WHO ผลักดันให้ “กัญชา” ถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรค และไม่ควรจัดเป็น “ยาเสพติดควบคุม”

สิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ล้วนแล้วก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย และพืชที่เรียกว่า ‘กัญชา’ ก็เช่นกัน หลายคนอาจจะเห็นว่ามันเป็นสารเสพติดประเภทหนึ่งที่มีแต่โทษ แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วกัญชาก็มีประโยชน์ในวงการแพทย์เช่นเดียวกัน

ในตอนนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ออกมาให้คำแนะนำว่า กัญชาที่ใช้ในทางการแพทย์ไม่ควรจัดอยู่ในกลุ่มสารเสพติดควบคุมเหมือนที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ เพราะว่าการนำออกมาใช้เป็นไปได้ยากและต้องทำหนังสือขออนุญาต

 

 

ทั้งนี้สารเสพติดควบคุมคือสารต่างๆ ที่อยู่ในยาเสพติดหลายประเภท ซึ่งก็มีทั้ง เมทแอมเฟตามีน โคเคน เมทาโดน และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก โดยสารเหล่านี้จะถูกจำแนกตามความรุนแรงและสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท

ด้วยความที่ในตัวของกัญชามีสารที่ทำให้ผ่อนคลาย ทำให้มันสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์ได้ และควรนำออกมาจากกลุ่มสารเสพติดควบคุม แต่ควรเอาออกมาเพียงสารสกัดที่เรียกว่า Cannabidiol (CBD) เพื่อใช้ในวงการแพทย์เท่านั้น

 

 

รายงานขององค์กรฉบับนี้กล่าวยืนยันเอาไว้ว่า CBD ไม่สามารถนำไปใช้งานในทางที่ไม่ดี เพราะว่าเฉพาะสารดังกล่าว มันไม่สามารถนำไปใช้เป็นสารเสพติดได้

คุณสมบัติของสารชนิดนี้จะสามารถช่วยรักษาผู้ป่วยบางโรคได้อย่างเช่น โรคลมบ้าหมู และใช้สำหรับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคองนั่นเอง

“มีความสนใจเพิ่มขึ้นจากประเทศที่เป็นสมาชิก ในการใช้กัญชาเพื่อการรักษาในการแพทย์ รวมถึงใช้สำหรับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง

และในตอนนี้องค์การอนามัยโลกก็มีการรวบรวมหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ซึ่งมีความแข็งแรงมากพอเกี่ยวกับการใช้กัญชาในทางการแพทย์รวมถึงผลข้างเคียงของการใช้ด้วย” ตามข้อมูลที่กล่าวไว้ในรายงาน

 

 

นอกจากนี้พวกเขายังได้กล่าวอีกว่า หลักฐานล่าสุดจากการศึกษาในสัตว์และมนุษย์แสดงให้เห็นว่าการใช้สาร CBD อาจสามารถบำบัดอาการบางอย่างของโรคลมบ้าหมู รวมถึงโรคที่ใกล้เคียงกันได้ และการใช้สารดังกล่าวจะไม่นำไปสู่การติดสาร THC ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการทางจิตที่อยู่ในกัญชา

โดยในปี 2018 ที่จะถึงนี้องค์การอนามัยโลกจะเดินหน้าศึกษาเรื่องของกัญชาอย่างเต็มที่ เพื่อประเมินเรื่องต่างๆ ที่จะตามมาทั้งเรื่องของสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เรื่องผลกระทบต่อจิตใจ และอุตสาหกรรมที่จะมารองรับการผลิตสารดังกล่าว

ที่มา: ladbible

Comments

Leave a Reply