คู่รักทหารสก็อตที่ช่วยหญิงชาวยิว เมื่อสมัยสงครามโลก ฉลองวาเลนไทน์ครองรักครบ 71 ปี!!

หากย้อนกลับไปในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หนึ่งในเหตุการณ์ที่คนทั่วโลกไม่อยากจะจดจำมากที่สุด คือเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว จากจักรวรรดินาซีนั่นเอง

ทว่าในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายกลับมีเรื่องราวความรักของคนสองเกิดขึ้น และมันช่างเป็นเรื่องราวคามรักที่สวยงามซะจนเราต้องเอามาเล่าต่อเลยล่ะ เพราะปีนี้ทั้งคู่กำลังฉลองวันแห่งความรักเป็นรอบที่ 71 แล้วนะ….

 

John Mackay คุณปู่วัย 96 ปี และ Edith Steiner คุณย่าวัย 92 ปี

 

เรื่องราวความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โน้นแหละ ในตอนนั้นคุณปู่ยังทำหน้าที่เป็นนายทหารคอมมานโดให้กับกองทัพสก็อตแลนด์ และภารกิจส่วนใหญ่ที่เขาได้รับนั่นก็คือ การเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือชาวยิวที่ถูกจับเป็นเชลยศึก

ครั้งหนึ่งเขาได้รับภารกิจให้เข้าไปช่วยเหลือชาวยิวส่วนหนึ่งที่กำลังจะถูกต้อนเข้าห้องรมแก๊สพิษ แน่นอนว่าภารกิจสำเร็จลุลวงด้วยดี

หนึ่งในชาวยิวที่เขาช่วยเหลือมาได้ในครั้งนั้น ก็มี Edith Steiner หญิงสาววัย 20 ปี ผู้ที่กลายมาเป็นรักแท้ของเขาในเวลาต่อมา

 

ภาพของพวกเขาในสมัยยังเป็นหนุ่มสาว

 

หลังเสร็จสิ้นภารกิจจากสมรภูมิรบ ทั้งคู่พบกันอีกครั้งที่งานเต้นรำเฉลิมฉลองอิสรภาพ ในที่สุดพวกเขาก็ได้แต่งงานกันในวันที่ 17 มิถุนายน 1946 อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวอย่างมีความสุขพร้อมกับทายาทตัวน้อยอีก 2 ชีวิต

 

ภาพถ่ายครอบครัว

 

ถ้าหากเรื่องราวการพบกันของทั้งคู่น่าสนใจแล้ว เราคิดว่าความรักตลอดระยะเวลา 71 ปีที่ผ่านมานั้นน่าสนใจกว่า เพราะถึงทั้งคู่จะเข้าสู่วัยเลขเก้าอย่างเต็มตัวแล้ว แต่ดูเหมือนความรักที่มีให้กันนั้นมันช่างหวานแหววซะจนวัยรุ่นอย่างเราๆ เห็นแล้วเป็นต้องอิจฉา

‘สิ่งที่ทำให้ความรักของเรายืนยาวขนาดนี้น่ะเหรอ? คือการเอาใจใส่ และความโรแมนติคที่เราควรมีให้กันในทุกๆ วัน ไม่ใช่เฉพาะแค่วันวาเลนไทน์ยังไงล่ะ’ คุณปู่เผยทีเด็ดด้านความรัก

อีกทั้งคนใกล้ตัวยังเล่าเสริมด้วยว่า สาเหตุที่ทั้งคู่ดูรักใคร่กลมเกลียวกันมาตลอดระยะเวลา 70 ปีนั้น ก็เพราะว่าทั้งคู่ต่างเคยเผชิญความยากลำบากในช่วงสงครามมาแล้ว

Edith เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวของครอบครัวเธอที่รอดมาได้ และ John ก็มักจะคอยอยู่เคียงข้างดูแลภรรยามาอย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่ห่างไปไหนเลย…

 

 

เห็นแล้วก็รู้สึกอิจฉาแร๊งง นี่สินะที่เค้าเรียกว่า ‘รักแท้’ และหวังว่าอีกไม่นานจะได้มาทำข่าวฉลองอายุครบร้อยปีกันอีกนะครับ

ที่มา: Dailymail

Comments

Leave a Reply