พาทัวร์ “หมู่บ้านโลกาวินาศ” ชุมชนหลุมหลบภัยวันสิ้นโลกและที่สำคัญราคาไม่ถึงล้าน!!

ด้วยปัญหาต่างๆ ในโลกที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นมากมาย ทั้งสงครามนิวเคลียร์ ภาวะสิ่งแวดล้อมต่างๆ อีกทั้งยังต้องมาหวาดระแวงกับซอมบี้ที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่อีก ทำให้หลายคนกังวลถึงวันสิ้นโลกตามคำทำนายต่างๆ ว่าอาจมีขึ้นเร็วๆ นี้ ทำให้บริษัทแห่งหนึ่งได้สร้างบังเกอร์หลบภัยสำหรับเตรียมพร้อมกับวันสิ้นโลกขึ้นมาแล้ว

บริษัทดังกล่าวมีชื่อว่า Vivos Group ซึ่งพวกเขาได้สร้างดินแดนสำหรับหลบภัยเอาไว้ภายใต้โปรเจกต์ชื่อว่า Vivo xPoint โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างขึ้นสำหรับผู้ที่หวาดระแวงและมีความเชื่อว่าวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึงนั่นเอง

 

นี่ต้องเป็นสถานที่ที่คุณอยากมาอยู่ที่สุด เมื่อเกิดวันโลกาวินาศขึ้น

 

Vivo xPoint เป็นชุมชนหลบภัยขนาดใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ โดยหมู่บ้านแห่งนี้มีบ้านเพียงพอสำหรับคน 5,000 คนและด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงของมัน ทำให้บังเกอร์แต่ละหลังสามารถทนรับแรงระเบิดจากหัวจรวดนิวเคลียร์ที่มีน้ำหนัก 250 ตัน ได้แบบสบายๆ และไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด

Robert Vicino เจ้าของบริษัท Vivos Group กล่าวว่าพวกเขาเปิดบังเกอร์ต่างๆ ให้เข้าเยี่ยมชมมาตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ปี 2017 แล้วและในตอนนี้ก็มีผู้ซื้อไปแล้วจำนวนมาก ซึ่งราคาแต่ละหลังจะอยู่ที่ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 814,000 บาท) เท่านั้นเอง

 

บังเกอร์กว่า 575 หลังที่สร้างจากคอนกรีตแข็งรวมถึงเหล็กกล้าสุดแข็งแกร่งด้วย

 

แม้ว่าในตอนนี้ยังไม่มีใครย้ายเข้าไปอยู่ที่บังเกอร์จริงๆ แต่คนที่ซื้อไปก็เริ่มมีการตกแต่งภายในบ้านของแต่ละคน เพื่อให้มีความพร้อมเมื่อจะเข้ามาอยู่จริงๆ และยังได้สร้างความมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตรอดผ่านวันโลกาวินาศไปได้นั่นเอง

 

หลุมหลบภัยนี้ตั้งอยู่ที่รัฐเซาท์ดาโคตา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแต่เดิมนั้นใช้เป็นฐานทัพของทหาร อีกทั้งยังเป็นที่เก็บระเบิดและเครื่องกระสุนต่างๆ

 

จากนั้นในปี 1967 ฐานทัพนี้ก็ถูกเลิกใช้งานและถูกทิ้งร้าง บริษัท Vivos Group จึงเข้ามารับช่วงต่อในปี 2016 และเปลี่ยนที่นี่ให้เป็นชุมชนสำหรับหลบภัย

 

บังเกอร์แต่ละหลังจะมีความกว้างอยู่ที่ 7.9 เมตร แต่จะมีความยาวให้เลือกใช้สอยระหว่าง 18 เมตรและ 24 เมตร

 

ภายในบังเกอร์นี้มีระบบน้ำประปาให้ใช้ แต่จะไม่มีระบบไฟฟ้าและการกรองอากาศให้ แต่ผู้ซื้อสามารถติดตั้งได้ภายหลัง

 

และนี่คือห้องตัวอย่างที่พวกเขาได้ใส่สิ่งอำนวยความสะดวก 10 อย่างลงไป และที่โดดเด่นก็คือพวกเขาใช้จอ LED แทนที่หน้าต่างนั่นเอง

 

ผังการออกแบบที่ทำให้เราได้เห็นว่าภายในบังเกอร์แห่งนี้ สามารถสร้างห้องนอนได้ถึง 3 ห้องอีกทั้งยังมีห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ และห้องดูหนังอีกด้วย

 

นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกแล้ว ที่นี่ยังมีพนักงานที่คอยรักษาความปลอดภัย ช่างซ่อมบำรุง และการช่วยเหลืออื่นๆ ให้บริการอีกด้วย

 

Vivos มีแผนที่จะเปลี่ยนบังเกอร์ต่างๆ ไปเป็นโรงเรียน โบสถ์ คลินิก และสิ่งอื่นๆ ที่จะทำให้ที่นี่กลายเป็นชุมชนที่ครบวงจรในอนาคต

 

และหากใครที่ยังไม่ต้องการซื้อแต่อยากเช่าแทน ที่นี่ก็มีสัญญาเช่ารองรับ โดยพวกเขามีสัญญาสำหรับ 99 ปีโดยแต่ละปีจะมีค่าเช่า 1,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 32,000 บาท)

 

หากใครกลัวว่าวันสิ้นโลกจะมาถึงแล้วก็ไปอยู่กันได้เลย

 

หลายคนเต็มใจที่จะจ่าย เพราะที่นี่เป็นสถานที่แสนจะสงบสุข ซึ่งคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปอย่างแน่นอน

 

ที่มา: businessinsider

Comments

Leave a Reply