เมื่อรัฐอาร์คันซอ อนุญาตให้ผู้ข่มขืน ฟ้องเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องการทำแท้งได้!?

ปกติแล้วคดีข่มขืนถือว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรงมากๆ และตัวเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายสามารถที่จะเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ แต่ถ้าเกิดกรณีที่ข่มขืนแล้วท้องขึ้นมาล่ะ!?

กรณีข่มขืนและท้องในแต่ละประเทศก็จะมีนโยบายด้านกฎหมายต่างกัน บ้างก็ยังผิดกฎหมายด้านการทำแท้ง ทำให้เกิดการทำแท้งเถื่อนตามมา หรือบางประเทศก็จะเปิดให้ทำแท้งได้เป็นกรณีพิเศษ

 

 

ล่าสุดมีรายงานว่าทางรัฐอาร์คันซอในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตั้งกฏหมายขึ้นมาใหม่ว่า ถ้าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากคดีข่มขืนต้องการที่จะทำแท้ง สามารถที่จะถูกฟ้องจากผู้ก่อเหตุคดีข่มขืนได้ ในฐานะที่เป็นพ่อของลูกคนนั้น

กฏหมายตัวนี้จะถูกนำมาใช้งานในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้ โดยนาย Andy Mayberry ตัวแทนของรัฐอาร์คันซอและเป็นผู้ร่วมลงนามในกฏหมายตัวนี้ ได้บอกว่า

“ถึงแม้กฏหมายตัวนี้จะอนุญาตให้ผู้ก่อเหตุคดีข่มขืนสามารถฟ้องร้องผู้เสียหายในกรณีที่จะทำแท้งได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องสิทธิทางการเงินต่างๆ เช่นกัน”

 

 

Karen Musick ผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายผู้สนับสนุนการทำแท้ง ที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ก็ออกมาตอบโต้ถึงกรณีที่กฎหมายดังกล่าวกำลังจะถูกนำมาใช้งานจริง

“ฉันไม่เข้าใจสักนิดเดียวว่าทำไม ผู้ก่อเหตุคดีข่มขืนที่ทำให้ผู้เคราะห์ร้ายตั้งครรภ์ โดยที่พวกเขาไม่ได้ตั้งใจหรือพร้อมที่จะมีลูก ได้รับสิทธิที่ชอบธรรมนั้นไป” 

กฎหมายตัวนี้ที่เรียกว่า Act.45 จะแบนการทำแท้งในระยะที่ 2 ของการตั้งครรภ์ (ช่อง 4-6 เดือน) ซึ่งกว่า 95% ของคนที่ทำแท้งจากการตั้งครรภ์โดยผิดพลาด จะใช้ช่วงนี้มากที่สุด

และหากใครละเมิด ก็อาจจะโดนโทษปรับสูงถึง 350,000 บาทเลยทีเดียว

 

 

กฏหมายตัวนี้จึงยังเป็นเรื่องถกเถียงกันเป็นอย่างมาก ว่าการให้สิทธิแบบนี้กับผู้ที่ก่อคดีข่มขืนเป็นเรื่องที่ถูกแล้วเหรอ? การทำแบบนี้จะช่วยลดการทำแท้งได้จริงไหม? การอนุญาตให้ทำแท้งได้เป็นเรื่องสิทธิของตัวคนที่ตั้งครรภ์หรือเปล่า?

แล้วแบบนี้เพื่อนๆ คิดยังไงกันบ้างเกี่ยวกับกฏหมายตัวนี้ ใครมีความเห็นยังไงก็มาแชร์กันได้นะ

ที่มา metro

Comments

Leave a Reply