ปาฏิหาริย์ที่เป็นจริง คุณแม่ได้พบกับลูกสาวอีกครั้ง หลังจากพลัดพรากกันนานกว่า 77 ปี!!

ความสัมพันธ์ของแม่ลูกนั้น เป็นระดับความสัมพันธ์ที่ตัดกันไม่ขาด แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ หรือต้องอยู่ไกลกันขนาดไหนก็ตาม

เช่นเดียวกับเรื่องราวของคุณแม่ผู้สูงอายุ ‘มินก้า ดิสโบรว์’ เมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นได้อายุ 17 ปี เธอถูกข่มขืน และตั้งท้องในเวลาต่อมา

 

มินก้า ดิสโบรว์

 

แต่ด้วยภาระหน้าที่ ที่ไม่สามารถส่งเสียเลี้ยงดูลูกได้ เธอจึงจำใจต้องยอมให้ลูกสาวคนแรกของเธออยู่ภายใต้การดูแลของศูนย์สงเคราะห์เด็ก

จนเวลาผ่านไปนานเนิ่นทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลย สิ่งเดียวที่เธอมีคือรูปถ่ายขาว-ดำ ในสมัยที่ลูกสาวของเธอเพิ่งลืมตาออกมาดูโลกได้ไม่นาน

 

 

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอพยายามเขียนจดหมายหลายต่อหลายฉบับส่งไปที่ศูนย์ดูแลเด็ก ซึ่งที่ผ่านมาทางศูนย์ก็ได้ให้ความหวังว่าจะพยายามติดต่อลูกสาวเธอให้ได้ จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงการจัดการภายใน จึงทำให้ความปรารถนาของเธอดูจะเลือนลางจางหายไป

 

“ขอแค่ให้ฉันได้พบกับเธออีกครั้ง ฉันสัญญาว่าจะไม่ยุ่งยาก จะไม่กวนใจเธอเลย” คุณแม่กล่าว

 

จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อช่วงกรกฏาคม ปี 2006 มินก้าได้รับโทรศัพท์จากชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาได้แนะนำตัวว่าชื่อ ‘ไบรอัน ลี’ ผู้เป็นลูกชายของ ‘เบ็ตตี้ เจน’ ซึ่งเธอก็คือลูกสาวเพียงคนเดียวที่มินก้าพยายามตามหามาโดยตลอด ปัจจุบันเธอใช้ชื่อว่า ‘รูธ ลี’ แทน

 

 

เรื่องมันมีอยู่ว่า รูธ ลี อายุได้ 70 ปี เธอป่วยด้วยโรคหัวใจ คุณหมอจึงต้องการข้อมูลทางการแพทย์เพื่อใช้รักษา จากนั้นลูกชายของเธอจึงไปสืบสาวประวัติครอบครัวของคุณแม่ที่ผ่านมา จนได้พบกับมินก้า แม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่เชื่อว่าจะมีโอกาสได้พบกับคุณยายแท้ๆ ของเขาเอง

 

วินาทีที่ทั้งสองได้เจอกัน

 

ในที่สุดความฝันสุดท้ายของคุณยายมินก้าตลอด 77 ปีที่ผ่าน ได้กลายเป็นความจริง เมื่อไบรอัน ได้พาคุณแม่ผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณยายมินก้า มาพบเจอกันอีกครั้งที่แคลิฟอร์เนีย

ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้เจอกันมานานนับชั่วอายุคน แต่ทั้งคู่ก็ยังคงสัมผัสได้ถึงสายใยรักของแม่ลูกที่ไม่สามารถตัดขาดจากกันได้

 

“มันน่าเหลือเชื่อมาก ฉันยังรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นกับความฝันอยู่เลย” มินก้าเล่า

.

 

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ หรือเราจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ยังไงความรักจากผู้เป็นแม่ จะยังคงอยู่กับเราตลอดไป…

ที่มา: lifebuzz 

Comments

Leave a Reply