคาแบบครบชุดรวมเสื้อกะลาสีและชุดว่ายน้ำ จะอยู่ที่ 18,000 เยน (6,300 บาท) ซึ่งถ้าใครไม่อยากได้ทั้งชุดเต็ม ท่านก็สามารถซื้อแยกได้ด้วยราคา 6,500 เยน (2,200 บาท) เป็นไง อยากได้ไปใส่ซักตัวมั้ยล่ะ นอกจากแบบสีน้ำเงินแล้วแบบสีขาวดำก็มีนำ สวยไปอีกแบบ รายละเอียดของแต่ละชุด… ใครสนใจ ก็สั่งซื้อกันได้ที่เว็บไซต์ Moira Design นะฮะ รับรองว่าชีวิตของท่านจะบันเทิงขึ้นอีกหลายเท่าอย่างแน่นอน ฮาาาาาา ที่มา rocketnews24
-
ขนลุกซู่…สาวญี่ปุ่นโชว์คอสเพลย์ตามการ์ตูนสยองของ “จุนจิ อิโต้” ทั้งหลอนและสวยงาม
วัฒนธรรมการคอสเพลย์กลายเป็นวัฒนธรรมและกิจกรรมที่ผู้คนต่างก็อยากเข้ามามีส่วนร่วมกันอยู่มากมาย บางคนเลือดที่จะแต่งตัวตามตัวการ์ตูนสาวๆ น่ารักๆ บางคนเลือกที่จะแต่งตัวเป็นซุปเปอร์ฮีโร่หรือตัวละครจากเกมดัง แต่ไม่ใช่กับเธอคนนี้… ในบทความนี้#เหมียวฟิ้นจะขอพาทุกๆ คนไปดูทวิตเตอร์ของสาวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ชื่อ @mamakiteru เธอชื่นชอบการตูนแนวสยองขวัญเป็นชีวิตจิตใจ ยิ่งเป็นการ์ตูนจากปลายปากกาของนักเขียนอย่าง จุนจิ อิโต้ เช่น ปลามรณะ, ก้นหอยมรณะ, คลังสยอง, ขวัญลงหลุม หรือ เด็กนรกโซอิจิ เธอยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ซึ่งในการ์ตูนที่ว่ามานี้จะมีลักษณะลายเส้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตัวละครจะมีสีหน้าตื่นตระหนกบ้าง มีเลือดไหล ตาโตผิดปกติ หรือรอยยิ้มชวนหลอน และด้วยความชอบ เธอจึงพยายามแต่งคอสเพลย์ (ผสมกับโฟโต้ช็อป) ให้ตัวเองดูเหมือนตัวละครหลอนๆ เหล่านั้น ก่อนจะทำท่าทางให้เหมือนตัวการ์ตูนพวกนั้นมากที่สุด จนถึงตอนนี้ @mamakiteru ก็ยังไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้คนในโลกออนไลน์รู้ แต่เธอยังคงแต่คอสเพลย์ตามตัวการ์ตูนของ จุนจิ อิโต้ อยู่ตลอด ครั้งหนึ่งเว็บไซต์ Inverse ได้เคยพยายามติดต่อสัมภาษณ์เธอผ่านทวิตเตอร์ เธอบอกว่าสำหรับเธอแล้ว จุนจิ อิโต้ ถือเป็น “คุณครู” เลยก็ว่าได้ @mamakiteru เริ่มแต่งคอสเพลย์มาตั้งแต่ปี 2015 เรื่อยมาจนถึงตอนนี้ มันเป็นงานอดิเรกที่เธอชอบมากอย่างหนึ่ง ปัจจุบันเธอมีผู้ติดตามมากถึง 2…
-
เมื่อคนนิวยอร์กเห็น “สวัสดิกะ” และ “คำเหยียดยิว” บนรถไฟใต้ดิน ต้องร่วมมือจัดการแล้ว!!
เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ เกิดขึ้นบนรถไฟขบวนหนึ่งของระบบรถไฟใต้ดินนิวยอร์ก ซึ่งเราต่างก็รู้กันว่าเป็นระบบรถไฟใต้ดินที่ทั้งเก่าแก่และซับซ้อนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และแน่นอน… มีคนมากหน้าหลายตามาใช้บริการขนส่งมวลชนในลักษณะนี้ ทำให้เราเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ว่าใครเป็นคนดี คนไม่ดี หรือมีมิจฉาชีพและคนคิดร้ายแฝงมาหรือไม่!? ล่าสุดก็ดันบังเอิญมีคนไปเห็นสัญลักษณ์สวัสดิกะ พร้อมคำพูดในเชิงเหยียดชาวยิวถูกเขียนอยู่บนรถไฟใต้ดิน พวกเขาเลยรู้สึกว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง แทนที่จะนั่งเฉยๆ แล้ว ภาพข้อความที่เขาพบ.. เจ้าของภาพเล่าโดยระบุว่า… “ในเช้าวันหนึ่ง ผมเจอสัญลักษณะสวัสดิกะ และข้อความที่เขียนว่า “คนยิวควรอยู่ในเตาอบซะ” บนป้ายโฆษณาและหน้าต่างของขบวน ทุกคนในรถไฟต่างก็เห็นมัน แต่ก็ได้แต่นั่งนิ่งและมองหน้ากันไปมา หลายๆ คนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี” “จนกระทั่งมีคนหนึ่งยืนขึ้นแล้วบอกว่า ใช้เจลล้างมือไม่ได้หรอก ต้องใช้แอลกอฮอล์ลบมัน ผมพอจะมีทิชชูอยู่นะ รีบช่วยกันเคลียร์ข้อความเอี้ยๆ ออกไปเถอะ” (ต้นฉบับใช้คำว่า Shit) “หลังจากนั้นก็เป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็น ทุกคนต่างพากันล้วงกระเป๋าหาทิชชูและแอลกอฮอล์ โชคดีที่มีคนพกมาด้วย พวกเขาเหล่านั้นก็เลยช่วยกันลบมันออก ภายใน 2 นาทีมันก็ถูกลบออกจนหมดทั้งตู้โดยสารเลย” หลังจากเขาโพสต์เรื่องนี้เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็ถูกแชร์ผ่านเฟซบุ๊คไปกว่า 100,000 ครั้ง แสดงถึงการที่ชาวเน็ตเห็นด้วยกับการกระทำที่ลบการเหยียดนี้ออกไปได้เช่นกัน นอกจากนี้ เมืองนิวยอร์กยังเป็นอีกสถานที่ซึ่งแม้จะได้ชื่อว่ามีอาชญากรรมอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ได้รับเรียกว่าเป็นเมืองแห่งความหลากหลายมากที่สุด เพราะเป็นที่รวมของผู้คนมากหน้าหลายตาจากแทบทุกที่บนโลก เคยมีคำกล่าวว่าคุณสามารเจอคนทุกประเทศได้ในวันเดียวที่นิวยอร์ก ซิตี้…
-
นักวิทย์ฯ อธิบายการทำงานของสมอง ว่าทำไมเราถึงชอบ “ความน่ารัก” ของสัตว์และเด็ก?
หากจะถามว่าทำไมคนเราถึงชอบอะไรที่มันน่ารักๆ ถ้าตอบแบบกวนๆ ก็คือ “ก็เพราะมันน่ารักยังไงล่ะ” เออ ก็มันน่ารักอ่ะ จะเอาอะไรอีก!? แต่ความจริงแล้วมันมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เรื่องความน่ารัก รวมไปถึงรูปแบบสัตว์ต่างๆ ที่สมองเราจะทำให้รู้สึกว่าน่ารักหรือไม่น่ารักด้วยนะ ทำไมเราถึงชอบความน่ารัก? นักชีววิทยา Konrad Lorenz ได้ทำการศึกษาเรื่อง “kinderschema” (รูปแบบของเด็ก) แล้วพบคุณลักษณะเด่นๆ ของเด็กที่เราจะบอกได้ว่าเด็กคนนั้นน่ารักหรือไม่ เช่น หน้าผากใหญ่ ตาโต หน้ากลม หัวใหญ่เมื่อเทียบกับสัดส่วนของร่างกาย รูปร่างโดยรวมกลมๆ และมีผิวสัมผัสที่นุ่มนิ่ม รูปแบบที่ว่านี้ยังสามารถใช้กับลูกสุนัขได้ด้วย โดยมนุษย์จะพิจารณาสิ่งเหล่านี้อยู่ในสมองแบบอัตโนมัติแม้ว่าเราจะไม่ทันรู้ตัวก็ตามว่าเรากำลังพิจารณาสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่าน่ารักหรือเปล่า หากมองกันตามจริงแล้ว มนุษย์ถือเป็นสัตว์ที่โตช้ากว่าสัตว์สายพันธุ์อื่นๆ อยู่มาก นั่นก็เพื่อเป็นการกระตุ้นให้มนุษย์ที่แก่กว่า (พ่อแม่) เกิดความ “อยากดูแล” หรือ “อยากเลี้ยงดู” นานขึ้นนั่นเอง สัญชาตญาณในการดูแลของมนุษย์จะควบคุมให้เราต้องดูแลทะนุถนอมสิ่งใดก็ตามที่มีหน้าตาคล้ายกับเด็ก รวมไปถึงสิ่งที่ไม่มีชีวิตแต่มีความ ‘น่ารัก’ ด้วย เมื่อมนุษย์ได้เห็นภาพน่ารักๆ สมอง 2 ส่วนของเราจะทำงาน ส่วนแรก Nucleus Accumbens ในส่วนนี้จะปล่อยสารเคมีที่ชื่อโดปามีนออกมา มันคือสารเคมีที่กระตุ้นให้เราไวต่อความรู้สึกหรือกระฉับกระเฉง ส่วนที่สอง Orbitofrontal Cortex บริเวณนี้เป็นสมองส่วนที่รับผิดชอบเรื่องการตัดสินใจ มันจะทำงานโดยอัตโนมัติ…
-
ชม “มอเตอร์ไซค์คันใหม่ของแดริล” จากซีรี่ส์ The Walking Dead สวยคลาสสิคสะดุดตา
[บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาเล็กน้อย] ถ้าใครที่ติดตามดูซีรี่ส์ The Walking Dead มา คุณก็คงจะเกิดความรู้สึกอยากเอาใจช่วยตัวละครในเรื่องให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกซอมบี้ (หรือพวกมนุษย์) อย่างแน่นอน การจะรอดพ้นภัยอันตรายทั้งหลายได้ก็ต้องอาศัยยานพาหนะที่รวดเร็ว ซึ่งตัวละครที่ขับขี่ยานพาหนะแบบนั้นในเรื่องก็มีไม่กี่คน และหนึ่งในนั้นคือแดริล ดิกสัน (Norman Reedus) แดริลถือเป็นตัวละครที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ได้เท่ที่สุดตัวหนึ่งในโลกของซีรี่ย์เลยก็ว่าได้ จากเนื้อเรื่องในตอนล่าสุดคุณจะเห็นว่าแดริลนั้นสามารถหนีออกมาจากที่มั่นของนีแกนได้สำเร็จแล้ว แถมยังได้มอเตอร์ไซค์คู่ใจคันใหม่ออกมาด้วย ในบทความนี้ #เหมียวฟิ้น ก็เลยจะพาคุณไปรู้จักกับเจ้ามอเตอร์ไซค์ที่ว่านี้กัน มอเตอร์ไซค์คันนี้ถูกออกแบบโดยสำนักแต่ง Classified Moto โดยใช้พื้นฐานจากรถ Honda CB750 Nighthawk แรกเริ่มเดิมทีทางทีมงานได้ว่าจ้างให้สำนักแต่งออกแบบรถคันใหม่ให้กับ Norman เนื่องจากเขาเพิ่งสูญเสียช็อปเปอร์สุดรักไป ทีมออกแบบมอเตอร์ไซค์จึงพยายามเอา Honda CB750 มายำด้วยการเปลี่ยนล้อ เปลี่ยนท่อ เปลี่ยนโช๊ค ทำสีใหม่ ให้คล้ายสนิม ดูเหมือนเป็นมอเตอร์ไซค์เก่าที่ยังถูกใช้งานจริงๆ หลังโลกที่มีซอมบี้ระบาด จนมันก็ออกมาเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เราเห็นอยู่ในซีรี่ย์นี่แหละ สเป็คเครื่อง แบบรถและเครื่องยนต์: 1992 Honda CB750 Nighthawk ล้อหน้า: Yamaha YZF-R6 ล้อหลัง:…
-
ชาวบ้านหงุดหงิดถึงขั้นทุบ “รถสีเหลือง” ของคนในหมู่บ้าน เพราะขัดกับทิวทัศน์โดยรอบ!?
เมื่อราวๆ ต้นปี 2015 เราได้เคยนำเสนอข่าวเกี่ยวกับคุณตาคนหนึ่งที่ชื่อว่า Peter Maddox อดีตทันตแพทย์วัย 82 ปี ที่อาศัยอยู่ในเมืองน่ารักๆ ที่ชื่อ Arlington Row ประเทศอังกฤษ แต่ปัญหาก็มาเยือนเขาแบบงงๆ เพราะคุณตาดันขับรถยี่ห้อ Vauxhall รุ่น Corsa สีเหลืองเปลือกกล้วย ซึ่งดูขัดกับสภาพหมู่บ้านเก่าๆ เป็นอย่างมาก จนทำให้คนในหมู่บ้านถึงกับไม่พอใจอย่างหนักและเรียกรถคันนั้นว่า “รถที่น่าเกลียดที่สุด” เลยทีเดียว (อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่เลย) แม้ว่าจะถูกชาวบ้านวิจารณ์ไปต่างๆ นานา แต่เขาก็ยังคงจอดรถสีเหลืองคันนั้นไว้ด้านนอกต่อไป ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้กลับมาอัพเดทเกี่ยวกับชะตากรรมของคุณตา Peter กับรถสีเหลือเจ้าปัญหาของเขาอีกครั้งหนึ่ง ตามรายงานบอกว่าล่าสุดรถคันดังกล่าวได้ถูกชาวบ้านในหมู่บ้านทุบทำลายไปแล้วเรียบร้อย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลยก็ตาม (เพราะซื้อรถสีเหลือง) ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถนั้นมีตั้งแต่รอยขีดข่วนเล็กๆ ไปจนถึงรอยขนาดใหญ่ มีการทุบกระจกรอบคัน เมื่อคุณตา Peter มาเห็นเข้าก็ถึงกับตกใจจนต้องนำไปซ่อมที่ร้าน เมื่อตีราคาซ่อมแล้วเป็นมูลค่ากว่า 262,430 บาททีเดียว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คุณตา Peter เกิดความไม่พอใจอย่างมาก และสาบานว่าจะซื้อรถคันใหม่เป็นสีเขียวมะนาวมาแทนคันที่เพิ่งพังไป เพื่อก่อสงครามประสาท ด้าน…
-
ภาพพิธีจบการศึกษาจาก “มหาวิทยาลัยเกียวโต” แต่งคอสเพลย์ประชันกันสุดเหวี่ยง!!
ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมาอาจจะมีบางคนได้เห็นข่าวคราว เกี่ยวกับกรณีที่มีนักศึกษาสาวใส่ชุดครุยถ่ายแบบ จนทำให้มีชาวเน็ตบางรายไม่พอใจหยิบยกไปวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสม หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้ชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นกันไปหลากหลายแบบ บางคนมองว่าเป็นการถ่ายภาพนอกรอบที่ไม่ต้องแต่งตามระเบียบอะไรมาก แต่บางคนก็มองว่ามันคือ “ชุดครุย” จึงควรแต่งตัวให้ถูกระเบียบ ด้วยเหตุนี้เอง#เหมียวฟิ้นก็เลยแอบสงสัยว่าในประเทศอื่นๆ เขาให้ความสำคัญกับเครื่องแต่งกายหรือพิธีการเหมือนกับบ้านเราหรือเปล่า? ล่าสุดเราได้ไปเจอกับภาพที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ Sensekyoto.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ในการโปรโมทของมหาวิทยาลัยเกียวโต จากประเทศญี่ปุ่น ชุดภาพที่ว่านี้เป็นภาพถ่ายจากพิธีจบการศึกษาของมหาลัยเกียวโตในปี 2016 ที่เหล่านักศึกษาจะพากันแต่งชุดคอสเพลย์แบบหลุดโลกเพื่อมาประชันกันในวันจบการศึกษา อย่างกับเป็นงานปล่อยของยังไงยังงั้นเลยทีเดียว เจ้าหญิงโมะโนะโนะเกะฮิเมะ มาคนเดียวไม่พอ ต้องมาเป็นบอยแบนด์ กล้วยเหรอ? เอ็กโซเดีย รถบัสแมว สนามกีฬาโอลิมปิก 2020!? สัญลักษณ์โอลิมปิก รายการทีวีในตำนาน แต่งเป็นรถโฟล์คสีเหลือง กอริลล่า หมีพูห์เวอร์ชั่นทุนน้อย เมื่อมาร์เวลและดีซีจับมือกัน ทรัมป์ก็มา พีระมิด ตัวไรหว่า? ฮาชิ? นั่นฮาชิใช่ไหม?…
-
คุณเกลียดเสียงเคี้ยวอาหารของคนอื่นบ้างหรือเปล่า? ถ้าใช่แปลว่าคุณมีปัญหาด้านสมองอยู่
เมื่อคุณได้ยินเสียงเคี้ยวอาหาร “แจ๊บๆๆ” จากคนรอบข้าง แล้วเกิดความรู้สึกรำคาญ นั่นถือเป็นเรื่องปกติมากๆ นะ แต่ถ้าคุณรู้สึกรำคาญจนทนไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะเคี้ยวเบาลงแล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องเช็คตัวเองหน่อยแล้วล่ะ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณที่บอกคุณว่าคุณมีอาการผิดปกติทางสมอง อาการที่#เหมียวฟิ้นพูดถึงอยู่นี้มันมีชื่อเรียกว่า Misophonia เป็นความผิดปกติทางสมอง มันถูกค้นพบเมื่อราวๆ ปี 2001 เป็นอาการผิดปกติทางสมองที่มักพบได้ในวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความรำคาญเสียงรอบๆ ตัวเช่นเสียงเคี้ยวอาหาร หายใจ หรือเสียงกดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์หรือกดปาก บุคคลที่มีอาการนี้จะเกิดความรำคาญ รู้สึกหงุดหงิดหรือขยะแขยง นอกจากนี้ยังค้นพบว่าคนที่มีประสบการณ์กับอาการ Misophonia มีอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นและมีเหงื่อออกมากกว่าปกติ เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับเสียงเหล่านั้นด้วย Olana Tansley-Hancock วัย 29 ปี จากเมืองแอชฟอร์ด รัฐเคนท์ คือหนึ่งในคนที่มีอาการป่วยแบบที่เรากล่าวมา ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เธออายุได้ 8 ขวบ เธอเริ่มมีความรู้สึกรำคาญกับเสียงการรับประทานอาหารของครอบครัวเธอมาก “เสียงน่ารำคาญระหว่างที่ครอบครัวของฉันกำลังกินข้าว มันทำให้ฉันทนไม่ได้จนต้องกลับเข้าไปอยู่ในห้องนอนของตัวเองเพื่อกินอาหารคนเดียวเงียบๆ ฉันบอกได้แค่เพียงว่ามันเป็นความรู้สึกที่โมโหจนอยากจะต่อยหน้าใครสักคน” Olana กล่าว หลังจากที่ต้องทนกับอาการที่คนอื่นมองว่าแปลกมานาน เธอก็เริ่มศึกษาค้นคว้าเพื่อให้เข้าใจถึงอาการ Misophonia เธอจึงเปลี่ยนวิถีชีวิตเสียใหม่ เธอลดคาเฟอีนและแอลกอฮอล และใช้ที่ครอบหูเพื่อกันเสียงน่ารำคาญออกไป ในปัจจุบันยังคงไม่มีทางรักษาให้หายขาด แต่ก็พอจะบรรเทาอาการได้ด้วยการไปขอคำปรึกษาจากแพทย์ หรือขอคำแนะนำจากคนที่มีอาการเดียวกันนี้ หรือสะกดจิตในรูปแบบต่างๆ…
-
ประติมากรรม ‘มือบีบต้นไม้’ ที่บีบมานานตั้งแต่ปี 1968 จนถึงตอนนี้มันก็ยังบีบได้อยู่!!
ทุกวันนี้โลกของเรามีงานศิลปะมากมายหลายแขนง และหนึ่งในสายศิลปะที่ทำให้หลายคนทึ่งอยู่เสมอก็คือประติมากรรมตามสถานที่ต่างๆ และในคราวนี้ก็เป็นในส่วนของประติมากรรมมือสัมฤทธิ์ที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติมานานถึง 49 ปีแล้ว ผลงานชิ้นนี้เป็นของศิลปินชาวอิตาลี Giuseppe Penone กับมือสัมฤทธิ์สุดแข็งแกร่งในลักษณะกำลังบีบต้นไม้อยู่ เริ่มติดตั้งผลงานมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1968 จนกระทั่งมาจนถึงปัจจุบัน มันก็ยังคงอยู่อย่างนั้น ไม่มีการขยับไปไหน แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมานานแล้วก็ตาม ผลงานที่ถูกติดตั้งไว้ในอดีต . Continuerà a crescere tranne che in quel punto (มันยังคงเติบโตต่อไปยกเว้นในส่วนที่เหลือนี้) คือชื่อผลงานประติมากรรมชิ้นดังกล่าว เป็นการสร้างสรรค์ชิ้นงานขึ้นมาจากแขนของศิลปินเอง นำมาติดตั้งไว้กับต้นไม้ตั้งแต่ยังเป็นต้นอ่อนอยู่ วันเวลาผ่านไป ต้นไม้ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เหมือนดั่งเช่นมือบีบต้นไม้ที่บีบแน่นเข้าไปทุกที . จนมาถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่า ต้นไม้ต้นดังกล่าวจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างในระยะยาวต่อจากนี้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือภาพที่เห็นนั้นสามารถสะท้อนบางสิ่งบางอย่างในการกระทำของมนุษย์ที่มีต่อธรรมชาติได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว ที่มา : juxtapoz, demilked, boredpanda
-
ถึงกับเซ็ง!! แท็กซี่โดนปรับข้อหาขับเร็วเกิน ณ จุดๆ เดิมทั้งสิ้น 14 ครั้งตลอดระยะ 2 เดือน
ในเรื่องของการจับผู้กระทำกฎจราจรในปัจจุบัน จะไม่ค่อยเห็นนายตำรวจมายืนสังเกตข้างถนนแล้ว แต่สำหรับในบางประเทศวิธีการแบบนี้ก็ยังคงมีอยู่ ทั้งตั้งด่านเป็นกิจลักษณะ รวมทั้งไปแอบยืนหลังเสาไฟฟ้าแล้วโผล่ออกมาจ๊ะเอ๋ด้วย ฮร่า ซึ่งถ้าหากว่าเรารู้ว่าจุดไหนเป็นจุดที่เราพลาดพลั้งไปแล้ว ก็จะมีความระมัดระวังมากขึ้น ไม่อยากจะกระผิดซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง แต่สำหรับที่ประเทศอังกฤษ กรณีนี้เกิดขึ้นกับหนุ่มใหญ่วัย 41 ปี Steven Holman ทำอาชีพเป็นคนขับแท็กซี่ ต้องยุติบทบาทหน้าที่ของตัวเองลง เนื่องจากเขากระทำผิดในข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากำหนดที่ไม่ใช่แค่ 1 หรือ 2 ครั้ง แต่มากถึง 14 ครั้งใน 2 เดือน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีประวัติเสียแม้แต่ครั้งเดียวตลอดระยะเวลาที่ทำอาชีพคนขับแท็กซี่มา 10 ปี ซึ่งทุกอย่างก็หายวับไปกับสายลมเพียงเพราะกล้องตรวจจับความเร็วเพียงแค่ตัวเดียว กล้องตรวจจับความเร็วคู่กรณีของ Holman กล้องตัวดังกล่าวติดตั้งในบริเวณข้างถนนของเมือง Plymouth, Devon ที่เคยเป็นไฟจราจรมาก่อน จนกระทั่งกลายมาเป็นกล้องตรวจจับความเร็วเมื่อปีที่แล้ว แต่ทว่าไม่มีการติดป้ายหรือคำเตือนบนถนนให้ผู้ขับขี่ได้เห็นอย่างชัดเจน ว่ามีกล้องคอยตรวจจับอยู่ ซึ่งในระหว่างนั้น Holman ก็ถูกกล้องจับได้ว่าขับเร็วเกินกว่า 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นจำนวน 9 ครั้งในช่วง 2 สิงหาคมถึง…
-
คลิปหมอเอา “แมลงสาบ” ออกจากกะโหลกของหญิงสาว หลังเธอรู้สึกมีอะไรไต่ตลอดเวลา
บอกก่อนเลยว่าใครที่กลัวแมลงสาบ อาจจะรับกับข่าวนี้ไม่ได้ เพราะว่ามีภาพที่น่าสยดสยองมากๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา… ตามรายงานจากทาง Indian Express ระบุว่าหญิงสาววัย 42 ปีจากประเทศอินเดียได้ไปหาหมอ เพราะว่าเธอรู้สึกเหมือนมีอะไรไต่อยู่ในหัวตลอดเวลา พอตรวจดูแล้วก็พบว่านั่นคือ “แมลงสาบ” อยู่ในหัวของเธอเอง โดยมันอาศัยอยู่ในส่วนระหว่างดวงตาอีกด้วย ฟังแค่นี้ก็ขนลุกแล้ว คุณหมอ Shankar ยังบอกอีกว่านั่นเป็นแมลงสาบที่โตเต็มวัย ที่เดินไปเดินมาอยู่ในหัวของเธอ โชคดีที่เธอเข้ามาตรวจที่ศูนย์ Stanley Medical College เสียก่อน โดยที่ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้มันคงจะอัตรายมากๆ คุณหมอเล่าว่าแมลงสาบตัวนี้อาจจะเข้าไปในโพรงจมูกของเธอ ก่อนที่จะติดอยู่ข้างในเป็นเวลากว่า 12 ชั่วโมง และสุดท้ายคุณหมอก็เอามันออกมาได้สำเร็จ “ถ้ามันไม่ได้ถูกนำออกมา มันก็จะตายก่อน และผู้ป่วยก็จะติดเชื้อ ซึ่งเชื้อนั้นอาจจะแพร่ไปสู่สมองของเธอได้ด้วย” คุณหมอกล่าวถึงเคสนี้ คุณหมอใช้เวลากว่า 45 นาทีในการเอามันออกมา ซึ่งตอนนั้นดูเหมือนแมลงสบายจะไม่อยากออกมาเท่าไหร่ แถมคุณหมอที่ช่วยกันทำการรักษาไม่เคยเจอเคสอะไรแบบนี้มาก่อน อีกทั้งแมลงสาบที่เอาออกมามันตัวใหญ่มากๆ อีกด้วย ถ้าใครใจถึง ก็ไปชมคลิปการเอาแมลงสาบออกจากหัวของเธอได้เลย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นได้น้อยและหายากมากๆ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นมาจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่พบอะไรผิดปกติเกี่ยวกับตัวเรา แนะนำให้รีบไปพบแพทย์แต่โดยเร็วจะดีที่สุด เพราะบางทีเรื่องอาจจะจบไม่สวยแบบนี้…
-
กลุ่มสาวๆ เซลฟี่อยู่ เจอคุณยายพลัดหลงกับสามี ชวนมาเข้าแก๊งชะนีวัยรุ่นซะเลย!!
เป็นปกติในยุคนี้ที่เวลาสาวๆ ออกไปเที่ยวที่ไหนก็อดใจไม่ไหวที่จะต้องหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปเซลฟี่ ซึ่งสถานที่ยอดฮิตก็คงจะหนีไม่พ้นในห้องน้ำนั่นเอง Mahri Smith สาวสวยวัย 18 ปี ออกไปเที่ยวกับเพื่อนของเธอใกล้ๆ กับคาสิโนแห่งหนึ่งในเมืองออตตาวา ประเทศแคนาดา โดยเธอได้แวะเข้าห้องน้ำและแน่นอนเธอก็ไม่ลืมที่จะเซลฟี่ตามปกติที่เคยทำ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ ก็มีคุณยายท่านหนึ่งเดินเข้ามาและขออาสาเป็นคนถ่ายรูปให้เธอกับกลุ่มเพื่อนๆ จึงทำให้เธอประหลาดใจอย่างมาก โดยเธอได้เล่าว่า “คุณยายคนนั้นเข้ามาพูดและชมฉัน เหมือนกับว่าเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน แถมเธอยังบอกว่า เธอคิดถึงสมัยก่อนตอนที่เธอยังอายุใกล้ๆ กับฉันว่า เมื่อก่อนเธอก็จะแต่งตัวและออกไปเที่ยวกับแฟนหนุ่มบ่อยๆ เธอคิดถึงความรู้สึกแบบนั้น” นี้ก็เป็นภาพที่เธอทวิต ภาพถ่ายเซลฟี่ด้วยกันกับคุณยายในห้องน้ำแห่งนั้น เธอไม่ได้ให้คุณยายถ่ายให้ แต่ชวนคุณยายมาเข้าแก๊งชะนีด้วยกันซะเลย สุดท้ายคุณยายคนนั้นก็กลับเข้าไปในคาสิโน เพื่อตามหาสามีและกลุ่มเพื่อนของเธอที่มาด้วยกัน Mahri ได้บอกทิ้งท้ายไว้ว่า “มันเป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ แถมคุณยายแกก็ดูจะเป็นคนที่นิสัยดีมากๆ เลยด้วย” แต่ช่างน่าเศร้า ที่เธอไม่ได้ถามชื่อของคุณยายคนนั้นไว้ทำให้มิตรภาพครั้งนี้ต้องจบลงตรงนั้นนั่นเอง และหลังจากที่เธอทวิตออกไปก็ดูเหมือนว่า เหตุการณ์นี้จะโดนใจใครหลายๆ คนเลยทีเดียว มีคนกดถูกใจอย่างล้นหลาม มีการรีทวีตภาพไปเกือบ 80,000 ครั้ง และกดถูกใจอีกเกือบ 300,000 ครั้งด้วย ตามภาพ คุณยายแกก็ดูจะมีความสุขจริงๆ นั่นและ ที่ได้คุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกกับสาวๆ อย่างน้อยก็คงทำให้เธอได้รู้สึกกลับไปเป็นสาวอีกครั้ง…
-
นี่คือชั่วโมงพละของเด็กนักเรียนแคนาดา ออกกำลังกายแบบล้ำๆ เหมือนเรียนในโลกอนาคต
ถ้าจะพูดถึงวิชาพละ เราอาจจะนึกถึงภาพเด็กนักเรียนออกไปเล่นกีฬา วิ่งจับกัน ออกกำลังกาย หรือไม่ก็รำกระบี่กระบอง แต่สำหรับเด็กๆ ในโรงเรียนแห่งหนึ่งของประเทศแคนาดา ดูเหมือนว่าภาพของชั่วโมงพละของพวกเขาจะต่างจากเมืองไทยไปแล้ว ภาพชั่วโมงพละที่เราคุ้นตา… โรงเรียนประถม St-Jean-Berchmans แห่งนี้อยู่ในเมืองควิเบก ซึ่งร่วมมือกับบริษัท SAGA บริษัทด้านเทคโนโลยีของแคนาดา พัฒนาโปรเจ็ค Interactive Gym ขึ้นมา โปรเจ็คนี้เป็นการผสมผสานระหว่างรูปแบบของวิชาพละแบบเดิมที่ให้เด็กออกกำลังกาย และใส่เทคโนโลยีแบบ AR เข้าไป เปลี่ยนกำแพงให้กลายเป็นการเล่นเกมสุดมันส์ ถ้าใครยังไม่เข้าใจรูปแบบ อยากให้ลองดูคลิปวิดีโอนี้กันก่อน เป็นการถ่ายการเล่นเก็บคะแนนของเหล่าเด็กๆ ที่จะต้องแข่งปาลูกบอลไปทำแต้มบนผนัง เพื่อเก็บคะแนนว่าใครหรือทีมไหนจะทำคะแนนได้มากที่สุด คลิปการแข่งปาบอล AR ในชั่วโมงพละศึกษา คุณ Vincent Routhier ซีอีโอของทางบริษัทระบุว่า “เราใช้กล้อง 3 มิติเพื่อตรวจจับปฏิสัมพันธ์ของผนังและพื้น จากนั้นก็ใส่เกมลงไป ผสมสานกับแสง สี เสียง เอฟเฟคต์ต่างๆ ให้เด็กๆ ได้เล่น” จากการให้สัมภาษณ์ของเขา ระบุว่าโปรเจ็คนี้เป็นการผสมผสานการเรียนในยิม เข้ากับการเรียนรู้ในสนามเด็กเล่น ซึ่งดูเหมือนว่าจะสำเร็จได้อย่างดีซะด้วย …
-
นักเรียนญี่ปุ่นไอเดียแหวก แปลทวิตเตอร์ Donald Trump เพื่อเรียนภาษาอังกฤษและสังคม
การเปลี่ยนผ่านอำนาจจาก Barack Obama มาสู่ Donald Trump ดูจะเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจมาก เพราะทุกๆ การตัดสินใจของสหรัฐจะส่งผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไปยังประเทศต่างๆ รอบโลก ฉะนั้นนักข่าวและผู้คนทั่วโลกจึงต้องจับตามองทุกๆ ความเคลื่อนไหวของ Trump ว่ากำลังคิดหรือเตรียมจะตัดสินใจเรื่องใดต่อไป โดยเฉพาะทางทวิตเตอร์ @realDonaldTrump ที่เขามักจะทวีตความคิดของตัวเองออกมา แต่คนที่ติดตาม Trump เองใช่ว่าจะมีแต่คอการเมืองเท่านั้น คนที่สนใจเรื่องการศึกษาและภาษาอังกฤษก็ติดตามเขาอยู่เหมือนกันนะ บางคนอาจงงว่าติดตามดูประธานาธิปดีแล้วจะได้การศึกษายังไง? งั้นเรามาดูข่าวนี้กัน เมื่อไม่นานมานี้เราได้ไปเจอเข้ากับทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @DonaldTrumpJPN เป็นทวิตเตอร์ที่จะหยิบเอาข้อความต่างๆ จาก @realDonaldTrump มาแปลจากอังกฤษเป็นญี่ปุ่น เพื่อช่วยให้คนญี่ปุ่นสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษและเข้าใจสิ่งที่ผู้นำสหรัฐผู้นี้ทวีตออกมานั่นเอง ทวิตเตอร์ @DonaldTrumpJPN ถูกสร้างขึ้นมาด้วยสโลแกนว่า Make English-learning Great Again (ทำให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษกลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง) ซึ่งเป็นการล้อข้อความของ Trump ตอนหาเสียง Make America Great Again (ทำให้อเมริกากลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง) เพราะอย่างที่รู้กันว่าชาวญี่ปุ่นนั้นไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ การสื่อสารส่วนใหญ่จึงมีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น การสร้างทวิตเตอร์นี้จึงเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดีทางหนึ่งเลย บัญชีทวิตเตอร์นี้ดำเนินการโดยแอดมินที่ใช้นามแฝงว่า K・T-san วัย 17 ปี เขาจะแปลทุกๆ ข้อความที่ Trump ทวีตออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อให้คนเข้าใจ ปัจจุบันทวิตเตอร์ @DonaldTrumpJPN มีผู้ติดตามแล้วกว่า…
-
“เฉินหลง” หลั่งน้ำตา หลังได้พบทีมสตั๊นท์แมนที่ทำงานเสี่ยงตายให้เขามานาน ในรอบ 10 ปี
#เหมียวฟิ้นคิดว่าคงจะมีน้อยคนมากๆ ที่ไม่รู้จักชื่อเสียงและความโด่งดังของ “เฉินหลง” นักแสดงชาวฮ่องกงที่แสดงหนังเสี่ยงตายมาแล้วเป็นร้อยๆ เรื่อง แต่ใครจะรู้บ้างว่าเบื้องหลังความสำเร็จของฉากเสี่ยงตายเหล่านั้น ยังมีทีมสตั๊นท์แมนที่คอยแสดงแทนเขามามากมายไม่รู้กี่ชีวิต? เรื่องราวที่เราหยิบมานำเสนอในวันนี้ มาจากส่วนหนึ่งของรายการ 王牌对王牌 (หวังไผตุ้ยหวังไผ) ที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา โดยทางรายการได้เชิญเฉินหลงมาออกรายการแล้วเปิดคลิปวิดีโอตัวหนึ่งให้เขาได้ดู โดยในวิดีโอนั้นเป็นการนำเสนอภาพของเหล่าสตั๊นแมนหลายชีวิต ที่เคยร่วมงานกับเฉินหลงในสมัยก่อน ซึ่งตัวเฉินหลงเองก็ไม่เคยได้เจอกับพวกเขาบางคนมานานนับ 10 ปีแล้ว นักแสดงสตั๊นกลุ่มนี้มีชื่อว่า JC Stunt Team ได้ออกมากล่าวถึงการทำงานกับเฉินหลงตั้งแต่ก่อนที่จะโด่งดังแบบทุกวันนี้ บางคนมีครอบครัวแล้วแต่ก็ต้องแสดงฉากสุดอันตรายไปด้วย จนทำให้ทางครอบครัวเป็นกังวลใจเหมือนกันว่าบางทีอาจจะกลับบ้านมาในร่างอันไร้วิญญาณก็เป็นได้ แต่พวกเขาก็ยังคงแสดงหนังกับเฉินหลงต่อไปด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า เฉินหลงเป็นที่รักของทีมงานมาก เขาทั้งแบ่งเงินค่าจ้างตัวเองให้กับเพื่อนร่วมงาน จ่ายเงินค่าเช่าหรือซื้อรถให้ ซึ่งพวกเขาทั้งหมดซาบซึ้งในน้ำใจและโอกาสที่พี่ชายคนนี้หยิบยื่นให้มาก บางคนบอกว่าหากคุณจะเข้ารวมกับ JC Stunt Team คุณจะต้องเป็นคนที่มีจิตใจเมตตา ไม่อย่างงั้นเฉินหลงจะไม่ให้คุณเข้าร่วมทีม ถ้าคุณขาดความจงรักภักดีหรือความกตัญคุณก็จะถูกไล่ออก ทีมงานทั้งหมดไม่ได้เจอหน้าพี่ชายที่ชื่อว่าเฉินหลงมานานนับสิบปีแล้ว อาจเป็นเพราะหน้าที่การงานที่ทำให้พวกเขาไม่ได้เจอกันง่ายๆ และพวกเขาก็คิดถึงพี่ชายคนนี้มากๆ “ผมชื่อหวัง เหยา ผมอยู่กับพี่เฉินหลงมาตั้งแต่ก่อตั้งทีมสตั๊นเมื่อปี 1977 ผมเป็นสมาชิกรุ่นแรกของ JC…
-
โรงงานจีนโละคนงาน 90% ใช้หุ่นยนต์แทน พบยอดผลิตเพิ่ม 2.5 เท่า แถมงานมีตำหนิน้อยลง 80%
โลกของหุ่นยนต์ อาจจะกำลังใกล้เข้ามากว่าที่เราคาดคิด… รายงานข่าวจากเว็บไซต์ ZmeScience เปิดเผยข้อมูลว่าโรงงานแห่งหนึ่งในเมืองดองกวน ประเทศจีน ลองเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์เข้ามาแทนคน และพบว่ามันได้ผลในทางบวกมากกว่าที่คาดคิด แม้เราจะรู้กันว่าโลกในอนาคต เทคโนโลยีและหุ่นยนต์จะเข้ามามีบทบาทมากกว่าเดิม แต่เราหลายๆ คนอาจจะยังไม่ทันเตรียมรับมือว่าโลกในรูปแบบนั้น กำลังจะมาถึงเร็วกว่าที่เราคาดคิดไว้ก็ได้ บริษัท Changying Precision Technology ซึ่งทำงานรับจ้างผลิตชิ้นส่วนโทรษศัพท์มือถือ เมื่อก่อนโรงงานแห่งนี้ประกอบไปด้วยคนงานกว่า 650 คน แต่ตอนนี้เหลือพนักงานเพียง 60 คนเท่านั้น คุณ Luo Weiqiang ผู้จัดการทั่วไประบุว่า ที่จริงแล้วโรงงานแห่งนี้สามารถดำเนินงานได้ โดยใช้คนน้อยที่สุดเพียงแค่ 20 คนเท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังจ้างคนในระดับที่เหมาะสมอยู่ หลังจากการลองนำติดตั้งเทคโนโลยีการผลิตแบบอัตโนมัติ มาแทนที่คนงาน พวกเขาพบว่ายอดการผลิตพุ่งสูงขึ้นกว่า 250% และแน่นอนว่าชิ้นงานนั้นมีคุณภาพดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ หากเราไปค้นดูรายงานจากด็อกเตอร์ Carl Benedikt Frey และผู้ช่วยศาตราจารย์ Michael Osborne จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด พวกเขาวิจัยและพบว่าในอนาคตมีโอกาส 90% ที่งานต่างๆ หลายงานอย่างเช่น พนักงานร้านค้า คนขายของ ช่างซ่อมต่างๆ พนักงานโรงแรมหรือร้านอาหาร กระทั่งกุ๊กร้านอาหาร อาจจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ไปซะหมด…
-
20 ภาพถ่ายในประวัติศาสตร์ ที่ไม่มีในหนังสือเรียน แต่ก็ควรค่าแก่การรับรู้…
ปกติแล้วภาพถ่ายประวัติศาสตร์ก็จะมีเยอะแยะมากมายต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่ที่เราเห็นตามข่าวหรือหนังสือเรียน ที่จะได้เห็นเรื่องราวในหลักสูตรที่เปิดสอน แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องทีเดียวซึ่งไม่ได้มีสอนและเราอาจจะเผลอมองข้ามมันไป… แต่ถึงอย่างนั้นภาพประวัติศาสตร์ก็ยังคงเป็นภาพที่สามารถบอกได้ถึงอะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกความทรงจำรวมไปถึงความอยากรู้ ว่าเกิดอะไรขึ้นในภาพนั้นๆ จนบางทีเราก็สามารถมองมันได้เป็นชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนภาพที่จะเอามาให้ดูกันในวันนี้เป็นภาพที่หาดูทั่วไปได้ยากพอสมควรเลยทีเดียว อย่ารอช้ามาดูกันเลยดีกว่า… ภาพของเรือ SS Normandie ที่พังลงมาบริเวณท่าเทียบเรือ Pier 88 ในนิวยอร์ค ภาพนี้เกิดขึ้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 1942 ภาพของ อาโนล ชวาสเนกเกอร์ เมื่อตอนอายุ 16 กับการประกวดเพาะกายครั้งแรกของเขา ภาพความประทับใจของชาวประมงจากแม่น้ำวอลกาในรัสเซีย ที่จับปลาขนาดใหญ่ได้ในปี ค.ศ. 1924 ภาพของเด็กสาวชาวเอสกิโม กับลูกสุนัขฮัสกี้ของเธอ ในปี ค.ศ. 1949 ภาพของนักโต้คลื่นในปี ค.ศ. 1922 ที่สมัยก่อนกระดานโต้คลื่นยังเป็นไม้แผ่นอยู่เลย ภาพของเหล่าไบเกอร์ในปี ค.ศ. 1960 ว่าแต่ไบเกอร์สาวในภาพนี้สวยคมดีจริงๆ ภาพของเจ้าหนู ที่ได้ดูโทรทัศน์เป็นครั้งแรกผ่านกระจกร้านค้าในปี ค.ศ. 1948 ภาพของ James Naismith…
-
ฝาแฝดคนละสีผิว “Kalani และ Jarani” กับโอกาสเกิดขึ้นเพียง 1 ใน 500 และก็น่ารักเสียจริงๆ
ปกติแล้วเวลาคนเราเกิดขึ้นมาแล้วดันเป็นแฝด ความต่างที่จะเกิดขึ้นส่วนใหญ่ก็จะเป็น เพศ ที่ต่างกันหรือบางส่วนของหน้าตานิดๆ หน่อยๆ ที่ต่างกัน แต่จะมีโอกาส 1 ใน 500 เท่านั้นที่สีผิวจะต่างกันออกไป เรื่องนี้เกิดขึ้นกับทารกแฝดวัย 9 เดือนจากรัฐอิลลินอยส์ ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีสีผิวที่แตกต่างกัน ซึ่งทั้งคู่มีชื่อว่า Kalani และ Jarani สีผิวของทั้งคู่ก็มาจากพ่อกับแม่ของเธอนั่นเอง Kalani ได้รับผิวขาวมาจากแม่ของเธอ Whitney ที่เป็นชาวคอเคเชี่ยนส่วน Jarani ได้รับผิวสีมาจากพ่อของเธอ Tomas ที่เป็นชาวชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ซึ่งหลังจากที่ได้รับการยืนยันเรื่องสีผิวของลูกๆ แล้ว Whitney ผู้เป็นแม่ก็ได้ทำการโพสรูปลูกๆ ของเธอลงเพจของเธอพร้อมกับแคปชั่นว่า “พวกเราคือฝาแฝด โดยมีโครโมโซม Kalani อยู่ทางซ้าย และของ Jarani อยู่ทางขวา” ภาพรวมกับคุณพ่อคุณแม่ ชุดแดงมาเชียว แต่แม้สีผิวจะต่าง แต่ก็สังเกตได้ว่าหน้าตาของพวกเขาเป็นฝาแฝดกันแน่ๆ ดูราเริงเชียวเจ้าหนู Jarani อยากจะเห็นจริงๆ ว่าถ้าเจ้าหนูสองคนนี้โตไปจะเป็นยังไง เรื่องผิวสีนี้ก็ดูจะชัดเจนตั้งแต่แรกๆ แล้วนะเนี่ย เคสดังกล่าวก็เรียกได้ว่าเป็นเคสที่หายากจริงๆ สำหรับฝาแฝดที่มีผิวต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามมันก็มีความเป็นไปได้อยู่แล้วเพราะพ่อกับแม่ ไม่ได้เป็นคนเชื้อชาติเดียวกันนั่นเอง…
-
เชื่อหรือไม่ว่า ภาพถ่ายใต้น้ำชุดนี้ ถูกถ่ายในปี 1938 นั่นมันตั้ง 79 ปีก่อนเลยนะนั่น!!
ทุกวันนี้การถ่ายภาพใต้น้ำอาจเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ เพราะกล้องสมัยใหม่หลายๆ รุ่นออกแบบมาให้มีระบบกันน้ำจนสามารถนำลงไปถ่ายใต้น้ำได้อย่างสบายๆ หรือถ้าไม่มีฟังก์ชั่นนี้ ผู้ใช้งานก็สามารถหาซื้อเคสกันน้ำมาใส่ แค่นี้ก็นำลงไปถ่ายใต้น้ำได้แล้ว แต่ลองย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 79 ปีก่อน ในปี 1938 ด้วยเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่ยังไม่ก้าวไกล การจะนำกล้องไปถ่ายใต้น้ำไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ เลย แต่ตากล้องชาวอเมริกัน บรู๊ซ โมเซิร์ต ได้ทำสร้างสรรค์สิ่งที่ไม่น่าเชื่อออกมา!! เขาได้สร้างภาพถ่ายใต้น้ำสุดเจ๋งขึ้นมา โดยเขาได้ประดิษฐ์กล่องกันน้ำ และให้นายแบบนางแบบ ลงไปถ่ายภาพใต้ผืนน้ำ จนเกิดเป็นภาพถ่ายที่คนยุคนั้นเห็นแล้วต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน โดนนางแบบนายแบบแต่ละคนต่างทำท่าทางเหมือนใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือ ถ่ายภาพ ยิงธนู วิ่งแข่ง และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้เขายังคิดค้นเทคนิคการใช้นมในการสร้างเอฟเฟค “ควัน” ขึ้นมาในภาพอีกด้วย ลองไปชมผลงานของเขากันเลย ลองนึกบริบทยุคนั้น #เหมียวอ๊อดโด้ ว่ามันเจ๋งมากๆ เลยนะ . . . . .…
-
รู้จักชื่อเมืองยาวเฟื้อย ‘Llanfairpwllgwyngyll’ ของจริงไม่ได้ล้อเล่นนะ โอ้ซาสสสส!?
ก่อนหน้านี้ #เหมียวหง่าว ได้นำเสนอเรื่องราวของชายที่ชื่อยาวแถมไม่พอยังอ่านโคตรยาก แต่โด่งดังไปทั่วโลก กับชื่อ ‘อูฟู่โฟยฟั่ยฟอย โอเยทเทนเย่วัย อุวิมมุวิม โอซาส‘ กันไปแล้ว คราวนี้เราจะขอพาไปรู้จักกับเมืองหนึ่งซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีเมืองที่ชื่อยาว แถมยังอ่านยากไม่แพ้ อูฟู่โฟยฟั่ยฟอยฯ โดยเมืองนี้เป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเกาะ Anglesey รัฐเวลส์ ชื่อของมันคือ…‘Llanfairpwllgwyngyllgogerychwyrndrobwllllantysiliogogogoch’ จะให้เราพิมพ์บอก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอ่านว่ายังไง ยาวซะขนาดนี้ เอาเป็นว่าไปชมคลิปวิดีโอที่นักข่าวเค้าอ่านออกเสียงเมืองนี้ให้ฟังกันก่อนเลยล่ะกัน สรุปแล้วเมืองนี้มันอ่านว่า “!@#$%^&*&^%$#$@#% โก โก โก้ค’ (ฟังออกเท่านี้จริงๆ 555+) ซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็กมีประชากรเพียงแค่ประมาณ 3,000 กว่าคนเท่านั้นเอง โดยชื่อเมืองนี้แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า ‘St. Marys Church in The Hollow of The White Hazel Near to The Rapid Whirlpool of Llantysilio of The Red Cave’ (อะไรมันจะยาวขนาดน๊านนน)…
-
ก้าวไปอีกขั้น!! Pornhub เปิดศูนย์ให้คำปรึกษาเรื่องเพศ โดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญตัวจริง!
หลายคนอาจมองว่าเว็บไซต์หนังผู้ใหญ่อย่าง Pornhub ไม่ได้มอบอะไรให้กับสังคมนอกจากตอบสนอง “ความงึด” ของหนุ่มๆ เท่านั้น แต่ละสุดพวกเขาได้ก้าวไปอีกขั้นแล้ว ด้วยการเปิดศูนย์ให้คำปรึกษาเรื่องเพศแก่คนที่สนใจ!! ศูนย์ดังกล่าวมีชื่อว่า “Pornhub Sexual Health Center” เพื่อช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ การคุมกำเนิด และการป้องกันโรคให้กับผู้ใช้งานเว็บไซต์ Pornhub กว่า 70 ล้านคนในแต่ละวัน โดยพวกเขาได้มอบให้ คุณหมอ Laurie Betito เป็นผู้ดูแลส่วนนี้ และพวกเขายังมีทีมงานเป็นนักจิตวิทยา นักเพศบำบัด และหมออีกหลายสิบคนคอยช่วยตอบคำถามและให้คำแนะนำ Corey Price รองประธานของเว็บไซต์ Pornhub กล่าวว่า “จุดประสงค์ของเราคือการมอบข้อมูลและความรู้ที่ถูกต้องให้แก่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเรา ส่วนการได้ยอดวิวนั้นเป็นเรื่องที่รองลงไป” ใครสนใจก็ลองเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของพวกเขากันได้ที่นี่ (ลิ้ง) นะฮะ เชื่อว่าจากนี้คำถามประเภท “แบบนี้ท้องมั้ยครับ” “ถุงยางต้องสวมยังไง” คงจะมีน้อยลงอย่างแน่นอน เพราะผู้เชี่ยวชาญเขามาตอบให้แล้วยังไงล่ะ ฮาาาา ที่มา Pornhub
-
ความจริงของภาพ “เสืออ้วน” ที่ชาวเน็ตแชร์กัน แท้จริงคือการเพิ่มไขมันเพื่อให้ทนอากาศหนาว
ภาพที่เราได้เห็นอยู่ในขณะนี้ถือเป็นภาพหนึ่งที่โด่งดังในโลกออนไลน์ทั้งในไทยและต่างประเทศพอสมควร สำหรับภาพของเจ้าเสือผู้น่าเกรงขาม แต่ดันมีร่างกายตุ้ยนุ้นจนผู้คนอดไม่ได้ที่จะกดไลก์และแชร์กันแบบรัวๆ หลายๆ คนอาจจะเห็นแค่เพียงภาพแต่ไม่รู้ว่ามันมีที่มาที่ไปยังไง #เหมียวฟิ้นจะมาแถลงไขเอง ภาพของเจ้าเสือตัวนี้มาจากสวนสัตว์ Siberia Tiger Park ที่อยู่ในเมืองฮาร์บิน ทางตอนเหนือของประเทศจีน สวนสัตว์แห่งนี้ถือเป็นสวนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับเหล่าเสือไซบีเรียป่าเลยก็ว่าได้ เพราะมีพื้นที่ราวๆ 1,440,000 ตารางเมตร และเปิดดำเนินการมานานนับสิบปี โดยเป้าหมายของการเปิดสวนสัตว์แห่งนี้ ก็เพื่อช่วยอนุรักษ์เสือไซบีเรียให้คงอยู่ต่อไป อย่างล่าสุดในปี 2016 ที่ผ่านมา ทางสวนสัตว์แห่งนี้ยังได้ให้กำเนิดลูกเสือกว่า 90 ตัวเลยทีเดียว หลังจากที่ภาพของเจ้าเสือตัวนี้ถูกแชร์ออกไปในโลกออนไลน์ได้ไม่นาน ผู้คนก็ต่างแซวกันว่าผู้ดูแลอาจจะให้อาหารมันมากเกินไปในช่วงวันหยุดตรุษจีนที่ผ่านมา จนทำให้มันอ้วนตั้บอย่างที่เห็น ในขณะที่บางคนแสดงความเป็นกังวลเรื่องสุขภาพของมัน ว่าอาจจะอ้วนเกินไปและทำให้เป็นโรคหรือเปล่า? ในจุดนี้ สำนักข่าว People’s Daily ของจีนได้ให้รายละเอียดตรงนี้ว่า ในความเป็นจริงแล้วเหล่าสัตว์ตามธรรมชาติจะกินอาหารเพื่อให้ตัวเองมีไขมันมากพอที่จะรับมือกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นในเมืองจีน อย่างที่เมืองฮาร์บินเองเมื่อถึงฤดูหนาวก็จะหนาวจนอากาศติดลบถึง -20 หรือ -30 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ฉะนั้นการที่พวกมันได้รับอาหารจนอ้วนแบบนี้ถือเป็นมาตรการช่วยเหลืออย่างหนึ่ง เพื่อให้มันทนอากาศหนาวได้ ซึ่งพวกมันก็จะค่อยๆ ผอมลงไปเองเมื่อถึงช่วงฤดูร้อน ที่พวกมันไม่จำเป็นต้องใช้ไขมันมหาศาลแล้ว พวกเขาก็จะลดปริมาณอาหารมันลง รวมถึงอากาศร้อนทำให้พวกเสือกินอะไรได้น้อยลงเช่นกัน ฉะนั้นใครที่เห็นภาพเสืออ้วนแบบนี้ก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะ…
-
ตูบน้อยถูกทิ้งไว้กลางทาง หลังเจ้าของเดิมเลิกกัน… กระทั่งได้บ้านใหม่ มีชีวิตแฮปปี้สุดๆ
นี่คือ Pippa เจ้าหมาน้อยที่หลายคนมองว่ามันน่ารัก แต่ถ้าหากคุณได้ฟังเรื่องราวของมันละก็ รับรองว่าจะต้องรู้สึกเห็นใจ และสงสารมันอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นหมาที่ถูกเจ้าของเดิมทิ้งโดยไม่สนใจใยดีอีกต่อไป โถๆ น่าสงสารจัง!! เรื่องราวของ Pippa เริ่มขึ้นจากเมื่อหญิงสาวจากกรุงลอนดอนคนหนึ่ง ได้ซื้อลูกสุนัขตัวเล็กๆ มาเป็นของขวัญสุดพิเศษให้กับแฟนของเธอ แต่ทว่าเรื่องราวมันกลับไม่สวยงามอย่างที่คิด เพราะเมื่อทั้งคู่เลิกกัน ทางแฟนหนุ่มจึงได้เดินทางไปยังศูนย์พักพิงสัตว์ The Mayhew Animal Home พร้อมกับได้นำเจ้าหมาน้อยที่แฟนสาวซื้อให้มาทิ้งไว้ที่ศูนย์แห่งนี้ ทางด้านศูนย์พักพิงสัตว์ก็ได้พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมเขา แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล จนในที่สุดเจ้าหมาน้อยก็ถูกทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยว ณ ศูนย์พักพิง และถึงแม้ว่าทางศูนย์จะมีพื้นที่ และทรัพยากรที่จำกัด แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะรับมันมาดูแล พร้อมตั้งชื่อให้มันว่า “Ella” “สัตว์มักจะถูกนำมาทิ้งไว้ในศูนย์พักพิงแห่งนี้ แต่น่าเสียดายที่เรามักจะได้เห็นสถานการณ์แบบนี้บ่อยเกินไป จนทำให้มีพื้นที่พักอาศัยแก่สัตว์น้อยลง… และนี่คือตัวอย่างของผลกระทบที่เราได้รับจากเจ้าของที่ขาดความรับผิดชอบ ซึ่งในปี 2016 ทาง The Mayhew Animal Home ได้รับสุนัขจากเจ้าของที่ทิ้งพวกมันมากถึง 26 ตัว” Zoe Edwards เจ้าหน้าที่จากศูนย์พักพิงกล่าว …
-
เริ่ดค่ะ!! นักเพาะกายฟิลิปปินส์โชว์สเต็ป Miss Universe ออกกำลังกายยังไงให้ดูสวยแพง
หลังจากที่การประกวด Miss Universe 2016 ได้จบลงไปแบบสวยๆ เป็นที่เรียบร้อย แต่ดูเหมือนว่าผู้ชมทางบ้านจะยังคงอินหนักกับการประกวดเป็นอย่างมาก เพราะไม่กี่วันมานี้หลายคนคงจะเคยเห็นคลิปวีดีโอของหนุ่มหุ่นล่ำคนหนึ่ง ที่มาพร้อมกับกางเกงในสีน้ำเงินสด พร้อมกับร้องเท้าส้นสูงสีขาว ออกมาโชว์ลวดลายการเดินแบบนางงามกันมาบ้างแล้ว ซึ่งคลิปดังกล่าวก็ได้รับเสียงฮือฮาจากผู้ชมเป็นอย่างมาก สำหรับหนุ่มคนดังกล่าวมีชื่อว่า Sinon Loresca เขาเป็นนายแบบ นักแสดง และนักแสดงตลกจากประเทศฟิลิปปินส์ อีกทั้งเขายังเป็นหนึ่งในแฟนนางงามของ Maxine Medina, Miss Universe Philippines 2016 อีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ Maxine Medina สาวงามจากประเทศฟิลิปปินส์ ไม่ได้รับตำแหน่ง Miss Universe ในปีนี้มาครอบครองได้สำเร็จ งานนี้พ่อหนุ่ม Sinon จึงได้ทำคลิปโชว์สเต็ปการเดินแบบของตัวเองออกมาปลอบใจเธอซะเลย และหลังจากที่คลิปวีดีโอของเขาได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ ก็มีชาวเน็ตเข้ามารับชมเป็นจำนวนมาก ซึ่งในตอนนี้ก็มียอดวิวสูงถึง 10 ล้านวิวแล้วจ้า ในคลิปวีดีโอเป็นการโชว์เดินแบบสุดมั่น ซึ่งมันขัดกับหุ่นล่ำๆ ของเขาซะเหลือเกิน และนี่คือสิ่งที่เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาชาวเน็ตทั่วโลก (คลิป) . For…
-
พบกับ “Ayam Cemani” สายพันธุ์ไก่ตัวด๊ำดำจากอินโดนีเซีย ตัวจริงไม่อิงโฟโต้ช็อปนะจ๊ะ
ต้องยอมรับเลยนะว่า โลกของเราใบนี้ มีเรื่องให้น่าตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอดเวลาจริงๆ และเราก็เชื่อว่ายังมีสิ่งมหัศยจรรย์อีกมากมายที่หลายๆ คนยังไม่เคย รวมไปถึง “ไก่” สายพันธุ์แปลกที่เราได้นำมาให้ชมในวันนี้ ดูจากองค์รวมแล้วมันก็มีลักษณะเหมือนไก่ทั่วๆ ไป แต่ที่สร้างความแปลกตาให้กับคนดูเป็นอย่างมากก็คือ ไก่สายพันธุ์นี้มีขนสีดำสนิททั้งตัว สำหรับ “ไก่ดำ” หรือที่เรียกว่า “Ayam Cemani” นี้ เป็นไก่สายพันธุ์สุดแปลกจากประเทศอินโดนีเซีย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไก่ที่มีขนดำที่สุดในโลก และที่สำคัญไม่เพียงแต่ภายนอกของมันเท่านั้นที่ดำ แต่กระดูก เนื้อ ไข่ และส่วนอื่นๆ ของร่างกายก็ล้วนแต่เป็นสีดำ ดำ ดำ!! ดำทุกสัดส่วนจริงๆ ไก่ดำ เป็นไก่ที่พัฒนาสายพันธุ์มาจากไก่ป่า โดยในอดีตจนถึงปัจจุบันชาวพื้นเมืองในอินโดนีเซียมักจะนำมาประกอบพิธีกรรมต่างๆ ที่เชื่อว่ามันจะนำอำนาจ ความโชคดี และความมั่งคั่งมาสู่ผู้คนอีกด้วย สำหรับไก่ดำตัวผู้ที่โตเต็มที่จะมีน้ำหนักราว 2 -3.5 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียจะมีน้ำหนักราว 1.5-2.5 กิโลกรัม ตอนเป็นลูกเจี๊ยบตัวน้อย แม้จะดูแปลก แต่ก็งดงามมากๆ เลยทีเดียว …
-
เด็กสาวและเจ้าตูบ ช่วยชีวิตแม่แพะและลูกแพะแรกเกิด ให้รอดพ้นจากภัยหนาวเหน็บ
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560 ทางเว็บไซต์ Thedodo ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวอันสุดแสนประทับใจของ Hamdü Sena Bilgin เด็กหญิงวัยเพียง 11 ปี และ Tomi สุดยอดตูบฮีโร่ ที่ได้ช่วยชีวิตแม่แพะ และลูกแพะตัวน้อยๆ ที่เพิ่งเกิดมาลืมตาดูโลกท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บ งานนี้จึงทำให้เธอและเจ้าตูบได้รับคำชื่นชมไปทั่วโลกโซเชียล สำหรับ Hamdü เธออาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งนอกเมือง Rize ในประเทศตุรกี ครอบครัวของเธอทำงานในฟาร์มเลี้ยงแพะเพื่อรีดนมของพวกมันไปขาย ส่วน Hamdü ก็รับหน้าที่เป็นเด็กเลี้ยงแพะ พร้อมกับ Tomi สุนัขแสนรักของเธอ วันหนึ่งในขณะที่เธอและเจ้าตูบกำลังต้อนแพะขึ้นไปกินหญ้าบนเนินเขาที่เต็มไปด้วยหิมะ Hamdü ก็สังเกตเห็นว่าแม่แพะตัวหนึ่งได้คลอดลูกน้อยของมันออกมา ซึ่งเธอก็ได้คิดว่ามันคงอ่อนแอเกินกว่าที่จะสามารถเดินกลับไปที่ฟาร์ม ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นเธอจึงได้ตัดสินใจทำในบางสิ่งบางอย่าง… “หลังจากที่แม่แพะคลอดลูก เราก็ได้นำฝูงแพะที่เหลือกลับไปที่ฟาร์ม จากนั้นก็ฉันก็คว้ากระเป๋าเป้จากบ้านมาสองใบ แล้วเดินกลับไปหาแม่แพะ และลูกน้อยของมันพร้อมกับเจ้า Tomi” Hamdü กล่าว เมื่อ…
-
ครูใหญ่โกนผมต่อหน้าเด็กทั้งโรงเรียน ให้กำลังใจเด็กที่โดนเยาะเย้ยกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญ…
การถูกเพื่อนล้อในวัยเด็กเพียงเพราะทำตัวแตกต่างจากคนอื่น มันเป็นสิ่งที่หลายๆ คนเคยเจอมากับตัว เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไร พวกเขาก็มักจะเห็นเราเป็นตัวตลก โดยที่ไม่รู้เลยว่าเราทำไปเพราะอะไร เหมือนดังเช่นเรื่องราวของ Jackson Johnson เด็กนักเรียนวัย 11 ขวบ จากโรงเรียนมัธยมพีคิน ที่รัฐไอโอวา ประเทศสหรัฐอเมริกาคนนี้ เขามักจะถูกเพื่อนร่วมชั้นเยาะเย้ย และล้อเลียนเรื่องทรงผมอยู่เสมอ พวกเด็กๆ เหล่านั้นมักจะโกนออกมาดังๆ ว่า “Jackson เหมือนกับคนป่วยเป็นมะเร็ง” ทั้งที่จริงแล้วหนุ่มน้อยไม่ได้ป่วย เพียงแต่เขาได้ตัดสินใจโกนผมออกทั้งหมด เพื่อเป็นการให้กำลังใจคุณปู่ที่กำลังป่วยนั่นเอง หลังจากที่ได้ยืนเรื่องราวที่เด็กนักเรียนคนหนึ่งถูกล้อเลียน ทางด้าน Tim Hadley ครูใหญ่ของโรงเรียน จึงได้ตัดสินใจเรียกเด็กๆ ทั้งโรงเรียนเข้ามาประชุม เพื่อบอกให้พวกเขาได้รู้ถึงเหตุผลที่ Jackson ต้องโกนผมออกทั้งศีรษะ นอกจากนี้เขายังบอกให้หนุ่มน้อยขึ้นมาโกนหัวเขาต่อหน้าเด็กทั้งโรงเรียน เพื่อเป็นการให้กำลังใจ Jackson อีกด้วย “ณ ตอนนี้สมาชิกครอบครัวของผมหลายๆ คนต้องต่อสู้กับโรงมะเร็ง ดังนั้นเมื่อได้รู้เรื่องราวของ ผมจึงต้องเรียกเด็กๆ ทุกคนมาประชุม เพื่อบอกให้พวกเขารู้ในสิ่งที่เพื่อนกำลังเผชิญอยู่ และผมก็ต้องการให้กำลังใจกับทุกๆ คนที่กำลังต่อสู้กับโรคร้ายนี้” Tim กล่าว…
-
กลุ่มสิทธิสัตว์ต่อต้านทาสผู้คลั่งรอยสัก ผู้จับเหมียวสฟิงซ์ของตัวเองไปสักกลางหลัง…
กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างเมามันส์ระหว่างทาสแมวผู้ชื่นชอบรอยสัก กับกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิให้กับสัตว์ ในกรณีที่ทาสแมวได้ทำการจับแมวสายพันธุ์สฟิงซ์ของตัวเองมาลงเข็มสักเต็มหลัง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมือง Yekaterinburg ประเทศรัสเซีย เจ้าเหมียว Demon ถูกเจ้าทาสของตัวเองลงเข็มสักเป็นลวดลายขนาดใหญ่ที่บริเวณแผ่นหลัง Aleksandr ทาสของมัน ที่มีรอยสักนับ 10 ตัวอยู่บนร่างกายของตัวเอง ได้บอกว่าก่อนจะสักเขาได้ให้ยาชากับมันก่อน นั่นทำให้มันไม่ได้รู้สึกจากความเจ็บปวดที่ได้รับจากการสัก แต่ภายหลังก็ยอมรับว่าสิ่งที่เขาทำอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องก็ได้ “แน่นอนว่าผมรู้สึกสงสารที่ทำแบบนั้นกับมัน มันไม่ได้เป็นคนตัดสินใจที่จะทำแบบนี้ ผมหวังว่าสิ่งที่ผมทำนั้นจะไม่ส่งผลเสียกับมันมากจนเกินไป แต่นี่ไม่ใช่รอยสักแรกของมัน เพราะก่อนหน้านี้มันก็ปลอดภัยดี และฟื้นจากฤทธิ์ของยาสลบไวมาก” Alelsandr กล่าว ทางด้าน Yelizaveta Skorynina หนึ่งในผู้เคลื่อนไหวที่เรียกร้องสิทธิให้กับสัตว์ได้ทำการออกมาต่อว่านาย Aleksandr ถึงการกระทำที่ทำกับเจ้าเหมียว Demon ว่าเป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้เหตุผล และไร้สาระเป็นที่สุด!! เธอบอกว่าผิวหนังของแมวสายพันธุ์สฟิงซ์นั้นจะมีความบอบบาง และการให้ยาสลบแก่สัตว์เลี้ยงโดยที่ไม่มีความจำเป็นนั้นก็ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงเป็นอย่างมาก คุณ Skorynina ให้สัมภาษณ์ว่า “ยาสลบทำให้การเคลื่อนไหวของแมวหยุดลง แต่สมองของมันยังคงทำงานอยู่ ถ้าทำแบบนี้กับมันบ่อยๆ อาจจะส่งผลเสียต่อหัวใจของมันได้” ทางด้านนาย Aleksandr ก็ออกมาตอบโต้ว่า สิ่งที่เขาทำนั้นมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากการกระทำของเกษตรกร ที่ทำการเจาะจมูกให้วัว หรือทำการประทับตราสัญลักษ์แบรนด์ของตัวเองให้กับสัตว์ที่เลี้ยงไว้หรอก การถกเถียงกันในครั้งนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอน…
-
คุณแม่เจองูหางกระดิ่งโผล่มาจากคอห่าน สืบต้นตอจนเจอของแถมอีก 23 ตัวในบ้าน!!
คงจะเป็นฝันร้ายสำหรับใครหลายๆ คนอย่างแน่แท้ หากวันหนึ่งท่านเดินเข้าไปในห้องน้ำภายในบ้านของท่าน แล้วเจองูห่างกระดิ่งเลื้อยออกมาจากส้วม และเชื่อว่าท่านจะช็อคยิ่งกว่าเดิม หากพบว่าบ้านของท่านมีงูหางกระดิ่งอาศัยอยู่อีก 23 ตัวภายในบ้าน!! เรื่องราวเกิดขึ้นในบ้านของคุณ Cassie McFadden เมื่อลูกชายของเธอวิ่งมาบอกเธอว่า มีงูอยู่ในห้องน้ำ เมื่อเธอเข้าไปดู เธอก็พบกับงูหางกระดิ่งตัวเป้งอยู่ในส้วม เธอจึงจัดการฆ่ามันด้วยเสียมในทันที หลังจากนั้นเธอจึงแจ้งเรื่องไปยัง บริษัทรับจัดการงูภายในบ้าน Big Country Snake Removal และ Nathan Hawkins เจ้าของบริษัทก็ลงทุนมาเช็คด้วยตนเอง ด้วยประสบการณ์ทางด้านการจัดการงูภายในบ้าน ทำให้เขารู้ทันทีว่า ไม่ได้มีงูแค่ตัวเดียวภายในบ้านอย่างแน่นอน เขาจึงสำเร็จพื้นที่ภายในบ้านให้ละเอียดยิ่งขึ้น และเมื่อเขาเปิดประตูห้องใต้ดินเข้าไปดู เขาก็พบงูอีก 13 ตัวกำลังเลื้อยกันอย่างมีความสุข นอกจากนี้เขายังพบงูอีก 10 ตัวรอบบริเวณบ้าน ซึ่งครอบครัว McFadden ไม่เคยรู้เลยว่า พวกเขาอยู่ใกล้กับมัจจุราชขนาดไหน!! อย่างไรก็ตาม Hawkins ไม่ได้ฆ่างูทั้งหมดทิ้ง เขาเพียงแค่จับมันไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติและนำบางส่วนบริจาคให้โรงเรียนเพื่อการศึกษาต่อไป . เห็นแบบนี้แล้วถ้าใครเจองูภายในบ้าน อย่านิ่งนอนใจนะฮะ ไม่แน่อาจจะเพื่อนๆ มันอยู่ที่ไหนซักแห่งภายในบ้านก็เป็นได้ ที่มา distractify
-
จากเด็กเร่ร่อน ถูกกล่าวหาเป็น “พ่อมด” ในวันนั้น ตอนนี้หนูน้อยพร้อมจะไปโรงเรียนแล้ว!!
เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สุดสลดใจจนทำให้เราต้องถามหาคำว่า ‘มนุษยธรรม’ กันใหม่เลยทีเดียว เมื่อสาวใจบุญได้เข้าไปช่วยเหลือเด็กน้อยคนหนึ่ง ที่เหน็ดเหนื่อย ไร้เครื่องสวมใส่ และเดินเตร็ดเตร่อยู่กลางถนน ภาพนี้ถูกแชร์กันอย่างแพร่หลายเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน เมื่อ Anja Ringgren Lovén ผู้ก่อตั้ง African Children’s Aid Education and Development Foundation ที่ทำงานช่วยเหลือเด็กๆ ในแอฟริกาได้ไปเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เธอสลดใจเป็นอย่างมาก เด็กคนนี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมด ถูกทำร้ายและปล่อยปะละเลยจนเธอต้องเข้ามาช่วยทำอะไรสักอย่าง ‘มันดูไร้สาระมากๆ เด็กๆ นับพันคนถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมดแม่มด เราเห็นมาหมดทั้งเด็กที่ถูกทรมานให้ยอมรับ เด็กที่ต้องเสียชีวิต และเด็กที่มีอาการหวาดกลัวจนถึงที่สุด’ Anja Ringgren กล่าว หลังจากเธอรับเลี้ยงเด็กที่น่าสงสารคนนี้ อาการของหนูน้อยก็ดีขึ้นจนสามารถออกไปเล่นร่วมกับลูกของเธอได้ เธอตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ว่า Hope ซึ่งแปลว่าความหวัง เธอได้ช่วยชีวิตเด็กๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมดทุกคน ซึ่งถ้าหากไม่ช่วย พวกเขาต้องถูกทรมานหรือบางครั้งอาจถึงแก่ชีวิตได้ และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ Hope หนูน้อยจากไนจีเรียจะได้ไปโรงเรียนครั้งแรก ซึ่งจากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ผ่านมาได้หนึ่งปีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเด็กหน้าตาไร้เดียงสาคนนี้ ครั้งหนึ่งเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมดมาก่อน ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น…
-
ประเทศเดนมาร์ก ขอคนไทยช่วยโครงการ Help a Dane เพื่อให้คนเดนนิชเป็นมะเร็งน้อยลง
เป็นปกติอยู่แล้วของชาวต่างชาติที่จะชื่นชอบในการอาบแดดเป็นชีวิตจิตใจ แน่นอนว่าสำหรับชาวเดนมาร์กก็เช่นกัน พวกเขาเป็นชาติที่ชอบที่จะอาบแดดเป็นอย่างมาก… ด้วยความที่ว่าประเทศเดนมาร์กมีช่วงเวลากลางวันที่ยาวนานพระอาทิตย์จะตกในเวลา 4 ทุ่ม แถมอากาศก็ไม่ร้อนมากเพราะในช่วง กรกฎาคม-สิงหาคม อากาศจะเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 20-25 องศา จึงทำให้ชาวเดนมาร์กติดนิสัยการชอบอาบแดดนั่นเอง แต่เมื่อชาวเดนมาร์กมีนิสัยที่ชอบในการอาบแดด ซึ่งเมื่อต้องออกเดินทางในต่างประเทศที่มีอากาศร้อนพวกเขาก็ยังไม่ลืมที่จะอาบแดดอยู่ดี แต่หารู้ไม่ว่าการอาบแดดที่แรงและร้อนเป็นระยะเวลาติดกันมากๆ จะทำให้เป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ง่าย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประเทศเดนมาร์ก เกิดแคมเปญหนึ่งขึ้นมาซึ่งใช้ชื่อว่า Help a Dane เพื่อขอความช่วยเหลือจาก ประเทศอื่นๆ เพราะชาวเดนมาร์กมีอัตราเสียชีวิตจากโรคมะเร็งผิวหนังเป็นจำนวนมาก พวกเขาอยากให้คนไทยซึ่งเป็นคนท้องถิ่น เมื่อพบหรือรู้ว่านักท่องเที่ยวอาบแดดเป็นชาวเดนมาร์กที่เสี่ยงอันตรายนั้น ช่วยเตือนพวกเขาให้ป้องกันตัวเองด้วย ไม่ว่าจะด้วยวิธีการบอกให้พวกเขา ทาครีมกันแดด ใส่หมวก กางร่ม หรือเตือนให้พวกเขาไม่อาบแดดนานจนเกินไป เราอาจจะมองว่าทำไมพวกเขาไม่แก้ปัญหากันเอง แต่ด้วยความที่พวกเขาติดนิสัยจากชีวิตประจำวันของเขามา อาจจะทำให้พวกเขาลืมตัวไปได้หรืออาจจะไม่รู้ว่าแดดบ้านเราแรงขนาดไหน แคมเปญนี้จึงร้องขอให้คนจากทุกๆ ชาติช่วยชาวเดนมาร์กด้วยอีกแรง ฉะนั้นใครที่รู้จักหรือเป็นไกด์ท่องเที่ยวอยู่ ช่วยวอนบอกพวกเขาด้วยว่า แดดที่ไทยมันแรงมาก ควรป้องกันตัวเองหรืออาบแดดแต่พอดี เท่านี้ก็สามารถช่วยชีวิตเพื่อนร่วมโลกจากการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้แล้ว ใครที่สนใจอยากจะดูเกี่ยวกับแคมเปญนี้เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูได้ที่เฟสบุ๊คเพจ Help a Dane หรือใครที่สนใจอยยากจ็ะเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือชาวเดนมาร์กก็สามารถเข้าไปสมัครได้ที่เว็ปไซต์ helpadane ได้เลยครับ คลิปของโครงการ ซึ่งเป็นภาษาไทยซะด้วย… …
-
หนุ่มนักดับเพลิง ช่วยพาสาวท้องไปโรงพยาบาล พร้อมรับอุปการะเด็กน้อยคนนั้นแทน!!
บ่อยครั้งที่เรามักจะได้เห็นข่าววีรกรรมคุณงามความดีการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก จากเจ้าหน้าที่นักดับเพลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศโลกตะวันตกหลายๆ ประเทศ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของ ‘Marc Hadden’ และครอบครัวของเขาไปตลอดกาล หลังจากที่เขาได้เข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวผู้ตั้งครรภ์คนหนึ่งเข้า Marc Hadden ประสบการณ์ที่ผ่านมาได้สอนให้เขารู้ว่า การเป็นนักดับเพลิงมักจะมีเรื่องให้น่าเซอไพรส์ได้อยู่ตลอด เดิมทีเขาเป็นนักดับเพลิงกะดึกที่มีชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป คือทำงาน และกลับไปอาศัยอยู่กับครอบครัวอย่างสงบสุข ทว่าคืนวันหนึ่งเมื่อเดือนพฤศจิกายน เขาได้รับแจ้งจากสายด่วนว่า มีหญิงสาวตั้งครรภ์คนหนึ่งไม่สามารถพาตัวเองไปโรงพยาบาลได้ ณ ช่วงเวลานั้นคนที่จะเข้าไปช่วยเหลือคงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากพวกเขา การพาตัวหญิงสาวผู้ตั้งครรภ์ไปส่งโรงพยาบาลให้ทันเวลาสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ทารกตัวน้อยที่ออกมาลืมตาดูโลก ถูกตั้งชื่อให้ว่า ‘Grace’ เธอน่ารัก และมีสุขภาพที่แข็งแรงเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ หากแต่ว่าแม่ของเธอไม่สามารถที่จะรับเลี้ยงไว้ได้ เธอจึงขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงคนนี้ ให้ช่วยรับอุปการะลูกสาวของเธอไว้ที หนุ่มนักดับเพลิงจึงได้ปรึกษากับภรรยาของเขา ‘Beth’ ทันทีหลังจากที่เด็กคลอดออกมาแล้ว เพราะเดิมทีเขามีลูกชายสองคน และเจ้าตัวก็รู้สึกว่าคงจะไม่เหนือบ่ากว่าแรงอะไร ถ้าหากว่าจะรับอุปการะลูกสาวเพิ่มมาอีกซักหนึ่งคน ตอนแรกทั้งคู่ตัดสินใจที่จะรอ และปล่อยให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า แต่อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาของทั้งสองเกิดมาคู่กันจริงๆ หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็ได้ประกาศรับอุปการะหนูน้อย ‘Grace’ ให้มาเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวอันแสนอบอุ่น น่าปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง…
-
ชาวสวนพบลูกแมวกำพร้า 4 ตัว ก็นึกว่าเป็นแมวธรรมดา แต่ทว่ามันคือแมวป่าพัลลัส!!
ลองคิดดูนะว่าหากเจอลูกแมวตัวน้อยๆ ที่กำพร้าแม่ถูกทิ้งเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว โดยที่ไม่สามารถหาอาหารกินเองได้ หรืออาจจะโดนสัตว์อื่นทำร้ายได้ทุกเมื่อ คุณจะทำอย่างไร? หากปล่อยเอาไว้มันจะต้องตายแน่ๆ แต่เราเชื่อนะว่าคนส่วนใหญ่จะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหมือนมันอย่างแน่นอน เหมือนดังชาวนาจากประเทศรัสเซียคนนี้ เขาบังเอิญได้พบกับ 4 ลูกแมวกำพร้าตัวน้อยๆ ที่เพิ่งจะเกิดมาลืมตาดูโลกในโรงนาของเขา ในตอนแรกเขาคิดว่าพวกมันก็คงจะเป็นแมวบ้านธรรมดาๆ แต่พอลองมองเข้าใกล้ๆ เขาก็สังเกตเห็นถึงความแตกต่างบางอย่าง แต่ถึงอย่างไรเขาก็คิดว่าพวกมันจะต้องได้รับการดูแล เพื่อที่จะได้เติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ และแข็งแรง เขาได้ติดต่อไปยัง Daursky Nature Reserve ซึ่งอยู่ใกล้กับฟาร์มของเขา และหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่มาถึง พวกเขาก็บอกว่าเจ้าเหมียวเหล่านี้เป็นแมว พัลลัส (Pallas) แมวป่าพื้นเมืองของเอเชียกลางนั่นเอง และถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เหมือนแมวป่าทั่วๆ ไป แต่เจ้าแมวพันธุ์นี้มีใบหน้าที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แถมยังมีใบหูที่กว้าง และตำแหน่งหูต่ำกว่าแมวตัวอื่นๆ อีกด้วย พวกเขาสันนิษฐานว่า แม่แมวได้คลอดลูกๆ ของมันทิ้งไว้ในโรงนาซึ่งเป็นอยู่ใกล้กับที่จอดรถ แต่เมื่อมันได้ยินเสียงรถมันอาจจะตกใจ และจำเป็นต้องทิ้งลูกๆ ของมันไป ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตัดสินใจนำลูกแมวทั้ง 4 กลับไปยังที่ทำงานของพวกเขา แม้ว่าพวกมันจะมีขนาดตัวที่เล็กมาก เพราะเพิ่งจะเกิดได้ไม่นาน แต่มันก็ยังมีความดุร้ายตามสัญชาติญาณ โดยการส่งเสียงร้อง และงับคนที่เขามาใกล้พวกมันมากเกินไป…
-
ครอบครัวเลี้ยงลูกแนวใหม่ ให้ลูกเรียนรู้ผ่านเกมวันละ 7 ชม. อยู่ที่บ้าน แทนการไปโรงเรียน!!?
เรียกได้ว่าชาวเกมเมอร์ทั้งหลายในบ้านเราทุกวันนี้ คงรู้สึกเหนื่อยใจกับข่าวหน้าหนึ่งที่ผู้ใหญ่มักจะโทษตัวเกม แทนคนเล่น ว่าเกมหน่ะเป็นสิ่งที่ทำให้เยาวชนเสพติด และเป็นต้นเหตุของความรุนแรงทางสังคม (ที่ไม่ใช่ต้นเหตุมาจากความรุนแรงในสถาบันครอบครัว?) แต่สำหรับ ‘Katie Pybus’ คุณแม่ลูก 3 วัย 44 ปี คนนี้เธอมีวิธีการเลี้ยงลูกที่แตกต่างออกไป นั่นก็คือเธอเลือกที่จะให้เด็กๆ หาความรู้จากการเล่นเกมอยู่ที่บ้านวันละ 7 ชม. แทนการไปโรงเรียน!? คุณแม่ได้ให้เหตุผลว่า การที่เธอเลือกที่จะไม่ส่งลูกไปโรงเรียน เพราะเธอคิดว่าการศึกษาในระบบโรงเรียนนั้นมุ่งเน้นไปที่เรื่องของคะแนน และการสอบ มากเกินความจำเป็น “เกมคือสื่อการเรียนรู้อย่างหนึ่งสำหรับครอบครัวเราค่ะ ดิฉันเชื่อมั่นว่าวิธีการหาความรู้ผ่านการเล่น ย่อมเป็นอีกวิธีที่ได้ผลสำหรับเด็กๆ อย่างแน่นอน” คุณแม่เล่า และสิ่งที่เธอทำนั้นเรียกได้ว่าเป็นการศึกษาในรูปแบบ Homeschool คือการศึกษาเรียนรู้อยู่ที่บ้าน ไม่ต้องไปโรงเรียน และทำการเรียนรู้ผ่านสื่อต่างๆ แทนตำราหนังสือ ทุกวันทั้ง 3 พี่น้อง Sapphire, Etienne และ Orin จะตื่นคนละช่วงเวลาตั้งแต่ตี 5, 8 โมงเช้า และเกือบๆ 10 โมงเช้า เมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็จะรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน…
-
ญี่ปุ่นเปิดตัว Coca Cola Plus บอกนี่แหละ น้ำอัดลมเพื่อสุขภาพดีที่สุด ตั้งแต่เคยผลิตมา!!
ปกติเวลาเราพูดถึงเครื่องดื่มน้ำอัดลมอย่างโคคาโคล่า หลายคนอาจติดภาพว่าเครื่องดื่มเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ทางสารอาหารอะไร นอกจากแหล่งพลังงานลุ่นๆ (น้ำตาล) แถมยังเป็นสาเหตุหลักของโรคอ้วนอีกด้วย แต่ล่าสุดทางโคคาโคล่าผู้ผลิตเครื่องดื่ม “โค้ก” ได้เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในประเทศญี่ปุ่น และพวกเขาบอกด้วยว่า นี่คือเครื่องดื่มที่ “เฮลท์ตี้” ที่สุดที่พวกเขาเคยผลิตมาเลยทีเดียว เครื่องดื่มชนิดใหม่นี้พวกเขาตั้งชื่อว่า “โคคาโคล่า พลัส” ภายในขวดนอกจากรสชาติเดิมๆ แล้ว พวกเขายังเพิ่มเส้นใยอาหารและเด็กซ์ทรินเข้าไปอีกด้วย ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการลดไขมันในเส้นเลือดหากดื่มคู่กับมื้ออาหารประจำวัน ซึ่งการปล่อยผลิตภัณฑ์ออกมาใหม่ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการตอบโต้ “เป็ปซี่ สเปเชี่ยล” และ “เม็ทส์ ซีโร่” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมเพื่อสุขภาพจากบริษัทคู่แข่ง โดยสนนราคาอยู่ที่ขวดละ 158 หรือราว 45 บาท และจะวางขายช่วงปลายเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ใครสนใจก็ลองไปหาซื้อกันได้นะฮะ ที่มา Rocketnews24
-
ญี่ปุ่นงานสบาย “รับจ้างนอน” รายได้วันละ 15,000 บาท โปรโมทแอนิเมชั่นเรื่องใหม่
ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นดินแดนที่มีเรื่องราวประหลาดๆ เจ๋งๆ มากมาย ล่าสุดพวกเขาประกาศงานสุดแปลกนั่นก็คือ “รับจ้างนอน” แถมยังให้ค่าแรงไม่ธรรมดาซะด้วยกว่า 15,000 บาท เลยทีเดียว!! งานพิเศษดังกล่าวจะเกิดขึ้นในการฉายรอบปฐมทัศน์ของแอนิเมชั่นเรื่องใหม่ “Hirune Hime” หรือ “Napping Princess” ว่าด้วยเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษในการนอนหลับ และทุกครั้งที่เธอหลับ เธอจะหลุดเข้าไปอยู่ในโลกสุดแฟนตาซีซึ่งเธอจะได้พบกับการผจญภัยที่ทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล มีตัวอย่างให้ดูด้วยนะ สิ่งที่ต้องทำก็ไม่ยาก ผู้ที่ได้รับเลือกจะต้องนอนให้เหมือนกับตัวเอกของเรื่อง ซึ่งจะมีรายได้ 50,000 เยนต่อวันรวมค่าเดินทาง นอกจากนี้ยังมีหมอนที่มีลายเซ็นของทีมงาน ผ้าปิดตา ที่อุดหู และขนม และอีกอย่างหนึ่งที่พวกเขาต้องทำคือ การสวมชุดหุ่นยนต์ “ฮาร์ท” (ภาพด้านล่าง) ในช่วงเวลาทำงานด้วย ซึ่งทางผู้จัดบอกว่า ผู้ที่สมัครไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ (แน่สิ) ขอเพียงมีใจรักที่จะทำก็พอ ใครสนใจก็ลองไปสมัครกันได้นะฮะ ที่เว็บไซต์ weban ที่มา rocketnews24
-
17 ภาพพฤติกรรมเกรียนๆ ของเหล่าพ่อบ้าน ที่ภรรยาเห็นแล้วถึงกับกุมขมับไปตามๆ กัน
ในยุคนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือชาย ก็มักจะมีความเท่าเทียมกันทั้งนั้น เพราะผู้หญิงจะออกไปทำงาน ส่วนคุณผู้ชายกลายมาเป็นพ่อบ้านได้อย่างเต็มภาคภูมิ แต่บางครั้งการเป็นพ่อบ้านอาจจะไม่ได้ง่ายสำหรับใครหลายๆ คน เพราะไหนจะต้องทำตามคำสั่งศรีภรรยา ไหนจะต้องซักผ้า รีดผ้า เรียกได้ว่ามันเป็นอะไรที่ยากเย็นฝุดๆ เหมือนดังเช่นพฤติกรรมเกรียนๆ ของพ่อบ้านเหล่านี้ ที่พยายามจะเอาใจภรรยาแสนรัก โดยการหาวิธีการแปลกๆ มาแกล้งภรรยาอยู่เสมอ แถมบางวิธีก็ฮาเกินบรรยายซะด้วย แหมๆๆ แสบจริงๆ พอพับผ้าไม่ได้ก็เขียนโน๊ตทิ้งไว้แบบนี้แหละ เมื่อบอกให้เขาไปช้อปปิ้ง และเขาก็เลยซื้อไอศกรีมที่ลดราคากลับมา เมื่อปล่อยให้เขาอยู่บ้านกับเด็กๆ (ถ้าแม่ไม่รู้ = ไม่มีอะไรเกิดขึ้น) เมื่อคุณขอให้เขานำมาสปาเก็ตตี้มาต้มบนเตา เมื่อสามีทำอาหารให้ภรรยาสุดรัก แต่ดันทำตอนเมาเนี่ยสิ… การแขวนกระจกในห้องน้ำของสามี ที่ไม่ดูความสูงของภรรยาเอาซะเลย ฮร่าๆ กุหลาบมันมีวันเหี่ยว ดังนั้นผมไม่เอามันมาให้คุณหรอก ถ้าอย่างนั้นก็เอามือถือไปเลยก็แล้วกัน เพราะมันอยู่ยงคงกระพันเหมือนรักของเราแน่นอน เมื่อให้สามีช่วยตีวิปครีมให้หน่อย เย้ยยย!! ไม่ให้ดื่มเบียร์ใช่ไหม ได้เลยยยย เพราะแต่งงานแล้ว เลยไม่จำเป็นต้องหวานกันในวันวาเลนไทน์ก็ได้ พอขอให้ทำความสะอาดตู้เย็น ผลงานที่ได้คือ… …
-
เจ้าโง้ววว.. หมาน้อยเล่นซนอีท่าไหนไม่รู้ หัวติดล้อรถ เอาซะมนุษย์ต้องช่วยด่วนเลย
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ทางเว็บไซต์ Thedodo ได้เผยเรื่องราวของ Blaze เจ้าหมาจากรัฐมอนแทนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ในสภาพน่าสงสารหลังจากที่หัวของมันดันไปติดกับล้อรถ ทางด้านผู้เป็นเจ้าของได้เผยว่า หลังจากที่เขาออกไปทำงาน เขาก็เห็นเจ้าหมามีความสุข และปลอดภัยดี แต่หลังจากที่กลับมาก็พบว่าหัวของมันไปติดกับล้อของรถยนต์ซะอย่างนั้น งานนี้จึงทำให้เขาต้องรีบพามันไปส่งที่โรงพยาบาล St. Francis Veterinary Hospital ทันที เมื่อสัตว์แพทย์ได้เห็นดังนั้นพวกเขาก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ เพราะการช่วยเหลือในครั้งนี้ไม่ใช่ง่ายๆ เลย ด้วยเหตุนี้ทางแพทย์จึงได้ตัดสินใจโทรไปขอความช่วยเหลือจากทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย หลังจากที่ Zach Osborne หัวหน้าเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยถึง เขาก็ได้เห็นเจ้า Blaze กับเจ้าของของมันอยู่ด้านนอกโรงพยาบาล พร้อมกับสังเกตการณ์ว่าจะสามารถช่วยมันได้อย่างไร จนในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะใช้น้ำมันมะพร้าวเข้าช่วยเหลือ เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติคล้ายสารหล่อลื่นที่จะสามารถพาเจ้า Blaze ออกจากล้อรถได้ง่าย พวกเขาพยายามช่วยเหลือมันจนในที่สุดหัวของเจ้า Blaze ก็หลุดออกจากล้อในเวลาเพียง 30 วินาทีเท่านั้น โชคดีที่เจ้า Blaze ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพราะมันได้รับบาดเจ็บเพียงที่คอเล็กน้อย “มันเป็นลูกสุนัขตัวน้อยๆ ที่ดูมีความสุขมากหลังจากที่กลับไปเป็นอิสระ”…
-
คิทแคทญี่ปุ่นผลิต “ซูชิคิทแคท” สีสันสวยงามหน้าตาน่าทาน ลองสักชิ้นแล้วจะติดใจ!!
คิทแคท (Kit Kat) เป็นขนมหวานแสนอร่อยที่เป็นของโปรดของใครหลายๆ คน และถ้าหากใครที่ได้ไปเยือนประเทศญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ จะรู้เลยว่าประเทศนี้เขามักจะผลิตคิทแคทรสชาติแปลกใหม่ขึ้นมาอยู่เสมอ และล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560 ทางสำนักข่าว CNN มีรายงานว่า บริษัทผลิตคิทแคทในประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ขนมหวานใหม่ล่าสุดนั่นก็คือ “ซูชิคิทแคท” นั่นเอง นี่คือหน้าตาของ ซูชิคิทแคท ที่มาพร้อมกับ 3 รสชาติสุดพิเศษไม่ว่าจะเป็น ซูชิรสทูน่า รสไข่ และรสหอยเม่น อยากลองไหมละ!! ซึ่งจริงๆ แล้ว คิทแคทเหล่านี้ไม่ได้เป็นรสชาติของอาหารจริงๆ อย่างที่หลายคนคิดไว้หรอก แต่มันเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารเท่านั้น โดยซูซิคิทแคทรสทูน่าจะใช้คิทแคทรสราสเบอร์รี วางบนข้าวพองเคลือบไวท์ ชอคโกแลต ส่วนรสไข่จะใช้คิทแคทรสฟักทอง และวางบนข้าวพองเคลือบไวท์ช็อกโกแลต พร้อมพันด้วยสาหร่าย และรสหอยเม่น จะใช้คิทแคทรสเมลอนจากฮอกไกโด บอกเลยว่ามันไม่ใช่ขนมหวานช็อกโกแลตธรรมดาๆ อีกต่อไป เพราะนี่คือคิทแคทรสชาติใหม่ ที่นอกจากดูครีเอทสุดๆ แล้ว ยังมาในรูปแบบที่ดูแปลกตาอีกด้วย เพราะทางบริษัทได้เนรมิตคิทแคทให้ออกมาในรูปแบบที่เหมือนกับซูชิแบบดั้งเดิมเป๊ะ แต่แค่เปลี่ยนจากปลาดิบเป็นคิทแคท และเปลี่ยนข้าวญี่ปุ่นเป็นข้าวพอง จากนั้นก็นำมาผสมผสานกันใหม่กลายเป็นซูชิคิทแคทนั่นเอง …
-
พบกับ Thylane Blondeau สาวฝรั่งเศส ที่ขึ้นชื่อเป็น “ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก” ณ ขณะนี้
ในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะขอพาเพื่อนๆ ทุกคนมารู้จักกับ Thylane Blondeau นางแบบสาวชาวฝรั่งเศส ที่มาพร้อมกับความไม่ธรรมดา เพราะนอกจากเธอจะเก่ง และมีความสามารถแล้ว เธอยังมีใบหน้าที่สวยงาม และโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์จนขึ้นชื่อได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน ย้อนเวลากลับไปในปี 2011 เมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก Thylane เคยถูกขนานนามว่าเป็น “ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก” มาแล้ว ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เธอยังได้รับขนานนามว่าเป็นนางแบบที่อายุน้อยที่สุดด้วยนะ สำหรับ Thylane เธอเป็นลูกสาวของ Patrick Blondeau นักฟุตบอล และคุณแม่ Véronika Loubry นักแสดงชาวฝรั่งเศส โดยทั้งคู่ได้เริ่มให้ลูกสาวเข้ามาสู่วงการนางแบบในปี 2005 ซึ่งขณะนั้นเธอมีอายุเพียงแค่ 4 ขวบเท่านั้น . ต่อมาในปี 2011 สาวน้อย Thylane ก็ได้กลายเป็นนางแบบอย่างเต็มตัว พร้อมกับได้ขึ้นปกนิตยสารชื่อดังอย่าง Vogue จนทำให้เธอเริ่มโด่งดัง และมีชื่อเสียง แถมยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน…
-
J.K. Rowling ทวิตตอกกลับ หลังมีคนขู่เผาหนังสือ “แฮร์รี่ฯ” เพราะจุดยืนทางการเมือง
หากใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter เชื่อว่าคงไม่มีใครรู้จัก J.K. Rowling อย่างแน่นอน เพราะนอกจากเธอจะเป็นนักเขียนนิยายชื่อดังแล้ว แฟนๆ หลายคนคงจะรู้ดีว่า เธอนั้นมักชื่นชอบการโพสต์ทวิตเตอร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นในปัจจุบันอยู่เสมอ หากลองย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมาก เราจะเห็นได้ว่า J.K. Rowling ก็เคยออกมาทวิตข้อความแบบจิกกัดเกี่ยวกับเรื่องการเมืองมาแล้ว จนชาวเน็ตพากันรีทวิตไปมากถึง 20,000 ครั้งเลยทีเดียว นอกจากนี้เธอยังเคยวิจารณ์เรื่องที่ Mike Pence แบนมุสลิม ทำให้มีชาวเน็ตได้ออกมาตอกกลับเธอไปว่า ผู้หญิงที่ก้นใหญ่อย่างเธอก็ได้แต่หากินกับการเขียนหนังสือทั้งชีวิต อย่ามายุ่งกับเรื่องการเมืองเลย ทางด้านขุ่นแม่เลยแซะกลับไปว่า “ใน – ประเทศ – เสรี – ใคร – ก็ – พูด – เรื่อง – การเมือง – ได้ ลองอ่านออกเสียงดังๆ หรือให้คนที่อ่านหนังสือคล่องอ่านให้ฟังดูสิ” และเมื่อเร็วๆ…
-
ศิลปินดึงตัวละคร จากภาพยนตร์และการ์ตูนดัง นำมาซ้อนฉากในโลกแห่งความเป็นจริง!!
เมื่อได้ดูภาพยนตร์ หรือการ์ตูนและเกมที่ชื่นชอบ หลายคนอาจจะคุ้ยเคยกับตัวละครที่อยู่ในฉากสวยๆ หรือฉากเจ๋งๆ เหล่านั้นจนติดตา แต่ถ้าลองจินตนาการเล่นๆ ดูสิว่า หากตัวละครเหล่านั้นได้ออกมาใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง และใช้ชีวิตเหมือนกับคนปกจติ มันจะเป็นอย่างไรกันนะ แต่เอ… ดูเหมือนว่าเราคงไม่ต้องจินตนาการเองแล้วละ เพราะศิลปินชาวรัสเซียภายใต้นามแฝงที่ชื่อว่า “VK” ได้นำตัวตัวการ์ตูน รวมถึงตัวละครจากภาพยนตร์และเกมชื่อดัง มาตัดต่อให้ปรากฏอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว สำหรับผลงานเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นงานที่ดูสมบูรณ์แบบ และครีเอทมากๆ เลยทีเดียว เพราะการที่จะนำตัวละครในฉากจากภาพยนตร์ และการ์ตูนมาต่อเติมให้เข้ากับโลกแห่งความจริงนั้น มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย แต่หากคุณอยากจะลองทำดูสักครั้ง คุณสามารถนำผลงานเหล่านี้ไปเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานของตัวเองได้นะ ลองดูสิ!! . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…
-
คุณแม่ถ่ายภาพสุดน่ารักร่วมกับเหล่ามะหมา สร้างความคุ้นเคยให้กับลูกน้อยก่อนคลอด
เชื่อว่าหลายคนบนโลกใบนี้รักสัตว์โดยเฉพาะสุนัข เพราะมันเป็นสัตว์ที่น่ารัก เลี้ยงง่าย และที่สำคัญยังเป็นเพื่อนเล่นเมื่อยามที่เราเหงาอีกด้วย Sanjana Madappa และ Aditya Raheja สองคู่รักชาวอินเดียคู่นี้ ก็เป็นหนึ่งในคนที่รักน้องหมามากๆ เช่นกัน ทั้งคู่ได้แต่งงานกันเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากที่ฝ่ายภรรยาได้ตั้งครรภ์ ทางแพทย์ก็ได้บอกให้เธอเลือกลูกในท้องมากกว่าสุนัข เพราะเด็กกับสุนัขไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ และเธอต้องหาวิธีการที่จะควบคุมสุนัขเหล่านี้ หรือที่เลวร้ายที่สุดคือเธอจะต้องหาที่อยู่ใหม่ให้กับพวกมัน… แต่เพราะความที่เธอเป็นคนรักสัตว์ เธอไม่สามารถทำได้แน่นอน ดังนั้นเธอจึงปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด ในการหาวิธีที่สร้างความคุ้นเคยระหว่างลูก และสุนัขของเธอ เพื่อพิสูจน์ว่าเด็กสามารถอยู่ร่วมกับสุนัขนั้นทำได้ ดังนั้น เธอจึงได้ตัดสินใจถ่ายภาพสุดประทับใจระหว่างเธอกับสามี พร้อมกับบรรดาสุนัขแสนรักก่อนที่เธอจะคลอด เพื่อแสดงให้เห็นว่าสัตว์เลี้ยงเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนั่นเอง และมันก็เกิดเป็นภาพน่ารักๆ อย่างที่เห็น “ทางครอบครัว เพื่อนๆ รวมถึงแพทย์ได้บอกให้ฉันกำจัดสุนัขเหล่านี้ออกไป เพราะลูกต้องมาก่อน” Sanjana กล่าว สำหรับ Sanjana Madappa ทำงานที่องค์กรสวัสดิภาพสัตว์ ขณะที่ Aditya Raheja สามีของเธอเป็นนักอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงเลี้ยงสุนัขเอาไว้มากมาย หลังจากที่ตั้งครรภ์ Sanjana…
-
คุณลุงตระเวนรับโปรโมชั่นวันเกิดตามร้านค้า พร้อมกับบันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นใน 1 วัน!!
เมื่อไหร่ที่ครบรอบวันคล้ายวันเกิดเราประจำปี ไม่ว่าเราจะเข้าไปทานอาหารร้านไหน หรือใช้บริการใด ก็มักจะมีโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม ให้กับเจ้าของวันเกิดอยู่เสมอ เช่นเดียวกันกับลุง Josh ทันทีที่มาถึงวันครบรอบวันเกิด เขาก็ได้ปิ๊งไอเดียสนุกๆ ด้วยการออกตระเวณรับของฟรีตามร้านค้าชื่อดังต่างๆ ทั่วเมือง นอกจากนั้นเจ้าตัวยังได้ทำการบันทึกทุกสิ่งอย่างที่เขาไปเอามาใน 1 วันด้วย นอกจากจะเป็นบันทึกว่าได้ของอะไรมาบ้างแล้ว เขายังได้อธิบายไว้ด้วยว่าปฏิกริยาของพนักงานแต่ละร้านเป็นอย่างไร เอาเป็นว่าไปติดตามเขาเลยล่ะกัน ประเดิมที่แรกด้วย Diary Queen ผู้จัดการร้านบอกคุณลุงว่า อยู่ร้านนี้มา 10 ปีไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีโปรโมชั่นนี้ด้วย? แต่เขาก็ได้มอบไอศครีมโคนช็อคโกแลตมาให้ 1 โคนเป็นน้ำใจ เสร็จแล้วก็มาหาเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ Starbucks คุณลุงเล่าว่ากว่าจะได้ของฟรีจากที่นี่ต้องโทรไปหาคอลเซ็นเตอร์ให้ช่วยยืนยันก่อน พนักงานถึงจะกล้าทำน้ำดื่มแจกฟรีให้ ต่อกันที่ร้านอาหารทะเล Rubio’s สำหรับร้านนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เพียงแค่คุณลุงไปยืนยันว่านี่เป็นวันเกิดเขาก็ได้รับ ทาโก้ซีฟู๊ด มาฟรี 1 กล่อง ไปต่อที่ Panera ร้านนี้ไม่มีอะไรมากเขาให้ขนมปังรสซินนาม่อนลุงมา แค่นี้ลุงก็ดีใจแล้ว ช็อปชิลๆ ที่ Honeybaked…
-
‘Sir Nicholas’ บุรุษฮีโร่ ผู้ช่วยชีวิตเด็กทั้ง 669 คนจากการสังหารหมู่นาซี จนได้กลับมาพบกันอีก…
หนึ่งในเหตุการณ์สุดสะพรึงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็คงต้องยกให้กับการสังหารหมู่ชาวยิว โดยกองทัพนาซีอันมี ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ เป็นผู้นำ จากเหตุการณ์ดังกล่าวเราคงได้เห็นภาพความสูญเสีย หรือสถานที่ๆ ใช้สำหรับทรมาณนักโทษชาวยิวกันมานักต่อนักแล้ว แต่คราวนี้เราจะขอพาไปรู้จักกับหนึ่งในฮีโร่จากช่วงเวลาดังกล่าว ‘Sir Nicholas Winton’ อดีตทหารอังกฤษผู้ช่วยชีวิตเด็กกว่า 669 จากการสังหารหมู่ ย้อนกลับไปในช่วงเวลาดังกล่าว นายทหารนิโคลัสได้รับภารกิจ ‘Kindertransport’ ซึ่งเป็นภารกิจที่เขาต้องเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ ในประเทศเชคโกสโลวาเกีย และพาทุกคนกลับมายังประเทศอังกฤษอย่างปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เป็นเวลานานกว่า 40 ปี ที่วีรกรรมของเขาถูกเอากลับมาเล่าขานอีกครั้ง ทำให้เขาได้รับฉายาว่าเป็น ‘British Schindler’ ภาพจากรายการหนึ่ง เมื่อเจ้าตัวได้กลับมาเจอเด็กที่เคยช่วยชีวิตอีกครั้ง จากวีรกรรมในอดีตที่ส่งผลดีกลับมาให้เขาในช่วงวัยเกษียณ ทำให้เขาได้รับพระราชทานรางวัลมากมายเช่นในปี 2003 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัศวินโดย องค์ราชินีอลิซาเบ็ธที่ 2 อีกทั้งยังได้รับเหรียญเกียรติคุณเพื่อสดุดีความกล้าหาญจากสาธารณรัฐเช็ก และเมื่อปี 1988 เขาได้รับเชิญจากรายการของ BBC ให้เป็นหนึ่งในผู้ชมทางห้องส่ง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าทุกคนที่นั่งรายล้อมเขาอยู่นั้น คืออดีตเด็กตัวน้อยที่เขาเคยช่วยชีวิตออกมาจากสงคราม วินาทีแห่งความซาบซึ้งใจ หลังเจ้าตัวได้พบกับเด็กที่เคยช่วยชีวิตมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าฮีโร่ผู้นี้ได้จากโลกนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ 1…
-
14 สถานที่ทิ้งร้างจากรอบโลกแต่ยังคงความงดงาม อันเป็นเอกลักษณ์ยากจะลบเลือน…
สถานที่ร้างจากทั่วโลกที่เราเอามานำเสนอทั้งหมดนี้ ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นเพราะภัยทางธรรมชาติ หรือเหตุผลทางเศรษฐกิจก็ตามแต่ สุดท้ายแล้วสถานที่เหล่านี้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นที่ร้างไปอย่างน่าเสียดาย แต่ทว่าในความว่างอ้างว้าง ความไร้ซึ่งร่องรอยของการใช้ชีวิต กลับทำให้บางสถานที่ถูกทดแทนด้วยเอกลักษณ์ความงามบางอย่างในตัวมันเอง เอาเป็นว่าเราไปชมกันเลยว่าจะมีที่ไหนบ้าง 1. The Ghost Town of Bodie รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ เมืองนี้ถูกค้นพบเมื่อปี 1876 โดยมีเศรษฐีเจ้าของเหมืองทองคำคนหนึ่งพบว่า บริเวณนี้อุดมไปด้วยแร่ทอง และเงินจำนวนมาก ด้วยความที่ทุกคนต่างมองหาความมั่งคั่ง ทำให้ครั้งหนึ่งเคยมีผู้คนจำนวนมากย้ายมาปักหลักสร้างชีวิตกันที่นี่ ต่อมาในปี 1940 เมืองนี้ต้องพบกับภาวะเศรษฐกิจล้มละลาย ทำให้ชาวเมืองต่างพากันอพยพหนีออกไป และถูกปล่อยให้เป็นเมืองร้างในที่สุด 2. เรือนจำ Eastern State รัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐฯ เรือนจำจากเมืองฟิลาเดลเฟียนี้เคยเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1829 จนถึงปี 1971 ที่นี่เคยเป็นแหล่งรวมอาชญกรชื่อดังมากมายเช่น เจ้าพ่อมาเฟียชื่อดัง ‘อัล คาโปน’ แต่ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เรือนจำแห่งนี้ต้องปิดตัวลง และปัจจุบันมันถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 3. ตึกผีย่านสาธร…
-
บรรยากาศงานเทศกาล Up Helly Aa สืบสานตำนานไวกิ้งจนเมือง Lerwick ลุกเป็นไฟ!!
เมื่อกล่าวถึงประเทศสก็อตแลนด์ เพื่อนๆ หลายคนก็คงจะถึงถึงเรื่องราวของเหล่านักรบไวกิ้ง ที่เป็นเลือกเนื้อเชื้อไขของชาวสก็อต ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเทศกาลสุดเจ๋งที่จัดขึ้นในประเทศ Scotland เป็นประจำทุกปี!! โดยจะจัดขึ้นหลังจากวันคริสต์มาสผ่านพ้นไปแล้ว 24 วัน และเมื่อวันอังคารล่าสุดของเดือนมกราคามที่ผ่านมา บรรยากาศในเมือง Lerwick นั้นดูครึกครื้นเป็นอย่างมาก เทศกาล Up Helly Aa จะทำให้เมืองทั้งเมืองลุกเป็นไฟ ด้วยขบวนของเหล่านักรบไวกิ้งที่ออกมาเดินขบวนกันเพื่อสืบสานตำนานของยอดนักรบที่อยู่ในประวัติศาสตร์ของชาว Shetland ผู้เข้าร่วมงานจะทำการสวมชุดเป็นนักรบไวกิ้งออกมาทานอาหารที่ร้านใกล้บ้านเพื่อเตรียมพร้อมก่อนที่จะเริ่มงานเทศกาล Guizer Jarl และลูกทีม ที่เป็นผู้นำเหล่านักรบในการเดินขบวนพาเหรด กำลังเตรียมตัวก่อนจะเริ่มออกขบวน พวกเขาเป็นตัวหลักในการเดินขบวนในทุกๆ ปี อาหารเช้าดีๆ นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เด็กหนุ่มกำลังนั่งรอเวลาขบวนเริ่ม ขบวนเริ่มต้นแล้ว!! Guizer Jarl และลูกทีมของเขาจะเป็นคนที่ถูกคัดสรรโดยคณะกรรมการที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเมื่อ 15 ปี ก่อน พวกเขามีหน้าที่ในการเลือกคนที่จะมาเป็น Guizer Jarl ในทุกๆ ปี …
-
ตามถ่ายวิถีชีวิตภายในห้องเช่าเล็กๆ จากรอบโลก มาดูกันว่าพวกเขาจะอยู่กันอย่างไรบ้าง…
ในยุคปัจจุบันผู้คนต่างก็ต้องตั้งหน้าทำมาหากิน ซึ่งงานส่วนใหญ่นั้นจะมีให้ทำเฉพาะในเมืองหลวงเท่านั้น ทำให้ในเมืองหรือแหล่งอุตสาหกรรมนั้นถูกอัดแน่นไปด้วยผู้คน แน่นอนว่าย่อมส่งผลถึงที่พักอาศัยที่จะต้องถูกจัดให้เพียงพอกับเหล่าคนงานทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ตเม้นท์ บ้าน หรือห้องเช่า ที่มีเนื้อที่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็อยากจะขอพาเพื่อนๆ ไปชมที่พักอาศัยของผู้คนจากทั่วโลก ที่ถึงแม้ว่าห้องมันจะแคบแต่พวกเขาก็สามารถอยู่กันได้อย่างมีความสุข คุณตา Wang Cunchun วัย 90 ปี อาศัยอยู่กับลูกชายวัย 60 ปี ในอพาร์ตเม้นท์ขนาด 10 ตารางเมตร กลางกรุงเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ครอบครัว Burger จาก Los Angeles อาศัยอยู่ในโรงรถที่ได้มาจากบ้านแม่ของคุณ Elizabeth Burger หลังจากที่ พวกเขาสูญเสียส่วนตัวบ้านไปเพราะฐานะทางการเงินเมื่อปี 2009 สลัม Dharavi ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Mumbai ประเทศอินเดีย ได้ชื่อว่าเป็นสลัมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้อยู่อาศัยในที่แห่งนี้มากกว่า 1 ล้านคน ค่าเช่าสำหรับอพาร์ตเม้นท์ที่นี่จะอยู่ที่ประมาณ 9 ตารางเมตรต่อ 1.4 บาท – 2…
-
‘พิธีศพแห่งท้องฟ้า’ กับความเชื่อว่า ‘อีแร้ง’ จะช่วยพาร่างกายของผู้ตายไปสู่สวรรค์…
บนโลกที่แสนกว้างใหญ่ใบนี้มีความแตกต่างกันอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น ชาติพันธุ์ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เกิด ประเพณี ความเชื่อ ที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งมันก็ส่งผลไปถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่อยู่อาศัยในแต่ละพื้นที่ด้วย ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับพิธีกรรมงานศพของชาวธิเบตกัน ที่ช่างแตกต่างกับเมืองไทยซะเหลือเกิน จะเป็นอย่างไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… พิธีศพแห่งท้องฟ้าเป็นพิธีศพที่ทำกันอย่างแพร่หลายในประเทศทิเบต ศพของผู้ตายจะถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปวางบนยอดเขาเพื่อให้อีแร้งบินลงมากิน พิธีกรรมนี้ชาวธิเบตเรียกว่า Jhator หมายความว่า ‘การมอบทานให้แก่นก’ ชาวธิเบตส่วนใหญ่นั้นนับถือศาสนาพุทธ ทำให้พวกเขาเชื่อในเรื่องของ ‘โลกหน้า’ ร่างกายอันไร้วิญญาณของเราเป็นเพียงแค่ภาชนะอันว่างเปล่าเท่านั้น ฉะนั้นการที่นกจะมาจิกกิน หรือให้มันย่อยสลายไปตามธรรมชาติ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดต่อหลักจริยธรรมแต่อย่างใด แต่เนื่องจากพื้นดินในประเทศธิเบตนั้นมีความแข็ง ทำให้การขุดหลุมฝังศพนั้นกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก จึงทำให้รูปแบบงานศพออกมาเป็นพิธีศพแห่งท้องฟ้า ในช่วงพิธีศพก็จะมีการประดับประดาธงรูปแบบอย่างที่เห็นนี้เอาไว้ เพื่อเป็นการสวดภาวนาขอให้ผู้ตายไปสู่สุขติ สัปเหร่อจะเป็นผู้ทำพิธีผ่าศพ และจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับศพ (ในภาพเขากำลังลับมีดอยู่) พิธีศพของชาวธิเบตนั้นเริ่มต้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 7 เมื่อพิธีกรรมเริ่มขึ้นพื้นที่ที่ถูกจัดพิธีกรรมจะอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของธูปและกำยาน เพื่อเป็นการนำดวงวิญญาณของผู้ตายไปสู่สวรรค์ ศพของผู้ตายจะถูกวางเอาไว้ในสถานทำพิธี จากนั้นสัปเหร่อจะทำการหั่นศพให้เป็นชิ้นๆ ให้กับเหล่าอีแร้งที่ถูกเรียกว่า ‘เหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์’ ชาวธิเบตเชื่อว่าอีแร้งเหล่านั้นจะช่วยพาร่างของผู้ตายขึ้นไปสู่สวรรค์ และสัปเหร่อก็จะได้รับค่าจ้างประมาณ 100…
-
สาวท้าหนุ่มถ้ารีทวีทถึง 3,000 ครั้งจะยอมเดทด้วย สุดท้ายเธอไม่ไป ชาวเน็ตถล่มเละ!?
กลายเป็นประเด็นร้อนบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว เมื่อเด็กหนุ่มคนหนึ่งชวนเด็กสาวที่เขาแอบหลังรักไปเดทด้วยกัน แต่เธอปฏิเสธ เด็กหนุ่มจึงยื่นข้อเสนอว่า ถ้าเขาสามารถทำให้คนรีทวีตได้ 3,000 ครั้ง เธอจะต้องไปเดทกับเขา ซึ่งเธอตอบตกตง แต่เมื่อเด็กหนุ่มทำสำเร็จจริงๆ เธอกลับไม่ยอมไปเดทด้วยซะอย่างนั้น เรื่องราวดังกล่าวเป็นของเด็กหนุ่มชื่อว่า Andy Pugliano ที่โรงเรียนของเขากำลังจะมีงานพรอม เขาจึงชวน Taya Opheim หญิงสาวที่เขาแอบชอบไปงานพรอมด้วยกัน แน่นอนว่าเขาถูกเธอปฏิเสธ!! เขาจึงถามเธอว่า ถ้ามีคนรีทวีตข้อความของเขาเกิน 3,000 ครั้ง เธอจะต้องไปงานพรอมกับเขา ซึ่งด้วยความที่เธอคิดว่าเขาคงทำไม่ได้แน่ๆ เธอจึงตอบตกลง หลังจากนั้นเขาจึงไปโพสข้อความลงบนทวิตเตอร์ของตนเอง “ถ้าผมได้ 3,000 รีทวีต Taya จะยอมไปงานพรอมกับผม ช่วยหน่อยนะทุกคน” ดูจากตัวเลขด้านบนแล้ว ใครๆ ก็คงคิดว่าเขาได้ออกเดทงานพรอมกับสาวที่ชอบอย่างแน่นอน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน เขาก็โพสทวิตอีกอันว่า “เนื่องจาก Taya เปลี่ยนใจเกี่ยวกับงานพรอม ผมถึงกับเศร้าไปเลย ขอบคุณทุกคนที่ช่วยรีทวีตเพื่อให้ผมได้ออกเดทนะ” แน่นอน เมื่อชาวเน็ตเห็นแบบนั้น จึงเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย…
-
ส่อง “สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึก” น้อยคนนักที่จะได้เห็นมันเป็นๆ มีหน้าตาประหลาดแทบไม่คุ้นเลย!!
ว่ากันว่าอวกาศแม้จะลึกลับน่าค้นหา แต่ที่ลึกลับยิ่งกว่าอวกาศก็คือใต้ผืนทะเลของโลกมนุษย์เรา เพราะลึกลงไปหลายกิโลเมตรใต้ผิวน้ำ ยังมีอะไรอีกมากมายที่มนุษย์ยังไม่เคยรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศอันสุดลึกลับ และสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาดๆ มากมาย ที่สามารถอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกที่มีแรงดันที่สามารถฉีกเรือทั้งลำทิ้งได้อย่างง่ายดาย ล่าสุด กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ร่วมกับ Solvin Zankl ตากล้องชาวเยอรมัน ได้ใช้กล้องที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษถ่ายภาพสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาดที่อาศัยอยู่ใต้ทะเลลึก ที่หน้าตาเหมือนสัตว์ประหลาดจากหนังเอเลี่ยนก็มิปาน (ไวเปอร์ฟิช ปลานักล่าแห่งท้องทะเลลึก) โดยสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาเก็บภาพมาได้นั้น มีตั้งแต่ ไวเปอร์ฟิช ปูทะเลน้ำลึก หมึกแก้ว ยันปลาไหลทะเลน้ำลึก ซึ่งแต่ละตัวนั้นล้วนมีหน้าตาแปลกประหลาดไปจากสิ่งมีชีวิตบนท้องทะเลปกติเป็นอย่างมาก Zankl กล่าว่า “สาเหตุที่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้วิวัฒนาการจนกลายเป็นโปร่งแสงหรือเรืองแสง เพราะว่ามันจะได้ไม่ถูกเห็นโดยง่าย นั่นแปลว่าโอกาสที่มันจะรอดชีวิตก็จะมีมากขึ้น” “สิ่งมีชีวิตบางชนิดก็สามารถผลิตสารเรืองแสงเองได้ ซึ่งก็อาจมีจุดประสงค์แตกต่างกันออกไป บางตัวก็อาจใช้สำหรับทำให้เหยื่อของมันเป็นอัมพาต บางตัวก็อาจใช้สำหรับล่อเหล่านักล่า” ลองไปชมกันดู สวยแบบแปลกๆ ทั้งนั้นเลยเนอะ . . . โลกใต้ทะเลก็ยังคงเป็นสถานที่ลึกลับเสมอ ไม่แน่ ในนั้นอาจมีความลับบางอย่างเก็บซ่อนอยู่ รอวันที่เราไปค้นพบก็เป็นได้ ที่มา thesun
-
รู้จักกับครูสุดคูล ยืนทักทายเด็กๆ หน้าชั้นเรียน ‘แปะมือ’ ท่าไม่ซ้ำกันแม้แต่คนเดียว!?
การเป็นคุณครูที่ดีนั้นเป็นเรื่องที่ยาก เพราะนอกจากจะต้องสอนหนังสือแล้วยังจะต้องแสดงถึงความรักความห่วงใยแก่เด็กๆ ด้วย แต่สำหรับคุณครูคนนี้แล้ว ต้องขอบอกเลยว่าการกระทำของเขาจะทำให้นักเรียนทุกคนหลงรักจนหมดหัวใจอย่างแน่นอน ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับคุณครูสุดคูล Barry White, Jr. ที่จะทำการทักทายเด็กๆ ด้วยการแปะมือกับนักเรียนทุกคนในท่าที่แตกต่างกันออกไป ก่อนเข้าชั้นเรียนในทุกๆ วัน Barry White เป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษชั้นประถม 5 ของโรงเรียน Ashley Park PreK-8 School ในเมือง Charlotte รัฐ North Carolina ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนเข้าชั้นเรียนในทุกๆ วัน เขาจะมายืนรอหน้าชั้นเรียนพร้อมกับทำการทักทายนักเรียนทุกคนด้วยท่าแปะมือที่ไม่ซ้ำกันกับนักเรียนแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีท่าประจำเป็นของตัวเอง “พวกเขาทุกคนจะรู้ท่าของตัวเองดี เด็กๆ จะมายืนต่อแถวกันหน้าชั้นเรียน จากนั้นก็จะทำการทักทายยามเช้า ก่อนที่จะเข้าห้องเรียนไปเรียนหนังสือต่อ ผมจะเป็นคนเริ่มก่อนจากนั้นพวกเขาก็จะทำท่าทางของตัวเอง” “ซึ่งการทำแบบนี้มันช่วยสร้างความตื่นเต้น และทำให้เด็กๆ มีความพร้อมในการเรียนมากยิ่งขึ้น” คุณครู White กล่าว เด็กนักเรียนจะเป็นคนคิดท่าทางการทักทายขึ้นมาเอง เป็นการแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองของแต่ละคน “ทุกอย่างมันเริ่มต้นมาจากการเช็คแฮนด์ทักทายกับเด็กชั้นประถม 4 เมื่อปีก่อน เธอจะมารอผมทุกๆ…
-
ชมภาพถ่ายโคลสอัพของ “วงแหวนดาวเสาร์” จากนาซ่า ที่มีรายละเอียดชัดเจนที่สุด!!
“ดาวเสาร์” ถือเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ที่มีเอกลักษณ์ที่ดูโดดเด่น แปลกตา น่าค้นหากว่าดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ เนื่องจากมีวงแหวนล้อมรอบ ดังนั้นจึงทำให้ภาพลักษณ์ภายนอกของดาวเสาร์ดูสง่างามเป็นอย่างมาก ดังนั้น เมื่อเราได้มองภาพของดาวเสาร์ สิ่งที่ทำให้เราสนใจก็คือ วงแหวนที่ล้อมรอบ นั่นเอง ซึ่งในบางครั้งก็อาจจะทำให้หลายๆ คนอยากเห็นภาพชัดๆ ของวงแหวนว่ามันเป็นอย่างไร และในวันนี้เราได้นำภาพมาให้ชมแล้ว วันที่ 31 มกราคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ได้เผยภาพถ่ายที่น่าสนใจจากนาซ่า ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นภาพโคลสอัพของวงแหวนดาวเสาร์ ที่ว่ากันว่านี่เป็นภาพวงแหวนที่มีรายละเอียดเยอะที่สุดเป็นประวัติการณ์… โดยทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ถูกบันทึกโดยยานอวกาศ Cassini ที่ทางนาซ่าได้ส่งขึ้นไปออกสำรวจตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งในตอนนั้นก็ได้มีการเก็บภาพความสวยงามของดาวดวงนี้เอาไว้มากมาย และล่าสุดหลังจากที่ทางนาซ่าได้ออกมาเผยแพร่ภาพจากยานดังกล่าวอีกครั้ง ก็ทำให้เราได้พบกับสิ่งที่น่าสนใจของดาวเสาร์มากขึ้นมากกว่าเดิม ภาพถ่ายชิ้นส่วนที่สวยงาม และน่าสนใจของระบบสุริยะอย่างดาวเสาร์ที่ใกล้สุดๆ ที่หลายๆ คนไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะมันได้ให้เราเห็นถึงลายละเอียดของแผ่นน้ำแข็งที่โคจรอยู่รอบดาวชัดเจนมากยิ่งขึ้น สำหรับยานอวกาศ Cassini ได้เริ่มออกสำรวจดาวเสาร์ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2016 ไปจนถึงเดือนเมษายน 2017 โดยจะโคจร 20 รอบ เริ่มจากการผ่านขั้วเหนือดาวเสาร์ แล้วออกไปยังวงแหวนเอฟของดาวเสาร์ด้วยวงโคจร Ring-Grazing Orbits …
-
ย้อนวันวานไปกับ 21 ช่วงเวลาดีๆ ในอดีตที่เด็กยุค 90 เคยสัมผัส เห็นแล้วชวนให้คิดถึงจริงๆ
เมื่อย้อนกลับไปในอดีตในยุค 90 เป็นยุคที่เทคโนโลยียังไม่ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์อย่างเต็มตัว อีกทั้งยังเป็นยุคที่เด็กๆ อย่างเราได้เติบโตมากับสิ่งเจ๋งๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพลง สิ่งของ ภาพยนตร์ แฟชั่นเสื้อผ้า ทรงผม ฯลฯ เรียกได้ว่ามันเป็นยุคที่สนุกที่สุดสำหรับหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ และในวันนี้เราจะขอพาเพื่อนๆ ทุกคนมาย้อนวันวานไปกับ 21 เหตุการณ์ต่างๆ ที่เด็กยุค 90 ล้วนเคยเจอ และเคยสัมผัสมาหมดแล้ว และมันก็จะทำให้ความทรงจำของคุณกลับเข้ามาสู่ในวัยเด็กอีกครั้งแน่นอน เมื่อรู้สึกว่าอยากจะดูหนังขึ้นมาทีไร ก็ต้องไปที่ร้านเช่าหนังทันที Lady and the tramp แบบคลาสสิคต้องวิดีโอเทปเท่านั้น เป็นยุคที่เจ๋งที่สุดแล้ว เพราะเวลาจะดูหนังครึ่งหลังก็ต้องพลิกเปลี่ยนมาดูอีกด้าน เป็นความรู้สึกที่เห็นแล้วชวนหงุดหงิด เวลาที่เทปได้รับความเสียหายแบบนี้ เวลาจะใช้สายโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ตจะหลุดทู๊กกกที แถมคนในบ้านยังสามารถฟังคุณคุยโทรศัพท์ผ่านโทรศัพท์อีกเครื่องได้ ซีดีเพลงก็มาเป็นอัลบั้มเลยจ้า งานศิลปะก็มา จะรู้สึกปวดใจทู๊กกกกกทีเมื่อเห็นแผ่นเป็นรอย เขียนเบอร์โทรของเพื่อนติดไว้ที่โทรศัพท์ เปิดเทปฟังเพลงเบาๆ เป็นอะไรที่คลาสสิคที่สุดแล้ว …
-
เบื่อทรัมป์ป่ะ!? ตามส่องทริปพักร้อนของ “โอบาม่า” หลังลงจากตำแหน่ง ชีวิตดูแฮปปี้ดีนะ
ในขณะที่ Donald Trump ประธานาธิบดีคนล่าสุดของประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังดำเนินหน้าทำตามนโยบายที่ตัวเองกล่าวไว้ตอนหาเสียง แน่นอนว่ามันจะต้องทำให้เขาทำงานหนักจนแทบไม่ได้พักผ่อนอย่างแน่นอน แต่กลับกันกับ Barack Obama อดีตประธานาธิบดีที่กำลังอยู่ในช่วงพักร้อนร่วมกับภรรยาและเพื่อนๆ ของเขา หลังจากที่ทำงานเพื่อประเทศชาติมาอย่างยาวนานเป็นระยะเวลาถึง 8 ปีด้วยกัน ล่าสุดมีคนพบตัวของอดีตประธานาธิบดีและภรรยาไปพักร้อนอยู่บนหมู่เกาะ British Virgin Islands ที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแคริบเบียน (ใกล้ๆ กับประเทศจาไมก้า) จากรายงานของสำนักข่าว TMZ บอกว่า Barack และ Michelle ถูกพบตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา และในทริปการพักร้อนครั้งนี้ก็มีแขกคนพิเศษอย่างผู้ประกอบการมหาเศรษฐีอย่าง Sir Richard Brandson อยู่ด้วย เขาไปพักร้อนพร้อมกับสวมหมวกแก๊บหันปีกหมวกไปข้างหลัง พร้อมกับรองเท้าแตะ แหม่ จะชิลไปไหน ชาวเน็ตต่างชาติพอได้เห็นภาพเหล่านี้แชร์ไปมากมายในโลกออนไลน์ ต่างก็ร่วมแสดงความยินดีกับอดีตประธานาธิบดี เพราะเขาเหนื่อยมามากแล้วจึงสมควรได้รับการพักผ่อนแบบชิลๆ ซะบ้าง… เอาให้เต็มที่เลย คุณสมควรได้รับมัน ผมก็อยากจะเล่นตลกนะ แต่ชายคนนี้สมควรแล้วที่จะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในภาพนี้ ขอขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง บ้างก็บอกว่าอยากให้เขากลับมารับตำแหน่งต่อ …
-
Rosa แม่หมาจิตใจบอบช้ำ ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ หลังถูกช่วยมาจากฟาร์มเนื้อในเกาหลีใต้
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 ทางเว็บไซต์ Thedodo ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวของ Rosa แม่สุนัขสีขาวตัวหนึ่งที่เคยโชคร้ายเพราะอาศัยอยู่ในฟาร์มค้าเนื้อสุนัขในประเทศเกาหลี แต่ก็ยังโชคดีที่มันได้รับการช่วยเหลือออกมาจนทำให้รอดชีวิตมาได้ และถึงแม้ว่าจะรอดพ้นมาจากสถานที่อันแสนเลวร้าย แต่เจ้า Rosa ก็ยังคงอยู่ในอาการหวาดกลัว นั่นแสดงว่าก่อนหน้านี้มันคงได้เจอกับเรื่องราวที่แสนเลวร้ายมาแน่ๆ เลย ทางด้าน Nash McCutchen ผู้ประสานงานด้านการตลาดของ Humane Society of Tampa Bay ได้เผยว่า “ถึงเราจะเคยเห็นสุนัขที่มีอาการหวาดกลัวมามากมายแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่เคยเห็นสุนัขที่มีอาการหวาดกลัวไปมากกว่าเจ้า Rosa…มันอยู่กับเรามาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมมองพวกเราเลย” Rosa สุนัขวัย 10 เดือน ที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากฟาร์มค้าเนื้อสุนัขใน Wonju ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งที่ฟาร์มแห่งนั้นเต็มไปด้วยความน่ากลัว และโหดร้าย เพราะผู้คนหวังเพียงต้องการนำเนื้อของมันไปส่งขาย และที่เลวร้ายไปกว่านั้นมีน้องหมาอีกหลายต่อหลายตัวที่อาศัยอยู่ในกรงแคบๆ ณ สถานที่แห่งนั้นด้วย ฟาร์มค้าเนื้อสุนัข ถือเป็นสถานที่อันแสนเลวร้ายสำหรับน้องหมาเป็นอย่างมาก เพราะพวกมันจะต้องถูกฆ่าอย่างทรมาน บางครั้งก็ถูกต้มทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ โชคดีที่มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเจ้า Rosa และสุนัขตัวอื่นๆ…
-
ภารกิจกอบกู้ชีวิตหมาน้อย ที่ติดอยู่ในซอกหินนานนับเดือน รู้สึกปิติมากที่มันรอดปลอดภัย…
ทุกชีวิตที่เกิดมาบนโลกใบนี้ย่อมมีค่าเสมอ ซึ่งเราก็เชื่อว่าไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ ต่างก็รักชีวิตของตัวเองทั้งนั้น และเมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเกินที่ตัวเองจะสู้ไหว ทุกๆ คนต่างก็ต้องการความช่วยเหลือ และคุณลองคิดดูนะว่าหมาน้อยตัวหนึ่งที่ต้องติดอยู่ในโขดหินเพียงลำพังมานานนับเดือน มันอยากรอดชีวิตไหม และต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ แน่นอนว่ามันคงรอคอยให้ใครสักคนเข้าไปช่วยอยู่ ซึ่งมันก็โชคดีมากๆ ที่บังเอิญกลุ่มคนในอียิปต์ ได้เดินผ่านกองหินที่เจ้าหมาน้อยติดอยู่พอดี นั่นจึงทำให้พวกเขา เข้าไปช่วยมันออกมา… ในขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านกองหินขนาดยักษ์ ทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังออกมาจากภายในหิน ซึ่งมันเป็นเสียงเล็กๆ ที่ดูราวกับว่าต้องการขอความช่วยเหลือ แต่ทว่าในขณะนั้นกลับไม่มีใครกล้าที่จะหยุดดูเลย เพราะบางคนก็กลัว บางคนก็กำลังเร่งรีบ โชคดีที่อย่างน้อยก็มีคนใจกล้าลองก้มลงไปมองสิ่งที่อยู่ในนั้น และในที่สุดเขาก็ได้พบกับเจ้าลูกหมาตัวน้อยๆ ที่อยู่ใต้ซอกหินนั่นเอง งานพวกเขาจึงไม่รอช้า และรีบเข้าไปช่วยมันทันที กลุ่มคนใจดีได้โทรเรียกให้หน่วยกู้ภัยท้องถิ่นมาช่วยเจ้าหมาน้อยที่น่าสงสาร และแน่นอนว่าพวกเขาก็ได้พยายามช่วยเหลือมันอย่างเต็มที่ ในตอนแรกพวกเขาพยายามย้ายโขดหินออก แต่มันค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เนื่องจากหินมีขนาดใหญ่จนเกินไป ดังนั้น พวกเขาจึงช่วยกันขยับหิน และสามารถแทรกตัวเข้าไปในช่องเล็กๆ เพื่อลงไปช่วยน้องหมาได้ ผู้คนได้พยายามช่วยเจ้าหมาน้อยอย่างเต็มที่ ทั้งยังคอยให้น้ำให้อาหารมันขณะที่ติดอยู่ในหิน ถึงแม้ว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้จะค่อนข้างยากลำบาก และใช้เวลานานกว่าหลายสัปดาห์ แต่ในที่สุดพวกเขาก็สามารถช่วยชีวิตมันได้สำเร็จ ซึ่งหลังจากที่สามารถช่วยชีวิตเจ้าหมาได้ พวกเขาก็ตั้งชื่อให้มันว่า “Rock” ซึ่งแปลว่า “หิน” นั่นเอง คนที่ได้เข้ามาช่วยเหลือเจ้า…
-
ศิลปินออกเดินทางรอบโลก และเก็บภาพความทรงจำดีๆ ผ่านภาพวาดของทุกที่ที่ไปเยือน
โดยปกติแล้วเวลาที่เราอยากจะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศหรือสถานที่สวยๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การถ่ายภาพสุดประทับใจเก็บเอาไว้ใช่ไหมละ แต่สำหรับบางคนเขาไม่จำเป็นต้องถ่ายภาพสถานที่ที่เคยไปเยือนมาเลย แต่เลือกที่จะเก็บความทรงจำดีๆ โดยการวาดภาพสถานที่เหล่านั้นมากกว่า Maxwell Tilse นักวาดการ์ตูนชาวออสเตรเลีย ที่อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอนคนนี้ เขสเป็นผู้ที่ชื่นชอบการวาดภาพ และเดินทางออกไปท่องเที่ยวรอบโลกเป็นอย่างมาก ซึ่งทุกๆ ครั้งที่เขาได้ในเยือนในสถานที่ตามประเทศต่างๆ เขามักจะวาดภาพของสถานที่ และบรรยากาศสวยๆ เหล่านั้นเก็บเอาไว้ และผลงานภาพวาดของเขาบอกเลยนะนอกจากจะสวยงามแล้ว ยังเหมือนจริงอีกด้วย และนี่คือ 22 ภาพวาดบางส่วนจากผลงานของ Maxwell Tilse… บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี กรากุฟ ประเทศโปแลนด์ Gdándsk ประเทศโปแลนด์ Bardejov ประเทศสโลวาเกีย กรากุฟ ประเทศโปแลนด์ Crumlaw สาธารณรัฐเช็ก ลอนดอน สหราชอาณาจักร เชสกีกรุมลอฟ สาธารณรัฐเช็ก วอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ Teltsch สาธารณรัฐเช็ก …
-
นี่คือวิธีที่ถูกต้องของการเอาชีวิตรอด หากคุณพลาดตกลงไปใน “รางรถไฟใต้ดิน”
สถานีรถไฟใต้ดิน ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อันตราย เพราะถึงแม้ว่าทางสถานีจะหามาตรการป้องกันเพื่อรับประกันความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกคนแล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยู่เสมอ แถมยังสามารถเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายในเวลาที่เร่งด่วนอีกด้วย ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เราจึงต้องขอมานำเสนอวิธีการเอาตัวรอด หากคุณตกลงไปในรางรถไฟใต้ดิน เพราะหากคุณรู้วิธีการเบื้องต้นเหล่านี้ บางทีมันอาจจะช่วยชีวิตคุณไว้ก็ได้ และโอกาสที่จะนำไปสู่ผลเลวร้ายก็อาจจะเกิดขึ้นน้อยลง สิ่งที่คุณไม่ควรทำ หากตกลงไปในรางรถไฟ หากตกลงไปในลางรถไฟ อย่าพยายามที่จะปีนขึ้นไป เพราะใต้แพลตฟอร์มมีกระแสไฟฟ้าแรงสูงอยู่ หากคุณไปสัมผัสมันเข้าอาจจะถูกช็อตทันที สิ่งที่คุณควรทำ หากตกลงไปในรางรถไฟ เมื่อตกลงไปแล้ว คุณควรจะมองดูก่อนว่ามีรถไฟมาหรือไม่ หากไม่มีก็เข้าไปยืนอยู่ตรงกลางรถไฟ ในขณะเดียวกันคุณสามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ เพื่อให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นแจ้งพนักงานของสถานีรถไฟใต้ดิน แต่ถ้าหากคุณดันตกลงไปในขณะที่รถไฟกำลังวิ่งมาพอดี ให้นอนหมอบลงบนช่องระหว่างรางและใช้มือคลุมหัวเอาไว้ ซึ่งระยะห่างระหว่างช่องว่างตรงกลางนั้น จะมีระยะห่างจากรถไฟประมาณ 0.5 เมตร ดังนั้นหากคุณนอนราบลงไปมันอาจจะช่วยให้คุณพ้นจากความอันตรายได้ ทั้งหมดนี้คือวิธีการเอาตัวรอดหากคุณตกลงไปในรางรถไฟ แม้ว่าหลายคนอาจจะคิดว่ามันคงไม่เกิดขึ้นกับตัวเองหรอก แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งหากคุณมีความจำเป็นในการขึ้นรถไฟ และบังเอิญกำลังตกอยู่ในสถานการณ์นั้นพอดี วิธีเหล่านี้อาจจะช่วยให้คุณรอดชีวิตได้ ที่มา : brightside
-
ยิ่งกว่าเซอไพรส์… หญิงสาวเช่า DVD มาดู เปิดเจอข้อความพร้อมเงิน 3,500 บาท จากชายลึกลับ!!
ใครบ้างล่ะจะไม่รู้สึกดีใจถ้าเกิดว่าอยู่เฉยๆแล้วดันมีเงินลอยเข้ามาในกระเป๋าแบบหน้าตาเฉย ถึงแม้ว่าผู้ให้ต้องการให้เรานำเงินไปใช้ในทางที่สร้างสรรค์ก็ตาม แต่แหม…ใครมันจะไปรู้ล่ะจริงไหม? เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2560 สำนักข่าว Mirror ได้รายงานเรื่องของหญิงสาวผู้โชคดีคนหนึ่ง เธอได้ออกไปเช่าดีวีดีจากร้านใกล้บ้าน และเมื่อเปิดกล่องดีวีดีออกมาเธอถึงกับต้องตกใจสุดขีด เพราะมันมีเงินแนบมาให้ด้วย!! รูปของกล่องดีวีดีดังกล่าว ที่ทำให้เธอได้รับเงินสดแบบฟรีๆ เมื่อเธอเปิดมานอกจากเงินสดแล้ว เธอก็ได้พบกับข้อความจากชายลึกลับที่ใช้นามปากกาว่า ‘Marcos’ โดยในจดหมายน้อยเขาได้แนบข้อความมาให้ดังนี้ “สวัสดีครับ!! ผมชื่อว่ามาร์คอส ทุกๆ เดือนผมจะแจกเงินเป็นจำนวน $100 ให้กับคนแปลกหน้า แต่สำหรับเดือนนี้ผมเลือกวิธีที่ต่างออกไป ด้วยการเอาเงินมาใส่ในกล่องดีวีดีกล่องนี้แทน ถ้าหากคุณได้รับเงินและข้อความนี้ละก็ ดีใจด้วยคุณคือคนแรกของปี 2017 ที่ได้เงินจากผม แต่มีข้อแม้เพียงข้อเดียวคือ คุณต้องนำเงินนี้ไปใช้ในทางที่ดี และถ้าหากคุณไม่ต้องการมันละก็ ได้โปรดเก็บมันไว้ที่เดิมเพื่อส่งต่อให้คนอื่น” กล่องดีวีดีสำหรับผู้โชคดีประจำเดือน เจ้าตัวถึงกับเอาเรื่องดังกล่าวมาทวีตลงในทวิตเตอร์ ใครบ้างจะไม่ดีใจล่ะเนาะ ได้เงินมาฟรีๆแบบนี้ จะว่าไปแล้วเรื่องราวของคนที่อยากจะส่งต่อความรู้สึกดีๆให้กันในสังคมเรื่องนี้ ใกล้เคียงกับเรื่องของนักศึกษาสาวชาวลิเวอร์พูล ที่ลืมตั๋วรถไฟไว้ แต่ทว่าโชคดีที่มีชายปริศนาเสนอซื้อตั๋วใบใหม่แบบฟรีๆในราคา 7 พันบาท โดยไม่หวังผลตอบแทน (ลิ้งค์ข่าวเดิม) เหตุการณ์อันน่าประทับใจในครั้งนี้เกิดขึ้นที่สถานีรถไฟในกรุงลอนดอน…
-
ชายหนุ่มปริศนา ถูกจับภาพได้ตอนสละเสื้อให้หมาจรจัด อย่างน้อยมันก็ไม่โดดเดี่ยวบนโลก…
เจ้าหมาจรจัดต้องนอนอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บอย่างโดดเดี่ยวในประเทศตุรกี ราวกับว่ามันไม่มีเพื่อนอยู่บนโลกใบนี้เลย แต่ทันใดนั้นเองก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับถอดเสื้อมาห่มให้กับมัน แสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยมันก็ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวบนโลก เนื่องจากเกิดเหตุโจรกรรม ผู้อยู่อาศัยในเมือง Giresun ได้ทำการนำเทปบันทึกภาพของกล้องวงจรปิดมาย้อนดูเหตุการณ์เพื่อหาตัวคนร้าย แต่จู่ๆ ก็ได้พบกับเหตุการณ์อื่นที่น่าประทับใจแทน กล้องได้จับภาพของชายปริศนาที่เดินดุ่มๆ ผ่านมาทางที่มีเจ้าหมาจรจัดตัวหนึ่งกำลังนอนอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเหน็บโดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยบรรเทาความหนาวเลยแม้แต่อย่างเดียว ทันใดนั้นเรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ชายคนดังกล่าวหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าหมาตัวนั้น จากนั้นก็หยิบอาหารให้ พร้อมกับถอดเสื้อนอกมาห่มให้เจ้าหมา ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกแชร์ไปมากมายในโซเชียลมีเดีย จนในที่สุดก็ทราบถึงตัวผู้สร้างเรื่องราวแสนประทับใจนี้ เขาเป็นพนักงานในเขตเทศบาลเมือง Giresun ชื่อว่า Bülent Kalpakçıoğlu เขาได้ให้สัมภาษณ์ถึงการกระทำดังกล่าวว่า เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เขาจะสามารถช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตร่วมโลกได้ “ถ้าผมไม่ให้เสื้อแจ็คเก็ตกับมันในวันนั้น มันจะกลายเป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เพราะในขณะที่เรานั่งผิงเตาผิงอุ่นๆ อยู่ในบ้านแต่พวกมันต้องทนอยู่กับความหนาวเหน็บอยู่ข้างนอก” คุณ Bülent จากการกระทำดังกล่าวนาย Bülent จึงได้รับรางวัลเกียรติยศที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษโดยนาย Kerim Aksu นายกเทศมนตรีของเมือง Giresun “จากการกระทำของเขา ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงความเป็นมนุษยชาติที่แท้จริง สัตว์ทั้งหลายก็เปรียบเสมือนเพื่อนร่วมโลกของพวกเรา พวกเรารักผู้คน รักเมืองของเรา รวมไปถึงรักสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่เปรียบเสมือนส่วนที่เติมเต็มเมืองของเราด้วย” ท่านนายกเทศมนตรีกล่าวในพิธีมอบรางวัล …
-
23 ภาพแฟชั่น ‘ผ้าคลุมฮิญาบอิหร่าน’ ที่ก้าวข้ามขีดจำกัด ไม่แพ้แฟชั่นแบบนิวยอร์กเกอร์!!?
เผื่อใครที่ยังไม่รู้ว่าทุกวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ของทุกปีจะถูกจัดว่าเป็น ‘วันฮิญาบโลก’ ซึ่งวันเฉลิมฉลองนี้ถูกก่อตั้งครั้งแรกก็เมื่อปี 2013 ที่ผ่านมานี้เอง จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการเผยแพร่ให้ชาวโลกได้รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการสวมฮิญาบตามธรรมเนียมของชาวอิสลาม ผ้าคลุมฮิญาบตามหลักศาสนาอิสลาม และในประเทศอิหร่าน หรือชื่อเต็มว่า สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เราคงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าที่นี่เขาได้จัดให้อิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ แน่นอนว่ามีกฎหมายเกี่ยวกับการสวมผ้าคลุมฮิญาบของผู้หญิงด้วย คนภายนอกอย่างเราๆ อาจจะเผลอคิดได้ว่าผู้หญิงที่นี่เค้าคงดูไม่มีความสุข เพราะต้องอยู่กับกฎระเบียบที่ไม่เท่าเทียมกันทางเพศ ผ้าคลุมฮิญาบในยุคสมัยใหม่ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดแบบเดิมๆ แต่เปล่าเลย!! เพราะถึงแม้ว่าจะมีจารีตประเพณีตามศาสนาแบบดั้งเดิมอยู่ แต่สำหรับที่กรุงเตหะรานแห่งนี้ เชื่อไหมว่าความเก๋ไก๋แบบโลกสมัยใหม่และผ้าคลุมฮิญาบตามความเชื่อดั้งเดิม สามารถมาบรรจบกันได้อย่างลงตัว จนออกมาเป็นภาพแฟชั่นสุดชิคที่เราเอามาให้ดูทั้งหมดนี้ต่างหากล่ะ บอกแล้วไงว่าแฟชั่นแต่ละคนหน่ะ สวยงามจัดเต็มไม่แพ้งานแฟชั่นวีคส์จากนิวยอร์กเลยหล่ะเธอว์…!! ที่มา: Boredpanda
-
‘Ussuri Bay’ อดีตชายหาดที่เต็มไปด้วยเศษแก้ว กลายมาเป็นหาดแก้วพิสดาร สวยอลัง!!!
จะว่าไปแล้ว ‘รัสเซีย’ เป็นประเทศที่มักจะมีเรื่องราวแปลกๆ มาให้เราได้ชมกันอยู่ตลอด อาจเพราะขนาดอาณาเขตของประเทศที่กว้างใหญ่เหลือเกิน เต็มไปด้วยผู้คนจากมากมายหลากหลายพื้นที่คล้ายๆ กับกรณีของจีน ไม่ใช่แค่เรื่องราวสุดโปกฮาจากชาวรัสเซียเท่านั้นที่เรามักจะได้เห็นกันบ่อยๆ เพราะอีกด้านมุมหนึ่งประเทศนี้กลับเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น ‘Ussuri Bay’ ชายหาดแก้วพิสดารที่เกิดจากการทิ้งขวดแก้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า กลายเป็นความสวยงามจากฝีมือมนุษย์ที่หลอมรวมเข้ากับธรรมชาติซะงั้น!? เดิมทีในอดีตสถานที่นี้ เป็นเหมือนที่ทิ้งขยะที่เต็มไปด้วยเศษแก้ว เศษกระเบื้องมากมาย ตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานหลายสิบปี น้ำทะเลที่ซัดสาดเข้ามาทุกวัน ได้กัดกร่อนให้กลายเป็นก้อนกรวดที่เต็มไปด้วยสีสัน และทำให้ความคมจากเศษแก้วหายไป ครั้งหนึ่งมันเคยถูกตั้งเป็นเขตอันตราย เพราะเต็มไปด้วยเศษแก้ว เศษขยะ ถึงขนาดที่เจ้าหน้าที่ต้องคอยควบคุมไม่ให้ประชาชนเข้าไปใช้พื้นที่ แต่ปัจจุบันมันได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของชาวเมือง เรียกได้ว่าผู้คนต่างหลั่งไหลกันเข้าเพื่อพักผ่อนบนชายหาดที่เต็มไปด้วยกรวดแก้ว มองดูผ่านๆ มันก็เหมือนกับก้อนกรวดหลากสีทั่วไป แทบจะดูไม่ออกเลยว่าครั้งหนึ่งสิ่งเหล่านี้คือกองสิ่งปฏิกูลที่ไม่มีใครต้องการแล้ว อีกทั้งด้วยความหลากสีสัน หลายรูปทรง ชวนให้คิดว่าเป็นลูกอมหลากสีเหมือนตอนที่เราเป็นเด็กๆ เลยไหมล่ะ ตอนนี้พื้นที่แห่งนี้ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ไม่มีอันตรายใดหลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะลูกเล็กเด็กแดง คุณก็สามารถเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจกันได้ตามอัธยาศัย แต่อาจจะต้องสวมใส่รองเท้า หรือเดินอย่างระมัดระวัง เพราะบางทีอาจจะมีเศษแก้วหลงมาปักเท้าเราก็ได้นะ… คงเป็นโอกาส 1 ในล้าน…
-
หนูน้อยวัย 7 ขวบ กับตำแหน่ง CEO บริษัทรีไซเคิล เพื่อช่วยลดขยะและอนุรักษ์โลกใบนี้!!
เรื่องราวของหนุ่มน้อย Ryan วัย 7 ปี ที่ทำการตั้งบริษัทรีไซเคิลเป็นของตัวเอง โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยโลก ลดขยะ และทำให้ผู้ใหญ่หลายๆ คนตระหนักในการดูแลสภาพแวดล้อมมากขึ้น ในรายการทอล์คโชว์ชื่อดังอย่าง The Ellen DeGeneres Show ได้เชิญเด็กน้อยคนนี้มาร่วมสัมภาษณ์ถึงบริษัทของเขา และจุดเริ่มต้นของความคิดที่แสนบรรเจิดนี้ เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อปี 2012 ขณะที่หนูน้อย Ryan อายุได้ 3 ขวบ เขาเดินทางไปยังศูนย์รีไซเคิลใกล้บ้านเพื่อนำขวดเปล่าและกระป๋องเปล่าไปขึ้นเงิน เพื่อแลกกับค่าขนมเล็กน้อย หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นเจ้าหนู Ryan ก็สังเกตเห็นว่าคุณพ่อและคุณแม่ของเขาเดินถือถุงเปล่าเดินไปขอขวดพลาสติก และกระป๋องจากเพื่อนบ้านทุกคน เพื่อนำมาให้เขา จนในที่สุดก็ตัดสินใจก่อตั้งขึ้นมาเป็นบริษัท Ryan’s Recycling จนถึงตอนนี้ทางบริษัทก็ได้ทำการรีไซเคิลขวดและกระป๋องไปมากกว่า 200,000 ชิ้น แถมยังสร้างรายได้มากถึง 350,000 บาทแล้วด้วย!! แม้จะดูไม่เป็นรายได้ระดับล้านหรือสิบล้าน หรือประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีตั้งแต่วัยเยาว์ แต่ด้วยรายได้มากถึงหลายแสนในวัยเพียง 7 ขวบ เขาก็ถือว่าเป็นเด็กน้อยที่น่าจับตามอง โดยในอนาคต เขาหวังว่าจะนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อรถเก็บขยะคันใหญ่ เพื่อช่วยให้การเก็บขยะมารีไซเคิลนั้นง่ายดาย และเพิ่มปริมาณมากยิ่งขึ้น และขยายธุรกิจของเขาเองให้ใหญ่โตกว่าเดิม…
-
ยลโฉม “ปลานกไฟ” สิ่งมีชีวิตอันงดงามใต้ทะเล ที่สวยเหมือนว่ามาจากนอกโลก
บนโลกใบนี้มีปลาสายพันธุ์แปลกๆ อยู่มากมายที่หลายคนไม่เคยรู้จักมาก่อน เหมือนดังเช่นปลาที่เราได้นำมาให้ชมในวันนี้ บอกเลยว่าหลายๆ คนจะต้องไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน เจ้าตัวที่จะพาไปชมวันนี้มันเป็นปลาสายพันธุ์แปลก ที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ลองไปยลโฉมมันหน่อยดีไหม… เปิดด้วยภาพแรก สมกับฉายา Firebird Fish หรือปลานกไฟ รึเปล่า!? นี่คือ ปลาหูช้างครีบยาว หรือ ปลาค้างคาว ถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่โดดเด่นที่สุดของปลาน้ำเค็ม โดยจะมีครีบหลังและครีบท้องยาว เมื่อยังเป็นปลาในวัยอ่อน ลำตัวของมันจะมีสีดำทั่วตัว ส่วนตามริมครีบ และรอบลำตัวจะมีสีส้มสดใส แถมมีลักษณะคล้ายค้างคาวเหมือนอย่างที่เห็น แต่เมื่อมันเติบโตขึ้น ครีบของมันจะเริ่มสั้นลง รวมถึงสีก็จะค่อยๆ เปลี่ยน จากสีดำก็จะเริ่มซีดลง อีกทั้งบริเวณใบหน้าของมันก็จะสั้นลง จนทำให้มันดูกลมซึ่งต่างจากตอนเป็นเด็กอย่างมาก และเมื่อโตจะมีความยาวเต็มที่ราว 70 เซนติเมตรเลยทีเดียว เมื่อมันกำลังลอยน้ำอยู่ ตัวของมันก็จะพลิ้วไหว สวยงามที่สุด ทางด้านนักวิชาการได้ออกมาเผยว่า ลำตัวสีดำ และขอบเส้นสีส้มของมันนั้น จะทำหน้าที่ในการอำพรางตัวให้เหมือนกับใบไม้แห้งที่ลอยอยู่ในน้ำ เพื่อเป็นการเอาตัวรอดจากปลานักล่าตัวอื่นๆ นั่นเอง สีสันสีดำบนลำตัวของปลาค้างค้าวในวัยเด็ก ดูเหมือนกับค้างคาวที่กำลังกระพือปีกอยู่ไม่มีผิด วิดีโอที่กำลังถูกแชร์กันอย่างมาก เพราะชาวเน็ตหลายคนเพิ่งจะรู้จักความสวยงามของมัน… …
-
ชายหนุ่มทดลอง ให้คนอื่นแปล “ข้อความด่าแบบเกลียดชัง” เพื่อดูปฏิกิริยาของพวกเขา…
ในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะขอมานำเสนอคลิปวีดีโอการทดสอบปฏิกิริยาของผู้คนมาให้ได้ชมกัน โดยในคลิปการทดลองของชาแนลยูทูป Lietuvos žmogaus teisių centras แสดงให้เห็นภาพของชายผิวสีคนหนึ่งในลิทัวเนีย ในคลิปจำลองว่าเขาพูดได้เพียงแค่ภาษาอังกฤษ และกำลังพยายามขอความช่วยเหลือจากผู้คน โดยการให้พวกเขาเหล่านั้นช่วยแปลข้อความในเฟสบุ๊คซึ่งเป็นภาษาลิทัวเนียให้ หลังจากที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวได้ยื่นแท็บเล็ตให้กับผู้คนได้อ่าน เขาก็ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของผู้คนเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน บางคนก็รู้สึกอยากจะขอโทษ บางคนก็มีลักษณะเหมือนกับกำลังจะร้องไห้ เนื่องจากในข้อความที่พวกเขาเห็นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และถ้าหากพูดออกไปมันอาจจะทำให้เขาเสียใจได้ อีกทั้งยังมีหญิงรายหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “ฉันจะไม่แปลให้คุณฟังหรอก เพราะมันฟังดูแย่มาก” หรืออย่างเช่น “ไม่มีข้อความที่เป็นประโยชน์สำหรับคุณเลย” ลองชมปฏิกิริยาจากผู้คนที่เข้ามาร่วมการทดลองนี้ ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกับคำด่าเหล่านั้น… ดูสายตาของเขา ที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ.. โดยปกติแล้วผู้คนส่วนใหญ่อาจไม่เคยนึกถึงเรื่องแย่ๆ หรือสิ่งที่น่ากลัวกันสักเท่าไหร่ แต่สำหรับคลิปวีดีโอดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกด้านมืดในจิตใจของผู้คน… ที่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้เห็นสิ่งที่เลวร้าย และน่ากลัวที่ปรากฏในข้อความที่อ่าน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ได้แสดงความรู้สึกที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นออกมา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดี และน่าประทับใจไม่น้อย ที่มา : upworthy
-
พลังสามัคคี!! ชาวบ้านจับมือเป็น “โซ่มนุษย์” เพื่อช่วยเหลือชีวิตคนกำลังจะจมน้ำ
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์มีรายงานว่า กลุ่มนักท่อง 3 คน ที่กำลังเล่นน้ำบนชายหาด Monte Hermoso ประเทศอาร์เจนตินา ได้ถูกคลื่นลูกใหญ่ซัดออกไปไกลจากฝั่ง และถ้าปล่อยไว้พวกเขาจะต้องจมน้ำเสียชีวิต ทางด้านผู้เห็นเหตุการณ์ได้เผยว่า เขามองเห็นคน 3 คน กำลังจมน้ำ และมีผู้คนได้รีบลงเข้าไปช่วยเหลือ แต่ทว่าด้วยความแรงของคลื่นยักษ์ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะสามารถช่วยเหลือได้ แต่เคราะห์ดีที่ผู้คนในบริเวณนั้นบังเอิญเห็นเข้า จึงได้ช่วยกันเข้าไปให้ความช่วยเหลือ โดยพากันจับมือเป็นห่วงโซ่มนุษย์ ทำให้ผู้โชคร้ายทั้ง 3 คน สามารถรอดชีวิตมาได้ในที่สุด หลังจากที่ได้ขึ้นมาจากน้ำ บรรดาผู้คนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณนั้นต่างก็พากันปรบมือแสดงความดีใจ ที่ทุกคนสามารถกลับขึ้นมาบนฝั่งได้อย่างปลอดภัย คลิปการช่วยเหลือ ที่ถูกบันทึกโดยชาวบ้านในแถบนั้น… ทางด้านหน่วยกู้ภัย Lifeguard Carolina Uriarte ได้เขียนแสดงข้อความลงในเฟสบุ๊คว่า “ในทะเลที่แสนอันตราย ทั้งสามคนติดอยู่ในคลื่น ซึ่งหลังจาก 8 นาทีของการช่วยเหลือ มันทำให้พวกเขาปลอดภัย ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ” และที่สำคัญเมื่อคลิปวีดีโอดังกล่าวได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างก็เข้าไปรับชม และแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย จนในตอนนี้มียอดวิวสูงกว่า 104,000…
-
สาวรัสเซียเพ้นท์ก้อนหินขาย ลวดลายมันชวนโอ้วว้าว อลังการดาวล้านดวงจริงๆ
ก้อนหินอาจเป็นของที่พบเห็นได้ทั่วไปจนหลายๆ คนไม่เห็นค่า แต่สำหรับศิลปินคนนี้เธอได้เปลี่ยนก้อนหินธรรมดาๆ ให้กลายเป็นงานศิลปะสุดแสนอลังการดาวล้านดวง ที่ใครเห็นก็ต้องยกนิ้วให้อย่างแน่นอน ศิลปินคนนี้มีชื่อว่า Tatiana Verkhovskaya จากกรุงมอสโกว ประเทศรัสเซีย เธอได้นำก้อนหินธรรมดาๆ มาเพ้นลวดลายมังกรลงไป หลายคนอาจจะรู้สึกว่าการวาดภาพลงบนผ้าใบหรือบนกระดาษมันยากแล้ว การวาดลงบนก้อนกิ่นที่มีความนู้นความโค้งก็ยิ่งยากไปใหญ่ แต่เธอก็ถ่ายทอดมันออกมาอย่างสวยงาม ซึ่งผลงานแต่ละอันต้องบอกว่าสวยงามสุดๆ ไปเลย เธอก็เลยเริ่มวางขายบนเว็บไซต์ https://vk.com/unicorngarden ในราคาก้อนละประมาณ 1,700-3,000 บาท ลองไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองกันเลย มังกรหิมะสุดเจ๋ง ครอบครัวมังกร แบบสร้อยก็มีนะ แต่ละนี่ต้องบอกว่าสวยๆ ทั้งนั้นจริงๆ เห็นแล้วอยากได้ซักอันไหมล่ะเพื่อนๆ ลองไปชมผลงานอื่นๆ ของเธอกันดีกว่า… จากก้อนหินธรรมดาๆ กลายเป็นของประดับสุดสวย ต้องยกนิ้วให้ฝีมือของเธอจริงๆ ที่มา Boredpanda
-
โรงเรียนจีนเปิด “ธนาคารเกรด” ปล่อยกู้ยืมเกรด ให้กับนักเรียนที่เกรดไม่ถึง (แต่มีดอกเบี้ยนะ)
เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันเด็กนักเรียนในประเทศจีนต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการศึกษามากมาย ทุกคนต้องพยายามเรียนเพื่อให้ได้เกรดที่ดีที่สุดไม่เพียงเพื่อความพึงพอใจของสังคมเท่านั้น แต่นั่นยังหมายถึงอนาคตของตนเองด้วยเช่นกัน แต่ล่าสุด โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองนานกิงได้เปิด “ธนาคารเกรด” ให้นักเรียนที่ประสบปัญหาเกรดน้อย เกรดไม่ถึง ได้กู้ยืมไปใช้งานก่อนได้ด้วย ธนาคารเกรด ถือกำเนิดแล้วในประเทศจีน… โดยธนาคาร จะปล่อยกู้เกรดให้กับนักเรียนที่สอบตกไม่ว่าจะวิชาใดก็ตามตามต้องการ ฟังดูดีใช่ไหม!? แต่แน่นอน เรื่องราวไม่ได้ง่ายแบบนั้น นักเรียนที่กู้ยืมจะต้องจ่ายดอกเบี้ย ด้วยการทำเกรดให้สูงขึ้นกว่าเดิมในเทอมถัดมา แต่อาจารย์หลายๆ ท่านอาจคิดดอกเบี้ยหรือการใช้หนี้ด้วยวิธีอื่นๆ เช่นให้มาช่วยทำงานในแล็บวิทยาศาสตร์ หรือไม่ก็ให้บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ ซึ่งนักเรียนคนไหนที่เบี้ยวหนี้ ก็จะถูกจับใส่แบล็กลิสต์เหมือนกับธนาคารจริงๆ เพราะฉะนั้นพวกเขาก็จะไม่สามารถกู้ได้ในอนาคต หรือจะมีสิทธิ์ถูกตัดเกรดน้อยลงไปอีก Mei Hong อาจารย์ฟิสิกส์จากโรงเรียนในนานกิงแห่งนี้กล่าวว่า ระบบกู้ยืมเกรดดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อมอบ “โอกาสครั้งที่สอง” ให้กับนักเรียน “คะแนน 59 กับ 60 แทบไม่ต่างกันเลย แต่ในการตัดคะแนน คนแรกคือคนที่สอบตก คนที่สองคือคนที่สอบผ่าน ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อนักเรียนเป็นอย่างมาก ฉะนั้นพวกเขาสามารถกู้คะแนนไปใช้ก่อนได้ ตราบใดที่พวกเขายินดีจะจ่ายดอกเบี้ยภายหลัง” นักเรียนคนหนึ่งกล่าวว่า “ผมป่วยช่วงก่อนสอบกลางภาคและผมก็ไม่ได้เข้าเรียนหลายคาบเลย ผมเลยสอบตก แต่ผมดีใจมากที่ระบบนี้มอบโอกาสให้ผมได้แก้ตัวอีกครั้ง” อย่างไรก็ตามแม้ทางโรงเรียนจะบอกว่าระบบดังกล่าวส่งผลด้านบวกมากกว่าด้านลบ…