Author:

  • โผล่อีกราย… ชายสิงคโปร์ผู้บริโภคซาชิมิ กลายเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุพยาธิตัวตืดยาว 2.8 เมตร!!

    โผล่อีกราย… ชายสิงคโปร์ผู้บริโภคซาชิมิ กลายเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุพยาธิตัวตืดยาว 2.8 เมตร!!

    บนโลกนีี้มีของอร่อยๆ สำหรับมนุษย์เราอยู่อย่างมากมายทั้งหมู เห็ด เป็ด ไก่ต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องนำมาผ่านกรรมวิธีปรุงให้สุกเพื่อให้มีความปลอดภัยแก่ร่างกาย รวมทั้งเพิ่มความโอชะให้กับอาหารประเภทนั้นๆ ด้วย ทว่าสำหรับบางคนนั้น อาหารดิบๆ กลับกลายเป็นอาหารชั้นเลิศ เราจึงเห็นเมนูของดิบๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย โดยในบ้านเราก็มีทั้งลาบดิบ กุ้งเต้นหรืออื่นๆ อีกมากมาย แต่ก็ไม่ใช่แต่เฉพาะกับประเทศไทยเท่านั้น เพราะว่าในต่างประเทศก็มีการทานของดิบที่ว่านี้เช่นกัน เช่น ปลาดิบ (ซาซิมิ) ก็เคยมีให้เห็นกันอย่างละลานตา ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีว่าอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงให้สุกนั้นมีอันตรายมากมายซ่อนอยู่ มันอาจจะทำให้เราปวดท้อง อาหารเป็นพิษหรือมันอาจจะทำให้มีเชื่อโรคเข้าไปเติบโตในร่างกายของเราได้ เหมือนกับในเคสนี้ที่มีนายแพทย์พบพยาธิตัวตืดที่มีความยาวถึง 2.8 เมตรอยู่ในร่างกายของมนุษย์!!   พยาธิตัวตืดที่ค้นพบในร่างกายของชายคนหนึ่ง   เหตุการณ์สยองพองเกล้าครั้งนี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลทั่วไปสิงคโปร์ (SGH) เมื่อทางทีมแพทย์ได้กล่าวว่าพวกเขาได้นำพยาธิตัวตืดออกจากร่างของชายคนหนึ่งผ่านทางรูทวารหนัก โดยพยาธิที่นำออกมานี้พวกเขากล่าวเอาไว้ว่า เมื่อนำมาเรียงต่อกันจะมีความยาวมากถึง 2.8 เมตรเลยทีเดียว แต่กระนั้นชายผู้ป่วยคนดังกล่าวก็ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับตัวของเขาทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่จริงแล้วพยาธิที่ว่านี้อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และอาจมีอันตรายจนถึงชีวิตได้ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เขามาพบแพทย์ก็เป็นเพราะ เขาสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างเล็ดลอดออกมาทางรูทวารของเขา จึงได้มาปรึกษากับแพทย์จนในที่สุด   อร่อยอย่างนี้ ต้องระวังกันนะจ๊ะ   สำหรับสาเหตุ ยังไม่แน่ใจว่าการติดเชื้อพยาธิเกิดขึ้นได้อย่างไร เนื่องจากการทดสอบไม่สามารถสรุปได้ แต่พยาธิชนิดนี้จะสามารถพบได้ในเนื้อหมู เนื้อวัว…

  • รวมความน่ารักของ ‘แมวสามสี’ ที่คุณต้านทานไม่ไหว อย่าดูเลยเดี๋ยวจะตกหลุมรักเปล่าๆ

    รวมความน่ารักของ ‘แมวสามสี’ ที่คุณต้านทานไม่ไหว อย่าดูเลยเดี๋ยวจะตกหลุมรักเปล่าๆ

    สำหรับแมวโดยทั่วๆ ไปนั้นนอกจากจะมีแววตา และท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว เรื่องของสีสันก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้มันดูน่ารักขึ้นเป็นกอง แต่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนว่านอกจากแมวทั่วๆ ไปที่มีสองสีแล้ว บนโลกของเรายังมีแมวทีมีสีสันบนตัวถึง 3 สีเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่แปลกที่จะมีคนที่ไม่รู้จัก เพราะว่าแมว 3 สีนั้นเป็นแมวที่จัดได้ว่าหาเจอได้ยากมากจริงๆ แต่ทว่าความน่ารักของมันก็ได้กลายเป็นเสน่ห์ประจำตัว ที่ทำให้มนุษย์ทาสแมวอย่างเราหลายคน ตกหลุมรักมันมาแล้วจำนวนมาก ดังนั้นโปรดอย่าเลื่อนลงไปดูภาพเหล่านี้เลย เพราะว่าหากคุณดูภาพเจ้าเหมียว 3 สีเหล่านี้แล้ว บางทีคุณอาจจะต้องตามหามันมาเลี้ยงให้จนได้ นี่คือคำเตือน!!   ดูสิ ก็แค่มีหน้าตาแบบนี้เอง   แปลกแต่มีเสน่ห์ใช่ไหมล่ะ   ดูแววตาของพี่ซะก่อน   สู้กล้องด้วยเอาสิ ใครจะไม่กล้าเอาไปเลี้ยงได้ลงคอ   จะกระโดดขึ้นมากัดแล้วนะ   มองอะไรเจ้ามนุษย์ทาส รีบไปหาอาหารมาสิ   แต่ลูกอ้อนก็มีเช่นเดียวกันนะ   ตัดกับฉากหลังแล้ว เท่สุดๆ ไปเลย   ภาพอย่างใกล้ชิด แมวอะไรจะหน้าจิกขนาดนี้เนี่ยฮะ   เห็นเงาในตาฉันไหม เห็นเธออยู่ในนั้นไหม   ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร เก้าอี้นี้ของฉันเฟ้ย   นี่มางานเดินแบบรึเปล่าเนี่ยคุณเหมียว เดินซะ…

  • สาวเห็นจักรยานที่โดนขโมยไปตั้งขายใน eBay เลยตามสืบจนเจอแล้วก็ขโมยมันคืนมาซะเลย

    สาวเห็นจักรยานที่โดนขโมยไปตั้งขายใน eBay เลยตามสืบจนเจอแล้วก็ขโมยมันคืนมาซะเลย

    เมื่อทรัพย์สินของเราหายไป ก็เป็นธรรมดาที่เราต้องออกเสาะแสวงหาว่ามันหายไปได้อย่างไร และตอนนี้มันได้ไปอยู่ที่ไหน ซึ่งถ้าหาไม่เจอก็คงจะเสียดายไม่ใช่น้อยถ้าหากมันเป็นของที่เรารักจริงๆ แต่คงจะเจ็บใจเป็นอย่างหนักถ้าบังเอิญเราไปเห็นของชิ้นนั้นประกาศขายอยู่ในเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ซะอย่างงั้น เช่นเดียวกับสาวพนักงานโรงพยาบาลคนนี้ที่ถูกขโมยรถจักรยานไป แล้วไปพบเจอมันอีกครั้งบนเว็บไซต์ขายสินค้าชื่อดัง เธอจึงวางแผนแก้เผ็ดหัวขโมยคนนี้ ด้วยการไปขโมยมันกลับมาหาเจ้าของที่แท้จริงซะเลย..   ฉันหวง ฉันมาทวงของฉันคืน   โดยพนักงานโรงพยาบาลคนนี้ ต้องแปลงร่างเป็นยอดนักสืบเมื่อพบว่าจักรยานเสือภูเขาที่มีราคาถึง 300 ปอนด์ (ประมาณ 13,000 บาท) ของเธอนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย สำหรับสาวคนนี้เธอทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแมนเชสเตอร์รอยัล เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ทว่าเธอก็ไม่ประสงค์จะออกนาม เพราะกลัวว่าจะถูกแก้แค้นจากโจรที่ขโมยจักรยานของเธอไปนั่นเอง   โรงพยาบาลที่สาวคนนี้ทำงานอยู่   ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีภาพจากกล้องวงจรปิด และได้ไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งเมืองแมนเชสเตอร์แล้ว แต่เธอก็บอกว่าตำรวจไม่ได้ช่วยตามหาหรือสืบสวนจักรยานคันนี้ให้เธอแต่อย่างใด เพราะพวกเขาคิดว่าเป็นคดีที่จิ๊บจ๊อยเกินไป   เดี๋ยวเจอกันแน่ๆ คุณโจร   “พวกตำรวจบอกกับฉันว่าไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะพวกเขามีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ” สาวเจ้าของจักรยานกล่าว ซึ่งหลังจากที่เธอค้นหามานานแต่ก็มีไม่มีวี่แววจะเจอ เธอก็เริ่มถอดใจว่าชาตินี้คงจะไม่ได้พบกับจักรยานสุดรักของเธออีกแล้ว แต่ก็เหมือนปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เมื่อเธอได้ไปพบมันอีกครั้งบนเว็บไซต์ขายของชื่อดังอย่าง eBay ในเวลา 5 วันหลังจากที่ได้แจ้งตำรวจไปซึ่งแน่นอนว่าเธอย่อมจำจักรยานของเธอได้อย่างแม่นยำ เธอจึงติดต่อไปยังผู้ขายคนนั้นในทันที   เจอจักรยานที่หายอยู่บน eBay ซะงั้น   ซึ่งผู้ขายจักรยานบนเว็บไซต์ eBay ต้องการจะขายจักรยานที่ขโมยมานี้ในราคา…

  • ก็มันตื่นเต้นอ่ะ!! ชายไร้บ้านดีใจ ได้รับของขวัญเป็นเสื้อโค้ทใหม่ตัวใหม่เอี่ยม

    ก็มันตื่นเต้นอ่ะ!! ชายไร้บ้านดีใจ ได้รับของขวัญเป็นเสื้อโค้ทใหม่ตัวใหม่เอี่ยม

    สำหรับเหล่าคนไร้บ้านแล้ว ชีวิตของพวกเขาในแต่ละวันต่างก็ต้องเต็มไปด้วยความยากลำบากอย่างมากมาย เพราะด้วยความที่พวกเขาไม่มีเงิน ทำให้พวกเขาบางวันก็อาจจะไม่มีอาหารตกถึงท้องซะด้วยซ้ำ หนำซ้ำด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปทุกวันก็ทำให้ร่างกายของพวกเขาอาจจะต้องเจ็บปวด เพราะว่าไม่มีเครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ ด้วยเหตุนี้ใครหลายคนเมื่อมีโอกาสได้พบเจอกลุ่มคนเหล่านี้ ก็อาจจะมอบสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่สามารถมอบให้ได้ เพราะถือว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพื่อให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และสำหรับคนไร้บ้านแล้วน้ำใจเพียงเล็กๆ น้อยๆ ของเราก็อาจจะเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ให้กับชีวิตของเขาก็เป็นไปได้     เหมือนกับชายคนนี้ที่ได้รับเสื้อโค้ทใหม่เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น ทว่าท่าทีของเขามันกลับสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นได้อย่างไม่รู้ลืม เพราะใครจะไปคิดว่าเสื้อเพียงตัวเดียว จะทำให้คนๆ หนึ่งสามารถดีใจแบบสุดๆ ชนิดที่ว่ากระโดดโลดเต้นออกมาเลยทีเดียว โดยภาพแห่งความประทับใจนี้เกิดขึ้นเมื่อ กลุ่มคนหนุ่มกลุ่มหนึ่งในสหราชอาณาจักร ตัดสินใจตระเวนมอบของขวัญให้กับคนไร้บ้านหลายคนภายในเมืองที่พวกเขาอาศัยกันอยู่ ซึ่งในการปฏิบัติการครั้งนี้พวกเขาก็ได้ถ่ายวิดีโอวินาทีสำคัญๆ เก็บเอาไว้ด้วย     ซึ่งการแจกจ่ายของขวัญก็เป็นไปด้วยความปกติ จนกระทั่งมาถึงการมอบของขวัญให้กับชายไร้บ้านคนหนึ่ง ซึ่งของที่คนกลุ่มนี้มอบให้เขาก็คือ เสื้อโค้ทสีครีมแสนสวย โดยในตอนที่นำไปมอบนั้นพวกเขาได้เก็บเสิื้อตัวนี้ไว้ในหีบห่อก่อน เพื่อให้ชายไร้บ้านคนดังกล่าวไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าสิ่งของที่พวกเขามอบให้นั้นคืออะไร     เมื่อชายคนนั้นแกะของดูแล้วพบว่าเป็นเสื้อโค้ทตัวใหม่เอี่ยม เขาก็แสดงความดีใจออกมาจนหลายคนสามารถสัมผัสได้ถึงความสุขที่เขามีในตอนนั้น โดยเขารีบถอดเสื้อตัวเก่าออกแล้วสวมเสื้อที่เพิ่งได้รับมาในทันที ซึ่งวินาทีนี้เองที่หน้าตาของเขาดูยิ้มแย้ม พร้อมทั้งมีแววตาแห่งความสุขเกิดขึ้นบนใบหน้าของเขา     จากนั้นชายไร้บ้านคนนี้ก็สวมเสื้อตัวใหม่ไปส่องกระจกเพื่อดูมันช่างสวยงามเพียงใดเมื่ออยู่บนตัวของเขา เมื่อได้เห็นตัวเองในกระจกแล้ว เขาก็แสดงความสุขที่มีออกมาด้วยการเต้นระบำเหมือนกับเด็กๆ เลยก็ว่าได้ และภาพแห่งความสุขแบบง่ายๆ ของชายคนนี้ก็สร้างความตื้นตันใจให้กับใครหลายคนรวมถึงกลุ่มคนที่ช่วยเหลือกลุ่มนี้ด้วย     ในตอนท้ายที่สุดแล้วชายคนนี้ก็พนมมือขึ้นเหนือหัว เหมือนกับว่าเขากำลังอธิษฐานขอบคุณสรวงสวรรค์…

  • หญิงสาวฉุนแรงเมื่อถูกจับหน้าอกในงานดนตรี แต่ถูกสวนกลับขู่ฆ่าแถมยังโดนไล่ออกนอกประเทศ!!

    หญิงสาวฉุนแรงเมื่อถูกจับหน้าอกในงานดนตรี แต่ถูกสวนกลับขู่ฆ่าแถมยังโดนไล่ออกนอกประเทศ!!

    การลวนลามผู้อื่นเป็นสิ่งที่ถูกไม่ควรที่ใครๆ ต่างก็รู้ดี ทว่าเมื่อมีการลวนลามเกิดขึ้นผู้ที่ตกเป็นเหยื่อก็เป็นธรรมดาที่จะต้องออกมาปกป้องตัวเอง แต่มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่การปกป้องตัวเองของเธอนั้น กลับถูกสังคมตราหน้าว่าที่เธอโดนลวนลามก็เป็นเพราะว่าเธอทำตัวของเธอเองซะอย่างงั้น?? เรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นกับสาวอเมริกันวัย 20 ปีชื่อว่า Madeline Anello-Kitzmiller ซึ่งถูกลวนลามร่างกายขณะที่เธอกำลังเดินอยู่ในงานเทศกาลดนตรี Rhythm and Vines ที่จัดขึ้นในประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2017 – 31 ธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา     โดยในวันนั้น Madeline ได้เปลือยร่างกายส่วนบนออกทั้งหมดเพื่อทำบอดี้เพนท์ (แต่ก็ยังมีแผ่นกลิตเตอร์ปิดจุดสำคัญๆ เอาไว้อยู่) ซึ่งก็เป็นสิ่งธรรมดาๆ ที่วัยรุ่นต่างประเทศนิยมทำกัน ซึ่งในระหว่างที่เธอกำลังเดินเล่นอยู่กับเพื่อนสาวของเธอในงานดนตรีดังกล่าว ก็มีชายคนหนึ่งที่วิ่งมาข้างหลังเธอแล้วเอื้อมมาจับส่วนหน้าอกของเธอแบบดื้อๆ ซะอย่างนั้น     ภาพจากวิดีโอได้แสดงให้เห็นว่าเมื่อมีการลวนลามเกิดขึ้น เธอก็ไม่ได้ปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ แต่อย่างใด เพราะว่าเธอได้เดินตามชายคนนั้นไปพร้อมกับเพื่อนของเธอ จากนั้นก็ลงมือทุบตีชายคนดังกล่าวไปจำนวน 4 ครั้ง เพื่อเป็นการบอกกับชายคนดังกล่าวว่า สิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนั่นเอง นอกจากนี้เธอยังบอกอีกด้วยว่า ตลอดทั้งวันในวันนั้นเธอโดนลวนลามมาแล้วมากมาย และในท้ายที่สุดเธอจึงทนต่อไปไม่ไหวระเบิดอารมณ์ใส่ชายคนดังกล่าว จนเกิดเป็นคลิปวิดีโออันโด่งดังขึ้นในที่สุด     ทว่าทันทีที่วิดีโอของเธอได้ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ก็มีคนดูนับล้านคนคลิกเข้ารับชม และก็ได้มีความคิดเห็นเกิดขึ้นมากมาย แต่ส่วนใหญ่ความคิดเห็นของชาวเน็ตกลับไม่ได้เห็นใจเธอแต่อย่างใด หนำซ้ำยังบอกอีกด้วยว่าที่เธอโดนลวนลาม ก็เป็นเพราะว่าการแต่งกายของเธอเอง นอกจากคำด่าทอที่ถาโถมเข้าใส่เธออย่างมากมายแล้ว Madeline ยังบอกว่ามีการข่มขู่จะเอาชีวิต…

  • ภรรยาใจสลาย เมื่อได้พบร่างกึ่งเปลือยของชู้และสามีในโรงรถ ขาดอากาศหายใจเสียชีวิตทั้งคู่

    ภรรยาใจสลาย เมื่อได้พบร่างกึ่งเปลือยของชู้และสามีในโรงรถ ขาดอากาศหายใจเสียชีวิตทั้งคู่

    จะเป็นอย่างไรหากเราเมื่อเราไปทำงานมาทั้งวันแล้วกลับมาที่บ้านก็ต้องพบว่า บุคคลอันเป็นที่รักของเรานอนเสียชีวิตอยู่ในบ้าน ขณะเดียวกันก็มีชู้รักของเขานอนแน่นิ่งอยู่ไม่ห่างจากกายของเขานัก อารมณ์ ณ ตอนนั้นของเราก็คงจะสับสนว่าจะเสียใจหรือสะใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นดีนะ และนี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นบนโลกนี้กับสาวรัสเซียคนหนึ่ง…   Natalya กลับมาที่บ้านก็ต้องพบกับเรื่องสุดช็อก   โดยเรื่องเศร้าสลดหดหู่หัวใจเรื่องนี้ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา และอุบัติขึ้นกับสาวรัสเซียวัย 38 ปีชื่อว่า Natalya Nalyotova ซึ่งเธอเล่าให้ฟังว่า ในวันที่เกิดเหตุเธอกลับมาที่บ้านเพื่อจะทานอาหารเย็นกับ Denis สามีของเธอ   Denis Nalyotov ชายผู้เสียชีวิตพร้อมกับชู้รักของเขา   เมื่อเข้ามาที่บ้านเธอก็ไม่พบว่าสามีเธออยู่ภายในตัวบ้าน เธอจึงเดินไปเช็กดูที่โรงรถที่สามีของเธอมักจะใช้เวลาอยู่ในนั้นเพื่อซ่อมรถอยู่บ่อยๆ ทว่าภาพที่เธอเห็นกลับไม่ใช่ภาพของสามีเธอที่กำลังซ่อมรถอยู่ แต่กลับเป็นภาพของศพคนสองคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสามีของเธอ และอีกคนหนึ่งเธอก็คาดเอาไว้ว่าน่าจะเป็นชู้รักของเขา เพราะหญิงสาวคนดังกล่าวอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่ากึ่งโป๊กึ่งเปลือย และเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เธอแทบจะพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว   มีอาชีพเป็นคนขับรถบรรทุก   และดูเหมือนว่าโรงรถแห่งนี้จะเป็นสถานที่ลับของทั้งคู่ เพราะ Natalya กล่าวว่าเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสามีของเธอจะมีชู้รัก เนื่องจากปกติเธอก็ไปทำงานที่คลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่ง โดยกว่าจะเลิกงานก็เป็นเวลาเย็นแล้ว เธอจึงไม่ได้เคลือบแคลงใจอะไรเลย จากการตรวจสอบหญิงสาวที่เสียชีวิตก็ทำให้ได้รู้ว่าเธอชื่อ Alyona Ivanova วัย 30 ปีที่แต่งงานแล้วพร้อมทั้งยังเป็นแม่ของเด็กๆ อีก 2 คน ส่วนสาเหตุที่คร่าชีวิตของทั้งคู่ไปนั้นก็คือการสูดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เข้าไปมากเกินไปนั่นเอง จากผลการชันสูตรศพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ   โรงรถสถานที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น…

  • รวมภาพคุณครูสุดเกรียน ที่จะทำให้คุณมองว่าคุณครูก็แอบเป็นสายฮาได้เหมือนกันนะเนี่ย

    รวมภาพคุณครูสุดเกรียน ที่จะทำให้คุณมองว่าคุณครูก็แอบเป็นสายฮาได้เหมือนกันนะเนี่ย

    โดยปกติแล้วภาพคุณครูที่เราเคยเห็นกันมาในชีวิต จะเป็นภาพของคุณครูที่มีความเนี้ยบในแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว เพราะว่าการเป็นครูนอกจากมีหน้าที่จะต้องสอนวิชาความรู้ต่างๆ ให้กับเด็กๆ แล้ว พวกเขายังต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อให้เด็กๆ ทำตามอีกด้วย ดังนั้นเราจึงเห็นว่าคุณครูส่วนใหญ่จะมีท่าทีที่สุภาพอ่อนน้อม ซึ่งมันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ว่าก็มีคุณครูบางคนที่เรียกได้ว่าฉีกกรอบความคิดแบบเดิมๆ เพราะว่าพวกเขาได้กลายเป็นแบบอย่างสุดเฟี้ยวที่ทำให้ใครๆ ต่างก็ต้องมีเสียงหัวเราะเมื่อได้พบเจอกับพวกเขา และนี่คือภาพคุณครูสุดฮา ที่อาจจะพูดได้ว่าเป็นที่รักของนักเรียนแทบจะทุกคนเลยก็ว่าได้   วิธีห้ามไม่ให้นักเรียนเล่นมือถือแบบง่ายๆ ก็คือเอามาเก็บซะเลย   1 ดอลลาร์ต่อเทป 1 แผ่น เร่เข้ามาเร็วๆ เล๊ย   เมื่อหาไม้บรรทัดไม่เจอ คุณครูท่านนี้จึงเอาถังขยะมาให้นักเรียนตีเส้นแทน   เฉลยแบบนี้นักเรียนคาดไม่ถึงทุกคนแน่นอน!   เหมือนกับว่าคุณครูท่านนี้จะสอนเคมีพร้อมกับวิชาดนตรีไปพร้อมๆ กัน   มีคนแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ คุณครูคนนี้จึงลากเก้าอี้มานั่งเฝ้าซะเลย (อยู่ได้อยู่ไปนะเอ็ง)   เมื่อคุณครูยึดโทรศัพท์ไป แล้วนักเรียนได้รับกลับมาพร้อมภาพนี้   ชื่อ: โฟร์โด จาก: ไชร์ ไป: มอร์ดอร์   นี่หนวดทรงอะไรครับเนี่ย อาจ๊ารย์   นี่สิ โคตรคูลของจริง   ถึงเจ้าพวกคู่รักที่จู๋จี๋กันตรงโถงทางเดิน พวกนายไม่ได้ดูดีแบบที่คิดหรอกนะ  …

  • 17 ภาพของเหล่าอัจฉริยะ กับการแก้ปัญหาของพวกเขา ทำไมเราคิดไม่ถึงฟร๊ะ!?

    17 ภาพของเหล่าอัจฉริยะ กับการแก้ปัญหาของพวกเขา ทำไมเราคิดไม่ถึงฟร๊ะ!?

    การจะดำเนินชีวิตในแต่ละวันของคนเราไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ เลย เพราะมันเต็มไปด้วยปัญหาน้อยใหญ่มากมายหลายๆ ประการ ซึ่งบางปัญหาถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่คอขาดบาดตายอะไร ทว่ามันก็สามารถสร้างความรำคาญจนทำให้เรามีอารมณ์ที่หงุดหงิด จนความสุขในแต่ละวันน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็นเลยทีเดียว แต่เรื่องปัญหาเหล่านี้ คงจะทำอะไรกับพวกเขาเหล่านี้ไม่ได้ เพราะว่าพวกอัจฉริยะเหล่านี้ได้แสดงให้เราเห็นว่าถึงปัญหามันจะมีมาขนาดไหน แต่ถ้าเราลองหาวิธีการที่ไม่ธรรมดาๆ ดู เราก็อาจจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย นี่จึงเป็น 17 ภาพที่พวกเขาสาธิตให้เราดูว่า บางทีวิธีแปลกๆ ก็สามารถคลี่คลายอุปสรรคได้เป็นอย่างดีเหมือนกันนะ!!   จะกวาดหิมะทำไมให้เสียเวลา เผามันง่ายกว่าไหม   ไม่จีเนียสคิดไม่ได้อย่างนี้หรอกนะยะ   มีท่อโผล่ขึ้นมาตรงสวน ดูไม่สวยงามเลยแฮะ ก็เอาหินปลอมมาครอบสิ ง่ายๆ   ก็อันเก่ามันหักอ่ะ   อยากได้ลายไหนก็เลือกเปลี่ยนได้ตามใจชอบ   ก็คนมันหนาวมือง่ะ   ถึงจะดูทึ่มๆ แต่มันใช้ได้ผลจริงๆ นะเออ   ใครกำลังย้ายบ้าน เอาวิธีนี้ไปใช้ดูได้นะ   พอดีบ้านไม่มีหลังคา แต่อยากประหยัดอ่ะ   ไม่ต้องเสียตังแม้แต่แดงเดียว ก็ได้ยางใหม่มาใช้แล้ว   หมดปัญหาเรื่องยกตู้ แล้วโดนทับมือ   วิธีเซนเซอร์แบบง่ายๆ ก็หาอะไรมาแปะซะเลย  …

  • ใจโคตรได้!! จราจรสาวชาวจีน ยังคงทำหน้าที่อย่างแข็งขันแม้จะมีอุณหภูมิถึง -50 องศาก็ตาม

    ใจโคตรได้!! จราจรสาวชาวจีน ยังคงทำหน้าที่อย่างแข็งขันแม้จะมีอุณหภูมิถึง -50 องศาก็ตาม

    เมื่ออากาศหนาวมาเยือน ก็คงจะเป็นความสุขสำหรับใครหลายๆ คน เพราะว่าอากาศเย็นๆ นั้นมันช่างเหมาะกับการนอนเสียนี่กระไร แล้วถ้ายิ่งได้ผ้าห่มอุ่นๆ ด้วยแล้ว มันเป็นเหมือนกับสวรรค์เมื่อเราเอาตัวเข้าไปซุกอยู่ในนั้นเลยก็ว่าได้ แล้วก็ด้วยบรรยากาศดีๆ แบบนี้เอง ก็ทำให้หลายคนเกิดความกระจองอแงขี้เกียจลุกไปทำงาน เพราะอยากจะอยู่ในผ้าห่มน้อยๆ ของเราต่อไปให้นานที่สุด จนทำให้บางคนถึงกับเสียการเสียงานมาแล้วก็เคยมีมาให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ   หนาวจนน้ำแข็งเกาะหน้าเกาะตาไปหมด   ท่ามกลางสภาพอากาศอันโหดร้ายและหนาวเย็นจัดในเขต Hulunbuir ซึ่งตั้งอยู่ที่เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ก็ทำให้หลายคนหยุดการหยุดงานกันไป แต่ก็ยังคงมีจราจรสาวชื่อว่า Gai Qi ที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกตามท้องถนนของเธอได้อย่างดีเยี่ยม โดยในช่วงเวลาเพียงแค่ 10 นาทีที่เธอออกทำหน้าที่ก็ปรากฏว่า หน้ากากที่เธอสวมอยู่ก็มีน้ำแข็งขึ้นมาเกาะ ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นถึงความอดทนของเธอได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว   อุณหภูมิที่วัดได้มีความติดลบถึง 50 องศา     แต่ก็ทำอะไรใจอันยิ่งใหญ่ของเธอไม่ได้   สำหรับอากาศหนาวที่เกิดขึ้นในเขตปกครองตนเองมองโกเลียในปีนี้ เป็นอากาศที่หนาวเย็นที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งมันมีอุณหภูมิที่แทบจะทำให้สิ่งมีชีวิตแข็งตายได้ถึง -50 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว   มีใครอยู่บ้างไหมม   ด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ทำให้ Gai Qi ต้องออกไปทำหน้าที่ด้วยการสวมกางเกงซ้อนกันถึงสองตัว รวมถึงเสื้อโค้ชพร้อมกับแจ็คเก็ตอีกอย่างละหนึ่งตัว เพื่อจะทำให้ร่างกายของเธอยังคงต้านทานต่อความหนาวได้นั่นเอง “ด้วยความที่ฉันเป็นตำรวจจราจร หน้าที่ของฉันก็คือทำให้การจราจรราบรื่นที่สุด ดังนั้นฉันจะละเลยไม่ได้” Gai Qi…

  • เมื่อนายกแคนาดาไปออกงาน แทนที่จะโฟกัสที่งาน แต่ดันโดน ‘ถุงเท้าลายเป็ด’ แย่งซีนซะงั้น!?

    เมื่อนายกแคนาดาไปออกงาน แทนที่จะโฟกัสที่งาน แต่ดันโดน ‘ถุงเท้าลายเป็ด’ แย่งซีนซะงั้น!?

    สำหรับคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงนั้น เรื่องของการแต่งตัวดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็จับจ้องเป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าหน้าผม เครื่องประดับต่างๆ เพราะว่าพวกเขาเหล่านี้อาจจะเป็นผู้นำแฟชั่นในอนาคตก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับดารานักแสดงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่กับผู้นำประเทศต่างๆ ก็ถูกจับตามองเช่นเดียวกัน   จะแบ๊วไปไหนพ่อคุ๊ณณ   และคราวนี้ก็เป็นคิวของ Justin Trudeau ผู้นำประเทศแคนาดา ที่แทนที่สื่อจะโฟกัสในเรื่องงานที่เขาพูด แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของสื่อได้ดียิ่งกว่ากลับเป็น ‘ถุงเท้า’ ที่เขาสวมใส่ไปออกงานในวันนั้น เพราะมันทั้งน่ารักทั้งน่าเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว   ปิดซะหน่อย เริ่มอายละ   โดยกระแสครั้งนี้เกิดมาจากการที่ท่านผู้นำประเทศแคนาดาคนนี้ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเศรษฐกิจโลก ที่เมืองดาฟอส ประเทศสวิตเซอแลนด์ ซึ่งในวันนั้นเขาได้สวมชุดสูทสีน้ำเงินเรียบ แต่สิ่งที่ดูโดดเด่นที่สุดบนตัวของเขากลับเป็น ถุงเท้าสีม่วงลายเป็ดน้อยน่ารักๆ สีเหลืองอ่อน ซึ่งทางสื่อมวลชนได้เก็บภาพถุงเท้าของเขาไว้ได้ระหว่างที่เขานั่งสนทนาปราศรัยอยู่กับ Malala Yousafzai เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ชาวปากีสถานนั่นเอง   ถุงเท้าแบบคนคูลๆ   และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้นำแคนาดาคนนี้ สวมถุงเท้าแปลกๆ ออกสู่สายตาของสาธารณชน เพราะว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาสวมถุงเท้าลวดลายตัวการ์ตูนชื่อว่า Chewbacca จากเรื่อง Star Wars ขณะเข้าพบ Christine Lagarde หัวหน้ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) โดยลวดลายของถุงเท้าของเขาในวันนั้นมันช่างโดดเด่นซะยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น   ถุงเท้าลาย Chewbacca จากเรื่อง Star Wars   ถุงเท้าลายใบเมเปิลเขาก็เคยสวมใส่…

  • เมื่อเด็กยุคใหม่ลองใช้โทรศัพท์บ้านแบบหมุนๆ ทำเอารู้สึกแก่ลงไปเยอะเลย… เพราะเราใช้เป็น!!

    เมื่อเด็กยุคใหม่ลองใช้โทรศัพท์บ้านแบบหมุนๆ ทำเอารู้สึกแก่ลงไปเยอะเลย… เพราะเราใช้เป็น!!

    สำหรับในวันเก่าๆ นั้นการจะหาโทรศัพท์ใช้สักเครื่องไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เพราะว่าในสมัยก่อนนั้นโทรศัพท์เป็นอะไรที่ไฮเทคล้ำแบบสุดๆ ดังนั้นคนที่จะมีโทรศัพท์เอาไว้ที่บ้านได้ก็จะต้องเป็นคนที่มีฐานะพอสมควรเลยล่ะ (ยิ่งถ้าเป็นโทรศัพท์มือถือแทบไม่ต้องพูดถึง เพราะว่ามันมีราคาเป็นหมื่นๆ หรือแสนๆ เลยทีเดียว) ซึ่งรูปแบบของโทรศัพท์ในสมัยก่อนนั้น ก็อาจจะมีหน้าตาที่ค่อนข้างแปลกประหลาดไปจากโทรศัพท์ในปัจจุบัน เพราะว่าทุกวันนี้โทรศัพท์ที่เราใช้กันมักจะเป็นแบบปุ่มกด หรือไม่ก็เป็นระบบจอสัมผัสไปแล้วทั้งสิ้น แต่ถ้าหากถามคนที่อยู่ในยุค 19xx ไปแล้วล่ะก็ เราก็อาจจะได้รู้จักกับโทรศัพท์อีกรูปแบบหนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกว่า “โทรศัพท์แบบหมุน”   เอ๊ะ มันใช้ยังไงฟะ   สำหรับโทรศัพท์ชนิดนี้ เป็นที่แพร่หลายเป็นอย่างมากเมื่อในอดีต ทว่าก็ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปทุกวัน จึงทำให้โทรศัพท์ที่ว่านี้ ค่อยๆ เลือนหายไปจากสังคม เพราะด้วยความที่มันไม่สามารถพกพาได้สะดวกอย่างโทรศัพท์มือถือ บวกกับการที่มันไม่มีฟังก์ชันที่ล้ำยุคแบบในปัจจุบัน จึงทำให้ผู้คนเลิกใช้ไปในที่สุดนั่นเอง และด้วยเหตุผลด้านความโบราณของมันนี้เอง จึงทำให้ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อว่า Kimberly Philliips นึกสนุกอยากจะทดสอบเด็กในยุคปัจจุบันว่า ถ้าพวกเขาสามารถใช้โทรศัพท์แบบไฮเทคแบบสุดๆ ได้ พวกเขาจะสามารถใช้ของโบราณคร่ำครึอย่างนี้ได้หรือไม่ เธอจึงให้เด็กๆ ลองใช้โทรศัพท์แบบหมุนดู พร้อมกันนั้นเธอก็ได้ถ่ายวิดีโอตลกๆ เก็บเอาไว้ด้วย   อย่างนี้รึเปล่าเนี่ย   ซึ่งก็ปรากฏว่า เด็กชายภายในวิดีโอที่เธอถ่ายมานั้น ใช้โทรศัพท์ที่ว่านี้ไม่เป็น โดยเด็กหนุ่มคนนั้นดูจะงงงวยแบบสุดๆ เมื่อต้องมาใช้บริการเจ้าโทรศัพท์โบราณอันนี้ ทั้งหาเลข 0 ไม่เจอ และไม่รู้ว่าเมื่อหมุนแล้วจะต้องทำอย่างไรต่อไป ภาพที่ออกมาของเขาจึงกลายมาเป็นเรื่องสุดฮาที่เป็นกระแสไวรัลอยู่ในตอนนี้ เพราะมีผู้เข้าชมวิดีโอนี้แล้วถึง…

  • Tom Cuise เผยถ่ายหนัง Mission: Impossible 6 เล่นเอง เจ็บเอง หนักถึงขั้นข้อเท้าหัก!!

    Tom Cuise เผยถ่ายหนัง Mission: Impossible 6 เล่นเอง เจ็บเอง หนักถึงขั้นข้อเท้าหัก!!

    ในการแสดงภาพยนตร์ ก็อาจจะมีการแสดงฉากผาดโผนที่อาจเสี่ยงอันตรายต่อร่างกายได้ นักแสดงชื่อดังหลายคน จึงมักจะมีนักแสดงแทนหรือที่เรียกกันว่า ‘สตั๊นท์แมน’ ไว้สวมบทบาทแทนในฉากเสี่ยงตายต่างๆ ทว่าก็มีนักแสดงบางคนที่แสดงสปิริตด้วยการแสดงเองทั้งหมด ไม่ว่าฉากนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม และนักแสดงชื่อดังอย่าง Tom Cruise ก็เป็นนักแสดงประเภทดังกล่าว ซึ่งในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาอย่าง Mission: Impossible 6 หรือ Mission: Impossible – Fallout นั้น อาจจะมีหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า ระหว่างที่ถ่ายทำเรื่องดังกล่าว จึงได้มีรายการหนึ่งนำวิดีโอในตอนที่เขาประสบอุบัติเหตุมาให้เราได้ชมวินาทีอันน่าหวาดเสียวนั้นกัน     โดยวิดีโอดังกล่าวนั้น ได้ถูกนำมาเผยแพร่ในรายการทีวีชื่อว่า The Graham Norton Show ที่ออกฉายทางช่อง BBC1 ซึ่งนอกจากจะมีวิดีโอสุดเสียวอันนี้แล้ว ทางรายการยังได้เชิญ Tom Cruise มาเล่าถึงวินาทีสุดสยองของเขาให้เราได้ฟังกันด้วย สำหรับฉากที่ว่านั้นเป็นฉากที่เขาจะต้องวิ่งไล่ล่าตัวร้าย จึงจะต้องมีการปีนป่าย รวมถึงกระโดดข้ามตึก ซึ่งในการกระโดดครั้งนั้นเองทำให้ เขาได้รู้ว่าข้อเท้าของตัวเขาเองได้หักเสียแล้ว “ผมรู้ในทันทีว่าข้อเท้าของผมมันหักไปแล้ว ผมจึงตะโกนบอกคนในกองถ่ายว่าข้อเท้าของผมหัก พวกเขาจึงได้ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับผม หลังจากนั้นก็พาผมไปส่งโรงพยาบาลในทันที” Tom กล่าว     วิดีโอที่นำมาเผยแพร่นั้น จริงๆ แล้วเป็นเบื้องหลังที่คนในกองถ่ายได้ถ่ายเก็บเอาไว้โดยไม่คาดคิดว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น กับพระเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้…

  • นักท่องเที่ยวชาวจีนปะทะตำรวจญี่ปุ่น หลังติดอยู่ที่สนามบินนาริตะนานกว่า 1 วันเต็มๆ

    นักท่องเที่ยวชาวจีนปะทะตำรวจญี่ปุ่น หลังติดอยู่ที่สนามบินนาริตะนานกว่า 1 วันเต็มๆ

    ด้วยสภาพอากาศที่เลวร้ายในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 175 คนยังคงติดค้างอยู่ในสนามบินของประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลากว่า 24 ชั่วโมงเต็มๆ เพราะว่าเครื่องบินไม่สามารถขึ้นบินได้ และด้วยเหตุนี้เองทำให้เกิดการปะทะกันขึ้นระหว่างนักท่องเที่ยวชาวจีนกับพนักงานสายการบิน รวมถึงตำรวจของประเทศญี่ปุ่นด้วย… โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นผู้โดยสารของสายการบิน Jetstar ซึ่งมีกำหนดจะขึ้นบินออกจากสนามบินนาริตะประเทศญี่ปุ่น เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ในเวลา 21.45 น. ของคืนวันพุธที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา     แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่เมืองเซี่ยงไฮ้ในขณะนั้น ได้เกิดพายุหิมะขึ้น ทำให้เครื่องบินลำดังกล่าวไม่สามารถขึ้นบินได้ จึงเกิดการดีเลย์เป็นเวลานานกว่า 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มนี้ได้อ้างว่า พนักงานของสายการบินดังกล่าวดูแลผู้โดยสารที่เป็นชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างดี แต่กับพวกเขากลับถูกหมางเมิน ไม่ได้รับการบริการที่เท่าเทียมกัน มิหนำซ้ำยังไม่มีพนักงานที่สามารถพูดภาษาจีนได้เพื่อสื่อสารกับพวกเขาอีกด้วย  และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่พนักงานของสายการบินนี้กล่าวคำว่า “ออกไป” เป็นภาษาอังกฤษใส่พวกเขาด้วย     ในช่วงเช้าของวันพฤหัสที่ 25 มกราคมสถานการณ์ทั้งหมดก็ถึงจุดเดือด เมื่อมีผู้โดยสารชาวจีนคนหนึ่งถูกห้ามไม่ให้ไปใช้บริการตู้หยอดเหรียญ ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้นสองของอาคารผู้โดยสารขาออก ซึ่งเรื่องนี้เองที่ได้นำไปสู่การเกิดปากเสียงกันขึ้นระหว่างผู้โดยสารชาวจีนกับพนักงานของสายการบิน และในที่สุดก็เกิดการปะทะกันเกิดขึ้น เมื่อตำรวจท้องถิ่นมาถึงที่เกิดเหตุ ก็พยายามที่จะแยกทั้งสองฝ่ายให้ออกจากกัน ซึ่งในวิดีโอเราจะสามารถเห็นได้ว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนบางคนก็ได้ร้องเพลงชาติจีน ในระหว่างที่ตำรวจกำลังพยายามคลี่คลายสถานการณ์นี้ด้วย   วิดีโอระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์    ในเวลาต่อมาเมื่อสถานฑูตจีนได้ทราบว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น…

  • รถไฟความเร็วสูงในจีนเกิดเหตุเพลิงลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทางการกำลังสืบหาข้อเท็จจริง

    รถไฟความเร็วสูงในจีนเกิดเหตุเพลิงลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทางการกำลังสืบหาข้อเท็จจริง

    รถไฟความเร็วสูงเป็นเทคโนโลยีที่แสนจะมีประโยชน์ในหลายๆ ประเทศ แต่ว่าได้มีเหตุการณ์ไม่ที่คาดฝันเกิดขึ้นกับรถไฟชนิดนี้ในประเทศจีน เมื่อจู่ๆ รถไฟคันหนึ่งก็เกิดไฟไหม้ขึ้นมาดื้อๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุซะอย่างงั้น?? โดยเหตุการณ์ไฟไหม้รถไฟความเร็วสูงแสนจะน่ากลัวครั้งนี้ เกิดขึ้นในวันที่ 25 มกราคม ที่สถานีรถไฟ มณฑลอานฮุย ในประเทศจีน โดยเหตุไฟไหม้นี้ได้เริ่มขึ้นจากการที่รถไฟขบวนดังกล่าวจอดอยู่ดีๆ ก็มีกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ พร้อมทั้งยังมีเปลวไฟเกิดขึ้นภายในรถไฟขบวนดังกล่าวด้วย   ไฟไหม้รถไฟความเร็วสูง อย่างไม่ทราบสาเหตุ   ซึ่งรถไฟขบวนที่ G281 ที่เกิดเหตุขึ้นนั้นเป็นขบวนรถไฟที่เดินทางมาจากเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง และกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง แต่ว่าได้มาเกิดเหตุไฟไหม้นี้เกิดขึ้นซะก่อนที่จะถึงจุดหมาย ในขณะที่กำลังเกิดเหตุอยู่นั้น ก็ได้มีพลเมืองอัดวิดีโอคลิปเหตุการณ์ครั้งนี้เอาไว้ด้วย ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าเปลวไฟที่เกิดขึ้นนั้นค่อนข้างรุนแรงเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็มีนักดับเพลิง คอยควบคุมไฟเอาไว้ไม่ให้ลามไปยังที่อื่น ได้อย่างทันท่วงที   พนักงานดับเพลิงสามารถควบคุมไฟเอาไว้ได้อย่างทันเวลา   แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดี ที่ผู้โดยสารทุกคนสามารถอพยพออกมาได้ทันเวลา รวมถึงไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บเกิดขึ้นแม้แต่คนเดียว สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งนี้ขึ้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัด ซึ่งขณะนี้กำลังเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบอยู่ แต่เชื่อกันว่าน่าจะเกิดมากจากการที่อุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่างทำงานผิดปกติ หรือไฟฟ้าลัดวงจรนั่นเอง   วิดีโอขณะที่เกิดไฟไหม้รถไฟขบวนนี้ขึ้น    ที่มา: medium

  • รวม 18 ภาพสุดงง ที่ทำให้ใครหลายคนต้องหันกลับมาดูอีกทีว่า ห๊ะ!! มันอย่างนี้จริงๆ หรอเนี่ย

    รวม 18 ภาพสุดงง ที่ทำให้ใครหลายคนต้องหันกลับมาดูอีกทีว่า ห๊ะ!! มันอย่างนี้จริงๆ หรอเนี่ย

    หลายคนอาจจะเคยเจอกับเหตุการณ์ที่ว่า เมื่อเห็นภาพๆ หนึ่งแล้วต้องย้อนกลับมาดูอีกทีว่าสิ่งที่เราได้เห็นนั้นมันเป็นดั่งที่เราเข้าใจจริงๆ หรือไม่ เพราะว่าบางทีสายตาของเราอาจจะคลาดเคลื่อน หรือสมองอาจจะผิดเพี้ยนไปจากการใช้งานมาอย่างหนักก็อาจเป็นได้ แต่บางทีก็ไม่ได้เกิดจากร่างกายของเราเสมอไป เพราะว่าภาพบางภาพมันก็ชวนทำให้สมองของเราเกิดอาการเออเร่องงงวยซะจริงๆ เหมือนกับภาพเหล่านี้ที่ชาวเน็ตต่างก็บอกกันว่า ดูแล้วรู้สึกปวดหัวจริงๆ ว่านี่มันภาพอะไรฟะเนี่ย เคยมีอะไรอย่างนี้อยู่บนโลกนี้จริงๆ หรือ ซึ่งภาพที่ชวนปวดหัวเหล่านั้นมันจะปั่นหัวเราได้ขนาดไหน มาลองดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า   ลงไปทำอะไรข้างล่างนั่นล่ะ คุณตำหนวด!!   นี่ห้องน้ำจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย นึกว่าเขื่อนแตก   ไม่แน่นะอาจจะมีคนทำผมตามเจ๊แกก็เป็นได้   คนไหนเป็นคนไหนกันล่ะเนี่ย   ดูเหมือนพื้นผิวของดาวอะไรสักดวงหนึ่งจริงๆ   เห้ย มีคนลอยได้จริงๆ ด้วยหรอเนี่ย   สัตว์ประหลาดบุกแล้ว ไปตามอุลตร้าแมนมาเร๊วว   เนียนอย่างนี้ ถ้าแขกมาบ้านจะหาเจอไหมละเนี่ย   คงไม่มีใครกดกันละ ขโมยกันมันส์เลย   ยักษ์บุกโลกแล้ว ช่วยด้วยย   ถามจริงนี่เอ็งทำได้ยังไงกันเนี่ย   ถามจริงๆ นะ นี่มันอะไรเนี่ย??   มันต้องมีสักคนแหละ ที่เดินชนอ่ะเอาจริงๆ  …

  • ช่างภาพตามถ่ายม้านั่งตัวเดิมกว่า 10 ปี ทำให้ได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย

    ช่างภาพตามถ่ายม้านั่งตัวเดิมกว่า 10 ปี ทำให้ได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย

    หากเราอยู่บ้านหลังเดิมมาตลอดเป็นเวลาหลายปี เราก็คงจะเห็นวิวทิวทัศน์ซ้ำๆ กันในทุกวัน และก็คงไม่มีใครสังเกตว่าสิ่งที่เราเห็นอยู่นั้นมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ขึ้นหรือไม่ ทว่ามีช่างภาพคนหนึ่งที่ใส่ใจในเรื่องเล็กๆ เหล่านี้ และได้สร้างโปรเจกต์หนึ่งขึ้นมาทำให้เราได้เห็นว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่อยู่รอบตัวของเรานั้น มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ สำหรับช่างภาพคนดังกล่าวมีชื่อว่า Yevhen Kotenko ชาวยูเครน โดยเขาได้ถ่ายภาพม้านั่งตัวหนึ่งจากมุมของห้องครัวในบ้านของเขาเอง และสิ่งที่ทำให้ภาพเหล่านี้ดูพิเศษก็เพราะ เขาบอกว่าใช้ต้องใช้เวลากว่าสิบปีในการตามเก็บภาพเหล่านี้ ที่ทำให้เราได้เห็นว่าแม้ว่าสีของม้านั่งตัวนี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่บางสิ่งก็ไม่ได้เปลี่ยนไปตามกาลเวลาเลย     “ผมไม่ได้กำหนดเวลาหรือตั้งเป้าหมายอะไรเอาไว้เลย ผมเพียงแค่เดินไปที่ห้องครัวแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง และผมก็ได้เห็นสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย” “แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่ผมเคยเห็นจากมุมนี้ก็คือ ผมได้เห็นผู้คนที่มาดื่มสังสรรค์กันบนม้านั่งตัวนี้ แล้วเมามายจนควบคุมสติตัวเองไม่ได้ บางคนเมาแล้วก็คลานกลับบ้านเสมือนกับเป็นสัตว์เลื้อยคลาน เมื่อผมได้เห็นภาพอย่างนี้ ผมก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ ที่จะต้องออกไปข้างนอก และกังวลว่าสักวันหนึ่งผมจะเป็นหนึ่งในพวกเขาหรือเปล่า” Kotenko กล่าว ทว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนม้านั่งตัวนี้ก็ไม่ได้มีแต่เรื่องแย่ๆ เสมอไป เพราะเขายังได้เห็นภาพของผู้คนที่หัวเราะให้กันอย่างมีความสุข หรือยิ้มแย้มให้แก่กัน ซึ่งสิ่งที่ได้พบเจอก็ทำให้เขามีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว   แหม นั่งกันเป็นบอยแบนด์เลยนะลุงๆ   มุมสวีทก็เคยเกิดขึ้นที่ม้านั่งตัวนี้เช่นเดียวกัน   ว่าไงพวก เมารึยังล่ะ?   กำลังเม้ามอยอะไรกันอยู่ยะ สาวๆ   ไม่มีใครสนุกคนเดียวก็ได้ฟะ   เป็นโต๊ะอาหารสำหรับบางคนก็ได้นะ   พี่แข็งแรงไหมล่ะไอ้น้อง  …

  • คุณหมอจีนตายในหน้าที่ ระหว่างดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินกว่า 40 ราย ภายในกะดึกคืนเดียว…

    คุณหมอจีนตายในหน้าที่ ระหว่างดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินกว่า 40 ราย ภายในกะดึกคืนเดียว…

    เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศจีน เมื่อมีนายแพทย์วัยกลางคนเสียชีวิตลงจากการที่เขา รักษาคนไข้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาทั้งคืน ซึ่งคนไข้ที่เขาได้ช่วยเหลือนั้นมีจำนวนมากถึง 40 คนเลยทีเดียว โดยนายแพทย์คนดังกล่าวมีชิ่อว่า Guo Qingyuan วัย 43 ปี ซึ่งเขาได้รับหน้าที่เป็นแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินกะกลางคืน ในคืนวันอังคารที่ 24 มกราคมที่ผ่าน และในคืนนั้นเองก็ได้มีคนไข้หลั่งไหลเข้ามาให้เขารักษาอย่างมากมาย     จนทำให้เช้าวันรุ่งขึ้นร่างกายของนายแพทย์ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อเขามีอาการเจ็บแน่นที่หน้าอก มีอาการใจสั่น และหายใจติดขัด เขาจึงตัดสินใจยุติการรักษา และขณะที่เขากำลังเข้าสู่ขั้นตอนเข้ารับการรักษาอยู่นั้น ปรากฏว่านายแพทย์ Guo ได้ทรุดตัวลงอย่างไม่มีใครคาดคิด นั่นจึงทำให้เขาต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างฉุกเฉิน แต่ก็ไม่ทันการณ์เพราะว่าหลังจากที่เขาเข้ารับการรักษาเพียง 4 ชั่วโมง เขาก็เสียชีวิตในที่สุด     สำหรับนายแพทย์ Guo นั้นเป็นพ่อของลูกๆ ของเขา 2 คนซึ่งคนเล็กสุดนั้นมีอายุได้เพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น ซึ่งภรรยาของเขาก็เป็นหมอเช่นเดียวกัน จากการรายงานของสื่อ Xining Evening News โดยในคืนก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้น นายแพทย์ Guo ได้รักษาผู้ป่วยจำนวน 40 คน หลังจากนั้นเขาก็อยู่ต่อเกินเวลางานอีกกว่า 3 ชั่วโมงเพื่อจะส่งมอบคนไข้ให้กับหมอที่มาทำหน้าที่ต่อจากเขา และทำให้ร่างกายของเขาอ่อนเพลีย…

  • มหากาพย์คดีการหายตัวไปของสาววัย 17 ปี กับโค้ชทีมฟุตบอลของเธอ ก่อนจะตามตัวได้ในที่สุด

    มหากาพย์คดีการหายตัวไปของสาววัย 17 ปี กับโค้ชทีมฟุตบอลของเธอ ก่อนจะตามตัวได้ในที่สุด

    สำหรับคนที่เป็นพ่อคนแม่คนแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขาก็คือ อยากจะให้ลูกปลอดภัยและมีความสุข เพราะลูกๆ ถือได้ว่าเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ที่ทำให้พวกเขามีความสุขในทุกๆ วันเลยก็ว่าได้ ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม พ่อ-แม่ ย่อมจะต้องปกป้องลูกอย่างสุดความสามารถอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าลูกๆ ของพวกเขาหายไป คนที่เป็นพ่อแม่ย่อมจะต้องเดือดเนื้อร้อนใจเป็นแน่ๆ เหมือนกับเคสของเด็กสาวรายนี้ที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้พ่อแม่และตำรวจต้องออกตามหาจนแทบจะพลิกแผ่นดิน   หญิงสาววัย 17 ปีคนนี้มีชื่อว่า Caitlyn Frisina อาศัยอยู่ที่รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา มาตลอดเกือบทั้งชีวิต เธอมีชีวิตที่แสนธรรมดาเฉกเช่นกับเด็กสาวทั่วๆ ไป แต่จะมีความพิเศษอยู่ตรงที่ว่าเธอเป็นเด็กที่เอาใส่กับการเรียนเป็นอย่างยิ่ง โดย Caitlyn อาศัยอยู่กับแม่และพ่อของเธอชื่อว่า Scarlet และ Ward ซึ่งพวกเขาเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการธุรกิจท้องถิ่นที่มีชื่อว่า Flatwoods Forestry     ในปัจจุบัน Caitlyn ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมฟอร์ตไวท์ และที่นี่เองที่ทำให้เธอได้รู้จักกับกีฬาฟุตบอล ซึ่งได้กลายมาเป็นสิ่งที่เธอรัก และดูเหมือนเธอจะทำมันได้เป็นอย่างดี เมื่อเธอได้เป็นถึงนักฟุตบอลประจำโรงเรียนเลยทีเดียว     ด้วยใจที่รักในกีฬาฟุตบอล ทำให้เธอสามารถพัฒนาตัวเองไปได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเธอยังมักจะอาสาสมัครเป็นกรรมการฟุตบอลให้กับการแข่งขันต่างๆ อีกด้วย     ซึ่ง Caitlyn ไม่ใช่เพียงคนเดียวในครอบครัวของเธอที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ เพราะว่า Ward…

  • 15 บทเรียนจากคำสอนจากท่าน ‘ดาไล ลามะ’ ที่จะทำให้คุณรู้ซึ้งถึงคุณค่าของการใช้ชีวิต

    15 บทเรียนจากคำสอนจากท่าน ‘ดาไล ลามะ’ ที่จะทำให้คุณรู้ซึ้งถึงคุณค่าของการใช้ชีวิต

    มนุษย์เราต้องดำเนินชีวิตไปทุกๆ วัน แต่ก็ด้วยสังคมที่ดูยุ่งเหยิงในทุกวันนี้ ทำให้หลายคนมองหาความสุขในชีวิตของตัวเองไม่เจอ ในปัจจุบันจึงมีหนังสือที่เกี่ยวกับการหาความสุขง่ายๆ ในแต่ละวันออกมามากมาย ซึ่งผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในด้านนี้ก็ต้องมีชื่อของ องค์ดาไลลามะ ผู้นำจิตวิญญาณแห่งทิเบต รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน หลายๆ คนคงจะเคยได้ยินชื่อของ องค์ดาไลลามะ แต่อาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านเป็นใคร สำหรับตำแหน่งดาไลลามะนั้น เป็นตำแหน่งของประมุขคณะสงฆ์แห่งศาสนาพุทธนิกายมหายาน ที่จะสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น     ซึ่งในปัจจุบัน เทนซิน เกียตโซ (Tenzin Gyatso) ก็ได้ดำรงตำแหน่งเป็นองค์ดาไลลามะองค์ที่ 14 อยู่ และผลงานของท่านก็มีให้เห็นอย่างมากมาย ทั้งการเป็นผู้ที่ต่อสู้เพื่ออิสรภาพให้แก่ประเทศและประชาชนชาวทิเบต จนกลายเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ รวมถึงยังได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพอีกด้วย สำหรับอีกอย่างหนึ่่งที่ท่าน ดาไลลามะ มีให้กับโลกใบนี้ก็คือคำสอนต่างๆ ที่เราสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันให้มีความสุขได้ง่ายๆ และนี่คือ 15 บทเรียนที่อาจจะทำให้เราอาจจะมีความสุขยิ่งขึ้นในชีวิตที่วุ่นวายๆ อย่างทุกวันนี้เมื่อลองนำไปปฏิบัติดู ซึ่งคำสอนของท่านที่ได้กล่าวมาจะเป็นเช่นไรนั้น มาอ่านไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า   1. จุดประสงค์สูงสุดในชีวิตของคนเราคือการมีความสุข เราไม่สามารถรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตบ้าง แต่อย่างไรหัวใจของเราก็ต้องการความหวัง และมันจะทำให้เราสามารถก้าวต่อไปได้   2. ความขัดแย้งเกิดขึ้นเมื่อเรายึดติดกับความแตกต่างระหว่างกันทั้งเรื่อง เชื้อชาติ ศาสนา การศึกษา ฐานะ แต่จริงๆ แล้ว สิ่งสำคัญยิ่งกว่าที่เราต้องจำไว้ก็คือ เราล้วนเป็นมนุษย์เหมือนๆ กัน ซึ่งหากมองในมุมมองก็จะทำให้ไม่เห็นความแตกต่างรวมถึงไม่เกิดความขัดแย้งขึ้น  …

  • 19 สิ่งที่คุณจะค้นพบหากได้เลี้ยงแมว แต่ละอย่างของพวกมันนี่ไม่ใช่สิ่งธรรมดาซะจริงจริ๊ง

    19 สิ่งที่คุณจะค้นพบหากได้เลี้ยงแมว แต่ละอย่างของพวกมันนี่ไม่ใช่สิ่งธรรมดาซะจริงจริ๊ง

    หากว่าใครที่เคยได้มีโอกาสเลี้ยงเจ้าสัตว์สี่ขาตาโปนอย่างเจ้าแมวเหมียว ก็คงจะรู้กันดีว่าพวกมันนั้น ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่จะสามารถรับมือได้ง่ายๆ เลย เพราะเจ้าตัวน้อยเหล่านี้มักจะแสดงฤทธิ์เดชออกมาอยู่เสมอๆ และที่สำคัญที่สุดเลยก็คือเราก็ไม่กล้าลงไม้ลงมือกับมันเสียด้วย เพราะว่ามันน่ารักซะจนอยากเข้าไปกอดแทนซะมากกว่า และนี่คือเหล่าวีรกรรมที่บรรดาทาสแมวทั้งหลายได้ร่วมแชร์กันมา ว่าหากคุณมีความคิดที่อยากจะเลี้ยงแมวแล้วล่ะก็ นี่อาจจะเป็นชะตากรรมที่คุณอาจจะต้องพบเจอ ซึ่งสิ่งที่พวกเขาได้ประสบพบเจอกันมานั้น ต้องขอบอกว่ามันจริงซะยิ่งกว่าจริงเลยก็ว่าได้ และสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมว ส่วนมากจะมีความแสบขนาดไหน ไปแอบส่องพร้อมๆ กันเลยที   สิ่งแรกที่คุณควรรู้เกี่ยวกับพวกมันก็คือ คุณไม่ได้เลี้ยงแมว แต่เป็นแมวต่างหากที่เลี้ยงคุณ   ในวันแรกๆ ที่มันมาอาศัยอยู่ที่บ้าน คุณมักจะต้องถ่ายภาพของมันเอาไว้เสมอ   เพราะว่าหลังจากนั้น มันจะเปลี่ยนร่างจากสิ่งมีชีวิตที่ดูน่ารักที่สุดในโลก ไปเป็นปิศาจร้ายที่หวังจะทำลายข้าวของต่างๆ   บางครั้งพวกมันก็อาจมองคุณ ด้วยสายตาหวาดระแวง   และคุณจะเข้าใจว่า เมื่อแมวอยู่บนโต๊ะกระจกใสๆ มันจะเป็นสิ่งที่ดูน่ารักปุกปุยแบบสุดๆ   แต่บางครั้งมันก็ทำคุณประสาทเสีย เมื่อมันจ้องไปในความว่างเปล่าเหมือนมันเห็นอะไรบางอย่างที่เราไม่เห็น   หลังจากนั้นมันก็ไปหาอย่างอื่นทำแทน (แล้วปล่อยให้คุณหลอนไปคนเดียว)   มันเป็นเรื่องยากมากๆ หากจะขับรถพาแมวไปหาหมอโดยไม่เอามันใส่ไว้ในกล่องหรือตะกร้า   เมื่อคุณเปิดหน้าหนังสือหรือคอมพิวเตอร์ แมวมักจะมานั่งทับเสมอ ไม่รู้เพราะว่าอะไรเหมือนกัน   หากตาดำของแมวขยายออก นั่นแสดงว่ามันกำลังโกรธอยู่   บางครั้งมันก็ชอบมาจุ้นจ้าน เมื่อเรากำลังทำอะไรอยู่  …

  • แม่หมาใจสลายที่เสียลูกไป แต่แล้วโชคชะตาก็นำพาความสุขกลับคืนมาให้กับมัน

    แม่หมาใจสลายที่เสียลูกไป แต่แล้วโชคชะตาก็นำพาความสุขกลับคืนมาให้กับมัน

    ว่ากันว่า ‘การให้กำเนิด’ ถือว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิต เพราะว่ามันช่างเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ ที่จะทำให้อีกหนึ่งชีวิตสามารถมีโอกาสได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกใบกว้างที่เราอาศัยกันอยู่ และแน่นอนว่าเหล่าคุณแม่เหล่านี้ก็จะต้องพากันดีใจยกใหญ่อย่างแน่นอน แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหากเราต้องสูญเสียลูกๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นมาอย่างไม่มีวันกลับ….ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับคนเท่านั้น ทว่ากับสัตว์พวกมันก็มีความรู้สึกเหมือนๆ กัน เช่นเดียวกับเจ้าหมาตัวนี้ที่สูญเสียลูกๆ ของมันไปอย่างกะทันหัน ทำให้มันมีอาการซึมเศร้าจนเห็นได้ชัด จนกระทั่งสวรรค์ได้เมตตาส่งอีกหนึ่งชีวิตมาให้มันดูแลจนเหมือนกับลูกแท้ๆ และนั่นได้เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปได้ของมันได้เป็นอย่างดี   แม่หมา Daya แม่ของลูกๆ ทั้ง 9 ชีวิต   นี่คือเรื่องราวของแม่หมาพันธุ์พิทบูลวัย 3 ปีชื่อว่า Daya มันถูกพบเข้าขณะกำลังตั้งท้องโย้และเดินโซซัดโซเซอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่ข้างถนนแห่งหนึ่งในรัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศอเมริกา เมื่อเจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์สัตว์ไปเห็นมันเข้า จึงได้เข้าช่วยเหลือมันในทันทีทันใด พวกเขาได้นำตัวของ Daya ไปตรวจร่างกายดูว่ามีความผิดปกติใดๆ ที่จะต้องรับการรักษาหรือไม่ และทันใดนั้นเองก็มีเรื่องที่ทำให้หัวใจของทุกชีวิตแทบหยุดเต้นเกิดขึ้น เพราะผลจากการตรวจบ่งบอกว่าลูกๆ ของมันได้จากไปแล้ว   ลูกหายไปอย่างไม่มีวันกลับ   “ในตอนแรกเจ้า Daya มีลูกๆ ในท้องของมันถึง 9 ชีวิต แต่ผลจากการเอกซเรย์บ่งชี้ว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดรอดอยู่ในท้องของมันเลย และมันต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่มาถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะว่ามันมีอาการติดเชื้อที่มดลูกอย่างรุนแรง” Jennifer Werner หนึ่งในอาสาสมัครที่ดูแลมันกล่าว การผ่าตัดในครั้งนั้นสามารถรักษาชีวิตเจ้า Daya เอาไว้ได้ แต่ถึงอย่างไรลูกๆ…

  • เจ้าเหมียวจรตาสองสีเดินมาหามนุษย์ขอความเมตตา พอได้บ้านแล้วก็แปลงร่างอ้วนพลุ้ย!!

    เจ้าเหมียวจรตาสองสีเดินมาหามนุษย์ขอความเมตตา พอได้บ้านแล้วก็แปลงร่างอ้วนพลุ้ย!!

    ด้วยความที่แมวเป็นสัตว์ที่มีเสน่ห์ในตัวเองอยู่แล้ว ทำให้ไม่ว่าใครๆ ที่พบเห็นต่างก็ตกหลุมรักมันได้ง่ายๆ ทั้งนั้น และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์เช่นกันที่ความแสนซนของมันทำให้มนุษย์คนหนึ่งต้องยอมตกเป็นทาสอย่างง่ายดาย เพราะว่านอกจากความน่ารักของมันแล้ว ความขี้อ้อนของมันยังเป็นท่าไม้ตายที่เอาใช้สยบมนุษย์อย่างเราๆ ได้อย่างอยู่หมัด โดยเหตุการณ์แมวฉกฉวยหัวใจครั้งนี้ได้รับการเปิดเผยจากผู้ใช้งานเว็บบอร์ด Reddit ที่ใช้ชื่อว่า Lucas ซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่าวันหนึ่งขณะที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยกับเพื่อนของเขา ก็มีแมวจรตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้น พร้อมทั้งร้องเรียกหาความสนใจจากคนใจดีเพื่อหวังจะหาอะไรประทังชีวิตได้บ้าง   สภาพมอมแมมดูแทบไม่ได้เลย   “มันเดินเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับร้องเหมียวๆ จากนั้นมันก็กระโดดขึ้นมาบนโต๊ะของเรา ทันทีที่ผมได้เห็นหน้าของมันชัดๆ ผมก็ตกหลุมรักมันในทันที ซึ่งในตอนนั้นมันดูกระหายน้ำมาก พวกเราจึงเทน้ำให้มันแล้วมันก็กินใหญ่เลย และในตอนนั้นเองพวกเราได้ตั้งชื่อให้เจ้าขนปุยสีขาวตัวนี้ว่า Eva” Lucas กล่าว หลังจากที่มันได้ดื่มน้ำจนหายหิวแล้ว แทนที่มันจะเดินไปหาของกินจากคนอื่นต่อ เจ้า Eva กลับไม่ยอมไปไหน หนำซ้ำมันยังนอนทับกองชีท รวมถึงหนังสือของนักศึกษาเหล่านี้ด้วย ซึ่งได้เรียกความเอ็นดูจากพวกเขาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว   เค้าขอน้ำกินหน่อยสิ   “ในวันนั้น Eva ได้เรียนแคลคูลัสกับพวกเราด้วย” Lucas เล่าวันวันแรกที่เขากับแมวตัวนี้ได้พบกันให้ฟัง หลังจากการติวหนังสือเสร็จสิ้น เด็กหนุ่มคนนี้ก็ตัดสินใจนำตัว Eva ไปหาสัตวแพทย์เพื่อจะให้พวกเขาช่วยทำความสะอาดรวมทั้งตรวจร่างกายให้กับมันหน่อย ซึ่งเมื่อกรรมวิธีทั้งหมดเสร็จสิ้นเด็กหนุ่มคนนี้ก็ตัดสินใจพาเจ้า Eva กลับไปเลี้ยงที่บ้านเพื่อที่มันจะได้ไม่ต้องหิวโหยเป็นแมวจรเช่นนี้อีกต่อไป   ได้มาอยู่บ้านใหม่แล้ว ดีใจจังเลย   ทันทีที่มันไปถึงบ้านใหม่ มันก็ดูตื่นเต้นเอามากๆ และได้เข้าสำรวจทุกซอกทุกมุมภายในบ้าน และในเวลาต่อมาไม่นาน…

  • ‘บาปหนา’ น้องสาวปั่นหัวเอาคืนพี่ หลังพี่สาวจ้ำจี้กับปั๋ว ครางจนเสียงดังกังวาลไปทั่วบ้าน

    ‘บาปหนา’ น้องสาวปั่นหัวเอาคืนพี่ หลังพี่สาวจ้ำจี้กับปั๋ว ครางจนเสียงดังกังวาลไปทั่วบ้าน

    บางทีระหว่างที่เรากำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะหรือว่า ‘มีเซ็กส์’ อย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์อยู่นั้น ก็อาจจะส่งเสียงดังออกมาโดยที่เราก็ไม่รู้ตัว ซึ่งเสียงที่ว่านี้ มันอาจเป็นเสียงที่กระเส่าหรือโหยหวนจนเกินคำบรรยาย จนใครบางคนที่ได้ฟังอาจจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ที่จะต้องมาคอยฟังเสียงเหล่านี้เล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน และหนูน้อยวัย 11 ปีคนนี้ก็เป็นอีกคนเช่นเดียวกัน ที่ดูเหมือนจะไม่ชอบเสียงอันซาบซ่านที่ว่านี้ หรืออาจจะใช้คำว่าเกลียดเลยก็ยังได้ เพราะหลังจากที่คืนก่อนหน้าที่พี่สาวของเธอร่วมรักกับแฟนหนุ่มอย่างเร่าร้อน จนส่งเสียงดังไปทั่วทั้งบ้าน   ช่างเป็นคนบาปที่สกปรกจริงๆ เลยนะขุ่นพรี่   เธอก็คิดหาวิธีที่จะแก้เผ็ดพี่สาวของเธอด้วยการทำอะไรสักอย่าง และในที่สุดแล้วเธอก็หาวิธีเอาคืนพี่สาวของเธอได้ ด้วยการติดโน๊ตน่ารักๆ แต่เจ็บแสบเอาไว้ทั่วทั้งบ้าน จนกลายเป็นเรื่องสุดฮา ที่พี่สาวของเธอต้องนำมาแชร์ให้กับชาวเน็ตได้มีรอยยิ้มกับความไร้เดียงสาของน้องสาวของเธอกันเลยทีเดียว   น้องสาววัย 11 ขวบของฉัน บังเอิญได้ยินเสียงฉันกับแฟนหนุ่มกำลังสอดด้ายเข้าเข็มกันเมื่อคืน ในวันนี้พอเราออกไปข้างนอก แล้วกลับมาบ้านก็พบกับกระดาษเหล่านี้อยู่เต็มไปหมดเลย   ไม่กะจะให้ส่องหน้าส่องตากันบ้างละ   โดยเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา จากผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่มีชื่อว่า @SalsaWater เมื่อเธอได้โพสต์ภาพสิ่งของต่างๆ ที่มีโน๊ตของน้องสาวเธอติดเอาไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเขียนคำว่า ‘บาป’ เอาไว้   มีแทบจะทุกหลืบของบ้าน   ทว่าจุดที่พีคที่สุดที่ทำให้สาวคนนี้ ตัดสินใจนำเรื่องนี้มาเผยแพร่ก็เพราะว่า โน๊ตของน้องสาวที่ว่านี้ มันมีอยู่ในแทบจะทุกซอกมุมของบ้าน ไม่ว่าจะหยิบจะจับอะไรก็เป็นอันต้องเจอกระดาษใบนี้เต็มไปหมด   คงต้องให้พระเจ้าลงมาโปรดคนสกปรกอย่างพี่แล้วละมั้งเนี่ย  …

  • โอ้มายก็อด!! พ่อบ้านไต้หวันได้เงินเกือบแสนบาทต่อเดือนจากการดูแลบ้านรวมถึง “แปรงเต่า”

    โอ้มายก็อด!! พ่อบ้านไต้หวันได้เงินเกือบแสนบาทต่อเดือนจากการดูแลบ้านรวมถึง “แปรงเต่า”

    หากจะให้พูดถึงอาชีพที่สามารถทำเงินได้จำนวนมากต่อเดือน หลายคนก็อาจจะนึกว่าอาชีพ วิศวกร ผู้รับเหมา แอร์โฮสเตส หรืิออื่นๆ แต่ว่าคงไม่มีใครนึกถึงว่าอาชีพ ‘พ่อบ้าน’ ก็สามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาลได้เช่นเดียวกัน  และชายหนุ่มคนนี้ก็มาพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาสามารถสร้างรายได้ถึง 86,000 บาทต่อเดือน จากการประกอบอาชีพเป็นพ่อบ้านรวมถึงการ ‘แปรงเต่า’   หน้าตาของ Lee พ่อบ้านรายได้สูงเกือบแสนบาท   พูดไปอาจจะไม่เชื่อ แต่ว่านี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ เมื่อมีชายหนุ่มชาวไต้หวันชื่อว่า Lee ซึ่งในอดีตเคยเป็นเพียงพนักงานในร้านอาหารที่ได้รับเงินเดือนละ 30,000 ดอลลาร์ไต้หวัน(ประมาณ 32,000 บาท) ตัดสินใจพลิกโผชีวิตตัวเอง โดยลาออกจากงานเดิมแล้วหันหน้ามาเป็นพ่อบ้านประจำ และนี่การตัดสินใจครั้งใหญ่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้   เจ้าเต่าน้อยแสนน่ารัก   “หลายๆ ครอบครัวในไต้หวันมักจะออกไปหาเงินกันทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาที่จะดูแลบ้านช่องให้สะอาด พวกเราเหล่าพ่อบ้านแม่บ้าน จึงเข้ามาเพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ให้กับพวกเขา” Lee กล่าว สำหรับหน้าที่หลักๆ ที่ Lee ต้องปฏิบัติก็คือ การดูแลบ้านช่องให้สะอาด กำจัดศัตรูพืชให้กับต้นไม้ที่อยู่ภายในบ้าน รวมถึงช่วยทำธุระบางอย่างที่ได้รับมอบหมาย เพียงเท่านั้น   การแปรงต้องใช้ทักษะอย่างสูง   แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่นอกจากการทำงานตามปกติที่พ่อบ้านทั่วๆ ไปจะได้รับมอบหมายก็คือ Lee จะต้องแปรงกระดองเต่ารวมถึงทำความสะอาดให้กับเต่าตัวน้อย…

  • กราบใจเจ้านาย… ยังคงจ่ายเงินลูกน้องรุ่นแรกทุกเดือน แม้ว่าเขาจะขอลาออกไปแล้วก็ตาม

    กราบใจเจ้านาย… ยังคงจ่ายเงินลูกน้องรุ่นแรกทุกเดือน แม้ว่าเขาจะขอลาออกไปแล้วก็ตาม

    ด้วยยุคสมัยในสังคมปัจจุบัน ที่เพียงแค่ก้าวขาออกจากบ้านก็อาจจะเสียเงินได้แล้ว ทำให้คนส่วนใหญ่จึงต้องทำงานเพื่อแลกกับเงินเอาไว้อยู่ไว้กิน ซึ่งถ้าหากไม่มีงานก็ย่อมไม่มีเงินเอาไว้ใช้สอยเป็นธรรมดา แต่เรื่องนี้อาจจะใช้ไม่ได้กับชายคนหนึ่ง ที่อาจจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะถึงแม้จะลาออกจากการเป็นพนักงานแล้ว แต่เจ้านายก็ยังจ่ายเงินเดือนเหมือนกับสมัยที่ยังทำงานอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง!!     โดยเรื่องราวอันน่าประทับใจนี้เกิดขึ้นกับนาย Tang Jianguo พนักงานขับรถบัสของบริษัทเดินรถแห่งหนึ่งทางตะวันออกของประเทศจีน โดยจุดเริ่มต้นของการได้รับเงินเดือนแม้ไม่ต้องทำงานที่ว่านี้ เริ่มมาจากเมื่อ 5 ปีก่อนที่เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเกี่ยวกับไตอย่างรุนแรง ซึ่งตัวเขาเกรงว่าจะไม่สามารถทำงานได้เหมือนแต่ก่อน และไม่อยากให้เป็นภาระของทางบริษัท จึงตัดสินใจลาออกเพื่อไปพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และด้วยเหตุนี้นี่เองที่ทำให้เจ้านายใจดีของเขา ตัดสินใจจ่ายเงินเดือนให้กับเขาดังเดิม แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำงานแม้แต่ชั่วโมงเดียวก็ตาม เพราะเจ้านายคนนี้รู้ดีว่า การรักษาอาการของโรคนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายไม่น้อย และ Tang ก็คงไม่สามารถไปทำงานที่อื่นได้อีกต่อไป เขาจึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเพื่อให้ลูกน้องของเขาคนนี้สามารถมีชีวิตอยู่รอดในสังคมนี้ต่อไปได้     ตามการรายงานจากสื่อ China Press ระบุว่าชายสกุล Tang วัย 49 ปี นั้นเป็นพนักงานรุ่นบุกเบิกของบริษัทเอเจนซี่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในเมืองฉางโจว มลฑลเจียงซู ประเทศจีน ในตอนที่เขาเข้าร่วมนั้นบริษัทแห่งนี้มีอายุเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น และ Tang ก็ได้ทำงานให้กับบริษัทนี้ในตำแหน่งคนขับรถ ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ทว่าก็เกิดโชคร้ายขึ้นกับเขาในปี 2012 เมื่อเขาได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นภาวะ Uremia (อาการเป็นพิษในเลือด) จึงทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกว่า 3…

  • หนุ่มจีนอาศัยอยู่ใต้สะพานนานนับสิบปี พยายามฝึกวิชาถอดรหัส ‘หวย’ หวังรวยทางลัด

    หนุ่มจีนอาศัยอยู่ใต้สะพานนานนับสิบปี พยายามฝึกวิชาถอดรหัส ‘หวย’ หวังรวยทางลัด

    หากพูดถึงลาภลอยนั้น ก็เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็อยากได้ทั้งนั้น เพราะเราอาจจะเป็นเศรษฐีได้โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลยทั้งสิ้น ดังนั้นจึงได้กำเนิดสิ่งที่เรียกว่า ‘หวย’ หรือลอตเตอรี่ขึ้นมาในหลายๆ ประเทศ เพื่อใหันักเสี่ยงดวงทั้งหลายได้ลองเสี่ยงดวงกัน ซึ่งหากโชคดีก็อาจจะได้รับทรัพย์ก้อนโตจากตัวเลขกันไป แต่ถึงจะเป็นเรื่องของโชคลาภอย่างไร ก็มีคนๆ หนึ่งที่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาฟ้าลิขิตอย่างเดียว แต่มันต้องอาศัยความมุมานะด้วย เขาจึงใช้เวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา พยายามถอดรหัสอัลกอริทึ่มของการหมุนสลากลอตเตอรี่ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้เป็นมหาเศรษฐีจากสิ่งที่เขาคิดไว้ให้จนได้!!     โดยชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Wang Chengzhou วัย 49 ปี ที่อาศัยอยู่บริเวณใต้สะพานใกล้กับแม่น้ำแยงซี ในเทศบาลนครฉงชิ่ง ประเทศจีน ซึ่งในทุกๆ วันเขาจะใช้เวลาหลายชั่วโมงในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 02.00-05.00 หมดไปกับการคิดค้นหากลไกที่จะถอดรหัสลอตเตอรี่ดังกล่าวให้จนได้ สำหรับความคิดนี้ Wang ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Chengdu Business Daily เอาไว้ว่า ไอเดียการถอดรหัสลอตเตอรี่ของเขาได้เริ่มขึ้นจากการที่เขากำลังดื่มสุราอยู่ในวันหนึ่งของปี 2004 และก็ได้ติดอยู่กับความคิดนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งในตอนนี้เขาก็ได้เรียกตัวเองว่าเป็น ‘ปรมาจารย์’ ด้านการถอดรหัส โดยในแต่ละเดือนนั้นเขาจะใช้เงินประมาณ 2,000 หยวน(ประมาณ 9,900 บาท) หมดไปกับการซื้อลอตเตอรี่เพื่อทดสอบวิธีการของเขาว่าจะได้ผลหรือไม่นั่นเอง     แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็บอกว่าไม่สามารถจำได้ว่าเคยถูกรางวัลมาแล้วเท่าไหร่ พร้อมทั้งยังปฏิเสธไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปยังสถานที่สำหรับถอดรหัสที่เรียกว่า ‘สตูดิโอ’…

  • แค่สลบแต่ยังไม่ตาย… ชายอินเดียบ้าบิ่น อัดคลิปเซลฟีบนรางรถไฟ ก่อนปลิวไปแต่ก็รอด!?

    แค่สลบแต่ยังไม่ตาย… ชายอินเดียบ้าบิ่น อัดคลิปเซลฟีบนรางรถไฟ ก่อนปลิวไปแต่ก็รอด!?

    ในปัจจุบันอุบัติเหตุจากการโดนรถชน เป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากมายบนโลกใบนี้ และยิ่งถ้าเป็นรถไฟแล้วล่ะก็ คงไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีใครรอดชีวิตหากโดนเจ้ารถรางเหล็กนี้เข้าชนเข้าอย่างเต็มเปา แต่มีชายคนหนึ่งที่ทำให้ทั้งโลกต้องอึ้ง เมื่อเขาโดนรถไฟชนจนปลิวแล้วกลับมีชีวิตรอดกลับมาอย่างหน้าตาเฉย?? โดยเหตุการณ์รถไฟชนคนแล้วรอดครั้งนี้ เกิดขึ้นในนครไฮเดอราบาด เมืองหลวงของรัฐเตลังคานาและรัฐอานธรประเทศ ประเทศอินเดีย เมื่อมีชายชื่อว่า Shiva แสดงความบ้าบิ่นในชีวิตของเขาออกมา ด้วยการไปยืนถ่ายเซลฟีอย่างยิ้มแย้มบนรางรถไฟ แม้ว่ารถไฟกำลังจะแล่นเข้ามาใกล้ทุกขณะก็ตาม   เค้ามีแต่ใจดีสู้เสือ อันนี้ใจดีสู้รถไฟ   ภาพจากวิดีโอเซลฟีที่เขาถ่ายมานั้น ทำให้เราเห็นได้ว่าเขาดูไม่มีความเกรงกลัวต่อรถเหล็กแม้แต่น้อย หน้ำซ้ำยังทำหน้าตาระรื่นเหมือนยืนอยู่บนไหล่เขาซะอย่างงั้น ซึ่งอันที่จริงแล้ว ก็มีคนเตือนเขาว่ากำลังจะมีรถไฟเข้ามาจากทางด้านหลังของเขา และรถไฟขบวนดังกล่าวก็ได้ส่งสัญญาณเตือนแล้วว่ากำลังจะเข้ามาใกล้ แต่เขากลับบอกกับกล้องว่า ‘รอก่อน’ เหมือนกับว่าเขาต้องการจะให้รถไฟชนเพื่ออยากจะพิสูจน์อะไรซักอย่าง   เข้ามาสิ กลัวที่ไหน   เมื่อรถไฟแล่นเข้ามาและเขาไม่ยอมหลบออกไป ก็แน่นอนว่ารถไฟก็ต้องเข้าชนเขาเข้าอย่างเต็มเปา จนตัวของเขานั้นลอยขึ้นไปสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น และภาพจากกล้องของเขาก็ได้อันตรธานหายไป ตามแรงชนจากรถไฟขบวนดังกล่าว   ไม่เห็นเป็นอะไรเล้ยย   ไม่ต้องบอกก็คงจะเดาไม่ยากว่า คนที่โดนรถไฟชนจนปลิวเช่นนั้นคงจะเสียชีวิตอย่างแน่นอน แต่กับชายผู้นี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าแรงจากการโดนรถไฟชนไม่สามารถทำอันตรายจนถึงชีวิตแก่เขาได้ สิ่งเดียวที่รถไฟขบวนนี้ได้ฝากเอาไว้บนร่างกายของเขา ก็มีเพียงแค่อาการบาดเจ็บที่หัวก็แค่นั้น จากการรายงานจากสื่อ NDTV ระบุเอาไว้ว่าในปัจจุบันมีพฤติกรรมที่เรียกว่า ‘เซลฟีเสี่ยงตาย’ เกิดขึ้นอย่างมากมายบนโลกใบนี้ และที่สำคัญคือในระหว่างเดือนมีนาคมปี 2014 – เดือนกันยายนปี 2016 การเซลฟีเสี่ยงตายเกิดขึ้นในประเทศอินเดียถึง 60% ของตัวเลขทั้งหมดบนโลกเลยทีเดียว…

  • ศิลปินสร้างผลงาน ที่เล่าถึงความสุขในการ ‘ใช้ชีวิตแบบโสดๆ’ ออกมาได้อย่างสวยงาม

    ศิลปินสร้างผลงาน ที่เล่าถึงความสุขในการ ‘ใช้ชีวิตแบบโสดๆ’ ออกมาได้อย่างสวยงาม

    สำหรับใครที่มองว่าใครๆ ที่มีคู่นั้นดูช่างมีความสุขเสียจริง จนบางทีก็อยากจะมีให้เหมือนกับชาวบ้านเขาบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าบางที การที่เราใช้ชีวิตอยู่อย่างโสดๆ อย่างเพียงลำพังนั้น อาจจะเป็นชีวิตที่คนมีคู่แอบอิจฉาอยู่ก็เป็นได้ นั่นจึงทำให้ศิลปินชื่อว่า Yaoyao Ma Van As ตัดสินใจถ่ายทอดมุมมองการใช้ชีวิตเมื่อต้องอยู่ลำพัง ออกมาให้ดูว่าจริงๆ แล้วชีวิตประจำวันของคนโสดนั้น มีความสุขที่หาได้ง่ายๆ ขนาดไหน ซึ่งเรื่องเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่เรามองข้ามไป แต่จริงๆ แล้วมันอาจเป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะตามหามาตลอดทั้งชีวิตเลยก็ได้ ซึ่งภาพวาดที่ออกมานั้น ก็มีทั้งความน่ารักและความสวยงาม อีกทั้งยังแฝงไปด้วยการสื่อถึงสิ่งง่ายๆ ที่เราสามารถหาได้ในทุกวัน เห็นอย่างนี้แล้วก็ไม่ต้องไปแอบอิจฉาคนมีคู่กันแล้วนะยะ!! และหากใครที่ชื่นชอบผลงานลายเส้นของศิลปินท่านนี้ก็สามารถไปติดต่ามกันต่อได้ที่ @yaoyaomva   ทำงานได้โดยไม่ต้องเป็นมีเรื่องให้คิดกวนใจ   นอนเล่นบนเตียงได้ทั้งวัน แถมยังไม่มีใครคอยบ่นคอยว่าอีกด้วย   เล่นกับสัตว์เลี้ยงแสนรักได้แบบสนุกสุดเหวี่ยง   แต่งห้องของเราได้แบบตามใจตัวเอง   มีเวลาว่างๆ ก็ไปหาหนังสือที่ชอบอ่าน โดยไม่ต้องแคร์ใครเล้ยย   เดินกลางฝนแบบคนเดียวก็สดชื่นไปอีกแบบนะ   ทำอะไรก็ไม่ต้องอาย จะนั่งท่าไหนก็ได้   อยู่กับความคิดของตัวเอง และดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆ ในยามเช้า   อยากเที่ยวไหนก็ไปได้เลย ไม่ต้องขออนุญาตใคร   ทำสิ่งเพี้ยนๆ ต๊องๆ…

  • ไปทำอะไรอย่างงั้น!! หนุ่มจีนทดสอบแบตเตอรี่ iPhone ด้วยการกัด กลายเป็นระเบิดตู้มต้าม

    ไปทำอะไรอย่างงั้น!! หนุ่มจีนทดสอบแบตเตอรี่ iPhone ด้วยการกัด กลายเป็นระเบิดตู้มต้าม

    การที่เราจะซื้อแบตเตอรี่ก้อนใหม่เพื่อเติมพลังให้กับโทรศัพท์ของเรานั้น ก็แน่นอนว่าจะต้องตรวจสอบก่อนให้ดีว่ามันเป็นของแท้หรือของปลอมกันแน่ ซึ่่งการตรวจสอบนั้นก็สามารถทำได้หลายวิธี อย่าง ดูใบประกัน หรือซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ หรืออื่นๆ อีกมากมาย แต่คงไม่ใช่วิธีการกัดเพื่อทดสอบความแข็งเหมือนกับที่ชายคนหนึ่งลงมือ เพราะว่ามันทำให้แบตเตอรี่ก้อนดังกล่าวระเบิดใส่หน้าของเขาจนกลายเป็นภาพแสนน่ากลัวเลยทีเดียว     จากการรายงานจากสื่อ Taiwan News ระบุเอาไว้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ในร้านอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่งของประเทศจีน เมื่อมีชายคนหนึ่งต้องการจะหาซื้อแบตเตอรี่ก้อนใหม่ให้กับโทรศัพท์ iPhone ของเขา เขาจึงไปเลือกซื้อที่ร้านดังกล่าว และเลือกที่จะทดสอบว่าเป็นของแท้หรือไม่ด้วยการกัด!! และทันทีที่เขาเริ่มวิธีแผลงๆ นี้ ก็เกิดลูกไฟขนาดใหญ่แตกออกมาจากแบตเตอรี่ก้อนดังกล่าว ซึ่งก็จะสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้เห็นเหตุการณ์นี้จำนวนมาก     โดยภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านได้บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้ และได้มีการเผยแพร่ไปยังเว็บไซต์ชื่อดังของประเทศจีนอย่าง  miaopai.com เมื่อวันที่ 20 มกราคม ซึ่งก็มีผู้เข้าชมการทดสอบแปลกๆ ของชายคนนี้มากถึง 4.5 ล้านครั้งเลยทีเดียว ในวิดีโอดังกล่าว เราจะสามารถเห็นได้ว่าชายคนหนึ่งนำแบตเตอรี่ไปกัด เพื่ออยากจะทดสอบว่าเป็นของแท้หรืออาจจะทดสอบความแข็งแรงก็ไม่ทราบ แต่ทันทีที่เขาเริ่มกัดก็ปรากฏว่ามีแสงไฟลุกวาบออกมาจากแบตเตอรี่ก้อนนั้น เหมือนกับพลุแตกเลยก็ว่าได้     อย่างไรก็ตามก็เป็นโชคดีของชายคนนี้ เมื่อมีรายงานว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุแบตเตอรี่ระเบิดดังกล่าวแม้แต่คนเดียว ทว่าเรื่องดังกล่าวก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติที่สามารถพบเห็นได้ทุกวัน จึงได้มีความคิดเห็นตลกๆ จากชาวเน็ตประเทศจีนอย่างมากมายถึงสิ่งที่ชายคนนี้ทำลงไป อย่างเช่น “แบตเตอรี่ไม่ใช่ก้อนทองนะ จะไปกัดทดสอบมันทำไม” “เขาอาจจะเห็นว่า โลโก้แอปเปิ้ลยังมีรอยแหว่งเลย ถ้าแบตเตอรี่ของแท้ก็อาจจะต้องมีรอยแหว่งบ้างก็ได้”…

  • ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ!! หนุ่มยอมแต่งงานกับสาวใหญ่รุ่นแม่ เป็นเพราะรักกันจริงหรือหวังเงินทอง

    ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ!! หนุ่มยอมแต่งงานกับสาวใหญ่รุ่นแม่ เป็นเพราะรักกันจริงหรือหวังเงินทอง

    พิธีแต่งงานเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าเป็นพิธีการที่แสดงออกถึงความรักที่ทั้งสองคนมีต่อกัน ทว่าก็ได้มีงานแต่งงานงานหนึ่งได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากว่าฝ่ายหญิงมีอายุแก่กว่าฝ่ายชายราวกับรุ่นแม่ จึงได้เกิดคำถามขึ้นมาว่าการแต่งงานครั้งนี้เกิดจากความรักหรือเงินกับแน่??   การแต่งงานกับข้ามรุ่น   โดยการแต่งงานที่ว่านี้เกิดขึ้นที่มณฑลไหหลำประเทศจีน ในวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา เมื่อมีหนุ่มอายุ 23 ปีคนหนึ่งเข้าพิธีแต่งงานกับหญิงคนหนึ่งที่มีอายุมากกว่าเขาจนแทบจะข้ามรุ่น ซึ่งมีอายุถึง 38 ปีเลยทีเดียว และเหตุการณ์นี้ก็ได้ทำให้ชาวเน็ตในประเทศจีน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องดังกล่าวอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน เกี่ยวกับความเหมาะสมของการแต่งงานที่เกิดขึ้น…   หน้าตาของเจ้าบ่าวคนดังกล่าว   จากการรายงานของสื่อ ETtoday ระบุว่า ที่เขาตัดสินใจแต่งงานกับเธอนั้น ได้อ้างว่าต้องการจะรับผิดชอบที่ทำให้เธอตั้งครรภ์ ทั้งๆ ที่เจ้าสาวของเขามีอายุน้อยกว่าแม่ของเขาเพียงปีเดียวเท่านั้น แถมยังมีลูกชายวัย 14 ติดมาอีกต่างหาก… ซึ่งก็แน่นอนว่าพ่อแม่ของฝ่ายชายก็ย่อมจะต้องคัดค้านการแต่งงานนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ในที่สุดแล้วทั้งคู่ก็ต้องยอมใจอ่อน เมื่อเจ้าสาวได้เสนอเงินสดให้ถึง 660,000 หยวน (ประมาณ 3.2 ล้านบาท) พร้อมทั้งรถหรูยี่ห้อเฟอร์รารี่ที่มีราคาอยู่ที่ 5,000,000 หยวน (ประมาณ 24 ล้านบาท) เพื่อให้การแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นในที่สุด   วิดีโอระหว่างที่ทั้งคู่นั่งอยู่บนรถสปอร์ตคันหรู ทักทายแขกเหรื่อภายในงานแต่งดังกล่าว   โดนในการแต่งงานครั้งนี้ ฝ่ายสาวก็ได้แสดงออกถึงความมีฐานะที่ค่อนข้างมั่งคั่ง…

  • เกิดอะไรขึ้น.. “เล็ก คาราบาว” แฉพฤติกรรมสุดห่ามของคนในวง แฟนเพลงร่วมผสมโรง

    เกิดอะไรขึ้น.. “เล็ก คาราบาว” แฉพฤติกรรมสุดห่ามของคนในวง แฟนเพลงร่วมผสมโรง

    หากใครที่เป็นแฟนเพลงเพื่อชีวิตน่าจะรู้จักกับพี่ ‘เล็ก คาราบาว‘ กันเป็นอย่างดี และล่าสุดก็ได้ออกมาโพสต์เล่าระบายถึงเรื่องปัญหาในวง ที่อดทนมานาน จนในที่สุดก็ปรี๊ดแตกในวันนี้     โดยพี่เล็ก คาราบาว ได้โพสต์เล่าเรื่องราวดังกล่าวลงในเพจเฟซบุ๊กชื่อว่า Lek Carabao Solo ดังนี้   “จะให้เรียกว่าอะไร? เมื่อวานลงภาพปริศนาให้ท่านชม มีหลายท่านแสดงความคิดเห็นกันเข้ามา บางท่านพูดเรื่องความเมตตาและการให้อภัยซะยาวเหยียด และผมคิดว่ามีอีกมากมายที่สงสัยแต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมาได้แต่เก็บไว้ในใจรออ่านวันนี้ ภายใต้บุคลิกที่ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี แถมเพลงที่ต้องร้องในแต่ละคืนก็มีอยู่แค่เพลงเดียวมาร่วมสามสิบปี แต่เนื่องจากเป็นเพลงที่มีเนื้อหาตลกน่ารักๆ จึงมีคนไม่น้อยที่เข้าใจอะไรแบบลวงๆผิดๆจากสิ่งที่เป็น แต่เดี๋ยวนี้ใครทำอะไรแย่ๆไว้ ก็พึงระวังไว้ให้ดี ทุกวันนี้มีใครไม่มีกล้องบ้างล่ะ ผมจึงเชื่อว่าต้องมีวีดีโอคลิปเหตุการณ์นี้แน่ๆ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นบนเวทีขณะแสดง มันจึงเป็นจุดที่กล้องมากมายล้วนถ่ายกันขึ้นมา แน่นอนว่าต้องมีทั้งภาพนิ่งและวีดีโอครับ     เมื่อวาน ผมถามว่า  มันคืออะไร? “มันคือน้ำจิ้มซีฟู้ด หนึ่งชามใหญ่ที่พ่อครัวเค้าปรุงไว้เสิร์ฟลูกค้า” นั่นหมายความว่า ค่ำคืนนั้นไม่มีน้ำจิ้มจะเสิร์ฟ เกิดอะไร? “มีนักดนตรีในวงจงใจเทราดใส่มอนิเตอร์”  ทำไม? “โกรธที่ซาวด์เอ็นจิเนียร์ปรับเสียงให้ไม่ได้อย่างใจ”  อย่างไร? อันนี้ต้องบอกว่า “อายุปูนนี้แล้วทำไปได้อย่างไร” เพราะคนอายุแบบพวกเราต้องไม่ใช่แบบนี้ นั่นมันทำให้ต้องล้วงให้ลึกไปกว่าเหตุการณ์นี้ ซึ่งก็ไม่ยากเลยเพราะยังไม่ทันล้วงก็โผล่มาให้เห็นเพียบ สองสามวันก่อน คนๆเดียวกันนี้ก็เพิ่งเอาไมค์ขว้างใส่ซาวด์เอ็นจิเนียร์ ด้วยเหตุผลเดียวกันนี่แหละ เฮ้อออออออ! ซึ่งไมค์ที่ว่านี้ทำมาจากโลหะหนัก…

  • สาวรับแมวน้อย อายุ 10 วัน กลัวจะโดนแมวโตที่บ้านรังแก แต่เฮ้ย… มันเข้าแก๊งเดียวกันเฉย!!

    สาวรับแมวน้อย อายุ 10 วัน กลัวจะโดนแมวโตที่บ้านรังแก แต่เฮ้ย… มันเข้าแก๊งเดียวกันเฉย!!

    ในช่วงชีวิตที่อ่อนแอที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิต ก็คงจะเป็นวัยแบเบาะหรือวัยทารก ที่บางครั้งเราก็ยังไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ เพราะว่าอาจจะยังมีร่างกายไม่แข็งแรง หรือยังมีแต่ความไร้เดียงสา ซึ่งหากออกไปสู่โลกภายนอกก็อาจจะเกิดอันตรายแก่ตัวเองได้ และด้วยความที่หญิงสาวคนหนึ่งเข้าใจกฎของธรรมชาติข้อนี้เป็นอย่างดี เธอจึงได้รับอุปการะลูกแมวถูกทิ้งตัวหนึ่ง และไม่เพียงเท่านั้นเธอยังทำให้มันพบกับครอบครัวแมวครอบครัวหนึ่ง ที่ในตอนนี้ได้กลายเป็นเสมือนกับพี่น้องของมันเลยก็ว่าได้   Colby แมวน้อยวัย 10 วันที่ถูกทิ้งอย่างน่าสงสาร   เจ้าแมวน้อยสุดน่ารักชื่อว่า Colby ได้เข้ามาอยู่ที่สถานสงเคราะห์  Nevada SPCA No-Kill Animal Shelter ที่ในตอนนั้นมันมีอายุเพียงแค่ 10 วันเท่านั้น โดยมันได้รับการช่วยเหลือจากหญิงสาวใจดีชื่อว่า Stacey ชาวรัฐฟลอริด้า ที่ได้ไปพบเจอเข้าโดยบังเอิญ ซึ่งในขณะนั้น Stacey กำลังดูแลแม่แมวชื่อว่า Tasha พร้อมกับลูกๆ ของมันอีกทั้งสองตัวอยู่ ดังนั้นการได้เจอลูกแมวตัวนี้เดินโซซัดโซเซอยู่ เธอจึงรู้ในทันทีว่ามันต้องการความช่วยเหลือเป็นการด่วน   กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแมวแม่ลูก   “สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกแมวน้อยตัวนี้คือการได้อยู่กับแม่แมวและแมวตัวอื่นๆ  ดังนั้นฉันจึงนำมันมาหาเจ้า Tasha เพื่ออยากรู้ว่ามันอยากจะรับเลี้ยงดูแมวน้อยตัวนี้หรือไม่ “ Stacey กล่าว และดูเหมือนว่าแม่แมวตัวนี้ จะมีจิตใจแห่งความเป็นแม่ที่เต็มเปี่ยม เพราะทันทีที่หญิงสาววางแมวน้อยให้อยู่ในอ้อมอกของมัน มันก็เริ่มทำความสะอาดให้กับสมาชิกใหม่ของครอบครัวมันทันที   นอนกอดกันกลมเชียว…

  • สิ่งที่ผู้คนเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ ‘การปั๊มหัวใจ’ ไม่ได้ช่วยทำให้หัวใจหยุดเต้นกลับมาตามปกติได้

    สิ่งที่ผู้คนเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับ ‘การปั๊มหัวใจ’ ไม่ได้ช่วยทำให้หัวใจหยุดเต้นกลับมาตามปกติได้

    ในนาทีชีวิต ที่ผู้ป่วยกำลังจะหมดลมหายใจลง เราก็เคยอาจจะเห็นอุปกรณ์ที่ชื่อว่า ‘เครื่องปั๊มหัวใจ’ ช่วยชีวิตของผู้คนมาแล้วมากมาย แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วเครื่องปั๊มหัวใจไม่สามารถทำให้หัวใจที่หยุดเต้นแล้วสามารถกับมาทำงานได้ อีกทั้งยังมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับเจ้าเครื่องนี้เกิดขึ้นอย่างมากมาย และในวันนี้ทางเพจที่มีชื่อว่า 1412 Cadiology ก็ได้นำความจริงเกี่ยวกับเครื่องช่วยชีวิตอันนี้ มาให้หลายคนได้ทราบถึงความสามารถจริงๆ ของมันกัน ซึ่งบางทีสิ่งที่เราเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องนี้มาตลอด อาจจะเป็นสิ่งที่ผิดก็เป็นได้ และความจริงที่ว่านั้นจะเป็นอย่างไร ก็ไปเรียนรู้พร้อมๆ กันเลยดีกว่า     เครื่องปั๊มหัวใจสามารถทำให้หัวใจที่หยุดเต้นแล้ว กลับมาเต้นอีกครั้งได้จริงหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่จริง เพราะว่าหัวใจที่หยุดเต้นลงไปแล้ว  ไม่ว่าจะใช้กระแสไฟฟ้าแรงสูงขนาดไหน ก็ไม่สามารถที่จะทำให้มันกลับมาเต้นได้อีกครั้งหนึ่ง   แล้วทำไมคุณหมอจึงเอาไฟฟ้ามาช๊อคใส่คนไข้กันล่ะ ที่เราเห็นคุณหมอนำกระแสไฟฟ้ามาช๊อคใส่คนไข้ก็เพราะว่า ต้องการจะทำให้หัวใจที่เต้นเร็วเกินไปกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากหัวใจที่เต้นเร็วเกินไป จะทำให้หัวใจไม่สามารถบีบเลือดออกไปได้นั่นเอง     เต้นเร็วเกินไปแล้วเอาไฟฟ้ามาช๊อคใส่ทำไมอีก นั่นก็เป็นเพราะว่าสาเหตุหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีหัวใจเต้นเร็วเกินไป ก็คือไฟฟ้าลัดวงจรในหัวใจ และการที่เรานำไปไฟฟ้าไปช๊อคนั้น ก็เพื่อจะให้เซลล์ทุกเซลล์ในหัวใจถูกกระตุ้น และเข้าสู่ระยะพักฟื้นพร้อมกันทั้งหมด เหมือนการรีเซ็ตเพื่อทำงานใหม่พร้อมๆ กันก็ว่าได้   ถ้าอย่างงั้นก็แสดงว่าการรักษาผู้ป่วยที่หัวใจหยุดทำงาน  การช๊อคหัวใจต้องรีบทำให้เร็วที่สุดล่ะสิ ถูกต้องครับ ซึ่งหากเป็นเหตุการณ์ที่ฉุกเฉินเราก็อาจจะใช้การกดหน้าอกบีบเลือดออกจากหัวใจซื้อเวลาไปก่อน และต้องทำการช๊อคหัวใจให้เร็วที่สุดแต่ไม่ใช่ลากเครื่องมาแล้วช๊อคไฟฟ้าทุกราย เราลากเครื่องมาเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าหัวใจหยุดทำงานจากหัวใจเต้นเร็วเกินไปจริงรึเปล่า ถ้าใช่ถึงจะสามารถทำการช๊อคได้    …

  • กลุ่มหญิงชาวจีนผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘แม่มด’ ต้องรวมตัวกัน จากความเชื่อผิดเพี้ยนที่ยังคงอยู่…

    กลุ่มหญิงชาวจีนผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘แม่มด’ ต้องรวมตัวกัน จากความเชื่อผิดเพี้ยนที่ยังคงอยู่…

    แม้ว่าปัจจุบันโลกของเราจะมีวิทยาการล้ำยุคขนาดไหน แต่ความเชื่อในเรื่องของไสยศาสตร์หรือว่ามนต์ดำ ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ในประเทศต่างๆ ตลอดเวลา ซึ่งความเชื่อในเรื่องเหล่านี้ ก็ทำให้บางคนต้องได้รับความเดือดร้อนจากการถูกกล่าวหา อย่างเช่น ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด ปิศาจ ต่างๆ นานา จนทำให้ชีวิตของพวกเขาเหล่านี้พังพินาศกันเลยก็เคยมีให้เห็นเช่นเดียวกัน และนี่ก็คืออีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ เมื่อมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งถูกหมางเมินจากคนในหมู่บ้าน จากการถูกตราหน้าว่าเป็นแม่มด ทำให้พวกเขาต้องรวมตัวกันเพื่อเอาชีวิตรอด…     จากรายงานที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร Nature Human Behavior เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ทีมนักวิจัยที่ศึกษาในเรื่องนี้ได้ออกมาเปิดเผยถึงข้อมูลอันโหดร้ายบนโลกใบนี้ว่า ณ หมู่บ้านเกษตรกรรมแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศจีน มีคนจำนวนถึง 13.7% ของจำนวนชาวบ้านทั้งหมดถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มมนตร์ดำ  ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ชาวบ้านเรียกพวกเขาว่า Zhu หรือแปลได้ว่าแม่มดนั่นเอง     “เหล่า Zhu มักถูกกล่าวหาว่า พวกเขาสามารถบังคับงูได้ หรือสามารถวางยาพิษในจานอาหารของผู้อื่นได้ โดยเพียงแค่ใช้ตาเปล่าเท่านั้น” Ting Ji นักมานุษยวิทยาแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์จีนหนึ่งในทีมวิจัยนี้ กล่าว ซึ่งพวกชาวบ้านเชื่อกันว่ากลุ่มแม่มดที่ว่านี้ จะสามารถส่งผ่านเชื้อแม่มดของพวกเขาได้ ผ่านสิ่งของมีค่าต่างๆ อย่างเช่น ผ้าไหม ทองคำ หรือเครื่องเงิน จึงทำให้การแพร่ระบาดของการเป็นแม่มดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว     และเมื่อครอบครัวไหนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นพวก Zhu แล้ว พวกเขาเหล่านี้ก็จะมีผู้คบค้าสมาคมที่ลดน้อยลง รวมถึงก็จะถูกรังเกียจจากชาวบ้านทั่วไปมากขึ้นอีกด้วย…

  • เจ้าหมาขี้เหงาไม่ชอบอยู่บ้านคนเดียว เจ้าของเลยรับแมวเหมียวมาเป็นเพื่อนมันซะเลย!!

    เจ้าหมาขี้เหงาไม่ชอบอยู่บ้านคนเดียว เจ้าของเลยรับแมวเหมียวมาเป็นเพื่อนมันซะเลย!!

    บนโลกนี้ไม่ว่าใครๆ ต่างก็ไม่ชอบความเหงา ความเปล่าเปลี่ยวด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งความรู้สึกนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับคนเท่านั้น แต่สำหรับสัตว์แล้วพวกมันก็มีความรู้สึกเช่นนี้เหมือนๆ กับเรา ซึ่งอาจสังเกตได้จากสีหน้าและอารมณ์ของมัน เหมือนกับเจ้าหมาตัวนี้ที่ไม่ชอบการต้องอยู่อย่างลำพัง มนุษย์ผู้ใจดีเลยเอาแมวมาอยู่เป็นเพื่อนซะเลย โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ Samantha Kreisler ชาวรัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจรับเลี้ยงหมาตัวหนึ่งจากสถานสงเคราะห์ โดยเธอตั้งชื่อให้แก่มันว่า Lady    นอนกกกันราวกับแม่ลูกเลย   ซึ่งนอกจากปัญหาเรื่องผิวหนังของมันแล้ว เธอได้สังเกตสิ่งที่ผิดปกติอีกอย่างหนึ่งของเจ้าหมาตัวนี้ และดูเหมือนกับเป็นปัญหาที่ใหญ่มากด้วย เพราะสิ่งที่เธอรับรู้ก็คือ มันมักจะมีอาการวิตกกังวลเป็นอย่างมากเมื่อจะต้องอยู่ตัวเดียว “ฉันเห็นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ว่ามันมักจะมีสีหน้าเป็นกังวล เมื่อต้องอยู่ตัวเดียว” Samantha กล่าว   มาซบอกพี่มา เจ้าหมาขี้เหงา   ซึ่งปัญหานี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี้ยงไม่ได้ เพราะด้วยความที่ Samantha ยังเป็นนักเรียนอยู่ ทำให้เธอต้องออกไปเรียนที่โรงเรียนตลอดทั้งวัน แต่เธอก็ได้เกิดไอเดียสุดบรรเจิดขึ้นมาเพื่อจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว และดูเหมือนว่าผลลัพธ์ของมันจะทำให้น้องหมาดีใจแบบสุดๆ เลยทีเดียว โดยสิ่งที่เธอนำมาแก้ปัญหาให้กับหมาตัวนี้ก็คือ การหาสัตว์สักตัวมาอยู่เป็นเพื่อนกับมัน และปรากฏว่าสิ่งมีชีวิตที่เธอพามาก็คือเจ้า Bruce แมวที่ชอบมาคลอเคลียกับเจ้า Lady นั่นเอง   แค่อยู่ใกล้ๆ ก็สุขใจ   “Lady ชอบที่จะไปคลุกคลีอยู่กับแมวตัวหนึ่งในละแวกบ้านของฉัน ฉันเลยตัดสินใจรับมันมาเลี้ยงเพื่อจะคลายเหงาให้กับมันทั้งคู่ซะเลย” “มันเป็นแมวจรที่มักจะชอบเดินเข้าออกบ้านของฉันเสมอ มันจึงค่อนข้างจะคุ้นเคยกับหมาของฉันเป็นอย่างดี” Samantha กล่าว…

  • ภาพถ่ายโดรนจากมุมสูง ที่จะทำให้คุณได้เห็นถึงความงดงามอีกมุมหนึ่งของโลกกลมๆ ใบนี้

    ภาพถ่ายโดรนจากมุมสูง ที่จะทำให้คุณได้เห็นถึงความงดงามอีกมุมหนึ่งของโลกกลมๆ ใบนี้

    หากจะกล่าวถึงสิ่งสวยงามที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ก็คงจะต้องใช้เวลาหลายวันกว่าที่จะกล่าวทั้งหมดได้ เพราะว่าโลกของเราช่างกว้างใหญ่ และเต็มไปด้วยสิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งสิ่งที่ธรรมชาติได้เนรมิตเอาไว้ให้ หรืออาจจะเป็นสิ่งที่มนุษย์อย่างเราๆ ได้สร้างสรรค์ขึ้น เพือช่วยเติมเต็มให้ดวงดาวดวงนี้น่าอยู่มากไปกว่าเดิม ซึ่งสิ่งใดๆ ที่เกิดขึ้นมานั้น แน่นอนว่ามันย่อมต้องมีความสวยงามซ่อนอยู่ภายในตัวของมันเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่ในทุกๆ วันอย่าง ต้นไม้ใบหญ้า ถนนหนทางต่างๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนอีกเช่นกัน ว่าจะมองสิ่งๆ นั้นออกมาเป็นอย่างไร     นั่นจึงทำให้ศิลปินพี่น้องคู่หนึ่งชื่อว่า J.P. กับ Mike Andrews จากเมืองวูล์ฟแฮมตัน ประเทศอังกฤษ ตัดสินใจถ่ายทอดมุมมองของพวกเขาออกมา ให้ผู้คนได้เห็นถึงความน่าทึ่งในภูมิประเทศที่พวกเราอาศัยกันอยู่ ภาพของพวกเขานั้นเป็นภาพจากมุมสูงที่ถ่ายทำขึ้นจากโดรน ภาพเหล่านี้จึงเป็นภาพแปลกๆ ที่หลายคนอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อนก็เป็นได้ โดยพวกเขาบอกเอาไว้ว่าได้เริ่มถ่ายทำตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2016 ที่ผ่านมา และต้องเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกถึง 8 ประเทศเลยทีเดียว สิ่งที่พวกเขาได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นมานี้ จึงได้กลายมาเป็นผลงานศิลปะชิ้นสุดยอด ที่ไม่เพียงแต่จะมีเพียงความสวยงามเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นบนโลกของเราด้วย ซึ่งหากอยากรู้ว่าในตอนนี้ภูมิประเทศต่างๆ ในโลกจะเป็นเช่นไรบ้าง ก็ลองไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า   . . . . . . . . . . .…

  • ดีไซเนอร์ออกแบบแหวนที่บรรจุ “Lego” ไว้ แม้จะที่เรียบง่าย แต่งดงามในตัวมันเอง…

    ดีไซเนอร์ออกแบบแหวนที่บรรจุ “Lego” ไว้ แม้จะที่เรียบง่าย แต่งดงามในตัวมันเอง…

    ในยุคสมัยที่โทรศัพท์สมาร์ทโฟนยังไม่ถือกำเนิดขึ้น เด็กๆ ในสมัยนั้นต่างก็ต้องสรรหาความสนุกให้กับตัวเองด้วยการเล่นกับเพื่อน หรือว่าของเล่นต่างๆ ซึ่งมีของเล่นอยู่ชนิดหนึ่งที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน แค่ว่าความนิยมของมันก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันอาจจะมีผู้ที่ชื่นชอบมันมากกว่าเดิมก็เป็นไปได้ สำหรับเจ้าของเล่นที่ว่านี้คือก็ตัวต่อ เลโก้ นั่นเอง โดยจริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นของเล่นสำหรับเด็กๆ เท่านั้น ทว่ายังเป็นที่โปรดปรานของผู้ใหญ่หลายคนที่ชอบจะต่อตัวต่อชนิดนี้ ให้กลายเป็นรูปร่างลักษณะต่างๆ ตามที่ใจเราต้องการ ซึ่งนอกจากจากมันจะสามารถให้ความสนุกเพลิดเพลินแล้ว มันยังทำให้เราได้บริหารสมองในตอนที่ต่อมันอีกด้วย     และเนื่องจากความสำเร็จที่มากล้นของมัน ทำให้ผู้พัฒนาชื่อว่า Hintlab ตัดสินใจต่อยอดความนิยมของมัน ด้วยการนำไปใส่ในเครื่องประดับอย่าง แหวน, ตุ้มหู ซะเลย ซึ่งเจ้าตัวต่อเลโก้ที่จะมาอยู่บนเรือนร่างของผู้สวมใส่เครื่องประดับนี้ จะถูกสร้างขึ้นจากการใช้เครื่องพิมพ์สามมิติ ที่สามารถให้สีสันที่สวยสดงดงามและความสนุก ราวกับได้นั่งเล่นตัวต่ออยู่ที่บ้านเลยก็ว่าได้ โดยเครื่องประดับเลโก้ที่ทางผู้พัฒนาได้สร้างขึ้นนี้ จะสามารถเปลี่ยนสลับรูปแบบไปมาได้อย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นการนำไปต่อกัน หรือหากอยากจะเปลี่ยนรูปแบบแหวนให้มีเพียงเสี้ยวหนึ่งของตัวต่อก็สามารถทำได้เช่นกัน และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เราสามารถสวมใส่มันได้อย่างสนุกสนาน พร้อมกับยังได้ความสวยงามไปพร้อมๆ กันเลยด้วย และหากใครอยากจับจองเป็นเจ้าของเครื่องประดับเก๋ๆ แบบนี้ ก็สามารถเข้าไปเยี่ยมชมหรือสั่งซื้อได้ที่ Hintlab เลยจ้า   เปลี่ยนสีให้ไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน ก็ย่อมได้   ถอดเหลือแค่เล็กๆ ก็ดูดีไปอีกแบบ   ดูฟรุ้งฟริ้ง เหมาะกับสาวๆ เป็นอย่างยิ่ง   นึกว่ามรกตนะเนี่ย   สีสันสดใส…

  • หมาหายไป 5 วัน เพื่อนบ้านพบหัวมันตุ๊บป่องออกมาจากหิมะ โถ.. เกือบหนาวตายไหมล่ะเอ็ง

    หมาหายไป 5 วัน เพื่อนบ้านพบหัวมันตุ๊บป่องออกมาจากหิมะ โถ.. เกือบหนาวตายไหมล่ะเอ็ง

    สำหรับคนที่เลี้ยงสัตว์แล้ว มันคงจะเป็นเรื่องที่สะเทือนใจทีเดียวถ้าหากสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรานั้น เกิดหายไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งบางคนก็อาจโชคร้ายที่ไม่สามารถหามันได้พบ เพราะว่ามันอาจจะวิ่งหนีไปสถานที่ไกลๆ หรือโดนจับไป แต่ขณะเดียวกันก็มีคนอีกจำนวนมากเช่นเดียวกันที่มีโอกาสได้พบหน้าซื่อๆ ของมันอีกครั้ง เช่นเดียวกับในเคสนี้ ที่เจ้าหมาตัวหนึ่งได้หายไปถึง 5 วันก่อนที่จะมีคนพบมันเข้าในสภาพที่แสนจะน่าสงสาร   เจ้า Sophie หมาแสนซน   โดยเรื่องราวของเจ้าหมาตัวนี้ได้เริ่มเกิดขึ้นในวันที่ 5 มกราคมปี 2017 ที่ผ่านมาเมื่อ Albert Silver ชาวรัฐเมน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พบว่าเจ้า Sophie สุนัขพันธุ์ลาบาดอร์วัย 13 ปีของเขาได้หายไป ท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บและหิมะที่ปกคลุมพื้นที่แทบจะทั้งรัฐเอาไว้ ซึ่งเจ้า Sophie ได้หายไประหว่างที่ครอบครัวนี้กำลังจัดการกับพื้นที่ในบริเวณบ้านของพวกเขาอยู่ และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นมัน ก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย   โพสต์ขอความช่วยเหลือ   “ในวันพฤหัสก่อนที่จะกินมื้อเย็นกัน ครอบครัวของผมได้ช่วยกันปรับปรุงพื้นที่ด้วยการขุดและพรวนดินกันอยู่ ซึ่งสิ่งที่พวกเราทำนี้มันเป็นสิ่งที่เจ้า Sophieโปรดปรานเลยล่ะ มันจึงเดินตามพวกเราไปที่ที่จะลงมือขุดกัน หลังจากนั้นมันก็เดินไปยังบ้านของเพื่อนบ้านพวกเรา ที่มันมักจะชอบไปบ่อยๆ และเวลาไม่นานนักเขาก็นำเจ้า Sophie มาส่งคืนให้กับเราเป็นที่เรียบร้อย และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเราได้มีโอกาสได้เห็นมัน” Albert อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้บนเฟซบุ๊กของเขา   อย่าไปซ่าที่ไหนอีกล่ะ   เมื่อเจ้า Sophie ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย สมาชิกครอบครัวจึงได้ออกตามหามันอย่างอย่างสุดความสามารถ…

  • ว๊อททท!? ชาวเกาหลีวงแตกกระเจิง หลังเสื้อโค้ทเด็กนักเรียน เกิดระเบิดกลางรถบัสซะงั้น

    ว๊อททท!? ชาวเกาหลีวงแตกกระเจิง หลังเสื้อโค้ทเด็กนักเรียน เกิดระเบิดกลางรถบัสซะงั้น

    เมื่อถึงฤดูหนาวในทุกๆ ปี ก็เป็นเรื่องธรรมที่เราจะคว้าเสื้อกันหนาวมานุ่งห่มให้ร่างกายได้มีความอบอุ่นกัน ทว่ามีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศเกาหลี ที่อาจจะให้เราไม่สามารถไว้วางใจในความปลอดภัยของเสื้อกันหนาวได้อีกต่อไป เพราะใครจะไปคิดล่ะว่า จู่ๆ วันดีคืนกีมันก็เกิดระเบิดขึ้นซะอย่างงั้น!! เหตุการณ์แปลกประหลาดนี้เกิดขึ้นในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อมีพยานคนหนึ่งอ้างว่าได้เห็นจังหวะการระเบิดของเสื้อโค้ทเกิดขึ้น เธอได้เล่าว่าให้ฟังว่าได้นั่งอยู่แถวหลังสุดของรถบัสคนดังกล่าว จึงได้เห็นทุกความเป็นไปที่เกิดขึ้นบนรถคันนั้น   รถบัสในกรุงโซล   โดยในเริ่มแรกนั้น รถบัสคันนี้ก็ได้วิ่งไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่ได้กำหนดไว้ และได้จอดรับเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่สวมเสื้อโค้ทแสนสวย ระหว่างทางของการสัญจรเหตุการณ์ก็เป็นไปตามปกติและไม่มีวี่แววว่าจะเกิดเรื่องใดๆ ขึ้นแม้แต่น้อย ทว่าจู่ๆ ก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นภายในรถบัสคันดังกล่าว และเสียงที่ว่านี้ก็มีที่มาจากเสื้อโค้ทของเด็กนักเรียนคนที่พึ่งขึ้นรถมานั้นเอง เพราะว่ามันได้เกิดระเบิดขึ้นมาอย่างหน้าตาเฉย นั่นทำให้ปุยนุ่นรวมถึงขนสัตว์ที่อยู่ภายในเสื้อตัวนั้น ปลิวละล่องฟุ้งกระจายเต็มรถไปหมด จากความแรงของการระเบิดดังกล่าว   ปุยเมฆลอยคลอเคล้า   ซึ่งเสียงดังลั่นจากการระเบิดของเสื้อโค้ทตัวดังกล่าว ก็ได้สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้โดยสารคนอื่นๆ จนต้องไปรวมกันอยู่บริเวณหน้ารถ ที่อยู่ไกลที่สุดจากเด็กนักเรียนคนดังกล่าว เพราะไม่รู้ว่าจะมีการระเบิดขึ้นอีกเป็นซ้ำสองหรือไม่ โดยการระเบิดของเสื้อโค้ทตัวนี้ เกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมจู่ๆ มันถึงเกิดระเบิดขึ้นมา และเสียงที่ดังลั่นนั้นมันเกิดมาจากสิ่งใดกันแน่ แต่ว่ามันก็ได้สร้างความหวั่นสะพรึงให้แก่ผู้โดยสารคนอื่นรวมถึงตัวของเด็กนักเรียนเจ้าของเสื้อตัวดังกล่าวเป็นอย่างมาก   กระจุยกระจายเต็มไปหมด   และด้วยความเขินอายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ทำให้นักเรียนคนดังกล่าวก็ได้ลงจากรถทันทีที่รถจอดที่จุดจอดรถบัส จากนั้นก็ได้วิ่งหนีหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น คนขับรถบัสคันดังกล่าวก็บอกเอาไว้ว่า มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนตลอดทั้งชีวิตของการเป็นคนขับรถมาเลยก็ว่าได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังหาสาเหตุของการระเบิดนี้ ว่าเกิดจากอะไรกันแน่!?   ที่มา: koreaboo

  • พบกับ Shang Wuyi ชายผู้พิการที่กวาดถนนมากว่า 12 ปี โดยไม่มีวันหยุดแม้แต่วันเดียว!!

    พบกับ Shang Wuyi ชายผู้พิการที่กวาดถนนมากว่า 12 ปี โดยไม่มีวันหยุดแม้แต่วันเดียว!!

    เรื่องของความพิการ เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนในครอบครัว เพราะว่าสิ่งนี้มันอาจจะทำให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันเต็มไปด้วยความยากลำบาก และอาจจะทำให้คนๆ นั้นหมดกำลังใจในการใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเลยก็อาจเป็นไปได้ แม้ว่าจะมีร่างกายที่ไม่ครบ 32 ประการเหมือนกับคนอื่นเขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชายคนหนึ่งย่อท้อต่อโชคชะตาที่เขาต้องประสบ มากไปกว่านั้นเขาอาจจะทำได้ดีกว่าคนปกติเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าเขาคนนี้ สามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญก็คือตลอดระยะเวลากว่า 12 ปีในการทำงาน เขาไม่เคยหยุดแม้แต่วันเดียว!!   ถึงจะมีขาเพียงข้างเดียว แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด   ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Shang Wuyi ชายผู้พิการวัย 46 ปีที่อาศัยอยู่ในเมืองซีอาน ประเทศจีน เขาเป็นผู้ที่มีอาการหูหนวกและเป็นใบ้มาตั้งแต่กำเนิด หนำซ้ำด้วยความเคราะห์ร้ายก็ทำให้เขาต้องสูญเสียขาข้างหนึ่งไปด้วยอุบัติเหตุในวัยเพียง 7 ปีเท่านั้น แม้ว่าจะมีร่างการที่ค่อนข้างไม่สมประกอบ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับงานที่เขาทำ และงานที่เขาใช้เลี้ยงชีพมาโดยตลอดก็คือ การกวาดถนน ซึ่งเพื่อร่วมงานเขาได้บอกเอาไว้ว่า ตลอด 12 ปีในการทำงานที่ผ่านมา เขาไม่เคยเห็น Shang หยุดพักจากการทำงานเลยแม้แต่วันเดียว   มักจะมาทำงานก่อนเวลาเสมอ และไม่เคยหยุดพักแม้แต่วันเดียว   โดยเพื่อนร่วมงานของเขาชื่อว่า Yao ได้เล่าว่า ในทุกๆ วัน กะการทำงานจะเริ่มขึ้นในเวลาตีสี่ แต่ว่า Shang มักจะมาทำงานก่อนเสมอ และหากวันใดที่ภรรยาของเขาเกิดป่วยขึ้นมา…

  • หนุ่มพาตุ๊กตา ‘ก็อตซิลล่า’ ออกทัวร์ แถมตัดต่อให้กลายเป็นภาพฮาๆ ปนน่ารักแบบสุด!!

    หนุ่มพาตุ๊กตา ‘ก็อตซิลล่า’ ออกทัวร์ แถมตัดต่อให้กลายเป็นภาพฮาๆ ปนน่ารักแบบสุด!!

    หากใครที่มีโอกาสเคยได้ดูภาพยนตร์ในตำนานอย่าง ‘Godzilla’ ก็คงจะติดใจในรูปร่างลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ ที่มันทั้งมีความดุดันและน่าเกรงกลัวอย่างไม่น่าเชื่อ จนมันได้กลายเป็นวายร้ายประจำใจของใครหลายคนเลยทีเดียว ด้วยชื่อเสียงอันโด่งดังของมันนี้เอง จึงทำให้มีการผลิตตุ๊กตาของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ขึ้นอย่างมากมายในรูปแบบต่างๆ และได้ทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่งเกิดนึกสนุกเกี่ยวกับเจ้าตุ๊กตาก็อตซิลล่า เขาจึงพามันไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ มากมาย รวมถึงตัดต่อภาพของมันจนกลายเป็นที่ชื่นชอบของชาวเน็ตในเวลาต่อมาอีกด้วย     เจ้าของพร้อมกับเจ้า Ryan ตุ๊กตาก็อตซิลล่าสุดน่ารักของเขา     และนี่คือภาพตุ๊กตาก็อตซิลล่าสุดน่ารัก ที่ผู้ใช้อินสตาแกรมชื่อว่า @Ryangodzilling ได้นำมาเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รับชมกัน ซึ่งตุ๊กตาสุดบ้องแบ๊วตัวนี้เขาได้อธิบายเอาไว้ว่า ได้ซื้อมันมาจากร้านขายของที่ระลึกด้วยราคาเพียงแค่ 8 ดอลลาร์(ประมาณ 250 บาท) เท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้มันดูพิเศษก็เพราะว่าเขาได้ตัดต่อรูปของมันระหว่างที่ออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ จนได้กลายมาเป็นรูปภาพน่ารักๆ ที่หากใครได้ดูรับรองว่าจะต้องใจละลายไปกับไอเดียสุดบรรเจิดของชายคนนี้อย่างแน่นอน     มันจะมาถล่มเมืองแล้ว คุณตำรวจ   เลียนวิชาพรางตัวแบบกิ้งก่ามาด้วย   นั่งทีกินที่ไปมากกว่าครึ่งเลยนะแก   เจ้าคือทายาทคนต่อไป   ยิงจรวดใส่มันเลย คุณตำหนวด   ไปคาบอาหารมาให้ข้าเดี๋ยวนี้   พาไปเที่ยวชมงานศิลป์ด้วย   อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ถึงบ้านเราแล้ว   นี่ตูกลายเป็นแม่บ้านไปแล้วหรอเนี่ย   ก็อากาศมันหนาวอ่ะ…

  • รีบเลย!! สวนสัตว์อังกฤษเปิดรับสมัคร ‘คนเลี้ยงยีราฟ’ โดยให้ค่าจ้างถึงปีละ 1 ล้านบาท

    รีบเลย!! สวนสัตว์อังกฤษเปิดรับสมัคร ‘คนเลี้ยงยีราฟ’ โดยให้ค่าจ้างถึงปีละ 1 ล้านบาท

    ด้วยเอกลักษณ์อันทรงเสน่ห์ และลำคอที่ยาวกว่าสัตว์อื่นใดในโลกของ ‘ยีราฟ’ อาจจะทำให้ใครหลายคนตกหลุมรักในความมหัศจรรย์ของมันได้อย่างง่ายๆ และสำหรับใครที่เคยเกิดความคิดอยากจะเลี้ยงยีราฟแล้วล่ะก็ ตอนนี้โอกาสของคุณมาถึงแล้ว เพราะในตอนนี้สวนสัตว์แห่งหนึ่งกำลังเปิดรับสมัครคนเลี้ยงยีราฟ โดยเฉพาะ!! โดยสวนสัตว์แห่งนั้นคือสวนสัตว์ Chester ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ โดยพวกเขากำลังเปิดรับสมัครคนเลี้ยงยีราฟน่ารักๆ ซึ่งหน้าที่หลักๆ ของงานนี้ก็คือ ดูแลกิจวัตรประจำวันต่างๆ ของมันเพียงเท่านั้น     หากว่ามองเพียงผ่านๆ อาจจะดูเหมือนกับว่างานนี้เป็นงานที่ง่ายๆ ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะว่าพวกเขาได้กำหนดคุณสมบัติสำหรับตำแหน่งนี้เอาไว้ และหากใครสนใจอยากลองสมัครแล้วล่ะก็ มาลองดูคุณสมบัติที่สวนสัตว์แห่งนี้กำหนดเอาไว้ดีกว่า   คุณสมบัติที่ต้องการ 1. มีวุฒิการศึกษาระดับ HND (อนุปริญญาขั้นสูงสุดของประเทศอังกฤษ) หรือระดับปริญญาในสาขาสัตวศาสตร์ หรือมีประสบการณ์ที่เทียบเท่า 2. มีความรู้ความชำนาญในด้านการเลี้ยงสัตว์และการจัดการ โดยเฉพาะยีราฟหรือตัวโอคาพี 3. มีประสบการณ์ในการทำงานในสวนสัตว์, สวนซาฟารีรวมถึงการผ่าตัด 4. มีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ รวมถึงการปรัับปรุงสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับการดูแลสัตว์ 5. มีความเป็นผู้นำสูง 6. สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี 7. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมินความเสี่ยง เพื่อให้พนักงานทุกคนตระหนักถึงความปลอดภัยและการจัดการอย่างเต็มที่ 8. มีทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมทั้งเขียนและพูด 9. มีใบขับขี่ที่ถูกต้องในสหราชอาณาจักร 10. สามารถทำงานขั้นต่ำ…

  • รวม 18 ภาพการป้องกันสิ่งของ ที่อาจทำให้ต้องตั้งคำถามว่า ‘นี่พวกเอ็งทำกันไปทำไมเนี่ย’

    รวม 18 ภาพการป้องกันสิ่งของ ที่อาจทำให้ต้องตั้งคำถามว่า ‘นี่พวกเอ็งทำกันไปทำไมเนี่ย’

    ด้วยสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ ทำให้คนเรานั้นต้องรู้จักการป้องกันตัวเอง รวมถึงสิ่งของต่างๆ ของเราให้อยู่อย่างปลอดภัย และไม่สร้างความวิตกกังวลให้กับเรา มนุษย์เราจึงได้สร้างอุปกรณ์ป้องกันขึ้นมาอย่างมากมายให้เราไว้ใช้สำหรับการป้องกันเหล่าโจรขโมย ที่อาจกำลังจ้องจะฉกชิงสิ่งของแสนรักของเราให้พรากจากเราไปอยู่ก็เป็นได้ แต่ถึงแม้ว่าการป้องกันจะเป็นสิ่งที่ดี ทว่าในบางครั้งหากมันมีเยอะเกินไปหรือใช้งานผิดประเภท ก็อาจจะกลายเป็นความเปล่าประโยชน์ได้ เหมือนกับภาพของพวกเขาเหล่านี้ที่การป้องกันสิ่งของของพวกเขา ได้กลายมาเป็นภาพสุดฮาที่ถึงกับต้องตั้งคำถามกับแต่ละภาพว่า ‘นี่พวกเอ็งทำไปไมเนี่ยยยย’   การป้องกันรถหายแบบปี 3017   ซื้อไม้ดูดส้วมอันเดียว ใส่มาซะเยอะเชียว   ปลอดภัยแน่นอน เชื่อลุงสิ   มันจะชน ก็ตรงที่เอ็งมาขวางนี่แหละ   แค่นี้มันก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว   คำเตือน: โปรดเอาเด็กออกจากผ้าอ้อมก่อนการซักทุกครั้ง   งบน้อยใช้สอยอย่างประหยัด กันสะเก็ดไฟเสร็จ ก็ใส่น้ำแข็งตั้งวงได้เลย   ล็อกขนาดนี้ตูไม่เอาก็ได้ฟะ   อัจฉริยะเท่านั้นที่คิดได้แบบนี้   หมดปัญหาไม่มีทิชชู่ในห้องน้ำ   อย่าเผลอเชียวนะ มีเฮ   โปรดระวัง!! คนเล่นโทรศัพท์   แข็งแกร่งยิ่งกว่าค้อนธอร์ เชื่อเฮอะ   วิธีป้องกันพวกชอบขโมยทิชชู่กลับบ้าน   ถ้าการกด ATM จะยากลำบากขนาดนี้นะ…

  • พ่อพาลูกชายวัยรุ่นมามอบตัวกับตำรวจ เพราะดันไปเจอ “ภาพโป๊เด็ก” ในโทรศัพท์ของลูกตัวเอง!!!

    พ่อพาลูกชายวัยรุ่นมามอบตัวกับตำรวจ เพราะดันไปเจอ “ภาพโป๊เด็ก” ในโทรศัพท์ของลูกตัวเอง!!!

    ภาพโป๊หรือว่าภาพเปลือย นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้วเมื่อมีไว้ในครอบครอง ซึ่งในประเทศส่วนใหญ่ก็มีกฎหมายข้อห้ามเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ แต่ยิ่งถ้าเป็นรูปโป๊ของเด็กแล้วล่ะก็ แน่นอนว่ามันยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่เก็บภาพเหล่านี้เอาไว้ อีกทั้งยังมีโทษที่ร้ายแรงอีกด้วย และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้พ่อคนหนึ่งตัดสินใจพาลูกชายวัยรุ่นของเขาไปมอบตัวกับตำรวจด้วยตัวเอง หลังจากที่เขาพบภาพที่ไม่สมควรของเด็กวัย 2 ขวบอยู่ในโทรศัพท์มือถือของลูกชาย   Andrew Spensberger ชายผู้มีการกระทำดังกล่าว   Andrew Spensberger ชายวัยรุ่นวัย 17 ปี ถูกจับกุมเนื่องในข้อหาครอบครองภาพอนาจารเด็กวัย 2 ปี ซึ่งภาพที่ว่านี้ถูกพบในโทรศัพท์มือถือของเขา และที่ทำให้เรื่องนี้มันยิ่งเลวร้ายก็เพราะว่า เด็กวัย 2 ขวบคนนี้เป็นญาติของแฟนสาวของพ่อของเขาด้วย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา   Andrew กับพ่อคนที่นำส่งตำรวจของเขา   นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังบอกอีกด้วยว่า สาเหตุที่ Spensberger เก็บภาพนี้ไว้ในมือถือของเขาก็เพราะ เขาวางแผนที่จะขายภาพนี้ให้แก่เพื่อนร่วมชั้นของเขาที่เป็นโรคใคร่เด็ก (Pedophilia) เพื่อแลกกับเงินจำนวน 330 ดอลลาร์ (ประมาณ 10,500 บาท) ซึ่งในตอนนี้เขาได้ถูกจับกุมไว้แล้วและได้ถูกตั้งค่าประกันตัวไว้สูงถึง 10,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 320,000 บาท) เลยทีเดียว   ที่มา: kmov

  • พบกับเจ้าไก่แสนน่ารัก ที่มักจะเดินออกไปส่ง-วิ่งมารับพี่สาวของมันโรงเรียนทุกเมื่อเชื่อวัน

    พบกับเจ้าไก่แสนน่ารัก ที่มักจะเดินออกไปส่ง-วิ่งมารับพี่สาวของมันโรงเรียนทุกเมื่อเชื่อวัน

    เมื่อเราเลี้ยงสัตว์สักตัวหนึ่ง และสัตว์ที่ว่านี้มีความใกล้ชิดและผูกพันกับเรามากๆ มันก็อาจจะชอบมาคลอเคลียเล่นด้วย หรือเดินตามเราชนิดที่ว่าสลัดไม่หลุด ซึ่งถ้าเรื่องเหล่านี้เกิดกับสัตว์ทั่วๆ ไปอย่างหมา หรือแมว ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่คงไม่มีใครเห็นสัตว์อย่าง ไก่ มีพฤติกรรมแปลกๆ อย่างนี้   Savannah กับเจ้า Frog ไก่แสนรู้ของเธอ   โดยเรื่องราวสุดน่ารักนี้ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา โดยเป็นเรื่องของไก่ที่ชื่อว่า Frog ที่ในทุกๆ เช้ามันจะเดินไปส่งสาวน้อยวัย 13 ปีชื่อว่า Savannah ณ จุดจอดรถบัสทุกๆ วัน เพื่อส่งสาวน้อยคนนี้ขึ้นรถบัสไปโรงเรียนอย่างสวัสดิภาพนั่นเอง “มันจะอยู่กับ Savannah ตลอดเวลาตั้งแต่ออกจากบ้านจนกระทั่งเธอขึ้นรถบัสไป จากนั้นมันก็จะเดินกลับมาที่บ้านด้วยตัวของมันเอง และรอเวลาที่เธอจะกลับมาจากโรงเรียนอีกครั้งหลังเลิกเรียน” Holley Burns แม่ของเด็กหญิงวัย 13 ปีกล่าว   ตัวติดกันยังกับตังเมเลยก็ว่าได้   และเมื่อถึงเวลาที่รถบัสโรงเรียนจะมาส่ง Savannah ที่บ้าน Holley ก็บอกว่ามันจะจ้องไปทางถนนอย่างใจจดใจจ่อ โดยทันทีที่มันได้ยินเสียงหรือได้เห็นรถบัสโรงเรียนล่ะก็ มันจะรีบวิ่งไปที่รถด้วยความเร็วมากที่สุดที่สองขาน้อยๆ ของมันจะทำได้เลยทีเดียว สำหรับเจ้า Frog ได้มาอยู่กับครอบครัวแห่งนี้ที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรับอเมริกา ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ในปี 2017…

  • รวม 17 ภาพภาชนะแปลกๆ ที่ผู้คนนำมาใช้แทนจานชามทั่วไป แหม่คิดกันไปได้ยังไงเนี้ย!!

    รวม 17 ภาพภาชนะแปลกๆ ที่ผู้คนนำมาใช้แทนจานชามทั่วไป แหม่คิดกันไปได้ยังไงเนี้ย!!

    เพราะด้วยความที่อาหาร เป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตของเราในทุกวัน มันก็มีบ้างที่อาจจะเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นมาบ้าง ใครหลายคนจึงชอบที่จะเปลี่ยนบรรยากาศการกินแบบเดิมๆ ด้วยการกินอาหารที่ไม่เคยกิน หรือออกไปกินข้าวข้างนอกบ้านเพื่อจะได้ชมวิวทิวทัศน์ที่ดูแปลกตาดูบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วการเปลี่ยนบรรยากาศในการกินนั้น สามารถเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย แค่คุณลองเปลี่ยนภาชนะที่ใส่อาหารจากถ้วย จาน ชาม ธรรมดาๆ มาเป็นสิ่งแปลกๆ เหมือนกับพวกเขาเหล่านี้ ก็อาจจะขจัดปัญหาเรื่องความเบื่อหน่ายในการกินได้เป็นอย่างดี (แต่ไม่แน่ใจเรื่องความปลอดภัยเหมือนกันนะ ฮ่าา) และนี่คือ ภาชนะใส่อาหารแปลกๆ ที่ไม่ใช่ถ้วยชามแบบธรรมดาๆ ที่ชาวเน็ตได้ร่วมแชร์กันมา ซึ่งหากใครอยากจะลองทำแบบพวกเขาดูล่ะก็ ขอแนะนำว่าให้คิดดีๆ ก่อนละกัน…   ใช้ที่หนีบผ้าก็ง่ายดีเหมือนกันนะ   เดี๋ยวนี้มันยุคไฮเทคแล้ว Ipad สามารถเป็นให้ได้ทุกอย่าง   แล้วจะมีคนกล้ากินไหมเนี่ย ใส่โถมาซะขนาดนี้   ยังดีที่ห่อกระดาษมาให้ ไม่งั้นนะ..   หมอนก็ใช้แทนจานได้นะ เผื่อใครไม่รู้   โฮเวอร์บอร์ดก็เอามาทำแบบนี้ได้เหมือนกัน   จะกินข้างล่างก่อนก็ไม่ได้ เฮ้อ   แบบนี้ก็เก๋ไปอีกแบบนะ เออ   ต้องเป็นคนยังไง ถึงจะคิดเอากระป๋องมาเป็นจานได้เนี่ย   น่าจะอารมณ์เดียวกับข้าวหลามบ้านเรานี่แหละ   ก็คิดกันไปได้เนอะ  …

  • คุณยายถึงกับหลั่งน้ำตา หลังจากที่ได้ฟัง ‘เนื้อเพลง’ ของตัวเองที่แต่งขึ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

    คุณยายถึงกับหลั่งน้ำตา หลังจากที่ได้ฟัง ‘เนื้อเพลง’ ของตัวเองที่แต่งขึ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

    บางครั้งเรื่องราวในอดีตมันก็สามารถส่งผลมาถึงปัจจุบันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่ามันจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม แต่ระบบความทรงจำของมนุษย์เราก็สามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งความทรงจำของคนเราก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีทั้งเรื่องที่น่าดีใจและน่าเสียใจ แต่คงจะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ หากเราได้มีโอกาสย้อนไปในอดีต เหมือนกับคุณย่าคนนี้ที่ได้ฟัง ‘เนื้อเพลง’ ที่ตัวเองแต่งขึ้นมาเมื่อ 30 ปีก่อน และแน่นอนว่าการย้อนอดีตในครั้งนี้ได้สร้างความประทับใจให้แก่เธอ จนถึงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว   สองพ่อลูกแห่งไอเดียสุดบรรเจิด   เรื่องราวแสนประทับใจเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นที่รัฐอาร์คันซอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อชายชื่อว่า Robert Smith ตั้งใจจะเซอร์ไพรส์แม่ของเขาระหว่างการเดินทางกลับบ้านไปเยี่ยมเธอเนื่องในเทศกาลวันคริสต์มาส โดยทั้งนี้เขาได้มีผู้ช่วยสุดพิเศษก็คือ Travis Ryan Smith ลูกชายคนเก่งของเขานั่นเอง สำหรับของขวัญที่เขาตั้งใจจะนำไปมอบให้กับแม่ของเขาในการกลับบ้านครั้งนี้ ก็คือบทเพลงที่กำเนิดมาจาก ‘เนื้อเพลง’ ที่คุณแม่ของเขาได้แต่งทิ้งเอาไว้เมื่อประมาณ 30 ปีก่อนนั่นเอง   ผู้ทำให้ฝันของหญิงชรากลายเป็นจริง   ซึ่งที่มาของไอเดียนี้ Robert ได้อธิบายว่า ด้วยความที่ Travis ลูกชายของเขามักจะชอบเล่นดนตรีและอัดเพลงที่ตัวเองแต่งอยู่เป็นประจำ ทำให้เขาเกิดความคิดที่จะนำเนื้อเพลงของแม่เขามาให้ลูกชายเรียบเรียงใหม่ จนในที่สุดก็ได้กลายเป็นบทเพลงที่พร้อมมอบให้กับแม่ของเขาในที่สุด “แม่ของผมเขียนเพลงนี้พร้อมทั้งตั้งชื่อเอาไว้ว่า “ปลาจากท้องฟ้า” และได้บันทึกใส่เทปเอาไว้เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว โดยเมื่อปีที่แล้ว Travis กับผมได้มีโอกาสได้ฟัง นั่นจึงทำให้เกิดไอเดียนี้ขึ้นมานี่เอง” Robert กล่าว เมื่อทันทีที่แม่ของเขาได้ยินโน๊ตตัวแรกของเพลง ก็ปรากฏว่าเธอสามารถจดจำเพลงนี้ได้ในทันที ซึ่งเสียงร้องในเพลงที่เธอแต่งนั้นก็เป็นเสียงของหลานชายคนเก่งของเธอนั่นเอง และเพลงแห่งความทรงจำนี้ก็ทำให้เธอถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความปลื้มปีติเอาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว  …

  • จับกุมเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น จากการยิง ‘ไม้จิ้มฟัน’ ใส่หน้าพนักงาน และสารพัดวิธีทรมาน…

    จับกุมเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น จากการยิง ‘ไม้จิ้มฟัน’ ใส่หน้าพนักงาน และสารพัดวิธีทรมาน…

    เพราะด้วยการที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งกว่า แน่นอนว่าย่อมมีการใช้อำนาจเหนือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา แต่ก็ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้เหมือนกับว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ ไม่งั้นอาจจะถูกจับกุมเหมือนกับบุคคลเหล่านี้ ที่ใช้เครื่องยิงไม้จิ้มฟันยิงเข้าใส่ใบหน้าของลูกน้องจนได้รับบาดเจ็บ รวมถึงยังมีการทำร้ายร่างกายอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากร่วมด้วย โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ร้านอาหาร Yakiniku GyuuGyuu แห่งหนึ่งในเมืองโอซากะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีเหยื่อที่ไม่ประสงค์ออกนาม ออกมาระบุว่าเขาต้องทนกับการถูกทำร้ายร่างกายต่างๆ นานา มาตลอดปี 2017   หน้าตาของร้านอาหารดังกล่าว   และในวันที่ 10 มกราคมในปีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าจับกุม Masao Mukai เจ้าของร้านอาหารวัย 42 ปี พร้อมกับภรรยาวัย 26 ปีของเขา รวมถึงผู้จัดการร้านอาหารแห่งนี้ด้วย ซึ่งข้อหาที่ทั้งสามคนนี้ถูกตั้งก็คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น 3 คดี และทำให้ร่างกายของผู้อื่นได้รับบาดเจ็บอีก 1 คดีนั่นเอง โดยเหตุการณ์การทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ปี 2017 เมื่อมีผู้อ้างว่า ผู้ต้องหาทั้งสามคนนี้ใช้ไม้ตีเข้าที่ใบหน้าของเหยื่อวัย 35 ปีหลายต่อหลายครั้ง หลังจากนั้นพวกเขาก็เทน้ำร้อนเดือดลงบนก้นและต้นขาของชายคนนั้น   หน้าไม้ยิงไม้จิ้มฟัน   ส่วนเหตุการณ์ครั้งที่สองเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ปี 2017 เช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาได้ร่วมกันทรมานเหยื่อด้วยการ มัดมือของเหยื่อจนไม่สามารถขัดขืนได้ จากนั้นก็นำกระดาษทิชชู่ที่พันกับขดลวดไปติดไฟ และนำไปยัดใส่จมูกของเหยื่อจนเกิดความทรมานอย่างแสนสาหัส นั่นเอง…

  • ทุ่นดักจับขยะพลาสติกในมหาสมุทร กำลังจะออกปฏิบัติการช่วยกอบกู้โลกให้สดใสดังเดิมแล้ว

    ทุ่นดักจับขยะพลาสติกในมหาสมุทร กำลังจะออกปฏิบัติการช่วยกอบกู้โลกให้สดใสดังเดิมแล้ว

    มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีพฤติกรรมมักง่าย เมื่อไปที่ใดก็ทิ้งขยะไว้ตรงนั้น และไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ในตอนนี้พื้นที่ต่างๆ บนโลกของเราก็มีปัญหาเรื่องนี้เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงในท้องทะเลที่เรื่องของขยะได้กลายมาเป็นปัญหาที่ต้องร่วมกันแก้ไข ให้ได้อย่างทันท่วงที ทว่าหากยังจำกันได้ ใครหลายคนก็อาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่มีความมุ่งมั่นจะแก้ไขเรื่องปัญหาขยะในทะเลให้ได้ ซึ่งสิ่งที่เขาคิดไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น เพราะว่าเขาวางแผนเอาไว้ว่าจะช่วยโลกด้วยการลดจำนวนขยะจำนวนมหาศาลในมหาสมุทรต่างๆ และในวันนี้เขาได้กลับมาทำตามสิ่งที่เขาคิดเอาไว้แล้ว     ย้อนกลับไปในอดีต Boyan Slat เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มมัธยมชาวดัตช์ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาได้ไปท่องเที่ยวที่ประเทศกรีซ และได้มีโอกาสได้ดำน้ำลงดูใต้ท้องท้องทะเล สิ่งที่เขาได้เห็นจากการไปเที่ยวในครั้งนั้นไม่ใช่แค่ปลาสวยๆ เพียงเท่านั้น แต่เขายังได้เห็นขยะจำนวนมากมาย ที่เขาบอกว่ามันมีเยอะกว่าจำนวนปลาในน้ำซะอีก นั่นจึงได้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาอยากจะเปลี่ยนอะไรสักอย่างเพื่อให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น     “วินาทีที่ผมดำน้ำลงไปใต้ทะเล มันทำให้ผมรู้ทันทีว่าปัญหาเรื่องขยะเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก และปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัญหาขนาดใหญ่ที่คนยุคผมต้องเผชิญกับมัน” Slat กล่าว ทว่า Slat ก็เป็นเหมือนกับคนทั่วๆ ไป ที่รู้ว่ามีขยะจำนวนมหาศาลอยู่ในท้องทะเล และหวังว่าจะมีใครสักคน หรือหน่วยงานสักแห่งที่กำลังแก้ไขปัญหานี้อยู่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่นก็เพราะว่า เขาไม่เพียงรอคอยให้ใครแก้ปัญหานี้ให้เท่านั้น เพราะว่ามันเป็นปัญหาของส่วนรวม     หลังกลับจากการไปเที่ยวประเทศกรีซในครั้งนั้น Slat จึงได้ค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องของการกำจัดปัญหาในท้องทะเล และเขาก็ได้พบว่าการใช้ตาข่ายเพื่อดักจับขยะ มันไม่เพียงแต่จะกำจัดขยะเท่านั้น… ทว่ามันยังจะจับพวกสิ่งมีชีวิตในทะเลอย่าง ปลา เต่า หรืออื่นๆ ไปด้วย เขาจึงได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ของเขาขึ้นมาเพื่อจะแก้ไขปัญหานี้โดยเฉพาะ…

  • รวม 19 ภาพพิสูจน์ที่ทำให้เห็นว่า ‘เด็ก’ กับ ‘สัตว์เลี้ยง’ นั้นไม่ต่างอะไรกันเลยแม้แต่น้อย!!

    รวม 19 ภาพพิสูจน์ที่ทำให้เห็นว่า ‘เด็ก’ กับ ‘สัตว์เลี้ยง’ นั้นไม่ต่างอะไรกันเลยแม้แต่น้อย!!

    เมื่อเวลาเราเครียดๆ ใครหลายคนก็มักจะผ่อนคลายความเครียดด้วยการเล่นกับสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรา ไม่ว่าเป็นน้องแมว น้องหมา หรือสัตว์อื่นๆ ที่มีความน่ารักน่าเอ็นดู เพราะว่าในตัวของสัตว์นอกจากจะมีความคิขุอาโนเนะแล้ว บางครั้งพวกมันก็ชอบจะทำพฤติกรรมแปลกๆ ให้เราได้หัวเราะ และอารมณ์ดีขึ้นเสมอ แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากสัตว์เลี้ยงแล้ว เด็กๆ แสนไร้เดียงสาก็มักจะมีมุมตลกๆ เป็นของตัวเองเช่นเดียวกัน ซึ่งบางครั้งเมื่อเด็กน้อยอยู่กับสัตว์เลี้ยงแล้ว พวกเขาก็ทำตัวเหมือนกันจนนึกว่าเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันซะด้วยซ้ำไป และนี่คือ 19 ภาพที่จะมายืนยันว่าจริงๆ แล้วทั้งคู่มีความเหมือนกันมากขนาดไหน ซึ่งเมื่่อทั้งสองรวมพลังกันมันก็เหมือนกับว่าได้เพิ่มความน่ารักขึ้นไปอีกเท่าตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งความน่ารักแบบทวีคูณนี้จะเป็นอย่างไร มาลองดูกันเลยดีกว่า   1. หลักฐานมัดตัวเลยนะ แอบกินเค้กทั้งคู่เลยใช่ไหม   2. มาช่วยกันขอพรให้แม่ซื้อขนมมาเร๊วว   3. ก็อากาศมันร้อนอ่ะ ต้องพาเพื่อนไปเล่นน้ำซะหน่อย   4. นี่ลูกคิดว่าตัวเองเป็นแมวไปซะแล้วเหรอ   5. เมื่อมีความสุขก็อยากแบ่งปัน   6. ว่าไงจ๊ะมาดามตูบ   7. พรางตัวซะมิดเชียว   8. แม่ ช่วยพวกเราด้วย สัตว์ประหลาดกำลังบุกเข้ามาแล้ว   9. นึกว่าใส่ผ้าอ้อมนะเนี่ย   10.…

  • แนวคิด Back/Begpacker กับกรณีหนุ่มยูเครนขายภาพตัวเองในไทย แลกเงินซื้อตั๋วกลับบ้าน!?

    แนวคิด Back/Begpacker กับกรณีหนุ่มยูเครนขายภาพตัวเองในไทย แลกเงินซื้อตั๋วกลับบ้าน!?

    ด้วยกระแสการท่องเที่ยวแบบ Backpacker ของชาวต่างชาติกำลังหลั่งไหลเข้ามาสู่ประเทศไทย เราจึงอาจได้เห็นนักท่องเที่ยวประเภทนี้ได้บ่อยๆ ในหลายๆ พื้นที่ของประเทศ และก็มีนักท่องเที่ยวบางคนที่อาจจะหาเงินเพื่อเดินทางท่องเที่ยวต่อหรือว่าหาเงินกลับประเทศของตน จากการนำสิ่งของมาขาย หรืออาจจะรับบริจาคเงินด้วยการเขียนข้อความเพื่อเรียกความสงสารจากผู้คน ตามที่ได้เคยได้มีข่าวมาก่อนหน้านี้ และนี่ก็เป็นกรณีล่าสุดที่ได้รับการเปิดเผยมาจากผู้ใช้งานเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า TaiiwaN’ Yanawimuti โดยภาพและวิดีโอที่เธอถ่ายมานี้คือวิดีโอของชายชาวยูเครนคนหนึ่งในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ ที่พยายามจะหาเงินกลับบ้าน เกิด ด้วยการนำรูปภาพของตัวเขาเองระหว่างท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกมาวางขาย   วิดีโอชายชาวยูเครนวางขายภาพของตัวเอง   ซึ่งแต่ละภาพนั้นเขาก็จะเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟังอย่างสนุกสนาน และที่สำคัญก็คือราคาของภาพแต่ละภาพนั้น ก็ไม่มีการกำหนดเอาไว้อย่างตายตัว แล้วแต่ผู้ที่อยากได้ภาพนั้นจะให้ตามกำลังศรัทธา ทันทีที่โพสต์ของสาวคนนี้ได้เผยแพร่ออกไป ก็มีผู้คนมากมายเข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงพฤติกรรมของชายคนนี้ ซึ่งก็มีทั้งแง่บวกและแง่ลบที่แตกต่างกัน อย่างเช่นคอมเมนต์ของชาวเน็ตดังต่อไปนี้   คอมเมนต์จากชาวเน็ตที่กล่าวถึงชายคนนี้ในแง่บวก . . .   คอมเมนต์จากชาวเน็ตที่กล่าวถึงชายคนนี้ในแง่ลบ . .   ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเรื่องราวทำนองนี้ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศแถบทวีปเอเชียในปัจจุบัน จนเรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวครึกโครมในต่างประเทศ ซึ่งสำหรับความเห็นของชาวต่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้ ก็มีความเห็นที่หลากหลายเช่นเดียวเดียวกัน อาทิ   นี่เป็นเรื่องที่หยาบคายสำหรับผมมาก การท่องเที่ยวเป็นเรื่องของการนำเงินไปสู่ประเทศอื่น ไม่ใช่กลายเป็นขอทาน เมื่อคุณไปถึงที่นั่น   ฉันเป็นชาวอเมริกันที่กำลังคิดว่าจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศไทย และท้ายที่สุดถ้าฉันได้มีโอกาสไปที่นั่น แล้วมีคนมาขอเงินด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นคนอเมริกันเหมือนกัน ฉันตะโกนใส่หน้าเขาเราเลยว่า กลับบ้านแล้วไปหางานทำซะ…

  • ไม่มีเงินจ่าย ไม่มีปัญหา… ร้านอาหารญี่ปุ่นไอเดียดี ใช้แรง 50 นาที ก็แลกกับความอร่อยได้

    ไม่มีเงินจ่าย ไม่มีปัญหา… ร้านอาหารญี่ปุ่นไอเดียดี ใช้แรง 50 นาที ก็แลกกับความอร่อยได้

    จะเป็นอย่างไรถ้าเราเดินผ่านร้านอาหารแสนน่ากินที่มีกินหอมหวนโชยมาตลอดเวลา แต่ว่าในกระเป๋าไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียว นั่นมันคงทำให้เราเข้าใจถึงอารมณ์ผู้ที่ไม่มีเงินซื้อของกินหรือคนไร้บ้านได้เป็นอย่างดี ทว่ามีร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เข้าใจถึงความลำบากของผู้คนเหล่านี้ จึงได้เปิดร้านอาหารที่สามารถให้ลูกค้าสามารถทำงานแลกกับค่าอาหารได้ และที่สำคัญคือใช้เวลาเพียงแค่ 50 นาทีเท่านั้น..     ร้านอาหารที่ว่านี้มีชื่อว่า Mirai Shokudo ตั้งอยู่ที่เขตชิโยะดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าของไอเดียสุดเจิดจรัสนี้ก็คือ Sekai Kobayashi อดีตวิศวกรวัย 33 ปีเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้นั่นเอง “ที่ฉันเลือกที่จะใช้ระบบนี้ก็เพราะว่า ฉันอยากจะช่วยเหลือผู้คนหิวโหย ที่ไม่มีเงินแม้แต่จะเข้าร้านอาหาร” Kobayashi กล่าว สำหรับงานที่เจ้าของร้านแห่งนี้บอกว่าจะทำให้ทำเป็นเวลา 50 นาทีเพื่อแลกกับอาหารนั้น ก็เป็นงานง่ายๆ ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้อย่างเช่น เสริฟอาหาร จัดเก็บโต๊ะเมื่อลูกค้าออกไปแล้ว เตรียมโต๊ะอาหารให้พร้อมสำหรับการบริการครั้งต่อไป เป็นต้น เธอบอกว่าร้านอาหารแห่งนี้เปิดมาได้เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว และเป้าหมายสูงสุดก็คือ จะทำให้ร้านอาหารแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ต้อนรับและพร้อมให้บริการทุกคน     ซึ่งในตอนแรกก่อนที่เธอจะเปิดร้านนี้ เธอก็บอกว่าเธอเคยทำงานมาหลายอย่างตั้งแต่สมัยยังคงเป็นนักเรียนอยู่ และจุดเปลี่ยนในชีวิตของเธอก็คือการไปทำงานที่บาร์แห่งหนึ่งในย่านโกลเด้นไก หลังจากที่เรียนจบ ซึ่งสถานที่นี้เองที่ทำให้เธอรู้ว่า “มันคงไม่ใช่ประสบการณ์ที่แย่อะไรที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอก” หลังจากนั้น Kobayashi ก็ไปทำงานเป็นวิศวกรที่บริษัท IBM และได้ย้ายงานต่อไปที่บริษัท Cookpad ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินการเกี่ยวกับเว็บไซต์สูตรทำอาหาร โดยภายในออฟฟิศบริษัทนี้ก็มีห้องครัวที่ให้พนักงานสามารถทำอาหาารได้ด้วยตัวเอง สถานที่นี้จึงกลายมาเป็นสถานที่ฝึกรสมือของเธอเลยก็ว่าได้ “เพื่อนร่วมงานของฉันหลายคน…

  • ช่างภาพตามถ่าย ‘เปียโน’ ที่ถูกทิ้ง เผยให้เห็นถึงความงดงาม แม้จะผุพังไปตามกาลเวลาก็ตาม

    ช่างภาพตามถ่าย ‘เปียโน’ ที่ถูกทิ้ง เผยให้เห็นถึงความงดงาม แม้จะผุพังไปตามกาลเวลาก็ตาม

    แม้จะไม่ใช่เครื่องดนตรีที่เห็นในทุกบ้าน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘เปียโน’ เป็นเครื่องดนตรีที่สามารถสร้างอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ให้เราได้เป็นอย่างดี เนื่องจากว่าเสียงของมันช่างไพเราะเพราะพริ้ง และสามารถสะกดผู้คนเคลิบเคลิ้มมาแล้วนักต่อนัก ทว่าด้วยความที่มันมีน้ำหนักมาก และไม่สามารถขยับเคลื่อนย้ายได้ง่ายเหมือนกับเครื่องดนตรีอื่นๆ อย่างกีต้าร์ หรือไวโอลิน ทำให้บ่อยครั้งมันก็ถูกให้ทิ้งร้างเหมือนกับเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งเพียงเท่านั้น หากผู้บรรเลงเกิดเบื่อหรือไม่อยากจะเล่นอีกต่อไปแล้ว     นั่นจึงทำให้ Romain Thiery คุณครูสอนเปียโนคนหนึ่งจากเมืองมงเปอลีเย ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ตัดสินใจเดินทางออกไปตามประเทศต่างๆ ทั่วโลกทั้ง เบลเยียม, อิตาลี, เยอรมนี, โปแลนด์ และยูเครน เพื่อจะตามถ่ายภาพของเปียโนที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้อย่างไม่มีใครเหลียวแล เพื่อที่จะให้ผู้คนได้เห็นความสำคัญของเครื่องดนตรีชนิดนี้ว่าครั้งหนึ่งมันได้เคยมอบความสุขให้แก่ผู้คนอย่างมากมาย และอยากจะให้ผู้คนช่วยกันดูแลรักษาเครื่องดนตรีให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งโปรเจกต์ของเขามีชื่อเรียกว่า ‘Requiem for Pianos’ “โปรเจกต์นี้มันค่อนข้างจะออกมาจากใจของผมจริงๆ ผมพยายามที่จะทำให้บรรยากาศระหว่างถ่ายมีความสงบมากที่สุด และพยายามจะใช้แสงธรรมชาติให้มากที่สุด เพื่ออยากจะถ่ายทอดความงามตามธรรมชาติของมันให้แก่ผู้คนได้เห็น ซึ่งหากถามผมว่าทำไมต้องเป็นเปียโน นั่นก็เพราะเปียโนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะ” Thiery กล่าว   . . . . . . . . . . . . . . . .…

  • ทำความรู้จัก Chelsea Miller สาวนักตีมีด ที่ผลงานของเธอนั้นมีราคาสูงถึง 25,000 บาท!!

    ทำความรู้จัก Chelsea Miller สาวนักตีมีด ที่ผลงานของเธอนั้นมีราคาสูงถึง 25,000 บาท!!

    หากพูดถึงอุตสาหกรรมการผลิตมีด ใครหลายคนก็อาจจะคิดถึงหน้าของชายตีเหล็กที่ร่างกายแข็งแรงกำยำ ไว้หนวดไว้เคราแสดงถึงความดุดัน แต่รู้หรือไม่ว่าบนโลกนี้ก็มีช่างตีเหล็กผู้หญิงที่มีความอ่อนช้อยอ่อนหวานเช่นเดียวกัน และที่สำคัญก็คือผลงานของเธอไม่ใช่ธรรมดาๆ เพราะว่ามีดที่เธอทำนั้นมีราคาที่แสนแพงแถมยังได้รับการการันตีจากการใช้งานโดยเชฟชื่อดังอย่างระดับโลกอย่าง Mario Batali และ Massimo Bottura อีกด้วย ในวันนี้เราจึงจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ Chelsea Miller สาวนักตีมีดอันดับท็อปของโลกกันดีกว่า   Chelsea Miller สาวนักตีมีดสุดสวย   มาเริ่มกันที่ประวัติของสาวคนนี้กันก่อน เธอเล่าให้ฟังว่า ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่มีอายุได้ 18 ปี ซึ่งในขณะนั้นเธอก็เหมือนหญิงสาวทั่วๆ ไปที่รักการร้องเพลง การเต้นรำ รวมถึงงานศิลปะด้วย ในวัยเด็กนั้น เธอได้เติบโตขึ้นที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในรัฐเวอร์มอนต์ และได้รับการศึกษาในระบบที่เรียกกันว่า ‘โฮมสคูล’ ขณะเดียวกันพ่อของเธอก็มีอาชีพเป็นช่างตีเหล็ก ซึ่งเธอบอกว่าการทำงานของพ่อเธอ ก็เป็นสิ่งที่เธอสนใจอีกอย่างหนึ่งเลยทีเดียว เพราะว่ามันเป็นงานที่ค่อนข้างสร้างสรรค์และสามารถทำได้โดยใช้มือของเราจริงๆ ด้วย หลังจากที่มาอยู่ที่นครนิวยอร์กได้สักพักหนึ่ง เธอได้มีโอกาสกลับบ้านในช่วงท้ายปี 2011 และได้ไปเยี่ยมชมที่บริเวณร้านของพ่อเธอ ซึ่งจุดเริ่มต้นการทำมีด ก็ได้เกิดขึ้นมาในตอนนั้นนั่นเอง   เอามีดไปวางออกขายตามบูธครั้งแรก   เมื่อมีดได้ถือกำเนิดขึ้น เธอก็นำผลงานชิ้นโบว์แดงของเธอไปตั้งบูธขายที่ Brooklyn Flea ซึ่งเป็นย่านที่มีผู้คนพลุกพล่าน อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเหล่าคนดังมากมายทั้ง ทั้งเขียน ช่างถ่ายภาพ รวมถึงเชฟด้วย และที่นี่เองที่ทำให้มีดของเธอได้รับการตีพิมพ์ลงในแมกกาซีน Saveur ซึ่งนับว่าเป็นการได้รับการตีิพิมพ์เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ หลังจากนั้นหนังสือพิมพ์ The New York Times ก็ได้ตีพิมพ์เรื่องมีดของเธอ…

  • เด็กชายไร้บ้านใช้ชีวิตอยู่ในศูนย์ฯ มาตลอด น้ำตาซึมเมื่อได้เห็นเตียงของตัวเองเป็นครั้งแรก

    เด็กชายไร้บ้านใช้ชีวิตอยู่ในศูนย์ฯ มาตลอด น้ำตาซึมเมื่อได้เห็นเตียงของตัวเองเป็นครั้งแรก

    สำหรับใครหลายคน เตียงนอนอาจจะเป็นเพียงอุปกรณ์สามัญที่มีกันอยู่ในทุกบ้าน และอาจจะละเลยความสำคัญของมันไป แต่สำหรับเด็กบางคนแล้วการได้มีเตียงนอนเป็นของตัวเอง เป็นเสมือนพรจากสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ที่อาจสร้างความสุขให้แก่เขาจนถึงขั้นน้ำตาซึมได้เลยทีเดียว นี่คือเรื่องราวของเด็กชายวัย 8 ปีชื่อว่า Daeyrs และ Dionna แม่ของเขา จากเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ต้องใช้เวลาเกือบทั้งหมดของชีวิตของเขาอาศัยอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือคนไร้บ้าน เนื่องมาจากแม่ของเขาที่ในอดีตเคยเป็นพยาบาลฝึกหัดเกิดตกงานขึ้นมา จึงทำให้สูญเสียบ้านไปในที่สุด   หนูน้อยกับห้องใหม่ของเขา   แต่ก็เหมือนกับมีพรจากสวรรค์ส่งมาให้ถึงแม่ลูกคู่นี้ เมื่อทั้งคู่ได้รับบ้านหลังหนึ่งจากทางการรัฐมิชิแกน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน รวมถึงเตียงนอนที่ Daeyrs อยากได้ที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะว่าตลอดทั้งชีวิตของเขาที่ผ่านมา ไม่เคยมีเตียงนอนเป็นของตัวเองเลยแม้แต่เตียงเดียว และต้องนอนบนพื้นมาโดยตลอด โดยสิ่งของติดตัวที่ทั้งคู่ได้นำเข้าไปในบ้านใหม่ที่ได้รับมานั้น ก็มีเพียงแค่ ที่นอนแบบเป่าลมพร้อมกับเก้าอี้อีกเพียงแค่ 2-3 ตัวเพียงเท่านั้น นั่นจึงทำให้นักสงคมสงเคราะห์ได้ยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือแม่ลูกคู่นี้ โดยพวกเขาได้ส่งเรื่องต่อไปยัง Humble Design ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือผู้คนยากไร้ต่างๆ ให้ช่วยเหลือครอบครัวนี้หน่อย   ทึ่งไปเลยทีเดียว   ตกแต่งจนกลายเป็นบ้านสุดหรูหรา   และองค์กรนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พวกเขาได้ช่วยตกแต่งห้องนอนใหม่ให้กับหนูน้อย Daeyrs แบบจัดเต็ม ที่ไม่เพียงมีแต่เตียงนอนนุ่มๆ ที่เขาอยากได้เพียงเท่านั้น เพราะว่ามันยังเต็มไปด้วยของเล่นรวมถึง อุปกรณ์ต่างๆ อีกเป็นจำนวนมากที่รอคอยให้หนูน้อยคนนี้ได้เข้ามาเป็นเจ้าของ และแล้วนาทีแห่งความตื้นตันใจก็มาถึงในวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อหนูน้อยคนนี้ได้เข้ามายังบ้านใหม่ของเขา ที่ได้รับการตกแต่งอย่างจัดเต็ม โดยมีทั้งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ นานารวมถึงไฟสวยงามต่างๆ แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่รอคอยเขาอยู่นั่นก็คือห้องนอนห้องใหม่ของเขานั่นเอง…

  • นักศึกษาสัตวแพทย์ รักษาเพื่อนสี่ขาของคนไร้บ้านฟรีๆ เพราะพวกมันคือหัวใจของพวกเขา!!

    นักศึกษาสัตวแพทย์ รักษาเพื่อนสี่ขาของคนไร้บ้านฟรีๆ เพราะพวกมันคือหัวใจของพวกเขา!!

    แม้ว่าการอยู่ข้างถนนจะลำบาก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เหล่าคนไร้บ้าน มีใจเมตตาต่อสัตว์น้อยลงแต่อย่างใด เราจึงอาจเห็นว่าคนไร้บ้านหลายคนได้เลี้ยงสัตว์อย่าง ‘หมา’ เอาไว้เพื่อเป็นเพื่อนแก้เหงา ในทางกลับกัน ‘หมา’ ก็จะได้มีเจ้าของที่รักมันจริงๆ เช่นเดียวกัน ทว่าก็เพราะความที่ต้องอยู่อย่างไม่มีบ้าน ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับภัยต่างๆ มากมายอย่างอากาศหนาว ฝนตก ฝุ่นควัน จนบางทีเหล่าสัตว์เลี้ยงก็อาจจะเกิดป่วยขึ้นมาได้ และก็อาจไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีเนื่องจากเจ้าของไม่มีเงินที่จะพาไปรักษา ทำให้นักศึกษาสัตวแพทย์คนหนึ่งตัดสินใจรับรักษาสัตว์ให้แก่คนไร้บ้านแบบฟรีๆ ซะเลย   คนไร้บ้านกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา   นักศึกษาสัตวแพทย์คนที่ว่านี้มีชื่อว่า Ruby Shorrock นักศึกษาสัตวแพทย์ปีสุดท้าย ผู้มีจิตใจเมตตาอารีต่อสัตว์ ซึ่งเธอเธอได้ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะช่วยรักษาสัตว์ให้แก่เหล่าคนไร้บ้าน โดยก่อตั้งคลินิกที่ชื่อว่า The Trusty Paws Clinic ขึ้นมาเพื่อจะช่วยรักษาสัตว์ให้ฟรี ตามที่เธอได้ตั้งใจเอาไว้ สำหรับเหตุผลในการทำเช่นนี้ Ruby ก็บอกว่า เป็นเพราะความที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ที่เธออาศัยอยู่ เป็นเมืองที่มีวิกฤติคนไร้บ้านที่เลวร้ายที่สุดเมืองหนึ่งในสหราชอาณาจักร   Ruby Shorrock นักเรียนสัตวแพทย์ปีสุดท้ายผู้มีจิตใจงาม   เธอจึงรู้ในทันทีว่ามีผู้คนมากมายต้องการความช่วยเหลืออย่างแน่นอน และยิ่งในหมู่คนไร้บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงแล้ว เจ้าขนปุยพวกนี้ก็ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเช่นเดียวกัน   สัตว์เลี้ยงรอคอยการช่วยเหลืออีกมาก   แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ทว่าการช่วยเหลือของเธอก็ได้เคยช่วยชีวิตสุนัขของคนไร้บ้านมาแล้วหลายราย ซึ่งบางตัวนั้น Ruby ก็บอกเอาไว้ว่ามันเปรียบเสมือนกับแก้วตาดวงใจของเจ้าของมันเลยก็ว่าได้ และเธอก็รู้สึกดีใจที่ได้ช่วยให้พวกเขามีความสุข   ช่วยเหลือเพื่อให้พวกเขามีความสุข  …

  • 17 ภาพของเหล่าเด็กน้อยที่ฉายแวว ‘เกรียน’ ตั้งแต่เด็กด้วยการ ‘ขโมยซีนถ่ายรูป’ เด่นเกิ๊นน

    17 ภาพของเหล่าเด็กน้อยที่ฉายแวว ‘เกรียน’ ตั้งแต่เด็กด้วยการ ‘ขโมยซีนถ่ายรูป’ เด่นเกิ๊นน

    เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็มีแต่คนถ่ายรูปสิ่งต่างๆ เต็มไปหมดทั้งการถ่ายเซลฟี่ ถ่ายรูปหมู่เพื่อนที่ไม่ได้พบปะกันมานาน หรือจะเป็นการถ่ายวิวทิวทัศน์ต่างๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าการที่เราจะถ่ายอะไรสักอย่าง เราก็อยากจะให้ภาพนั้นออกมาสวยเหมือนกับที่ตั้งใจไว้แน่ๆ หลายคนคงรู้จักกับ ‘โฟโต้บอมบ์’ หรือการขโมยซีนระหว่างการถ่ายรูป ที่เหล่าผู้ขโมยซีนเหล่านี้มักจะเด่นกว่าคนที่ตั้งใจถ่ายอยู่ในรูปซะอีก แหม เห็นแล้วมันก็น่าเจ็บใจซะจริงๆ เลยเชียว แต่จะเป็นอย่างไรถ้าผู้ขโมยซีนเหล่านั้น เป็นเด็กๆ สุดน่ารัก คุณจะโกรธพวกเขาลงไหม? หรือพวกเขาจะมีวิธีการขโมยซีนอย่างไร? ไปลองชมความน่ารักพร้อมทั้งความเกรียนของเด็กๆ พวกนี้กันเลยทีกว่า   นั่นเขากินอะไรหรอครับน่ะ น่ากินจริงๆ เชียว   มาหลับอะไรตอนนี้เนี่ยฮะลูก   หืม ถ่ายรูปไม่บอกกันบ้างเลยนะตัวเธอ   จะเล่นซ่อนแอบหรอ ขอเล่นด้วยคน   ถ่ายรูปทั้งทีจะไม่ชวนกันหน่อยเรอะ   ถึงชุดจะไม่ได้ แต่ใจผมได้   โฟโต้บอมครั้งแรกในชีวิต   ขอเข้ากล้องด้วยคน   ฮาย วันนี้เป็นยังไงบ้างเพื่อน   ผมอยู่นี่อีกคนนึงนะ   ฝึกความเป็นดีเจตั้งแต่เด็ก   โย่วน้า ผมคอแข็งไหม ไม่เมาอยู่คนเดียว   ท่าสวยหรือจะสู้กับความบ้องแบ๊วได้  …

  • คุณครูให้การบ้าน ‘3 ข้อดีและข้อเสียของทาส’ กับเด็กป. 4 และคำตอบที่ได้กลับไปทำเอาจุก…

    คุณครูให้การบ้าน ‘3 ข้อดีและข้อเสียของทาส’ กับเด็กป. 4 และคำตอบที่ได้กลับไปทำเอาจุก…

    แม้ว่าจะมีลักษณะรูปร่างที่แสดงความเป็นคนไม่ต่างกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโลกของเราในอดีต เคยมีการแบ่งชนชั้นวรรณะจนเกิดกลุ่มคนที่มีชื่อว่า ‘ทาส’ ขึ้นมา โดยกลุ่มคนประเภทนี้จะเป็นคนที่ถูกสังคมมองว่าเป็นผู้คนที่ต่ำต้อยกว่า หรือด้อยกว่าในด้านใดด้านหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามระบบนี้ก็ถูกยกเลิกไปแล้วในประเทศส่วนใหญ่ของโลกปัจจุบัน     ซึ่งก็แน่นอนว่าในแต่ละโรงเรียนก็ต้องมีการเรียนวิชาประวัติศาสตร์หรือสังคม เพื่อศึกษาความเป็นมาในอดีตของแต่ละประเทศ ทว่าก็มีคำถามอยู่ข้อหนึ่งที่ได้กลายเป็นกระแสวิพากย์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เพราะคำถามที่ว่านั้นดันไปถามถึงข้อดีของ ‘ระบบทาส’ และยิ่งไปกว่านั้นคำตอบของเด็กป.4 ที่ตอบคำถามข้อนี้ก็ได้ทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆ กันเลยทีเดียว   หน้าตาของการบ้านเจ้าปัญหา   เรื่องที่ว่านี้ได้รับการเปิดเผยจาก Trameka Brown-Berry ชาวรัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐเมริกาเมื่อว้นที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา โดยเธอได้โพสต์ภาพการบ้านของ Jerome ลูกชายชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของเธอ ซึ่งในการบ้านที่ลูกของเธอที่ได้รับมานั้นเป็นคำถามที่ถามถึงข้อดี-ข้อเสียของระบบทาส เธอจึงได้ต้องแคปชั่นถามชาวเน็ตว่า “มีใครพบความน่ารังเกียจในการบ้านของเด็กชั้น ป.4 นี้ไหม” และนั่นก็ทำให้มีผู้แชร์ภาพของเธอออกไปนับพันเลยทีเดียว โดยในการบ้านดังกล่าว Jerome เด็กนักเรียนวัย ป. 4 ได้ตอบคำถามที่ถามถึงข้อดีการของระบบทาสไปว่า “ผมรู้สึกว่าระบบทาสมันไม่มีข้อดีใดๆ เลยผมเลยขอไม่ตอบคำถามนี้”  และในตอนท้ายที่สุดของการบ้านเขาก็ได้เขียนเพิ่มเติมเอาไว้ว่า “ผมภูมิใจในการการมาเป็นคนผิวสี เพราะว่าพวกเราทั้งมีความแข็งแรงและกล้าหาญ” ซึ่งคำตอบของเด็กคนนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตอย่างมากมายเลยทีเดียว   Jerome เด็กนักเรียนชั้นป.4   และในเวลาต่อมาโรงเรียน Redeemer Lutheran Church and School ซึ่งเป็นโรงเรียนของเด็กคนดังกล่าวก็ได้ออกมากล่าวถึงกรณีนี้กับสื่อท้องถิ่นชื่ออย่าง…

  • ไขกระจ่างเรื่อง ‘แมวมองดาวโป๊’ ในประเทศญี่ปุ่นมีจริงหรือไม่ และมีวิธีการอย่างไรกันบ้างนะ??

    ไขกระจ่างเรื่อง ‘แมวมองดาวโป๊’ ในประเทศญี่ปุ่นมีจริงหรือไม่ และมีวิธีการอย่างไรกันบ้างนะ??

    หากกล่าวถึงประเทศญี่ปุ่น ใครหลายคนก็คงนึกถึงประเทศที่มีความเป็นระเบียบ มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงมีอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทว่าก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่ขึ้นชื่อของประเทศนี้เช่นเดียวกัน นั่นก็คือ หนังผู้ใหญ่หรือที่เราเรียกกันว่า ‘หนังเอวี’ นั่นเอง สำหรับหนังเอวีที่ว่านี้ ก็คือภาพยนตร์ที่บันทึกการมีเพศสัมพันธ์หรือพฤติกรรมที่สื่อไปในเรื่องทางเพศ ซึ่งในประเทศญี่ปุ่น หนังที่ว่านี้เป็นหนังที่ถูกกฎหมายและสามารถหาซื้อได้โดยทั่วไป และเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่สามารถสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศได้เป็นจำนวนหลายล้านเยนต่อปี สำหรับการหาดาราสาวมาถ่ายหนังเอวีนั้น บางครั้งเราก็อาจจะได้ยินเรื่องว่ามีแมวมองอยู่ในเมืองต่างๆ เพื่อคอยทาบทามสาวๆ หน้าใหม่ให้มาแสดงหนังอย่างว่า จึงทำให้ช่องแชนแนลยูทูบชื่อว่า Asian Boss ได้ลงไปพื้นที่จริงเพื่อหาคำตอบจากการสัมภาษณ์สาวๆ ว่ามีแมวมองเช่นนั้นจริงหรือไม่ และถ้าหากมีพวกเขามีวิธีทาบทามอย่างไรกันบ้าง และคนญี่ปุ่นมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้เช่นไร ในวันนี้พวกเขาได้มีคำตอบให้กับทุกคนได้รู้ถึงความจริงของสังคมญี่ปุ่นกันแล้ว   พิธีกรที่ลงพื้นที่สัมภาษณ์ สังคมญี่ปุ่นมีแมวมองทาบทามสาวๆ ไปแสดงหนังเอวีจริงหรือไม่?? จากการสัมภาษณ์สาวๆ หลายคนในเมืองหลวงของประเทศอย่างโตเกียว พวกเธอก็ได้ให้คำตอบว่าในประเทศญี่ปุ่นนั้น มีแมวมองที่คอยหานักแสดงอย่างว่าจริง และพวกเธอก็เคยถูกทาบทามมาก่อนแล้วทั้งนั้น โดยพวกแมวมองเหล่านี้จะอาศัยอยู่ตามถนนที่มีผู้คนชุกชุม เพื่อจะได้พบปะกับสาวๆ จำนวนมากในแต่ละวันนั่นเอง   พวกเขามีวิธีทาบทามอย่างไรกันบ้าง??   สาวๆ ที่ให้สัมภาษณ์ได้บอกเอาไว้ว่า จากการที่พวกเธอถูกทาบทามแทบจะทุกวัน ทำให้รู้ว่าแมวมองแต่ละคนก็จะมีวิธีชักจูงที่แตกต่างกัน อย่างแมวมองบางคนก็จะบอกว่าพวกเขาจะพาเข้าวงการนางแบบ และได้กล่าวอ้างถึงดาราสาวที่มีชื่อเสียงว่าล้วนอยู่ในสังกัดของพวกเขาทั้งนั้น และถ้าพวกเธอไปกับเขาก็จะมีชื่อเสียงที่โด่งดังเช่นเดียวกับเหล่าดาราได้แบบง่ายๆ หรือบางคนก็จะเดินเข้ามาหาสาวๆ แล้วชมถึงความน่ารักต่างๆ นานา จากนั้นพวกเขาก็จะชวนสาวๆ ไปกินกาแฟ โดยในระหว่างนั้นก็จะพยายามหว่านล้อมคำพูดต่างๆ เพื่อให้หญิงสาวเชื่อว่าพวกเขานั้นสามารถเชื่อถือได้ และในที่สุดพวกเขาก็จะชักชวนให้แสดงหนังอย่างว่า และในกรณีสุดท้ายที่เลวร้ายที่สุด ก็คือการหลอกลวง…

  • รวม18 ภาพความคิดก่อนเข้าครัว กับ ‘ความจริง’ ที่เกิดขึ้นหลังออกจากครัว โอ้วม๊ายยย!!

    รวม18 ภาพความคิดก่อนเข้าครัว กับ ‘ความจริง’ ที่เกิดขึ้นหลังออกจากครัว โอ้วม๊ายยย!!

    ในชีวิตคนธรรมดาอย่างเราๆ แน่นอนว่าการจะใช้ชีวิตอยู่ในแต่ละวัน เราก็ต้องกินอาหารเพื่อใช้เป็นพลังงานในการดำเนินชีวิต ดังนั้นใครหลายคนจึงอาจจะเคยมีความคิด อยากจะฝึกทำอาหารให้ออกมามีรสชาติเอร็ดอร่อย มีหน้าตาดูดีเชิญชวนให้ลิ้มลอง เพื่อให้ชีวิตประจำวันของเรามีความสุขมากขึ้น ซึ่งก็แน่นอนว่า ก่อนที่จะถึงขั้นมือโปรก็ต้องมีการฝึกปรือฝีมือกันก่อน โดยในระหว่างนี้อาหารของใครหลายคนจึงอาจจะมีหน้าตาออกมาที่ค่อนข้างจะผิดแปลกไปจากแบบที่คิดไว้ จนบางทีเราก็สงสัยว่าสิ่งที่พวกเขาทำออกมานั้นถ้ากินลงไปแล้ว มันจะไปสร้างความปั่นป่วนให้กับลำไส้เรารึเปล่านะ และนี่คือ 18 ภาพอาหารสุดเฟล ที่ไม่รู้ว่าพวกเขาตั้งใจทำหรือว่าโดนบังคับให้ทำกันแน่ เพราะว่านอกจากมันจะไม่เหมือนกับแบบที่คิดเอาไว้แล้ว หน้าตาอาหารที่ออกมาของพวกเขาก็ได้กลายเป็นบางอย่างที่ดูแปลกๆ ไม่น่าจะปลอดภัยกับร่างกายของผู้รับประทาน ซึ่งมันจะเป็นจริงอย่างที่ว่าหรือไม่นั้น มาลองดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า   1. ตั้งใจจะทำเป็นรูปหมีจริงๆ ใช้ไหมเนี่ย   2. นี่เม่นน้อยหรือก้อนโคลนกันแน่เนี่ย   3. ใครเปิดฝาชีออกมาเจอนี่มีเหวอกันบ้างแหละ   4. ถามจริง นี่ครัวซองหรือบูมเมอแรงกันแน่   5. มีความพยายาม แต่ก็ยังอ่อนหัด   6. สงสัยแพนด้าคงไปเดินชนเสาเข้า หน้าเละเชียว                        …

  • แม่แมวเลี้ยงลูกเป็ดกำพร้ามาตั้งแต่แบเบาะ จนในตอนนี้เจ้าเป็ดได้คิดว่าตัวเองเป็นแมวไปซะแล้ว

    แม่แมวเลี้ยงลูกเป็ดกำพร้ามาตั้งแต่แบเบาะ จนในตอนนี้เจ้าเป็ดได้คิดว่าตัวเองเป็นแมวไปซะแล้ว

    สัตว์ต่างๆ เมื่อเกิดมาใหม่ๆ ก็ต้องมีผู้ดูแลทั้งนั้น เพราะว่าด้วยความที่มันยังไร้เดียงสา รวมถึงยังมีสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก ทำให้มันต้องได้รับการประคบประหงมดูแลเอาใจใส่อย่างดีที่สุด รวมถึงเรื่องที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ วัยแบเบาะเป็นวัยแห่งการเรียนรู้และจดจำ ดังนั้นประสบการณ์ที่ได้รับในวัยนี้อาจจะเป็นตัวกำหนดอนาคตเลยก็เป็นได้ เหมือนกับลูกเป็ดตัวนี้ที่ได้รับการดูแลจากแม่แมวตั้งแต่มันยังเป็นเพียงแค่ลูกเป็ดตัวน้อยๆ จนในตอนนี้มันคิดว่าตัวเองได้กลายเป็นแมวเหมือนกับครอบครัวของมันไปซะแล้ว   ลูกเป็ดที่ได้รับการช่วยเหลือมาจากการถูกทิ้ง   โดยเรื่องราวสุดแปลกแต่น่ารักนี้เกิดขึ้นที่รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อหญิงสาวที่ทำงานอยู่ที่ฟาร์มชื่อว่า Homebush ได้บังเอิญไปเจอลูกเป็ดตัวหนึ่งที่ถูกทิ้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวและขาดคนดูแล เธอจึงตัดสินใจนำมันกลับมาอยู่ด้วยกันซะเลย   เดินตามแม่ของมันอย่างไม่ห่างเลย   ทว่าเมื่อไปถึงที่ฟาร์มแห่งนั้น ก็มีแมวตัวหนึ่งชื่อว่า Unicorn ที่ดูสนใจในตัวเป็ดตัวนี้ และเหมือนกับว่ามันมีความผูกพันกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน จนในที่สุดแมวตัวนี้ก็ได้กลายเป็นผู้ปกครองของลูกเป็ดตัวนี้ไปโดยปริยาย   นอนก็นอนด้วยกัน กินก็กินด้วยกัน   เจ้า Unicorn ได้ดูแลเป็ดตัวนี้เป็นอย่างดีและได้พาไปอยู่กับครอบครัวของมันด้วย ทำให้สุดท้ายแล้วเจ้าเป็ดตัวนี้ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแมว ซึ่งพวกเขาเรียกเป็ดตัวนี้ว่า Kitty the Duck ซึ่งเปรียบเปรยถึงลูกแมวในคราบของเป็ดน้อย ซะเลย ในตอนนี้ถึงแม้ว่าเป็ดตัวนี้จะมีวัยที่โตขึ้นตามกาลเวลา แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือ มันยังคงมีความรักและใช้เวลาร่วมกับครอบครัวแมวเหมียวของมันเช่นเดิม และดูเหมือนกับว่าในตอนนี้ เจ้าเป็ดก็อาจคิดว่าตัวเองได้กลายเป็นเจ้าเหมียวไปซะแล้วล่ะ   ความน่ารักของเจ้าเป็ดที่คิดว่าตัวเองเป็นแมวตัวนี้ (ดูไม่ได้คลิกที่นี่) When you just to big to sit on Mum’s…

  • คู่รักลดน้ำหนัก เปลี่ยนไปจนคนในครอบครัวกับเพื่อนแทบจะจำไม่ได้ว่าคนเดียวกันใช่ไหมเนี่ย!!

    คู่รักลดน้ำหนัก เปลี่ยนไปจนคนในครอบครัวกับเพื่อนแทบจะจำไม่ได้ว่าคนเดียวกันใช่ไหมเนี่ย!!

    สำหรับคนที่มีน้ำหนักเยอะ การจะขยับเขยื้อนไปไหนแต่ละทีดูจะเป็นสิ่งที่ยากลำบาก อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้มากกว่าคนรูปร่างสมส่วนทั่วๆ ไป ใครหลายคนที่มีรูปร่างจ้ำม่ำจึงมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น และคล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิม และคู่รักคู่นี้ก็เช่นเดียวกัน โดยพวกเขาได้ทำการลดน้ำหนักสลายไขมันให้ออกไปจากร่างกาย ชนิดที่ว่าทั้งครอบครัวและเพื่อนๆ แทบจะจำกันไม่ได้เลยว่าเป็นคนเดียวกันจริงหรือเปล่าเนี่ย??   รูปร่างอวบอั๋นของคู่รักคู่นี้   และนี่คือเรื่องราวของ Ben และ Caroline Marshall ผู้เป็นพ่อและแม่ของเด็กๆ ที่น่ารักชื่อว่า Imogen และ Jacob โดยสำหรับลูกๆ ของพวกเขานั้น ทั้งคู่มัักจะเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพให้รับประทานเสมอ แต่กับตัวของพวกเขาเองกลับ ชอบกินขนมขบเคี้ยวชนิดที่ว่าต้องกินแทบจะทุกคืนเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็แน่นอนว่ารูปร่างของพวกเขาก็ต้องเป็นไปตามพฤติกรรมการกิน แต่อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็เกิดความคิดอยากลดน้ำหนักขึ้นมา เพราะกลัวว่าจะเป็นโรคมะเร็งในอนาคตและไม่สามารถอยู่ดูแลลูกๆ ได้   ติดขนมขบเคี้ยวจนทำให้ร่างกายเริ่มแย่   พวกเขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมโปรแกรมการลดน้ำหนักที่ชื่อว่า Cambridge Weight Plan ซึ่งเป็นโปรแกรมลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งในผู้หญิงและผู้ชายชาวอังกฤษ “ฉันได้เริ่มตระหนักว่าสุขภาพของฉันกำลังเริ่มเสื่อมโทรมลง ซึ่งเป็นผลมาจากน้ำหนักตัวของฉัน ฉันจึงอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง นอกจากเพื่อสุขภาพที่ดีแล้วยังจะสามารถเป็นแบบอย่างให้กับเด็กๆ ได้อีกด้วย” “สำหรับ Ben สามีฉัน เขากลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคมะเร็ง เมื่อเขาพบก้อนเนื้อขึ้นมาบนใบหน้าของเขา ต้องขอขอบคุณก้อนเนื้อก้อนนั้นทำให้เขาได้รู้ความเป็นจริงที่ว่า น้ำหนักตัวของเขาในตอนนั้นมันมีมากเกินไป และร่างกายของเขาได้เริ่มหมดกำลังต่อสู้กับมันแล้ว อีกทั้งด้วยความที่เขาอยากจะมีชีวิตที่ยืนยาวเพื่ออยู่กับลูกๆ เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมโปรแกรมที่ว่านี้ร่วมกับฉัน” Caroline กล่าว   ผอมเพรียวลมราวกับคนละคนเลย   หลังจากทั้งคู่ได้เข้าร่วมโปรแกรมลดน้ำหนักอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ก็ปรากฏว่าน้ำหนักของทั้งคู่ลดลงอย่างรวดเร็ว และรูปร่างของทั้งคู่เปลี่ยนไปจนแทบจะจำกันไม่ได้เลยทีเดียว และเธอก็ได้ให้ออกมาสัมภาษณ์ถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวของเธอกับสามี…

  • นักข่าวโดนแก๊งตัวลีเมอร์รุมทึ้ง จนแทบเอาชีวิตไม่รอด โอ้วม่ายยย มันน่ากลัวจริงๆ นะเนี่ย

    นักข่าวโดนแก๊งตัวลีเมอร์รุมทึ้ง จนแทบเอาชีวิตไม่รอด โอ้วม่ายยย มันน่ากลัวจริงๆ นะเนี่ย

    หนึ่งในงานที่ยากที่สุดสำหรับผู้สื่อข่าวภาคสนามก็คือ ‘การลงพื้นที่’ ซึ่งในแต่ละวันก็จะมีความแตกต่างกันออกไปและไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ วันดีคืนดีพวกเขาอาจจะไปนั่งจับเข่าคุยกับเหล่าดารา หรืออาจจะต้องไปทำข่าวภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ รวมถึงเรื่องสัพเพเหระต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมายมาให้เก็บข้อมูล บนโลกนี้อาจจะมีนักข่าวหลายคนที่เคยทำข่าวที่สวนสัตว์ ซึ่งฟังดูแล้วมันก็น่าจะสนุกดีเพราะว่าเราอาจจะได้สัมผัสกับสัตว์ตัวเป็นๆ อย่างใกล้ชิด แต่สำหรับผู้สื่อข่าวคนนี้น่าจะเข็ดกับสวนสัตว์ไปอีกนาน เพราะว่าระหว่างที่เขาทำข่าวอยู่นั้น ก็ได้ถูกฝูงลีเมอร์ตัวน้อยเข้าโจมตี ชนิดที่เรียกได้ว่าโดนรุมทึ้งเลยก็ว่าได้   มาทำอะไรกันแถวนี้เนี้ยย   โดยเรื่องราวนี้ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา เมื่อนักข่าวของสำนักข่าว BBC ชื่อว่า Alex Dunlop ได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวที่สวนสัตว์ Banham ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศอังกฤษ เพื่อทำข่าวการนับจำนวนสัตว์ในสวนสัตว์แห่งนี้ ว่ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ทว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น   ไปเรียกกำลังเสริมมาช่วยผมด้วยนะ   เพราะว่าระหว่างที่เขากำลังทำข่าวอยุ่นั้น ก็ถูกฝูงลีเมอร์จำนวนหนึ่งเข้าก่อกวน ทั้งกระโดดใส่และปีนป่ายไปมาอยู่บนตัวของชายคนนี้ ราวกับว่าพวกมันได้พบกันของเล่นชิ้นใหม่ ซึ่งทำให้การทำข่าวของเขาคนนี้ค่อนข้างจะเป็นไปด้วยความทุลักทุเล ชนิดที่เรียกได้ว่าหืดขึ้นคอเลยก็ว่าได้   โอ๊ย ไม่มีที่ให้เล่นกันแล้วหรือไง   “ตอนนี้ผมได้มาอยู่ที่…โอ๊ย โอ๊ย!! เจ้าตัวน้อยนี่มันกัดฉัน” Dunlop ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่ถูกตัวลีเมอร์ กัดเข้าที่มือของเขาตอนที่กำลังรายงานข่าว และนั่นก็ทำให้เขาต้องเริ่มใหม่อีกหลายเทคกว่าที่งานจะสำเร็จลุล่วงตามที่ต้องการ   ทีมงานของเราขณะไปเยี่ยมที่สวนสัตว์แห่งนี้ ปล. ไม่มีตัวลีเมอร์ได้รับบาดเจ็บนะจ๊ะ   ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นแม้ว่าจะสร้างความปั่นป่วนให้กับงานของเขา แต่ Dunlop ก็บอกว่ามันเป็นเรื่องที่สนุกมากๆ…

  • พยาบาลสาวถูกปรับกว่า 240,000 บาท เพราะเธอจอดรถผิดที่เพื่อไปดูแลผู้ป่วย

    พยาบาลสาวถูกปรับกว่า 240,000 บาท เพราะเธอจอดรถผิดที่เพื่อไปดูแลผู้ป่วย

    เมื่อเรามีรถยนต์ส่วนตัวเป็นของตัวเองและขับไปยังสถานที่ต่างๆ บ่อยครั้งที่เราก็มักจะหงุดหงิดกับการหาที่จอดรถไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นที่ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร หรือกระทั่งที่ทำงานก็ตาม และแล้วเรื่องการจอดรถก็ได้สร้างปัญหาใหญ่ขึ้นให้กับพยาบาลสาวคนหนึ่ง เมื่อเธอถูกใบสั่งจากการจอดรถเป็นเงินกว่า 5,500 ปอนด์ (ประมาณ 240,000 บาท) บาท ทั้งๆ ที่เธอกำลังปฏิบัติงานช่วยชีวิตของผู้ป่วยอยู่ในขณะนั้น…   หน้าตาของ Victoria Slayford พยาบาลที่โดนค่าปรับดังกล่าว   โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นกับพยาบาลสาวลูกหนึ่งชื่อว่า Victoria Slayford วัย 38 ปี ที่ทำงานเป็นระยะเวลายาวนานถึง 12 ชั่วโมงต่อวันในตำแหน่งพยาบาลกุมารเวชศาสตร์ ที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยครอยดอน ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งในขณะที่เธอกำลังทำงานอยู่นั้น เธอก็บอกว่าผู้ดูแลที่จอดรถก็เดินเข้ามาหาเธอพร้อมมอบใบสั่งให้กว่า 80 ใบในข้อหา ‘จอดรถในที่ห้ามจอด’ แม้ว่าเธอจะมีใบอนุญาตพนักงานก็ตาม “ใบสั่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการที่ฉันทำงานล่วงเวลาและอยู่กับผู้ป่วย มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากที่ฉันต้องมาเจอกับเรื่องนี้ แม้ว่าฉันพยายามจะช่วยชีวิตของผู้คนอยู่ก็ตาม” Slayford กล่าว โดยเธอบอกเอาไว้ว่า ที่ทำงานของเธอมีที่จอดรถสำหรับพนักงานที่ค่อนข้างจะจำกัด และมักจะเต็มเสมอเมื่อในเวลาที่เธอต้องไปทำงาน นอกจากนี้เธอยังบอกอีกด้วยเธอต้องวนหาที่จอดเป็นเวลานานอยู่บ่อยๆ จนในที่สุดก็ต้องยอมไปจอดที่จอดรถสาธารณะที่มีค่าจอดถึง 15 ปอนด์ (ประมาณ 650 บาท) ต่อวันเลยทีเดียว   โดนปรับทีเป็นแสน   แม้ว่าบัตรพนักงานจะทำให้เธอได้ลดราคามาอยู่ที่ 10…

  • สาวบล็อกเกอร์พลัสไซส์ โพสต์ตอกกลับชาวเน็ตที่วิจารณ์ ว่าเธอกับแฟนหนุ่ม “ไม่เหมาะสมกัน!!”

    สาวบล็อกเกอร์พลัสไซส์ โพสต์ตอกกลับชาวเน็ตที่วิจารณ์ ว่าเธอกับแฟนหนุ่ม “ไม่เหมาะสมกัน!!”

    เมื่อเราคบกับใครสักคน แล้วมีคนมาวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมกัน เราก็อาจจะมีอารมณ์โกรธบ้างเป็นธรรมดา และแน่นอนว่าย่อมไม่มีใครชอบที่ถูกล้อในเรื่องของความเหมาะสม เช่นเดียวกันกับสาวเซเลบริตี้คนนี้ที่ถูกชาวเน็ตวิจารณ์ว่าเธอไม่เหมาะสมกับแฟนหนุ่ม เพราะเธอค่อนข้างที่จะมีรูปร่างที่จ้ำม่ำในขณะที่แฟนของเธอมีรูปร่างที่ผอมเพรียว แต่ว่าการตอบกลับของเธอ ก็ได้ทำให้คนเหล่านั้นถึงกับเงิบไปตามๆ กันเลยทีเดียว   รูปภาพที่ทำให้เกิดประเด็นร้อนขึ้นมา   เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับสาวที่ชื่อว่า Melissa Gibson จากรัฐเคนทักกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งการที่เธอเป็นนักเคลื่อนไหวในเรื่องของรูปร่าง ทำให้มีผู้ติดตามเธออย่างมากมายในโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยเธอมักจะสนับสนุน รวมถึงให้กำลังใจผู้หญิงทุกคนให้ภูมิใจในรูปร่างของตัวเองไม่ว่าจะมีรูปร่างเป็นแบบใดก็ตาม ทว่าหลังจากที่เธอโพสต์รูปฉลองปีใหม่คู่กับแฟนหนุ่มชื่อว่า Johnathan ลงในอินสตาแกรมก็ปรากฏว่า ก็มีผู้แสดงความคิดเห็น ถึงเรื่องความเหมาะสมระหว่างเธอกับแฟนหนุ่มถาโถมเข้ามาอย่างมากมาย ซึ่งบางความเห็นก็บอกในทำนองที่ว่า ภาพที่เธอโพสต์ช่างแสดงให้เห็นถึงความรักอันอบอุ่นของทั้งคู่ซะจริงๆ แต่ก็มีบางความเห็นที่กล่าวว่า เธอไม่สมควรคบกับแฟนหนุ่มคนนี้เพราะว่าเขาคนนี้ผอมเกินกว่าที่จะเป็นแฟนเธอ และก็ยังเล่นตลกร้ายว่าเขาต้องใส่เครื่องรางของขลังตลอดเวลา เมื่ออยู่ใกล้ๆ ตัวเธออีกด้วย   ลงรูปภาพตอกกลับซะเลย   และเมื่อเธอได้เห็นความคิดเห็นดังกล่าว เธอก็ไม่สามารถอยู่เฉยๆ ยอมให้พวกนักเลงคีย์บอร์ดเล่นสนุกบนภาพของเธอตามอำเภอใจ เธอจึงตัดสินใจตอบกลับพวกมือบอนเหล่านั้นด้วยถ้อยคำที่แสนเจ็บแสบว่า “ฉันคิดว่าที่ทุกคนวิจารณ์เช่นนั้น ก็เพราะว่ารูปร่างในอุดมคติของพวกเขาก็คือ รูปร่างที่ได้สัดส่วนเหมือนกับออกมาจากแม่พิมพ์ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่กับตัวฉัน แต่สำหรับแฟนของฉันเขาอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้” “สิ่งที่พวกเขาทำมันไม่เพียงแต่กำหนดคุณค่าของคนๆ หนึ่งจากการดูเพียงรูปร่างเพียงเท่านั้น แต่พวกเขายังใช้ความคิดเช่นนี้ ตัดสินว่าใครควรจะได้รับความรักหรือไม่อีกด้วย มันช่างเป็นความคิดที่แย่ซะจริงๆ ”  Gibson ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Cafe Mom   อวบแล้วไง แคร์ปะล่ะ   และในอีก 2 วันต่อมาเธอก็ได้โพสต์ภาพภาพหนึ่ง…

  • ปี 2018 จีนวางแผนปลูกป่าเพิ่ม 41 ล้านไร่ เนื้อที่เท่า “ภาคใต้ของไทย” เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควัน

    ปี 2018 จีนวางแผนปลูกป่าเพิ่ม 41 ล้านไร่ เนื้อที่เท่า “ภาคใต้ของไทย” เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควัน

    ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชาชนจำนวนมากอาศัยอยู่ อีกทั้งยังมีการพัฒนาทางด้านต่างๆ ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ในตอนนี้ประเทศจีนได้ก้าวมาเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งของโลก ถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างมากมาย ทว่าในเรื่องสภาพอากาศในประเทศจีนนั้นต้องถือว่าเลวร้ายเลยทีเดียว เพราะเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มีข่าวเรื่องวิกฤตหมอกควันเกิดขึ้น ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนไปยังประชาชนทั้งหลายที่อยู่ในเมืองต่างๆ     แต่ในตอนนี้ประเทศจีน ก็ได้ประกาศว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไป โดยพวกเขาได้วางแผนว่าจะปลูกป่าแห่งใหม่ขึ้นในปี 2018 นี้โดยมันจะปกคลุมพื้นที่กว่า 41 ล้านไร่ ซึ่งจะมีขนาดเกือบเท่ากับประเทศเกาหลีใต้ หรือนับเป็นพื้นที่ราว 1 ใน 6 ของประเทศไทยเลยทีเดียว การเคลื่อนไหวล่าสุดของประเทศจีนนี้ ก็เพื่อต้องการที่จะสลัดภาพเมืองแห่งมลพิษทิ้งไป และคาดหวังเอาไว้ว่าจะกลายมาเป็นประเทศผู้นำโลกในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม แทนที่ประเทศสหรัฐ ที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมพ์ เลือกที่จะถอดถอนประเทศสหรัฐอมเริกา ออกจากข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศกรุงปารีสเมื่อปีที่แล้ว     โดยทางกรมจัดการป่าไม้ของประเทศจีน ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะเพิ่มจำนวนป่าไม้ภายในประเทศให้มีมากถึง 23 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ประเทศทั้งหมด ให้ได้ภายในปี 2020 ซึ่งตัวเลขในปัจจุบันอยู่ที่ 21.7 เปอร์เซ็นต์จากพื้นที่ทั้งหมด และในปี 2035 ก็จะพยายามทำให้พื้นที่ป่าไม้ครอบคลุมถึง 26 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ประเทศทั้งหมด จากคำบอกกล่าวของ Zhang Jianlong หัวหน้ากรมจัดการป่าไม้ของประเทศจีน ในปี 2014 ที่ผ่านมานั้น เมืองต่างๆ ในประเทศจีนถูกมองว่าเป็นเมืองที่มีปัญหามลพิษทางอากาศเรื้อรังมาโดยตลอด เนื่องมาจากการขยายตัวทางอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3…

  • Hand Angels กลุ่มการกุศลที่จะช่วยให้คนพิการได้ “สำเร็จความใคร่” เติมเต็มอีกส่วนที่หายไป

    Hand Angels กลุ่มการกุศลที่จะช่วยให้คนพิการได้ “สำเร็จความใคร่” เติมเต็มอีกส่วนที่หายไป

    ด้วยจำนวนผู้พิการที่มีจำนวนมากในโลกของเรา จึงทำให้เกิดมูลนิธิและอาสาสมัครช่วยเหลือขึ้นอย่างมากมาย เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้ แต่ว่าได้มีกลุ่มอาสมัครอยู่กลุ่มหนึ่งที่ค่อนข้างจะแตกต่างกับกลุ่มอาสาสมัครทั่วๆ ไปที่ส่วนมากจะช่วยในด้านการใช้ชีวิตประจำวันของคนพิการมากกว่า เพราะว่านี่คืออาสาสมัครที่จะช่วยให้ผู้พิการได้ ‘สำเร็จความใคร่’ นั่นเอง!!   กลุ่มอาสาสมัครชื่อว่า Hand Angels   โดยกลุ่มอาสาสมัครสุดแปลกนี้มีชื่อว่า Hand Angels ที่อยู่ในประเทศไต้หวัน ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทำนั้นพวกเขาบอกเอาไว้ว่า ไม่ได้จะมีเจตนาที่จะใช้เรือนร่างส่อไปทางที่ผิดแต่อย่างใด แค่เพียงอยากจะช่วยเหลือผู้พิการให้มีความสุขเหมือนกับคนปกติๆ เพียงเท่านั้น และที่สำคัญคือพวกเขาไม่ได้ต้องการค่าตอบแทนแต่อย่างใดสำหรับการช่วยเหลือผู้พิการเช่นนี้แม้แต่บาทเดียว   Vincent ผู้ก่อตั้งอาสาสมัครกลุ่มนี้   กลุ่มอาสาสมัครการกุศลนี้จัดตั้งขึ้นโดยชายพิการทางขาชื่อว่า Vincent ซึ่งสูญเสียขาไปด้วยความร้ายแรงของโรคโปลิโอตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก และด้วยความพิการของนี้เองที่ทำให้เขาตั้งกลุ่มอาสาสมัครนี้ขึ้น เพราะอยากจะช่วยเหลือผู้ที่เป็นผู้พิการเช่นเดียวกับเขาให้สามารถมีความสุขได้เหมือนกับบุคคลทั่วๆ ไป “เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมเห็นผู้พิการเช่นเดียวกับผม ผมสามารถเข้าใจพวกเขาได้เป็นอย่างดี เพราะผมเห็นตัวเองอยู่ในตัวพวกเขา” “การสัมผัสจากหญิงสาวจะช่วยให้เขาสามารถถึงจุดสุดยอดได้ มันเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว” Vincent ให้สัมภาษณ์   ผู้พิการยังคงรอคอยความช่วยเหลือในด้านต่างๆ   โดยการจะช่วยเหลือผู้พิการให้มีความสุขในแต่ละครั้งจะใช้เวลาถึง 90 นาที นอกจากนี้แล้ว อาสาสมัครจะต้องใช้เวลากว่า 6 เดือนเพื่อศึกษาในตัวของผู้พิการแต่ละคน ว่าจะมีทางใดให้เขาได้มีความสุขที่สุดจากการบริการทางเพศนี้ด้วย แต่ความช่วยเหลือของคนกลุ่มนี้ ก็ทำให้นักวิจารณ์บางคนออกมาวิจารณ์ว่ามันเหมือนกับการค้าประเวณียังไงยังงั้น แต่กลุ่มอาสาสมัครก็ยังยืนยันที่จะทำสิ่งนี้ต่อไป เพราะว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งได้มีอาสาสมัครผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า Anan ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ไว้ว่า…

  • หนุ่มถูกจำคุก 15 ปี หลังจากใช้แอปฯ หาคู่หลอกเกย์เพื่อจะไปทำร้ายร่างกายและขโมยของ

    หนุ่มถูกจำคุก 15 ปี หลังจากใช้แอปฯ หาคู่หลอกเกย์เพื่อจะไปทำร้ายร่างกายและขโมยของ

    ในยุคสมัยปัจจุบัน เทคโนโลยีต่างๆ ได้พัฒนาขึ้นอย่างมากมายรวมถึงการใช้โทรศัพท์มือถือ ที่ไม่เพียงแค่มีไว้โทรเข้า-โทรออกอีกต่อไป เพราะว่ายังมีแอปพลิเคชั่นมากมายให้เลือกเล่นทั้งเกม อินเทอร์เน็ต ความบันเทิงต่างๆ แถมยังมีแอปฯ ที่ใช้สำหรับหาคนคุยเมื่อยามเหงาอีกด้วย แต่ในสายตาของอาชญากรแล้ว แอปฯ หาคู่หาเพื่อน อาจเป็นเสมือนกับช่องทางในการทำมาหากินเลยก็ว่าได้ เพราะว่ามันสามารถใส่ภาพโปรไฟล์แบบปลอมๆ หรือใส่ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงลงไปก็ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงมีคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีดังกล่าว รวมถึงคดีนี้ที่มีชายคนหนึ่งถูกจำคุกถึง 15 ปี เพราะเขาก่ออาชญากรรมโดยใช้แอปฯ หาคู่เป็นช่องทางการลงมือด้วย   แอปพลิเคชั่น Grindr   ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Nigel Garrett วัย 21 ปี ซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเขาเป็นคนแรกจากในกลุ่มทั้งหมด 4 คนที่ถูกจำคุก 15 ปี จากการร่วมมือกันบุกรุกบ้านของชายคนหนึ่ง และได้ก่อเหตุอาชญากรรมขึ้นอย่างมากมายทั้ง ลักพาตัว ขโมยรถ รวมถึงการใช้อาวุธปืนในการก่ออาชญากรรม ซึ่งสาเหตุที่เขาถูกจำคุกเป็นคนแรกของกลุ่มที่ร่วมมือกันก่อเหตุดังกล่าว ก็เพราะว่าเขาเป็นคนแรกที่ได้ให้คำสารภาพถึงเหตุที่ก่อขึ้น โดยคนที่เหลือมีชื่อว่า Anthony Shelton, Chancler Encalade Jr และ Cameron Ocion Ajiduah กำลังรอรับโทษหลังจากให้การสารภาพในเวลาต่อมา โดยคำให้การของเขาได้เล่าว่า ในตอนแรกนั้น Garrett ได้โพสต์ระบุโปรไฟล์ของตัวเองในแอปฯ…

  • ญี่ปุ่นประสบปัญหาแต่งงานกันน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2!!

    ญี่ปุ่นประสบปัญหาแต่งงานกันน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2!!

    ก่อนหน้านี้ใครหลายคนอาจจะเคยได้ยินข่าวที่ว่า ประเทศญี่ปุ่นในตอนนี้ได้เกิดภาวะวิกฤติในเรื่องจำนวนประชากร เพราะว่าจำนวนเด็กที่เกิดมามีน้อยลงไปทุกที และดูเหมือนว่าปัญหานี้จะเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากยิ่งขึ้น สำหรับรัฐบาลของประเทศแดนปลาดิบ อ่านข่าวเก่าได้ที่ >> ญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดลดลงอย่างน่าใจหาย และต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2017 ในตอนนี้ได้มีข้อมูลใหม่เปิดเผยออกมาว่า ในปี 2017 ที่ผ่านมานั้นคนญี่ปุ่นได้มีจำนวนการแต่งงานเกิดขึ้นน้อยที่สุดตั้งแต่สมัยสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว!!     แม้ว่าช่วงเทศกาลคริสต์มาสในประเทศญี่ปุ่น จะเป็นเทศกาลที่ทำให้คู่รักได้ออกมานัดเดตกันมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลจากกระทรวงคุ้มครองแรงงานและสุขภาพ ของประเทศญี่ปุ่นก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถิติที่ดูจะไม่เป็นผลดีต่อชาวญี่ปุ่นมากนัก โดยข้อมูลที่ทางการได้นำมาเปิดเผยก็คือ จำนวนตัวเลขของการแต่งงานที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนมกราคม – เดือนตุลาคม ในปี 2017 ที่มีจำนวนการแต่งงานเกิดขึ้นเพียงแค่ 607,000 คู่เท่านั้น ซึ่งจะน้อยกว่าจำนวนการแต่งงานในปี 2016 ในช่วงเวลาเดียวกันถึง 13,000 คู่ และนับได้ว่าเป็นตัวเลขการแต่งงานที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว     สำหรับในเรื่องนี้รัฐมนตรีกระทรวงคุ้มครองแรงงานและสุขภาพ ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ที่จำนวนการแต่งงานมีตัวเลขที่น้อยลงนั้น เนื่องมาจากการที่จำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวมีจำนวนที่ลดน้อยลง และอาจจะส่งผลให้มีจำนวนการเกิดที่น้อยลงตามไปด้วยในอนาคต ดังนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในสังคมญี่ปุ่น เพื่อที่จะทำให้การแต่งงานเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นสำหรับคู่รักในประเทศ โดยเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้คนญี่ปุ่นไม่อยากแต่งงานและมีลูกนั่นก็คือ เรื่องของค่าครองชีพในประเทศ ซึ่งหากมีลูกก็จะต้องมีค่าดูแลและค่าใช้จ่ายทางการศึกษาที่มีราคาค่อนข้างสูงนั่นเอง     แม้ว่าจะรัฐมนตรีคนนี้จะไม่ได้กล่าวถึง แต่น่าจะมีเหตุผลอีกบางประการที่ทำให้ตัวเลขการแต่งงานในประเทศญี่ปุ่นลดน้อยลงก็คือ…

  • ชาวเน็ตร่วมแชร์ ‘ของสะสม’ แปลกๆ แต่ที่ทำไปก็เพราะใจรัก แล้วเพื่อนๆ ล่ะ สะสมอะไรกันบ้าง!?

    ชาวเน็ตร่วมแชร์ ‘ของสะสม’ แปลกๆ แต่ที่ทำไปก็เพราะใจรัก แล้วเพื่อนๆ ล่ะ สะสมอะไรกันบ้าง!?

    ไม่ว่าใครๆ ต่างก็มีของที่รักของที่ชอบกันทั้งนั้น ซึ่งการที่เรารักในสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็เป็นธรรมดาที่อยากจะเก็บรวบรวมสิ่งนั้นเอาไว้ครอบครอง เพื่อจะได้เอามาชื่นชมได้ตลอดเวลาที่ต้องการ ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่าหลายๆ คนจึงมักจะเก็บของรักของรักของพวกเขาเอาไว้อย่างดี ราวกับเป็นลูกในไส้เลยก็ว่าได้ ทว่าด้วยความที่คนเรามีนิสัยและรสนิยมที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ของสะสมสำหรับใครบางคนเป็นสิ่งแปลกๆ ที่ทำให้คนเห็นต้องรู้สึกอึ้ง เพราะบางทีมันก็เป็นสิ่งที่เราไม่อาจจะคาดคิดว่า สิ่งนี้เอามาเป็นของสะสมได้ด้วยเหรอเนี่ย?? และนี่คือภาพของสิ่งของแปลกๆ ที่ผู้คนทั่วโลกเก็บเอาไว้เป็นของสะสมส่วนตัว ซึ่งมันจะทำให้เราได้รู้ว่าบนโลกนี้ก็มีคนสะสมสิ่งนี้อยู่เหมือนกันนะ มันจะสร้างความตกตะลึงให้เราได้ขนาดไหน ก็ไปดูกันเลย   สะสมทรายจากชายหาดทั่วทั้งโลก   คอลเลคชั่นผลิตภัณฑ์เบียร์ที่สะสมมาเป็นเวลากว่า 30 ปี   หนังสือเรื่อง ‘เจ้าชายน้อย’ ที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของฝากมาจากเพื่อนที่ไปเที่ยว   คอลเคลชั่นสเมิร์ฟที่สร้างเป็นหมู่บ้านได้เลย   สะสมหินและแร่ต่างๆ   คอลเลคชั่นขวดโบราณ ที่บางอันก็มีจากศตวรรษที่ 19 โดยมีทั้งหมดถึง 800 ขวดเลยทีเดียว   สะสมหนวดแมวก็มีด้วยเหรอเนี่ย   กบเหลาดินสอจากทั่วทั้งออสเตรเลีย   บางคนก็ชอบสะสมผ้าอ้อม แหมจะเอาไปทำอะไรกันเนี่ย   คอลเลคชั่นกล้องโกดัก ซึ่งทางเจ้าของบอกว่ามีกล้องถึง 300 ตัวไว้ในครอบครอง ซึ่งตัวที่เก่าที่สุดผลิตในยุคศตวรรษที่ 18 เลย  …

  • ช่างตัดเย็บทำคอลเลคชั่นโทนสีให้ควีนอลิซาเบธที่ 2 เนื่องในวโรกาสมีพระชนมายุ 90 พรรษา

    ช่างตัดเย็บทำคอลเลคชั่นโทนสีให้ควีนอลิซาเบธที่ 2 เนื่องในวโรกาสมีพระชนมายุ 90 พรรษา

    หากใครได้ติดตามข่าวต่างประเทศอยู่บ่อยๆ ก็อาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากับ ควีนอลิซาเบธที่ 2 (Queen Elizabeth II) สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ ที่มักจะออกงานต่างๆ ด้วยชุดฉลองพระองค์ที่มาในรูปแบบสีสันสดใสต่างๆ มากมาย ซึ่งทำให้ใครหลายคนยกย่องให้พระองค์เป็นพระราชินีเป็นผู้นำแฟชั่นคนหนึ่งในโลกนี้เลย และด้วยความที่พระองค์ทรงเป็นราชินีแห่งประเทศ ทำให้นอกจากชุดฉลองพระองค์จะมีความงามอย่างมากแล้ว ยังต้องมีความประณีตเรื่องอื่นๆ แฝงอยู่ในชุดฉลองพระองค์ด้วย ซึ่งช่างตัดเย็บก็ใส่ใจในเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ อาทิ เรื่องของกระโปรงที่ทีมช่างได้ใส่ตุ้มถ่วงเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้กระโปรงเปิดเมื่อมีลมพัดผ่าน   ชุดฉลองพระองค์ในโทนสีต่างๆ   และเนื่องในวโรโกาสเฉลิมฉลองที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 90 พรรษาเมื่อปีก่อนหน้านี้ Angela Kelly ช่างตัดเย็บส่วนตัวของพระองค์มาตั้งแต่ปี 1994 จึงได้จัดทำคอลเลคชั่นชุดฉลองพระองค์ในสีสันต่างๆ ออกมาให้เราได้ชมกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงมีชุดหลากหลายสีจนสามารถนำมาเรียงต่อกันเป็นเฉดสีได้เลยทีเดียว   ฉลองพระองค์ตามวโรกาสต่างๆ   ชุดฉลองพระองค์ของพระองค์ แม้ว่าบางชุดจะมีลักษณะที่คล้ายๆ กันแต่ก็ยังมีบางรายละเอียดที่เปลี่ยนไปอย่างเช่น สีเหลืองที่ก็มีทั้งเหลืองเข้ม เหลืองอ่อน ซึ่งก็จะใช้ฉลองพระองค์ในวโรกาสที่แตกต่างกัน ทำให้พระองค์ได้รับการยกย่องว่าเป็น Queen Of Pantone หรือว่าราชินีแห่งเฉดสีนั่นเอง   วงล้อเฉดสีเฉลิมฉลอง 60 ปีแห่งการครองราชย์   โดยก่อนหน้าที่คอลเลคชั่นชุดฉลองพระองค์นี้จะออกมา ก่อนหน้านี้ในปี 2012 บริษัท Pantone ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับเรื่องสี ก็ได้เคยทำวงล้อชุดฉลองพระองค์ในเฉดสีต่างๆ ขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงครองราชย์มายาวนานถึง 60 ปีอีกด้วย…

  • ช่างภาพตามถ่ายภาพ “ฝูงนก” ที่รวมตัวกลายร่างเป็นนกยักษ์ แหมมันน่าทึ่งซะจริงเชียว

    ช่างภาพตามถ่ายภาพ “ฝูงนก” ที่รวมตัวกลายร่างเป็นนกยักษ์ แหมมันน่าทึ่งซะจริงเชียว

    โลกของเรานอกจากมนุษย์แล้วก็ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอาศัยอยู่ด้วย อย่างต้นไม้ หรือสัตว์ต่างๆ และด้วยความแตกต่างทางสายพันธุ์ที่มีอย่างมากมาย ทำให้บางครั้งมันก็อาจจะสร้างปรากฎการณ์แปลกๆ ขึ้นมาให้เราต้องตกตะลึงในความเป็นธรรมชาติของพวกมัน และเมื่อเร็วๆ นี้ก็ได้มีภาพถ่ายของฝูงนกฝูงหนึ่งที่บินร่วมกัน ซึ่งแน่นอนว่าการที่นกบินด้วยกันเป็นฝูงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร แต่ที่ทำให้มันพิเศษกว่าปกติก็เพราะว่า มันกลับบินรวมกันจนกลายเป็นภาพนกขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามราวกับเป็นภาพวาดเลยก็ว่าได้     ภาพฝูงนกสุดมหัศจรรย์นี้ได้ถูกถ่ายไว้โดยชายชื่อว่า Daniel Biber เจ้าของร้านจักรยานชาวเยอรมัน ที่ไปเที่ยวทางตอนเหนือของประเทศสเปน และด้วยความโชคดีทำให้เขาสามารถถ่ายภาพที่สวยงามนี้เอาไว้ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ สำหรับประวัติของชายคนนี้นั้น เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่าได้หลงรักการถ่ายภาพมาตั้งแต่ปี 1981 และได้ถ่ายภาพตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยความชื่นชอบของเขาไม่ใช่ชอบแบบธรรมดาๆ แต่เรียกได้ว่าคลั่งไคล้เลยทีเดียว โดยการจะออกไปข้างนอกไม่ว่าที่ใดก็ตาม เขาบอกไว้ว่าจะต้องพกกล้องอย่างน้อยหนึ่งตัวติดเอาไว้เสมอ     และเมื่อไปถึงประเทศสเปน เขาก็ได้สังเกตเห็นว่ารูปแบบการบินของฝูงนกที่นี่ มันค่อนข้างจะผิดแปลกไปจากที่เคยเห็นมา ซึ่งในตอนแรกเขาก็บอกเอาไว้ว่าไม่รู้หรอกว่า ฝูงนกมันกำลังทำอะไรกันอยู่แต่ว่าพวกมันก็รวมฝูงกันเป็นก้อนดำๆ แล้วมีความสวยงามดี โดยปรากฏการณ์ที่นกรวมฝูงเช่นนี้มีชื่อเรียกว่า Murmurations โดยปรากฏการณ์ที่ว่านี้เป็นปรากฎการณ์ที่ช่วยในการหาอาหารของนก และเป็นการสร้างกลไกปกป้องไม่ให้ฝูงกลายเป็นเหยื่อของนักล่า แต่จะด้วยเหตุใดก็ตาม Biber ก็เห็นความสวยงามของมันและไม่พลาดที่จะหยิบกล้องคู่ใจขึ้นมาลั่นชัตเตอร์เก็บภาพความสวยงามนี้เอาไว้     แต่ว่าการจะถ่ายภาพให้มันออกมาดูดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะว่าเขาบอกว่ามันมีองค์ประกอบหลายอย่าง ในการที่จะถ่ายภาพให้ออกมาสวยที่สุด “ผมใช้เวลาเลือกจุดที่จะถ่ายพวกมันเป็นเวลาถึง 4 วัน โดยผมต้องขับไปที่่ต่างๆ เพื่อหาฉากหลังให้เหมาะสมกับฝูงนกให้มากที่สุด ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย” Biber กล่าว     หลังจากเขาใช้เวลาสำรวจจุดต่างๆ ที่เหมาะสมกับฝูงนกเป็นเวลาถึง 4…

  • ชม 50 ภาพแห่งพิธีการแต่งงานที่นับได้ว่าเป็นวินาทีที่สวยที่สุดในการจัดอันดับปี 2017

    ชม 50 ภาพแห่งพิธีการแต่งงานที่นับได้ว่าเป็นวินาทีที่สวยที่สุดในการจัดอันดับปี 2017

    การที่คนสองคนได้มาพบกัน และได้ทำความรู้จักจนเกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรัก’ ขึ้นมา เป็นเรื่องที่สุดจะวิเศษสำหรับมนุษย์แทบจะทุกคนบนโลก และเมื่อความรักของพวกเขาถึงจุดที่เรียกได้ว่าสุกงอม พร้อมทั้งมั่นใจว่าคนที่คบหาเป็นคู่ชีวิตอย่างแน่แท้ พวกเขาก็สร้างพิธีศักดิ์สิทธิ์เพื่อยืนยันความรักของทั้งคู่ขึ้นมาเรียกว่า ‘การแต่งงาน’ ทุกวินาทีในงานแต่งงาน จึงถือว่าเป็นโมเมนต์ที่น่าจดจำสำหรับใครหลายคน เพราะว่าในชีวิตหนึ่งบางคนอาจจะมีโอกาสอย่างนี้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ผู้คนส่วนใหญ่จึงนิยมใช้การถ่ายภาพเก็บความทรงจำที่น่าจดจำนี้เอาไว้ ซึ่งภาพถ่ายที่ได้ออกมาก็เปรียบเสมือนได้กับเครื่องช่วยเตือนความทรงจำว่าครั้งหนึ่งในชีวิต พวกเขาก็เคยได้มีพิธีสุดยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นกับตัวของตัวเองเหมือนกัน   ภาพของเจ้าสาวกำลังจะเข้าสู่พิธีศักดิ์สิทธิ์ ที่อาจเป็นความฝันของใครหลายคนบนโลกใบนี้   มีการแต่งงานเกิดขึ้นมากมายบนโลกใบนี้ โดยในแต่ละปีก็มีการแต่งงานเกิดขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นจำนวนภาพถ่ายในงานแต่งงานก็แน่นอนว่าย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วยเช่นเดียวกัน แต่ว่าก็มีบางภาพที่ได้ถูกยกย่องว่าเป็นภาพงานแต่งงานที่น่าประทับใจที่สุด ที่ทำให้คนที่ได้เห็นอาจจะถึงกับน้ำตาซึมเลยก็เป็นไปได้ และนี่คือ 50 ภาพถ่ายการแต่งงานที่เกิดขึ้นใน 2017 ที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุดจากเว็บไซต์ junebugweddings ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับพิธีการแต่งงานโดยเฉพาะ ซึ่งภาพที่ได้รับการจัดอันดับว่าสวยที่สุดจะมีความงดงามขนาดไหน และวินาทีแห่งความสุขของคนสองคนจะเป็นเช่นไร เรามาดูโมเมนต์สำคัญๆ ในชีวิตของพวกเขาเหล่านี้กันเลยดีกว่า   . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…

  • เหล่าอีกัวน่าติดสตั้นท์ เจออากาศหนาวจัดแข็งไม่ขยับ ด้านผู้เชี่ยวชาญแนะมันอาจยังไม่ตาย!!

    เหล่าอีกัวน่าติดสตั้นท์ เจออากาศหนาวจัดแข็งไม่ขยับ ด้านผู้เชี่ยวชาญแนะมันอาจยังไม่ตาย!!

    ฤดูหนาวเป็นฤดูที่ใครหลายคนชื่นชอบ เพราะว่าอากาศมันทั้งเย็นสบายและไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่บางทีเมื่อมีอากาศที่เย็นเกินไป เราก็อาจจะไปซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแบบฟินๆ ทว่าสำหรับเหล่าสัตว์แล้ว บางทีฤดูหนาวอาจจะเป็นฤดูที่โหดร้ายสำหรับพวกมันก็เป็นได้ และสำหรับฤดูหนาวของบางประเทศนั้น มันไม่เพียงแต่สร้างความหนาวเย็นให้แก่เราเท่านั้น แต่บางทีมันก็หนาวซะจนอาจจะทำให้สัตว์บางชนิดแข็งตายเลยก็เป็นไปได้ เหมือนกับเหล่าอิกัวน่าเหล่านี้ที่โดนความหนาวเหน็บเล่นงานซะจนตัวแข็งทื่อเหมือนกับตายไปแล้วยังไงยังงั้นเลย     ด้วยสภาพอากาศที่เลวร้ายและอุณหภูมิลดลงจนต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียสที่รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ได้ทำให้อิกัวน่าหลายตัวมีสภาพที่เรียกว่าถูกแช่แข็งและไม่สามารถขยับเขยื้อนในหลายพื้นที่ชนบทในรัฐนี้ “อย่าคิดว่าพวกมันตายแล้วเป็นอันขาด”  Kristen Sommers ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่ากล่าว     ส่วนสาเหตุที่เธอกล่าวเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่า โดยปกติแล้วสัตว์เลือดเย็นซึ่งมีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่อเมริกากลางและอเมริกาใต้ จะเริ่มมีอาการเชื่องช้าแสดงให้เห็นเมื่อมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส ซึ่งถ้าหากอุณหภูมิลดลงกว่านั้นอีกพวกมันก็จะไม่สามารถขยับตัวได้เพราะว่ามีอากาศที่หนาวเย็นจนเกินไป อิกัวน่าไม่ใช่สัตว์เลื้อยคลานเพียงตัวเดียวที่โดนแช่แข็งในสัปดาห์นี้ แต่ยังมีสัตว์อื่นๆ อย่างเต่าทะเลที่มีสภาวะนี้ร่วมด้วย     โดยก่อนหน้านี้นักชีววิทยาขององค์กรดูแลสัตว์ป่า ก็ได้เคยช่วยเหลือเต่าทะเลที่มีสภาวะแข็งตัวที่ลอยคอมาบริเวณใกล้ๆ กับชายฝั่ง แต่สำหรับอิกัวน่าแล้ว พวกเขาบอกเอาไว้ว่าไม่ได้เตรียมแผนการช่วยเหลือไว้แต่อย่างใดเลยทั้งสิ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่เจออิกัวน่าขณะกำลังตกอยู่ในสภาวะแข็งตัวว่าให้ปล่อยพวกมันไว้ตามธรรมชาติจะดีกว่า เพราะว่าพวกมันอาจรู้สึกว่าถูกคุกคามและอาจจะทำร้ายเราได้     สำหรับอิกัวน่าสีเขียว เป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในรัฐฟลอริด้า โดยเมื่อโตเต็มวัยมันสามารถมีความยาวได้มากถึง 152 เซนติเมตร และมูลของของมันเป็นแหล่งของแบคทีเรีย Salmonella ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษได้   ที่มา: dailymail

  • หนุ่มไร้บ้านนอนอยู่หน้าสถานรับเลี้ยง เพื่อหวังว่าจะได้เจอสุนัขเพื่อนรักที่หายไปอีกครั้ง

    หนุ่มไร้บ้านนอนอยู่หน้าสถานรับเลี้ยง เพื่อหวังว่าจะได้เจอสุนัขเพื่อนรักที่หายไปอีกครั้ง

    การที่เราจะเลี้ยงสัตว์สักตัวหนึ่ง แน่นอนว่าหากเราได้รับมันเข้ามาเลี้ยงแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เราก็จะยิ่งมีความรักและความผูกพันธ์กับมันเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ และถ้าเมื่อมันหายไปเราก็คงจะเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เหมือนกับการได้เสียเพื่อนไปคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่สำหรับคนไร้บ้านแล้ว สัตว์เลี้ยงของพวกเขาเป็นเสมือนเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากที่ลำบากผ่านเรื่องราวต่างๆ มาด้วยกัน และถ้ามันหายไปพวกเขาก็คงไม่มีเงินที่จะไปติดใบประกาศตามหามันกลับมา สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็มีแค่เพียงการออกตามหาตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ ด้วยความหวังว่าจะได้มันคืนกลับมาใช้ชีวิตด้วยกันอีกครั้ง   มานอนที่หน้าสถานสงเคราะห์เพื่อหวังจะได้เจอหมาของเขาอีกครั้ง   และชายไร้บ้านคนนี้ก็เช่นเดียวกัน เพราะว่าเขาไปนอนเฝ้าที่สถานสงเคราะห์ตลอดทั้งคืน เพื่อหวังว่าเมื่อเจ้าหน้าที่จับหมามา มันอาจจะเป็นหมาของเขาที่หายไปก็เป็นไปได้ เรื่องราวนี้ได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ของสถานสงเคราะห์สัตว์ Dekalb Animal Services ที่รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 18 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา เมื่อพวกเขาพบหนุ่มไร้บ้านคนหนึ่งมา นอนขดอยู่ที่หน้าประตูสถานสงเคราะห์   เจ้าหน้าที่ได้ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่   ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าชายคนนี้น่าจะมาหาที่นอน แต่ว่าเมื่อไถ่ถามเขาแล้วกลับผิดคาด เพราะว่าเหตุที่เขามาที่นี่เพื่อจะมาตามหาหมาของเขาที่หายไป และเขารู้สึกหมดหวังในการตามหาหมาของเขากลับมา จึงได้มาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่นั่นเอง “พวกเราปลุกเขาขึ้น และเขาคนนั้นก็บอกว่าหมาของเขาได้หายไป จึงอยากให้ช่วยตามหาให้หน่อย”  Karen Hirsch โฆษกของสถานสงเคราะห์ดังกล่าวเล่าให้ฟัง ชายผู้ไร้บ้านคนดังกล่าวเล่าให้ฟังว่า ได้ใช้เงินทั้งหมดที่เขามีนั่งรถบัสมาที่สถานสงเคราะห์แห่งนี้ เพื่อหวังว่าเขาจะได้พบหมาของเขาอีกครั้ง   ด้วยความโชคดี ทำให้เขาได้หมากลับไปอยู่ด้วยอีกครั้งหนึ่ง   และดูเหมือนว่าคราวนี้จะเป็นความโชคดีของเขา เพราะจากที่เขาอธิบายลักษณะของคู่หูให้ฟัง ก็พบว่าหมาของเขาได้ถูกรับมาที่นี่เมื่อประมาณ 2…

  • 13 เรื่องราวสุดแสนประทับใจของเหล่าสัตว์โลก ที่ไม่ลืมบุญคุณของผู้ที่เคยช่วยเหลือมัน

    13 เรื่องราวสุดแสนประทับใจของเหล่าสัตว์โลก ที่ไม่ลืมบุญคุณของผู้ที่เคยช่วยเหลือมัน

    เมื่อได้เห็นผู้ได้รับความเดือดร้อน ใครหลายคนก็อดที่จะช่วยเหลือไม่ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่กับคนเท่านั้น บางทีพวกสัตว์ก็ต้องการความช่วยเหลือเช่นเดียวกัน และแน่นอนว่ามนุษย์อย่างเราๆ เมื่อได้เห็นมันลำบากมีหรือไม่ช่วย ซึ่งการช่วยเหลือสัตว์บางทีเราก็อาจทำไปเพราะใจสงสาร และไม่ต้องการได้รับสิ่งใดตอบแทน แต่ว่าก็มีสัตว์บางตัวเช่นกันที่จำบุญคุณของคนที่ช่วยเหลือมันได้ และถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถตอบแทนเราเป็นแก้วแหวนเงินทองได้ ทว่ามันก็สามารถทำให้เรามีรอยยิ้ม หรือทำให้ใจเรามีความสุขได้ไม่น้อยเลยทีเดียว และนี่คือเรื่องราวของสัตว์ 13 ตัวที่ตอบแทนบุญคุณของผู้ที่ได้เคยช่วยเหลือมันเอาไว้ และดูเหมือนว่าการกระทำของมันจะไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ที่ให้การช่วยเหลือยิ้มได้เท่านั้น แต่มันยังได้สร้างความอบอุ่นใจให้แก่ชาวเน็ตทั่วโลกเลยด้วย ซึ่งมันจะกลับมาตอบแทนในรูปแบบไหนนั้น มาลองดูพร้อมๆ กันไปเลยดีกว่า     1. กระรอกตัวหนึ่งกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่เคยช่วยเหลือมันทุกวันเป็นเวลา 8 ปีเต็ม ในปี 2009 Brantley Harrison พร้อมกับครอบครัวของเธอได้พบกระรอกที่ได้รับบาดเจ็บ จากการถูกนกฮูกโจมตี ซึ่งครอบครัวนี้ก็ดูแลเจ้ากระรอกตัวนี้อย่างดีเป็นเวลากว่า 5 เดือน และเมื่อมันหายดีแล้วพวกเขาก็ได้ปล่อยมันกลับคืนสู่ธรรมชาติ แต่ดูเหมือนว่ามันจะจดจำบุญคุณของครอบครัวนี้ได้ เพราะว่ามันจะกลับมาเยี่ยมครอบครัวนี้ทุกๆ วันเป็นเวลาถึง 8 ปีเต็ม .   2. เจ้าหมาเลียหน้าสัตวแพทย์ที่เป็นการตอบแทนที่คอยดูแลมันเสมอมา   3. หงส์โอบกอดผู้ช่วยชีวิตมันอย่างอบอุ่น แม้ว่าสัตว์ชนิดนี้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความโหดร้ายแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ Richard Weeze ไม่กล้าที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือมันแต่อย่างใด โดยเขาได้พบเจ้าหงส์ตัวนี้ติดอยู่ในรั้วและไม่สามารถออกมาข้างนอกได้ เมื่อการช่วยเหลือเสร็จสิ้นหงส์ตัวนี้ก็โอบกอดเขาและเอาคอของมันพันเข้ากับคอของเขา ซึ่งเขาคิดว่านี่น่าจะเป็นวิธีกล่าว ‘ขอบคุณ’ ในแบบของมัน   4. เจ้าหมาเอาหน้าซบเข้ากับอกของสัตวแพทย์…

  • ย้อนอดีตเกาหลีเหนือ “ช็อกโกพาย” สร้างดราม่า จนเกาหลีใต้ต้องผูกบอลลูนส่งไปให้…

    ย้อนอดีตเกาหลีเหนือ “ช็อกโกพาย” สร้างดราม่า จนเกาหลีใต้ต้องผูกบอลลูนส่งไปให้…

    ประเทศเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบบเผด็จการ ที่ใครๆ ต่างก็รู้ว่าประชาชนในประเทศเกาหลีเหนือ มีชีวิตที่เป็นอยู่อย่างลำบากและถูกจำกัดสิทธิต่างๆ มากมาย แต่คงไม่มีใครคาดถึงว่าพวกเขาจะถูกจำกัดสิทธิแม้แต่ในเรื่องของขนมกินเล่น??? ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2014 นักเคลื่อนไหวชาวเกาหลีใต้ ได้ร่วมกันปล่อยบอลลูนที่มีขนมช็อกโกพายอยู่ในนั้นขึ้นสู่ฟากฟ้า เพื่อต่อต้านรัฐบาลเกาหลีเหนือที่ได้สั่งแบนขนมชนิดนี้เพราะว่าได้รับความนิยมมากจนเกินไป     โดยในกิจกรรมครั้งนั้นมีนักเคลื่อนไหวกว่า 200 คนได้ร่วมกันปล่อยบอลลูน 50 ลูกที่บรรจุขนมช็อกโกพาย 10,000 ชิ้น ขึ้นสู่ฟากฟ้าที่เมืองพาจู ซึ่งเป็นเมืองชายแดนระหว่างประเทศเกาหลี จากการรายงานจากสำนักข่าวเอเอฟพี ในเริ่มแรกนั้น มีความเชื่อกันว่าขนมช็อกโกแลตพายที่แสนโด่งดังนี้ได้เข้าสู่ประเทศเกาหลีเหนือผ่านทางเขตอุตสาหกรรมแคซ็อง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชาวเกาหลีเหนือและชาวเกาหลีใต้ได้ทำงานร่วมกัน แต่หลังจากนั้นไม่นานขนมนี้ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอยากรวดเร็ว จนรัฐบาลของเกาหลีต้องสั่งห้ามนำขนมชนิดนี้เข้ามาภายในประเทศ     “มันเป็นเรื่องน่าอายจริงๆ ที่แบนแม้กระทั่งขนมช็อกโกพาย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็จะยังคงส่งขนมชนิดนี้ผ่านทางบอลลูนต่อไป เพราะว่ามันเป็นขนมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มชาวเกาหลีเหนือผู้หิวโหย” Choo Sun Hee หนึ่งในนักเคลื่อนไหวที่ออกไปร่วมปล่อยบอลลูน กล่าว ความนิยมของเจ้าขนมชนิดนี้ เริ่มจากการที่คนงานชาวเกาหลีเหนือที่ทำงานอยู่ในเขตอุตสาหกรรม ได้รับค่าทำงานล่วงเวลาเป็น ขนมชนิดนี้แทนที่จะเป็นเงินสด คนงานบางคนจึงนำขนมที่พวกเขาได้ไว้สำหรับให้คนในครอบครัวกิน ในขณะที่บางคนก็นำไปขายจนทำให้ขนมนี้ได้กลายเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างรวดเร็ว     ขนมช็อกโกพายในประเทศเกาหลีเหนือ ได้กลายเป็นอาหารสุดหรูและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก หลังจากที่โรงงานในเขตอุตสาหกรรมแคซ็องได้ปิดตัวลงเมื่อปี 2013 ตั้งแต่นั้นมาทำให้ขนมชนิดนี้เริ่มหาทานได้ยากขึ้น และมีราคาพุ่งสูงขึ้นถึง 23 ดอลลาร์(ประมาณ 740…

  • ภาพแปลกๆ สมัยสงครามโลก ที่นำมาลงสีใหม่แสดงให้เห็นถึงความพยายามของทหารในสมัยนั้น

    ภาพแปลกๆ สมัยสงครามโลก ที่นำมาลงสีใหม่แสดงให้เห็นถึงความพยายามของทหารในสมัยนั้น

    ตามประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้บนโลกนี้กล่าวเอาไว้ว่า โลกของเราเคยมีสงครามใหญ่ๆ เกิดขึ้นระหว่างประเทศหรือเรียกว่า ‘สงครามโลก’ เกิดขึ้นมาแล้วถึง 2 ครั้งซึ่งก็ได้สร้างความสูญเสียอย่างประเมินค่าไม่ได้ให้แก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก และนี่คือภาพสมัยสงครามโลกทั้ง 2 ครั้งที่หาดูได้ยาก โดยแต่ละภาพจะแสดงให้เห็นถึงวิธีการต่างๆ ในสมัยสงครามตั้งแต่การเริ่มหัดพรางตัวโดยพรางเป็นม้าลาย หรือแม้กระทั่งการนำปืนกลไปตั้งไว้บนหลังช้าง รวมถึงยังมีภาพแปลกๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างที่มีสงคราม ซึ่งถือได้ว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นต้นแบบของวิทยาการสงครามในสมัยใหม่เลยก็ว่าได้ โดยแต่เดิมนั้นภาพเหล่านี้เป็นเพียงแค่ภาพขาวดำ แต่เมื่อเร็วๆ มานี้ได้รับการนำมาลงสีใหม่โดยเด็กหนุ่มชาวสเปนวัย 17 ปีืชื่อว่า Joel Bellviure  ภาพที่เขาได้เนรมิตขึ้นมาใหม่นี้ทำให้เราได้เห็นถึงรายละเอียดต่างๆ ได้มากขึ้นรวมถึงยังสามารถสื่ออารมณ์ในสมัยสงครามโลกได้ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะมีอะไรแปลกๆ บ้างนั้น เรามาดูพร้อมกันเลยดีกว่า   ภาพของทหารคนหนึ่ง ขณะทดสอบชุดพรางตัวสีขาวดำที่มีชื่อเรียกว่า ‘razzle dazzle’ ที่จะให้ทหารใช้สำหรับพรางตัวขณะปีนต้นไม้ ซึ่งภาพนี้ถูกถ่ายขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน 1917   ภาพของนาวิกโยธินสหรัฐฯ ขณะกำลังนั่งอยู่บนหลังช้างพร้อมกับปืนกล Colt M1895 ซึ่งภาพแปลกๆ นี้สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดขึ้นในปี 1914-1918   ภาพของทหารอเมริกันขณะสวมชุดเกราะ ‘Brewster Body Shield’ ซึ่งมีทั้งส่วนที่ปกคลุมส่วนตัวและส่วนหัว ซึ่งนี่เป็นชุดเกาะของประเทศสหรัฐอเมริกาชิ้นแรกที่พัฒนาขึ้น ให้กองกำลังสหรัฐใช้ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1   ร้อยโท…

  • ชาวนิวซีแลนด์สายเมา หนีกฎห้ามดื่มในที่สาธารณะ เลยสร้างเกาะเล็กๆ ขึ้นมาเพื่อสังสรรค์ซะเลย

    ชาวนิวซีแลนด์สายเมา หนีกฎห้ามดื่มในที่สาธารณะ เลยสร้างเกาะเล็กๆ ขึ้นมาเพื่อสังสรรค์ซะเลย

    เมื่อถึงงานเทศกาลที่สำคัญของปี ใครหลายคนถือโอกาสเฉลิมฉลองด้วยการสังสรรค์กัน เบาบ้างหนักบ้าง เพื่อสร้างความผ่อนคลายให้กับตัวเองหลังจากที่ผจญกับงานหนักมาตลอดทั้งปี แต่ว่าก็มีบางประเทศที่มีกฎหมายห้ามดื่มในวันสำคัญต่างๆ จึงทำให้คนกลุ่มหนึ่งสร้างเกาะจิ๋วของตัวเองขึ้นมาเพื่อเลี่ยงกฎหมายซะเลย เรื่องราวของกลุ่มคนหัวหมอนี้เกิดขึ้นเมื่อวันปีใหม่ที่ผ่านมา ที่คาบสมุทร Coromandel ในประเทศนิวซีแลนด์เมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งตั้งเกาะส่วนตัวขนาดเล็กๆ ขึ้นมาเพื่อสังสรรค์กัน และตำรวจไม่สามารถจับกุมพวกเขาได้เนื่องจากถือว่าอยู่ในเขต ‘น่านน้ำสากล’   ชิวๆ ไม่ผิดกฎหมายเฟ้ย   ซึ่งในเขตคาบสมุทร Coromandel มีกฎหมายเอาไว้ว่าห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะ ระหว่างที่มีการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่เพื่อจะลดความรุนแรงในเทศกาลนี้ให้มีน้อยลง ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืนอาจจะต้องโดนโทษปรับถึง 250 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8,000 บาท) เลยทีเดียว โดยตำรวจได้ออกลาดตระเวนในวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ 30 และ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อบังคับใช้และตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนได้รับรู้กฎหมายข้อนี้โดยทั่วกันแล้ว แต่ว่าตำรวจก็ไม่สามารถทำอะไรวัยรุ่นหัวหมอกลุ่มนี้ที่ดื่มกินกันอย่างสนุกสนานบนเกาะเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากฝั่งทะเลเพียงไม่กี่เมตรได้   อินดี้เกิ๊น   สำหรับเกาะขนาดจิ๋วที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้น พวกเขาได้สร้างขึ้นในช่วงน้ำลง เมื่อบ่ายวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา จากนั้นพวกเขาก็นำโต๊ะนำเก้าอี้มาวางไว้ให้พร้อม สำหรับการสังสรรค์ในค่ำคืนของการขึ้นปีใหม่ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ซึ่งสิ่งที่พวกเขานำมาสร้างเกาะแห่งนี้ก็มีเพียงแค่ทราย, เปลือกหอย, และไม้สักสองสามแผ่นเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าเกาะที่พวกเขาสร้างขึ้นมันจะดีเกินคาด เพราะมันยังคงตั้งอยู่ได้นานหลายวัน แม้ว่าผู้สร้างเกาะจะไปที่อื่นแล้วก็ตาม   Coromandel อยู่ทางตอนเหนือของประเทศนิวซีแลนด์   “ทุกๆ คนน่าจะสังสรรค์กันแบบพวกเขานะ…

  • รวม 17 ภาพแห่งการดัดแปลง ที่ไม่ว่าสถานการณ์ไหนๆ ก็เอาพวกเขาเหล่านี้ไว้ไม่อยู่จริงๆ

    รวม 17 ภาพแห่งการดัดแปลง ที่ไม่ว่าสถานการณ์ไหนๆ ก็เอาพวกเขาเหล่านี้ไว้ไม่อยู่จริงๆ

    สิ่งของต่างๆ บนโลกนี้ต่างก็ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา เพื่อให้มีเราได้ใช้ชีวิตได้สะดวกสบายขึ้น และของแต่ละชนิดก็จะมีวัตถุประสงค์ในการใช้ในตัวของมันเองอยู่ อย่างเช่น หวีก็เอาไว้หวีผม ไม้แขวนก็ใช้สำหรับแขวนเสื้อ เป็นต้น แต่ก็มีบางคนที่มีความคิดที่แตกต่างไปจากคนทั่วไป โดยพวกเขาเหล่านี้คิดว่าการใช้งานแบบธรรมดาๆ มันดูจะใช้ประโยชน์ได้แบบไม่เต็มที่และไม่คุ้มค่ากับที่สิ่งนี้เกิดขึ้นมาบนโลกของเรา พวกเขาจึงใช้งานสิ่งของต่างๆ ในรูปแบบที่ประหลาดไปซักนิด แต่ที่แน่ๆ ใครเห็นเป็นก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “นี่พวกเอ็งคิดขึ้นมาได้ยังไงกันเนี่ย?” ซึ่งมันจะจริงอย่างที่ว่าหรือไม่ก็ลองไปดูกันเลยดีกว่า   ลืมหยิบริสแบนด์มาก็ไม่เป็นไร ใช้ใบเสร็จแทนได้น่า   ไม้แขวนเสื้อที่ไม่เพียงใช้แขวนเสื้ออีกต่อไป   เค้าใช้กันอย่างนี้ ปัดโธ่ว   ของมันใช้แทนกันได้ จะเสียเงินเยอะแยะไปทำไม   กินไปด้วยเล่นไปด้วย สบ๊าย   หมดปัญหาเรื่องกระดาษหมดอย่างแน่นอน   ปิคนิคแบบมนุษย์ปี 3018   ประโยชน์อีกอย่างของหวี จะถือให้เมื่อยมือทำไม   หรือจริงๆ แล้วเขาเอาไว้ใช้ทำอย่างนี้กันนะ   เมื่อพ่อติดกล้องเอาไว้ที่บ้านเพื่อดูว่าลูกจะทำอะไรแผลงๆ หรือไม่ หึ ไม่ได้แอ้มหรอก   เมื่อถึงฤดูหนาวก็เลยใช้ความร้อนจากคอมฯ ให้เป็นประโยชน์   ยอมรับในความเป็นเกมเมอร์ของเขาคนนี้จริงๆ   เมื่อบอกเพื่อนว่าที่บ้านมีรถใหม่.. แต่เป็นรถโมเดลนะ…

  • ไปไกล!! ระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สามารถสร้างร่างโคลนนิ่งของเราได้แล้ว!!

    ไปไกล!! ระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สามารถสร้างร่างโคลนนิ่งของเราได้แล้ว!!

    หลายคนอาจจะรู้จักกับเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘ปัญญาประดิษฐ์’ หรือที่เรียกกันว่า AI ที่ในปัจจุบันกำลังมีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง และในตอนนี้พัฒนาการของเจ้าสิ่งนี้ก็ก้าวขึ้นมาอีกขั้น เพราะว่ามันสามารถสร้างร่างก็อปปี้เสมือนจริงของคนเราได้แล้ว!! โดยระบบ AI ที่สามารถสร้างร่างก็อปปี้ที่ว่าได้นี้ เป็นระบบ AI ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะที่ชื่อว่า ObEn ซึ่งก่อตั้งโดย CEO ชื่อว่า Nikhil Jain    ทางซ้ายคือหน้าจริง ขวาคือหน้าที่ระบบ AI จำลองขึ้นมา   หลังจากได้รับการช่วยเหลือทางเรื่องเงินทุนจากบริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง Tencent ที่มีมูลค่ากว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 161 ล้านบาท) ในที่สุด Jain ก็สามารถพัฒนาให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ของเขาสามารถจำลองภาพของคนจริงๆ ให้อยู่ในรูปแบบของภาพสามมิติได้ “เราเชื่อว่าทุกๆ คนบนโลกนี้ในที่สุดแล้วจะมีร่างก็อปปี้เป็นของตัวเอง ซึ่งคนๆ นั้นจะเป็นคนที่มีหน้าตาเหมือนกับพวกเขา พูดเหมือนพวกเขา ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไปแล้ว” Jain กล่าว   วิดีโอการจำลองหน้าตัวเองโดย Jain ผู้พัฒนาระบบดังกล่าว   สำหรับการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์นี้ ให้ก็อปปี้ร่างของเรานั้นก็ง่ายแสนง่าย โดยสิ่งที่ต้องทำก็มีเพียงแค่ ถ่ายเซลฟี่ตัวเองและบันทึกเสียงเพียงแค่นั้น เราก็จะได้ร่างอวตารของเรามาใช้งานกันแล้ว นอกจากการสร้างร่างโคลนนิ่งของตัวเองแล้วบริษัทแห่งนี้ยังมีแผนที่จะปล่อย ร่างโคลนนิ่งของเหล่าเซเลบริตี้ในปี 2018 โดยร่วมมือกับบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของทวีปเอเชียอย่าง S.M. Entertainment เพื่อนำนักร้องชื่อดังมาให้แฟนๆ ได้ชื่นชมกันอีกด้วย…

  • รักเรียน! เด็กน้อยต้องมานั่งทำการบ้านที่ทางด่วนทุกวัน เพราะที่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้เพียงพอ

    รักเรียน! เด็กน้อยต้องมานั่งทำการบ้านที่ทางด่วนทุกวัน เพราะที่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้เพียงพอ

    เพื่ออนาคตที่สดใส ทำให้ไม่ว่าใครๆ ต่างก็ให้ความสำคัญกับการศึกษาทั้งนั้น จะเห็นได้จากในปัจจุบันที่พ่อแม่หลายๆ คนก็ต้องส่งลูกของเราไปหาความรู้ที่โรงเรียนเพื่อให้มีวิชาความรู้ไว้ใช้ในภายภาคหน้า แต่ก็มีบางคนที่แม้ว่าจะมีเรื่องฐานะเป็นอุปสรรค แต่ก็ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาตั้งใจเล่าเรียนทั้งๆ ที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เลยก็ตาม เหมือนกับเด็กชายชาวจีนคนหนึ่ง ที่ทางบ้านมีฐานะยากจนไม่มีกระทั่งไฟฟ้าใช้สำหรับทำการบ้านหรืออ่านหนังสือ ทำให้เด็กใฝ่เรียนคนนี้ต้องมาอาศัยไฟจากทางด่วนทุกวันๆ จนได้กลายเป็นที่ชื่นชมของผู้คนที่ได้พบเห็น     Qu Sinian คือชื่อของเด็กชายคนดังกล่าว โดยเขาอาศัยอยู่ที่มณฆลกุ้ยโจวทางตอนใต้ของประเทศจีน Qu เป็นนักเรียนชั้นประถมต้นอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเขา     แต่ด้วยความโชคร้ายที่พ่อของเขากลายเป็นผู้พิการหลังจากตกจากที่สูงระหว่างการทำงาน รวมถึงแม่ของเขาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจจนไม่สามารถทำงานใดๆ ได้ จึงทำให้ครอบครัวนี้มีรายได้ที่ค่อนข้างน้อยและมีฐานะที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก     Qu จะมาที่ทางด่วนแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กับบ้านเขาในทุกๆ วันหลังจากเลิกเรียน เพื่อใช้แสงไฟของไฟลอยตามทางด่วนเพื่ออ่านหนังสือและใช้สำหรับการทำการบ้าน โดยเขาจะใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงสำหรับการทบทวนบทเรียนในแต่ละวันเลยทีเดียว     “บ้านของเรามีแสงไฟน้อยมากและมันก็มืดเกินไปสำหรับการอ่านหนังสือ นั่นเป็นเพราะพวกเรามีฐานะที่ค่อนข้างอัตคัด เขาจึงต้องมาทำการบ้านและอ่านหนังสือที่นี่อย่างไม่มีทางเลือก”  Li Gaoju แม่ของเขาเล่าให้ฟัง ในตอนนี้รายได้ของครอบครัวแห่งนี้มาจาก พ่อของ Qu ที่แม้จะกลายเป็นคนพิการแต่เขาก็พยายามหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการรับจ้างขับมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีรายได้ต่อเดือนที่อยู่ราวๆ 1,000 หยวน(ประมาณ 4,900 บาท) เท่านั้น     โดยเงินเกือบครึ่งหนึ่งที่หามาได้…

  • พิพิธภัณฑ์แห่งความรักของคุณตาผู้บูชารักแท้ ที่สร้างขึ้นแม้ว่าภรรยาของเขาจะจากโลกนี้ไปแล้ว

    พิพิธภัณฑ์แห่งความรักของคุณตาผู้บูชารักแท้ ที่สร้างขึ้นแม้ว่าภรรยาของเขาจะจากโลกนี้ไปแล้ว

    โลกของเราหมุนไปทุกๆ วัน กาลเวลาจึงไม่สามารถหยุดรอใครบางคนได้ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายจึงต้องเป็นไปตามกฏของธรรมชาติ นั่นคือ ‘เกิด แก่ เจ็บ ตาย’ แต่ว่าโลกของเราก็ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปนัก เพราะว่ามันได้ประทานพลังวิเศษที่เรียกว่า ‘ความรัก’ ให้แก่สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตได้พบเจอกับความสุขระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ และนี่คือตัวอย่างความสุขจากความรักอันสุดประทับใจของชายแก่คนหนึ่งชื่อว่า Charles “LaLa” Evans ที่มีให้แก่ Louise ภรรยาของเขาที่อยู่กินกันมาเกือบ 60 ปี โดยระหว่างที่ได้ครองรักกัน ทั้งคู่เป็นคู่รักที่น่าอิจฉาสำหรับใครหลายคน เพราะพวกเขามักจะเติมเต็มความรักให้แก่กันเสมอๆ ซึ่งเห็นได้จากภาพถ่ายนับพันๆ ใบที่ทั้งคู่ได้ถ่ายเอาไว้ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ทว่าเมื่อเร็วๆ นี้ฝ่ายภรรยาได้เสียชีวิตลง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรักที่ Lala มีให้ Louise ลดน้อยลงแต่อย่างใด ในทางกลับกันเขากลับมีความรักให้แก่เธอยิ่งกว่าเดิม และได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เอาไว้เป็นอนุสรณ์สถานความรักของทั้งคู่ เทพนิยายความรักสุดกินใจของชายแก่คนนี้ จะเป็นเช่นไร เราลองไปดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า     นี่คือเรื่องราวของชายชราที่ชื่อว่า Lala ที่ได้พบรักกับ Louise ภรรยาของเขาตั้งแต่การพบเจอหน้ากันครั้งแรก ซึ่งวินาทีที่ได้เจอกันครั้งแรกนั้น เขาบอกเอาไว้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ลืมไม่ลงมาตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมา ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของชายผู้เปี่ยมความรักคนนี้ อาศัยอยู่ในบ้านน่ารักๆ ที่รัฐมิสซิสซิปปี ประเทศสหรัฐฯ ร่วมกับภรรยาในช่วงก่อนที่เธอจะเสียชีวิตลง ทั้งคู่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมา 59 ปี 11 เดือน…

  • อุบ๊ะ!! การทดสอบจรวดของเกาหลีเหนือผิดพลาด แล้วดันพุ่งเข้าใส่เมืองของตัวเองซะอย่างงั้น

    อุบ๊ะ!! การทดสอบจรวดของเกาหลีเหนือผิดพลาด แล้วดันพุ่งเข้าใส่เมืองของตัวเองซะอย่างงั้น

    ในปัจจุบัน ประเทศต่างๆ ในโลกนี้ต่างก็ต้องการพัฒนาแสนยานุภาพทางการทหารเพื่อจะได้สามารถปกป้องตัวเอง เมื่อเกิดภัยสงครามขึ้น ซึ่งหนึ่งในอาวุธที่หลายๆ นิยมสร้างขึ้นมาก็คือ ‘จรวดขีปนาวุธ’ นั่นเอง ซึ่งจรวดขีปนาวุธดังกล่าวนี้สามารถโจมตีพื้นที่ที่อยู่ในระยะไกลได้อย่างง่ายดาย โดยใช้ดาวเทียมในการล็อกเป้าหมาย ซึ่งจรวดขีปนาวุธบางลูก มีระยะยิงนับพันกิโลเมตรเลยทีเดียว แต่เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีภาพถ่ายจากดาวเทียมที่สามารถยืนยันได้ว่า มีการทดลองจรวดนิวเคลียร์ของประเทศเกาหลีเหนือเกิดขึ้น ทว่าการทดสอบนั้นเกิดผิดพลาดและจรวดที่พวกเขาได้ปล่อยนั้นก็ได้สร้างความเสียหายให้แก่เมืองของพวกเขาเองซะอย่างนั้น   มีการทดสอบจรวดอยู่เสมอ   ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ว่านี้ แสดงให้เห็นถึงความเสียหายของการทดสอบจรวดที่ตกไปยังเมืองท็อกช็อนที่มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 200,000 คน จากการรายงานอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา สำหรับจรวดที่เกิดความผิดพลาดลูกนี้มีชื่อว่า Hwasong KN-17 ซึ่งเป็นจรวดพิสัยปานกลาง โดยมันได้ถูกปล่อยขึ้นฟ้าจากสนามบินพุกชัง ทางตอนใต้ของจังหวัดพย็องอันเหนือที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงของประเทศเกาหลีเหนือเพียง 64 กิโลเมตรเท่านั้น และเวลาที่มันถูกปล่อยก็คือวันที่ 28 เมษายนเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง   จุดที่ได้รับการเสียหาย   แต่ก็ด้วยความโชคดีที่จุดที่จรวดนี้ตกลงไปเป็นพื้นที่เกษตรกรรมหรือโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งทำให้ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเกิดขึ้น ทว่าก็ได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างเลยทีเดียว   ภาพถ่ายก่อนหน้าที่จรวดจะพุ่งลงใส่   นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาวุธของเกาหลีเหนือได้อธิบายไว้ว่า จรวดลำที่ผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นจากความขัดข้องของเครื่องยนตร์ตั้งแต่นาทีแรกที่มีการปล่อยตัว ทำให้มันเดินทางไปได้เพียงแค่ 40 กิโลเมตรเท่านั้นก่อนที่จะพุ่งลงที่พื้นที่ดังกล่าว ซึ่งหากจรวดไม่มีการผิดพลาดเกิดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญคาดเอาไว้ว่ามันน่าจะมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ทางตอนเหนือของทะเลญี่ปุ่น   คึม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการทดสอบขีปนาวุธเกิดขึ้นในประเทศเกาหลีเหนือ โดยในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา…

  • หนุ่มทดลองอยู่คนเดียวนาน 1 สัปดาห์ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ‘ความโดดเดี่ยว’ มันโหดร้ายแค่ไหน

    หนุ่มทดลองอยู่คนเดียวนาน 1 สัปดาห์ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ‘ความโดดเดี่ยว’ มันโหดร้ายแค่ไหน

    บนโลกนี้มีคนอยู่นับล้านๆ คนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันบนดาวดวงเล็กๆ ใบนี้ ซึ่งในแต่ละวันเราก็ต้องพบปะกับผู้คนมากมายทั้งรู้จักและแปลกหน้า และด้วยความที่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ทำให้หากไม่ได้พบปะหรือมีปฏิสัมพันธ์กับใครก็อาจจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘ความเหงา’ ขึ้นมาได้ ความเหงาอาจเกิดขึ้นมาได้ในตอนที่เรารู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว หรืออยากจะหาใครสักคนมาพูดคุยปรับทุกข์ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่มีใครรู้จักกับความเหงาจริงๆ ว่าความโหดร้ายจริงๆ ของมันทำให้เราทรมานได้แค่ไหนกันนะ     ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชายคนหนึ่ง ทดลองขังตัวเองไว้ในบ้านเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์โดยไม่มีการพบปะกับใคร ไม่มีการใช้โทรศัพท์ รวมถึงไม่มีการใช้อินเทอร์เน็ต เพื่ออยากจะทดสอบว่าความเหงามันจะสามารถสร้างผลกระทบอะไรแก่เขาได้บ้าง ชายนักทดลองคนดังกล่าวมีชื่อว่า Joe โดยเขาได้อัดวิดีโอตัวเองขณะทำการทดลองในครั้งนี้เอาไว้ ซึ่งจากวิดีโอของเขาจะเห็นได้ว่า     ในวันแรกๆ ของการทดลอง Joe ก็ดูจะมีความสุขดีกับความเงียบสงบภายในบ้านที่เขาอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก ความเหงาก็เริ่มทำหน้าที่ของมัน จนในที่สุดมันก็ทำให้สภาพจิตใจของเขาย่ำแย่จนแทบจะไม่มีชิ้นดี จนถึงขั้นนอนไม่หลับเลยทีเดียว “มันเป็นความว่างเปล่าที่ผมสัมผัสได้ว่ามันว่างเปล่าจริงๆ” Joe กล่าว การทดลองของ Joe ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญชื่อว่า The Loneliness Project ซึ่งเป็นแคมเปญที่ต้องการกระตุ้นให้ผู้คนช่วยกันดูแลช่วยเหลือคนเหงา รวมถึงฟื้นฟูสภาพจิตใจที่ได้รับบาดเจ็บมาจากความเหงา ที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ     “ในตอนนี้มีคนที่มีภาวะเหงาเรื้อรังมากถึง 1.2 ล้านคนในสหราชอาณาจักร โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะดังกล่าว ก็คือพวกเขาเหล่านี้มักจะไม่ได้รับสิ่งที่เรียกว่า มิตรภาพ…

  • คนมันมีของ!! หากคุณมีบั้นท้ายใหญ่ นักวิทย์เค้าบอกว่าจะฉลาดและสุขภาพดีกว่าคนปกตินะเออ!!

    คนมันมีของ!! หากคุณมีบั้นท้ายใหญ่ นักวิทย์เค้าบอกว่าจะฉลาดและสุขภาพดีกว่าคนปกตินะเออ!!

    หากจะกล่าวถึงทรวดทรงของผู้หญิงในอุดมคติของใครหลายคน ก็อาจจะหมายถึงผู้หญิงที่มีหน้าตาสะสวย คมคาย มีหน้าอกที่ใหญ่พอประมาณ มีเอวที่คอด รวมถึงการมี ‘ก้น’ ที่ใหญ่โตได้รูปเหมาะกับการจับมาตีเล่น แต่รู้หรือไม่ว่าเรื่องของก้น สามารถบอกอะไรได้หลายอย่าง ซึ่งเคยมีงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่เคยได้เผยว่า ผู้หญิงที่มีก้นใหญ่จะมีสุขภาพที่ดีกว่าผู้หญิงที่มีก้นเล็ก และในตอนนี้ก็มีงานวิจัยใหม่ออกมาบอกอีกด้วยว่า นอกจากผู้หญิงก้นใหญ่จะมีสุขภาพดีแล้ว ยังมีแนวโน้มที่จะมีความฉลาดมากกว่าอีกด้วย!?     งานวิจัยชิ้นนี้เป็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Oxford ประเทศอังกฤษ ที่ได้ศึกษาข้อมูลจากผู้หญิงกว่า 16,000 คน ซึ่งสิ่งที่พวกเขาพบก็คือในผู้หญิงก้นใหญ่ จะมีระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลที่ต่ำมาก อีกทั้งยังมี ระดับกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงขึ้นทำให้ผู้หญิงก้นใหญ่มีโอกาสที่จะเจ็บป่วยเรื้อรังน้อยกว่าผู้หญิงก้นเล็กนั่นเอง นอกจากนี้ ในตัวของผู้หญิงก้นใหญ่ยังมีจำนวนฮอร์โมนที่เรียกว่า Dinopectina ซึ่งมีประโยชน์ในการป้องกันโรคเบาหวาน รวมถึงยังสามารถต้านการอักเสบในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย     สำหรับกรดไขมันไขมันโอเมก้า 3 ที่มีอยู่จำนวนมากในตัวของผู้หญิงก้นใหญ่ นักวิจัยบอกว่าเจ้ากรดไขมันโอเมก้านี้ ยังช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพให้ดีขึ้น ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยดักจับไขมันเลวที่เข้าสู่ร่างกายของเรา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Oxford ชิ้นนี้ ยังสอดคล้องกับงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ได้ตีพิมพ์ลงวารสาร Cell Metabolism ที่ได้บอกเอาไว้ว่าช่วงล่างอันใหญ่โตของผู้หญิง จะทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำที่คอยดักจับไขมันไม่ให้สะสมตามอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว   แหม มีประโยชน์ขนาดนี้รีบไปฟิตหุ่นให้มีตูดใหญ่ๆ กันดีกว่า   ที่มา: unilad

  • 7 การค้นพบ ที่เหมือนจะสร้างคำถามมากกว่าคำตอบให้กับวิทยาศาสตร์ซะมากกว่า

    7 การค้นพบ ที่เหมือนจะสร้างคำถามมากกว่าคำตอบให้กับวิทยาศาสตร์ซะมากกว่า

    เป็นที่รู้กันดีว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความลึกลับมากมาย ทั้งในใต้ทะเลลึกที่มนุษย์เรายังไม่มีความสามารถหาได้ว่าจริงๆ แล้วภายใต้น้ำเค็มเหล่านั้นมีอะไรซ่อนอยู่อีกบ้าง นอกจากนี้บนผืนดินที่เราอาศัยกันก็มีความลับมากมายซ่อนอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการขุดค้นพบสิ่งแปลกๆ ที่ฝังอยู่ใต้ดินอยู่บ่อยครั้งนั่นเอง ทั้งนี้การค้นพบอาจจะให้คำตอบแก่เราได้ว่า จริงๆ แล้วโลกของเราในอดีตเคยเป็นอย่างไรมาบ้าง แต่ก็มีการค้นพบบางอย่างที่นอกจากจะไม่ให้คำตอบแล้ว ยังสร้างคำถามเพิ่มขึ้นให้แก่เราอีกว่า มันเกิดมาจากอะไร? หรือเกิดมาเพื่ออะไรกันนะ? สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนาอยู่ในปัจจุบันที่ยังรอคนมาพิสูจน์อยู่ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นเช่นไรกันแน่ และนี่คือ 7 การค้นพบบนโลกใบนี้ที่ได้สร้างความงงงวยให้แก่ทุกคน ซึ่งการค้นพบแต่ละอย่างได้สร้างความปวดหัวขนาดไหน มาลองดูกันเลยดีกว่า   1. เอ็มบริโอมัมมี่   ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบโลงหินโลงหนึ่ง โดยในขั้นต้นการค้นพบนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนัก เพราะในสมัยอียิปต์โบราณผู้คนก็มักจะเก็บอวัยวะต่างๆ ของผู้เสียชีวิตเอาไว้ในโลงอยู่แล้ว ทว่าเมื่อมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโลงหินที่เพิ่งค้นพบนี้ ก็พบว่าโลงนี้ไม่ได้มีเอาไว้เก็บอวัยวะมนุษย์ แต่สิ่งที่พวกเขาเก็บเอาไว้ในโลงนี้กลับเป็น ทารกในครรภ์ที่ถูกทำเป็นมัมมี่ โดยเอ็มบริโอดังกล่าวมีอายุเพียงแค่ 16-18 สัปดาห์เท่านั้น โลงที่ถูกค้นพบนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์กันไว้ว่าน่าจะมีอายุประมาณ 664-525 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งการค้นพบนี้เป็นการค้นพบมัมมี่ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัตศาสตร์เลยทีเดียว   2. ม้วนกระดาษเดดซี   ม้วนกระดาษเดดซี เป็นหนึ่งในหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบม้วนกระดาษนี้ที่ถ้ำแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับทะเลเดดซี กระดาษที่พวกเขาค้นพบมีมากมายนับพันๆ แผ่น ซึ่งข้อมูลที่เขียนขึ้นในแผ่นกระดาษเหล่านี้เกี่ยวข้องกับพระคัมภีร์ฮีบรูไบเบิลของศาสนาคริสต์ นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังเชื่ออีกว่า พวกเขายังสามารถค้นพบแผ่นกระดาษแบบนี้เพิ่มเติมได้อีก หากยังคงมีการค้นหาต่อ…

  • ช่างภาพใช้เวลากว่า 2 ปีบุกป่าฝ่าดงถ่ายภาพสัตว์ที่อาจจะสูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้

    ช่างภาพใช้เวลากว่า 2 ปีบุกป่าฝ่าดงถ่ายภาพสัตว์ที่อาจจะสูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้

    สัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่คู่กับโลกเรามาตั้งแต่สมัยโบราณกาล แต่ก็ด้วยความเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ภายในดาวดวงนี้ทำให้สัตว์บางชนิดเป็นอันต้องสูญพันธุ์ไป และในปัจจุบันก็มีสัตว์จำนวนมากอยู่ในภาวะ ‘ใกล้สูญพันธุ์’ จึงทำให้ช่างภาพคนหนึ่งตัดสินใจผจญภัยไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อเก็บภาพของสัตว์เหล่านี้ ก่อนที่อาจจะไม่ได้เห็นมันอีกต่อไป… ช่างภาพชาวอังกฤษคนหนึ่งชื่อว่า Tim Flach ได้ใช้เวลากว่า 2 ปีเต็มๆ บุกป่าฝ่าดงเข้าไปในแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์แต่ละชนิด เพื่อจะเก็บภาพของพวกมันขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยเขาต้องเผชิญกับภัยอันตรายมากมาย แลกกับการได้มาของภาพสวยๆ เหล่านี้     ส่วนสาเหตุที่ Tim ได้สละเวลาเป็นปีๆ เพื่อตามเก็บภาพก็เพราะเขาอยากจะบอกให้ชาวโลกช่วยกันดูแลอนุรักษ์สัตว์เหล่านี้ เนื่องจากปัจจุบันจำนวนของพวกมันได้เหลือน้อยลงเต็มที ภาพถ่ายสัตว์ใกล้สูญพันธุ์จากฝีมือของ Tim ได้สะท้อนให้เห็นถึงอะไรหลายๆ อย่าง โดยเขาบอกว่าเหตุที่มันมีจำนวนลดน้อยลง ส่วนหนึ่งก็มาจากน้ำมือของมนุษย์ที่ได้ทำลายที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของมัน และยังมีการล่าเพื่อความสนุก หรือนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวต่างๆ อีกด้วย   หมีขั้วโลก   กุย   ไฮยาซิน มาคอว์   นกอินทรีฟิลิปปิน   ช้างแอฟริกา   ลิงซ์สเปน   ลีเมอร์หางแหวน   เสือชีต้าห์   เสือดาวหิมะ   เต่ายูนิฟอรา  …

  • เหมียวจอมหยิ่งไม่ยอมให้ใครแตะตัว แต่สุดท้ายเจอความรักของมนุษย์จนกลายเป็นแมวขี้อ้อนซะอย่างงั้น

    เหมียวจอมหยิ่งไม่ยอมให้ใครแตะตัว แต่สุดท้ายเจอความรักของมนุษย์จนกลายเป็นแมวขี้อ้อนซะอย่างงั้น

    สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมว เป็นสัตว์โลกขนปุกปุยหัวโตตาโปน ที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็ต้องยอมสยบให้กับความน่ารักของมัน และด้วยความน่ารักนี้เอง ทำให้มันดูจะเป็นสัตว์ที่ดูหยิ่งหน่อยๆ เรียกก็ไม่ยอมมา หรือบางทีอยากเล่นก็กลับเดินหนีซะอย่างนั้น และก็มีแมวตัวหนึ่งที่มีนิสัยออกแนวหยิ่งๆ ดังกล่าวอย่างสุดขั้ว โดยมันไม่ยอมให้ใครได้แตะเนื้อต้องตัวทั้งสิ้นไม่ว่าใครก็ตามแต่สุดท้ายมันก็ต้องยอมใจอ่อน เพราะว่าอยากจะมีทาสมนุษย์ดูแลเอาใจใส่มัน เพื่อที่จะไม่ต้องอยู่อย่างอ้างว้างอีกต่อไป   Button แมวจอมหยิ่ง   นี่เป็นเรื่องราวของแมวที่มีชื่อว่า Button โดยมันอาศัยอยู่ที่สถานสงเคราะห์แห่งหนึ่งในรัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา มันต้องมาอยู่ที่นี่ก็เพราะว่าเจ้าของเก่าซึ่งเป็นคู่สามีภรรยาสูงอายุไม่สามารถดูแลมันได้อีกต่อไป ในปี 2014 มันเคยถูกรับไปเลี้ยง แต่ว่ามันก็ถูกส่งคืนมาเพราะไม่สามารถเข้ากับครอบครัวใหม่ได้นั่นเอง   มันไม่ชอบให้ใครเข้ามาใกล้ตัวของมัน   Button แมววัย 5 ขวบต้องอยู่ที่สถานสงเคราะห์เป็นเวลากว่าหนึ่งปีเต็มหลังจากถูกส่งคืนมาในครั้งนั้น โดยนิสัยส่วนตัวของมันก็คือ ชอบอยู่นอกกรงและเดินเล่นไปมาภายในบ้าน และที่แปลกก็คือหากมีใครมาใกล้กับตัวมัน มันจะขู่คำรามด้วยความหวงเนื้อหวงตัว   ด้วยนิสัยแปลกๆ ของมัน มนุษย์เลยแกล้งเล่นซะเลย   “ฉันรู้จักเจ้า Button เป็นอย่างดี มันไม่มีความสุขนักหรอกที่ได้อยู่ที่นี่ มันมักจะส่งเสียงคำรามเมื่อมีใครมาใกล้มัน และอีกอย่างก็คือถ้ามีใครมาสัมผัสตัว มันก็จะร้องจนแทบจะขาดใจเลยล่ะ” “แต่หลังจากที่ฉันได้คลุกคลีกับมันพักหนึ่ง ฉันก็ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นแมวที่ขี้กลัว แถมยังรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นอย่างมากจากการโดนละทิ้งมา นั่นทำให้ฉันแทบใจสลาย” Tory น้องสาวของผู้ดูแลสถานสงเคราะห์กล่าว  …

  • นักดับเพลิงรับทารกแรกเกิดมาเลี้ยง หลังจากเขาช่วยชีวิตเธอกับแม่เอาไว้ได้ทันเวลา…

    นักดับเพลิงรับทารกแรกเกิดมาเลี้ยง หลังจากเขาช่วยชีวิตเธอกับแม่เอาไว้ได้ทันเวลา…

    หากจะกล่าวถึงซุปเปอร์ฮีโร่ หลายคนก็อาจจะนึกถึงเรื่องราวของเหล่าผู้คนที่มีอำนาจเหนือธรรมชาติ แต่สำหรับในชีวิตจริงแล้ว บนโลกนี้อาจจะไม่มีเหล่าบุคคลที่มีพลังดังกล่าว แต่พวกเราก็มีซูเปอร์ฮีโร่ที่คอยปกป้องชีวิตของพวกเรา นั่นก็คือเหล่า ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย หมอ พยาบาล รวมไปจนถึงนักดับเพลิง… และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีนักดับเพลิงคนหนึ่งที่ไม่เพียงแต่มีหน้าที่ ดับไฟเพียงเท่านั้น เพราะว่าเขาได้ช่วยชีวิตของหญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งเอาไว้ได้ และที่สำคัญคือเขายังรับเด็กที่เกิดจากการช่วยเหลือของเขาไว้เป็นลูกบุญธรรมอีกด้วย     ในวันที่ 14 พฤศจิกายนปี 2011 นักดับเพลิงชื่อว่า Marc Hadden จากรัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้าทำคลอดให้แก่หญิงซิงเกิ้ลมัมคนหนึ่ง จากการที่เธอโทรแจ้งเข้าหมายเลขฉุกเฉินด้วยอาการเจ็บท้องใกล้คลอด และเรื่องราวทั้งหมดก็คงจะจบที่การให้ความช่วยเหลือในครั้งนั้น แต่เรื่องสุดมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อ Marc ได้อุ้มเด็กทารกที่เพิ่งเกิดจากการช่วยเหลือครั้งนั้นกลับบ้าน หลังจากเธอเพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงแค่ 2 วัน โดยแม่ผู้ให้กำเนิดได้มอบเด็กคนนี้ให้แก่เขา เพราะเธอบอกว่าไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้มีชีวิตที่ดีได้     “เธอดิ้นแรงมากตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมได้มีโอกาสทำคลอดให้ มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ ที่ได้ยินเสียงร้องไห้ออกมาจากเด็กหญิงผู้น่ารักคนนี้” Marc กล่าว สำหรับ Marc นั้นได้มีครอบครัวที่น่ารักกับ Beth ภรรยาของเขาพร้อมกับลูกอีกสองคนอยู่แล้ว ซึ่งลูกๆ ของเขาก็มีชื่อว่า Will อายุ 15 ปี และ…

  • สะท้อนภาพอาการผีอำ… ผ่านหนังสั้นสยองขวัญ ‘Paralys’ จินตนาการเกินลิมิติ ตกอยู่ในภวังค์

    สะท้อนภาพอาการผีอำ… ผ่านหนังสั้นสยองขวัญ ‘Paralys’ จินตนาการเกินลิมิติ ตกอยู่ในภวังค์

    การนอนหลับเป็นสิ่งที่คนเราต้องทำในทุกวัน เพราะว่ามันคือการพักผ่อนที่ดีที่สุดสำหรับร่างกายมนุษย์ ซึ่งระหว่างกำลังนอนผ่อนคลายอย่างมีความสุขนั้น ใครหลายคนอาจจะเคยมีอาการตัวแข็งจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ หรือแม้กระทั่งการลืมตาก็ยังทำไม่ได้เลย ซึ่งอาการเหล่านี้ใครหลายคนก็เรียกว่าอาการ “ผีอำ” บางคนชื่อว่าอาการผีอำนี้เกิดจากวิญญาณร้ายที่เข้ามาหลอกหลอน แต่บางคนก็เชื่อว่าเป็นอาการที่เกิดจากระบบประสาทของร่างกายโดยที่ไม่เกี่ยวอะไรกับวิญญาณร้าย ซึ่งในเรื่องนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนว่าจะมีความเชื่อเกี่ยวกับอาการดังกล่าวอย่างไร   ตัวละครหลักภายในเรื่องที่ต้องเผชิญกับอาการผีอำ   แต่ดูเหมือนว่าอาการผีอำ จะเกิดขึ้นกับใครหลายคนทั่วทั้งโลกเพราะว่าในตอนนี้ เรื่องของผีอำได้ถูกนำไปสร้างเป็นหนังสั้นสุดแสนสยองขวัญที่ใช้ชื่อว่า Paralys หนังสั้นเกี่ยวกับอาการผีอำเรื่องนี้กำกับโดย John Boisen และ Björn Fävremark จากค่าย Is This It   กำลังนอนหลับอย่างมีความสุข   โดยเรื่องราวของภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องนี้ จะเป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนอนดูโทรทัศน์อยู่ภายในบ้านอย่างมีความสุข แต่ในระหว่างนั้นเธอรู้สึกง่วงจึงได้เผลอหลับไป ซึ่งระหว่างที่กำลังหลับอยู่นั้น เธอสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวบางอย่างที่ไม่น่าใช่มนุษย์ที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเธอ โดยมันได้สร้างความวิตกให้เธอเป็นอย่างมาก และภาพที่เห็นนั้นก็แทบจะแยกไม่ออกเลยว่าเป็นความจริงหรือความฝัน…   แล้วในช่วงที่เธอถูกผีอำ จะมีอะไรเกิดขึ้น!?   ซึ่งหากใครอยากรู้ว่าความน่ากลัวระหว่างที่กำลังโดนผีอำอยู่เป็นเช่นไร และมันจะน่าติดตามชมขนาดไหนก็ลองติดตามชมกันได้ข้างล่างนี้เลย   หนังสั้นสุดสยองขวัญเรื่อง Paralys ที่มา: designtaxi

  • รักแท้ย่อมได้ทุกอย่าง!! เมื่อคุณพ่อต้องถ่ายรูปลงไอจีให้แม่ แต่ขอโทษนะ… ช่วยดูหน้าคุณพ่อนิดนึง

    รักแท้ย่อมได้ทุกอย่าง!! เมื่อคุณพ่อต้องถ่ายรูปลงไอจีให้แม่ แต่ขอโทษนะ… ช่วยดูหน้าคุณพ่อนิดนึง

    การจะทำสิ่งที่ไม่อยากทำนี่มันช่างเป็นอะไรที่ดูขัดใจซะจริงๆ ซึ่งถ้าเลือกได้ หลายคนก็อาจจะไม่เลือกทำสิ่งที่ขัดต่อใจตัวเอง เพราะมันดูอึดอัดและไม่มีความสุขในการทำสิ่งนั้นๆ แต่ว่ามีภาพหนึ่งที่ได้แสดงพลังของ ‘ความรัก’ ว่ามันสามารถทำให้คนๆ หนึ่งทำสิ่งที่ไม่ชอบได้ แม้ว่าจะดูหงุดหงิดนิดหน่อยก็ตาม…     ภาพสุดฮานี้ได้รับการเผยแพร่จากผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า Taylor Burkhalter จากรัฐอาร์คันซอ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยภาพที่ทำให้เป็นที่ฮือฮาสำหรับชาวเน็ตของเขาก็คือ ภาพของพ่อของเขาขณะกำลังถ่ายรูปให้กับแม่   นี่ตูต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย!?   ซึ่งหากดูผิวเผินมันก็คือภาพโมเมนต์น่ารักๆ ของพ่อกับแม่ที่มีให้แก่กัน แต่ถ้าสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่าทั้งสีหน้าและท่าทางของพ่อส่อไปทางเอือมระอาที่จะต้องทำอย่างนี้ซะจริงๆ เพราะว่าเขาต้องจัดห้องใหม่ ปีนขึ้นโต๊ะ แถมยังต้องถ่ายรูปให้ออกมาดูดีเพื่อจะให้เมียของเอาไปลงอินสตาแกรมแบบสวยๆ นั่นเอง โดย Taylor ได้ใส่แคปชั่นบรรยายภาพเหล่านี้เอาไว้ว่า “ผมได้เรียนรู้สิ่งที่เรียกว่าความรักจากการดูพ่อเป็นตัวอย่างจริงๆ เพราะว่า เขาต้องจัดห้องใหม่เพื่อให้แม่ได้ท่าบูมเมอแรงแบบสวยๆ เอาไว้อวดผู้ติดตามเธอกว่า 29 คน”   เอายังจ๊ะเมียจ๋า   เมื่อภาพเบื้องหลังเหล่านี้ถูกเผยแพร่ผ่านทวิตเตอร์ มันก็ได้กลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว โดยมีการรีทวีตเกิดขึ้นกว่า 290,000 ครั้งและมีผู้กดถูกใจให้กว่า 950,000 คนเลยทีเดียว สำหรับความโด่งดังของวิดีโอบูมเมอแรงจากฝีมือการถ่ายของคุณพ่อบอกบุญไม่รับคนนี้ คุณแม่ Libby Burkhalter ก็ได้เอาลงในอินสตาแกรมของเธอ ก็ปรากฏว่ามีความร้อนแรงไม่แพ้กัน ซึ่งในตอนนี้มีคนเข้าดูแล้วกว่า 300,000 คนเลยทีเดียว ฮร่าาา…

  • เจ้าหมาโกลเก้นดีใจระริกระรี้ หลังได้รับของขวัญวันคริสต์มาส เป็น ‘น้องตัวเล็ก’ สุดน่ารัก

    เจ้าหมาโกลเก้นดีใจระริกระรี้ หลังได้รับของขวัญวันคริสต์มาส เป็น ‘น้องตัวเล็ก’ สุดน่ารัก

    ว่ากันว่าเทศกาลคริสต์มาสคือเทศกาลแก่การมอบความสุขให้แก่กัน ซึ่งก็จะเห็นได้จากผู้คนทั่วโลกที่มีการมอบของขวัญให้แก่กันและกันอย่างมากมาย และในปีนี้นอกจากคนที่ได้รับของขวัญแล้วก็ยังมีหมาอีกตัวหนึ่งที่ได้รับของขวัญเช่นเดียวกัน และดูเหมือนกับว่ามันจะชอบของขวัญชิ้นนี้มากจนกระโดดโลดเต้นเลยทีเดียว นี่เป็นเรื่องราวของหมาพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์วัย 12 ปีชื่อว่า Cash ซึ่งได้รับของขวัญจากเจ้าของเป็นลูกหมาน้อยสุดน่ารักพันธุ์เดียวกัน เพื่อจะให้เจ้าหมาน้อยตัวนี้มาอยู่เป็นเพื่อนหลังจากต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาเป็นเวลานาน   เอ๊ะ!? เจ้านายถืออะไรมานะ   โดยในเริ่มแรกเจ้าของหมาตัวนี้ได้เกิดความคิดอยากจะทำเซอร์ไพรส์ให้กับเจ้า Cash เขาจึงเอาลูกหมาตัวนี้เอาใส่ไว้ในกล่อง แล้วเดินถือกล่องนี้เข้ามาเหมือนกับสิ่งของปกติธรรมดาๆ ทั่วไป แล้วก็วางนำมาวางไว้กับพื้นเพื่อให้เจ้าหมาตัวนี้ได้มีโอกาสเปิดกล่องของขวัญด้วยตัวของมันเอง ด้วยความที่นิสัยเดิมของเจ้า Cash ที่มักจะสนใจสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไรตามที่เจ้าของมันถือมาก็ตาม แล้วทีนี้เมื่อเจ้าของได้วางกล่องไว้กับพื้นใบนี้ไว้บนพื้น มันจึงเข้าไปด้อมๆ มองๆ แบบงงๆ ว่าเอะนี่เจ้าของได้วางกล่องอะไรไว้บนพื้นกันนะ   ขนมรึเปล่าเนี่ย!?   ด้วยความสงสัยเจ้า Cash จึงเข้าไป ใกล้ๆ กล่องและดมกลิ่นเพื่อจะหาให้ได้ว่าในกล่องใบนี้มีอะไรกันแน่ แต่ในทันใดนั้นเอง เจ้าลูกหมาน้อยที่อยู่ในกล่องก็ดันตัวเองออกมา และในที่สุดเจ้าสองตัวนี้ก็ได้พบกัน ดูเหมือนกับว่ามันจะค่อนข้างถูกชะตากันอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งเหตุผลที่ Marie Ahonen ได้เซอร์ไพรส์เจ้าหมาแก่ด้วยลูกหมาน้อยสุดน่ารักตัวนี้ เป็นเพราะ Rosie เพื่อนรักของเจ้า Cash ได้ตายลงไปอย่างกะทันหันเมื่อ 3 ปีก่อน จึงทำให้เจ้า Cash ต้องอยู่อย่างเปลี่ยวเหงามาตั้งแต่นั้น เธอจึงตัดสินใจจะหาเพื่อนตัวใหม่มาเพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้แก่มัน   เอ้า……

  • โคตรฮาร์ดคอร์!! โอตาคุเดินทางไกลร่วม 400 กิโลฯ ด้วย ‘จักรยานแม่บ้าน’ เพื่อร่วมงานอนิเมะ

    โคตรฮาร์ดคอร์!! โอตาคุเดินทางไกลร่วม 400 กิโลฯ ด้วย ‘จักรยานแม่บ้าน’ เพื่อร่วมงานอนิเมะ

    การจะเข้าร่วมงานเทศกาลต่างๆ ในสมัยนี้เป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ เพราะว่าการเดินทางค่อนข้างสะดวกสบายและมีให้เลือกหลายช่องทางทั้ง รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ เครื่องบิน หรือรถไฟก็ยังได้ แต่ว่าเมื่อเดินทางด้วยยานพาหนะซ้ำๆ มันก็อาจจะสร้างความเบื่อหน่ายขึ้นมาได้ ชายคนหนึ่งจึงปั่นจักรยานไกลกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อเดินทางเข้าร่วมงานอนิเมะ!! ในวันที่ 29 ธันวาคม 2017 เป็นวันเปิดงาน ‘คอมิเก็ตฤดูหนาว’ ซึ่งปกติงานนี้จะเป็นมหกรรมสำหรับเหล่าโอตาคุและเหล่าโดจินชิ (แวดวงการ์ตูนมือสมัครเล่น) ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะจัดขึ้นปีละสองครั้ง… และแต่ละครั้งก็จะสามารถดึงดูดผู้คนมากมายจากทั่วประเทศ ให้สามารถมาเข้าร่วมงานได้นับหมื่นนับแสนคนเลยทีเดียว รวมถึงชาวจังหวัดไอชิคนหนึ่ง ที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า @DJ_FLANDRE ก็เช่นเดียวกัน   จุดสีแดงคือจังหวัดไอชิ จุดเริ่มต้นของการปั่นจักรยานไปจนถึงจุดสีน้ำเงิน นั่นก็คือกรุงโตเกียว   โดยระยะทางจากจังหวัดไอชิบ้านของเขา มายังกรุงโตเกียวมีระยะทางห่างกันถึง 400 กิโลเมตร แต่ก็ด้วยเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง จึงทำให้เขาสามารถมายังกรุงโตเกียวได้ด้วยเวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ทว่าคนๆ นี้กลับทำสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เพราะว่าเขาดันตัดสินใจควบจักรยานปั่นมาร่วมงานซะอย่างงั้น!! แต่ยังมีสิ่งที่ทำให้อึ้งมากกว่านี้อีก เพราะหากเป็นจักรยานที่ไว้สำหรับปั่นระยะไกลคุณภาพดี ก็คงจะไม่เหนื่อยสักเท่าไหร่ แต่จักรยานที่เขานำมาใช้ดันเป็นจักรยานแม่บ้านธรรมดาๆ ที่ทั้งหนักทั้งช้า ที่ปกติเหล่าแม่บ้านจะใช้สำหรับการจ่ายตลาดเท่านั้น   พาหนะที่ใช้เดินทางกว่า 400 กิโลเมตร   โดยชายสุดระห่ำคนนี้ได้เริ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้าวันคริสต์มาสที่…

  • เจ้าเหมียวหายจากบ้านไป 10 ปี ได้กลับสู่อ้อมอกทาสอีกครั้ง หลังเกิดเหตุการณ์ไฟป่าแคลิฟอร์เนีย…

    เจ้าเหมียวหายจากบ้านไป 10 ปี ได้กลับสู่อ้อมอกทาสอีกครั้ง หลังเกิดเหตุการณ์ไฟป่าแคลิฟอร์เนีย…

    ด้วยความที่สัตว์เลี้ยงอย่างแมว เป็นสัตว์ที่ซุกซน และมักจะมีความอยากรู้อยากเห็นเสมอ ทำให้บางครั้งมันก็อาจจะตามสิ่งหนึ่งไปแล้วหลงทางจนกลับมาไม่ถูก จนกลายเป็นสูญหายไปเลย และนั่นคงเหมือนกับแมวตัวนี้ที่ได้หลงออกจากบ้านไปกว่า 10 ปี แต่ว่าตอนนี้มันได้กลับมาที่บ้านของมันอีกครั้งด้วยสิ่งที่เรียกว่า ‘พรหมลิขิต’ เรื่องราวของแมวชื่อว่า Pilot ซึ่งมันได้ถูกรับไปเลี้ยงโดย Jenn Thompson และครอบครัวของเธอที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2004 ทางครอบครัวได้ติดตั้งไมโครชิปเอาไว้ที่ตัวแมว ตั้งแต่มันเข้ามาอยู่บ้านใหม่ๆ เจ้า Pilot เป็นแมวที่ซุกซนและมักจะชอบออกไปเที่ยวนอกบ้านเสมอ และในวันหนึ่งมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย…     ตั้งแต่เจ้าแมวตัวนี้หายไป ครอบครัวนี้ก็ออกตามหามันยกใหญ่ พวกเขาออกตามหาทั้งมูลนิธิสัตว์บริเวณใกล้ๆ หลายแห่งรวมถึงยังเดินตามหาตามท้องถนนอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงไร้วี่แววของเจ้า Pilot และในปี 2010 ครอบครัว Thompson ก็มีเหตุจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ที่รัฐโคโลราโด ด้วยระยะทางที่ห่างไกลระหว่างบ้านเก่าและบ้านใหม่ของพวกเขา ทำให้พวกเขาคิดว่าคงไม่มีทางได้เจอ Pilot อีกครั้งแล้ว ดังนั้นเมื่อการย้ายไปอยู่สถานที่ใหม่ของพวกเขาเริ่มเข้าที่เข้าทาง ครอบครัวแห่งนี้ก็ได้รับแมวตัวใหม่เข้ามาเลี้ยงถึง 4 ตัวด้วยกัน เมื่อเวลาผ่านไปก็ปรากฏว่าแมวที่พวกเขารับมาเลี้ยงมีอยู่ตัวหนึ่งที่เป็นมะเร็งและเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ครอบครัวนี้จึงมีแผนการจะหาแมวอีกตัวมาแทนที่ตัวที่เพิ่งเสียชีวิตไป     ซึ่งในตอนนั้นที่รัฐแคลิฟอร์เนีย บ้านเก่าของพวกเขาได้เกิดเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ขึ้น และได้ทำลายทรัพย์สินของผู้คนต่างๆ ไปจำนวนมาก รวมถึงยังทำให้สัตว์บางตัวไร้ซึ่งที่อยู่อาศัยอีกด้วย และเมื่อครอบครัวนี้ได้เห็นถึงผลการทำลายของไฟป่า พวกเขาก็เกิดความคิดอยากจะรับเลี้ยงแมวที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าครั้งนี้มาเลี้ยง “ฉันบอกเพื่อนของฉันที่อยู่ที่นั่นว่า…

  • นักวิทย์ฯ เฉลยจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเรา ‘หักและดึงนิ้วจนมีเสียง’ แล้วมันเกิดมาจากอะไรกัน!?

    นักวิทย์ฯ เฉลยจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเรา ‘หักและดึงนิ้วจนมีเสียง’ แล้วมันเกิดมาจากอะไรกัน!?

    ด้วยความแตกต่างทางด้านนิสัยของแต่ละคน ทำให้แต่ละคนก็มักจะมีการกระทำที่แปลกๆ เกิดขึ้นได้ และก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มักจะทำกิจกรรมแปลกๆ กับร่างกายของตัวเองในเวลาว่างหรือกังวลใจ อย่างเช่น กัดเล็บ เกาหัว และดึงนิ้วจนเกิดเสียงดังก๊อกๆ จากความชอบดึงนิ้วให้มีเสียงดังบ่อยๆ ได้กลายเป็นสิ่งที่หลายคนทำโดยไม่รู้ตัว ซึ่งรู้หรือไม่ว่าในตอนที่เราดึงนิ้วนั้น เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเราบ้างและมันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ในวันนี้นักวิทยาศาสตร์ได้หาคำตอบมาให้เราได้รู้กันแล้ว ซึ่งผลของการทำเช่นนี้จะเป็นยังไงบ้าง มาลองดูกันเลยดีกว่า…     ในอดีตเคยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2015 เมื่อนักวิจัยจาก University of Alberta ได้ตีพิมพ์งานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องเสียงที่เกิดขึ้นจากการดึงนิ้ว โดยใช้เครื่องเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ในการหาคำตอบ ซึ่งผลลัพธ์ที่พวกเขาได้ก็คือ เสียงที่ดังเมื่อเราหักหรือดึงนิ้วเกิดมาจากฟองอากาศที่ในของเหลวระหว่างข้อต่อ ที่เรียกว่า ‘น้ำไขข้อ’ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การใช้เครื่อง MRI อาจจะไม่ใช่การหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับเรื่องนี้ เพราะว่ายังมีเครื่องอัลตร้าซาวด์ที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า จึงทำให้นักวิจัยอีกทีมหนึ่งตัดสินใจหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยจะใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ตรวจสอบร่างกายแทนเครื่อง MRI เพื่อพิสูจน์ว่ามันให้ผลลัพธ์ที่ตรงกับงานวิจัยก่อนหน้านี้หรือไม่…     ทีมนักวิจัยนี้นำโดย Robert D. Boutin นักรังสีวิทยาจาก University of California โดยเขาได้รวบรวมผู้คนที่มีสุขภาพดีกว่า 40 คน และในจำนวน 30 คนเหล่านี้ มักจะดึงนิ้วของตัวเองเป็นประจำ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีอยู่คนหนึ่งที่บอกว่าเขาดึงนิ้วมากกว่า…

  • ด้วยความเป็นห่วง…..เจ้าแม่เหมียวแวะมาเยี่ยมลูกของตัวเอง หลังถูกมนุษย์รับมาเลี้ยง

    ด้วยความเป็นห่วง…..เจ้าแม่เหมียวแวะมาเยี่ยมลูกของตัวเอง หลังถูกมนุษย์รับมาเลี้ยง

    ‘ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด’ คำกล่าวนี้เป็นคำกล่าวของคนที่สามารถใช้ได้กับทุกสิ่งมีชีวิตบนโลก เพราะเห็นได้ว่า แม้จะเป็นสัตว์ชนิดใดๆ ก็ตาม เมื่อมีลูก มันก็อยากจะปกป้องลูกของมันให้ปลอดภัย และบางครั้งถึงกับยอมแลกชีวิตเพื่อให้ลูกได้มีชีวิตอยู่ต่อ ก็เคยมีกันให้เห็นกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง และสำหรับสัตว์สุดกวนอย่างแมวก็เช่นเดียวกัน โดยนี่เป็นเรื่องราวสุดประทับใจของแม่แมวตัวหนึ่ง ที่ต้องการจะเห็นหน้าคนที่จะรับลูกของมันไปเลี้ยง ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมห่วงลูกของมันว่าเมื่อไปอยู่บ้านใหม่จะมีชีวิตที่สุขสบาย มีอาหารดีๆ กินรวมถึงจะได้ความรักความเอาใจใส่จากมนุษย์ที่จะรับอุปถัมภ์หรือไม่ งานนี้จึงต้องขอสัมภาษณ์กันหน่อย   แม่แมวมาขอสัมภาษณ์ซะหน่อย   เหตุการณ์น่ารักๆ นี้ได้รับการเปิดเผยจากผู้ใช้งานเว็บบอร์ด Reddit ที่ใช้ชื่อว่า Ryva โดยเจ้าตัวได้เล่าให้ฟังว่า ระหว่างการเข้าไปรับอุปถัมภ์ลูกแมวตัวหนึ่ง แม่ของแมวตัวนั้นก็เดินเข้ามาหาและพยายามจะทำความรู้จักด้วย ราวกับว่ามันอยากจะสัมภาษณ์คนที่จะเอาลูกของมันไปเลี้ยงยังไงยังงั้น “แม่ของแมวตัวนี้อยากจะทำความรู้จักกับฉัน เพราะว่าฉันกำลังจะเอาลูกของมันไปเลี้ยง” Ryva เขียนเอาไว้   ก็ลูกมันน่ารักซะขนาดนี้   ในตอนที่กำลังกรอกเอกสารกันอยู่ แม่แมวตัวนี้ก็สังเกตกิริยาท่าทางของเจ้าของใหม่ ว่าเป็นคนดีพอที่จะรับลูกของมันไปเลี้ยงหรือไม่ ซึ่งมันได้ใช้ระยะเวลาอยู่ประมาณหนึ่ง และในที่สุดมันก็ไว้ใจเจ้าของใหม่คนนี้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว   ไม่ให้หวงได้ไง   “ในที่สุดฉันก็ได้รับแมวตัวนี้เลี้ยง และแม่แมวก็อนุมัติแล้วด้วย ฉันจะตั้งชื่อว่ามัน Thunderpuff” Ryva กล่าว ในตอนนี้เจ้า Thunderpuff ก็ได้อาศััยอยู่ในบ้านใหม่ที่แม่มันช่วยเลือกให้อย่างมีความสุข และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้อย่างเป็นทางการแล้วเรียบร้อยแล้ว   มีความสุขในบ้านใหม่ซะจริงๆ ขอบคุณค้าบแม่   ที่มา: iizcat

  • แข็งเกิ๊น!! มีดสุดคมที่ทำมาจากปลาแห้ง แหมใครจะไปคิดว่ามันจะแข็งได้ขนาดน๊าน

    แข็งเกิ๊น!! มีดสุดคมที่ทำมาจากปลาแห้ง แหมใครจะไปคิดว่ามันจะแข็งได้ขนาดน๊าน

    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในเวลานี้ อาหารญี่ปุ่นเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ซึ่งอาหารที่มีชื่อเสียงของประเทศนี้ก็มีทั้ง ซูชิ ซาซิมิ ราเม็งและอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยรสอันเป็นเอกลักษณ์ในตัวเองทำให้มันกลายเป็นอาหารจานโปรดสำหรับใครหลายคน แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารญี่ปุ่นนอกจากจะใช้รับประทานได้แล้ว ยังมีอาหารบางชนิดที่ยังทำเป็นสิ่งของเครื่องใช้ได้อีกด้วย ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากหากจะบอกว่า ปลาตากแห้งของญี่ปุ่นสามารถนำไปทำเป็นมีดที่แสนคมได้ เอ๊ะนี่มันแข็งขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย?? ปลาตากแห้งสุดแหลมคมนี้มีชื่อเรียกว่า Katsuobushi หรือว่าปลาแห้งโบนิโตะนั่นเอง โดยปลาแห้งที่ว่านี้ปกติแล้วจะใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในอาหารญี่ปุ่นหลายอย่างเช่น น้ำซุปดาชิ หรือใช้สำหรับโรยหน้าอาหารให้มีกลิ่นหอมและมีรสชาติที่อร่อยมากขึ้น ซึ่งส่วนมากจะใช้สำหรับการโรยหน้า ทาโกะยากิ หรือว่าพิซซ่าญี่ปุ่น   ที่เห็นเป็นขุยๆ ปลิวตามลมใครจะคิดว่ามันสามารถเอาไปทำมีดได้   แต่ว่าก่อนที่จะนำปลาแห้งโบนิโตะไปสไลด์ให้มันเป็นขุยๆ ดั่งในวิดีโอ จริงๆ แล้วมันมีความแข็งจนแทบจะเหมือนหิน จนครั้งหนึ่งมันเคยได้รับการบันทึกว่าเป็นอาหารที่แข็งที่สุดในโลก และด้วยเหตุนี้จึงมีคนอยากนำความแข็งของมันมาลองใช้ในทางอื่นดูบ้าง ว่าผลของมันจะดีเหมือนรสชาติหรือไม่   คลิปวิดีโอการทดลองนำปลาแห้งมาทำเป็นมีด   และผู้ทดลองในครั้งนี้ก็คือยูทูบเบอร์ชื่อว่า Attoteki Fushinsha no Kiwami โดยในตอนเริ่มแรกของวิดีโอ เขาได้สาธิตว่าเจ้าปลาชนิดนี้ว่าแข็งขนาดไหน เขาจึงได้เอามันไปทดลองใช้เป็นค้อนสำหรับการตอกตะปู ซึ่งผลของมันก็ปรากฏว่าใช้ได้ดีจนตอกตะปูแทบจะทะลุไม้เลยทีเดียว   ตะปูแทบงอ   กว่าที่จะได้ปลาแข็งๆ นี้มาเขาบอกว่าต้องใช้กรรมวิธีหลายอย่างทั้งการ นำปลามารมควัน ทำให้แห้งด้วยการตากแดด หรืออบแห้งด้วยการนำมาหมักกับเชื้อรานั่นเอง จากนั้นเมื่อทดสอบความแข็งเสร็จแล้ว หนุ่มคนนี้ก็ลองนำปลาแห้งโบนิโตะมาสไลด์ให้เห็นกันว่า กว่าจะได้เป็นแบบขุยๆ มาให้เรากินกันนั้น หากใช้เครื่องที่ทำด้วยมือมันจะต้องใช้แรงขนาดไหน ซึ่งผลลัพธ์ก็คือกว่าเนื้อมันจะออกมาจากตัวปลาได้ก็ต้องใช้เวลามากประมาณหนึ่งเลยทีเดียว…

  • จากช่องยูทูบโชว์การบีบสิวแบบฟินๆ Dr. Pimple Popper ตอนนี้ได้เป็นรายการออกทีวีแล้ว!!

    จากช่องยูทูบโชว์การบีบสิวแบบฟินๆ Dr. Pimple Popper ตอนนี้ได้เป็นรายการออกทีวีแล้ว!!

    สำหรับเวลาว่างๆ ของใครบางคน ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ใช้เวลาเหล่านี้ไปกับการอัปเดตข่าวคราวคนรู้จัก ในโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ซึ่งขณะที่กำลังเลื่อนโทรศัพท์อยู่เพลินๆ ใครหลายคนก็ต้องไปผงะเข้ากับคลิปการบีบสิวสุดน่าสยอง ซึ่งสำหรับบางคนก็เป็นที่ชื่นชอบและสำหรับบางคนก็รู้สึกขยะแขยงเจ้าตุ่มไขมันเล็กๆ ที่อยู่ใบหน้าของเรา แต่ดูเหมือนว่าจะมีผู้ชื่นชอบคลิปการบีบสิวนี้มาก จนช่องยูทูบที่มีแต่คลิปการบีบสิวโดยเฉพาะที่ชื่อว่า Dr. Pimple Popping ที่มีผู้ติดตามในตอนนี้มากกว่า 3 ล้านคน กำลังจะกลายเป็นรายการออกทีวีแล้ว!!   Sandra Lee เจ้าของแชนแนล Dr. Pimple Popping   Dr. Pimple Popping เป็นช่องของ Sandra Lee แพทย์ผิวหนังสาวสวยคนหนึ่งในเมืองลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา และเธอก็ได้แจ้งข่าวดีนี้ให้แก่ยูทูบเบอร์ทุกคนที่ติดตามเธออยู่ได้รับรู้ไปพร้อมๆ กัน     “สวัสดีผู้รักการบีบสิวทั้งหลาย วันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆ และพวกคุณรู้ไหมว่าอะไรทำให้ฉันบอกว่าวันนี้เป็นวันที่ดี นั่นก็เพราะฉันจะมีรายการทีวียังไงล่ะ ซึ่งต้องติดตามดูให้ดีเพราะว่าฉันมีทีเด็ดรอพวกคุณอยู่แน่นอน บอกใบ้ให้นิดนึงก็ได้ว่า ในรายการนั้นจะมีทั้งเบื้องหลังเบื้องลึกของการทำงานของฉัน ซึ่งมันจะมีอะไรและน่าตื่นเต้นแค่ไหน ต้องขออุบเอาไว้ก่อนแต่อย่าลืมติดตามชมกันล่ะ” Lee กล่าว โดย Lee ได้ผลิตวิดีโอมาให้ผู้คนทั้งโลกได้ชมแล้วกว่าเป็นร้อยๆ คลิป โดยรายการทีวีใหม่ของเธอที่สร้างขึ้นมานี้จะมาในรูปแบบของเกมโชว์ โดยใช้ชื่อว่า This Is Zit ซึ่งจะออกอากาศในช่อง TLC โดยจะออกอากาศรอบปฐมทัศน์ในวันที่ 3 มกราคม…

  • เด็กสาวป่วยเป็นโรคประหลาด หากหกล้มจะทำให้เธอเสียชีวิตทันที แต่ก็ยังไม่พ้นการถูกกลั่นแกล้ง

    เด็กสาวป่วยเป็นโรคประหลาด หากหกล้มจะทำให้เธอเสียชีวิตทันที แต่ก็ยังไม่พ้นการถูกกลั่นแกล้ง

    ว่ากันว่า ลาภอันประเสริฐที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตก็คือ การไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ซึ่งก็อาจจะจริงอย่างที่ว่ากัน เพราะว่าในสมัยนี้เชื้อโรคใหม่ๆ ได้เกิดขึ้นทุกวันและเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเกินกว่าใครจะนึกถึง ปัจจุบันโลกของเราจึงเต็มไปด้วยคนป่วยจากโรคต่างๆ มากมาย ทั้งจากเชื้อโรคหรือการส่งต่อทางพันธุกรรม… สำหรับโรคที่ส่งต่อกันทางพันธุกรรมนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นโรคที่รักษาได้ยากกว่าโรคที่เกิดขึ้นทั่วๆ ไป และอาจก่อให้เกิดอาการแปลกๆ ที่เราอาจไม่เคยรู้จักได้ด้วย และก็มีเด็กสาวคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคทางพันธุกรรมที่แปลกชนิดที่ว่า แทบจะไม่มีใครเป็นในโลกเป็น     เรื่องราวนี้ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา โดย Cath Carter ผู้เป็นแม่ของ Lauren Stribling เด็กสาววัย 13 ปีผู้ป่วยเป็นโรคดังกล่าวเป็นผู้เล่าให้ฟัง โดยเธอบอกว่าลูกสาวของเธอป่วยเป็นโรคที่เรียกว่า มาร์แฟน ซินโดรม (Marfan syndrome) ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับระบบเนื้อเยื่อที่อาจทำให้เกิดอันตรายแก่ปอดและหัวใจจนถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งพี่สาวของเธอ (ป้าของ Lauren) และแม่ของเธอ (ยายของ Lauren) ก็เสียชีวิตลงเพราะมีโรคนี้เป็นสาเหตุ     สำหรับโรคมาร์แฟน ซินโดรม คือกลุ่มอาการที่เกิดความผิดปกติขึ้นที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ที่อาจก่อนให้เกิดอันตรายต่อหัวใจและปอด ซึ่งมันรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้หากหกล้มเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และนั่นคือสิ่งที่ Cath เป็นห่วง เพราะว่าในตอนนี้ลูกสาวของเธอกำลังถูกรังแกโดยเพื่อนๆ ที่โรงเรียน โดยกลุ่มคนเหล่านั้นเชื่อว่าโรคที่ Lauren กำลังเผชิญอยู่เป็นสิ่งที่เธอสร้างเรื่องมาเพื่อหลอกคนอื่น แม้ว่าเธอจะมีแขนขาที่ยาว ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของโรคนี้ก็ตาม…

  • รวมความเฟลที่เกิดขึ้นตอนอัดรายการสด มันขโมยซีนไปซะทุกอย่างเลย ปั๊ดโถ่วววว!!

    รวมความเฟลที่เกิดขึ้นตอนอัดรายการสด มันขโมยซีนไปซะทุกอย่างเลย ปั๊ดโถ่วววว!!

    วันหยุดว่างๆ หากเราไม่มีอะไรทำหลายคนก็มักจะเปิดทีวีดู เพื่อให้มันช่วยคลายเหงา ซึ่งสาระความบันเทิงที่อยู่ในจอแก้ว ก็มีทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์ ละครต่างๆ รวมถึงข่าวสารบ้านเมืองด้วย และเพื่อเป็นการอัปเดตให้ทันท่วงทีมากที่สุด ทำให้เดี๋ยวนี้รายการต่างๆ รวมถึงช่องข่าวก็มักจะมีการจัดรายการแบบรายการสด เพื่อให้ผู้ชมนั้นสามารถมีส่วนร่วมได้โดยการส่งข้อความต่างๆ รวมถึงการโฟนอินเข้ารายการ โดยนับได้ว่าเป็นวิธีการที่ฉลาดและมีประโยชน์ต่อทุกๆ ด้านทั้งผู้ผลิตและคนดูเลยก็ว่าได้ แต่ทีนี้ในเมื่อเป็นรายการสด บ่อยครั้งก็อาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ อย่างเช่น กราฟฟิกที่ผิดเพี้ยนหรืออาจจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาร่วมจอด้วย นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ฮาๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง จนกลายเป็นตัวขโมยซีนไปเลยทีเดียว และนี่คือภาพเหตุการณ์จริง ที่เกิดขึ้นจากรายการสดจากทั่วทุกมุมโลก มาลองดูกันดีกว่าเหล่ารายการสดเหล่านี้จะมีความเฟลเช่นไร และมันจะไปกระตุกต่อมฮาได้ขนาดไหน ลองไปยลกันเลยดีกว่า   เฮ้ยมาร้องด้วยกันก่อน รีบไปไหน   เกือบทำห้องส่งไฟไหม้แล้วไหมล่ะ แม่คุณ   เดี๋ยวๆ เจ็ดร้อยกว่านี่ร้อนเป็นเตาอบแล้วนะ   ข้างหลังนี่ กระโดดจับกบหรอ   ก็เค้าอยากเล่นด้วยง่ะ   กลบซะมิดเลย   มาช่วยกันเล่าข่าวหรอฮะ เจ้าตูบ   ตัวอะไรฟะเนี่ย ตัวเบ้อเริ่มเชียว   ใช้คาถารวมร่างซะงั้น   มีการถอดจิตออกมาเล่าข่าวด้วย   รายการสดแบบย้อนยุค…

  • 12 ภาพบอกเล่าตรรกะระหว่างชายและหญิง ที่ต่างกันสุดขั้วราวฟ้ากับเหว แหมไม่น่าเข้ากันได้!!

    12 ภาพบอกเล่าตรรกะระหว่างชายและหญิง ที่ต่างกันสุดขั้วราวฟ้ากับเหว แหมไม่น่าเข้ากันได้!!

    เพราะความแตกต่างที่กำหนดโดยธรรมชาติ ทำให้มนุษย์ของเรามักจะมีมุมมองด้านต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไป โดยอาจจะมีปัจจัยมาจาก ความชอบ การเห็นโลกที่ผ่านมาไม่เหมือนกัน และหนึ่งปัจจัยที่ทำให้มุมมองของมนุษย์ต่างกัน นั่นก็คือเรื่องเพศ ตามธรรมชาติแล้วเพศชายและหญิงมักจะมีมุมมอง หรือตรรกะที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะด้วยอุปนิสัยของเพศชายที่มักจะแข็งกร้าว และเพศหญิงที่จะอ่อนหวานงดงาม ทำให้บางครั้งเราก็ไม่เข้าใจว่า พวกเขาหรือพวกเธอคิดอะไรกันอยู่กันแน่นะ และนี่คือ 14 ภาพตัวอย่างการมองโลกของเหล่าชายหญิงที่ผิดกันอย่างสุดขั้ว ซึ่งภาพเหล่านี้จะทำให้เราเข้าใจในความคิดของเพศตรงข้ามมากขึ้น ว่าจริงๆ แล้วธรรมชาติได้ปลูกฝังอะไรพวกเขามาบ้างกันนะ???   1. เมื่อเห็นแมงมุม สิ่งที่ผู้หญิงเห็น   สิ่งที่ผู้ชายเห็น   2. เมื่อพูดถึงคำว่า ‘ครอบครัว’ สิ่งที่ผู้หญิงคิด   สิ่งที่ผู้ชายคิด   3. ความแตกต่างในตอนส่องกระจก   4. เมื่อถึงวันครบรอบ สิ่งที่ผู้หญิงคาดไว้   สิ่งที่ผู้ชายคาดไว้   5. เหตุผลต่างๆ ในการออกไปชอปปิง ผู้หญิง – ไม่มีชุดใส่   ผู้ชาย – ไม่เหลืออะไรให้ใส่   6. เมื่อพูดถึงความเจ็บปวด…

  • สาวฝากหมาให้พ่อช่วยเลี้ยง พ่อของเธอจึงได้เอามาสร้างเป็นเรื่องราวสุดน่ารักซะเลย

    สาวฝากหมาให้พ่อช่วยเลี้ยง พ่อของเธอจึงได้เอามาสร้างเป็นเรื่องราวสุดน่ารักซะเลย

    เมื่อเราเลี้ยงสัตว์แล้วมีความจำเป็นต้องไปต่างจังหวัด หรือต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็เป็นธรรมดาที่เราต้องเป็นห่วงว่าเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรามันจะอยู่จะกินอย่างไรกันนะ ถ้าจะเอาไปฝากร้านรับฝากก็กลัวว่าสัตว์เลี้ยงของเราจะไม่มีความสุขและต้องอยู่ในกรงอย่างเดียว หลายคนจึงได้คิดค้นวิธีแก้ปัญหานี้ โดยเอาไปฝากพ่อแม่เลี้ยงเพื่อให้สัตว์เลี้ยงของเราอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงาซะเลย   หญิงสาวผู้มีความจำเป็นต้องเดินทางไปนครนิวยอร์ก   หญิงสาวชื่อว่า Meghan Specksgoor ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีเหตุจำเป็นจะต้องเดินทางไปนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอจึงได้เอาหมาของเธอชื่อว่า Chance ไปฝากเอาไว้กับพ่อของเธอให้ช่วยดูแลมันให้หน่อย ด้วยความเป็นห่วงว่าคนแก่อย่างพ่อของเธอจะสามารถรับมือกับเจ้าหมาแสนซนได้หรือไม่ เธอจึงถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบเป็นประจำ แต่ทว่าข้อความที่เธอได้รับจากพ่อของเธอมันกลับเป็นเรื่องราวสุดน่ารักที่ทำให้เธอยิ้มไม่หุบ จนอดที่จะเอามาแบ่งปันกับโลกออนไลน์ไม่ได้ โดยเธอได้โพสต์ข้อความระหว่างเธอกับพ่อลงในทวิตเตอร์ส่วนตัวซึ่งในตอนนี้มีคนกดไลก์มากกว่า 150,000 คนแล้ว ซึ่งความน่ารักของพ่อเธอที่ว่านี้ก็คือ เขาได้สร้างเรื่องราวให้กับกิจกรรมระหว่างที่เขาทำกับเจ้า Chance ระหว่างวันที่เขาได้ดูแลมัน และดูเหมือนว่าเจ้าหมาตัวนี้จะทำให้คุณปู่คนนี้กลับกลายเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมันจะเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องราวนี้จะมีความน่ารักขนาดไหนมาลองดูกันเลยดีกว่า   เธอรักหมาของเธอมาก แต่ก็มีความจำเป็นจะต้องเอาไปฝากไว้กับพ่อของเธอให้ช่วยดูแลให้หน่อย   และนี่คือข้อความแรกที่พ่อของเธอได้เริ่มเล่นสนุกขึ้นกับเจ้าหมาตัวนี้ โดยเขาได้พิมพ์ข้อความมาหาเธอว่า “คุณปู่อยากรู้ว่าผมกินอะไรได้บ้าง แถมตอนนี้เราก็หิวกันสุดๆ เลยล่ะ”   “หวัดดีฮับแม่ นี่หนูอีกแล้ว วันนี้เราออกไปปิกนิกด้วยกันและกำลังไปร้านทำเล็บ คุณปู่บอกว่าถ้าหนูทำตัวดี วันนี้จะได้กินไอติมด้วยล่ะ”   “ขอโทษที่ต้องรบกวนแม่อีกแล้ว แต่หนูคิดว่าหนูอยากออกไปเที่ยวกับคุณปู่บ่อยๆ จัง”   “แม่จ๋า วันนี้คุณปู่จะนอนกับหนูด้วย มีอะไรอยากจะฝากบอกเขาไหม หวังว่าแม่จะสนุกเหมือนกับพวกเราในตอนนี้นะ อิอิ เจอกันพรุ่งนี้และราตรีสวัสดิ์นะแม่จ๋า…

  • ก็น่าสงสารอ่ะ!! แม่แมวบ้านเห็นลูกลิงซ์ถูกทิ้ง เลยเข้าไปช่วยดูแลเป็นแม่บุญธรรมให้ซะเลย

    ก็น่าสงสารอ่ะ!! แม่แมวบ้านเห็นลูกลิงซ์ถูกทิ้ง เลยเข้าไปช่วยดูแลเป็นแม่บุญธรรมให้ซะเลย

    แม้ว่าสัตว์โลกส่วนใหญ่จะมีความฉลาดที่ไม่เทียบเท่ากับมนุษย์ แต่ว่าหากพูดถึงความโอบอ้อมอารี มีน้ำใจแล้ว มันมีไม่น้อยไปกว่าคนเลยก็ว่าได้ และถ้ายิ่งเป็นสัญชาตญาณความเป็นแม่แล้วล่ะก็บางครั้งพวกมันก็มีมากล้น จนแบ่งปันให้แก่สัตว์ข้ามสายพันธุ์เลยก็ยังมีให้เราเห็นกันเป็นประจำ และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สวนสัตว์ Novosibirsk ในประเทศรัสเซียนี้ก็สามารถทำให้เราได้เห็นความรักของสัตว์โลกได้เป็นอย่างดี เมื่อมีลูกลิงซ์ตัวหนึ่ง ถูกแม่ของมันทอดทิ้งเพราะว่าโดยธรรมชาติแล้ว สัตว์จะมีคัดเลือกลูกที่มีโอกาสรอดที่สุดไปเลี้ยงดู และตัวอื่นๆ ที่มีโอกาสรอดน้อยก็จะถูกแม่ของมันทอดทิ้ง   ลิงซ์น้อยผู้น่าสงสาร   โดยเจ้าลิงซ์ตัวที่ถูกทิ้งตัวนี้ ด้วยความที่มันยังเป็นแบเบาะอยู่ มันจึงเป็นธรรมดาที่มันอาจจะต้องการความรัก ความเอาใจใส่จากสิ่งที่เรียกว่า ‘แม่’ และเมื่อแมวบ้านตัวหนึ่งไปเห็นเข้า มันก็อดสงสารไม่ได้ มันเลยอาสาดูแลลิงซ์น้อยตัวนี้เป็นอย่างดีราวกับแม่บุญธรรมเลย ตั้งแต่แม่แมวเข้ามาอยู่ที่สวนสัตว์แห่งนี้ มันก็ดูเป็นมิตรกับสัตว์ตัวเล็กๆ ทุกชนิดที่อยู่ในสวนสัตว์ และด้วยความที่มันเป็นสัตว์ที่ดูใจดี ทำให้หลายคนต่างก็ชื่นชอบแมวตัวนี้ และดูเหมือนกับว่าสัตว์อื่นๆ ก็คิดไปในทางเดียวกัน ดังนั้นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์จึงบอกว่า พวกเขาไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่เห็นแมวตัวนี้ยอมเป็นแม่ให้แก่สัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง   เดี๋ยวแม่เลี้ยงเองหนู   ด้วยความที่เจ้าแมวตัวนี้มีลูกของมันอยู่แล้ว มันจึงรู้จักวิธีที่จะดูแลเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี ทางเจ้าหน้าของสวนสัตว์จึงไว้ใจให้มันดูแลเจ้าลินซ์น้อยที่ถูกทิ้ง และดูเหมือนว่าเจ้าแมวตัวนี้จะทำหน้าที่ความเป็นแม่ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าลิงซ์วัยเด็กตัวนี้จะมีตัวที่ใหญ่กว่ามันก็ตาม สำหรับลิงซ์ เป็นตระกูลของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับสัตว์กินเนื้อสกุลหนึ่งจัดเป็นเสือขนาดเล็ก ใช้ชื่อสกุลว่า Lynx อยู่ในวงศ์เสือและแมว โดยลิงซ์มีลักษณะทั่วไปเหมือนแมวธรรมดาๆ แต่จะมีที่เด่นกว่าคือ มีขนที่หนาและปุกปุยกว่าตั้งแต่หางตาตลอดจนแก้ม รวมถึง อุ้งเท้ามีขนาดกว้างใหญ่ ทำให้เดินบนหิมะและน้ำแข็งได้อย่างสะดวกนั่นเอง   มาลองดูความน่ารักของมันขณะอยู่ในสวนสัตว์กันดีกว่า   น่ารักน่าหยิิกซะจริงๆ ที่มา: fluffysworld

  • เรื่องราวชีวิตของ Alexander Paul ชายผู้ติดเชื้อโปลิโอ และต้องใช้ชีวิตอยู่ใน ‘ปอดเหล็ก’ เกือบชั่วชีวิต

    เรื่องราวชีวิตของ Alexander Paul ชายผู้ติดเชื้อโปลิโอ และต้องใช้ชีวิตอยู่ใน ‘ปอดเหล็ก’ เกือบชั่วชีวิต

    ในช่วงก่อนที่วงการแพทย์จะมีการสร้างวัคซีนป้องกันโรคขึ้นมา มีโรคระบาดชนิดหนึ่งเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งโรคที่ว่านี้ทำให้เด็กๆ หลายคนในเวลานั้น ต้องติดเชื้อและทนทุกข์ทรมานจากการที่เชื้อโรคเข้าไปทำลายกล้ามเนื้อ รวมถึงเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ในร่างกายโดยเชื้อโรคที่ว่านี้มีชื่อเรียกว่า ‘เชื้อโปลิโอ’ โรคโปลิโอ เป็นโรคติดต่อที่สามารถทำให้เกิดผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อผู้ติดเชื้อ สาเหตุของโรคเกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งอาจไปทำลายระบบประสาทจนส่งผลให้ผู้ติดเชื้อมีภาวะอัมพาต หายใจลำบาก หรือถึงแก่ความตายได้ ความอันตรายของโรคโปลิโอต่างเป็นที่รู้กันดีว่ามีความร้ายแรงแค่ไหน ซึ่งในอดีตก็มีผู้ป่วยเป็นโรคนี้เป็นจำนวนมากเนื่องจากยังไม่มีวัคซีนป้องกันเกิดขึ้นบนโลก และด้วยเชื้อไวรัสนี้เองทำให้ชีวิตของชายคนหนึ่งต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล เพราะโรคโปลิโอได้ไปทำลายกล้ามเนื้อของเขาจนหมดสิ้น นอกจากนั้นแล้วโรคที่ว่านี้มันยังทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า ‘ปอดเหล็ก’ มาตลอดทั้งชีวิตกว่า 60 ปี และนี่คือเรื่องราวของชายชื่อว่า Paul Alexander    โรคโปลิโอ เป็นโรคที่ร้ายแรงมากมันสามารถคร่าชีวิตของเราได้อย่างง่ายดาย   Paul Alexander เป็นผู้รอดชีวิตจากโรคโปลิโอในอดีต แต่ในตอนนี้เขาต้องใช้เวลาเกือบทั้งหมดในชีวิต อยู่ในเครื่อง “ปอดเหล็ก” ภายในบ้านของเขาที่รัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา   ด้วยผลข้างเคียงจากโรคโปลิโอ ทำให้ Paul เป็นอัมพาตในทุกส่วนของร่างกายตั้งแต่คอลงไป รวมถึงมันยังทำลายระบบการหายใจด้วย และด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในเจ้าปอดเหล็กมาตั้งแต่เด็ก สำหรับปอดเหล็กนี้ เป็นเครื่องช่วยหายใจชนิดใช้แรงขับดันที่จะใช้ในการรักษาชีวิตของผู้ป่วยโรคโปลิโอขั้นร้ายแรงเท่านั้น   ในตอนที่ Paul เริ่มป่วยเขาให้ฟังว่าในขณะนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 6 ขวบเท่านั้นในตอนที่เริ่มติดเชื้อในปี 1952 ซึ่งเป็นปีที่มีการระบาดของโรคนี้อย่างหนักและเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาเลยก็ว่าได้   “ในตอนที่ผมเริ่มป่วย ผมก็เป็นเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ โดยเริ่มแรกผมรู้สึกเพียงแค่ไม่สบายนิดหน่อยเท่านั้น แต่เมื่อแม่ผมมาเห็นเธอก็รู้ในทันทีเลยว่าผมป่วยเป็นโปลิโอ เธอจึงพาผมไปรักษาโดยด่วน”…

  • รวมภาพสัตว์โลกที่ว่ากันว่า เป็นภาพที่สวยที่สุดแห่งปี 2017 แหมแต่ละตัวนี้งามซะจริงๆ

    รวมภาพสัตว์โลกที่ว่ากันว่า เป็นภาพที่สวยที่สุดแห่งปี 2017 แหมแต่ละตัวนี้งามซะจริงๆ

    สิ่งที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ขึ้นมาและมีความสวยงามก็มีมากมายทั้ง ภูมิประเทศ สภาพสิ่งแวดล้อมต่างๆ รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘สัตว์’ ด้วย และเนื่องด้วยความที่สัตว์แต่ละตัวก็จะมีความน่ารัก ความสวยงามที่แตกต่างกันทำให้ช่างภาพทั้งหลายต่างก็หมายปอง อยากจะถ่ายพวกมันให้ออกมาสวยเหมือนกับที่มันเป็นตามธรรมชาติ แต่ก็ด้วยความที่มันไม่รู้ภาษาคนทำให้บางครั้ง ช่างกล้องก็ต้องใช้ฝีมือระดับเทพบวกกับจังหวะที่พอดี สำหรับการถ่ายเหล่าสัตว์สวยงามเหล่านี้ให้มันกลายเป็นภาพที่สุดแสนจะเพอร์เฟกต์สำหรับทุกคนที่ได้รับชม และนี่คือภาพสัตว์ต่างๆ ทั่วโลก ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพสัตว์ที่สวยงามที่สุดแห่งปี 2017 ซึ่งจะมีสัตว์ในดังใจของใครหลายคนไหม และถ้ามีมันจะน่ารักแค่ไหน ก็ลองไปติดตามชมกันเลยดีกว่า   แมวตกน้ำ ภาพของแมวตกน้ำป๋อมแป๋ม ที่กำลังมองหาผืนดินขึ้นไปอยู่ ภาพนี้ถ่ายที่เมืองฮิวสตัน ในวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากเมืองนี้ถูกพายุเฮอริเคน Harvey เข้าถล่ม   นกฟลามิงโก้คุยกัน นกฟลามิงโก้สุดน่ารักน่าชัง ที่หันหน้าเหมือนกำลังจะตกลงอะไรบางอย่างกันอยู่ ภาพนี้ถูกถ่ายที่สวนสัตว์ Hellabrunn ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนีเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม   เสือดาวหิมะผู้น่าเกรงขาม เสือดาวหิมะตัวนี้มีชื่อว่า Georgina ภาพนี้ถูกถ่ายระหว่างมีการเปิดตัวที่สวนสัตว์ในเมืองลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยเสือดาวหิมะจัดว่าเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์แล้วในตอนนี้   นกกินปลีอกเหลืองป้อนอาหารให้แก่ลูก ภาพครอบครัวนกสุดน่ารัก ได้ถูกจับภาพได้ขณะแม่กำลังป้อนอาหารให้แก่ลูกๆ ทั้งสองตัวของมันในรังที่รัฐเซอลาโงร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 21 มกราคมในปีนี้   เสือโคร่งเบงกอลหยอกเล่นกับเด็กกำพร้า…

  • พบกับเรื่องราวของจิ๋นซีฮ่องเต้ กษัตริย์ผู้สั่งให้ประชาชนทุกคนออกตามหา ‘ความเป็นอมตะ’

    พบกับเรื่องราวของจิ๋นซีฮ่องเต้ กษัตริย์ผู้สั่งให้ประชาชนทุกคนออกตามหา ‘ความเป็นอมตะ’

    หากจะกล่าวถึงธรรมชาติของโลก ก็จะมีคำพูดหนึ่งที่กล่าวเอาไว้ว่า ทุกชีวิตต้องมีการ ‘เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป’ ทั้งนั้น เพราะด้วยกาลเวลาที่ไม่เคยหยุดรอใคร ทำให้เราก็ต้องแก่ชราขึ้นในทุกวันๆ และนั่นอาจจะทำให้บางคนสรรหาวิธีเพื่อที่จะเอามาขัดขวางกฎแห่งธรรมชาติอันนี้ ให้เกิดขึ้นได้ช้าที่สุดหรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลย… ตามความเชื่อของบางศาสนาหรือเฉพาะบางคน บนโลกนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘ความเป็นอมตะ’ ซึ่งหมายถึงการไม่เจ็บไม่ป่วย ไม่แก่ชราและที่สำคัญคือ ไม่เสียชีวิต!! ซึ่งความเป็นอมตะนี้เคยทำให้ใครบางคนต้องออกเดินทางเพื่อสรรหาวิธีต่างๆ เพื่อจะได้มันมาครอบครองซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่มีใครที่สามารถหาวิธีนั้นพบแม้แต่คนเดียว   จิ๋นซีฮ่องเต้กับการหายาอายุวัฒนะ   นอกจากนี้รู้หรือไม่ว่า ความเชื่อเรื่องความเป็นอมตะเกิดขึ้นบนโลกตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้ว และก็มีกษัตริย์องค์หนึ่งที่อยากได้สิ่งที่ว่านี้มาครอบครอง จนถึงขั้นใช้อำนาจในมือบังคับให้คนทุกคนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เสาะหาสิ่งที่ว่านี้และนำมามอบให้แก่เขาให้ได้ และชื่อของกษัตริย์องค์ที่ว่านี้ก็คือ จิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกแห่งประเทศจีน โดยพระองค์ได้รับสั่งให้ประชาชนทุกคนในประเทศเสาะหาความเป็นอมตะมาให้ได้ ตามงานวิจัยชิ้นใหม่ของนักโบราณคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ มานี้   แผ่นไม้ที่บอกเรื่องราวต่างๆ ในอดีต   สำหรับหลักฐานที่มายืนยันในเรื่องนี้ก็คือ การค้นพบไม้โบราณที่มีการเขียนเอาไว้ถึงคำสั่งของพระองค์ ซึ่งแผ่นไม้ที่ว่านี้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในปี 2002 ที่ใต้บ่อน้ำแห่งหนึ่งในมณฑลหูหนาน ซึ่งมันได้เขียนเรื่องราวต่างๆ ของประเทศจีนในขณะนั้นเอาไว้ทั้งเรื่อง วัฒนธรรม เศรษฐกิจ กฎหมาย รวมถึงเรื่องยาอายุวัฒนะที่ให้ทุกคนออกตามหาด้วย มีการค้นพบใหม่เมื่อไม่นานมานี้ที่เปิดเผยว่า จากคำสั่งของจิ๋นซีฮ่องเต้ ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่งพยายามค้นหายาอายุวัฒนะสำหรับพระองค์ให้จนได้ ยกตัวอย่างเช่นหมู่บ้าน Duxiang ก็มีการเขียนรายงานถึงความล้มเหลวในการเสาะหายาสุดพิเศษนี้ และอีกหมู่บ้านหนึ่งชื่อว่า Langya ซึ่งในปัจจุบันอยู่ในมณฑลซานตง ก็ได้ลองนำเสนอสมุนไพรที่มาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านให้แก่พระองค์ลองใช้ดู  …

  • ทำความรู้จัก 22 สัตว์สายพันธุ์แปลกๆ ที่คุณอาจไม่รู้ว่าพวกมันอาศัยอยู่ในโลกเดียวกับเรา!!

    ทำความรู้จัก 22 สัตว์สายพันธุ์แปลกๆ ที่คุณอาจไม่รู้ว่าพวกมันอาศัยอยู่ในโลกเดียวกับเรา!!

    คนเราส่วนใหญ่ต่างก็ใช้ชีวิตอย่างปกติบนโลกใบนี้ โดยลืมไปว่ายังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอาศัยอยู่ร่วมกับเราด้วยอย่างเช่นสัตว์ ทว่าผู้คนส่วนใหญ่กลับรู้จักสัตว์น้อยชนิดมากๆ หากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วมนุษย์นั้นรู้จักชนิดของสัตว์เพียงแค่ 1% จากทั้งหมดเพียงเท่านั้น บนโลกแสนจะกว้างใหญ่ของเรานั้นในสัตว์อยู่นับล้านสายพันธุ์ในปัจจุบัน และก็ดูเหมือนว่าจะค้นพบสายพันธุ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ซึ่งบางคนอาจจะไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตนี้ใช้อากาศออกซิเจนหายใจร่วมกับเราด้วยหรอเนี่ย และนี่คือสัตว์แปลกๆ บนโลกนี้ที่คุณอาจจะไม่รู้จักหรือไม่เคยเห็นกันมาก่อนในชีวิต ว่าเอะนี่มันตัวอะไรกันนะ ว่าแล้วก็อย่ารอช้าไปทำความรู้จักหน้าตาพร้อมกับชื่อเรียกของมันกันดีกว่า   Pink Fairy Armadillo (พิงก์แฟรีอาร์มาดิลโล)   Aye-aye (อาย-อาย)   The Maned Wolf (หมาป่าเคราขาว)   Tufted Deer (ทัฟท์ เดียร์)   Dumbo Octopus (ปลาหมึกดัมโบ้)   Patagonian Mara (พาตาโกเนียนมารา)   Naked Mole Rat (ตุ่นหนูไร้ขน)   Irrawaddy Dolphin (โลมาอิรวดี)   The Gerenuk (เกรินุก)   Dugong…

  • ก็มันหนาว!! พบกับหมวกสำหรับใส่เล่นสกี ที่จะแปลงร่างให้คุณกลายเป็นสัตว์ได้สมจริงมากๆ

    ก็มันหนาว!! พบกับหมวกสำหรับใส่เล่นสกี ที่จะแปลงร่างให้คุณกลายเป็นสัตว์ได้สมจริงมากๆ

    เมื่อฤดูหนาวมาเยือนก็มักจะพัดพาลมเย็นๆ มาพร้อมกับอากาศหนาวที่แสนหนาวเหน็บ ซึ่งถ้าหากได้นอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มที่บ้านมันก็คงดีอยู่หรอก แต่ถ้าบางคนจำเป็นต้องขี่มอเตอร์ไซค์หรือว่าจักรยาน อากาศเช่นนี้ดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกเลยทีเดียว บ่อยครั้งที่ผู้ขับขี่รถเหล่านี้มักจะมีอาการหน้าชาปากชากันไป จากแรงลมที่ปะทะเข้าใบหน้าแบบไม่บันยะบันยัง จนบางคนต้องหาหน้ากากหรือหมวกมาใส่เพื่อลดความเย็นลงไปบ้าง แต่รู้ไหมว่าในตอนนี้คอลเลคชั่นมีหน้ากากแบบแปลกๆ ที่ผลิตขึ้นมาให้เราสามารถเพิ่มความสนุกขณะสวมหน้ากากกันหนาวนี้กันแล้ว     และสิ่งนั้นก็คือหน้ากากรูปสิงสาราสัตว์ต่างๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วมันคือหน้ากากสำหรับการเล่นสกี แต่หากใครจะเอามาปรับใช้ก็ไม่ว่ากัน สำหรับหน้ากากสุดน่ารักเหล่านี้ผลิตขึ้นโดยบริษัทสัญชาติแคนาดาชื่อว่า Beardo  ซึ่งหน้ากากที่พวกเขาได้สร้างขึ้นนี้จะทำให้เราสามารถแปลงร่างจากคนธรรมดาๆ ไปเป็นสัตว์แสนน่ารักต่างๆ ได้อย่างแทบจะไร้ที่ติเลยทีเดียว เพราะว่าพวกเขาได้ใช้เทคโนโลยีการออกแบบ ultra-realistic HD designs ที่จะสามารถดูแล้วเนียนไปทั่วทุกรูขุมขน และที่สำคัญคือมันยังสามารถกันแดดได้ด้วย     นอกจากนั้นพวกเขายังใส่สิ่งที่ทำให้ดูสมจริงเข้าไปเพิ่มเติมอย่าง ขนสัตว์ หนวดเคราหรือแม้กระทั่งจมูกที่เปียกของสัตว์ทั้งหลาย โดยสัตว์ที่เราสามารถเลือกที่จะเป็นได้ก็มีทั้ง แมว, หมีแพนด้า, หมีโคล่า และหมาจิ้งจอก สำหรับใครสนใจอยากจะหาหน้ากากสุดคิขุแบบนี้มาเป็นเจ้าของ ก็สามารถหาซื้อกันในราคาเพียง 35 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 1,145 บาท) โดยสามารถสั่งซื้อได้ที่ beardowear กันเลย   แมวเหมียวๆ   หน้าย่นมาเชียว   แฮร่ มีใครกลัวจิ้งจอกไหมเอ่ย   หมีแพนด้าเขาว่าน่ารัก   ไซบีเรียนก็มี   ปิดตั้งแต่หัวยันลำคอ   ไม่อุ่นให้มันรู้กันไป…

  • เจ้าของตู้คีบญี่ปุ่นถูกจับกุม หลังพบว่ามีการตั้งค่าเครื่องเล่นให้คีบได้ยากเกินไป

    เจ้าของตู้คีบญี่ปุ่นถูกจับกุม หลังพบว่ามีการตั้งค่าเครื่องเล่นให้คีบได้ยากเกินไป

    หากจะกล่าวถึงตู้เกมอย่างหนึ่งที่เป็นขวัญใจของใครหลายคน สำหรับสาวๆ แล้ว ‘ตู้คีบตุ๊กตา’ ดูเหมือนจะเป็นตู้เกมที่เป็นที่โปรดปรานเป็นอย่างมาก เพราะด้วยความน่ารักของตุ๊กตาที่อยู่ข้างในตู้และมีราคาที่ไม่แพงมากนัก ทำให้ไม่ว่าใครๆ ต่างก็ต้องเคยลองเล่นเจ้าเครื่องที่ว่านี้มาแล้วทั้งนั้น แต่เมื่อได้ลองสัมผัสเครื่องเล่นแนวๆ นี้ดูก็จะพบว่า จริงๆ แล้วการคีบตุ๊กตามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ไม่ว่าจะด้วยการเล็ง การคิดคำนวณ หรือกระทั่งการกะระยะไว้อย่างพอดิบพอดี     บางทีคำนวนมาอย่างดิบดี แต่พอกดคีบเท่านั้นแหละ กลับพลาดอย่างง่ายๆ จนทำให้บางคนต้องเสียเงินให้กับเจ้าเครื่องหนีบนี้เป็นร้อยเป็นพัน เพื่ออยากจะแก้แค้นให้สาสมใจเลยก็มี ซึ่งปัญหานี้ได้เกิดขึ้นกับผู้คนมากมาย จนบางทีเราก็คิดไปว่าเครื่องนี้มันโกงเราหรือเปล่านะ และดูเหมือนว่าการสันนิษฐานของเราอาจจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาก็ได้ เพราะในตอนนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีเจ้าของเกมตู้คีบ ถูกตั้งข้อหาว่าตั้งค่าเครื่องเกมให้ไม่สามารถเอาชนะได้จริงๆ!!     เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งเมืองโอซาก้า ได้ควบคุมตัวนาย Takeshi Ohira อายุ 33 ปี เจ้าของตู้เกมชื่อว่า Amusement Trust ซึ่งเป็นตู้เกมคีบที่ได้รับความนิยมทั้งในเมืองโอซาก้าและเกียวโต นอกจากนี้ยังมีการจับกุมพนักงานของเขาอีก 5 คนร่วมด้วย สำหรับข้อหาที่ผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ถูกตั้งขึ้นก็คือ ‘ตั้งค่าหรือปรับแต่งเครื่องเล่นเกมให้ไม่สามารถเอาชนะได้’ โดยทั้งนี้ทั้งนั้นรูปแบบเครื่องจักรภายในตู้เกม ก็ดูเหมือนจะได้รับการปรับแต่งจนกลายเป็นกลโกงขึ้นมา ซึ่งสามารถดูได้จากวิดีโอการสาธิตข้างล่างนี้   วิดีโอการสาธิตกลโกงเครื่องจักรจากสำนักข่าว ANN   นอกจากกลไกของตู้เกมจะถูกตั้งข้อสงสัยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังบอกอีกด้วยว่า ตัวพนักงานเองก็มีส่วนร่วมในการโกงเช่นเดียวกัน โดยพนักงานเหล่านี้จะมาคอยให้กำลังใจผู้เล่นในตอนที่เล่นเกมอยู่ และหากเมื่อเห็นว่าผู้เล่นได้พยายามหลายครั้งและถอดใจจะเลิกเล่นแล้วจริงๆ พวกเขาก็จะแกล้งสาธิตการเล่นให้ดู แต่ก่อนที่จะมีการสาธิตเกิดขึ้น…

  • เปิดเผยเบื้องหลังสองภาพตำนาน และราคาที่ Microsoft จ่ายให้ช่างภาพ ที่แตกต่างกัน…

    เปิดเผยเบื้องหลังสองภาพตำนาน และราคาที่ Microsoft จ่ายให้ช่างภาพ ที่แตกต่างกัน…

    หากใครที่ทันใช้ระบบปฏิบัติการ Window XP จะพบว่าเมื่อเราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมา ภาพแรกที่พวกเรามักจะได้พบก็คือ ภาพของทุ่งหญ้าเขียวขจีตัดกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆอันสวยงาม ซึ่งภาพที่ว่านี้ถือได้ว่าเป็นภาพระดับตำนาน ที่เห็นครั้งใดก็อดคิดถึงอดีตอันสวยงามไม่ได้ แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วรูปภาพนี้มีมูลค่ามากกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.2 ล้านบาท) ซึ่งจะแตกต่างกับภาพที่มีชื่อว่า Autumn ที่อยู่ในอัลบั้มภาพพื้นหลังเช่นเดียวกันราวกับฟ้ากับเหว เพราะรู้หรือไม่ว่าภาพ Autumn นั้นมีมูลค่าเพียง 45 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,500 บาท) เท่านั้น     สำหรับภาพทุ่งหญ้าสีเขียวนั้นเป็นผลงานการถ่ายภาพของ Charles O’Rear ช่างภาพชาวอเมริกันผู้โด่งดัง โดยเขาได้ตั้งชื่อภาพนี้เอาไว้ว่า “Bliss” ซึ่งเขาได้ถ่ายเอาไว้ขณะกำลังขับรถระหว่างเมือง Napa และ Sonoma ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมกราคมปี 1996 หลังจากนั้นช่างภาพคนนี้ก็ได้ส่งภาพนี้เข้าไปที่ Westlight stock photo agency เพื่อจะให้ช่วยขายภาพนี้ให้เขาหน่อย และในภายหลังบริษัท Westlight ก็ได้ถูกบริษัทของมหาเศรษฐี Bill Gates เข้าครอบครองในปี 1998     บริษัท Microsoft ในตอนนั้นมีภาพให้เลือกใช้นับพันๆ ภาพแต่ว่าในที่สุดแล้วภาพทุ่งหญ้านี้ก็ได้ชนะเลิศและใช้เป็นภาพพื้นหลังหลักสำหรับ Window…

  • รวม 16 เหตุการณ์แห่งความหงุดหงิด ชวนจิตหงุดเงี้ยว ใครเคยเจอคงเข้าใจได้อย่างดี!!

    รวม 16 เหตุการณ์แห่งความหงุดหงิด ชวนจิตหงุดเงี้ยว ใครเคยเจอคงเข้าใจได้อย่างดี!!

    ลองนึกภาพหากเราอยู่ที่บ้าน และทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันด้วยความอารมณ์ดี มันช่างเป็นภาพแห่งการมีความสุขจนแทบจะเหมือนการได้ขึ้นสวรรค์เลยจริงๆ แต่ทันใดนั้นเมื่อจะใช้สิ่งของบางอย่างที่เราเคยใช้ประจำ ทว่าครั้งนี้ดูเหมือนว่าสิ่งของอันนั้นมันกลับไม่ได้อย่างใจ ฉีกขาดบ้าง แหว่งบ้าง จนทำให้อารมณ์ดีๆ ของคุณนั้นหมดไปและกลายเป็นความหงุดหงิดงุ่นง่านมาแทนที่ มันช่างเป็นอารมณ์ที่หัวร้อนจนอยากจะตีหน้าใครสักคนเลยจริงๆ และนี่คือภาพสิ่งของในชีวิตประจำวัน ที่เราอาจเคยประสบพบเจอกันมาบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งรับรองได้ว่าขอเพียงได้เห็นภาพเหล่านี้ก็สามารถสร้างความหงุดหงิดให้แก่ใครหลายคนได้แล้ว และมันจะจริงหรือไม่ก็เชิญรับชมได้พร้อมๆ กันเลย   อยากจะเดินไปแกะให้มันรู้แล้วรู้รอดซะจริงๆ   ไม่เคยได้ดั่งใจเลย เฮ้อ   จะออกมาทำไมแค่นี้ฟะเนี่ย   หลายคนต้องเคยเจอแน่นอน แกะโคตรจะยาก   เดี๋ยวเอ็งเจอน้ำร้อนแน่นอน   บ้านตั้งกว้าง ยังจะเดินมาเกี่ยวอีกเดี๋ยวก็รื้อซะนี่   เหนียวก็เหนียว แล้วยังเข้าไปในเล็บตอนแกะอีกนะ   มันจะผลิตขึ้นมาทำไมเนี่ย ยิ่งลบก็ยิ่งเลอะ   ซิปติดนี่เป็นอะไรที่แบบ อยากจะกลายร่างเป็นเดอะฮัล์คมาก   ไม่กงไม่กินมันละ เอาไปขว้างหัวหมาดีกว่า   หมดความหวังนั่งน้ำตาริน   เอิ่ม ก็นะตัดให้มันขาดขาด ไปเลยละกัน   ทำซะใกล้ขนาดนี้ ใครมันจะไปล้างได้   แตกแล้วแตกอีก แตกซะจะเป็นใยแมงมุมแล้วเน่ี่ย  …

  • น่าลั๊คอ่า!! เพนกวินยิ้มร่ากระโดดข้ามถนนมาหามนุษย์ นั่งคุยกันเหมือนเพื่อนเก่าไม่เจอกันนาน

    น่าลั๊คอ่า!! เพนกวินยิ้มร่ากระโดดข้ามถนนมาหามนุษย์ นั่งคุยกันเหมือนเพื่อนเก่าไม่เจอกันนาน

    สัตว์ที่เป็นมิตรกับคนโดยทั่วๆ ไปก็มีทั้งหมาแสนรู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ สำหรับบางคนก็อาจจะเป็นแมวแสนน่ารัก ที่เข้ามาคลอเคลียๆ พันแข้งพันขาให้เราจับพุงมันเล่น ทว่ามีสัตว์อยู่ชนิดหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะวิ่งเข้ามาคนเพื่อพูดคุยด้วย และสัตว์นั้นก็คือ ‘นกเพนกวิน’ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมาในประเทศนิวซีแลนด์ ได้มีผู้หญิงชื่อว่า Dee Clark ได้สังเกตเห็นเหตุการณ์สุดแสนประหลาด ซึ่งสิ่งที่เธอเห็นก็คือนกเพนกวินตัวหนึ่งกระโดดข้ามถนนไปหาเพื่อนบ้านของมัน เธอจึงไม่รอช้าถ่ายวิดีโอสุดน่ารักนี้เก็บเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือ     และต่อมาคลิปวิดีโอนี้ก็ได้ถูกเผยแพร่ลงในเว็บบอร์ดชื่อดังระดับโลกอย่าง Reddit โดยยูสเซอร์ที่ชื่อว่า Nats Dorf เป็นผู้โพสต์และในโพสต์นั้นก็ได้ใส่พาดหัวเอาไว้ว่า “เพนกวินตัวอ้วนกระโดดเข้ามาทักทายผู้คน” ซึ่งภายในวันเดียวที่วิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ลงไป ก็มีผู้เข้าชมมากถึง 41,000 ครั้ง   ไม่กลัวคนแต่อย่างใด   “เจ้าเพนกวินตัวนี้เป็นเพนกวินพันธุ์ Tawaki โดยพวกมันมักจะอาศัยอยู่เฉพาะแต่ที่รังในป่าดิบลึกในประเทศนิวซีแลนด์เท่านั้น” “เจ้าตัวนี้มักจะเข้ามาทักทายเพื่อนละแวกบ้านของมันเสมอแหละ” เจ้าของวิดีโอได้อธิบายเอาไว้   คนแก่สองคนนั่งคุยกัน   โดยในวิดีโอเราจะเห็นได้ว่ามีเพนกวินตัวอ้วนกระโดดข้ามถนนมาหาชายคนหนึ่ง ที่เหมือนกับว่านั่งคอยมันอยู่ และเมื่อมันกระโดดไปจนถึงชายคนนั้นแล้ว มันก็นั่งคุยกับชายคนดังกล่าว ซึ่งดูสนิทสนมกันจนเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนเก่ากันเลยก็ว่าได้ เมื่อชายคนดังกล่าวเห็นเพนกวินมานั่งข้างๆ เขาก็บอกกับกล้องว่า “ทุกๆ คนในละแวกนี้มักจะเจอเจ้านี่ตลอด ผมไม่ได้ไปบังคับอะไรมันนะ” และประโยคที่ว่านี้ก็ได้สร้างความฮาให้แก่ชาวเน็ตได้เป็นจำนวนมาก   งือๆ มาเล่นกันเถอะ   ในที่สุดวิดีโอนี้ก็กลายเป็นกระแสไวรัลในเวลาต่อมา ซึ่งก็มีคนเข้ามาแสดงความเห็นมากมายโดยมีบางความเห็นที่บอกถึงความน่ารักของเจ้าเพนกวินตัวนี้อย่าง Roi Raideen : ฉันชอบวิธีการกระโดดเข้าไปหาคนของเจ้าเพนกวินตัวนี้จริงๆ…

  • ได้ด้วยหรอ!! Samwell ตีพิมพ์งานวิจัย (ปลอมๆ) อธิบายสภาพอากาศในเรื่อง Game of Thrones

    ได้ด้วยหรอ!! Samwell ตีพิมพ์งานวิจัย (ปลอมๆ) อธิบายสภาพอากาศในเรื่อง Game of Thrones

    ใครหลายคนที่เป็นแฟนซีรีส์สุดมันส์อย่างเรื่อง Game of Thrones อาจจะเคยได้ยินคำขวัญประจำตระกูลสตาร์ก ที่ว่า “Winter is coming” ซึ่งแปลว่าฤดูหนาวกำลังจะมาถึง และถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าฤดูกาลในภาพยนตร์เรื่องนี้มีความแปลกไปจากฤดูกาลจริงๆ ของโลกเราอยู่พอสมควร ก่อนหน้านี้ได้มีบทความวในารสารจากมหาวิทยาบริสตอล ประเทศอังกฤษ ที่พยายามหาวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายเหตุผลของสำนวนประจำตระกูลสตาร์คที่ว่านี้ และหาสาเหตุว่าทำไมอากาศในซีรีส์เรื่องนี้ถึงได้หนาวกันตลอดทั้งปี แม้ฤดูหนาวที่ว่าของพวกเขายังไม่มาถึงก็ตาม     แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีงานวิจัย (ปลอมๆ) ที่เขียนโดย Samwell Tarly หนึ่งในตัวละครเอกของเรื่องออกมาเปิดเผยว่า จริงๆ แล้วสภาพอากาศใน Westeros นั้นเป็นอย่างไรกันแน่? ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นเมสเตอร์ให้ได้ เขาจึงมุ่งมั่นเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เมสเตอร์ควรจะรู้ เขาจึงได้ทำวิจัยเกี่ยวกับสภาพอากาศออกมา โดยภาษาที่เขาใช้เขียนนั้นเป็นภาษา Dothraki และภาษา High Valyrian ซึ่งงานวิจัยที่เขาเขียนได้สร้างประโยชน์มากมายสำหรับแฟนๆ ซีรีส์เรื่องนี้ เราจึงได้นำงานวิจัยของ Sam มาแปลและวิเคราะห์ข้อมูล   โลกจำลองจากข้อมูลการวิจัยของ Samwell   ทั้งนี้ทฤษฎีของ Samwell ได้ผ่านการวิเคราะห์จากนักวิจัยได้ให้ข้อสรุปเอาไว้ว่า สภาพอากาศบริเวณนอก The Wall จะมีสภาพอากาศที่เย็นยะเยือกจนแทบจะอยู่ไม่ได้ตลอดทั้งปี และ Casterly Rock…

  • สาวเซอร์ไพรส์หมาด้วยการแต่งห้องให้พร้อมต้นคริสต์มาสสุดน่ารัก นี่หรูกว่าห้องตูอี๊กกก

    สาวเซอร์ไพรส์หมาด้วยการแต่งห้องให้พร้อมต้นคริสต์มาสสุดน่ารัก นี่หรูกว่าห้องตูอี๊กกก

    เนื่องในโอกาศวันคริสต์มาสที่เป็นเทศกาลมอบความสุขให้แก่กัน หลายๆ คนจึงมักจะมอบของขวัญให้แก่คนพิเศษ เพื่อเป็นการบอกถึงความรัก ความห่วงใยที่มีต่อกันไม่ว่าจะเป็น ญาติสนิทมิตรสหาย พ่อแม่ เพื่อน ครูอาจารย์ ทว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่อาจมีความคิดแตกต่างไปจากคนทั่วไปซักเล็กน้อย เพราะว่าสิ่งมีชีวิตที่เธออยากจะมอบของขวัญให้ไม่ใช่คนแต่เป็น ‘หมา’ เพื่อนสนิทที่อยู่เคียงข้างเธอมานาน เธอจึงสร้างบ้านน่ารักๆ ให้อยู่พร้อมทั้งประดับต้นคริสต์มาสไว้ให้ในบ้านของมันด้วย   แหมน่ารักทั้งคนทั้งหมาเลยนะเนี่ย   นักศึกษาวิทยาลัยชื่อว่า Betsy Redfern เป็นเพื่อนรักกับหมาพันชิวาว่าชื่อว่า Cupid มาเป็นระยะเวลาถึง 12 ปี ด้วยความใกล้ชิดที่ทั้งสองมีให้กันตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำให้ในตอนนี้พวกเขาตัวติดกันอย่างกับตังเมเลยก็ว่าได้ เมื่อถึงเวลาที่หญิงสาวคนนี้ต้องย้ายออกจากบ้านไปอยู่ที่วิทยาลัย แน่นอนว่า Redfern ต้องนำหมาสุดที่รักของเธอไปด้วย และด้วยความกังวลในการย้ายสถานที่ใหม่ของเจ้า Cupid เธอจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้ที่พักแห่งใหม่มีบรรยากาศสบายๆ ที่สุดสำหรับหมาของเธอเท่าที่จะเป็นไปได้   เตียงย่อมๆ น่าจะพอดีกับหมาตัวเล็ก   Redfern ได้ย้ายเข้าไปสู่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ขณะที่กำลังจัดข้าวของให้เข้าที่ เธอได้เห็นห้องเก็บเสื้อผ้าแห่งหนึ่งอยู่ติดกับห้องของเธอและนั่นได้ทำให้เกิดไอเดียที่ว่า เธอจะเปลี่ยนห้องเก็บของเก่าๆ ห้องนี้ให้เป็นห้องสำหรับหมาของเธอแทนจะดีกว่า เพื่อให้เจ้า Cupid ได้นอนอย่างสบายๆ ใกล้ๆ ตัวเธอด้วย “มันชอบห้องนี้มาก เตียงนอนน่ารักๆ นี้ได้รับการออกแบบมาจากแม่ของฉัน เธอเย็บทุกอย่างขึ้นมาด้วยตัวเองเลยนะ” Redfern กล่าว…

  • พบกับอาหารแห่งยุค 3017 ที่หากินได้แล้วในตอนนี้ เอ๊ะนี่เราอยู่ในสมัยไหนกันแน่เนี่ย

    พบกับอาหารแห่งยุค 3017 ที่หากินได้แล้วในตอนนี้ เอ๊ะนี่เราอยู่ในสมัยไหนกันแน่เนี่ย

    จะเป็นอย่างไรในเมื่ออาหารที่เรากินอยู่ทุกวันพบกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในปัจจุบัน ใครหลายคนอาจจะคิดถึงอาหารดัดแปลงพันธุกรรม แต่ในวันนี้เราไม่ได้มาพูดถึงในเรื่องนั้น แต่เราจะพูดถึงอาหารที่มีหน้าตาแปลกๆ จากทั่วทุกมุมโลกที่คุณอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต และนี่คือหน้าตาของอาหารแปลกๆ ที่รับรองได้ว่าคุณต้องอยากลองชิมมันสักครั้งในชีวิต เพราะว่ามันช่างเป็นสิ่งที่แปลกหูแปลกตา รวมทั้งชวนลิ้มลองให้ละเมียดลิ้นเข้าไปแตะซะจริงๆ ซึ่งมันจะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง ลองเลื่อนลงไปดูกันดีกว่า   ขนมหวานทรงเรขาคณิต   แม้ว่ามันจะมีหน้าตาเหมือนกับรูบิคสีแดงๆ แต่ว่ามันคือเค้กจริงๆ ที่ผลิตขึ้นโดยอัจฉริยะชื่อว่า Dinara Kasko เธอเป็นคนที่เรียนจบมาด้านสถาปัตยกรรม แต่ในใจลึกๆ ก็รักการทำขนมเช่นกัน เธอจึงทำความรู้มาผสมเข้ากับพรสวรรค์ด้านการทำขนมของเธอ จนออกมาขนมหน้าตาแปลกๆ ดังกล่าว ซึ่งหากใครอยากลิ้มลองก็สามารถซื้อออนไลน์ได้ที่ dinarakasko   ไอศกรีมราเมง   ลืมราเมงแบบเก่าๆ ที่อยู่ในน้ำซุปไปได้เลย เพราะนี่คือเส้นราเมงที่ทำมาจากเยลลี่ แล้วโปะลงบนน้ำแข็งไสเย็นฉ่ำ พร้อมด้วยเครื่องเคียงต่างๆ แล้วปิดท้ายด้วยนมข้น นี่จึงอาจจะเป็นของหวานที่ให้ความสดชื่นที่สุดในโลกก็เป็นไปได้   ช็อกโกแลตสีชมพู   ช็อกโกแลตสีสันแปลกตาพร้อมด้วยรสชาติที่แปลกใหม่ ได้กลายมาเป็นมิติใหม่ของช็อกโกแลตในศักราชนี้ มันทำมาจาก Ruby Cocoa ที่คิดค้นขึ้นมาโดยบริษัท Barry Callebaut ซึ่งรสชาติของมันจะหวานอมเปรี้ยวเหมือนลูกเบอร์รี่เลยล่ะ   จุกปิดไวน์   โดยปกติแล้วขวดไวน์ชั้นเลิศจะถูกปิดผนึกด้วยจุกไม้คอร์ก เพื่อป้องกันอากาศเข้าไปทำปฏิกิริยากับไวน์ในขวดแล้วทำให้รสชาติเปลี่ยนไป ทำให้การการเปิดไวน์แต่ละครั้งจำเป็นต้องดื่มให้หมดเพื่อรสชาติที่ดี แต่นี่คือจุกปิดไวน์ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว จึงหมดห่วงเรื่องอากาศแล้วเก็บไว้กินวันอื่นได้เลย โดยจุกที่ว่านี้สามารถหาซื้อกันได้ที่ winecondoms ว่าแต่ หน้าตามันคุ้นๆ ไงไม่รู้เนอะ  …

  • เผยคำทำนายทายทักว่าจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ 2 อย่างในปี 2018 โดยนอสตราดามุสแห่งบอลข่าน

    เผยคำทำนายทายทักว่าจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ 2 อย่างในปี 2018 โดยนอสตราดามุสแห่งบอลข่าน

    เมื่อเราไม่สบายใจหรือว่าอยากหาที่พึ่งทางใจบางอย่าง ใครหลายคนก็เลือกที่จะไปปรึกษา ‘หมอดู’ เพื่อตรวจดวงชะตาดูว่าเป็นอย่างไร แต่ก็อย่างที่ว่าด้วยความเป็นศาสตร์ลึกลับจึงไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่หมอดูพูดเป็นเรื่องจริง หรือเรื่องที่พวกเขาคิดกันเองกันแน่ ทว่าก็มีหญิงลึกลับคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก โดยเธอได้เคยทำนายเหตุการณ์ต่างๆ ของโลกถูกมาแล้วมากมาย ทั้งเหตุการณ์ 9/11,  Isis ขึ้นเป็นใหญ่ และสึนามิในวันคริสต์มาสที่คร่าชีวิตของผู้คนนับร้อยนับพันคน และตอนนี้มีคำทำนายของเธอที่บอกไว้ว่าจะมีเหตุการณ์ใหญ่ๆ ของโลกเกิดขึ้น 2 เหตุการณ์ในปี 2018 ที่กำลังจะเข้ามาถึงในเร็ววันนี้     Baba Vanga คือชื่อของหญิงลึกลับคนดังกล่าว เธอเป็นหมอดูตาบอดชื่อดังชาวบัลแกเรียผู้ได้รับฉายาว่า “นอสตราดามุสแห่งบอลข่าน” หมอดูชื่อก้องโลกคนนี้เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 1996 ด้วยวัย 85 ปีแต่เธอได้ทิ้งคำทำนายเอาไว้ในแต่ละปีๆ ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นบ้าง     สำหรับในปี 2018 นอสตราดามุสแห่งบอลข่านได้ทำนายเอาไว้ว่าจะมีเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ก็คือ ประเทศจีนจะเป็นมหาอำนาจของโลกแทนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และมนุษย์จะค้นพบพลังงานรูปแบบใหม่ บนดาวดาวศุกร์ ซึ่งหากถามว่าคำทำนายของเธอมีความใกล้เคียงกับความจริงมากแค่ไหน ลองไปดูความน่าจะเป็นไปได้กัน ในเดือนกรกฎาคมปี 2018 องค์การนาซ่ายมีแผนจะปล่อยยานอวกาศ Parker Solar Probe ซึ่งเป็นยานอวกาศที่ควบคุมด้วยระบบหุ่นยนต์ขึ้นสู่อวกาศ และภารกิจของยานลำนี้ก็คือสำรวจตรวจสอบชั้นบรรยากาศชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์ วิธีการเข้าสำรวจก็คือยานลำนี้จะใช้แรงโน้มถ่วงของดาวศุกร์เข้าช่วยเพื่อตรวจสอบ แรงลมสุริยะรวมถึงเสาะหาแหล่งพลังงานที่ให้ความร้อนแก่พลาสมาที่อยู่รอบๆ ดวงอาทิตย์ จากข้อมูลข้างต้น ดูเหมือนว่าคำทำนายของ Vanga มีเค้าว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้จริงตามที่เธอได้กล่าวเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว…

  • ก็คนมันรัก!! ครอบครัวหนึ่งใช้ต้นคริสต์มาส “ต้นเดิม” มากว่า 34 ปี และที่สำคัญคือมันยังมีชีวิตอยู่

    ก็คนมันรัก!! ครอบครัวหนึ่งใช้ต้นคริสต์มาส “ต้นเดิม” มากว่า 34 ปี และที่สำคัญคือมันยังมีชีวิตอยู่

    เมื่อถึงเทศกาลคริสต์มาสหลายบ้านก็มักจะซื้อต้นคริสต์มาสเข้ามาประดับบ้านในทุกๆ ปี และเมื่อผ่านพ้นไปแล้ว ก็ทิ้งมันไปอย่างไม่ไยดี เพราะคิดว่ายังไงปีหน้าก็ต้องซื้ออยู่ดี แต่กลับมีครอบครัวหนึ่งที่ไม่มีความคิดเช่นนั้น เพราะพวกเขาได้ใช้ต้นคริสต์มาส “ต้นเดียว” มาตลอด 34 ปีจนถึงตอนนี้มันก็ยังมีชีวิตอยู่!! ครอบครัวของ Gina และ Joe Mistretta ได้เริ่มเข้าร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสตั้งแต่ปี 1983 ซึ่งในปีเดียวกันเองนั้นพวกเขาได้ซื้อต้นคริสต์มาสต้นหนึ่งมาด้วยความสูงที่ไม่ถึงเมตรและมีราคาไม่ถึง 20 ดอลลาร์ (ประมาณ 650 บาท) ด้วยซ้ำ   Gina และ Joe คนดูแลต้นคริสต์มาสมากว่า 34 ปี   ต้นไม้ที่พวกเขาซื้อมันอาจจะมีขนาดเล็กจนไม่สามารถแขวนกระดิ่ง หรือกระทั่งไฟสวยงามใดๆ ได้แต่เมื่อผ่านพ้นเทศกาลไปพวกเขาก็ตัดสินใจจะเลี้ยงต้นไม้ต้นนี้ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป “มันเป็นเรื่องเศร้ามากๆ ที่จะโยนมันทิ้งไป” Gina กล่าว   ต้นคริสต์มาสที่ในตอนแรกมีความสูงไม่ถึง 1 เมตร   ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนกระทั่งเวลาผ่านไป 34 ปี ต้นไม้ต้นนี้ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองในครอบครัวนี้ และดูเหมือนว่าความพยายามในการอนุรักษ์ต้นไม้ของพวกเขาจะกลายเป็นสิ่งที่หาได้ยากในสังคมทุกวันนี้ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาต้นไม้ต้นนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทั้งการตัดแต่งกิ่งต่างๆ รดน้ำต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งมีการเปลี่ยนกระถางเมื่อถึงเวลาอันสมควร นอกจากนี้ยังได้ลูกๆ ของพวกเขามาช่วยดูแลอย่างอื่นด้วยอีกแรงหนึ่ง…

  • ก็มันง่วงอ่ะ!! พ่อค้ายาเมาจัดกระโดดขึ้นรถตำรวจเพราะนึกว่าเป็นแท็กซี่ ทั้งที่พกกัญชากว่าพันมวน

    ก็มันง่วงอ่ะ!! พ่อค้ายาเมาจัดกระโดดขึ้นรถตำรวจเพราะนึกว่าเป็นแท็กซี่ ทั้งที่พกกัญชากว่าพันมวน

    การจะขึ้นรถลงเรือ บางครั้งเราก็ต้องตรวจสอบดีๆ ว่ามันเป็นรถที่เราต้องการจะขึ้นหรือไม่ เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีรถรุ่นซ้ำๆ กันหรืออาจจะมีลักษณะใกล้เคียงกัน และถ้าหากบังเอิญเราดันไปขึ้นรถผิดคันเข้าก็อาจจะทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปเหมือนกับชายคนนี้… เหตุการณ์สุดฮานี้ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมาในเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อมีพ่อค้ายาเสพติดคนหนึ่งอยู่ในสภาพมึนเมาจัด เขาจึงกระโดดขึ้นไปรถคันหนึ่งที่เขาคิดว่าเป็นรถแท็กซี่เพื่อจะกลับบ้านไปนอนให้มันสบายเนื้อสบายตัวซักหน่อย ทว่าด้วยความมึนเมาทำให้เขาเห็นรถตำรวจเป็นรถแท็กซี่ ซึ่งในขณะนั้นเขาได้พกกัญชาติดตัวไปด้วยกว่า 1,000 มวน แน่นอนว่าเขาจึงต้องไปสร่างเมาในคุกแทนโซฟานุ่มๆ ที่บ้านแทน   ตำรวจถึงกับโพสต์ทวิตเตอร์ถึงเรื่องแปลกๆ ที่ได้เจอ   “เมื่อคืนที่ผ่านมาพ่อค้ากัญชารายใหญ่จากเขต Christiana ผู้ที่อยากจะกลับไปนอนที่บ้านไวๆ กระโจนเข้าไปในรถแท็กซี่ แต่เขาก็ต้องเจอกับเซอร์ไพรส์ใหญ่ เมื่อเขาเพิ่งได้รู้ว่ารถที่เขาขึ้นมันเป็นรถตำรวจไม่ใช่รถแท็กซี่” “แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิ้มร่าทันทีเมื่อได้เห็นหน้าเขาคนนั้น เพราะว่าเขาพกกัญชากว่า 1000 มวนติดตัวมาด้วย” ตำรวจเมืองโคเปนเฮเกนเขียนเอาไว้ในทวิตเตอร์ของพวกเขา เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่พ่อค้ายาคนอื่นๆ ในพื้นที่งานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มอบโทษติดคุกยาวๆ ให้แก่พ่อค้ายาคนนี้ และพนันได้เลยว่าเขาคงเสียใจอย่างหนักที่ดันพลาดท่าง่ายๆ ทั้งที่มีวิธีที่ปลอดภัยกว่ากันเยอะอย่างการเรียก ‘อูเบอร์’     ในตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังกวาดล้างการค้าขายยาเสพติดในเขต Christiana ซึ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พื้นที่นี้มีการซื้อขายกัญชากันอย่างโจ่งครึ่ม พื้นที่นี้ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มชาวฮิปปี้ในปี 1971 และเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสังคมปิดในเมืองโคเปนเฮเก้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมพื้นที่นี้จึงมียาระบาดเป็นจำนวนมาก เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้แสดงศักยภาพด้วยการจับกุมพ่อค้ายาหลายคน ที่มักจะชอบยืนอยู่ข้างถังขยะและได้ยึดกัญชาเอาไว้ได้หลายกิโลกรัมภายในสัปดาห์เดียว   โดดผิด ชีวิตเปลี่ยนจริงๆ ……

  • ญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดลดลงอย่างน่าใจหาย และต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2017

    ญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดลดลงอย่างน่าใจหาย และต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2017

    ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผลิตหนังอย่างว่า หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าหนังเอวีออกมาเป็นพันเป็นหมื่นเรื่องต่อปีและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จึงทำให้ใครหลายคนอาจจะคิดว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ฟรีเซ็กส์ และมีเด็กๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าในปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นกำลังจะมีอัตราการเกิดน้อยที่สุดตั้งแต่มีการสำรวจ!! ประเทศญี่ปุ่นในตอนนี้ได้ถูกคาดการณ์เอาไว้ว่าจะมีเด็กที่เกิดใหม่จำนวน 941,000 คนในปี 2017 ซึ่งจะเป็นอัตราการเกิดที่ต่ำที่สุด เท่าที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลมาตั้งแต่ปี 1899 และจำนวนเด็กเกิดใหม่ที่ว่านี้จะน้อยลงกว่าปีก่อนถึง 36,000 คนจากข้อมูลของรัฐบาลญี่ปุ่นที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา     จากข้อมูลทางสถิติที่ถูกเผยแพร่โดยกระทรวงคุ้มครองสุขภาพแรงงาน ดูเหมือนว่าจำนวนเด็กแรกเกิดในปีนี้จะมีแนวโน้มที่ต่ำกว่า 1 ล้านคนเป็นปีที่สองติดต่อกันกับปีก่อนหน้านี้ โดยอัตราการแรกเกิดที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่นคือในปี 1949 ที่มีจำนวนเด็กแรกเกิดสูงถึง 2.7 ล้านคนต่อปี นอกจากอัตราการแรกเกิดแล้ว สถิติยังได้เผยถึงแนวโน้มประชากรญี่ปุ่นในปัจจุบันอีกด้วย โดยในปี 2017 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปมีตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1.34 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ยุคสิ้นสุดสงคราม และมีตัวเลขที่เพิ่มกว่าปีก่อนถึง 36,000 รายเลยทีเดียว     ด้วยอัตราการเกิดที่น้อยลงและอัตราการเสียชีวิตที่มากขึ้น ทำให้จำนวนประชากรในประเทศญี่ปุ่นลดลงถึง 403,000 คนซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังมากกว่าปีที่แล้วถึง 72,000 คน ด้วยเหตุนี้ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศญี่ปุ่นจึงออกมาให้คำมั่นสัญญาว่าจะแก้ปัญหาเรื่องประชากรนี้ให้ได้ ซึ่งวิธีที่เขาจะใช้แก้ปัญหาก็คือ เพิ่มความสนับสนุนในการด้านการดูแลเด็กและการศึกษา…

  • ช้างน้อยแสนซนติดบ่อโคลนขึ้นไม่ได้ เจ้าหน้าจึงช่วยอาสา”แบกขึ้นหลัง” ไปส่งแม่ซะเลย

    ช้างน้อยแสนซนติดบ่อโคลนขึ้นไม่ได้ เจ้าหน้าจึงช่วยอาสา”แบกขึ้นหลัง” ไปส่งแม่ซะเลย

    ในประเทศอินเดียเรามักจะพบเห็นเหตุการณ์ สัตว์ติดอยู่ในสถานที่ที่มันไม่ควรอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำ ห้วย ลำธาร ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของพวกมันได้ และสาเหตุหลักๆ ก็มาจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในประเทศยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร ทำให้สัตว์ที่ไม่รู้ประสีประสาต้องติดแหงกอยู่ตามภูมิประเทศต่างๆ เสมอ และเมื่อเร็วๆ นี้ก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกเช่นเดียวกัน โดยเหยื่อคราวนี้เป็นลูกช้างสุดน่ารักที่ติดอยู่ในลำคลอง และสิ่งที่มันทำให้มันไม่สามารถขึ้นมาได้ก็เพราะว่ามีโคลนที่ลื่นๆ คอยสกัดกั้นมันไว้อยู่ แต่ก็เป็นโชคดีของลูกช้างตัวนี้ที่มีคนใจดีไปเห็นแล้ว และได้ให้การช่วยเหลือชนิดที่ว่าแบกขึ้นหลังเลยทีเดียว   นอนสบายเชียวนะ เจ้าช้างน้อย   เหตุการณ์สุดน่ารักน่าชังนี้เกิดขึ้นในเมือง Ooty ทางตอนใต้ของประเทศอินเดียเมื่อมีลูกช้างหลงฝูงตัวหนึ่ง ไปติดแหงกอยู่ที่บ่อโคลนทำให้มันไม่สามารถขึ้นมาเดินพร้อมกับฝูงของมันได้ และเมื่อชาวบ้านไปเห็นจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้มาให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน เมื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้รับการแจ้งเหตุดังกล่าว พวกเขาก็รีบไปกักตัวแม่ช้างเอาไว้ก่อนเพราะว่าแม่ของมันเริ่มมีอาการหัวเสียพังรถพังสิ่งต่างๆ และก็เริ่มวิ่งไล่ผู้คน เพราะว่ามันไม่สามารถช่วยลูกของมันขึ้นมาได้ จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังบ่อโคลนที่เจ้าช้างน้อยตัวนี้ไปติดอยู่   เดินมาส่งมันกลับบ้านกันเป็นแถว   เจ้าช้างน้อยที่ว่านี้ พวกเขาคาดเอาไว้ว่ามันน่าจะเป็นลูกช้างที่เพิ่งเกิดมาไม่นานนัก โดยมันน่าจะมีอายุเพียง 2-3 วันเท่านั้นนั่นจึงเป็นสาเหตุให้มันไปติดกับบ่อโคลนดังกล่าวนั่นเอง งานนี้ต้องใช้เจ้าหน้าที่หลายคนกว่าที่จะช่วยเหลือมันขึ้นมาได้ ทว่าเมื่อลูกช้างตัวนี้ปลอดภัยแล้ว มันก็วิ่งหนีอย่างตื่นกลัวตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมัน เจ้าหน้าที่จึงต้องตามจับอยู่นานสองนาน ก่อนที่มันจะยอมจำนนในที่สุด   ฮึบ มาช่วยกันเร็วพวกเรา   เจ้าช้างน้อยตัวนี้ได้หมดฤทธิ์ลงเพราะความเหนื่อยล้าและหิวโหย เจ้าหน้าที่จึงได้เอาน้ำตาลพร้อมกับน้ำมะพร้าวให้มันกิน และเมื่อมันมีแรงอีกครั้งมันก็เหมือนจะวิ่งหนีออกไปนอกถนนอีก ทีนี้เจ้าหน้าที่ไม่รอช้าจับมันแบกขึ้นหลังกลับเข้าป่าไปส่งคืนแม่ของมันที่คอยอยู่อย่างความเป็นห่วง   ขึ้นมาได้ซะที…

  • พบกับ Roo ลูกหมาที่มีชีวิตรอดออกมาจาก ‘โรงงานผลิตลูกสุนัข’ และได้เริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง!!

    พบกับ Roo ลูกหมาที่มีชีวิตรอดออกมาจาก ‘โรงงานผลิตลูกสุนัข’ และได้เริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง!!

    ใครหลายคนอาจจะเคยไปเดินตลาด แล้วก็พบลูกหมาน่ารักๆ วางขายอยู่ ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีความน่ารักน่าหยิกที่แตกต่างกันออกไป ทว่ารู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วลูกหมาเหล่านั้นอาจจะมาจากสถานที่ที่เรียกว่า ‘โรงงานผลิตลูกสุนัข’ ก็เป็นไปได้ โรงงานผลิตลูกสุนัขเป็นสถานที่เพาะพันธุ์สุนัขโดยไม่มีการวางแผน ไม่มีการคัดเลือกสายพันธุ์ใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของสัตว์ต่างก็ไร้ซึ่งความสะอาด หรือถูกสุขอนามัยแม้แต่น้อย สัตว์ที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้จึงต้องทนทุกข์ทรมานจากความสกปรก และอัดแน่นอยู่ในกรงที่บางกรงต้องอัดกันเข้าไปอยู่ถึง 3-4 ตัว   ดูความน่ารักของเจ้า Roo ซะก่อน   สภาพของหมาแต่ละตัวที่อยู่ที่นี่มักจะมีสภาพที่ไม่ค่อยดีนักจากสภาพความเป็นอยู่ดังกล่าว ซึ่ง Roo ก็เป็นหมาอีกตัวเช่นกันที่อยู่ที่นี่ แต่เมื่อเร็วๆ นี้มันก็ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากโรงงานผลิตสุนัขในประเทศฮ่องกง และตอนนี้เหมือนกับว่ามันได้มีชีวิตใหม่แล้ว Roo ถูกช่วยเหลือหมาตอนที่ยังเป็นหมาน้อยอยู่ และในขณะที่ได้รับการช่วยเหลือออกมา หูข้างซ้ายของมันติดเชื้ออย่างรุนแรง สัตวแพทย์จึงจำเป็นต้องตัดหูซ้ายของมันออก เพื่อป้องกันเชื้อจะลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกาย นอกจากนี้ฟันของมันก็หายไปจนหมดไม่เหลือแม้แต่ซี่เดียว หน้าตาสดใสแตกต่างจากในอดีตเยอะ   ทว่าในตอนนี้เจ้าหมาน้อยน่าสงสารตัวนี้ ได้มีผู้ใจดีรับไปเลี้ยงที่ดูแลมันเป็นอย่างดี แต่ด้วยลักษณะของมันที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เจ้าของใหม่ของมัน มักจะโพสต์ภาพลงในอินสตาแกรมระหว่างเดินทางท่องเที่ยวไปด้วยกันเสมอๆ ในเวลาไม่นาน เจ้า Roo ก็ได้เป็นดาวเด่นในโลกออนไลน์ โดยในตอนนี้อินสตาแกรมของเจ้า Roo มีผู้ติดตามแล้วกว่าหมื่นคน ซึ่งหากอยากรู้ว่าหมาน้อยตัวนี้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างไร ก็ตามไปดูกันดีกว่า   ด้วยในอดีตมันได้รับประสบการณ์ที่โหดร้าย ทำให้สุขภาพของมันไม่ค่อยดีนัก  …

  • เออตูยอม!! รวมไอเดียของขวัญสุดกวน… ที่ใครได้ไปต้องอุทานว่า ‘นี่เอ็งเล่นตลกใช่ไหมเนี่ย’

    เออตูยอม!! รวมไอเดียของขวัญสุดกวน… ที่ใครได้ไปต้องอุทานว่า ‘นี่เอ็งเล่นตลกใช่ไหมเนี่ย’

    เมื่อใกล้ถึงวันปีใหม่ บริษัทห้างร้านหลายๆ แห่งก็จะมีเทศกาลอย่างหนึ่งที่เรียกกันว่าการแลกของขวัญเกิดขึ้น ซึ่งทีนี้ของขวัญที่จะเอามาแลกก็น่าจะซ้ำกับของเดิมๆ จนอาจจะกลายเป็นความเบื่อมากกว่าความสนุกเมื่อต้องมานั่งเลือกว่าปีนี้จะเอาอะไรไปจับฉลากกับเพื่อนๆ ดีนะ ทว่าในวันนี้เรามีทางแก้มาให้คุณแล้ว หากคุณเบื่อของขวัญแบบเดิมๆ ที่ซ้ำซากในทุกปีที่เป็นคุกกี้บ้าง ผ้าขนหนูบ้าง ในปีนี้คุณอาจจะเอาไอเดียของคนเหล่านี้ไปทำบ้างก็ได้ เพราะนี่คือไอเดียสุดกวน… ที่ผู้คนจากทั่วโลกได้ร่วมแชร์กันมา ความคิดของพวกเขาเหล่านี้สามารถรับรองกับคุณได้เลยว่า คุณจะได้รับความสะใจในทุกอณูรูขุมขนระหว่างมีการจับฉลาก และจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมของผู้คนดวงซวยที่จับฉลากสิ่งของเหล่านี้ และอาจจะมีความคิดขึ้นมาในหัวว่า นี่ตูจะเอาไปทำอะไรได้ฟะเนี่ย…   จะทำให้ลำบาก ทำม๊ายย   อุตส่าห์ดีใจนึกว่าจะมีเซอร์ไพรส์ ที่ไหนได้   ห่ออย่างนี้อย่าห่อจะดีกว่า ลงทุนหน่อยเฮอะ   ข้างในมันคืออะไรกันนะ ไม่รู้เลยจริงๆ   เปิดกล่องแทบช็อก เอาออกมาดูแทบชัก   อาจจะเป็นโมเดลกันดั้มก็เป็นได้นะ   กล่องของขวัญสำหรับเหล่ามังสวิรัติ   ของขวัญสำหรับสาวโสด   เอิ่ม ขอบคุณมากนะ ขอบคุณจริงๆ เล๊ย   ใส่ไปเดินข้างนอกทีนี่ คนมองไปสามบ้านเจ็ดบ้าน   ให้มาอย่างงี้ ไม่ให้ยังจะดีกว่า   จะได้ใกล้ชิดกันตลอดเวลาไงล่ะ   อยากได้ Apple Watch…

  • เจ้าหญิงไมเคิล หนึ่งในพระราชวงศ์อังกฤษขอโทษชาวเมืองหลังติดเข็มกลัด “เหยียดผิว”

    เจ้าหญิงไมเคิล หนึ่งในพระราชวงศ์อังกฤษขอโทษชาวเมืองหลังติดเข็มกลัด “เหยียดผิว”

    เมื่อเร็วๆ มานี้ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องหนึ่งขึ้นอย่างหนาหูในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงไมเคิลแห่งเคนต์ หนึ่งในสมาชิกพระราชวงศ์อังกฤษ โดยในการทรงงานวันนั้นพระองค์ได้ทรงติดเข็มกลัดรูปคนดำเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันเนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส ซึ่งในงานนั้นก็มีนางสาว Meghan Markle พระคู่หมั้นของเจ้าชายแฮร์รี่ ที่มีเชื้อสายแอฟริกันอยู่ด้วย   ภาพที่ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นอย่างหนาหู   สำหรับเข็มกลัดที่พระองค์ทรงกลัดไปงานจนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ก็คือเข็มกลัดสไตล์ “แบล็กอามัวร์”(Blackamoor) ซึ่งเป็นรูปร่างของคนดำที่สวมเครื่องประดับต่างๆ นานา ทำให้ผู้คนวิจารณ์กันว่าที่พระองค์ทรงติดเข็มกลัดนี้มางาน อาจจะมีนัยของการเหยียดสีผิวแฝงเอาไว้อยู่   เข็มกลัดศิลปะแบบ Blackamoor ที่เป็นที่มาของการเหยียดเชื้อชาติ   เข็มกลัดที่ว่านี้เป็นที่สังเกตครั้งแรกโดย Lainey Gossip สื่อบันเทิงชื่อดัง และได้ทำให้นักวิจารณ์บางคนออกมาพูดถึงประเด็นการเหยียดเชื้อชาติของพระองค์ขึ้น โดยสื่อนี้ได้เขียนพาดหัวภาพเอาไว้ว่า “ขณะที่เรากำลังพูดถึงเรื่องนี้กัน คุณคิดว่านางสาว Meghan จะเห็นเข็มกลัดที่เจ้าหญิงไมเคิลแห่งเคนต์ติดมาไหม” โดยภาพของพระองค์ถูกจับได้พร้อมกับ เจ้าชายไมเคิลแห่งเคนต์พระสวามีของพระองค์ ขณะที่กำลังขับรถเข้าไปที่พระราชวังบักกิ้งแฮม   ภาพขณะอยู่หน้าพระราชวังบักกิ้งแฮม   และในตอนนี้ก็ได้มีแถลงการณ์ออกมาจากพระองค์แล้ว โดยเจ้าหญิงไมเคิลแห่งเคนต์ได้ออกมาบอกว่า เข็มกลัดที่พระองค์ทรงติดไปงาน เป็นของขวัญที่พระองค์ได้รับมานานและได้ทรงติดออกงานสังคมมาหลายงานแล้ว ทั้งนี้พระองค์ก็ได้กล่าวเอาขอโทษเอาไว้ “ฉันขอโทษและเสียใจเป็นอย่างมากที่ทำให้เกิดความขุ่นข้องขึ้น” คำแถลงของพระองค์ได้กล่าวเอาไว้ สำหรับเจ้าหญิงไมเคิลแห่งเคนต์ทรงเป็นพระราชนัดดาในพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร และได้ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าชายไมเคิลแห่งเคนต์ และในปัจจุบันพระองค์ก็มีพระชันษาถึง 72 ปีแล้ว   ที่มา: metro

  • คู่ตายายวัยดึกขนกัญชาเกือบ 30 กิโล อ้างจะเอาไปเป็นของขวัญวันคริสต์มาสแต่โดนรวบก่อน!!

    คู่ตายายวัยดึกขนกัญชาเกือบ 30 กิโล อ้างจะเอาไปเป็นของขวัญวันคริสต์มาสแต่โดนรวบก่อน!!

    การขนสิ่งของต้องห้ามหรือว่ายาเสพติด เป็นสิ่งผิดกฎหมายที่ใครๆ ต่างก็รู้กันดีว่าผลของการกระทำนั้นจะเป็นอย่างไร แม้ว่าพวกเขาจะอ้างว่าจะเอาไปเป็นของขวัญสำหรับวันคริสต์มาสที่กำลังจะใกล้เข้ามาถึงในเร็ววันนี้ก็ตาม เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวชายวัย 80 ปีชื่อว่า Patrick Jiron และเมียวัย 83 ปีของเขาชื่อว่า Barbara Jiron ขณะกำลังขนกัญชาซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 27 กิโลกรัมข้ามรัฐ   ไม่น่าเลยตู   เจ้าหน้าที่ตำรวจได้หยุดรถของคู่ตา-ยายคู่นี้บนถนนข้ามระหว่างรัฐสายที่ 80 และเมื่อเปิดผ้าคลุมหลังรถกระบะ โตโยต้า ทาโคม่า ออกพวกเขาก็ต้องตะลึงเพราะพบว่าที่กระบะรถคันนี้เต็มไปด้วยกัญชาอัดซ้อนๆ กันอยู่จนแทบจะไม่มีที่ว่าง และเมื่อนำไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นกัญชาที่พบเป็นกัญชาคุณภาพชั้นยอดที่มีน้ำหนักถึง 27 กิโลกรัมและมีมูลค่ามากถึง 336,000 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 11 ล้านบาท) เลยทีเดียว ตา-ยายสายปุ๊นคู่นี้ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า พวกเขาออกเดินทางจากบ้านของพวกเขาที่รัฐแคลิฟอร์เนีย และกำลังมุ่งหน้าเดินทางไปรัฐเวอร์มอนต์ นอกจากนั้นพวกเขายังบอกอีกด้วยว่ากัญชาที่ขนมานั้นเพื่อจะเอาไว้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสให้แก่คนที่พวกเขารู้จัก   เยอะขนาดนี้ ปอดมีพังกันบ้างแหละ   ซึ่งเหตุที่พวกเขาโดนจับก็เพียงเพราะว่า เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่ารถคันนี้ได้ขับเลยเส้นกลางถนนโดยไม่เปิดสัญญาณไฟก็เลยเรียกมาตรวจสอบเพียงเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเอาไว้ว่าพวกเขาได้กลิ่นกัญชาฉุนจมูกทันทีที่เข้าใกล้รถคันนี้ พวกเขาจึงเข้าค้นรถคันดังกล่าวแล้วก็พบสิ่งที่พวกเขาคิดเอาไว้จริงๆ นั่นจึงทำให้ Patrick ผู้เป็นสามีถูกจับในข้อหาครอบครองกัญชาด้วยเจตนาที่จะส่งมอบ และไม่มีตราประทับภาษียาเสพติด ส่วนภรรยาถูกจับในข้อหาสมรู้ร่วมคิด   ของขวัญนี่เมาได้ทั้งหมู่บ้านเลยนะตาจ๋า..   ที่มา: dailymail

  • โดน!! หนุ่มเสพยาอีจนเมา ขโมยเรือเป็ดปั่นไปนั่งเล่นอยู่ที่น้ำพุกลางเมือง เพลินเลยสิเอ็ง

    โดน!! หนุ่มเสพยาอีจนเมา ขโมยเรือเป็ดปั่นไปนั่งเล่นอยู่ที่น้ำพุกลางเมือง เพลินเลยสิเอ็ง

    ในการสังสรรค์ยามค่ำคืนก็อาจจะมีกันบ้างบางครั้งที่เรากินเหล้าเยอะเกินจนถึงภาวะที่เรียกว่า ‘เมา’ ซึ่งความเมาในที่นี้ก็ได้สร้างวีรกรรมแปลกๆ ไว้สำหรับใครหลายคน โดยอาจจะมีเรื่องขายหน้าบ้าง เรื่องความกล้าที่มาจากไหนไม่รู้บ้าง แต่โดยรวมแล้วเรามักจะไม่เป็นตัวของตัวเองเสมอเมื่ออยู่ในอารมณ์สุดปั่นเช่นนี้ สำหรับสาเหตุของความเมาก็มีอยู่หลากหลายวิธี และวิธีที่พบเห็นได้ทั่วๆ ไปในทุกหัวมุมเมืองก็คือความเมาที่มาจากฤทธิ์ของสุรา แต่รู้หรือไม่ว่าบางครั้งก็อาจจะมีคนคิดแผลงๆ อยากที่จะมีความเมาที่แตกต่างกับวิธีเดิมๆ โดยพวกเขาได้ลองสิ่งที่เรียกว่ายาเสพติดแทน   ไปทำอะไรตรงน้านน   และด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้นในเมืองออร์แลนโด ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อมีเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีชายคนหนึ่งขโมยเรือเป็ดแล้วปั่นไปที่น้ำพุกลางเมือง แล้วทำอย่างกับตัวเองติดเกาะอยู่ซะอย่างนั้น ซึ่งเรื่องสุดฮานี้ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมานี้เอง ชายสุดเมาคนที่ว่านี้มีชื่อว่า Keith Thurston โดยเขาถูกพบขณะนั่งมึนอยู่ที่น้ำพุแห่งหนึ่งในอุทยาน Lake Eola และเมื่อเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือเขาก็บอกว่าเขาเสพยาอีมาเป็นตัน และก็กำลังอยู่ในช่วงเก็ตฮายอยู่จนแทบจะบินขึ้นไปบนสวรรค์เลยก็ว่าได้ ด้วยความเมาแน่นอนว่าเขาย่อมไม่ทำสิ่งที่คนทั่วๆ ไปทำอย่างแน่นอน เพราะความที่เขาหมายมั่นว่าจะไปถึงน้ำพุนั้นให้ได้ พาหนะที่เขาเลือกใช้จึงเป็นเรือเป็ดสุดน่ารัก   ผมไม่รู้ผมเมา   แต่เมื่อเขาถีบเจ้าเรือนี้ไปจนถึงน้ำพุแล้ว เขาก็ดันปล่อยให้เรือลอยละล่องออกไปซะอย่างงั้น งานนี้เขาเลยติดแหงกอยู่ที่เกาะน้ำพุแห่งนั้นอยู่นานสองนาน เดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ต้องมาช่วยเขาออกจากเกาะน้ำพุแห่งนั้น และเมื่อเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ ก็พบว่าชายคนนี้เมาอยู่จนสติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ก่อนที่ Keith จะถูกส่งไปที่โรงพยาบาล เขาบอกว่าเขาสูบยาอีมาเกือบเป็นตัน แล้วอยากจะร่วมเดินทางไปกับเจ้าเรือถีบสุดน่ารักอันนี้ เพราะเขาบอกว่าเรือลำนี้ไม่ต่อว่าเขาเหมือนคนอื่นๆ “ เจ้าหน้าที่ที่มาช่วยเหลือได้เขียนรายงานเอาไว้ ต่อมาเจ้าหนุ่มคนนี้ก็ได้ถูกส่งไปโรงพยาบาลเพื่อระงับอาการความเมาของเขาให้น้อยลง และดูเหมือนว่าการเดินทางของเขาจะต้องจบลงด้วยการเข้าตะรางก็อาจจะเป็นไปได้นะ   เก็ตฮายจนสบายอยู่ในตะรางไหมล่ะ.. ที่มา: ladbible

  • เต่าน้อยติดอยู่ในเชือกรัดของ เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ เดี๋ยวนะ.. เอ็งขนโคเคน 1,700 ล้าน!?

    เต่าน้อยติดอยู่ในเชือกรัดของ เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ เดี๋ยวนะ.. เอ็งขนโคเคน 1,700 ล้าน!?

    นิสัยความมักง่ายของใครหลายคน อาจจะสร้างความเดือดให้แก่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมทั้งอาจจะทำให้สิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้รับความเสียหายด้วย ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างคนที่ชอบทิ้งสิ่งของต่างๆ ลงทะเล ก็จะไปกระทบกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในทะเลอย่างเช่น ปลา หอย ปู กุ้งรวมถึงเต่าด้วย และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีเต่าที่ได้รับความเดือดร้อนจากการทิ้งสิ่งของที่ว่านี้เช่นกัน โดยร่างของเต่าตัวนี้ได้ไปพันกับสิ่งของอย่างหนึ่งอย่างเหนียวแน่น แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือมันและตรวจสอบสิ่งของที่พันธนาการมันอยู่ก็ถึงกับต้องตะลึง เพราะสิ่งที่ว่านี้มันคือโคเคนที่มีราคากว่า 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.7 พันล้านบาท)!!     เหตุบังเอิญนี้เกิดขึ้นบริเวณทางตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยชายฝั่งทะเลของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ไปพบเต่าทะเลพันธุ์หัวค้อนนี้โดยบังเอิญ ระหว่างภารกิจลาดตระเวนชายฝั่ง 68 วัน โดยยาเสพติดที่เจ้าเต่าตัวนี้ลากมานั้นมันคือโคเคนที่มีน้ำหนักมากกว่า 816 กิโลกรัมและเจ้าหน้าที่ก็คาดการณ์เอาไว้ว่ามันอาจมีมูลค่าสูงถึง 1.7 พันล้านบาท ซึ่งอาจเป็นของเจ้าพ่อยาเสพติดระดับโลกบางคนทำหล่นทิ้งเอาไว้     “ขณะเรากำลังลาดตะเวนกันในวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หน่วยของเราได้ส่งเรือลำเล็กออกไปสำรวจพื้นที่ และสมาชิกบนเรือคนหนึ่งก็ได้สังเกตเห็นร่างของเจ้าเต่าน้อยตัวนี้เข้าไปพัวพันกับกล่องสินค้า ที่เราคาดเอาไว้ว่าจะเป็นสินค้าเถื่อนอยู่” “พวกเราเห็นว่าเชือกที่พันเจ้าเต่าตัวนี้อยู่ เป็นเชือกที่ผูกโยงลังหลายลังเข้าไว้ด้วยกัน เราจึงค่อยๆ ตัดเชือกเหล่านี้ออกด้วยความระมัดระวัง และในที่สุดเต่าตัวนี้ก็เป็นอิสระพร้อมทั้งเราก็ได้ของกลางเอาไว้ตรวจสอบด้วย”  Mark Krebs ผู้บัญชาการภารกิจไล่ล่ากล่าว   ทุกขลาภจริงๆ เจ้าเต่าน้อยเอ๋ย ที่มา: unilad

  • นักสัตววิทยาเผย โลกกำลังเผชิญวิกฤตใกล้สูญพันธุ์ และอาจจะเร็วกว่าเดิมถึง 100 เท่า!!

    นักสัตววิทยาเผย โลกกำลังเผชิญวิกฤตใกล้สูญพันธุ์ และอาจจะเร็วกว่าเดิมถึง 100 เท่า!!

    ด้วยภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลก ทั้งการมีมลพิษต่างๆ ที่มากขึ้น รวมถึงภาวะโลกร้อนที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ทำให้โลกของเราดูเหมือนว่าจะมีอายุที่สั้นลงและสิ่งมีชีวิตก็เริ่มสูญพันธุ์กันมากขึ้น และหากยังมีสภาพที่เป็นเช่นนี้อยู่ ก็อาจจะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นกับโลกของเรามากขึ้นตามไปด้วย และเมื่อไม่นานมานี้นักสัตววิทยาได้ออกมาเปิดเผยว่า โลกของเราอาจจะต้องเผชิญกับการสูญพันธุ์ขนาดใหญ่อีกครั้ง นับตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ที่สูญพันธุ์ไปเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว     โดยรายงานสิ่งแวดล้อม The Living Planet report ซึ่งจัดทำโดยองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) และสมาคมสัตวศาสตร์แห่งลอนดอน (ZSL) ได้คาดการณ์เอาไว้ว่าจากสถานการณ์ในปัจจุบันโลกของเราจะเผชิญกับการสูญพันธุ์ที่ไวกว่ากำหนดเดิมถึง 100 เท่า ด้วยเหตุนี้ ในปี 2020 นี้จำนวนประชากรสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม, ปลา, สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์อื่นๆ ที่มีกระดูกสันหลังอื่นๆ จะลดลงถึง 2-3 เท่าในเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ในอดีตเราอาจจะมีความคิดที่ว่า ไดโนเสาร์อาจจะสูญพันธุ์ไปจากโลกเนื่องจากมีอุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาชนที่โลกของเรา แต่ในตอนนี้สิ่งที่จะทำให้ดาวดวงนี้ใกล้จะเข้าสู่ภาวะวิกฤตก็คือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘มนุษย์’     รายงานสิ่งวาดล้อมนี้ได้วิเคราะห์ข้อมูลสายพันธุ์สัตว์กว่า 3,706 ชนิด และได้พบว่า ในช่วงปี 1970 ถึง 2012 จำนวนประชากรสัตว์แต่ละชนิดลดลงไปถึง 58 เปอร์เซ็นต์ และถ้ายังรักษาระดับนี้ไว้เรื่อยๆ ภายในปี 2020 ตัวเลขจะลดลงไปถึง…

  • ใจดีจัด!! ชายชราร่วมแบ่งปันความสุข ด้วยการแขวนสิ่งของสำหรับคนไร้บ้านบนต้นคริสต์มาส

    ใจดีจัด!! ชายชราร่วมแบ่งปันความสุข ด้วยการแขวนสิ่งของสำหรับคนไร้บ้านบนต้นคริสต์มาส

    ของขวัญวันคริสต์มาสสำหรับบางคน อาจไม่ใช่ของขวัญที่มีราคาแพง หรือของขวัญที่สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ แต่ของขวัญของเขานั้นคือ ‘การให้’ แก่ผู้ที่ต้องการใช้จริงๆ ซะมากกว่า ซึ่งพวกเขาเหล่านี้อาจจะเป็นคนที่มีความสุขมากกว่าการได้รับของขวัญชิ้นใดๆ ในโลกนี้ก็เป็นได้ เรื่องราวในฤดูหนาวแต่อบอุ่นหัวใจนี้ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเป็นเรื่องราวความดีของชายแก่คนหนึ่งทางเหนือของรัฐเพนซิลเวเนีย ด้วยความที่เขาเห็นเหล่าคนไร้บ้านทั้งหลายต้องยืนหนาวอย่างโดดเดี่ยวอยู่ข้างถนน เขาจึงมีความคิดอยากจะมอบของขวัญวันคริสต์มาสให้แก่ผู้คนเหล่านี้ ที่ในชีวิตของบางคนอาจจะไม่เคยได้รับของขวัญในเทศกาลแสนมีความสุขนี้เลยก็เป็นได้       ในทุกๆ ปีเมื่อถึงวันคริสต์มาส ชายคนนี้จะนำต้นคริสต์มาสมาวางเอาไว้หน้าบ้านของตน แต่ในปีนี้แทนที่เขาจะตกแต่งต้นคริสต์มาสด้วยสิ่งของที่คนทั่วๆ ไปใช้ตกแต่งอย่างไฟสีสวยต่างๆ กระดิ่งกรุ๊งกริ๊ง กล่องของขวัญขนาดจิ๋ว และอื่นๆ อีกมากมาย เขากลับทำสิ่งที่ต่างออกไปกว่านั้น     ซึ่งสิ่งที่เขาทำก็คือ การนำเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มอุ่นๆ รองเท้าสภาพดี รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตอย่าง อุปกรณ์ทำความสะอาด รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอีกมากมาย มาแขวนเอาไว้ที่ต้นคริสต์มาสแทน ชายชราคนนี้ได้เชิญชวนผู้คนต่างๆ ในชุมชนของเขาให้มาหยิบสิ่งของต่างๆ เหล่านี้ได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนสาเหตุที่เขาทำเช่นนี้ เขาบอกว่าอยากที่จะสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคมในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และเขาก็ไม่ต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทน นอกจากนี้เขายังหวังว่าการกระทำของเขาในครั้งนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอื่นๆ ได้ร่วมแบ่งปันความสุขให้แก่กันและกันในเทศกาลส่งท้ายปีเช่นนี้ด้วย   ร่วมแบ่งปันความสุขส่งท้ายปีกันดีกว่า.. ที่มา: inspiremore

  • ควรค่า!! NANO หนังสั้นแนวไซ-ไฟ ที่คุณควรดูมากที่สุดในปี 2017 กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย

    ควรค่า!! NANO หนังสั้นแนวไซ-ไฟ ที่คุณควรดูมากที่สุดในปี 2017 กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย

    ในแวดวงเทคโนโลยี เหล่านักวิทยาศาสตร์ต่างพยายามพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นบนโลกของเรา เพื่อจะทำให้สิ่งต่างๆ นั้นดูง่ายขึ้น และมีประโยชน์ที่มากกว่าเดิม อย่างในปัจจุบัน เรามีเทคโนโลยี “ไมโครชิพ” ที่ฉีดเข้าไปในร่างกายของสัตว์เลี้ยงเพื่อจะติดตามกิจกรรมต่างๆ ของมันในแต่ละวัน พร้อมทั้งหาตำแหน่งของมันได้อย่างง่ายดาย ทว่าจะเป็นอย่างไรถ้าในอนาคตข้างหน้า ไมโครชิพจะเข้ามาควบคุมกิจกรรมทุกๆ อย่างในตัวมนุษย์ แม้กระทั่งเครื่องความสัมพันธ์     ด้วยแนวคิดเช่นนี้จึงได้เกิดหนังสั้นแนวไซ-ไฟกึ่งวิทยาศาสตร์ชื่อว่า ‘Nano’ ขึ้นมา เพื่อสะท้อนปัญหาของเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำจนเกินไป โดยเนื้อเรื่องสำหรับหรับหนังสั้นเรื่องนี้ จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกอนาคตของเราที่ “ไมโครชิพ” ได้กลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างในโลก       โดยในโลกแห่งจินตนาการแห่งนี้ ไมโครชิพจะถูกฝังเข้าสู่กระแสเลือดของทุกคน จากนั้นไมโครชิพที่ว่านี้มันจะดูดซับข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมดแล้วก็ควบคุมส่วนต่างๆ ในร่างกายเราอย่างเลือด เนื้อเยื่อ หรือกระทั่งระบบกล้ามเนื้อที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันทั่วๆ ไปของมนุษย์     แล้วนำไปซิงค์กับคอมพิวเตอร์เพื่อควบคุมสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์ควรจะทำไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรม การคุมกำเนิด หรือแม้กระทั่งการมีเซ็กส์     ภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้กำกับโดย Mike Manning ที่ได้เขียนบทร่วมกับ Tom Anderson ด้วยฝีมือการกำกับอันจัดจ้านบวกกับบทที่ดีเยี่ยม ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของจินตนาการที่น่าเหลือเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของเทคโนโลยี Nano ซึ่งผู้ชมจะได้รับความสนุกไปพร้อมกับแง่คิดดีๆ อย่างแน่นอน สำหรับใครที่ลังเลอยู่ว่าเรื่องนี้จะดีจริงอย่างที่ว่าหรือไม่ สบายใจได้อย่างแน่นอนเพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รับรางวัลต่างๆ…

  • ทำได้ไง!! นักวิทย์พัฒนาแนวคิด ที่ทำให้ ‘พืช’ สามารถส่องแสงสว่างได้ในเวลากลางคืน

    ทำได้ไง!! นักวิทย์พัฒนาแนวคิด ที่ทำให้ ‘พืช’ สามารถส่องแสงสว่างได้ในเวลากลางคืน

    ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน เรียกได้ว่าก้าวไปเร็วจนตามแทบจะไม่ทัน และดูเหมือนว่าตอนนี้ความเจริญทางด้านวัตถุได้ก้าวไปไกลจนเกินจะเอื้อมถึง เพราะว่าตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ได้ทำให้สิ่งที่อยู่ตามธรรมชาติอย่างต้นไม้เรืองแสงในที่มืดได้แล้ว!! เทคโนโลยีสุดล้ำนี้ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยทีมนักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ได้เผยว่าพวกเขาได้พัฒนาวิธีที่จะทำให้พืชสามารถส่องแสงสว่างในที่มืดได้แล้ว     ซึ่งพวกเขาได้ตั้งชื่อพืชอันนี้เอาไว้ว่า พืชอนุภาคนาโน เพราะว่าวิศวกรในทีมวิจัยนี้ได้ทดลองฝังอนุภาคนาโนเข้าไปในพืชที่มีชื่อว่า วอเคอร์เครส และผลของอนุภาคนาโนนี้ก็ทำให้พืชทดลองนี้สามารถส่องแสงสลัวๆ ได้ถึง 3 ชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว และเป้าหมายต่อไปของนักวิจัยทีมนี้ก็คือ พวกเขาจะสร้างพืชที่ให้แสงสว่างมากพอพร้อมทั้งมีระยะเวลาที่ยาวนานสำหรับห้องห้องหนึ่ง และถ้าประสบความสำเร็จ พวกเขาก็คาดเอาไว้ว่าจะเปลี่ยนต้นไม้ที่อยู่ตามสองข้างถนนให้สามารถสร้างพลังงานได้ด้วยตัวเองและสามารถส่องแสงสว่างได้มากขึ้นกว่าตัวทดลอง อีกทั้งเป้าหมายสูงสุดของทีมวิจัยนี้ก็คือ พวกเขาจะเปลี่ยนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ให้มันสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ด้วยตัวเองอีกด้วย   มาลองดูความมหัศจรรย์กันดีกว่า   “ขั้นแรกของพวกเราคือจะทำให้พืชสามารถส่องสว่างได้เหมือนโคมไฟตั้งโต๊ะ ซึ่งแสงที่ได้นั้นจะมาจากใช้พลังงานที่อยู่ในตัวของมันเองโดยไม่ต้องเสียบปลั๊กแต่อย่างใด” Michael Strano หนึ่งสมาชิกในทีมวิจัยนี้กล่าว ก่อนหน้าที่จะมีการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องพืชเรืองแสง ทีมวิจัยนี้ได้เคยพยายามที่จะออกแบบพืชให้สามารถตรวจจับระเบิดแล้วรายงานผลไปที่อุปกรณ์อัจฉริยะ รวมถึงพืชที่สามารถตรวจสอบความแห้งแล้งได้ และในที่สุดพวกเขาก็ได้หันมาผลิตพืชอนุภาคนาโนนี้แทน สำหรับองค์ประกอบหลักๆ ที่ทำให้พืชชนิดนี้สามารถเรืองแสงได้ก็คือ เอนไซม์ลูซิเฟอเรส ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่อยู่ในตัวของหิ่งห้อย ตัวเอนไซม์ลูซิเฟอเรสจะทำการเปลี่ยนแปลงโมเลกุลของสารลูซิเฟอรินให้กลายเป็นโมเลกุลออกซิลูซิเฟอริน ที่เป็นโมเลกุลที่ทำให้พืชสามารถปล่อยออกมาได้นั่นเอง นอกจากนี้นักวิจัยยังบอกอีกด้วยว่า พวกเขาสามารถกำหนดการเปิด-ปิดไฟในพืชได้ ด้วยการใส่ตัวยับยั้งเอนไซม์ลูซิเฟอเรสลงไป โดยตัวยับยั้งที่ว่านี้จะทำให้พืชตอบสนองต่อสภาวะแวดล้อมอย่าง แสงแดด ซึ่งจะทำให้เอนไซม์นี้ปิดการใช้งานโดยธรรมชาตินั่นเอง   ที่มา: odditycentral

  • จริงหรอเนี่ย!!  รวมภาพที่ทำให้เรารู้ว่าโลกของเราเปลี่ยนไปมากแค่ไหนภายในระยะเวลา 17 ปี

    จริงหรอเนี่ย!! รวมภาพที่ทำให้เรารู้ว่าโลกของเราเปลี่ยนไปมากแค่ไหนภายในระยะเวลา 17 ปี

    ไม่ว่าใครๆ ต่างก็รู้ว่าโลกของเรามันเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน และดูเหมือนว่าสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวของเราก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นวิถีการดำเนินชีวิต เทรนด์แฟชั่น สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่มีการพัฒนามากขึ้นราวกับเสกด้วยเวทมนตร์ รวมถึงผู้คนต่างๆ บนโลกใบนี้ด้วย และนี่คือ 15 ภาพที่จะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างโลกของเรา กับโลกเมื่อ 17 ปีก่อนว่าจะมีสิ่งใดเปลี่ยนไปบ้าง บางภาพก็อาจจะทำให้เราสามารถนึกหวนคืนถึงวันวาน ว่าแล้วก็ไปร่วมย้อนอดีตพร้อมกับดูความเปลี่ยนไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า   1. น้ำแบบขวด vs น้ำแบบลูกบอล 2. การพิมพ์: กระดาษ vs เครื่องปริ้นต์สามมิติ 3. Zac Efron 2000 vs Zac Efron 2017 4. โทรศัพท์ฝาพับ vs iPhone 5. โรลเลอร์เบลด vs โฮเวอร์บอร์ด 6. การแต่งหน้าแบบปี 2000 vs การแต่งหน้าแบบปี 2017 7. ต้องเก็บเพลงใน USB vs…

  • แรงม้าหรือจะสู้แรงคน…โลกออนไลน์แชร์คลิปตำรวจญี่ปุ่นปั่น “จักรยาน” ไปจับรถ “Lamborghini”

    แรงม้าหรือจะสู้แรงคน…โลกออนไลน์แชร์คลิปตำรวจญี่ปุ่นปั่น “จักรยาน” ไปจับรถ “Lamborghini”

    การใช้รถใช้ถนนร่วมกัน แน่นอนว่ามันต้องมีกฎระเบียบเพื่อไม่ให้การจราจรนั้นติดขัด พร้อมทั้งยังลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุไปได้เยอะอีกด้วย ทว่าก็ยังคงมีคนไม่ใส่ใจฝ่าฝืนกฎจราจรให้เห็นอยู่ทุกวันจนเป็นเหตุชินตา ซึ่งนั่นก็กลายเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุม แต่จะเป็นอย่างไรในเมื่อรถที่ทำผิดกฎดังกล่าวเป็นรถสปอร์ตสุดหรู ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เห็นเหตุการณ์มีเพียงรถจักรยานธรรมดาๆ ทั่วไปเท่านั้น   เลี้ยวหน้าตาเฉย   เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นและได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเป็นเหตุการณ์ของรถยนต์สุดหรูอย่าง Lamborghini Huracán ที่คนขับรถคนนี้ได้ทำผิดกฎจราจรและทำให้ผู้อื่นเสี่ยงชีวิตจากการขับขี่รถสุดห้าวของเขา โดยคลิปวิดีโอการทำผิดนี้ได้เริ่มขึ้นในตอนที่ รถยนต์คันหรูคันนี้ได้ขับมาจอดในจุดที่เลยเส้นจอดมาและกำลังเตรียมตัวจะเลี้ยวซ้าย แต่ว่าไฟจราจรในขณะนั้นยังคงเป็นไฟแดงอยู่ และก็กำลังเปิดไฟเขียวให้แก่คนเดินเท้าที่กำลังจะก้าวข้ามถนนเส้นดังกล่าว   ได้เลย รอพี่แป๊บไอ้น้อง   และเมื่อคนเดินข้ามจนเกือบจะหมดแล้ว รถยนต์คันนี้ก็ได้ออกตัวในทันทีจนแทบจะเฉี่ยวคนข้ามถนนคนสุดท้ายไปด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามก็มีตำรวจจราจรคนหนึ่งได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมด เขาก็ควบจักรยานคู่ใจปั่นไล่ตามรถสุดหรูคันนี้อย่างทันควัน   ทำไรผิดรึเปล่า   จากนั้นภาพในวิดีโอก็ได้ตัดไปในตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรายนี้ สามารถควบจักรยานของเขาขี่ตามรถยนต์คันนี้ได้สำเร็จ ซึ่งก็แน่นอนว่าคนขับรถยนต์คันนี้ก็โดยใบสั่งไปตามระเบียบ เมื่อวิดีโอคลิปนี้ออกมาชาวเน็ตต่างก็ออกมาชื่นชม ความกล้าหาญและใจเด็ดเดี่ยวของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้ที่เกินร้อยจริงๆ แม้ว่าจะมีเพียงจักรยานเก่าๆ เพียงคนเดียว บางคนอาจจะปล่อยปละละเลย เพราะคิดว่าถ้าให้ตามยังไงก็คงตามไม่ทัน ทว่าเขาคนนี้ก็ยังคงจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แล้วผลจากการพยายามของเขาก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ถึงแม้จะต้องเหนื่อยจากการใช้แรงคนวิ่งตามแรงม้าก็ตาม   มานี่มา มาเอาใบสั่งซะดีๆ   “ฉันคิดว่านั่นเป็นมอเตอร์ไซค์ซะอีก แต่ว่าไม่ใช่นั่นมันเป็นจักรยานนี่นา”  “ผู้ชายคนนั้นถูกจับกุมด้วยตำรวจกับจักรยานแม่บ้านของเขาหรอเนี่ย มันช่างน่าอายซะจริงๆ” “ว้าว จับรถแลมโบกินี่ได้จักรยานหรอเนี่ย ตำรวจคนนี้ควรจะได้รับเหรียญรางวัลจริงๆ”  นี่คือความเห็นบางส่วนจากชาวเน็ต และดูเหมือนว่าวิดีโออันนี้จะเป็นเครื่องเตือนภัยให้ชาวญี่ปุ่นไม่กล้าทำผิดกฎหมายอีกต่อไป…

  • เคล็ดลับอายุยืน!! คุณยายวัย 70 เผยว่าที่สุขภาพดีทุกวันนี้เพราะดูดปุ๊นมาเป็นเวลากว่า 50 ปี

    เคล็ดลับอายุยืน!! คุณยายวัย 70 เผยว่าที่สุขภาพดีทุกวันนี้เพราะดูดปุ๊นมาเป็นเวลากว่า 50 ปี

    สำหรับผู้เฒ่าผู้แก่หลายคน ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องมีโรคภัยไข้เจ็บมาข้องแวะเยี่ยมเยียนอยู่เสมอๆ เนื่องจากความอายุเยอะและอวัยวะที่เริ่มเสื่อมไปตามกาลเวลา ซึ่งบางครั้งโรคภัยต่างๆ ก็เล่นงานซะจนต้องกินยาเป็นกำมือ ทว่ามีหญิงวัย 70 ปีคนหนึ่งได้ออกมาบอกว่า ทุกวันนี้เธอไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะแม้แต่เม็ดเดียว เพราะว่าเธอมีร่างกายที่ค่อนข้างแข็งแรง ซึ่งเป็นผลมาจากการสูบกัญชาติดต่อกันมากว่า 50 ปี!!   ปลูกไว้ในบ้านเลยละกัน   เรื่องราวสุดมหัศจรรย์นี้เกิดขึ้นกับ Carol Francey คุณยายวัย 70 ปีจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา โดยเธอเผยว่าเธอได้ขว้างยาแผนปัจจุบันทิ้งลงถังขยะไปหมดแล้ว พร้อมทั้งยืนยันด้วยว่ากัญชาสามารถทำให้เธอแข็งแรงขึ้น พร้อมทั้งยังรักษาโรคต่างๆ ที่เธอกำลังเผชิญอยู่ได้อีกด้วย สำหรับคุณยายคนนี้ในอดีตเธอเคยเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านยาเสพติด แต่ในปัจจุบันเธอได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ ในการรณรงค์ให้กัญชากลายเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในประเทศแคนาดาให้ได้   ร่วมรณรงค์ให้กัญชาถูกกฎหมาย   “เราควรช่วยให้คนแก่หลายคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ กัญชาสามารถช่วยลดความวิตกกังวลต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้แล้วมันยังทำให้ใจเย็นขึ้นด้วย” Carol กล่าว ทั้งนี้ทั้งนั้นประเทศแคนาดา ก็มีแผนที่จะให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายในเดือนกรกฎาคมปี 2018 ที่กำลังจะมาถึงนี้ อีกทั้งปัจจุบันในประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีถึง 29 รัฐที่ยอมรับกัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายแล้ว โดยก่อนหน้านี้มีการศึกษาเรื่องของกัญชาก็พบว่า กัญชาไม่มีผลต่อระดับสติปัญญา (IQ) ของเด็กวัยรุ่น แถมยังสามารถช่วยในเรื่องจิตใจของผู้ป่วยโรคเอดส์ได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตามการศึกษายังเผยอีกว่า กัญชาสามารถเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคไบโพล่าร์ อาการทางจิต และความดันเลือดสูงได้เช่นเดียวกัน   ปุ๊นกับยายไหมหลาน   สำหรับในตอนนี้เธอกล่าวเอาไว้ว่า เธอได้ปลูกกัญชาสายพันธุ์ต่างๆ…

  • ญี่ปุ่นจ้างคนไปยืนเป็นกำแพงสำหรับฟรีคิกเพียง 4 ชั่วโมง จ่ายเงินให้เกือบ 15,000 บาท!!

    ญี่ปุ่นจ้างคนไปยืนเป็นกำแพงสำหรับฟรีคิกเพียง 4 ชั่วโมง จ่ายเงินให้เกือบ 15,000 บาท!!

    หากคุณอยากหางานแปลกๆ ที่สามารถสร้างประสบการณ์ระดับเทพ พร้อมกับได้เงินไปด้วย ในตอนนี้ได้มีงานใหม่เกิดขึ้น และไม่ต้องใช้ความสามารถใดๆ เลย ขอให้มีความกล้าเท่านั้น เพราะว่าเพียงแค่คุณทนเจ็บเพียงเล็กน้อยจากการถูกลูกบอลเตะอัดในเวลาเพียง 4 ชั่วโมงคุณก็จะได้เงินไปใช้ถึง 50,000 เยน(ประมาณ 14,400 บาท) และอาจได้พบนักเตะระดับโลกอีกด้วยอย่าง Shunsuke Nakamura ด้วย!!   งานง่ายๆ แค่โดนบอลเตะอัดแค่นั้นเอง   งานสุดประหลาดนี้เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่างแอพฯ หางานพาร์ทไทม์กับเว็บไซต์ข่าวฟุตบอลชื่อดังชื่อว่า Soccer King ที่ทำให้เกิดงานโหดมันฮางานนี้ขึ้น โดยรายละเอียดของงานนี้ก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่ไปยืนนิ่งๆ เป็นกำแพงสำหรับการฝึกซ้อมยิงฟรีคิกของนักเตะ เพียงเท่านั้นก็จะได้รับเงิน 50,000 เยนไปนอนกอดอย่างสบายใจ เท่านั้นยังไม่พอหากมีครั้งใดที่โดนลูกบอลเตะอัด ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของร่างกายก็ตามก็จะได้รับโบนัสอีกลูกละกว่า 500 เยน ซึ่งหมายความว่าในเวลาเพียง 4 ชั่วโมงคุณอาจจะหาเงินได้มากกว่า 20,000 บาทเลยก็เป็นได้     งานอีเวนท์นี้จะมีการจัดขึ้นในวันที่ 11 มกราคมปีหน้าในเมืองอิวะตะ จังหวัดชิซุโอะกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีทีม Júbilo Iwata ทีมฟุตบอลชื่อดังในประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ และสำหรับการสมัครเข้าร่วมจะสามารถสมัครเข้าร่วมได้ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2017…

  • คุณหมออเมริกัน ออกมาเตือน “สามเหลี่ยมอันตราย” บนใบหน้าที่คุณไม่ควร “บีบสิว” เด็ดขาด!!

    คุณหมออเมริกัน ออกมาเตือน “สามเหลี่ยมอันตราย” บนใบหน้าที่คุณไม่ควร “บีบสิว” เด็ดขาด!!

    ขึ้นชื่อว่า “สิว” ไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะให้มันมาอยู่บนใบหน้าของเรา เพราะหากมันมาอยู่บนใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเราก็จะเหมือนกับอุกกาบาตที่มีตุ่มขึ้นอยู่เต็มไปหมด อีกทั้งดีไม่ดีเมื่อมันหายไปแล้วมันอาจจะทิ้งรอยแดงรอยดำทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้าอีกด้วย สิวสามารถเกิดขึ้นมาได้ด้วยหลายสาเหตุ เช่นความเครียด ความสกปรก หรือฮอร์โมนที่อยู่ในตัวของเรา ซึ่งรูปแบบการขึ้นของมันส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ทั่วทั้งใบหน้า และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่ามันจะเกิดขึ้นตรงไหน แต่รู้หรือไม่ว่าใบหน้าของเรามีสามเหลี่ยมสุดอันตรายซ่อนอยู่ ซึ่งหากเกิดสิวขึ้นบริเวณนั้นแล้วห้ามบีบมันออกมาอย่างเด็ดขาด!!     เมื่อเร็วๆ มานี้ Dr. Jeremy Brauer ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านโรคผิวหนังแห่ง NYU Langone Medical Center ได้ออกมาเปิดเผยว่าบนใบหน้าของเราจะมีสามเหลี่ยมสุดอันตรายซ่อนอยู่ ซึ่งสามเหลี่ยมที่ว่านี้อยู่บริเวณระหว่างมุมปากทั้งสองข้างของเราไปจนถึงบริเวณจมูก ซึ่งหากเกิดสิวขึ้นบริเวณนี้เราควรจะหลีกเลี่ยงการบีบสิวโดยเด็ดขาด สำหรับสาเหตุที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าควรหลีกเลี่ยงบริเวณนี้ก็เพราะว่า โดยปกติการบีบสิวจะทำให้ผิวหน้าของเราอักเสบและอาจเกิดบาดแผลที่เชื้อแบคทีเรียสามารถเข้าไปได้ง่ายอยู่แล้ว แต่ที่ทำให้จุดดังกล่าวมีความอันตรายมากกว่าปกติก็เพราะว่า มันเป็นจุดที่บอบบางและยังมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่า     อีกทั้งยังมีเส้นเลือดดำหล่อเลี้ยงอยู่เป็นจำนวนมาก การบีบสิวในบริเวณนี้จึงอาจส่งผลต่อแอ่งหลอดเลือดดำในสมองที่เรียกว่า Cavernous sinus ที่อยู่ในสมองทั้งสองข้างของเราได้ ซึ่งจะแตกต่างกับจุดอื่นบนใบหน้าของเราอย่างที่แก้ม คางหรือหน้าผาก ที่ผลลัพธ์ร้ายแรงที่สุดของการบีบสิวก็เพียงรอยแผลเป็นเท่านั้น “ถ้าหากมีการติดเชื้อที่ผิวหนังอย่างรุนแรงในบริเวณนี้ และไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีมันอาจจะส่งผลต่อสมอง ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงขึ้นมาได้” Dr. Jeramy กล่าว     สำหรับการติดเชื้อจากการบีบสิวที่บริเวณสุดอันตรายนี้ สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ และหากคุณสงสัยว่าตัวเองจะติดเชื้อ อย่านิ่งนอนใจไปเพราะอาจส่งผลในภายหลังได้ โดยสัญญาณบ่งบอกว่าเราอาจจะติดเชื้อก็มีหลายอย่างทั้งรอยแดง การบวม มีเลือดออกรวมทั้งการมีหนองด้วย และหากคุณมีอาการต่อไปนี้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรเข้าไปปรึกษากับทางแพทย์ผิวหนังจะเป็นการดีที่สุด   ที่มา:…

  • เพื่อนบ้านเปลี่ยนกล่องจดหมายธรรมดาๆ เป็นกล่องจดหมายพะยูนสุดน่ารักน่าหยิก อุ๋ง อุ๋ง

    เพื่อนบ้านเปลี่ยนกล่องจดหมายธรรมดาๆ เป็นกล่องจดหมายพะยูนสุดน่ารักน่าหยิก อุ๋ง อุ๋ง

    การตกแต่งหน้าบ้านของบ้านแต่ละหลังก็จะแตกต่างกันออกไป โดยบางบ้านก็อาจจะมีน้ำพุหน้าบ้าน หรือบางหลังก็อาจจะมีสนามหญ้าพร้อมสวนสวยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่บ้านทุกหลังต้องมีอยู่บ้างแน่นอนก็มีกล่องจดหมาย ที่จะมีไว้เพื่อให้บุรุษไปรษณีย์คอยนำสิ่งของต่างๆ มาสอดทิ้งไว้ไม่ว่าจะเป็น พัสดุ จดหมายรัก หรือใบแจ้งหนี้ก็เป็นไปได้ ทว่าหากกล่องจดหมายที่เราเคยเห็นเป็นแบบกล่องแดงๆ มันน่าเบื่อไป บางคนก็อาจจะตกแต่งประดับประดามันด้วยดอกไม้สวยๆ หรือการดีไซน์แปลกๆ แต่คงไม่มีใครคิดถึงว่าจะมีคนเอาตุ๊กตาพะยูนไปยืนถือกล่องจดหมายแบบนี้ได้!!   น่ารักไหมล่ะ อุ๋งๆ   เรื่องราวของกล่องจดหมายพะยูนนี้ ได้ถูกเผยแพร่โดยทวิตเตอร์หนึ่งชื่อว่า @Marleyey โดยเธอเล่าว่าเธออาศัยอยู่ที่รัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และเธอก็เห็นว่าเพื่อนบ้านของเธอมีกล่องจดหมายพะยูนสุดน่ารักอันนี้มาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว ด้วยความน่ารักของสัตว์อุ๋งๆ ตัวนี้ทำให้ครั้งหนึ่งมันเคยถูกขโมยไป ก่อนที่มันจะกลับมาอีกครั้งในภายหลัง และเมื่อเพื่อนบ้านของเธอได้รับเจ้าพะยูนตัวนี้กลับคืนมา เธอก็ดูแลมันเป็นอย่างดีโดยได้ตกแต่งชุดต่างๆ ในทุกๆ เทศกาล ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้กับผู้คนที่ได้พบเห็น   ใครเจอเป็นอันต้องยอมให้ความแบ๊วนี้   สำหรับในตอนนี้ เจ้ากล่องจดหมายพะยูนตัวนี้ก็ได้มีวางขายแล้วในราคาเพียง 600 ดอลลาร์สหรัฐ (19,600 บาท) เท่านั้น หากใครอยากจะมีหน้าบ้านที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนได้เหมือนบ้านหลังนี้ก็สามารถหาซื้อกันได้ที่ manateemailboxes กันเลย   กันฝนซะหน่อย เดี๋ยวจะไม่สบาย   ไปรษณีย์จะกล้ามาหย่อนจดหมายไหมเนี่ย   น่ารักคิคุอาโนเนะ   ต้อนรับคริสต์มาสซะหน่อย   สิ่งของสุดน่ารักเหล่านี้ทำให้ชีวิตดูน่าสนุกขึ้นไปอีก…

  • อุ๊บะ!! อัศจรรย์เด็กน้อยถือกำเนิด หลังจากเป็นตัวอ่อนเอ็มบริโอที่ถูกแช่แข็งมานานกว่า 25 ปี

    อุ๊บะ!! อัศจรรย์เด็กน้อยถือกำเนิด หลังจากเป็นตัวอ่อนเอ็มบริโอที่ถูกแช่แข็งมานานกว่า 25 ปี

    การตั้งครรภ์หรือการมีลูก เป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับคู่รักเป็นอย่างมาก เพราะว่าพวกเขาจะได้มีโอกาสทำให้อีกหนึ่งชีวิตสามารถกำเนิดขึ้นมาบนโลกอันสวยงามใบนี้ ทว่าก็มีบางคู่ที่อยากจะมีลูกใจจะขาด แต่ด้วยภาวะทางร่างกายบางอย่างส่งผลให้ความฝันของพวกเขาล่มสลายลงในพริบตา Tina และ Benjamin Gibson คู่รักคู่หนึ่งจากรัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็เป็นอีกคู่หนึ่งเช่นกันที่ประสบปัญหาการมีลูกยาก แต่ด้วยวิทยาการสมัยใหม่ทำให้คู่นี้สามารถมีลูกได้สมใจหมายด้วยวิธีการฝังเอ็มบริโอเข้าไปที่มดลูกซะเลย!!     คู่รักคู่นี้ได้แต่งงานกันมาแล้วเป็นเวลาเจ็ดปีแล้ว แต่เนื่องจากผู้เป็นสามีชื่อว่า Benjamin ได้ประสบปัญหาป่วยทางด้านสุขภาพที่มาจากพันธุกรรมทำให้คู่รักคู่นี้ไม่สามารถมีลูกได้ด้วยวิธีการทางธรรมชาติ รวมถึงฝ่ายหญิงก็มีปัญหาจากปัจจัยอื่นๆ เช่นเดียวกัน ก่อนหน้าที่จะมีการให้กำเนิดเด็กคนนี้ลืมตาขึ้นมาดูโลก คู่รักคู่นี้เล่าให้ฟังว่าทั้งคู่ประสบภาวะการมีลูกยากและได้ลองมาหลายวิธีจนแทบจะถอดใจ ทว่าเมื่อได้ยินเรื่องการตั้งครรภ์ด้วยการฝังเอ็มบริโอทั้งคู่ก็มีความหวังขึ้นมาอีกทันทีและก็ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี     เด็กที่เกิดมาจากครรภ์ของ Tina นั้นครอบครัวนี้ได้ตั้งชื่อให้ว่า Emma Wren สำหรับเด็กคนนี้เป็นเอ็มบริโอที่ได้รับการบริจาคมาตั้งแต่ปี 1992 และได้ฝากไว้ที่ศูนย์รับบริจาคเอ็มบริโอแห่งชาติมาเป็นเวลามานานเป็นเวลาถึง 25 ปี เท้าความถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม Tina ได้รับการฝังตัวเอ็มบริโอเข้ากับมดลูกของเธอ โดยมีวิธีการเดียวกับการปฏิสนธินอกร่างกายหรือว่าเด็กหลอดแก้วนั่นเอง     และเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากเอ็มบริโอได้เจริญเติบโตในท้องของ Tina มานานกว่า 40 สัปดาห์ในที่สุดเด็กคนนี้ก็ได้ถือกำเนิดออกมาด้วยวิธีการคลอดแบบธรรมชาติ ซึ่งผลก็ปรากฏออกมาว่าเด็กที่คลอดมาเป็นเพศหญิงที่มีน้ำหนักตัวตอนคลอด 2.7 กิโลกรัม และไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับเอ็มบริโอนั้นคือตัวอ่อนของสิ่งมีชีวิตในระยะแรกเริ่ม ซึ่งในมนุษย์นั้นระยะเอ็มบริโอจะเริ่มตั้งแต่มีการปฏิสนธิของเชื้ออสุจิเข้ากับไข่ จนกระทั่งสิ้นสุดสัปดาห์ที่ 8…

  • เจ้าเหมียวถูกช่วยเหลือจากชั้นใต้ดินในสภาพขนยาวพะรุงพะรัง ได้มีชีวิตใหม่อันแสนสุข

    เจ้าเหมียวถูกช่วยเหลือจากชั้นใต้ดินในสภาพขนยาวพะรุงพะรัง ได้มีชีวิตใหม่อันแสนสุข

    การละทิ้งสัตว์เลี้ยงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกๆ วันและทุกๆ พื้นที่บนโลก ซึ่งการนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงแล้วทิ้งๆ ขว้างๆ มันเหมือนเป็นการทรมานสัตว์อย่างหนึ่ง เพราะว่าเมื่อรับมาเลี้ยงแล้วก็เป็นการตัดโอกาสที่พวกเขาจะได้ไปอยู่กับคนอื่น เหมือนกับเจ้าแมวตัวนี้ที่ถูกทิ้งอยู่ชั้นใต้ดินของบ้าน และไม่ได้รับการดูแลใดๆ จนมีขนยาวที่พะรุงพะรังและมีน้ำหนักมากกว่า 2.2 กิโลกรัมเลยทีเดียว   เจ้า Sinbad กับสภาพสุดจะบรรยาย   การช่วยเหลือนี้เกิดขึ้นประมาณเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาที่รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีแมวตัวหนึ่งชื่อว่า Sinbad พันธุ์เปอร์เซีย อายุ 9 ปีได้รับการช่วยเหลือออกจากบ้านของผู้สูงอายุคนหนึ่ง ที่ไม่สามารถดูแลแมวตัวนี้ได้ เพราะความชราและสุขภาพที่ไม่แข็งแรง ซึ่งในตอนที่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเข้าไปพบมันอยู่ที่ชั้นใต้ดินของบ้าน ในสภาพที่สุดจะมอมแมมและขนของมันก็ไปพันเข้ากับเส้นใยพรมเก่าๆ ทำให้สภาพขนของมันดูคล้ายกับแกะเลยทีเดียว   นี่ลากพรมมาทั้งผืนเลยรึเปล่าเนี่ย   เจ้าของแมวตัวนี้ได้ยกแมวตัวนี้ให้องค์กรช่วยเหลือสัตว์ Anti-Cruelty Society และเมื่อมันมาถึงที่นี่เจ้าหน้าที่หลายคนก็ถึงกับตกใจ และรีบตัดขนที่พันกับพรมของมันออกเป็นการด่วน นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในระยะเวลาหลายปีที่เจ้า Sinbad ได้รับการดูแลเอาใจใส่และไออุ่นจากมนุษย์   ไอ้เงาะถอดรูปแล้ว   “มันดูเหนื่อยล้าบ้างบางครั้ง แต่ก็ผ่านกระบวนการทั้งหมดมาด้วยดี ในตอนนี้เราก็กำลังหาบ้านใหม่ให้กับมันอยู่” Colette Bradley เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ขององค์กรนี้กล่าว เมื่อผ่านการตัดขนรวมทั้งทำความสะอาดแล้ว แมวตัวนี้ดูแทบจะไม่ใช่ตัวเดียวกับที่มาเมื่อตอนก่อนหน้านี้เลย โดยขนที่มันโดนตัดออกไปมีน้ำหนักมากกว่า 2.2 กิโลกรัม ซึ่งขนที่หายไปของมันก็ทำให้มันดูสบายตัวขึ้นเป็นกองเลย   เหลือตัวนิดเดียวเองนะเนี่ย  …

  • สามหนุ่มช่วยเหลือคุณยายไร้บ้าน ด้วยการเปิดโรงแรมมูลค่ากว่า 6,350 บาทให้นอนฟรีๆ

    สามหนุ่มช่วยเหลือคุณยายไร้บ้าน ด้วยการเปิดโรงแรมมูลค่ากว่า 6,350 บาทให้นอนฟรีๆ

    การให้ความช่วยเหลือใครสักคนเมื่อพวกเขาตกทุกข์ได้ยาก นอกจากจะสร้างความสุขให้แก่ผู้รับแล้ว ยังสร้างความสุขให้แก่ผู้ให้อีกด้วยอย่างเอ่อล้นอีกด้วย และถ้ายิ่งเป็นผู้ที่ชีวิตของพวกเขากำลังไร้ทางออกอีกล่ะก็ มีหรือใครที่จะอดช่วยเหลือได้ลงคอ และสำหรับเพื่อนรักสามคนนี้ก็เช่นกัน ทันทีที่พวกเขาเห็นหญิงชราไร้บ้านคนหนึ่งเดินอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บชายสามคนนี้ก็เข้าไปตรงเข้าไปช่วยเหลือ และยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขาได้เปิดโรงแรมมูลค่ากว่า 145 ปอนด์(ประมาณ 6,350 บาท) ให้หญิงชราภาพนอนฟรีๆ ไปเลย!!     เหตุการณ์สุดประทับใจนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่เมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ เมื่อ Roger Hartigan และเพื่อนร่วมงานของเขาสองคนก็คือ Joe Rich และ David Harrison กำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากเข้าร่วมงานปาร์ตี้คริสต์มาส ทว่าระหว่างทางนั้นพวกเขาก็พบกับหญิงไร้บ้านคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนนอย่างไร้จุดหมาย ด้วยรูปร่างและอายุอานามที่พอเดาได้ว่าแก่อย่างแน่นอน พวกเขาจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปพูดคุยเผื่อจะให้การช่วยเหลือใดๆ ได้บ้าง “ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณสามทุ่มได้ ระหว่างทางกลับบ้านผมก็เห็นผู้หญิงคนนี้ เธอดูบอบบางมากๆ และเมื่อเราเข้าไปคุยเธอก็บอกว่าเธอมีอายุมากถึง 71 ปีและตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน”     “ในตอนนั้นพวกเราก็ให้เงินเธอพร้อมกับบุหรี่อีกจำนวนหนึ่ง อีกทั้งพวกเรายังพยายามเรียกรถแท็กซี่เพื่อจะให้ไปส่งเธอไปที่โรงแรม แต่ก็ไม่มีคันไหนจอดรับเลย” “ดังนั้นพวกเราจึงเดินตามหาโรงแรมเพื่อจะให้หญิงชราคนนี้มีที่หลับที่นอนให้ได้ โดยพวกเราเดินผ่าใจกลางเมืองไปพร้อมๆ กับเธอ และในที่สุดพวกเราก็หาโรงแรมที่ว่างได้ เราเลยเดินพาเธอไปเช็กอินถึงที่เลย” Roger เล่าให้ฟัง     สำหรับหญิงชราคนนั้น เธอไม่ได้เปิดเผยชื่อแต่อย่างใด แต่เธอบอกว่าเธออาศัยอยู่ข้างถนนในเมืองบริสตอลมากว่า 18 ปีแล้ว “เธอดูอ่อนแอมากๆ ยังไงพวกเราก็ทิ้งเธอไม่ลงหรอก” “พวกเราคิดว่าเธอคงจะรู้สึกช็อกนิดหน่อย…

  • ผลวิจัยเผย “คนที่ขำกับมุกตลกร้าย” อาจมีแนวโน้มของอัจฉริยะมากกว่าคนปกติ!!

    ผลวิจัยเผย “คนที่ขำกับมุกตลกร้าย” อาจมีแนวโน้มของอัจฉริยะมากกว่าคนปกติ!!

    การจะเล่าเรื่องตลกสักเรื่องหนึ่งให้เพื่อนของเราฟัง เราก็ต้องคิดก่อนว่าเมื่อเล่าไปแล้วเพื่อนของเราจะเข้าใจมุกที่เราต้องการจะสื่อออกไปไหมนะ เพราะบางทีเรื่องตลกที่เราอยากจะเล่าอาจจะกลายเป็นเรื่องแป้กที่ทำให้เรากลายเป็นตัวตลกเองเสียก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องตลกบนโลกนี้ก็มีอยู่นับร้อยนับพันเรื่อง แต่ว่าจะมีตลกอยู่ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า ‘เรื่องตลกร้าย’ โดยเนื้อหาของตลกร้ายจะเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรง และอาจมีการเสียดสีอยู่ทำให้อาจจะทำให้คนทั่วไป ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งออกมาเกี่ยวกับเรื่องตลกร้าย โดยพวกเขาบอกว่าหากใครที่เข้าใจความหมายของมุกตลกร้าย บุคคลเหล่านั้นดูเหมือนมีความเป็นอัจฉริยะแฝงเอาไว้อยู่!!     งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร Cognitive Processing โดยทีมนักจิตวิทยาได้ออกมาเปิดเผยว่า ผู้ที่เข้าใจในเรื่องของมุกตลกร้าย (ในที่นี้หมายถึงเรื่องตลกที่ค่อนข้างสื่อไปในทางที่น่ากลัวอย่างเช่นเรื่องความตาย เรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ความผิดปกติ โศกนาฏกรรมอันน่าสลดใจรวมถึงสงคราม) มักจะเป็นคนที่ค่อนข้างฉลาดกว่าคนปกติทั่วไป ซึ่งพวกเขาเหล่านี้มักจะมีระดับ IQ ที่สูง มีความก้าวร้าวเพียงน้อยนิด และสามารถต้านทานต่อความรู้สึกในแง่ลบได้ดีเลยทีเดียว     โดยวิธีการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างอารมณ์ขันกับสติปัญญาของนักวิจัยทีมนี้ก็คือ พวกเขาได้นำกลุ่มทดลองชายหญิงกว่า 126 ชีวิตให้ลองอ่านการ์ตูนที่มีเนื้อหาสุดเยือกเย็นจากหนังสือเรื่อง The Black Book ของนักเขียนการ์ตูนชาวเยอรมันชื่อว่า Uli Stein  และเมื่อผลการทดสอบออกมาก็ปรากฏว่า ผู้ทดสอบที่เข้าใจเนื้อหาของการ์ตูนเรื่องนี้และสนุกไปกับมัน จะมีระดับ IQ ที่สูงกว่า อีกทั้งยังมีความก้าวร้าวน้อยกว่าผู้ที่ไม่เข้าใจมุกตลกเหล่านี้ ซึ่งนักวิจัยวิจัยได้อธิบายถึงเหตุผลเอาไว้ว่า เป็นเพราะว่ามุมมองความคิดนั้นต่างกัน หากเราไม่สามารถรับมือเรื่องร้ายต่างๆ ที่เข้ามาด้วยอารมณ์ขันและมองโลกในแง่ดี เราจะพลอยรู้สึกแย่ตามเรื่องนั้นๆ ที่ได้รับรู้และอาจแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวออกมามากกว่ากว่าปกติ     แต่หากถามว่าเรื่องมุมมองเกี่ยวกับเรื่องของความฉลาดอย่างไร ทีมนักวิจัยก็ได้บอกว่า เป็นเพราะเรื่องตลกร้ายค่อนข้างจะมีเนื้อหาที่ซับซ้อนกว่าเรื่องตลกปกติ และต้องใช้การตีความจึงจะเข้าใจถึงความหมายได้ โดยการตีความคำคำหนึ่งในมุกตลกจะทำให้เราได้ใช้สมองทั้งซีกซ้ายและขวา…

  • คุณพ่อทำหน้าบึ้ง หลังเมียบอกจะใช้ “ต้นคริสต์มาสปลอม” แต่กลับกลายเป็น “มีม” ซะงั้น!!

    คุณพ่อทำหน้าบึ้ง หลังเมียบอกจะใช้ “ต้นคริสต์มาสปลอม” แต่กลับกลายเป็น “มีม” ซะงั้น!!

    วันคริสต์มาส คือวันสำคัญที่สุดสำหรับชาวคริสต์ เพราะเป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ ชาวคริสต์ทั้งหลายเมื่อถึงวันดังกล่าว พวกเขาจึงมีการเฉลิมฉลองดื่มกินกันอย่างเต็มที่ และสำหรับบางคนก็ให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้จนถึงขั้นเคร่งครัดในทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องเลยทีเดียว และเมื่อรู้ถึงความจริงจังของคุณพ่อคนหนึ่ง ทำให้ครอบครัวของเขาเกิดความคิดอยากอำเล่น ว่าในปีนี้จะนำต้นคริสต์มาสปลอมมาใช้แทนของจริง และเมื่อคุณพ่อคนนั้นได้รู้เข้าก็ได้แสดงอาการโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกมา ทว่าเรื่องราวมันไม่ได้จบแค่นั้น เพราะว่าท่าทางที่เขาแสดงออกมามันได้กลายเป็นมีมสุดโด่งดังซะงั้น เรื่องราวนี้ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเป็นเรื่องราวของครอบครัว Napoli จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในครอบครัวนี้ก็ประกอบด้วยผู้เป็นพ่อชื่อว่า Joe, Marie ผู้เป็นแม่ และลูกสาวอีกสองคนชื่อว่า Audrey และ Madison   ครอบครัว Napoli แสนสุขสันต์   Madison ลูกสาวของบ้านนี้ได้เล่าว่าพ่อแม่ของเธอเป็นคู่รักที่มีอารมณ์ขันและมักแกล้งกันอยู่เสมอ และในครั้งนี้แม่ของเธอก็ได้คิดแผนการหลอกพ่อ ด้วยการบอกว่าจะใช้ต้นคริสต์มาสปลอมสำหรับวันคริสต์มาสในปีนี้ ซึ่งจะแตกต่างจากในทุกๆ ปีที่ใช้ของจริงมาตลอด นั่นจึงทำให้ Madison รู้ทันทีว่าเรื่องที่แม่เธอพูดนั้นเป็นแค่เรื่องอำกันเล่นเพียงเท่านั้น   หัวร้อนเลยทีเดียว   แต่สำหรับ Joe แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว และเขาก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องตลกที่เมียของเขาแหย่เล่นขำๆ ทำให้ Joe ได้แสดงอาการหัวร้อนออกมาทันทีที่ได้รู้เรื่องดังกล่าว โดยเขาได้เดินวนไปรอบบ้านและทำสีหน้าบอกบุญไม่รับออกมา พร้อมทั้งบ่นต่างๆ นานาเป็นหมีกินผึ้ง ทั้งการบอกว่ารู้ไหมว่าการใช้ของปลอมมันไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ…

  • เจ้าหมาสุดเทพ กับความสามารถพิเศษในการ “เอาของวางไว้บนหัว” โดยที่ไม่ตกเลยสักอย่าง!!

    เจ้าหมาสุดเทพ กับความสามารถพิเศษในการ “เอาของวางไว้บนหัว” โดยที่ไม่ตกเลยสักอย่าง!!

    หากจะพูดถึงสัตว์สี่ขาที่ว่ากันว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ ก็คงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘หมา’ นี่และ ที่จะโผล่มาเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งหมาแต่ละตัวก็จะมีความน่ารักและมีความสามารถที่แตกต่างกันไป อย่างบางตัวก็ขี้อ้อนซะจนหลงรัก บางตัวก็สามารถใช้สำหรับเฝ้าบ้านได้เป็นอย่างดี และบางตัวสามารถฟังคำสั่งของเจ้าของได้อย่างกับมันเป็นคนคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ทว่าก็มีหมาบางตัวบนโลกนี้ที่มีความสามารถพิเศษที่แปลกไปกว่าตัวอื่นสักหน่อย และเจ้าหมาตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน เพราะความสามารถพิเศษของมันคือ มันสามารถทรงตัวไม่ให้สิ่งของที่อยู่บนหัวของมันตกได้ ไม่ว่าเจ้าของจะวางอะไรไว้บนหัวของมัน ไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่จะหนักจะเบา หมาตัวนี้บอกเลยว่าสบายมาก     เจ้าหมาตัวที่ว่านี้มีชื่อว่า Toby ซึ่งเป็นหมาพันธุ์ผสมระหว่าง เยอรมันเชพเพิร์ด-ไซบีเรียนฮัสกี้ อายุ 11 ปี โดยทางเจ้าของ Pat Langner บอกเอาไว้ว่าความสามารถของเจ้าหมาตัวนี้คือสามารถเก็บสิ่งของเอาไว้บนหัวของมันได้ ไม่ว่าจะวางอะไรลงไปทั้ง ลูกบอล ถั่วเม็ดเล็กๆ หรือเยลลี่ลื่นๆ มันก็สามารถทำได้ทั้งนั้น สำหรับสาเหตุที่ต้องเอาอาหารไว้บนหัวของเจ้า Toby นั้นทางเจ้าของบอกเอาไว้ว่า เพื่อเป็นการฝึกให้มันไม่มีนิสัยที่ตะกละตะกลาม และมีความยับยั้งชั่งใจต่ออาหารต่างๆ แต่เมื่อฝึกไปฝึกมาก็ปรากฏว่าเมื่อลองเอาของอย่างอื่นที่ไม่ใช่อาหารไปวาง มันก็สามารถรักษาสมดุลได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน     และในตอนนี้ Pat เจ้าของหมาน้อยแสนรู้ตัวนี้ ก็ได้เปิดอินสตาแกรมเอาไว้ให้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความน่ารักของเจ้า Toby หากใครอยากติดตามว่าหมาตัวนี้จะมีความสามารถอะไรแปลกๆ อีกบ้างก็สามารถติดตามกันได้ที่ @tobyandpatbutmostlytoby กันเล๊ยย   . . . . . .…

  • ยอมใจ!! รวมภาพเหล่าคนขี้เกียจระดับเลเวลตันบนโลกใบนี้ อะไรจะรักสบายขนาดน๊านน

    ยอมใจ!! รวมภาพเหล่าคนขี้เกียจระดับเลเวลตันบนโลกใบนี้ อะไรจะรักสบายขนาดน๊านน

    คนขี้เกียจคือ คนที่ไม่อยากจะทำอะไรใดๆ ในชีวิตของพวกเขาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง หรือจะไม่มีเหตุผลก็ได้สำหรับพวกเขา และบางครั้งความขี้เกียจที่มากเกินไปก็อาจสร้างเสียงหัวเราะให้กับใครหลายคน ด้วยไอเดียอันแปลกประหลาดที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเพื่อความสนองความสบายของตัวเอง และนี่คือภาพไอเดียอันแสนฮาของคนขี้เกียจระดับตัวท็อปๆ ของโลก ซึ่งถ้าจะจัดอันดับความขี้เกียจของคนเหล่านี้ต้องบอกเลยว่าเป็นเลเวลที่ตันแล้วจริงๆ ชนิดที่ว่าถ้ามีการลงแข่งกีฬาขี้เกียจในโอลิมปิก พวกเขาเหล่านี้ต้องคว้าเหรียญทองไปครองอย่างไร้ข้อกังขาใดๆ เลยล่ะ   ก็ยังเห็นทางอยู่จะปัดมันออกไปทำไมล่ะ ใช่ไหม??   ขี้เกียจวาดตา เลยทำมันให้มันแบ๊วๆ เหมือนกันหมดเลย   เมื่อซื้อมันฝรั่งมาจากตลาด แล้วเกิดขี้เกียจเอามันไปประกอบอาหาร   เมื่อเมียฝากให้เฝ้าดูการอบขนมให้หน่อย ผมก็เลยเอาโทรศัพท์ไปไลฟ์สดแล้วนั่งดูสบายๆ ผ่านจอทีวีซะเลย   มันจะอะไรขนาดนั้นกันล่ะ ลูกเอ๋ยย   ก็ทำมาแล้ว จะได้ไม่เสียเที่ยวไงเอ้ออ   เมื่อขี้เกียจปิดไฟ เลยอยากใช้แมวให้เป็นประโยชน์บ้าง   มีไอดอลเป็นซานต้าใช่ไหม บอกมาซิ   มันส์ไปด้วย ได้นอนไปด้วย อะไรมันจะดีขนาดนี้   ห่างกันเพียงเอื้อมมือ แต่มันอยู่แสนไกล   จะยืนทำไมให้เมื่อย นี่สิแปรงได้ยันเย็น   เก็บไว้ดูทีหลังละกัน ตอนนี้ขอเอนหลังสักหน่อย   ไหนๆ มันก็ไม่แยกให้ละ…

  • ปัดโธ่!! 18 ภาพเหล่าหมาแมวนักทำลายวันคริสต์มาสตัวจริง สงสัยคงจะรอเวลานี้มานานแล้วสินะ

    ปัดโธ่!! 18 ภาพเหล่าหมาแมวนักทำลายวันคริสต์มาสตัวจริง สงสัยคงจะรอเวลานี้มานานแล้วสินะ

    เพื่อความครื้นเครงในการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง หลายๆ บ้านก็มีการตกแต่งเพื่อเพิ่มความสดใสพร้อมทั้งเป็นการสร้างบรรยากาศสนุกๆ ขึ้นในบ้าน ซึ่งของตกแต่งสำหรับวันคริสต์มาสก็มีอยู่หลายอย่างทั้ง ต้นคริสต์มาส กล้องของขวัญ กระดิ่งกรุ๊งกริ๊งๆ หลอดไฟประดับประดาต่างๆ ที่มองดูแล้วมันช่างเป็นภาพที่น่าสนุกซะจริงเชียว แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่เรากลับมาที่บ้านก็ต้องพบว่า ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่เราอุตส่าห์เสียเวลาตกแต่งเอาไว้มันเสียหายอย่างยับเยิน สิ่งแรกๆ ในความคิดของใครหลายคนอาจจะคิดว่ามีขโมยขึ้นบ้านหรือเปล่า แต่เมื่อค้นหาต้นตอจริงๆ ก็พบว่ามันไม่ใช่ขโมยขโจรที่ไหนหรอก แค่กลับกลายเป็นฝีมือของสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราอย่าง ไอ้ตูบไร้เดียงสาและเจ้าเหมียวจอมร้ายกาจได้ซะนี่ และนี่คือภาพต่างๆ ของการทำลายข้าวของที่พวกมันรอคอยจังหวะที่จะพังงานเทศกาลที่เราเตรียมเอาไว้ และดูเหมือนว่าพวกมันจะทำสำเร็จซะด้วย มันน่าเลี้ยงเอาไว้ไหมเนี่ย…   ไม่ต้องมาทำสายตาอย่างนั้นเลย ทำผิดขนาดนี้   นี่เลย จับได้คาหนังคาเขา   Mission Complete!!   เอ็งจะอยากได้อะไรขนาดนั้น   โอ้โห ยังมีหน้ามายืนอยู่อีกหรอ   ทำผิดต้องเอามาประจานซะหน่อย   เข้าไปทำอะไรข้างใน มันไม่มีปลาทูให้กินหรอก   เค้าเรียกว่าทำงานเป็นทีม   แมวยักษ์บุกโลกแล้วว   บ้านตั้งกว้าง มานอนอะไรตรงนี้ฟะ   ก็มันหนาวอ่ะ จะเอามาห่มซะหน่อย   ลงแขกกันหน่อยเร็ว  …

  • หญิงสาวถูกฆาตกรรมอย่างสยอง ก่อนจะรู้ทีหลังว่าเป็นฝีมือของเจ้าตูบพิตบูลที่เธอรัก

    หญิงสาวถูกฆาตกรรมอย่างสยอง ก่อนจะรู้ทีหลังว่าเป็นฝีมือของเจ้าตูบพิตบูลที่เธอรัก

    การจะเลี้ยงหมาสักตัวหนึ่ง เราก็ต้องศึกษาสายพันธุ์ให้ดีว่ามันสามารถเข้ากับบุคลิกของเรา และเราสามารถควบคุมมันอยู่หรือไม่ ไม่งั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์สุดเศร้าเหมือนกับเหตุการณ์นี้ ที่ผู้หญิงคนหนึ่งถูกหมาของเธอเองกัดจนตายในสภาพสุดสยอง เรื่องราวสุดสลดนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา กับ Bethany Lynn Stephens หญิงสาวจากรัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะเธอกำลังเดินจูงหมาไปเดินเล่นในที่แห่งหนึ่ง และหลังจากนั้นก็ได้หญิงสาวคนนี้ก็ถูกบางอย่างเข้าจู่โจมจนเสียชีวิต     ตำรวจบอกว่าศพของหญิงสาววัย 22 ปีคนนี้มีสภาพสุดสยองโดยมีบาดแผลเหวอะหวะที่บริเวณหัวและลำคอ ซึ่งเป็นสภาพที่สุดจะบรรยายจริงๆ โดยในวันเกิดเหตุพ่อของ Bethany ได้โทรศัพท์หาเบอร์ฉุกเฉินเมื่อเวลาประมาณสองทุ่ม หลังจากที่เธอไม่กลับมาที่บ้านจากการนำหมาออกไปเดินเล่นเป็นเวลานาน ซึ่งพ่อของเธอก็ได้เดินดูบริเวณรอบๆ ที่เธอมักจะนำหมาออกไปเดินและก็ได้เห็นฉากสุดสยองดังกล่าวในวันเดียวกันนั้นเอง     สถานีข่าวท้องถื่น WTVR ได้รายงานว่าในตอนที่พ่อของ Bethany พบศพ เขาพบหมาพันธุ์พิตบูลที่ผู้เสียชีวิตได้เลี้ยงไว้อยู่ข้างๆ กาย และดูเหมือนมันคอยดูแลปกป้องศพนั้นด้วย ในเวลาต่อมาเมื่อรองนายอำเภอพร้อมกับเจ้าหน้าที่มาถึงจุดเกิดเหตุ ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 60-90 นาทีเพื่อพยายามจับเจ้าหมาพิทบูลตัวนี้เอาไว้ หลังจากนั้นศของ Bethany ก็ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ชันสูตรศพ และผลการชันสูตรศพก็ออกมาปรากฏว่า บาดแผลที่เกิดขึ้นตามร่างกายของเธอเกิดขึ้นมาจากการถูกหมาของเธอเองกัดจนเสียชีวิต     “บาดแผลที่เกิดขึ้นมาจากการถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากสุนัขของเหยื่อเอง ขณะที่เธอพาสุนัขตัวนี้ออกไปเดินเล่น” “เหยื่อได้พยายามปกป้องตัวเอง ด้วยการใช้มือและแขนผลักสุนัขตัวนี้ให้ออกไปห่างๆ และเป็นที่แน่นอนแล้วว่าเธอถูกสุนัขตัวนี้โจมตีขณะที่กำลังมีชีวิตอยู่” นายอำเภอ Agnew กล่าว นอกจากนี้นายอำเภอ Agnew…

  • อ้ออ๊อย!! เจ้าเสือดาวพลัดตกลงไปในบ่อน้ำ ทำหน้าตาน่าสงสารจนมนุษย์ต้องช่วยเหลือไว้

    อ้ออ๊อย!! เจ้าเสือดาวพลัดตกลงไปในบ่อน้ำ ทำหน้าตาน่าสงสารจนมนุษย์ต้องช่วยเหลือไว้

    ด้วยความไม่รู้ภาษีภาษาของสัตว์ ทำให้บางครั้งมันก็มักจะพาตัวเองไปเผชิญอันตรายต่างๆ ด้วยความไร้เดียงสาและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของมัน และเมื่อเห็นสัตว์กำลังตกอยู่ในอันตรายซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการช่วยเหลือก็อาจจะเสียชีวิต มีหรือที่มนุษย์โลกผู้มีจิตใจอารีอย่างเราๆ จะไม่ช่วยเหลือแม้ว่าสัตว์ที่ต้องช่วยนั้นจะเป็นสัตว์ป่าที่ขึ้นชื่อว่าดุร้ายอย่างเสือก็ตาม   แง ช่วยหนูด้วย   ตามรายงานในประเทศอินเดีย มีสัตว์มากกว่า 1,500 ตัวต้องเสียชีวิตจากการพลัดตกไปในบ่อน้ำซึ่งมีมากในประเทศอินเดียเมื่อช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมืองกูวาฮาติ ในรัฐอัสสัม ประเทศอินเดียและได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อมีเสือดาวตัวหนึ่งเกิดพลัดตกลงไปในบ่อน้ำที่มีความลึกมากถึง 9.1 เมตรและกำลังร้องขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน   สถานที่เกิดเหตุคือรัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย   โดยชาวบ้านที่พบเห็นได้คาดการณ์เอาไว้ว่าเจ้าแมวยักษ์ตัวนี้ น่าจะพลัดตกลงไปในบ่อน้ำเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงแล้ว และเมื่อมาพบเสือตัวนี้อยู่ในบ่อน้ำเข้า พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะโทรแจ้งผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ให้มาช่วยเสือตัวนี้ออกจากบ่อน้ำนี้ทันที เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงพวกเขาก็สรรหาวิธีที่จะนำเสือดาวตัวนี้ขึ้นมาให้ได้ แต่ด้วยความที่มันเป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณเพชฌฆาตอยู่ทำให้การช่วยเหลือมันเป็นไปด้วยความลำบาก และต้องระวังตัวอยู่เสมอ ซึ่งต่างจากการช่วยแกะ ช่วยแพะที่ไม่มีภัยอันตรายเป็นอย่างมาก   โดยปกติมันน่ากลัวใช่ไหมล่ะ   ซึ่งหลังจากหาวิธีการช่วยเหลือมานาน พวกเขาก็ตกลงกันว่าเพื่อความปลอดภัยของทั้งคนและทั้งเสือ พวกเขาจะยิงยากล่อมประสาทไปที่ตัวเสือก่อนเพื่อให้มันไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ได้หลังจากนั้นก็จะส่งคนลงไปอุ้มมันขึ้นมา   ในตอนนี้ไร้ซึ่งพิษภัยใดๆ   สำหรับผู้โชคดีที่ได้ลงไปสัมผัสเสือตัวเป็นๆ ก็คือ Dr. Bijoy Gogoi สัตวแพทย์มืออาชีพ เขาลงไปด้วยการปีนบันไดลงไปพร้อมกับกำเชือกในมือเพื่อจะผูกเสือตัวนี้แล้วให้คนช่วยดึง และเมื่อลงไปด้านล่างแล้วเขาก็พบว่าเจ้าเสือได้เชื่องเป็นแมวหงอยจากฤทธิ์ของยากล่อมประสาทนั่นเอง  …

  • มีซึ้ง!! เรื่องราวอบอุ่นหัวใจของคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ที่เขียนจดหมายจากซานต้าให้ลูกสาวทุกปี

    มีซึ้ง!! เรื่องราวอบอุ่นหัวใจของคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ที่เขียนจดหมายจากซานต้าให้ลูกสาวทุกปี

    ด้วยความที่เป็นพ่อคนแม่คน ก็เป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขาที่อยากจะให้ลูกๆ ของพวกเขานั้น เป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ว่าจะในเรื่องใดๆ ก็ตาม ทว่าในโลกแห่งความเป็นจริง ก็มีหลายครอบครัวที่พ่อแม่ต้องแยกทางกัน ทำให้ครอบครัวนั้นอาจเป็นครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นัก อีกทั้งเรื่องการขาดหายไปของใครบางคนก็อาจจะกลายเป็นช่องว่างที่เกิดขึ้นในจิตใจของเด็กๆ ที่กำลังเจริญเติบโตและเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้   ครอบครัวที่มีเพียงสองคนพ่อลูก   แต่ว่า Michael Ray ผู้เป็นพ่อไม่ต้องการให้ Charlie ลูกสาววัย 6 ปีของเขารู้สึกว่าขาดอะไรไป แม้ว่าครอบครัวของเขาจะมีเพียงสองพ่อลูกก็ตาม โดย Ray ได้พยายามสุดความสามารถ ที่จะทำให้ลูกสาวของเขารู้ว่าทั้งพ่อและแม่รักเธออย่างสุดหัวใจ เขาจึงเขียนจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมาและบอกลูกสาวของเขาว่านี่เป็นจดหมายจากซานต้าในทุกๆ วันคริสต์มาส และนี่คือจดหมายฉบับหนึ่งของเขาที่มีเนื้อความว่า     “ถึง Charlie ฉันต้องของคุณหนูมากจริงๆ ที่ช่วยดูแลเจ้า Jingles แมวสุดน่ารักตัวนี้ มันมักบอกกับฉันว่ามันชอบไปที่บ้านหนู เพราะว่าที่บ้านหลังนั้นมีเด็กที่น่ารักมีจิตใจที่ดีอยู่คนหนึ่ง และคนๆ นั้นก็คือหนูนั่นเอง นอกจากนี้เจ้า Jingles ยังบอกอีกด้วยว่ามันสามารถเห็นได้ถึงความรัก ความภาคภูมิใจอันมากล้นที่พ่อของหนูมีต่อหนู และสุดท้ายมันก็บอกอีกด้วยว่าหนูเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับมันเลยล่ะ มากไปกว่านั้นฉันสามารถรับรู้ได้อีกด้วยว่า แม่ของหนูรักและคิดถึงหนูมากเหนือกว่าสิ่งอื่นใดในโลกใบนี้ อ่อเกือบลืมไป ฉันทิ้งของขวัญบางอย่างเอาไว้ให้นะและหวังว่าเธอจะสนุกกับมัน และสุดท้ายฉันก็หวังว่าหนูจะมีความสุขที่โรงเรียนกับ Lily เพื่อนรักของเธอนะ ฉันจะคอยเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ ต่อจากพ่อของเธอละกัน รักจากซานต้า “   รอยเท้าที่ซานต้าทิ้งเอาไว้ขณะเอาของขวัญมาวาง…

  • สาวชนะสล็อตได้เงินรางวัล 1.3 พันล้าน โดนพนักงานบอกเครื่องรวนแล้วเลี้ยงอาหารหรูแทน!?

    สาวชนะสล็อตได้เงินรางวัล 1.3 พันล้าน โดนพนักงานบอกเครื่องรวนแล้วเลี้ยงอาหารหรูแทน!?

    ในบรรดาการลงทุนทั้งหลาย การพนันดูเหมือนจะเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด เพราะว่านอกจากบางอย่างจะต้องใช้ฝีมือแล้ว บางครั้งคุณยังต้องใช้โชคชะตาช่วยเกื้อหนุนด้วย ถึงจะได้เงินที่มาจากการเสี่ยงดวงแบบนี้ แต่ก็อย่างว่าดวงคนจะรวยทำอะไรก็รวย คนจะจนทำอะไรก็จน เหมือนกับผู้หญิงคนนี้ที่หมุนตู้สล็อตแมชชีนจนได้รางวัลใหญ่ แต่ทางคาสิโนกลับบอกว่ามันเป็นความผิดพลาดของเครื่องสล็อตแมชชีน และเสนออาหารเย็นเป็นการปลอบใจให้แทนเงินรางวัลก้อนโตซะอย่างงั้น   หน้าตาของหญิงสาวผู้พลาดรางวัลก้อนโต   เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 2016 เมื่อ Katrina Bookman เดินทางเพื่อไปเล่นการพนันที่ Resorts World Casino ซึ่งตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และเมื่อเธอไปหมุนตู้สล็อตแมชชีนในคาสิโนแห่งนี้ก็ปรากฏว่าเธอได้รางวัลมูลค่ากว่าเกือบ 43 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 1.3 พันล้านบาท) เลยทีเดียว “มันขึ้นเป็นตัวใหญ่บนจอเลยบอกว่าฉันถูกรางวัลแจ็กพอตมูลค่ากว่า 43 ล้านดอลลาร์ ในตอนนั้นฉันเหน็บชากินไปทั้งตัวและแทบจะหยุดหายใจไปเลยก็ว่าได้” Bookman กล่าว   แหม สบายไปทั้งชาติเลยนะเนี่ย   ทว่าในตอนนั้น สาวสุดเฮงคนนี้ก็สัมผัสได้ว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ เพราะว่าเจ้าเครื่องสล็อตมันไม่ยอมออกตั๋วรางวัลขึ้นเงินให้กับเธอ และเมื่อพนักงานมาตรวจสอบให้ เธอก็ต้องได้รับข่าวร้ายจนแทบทรุด เพราะพนักงานบอกว่าสิ่งที่เธอเห็นมันเป็นความผิดพลาดของเครื่อง และเธอก็จะไม่ได้รับเงินรางวัลดังกล่าว แต่เธอก็ยังไม่ยอมแต่โดยดี เพราะเธอบอกว่าในตอนที่เธอเล่นเครื่องมีมันก็เป็นปกติดี และไม่มีอาการบ่งบอกว่ามันจะผิดพลาดใดๆ ทั้งสิ้น   หน้าตาของเครื่องสล็อตแมชชีนดังกล่าว   และในเวลาต่อมา เมื่อคณะกรรมการดูแลการพนันแห่งนครนิวยอร์กมาตรวจสอบ ก็พบว่าเธอถูกรางวัลจริง!! ทว่ารางวัลที่เธอถูกนั้นมีราคาเพียงแค่ 2.25 ดอลลาร์(ประมาณ…

  • เอ้าไหงงั้น!! เกาหลีเหนือเริ่มให้บริการสตรีมมิ่งคล้าย Netflix แต่ถ้าใครดูโชว์ต้องห้าม มีโทษถึงตาย

    เอ้าไหงงั้น!! เกาหลีเหนือเริ่มให้บริการสตรีมมิ่งคล้าย Netflix แต่ถ้าใครดูโชว์ต้องห้าม มีโทษถึงตาย

    ใครๆ ต่างก็รู้กันว่าประเทศเกาหลีเหนือเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ ที่มีข้อจำกัดทางด้านกฎหมายมากมาย โดยประชาชนภายในประเทศส่วนใหญ่ยังไม่มีสิทธิที่จะเข้าถึงสิ่งที่เรียกว่า เวิลด์ไวด์เว็บ(www) ด้วยซ้ำ ทว่าในตอนนี้รัฐบาลเกาหลีเหนือดูเหมือนอยากจะลดความตึงเครียดให้แก่ประชาชน จึงได้สร้างแอพฯ ที่คล้ายกับแพลตฟอร์มชื่อดังระดับโลกอย่าง Netflix ขึ้นมาโดยพวกเขาได้ตั้งชื่อแอพฯ ที่สร้างขึ้นใหม่นี้ไว้ว่า My Companion 4.0 สำหรับแอพฯ ที่ทางรัฐบาลเกาหลีเหนือสร้างให้ประชาชนใช้นั้น เป็นแอพฯ อเนกประสงค์ที่สามารถทำได้หลายอย่างภายในแอพเดียว โดยมันสามารถทำได้ทั้งการอ่าน e-book ดูหนังภาพยนตร์ เล่นเกม รวมถึงการร้องคาราโอเกะก็มีให้ใช้งาน   หน้าตาของแอพฯ My Companion 4.0   แต่นั่นยังไม่พอเพราะนอกจากแอพฯ นี้จะสามารถให้บริการความบันเทิงหลายๆ อย่างทั้งการแสดงและกีฬาต่างๆ ได้แล้ว ภายในแอพฯ นี้ยังสามารถดูการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศในขณะนี้ได้ด้วย ทว่าก็มีข้อแม้นิดหน่อยสำหรับแอพฯ นี้เพราะว่ามันยังบรรจุสิ่งที่เป็นความลับของรัฐบาลเกาหลีเหนือเอาไว้ด้วย ซึ่งหากใครที่เข้าชมความลับดังกล่าวจะต้องมีโทษถึงตายเลยทีเดียว   เอาไปบันเทิงกันนะ   สำหรับในปัจจุบัน การเชื่อมต่อเข้าสู่โลกออนไลน์ส่วนบุคคลในประเทศเกาหลีเหนือสามารถแบ่งได้ 2 ระบบคือ ระบบแรกสำหรับชนชั้นสูงที่น่าเชื่อถือในประเทศเกาหลีเหนือจะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตเข้าเว็บไซต์ต่างๆ ได้ทั่วโลกผ่านทาง www. เหมือนกับประเทศอื่นๆ บนโลก และอีกรูปแบบหนึ่งก็คือ ระบบอินทราเน็ตสำหรับประชาชนทั่วไปในประเทศที่จะสามารถเข้าได้เพียงเว็บไซต์ที่รัฐบาลกำหนดให้ไว้เพียงเท่านั้น ซึ่งเครือข่ายสำหรับชาวเกาหลีเหนือโดยทั่วไปนี้จะมีชื่อเรียกว่า Kwangmyong ซึ่งแปลว่าแสงสว่าง ซึ่งการใช้งานเครือข่ายอินทราเน็ตนี้จะต้องใช้เบราเซอร์ที่ชื่อว่า Naenara ที่ดัดแปลงมาจากเบราเซอร์ FireFox สำหรับการเปิดใช้งานเท่านั้น   โทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่รัฐบาลเกาหลีเหนือเป็นผู้ผลิต…

  • ช่างภาพนำโมเดล “ซูเปอร์ฮีโร่” มาจัดองค์ประกอบใหม่ เพื่อเสนออีกมุมที่เราไม่เคยเห็น

    ช่างภาพนำโมเดล “ซูเปอร์ฮีโร่” มาจัดองค์ประกอบใหม่ เพื่อเสนออีกมุมที่เราไม่เคยเห็น

    เมื่อพูดถึงซูเปอร์ฮีโร่จากค่ายมาร์เวล หลายคนอาจจะนึกถึง ธอร์เทพเจ้าสายฟ้าอันน่าเกรงขาม หรือจะเป็นกัปตันอเมริกาผู้รักความยุติธรรม และอีกหลายๆ คนที่มีบุคลิกเท่ๆ อย่างเดอะฮัล์คไอ้ยักษ์ร่างเขียว ซึ่งโดยรวมซูเปอร์ฮีโร่เหล่านี้ต่างมีบุคลิกที่ดูน่าเอาเป็นแบบอย่างทั้งสิ้น แต่หากลองมาคิดดูกันเล่นๆ ว่า จะเป็นอย่างไรเมื่อซูเปอร์ฮีโร่ที่สุดจะยิ่งใหญ่เปลี่ยนไปมีนิสัยเกรียนๆ บ้าง ด้วยเหตุนี้ช่างภาพที่ใช้ชื่อว่า HrJoePhotography จึงได้ลองนำโมเดลซูเปอร์ฮีโร่ของเขามาจัดวางในท่าทางต่างๆ เพื่อให้เห็นว่าจริงๆ แล้วซูเปอร์ฮีโร่เหล่านี้ก็มีความลับบางอย่างที่พวกเขาอาจจะไม่ได้บอกกับเราในฉากหนังก็ได้นะ และนี่คือผลงานของช่างภาพคนนี้ ที่นำโมเดลซูเปอร์ฮีโร่มาทำกิจกรรมเกรียนๆ ซึ่งหากมองดูแล้วก็น่าจะลดความน่าเชื่อถือของพวกเขาไปได้เยอะเหมือนกัน โดยการถ่ายรูปเล่นของเขาครั้งนี้เขาบอกไว้ว่าไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อจะดิสเครดิตแต่อย่างใด แต่อยากจะให้ผู้คนมีรอยยิ้มแค่เพียงเท่านั้น และหากใครชื่นชอบผลงานสุดฮาเหล่านี้ก็สามารถติดตามกันได้ที่ hrjoe Photography   วอนซะแล้วไอ้เดดพูล   นี่มันที่ของพี่ไอ้น้อง   ยอมแล้วจ้า อย่าทำอย่างนี้เลยมันเจ็บเกินทนไหว   คนเดียวหัวหาย อันนี้หายทั้งสองหัว   อยากได้อะเดะ ไม่ให้หรอก ฮ่าๆ   ตีพลาดจะเอ็งโดนดีแน่ๆ   เอาป่ะ ให้ฟรีก็ได้   ใครจะไปรู้ว่าตัวใหญ่ๆ อย่างนี้ก็กลัวเข็มเหมือนกัน   ทำไมแกไม่กินข้าวฮะ อุตส่าห์เทเอาไว้ให้   ตกแต่งบ้านต้อนรับคริสต์มาสกันเถอะที่รัก   นี่ตูเพื่อนเล่นหรอเนี่ย ลูบซะ  …

  • มันเจ็บช้ำ!! หนุ่มตอบคำถามผิดชวดเงินมูลค่ากว่า 3.8 ล้านทั้งที่คำตอบอยู่บนเสื้อแล้วแท้ๆ

    มันเจ็บช้ำ!! หนุ่มตอบคำถามผิดชวดเงินมูลค่ากว่า 3.8 ล้านทั้งที่คำตอบอยู่บนเสื้อแล้วแท้ๆ

    การได้พลาดอะไรไปทั้งๆ ที่มันเรื่องง่ายๆ นี่มันน่าเจ็บใจซะจริงเชียว ซึ่งหลายคนอาจจะเคยมีประสบการณ์เช่นนี้ ซึ่งมันทำให้รู้สึกเสียดายจนแทบจะร้องไห้ แต่คงไม่มีใครเสียใจเกินกว่าชายคนนี้ เพราะว่าเขาได้ไปออกเกมโชว์เกมหนึ่งแล้วตอบคำถามมูลค่าสูงสุดของรายการผิด ทำให้เขาต้องพลาดเงินรางวัลมูลค่า 3.8 ล้านบาทไปทั้งๆ ที่คำตอบอยู่บนเสื้อที่เขาใส่มาถ่ายรายการแล้วแท้ๆ     เหตุการณ์สุดทึ่งนี้เกิดขึ้นกับชายที่ชื่อว่า Alberto ขณะเขาไปออกรายการเกมโชว์ชื่อว่า Ahora Caigo รายการเกมโชว์ชื่อดังในประเทศสเปน ซึ่งเป็นรายการตอบปัญหาที่คล้ายๆ กับเกมเศรษฐีที่โด่งดังเมื่อครั้งอดีตในบ้านเรา การตอบคำถามของเขาได้ผ่านมาแล้วมากมาย และเดินทางมาถึงคำถามข้อตัดสินว่าเขาจะสามารถคว้าเงินรางวัลมูลค่ากว่า 100,000 ยูโร(ประมาณ 3.8 ล้านบาท) ไปครอบครองได้หรือไม่     โดยคำถามนั้นเป็นคำถามที่ว่า ‘สตีฟ โรเจอร์ รับบทเป็นอะไรในภาพยนตร์เรื่องอเวนเจอร์‘ ซึ่งมีตัวเลือกมาให้เขาเลือกสามข้อทั้ง หมอ ท่านเซอร์ และกัปตัน ซึ่งหากเป็นคอภาพยนตร์ก็คงจะตอบได้ไม่ยาก แต่ด้วยความที่เขาไม่รู้หรือไม่ใช่คอหนังก็ไม่ทราบทำให้เขาตอบคำถามนี้ผิดโดยเขาตอบว่า ‘น่าจะเป็นหมอนะ’ แต่ความพีคของการตอบคำถามข้อนี้ผิด ไม่ได้อยู่ที่ความไม่รู้ของเขา แต่ว่ามันเป็นเสื้อที่เขาใส่ต่างหาก เพราะว่าเสื้อที่เขาใส่มามันพิมพ์คำว่า ‘กัปตันอเมริกา’ ติดเอาไว้ตัวเบ้อเร่อ     ในขณะนั้นทั้งห้องอัดรายการหลังจากได้ยินคำตอบของ Alberto แล้วก็เงียบสนิทราวกับป่าช้ารวมถึงคู่แข่งอีกคนของเขาก็ยืนอึ้งไม่แพ้กัน เพราะว่าเสื้อที่เขาใส่มามันน่าจะแสดงว่าเป็นแฟนหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี และเมื่อ Arturo Valls พิธีกรดำเนินรายการได้ยินคำตอบจากปากของเขากับเสื้อที่เขาใส่มาก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่และบอกกับ Alberto ว่า “คุณไม่รู้หรอว่าเสื้อที่คุณใส่มาน่ะมันเป็นคำตอบของข้อนี้นะเนี่ย” Valls…

  • ภาพถ่ายจิ้งจอกผ่านม่านหมอกฤดูหนาว ความสวยงามของมันช่างดูสง่างามชวนให้หลงใหลยิ่งนัก

    ภาพถ่ายจิ้งจอกผ่านม่านหมอกฤดูหนาว ความสวยงามของมันช่างดูสง่างามชวนให้หลงใหลยิ่งนัก

    สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกใบนี้ มักจะมีความงามแฝงเอาไว้ในตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ดอกไม้ มนุษย์ หรือแม้กระทั่งสัตว์ต่างๆ ซึ่งความสวยงามที่ว่านี้ แต่ใครจะไปคิดว่าสัตว์ที่ดูเป็นอันตรายอย่างสุนัขจิ้งจอก จะทำให้ช่างภาพคนหนึ่งหลงรักหัวปักหัวปำตั้งแต่ครั้งแรกเห็น และช่างภาพคนนั้นก็ใช้เวลาหลายต่อหลายปี เพื่อจะถ่ายภาพจิ้งจอกให้คนทั้งโลกได้เห็นความสง่างามที่อยู่ในตัวของมัน Roeselien Raimond ช่างภาพพรสวรรค์สูงชาวฮอลแลนด์ เป็นที่รู้จักจากการถ่ายภาพนิ่งของจิ้งจอกนานาชนิด โดยเธอเล่าว่าเธอได้มีโอกาสเห็นจิ้งจอกครั้งแรกเมื่อปี 2010 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็ตกหลุมรักความน่ารักของจิ้งจอกเข้าอย่างเต็มเปา     เธอจึงใช้เวลาตลอด 7 ปีที่ผ่านมาเข้าไปในป่าเพื่อจะตามถ่ายภาพจิ้งจอก ซึ่งก็มีบางวันที่ต้องเจอสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยจนไม่สามารถเก็บภาพมาได้ นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่าจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าวันนี้มันจะไปที่ไหนบ้าง ทำให้การหาตัวของมันค่อนข้างเต็มไปด้วยความยากลำบาก “คุณไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าเมื่อไหร่ที่มันจะแสดงตัวออกมาให้เราได้เห็น และถ้าคุณคิดว่าคุณรู้จักมันจริงแล้วล่ะก็ อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็เป็นได้นะ” Roeselien กล่าว     ในช่วงเวลา 7 ปีที่เธอตามถ่ายจิ้งจอก เธอบอกว่าไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวเลยที่จะรู้สึกเบื่อ เพราะว่าจิ้งจอกแต่ละตัวก็จะมีบุคลิกนิสัยเป็นของตัวเอง ซึ่งบางตัวก็มีจุดเด่นจนบางทีก็อาจจะทำให้รู้สึกประหลาดใจได้เหมือนกัน “จิ้งจอกบางตัวค่อนข้างจะขี้อายและชอบอยู่อย่างสันโดษ บางตัวก็ค่อนข้างจะโดดเด่นและมีความมั่นใจในตัวเองสูง และบางตัวก็อาจจะเป็นนักล่ากระต่ายชั้นยอด ขณะเดียวกันบางตัวก็เป็นนักว่ายน้ำที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน” และด้วยเหตุผลต่างๆ ข้างต้นเธอจึงได้ถ่ายภาพจิ้งจอกมาให้เราได้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ที่หาดูได้ยากของมัน ซึ่งมันจะสง่างามอย่างที่เธอว่าไว้หรือไม่ก็ต้องลองตามไปดูกันด้วยสายตาตัวเอง…   . . . . . . . . . .…

  • แนะนำหนัง 12 เรื่องน่าดูใน 12 เดือนแห่งปี 2018 ที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!!

    แนะนำหนัง 12 เรื่องน่าดูใน 12 เดือนแห่งปี 2018 ที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!!

    ทุกๆ ปี เหล่าค่ายหนังก็จะเข็นหนังดีๆ ออกมาดูดเงินในกระเป๋าเราเป็นจำนวนมาก สารภาพมาซะดีๆ ว่าปีนี้เสียเงินไปกับการดูหนังเท่าไหร่ และเมื่อปี 2018 มาถึง เหล่าคนดูอย่างเราก็จะเฝ้ารอภาคต่อภาพยนตร์เรื่องโปรด หรืออาจจะอยากรู้ว่ามีภาพยนตร์เรื่องใดที่น่าติดตามดูในปีหน้าที่กำลังจะเข้ามาถึงนี้บ้าง และในวันนี้เราก็ได้รวบรวมสุดยอดภาพยนตร์น่าดูทั้งหมดถึง 12 เรื่องใน 12 เดือน ที่จะช่วยให้เราไม่ต้องไปยืนงงหน้าโรงภาพยนตร์ ว่าเดือนนี้จะดูเรื่องไหนดีนะ..   เดือนมกราคม – The Commuter   ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของป๋าเลียม นีสัน ชายผู้ที่ลูกสาวถูกลักพาตัวบ่อยเหลือเกิน แต่ว่าเรื่องนี้ไม่หายแล้ว โดยในเรื่องนี้เขารับบทเป็นไมเคิล พนักงานขายประขายประกันภัยธรรมดาๆ คนหนึ่ง ซึ่งวันหนึ่งในระหว่างการเดินทางอันแสนปกติของเขา ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง ทว่าหลังจากได้รับการติดต่อจากบุคคลลึกลับ ไมเคิลก็ถูกบังคับให้ต้องเปิดโปงตัวตนของผู้โดยสารคนหนึ่งในขบวนของเขาให้ได้ก่อนที่จะถึงป้ายต่อไป เขาต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อไขปริศนา และเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลวร้ายกว่าที่เขาคิด เขาจึงต้องจัดการปัญหาทุกอย่างให้ได้โดยมีชีวิตของตัวเองและผู้โดยสารในขบวนเป็นเดิมพัน   เดือนกุมภาพันธ์ – The Black Panther   อีกหนึ่งตัวละครจากโลกมาเวลที่ชื่อว่า ที ชัลล่า ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ใน Captain America: Civil War สิ้นสุดลง ที ชัลล่า ก็เดินทางกลับไปรับตำแหน่งกษัตริย์ที่วากานดา ประเทศแห่งหนึ่งในทวีปแอฟริกา…

  • ใจพี่โคตรได้!! พนักงานสนามบินเต้นเท้าไฟ โยกซะมันส์ จนคนบนเครื่องอยากลงไปแจม

    ใจพี่โคตรได้!! พนักงานสนามบินเต้นเท้าไฟ โยกซะมันส์ จนคนบนเครื่องอยากลงไปแจม

    คนบนโลกนับร้อยนับพันล้านคนต่างก็มีบุคลิกที่เป็นของตัวเองทั้งนั้น แต่ว่าจะมีคนอยู่ประเภทหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์จากความตึงเครียดให้กลายมาเป็นความสนุกสนาน และมีสีสันได้อย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนกับชายคนนี้ที่ทำงานเดิมๆ ทุกวันจนเขาอาจจะรู้สึกเบื่อหน่าย เขาจึงสร้างความแตกต่างให้กับงานตัวเองด้วยการเต้นไปด้วยทำงานไปด้วยซะเลย และที่สำคัญคือท่าเต้นของเขามันช่างแสนจะพลิ้วไหว ชนิดที่ใครๆ เห็นก็ต้องมองกันเป็นตาเดียว   ออกมาเต้น เอ้าออกมาเต้น   เรื่องราวนี้ได้รับการเปิดเผยจากคุณ Terry McBride ขณะที่เขากำลังขึ้นเครื่องบินเดินทางออกจากนครนิวยอร์กเพื่อกลับไปยังบ้านที่เมืองแนชวิลล์ แต่เมื่อเขาลองมองออกไปนอกกระจกก็พบกับคนคนหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้เขาต้องจดจำตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้ และแน่นอนว่าเมื่อพบเหตุการณ์สุกพิลึกพิลั่นอย่างนี้ เธอก็ไม่พลาดที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาบันทึกภาพความฮาจากพนักงานภาพพื้นคนนี้เอาไว้   มันส์อย่าบอกใคร   โดยเหตุการณ์ต่างๆ ในวิดีโอนี้ จะเป็นเหตุการณ์ระหว่างที่พนักงานบนเครื่องบินกำลังบอกถึงเรื่องความปลอดภัยต่างๆ บนเครื่องบินตามธรรมเนียม ทว่าระหว่างนั้นเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง Terry ก็พบกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินคนหนึ่งที่กำลังให้สัญญาณต่างๆ แต่ว่าไม่ใช่การให้สัญญาณแบบธรรรมดา เพราะว่าเขาดันเต้นไปด้วย โดยท่าเต้นของเขามันเหมือนกับว่าเขากำลังควบม้าอยู่อย่างไงอย่างงั้นเลยก็ว่าได้   โยกให้มันหลุดโลก   และจากการแสดงออกของเขาแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีทักษะการเต้นที่ดี แถมยังมีดนตรีในหัวใจและนั่นทำให้ Terry ถึงกับนำความประทับใจนี้ไปลงในโซเชียลมีเดียพร้อมกับตั้งแคปชั่นให้ว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันเจอ ขณะกำลังเดินทางออกจากนิวยอร์กเพื่อจะกลับบ้านที่แนชวิลล์เมื่อเช้านี้ ดูเขาเต้นเข้าสิ” และวิดีโอนี้ก็ได้เผยแพร่ไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ตอนนี้ชายเอวพลิ้วคนดังกล่าว ก็ได้กลายเป็นคนดังประจำสนามบินท้องถิ่นแห่งนี้ไปแล้วเพราะมีคนเข้าชมวิดีโอนี้มากกว่าเกือบ 5 แสนวิวเลยทีเดียว   มาดูความพลิ้วของพนักงานคนนี้กันดีกว่าว่าจะเด็ดแค่ไหน จ้างมาทำงาน 500 แต่พี่เต้นไป 5,000,000 เลยล่ะครับงานนี้!!   ที่มา: inspiremore

  • แมวเกลียดหมาเป็นทุนเดิม แต่เมื่อมาอยู่บ้านร่วมกันก็เปลี่ยนใจไปเที่ยวด้วยกันซะงั้น

    แมวเกลียดหมาเป็นทุนเดิม แต่เมื่อมาอยู่บ้านร่วมกันก็เปลี่ยนใจไปเที่ยวด้วยกันซะงั้น

    หมากับแมวเป็นสัตว์ที่เป็นอริกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน โดยพวกมันมักจะขู่กันฟ่อๆ เมื่อได้เจอหน้ากันโดยไม่รู้สาเหตุ รวมถึงแมวตัวนี้ที่เกลียดสัตว์สี่ขาที่เรียกว่าหมาจนเข้ากระดูกดำ แต่ด้วยสถานการณ์บังคับทำให้มันต้องออกไปเที่ยวด้วยกัน ทำให้ในตอนนี้มันได้เปลี่ยนความคิดและยอมเป็นมิตรกับหมาชนิดที่ว่าเล่นกันเป็นเพื่อนเลยทีเดียว เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ Amber Pitcher สัตวแพทย์สาวได้ไปเจอแมวที่ได้รับบาดเจ็บเข้า เธอจึงพามันไปรักษาที่คลินิกที่เธอทำงานอยู่ และเมื่อเธอได้ดูแลเอาใจใส่มันเธอก็พบว่าตกหลุมรักแมวตัวนี้เข้าให้แล้ว     “ฉันเจอเจ้าแมวตัวนี้ขณะกำลังร้องอย่างหมดแรง ฉันจึงเดินไปหามันและตรวจดูก็พบว่าขาของมันหักอย่างสิ้นเชิงจนเดินไปไหนไม่ได้ จริงๆ แล้วแมวตัวนี้มันน่ารักมาก ด้วยความสงสารฉันจึงตัดสินใจนำมันไปเลี้ยงที่บ้านและตั้งชื่อให้มันว่า Ollie” Amber กล่าว     จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ Amber ได้เลี้ยงหมาตัวหนึ่งอยู่ก่อนแล้วชื่อว่า Ariel ซึ่งเธอรับอุปการะหมาตัวนี้มาจากสถานสงเคราะห์แห่งหนึ่งเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว และเธอก็ได้เล่าที่มาที่ไปของเจ้าหมาตัวนี้ให้ฟัง “ในตอนนั้นฉันไปที่สถานสงเคราะห์กับพ่อแม่ ตอนนั้นฉันยังเรียนมัธยมปลายอยู่และอยากได้หมามาเลี้ยงสักตัว และสิ่งแรกที่ฉันเห็นในตัวของ Ariel ที่มีสีของตาที่แตกต่างกัน มันนั่งนิ่งๆ อยู่กรงหลังๆ”     “เมื่อฉันยื่นมือไปหามัน มันก็คลานมาหาและจ้องมองที่ดวงตาของฉัน ฉันรู้ในทันทีว่าเจ้าหมาตัวนี้แหละใช่เลย” Amber เล่าเหตุการณ์ในอดีตให้ฟัง  เมื่อ Amber รับหมาตัวนี้มาเลี้ยงก็ดูเหมือนว่าทั้งสองจะเป็นเพื่อนซี้ต่อกัน และเวลาผ่านไปไม่นานเมื่อ Ariel โตพอที่จะออกไปเที่ยวได้ Amber ก็พามันไปเล่นสกีตามที่ต่างๆ อย่างที่ภูเขาแคทสกิล และทิวเขาอดิรอนแดก…

  • เด็กสาววัย 6 ขวบผู้ไร้เดียงสา วาดภาพซานตาคลอสยื่นของขวัญ แต่ดันชวนให้คิดลึกซะได้!!

    เด็กสาววัย 6 ขวบผู้ไร้เดียงสา วาดภาพซานตาคลอสยื่นของขวัญ แต่ดันชวนให้คิดลึกซะได้!!

    การวาดภาพเป็นการส่งเสริมจินตนาการที่ดีสำหรับเด็กๆ เพราะว่ากิจกรรมนี้สามารถช่วยให้พวกเขาได้คิด และออกแบบรูปภาพให้เป็นดั่งที่ใจต้องการ และด้วยความที่ใกล้กับเทศกาลคริสต์มาสที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี เด็กๆ หลายคนจึงชอบวาดภาพของลุงอ้วนชุดแดงที่มีชื่อว่า ‘ซานตาคลอส’ ตามความคิดของตัวเองในรูปแบบต่างๆ และเด็กหญิงคนนี้ก็เช่นเดียวกัน เพราะเธอวาดภาพซานตาคลอสขณะกำลังแจกของขวัญ แต่ว่าภาพที่เธอวาดมันดันไปคล้ายกับอะไรบางอย่างเข้าอย่างโดยไม่ตั้งใจ และเมื่อแม่เธอมาเห็นเข้าก็ถึงกับขำจนน้ำหูน้ำตาเล็ด จนเก็บไว้คนเดียวไม่ไหวต้องเอามาโพสต์แบ่งปันจินตนาการของลูกสาว ให้ชาวเน็ตได้ชมทันที   หน้าตาน่ารักๆ ของ Mia สาวน้อยวัย 6 ขวบเจ้าของภาพวาดนี้   ภาพวาดสุดฮานี้ได้รับการเผยแพร่จาก Lisa Hawkins จากเมืองแฟร์อัม ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเธอได้เผยภาพวาดของลูกสาวเธอชื่อที่ว่า Mia โดยเธอได้ให้คำบรรยายภาพเอาไว้ว่า “ในตอนที่ฉันดูรูปภาพซานตาคลอสที่ลูกสาวสุดน่ารักของฉันวาดขึ้น ฉันก็ต้องพบว่ามันมีสิ่งแปลกๆ ที่ซานต้าคนนี้ถืออยู่ ในครั้งแรกฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่ามันใช่หรือเปล่า แต่เมื่อดูอีกรอบฉันก็พบว่ามันใกล้เคียงจริงๆ” Lisa เขียนกำกับเอาไว้   เอ๊ะนี่มันอะไรนะ เอ๊ะนี่มันอะไร   เมื่อรูปภาพนี้ได้เผยแพร่ออกไปในโลกอินเตอร์เน็ตก็มีความเห็นเข้ามามากมาย ทั้งคนที่เป็นเพื่อนของเธอ และคนที่รู้จัก โดยเพื่อนๆ ของเธอได้แสดงความเห็นเอาอย่างหลากหลายอย่าง Wendy Keerigan “ช่างเป็นความคิดของเด็กที่ไร้เดียงสาซะจริงๆ เลย” Nicola Jones “ฮ่าๆ มันช่างเป็นรูปภาพที่ตลกจริงๆ…

  • ยอมใจ!! 15 ตรรกะแบบแมวๆ ไม่แน่ว่าจนถึงปี 3017 มันยังเหมือนเดิม ยังไงก็ยังอย่างนั้น…

    ยอมใจ!! 15 ตรรกะแบบแมวๆ ไม่แน่ว่าจนถึงปี 3017 มันยังเหมือนเดิม ยังไงก็ยังอย่างนั้น…

    นิสัยของแมวแต่ละตัวเป็นสิ่งที่เดาได้ยากมากๆ สำหรับมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆ เพราะว่าการกระทำของมันบางอย่างมันอาจจะช่างเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง และแต่ละวันของพวกมันก็จะแสดงอิทธิฤทธิ์ที่แตกต่างกันออกมา ทำให้เหล่าทาสแมวทั้งหลายต่างมึนงงไปตามๆ กันว่าทำไมมันทำแบบนี้กันนะ และนี่คือภาพของแมวจากทั่วทุกมุมโลก ที่แสดงให้เห็นตรรกะในความคิดของพวกมัน ว่าสิ่งที่พวกมันกำลังทำอยู่เป็นสิ่งที่ถูกต้องต่างหาก และสิ่งที่คนเข้าใจเป็นสิ่งที่ผิด ซึ่งหลายครั้งที่มันก็ทำพฤติกรรมแปลกๆ จนเราอาจจะนึกว่ามันเป็นอุปนิสัยหรือว่าโดนผีเข้ากันแน่ แต่ที่รู้ๆ ก็คือพฤติกรรมอันพิสดารของมันสามารถทำให้ใครๆ ที่ได้เห็นมีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าได้อย่างแน่นอน   ก็มันชินอะ ทำไงได้ บางทีก็อยากลองเป็นมนุษย์ดูสักวันบ้าง   แมวบางตัวอาจคาบนกคาบหนูมาให้แก่เจ้าของ แต่เจ้าแมวตัวนี้มันดันไปคาบฟองน้ำมาทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน   ไม่เห็นใช่ไหมล่ะเจ้ามนุษย์ เพราะชั้นคือนินจายังไงล่ะ ฮ่าๆ   วิธีใช้เบาะสำหรับแมวที่ถูกต้องที่สุด   ซื้อที่นอนที่เล่นมาให้ตั้งเยอะ เอ็งดันไปนอนบนกล่องถูกๆ เนี่ยนะ มันน่าโมโหจริงๆ   แป๊บนะเจ้านาย กำลังอุ่นกาแฟให้อยู่   เค้ามีแต่เสือนอนกิน อันนี้แมวนอนกินซะอย่างงั้น   ก็เจ้านายบอกเองนี่ว่าไม่ให้นั่งบนคีย์บอร์ดอ่ะ   ที่กว้างมีตั้งเยอะแยะมายุ่งอะไรกับตูฟะเนี่ย ตูจะนอน   อุตส่าห์ตั้งไว้ให้กินง่ายๆ ดันมาแย่งของข้าซะได้ วอนซะแล้วเจ้าเหมียว   ไม่ใช่การแข่งยิมนาสติกลีลานะเฟ้ย   จบกัน ซื้อมาตั้งแพงอดกินเลย   นั่งบนนี้น่าจะอุ่นดีนะ…

  • เด็กสาวป่วยเป็นมะเร็งต้องมาอัดคลิปเต้นลงโซเชียลทุกวัน เพื่อหาเงินมารักษาค่าพยาบาล

    เด็กสาวป่วยเป็นมะเร็งต้องมาอัดคลิปเต้นลงโซเชียลทุกวัน เพื่อหาเงินมารักษาค่าพยาบาล

    ความเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ยิ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงจนสามารถคร่าชีวิตได้อย่างมะเร็งด้วยแล้ว การจะรักษาให้หายสามารถเป็นไปได้ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงตามมาด้วย และนั่นจึงทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งหาเงินค่ารักษาพยาบาลให้กับตนเอง ด้วยการเปิดสตรีมมิ่งทำกิจกรรมต่างๆ อย่างการ เต้นโชว์ วาดรูปโชว์ รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ อีกหลายอย่างเพื่อให้ผู้ชมมีความสุขที่ได้รับชม และเต็มใจจะบริจาคค่ารักษาให้แก่เธอ     เด็กน้อยผู้โชคร้ายชาวจีนวัย 7 ปีชื่อว่า Liu Zinian จากมณฑลเหอหนาน ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และด้วยความที่ครอบครัวของเธอมีฐานะยากจน ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการรักษาโรคมะเร็ง แต่ด้วยความพยายามและมีใจรักในเสียงเพลงทำให้ Liu ไม่ยอมย่อท้อต่อชะตากรรมลุกขึ้นมาสู้กับอุปสรรคที่เธอเจอ โดยเธอได้ถ่ายทอดสดตัวเองขณะกำลังร้องเพลงและเต้นลงในโซเชียลมีเดียในประเทศจีน เพื่อจะหาเงินมาเป็นค่ายาให้กับตัวเอง     โดยรูปภาพเหล่านี้ได้ถูกเผยแพร่ในวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพระหว่างที่ Liu กำลังนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงหลังจากเธอเพิ่งเข้ารับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดหรือที่เรียกกันว่าคีโม และครั้งล่าสุดนี้ก็เป็นการรักษาครั้งที่ 11 สำหรับเธอแล้ว โรคมะเร็งของเด็กสาวคนนี้ถูกตรวจพบเมื่อประมาณปีที่แล้ว จากการสุ่มตัวอย่างเนื้อเยื่อในคอ หลังจากที่เธอเป็นไข้ และมีอุณหภูมิในตัวสูงถึง 39.5 องศาเซลเซียสติดต่อกันเป็นเวลาถึงสองวันเต็มๆ     Wei Lihong แม่ของ Liu บอกว่าเธอจะเป็นคนเฝ้าไข้ลูกของเธอในเวลากลางคืน ที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยแพทย์เจิ้งโจว และสามีของเธอจะมาดูแลลูกในตอนกลางวัน สำหรับค่ารักษาพยาบาลที่ผ่านมาของ Liu…

  • ไม่ใช่แค่ชื่อ… เปิดประวัติ Gustave โคตรไอ้เข้ตัวจริง ตำนานที่ยังคงมีลมหายใจถึงทุกวันนี้

    ไม่ใช่แค่ชื่อ… เปิดประวัติ Gustave โคตรไอ้เข้ตัวจริง ตำนานที่ยังคงมีลมหายใจถึงทุกวันนี้

    นอกจากมนุษย์แล้ว บนโลกนี้ยังเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์มากมายหลายชนิด ซึ่งก็มีทั้งสัตว์ที่เป็นมิตรและสัตว์ที่เป็นอันตราย และหากจะพูดชื่อสัตว์ที่เป็นอันตรายแล้ว ชื่อของจระเข้ต้องติดมาเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน เพราะว่ารูปร่างหน้าที่น่ากลัวบวกกับการเป็นสัตว์กินเนื้อของมัน ทำให้ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดที่ต้องเข้าใกล้ต่างก็ต้องมีผวากันบ้าง จระเข้บนโลกนี้มีอยู่มากมายนับพันนับหมื่นตัว แต่ว่ามีจระเข้อยู่ตัวหนึ่งที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นตำนานนักฆ่า และได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญมาแล้วมากมาย และชื่อของมันก็คือ กุสตาฟ (Gustave) นั่นเอง     กุสตาฟเป็นจระเข้แม่น้ำไนล์ตัวผู้ ซึ่งอาศัยอยู่ที่แม่น้ำรูซิซีในประเทศบุรุนดีในทวีปแอฟริกา ปัจจุบันมันมีอายุกว่า 60 ปีแล้ว อีกทั้งยังมีคนอ้างว่ามันเคยฆ่าคนมาแล้วมากกว่า 300 ชีวิตเลยทีเดียว ไม่ว่ากี่ปีจะผ่านไปก็ไม่เคยมีใครสามารถจับสัตว์ในตำนานตัวนี้ได้ ทำให้เราคาดเดาไม่ได้ว่ามันมีขนาดเท่าไหร่กันแน่ แต่จากการคาดการณ์ของนักวิทยาศาสตร์บวกกับพยานที่เคยเห็นมันตัวเป็นๆ พวกเขาได้คาดคะเนเอาไว้ว่า เจ้ากุสตาฟอาจมีลำตัวที่ยาวมากถึง 7.5 เมตรและมีน้ำหนักมากกว่า 900 กิโลกรัม     นั่นจึงทำให้กุสตาฟกลายเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยมีผู้พบเห็นในทวีปแอฟริกา และจากขนาดของมันในตอนแรกนักวิทยาศาสตร์คาดเอาไว้ว่ามันอาจจะมีอายุมากกว่า 100 ปี แต่จากการสังเกตที่ฟันของมันแล้วทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วมันมีอายุน้อยกว่านั้นและน่าจะอยู่ราวๆ ที่ 60 ปี และจะสามารถเจริญเติบโตได้มากกว่านี้อีก แม้ว่ากุสตาฟจะไม่เคยถูกจับได้ แต่ตามร่างกายของมันก็มีร่องรอยของกระสุนหลายนัก อย่างเช่นที่ไหล่ขวาของมันมีก็แผลเป็นที่เกิดมาจากแผลที่ลึกเป็นอย่างมาก แต่ที่มาที่ไปของบาดแผลก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามันบาดเจ็บมาจากสิ่งใด แต่จากคำบอกเล่าของคนในท้องถิ่น พวกเขาเล่าว่า บาดแผลของกุสตาฟเกิดจากการที่มันพุ่งเข้าไปโจมตีทหาร ที่พยายามจะสังหารมันด้วยการสาดกระสุนปืน AK47 ใส่…

  • อย่าลองดี… นักปั่นเจอรถมอเตอไซค์สุดกวน เลยแก้เผ็ดด้วยการจุดพลุยิงใส่ไม่ยั้งจนร่วงคาถนน

    อย่าลองดี… นักปั่นเจอรถมอเตอไซค์สุดกวน เลยแก้เผ็ดด้วยการจุดพลุยิงใส่ไม่ยั้งจนร่วงคาถนน

    ในช่วงเวลาออกกำลังกายของเรา มันช่างเป็นเวลาแสนสุขที่ไม่อยากจะให้ใครมากวนใจจริงๆ เพราะตอนออกกำลังกายมันต้องเหนื่อยอยู่แล้ว หากมีคนมากวนจะอาจจะทำให้เราหงุดหงิดจนฟาดงวงฟาดงา เหมือนกับชายคนนี้ที่กำลังปั่นจักรยานอยู่ดีๆ แต่ดันไปเจอรถมอเตอร์ไซค์ขี่มากวนบาทา เขาเลยจัดการยิงพลุใส่ซะรถคนนั้นร่วงเลยทีเดียว เรื่องราวนี้ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมาในประเทศอิตาลี เมื่อมีนักปั่นคนหนึ่งกำลังปั่นจักรยานของเขาอยู่ในเลนสำหรับจักรยานอยู่ดีๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซต์คันหนึ่งเลี้ยวมาตัดหน้าและเบาเครื่องลงเพื่อจะพูดจาเยาะเย้ยอะไรบางอย่าง   ลองของนักใช่ไหม ได้   และดูเหมือนว่าการก่อกวนครั้งนี้จะไม่หยุดอยู่แค่นั้น เพราะว่าพวกเขายังคงป้วนเปี้ยนๆ ไม่ให้ชายคนนี้สามารถปั่นจักรยานได้อย่างเป็นสุข และนั่นได้กลายเป็นจุดเดือดให้กับนักปั่นหัวร้อนคนนี้ เมื่อเขาถูกก่อกวนอย่างไม่หยุดยั้ง เขาจึงงัดเอาพลุที่เตรียมไว้สำหรับเหตุการณ์เช่นนี้ออกมา แล้วติดมันไว้บนท่อที่เตรียมเอาไว้พร้อมกับแสยะยิ้ม เหมือนกับกระหยิ่มยิ้มย่องในใจว่าคราวนี้พวกเอ็งเจอของจริงแน่ๆ และเวลาต่อจากนั้นไม่นานสมรภูมิพลุก็ได้กำเนิดขึ้น   นี่แหนะ เอาไปกินไอ้พวกก่อกวนชาวบ้าน   แต่ว่าแก๊งก่อกวนนี้ยังคงไม่รู้จะรู้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังเจอมันคือพลุไฟ ดังนั้นนักปั่นคนนี้จึงระดมยิงเข้าไปที่มอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวและมีอยู่เม็ดหนึ่งที่ไปโดนเข้าเต็มหลังของคนซ้อน เมื่อนักบิดคนดังกล่าวเห็นเพื่อนของเขาโดนเช่นนั้น เขาจึงไม่รอช้าบิดมอเตอร์ไซค์ของเขาจนหมดปลอก แต่ก็ยังไม่พ้นวิถีกระสุนของพลุดังกล่าวไปได้ เมื่อได้เห็นอันธพาลสองคนนี้ดิ้นในตอนที่โดนยิง มันยิ่งเพิ่มความยิ่งสะใจให้แก่นักปั่นจักรยานหัวร้อนคนนี้ และเขาคิดว่าหากยิงทีละดอกคงจะไม่สนุกเท่าไหร่ เขาจึงใส่ทีเดียวแบบเป็นชุดและกราดยิงแก่ชายสองคนนั้น   เมย์เดย์ ร่วงไปแล้วหนึ่งราย   ท่ามกลางพลุไฟที่กระหน่ำยิงยิ่งกว่าเม็ดฝน ในเวลาไม่นานนักมอเตอร์ไซค์คนนี้ก็ลงไปนอนลงกับพื้นพร้อมกับคนอีกหนึ่งคน แต่ว่านักปั่นคนนี้เหมือนกับว่ายังไม่พอใจ เขาจึงควบจักรยานตามคนที่วิ่งหนี พร้อมทั้งกระหน่ำยิงซ้ำอีกระลอกหนึ่ง แต่ว่าคราวนี้ยิงไม่โดนเลยสักนัดหนึ่ง และในที่สุดวิดีโอสุดมันส์นี้ก็สิ้นสุดลง ถึงแม้ว่าพลุไฟที่ชายคนนี้ยิงออกไปจะไม่ได้สร้างความเสียหายที่ใหญ่โตนัก และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บถึงชีวิต แต่ว่าชายอันธพาลสองคนนี้น่าจะหลาบจำว่า ไม่ควรไปก่อกวนใครในตอนที่พวกเขาออกกำลังกาย เพราะด้วยอุณหภูมิในร่างกายที่คุกรุ่นอยู่แล้วอาจทำให้อารมณ์ร้อนเกิดขึ้นได้ง่ายๆ และอาจจะไม่โชคดีเหมือนกับวันนี้ก็เป็นได้…

  • เปรียบเทียบโหมด Portrait ระหว่าง iPhone X, Note 8, Pixel 2 และกล้องโปร อย่างละเอียด

    เปรียบเทียบโหมด Portrait ระหว่าง iPhone X, Note 8, Pixel 2 และกล้องโปร อย่างละเอียด

    การจะซื้อโทรศัพท์มือถือดีๆ สักเครื่องหนึ่งก็ต้องพิจารณาปัจจัยหลายๆ อย่างเนื่องจากโทรศัพท์ระดับ Hi-End ในปัจจุบันก็มีราคาที่ค่อนข้างสูงดังนั้นจึงต้องตัดสินใจเลือกให้ดีก่อนที่จะต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง ซึ่งปัจจัยในการเลือกโทรศัพท์มือถือสักเครื่องให้เหมาะสมกับตัวเราก็มีหลายอย่าง เช่น ระบบปฏิบัติการ ขนาดของหน้าจอ และรวมถึงคุณภาพของกล้องถ่ายภาพ ที่ใช้กันบ่อยในแทบจะทุกวันไม่ว่าจะเป็นถ่ายเซลฟี่ ถ่ายกับเพื่อน ถ่ายรูปอาหาร ทำให้กล้องถ่ายภาพในโทรศัพท์กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักๆ ในการเลือกซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้กับตัวเองเลยทีเดียว ดังนั้น จึงมียูทูบเบอร์ที่ใช้ชื่อว่า Marques Brownlee ได้ลองเปรียบเทียบการใช้งานโหมด Portrait หรือโหมดถ่ายภาพบุคคลในโทรศัพท์ระดับตัวท็อปจากหลายๆ ค่ายมาให้ชาวเน็ตได้ชมกัน   การทำงานหลักๆ ของกล้องในโทรศัพท์มือถือ   ซึ่งโทรศัพท์ที่เขาใช้รีวิวนั้นก็มีทั้ง iPhone X, Samsung Note 8, Google Pixel 2 นำมาเปรียบเทียบกับกล้องสำหรับช่างภาพมืออาชีพอย่าง Hasselblad X1D ซึ่งมีราคาอยู่ราวๆ 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 260,000 บาท) ในปัจจุบันสมาร์ทโฟนหลายรุ่นบนโลกนี้จะใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Dual Cameras หรือว่ากล้องคู่สำหรับการถ่ายภาพในกล้องหลัง ซึ่งเซนเซอร์ส่วนใหญ่ในสมาร์ทโฟนจะมีขนาดเล็ก และถ้าภาพที่จะถ่ายมีขนาดที่กว้างกว่าเซนเซอร์ การถ่ายภาพทั้งหมดจะถูกโฟกัสร่วมกันจึงแยกไม่ได้ว่าจะให้โฟกัสที่ใดเป็นหลัก     และสำหรับโหมดการถ่ายภาพบุคคล โหมดนี้จะมีความพิเศษก็คือ มันจะหาความตื้นลึกของภาพจากการตรวจสอบจากขอบภาพ…

  • ครอบครัวของนางงามอิรักถูกขับไล่ออกจากประเทศ หลังเจ้าตัวไปถ่ายเซลฟี่คู่กับมิสอิสราเอล!!

    ครอบครัวของนางงามอิรักถูกขับไล่ออกจากประเทศ หลังเจ้าตัวไปถ่ายเซลฟี่คู่กับมิสอิสราเอล!!

    ภาพถ่าย คือสิ่งของที่เก็บรวบรวมความทรงจำต่างๆ เอาไว้ในนั้น เพื่อเป็นเครื่องเตือนความทรงจำให้แก่เราว่า ครั้งหนึ่งเราก็เคยมีหน้าตาเช่นนี้ และเคยทำกิจกรรมอะไรเช่นนี้ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งของที่มีคุณค่าทางจิตใจชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าสิ่งของแห่งความทรงจำชิ้นนี้ จะทำให้ครอบครัวหนึ่งโดนไล่ออกจากประเทศไปเลย.. โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับนางงามประเทศอิรักชื่อว่า Sarah Idan เพราะว่าเธอไปถ่ายรูปกับนางงามจากประเทศอิสราเอลชื่อว่า Adar Gandelsman เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ระหว่างการประกวดนางงามจักรวาลที่เมืองลาส เวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา     โดยเธอได้โพสต์รูปดังกล่าวลงในอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอ โดยมีแคปชั่นที่ไปในทางที่ว่า ‘เพื่อความสงบสุขและความรัก’ และภาพนั้นก็ได้ก่อให้เกิดผลร้ายที่ตามมาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะว่าภาพนั้นได้ทำให้ชาวอิรักจำนวนมากรู้สึกโกรธ และก็มีผู้คนหลายคนอยากจะขับไล่ครอบครัวของเธอให้ออกไปจากประเทศอิรัก “ประชาชนหลายคนในประเทศอิรักขู่ว่า หากฉันยังไม่ลบภาพดังกล่าวออก พวกเขาจะใช้ความรุนแรงต่อฉันกับครอบครัวของฉัน และความรุนแรงที่ว่านี้ก็อันตรายจนถึงชีวิตเลย” “เพื่อความปลอดภัย ในตอนนี้ครอบครัวของฉันก็ออกจากอิรักแล้ว และจะอยู่ต่างประเทศจนกว่าเหตุการณ์ต่างๆ จะสงบลง” Sarah กล่าว     ภาพในอินสตาแกรมดังกล่าวของเธอมีผู้กดไลก์มากกว่า 3,600 คน แต่ก็มีคอมเมนต์เข้ามาจำนวนมากซึ่งก็มีทั้งในแง่ลบและแง่บวก โดยความเห็นในแง่ลบส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความขัดแย้งที่ทั้งสองประเทศมีต่อกันรวมถึงเรื่องของสงครามศาสนา เพราะว่าประเทศอิรักเป็นประเทศอิสลาม และอิสราเอลเป็นประเทศศาสนายิว “ในตอนนั้น Adar ถามฉันว่าอยากถ่ายรูปด้วยกันไหม ฉันก็บอกว่าได้สิไม่มีปัญหา เพราะว่าพวกเราต่างก็มีจุดมุ่งหมายคือความสันติสุขร่วมกัน และอยากจะส่งข้อความดังกล่าวออกไปในรูปภาพนี้” Idan กล่าว นี่ไม่ใช่กรณีแรกที่ภาพถ่ายของนางงามได้ก่อให้เกิดการพาดพิงเกิดขึ้น โดยก่อนหน้านี้ในปี 2014 ก็มีนางงามจากประเทศอิสราเอลถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ เมื่อเธอไปถ่ายรูปคู่กับนางงามตัวแทนจากประเทศเลบานอน นั่นจึงแสดงให้เห็นว่าประเทศแถบอาหรับส่วนใหญ่ ยังคงตั้งแง่อยู่กับประเทศที่นับถือศาสนายิวอย่างอิสราเอล…

  • นักบินขับเครื่องบินในเยอรมนี วาดเป็นรูป “ต้นคริสต์มาส” เป็นของขวัญให้ทุกคนส่งท้ายปี

    นักบินขับเครื่องบินในเยอรมนี วาดเป็นรูป “ต้นคริสต์มาส” เป็นของขวัญให้ทุกคนส่งท้ายปี

    ธุรกิจการบินในทุกวันนี้เป็นเรื่องใกล้ตัว ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นระบบขนส่งสาธารณะลำดับต้นๆ ในใจของใครหลายคนเลยก็ว่าได้  และแน่นอนว่าเมื่อเทศกาลสำคัญใกล้จะมาถึง สายการบินต่างๆ จึงอยากจะคืนความสุขให้แก่ประชาชนที่เลือกใช้บริการ รวมถึงบริษัทผลิตเครื่องบินชื่อว่า Airbus ก็มาร่วมส่งความสุขส่งท้ายปีเช่นเดียวกัน การบินส่งความสุขของเครื่องบินลำนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยบริษัท Airbus ผู้ผลิตเครื่องบินชื่อก้องโลกอยากที่จะทดสอบเครื่องบินของตนก่อนจะนำไปใช้จริง จึงมีการทดสอบการบินเกิดขึ้นที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี     แต่ถ้าจะบินทดสอบเฉยๆ ก็จะเป็นการเปลืองน้ำมันโดยเปล่าประโยชน์ พวกเขาเลยจัดเส้นทางการบินให้กลายเป็นรูปต้นคริสต์มาสซะเลย โดยเครื่องบินที่ใช้สำหรับทดสอบคือเครื่องบินรุ่น Airbus A380 ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกในปัจจุบันเลยก็ว่าได้     เส้นทางการบินของเครื่องบินลำนี้ก็คือเริ่มเดินทางออกจากเมืองฮัมบูร์กซึ่งอยู่ทางเหนือของประเทศเยอรมัน และมุ่งหน้าลงทางใต้เพื่อวาดภาพต้นไม้ที่ครอบคลุมประเทศเยอรมันทั้งหมด จากนั้นบินขึ้นสู่ทางเหนืออีกครั้งเพื่อวาดยอดของต้นไม้ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของประเทศเดนมาร์กนั่นเอง ต่อมาโฆษกของบริษัท Airbus ได้ออกมาให้สัมภาษณ์โดยเขาบอกว่าเที่ยวบินนี้กินเวลาถึง 5 ชั่วโมง 22 นาที ซึ่งถือว่า เป็นเวลาที่ปกติสำหรับการทดสอบบินภายในประเทศของเครื่องบินโดยสารลำใหญ่ที่สุดในโลก   เส้นทางการบินของเครื่องบินลำนี้แบบเต็มๆ   “การกำหนดเส้นทางการบินของไฟลท์นี้สามารถยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ เครื่องบินลำนี้ขึ้นบินและลงจอดในสนามบินของ Airbus ในเมืองฮัมบูร์ก ซึ่งมีไว้สำหรับการทดสอบเครื่องบินต่างๆ” “ต้องขอขอบคุณความร่วมมือจากศูนย์ควบคุมการบิน ที่ทำให้เส้นทางการบินวาดภาพต้นคริสต์มาสออกมาเป็นจริงได้ จริงๆ แล้วนี่เป็นไอเดียของนักบินที่ขับเครื่องทดสอบรวมถึงวิศวกรที่อยู่ในลำนั้น และนี่คือคำทักทายจาก Airbus ถึงแฟนๆ…

  • แหวกแนว!! หนุ่มขอสาวแต่งงาน ด้วยการติดป้ายโฆษณาขนาดยักษ์กลางเมืองซะเลย

    แหวกแนว!! หนุ่มขอสาวแต่งงาน ด้วยการติดป้ายโฆษณาขนาดยักษ์กลางเมืองซะเลย

    การขอแต่งงาน เป็นเรื่องสุดโรแมนติกที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็อยากจะได้ยินคำนี้จากปากคู่รักของตัวเองทั้งนั้น แต่ว่าหากขอแต่งงานกันแบบธรรมดาๆ ก็คงไม่เป็นที่น่าจดจำในชีวิตคู่เท่าไหร่นัก บนโลกนี้จึงได้มีการขอแต่งงานแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนุ่มสาวคู่นี้ เมื่อฝ่ายชายตัดสินใจขอหญิงสาวแต่งงานด้วยการติดป้ายโฆษณาขนาดยักษ์หรากลางเมืองซะเลย!!   ใครไม่เห็นให้มันรู้ไป   Gareth Illidge กราฟฟิกดีไซเนอร์หนุ่มวัย 29 ปีอาศัยอยู่ในเมือง Pontefract ประเทศอังกฤษ เช่นเดียวกันกับ Becci Thourgood แฟนสาวที่กำลังคบหากันอยู่ และเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม Gareth ก็คิดว่าควรจะขอ Becci แต่งงานได้แล้ว ทว่าด้วยอาชีพดีไซเนอร์สุดครีเอทบวกกับอุปนิสัยขี้อายของเขา ทำให้เขามีความคิดจะขอแฟนสาวแต่งงานด้วยป้ายโฆษณาขนาดใหญ่แทน โดยป้ายที่เขาได้ทำขึ้นมีชื่อของแฟนสาวโดดเด่นหราอยู่บนสุด แล้วก็มีคำขอแต่งงานที่มาพร้อมกับอิโมติคอนน่ารักๆ และหากหญิงสาวตกลงก็ให้ส่งข้อความไปหาเขาว่า ‘ตกลง’ นั่นเอง   มาหรือจะไม่ตกลง ทำซะขนาดนี้   นอกจากนั้นบนป้ายโฆษณานี้ยังมีแฮชแท็กสุดขำขันว่า #Don’t say no, this cost a fortune ซึ่งมีความหมายว่า “อย่าปฏิเสธเลย ป้ายนี้เสียตังติดนะ” ซึ่งผู้คนที่พบเห็นป้ายนี้ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันช่างเต็มไปด้วยความโรแมนติกและสร้างสรรค์ซะเหลือเกิน “ผมอยากจะทำสิ่งหนึ่งที่หลุดออกไปจากกรอบเดิมๆ และด้วยความที่มันที่เป็นคำขอที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม ผมจึงสร้างป้ายนี้ขึ้นมาติดไว้เมืองท้องถิ่นที่เราอาศัยอยู่”   เหมาะสมกันจริงๆ   “และเหตุผลหลักๆ…

  • โคตรฮา!! พ่อท้าแข่งเกมกับแฟนลูกสาววัยมัธยมต้น แต่เมื่อชนะกลับโดนงอนจนต้องหาข้าวกินเอง

    โคตรฮา!! พ่อท้าแข่งเกมกับแฟนลูกสาววัยมัธยมต้น แต่เมื่อชนะกลับโดนงอนจนต้องหาข้าวกินเอง

    เมื่อคุณพ่อทั้งหลายพบว่าลูกสาวของพวกเขานั้นมีแฟน ส่วนมากจะคะยั้นคะยอให้ลูกสาวพาแฟนมาให้ดูหน้าทำความรู้จักบ้าง แต่ว่าด้วยความเป็นผู้ชายแล้วจะมารู้จักแบบธรรมดาๆ ก็คงไม่ได้ เหล่าพ่อตาหลายคนจึงมักจะเตรียมแบบทดสอบไว้สำหรับว่าที่ลูกเขย เพื่อจะพิสูจน์ว่าไอ้หนุ่มที่มาจีบลูกสาวของพวกเขานั้นมีศักยภาพเพียงพอหรือไม่ แต่มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น เมื่อว่าที่พ่อตาอยากจะทดสอบทักษะการเล่นเกมของแฟนลูกสาว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับตาลปัตร เมื่อเขาเป็นฝ่ายชนะแต่ดันถูกลูกสาวเมินใส่จนเหมือนโดนไล่ออกจากบ้านตัวเองซะอย่างงั้น…   เกม Guilty Gear   เรื่องราวสุดฮานี้ได้รับการเปิดเผยจากยูสเซอร์ทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า @buppa_stone โดยเขาเล่าว่าเขามีลูกสาวอยู่คนหนึ่งที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นและกำลังอินเลิฟกับแฟนของเธออยู่ แล้วอยู่มาวันหนึ่งลูกสาวของเขาก็พาแฟนคนนั้นเข้ามาที่บ้านเพื่อให้ทำความรู้จักกับครอบครัว แต่เมื่อมีเหยื่อมาให้รอเชือดแล้ว คุณพ่อคนนี้ก็ไม่รอช้าที่จะท้าแฟนหนุ่มของลูกสาวแข่งกันเล่นเกมที่มีชื่อว่า Guilty Gear ซึ่งเป็นเกมแนวต่อสู้ แน่นอนว่ามีหรือจะปฏิเสธว่าที่พ่อตาได้ แฟนหนุ่มคนนั้นจึงจำใจยอมรับคำท้าแต่โดยดี โดยทั้งสองได้ตั้งกติกาเอาไว้ว่า หากใครชนะถึง 10 ครั้งก่อนกันจะเป็นฝ่ายชนะ   เกมที่พ่อตาคนนี้ใช้แข่งกับแฟนของลูกสาว มาลองดูกันดีกว่าว่าเป็นยังไง   ซึ่งฝ่ายคุณพ่อก็ดูเหมือนจะมีความมั่นใจมากๆ เพราะว่ามันเป็นเกมที่เขาถนัดและมีอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว จึงค่อนข้างจะคุ้นมือและระบบเป็นอย่างดี งานนี้จึงเรียกได้ว่า ปอกกล้วยเข้าปากเลยก็ว่าได้ “เจ้าเด็กงั่งนั่นบอกว่าอยากจะเล่นเกม Guilty Gear กับผมมันไม่รู้ซะแล้วว่าผมเป็นใคร และในตอนนี้ผมกำลังจะสั่งสอนเจ้าตูดหมึกนั่นให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และดูตัวละครที่มันใช้มันเลือกใช้ตัว Slayer ซะอย่างงั้น งานนี้กินหมูอีกแล้วสิ” buppa_stone ได้ทวีตก่อนที่จะมีการแข่งเกิดขึ้น   ทวิตเตอร์แสดงความมั่นใจก่อนจะมีการแข่งเกิดขึ้น   และเวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่พ่อตาคนนี้ได้ทวีตข้อความนี้ออกไป ผลการประลองก็ออกมาและพบว่าคุณพ่อเป็นฝ่ายชนะไปด้วยสกอร์เอกฉันท์ถึง 10-6 เลยทีเดียว “ผมเล่นเกมนี้มาตั้งแต่ภาคแรกของซีรีส์ (ในปี 1998) มีหรือที่ผมจะแพ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างนี้”…

  • ภาพจำลอง สภาพการจราจรต่างๆ ที่จะทำให้เรารู้ว่าถนนก็มีหลายรูปแบบเหมือนกันนะ!!

    ภาพจำลอง สภาพการจราจรต่างๆ ที่จะทำให้เรารู้ว่าถนนก็มีหลายรูปแบบเหมือนกันนะ!!

    เรื่องจราจรเป็นปัญหาที่นับได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ในประเทศของเรา เพราะไม่รู้ว่าด้วยความที่บ้านเมืองเรามีคนที่มีรถส่วนตัวเยอะเกินไป หรือว่าเป็นการจัดการจราจรที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ในเมืองใหญ่ๆ ที่อยู่ในประเทศนี้มักจะเผชิญกับภาวะที่เรียกว่า ‘รถติด’ ซึ่งก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม ซึ่งวิธีแก้ปัญหาก็มีหลายวิธี ทั้งการทำรถสาธารณะให้มีประสิทธิภาพ และรณรงค์ให้ประชาชนหันมาใช้กันให้มากขึ้น หรือจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น นั่นคือการเปลี่ยนรูปแบบการสัญจรบนถนนซะเลย     เราลองมาดูวิดีโอการจำลองรูปแบบถนนรวมถึงวิธีเดินรถต่างๆ ว่าแต่ละวิธีจะสามารถรองรับจำนวนรถได้มากเพียงใด และจะมีสภาพคล่องขนาดไหน โดยรูปแบบการเดินรถตามคลิปนี้จะทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่างของการจัดการจราจรได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว มาลองดูกันดีกว่าว่าหากเปลี่ยนรูปแบบแล้วจะเป็นอย่างไรกัน โดยภาพเหล่านี้มาจาก MOD ของเกมที่ชื่อว่า Cities: Skylines ซึ่งเป็นเกมสำหรับการวางแผนผังสร้างเมืองต่างๆ ซึ่งภายในเกมจะมีทั้งการสร้างตึก การสร้างสาธารณูปโภคเช่น การไฟฟ้า การประปา รวมถึงการคมนาคมในรูปแบบต่างๆ ภาพที่เราได้เห็นจึงมาจากการคำนวณในเกม และอาจทำให้เราสามารถนำมาปรับใช้ได้จริงๆ   หากสี่แยกที่ไม่มีไฟแดงจะชุลมุนกันขนาดไหนเนี่ย การจราจรที่ไร้ซึ่งไฟแดงนี้มันช่างเป็นอะไรที่ดูยุ่งเหยิงชุลมุนซะจริงๆ รถส่วนมากจะมาหยุดนิ่งที่ตรงกลางของสี่แยกและมันยังเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุรวมทั้งเจอกับคนใจร้อนได้ด้วย โดยหากสี่แยกที่ไม่มีไฟแดงนั้น จะทำให้มีรถสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างคล่องแคล่วเพียงนาทีละ 191 คันเท่านั้น   ถนนสี่เลนที่มีสี่แยกแบบมีไฟแดงที่บ้านเรานิยมใช้กันบ้าง นี่คือรูปแบบที่นิยมที่สุดในบ้านเรา โดยจะมีสี่แยกไฟแดงและปล่อยพร้อมกันทีละ 2 เลนซึ่งในบางแยกที่มีการจราจรคับคั่งก็จะมีการหยุดในเลนตรง และให้เลนขวาไปแยกเฉพาะอีกด้วยเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นนั่นเอง และการจราจรแบบนี้จะทำให้รถสามารถเคลื่อนที่ไปได้อย่างคล่องตัวอยู่ที่นาทีละ 235 คันเลยทีเดียว   แล้วถ้าเป็นการใช้วงเวียนแทนการใช้สี่แยกดูล่ะ?? การใช้วงเวียนแทนการใช้สี่แยกสามารถกระทำได้ แต่ว่าเหตุที่ส่วนใหญ่รูปแบบวงเวียนไม่เป็นที่นิยมก็เพราะว่า การสร้างวงเวียนจะต้องใช้พื้นที่กว้างกว่า เพื่อให้มีจำนวนหลายเลนภายในวงเวียนนั้นๆ…

  • ก็อยากเท่บ้าง!! เหล่าชาวเน็ตร่วมกันถ่ายภาพเลียนแบบคุณรุ่นปู่ของตัวเองที่เฟี้ยวแบบสุดๆ

    ก็อยากเท่บ้าง!! เหล่าชาวเน็ตร่วมกันถ่ายภาพเลียนแบบคุณรุ่นปู่ของตัวเองที่เฟี้ยวแบบสุดๆ

    ในสมัยปู่ย่าตาทวดของเรา การจะถ่ายภาพสักใบพวกเขาต่างแต่งองค์ทรงเครื่องกันอย่างเต็มที่ ตามแบบฉบับยุคสมัยที่พวกเขาอาศัยอยู่ เพราะการถ่ายภาพแต่ละภาพไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เนื่องจากเทคโนโลยียังไม่พัฒนาเหมือนกับทุกวันนี้ และด้วยท่าทางการโพสหรือว่าการแต่งกายของพวกเขาที่จัดเต็มในอดีตนั้น มีเสน่ห์จนคนในยุคปัจจุบันบางคนอยากที่จะถ่ายรูปเช่นนั้นบ้าง พวกเขาเหล่านี้จึงได้ถ่ายภาพเลียนแบบบรรพบุรุษของเขา เผื่อว่าในวันข้างหน้าพวกเขาอาจจะมีลูกหลานที่อยากทำแบบเดียวกันบ้าง จะได้เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่เก็บไว้ในภาพถ่ายนั่นเอง   ยายกับหลานหน้าแทบจะเหมือนกันเด๊ะ ทุกกระเบียดนิ้ว   ในสมัยก่อน การถ่ายภาพต้องทำหน้าให้จริงจังเพื่อให้ภาพนั้นออกมาดูสวยที่สุด และไม่ทำให้เปลืองฟิล์มอีกด้วย   ภาพของยายทวดในปี 1918 กับภาพถ่ายเหลนในปัจจุบัน   ถอดแบบตาทวดมาเลยก็ว่าได้   ภาพถ่ายของย่าในปี 1944 ขณะที่มีอายุ 16 ปี กับภาพถ่ายของหลานในปี 2015   ถ่ายเลียนแบบยายตอนโพสท่าสุดเซ็กซี่   เชื่อละจ้า ว่าเป็นปู่กับหลานจริงๆ   ภาพถ่ายเลียนแบบต้นกระกูลที่ต้องย้อนเวลาไปถึง 200 ปีก่อน   เรียกได้ว่าเป็นท่าประจำตระกูลก็ยังได้   ภาพงานแต่งของตา-ยายในปี 1954 กับภาพถ่ายการแต่งงานของหลานในปัจจุบัน ดูดีไม่แพ้กันเลยทีเดียว   หนวดเคราโครงหน้า นี่บอกว่าเป็นพี่น้องยังเชื่ออ่ะ   ภาพของปู่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถ่ายที่ประเทศอิตาลีกับภาพหลาน  …

  • ลองบรรยากาศห้องเฟิร์สคลาสใหม่สายการบิน Emirates เปรียบเหมือนโรงแรมลอยฟ้า

    ลองบรรยากาศห้องเฟิร์สคลาสใหม่สายการบิน Emirates เปรียบเหมือนโรงแรมลอยฟ้า

    ในปัจจุบันการเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นการเดินทางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเดินทางในประเทศได้ด้วยแล้ว มันยังสามารถพาเราข้ามทวีปได้เลยอีกด้วย แต่ว่าการเดินทางระหว่างประเทศแน่นอนว่ามันต้องใช้ระยะเวลาเดินทางอย่างยาวนาน อย่างการบินข้ามทวีปบางทีก็อาจจะใช้เวลามากกว่า 12 ชั่วโมงขึ้นไปเลยก็ว่าได้ และจะเป็นอย่างไรถ้าหากเราได้นั่งในชั้นเฟิร์สคลาสของสายการบินระดับโลกเหมือนกับชายคนนี้ หนุ่มยูทูบเบอร์นามว่า Casey Neistat ได้มีโอกาสได้ขึ้นเครื่องบินของสายการบินระดับโลกอย่าง Emirate และที่สำคัญคือเขายังได้นั่งในชั้นเฟิร์สคลาสซึ่งมีราคาแพงมูลค่ากว่า 7,000 ปอนด์ (ประมาณ 300,000 บาท) ระหว่างการเดินทางจาก บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ไปยัง ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์   มาเริ่มรีวิวชั้นเฟิร์สคลาสของสายการบิน Emirates กันดีกว่า   โดยเขาบอกเอาไว้ตั้งแต่ก้าวแรกที่ขึ้นไปบนเครื่องบินลำนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นโรงแรมย่อมๆ เลยก็ว่าได้เพราะว่ามันทั้งมีความหรูหราและสะดวกสบาย ซึ่งหากใครได้มาสัมผัสความรู้สึกแบบเขาแน่นอนว่าการเดินทางจะกลายเป็นเรื่องที่แสนจะมีความสุขขึ้นมาทันตาเห็น และแน่นอนว่าเขาย่อมไม่พลาดที่จะหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพให้ชาวเน็ตรู้สึกอิจฉากันเล่นๆ   ห้องส่วนตัวที่เขาบอกเอาไว้ว่ามันกว้างจนทั้งครอบครัวย้ายมาอยู่ได้เลย และที่สำคัญคือเขามีพนักงานบริการส่วนตัวอีกด้วยนะ   มาพร้อมกับจอทีวีส่วนตัวขนาด 32 นิ้ว   ห้องของเขาในราคาสามแสนบาท ที่สามารถนั่งนอนหรือจะทำอะไรก็ได้ตามสบาย เพราะมันเหมือนห้องในโรงแรมเลย นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างสำหรับดูวิวทิวทัศน์ที่ไม่ต้องแย่งใครดูเลย   ดูการตกแต่งอย่างหรูหราซะก่อน ไม่ได้มาเล่นๆ นะฮับ   ทุกสรรพสิ่งที่มนุษย์ต้องการต่างบรรจุเอาไว้ในห้องนี้แล้ว   อาหารการกินก็มีมาพร้อม และที่สำคัญคือเครื่องดื่มต่างๆ ทั้งเหล้า…

  • อัลบั้มภาพ “ดวงตาเจ้าเหมียว” แบบโคลสอัพ เผยให้เห็นความงดงามที่ซ่อนอยู่…

    อัลบั้มภาพ “ดวงตาเจ้าเหมียว” แบบโคลสอัพ เผยให้เห็นความงดงามที่ซ่อนอยู่…

    ในตัวของสัตว์แสนน่ารักและน่าทะนุถนอมอย่างแมว จะมีอวัยวะอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่ว่าใครได้เห็นแบบใกล้ๆ เป็นอันต้องจ้องแบบเหมือนกับโดนมนตร์สะกดเอาไว้ ซึ่งอวัยวะนั้นก็คือ ‘ดวงตา’ นั่นเอง ดวงตาของแมวมีลักษณะที่เฉียบคมและสุกใสเหมือนเป็นประตูมิติที่เร้นลับ เพราะว่านัยน์ตาของมันช่างเป็นที่น่าค้นหาและดูเต็มไปด้วยสิ่งต่างๆ ที่ซ่อนเอาไว้อยู่ภายใน และแน่นอนว่าดวงตาของเหล่าเหมียวๆ เหล่านี้ต่างก็เคยทำให้มนุษย์ตกหลุมรักและยอมเป็นทาสแต่โดยดีมาแล้วหลายต่อหลายคน ผู้ใช้งานอินสตาแกรมที่ชื่อว่า Tinasperspective ก็เป็นอีกคนหนึ่งเช่นกันที่หลงรักในแววตาอันเร้นลับของเจ้าขนปุย โดยเธอได้ใช้กล้องยี่ห้อ Canon พร้อมกันเลนส์แบบมาโคร ตามถ่ายตาของเหล่านายแบบนางแบบแมวที่เธอเลี้ยงไว้ทั้งหมด 3 ตัว ซึ่งแต่ละตัวมีชื่อว่า Zelda, Zonic, และ Zorro มาแบ่งปันให้แก่ชาวเน็ตได้รับชมกัน     ภาพที่เธอถ่ายเอาไว้แต่ละภาพต่างเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ไม่น่าเชื่อ เพราะว่าด้วยฝีมือบวกกับประสบการณ์ของเธอ ทำให้เราได้เห็นว่าจริงๆ แล้วในดวงตาของแมวมันช่างเหมือนกับแก้วกลมๆ ที่สามารถสะท้อนแสงได้ แถมยังเต็มไปด้วยเส้นใยมากมายสีสันต่างๆ นับร้อยล้านเส้น มาลองดูกันดีกว่าว่านัยน์ตาของแมวที่เธอถ่ายมาจะมีความสวยงามขนาดไหนกันนะ   มองอะไรกันนะ เจ้าเหมียว   เหมือนเป็นอัญมณีอะไรซักอย่าง   มีอะไรซ่อนอยู่ในนั้นกันแน่นะ   ใสๆ ใครก็ชอบ   อันนี้ออกแนวน่ากลัวหน่อยๆ นะเนี่ย   เส้นใยนับล้านเส้นซ่อนอยู่ในดวงตาเล็กๆ ดวงนี้   ใครจะอดใจไม่รักไหวล่ะ   ดูใกล้ๆ แล้วมันเหมือนเสือยังไงชอบกล   จับแมวมานั่งนิ่งๆ ได้ยังไงกันนะ เก่งจริงๆ…

  • รวมภาพความเพอร์เฟกต์สุดฟิน ที่ดูแล้วจั๊กจี้ลูกตาอยากจะเข้าไปอยู่ในภาพนั้นด้วยเหลือเกิน

    รวมภาพความเพอร์เฟกต์สุดฟิน ที่ดูแล้วจั๊กจี้ลูกตาอยากจะเข้าไปอยู่ในภาพนั้นด้วยเหลือเกิน

    ความสมบูรณ์แบบหรือว่าเพอร์เฟกต์ เป็นสิ่งที่ใครๆ ต่างก็ต้องการเพราะว่ามันดูสิ่งที่ดูไร้ที่ติ และสามารถสร้างความสุขให้แก่สิ่งที่อยู่รอบๆ ได้ ซึ่งความเพอร์เฟกต์นี้สามารถแฝงตัวได้อยู่ในทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นหรืือสร้างความสร้างสรรค์จากธรรมชาติก็ตามแต่ และนี่คือภาพสุดเพอร์เฟกต์ ที่จะทำให้คนที่ได้ดูต้องรู้สึกฟินลูกตา มีความสุขอย่างหยุดไม่อยู่ และสามารถทำให้จิตใจเบิกบานได้อีกด้วย ซึ่งมันจะเป็นจริงอย่างที่ใครหลายคนว่าเอาไว้ไหมต้องลองพิสูจน์ด้วยตัวเอง..   ปั้นยังไงให้ได้กลมขนาดนี้เนี่ย   โห เก่งเกิ๊นน   มองเห็นกันรึเปล่าว่ามีพลาสติกคลุมคุกกี้นี้อยู่ เพราะมันตึงเปรี๊ยะ   เหมือนนัดกันมา เป๊ะขนาด   ขนมปังอะไรจะเนียนเหมือนตูดเด็กขนาดนี้   เต่งซะน่าบีบซะจริงๆ   เอ้างงเลย นี่หัวเด็กนะไม่ใช่วังน้ำวน   ลองดูเส้นที่ต่อกันสิ มันช่างตรงกันอย่างกับเอาไม้บรรทัดมาวัด   เหมือนของปลอมมะ??   หลายคนอาจมองว่ามันคือไข่ แต่จริงๆ มันคือชีสต่างหาก   คลื่นทะเลที่ไหนเนี่ย สวยจริงๆ   กลมซะเหมือนลูกหิมะที่ดิ้นได้เลย   ซุกได้แบบพอดีตัวเลย มาแอบสร้างไว้ตอนไหนกันนะ   เกล็ดหิมะที่ติดอยู่บนเส้นผม เหมือนกับของที่อยู่ในการ์ตูนเลย   หายากนะ พิซซ่าที่จะมีหน้าเท่าๆ กันเนี่ย  …

  • เหมืองถ่านหินที่ลุกไหม้มากว่า 100 ปีในอินเดีย กำลังจะนำกลับมาใช้ แต่ก็มีเสียงคัดค้าน

    เหมืองถ่านหินที่ลุกไหม้มากว่า 100 ปีในอินเดีย กำลังจะนำกลับมาใช้ แต่ก็มีเสียงคัดค้าน

    เหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกนี้บางอย่างก็เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา หรือกำหนดเอาไว้ว่ามันควรจะเป็นเช่นนั้น เหมือนกับเหมืองถ่านหินแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย ที่ลุกไหม้มายาวนานกว่า 100 ปี และในปัจจุบันนี้ถ่านหินภายในเหมืองแห่งนี้ก็ยังคงมีการเผาไหม้อยู่อย่างต่อเนื่อง เหมืองแร่ที่ว่านี้มีชื่อว่า Jharia ตั้งอยู่ที่จังหวัดดันแบด รัฐฌารขัณฑ์ ประเทศอินเดีย ซึ่งเหมืองแห่งพื้นที่กว่า 258 กิโลเมตร และถือว่าเป็นเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง   ยังคงมีถ่านหินเผาไหม้อยู่ใต้ดินตลอดเวลา   โดยเหมืองแร่แห่งนี้ได้เริ่มใช้งานในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ภายใต้การดูแลของประเทศอังกฤษ และด้วยความที่เป็นเหมืองถ่านหิน ทำให้ต่อมาในปี 1916 เหมืองถ่านหินแห่งนี้มีการเกิดไฟปะทุครั้งแรกเกิดขึ้น และในช่วงปี 1980-1990 เหมืองแห่งนี้ก็ได้มีไฟปะทุอีกกว่า 70 จุด นั่นจึงทำให้ไม่มีใครสามารถดับไฟที่เกิดขึ้นมาได้และต้องปล่อยให้มันดับเองตามธรรมชาติ ทว่าเมื่อออกสำรวจพื้นที่ชั้นใต้ดินก็ต้องพบว่าในตอนนี้ไฟเหล่านั้นยังคงไม่มีวี่แววที่จะดับลง   ชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้นอาจจะได้รับอันตรายตามไปด้วย   มาในปีนี้บริษัท Bharat Coking Coal Ltd (BCCL) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท Coal India ที่รัฐบาลเป็นเจ้าของมีแผนที่จะใช้การหาถ่านหินรูปแบบใหม่ที่จะทำให้การหาถ่านหินเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากกว่าเดิม และมีค่าใช้จ่ายน้อยลงกว่าเดิม และนั่นทำให้นักกิจกรรมท้องถิ่นชื่อว่า Ashok Agarwal ออกมาพูดถึงประเด็นที่ บริษัทแห่งนี้จะมีวิธีการหาถ่านหินแบบใหม่ภายใต้เหมืองที่ยังคงเผาไหม้อยู่แห่งนี้   ยิ่งเปิดปากหลุมยิ่งมีการเผาไหม้มากขึ้น   “พวกเขาคิดว่าจะสามารถเก็บถ่านหินได้เร็วขึ้นและมีค่าใช้จ่ายที่น้อยลง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าใต้เหมืองแห่งนี้ถ่านหินได้ลุกไหม้ไปจนหมดแล้ว และในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่อุโมงค์ที่เคยสร้างเอาไว้ก่อนหน้าสำหรับการคัดแยกถ่านธรรมดากับถ่านหินออกจากกัน ดังนั้นตอนนี้จึงมีเพียงถ่านหินก้อนเล็กๆ ที่สามารถเกิดไฟลุกได้ทุกเวลา และการที่พวกเขาจะเปิดหน้าของอุโมงค์แห่งนี้ขึ้นจะทำให้อากาศสามารถเข้าไปข้างในได้และอาจทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่เลยทีเดียว” Ashok กล่าว…

  • ตาแทบหลุดจากเบ้า!! สาวโพสต์ภาพให้ชาวเน็ตช่วยหาแมวที่หายังไงก็ไม่เจอสักที…..

    ตาแทบหลุดจากเบ้า!! สาวโพสต์ภาพให้ชาวเน็ตช่วยหาแมวที่หายังไงก็ไม่เจอสักที…..

    หากจะพูดถึงสัตว์แสนซนที่เอาแต่ใจตัวเอง บนโลกนี้คงไม่น่าจะอะไรเกินไปกว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘แมว’ อีกแล้ว เพราะบางทีเราเรียกมันก็มันก็ไม่ยอมมา บางทีเทข้าวให้ก็ไม่ยอมกิน และบางทีมันก็หายไปดื้อๆ เลยซะอย่างงั้น ทว่ากลับมีแมวบางตัวที่มีนิสัยแปลกๆ อย่างแมวตัวนี้ที่ชอบเล่นซ่อนแอบกับเจ้าของเสมอ และล่าสุดพวกเขาก็ได้ถ่ายรูปให้ชาวเน็ตร่วมเล่นด้วยการช่วยหาแมวตัวนี้ให้หน่อยว่ามันอยู่ตรงไหนของภาพกันนะ ผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งที่ใช้ชื่อยูสเซอร์ว่า Grace Spelman ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของแมวของเธอที่ชื่อว่า Pierogi โดยเธอบอกว่าแมวของเธอชอบที่จะเล่นซ่อนแอบกับเธอตลอดเวลา และดูเหมือนว่ามันจะทำได้ดีแทบจะทุกครั้งซะด้วย   Pierogi แมวแสนซนที่มักชอบเล่นซ่อนแอบเสมอ   Grace ได้โพสต์ภาพห้องห้องหนึ่งในบ้านของเธอโดยเธอได้ใส่แคปชั่นเอาไว้ว่า “พรุ่งนี้ก็เป็นวันทำความสะอาดแล้ว และในตอนนี้ราชินีแห่งกองขยะ Pierogi ก็ซ่อนอยู่ในภาพนี้ด้วย”   ภาพที่ Grace ได้โพสต์ลงในโลกโซเชียล   ในเวลาเพียงแค่ 2-3 วันรูปภาพที่เธอโพสต์ภาพนี้ลงไปก็มีคนมากดไลค์ให้เกือบ 700 คนและก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครหาแมวให้เธอพบเลยแม้แต่คนเดียว และนั่นได้สร้างความคาใจให้แก่ชาวเน็ตอย่างมากมายที่อาจจะงงว่าทำไมหาเจ้า Pierogi ไม่พบซักที เดือดร้อนจนถึง Grace ต้องออกมาบอกถึงคำใบ้ที่อาจเป็นกุญแจในการไขปริศนานี้แก่ชาวเน็ตได้ โดยเธอได้ออกมาบอกว่า “ลองเพิ่มแสงจอให้สว่างขึ้น แล้วจะพบว่าคำใบ้นี้บอกที่ซ่อนของ Pierogi แล้ว”   คำใบ้ที่ Grace ได้ออกมาบอกทำให้ชาวเน็ตรู้สึกสนุกขึ้น   แต่ก็ดูเหมือนกับว่ายังไม่มีใครหาเจอซักที เธอจึงออกมาบอกคำใบ้เพิ่มเติม ด้วยการแบ่งภาพออกมาเป็นสองส่วนแล้วยังบอกด้วยว่าแมวของเธออยู่ในส่วนที่สองของภาพนี้   อยู่ในส่วนที่สองนะจ๊ะ…

  • นักวิทย์สร้าง ‘พลาสติก’ ที่สามารถต่ออุปกรณ์ไร้สายได้ โดยไม่ต้องพึ่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

    นักวิทย์สร้าง ‘พลาสติก’ ที่สามารถต่ออุปกรณ์ไร้สายได้ โดยไม่ต้องพึ่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

    การพัฒนาเทคโนโลยีของมนุษย์เราได้มีความเจริญขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายอายุคนที่ผ่านมา โดยแรกเริ่มนั้นเริ่มจากการสร้างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ ต่อมาก็มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ และในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สายให้เราได้ใช้กัน แต่ว่าหากนั่นยังไม่พอ ในตอนนี้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำพลาสติกให้สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งกระแสไฟฟ้าหรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์แต่อย่างใดเลยด้วย???     นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ออกมาเปิดเผยว่าตอนนี้พวกเขาได้สร้างพลาสติกขึ้นมาชิ้นหนึ่งจากเครื่องพิมพ์สามมิติ ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ไร้สายชนิดต่างๆ ได้โดยไม่ต้องใช้วงจรไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงาน และภายในพลาสติกชิ้นนั้นก็มีเพียง สวิทช์สำหรับเปิดปิด เฟืองพลาสติกและเสาอากาศเพียงเท่านั้น “เป้าหมายของเราคือ เราจะสร้างบางอย่างที่มาจากเครื่องพิมพ์สามมิติที่มีอยู่ตามบ้านทั่วไป และสิ่งสิ่นนั้นต้องสามารถส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ได้ด้วย” “ความท้าทายของมันอยู่ที่ คุณจะทำอย่างไรให้เจ้าสิ่งนี้สามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณไวร์เลสได้โดยใช้เพียงพลาสติกอย่างเดียว ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน” Vikram Iyer วิศวกรไฟฟ้าหนึ่งในทีมวิจัยกล่าว   ลองเอาไปทดสอบกับเครื่องวัดความเร็วลม และเครื่องวัดการไหลของน้ำ   สำหรับกลไกภายในพลาสติกชิ้นนี้ พวกเขาบอกว่าจะมีเส้นใยนำไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นมาจากพลาสติกและทองแดงเป็นตัวนำสัญญาณ โดยเราจะสามารถเปิดปิดมันได้ง่ายๆ แค่กดปุ่มเพียงเท่านั้น โดยพวกเขาได้ทำการทดสอบพลาสติกชิ้นนี้ ด้วยการใช้วัดกับเครื่องวัดความเร็วลม ซึ่งผลออกมาปรากฏว่าเมื่อรอบของความเร็วลมมีสูงขึ้น เส้นใยต่างๆ ภายในอุปกรณ์ตัวนี้ก็จะทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งสังเกตได้จากการที่มันสามารถส่งสัญญาณได้ถี่ขึ้น และเมื่อนำไปทดสอบกับเครื่องวัดการไหลของน้ำ ก็ได้ผลเช่นเดียว นั่นจึงหมายความว่าเจ้าพลาสติกชิ้นนี้จะสามารถทำงานได้ดีขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ อย่างลมและน้ำแรงขึ้นนั่นเอง   คลิปการทดสอบและการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ   พลาสติกที่ว่าในตอนนี้ยังไม่ออกมาสู่ท้องตลาดเพราะกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา แต่ในอนาคตเมื่อพัฒนาจนสมบูรณ์แล้ว ทางผู้พัฒนาบอกว่าอุปกรณ์นี้จะสามารถใช้สำหรับอุปกรณ์ในบ้านได้อย่างหลากหลาย เพราะในตอนนี้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านต่างๆ ก็เริ่มมีระบบไวร์เลสในตัวแล้ว พลาสติกชิ้นนี้จึงเป็นอุปกรณ์ไร้สายแห่งโลกอนาคตเลยก็เป็นได้   เทคโนโลยีก้าวไปทุกวันจริงๆ…

  • ช่างภาพถ่ายนกฮูกยืนหลับ แต่มันไม่ใช่หลับแบบธรรมดาเพราะแอดวานส์ถึงขั้นยืนขาเดียว

    ช่างภาพถ่ายนกฮูกยืนหลับ แต่มันไม่ใช่หลับแบบธรรมดาเพราะแอดวานส์ถึงขั้นยืนขาเดียว

    การได้เห็นภาพนกฮูกพันธุ์เบอร์โรวิ่ง (Burrowing Owl) ตัวเป็นๆ เป็นอะไรที่ยากอยู่แล้ว เพราะด้วยจำนวนของมันที่มีน้อยลงเรื่อยๆ  และยิ่งถ้าเป็นนกที่มีหน้าตาง่วงเหงาหาวนอนแล้วล่ะก็อาจจะเป็นหนึ่งในล้านเลยก็ได้ แต่มีช่างภาพคนหนึ่งที่มีโอกาสได้เห็นและถ่ายภาพเก็บไว้ได้ โดยเขาพบนกฮูกกำลังยืนหลับอยู่บนต้นไม้ และที่สำคัญคือมันยืนแอ็คท่าขาเดียวซะด้วยสิ   หาวโชว์ซะเลยนิ คนจะหลับจะนอน   ภาพนกฮูกแสนกวนตัวนี้ ถูกถ่ายมาโดยช่างภาพมืออาชีพที่มีชื่อว่า Anthony Bucci ที่รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ก่อนที่จะมีโอกาสได้เก็บภาพนกตัวนี้ เขาเล่าว่าเพื่อนของเขาเป็นผู้พบเจอนกตัวนี้ก่อน และเพื่อนของเขาก็รู้ว่า Anthony อยากจะเห็นนกฮูกตัวเป็นๆ มานานแล้ว เพื่อนคนนั้นจึงโทรมาบอก และเมื่อมีสายโทรเข้ามาเขาจึงรับบึ่งไปในทันที   อะไรมันมารังควานเนี่ยห่ะ   “นกฮูกเบอร์โรวิ่ง เป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากมากในละแวกนี้ เท่าที่ผมรู้เคยมีคนเห็นมันเพียงคนเดียวเท่านั้น” “เพื่อนของผมที่เป็นช่างภาพเหมือนกันส่งข้อความและโทรมาบอกผมว่า เขาได้เห็นนกฮูกตัวหนึ่ง ผมรีบกลับบ้านแล้วควบพาหนะคู่ใจขับไปที่นั่นเร็วที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้” Anthony กล่าว   ยกขาข้างเดียวเท่ปะล่ะ   สำหรับนกฮูกเบอร์โรวิ่งเป็นนกฮูกที่มีขนาดเล็กที่สุด แถมยังแตกต่างจากนกฮูกพันธุ์อื่นๆ ตรงที่มักจะอาศัยอยู่ตามโพรงใต้ดินที่เคยเป็นรังของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น กระรอกดิน และแพร์รี่ด็อก ในปัจจุบันประชากรของนกฮูกชนิดนี้กำลังลดลงเรื่อยๆ และการที่มันยกขาข้างหนึ่งซุกเอาไว้ใต้ปีกของมัน ก็เพื่อเป็นการสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย โดยมันจะยกขาสลับข้างกันเพื่อไม่ให้มีความเมื่อยล้ามากเกินไปนั่นเอง   ใกล้แล้ว ตาใกล้จะปิดแล้ว   “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสได้เห็นนกฮูกเบอร์โรวิ่ง ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์มากๆ ที่ผมมีโอกาสได้เห็นสีหน้าต่างๆ ที่มันแสดงออกมา” Anthony กล่าวปิดท้าย   สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น  …

  • เมื่อเมียบอกให้ลดดื่มเบียร์ เหลือแค่วันละแก้วพอ พี่แกก็จัดไปเลยคร๊าบ แก้วใหญ่เท่าบ้าน!!

    เมื่อเมียบอกให้ลดดื่มเบียร์ เหลือแค่วันละแก้วพอ พี่แกก็จัดไปเลยคร๊าบ แก้วใหญ่เท่าบ้าน!!

    เรื่องของการดื่มแน่นอนว่ามันย่อมเกิดมาคู่กับชายชาตรี พวกเขาบางคนสามารถดื่มมันได้ทั้งวันทั้งคืน จนทำให้บรรดาภรรเมียของแต่ละคนเบื่อจนถึงขั้นเอือมระอา จึงได้สรรหาวิธีมาทำให้สามีตัวดีของแต่ละคนนั้นหยุดดื่มให้ได้ และก็มีแม่บ้านคนหนึ่งคิดค้นวิธีที่จะทำให้ผัวของเธอหยุดดื่ม ด้วยการท้าว่าถ้าเขาสามารถดื่มเบียร์ได้เพียงวันละแก้วจนถึงวันคริสต์มาส เธอจะให้เงินเขา แน่นอนว่าคุณสามีรับคำท้า แต่สิ่งที่สามีเธอคิดขึ้นมาต้องบอกว่าเป็นโคตรอัจฉริยะ ที่ทั้งชนะการพนัน แถมยังได้กินเบียร์ได้แบบเต็มสูบอีกด้วย   ให้มันรู้ซะบ้างใครเป็นใคร   เรื่องราวของผัวเมียละเหี่ยใจนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้าน Rhondda Valley ประเทศเวลส์เมื่อ Chloe Woodland เมียของ Jamie Stokes ได้ท้าให้เขาลดจำนวนเบียร์ที่ดื่มในแต่ละวันเหลือเพียงวันละแก้ว ซึ่งหากทำได้เธอจะให้เงินแก่เขาจำนวน 100 ปอนด์(ประมาณ 4,359 บาท) ซึ่งสามีของเธอก็ยอมรับคำท้าแต่โดยดี แต่ว่าหลังจากรับคำท้าเมื่อวันจันทร์ที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา เขาก็ต้องเสียใจในทันทีที่กินเบียร์เยอะเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว Jamie จึงเริ่มหาช่องโหว่จากคำท้าดังกล่าวและดูเหมือนว่าเขาหาได้ถูกจุดจริงๆ   แก้วเดียวหรอ สบ๊าย ไม่มีปัญหา   เพราะว่าเมียของเขาท้าให้เขากินได้เพียง 1 แก้วต่อวันแต่ไม่ได้บอกเอาไว้ว่าเป็นแก้วขนาดไหน งานนี้เขาจึงเดินทางตามหาแก้วใบใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และก็พบกับแก้วใบเท่าโอ่งอันนี้เข้า ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมถูกใจเขาอย่างเป็นแน่แท้ “ผมรับคำท้าเมียไว้เมื่อวันจันทร์ว่าจะกินเหลือวันละแก้ว แต่เมื่อผมก็กลับมาคิดดีๆ ก็พบว่าจะบ้าหรือไงอีกตั้งนานกว่าจะคริสต์มาส ผมจึงไม่รอช้าบึ่งไปที่ห้าง Tesco เพื่อจะซื้อแก้วซักใบให้กับตัวเอง” สำหรับแก้วที่เขาซื้อมามันเป็นแก้วหรือถังน้ำก็ไม่รู้ เพราะมันสามารถจุเบียร์ได้ถึง 7 ไพนต์หรือว่า 3 ลิตรกว่าๆ เลยทีเดียว   อาบน้ำได้เลยนะเนี่ย…

  • ทีมวิจัยประดิษฐ์ ‘แขนกลอัจฉริยะ’ ที่ช่วยให้ผู้พิการสามารถกลับมาเล่นเปียโนได้อีกครั้ง!!

    ทีมวิจัยประดิษฐ์ ‘แขนกลอัจฉริยะ’ ที่ช่วยให้ผู้พิการสามารถกลับมาเล่นเปียโนได้อีกครั้ง!!

    ในชีวิตของคนเรามักมีจะมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ รวมถึงเรื่องอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้ได้ ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหากมีการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าโชคดีไป แต่สำหรับบางคนการเกิดอุบัติเหตุอาจจะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเลยก็ได้ และด้วยจำนวนผู้พิการมากขึ้นบนโลกใบนี้ทุกวัน ทำให้บริษัทแห่งหนึ่งได้ผลิตอวัยวะเทียมขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้พิการเหล่านี้ และสิ่งที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมาก็คือแขนเทียมอัจฉริยะที่มีชื่อสุดเท่ว่า Luke Skywalker เพราะว่าพวกเขาได้แรงบันดาลใจมาจากตัวละครในเรื่อง Star Wars นั่นเอง     ซึ่งสิ่งที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมาก็ไม่ใช่แขนเทียมธรรมดาๆ ที่สามารถหยิบจับได้เท่านั้นเพราะว่ามันมีความแม่นยำถึงขนาดเล่นเปียโนได้เลยทีเดียว!! Jason Barnes ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องเสียแขนข้างขวาตั้งแต่ช่วงศอกลงไป ให้กับอุบัติเหตุไฟฟ้าดูดในระหว่างการทำงานเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน แต่ว่าในตอนนี้เขาได้เป็นผู้ทดลองแขนเทียมที่ออกแบบโดยบริษัท Georgia Tech ซึ่งผู้วิจัยกล่าวเอาไว้ว่าแขนเทียมอันนี้สามารถควบคุมได้ยันนิ้วมือของผู้สวมใส่เลยก็ว่าได้     และสิ่งที่ทำให้แขนเทียมอันนี้แตกต่างจากแขนเทียมทั่วไปที่อยู่ตามท้องตลาดก็คือ อุปกรณ์ชนิดนี้จะใช้การตรวจจับคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อใช้ในการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของร่างกาย จึงทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนไหวนิ้วมือได้อย่างที่ใจต้องการนั่นเอง และถึงแม้ว่า Jason จะไม่มีมือและแขนช่วงล่างของเขา แต่ว่าเขาก็ยังคงมีกล้ามเนื้อและเส้นประสาทอยู่ ทำให้เขาเหมาะสมสำหรับการทดลองนี้ที่สุด ส่วนวิธีการที่จะทำให้แขนเทียมนี้กลายเป็นแขนเทียมอัจฉริยะได้ ก็คือการนำอุปกรณ์ตรวจจับคลื่นเสียงความถี่สูงไปติดไว้บนแขนเทียม จากนั้นนักวิจัยก็จะสามารถเห็นกล้ามเนื้อของ Jason ได้อย่างชัดเจนเมื่อเขาพยายามจะขยับไปในทิศทางต่างๆ จากนั้นพวกเขาก็จะป้อนการเคลื่อนไหวต่างๆ ของกล้ามเนื้อลงไปในอัลกอริทึม และมันจะส่งผลให้ Jason สามารถเคลื่อนไหวไปในทางที่เขาต้องการ รวมทั้งยังสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น     “แขนเทียมของพวกเราใช้การตรวจจับคลื่นเสียงความถี่สูง และด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้แขนเทียมจะสามารถตรวจจับได้ว่าผู้สวมใส่ต้องการจะเคลื่อนนิ้วมือไปที่ไหน แม้ว่าเขาจะไม่มีนิ้วก็ตาม”  Gil Weinberg หัวหน้าทีมวิจัยผู้พัฒนากล่าว นอกจากจะใช้การตรวจจับคลื่นเสียงความถี่สูงแล้ว นักวิจัยยังบอกอีกด้วยว่าเจ้าแขนปลอมสุดไฮเทคนี้จะมีการควบคุมโดยใช้เซนเซอร์ตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้ออีกด้วย “มันทำให้ผมถึงกับตะลึงไปเลยทีเดียว แขนใหม่ของผมนี้สามารถทำให้ผมหยิบจับสิ่งของได้ตามที่ผมต้องการ ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีสิ่งนี้อยู่บนโลกนี้ด้วย” Jason กล่าว…

  • บริษัทสาเกเช่าหน้าหนังสือพิมพ์เกือบทั้งหน้า เพื่อขอร้องให้คนซื้อเลิกซื้อ ‘สาเกราคาแพง’ ของตัวเอง

    บริษัทสาเกเช่าหน้าหนังสือพิมพ์เกือบทั้งหน้า เพื่อขอร้องให้คนซื้อเลิกซื้อ ‘สาเกราคาแพง’ ของตัวเอง

    โดยปกติแล้วการที่จะลงโฆษณาต่างๆ จะมีขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายของสินค้าของตัวเอง แต่ว่าได้มีกรณีสุดแปลกเกิดขึ้นกรณีหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีเจ้าของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งหนึ่งลงทุนลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์เต็มหนึ่งหน้า เพื่อโน้มน้าวให้ผู้คนเลิกเสียเงินจำนวนมากเกินไปให้กับสินค้าของเขาได้แล้ว!! ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 2-3 ให้ปีหลังมานี้ สาเกยี่ห้อ Dassai ได้พุ่งขึ้นมาติดตลาดอย่างรวดเร็วและมีชื่อเสียงที่โด่งดังอย่างมากในประเทศ ทำให้ทำสาเกยี่ห้อนี้เริ่มขาดตลาดและมีราคาที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ในระบบธุรกิจแบบเสรี เพราะเมื่อมีความต้องการซื้อมากของก็จะหายากขึ้นและมีราคาแพงขึ้นนั่นเอง ทว่าราคาสาเกที่สูงขึ้นไม่เพียงแต่สร้างความทุกข์ให้แก่ลูกค้าเท่านั้น แต่ยังทำให้บริษัท Asahi Shuzo ผู้ผลิตสาเกยี่ห้อนี้ไม่มีความสุขตามไปด้วย ที่สินค้าของเขาขายดีเกินไปและมีราคาที่แพงเกินกว่าที่มันควรจะเป็น   สาเกยี่ห้อ Dassai   ด้วยเหตุนี้บริษัทผู้ผลิตจึงไม่รอช้าที่จะแก้ไขปัญหา โดยพวกเขาได้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันยอดนิยมในประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา และในหน้าโฆษณานั้นก็มีรูปของสาเกยี่ห้อนี้อยู่พร้อมกับพาดหัวตัวโตว่า “นี่คือคำขอร้อง หยุดจ่ายเงินซื้อสาเกที่มีราคาแพงของพวกเราได้แล้ว” – Kazuhiro Sakurai ประธานและ CEO แห่งบริษัท Asahi Shuzo สิ่งที่เขาทำถือว่าไม่ใช่สิ่งปกติที่บริษัทส่วนใหญ่จะทำกัน เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นก็ยิ่งทำให้บริษัทได้กำไรมากขึ้น แต่ Sakurai เชื่อว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะต้องออกมากล่าวเช่นนี้   ลงทีเต็มหน้าเลยทีเดียว   นอกจากนั้นเขายังกล่าวอีกว่าต่อไปนี้บริษัท Asahi Shuzo จะขายผลิตภัณฑ์ Dassai ให้เพียงแต่ร้านค้าปลีกและผู้ค้าส่งที่เป็นคู่ค้ากับบริษัทเท่านั้น เพื่อเป็นการควบคุมราคาไม่ให้แพงจนเกินไปนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีบางความเห็นบอกเอาไว้ว่า ถึงอย่างไรบริษัทแห่งอื่นก็สามารถซื้อสาเก Dassai จากร้านที่เป็นคู่ค้ากับบริษัทที่มีราคาถูก…

  • หนุ่มผงะ หลังพบ ‘ขามนุษย์’ ในสภาพที่ยังใส่รองเท้าอยู่ พัดขึ้นมาเกยฝั่งที่แคนาดา

    หนุ่มผงะ หลังพบ ‘ขามนุษย์’ ในสภาพที่ยังใส่รองเท้าอยู่ พัดขึ้นมาเกยฝั่งที่แคนาดา

    ความสวยงามของท้องทะเลเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาเป็นอย่างดี ซึ่งก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเลยทะเลช่างเป็นสถานที่ที่งดงามไม่แพ้ที่ใดบนโลก แต่จะเป็นอย่างไรเมื่อวันหนึ่งเราไปเที่ยวทะเลและกำลังเดินทอดน่องอย่างอารมณ์ดีอยู่ที่ชายหาด แต่กลับไปเจอรองเท้าข้างหนึ่งถูกคลื่นพัดมาเกยหาด ซึ่งถ้าเป็นรองเท้าธรรมดาๆ มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะผู้คนต่างทิ้งขยะมากมายลงสู่ทะเล แต่สิ่งที่หนุ่มคนนี้เจอมันดันเป็นรองเท้าที่ยังมีขาของมนุษย์สวมใส่อยู่ซะนี่   ชิ้นส่วนมนุษย์ที่ติดอยู่กับรองเท้า   ชายหนุ่มผู้พบเจอรองเท้าสยองขวัญดังกล่าวมีชื่อว่า Mike Johns โดยเขาเล่าว่า ได้พบรองเท้าที่ยังมีขาของคนใส่อยู่ที่ริมแม่น้ำจอร์แดนบนเกาะแวนคูเวอร์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา และชิ้นส่วนตั้งแต่หัวเข่าลงมายังอยู่ครบถ้วนทั้งหน้าแข้งรวมถึงส่วนที่เป็นเท้า เขาเล่าว่า ในตอนแรกสุนัขของเขาวิ่งไปดมกลิ่นก้อนสาหร่ายทะเลที่เข้ามาเกยหาด และเมื่อเขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่ามันเป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ “หมาของผมเข้าไปดมฟุดฟิดๆ ที่กระดูกอันหนึ่ง ดังนั้นผมจึงเห็นอะไรผิดสังเกตและได้เข้าไปดู และสิ่งที่ผมเห็นก็ทำให้ผมแทบช็อก เพราะว่ามันเป็นรองเท้าที่ยังมีขาของคนติดอยู่!!” Mike John เล่า   รองเท้าชิ้นแรกที่ได้พบชิ้นส่วนของมนุษย์ติดอยู่   การค้นพบส่วนขาของคนติดอยู่กับรองเท้าชิ้นนี้ ไม่ใช่การค้นพบแรกเพราะว่าในช่วง 10 ปีมานี้ได้มีรองเท้าที่มีกรณีเดียวกันเกิดขึ้นมาก่อนถึง 12 เหตุการณ์นับตั้งแต่ปี 2007 และชิ้นที่ค้นพบล่าสุดนี้ก็เป็นชิ้นที่ 13 แล้ว รองเท้าที่มีส่วนขาของมนุษย์ชิ้นแรกเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2007 ซึ่งเป็นรองเท้าวิ่งยี่ห้อหนึ่งที่มีเพียงชิ้นส่วนของเท้าอยู่ข้างในรองเท้าข้างนั้น เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพจากสถาบัน The BC Coroners Service ได้บอกเอาไว้ว่ารองเท้าไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้อวัยวะของมนุษย์ที่อยู่ภายในไม่เน่าเปื่อย แต่มันยังทำให้สามารถลอยน้ำได้อีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงพบแต่เพียงส่วนที่เป็นเท้าของมนุษย์ โดยไม่พบร่างกายส่วนอื่นเลย   มีความลับมากมายอยู่ในแม่น้ำและท้องทะเล   ในตอนนี้เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพกำลังทำงานร่วมกับตำรวจในท้องถิ่น…

  • คิดได้ไง!! ไอเดียคริสต์มาสการ์ดสุดฮา ที่คุณเห็นแล้วรับรองว่าจะต้องหัวเราะจนปวดท้อง

    คิดได้ไง!! ไอเดียคริสต์มาสการ์ดสุดฮา ที่คุณเห็นแล้วรับรองว่าจะต้องหัวเราะจนปวดท้อง

    ในวันเฉลิมฉลองของชาวคริสต์ทุกคนอย่างวันคริสต์มาส เป็นธรรมดาที่ทุกคนต่างก็มีความสุขและอยากจะส่งมอบความสุขต่อให้ทุกๆ คนที่รู้จัก พวกเขาจึงได้ประดิษฐ์สิ่งที่เรียกว่าการ์ดคริสต์มาสขึ้นมา เพื่อส่งต่อความสุขเหมือนกับการ์ด ส.ค.ส บ้านเราที่จะมอบในวันสำคัญๆ นั่นเอง ทว่าการ์ดคริสต์มาสที่พวกเขาทำส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่จัดทำขึ้นมาเอง และแต่ละภาพก็เต็มไปด้วยความหฤหรรษ์ ซึ่งแน่นอนว่าใครที่ได้ดูการ์ดเหล่านี้มีโอกาสที่จะหัวเราะจนตกเก้าอี้ได้เลยทีเดียว มาลองดูกันดีกว่าว่าไอเดียการออกแบบการ์ดคริสต์มาสของพวกเขาเหล่านี้ จะสามารถทำให้คุณอึ้งได้ขนาดไหนกันนะ   ซานต้ามาเอาคืนไป ถ้าไม่อยากให้ใครเป็นอันตราย   โถลูก โดนแดดนิดเดียว เกรียมเลย   ธรรมดาโลกไม่จำ   โถชีวิต อะไรจะน่าเศร้าเพียงนี้   หืม อย่าลืมล็อกบ้านกันนะ   มาช่วยกันจับไดโนเสาร์หน่อยเร็วว   เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งถ่ายขอเช็กเฟซแปบ   เอ้า ท้องเฉย ยังงี้ก็ได้หรอ   ไม่ต้องกลัวไปว่าสินค้าของคุณจะเสียหาย เพราะนี่คือซูเปอร์ฮีโร่ที่จะมาปกป้องของขวัญให้แก่ทุกคน   เด็กๆ หายไปไหนหมดนะ ช่างเถอะเมากันดีกว่า   ไม่ถงไม่ถามสุขภาพซ้ากคำ   เล่นใหญ่เชียวนะ ครอบครัวนี้   เอะ หมาของเราหายไปไหนนะที่รัก   มันจะมาครองโลกแล้ว วิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันเถอะ…

  • WHO ผลักดันให้ “กัญชา” ถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรค และไม่ควรจัดเป็น “ยาเสพติดควบคุม”

    WHO ผลักดันให้ “กัญชา” ถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรค และไม่ควรจัดเป็น “ยาเสพติดควบคุม”

    สิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ล้วนแล้วก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย และพืชที่เรียกว่า ‘กัญชา’ ก็เช่นกัน หลายคนอาจจะเห็นว่ามันเป็นสารเสพติดประเภทหนึ่งที่มีแต่โทษ แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วกัญชาก็มีประโยชน์ในวงการแพทย์เช่นเดียวกัน ในตอนนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ออกมาให้คำแนะนำว่า กัญชาที่ใช้ในทางการแพทย์ไม่ควรจัดอยู่ในกลุ่มสารเสพติดควบคุมเหมือนที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ เพราะว่าการนำออกมาใช้เป็นไปได้ยากและต้องทำหนังสือขออนุญาต     ทั้งนี้สารเสพติดควบคุมคือสารต่างๆ ที่อยู่ในยาเสพติดหลายประเภท ซึ่งก็มีทั้ง เมทแอมเฟตามีน โคเคน เมทาโดน และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก โดยสารเหล่านี้จะถูกจำแนกตามความรุนแรงและสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท ด้วยความที่ในตัวของกัญชามีสารที่ทำให้ผ่อนคลาย ทำให้มันสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์ได้ และควรนำออกมาจากกลุ่มสารเสพติดควบคุม แต่ควรเอาออกมาเพียงสารสกัดที่เรียกว่า Cannabidiol (CBD) เพื่อใช้ในวงการแพทย์เท่านั้น     รายงานขององค์กรฉบับนี้กล่าวยืนยันเอาไว้ว่า CBD ไม่สามารถนำไปใช้งานในทางที่ไม่ดี เพราะว่าเฉพาะสารดังกล่าว มันไม่สามารถนำไปใช้เป็นสารเสพติดได้ คุณสมบัติของสารชนิดนี้จะสามารถช่วยรักษาผู้ป่วยบางโรคได้อย่างเช่น โรคลมบ้าหมู และใช้สำหรับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคองนั่นเอง “มีความสนใจเพิ่มขึ้นจากประเทศที่เป็นสมาชิก ในการใช้กัญชาเพื่อการรักษาในการแพทย์ รวมถึงใช้สำหรับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง และในตอนนี้องค์การอนามัยโลกก็มีการรวบรวมหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ซึ่งมีความแข็งแรงมากพอเกี่ยวกับการใช้กัญชาในทางการแพทย์รวมถึงผลข้างเคียงของการใช้ด้วย” ตามข้อมูลที่กล่าวไว้ในรายงาน     นอกจากนี้พวกเขายังได้กล่าวอีกว่า หลักฐานล่าสุดจากการศึกษาในสัตว์และมนุษย์แสดงให้เห็นว่าการใช้สาร CBD อาจสามารถบำบัดอาการบางอย่างของโรคลมบ้าหมู รวมถึงโรคที่ใกล้เคียงกันได้ และการใช้สารดังกล่าวจะไม่นำไปสู่การติดสาร…

  • วินาทีประทับใจ เมื่อคุณปู่วัย 102 ปี ได้พบหลานชายตัวเอง เป็นครั้งแรกในชีวิต…

    วินาทีประทับใจ เมื่อคุณปู่วัย 102 ปี ได้พบหลานชายตัวเอง เป็นครั้งแรกในชีวิต…

    สำหรับคนที่เคยมีครอบครัวแสนอบอุ่นแล้วมีเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกันไป จะมีอะไรดีไปกว่าการได้เจอกับครอบครัวแสนมีความสุขนั้นอีกครั้ง เหมือนกับเรื่องราวของคุณปู่อายุ 102 ปีคนนี้ ที่คิดว่าญาติพี่น้องของเขาได้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปหมดแล้ว แต่มาวันหนึ่งเขาก็ได้เจอญาติที่พลัดพรากจากกันราวค่อนชีวิต Eliahu Pietruszka คุณปู่วัย 102 ปีเป็นคนหนึ่งที่สามารถหลบหนีมาจากประเทศโปแลนด์ในตอนที่เกิดสงครามโลกออกครั้งที่ 2 ออกมาได้ ทว่า Eliahu วัย 24 ปีในตอนนั้นก็ถูกบีบบังคับให้ต้องละทิ้งครอบครัวของเขาหากอยากมีชีวิตรอด และนั่นรวมถึง Volf น้องชายสุดที่รักของเขาด้วย   พบกันครั้งแรกในชีวิต   ในขณะเดียวกัน Volf สามารถหนีรอดออกมาจากค่ายกักกันมรณะ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่ครอบครัวของเขาเสียชีวิตไปทั้งหมด แต่ว่าในท้ายสุดเขาก็ถูกจับไปเป็นแรงงานทาสที่ค่าย Gulag เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีและไร้ซึ่งการติดต่อใดๆ ทำให้ Eliahu คิดว่าน้องชายเขาได้เสียชีวิตที่ค่ายกักกันดังกล่าวไปแล้ว จนปัจจุบัน Eliahu ผู้เหลือตัวคนเดียว ใช้ชีวิตอยู่ในวัย 102 ปีอยู่ที่ประเทศอิสราเอล ส่วน Volf น้องชายของเขากลับรอดชีวิตมาได้ และสร้างครอบครัวอยู่ที่ชนบทแห่งหนึ่งในประเทศรัสเซีย และที่นั่นเขาก็ได้ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า Alexandre     แต่แล้วก็เหมือนมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเมื่อ Eliahu ไปพบหลักฐานว่าเขามีหลายชายคนหนึ่งที่เกิดมาจาก Volf น้องชายเขา…

  • อย่าคิดว่าไม่เห็น!! ภาพจับเหล่า ‘คนขี้อิจฉา’ ได้แบบคาหนังคาเขา แหม่ มองแรงเชียวนะ

    อย่าคิดว่าไม่เห็น!! ภาพจับเหล่า ‘คนขี้อิจฉา’ ได้แบบคาหนังคาเขา แหม่ มองแรงเชียวนะ

    ความอิจฉาตาร้อนเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้จะเป็นเรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวันอย่างเรื่องอาหารการกิน ขนมนมเนย หรือแม้แต่ดินสอแท่งเล็กๆ ก็อาจจะทำให้เราเกิดอาการหงุดหงิดฟาดงวงฟาดงา จนต้องไปขอเงินแม่มาซื้อของเท่ๆ คูลๆ อย่างนั้นบ้าง และนี่คือรูปภาพของคนขี้อิจฉาต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งจากแต่สายตาละคนที่มองของที่อยากได้แล้วต้องบอกว่า ถ้าจะมองขนาดนี้ก็เดินมาเอาไปเถอะ   มาสวีทอะไรตรงนี้ฟ่ะ มันฆ่าคนโสดชัดๆ   ที่สาวๆ เยอะ นี่มันเป็นเพราะหมาหรือหน้าตาของพี่คนนี้กันแน่   เกิดมาแย่งความรักฉันทำไม นี่แหนะ   ทำไมมองไอติมของตัวเองแล้วมันรู้สึกเฟลหน่อยๆ ก็ไม่รู้   ก็เค้าแค่อยากไปถ่ายรูปด้วยบ้างง่ะ   ไอ้นี่มันทำเยาะเย้ยเพื่อนชัดๆ เลยนี่หว่า   นี่ตูตกปลาที่เดียวกับมันจริงปะเนี้ย   เกินไปรึเปล่า แหมเด่นอยู่คนเดียวเลยนะตัวเธอ   แม่ หนูอยากกินแบบพี่เขาบ้างอะ จะอาววววว จะอ๊าววววว   กลับบ้านไปมีหัวร้างข้างแตกแน่ ไอ้ตัวดี   ก็เหมือนๆ กันนี่นา ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหนเลยจริงปะ   นายเผลอเดี๋ยวเจอกัน   เกินไปละไอ้แว่น เดี๋ยวมีเจ็บ   ไม่น่ามายืนข้างๆ…

  • พ่อบ้านโรแมนติก ขอภรรยาแต่งงานอีกครั้ง หลังหา “แหวนแต่งงาน” เจอท่ามกลางเถ้าธุลีจากไฟป่า!!

    พ่อบ้านโรแมนติก ขอภรรยาแต่งงานอีกครั้ง หลังหา “แหวนแต่งงาน” เจอท่ามกลางเถ้าธุลีจากไฟป่า!!

    เหตุการณ์ภัยธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ยากต่อการควบคุม และบางอย่างเราก็ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ เหมือนกับเหตุการณ์ไฟป่าที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ถึงจะเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงเพียงใดก็ยังพอจะมีเรื่องราวให้ได้ยิ้มอยู่บ้าง เพราะอัคคีภัยครั้งนั้นทำให้คู่รักคู่หนึ่งได้เห็นความสำคัญของกันและกัน และมีโอกาสขอแต่งงานกันอีกครั้งหนึ่ง!!     เช่นเดียวกับผู้คนนับร้อยนับพันคนอื่นๆ ในย่านเวนทูรา  Don Myers และ Julie Myers ถูกบังคับให้ต้องอพยพหนีออกจากบ้านของพวกเขา เพื่อเลี่ยงการเจอไฟป่าครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นบริเวณทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย     เมื่อไฟป่าสงบลงพวกเขาก็กลับไปที่บ้าน แต่ก็ต้องพบว่าบ้านที่เป็นความทรงจำมาอย่างยาวนานของพวกเขา เหลือเพียงแค่ซากเถ้าธุลีและซากปรักหักพัง ทว่าว่ามี “สิ่งหนึ่ง” ที่รอดพ้นจากความร้อนของไฟในครั้งนั้นมาได้ “บ้านของพวกเราทั้งหลังหายไปกับตา และของที่พวกเราเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีก็กลายเป็นเพียงขี้เถ้าเท่านั้น” Julie กล่าว     และเมื่อสามีของเธอลองคุ้ยหาเพื่อหาสิ่งของที่น่าจะใช้งานได้ในกองขี้เถ้านั้น เขาก็พบแหวนแต่งงานระหว่างเขาและ Julie เข้าโดยบังเอิญ การค้นพบแหวนวงนี้ก็ทำให้ทั้งคู่เหมือนย้อนเวลาไปในช่วงที่ทั้งคู่ขอแต่งงานกันใหม่ๆ ในปี 1989 เลยทีเดียว!! แม้ว่า Don จะมีแหวนวงใหม่ให้กับ Julie ในโอกาสครบรอบวันแต่งงาน 25 ปี แต่แหวนวงที่พบนี้มีความหมายต่อทั้งคู่เป็นอย่างยิ่ง เพราะว่านอกจากจะเป็นแหวนวงที่ Don ใช้ขอแต่งงานแล้ว แหวนวงนี้ยังได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของ Don ที่ทำงานเก็บตังซื้อมาขอ Julie แต่งงานอย่างยากลำบากในขณะนั้นนั่นเอง  …

  • มุมมองอันแตกต่างของ ‘ลูกค้า’ กับ ‘ดีไซเนอร์’ ที่เห็นขัดกันตลอด จะต้องแก้งานไม่รู้จบ!!

    มุมมองอันแตกต่างของ ‘ลูกค้า’ กับ ‘ดีไซเนอร์’ ที่เห็นขัดกันตลอด จะต้องแก้งานไม่รู้จบ!!

    เมื่อพูดถึงอาชีพดีไซน์เนอร์หรือว่านักออกแบบ ภาพในหัวของใครหลายๆ คนอาจจะเป็นฟรีแลนซ์ที่ทำตัวชิวๆ ไม่ต้องเข้างานตามเวลา โดยคนส่วนใหญ่มักจะพบผู้คนอาชีพเหล่านี้ในร้านกาแฟ หรือสถานที่คูลๆ นั่นจึงทำให้พวกเขาดูเหมือนจะทำงานไม่ยากเย็นนัก แต่จริงๆ แล้วรู้ไม่ว่าดีไซน์เนอร์ ต้องใช้จินตนาการอย่างสูงในการจะสร้างสรรค์งานออกมาแต่ละอย่าง และก็บ่อยครั้งที่การออกแบบของพวกเขาก็ไม่ตรงตามต้องการของลูกค้า เพราะการมองโลกที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีมุมมองด้านศิลปะที่ต่างกันอย่างสุดขั้วอีกด้วย และนี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ดีไซน์เนอร์ทำกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ภาพเหล่านี้จะทำให้คุณเข้าใจหัวอกของดีไซน์เนอร์หลายๆ คนได้ดีมากขึ้นเลยทีเดียว   หลายครั้งที่ดีไซน์เนอร์ออกแบบสีให้ตรงกับลักษณะงาน แต่ลูกค้ากลับบอกว่าไม่ชัดเจนซะอย่างงั้น   คนไม่ใช่ทำอะไรก็ดูผิดไปหม๊ดดดดดดด   สิ่งที่พวกเขาคิดว่านักออกแบบใช้ และสิ่งที่นักออกแบบใช้ทำงานจริงๆ   ขนาดแค่ช่องว่าง ก็ยังดูใช้ไม่ได้สำหรับบอสทั้งหลาย   การหาภาพต่างๆ ในสายตาของทั้งสองอาชีพ   เรื่องของมุมมองก็เป็นเรื่องที่ต่างกันอีกเช่นกัน   จริงๆ แล้วการใช้ Photoshop มันก็ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่ใครนึกนะ   นักออกแบบได้กำลังใจจากการสร้างผลงานให้ออกมาดีแล้วมีความสุข ส่วนลูกค้าได้กำลังใจมาจากกำไรต่างๆ   การเขียนแบบแนวๆ สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนได้ แต่นายจ้างกลับถามว่าทำไมไม่เขียนให้มันเต็มๆ ล่ะ??   เป้าหมายสำหรับนักออกแบบคึือได้รางวัล ส่วนเป้าหมายของลูกค้าก็คือยอดขาย   ออกแบบตัวหนังสือมาอย่างได้สัดส่วนแล้ว แต่ลูกค้าดันอยากให้ดูสูงขึ้นอีกซะงั้น    แหม ก็มุมมองมันไม่เหมือนกันนี่ครับ เจ้านายย…

  • งานวิจัยเผย ยิ่งคุณมี ‘พี่ชาย’ เยอะมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีแนวโน้มเป็น ‘เกย์’ มากยิ่งขึ้นเท่านั้น

    งานวิจัยเผย ยิ่งคุณมี ‘พี่ชาย’ เยอะมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีแนวโน้มเป็น ‘เกย์’ มากยิ่งขึ้นเท่านั้น

    ในบรรดาเหล่าชายรักชายหรือที่เราเรียกกันว่า เกย์ พวกเขาเหล่านี้มักจะมีจุดเปลี่ยนในชีวิต ที่ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วพฤติกรรมเบี่ยงเบนเหล่านี้มี อาจเกิดขึ้นตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ของแม่แล้ว และที่สำคัญคือมีงานวิจัยหนึ่งเปิดเผยว่าหากยิ่งมีพี่ชายเยอะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีสิทธิ์เป็นเกย์เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น!! งานวิจัยหนึ่งจากมหาวิทยาลัยโทรอนโต ประเทศแคนาดา ได้ออกมามาเปิดเผยว่าการมีลูกผู้ชายคนหนึ่งจะทำให้ปฏิกิริยาต่างๆ ในร่างกายของผู้เป็นแม่เปลี่ยนไปทั้งภูมิคุ้มกันและปัจจัยอื่นๆ และนั่นให้เด็กผู้ชายที่เกิดหลังจากนั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นเกย์มากขึ้น!!!     “การศึกษาของเราเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ ในการทำความเข้าใจถึงต้นกำเนิดของการปรับเปลี่ยนเพศในเพศชาย ซึ่งเราก็พบว่า กลไกการตอบสนองภูมิคุ้มกันโปรตีนของมารดา มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองของทารกเพศชายในครรภ์ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือการมีพี่ชาย”  “จากการสำรวจพบว่า โดยปกติแล้วในเพศชายทุกๆ คนจะมีโอกาส 3 เปอร์เซ็นต์ที่จะเบี่ยงเบนไปเป็นเกย์ แต่ในคนที่มีพี่ชายสามคนกลับพบว่าพวกเขามีโอกาสที่จะเป็นเกย์มากขึ้นไปเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ หรือมากขึ้นกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว” หัวหน้าทีมวิจัยกล่าว     นอกจากนี้พวกเขายังได้ให้เหตุผลเอาไว้ว่า ยีนในตัวของแต่ละคนจะเป็นสิ่งที่กำหนดเพศ โดยในเพศหญิงจะมีโครโมโซม X จำนวน 2 ตัว ในขณะเดียวกันเพศชายจะมีโครโมโซมทั้ง X และ Y และเป็นเพราะว่าโครโมโซม Y ที่มีอยู่ในเพศชาย สามารถสร้างความแตกต่างในด้านชีวภาพได้ ทำให้ทารกเพศชายในครรภ์ของมารดาสามารถเปลี่ยนแปลงภูมิคุ้มกันต่างๆ ในร่างกายของผู้เป็นแม่ อีกทั้งเมื่อเกิดการตั้งครรภ์เพศชายขึ้น ร่างกายของแม่จะสร้างแอนติบอดี้ชนิดหนึ่งขึ้นมาเพื่อเป็นการต่อต้านโครโมโซม Y ชื่อว่า anti-NLGN4Y …

  • The Rock ประกาศกร้าว กำลังจะกลายเป็นพ่อลูก 3 หลังภรรเมียตั้งท้องเรียบร้อยแล้ว!!

    The Rock ประกาศกร้าว กำลังจะกลายเป็นพ่อลูก 3 หลังภรรเมียตั้งท้องเรียบร้อยแล้ว!!

    หากจะพูดถึงชายผู้มีร่างอันบึกบึนอย่างกับยักษ์ ใครหลายคนคนอาจจจะนึกถึง Dwayne Johnson หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า The Rock และตอนนี้เขาก็ได้แสดงพละกำลังวังชาด้วยการเสกเด็กเข้าท้องภรรยา ทำให้เขากำลังจะกลายเป็นพ่อของเด็กถึง 3 คน!! Dwayne และ Lauren Hashian ภรรยาสาวนักร้องสุดเซ็กซี่ได้คบหากันมากว่าทศวรรษ และในเมื่อไม่กี่ชั่วโมงพวกเขาก็ได้ประกาศข่าวดีแก่โลกออนไลน์ เพราะว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะมีลูกเกิดมาให้ชื่นชมอีกคนหนึ่งแล้ว   ทำไงได้ของพี่มันแร๊งงส์   สำหรับ The Rock มีลูกสาวแล้ว 1 คน ชื่อว่า Simone วัย 16 ปี ซึ่งเกิดจากอดีตภรรยา Dany Garcia และได้มีลูกกับ Lauren ภรรยาปัจจุบันอีกหนึ่งคนชื่อว่า Jasmine และเด็กคนที่กำลังจะเกิดมานี้เป็นลูกคนที่ 2 ระหว่างพวกเขา   Simone Johnson   Jasmine Johnson กำลังตื่นเต้นที่จะได้มีน้องสาว   และในตอนนี้ก็ดูเหมือนครอบครัวแห่งนี้กำลังจะตื่นเต้นกันเป็นการใหญ่โดย The Rock ได้โพสต์ภาพลูกสาว Jasmine ของเขานั่งอยู่ใต้ต้นคริสต์มาสอย่างยิ้มแย้มพร้อมกับแคปชั่นที่ว่า “ลูกสาวของเรา Jasmine อยากจะประกาศข่าวดีให้แก่ทุกคนได้รู้ว่าเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่เป็นผู้หญิง!! ในตอนนี้พวกเราตื่นเต้นกันอย่างมาก และกำลังเตรียมพร้อมต้อนรับลูกสาวคนที่สองของเราที่กำลังจะเกิดในฤดูใบไม้ผลินี้ และที่ดูตื่นเต้นยิ่งกว่าใครก็ดูเหมือนจะเป็น Jasmine เธอบอกว่าเธอรอจะเป็นพี่สาวไม่ไหวแล้วล่ะ”  …

  • มือดีใช้ระบบ ‘อัลกอริทึ่ม’ เปลี่ยนใบหน้าของดาราหนังโป๊ ให้กลายเป็น Gal Gadot ได้!?

    มือดีใช้ระบบ ‘อัลกอริทึ่ม’ เปลี่ยนใบหน้าของดาราหนังโป๊ ให้กลายเป็น Gal Gadot ได้!?

    ด้วยเทคโนโลยีอันก้าวล้ำในปัจจุบัน ทำให้โปรแกรมต่างๆ ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์สามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างมากมาย ซึ่งก็มีหลายคนที่นำโปรแกรมเหล่านี้ไปสร้างประโยชน์ให้กับสังคม แต่ก็มีอาจมีบางคนใช้ไปในทางที่ผิดเหมือนกับคนๆ นี้ได้นำใบหน้าของดาราภาพยนตร์เรื่องดังไปตัดต่อใส่ในหนังโป๊ซะอย่างงั้น และเหยื่อของการกระทำครั้งนี้ก็คือ Gal Gadot ดาราสาวสุดสวยผู้โด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง Wonder Women โดยเธอถูกตัดต่อใบหน้าลงไปในวิดีโอโป๊เรื่องหนึ่ง โดยในฉากนั้นเธอต้องมีเซ็กส์กับลูกพี่ลูกน้องของเธอเอง และจากภาพวิดีโออันล่าสุดของ Gal หากลองมองดูดีๆ จะพบว่ายังมีร่องรอยของการตัดต่ออยู่ อย่างบางทีก็มีใบหน้าที่เคลื่อนหลุดออกจากตัวบ้าง และคำพูดที่ออกมาก็ยังไม่ตรงกับปากอีกด้วย   Gal Gadot ในวิดีโอโป๊ที่เธอถูกตัดต่อลงไป   วิดีโอโป๊นี้ได้ถูกเผยแพร่ลงในเว็บบอร์ดชื่อดังก้องโลกอย่าง Reddit ผ่านผู้ใช้ชื่อว่า deepfakes เป็นผู้โพสต์วิดีโอดังกล่าว โดยเขาได้อธิบายว่าเขาสร้างวิดีโอการตัดต่อเหล่านี้ขึ้นโดยใช้ machine learning อัลกอริทึ่มสาธารณะ ที่ใครๆ ก็สามารถใช้งานได้ที่มีชื่อว่า Tensorflow ของ Google ในการตัดต่อวิดีโอครั้งนี้ โดยในอดีต ยูสเซอร์ deepfakes ก็เคยตัดต่อดาราฮอลลีวูดลงไปในหนังโป๊แนวฮาร์ดคอร์มาแล้วหลายคนไม่ว่าเป็น Scarlett Johansson, Maisie Williams, Taylor Swift, Aubrey Plaza และเหยื่อรายล่าสุดก็คือ Gal Gadot นั่นเอง   ลองดูดีๆ แล้วจะพบความไม่แนบเนียนอยู่   สำหรับ deefakes นั้นเขาได้ออกมาเผยว่าเขาไม่ใช่นักวิจัยปัญญาประดิษฐ์แต่อย่างใด เขาเป็นเพียงโปรแกรมเมอร์คนหนึ่งที่สนใจในระบบ…

  • พาทัวร์ “หมู่บ้านโลกาวินาศ” ชุมชนหลุมหลบภัยวันสิ้นโลกและที่สำคัญราคาไม่ถึงล้าน!!

    พาทัวร์ “หมู่บ้านโลกาวินาศ” ชุมชนหลุมหลบภัยวันสิ้นโลกและที่สำคัญราคาไม่ถึงล้าน!!

    ด้วยปัญหาต่างๆ ในโลกที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นมากมาย ทั้งสงครามนิวเคลียร์ ภาวะสิ่งแวดล้อมต่างๆ อีกทั้งยังต้องมาหวาดระแวงกับซอมบี้ที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่อีก ทำให้หลายคนกังวลถึงวันสิ้นโลกตามคำทำนายต่างๆ ว่าอาจมีขึ้นเร็วๆ นี้ ทำให้บริษัทแห่งหนึ่งได้สร้างบังเกอร์หลบภัยสำหรับเตรียมพร้อมกับวันสิ้นโลกขึ้นมาแล้ว บริษัทดังกล่าวมีชื่อว่า Vivos Group ซึ่งพวกเขาได้สร้างดินแดนสำหรับหลบภัยเอาไว้ภายใต้โปรเจกต์ชื่อว่า Vivo xPoint โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างขึ้นสำหรับผู้ที่หวาดระแวงและมีความเชื่อว่าวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึงนั่นเอง   นี่ต้องเป็นสถานที่ที่คุณอยากมาอยู่ที่สุด เมื่อเกิดวันโลกาวินาศขึ้น   Vivo xPoint เป็นชุมชนหลบภัยขนาดใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ โดยหมู่บ้านแห่งนี้มีบ้านเพียงพอสำหรับคน 5,000 คนและด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงของมัน ทำให้บังเกอร์แต่ละหลังสามารถทนรับแรงระเบิดจากหัวจรวดนิวเคลียร์ที่มีน้ำหนัก 250 ตัน ได้แบบสบายๆ และไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด Robert Vicino เจ้าของบริษัท Vivos Group กล่าวว่าพวกเขาเปิดบังเกอร์ต่างๆ ให้เข้าเยี่ยมชมมาตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ปี 2017 แล้วและในตอนนี้ก็มีผู้ซื้อไปแล้วจำนวนมาก ซึ่งราคาแต่ละหลังจะอยู่ที่ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 814,000 บาท) เท่านั้นเอง   บังเกอร์กว่า 575 หลังที่สร้างจากคอนกรีตแข็งรวมถึงเหล็กกล้าสุดแข็งแกร่งด้วย   แม้ว่าในตอนนี้ยังไม่มีใครย้ายเข้าไปอยู่ที่บังเกอร์จริงๆ แต่คนที่ซื้อไปก็เริ่มมีการตกแต่งภายในบ้านของแต่ละคน เพื่อให้มีความพร้อมเมื่อจะเข้ามาอยู่จริงๆ และยังได้สร้างความมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตรอดผ่านวันโลกาวินาศไปได้นั่นเอง   หลุมหลบภัยนี้ตั้งอยู่ที่รัฐเซาท์ดาโคตา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแต่เดิมนั้นใช้เป็นฐานทัพของทหาร…

  • 18 รูปภาพที่จะมาเปิดเผยว่า จริงๆ แล้วสิ่งของที่เราใช้อาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดไว้ก็เป็นได้…

    18 รูปภาพที่จะมาเปิดเผยว่า จริงๆ แล้วสิ่งของที่เราใช้อาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดไว้ก็เป็นได้…

    ชีวิตของเราในแต่ละวัน เราต้องหยิบจับสิ่งของเป็นสิบเป็นร้อยอย่างต่อวัน ซึ่งบางอย่างที่อยู่รอบตัวเราก็สามารถอำนวยความสะดวกได้ และบางอย่างก็อาจสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิงต่อใจ แต่รู้ไหมว่าจริงๆ แล้วสิ่งของต่างๆ ที่เรารู้จักมาทั้งชีวิตของเรานั้น บางอย่างก็มีการปลอมแปลงขึ้นมา หรือกระทั่งการย้อมแมวก็ยังมี แต่โดยความไม่รู้เราก็ใช้ไปตามภาษา ซึ่งรูปภาพเหล่านี้จะมาอธิบายว่าจริงๆ แล้วของที่เราเคยหยิบจับหรือเห็นหน้าค่าตาบางอย่าง จริงๆ แล้วของที่อยู่ภายในของมันอาจจะเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึง และเมื่อได้เห็นแล้วอาจทำให้เราต้องร้องอุทานขึ้นมาว่า ‘ชีวิตตูโดนหลอกมาทั้งชีวิตเลยใช่ไหมเนี่ย’   ที่ยิงไฟ ที่แม่ค้าส่วนใหญ่นิยมใช้จริงๆ แล้วมันเป็นแค่ไฟแช็กธรรมดาๆ ต่อเข้ากับท่อเท่านั้นเอง   สายรัดข้อมือตามงานคอนเสิร์ตที่เด้งดึ๋งๆ จริงๆ แล้วมันอาจทำมาจากใบตลับเมตรเหมือนกันนะ   แหม ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่ามันเป็นแค่ตลับเมตรห่อพลาสติกอะเนอะ   ฉลากเปลี่ยน การใช้งานก็เปลี่ยนไป จากสเปรย์ดับกลิ่นกายมาเป็นสเปรย์ดับกลิ่นรองเท้าเฉยเลย   บางครั้งลูกพูลก็เอามาสอดไส้ใส่ในลูกเปตอง   และลูกโบว์ลิ่งอันนี้ก็ย้อมแมวมาจากลูกโบว์ลิ่งของใครสักคนที่ชื่อว่า ซาร่า   Case สำหรับใส่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของใครบางคน อาจจะทำมาจากกล่องยาสีฟันก็ได้นะ เอ้าลองตรวจดูกันหน่อยเร็ว   ด้วยความที่มันแข็งเหมือนกันเลยไม่มีใครสังเกตมากนัก   รู้หรือไม่ถ่านก้อนใหญ่ๆ มักจะผลิตจากการเอาถ่านก้อนเล็กๆ มารวมกัน   อันนี้ก็เช่นกัน มันคือถ่านขนาด 9 โวลต์ที่ใช้ถ่านขนาด AAAA 6…

  • เจ้าหมูถูกขังไว้ในโรงนามานานกว่า 11 ปี ในที่สุดก็ถูกช่วยเหลือและพบกับครอบครัวที่แสนดีแล้ว!!

    เจ้าหมูถูกขังไว้ในโรงนามานานกว่า 11 ปี ในที่สุดก็ถูกช่วยเหลือและพบกับครอบครัวที่แสนดีแล้ว!!

    การที่เราคิดจะเลี้ยงสัตว์สักตัวหนึ่ง เราก็ควรคิดว่าเรามีความพร้อมมากแค่ไหนที่จะดูแลอีกชีวิตหนึ่ง เพราะถ้าเราเอาสัตว์เหล่านั้นมาเลี้ยงแล้วทิ้งๆ ขว้างๆ ก็อาจจะสร้างความทุกข์ให้แก่เราได้ แต่ที่ทรมานยิ่งกว่าก็คือสัตว์ตัวนั้นที่ถูกทอดทิ้ง เหมือนกับหมูตัวนี้ที่ขาดการดูแลและต้องอยู่ในโรงนาอย่างโดดเดี่ยวมานานกว่า 11 ปี!! หมูตัวหนึ่งซึ่งในอดีตเคยมีชื่อว่า Hannah แต่เมื่อมาถึงศูนย์รับเลี้ยงสัตว์ Happy Tails Farm รัฐออนแทรีโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เจ้าหมูตัวนี้ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Anna เพื่อต้อนรับชีวิตใหม่ที่กำลังจะได้รับ หลังจากต้องทนทุกข์ทรมานมานานหลายปี     Carla Reilly Moore ผู้ก่อตั้งศูนย์รับเลี้ยงสัตว์แห่งนี้เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของ Anna ว่า วันหนึ่งเธอได้รับโทรศัพท์จาก Ralphy’s Retreat Sanctuary ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์อีกแห่งหนึ่ง โดยมีเนื้อความว่าพวกเขาได้ช่วยเหลือหมูพ็อตเบลลี่เวียดนามมาตัวหนึ่ง ซึ่งหมูตัวนี้เป็นหมูที่น่าสงสารเพราะว่าเจ้าของไม่ได้สนใจดูแลมันเลย แต่ด้วยความที่มันมีอายุเยอะ เจ้าของจึงไม่อยากเก็บมันไว้อีกต่อไปและได้นำมาฝากไว้ที่ศูนย์ช่วยเหลือดังกล่าว และเมื่อ Moore ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่รอช้าที่จะช่วยเหลือมัน     “หมูที่น่าสงสารตัวนี้ถูกซื้อไปตั้งแต่ยังเป็นแบเบาะ มันถูกโยนเข้าโรงนาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มันต้องนั่งเศร้าอยู่ในโรงนาถึง 11 ปีเชียวนะ” Moore กล่าว     เมื่อ Moore ไปรับเจ้าหมูตัวนี้มาเธอก็พบว่า มันเป็นหมูที่ขาดการดูแลใดๆ อย่างสิ้นเชิงและด้วยความที่มันมีอายุมาก  เธอจึงตัดสินใจให้เจ้าหมูตัวนี้อยู่ศูนย์รับเลี้ยงสัตว์อันอบอุ่นของเธอ จนกว่าจะสิ้นอายุขัยของมันเลยทีเดียว    …

  • ศิลปินสร้างสถาปัตยกรรม ที่ “มีชีวิต” และ “ตอบสนอง” ต่อผู้ชมเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ…

    ศิลปินสร้างสถาปัตยกรรม ที่ “มีชีวิต” และ “ตอบสนอง” ต่อผู้ชมเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ…

    โดยปกติแล้วงานสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่เราเห็นในชีวิตประจำวันก็จะมีหลายรูปแบบทั้งตึกรามบ้านช่อง สะพาน กำแพงต่างๆ ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มีที่มาจากการออกแบบของสถาปนิก ว่าจะให้สิ่งก่อสร้างนั้นๆ มีรูปแบบและความสวยงามอย่างไร แต่ว่าได้มีสถาปนิกท่านหนึ่งที่มีความคิดก้าวไกลกว่าคนทั่วไป โดยเขาได้ออกแบบสถาปัตยกรรมขึ้นมาชิ้นหนึ่ง แต่ความพิเศษของสิ่งประดิษฐ์อันนี้ก็คือ มันเป็นการรวมกันระหว่างสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะสามารถเอามารวมกันได้ และที่สำคัญคือมันกลับมีชีวิตขึ้นมา ราวกับว่าเขาได้สร้างแฟรงเกนสไตน์ขึ้นมาในรูปแบบของสถาปัตยกรรมก็ว่าได้     Philip Beesley ศิลปินในคราบของสถาปนิก ได้เป็นผู้สร้างโปรเจกต์ดังกล่าวขึ้น โดยเขาได้นำศาสตร์ทั้งหลายมารวมกันภายในสถาปัตยกรรมอันเดียว ซึ่งเป็นการรวมกันระหว่างเคมี ระบบปัญญาประดิษฐ์และระบบตอบโต้อัตโนมัติ สำหรับรูปแบบที่เขาตั้งใจจะให้ออกมา คือสิ่งก่อสร้างที่มีรูปร่างคล้ายกับเซลล์ของสิ่งมีชีวิต เพื่อให้ดูเหมือนว่ามันเป็นสิ่งที่มีชีวิตอย่างหนึ่ง และเขาก็ได้ตั้งชื่อโปรเจกต์นี้ว่า Astrocyte ซึ่งเป็นชื่อหนึ่งของเซลล์ที่ชื่อว่าเกลียลแอสโทรไซติคที่มีลักษณะคล้ายกับดาวที่แยกออกเป็นแฉกๆ อย่างสวยงาม     และที่บอกว่ามันมีชีวิต หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันเป็นอย่างไร ในส่วนนี้เขาก็ได้อธิบายไว้ว่า สิ่งประดิษฐ์ล้ำยุคของเขาจะสามารถตอบโต้กับผู้ชมที่เข้ามาใกล้ๆ ได้โดยมันจะรับรู้ได้จากระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ติดตั้งเอาไว้ภายใน และตอบโต้ด้วยการเปลี่ยนรูปร่างของมันไปในทิศทางต่างๆ และที่เป็นไฮไลท์ก็คือมันสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ด้วย     ส่วนโครงสร้างหลักๆ ที่ใช้ประกอบเป็นสิ่งนี้ขึ้นก็คือ อะคริลิกที่สร้างขึ้นจากความร้อนแล้วนำไปตัดให้เป็นรูปทรงทางเรขาคณิตต่างๆ แล้วนำมาประกอบกัน โดยใช้เส้นใยที่สามารถยืดหยุ่นได้ผูกเข้าไว้ในรูปทรงกรวย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้ชิ้นงานของเขา     นอกจากนี้เข้ายังใช้แสงไฟที่ผลิตขึ้นมาจากการพิมพ์แบบสามมิติ และยังมีชิ้นส่วนแก้วต่างๆ ที่ผิวเคลือบสารเคมีเพื่อเพิ่มความสวยงามให้แก่สิ่งสิ่งนี้     ชิ้นงานของเขาได้รับการพูดถึงในวงกว้าง ว่ามีความน่าสนใจและน่าค้นหาถึงขั้นที่บางคนก็บอกว่ามันน่าจะหลุดออกมาจากนิยายวิทยาศาสตร์เลยก็ว่าได้ และโปรเจกต์ของเขาน่าจะจะเป็นจุดสูงสุดของการออกแบบที่มีในโลกเลยทีเดียว   .…

  • หนุ่มอินเดียหัวใส แต่งท่อรถกระป๋องลั่นๆ แบบ DIY อัพเกรดเสียงฟังเหมือนใบเป็นหมื่น!!

    หนุ่มอินเดียหัวใส แต่งท่อรถกระป๋องลั่นๆ แบบ DIY อัพเกรดเสียงฟังเหมือนใบเป็นหมื่น!!

    ด้วยข้าวของในปัจจุบันนั้นมีราคาสูงขึ้นทุกวันๆ ทำให้การซื้ออะไรบางอย่างที่เราอยากได้นั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก มนุษย์เราจึงมีการ ‘ดัดแปลง’ เกิดขึ้น ทั้งนี้การดัดแปลงที่ว่าก็ขึ้นอยู่กับจินตนาการ และความรู้ของแต่ละคนด้วยว่าจะสามารถทำให้มันออกมาดีได้เหมือนกับของราคาแสนแพงหรือไม่ เหมือนกับชายชาวอินเดียคนนี้ ที่ดัดแปลงเสียงรถ Honda Dream Neo ของเขาด้วยการเอากระป๋องน้ำอัดลมไปมัดติดกับปลายท่อรถของเขา เพื่อจะลองทดสอบดูว่ามันจะมีเสียงที่เพราะพริ้งเหมือนกับท่อราคาแพงๆ หรือไม่ และเมื่อมีการสตาร์ทรถเกิดขึ้น ผลงานการดัดแปลงของเขาก็เป็นที่ประจักษ์ เมื่อเสียงลมที่ออกมาจากปลายท่อกระทบเข้ากับกระป๋องที่มัดติดกับมันไว้ ได้ออกมาเป็นเสียงที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น   การดัดแปลงเสียงท่อที่แสนจะครีเอท ที่ไม่รู้ว่าคิดออกมาได้ยังไง ฉลาดเกิ๊นน   เพราะเสียงที่ออกมานั้นมันช่างเป็นเสียงที่เหมือนกับอังกะลุงที่ดัง กรุ๊งๆ อยู่ตลอดเวลาและเมื่อมีการเร่งเครื่องขึ้น มันก็เหมือนยิ่งเพิ่มความฮาขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเสียงที่ออกมานั้นใครได้ฟังรับรองว่าต้องหัวเราะจนตัวงอ ขำจนน้ำหูน้ำตาไหลอย่างแน่นอน   ขี่ด้วยความมั่นใจ ก็ทำไมอะรถตูไม่เท่ตรงไหนอะ   และเมื่อเป็นมีการขี่ออกไปโดยชายอีกคนหนึ่งเพื่อลองเสียง ก็ปรากฏว่าลูกเล็กเด็กแดงในละแวกนั้นต่างก็มองตามเสียงท่อของรถคันนี้เป็นตาเดียวกัน นั่นยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้แก่คนขี่เข้าไปอีกว่าตัวเขานี่ช่างมีความเท่เสียนี่กระไร โดยในตอนนี้คลิปการดัดแปลงท่อสุดฮานี้มีผู้คลิกเข้าไปชมในเว็บไซต์ยูทูบแล้วกว่า 22 ล้านครั้งและบางความเห็นก็ชื่นชมในความคิดของคนที่ดัดแปลงรถคันนี้ บางความเห็นก็มองเป็นเรื่องขำขันกันไป แต่ที่แน่ๆ เลยคือต้องกราบไอเดียการดัดแปลงจริงๆ ของคนเหล่านี้จริงๆ ที่นอกจากจะทำให้รู้ว่าผลการทดสอบเป็นอย่างไรแล้ว ยังทำให้เราได้มีรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าอีกด้วย   วิดีโอการทดสอบท่อรถกระป๋องแบบเต็มๆ   แพงที่ไอเดีย แต่เห็นแล้วเพลียที่ใจ…   ที่มา: Media Box

  • หัวใส!! ญี่ปุ่นผลิตโดรนส่งเสียงเพลงเพื่อบังคับ(ไล่)พนักงานกลับบ้าน ลดปัญหาการทำงานหนัก

    หัวใส!! ญี่ปุ่นผลิตโดรนส่งเสียงเพลงเพื่อบังคับ(ไล่)พนักงานกลับบ้าน ลดปัญหาการทำงานหนัก

    ในประเทศที่เป๊ะทุกระเบียบนิ้วอย่างญี่ปุ่น เรื่องของเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก จะเห็นได้ว่าไม่ว่ารถไฟฟ้าหรือแม้แต่รถบัสเขาจะมาตรงทุกวินาที และหากคลาดเคลื่อนไปแม้แต่นาทีเดียวผู้บริหารหลายที่ก็ถึงขั้นลาออกเลยทีเดียว และในตอนนี้ประเทศนี้ก็มีวิธีใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องของเวลา โดยพวกเขาจะใช้โดรนบอกเวลาเลิกงานให้กับพนักงาน!! โดรนบอกเวลาเลิกงานที่ว่านี้มีชื่อว่า T-Frend โดยมันจะปล่อยเสียงเพลง Auld Lang Syne เพลงสัญชาติสกอตแลนด์ ซึ่งปกติมักจะเปิดในร้านค้าของประเทศญี่ปุ่น ในเวลาที่ร้านค้าต่างๆ ใกล้จะปิดแล้ว   หน้าตาของโดรน T-Frend   “คนปกติมักจะไม่ค่อยมีสมาธิในตอนเวลาที่ใกล้เลิกงาน เพราะมัวแต่พะวงว่าเมื่อไหร่เวลาเลิกงานจะมาถึง พวกเราจึงได้คิดค้นโดรนที่สามารถปล่อยเพลง Auld Lang Syne ขึ้นมาอีกทั้งมันยังมีเสียงน่ารักๆ รวมอยู่ด้วย” Norihiro Kato ผู้อำนวยการบริษัท Taisei บริษัทรักษาความปลอดภัยและทำความสะอาด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบกล่าว นอกจากโดรนอันนี้จะสามารถส่งเสียงบอกเวลาได้แล้ว มันยังถูกติดตั้งพร้อมกับกล้องวงจรปิด ที่ทำให้สามารถดูภาพสดๆ จากต่างสถานที่ และเครื่องนี้ยังสามารถจดจำสถานที่ต่างๆ ภายในตึกได้โดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยี GPS เลยด้วย   สามารถจดจำสถานที่ต่างๆ ได้อัตโนมัติ   บริษัท Taisei มีแผนจะปล่อย T-Frend ในเดือนเมษายนปีหน้า โดยจะร่วมมือกับ Blue Innovation บริษัทพัฒนาโดรนโดยเฉพาะ และ NTT East ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม สำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับโดรนตัวนี้ ยังไม่มีการกำหนดออกมาแน่นอน แต่พวกเขาบอกเอาไว้ว่าจะมามีราคาให้บริการอยู่ราวๆ 500,000 เยน (ประมาณ 143,000 บาท)…

  • ผัวหวังดีจะช่วยเมียหุงข้าว กลายเป็นว่าเอา “ถ้วยอนามัย” มาตวงซะงั้น แถมทิ้งหลักฐานไว้อีก!!

    ผัวหวังดีจะช่วยเมียหุงข้าว กลายเป็นว่าเอา “ถ้วยอนามัย” มาตวงซะงั้น แถมทิ้งหลักฐานไว้อีก!!

    ผู้หญิงเป็นเพศที่ซับซ้อนและมีข้าวของเครื่องใช้จำนวนมาก ทำให้ผู้ชายหลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าสิ่งของสารพัดอย่างของพวกเธอมันคืออะไร และเอาไว้ใช้สำหรับทำอะไรบ้าง และเหตุการณ์สุดฮานี้ก็เกิดจากความไม่รู้อีโหน่อีเหน่เช่นเดียวกัน เพราะว่าผู้ชายคนหนึ่งได้เอาถ้วยอนามัยที่ใช้สำหรับตอนที่มีประจำเดือนของเมียเขา ไปตวงข้าวเอามาหุงกินซะอย่างงั้น   Cindy สาวที่ตะลึงเมื่อพบสิ่งนี้อยู่ในถุงข้าว   เหตุการณ์ฮาลั่นทุ่งนี้ได้รับการบอกเล่ามาจาก Cindy Hobbs สาวในรัฐวิกทอเรีย ประเทศออสเตรเลีย โดยเธอเล่าให้ฟังว่าเธอเป็นทั้งภรรยา แม่ของเด็กๆ อีกสองคน อีกทั้งยังเปิดธุรกิจร้านเครื่องเพชรเล็กๆ ที่ชื่อว่า Breastmilk Jewellery อีกด้วย     และแน่นอนว่าด้วยภาระด้านครอบครัวและการงานทำให้ Cindy ดูจะเป็นสาวที่ดูยุ่งอยู่ตลอดเวลา Malcolm Hobbs สามีที่แสนดีของเธอจึงหวังดีพยายามจะช่วยงานบ้านเธอบ้าง   หน้าตาของสามีผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์   แต่ว่าความหวังดีอันนั้นกลับกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เธอแทบจะต้องกรี๊ด เมื่อเธอเปิดถุงข้าวดูแล้วก็พบว่า มีถ้วยอนามัยที่เธอใช้สำหรับเวลามีประจำเดือนอยู่ในนั้น นั่นจึงหมายความว่าข้าวที่เธอกินเมื่อวันก่อน ต้องผ่านกระบวนการตวงมาจากถ้วยอนามัยอันนี้ และเธอก็รู้ทันทีว่าต้องเป็นฝีมือของผัวพ่อบ้านของเธอแน่นอน   ข้อความที่เธอส่งไปถามสามีของเธอ   งานนี้เธอไม่รอช้ารีบถ่ายรูปแล้วส่งข้อความไปถามสามีของเธอทันที Cindy: ทำไมไอ้สิ่งนี้มันถึงเข้ามาอยู่ในถุงข้าวได้เนี่ย? สามี: ก็ฉันเอามันมาตวงข้าวเมื่อคืนไง ก็เธอบอกเองนี่ว่าให้ใช้ 3 ถ้วย เมื่อ Cindy ได้รู้ว่าข้าวที่เธอกินเมื่อคืนต้องผ่านถ้วยอนามัยที่เธอใช้เมื่อมีประจำเดือน เธอก็แทบจะอ้วกออกมาเลย และเธอก็รู้ในทันทีว่าสามีของเธอต้องไม่รู้แน่นอนว่ามันคืออะไร เธอจึงพยายามอธิบายให้สามีแสนดีของเธอได้รู้ว่ามันคืออะไร  …

  • มนุษย์กำลังหาบ้านให้มิ้วน้อย แต่เจ้าอ้วนตัวส้มดันคว้าน้องเอาไว้ ไม่ต้องให้ใครพี่ดูแลเอง…

    มนุษย์กำลังหาบ้านให้มิ้วน้อย แต่เจ้าอ้วนตัวส้มดันคว้าน้องเอาไว้ ไม่ต้องให้ใครพี่ดูแลเอง…

    การได้ช่วยเหลือสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของนับได้ว่าเป็นบุญอันประเสริฐ และนั่นเป็นสิ่งที่ครอบครัวแห่งหนึ่งทำโดยพวกเขาได้ช่วยแมวตัวหนึ่งจากข้างถนน และได้ให้แมวมาพักที่บ้านเพื่อจะหาบ้านที่อบอุ่นให้แก่มัน แต่ปรากฏว่าแมวตัวอ้วนที่พวกเขาเลี้ยงอยู่กลับไม่ยอมปล่อยให้เจ้าแมวที่น่าสงสารไปที่อื่นซะอย่างงั้น ผู้ใช้งานเว็บไซต์ Reddit ชื่อว่า todontblink ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวสุดน่ารักนี้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเป็นเรื่องราวครอบครัวของเขา ที่พยายามจะหาบ้านใหม่ให้แก่ลูกแมวที่เก็บมาเลี้ยง   นอนกอดกันเฉยเลย   แต่เมื่อมันเข้ามาอยู่ในบ้านก็ดันไปพบรักกับแมวสีส้มตัวอ้วนที่อยู่มาก่อนแล้ว และดูเหมือนว่าลูกแมวที่เข้ามาใหม่จะชอบเจ้าขนปุยสีส้มนี้มากถึงขนาดเดินตามเป็นเงาตามตัวเลย   นายจะเอาลูกแมวตัวนี้ไปไหน ฉันไม่ให้!!   ลูกแมวตัวนี้ถูกพบกลางถนนชนบทแห่งหนึ่ง โดยการพบกับครอบครัวนี้ครั้งแรกมันดูตื่นกลัวเป็นอย่างมาก ทว่าด้วยจิตใจที่สงสารเมตตาของครอบครัวนี้ จึงได้พยายามช่วยเหลือมันได้สำเร็จ   มาเล่นด้วยกันก่อนเนอะ   “พวกเราพยายามหาบ้านให้กับมันทั้งการไปถามเพื่อนบ้าน และลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กแต่ก็ไม่มีใครสักคนรับมันไปเลี้ยงเลย” “วันแรกที่ลูกแมวเข้ามาในบ้านของเรามันดูเคอะเขินหน่อยๆ มันหมกตัวอยู่ที่มุมห้องตลอดเวลา แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานมันก็เริ่มไว้ใจเราและเดินไปรอบๆ บ้านเพราะมันรู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ปลอดภัย” ยูสเซอร์ todontblink กล่าว   แม้แต่หมามันก็ยังจะผูกสัมพันธ์ด้วย   เมื่อลูกแมวสีขาว-ดำ เดินไปสำรวจรอบๆ บ้านและพบกับเจ้าแมวอ้วนตัวนี้ แมวเจ้าถิ่นก็กอดมันเอาไว้ในอ้อมแขนทันที อีกทั้งมันยังมีการเลียขนให้กันและกันและในที่สุดทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนรักในเวลาแสนรวดเร็ว สมาชิกใหม่ของบ้าน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและพยายามจะทำความรู้จักกับสิ่งมีชีวิตทุกๆ อย่างภายในบ้านนี้รวมทั้งหมาในบ้านด้วย มันมักจะชอบอยู่ใกล้ๆ กับใครซักคนและแอบอิงพิงกายกับสิ่งนั้นๆ   กอดกันกลมเชียว ช่างน่ารักจริงๆ   แผนการหาบ้านใหม่ของครอบครัวนี้ได้พังทลายลง…

  • 7 สัญญาณอันตรายจากร่างกาย ที่คอยเตือนถึงภาวะหลอดเลือดสมอง แต่คุณเลือกที่จะมองข้าม

    7 สัญญาณอันตรายจากร่างกาย ที่คอยเตือนถึงภาวะหลอดเลือดสมอง แต่คุณเลือกที่จะมองข้าม

    ในปัจจุบันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้รายล้อมอยู่รอบตัวเรา ซึ่งโรคบางโรคก็มีอันตรายจนอาจจะทำให้พิการหรือเสียชีวิตได้เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และมีอีกโรคหนึ่งที่ใครหลายคนเลือกที่จะมองข้ามก็คือ โรคหลอดเลือดสมอง ภัยเงียบที่เป็นสาเหตุทำให้คนเสียชีวิตสูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลกเลยทีเดียว โรคหลอดเลือดสมอง คือภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เนื่องจากหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทำลายและการทำงานของสมองหยุดชะงักลงทันที และนี่คือ 7 สัญญาณเตือนจากร่างกายว่าเราอาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งบางทีเราก็มองข้ามอาการเหล่านี้ไปว่ามันเป็นเรื่องปกติเดี๋ยวก็หาย หากใครที่มีอาการเหล่านี้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเข้าไปตรวจร่างกายกับแพทย์บ้าง ก่อนที่ทุกอย่างนั้นจะสายเกินไป…   1. คุณไม่เคยใส่ใจอาการของโรคหลอดเลือดสมองเลย ในแต่ละนาทีที่เราเป็นโรคหลอดเลือดสมองอยู่ สมองของเราจะสูญเสียเซลล์ประมาณ 1.9 ล้านเซลล์ และในแต่ละชั่วโมงโรคหลอดเลือดสมองจะทำให้สมองเราเสื่อมไวกว่าคนปกติถึง 3.5 ปี โดยในระยะยาวผู้ป่วยที่เป็นโรคและไม่ได้เข้ารับการรักษาที่ถูกวิธี มีโอกาสเสี่ยงที่จะพูดได้ช้ากว่าปกติและรู้สึกว่าการพูดเป็นเรื่องที่ยากขึ้น รวมถึงยังสามารถทำให้สูญเสียความทรงจำได้เลยทีเดียว   2. คุณคิดว่าการที่คุณเห็นภาพซ้อนกันมีเหตุมาจากความเหนื่อย ปัญหาในด้านการมองเห็นต่างๆ ทั้งการเห็นภาพซ้อน สายตาเบลอ หรือว่าสูญเสียการมองเห็นในดวงตาข้างใดข้างหนึ่ง เป็นสัญญาณบอกว่าคุณอาจจะป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ ใครหลายคนคิดว่าอาการเหล่านี้เป็นผลมาจากการมีอายุที่เยอะขึ้นหรือมาจากความเหน็ดเหนื่อย แต่จริงๆ แล้วมีเหตุมาจากเส้นเลือดที่ตีบมาก จนทำให้จำนวนออกซิเจนไม่เพียงพอที่จะขึ้นไปหล่อเลี้ยงดวงตาต่างหาก   3. คุณมักจะเป็นเหน็บชาหลังจากเพิ่งตื่นนอนหรืองีบหลับ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการชาที่แขนหรือขาหลังจากที่เพิ่งตื่นนอน คุณอาจจะคิดว่าเป็นเพราะร่างกายเราโดนกดทับจากการนอนหลับจนเป็นเหน็บชา แต่จริงๆ แล้วนั่นเป็นเพราะว่าการไหลเวียนเลือดตามร่างกายของคุณผิดปกติ…

  • ตำนานพลซุ่มยิงแห่งฟินแลนด์ ‘ยมทูตสีขาว’ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยปลิดชีพมากถึง 25 รายในวันเดียว

    ตำนานพลซุ่มยิงแห่งฟินแลนด์ ‘ยมทูตสีขาว’ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยปลิดชีพมากถึง 25 รายในวันเดียว

    ในช่วงระหว่างปี 1939-1940 ได้เกิดสงครามที่ชื่อว่า ‘สงครามฤดูหนาว’ ขึ้น โดยเป็นการสู้กับกันระหว่างประเทศรัสเซีย-ฟินแลนด์ และในสงครามครั้งนั้นก็ได้มีผู้คนล้มตายมากมาย และส่วนหนึ่งได้มาจากน้ำมือของพลซุ่มยิงคนหนึ่งที่อ้างว่าเขาเคยฆ่าคนถึง 25 คนในวันเดียว!! ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Simo Häyhä ชาวฟินแลนด์ที่มีความสูงเพียงแค่ 152 เซนติเมตรเท่านั้น เขาเกิดในวันที่ 17 ธันวาคม ปี 1905 และได้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารสำหรับประเทศฟินแลนด์ ที่ในตอนนั้นกำลังสู้รบกับสหภาพโซเวียต     โดยจำนวนผู้คนที่เขาฆ่าไปทั้งหมดระหว่างสงครามนี้มีถึง 505 คนเลยทีเดียว และนั่นได้ทำให้สหภาพโซเวียตตั้งฉายาให้เขาว่า ‘มัจจุราชสีขาว’ เนื่องจากเขามักจะซ่อนตัวอยู่ภายใต้หิมะได้อย่างแนบเนียน ทำให้ไม่มีใครสามารถหาตำแหน่งที่แน่นอนของเขาได้นั่นเอง อาชีพดั้งเดิมของ Simo ก่อนจะมาเป็นพลซุ่มยิงก็คือชาวนา แต่ด้วยความที่เขามีทักษะในการใช้สกีหิมะ การล่าและการยิงที่แม่นยำที่มาจากงานอดิเรกของเขา ทำให้เขาเป็นมือสไนเปอร์ที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งในโลก อีกทั้งเขายังใช้ฤดูหนาวที่เป็นอุปสรรคสำหรับใครหลายๆ คนมาเป็นจุดแข็งของตัวเอง ทำให้ Simo เป็นคนที่ทหารรัสเซียรับมือได้ยากที่สุดก็ว่าได้     ระหว่างที่สงครามกำลังลุกโชน มัจจุราชสีขาวได้ฆ่าทหารรัสเซียหลายคนด้วยความแม่นยำจากการใช้ปืน M/28-30 ยิงในระยะไกลถึง 275 เมตร โดยไม่ใช้สโคปช่วยแต่อย่างใด นั่นจึงได้เป็นเครื่องพิสูจน์ในความเป็นสัญชาตญาณความเป็นนักฆ่าในตัวเขาได้เป็นอย่างดี หลังจาก 98 วันที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในสมรภูมิรบ ก็มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นกับ Simo โดยเขาถูกยิงเข้าที่ขากรรไกรในวันที่ 6 มีนาคม 1940…

  • 10 ไอเดีย “บ้านหลังน้อย” จากญี่ปุ่น ที่แม้พื้นที่จะแคบ แต่ก็สร้างสรรค์จนอยู่ได้อย่างสบาย!!

    10 ไอเดีย “บ้านหลังน้อย” จากญี่ปุ่น ที่แม้พื้นที่จะแคบ แต่ก็สร้างสรรค์จนอยู่ได้อย่างสบาย!!

    ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความที่ลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะ จึงทำให้พื้นที่ที่สามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างในประเทศนี้มีน้อย และด้วยความเจริญรุ่งเรืองต่างๆ ผสมโรงทำให้ราคาที่ดินแต่ละที่ในญี่ปุ่นมีราคาแพงยิ่งกว่าทองซะอีก หลายๆ บ้านในญี่ปุ่นจึงมีขนาดเล็ก และพวกเขาต้องใช้พื้นที่ที่พวกเขามีให้คุ้มค่ามากที่สุด ด้วยเหตุนี้ชาวญี่ปุ่นจึงได้มีไอเดียการออกบ้านแบบแปลกๆ ที่ดูแล้วต้องยกนิ้วให้กับความครีเอทของพวกเขาจริงๆ อย่างบางพื้นที่เราอาจจะไม่คิดว่าจะสามารถสร้างให้เป็นบ้านได้ เพราะว่ามีพื้นที่ที่แคบเกินไป แต่พวกเขาก็สามารถสร้างบ้านขึ้นมาและสามารถอยู่อาศัยได้จริงๆ และนี่คือ 10 บ้านที่สร้างบนพื้นที่แคบๆ แต่ด้วยการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทำให้บ้านต่างๆ เหล่านี้ดูดีไม่แพ้บ้านหรูๆ เลยทีเดียว เราลองไปดูกันดีกว่าว่าพวกเขาจะมีการออกแบบที่ฉลาดล้ำโลกขนาดไหน   1. บ้าน Nada จังหวัด Hyogo บ้านสุดน่ารักนี้สร้างขึ้นในพื้นที่สุดแคบเพียง 36 ตารางเมตรเพียงเท่านั้น ด้วยพื้นที่แสนแคบทำให้การออกแบบบ้านนี้ออกมาในลักษณะสูงและผอม โดยชั้นล่างสุดพวกเขาทำเป็นห้องเก็บของ และที่จอดรถสำหรับรถหนึ่งคัน ส่วนห้องนั่งเล่น ห้องครัวและห้องรับประทานอาหารก็อยู่ที่ชั้นสองของบ้าน และที่สำคัญคือบ้านนี้ยังสามารถสร้างห้องนอนสุดหรูได้ถึงสองห้องในชั้นที่สาม นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างเอาไว้ถ่ายเทอากาศอยู่บริเวณด้านหน้าและด้านข้างของตัวตึกอีกด้วย   . . . . .   2. บ้าน Hori no Uchi กรุงโตเกียว จะมีบ้านสักกี่หลังกันเชียวที่สามารถตั้งอยู่บนขอบถนนได้ แต่ว่าบ้าน Hori no Uchi สามารถสร้างได้ โดยรูปแบบบ้านจะเป็นรูปแบบกึ่งๆ สามเหลี่ยมและมีพื้นที่ใช้สอย…

  • ศิลปินชาวโปแลนด์เปลี่ยน ‘เศษเหล็ก’ ให้กลายมาเป็นหุ่นยนต์ต่างๆ ได้อย่างเหลือเชื่อ

    ศิลปินชาวโปแลนด์เปลี่ยน ‘เศษเหล็ก’ ให้กลายมาเป็นหุ่นยนต์ต่างๆ ได้อย่างเหลือเชื่อ

    เมื่อสร้างงานเหล็กขึ้นมาชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็มักจะมีเศษเหล็กเหลือทิ้ง หลายคนมักกำจัดสิ่งเหล่านี้ด้วยการนำไปช่างกิโลขาย เพราะไม่รู้ว่าจะเอามันไปทำอะไรดี แต่ศิลปินหัวใสคนหนึ่งนำเศษเหล็กที่เหลือจากการใช้งานของเขามาต่อยอดเป็นหุ่นยนต์ตัวละครต่างๆ ในภาพยนตร์ชื่อดังและชิ้นงานของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดาๆ เพราะมันดูละเอียดจนนึกว่าซื้อมาเลยก็ว่าได้ Sebastian Kucharski ศิลปินชาวโปแลนด์ได้สร้างสรรค์ผลงานของเขา จากเศษเหล็กชิ้นเล็กชิ้นน้อยและนำมารวมกันเป็นหุ่นยนต์จากเรื่องต่างๆ ซึ่งก็มีทั้งหุ่นยนต์ Tranformers, Wall-E รวมถึงตัวละครสุดน่ารักอย่าง Minion      สำหรับแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาผลิตผลงานเหล่านี้ขึ้นมาก็เพราะว่า Sebastian เป็นผู้ที่ชื่นชอบหนังประเภท Sci-Fi เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงอยากจะผลิตอะไรขึ้นมาให้ตรงกับความชอบของเขา หุ่นยนต์ที่เขาผลิตขึ้นมาส่วนใหญ่จึงเป็น ตัวละครที่อยู่ในโลกภาพยนตร์ด้วยกันทั้งสิ้น และหากอยากรู้ว่าเขาจะนำเศษเหล็กไปสร้างสรรค์ได้ถึงเพียงใด ตามไปดูกันดีกว่า   Wall-E หุ่นยนต์กำจัดขยะสุดน่ารัก   Bubble B หุ่นยนต์ที่เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนจากเรื่อง Tranformers   งานละเอียดจนนึกว่าเขาซื้อโมเดลมาซะอีก   ผลิตมาจากเศษเหล็กทั้งหมดเลยนะเนี่ย   ดูจากท่าทางแล้วต้องเป็นตัวโกงแน่ๆ   ดูแววตาเศร้าสร้อยของมันสิ ช่างน่าสงสารจริงๆ   กองทัพสุดน่ารัก กำลังจะยึดครองโลกแล้ว   Predator ก็พร้อมออกล่าเช่นกัน   เอาไปถ่ายหนังได้สบายๆ เลยล่ะ   เอาไปถ่ายคู่กับตึกสวยๆ ก็ดูดีไปอีกแบบ   หน้าตาของเจ้าของผลงานเหล่านี้  …

  • เจ้าหนูน้อยที่เกิดมาแล้วผมด๊กดก จนได้รับฉายาว่าเป็น ‘วูฟเวอรีนน้อย’ ซะเลย!!

    เจ้าหนูน้อยที่เกิดมาแล้วผมด๊กดก จนได้รับฉายาว่าเป็น ‘วูฟเวอรีนน้อย’ ซะเลย!!

    เด็กๆ เมื่อเกิดมาก็ต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งกว่าที่ผมจะขึ้นสักเส้น บางคนถึงขั้นต้องนำอะไรมาทาหัวเพื่อจะให้ลูกๆ ของพวกเขามีผมดกดำ แต่ว่ามีเด็กอยู่คนหนึ่งที่เกิดมาก็มีผมออกมาเลย และผมที่ว่านี่ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพราะมันดกดำเหมือนเด็กโตเลยก็ว่าได้ ในช่วงก่อนที่ Rachel Carter จะคลอดเด็กคนหนึ่งออกมา Gareth Carter สามีของเธอก็ได้พาเธอไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในย่านเมอร์ซีย์ไซด์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่สองคนนี้อาศัยอยู่   หนูน้อยตอนนี้มีวัยเพียง 5 เดือนแต่ลองดูผมของเขาสิ   โดยเมื่อนำไปตรวจผ่านเครื่องเอกซเรย์ ทางทีมแพทย์ก็สันนิษฐานเอาไว้ว่าเด็กคนนี้อาจจะเป็นผู้หญิง เพราะว่ามีผมที่ดูสลวยสวยเก๋ แต่ก็ยังไม่ได้ด่วนสรุปในตอนนี้ เมื่อเธอคลอดลูกออกมาก็ทำให้หลายคนต้องช็อกเพราะว่า ลูกของเธอกลับเป็นเด็กผู้ชายที่มีผมดกดำยิ่งกว่าใช้ยาปลูกผมซะอีก และหนูน้อยคนดังกล่าวก็ได้มีชื่อว่า Bobby   ถึงขั้นต้องใช้ไดร์เป่าผมเลยทีเดียว   หลังจากลูกของ Rachel คลอดออกมาแล้ว เธอก็บอกว่า Bobby มักจะถูกเปรียบเทียบว่าเหมือนกับตัวละครมนุษย์พังพอน (ไม่ใช่มนุษย์หมาป่านะ) Wolverine ในเรื่อง X-Men นอกจากนี่ยังคนแปลกหน้าบางคน ยังนึกว่าเขาเป็นเด็กผู้หญิงด้วยในบางที และเธอยังบอกอีกว่า ลูกชายคนโตของเธอ Frankie ก็มีผมดกเหมือนกันแต่ก็ยังไม่เท่ากับ Bobby น้องใหม่ล่าสุดในครอบครัว “ในตอนที่เราตรวจหาเพศจากเครื่องสแกน พยาบาลยืนยันว่าฉันจะได้เด็กผู้หญิงชัวร์ๆ เพราะเห็นว่าเด็กในท้องมีเส้นผมเยอะเหลือเกิน และผลที่ออกมาก็เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นเช่นกัน” “ตอนที่เขาเกิดมา เขาเหมือนกับคนดังเลยก็ว่าได้ หมอเรียกทุกคนให้มาดู และทุกๆ คนที่เห็นก็อยากจะอุ้มเขาทั้งนั้น” Rachel…

  • หญิงสาวเผยเคยมีเซ็กส์กับผีถึง 20 ตัว และตอนนี้ก็ติดใจจนเลิกมองผู้ชายปกติไปแล้ว

    หญิงสาวเผยเคยมีเซ็กส์กับผีถึง 20 ตัว และตอนนี้ก็ติดใจจนเลิกมองผู้ชายปกติไปแล้ว

    ความสุขในเรื่อง ‘เซ็กส์’ สำหรับคนเราก็มีรสนิยม ความชอบที่แตกต่างกันออกไป แต่ว่าได้มีบุคคลหนึ่งในประเทศอังกฤษที่แปลกซะจนต้องถึงกับเอามาลงข่าว เพราะว่าเธอบอกว่าเธอเคยมีเซ็กส์กับผี และที่สำคัญคือมันทำให้เธอมีความสุขมากจนล้นเอ่อเลยทีเดียว Amethyst Realm ผู้ให้คำแนะนำด้านจิตวิญญาณ จากเมืองบริสตอลประเทศอังกฤษ อ้างว่าเธอเคยมีเซ็กส์กับผีต่างๆ ถึง 20 ตัว อีกทั้งเธอยังบอกอีกด้วยว่า การมีเซ็กส์กับผีทำให้เธอถึงจุดสุดยอดแทบจะทุกครั้งเลยทีเดียว   หน้าตาของหญิงสาวที่บอกว่าเธอมีเซ็กส์กับผี   ในตอนนี้เธอบอกว่า เธอเลิกสนใจผู้ชายคนใดๆ ในโลกแล้ว อีกทั้งยังหวังอีกว่าจะลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวกับผีสักตัวหนึ่งในโลกของวิญญาณ เธอได้เปิดเผยเรื่องราวนี้ผ่านรายการ This Morning ทางช่อง ITV Realm ว่าเธอสามารถสัมผัสได้ถึงการมีผีอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ที่เธอย้ายเข้าพร้อมกับคู่หมั้นของเธอเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ด้วยความคาใจเธอจึงได้ลองทดสอบว่ามีผีอยู่ในบ้านจริงหรือไม่ ด้วยการสวมชุดสุดเซ็กซี่เพื่อจะยั่วยวนผีขณะที่สามีเธอไม่อยู่ โดยเธอบอกว่าเมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วเธอก็นอนรออยู่ในห้องพร้อมทั้งหรี่ไฟให้สลัวๆ และในที่สุดผีตัวนั้นก็เข้ามาหาเธอ   ผู้สัมภาษณ์ยังตะลึงในคำพูดของเธอ   “มันเหมือนกับว่ามีน้ำหนักบางอย่างกดตัวฉันอยู่ ฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่างอยู่ที่หน้าขาฉัน และในขณะเดียวกันก็มีลมหายใจรดต้นคออยู่ตลอดเวลาและเหมือนมันกำลังเล้าโลมฉันอยู่” Realm กล่าว ด้วยความสงสัย Holly Willoughby ได้ถามเธอว่าผีตัวนั้นได้ทำให้มีความสุขจนถึงขั้นถึงจุดสุดยอดเลยหรือไม่ เธอก็บอกว่า “สำหรับฉัน ใช่ค่ะ”   ยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขทุกคืน   หลังจากที่เธอมีเซ็กส์กับผีตัว เธอก็เลิกสนใจผู้ชายที่อยู่บนโลกนี้อย่างสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นเธอได้แยกทางกับคู่หมั้นของเธอหลังจากที่เขาจับได้ว่าเธอมีชู้ “ในวันนั้นเขากลับบ้านมาเร็วกว่าปกติ…

  • หนุ่มล้อเลียนช่างภาพที่ถ่ายรูปในห้างตกแต่งบ้าน ด้วยการเอาหมาไปถ่ายในที่เดียวกันซะเลย

    หนุ่มล้อเลียนช่างภาพที่ถ่ายรูปในห้างตกแต่งบ้าน ด้วยการเอาหมาไปถ่ายในที่เดียวกันซะเลย

    เมื่อเร็วๆ มานี้ได้มีช่างภาพชื่อว่า Jenna Martin ต้องการโชว์ฝีมือการถ่ายภาพของเธอ ด้วยการถ่ายภาพนางแบบในสถานที่่ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการถ่ายภาพ และได้ออกมาเป็นภาพสุดสวย และนั่นทำให้ชายคนหนึ่งคิดว่าการถ่ายภาพแบบนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้เขาเลยตัดสินใจถ่ายภาพล้อเลียนแบบขำๆ ซะเลย อ่านข่าวเก่า: ช่างภาพแสดงให้เห็นว่า โลเคชั่นธรรมดาๆ ก็สามารถสร้างภาพงดงามได้ มันอยู่ที่มุมมอง! ชายคนดังกล่าวจึงนำโทรศัพท์มือถือ LG V20 ของเขาพร้อมกับ Holly หมาพันธุ์ Old English Sheepdog ตัวโปรดไปยัง Lowe’s ห้างขายของตกแต่งบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่ช่างภาพคนก่อนหน้าใช้พิสูจน์ฝีมือการถ่ายภาพนั่นเอง และด้วยความที่ Holly หมาน้อยตัวนี้เคยไปที่ห้างนี้บ่อย ทำให้พนักงานหลายคนสามารถจำเจ้าหมาขนปุยตัวนี้ได้ ทำให้นั่นเป็นเรื่องง่ายต่อการขอถ่ายภาพในมุมต่างๆ ของห้าง อีกทั้งยังมีพนักงานบางคนที่ทราบว่าเขาต้องการจะทำอะไร จึงได้ช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องต่างๆ ให้อีกด้วย และนอกจากนี้การถ่ายภาพนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ห้างใกล้ปิดทำให้เขาไม่ต้องกังวลว่าจะไม่รบกวนลูกค้าคนอื่นๆ อย่างแน่นอน และภาพของจากโทรศัพท์มือถือ LG V20 ของเขาจะเป็นอย่างไรลองมาดูกันได้เล้ยย   Holly นางแบบสำหรับการถ่ายภาพครั้งนี้   ภาพของ Jenna Martin ที่ถ่ายบริเวณจุดลองสี   เป็นไงเหมือนกันบ้างไหม   เนี่ย มีเชิดซะด้วย   ถ่ายบริเวณ แผนกไฟฟ้า ก็ออกมาสวยซะเว่อวัง   ลองตัดภาพมาที่เจ้า Holly ……

  • ช่างสักบราซิล ใช้หมึกพิเศษซ่อนรอยต่างๆ ตามร่างกายได้อย่างแนบเนียน แม้แต่ใต้ตายังทำได้!!

    ช่างสักบราซิล ใช้หมึกพิเศษซ่อนรอยต่างๆ ตามร่างกายได้อย่างแนบเนียน แม้แต่ใต้ตายังทำได้!!

    รอยแตกลายงา หรือร่องรอยต่างๆ ในร่างกายต่างก็ไม่เป็นที่พึงประสงค์สำหรับใครทั้งนั้น หลายบริษัทจึงได้ผลิตเครื่องแต่งหน้า ขึ้นมาเพื่อให้สาวๆ ที่รักสวยรักงามได้มาปกปิดส่วนดังกล่าว ที่นอกจากบางทีจะไม่สวยงามแล้วยังทำให้รู้สึกอายอีกด้วย แต่ว่าในวันนี้ลืมเรื่องเครื่องสำอางไปได้เลย เพราะมีช่างสักลายชาวบราซิลคนหนึ่งสามารถทำให้ร่องรอยต่างๆ ตามร่างกายของเรานั้นหายไปได้ แม้แต่ส่วนที่บอบบางที่สุดนั่นก็คือใต้ดวงตาของเรา!!   Rodolpho Torres กับวิธีการสักกลบเกลื่อนร่องรอยของเขา   Rodolpho Torres ช่างสักลายจากเมืองเซาเปาโล เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลบจุดด่างดำต่างๆ ตามร่างกายมนุษย์ โดยเขาใช้น้ำหมึกที่ใกล้เคียงกับสีผิวของแต่ละคนมาซ่อนรอยแผลต่างๆ ที่แม้แต่จุดที่ระคายเคืองง่ายอย่างดวงตายังสามารถทำได้ สำหรับวิธีการกลบเกลื่อนร่องรอยของเขานั้นยังคงเก็บไว้เป็นความลับว่าเขามีขั้นตอนดำเนินการอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่ได้รู้ก็คือเขาจะสร้างสิ่งที่หลอกตาเราขึ้นมา โดยอาจจะเป็นการสักไล่สีผิวเพื่อให้มีความแนบเนียนก็เป็นได้ และที่สำคัญคือน้ำหมึกของเขาได้การรับรองจาก หน่วยงานตรวจตราสุขาภิบาลแห่งชาติประจำประเทศบราซิล (Anvisa) เรียบร้อยแล้วทำให้มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยอย่างแน่นอน   ดูสิหายไปราวกับเวทมนตร์   น้ำหมึกสุดพิเศษของเขาจะไปกลบรอยแผลต่างๆ รวมทั้งจุดด่างดำที่เกิดบนใบหน้า และไม่ต้องห่วงว่าน้ำหมึกของเขาจะไม่เข้ากับสีผิวใบหน้าเรา เพราะว่า Rodolpho จะคัดสรรสีของน้ำหมึกให้เข้ากับสีผิวของแต่ละคน การสักด้วยหมึกพิเศษของเขาเพียงหนึ่งครั้ง ผิวที่มีรอยแตกต่างๆ ก็จะดูเรียบเนียนขึ้น และอีก 6 วันต่อมาก็จะเหมือนผิวเด็กเกิดใหม่และสามารถนอนอาบแดดได้อย่างสบายๆ เลยทีเดียว “มันไม่ใช่การแต้มสีเพื่อปกปิดแต่มันคือการสัก!! คุณสามารถใช้ชีวิตปกติและออกไปท้าชนกับแสดงแดดได้ โดยที่ผิวของคุณจะไม่เลอะอย่างแน่นอน และถ้าใครห่วงเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องกลัวเพราะว่า Anvisa ได้รับรองความปลอดภัยให้แก่เราแล้ว” Rodolpho กล่าว   ใต้ตาก็ชิวๆ ไร้ปัญหา   ด้วยการปฏิวัติวงการอำพรางร่องรอยต่างๆ ตามร่างกายของ…

  • เจ้าเหมียวตาละห้อย ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนก็เศร้าตลอด ฉกชิงหัวใจมนุษย์ไปไม่รู้กี่ราย…

    เจ้าเหมียวตาละห้อย ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนก็เศร้าตลอด ฉกชิงหัวใจมนุษย์ไปไม่รู้กี่ราย…

    ในทั่วทุกมุมโลก ยังคงมีสัตว์หลายชนิดที่ยังคงรอคอยเจ้าของอยู่ ซึ่งสัตว์เหล่านั้นก็คงอยากได้โอกาสที่จะมีบ้านหรือว่ามีใครสักคนที่รักและให้ความอบอุ่นแก่มันได้อย่างไม่มีเงื่อนไข เหมือนกับแมวขี้อายตัวนี้ ที่ไม่ว่าใครเห็นแววตาของมัน ก็ไม่อาจจะสยบความรู้สึกอยากรับมันไปวิ่งเล่นที่บ้านได้ ลูกแมวพเนจรชื่อว่า Mami ถูกพบพร้อมกับครอบครัวของมันนั่นก็คือ แม่และพี่น้องของมันอีก 2 ตัวชื่อว่า Louie และ Henry ที่ถังขยะบริเวณโรงเรียน ซึ่งมันถูกพบโดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยท่ามกลางฤดูหนาวที่แสนจะเหน็บหนาว พวกเขาจึงได้นำพวกมันมายังศูนย์ช่วยเหลือสัตว์แห่งหนึ่งเพื่อจะหาบ้านที่อบอุ่นให้แก่กัน   Mami แมวสุดขี้อาย   ในบรรดาครอบครัวของมัน Mami ดูเหมือนจะเป็นแมวที่ขี้กลัวที่สุด และบ่อยครั้งที่มันมักจะสะดุ้งเมื่อมีคนมาใกล้ๆ แต่ลึกๆ ในใจแล้ว มันก็อยากจะหาใครสักคนที่พร้อมจะมอบความรักให้แก่มันรับไปเลี้ยงดูในบ้านแสนอบอุ่นเหมือนกัน   มันมีแววตาที่เศร้าสร้อยเสมอ   และเหมือนโชคชะตานำพาให้ Sinead Brooks และสามีของเธอจากเมืองซาน ฟรานซิสโกได้มาพบกับลูกแมวตาหวานนี้เข้าให้ โดยเธอบอกว่าได้ตกหลุมรักเจ้า Mami ตั้งแต่แรกเห็นเลยก็ว่าได้   ไปอยู่บ้านใหม่แรกๆ ยังคงเคอะเขินอยู่   “ในตอนนั้นเราไม่ได้มองหาลูกแมวหรอก แต่เมื่อมาเจอเจ้า Mami เข้าเราก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอามันกลับบ้าน” Sinead เล่า   เริ่มเป็นมิตรกับคนมากขึ้นแล้ว   ด้วยความขี้อายของเจ้า Mami ทำให้เมื่อมันย้ายไปบ้านใหม่ มันก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องน้ำ และมันจะส่งเสียงขู่ทุกครั้งเมื่อมีมนุษย์เข้ามาใกล้ และเมื่อมันอยู่ที่บ้านนี้ได้…

  • นักออกแบบวิเคราะห์การสร้าง “กำแพงเมืองทรัมป์” ต้องใช้เวลาถึง 16 ปี และอาจเป็นไปไม่ได้!!!

    นักออกแบบวิเคราะห์การสร้าง “กำแพงเมืองทรัมป์” ต้องใช้เวลาถึง 16 ปี และอาจเป็นไปไม่ได้!!!

    มีอะไรที่ประธานาธิบดีประเทศมหาอำนาจของโลกอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ทำไม่ได้ โดยก่อนหน้านี้เขาได้มีความคิดที่จะสร้างกำแพงกั้นระหว่างชายแดนประเทศสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าประเทศแบบผิดกฎหมาย ซึ่งก็มีผู้ต่อต้านนโยบายนี้ของเขามากมาย เพราะว่ามันดูเหมือนการนำเงินภาษีไปละลายเล่น และในตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นจริงน้อยลงทุกที เมื่อมีสถาปนิกออกมาบอกว่าการสร้างกำแพงอาจต้องใช้เวลาถึง 16 ปีเลยทีเดียว   ภาพจำลองที่ Estudio 3.14 ได้สร้างขึ้นมา   สถาปนิกชาวเม็กซิกันจาก Estudio 3.14 บริษัทออกแบบที่ตั้งอยู่ในเมือง Guadalajara ได้ทดลองทำแผนภาพจำลองกำแพงกั้นชายแดนที่ทรัมป์คิดจะสร้างขึ้น ซึ่งมันกินพื้นที่มากกว่า 3,144  กิโลเมตรเลยทีเดียว โดยเหล่าสถาปนิกถึงกับเรียกกำแพงกั้นชายแดนนี้ว่า ‘กำแพงคุก’ เพื่อเป็นการประชดการสร้างกำแพงที่มีความยาวกว่า 3,000 กิโลเมตรแห่งนี้ “ภาพจำลองดังกล่าวทำให้เห็นถึงความเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างกำแพงนี้ขึ้น และมันจะนำการประท้วงตามมาด้วย” Norberto Miranda นักออกแบบแผนภาพนี้กล่าว   ดีไซเนอร์ได้สร้างกำแพงเป็นสีชมพู ซึ่งตรงกับที่ทรัมป์เคยบอกว่ามันจะทำให้กำแพงนี้สวยงาม   และปัญหาอีกอย่างหนึ่งสำหรับการสร้างกำแพงนี้ก็คือ ภูมิประเทศที่เป็นแบบเทือกเขาระหว่างชายแดนของทั้งสองประเทศ ทำให้การก่อสร้างยากขึ้นไปด้วย นอกจากนี้ Miranda ยังบอกอีกด้วยว่าหากกำแพงแห่งนี้เกิดขึ้นจริง จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก ดูแย่ลงไปอีกในสายตาของประชาชนของทั้งสองประเทศ   การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจาก งานของสถาปนิกที่มีชื่อเสียงของประเทศเม็กซิโกชื่อว่า Luis Barragán   และด้วยความที่กำแพงนี้มีค่าใช้จ่ายจำนวนสูงมาก แต่ Enrique Peña Nieto ประธานาธิบดีของเม็กซิโกก็ออกมาบอกว่า ประเทศเม็กซิโกจะไม่ออกเงินสร้างกำแพงนี้แม้แต่แดงเดียว เพราะมันไม่ใช่ความคิดของพวกเขา Kate Drew นักวิเคราะห์ข่าวแห่งช่อง…

  • หนุ่มเสียฟันไป 4 ซี่ แถมเป็นแผลไฟไหม้ที่ปาก อ้างเพราะ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ระเบิดตู้มมม!!

    หนุ่มเสียฟันไป 4 ซี่ แถมเป็นแผลไฟไหม้ที่ปาก อ้างเพราะ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ระเบิดตู้มมม!!

    ในวงการนักสูบ บุหรี่ถือว่าเป็นของสำคัญในชีวิตของพวกเขา แต่ด้วยความเบื่อหน่ายในรสชาติ หรือต้องการจะหาสิ่งอื่นที่ดีกว่ามาเติม นวัตกรรมใหม่ล่าสุดอย่างบุหรี่ไฟฟ้าจึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทว่าอาจจะด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานของบุหรี่ไฟฟ้ายี่ห้อหนึ่ง ทำให้มันเกิดระเบิดขึ้นพร้อมทั้งยังได้พรากฟันจำนวน 4 ซี่ไปจากนักสูบคนหนึ่ง… Matt Yamashita ชายชาวฮาวายวัย 25 ปีเล่าให้ฟังว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนั้นเขากำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้ายี่ห้อ CoilART Mage อยู่และจู่ๆ มันก็เกิดระเบิดขึ้นคาปากของเขาเลย     สำหรับความเสียหายของมันมีมากพอที่จะทำให้เขาต้องสูญเสียฟันไปถึง 4 ซี่พร้อมกับยังมีรอยไหม้อยู่รอบๆ ปากของเขา และมันร้ายแรงถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดเลยทีเดียว “ในตอนนี้ผมกำลังจะไปตีเบสบอลที่สนาม Palisades Park ในเมือง Pearl City เมื่อผมไปถึงและกำลังลงจากรถผมก็สูบบุหรี่ดังกล่าว ซึ่งปรากฏว่าตั้งแต่ทีแรกที่ผมดูดเข้าไปมันก็ระเบิดใส่หน้าของผมเลย มือข้างขวาของผมก็โดนด้วย มันไหม้จนเนื้อเปลี่ยนไปเป็นสีดำสนิท” Matt กล่าว     Matt บอกว่าเขาซื้อบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวมาจากอินเทอร์เน็ต เมื่อประมาณ 6 เดือนที่แล้วแต่เพิ่งจะนำมาสูบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง และเขายังบอกอีกด้วยว่า เขาใช้บุหรี่ไฟฟ้าอันนี้เพียงแค่สองครั้งเท่านั้นก่อนที่มันจะเกิดระเบิดขึ้น “ผมได้ยินเสียงดังลั่นผ่านหูทั้งสองข้างของผม ตอนนั้นตาของผมจ้าจนมองอะไรไม่เห็น ต่อจากนั้นผมก็รู้สึกได้ว่ามีเลือดไหลออกมาจากปาก และนั่นได้ทำให้ผมแทบช็อกตาย” Matt เล่าให้ฟัง     ภาพถ่ายบุหรี่ไฟฟ้าระเบิดของเขาได้ถูกถ่ายมา ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงบุหรี่ไฟฟ้าอันหนึ่งที่พังพินาศรวมทั้งยังมีหยดเลือดรวมทั้งฟันของเขาอยู่ในบริเวณนั้นด้วย ด้วยอุบัติเหตุในครั้งนั้น นอกจากเขาจะสูญเสียฟันไปถึง 4…

  • ภาพ GIF สุดปั่นที่ดูแล้วจู่ๆ ก็มีเสียงเฉยเลย กับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?

    ภาพ GIF สุดปั่นที่ดูแล้วจู่ๆ ก็มีเสียงเฉยเลย กับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?

    ประสาทสัมผัสของคนเรานั้นมีอยู่หลายด้าน ทั้งการมองเห็น การสัมผัส การดมกลิ่น รวมทั้งการได้ยิน ซึ่งบางคนก็อาจจะมีประสาทสัมผัสด้านการได้ยินที่ดีเกินไปจนเรียกว่าเกิดอาการ ‘หูแว่ว’ หรือว่าได้ยินสิ่งที่คนอื่นมักไม่ได้ยิน แต่มีภาพเคลื่อนไหวบางภาพ ที่หลายคนต่างยืนยันว่ามีเสียงออกมาจากภาพเหล่านั้นจริงๆ แม้ว่าจะมีการปิดเสียงไว้ก็ตาม ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่พวกเขาได้ยินกันมานั้นมันเป็นเสียงที่อยู่ในภาพหรือว่าเป็นเสียงที่พวกเขาคิดกันอยู่ในหัวกันแน่ ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ชื่อว่า @Lisa DeBruine ได้แชร์ภาพเคลื่อนไหวอันหนึ่ง ที่ไม่ว่าใครได้มาชมต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันมีเสียงออกมาภาพจริงๆ นะ และหากใครอยากทดสอบว่ามันจริงไหมนะ ก็ลองไปทดสอบกันได้เลย   ภาพเคลื่อนไหวที่ว่ากันว่ามีเสียงออกมาจากภาพ Does anyone in visual perception know why you can hear this gif? pic.twitter.com/mcT22Lzfkp — @debruine@tech🐘lgbt (@LisaDeBruine) December 2, 2017   ภาพเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นภาพของเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่เล่นกระโดดเชือกกัน โดยสิ่งที่คนส่วนใหญ่ได้ยินเป็นเสียงดังที่มาจากการสั่นสะเทือนของพื้นดินระหว่างที่เสาไฟฟ้านั้นกระโดดข้ามเชือกนั่นเอง   มีผู้คนกว่า 67% จาก 300,000 คนบอกว่าได้ยินเสียงดังกล่าว   บางคนก็บอกว่าได้ยินเสียง ดึ๋งๆ   ในภาพหลังเธอได้ออกมาอธิบายถึงสาเหตุที่คนส่วนใหญ่ได้ยินเสียงดังมาจากภาพเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยเธอบอกว่ามันเป็นผลมาจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า…

  • 12 แนวคิดจิตวิทยา ที่ผู้สร้างอนิเมชั่น Pixar แฝงเอาไว้ในตัวการ์ตูนแสนน่ารักของพวกเขา

    12 แนวคิดจิตวิทยา ที่ผู้สร้างอนิเมชั่น Pixar แฝงเอาไว้ในตัวการ์ตูนแสนน่ารักของพวกเขา

    การ์ตูนอนิเมชั่นจากค่าย Pixar ได้สร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนมาแล้วมากมายหลากหลายเรื่อง โดยการ์ตูนส่วนใหญ่ของค่ายนี้จะมีเป็นการ์ตูนที่สามารถดูได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วผู้สร้างอนิเมชั่นเหล่านี้ ได้แฝงข้อคิดทางด้านจิตวิทยาเอาไว้ในการ์ตูนเรื่องต่างๆ ของพวกเขาอีกด้วย ทว่าใครหลายคนอาจจะไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่เพลิดเพลินไปกับตัวการ์ตูนแสนน่ารักน่าหยิก ในวันนี้เราจึงหยิบเอาหลักจิตวิทยาต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ มาให้ทุกคนได้รู้ว่าจริงๆ แล้วทางผู้สร้างเขาอยากจะบอกอะไรแก่เรานะ?   1. Finding Dory (2016) เราทุกคนล้วนแตกต่างกัน และเราต้องให้ความเคารพแก่ความแตกต่างของทุกคน ตัวละครหลักในเรื่องนี้คือปลาแสนน่ารักที่ชื่อว่า Dory แต่ว่าเจ้าปลาตัวนี้จะมีปัญหาอยู่ที่ความทรงจำที่ไม่สามารถจำอะไรได้เลย Dory มีความฝันที่จะตามหาครอบครัวของเธอ แต่ก็ไม่สามารถจำได้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน เพราะเรื่องความทรงจำที่เลือนรางนั้นเป็นโรคที่มีมาตั้งแต่กำเนิดของเธอ โดยในเรื่องนี้จะเห็นได้หลายครั้งว่า พ่อแม่ปลาในเรื่องพยายามสอนแก่เด็กๆ ว่า การเคารพในสิ่งที่ผู้อื่นเป็นนั้นมีความสำคัญแค่ไหน เพราะว่าพวกเขาอยากจะให้เรายอมรับในธรรมชาติของทุกคนนั่นเอง   2. The Good Dinosaur (2015) ความจริงใจในมิตรภาพเป็นพลังอำนาจมหาศาล ในอนิเมชั่นเรื่องนี้ไม่ได้พูดถึงเพียงแต่มิตรภาพระหว่างเด็กชายมนุษย์กับไดโนเสาร์เท่านั้น แต่เรื่องนี้ยังบอกอีกด้วยว่าถึงอารยธรรมต่างๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นจะมีความยิ่งใหญ่เพียงใดแต่ก็ยังต้องยอมสยบต่อธรรมชาติที่แสนเรียบง่าย และในขณะที่เด็กๆ กำลังสนุกสนานไปกับตัวการ์ตูนแสนสดใส ผู้ใหญ่หลายคนที่ได้รับชมเรื่องนี้ก็ต่างเพลิดเพลินไปกับแนวคิดและปรัชญาที่ผู้สร้างแฝงไว้ในการผจญภัยของอาร์โล   3. Inside Out (2015) อย่ากลัวอารมณ์ต่างๆ ที่มีอยู่หลากหลายในตัวคุณ การ์ตูนอนิเมชั่นเรื่อง Inside Out…

  • ญี่ปุ่นเปิดตัวมาสคอตสำหรับโอลิมปิกและพาราลิมปิกปี 2020 แต่ละตัวมันช่างน่าลั๊คอ่าส์

    ญี่ปุ่นเปิดตัวมาสคอตสำหรับโอลิมปิกและพาราลิมปิกปี 2020 แต่ละตัวมันช่างน่าลั๊คอ่าส์

    ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับงานแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิก โดยการแข่งขันเทศกาลกีฬาดังกล่าวจะมีการจัดขึ้นที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2020 และหากนับนิ้วดูก็จะพบว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1,000 วันแล้ว นอกจากกีฬาโอลิมปิกแล้ว ตามธรรมเนียมปฏิบัติก็จะมีการจัดการแข่งขันกีฬาคนพิการพาราลิมปิกส์ ในเมืองที่จัดโอลิมปิกเช่นเดียวกัน ซึ่งก็คือกรุงโตเกียวนั่นเอง แน่นอนว่าเมื่อมีการจัดการแข่งขันระดับโลกเกิดขึ้น เมืองที่เป็นเจ้าภาพก็จะต้องเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ให้แก่นักกีฬาและนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเยี่ยมชม และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการแข่งขันกีฬานั่นก็คือ มาสคอตประจำงานนั่นเอง เมื่อเช้าวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิก ก็ได้ออกมาเปิดเผยมาสคอตที่เข้ารอบสุดท้ายในการประกวดมาสคอตของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกส์ 2020 ซึ่งมีการเปิดตัวที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในย่านชิบูย่า โดยมีการคัดเลือกจากคณะกรรมการจำนวน 15 คน และมีการเลือกตัวมาสคอตจากทั้งหมด 2,042 ตัวให้เหลือเพียง 6 ตัวเท่านั้น มาสคอตทั้งหมดที่มีการส่งเข้าประกวด จะมาจากดีไซเนอร์ทั่วประเทศทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น และในตอนนี้มาสคอตทั้ง 6 ตัวก็ได้เผยหน้าตาให้เราได้เห็นกันแล้ว   ภาพด้านบนจะเป็นมาสคอตสำหรับกีฬาโอลิมปิก และด้านล่างจะเป็นมาสคอตสำหรับกีฬาพาราลิมปิก   มาสคอตทั้ง 6 ตัวนี้จะมีการจับคู่บนและล่างและแบ่งออกเป็น 3 เซต โดยทั้งหมดจะมีการโหวตเพื่อเลือกคู่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานกีฬาดังกล่าว ซึ่งคะแนนโหวตจะมาจากเด็กๆ ชั้นประถมและผลโหวตจะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ปีหน้า และในตอนนี้ทางคณะกรรมการ ก็ได้ปล่อยวิดีโอแนะนำตัวมาสคอตต่างๆ มาให้ผู้คนได้ยลโฉมกันแล้ว และนอกจากนั้นในวิดีโอยังบอกบุคลิกลักษณะ และแรงบันดาลใจต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในตัวมาสคอตว่าเป็นอย่างไรบ้าง…

  • เจ้าของแมวเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทำให้ใครคนหนึ่งยื่นมือเข้ามาช่วยหาบ้านใหม่ให้แก่มัน

    เจ้าของแมวเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทำให้ใครคนหนึ่งยื่นมือเข้ามาช่วยหาบ้านใหม่ให้แก่มัน

    สัตว์เลี้ยงที่ได้รับความรักการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าของ แน่นอนว่าสัตว์เหล่านั้นย่อมมอบความซื่อสัตย์ ความไว้ใจให้แก่ผู้ดูแลมันอย่างสุดหัวใจ แต่สัตว์เหล่านั้นจะเป็นอย่างไร ในวันที่เจ้าของที่คอยเอาใจใส่สัตว์เหล่านี้เกิดเสียชีวิตอย่างกะทันหัน… ทุกๆ คนในละแวกบ้านของ Charlie Beehler รู้ซึ้งถึงความรักที่ Charlie มีต่อแมวของเขา แต่ความโชคร้ายที่เขาได้เสียชีวิตอย่างกะทันหันจากการโดนคนเมาขับรถชนเมื่อต้นปี ทำให้แมวทั้งสองตัวของเขาไม่มีคนดูแลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวบ้านต่างเป็นห่วงว่าชีวิตของเจ้าเหมียวจะเป็นอย่างไรในยามที่ไม่มีเจ้าของผู้เป็นที่รัก แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีคนคนหนึ่งยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแมวที่น่าสงสารทั้งสองตัวนี้     “เป็นความโชคร้ายของครอบครัวนี้จริงๆ หลังจากที่ Charlie ถูกรถชนเสียชีวิตไม่นาน ภรรยาของเขาก็มาตรอมใจเสียชีวิตไปอีกคนหนึ่ง” Jennifer Andersch ทำงานที่มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งเป็นรัฐที่ Charlie อาศัยอยู่เล่าให้ฟัง     Jennifer ย้ายมาจากรัฐเซาท์แคโรไลนา หลังจากที่เธอเกษียณอายุเมื่อ 2-3 ปีก่อนและในตอนนี้เธอก็ทำงานร่วมกับมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ในเมืองนิวเจอร์ซีย์ และเมื่อเธอได้ยินเรื่องดังกล่าว เธอก็รู้ในทันทีว่าเธอต้องเข้าไปช่วยเหลือแมวของครอบครัวนี้     โดยเธอได้สร้างเพจในเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Save Charlie’s Angels เพื่อตามหาบ้านใหม่ให้กับแมวทั้ง 2 ตัวที่ชื่อว่า WooWoo กับ Smokey โดยเธอสันนิษฐานว่าทั้งคู่น่าจะมีอายุราวๆ 4-6 ปี แต่ว่ามีแมวตัวหนึ่งที่ดูจะกลัวคนแปลกหน้า นั่นจึงเป็นอีกอุปสรรคหนึ่งสำหรับการหาบ้านที่เหมาะสมให้กับมัน “ในทุกๆ วันมีคนแชร์เรื่องราวของแมวทั้งสองตัวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งที่พวกเขาทำนั้นได้ช่วยเพิ่มโอกาสในการหาครอบครัวให้แก่เจ้าขนปุยสองตัวนี้” Jennifer เขียนในเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว  …

  • มาแล้วเทรลเลอร์ “9 ศาสตรา” อนิเมชั่นคุณภาพเยี่ยมฝีมือคนไทย ที่น่าจับตามองที่สุดแห่งปี!!

    มาแล้วเทรลเลอร์ “9 ศาสตรา” อนิเมชั่นคุณภาพเยี่ยมฝีมือคนไทย ที่น่าจับตามองที่สุดแห่งปี!!

    เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีข่าวของภาพยนตร์อนิเมชั่นของคนไทยเรื่องหนึ่ง และในตอนนี้ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวก็ได้ปล่อยตัวอย่างหนังให้เราได้ชมกันแล้ว อ่านข่าวเก่า: “9 ศาสตรา” อนิเมชั่นคนไทยเรื่องใหม่ แค่ Teaser ก็เล่นเอาขนลุก ดูแล้วไม่แพ้สตูดิโอนอก!! ภาพยนตร์ดังกล่าวมีชื่อเรื่องว่า 9 ศาสตรา ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า อ็อด ซึ่งในโลกที่เขาอาศัยอยู่นั้นก็มีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ นอกจากมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยนั่นก็คือ ยักษ์ ลิง และอสูร     โดยอ็อดนั้นเป็นคนที่เก่งในเรื่องศิลปะแม่ไม้มวยไทย และโชคชะตาฟ้าลิขิต ก็ทำให้เขาต้องออกมาเป็นฮีโร่ปกป้องบ้านเมือง ด้วยการนำสุดยอดศาสตราวุธ ๙ ศาสตรา ไปมอบให้องค์ชายรัชทายาทแห่งรามเทพนคร เพื่อใช้ในการกอบกู้อาณาจักรให้รอดพ้นจากยักษ์ร้าย     สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้มีการทุ่มเงินสร้างกว่า 200 ล้านบาท เพื่อจะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทย มีการใช้ทีมงานมืออาชีพในวงการอนิเมชั่นทั้งในไทยและฮอลลีวูดกว่า 200 คน และใช้เวลาสร้างกว่า 4 ปีเลยทีเดียว ใครที่รอคอยภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สามารถรับชมได้ในวันที่ 11 มกราคม 2561 ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ     ตัวอย่างภาพยนตร์อนิเมชั่นฝีมือคนไทย   ที่มา: 9 ศาสตรา

  • กราฟบอกข้อมูลพายุ Caroline ที่ถล่มสหราชอาณาจักร ที่ดูไปดูมามันเหมือน ‘จู๋’ ซะงั้น

    กราฟบอกข้อมูลพายุ Caroline ที่ถล่มสหราชอาณาจักร ที่ดูไปดูมามันเหมือน ‘จู๋’ ซะงั้น

    ท่ามกลางพายุที่กำลังโหมกระหน่ำเข้าใส่ประเทศกลุ่มสหราชอาณาจักร แต่ก็ยังมีเรื่องที่พอจะยิ้มได้เกี่ยวกับพายุลูกนี้ เมื่อมีกราฟแสดงการพัดและทิศทางของพายุ มันดันไปเหมือนกับรูปร่างของอวัยวะเพศอย่าง หรรมส์ ซะอย่างงั้น ในตอนนี้พายุที่ชื่อว่า Caroline กำลังเข้าถล่มในหลายๆ ประเทศ สำนักงานพยากรณ์อากาศชื่อดังแห่งสหราชอาณาจักรอย่าง The Met Office ก็ได้สร้างกราฟขึ้นมาเพื่อแสดงข้อมูลต่างๆ ของพายุลูกนี้เพื่อให้ประชาชนจะได้เตรียมตัวรับมือกับพายุได้อย่างทันท่วงที   ภาพพายุที่มันดูแล้วขัดหูขัดตาแปลกๆ   ทว่าภาพกราฟพายุที่ออกมามันกลับทำให้หลายคนถึงกับขำจนหงายท้อง เพราะว่าด้วยข้อมูลต่างๆ ของพายุมันได้ทำให้พายุลูกนี้มีรูปร่างคล้ายกับอวัยวะเพศชายอย่างช่วยไม่ได้ หลายคนเมื่อได้เห็นถึงกับตั้งชื่อใหม่ให้กับพายุลูกนี้ว่า ‘พายุหรรมส์’ เลยทีเดียว สำหรับพายุ Caroline ทางศูนย์พยากรณ์อากาศก็ได้คาดการณ์เอาไว้ว่า แรงลมจากพายุลูกนี้จะสูงขึ้นจนถึง 112-128 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในบางพื้นที่อาจมีความเร็วสูงถึง 144 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว นอกจากนั้นศูนย์พยากรณ์ยังคาดการณ์ไว้ จะมีอากาศที่หนาวเย็นรวมทั้งมีหิมะตกในพื้นที่ประเทศ สกอตแลนด์ อังกฤษ ตอนเหนือของประเทศไอร์แลนด์ และประเทศเวลส์ ในวันศุกร์ที่ 7 และวันเสาร์ที่ 8 ที่จะมาถึงนี้     “โปรดเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแผนการเดินทางแบบกะทันหัน เพื่อเป็นการปกป้องคุณและครอบครัวจากสภาพอากาศที่แปรปรวนที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการเดินทาง รวมถึงการหยุดให้บริการของรถไฟและรถรางด้วย” Met Office ได้เขียนเอาบนเว็บไซต์ โดยก่อนหน้านี้ได้มีพายุฤดูหนาวเข้ามาสร้างความเสียหายที่สหราชอาณาจักรถึง 2 ลูกแล้ว ซึ่งพายุลูกแรกมีชื่อว่า Aileen…

  • แผนที่แสดงให้เห็นว่าภาษาต่างๆ ในโลกต้องใช้เวลาเรียนเท่าไหร่ จึงจะสามารถสื่อสารกันได้!!

    แผนที่แสดงให้เห็นว่าภาษาต่างๆ ในโลกต้องใช้เวลาเรียนเท่าไหร่ จึงจะสามารถสื่อสารกันได้!!

    บนโลกอันกว้างใหญ่ของเรามีประเทศอยู่นับร้อยนับพันประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีการสื่อสารที่แตกต่างกันออกไป ทั้งลักษณะท่าทาง มารยาท รวมถึง ‘ภาษา’ ที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ซึ่งก็มีทั้งประเทศที่ใช้ภาษาของตัวเอง และประเทศที่ใช้ภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษ นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว หากใครอยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษาต่างๆ ในตอนนี้ทาง Foreign Service Institute ก็ได้จัดหมวดหมู่ภาษาต่างๆ ในโลกของเราว่าควรเรียนระยะเวลานานเท่าไหร่ เพื่อจะมีความเข้าใจในภาษานั้นๆ ได้อย่างถ่องแท้ อ้างอิงจากผู้ที่มีภาษาแม่เป็นภาษาอังกฤษ   ภาษาต่างๆ บนโลกที่มีการจัดอันดับระยะเวลาในการเรียน   และต่อมาผู้ใช้งานเว็บ Reddit คนหนึ่งที่ชื่อว่า Fummy ก็ได้นำข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ไปใส่ไว้ในแผนที่โลกเพื่อให้เราสามารถเข้าใจและเปรียบเทียบระยะเวลาในการเรียนภาษาประเทศนั้นๆ ได้อย่างง่ายดายขึ้นนั่นเอง   หมวกแรกยังชิวๆ เรียนแค่ 23-24 สัปดาห์ก็ฟัง พูด อ่าน เขียนได้คล่องปรื๋อ   กลุ่มแรกคือกลุ่มภาษาที่มีต้นกำเนิดหรือตระกูลภาษาใกล้ๆ กับภาษาอังกฤษก็อย่างเช่น ภาษาฮอลแลนด์ ภาษาเดนมาร์ก ภาษาสวีเดน ซึ่งมีความคล้ายคลึงราวกับว่าหากรู้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ก็เหมือนกับเรียนรู้ภาษาในประเทศเหล่านี้ไปแล้วกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว   เริ่มยากขึ้นมาหน่อย   ภาษาอินโดนีเซีย ภาษามาเลเซีย และภาษาสวาฮีลี ต้องมีการเรียนถึง 36 สัปดาห์เลยทีเดียว   44 สัปดาห์สำหรับภาษาเหล่านี้…

  • Gary Oldman ถูกโหวตให้เป็นนักแสดงที่ดีที่สุด แต่ไม่เคยได้รับรางวัลออสการ์เลย!!

    Gary Oldman ถูกโหวตให้เป็นนักแสดงที่ดีที่สุด แต่ไม่เคยได้รับรางวัลออสการ์เลย!!

    หากจะพูดถึงรางวัลที่เป็นเป้าหมายจุดสูงสุดของอาชีพนักแสดงก็คงเป็นรางวัลที่ชื่อว่า ออสการ์ ซึ่งดาราฮอลลีวูดทั้งหลายต่างก็หมายปองอยากได้รางวัลนี้ทั้งสิ้น และเมื่อเร็วๆ นี้เว็บไซต์จัดอันดับชื่อดังอย่าง Ranker ได้จัดอันดับดาราสุดยอดเยี่ยมที่ไม่เคยได้รางวัลออสการ์มาก่อน เพื่อนๆ ลองทายกันสิว่ารางวัลนี้จะตกเป็นของใครกันเอ่ย การจัดอันดับนี้เกิดขึ้นจากการโหวตของผู้คนทั่วทั้งโลกโดยอันดับ 3 ดาราที่ไม่เคยได้รางวัลออสการ์ได้แก่ Edward Norton และอันดับที่ 2 ตกเป็นของ Johnny Depp  และคนที่ชาวเน็ตโหวตว่าเป็นนักแสดงที่ไร้โชคด้านรางวัลมากที่สุดก็คือ Gary Oldman นักแสดงจากประเทศอังกฤษนั่นเอง โดยประวัติก่อนเข้าวงการของเขานั้นก็ต้องบอกเลยว่าเขาเป็นคนสู้ชีวิตคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะเขาเคยเป็นมาทั้งคนงานในโรงงาน พนักงานทำความสะอาดในโรงภาพยนตร์ รองเท้าก็เคยขาย และอีกงานหนึ่งก็คือตัดหัวหมูในโรงฆ่าสัตว์ ก่อนที่จะเป็นดาราในที่สุด     สำหรับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาเกิดขึ้นในปี 1983 ในภาพยนตร์ที่ชื่อว่า Meantime ของผู้กำกับ Mike Leigh และหลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ได้เป็นที่รู้จักในนาม ‘ดาราเจ้าบทบาท’ ที่สามารถเล่นบทต่างๆ ได้อย่างหลากหลายและมีบุคลิกเฉพาะตัวที่หาคนเปรียบเทียบได้ยาก หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นของเขาเรื่องหนึ่งคือเรื่อง Sid and Nancy ในปี 1986 ภาพยนตร์ชีวประวัติของวงดนตรีชื่อก้องโลกอย่าง Sex Pistols ซึ่งเขารับบทบาทเป็น Sid Vicious มือเบสและนักร้องนำประจำวงนี้   Sid Vicious บทบาทที่สร้างชื่อให้กับ Oldman   เพื่อความสมจริงในบทบาทดังกล่าว Oldman ต้องลดน้ำหนักลงไปถึง…

  • Lui Lai-yiu นักกีฬาสาวฮ่องกงเผย เคยโดน ‘โค้ช’ คุกคามทางเพศเมื่อสมัยยังเป็นนักกีฬาวัยรุ่น

    Lui Lai-yiu นักกีฬาสาวฮ่องกงเผย เคยโดน ‘โค้ช’ คุกคามทางเพศเมื่อสมัยยังเป็นนักกีฬาวัยรุ่น

    เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีกระแสแคมเปญที่ชื่อว่า #Metoo ซึ่งเป็นแคมเปญที่เชิญชวนให้ผู้หญิงทั่วโลกออกมาบอกถึงภัยคุกคามที่พวกเธอเคยได้เผชิญในรูปแบบการถูกคุกคามทางเพศ เพื่อให้ทั่วโลกได้ตื่นตัวและให้ความสำคัญกับอันตรายที่พวกเธอต้องเจอ เพราะว่าเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับผู้หญิงทั่วทุกมุมโลก Lui Lai-yiu นักกีฬาวิ่งข้ามรั้วจากประเทศฮ่องกง ได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับแคมเปญนี้เป็นคนแรกในประเทศ โดยเธอบอกว่า ภัยคุกคามทางเพศที่เธอได้เจอมานั้นเกิดขึ้นในสมัยวัยรุ่น และคนที่เป็นผู้กระทำการดังกล่าวก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่ว่าเป็นผู้ฝึกสอนของเธอในเวลานั้นนั่นเอง     เธอได้โพสต์เรื่องดังกล่าวลงในเฟซบุ๊กของเธอเอง ในวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมาซึ่งตรงกับวันเกิดของเธอพอดี โดย Lui ได้เล่าถึงประสบการณ์ที่ฝังใจในครั้งนั้นจากน้ำมือของอดีตโค้ชของเธอ ซึ่งเธอได้สมมุติให้โค้ชคนนั้นชื่อว่า โค้ช Y  ประสบการณ์ไม่รู้ลืมของ Lui เกิดขึ้นเมื่อเธอมีอายุเพียง 13 ปี เธอเล่าให้ฟังว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่งเมื่อโค้ช Y เสนอให้เธอไปนวดเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่บ้านของเขา และสิ่งที่ทำให้เธอยอมไปก็เพราะต้องการจะคลายกล้ามเนื้อจากการฝึกซ้อมอย่างหนักเพียงเท่านั้น     แต่เมื่อไปถึงบ้านของโค้ช Y กลับไม่ใช่การนวดที่เธอคิดเอาไว้ โดยโค้ชคนดังกล่าวได้พยายามถอดเสื้อผ้ารวมถึงชุดชั้นในของเธอ และเริ่มสัมผัสที่จุดสงวนต่างๆ “ในความคิดของฉัน เขาเป็นโค้ชที่น่าเคารพคนหนึ่ง ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะทำสิ่งที่น่ารังเกียจแบบนั้นกับนักเรียนของเขาเอง” Lui กล่าว     สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอเข้าร่วมแคมเปญดังกล่าว ก็คือเธอได้ฟังเรื่องราวของ McKayla Maroney นักยิมนาสติกชื่อดัง ที่ได้แชร์ประสบการณ์การถูกคุกคามทางเพศจากหมอคนหนึ่งในทีมของเธอ ซึ่งนั่นได้ทำให้ Liu อยากจะออกมาเผยแพร่เรื่องราวของเธอเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้แก่ผู้อื่นบ้าง    …

  • ชุดกันหนาวสำหรับ ‘การขับขี่มอเตอร์ไซค์’ โดยเฉพาะ อุ่นจริงๆ อุ่นเหมือนห่มผ้าห่มอยู่บนเตียง!!

    ชุดกันหนาวสำหรับ ‘การขับขี่มอเตอร์ไซค์’ โดยเฉพาะ อุ่นจริงๆ อุ่นเหมือนห่มผ้าห่มอยู่บนเตียง!!

    เมื่อฤดูหนาวมาถึง ลมหนาวที่มาพร้อมกับฤดูนี้ก็ทำให้ใครหลายคนรู้สึกมีความสุข เพราะมันช่างเย็นสบายและเต็มไปด้วยความผ่อนคลายเมื่อมันได้พัดผ่านเราไป ใครหลายคนจึงชอบฤดูกาลนี้เป็นที่สุดเมื่อเทียบกับฤดูอื่นๆ แต่สำหรับผู้ที่ขี่มอเตอร์ไซต์ ลมหนาวได้กลายเป็นเหมือนผีร้ายที่คอยมารังแก เพราะด้วยความเร็วระหว่างขับขี่ บวกกับความที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้นระหว่างลมหนาวที่เข้ามาปะทะส่วนต่างๆ ในร่างกายเรา ทำให้บางทีการขี่มอเตอร์ไซต์ในฤดูหนาวมันก็เหมือนกับการทรมานตัวเองไม่ใช่น้อย ทว่าบริษัทหนึ่งในประเทศจีน ได้มีวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว โดยพวกเขาได้สร้างชุดเกราะป้องกันลมขึ้นมา ซึ่งมันดูคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับยกผ้าห่มมาคลุมตัวเราไว้ขณะขี่รถ และถ้านำไปใส่คู่กับหมวกกันน็อก ใครหลายคนก็บอกว่ามันช่างเหมือนกับเตียงนอนเคลื่อนที่เสียนี่กระไร   ใครยกผ้าห่มออกมาจากบ้านฟะ   กันน้ำ กันลม กันฝน กันแดด   ชุดที่พวกเขาได้ออกแบบมาเป็นพิเศษนี้ จะช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกอุ่นเหมือนกับขี่รถเฉียดกองไฟเลยทีเดียว เพราะว่าชุดนี้สามารถปกคลุมตั้งแต่บริเวณจมูกลงไปจนถึงหน้าขา อีกทั้งมันเป็นชุดอเนกประสงค์ที่ป้องกันได้ทั้ง ลม น้ำ ฝุ่น และหิมะ ราวกับชุดนักบินอวกาศเลย   ปิดได้ตั้งแต่ติ่งหูยันตาตุ่ม   สำหรับราคาของเจ้าชุดกันลมเคลื่อนที่นี้ก็มีราคาไม่แพงนัก โดยมันมีราคาอยู่ที่ 4.5 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 146 บาท) เท่านั้น โดยสามารถสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ Tmall   มีให้เลือกมากมายหลายสีสันที่คุณต้องการ   แต่สำหรับเรื่องความปลอดภัยของชุดนี้ ยังเป็นความกังวลของใครหลายคนที่กำลังลังเลที่จะซื้อมัน เพราะว่าขนาดที่ดูใหญ่เทอะทะและเกะกะของชุดนี้ อาจจะมีหลายคนที่คิดว่ามันอาจจะเป็นต้นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องนี้ทางบริษัทผู้ผลิตไม่ได้ออกมากล่าวถึงแต่อย่างใด   อ้าวช่วงนี้…

  • ใจได้!! ช่างภาพรัสเซียเผาหมู่บ้านทั้งหมู่บ้าน เพื่อถ่ายภาพสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาพื้นที่ถูกทิ้งร้าง

    ใจได้!! ช่างภาพรัสเซียเผาหมู่บ้านทั้งหมู่บ้าน เพื่อถ่ายภาพสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาพื้นที่ถูกทิ้งร้าง

    ช่างภาพต่างๆ เมื่อจะสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ดูดี พวกเขาก็มักจะมีการจัดฉากเพื่อให้ภาพถ่ายของพวกเขาสามารถสื่อสารความหมายได้อย่างที่ต้องการ และก็มีช่างภาพคนหนึ่งที่ต้องการจะสะท้อนให้เห็นปัญหาหมู่บ้านถูกทิ้งร้างผ่านรูปถ่าย เขาจึงลงทุนเผาทั้งหมู่บ้านทิ้งซะเลย  Danila Tkachenko ช่างภาพชาวรัสเซียได้สร้างโปรเจกต์ที่ชื่อว่า The Motherland ขึ้นมาเพื่อต้องการจะให้ผู้คนเห็นถึงความสำคัญของพื้นที่ทิ้งร้างในประเทศ โดยเขาได้เผาหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เคยสวยงามและเต็มไปด้วยชาวบ้านจำนวนมากเมื่อประมาณ 100 ปีก่อนให้ลุกเป็นไฟ และสิ่งของในหมู่บ้านที่เขาเผานั้นล้วนแล้วแต่เป็นของที่ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป   เผาเพื่อให้เห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ   จุดเริ่มต้นที่ผู้คนชนบทต่างทิ้งถิ่นฐานของตัวเองไป เกิดขึ้นจากระบบรวมอำนาจของสหภาพโซเวียตในปี 1928-1937 โดยนั่นเป็นจุดแรกที่ทำให้หมู่บ้านต่างๆ ในประเทศรัสเซียเริ่มเสื่อมโทรมลง เพราะว่าระบบรวมอำนาจอันเผด็จการได้ยึดอาหาร และสิ่งปลูกสร้างของคนชนบทไปเป็นทรัพย์สินของรัฐอีกจำนวนมาก จึงเป็นเหตุให้มีคนชนบทกว่า 7-8 ล้านคนต้องตายจากความหิวโหยและการถูกกดขี่   บ้านทั้งหลังเมื่อไม่มีใครใช้ก็เผาทิ้งซะเลย   นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านอีกกว่า 2 ล้านคนถูกนำตัวไปทำงานที่ไซต์ก่อสร้างในค่ายที่ชื่อว่า Gulag ซึ่งได้เป็นจุดเริ่มต้นของยุคอุตสาหกรรมในประเทศรัสเซียนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ส่งผลถึงในปัจจุบัน ที่ชาวบ้านในชนบทต่างเข้าไปในเมืองใหญ่ๆ เพื่อหางานทำและทิ้งร้างพื้นที่บ้านเกิดของพวกเขาไว้อย่างเปล่าประโยชน์   หมู่บ้านแห่งนี้เคยเจริญรุ่งเรืองเมื่อประมาณ 100 ปีก่อน   โดยใน 20 ปีที่ผ่านมามีหมู่บ้านถึง 23,000 หมู่บ้านได้หายไปจากแผนที่ประเทศรัสเซีย ขณะเดียวกันประชากรกว่า 76% ในประเทศรัสเซียต่างอาศัยอยู่แต่ในเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น เกษตรกรรายย่อยตามชนบทไม่สามารถต้านทานความยิ่งใหญ่ของโรงงานต่างๆ ได้ อีกทั้งรัฐบาลรัสเซียยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับเกษตรกรรมอีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุให้พื้นที่ชนบทต่างๆ เริ่มกลายเป็นพื้นที่ไร้ประโยชน์ในที่สุด  …

  • คิดได้ไง!! แก้วกาแฟแทนความในใจ ที่เสิร์ฟให้ใครก็ต้องร้องออกมาว่ารับมั่ยดั้ยย

    คิดได้ไง!! แก้วกาแฟแทนความในใจ ที่เสิร์ฟให้ใครก็ต้องร้องออกมาว่ารับมั่ยดั้ยย

    ถ้าหากวันดีคืนดีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน อย่างคนที่เราไม่ชอบหน้ามาหาที่บ้าน เราจะมีวิธีบอกพวกเขาอย่างไรดีถึงความเกลียดชังที่เรามีต่อพวกเขากันนะ หลายคนคงอาจไม่กล้าพูดกับคนเหล่านี้ต่อหน้าเพราะกลัวว่าจะโดนตบ หรือโดนทำร้ายร่างกายต่างๆ แต่ว่าวันนี้เราได้มีตัวช่วยมาเป็นตัวแทนบอกความในใจของพวกเรากันแล้ว และสิ่งสิ่งนั้นก็คือแก้วกาแฟที่ชื่อว่า Miss Havisham นั่นเอง แต่ว่าหลายคนอาจจะงงว่า แก้วกาแฟมันจะสามารถแทนความในใจของพวกเราได้อย่างไรกันนะ??     Melisa Johnson ผู้ผลิตคอลเลคชั่นแก้วดังกล่าว ได้ออกมาอธิบายว่า เธอก็คือคนหนึ่งที่ไม่กล้าพูดกับคนที่ไม่ชอบต่อหน้าเหมือนกัน เธอจึงได้คิดค้นแก้วกาแฟที่มีคำหยาบคายขึ้นมาเพื่อแทนความในใจของเธอเอง เพราะว่าปกติตามธรรมเนียมแล้ว เมื่อมีแขกมาบ้านเราก็ต้องหาน้ำหาท่ามาให้กิน และเมื่อคนคนนั้นได้เห็นข้อความบนแก้วเหล่านี้แล้วก็จะสามารถรู้ได้เลยว่าจริงๆ แล้วเราคิดอย่างไรกับพวกเขาอยู่ และในตอนนี้คอลเลคชั่นแก้ว Miss Havisham ก็ได้มีวางขายแล้วโดยมีราคาต่อเซตหนึ่งอยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 1,950 บาท) ถ้าหากใครสนใจและอยากจับจองเป็นเจ้าของเผื่อเอาไว้เสิร์ฟให้คนที่เราร้องยี้ใส่ก็สามารถซื้อกันได้ที่ Miss Havisham กันเลยย   ฉันอาจจะวางพิษให้คุณก็ได้นะ   คุณนี่มันช่างน่ารังเกียจจริงๆ   เอิ่มม ใครมันจะไปกินลงละเนี่ย   หยุดพูดซะทีจะได้ไหม   ฉันหลังว่าคุณจะสำลักน้ำแล้วตายๆ ไปซะ   นังปิศาจร้าย   เธอมันคือคนไม่สำคัญในสายตาฉันหรอก   ใครๆ ต่างก็ไม่ชอบเธอทั้งนั้น เชอะ   ไปตายซะที ได้โปรด!!  …

  • สาวแท้งลูกลงมือฆาตกรรมว่าที่คุณแม่ท้องแก่ แล้วผ่าลูกในท้องของเธอเอาไปเป็นของตัวเอง!!!

    สาวแท้งลูกลงมือฆาตกรรมว่าที่คุณแม่ท้องแก่ แล้วผ่าลูกในท้องของเธอเอาไปเป็นของตัวเอง!!!

    การตั้งครรภ์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดสำหรับผู้หญิง เพราะว่าเป็นการให้กำเนิดอีกหนึ่งชีวิตให้ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก และเธอจะได้รับโอกาสในการเป็นแม่คน ซึ่งเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นคดีหนึ่งในประเทศบราซิล เมื่อมีสาวท้องแก่ใกล้คลอดถูกฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น แล้วถูกคนฆ่าผ่าท้องเอาลูกของเธอออกไป แล้วอ้างว่าเป็นลูกของตัวเองซะอย่างงั้น   Gabrielle สายน้อยวัย 18 ปีก่อนจะตั้งครรภ์   เหตุการณ์นี้ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่เมือง Uberlandia ประเทศบราซิล สาวท้องแก่ชื่อว่า Gabrielle Barcelos Silva ได้รับการติดต่อจากคนคนหนึ่ง โดยเธอคนนั้นบอกว่าจะบริจาคเสื้อผ้าเด็กให้แก่ลูกของเธอ แต่เธอต้องมารับเองที่บ้าน เมื่อไปถึงบ้านหลังนั้น คนร้ายก็ได้นำกาแฟผสมยากล่อมประสาทมาให้ Gabrielle รับประทานหลังจากที่ยากล่อมประสาทเริ่มออกฤทธิ์ คนร้ายก็ได้รัดคอเธอจนเสียชีวิต จากนั้นก็ได้ใช้มีดผ่าท้องเพื่อนำลูกของเธอออกมา   Gabrielle เหยื่อของการฆาตกรรมอันเหี้ยมโหด   และเพื่อความแนบเนียนฆาตกรวัย 38 ปีก็ได้ต่อโทรศัพท์ไปยังเลขหมายฉุกเฉิน โดยเธออ้างว่าเธอได้คลอดลูกอยู่ริมถนนแห่งหนึ่งในเมืองนั้น และเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ด้วยความเชี่ยวชาญของหมอ จึงได้เห็นความพิรุธต่างๆ ในตัวของฆาตกรคนนี้ จึงได้โทรแจ้งตำรวจ และในภายหลังคนร้ายคนนี้ก็ได้ยอมรับว่าเธอเป็นผู้ก่อเหตุสุดสยองดังกล่าว โดยศพของ Gabrielle ถูกพบโดยลูกชายวัย 14 ปีของฆาตกร ที่พบศพของเธอม้วนอยู่ในผ้าห่มในสภาพสุดอเนจอนาถเกินกว่าที่ใครคนหนึ่งจะสามารถทนดูได้   เธอมักจะถ่ายรูปคู่กับลูกในท้องของเธอเสมอ   ซึ่งก่อนหน้าที่…

  • เตรียมพบ Ryan Reynolds ในภาพยนตร์ Detective Pikachu เอ๊ะ หรือเขาจะรับบทโปเกม่อน!??

    เตรียมพบ Ryan Reynolds ในภาพยนตร์ Detective Pikachu เอ๊ะ หรือเขาจะรับบทโปเกม่อน!??

    จะเป็นอย่างไรเมื่อดาราหนังสุดตลกอย่าง Ryan Reynolds ผู้โด่งดังจากบทบาทในเรื่อง Dead Pool ตัดสินใจเซ็นสัญญากับค่าย Legendary เพื่อจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง Detective Pokemon ทว่าบทบาทที่เขาได้รับนั้นจะเป็นอย่างไร ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา โดย Ryan จะมาทำงานร่วมกับ Justice Smith ดาราหนุ่มหัวหยิกหยองที่เรากำลังจะได้เห็นหน้าค่าตาเขาในภาพยนตร์เรื่อง Jurassic World: Fallen Kingdom และดาราสาว Kathryn Newton จากภาพยนตร์เรื่อง Big Little Lies โดยทั้งหมดจะมามีส่วนร่วมด้วยกันในภาพยนตร์สุดน่ารักเรื่องนี้     Rob Letterman ผู้กำกับโปรเจกต์ดังกล่าวบอกเอาไว้ว่า ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวอ้างอิงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง Pokemon โดยเนื้อเรื่องเดิมนั้นจะเป็นตัวสัตว์ประหลาดชนิดต่างๆ ที่มีพลังวิเศษแตกต่างกัน และตัวการ์ตูนเหล่านั้นก็จะทำงานร่วมกับเทรนเนอร์ของแต่ละตัวอีกด้วย และ Pikachu ก็เป็นหนึ่งในตัว Pokemon ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีเกมที่ชื่อว่า Detective Pikachu ออกมาและนั่นได้กลายเป็นแรงบันดาลใจทำให้เกิดเป็นภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวขึ้น   เกม Detective Pikachu ที่มาของภาพยนตร์เรื่องนี้   สำหรับเนื้อเรื่องคร่าวๆ ของภาพยนตร์ดังกล่าวก็คือ พ่อของตัวละครที่ Smith แสดงได้ถูกลักพาตัวไป พวกเขาจึงตั้งทีมสืบสวนขึ้นมา ซึ่งจะมี Pikachu เป็นแกนหลักเพื่อตามหาพ่อที่หายไปนั่นเอง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ…

  • คลิปจากมุมมองหมอฟัน ขณะกำลัง “ผ่าฟันคุด” อยากรู้ไหมว่าหมอทำยังไงบ้าง (เสียวมาก!!)

    คลิปจากมุมมองหมอฟัน ขณะกำลัง “ผ่าฟันคุด” อยากรู้ไหมว่าหมอทำยังไงบ้าง (เสียวมาก!!)

    บทความนี้อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่รุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม   ถ้าอยู่มาวันหนึ่งเราเกิดปวดฟันขึ้นมากะทันหันแบบปวดจนแทบทนไม่ได้ เราก็ต้องไปหาหมอฟัน และหากหมอฟันวินิจฉัยโรคออกมาว่า เราจำเป็นต้องผ่าฟันคุด หลายคนก็คงรู้สึกกลัวและไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วการผ่านฟันคุดนั้นเป็นอย่างไร ในวันนี้เราจึงนำวิดีโอการผ่าฟันคุดอย่างละเอียดจากทีมแพทย์ มาให้ทุกคนได้เตรียมตัวเตรียมใจถึงสิ่งที่กำลังจะต้องเผชิญกัน ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นการผ่าฟันคุดจะมีความยากง่ายขึ้นอยู่กับประเภทของฟันเรา ว่ามันมีแนวตั้งหรือแนวนอนและมีความลึกอยู่ที่เท่าไหร่ โดยแต่ละคนก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป   ขั้นตอนแรกหาฟันเจ้าปัญหาให้พบก่อน   โดยในขั้นตอนแรกทันตแพทย์จะให้เราเอกซเรย์ฟันก่อน เพื่อหาว่าเจ้าฟันคุดที่อยุ๋ในปากของแต่ละคน มันไปแอบอยู่ตรงไหนกันนะ และเมื่อได้ผลการเอกซเรย์แล้ว  หมอฟันก็จะตรวจสอบความยากง่ายในการผ่าเอาฟันนี้ออกมา แล้วก็มาถึงลำดับต่อไปนั่นก็คือเริ่มการผ่าตัดกันเลย เมื่อวันผ่าตัดมาถึงทางทีมแพทย์จะฉีดยาชาให้แก่เรา เพื่อให้เรารู้สึกเจ็บปวดน้อยลงระหว่างผ่าตัด จากนั้นหมอฟันก็จะเริ่มเอามีดกรีดเปิดเหงือกของเรา เพื่อจะนำฟันซี่ดังกล่าวที่เป็นอาการปวดของใครหลายคนออกมาให้ได้   เสร็จแล้วก็เหลือเป็นหลุมเบ้อเร่อเลย   ในระหว่างนี้การกรีดเหงือกจะทำให้เราได้กลิ่นเลือดชัดเจนมากขึ้น แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปว่าเลือดจะไหลลงคอและอาจทำให้สำลัก เพราะว่าพวกเขามีท่อสำหรับดูดเลือดเตรียมพร้อมไว้แล้ว และเมื่อกรีดลงไปลึกพอที่จะสามารถดึงฟันออกมาได้แล้ว หมอฟันก็จะใช้คีมหนีบฟันคุดออกมา หรือว่าในบางกรณีถ้าหากหยิบออกมาทั้งซี่ไม่ได้ ก็จะต้องทำให้ฟันซี่นั้นแตกเพื่อจะหยิบออกมาได้ง่ายขึ้นและทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บน้อยลง จากนั้นเมืื่อนำฟันออกมาแล้ว เหงือกของเราก็จะมีบาดแผลจากการกรีด ซึ่งทางทีมแพทย์ก็จะใช้การเย็บปิดปากแผลของเราเพื่อเป็นการห้ามเลือดที่ไหลออกมา และนั่นก็ได้เสร็จสิ้้นการผ่าฟันคุดแล้วนั่นเอง   การผ่าฟันคุดอย่างละเอียดโดยทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ   คำแนะนำและข้อปฏิบัติหลังการผ่าตัดเพื่อถอนฟันคุด ประคบด้วยถุงเย็นประมาณ 30 นาทีทันทีหลังการผ่าตัด 2. ควรกัดผ้าก๊อซแน่นๆประมาณ 30 นาที เพื่อห้ามเลือด และควรเปลี่ยนผ้าชิ้นใหม่หลังจากนั้นจนกว่าเลือดจะหยุดไหล 3.…

  • เปิดตำราวิชาเรียน “ซานตาคอร์ส” ไม่ใช่มากันเล่นๆ แต่เปิดสอนในมหาวิทยาลัยเลยนะ!!

    เปิดตำราวิชาเรียน “ซานตาคอร์ส” ไม่ใช่มากันเล่นๆ แต่เปิดสอนในมหาวิทยาลัยเลยนะ!!

    หากจะกล่าวถึงใครสักคนที่มาพร้อมกับวันคริสต์มาส หลายๆ คนต้องนึกถึง ชายชราหนวดเคราขาวโพลนที่ชื่อว่า ซานตาคลอสอย่างแน่นอน โดยซานตาคลอสในตำนานของหลายๆ ประเทศจะมาในชุดสีแดงและขับราชรถที่ใช้กวางเรนเดียร์ในการลากจูง มาแจกของขวัญให้กับเด็กๆ ที่ทำความดีตามบ้านเรือนต่างๆ และในตอนนี้เรื่องของชายใจดีจะไม่เป็นแค่ตำนานอีกต่อไป เพราะว่ามีมหาลัยวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้เปิดสอนหลักสูตรการเป็นซานตาคลอสอย่างจริงจัง พวกเขาจะฝึกให้นักเรียนที่เรียนหลักสูตรนี้รู้ถึงวิธีการเป็นซานต้าได้อย่างเป็นมืออาชีพทั้งการปฏิบัติตัว และการพูดคุยสนทนาเลยทีเดียว     มหาวิทยาลัยซานต้านี้ตั้งอยู่ที่ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา หลักสูตรการเรียนเป็นซานต้าของพวกเขาจะเรียกว่า “Noerr Program” ซึ่งจะมีเวลาเรียนทั้งหมดสี่วัน สำหรับการเตรียมความพร้อมที่จะเป็นลุงอ้วนชุดแดง โดยพวกเขาจะสอนหลักจริยธรรมสำหรับซานต้า ในการวางตัวเรื่องต่างๆ ทั้งการถ่ายรูปร่วมกับผู้คน การใช้คำพูดระหว่างที่เราเป็นซานต้า การโอบกอดผู้คนอย่างไรให้พวกเขารู้สึกดี รวมถึงการให้สัมภาษณ์แก่สื่อต่างๆ ในโอกาสวันคริสต์มาส     ผู้ก่อตั้งหลักสูตรนี้ Judy Noerr ได้อธิบายไว้ว่าหลักสูตรการเป็นซานต้านี้เกิดขึ้น เพื่อต้องการจะพัฒนาจิตวิญญาณสำหรับใครที่อยากเป็นซานต้า และอยากจะสอนให้คนทั่วๆ ไปได้รู้ว่าซานต้าที่ดีต้องมีลักษณะอย่างไร “ฉันอยากจะเน้นย้ำให้ผู้คนเห็นความสำคัญ ของการจะเป็นซานต้าที่ไม่ใช่ใครๆ ก็สามารถเป็นได้ เพราะพวกเขาต้อง มีจิตใจที่โอบอ้อมอารี มีบุคลิกที่เป็นมิตรกับทุกคน และต้องเปิดใจให้แก่ทุกๆ คนอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าคนที่กำลังเจอจะเป็นคนดีหรือคนเลวหรือไม่ก็ตาม โดยทั้งหมดนี้เป็นคุณสมบัติที่ซานต้าควรจะมี” Judy กล่าว     จุดประสงค์ที่แท้จริงของหลักสูตรนี้ก็เพื่ออยากให้คนที่เข้ามาเรียนได้กลับไปที่หมู่บ้านของตน และทำให้ผู้คนในสถานที่นั้นๆ มีรอยยิ้มและมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ ที่ชื่นชอบในตัวซานต้า หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ตาม เพราะว่าวันคริสต์มาสควรจะเป็นวันแห่งความสุขสำหรับคนทั้งโลกนั่นเอง…

  • “หมาแก่” อยู่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์มาทั้งชีวิต วันนี้ที่มันรอคอยจะมีคนเลี้ยง ก็มาถึงสักที…

    “หมาแก่” อยู่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์มาทั้งชีวิต วันนี้ที่มันรอคอยจะมีคนเลี้ยง ก็มาถึงสักที…

    เมื่อเรามีความคิดที่จะรับสัตว์บางตัวมาเลี้ยงในบ้าน หลายคนจะเลือกสัตว์ที่ยังมีอายุน้อยๆ อยู่ เพราะเราจะสามารถสอนมันได้ง่ายกว่า และมันจะมีความผูกพันที่มากกว่าหมาอายุเยอะที่ได้เผชิญโลกมาก่อนแล้ว แต่มีหมาอยู่ตัวหนึ่งที่มีอายุถึง 7 ปีก็ยังโชคดีมีคนรับไปเลี้ยง ในปี 2010 มีหมาท้องแก่หน้าตาตื่นตัวหนึ่ง วิ่งหลงเข้ามาในสวนหลังบ้านของหญิงสาวนอกเมือง Wicklow ประเทศไอร์แลนด์ จากนั้นเธอจึงได้เรียกศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Ash มารับตัวไปเลี้ยงดู แต่นั่นก็ยังไม่ทันการณ์ ด้วยความที่เจ้าหมาตัวนี้มีอายุครรภ์ที่สมควรแก่เวลาคลอด ทำให้เมื่อไปถึงศูนย์ช่วยเหลือแล้วมันก็คลอดลูกออกมาทันที แต่โชคร้ายที่ลูกๆ ของมันไม่รอดเลยแม้แต่ตัวเดียว แต่ว่าเจ้าหมาตัวนี้ก็ไม่เป็นอะไรมากนักและได้อยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือตั้งแต่นั้นมา   หน้าตาอันน่าเศร้าของเจ้าหมาตัวนี้   “มันอยู่ในสภาพหวาดกลัวเป็นอย่างมากเมื่อมาถึง และเมื่อสามีของฉันเขียนข้อมูลการรับไปเลี้ยงดูสำหรับเธอ เขาดันเขียนชื่อมันไปว่า Angst“ Helena le Mahieu จากศูนย์รับเลี้ยงกล่าวเอาไว้ แต่ด้วยความที่ Le Mahieus ต้องการจะประกาศหาบ้านให้เจ้าหมาตัวนี้เธอก็บอกว่ามันควรจะมีชื่อที่ดูดีกว่านี้สักนิดหน่อยพวกเขาจึงได้เปลี่ยนชื่อให้มันใหม่เป็น Angel “สี่วันแรกมันไม่ยอมออกมาจากบ้านน้อยๆ ของมันเลย พวกเราพยายามใช้เวลากับมันมากเพื่อจะพูดคุยกับมันและนั่งเล่นกับมันที่หน้าบ้าน” Le Mahieus กล่าว   เริ่มดูดีมีความสุขขึ้นมาแล้วล่ะ   เมื่อเวลาผ่านไป เพราะความอดทนและการเลี้ยงดูที่ยอดเยี่ยม ทำให้ในที่สุดเจ้า Angel ก็ยอมเชื่อใจผู้ดูแลของมัน โดยมันยอมให้พวกเขาใส่ปลอกคอแก่มันและใช้เชือกจูงเพื่อเดินเล่นไปพร้อมๆ กัน หนึ่งปีที่ได้อยู่ที่นี่สำหรับเจ้า Angel ได้ผ่านพ้นไป…

  • รวม 20 ท่าไม้ตายของนักมวยปล้ำในอดีต ที่เคยผ่านหูผ่านตาใครหลายต่อหลายคน!!

    รวม 20 ท่าไม้ตายของนักมวยปล้ำในอดีต ที่เคยผ่านหูผ่านตาใครหลายต่อหลายคน!!

    ในสมัยเด็กๆ ใครหลายคนคงเคยดูกีฬา ‘มวยปล้ำ’ ผ่านหน้าจอทีวี ซึ่งแต่ละคนที่เล่นมวยปล้ำก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นท่าประจำที่พวกเขาชอบใช้ การเปิดตัวที่หรูเลิศอลังการ การออกอาวุธที่ดูคุ้นตา และสิ่งที่ดูจะเป็นที่จดจำมากที่สุดก็คือ ท่าไม้ตายของแต่ละคนนั่นเอง ท่าไม้ตายของแต่ละคนก็จะมีท่าทางที่ต่างกันออกไป บางคนก็เป็นการจับทุ่ม บางคนก็เป็นการล็อกแขนล็อกขา ถ้าหากเราได้มาเห็นท่าเหล่านี้อีกครั้ง เราก็คงนึกย้อนไปในอดีต ในสมัยที่เรานั่งจ้องรออยู่หน้าจอทีวีว่า เมื่อไหร่มวยปล้ำจะมาซะทีนะ อีกทั้งเมื่อได้ดูการต่อสู้กันของเหล่านักมวยปล้ำแล้ว ก็อาจมีบางคนที่อาจจะชื่นชอบมากจนเอาไปเลียนแบบเล่นกับเพื่อนจนได้รับบาดเจ็บกันไปเลยก็มี และนี่คือท่าไม้ตายต่างๆ ที่เป็นที่จดจำสำหรับคนทั่วโลก ซึ่งไม่ว่าดูกี่ครั้งก็อดที่จะคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ไม่ได้ โดยมันจะมีท่าไหนที่คุ้นหูคุ้นตาเราหรือไม่ก็ลองดูกันได้ ณ บัดนี้!!   1. Sweet Chin Music ของ Shawn Michaels ลูกถีบมหาประลัยของ Shawn Michaels ที่ไม่ว่าใครตัวใหญ่แค่ไหนแต่เมื่อโดนเข้าไป เป็นอันต้องลงไปนอนเฝ้าพระอินทร์หลับกันยาวๆ ทุกครั้งไป   2. Chokeslams ของ Kane และ Undertaker ท่าบีบคอแล้วจับทุ่มของสองพี่น้องคู่นี้ ช่างเต็มไปด้วยความทารุณสำหรับคนที่โดนเข้าไปเสียจริงๆ เพราะนอกจากจะโดนล็อกคอจนหายใจไม่ออกแล้ว ยังต้องนอนปวดหลังไปอีกหลายวันเลยทีเดียว   3. People Elbow…

  • หนุ่มบังเอิญเห็นภาพวัยเด็กของแฟนสาว แล้วก็สงสัยว่าคนข้างๆ นั่นคุ้นจัง เห้ย นั่นมันตรูเอง!?

    หนุ่มบังเอิญเห็นภาพวัยเด็กของแฟนสาว แล้วก็สงสัยว่าคนข้างๆ นั่นคุ้นจัง เห้ย นั่นมันตรูเอง!?

    บางครั้งชีวิตก็มักจะเล่นตลกกับเราเสมอ เหมือนกับคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันคู่นี้ ที่พึ่งจะแต่งงานกันแล้วก็พบหลักฐานชิ้นหนึ่ง ที่บ่งชี้ให้เห็นว่าจริงๆ พวกเขานั่งเคียงคู่กันมาตั้งแต่สมัยยังแบเบาะ ซึ่งในตอนนั้นทั้งคู่เรียนชั้นอนุบาลห้องเดียวกัน แต่จำกันไม่ได้ ด้วยโชคชะตาฟ้าลิขิตหรือว่าดวงของพวกเขาสมพงศ์กันจริงๆ ถึงทำให้ Evan Ayers และ Brytin Waterlyn ได้มาใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา โดยทั้งคู่เพิ่งจะแต่งงานกันเมื่อเดือนมีนาคม 2017 ที่ผ่านมานี้เอง   ภาพถ่ายของทั้งคู่สมัยยังเป็นเด็กสดใสแรกแย้ม   มีอยู่วันหนึ่งเมื่อ Evan กำลังหาอุปกรณ์ทำอาหารภายในบ้าน ก็บังเอิญไปเจอกับรูปถ่ายเก่าใบหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปของเด็กๆ วัยกระเตาะที่ถ่ายรูปร่วมกัน และรูปถ่ายใบนั้นได้ทำให้เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา และรีบวิ่งไปหา Brytin ภรรยาของเขาในทันที   นี่คือ Brytin ในตอนที่มีอายุเพียง 3 ขวบ   ภาพดังกล่าวเป็นภาพของ Brytin สาวน้อยในวัยอนุบาล โดยเธอมีความน่ารักสดใสเหมือนดอกไม้แรกแย้มและมีรอยยิ้มพิมพ์ใจ   Evan สามีปัจจุบันของเธอ ดันมานั่งข้างๆ โดยที่ทั้งสองต่างก็จำกันไม่ได้   แต่ว่าภาพนี้ก็คงเป็นภาพเด็กธรรมดาใบหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเด็กผู้ชายที่นั่งถัดจากเธอไปดูหน้าคุ้นๆ นั่นก็เพราะว่าเด็กชายคนนั้นก็คือ Evan สามีในตอนนี้ของเธอนั่นเอง   พรหมลิขิตได้ทำให้ทั้งคู่หากันจนเจออีกครั้งหนึ่ง   รูปถ่ายใบนี้ได้สร้างเสียงหัวเราะดังลั่นให้กับทั้งคู่ พร้อมทั้งยังมีใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลาที่มองภาพนี้ ด้วยความที่พวกเขาต่างก็ไม่รู้เลยว่าได้อยู่ห้องเดียวกันมาตั้งแต่มีอายุเพียงแค่ 3 ขวบ เพราะว่าทั้งคู่ในย้ายไปอยู่ต่างเมืองกันในเวลาต่อมา…

  • แอบส่องภายใน Lamborgini Urus รถบ้าน SUV สุดหรูดีไซน์สปอร์ตรุ่นใหม่จากค่ายกระทิงดุ!!!

    แอบส่องภายใน Lamborgini Urus รถบ้าน SUV สุดหรูดีไซน์สปอร์ตรุ่นใหม่จากค่ายกระทิงดุ!!!

    หากพูดถึงยี่ห้อรถสปอร์ตในโลกก็มีมากมายทั้ง Porche, Audi, Mersides-Benz และแน่นอนว่าต้องมีชื่อของ Lamborghini เข้ามาอยู่ในความคิดของใครหลายคนอย่างแน่นอน แต่ในวันนี้ทาง Lamborghini ได้ลองหาตลาดใหม่ๆ ด้วยการส่งรถบ้านดีไซน์สปอร์ตลงสู่สนาม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในอีกกลุ่มหนึ่ง ค่ายรถสปอร์ตดังอย่าง Lamborghini กำลังนับวันรอที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของพวกเขาที่มีชื่อรุ่นว่า Urus ซึ่งจะเป็นรถแบบ SUV ที่ได้รับการออกแบบผสมผสานระหว่างความหรูหรา และความสปอร์ตที่เป็นจุดเด่นของทางค่าย และในตอนนี้พวกเขาก็ได้ปล่อยข้อมูลภายในบางส่วนของรถสุดหรูคันนี้ออกมาบ้างแล้ว   หน้าตาของ Urus สวยใช่ไหมล่ะ   โดยรถรุ่น Urus นี้จะมาพร้อมกับพวงมาลัยแบบแบนที่ทำให้เราสามารถมีพื้นที่สำหรับวางขาได้กว้างขึ้น อุปกรณ์ภายในแบบคาร์บอนไฟเบอร์ที่จะให้กลิ่นอายและอารมณ์ความเป็นรถสปอร์ตได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีรถรุ่นนี้ยังมีจุดเด่นอีกคือ จอเรือนไมล์สามารถเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบคือ จอเรือนไมล์วัดความเร็วแบบปกติ, การเชื่อมต่อสำหรับความบันเทิงภายในรถ และสุดท้ายคือระบบควบคุมสภาพอากาศภายใน ที่สามารถสลับสับเปลี่ยนให้เราสามารถใช้ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้ง Urus ยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน ที่ให้เราสามารถขับในภูมิประเทศที่แตกต่างกันได้อย่างสนุกถึง 6 โหมดเลยทีเดียว   พวงมาลัยแบบเล็กลงเพื่อให้มีพื้นที่วางขามากขึ้น   สำหรับเรื่องความสวยความงาม ผู้ผลิต Urus ก็ทำการบ้านมาอย่างดี โดยเบาะจะเป็นเบาะหนังนุ่มแบบ 2 สีตัดกันและมีสัญลักษณ์ Lamborghini โดดเด่นหรูหราอยู่บนเบาะเพื่อเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ให้กับรถคันนี้ ส่วนกรอบช่องแอร์พวกเขาก็ทำมาให้แตกต่างกับรถทั่วๆ ไปโดยได้ออกแบบมาในรูปแบบ…

  • งงเลย!! นักโทษคดีข่มขืนเด็ก ถูกนักโทษอีกคนเฮดบัตใส่คาศาลด้วยสาเหตุที่ไม่แน่ชัด

    งงเลย!! นักโทษคดีข่มขืนเด็ก ถูกนักโทษอีกคนเฮดบัตใส่คาศาลด้วยสาเหตุที่ไม่แน่ชัด

    ขณะที่กำลังมีการไต่สวนคดีที่ศาลแห่งหนึ่ง ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อมีผู้ต้องหาสองคนที่ไม่รู้จักกัน แต่ต้องมาร่วมพิจารณาคดีในศาลเดียวกัน แต่คนหนึ่งเกิดบันดาลโทสะจากเหตุใดสักอย่างแล้ว เลยเอาหัวโหม่งบริเวณใบหน้าของผู้ต้องหาอีกคนซะงั้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ศาลในเมือง Dover รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เมื่อมีนักโทษคนหนึ่งชื่อว่า Christopher Elwell มาเข้ารับการตัดสินคดีของเขา   Christopher Elwell ขณะมาฟังผลการตัดสินคดีข่มขืนเด็กของเขา   โดยเขาถูกจับในข้อหาข่มขืนเด็กหญิงอายุ 4 ปีขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ โดยเบื้องต้นเขาได้ให้การปฏิเสธ แต่ก็ยอมรับในภายหลังว่าได้ก่อคดีสุดสะเทือนใจนี้จริง หลังจากศาลพิจารณาแล้วก็พบว่า Christopher มีความผิดจริงเขาจึงต้องโทษจำคุกระหว่าง 7 ปีครึ่งจนถึง 15 ปี และเมื่อเขาได้ฟังผลการตัดสินแล้ว ก็ได้มานั่งที่เก้าอี้ภายในศาลเพื่อรอให้เจ้าหน้าที่นำตัวไปทำดำเนินคดีขั้นตอนต่อไป     แต่ว่าได้มีผู้ต้องหาอีกคนชื่อว่า Josiah Davies ซึ่งถูกจับมาในคดีปลอมแปลงเช็คเงินสด ทั้งๆ ที่ชายคนนี้ถูกใส่กุญแจมือและโซ่ตรวนอยู่ แต่เขาก็ยังเอาหัวเข้ามาโขกเข้าที่ใบหน้าของ Christopher หลายครั้ง โดยเจ้าหน้าที่คาดว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างในคดีหรือผลการตัดสินของศาล ที่ทำให้ Davies มีอาการยัวะและก่อเหตุในครั้งนี้ขึ้น เพราะว่าเขาได้อยู่ร่วมฟังผลการตัดสินของศาลในห้องนั้นด้วย   หน้าตาของ Davies ผู้กระทำผิดในข้อหาปลอมแปลงเช็คเงินสด และเป็นผู้กระทำการ ‘เฮดบัต’ ดังกล่าว  …

  • หนุ่มผู้ชนะรายการ ‘The Biggest Loser’ เมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปยังไงบ้างนะ??

    หนุ่มผู้ชนะรายการ ‘The Biggest Loser’ เมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปยังไงบ้างนะ??

    ด้วยปัญหาด้วยความที่เป็นคนมีน้ำหนักเยอะ ทำให้หนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่ออยากจะให้ตัวเองกลับมาดูดีอีกครั้ง โดยเขาได้ไปออกรายการ The Biggest Loser ซึ่งเป็นรายการลดความอ้วนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และนั่นจะได้ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน… ในปี 2008 Sam Rouen เด็กหนุ่มวัย 19 ปีในขณะนั้นเป็นผู้ชนะรางวัลรายการทีวีชื่อว่า The Biggest Loser ซึ่งเป็นรายการแข่งขันการลดความอ้วนภายใน 12 สัปดาห์หากใครมีน้ำหนักลดเยอะที่สุดเทียบกับดัชนีมวลกายแล้ว ก็จะเป็นผู้ชนะและได้รางวัลไป   Sam ในวัย 19 ปีเมื่อสิบปีที่แล้ว   ครั้งแรกที่ Sam ได้เข้าไปประกวดนั้นเขามีน้ำหนักถึง 154 กิโลกรัม ซึ่งนับว่ามากทีเดียวหากเทียบกับอายุของเขา เมื่อได้เข้าร่วมรายการแล้ว Sam ก็ตัดสินใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยเขาออกกำลังกายอย่างหนักควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร และในที่สุดแล้วเขาก็สามารถลดน้ำหนักไปได้ถึง 71 กิโลกรัมในเวลาเพียง 12 สัปดาห์ ในวัย 29 ปี ตอนนี้ Sam ก็บอกว่าเขาคิดถูกจริงๆ ที่ได้ไปออกรายการในวันนั้น เพราะว่าเขากลายเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และได้รู้จักการดูแลตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น อีกทั้งการลดน้ำหนักยังเติมเต็มความฝันของเขาที่อยากจะเป็นนักดับเพลิงมาตลอดชีวิตได้…

  • สถาปนิกญี่ปุ่นสร้างชั้นวางหนังสือสุดเจ๋ง ที่ปีนขึ้นไปหยิบหนังสือได้โดยไม่ต้องใช้บันได!!

    สถาปนิกญี่ปุ่นสร้างชั้นวางหนังสือสุดเจ๋ง ที่ปีนขึ้นไปหยิบหนังสือได้โดยไม่ต้องใช้บันได!!

    การออกแบบสิ่งใดๆ ในบ้านสำหรับประเทศญี่ปุ่น จะต้องคิดให้ถี่ถ้วนเพราะว่าบ้านส่วนใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นนั้นจะมีขนาดเล็ก พวกเขาจึงต้องใช้ทุกตารางเมตรในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงที่สุดทั้งเรื่องความสวยงามและด้านการใช้งานด้วย การที่มีชั้นวางหนังสือในบ้านมันเป็นอะไรที่แสนจะดูดีและดูน่ารัก ชั้นวางหนังสือสามารถเป็นจุดดึงดูดสายตาสำหรับใครที่มาเที่ยวบ้านเราได้เป็นอย่างดี แต่ปัญหาของชั้นวางหนังสือหลักๆ ก็คือพวกมันมักจะมีขนาดที่สูงเกินกว่าจะเอื้อมไปถึง ซึ่งหลายๆ ที่ก็มีวิธีแก้ปัญหาคือ สร้างบันไดสไลด์ติดกับชั้นวางหนังสือซะเลย ซึ่งมันก็ดูมีเสน่ห์ในตัวไม่ใช่เล่น   หน้าตาของชั้นวางหนังสือที่ไม่ต้องใช้บันได   แต่สำหรับพื้นที่ในบ้านของประเทศญี่ปุ่น การสร้างบันไดมันก็คงดูเกะกะสำหรับบ้านหลังเล็กๆ ด้วยเหตุนี้ Shinsuke Fujii สถาปนิกชาวญี่ปุ่นจึงได้ออกแบบชั้นหนังสือ ที่สามารถปีนขึ้นลงได้โดยไม่ต้องใช้บันไดช่วย   เป็นฝีมือของสถาปนิกที่ชื่อว่า Shinsuke Fujii   เจ้าของบ้านหลังหนึ่งในเมืองโยโกฮาม่า ซึ่งเป็นหนอนหนังสือตัวยงได้ว่าจ้างให้ Fujii ออกแบบชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ภายในบ้านของเขา โดยมีโจทย์ว่าจะต้องหยิบหนังสือในชั้นต่างๆ ออกมาได้อย่างง่ายดายและจะมีหนังสือต่างๆ ที่อยู่ในชั้นจะต้องไม่หล่นลงมาหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในประเทศญี่ปุ่น   สร้างแบบเอียงเพื่อให้สามารถปีนขึ้นไปหยิบหนังสือได้   สถาปนิกคนเก่งนี้ก็ทำตามโจทย์ที่ลูกค้าต้องการได้เป็นอย่างดี โดยเขาแก้ปัญหาด้วยการสร้างชั้นวางหนังสือแบบเอียงๆ เพื่อจะได้สามารถปีนไปหยิบหนังสือที่อยู่ชั้นบนๆ ได้อย่างง่ายดายไม่ต้องใช้บันไดให้ยุ่งยาก และก็สามารถช่วยให้หนังสือไม่ตกลงมาเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวได้ตามความต้องการของลูกค้า   ยังช่วยป้องกันหนังสือตกเมื่อเกิดแผ่นดินไหวได้ด้วย   นอกจากนี้พื้นที่การจัดวางชั้นหนังสือของสถาปนิกคนนี้ยังมีความพิถีพิถัน โดยเขาเลือกให้ด้านหน้าของชั้นวางหนังสือ หันหน้าไปทางทิศตะวันตกรับกับแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกเข้ามาในตอนกลางวัน เพื่อให้เกิดความสวยงามและสามารถหาหนังสือได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าอีกด้วย   มุมอื่นๆ ในบ้านหลังนี้ ซึ่งสถาปนิกต้องสร้างให้เข้ากับบรรยากาศ  …

  • คิดได้ไง!! หนุ่มช่างตีเหล็กแงะซากเหล็กจากมวลมหาประชาถ่าน ให้กลายร่างมาเป็นมีดพก

    คิดได้ไง!! หนุ่มช่างตีเหล็กแงะซากเหล็กจากมวลมหาประชาถ่าน ให้กลายร่างมาเป็นมีดพก

    เมื่อเราใช้ถ่านไฟฉายจนหมดแล้วเราจะเอาไปทำอะไรกัน? บางคนก็เลือกที่จะโยนทิ้ง บางคนก็เอาไปเก็บไว้ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่มีความคิดแตกต่างกว่านั้น โดยเขาได้นำถ่านไฟฉายที่ใช้จนหมดหรือว่าไม่ใช้แล้วเอาไปทำเป็นมีดซะอย่างงั้น แชแนลหนึ่งในยูทูบชื่อว่า Shurap ได้เผยแพร่วิธีการนำเหล็กบางๆ ที่บรรจุอยู่ในถ่านไฟฉายมาทำเป็นมีดพกพาแบบคมกริบ โดยขั้นตอนการผลิตนั้นเขาได้ทำออกมาให้เราดูอย่างละเอียดเลยทีเดียว     สำหรับแชแนลดังกล่าวเป็นแชแนลที่มักจะเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับเหล็ก โดยเขามักจะนำเหล็กจากอุปกรณ์ต่างๆ มาทำเป็นสิ่งของที่เราไม่คิดว่ามันจะสามารถทำได้ ทำให้ในตอนนี้ช่อง Shurap มีผู้ติดตามแล้วกว่า 1 แสนคนเลยทีเดียว   แกะเหล็กออกมาก่อน   ถ่านเป็นสิบๆ ก้อนที่เขาใช้หาเหล็กที่อยู่ภายใน   ขั้นตอนแรกในการผลิตมีดที่ว่านี้ ก็คือเขาต้องลอกแผ่นเหล็กที่อยู่ในถ่านก่อน ซึ่งเขาก็ต้องใช้ถ่านจำนวนหลายก้อนทีเดียวกว่าจะได้เหล็กพอเท่าที่เขาต้องการ เมื่อได้แผ่นเหล็กมาแล้วเขาก็นำไปซ้อนกันกว่า 138 ชั้นและนำไปเชื่อมเหล็กให้เข้ากัน ซึ่งเยอะเป็นสถิติโลกเลยก็ว่าได้   นำไปหลอมและขึ้นรูป   หลังจากนั้นเขาก็นำเหล็กที่ได้ไปหลอมให้ร้อนและนำไปขึ้นรูปด้วยเครื่องตีเหล็กต่างๆ ทั้งการบีบ การตี การตัดให้ได้รูป เพื่อที่จะได้ใบมีดมาในสภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด   นำไปตีให้แบนและตัดออกให้มีขนาดเล็กลง   นำไปเจียต่อให้มีผิวที่สวยงาม   เมื่อเหล็กได้รูปใกล้เคียงกับที่ช่างตีเหล็กคนนี้ต้องการแล้ว เขาก็นำไปเจียต่อเพื่อให้มีผิวที่เรียบเนียน และเพื่อให้มีความคมเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย หลังจากที่เหล็กจากถ่านไฟฉายเก่าเหล่านี้เกือบจะสมบูรณ์แล้ว เขาก็ขัดมีดต่อด้วยกระดาษทรายและนำไปชุบน้ำมันเพื่อให้มีความคงทน   ใกล้จะเสร็จแล้ว ก็ทำให้เนียนอีกหน่อยละกัน  …

  • ปล่อยพลัง!! พบกับแขนเทียมที่จะทำให้เหล่าคนพิการกลายร่างมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ต่างๆ

    ปล่อยพลัง!! พบกับแขนเทียมที่จะทำให้เหล่าคนพิการกลายร่างมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ต่างๆ

    สำหรับเด็กๆ ที่พิการ แขนเทียมหรือว่าขาเทียม ดูเหมือนจะเป็นความหวังในชีวิตของพวกเขาที่จะได้ใช้ชีวิตเหมือนกับเด็กปกติทั่วๆ ไป และก็เป็นโชคดีสำหรับเด็กๆ ทั้งหลายที่ในวันนี้ผู้คนต่างมาให้ความสำคัญพัฒนาอุปกรณ์เสริมสำหรับช่วยเหลือพวกเขาเป็นจำนวนมาก การพัฒนาแขนขาเทียมในปัจจุบันก็ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อใช้งานอย่างเดียว แต่ยังคงมีความใส่ใจในเรื่องความสวยงาม โดยบริษัทต่างๆ ได้มีการพัฒนาแขนเทียมขึ้นมาในลักษณะคล้ายกับแขนของซูเปอร์ฮีโร่ต่างๆ เพื่อให้เด็กๆ รู้สึกสนุกกับแขนของพวกเขา เราไปดูกันดีกว่าว่าแขนเทียมจากบริษัทต่างๆ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรกันบ้าง   แขนเทียมจากบริษัท Open Bionics   เพราะพวกเขารู้ว่า ความพิการได้มีส่วนบั่นทอนความมั่นใจในตัวเองของเด็กๆ ลง บริษัท Open Bionics จึงช่วยให้เด็กๆ เพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองขึ้น โดยพวกเขาได้ผลิตแขนเทียมซูเปอร์ฮีโร่โดยใช้เครื่องพิมพ์สามมิติ ที่สามารถสร้างได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ระยะเวลาเพียง 42 ชั่วโมงในการสร้าง และความพิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือยังมีราคาที่ถูกกว่า สินค้าทั่วไปบนตลาดถึง 30 เท่าเลยทีเดียว   มีให้เลือกหลายรูปแบบเลยทีเดียว   และเนื่องจากได้รับการสนับสนุนจาก Disney ทำให้ แขนเทียมจากบริษัทนี้สามารถทำเลียนแบบซูเปอร์ฮีโร่ชื่อดังได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย ทำให้เด็กๆ สามารถเลือกแขนเทียมแบบ Iron Man หรือจะเลือกแบบเจ้าหญิงเอลซ่าจากเรื่อง Frozen ก็ได้เช่นเดียวกัน   แขนเทียมจากบริษัท Motorica   Motorica บริษัทจากประเทศรัสเซีย ได้ผลิตแขนเทียมที่มีฟังก์ชั่นหลากหลายให้เด็กๆ…

  • ทำความรู้จักกับ ‘โรคเบาจืด’ จำเป็นต้องดื่มน้ำ 20 ลิตรต่อวัน เพื่อจะมีชีวิตรอดในแต่ละวัน

    ทำความรู้จักกับ ‘โรคเบาจืด’ จำเป็นต้องดื่มน้ำ 20 ลิตรต่อวัน เพื่อจะมีชีวิตรอดในแต่ละวัน

    ใครหลายคนอาจจะรู้จักกับโรคเบาหวาน และในประเทศไทยก็มีผู้ป่วยเป็นโรคนี้จำนวนมาก แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกโรคหนึ่งที่ชื่อว่า ‘เบาจืด’ ซึ่งโรคนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูเรานัก แต่โรคเบาจืดได้สร้างปัญหาใหญ่ให้กับชีวิตของชายคนหนึ่ง เพราะว่าเขาต้องดื่มน้ำกว่า 20 ลิตรเพื่อจะให้มีชีวิตรอดผ่านไปในแต่ละวัน Marc Wübbenhorst สถาปนิกชาวเยอรมันผู้ป่วยเป็นโรคเบาจืด ต้องดื่มน้ำอย่างต่ำวันละกว่า 20 ลิตรเพื่อไม่ให้ร่างกายของเขาเกิดภาวะขาดน้ำซึ่งเป็นผลมาจากโรคดังกล่าว และหาก Marc หยุดดื่มน้ำเขาจะตายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง อาการกระหายน้ำ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต Marc ตั้งแต่เขายังจำความได้ โดยอาการของเขาไม่ใช่การกระหายแบบคนปกติ ซึ่งคนปกติหากกระหายน้ำก็ดื่มน้ำเพียงแก้วสองแก้วก็จะหายจากการกระหายแล้ว     แต่เพราะด้วยไตของเขาขับถ่ายน้ำออกจากร่างกายอยู่ตลอดเวลา ทำให้ร่างกายของเขาต้องรับน้ำเข้าไปใหม่ มิฉะนั้นแล้วเขาจะมีอาการ ริมฝีปากแตก มึนงงสับสน ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการขาดน้ำของคนขาดน้ำประมาณ 2-3 วัน แต่กับ Marc จะมีอาการเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงชั่วโมง     ในแต่ละวันชีวิตของชายคนนี้จะเริ่มต้นขึ้นด้วยการดื่มน้ำขวดยักษ์ และต่อจากนั้นไม่นานเขาก็ต้องรีบไปเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะทันที และในช่วงเวลากลางคืนก็ยิ่งลำบากขึ้นไปอีก เขาบอกว่าเขาไม่เคยนอนนานกว่า 2 ชั่วโมงเลยตลอดทั้งชีวิต เพราะว่าเขาต้องคอยตื่นมาดื่มน้ำและเข้าห้องน้ำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งใน 1 วัน Marc ต้องเข้าห้องน้ำกว่า 50 รอบเลยทีเดียว     นอกจากนี้ Marc…

  • Rihanna บอกเหตุผลแสนฉลาด ที่เธอไม่เลือกผู้หญิงข้ามเพศมาเป็นแบบถ่ายโฆษณาของเธอ

    Rihanna บอกเหตุผลแสนฉลาด ที่เธอไม่เลือกผู้หญิงข้ามเพศมาเป็นแบบถ่ายโฆษณาของเธอ

    เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่มีชื่อเสียง ที่พวกเขาจะสร้างผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาขึ้นมา เพราะว่าด้วยหน้าตาทางสังคมและความมีชื่อเสียง สามารถส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาสามารถขยายตลาดได้อย่างรวดเร็ว และถ้ายิ่งเป็นคนดังระดับโลกแล้ว ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาสามารถยึดครองตลาดได้ง่ายๆ เลย เมื่อไม่นานมานี้นักร้องสาวคนสวยอย่าง Rihanna ได้สร้างแบรนด์เครื่องสำอางขึ้นมาใหม่ชื่อว่า Fenty Beauty และแบรนด์เครื่องสำอางของเธอ ก็เป็นที่พูดถึงอย่างวงกว้างในแวดวงความสวยความงามทั่วโลก   Rihanna กับแบรนด์เครื่องสำอาง Fenty Beauty   ไม่ใช่เพียงแต่ตัวผลิตภัณฑ์ของเธอเท่านั้นที่เป็นที่พูดถึง แต่โฆษณาเครื่องสำอางของเธอก็เป็นอีกหนึ่งกระแสเช่นเดียวกัน เพราะว่าโฆษณาที่เธอสร้างขึ้นมันเหมือนกับโฆษณาที่มาจากองค์การสหประชาชาติ ที่มีการใช้ฉากหลังเป็นวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ รวมถึงมีการใช้ผู้หญิงหลากหลายสัญชาติที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน ทั้งเรื่องหน้าตา สีผิว รวมถึงการแต่งตัว   โฆษณาแบรนด์เครื่องสำอางนี้สามารถกดดูได้ที่นี่   และเมื่อวันพุธที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีแฟนคลับของเธอคนหนึ่งแนะนำให้ Rihanna ใช้ผู้หญิงข้ามเพศเป็นตัวหลัก สำหรับการโฆษณาผลิตภัณฑ์ Fenty Beauty ชิ้นต่อไป เนื่องจากพวกเขายังไม่เคยได้เป็นนางแบบถ่ายโฆษณาใดๆ ในวงการเครื่องสำอางเลยแม้แต่คนเดียว   คำแนะนำจากแฟนคลับของเธอ   และสิ่งที่ Rihanna ตอบกลับแฟนคลับคนนั้นได้กลายเป็น Talk of the Town ของผู้คนในโลกอินเทอร์เน็ตเพราะว่าคำตอบของเธอนั้นดูดี และมีเหตุผลอย่างยิ่ง โดยเธอได้กล่าวเอาไว้ว่า  …

  • อินสตาแกรมสุดปั่น ‘You Did Not Sleep There’ กับเหล่าคนที่ชอบไปนอนที่หวาดเสียว!!

    อินสตาแกรมสุดปั่น ‘You Did Not Sleep There’ กับเหล่าคนที่ชอบไปนอนที่หวาดเสียว!!

    หากมองไปที่สื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ในปัจจุบัน การจะลงภาพใดภาพหนึ่งนั้น หลายคนก็มักจะเลือกรูปที่ดูดีเพื่อจะเรียกไลก์ให้มากที่สุด โดยพวกเขามักจะเลือกมุมถ่ายรูปที่คิดว่าสวย ใช้ฟิลเตอร์แบบอาร์ตๆ หรือถ่ายรูปเป็นร้อยเพื่อเลือกรูปที่ดีที่สุดมาลง แต่ไม่ใช่เฉพาะแต่รูปสวยๆ เท่านั้นที่สามารถดึงดูดความสนใจของคนในโซเชียลได้ ภาพถ่ายที่มีแนวคิดแบบแปลกๆ ก็สามารถกระทำได้เช่นกัน เหมือนกับเธอคนนี้ที่ได้ถ่ายภาพการตั้งแคมป์ของเธอ ในจุดที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะสามารถกระทำได้ เพราะมันทั้งมีความเสี่ยงและความน่ากลัว ขนาดที่เราเป็นเพียงคนเห็นภาพใจยังแทบจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยทีเดียว     Luisa Jeffery ได้เริ่มถ่ายภาพเหล่านี้ลงใน Instagram ที่ชื่อว่า You Did Not Sleep There โดยจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอถ่ายภาพแนวนี้เกิดขึ้นในปี 2015 ระหว่างที่เธอและเพื่อนไปเที่ยวที่ Grand Canyon สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่ความคิดของเธอตั้งแต่แรก แต่เป็นความคิดของคนคนหนึ่งในกลุ่มของเธอที่ได้ถ่ายรูปการกางเต็นท์ในจุดแปลกๆ แล้วเธอก็พบว่าภาพที่ออกมานั้นมันดูตลกดี Luisa จึงตัดสินใจทำแชแนลขึ้นมาเพื่อจะแบ่งปันภาพของเธอกับคนทั้งโลกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และในตอนนี้มีผู้ติดตามเธอมากกว่า 100,000 คนเลยทีเดียว   พี่ไม่กลัวตกลงมาบ้างหรอไงเนี่ย   เห็นแล้วต้องร้องเลยว่า โคตรคูล   คนกลัวความสูงหมดสิทธิ์ทำอย่างนี้นะ   ที่ตั้งเยอะแยะดั๊นมานอนให้หวาดเสียวเล่น   ยิ่งสูงยิ่งหนาว   พระอาทิตย์กำลังตก บรรยากาศช่างโรแมนติกซะจริง   อย่าได้ก้าวผิดเชียวนะ มียาว…

  • เจ้าเหมียวแจ้นเข้าสถานีดับเพลิง โหยหาความรักความเมตตา…แล้วก็ยึดทั้งสถานีได้สำเร็จ

    เจ้าเหมียวแจ้นเข้าสถานีดับเพลิง โหยหาความรักความเมตตา…แล้วก็ยึดทั้งสถานีได้สำเร็จ

    ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บเมื่อสองปีที่แล้ว ได้มีลูกแมวจรพลัดถิ่นตัวหนึ่งต้องการหาสถานที่ที่จะให้ความอบอุ่นแก่มันได้ และเจ้าเหมียวตัวนั้นก็ได้เลือกตึกแห่งหนึ่งเพื่อเข้าไปหลบความเย็นของสภาพอากาศ และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ้าเหมียวก็ได้ยึดที่แห่งนั้นเป็นบ้านของมันอย่างถาวร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับสถานีดับเพลิงชื่อว่า Station 57 ในเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแมวตัวดังกล่าวได้อาศัยอยู่ที่นั่นมากว่า 2 ปีแล้วนับตั้งแต่วันแรกที่มันเข้ามา   เข้ามาอ้อน เข้ามาคลอเคลีย   โดยในตอนแรกที่มันเข้ามาหลบอาศัยที่สถานีนี้ พนักงานดับเพลิงทั้งหลายต่างบอกกันว่ามันดูเป็นแมวที่ขี้อาย และหวาดกลัวผู้คน แต่ในเวลาไม่นานนัก ความกังวลทั้งหมดของแมวตัวนี้ก็ดูเหมือนจะเลือนหายไป และถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องเหมียวๆ อันแสนมีความสุข   ชอบจริงๆ การแปรงขนเนี่ย   อีกทั้งยังดูเหมือนว่าสถานีดับเพลิงแห่งนี้ไม่ได้ให้เพียงแค่สถานที่พักพิงเพื่อหลบไอหนาวเท่านั้น แต่พวกเขายังให้ความอบอุ่นแก่แมวตัวนี้อีกด้วย เพราะตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทุกๆ คนก็ได้กลายเป็นครอบครัวของเธอไปแบบปริยาย   สบายจริงๆ เลยเหมียว   สิ่งที่เจ้าขนฟูตัวนี้ชอบมากที่สุดก็คือการที่มีมนุษย์มาคอยแปรงขนของมันให้ เพราะมันดูเหมือนว่ามันเป็นแมวที่มีความสุขมากที่สุดในโลก โดยสังเกตได้จากสีหน้าอันสุดฟินและแววตาที่ดูเคลิบเคลิ้มของมัน ซึ่งนั่นได้กลายเป็นอีกหนึ่งความสุขของพนักงานดับเพลิงเมื่อได้เห็นสีหน้าตลกๆ ของเจ้าเหมียวตัวนี้   แปรงขนให้หนูหน่อย   การมาอยู่ที่สถานีดับเพลิงของแมวตัวนี้ นอกจากจะสร้างความสุขให้แก่พนักงานดับเพลิงแล้ว มันยังได้สร้างประโยชน์อื่นๆ อีกเช่นการจับสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์อย่างหนู หรือสัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ ที่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้   ฟินจนตาเหลือก   “พวกเราเรียกมันว่า นักฆ่า…

  • คุณพ่อถึงกับน้ำตาแตก หลังครอบครัวเซอร์ไพรส์ด้วย “ลูกหมาสีขาว” สุดน่ารัก

    คุณพ่อถึงกับน้ำตาแตก หลังครอบครัวเซอร์ไพรส์ด้วย “ลูกหมาสีขาว” สุดน่ารัก

    สุนัข อาจจะเป็นสัตว์ที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ เพราะด้วยความซื่อสัตย์ที่เป็นสัญชาตญาณของมันบวกกับความรักเจ้าของ ได้ทำให้ตัวของมันเองได้รับความนิยมชมชอบจากมนุษย์มากมายทั่วโลก และมีคุณพ่อคนหนึ่งที่เห็นความสำคัญของสัตว์สี่ขาชนิดนี้ราวกับลูกๆ เลยก็ว่าได้ James Xuerob คุณพ่อของครอบครัวหนึ่งจากรัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ได้จมอยู่กับความเศร้าหลังจากที่ Nemo และ Lucy หมาของเขาได้เสียชีวิตลง ซึ่งนั่นได้สร้างความหวั่นใจให้กับคนในครอบครัวที่ต้องมาเห็นเขาทนทุกข์กับเรื่องดังกล่าว   ในตอนแรกยื่นการ์ดให้แก่เขาก่อน   และในที่สุดคนในครอบครัว Xuerob ก็เริ่มทนไม่ไหวที่ต้องมาเห็นผู้นำครอบครัวนั่งเศร้าเสียใจ พวกเขาจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยเหลือ Jame โดยครอบครัวแห่งนี้ได้วางแผนการเซอร์ไพรส์เอาไว้นั่นก็คือ   เห็นครอบครัวนำหมามาให้ ก็ซึ้งใจจนร้องไห้ออกมาเลย   ในตอนแรกพวกเขาเขียนการ์ดยื่นให้กับ James ใบหนึ่งซึ่งมีใจความว่า “ฉันไม่ใช่ Nemo และแน่นอนว่าฉันไม่ใช่ Lucy” และนั่นได้สร้างความงุนงงให้กับเขาเป็นอย่างมาก จากนั้นลูกๆ ของเขาก็นำลูกหมาพันธุ์ Bichon Frise เข้ามามอบให้   หมาน้อยที่มาช่วยให้ James กลับมามีความสุขอีกครั้ง   “แม่บอกให้หนูนำความสุขกลับคืนมาสู่ชีวิตพ่อ” ลูกสาวของ James บอก และหลังจากที่ James พบว่าครอบครัวของเขานำหมาตัวนี้มาให้ เขาก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจและกอดเจ้าหมาน้อยตัวนี้ไว้ในอ้อมอก ซึ่งได้สร้างความซาบซึ้งและดีใจแก่คนรอบข้าง รวมทั้งคนในโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างมากมาย   วินาทีความตื้นตันใจของเขาที่ได้กลับมาเลี้ยงหมาอีกครั้ง  …

  • 19 ภาพที่จะมาพิสูจน์ให้เห็นว่าโลกของเรามันช่างกว้างใหญ่นัก ที่เรารู้มันเล็กน้อยมั่กๆ!!

    19 ภาพที่จะมาพิสูจน์ให้เห็นว่าโลกของเรามันช่างกว้างใหญ่นัก ที่เรารู้มันเล็กน้อยมั่กๆ!!

    โลกไม่เคยหยุดหมุนและเวลาไม่เคยหยุดเดิน นั่นทำให้มนุษย์ต้องหาความรู้ใส่ตัวมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ รอบโลกนั้นเราอาจจะรู้ไม่หมด แต่ว่าเหตุการณ์แปลกๆ ที่เราไม่เคยเห็นนั้นอาจทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า เหตุการณ์แบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นบนโลกด้วยเหรอ ทำไมเราไม่รู้นะ และนี่คือรูปภาพเหตุการณ์ประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นในโลกของเรา มาลองดูกันดีกว่าว่าภาพเหล่านี้คุณจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้วหรือยัง…   ขนรถแบบชาวแอฟริกัน   ภาพของนักกีฬาแข่งขันงัดข้อ   ทะเลสาบน้ำแข็งในประเทศสวิตเซอร์แลนด์   สีรุ้ง 4 เส้นพร้อมกัน   รางรถไฟเบี้ยวหลังเกิดแผ่นดินไหวในประเทศ สวิตเซอร์แลนด์   โคตรเห็ด จัดไปซะหลายดอก   ที่เห็นขาวๆ นั่นใยแมงมุมทั้งนั้น   ต้นไม้ใหญ่ใน Tanzania ที่ไม่แคร์การกัดเซาะของผืนดิน   ก๊าซมีเทนถูกแช่แข็ง   ภาพจากนอกโลกขณะเกิดสุริยุปราคา   แพนด้ารูปหัวใจ   เครื่องบินขณะกำลังผ่านสุริยุปราคา   โดนัทน้ำแข็งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ   ชุดเดรสที่ทำมาจากใบไม้ 6,000 ใบ   คริสตัลน้ำแข็งบนทะเล   สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็กจริงๆ ลองดูตรงปากปลาดีๆ   วงกลมใต้ท้องทะเลที่เกิดจากปลาปักเป้า…

  • เอาอีกแล้ว!! แกนนำกลุ่มโลกแบนโฟนอินเข้ารายการดัง เพื่อโต้เถียงกับนักบินอวกาศ

    เอาอีกแล้ว!! แกนนำกลุ่มโลกแบนโฟนอินเข้ารายการดัง เพื่อโต้เถียงกับนักบินอวกาศ

    ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับกลุ่มคนที่มีความเชื่อว่าโลกนี้ ‘แบน’ โดยก่อนหน้านี้ก็มีทั้งการจัดตั้งการประชุม สำหรับผู้ที่มีความเชื่อเช่นเดียวกัน มีการสร้างจรวดเพื่อจะขับขึ้นไปพิสูจน์ว่าโลกนี้มันแบน แต่ก็ได้ถูกยกเลิกไปก่อน และมาในตอนนี้พวกเขาก็ยังคงดำเนินการตามความเชื่อที่พวกเขามีต่อไป เมื่อไม่นานมานี้ผู้นำกลุ่มทฤษฎีโลกแบนชื่อว่า Mark Sargent ได้ไปโฟนอินเข้ารายการ Good Morning Britain ซึ่งเป็นรายการข่าวชื่อดังจากประเทศอังกฤษและการออกรายการครั้งนี้ของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดาๆ เพราะว่า Mark ต้องเจอกับนักบินอวกาศตัวจริงๆ ที่ออกไปนอกโลกมาแล้วมาโต้วาทีกับเขา   Mark Sargent กับความคิดโลกแบนของเขา   ในงานประชุมที่จัดขึ้นครั้งแรกนั้น Mark เคยกล่าวเอาไว้ว่า จริงๆ แล้วโลกนี้มีลักษณะแบน แต่ว่าหลักฐานต่างๆ ที่องค์การนาซ่าเคยเอามาเผยแพร่เป็นหลักฐานที่ได้ปลอมแปลงขึ้นมา เพื่อเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจกล่าวถึงได้ การโฟนอินเข้ารายการครั้งนี้ของเขา เพื่อจะมาอธิบายถึงเหตุผลมาทำไมเขาจึงมีความเชื่อเช่นนี้ โดยมีผู้ประกาศคนดังอย่าง Piers Morgan ผู้ดำเนินรายการชื่อดังมานั่งร่วมเป็นสักขีพยาน และนี่คือบทสัมภาษณ์บางส่วนที่ Mark ได้เอ่ยออกอากาศ   ขณะออกอากาศสัมภาษณ์ในรายการ Good Morning Britain   “ที่พวกคุณเห็นว่าน้ำทะเลมันไม่ตกลงไปเนี่ย ก็เพราะว่าโลกเรามันใหญ่มาก จนเราหาจุดสิ้นสุดไม่เจอต่างหาก ไม่ใช่เพราะโลกกลมซะหน่อย” “ภาพถ่ายภาพแรกที่ถ่ายโลกออกมาเป็นทรงกลมคือเมื่อปี 1972 ด้วยยานอวกาศ Apollo 17 และภาพที่สองคือเมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง มีใครอธิบายกับผมได้ไหมว่าทำไมกว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมาจึงไม่มีการถ่ายภาพโลกของเราเลย”…

  • อินเดียทำการจับกุม ‘กลุ่มลา’ และขังพวกมันไว้ในคุกถึง 4 วัน ในข้อหาทำลายพืชผักราคาแพง

    อินเดียทำการจับกุม ‘กลุ่มลา’ และขังพวกมันไว้ในคุกถึง 4 วัน ในข้อหาทำลายพืชผักราคาแพง

    มีอยู่สถานที่หนึ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่พึงประสงค์จะเข้าไปนั่นก็คือ ‘คุก’ เพราะว่ามันเป็นสถานที่ที่รวมผู้กระทำผิดเอาไว้ข้างใน แต่ในประเทศอินเดียพวกเขาไม่ได้จับแต่คนเท่านั้น แต่สัตว์ที่กระทำผิดก็ต้องเข้าไปอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน เหตุการณ์สุดแปลกเกิดขึ้นที่คุกชื่อ Orai ในรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดียเมื่อพวกเขาได้จับกลุ่มลาจำนวน 8 ตัวเข้าไปขังในคุกเป็นเวลากว่า 4 วัน โดยเริ่มจากวันที่ 23 พฤศจิกายน และปล่อยออกมาในวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เนื่องจากพวกมันไปทำลายพืชผักราคาแพงบริเวณใกล้ๆ กับคุกดังกล่าว   ขณะปล่อยลาออกจากคุก   ชายชื่อว่า Kamlesh ซึ่งเป็นเจ้าของลากลุ่มดังกล่าวบอกว่า เขารู้สึกตกใจอย่างมาก ที่จู่ๆ ลาของเขาหายไปโดยไร้ร่องรอย เพราะเขาไม่รู้ว่าลาของเขานั้นถูกขังคุกไปก่อนหน้านี้ และเมื่อเขารู้ว่าพวกลาอยู่ไหนเขาก็ไปอ้อนวอนผู้คุมให้ปล่อยสัตว์เลี้ยงของเขาออกมา แต่ก็ปรากฏว่ามันไม่ได้ผล Kamlesh จึงไปหานักการเมืองท้องถิ่นให้ช่วยเป็นธุระให้แก่เขา ในเวลาต่อมาพวกลาเหล่านี้ก็ได้รับการประกันตัวจากนักการเมืองท้องถิ่นจากพรรคภารตียชนตา และพวกมันก็ได้ออกมาสูดอากาศภายนอกที่พวกมันคุ้นชินในที่สุด   คลิปการจับลาเข้าคุกและสาเหตุต่างๆ   “เจ้าพวกลาพวกนี้ มันทำลายพืชผลราคาแสนแพงซะเหี้ยนเลย พืชเหล่านี้เป็นทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่เตรียมจะเอาไปปลูกไว้ข้างในคุก และเพื่อเป็นการสั่งสอนเจ้าของลา เราเลยจับสัตว์ของเขาขังคุกซะเลย” RK Mishara ผู้ดูแลคุกดังกล่าวบอก สำหรับราคาพืชผล ที่เจ้าสัตว์สี่ขาพวกนี้ได้ทำลายลงไปนั้น พวกเขาบอกว่ามันมีค่ามากถึง 60,000 รูปี (ราวๆ 30,000 บาท) เลยทีเดียว…

  • พบกับ 7 การทดลองทางจิตวิทยา ที่ทำให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้วพื้นเพความเป็นมนุษย์นั้นเป็นอย่างไร

    พบกับ 7 การทดลองทางจิตวิทยา ที่ทำให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้วพื้นเพความเป็นมนุษย์นั้นเป็นอย่างไร

    ในช่วงก่อนที่วิทยาศาสตร์จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรา การทดลองต่างๆ จึงเกิดขึ้นเพื่อให้ได้ข้อสรุปของปัญหาต่างๆ ในโลกของเรา ซึ่งไม่เพียงแต่แต่ปัญหาในโลกเท่านั้น ปริศนาในตัวมนุษย์อย่างเราๆ ก็รอคอยให้ไขให้ออกเช่นกัน เพราะว่าในตัวของเรานั้นมีความลับมากมายทีซ่อนเร้นเอาไว้ และนี่คือการทดลองด้านจิตวิทยา เพื่อศึกษาพฤติกรรมต่างๆ ของมนุษย์เพื่อให้เราได้รู้ถึงความจริงที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของเรา ซึ่งผลลัพธ์จากการทดลองเหล่านี้ มีบางทฤษฎีที่เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปเลยก็มีมาแล้ว   1. การทดลองในเรื่องความมั่นใจ   ในปี 1968 คุณครูคนหนึ่งชื่อว่า Jane Elliott ได้ทำการทดลองแบ่งแยกนักเรียนในชั้นเรียนของเธอออกเป็น 2 ฝั่งคือนักเรียนที่มีตาสีฟ้า และนักเรียนที่มีตาสีน้ำตาล โดยในวันแรกเธอได้เริ่มทดลองด้วยการ ใส่ใจนักเรียนที่มีตาสีฟ้ามากกว่าสีน้ำตาล ทั้งการพูดด้วยมากกว่า การสอนที่ดีกว่า และทำให้นักเรียนที่มีตาสีฟ้ารู้สึกเหนือกว่านักเรียนที่มีตาสีน้ำตาล และในวันต่อมาเธอก็ทำสิ่งตรงกันข้ามคือเธอปฏิบัติกับนักเรียนตาสีน้ำตาลดีกว่าสีฟ้าเหมือนกับในวันแรกทุกประการ ผลลัพธ์ที่ออกมาค่อนข้างจะแจ่มแจ้ง ก็คือกลุ่มไหนที่ Jane ใส่ใจมากกว่าในวันนั้นมีแนวโน้มที่จะมีความมั่นใจมากกว่าเดิม โดยพวกเขาทั้งตั้งใจตอบคำถามอย่างรวดเร็ว และส่วนมากก็ถูกต้องอีกด้วย และผลจากการสอบก็ได้พิสูจน์ว่า กลุ่มที่ได้รับความใส่ใจจะมีผลคะแนนที่มากกว่ากลุ่มที่ถูกทอดทิ้ง เพราะว่าพวกเขามีความมั่นใจในตัวเอง และคิดว่าถึงจะผิดยังไงพวกเขาก็ได้รับการสนับสนุนอยู่ดี   2. การทดลองของนักไวโอลินระดับโลก   เช้าวันหนึ่งในวันที่ 12 มกราคม 2007 ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมานับพันคน ที่สถานีรถไฟฟ้าในเมืองวอชิงตัน ดีซี นักสีไวโอลินระดับโลกคนหนึ่งชื่อว่า Joshua Bell ได้ทดลองเปิดการแสดงประมาณ 45 นาทีผ่าน 6…

  • ซี้ด!! คุณครูโดนตำรวจรวบ หลังโดนนักเรียนแอบถ่ายคลิป ตอนกำลังเสพโคเคนในห้องเรียน

    ซี้ด!! คุณครูโดนตำรวจรวบ หลังโดนนักเรียนแอบถ่ายคลิป ตอนกำลังเสพโคเคนในห้องเรียน

    ว่ากันว่าคุณครูคือพ่อแม่คนที่ 3 สำหรับเด็กๆ ทั้งหลาย เพราะว่าเด็กๆ เมื่อถึงวัยเข้าเรียนพวกเขาก็ต้องใช้เวลาที่โรงเรียนไปมากกว่าวันละหลายชั่วโมงเลยก็ว่าได้ ดังนั้นคุณครูจึงเป็นส่วนสำคัญในการหล่อหลอมเด็กๆ ให้สามารถโตมาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นคนดีในสังคม แต่ว่ามีคุณครูคนหนึ่งที่ได้แสดงตัวอย่างที่ไม่ดีต่อหน้าเด็กๆ เพราะเธอดันไปสูบยาเสพติดในโรงเรียนซะอย่างงั้น     เมื่อราวๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา Samantha Cox คุณครูภาษาอังกฤษในโรงเรียน Lake Central High School รัฐอินดีแอนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ถูกจับกุมตัวขณะที่เธอนั้นสูบโคเคนในห้องเรียน โดยมีหลักฐานคือภาพวิดีโอของนักเรียนชื่อว่า Will Rogers ที่ได้แอบถ่ายเธอขณะกำลังสูดอย่างได้อารมณ์ “คุณครูอยู่ที่มุมห้อง และหลบอยู่หลังเก้าอี้ตัวหนึ่ง ในมือของเธอมีหนังสือที่เหมือนจะมีโคเคนอยู่ข้างใน หลังจากนั้นเธอก็ใช้หลอดสูดจากหนังสือเล่มนั้น” Rogers เด็กนักเรียนผู้กล้าหาญให้สัมภาษณ์     หลังจากเด็กๆ ได้เห็นพฤติกรรมดังกล่าวของคุณครู พวกเขาก็ได้แจ้งต่อครูใหญ่ว่า คุณครู Cox ใช้ยาเสพติดในโรงเรียน ครูใหญ่จึงตัดสินใจแจ้งตำรวจในเวลาต่อมา เมื่อตำรวจมาถึง พวกเขาก็ได้ใช้สุนัขดมกลิ่นตามหายาเสพติดที่ว่า และก็พบถุงใบหนึ่งที่ปิดอย่างมิดชิดและยังพบฟอยล์ กับกระดาษมวนคล้ายกับหลอดสำหรับดูดในห้องเรียนของเธอ ซึ่งตำรวจก็รู้ในทันทีว่าสิ่งเหล่านี้คืออุปกรณ์สำหรับเสพยาผ่านทางรูจมูก     Cox ได้ให้รับการสารภาพอย่างรวดเร็วและยินยอมมอบกุญแจรถแก่ตำรวจแต่โดยดี เพื่อหาสารเสพติดอื่นเพิ่มเติม และเมื่อไปค้นที่รถของเธอก็พบสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการสูบยาอีกคือ บ้องแก้วสองอัน และหลอดสำหรับสูดอีกสองอัน ในภายหลัง เธอสารภาพว่าเธอซื้อโคเคนมาในราคา…

  • ชายหาดไอร์แลนด์ ที่หายไปเมื่อ 12 ปีก่อน กลับมาปรากฎอีกครั้งภายในช่วงเวลาเพียงข้ามคืน

    ชายหาดไอร์แลนด์ ที่หายไปเมื่อ 12 ปีก่อน กลับมาปรากฎอีกครั้งภายในช่วงเวลาเพียงข้ามคืน

    ลองนึกภาพเราไปเที่ยวทะเล แล้วไปเล่นน้ำกับเพื่อนกันสนุกสนานบนหาดทรายสีขาวโพลน หรือจะเป็นการนอนอาบแดดสำหรับคนรักผิวแทนก็คงจะดีไม่น้อย ซึ่งหากนึกภาพตามก็คงมีความสุขอย่างเปี่ยมล้นเลยเลยทีเดียว แต่จะเป็นอย่างไร ถ้าหากเราตื่นมาแล้วพบว่าชายหาดที่เราเล่นสนุกเมื่อวันวาน กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ได้เกิดขึ้นจริงบนโลกของเรา ซึ่งสถานที่นั้นคือชายหาดแห่งหนึ่งในประเทศไอร์แลนด์ ชายหาดแห่งหนึ่งบริเวณอ่าว Ashleam ตั้งอยู่ที่เกาะ Achill ประเทศไอร์แลนด์ อยู่ดีๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งก็รวมเวลาจนถึงตอนนี้ได้ทั้งหมด 12 ปี ก่อนที่มันจะกลับมาด้วยวิธีการเดียวกับที่มันได้จากไป และนั่นได้ทำให้ชาวบ้านบริเวณนั้นถึงกับฉลองให้กับการกลับมาของมันเลย   หาดที่หายไปตั้งแต่ปี  2005   สาเหตุที่หาดแห่งนี้หายไป ก็เป็นเพราะว่าพายุได้นำเอาหาดทรายสีขาวบริสุทธิ์ไป และนำเอาหินต่างๆ เข้ามาแทนที่ ซึ่งหาดอื่นๆ บนเกาะแห่งนี้ก็เคยเป็นมาเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นชายหาด Doonagh ที่อยู่ห่างจากหาด Ashleam เพียง 10 กิโลเมตรก็ได้หายไปตั้งแต่ปี 1984 และเพิ่งจะกลับมาในต้นปีนี้เอง ทำให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นปกติของธรรมชาติ   ชาวบ้านต่างดีใจที่ชายหาดแห่งนี้ได้กลับมา   หาด Ashleam เป็นหาดที่ชาวบ้านผูกพันเป็นอย่างมาก เพราะว่าก่อนที่มันจะถูกพายุเอาไป มันมีความสวยงามอย่างหาที่เปรียบมิได้สำหรับคนในพื้นที่ และในตอนนี้มันก็ได้กลับมาและได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากชาวบ้าน การกลับมาของชาวหาดนี้เกิดขึ้นจากพายุฤดูร้อน Brian ได้พัดผ่านและนำเอาหินต่างๆ ออกไป และแทนที่ด้วยเม็ดทรายอันแสนงดงาม   ความสวยงามของหาดแห่งนี้   ตามตำนานของชาวบ้านที่นั่นกล่าวเอาไว้ว่า…

  • ไขความลับกับ “ความรู้สึก” ของสัตว์ต่างๆ ว่าพวกมันจะมีความรู้สึกและอารมณ์ใดกันบ้าง

    ไขความลับกับ “ความรู้สึก” ของสัตว์ต่างๆ ว่าพวกมันจะมีความรู้สึกและอารมณ์ใดกันบ้าง

    ความรู้สึกของคนเรานั้นมีมากมายหลายอย่างทั้ง ดีใจ เสียใจ ภูมิใจ เศร้า เหงา และอีกหลายๆ อารมณ์ แต่เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่าสัตว์ต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเราพวกมันมีความรู้สึกกันบ้างไหมนะ?? ใครหลายคนอาจจะคิดว่าสัตว์ต่างๆ ก็มีความรู้สึกเหมือนกันหากดูจาก บุคลิกที่แตกต่างกันของสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเรื่องนี้ก็มีการถกเถียงกันมาหลายทศวรรษด้วยคำถามที่ว่า กิริยาท่าทางต่างๆ ที่สัตว์แสดงออกมามันออกมาจากความรู้สึกภายในของมันใช่หรือไม่   ทดสอบเรื่องของแพะๆ   ในศตวรรษที่ 17 ได้มีนักปรัชญาชื่อว่า René Descartes ศึกษาเกี่ยวกับประเด็นความรู้สึกของสัตว์ และได้ออกมายืนยันว่าสัตว์ทั้งหลายต่างไม่มีความรู้สึกอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกทางด้านกายภาพอย่างการเจ็บ การปวด หรือความรู้สึกภายในอย่าง ความเศร้าเสียใจ ดีใจ ความรู้สึกเช่นนี้จะมีแต่ในตัวมนุษย์เท่านั้น แต่การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ได้แสดงให้เห็นว่าความเชื่อเหล่านั้นเป็นความเชื่อที่ผิด โดยพวกเขาใช้แพะซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในการทดลอง การทดลองต่างๆ แสดงให้เห็นว่าแพะนั้นสามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างหลากหลายในสถานการณ์ที่กำหนดให้ วิธีการทดลองก็คือ นักวิจัยจะลองเรียกแพะเข้ามาใกล้ๆ และมันก็เข้ามาหานักวิจัยจริงๆ เพราะว่าพวกมันหวังว่าจะได้อาหารเหมือนที่เคยได้ แต่เมื่อไม่มีรางวัลให้แก่มันแล้ว มันก็ดูเศร้าๆ และผิดหวังเล็กน้อย ซึ่งนอกจากการดูอารมณ์ของมันแล้ว นักวิจัยยังได้ศึกษาเรื่องภาษากายของแพะ การวัดอัตราการเต้นของหัวใจเพื่อเปรียบเทียบกับอารมณ์ในตอนที่เรียกมันเข้ามาหา นอกจากนี้พวกเขายังใช้ความถี่ของเสียงในการวิเคราะห์ด้วย   การทดลองความรู้สึกของม้า   นอกจากแพะแล้ว ม้าก็เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่มีอารมณ์หลากหลาย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร เพราะว่าม้าเป็นสัตว์ที่ชอบเข้าสังคมอยู่แล้ว โดยพวกมันมักจะมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับตัวอื่นๆ ในฝูง…

  • Anthony Senerchia Jr. ชายผู้ริเริ่มให้เกิด Ice Bucket Challenge เสียชีวิตแล้วในวัย 46 ปี

    Anthony Senerchia Jr. ชายผู้ริเริ่มให้เกิด Ice Bucket Challenge เสียชีวิตแล้วในวัย 46 ปี

    หลายคนคงจำกระแสไวรัลการกุศลที่เล่นกันอย่างสนุกเมื่อปี 2014 อย่าง ALS Ice Bucket Challenge กันได้ แต่ทว่าผู้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดกระแสดังกล่าวขึ้นได้เสียชีวิตลงแล้วในวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ด้วยวัยเพียงแค่ 46 ปี… Anthony Senerchia Jr ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเขาป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งนั่นทำให้เขาไม่สามารถใช้ร่างกายส่วนบนใดๆ ได้เลยทั้งการจับช้อน การเคี้ยวอาหารหรือแม้กระทั่งการเอ่ยวาจา เขาได้รับการป้อนอาหารผ่านทางสายยาง และต้องมีภรรยาเคียงข้างเขาในทุกก้าวของชีวิต     ในปี 2014 เขาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจที่อยู่เบื้องหลังให้ใครหลายคนทำกิจกรรม Ice Bucket ซึ่งนั่นได้ก่อให้เกิดเป็นกองทุนสำหรับการรักษาโรค ALS ที่เขาเป็นอยู่นี้ โดยกิจกรรม Ice Bucket Challenge นี้ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว มีคนดังร่วมกิจกรรมหลายคนทั้ง Mark Zuckerberg, Tom Cruise และ Robert Downey Jr. รวมถึงคนทั่วโลกหลายร้อยหลายพันคนเลยทีเดียว   Mark Zuckerberg ก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน   จุดเริ่มต้นของโครงการนี้มาจากภรรยาของ Senerchia ที่ได้ชักชวนเพื่อนของเธอ 3 คนให้ทำกิจกรรมดังกล่าว หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็ได้ขยายออกไปเป็นวงกว้าง…

  • รูปหล่อโฉมใหม่ของ ‘คริสเตียโน่ โรนัลโด้’ ที่คราวนี้เหมือนจริงกว่าเดิมเยอะ!!

    รูปหล่อโฉมใหม่ของ ‘คริสเตียโน่ โรนัลโด้’ ที่คราวนี้เหมือนจริงกว่าเดิมเยอะ!!

    เมื่อประมาณปีที่แล้ว ได้มีข่าวการหล่อรูปปั้นของ Cristiano Ronaldo ยอดนักฟุตบอลชาวโปรตุเกส ในสนามบินบนเกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส เนื่องจากเขาได้นำเงินมาพัฒนาบ้านเกิดจนกลายมาเป็นขวัญใจประจำคนท้องถิ่น แต่ทว่ารูปหล่ออันนั้นกลับกลายมาเป็นรูปที่สุดฮาบนโลกอินเทอร์เน็ต เพราะว่ามันดูเหมือน Ronaldo ที่ใบหน้าบิดเบี้ยวไปหน่อยและมีใบหน้าที่เปื้อนยิ้มแบบเห่ยๆ   เหมือนป่ะล่ะ 5555+   มาในตอนนี้เขาก็ได้มีรูปหล่อขึ้นมาใหม่อีกแล้ว โดยงานครั้งนี้ได้สร้างสรรค์ขึ้นมาโดย Jose Antonio Navarro ช่างปั้นวัย 52 ปีที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความเก่งกาจของกองหน้าชาวโปรตุกีสรายนี้ โดยรูปหล่ออันใหม่นี้จะตั้งอยู่หน้าสนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว สนามเหย้าของทีมเรอัล มาดริด ต้นสโมสรสังกัดของเขา ซึ่งข้อมูลโดยทั่วไปของรูปหล่อก็คือทำมาจากทองแดง มีความสูง 90 เซนติเมตรและหนักประมาณ 60 กิโลกรัม   ไมยิ้มงี้อ่ะ จารย์โด้   สำหรับหน้าตาของเขาจะฮาเหมือนกับรูปหล่อในสนามบินที่บ้านของเขาไหม อันนี้เหมียวต้องขออุบไว้ก่อน แล้วให้เพื่อนๆ มาตัดสินกันเองละกันว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน   โอ้โห ลุคใหม่มาอย่างเข้ม   กลับมาเท่เหมือนตัวจริงแล้ว   แฟนบอลจากทั่วโลกบอกว่ารูปหล่ออันนี้ เฟี้ยวฟ้าวกว่าเดิมเยอะ   เพื่อนๆ ชอบโดโด้ในสไตล์ไหนมากกว่ากันนะ…   เพื่อนๆ ว่าไงกันบ้างครับ ขอเสียงแฟนโดโด้ซังหน่อยเร็วว  …

  • อดีตรัฐมนตรีไนจีเรียเผยด้านมืดขบวนการค้ามนุษย์ในแอฟริกัน ทั้งการขโมยอวัยวะและเผาทั้งเป็น

    อดีตรัฐมนตรีไนจีเรียเผยด้านมืดขบวนการค้ามนุษย์ในแอฟริกัน ทั้งการขโมยอวัยวะและเผาทั้งเป็น

    ในอดีตเรามักจะได้ยินเรื่องราวความโหดร้ายที่ปฏิบัติต่อชนชั้นที่เรียกว่า ‘ทาส’ แต่รู้หรือไม่ว่าในปัจจุบันแม้ว่าจะมีการเลิกทาสในประเทศต่างๆ แล้ว แต่ในบางประเทศก็มีการปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยความทารุณที่ไม่แตกต่างกันเลย Femi Fani-Kayode อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการบินของประเทศไนจีเรีย ออกมาเปิดเผยว่ากว่า 75% ของอวัยวะที่ซื้อขายกันในแอฟริกาเหนือมาจากผู้อพยพและผู้ลี้ภัยในประเทศของเขา และหลังจากที่คนเหล่านั้นถูกควักอวัยวะออกจนหมดแล้วแล้วก็จะถูกนำไปเผาทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน   Femi Fani-Kayode อดีตรัฐมนตรีของประเทศไนจีเรีย   “การเผาทั้งเป็น คือสิ่งที่ชาวลิเบียทำกับชาวแอฟริกาใต้สะฮารา นอกจากนี้พวกเขาบางส่วนยังถูกขายไปเป็นแรงงานทาส ซึ่งบางคนก็ถูกฆ่าเพื่อเอาอวัยวะไปขาย บางคนก็ต้องใช้แรงงานไปจนกว่าจะตาย” Femi กล่าว Fani-Kayode เขียนเรื่องราวเหล่านี้ในทวิตเตอร์ของเขา โดยเขาได้พูดถึงเหตุการณ์การโค่นล้มอำนาจประธานาธิบดี  Muammar Gaddafi  รวมถึงการกล่าวโจมตีประธานาธิบดี Muhammadu Buhari ของประเทศไนจีเรีย ที่ทำเป็นนิ่งเฉยเกี่ยวกับเรื่องนี้   ภาพการอพยพผู้ลี้ภัยบางส่วนจากประเทศลิเบียที่ได้รับการช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป   และเรื่องน่าตกใจอีกอย่างหนึ่ง เกี่ยวกับการซื้อขายผู้อพยพและผู้ลี้ภัยที่เป็นเหยื่อของการกระทำดังกล่าวก็คือ ชีวิตของพวกเขาหนึ่งคนมีค่าแค่เพียง 665 ปอนด์(ประมาณ 29,000 บาท) เท่านั้นเอง ประเทศลิเบียกลายเป็นดั่งขุมนรกบนดิน หลังจากที่ประธานาธิบดี  Gaddafi ถูกโค่นล้มไปเมื่อปี 2011 จนทำให้ประชาชนในประเทศต่างหาทางอพยพไปยังประเทศอื่นเพื่อหาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า บางคนยังต้องตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์อยู่   ในตอนนี้ยังมีผู้อพยพอีกมากในประเทศลิเบีย และส่วนมากมาจากตอนใต้ของประเทศแอฟริกาที่ยังรอคอยความหวังจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่สิ่งแรกที่พวกเขาอยากได้มากที่สุดในตอนนี้ ก็คือการออกจากประเทศลิเบียและไปตั้งต้นใหม่ที่อีกฟากหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน   ที่มา: dailymail

  • พยายามขั้นสุด!! สองหนุ่มพบกระเป๋าตังอายุกว่า 70 ปีและพยายามจะคืนให้กับเจ้าของให้ได้

    พยายามขั้นสุด!! สองหนุ่มพบกระเป๋าตังอายุกว่า 70 ปีและพยายามจะคืนให้กับเจ้าของให้ได้

    เวลากระเป๋าเงินหายช่างเป็นอะไรที่ดูจะโลกแตกมาก เพราะนอกจากเราจะสูญเสียเงินในกระเป๋าไปแล้ว เรายังเสียหลักฐานสำคัญๆ อย่างบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ไปอีก ซึ่ง Larry Sloan ก็ได้เข้าใจถึงปัญหานี้เป็นอย่างดี และพยายามจะตามหาเจ้าของกระเป๋าตังที่เขาเจอ แม้ว่าจะช้าไป 71 ปีก็ตาม Larry Sloan เป็นเจ้าของละครชื่อว่า Talent Factory ในรัฐไอโอว่า ได้เจอกระเป๋าตังใบหนึ่งระหว่างที่เขากำลังสำรวจพื้นที่เพื่อจะปรับปรุงโรงละครดังกล่าว โดยเขาพบกระเป๋าใบนี้บนชั้นสามของโรงละครในสภาพที่โทรมสุดๆ   เขาและเพื่อนได้ถือวิสาสะเปิดดูสิ่งของภายใน เพื่อจะตามหาเจ้าของแล้วคืนให้คนนั้นให้ได้   สิ่งที่เขาค้นพบสิ่งแรกแทบจะทำให้เขาช็อก เพราะว่าเขาพบแสตมป์แลกอาหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเขาและเพื่อนแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะมีโอกาสได้เห็นของหายากเช่นนี้ และนั่นทำให้พวกเขาดำเนินการค้นหาของต่อไป เพราะเชื่อว่าต้องมีของแปลกๆ ภายในกระเป๋าใบนี้อีกแน่นอน     ของชิ้นต่อไปที่สองหนุ่มคนนี้ได้พบก็คือ การ์ดลูกเสือที่มีสภาพไม่สมบูรณ์นัก ซึ่งหากดูจากรูปภาพคงจะสันนิษฐานได้ไม่ยากว่า มันไม่ใช่รูปภาพที่ใช้กันในปัจจุบันแน่นอน มันอาจจะมาจากยุคก่อนในสมัยที่เจ้าของยังเป็นลูกเสืออยู่ก็เป็นได้   นอกจากนี้เมื่อค้นไปเรื่อยๆ เขาก็พบรูปภาพเก่าของครอบครัวหนึ่งที่มองเห็นรูปได้ไม่ชัดนัก และรูปภาพนี้ได้ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับพวกเขายิ่งขึ้นไปอีกว่าเจ้าของกระเป๋าเงินใบนี้เป็นใครกันแน่ ซึ่งของชิ้นต่อไปที่พวกเขาได้พบจะสามารถไขข้อข้องใจให้กับพวกเขาได้ในที่สุด     และของสิ่งนั้นก็คือปฏิทินแบบพกพาที่ดูเลือนลาง แต่ก็ยังพอสามารถจะเห็นปีที่อยู่บนปฏิทินใบนี้ ซึ่งปรากฏว่ามันปีที่ปรากฏบนปฏิทินใบนั้นเป็นปี 1944!! นั่นจึงหมายความว่ากระเป๋าเงินใบนี้มีอายุมากกว่า 70 ปีเลยทีเดียว และเจ้าของกระเป๋าใบนี้อาจจะทำหายตั้งแต่สมัยเป็นเด็กอยู่ก็เป็นได้     ตอนนี้ Larry และเพื่อนของเขาก็ได้รู้อายุของกระเป๋าตังใบนี้แล้ว…

  • สาวญี่ปุ่นโดนจับหลังขโมยอนิเมะมูลค่า 30,000 บาท ของแฟนหนุ่มที่อาศัยอยู่ด้วยกันไปขาย

    สาวญี่ปุ่นโดนจับหลังขโมยอนิเมะมูลค่า 30,000 บาท ของแฟนหนุ่มที่อาศัยอยู่ด้วยกันไปขาย

    งานอดิเรกของคนเรานั้นก็มีอยู่หลายอย่าง อาทิ เล่นดนตรี ดูภาพยนตร์ ออกกำลังกาย หรือกระทั่งสะสมสิ่งของต่างๆซึ่งก็คงเป็นเรื่องที่ดีหากคนที่เราอยู่ด้วยเห็นคุณค่าในงานอดิเรกของเรา แต่คงไม่ใช่เห็นเป็นเงินเหมือนกับเหตุการณ์นี้ ที่มีสาวคนหนึ่งขโมยคอลเลคชั่นสะสมของแฟนหนุ่มไปขายแล้วได้เงินไปกว่า 30,000 บาท!!! เรื่องราวนี้ได้รับการเปิดเผยจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ยูสเซอร์หนึ่งนามว่า @wkkazuya โดยเขาเล่าว่า เขาเป็นชายญี่ปุ่นอายุ 49 ปีที่คบหากับสาวอายุ 23 ปีคนหนึ่ง ในเริ่มแรกพวกเขาอาศัยอยู่คนละสถานที่กัน โดยเธอคนนั้นอาศัยอยู่ในหอพักของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ ทว่าในภายหลังเธอได้ลาออกจากงาน นั่นจึงเป็นเหตุให้เธอต้องออกจากหอพักนั้นด้วย และในที่สุดเธอจึงตัดสินใจย้ายมาอาศัยอยู่กับเขาในจังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น   ใจแทบสลาย หายไปไหนหว่า??   หนุ่มรายนี้ได้บอกว่า งานอดิเรกของเขาคือการสะสมโมเดลการ์ตูนต่างๆ เพราะว่าเขาเป็นแฟนอนิเมะตัวยง ดังนั้นที่บ้านของเขาจึงเต็มไปด้วยแผ่นการ์ตูนมากมายทั้งแบบ DVD, Blu-ray รวมไปถึงโมเดลหายากที่มีมูลค่าสูง และอยู่มาวันหนึ่งก็เกิดเรื่องที่ทำให้ใจเขาแทบสลายเพราะว่ามันมีสิ่งของบางอย่างหายไปจากชั้นสะสมของเขา ด้วยความที่บ้านของเขานั้นไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน ชายคนดังกล่าวจึงได้สงสัยว่าต้องเป็นแฟนสาวของเขาแน่นอนที่อยู่เบื้องหลังการหายไปของชุดสะสมสุดรักของเขา เขาจึงได้ไปแจ้งตำรวจเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา   ทำไมถึงทำกับฉันด้ายย   โดยในตอนแรก สาวคนนี้อ้างว่าเพื่อนของเธอเป็นคนขโมยของเหล่านี้ไป แต่เมื่อสอบสวนไปเรื่อยๆ เธอก็ให้รับสารภาพว่า เธอเป็นคนขโมยคอลเลคชั่นเหล่านั้นเอง แล้วนำไปขายที่ร้านรับซื้อสินค้าอนิเมะมือสองที่ชื่อว่า Geo จนได้เงินไปกว่า 90,000 เยน(30,000 บาท) ซึ่งเธอได้ออกมาบอกในภายหลังว่า “ฉันไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว…

  • เมื่อเมีย Trump ตกแต่งทำเนียบขาวต้อนรับวันคริสมาสต์สุดสยอง ชาวเน็ตเลยให้มันดีขึ้น

    เมื่อเมีย Trump ตกแต่งทำเนียบขาวต้อนรับวันคริสมาสต์สุดสยอง ชาวเน็ตเลยให้มันดีขึ้น

    ใกล้เข้าไปมาแล้วในปีนี้ สำหรับเทศกาลคริสต์มาสที่จะจัดขึ้นในทุกวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเทศกาลคริสต์มาส เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ และเมื่อถึงวันดังกล่าวพวกเขาก็จะมีการดื่มกินกันอย่างเต็มที่ เพื่อเฉลิมฉลองให้แก่ช่วงเวลาแห่งความสุข รวมทั้งยังมีการประดับประดาสถานที่ต่างๆ ให้เข้ากับบรรยากาศด้วย แน่นอนเมื่อทุกที่มีการตกแต่งต้อนรับเทศกาลสุดหรรษานี้ มีหรือที่ระดับสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของโลกอย่าง Melania Trump จะไม่เอากับเขาด้วย โดยในปีนี้เธอได้เริ่มตกแต่งทำเนียบขาวของประเทศสหรัฐอเมริกาในบริเวณต่างๆ ให้ออกมาอยู่ในธีมคริสต์มาส แต่ว่าได้มีรูปภาพหนึ่งที่มาจากทวิตเตอร์ของ Stephanie Grisham ผู้ดูแลด้านการสื่อสารของเธอ เผยออกมาให้เห็นถึงทางเดินแห่งหนึ่งภายในทำเนียบขาวที่ตกแต่งในบรรยากาศชวนหลอน ดูแล้วให้อารมณ์ขวัญผวาคล้ายกับฉากสยองขวัญในภาพยนตร์     ภาพต้นฉบับ เผยให้เห็นถึงทางเดินที่มีไฟสีขาวดูแล้วให้อารมณ์หม่นๆ     งานนี้ชาวเน็ตเลยนำมาวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา แล้วก็นำมาตัดต่อเป็นภาพล้อเลียนสุดฮาซะเลย ไม่รู้ว่าถ้า Melania มาเห็นเข้าก็เธอจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ ที่ชาวเน็ตให้ความสำคัญกับการตกแต่งทำเนียบขาวของเธอแบบนี้   ภาพต่างๆ ที่ชาวเน็ตนำมาล้อเลียนอย่างภาพนี้   ไปเลยเจ้าหนูทรัมป์   ซิธยังมาเยือนทำเนียบ   หนาว ฉันหนาวเหลือเกินพี่ขา   ท่านพ่อมด ช่วยปรับปรุงสถานที่นี้ด้วยเถิด   เอาผู้คุมวิญญาณมาเพิ่มก็เข้ากับบรรยากาศดีนะ   มันจะดูสวยขึ้นมากถ้าเพิ่ม บาบาดุ๊คเข้าไป   ทำเป็นปกซีรีส์ก็เหมาะเหม็ง  …