Category: ข่าวคราวรอบโลก

  • สาวกินอาหารใน “ถังขยะ” เป็นเวลา 4 ปีเก็บเงินได้เกือบ 1 ล้านบาท ซื้อบ้านได้หนึ่งหลัง!!

    สาวกินอาหารใน “ถังขยะ” เป็นเวลา 4 ปีเก็บเงินได้เกือบ 1 ล้านบาท ซื้อบ้านได้หนึ่งหลัง!!

    คนเก็บขยะขายหรือคุ้ยขยะกินที่เราเห็นคือ เขาอาจจะเป็นคนที่ไม่สามารถหาซื้อกับข้าวกินได้อย่างปกติ อาจเพราะกำลังทรัพย์ที่มีไม่เพียงพอ แต่สำหรับเธอคนนี้นั้นมีหน้าที่การงานทำตามปกติ แต่กลับเลือกที่จะเก็บเงินจากการหาของกินในถังขยะซะอย่างนั้น พยาบาลสาววัย 34 ปีที่มีชื่อว่า Mel Humphreys ที่เลือกที่จะคุ้ยขยะหาของกินในทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 – 4 วันเพื่อจะได้ประหยัดค่าอาหารของเธอให้เหลือเพียงอาทิตย์ละประมาณ 1,300 บาทจากเมื่อก่อนที่ใช้ประมาณ 6 พันบาท   .   จุดเริ่มต้นนั้นเริ่มมาจากเมื่อ 4 ปีก่อนที่เธอได้เริ่มที่จะมองหาของกินจากถังขยะหลังร้านค้าในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย จนทำให้เธอต้องประหลาดใจกับสิ่งที่ได้เจอเพราะมันเต็มไปด้วยอาหารที่สามารถนำกลับบ้านไปรับประทานได้ จนเธอถึงกับบอกว่า 3 ใน 4 ของอาหารทั้งหมดที่เธอกินนั้นล้วนมาจากถังขยะทั้งสิ้น   .   จากตรงนั้นจึงทำให้เธอไม่จำเป็นต้องซื้อของตามร้านค้าหรือลังเลที่จะทำมัน เพราะเธอรู้ดีว่าหากเธอรออีกสักหน่อยก็จะสามารถไปเจอมันได้ในถังขยะแบบฟรีๆ และการทำอย่างนั้นก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายของเธอที่ส่วนใหญ่นั้นก็มาจากการกิน และทำให้เธอคิดขึ้นมาว่าต้องหมดเงินไปเท่าไหร่แล้วกับค่าอาหารที่ผ่านมาทั้งหมด   .   ในปัจจุบันจะมีถังขยะอยู่สี่จุดที่เธอจะไปเป็นประจำสัปดาห์ละสามครั้ง ซึ่งจะอยู่ตามซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ บริษัทอาหาร หรือร้านเบเกอรี่เล็กๆ ทั่วไป และเธอก็จะได้เจออาหารเยอะมากตามภาพที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่ม ชีส ผัก หรือเนื้อ เป็นต้น แน่นอนว่าเมื่อเธอได้วัตถุดิบมาแล้วก็จะนำมาประกอบอาหารแต่เธอคิดว่าการที่เธอเจอมาเยอะแยะขนาดนี้นั้น เธอก็อยากที่จะแบ่งปันให้คนรอบข้างของเธอได้กินอาหารอร่อยๆ…

  • หญิงชราวัย 89 ปี ผู้รอดสงคราม ถือป้ายต่อต้าน ‘ลัทธินาซี’ จากความวุ่นวายใน Charlotteville

    หญิงชราวัย 89 ปี ผู้รอดสงคราม ถือป้ายต่อต้าน ‘ลัทธินาซี’ จากความวุ่นวายใน Charlotteville

    เรียกได้ว่าตอนนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Charlottesville เมื่อวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2017 ดูจะเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่ถูกจับตามองไปทั่วโลก เพราะนี่เป็นการประท้วงครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเลยก็ว่าได้… โดยในเหตุการณ์นี้มีทั้งกลุ่มของผู้มีความชิงชังด้านผิวสีชาติพันธุ์ กลุ่มชาตินิยมฝ่ายขวา ร่วมกับกลุ่มลัทธินิยมนาซี รวมตัวกันเป็นเป็นกลุ่มใหญ่ “Unite the Right” เข้าปะทะกับฝ่ายต่อต้าน ในประเด็นของการขับไล่ผู้คนที่มีความคิดต่างและไม่ใช่ชนชาติอเมริกัน   ในเหตุการณ์ชุมนุม มีการขับรถชนผู้ชุมนุมจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 19 ราย   แม้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเรียกร้องให้ ‘ทุกฝ่าย’ หยุดสร้างความเกลียดชังใส่กัน ทว่าคำพูดของเขาก็ยังเป็นประเด็นอยู่   ในเมื่อไม่มีการกล่าวโทษฝ่าย White Supremacist (กลุ่มลัทธินิยมคนขาว) ซึ่งเป็นฝ่ายเริ่มเรื่องอย่างจริงจัง และการก่อจลาจลก็ยังคงดำเนินต่อไป ทว่าท่ามกลางเหตุการณ์ชุมนุมที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ทีมข่าวของ CNN (Seth Lemon) ก็สามารถจับภาพของหญิงชราวัย 89 ปี ที่ออกมาต่อต้านการชุมนุมแห่งความเกลียดชังในครั้งนี้ด้วยป้ายที่เขียนระบุไว้ว่า   “ครั้งหนึ่งฉันเคยหนีออกจากค่ายกักกันนาซีมาแล้ว และพวกคุณก็ไม่มีวันที่ทำแบบนั้นได้อีก”   เมื่อทีมข่าว CNN เข้าไปขอสัมภาษณ์…

  • ให้สุดยอดช่างภาพของนิวยอร์ก 4 คน ถ่ายภาพนางแบบคนเดียวกัน นี่คือผลงานของพวกเขา

    ให้สุดยอดช่างภาพของนิวยอร์ก 4 คน ถ่ายภาพนางแบบคนเดียวกัน นี่คือผลงานของพวกเขา

    การถ่ายรูปถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ต้องอาศัยการมีความคิดสร้างสรรค์ ประสบการณ์ และความสามารถ เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกและอารมณ์ผ่านภาพถ่ายเหล่านั้น แต่ก็อย่างที่รู้ว่าเมื่อก้าวขึ้นเป็นช่างภาพมืออาชีพแล้ว แต่ละคนมักจะมีผลงานที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน จึงไม่แปลกที่จะถ่ายทอดภาพเดียวกันแต่สื่ออารมณ์ต่างกัน ทางเว็บไซต์ petapixel ได้นำเสนอผลงานของสุดยอดช่างภาพมืออาชีพของนิวยอร์ก 4 คน ได้แก่  Joey L Dani Diamond Brandon Woelfel และ Jessica Kobeissi     ทั้ง 4 คนนี้เป็นช่างภาพชื่อดังที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งแต่ละคนนั้นมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมเป็นจำนวนมาก อย่าง Woelfel มีผู้ติดตามอยู่ 1.3 ล้านคน สำหรับโปรเจกต์นี้ช่างภาพทั้ง 4 คน จะได้ถ่ายภาพนางแบบคนเดียวกัน คือ Charlotte McKee โดยช่างภาพแต่ละคนจะมีสิทธิ์เลือกชุดได้ 1 ชุด สถานที่ได้ 1 แห่ง และมีเวลาในการถ่ายรูป 3 นาที ต่อหนึ่งภาพ สำหรับกล้องที่ช่างภาพแต่ละคนเลือกใช้ จะแตกต่างกันตามความถนัด Joey L Dani ใช้กล้อง Phase One XF เลนส์ IQ250 Kobeissi ใช้กล้อง Canon 5D Mark III เลนส์ 50mm f/1.2 ขณะที่ Diamond ใช้กล้อง Nikon…

  • หนุ่มดาวน์ซินโดรมได้รับเงินชดเชย 430,000 บาท หลังถูกสภาท้องถิ่นสั่งห้ามมีเซ็กส์กับภรรยา

    หนุ่มดาวน์ซินโดรมได้รับเงินชดเชย 430,000 บาท หลังถูกสภาท้องถิ่นสั่งห้ามมีเซ็กส์กับภรรยา

    ไม่ว่าจะเกิดมาในสถานภาพไหนก็ตาม เราทุกคนล้วนมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกัน แต่สำหรับคนที่ไปจำกัดเสรีภาพของคนอื่น ถือว่าเป็นการไปล่วงเกินเขา และนี่คือเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ถูกสภาท้องถิ่นสั่งห้ามไม่ให้มีเซ็กส์กับภรรยาของเขา เพียงเพราะเขาเกิดมาเป็นดาวน์ซินโดรม หนุ่มดาวน์ซินโดรมกับภรรยาได้แต่งงานกันมา 5 ปี ทั้งคู่มีเซ็กส์กันเหมือนคู่รักทั่วไป แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อสภาท้องถิ่นทราบเรื่องนี้ พวกเขาก็ส่งจดหมายให้ทั้งคู่ในปี 2015     ในจดหมายของสภาท้องถิ่นระบุว่า ห้ามทั้งคู่มีเพศสัมพันธ์กัน เนื่องจากคนที่เป็นดาวน์ซินโดรมจำเป็นต้องได้รับการศึกษาเรื่องเพศก่อน แม้พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง แต่คอร์สเรียนที่ว่ามีความล่าช้าไปเป็นปีๆ ซึ่งตลอดเวลานี้คู่สามีภรรยาต้องจำใจนอนแยกกันทุกคืน สร้างความปวดใจให้พวกเขาเป็นอย่างมาก ต่อมาทางนักจิตวิทยาได้ออกมาบอกว่า พวกเขาสามารถมีเซ็กส์กันได้ตามปกติ แม้ฝ่ายชายจะเป็นดาวน์ซินโดรม นั่นไม่ได้หมายความว่าจะมีเซ็กส์ไม่ได้ นอกจากนี้พวกเขายังบอกอีกว่า นี่เป็นคดีที่ค่อนข้างแปลกๆ มันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้     เรื่องนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และมีการเรียกร้องให้เปิดเผยข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามสื่อไม่ได้เปิดเผยชื่อสภาและคู่สามีภรรยาที่ถูกละเมิดสิทธิ เพื่อความปลอดภัยของคู่รักเอง ขณะที่นี้คดีอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยทางหนุ่มดาวน์ซินโดรมจะได้รับเงินชดเชยสำหรับความเสียหายที่ผ่านมาทั้งสิ้น 430,000 บาท สำหรับข้อสรุปของเรื่องนี้จะได้รับการเผยแพร่อีกครั้งหลังจากที่ทุกอย่างจบลงแล้ว…   ที่มา metro

  • รูปปั้น “Kindlifresser” สัญลักษณ์คนกินเด็กสุดหลอนในสวิสเซอร์แลนด์ ราวกับไททันมีอยู่จริง..!!

    รูปปั้น “Kindlifresser” สัญลักษณ์คนกินเด็กสุดหลอนในสวิสเซอร์แลนด์ ราวกับไททันมีอยู่จริง..!!

    คราวนี้เราจะขอบินลัดฟ้าพากัญชี้ (ห้ามผวนนะ!!) ไปที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ซึ่งมีเรื่องราวของตำนานยักษ์กินเด็ก ‘Kindlifresser’ (Children Eater) สุดหลอนราวกับว่ายักษ์กินคนนั้นมีอยู่จริง รูปปั้น ‘คนกินเด็ก’ ดังกล่าว นับว่าเป็นหนึ่งในประติมากรรมที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดแห่งสวิตเซอร์แลนด์ เพราะมันถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 1546 แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครรู้ว่า.. เรื่องราวที่แท้จริงของรูปปั้นตนนี้คืออะไรกันแน่!?   รูปปั้นตั้งอยู่ใจกลางเมือง Bern และไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ความหลอนแบบยุคกลาง ก็ยังปรากฎให้เห็นอยู่ตลอด   ถึงเราจะไม่ทราบตำนานที่แท้จริง แต่ก็มีทฤษฏีสมคบคิด 4 ข้อหลักๆ ดังนี้… ทฤษฏีแรกและดูเป็นทฤษฏีที่ไม่น่าเชื่อถือมากที่สุด ได้ให้เหตุผลว่า รูปปั้นดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาเพื่อข่มขวัญชาวยิวที่อาศัยอยู่ในเมือง และสังเกตได้จากหมวกของรูปปั้น ที่เดิมทีเป็นรูปทรงหมวกที่ชาวยิวนิยมใส่กันในยุคนั้น     ทฤษฎีที่สองที่ดูเหมือนจะออกทะเลอยู่หน่อยๆ ได้อธิบายไว้ว่า ยักษ์กินเด็กที่ปรากฎอยู่เป็นภาพตัวแทนของยักษ์ ‘Kronos’ ตามตำนานกรีก ซึ่ง Kronos ก็เป็นยักษ์ที่ชอบกินเด็กเป็นชีวิตจิตใจนั่นแหละ ทฤษฎีที่สามดูมีความน่าเชื่อถือขึ้นมาหน่อย เมื่อผู้เฒ่าผู้แก่ประจำเมืองเล่าต่อกันมาว่า รูปปั้นดังกล่าวเป็นภาพของ Duke Berchtold หนึ่งในผู้ก่อตั้งเมือง Bern ทว่าด้วยความที่ถูกเมินเฉยจากพี่ชาย ทำให้จู่ๆ เขาก็กลายเป็นบ้าและเริ่มจับเด็กในเมืองมากิน    …

  • คุณหมอแต่งตัวเป็น “งิ้วปักกิ่ง” เพื่อลดความเครียดของคนไข้ จนยอมบอกอาการทั้งหมด…

    คุณหมอแต่งตัวเป็น “งิ้วปักกิ่ง” เพื่อลดความเครียดของคนไข้ จนยอมบอกอาการทั้งหมด…

    การไปหาหมอในบางครั้ง ปัญหาหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ คือตัวคนไข้ไม่ค่อยกล้าที่จะบอกอาการตรงๆ กับหมอ ไม่ว่าจะด้วยความอาย ความกลัว หรือระยะห่างของเรื่องชนชั้นก็ตาม แน่นอนว่าหมอก็คงจะอยากรักษาคนไข้อย่างดีที่สุดแต่ปัญหาดังกล้าวมันดันเป็นช่องว่างที่ทำให้หมอรักษาได้ยากที่สุด ซึ่งปัญหาดังกล่าวนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับชาวจีนที่มีชนชั้นต่างกันมากมายก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ก็เลยทำให้แพทย์หญิงคนหนึ่งประจำโรงพยาบาลด้านผิวหนังแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง เล็งเห็นปัญหาและแก้มันด้วยการแต่งงิ้วมารักษาคนไข้…     ผลลัพธ์ของการทำแบบนั้นมันออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อ ‘ไป๋ซูฟาง’ แพทย์หญิงคนดังกล่าวบอกว่าหลังจากแต่งแบบนี้ คนไข่ก็กล้าที่จะคุยกับเธอ กล้าที่จะบอกว่าป่วยเป็นอะไรมีอาการยังไง ซึ่งมันช่วยให้การรักษามันง่ายขึ้นมากๆ     โดยเธอให้เหตุผลว่า เธอทำงานนี้มากว่า 30 ปี และคนไข้ส่วนใหญ่ก็มักจะกลัวหรือไม่ก็เขินอายที่จะบอก โดยเฉพาะวัยรุ่นลงไป แต่วิธีนี้มันก็ช่วยได้ดีมากๆ แม้ว่าส่วนผสมของการแต่งหน้าจะสร้างความทรมานให้เธอพอสมควร     ด้านเพื่อนร่วมงานก็บอกว่า ไป๋ซูฟางต้องใช้เวลาในการแต่งหน้าและลบออกร่วม 2 ชั่วโมง ซึ่งมันกินเวลามากๆ แต่ตัวเธอเองก็บอกว่าไม่ยอมแพ้ เพราะมันจะส่งผลดีต่อทั้งตัวโรงพยาบาลและคนไข้นั่นเอง   .   สุดท้ายเมื่อเรื่องราวนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตในจีนก็ออกมาชื่นชมกันเป็นอย่างมาก รวมถึงตัวผอ. ของโรงพยาบาลก็ออกมาสนับสนุนด้วยเช่นกัน ยังไงซะก็ขอเป็นกำลังใจให้แพทย์หญิงไป๋ซูฟางด้วยนะ   ที่มา อ้ายจง,china

  • เจ้าสาวโกรธจัด เมื่อแฟนหนุ่มซุ่มจัดงานแต่งธีม “สยองขวัญ” หวังทำเซอร์ไพรส์ในวันแต่งงาน

    เจ้าสาวโกรธจัด เมื่อแฟนหนุ่มซุ่มจัดงานแต่งธีม “สยองขวัญ” หวังทำเซอร์ไพรส์ในวันแต่งงาน

    เมื่อพูดถึงงานแต่งงาน เราคงจะนึกถึงบรรยากาศอันอบอุ่นที่เปี่ยมไปด้วยความรัก พร้อมกับรอยยิ้มของคู่บ่าวและแขกที่มาร่วมยินดี แต่บรรยากาศแบบนี้คงหาได้ยากในงานแต่งของ Becca และ Jack Cain เพราะพวกเขาได้จัดงานแต่งงานในธีมสยองขวัญสุดหลอน     จริงๆ แล้ว Becca สาวที่เป็นช่างแต่งหน้าวัย 24 ปี มีความใฝ่ฝันที่อยากแต่งงานแบบคนทั่วไป แต่ Jack เจ้าบ่าววัย 21 ปี กลับมีความคิดที่ต่างออกไป และไม่แคร์ว่าเจ้าสาวอยากได้ธีมอะไร Jack ลงทุนไปเกือบ 600,000 บาท เพื่อจัดงานแต่งธีมสยองขวัญ เขาทำให้สถานที่จัดงานแต่งมีบรรยากาศเหมือนบ้านผีสิง และพิมพ์มือที่เปื้อนสีแดงลงบนชุดเจ้าสาวราวกับเป็นมือผี     ชุดเจ้าสาวที่มีราคากว่า 50,000 บาท ถูกทำให้มีลายมือสีแดงเต็มไปหมด   มีโครงกระดูกปลอมถูกตั้งไว้ในงาน และทำให้สถานที่มือสลัว   แน่นอนว่าหลังจากที่เขาโพสต์รูปภาพงานแต่สุดหลอนลงโซเชียล ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก เพราะถือเป็นไอเดียแต่งงานแปลกที่ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนัก   “ตายแล้ว ชุดแต่งงาน 50,000 แต่เปื้อนไปด้วยเลือดปลอม”   “ทำไมเขาต้องทำให้ชุดแต่งงานเปื้อนด้วย”   “บ้าไปแล้ว เอาเงินไปทุ่มกับเรื่องแบบนี้ คิดได้ไง”   Jack…

  • สนามบินนาริตะ เริ่มทำพื้นเป็นลาย “ลู่วิ่ง” เพื่อต้อนรับกีฬาโอลิมปิกในอีก 3 ปีข้างหน้า…

    สนามบินนาริตะ เริ่มทำพื้นเป็นลาย “ลู่วิ่ง” เพื่อต้อนรับกีฬาโอลิมปิกในอีก 3 ปีข้างหน้า…

    หนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการออกแบบและความล้ำสมัยในด้านเทคโนโลยี เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะต้องนึกถึงประเทศญี่ปุ่นแน่ๆ เลยใช่ไหมล่ะ และเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความสุดยอดในการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์อีกครั้ง โดยการเปลี่ยนแปลงโฉมภายในสนามบิน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและรอต้อนรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิค 2020   ภาพของทางเดินในสนามบินที่ถูกเปลี่ยนให้เข้ากับมหกรรมกีฬาโอลิมปิคที่กำลังจะมาถึง   อย่างที่พวกเราทราบกันว่า ญี่ปุ่นนั้นได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานแข่งขันกีฬาระดับโลกในปี 2020 ดังนั้นเพื่อเป็นการร่วมฉลองและมอบความประทับใจ ให้กับผู้ที่เดินทางมาชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ทางการจึงได้แปลงโฉมทางเดินภายในสนามบินนาริตะ ในกลายเป็นลู่วิ่งซะเลย     การออกแบบทั้งด้านนอกและภายในอาคารสนามบินครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากบริษัท Muji และบริษัท Nikken ซึ่งป้ายบอกทางและสัญลักษณ์ต่างๆ ภายในสนามบินจะถูกแทนที่ด้วยคำอธิบายต่างๆ ที่บอกไว้ในลู่วิ่ง โดยลู่วิ่งสีฟ้าจะหมายถึงทางเดินสำหรับผู้โดยสารขาออก ส่วนลู่วิ่งสีแดงจะหมายถึงผู้โดยสารขาเข้า     และนี่คือบรรยากาศภายในสนามบินที่ได้รับการปรับปรุงใหม่…   พื้นผิวที่ใช้ทำทางเดินนั้น มาจากวัสดุเดียวกันกับยางที่ใช้ทำลู่วิ่งจริงๆ เลย!! .   ความแตกต่างของสีลู่วิ่ง ช่วยแยกความแตกต่างให้กับผู้โดยสาร   การออกแบบภายในและการตกแต่งรับผิดชอบโดยบริษัท Muji   ส่วนทางด้านโครงสร้างอาคารนั้นจะเป็นหน้าที่ของบริษัท Nikken   ในส่วนของที่พักระหว่างรอเครื่อง ก็ทำออกมาได้สวยงามไม่แพ้กันเลย   ว้าววว เป็นการออกแบบที่เจ๋งจริงๆ เลยนะเนี่ย ที่มา designboom

  • เด็กน้อยทำใจไม่ได้เมื่อเห็น “วัวถูกส่งตัวไปโรงเชือด” จึงได้วอนสังคมให้ช่วยเหลือจนสำเร็จ

    เด็กน้อยทำใจไม่ได้เมื่อเห็น “วัวถูกส่งตัวไปโรงเชือด” จึงได้วอนสังคมให้ช่วยเหลือจนสำเร็จ

    ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่เลี้ยงวัวเพื่อหาประโยชน์จากมันเท่านั้น เมื่อมันหมดประโยชน์ก็จะขายทิ้ง หรือหากป่วยก็จะถูกฆ่าตายให้เร็วขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นภาระ อย่างกรณีนี้ ที่ถูกโพสต์บนเพจเฟซบุ๊ก ทำวันนี้ ให้ดีที่สุด เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ไปเห็นวัวกำลังจะถูกขายให้โรงเชือด เธอจึงวอนให้สังคมช่วยเหลือ   และนี่คือคลิปสั้นๆ ของเด็กหญิงที่ขอให้ช่วยเหลือวัว   เรื่องนี้เกิดขึ้นที่กำแพงแสน เด็กหญิงในคลิปบอกว่ามีความผูกพันกับวัวตัวนี้ตั้งแต่เด็กๆ เธอเคยจูงมันเดินเล่น แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อมันไม่สบาย เจ้าของก็จะขายเข้าโรงเชือด ทางเพจ ทำวันนี้ ให้ดีที่สุด บอกว่าวัวตัวนี้มีแผลเน่าที่อวัยวะเพศ เจ้าของกลัวว่ามันจะตายและทำให้ราคาตกจึงรีบขายโดยด่วน     แน่นอนว่าถ้าเข้าโรงเชือดแล้วคงไม่พ้นการถูกฆ่าตาย เด็กหญิงในคลิปจึงตัดสินใจที่จะไปเอาน้องวัวคืนมา ทางโรงเชือดตีราคาให้ 55,000บาท เด็กหญิงจึงมาขอความช่วยเหลือจากเพจ ทำวันนี้ ให้ดีที่สุด ที่ดูแลโดยพระบันฑิต คนทน ซึ่งท่านก็รับปากที่จะช่วยแต่ขอเวลาหาเงิน 7 วัน     เนื่องจากเพจดังกล่าวเป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง เพราะมักจะให้การช่วยเหลือหมาและแมวจรจัดเสมอ ดังนั้นท่านจึงได้ขอความช่วยเหลือจากพี่น้องชาวเน็ตอีกทอดหนึ่ง หลังจากที่ได้เงินครบแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือ พาน้องวัวไปหาหมอเพื่อรักษาแผลที่อวัยวะเพศ และหากหายดีแล้ว ท่านจะนำมันไปอยู่ที่บ้านมีบุญกำแพงแสน ที่เดียวกับน้องหมูที่ถูกช่วยเหลือก่อนหน้านี้     แผลเน่าของน้องวัวผู้น่าสงสาร   ตอนนี้หลวงพี่บันฑิต ได้อัพเดตเพิ่มเติมว่า น้องวัวได้เดินทางมาถึงโรงพยาบาลแล้ว และท่านยังได้ตั้งชื่อให้มันว่า มีบุญ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลเลือด…

  • กระเป๋าแมวน้อยสุดน่ารักจากญี่ปุ่น บีบและกอดเล่นได้ พร้อมจะเติมรักให้กับสิ่งที่ใส่ลงไป…

    กระเป๋าแมวน้อยสุดน่ารักจากญี่ปุ่น บีบและกอดเล่นได้ พร้อมจะเติมรักให้กับสิ่งที่ใส่ลงไป…

    กระเป๋าใบเล็กๆ คือสิ่งที่เราหลายคนต้องพกติดตัวเสมอ เพื่อไว้ใส่ของจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ แต่มันจะดีแค่ไหนถ้านั้นเป็นสิ่งที่เล่นได้ แถมมีความสุขด้วย เพราะนี่คือกระเป๋าแมวเหมียวสุดน่ารักน่าชังที่ทาสแมวไม่ควรพลาด ใครได้ครอบครองได้ฟินทั้งวันแน่นอน!!     กระเป๋าแมวน้อยจากแบรนด์ Felissimo ซึ่งร่วมมือกับ You+More! มันไม่ใช่แค่กระเป๋าแต่ยังเป็นตุ๊กตาแมวเหมียวที่จะส่งมอบความอบอุ่นไปยังหัวใจของคุณ อาจจะไม่ต้องกอด เพียงแค่นั่งมองเฉยๆ ก็มีความสุขได้!! นอกจากความน่ารักแล้ว ทางบริษัทยังได้ออกแบบให้กระเป๋าแมวเหมียวนี้มีความนุ่มนิ่ม และมีกลิ่นหอมเหมือนขนมหวาน เพื่อให้คุณได้รับความหวานแหววจากน้องกระเป๋าแมวให้มากที่สุด     ดูเผินๆ มันก็เหมือนตุ๊กตาแมวตัวหนึ่ง แต่ก็อย่างที่บอกแหละว่ามันเป็นกระเป๋า ดังนั้นด้านหลังของมันจึงมีซิปเล็กๆ ให้คุณใส่ของจุกจิกเพื่อการพกพาที่สะดวกสบาย     กระเป๋าเหมียวทุกตัวจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไม่ต่างจากแมวตัวจริงเลย แต่ว่าคุณสามารถซื้อทีเดียวได้หมดทุกตัว เพราะทางร้านค้าขายในรูปแบบการสมัครเป็นรายเดือน ซึ่งถ้าหากสมัครครบทุกเดือนก็จะได้กระเป๋าน้องเหมียวครบทุกลาย     ส่วนราคาอยู่ที่ตัวละ 670 บาท โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปมอบให้กับองค์กรด้านสวัสดิภาพสัตว์ หากเพื่อนๆ ที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ felissimo นะคะ     หลังจากที่ทำการสั่งซื้อแล้ว อาจจะใช้เวลานานถึง 4 เดือนกว่าจะได้น้องเหมียวมาครบทุกตัว แต่รับรองเลยว่ามันเป็นการรอคอยที่คุ้มค่ามากแน่ๆ     ลองคิดภาพตอนที่เจ้าเหมียวเดินทางมาถึงหน้าบ้าน สิ่งแรกที่คุณจะทำก็คงเล่นกับมันเหมือนแมวน้อยตัวหนึ่ง และคุณอาจจะไม่กล้าใช้งานมันเป็นเดือนๆ เลยล่ะ…  …

  • 31 สุดยอดภาพชีวิต “วัฒนธรรมย่อย” ของคนที่คิดต่างจากกระแสสังคม ในทั่วทุกมุมโลก

    31 สุดยอดภาพชีวิต “วัฒนธรรมย่อย” ของคนที่คิดต่างจากกระแสสังคม ในทั่วทุกมุมโลก

    ในโลกนี้มีวัฒนธรรมมากมายที่เรายังไม่เคยรู้จัก โดยเฉพาะวัฒนธรรมย่อยของบางประเทศที่อาจจะไม่ค่อยปรากฏต่อสายตาชาวโลกมากเท่าใดนัก David Tesinsky เกิดที่เมืองปราก ปี 1990 เป็นช่างภาพอิสระ ที่มักนำเสนอเรื่องราวของวัฒนธรรมย่อย วัฒนธรรมในเมือง เรื่องราวบนท้องถนน และเรื่องราวของผู้คนในภาพข่าวทั่วไป รวมทั้งถ่ายภาพสารคดีทางสังคม   David เป็นคนชอบนำเสนอมุมมองที่แปลกแยกในสังคม หรือวิถีชีวิตแปลกๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยคุ้นเคย และยังนำเสนอเรื่องราวปัญหาของสังคมในปัจจุบันด้วย สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาทำงานแนวนี้ เพราะต้องการให้ผู้คนได้ตระหนักถึงสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว ซึ่งบางอย่างอาจไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร แต่ก็ควรจะรู้เอาไว้ เขาได้เดินทางไปถ่ายภาพวัฒนธรรมย่อยและวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก ตัวอย่างเช่น นักเคลื่อนไหวและคนรุ่นใหม่เพื่ออิสรภาพในอิหร่าน พิธีล้างบาปในเอธิโอเปีย วิถีชีวิต tragi-comic ของนักธุรกิจในญี่ปุ่น การแร็ปของศาสนาใน ดีทรอยต์ นิวยอร์กและบัลติมอร์ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของวิถีชีวิตที่เป็นตำนาน Rastafarian ในจาเมกา ชีวิตของผู้ติดยาเสพติดในเมืองปราก ทหารในยูเครน ชุมชนซาตานในปราก ชีวิตในสลัมของหลายประเทศในเอเชีย และอื่น ๆ อีกมากมาย   David ได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อที่จะถ่ายทอดวิถีชีวิตเหล่านี้สู่สายตาชาวโลก แน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูงมาก แต่เขาก็ยังคงมุ่งมันที่จะทำเพื่อเป้าหมายที่วางไว้ แม้บางครั้งจะต้องนอนใต้สะพานลอยก็ตาม และภาพต่อไปนี้เป็นผลงานส่วนหนึ่งของเขา   1. ภาพชาวอเมริกันในปรากหลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง   2. แร็ปเปอร์ในเมืองชิคาโกแสดงความคิดเห็นต่อการเมือง   3. ชาว LGBT ในปราก กับความภาคภูมิใจในความแตกต่าง   4. ภาพแม่ชีจากโปรเจคเสียดสี…

  • คุณตาวัย 94 ปี “สร้างสระว่ายน้ำ” ให้เด็กๆ มาเล่น เพื่อทำลายความเหงาตั้งแต่ภรรยาจากไป

    คุณตาวัย 94 ปี “สร้างสระว่ายน้ำ” ให้เด็กๆ มาเล่น เพื่อทำลายความเหงาตั้งแต่ภรรยาจากไป

    เมื่อแก่ตัวลง เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกเหงาบ้าง โดยเฉพาะคนที่ต้องอยู่คนเดียวเพราะลูกหลานออกไปเรียนหรือออกไปทำงาน แต่รู้มั้ยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆ เป็นสิ่งที่บรรเทาความเหงาให้คนแก่ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ เมื่อคุณยาย Evy Davison เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี 2016 หลังจากแต่งงานกันมานานถึง 66 ปีทำให้สามี Keith ก็ไม่สามารถทนอยู่กับความเหงาเพียงลำพังได้ เพราะทั้งบ้านไม่เหลือใครเลย     หลายครั้งที่ Keith นั่งร้องไห้คนเดียว ทุกๆ วันเขาเอาแต่คิดถึงภรรยาที่จากไป และยิ่งคิดถึงมากเท่าไหร่ ความเหงาก็ยิ่งกัดกินหัวใจ ในที่สุด Keith ในวัย 94 ปี ก็ตัดสินใจสร้างสระว่ายน้ำไว้ที่สนามหลังบ้านของเขาในมอร์ริส รัฐมินนิโซตา และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้บ้านของเขาไม่เงียบเหงาอีกต่อไป     สระว่ายน้ำมีความกว้าง 4.9 เมตร ยาว 9.8 เมตร สร้างขึ้นเมื่อต้นปีนี้ และเปิดให้เด็กๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาเล่นได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา     แม้เด็กๆ ที่มาเล่นที่นี่จะเป็นลูกหลานของเพื่อนบ้าน แต่สำหรับคุณตาแล้วเด็กเหล่านี้ไม่ต่างจากหลานแท้ๆ ของเขาเลย ซึ่งเพื่อนบ้านคนหนึ่งก็บอกกับเขาว่า “ทุกคนคือหลานของคุณนะ เพราะพวกเขารักและเคารพคุณเหมือนตาแท้ๆ ของตัวเอง”     การได้มองเด็กๆ มาเล่นน้ำอย่างสนุกสนานที่สระว่ายน้ำตัวเอง ทำให้คุณตาไม่รู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวอีกต่อไป แม้ตัวเขาจะไม่ได้ลงไปเล่นด้วยก็ตาม    …

  • เปิดรายชื่อ… 26 อันดับเมืองคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก ผ่านการจัดโดย Deutsche Bank

    เปิดรายชื่อ… 26 อันดับเมืองคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก ผ่านการจัดโดย Deutsche Bank

    เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Deutsche Bank ได้เผยแพร่รายงาน “Mapping the world’s price” ประจำปีซึ่งจัดทำขึ้นโดยอาศัยดัชนีชีวัดในด้านต่างๆ 8 ด้าน ซึ่งประกอบไปด้วย ด้านกำลังซื้อ, ความปลอดภัย, การดูแลสุขภาพ, ค่าครองชีพ, อัตราส่วนราคาทรัพย์สินต่อรายได้, เวลาการเดินทางจราจร, มลพิษและภูมิอากาศ แต่ละเมืองก็ได้คะแนนในระดับที่ต่างกันไป มาดูซิว่าเมืองใดในประเทศไหนจะน่าอิจฉาที่สุดในโลก…   26. ออสโล นอร์เวย์   25. โจฮานเนสเบิร์ก แอฟฟริกาใต้ 24. บรัสเซลล์ เบลเยี่ยม   23. วอร์ซอ โปแลนด์ 22. ชิคาโก สหรัฐอเมริกา   21. ดูบลิน ไอร์แลนด์ 20. สต็อกโฮล์ม สวีเดน 19. ปราก สาธารณรัฐเช็ก 18. ซานฟานซิสโก สหรัฐอเมริกา 17. เคปทาวน์ แอฟฟริกาใต้ 16. มาดริด สเปน 15. ลิสบอน โปรตุเกส 14. โตรอนโต แคนนาดา 13. โอ๊คแลนด์ นิวซีแลนด์ 12. กรุงเบอร์ลิน  เยอรมันนี 11. เฮลซิงกิ ฟินแลนด์ 10. ซิดนีย์…

  • ชาวเน็ตตั้งคำถาม จากคลิปชายหนุ่มพบอุกกาบาตตกที่สวนหลังบ้าน เรื่องจริงรึแหกตากันแน่!?

    ชาวเน็ตตั้งคำถาม จากคลิปชายหนุ่มพบอุกกาบาตตกที่สวนหลังบ้าน เรื่องจริงรึแหกตากันแน่!?

    เรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์ จากคลิปวิดีโอของชายหนุ่มที่ชื่อว่า Jay Sullivent  ชาวเมือง Appling ในรัฐจอร์เจีย วิ่งออกจากบ้านทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงคล้ายรถชนที่หน้าบ้านของเขา   คลิปเหตุการณ์ที่ระบุว่าเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา   ในคลิปวิดีโอจะได้ยินว่า Jay กล่าวว่า “ผมเพิ่งได้ยินเสียงเหมือนรถชนข้างนอก แต่ผมมองไม่เห็นอะไรเลย” แต่หลังจากที่เขาวิ่งออกไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านก็พบเข้ากับสิ่งที่น่าประหลาดใจบางอย่างและมันคืออุกกาบาตนั่นเอง อุกกาบาตที่ตกมาที่สนามหญ้าหน้าบ้านของเขานั้น มีลักษณะเป็นก้อนหินสีชมพู และกำลังลุกเป็นไฟ     ก่อนหน้านี้เองก็มีเหตุการณ์อุกกาบาตตกมาแล้วเช่นกัน ซึ่งก็มีคนถ่ายคลิปวิดีโอไว้ได้ในเดือนมิถุนายน เหนือท้องฟ้าในกรุงวอชิงตัน คลิปนั้นถูกถ่ายโดย Parker Sayers ที่กำลังพูดเกี่ยวกับเพื่อนบ้านของเธอที่กำลังจะทำดอกไม้ไฟแต่พอมองขึ้นไปบนท้องฟ้ากลับพบว่ามีอุกกาบาตกำลังตกลงมา   แน่นอนว่าพอมีชาวเน็ตได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วต่างก็ตั้งข้อสงสัยขึ้นมาว่า เอ๊ะ มันจะเป็นเรื่องจริงรึเปล่านะ? หรือมันจะเป็นคลิปที่ทำขึ้นมาแหกตากันแน่?   คุณ Steve O’Boyle ให้ความเห็นว่า “ปลอมชัดๆ!! มันก็แค่ก้อนหินที่ราดน้ำมันก๊าดลงไปแล้วก็จุดไฟเท่านั้นเอง “   คุณ Orion Budington ให้ความเห็นว่า “สิ่งแรกที่คุณทำเมื่อได้ยินเสียงรถชนหน้าบ้าน ก็คือการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วถ่ายคลิปงั้นเหรอ? แต่สำหรับผมแล้วมันแหกตาทั้งเพ!!”   คุณ David Dunlop ให้ความเห็นว่า “เขาพูดว่าเสียงเหมือนรถชน แถมยังทำเหมือนกับตื่นเต้นและไม่เคยได้ยินเสียงอะไรแบบนี้มาก่อน จากนั้นก็วิ่งออกจากบ้านมาร้อมกับถือโทรศัพท์ถ่ายคลิป อีกข้างนึงก็ถือมีดมาเตรียมเขี่ยอุกกาบาตด้วย…..อืมมมม์”   แล้วเพื่อนๆ ชาวเหมียวมีความเห็นอย่างไรกันบ้าง คิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือว่าแค่ถ่ายทำขึ้นมา…

  • เด็กน้อยต้องถูกตัดขาจากโรคร้าย ได้รับความสุขจากเจ้าสุนัขที่มีความพิการเช่นเดียวกับเธอ

    เด็กน้อยต้องถูกตัดขาจากโรคร้าย ได้รับความสุขจากเจ้าสุนัขที่มีความพิการเช่นเดียวกับเธอ

    เวลาที่เราเจ็บไข้ได้ป่วยและต้องเข้ารับการรักษาในช่วงระหว่างนั้นเราก็อยากจะได้มีใครสักคนมาอยู่ให้กำลังใจเอาใจใส่ดูแลเรา แต่สิ่งที่จะช่วยเยียวยาให้กับเด็กคนนี้ได้มากขึ้นนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นคนเสมอไปหรอกนะ เมื่อเด็กสาวชื่อว่า Tessa Puma วัย 6 ขวบที่ต้องสูญเสียขาของเธอไปในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพื่อการรักษาโรคร้ายที่เธอเป็นอยู่ โดยโรคดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเพียง 1 ในล้านคนของเด็กในแต่ละปี     โรค Necrotizing Fasciitis ที่เกิดจากแบคทีเรียนั้นได้ทำให้เธออาการอักเสบบริเวณลำคอ หลังจากนั้นก็มีอาการเจ็บบริเวณแขนขาและมีไข้ จนกระทั่งเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดและเยื่อหุ้มเซลล์ สุดท้ายก็ทำลายเนื้อเยื่อของเธอไป จนเมื่อแพทย์ตรวจพบว่าไม่เจอชีพจรบริเวณขาซ้ายของเธอแล้ว จึงตัดสินใจตัดขาข้างนั้นของเธอ จากจุดนั้นเองก็ทำให้เธอได้มารู้จักกับ Gracie และ Rudy เจ้าหมาที่มีเพียงแค่สามขา   Gracie ซ้าย Rudy ขวา .   เจ้า Gracie นั้นถูกตัดขาเพื่อการรักษาตอนมีอายุเพียง 1 ปีแต่ก็สามารถเดินได้อย่างไม่เป็นปัญหา ในขณะที่ Rudy นั้นพิการมาตั้งแต่เกิดและต้องใช้ขาเทียมเวลาเดิน เธอได้เข้ามาที่โรงพยาบาลเด็ก Akron ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นั่นเชื่อว่าการที่มีสัตว์มากมายรายล้อมจะสามารถช่วยเยียวยาอาการป่วยของเธอ และเธอก็จะได้เริ่มใช้ขาเทียม   .   เธอได้เริ่มเรียนรู้ที่จะเดินอีกครั้งกับเจ้าสุนัขทั้งสองตัว ซึ่งพวกมันก็ได้ช่วยให้เธอสามารถเรียนรู้และฟื้นฟูจากการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี เธอสนุกกับการที่ได้ออกไปเดินเล่นกับพวกมันเพื่อเพิ่มในเรื่องของความสมดุลขณะเคลื่อนไหวและกำลังกายของเธอ   .  …

  • เผยภาพพื้นผิวโลก ดำดิ่งใต้ทะเลลึกกว่า 2,300 เมตร ที่ดูเหมือนอยู่นอกโลกเลยทีเดียวเชียว…

    เผยภาพพื้นผิวโลก ดำดิ่งใต้ทะเลลึกกว่า 2,300 เมตร ที่ดูเหมือนอยู่นอกโลกเลยทีเดียวเชียว…

    ปัจจุบันนั้นเรามักจะสนใจและมุ่งที่จะไปสำรวจอวกาศ ในขณะที่ 95% ของพื้นที่ทางทะเลยังไม่ได้รับการสำรวจเลย อาจจะเป็นเพราะว่าการออกสำรวจใต้น้ำมีข้อจำกัดที่มากเกินไป… ทว่าทางองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NOAA) กลับไม่คิดแบบนั้น เพราะพวกเขาตั้งเป้าจะสำรวจทุกตารางนิ้วใต้ทะเลให้ได้ และนั่นเองจึงทำให้ก้าวแรกของการสำรวจเริ่มขึ้น     เป้าหมายแรกในการสำรวจนั้นเป็นใต้ทะเลลึกของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งพวกเขาให้เหตุผลที่ยังคงสนใจและเริ่มโปรเจคนี้ว่า น้ำทะเลนั้นนับเป็น 70% ของพื้นที่ทั้งหมดบนโลก ซึ่งอาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้มนุษย์ดำรงชีวิตต่อไปได้ นอกจากนั้นพวกเขายังบอกอีกว่า จะทำการศึกษาสิ่งมีชีวิตและพืชชนิดต่างๆ ที่อยู่ใต้น้ำ ว่ามีกลไกในการเอาชีวิตรอดอย่างไร ซึ่งล่าสุดพวกเขาก็ได้บันทึกภาพการสำรวจมาให้เราได้ดูกัน โดยภาพที่เห็นนั้นถูกบันทึกไว้เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2017 ที่ความลึกประมาณ 2,300 เมตร เผยให้เห็นแนวประการังใต้ทะเลที่มีพื้นผิวเหมือนกับอยู่นอกโลกเลยทีเดียว…   .   ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ตัวฟองน้ำ (สัตว์น้ำลึกอาศัยอยู่ก้นมหาสมุทร) ก็ยังมีหน้าตาเหมือนดอกไม้นอกโลกอีกด้วย โดยรวมแล้วนักสำรวจได้กล่าวไว้ว่า ภายใต้บริเวณก้นมหาสมุทรกระแสน้ำจะมีความนิ่งมาก และแสงสะท้อนจากกล้องก็ทำให้เห็นตัวฟองน้ำหลากสีสันที่เกาะอยู่บนโขดหินต่างๆ ที่คอยดักกินแบคทีเรียและแพลงก์ตอนที่ผ่านไปมานั่นเอง งานนี้ยิ่งสร้างความน่าสนใจและเป็นแรงผลักดันให้กับนักวิทยาศาตร์ ได้ออกไปสำรวจใต้น้ำเพิ่มมากขึ้น ไม่แน่นะว่าเราอาจจะได้เจอสิ่งมีชีวิตที่ไม่คาดคิดมาก่อน อาศัยและหลับใหลอยู่ใต้น้ำลึกก็เป็นได้…   ลองดูคลิปการสำรวจกันดู ทั้งแปลกตาและน่ากลัวในเวลาเดียวกันเลย ที่มา dailystar, ladbible

  • โอกาสเป็นสายลับมาถึงแล้ว!! หน่วย MI 5 เปิดรับสมัครเจ้าหน้าที่ใหม่ ให้เงิน 2 ล้านต่อปี

    โอกาสเป็นสายลับมาถึงแล้ว!! หน่วย MI 5 เปิดรับสมัครเจ้าหน้าที่ใหม่ ให้เงิน 2 ล้านต่อปี

    หากใครชื่นชอบหนังสายลับชื่อดังอย่าง James Bond แล้วละก็ ลึกลงไปคุณก็จะต้องเคยคิดที่จะอยากเป็นสายลับกันบ้างแหละ มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องเกินจริงหรือเพียงแค่ความฝัน แต่ตอนนี้คุณมีโอกาสที่จะได้ทำมันให้เป็นจริงแล้ว แน่นอนว่าหากคุณเป็นแฟนหนังเรื่องนี้แล้วละก็คุณจะต้องรู้จักกับองค์กร MI 6 องค์กรที่พระเอกของเรื่องนั้นทำงานอยู่ แต่การเปิดรับสมัครในครั้งนี้นั้นคือองค์กรสายลับในประเทศอังกฤษเช่นเดียวกันมีชื่อว่า MI 5     แน่นอนว่าคำอธิบายที่พวกเขาได้กล่าวไว้ให้คือ “เส้นทางอาชีพที่ไม่เหมือนใคร” จะต้องสร้างแรงดึงดูดให้กับเหล่าผู้มีความใฝ่ฝันอยากทำงานในองค์กรประเภทนี้มากมายอย่างแน่นอน โดยเป้าหมายของการทำงานนั้นคือการปกป้องประเทศและคนในประเทศ ซึ่งผลตอบแทนที่จะได้รับนั้นจะไม่ได้มาจากการทำงานเพียงอย่างเดียว แต่มันจะเกิดขึ้นจากอีกหลายที่มากมาย ทางองค์กรก็ยังได้บอกอีกว่า การร่วมงานกับพวกเขานั้นจะได้ฝึกความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการสื่อสารรูปแบบลักษณะที่ซับซ้อน อีกทั้งการสร้างความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับผู้คนก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอีกเช่นกัน     “มีความท้าทายที่รอคุณให้เข้ามาสัมผัส และพวกเราก็จะช่วยให้คุณเพิ่มพูนบุคลิก ความเป็นมืออาชีพ และทักษะทางเทคนิค จากทั้งการฝึกภายในและการเรียนรู้จากภายนอก” MI 5 กล่าวเสริม จากประโยคที่พวกเขาได้อธิบายเกี่ยวกับงานกันไปส่วนหนึ่งคงทำให้หลายๆ คนเริ่มสนใจในงานนี้ขึ้นมาบ้างแล้วสินะว่ามันจะเป็นยังไง หากคุณได้เข้าไป     ได้โรยตัวลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ในชุดทักซิโด้ จัดการกับวายร้ายทั้งหลายในงานปาร์ตี้ ความเท่ห์ที่เราเคยเห็นในหนังนั้น ขอบอกเลยว่า ไม่ใช่เลยซักอย่างเดียว !! เพราะตำแหน่งที่เขาเปิดรับนั้นก็คือ ฝ่ายบัญชีนั่นเอง ก็แค่ก้าวเข้าประตูไปดูแลเรื่องเงินๆ ทองๆ นั่นแหละ แต่ก็อย่าเพิ่งโมโหกันไปนะ เพราะว่างานที่นี่เขาเงินดีจริงๆ เพราะจะได้รับผลตอบแทนสูงกว่า…

  • บ่าวสาวรักสุนัขเหมือนครอบครัว ให้น้องหมาร่วมเป็นสักขีพยานสำคัญ ในวันพิธีวิวาห์สุดน่ารัก

    บ่าวสาวรักสุนัขเหมือนครอบครัว ให้น้องหมาร่วมเป็นสักขีพยานสำคัญ ในวันพิธีวิวาห์สุดน่ารัก

    ในวันสำคัญของชีวิตอย่างวันแต่งงาน เราก็คงอยากให้คนสำคัญหรือคนที่เรารักมาเป็นส่วนหนึ่งของงาน และสำหรับคนรักสุนัข น้องหมาก็คือผู้ที่มีความสำคัญเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่งเลย… ด้วยเหตุนี้คู่รักคู่หนึ่งจึงตัดสินใจให้น้องหมามาเป็นส่วนสำคัญของงานแต่งงานด้วย โดยให้ตัวหนึ่งเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ขณะที่อีกตัวเป็นเพื่อนเจ้าสาว   คู่บ่าวสาวมีสุนัขมาลามิวท์ที่น่ารักสุดๆ 2 ตัว กับแมวเหมียวอีก 1 ตัว ที่มักจะคลุกคลีกับน้องหมาทั้งสองตัว   เมื่อน้องหมาทั้งสองตัวรู้ว่าได้รับหน้าที่สำคัญในวันที่ดีที่สุดของเจ้าของ พวกมันก็ได้ทำการฝึกซ้อม เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความผิดพลาดใดๆ จนกระทั่งถึงวันแต่งงาน น้องหมาทั้งสองตัวทำหน้าที่ดีมาก พวกมันอยู่เคียงข้างเจ้าของตลอด และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้วันแต่งงานของเจ้าของเป็นวันที่ดีและน่าจดจำที่สุด   พวกเขาให้น้องหมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่งงาน   แต่น้องแมวคงไม่ได้ไปนะ ขอโทษด้วย… T^T   มันทีที่พวกมันปรากฏตัวขึ้น ทำเอาแขกในงานถึงกับยิ้มไม่หุบเลย น้องหมาเพื่อนเจ้าบ่าวติดโบว์ที่คอ ดูหล่อเหลาไม่แพ้เจ้าบ่าวเลย ในขณะที่หมาเพื่อเจ้าสาวคล้องดอกไม้ที่คอ น่ารักน่าเอ็นดูมากๆ ไม่เพียงเท่านั้น คู่บ่าวสาวยังได้ใส่รูปั้นของน้องหมาที่เค้กแต่งงานด้วย แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่ให้ความสำคัญกับน้องหมาและรักสุนัขไม่น้อยไปกว่าคนในครอบครัวเลย   น้องหมาให้ความสำคัญกับบทบาทนี้มาก ตลอดงานพวกมันไม่ออกห่างจากเจ้าของเลย   พวกมันทำทุกอย่างเพื่อให้วันแต่งงานของเจ้าของออกมาดีที่สุด   พวกมันสร้างรอยยิ้มให้แขกด้วยการแต่งตัวน่ารักๆ   มันเฝ้าดูเจ้าของตลอดทั้งงาน   นี่คงจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวที่น่ารักที่สุด   พวกมันอยู่กับเจ้าของตลอด เพื่อทำให้ทั้งคู่กังวลน้อยที่สุด   เค้กแต่งงานที่มีรูปปั้นน้องหมาด้วย  …

  • สาวน้อยเพ้นท์ ‘เฮนน่า’ แต่ผิวหนังแพ้สารเคมี กลายเป็นแผลพุพองทั่วทั้งแขน..!?

    สาวน้อยเพ้นท์ ‘เฮนน่า’ แต่ผิวหนังแพ้สารเคมี กลายเป็นแผลพุพองทั่วทั้งแขน..!?

    แม้ว่าการเพ้นท์เฮนน่าจะเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ได้รับการนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก แต่เราก็มิอาจรู้ได้เลยว่าวัตดุดิบที่นำมาใช้เป็นสีเพ้นท์นั้น จะส่งผลเสียต่อผิวหนังเราได้มากขนาดไหน!? เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับสาวน้อยวัย 7 ขวบ Madison Gulliver ครั้นเมื่อเธอและครอบครัวเดินทางไปเที่ยวที่อียิปต์ และได้ลองเพ้นท์เฮนน่าตามนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ     ทว่าหลังจากเพ้นท์ได้ไม่นานก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเธอเริ่มรู้สึกแสบคันผิวหนังที่จากสีเพ้นท์ จนถึงกับต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังคุณหมอวินิจฉัยอาการแล้ว พวกเขาจึงได้ทราบว่าในสีเพ้นท์เฮนน่าที่ใช้มีสาร Phenylenediamine (PPD) ประกอบอยู่ ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในน้ำยาย้อมผมและอาจทำให้ผิวหนังเกิดอาการแพ้ได้     คุณพ่อวัย 50 ปี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “ตอนนี้ลูกสาวเรารู้สึกหวาดกลัวการเพ้นท์ไปตลอดชีวิต ส่วนหนึ่งเป็นความผิดของเราเองที่ไม่รู้ว่าสารเคมีพวกนี้อาจส่งผลต่อผิวหนังเด็ก และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของร้านด้วย ที่ไม่ยอมใช้สารเคมีให้ถูกต้องตามที่กำหนด” โชคดีที่หนูน้อยใช้เวลารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพียงแค่ 2 วัน อาการของเธอก็กลับมาดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งทางครอบครัวเธอก็หวังว่า เรื่องราวดังกลาวจะกลายเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ปกครองเฝ้าระวังมากขึ้น     Dr. Chris Flower ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้สีเพ้นท์เฮนน่าไว้ดังนี้ “PPD เป็นสารที่ถูกใช้ในสีย้อมผมโดยมีมาตรการกฎหมายคอยกำหนดไว้อยู่ และสีเพนท์เฮนน่าก็มักจะใส่สาร PPD เพิ่มเข้าไปเพื่อความดำที่เข้มขึ้น” นอกจากนั้นนายแพทย์ยังได้แนะนำว่า การเพ้นท์เฮนน่าดั้งเดิมที่แท้จริงจะใช้สี ส้ม – น้ำตาล ซึ่งจะปลอดภัยกับผิวหนังเรามากกว่าแบบสีดำเข้มที่มีสาร PPD ผสมอยู่     ทีนี้เราก็ได้รู้แล้วว่า…

  • สองนักเรียนแสบแอบอยู่ในห้างจนปิด กินอิ่มเอมสำราญใจกว่า 4 ชั่วโมง แต่สุดท้ายไปไม่รอด…

    สองนักเรียนแสบแอบอยู่ในห้างจนปิด กินอิ่มเอมสำราญใจกว่า 4 ชั่วโมง แต่สุดท้ายไปไม่รอด…

    หลายคนอาจจะเคยเห็นตามหนังหรือการ์ตูนต่างๆ ที่ชอบมีตัวละครแอบเข้าไปในห้างหลังปิด และรู้สึกว่าอยากทำบ้าง จะได้แอบกินหรือแอบใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้… เจ้าหนูนักเรียนแสบสองสหายก็เป็นเช่นนั้น เพราะพวกเขาแอบซ่อนตัวอยู่ในห้างจนกระทั่งห้างปิดทำการ ซึ่งจากรายงานของทางตำรวจก็ได้รู้ว่า ผู้ต้องหาเป็นเด็กนักเรียนชายอายุราวๆ 12 และ 13 ปี และเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2017 ที่ห้าง Sainsbury’s ในเมือง East Kilbride ของประเทศสกอตแลนด์     เด็กทั้งสองได้สารภาพว่า พวกเขาใช้เวลาอยู่ในนั้นนานถึง 4 ชั่วโมง โดยในช่วงเวลาดังกล่าวก็ได้กินอาหารและเครื่องดื่มมึนเมาจนเต็มอิ่ม และในท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่กะดึกมาเจอเข้า เหตุการณ์จึงจบลงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้านตำรวจก็ไม่ได้เอาผิดอะไรร้ายแรงนัก และส่งเด็กทั้งสองกลับไปอยู่กับครอบครัว ด้านห้างสรรพสินค้าก็ออกมาบอกว่า เด็กทั้งสองได้ดื่มกินสินค้าบนชั้นไปมากพอสมควร โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 13,000 บาท และกล้องที่เสียหายมูลค่า 1,500 บาท นอกจากนั้นยังมีเมมโมรี่การ์ดสูญหายไป 2 ชิ้น     ส่วนถ้าใครสงสัยว่าทำไมถึงใช้เวลานานถึง 4 ชั่วโมงกว่าจะเจอเด็กทั้งสอง ทางห้างก็ได้อธิบายว่า หลังจากที่ห้างปิดตอน 4 ทุ่มนั้น ทีมงานกะดึกจะทำงานเป็นกลุ่มเล็กๆ มากกว่าการแยกย้ายออกไปตรวจตรา…

  • สุนัขผู้ซื่อสัตย์นั่งเฝ้าหลุมศพเจ้าของทุกวัน ไม่ยอมห่างหายไปไหน เป็นเวลาร่วมกว่า 10 ปี…

    สุนัขผู้ซื่อสัตย์นั่งเฝ้าหลุมศพเจ้าของทุกวัน ไม่ยอมห่างหายไปไหน เป็นเวลาร่วมกว่า 10 ปี…

    ในโลกนี้คงไม่มีใครซื่อสัตย์และภักดีกับมนุษย์มากไปกว่าสุนัขอีกแล้ว เพราะเมื่อคุณเริ่มมีความสัมพันธ์กับน้องหมา แม้เพียงเล็กน้อย นั่นแปลว่าคุณคือคนที่สุนัขเลือกที่จะอยู่ด้วยตลอดไป เหมือนกับเรื่องราวของเจ้า Capitan สุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด ที่ยังคงไปนั่งเฝ้าเจ้าของอยู่ที่หลุมศพทุกวัน ทั้งๆ ที่เขาจากไปนานถึง 10 ปีแล้ว ความจงรักภักดีของ Capitan ที่มีต่อเจ้าของ ได้ถูกกล่าวขานครั้งแรกเมื่อปี 2012 เมื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงานว่า มีสุนัขตัวหนึ่งไปนั่งเฝ้าอยู่ที่หลุมศพเจ้าของชื่อ Miguel Guzmán ทุกวัน ตั้งแต่วันที่เขาเสียชีวิตเมื่อปี 2006     จริงๆ แล้วตั้งแต่เจ้าของจากไป ครอบครัวของ Guzmán ก็ได้ดูแลน้องหมาแทน แต่ไม่กี่เดือนต่อมาพวกเขากลับพบว่า Capitan หายออกจากบ้านไป จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อ Veronica ผู้เป็นภรรยาของ Guzmán เดินทางไปเยี่ยมสามีที่หลุมศพ เธอถึงกับตกใจเมื่อเจอเจ้า Capitan อยู่ที่นั่น เธอและลูกชาย Damian พยายามพาเจ้าหมากลับบ้านหลายต่อหลายครั้ง แต่แล้วก็ไม่เคยทำสำเร็จ เพราะมันก็จะวิ่งกลับมาอยู่ที่หลุมศพของเจ้าของเหมือนเดิม ในที่สุดครอบครัวก็ตระหนักได้ว่า สิ่งที่พวกเขาทำไม่อาจเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปจากใจของเจ้า Captain ได้ พวกเขาจึงได้ปล่อยให้สุนัขมาอยู่เคียงข้างเจ้าของทุกวันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา     นอกจากครอบครัวแล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Capitan ยังได้รับการดูแลจากคนเฝ้าสุสาน ทั้งในเรื่องของอาหารการกินและได้รับฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี แต่เมื่อเวลาผ่านไป การดูแลก็เริ่มยากขึ้นเมื่อน้องหมาเริ่มแก่ตัวลง ตอนนี้มันอายุได้…

  • หญิงสาวหายตัวไป หลงอยู่ภายในป่านานเกือบเดือน รอดมาได้ด้วยผลเบอร์รี่และน้ำโคลน!?

    หญิงสาวหายตัวไป หลงอยู่ภายในป่านานเกือบเดือน รอดมาได้ด้วยผลเบอร์รี่และน้ำโคลน!?

    ถ้าวันหนึ่งคุณเกิดหลงป่าเพียงลำพังโดยไม่มีเครื่องมือหรือเสบียงใดๆ เลย คุณจะเอาตัวรอดอย่างไร? สำหรับหญิงสาวคนนี้รอดมาได้เกือบเดือนด้วยเบอร์รี่และน้ำโคลนเท่านั้น Lisa Theris นักศึกษาสาขารังสีวิทยาวัย 25 ปี จากเมืองลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี หายตัวไปเมื่อวันที่ 23 กรกฏาคม 2017 โดยคาดว่าเธอน่าจะหายไปในป่าของรัฐแอละแบมา หลังวิ่งหนีจากชายสองคนที่เธออยู่ด้วย เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าๆ ทุกคนถึงกับเลิกหวังว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่แล้ว Lisa ก็ถูกพบอยู่ข้างถนนใน Bullock County โดย Judy Garne ที่เข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นกวางซะได้นี่!?     Garner บอกกับตำรวจว่าขณะที่ขับรถไปตามถนน Highway 82 ใน Bullock County เธอก็เห็นบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่แถวพุ่มไม้ เธอคิดว่าคงจะเป็นกวาง แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเธอก็เลยขับรถเข้าไปใกล้สิ่งนั้น เมื่อไปถึงปรากฏว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่สภาพเปลือยกาย ร่างกายของเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและรอยแมลงกัดต่อย ผมของเธอกระเซอะกระเซิง ซอกเล็บเต็มไปด้วยดินโคลน และดูเหมือนเธอจะอยู่ในป่าเป็นเวลานานพอสมควร เมื่อเจอคนครั้งแรกในรอบเกือบ 1 เดือน Lisa จึงบอกกับ Garner ว่าเธอรอดมาได้ด้วยผลเบอร์รี่ เห็ด และน้ำโคลน เธอดูหวาดกลัวมาก ถึงกับขอร้องไม่ให้ทิ้งเธอไว้ที่นี่…     ทางด้าน Garner ยังอยู่ในอาการตกใจ ทั้งตัวสั่น ร้องไห้ กลัว…

  • สองสาวต่างศาสนาแต่งงานกัน เป็น ‘คู่เลสเบี้ยน’ ถูกต้องตามกฎหมาย คู่แรกของอังกฤษ

    สองสาวต่างศาสนาแต่งงานกัน เป็น ‘คู่เลสเบี้ยน’ ถูกต้องตามกฎหมาย คู่แรกของอังกฤษ

    หากพูดถึงเรื่องความรักของ หญิง – หญิง (เลสเบี้ยน) อาจจะดูเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ทว่ามันไม่ธรรมดาเลยสำหรับ Kalavati Mistry เชื้อสายฮินดู และ Miriam Jefferson เชื้อสายยิว ด้วยพื้นฐานทางวัฒนธรรมของทั้งสองฝั่งที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ทำให้เรื่องราวความรักตลอด 20 ปี ของเธอทั้งสองคนกลายเป็นคู่เลสเบี้ยนต่างศาสนาที่แต่งงานกันถูกต้องตามกฎหมาย เป็นคู่แรกของอังกฤษ   Kalavati Mistry และ Miriam Jefferson   “การแต่งงานครั้งนี้สำคัญกับเรามาก เราทั้งคู่ต่างเติบโตมาในสังคมที่ให้คุณค่ากับขนบธรรมเนียมประเพณี สำหรับฉัน… ฉันอยากจะใช้ช่วงชีวิตที่เหลืออยู่กับคนที่เรารู้สึกรัก” Miriam Jefferson ให้สัมภาษณ์ ทว่าเรื่องราวความรักของทั้งคู่นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้ว่าทั้งคู่จะรักกันมานานกว่า 20 ปี แต่พวกเขาก็ต้องต่อสู้กับขนบธรรมเนียมแบบดั้งเดิม ที่ไม่ยอมรับให้ผู้หญิงแต่งงาน     ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะบอกความจริงแก่ครอบครัวเมื่อไม่กี่ปีก่อน ซึ่งโชคดีที่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายยอมรับได้ และยินดีที่จะให้ทั้งคู่ได้ทำตามความตั้งใจ “ครั้งแรกที่เราตัดสินใจเอาเรื่องนี้ไปบอกครอบครัว ดิฉันรู้สึกเกรงกลัวมาก เพราะเดิมทีในวัฒนธรรมฮินดูจะค่อนข้างเคร่งครัดกับเพศหญิงมากเป็นพิเศษ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ” Kalavati Mistry   ทั้งคู่จัดงานแต่งงาน 2 ครั้ง ทั้งในแบบวัฒนธรรมฮินดู และวัฒนธรรมยิว   หลังจากแต่งงานกันในอังกฤษ…

  • หางแมวดุ๊กดิ๊กสุดไฮเทค เพียงแค่ติดไว้ที่ก้น คุณก็กลายเป็น “เหมียวขี้อ้อน” ทันที น่ารักได้อีก~

    หางแมวดุ๊กดิ๊กสุดไฮเทค เพียงแค่ติดไว้ที่ก้น คุณก็กลายเป็น “เหมียวขี้อ้อน” ทันที น่ารักได้อีก~

    เคยคิดเล่นๆ ไหมล่ะว่าจะเป็นยังไงถ้าคุณมีหางเหมือนแมวจริงๆ คงเป็นภาพน่ารักน่าดูไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีหางส่ายดุ๊กดิ๊กไปด้วย และโอกาสนี้ก็ได้กลายเป็นจริงแล้ว เมื่อ ThinkGeek บริษัทสัญชาติอเมริกันได้ผลิตเครื่องประดับสุดไฮเทคที่ทำให้คุณกลายเป็นแมวเหมียวได้ง่ายๆ   ถ่ะแด๊มม…!! Twitchy Kitty ที่ทำให้คุณผันตัวกลายเป็นแมวได้เต็มตัว   คุณอาจจะคิดว่า ‘บ้าเหรอ? ใครมันจะไปกล้าใส่!!’ ต้องบอกว่าคิดผิดแล้วล่ะ เพราะหลังจากที่บริษัท ThinkGeek ได้เปิดตัวสินค้าหางแมวชิ้นนี้ ปรากฎว่าขายดีเทน้ำเทท่า และมีผู้ให้ความสนใจใส่ไปเที่ยวตามงานนิทรรศการเกี่ยวกับการ์ตูน สัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่เกมส์ (ถูกอกถูกใจเหล่าสาวกคอสเพลย์สุดๆ)   นอกจากหางแล้วในชุดนี้ยังมี ‘หูแมว’ แบบดุ๊กดิ๊กได้มาให้ด้วยนะ   ส่วนหางนั้นจะถูกออกแบบมาให้เหน็บติดกับเอวกางเกงได้ โดยใช้พลังงานจากถ่านขนาด AA 4 ก้อน   ถ้าอยากรู้ว่าใส่ไปทำงานแล้วจะหน้าตายังไง ก็ลองดูตัวอย่างจากผู้ผลิตได้เลย   Twitchy Kitty สุดน่ารักชิ้นนี้สนนราคาอยู่ที่ 34.99 เหรียญสหรัฐฯ หรือราวประมาณ 1,200 บาท สามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ ThinkGeek โดยตรงเลยจ้า   แล้วจะรออะไรอยู่ล่ะ… รีบไปสั่งมาเป็นทาสแมวเลเวล 99 กันเถอะ ที่มา:…

  • รู้จักกับ ‘Tova Saul’ หญิงใจบุญผู้เป็นแม่พระของเหมียวจรจัด แห่งกรุงเยรูซาเลม

    รู้จักกับ ‘Tova Saul’ หญิงใจบุญผู้เป็นแม่พระของเหมียวจรจัด แห่งกรุงเยรูซาเลม

    นับตั้งแต่ปี 1980 ที่คุณป้า Tova Saul ได้ย้ายจากเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา มาอาศัยอยู่ที่กรุงเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล เธอก็ได้เลือกที่จะสละชีวิตทั้งหมดเพื่อดูแลเจ้าเหมียวจรจัดทั้งหลาย เป็นประจำทุกวันที่เธอจะเดินทางไปทั่วเมืองเก่า พร้อมถุงอาหารแมวเพื่อหล่อเลี้ยงมิ้วน้อยทุกชีวิต และพาตัวที่มีอาการบาดเจ็บไปรักษา จนเธอได้ชื่อว่าเป็น ‘ผู้ปิดทองหลังพระให้แมวเหมียวแห่งกรุงเยรูซาเลม’   Toval Saul   ด้วยสภาพอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่น และหนาวเย็นในระดับที่พอดี ทำให้คาดว่าปัจจุบันเมืองเก่าแก่แห่งนี้มีแมวเหมียวจรจัดอาศัยอยู่มากกว่า 100,000 ตัว และถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลอิสราเอลเคยออกนโยบายควบคุมประชากรแมวเหมียวจรจัด แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ทว่าคุณป้า Tova Saul เชื่อว่าการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดต้องเริ่มต้นจากความรัก     นับเป็นเวลานานหลายสิบปีที่เธอทุ่มเททั้งชีวิต และเวลาส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือแมวจรจัด จนปัจจุบันเธอมีแมวเหมียวอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันมากกว่า 600 ตัวเข้าให้แล้ว “ฉันทนไม่ได้หรอกค่ะ ที่ต้องเห็นพวกมันมีชีวิตอย่างยากลำบาก บ้างก็ต้องดิ้นรนหาอาหารวันต่อวัน บ้างก็ต้องถูกรถชนตาย บ้างก็ป่วยตาย บ้างก็ถูกมนุษย์รังแก และฉันก็ทนอยู่เฉยไม่ได้เช่นกัน…” Tova ให้สัมภาษณ์     เป็นประจำทุกวันที่คุณป้าและองค์กรช่วยเหลือสัตว์ ต้องออกเดินทางไปตามเมืองเพื่อทำหมันให้แก่แมวเหมียวทั้งหลายเพื่อควบคุมประชากร โดยทั่วไปผู้คนอาจคิดว่าแมวเหมียวสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง ทว่าคุณป้า Tova เชื่อว่ายังไงพวกมันก็ต้องการความช่วยเหลือจากมนุษย์อยู่ดี ไม่ว่าจะด้วยเรื่องการถูกรังแก เรื่องโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ…

  • คุณยาย 84 ปี เจอแหวนหมั้นที่หลุดหายไปเมื่อ 13 ปีก่อน ติดอยู่ในแครอทที่ปลูกไว้ในสวน…

    คุณยาย 84 ปี เจอแหวนหมั้นที่หลุดหายไปเมื่อ 13 ปีก่อน ติดอยู่ในแครอทที่ปลูกไว้ในสวน…

    เรื่องเหลือเชื่อหรือความบังเอิญเกิดขึ้นได้เสมอ แม้แต่ของที่หายไปนานเป็นหลายสิบปี ใครจะคิดว่าสักวันหนึ่งเราจะหามันจนเจออีกครั้ง… เรื่องราวของคุณยายวัย 84 คนนี้ ที่อยู่ดีๆ เธอก็เจอแหวนหมั้นที่หายไปตั้งแต่ 13 ปีก่อน ไปติดอยู่ในแครอทที่เติบโตขึ้นตามกาลเวลา     เมื่อปี 2004 ขณะที่คุณยาย Mary Grams จากรัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา กำลังหว่านเมล็ดทำสวนอยู่นั้น แหวนของเธอก็หลุดจากนิ้ว และแม้จะหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ คุณยาย Mary สวมแหวนหมั้นนี้ตั้งแต่ปี 1951 ก่อนที่จะแต่งงานกับ Norman สามีของเธอ จนเมื่อเมื่อ 13 ปีก่อน เธอดันทำไม่หาย แต่คุณยายไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย     เธอเล่าถึงตอนที่ทำแหวนหายว่า “ฉันพยายามตามหาแหวนทุกซอกทุกมุม แต่หายังไงก็หาไม่เจอ ฉันกลัวว่าสามีจะโกรธเพราะมันเป็นแหวนเพชร ก็เลยออกไปซื้อแหวนวงใหม่ที่เหมือนกันมาใส่แทน” จนกระทั่ง 13 ปีต่อมา ขณะที่ Colleen Daley ลูกสะใภ้ของคุณยายไปเก็บแครอทในสวน เธอก็เห็นแครอทหัวหนึ่งถูกแหวนคล้องไว้จนทำให้มันมีรูปทรงบิดเบี้ยว     ลูกสะใภ้บอกว่า “ฉันรู้ว่ามันต้องเป็นของแม่สามีแน่ๆ เพราะไม่มีใครเข้ามาในสวนแห่งนี้นอกจากเธอเท่านั้น”  เมื่อดูแครอทที่มีแหวนไปติดอยู่ คาดว่าแหวนน่าจะไปติดอยู่ตั้งแต่คุณยายทำสวนเมื่อ 13 ปี เวลาผ่านไปแครอทหัวนั้นก็โตขึ้น  กลายเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด ซึ่งน้อยมากที่เราจะได้เห็นความบังเอิญเช่นนี้…

  • เติมเต็มฝันให้ชายผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ได้แต่งงานกับแฟนสาว ก่อนจะล่วงลับจากไป…

    เติมเต็มฝันให้ชายผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ได้แต่งงานกับแฟนสาว ก่อนจะล่วงลับจากไป…

    ครั้งหนึ่งในชีวิตเราก็คงอยากแต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก แม้แต่คนที่มีเวลาอยู่บนโลกนี้ได้อีกเพียงไม่นาน เขาหรือเธอก็คงอยากเติมเต็มความฝันก่อนจะจากไป เหมือนกับชายที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายคนนี้ ที่มีความฝันอยากแต่งงานกับหญิงสาวผู้เป็นที่รัก ก่อนที่เขาจะจากไป…     Ash Hunter และคู่รักของเขา Renae ได้หมั้นกันนานถึง 3 ปี จนทั้งคู่ก็ตกลงที่จะแต่งงานกัน สุดท้ายก็ต้องยืดออกไปอีก เพราะภรรยาตั้งครรภ์เสียก่อน ต่อมา Ash ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและอาการก็ทรุดลงเรื่อยๆ ครอบครัวจึงได้ขอความช่วยเหลือผ่าน GoFundMe เพื่อให้เขาได้มีโอกาสแต่งงานก่อนที่จะจากไป     ในระหว่างนี้ Ash ได้เข้ารับการรักษา แต่ผลการรักษาส่งผลให้ปอดของเขาเต็มไปด้วยน้ำเหลือง เขาจึงตัดสินใจหยุดรับการรักษา จนทำให้มะเร็งเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว     จนกระทั่งวันที่ 5 สิงหาคม ปี 2017 แพทย์ได้บอกกับครอบครัวว่า Ash เหลือเวลาไม่มากแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงได้จัดงานแต่งในอีก 4 ชั่วโมงต่อมา โดยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานบ้านพักรับรองและโบสถ์ในท้องถิ่น     งานแต่งเล็กๆ ถูกจัดขึ้นท่ามกลางครอบครัว เพื่อนสนิท และลูกๆ ทั้ง 6 คนของพวกเขา……

  • 10 เรื่องราวลี้ลับ ‘สิ่งของต้องสาป’ ปลุกตำนานความเฮี้ยน กับอาถรรพ์ที่ยังคงซ่อนอยู่…

    10 เรื่องราวลี้ลับ ‘สิ่งของต้องสาป’ ปลุกตำนานความเฮี้ยน กับอาถรรพ์ที่ยังคงซ่อนอยู่…

    เชื่อว่าภายในบ้านของแต่ละคนจะต้องมีข้าวของเก่าแก่ที่มีอายุยืนยาวเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นอย่างแน่นอน ซึ่งในบางครั้งของเหล่านั้นก็มีอายุมากกว่าเราซะอีก แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่มีใครมาเล่าให้ฟัง เราก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าของเหล่านั้นมันมีประวัติหรือมีความเป็นมาอย่างไร บางครั้งมันอาจจะมีเรื่องราวลี้ลับซ่อนอยู่ก็ไปได้ และถ้าหากนำไปขาย คนที่จะรับความซวยต่อไปก็คือเจ้าของคนใหม่ที่ได้มาซื้อต่อ เพราะพวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่าข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ อันล้ำค่าที่ซื้อไปนั้น มันมีเบื้องหลังอันน่าสะพรึงกลัวอะไรบ้าง… นี่คือ 10 สิ่งของที่ว่ากันว่ามีเรื่องราวอันลี้ลับซ่อนอยู่ แถมยังเคยถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์อีกด้วย ว่าแล้วก็มาดูกันเลยดีกว่า ว่าจะมีอะไรบ้าง   1. Dybbuk Box กล่องขังวิญญาณ   Dybbuk Box เป็นกล่องใส่ไวน์ที่มีหน้าตาธรรมดาๆ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันมีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับตำนานความหลอนซ่อนอยู่ เพราะมันเป็นกล่องอาถรรพ์ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่ากันว่ามีดวงวิญญาณชั่วร้ายถูกกักขังเอาไว้ในนั้น แต่ภายหลังเจ้ากล่องดังกล่าว ถูกนำมาขายปะปนกับสิ่งของทั่วไปบนโลกออนไลน์ จากนั้นความสยดสยองก็ได้เกิดขึ้นกับผู้ที่ซื้อไปในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน สำหรับ Dybbuk Box ถูกนำไปประกาศขายผ่านงานประมูลเมื่อเดือนกันยายน ปี 2001 โดยผู้ขายเป็นหลานสาวของคุณยายชาวยิวผู้เป็นเจ้าของกล่องไวน์ลึกลับ แต่ด้วยเหตุที่คุณยายต้องการให้ทำการฝังมันลงไปพร้อมกับร่างของเธอ มันกลับขัดกับขนบธรรมเนียมของชาวยิว จนต้องนำออกมาประกาศขายแทน   Kevin Mannis นักสะสมของโบราณ คือผู้สนใจซื้อไปครอบครองต่อ และเก็บไว้ในห้องชั้นใต้ดิน จู่ๆ ก็มีเกิดเหตุการณ์ไฟตกไฟดับ ประตูแต่ละบานถูกล็อคอย่างปริศนา และเริ่มมีเสียงแปลกประหลาดมาจากชั้นใต้ดินที่เก็บกล่องไม้เอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็นำไปมอบให้กับคุณแม่เพื่อเป็นของขวัญ แต่แล้วเธอก็เกิดอาการช็อคกระทันหันถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล พร้อมกับพูดทีละตัวอักษรเป็นคำว่า…

  • เด็กหนุ่มเสียชีวิตลง หลังจากเข้าค่ายเพื่อ “เลิกอาการติดอินเตอร์เน็ต” เพียง 2 วัน

    เด็กหนุ่มเสียชีวิตลง หลังจากเข้าค่ายเพื่อ “เลิกอาการติดอินเตอร์เน็ต” เพียง 2 วัน

    อาการติดอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นได้แพร่หลายมาก ด้วยที่ว่าการเข้าถึงนั้นไม่ได้ยากเหมือนเมื่ออดีตแต่อย่างใด โดยเฉพาะในประเทศจีน ที่เด็กๆ เป็นกันมากซะจนมีค่ายที่ไว้สำหรับเลิกอาการดังกล่าวเลยทีเดียว เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มวัย 18 ปีคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Li Ao ที่ต้องมาพบกับความสิ้นหวัง เป็นอาการนี้จนทำให้ไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว และทำให้แม่ของเขาเป็นกังวลกับเรื่องนี้     นั่นเองที่ทำให้ Liu Dongmei ผู้เป็นแม่ได้ตัดสินใจส่งเขาไปยังค่ายรักษาอาการที่ว่าในมณฑลอานฮุย ประเทศจีน ซึ่งมีชื่อเสียงในการทำให้เด็กเลิกติดอินเตอร์เน็ตได้ ด้วยการฝึกฝนทั้งทางด้านร่างกาย และการใช้หลักจิตวิทยาการปรึกษาเข้าช่วย เธอตัดสินใจให้เขาเข้าค่ายในวันที่ 3 สิงหาคมซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาอยู่ในนั้นถึง 180 วันค่าใช้จ่ายรวมมากกว่า 1 แสนบาท แต่หลังจากนั้นเพียงแค่ 2 วันก็ได้รับการโทรแจ้งมาว่าลูกของเธอกำลังถูกพาไปโรงพยาบาลด้วยอาการสาหัส ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงในเวลาอันสั้น     เธอได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าร่างของเด็กชายนั้นมีบาดแผลเต็มตัวมากกว่า 20 แผลทั่วร่างกาย ทั้งที่ก่อนเข้าค่ายยังปกติดี แล้วนี่เขามาเสียชีวิตลงในเวลาแค่สองวันได้อย่างไร ตอนนี้นั้นยังไม่ทราบสาเหตุการตาย และทางผู้อำนวยการกับคนทำงานในค่ายดังกล่าวจำนวน 4 คนได้ถูกคุมขังเพื่อรอการสอบสวนในเวลาต่อไป   คลิปวิดีโอพ่อแม่ของเด็กให้สัมภาษณ์   ในประเทศจีนนั้นมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมากกว่า 730 ล้านคน หนึ่งในสี่ของทั้งหมดคือเด็กที่อายุต่ำกว่า 19 ปี ซึ่งเมื่อพ่อแม่คิดว่าพวกเขาติดมันมากจนเกินไปก็จะส่งเข้าค่ายเพื่อให้เลิกด้วยวิธีการแบบทหารและการฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด…

  • คู่รักตายาย ครองรักยาวนานถึง 77 ปี ไม่เคยห่างกันเลย แม้ตอนตายก็ยังอยู่ในโลงเดียวกัน

    คู่รักตายาย ครองรักยาวนานถึง 77 ปี ไม่เคยห่างกันเลย แม้ตอนตายก็ยังอยู่ในโลงเดียวกัน

    ความรักหวานชื่นที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาเป็นเวลานาน เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิตก็คงไม่มีใครที่จะต้องอยู่โดยที่คนรักของเราได้จากไปเสียแล้ว กับเรื่องราวนี้ไม่มีใครเลือกได้ว่าอยากจะเป็นคนที่ตายก่อน เพราะพวกเขาได้จากไปในเวลาที่ใกล้เคียงกันอย่างน่าเศร้า เรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงความเศร้าแต่ก็ยังคงมีความซาบซึ้งไปกับความรักที่เกิดจากเรื่องราวของ Velva และ Reymond Breuer สองสามีภรรยาในสหรัฐอเมริกา ที่แต่งงานกันมานานถึง 77 ปี     เมื่อคุณปู่ที่เป็นสามีนั้นได้จากโลกไปวันที่ 4 สิงหาคมในวัย 97 ปีซึ่งตอนที่เขาหมดลมหายใจไปนั้นเขาก็ยังกุมมือภรรยาของเขาเอาไว้ด้วยความอบอุ่น และหลังจากนั้นเพียง 30 ชั่วโมงภรรยาของเขาก็ได้ตายจากไปเช่นเดียวกัน เวลาที่ห่างกันเพียงวันกว่าๆ นั้นคือช่วงเวลาที่มากที่สุดที่ทั้งคู่ได้แยกออกจากกันตลอดชีวิตการแต่งงานของพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันตราบชั่วนิรันดร์ในความทรงจำของครอบครัว และการที่พวกเขาได้นอนจับมืออยู่ในโลงเดียวกันตามความปรารถนาสุดท้ายของคุณปู่     ความรักอันหวานชื่นของพวกเขานั้นเริ่มจากการพบกันในตอนที่พวกเขาเรียนอยู่ห้องเดียวกันในชั้นประถม ซึ่งคุณปู่ได้เรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวโดยการเอาเหล็กที่ไว้ใช้เขี่ยไฟในเตาผิงไปแหย่เธอ โดยที่ไม่รู้ว่ามันยังร้อนอยู่จนทำให้คุณย่าต้องมีแผลเป็นไปอีกนาน ถึงอย่างไรพวกเขาทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในปี 1940 และคุณปู่ได้พูดติดตลกในวันครบรอบแต่งงาน 77 ปีว่า “เธอก็ยังคงแต่งงานกับผมทั้งที่ผมได้ทำสิ่งนั้นลงไป”     พวกเขาทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันมาอย่างยาวนาน และได้มีลูกด้วยกันถึง 6 คน ซึ่งในระหว่างนั้นพวกเขาทั้งสองก็ได้ย้ายที่อยู่ไปในหลายๆ ที่แต่การเดินทางนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถแยกทั้งคู่ให้ห่างจากกันได้เลย มีแต่จะทำให้ความรักมันเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก     จนเมื่อทั้งคู่ได้ย้ายมาเมือง Hallsville รัฐมิสซูรี ในปี 1994 เพื่อจะได้มาอยู่ใกล้ชิดกับลูกคนหนึ่งของพวกเขา…

  • พยาบาลรับเลี้ยงเด็กแฝด ผู้ป่วยโรคหายาก เมื่อพ่อแม่ดูแลไม่ได้ จึงขอทำหน้าที่มอบความรักแทน…

    พยาบาลรับเลี้ยงเด็กแฝด ผู้ป่วยโรคหายาก เมื่อพ่อแม่ดูแลไม่ได้ จึงขอทำหน้าที่มอบความรักแทน…

    ความผิดปกติทางด้านร่างกายนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และยากที่จะดูแล เด็กบางคนที่เกิดมาผิดปกติอาจถูกนำไปเลี้ยงดูในสถานรับเลี้ยงเฉพาะ หรือเด็กบางคนอาจถูกทิ้งไม่ได้รับความรักจากคนร้อบข้างเลยแม้แต่น้อย เมื่อเด็กน้อยฝาแฝดได้เกิดขึ้นมาพร้อมกับโรคหายากอย่าง Pfeiffer Syndrome ที่ทำให้กระดูกในกะโหลกของพวกเขาเชื่อมต่อผิดรูป ทำให้ศีรษะมีลักษณะที่ใหญ่กว่าปกติ และพ่อแม่ของเด็กน้อยทั้งสองนั้นคิดว่าไม่สามารถดูแลพวกเขาได้ดีพอ…     จนเมื่อพยาบาลคนหนึ่งที่ดูแลพวกเขามาตลอด 4 สัปดาห์ในช่วงแรกเกิด ได้ตัดสินใจรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมพร้อมกันทั้งคู่ เพราะคิดว่าพวกเขาเป็นเด็กที่น่ารักน่าทะนุถนอมที่สุดที่เธอเคยเจอมา และไม่ควรจะต้องถูกพรากออกจากกันแต่อย่างใด   .   พยาบาลผู้นี้มีชื่อว่า Linda Trepanier วัย 58 ปี ถูกถามโดยพนักงานบริการสังคมเพื่อให้เธอรับเลี้ยงเด็กไม่คนใดก็คนหนึ่งจากสองคนนี้ แต่เธอก็ได้รับเลี้ยงเขาพร้อมกันทั้งคู่พร้อมทั้งบอกอีกว่า “ฉันตกหลุมรักพวกเขา ฉันรู้ได้ด้วยหัวใจเลยว่าเขาคือลูกของฉัน”     สิ่งที่พวกเขาเป็นนั้นทำให้การดูแลเป็นไปได้ยากมาก แต่สำหรับเธอแล้ว ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาจะช่วยให้การเลี้ยงดูเป็นไปได้ดีกว่าใครหลายคน และคิดว่าหากเธอไม่ได้เป็นคนที่มาเจอและตัดสินใจรับเลี้ยงพวกเขา แล้วใครล่ะที่จะมาทำแทนเธอ? คนรอบข้างของเธอนั้นคิดว่าด้วยอายุขนาดนี้ เธอควรจะคิดถึงเรียกวัยเกษียณที่จะได้พักผ่อนอยู่บ้าน แต่เธอไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น เธอคิดว่าเธอจะสามารถทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นได้จริงๆ…     Matthew และ Marshall ฝาแฝดผู้มีอาการผิดปกติที่เกิดจากพันธุกรรมที่รับมาจากพ่อของพวกเขา ส่งผลให้รูปลักษณ์หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นมือเท้า ข้อต่อ ดวงตาที่โหนกนูน ใบหู และที่เห็นได้ชัดคือกระโหลกศีรษะที่ผิดรูป ต้องได้รับการดูแลอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว…

  • การกลับมาพบกันอีกครั้งที่ริมสระน้ำ ของคู่พระนางจากหนังดังตลอดกาล “ไททานิค”

    การกลับมาพบกันอีกครั้งที่ริมสระน้ำ ของคู่พระนางจากหนังดังตลอดกาล “ไททานิค”

    แม้ว่าในหนังดังตลอดกาลอย่าง ไททานิค นั้นตัวคู่พระนางอย่างแจ็คกับโรสจะไม่สมหวังกับความรัก และตอนท้ายก็ต้องมีคนที่ตายจากกันไป แต่ในชีวิตจริงแล้วคู่พระนางกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะ Kate Winslet และ Leonardo DiCaprio นั้นยังคงรักษาความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนต่อกันได้อย่างเหนียวแน่นไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าตอนนั้นกับตอนนี้จะผ่านมา 20 ปี จนทั้งคู่อายุเลยเลข 4 กันไปแล้วก็ตาม     เพราะล่าสุดทั้งคู่ก็ได้ไปพักผ่อนและพูดคุยกันชิลๆ ที่สระน้ำส่วนตัวของพ่อหนุ่ม Leo ในเมือง Saint Tropez ด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายกันมากๆ ที่สำคัญช่วงนี้พ่อพระเอกของเราก็ดูะปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากๆ หลังจากได้ออสก้าไป     วันชิลๆ ของเพื่อนรัก   ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจริงๆ นะ แต่เดี๋ยวพี่แกก็กลับมาฟิตหุ่นได้ เชื่อดิ   ก็ถือซะว่าเป็นช่วงพักผ่อนของเขาทั้งสองหลังจากทำงานกันมาอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะ Leo ที่ฝันของเขาก็เป็นจริงเสียทีนั่นเอง นอกจากนั้นหลังจากข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ผู้คนก็ยังคงคอยเชียร์ให้เพื่อนรักคู่นี้ได้สมหวังกันเสียที แม้ว่าทั้งคู่จะอายุเยอะแค่ไหน รวมถึง Kate ก็มีลูกไปถึงสามคนแล้ว แต่แฟนๆ ก็จิ้นไม่เปลี่ยนแปลง     ที่สำคัญ Leo ยังเคยบอกกับ Kate…

  • โลมาน้อยผู้น่าสงสาร ต้องจบชีวิตลงเพียงเพราะถูกมนุษย์จับมา “ถ่ายเซลฟี่”

    โลมาน้อยผู้น่าสงสาร ต้องจบชีวิตลงเพียงเพราะถูกมนุษย์จับมา “ถ่ายเซลฟี่”

    อีกหนึ่งโศกนาฏกรรมสุดเศร้าที่เกิดขึ้นกับสัตว์โลกตัวน้อย เพียงเพราะความต้องการถ่ายเซลฟี่ของมนุษย์… เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม เว็บไซต์ Mirror ได้รายงานเรื่องราวของลูกโลมาตัวน้อย ที่ถูกนักท่องเที่ยวจับขึ้นมาบนอ่าว Mojacar ประเทศสเปน   เหตุผลในการจับเพียงครั้งนี้ก็เพื่อต้องการถ่ายเซลฟี่เท่านั้น   ภาพจากเหตุการณ์เผยให้เห็น ภาพของนักท่องเที่ยวทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่กำลังยืนถ่ายเซลฟี่กับโลมาอย่างสนุกสนาน ทว่านี่กลับเป็นภาพที่สะท้อนถึงความโหดร้ายของมนุษย์ได้ดีที่สุด เจ้าหน้าที่จาก Equinac องค์กรพิทักษ์สัตว์น้ำเล่าว่า โดยปกติจะมีลูกโลมาบางตัวที่หลงมาเกยตื้น และสิ่งที่มนุษย์ควรทำคือการปล่อยมันคืนสู่ธรรมชาติ แต่พวกเขากลับเลือกที่จะจับมันขึ้นมาแทน     หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น เจ้าหน้าที่จาก Equinac ก็ได้รีบเข้าไปช่วยเหลือโลมาทันที ทว่าน่าเสียดายที่ลูกโลมาน้อยต้องเสียชีวิตลงก่อนหน้านั้นแล้ว “มนุษย์เป็นสัตว์ที่น่ากลัวมากที่สุด จากเหตุการณ์นี้พวกเขาไม่รู้เลยว่า สัตว์เหล่านี้พวกมันจะรู้สึกกลัวมากขนาดไหน พวกมันก็มีจิตใจที่อยากจะอยู่กับครอบครัว และมีความรักต่อชีวิตตัวเอง เฉกเช่นเดียวกับพวกเรานั่นแหละ” เจ้าหน้าที่เล่า     การตายของโลมาในครั้งนี้ได้สร้างความกังวลใจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ต้องเสียชีวิตจากการถ่ายเซลฟี่ ทว่าทางนักท่องเที่ยวที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็ได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ว่า โลมาตัวดังกล่าวได้เสียชีวิตก่อนหน้าที่พวกเขาจะอุ้มมาถ่ายเซลฟี่ด้วยแล้ว     วันหลังถ้าเจอโลมาน้อยอย่าอุ้มมาถ่ายภาพเลยนะ ปล่อยลงน้ำจะดีกว่า ที่มา: Mirror

  • อัจฉริยะหรือขี้เกียจ!? ผลงานนักเรียนญี่ปุ่นทำโปสเตอร์ “รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย” สร้างกระแสดัง

    อัจฉริยะหรือขี้เกียจ!? ผลงานนักเรียนญี่ปุ่นทำโปสเตอร์ “รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย” สร้างกระแสดัง

    ถ้าพูดถึงกระแสไวรัลในเน็ตทางฝั่งญี่ปุ่นตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องราวมือสีแดงอย่างแน่นอน เมื่อมีภาพการบ้านของเด็กชายคนหนึ่งถูกโพสต์ลงบนโลกออนไลน์ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เมื่อคุณได้สั่งการบ้านภาคฤดูร้อนให้เด็กๆ กลับไปทำในหัวข้อว่า “โปสเตอร์ขับขี่ปลอดภัย” ซึ่งเมื่อคุณลองคิดภาพตาม คุณคิดว่าเด็กวัย 12 จะทำการบ้านนี้ออกมายังไงล่ะ? พวกคุณคงคิดว่ามันจะต้องเป็นภาพน่ารักๆ พากันข้ามถนน หรืออะไรที่เด็กปกติจะคิดกันขึ้นมา ทว่ากลับมีเด็กคนหนึ่งสามารถทำการบ้านนี้เสร็จได้ภายใน 5 นาที โดยการทาสีแดงลงไปทั่วทั้งแขน จากนั้นก็วางทับลงไปบนกระดาษ พร้อมเขียนคำว่า “ช่วยด้วย” ลงไป พร้อมกับได้บอกว่าโปสเตอร์นี้แหละที่จะทำให้คนตระหนักถึงจริงๆ ไม่ใช่ภาพน่ารักๆ ที่คนอื่นๆ ทำกัน     งานนี้เล่นเอาชาวเน็ตอึ้งกันเป็นแถบๆ เพราะถ้าเราไม่บอกว่าเด็กทำ ดุยังไงมันก็อิมแพคเหมือนคนที่โดนชนและเลือดอาบเต็มตัวล้มลงกับพื้น เด็กวัย 12 ที่สามารถคิดได้ขนาดนี้ โตขึ้นจะต้องเจ๋งมากแน่ๆ ความเห็นคนเราย่อมมีแตกต่างกันไป เพราะชาวเน็ตบางกลุ่มก็บอกว่าเด็กคนนี้จริงๆ ขี้เกียจต่างหาก เขาแค่ไม่อยากจะทำการบ้านเหนื่อยๆ แบบที่เด็กคนอื่นวาด ก็เลยใช้ภาพนี้แหละ งั้นเราลองมาดูคอมเม้นท์ชาวเน็ตที่ถกเถียงกัน   อย่างพี่คนนี้ที่บอกว่าตัวเองเป็นศิลปิน ก็บอกว่างานของเด็กคนนี้มีสื่อสารออกมาได้ชัดเจนมากๆ แม้จะอ่านตัวหนังสือญี่ปุ่นไม่ออกก็ตาม   ด้านพี่คนนี้ก็บอกว่า สิ่งที่ทำให้เขาประทับใจคือ การที่วัฒนธรรมและการศึกษาทำให้เด็กคิดแบบนี้ได้ และกล้าจะออกจากกรอบมันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก และเชื่อว่าเขาจะมีอนาคตที่ดีแน่ๆ   ในส่วนคองคอมเม้นชาวเน็ตในไทยก็ให้ความเห็นในทิศทางที่หลากหลายเช่นกัน ซึ่งเราก็ได้ลองหยิบยกคอมเม้นจากเพจ TALKS…

  • เจ้าของช็อค!! เมื่อกลับมาพบว่าสุนัขถูกทำร้ายโดยผู้บุกรุก จนตายหนึ่ง บาดเจ็บอีกหนึ่ง

    เจ้าของช็อค!! เมื่อกลับมาพบว่าสุนัขถูกทำร้ายโดยผู้บุกรุก จนตายหนึ่ง บาดเจ็บอีกหนึ่ง

    สุนัขขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แค่เพื่อน แต่พวกมันพร้อมจะปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของเราเสมอ แม้ต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ตาม Ben Winstanley และ Paula Harrison ปล่อยสุนัข Dexter และ Tim ไว้ที่สวนหลังบ้านใน Widnes ที่เมือง Cheshire ก่อนจะออกไปทำงานเหมือนทุกวันที่ผ่านมา     แต่วันนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง เมื่อพวกเขากลับมาแล้วพบว่าสุนัขนอนจมกองเลือดอย่างน่ากลัว หลังพยายามต่อสู้กับโจรบุกขึ้นบ้าน เจ้าของจึงได้พาสุนัขที่บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลทันที แต่น่าเศร้าที่เจ้า Dexter เสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากมันถูกแทงเข้าที่คอและถูกแขวนคอ ส่วน Tim ถูกตีและถูกรัดคอด้วยเช่นกัน     Winstanley บอกว่า “ตอนที่กลับถึงบ้านผมกับ Harrison ตกใจมากกับสิ่งที่เห็น และเราก็ไม่รู้ตัวผู้ที่บุกเขามาในบ้านด้วย เพราะเราไม่เคยมีศัตรูที่ไหน” “คนปกติเค้าไม่ทำกันแบบนี้หรอก ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องทำขนาดนี้ ผมเสียใจมากที่ไม่ได้อยู่กับพวกมันตอนที่เกิดเรื่อง จนทำให้หมาต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้” Winstanley พูดด้วยความโมโห     ทางด้าน Harrison บอกว่าเธออยากเตือนเจ้าของที่ชอบปล่อยให้สุนัขอยู่ในสวนว่ามันไม่ได้ปลอดภัยเสมอไป ดังนั้นควรระมัดระวังกันให้มากขึ้น จากร่องรอยที่เห็นนั้น พวกเขาคาดว่าโจรน่าจะมีการต่อสู้กับสู้กับสุนัข หรืออาจจะเป็นเพราะพลาดท่าจนทำบ้านพัง หรือเพราะพยายามจะขโมย Dexter     Harrison บอกว่า “ฉันคิดไม่ออกเลยว่าคนที่ทำแบบนั้นได้ต้องเป็นคนแบบไหนกัน เพราะการกระทำนั้นมันชั่วร้ายเกินมนุษย์มนา”    …

  • สาวโดนปรับ 280 ล้านบาท หลังปรักปรำว่าถูกนายทหารข่มขืน จนเขาต้องออกจากงาน

    สาวโดนปรับ 280 ล้านบาท หลังปรักปรำว่าถูกนายทหารข่มขืน จนเขาต้องออกจากงาน

    การพูดให้ร้ายคนอื่นนั้นไม่เพียงแต่แสดงความต่ำตมทางความคิด แต่มันยังทำลายคนที่ถูกใส่ร้ายอย่างไม่ยุติธรรม ทั้งๆ ที่เขาหรือเธอคนนั้นไม่ได้ทำผิดอะไร อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วความจริงเท่านั้นที่จะเอาชนะทุกอย่างได้…เหมือนอย่างกรณีนี้เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งกล่าวหานายทหารคนหนึ่งว่าข่มขืนเธอ เป็นเหตุให้เขาต้องออกจากงานและเสียอนาคต เมื่อปี 2013 Susan Shannon วัย 52 ปี ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ Everett รัฐวอชิงตัน ได้เขียนในบล็อกของเธอว่าถูกนายทหารชื่อ David ‘Wil’ Riggins ข่มขืนเมื่อปี 1986 ขณะที่เรียนด้วยกันในโรงเรียนนายร้อย     เธออ้างว่ารอคอยเวลาที่จะเปิดเผยเรื่องนี้มานานกว่า 30 ปี เพราะทางกองทัพไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ แต่กลับปล่อยให้เรื่องเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางด้าน Riggins วัย 52 ปี เมื่อทราบเรื่องนี้ เขาก็ออกมาปฏิเสธทันที โดยบอกว่าสิ่งที่ Shannon พูดนั้นไม่เป็นความจริงเลย ขณะนั้นทางกรมทหารผ่านศึกจาก Alexandria กำลังจะแต่งตั้งให้ Riggins เป็นนายพลในปี 2013 แต่เมื่อมาเห็นบล็อกของ Shannon พวกเขาก็ถอนชื่อของเขาออก และเป็นยังเหตุให้เขาต้องออกจากงานด้วย     ในที่สุดเรื่องก็ถึงโรงถึงศาล แต่นายทหารก็ให้การปฏิเสธในชั้นศาลอีกครั้งว่า ‘เขาไม่ได้ข่มขืน Shannon ไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่เธอพูดทั้งหมดไม่เป็นความจริง’ ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อประกอบคำพิจารณา ในที่สุดคณะลูกขุนก็ตัดสินว่า Riggins…

  • มนุษย์ป้าปอกเปลือกกระเทียมบนรถไฟใต้ดินจนตกเกลื่อนไปหมด อ้างไม่มีเวลาทำที่บ้าน

    มนุษย์ป้าปอกเปลือกกระเทียมบนรถไฟใต้ดินจนตกเกลื่อนไปหมด อ้างไม่มีเวลาทำที่บ้าน

    เมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ เราควรรู้ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ โดยเฉพาะบนรถไฟใต้ดิน ที่นอกจากต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบแล้ว มารยาททางสังคมก็สำคัญเช่นกัน แต่มนุษย์ป้าคนนี้กลับปอกเปลือกกระเทียมบนรถไฟใต้ดินโดยไม่สนสายตาที่จับจ้อง และอ้างเพียงว่าเธอไม่มีเวลาทำที่บ้าน!!?     นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรถไฟฟ้าในเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย ขณะที่ป้าคนหนึ่ง ยืนแกะเปลือกกระเทียมบนรถไฟอย่างมันมือ ทำให้เปลือกกระเทียมตกเกลื่อนพื้น ต่อมาผู้สารคนอืี่นๆ ได้เตือนเธอว่า ‘คุณไม่ควรมาปอกเปลือกกระเทียมบนรถไฟฟ้านะ มันไม่เหมาะสม’ แต่ดูเหมือนมนุษย์ป่าจะไม่สนใจคำเตือน เธอยังคงปอกต่อไป ก่อนจะตอบแบบพึมพำว่า “ที่บ้านฉันยุ่งมาก ฉันไม่มีเวลาเลย”     หลังจากที่แกะเสร็จแล้ว แทนที่เธอจะเก็บเปลือกกระเทียมที่เกลื่อนพื้นนั้น มนุษย์ป้ากลับใช้เท้าเขี่ยนไปกองไว้ใต้เก้าอี้แบบลวกๆ ในที่สุดผู้โดยสารชายคนหนึ่งทนไม่ไหว ก็เลยนำถุงมาเก็บเศษซากที่เธอทิ้งไว้บนพื้น เมื่อมนุษย์ป้าเห็นดังนั้นเธอจึงก้มเก็บแล้วบอกกับชายคนนั้นว่า ‘เธอจะจัดการเอง’     สงสัยขึ้นรถไฟบ่อยเกิน จนนึกว่าอยู่บ้าน ที่มา weixin

  • ชาวเน็ตโวยหนัก… หลังหนุ่มจีนขับรถลากสุนัขติดสายจูงไปด้วย แต่เจ้าตัวอ้างไม่ว่ารู้เรื่อง!?

    ชาวเน็ตโวยหนัก… หลังหนุ่มจีนขับรถลากสุนัขติดสายจูงไปด้วย แต่เจ้าตัวอ้างไม่ว่ารู้เรื่อง!?

    อีกหนึ่งดราม่าที่กำลังดุเดือดสุดๆ จากประเทศจีน เมื่อเว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานเรื่องของหนุ่มจีนคนหนึ่ง ที่ขับรถลากสุนัขไปตามถนน!! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จังหวัดไห่หนิง มณฑลเจ่อเจียง โดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบเห็นรถยนต์คันหนึ่งขับรถไปตามถนน โดยมีสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ถูกลากตามไปด้วยอย่างน่าเวทนา   ทันทีที่ชาวเมืองเห็นก็พากันโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ และช่วยกันหยุดรถคันดังกล่าว   จากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ก็สามารถสกัดจับรถคันดังกล่าวได้ ทว่าคนขับกลับไม่ใช่เจ้าของรถที่แท้จริง โดยคนขับอ้างว่าตนรู้สึกผิด และไม่ทราบมาก่อนว่ามีสุนัขติดมาด้วย… ทางด้านเจ้าของรถก็ออกมาชี้แจงว่า ในคืนวันก่อนหน้านั้นสุนัขของเขานอนหลับใต้รถคันดังกล่าว และเช้าวันต่อมามีเพื่อนของเขามาขอยืมรถ โดยเจ้าตัวก็ไม่ทันสังเกตเห็นสุนัขของตนถูกผูกติดไว้กับรถ     โชคดีที่อาการบาดเจ็บของมันไม่รุนแรงมากนัก และมันก็ถูกส่งตัวไปรักษาอาการได้ทันท่วงที   มีชาวบ้านจำนวนมากต่างมาเป็นกำลังใจให้เจ้าตูบ และโชคดีที่มันไม่เป็นอะไรมาก   แม้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นอุบัติเหตุ และทางเจ้าของสุนัขก็ไม่ติดใจเอาเรื่องใดๆ แต่ทั้งสองก็ต้องเผชิญกับกระแสคำก่นด่าจากชาวจีนบนโลกอินเตอร์เน็ตอย่างหนัก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันขึ้นที่มณฑลชานตง เมื่อมีชายคนหนึ่งขับรถบนถนนพร้อมลากสุนัขจนเสียชีวิต และนำมาซึ่งความวุ่นวายครั้งใหญ่จนเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศจีน     ท้ายที่สุดน้องตูบปลอดภัยหายห่วงก็นับว่าดีมากๆ แล้ว เฮ้ออ… ใจคอไม่ดีเลย ที่มา: Shanghaiist

  • โห่วจารรรรรย์!!…โจรใจบาปลักหลับคนเมา ขโมยตังไม่พอ…ยังมาแอบขโมยน้ำกามไปอีก!!

    โห่วจารรรรรย์!!…โจรใจบาปลักหลับคนเมา ขโมยตังไม่พอ…ยังมาแอบขโมยน้ำกามไปอีก!!

    เรื่องราวสุดฉาวที่กลายเป็นกระแสดังมากๆ ในจีน เมื่อกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพชายคนหนึ่งในช่วงเช้ามือของวันอาทิตย์ในเมืองหลิวโจว ซึ่งกำลังทำการโจรกรรมเงินของชายอีกคนที่กำลังเมาปลิ้นอยู่ในสวนสาธารณะ พอเช้ามาชายคนดังกล่าวก็พบว่าเงินของตนหายไป จึงวิ่งโร่ไปแจ้งความทันทีพร้อมกับขอดูกล้องวงจรปิด และทำให้เรารู้ว่านายคนนี้มีชื่อว่า A’Jun ซึ่งเมื่อเขาได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เขานอน ความจริงมันกลับโหดร้ายกว่านั้น!!   ชายคนดังกล่าวกลับไม่ได้ขโมยเงินเฉยๆ แต่เขากลับขโมยน้ำวิเศษของชายคนนั้นไปด้วยก่อนขโมยเงินอีกด้วย ซึ่งเขาทำการค่อยๆ แก้เข็มขัดและปลดกระดุมรูดซิบอย่างตั้งใจ   จนสุดท้ายเขาก็ก้มลงไปโบลว์จ็อบอยากเมามัน แน่นอนว่า A’Jun ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ด้วยความที่เขาเมาก็ยังคงนอนหลับต่อไป เวลาผ่านไปชายคนดังกล่าวยังคงมีความสุขกับการม๊วบๆ จนกระทั่งเรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้น     มือถือของ A’Jun เผลอตกออกมาจากกระเป๋ากางเกง ทำให้ชายคนดังกล่าวตกใจและกลับเข้าสู่จุดมุ่งหมายหลักเขาอีกครั้งนั่นก็คือการขโมยเงินนั่นเอง… แม้ว่าชายคนนี้จะขโมยเงินไปได้สำเร็จ แต่ในความเก่งกาจของเจ้าหน้าที่ พวกเขาก็ออกตามสืบหาคนร้ายทันทีในวันเดียวกันหลังจากดูกล้องวงจรปิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้แกะรอยจนไปพบว่า ชายคนนี้พักอยู่โรงแรมห่างจาสถานที่เกิดเหตุแค่ 20 เมตรเท่านั้น!!     สุดท้ายคนร้ายได้สารภาพถึงสาเหตุที่ทำลงไปว่า เขาไปเจอกับ A’Jun แล้วรู้สึกว่าเขาน่ารักดีและเปรียบได้ดั่งเจ้าชายนิทรา เขาก็เลยเปลี่ยนจากการจูบเป็นโบลว์จ็อบแทนนั่นเอง ส่วนกระเป๋าเงินของ A’Jun ก็ได้คืนไปด้วยดี เพียงแต่เงินนั้นถูกนำออกไปหมดแล้ว โดยเขาบอกว่ามันโอเคเพราะบัตรต่างๆ ยังอยู่ดีนั่นเอง   ที่มา shanghaiist

  • หญิงสาวชาวอินเดียถูกครอบครัวตัวเองฆ่าตาย หลังพวกเขาเชื่อว่าเธอเป็นแม่มด!!?

    หญิงสาวชาวอินเดียถูกครอบครัวตัวเองฆ่าตาย หลังพวกเขาเชื่อว่าเธอเป็นแม่มด!!?

    ความเชื่อที่ว่าใครเป็นแม่มดต้องถูกกำจัดนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่มีกันมาอย่างช้านานแม้ว่าในปัจจุบันจะเลือนหายไปเกือบหมดแล้วก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่ามันยังมีความเชื่อนี้หลงเหลืออยู่บ้าง ซึ่งล่าสุดมันได้เกิดขึ้นที่ประเทศอินเดียนั่นเอง เธอคนนี้มีชื่อว่า Kanya Devi วัย 40 ปีจากรัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย ซึ่งเธอคนนี้ได้ถูกฆ่าตายด้วยเหตุผลที่ไม่น่าเชื่อว่ายังเกิดขึ้นในยุคนี้ นั้นก็คือเธอถูกคนในครอบครัวกล่าวหาว่าเธอเป็นแม่มด และตั้งใจจะฆ่าเธอทั้งเป็นโดยการบังคับให้เธอถอดเสื้อผ้าออก พร้อมกับบังคับให้กินถ่านร้อนๆ จากเตาเผา     หลังจากการบังคับกินถ่านแล้ว คนในครอบครัวของเธอยังจัดการเธอด้วยการนำเหล็กร้อนๆ แทงลงไปบนตาของเธอทั้งสองข้างอย่างโหดเหี่ยม จนสุดท้ายเธอก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหวแล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา ด้านศพของเธอ ทางญาติๆ ก็ได้นำศพซ่อนไว้เพื่อไม่ให้ทางการรู้ แต่อย่างไรก็ตามตำรวจก็สามารถตามจนพบและจับผู้ต้องหาจำนวน 5 คนได้ ซึ่งในนั้นยังรวมถึงหลานๆ ของ Kanya ด้วย   โฉมหน้าของผู้ต้องหาทั้งหมด…   ด้านเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน แต่ทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันถึงสาเหตุการฆ่าว่า พวกเขาเชื่อว่า Kanya เป็นแม่มดจึงจัดการฆ่าซะ แต่ทางตำรวจก็ยังไม่ปักใจเชื่อซะทีเดียว นอกจากนั้นยังเดาว่าอาจจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์หรือเปล่าก็ไม่ทราบได้   .   แต่ยังไงจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การฆ่าคนในครอบครัวด้วยวิธีอันเหี่ยมโหดดังกล่าวนั้น ถือเป็นเรื่องผิดศิลธรรมที่รับไม่ได้อย่างสูงที่สุดนั่นเอง…   ที่มา dailymail

  • แม่ใจสลาย บรรจงจูบลาลูกน้อยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะล่วงลับไปด้วยโรคมะเร็งสมอง

    แม่ใจสลาย บรรจงจูบลาลูกน้อยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะล่วงลับไปด้วยโรคมะเร็งสมอง

    โรคมะเร็งมักเป็นมัจจุราชที่พรากคนที่รักไปจากคุณเสมอ แม้คุณจะพยายามเอาชนะมันอย่างยากลำบากแค่ไหนก็ตาม… เหมือนกับ Emma Giles ที่บรรจงจูบหัวของลูกสาวเพื่อบอกลาเธอเป็นครั้งสุดท้าย ภาพสุดท้ายของแม่ลูกคู่นี้ถูกถ่ายเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งถ่ายก่อนที่ Eva เด็กหญิงวัย 5 ขวบ จะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในเด็กชนิดที่หายาก     ในภาพจะเห็นเด็กน้อยผู้กล้าหาญอยู่ในสภาพที่มีสายต่างๆ เต็มตัวไปหมด ดวงตาของได้ปิดลง โดยมีคุณแม่บรรจงจูบศีรษะพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากด้วยความเสียใจ นี่คงเป็นความรู้สึกที่พ่อแม่หลายๆ คงจะเจ้าใจดี… Eva เป็นหนึ่งในเด็ก 40 คนต่อปีที่ป่วยเป็นโรค Diffuse Intrinsic Pontine Glioma (DIPG) ซึ่งเป็นมะเร็งในสมองที่ไม่สามารถรักษาได้ เด็กหลายคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ร่างกายจะไม่สามารถขยับได้ จนกลายเป็นอัมพาต ในขณะที่หลายคนเสียชีวิตภายในหนึ่งปีหลังการวินิจฉัย     ตอนนี้เป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว ที่ Eva จากไป แต่ถึงอย่างนั้น Emma ผู้เป็นแม่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ปกครองที่บริจาคเงินกับทีมวิจัยเพื่อที่จะหาทางรักษาโรค DIPG เพื่อเธอไม่อยากให้พ่อแม่คนอื่นๆ ต้องมาเสียใจเหมือนกับเธอและครอบครัว นอกจากนี้คุณแม่ยังได้แบ่งปันเรื่องราวของลูกสาวผู้กล้าหาญ ที่สู้กับมะเร็งร้ายจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ… Eva จาก Herne Bay ใน Kent เสียชีิวิตเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2017 เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค DIPG เมื่อ 12…

  • พี่สาวพาน้องวัย 3 ขวบ เข้าไปเรียนคาบสุดท้ายด้วย หลังพ่อแม่ติดธุระ ไปรับน้องไม่ได้…

    พี่สาวพาน้องวัย 3 ขวบ เข้าไปเรียนคาบสุดท้ายด้วย หลังพ่อแม่ติดธุระ ไปรับน้องไม่ได้…

    บางครั้งอาจจะเป็นเพราะภาระหน้าที่ ที่ทำให้ผู้ปกครองมารับลูกน้อยประจำโรงเรียนได้ช้ากว่ากำหนด และเรื่องราวน่ารักๆ ครั้งนี้ก็ได้เกิดขึ้นกับสองพี่น้องต่างวัยคนละขั้วเช่นเดียวกัน Stiles Parish สาวสวยวัย 17 ปี จากรัฐเท็กซัส จำเป็นที่จะต้องออกจากโรงเรียนก่อนกำหนดเวลาเลิกเรียน เพราะเธอต้องไปรับน้องชายวัย 3 ขวบแทนพ่อแม่ หลังจากที่ทั้งสองติดธุระเร่งด่วนไม่สามารถมาตามนัดได้     แต่แทนที่จะพาตัวน้องชายไปส่งไว้ที่บ้าน เธอกลับรู้สึกว่าน้องชายเธอต้องรู้สึกเหงาแน่ๆ เธอจึงพาน้องชายไปนั่งในห้องเรียนคาบสุดท้ายด้วยซะเลย ไม่ใช่แค่ให้น้องชายไปนั่งเรียนเป็นเพื่อนเท่านั้น เพราะช่วงบ่ายอากาศร้อนๆ ทำให้น้องรู้สึกง่วง เธอจึงปล่อยให้น้องนอนหลับจนกลายเป็นภาพสุดน่ารัก ที่ทำเอาชาวเน็ตรู้สึกดีไปตามๆ กัน     หลังจากที่ชาวเน็ตได้แชร์ภาพดังกล่าวไปต่อทั่วโลกโซเชียล เธอก็ได้อธิบายถึงเรื่องราวฮาๆ ของครอบครัวตัวเองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวไว้ว่า “เป็นธรรมดาที่ครอบครัวเรามักจะเจอสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้เสมอ ตอนแรกฉันก็คิดว่าลูกสาวพาน้องไปที่บ้านนั่นแหละ จนได้เห็นรูปก็ถึงกับหุบยิ้มไม่อยู่เลย” คุณแม่ให้สัมภาษณ์     หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นจุดสนใจของสื่อ สำนักข่าว ABC News ก็ได้เข้าไปสัมภาษณ์ Parish เกี่ยวกับเรื่องราวในครั้งนี้ “ตอนนั้นฉันแค่รู้สึกว่าน้องต้องเหงาและง่วงมากแน่ๆ ฉันก็ไม่อยากขาดเรียนด้วยกลัวมีปัญหาเรื่องเกรด และเพื่อนๆ ที่โรงเรียนก็ชอบเล่นกับน้องฉันอยู่แล้ว ก็เลยพาไปด้วยกันเลยค่ะ”      นับว่าเป็นอีกความน่ารักของพี่สาวและน้องชาย ที่ปกติเราคงจะไม่ค่อยเห็นสองฝั่งนี้ลงรอยกันเท่าไหร่ ที่มา: Dailymail,…

  • 30 สไตล์การแต่งห้องนอนให้น่าอยู่ราวกับฝัน เด็กหอลองเอาไปทำตามสิ ไม่ผิดหวังแน่นอน

    30 สไตล์การแต่งห้องนอนให้น่าอยู่ราวกับฝัน เด็กหอลองเอาไปทำตามสิ ไม่ผิดหวังแน่นอน

    ใครที่เคยอยู่ในหอพักจะรู้ดีว่าบรรยากาศม้ันไม่ได้เหมือนกับห้องนอนที่บ้าน แถมยังต้องอยู่ร่วมกับรูมเมทอีก สิ่งเหล่านี้อาจทำให้หอพักกลายเป็นที่ที่ไม่น่าอยู่ได้ จริงๆ แล้ว ความน่าอยู่หรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพของหอพัก หรือรูมเมท แต่มันขึ้นอยู่กับการจัดแต่งมากกว่า ถ้าแต่งให้น่าอยู่มันก็น่าอยู่ ถ้าแต่งไม่เป็นมันก็คงจะน่าเบื่อหน่อยอะนะ สำหรับใครที่อยากแต่งห้องให้น่าอยู่ วันนี้ทางเว็บไซต์ society19 ได้นำไอเดียการแต่งห้องด้วยสไตล์ที่หลากหลายให้เราได้ทำตามกันค่ะ ไปดูกันเล้ยยย   1. เก๋ไก๋สไตล์สาวหวานด้วยเฟอร์นุ่มๆ และหมอนสีชมพูพริ้ง   2. ตกแต่งด้วยรูปภาพและไฟดวงน้อยๆ   3. ถ้าเตียงมันน่าเบื่อ ลองผูกเปลญวนสิ   4. เขียนชื่อตัวเองไว้ผนังห้อง มันจะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นห้องของคุณจริงๆ   5. แต่งห้องแบบสาวสายอาร์ต คือทำให้ทุกมุมเป็นพื้นที่ของงานศิลปะ   6. ตกแต่งสไตล์ชายหาด ให้ความชุ่มฉ่ำตลอดเวลา   7. ตกแต่งผนังด้วยแผนที่ขนาดใหญ่ นี่แหละห้องของคนรักการเดินทาง   8. สไตล์โบฮีเมียนก็มา   9. ตกแต่งในแบบที่ทำให้คุณรู้สึกดี และอยากอยู่ในบรรยากาศแบบนั้นตลอดเวลา   10. ส่ิ่งสำคัญคือเฟอร์นี่แหละ เพิ่มความน่าอยู่ได้เยอะเลย   11. หมอนก็สามารถทำให้ห้องน่าอยู่ได้ แต่ลองเลือกแบบคุมโทนหน่อยนะ…

  • รู้จักกับเรื่องราวต้นกำเนิดที่แท้จริงของ ‘งานแต่งงาน’ และที่มาขององค์ประกอบในพิธี

    รู้จักกับเรื่องราวต้นกำเนิดที่แท้จริงของ ‘งานแต่งงาน’ และที่มาขององค์ประกอบในพิธี

    ทุกวันนี้การแต่งงานถือเป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่งของมนุษย์ทุกชนชาติ ที่จัดขึ้นเพื่อประกาศให้รู้ว่าคนสองคนจะเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน แต่เราเคยสงสัยมั้ยว่าแท้จริงแล้ว วัฒนธรรมการแต่งงานนั้นมีต้นกำเนิดอย่างไร และทำไมต้องมีองค์ประกอบต่างๆ ในการทำพิธี? คำตอบอยู่ข้างล่างนี้แล้วค่ะ   1. ต้นกำเนิดของเพื่อนเจ้าสาว เพื่อนเจ้าสาวคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเจ้าสาว พวกเขาจะคอยอยู่เคียงข้างคุณ คอยสนับสนุนคุณทุกอย่าง ไม่ว่าจะเจอเรื่องทุกข์หรือสุข เดิมนั้นเพื่อนเจ้าสาวต้องแต่งตัวให้คล้ายเจ้าสาวมากที่สุดเพื่อเป็นการหลอกตาวิญญาณชั่วที่จะมาทำให้คู่รักมีปัญหากันในอนาคต และวิธีนี้แหละที่ทำให้วิญญาณชั่วสับสนได้อย่างง่ายดาย   ในจักรวรรดิโรมัน เมื่อเจ้าสาวต้องเดินทางไปยังเมืองอื่นหรือหมู่บ้านที่เจ้าบ่าวอยู่ เพื่อเจ้าสาวก็ต้องเดินทางไปพร้อมกัน เพ่ื่อความปลอดภัยของเจ้าสาวจากการโจมตีและการถูกลักพาตัว   ในภาพนี้รู้มั้ยใครเป็นเจ้าสาว? ถ้าคุณสับสน ซาตานก็สับสนเช่นกัน   2. ต้นกำเนิดของเพื่อนเจ้าบ่าว ในบางวัฒนธรรม เจ้าบ่าวจะมีการลักพาตัวหรือขโมยเจ้าสาวของตัว (ในกรณีที่ครอบครัวไม่เห็นด้วยหรือเจ้าสาวไม่เต็มใจ) ดังนั้นในอดีต เพื่อนเจ้าบ่าวต้องเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งและมีทักษะในการต่อสู้ เพื่อช่วยเจ้าบ่าวในการปกป้องเจ้าสาวจากการถูกลักพาตัวหรือหลบหนี เพื่อนเจ้าบ่าวจะยืนข้างๆ เจ้าบ่าว เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าสาวจะไม่หนีไประหว่างทำพิธีแต่งงาน   3. ต้นกำเนิดของชุดสีขาว ทุกวันนี้เราเชื่อว่ากันว่าชุดสีขาวนั้นเป็นส้ัญลักษณ์ความบริสุทธิ์ของผู้หญิง แต่จริงๆ แล้ว ชุดแต่งงานสีขาวนั้นเพิ่งจะถูกนำมาใช้ในภายหลัง ก่อนกลางทศวรรษที่ 1800 เจ้าสาวจะสวมชุดแต่งงานแบบดั้งเดิมคือ เป็นชุดสีแดง ซึ่งปัจจุบันนี้พบว่าก็ยังมีการใส่ชุดแต่งในงานแต่งทั่วโลก   แล้วทำไมต้องเป็นชุดแต่งงานสีขาว? Queen Victoria เป็นเจ้าสาวคนแรกที่ตัดสินใจสวมชุดสีขาวในระหว่างพิธีแต่งงานกับเจ้าชาย Albert เพราะเธอชอบสีขาว…

  • “Crown Shyness” ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ต้นไม้เว้นช่องว่าง ที่น้อยคนนักจะสังเกตเห็น

    “Crown Shyness” ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ต้นไม้เว้นช่องว่าง ที่น้อยคนนักจะสังเกตเห็น

    โดยธรรมชาติแล้วเวลาที่ต้นไม้ขึ้นใกล้กัน กิ่ง ก้าน และใบของมันจะอยู่แทรกกัน จากต้นนี้ไปต้นนั้น จากต้นนั้นไปต้นโน้น จนบางทีก็งงไปหมดว่ากิ่ง ก้าน ใบไหน เป็นของต้นไหน แต่ปรากฏการณ์ธรรมชาติของต้นไม้ที่เกิดขึ้นใน Plaza San Martín อาจเป็นสิ่งที่หลายคนไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะต้นไม้มีการเว้นช่องว่างระหว่างกันอย่างชัดเจน     ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Crown Shyness อยู่ที่อุทยานในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งถูกสังเกตได้ครั้งแรกเมื่อทศวรรษที่ 1920 จนนำไปสู่การตั้งสมมติฐานต่างๆ เพื่ออธิบายถึงธรรมชาติอันน่าทึ่งนี้     บางคนเชื่อว่าการที่ต้นไม้เว้นช่องว่างระหว่างกันนี้ ก็เพื่อลดการแพร่กระจายของแมลงที่เป็นอันตราย ในขณะที่หลายคนเชื่อว่าต้นไม้พยายามปกป้องกิ่งก้านสาขาของมันไม่ให้เกิดการแตกหัก     ในขณะเดียวกันได้มีการนำเสนอว่า การที่เกิดปรากฏการณ์ Crown Shyness ก็เพื่อให้ต้นไม้สามารถปรับแสงได้อย่างเหมาะสม และเพิ่มกระบวนการสังเคราะห์แสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ     ส่วนใหญ่แล้วปรากฏการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับต้นไม้สายพันธุ์เดียวกัน แต่ก็มีพบในต้นไม้ต่างสายพันธุ์กันบ้าง สำหรับสาเหตุของการเกิดนั้นยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร   . . . . . . . . . . .…

  • เมื่อชาวเน็ตนับพันร่วมแรงร่วมใจช่วยกันตามหาเด็กน้อยที่เผลอ “ลืมตุ๊กตาลิง” ตัวโปรดไว้…

    เมื่อชาวเน็ตนับพันร่วมแรงร่วมใจช่วยกันตามหาเด็กน้อยที่เผลอ “ลืมตุ๊กตาลิง” ตัวโปรดไว้…

    ในวัยเด็กนั้น เชื่อว่าหลายคนจะคงมีตุ๊กตาตัวโปรดที่เวลาไปไหนกับพ่อแม่ก็จะพกไปเสมอๆ และด้วยความเป็นเด็กบางครั้งเราก็อาจจะเผลอลืมมันทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ ถ้านึกได้กลับไปเอาทันก็ดีไป แต่บางครั้งมันก็ดันนึกไม่ทันเนี่ยสิ… ทว่าเมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่ St. John’s International Airport ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่รอช้าพร้อมติดตามหาเจ้าของทันที เพราะเธอรู้ว่ามันจะต้องสำคัญต่อเจ้าหนูที่เป็นเจ้าของแน่นอน     Kristen Sellars เจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลลูกค้าจากสายการบิน WestJet ได้เจอเข้ากับเจ้าตุ๊กตาลิงถูกทิ้งไว้บริเวณจุดบอร์ดดิ่ง เธอก็รู้ได้ว่าเจ้าของต้องเป็นกังวลแน่ๆ ที่ตุ๊กตาตัวโปรดหายไป เธอไม่รอช้าหยิบมือถือขึ้นมาและถ่ายรูปมันทันที!!     จากนั้นเธอก็แชร์มันลงบนเฟซบุ๊กของตัวเองพร้อมแคปชั่นว่า “เจ้าลิงจ๋อตัวนี้มันถูกลืมที่ไว้ที่สนามบิน และมันก็ทำให้ฉันลำบากใจทุกครั้งที่มองไปที่มันพร้อมหวังว่าเจ้าของจะกลับมาเอามันกลับไปสักที “ งานนี้ผู้คนมากมายก็ต่างแชร์เรื่องราวของเจ้าจ๋อออกไป และกระแสตอบรับก็ดีมากๆ จนสุดท้าย Kristen และเพ่ื่อนร่วมงานก็ได้ตั้งชื่อให้กับมันว่า “Bo”     เวลาผ่านไป ก็ยังไม่มีเจ้าของมารับเจ้า Bo กลับไป งานนี้เธอก็เลยจัดการดูแลเทคแคร์ และพามันไปถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ของสนามบินอยู่เรื่อยๆ แน่นอนว่าทุกคนในสนามบินก็รู้จักและชื่นชอบมันมากๆ เลยล่ะ     สุดท้ายแล้ว Kristen ก็บอกว่า “ฉันหวังว่าสักวันหนึ่ง เจ้าของจริงๆ ของมันจะเดินทางกลับมารับเจ้าจ๋อไปอยู่ด้วยนะ”     ที่มา buzzfeed

  • อย่างโหด!! ผู้ต้องหาคดี ‘ฆ่าข่มขืนเด็ก’ ในประเทศเยเมน ถูกประหารพร้อมห้อยศพประจาน

    อย่างโหด!! ผู้ต้องหาคดี ‘ฆ่าข่มขืนเด็ก’ ในประเทศเยเมน ถูกประหารพร้อมห้อยศพประจาน

    นับว่าคดีข่มขืนกระทำชำเรา ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของหลายๆ ประเทศทั่วโลก และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นที่ประเทศเยเมน เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2017 เว็บไซต์ Metroได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนาย Hussein al-Saket วัย 22 ปี ข้อหาฆ่าข่มขืนเด็กสาววัย 4 ขวบ   ผู้ต้องหา Hussein al-Saket   เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ประเทศเยเมน โดยก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาได้ทำการลวงเด็กสาววัย 4 ขวบ ผู้เป็นหลานสาวของ Ali Ayedh ไปข่มขืนพร้อมกับฆาตกรรมอย่างโหดร้าย ซึ่งหลังจากเกิดเหตุได้ไม่นาน ก็ได้มีการออกตามหาเด็กสาวโดยที่ผู้ก่อเหตุทำทีท่าออกตามหาด้วย จนกระทั่ง Saket ก็ถูกกระชากหน้ากากออก และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในที่สุด แต่ทว่าการลงโทษในครั้งนี้ได้กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก   ตามกฎหมายของประเทศเยเมน ผู้กระทำผิดฐานข่มขืนจะต้องถูกประหารชีวิต   การประหารชีวิตของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้กลับสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ให้แก่นักสิทธิมนุษยชนทั่วโลก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บังคับให้ผู้ต้องหาหมอบราบลงกับพื้นใจกลางเมือง Sanaa ท่ามกลางสายตาของประชาชนนับหมื่นคน เจ้าหน้าที่ได้ประหารชีวิตผู้กระทำผิดด้วยการยิงอัดกับพื้นกลางถนนจำนวน 5 นัด โดยเชื่อว่าวิธีดังกล่าวจะทำให้ประชาชนไม่กล้าทำผิด และช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้   “จู่ๆ หลานสาวเราก็หายไปจากบ้าน พอไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ก็สืบจนพบศพของหลานสาวและผู้กระทำ เราเชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้คนไม่กล้าทำผิดอีก” ญาติผู้เสียหายกล่าว…

  • ภาพความต่างของ “เกาหลีเหนือและใต้” ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอยู่ที่ต่างกันสุดขั้ว!!

    ภาพความต่างของ “เกาหลีเหนือและใต้” ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอยู่ที่ต่างกันสุดขั้ว!!

    คนส่วนใหญ่นั้นมักจะรู้และได้ยินว่า เกาหลีใต้นั้นดียังไงแฮปปี้ขนาดไหน ส่วนเกาหลีเหนือนั้นแย่ยังไงลำบากขนาดไหนกันอยู่บ่อยๆ แต่เราก็แค่ได้ยินแต่ไม่ยักจะได้เห็นภาพการเปรียบเทียบของสองประเทศนี้จริงๆ กันเสียที ด้วยเหตุนี้จึงมีชาวต่างชาตินามว่า Jacob Laukaitis จึงได้ไปเก็บภาพของทั้งสองประเทศมาและเปรียบเทียบพร้อมบอกเล่าประสบการณ์ที่เขาได้รับ จากการไปยังดินแดนเกาหลีทั้งสอง ซึ่งเขาก็บอกว่ามันต่างกันสุดขั้ว จนไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งสองใช้ชื่อเกาหลีเหมือนกัน พูดไปก็ไม่เห็นภาพ เอาเป็นว่าลองมาดูภาพความแตกต่างกันดูดีกว่า…   ช่วงเวลาว่างของฝั่งเกาหลีใต้ พวกเขาก็จะไปนั่งในสวนสาธารณะอย่างมีความสุขและผ่อนคลาย   แต่สำหรับเกาหลีเหนือ พวกคุณไม่ค่อยจะมีเวลว่างหรอก ว่างเมื่อไหร่ก็จะโดนเรียกไปเต้นๆ แบบนี้แหละ   ช่วงชีวิตวัยรุ่นจากฝั่งเกาหลีใต้ พวกเขาก็จะมีชีวิตที่อิสระ ได้ใช้ชีวิตตามแบบตัวเอง แต่งตัวสวยๆ หล่อๆ   แต่ทางเกาหลีเหนือ ทุกคนก็ต้องไปเรียนพร้อมใช้ชีวิตตามแบบแผนที่ท่านคนในรูปกำหนดมาให้   ท้องถนนในเกาหลีใต้นั้น ก็จะเต็มไปด้วยรถและผู้คนตลอดเวลา   แต่เกาหลีเหนือก็ตามที่เห็น เงียบกริบไม่มีรถสักคัน   ลานจอดรถเกาหลีใต้ก็จะเต็มไปด้วยผู้คน   แต่ฝั่งเกาหลีเหนือที่คนไม่ค่อยจะมีรถใช้กัน ก็จะนานๆ มีรถมาจอดสักคัน   ความต่างของบ้านนอกก็จะมีโทนสีและหญ้าที่ต่างกันมากๆ อย่างเกาหลีใต้ก็จะอุดมสมบูรณ์   ส่วนเกาหลีเหนือก็อย่างที่เห็น   ด้านระบบขนส่งอย่างรถไฟก็จะแตกต่างกันมากๆ ด้วยเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อม อย่างเกาหลีใต้เราก็จะเห็นถึงความศิวิไลซ์   แต่เกาหลีเหนือเราก็จะเห็นความสวยงามในแบบเก่าๆ หน่อย   ในส่วนของมหาลัยนั้น…

  • รู้จักเจ้า ‘Sudan’ แรดขาวเหนือตัวผู้ ตัวสุดท้ายของโลก จนต้องมีทหารคุ้มกัน 24 ชั่วโมง!!

    รู้จักเจ้า ‘Sudan’ แรดขาวเหนือตัวผู้ ตัวสุดท้ายของโลก จนต้องมีทหารคุ้มกัน 24 ชั่วโมง!!

    อัพเดท: ปัจจุบัน Sudan เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2018 บทความนี้เขียนขึ้นในปี 2017 เพื่อบอกเล่าชีวิตของแรดขาวตัวนี้…   จากความเชื่อในเรื่องของโชคลางทางแถบทวีปเอเชียทำให้ ‘นอแรด’ นั้นมีมูลค่ามหาศาล จึงเป็นเหตุผลให้เกิดการล่าและฆ่าแรดสายพันธุ์ต่างๆ เพื่อเอานอของมันไปขาย และด้วยเหตุนี้เองก็เลยทำให้ ‘แรดขาวเหนือ’ เกือบที่จะสูญพันธุ์ นักชีววิทยาคาดว่าอาจจะเหลือเพียงไม่กี่ตัวบนโลกใบนี้แล้ว และตอนนี้ก็อาจจะเหลือแรดขาวตัวผู้อยู่เพียงตัวเดียว     ซึ่งก็คือเจ้า Sudan นั่นเอง มันถูกพบในผืนป่าภูมิภาค Shambe ในซูดานใต้ ขณะที่มีอายุเพียง 1 ปี หลังจากถูกพบมันก็ถูกส่งไปยังสวนสัตว์ Dvr Krlov ในประเทศสาธารณรัฐเช็กและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมาโดยตลอด     นอของมันถูกตัดออกเพราะป้องกันอันตรายจากการถูกล่า จนกระทั่งเมื่อปี 2552 เจ้า Sudan ก็ถูกย้ายมายังศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า Ol Pejeta ในเมือง Likibia ประเทศเคนยา เพื่อเข้าร่วมขั้นโปรแกรมการขยายพันธุ์ “Last Chance To Survive” ร่วมกับแรดขาวเหนือตัวผู้และตัวเมีย 2…

  • ท่านแพะภูเขาถูกแต่งตั้งให้เป็น “ราชา” ประจำเมือง หลังสามารถแหกคอกออกมาได้

    ท่านแพะภูเขาถูกแต่งตั้งให้เป็น “ราชา” ประจำเมือง หลังสามารถแหกคอกออกมาได้

    การที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำในแต่ละที่ก็จะมีระเบียบหรือข้อกำหนดจัดตั้งแตกต่างกันไป ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะต้องสามารถทำให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตกันได้อย่างมีความสุขอีกด้วย และในเมืองเล็กๆ แห่งนี้เองก็มีชีวิตที่ดีกันจากราชาที่ดันไม่ใช่คนซะงั้น ในเมื่อเทศกาลอันเก่าแก่อย่าง Puck Fair ของไอร์แลนด์ ในเมือง Killorglin ได้แต่งตั้งให้แพะภูเขาที่หลุดออกมาจากที่พักอาศัยของมันมารับการแต่งตั้งเป็นราชาในช่วงระหว่างงานซะอย่างนั้น     เจ้าราชาแพะนี้ได้ถูกแห่ไปในเมืองท่ามกลางขบวนพาเหรดที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ และได้รับการสวมมงกุฎจากราชินีของงานที่เป็นเด็กนักเรียนอายุ 12 ปีน่ารักใสๆ ซึ่งเจ้าแพะนั้นก็ดูสบายในพิธีมอบมงกุฎอาจมีความประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี   .   ผู้ที่อยู่ในเทศกาลดังกล่าวนั้นได้พูดอีกว่า “ในช่วง 11 ปีที่ผ่านมาที่ผมมางานนี้ก็ยังคงไม่มีอะไรใหม่ แต่เมื่อผมย้ายจากอังกฤษมาอยู่ที่นี่ก็คิดว่านี่มันเป็นอะไรที่แปลก ผมได้ยินผู้ชายคนหนึ่งที่บอกว่าเขามาร่วมงานนี้ถึง 57 ปีแล้ว นั่นทำให้เขาพูดไม่หยุดเลย”     ต้นกำเนิดของเทศกาลดังกล่าวนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ก็ได้มีเรื่องเล่าท้องถิ่นที่ว่ามันเกิดจากเมื่อมีแพะตัวหนึ่งหนีออกมาจากกองทัพทหารและมาที่หมู่บ้านนี้ ระยะเวลาครองราชย์สั้นๆ ของราชาแพะนั้นได้รับการปรนนิบัติอย่างดีและยิ่งใหญ่ มันได้กินกิ่งไม้ น้ำและกระหล่ำปลีในการดำรงชีวิต หลังจากนั้นผ่านไปไม่กี่วันก็ถึงพิธีสละพระราชบัลลังก์ ก่อนที่จะปล่อยมันกลับคืนสู่ป่าบ้านเกิด     แม้จะดูเป็นเรื่องเรียบง่ายแต่ราชาแพะนั้นก็ได้สร้างความแปลกที่ทำให้ชาวเมืองทุกคนในงานสามารถยิ้มและมีความสุขกับเทศกาลได้มากกว่าครั้งไหนๆ   ที่มา: metro

  • เด็กน้อยผู้ป่วยเป็นโรคร้ายกับความฝันที่อยากจะเป็น “ตำรวจ” ในที่สุดฝันก็เป็นจริงแล้ว!!

    เด็กน้อยผู้ป่วยเป็นโรคร้ายกับความฝันที่อยากจะเป็น “ตำรวจ” ในที่สุดฝันก็เป็นจริงแล้ว!!

    เราคงจะมีความฝันตั้งแต่ตอนเราเป็นเด็ก คงเป็นสิ่งที่เราจะยังจำกันได้ดี แต่น้อยคนที่จะมีโอกาสได้ทำไปตามความฝันด้วยเหตุผลมากมาย สำหรับเรื่องราวของเด็กน้อยคนนี้คือหนึ่งในนั้น แต่โชคดีที่ได้รับแรงผลักดันให้ความฝันของเขาได้เป็นจริง เมื่อกรมตำรวจนครบาลแห่งประเทศอังกฤษได้มอบโอกาสให้กับเด็กน้อยผู้น่ารักที่มีชื่อว่า Charlie Peebles วัย 7 ขวบในการเป็นตำรวจผู้ดูแลความปลอดภัยให้กับพระราชวังบักกิงแฮม     เด็กน้อยคนนี้นั้นได้ป่วยเป็นโรคเลือดที่สามารถทำอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพูดว่า “ผมวิ่งเร็ว และมีเทคนิคในการจับหัวขโมยได้ดีนะครับ” เพราะความฝันของเขาคือการทำอาชีพตำรวจนั่นเอง แม่ของเขายังบอกอีกว่าสิ่งที่เขาชอบนั้นจะมีแต่ของที่เกี่ยวข้องกับอาชีพตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นของเล่น เกมส์ที่ชอบเล่น และในแต่ละวันก็จะพูดแต่เรื่องความฝันในการประกอบอาชีพนี้เมื่อโตขึ้น     ในการเติมเต็มความฝันครั้งนี้เจ้าหนูน้อยได้สวมเครื่องแบบ ได้นั่งบนเฮลิคอปเตอร์ตำรวจอีกทั้งยังได้จำลองการจับกุมอีกด้วย และมีหมายเลขในกรมเป็นของตัวเองคือหมายเลข CP999 โดยทุกคนเชื่อว่าเขาจะต้องโตขึ้นมาเป็นตำรวจที่ดีได้อย่างแน่นอน   .   ได้มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของกรมกล่าวไว้ว่าเด็กน้อยคนนี้จะต้องเป็นดาวเด่นของอาชีพนี้ในอนาคตข้างหน้า เพราะเป็นเด็กที่มีความมั่นใจและคนในเมืองก็ยังมีคนพูดถึงเขาอีกด้วย และในครั้งนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ได้เห็นรอยยิ้มที่เกิดจากการได้ทำฝันให้เป็นจริง   .   ต้องขอบคุณองค์กรเพื่อการกุศล Starlight ที่ได้ทำให้ความฝันของเขาเป็นจริง ด้วยตัวองค์กรที่มีเป้าหมายเพื่อเติมเต็มและกู้คืนความสนุกของเด็ก และทำให้มันเป็นเรื่องที่น่าจดจำของคนในครอบครัว อีกทั้งยังสร้างรอยยิ้มที่สดใสให้เกิดขึ้นเหมือนกับเด็กคนนีี้     ความน่ารักที่สดใสที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ต้องลืมเรื่องที่เด็กคนนี้นั้นป่วยไปเรื่อย เพราะเราเอาเวลามาบันทึกความทรงจำที่ดีที่เกิดขึ้นย่อมดีกว่าอยู่แล้วนะครับ   ที่มา: thesun

  • จริงหรือไม่ที่คนอังกฤษจะเลิกใช้ Thank You และเปลี่ยนเป็น 19 คำที่ดูเจ๋งกว่า!?

    จริงหรือไม่ที่คนอังกฤษจะเลิกใช้ Thank You และเปลี่ยนเป็น 19 คำที่ดูเจ๋งกว่า!?

    เราอาจจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า คำว่า ‘Thank You’ หรือ ‘Cheers’ เป็นคำที่ส่งต่อความรู้สึกถึงการขอบคุณได้ดีที่สุด และโดยปกติถ้าเจอเพื่อนฝรั่งมาทัก ถึงแม้เราจะไม่รู้ว่ามันพูดเรื่องอะไร เราก็จะตอบไปแค่ว่า.. แต๊งกิ้ว จากผลสำรวจของบริษัท Me to You พวกเขาได้ทำการสำรวจประชากรในอังกฤษจำนวน 3,000 คน และได้คำตอบมาเหมือนกันว่า คำว่า ‘Thank You’ เป็นคำที่ให้ความรู้สึกธรรมดามากเกินกว่าที่จะเอาใช้พูดกัน (มันเก่าไปแล้ว)     จากผลสำรวจก็ได้พบว่า ยังมีอีก 19 คำศัพท์ที่ี่มีความหมายเดียวกันแต่ให้ความรู้สึกที่ดีกว่า และไม่น่าเบื่อพร่ำเพื่อเท่ากับแต๊งกิ้ว ที่คนอังกฤษหันมาเลือกใช้กันมากขึ้น ดังนี้… 1. Cheers 2. Ta 3. That’s great 4. Cool 5. OK 6. Brilliant 7. Lovely 8. Nice one 9. Much appreciated 10. You star…

  • ญี่ปุ่นประสบปัญหา “ขาดแคลนช่างตีดาบ” หรือนี่อาจเป็นสัญญานของยุคสมัยที่เปลี่ยนไป!!?

    ญี่ปุ่นประสบปัญหา “ขาดแคลนช่างตีดาบ” หรือนี่อาจเป็นสัญญานของยุคสมัยที่เปลี่ยนไป!!?

    เมื่อพูดถึงดาบ ดาบญี่ปุ่นอย่างคาตานะหรือโนดาจิ คงจะเป็นชื่อดาบแรกๆ ที่อยู่ในหัวของใครหลายคนอย่างแน่นอน และดาบพวกนี้ก็แทบจะเป็นตัวแทนอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ทว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ดาบก็กลายเป็นเพียงแค่ของตกแต่งหรือวัตถุโบราณเพียงเท่านั้น เพราะปัจจุบันคงไม่มีใครใช้ดาบในการสู้รบอีกต่อไป ซึ่งนี้อาจจะเป็นสัญญานร้ายของวัฒนธรรมดาบญี่ปุ่นหรือเปล่า?     ในปี 1998 ญี่ปุ่นได้มีการเปิดเผยตัวเลขของช่างตีดาบที่ลงทะเบียนกับทางรัฐบาล ซึ่งตอนนั้นมีจำนวนอยู่ราวๆ 300 คน แต่ในปัจจุบันนั้นมีจำนวนนักดาบที่ลงทะเบียนเพียงแค่ 188 คนเท่านั้นและจำนวนก็ดูจะลดลงเรื่อยๆ รวมถึงอายุของช่างตีดาบด้วย Tetsuya Tsubouchi หนึ่งในหัวหน้าสมาคมช่างตีดาบของญี่ปุ่นก็ได้บอกว่า ดาบญี่ปุ่นนั้นไม่เป็นเพียงแค่ดาบเฉยๆ แต่มันยังเป็นจิตวิญญานและวัฒนธรรมหลักของญี่ปุ่นด้วย แต่ในปัจจุบันการจะหาเด็กรุ่นใหม่มาทำต่อมันยากซะเหลือเกิน     เขายังบอกอีกว่า การจะมาเป็นช่างตีดาบได้นั้นมันไม่ได้หมายความว่าคุณเปิดดูจากเน็ตแล้วออกไปเหวี่ยงค้อนตี เป้งๆ แล้วก็จะถูกยอมรับเลย เพราะคนอยากเป็นจะต้องไปขอเป็นลูกศิษย์กับช่างตีดาบเสียก่อน แน่นอนว่าลูกศิษย์จะไม่ได้รับเงินค่าจ้างจากการตีดาบหรอกนะ     นอกจากการเป็นลูกศิษย์ก็ยังต้องใช้เวลานาน ซึ่งจะอยู่ในช่วงระยะเวลาฝึกราวๆ 5 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้น จากนั้นก็ต้องไปสอบการเป็นช่างตีดาบอีก ซึ่งใช้เวลานานถึง 8 วัน และถ้าไม่ผ่านก็ต้องรอการทดสอบอีกครั้งในปีหน้า เพราะจะจัดทดสอบแค่ปีละครั้งเท่านั้น… ยัง ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะหลังจากการสำเร็จการถูกยอมรับแล้ว ใช่ว่าดาบจะถูกซื้อไปทันทีหลังจากตีเสร็จ มันอาจจะไม่ถูกซื้อเลยก็เป็นได้ นอกจากนั้นการจะเปิดร้านตีดาบเป็นของตัวเองก็ต้องใช้เงินมากถึง 10 ล้านเยน…

  • ฝันของเหล่าดูเอลลิสต์ใกล้เป็นจริง เมื่อมีการโชว์เทคโนยี AR ในงานแข่ง YuGiOh ระดับโลก!!

    ฝันของเหล่าดูเอลลิสต์ใกล้เป็นจริง เมื่อมีการโชว์เทคโนยี AR ในงานแข่ง YuGiOh ระดับโลก!!

    หลายคนที่เคยเล่นหรือรู้จักกับการ์ดเกมในตำนานอย่างการ์ดยูกิ ก็คงจะเคยวาดฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้ดวลการ์ดเกมนี้แบบในการ์ตูนที่มีคนมอนสเตอร์ออกมา แต่ยังไงซะตอนนั้นเราก็คงได้แค่ฝันเพาะมันดูเป็นจริงไม่ได้เลย ทว่าล่าสุดความเป็นจริงก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วเพราะปัจจุบันเทคโนยีฉายภาพให้สมจริงก็มีมากขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบของ VR (Virtual reality) หรือ AR (Augmented reality) ที่ปัจจุบันมันเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ   คิดดูสิ จะเจ๋งแค่ไหน ถ้ามีบลูอายไวท์ดราก้อนโผล่มาข้างหลังแบบนี้   ด้วยเหตุนี้ทางผู้พัฒนาการ์ดเกมชื่อดัง จึงอยากจะสานฝันของนักเล่นการ์ดโดยการทำให้มันเกิดขึ้นจริงเสียที ทำให้ล่าสุดในงานแข่งเกมการ์ดยูกิในชื่องานว่า YuGiOh 2017 World Championship ซึ่งเป็นการแข่งระดับโลกได้เปิดตัวเทคโนยีการแข่งแบบ AR ให้ผู้ชมได้ดูกัน   ตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยี AR กับโลกจริงๆ ซึ่งเราเคยเห็นกันไปแล้วสมัยเล่น Pokemon Go ยังไงล่ะ   สังเกตที่โต๊ะแข่งได้ชัดเจนว่าไม่มีอะไร แต่ในจอกลับมีมอนสเตอร์อยู่ นั่นก็เพราะ AR นั่นเอง   แม้ว่าตัวมอนสเตอร์ที่อัญเชิญออกมา จะไม่ได้เห็นเป็นตัวโฮโลแกรมที่ชัดเจน และมองเห็นได้ผ่านจอเท่านั้นก็ตาม แต่นี้ก็เป็นสัญญานที่ดีและก้าวไปอีกขั้นเลยนะ ไม่แน่อนาคตอาจจะเป็นโฮโลแกรมจริงๆ ก็ได้   วางการ์ดแล้วก็ลอยขึ้นมาจริงๆ นะ เฟี้ยวสุดๆ   ไปเลย…

  • 12 ภาพประวัติศาสตร์ บอกเล่าเรื่องราวน่าจดจำ และคุณควรได้รับรู้สิ่งเหล่านี้

    12 ภาพประวัติศาสตร์ บอกเล่าเรื่องราวน่าจดจำ และคุณควรได้รับรู้สิ่งเหล่านี้

    เรื่องราวในประวัติศาสตร์นั้นสามารถส่งต่อกันมาในยุคปัจจุยันผ่านลายลักษณ์อักษรต่างๆ หรือการเล่าปากต่อปากให้สืบทอดต่อกันมา และแม้แต่ภาพที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคนั้นๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ภาพเหล่านี้คือสิ่งที่จะช่วยทำให้เห็นประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำและน้อยคนที่จะเคยเห็นหรือรับรู้เรื่องราวเหล่านี้   1. ภาพถ่ายที่ติดมนุษย์คนแรก ในปี 1838 นี่คือภาพถ่ายที่เกิดขึ้นจากกระบวนการดาแกโรไทป์ ถูกถ่ายโดย Louis Daguerre ผู้คิดค้นกระบวนการดังกล่าว ภาพนี้ถูกถ่ายในปารีสเมื่อปี 1838 ซึ่งในภาพควรจะได้เห็นผู้คนมากกว่านี้ แต่ด้วยการเปิดรับแสงเป็นเวลานาน จึงทำให้เห็นเพียงแค่ช่างขัดรองเท้ากับลูกค้าของเขาเพียงแค่นั้น   2. ภาพถ่ายท่าทางที่หยาบคายภาพแรก ในปี 1886 นี่คือภาพถ่ายนักกีฬาเบสบอลซึ่งเมื่อซึ่งเมื่อสังเกตในวงกลมสีแดง นั่นคือมือของนักเบสบอลที่มีชื่อว่า Charles Redbourne ที่แสดงให้เห็นว่าเขาโชว์นิ้วกลางให้กับกล้องโดยไม่ทราบสาเหตุ จนเป็นภาพแรกของโลกที่แสดงให้เห็นท่าทางที่เราทุกคนสมัยนี้รู้จักกันดี   3. นักเรียนเล่นปาหิมะ ในปี 1893 นี่คือภาพของนักเรียนสามคนหลังจากที่พวกเขาได้ไปเล่นปาหิมะกันแบบน่ารักใสๆ แต่สงสัยการปาหิมะในยุคนั้นจะโหดกว่ายุคนี้มาก จนสามารถทำให้เข้าใจผิดคิดว่าไปออกสนามรบมาหรือไม่ก็คงโดนผึ้งต่อยซะจนบวมเป่งขนาดนั้น     4. ประติมากรทำการกลบรอยแผลให้กับทหารผ่านศึก ในปี 1917 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 การศัลยกรรมในสงครามยังห่างไกลกับคำว่าทำให้สมบูรณ์แบบได้ แต่มันก็ยังคงมีวิธีการบางอย่างที่สามารถมาแทนที่ โดยให้ประติมากรมืออาชีพเติมเต็มส่วนที่เป็นบาดแผลให้กับเหล่าทหาร ซึ่งถึงแม้ว่าอาจไม่ได้ทำให้เหมือนกับตอนยังปกติ แต่นั่นก็ช่วยทำให้เขาสามารถมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่นและไม่คิดฆ่าตัวตาย .   5.…

  • Taylor Swift ชนะคดีความล่วงละเมิดทางเพศ เรียกร้องค่าเสียหายแค่ 1 ดอลลาร์เท่านั้น

    Taylor Swift ชนะคดีความล่วงละเมิดทางเพศ เรียกร้องค่าเสียหายแค่ 1 ดอลลาร์เท่านั้น

    หลังจากที่ตกเป็นข่าวใหญ่เกี่ยวการถูกล่วงละเมิดทางเพศของนักร้องสาวตาคมอย่าง Taylor Swift กับดีเจหนุ่ม David Mueller จนเกิดเป็นคดีความและมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ล่าสุดศาลได้พิจารณาตัดสินให้นักร้องสาวเป็นฝ่ายชนะเป็นทีเรียบร้อยแล้ว และเธอก็เรียกร้องค่าเสียหายแบบหักหน้าอีกฝ่าย ด้วยจำนวนเงินเพียงแค่ 1 ดอลลาร์ หรือแค่ประมาณ 33 บาทเท่านั้น     ซึ่งคดีความดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ทางนักร้องสาวได้ออกมาฟ้องร้องดีเจหนุ่ม ข้อหาลวนลามเธอด้วยการเอามือล้วงเข้าไปใต้กระโปรงระหว่างการถ่ายรูปเมื่อปี 2013 แต่ทางฝ่ายชายได้ออกมาปฏิเสธพร้อมกลับฟ้องกลับในข้อหากุเรื่องทำให้เขาเสียชื่อเสียง และเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินมากถึง 3 ล้านเหรียญเลยทีเดียว หลังจากที่มีการสืบสวนเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ก็กลับกลายเป็นฝ่ายนักร้องสาวที่ชนะคดีไป โดยเธอบอกว่าการเรียกร้องค่าเสียหายเพียงแค่ 1 ดอลลาร์นั้น     การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ต้องการเงิน แต่เธออยากจะแสดงให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่กำลังตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดออกมาพูดในสิ่งที่ถูกต้องและต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของตัวเอง “ถ้าพวกเธอบอกว่า ไม่ ก็แปลว่าไม่นั่นแหละ พวกผู้หญิงควรจะมีสิทธิ์บอกว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของพวกเธอ” คุณ Douglas Baldridge ทนายของนักร้องสาวกล่าว ที่มา independent

  • ปลุกความกล้าในตัวคุณ สัมผัสทางเดินสุดหวาดเสียวบน “หน้าผา Huashan” ประเทศจีน

    ปลุกความกล้าในตัวคุณ สัมผัสทางเดินสุดหวาดเสียวบน “หน้าผา Huashan” ประเทศจีน

    การท่องเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์คงจะเป็นที่ชื่นชอบสำหรับหลายๆ คน การได้เดินป่า หรือปีนเขาคงจะทำให้ต่อมความตื่นเต้นของบางคนลุกขึ้นมาทำงานเลยใช่ไหมล่ะ และถ้าหากใครที่ชอบความท้าทายละก็ เขาขอแนะนำให้รู้จักหน้าผา Huashan เลย เพราะเส้นทางการเดินสัมผัสธรรมชาติของที่นี่ บอกได้คำเดียวเลยว่า หัวใจจะวาย!!   ภาพนี้คงจะบอกได้ละนะ ว่ามันน่าหวาดเสียวแค่ไหน   เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของนักท่องเที่ยวผู้หนึ่งที่ได้เดินทางไปเยือนหน้าผาแห่งนี้ โดยในคลิปวิดีโอดังกล่าวเผยให้เห็นถึงวินาทีที่เขากำลังไตบันไดเชือกลงจากซอกผา ดูแล้วน่าหวาดเสียวอย่างมาก   ถ้าหากใครไม่เชื่อละก็ลองไปชมที่คลิปวิดีโอนี้ได้เลย   หน้าผาแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหัวซาน ในมลฑลส่านซีของประเทศจีน โดยมีความสูงจากพื้นดินถึง 2,000 เมตรเลยทีเดียว และด้วยความสูงถึง 2 กิโลเมตรจึงทำให้ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของความอันตรายและเป็นสถานที่ท้าทายต่อผู้ที่ชื่นชอบความหวาดเสียวอย่างมาก     และนี่คือบรรไดทางลง แบบชัดๆ แค่เห็นก็เหงื่อแตกแล้วใช่ไหมล่ะ??   และนอกจากทางที่น่ากลัวแล้ว เทือกเขานี้ยังมีทางเดินไม้กระดานเก่าแก่กว่า 700 ปีที่เรียบไปกับหน้าผาที่ตั้งฉากแบบ 90 องศาเลย โดยมีความกว้างของทางเดินนี้มีเพียงแค่ 30 เซนติเมตรเท่านั้น แต่ไม่ต้องกังวลหรอกนะเพราะทางเจ้าหน้าที่เขาจะมีอุปกรณ์สำหรับความปลอดภัยให้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการพลัดตกลงไปในเส้นทางนี้ แต่มีผู้ที่พยายามเดินออกนอกเส้นทางนั้นพบว่าเสียชีวิตไปถึง 100 รายแล้ว     ถ้าใครใจแข็งก็ลองไปเที่ยวกันได้เลยนะ แต่สำหรับ #เหมียวเวจจี้ ขอบายก่อนจร้าา ที่มา dailymail

  • ชมผลงานประติมากรรม “รูปปั้นพระ” ขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น ใจกลางทุ่งออกลาเวนเดอร์

    ชมผลงานประติมากรรม “รูปปั้นพระ” ขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น ใจกลางทุ่งออกลาเวนเดอร์

    ประติมากรรมรูปปั้นพระพุทธรูปในญี่ปุ่นนั้น ถือเป็นหนึ่งในเอกลักษ์ที่เรียกว่าน่าสนใจไม่แพ้บ้านเราเลย ซึ่งแม้ว่าจะเป็นศาสนาเดียวกัน แต่ด้วยนิกายและวัฒนธรรมที่ต่างไป ทำให้หน้าตาของพระพุทธรูปแต่ละองค์ก็จะต่างออกไป ซึ่งพุทธรูปในครั้งนี้ก็เป็นผลงานของ Tadao Ando ซึ่งเป็นศิลปินมากความสามารถในคนหนึ่งในญี่ปุ่น โดยเขาได้ออกแบบโบสถ์สำหรับมากราบไหว้ให้แกชาวญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองซัปโปโรของประเทศญี่ปุ่น   ภาพมุมสูงของตัวโบสถ์ .   ตัวพระพุทธนั้นถูกล้อมด้วยตัวโบสถ์ที่เป็นเนินสูง พร้อมกับปลูกดอกลาเวนเดอร์ไว้เต็มไปหมด สร้างความสวยงามพอสมควรเลยทีเดียว ส่วนด้านล่างก็จะเป็นทางเดินที่สามารถเดินเข้าไปเพื่อสักการะบูชาได้…     Tadao ให้นิยามของการออกแบบไว้ว่า เวลาที่ผู้คนเดินลอดผ่านอุโมงค์มาจนถึงตัวพระพุทธรูป พวกเขาจะต้องแหงนมองฟ้าขึ้นไปพร้อมเห็นท้องฟ้าและใบหน้าของพระพุทธ ซึ่งมันเป็นวิวที่เยี่ยมยอดสุดๆ นั่นเอง     ส่วนนี้คือแบบร่างในตอนแรกของ Tadao   ด้านนอกก็ยังมีมุมผ่อนคลายเป็นสระน้ำ สวยๆ   ถ้ามองจากมุมระดับสายตาไกลๆ ก็จะเห็นเพียงแค่เศียรของพระพุทธรูป   ออกมาไกลอีกหน่อยก็จะเห็นทุกลาเวนเดอร์เต็มไปหมด สวยดีใช่ไหมล่ะ   ที่มา sobadsogood

  • โครงการเจ๋ง!! หมู่บ้านสกอตแลนด์ จัดโครงการเปิดบ้านให้ “คนจรจัด” มาอยู่ได้ฟรีๆ

    โครงการเจ๋ง!! หมู่บ้านสกอตแลนด์ จัดโครงการเปิดบ้านให้ “คนจรจัด” มาอยู่ได้ฟรีๆ

    เมืองใหญ่ที่มีคนอาศัยอยู่มากมาย ย่อมมีทั้งคนที่รวย ที่จน ที่มั่งมี หรือยากไร้ บางคนไม่มีแม้กระทั่งบ้านจะอยู่อาศัย และใช้ชีวิตแบบคนจรจัดไปเรื่อย ในพื้นที่เล็กขนาดประมาณ 3.7 ไร่ทางตอนเหนือของเมือง Edinburgh ได้มีโครงการดีๆ เกิดขึ้นสำหรับคนไร้บ้านเหล่านี้ ด้วยการเปลี่ยนให้เป็นบ้านพักพิงจำนวน 10 หลัง     บ้านหลังนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก Johnathon Avery แห่ง Tiny House Scotland บ้านนี้มีพื้นฐานมาจากรูปแบบ NestHouse ที่เป็นนวัตกรรมและโดดเด่นของเขา   โดยบ้านแต่ละหลังจะประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องนั่งเล่น .   ห้องครัวเป็นส่วนเดียวกับห้องนั่งเล่นเพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอย   ตัวบ้านถูกสร้างเป็นแบบชั่วคราวเพื่อที่ว่าในอนาคตอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงทำเลใหม่ หรือขนย้ายออกไปได้   เจ้าของโครงการคาดว่า หมู่บ้านเพื่อคนไร้บ้านนี้จะสามารถเป็นที่พึ่งพิงให้กับคนจำนวน 20 คน ซึ่งก็ไม่ใช่จะให้อยู่ถาวรตลอดไปนะ เพราะภายในเวลา 12 – 18 เดือน ในระหว่างที่เข้าพัก พวกคนไร้บ้านเหล่านี้จะได้รับการฝึกฝนทักษะและเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อให้พวกเขากลับมาทำงานและหารายได้ เพื่อสร้างบ้านของตัวเองในอนาคต…

  • ชายป่วยโรคสมองพิการ ไม่ยอมแพ้ต่อชีวิต ใช้เวลา 5 ปี เขียนหนังสือด้วยนิ้วโป้งเพียงนิ้วเดียว!!

    ชายป่วยโรคสมองพิการ ไม่ยอมแพ้ต่อชีวิต ใช้เวลา 5 ปี เขียนหนังสือด้วยนิ้วโป้งเพียงนิ้วเดียว!!

    โรค Cerebral Palsy หรือที่เราเรียกกันว่า โรคสมองพิการนั้น ถือเป็นโรคที่สามารถส่งผลต่อพัฒนาการ การพูดการคิดและการเดินของคนๆ นั้นไปได้ตลอดชีวิต ถ้าไม่มีการรักษาตั้งแต่ต้น และคนส่วนใหญ่ก็อาจจะยอมแพ้ไป… แต่สำหรับ Wesley Wee ชายวัย 36 ปี จากประเทศสิงคโปร์คนนี้ เขาไม่ยอมแพ้ต่อมันและยังพยายามสู้กับมันจนถึงปัจจุบัน เพราะแม้ว่าเขาจะไม่สามารถขยับร่างกายได้ทุกส่วน การพูดก็ไม่ค่อยดี และยังต้องนั่งวิลแชร์ตั้งแต่จำความได้     ยังไงก้ตาม แม้ Wesley จะป่วยและมีอาการดังกล่าว เขาก็ยังพยายามใช้ชีวิตในส่วนของตัวเองต่อไป โดยเขาได้เล่าว่า ตอนที่เขาเกิดมาเขาก็ป่วยเป็นแบบนี้แล้ว ซึ่งพ่อและแม่ของเขาก็ไม่ค่อยจะแฮปปี้กับตัวเขาสักเท่าไหร่ เขาบอกว่าแม่พูดกับเขาบ่อยๆ ว่าเขามันไม่มีประโยชน์อะไร เกิดมาก็เดินไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ มันจะดีถ้าเขาตายๆ ไปซะ ส่วนพ่อก็บังคับให้เขาออกกำลังยากๆ ในตอนกลางคืนบ่อยๆ เพื่อที่จะให้เขาสามารถเดินได้เหมือนคนปกติ แน่นอนว่าฟังดูแล้วมันเป็นไปได้ยากสำหรับคนที่ป่วยแบบนี้และสภาพจิตใจแย่ๆ เช่นนี้     นอกจากเรื่องที่เขาเล่า เขาก็ยังถูกพ่อแม่กระทำไม่ดีสารพัด ทั้งจับกดถังน้ำ ถังทุบตีและอื่นๆ มากมาย แต่ในความมืดก็มีแสงเล็กๆ อยู่เสมอ ซึ่งสำหรับ Wesley แล้วแสงนั้นก้คือคุณย่า ที่เข้าใจถึงอาการป่วยของเขาและพาเขาออกมาเลี้ยงแทน ที่สำคัญยังส่งเขาไปเรียนหนังสือที่ Spastic Children’s…

  • ตำนานมวยปล้ำ Ric Flair ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการโคม่าจากโรคหัวใจ

    ตำนานมวยปล้ำ Ric Flair ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการโคม่าจากโรคหัวใจ

    กลายเป็นข่าวร้ายของวงการมวยปล้ำอีกครั้ง หลังจากที่มีรายงานว่าตำนานอย่าง Ric Flair นักมวยปล้ำที่ถูกจารึกชื่อไว้ในหอเกียรติยศของ WWE ได้เข้าโรงพยาบาลด้วยอาการโคม่า และกำลังเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัด อตีดนักมวยปล้ำวัย 68 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเมื่อเช้าวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา และจากการรายงานของ TMZ Report ดูเหมือนว่าอาการของเขานั้นจะอยู่ในขั้นอันตรายอีกด้วย     มีรายงานว่าอตีดนักมวยปล้ำชื่อดังนั้นมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของหัวใจ จึงทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาตัวในครังนี้ และสำหรับความสุดยอดของตำนานผู้นี้ แฟนๆ มวยปล้ำหลายคนคงจะรู้กันเป็นอย่างดี ตลอดชีวิตบนผืนผ้าใบของเขา Ric Flair หรือที่แฟนๆ รู้จักกันในชื่อ The Nature Boy สามารถคว้าแชมป์มวยปล้ำรุ่นเฮฟวีเวทได้ถึง 16 สมัย ก่อนที่จะประกาศอำลาสนามเมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา และถูกบันทึกชื่อในหอเกียรติยศของ WWE เมื่อปี 2008     ภาพนี้แฟนๆ มวยปล้ำรุ่นเก่าคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี   และหลังจากที่รู้ข่าว บรรดานักมวยปล้ำชื่อดังต่างออกมาให้กำลังใจ และขอให้ Ric กลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง     ทางด้าน Kurt Angle…

  • พาชม “ห้องพักริมภูเขาไฟ” ในทริปการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและสัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวรวันดา

    พาชม “ห้องพักริมภูเขาไฟ” ในทริปการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและสัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวรวันดา

    การได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติและสูดอากาศที่ปราศจากมลพิษคงจะช่วยเพิ่มพลังและไล่ความเหนื่อยล้าให้กับหลายๆ คนได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว และวันนี้เราก็จะขอพาทกคนไปสัมผัสกับธรรมชาติกันถึงทางตอนเหนือของประเทศรวันดากัน บริษัท Wilderness Safaris บริษัททัวร์ผู้เชี่ยวชาญในการนำเที่ยวในแถบแอฟริกา ได้ลงทุนสร้างที่พักตากอากาศสุดสวยงามนี้ ใกล้กับพื้นที่ของภูเขาไฟในเขตอุทยานแห่งชาติ Volcanoes National Park   และนี่คือภาพของบ้านพักตากอากาศที่ว่า   นอกจากจะรายล้อมไปด้วยธรรมชาติแล้ว การออกแบบห้องพักของที่นี่ยังคำนึงถึงความกลมกลืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โดยพวกเขาหวังให้บ้านพักแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และให้แขกได้มีโอกาสสัมผัสชีวิตแบบชาวรวันดา คุณ Nick Plewman หัวหน้าของทีมสถาปนิกผู้ออกแบบห้องพักแห่งนี้กล่าวว่าพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากที่พักอาศัยของชาวเมือง Nyanza ซึ่งเป็นลักษณะของที่พักอาศัยของชนพื้นเมือง       นอกจากนี้การตกแต่งภายในยังใช้วัสดุจากธรรมชาติและหินภูเขาไฟเป็นหลักอีกด้วย ส่วนสีภายในนั้นพวกเขาใช้เทคนิคที่เรียกว่า Imigongo ที่เป็นการผสมดินกับสีซึ่งเป็นเทคนิคดั้งเดิมของชาวรวันดา และนอกจากความสวยงามของที่พักแล้ว แพ็คเกจทัวร์นี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างเช่นการร่วมปลูกป่า และการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับชาวบ้านอีกด้วย   และนี่คือบรรยากาศภายในห้องพักที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ .   การตกแต่งภายในที่ได้แรงบันดาลใจมาจากที่พักอาศัยของชาวรวันดา . .   การบริการอันหรูหราและน่าประทับใจ ที่จะทำให้ทริปการท่องเที่ยวของคุณน่าจดจำไม่น้อยเลยทีเดียว .   การท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เป็นมิตรกับชุมชน นอกจากจะช่วยมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับคุณแล้ว ยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของที่นี่ด้วย   ส่วนใครที่สนใจการท่องเที่ยวทริปนี้ ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของการจองห้องพักได้ที่เว็บไซต์ wilderness-safaris กันได้เลย…     ที่มา mymodernmet

  • หนุ่มลงทุนจัดฉากในธีม The Little Mermaid เพื่อขอแฟนสาวแต่งงาน มีความโรแมนติกมาก!!

    หนุ่มลงทุนจัดฉากในธีม The Little Mermaid เพื่อขอแฟนสาวแต่งงาน มีความโรแมนติกมาก!!

    ในขณะที่บรรยากาศฉลองงานหมั้นของคู่รักหลายๆ คู่ กำลังอยู่ในช่วงเวลาอันสุดแสนจะโรแมนติก แต่กลับมีงานหมั้นของคู่รักคู่หนึ่งที่ทั้งพิเศษ และมหัศจรรย์ยิ่งกว่าคู่ไหนๆ และนี่คือภาพบรรยากาศขณะที่ Eric Martinez ชายหนุ่ม และ Cammy Rynae Cuoco แฟนสาว คู่รักจากซานอันโตนิโอ กำลังฉลองงานหมั้นในถ้ำแห่งหนึ่งที่ Riviera Maya บริเวณชายทะเลฝั่งตะวันออก ของคาบสมุทร ยูคาทัน ในเม็กซิโก โดยธีมงานหมั้นที่ทั้งคู่เลือกใช้นั้น บอกเลยว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เพราะพวกเขาได้นำภาพยนตร์ดิสนีย์อย่าง The Little Mermaid มาใช้เป็นธีมหลักในการเล่าเรื่องราวนั่นเอง     สำหรับภาพถ่ายทั้งหมดนี้ เป็นฝีมือของช่างภาพนามว่า Polly Dawson ผู้ที่ได้มาช่วยสร้างสรรค์ และเนรมิตภาพถ่ายของคู่รักให้ดูมหัศจรรย์ราวกับได้อยู่ในโลกใต้น้ำจริงๆ   ภาพของ Eric ขณะกำลังนั่งคุกเข่าขอแฟนสาวของเขาแต่งงาน ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าหลงใหล   “ฉันรู้สึกแปลกใจมาก ฉันคิดว่าเขาจะขอฉันแต่งงานในเม็กซิโก แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำเรื่องที่แสนพิเศษให้กับฉัน ฉันรู้สึกโชคดีจริงๆ” Cammy กล่าว นอกจากเขาจะเลือกสถานที่สุดพิเศษในการขอแต่งงานแล้ว Eric ยังให้ Cammy ได้ถ่ายภาพใต้น้ำเพื่อเฉลิมฉลองงานหมั้นของพวกเขา ทั้งนี้…

  • ชายอาร์เจนติน่า ถูกช้างที่เขาล่าเข้ามาทำร้าย จนเป็นเหตุให้เขาต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสลด

    ชายอาร์เจนติน่า ถูกช้างที่เขาล่าเข้ามาทำร้าย จนเป็นเหตุให้เขาต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสลด

    เรามักจะได้ยินคำว่า มนุษย์คือผู้ล่าที่น่ากลัวกว่าสิ่งมีชีวิตทุกตัวบนโลก นั่นคือเรื่องจริง!! แต่ถ้าลองมองมุมกลับว่าหากมนุษย์เป็นผู้ถูกล่าและถูกทำร้ายบ้างจะเป็นอย่างไร? เมื่อไม่นานมานี้ ทางสำนักข่าวนามิเบียมีรายงานว่า ในช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ผ่านมา Jose Monzalvez ชายชาวอาร์เจนตินา วัย 46 ปี ได้เสียชีวิตในเขตพื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Kalkfeld ประเทศนามิเบีย     จากการรายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้นาย Jose ผู้ซึ่งทำงานอยู่ในบริษัทน้ำมัน และชาย 3 คน ได้ติดตามช้างฝูงหนึ่ง พร้อมกับพยายามที่จะยิง และฆ่ามัน แต่ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันดันเกิดขึ้นซะก่อน เพราะก่อนที่เขาจะยิง มีช้างตัวหนึ่งได้พุ่งเข้ามาทำร้ายโดยการเหยียบย่ำ จนเป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสลด     ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้ระบุว่า นาย Jose มีใบอนุญาตให้ล่าสัตว์ ซึ่งภายหลังทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดต่อไปยังญาติเพื่อแจ้งข่าวการเสียชีวิตของเขา     อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักล่าจะถูกช้างในแอฟริกาใต้สังหาร เพราะเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในประเทศซิมบับเว นาย Theunis Botha อายุ 51 ปี ก็ถูกช้างเข้าทำร้ายจนทำให้เขาเสียชีวิตมาแล้วเช่นกัน    …

  • ค้นพบเครื่องบินสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่สาบสูญไป 70 ปี ในหมู่เกาะมหาสมุทรแปซิฟิก

    ค้นพบเครื่องบินสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่สาบสูญไป 70 ปี ในหมู่เกาะมหาสมุทรแปซิฟิก

    หมู่เกาะแปซิฟิกมีชื่อเสียงไปทั่วโลกสำหรับความเงียบสงบของชายหาดที่เก่าแก่ ธรรมชาติอันสวยงามตามแบบเขตร้อน ทะเลน้ำใส และมีเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์มากมาย เมื่อไม่นานมานี้ Tony Cherabis นักท่องเที่ยว สะดุดตากับเครื่องบินที่อยู่ในน้ำ ขณะที่กำลังสำรวจเกาะ Palau และเชื่อว่ามันเป็นเครื่องบินสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2   เครื่องบินลำนี้ถูกค้นพบในแม่น้ำ ถึงแม้ว่าเป็นเพียงชิ้นส่วนปีกข้างเดียวก็ตาม หลังจากที่ได้รับการตรวจสอบแล้วสันนิษฐานว่าจะเป็นเครื่องบิน Aichi E13A ของญี่ปุ่น แต่ก็ต้องรอการตรวจสอบยืนยันอีกครั้งหนึ่ง   แผนที่ของตำแหน่งที่พบเครื่องบิน   หลังจากที่ Tony Cherabis โพสต์ภาพลองบนเว็บไซต์ Imgur ก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย ตัวอย่างเช่น  “ฉันค้นพบว่า ฉันไม่สามารถมองมันได้เลยและมันทำให้ฉันรู้สึกอยากจะออกจากตรงนั้น” “นักบินที่เสียชีวิตจากเครื่องบินลำนี้คงจะมีความสุขกับจุดพักสุดท้ายที่สวยงามและเงียบสงบ “  “ดูน่ากลัวนะ ถ้าลองจินตนาการถึงเสียงระเบิด ผู้คนกรีดร้อง เสียงเครื่องยนต์จากสงครามดูซิ”     Paul Beaver นักประวัติศาสตร์การบิน ได้กล่าวกับสำนักข่าวเดลีเมล์ว่า  “นั่นเป็นเครื่องบินลอยน้ำแบบ  A13 ที่หายไป และมันเป็นเครื่องบินที่หายากมากๆ” ถ้ามันเป็นเครื่องบิน E13A จริงๆ แล้วล่ะก็ ตามข้อมูลระบุว่าจะมีลูกเรือจำนวน 3 คนที่อยู่บนเครื่องบินนี้และมีกำลังบรรทุกระเบิดถึง 250 กิโลกรัม ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าในการตกครั้งนี้จะมีนักบินและลูกเรือเสียชีวิตกี่คนแน่ . ที่มา ladbible

  • แม่ถ่ายภาพ “เปิดเทอมวันแรก” เมื่อลูกๆ ต้องไปโรงเรียน จนสร้างเสียงหัวเราะให้กับชาวเน็ต

    แม่ถ่ายภาพ “เปิดเทอมวันแรก” เมื่อลูกๆ ต้องไปโรงเรียน จนสร้างเสียงหัวเราะให้กับชาวเน็ต

    คุณแม่อาจจะออกอาการดีใจไปหน่อยนะ เมื่อถึงวันที่ลูกไปโรงเรียนวันแรก… ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ในรัฐอะลาบาม่าประกอบไปด้วยคุณแม่ Jena Willingham คุณแม่สายฮา  Edd สามีของเธอ  พร้อมกับลูก ๆ ของพวกเขา Wrangler อายุ 11 ปี  Emmy อายุ 7 ขวบและ Sykes วัย 4 ขวบ   “นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ที่ลูกทั้ง 3 คนของฉันจะได้ไปโรงเรียนพร้อมกันซะที ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะจะได้หยุดพักแล้ว” “ฉันเหนื่อยมากกกกกกกก เวลาที่พวกเขาปิดเทอมอยู่บ้านกันทั้งหมด มันวุ่นวายมากๆ แทบไม่มีเวลาจะพักเล้ยยยย  ฉันอยากจะนั่งเงียบๆในสระว่ายน้ำ ปลดปล่อยความคิดสบายๆ และแล้วก็มาถึงวันที่ลูกไปโรงเรียนพร้อมกันซะที”   คุณแม่ก็เลยถือโอกาสนี้ในการถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกซะเลย   แต่พอหลังจากที่คุณแม่โพสต์รูปภาพนี้ลงบนเฟสบุ๊คด้วยแคปชั่นของคุณแม่ได้กล่าวไว้ว่า  “สุขสันต์วันไปโรงเรียนวันแรกนะทุกคน”  หลังจากนั้นก็มีคุณแม่หัวอกเดียวกันหลายพันคนเข้ามาคอมเม้นท์และกดถูกใจภาพนี้เป็นอย่างมาก “รูปภาพนี้แทนความรู้สึกทุกอย่างที่มีผ่านทางสีหน้าเลยนะเนี่ย” ผู้มาคอมเม้นท์รูปภาพคนหนึ่งกล่าว Jena เข้าใจเลยว่าคุณแม่ที่เห็นภาพของเธอ ก็คงอยู่ในอารมณ์อยากพักให้เต็มที่ แล้วปล่อยลูกๆ ไปใช้ชีวิตในโรงเรียนเหมือนเธอด้วยน่ะแหละ ฮ่าๆ ที่มา buzzfeed

  • ช่างสักสาวที่ชาวเน็ตบางคนบอกฝีมือกากๆ แต่ก็ยังมีคนต้องการไปสักกับเธอมากมาย

    ช่างสักสาวที่ชาวเน็ตบางคนบอกฝีมือกากๆ แต่ก็ยังมีคนต้องการไปสักกับเธอมากมาย

    ปัจจุบันการสักลงบนร่างกายถือว่าเป็นศิลปะที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ยิ่งช่างสักเก่งๆฝีมือดีๆก็จะมีราคาการสักแพง แต่ตรงกันข้ามกับ Malfeitona ช่างสักอายุ 26 ปี ชาวบราซิล ที่มีผู้ต้องการสักกับเธอเป็นจำนวนมาก โดยที่ชาวเน็ตก็ต่างพากันไม่เข้าใจว่าทำไมคิวเธอถึงยาวแน่น บางคนถึงกับบอกว่าฝีมือการสักของเธอนั้นเข้าขั้นห่วยอีก ห๊ะ!?     ภาพจากอินสตาแกรมของ Malfeitona จะเห็นได้ว่ารอยสักฝีมือของเธอนั้นเหมือนภาพวาดของเด็กน้อย แต่นั่นอาจจะเป็นจุดขายของเธอก็ได้   บางคนก็ว่า… ลายเส้นขยุกหยิกไม่สวยคมชัดเหมือนกับการสักกับช่างคนอื่น   ลายสักฝีมือของเธอมักจะเป็นรูปตัวการ์ตูนต่างๆ   รอยสักรูปแก๊งหมาบนลำตัวของชายคนหนึ่ง   รูปไดโนเสาร์….   นี่รูปแมวจริงๆนะ   สักรูปนกพิราบบนแขน   รอยสักที่เกิดจากฝีมือเธอจะไม่มีลายซ้ำกันแน่นอน   แต่ลายสักที่แตกต่างจากผู้อื่นนี้ กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก   เห็นแบบนี้มีคนที่ต้องการสักกับเธอเยอะมาก จนต้องจองคิวยาวมากๆ   ใครที่ชื่นชอบหรืออยากจะไปสักแบบนี้บ้าง ก็สามารถติดตามผลงานของการสัก หรือเข้าไปติดต่อธอได้ที่อินสตาแกรม malfeitona เลยค่ะ!! ที่มา thechive

  • หนุ่มออสซี่ พกอุปกรณ์ไปทำอาหารทานระหว่าง “ดูบอล” จนชาวเน็ตฮือฮาไปกับความชิล

    หนุ่มออสซี่ พกอุปกรณ์ไปทำอาหารทานระหว่าง “ดูบอล” จนชาวเน็ตฮือฮาไปกับความชิล

    ใครที่เคยไปรับชมการแข่งขันฟุตบอลกันแบบสดๆ ถึงที่สนาม คุณอาจจะเอาแค่น้ำ หรือขนมเข้าไปนั่งรับประทานเท่านั้น แต่สำหรับหนุ่มชาวออสซี่คนนี้กลับพกเอาอุปกรณ์รวมถึงวัตถุดิบไปทำอาหารทานถึงข้างสนามกันเลยทีเดียว ว่าแต่จะชิลไปไหนเนี่ย     เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ได้เผยภาพน่ารักๆ ของแฟนบอลคนหนึ่ง ขณะกำลังนั่งดูการแข่งขัน Australian rules football (เป็นกีฬาที่นิยมมากในออสเตรเลีย ที่เหมือนนำกีฬารักบี้ ฟุตบอล รวมถึงมวยปล้ำ มารวมกัน) ในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และสิ่งที่ทำให้เขาได้รับความสนใจเป็นอย่างมากก็คือ หนุ่มรายนี้กำลังรับประทานอาหารรสเลิศของเขาระหว่างที่กำลังรับชมการแข่งขัน ในขณะที่ผู้ชมคนอื่นๆ ได้นำโค้ก หรือขนมไปรับประทานเพียงเท่านั้น     บอกเลยว่า หนุ่มรายนี้มาในแบบที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เพราะเขาได้พกทั้งอุปกรณ์ทำอาหารรวมถึงวัตถุดิบต่างๆ เช่น อาโวคาโด ชีส ขนมปัง มาทานอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่ไม่สนคนข้างๆ เลยว่าพวกเขาจะหิวตามหรือเปล่าน้า ฮร่าๆ     ซึ่งภายหลังจากที่ภาพของเขาถูกนำไปโพสต์ลงในโลกออนไลน์ ก็ได้รับความสนใจจากบรรดาชาวเน็ตเป็นอย่างมาก แถมยังได้ออกมาแซวถึงหนุ่มรายดังกล่าวกันแบบขำๆ อีกว่าพี่แกจะชิลไปไหนเนี่ย ที่มา : dailymail

  • คุณปู่วัย 60 จะส่งภาพ “ปิกาจู้” ให้ภรรยาดู แต่ดันพลาดส่งให้ลูกน้องและลูกชายซะอย่างนั้น

    คุณปู่วัย 60 จะส่งภาพ “ปิกาจู้” ให้ภรรยาดู แต่ดันพลาดส่งให้ลูกน้องและลูกชายซะอย่างนั้น

    เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงเคยมีประสบการณ์ส่งรูป หรือข้อความผิดแบบไม่ได้ตั้งใจกันมาแล้ว ซึ่ง ณ วินาทีนั้น หลายคนอาจจะรู้สึกอาย หรือเฟลไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ เหมือนดังเช่น คุณปู่ท่านนี้ ที่เกิดพลาดครั้งใหญ่ หลังจากที่เขาตั้งใจจะส่งรูป “ปิกาจู้” ของตัวเองไปให้ภรรยาดู แต่กลับดันพลาดส่งไปให้ลูกน้องพนักงานดับเพลิง รวมถึงลูกชายของเขาซะอย่างนั้น       เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า บรรดาพนักงานดับเพลิงถึงกับตกตะลึง หลังจากที่ได้เห็นภาพปิกาจู้ของ Ian Draper คุณปู่วัย 60 ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานดับเพลิงเด้งขึ้นมาใน WhatsApp ขณะที่กำลังรอคุณปู่ในห้องประชุม     จากการรายงานระบุว่า คุณปู่จะส่งภาพดังกล่าวไปให้กับภรรยาของตัวเอง หลังเห็นเธอโพสต์ภาพคู่กับไส้กรอกชิ้นหนึ่งลงในเฟซบุ๊ก โดยเขาได้ระบุข้อความโอ้อวดภรรยาเอาไว้ว่า อวัยวะเพศของเขานั้นมีไซส์ใหญ่ขนาด “XXL” เลยนะ แต่งานนี้ดูเหมือนว่าคุณปู่จะทำพลาดครั้งใหญ่ เพราะดันส่งไปให้ลูกน้อง และ Jack ผู้เป็นลูกชายแทน     โอ๊ยยยยปู่ ครั้งหน้าเช็คให้ดีๆ ก่อนนะ   อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวได้เผยว่า…

  • ชายหนุ่มโดนแมลงกัด แต่ก็ไม่คิดอะไร จนสุดท้ายมันทำให้แขนเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง!!

    ชายหนุ่มโดนแมลงกัด แต่ก็ไม่คิดอะไร จนสุดท้ายมันทำให้แขนเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง!!

    แมลงสัตว์กัดต่อยเวลาเราไปไหนมาไหนก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และมันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรซักเท่าไหร่ เพราะว่าที่เราจะเจอได้ทั่วไปนั้นมักจะไม่มีพิษใดๆ แต่กับชายคนนี้แล้วนั้นจะต้องยิ่งทำให้เราระวังตัวในการใช้ชีวิตมากขึ้นไปเลย เมื่อ Thomas Jay วัย 41 ปีที่อยู่ในรัฐแอริโซนา ประเทศเมริกา เขาแค่นำขยะไปทิ้งตามปกติในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาและได้ถูกแมลงกัดหรือต่อยเข้าพร้อมกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ด้วยความที่ไม่คิดอะไรจึงตัดสินใจปัดแมลงตัวนั้นออกไปซะก่อน     แต่เรื่องราวมันไม่ได้มีแค่นั้นเพราะบาดแผลที่ถูกกัดได้เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง จากรอยกัดวงเล็กๆ กลายเป็นลามไปทั่วแขนอย่างน่ากลัว แน่นอนว่าเขาและภรรยาจึงตัดสินใจไปเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาล จากนั้นเขาต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานหลายวัน โดยที่จะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับอาการคันและอาการไร้เรี่ยวแรงของแขนซ้ายที่ถูกกัด   คลิปวิดีโอข่าวแสดงอาการที่เขาต้องเผชิญ   เมื่อเขาย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาก็เอะใจได้ว่าแมลงที่เขาปัดออกไปนั้นมีความคล้ายคลึงกับ แมงมุมอูฐ อย่างมากแต่นั่นก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัด เพราะแพทย์ก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ที่เข้ามากัดเขา โดยต้องรอผลตรวจเนื้อเยื่อของเขาเสียก่อน     เรื่องราวนี้ได้ถูกโพสต์ลงโซเชียลมีเดียพร้อมข้อความที่ภรรยาเขาพิมพ์ไว้ว่า “ฉันหวังว่าเรื่องราวเหล่านี้จะสามารถช่วยใครก็ตามที่อาจเจอเรื่องพวกนี้ได้ในอนาคต ในการเตรียมพร้อมเพราะพวกเราไม่รู้เลยว่าสิ่งที่มีพิษนั้นจะมาในรูปแบบไหนและแต่ละคนจะแสดงอาการอย่างไร” เราก็คงจะต้องระวังตัวกันไว้หน่อย และหากโดนอะไรไม่รู้มากัดเข้าทางที่ดีควรรีบไปพบแพทย์กันนะครับ   ที่มา: huffingtonpost

  • หมดกัน!! สิงโตปีนขึ้นไปเกาะต้นไม้ด้วยความกลัว หลังไปล่าควายป่า แต่ดันถูกล่ากลับซะงั้น

    หมดกัน!! สิงโตปีนขึ้นไปเกาะต้นไม้ด้วยความกลัว หลังไปล่าควายป่า แต่ดันถูกล่ากลับซะงั้น

    ปกติสิงโตจะเป็นนักล่าที่ไม่เกรงกลัวอะไร แม้ศัตรูจะตัวใหญ่มันก็สู้ไม่ถอย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงแทบไม่เคยเห็นสิงโตอยู่ในอาการหวาดกลัวเลย การที่เราไม่เคยเห็นไม่ได้แปลว่ามันไม่มี เพราะช่างภาพ Charles Comyn วัย 63 ปี ได้จับภาพขณะที่สิงโตตัวหนึ่งปีนขี้นไปเกาะต้นไม้ เพราะกลัวเหล่าควายป่า     ขณะที่ Comyn กับภรรยาเดินสำรวจแหล่งน้ำใน Maasai Mara ประเทศเคนยา จู่ๆ ทั้งคู่ก็เดินมาเจอภาพที่สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก ณ ตอนนั้นคงไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าควายป่าอีกแล้ว ขนาดสิงโตยังกลัวจนปีนขึ้นไปเกาะบนต้นไม้ ขณะที่พวกควายป่าก็รออยู่ข้างล่าง รอให้สิงโตตกลงมา     ทั้งคู่บอกว่า เหตุการณ์ที่เห็นนี้ทำให้ความทรงจำอันยาวนานถูกทำลายทันที เพราะเข้าใจมาตลอดว่าสิงโตไม่เกรงกลัวอะไร และนี่ก็เป็นแค่ควายป่า ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าป่าอย่างสิงโตจะกลัวพวกมันด้วย เมื่อสังเกตต่อไปก็พบว่าควายป่าไม่ได้จ้องจะทำร้ายสิงโตตัวนี้ แต่สิงโตต่างหากที่เป็นฝ่ายเริ่มล่าก่อน เพราะในฝูงควายป่านั้นมีลูกน้อยที่คาดว่าเพิ่งจะเกิดได้ไม่นาน     เมื่อถูกสิงโตล่า ควายป่าจึงได้รวมตัวกันเพื่อที่จะขับไล่เจ้าสิงโตตัวนี้ และก็ได้ผลซะด้วย ทำเอาสิงโตหวาดกลัวกลัวถึงขั้นต้องปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ ไม่กี่วินาทีต่อมา ต้นไม้ที่เจ้าสิงโตเกาะอยู่เริ่มสั่นเครือก่อนที่จะค่อยๆ หักลงมา คงเป็นเพราะมันเป็นต้นไม้ที่แห้งตายมานานแล้ว     เมื่อรู้ว่าต้นไม้กำลังจะโค่นลงมา สิงโตก็เกิดความกลัวหนักกว่าเดิม มันจึงคำรามออกมาแล้วกระโดดลงมาจากต้นไม้ ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางรถจิ๊ปของ Comyn และวิ่งหายเข้าไปในพุ่มไม้ Comyn บอกว่า “มันเป็นสถานการณ์ที่ผมยังรู้สึกเสียวไส้แทนสิงโตเลย…

  • น่ารักได้อีก กล้องวงจรปิดจับภาพ ‘บุรุษไปรษณีย์แอบมาเล่นกับน้องหมา’ เมื่อเจ้าของไม่อยู่

    น่ารักได้อีก กล้องวงจรปิดจับภาพ ‘บุรุษไปรษณีย์แอบมาเล่นกับน้องหมา’ เมื่อเจ้าของไม่อยู่

    คนที่ไม่เลี้ยงสัตว์ไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่รักสัตว์ อาจจะด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างทำให้เลี้ยงไม่ได้ และคนรักสัตว์บางคนก็เลือกที่จะเล่นกับหมาคนอื่นแทน อย่างบุรุษไปรษณีย์คนนี้ที่มักจะแอบไปเล่นกับน้องหมาของคนอื่น ในขณะที่เจ้าของไม่อยู่บ้าง กลายเป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้ชาวเน็ตทั่วโซเชียล     Aaron Hernandez ชาวเท็กซัส เป็นเจ้าของหมาผู้น่ารักถึง 5 ตัว เมื่อไม่นานมานี้เขาได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าบ้าน แล้วก็พบว่ามีบุรุษไปรษณีย์คนหนึ่งเข้ามาหาน้องหมาของเขา     จากกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าบุรุษได้เข้ามาหาสุนัขทั้ง 5 ที่ดูเหมือจะรอเขาด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน จากนั้นเขาก็เล่นกับน้องหมาทุกตัว ช่างเป็นโมเม้นท์ที่น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ Hernandez บอกว่า “เขาเป็นบุรุษไปรษณีย์ที่เพิ่งจะย้ายมาอยู่แถวนี้ ผมเห็นเขามีเล่นกับสุนัขแบบนี้มาสองสามครั้งแล้ว ผมก็เลยคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ต้องแบ่งปันความน่ารักนี้ให้ทุกคนได้ดู”   ตอนที่เราไม่อยู่บ้าน สุนัขทั้ง 5 ตัวได้รับความรักจากบุรุษไปรษณีย์ น่ารักจริงๆ   อ๋อออ ก็มันน่ารักแบบนี้ไง ใครละจะอดใจไว้   จากนั้นก็มีชาวเน็ตมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคลิปสุดน่ารักนี้ ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าถ้าเจอน้องหมาแบบนี้พวกเขาก็คงจะทำเหมือนบุรุษไปรษณีย์คนนี้เหมือนกัน   น่ารักทุกตัวเลย   ถ้าฉันเป็นบุรุษไปรษณีย์หรือเจ้าของหมาตัวนี้ คิดไม่ออกเลยว่าจะมีความสุขขนาดไหน   ไม่ใช่แค่น้องหมาที่ได้รับความรัก ชายคนนั้นก็คงรู้สึกได้ความรักจากสุนัขเช่นกัน   ก็มันน่ารักเกินห้ามใจอะ ที่มา boredpanda

  • วิทยาศาสตร์พิสูจน์ การถ่ายภาพ หน้าตรง vs ด้านข้าง แบบไหนทำให้คุณมีเสน่ห์กว่ากัน??

    วิทยาศาสตร์พิสูจน์ การถ่ายภาพ หน้าตรง vs ด้านข้าง แบบไหนทำให้คุณมีเสน่ห์กว่ากัน??

    เคยสังเกตไหมว่าทำไมเวลาถ่ายรูปหลายๆ คน (รวมทั้งตัวเราด้วย) ชอบเอียงหัว เพื่อที่จะให้กล้องจับด้านข้างมากกว่าหน้าตรง?? ตอนนี้มีผลการวิจัยที่เผยแพร่ใน JAMA Facial Plastic Surgery ได้ออกมายืนยันแล้วว่า คนส่วนใหญ่จะดูดีจากมุมด้านข้างมากกว่าหน้าตรง  การวิจัยดังกล่าวนี้ได้ทำการสำรวจตั้งแต่ปี 2004-2008 ในมหาวิทยาลัย University of California จากกลุ่มตัวอย่างภาพของผู้หญิง 240 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 18-25 ปี     หลังจากที่รวบรวมภาพทั้ง 240 ใบ นักวิทยาศาสตร์ก็ได้นำไปเข้าโปรแกรมวิเคราะห์ความงามของมนุษย์ที่ชื่อว่า hotornot จากนั้นภาพทั้งหมดก็ถูกจัดอันดับโดยกลุ่มเฉพาะในอินเตอร์เน็ตที่มีตั้งแต่อันดับ 1 ถึง 10 โดย 1 หมายถึงขี้เหร่ที่สุด ในขณะที่ 10 หมายถึงน่าสนใจที่สุด รูปทั้ง 240 ได้รับการประเมินโดยคณะผู้ประเมินความงามระดับมืออาชีพ โดยผู้หญิงหนึ่งคนจะมีทั้งภาพหน้าตรงและภาพด้านข้าง     หลังจากที่วิเคราะห์รูปทั้งสองรูปแบบ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ภาพหน้าตรงของเธอได้คะแนน 7.2 ในขณะที่ภาพด้านข้างได้คะแนน 6.8 ทำให้ผู้คนสงสัยการทั้งสองรูปนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ทั้งที่เป็นคนเดียวกัน จากข้อมูลนี้ นักวิจัยพบว่าหน้าตรงจะได้รับความสนใจน้อยกว่าด้านข้างเล็กน้อย ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วภาพหน้าตรงจะมีความน่าสนใจอยู่ที่ 6.9…

  • ย้อนดู ‘แฟชั่นการแต่งตัวของโอบามา’ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แฟชั่นนิสต้าเหมือนกันนะนี่

    ย้อนดู ‘แฟชั่นการแต่งตัวของโอบามา’ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แฟชั่นนิสต้าเหมือนกันนะนี่

    แม้ผู้นำสหัรัฐอย่างบารัค โอบามาจะพ้นจากตำแหน่งประธานธิบดีแล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนคงยังติดตามชีวิตของท่านอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นพูดถึงคือ แฟชั่นการแต่งตัวของโอบามานั่นเอง ภาพที่เราคุ้นตาคือ โอบามาในชุดสูท กางเกงสแล็ค รองเท้าหนังสีดำ แต่หากลองสังเกตดูดีๆ จะรู้ว่านั่นไม่ใช่แค่ชุดทางกางทั่วไป แต่ทุกชุดที่โอบามาใส่ล้วนมีความเป็นแฟชั่นอยู่ในนั้นเสมอ ร่วมทั้งชุดที่ใส่ในการกิจกรรมอื่นๆ ที่นอกเหนือจากในทำเนียบด้วย และเนื่องในวันเกิดครบรอบ 56 ปี ของโอบามาเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ทางเว็บไซต์ huffingtonpost จึงได้นำภาพของโอบามาพร้อมภรรยาและลูกๆ มาให้เราได้ดูกัน ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะแฟชั่นการแต่งตัว   โอบามาในปี 1979   ปี 1979   ปี 1990   ปี 1990   ปี 1990   ช่วงปี 1990-1999   ปี 1992   ปี 2000   ปี 2004   ปี…

  • ทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง… นักบอลโชว์สกิล ‘การเดาะสุดหวาดเสียว’ บนยอดเสาวิทยุ เสียววุ้ยย

    ทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง… นักบอลโชว์สกิล ‘การเดาะสุดหวาดเสียว’ บนยอดเสาวิทยุ เสียววุ้ยย

    หลายๆ คนอาจจะเดาะบอลได้อย่างชำนาญ จนมีการผสมผสานท่ายากในการเดาะทำให้น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น แต่สำหรับนักบอลคนนี้ได้ทำให้การเดาะบอลดูน่าหวาดเสียวที่สุดในโลกก็ว่าได้ John Farnworth นักฟุตบอลจาก Preston ใน Lancashire ได้ปีนขึ้นไปบนยอดเสาวิทยุที่ใกล้กับหมู่บ้าน Inskip ซึ่งมีความสูงถึง 180 เมตร เพื่อโชว์ทักษะการเดาะบอลสุดหวาดเสียว     นี่ถือเป็นภารกิจที่ท้าทายมากสำหรับ John เขาเดาะบอลเก่งก็จริง แต่การต้องอยู่บนยอดเสาที่มีความสูงขนาดนี้ เขาต้องเจอกับแรงลมที่พัดมาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญเขาไม่ค่อยชอบความสูงด้วย John บอกว่า “มันเป็นสิ่งที่บ้าบอที่สุดเท่าที่ผมเคยทำเลยล่ะ การขึ้นอยู่บนยอดเสาวิทยุอาจทำให้ผู้คนแปลกใจ แต่สำหรับผมมันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก”     จริงๆ แล้วเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา John เคยปีนขึ้นไปบนเสาที่มีความสูงแต่เขาขึ้นไปไม่ถึงยอด ตอนนั้นเขาใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะขึ้นไปถึง ที่สำคัญต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ผูกเชือกสลิงไว้อย่างแน่นหนาแล้ว เขาบอกว่า “ผมมักจะทำให้ตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่น่ากลัวเช่นนี้ ต้องเจอกับลมที่ค่อนข้างแรง และสุดท้ายผมก็ได้ค้นพบว่าความสูงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด”     เมื่อขึ้นไปถึงยอด เขาต้องใช้เวลาในการทำใจก่อนจะเริ่มเดาะบอลในพื้นที่อันน้อยนิด แต่มันก็ไม่ได้แย่เกินไปนะ เพราะเขายังสามารถโชว์ทักษะการเดาะบอลได้เป็นอย่างดี แม้ในใจจะรู้สึกหวั่นๆ อยู่บ้าง ส่ิงที่ท้าทายเขามากที่สุดคือต้องควบคุมลูกบอลไม่ให้ตกลงไป และต้องโชว์ทักษะการเดาะบอลด้วยท่าต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เขาลืมความกลัวไปชั่วขณะเลยล่ะ     สำหรับ John เขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่แสดงความสามารถในรูปแบบที่ท้าทาย และยังได้รับการบันทึกในสถิติโลกเมื่อเดือนมีนาคม ปีที่แล้ว หลังจากที่เขาได้โชว์การเดาะบอลบนความสูง 30…

  • Chris Pratt กลับสู่สายตาประชาชนอีกครั้ง หลังเก็บตัวจากข่าวการหย่านานหลายวัน…

    Chris Pratt กลับสู่สายตาประชาชนอีกครั้ง หลังเก็บตัวจากข่าวการหย่านานหลายวัน…

    หลังจากที่ไม่นานมานี้ที่ Chris Pratt เพิ่งจะประกาศหย่ากับ Anna Faris ภรรยาที่คบกันมานานถึง 8 ปี และยังมีลูกด้วยกันถึง 2 คน ส่วนสาเหตุเป็นเพราะอะไรนั้น ทั้งสองไม่ได้ระบุไว้ และด้วยผลของการหย่าร้างดังกล่าว ก็ทำให้พระเอกวัย 38 ปีคนนี้เก็บตัวไม่ออกสื่ออยู่พักใหญ่ๆ เลยล่ะ ทว่าสุดท้ายแล้วดูเหมือนชีวิตคนเรามันต้องไปต่อ ล่าสุดเขาก็ได้ปรากฏตัวต่อสื่อแล้วนั่นเอง   พี่กลับมาแล้วน้อง!!   เจอเพื่อนๆ ก็กอดสักหน่อย (สังเกตว่าเขาไม่ได้สวมแหวนแล้วนะ)   Chris ได้ปรากฏตัวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ที่ผ่านมาพร้อมลูกชายวัย 4 ขวบในอ้อมกอด พร้อมด้วยชุดสบายๆ และหน้าตาอันยิ้มแย้ม ทั้งคู่ได้เดินทางไปยังโบสถ์   มากับลูกชายเจ้าหนู Jack   กอดลูกแน่นเลยล่ะ   เขาได้บอกเคยบอกว่า แม้ว่าทั้งคู่จะแยกทางกัน แต่ทั้งคู่ก็ยังจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และเลี้ยงดูลูกๆ กันต่อไป นอกจากนั้นจากการให้สัมภาษณ์ของเพื่อนสนิทของทั้งคู่ ก็ได้ความว่าทั้ง Chris และ Anna คุยกันไว้ว่า พวกเขาไม่โอเคที่จะมีการขยายครอบครัวในเร็วๆ นี้ ฉะนั้นก็ต้องดูกันต่อไปว่าพวกเขาจะทำยังไงกับชีวิตในอนาคตนั้นเอง…

  • อตีดผู้ต้องหา 25 ปี ก่อตั้งองค์กร “The Well” หวังลดปัญหาอาชญากรรมซ้ำซาก

    อตีดผู้ต้องหา 25 ปี ก่อตั้งองค์กร “The Well” หวังลดปัญหาอาชญากรรมซ้ำซาก

    ปัญหาผู้ต้องขังล้นห้องขังนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเราเท่านั้น แต่ในประเทศอังกฤษเองก็เช่นกัน จำนวนกว่าครึ่งของผู้ต้องหา 86,368 คนที่ถูกคุมขังนั้นผ่านกระบวนการทางอาญาแล้ว และทางการต้องเสียเงินมากถึง 9,000 – 13,000 ล้านปอนด์ต่อปีเลยทีเดียว คุณ David Higham อดีตผู้ต้องหายาเสพย์ติดที่เคยใช้ชีวิตในห้องขังตั้งแต่อายุ 16 ปีและติดอยู่ในนั้นนาถึง 25 ปี หลังจากพ้นโทษมานานกว่า 10 ปี ในปี 2007 ชายหนุ่มตัดสินใจก่อต้ององค์กร The Well มูลนิธิที่คอยช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ต้องหาและผู้เสพย์ยาเสพย์ติดในเมือง Lancashire และเมือง Cumbria สหราชอาณาจักร     ชายหนุ่มเล่าถึงช่วงชีวิตวัยเด็กที่ผ่านมาของเขาว่า “ผมอยากจะหนีจากสังคม และมีความไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆ และเพื่อจะเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆ ได้ผมจึงต้องยอมเสพเฮโรอีนที่พวกเขามอบให้ และก่อนที่ผมจะรู้ว่ามันคือยาเสพย์ติดผมก็ตกเป็นทาสของมันแล้ว” และเมื่อเริ่มลองยาเสพย์ติด ชีวิตของคุณ David ก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรม เขาติดคุกครั้งแรกเมื่อายุ 16 ปี และถูกดำเนินคดีอีกมากกว่า 100 ครั้ง     “โดยปรกติแล้ว ผมจะใช้เวลาอยู่นอกคุกประมาณ 6 เดือน และก็กลับเข้ามาในคุกอีกครั้ง การเข้าออกคุกถือเป็นเรื่องปรกติสำหรับผม แต่แล้วผมก็เกิดคำถามกับตัวเองว่าทำไมผมต้องมีชีวิตแบบนี้ และผมจะทำอะไรได้บ้าง การเข้าออกคุกนั้นไม่ช่วยอะไรเลย ดังนั้นผมจึงคิดว่าผมอยากจะทำบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนของผม” David กล่าว และหลังจากที่มองเห็นปัญหาว่าการเข้าออกเรือนจำนั้นไม่อาจจะแก้ปัญหาอาชญากรรมได้…

  • ญี่ปุ่นจัดเสิร์ฟเมนูกับแกล้มสุดแปลก มีทั้งด้วงญี่ปุ่น ไข่เต่า อัณทะวาฬ มันก็จะดูหยึยหน่อยๆ

    ญี่ปุ่นจัดเสิร์ฟเมนูกับแกล้มสุดแปลก มีทั้งด้วงญี่ปุ่น ไข่เต่า อัณทะวาฬ มันก็จะดูหยึยหน่อยๆ

    หนึ่งในหนทางดีที่สุดในการเลี้ยงประชากรโลกในอนาคตคือ “แมลง” เพราะมันเรียกได้ว่าเป็นอาหารแห่งอนาคตเลยก็ว่าได้ เนื่องจากแมลงมีโปรตีนสูง และยังมีราคาถูกอีก ซึ่งนอกจากในบ้านเราจะชื่นชอบการทานแมลงแล้ว ในประเทศญี่ปุ่นก็ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน ด้วงแรดญี่ปุ่น (Kabutomushi) ถือเป็นหนึ่งในแมลงที่ผู้คนมักจะนำมันมาเป็นสัตว์เลี้ยง เพื่อจับมาชนกัน แต่ทว่าเมื่อเร็วๆ นี้ “เจ้าด้วง” ที่หลายๆ คนชื่นชอบ ก็ได้กลายมาเป็นเมนูอันโอชะของร้าน izakaya (ผับสไตล์ญี่ปุ่น) ในเมืองโยโกฮาม่า ไปเสียแล้ว     สำหรับร้านแห่งนี้ จะมีการเสิร์ฟเมนูอาหารสุดแปลกมากมาย อย่างเช่น เมนูด้วงแรดญี่ปุ่นที่จะถูกเสิร์ฟในจานที่ประดับตกแต่งด้วยมะนาว และผักใบเขียว เพื่อนำไปแกล้มกับเบียร์นั่นเอง นอกจากนี้ ทางร้านยังได้นำเมนูด้วงแรดญี่ปุ่นไปโพสต์ลงในทวิตเตอร์ โดยระบุว่า ด้วงแรดญี่ปุ่นที่กินได้อยู่ที่นี่ มันเป็นด้วงแรดที่ปลอดสารพิษ และยาปฏิชีวนะ     ซึ่งภายหลังจากที่ภาพเมนูดังกล่าว ได้ถูกนำไปโพสต์ลงในโลกออนไลน์ ก็มีชาวเน็ตญี่ปุ่นได้เข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างมากมาย โดยหลายๆ คนได้เข้ามาแสดงความเห็นว่า… “ฉันจินตนาการถึงอวัยวะด้านในของด้วง และมันก็คงจะน่ากลัวมากกว่าแมลงสาบ” “มันก็น่าลองเหมือนกันนะ” “ฉันอยากรู้ว่ารสชาติจะอร่อยขนาดไหน” “มันอาจจะมีรสชาติเหมือนดิน”   นอกเหนือจากเมนูด้วงแรดแล้ว ทางร้านยังให้บริการเมนูสุดแปลกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ไข่เต่า   ลูกอัณฑะของวาฬ  …

  • ข้อคิดที่เราควรตระหนัก จากคลิปเด็กถือมีดขู่คุณปู่ตัวเอง หลังรู้ข่าว “พ่อแม่หย่ากัน”!?

    ข้อคิดที่เราควรตระหนัก จากคลิปเด็กถือมีดขู่คุณปู่ตัวเอง หลังรู้ข่าว “พ่อแม่หย่ากัน”!?

    สิ่งที่เราจะต้องรับรู้มาตั้งแต่สัยเด็กนั้นจะสามารถจดจำและติดตัวมาจนถึงวัยผู้ใหญ่ได้ นั่นจึงทำให้ผู้ปกครองหลายๆ คนเลือกที่จะดูแลลูกๆ ของตนเองอย่างใกล้ชิด หรือในบางครั้งด้วยเหตุผลบางอย่างก็อาจทำให้ไม่สามารถดูแลเด็กได้อย่างเต็มที่ นี่อาจเป็นเรื่องๆ หนึ่งที่เกิดจากสิ่งเหล่านั้นก็ได้ เมื่อได้มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ออกมาทำให้เห็นถึงการแสดงออกของเด็กชายคนหนึ่งที่ถือมีดข่มขู่คุณปู่ของตัวเองพร้อมพูดจาก้าวร้าวว่าจะเอาชีวิตของปู่ นั่นจึงทำให้คุณปู่ภายในคลิปต้องถือไม้ไผ่ยาวไว้ป้องกันตัวเอง     จากการรายงานเพิ่มเติมของเว็บไซต์ hk.on.cc จึงได้ทราบว่าเหตุการณ์นี้นั้นเกิดขึ้นในมณฑลอานฮุย ประเทศจีน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่พ่อแม่ของเด็กได้หย่าร้างกัน นั่นได้สร้างบาดแผลและความสะเทือนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับตัวเด็กนั่นเอง   คลิปวิดีโอเด็กชายถือมีดขู่จะเอาชีวิตคุณปู่   ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นสามารถอธิบายได้ตามหลักจิตวิทยาคร่าวๆ ว่าด้วยความไวในการเจริญเติบโตและการเรียนรู้อันรวดเร็วของสมองที่มากกว่าวัยอื่นๆ ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ นั่นจึงทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงวัยนี้นั้นจะเป็นการวางรากฐานสู่อนาคต การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้ปกครองจึงเป็นสิ่งสำคัญ พฤติกรรมที่เกิดขึ้นจึงสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ สิ่งที่อาจเกิดจากการบกพร่องในเรื่องของการเลี้ยงดู ทำให้เด็กได้รับการเรียนรู้จากสื่อหรือสิ่งรอบตัวที่ขาดการควบคุมดูแล เด็กจึงได้รับสิ่งนั้นมาและเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบจนออกมาเป็นพฤติกรรมที่ตัวเด็กเองคิดว่าสามารถใช้วิธีดังกล่าวแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ พฤติกรรมง่ายๆ ที่เรามักจะพบเห็นได้ทั่วไปก็คือการลงไปนอนร้องไห้เพื่อเรียกร้องความสนใจให้พ่อแม่ยอมซื้อของที่ตัวเองต้องการ หากว่าเด็กรับรู้ได้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวได้ผล ก็จะทำให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบหรือการทำซ้ำของเด็กบ่อยครั้งขึ้น และการถือมีดขู่จากความไม่พอใจนี้ก็คล้ายกับพฤติกรรมลงไปนอนร้องไห้ เพียงแต่แสดงออกมาในแบบที่แตกต่างกัน     แน่นอนว่าจากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจไม่ได้เกิดขึ้นกับเด็กทุกคน ดังนั้นการดูแลเอาใจใส่ให้กับเด็กนั้นจึงสำคัญเพราะในช่วงแรกนั้นพวกเขาจะไม่สามารถแยกได้ว่าสิ่งไหนเหมาะสมหรือไม่ การนำทางให้กับชีวิตของเด็กๆ ให้ไปในทางที่ดีก็คือหน้าที่หนึ่งของผู้ปกครองทุกคนนะครับ ที่มา: hk

  • ชมภาพถ่ายจากรถตู้ ที่ถูกดัดแปลงจนกลายเป็นบ้านขนาดย่อมๆ พร้อมตกแต่งให้น่าอยู่สุดๆ

    ชมภาพถ่ายจากรถตู้ ที่ถูกดัดแปลงจนกลายเป็นบ้านขนาดย่อมๆ พร้อมตกแต่งให้น่าอยู่สุดๆ

    ในไทยอาจจะไม่ค่อยมีวัฒนธรรมการขับรถบ้านท่องเที่ยวต่างเมืองสักเท่าไหร่ แต่ในต่างประเทศค่อนข้างได้รับความนิยมมาก จนถึงกับดัดแปลงรถให้เป็นที่พักกันอย่างแพร่หลาย หากคุณเป็นคนที่เดินทางนานๆ ครั้ง ก็อาจเดินด้วยเครื่องบิน รถไฟ หรือรถทัวร์ แต่สำหรับคนที่รักการเดินทาง ชอบไปโน่นไปนี่เป็นประจำ การใช้รถส่วนตัวดูจะคุ้มและสะดวกกว่านะ     ดูเหมือนกว่ารถตู้เก่าๆ จะมีเหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบนี้นะ เพราะนอกจากเดินทางสะดวกแล้วมันยังสามารถดัดแปลงเป็นที่พักเล็กๆ ได้อีกด้วย ที่สำคัญมันช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเวลาท่องเที่ยวได้เยอะเลย     สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคยกับการนอนในรถ ก็อาจจะตกแต่งให้เหมือนห้องนอนไปเลยก็ได้ คือมีทั้งเตียง มีสิ่งอำนวยความสะดวก ที่สำคัญการทาผนังเป็นสีขาวจะทำให้ดูสบายตาเป็นอย่างมาก     ทีนี้ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน ไปคนเดียวหรือยกกันไปทั้งครอบครัว ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องที่พักอีกแล้ว แต่ต้องมั่นใจว่าทุกอย่างที่คุณต้องการ ถูกติดตั้งไว้ในรถบ้านของคุณแล้ว     รถบ้านที่มีห้องครัว และเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน   สำหรับสายรักธรรมชาติ ก็สามารถเอาต้นไม้เล็กๆ มาตกแต่งได้   หรือจะทำรถให้เป็นที่พักถาวรก็ได้ . .   บางคนตกแต่งจนดูไม่ออกว่ามันเป็นที่พักในรถ . . . . . . .   ถ้ามีรถบ้านแบบนี้…

  • ครอบครัวที่มีพ่อเป็นแม่ และแม่เป็นพ่อ ตัดสินใจเลี้ยงลูกน้อยให้เป็น “เพศกลางๆ”

    ครอบครัวที่มีพ่อเป็นแม่ และแม่เป็นพ่อ ตัดสินใจเลี้ยงลูกน้อยให้เป็น “เพศกลางๆ”

    เพศไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณเป็นคนดีหรือไม่ แต่การกระทำต่างหากที่จะเป็นตัวตัดสิน เพราะแบบนี้ปัจจุบันจึงมีเพศทางเลือกมากมาย รวมทั้งเพศกลางๆ ด้วย Louise และ Nikki Draven เป็นคู่รักข้ามเพศและเป็นครอบครัวแรกในสหราชอาณาจักรที่เลี้ยงเด็กน้อยวัย 4 ขวบ ชื่อ Star ไม่ให้เป็นทั้งเด็กผู้ชายหรือผู้หญิง แต่ให้เป็นเพศกลางๆ Louise ผู้ทำหน้าที่เป็นแม่ เขาเกิดมาเป็นผู้ชายแต่ได้เปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้หญิงด้วยการรับฮอร์โมนผู้หญิงเข้าสู่ร่างกาย     ส่วน Nikki ผู้เป็นพ่อ เดิมนั้นเธอเกิดมาเป็นผู้หญิง แต่เธอชอบแต่งตัวเหมือนผู้ชาย บางวันก็จะแต่งเป็นผู้หญิง ขึ้นอยู่กับอารมณ์ในวันนั้นๆ หนูน้อย Star จะเรียก Louise ว่าแม่ และเรียก Nikki ว่าพ่อ ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดเขา… Nikki วัย 30 ปี บอกว่า “้เราไม่ได้ยืดติดกับเพศกำเนิด และเราก็ไม่อยากให้ลูกยืดติดกับมันด้วย พวกเราเป็นแค่ครอบครัวธรรมดาที่ต้องการเป็นแบบนี้”     Star กำลังจะเริ่มเข้าโรงเรียนในเดือนกันยายนนี้ โดยจะใส่ชุดนักเรียนผู้ชายแต่ใส่เสื้อกั๊กสีชมพูและถุงเท้าที่เขาเลือกด้วยตัวเอง เด็กน้อยบอกว่าเขาจะโตมาเป็นทั้งผู้ชายและผู้หญิง Nikki บอกว่า “เราอยากให้เขาเติบโตมาเป็นคนที่มีความมั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็น เราไม่เคยบอกเขาว่าเขาเป็นเพศอะไร แต่ Star สามารถเลือกในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็นได้อย่างอิสระ” “เราไม่ได้ซื้อของเล่นหรือเสื้อผ้าที่เฉพาะเจาะจงทางเพศ แต่เราปล่อยให้เขาเลือกด้วยตัวเอง สีชมพูคือหนึ่งในสีโปรดของเขา” ผู้เป็นพ่อบอก  …

  • นักเรียนอินเดีย “ยอมเสี่ยงชีวิตข้ามแม่น้ำที่น้ำป่าไหลหลาก” เพราะไม่อยากไปเรียนสาย

    นักเรียนอินเดีย “ยอมเสี่ยงชีวิตข้ามแม่น้ำที่น้ำป่าไหลหลาก” เพราะไม่อยากไปเรียนสาย

    ในขณะที่เด็กๆ บางคนเบื่อการไปโรงเรียน ไม่ชอบเรียนหนังสือ โดดเรียนเป็นประจำ แต่รู้มั้ยว่ามีเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่อยากไปเรียนหนังสือ ถึงขั้นต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองเพราะไม่อยากขาดเรียน     วิดีโอนี้ถ่ายที่เขตภาคเหนือของรัฐหิมาจัล ประเทศอินเดีย เป็นเหตุการณ์ฺที่นักเรียนกลุ่มหนึ่งพยายามข้ามแม่น้ำที่ไหลหลากอย่างรุนแรง เนื่องจากฝนตกในช่วงที่ผ่านมา หากเป็นบ้านเราถ้าน้ำท่วมขนาดนี้ นักเรียนคงหยุดเรียนไปแล้ว แต่สำหรับนักเรียนอินเดียเหล่านี้ พวกเขาพยายามจะข้ามแม่น้ำที่น่ากลัวนี้ไปให้ได้ เพื่อที่จะได้ไปเรียนทันเวลา     แค่เอาตัวเองให้รอดว่ายากแล้ว แต่ในคลิปจะเห็นว่านักเรียนบางคนได้แบกเด็กที่ตัวเล็กกว่าขี่หลังเพื่อพาข้ามแม่น้ำด้วย ในขณะที่บางคนต่อตัวกันเป็นโซ่เพื่อที่จะช่วยดึงกันไว้ไม่ให้ถูกกระแสน้ำพัด ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือ พื้นที่พวกเขาเหยียบลงไปนั้นเต็มไปด้วยหญ้าและพืชชนิดต่างๆ ที่มีความลื่น ซึ่งหากพวกเขาเหยียบพลาด อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต     นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากสิ่งมีชีวิตที่อันตราย เช่น งู หรือสัตว์มีพิษอื่น ที่สำคัญมันอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว และพยายามที่จะแก้ปัญหาและทำทางข้ามที่ปลอดภัยให้   เด็กๆ ช่วยกันพากันข้ามแม่น้ำ ทั้งๆ ที่อาจถูกกระแสน้ำพัดไปเมื่อไหร่ก็ได้   นักเรียนบางคนแบกเด็กที่ตัวเล็กกว่าเพื่อพาข้ามแม่น้ำไปด้วยกัน บางคนจับมือกันเป็นแถวเพื่อที่จะช่วยประคองกันไว้ เด็กๆ ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะได้ไปเรียนตรงเวลา นี่มันอันตรายมากๆ เลยนะ ที่มา dailymail

  • สนุกเลยสิงานนี้ เมื่อรถบรรทุกแป้งโดคว่ำ แล้วความร้อนทำให้แป้งพองตัวขึ้น มันมือเลยแหะ

    สนุกเลยสิงานนี้ เมื่อรถบรรทุกแป้งโดคว่ำ แล้วความร้อนทำให้แป้งพองตัวขึ้น มันมือเลยแหะ

    เวลารถบรรทุกสิ่งของคว่ำเราจะเห็นสิ่งของกระจัดกระจายอยู่เต็มถนน และเกิดความเสียหายไม่น้อยเลย แต่ถ้ารถบรรทุกแป้งโดคว่ำล่ะ มันจะเป็นยังไง? เมื่อไม่นานมานี้ในรัฐวอชิงตันเกิดเหตุรถบรรทุกแป้งโดคว่ำ แต่แทนที่มันจะกระจัดกระจาย หรือเกิดความเสียหาย แต่กลับทำให้ปริมาณเพิ่มขึ้นซะงั้น     เจ้าหน้าที่ตำรวจ Trooper Brooke Bova ได้โพสต์วิดีโอและภาพเหตุการณ์ดังกล่าวในทวิตเตอร์ตัวเองพร้อมแคปชั่นว่า “ความร้อนทำให้แป้งเพิ่มขึ้น”  ส่วนในคลิปวิดีโอจะเห็นแป้งโดที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกค่อยๆ ทะลักออกมาและหยดลงพื้นถนนในทาโคมา จากนั้นมันค่อยๆ พองขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากโดนความร้อน     แม้จะเป็นเหตุการณ์รถคว่ำ แต่การได้เห็นแป้งโดขยายตัวขึ้นทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นจึงได้ถ่ายรูปเก็บเอา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคนนี้ด้วย     เธอบอกว่ามันกลายเป็นเป็นงานที่สนุกไปเลย ที่สำคัญไม่มีใครได้รับบาดเจ็บด้วย ดังนั้นระหว่างรอรถกู้ภัยก็เซลฟี่เล่นๆ ไป เอ๊ะ หรือจะปั้นอะไรรอดีนะ??     หลังจากที่ภาพเหตุการณ์นี้ถูกโพสต์ในทวิตเตอร์ ปรากฏว่าชาวเน็ตรวมทั้งกรมการขนส่งของรัฐวอชิงตันต่างก็รู้สึกสนุกไปด้วย พวกเขาเสนอให้เธอปั้นสิ่งนั้นสิ่งนี้ แหม่สนุกใหญ่เลยทีนี้   น่าสนุกดีนะ Brooke จับมาปั้นซะเลย   โอกาสมาถึงแล้ว วันนี้ที่คุณจะเล่นแป้งโดอย่างเต็มที่ เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ คนขับรถบรรทุกจะมีปัญหาด้วยมั้ยนะ?   สุดท้าย Bova มาอัพเดตว่าทุกอย่างถูกเคลียร์เรียบร้อยแล้วนะ และไม่มีปัญหาด้วย ว่าแต่เจ้าของแป้งจะว่ายังไงบ้างนะที่อยู่ดีๆ ก็ได้แป้งโดเพิ่มขึ้น   ที่มา huffingtonpost

  • มนุษย์เมียรำคาญนิสัยของสามี สุดท้ายทนไม่ไหว ประกาศ “ขายปั๋ว” สุดฮาลงเฟซบุ๊ก

    มนุษย์เมียรำคาญนิสัยของสามี สุดท้ายทนไม่ไหว ประกาศ “ขายปั๋ว” สุดฮาลงเฟซบุ๊ก

    นับเป็นเรื่องธรรมดาที่สามีภรรยาจะเกิดพ่อแง่แม่งอนกันบ้าง เหมือนดังเช่นกรณีของ Teresa Turner และสามี   เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Teresa รู้สึกเซงกับนิสัยของ Rob ผู้เป็นสามีอย่างมาก เพราะเขานั้นมีนิสัยที่น่ารำคาญหลายๆ อย่าง จนในที่สุด เธอก็หมดความอดทน และเอาสามีไปลงประกาศขายลงเพจ Kings Lynn ในเฟสบุ๊คโดยระบุว่า… “ฉันมีสามีอายุ 33 ปี ที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากเขาทำให้ฉันมีอาการประสาทขึ้น ฉันไม่ต้องการเล้ยยยย และจะยกให้แบบฟรีๆ และเขาก็ได้รับการฝึกแล้ว ใช้ชีวิตในบ้านและเข้าห้องน้ำเองได้ด้วย”     และภายหลังจากที่ Teresa ได้โพสต์ประกาศขายสามีของตัวเองลงในเฟสบุ๊คในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ต โดยเฉพาะสาวๆ เป็นอย่างมาก ซึ่งก็มีสาวๆ หลายคนได้เข้ามาแสดงความเห็นตอบรับมุกไปในทางเดียวกันว่า จะพาเขาออกมาจากเธอให้ได้     จากการรายงานระบุว่า Teresa ได้ตัดสินใจที่จะประกาศขายสามีลงบนโลกออนไลน์ เพราะว่าเธอรู้สึกรำคาญที่เขาเล่นวีดีโอซ้ำๆ ที่น่ารำคาญ และชวนให้โมโหในทุกๆ วัน  นอกจากนี้ เขายังมีนิสัยแย่ๆ หลายๆ…

  • โรงเรียนนำ ‘คติพจน์’ ของนักเรียนเกย์สองคนออกจากหนังสือรุ่น ส่งผลให้เกิดดราม่าตามมา

    โรงเรียนนำ ‘คติพจน์’ ของนักเรียนเกย์สองคนออกจากหนังสือรุ่น ส่งผลให้เกิดดราม่าตามมา

    หนังสือรุ่นที่จะเก็บความทรงจำของเราไว้ เราก็อยากที่จะเขียนอะไรสักอย่างลงไปทิ้งท้ายไว้ให้เพื่อนๆ ในรุ่นได้เก็บไว้เป็นความทรงจำ ดูแล้วอิสระทางความคิดในหนังสือรุ่น ถ้าไม่ละเมิดกฎหมายก็ที่ไม่น่าถูกปิดกั้นกับเรื่องแบบนี้ แต่กลับเกิดขึ้นในประเทศอเมริกาที่เรียกว่าเป็นประเทศเสรี และไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป… เพราะว่านักเรียนสองคนที่มีชื่อว่า Joey Slavinsky และ Thomas Swartz ศึกษาจบจากโรงเรียนมัธยม Kearney รัฐเนแบรสกา ประเทศอเมริกา ได้ทำการเขียนคติพจน์ทิ้งท้ายไว้ให้เพื่อนๆ ของเขาได้อ่านในหนังสือรุ่น     คติพจน์ที่ Joey เขียนเอาไว้ก็คือ “แน่นอนว่าฉันแต่งตัวดี ฉันก็ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในตู้เสื้อผ้าโดยที่ไม่ได้อะไรเลย” และของ Thomas คือ “ถ้า Harry Potter สอนอะไรบางอย่างให้กับเรา คงจะไม่มีใครควรได้ใช้ชีวิตอยู่ในตู้เสื้อผ้า” (ซึ่งข้อความดังกล่าวเหมือนการส่งข้อความของเหล่า LGBT ที่ไม่ควรจะต้องเก็บตัวเอาไว้ แต่ควรจะได้รับการยอมรับและสามารถเปิดตัวให้คนอื่นๆ รู้ได้ โดยที่เราภาคภูมิใจและคนอื่นไม่ควรรังเกียจ) คติพจน์ที่เขาคิดขึ้นมาและอยากให้คนอื่นได้อ่าน แต่เมื่อเขาทั้งสองลองเปิดหาสิ่งที่ตนเองได้เขียนไว้นั้นก็พบว่าในหนังสือตรงช่องของพวกเขานั้นมีเพียงรูปและความว่างเปล่า นั่นหมายความว่าทางโรงเรียนได้นำเอาคติพจน์ของทั้งคู่ออกไป   คลิปวิดีโอข่าวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   จากประโยคที่ดูแปลกๆ นั้น คำว่าตู้เสื้อผ้าที่เขาต้องการสื่อก็คือสิ่งที่พวกเขาต้องปกปิดเอาไว้นั่นหมายถึงการที่พวกเขาเป็นเกย์นั่นเองซึ่งพวกเขาได้เสริมว่า “ฉันสบายใจที่ฉันเป็นอย่างนี้ แต่สิ่งที่รู้สึกคือที่นี่ดึงสิ่งนั้นออกไปจากตัวฉัน”     จากสิ่งที่เกิดขึ้นทางผู้อำนวยการโรงเรียนก็ได้ออกมาบอกว่า “นั่นคือความพยายามในการปกป้องนักเรียนของเรา คติพจน์ที่เป็นการโจมตีนักเรียนคนอื่นหรือกลุ่มอื่นจะไม่ถูกเผยแพร่ แต่อย่างไรก็ตามนี่คือการกระทำที่ผิดพลาดของโรงเรียนในการตักเตือน”…

  • คู่รักเปลี่ยนสวนหลังบ้านของตัวเอง ให้กลายเป็น “อาณาจักรกระต่าย” ที่เลี้ยงเอาไว้ 30 ตัว

    คู่รักเปลี่ยนสวนหลังบ้านของตัวเอง ให้กลายเป็น “อาณาจักรกระต่าย” ที่เลี้ยงเอาไว้ 30 ตัว

    คุณเคยคิดที่จะสร้างอาณาจักรให้กับสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณไว้บ้างมั้ย เพื่อให้พวกมันได้ใช้ชีวิตกันอย่างสะดวกสบายและมีความสุข อีกทั้งยังทำให้เราเพลิดเพลินสบายตา มองไปทางไหนก็เจอเจ้าสัตว์ที่เราชอบวิ่งเล่นไปมา และนี่ก็เป็นตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์สิ่งนั้น กับคู่รักที่คลั่งไคล้เจ้ากระต่ายตัวน้อยมากอย่าง Emma Hartshorne และ Wayne Kenward ในสแตรทฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ที่ยอมเสียเงินเปลี่ยนแปลงสวนหลังบ้านให้กลายเป็นอาณาจักรของเหล่ากระต่ายน้อย     เจ้ากระต่ายทั้ง 30 ตัวของพวกเขาตอนนี้มีบ้านบนต้นไม้ที่ดูสวยงามเป็นของพวกมันเอง พวกมันรู้สึกชอบสถานที่นั้นเป็นอย่างมากสังเกตได้จากที่พวกมันวิ่งออกไปพร้อมๆ กันโดยที่ไม่ชนกันหรือสู้กันแต่อย่างใดเมื่อได้พบกับที่วิ่งเล่นแห่งใหม่ที่นี่ สิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นเพื่อเจ้ากระต่ายน้อยที่ได้รับการช่วยเหลือเหล่านี้นั้นล้วนแล้วมาจากสิ่งของรีไซเคิลจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว แถมลงมือสร้างกันเองอีกด้วย มีเพียงรั้วสีดำที่เอาไว้กันสัตว์ร้ายเท่านั้นที่ไม่ใช่ฝีมือของพวกเขาและเพื่อความปลอดภัยของเจ้าต่าย     เขาจำไม่ได้เลยว่าทั้งหมดที่ต้องเสียไปกับการเปลี่ยนแปลงสวนครั้งนี้นั้นมันมากน้อยเพียงใด ที่แน่ๆ คือมันใช้เงินมากกว่าสวนเก่าของเขาแน่นอน แต่มันก็คุ้มค่าที่ได้เห็นเจ้ากระต่ายตัวน้อยได้อยู่กันอย่างมีความสุข ด้วยจำนวนกระต่ายที่มากมายพวกเขารู้สึกมีความสุขอย่างมากที่ได้ดูทีวีร่วมกับพวกมันถึงแม้จะแค่ครั้งละ 4 ตัวก็ตาม เพราะไม่งั้นพวกเขาคงจะต้องทำการเก็บบ้านครั้งใหญ่เป็นแน่     “มันเป็นสิ่งที่วิเศษอย่างมากที่ได้เห็นบุคลิกต่างๆ ของมันที่เกิดขึ้นหลังจากที่เวลาได้ใช้เวลาร่วมกันสร้างความเชื่อใจให้เกิดขึ้น” พวกเขากล่าว สิ่งที่เธอทำนั้นก็ด้วยเพราะจำนวนที่มากมายของพวกมันซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะได้เจอพวกมันอยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่พวกเขาสร้างสิ่งเหล่านี้ด้วยจุดมุ่งหมายที่ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องมีพื้นที่หรือสวนที่กว้างมากมายใดๆ และหวังว่านี่จะเป็นไอเดียให้กับใครหลายคนในการทำบางสิ่ง     เวลาที่ออกมาสูดอากาศก็จะได้เห็นภาพอันน่ารักของพวกมันที่ออกมาจากบ้านต้นไม้สร้างความพึงพอใจให้กับ Emma อย่างมาก และพวกเขาตั้งใจที่จะช่วยเหลือดูแลเหล่ากระต่ายในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นกว่านี้ เพียงอาทิตย์เดียวทั้งคู่ได้รับเลี้ยงกระต่ายถึง 8 ตัวที่ได้ถูกกักขังเอาไว้ชั่วคราวก่อนที่จะได้ออกมาวิ่งเล่นอีกครั้ง ถึงอย่างไรพวกมันในตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในบ้านที่เลวร้ายอะไร เพราะก่อนหน้านี้พวกมันไม่ได้มีพื้นที่วิ่งเล่นหรือการใส่ใจใดๆ ที่พวกมันต้องการเลย    …

  • ช่างทำผมเนรมิตให้เด็กสาวที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า กลับมาสวยสดใส และยิ้มได้อีกครั้ง…

    ช่างทำผมเนรมิตให้เด็กสาวที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า กลับมาสวยสดใส และยิ้มได้อีกครั้ง…

    สำหรับ “โรคซึมเศร้า” เป็นสิ่งที่หลายๆ คนมักจะมองข้ามไป แต่ที่จริงๆ แล้วใครจะรู้ละว่าโรคนี้ใกล้ตัวกว่าที่เราคิด เนื่องจากโรคดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุของการฆ่าตัวตาย โดยผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสุขภาพทางจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก และความคิด รวมถึงกรณีแบบในข่าวนี้ด้วย     และเมื่อเร็วๆ นี้ช่างทำผมวัย 20 ที่ชื่อ Kayley Olsson จากรัฐไอโอวา ได้พบกับเด็กสาวคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ได้เข้ามานั่งในเก้าอี้ ณ ร้านเสริมสวยของเธอ เธอเล่าผ่านในเฟซบุ๊กของตัวเองว่า “เด็กสาววัยรุ่นอายุ 16 ปีรายนี้ ได้รับมือกับภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรงมานานหลายปี เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ไร้ค่า จนส่งผลให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยดูแลรักษาผมของตัวเองเลย ดังนั้นเธอเลยตัดสินใจเข้ามาในร้านของฉัน เพื่อที่จะให้ฉันโกนผมของเธอออกทั้งหมด แต่ฉันก็ปฏิเสธไป และใช้เวลากว่า 13 ชั่วโมง ในการช่วยแก้ไขทรงผมให้กับเธอ”     อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ Kayley ได้นำเรื่องราวของเด็กสาวคนดังกล่าวมาแชร์บนโลกออนไลน์ ก็เพื่อเป็นการเตือนให้ทุกคนได้รู้ว่า โรคซึมเศร้าส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้คนทุกเพศทุกวัย ภายหลังจากที่เธอได้แชร์ภาพพร้อมเรื่องราวของเด็กสาวรายนี้ลงบนเฟสบุ๊คส่วนตัวของเธอ ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก โดยมีคนเข้ามากดไลค์มากกว่า 160,000 ครั้ง และกดแชร์อีกกว่า…

  • เหวอสิครับ!! กลับมาเจอ “รอยเลือด” สาดกระจายไปทั่วบ้าน ที่แท้เจ้าหมาช่วยไล่หัวขโมย

    เหวอสิครับ!! กลับมาเจอ “รอยเลือด” สาดกระจายไปทั่วบ้าน ที่แท้เจ้าหมาช่วยไล่หัวขโมย

    การที่เรามีสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขไว้สักตัวอยู่ที่บ้านนอกจากจะช่วยเป็นเพื่อนเล่นให้เราในทุกเวลาแล้ว มันก็ยังเป็นยามเฝ้าบ้านมือฉมังที่สามารถดูแลที่พักอาศัยของคุณเวลาที่คุณออกไปข้างนอก และเหตุการณ์นี้ก็เป็นการพิสูจน์สิ่งที่ว่ามาได้ดีเลยทีเดียว เมื่อครอบครัวหนึ่งใน Chesterfield ประเทศอังกฤษ ได้ถูกขโมยขึ้นบ้านในตอนที่พวกเขาไปพักผ่อนวันหยุดพอดี แต่ก็ต้องขอบคุณเจ้าสุนัขที่พวกเขาเลี้ยงไว้ที่ทำให้โจรกลับไปโดยที่ไม่ได้เอาอะไรไปเลย แต่เกือบจะต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ซะแล้ว     Tristan Murrin ผู้ที่กลับมาบ้านและเห็นสถานที่เกิดเหตุเป็นคนแรกได้เล่าว่า ในละแวกนั้นมีบ้านหลายหลังที่โดนขโมยขึ้น จนเมื่อเขากลับเข้ามาบ้านในคืนวันพฤหัสก็พบได้ว่าพวกเขาเองก็ได้กลายเป็นเหยื่อของพวกนั้นไปแล้ว     ตอนเขามาเห็นในตอนแรกนั้นเขาคิดว่าไม่มีอะไรผิดปกติบริเวณประตูหน้าบ้านเลย แต่เมื่อได้เจอเจ้าสุนัขออกมาทักทายเท่านั้นแหละก็สามารถสังเกตความผิดปกติได้ในทันที เมื่อมีรอยเลือดติดอยู่ที่พื้นบ้าน ลากยาวตามบันได้ก็จะเห็นรอยเลือดเปื้อนเป็นทางลงมาถึงชั้นล่าง และบนชั้นสองนั้นก็เต็มไปด้วยคราบเลือดกระเซ็นไปทั่ว เรียกว่าเป็นฉากในหนังสยองขวัญดีๆ นี่เอง   และนี่คือภาพที่เขาถ่ายเอาไว้…   โจรคงจะไม่รู้ว่าในบ้านนั้นได้มีสุนัขพันธุ์เยอรมันเชฟเฟิร์ดตัวใหญ่ที่สามารถทำหน้าที่เฝ้าบ้านได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่าในตอนปกตินั้นมันจะไม่เคยแสดงพฤติกรรมอะไรที่ดูก้าวร้าวเลย มันเต็มไปด้วยความน่ารัก มีวิดีโอที่มันนอนเล่นกับเด็กๆ ที่เข้ามาเล่นด้วยแบบเป็นเรื่องปกติ   ปกติิแล้วมันเป็นเจ้าหมาที่น่ารัก .   ดีที่โจรไม่ได้อะไรกลับไปเลยและเจ้าสุนัขก็ยังไม่ได้เป็นอะไรอีกด้วย โดย Murrin เชื่อว่าสุนัขก็แค่ทำตามหน้าที่ของมันที่เมื่อเจอคนแปลกหน้าทำเรื่องแปลกๆ ภายในบ้านก็จะรู้ว่าต้องทำอย่างไร และเชื่อว่าเจ้าหัวขโมยนั่นคงจะต้องได้รับการรักษาพอสมควรดูจากคราบเลือดที่ละเลงเต็มบ้าน พร้อมทั้งหวังที่จะให้เจ้าหน้าที่นั้นจับโจรให้ได้จากเบาะแสนี้     นี่คือโพสต์ของเจ้าของบ้าน สามารถเข้าไปชมวิดีโอที่ถ่ายเห็นรอยเลือดได้ครับ   คลิปวิดีโอที่เขาถ่ายเอาไว้…   การสืบสวนยังคงดำเนินต่อไปและหวังว่าจะสามารถจับโจรได้ในเร็ววัน หากว่าแถวบ้านใครโดนขโมยขึ้นบ่อยๆ แล้วละก็ คงต้องหาสุนัขมาเป็นสัตว์เลี้ยงซักตัวให้ช่วยดูแลบ้านแล้วแหละ (แต่ชิสุ…

  • พิซซ่าจีนออกเมนูใหม่ “พิซซ่าหน้าทุเรียน” แถมฮิตสุดๆ แบบว่าคอทุเรียนตัวจริงไม่พลาด

    พิซซ่าจีนออกเมนูใหม่ “พิซซ่าหน้าทุเรียน” แถมฮิตสุดๆ แบบว่าคอทุเรียนตัวจริงไม่พลาด

    หากคุณเป็นคนที่ชอบพิซซ่า และทุเรียน คุณจะรักพิซซ่าหน้าทุเรียนด้วยหรือไม่? ใช่แล้ว!! ฟังไม่ผิดแน่ๆ เพราะในตอนนี้พิซซ่าฮัทในประเทศจีน ได้ออกเมนูใหม่ล่าสุดนั่นคือ การนำทุเรียนมาเป็นส่วนผสมหลักในการทำพิซซ่า จนกลายเป็น “พิซซ่าหน้าทุเรียน” นั่นเอง เมื่อพูดถึงทุเรียน ถือเป็นราชาแห่งผลไม้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของกลิ่น รวมรูปร่างหน้าตา และรสชาติอันชวนลิ้มลอง (แต่สำหรับบางคนนี้ถึงกับเบือนหน้าหนี ฮ่า) ถึงบางคนจะไม่ชอบ แต่ทุเรียนก็ถือเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในบ้านเรา แถมยังถูกนำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารมากมาย เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน ไอศกรีมรสทุเรียน เป็นต้น     และในตอนนี้ ราชาผลไม้อย่างทุเรียนก็ถูกนำมาผสมผสานกับอาหารของชาติตะวันตก ที่ทางพิซซ่าฮัทของจีนได้ทำการสร้างสรรค์เมนูใหม่ในชื่อ “พิซซ่าหน้าทุเรียน” ซึ่งเมนูนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน แม้ว่าเราอาจจะคาดเดารสชาติไม่ออกในตอนนี้ แต่ทางบรรดาผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal จำนวน 10 คน ได้ทำการทดสอบรสชาติของเมนูพิซซ่านี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผลที่ได้ปรากฏว่า ผู้ทดลอง 4 คน บอกว่ามันทั้งหอม และน่ากิน และอีก 3 คนที่เหลือบอกว่ามันน่าสนใจมาก ส่วน 3 คนรู้สึกไม่ประทับใจ     ทางด้านโฆษกของ Yum…

  • หญิงสาวแจ้งตำรวจสืบด่วน เพราะมี “เงิน” และ “ผลไม้” มาวางหน้าบ้านทุกวัน!??

    หญิงสาวแจ้งตำรวจสืบด่วน เพราะมี “เงิน” และ “ผลไม้” มาวางหน้าบ้านทุกวัน!??

    ยิ่งกว่าตำนานรักดอกเหมยซะอีกสำหรับเรื่องนี้… จะว่าไปแล้วเมื่อเราแอบรักแอบชอบใคร เราก็อยากจะเห็นคนๆ นั้นมีความสุขใช่มั้ยล่ะ!? แต่คงไม่ใช่กับครอบครัวตระกูลหนึ่งในตำบลซูเฉิง เพราะจู่ๆ ก็มีผลไม้พร้อมเงินปริศนาจำนวนหนึ่งมาวางไว้หน้าบ้านของพวกเขาวันแล้ววันเล่า จนเจ้าของบ้านรู้สึกไม่ไหวถึงกับต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ   ตัวอย่างของเงินวันละนิดวันละหน่อยที่ถูกเอามาวางไว้หน้าบ้าน   จากวันเป็นเดือนจากเดืิอนเป็นปี ที่ชายหนุ่มแซ่หู (ไม่ระบุชื่อ) ได้พยายามที่จะส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้กับลูกสาวของบ้านหลังนี้ ทว่าการกระทำครั้งนี้กลับสร้างความตื่นกลัวให้แก่พวกเขาแทนซะงั้น เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอามาตั้ง   ภายหลังการสอบสวนของตำรวจ พบว่าคนที่วางนั้นคือหนุ่มแซ่หูแน่ๆ เขาแอบเอาเงินและผลไม้มาวางไว้ วันละเล็กน้อยทั้งหมด 8 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 900 หยวน (4,500 บาท)   เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามถึงสาเหตุก็ทราบความว่า ก่อนหน้านี้ชายแซ่หูเคยมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับลูกสาวบ้านนี้ หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก แต่ด้วยนิสัยขี้อายไม่กล้าบอกไปตรงๆ เลยขอเลือกที่จะใช้วิธีนี้แทน นอกจากนั้นชายแซ่หูยังให้สัมภาษณ์อีกด้วยว่า “ผมรู้สึกชอบเขามากๆ แต่ผมก็ขี้อายเกินกว่าจะไปคุยกับเค้าตรงๆ ผมเลยขอแอบอยู่ไกลๆ ดีกว่า เมื่อไหร่ที่ผมเห็นเขาออกมาหยิบผลไม้และเงิน ผมจะรู้สึกมีความสุข… ขอแค่ได้เห็นเธอมีความสุขผมก็รู้สึกดีแล้วล่ะ”     อย่างไรก็ตามหลังจากที่เรื่องวุ่นๆ นี้ไปถึงมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเขาก็ได้สั่งเตือนห้ามมิให้นายหูทำอะไรแบบนี้อีก เพราะอาจสร้างความหวาดกลัวให้แก่ครอบครัวของหญิงสาวได้ ซึ่งเจ้าตัวก็รับปากให้สัญญาอย่างดีว่าจะไม่ทำวิธีนี้้อีกแล้ว และจะขอเวลารวบรวมความกล้าอีกซักหน่อย เพื่อที่จะกลับมาเอาชนะใจลูกสาวบ้านนี้ให้ได้อีกครั้ง     ก็ไม่รู้ว่านายหูจะสมหวังรึเปล่า…

  • เรือนจำโรมาเนียเปิด “ห้องคู่รัก” ให้แฟนมาเยี่ยมมีเซ็กส์กับนักโทษได้ 1 ครั้งต่อสามเดือน

    เรือนจำโรมาเนียเปิด “ห้องคู่รัก” ให้แฟนมาเยี่ยมมีเซ็กส์กับนักโทษได้ 1 ครั้งต่อสามเดือน

    เมื่อต้องติดคุกคุณจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีอิสระ ไม่มีความสะดวกสบาย ที่สำคัญไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับคู่รักตัวเอง มันช่างเป็นเรื่องที่ฟังดูแย่นะ แต่ในบางประเทศ ได้มีการอนุญาติให้นักโทษที่แต่งงานแล้วมีอะไรกับสามีหรือภรรยาได้ หากพวกเขามาเยี่ยมที่เรือนจำ ซึ่งโครงการนี้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2007 โรมาเนียได้เปลี่ยนกฏหมายอาญา เพื่อให้คู่แต่งงานของนักโทษสามารถมีเพศสัมพันธ์กันได้ในห้องที่จัดเตรียมเอาไว้     Cosmin Bumbut ช่างภาพชาวโรมาเนีย ได้เดินทางไปถ่ายรูปเรือนจำต่างๆ กว่า 35 แห่ง ทั่วประเทศ  และตอนนี้รูปภาพเหล่านั้นถูกตีพิมพ์ในชื่อ Camera Intimă (The Intimate Room) ซึ่งถูกเสนอชื่อให้เข้ารับรางวัล Sony World Photography Awards สาขาสถาปัตยกรรม     Cosmin บอกว่าระบบเรือนจำในโรมาเนียมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากโรมาเนียได้เข้าร่วมสหภาพยุโรปในปี 2007   โดยการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคือการอนุญาตให้นักโทษมีเซ็กส์ได้     นักโทษที่แต่งงานแล้วจะมีสิทธิมีเซ็กส์กับภรรยาหรือสามีได้ 1 ครั้งในทุกๆ 3 เดือน (ครั้งละ 2 ชั่วโมง) ในห้องส่วนตัวที่เรือนจำจัดเตรียมไว้ให้ เมื่อ Cosmin ได้ไปถ่ายรูปที่เรือนจำในเมือง Aiud ของโรมาเนีย เมื่อปี 2008…

  • เมื่อฝรั่งที่อยู่ไทย 3 ปี เขียนถึงด้านมืดของเมืองไทย “ทำไมคุณไม่ควรไปเที่ยวเกาะเต่าเด็ดขาด?”

    เมื่อฝรั่งที่อยู่ไทย 3 ปี เขียนถึงด้านมืดของเมืองไทย “ทำไมคุณไม่ควรไปเที่ยวเกาะเต่าเด็ดขาด?”

    เกาะเต่าถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของประเทศไทย แต่ภายในความงามนั้นที่ผ่านมาจะเห็นข่าวนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเสียชีิวิตที่นี่หลายต่อหลายราย ซึ่งแต่ละคดีนั้นก็มักจะมีอะไรที่ดูไม่ชอบมาพากลในสายตาคนต่างชาติและคนไทยเช่นกัน ล่าสุดสื่อต่างชาติอย่าง The Independent ของทางอังกฤษ ถึงกับเขียนข่าวเกี่ยวกับด้านมืดของเมืองไทย ที่ว่าทำไมคุณถึงไม่ควรไปเที่ยวเกาะเต่าเด็ดขาด…โดยมีเนื้อหาดังนี้ “อเมซ่ิ่ง ไทยแลนด์” เป็นคำขวัญของไทยที่ต่างชาติอาจจะรู้จักดี แต่ในขณะที่ประเทศไทยที่น่าสนใจในหลายๆ ด้าน มีเกาะที่สวยงามน่าหลงใหล แต่รู้หรือไม่ว่ามันมีด้านมืดที่แฝงอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้     คนเขียนเล่าว่า.. ในช่วงหลายปีที่ผมอาศัยอยู่ในสยามเมืองยิ้มแห่งนี้ ผมได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ เรือ และรสบัส มีเรื่องการหลอกลวง การชิงทรัพย์ การจมน้ำ และการเสียชีวิตที่มักจะเต็มไปด้วยเงื่อนงำ หนึ่งในเหยื่อของการฆาตกรรมเหล่านี้คือเยาวชนชาวอังกฤษ Hannah Witheridge และ David Miller ทั้งคู่ถูกฆ่าตายอย่างทารุณบนเกาะเต่าในปี 2014 ในช่วงที่เกิดเหตุ มีนักข่าวต่างประเทศมาสัมภาษณ์ผม เพื่อที่จะรวบรวมคำให้การของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อยู่บนเกาะแห่งนี้     สำหรับผมแล้ว เกาะเต่าเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตทางทะเลที่น่าหลงใหล จนกลายเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นเกาะเล็กๆ แต่มีคนอาศัยอยู่ประมาณ 2,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะทำงานในศูนย์ดำน้ำ ร้านอาหาร และที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ทางด้านเจ้าของกิจการทั้งหลายกลับกลัวที่จะพูดความจริง เพราะกลัวว่าจะได้รับอันตรายหากคำพูดของพวกเขาถูกนักข่าวบันทึกและนำไปเผยแพร่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาบอกว่าในเกาะเล็กๆ…

  • มาดู “วิวัฒนาการของเซ็กส์ทอย” ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา พัฒนาไปมากน้อยแค่ไหนกัน!?

    มาดู “วิวัฒนาการของเซ็กส์ทอย” ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา พัฒนาไปมากน้อยแค่ไหนกัน!?

    ในช่วง 100 ปีที่ผ่าน เทคโนโลยีถุูกนำมาใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ จนเรียกได้ว่าครอบคลุมเกือบทุกด้าน ทั้งการศึกษา สุขภาพ ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องความสุขบนเตียง พูดถึงเทคโนโลยีเรื่องบนเตียงก็คงจะหนีไม่พ้นเซ็กส์ทอย ที่ปัจจุบันนี้มีหลากหลายรูปแบบจนเราเองก็แทบจะตามไม่ทัน ทั้งนี้ในวิดีโอล่าสุดของ Glamour ได้เผยให้เห็นวิวัฒนาการของเซ็กส์ทอยในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา มาดูกันเลยดีกว่าว่าในช่วงวเวลา 100 ปี นี้ เซ็กส์ทอยไปไกลแค่ไหน…   นี่คือเซ็กส์ทอยช่วงปี 1920   เร่ิ่มตั้งแต่ปี 1920 มีเซ็กส์ทอยที่ชื่อ Polar Club Electric Vibrator ซึ่งดูจากรูปร่างแล้วเหมือนปืนกลมากกว่าที่จะเป็นเซ็กส์ทอยซะอีก เซ็กส์ทอยดังกล่าวนี้ บางครั้งถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์ สำหรับรักษาโรคฮิสทีเรียในผู้หญิง… แต่ในทศวรรษต่อมา ได้มีการเปลี่ยนเครื่องเซ็กส์ทอยจากโลหะเป็นพลาสติก เช่น Magnetic Massager   หน้าตาของ Magnetic Massager .   ในยุค 40 ดูเหมือนผู้หญิงจะมีไอเดียที่สร้างสรรค์มากขึ้น โดยนำเครื่องนวดหัวขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Oster Stim U Lax for Barbers มาประยุกต์ใช้เป็นเซ็กส์ทอย เครื่องเซ็กส์ทอยนี้ทำมาจากโลหะที่ดูแปลกตา แต่มันจะมีสายดึง…

  • ชายหนุ่มทดลอง “ออกกำลังกายและกินเหมือน The Rock เป็นเวลา 1 เดือน” เพื่อดูว่าผลเป็นยังไง…

    ชายหนุ่มทดลอง “ออกกำลังกายและกินเหมือน The Rock เป็นเวลา 1 เดือน” เพื่อดูว่าผลเป็นยังไง…

    เดอะร็อค (The Rock) คงจะเป็นไอดอลของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะผู้ชายที่อยากจะมีกล้ามโตๆ เหมือนเขา แต่กว่าจะได้รูปร่างแบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และก็ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ สมาชิกเว็บบอร์ดต่างชาติที่ใช้ชื่อว่า nycballer คือหนึ่งในคนที่อยากมีรูปร่างเหมือนเดอะร็อค เขาจึงได้นำเคล็ดลับการฟิตหุ่นแบบเดอะร็อคมาทดลองทำจริงๆ เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม     เขาระบุว่าสำหรับวิธีการออกกำลังกายแบบเดอะร็อคนั้นก็ไม่ต่างจากการออกกำลังกายทั่วไปสักเท่าไหร่ เพียงแต่ต้องออกเข้มข้นเพิ่มเป็น 5 เท่าต่อสัปดาห์ และออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ(Cardio) ควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้การทานอาหารก็สำคัญเช่นกัน คือต้องกินอาหาร 5-7 มื้อต่อวัน ซึ้งต้องเน้นเนื้อปลาคอด เพราะเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่ย่อยง่าย และกินอกไก่เยอะๆ     การกินเหมือนเดอะร็อค ตั้งแต่ตื่นเช้ามาเดอะร็อคจะกินไข่ต้ม 2 ฟอง ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย แล้วก็ไปออกกำลังกาย จากนั้นก็มากินมื้อเช้าเป็นมันฝรั่ง 300 กรัม ไข่ขาว 10 ฟอง มื้อเที่ยงกินข้าว 2 ถ้วย อกไก่ 200 กรัม บรอกโคลี่ 1 ถ้วย ซึ่งเขาจะทานมื้อเที่ยง 2 รอบ ด้วยเมนูเดียวกันเป๊ะ…

  • หรูหราพาฝัน… หนุ่มพาชมห้องน้ำในปั๊มน้ำมันที่ฟิลิปปินส์ น่าอยู่กว่าห้องนอนซะอีก

    หรูหราพาฝัน… หนุ่มพาชมห้องน้ำในปั๊มน้ำมันที่ฟิลิปปินส์ น่าอยู่กว่าห้องนอนซะอีก

    เวลาเราเดินทางไปต่างจังหวัดหรือเดินทางไปไหนไกลๆ เรามักจะแวะปั๊มน้ำมันเพ่ื่อเข้าห้องน้ำเสมอ ถ้าได้ปั๊มดีๆ ก็มีห้องน้ำแสนสะอาด แต่ห้องน้ำปั๊มบางส่วนที่เจอ มันช่างไม่น่าเข้าไปใช้เล้ยยย แต่สำหรับห้องน้ำปั๊ม Shell ในเมือง Bohol ประเทศฟิลิปปินส์ ทำเอานายแบบและนักเขียนอย่าง Jason Godfrey ถึงกับต้องร้อง ‘ว้าว!!’     Jason ได้ถ่ายวิดีโอตัวเองขณะพาชมห้องน้ำในปั๊มที่  Bohol แล้วอัพโหลดในเฟสบุ๊กและช่องยูทูปของเขา จนมีคนเข้ามาดูเกือบ 10 ล้านครั้งแล้วในตอนนี้   ในคลิป Jason บอกว่า “ผมอยู่ที่ปั๊มน้ำมัน Shell ผมจะพาคุณไปดูห้องน้ำ เพราะที่นี่มีห้องน้ำที่เจ๋งมาก ผมไม่เคยทำวิดีโอทำนองนี้เลย และครั้งนี้พลาดไม่ได้จริงๆ เพราะผมอยากให้ทุกคนได้เห็นห้องน้ำในแบบที่คุณอาจคาดไม่ถึง”   เมื่อเขาเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป ก็พบแผงไม้มะฮอกกานี โคมไฟตั้งโต๊ะ โคมไฟแขวน ชั้นวางหนังสือที่มีนิตยสารเรียงซ้อนกันอยู่ มีเปลือกหอยและโมเดลเรือวางอยู่บนโต๊ะไม้   เขาเดินสำรวจต่อไปเรืี่อยๆ แล้วบอกว่า “ดูสิ นี่คือห้องน้ำจริงๆ นะ ผมไม่ได้กลิ่นอะไรเลย นอกจากกลิ่นเมนทอลที่หอมอบอวลอยู่ในนี้”   คลิปบรรยากาศภายในห้องน้ำ   เขายัังบอกอีกว่า “ห้องน้ำนี้ดูดีกว่าห้องผมซะอีก และแน่นอนมันดีกว่าน้องน้ำทั้งหมดที่ผมเคยเจอเลยล่ะ” ตอนสุดท้ายของคลิปเขาบอกว่า “ถ้าคุณกำลังมองหาห้องน้ำที่ดีๆ สักที่ มาที่ปั๊ม Shell แห่งนี้สิ แล้วคุณจะต้องร้องว้าวแน่นอน”  …

  • ชาวอินเดียประท้วง เด็กกว่า 60 เสียชีวิตใน 5 วัน ตำรวจคาดอ็อกซิเจนหมดเพราะไม่จ่ายบิล!?

    ชาวอินเดียประท้วง เด็กกว่า 60 เสียชีวิตใน 5 วัน ตำรวจคาดอ็อกซิเจนหมดเพราะไม่จ่ายบิล!?

    เมื่อโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย ทำเด็กเสียชีวิตกว่า 64 ราย จนนำไปสู่การประท้วงในท้องถิ่น โดยภายหลังการสอบสวนนั้นคาดว่าเกิดขึ้นเพราะไม่มีออกซิเจนจ่ายให้กับคนไข้ เนื่องจากไม่ยอมจ่ายเงินที่ค้างชำระให้แก่บริษัทอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์     เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ Metro มีรายงานว่า ทางรัฐบาลของประเทศอินเดียได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐอุตตรประเทศ เข้าตรวจสอบ และเฝ้าจับตาสถานการณ์ของทางโรงพยาบาล Baba Raghav Das Medical College Hospital อย่างต่อเนื่อง เหตุเกิดขึ้นภายหลังจากที่โรงพยาบาลดังกล่าว ได้ทำคนไข้เด็กกว่า 64 ราย (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กแรกเกิด) เสียชีวิตพร้อมๆ กันในช่วงเวลา 5 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้หลังจากการสืบสวนเบื้องต้นทางโรงพยาบาลได้ถูกตั้งข้อกล่าวหาเอาไว้ว่า สาเหตุที่ทำเด็กต้องจบชีวิตอย่างน่าสลด อาจเป็นเพราะระบบส่งออกซิเจนของโรงพยาบาลถูกตัดขาด เพราะไม่ยอมจ่ายค่าค้างชำระให้กับบริษัทผู้จัดจำหน่าย     นอกจากนี้ ยังมีการเผยภาพเหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจของผู้เป็นพ่อแม่เด็ก ที่กำลังพากันร้องไห้หลังจากที่ลูกของตนเสียชีวิต ขณะเดียวกันก็ได้มีพ่อแม่อีกหลายๆ คนได้ออกมาประท้วงโรงพยาบาลแห่งนี้ เพื่อเรียกร้องหาความยุติธรรม     อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็ได้ออกมายอมรับว่า ระบบส่งออกซิเจนเกิดเหตุขัดข้องจริง แต่ทั้งนี้มันไม่ใช่สาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เด็กเสียชีวิต เพราะส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเด็กป่วยเป็นโรคไวรัสสมองอักเสบ รวมถึงความผิดพลาดในการทำคลอดอีกบางเคสด้วย…

  • ดราม่า… ฝรั่งเตือนนักท่องเที่ยวไทยละเมิดกฎใน Yellow Stone โดนโต้เถียงแถมสั่งลบคลิป!?

    ดราม่า… ฝรั่งเตือนนักท่องเที่ยวไทยละเมิดกฎใน Yellow Stone โดนโต้เถียงแถมสั่งลบคลิป!?

    การปฏิบัติตามป้ายเตือนต่างๆ ในสถานที่ท่องเที่ยวนั้นถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยรักษาความเรียบร้อยแล้ว ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวนักท่องเที่ยวเองด้วย แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อนักท่องเที่ยวชาวไทยกลุ่มหนึ่งได้ฝ่าฝืนกฏข้อห้ามของอุทยานแห่งชาติ Yellow Stone ด้วยการเข้าไปในพื้นที่บ่อน้ำร้อน (Thermal Feature) และยืนถ่ายรูปแบบไม่เกรงกลัวต่ออันตรายใดๆ เลย…     ชาวต่างชาติผู้หนึ่งได้บันทึกคลิปวิดีโอของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ พร้อมกับเตือนพวกเขาให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าวโดยด่วน เพราะในพื้นที่นั้นมีความอันตรายมาก เนื่องจากในพื้นที่ของ Thermal Feature นั้นไม่มีความมั่นคง และเคยมีนักท่องเที่ยวหลายคนพลาดตกลงไปในบ่อน้ำร้อนจนได้รับอันตราย บางคนถึงขั้นเสียชีวิตกันเลยทีเดียว   ป้ายตักเตือนถึงอันตรายของพื้นที่บริเวณนี้   แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจคำเตือนของชาวต่างชาติผู้นี้เลย หลายๆ คนยังคงยืนถ่ายรูปและเดินเข้าออกในพื้นที่นั้น และนอกจากนี้ในตอนท้ายของคลิปวิดีโอ นักท่องเที่ยวบางคนยังได้โต้เถียงกับผู้บันทึกคลิปวิดีโอ และขอให้ชายคนนั้นลบคลิปอีกด้วย     คลิปวิดีโอที่เผยให้เห็นการละเมิดกฏของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้   ชายคนดังกล่าวได้อธิบายในตอนท้ายคลิปวิดีโอว่า “โชคดีจริงๆ ที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือตกลงไปในนั้น ผมรู้สึกอารมณ์เสียกับพวกเขา และหลายๆ คนก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะบอก นอกจากนี้ผมยังถูกพวกเขาขู่ให้ลบคลิปอีกด้วย แต่ผมหวังว่าสิ่งที่โพสต์นี้จะเป็นกรณีศึกษาสำหรับทุกๆ คน “     เรื่องการใส่ใจกับกฎต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ และบางครั้งการฝ่าฝืนก็อาจจะนำมาซึ่งอันตรายถึงชีวิตได้เลยนะ   ที่มา Jeffh34

  • Justin Trudeau นายกฯ แคนาดา โผล่เซอร์ไพรส์คู่รัก ขณะกำลังถ่ายรูปแต่งงาน น่าอิจฉาฝุดๆ

    Justin Trudeau นายกฯ แคนาดา โผล่เซอร์ไพรส์คู่รัก ขณะกำลังถ่ายรูปแต่งงาน น่าอิจฉาฝุดๆ

    ณ จุดจุดนี้ ในวงการการเมืองไม่มีใครฮอตไปมากกว่า Justin Trudeau แล้ว เพราะนอกจากเขาจะเป็นถึงบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแคนาดา เขายังขึ้นชื่อได้ว่าเป็นนายกรูปหล่อที่กลายเป็นขวัญใจของสาวๆ จากทั่วโลกอีกด้วย ซึ่ง #เหมียวขี้อ้อน ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้เห็นหน้าตาของ Trudeau เป็นครั้งแรก ก็รู้สึกชื่นชอบ และคิดว่าครั้งหนึ่งถ้าหากมีโอกาสได้ถ่ายรูปคู่กับเขาคงจะเป็นอะไรที่ฟินไม่น้อย ><     และก็เป็นที่น่าอิจฉามากขึ้นไปอีก เพราะเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา Michelle และ Heiner Gruetzner คู่รักที่โชคดีสุดๆ กำลังนั่งเรือไปถ่ายภาพอัลบั้มแต่งงานอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติ Gulf Islands รัฐบริติชโคลัมเบีย จู่ๆ พวกเขาก็ได้พบกับนายก Trudeau และ Sophie Grégoire Trudeau ผู้เป็นภรรยา กำลังพายเรือคายัคอยู่ในอุทยานแห่งชาติดังกล่าว งานนี้เลยทำให้ Trudeau ได้พายเรือเข้าไปทักทายแสดงความยินดี พร้อมกับถ่ายรูปกับพวกเขาซะเลย     นอกจากจะได้ถ่ายรูปร่วมกันแล้ว เจ้าสาวยังได้รับจูบจากท่านนายกอีกด้วย น่าอิจฉาฝุดๆ   “นี่ถือเป็นภาพถ่ายแต่งงานที่ดีที่สุดของพวกเราเลยล่ะ” ผู้เป็นเจ้าบ่าวกล่าว   สำหรับภาพถ่ายดังกล่าวถูกถ่ายขึ้นมาโดย Adam Trudeau ช่างภาพส่วนตัวของนายก…

  • ค้นพบโครงกระดูก Titanosaurs ไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ ที่คาดว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!!

    ค้นพบโครงกระดูก Titanosaurs ไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ ที่คาดว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!!

    ย้อนกลับไปในปี 2013 นักวิจัยได้ค้นพบโครงกระดูกไดโนเสาร์ในอาร์เจนตินา ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นไดโนเสาร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ล่าสุดทางทีมสำรวจ ได้ออกมาเผยถึงโครงกระดูกดังกล่าวลงในวารสาร Proceedings of the Royal Society B ที่เพิ่งตีพิมพ์ในสัปดาห์นี้ โดยบอกว่าโครงกระดูกนี้เป็นกระดูกของไดโนเสาร์สายพันธุ์ Titanosaurs ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก และในขณะนี้ ซากโครงกระดูกไดโนเสาร์ยักษ์ที่ถูกค้นพบก็มีชื่ออย่างเป็นทางการแล้วว่า “Patagotitan Mayorum”     สำหรับ Patagotitan ถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ไดโนเสาร์ที่เคลื่อนไหวได้ช้ามาก มันเป็นไดโนเสาร์กินพืชคอยาวที่ดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เมื่อ 102 ล้านปีก่อน โดยขนาดของมันยาวถึง 122 ฟุต (37 เมตร) และหนักมากถึง 69 ตัน ด้วยเหตุนี้ Patagotitan Mayorum จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ Titanosaurs ที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกด้วย   ซากโครงกระดูกของ Patagotitan ได้ถูกค้นพบในรัฐชูบุต ปาตาโกเนีย (Patagonia) ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา   ทางด้าน…

  • คุณแม่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง สูญเสียลิ้นจนพูดไม่ได้ และปลูกถ่ายใหม่จากเนื้อบนข้อมือ…

    คุณแม่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง สูญเสียลิ้นจนพูดไม่ได้ และปลูกถ่ายใหม่จากเนื้อบนข้อมือ…

    การรักษาโรคบางอย่างอาจต้องทำให้เราสูญเสียบางอย่างไปแลกกัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถมีสิ่งมาทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปในตอนนั้นได้เสมอไป เมื่อเธอผู้นี้ได้สละผิวของอวัยวะส่วนเล็กๆ เพื่อเติมเต็มอีกส่วนที่ขาดหายไป คุณแม่วัย 34 ปีที่มีชื่อว่า Stephanie Wigglesworth ได้ถูกวินิจฉัยว่าเธอนั้นป่วยเป็นโรคมะเร็งหายากชนิดหนึ่งของเธอที่เกิดขึ้นกับช่องปาก หนทางเดียวที่จะรักษาได้นั่นคือการตัดลิ้น…     โรงพยาบาลเมือง Cambridgeshire ในประเทศอังกฤษ ได้วินิจฉัยโรคดังกล่าวให้กับเธอ และตัดเอาลิ้นครึ่งหนึ่งของเธอออกไป ก่อนที่จะให้เธอปลูกถ่ายเนื้อลิ้นใหม่ ซึ่งนั่นเป็นทางเดียวที่จะช่วยเยียวยาหลังการผ่าตัดของเธอได้ สิ่งที่นำมาปลูกถ่ายนั้นไม่ได้มาจากไหนไกล แต่มันคือเนื้อเยื่อบริเวณข้อมือของเธอขนาด 3×3 นิ้ว และจากฝีมือการผ่าตัดของศัลยแพทย์ชื่อดังในเดือนมีนาคม ปี 2013 ที่ใช้เวลาถึง 9 ชั่วโมง ก็ทำให้ประสบความสำเร็จได้   หลังจากการผ่าตัดนำเนื้อบริเวณข้อมือไปปลูกถ่ายลิ้น   ข้อมือของเธอในปัจจุบัน   เธอได้บอกเล่าเรื่องราวว่าในตอนแรกนั้นมันเป็นเรื่องที่สะเทือนใจอย่างมากที่เธอไม่สามารถพูด หรือแม้แต่ไม่สามารถกลืนน้ำลายได้ แถมยังรู้สึกสะอิดสะเอียน ที่ต้องใช้ไวท์บอร์ดในการสื่อสารกับสามีของเธอ มันยากที่จะอธิบายความรู้สึกในตอนนั้นแต่มันรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และความรู้สึกที่เธอไม่สามารถเรียกชื่อของลูกเธอได้นั้น คือสิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับเธอ   .   แต่แน่นอนว่าหลังจากที่ทุกอย่างหายดีแล้วสุดท้ายเธอก็สามารถกลับมาพูดได้ตามปกติอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่ามันจะยากมากที่จะต้องเรียนรู้การออกเสียงใหม่ตั้งแต่ต้น และสองคำแรกที่เธอพูดได้ก็คือชื่อลูกของเธอทั้งสองคน Keiran และ Daisy     เธอใช้เวลาถึง 12…

  • คุณแม่โพสต์ประชดฮาๆ หลังถูกเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ เตือนให้ปิดหน้าอกขณะให้นมลูก…

    คุณแม่โพสต์ประชดฮาๆ หลังถูกเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ เตือนให้ปิดหน้าอกขณะให้นมลูก…

    ตอนสมัยเป็นเด็กเราก็คงจะต้องกินนมแม่กันมาเกือบทุกคนอยู่แล้ว และการให้นมแม่นั้นเราก็สามารถเห็นได้โดยทั่วไปโดยเฉพาะในต่างประเทศที่ผู้หญิงมักจะให้นมลูกในที่สาธารณะเป็นเรื่องปกติเลยทีเดียว เธอคนนี้นั้นใช้ชื่อในทวิตเตอร์ว่า Vaguechera ที่เธอบอกว่าเธอเพียงแค่เปิดหน้าอกเพื่อจะป้อนนมให้ลูกเพียงเสี้ยววินาที ก็ถูกเจ้าหน้าที่ในพิพิธภัณฑ์ Victoria and Albert เข้ามาเตือนให้เธอปิดหน้าอก ทำให้เธอแอบรู้สึกตกใจเล็กๆ   คุณแม่ถูกเตือนให้ปิดหน้าอกไว้ในขณะที่ให้นมลูก   เพราะว่าการให้นมลูกนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในอดีตกาลนานมากแล้ว และเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกสถานการณ์ นอกจากนั้นทางรัฐบาลในประเทศอังกฤษก็ได้มีกฎหมายปกป้องในเรื่องนี้ ที่อนุญาตให้แม่ป้อนนมลูกได้ในที่สาธารณะ และที่แย่ไปกว่านั้นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้มันดันไปเกิดในช่วงสัปดาห์แห่งการให้นมลูกทั่วโลกอีกด้วยสิ หลังจากนั้นคุณแม่คนดังกล่าวจึงโพสต์ภาพและข้อความลงในทวิตเตอร์ ที่สร้างกระแสให้ชาวโซเชียลรีทวิตไปกว่า 7 พันครั้ง และจึงทำให้ทางพิพิธภัณฑ์ต้องกล่าวขอโทษเธอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   .   นอกจากเธอจะถ่ายภาพรูปปั้นที่เปลือยหน้าอกอยู่มากมายในพิพิธภัณฑ์แล้ว เธอก็ได้มีการใส่แคปชั่นฮาประกอบรูปภาพเอาไว้อีกด้วย   ขอโทษด้วยนะครับคุณผู้หญิง ช่วยเอาหน้ากากปิดหน้าอกคุณไว้ตอนให้นมลูกได้มั้ยครับ ?   “ผมจะโยนคุณออกไปพร้อมหน้าอกที่เปลือยเปล่าของคุณ”  “แต่ฉันทำมาจากหินอ่อนนะ” “ขอโทษครับ งั้นเชิญตามสบายเลย”   หน้าอกที่เปลือยเปล่าเหล่านั้น ทำให้คนไม่อยากอาหาร   จากเรื่องที่ถูกประชดประชัน ทางกรรมการบริหารพิพิธภัณฑ์ก็ได้เข้ามากล่าวขอโทษเธอผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาเองด้วย   เราต้องขอโทษด้วย ตอนนี้กฎระเบียบของเรามีความชัดเจนแล้วว่า ผู้หญิงสามารถให้นมลูกได้ทุกที่ที่คุณสะดวกและจะไม่ถูกรบกวน   เราขอโทษด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรายินดีที่จะให้คุณผู้หญิงได้ให้นมลูกภายในพิพิธภัณฑ์ และเราก็มีพื้นที่เล็กๆ สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว   จากกระแสโซเชียลก็ได้มีหลายคนที่ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นสนับสนุนและเห็นด้วยกับเธอ…

  • เมื่อสมุดภาพระบายสี ไปตกอยู่ในมือของผู้ใหญ่มือบอน เผยให้เห็นโลกที่จบความฝันวัยเด็ก…

    เมื่อสมุดภาพระบายสี ไปตกอยู่ในมือของผู้ใหญ่มือบอน เผยให้เห็นโลกที่จบความฝันวัยเด็ก…

    สมุดภาพระบายสีคือไอเทมสุดคูลในวัยเด็กของใครหลายๆ คน เพราะมันทำให้เรามีความสุขกับการสร้างสีสันใหกับตัวการ์ตูนต่างๆ ตามจินตนาการของเรา อย่างที่รู้แหละว่า วัยเด็กเป็นวัยที่มองอะไรก็สวยงามหมด ดังนั้นภาพที่ออกมาจึงมีความน่ารัก มุ้งมิ้งหน่อยๆ แต่เมื่อคุณโตขึ้นความคิดและจินตนาการก็เปลี่ยน และเข้าใจว่าโลกนี้ไม่ได้สวยงามไปซะทุกอย่างเหมือนความคิดในวัยเด็ก และนี่คือสมุดภาพระบายสีของเด็กๆ ที่ถูกเติมแต่งสีสันโดยผู้ใหญ่ เผยให้เห็นโลกที่เต็มไปด้วยความรุนแรง ความน่ากลัว และค่านิยมที่ออกมาจากจิตใต้สำนึกของผู้ใหญ่   1. หมีพูห์ในจินตนาการของผู้ใหญ่   2. วิ่งกลางแดด ใครเขามีความสุขกัน   3. โลกของผู้ใหญ่ไม่ได้มีแค่เพศหญิงหรือชาย…     4. ปั้นหน้ายิ้ม ทั้งที่พร้อมจะฆ่ากันตายได้ทุกเมื่อ   5. แหม่ เจ้านี่มันร้าย   6. เห็นล้อมนึกว่ามีปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อ ที่ไหนได้กำลังบูชาปีศาจ   7. ทำไมวัยเด็กเรามองไม่เห็นแบบนี้   8. อวสานเจ้าหญิงผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี   9. นี่แหละสัญชาตญาณที่แท้จริงของสุนัขจิ้งจอก   10. มิกกี้เมาส์ที่เราหลงนักหลงหนา… เผามินนี่ทั้งเป็น ทำได้ไง   11. หึ…

  • เอาจริงดิ!! ชายจีนหยิบหัวใจหมูสดๆ มาตัดเล่นแก้เบื่อ ระหว่างนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินในเซี่ยงไฮ้

    เอาจริงดิ!! ชายจีนหยิบหัวใจหมูสดๆ มาตัดเล่นแก้เบื่อ ระหว่างนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินในเซี่ยงไฮ้

    เวลาขึ้นรถไฟฟ้าเรามักจะเห็นผู้คนนั่งเล่นโทรศัพท์ เม้าท์มอยกับเพื่อน หรือหลับ แต่ชายคนนี้กลับหยิบหัวใจสดๆ มาแล่ต่อหน้าต่อตาผู้โดยสารที่หันมามองอย่างผวา!! เย็นวันหนึ่งบนรถไฟฟ้าใต้ดินเซี่ยงไฮ้สาย 1 อยู่ดีๆ ก็มีกลิ่นแปลกๆ โชยมา ผู้โดยสารเลยมองหาต้นตอของกลิ่นนั้น แล้วก็เจอมันอยู่ในมือของชายคนหนึ่ง…     สิ่งนั้นคือหัวใจหมูสดๆ สร้างความประหลาดใจและความไม่พอใจให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก แต่ชายคนนั้นกลับนั่งเล็ม นั่งตัดหัวใจหมูราวกับเป็นของเล่นชิ้นหนึ่ง โดยที่ไม่สนใจคนรอบข้างเลย เข้าใจว่าเวลาที่นั่งรถไฟฟ้าไปยังจุดหมายปลายทาง มันอาจต้องใช้เวลาสักจนหลายคนรู้สึกเบื่อและต้องหาอะไรทำ แต่จริงๆ แล้วก็มีอย่างอื่นให้ทำมากมาย แต่ชายคนนี้กลับเลือกวิธีการแก้เบื่อด้วยการเอาหัวหมูออกมาตัดเล่นซะงั้น     มันไม่ใช่แค่เรื่องแปลกเท่านั้น แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำบนรถไฟฟ้าใต้ดิน เพราะปกติรถไฟฟ้าใต้ดินในเซี่ยงไฮ้ก็มีกฏชัดเจนแล้วว่า ‘ห้ามผู้สารนำสิ่งที่มีกลิ่นฉุนขึ้นรถ’ และแน่นอนว่าหัวใจหมูสดนั้น กลิ่นก็ไม่ใช่เล่นๆ เลย     สำหรับชายที่นำหัวใจหมูขึ้นมาเล่นนั้นยังไม่ได้มีการระบุตัวตนว่าเขาเป็นใครหรือมาจากไหน แต่คาดว่าน่ามีดำเนินการหาตัวเพื่อเรียกมาตักเตือนในเร็วๆ นี้…   ไม่อยากจะนึกสภาพของผู้โดยสารคนอื่น ที่ต้องทนกลิ่นตลอดทางเลยแฮะ… ที่มา shanghaiist

  • ครอบครัวผวา!! เมื่อขาประหลาดโผล่มาอยู่บนโลงศพคุณปู่ แต่สัปเหร่อทำเหมือนไม่มีอะไร

    ครอบครัวผวา!! เมื่อขาประหลาดโผล่มาอยู่บนโลงศพคุณปู่ แต่สัปเหร่อทำเหมือนไม่มีอะไร

    แม้เราจะเป็นคนกลัวผีมากแค่ไหน ถ้าหากต้องอยู่ในสถานการณ์ที่คนในครอบครัวหรือคนที่เรารักจากไป เราก็คงไม่มีอารมณ์มากลัวหรอก ตรงข้ามเราอาจจะอยากให้ผู้ตายมาหาก็ได้… แต่สำหรับครอบครัวนี้ แม้จะเสียใจแค่ไหนกับการจากไปของคุณปู่ พวกเขาก็ต้องผวาอยู่ดี เมื่อมีเท้าประหลาดโผล่มาเหยียบโล่งศพของปู่ระหว่างการทำพิธีที่นิวเจอร์ซีย์ ในขณะที่ Sandra Butler กำลังทำพิธีฝังศพคุณพ่อ Cleveland Butler วัย 85 ปี ที่  Mount Holiness Memorial Park เธอก็เห็นเท้าประหลาดโผล่มาเหยียบโลงศพของพ่อ     ทั้งนี้มีญาติของผู้เสียชีวิตคนหนึ่งได้ถ่ายภาพนั้นเอาไว้ เป็นภาพขาที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติกและผ้า และวางอยู่บนโลงศพสีฟ้าที่ตกแต่งไปด้วยดอกไม้สีฟ้าและสีขาว Sandra บอกว่า “นี่เป็นสถานการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจเรามาก ครั้งแรกทุกคนกำลังอยู่ในอารมณ์เศร้าโศกเสียกับการจากไปของพ่อ แต่ต่อมาเราก็ต้องมาเจอกับภาพนี้” เท่านั้นยังไม่พอ ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แต่สัปเหร่อที่ดำเนินการฝังศพกลับทำงานต่อไปอย่างสะทกสะท้าน     สัปเหร่อไม่ได้บอกอะไรกับครอบครัวผู้เสียชีวิตเลยเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดนี้ พวกเขาจัดการกลบดินใส่หลุมศพ โดยไม่สนใจว่าญาติๆ จะตกใจแค่ไหน ซึ่งบางคนยังงงๆ อยู่ว่าทำไมสัปเหร่อถึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อมา Alonzo พี่ชายของ Sandra ได้ออกมาบอกว่าเขาโกรธสัปเหร่อมาก เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ตรวจสอบขาประหลาดนั่นเลย และตอนนี้ทางครอบครัวก็ได้ตัดสินใจดำเนินการตามกฎหมายกับสัปเหร่อฝังศพแล้ว เขาให้เหตุผลว่า “เราตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะคนที่อยู่ในโลงไม่ใช่ใคร แต่เป็นคนที่เรารัก ถ้ามีอะไรผิดปกติก็ควรตรวจสอบ ไม่ใช่ปล่อยผ่าน และผมก็ไม่อยากให้ครอบครัวอื่นต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย”    …

  • คุณปู่วัย 90 ปี พยายามหาที่พักใหม่ให้กับแมวชรา เพื่อความสุขในชีวิตบั้นปลายของทั้งคู่

    คุณปู่วัย 90 ปี พยายามหาที่พักใหม่ให้กับแมวชรา เพื่อความสุขในชีวิตบั้นปลายของทั้งคู่

    เวลาผ่านไปอายุของเราก็ต้องมากตามขึ้นไปด้วยในแต่ละปี จนเมื่อถึงตอนที่เราแก่ตัวลงนั่นก็จะเป็นช่วงเวลาที่จำเป็นจะต้องให้คนรอบข้างดูแล มากกว่าที่จะดูแลใครหรืออะไรก็ตาม เหมือนกับการตัดสินใจของชายคนนี้… เมื่อคู่สามีภรรยาได้พบว่ามีแมวท้องแก่เร่ร่อนมาอยู่หน้าบ้านของพวกเขา จึงได้ช่วยเหลือให้มันได้พักพิงและให้กำเนิดลูกแมวออกมาอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และจะได้โตไปด้วยกันในบ้านของพวกเขา     ลูกแมวทั้งสองตัวนั้นได้ใช้เวลาเติบโตจนกลายเป็นแมวที่เริ่มแก่อายุ 13 ปีใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวนี้รวมถึงตอนที่ภรรยาของชายผู้รับมันมาเลี้ยงได้จากไป มันก็ยังคงอยู่กับเขาต่อมาถึง 3 ปี ทั้งสองตัวนั้นมีชื่อว่า Fluffy และ Phoebe จนปัจจุบันชายคนนั้นอายุได้ 90 ปีแล้ว และเขารู้ว่าคงจะไม่สามารถดูแลพวกมันได้เหมือนอย่างเมื่อก่อน จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากกลุ่มผู้ช่วยเหลือสัตว์ Purrfect Pals ในรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา     เขาเพียงต้องการที่จะให้มันได้อยู่ด้วยกันกับครอบครัวที่ดี ในตอนแรกนั้นทางกลุ่มช่วยเหลือต้องการที่จะแยกพวกมันเพื่อเพิ่มโอกาสการถูกรับไปเลี้ยง แต่เวลาผ่านไปก็ทำให้พวกเขาได้รู้ว่าเจ้าแมวทั้งสองนั้นต่างต้องการกันและกัน เนื่องจากพวกเขาเคยแยกมันออกจากกันจนทำให้เห็นความผิดปกติที่ชัดเจนว่ามันกลัว และกินข้าวน้อยมาก จนเมื่อได้มีคนตัดสินใจให้มันได้กลับมาอยู่ด้วยกันก็ทำให้มันกินข้าวด้วยกัน พร้อมส่งเสียงร้องไม่หยุดด้วยความดีใจ   .   แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับแมวแก่สองตัวที่จะมีผู้รับเลี้ยงมันไปทั้งคู่พร้อมกัน แต่ในที่สุดก็มีครอบครัวหนึ่งมารับพวกมันไปและได้ตั้งชื่อให้มันใหม่ว่า Blanche และ Sophia ตามลำดับ พร้อมทั้งมอบความรักให้กับพวกมันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกมันคอยดูแลซึ่งกันและกันและคอยมาคลอเคลียพ่อและแม่มนุษย์ของมันอย่างน่ารักน่าชัง พร้อมทั้งปลุกพวกเขาในตอนเช้าโดยการไปมุดคุดคู้อยู่บนตัวพวกเขา     ครอบครัวใหม่นี้นั้นได้บอกว่า “พวกเรารักมันและดีใจที่มีพวกมันมาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัว สัตว์เลี้ยงทุกตัวในบ้านล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์ที่ถูกรับเลี้ยง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่รับมาเป็นคู่…

  • โดนจวกยับ!!? เมื่อร้านขายปืนขึ้นป้าย ‘Back To School’ เหมือนให้ใช้ปืนจริงไปยิงเล่นกัน…

    โดนจวกยับ!!? เมื่อร้านขายปืนขึ้นป้าย ‘Back To School’ เหมือนให้ใช้ปืนจริงไปยิงเล่นกัน…

    ในบางรัฐบางเมืองนั้นมีการอนุญาตให้ขายปืนได้อย่างถูกกฎหมาย แต่มีร้านค้าแห่งหนึ่งของ Walmart ในในสหรัฐฯ ขายปืนแล้วดันเขียนป้ายกำกับว่า ‘Own the school year like a hero’ จนเกิดเรื่องเลยทีนี้…     เมื่อพูดถึงคำว่า “Back To School” เราจะนึกอะไร? เด็กผู้หญิงคงจะนึกถึงการเล่นตุ๊กตากับเพื่อน โดดหนังยาง หรือเล่นขายของ แต่สำหรับเด็กผู้ชายส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นการเล่นยิงปืนแน่ๆ ซึ่งทางร้าน Walmart ได้ขึ้นป้ายคำโปรย ‘Own the School Year Like a Hero’ เพื่อให้สอดคล้องกับโฆษณาการขายอุปกรณ์การเรียนของทางร้านในธีมฮีโร่นั่นเอง   คลิปโฆษณาชุด Own the School Year Like a Hero แต่ทว่าป้ายคำโปรยที่ขึ้นไว้กับสินค้าในตู้นั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย และอย่าลืมว่าปืนที่ขายนั้นเป็นปืนจริง ดังนั้นการเขียนป้ายแบบนี้เหมือนกับเชิญชวนให้เด็กๆ นำปืนเหล่านี้ไปยิงเล่นกับเพื่อน เพื่อจะได้เหมือนฮีโร่… มันจึงกลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง จากรายงานเบื้องต้นระบุว่า ร้านขายปืนที่มีข้อความสนับสนุนความรุนแรงนี้ตั้งอยู่ในเมือง Evansville รัฐอินดีแอนา แต่ทาง Walmart…

  • Lee Min Gyu คุณครูประถมหล่อล่ำก้ามปู อิทธิฤทธิ์ทำให้น้ำลายไหลได้ โดยไม่ต้องอมมะนาว…

    Lee Min Gyu คุณครูประถมหล่อล่ำก้ามปู อิทธิฤทธิ์ทำให้น้ำลายไหลได้ โดยไม่ต้องอมมะนาว…

    ตอนเด็กๆ กับโมเมนต์แอบชอบครูตอนประถมหรือช่วงมัธยม ก็คงจะเกิดกันบ้างกับบางคน ก็ด้วยวัยของอาจารย์ที่สอนเราตอนนั้นมักจะเป็นวัยอายุ 25 – 40 ปีหากมาพร้อมกับหน้าตาอันดูดีหรือหุ่นที่เพอร์เฟคท์อย่างคุณครูหนุ่มคนนี้ด้วยแล้วละก็นะ     Lee Min Gyu ครูประถมสุดแซ่บที่จะพาเอาสาวๆ มากมายต้องอ้อนวอนร้องขอพากลับบ้านเพราะหน้าตาอันหล่อเหลาที่มีเสน่ห์มากถึงขนาดได้ไปถ่ายขึ้นปกนิตยสารแฟชั่น Cosmopolitan กันมาแล้ว!!     แต่ไม่ใช่แค่เพียงความหล่อของเขาเท่านั้นที่ไปแผดเผาละลายใจสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลาย เพราะว่าหุ่นที่สามารถเรียกน้ำลายให้ไหลออกมาได้โดยไม่ต้องอมมะนาว ก็คงทำให้หนุ่มๆ เซ็งกันไปเพราะถึงจะอิจฉาอย่างไรก็คงสู้ไม่ได้อยู่ดี   .   หากคิดว่าความหล่อ ความเท่ และความสมาร์ทของเขาคนนี้คือทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่หมดเสียทีเดียวเพราะด้วยคำตอบที่พูดว่า… “ผมรู้สึกว่าตัดสินใจถูกแล้วที่ได้มาเป็นครู เพราะว่าผมมีความสุขที่ได้เห็นนักเรียนของผมได้โตขึ้นไปในทางที่ดีจากการที่พวกเขารับฟังผม” คำตอบแบบนี้ ถ้าเป็นเวทีการประกวดแล้ว มงคงลงในทันทีทันใด!!   .   คุณครูก็หล่อเกิ๊นนน แต่บังเอิญว่ายังโสดอยู่จากการให้สัมภาษณ์กับทางนิตยสาร พร้อมทั้งเล่าถึงการท่องเที่ยวในช่วงที่โรงเรียนหยุด ขนาดนี้ยังโสดแล้วอย่างเราจะมีโอกาสบ้างไหมละเนี่ย…   .   สำหรับใครที่อยากจะติดตามเข้าไปชมภาพสุด Exclusive เหล่านี้เพิ่มเติม ก็สามารถเข้าไปติดตามเขากันได้ที่อินสตาแกรม @teacher.lee กันได้เลยนะครับ ที่มา: allkpop

  • ชาวเมืองบาร์เซโลนานับร้อย รวมตัวประท้วงที่ชายหาด เพื่อต่อต้านนักท่องเที่ยวล้นเมือง…

    ชาวเมืองบาร์เซโลนานับร้อย รวมตัวประท้วงที่ชายหาด เพื่อต่อต้านนักท่องเที่ยวล้นเมือง…

    เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2017 ทางเว็บไซต์ Metro มีรายงานว่า ผู้คนนับร้อยที่อาศัยอยู่ในบาร์เซโลนา ได้ออกมารวมตัวกันอยู่ที่ชายหาดของเมือง เพื่อประท้วงการไหลบ่าของนักท่องเที่ยวที่ขาดการควบคุม โดยพวกเขาได้ออกมาอ้างว่า การไหลบ่าของนักท่องเที่ยวส่งผลให้ราคาค่าที่พักอาศัยของพวกเขาพุ่งสูงขึ้น อีกทั้ง ยังมีการบังคับให้ผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองมาเป็นเวลานาน ต้องย้ายออกไปจากย่านใจกลางเมือง นอกจากนี้ ผู้ประท้วงหลายคนยังได้ออกมาเผยอีกว่า พวกเขามักจะเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทะเลาะวิวาทกันอยู่บ่อยครั้งอีกด้วย     จากการรายงานระบุว่า ผู้ประท้วงหลายคนที่อาศัยอยู่ในเมืองบาร์เซโลนา ได้พร้อมใจกันสวมเสื้อยืดสีเหลือง และได้นำป้ายประท้วงขนาดใหญ่มาตั้งไว้กลางหาด โดยระบุว่า “เราไม่ต้องการให้นักท่องเที่ยวเข้ามาอยู่ในเมืองของเรา นี่ไม่ใช่บีชรีสอร์ท”     อย่างไรก็ตาม การประท้วงของชาวเมืองบาร์เซโลนามีขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่บาร์เซโลนาขึ้นสู่จุดสูงสุดในเดือนนี้ โดยชายหาดหลายๆ แห่งของเมืองถูกยึดโดยนักท่องเที่ยว ขณะที่ทางด้านเจ้าหน้าที่ของบาร์เซโลนา ก็ได้พยายามตอบสนองต่อการไหลบ่าเข้าเมืองของนักท่องเที่ยว โดยการพยายามจำกัดการเจริญเติบโตของอพาร์ตเมนต์ ที่ให้นักท่องเที่ยวจองเข้าพักผ่านทางแอพพลิเคชั่น     ความตึงเครียดเกี่ยวกับผลกระทบของการท่องเที่ยวต่อคุณภาพชีวิตของชาวเมืองบาร์เซโลนา ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อการท่องเที่ยวในบาร์เซโลนา รวมถึงเมืองอื่นๆ ในประเทศสเปน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มหัวรุนแรงได้แอบดักทุบ และทำลายรถทัวร์ที่กำลังบรรทุกนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แม้กระทั่งทำลายรถจักรยานยนตร์ที่ชาวต่างชาติได้เข้ามาขับขี่ รวมทั้งพ่นสเปรย์ข้อความไล่นักท่องเที่ยวให้กลับประเทศอีกด้วย ทางด้าน Mariano Rajoy นายกรัฐมนตรีสเปน ก็ได้ออกมากล่าวถึงกลุ่มหัวรุนแรงว่า การประท้วงต่อต้านการท่องเที่ยวซึ่งคิดเป็นร้อยละ 11%…

  • Heinz เปลี่ยนชื่อซอสเป็น “Chicago Dog Sauce” เพื่อขายในเมืองที่ไม่ชอบซอสมะเขือเทศ!?

    Heinz เปลี่ยนชื่อซอสเป็น “Chicago Dog Sauce” เพื่อขายในเมืองที่ไม่ชอบซอสมะเขือเทศ!?

    ในขณะที่เรากินซอสมะเขือเทศกันทั่วบ้านทั่วเมือง และกินกับเมนูต่างๆ ได้หลากหลาย แต่รู้มั้ยว่าคนชิคาโกไม่ชอบกินซอสมะเขือเทศเลย และหากใครกินถือว่าไม่ใช่คนชิคาโกที่แท้จริงซะอีกแหนะ… เพราะแบบนี้ ทำให้ Heinz แบรนด์ซอสมะเขือเทศชื่อดังของโลก จึงตัดสินใจทำแคมเปญสร้างซอส Chicago Dog Sauce เพื่อทานกับฮอทดอกชิคาโกนี้โดยเฉพาะ     ในการสร้าง Chicago Dog Sauce ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะมันก็ทำจากซอสมะเขือเทศเหมือนเดิมนี่แหละ เพียงแต่มันไม่ได้ใช้ชื่อว่า Ketchup นั่นก็ทำให้มันไม่ใช่ซอสมะเขือเทศ เขาว่าอย่างนั้นนะ ทาง Heinz มีความหวังที่อยากให้คนชิคาโกราดเจ้าซอสดังกล่าวนี้ ลงไปบนฮอทดอกของพวกเขา พร้อมๆ กับมัสตาร์ด หัวหอมใหญ่ พริกหวาน และอื่นๆ อย่างที่ชาวเมืองอื่นเค้าทำกัน (แต่ที่นี่ไม่ทำ)     Chicago Dog Sauce จะจัดจำหน่ายในช่วงเวลาที่จำกัดด้วยราคา 160 บาท รวมค่าส่งแล้ว คนที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้จากเว็บไซต์ chicagodogsauce.com โดยจะมีการแจกตัวอย่างสินค้าทั่วเมืองชิคาโกด้วย     แล้วเชื่อมั้ยว่า เมื่อแคมเปญนี้จัดขึ้นในช่วงการเฉลิมฉลองเทศกาลฮอทดอกแห่งชาติเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซอสมะเขือเทศ Heinz ที่ใช้ชื่อใหม่ว่า Chicago Dog Sauce กลับได้รับความสนใจจากคนชิคาโกจำนวนมากเลยล่ะ    …

  • ภาพแอบถ่ายจากมือถือ ของนักท่องเที่ยวที่ไป “เกาหลีเหนือ” แล้วหลุดออกมาให้ได้ชม…

    ภาพแอบถ่ายจากมือถือ ของนักท่องเที่ยวที่ไป “เกาหลีเหนือ” แล้วหลุดออกมาให้ได้ชม…

    การจะเข้าไปท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เฉกเช่นเดียวกับการที่เราจะแอบเอากล้องไปถ่ายภาพวิถีชีวิตของผู้คนที่นั่น และนั่นก็เป็นสิ่งที่ช่างภาพชาวจีน Xiaolu Chu แอบทำ ในปี 2015 เขาได้ยื่นเรื่องขอเดินทางไปท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือ ก่อนจะแอบถ่ายภาพวิถีชีวิตหาชมยากทั้งหมดนี้มาให้เราได้ชมกัน   เด็กๆ ต้องเดินฝ่าน้ำเพื่อไปโรงเรียน ในช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2015   ตลอดระยะการเดินทาง Xiaolu ต้องแอบเอากล้องมือถือขนาดเล็กติดตัวไปด้วย   ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะไปเยือนเกาหลีเหนือได้ ต้องทำเรื่องผ่านเข้ามาทางชายแดนของประเทศจีนเท่านั้น   หลังจากยื่นเรื่องแล้วนักท่องเที่ยวต้องขึ้นขบวนรถไฟที่ Tumangang ก่อนจะเดินทางเข้าสู่กรุงเปียงยาง   “โชคดีที่วันนั้นเกิดเหตุล่าช้านิดหน่อย ผมเลยแอบออกมาถ่ายภาพภายนอกเก็บไว้”   ช่างภาพชาวจีนเล่าว่า สภาพการเป็นอยู่ส่วนใหญ่ค่อนข้างลำบากยากจน และบ่อยครั้งที่โดนขอเรี่ยไรเงินจากชาวบ้านในละแวกนั้น   “เรื่องแปลกอย่างหนึ่งคือ.. ผมไม่เห็นคนอ้วนที่นี่เลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนดูผอมซูบไปหมด”   หลายๆ อาคารที่เขาได้เดินทางผ่าน มีสภาพที่ดูเก่าแก่มานานและต้องการซ่อมบำรุง   เมื่อมาถึงสถานีรถไฟแห่งกรุงเปียงยาง เขาก็ได้พบภาพของอดีตผู้นำตระกูลคิม   แม้แต่ตอนกลางคืน ภาพถ่ายของท่านผู้นำทุกที่จะถูกฉายแสงให้ดูโดดเด่นกว่าสิ่งอื่นใดในเมือง   เช้าวันต่อมา ช่างภาพหนุ่มออกมาเดินเล่นละแวกที่พักก็พบว่า มันเต็มไปด้วยความเงียบสงัด และดูไร้ชีวิตชีวา   เจ้าหน้าที่บนขบวนรถไฟจะทำการตรวจเช็คสัมภาระอย่างเข้มงวด…

  • ตำรวจเร่งตามล่า หนุ่มวิ่งจ็อกกิ้งผลักสาวที่เดินขวางทาง ตกลงบนถนนเกือบโดนรถเหยียบ!?

    ตำรวจเร่งตามล่า หนุ่มวิ่งจ็อกกิ้งผลักสาวที่เดินขวางทาง ตกลงบนถนนเกือบโดนรถเหยียบ!?

    ภาพจากกล้อง CCTV นี้แสดงให้เห็นเหตุการณ์ที่ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งจ๊อกกิ้งแต่พอมีหญิงสาวเดินขวางทางกลับผลักลงไปที่ถนนซะงั้น   เช้าวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม เวลาประมาณ 7.40 น. หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่งกำลังเดินข้ามระหว่างสะพาน Putney มุ่งหน้าไปสถานีรถไฟใต้ดิน โดยที่เธอไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับเธอ จากในคลิปก็เห็นว่าหลังจากที่เธอถูกผลักล้มลงก็เกือบโดนรถบัสที่กำลังแล่นมาชน   ชายคนนี้กำลังวิ่งจ๊อกกิ้งอยู่   หญิงสาวคนนี้ก็เดินมาแบบปกติ เหมือนว่าเธอจะขวางทางวิ่ง เขาเลยผลักให้พ้นทาง หลังจากที่หญิงสาวถูกผลักล้มลง จนเกือบถูกรถบัสชน โชคดีที่รถบัสคันนั้นหักหลบได้อย่างทันท่วงที มิเช่นนั้นหญิงสาวคนนี้คงได้รับบาดเจ็บไปแล้ว แหล่งข่าวจากบริษัทรถบัส Go Ahead London ได้กล่าวว่า  “คนขับรถได้ขับรถความเร็วเพียงแค่ 12 ไมล์ต่อชั่วโมง มันน่าตกใจมากที่ตัวของผู้หญิงคนนั้นเกือบจะชนเข้ากับล้อรถแล้ว และชายคนที่ผลักเธอนั้นก็วิ่งไปโดยที่ไม่สนใจอะไรเลย”   พยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า ชายคนนั้นเป็นคนผิวขาวอายุประมาณ 30 ปี ตาสีน้ำตาล ผมสั้นสีน้ำตาล สวมเสื้อสีเทาอ่อน และกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม   นี่คือภาพจากกล้องในรถบัสคันที่ผ่านตรงนั้น   ทางตำรวจระบุเพิ่มเติมอีกว่า “ประมาณ 15 นาทีต่อมานักวิ่งคนนั้นได้วิ่งกลับมาทางเดิม หญิงผู้โชคร้ายคนนั้นพยายามจะพูดกับเขา แต่เขากลับไม่สนใจและก็วิ่งออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” หลังจากเหตุการณ์นี้หญิงสาวก็ได้เข้าแจ้งความและหวังว่าตำรวจจะจับชายคนนี้มาลงโทษให้ได้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังตามหาทั้งตัวผู้ต้องหาและพยานจากกล้องวงจรปิดอีกต่อไป   ที่มา dailymail

  • คุณตาวัย 82 เสียชีวิตอยู่ในลิฟท์นานนับเดือน ขอความช่วยเหลือแล้ว แต่กลับไม่มีใครได้ยิน…

    คุณตาวัย 82 เสียชีวิตอยู่ในลิฟท์นานนับเดือน ขอความช่วยเหลือแล้ว แต่กลับไม่มีใครได้ยิน…

    จริงอยู่ที่ลิฟท์ช่วยทำให้เราเดินทางขึ้นลงอาคารได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่ก็บ่อยครั้งเหมือนกันที่เรามักจะเห็นเหตุการณ์ ลิฟท์ค้าง และยังคงมีผู้ใช้งานติดอยู่ในนั้นด้วย… เช่นเดียวกับเรื่องราวของคุณตาวัย 82 ปี Isaak Komisarchik ชาวเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ผู้ประสบเหตุการณ์ติดค้างอยู่ในลิฟท์ของอพาร์ทเม้นท์นานนับเดือน   Isaak Komisarchik   โดยก่อนหน้านี้ทางญาติของคุณตาได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ หลังจากที่คุณตาหายตัวไปนานตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ได้พยายามออกตามหาตัวคุณตาไปทั่วเมือง แต่ไม่พบเบาะแสใดๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ตำรวจก็ได้รับแจ้งว่าพบศพของคุณตาแล้ว เมื่อทีมช่างซ่อมได้เข้าไปสำรวจลิฟท์ในโรงจอดรถของอพาร์ทเม้นท์ เนื่องจากได้รับแจ้งจากผู้อยู่อาศัยถึงเรื่องกลิ่นเหม็นปริศนาที่มาจากโรงจอดรถ จนในที่สุดก็พบว่าเป็นศพของคุณตาที่หายตัวไป     ผลการวินิจฉัยจากเจ้าหน้าที่ได้ข้อสรุปว่า คุณตาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุติดค้างอยู่ในลิฟท์จริง และเขาได้พยายามกดปุ่มขอความช่วยเหลือถึง 2 ครั้ง ทว่ากลับไม่มีใครได้ยิน เนื่องจากเป็นบริเวณที่ติดป้ายไว้ว่าปิดปรับปรุง ทางด้านครอบครัวของผู้เสียหายก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “คุณพ่อสวมเสื้อแบบเดียวกับวันที่หายไปจากบ้าน ซึ่งอันที่จริงเขาป่วยและไม่สามารถเดินทางด้วยตัวเองไกลได้ เราเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด”   แต่ถึงกระนั้นเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ขอสรุปว่าเป็นการตายจากอุบัติเหตุ เพราะยังมีอีกหลายๆ ประเด็นที่ยังต้องสืบสาวหาคำตอบต่อไป ที่มา: dailymail

  • เด็กหนุ่มวัย 12 ปี ถูกกีดกันจากสังคม เพราะนิ้วมือขนาดยักษ์ที่ยาวถึง 30 เซนติเมตร!!

    เด็กหนุ่มวัย 12 ปี ถูกกีดกันจากสังคม เพราะนิ้วมือขนาดยักษ์ที่ยาวถึง 30 เซนติเมตร!!

    เรื่องราวอันแปลกประหลาดของเด็กหนุ่มที่เกิดมาพร้อมกับอาการผิดปรกติของร่างกาย Tarik ต้องทนทุกข์ทรมานกับนิ้วมือขนาดใหญ่ของเขาที่ยาวถึง 30 เซนติเมตร!! เด็กหนุ่มวัย 12 ปีจากรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ที่เกิดมาพร้อมกับนิ้วมือขนาดใหญ่ ซึ่งแพทย์สันนิฐานว่าเขาอาจจะป่วยเป็นโรคเท้าช้างที่มือ     ด้วยลักษณะที่ผิดปกติของร่างกายทำให้เด็กหนุ่มต้องกลายเป็นตัวประหลาดของหมู่บ้าน เขาถูกเรียกว่าปีศาจ และถูกกล่าวหาว่าร่างกายนั้นโดนคำสาปบางอย่าง ตอนนี้ Tarik ทำงานอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน เด็กหนุ่มถูกปฏิเสธการเข้าเรียน เนื่องจากเกรงว่านิ้วมือขนาดใหญ่ของเขาอาจทำให้เด็กคนอื่นๆ กลัวได้     หลังจากที่สูญเสียคุณพ่อไป ทางครอบครัวของเขาก็ยังคงพยายามหาทางรักษาให้กับเด็กหนุ่ม ส่วนตัว Tarik นั้นก็ยังคงมองโลกในแง่ดีและหวังว่าเขาจะสามารถหายเป็นปกติได้ในซักวันหนึ่ง “ผมอยากหายจากโรคประหลาดนี้ ผมอยากไปโรงเรียนได้เหมือนเด็กๆ คนอื่น และเล่นสนุกได้เหมือนพวกเขา หวังว่าซักวันผมคงจะหายเป็นปกตินะ” เด็กหนุ่มกล่าว     “ในตอนแรกผมมีเพื่อนอยู่เหมือนกันนะ แต่ตอนนี้ผมไม่มีใครแล้ว พวกเขาไม่กล้าเล่นกับผมเพราะว่ากลัวความผิดปกติของมือผม คนในหมู่บ้านส่วนมากคิดว่าผมถูกคำสาป พวกเขาไม่รู้ข้อเท็จจริงทางการแพทย์เลยว่า โรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ ” เด็กหนุ่มเสริม การมีนิ้วมือที่ใหญ่ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของ Tarik นั้นค่อนข้างลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ การทานอาหารและการหยิบจับสิ่งของต่างๆ ไม่ค่อยสะดวกและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก     แต่อย่างไรก็ตามทางคุณป้า คุณลุง และพี่ชายผู้ดูแล Tarik…

  • พบ “ฟรุตเค้ก” อายุมากกว่า 100 ปี ในแอนตาร์กติกา มีสภาพยังสมบูรณ์และกินได้อยู่!?

    พบ “ฟรุตเค้ก” อายุมากกว่า 100 ปี ในแอนตาร์กติกา มีสภาพยังสมบูรณ์และกินได้อยู่!?

    ในทวีปแอนตาร์กติกา เรียกได้ว่ามีสภาพอากาศที่โหดมาก เนื่องจากมันปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง และมนุษย์ธรรมดาๆ อย่างเราก็ไม่สามารถที่จะไปดำรงชีวิตอยู่ที่นั้นได้แม้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็ตาม ต่างกันกับ “ฟรุตเค้ก” ชิ้นนี้ ที่ต้องบอกเลยว่ามันอยู่ในแอนตาร์กติกามาเป็นเวลานานนับศตวรรษ แถมยังคงอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม และกลิ่นของมันยังบ่งบอกอีกว่าสามารถทานได้ ใช่แล้ว!! คุณฟังไม่ผิดแน่ๆ เพราะนี่คือ ฟรุตเค้กที่มีอายุมากถึง 100 ปี ถูกค้นพบที่แหลมเคปอาแดร์ โดยกลุ่มนักอนุรักษ์ Antarctic Heritage Trust     ด้านกลุ่มนักอนุรักษ์ Antarctic Heritage Trust ได้ออกมาเผยว่า ฟรุ๊ตเค้กก้อนนี้ถูกผลิตขึ้นมาโดยบริษัทสัญชาติอังกฤษที่ชื่อ Huntley And Palmers ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของ Robert Falcon Scott นักสำรวจชาวอังกฤษ โดยจะเห็นได้ว่ามันยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และถูกห่อด้วยกระดาษเอาไว้     นอกจากจะมีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว ฟรุ๊ตเค้กก้อนนี้ยังมีเบื้องหลังเรื่องราวที่น่าสนใจอีกด้วย เพราะมันถูกพบในกระท่อมหลังหนึ่ง โดยสถานที่แห่งนี้เคยถูก Scott และเพื่อนร่วมสำรวจชาวอังกฤษใช้ในปี 1910-1913 ระหว่างโครงการสำรวจ Terra Nova และภายหลังจากที่เขา…

  • หนุ่มจีนวัย 19 ปี มีหน้าอกด้านขวาขยาย คล้ายเต้านมผู้หญิง หมอเชื่อฟาสต์ฟู้ดคือตัวการ!!

    หนุ่มจีนวัย 19 ปี มีหน้าอกด้านขวาขยาย คล้ายเต้านมผู้หญิง หมอเชื่อฟาสต์ฟู้ดคือตัวการ!!

    สำหรับผู้หญิงแล้ว การมีนมเล็กถือเป็นปัญหาระดับชาติเลยก็ว่าได้ แต่ถ้ามีหน้าอกใหญ่ต่างก็เป็นที่พอใจของใครต่อใครอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากสถานการณ์นี้ไปเกิดขึ้นกับผู้ชายล่ะ เชื่อว่ามันจะต้องเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก โดยเฉพาะในเคสของ Xiao Yang หนุ่มวัย 19 ปี จากมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ที่หน้าอกข้างหนึ่งของเขากลับขยายใหญ่ผิดปกติ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเต้านมของผู้หญิงโดยอยู่ประมาณคัพ A และที่แย่ไปกว่านั้นคือ นมมันดันโตขึ้นมาข้างเดียว ส่งผลให้หน้าอกของเขาไม่เท่ากันซะด้วย     วันที่ 11 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Xiao Yang หนุ่มวัย 19 รายนี้ ได้สังเกตเห็นหน้าอกด้านขวาของเขาเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเมื่อตอนอายุ 13 ปี โดยภายหลังทางพ่อแม่ของเขาก็ได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลหลายแห่งในจีน ทางแพทย์ก็ไม่สามารถค้นพบวิธีในการรักษาได้ จนในที่สุด เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ภายหลังจากที่เขาได้เข้าไปรักษากับ Dr. Pan Zhongliang แพทย์จากโรงพยาบาล Wenzhou Central Hospital เขาก็ได้เข้าเครื่องเครื่องอัลตราซาวด์ ซึ่งผลที่ได้แสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของเต้านมด้านขวาที่มีขนาดเท่ากับหน้าอกคัพ A ของผู้หญิง     ในขณะที่อกด้านซ้ายของเขากลับมีลักษณะเป็นปกติ และไม่แสดงอาการบวมใดๆ ด้วยเหตุนี้…

  • สาวใช้เวลากว่า 4 ปี เก็บสะสมซองลูกอม เพื่อมาทำเป็นชุดเดรสสีหวาน โทนลูกอ๊มลูกอม!!

    สาวใช้เวลากว่า 4 ปี เก็บสะสมซองลูกอม เพื่อมาทำเป็นชุดเดรสสีหวาน โทนลูกอ๊มลูกอม!!

    กระดาษห่อลูกอม เป็นสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องทิ้งไปหลังจากที่ได้แกะลูกอมมาทาน แต่สำหรับ Emily Seilhamer สาวนักประดิษฐ์สุดครีเอทวัย 24 ปี จากเพนซิลเวเนีย คนนี้ เธอได้ใช้เวลานานถึง 4 ปี ในการเก็บสะสมกระดาษห่อลูกอม จนสามารถนำมาสร้างสรรค์ให้กลายเป็นชุดเดรสอันแสนงดงามได้   ว๊ะว๊าวววว มันเจ๋งฝุดๆ   สำหรับ Emily เธอได้รับแรงบันดาลใจสุดแจ่มนี้มาจากผู้เป็นสามีของเธอ ซึ่งเขาชื่นชอบการกินลูกอมยี่ห้อ Starburst เป็นอย่างมาก อีกทั้งเวลากินเสร็จก็มักจะทิ้งกระดาษห่อเอาไว้ในกระเป๋าของเธอจนเต็มไปหมด ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเกิดปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิดในการเนรมิตขึ้นมาเป็นชุดเดรสซะเลย   และนี่คือชุดเดรสจากกระดาษห่อลูกอม โหยยยย…น่ารักมาก   “ฉันได้เก็บสะสมกระดาษห่อลูกอม ด้วยความช่วยเหลือจากครอบครัว และเพื่อนๆ มาเป็นเวลานานกว่า 4 ปี เพื่อสร้างสรรค์ชุดเดรสนี้ขึ้นมา และหลังจากที่เก็บสะสมได้มากพอ ฉันก็ได้เริ่มทำมัน โดยเริ่มจากการนำมาแยกสี แล้วรีดให้เรียบ ก่อนที่จะทำการพับกระดาษแต่ละชิ้นประกอบเข้าด้วยกัน พร้อมเย็บด้วยด้ายและใส่ซิปที่ด้านหลังของชุด สามีของฉันเป็นผู้เสนอไอเดียนี้ให้ฉัน ซึ่งเขาชื่นชอบลูกอมยี่ห้อนี้มาก แถมยังมักจะนำเศษกระดาษมาใส่ในกระเป๋าของฉันเต็มไปหมด และมันก็ได้กลายเป็นของขวัญแต่งงานที่ดีที่สุดของเรา” Emily กล่าว     หลายปีที่ผ่านมา Emily สามารถเก็บสะสมกระดาษห่อลูกอม…

  • สิงโตผวาถูกฮิปโปกระโจนงับหัว แอบย่องข้างหลังกะจะกินเป็นอาหาร แต่ดันทำไม่สำเร็จ!!

    สิงโตผวาถูกฮิปโปกระโจนงับหัว แอบย่องข้างหลังกะจะกินเป็นอาหาร แต่ดันทำไม่สำเร็จ!!

    เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยจริงๆ เมื่อสิงโตเจ้าป่าตัวหนึ่งต้องวิ่งหนีฮิปโปโปเตมัส หลังจากที่มันแอบย่องเข้าไปหาฮิปโปด้านหลัง เพื่อจะกินเป็นอาหาร แต่สุดท้ายกลับเงิบเพราะถูกฮิปโปไล่ล่าแทน… เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2017 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ได้เผยภาพ พร้อมคลิปวีดีโอการโจมตีอย่างไร้ความปราณีของฮิปโปขณะวิ่งไล่งับสิงโตผู้เป็นเจ้าป่า     จากการรายงานระบุว่า ในวันหนึ่งขณะที่เจ้าสิงโตกำลังเดินออกหาอาหาร จู่ๆ มันก็ดันไปพบเจ้าฮิปโปกำลังนอนชิวๆ กลางทุ่งหญ้า ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มันแอบเดินย่องไปด้านหลังของฮิปโป เพื่อจะจับกินเป็นอาหาร แต่ทว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะสิ เพราะทันทีที่เจ้าฮิปโปรู้ตัวมันก็ตกใจตื่น และดูเหมือนไม่พอใจอย่างหนัก จึงทำให้มันรีบหันกลับมากระโจนเข้างับหัวสิงโตทันที     ส่วนเจ้าสิงโตก็พยายามสะบัดหัวจนหลุดออกจากปากเจ้าฮิปโป และสามารถวิ่งหนีไปได้ทัน ไม่อย่างนั้นละก็จากที่กลายเป็นผู้ล่า อาจจะเป็นผู้ถูกล่าแทนซะแล้ว     การต่อสู้อันแสนจะดุเดือดระหว่างเจ้าป่า VS ฮิปโปยักษ์   สำหรับคลิปวีดีโอนี้ถูกถ่ายขึ้นมาโดยนักท่องเที่ยวรายหนึ่งที่ได้เดินทางมาเที่ยวยังเขตอนุรักษ์แห่งชาติมาไซมารา ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเคนยา ซึ่งภายหลังจากที่คลิปวีดีโอเหตุการณ์สุดระทึกได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ ก็มีผู้คนเข้ามารับชมคลิปเป็นจำนวนมาก ซึ่งในตอนนี้ก็มียอดวิวมากถึง 1.6 ล้านวิวแล้ว       นอกจากนี้ คลิปวีดีโอดังกล่าวยังทำให้ผู้ชมรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมสิงโตถึงไม่รีบวิ่งหนีด้วยรวมเร็วขณะที่ถูกฮิปโปไล่ล่า ซึ่งก็มีชาวเน็ตรายหนึ่งได้ออกมาแสดงความเห็นว่า “ทำไมสิงโตถึงวิ่งช้าจัง” ส่วนอีกรายหนึ่งได้แซวขำๆ ว่า “ดูเหมือนเจ้าสิงโตคงจะกำลังประเมินความเร็วของฮิปโปอยู่นะ”  …

  • ประหลาดใจกันทั้งหมู่บ้าน เมื่อท่อขนาดมหึมายาวกว่า 400 เมตรลอยมาเกยฝั่งเกาะอังกฤษ!!

    ประหลาดใจกันทั้งหมู่บ้าน เมื่อท่อขนาดมหึมายาวกว่า 400 เมตรลอยมาเกยฝั่งเกาะอังกฤษ!!

    เวลาไปเที่ยวทะเลในบางครั้งเราอาจต้องเจอกับเศษขยะหรือมีสิ่งของลอยตามน้ำมาเกยฝั่งอยู่ คุณก็คงจะคิดว่ามันดูสกปรกและไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย แต่เจ้าสิ่งที่ต้องเห็นในครั้งนี้จะไม่ได้เกิดความคิดแบบนั้นขึ้นมาก่อนเลย หากแต่จะคิดกันว่านี่มันคืออะไรกันเนี่ย? เพราะสิ่งที่มาเกยตื้นบนชายฝั่งประเทศอังกฤษนั้น เป็นท่อพลาสติกขนาดยักษ์ที่ลอยตามน้ำมา ด้วยขนาดกว้าง 2 เมตรกว่าและยาวกว่า 450 เมตร     ขนาดที่ว่าไปนั้นคือขนาดที่ใหญ่ที่สุดของท่อทั้ง 4 ที่ลอยมาใกล้กับชายฝั่งระหว่างสองหมู่บ้านในมณฑล Norfolk และท่อที่มีขนาดที่เล็กที่สุดนั้นจะอยู่ที่ความยาวประมาณ 200 เมตรซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่เยอะอยู่ดี   .   หากว่าเริ่มสงสัยกันบ้างแล้วว่าท่อเหล่านี้นั้นมันมาจากไหน มันก็คือท่อที่หลุดมาจากตอนลากไปสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ในประเทศแอลจีเรีย และชิ้นส่วนเหล่านี้ถูกผลิดขึ้นโดยโรงงานในนอร์เวย์     โดยทั้งหมดที่หลุดมานั้นมีอยู่ทั้งสิ้น 12 ท่อด้วยกันหากแต่ว่าอีก 8 ส่วนได้รับการดูแลและควบคุมเอาไว้บริเวณนอกชายฝั่งเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีหรือสารพิษเพราะว่า ทั้งหมดออกมาจากโรงงานโดยปราศจากความอันตรายและยังไม่ได้ถูกใช้งานแต่อย่างใด นอกเสียจากจะไปเดินเล่นบนนั้นแล้วตกลงมาซะเอง     ท้ายที่สุดแล้วท่อเหล่านี้จะถูกกู้คืนเพื่อส่งไปยังจุดซ่อมแซมนอกชายฝั่ง เพื่อเตรียมพร้อมส่งกลับไปให้กับโรงงานนผู้ผลิต ดังนั้นจึงต้องกันไม่ให้ใครก็ตามเข้าไปวุ่นวายบริเวณนั้นเพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้   .   ถึงแม้จะดูไร้ข้อกังวลแต่ก็ยังคงเป็นที่น่าตกใจ ท่อขนาดยักษ์ลอยน้ำมาขนาดนั้น ถ้าใครได้เห็นก็คงต้องช็อคเวลาที่มันใกล้เราเข้ามาเรื่อยๆ แล้วล่ะนะ ที่มา: dailymail

  • ใส่ใจสุขของเพื่อนซี้กับ “สัญญาณเตือนว่าน้องหมารู้สึกเหงา” เมื่อปล่อยให้มันอยู่บ้านคนเดียว

    ใส่ใจสุขของเพื่อนซี้กับ “สัญญาณเตือนว่าน้องหมารู้สึกเหงา” เมื่อปล่อยให้มันอยู่บ้านคนเดียว

    หากเราคลุกคลีอยู่กับน้องหมาจะรู้ว่าพวกมันไม่ได้ต่างจากมนุษย์เราเลย มันมีอารมณ์ความรู้สึก มีช่วงที่สุข ช่วงทุกข์ และช่วงที่เหงา แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเวลาไหนที่น้องหมารู้สึกเหงา นี่คือสัญญาณความเหงาของน้องหมา ที่จะบอกเราว่าพวกมันอยากให้เราสนใจนะ พฤติกรรมที่ต้องระวัง Shelby Semel จาก Shelby Semel Dog Training บอกว่า “เมื่อสุนัขมีแนวโน้มที่จะเบื่อ กังวล หรือเครียดมากกว่าจะรู้สึกเหงา พวกมันจะเห่า หอน แสดงท่าทางก้าวร้าว พยายามหลบหนี หรือไปนอนอยู่หน้าประตูเพื่อรอเจ้าของกลับมา” เขาบอกว่าเจ้าของควรจะสังเกตพฤติกรรมเหล่านี้ แต่อย่าพยายามเอาใจพวกมันมากเกินไป… และถ้าพวกมันดูผ่อนคลาย หรืองีบหลับขณะที่คุณออกไปข้างนอก ไม่มีความสุขกับการเล่นหรือกิน อาการเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องเป็นห่วง เพราะไม่ใช่สัญญาณแห่งความเหงา แต่มันแต่ต้องการพักผ่อนมากกว่า     สุนัขบางตัวจะมีความวิตกกังวลมากกว่าตัวอื่น ๆ สิ่งสำคัญคือ ต้องทำความเข้าใจกับอาการของความเหงาและความวิตกกังวล เพื่อให้คุณได้รู้ว่าควรจะช่วยเหลือน้องหมาอย่างไร ทั้งนี้ สุนัขทุกตัวจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน แต่จะมีบางตัวที่แสดงอาการมากกว่าตัวอื่นๆ สุนัขที่ติดเจ้าของมากๆ หรือเคยเจ็บปวดทั้งกายและใจอย่างร้ายแรงมาก่อน เช่น เคยเจอการเปลี่ยนแปลงกระทันหัน เปลี่ยนที่อยู่อาศัย สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้มีปัญหาได้ ถ้าคุณทิ้งมันไว้เพียงลำพัง สิ่งที่เจ้าของต้องทำคือ วิเคราะห์สถานการณ์จากอาการของมัน ใส่ใจมันให้มากขึ้นเพื่อทำให้มันรู้สึกอุ่นใจตลอดทั้งวัน หรือจนกว่ามันจะหายเหงา     ฝึกสุนัขให้อยู่คนเดียว…

  • จากหมาจรข้างถนน ได้รับชีวิตใหม่มาเป็นหมานักเดินทาง จนเสพติดการท่องเที่ยวซะแล้ว!!

    จากหมาจรข้างถนน ได้รับชีวิตใหม่มาเป็นหมานักเดินทาง จนเสพติดการท่องเที่ยวซะแล้ว!!

    รอบๆ ตัวเรานี้มีสุนัขจรจัดอยู่มากมายจนกลายเป็นภาพชินตา และเราอาจจะไม่ให้ความสนใจพวกมันมากนัก แต่บางครั้งมันจะมีสุนัขบางตัวที่มีความน่าใจมากเป็นพิเศษจนเราไม่อาจเดินผ่านมันไปได้ เหมือนกับ Kala สุนัขจรจัดที่อาศัยอยู่ด้านนอกสำนักงานของคุณ Rochelle Lucas ในประเทศอินเดีย มันมีความโดดเด่นจนหญิงสาวตัดสินรับเลี้ยง     ทุกๆ เย็น Lucas และ Sonal เพื่อนร่วมงานของเธอจะไปทานข้าวด้วยกัน แล้วต่อด้วยการเดินเล่นแถวนั้น พวกเขาเห็นสุนัขจรจัดมากมาย แต่มีบางอย่างที่ทำให้ Kala ดูพิเศษกว่าตัวอื่นๆ Lucas บอกว่า “มันเป็นสุนัขที่ค่อนข้างผอม มีดวงตาสีน้ำตาลกลมโต แววตาที่มันมองที่เราดูน่าเอ็นดูมาก จนเราอดที่จะสนใจมันไม่ได้ค่ะ”      หลังจากนั้นสัปดาห์ Lucas กับ Sonal ก็เริ่มให้อาหารมัน พวกเขาจะเก็บอาหารที่เหลือจากมื้อเย็นไว้ในถุงและนำติดตัวไปด้วยตอนเดินเล่น วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า Lucas ก็ยังคงให้อาหาร Kala ทุกวันหลังมื้อเย็นเสมอ และค่อยๆ ตกหลุมรักมันวันละนิดวันละน้อย     เวลาผ่านไป เธอไม่เพียงไปหามันแค่ตอนเย็น แต่ก่อนตอนเข้าก่อนเข้างาน หญิงสาวจะแวะไปหา ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เพื่อที่จะทำความรู้จักกับมันมากขึ้น Lucas พยายามถามคนที่อยู่แถวนั้นเกี่ยวกับน้องหมาตัวนี้ พวกเขาบอกว่า Kala เกิดที่หน้าสำนักงานแห่งนี้ และอยู่ที่นี่มาประมาณ 2…

  • เผยภาพระบบรถไฟฟ้าใต้ดินเปียงยาง ลึกลงไปกว่า 100 เมตร เปรียบได้ดั่งบังเกอร์หลบภัยนิวเคลียร์…

    เผยภาพระบบรถไฟฟ้าใต้ดินเปียงยาง ลึกลงไปกว่า 100 เมตร เปรียบได้ดั่งบังเกอร์หลบภัยนิวเคลียร์…

    หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมคิมจ็องอึน ผู้นำของเกาหลีเหนือถึงไม่เกรงกลัวใครเลย แน่นอนว่าเขาคงมีอาวุธและการรับมือกับการโจมตีรูปแบบต่างๆ ที่เตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว หนึ่งในนั้นคือระบบรถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองเปียงยางที่อยู่ลึกลงไปกว่า 100 เมตร ซึ่งคาดว่าอาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากระเบิดนิวเคลียร์ หากเกิดสงครามระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐอเมริกาขึ้นมา…     ภาพต่อไปนี้ระบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่ลึกที่สุดในโลก ซึ่งประกอบด้วยทางเดินรถไฟสองสายที่มีความยาวรวมกว่า 28 กิโลเมตร ที่อยู่ใต้เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ อุโมงค์รถไฟใต้ดินแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1968 และได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 1973 โดยคิม อิล-ซ็อง ปู่ของคิม จ็อง-อึน ผู้นำคนปัจจุบัน     ที่นี่จะเต็มไปด้วยผู้คนตลอดเวลาที่ต้องการเดินทาง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดสงครามระหว่างเกาหลีเหนือกับอเมริกา มันจะกลายเป็นที่หลบภัยชั้นเยี่ยมของประชาชนเลย และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไม เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของคิม จ็อง-อึนได้ออกมาประกาศว่า เกาหลีเหนือไม่เกรงกลัวการโจมตีใดๆ จากทางทหารของสหรัฐฯ เลย     ในปี 1999 เกาหลีเหนือเคยซื้อรถไฟเก่าจากเยอรมนี แต่ตอนนี้พวกเขาอ้างว่ามันกลายเป็นเศษขยะไปแล้ว และได้สร้างรถไฟคันใหม่ในเกาหลีเหนือมาใช้งานแทน แม้พวกเขาจะไม่เปิดเผยแหล่งที่มาหรือรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้าง แต่มีร่องรอยกราฟฟิตี้บนผนังรถไฟ ซึ่งอาจเป็นได้ว่าเป็นการนำซากรถไฟคันเก่ามาสร้างเป็นรถไฟคันใหม่ก็เป็นได้     ภาพเหล่านี้ถ่ายโดย Eric Lafforgue ช่างภาพชาวฝรั่งเศส ระหว่างที่เดินทางไปเยือนเปียงยาง เขาบอกว่ารถไฟทั้งสองสายนี้จะผ่านสถานีต่างๆ 17 สถานีด้วยกัน…

  • นักกีฬารักบี้เด็กวัย 7 ขวบร่างยักษ์หนัก 100 กิโลฯ ว่าที่เจ้าหนูปรมาณู ผู้ท้าชนอย่างอ่อนโยน

    นักกีฬารักบี้เด็กวัย 7 ขวบร่างยักษ์หนัก 100 กิโลฯ ว่าที่เจ้าหนูปรมาณู ผู้ท้าชนอย่างอ่อนโยน

    ตอนคุณยังเป็นเด็กนั้นเคยเห็นคนหนุ่มวัยรุ่นเดินผ่านไปผ่านมาแล้วคิดว่าโตขึ้นอย่างเป็นอย่างเขาคนโน้นคนนั้น หรืออยากเป็นเหมือนพ่อหรือแม่อะไรงี้บ้างไหม เราอาจมีกันบ้างแต่สำหรับเด็กคนนี้นั้นเขาอาจเป็นต้นแบบให้กับวัยเดียวกันไปแล้วก็ได้ เด็กน้อยที่ดูจริงๆ ก็เหมือนจะไม่ค่อยเด็กเท่าไหร่ เขามีชื่อว่า Vaka Tuitupou เด็กชายชาวซามัวที่มีน้ำหนักราวๆ 100 กิโลกรัม แต่ด้วยอายุเพียงแค่ 7 ขวบนั้น ถือว่ามีน้ำหนักตัวที่มากจนเกินวัยเลยนะเนี่ย!!     จากรูปจะเห็นได้เลยว่าเขามีส่วนสูงที่มากกว่าเด็กในวัยเดียวกันเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว และด้วยร่างกายของเขานั้น จึงมีความหมาะสมอย่างมากที่จะเป็นนักกีฬารักบี้ให้กับทีม St John’s Eagles ในเมืองซิดนีย์ ความได้เปรียบในเรื่องสัดส่วนของร่างกายนั้นทำให้การวิ่งเข้าไปทำแต้มของเขามันง่ายซะอย่างกับปอกกล้วยเข้าปาก ทีมฝั่งตรงข้ามไม่มีใครสามารถเข้ามาหยุดเขาได้ คือเพื่อนส่งให้เล่นแล้วก็วิ่งไปจนสุดสนาม!! จนเมื่อมีคลิปวิดีโอในขณะที่เขาแข่งขันถูกเผยแพร่ในโลกโซเชียลโดยพ่อของเขาเอง หวังที่จะให้ทุกคนได้เห็นความสามารถของเด็กหนุ่มคนนี้ กระแสตอบรับที่ได้กลับมาคือ ผู้คนต่างคิดว่าให้เด็กคนนี้ขึ้นไปเล่นกับเด็กที่อายุมากกว่า เพราะคิดว่ามันเป็นการเอาเปรียบและอาจทำให้คนอื่นบาดเจ็บได้   คลิปวิดีโอสั้นๆ ในการแข่งขันจริง   จากกระแสในแง่ลบที่เกิดขึ้นนั้นพ่อของเขาก็ได้มาอธิบายว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเด็กเลย เขาเล่นตามกติกาอยู่เสมอ โค้ชและเพื่อนในทีมต่างรักเขาและตั้งฉายาให้ว่า “ยักษ์ใหญ่ผู้อ่อนโยน” แม้แต่แมลงวันเขายังทำร้ายไม่ลงเลย เขาเพียงแค่ต้องการจะเล่นรักบี้ก็เท่านั้น นอกจากนั้นกรรมการผู้จัดการแข่งขันก็ยังออกมาบอกว่า ในช่วงการแข่งขันทั้งหมดเขาจะได้ลงเพียง 5 นัด และในแต่ละนัดจะได้ลงเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น     อีกทั้งโค้ชของทีมก็ได้บอกอีกว่า Vaka รู้ตัวอยู่ตลอดถึงความแตกต่างในร่างกาย เขาระวังที่จะไม่ทำให้ใครบาดเจ็บ และไม่อยากให้เด็กรู้สึกว่าเพราะขนาดร่างกายจึงทำให้เขาไม่เหมาะสมที่จะเล่นกีฬานี้ ความฝันและความตั้งใจคงไม่ใช่สิ่งที่จะห้ามกันไว้…

  • คุณยายเกาหลีวัย 71 ปี ผันตัวเองเป็นยูทูปเบอร์อารมณ์ดี หนึ่งวิถีไดอารี่คนเฒ่าสุดเฟี้ยว!!

    คุณยายเกาหลีวัย 71 ปี ผันตัวเองเป็นยูทูปเบอร์อารมณ์ดี หนึ่งวิถีไดอารี่คนเฒ่าสุดเฟี้ยว!!

    ยูทูปเบอร์ที่เราติดตามกันอยู่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหนุ่มๆ สาวๆ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาสามารถเรียกความสนใจได้มากกว่ากลุ่มวัยอื่นๆ แต่คุณยายที่ใช้ชื่อแชแนลยูทูป Korea Grandma ได้ทำให้รู้ว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น เพราะแม้จะมีอายุมากถึง 71 ปี แล้ว แต่เธอก็ยังเป็นยูทูปเบอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 290,000 คน     คุณยายทำงานเป็นพนักงานร้านอาหารในเกาหลีใต้ ที่นอกจากความสามารถในการทำอาหารแล้ว เธอก็ยังเป็นคนที่มีอารมณ์ขันสูงมากๆ จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้หลานสาวอัดวิดีโอเวลาเธอทำโน่นทำนี่ จนไปสู่การสร้างช่องยูทูปให้ เพื่อเอาวิดีโอเหล่านี้ไปเผยแพร่ให้คนอื่นได้รับชมด้วย แชแนลของคุณยายก็จะอัพเดทเนื้อหาใหม่ๆ ในอัตรา 1 วิดีโอคลิปต่อ 1 สัปดาห์ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ก็จะเป็นเกี่ยวกับการออกไปเที่ยวกับครอบครัว ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง กระแสที่กำลังมาแรง และการสอนแต่งหน้า     สำหรับวิดีโอของเธอที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ การแต่งหน้าเพื่อออกไปหาหมอฟันและไปตลาด ซึ่งตั้งแต่เธออัพโหลดไปเมื่อ 5 เดือนก่อน ก็มีคนเข้าชมกว่า 1.9 ล้านครั้งเข้าไปแล้วล่ะ!!     ในวิดีโอดังกล่าวนี้คุณยายไม่เพียงแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เธอชื่นชอบเท่านั้น แต่เธอยังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเธอ และความจริงที่คนวัยขนาดเธอต้องเจอ ซึ่งเธอจะพูดออกแนวตลกมากกว่า เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้คนดู   ขนาดหน้าสด คุณยายก็ยังดูชิคๆ   กำลังจะเข้าสู่การแต่งหน้า แต่ก็เพิ่งรู้ว่าครีมบำรุงหมดซะแล้ว   คุณยายแนะนำว่า…

  • ผลวิจัยชี้ การให้ลูกเล่น “สมาร์ทโฟน” ตลอดเวลา ก็ไม่ต่างจากการให้ลูกเสพโคเคน!!

    ผลวิจัยชี้ การให้ลูกเล่น “สมาร์ทโฟน” ตลอดเวลา ก็ไม่ต่างจากการให้ลูกเสพโคเคน!!

    ในปัจจุบันนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทคโนโลยีถือเป็นสิ่งเสพติดชนิดหนึ่งไปแล้วก็ว่าได้ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ หรือที่เราเรียกกันว่า สมาร์ทโฟน… ถ้าใครที่ติดตามข่าวก็จะรู้ว่า ปัจจุบันนั้นสมาร์ทโฟนถือเป็นปัจจัยหลักๆ ของมนุษย์และสามารถเข้าถึงคนได้ทุกเพศทุกวัย ไม่เว้นแต่คนแก่สูงอายุก็ตาม ที่สำคัญเมื่อเข้าถึงและใช้จนเป็น ทุกคนก็จะเสพติดมันมากๆ     Mandy Saligari ผู้เป็นเจ้าของคลินิค Harley Street ในประเทศอังกฤษได้บอกว่า คนไข้ส่วนใหญ่ของเธอมักจะเป็นเด็กๆ อายุราวๆ 12 ถึง 15 ขวบ และเด็กๆ ราวนี้ก็มองว่าเรื่องเพศกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว…     เธอยังบอกว่า จากผลสำรวจส่วนใหญ่ พบว่าการเสพติดโทรศัพมือถือนั้นมีระดับความเสี่ยงที่สูงพอๆ กับยาเสพติดหลายชนิดเลยทีเดียว เพราะคนที่อยู่ในขั้นเสพติดนั้น จะใช้เวลาทั้งวันไปกับการจ้องมองมือถือ เล่นอินสตาแกรมหรือสแนปแชต แต่ที่ทำให้การเล่นโทรศัพมือถือมันโหดร้ายกว่าการเสพสารเสพติดคือ เมื่อเด็กๆ เสพติดมันและเล่นสื่อโซเชียลจนมันไปไกลขึ้นพร้อมคิดว่า การส่งรูปหรือการเข้าถึงสื่อลามกเป็นเรื่องปกติ ก็จะทำให้เด็กๆ หันไปส่งรูปโป๊เปลือยให้คนอื่นมากขึ้น ซึ่งมันส่งผลเสียต่อเด็กๆ ในอนาคต นี่ยังไม่รวมถึงภัยอื่นๆ อีกมากมาย     สุดท้าย เธอยังบอกว่าผลเสียนี้มันไม่ได้อยู่แค่กับเด็กที่โตแล้วหรือกำลังโตเท่านั้น เธอยังพบว่าเด็กวัย 6 ขวบลงไปก็เริ่มจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโทรศัพมือถือเฉลี่ย 6 ชั่วโมงต่อวันแล้ว ซึ่งมันอาจจะเป็นสัญญานที่ว่าสิ่งเสพติดชนิดใหม่ ที่มาในคราบโทรศัพท์มือถือนั้น…

  • รู้จักกับ 10 โมเดลลิ่ง ผู้ไม่ย่อท้อต่อความฝัน แม้จะเกิดมาพร้อมความผิดปกติก็ตาม…

    รู้จักกับ 10 โมเดลลิ่ง ผู้ไม่ย่อท้อต่อความฝัน แม้จะเกิดมาพร้อมความผิดปกติก็ตาม…

    หากพูดถึงเรื่องของวงการนางแบบ เราอาจจะคิดว่าคนที่จะมาเป็นนางแบบพรีเซนเตอร์ได้ ต้องมีรูปทรงหุ่นที่ดี ขายาว พร้อมกับใบหน้าที่ดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทว่าไปแล้วท่ามกลางกระแสวงการนางแบบที่มีความแข่งขันสูง ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความฝันอยากจะเป็นนางแบบถึงแม้ว่าพวกเขาจะเกิดมาพร้อมความผิดปกติก็ตาม และนี่คือเรื่องราวการเดินตามความฝันของพวกเขาทั้ง 10 คน   1. Sara Geurts   เธอเป็นสาววัย 26 ปี ทว่าด้วยอาการผิดปกติทำให้เธอป่วยเป็นโรคหนังยืดผิดปกติ (Ehlers-Danlos Syndrome) ซึ่งมีผลต่อสารคอลลาเจนที่อยู่ในชั้นผิวหนังของเธอ ในช่วงที่เป็นนักเรียนเธอต้องต่อสู้กับการถูกคนรอบข้างกลั่นแกล้ง และล้อเลียน จนในปี 2015 เธอได้รวบรวมความกล้าและบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดของตัวเองผ่าน YouTube และในที่สุดเธอก็ได้รับการสนับสนุนให้เป็นนางแบบตามความฝันของเธอ     2. Duckie   Nyadak Thot นางแบบสาวชาวแอฟริกันสัญชาติเซาธ์ ซูดาน ซึ่งเธอมักจะเป็นที่รู้จักในชื่อ ‘Duckie’ ถึงแม้ว่าเธอจะเดินสายประกวดงานนางแบบต่างๆ จนสามารถไปถึงเวที Next Top Model ของออสเตรเลียได้ แต่ทว่าเธอก็ต้องต่อสู้กับคำดูถูกจากสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผิวสี ชนชาติ และการถูกมองว่าไม่เหมาะสมต่อวงการแฟชั่น แต่ถึงกระนั้นเธอก็เลือกที่จะไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น และแสดงความตั้งใจผ่านออกมาทางผลงานแทน     3.…

  • ชม 20 ภาพโศกนาฏกรรม ‘ฮิโรชิม่าและนางาซากิ’ เผยให้เห็นความน่ากลัวของ ‘อาวุธนิวเคลียร์’

    ชม 20 ภาพโศกนาฏกรรม ‘ฮิโรชิม่าและนางาซากิ’ เผยให้เห็นความน่ากลัวของ ‘อาวุธนิวเคลียร์’

    จริงอยู่ที่สงครามมักจะเริ่มต้นมาจากอุดมการณ์ และทัศนคติที่ไม่ลงรอยกัน ทว่าท้ายที่สุดแล้วคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกลับเป็นประชาชนตาดำๆ ที่เราเชื่อว่าลึกๆ แล้วพวกเขาคงอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข และไม่อยากให้มีการสูญเสียเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจะขอพาไปชมภาพจากโศกนาฏกรรม หลังการทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ อันนำมาสู่ยอดผู้เสียชีวิตกว่า 129,000 คน ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยสะท้อนให้เราเห็นถึงความน่ากลัวของ ‘อาวุธนิวเคลียร์’ ได้เป็นอย่างดี   ภาพถ่ายในจังหวะที่นิวเคลียร์ตกลงมาที่เมืองนางาซากิ ในภาพคนถ่ายอยู่ไกลออกจากจุดตกประมาณ 9.6 กิโลเมตร   ชาวญี่ปุ่นกำลังสำรวจซากปรักหักพังหลังจากเกิดเหตุการณ์การทิ้งระเบิดได้ 2 เดือน   ภาพความเสียหายจากพื้นที่ในรัศมีระเบิดนิวเคลียร์   เหล่าพลทหารต่างช่วยกันกอบกู้ซากปรักหักพัง   (ซ้าย) ภาพโครงกระดูกของชาวบ้านคนหนหนึ่ง ซึ่งความร้อนและแรงระเบิดจากนิวเคลียร์ทำให้ร่างกายเหลือเพียงแค่กระดูกได้ในชั่วพริบตาเดียว   เด็กน้อยกำลังร้องไห้หลังเกิดเหตุการณ์ทิ้งระเบิดได้ 1 วัน   สภาพเมืองส่วนหนึ่งของฮิโรชิม่าหลังถูกโจมตี   (ซ้าย) นาฬิกาหยุดทำงานที่เวลา 8.15 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาที่ระเบิดตกลงมา (ขวา) ภาพเงาของผู้เสียชีวิตที่เกิดจากความร้อนและระเบิดแรงสูง   สภาประจำเมืองฮิโรชิม่า ก็ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการโจมตีในครั้งนี้เช่นกัน   ภาพของชายญี่ปุ่นที่ถูกแรงดันระเบิดจากระยะ 1 กิโลเมตร ห่างจากจุดตกนิวเคลียร์   (ซ้าย)…

  • ชายหนุ่มผู้คลั่งไคล้โลกแฟนตาซี ยอมสละเงินส่วนตัวเพื่อให้ตัวเองกลายเป็น “เอลฟ์”

    ชายหนุ่มผู้คลั่งไคล้โลกแฟนตาซี ยอมสละเงินส่วนตัวเพื่อให้ตัวเองกลายเป็น “เอลฟ์”

    เราอาจได้เห็นภาพตามปกนิตยสารต่างๆ นานาที่แสดงให้เห็นถึงความเพอร์เฟกต์และกลายเป็นแรงขับให้กับใครหลายคนในการพยายามเหมือนกับเหล่าไอดอลให้มากที่สุด สำหรับโลกแห่งจินตนาการ ความแฟนตาซีเองก็เช่นกัน คงไม่มีใครที่จะมาห้ามไม่ให้คนอื่นลงมือทำตามความฝันของตัวเองได้ เหมือนอย่างชายคนนี้   .   ชายหนุ่มวัย 25 ปีชื่อว่า Luis Padron จากอาร์เจนตินา ผู้มีแรงบันดาลใจมาจากการหลงใหลในเรื่องราวนิยายแฟนตาซี และได้รับแรงผลักดันจากการถูกรังแกในวัยเด็กเพราะเรื่องดังกล่าวจึงทำให้เขาต้องการแสดงออกมาให้เห็นถึงความคลั่งไคล้ผ่านการศัลยกรรมให้มีความเหมือนเอลฟ์ ภูติแฟนตาซี มากที่สุด   .   เขาตัดสินใจที่จะทำมันโดยไม่คำนึงถึงเรื่องใดเลย เพื่อให้เป็นไปตามที่เขาวาดฝันเอาไว้ โดยชุดแรกของการทำศัลยกรรมของเขาก็คือการฉีดโบท็อกซ์กราม และแก้มให้ผอมลง ต่อมาคือการทำให้ผิวมีความสว่างมากๆ การลบไฝทั่วร่างกาย และรวมถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงสีม่านตา แต่ราคาไม่ใช่ถูกๆ เลยสำหรับหนุ่มวัย 25 ปี กับราคาที่เขาจะต้องจ่ายมากกว่า 160,000 บาท ในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นเขาก็ยังคงยอมรับว่ามันคุ้มค่าแล้ว     “ผมอยากเป็นเอลฟ์ เทวดา ความเป็นแฟนตาซี เป้าหมายของผมไม่ได้อยากจะดูเหมือนคน อยากที่จะดูงดงาม ผมมีความงามที่เป็นแบบอย่างอยู่แล้วและต้องการจะเหมือนให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยไม่สนใจว่าจะต้องจ่ายไปซักเท่าไหร่” เขากล่าว     ก่อนหน้านี้ก็ได้มีหญิงสาววัย 24 ปีที่มีชื่อว่า Jennifer Pamplona…

  • นักร้องหนุ่มในซาอุถูกสอบปากคำ เพราะแค่ดันไปทำท่า Dab บนเวทีคอนเสิร์ตซะงั้น!!

    นักร้องหนุ่มในซาอุถูกสอบปากคำ เพราะแค่ดันไปทำท่า Dab บนเวทีคอนเสิร์ตซะงั้น!!

    บางคนอาจจะพอทราบกันว่าในประเทศซาอุดิอาระเบียนั้นจะเข้มงวดในเรื่องของกฎระเบียบเป็นอย่างมากว่าอะไรที่สามารถทำได้หรือไม่ได้ เช่น จูบกันในที่สาธารณะที่จะทำให้คุณต้องโดนจับ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ไม่เหมาะสม หรือแต่งตัวผิดระเบียบเองก็เช่นกัน แต่ที่น้อยคนจริงๆ จะรู้ว่าแค่เราทำท่า Dab ก็ถือว่าผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน หากใครสงสัยว่ามันคืออะไรก็คือการเอาแขนข้างหนึ่งเหยียดตรงไปด้านข้าง อีกข้างก็จะงอข้อศอกปลายนิ้วชี้ไปทางเดียวกัน เหมือนกับรูปด้านล่าง     เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นก็คือ Abdallah Al Shaharani ดาราและนักร้องของประเทศดันไปทำท่านี้ในงาน Taif Festival จึงได้ไปกระตุ้นสายตาของเจ้าหน้าที่เข้าทำให้พวกเขาไม่แฮปปี้กันซักเท่าไหร่     หลายคนคงจะสงสัยว่าทำไมการทำท่านี้ถึงได้เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายนั่นก็เพราะว่า การทำท่าทางดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นการพูดถึงกัญชา ซึ่งนับเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศแถบตะวันออกกลาง และการแสดงออกบนเวทีนั้นยิ่งเหมือนเป็นการชี้นำผู้อื่นให้ไปในทางที่ไม่ดี   คลิปวิดีโอการทำท่า Dab บนเวทีของเขา   ถ้าดูในคลิปจะเห็นได้ว่ามันเป็นเพียงระยะสั้นๆ ที่เกิดจากการเสียงเชียร์ต่างๆ มากมาย อย่างไรก็ตามนักร้องหนุ่มคนนี้ก็ได้ออกมาขอโทษผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัวและอยากให้ทุกคนยอมรับกับคำขอโทษของเขา นั่นจึงทำให้มีบางส่วนที่สนับสนุนเขาและอยากให้พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น     แนวคิดที่ว่าท่าดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผิดนั้นเริ่มต้นเมื่อปีที่ผ่านมา ในตอนที่มีสองสาวไนจีเรียถ่ายภาพตัวเองกำลังทำท่านั้นขณะที่กำลังทำการแสวงบุญอยู่ในนครเมกกะ ในขณะที่บางคนก็ชื่นชมกับรูปภาพ แต่คนที่เหลือนั้นเรียกพวกเธอว่าเป็นนางมารร้าย หรือคนนอกศาสนา นั่นก็ถือว่าเป็นการตีความหรือความเชื่อที่แตกต่างกันไป เวลาเราไปที่ต่างๆ ก็คงต้องศึกษาเอาไว้ซะหน่อย ไม่งั้นโดนตำรวจรวบขึ้นมาคงจะลำบากแย่   ที่มา: ladbible

  • ชายวัย 58 ปี ผู้ใช้ชีวิตกับลูกสาวตุ๊กตายางทั้ง 7 เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย หลังหย่ากับภรรยา…

    ชายวัย 58 ปี ผู้ใช้ชีวิตกับลูกสาวตุ๊กตายางทั้ง 7 เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย หลังหย่ากับภรรยา…

    เรื่องราวของชายหนุ่มชาวจีนวัย 58 ปี จากมลฑล Guizhou ผู้รักครอบครัวและยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลลูกๆ ของเขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยที่คุณลุงมีลูกทั้งหมด 8 คนด้วยกัน ซึ่งลูกชายคนโตของนั้นอายุ 18 ปี ส่วนลูกสาวอีก 7 คนที่เหลือนั้นกลับกลายเป็น ‘ตุ๊กตายาง’ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 ภรรยาของคุณ Li Che (นามสมมุติ) ได้ทิ้งเขาและลูกชายไป หลังจากที่ทั้งสองหย่าร้างกัน ชายหนุ่มต้องใช้ชีวิตอยู่กับลูกชายเพียงลำพัง และถึงแม้ว่าจะพยายามตามหารักครั้งใหม่กี่ครั้ง คุณลุงก็กลับต้องพบกับความผิดหวังตลอด     ชายวัย 58 ปีกล่าว่าเขาไม่เคยพบกับความรักอีกเลยหลังจากที่ภรรยาหนีไป เพราะผู้หญิงที่เขาพบนั้นล้วนแล้วแต่ไว้ใจไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นคุณลุงจึงเริ่มมองหาบางอย่างที่จะคลายความเหงาของเขาได้ และตุ๊กตาก็กลายเป็นสิ่งที่เขาเลือกสำหรับช่วยให้หายเหงา แต่ว่าการเป็นเจ้าของตุ๊กตาของคุณ Li นั้นไม่เหมือนกับหนุ่มเหงาทั่วๆ ไป คุณลุงไม่เคยใช้มันเพื่อสนองความต้องการทางเพศ แต่กลับดูแลเหล่าตุ๊กตาราวกับว่าพวกมันเป็นลูกสาวของเขา     ชายแก่ซื้อตุ๊กตาตัวแรกมาเมื่อปี 2014 หลังจากที่ Yang Yang ผู้เป็นลูกชายต้องย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนประจำ และตั้งชื่อให้กับเธอว่า Xiao Xue ซึ่งมีความหมายว่า ‘เจ้าหิมะน้อย’ เขาดูแลตุ๊กตาตัวนั้นอย่างดี ทั้งพามันอาบน้ำ หวีผม และพานั่งรถออกไปด้านนอกด้วยบ่อยๆ และแล้วความหลงใหลในตุ๊กตายางของเขาก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น คุณ Li…

  • รู้จักกับ “Emzotic” ผู้หญิงที่รักสัตว์ทุกชนิด ดูแลเหมือนลูก จนได้ชื่อว่าเจ้าหญิงผู้พิทักษ์สัตว์

    รู้จักกับ “Emzotic” ผู้หญิงที่รักสัตว์ทุกชนิด ดูแลเหมือนลูก จนได้ชื่อว่าเจ้าหญิงผู้พิทักษ์สัตว์

    เราหลายๆ คน แม้จะเข้มแข็งแค่ไหน แต่จะมีสัตว์อย่างน้อยหนึ่งชนิดที่เรากลัวเป็นพิเศษ และต่อให้ตายยังไงเราก็จะไม่เข้าใกล้มันเด็ดขาด แต่สำหรับหญิงสาวที่ใช้ชื่อว่า Emzotic หรือ Em หญิงสาวชาวอังกฤษ ผู้ไม่มีความเกรงกลัวสัตว์ชนิดไหนเลย แต่รักสัตว์ทุกชนิด จนขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหญิงผู้พิทักษ์สัตว์     แมลงสาบที่เรายี้นักยี้หนา สำหรับ Em มันเป็นแค่แมลงผู้น่ารักตัวหนึ่งเท่านั้น เท่านั้นยังไม่พอแมลงสาบที่อยู่กับเธอตอนนี้ยังมีขนาดยักษ์ในแบบที่คุณคาดไม่ถึงแน่ๆ   หญิงสาวผู้รักสัตว์ทุกชนิด   ปัจจุปันหญิงสาวอยู่กับสัตว์ที่ให้ความรู้สึกยี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหอยทากแอฟริกา กิ้งกือ งู และสัตว์แปลกๆ อีกมากมายที่เราอาจจะไม่รู้จัก     Em เป็นนักศึกษาสาขาสิ่งแวดล้อม เธอเป็นคนที่รักธรรมชาติและเป็นพวกอนุรักษ์นิยม ซึ่งหลังจากที่เธอได้เผยแพร่วิดีโอเกี่ยวกับสัตว์ที่เธอรับมาเลี้ยง ก็มีคนมากมายให้ความสนใจ จนทำให้หญิงสาวกลายเป็นคนดังในทุกวันนี้ แต่ก็มีหลายคนที่รู้สึกว่าสิ่งที่เธออยู่นี้ดูน่าขยะแขยง และอาจเป็นอันตรายได้ แต่ Em บอกว่าเธอไม่สนใจคนที่มีทัศนคติไม่ดีกับเธอ เพราะรู้ว่ากำลังทำอะไร ที่สำคัญเธอรู้จักสัตว์เหล่านี้ดี     ในบรรดาสัตว์ที่เลี้ยงนั้น งู ดูจะเป็นสัตว์ที่น่ากลัวที่สุด แต่หญิงสาวมักจะเล่นกับงูแบบน่ารักเหมือนที่หลายๆ คนเล่นกับหมาหรือแมว เพราะเธออยากแสดงให้ผู้หญิงเห็นว่างูไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด Em ให้การดูแลสัตว์ทุกตัวด้วยความรัก ซึ่งที่เราเห็นอยู่นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เธอบอกว่าในโลกแห่งธรรมชาติยังมีสัตว์มากมายที่น่าสนใจ และอยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง  …

  • ชายหนุ่มไปเดินเที่ยวรอบโลก พร้อมกับเพื่อนสี่ขา ที่ต่อให้ยากแค่ไหนแต่ทั้งคู่ก็ไม่ทิ้งกัน!!

    ชายหนุ่มไปเดินเที่ยวรอบโลก พร้อมกับเพื่อนสี่ขา ที่ต่อให้ยากแค่ไหนแต่ทั้งคู่ก็ไม่ทิ้งกัน!!

    บางครั้งการออกไปเที่ยวนั้น เราอาจจะไม่ต้องการเพื่อนๆ เยอะๆ ซะทีเดียว แต่มีแค่เพื่อนที่รู้ใจสักคนเราก็สามารถไปได้ทุกที่แล้ว ทว่าเพื่อนที่ว่านั้นอาจจะไม่ต้องเป็นคนเสมอไปก็ได้จริงไหม? Tom Turcich เด็กหนุ่มวัย 17 ผู้เคยมีมุมมองต่อโลกดั่งคนปกติทั่วไป ใช้ชีวิตเรียนจบหางาน แต่งงานและอื่นๆ จนกระทั่ง Ann Marie เพื่อนรักของเขาเสียชีวิตไปกระทันหัน จนมุมมองของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป…     เขารู้สึกว่าตัวเขาจะต้องเลิกคิดแบบเดิม เพราะว่าคนเรานั้นจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่แน่อยู่ดีๆ เขาอาจจะตายพรุ่งนี้ก็ไม่รู้ เขาจึงตัดสินใจว่า สักวันหนึ่งเขาจะออกเดินทางไปเที่ยวรอบโลกให้ได้โดยมี Karl Bushby ชายผู้เดินทางรอบโลกด้วยการเดินจนสำเร็จมาแล้วเป็นแรงบันดาลใจ หลังจากตั้งเป้าหมายใหม่ได้แล้ว เขาก็เริ่มทำงานเก็บเงินอย่างหนักพร้อมศึกษาเส้นทางที่จะไป จนกระทั่งเขามีอายุ 25 ปี เขาก็ตัดสินใจว่ามันถึงเวลาที่เขาจะต้องออกเดินทางเสียที หลังจากใช้เวลาถึง 8 ปีในการรวบรวมไอเดีย     ในตอนแรกนั้นเขาก็ออกเดินทางด้วยตัวเองจากเมืองเกิดใน New Jersey และได้รับสปอนเซอร์จากทาง Philadelphia Sign ซึ่งสนใจในไอเดียของ Tom และไม่อยากมากังวลเรื่องเงินหรืออาหารระหว่างเดินทาง นอกจากนั้นตัว Bob Mehmet เจ้าของบริษัทดังกล่าวก็ได้ตั้งเป้าว่าเขาจะบริจาคเงินทุกๆ ไมล์ที่ Tom เดินให้กับองค์กรการกุศลเพื่อการศึกษาที่อุทิศให้แก่ Ann Marie  …

  • นักท่องเที่ยวถึงกับงง เมื่อเรือผู้อพยพเข้าเทียบชายหาดสเปน ก่อนแห่วิ่งเข้าเมืองจ้าละหวั่น!?

    นักท่องเที่ยวถึงกับงง เมื่อเรือผู้อพยพเข้าเทียบชายหาดสเปน ก่อนแห่วิ่งเข้าเมืองจ้าละหวั่น!?

    เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2017 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอ ขณะที่เรือบรรทุกผู้อพยพชาวแอฟริกันหลายสิบคนได้เข้าเทียบฝั่งที่ชายหาด ณ เมืองกาดิซ ประเทศสเปน งานนี้บอกเลยว่าสร้างความงุนงงให้กับบรรดานักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก     จากการรายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 10 สิงหาคม 2017 โดยในวันนั้นมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังเที่ยวพักผ่อนอยู่ที่ชายหาดกันแบบชิวๆ แต่จู่ๆ ก็มีเรือยางสีดำลำหนึ่งที่บรรจุผู้คนมาเต็มลำเข้าเทียบฝั่ง ซึ่งนาทีนั้นเองผู้คนบนเรือต่างก็พากันกระโจนขึ้นบก พร้อมพากันวิ่งจ้าละหวั่นก่อนหายตัวไปในเวลาเพียงไม่กี่นาที     สำหรับคลิปวีดีโอดังกล่าว ถูกบันทึกเอาไว้ได้โดย Carlos Sanz หนึ่งในนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปพักผ่อนยังชายหาดแห่งนี้ ซึ่งเขาก็ได้ออกมาเผยว่า กลุ่มผู้อพยพได้หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงยังที่เกิดเหตุ ก็ไม่พบใครแล้ว     ขณะที่ทางองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานได้ออกมาเผยว่า ในปีนี้จำนวนผู้อพยพเข้ามาในประเทศสเปนโดยเฉพาะทางทะเลโดยใช้เรือ หรือแม้กระทั่งเจ็ตสกี จะมีมากกว่าในประเทศกรีซ โดยตามตัวเลขล่าสุดใน IOM ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 6 สิงหาคม 2017 มีผู้คนอพยพมาในสเปนปีนี้มากถึง 8,200 คนแล้ว Joel Millman โฆษกของ IOM ได้ออกมากล่าวว่า “นี่อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่…

  • ขึ้นเครื่องครั้งแรกก็ขับเลย… รู้จักกับ Anny Divya กัปตันหญิงที่อายุน้อยที่สุดของโบอิ้ง 777

    ขึ้นเครื่องครั้งแรกก็ขับเลย… รู้จักกับ Anny Divya กัปตันหญิงที่อายุน้อยที่สุดของโบอิ้ง 777

    “นักบิน” ถือเป็นอาชีพในฝันของใครหลายๆ คน รวมไปถึง Anny Divya สาวชาวอินเดียวัย 30 ปี ผู้ที่มีความมุ่งมั่นจนสามารถสานฝันให้ตัวเองมีอาชีพเป็นนักบินได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยโดยสารเครื่องบินมาก่อนเลยในชีวิต นอกจากนี้เธอยังขึ้นชื่อได้ว่าเป็นผู้หญิงที่มีอายุน้อยที่สุดที่ได้เป็นกัปตันขับเครื่องบินโบอิ้ง 777 ด้วย การที่ Anny ได้มีอาชีพเป็นนักบินตามที่หวัง บอกเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะกว่าที่เธอจะประสบความสำเร็จ Anny ต้องฝึกเรียนภาษาอังกฤษอย่างหนัก เนื่องจากทักษะในด้านภาษาของเธออ่อนมาก แต่เพราะฝันที่อยากจะเป็นนักบินมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเมื่ออายุครบ 17 ปี Anny จึงได้เข้าเรียนที่โรงเรียนการบิน ซึ่งเธอก็ได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่เป็นอย่างดี     “ตอนที่ฉันอายุยังน้อย ฉันได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า และก็อยากจะสัมผัสมัน อยากจะบินผ่านก้อนเมฆ แต่หลังจากที่แม่ของฉันแนะนำว่าฉันควรจะเป็นนักบิน และนั่นก็เริ่มทำให้ฉันมีความฝันที่อยากจะเป็นนักบินขึ้นมาทันที” Anny กล่าว     Anny ได้เข้าเรียนการบินที่โรงเรียน Indira Gandhi Rashtriya Uran Akademi เมื่อตอนอายุ 17 ปี เธอสามารถสอบชิงทุนและจบการศึกษาด้วยอายุเพียง 19 ปี…

  • เจ้าของบ้านพักไม่ยอมให้ “คู่รักอ้วน” ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย แล้วไล่ให้ไปปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้น!?

    เจ้าของบ้านพักไม่ยอมให้ “คู่รักอ้วน” ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย แล้วไล่ให้ไปปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้น!?

    สังคมนั้นมันโหดร้าย หรือบางครั้งเราเองที่โหดร้ายกับตัวเอง? เมื่อคู่รักไซส์ใหญ่คู่หนึ่งรู้สึกว่าถูกกลั่นแกล้งไม่ให้เช่าห้องโดยเจ้าของบ้าน เพราะพวกเขามีอาการป่วยจากความอ้วนและโรคซึมเศร้า Maria Brindle วัย 25 และแฟนหนุ่มของเธอ Liam Bellis ได้เห็นโพสต์หนึ่งของ Kevin Parkes บนโลกอินเตอร์เน็ตหลังจากที่เขาแชร์ข้อความประกาศหาคนมาแชร์ห้องเช่าอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่จึงติดต่อไป แต่ข้อความที่ได้รับตอบมาเล่นเอาทั้งคู่อึ้งไปตามๆ กัน     Kevin ส่งข้อความกลับมาหาคู่รัก พร้อมกับถามถึงสภาพร่างกายและรายได้อยู่ของทั้งคู่เพื่อเช็คดูว่าทั้งคู่ป่วยเป็นอะไรไหม พร้อมจะแชร์ค่าเช่าหรือเปล่า เพราะเขาไม่อยากให้ใครมาตายในบ้านของเขา และมาอยู่ฟรีๆ Maria ก็ตอบกลับมาว่า เธออายุ 25 และมีอาการปวดหลัง ส่วนแฟนหนุ่มก็เป็นโรคซึมเศร้า ไม่ได้ทำงานอะไร พอ Kevin อ่านและเช็คประวัติทั้งคู่จนหมด เขาก็ตอบกลับมาทันทีว่า เขาไม่โอเค     จากนั้นก็ทำการไล่ทั้งสองคนให้ไปเปลี่ยนการใช้ชีวิตใหม่ซะ!! โดยเขาให้เหตุผลว่าเขาเช็คมาแล้วและรู้ว่าทั้งคู่นั้นวันๆ ไม่ทำอะไรเลย พร้อมอธิบายเหตุผลว่า ที่แฟนหนุ่มนั้นเป็นโรคซึมเศร้า เพราะวันๆ อดอู่อยู่เฉยๆ ไม่ออกไปหางานหรือสร้างแรงบรรดาลใจให้ตัวเอง     จากนั้นก็ฉะแฟนสาวต่อว่า “ที่ปวดหลังนะ ไม่ใช่เพราะปัญหาสุขภาพหรอก แต่เพราะวันๆ ไม่ขยับไปไหนอยู่กันเฉยๆ ไง เลิกโทษแต่สุขภาพไม่ดีๆ…

  • รวมความเห็นชาวต่างชาติ หลังกรณีนักศึกษาไทยขับรถตกเหว แต่ยังกู้ไม่ได้แม้ผ่านไป 2 สัปดาห์!?

    รวมความเห็นชาวต่างชาติ หลังกรณีนักศึกษาไทยขับรถตกเหว แต่ยังกู้ไม่ได้แม้ผ่านไป 2 สัปดาห์!?

    กระแสข่าวของ 2 นักศึกษาไทยซึ่งประสบอุบัติเหตุขับรถตกเหวในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา กลายมาเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประเด็นของการกู้ซากรถและศพของผู้ประสบเหตุขึ้นมาที่ยังทำไม่ได้ แม้จะผ่านไป 1 สัปดาห์แล้วก็ตาม นั่นทำให้เกิดดราม่าตามมา อย่างที่เราเห็นในโลกออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือเว็บไซต์ข่าวต่างๆ   คลิปสภาพรถในแม่น้ำ   ไม่ใช่แค่ในไทย แต่ในสื่อของสหรัฐอเมริกาก็มีการนำเสนอประเด็นดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งมีทั้งการสัมภาษณ์เหล่าหน่วยกู้ภัย รวมถึงกระแสความคิดเห็นจากชาวเน็ตในหลายๆ ด้าน ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะได้หยิบมานำเสนอให้เห็นในแง่มุมเหล่านี้มากยิ่งขึ้นครับ…     คุณ saler000 “ผมได้พูดคุยกับเพื่อนคนไทยวันนี้ เธอบอกว่าผู้คนรู้สึกแย่ที่ทางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถกู้ศพขึ้นมาได้ มันดูเหมือนสิ่งที่เราควรจะทำได้ ผมหมายถึงว่าเราส่งคนไปดวงจันทร์เมื่อ 50 ปีก่อนนะ เราควรจะเอารถขึ้นมาได้ ผมเห็นภาพแล้ว ขั้นตอนมันอาจจะยุ่งยากมาก แต่ผมเชื่อว่าเราควรจะทำได้”   คุณ Morgan Nok-Boyle “ให้คนไทยมากู้ไหมถ้าเขาคิดว่าสามารถทำได้ดีกว่า ฉันเดาว่าพวกเขาคงไม่เคยเห็นหรือกู้อะไรขึ้นมาจากเหวรูปแบบนี้ หรือเดาได้เลยว่าเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัย(ของคนทำงาน)ในไทย นั้นคงเทียบกับที่นี่ไม่ได้สินะ!?”   คุณ Vue Minassian (ตอบกลับคนข้างบน) “มันแค่ 500 ฟุตเองนะ และจากภาพนี่แม่น้ำคงกว้างราวๆ 200 ฟุต ที่คุณต้องการก็แค่เคเบิล…

  • ช่างภาพเผยภาพถ่ายของ “เด็กผิวเผือก” ในแทนซาเนีย ที่แสดงให้เห็นถึงความงามของพวกเขา

    ช่างภาพเผยภาพถ่ายของ “เด็กผิวเผือก” ในแทนซาเนีย ที่แสดงให้เห็นถึงความงามของพวกเขา

    Marinka Masséus ช่างภาพชาวดัตช์ ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการสร้างผลงานภาพถ่ายในชุดที่ชื่อว่า “Under the Same Sun” เพื่อเป็นการให้ผู้คนได้ตระหนักถึงเรื่องราวอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นจริงของคนเผือกในประเทศแทนซาเนีย “เป้าหมายของฉันคือ อยากแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่งดงามของผู้คนเหล่านี้ เพื่อให้พวกเขาได้รับการยอมรับ และได้รับความเท่าเทียมในสังคม” Marinka กล่าว     ในประเทศแทนซาเนีย เมื่อคุณเกิดมาเป็นคนเผือก ผู้คนในประเทศจะมองว่าคุณเป็นสิ่งชั่วร้าย ซึ่งความกลัวและความเชื่อในสังคมแทนซาเนีย ส่งผลให้หญิงสาวจำนวนมากที่ให้กำเนิดทารกออกมามีผิวเผือกต้องยินยอมให้คนสังหารลูกของตัวเองตั้งแต่เกิด และถ้าหากขัดขืน พวกเธอและลูกก็จะถูกนำตัวไปคุมขัง และกลายเป็นคนจรจัดที่ไม่มีใครต้องการในสังคม อีกทั้งยังต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวไปตลอดชีวิตอีกด้วย     เด็กๆ หลายคนที่เกิดมามีผิวเผือก มักจะถูกสังคมรังเกียจ แถมยังถูกกล่าวหาว่าเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย พวกเขาจะต้องถูกสาปแช่ง และใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกลัว นอกจากนี้ เด็กผิวเผือกบางรายที่โชคร้ายก็ถูกฆ่าอย่างน่าเวทนา บางรายก็ถูกกีดกันจากสังคม รวมถูกตัดขาดจากครอบครัวด้วย นั่นทำให้พวกเขาต้องแยกตัวออกจากสังคมเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตรอด     นอกเหนือจากเรื่องความเชื่อแล้ว อาการผิวเผือกยังทำให้ผิวหนัง และดวงตาแพ้แสงง่ายกว่าคนปกติทั่วไป นั่นหมายความว่าร่างกายของพวกเขาไม่มีภูมิคุ้มกันจากธรรมชาติ ซึ่งถ้าหากผิวหนังถูกแสงแดด ก็อาจจะส่งผลให้เกิดแผลไหม้อย่างรุนแรง จนกลายเป็นจุดสีน้ำตาลต่างๆ ทั่วร่างกาย สุดท้ายก็ส่งผลให้เกิดเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง     อย่างไรก็ตาม ทางองค์กรที่ได้เข้ามาช่วยเหลือ ก็พยายามที่จะส่งครีมกันแดดไปยังแอฟริกา…

  • ไอ้หนุ่มหลอดไฟ ผู้ที่ทนต่อ “กระแสไฟฟ้า” และยังสามารถกินมันเป็นอาหารได้อีกด้วย

    ไอ้หนุ่มหลอดไฟ ผู้ที่ทนต่อ “กระแสไฟฟ้า” และยังสามารถกินมันเป็นอาหารได้อีกด้วย

    ไฟช็อตหรือไฟดูดนั้นหลายคนคงได้เคยสัมผัสกับความรู้สึกเหล่านั้นมาบ้างแล้ว ความรู้สึกแปล๊บๆ ที่เกิดขึ้นทำให้เราอาจกลัวที่จะเกิดขึ้นอีกจึงต้องระวังพวกสายไฟโน่นนี่นั่น แต่สำหรับชายคนนี้แล้วตรงกันข้ามเลย เพราะนอกจากเขาจะไม่มีอาการเหล่านั้นแล้ว มันก็ยังมีสิ่งที่คนปกติทำไม่ได้อีกด้วย หนุ่มวัย 42 ปีที่มีชื่อว่า Naresh Kumar อาศัยอยู่ในเมืองมุซซาฟฟาร์นากา ทางตอนเหนือของอินเดีย ได้บอกกับทุกคนว่าเขามีพลังพิเศษที่ไม่ใช่แค่ความสามารถทนทานต่อไฟฟ้าแรงสูง แต่เขายังสามารถกินมันเป็นอาหารโดยที่ไม่ต้องกินอาหารตามปกติเหมือนคนอื่นๆ     พลังที่ว่านั้นเขารู้ได้จากความบังเอิญที่เกิดขึ้นตอนที่เขาพลาดไปจับสายไฟในตอนที่กำลังทำงานอยู่ แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย ทำให้หลายคนคิดว่าเขาโชคดีแล้วจริงๆ และบอกให้ระวังด้วยครั้งหน้า แต่ตัวเขาเองกลับไม่คิดเช่นนั้น เขาเลือกที่จะศึกษาพลังที่เขามีอยู่ไปเรื่อยๆ โดยการไปจับสายไฟเปล่าเปลือยอีกทั้งยังเชื่ออีกว่าตัวเขาสามารถนำไฟฟ้ามาเป็นอาหาร “เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมรู้สึกหิวในตอนที่ไม่มีอาหารให้กิน ผมก็จะอมสายไฟเปลือยเอาไว้ประมาณครี่งชั่วโมงก็จะทำให้รู้สึกอิ่ม นั่นคือผมสามารถกินไฟฟ้าเป็นอาหารได้” เขากล่าว     เขายังเสริมอีกว่า “ผมยังสามารถจับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ด้วยมือเปล่าของผมเช่น ทีวีหรือตู้เย็น โดยที่ไม่เป็นอะไรแต่นั่นกลับเหมือนเป็นการรับพลังงานทำให้ตอนนี้ผมคิดว่า  80 เปอร์เซ็นต์ในร่างกายของผมตอนนี้มันคือไฟฟ้า” ในบ้านของเขานั้นเต็มไปด้วยสายไฟเปลือยต่างๆ มากมายที่ทำให้เขาสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารสุดพิเศษที่เขาต้องการ จากการที่ไม่มีสวิตช์เปิดปิด นั่นจึงเป็นหน้าที่หลักของเขาเวลาอยู่บ้านที่จะคอยเปิดปิดไฟให้ภรรยาและลูกๆ ของเขาไม่ให้พวกเธอต้องถูกไฟช็อต แม้ว่าความพิเศษของเขาจะไม่ได้ทำให้ภรรยารู้สึกประทับใจเลย แต่สำหรับคนอื่นๆ ที่ได้เห็นความสามารถนี้ผ่านโซเชียลมีเดียนั้นก็ต่างพากันตั้งฉายาเก๋ๆ ให้เขาว่า “หลอดไฟที่มีชีวิตแห่งอินเดีย”   คลิปวิดีโอโชว์การอมสายไฟและกินเป็นอาหาร   นี่ไม่ใช่คนแรกที่สามารถต้านทานกระแสไฟฟ้าความแรงสูงได้ ก่อนหน้านี้ยังมีผู้ที่ได้รับฉายาอย่าง มนุษย์แบตเตอรี่ หรือมนุษย์ไฟฟ้าอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คือคนแรกที่บอกว่ากินไฟฟ้าเป็นอาหารได้ แน่นอนว่านี่จะไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครก็สามารถทำได้…

  • เมื่อรถบรรทุกพิซซ่าคว่ำ ‘เทกระจาด’ กลางเมือง มองไปทางไหนก็มีแต่พิซซ่าเต็มไปโหม๊ดดดดด

    เมื่อรถบรรทุกพิซซ่าคว่ำ ‘เทกระจาด’ กลางเมือง มองไปทางไหนก็มีแต่พิซซ่าเต็มไปโหม๊ดดดดด

    อุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้นั้นไม่ใช่สิ่งที่เราจะพบเห็นกันได้บ่อยนัก ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมันแอบทำให้เสียดายสิ่งที่กระจัดกระจายออยู่อีกด้วย จะไม่ให้เสียดายได้ยังไง ในเมื่อสิ่งที่ระเนระนาดอยู่เต็มถนนในรัฐอาร์คันซอ ประเทศอเมริกา ทั้งหมดนั้นก็คือพิซซ่าแช่แข็งนับร้อยๆ ถาด     เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม รถบรรทุกที่ขนพิซซ่าแช่แข็งเอาไว้มากมายได้เกิดอุบัติเหตุจนทำเอาซะพิซซ่าในนั้นกระจัดกระจายออกมาเกลื่อนพื้นถนนไปหมด โดยทั้งหมดเป็นพิซซ่าที่มาจากร้าน Digiorno และ Tombstone     เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นก็ทำให้การจราจรติดขัดไม่พอ แต่ยังต้องให้คนมากำจัดและทำความสะอาดพวกมันให้หายไปอย่างน่าเสียดาย โดยที่ไม่มีโอกาสได้ลงไปอยู่ในท้องใครเลย     กรมการขนส่งของรัฐได้ออกมาพูดอีกว่า “มันเต็มไปด้วยพิซซ่าแช่แข็งมากมายที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่เต็มถนน นี่มันเป็นโศกนาฏกรรมของพิซซ่าเหล่านั้น”   .   ลาก่อนเหล่าพิซซ่า ไม่ทันได้เข้าปากเราเจ้าก็ต้องจากโลกไปเสียแล้วช่างน่าเศร้าเสียจริง   ที่มา: buzzfeed

  • ธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่จากจีน เปิดบริการ ‘ตู้ออกกำลังกาย’ ใจกลางเมือง คิดค่าบริการเป็นรายนาที…

    ธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่จากจีน เปิดบริการ ‘ตู้ออกกำลังกาย’ ใจกลางเมือง คิดค่าบริการเป็นรายนาที…

    ประเทศจีนหนึ่งในชาติที่มีการเปิดธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย อย่างเช่นก่อนหน้านี้ ก็มีบริการเช่ารถจักรยานสาธารณะ เช่าร่มสาธารณะ และล่าสุดได้มีการเปิดให้ใช้บริการห้องฟิตเนสสาธารณะแล้ว!! ห้องบริการออกกำลังกายสาธารณะนี้ เริ่มต้นในเมืองหลวงปักกิ่ง โดยจะเปิดให้บริการเช่าสำหรับออกกำลังกายแก่ลูกค้า ซึ่งจะมีการคิดค่าบริการเป็นนาที สนนราคาอยู่ที่นาทีละ 1 บาท     ภายในห้องแอร์ขนาดพื้นที่ 4 ตารางเมตร จะประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ทีวี ลู่วิ่ง และอุปกรณ์สำออกกำลังกายอื่นๆ อีกเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีม่านสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอีกด้วย     บริการดังกล่าวมีชื่อว่า Micro Gyms ซึ่งเป็นการให้บริการคล้ายกับแอพสาธารณะอื่นๆ โดยผู้ใช้จะต้องโหลดแอพลิเคชั่นของผู้ให้บริการก่อน และจะมีค่ามัดจำประมาณ 490 บาท จากนั้นจึงนำ QR โค้ดที่ได้ไปสแกนที่ประตูของห้องออกกำลังกายเพื่อเริ่มต้นการใช้งานได้ทันที     บริษัท Misspao ผู้ให้บริการห้องออกกำลังกายนี้กำลังวางแผนที่จะขยายเพิ่มเติมอีกประมาณ 1,000 แห่งทั่วเมืองปักกิ่งภายในปี 2017 และตอนนี้กำลังมีการระดมทุนเพื่อขยายกิจการของพวกเขาเพิ่มเติม โดยสองเดือนหลังจากการเปิดตัวธุรกิจห้องออกกำลังกายไปแล้ว ก็มีผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนมากถึง 100,000,000 หยวนแล้ว (ประมาณ 500,000,000 บาท)     แบบนี้การออกำลังกายก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้วสินะ…

  • เด็กหนุ่มวัย 12 ปีทำงานอย่างหนักสละเวลาปิดเทอมอันมีค่า มาช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

    เด็กหนุ่มวัย 12 ปีทำงานอย่างหนักสละเวลาปิดเทอมอันมีค่า มาช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

    วิกฤตปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากภัยพิบัติต่างๆ นั้นไม่ได้มีเพียงแต่ความเศร้าหรือความสิ้นหวัง ยังคงมีความเห็นอกเห็นใจและการช่วยเหลือจากเหล่าอาสาสมัครที่สละเวลาของตน มาช่วยผู้ประสบภัยทั้งหลาย แสดงให้เห็นว่ามนุษย์เรายังคงมอบความรักให้กันและกันอยู่เสมอ น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในมณฑลส่านซี ได้ทำลายบ้านเมืองไปมากมายจนทำให้มีผู้ประสบภัยกว่า 1 แสนคนเลยทีเดียว แต่ท่ามกล่างซากปรักหักพังนั้นยังคงมีเด็กหนุ่มวัย 12 ปี ผู้ซึ่งทำงานหนักในการช่วยเหลือผู้คนทั้งหลาย   .   จากภาพนั้นจะเห็นว่าเป็นภาพของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ผ่านการทำงานมาอย่างหนักหน่วงจนต้องหลับอิงไปกับแพ็คน้ำในสภาพที่เหนื่อยอ่อนกลางแสงแดดอันแรงกล้า เขาคนนี้มีชื่อว่า Hu Zhibo ซึ่งแม่ของเขานั้นได้บอกว่าที่เป็นอย่างนี้นั้นเกิดจากการทำงานอย่างหนักถึง 10 ชั่วโมงในแต่ละวัน เพื่อที่จะคอยช่วยเหลือผู้ประสบภัยในการสร้างกำแพงกั้นน้ำและคอยแจกสิ่งของจำเป็นต่างๆ ให้กับทุกคน นอกจากนั้นเด็กคนนี้ก็ยังยอมสละเวลาปิดเทอมฤดูร้อนอันมีค่าที่จะได้ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนในวัยเดียวกัน แต่กลับมาเป็นอาสาสมัครแทน   .   เมื่อรูปภาพการทำงานของเขาได้ถูกปล่อยลงไปในโซเชียลมีเดียของจีนก็ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันชื่นชมและยกย่องเขาเหมือนกับฮีโร่คนหนึ่ง จนมีคอมเม้นท์นึงออกมาพูดว่า “หากเด็กคนนี้โตขึ้น ประเทศของเราก็คงไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว”   . .   อย่างไรก็ตามยังมีบางคนที่คิดว่าช่วงปิดเทอมของเด็กผู้ชายคนนี้ควรได้ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนหรือพักผ่อนหาความสนุก แทนที่จะต้องมาแบกข้าวสารหรือกระสอบสิ่งของต่างๆ ถึงอย่างไรการแสดงออกของเขาก็ทำให้เราได้เห็นถึงจิตอาสาของคนที่เกิดขึ้นได้แม้กับเด็กวัยแค่นี้ ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่และยิ้มได้   ที่มา: shanghaiist

  • หญิงสาวลดน้ำหนักมากถึง 25 กิโลกรัม เพราะมีแรงผลักดันจาก ‘แหวนแต่งงานวงเล็ก’

    หญิงสาวลดน้ำหนักมากถึง 25 กิโลกรัม เพราะมีแรงผลักดันจาก ‘แหวนแต่งงานวงเล็ก’

    การกินอาจจะเป็นกิจกรรมโปรดของสาวๆ หลายๆ คน แต่บางครั้งการที่สาวๆ เผลอกินมากเกินไปจนลืมดูแลตัวเองก็อาจทำให้หนุ่มๆ เกิดอาการเป็นห่วงก็ได้ เหมือนกับชายหนุ่มผู้นี้ที่บอกกับแฟนสาวอ้อมๆ ว่าเธอควรไปลดน้ำหนักได้แล้วนะที่รัก… คุณ Chloe Cooper หญิงสาววัย 23 ปี เล่าถึงประสบการณ์ดังกล่าวว่าแฟนหนุ่มวัย 28 ปี ขอเธอแต่งงานและพูดกับเธอว่า “คุณสามารถสวมแหวนวงนี้ได้นะ ถ้าหากว่าคุณลดน้ำหนัก” แต่ดูเหมือนว่าสาวเจ้าจะไม่เข้าใจในความหวังดีของแฟนหนุ่ม ทำให้การขอแต่งงานครั้งนั้นจึงไม่สำเร็จ     หลังจากนั้นทั้งคู่จึงแยกทางกัน คุณ Chloe ใช้คำพูดของอตีดแฟนหนุ่มเป็นแรงผลักดันให้เธอลดน้ำหนักลงถึง 25 กิโลกรัม และตอนนี้เธอกำลังมีความสุขอยู่กับแฟนหนุ่มคนใหม่ หญิงสาวเล่าถึงการลดน้ำหนักของเธอว่า เคล็ดลับนั่นก็คือการงดขนมขบเคี้ยงนั่นเอง “ตอนที่ฉันอยู่โรงเรียนมัธยม ฉันมักมีปัญหาในชั่วโมงเรียนพละ ซึ่งมันเป็นอุปสรรค์หนึ่งที่ทำให้ฉันไม่ชอบออกกำลังกาย” หญิงสาวกล่าว     เมื่อตอนอายุ 16 ปี Chloe ได้พบกับแฟนคนแรกของเธอซึ่งมีอายุแก่กว่าเธอ 5 ปี จากนั้นทั้งคู่ก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ค่อยดูแลเธอเท่าที่ควร เขามักจะปล่อยให้เธอทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ แต่ความอดทนของเธอก็ถึงขีดสุด เมื่อชายหนุ่มหยิบแหวนแต่งงานวงเล็กที่เธอไม่สามารถสวมได้ออกมา และพูดกับเธอว่า เธอควรไปลดน้ำหนักซะเพื่อที่จะได้สวมแหวนวงนี้ได้ “เขารู้ขนาดแหวนของฉัน แต่ก็ยังเอาแหวนวงเล็กมาให้ฉัน และเมื่อฉันถามว่าทำไม เขากลับบอกให้ฉันไปลดน้ำหนัก ฉันรู้ว่าเขาไม่ชอบที่ฉันอ้วนและไม่มั่นใจในตัวฉันเลย” หญิงสาวกล่าว    …

  • ช่างภาพพาสำรวจภายในของ “คฤหาสน์ร้างในนิวยอร์ก” ที่มีบรรยากาศช่วยขนลุก

    ช่างภาพพาสำรวจภายในของ “คฤหาสน์ร้างในนิวยอร์ก” ที่มีบรรยากาศช่วยขนลุก

    ทุกวันนี้มีอาคารที่พักอาศัยมากมายที่ถูกทิ้งร้าง ไม่ได้รับการปรับปรุงหรือทำความสะอาด ภายในเต็มไปด้วยฝุ่น ในขณะที่ภายนอกก็มีหญ้าขึ้นรก จนกลายเป็นบ้านที่ไม่น่ามองเอาซะเลย มีอาคารร้างหลังหนึ่งตั้งอยู่นอกเมืองที่ห่างจากนิวยอร์กไปไม่กี่กิโลเมตร มันเป็นคฤหาสน์ที่มีห้องมากถึง 57 ห้อง ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปี 1930 แต่ไม่มีคนอาศัยอยู่ตั้งแต่ช่วงปี 1970 ช่างภาพที่ชื่อ Bryan Sansivero ได้มีโอกาสไปยังคฤหาสน์ร้างแห่งนี้ เพื่อถ่ายภาพอันน่าทึ่งและน่าขนลุกที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น   คฤหาสน์ร้างที่ไม่มีคนอาศัยอยู่มานานกว่า 40 ปี   นี่คือทางเข้าของคฤหาสน์ มีหญ้าขึ้นแซมทั่วบันไดทั้งสองข้าง แม้จะดูและน่ากลัวแต่ Bryan ก็ตัดสินในที่จะเดินเข้าไป     ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เขาก็เจอการทักทายด้วยบันไดเวียนขนาดใหญ่ โดยมีรถเข็นเด็กอยู่ตรงทางขึ้น ราวกับมันถูกสาปให้อยู่ตรงนั้น จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เดินขึ้นไปยังห้องที่อยู่ข้างบนอย่างช้าๆ และระมัดระวัง     เมื่อขึ้นมาข้างบนเขาก็พบกับห้องอันกว้างขวางที่ดูโล่ง ไม่มีใครอยู่ มีเพียงเปียโนสองหลัง ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เพื่อสร้างความบันเทิงเวลามีงานหรือเพื่อนมาเยี่ยม แต่ตอนนี้การอยู่ในห้องนี้เพียงคนเดียวมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน     ตุ๊กตาตัวนี้น่าจะเป็นของเด็กๆ ที่เคยอยู่ในบ้านหลังนี้ มันยังคงนั่งอยู่เบาะด้วยสายตาที่น่าเบื่อ และจ้องมองออกไปข้างนอก ราวกับว่ากำลังรอให้เจ้าของกลับมารับ     คนที่อาศัยอยู่ในบ้านก่อนหน้านี้ ต้องเป็นคนที่ชอบรองเท้ามากแน่ๆ เพราะมีคอลเลกชั่นรองเท้าผู้หญิงหลายคู่ เหมือนต้องการจะบอกว่าเธอคนนี้เป็นคนรักแฟชั่น…

  • กองทัพเกาหลีเหนือออกมาเดินสวนสนาม ประกาศแสนยานุภาพ เพื่อตอบโต้สหรัฐอเมริกา…

    กองทัพเกาหลีเหนือออกมาเดินสวนสนาม ประกาศแสนยานุภาพ เพื่อตอบโต้สหรัฐอเมริกา…

    หลังจากที่มีข่าวคราวเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ ล่าสุดทางเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานถึงความเคลื่อนไหวอีกระลอกกับสถานการณ์ในช่วงนี้ โดยทางเกาหลีเหนือได้มีการประกาศแสนยานุภาพของพวกเขา ด้วยการเดินสวนสนามของทหารกว่าหมื่นนายใจกลางกรุงเปียงยาง เผยให้เห็นภาพการตั้งแถวของนายทหารเกาหลีเหนือบริเวณหน้าอนุสาวรีย์ของพรรคแรงงาน   นายทหารหลายหมื่นนาย ที่ออกมาสวนสนามเพื่อสนับสนุนท่านผู้นำคิม   เมื่อเช้าวันที่ 11 สิงหาคม 2017 สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือได้ออกมาเตือนสหรัฐอเมริกาว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นอาจก่อให้เกิดสงครามขึ้นเมื่อใดก็ได้ หนึ่งในคำปราศัยระหว่างการสวนสนามกล่าวว่า พวกเขามีความแน่วแน่ที่จะยุติความเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นมิตรของสหรัฐอเมริกาที่กดขี่พวกเขามาเป็นเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว สหรัฐอเมริกาและประเทศพันธมิตรจะต้องชดใช้ให้สาสมกับสิ่งที่พวกเขากดดันเกาหลีเหนือ     การออกมาสวนสนามครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่สหรัฐฯ ออกมาเตือนเกี่ยวกับการพัฒนาด้านแสนยานุภาพของเกาหลีเหนือ   นอกจากการประกาศครั้งนี้แล้ว ทางเกาหลีเนือยังได้ประกาศว่าพวกเขาพร้อมที่จะยิงขีปนาวุธ 4 ลูก เพื่อโจมตีเกาะกวมอันเป็นฐานที่มั่นของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย และท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด ทางการจีนได้ออกมาเสนอตัวเป็นคนกลางในการเจรจาเรื่องนี้ ทางด้านสำนักข่าวจีน Global Times ได้ออกมากล่าวว่าทั้งสองชาติกำลังทำให้เกิดสถานการณ์ที่ล่อแหลม และอาจเป็นการจุดชนวนนำไปสู่สงครามอีกด้วย     นายทหารกว่าหมื่นนาย ออกมาเดินขบวนและสวนสนามบริเวณหน้าอนุสาวรีย์พรรคแรงงาน . .   รูปของท่านผู้นำ ที่ถูกนำมาแสดงในการสวนสนามครั้งนี้ .   เหล่านายทหารและสีหน้าที่ขึงขังของพวกเขา ที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะสนับสนุนท่านผู้นำ   ทางด้านเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ก็มีการจัดพิธีส่งมอบหน้าที่ผู้บังคับการในฐานทัพของกองทัพสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้เช่นเดียวกัน  …

  • ป๊าดดด!! หนุ่มจีนทุ่มเงินเกือบ 4 แสนบาท เพื่อลิ้มรสวิสกี้เพียง 1 ช็อต ที่มีอายุกว่า 100 ปี

    ป๊าดดด!! หนุ่มจีนทุ่มเงินเกือบ 4 แสนบาท เพื่อลิ้มรสวิสกี้เพียง 1 ช็อต ที่มีอายุกว่า 100 ปี

    เพื่อนๆ เคยดื่มวิสกี้ช็อตที่แพงที่สุดในราคาช็อตละเท่าไหร่? 300 บาท? 3000 บาท แล้วใครเคยจ่ายในราคาช็อตละ เกือบ 400,000 บ้าง? เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนคนหนึ่งได้ไปดื่มเหล้าที่บาร์สุดหรูอย่าง Waldhaus Hotel’s Devil’s Place Whiskey ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่นี่มีวิสกี้ที่ผลิตในปี 1878 โดยชาวสก๊อตผู้ผลิต Macallan ซึ่งเป็นวิสกี้ที่เรียกได้ว่าอาจแพงที่สุดในโลกก็ว่าได้     Zhang Wei เป็นผู้ที่หลงใหลวิสกี้มากๆ เขาจึงออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อจะลิ้มรสวิสกี้ในที่ต่างๆ และมาเขียนรีวิวผ่านเว็บไซต์ของเขา ที่มีแฟนๆ ติดตามเป็นจำนวนมาก และล่าสุดเขาก็ทำให้ชาว Weibo ถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน เมื่อ Zhang ไปดื่มวิสกี้ที่มีราคาสูงถึง 340,000 บาท ต่อหนึ่งช็อตเท่านั้น!! เขาบอกว่า “ผมอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์และได้เห็นวิสกี้อายุมากกว่า 100 ปี ผมใช้เวลาไม่นานเลยในการตัดสินในที่จะลิ้มรสของมัน รสชาติมันดีมาก แม้จะดื่มเข้าไปนิดเดียว แต่มันก็ทำให้ได้กลิ่นไอแห่งอดีตกาล”     เขายังบอกอีกว่า วิสกี้ตัวนี้มีอายุ 139 ปี ซึ่งมากกว่าคุณย่าของเขาที่ตอนนี้อายุ 82 ปี ซะอีก และก่อนหน้านี้เขาก็เคยพาคุณย่าเที่ยวทั่วสวิตเซอร์แลนด์มาแล้ว…

  • บ้านเกิดของ “พ่อมดน้อยแฮร์รี่” ถูกประกาศขายพร้อมให้คุณเป็นเจ้าของ สนนราคาเพียง 42 ล้านบาท

    บ้านเกิดของ “พ่อมดน้อยแฮร์รี่” ถูกประกาศขายพร้อมให้คุณเป็นเจ้าของ สนนราคาเพียง 42 ล้านบาท

    สำหรับใครที่เป็นแฟนพ่อมดน้อย คงจะจำภาพบ้านหลังเล็กๆ ของแฮร์รี่ที่ถูกจอมมารบุกมาฆ่าพ่อและแม่กันได้ บ้านหลังนี้ถูกสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการประกาศขายบ้านหลังดังกล่าวแล้ว บ้านที่ว่านี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Lavenham ในเมือง Suffolk ประเทศอังกฤษ โดยมันถูกใช้ในฉากของหมู่บ้าน Godric’s Hollow ในหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1 นั่นเอง     หนึ่งในฉากที่พ่อมดน้อยของเรากลับมาบ้านหลังเดิมในภาค แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1   บ้านหลังนี้ถูกประกาศขายเมื่อปี 2012 โดยมันถูกตั้งราคาไว้ที่ 995,000 ปอนด์ หรือประมาณ 42,000,000 บาท ที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งนัดพบของช่างถ่ายภาพที่ชื่นชอบการบันทึกภาพอาคารก่อสร้างที่สวยงาม ตัวอาคารสร้างขึ้นในยุคกลาง ภายในบ้านประกอบไปด้วยห้องโถง ห้องสำหรับวาดภาพ ห้องครัว ห้องซักผ้า ห้องใต้หลังคา ห้องน้ำและห้องนอนอีก 2 ห้องด้วยกัน  นอกจากนี้ทุกห้องยังมีการตกแต่งที่หรูหราระดับ 5 ดาวเลยทีเดียว     บ้านหลังนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า De Vere House หรือคนทั่วไปจะรู้จักกันในชื่อ Vere Hunting Lodge โดยเจ้าของคนแรกนั้นก็คือตระกูล Vere ซึ่งเป็นเจ้าของในช่วงศตวรรษที่ 14 ถึงศตวรรษที่ 17…

  • 13 ปีแห่งความทุกข์… สาวจีนได้ค่าชดเชย 15 ล้าน หลังโดนตำรวจทำร้าย เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นคนค้ายา

    13 ปีแห่งความทุกข์… สาวจีนได้ค่าชดเชย 15 ล้าน หลังโดนตำรวจทำร้าย เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นคนค้ายา

    ทุกวันนี้มีคดีทำร้ายร่างกายมากมาย แต่ถ้าเรื่องไหนมีตำรวจเกี่ยวข้องด้วยมักจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เหมือนกรณีนี้ที่เจ้าที่ตำรวจของสหรัฐฯ ทำร้ายสาวจีนเจ็บปางตาย เพียงเพราะความเข้าใจผิด… ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 ขณะที่ Zhao Yan นักธุรกิจสาวชาวจีน ออกไปเที่ยวชมน้ำตกไนแอการา อยู่ดีๆ เจ้าหน้าที่จากศุลกากรและหน่วยตระเวนชายแดนสหรัฐฯ Robert Rhodes ก็ได้พ่นสเปรย์พริกไทยใส่หน้าและทำร้ายเธอ เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นคนลักลอบขนยาเสพติด…     Zhao เล่าว่าถึงแม้จะเปิดเผยให้เขารู้ถึงตัวตนของเธอ ด้วยการโชว์ทั้งบัตรประชาชนและหนังสือเดินทาง แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังซ้อมเธอไม่หยุด หลังจากเหตุการณ์นั้นเธอบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ประสบการอาการปวดศีรษะและหลังอย่างรุนแรง นอกจากเจ็บปวดร่างกายแล้ว จิตใจของเธอยังได้รับผลกระทบไปด้วย Zhao ไม่กล้าไปทำงานเหมือนปกติ ที่สำคัญเธอกลายเป็นคนที่กลัวตำรวจไปเลย เธอบอกว่า “ที่ผ่านมาฉันเดินทางไปหลายประเทศทั่วโลกเพื่อทำธุรกิจ และฉันก็ได้รู้ว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ป่าเถื่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา” จนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางในเมืองรอเชสเตอร์ ของรัฐนิวยอร์ก ได้ออกมาพูดถึงกรณีนี้ว่า  Zhao มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยถึง 15,000,000 บาท   Robert Rhodes เจ้าหน้าที่คู่กรณีที่ทำร้าย Zhao   โดยแยกย่อยได้เป็นค่ารักษาพยาบาลกว่า 2,000,000 บาท ค่าชดเชยรายได้ที่สูญหายไปกว่า 60,000 บาท ค่าชดเชยความเจ็บปวดทรมาน ทั้งในอดีตและอนาคตรวมกว่า 12,000,000…

  • เรื่องราวชีวิตของ ‘แฝดสยาม’ ที่ถูกนำไปทดลองโดยโซเวียต และถูกลดคุณค่าความเป็นคน

    เรื่องราวชีวิตของ ‘แฝดสยาม’ ที่ถูกนำไปทดลองโดยโซเวียต และถูกลดคุณค่าความเป็นคน

    เมื่อปี 1950 ในช่วงเช้าของเดือนมกราคมที่มอสโก แฝดสยาม Masha และ Dasha Krivoshlyopova ได้คลอดออกมาด้วยวิธีการผ่าตัดคลอด หลังจากที่ฟื้นจากการถูกวางยาชาแล้ว แพทย์ได้บอกกับคุณแม่ของแฝดสยามว่า ลูกของเธอจากเสียชีวิตหลังจากนี้เพียงไม่นาน… แต่นั่นเป็นเพียงการสร้างเรื่องของเจ้าหน้าที่โซเวียตสตาลินเท่านั้น เพราะแทนที่จะพาแฝดสยามไปยังสถาบันทางการแพทย์มอสโก พวกเขากลับพาทารกไปสู่การทดลองที่น่ากลัว     Pyotr Anokhin นักสรีรวิทยาของโซเวียต ได้ทำการทดลองแยกระบบประสาทของแฝดสยามและตรวจดูระบบเลือดที่ส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการปรับตัว เช่น การอดนอน ความหิว และการตอบสนองต่ออุณภูมิที่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง จากการตรวจสอบพบว่า แฝดสยาม Dasha และ Masha ใช้ระบบหลอดเลือดร่วมกัน แต่มีระบบประสาทที่แยกจากกัน จนกลายเป็นที่สนใจของผู้ที่ต้องการทำการทดลอง     แฝดสยามถูกนำตัวไปไว้ที่สถาบัน  Academy of Medical Sciences Pediatric Institute เพื่อให้ทีมสรีรวิทยาของ Anokhin ทำการทดลองต่อไปอีก 6 ปี พวกเขาได้นำเปลที่แฝดสยามอยู่ไปไว้ในกล่องแก้วที่อยู่ถัดจากห้องทดลอง ก่อนที่นักวิทยาศาสตร์จะใช้ฝาแฝดในการตรวจสอบผลกระทบของระบบเลือดและระบบประสาท     ตลอดการทดลอง แฝดสยามทั้งถูกเผา ถูกแช่แข็ง ถูกทำให้ตื่นตัวตลอดเวลา ถูกทำให้ทนกับความหิว ถูกฉีดสารกัมมันตภาพรังสีและสารอันตรายอื่นๆ เข้าสู่ร่างกาย…

  • หนุ่มรัสเซียเมาพยายามปีนรั้ว แต่พลาดท่า “หรรมส์” เสียบเสาเหล็ก จนหลุดไปทั้งยวง!!

    หนุ่มรัสเซียเมาพยายามปีนรั้ว แต่พลาดท่า “หรรมส์” เสียบเสาเหล็ก จนหลุดไปทั้งยวง!!

    ถึงจะเมาแค่ไหน ก็ไม่ควรเมาจนขาดสติและต้องควบคุมตนเองให้ได้ มิเช่นนั้นคุณอาจจะต้องเสียใจไปตลอดกาล… เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับชายชาวรัสเซียคนหนึ่ง ซึ่งขอไม่ระบุชื่อแล้วกัน เมื่อเขาเมาแล้วพยายามปีนรั้วจนเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันแบบนี้!?!     ไม่มีใครรู้ว่าอะไรดลใจให้เขาพยายามปีนรั้วสูงขนาดนั้น เขาไม่ได้ทำผิดหรือหนีอะไรมา แต่อาจจะเพราะความเมาทำให้เขาปีนรั้วแบบที่ไม่มีใครคิดจะทำ ใครจะไปรู้ว่าระหว่างที่เขากำลังพยายามปีนรั้วอยู่นั้น ด้วยความเมาจึงทำให้เขาพลาดท่า “หรรมส์” ไปเสียบกับเหล็กตรงกลางรั้วเข้าพอดี!!! แต่มันไม่ใช่แค่นี้น่ะสิ ถ้าเกิดแบบนี้ขึ้นหลายๆ คนอาจจะพยายามทำให้มันหลุดออก แต่เมื่อเขาตัดสินใจกระโดดลงจากรั้วแต่น้องหรรมส์เจ้ากรรมไม่ยอมหลุดลงมาด้วย มันหลุดออกไปทั้งยวงและเสียบอยู่คาเหล็กนั่นแหละ     ชายคนนั้นได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดราวกับว่าโลกของเขามันสิ้นสุดลงแล้ว  ชาวบ้านที่อยู่บริเวณรอบๆนั้นวิ่งเข้าไปช่วยชายคนนั้นไปโรงพยาบาลหวังว่าจะช่วยต่อหรรมส์ของเขาให้ยังใช้งานได้อยู่ แต่มันไม่ทันแล้ว เมื่อหรรมส์ที่หลุดออกมานั้นอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เกินไป จนไม่สามารถต่อและกลับมาใช้งานได้อีก… ซึ่งกรณีที่หรรมส์หลุดจนไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ เกิดเมื่อปีที่แล้วอีกกรณีหนึ่ง เมื่อชายชาวฮอนดูรัสได้ใช้เซ็กส์ทอยแบบโฮมเมดที่ทำมาจากขวดพลาสติกติดไว้ที่กระปู๋ของเขาเป็นเวลา 4 วัน จนกระทั่งมันเริ่มเน่าและเปลี่ยนเป็นสีดำ แต่เมื่อไปโรงพยาบาลมันก็ไม่ทันเสียแล้ว จึงต้องจำใจโบกมืออำลากระปู๋ตัวเอง บ๊ายบาย เกิดมามีจู๋แค่อันเดียวก็รักษามันไว้ให้ดีดีนะ ขาดไปจะเอาไรมาใช้ล่ะ!!   ที่มา  ladbible

  • Rihanna โพสต์ภาพสวยๆ เกร๋ๆ ลงในไอจี ไม่วายแฟนๆ ดันไปโฟกัสที่เล็บซะงั้น!?

    Rihanna โพสต์ภาพสวยๆ เกร๋ๆ ลงในไอจี ไม่วายแฟนๆ ดันไปโฟกัสที่เล็บซะงั้น!?

    นักร้องเสียงดีอย่าง Rihanna นั้น เวลาจะทำอะไรเธอก็มักจะถูกจับตามองจากสื่อและปาปารัซซี่มากมาย ไม่เว้นแม้แต่ชาวเน็ต เมื่อล่าสุดเธอได้โพสต์ภาพตัวเองด้วยชุดคานิวาลสุดเซ็กซี่ แต่คนดันไม่ได้สนใจจุดนั้นเลย… ภาพดังกล่าวนั้นถูกโพสต์ลงบนอินสตาแกรม badgalriri ซึ่งก็เป็นอินสตาแกรมของตัวเธอเอง โดยเธอได้ร่วมงาน Barbados Crop Over 2017 ซึ่งเธอก็ได้ใส่ชุดสวยๆ พร้อมถ่ายภาพเกร๋ๆ มากให้แฟนๆ ได้ดูกัน     แน่นอนว่าภาพของเธอนั้นแหล่มเป็ดมากๆ แต่ชาวเน็ตกลับไม่ได้โฟกัสอย่างตรงจุด พวกเขากลับสังเกตเห็นว่าเล็บของแม่ห่านนั้นมีสองแฉกไปซะได้ เอ้า!! งานนี้ก็เรียกว่าโฟโต้ช็อปเฟลสุดๆ ซึ่งชาวเน็ตที่ตาดีไปเห็นก็ได้โพสต์ถามว่า “มีใครเห็นเหมือนผมปะ เล็บ Rihanna มีสองอันอะ” ซึ่งมันก็มีสองอันจริงๆ นะ แต่ชาวเน็ตที่เป็นแฟนของคุณแม่ก็ดูจะไม่พอใจ และออกมาตอบโต้กันใหญ่ทำนองว่า สองแฉกแล้วไง โฟโต้ช็อปแล้วมันทำไม ห๊ะ!!     สงครามแฟนบอยก็ตีกันไปมาอยู่สักพัก จนสุดท้ายประเอกขี่ม้าขาวก็โผล่ออกมา เขาคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน Chris Brown นั่นเอง!! Chris Brown ได้ตอบกลับแฟนๆ ที่ทะเลาะกันแบบคูลๆ ว่า “Rihanna ไม่ต้องการเรื่องแย่ๆ แบบนี้ให้เกิดขึ้นกับชีวิตเธอหรอก เลิกทะเลาะกันแล้วเก็บความรู้สึกแย่ๆ ให้ห่างจากเธอซะเถอะ “   .  …

  • เด็กออทิสติก ถูกเด็กเกเรกลั่นแกล้งเกินกว่าเหตุ…เอาตะปูที่ติดกับไม้กระดานฟาดลงไปบนหัว!!

    เด็กออทิสติก ถูกเด็กเกเรกลั่นแกล้งเกินกว่าเหตุ…เอาตะปูที่ติดกับไม้กระดานฟาดลงไปบนหัว!!

    **คำเตือน เนื้อหามีภาพที่รุนแรง**   การกลั่งแกล้งเด็กออทิสติกหรือคนที่ออนแอ่กว่านั้น ล้วนเกิดขึ้นอยู่ในทุกย่อมหญ้าของโลกใบนี้ ซึ่งการแกล้งของเด็กเกเรนั้น บ้างครั้งมันก็ไม่รุนแรงอาจจะเบาๆ แต่บางครั้งนั้นก็รุนแรงจนรับไม่ได้ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ของเด็กคนนี้… Romeo Smith เด็กชายวัย 9 ขวบ ผู้ป่วยเป็นออทิสติกจากเมืองนอตทิงแฮมเชอร์ ประเทศอังกฤษ โดยเด็กชายได้ถูกกลั่นแกล้งโดยแก๊งเด็กเกเร โดยการแกล้งสารพัดวิธีทั้งทุบตี หรือด่าทอด้วยชื่อและถ้อยคำหยาบคาย     สุดท้ายเด็กชายพยายามวิ่งหนี หรือกระทั่งปีนต้นไม้ก็หนีไม่พ้น จนสุดท้ายเมื่อเด็กชายพยายามวิ่งหนี แต่ก็ได้มีเด็กเกคนหนึ่งก็โยนแผ่นไม้ใส่ Romeo แต่ที่แย่กว่าแผ่นไม้คือ มันดันมีตะปูติดมาด้วยและมันก็ติดหนึบอยู่กับหัวเขาทันที     ตะปูที่แผ่นไม้นั้นมีความยาวมากพอที่จะเจาะทะลุหัวของเขา และฝั่งเข้าไปถึงกระโหลกและติดหนึบไม่หลุดไปไหน แต่โชคยังดีที่เด็กชายไม่ถึงกับขาดสติ เขายังสามารถเดินกลับไปที่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือจาก Natasha ผู้เป็นแม่ได้ในสภาพที่ตะปูยังติดอยู่กับหลังหัวของเขา     ยังไงก็ตามเด็กชายก็ถูกนำส่งตัวไปรักษาทันที โชคยังดีที่ตัว Romeo ไม่เป็นอะไร แม้สภาพที่เห็นจะหน้ากลัวมากๆ ก็ตาม แต่ยังไงซะการกระทำนี้ก็ถือว่าเกินกว่าเหตุมากๆ     ด้านคุณแม่ของเขาก็บอกว่า นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกชายถูกรังแก บางครั้งแค่เดินกลับบ้านกับคุณพ่อของเขา แค่แว๊บเดียวเขาก็หายไป และเขาก็ยังถูกเรียกไปกลั่นแกล้งบ่อยๆ และด้วยความที่เป็นออทิสติก เขาก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติหรือปฏิเสธเด็กเกพวกนี้ได้อย่างถูกต้องนั่นเอง     สุดท้ายแล้ว ทางครอบครัวก็ไม่รู้ว่าเด็กเกเรดังกล่าวเป็นใคร…

  • สาวถึงกับเงิบ… เมื่อรูปในพาสปอร์ต ถูกปริ๊นท์ยืดออกเป็นสาวหัวสูง แบบนี้จะผ่านมั้ยเนี่ย!!?

    สาวถึงกับเงิบ… เมื่อรูปในพาสปอร์ต ถูกปริ๊นท์ยืดออกเป็นสาวหัวสูง แบบนี้จะผ่านมั้ยเนี่ย!!?

    เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าหากทำพาสปอร์ต คุณจะต้องให้รูปถ่ายกับตัวจริงเหมือนกันมากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเวลาเดินทางข้ามประเทศ แม้ว่ารูปถ่ายในนั้นอาจจะดูทำร้ายเราไปบ้างก็ตาม… อย่างคู่รัก Chelsey Ramos และ Reece Lagunas รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังจะเดินทางไปฉลองวันเกิดครบ 30 ปี ของฝ่ายชายที่ประเทศเยอรมนี ซึ่ง Lagunas ต้องทำพาสปอร์ตเป็นเล่มแรก ส่วนแฟนสาวก็ต้องทำเล่มใหม่เพื่อเตรียมพร้อมกับทริปที่กำลังจะถึงนี้   Chelsey Ramos และแฟนหนุ่ม Reece Lagunas   ฟังดูก็เป็นเรื่องปกติๆ ที่ใครๆ ก็ต้องทำ แต่สำหรับ Chelsey Ramos แล้ว นอกจากต้องใช้รูปหน้าสดติดในพาสปอร์ต ก็ยังเกิดความผิดพลาดขนาดหนัก จนทำให้รูปเธอออกมาหัวสูงกว่าปกติมาก ดูผิดรูปผิดร่างไปหมด   ผ่างงงงงง!! กลายเป็นสาวหัวสูงไปซะแล้ว   Reece Lagunas แฟนหนุ่มของ Chelsey บอกว่าตอนที่แฟนสาวเปิดพาสปอร์ตออกมาเธอถึงกับอุทานออกมา “โอ้วว ให้ตายเถอะ!!” ก่อนจะส่งให้เขาได้ดู.. และเมื่อเขาได้เห็นภาพถ่ายของเธอ ก็อดที่จะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ ถึงกับนำภาพพาสปอร์ตของแฟนสาวไปโพสต์ลงในเว็บบอร์ด Reddit จนกลายเป็นเรื่องตลกขำขันในโซเชียลไปโดยปริยาย   แน่นอนว่าชาวเน็ตได้เห็นปุ๊บ ก็ไม่พลาดที่จะยำรูปของเธอ  …

  • วินาทีสุดซึ้ง ทหารอเมริกันโอบกอด “เด็กน้อยชาวอิรัก” เพื่อปลอบโยนหลังเพิ่งเสียพ่อแม่ไป

    วินาทีสุดซึ้ง ทหารอเมริกันโอบกอด “เด็กน้อยชาวอิรัก” เพื่อปลอบโยนหลังเพิ่งเสียพ่อแม่ไป

    ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ติดตามข่าวคราวสงครามในอิรักมานานมากแล้ว แต่ท่ามกลางไฟสงครามก็มีเรื่องราวซึ้งๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเด็กน้อยชาวอิรัก และทหารอเมริกัน   ภาพที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นภาพของทหารอเมริกันกำลังกอดเด็กน้อยชาวอิรัก ที่เพิ่งผ่าตัดเอากระสุนออกจากหัวได้อย่างสำเร็จ   ภาพดังกล่าวถูกแชร์ต่อออกไปทั่วโลก มีคนเข้ามาให้คำชมเชยแก่นายทหารคนในภาพมากมาย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเบื้องหลังของเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดอะไรขึ้น ย้อนกลับไปในช่วงที่ไฟสงครามยังปะทุอยู่ ครอบครัวของเด็กสาวตัวน้อยถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายปลิดชีพ รวมทั้งตัวเธอเองก็ถูกยิงเข้าที่ศรีษะด้วยเช่นกัน     ระหว่างการผ่าตัดเอากระสุนออกจากกระโหลก มีเพียงจ่าสิบเอก John Gebhardt ผู้ที่ช่วยเหลือหญิงสาวตัวน้อยมาจากสมรภูมิรบเท่านั้น ที่จะสามารถปลอมประโลมให้เธอหยุดร้องไห้ได้ ตลอดเวลาการรักษาตัวจ่าสิบเอก John ไม่คิดจะทิ้งหนูน้อยไว้ให้ห่างกาย ถึงแม้ว่าเขาทั้งสองจะไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน แต่ด้วยหัวอกของความเป็นมนุษย์ก็ทำให้นายจ่าพอตระหนักได้ว่า ตนควรช่วยเหลือเด็กสาวผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ให้ถึงที่สุด     ทุกวันนี้เด็กสาวคนในภาพได้หายจากอาการบาดเจ็บ และกลับไปอยู่อาศัยกับคุณลุงในประเทศอิรักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางด้านของจ่าสิบเอกก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวของตัวเองในครั้งนี้อย่างถ่อมตนว่า “อันที่จริงผมได้รับคำชมที่มากเกินไป ผมเชื่อว่าถ้าเป็นคนอื่นๆ ก็ต้องทำแบบนี้เหมือนกัน และภาพนั่นก็เป็นแค่ภาพสะท้อนเศษเสี้ยวของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสงครามก็เท่านั้น”     “หัวอกของประชาชนทุกคนไม่มีใครอยากอยู่ในสงครามหรอก และผมก็เชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่เราควรจะช่วยกันทำให้โลกนี้มันน่าอยู่ยิ่งขึ้น” จ่าสิบเอกกล่าวปิดท้าย   ถ้าเพื่อนมนุษย์ไม่รักกันเอง แล้วใครจะมารักเราละเนาะ ที่มา: TheChive

  • พนักงานในอินเดียต้อง ‘สวมหมวกกันน็อค’ ระหว่างทำงาน เพราะเพดานอาจถล่มลงได้ทุกเมื่อ…

    พนักงานในอินเดียต้อง ‘สวมหมวกกันน็อค’ ระหว่างทำงาน เพราะเพดานอาจถล่มลงได้ทุกเมื่อ…

    เมื่ออาคารชำรุดเราก็ต้องซ่อมเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่อาศัยอยู่ โดยเฉพาะอาคารสำนักงานที่ต้องรับผิดชอบชีวิตของพนักงานด้วย ก็ยิ่งต้องมีระบบความปลอดภัยที่สูง แต่ทว่าในรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ถึงแม้จะรู้ว่าเพดานอาคารชำรุดและอาจจะร่วงลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ แทนที่จะซ่อมบำรุง หัวหน้ากลับบังคับให้พนักงานใส่หมวกกันน๊อคมาทำงานแทน     คลิปวิดีโอนี้ถูกถ่ายที่ภายในอาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง โดยจะเห็นว่าพนักงานทุกสวมหมวกกันนั่งทำงาน เห็นแว๊บแรกอาจดูตลก แต่พวกเขาทำแบบนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเองต่างหาก หลังจากที่วิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ไป ก็กลายเป็นประเด็นที่สื่อต่างๆ จะหยิบยกมาพูดถึง และเมื่อตรวจสอบก็พบว่าอาคารนี้เป็นอาคารราชการในเมือง Areraj เขต Champaran รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย เจ้าหน้าที่ต้องทำงานในสถานที่ที่เสี่ยงอันตรายแห่งนี้มานานแล้ว แม้จะมีการร้องเรียนไปหลายครั้ง แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ และไม่ยอมย้ายพนักงานไปทำงานในอาคารที่ปลอดภัยด้วย     ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน แผนกก่อสร้างอาคารได้ประกาศให้อาคารแห่งนี้มีความเสี่ยงและไม่เหมาะสำหรับการทำงาน ในขณะที่ Amit Kumar Pandey หนึ่งในพนักงานบอกว่า “ที่ยังไม่ย้าย เพราะยังไม่มีที่อื่นที่เหมาะสำหรับจะเป็นสำนักงานได้” แต่ยิ่งปล่อยไว้นานเข้าๆ อาคารก็ยิ่งทรุดโทรมหนักขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากฝนตกจนอาคารรั่วซึม จนบางครั้งก็ทำให้อุปกรณ์ในสำนักงานและเอกสารต่างๆ ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ได้มีการร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่อาวุโสหลายท่าน แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดผลหรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ และการที่พวกเขาต้องใส่หมวกกันน๊อคไม่ใช่เพราะน้ำรั่วซึม แต่เป็นเพราะมีเศษปูนหล่นลงมาใส่หัวของพนักงานในบางครั้ง และคาดการณ์ไม่ได้ว่ามันจะหล่นลงมาอีกเมื่อไหร่     Parvez Ahmad หนึ่งในผู้ที่ทำงานในอาคารหลังนี้บอกว่า “อาคารนี้ค่อนข้างเก่ามาก กำแพงและอาคารก็เสื่อมสภาพจนทำให้น้ำรั่วซึมเข้ามาบ่อยๆ และมันสามารถถล่มลงมาได้ทุกวัน”…

  • ชาวเน็ตอกสั่นขวัญหาย!! หลังเห็นภาพคุณพ่อ “เล่นหวาดเสียว” กับลูกน้อยวัย 6 เดือน

    ชาวเน็ตอกสั่นขวัญหาย!! หลังเห็นภาพคุณพ่อ “เล่นหวาดเสียว” กับลูกน้อยวัย 6 เดือน

    การปล่อยเจ้าตัวเล็กไว้กับคุณพ่อ อาจจะเป็นหนทางสุดท้ายที่เหล่าคุณแม่จะยอมทำแน่ๆ ถ้าหากไม่จำเป็น เพราะบ่อยครั้งที่เราเห็นคุณพ่อนั้นมักจะหากิจกรรมแปลกๆ และน่าหวาดเสียวๆ มาเล่นกับลูกน้อยบ่อยๆ แต่ไม่ว่าจะน่ากลัวแค่ไหนก็คงเทียบกับคุณพ่อท่านี้ไม่ได้แน่ๆ หนุ่มผู้เรียกตัวเองว่า Roman R. ได้อัพโหลดคลิปวิดีโอ การเล่นกับลูกน้อยของเขาลงบนโลกอินเตอร์เน็ต แต่ดูเหมือนว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้หลายๆ คนอาจจหัวใจวายได้ เพราะพี่แก่เล่นจับลูกน้อยออกมาด้านนอกรถและขับออกไปด้วยความเร็วสูง     และนี่คือวิดีโอการเล่นหวาดเสียวของคุณพ่อท่านนี้   จากรายงานของสื่อท้องถิ่นบอกว่าเจ้าหนูนั้นอายุเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น และนอกจากการเล่นหวาดเสียวแบบคลิปวิดีโอด้านบนแล้ว ชายหนุ่มท่านนี้ยังได้เล่นพิเรนๆ กับลูกน้อยอีกอย่างเช่นการจับเจ้าหนูห้อยหัวและยื่นออกไปด้านนอกตึก ทำเอาผู้ที่เห็นภาพถ่ายดังกล่าวหัวใจแทบวาย สำนักข่าว Siberian Times รายงานว่าภาพถ่ายและคลิปวิดีโอเหล่านี้ถูกถ่ายในเมือง Zelenogorsk ประเทศรัสเซีย ชายกล่าวผ่านแคปชั่นของภาพน่าหวาดเสียวเหล่านั้นว่า “มองโลกจากมุมที่แตกต่างออกไป”      และแล้วชายหนุ่มก็ได้มองเห็นมุมที่แตกต่างจากเขา เมื่อชาวเน็ตต่างไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวและเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ชาวเน็ตท่านหนึ่งกล่าวว่าเขาอาจจะป่วยหรืออาจจะมีสติไม่ดีก็ได้ที่ทำแบบนี้ และตอนนี้หลายๆ คนก็กำลังเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ที่มา metro

  • สมควรแล้วหรือ? ชาวเน็ตจวกยับ หลังเห็นภาพเด็กสูบบุหรี่ มีผู้เป็น ‘พ่อ’ คอยสอนโดยอ้างว่ารัก…

    สมควรแล้วหรือ? ชาวเน็ตจวกยับ หลังเห็นภาพเด็กสูบบุหรี่ มีผู้เป็น ‘พ่อ’ คอยสอนโดยอ้างว่ารัก…

    กลายเป็นเสียงวิพากษ์วิจารย์บนโลกออนไลน์อีกครั้ง หลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพสุดช๊อคของเจ้าหนูน้อย ที่กำลังหัดสูบบุหรี่ โดยที่พ่อของเธอเป็นคนสอนให้!! ภาพของสาวน้อยถูกแชร์ลงบนโลกอินเตอร์เน็ตโดยชายผู้หนึ่ง ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นพ่อของเธอ และอาศัยอยู่ในประเทศบัลแกเรีย ชายหนุ่มโพสต์รูปของลูกสาวพร้อมกับข้อความบอกว่า “รู้สึกรัก” แต่ดูเหมือนว่าชาวเน็ตจะไม่คิดแบบนั้น…     และหลังจากที่ภาพดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับทางด้านลบจากชาวเน็ต ชายผู้เป็นพ่อก็ได้ลบรูปภาพนั้นออกไป แต่ถึงจะลบไปแล้ว ก็ไม่อาจรอดพ้นฝีมือของนักขุดในตำนานได้ ชาวเน็ตได้พากันค้นหาภาพเก่าๆ จากบัญชีสื่อโซเชียลของเขา และพบว่ามีอีกหลายภาพที่เขาพยายามสอนลูกให้สูบบุหรี่ โดยหนึ่งในภาพที่ชาวเน็ตค้นเจอ เป็นภาพของเด็กชายตัวน้อยที่กำลังคาบบุหรี่ไว้ในปาก และอีกภาพก็เป็นเด็กชายคนเดิมกำลังสูบบุหรี่พร้อมกับนั่งบนตักของหญิงสาวที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่ด้วย     นอกจากภาพเด็กสูบบุหรี่แล้ว ชาวน็ตยังพบภาพไม่เหมาะสมของเด็กน้อย ที่ปรากฏอยู่ในบัญชีสื่อโซเชียลของชายคนดังกล่าวอีกเพียบ แต่อย่างไรก็ตามภาพเหล่านั้นก็ถูกลบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว… หลายๆ คนได้รายงานความไม่เหมาะสมต่อภาพดังกล่าว และหลายๆ คนก็ได้ตามกันไปถล่มหน้าโปรไฟล์ของชายผู้เป็นพ่ออย่างคับคั่ง หนึ่งในคอมเม้นต์จากชาวเน็ตบอกว่า “บอกฉันทีจะรีพอร์ตภาพพวกนี้ได้ยังไง นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้วนะ!!” ในขณะที่บางคนก็บอกว่า “น่าสงสารเด็กจริงๆ”     นอกจากนี้ชาวเน็ตยังสงสัยว่าชายหญิงคู่นี้เป็นพ่อแม่ของเด็กน้อยทั้งสองคนจริงๆ หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม #เหมียวเวจจี้ คิดว่าบุหรี่ไม่น่าจะใช่ของเล่นหรือขนมสำหรับเด็กเลยนะ ยังมีอะไรที่ดีกว่านี้อีกตั้งเยอะแยะเลย… ที่มา mirror

  • ชาวมะกันตะลึง!! พบวัตถุขนาดใหญ่รูปร่างคล้าย “ไก่+ประธานาธิบดี” โผล่ข้างทำเนียบขาว

    ชาวมะกันตะลึง!! พบวัตถุขนาดใหญ่รูปร่างคล้าย “ไก่+ประธานาธิบดี” โผล่ข้างทำเนียบขาว

    กลายเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก เมื่อจู่ๆ ก็มีตุ๊กตาคล้ายกับท่านประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โผล่ออกมาตั้งอยู่กลางทำเนียบขาว แต่เจ้าตุ๊กตาที่ว่านั้นไม่ใช่ธรรมดานะพวกเธอ มันคือไก่ขนาดยักษ์ที่มีทรงผมและหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบ!! ตุ๊กตายักษ์ขนาด 7 เมตรตั้งอยู่ ในสนามหญ้าใกล้ๆ กับทำเนียบขาวและอนุเสาวรีย์วอชิงตัน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เจ้าไก่ตัวนี้ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับผมสีทองและหนวด ซึ่งดูยังไง๊ยังไงนี่มัน Donald Trump ชัดๆ     ในขณะนี้ยังไม่มีใครทราบที่มาที่ไปของเจ้าไก่ยักษ์ตัวนี้แต่อย่างใด แต่จากรายงานดูเหมือนว่าเจ้าไก่ตัวนี้จะเป็นตัวเดียวกันกับที่ใช้ประท้วงในวัน Tax Day ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้มีการทบทวนนโยบายการคืนภาษีบุคคล อันที่จริงแล้วตุ๊กตาไก่ยักษ์นั้นถูกใช้เฉลิมฉลองในงานเทศกาลขึ้นปีใหม่ของจีน แต่มันกลับถูกนำมาตกแต่งเป็นหน้าประธานาธิบดีคนดังก่อนที่จะกลายเป็นข่าว     แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายสำหรับผู้ประท้วง เพราะท่านประธานาธิบดีนั้นไม่ได้อยู่ในทำเนียบขาว เนื่องจากอยู่ในระหว่างการออกรอบที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ งานนี้นาย Donald Trump เลยอดชื่นชมความสวยงามของตุ๊กตาไก่ไปเลย     ผู้คนต่างให้ความสนใจกับเจ้าไก่ยักษ์ที่ตั้งตะหง่านอยู่ใกล้ๆ ทำเนียบขาว   ผู้คนที่ได้พบเห็นเจ้าไก่ ต่างอัพเดทภาพของมันลงบนอินเตอร์เน็ต   ใครบอกว่า Trump ไม่อยู่ที่ทำเนียบกัน ฮ่าๆ   และสำหรับแฟนคลับที่ชื่นชอบเจ้าตุ๊กตาตัวนี้สามารถเลือกซื้อได้ทางเว็บไซต์ e-bay โดยสนนราคาที่ 500 เหรียญหรือประมาณ 16,600 บาทเท่านั้นเอง!! ฮ่าๆ…

  • คู่รักซานฟรานซิสโกซื้อถนนในราคาแค่ 3 ล้านบาท เล่นเอาบ้านเศรษฐีบริเวณนั้นเงิบเป็นแถบๆ

    คู่รักซานฟรานซิสโกซื้อถนนในราคาแค่ 3 ล้านบาท เล่นเอาบ้านเศรษฐีบริเวณนั้นเงิบเป็นแถบๆ

    การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์สักอย่างหนึ่งนั้น โดยปกติเราจำเป็นจะต้องมีเงินทุนอะไรสักอย่างมากพอที่นำมาลงทุน ยิ่งการซื้อคฤหาสน์ในชุมชนคนมีเงินสักหลังยิ่งต้องมีเงินจำนวนมากเลยทีเดียว แต่เรื่องราวในครั้งนี้มันกลับอีปิคยิ่งกว่า เมื่อคู่รักชาวเอเชียจากซานฟรานซิสโก ได้ลงทุนซื้อถนนแห่งหนึ่งในชุมชนคนมีตังในราคาเพียงแค่ราวๆ 3 ล้านบาทเท่านั้น!!?   ภาพของชุมชนดังกล่าว คฤหาสน์เพียบ!!   ถนนดังกล่าวนั้นเป็นถนนที่ทางคณะกรรมการที่ดินเป็นเจ้าของ ทว่าพวกเขากลับไม่ยอมจ่ายภาษีถนนเส้นนี้เป็นเงินแค่ราวๆ 33,000 บาท ตลอด 30 ปี ถนนก็เลยหลุดและถูกนำวางขายจนคู่รักดังกล่าวสนใจและเข้ามาซื้อไป Tina และ Michael คู่รักดังกล่าวได้ให้สัมภาษณ์ถึงการซื้อถนนครั้งนี้ว่า พวกเขาตัดสินใจซื้อถนนเส้นดังกล่าวเมื่อปี 2015 ด้วยความคิดที่ว่า พวกเขาอยากจะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์อะไรสักอย่างในซานฟรานซิสโก แล้วก็ดันไปเจอเข้ากับถนนบริเวณ Presidio Terrace และมันก็กำลังถูกประมูล พวกเขาก็เลยสนใจและซื้อมาซะเลย   โฉมหน้าของคู่รักดังกล่าว ผู้ชนะประมูลถนนและกลายเป็นเจ้าของถนนชุมชนคนมีตังกันแบบงงๆ   สิทธิ์ที่ทั้งคู่ได้จากการซื้อถนนบริเวณดังกล่าวนั้นก็คือ พวกเขากลายเป็นเจ้าของถนน ต้นไม้ ทางเท้า และอื่นๆ ที่อยู่บนถนนทั้งหมด ทำให้ทั้งคู่มีสิทธิที่จะเก็บค่าจอดรถคนแถวนั้นได้สบายๆ   แถวนั้นก็มีรถจอดเพียบ ถ้าเก็บตังรายเดือนรายปี สบายเลย   แต่ที่พีคกว่าคือรอบๆ ถนนดังกล่าวที่ทั้งคู่เจ้าของเป็นคฤหาสน์มูลค่ากว่า 170 ล้านบาท จำนวน 40 หลังอยู่เรียงกันเป็นตับล้อมรอบถนนของพวกเขา ที่สำคัญกว่าเหล่าคนมีเงินพวกนี้จะรู้ว่าถนนหน้าบ้านโดนซื้อไปมันก็ผ่านไปสองปีนับจากคู่รักซื้อไปแล้ว…

  • Costa Rica ตั้งเป้าจะเป็นประเทศแรกที่ “แบนการใช้พลาสติก” เพื่อลดปัญหาโลกร้อน

    Costa Rica ตั้งเป้าจะเป็นประเทศแรกที่ “แบนการใช้พลาสติก” เพื่อลดปัญหาโลกร้อน

    ปัญหาสภาวะโลกร้อนนั้นถือเป็นปัญหาระดับโลก ที่ตอนนี้ทุกชาติและทุกภาคส่วนต้องช่วยกันแก้ไข แน่นอนว่าหลากหลายชาติก็มองเห็นพร้อมกับยื่นมือเข้ามาช่วยในหลายส่วนแล้ว แต่สำหรับประเทศ Costa Rica มันสำคัญกว่านั้น เพราะพวกเขาเลงเห็นว่าปัญหานี้มันใหญ่เกินกว่าจะแก้ทีละนิด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นายกกระทรวงสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ออกมาประกาศว่าพวกเขาจะเป็นประเทศแรกที่ยกเลิกการใช้พลาสติก!!     อย่างที่เรารู้กันดีว่า พลาสติกนั้นเป็นขยะที่ใช้เวลาในการย่อยนานมากๆ และมันก็สร้างมลพิษที่เยอะพอสมควรเลย  โดยเฉพาะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งไม่มีการรีไซเคิล ทาง Costa Rica จึงคิดว่าควรจะเร่งดำเนินการดังกล่าวให้ไวที่สุดภายในปี 2021 จากบันทึกได้รายงานว่า ในแต่ละปีประเทศ Costa Rica ได้ผลิตขยะจำนวนมากถึง 4,000 ตัน และ 1 ใน 5 ส่วนของขยะก็ไม่เคยถูกเก็บกวาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งมันสร้างปัญหาให้กับธรรมชาติทั้งทะเลและป่าไม้     ด้านทางการก็บอกว่า พวกเขาตั้งเป้าหมายไว้แล้ว ทว่าแค่รัฐอย่างเดียวไม่สามารถจะจัดการปัญหานี้ได้ทั้งหมด เขาจึงต้องขอความร่วมมือจากประชาชนของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เด็กหรือคนแก่ก็ตาม ทุกคนต้องช่วยกัน     ซึ่งถ้าพวกเขาสามารถทำได้จริง ประเทศนี้จะกลายเป็นประเทศผู้นำอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นพวกเราก็คงต้องช่วยกันเพื่อให้ไม่น้อยหน้า Costa Rica แล้วล่ะ…   ที่มา greenmatters

  • สุดสยอง!! เมื่อนกนางนวลจิกกัดนกพิราบจนตาย ก่อนจะกลืนกินลงไปทั้งตัว ราวกับปีศาจ

    สุดสยอง!! เมื่อนกนางนวลจิกกัดนกพิราบจนตาย ก่อนจะกลืนกินลงไปทั้งตัว ราวกับปีศาจ

    หลายคนอาจจะเคยใกล้ชิดหรือเคยให้อาหารเหล่านกนางนวลตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ พวกมันเป็นนกสีขาวที่ดูแล้วสะอาดตา ให้ความรู้สึกสบายอกสบายใจ หากคุณรู้สึกเช่นนั้น อาจจะเป็นคุณยังไม่เคยเห็นด้านมืดของนกนางนวล เพราะเบื้องหลังความงดงามเหล่านั้น พวกมันสามารถกลืนกินนกตัวอื่นๆ ได้ทั้งตัว ราวกับปีศาจ!!     คลิปที่เราได้ดูไปนี้ เป็นเหตุการณ์สยดสยอง ที่บันทึกได้จากเมืองหลวงของกรุงโรม ประเทศอิตาลี… มันเริ่มขึ้นเมื่อเจ้านกนางนวลพยายามจู่โจ่มนกพิราบกลางอากาศ สักพักนกพิราบก็ตกลงมา เจ้านกปีศาจไม่รอช้า รีบบินลงไปตามเพื่อจัดการเหยื่อต่อ มันจิกกัดนกพิราบจนตายก่อนที่จะกลืนเหยื่อลงทั้งตัว และนี่คงไม่ใช่ภาพที่เราเห็นกันบ่อยๆ แน่…     ใครจะคิดว่าปากเล็กๆ ของมันจะสามารถกลืนเหยื่อที่มีขนาดเล็กกว่ามันเพียงนิดเดียวลงไปได้… นางนวลผู้หิวโหยเริ่มจากการงอตัวเหยื่อ จากนั้นมันก็ยกเชิดคอขึ้น แล้วค่อยๆ กลืนลงไปทีละนิดๆ จนกระทั่งนกพิราบทั้งตัวหายเข้าไปในปากของมันอย่างเหลือเชื่อ     หลังจากที่คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ไป ผู้คนจำนวนมาได้เข้ามาแสดงความคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์สุดสยองนี้ หลายคนมองว่ามันเป็นด้านมืดของนกนางนวลที่เราไม่ค่อยได้เห็น แต่มันอาจจะเป็นเรื่องปกติในฝูงพวกมันก็ได้ ในขณะที่บางมองว่ามันทำแบบนี้เพราะคงจะหิวมากจริงๆ เนื่องจากนกนางนวลที่เราคุ้นมันจะค่อยๆ กิน และปากมันก็เล็กมาก ดังนั้นถ้ามันไม่หิวจริงๆ ก็คงไม่ถึงกับกลืนเหยื่อทั้งตัวในครั้งเดียวแบบนี้     ด้านมืดของนกนางนวลที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น   เหยื่อค่อยๆ ถูกกลืนลงไปทีละน้อยๆ   สายตาแห่งความเป็นปีศาจของนกนางนวลผู้หิวโหย   ไม่ใช่แค่นก ก่อนหน้านี้ก็มีคนเคยเห็นนกนางนวลกลืนหนูทั้งตัวมาแล้ว  …

  • ไม่ต้องซื้อเผื่อโต… ‘Petit Pli’ นวัตกรรมเสื้อผ้าเด็ก ขยายขนาดได้ แถมกันน้ำกันฝนได้อีก!!

    ไม่ต้องซื้อเผื่อโต… ‘Petit Pli’ นวัตกรรมเสื้อผ้าเด็ก ขยายขนาดได้ แถมกันน้ำกันฝนได้อีก!!

    ในช่วงวัยเจริญเติบโต นอกจากอาหาร การกินแล้ว พ่อแม่ต้องเสียเงินไม่น้อยสำหรับการซื้อเสื้อผ้าให้ลูก เพราะเด็กๆ จะโตขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่มีขนาดดีพอดีกับตัวลูกอย่างสม่ำเสมอ แต่จะดีแค่ไหนถ้าถ้าพ่อแม่ไม่ต้องซื้อชุดใหม่ โดยที่เสื้อผ้านั้นมีขนาดพอดีกับตัวลูกอยู่ตลอด อย่างเช่น Petit Pli เสื้อผ้าเด็กที่สามารถขยายขนาดได้ แม้ว่าตัวลูกจะโตแค่ไหนก็ตาม…     ทุกอย่างมันเริ่มขึ้นเมื่อ Ryan Mario Yasin ได้เลือกซื้อเสื้อผ้าให้หลาน แต่กว่าจะได้มอบให้เป็นของขวัญ หลานชายก็โตเกินจะใส่เสื้อผ้าเหล่านั้นได้แล้ว…     Yasin เริ่มตระหนักว่า กระบวนการออกแบบเสื้อผ้าเด็กมันล้าหลังไปหรือ เพราะเด็กโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วทำไมต้องแต่งกายตัวเสื้อผ้าตัวเล็กๆ และทำไมต้องซื้อใหม่เรื่อยๆ ซึ่งเป็นการใช้จ่ายที่ดูจะฟุ่มเฟือยไปหน่อย แล้วทำไมเราไม่ออกแบบเสื้อผ้าเฉพาะที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเด็กแทนล่ะ?     เขาบอกว่า “ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน เด็กจะโตเกินกว่าเสื้อผ้าของพวกเขา แต่เราก็ยังให้พวกเขาใส่เสื้อผ้าแบบเด็กๆ อยู่ แล้วทำไมไม่ให้พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะกับวัยเจริญเติบโตล่ะ” ด้วยเหตุนี้ Yasin จึงได้ออกแบบเสื้อผ้าในแบรนด์ Petit Pli สำหรับเด็ก โดยใช้ผ้าที่มีลักษณะเป็นจีบ มีความเบาแต่ทนทานสูง     เสื้อผ้า Petit Pli นอกจากขยายได้แล้ว มันยังมีคุณสมบัติกันน้ำกันฝนได้ด้วย แต่เสื้อผ้านี้ยังไม่ได้ผลิตขายอย่างเป็นทางการ เพราะเขายังรอการลงทุนอยู่ ถ้าเพื่อนๆ อยากให้มีเสื้อผ้าเด็กแบบนี้ขาย…

  • 30 ภาพความลงตัว ที่ไม่รู้บังเอิญหรือตั้งใจ แต่มันช่างแม็ทช์กันได้แบบเป๊ะๆ ซะเหลือเกิน

    30 ภาพความลงตัว ที่ไม่รู้บังเอิญหรือตั้งใจ แต่มันช่างแม็ทช์กันได้แบบเป๊ะๆ ซะเหลือเกิน

    เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่ากิ้งก่าจะเปลี่ยนสีให้เข้าสภาพแวดล้อมเพื่อที่การอำพรางตัว แต่บางครั้งมนุษย์เราก็ไม่ต่างจากกิ้งก่าสักเท่าไหร่นะ โดยเฉพาะการแต่งตัว ไม่ว่าจะตั้งหรือบังเอิญ แต่ภาพต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่า บางทีเสื้อผ้าที่เราใส่มันช่างเอื้อต่อการอำพรางตัวเหลือเกิด เพราะมันดันไปเหมือนสิ่งที่อยู่รอบตัวแบบเป๊ะๆ ราวกับนัดแนะกันไว้   1. ถุงเท้าที่บังเอิญเหมือนพรมเป๊ะ   2. นี่ตั้งใจพิมพ์ลายถ้วยให้เหมือนเสื้อหรือเปล่านะ   3. ลายรองเท้ากับที่ชั้นวางมันช่างแมทช์กันเสียจริงๆ   4. กลมกลืนกันไปอีก   5. มองแว๊บแรก นึกว่าคนเท้าสั้น   6. พิชซ่ากับลายโต๊ะ อืม อาจจะเผลอกินโต๊ะแบบไม่รู้ตัว   7. มาเล่นซ่อนหากันดีกว่า หาซิ๊ มือถืออยู่ไหน?   8. แม็ทช์กันอย่างกับนัดกันไว้   9. กระเป๋าตังกับเบาะรถ   10. แม้แต่สีผิวยังกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม   11. นี่คนหรือกิ้งก่า อำพรางตัวได้ด้วยเสื้อผ้า   12. เพิ่งรู้ว่าแมลงปอพรางตัวได้ด้วย   13. บนพื้นมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อยู่ หาเจอมั้ย?…

  • สื่อนอกเผยภาพจาก “เกาหลีเหนือ” เมื่อประชาชนลุกฮือ.. หลังผู้นำมีปากเสียงกับทรัมป์!!

    สื่อนอกเผยภาพจาก “เกาหลีเหนือ” เมื่อประชาชนลุกฮือ.. หลังผู้นำมีปากเสียงกับทรัมป์!!

    แม้ว่าคนส่วนใหญ่ทั่วโลกจะมองว่า ‘เกาหลีเหนือ’ เป็นประเทศที่ไม่น่าอยู่ และไม่น่าคบหา แต่ทว่าประชากรส่วนใหญ่ของพวกเขากลับออกมาแสดงถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อตัวผู้นำรุ่นปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้เราจะขอพาทุกคนไปชมภาพถ่ายจากสำนักข่าว Reuters กับเหตุการณ์เมื่อประชาชนต่างออกมารวมตัวกันที่ลานจตุรัส คิม อิล ซุง เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา     ประชาชนนับแสนคนต่างออกมารวมตัวกันที่ใจกลางกรุงเปียงยาง   จากภาพน่าจะแสดงให้เห็นได้ว่า ประชาชนต่างสนับสนุนแนวคิดการทำสงคราม และการต่อต้านชาติตะวันตกอย่างสุดขั้ว   ไม่ว่าจะเป็นการชูป้ายเพื่อเป็นสัญลักษณ์ รวมถึงการชูกำปั้นมือขวาขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงความโกรธเกรี้ยว   ในกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะได้สวมชุดทางการสีขาว – ดำ โดยจะนั่งดูการเดินขบวนจากชนชั้นแรงงานอยู่บนอัฒจันทร์   นับว่าเป็นการออกมารวมตัวครั้งใหญ่ของประชาชนเกาหลีเหนือเลยก็ว่าได้   จากประเด็นสงครามน้ำลายที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ต้นปี ดูเหมือนว่าจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะล่าสุดเกาหลีเหนือก็ได้ออกมาประกาศว่า พวกเขาพร้อมที่จะยิงขีปนาวุธใส่เกาะกวม   ซึ่งเกาะกวมเป็นพื้นที่เกาะที่ยังไม่ได้ปกครองตนเองของสหรัฐฯ และมีการตั้งฐานทัพทางทหารไว้ที่เกาะแห่งนี้ด้วย   ซึ่งเราก็คงต้องจับตาดูสถานการณ์โลกกันต่อไปว่า… สุดท้ายทั้งหมดนี้จะเป็นแค่การยั่วกันไปมาของสองฝ่าย หรือจะเป็นการนำมาซึ่งสงครามจริงๆ . ที่มา: Dailymail

  • สาวถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเหยื่อโดนน้ำกรดสาด ที่จริงแล้วเธอป่วยเป็นโรค จนทำให้ไม่มีแขน

    สาวถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเหยื่อโดนน้ำกรดสาด ที่จริงแล้วเธอป่วยเป็นโรค จนทำให้ไม่มีแขน

    เรื่องราวของ Myra Ali สาววัย 29 ปี กับตลอดช่วงชีวิตของเธอที่ถูกคนรอบตัวเข้าใจผิด คิดว่าเธอเป็นเหยื่อของการโดนน้ำกรดสาด ซึ่งแท้จริงแล้วเธอไม่ได้ถูกน้ำกรดสาดแต่อย่างใด ทว่านี่คืออาการป่วยหายากชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ‘โรคตุ่มน้ำพองใสในเด็ก’ ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้ผิวหนังของเธอดูเหมือนถูกน้ำกรดสาดมา   Myra Ali   แม้ว่าอาการป่วยของเธอจะเป็นอาการที่ติดต่อจากรุ่นสู่รุ่น แต่ถึงกระนั้นผู้คนก็มักจะเข้าใจผิดอยู่เสมอว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นสาวงามแต่ถูกน้ำกรดสาด “ต้องยอมรับค่ะ ว่าก่อนหน้านี้ฉันสูญเสียความมั่นใจในตัวเองมากๆ เพราะคนมักจะเข้ามาถามไถ่ว่าฉันไปโดนอะไรมา… ซึ่งฉันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิด ถึงขนาดที่ช่วงหนึ่งฉันต้องคุมแผลทั้งตัวเพื่อออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน” Myra Ali กล่าว     จากอาการป่วยดังกล่าวทำให้เธอสูญเสียมือทั้งสองข้าง   “ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกเจ็บเท้าและมือมากๆ เลย แต่ฉันก็ต้องต่อสู้เพื่อใช้ชีวิตประจำวันต่อไป ทุกวันนี้ฉันไม่สนใจคำนินทาของคนรอบตัวอีกต่อไปแล้ว… เพราะฉันได้รู้แล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเราเอง”   มันไม่ง่ายเลยกับตลอดช่วงชีวิตของเธอ ที่ต้องต่อสู้กับเสียงวิจารณ์จากผู้คนรอบข้าง แต่เธอก็สามารถต่อสู้พากเพียรจนเรียนจบได้   “สิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือ.. หลายคนอาจจะเข้าใจผิดได้ว่าฉันโดนน้ำกรดสาด แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มันเป็นอาการป่วยทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง” เจ้าตัวกล่าวทิ้งท้าย     ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการมั่นใจในตัวเองอีกแล้ว ที่มา: Dailymail

  • หญิงสาวสั่งอาหารในร้านที่บอกว่ารองรับ ‘มังสวิรัติ’ แต่พอเสิร์ฟกลับเหมือนโดนกวนใส่ซะอย่างนั้น!!?

    หญิงสาวสั่งอาหารในร้านที่บอกว่ารองรับ ‘มังสวิรัติ’ แต่พอเสิร์ฟกลับเหมือนโดนกวนใส่ซะอย่างนั้น!!?

    ในยุคสมัยนี้ คนมากมายเริ่มที่จะเปลี่ยนใจจากการเป็นคนกินอาหารปกติสู่วิถีของการเป็น ‘วีแกน’ หรือคนที่กินแต่ผักแทน ซึ่งบางครั้งการออกไปตามหาร้านอาหารประเภทนี้มันช่างหายากซะเหลือเกิน Georgina Jarvis วัย 19 ปี ก็เป็นหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ประสบปัญหานี้เช่นกัน แน่นอนว่าเธอก็เป็นวีแกนคนหนึ่ง และเธอได้ไปพักผ่อนกับครอบครัวที่เมืองโกสตาเดลซอล ประเทศสเปน ซึ่งทั้งหมดได้แวะร้านอาหารที่มีป้ายบอกว่ารองรับวีแกน     พอเห็นแบบนั้น Georgina ก็เลยจัดการสั่งพิซซ่าสำหรับวีแกนมากิน แต่เวลาผ่านไปเมื่อถึงช่วงที่อาหารมาเสิร์ฟจริงๆ ในตัวพิซซ่ากลับมาไข่เป็นส่วนผสมอยู่ แน่นอนว่าวีแกนก็ไม่กินไข่ ทางร้านจึงคิดว่าเธอเรื่องเยอะก็เลยทำการนำอาหารมาเปลี่ยน แต่อาหารที่ว่ากลับเป็นจานที่มีแต่หอมหัวใหญ่และมะเขือเทศเท่านั้น แน่นอนว่านี้มันเป็นเหมือนการหยามกัน แต่เธอก็ไม่ได้เอาผิดอะไรเห็นว่าเออมันตลกดี ด้านน้องสาวของเธอก็เลยทำการถ่ายภาพพร้อมแชร์เรื่องราวลงโซเชียล งานนี้คนก็ให้กระแสตอบรับมากมายเลยล่ะ     แน่นอนว่าหลายคนคงอยากรู้ว่าอาหารจานดังกล่าวมันราคาเท่าไหร่ Georgina ก็บอกว่า ราคามันน่าจะอยู่ที่ราวๆ 270 บาท ถึง 330 บาทเนี่ยแหละ เธอไม่แน่ใจเหมือนกัน ซึ่งมันแพงมากเลยนะ!! ส่วนถ้าใครสงสัยว่า อ้าวงี้แล้ว Georgina ได้กินพิซซ่าไหม คำตอบคือได้…เพราะหลังจากกินอาหารร้านนี้เสร็จ เธอก็ไปตามหาร้านอาหารที่รองรับวีแกนร้านอื่น และร้านนั้นก็เสิร์ฟพิซซ่าวีแกนจริงๆ และมันก็อร่อยมากเลยล่ะ     ที่มา dailymail

  • เด็กวัย 7 ขวบ กับทรงผม ‘หัวปุ๊’ เหมือนเด็กพังค์ ที่จริงๆ แล้วเกิดจากความผิดปกติในร่างกาย

    เด็กวัย 7 ขวบ กับทรงผม ‘หัวปุ๊’ เหมือนเด็กพังค์ ที่จริงๆ แล้วเกิดจากความผิดปกติในร่างกาย

    “ทรงผม” จัดว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของร่างกายที่สามารถใช้บ่งบอกแฟชั่นของตัวบุคคล และทรงผมก็เป็นอะไรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลเท่านั้น เพราะบางคนก็ผมงอ บางคนก็ผมตรง บางคนก็ผมบาง แตกต่างกันไป… สำหรับเด็กน้อย Shilah Yin วัย 7 ขวบที่มีทรงผมสุดแปลกไม่เหมือนใครนี้ หลายคนก็ต้องคิดว่าทรงผมสุดฟูฟ่อง ราวกับเด็กพังค์ของแม่หนูคนนี้ จะต้องมาจากการจัดแต่งแน่ๆ แต่ความจริงมันกลับไม่เป็นอย่างนั้น     Shilah เป็นเด็กสาวที่เกิดในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเธอเกิดมาพร้อมกับโรคสุดประหลาด “Uncombable Hair Syndrome” ซึ่งทำให้หัวของเธอฟูฟ่องไม่เหมือนใคร และถ้าสังเกตเราก็จะรู้ได้ทันทีว่าผมทรงนี้ช่างเหมือนนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังไอน์สไตน์นั่นเอง     ดูแล้วทรงหัวฟูอาจจะแปลกๆ แต่แม่หนู Shilah ก็ดูจะชอบมันพอสมควรเลยล่ะ เพราะมันทำให้เธอดูแปลกตาไม่เหมือนใครแม้เธอจะรู้ว่ามันเป็นโรคแปลกประหลาดก็ตาม แต่ด้วยเสียงตอบรับและกำลังใจจากรอบข้างทุกอย่างจึงเป็นไปได้ด้วยดี     ด้านการดูแลทรงผมนี้นั้น ก็ไม่ได้มีปัญหามากมายเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่หนูน้อยสระผมไม่นานและให้คุณพ่อเป่าผม เพียงแค่ไม่กี่นาทีผมก็จะกลับมาชี้ฟูเหมือนเดิมแล้ว (บอกตรงๆ เท่จริงๆ นะ)   .   ทว่าบางครั้งทรงผมนี้ก็สร้างปัญหา เพราะมันไม่ได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ทุกครั้ง ในบางครั้งมันก็จะจัดทรงยากมากๆ แต่ก็เป็นแค่บางครั้งเท่านั้น ยังไงก็ตามมันก็ไม่ได้สร้างผลเสียอะไรมากมายต่อร่างกายนัก จึงไม่ต้องห่วงอะไรนั่นเอง…   ที่มา odditycentral

  • ผู้ชนะคุกเข่าให้กับผู้แพ้…ความประทับใจก่อนการวิ่งครั้งสุดท้ายของ Usain Bolt

    ผู้ชนะคุกเข่าให้กับผู้แพ้…ความประทับใจก่อนการวิ่งครั้งสุดท้ายของ Usain Bolt

    กลายเป็นภาพที่ฮือฮาไปทั่วโลก หลังการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์โลกประจำปี 2017 ที่ถูกจัดขึ้นที่กรุงลอนดอน โดยในคราวนี้ผู้ที่ได้แชมป์โลกไปครองก็ตกเป็นของ ‘Justin Gatlin’ นักกีฬาสัญชาติอเมริกัน ทว่านอกเหนือจากชัยชนะในครั้งนี้ ได้เกิดสิ่งที่น่าประทับใจมากกวานั้นขึ้น เพราะถ้าใครได้ติดตามข่าวคราววงการกรีฑาคงทราบดีว่า Justin Gatlin เป็นนักกีฬาอีกคนหนึ่งที่พยายามจะเอาชนะสถิติของราชันย์ฝีเท้า Usain Bolt มาโดยตลอด   และในความสำเร็จครั้งนี้ เขาก็ไม่ลืมที่จะคุกเข่าเพื่อแสดงความเคารพต่อ Usain Bolt ผู้ที่เป็นทั้งคู่แข่ง และเป้าหมายที่ทำให้เขามาถึงทุกวันนี้ได้   โดยสถิติโลกที่ครั้งหนึ่ง Usain Bolt เคยทำไว้เมื่อปี 2009 ในรายการวิ่ง 100 เมตรชาย ด้วยเวลาเพียง 9.58 วินาที (ในปีนั้น Justin Gatlin ทำได้แค่ 9.74 วินาทีเท่านั้น) และจากการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ London Stadium ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าความฝันของ Justin Gatlin จะกลายเป็นจริง เพราะเจ้าตัวสามารถเอาชนะราชันย์ฝีเท้าจากจาไมก้ามาได้ด้วยเวลา 9.94 วินาที   ตารางเปรียบเทียบสถิติเวลาการวิ่ง เผยให้เห็นว่า Justin…

  • ชาวบ้านเอาคืนหลังนักท่องเที่ยว “จอดรถในหมู่บ้าน” เพราะไม่อยากเสียค่าที่จอดในสนามบิน

    ชาวบ้านเอาคืนหลังนักท่องเที่ยว “จอดรถในหมู่บ้าน” เพราะไม่อยากเสียค่าที่จอดในสนามบิน

    การโกงเลี่ยงจ่ายค่าจอดรถ หรือเลี่ยงที่จะจ่ายเงินบางอย่างนั้น ไม่ได้มีแค่บ้านเราเท่านั้นที่ทำ แต่เมืองนอกก็ทำเหมือนกัน และในครั้งนี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยว ที่ต้องเดินทางไปต่างถิ่นแต่ดันไม่ยอมจ่ายค่าจอดรถสนามบิน ทว่าการไม่ยอมเสียเงินค่าจอดรถในสนามบินนั้น มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้าพวกนักท่องเที่ยวดังกล่าวไม่เอารถของพวกเขามาจอดเต็มสองข้างทางในหมู่บ้านใกล้ๆ   จากแผนที่จะเห็นว่า พื้นที่เจ้าปัญหามันอยู่ใกล้สนามบินนิดเดียวเท่านั้น   แล้วดูจอดกัน รถทุกคันไม่ใช่ของชาวบ้านด้วยนะ   เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ถนนใกล้ๆ กับ Luton Airport ในประเทศอังกฤษ โดยชาวบ้านได้ทำการแชร์ภาพที่พวกเขาจัดการกับรถมากมายที่มาจอดเต็มสองข้างทางหมู่บ้านของพวกเขา จนทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อนโดยการพ่นสีและทุบกระจก รถบางคันก็ยังถูกปล่อยลมยาง เรียกว่าเป็นการแก้เผ็ดที่จัดการกับพวกไม่ยอมเสียเปรียบได้อย่างดี เจ้าของรถกลับมาน่าจะมีอึ้งกันไปบ้างล่ะ     เละเชียว บรึ๊ยยย   พอสำนักข่าวต่างๆ รู้เรื่องเข้าก็เดินทางไปสอบถามเรื่องราวกับชาวบ้าน ก็พบว่ารถเหล่านี้จอดนิ่งอยู่แบบนี้มานานหลายวันแล้ว บางคันก็นานถึงสองสัปดาห์เลยทีเดียว ชาวบ้านยังบอกอีกว่า รถบางคันก็ไม่ได้เสียหายหนักขนาดนั้น บางคันก็แค่วาดรูปหรือเขียนคำด่าทอลงไป แต่ว่าเด็กๆ ที่เห็นก็คงนึกสนุกและอยากเอาคืนเช่นกัน ก็เลยจัดการทุบกระจกจนแตกหลายคันเลยทีเดียว ด้านพ่อแม่ของเด็กๆ ก็ไม่ห้ามไรเพราะคิดว่ามันสมควรแล้ว     ด้านเพื่อนบ้านที่ไม่ได้โดนลูกหลงของผลกระทบนี้ก็บอกว่า พวกเขาไม่โทษชาวบ้านหรอกนะ เพราะพวกเขาเข้าใจความรู้สึกดี แม้หน้าบ้านจะไม่ได้โดนรถมาจอดเต็มทางเหมือนถนนเส้นใกล้ๆ แถมพวกเขาบอกเพิ่มเติมว่ารถบางคันจอดมาเกือบจะเดือนแล้วเจ้าของยังไม่กลับมาเลยด้วยซ้ำ     สุดท้ายเรื่องราวอาจจะดูรุ่นแรง หรือหลายคนอาจจะสงสัยว่าเจ้าของรถไปแจ้งตำรวจเหรอ โฆษกของเมือง Bedfordshire ก็บอกว่า…

  • แม่ชาวอินเดียเสียลูกสาวไป กลายเป็นแรงบันดาลใจให้รับเด็กกำพร้ากว่า 800 คนมาเลี้ยง!!

    แม่ชาวอินเดียเสียลูกสาวไป กลายเป็นแรงบันดาลใจให้รับเด็กกำพร้ากว่า 800 คนมาเลี้ยง!!

    ส่ิงที่ทำให้แม่เจ็บปวดใจมากที่สุดคือการสูญเสียลูกอันเป็นที่รัก เพราะลูกคือแก้วตาดวงใจของแม่ ที่ไม่ว่าใครหรืออะไรก็ไม่สามารถมาทดแทน แต่สำหรับ Dr. Sarojini Agarwal การเสียลูกสาวด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนนเมื่อ 40 ปี แล้ว กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เธอช่วยเหลือเด็กหญิงคนอื่น ๆ ที่ถูกทอดทิ้ง ตั้งแต่ช่วงปี 1980 หญิงวัย 80 ปี ได้พาเด็กหญิงประมาณ 800 คนมาอยู่ด้วย เธอให้การดูแลพวกเขา และทำให้ทุกคนได้รับการศึกษาที่ดี เพื่อที่จะโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นใจและช่วยเหลือตัวเองได้     เมื่อ 40 ปีก่อน ในขณะที่ Sarojini ขับมอเตอร์ไซค์บนถนนใกล้บ้านใน Lucknow ประเทศอินเดีย โดยมี Manisha ลูกสาววัย 8 ขวบนั่งซ้อนท้าย แต่แล้วก็อุบัติเหตุเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว อุบัติเหตุครั้งนั้นส่งผลให้ผู้เป็นแม่รอดชีวิต แต่ลูกสาวที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเธอกลับเสียชีวิตในวันนั้น… Sarojini จมอยู่กับความเสียใจจากการสูญเสียนานหลายปี เธอเฝ้าถามตัวเองเสมอว่า “ทำไมต้องเป็นลูกที่ตาย?” จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอตระหนักได้ว่ามีเด็กหญิงอีกมากมายที่ต้องการความรักจากแม่ ด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือเด็กๆ ที่ขาดแม่เหล่านั้นอย่างดีที่สุด เพื่อเป็นการระลึกถึงลูกน้อย Manisha ที่จากไป     Sarojini บอกว่า “เมื่อ Manisha จากไป ฉันเฝ้าถามตัวเองด้วยความโมโหว่าทำไมต้องเป็นเธอที่จากไป ฉันเอาแต่ร้องไห้ แต่แล้ววันหนึ่งฉันก็คิดขึ้นได้ว่า…

  • เด็กๆ ช่วยเหลือ “ลูกเป็ด” ที่พลัดหลงกับแม่ พาส่งคลินิคสัตว์ พร้อมโน๊ตแสดงความห่วงใยสุดซึ้ง

    เด็กๆ ช่วยเหลือ “ลูกเป็ด” ที่พลัดหลงกับแม่ พาส่งคลินิคสัตว์ พร้อมโน๊ตแสดงความห่วงใยสุดซึ้ง

    การช่วยเหลือใครสักคนนั้น ไม่จำเป็นต้องรอให้โตพอหรือรอให้ใครมาบอก แต่เราควรเข้าช่วยเหลือตามสัญชาตญานเหมือนกับเด็กๆ ที่ทำไปตามความรู้สึก เด็กๆ กลุ่มหนึ่งได้ออกไปเดินเล่นแถวชายหาดในท้องถิ่น แล้วพวกเขาก็ได้เจอกับแม่เป็ดพร้อมลูกๆ อีก 8 ตัวเดินเตาะแตะไปตามโขดหิน ต่อมาแม่เป็ดก็กระโดดลงมาจากโขดหินเพื่อกลับไปยังน่านน้ำ โดยมีลูกๆ 4 ตัวตามไป แต่อีก 4 ตัวไม่กล้ากระโดดตาม และพวกมันก็ถูกทิ้งไว้ตรงนั้น     เมื่อเห็นลูกเป็ดทิ้งไว้ กลุ่มเด็กๆ ที่มีอายุระหว่าง 9-11 ขวบ ก็รีบเข้าไปช่วยพวกมันทันที พอไปถึงปรากฏว่าลูกเป็ด 2 ตัวได้หายตัวไป พวกเขาจึงเอาลูกเป็ด 2 ตัวที่ยังอยู่ไปส่งให้กับแม่และพี่น้องของมันที่รออยู่ที่น่านน้ำ ก่อนจะออกตามหา 2 ตัวที่เหลือ ในที่สุดเด็กก็หาลูกเป็ดทั้ง 2 ตัวเจอ แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะแม่และพี่น้องของมันได้ว่ายน้ำออกไปไกลจากน่านน้ำ จนมองไม่เห็นแล้ว เด็กๆ ยังไม่ยอมแพ้ พวกเขานั่งรอเป็นเพื่อนลูกเป็ด 2 ตัว โดยคาดหวังว่าแม่ของมันจะกลับมารับ แต่รอแล้วรออีกแม่เป็ดก็ไม่กลับมา เด็กๆ จึงคิดว่าไม่ควรทิ้งพวกมันไว้ที่นี่     พวกเขาได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจาก JSPCA Animals’ Shelter เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง…

  • หญิงสาวช่วยเด็กก่อนถูก “ล่วงละเมิดทางเพศ” หลังแอบดูหน้าจอแชทของคนร้ายบนเครื่องบิน

    หญิงสาวช่วยเด็กก่อนถูก “ล่วงละเมิดทางเพศ” หลังแอบดูหน้าจอแชทของคนร้ายบนเครื่องบิน

    ใครจะเชื่อบ้างมั้ยว่า เมื่อผู้หญิงหนึ่งคนสามารถช่วยชีวิตเด็กสาว 2 คนจากการตกเป็นทาสเซ็กส์ ด้วยเหตุบังเอิญเห็นหน้าจอแชทโทรศัพท์ของชายที่โดยสารมาในเครื่องบินลำเดียวกัน หญิงสาวฮีโร่ท่านนี้เป็นคุณครูโรงเรียนอนุบาลในเมือง Seattle ในขณะที่เธอกำลังโดยสารกับสายการบิน Southwest Airlines จากเมือง Seattle สู่เมือง San Jose เมื่อวันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2017 เธอบังเอิญสังเกตเห็นว่าผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้างหน้าของเธอกำลังแชทด้วยข้อความที่อนาจารและอาจจะเป็นการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กผู้หญิง     โชคดีที่เธอบังเอิญไปอ่านเห็นเพราะว่าหน้าจอของโทรศัพท์มือถือของชายคนนั้นมีขนาดใหญ่และสามารถอ่านข้อความเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน เธอจึงแอบอ่านข้อความเหล่านั้นและถ่ายรูปหน้าจอแล้วแจ้งลูกเรือทันทีก่อนที่เครื่องบินจะลงจอด และทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานงานกับตำรวจเมือง San Joes ทันทีหลังจากที่ถึงสนามบิน Nick Jourdenais เจ้าหน้าที่นักสืบอาชญากรรมทางเพศประจำเมือง San Joes กล่าวว่า “เป็นเพราะว่าตัวหนังสือนั้นมันใหญ่สะดุดตา และเริ่มมีถ้อยคำที่ไม่ค่อยดีนักและดูเป็นเรื่องที่ใหญ่โต… โดยข้อความเหล่านั้นก็มุ่งเป้าไปที่การล่วงละเมิดเด็กผู้หญิง และบทสนทนาก็เริ่มเข้าสู่เรื่องการส่งมอบตัวเด็ก จนในที่สุดแล้วหญิงสาวก็ตัดสินใจที่จะช่วยเหลือ”     ตำรวจและเจ้าหน้าที่จาก FBI จึงได้ทำการจับกุมนาย Michael Kellar อายุ 56 ปี ชาวเมือง Tacoma จากนั้นก็นำข้อมูลที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือสืบไปถึงตัวของ นาง Gail Burnworth วัย 50 ปีที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนแม่เล้า  …

  • อย่างกับไคจู!! หนุ่มถ่ายคลิปโดนจระเข้ขนาดใหญ่ พุ่งเข้าใส่ ใกล้เพียง 5 เมตร เกือบไม่รอด

    อย่างกับไคจู!! หนุ่มถ่ายคลิปโดนจระเข้ขนาดใหญ่ พุ่งเข้าใส่ ใกล้เพียง 5 เมตร เกือบไม่รอด

    จระเข้เป็นสัตว์ที่อันตายและน่ากลัวมากๆ เห็นนิ่งๆ แต่มันพร้อมที่จะเขมือบเหยื่อได้ทุกเมื่อ ทางที่ดีควรอยู่ให้ห่างพวกมันไว้จะดีกว่า     คลิปที่เพื่อนๆ ได้ดูไปนี้ เป็นจระเข้ชื่อ Otis มีขนาดลำตัวยาว 4.5 เมตร หนัก 500 กิโลกรัม จาก Darwin Wildlife Park Matt Wright เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับจระเข้ เขาได้โพสต์คลิปที่น่ากลัวนี้ลงในเฟซบุ๊กของเขา โดยเขียนแคปชั่นว่า “นักล่าขนาดใหญ่พุ่งตัวขึ้นมาอย่างน่ากลัว”     ในช่วงแรกของคลิปจะเห็นจระเข้ขนาดใหญ่ตัวนี้ค่อยๆ ว่ายเข้ามาหาผู้ที่ถ่ายคลิปคือ Wright และเมื่ออยู่ในระยะที่ประชิดพอ มันก็กระโดดพร้อมอ้าปากกว้าง หวังจะเขมือบเขา จังหวะที่มันอ้าปากเพื่องับ เผยให้เห็นว่าขากรรไกรของมันอยู่ห่างจากหน้าของ Wright เพียงไม่กี่นิ้ว ทำเอาคนถ่ายตกใจถึงกับร้องว่า “เหยดเข้!!”      และนับว่าโชคดีที่เขาถอยออกมาได้ทัน ก่อนจะถามเจ้า Otis ว่า “หิวหรอ?” คงไม่ต้องรอให้ได้คำตอบ ตอนนี้เขารู้ว่าทางทีดีที่สุดคือปล่อยให้มันอยู่คนเดียว เงียบๆ ดีกว่า     นี่ไม่ใช่การเผชิญหน้ากับจระเข้ครั้งแรกของ Wright เพราะเมื่อไม่นานนี้เขาก็เพิ่งไปเจอกับจระเข้ที่หนักกว่า 800 กิโลกรัม แถมยังจัดการปิดใช้สก็อตเทปปิดปากมันได้ด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาไม่ได้ทำร้ายจระเข้แต่อย่างใด Wright แค่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับจระเข้ และอยากให้เราได้เห็นมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับพวกมัน    …

  • น้องหมาบูลด็อกถูกเจ้าของทำร้ายจนสภาพแย่สุดๆ ได้รับการช่วยเหลือพร้อมมีชีวิตใหม่

    น้องหมาบูลด็อกถูกเจ้าของทำร้ายจนสภาพแย่สุดๆ ได้รับการช่วยเหลือพร้อมมีชีวิตใหม่

    สังคมมนุษย์มีทั้งคนใจดีและคนที่จิตใจโหดอาศัยปะปนกัน จึงทำให้เจ้าหมาผู้น่าสงสารตัวหนึ่งที่ถูกคนใจโหดทำร้าย แต่สุดท้ายก็ได้รับการช่วยเหลือจากคนใจดี William เป็นสุนัขพันธุ์บูลด็อกวัย 2 ขวบ ถูกเจ้าของทำร้ายจนมีสภาพที่ยับเยิน แต่โชคดีที่มีคนใจดีที่มีคนไปพบและช่วยมันออกจากมาเจ้าของใจโหดได้ ตอนที่ไปถึงโรงพยาบาล ทั้งสัตวแพทย์และผู้ช่วยถึงกับน้ำตาไหลด้วยความสงสารจับใจ และคิดไม่ออกเลยว่ามันต้องอะไรมาบ้างถึงมาอยู่ในสภาพนี้ได้     ในขณะที่องค์กรช่วยเหลือสัตว์ Animal charity Linbee Dog Rehoming ใน Yorkshire ก็ได้อธิบายถึงเคสนี้ว่า มันเป็นเคสที่เลวร้ายที่สุดที่พวกเขาเคยเจอ ซึ่งเกิดจากเจ้าของที่ไม่สามารถดูแลสุนัขได้ ตอนที่ทีมช่วยเหลือไปเจอ William ผิวหนังของมันถลอกเกือบทั้งตัวและมีเลือดไหลออกมาตามแผล เท้าของมันแผลเป็นรูปเหมือนถูกเจาะด้วยของมีคม และมันแทบจะไม่มีขนติดผิวหนังเลย แต่น้องหมาผู้น่าสงสารตัวนี้มันมีหัวใจแห่งนักสู้ มันไม่ยอมแพ้ต่อสภาพอันย่ำแย่นี้ William ให้ความร่วมมือกับสัตวแพทย์ในการรักษา จนในที่มันก็พร้อมเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอีก 6 เดือนข้างหน้า     Animal charity Linbee Dog Rehoming บอกว่า สุนัขพันธุ์บูลด็อกมีสภาพผิวที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ต้องกินอาหารเฉพาะบูลด็อกและต้องได้รับการทำความสะอาดที่ถูกวิธี นอกจากนี้บูลด็อกยังมีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดือนหายใจ จนทำให้หายใจลำบาก ดังนั้นคนที่จะเลี้ยงบูลด็อก คุณต้องมั่นใจว่าจะดูแลพวกมันได้จริงๆ Linda Whittaker ผู้ก่อตั้งองค์กรการกุศลเพื่อสัตว์ บอกว่า “อย่างแรกที่เราต้องทำคือรักษาผิวหนังของ William จากนั้นก็รักษาตา เนื่องจากมีก้อนเนื้อสีแดงขนาดใหญ่ที่ขัดขวางการมองเห็นของมัน”    …

  • หญิงสาวป่วยเป็นโรค “กลัวที่ชุมชน” จึงใช้ Google Street View เพื่อโบยบินเที่ยวไปทั่วโลก!!

    หญิงสาวป่วยเป็นโรค “กลัวที่ชุมชน” จึงใช้ Google Street View เพื่อโบยบินเที่ยวไปทั่วโลก!!

    การได้ไปเที่ยวรอบโลก อาจจะเป็นความฝันสูงสุดของหลายๆคนก็ได้ เหมือนกับ Jacqui Kenny หญิงสาวคนนี้… แต่ความฝันของเธอต้องดับสลายลงเพราะเธอป่วยเป็นโรค Agoraphobia หรือโรคกลัวที่ชุมชน     มาทำความรู้จัก Agoraphobia กันก่อน… โรค Agoraphobia หรืออาการกลัวที่ชุมชนนี้ผู้ ป่วยจะมีอาการตื่นตระหนก หวาดกลัวทุกครั้งที่เจอผู้คนมากๆ หรือจะกลัวสถานที่สาธารณะต่างๆ ซึ่ง Jacqui ตรวจพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคนี้เมื่อ 8 ปีที่แล้ว และอาการเพิ่งมาเป็นหนักมากเมื่อปีที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทที่เธอร่วมก่อตั้งมานานหลายปีปิดตัวลงและเธอก็เครียดมาก สำหรับคนอื่นก็คงจะหาวิธีคลายเครียดด้วยการออกไปเที่ยว แต่ Jaccui ที่ป่วยเป็นโรคกลัวที่ชุมชน เธอออกไปเที่ยวไม่ได้แต่เธอก็ยังอยากจะทำตามความฝันที่อยากจะเที่ยวรอบโลกให้ได้   นั่นก็คือ… การใช้ Google Street View นั่นเอง!!   “ฉันจำไม่ได้ว่าทำไมฉันถึงหันมาใช้ Google Street View ได้ แต่ฉันรู้สึกโอเคมากๆเลยที่มันมีเทคโนโลยีนี้ มันทำให้ฉันได้ออกไปท่องเที่ยวรอบๆโลกได้ โดยที่ฉันไม่ต้องออกไปเจอผู้คนเลย ฉันมีความสุขกับการจ้องมองและเลือกที่จะไปที่ไหนก็ได้บนโลก เพียงแค่ใช้ปลายนิ้ว”     หลังจากที่เธอเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวไปยังสถานที่สำคัญๆต่างรอบโลกแล้วเธอก็เริ่มสำรวจสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคนไปแล้วเก็บรูปภาพสถานที่ต่างๆไว้ในคอมพิวเตอร์กว่า 26,000 ภาพและแชร์เรื่องราวและรุปภาพที่เธอบันทึกไว้ใน อินสตาแกรมที่มีชื่อว่า Agoraphobic…

  • ชาวประมงช็อคหนัก หลังเปิดหน้าต่างรถทิ้งไว้ กลับไปเจอ “ยุง” นับพันตัวตั้งกองทัพในรถ!!

    ชาวประมงช็อคหนัก หลังเปิดหน้าต่างรถทิ้งไว้ กลับไปเจอ “ยุง” นับพันตัวตั้งกองทัพในรถ!!

    ช่วงเวลาสุดช็อคของชาวประมงชาวรัสเซียคนหนึ่ง เมื่อเขาดันออกไปหาปลาแต่ดันลืมปิดหน้าต่างรถซะอย่างนั้น รู้ตัวอีกทีก็ตอนกลับมา แต่สิ่งที่เขาต้องเจอมันน่ากลัวราวกับนั่งสยองขวัญอย่างไงอย่างงั้น สิ่งที่ชาวประมงต้องเจอนั้นคือกองทัพยุงนับร้อยนับพันตัว บินอยู่เต็มรถของเขาซึ่งแค่มองก็หน้ากลัวมากๆ แล้ว เขาคาดว่าฝูงยุงเหล่านี้จะบินเข้ามาเพราะมันสัมผัสได้ถึงก๊าซคาบอนที่เขาปล่อยออกมาตอนอยู่ในรถนั้นเอง   ที่เห็นเทาๆ มัวๆ ในรถนั้นคือยุงล้วนๆ !!   จำนวนยุงที่กะด้วยตานั้นมีเยอะมากๆ อาจจะ 1,000 ตัวเลยก็ได้ ซึ่งลองจินตนาการดูสิว่าถ้าลองไปนั่งข้างในนั้นสัก 5 นาทีสภาพของเราจะเป็นยังไง บรึ๊ยยย   ดูกองยุงจำนวนมากที่นอนตายอยู่   ลองคิดสภาพการนั่งลงไปแล้วให้ยุงทั้งหมดมากัด อ่าห์ ฟิน   ยุงนั้นเป็นแมลงประเภทหนึ่งที่มีอยู่ทั่วโลก และยังเป็นตัวพาหะนำโรคมากมาย ฉะนั้นการเปิดหน้าต่างหรือประตูรถทิ้งไว้ และรถมีแสงไฟตกแต่งอยู่ตลอดก็จะสามารถดึงดูดแมลงต่างๆ มาได้เยอะแยะเลยทีเดียว   ถ้าไม่บอกว่ายุง นี่คิดว่าแมงเม้าเลยนะเนี่ย   พอลองช้อนขึ้นมา โอ้โห   ฉะนั้น ถ้าใครจะออกจากบ้าน หรือขับรถไปที่ไหนก็อย่าลืมปิดบ้านให้มิดชิด เพราะนอกจากภัยจากแมลงแล้ว ภัยจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็น่ากลัวเช่นกัน ด้วยความเป็นห่วงนะ…   ที่มา dailymail

  • ชวนไปดู “สุสานสัญญาณไฟจราจร” ในประเทศญี่ปุ่น ที่มากับเสียงลึกลับในยามวิกาล

    ชวนไปดู “สุสานสัญญาณไฟจราจร” ในประเทศญี่ปุ่น ที่มากับเสียงลึกลับในยามวิกาล

    เราเคยสงสัยกันมั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสัญญาณไฟจราจรที่เสียแล้ว? หลายคนอาจจะคิดว่าถ้ามันเสีย แค่ซ่อมก็กลับมาใช้ได้เหมือนเดิมแล้ว แต่สัญญาณไฟจราจรไม่ใช่ของวิเศษ มันเป็นแค่สิ่งที่มีอายุการใช้งานเหมือนส่ิงของทั่วไป ดังนั้นเมื่อมันเสียแล้วก็ต้องถูกทิ้งให้อยู่ในสุสานเหมือนกัน     มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า Kosuke ได้โพสต์รูปสุสานแห่งหนึ่งที่ถูกขนานนามว่า Shingoki No Hakaba หรือสุสานของไฟสัญญาณจราจร ในนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น     ไฟจราจรที่เสียแล้วหรือไม่ใช้งานแล้วจะถูกนำมาทิ้งไว้ที่นาโกย่าเป็นเวลาหลายปี และเมื่อมันสะสมมากเข้าๆ ที่นี่จึงถูกเรียกว่าสุสานไฟจราจร     นอกจากโพสต์รูปแล้ว Kosuke ยังได้แชร์โลเคชั่นของสุสานไฟจราจร เพื่อให้เราได้เข้าไปเยี่ยมชมด้วย จากแผนที่จะเห็นว่าสุสานแห่งนี้อยู่ทางใต้ของ Nagoya Fire Department Fifth Special Fire Brigade ซึ่งอยู่ห่างจาก Legoland เพียงไม่กี่ร้อยเมตร     ขึ้นชื่อว่าเป็นสุสานแล้ว ก็ต้องมีความลี้ลับอยู่เป็นธรรมดา บางคนถึงกับอ้างว่าในช่วงค่ำจะได้ยินเสียงรถหวอดังออกมาจากสุสานแห่งนี้ มันอาจจะเป็นแค่สัญญาณไฟ แต่พวกเขาก็รู้สึกกลัวไม่ต่างจากผีอยู่ดี     ใครจะไปคิดว่าแค่สัญญาณไฟจราจรจะมีเรื่องลี้ลับแฝงอยู่ด้วย แต่ก็อย่างว่าแหละ ก่อนที่มันจะถูกทิ้ง มันถูกใช้งานมามากและคงมีอุบัติเหตุมากมายเกิดขึ้นเพราะไฟสัญญาณจราจรเหล่านี้ ที่มา rocketnews24

  • ชายหนุ่มส่งรูปไปผิด คนที่ได้รับจึงเซลฟี่ตอบกลับมา กลายเป็นเรื่องฮากันทั้งโซเชียลเลย

    ชายหนุ่มส่งรูปไปผิด คนที่ได้รับจึงเซลฟี่ตอบกลับมา กลายเป็นเรื่องฮากันทั้งโซเชียลเลย

    มันต้องมีบ้างที่แหละที่คุณเผลอส่งข้อความให้ผิดคน บางส่งผิดจนกลายเป็นเจอเนื้อคู่ บางคนส่งผิดจนทำให้มีปัญหา และหนุ่มคนนี้ส่งผิดปุ๊บ ฮากันทั้งโซเชียลเลย Justin Campbell วัย 23 ปี จากเซาท์แคโรไลนา และล่าสุดเขาเพิ่งจะจบการศึกษาจากมหาวิยาลัย Coastal Carolina University     ในระหว่างที่เข้าพิธีรับใบประกาศนียบัตร Campbell ก็ได้ถ่ายรูปกับเพื่อนแล้วส่งไปให้คนสำคัญของเขาแต่… เขาดันกดหมายเลขผิดไปหนึ่งตัว     ดังนั้นแทนที่รูปของเขาจะถูกส่งไปให้เพื่อนตามที่ตั้งใจ กลับส่งไปให้ Roger Hawkins ที่อยู่ในโคลอมเบีย รัฐเซาท์แคโรไลนา ซะงั้น   Hawkins กับลูกสาว Genevieve วัย 4 ขวบ   Hawkins บอกว่า “ตอนนั้นอยู่อยู่ระหว่างทางกลับบ้านๆ แล้วจู่ผมได้รับข้อความจากเบอร์แปลกๆ เมื่อเปิดดูก็เป็นภาพผู้ชายสองคนที่ใส่ชุดครุย” และแทนที่ Hawkins จะส่งข้อความกลับไปว่าส่งผิด เขากลับเซลฟี่แล้วส่งกลับไปให้ Campbell พร้อมข้อความแสดงความยินและลิงก์สุนทรพจน์ให้กำลังใจ     นั่นทำให้ Campbell รู้ตัวเขาส่งข้อความผิดซะแล้ว แต่เขาคิดว่าเป็นประสบการณ์ที่ตลกดี และเขาก็ชอบลิงก์ที่ Hawkins ส่งมาให้มาก หลังจากที่ได้เปิดฟังลิงก์ที่ถูกส่งมา เขาบอกว่า “ลิงก์นั้นเหมือนไอซ์ซิ่งบนหน้าเค้กเลย มันเป็นสิ่งที่ดีมากจริงๆ ผมสัมผัสได้ว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีมากเลยทีเดียว”…

  • คุณพ่อซื้อเปลญวนให้เจ้าเหมียวจอมขี้เกียจ เพื่อให้มันเป็นเพื่อนงีบหลับไปเคียงข้างกัน

    คุณพ่อซื้อเปลญวนให้เจ้าเหมียวจอมขี้เกียจ เพื่อให้มันเป็นเพื่อนงีบหลับไปเคียงข้างกัน

    ปกติแล้วเวลาเราซื้อสิ่งของมาให้แมว มักจะเป็นอะไรที่เปล่าประโยชน์เสมอ เพราะพวกมันไม่เคยสนใจเลย ทั้งๆ ที่ตอนซื้อเราคิดว่าแล้วว่ามันต้องชอบมากแน่ๆ แต่สำหรับทาสคนนี้ต้องขอบอกเลยว่าโชคดีมากที่เจ้าเหมียวของเขาใช้ของที่ซื้อให้อย่างคุ้มค่า แหม่ มันน่าภูมิใจตรงนี้แหละ     Paçoca เป็นแมวจอมขี้เกียจจากประเทศบราซิล ที่วันๆ ไม่ทำอะไรเลย นอกจากมีความสุขกับการนอน แล้วก็นอนตลอดทั้งวัน Ana Beatriz Pinho เจ้าของของเหมียวขี้เกียจตัวนี้ มีพ่อที่รักการพักผ่อนมากเช่นกัน และเขาก็มีเปลญวนส่วนตัวอยู่ที่ระเบียงเพื่อใช้งีบในวันชิลๆ     แต่นอกจากพ่อจะมีเปลญวนเป็นของตัวเองแล้ว เมื่อไม่นานมานี้เขายังตัดสินใจซื้อเปลให้น้องเหมียวด้วย เพราะเขารู้ดีว่าเจ้าเหมียวชอบการนอนเหมือนกับเขา ต่อมาเมื่อ Ana มาเห็นเปลที่พ่อซื้อให้แมว เธอรู้สึกประทับใจผู้เป็นพ่อมาที่ใส่ใจแมวตัวหนึ่งขนาดนี้ และได้นำความน่ารักนี้ไปโพสต์ลงทวิตเตอร์ด้วย เธอบอกว่า “ตายแล้ว พ่อฉันซื้อเปลญวนให้ Paçoca เพื่อให้มันงีบเคียงข้างเขา”     ใช่แล้ว คุณพ่อได้ผูกเปลญวนของเจ้าเหมียวไว้ที่ข้างเปลของเขา เพราะเขาคิดว่าการงีบเป็นสิ่งที่ดี และมันจะดีกว่าถ้ามีเพื่อนงีบด้วย ที่สำคัญ เจ้า Paçoca ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของพ่อสูญเปล่า มันขึ้นไปนอนบนเปลญวนนั้นทุกครั้งที่ต้องการพักผ่อน จนตอนนี้กลายเป็นที่โปรดของมันซะแล้ว จริงๆ แล้ว การซื้อของให้แมวจะไม่ไร้ประโยชน์เลย ถ้าคุณรู้ว่าแมวชอบอะไร มันควรได้อะไร เราก็แค่ซื้อของให้ตามนิสัยของมัน แล้วจะรู้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า     จริงๆ แล้ว…

  • 30 ต้นไม้ที่ไม่ยอมตาย เอาตัวรอดได้ในสภาวะแปลกๆ เป็นเหตุให้ต้นไม้มีอายุยืนยังไงล่ะ

    30 ต้นไม้ที่ไม่ยอมตาย เอาตัวรอดได้ในสภาวะแปลกๆ เป็นเหตุให้ต้นไม้มีอายุยืนยังไงล่ะ

    ต้นไม้สามารถมีอายุได้นานถึง 370 ล้านปี หากไม่มีใครไปทำอะไรพวกมัน หรือต่อให้พวกมันถุกขัดขวางการเติบโต แต่ต้นไม้ก็ยังคงทำทุกทางเพื่อความอยู่รอด และภาพที่เราจะเห็นต่อไปนี้เป็นการตอกย้ำว่าทำไมต้นไม่ถึงอยู่ได้นานขนาดนี้ พวกมันสามารถงอกได้ในที่แคบๆ สามารถเติบโตผ่านสิ่งกีดขวาง และแม้กระทั่งต้นที่ถูกโค่นไปแล้ว ก็ยังมีต้นไม้ต้นใหม่งอกขึ้นมาได้   1. ต้นไม้ที่งอกจากตอไม้ใต้น้ำ   2. ต้นปาล์มที่แม้จะโค้งลงพื้นแล้ว แต่มันก็ยังงอขึ้นไปได้อีก   3. ต้นไม้เพียงต้นเดียวที่รอดจากสึนามิในญี่ปุ่น วันนี้ได้รับการปกป้องเพื่อความอยู่รอดต่อไป   4. ต้นไม้ที่ล้มลงแล้ว กลับมีต้นไม้ใหม่อีก 4 ต้นงอกขึ้นมาด้วยตัวเอง   5. ต้นไม้แห่งชีวิต ที่อุทยานแห่งชาติ Olympic ในวอชิงตัน   6. รากต้นไม้ที่เติบโตท่ามกลางอิฐที่หนาแน่น   7. แม้อยู่ในหิน ต้นไม้ก็ยังสามารถเอาตัวรอดได้   8. ต้นไม้ที่โตได้ในเสาของป้าย   9. ราวกับต้นไม้ที่ฟื้นจากความตาย   10. รากต้นไม้ที่สามารถทะลุผ่านหินได้ เพื่อทำให้ต้นเติบโตงอกงาม   11. ต้นไม้ยังคงมีสีสันสดใสเพราะได้รับแสงจากหลอดไฟ   12.…

  • พาไปเยี่ยม 9 บริษัทสุดเจ๋งที่ใครๆ ก็อยากเข้าไปทำงานด้วยมากที่สุด สวัสดิการดีเวอร์!!

    พาไปเยี่ยม 9 บริษัทสุดเจ๋งที่ใครๆ ก็อยากเข้าไปทำงานด้วยมากที่สุด สวัสดิการดีเวอร์!!

    ผู้จัดการส่วนใหญ่อาจจะมองเห็นว่ารายได้นั้นสำคัญกว่าพนักงาน แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้มองข้ามความสำคัญหลักไปว่า แท้จริงแล้วความสุขของเหล่าพนักงานก็ช่วยส่งผลต่อความสำเร็จของบริษัทเหมือนกันนะ เหมือนดังเช่น 9 บริษัทเหล่านี้ ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นบริษัทในฝันที่ใครๆ ต่างก็อยากจะมาร่วมงานด้วย เพราะนอกจากเป็นงานที่มั่นคงแล้ว สวัสดิการยังดี๊ดีอีกด้วย ว่าแล้วก็มาดูกันเลยว่าจะมีบริษัทไหนกันบ้าง   คุณชาตรี ตรีศิริพิศาล ทุ่มเงินกว่า 17 ล้านบาท เพื่อจ่ายค่าทริปให้พนักงานกว่า 100 คนไปพักผ่อนที่มัลดัฟส์ คุณชาตรี ตรีศิริพิศาล นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ได้ทุ่มเงินมากถึง 400,000 ปอนด์ หรือราวๆ 17 ล้านบาท เพื่อจ่ายค่าทริปพักผ่อนประจำปีของบริษัทให้กับพนักงานกว่า 100 ชีวิต ได้ไปท่องเที่ยวที่รีสอร์ทหรูใจกลางทะเลที่เกาะมัลดีฟส์ ทั้งนี้ การที่เขาได้ตัดสินใจพาพนักงานไปเที่ยวพักผ่อนนั้น เพื่อเป็นการมอบความสุขให้กับเหล่าพนักงาน เพราะพวกเขาสามารถเพิ่มรายได้ให้บริษัทในแต่ละปีได้ถึง 30% และนี่ก็ไม่ใช่ทริปแรก เพราะคุณชาตรี ได้จัดเตรียมวันหยุดให้กับพนักงานเอาไว้ล่วงหน้า และเก็บเป็นความลับอยู่เสมอ แต่สิ่งเดียวที่พนักงานรู้ก็คือ พวกเขาสามารถคาดเดาได้เลยว่าทริปต่อไปจะต้องได้ไปพักผ่อนในโรงแรมสุดหรูระดับ 5 ดาวอย่างแน่นอน   บริษัทผู้ผลิตคราฟท์เบียร์ ให้พนักงานสามารถลางานไปดูสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ได้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ BrewDog บริษัทผู้ผลิตคราฟท์เบียร์สัญชาติสก็อตแลนด์ ได้มอบสวัสดิการให้กับพนักงาน…

  • วีรกรรมน่าชื่นชมของคุณตำรวจที่ออกเงินซื้อชุดให้ “หัวขโมย” เพื่อให้โอกาสหางานทำ

    วีรกรรมน่าชื่นชมของคุณตำรวจที่ออกเงินซื้อชุดให้ “หัวขโมย” เพื่อให้โอกาสหางานทำ

    บางครั้งการแก้ปัญหาอย่างถูกจุด ก็อาจจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องและอาจทำให้ปัญหานั้นถูกแก้ไขได้อย่างแท้จริง เหมือนกับวิธีของนายตำรวจจากเมือง Toronto ท่านนี้ ที่จัดการกับปัญหาการลักขโมยได้อย่างดี ชายหนุ่มที่ขโมยชุดในร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่งเพื่อไปสัมภาษณ์งาน ได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่จากคุณ Constable Niran Jeyanesan นายตำรวจใจดีที่ไม่เอาผิดแถมยังให้เงินเขาเพื่อซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่อีกด้วย     คุณ Constable Niran Jeyanesan กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาได้จับกุมเด็กหนุ่มวัย 18 ปีที่กำลังขโมยเสื้อ เน็คไท และถุงเท้า แต่เมื่อสอบถามผู้ต้องหาคุณตำรวจก็ได้ทราบความจริง ว่าเจ้าหนูต้องการชุดสำหรับไปสัมภาษณ์งานของเขา ด้วยน้ำใจและเข้าใจถึงหัวอกของคนที่กำลังดิ้นรนเป็นอย่างดี คุณตำรวจจึงปล่อยเด็กคนนั้นไป และจ่ายเงินซื้อเสื้อผ้าชุดนั้นให้กับเขาอีกด้วย “เขายังเป็นหนุ่ม และกำลังเผชิญกับปัญหาว่างงาน จากการสอบสวนเขาทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังลำบากอย่างมากเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัวตอนนั้นเขาไม่มีอะไรติดตัวเลย เขาต้องการงานอย่างมาก และผมคิดว่าเขาคงจะรู้สึกผิดที่ทำแบบนี้” คุณตำรวจกล่าว     หลังนั้นการกระทำดังกล่าวของนายตำรวจท่านนี้ก็ได้รับคำชมเชยจากเจ้านายของเขา คุณ Paul Bois กล่าวยกย่องเขาว่า “ถ้าหากเขาจับกุมเด็กคนนั้นมาเราก็คงไม่ได้อะไรอยู่ดี ผมรู้สึกดีที่เห็นผลตอบรับทางด้านบวกต่อการกระทำของเขา มันแสดงให้เห็นว่าพวกเราเป็นตัวอย่างของชุมชนที่ดี “   ถ้าหากว่าคุณตำรวจยึดตามกฎหมายเป๊ะๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าครอบครัวของเจ้าหนุ่มคนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างนะเนี่ย ที่มา bbc

  • เผยภาพเหยื่อจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดในเมืองหลวงของซีเรีย ที่รุนแรงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

    เผยภาพเหยื่อจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดในเมืองหลวงของซีเรีย ที่รุนแรงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

    ****บทความนี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่รุนแรง****   เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเผยแพร่ภาพของเหล่าเด็กน้อยวัยกำลังหัดเดินที่กำลังหวาดกลัวและร้องไห้ ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผลที่เด็กๆ ไม่สมควรได้รับ ซึ่งมาจากการโจมตีทางอากาศของทหารซีเรีย เหล่าเด็กน้อยที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเขต Jobar เมือง Damascus ตกเป็นผู้รับกรรมจากการโจมตีครั้งนี้ ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่รู้เรื่องกับเหตุต่อต้านรัฐบาลเลยแม้แต่น้อย     เด็กน้อยที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด   การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการทำลายฐานที่มั่นของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล โดยผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าการระเบิดครั้งนี้ถือว่าเป็นระเบิดที่รุนแรงที่สุดในรอบ 2 เดือนเลยทีเดียว สำนักข่าว Daily Mail รายงานว่ารัฐบาลซีเรียได้รับการขอร้องจากรัสเซียให้มีการประกาศหยุดยิงในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา     ทางรัสเซียอ้างว่ากำลังมีการเจรจากับกลุ่มผู้ประท้วงในหลายๆ พื้นที่เพื่อสร้างเขตปลอดอาวุธ และเพิ่มพื้นที่หยุดยิงให้มากขึ้น แต่ทางฝ่ายต่อต้านก็ได้ออกมากล่าว่า ทางรัสเซียเองนั่นแหละที่ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ตอนเหนือของชายแดนเมืองหลวง และยกเลิกพื้นที่ดังกล่าวซึ่งเป็นเขตหยุดยิง นอกจากนี้พวกเขายังบอกอีกว่าทางกองทัพซีเรียได้โจมตีผู้คนในพื้นที่ Eastern Ghouta      เหตุการณ์ดังกล่าวมีประชาชนผู้เสียชีวิตถึง 15 คนและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก แต่จากการตรวจสอบของฐานทัพอังกฤษในซีเรีย รายงานว่ามีจำนวนนายทหารผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 นาย พร้อมกับมีทหารบาดเจ็บและถูกจับเป็นตัวประกันอีกจำนวนมาก   แต่ไม่ว่าจะเป็นรายงานจากฝ่ายไหน สุดท้ายแล้วผู้ที่เสียชีวิตก็ล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งนั้น   นี่คือสิ่งที่พวกเด็กๆ ควรได้รับอย่างนั้นหรือ??   พื้นที่ Eastern Ghouta…

  • ชม “เห็ดยักษ์” ขนาดมหึมา หนักกว่า 10 กิโลกรัม ถ้าได้กินคงจะอิ่มกันไปได้ทั้งครอบครัว

    ชม “เห็ดยักษ์” ขนาดมหึมา หนักกว่า 10 กิโลกรัม ถ้าได้กินคงจะอิ่มกันไปได้ทั้งครอบครัว

    วัตถุใหญ่ยักษ์มากมายที่เราเคยเห็นไปแล้วนั้นคงทำให้คุณประหลาดใจกับความแปลก และในครั้งนี้ก็เช่นกันที่จะทำให้ทุกคนได้ประหลาดใจกับขนาดที่มหึมา อีกทั้งยังสามารถนำมารับประทานได้ คุ้มค่าจริงๆ วัตถุดิบที่มีชื่อว่าเห็ดนั้นหลายคนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เราสามารถพบได้ตามเมนูพาสต้า หรือว่าจะเป็นต้มเห็ด แกงเห็ด อาหารมังสวิรัติบางอย่างก็ยังทำมาจากเห็ดอีกด้วย แต่ครั้งนี้เราจะมาดูเห็ดที่ไม่ได้เห็นกันโดยทั่วไป   .   เมื่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าสาวชื่อว่า Fiona Wishart ได้เดินสำรวจรอบเขตชนบทในสกอตแลนด์และสะดุดเข้ากับความแปลกและขนาดที่ใหญ่ยักษ์ของเจ้าเห็ด ที่เรียกได้ว่าใครเห็นก็แทบจะไม่ยากเชื่อเลยว่ามีอยู่จริง เอามาชั่งน้ำหนักดูแล้วนั้นก็พบว่ามันหนักถึง 10 กิโลกรัมและมีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวถึงประมาณเมตรครึ่งเลยทีเดียว แน่นอนว่าในยุคนี้เราเจออะไรแปลกก็คงต้องถ่ายรูปเป็นธรรมดา เธอและเพื่อนร่วมงานจึงไม่รอช้าที่จะคว้ากล้องและมือถือเอามาถ่ายเก็บไว้   .   หลังจากนั้นการตัดสินใจของเธอก็ทำให้หลายคนงงว่าเธอจะทำอย่างนั้นจริงหรือ ? เมื่อเธอได้นำมีดมาตัดแบ่งให้กับเพื่อนร่วมงานทั้ง 15 คนได้เอามาย่างหรือกินพร้อมขนมปังในคืนนั้น เรียกว่าเห็ดดอกเดียวอิ่มได้ทั้งหน่วยงาน หากคุณคิดว่านี่ใหญ่แล้ว นั่นคือเรื่องที่ผิดถนัด ในก่อนหน้านี้นั้นได้มีการรายงานว่าพบเห็นชนิดเดียวกันที่เรียกว่า เห็ด Puffball ที่หนักถึง 19 กิโลกรัมเลยทีเดียว คิดไม่ออกเลยว่าจะเก็บไว้กินได้กี่มื้อเนี่ย   .   เห็ดชนิดนี้จะมีขนาดใหญ่ที่สุดเพียงช่วงเวลาหนึ่งของปี แต่ช่วงอื่นก็ไม่ได้ถือว่าเล็กหรอกนะ และแน่นอนว่ามันสามารถกินได้จริง เห็นได้จากผิวสัมผัสที่มีความคล้ายกับมาร์ชแมลโลว์ เอามาทำเป็นของหวานกันเลยดีมั้ยเนี่ย   .   สุดท้ายแล้ว Fiona และเพื่อนร่วมงานของเธอนั้นเพียงต้องการที่จะโปรโมทออกไปเพื่อช่วยป้องกันการถูกทำลายพื้นที่สิ่งแวดล้อมในละแวกนั้น…

  • เทรนด์ใหม่มาแรง สาวจีนแห่กันโชว์ภาพ ‘เต้านมทรงหัวใจ’ สะหวีวี่วีได้อี๊กกก…!!

    เทรนด์ใหม่มาแรง สาวจีนแห่กันโชว์ภาพ ‘เต้านมทรงหัวใจ’ สะหวีวี่วีได้อี๊กกก…!!

    หากจะกล่าวว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขยันผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ มาให้โลกได้เชยชมแล้ว ประเทศจีนก็เป็นอีกประเทศที่ขยันมีเทรนด์แปลกๆ มาให้ชาวโลกได้ตื่นเต้นได้ไม่แพ้กัน เพราะคราวนี้เทรนด์ใหม่มาแรงของสาวจีนจะทำให้หนุ่มๆ ทั่วโลกเลือดกำเดาใหลเป็นว่าเล่น นั่นก็คือเทรนด์การถ่ายภาพเต้านมโดยเอานิ้วมาปิดให้เป็นรูปทรงหัวใจ โอ๊ยย.. ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดีเลยเนี่ย!!   มันก็จะประมาณนี้แหละ   เทรนด์ดังกล่าวเริ่มเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่วัยรุ่นจีนเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อว่า ‘Heart-Shapred Boob Challenge’ ซึ่งหลังจากที่มีชาวเน็ตคนหนึ่งเริ่มเปิดกระแสเทรนด์ดังกล่าวบนเว็บไซต์ Weibo ชาวเน็ตสาวๆ ต่างก็ให้ความสนใจและถ่ายภาพมาอวดกันจนกลายเป็นกระแสฮิตที่ทำตามกันไปทั่วประเทศ   ดูเหมือนว่าเทรนด์นี้จะถูกอกถูกใจหนุ่มจีนเหลือเกิน   อ้างอิงจาก Weibo ได้อ้างว่า ชาวเน็ตคนแรกที่ริเริ่มเทรนด์นี้ได้ใช้ชื่อบนโลกโซเชียลว่า Ayi Xi Tai Lǜ ซึ่งเป็นเน็ตไอดอลสาวชาวจีนที่มักจะไลฟ์สตรีมสดพูดคุยกับแฟนคลับหนุ่มๆ เสมอ และวันหนึ่งเธอก็ได้เอาใจแฟนคลับด้วยการทำรูปหัวใจบนเต้านมตัวเอง จนกลายเป็นที่นิยมสุดๆ ในเวลาต่อมา ซึ่งชาวเน็ตหลายคนคาดว่า หลังจากที่กระแสการไลฟ์สตรีมมิ่งเริ่มเป็นที่นิยมในประเทศจีนมากขึ้น ก็ทำให้เกิดเทรนด์แปลกๆ ปรากฎขึ้นมาให้เห็นบนโลกโซเชียลแทบทุกวัน     นอกจากนั้นวิธีนี้ยังช่วยทำให้เรตติ้งของเหล่าสาวๆ ที่กำลังไลฟ์สด ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด   และด้วยความที่เทรนด์เต้านมรูปหัวใจมันมาแรงจนฉุดไม่อยู่ ลูกพี่วุ้นจุ้นของเราก็อยากจะลองทำดูบ้าง ผลปรากฎออกมาก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ…   “ไหนอ่ะ… ไม่เห็นมันจะเป็นรูปหัวใจเลยปั๊ดดโถ่ววว!!” ที่มา: Shanghaiist

  • ต้นกุหลาบที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความสวยงามที่น่าอัศจรรย์และกลิ่นหอมชวนหลงใหล!!

    ต้นกุหลาบที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความสวยงามที่น่าอัศจรรย์และกลิ่นหอมชวนหลงใหล!!

    ดอกกุหลาบ ดอกไม้ที่เรารู้จักกันทั่วไปอยู่แล้วและเป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ที่เรียกกันว่าแทบทุกคนนั้นจะต้องซื้อไปมอบให้กับคนที่คุณรัก ด้วยสีสันที่สวยงามและกลิ่นที่เป็นอักลักษณ์น่าดึงดูด แต่เรื่องนี้เราจะชวนมาให้คุณได้เจอกับต้นกุหลาบที่เรียกว่าใหญ่ที่สุดในโลกกัน     มาพบกับพุ่มต้นกุหลาบที่กว้างและใหญ่ที่สุดในโลกในเมือง Tombstone รัฐแอริโซนา ประเทศอเมริกา ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่า 3 เมตรกิ่งก้านของมันนั้นครอบคลุมอีกกว่า 800 ตารางเมตร โดยมันมีอยู่มาตั้งแต่ปี 1885 ยาวนานกว่า 100 ปีเลยทีเดียว กุหลาบต้นนี้นั้นคือสายพันธุ์ Lady Banksia Rose สีขาวจากเมืองสกอตแลนด์ แต่สาเหตุที่มันมาถูกปลูกไว้ที่อเมริกานั้นก็เพราะว่าในปี 1884 นาง Mary Gee และสามีของเธอได้ย้ายมาที่เมืองนี้ และด้วยความคิดถึงบ้านจึงได้ส่งจดหมายไปหาครอบครัวของเธอ     จากนั้นเธอจึงได้รับพัสดุที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์มากมายจากสวนที่บ้านเธอ จากนั้นเพื่อเป็นตัวแทนของมิตรภาพเธอจึงได้มอบกุหลาบให้กับหญิงสาวที่ได้กลายมาเป็นเพื่อนของเธอหลังจากที่เธอย้ายมาชื่อว่า Amelia Adamson ทั้งสองคนจึงได้นำไปปลูกไว้ที่ลานหลังบ้านพักของ Amelia ในตอนแรกนอกจากที่มันจะสามารถเติบโตสู้กับอากาศอันอบอ้าวในรัฐแอริโซนาได้แล้ว มันก็ยังกลายเป็นต้นกุหลาบที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย     เวลาผ่านไปก็ได้มีคนมาซื้อบ้านพักเก่าหลังนี้ในขณะที่เจ้าต้นกุหลายนั้นโตขึ้นและใหญ่มากแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจตัดเพิงไม้โดยรอบออกและได้ใช้ท่อนไม้หรือท่อเหล็กมาค้ำจุนกิ่งก้านที่กว้างขวางของมันเอาไว้ให้สามารถโตได้อีก โดยในปี 1933 ก็ได้มีคนนิยามว่ามันเป็นต้นกุหลาบที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากชายที่ชื่อว่า John Hix เขียนลงไว้ในคอลัมน์ของตนเองชื่อ Strange As It…

  • หญิงสาวที่สงสัยว่าตัวเองมีอาการติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ ที่ไหนได้ตั้งท้องเฉย!!

    หญิงสาวที่สงสัยว่าตัวเองมีอาการติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ ที่ไหนได้ตั้งท้องเฉย!!

    เรื่องราวคุณแม่ท่านหนึ่งที่ถูกหมอตั้งข้อสงสัยว่าเป็นโรคติดเชื่อที่กระเพาะปัสสาวะ แต่ที่ไหนได้เธอกลับตั้งท้องซะนี่!! และที่สำคัญหญิงสาวยังใช้เวลาในการคลอดลูกน้อยเพียงแค่ 22 นาทีเท่านั้น และนอกจากจะไม่รู้ตัวว่าท้องหรือมีสัญญาณของการตั้งครรภ์แล้ว หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ Katie O’Brien คุณแม่วัย 25 ปียังน้ำหนักลดไปถึง 12 กิโลกรัมอีกด้วย     คุณแม่มือใหม่เล่าว่าเธอไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้างในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา “ตอนที่พนักงานของคลินิกบอกฉันว่าฉันตั้งท้อง ตอนนั้นฉันถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว ฉันคบกับแฟนหนุ่มมา 4 ปีและเรายังไม่ได้วางแผนที่จะมีลูกกันเลย” Katie กล่าว หญิงสาวไปพบคุณหมอเมื่อประมาณ 5 เดือนก่อนหลังจากที่เธอมีอาการอยากเข้าห้องน้ำบ่อยๆ และเริ่มปวดสะโพก คุณหมอขอตรวจดูตัวอย่างปัสาวะเพื่อวินิจฉัยว่าเธอติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะหรือไม่     แต่หลังจากนั้นไม่นานทางคลินิกก็โทรมาบอกว่าเธออาจจะตั้งท้อง พวกเขาขอให้เธอกลับไปตรวจอีกครั้ง ระหว่างที่เดินทางไปตรวจ หญิงสาวมีอาการตื่นตระหนกและรู้สึกกลัวมาก และหลังจากที่เข้ารับการตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล Ystarad Mynach หญิงสาวก็ได้รับการยืนยันว่าเธอท้องจริงๆ เธอจำช่วงเวลานั้นได้และรู็สึกตื่นเต้นมากๆ ที่ได้ยินเสียงของเจ้าตัวเล็กเป็นครั้งแรก     และแล้ววันที่ครบกำหนดคลอดก็มาถึง ในวันนั้นเธอไม่ได้ไปทำงานเพราะเกรงว่าจะเกิดอาการปวดท้องคลอดขึ้นมาได้ เธอจึงพักผ่อนอยู่ที่บ้าน และเมื่อถึงกลางดึกระหว่างที่เธอกำลังเข้าห้องน้ำ Katie ก็เกิดปวดท้องกระทันหัน ป้าของเธอพยายามช่วยเหลือโดยการพาเธอมานั่งที่โซฟา “ตอนนั้นฉันปวดท้องมาก ป้าของฉันพยายามช่วยถอดกางเกงและให้ฉันเบ่งเด็กออกมา” Katie กล่าว หลังจากนั้นแพทย์มาที่บ้านของเธอและช่วยเหลือเธอได้ทันเวลา       หลังจากพ้นขีดอันตราย เธอโทหาแฟนหนุ่มและบอกว่าเขากำลังจะได้เป็นพ่อคนแล้ว…

  • โครเอเชียเปิดบริการ “ท่องโลกใต้ทะเล” ให้คุณเดินเล่น-ปั่นจักรยาน ตะลุยไปกับเหล่าฝูงปลา

    โครเอเชียเปิดบริการ “ท่องโลกใต้ทะเล” ให้คุณเดินเล่น-ปั่นจักรยาน ตะลุยไปกับเหล่าฝูงปลา

    จะดีแค่ไหนถ้าได้ไปเที่ยวต่างประเทศในดินแดนซึ่งขึ้นชื่อว่ามีเสน่ห์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่าง “โครเอเชีย” หากคุณเป็นคนที่รักการผจญภัยและอยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ แล้วถ้าเป็นการผจญภัยใต้น้ำคงจะสนุกและตื่นเต้นน่าดูเลยเนาะ…     ที่โครเอเชียได้เปิดบริการ Underwater Park เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพื่อให้คุณลองมาสัมผัสประสบการณ์ใต้น้ำ   โดย Under water park แห่งนี้นี้เปิดอยู่ที่เกาะ Veruda Islan แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศโครเอเชีย  ที่จะเปิดประสบการณ์ที่หาได้ยาก ในการเดินเล่นตามทางเดินใต้น้ำ ดูฝูงปลา เม่นทะเล กุ้ง ปู แบบใกล้ชิดสุดๆ โดยผู้ที่สนใจในการท่องโลกใต้ทะเลจะต้องสวมหมวกนิรภัยขนาด 40 กิโลกรัม ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเชื่อมต่อกับถังออกซิเจนเพื่อให้ผู้ที่เข้าชมได้สัมผัสโลกใต้ทะเลอย่างใกล้ชิดที่สุด   ได้ดูฝูงปลาแบบใกล้ชิดสุดๆ   มีปลารายล้อมรอบตัว…   ดำดิ่งลงไปเจอโลกใต้ทะเล มีอะไรซ่อนอยู่น๊าาาา?   มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอดการดำน้ำ   ลองทำตัวเป็นปลา   อ๊ะ นอกจากปลาแล้วก็ยังมีเจ้าปูมาต้อนรับด้วย   คงจะตื่นเต้นและน่าสนุกมากๆเลย   ได้รูปที่เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร ถ่ายรูปกับปลาแบบใกล้ๆ   เห็นแบบนี้อยากจะลองไปเที่ยวดูซักครั้งบ้างจัง ใครที่สนใจก็ลองไปเที่ยวดู แล้วอย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันหน่อยนะ!! ที่มา designyoutrust,total-croatia-news

  • สุดเศร้า.. คู่รักวัยรุ่นที่ต้องจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากเพิ่งแต่งงานกันได้แค่ 1 วัน

    สุดเศร้า.. คู่รักวัยรุ่นที่ต้องจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากเพิ่งแต่งงานกันได้แค่ 1 วัน

    เหตุการณ์อันน่าสลดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่คู่สามีภรรยาจากรัฐแคนซัส กล่าวคำสาบานในพิธีแต่งงานของพวกเขาได้เพียงแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 6 โมงเย็นใกล้ๆ กับเมือง Clearwater ในที่เกิดเหตุพบรถกระบะคันหนึ่งพุ่งชนกับต้นไม้ ผู้ขับคือคุณ Austin Wesson ชายวัย 30 ปีซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนภรรยาคุณ Rebekah Bouma วัย 19 ปีเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา     ทั้งคู่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกันเมื่อวันศุกร์ที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา ภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ทางเฟซบุ๊กคุณ Bouma และคุณ Wesson ดูมีความสุขในวันพิเศษของพวกเขามา พวกเขาจัดพิธีอย่างเรียบง่ายและกล่าวคำสาบานว่าจะดูแลกันตลอดชีวิต สำนักข่าว Wichita Eagle รายงานว่าคุณ Bouma พบสามีของเธอเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้วหลังจากที่ไปทำงานเป็นอาสาสัครเผยแพร่ศาสนาที่ประเทศ แอฟริกาใต้ หลังจากที่เริ่มทำความรู้จักกัน ชายหนุ่มตัดสินใจโทรวิดีโอคอลถึงพ่อฝ่ายหญิง เพื่อขอออกเดทกับลูกสาวเขา     หลังจากที่ฝ่ายหญิงเรียนจบ ทั้งสองจึงตัดสินใจแต่งงานกัน พ่อแม่ของคุณ Rebekah บอกว่าทั้งคู่รักกันมากทั้งสองมีความหมายต่อกันมาก และไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ฝ่ายเจ้าสาวกำลังเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนเจ้าบ่าวนั้นเป็นครูสอนเล่นกระดานโต้คลื่น ทั้งคู่กำลังวางแผนอนาคตของพวกเขา แต่น่าเศร้าที่ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้หลังจากที่แต่งงานกันได้เพียงวันเดียวเท่านั้น     หลังจากเกิดอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจ Sedgwick County ได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ใกล้กับถนนสาย 79 และถนนสาย 103 ในเมือง Clearwater…

  • เปิดการ์ดบาเรีย!! หนุ่มยิงปืนใส่ตัว “อาร์มาดิลโล่” แต่กระสุนสะท้อนกลับโดนตัวเองซะงั้น

    เปิดการ์ดบาเรีย!! หนุ่มยิงปืนใส่ตัว “อาร์มาดิลโล่” แต่กระสุนสะท้อนกลับโดนตัวเองซะงั้น

    เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า รักชีวิตอย่าคิดมาแหยมกับเจ้าอาร์มาดิลโล่ แห่งรัฐเท็กซัส!! หนุ่มชาวเท็กซัสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ด้วยสภาพร่างกายมีบาดแผลเกิดจากกระสุนปืน หลังจากที่เขาพยายามยิงทดสอบเกราะของตัวอาร์มาดิลโล่ ว่ามันจะแข็งสักแค่ไหนเชียว!?     เหตุการณ์ประหลาดนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 03.00 น. ของวันพฤหัสบดี บนทางหลวงหมายเลข 77 ในพื้นที่มารีเอตตามรายงานจากทาง KLTV เจ้าหน้าที่ในเมือง Cass County รัฐเท็กซัส กล่าวว่า “มือปืนผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ได้รับบาดเจ็บเพราะไปยิงใส่ตัวอาร์มาดิลโล่แล้วโดนเกราะป้องกันตัว สะท้อนกระสุนกลับใส่ตัวเองซะอย่างนั้น แต่ไม่มีใครทราบชะตากรรมของเจ้าตัวอาร์มาดิลโล่เลยว่ามันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”   เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะว่าเขาตั้งใจที่จะยิงเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนยิงใส่ตัวอาร์มาดิลโล่และโดนสะท้อนกลับ ในเดือนเมษายน ปี 2554 นาวิกโยธินคนหนึ่งจากเมือง Leeburg รัฐจอร์เจีย ยิงปืนใส่เจ้าตัวนี้ จนกระสุนสะท้อนใส่แม่ยายของเขาได้รับบาดเจ็บ ขณะที่เจ้าตัวอาร์มาดิลโล่ตัวดังกล่าวนั้นเสียชีวิต…   แหม่ มันก็อยู่ของมันดีๆ มนุษย์ถ้าอยากรู้ว่าเกราะหนาแค่ไหนเปิดอินเตอร์เน็ตหรืออ่านหนังสือหาข้อมูลเอาก็ได้นะ ไม่เห็นถึงขั้นต้องไปทดสอบอย่างนี้เล๊ยยยยยยย!!   ที่มา dailymail

  • จิตใจทำด้วยอะไร… ชาวเน็ตจวกยับหลังเห็นคลิปพยาบาลหนุ่ม “ทำร้ายสาวท้อง” เป็นคนอยู่รึเปล่าเนี่ย!?

    จิตใจทำด้วยอะไร… ชาวเน็ตจวกยับหลังเห็นคลิปพยาบาลหนุ่ม “ทำร้ายสาวท้อง” เป็นคนอยู่รึเปล่าเนี่ย!?

    กลายเป็นประเด็นร้อนไปทั่วโลก หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของพาราเมดิคชาวชิลี ทำร้ายหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ โดยเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า เหตุการณ์ดังกลาวเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลในเมือง Valparaiso ประเทศชิลี ซึ่งเป็นภาพของพาราเมดิคหนุ่ม กำลังทำพฤติกรรมรุนแรงใส่พยาบาลสาวที่กำลังตั้งท้องอยู่   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันก่อน   ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นพฤติกรรมของพาราเมดิคหนุ่ม ที่จู่ๆ ก็ถีบเข้าไปที่บริเวณหน้าท้องของพยาบาลสาวผู้ตั้งครรภ์ จากนั้นพาราเมดิคหนุ่ม ก็ได้ดึงศีรษะของพยาบาลสาวพร้อมกับพยายามกระซิบข้อความบางอย่างใส่ และก่อนที่เจ้าตัวจะแยกย้ายก็ได้ถีบใส่หญิงสาวอีก 1 ครั้ง     หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกพูดถึงทั่วโลกอินเตอร์เน็ต พนักงานหนุ่มคนดังกล่าวก็ถูกบริษัทสั่งพักงาน พร้อมกับถูกดำเนินคดีตามกฎหมายข้อหาทำร้ายร่างกาย แม้จะไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุของการทะเลาะเบาะแว้งในครั้งนี้ ทว่าพฤติกรรมที่พาราเมดิคหนุ่มได้แสดงต่อหน้ากล้องวงจรปิด ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่เคารพต่อเพื่อนร่วมงาน อีกทั้งจิตใจที่โหดเหี้ยมจากการทำร้ายหญิงสาวผู้ตั้งครรภ์     แน่นอนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำเอาชาวเน็ตออกมาแสดงความเห็นกันให้เพียบ   “ขอเดาว่าผู้ชายต้องเป็นพ่อของเด็กในท้อง และเขาตั้งใจจะบังคับให้เธอไปเอาเด็กออกแน่ๆ เขาควรจะถูกข้อหาพยายามฆ่าเลยนะ”   ชาวเน็ตหลายคนให้ความเห็นว่า ควรจะโดนข้อหาพยายามฆ่ามากกว่าแค่ข้อหาทำร้ายร่างกาย   เพราะนอกเหนือจากร่างกายของหญิงสาวแล้ว ก็เท่ากับว่าพาราเมดิคหนุ่มได้ทำร้ายร่างกายเด็กในท้องที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยเช่นกัน   โถ่วว.. มีปัญหาอะไรก็ควรจะใจเย็นๆ นะ อย่าได้ทำร้ายร่างกายกันแบบนี้เลย ที่มา: Dailymail

  • คุณลุงโดนรุมตื๊บ หลังไปห้ามแก๊งวัยรุ่น ไม่ให้สูบกัญชา ในที่ห้ามสูบบุหรี่บนรถไฟ!?

    คุณลุงโดนรุมตื๊บ หลังไปห้ามแก๊งวัยรุ่น ไม่ให้สูบกัญชา ในที่ห้ามสูบบุหรี่บนรถไฟ!?

    เป็นเรื่องที่ค่อนข้างร้ายแรงสำหรับ Kennan Jones  ชายวัย 44 ปี ในขณะที่เขากำลังเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเขตเมือง Dallas เมื่อวันอาทิตย์ก่อน เขาสังเกตเห็นกลุ่มวัยรุ่น พากันสูบกัญชาในพื้นที่บนรถไฟซึ่งเป็นพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ เขาเลยคิดว่าตัวเองต้องเตือนไม่ให้พวกวัยรุ่นทำอย่างนั้น ก็เลยเข้าไปตักเตือน   ลุง Kennan โดนกลุ่มวัยรุ่นเข้าไปรุมทำร้ายหลังจากที่ลุงคนนี้เข้าไปห้ามไม่ให้พวกเขาสูบกัญชาที่สถานีรถไฟ กลุ่มวัยรุ่นทั้งชายหญิงได้รุมกระทืบลุง Kennan ทั้งถีบติดประตูและต่อยแบบไม่ยั้งมือ พอรถไฟหยุดพวกเขาก็ลากลุง Kennan ออกมาที่ชานชาลา แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งนำสเก็ตบอร์ดฟาดหัวเขาอย่างเต็มแรง   คุณลุง Kennan ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยที่มีบาดแผลจากการรุมทำร้ายร่างกายหลายแห่ง ถือว่าเป็นเรื่องราวที่ไม่ดีนักสำหรับเหตุการณ์ที่ร้ายแรงแบบนี้ “ทุกๆ อย่างเริ่มจาก 0 ไปถึง 100 วันนี้พวกเขาอาจจะยังไม่ดีและพัฒนาได้ ผมยินดีที่จะตักเตือนพวกเขาด้วยความหวังดี และหวังว่าพวกเขาจะกลับตัวได้ซักวัน” คุณลุงกล่าวปิดท้าย แม้จะโดนรุมทำร้ายมาก็ตาม   Kennan Jones  ผู้เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว   น่าสงสารคุณลุงจริงๆนะ ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ทำความดีต่อไปเรื่อยๆนะคะ…. ที่มา dailymail

  • เด็กนักเรียนในอินเดียถูกครูเฆี่ยนตีอย่างโหดร้าย เหตุเพียงเพราะอยากปลูกฝังวินัยในตัวเด็ก

    เด็กนักเรียนในอินเดียถูกครูเฆี่ยนตีอย่างโหดร้าย เหตุเพียงเพราะอยากปลูกฝังวินัยในตัวเด็ก

    เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์เดลีเมล์ได้เผยภาพ พร้อมคลิปวีดีโอที่น่าตกใจของอาจารย์ใหญ่จากอินเดียคนหนึ่ง ขณะกำลังใช้ไม้เรียวทำร้ายร่างกายเด็กภายในโรงเรียนอย่างรุนแรงด้วยความโมโห สำหรับเหตุการณ์นี้ ได้เกิดขึ้นที่โรงเรียนคอนแวนต์แห่งหนึ่งในเมือง Fafamau ใกล้กับ Allahabad ประเทศอินเดีย ซึ่งภายหลังจากที่คลิปวีดีโอถูกนำไปเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ อาจารย์คนดังกล่าวก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย     จากการรายงานระบุว่า เด็กนักเรียนบางคนถึงขั้นสลบไป หลังถูกฟาดด้วยไม้เรียวอย่างรุนแรง ซึ่งทาง Ashish Mani Tiwari หนึ่งในครูจากโรงเรียนแห่งนี้ ผู้ซึ่งได้เป็นคนถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ได้ออกมาเผยว่า เขารู้สึกตกใจว่าทำไมนักเรียนถึงถูกเฆี่ยนตีอย่างรุนแรงเช่นนี้ “เด็กนักเรียนมักจะถูกเฆี่ยนตีอย่างรุนแรงอยู่บ่อยๆ ด้วยข้ออ้างที่ว่าเป็นการปลูกฝังวินัยในตัวของพวกเขา” Ashish กล่าวเสริม     ทางด้านผู้ปกครองของเด็กรายหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อการกระทำอันป่าเถื่อนนี้ ก็ได้ทำการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อทางโรงเรียน แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะถูกบังคับให้ถอนเรื่องจากหน่วยงานท้องถิ่น     อย่างไรก็ตาม Ashish เพิ่งจะเข้ามาทำงานที่โรงเรียนแห่งนี้เป็นเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น แต่เขากลับถูกทางโรงเรียนไล่ออกในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ได้โพสต์คลิปวีดีโอดังกล่าวลงบนโลกออนไลน์ ที่มา : dailymail

  • ตามรอยซีรีส์ดังระดับโลกกับปราสาทของจริงที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ “Game of Thrones”

    ตามรอยซีรีส์ดังระดับโลกกับปราสาทของจริงที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ “Game of Thrones”

    เดินทางมาจนถึง Season 7 กันแล้ว สำหรับซีรีส์ยอดฮิตเรื่อง Game of Thrones ที่ต้องบอกเลยว่าผ่านมาแล้วถึง 4 ตอน ก็สร้างความน่าตื่นเต้นให้บรรดาแฟนๆ คอยลุ้นกันตลอด และสำหรับใครที่เป็นแฟนตัวยงของ Game of Thrones ในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะพาคุณเดินทางไปชมปราสาทของจริง ซึ่งเป็นสถานที่หลักในการถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ บอกเลยว่าเห็นในจอทั้งสวยงาม และอลังการดาวล้านดวงแล้ว มาเจอของจริงมีทั้งบรรยากาศอันยอดเยี่ยม มีทั้งความโดดเด่นทั้งภายใน และภายนอกกันเลยทีเดียว   1.ปราสาทเชน (Shane’s Castle)   ปราสาทเชน (Shane’s Castle) เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ในฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของ Lough Neagh ใกล้กับ Randalstown ในไอร์แลนด์เหนือ มันถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1345 แต่เดิมถูกเรียกว่า Eden-duff-carrick สร้างขึ้นโดยสมาชิกของราชวงศ์ O’Neill และครอบครองโดย Shane MacBrien O’Neill ซึ่งภายหลังปราสาทแห่งนี้ก็ได้เป็นชื่อเป็น Shane นั่นเอง สำหรับปราสาทแห่งนี้ ได้ปรากฏให้เห็นในจอครั้งแรกในซีซั่น…

  • กินของหวานชิลล์ๆ กับไอติมแบบแท่งที่อยู่ได้เป็นชั่วโมงโดย “ไม่ละลาย” จากญี่ปุ่น

    กินของหวานชิลล์ๆ กับไอติมแบบแท่งที่อยู่ได้เป็นชั่วโมงโดย “ไม่ละลาย” จากญี่ปุ่น

    เคยเจอกับปัญหากวนใจในหน้าร้อนกันบ้างไหมเอ่ย โดยเฉพาะเวลาที่เราอยากจะเดินกินไอติมตอนไปไหนมาไหน แต่ก็ดันมาละลายเอาคามือเหนียวเหนอะหนะกันไปหมด ลำบากต้องไปล้างมืออีก หรือแย่ไปกว่านั้นก็ร่วงตกลงพื้นไปต่อหน้าต่อตา จบกันกับปัญหานี้เมื่อญี่ปุ่นได้เจอทางแก้แล้ว เมื่อศูนย์วิจัยเพื่อพัฒนาชีวโมเลกุลในเมืองคะนะซะวะ ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการคิดค้นไอติมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติของการละลายที่ยากมาก อยู่กลางแดดได้นานเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว     ซึ่งความสามารถนี้นั้นถูกพบด้วยความบังเอิญเมื่อทางศูนย์วิจัยได้ขอให้พ่อครัวของหวานทำลูกกวาดขึ้นมาจากการใช้สารโพลีฟีนอลจากสตรอเบอร์รี่ร่วมด้วย เพื่อหาแนวทางใหม่มาทดแทนที่มันไม่ดีพอที่จะขายแบบสดใหม่ได้ จากส่วนผสมนั้นทำให้ครีมนมตกผลึกทันทีหลังจากที่ใส่มันเข้าไป ไม่เหมาะที่จะนำไปผลิตลูกกวาด แต่ผู้วิจัยเชื่อว่ามันจะสามารถเป็นส่วนผสมที่ช่วยให้ไอติมละลายช้าลงอย่างมาก จึงได้เริ่มโปรเจกต์ทำไอติมที่แทบไม่ละลายนี้ขึ้นมา     Tomimhisa Ota อาจารย์ในมหาวิทยาลัยคะนะซะวะและเป็นผู้ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ได้บอกว่า “เจ้าสารชนิดนี้นั้นมีคุณสมบัติทำให้น้ำและน้ำมันแยกออกจากกันได้ยาก นั่นจึงทำให้คงรูปร่างของไอติมแท่งไว้ได้นานกว่าปกติและยากที่จะละลายอีกด้วย” หากสงสัยว่ามันละลายได้ช้าขนาดไหน ทางผู้วิจัยก็ได้มีคลิปวิดีโอนำไอติมมาโดนกับลมร้อนจากไดร์เป่าผมมีความร้อนอยู่ที่ประมาณ 28 องศาเซลเซียส โดยมันก็ยังสามารถคงรูปร่างเอาไว้ได้หลังจากที่ผ่านไปนานถึง 5 นาที   อันแรกคือไอติมทั่วๆไป อันที่สองคือไอติมที่ละลายช้า   ไม่จบเพียงแค่นั้นเมื่อได้มีคลิปวิดีโอจาก Sora News ทำการทดสอบโดยการนำเอาไอติมแท่งใหม่มาวางทิ้งไว้นานถึง 3 ชั่วโมง แต่ตัวไอติมนั้นแทบจะไม่เสียรูปทรง และยังคงมีความเป็นครีมที่ไม่เหลวเป็นน้ำอีกด้วย   เลขในนาฬิกาตัวแรกนั่นคือเวลานับเป็นชั่วโมงนะ   ไอติมชนิดนี้ได้ถูกนำออกมาขายในร้าน Kanazawa Ice Shop ก่อนที่จะขยายกว้างไปยังโตเกียวและโอซาก้า…

  • สาวที่ “แปลงเพศ” ตัวเองด้วยอายุน้อยที่สุดในอังกฤษ แถมเปลี่ยนสลับเพศไปมาถึง 3 ครั้ง

    สาวที่ “แปลงเพศ” ตัวเองด้วยอายุน้อยที่สุดในอังกฤษ แถมเปลี่ยนสลับเพศไปมาถึง 3 ครั้ง

    การที่เราเกิดออกมามีเพศสภาพไม่ตรงกับสิ่งที่เราเป็นนั้นนับเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน และวิทยาการทางการแพทย์ก็สามารถช่วยให้ความฝันเป็นจริงได้จากการแปลงเพศด้วยฮอร์โมนหรือการผ่าตัด เช่นเดียวกับเธอคนนี้ Ria Cooper วัย 23 ปีที่เกิดมาเป็นเพศชายในตอนแรกนั้นได้ทำการเปลี่ยนแปลงเพศในตอนที่เธอมีอายุเพียง 15 ปีซึ่งนับเป็นคนไข้อายุน้อยที่สุดที่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเพศของตัวเองในเกาะอังกฤษ     ด้วยการฉีดฮอร์โมนเพศหญิงเข้าร่างกายไปเรื่อยๆ จึงช่วยให้หยุดการเจริญเติบโตของหนวดเครา อีกทั้งยังทำให้เธอมีหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น เธอเล่าว่าเธอรู้ตัวมาตลอดว่าเป็นผู้หญิง เริ่มแต่งหน้าใส่ส้นสูงตั้งแต่อายุ 12 ปีแต่เมื่อได้ทำการแปลงเพศสภาพในครั้งแรกนั้นก็ทำให้ต้องตกอยู่ในแรงกดดันจากสังคมคนรอบข้างที่มองว่าเธอยังเด็กเกินไปที่จะตัดสินใจกับเรื่องเหล่านี้ สิ่งนั้นทำให้เธอกลัวว่าจะไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่นจึงทำให้เธอตัดสินใจแปลงเพศกลับมาเป็นชายอีกครั้ง ด้วยความที่ต้องการเป็นเพียงคนปกติเธอจึงหยุดการฉีดฮอร์โมนเข้าสู่ร่างกายในวันเกิดอายุครบ 18 ปี   ภาพของเธอในวัยเด็ก   แต่การตัดสินใจครั้งที่สองของเธอก็ทำให้ได้รู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่มีความสุขมากไปกว่าเดิมซะอีก ตอนนี้เธอจึงตัดสินใจที่จะเป็นตัวของตัวเองและหวังว่าในท้ายสุดแล้วจะได้พบกับความสุขอย่างที่เธอต้องการ ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเธอได้ใช้เงินประกันสุขภาพขององค์กรสุขภาพในประเทศอย่างสิ้นเปลือง แต่เธอก็ได้ออกมาสาบานว่าเธอนั้นได้จ่ายค่าผ่าตัดด้วยเงินตัวเองทั้งหมด เธอนั้นต้องเสียเงินกว่า 2 แสนบาทเพื่อทำให้ความฝันในการมีหน้าอกเหมือนผู้หญิงของเธอได้เป็นจริง และรอที่จะทำการผ่าตัดแปลงเพศในปีถัดไป     เธอยังคงหวังว่าจะได้รับความรัก ได้แต่งงานและได้มีครอบครัวเลี้ยงลูกหลังจากการตัดสินใจครั้งนี้ ซึ่งเธอก็รู้ว่ามันไม่ง่ายเลย และนั่นก็เคยเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เธอได้ตัดสินใจเปลี่ยนกลับไปเป็นผู้ชายในตอนนั้น มันเป็นไปได้ยากมากเมื่อผู้ชายที่เข้ามาได้รู้เบื้องหลังชีวิตของเธอ ถึงแม้ว่าตัวคนๆ นั้นจะรับได้ แต่เมื่อเพื่อนของเขาเหล่านั้นได้รู้ สุดท้ายเธอก็ต้องถูกทิ้งอยู่ดี จนตอนนั้นเธอก็เริ่มสงสัยแล้วว่าจะสามารถมีความสุขได้อีกครั้งหรือไม่     “แต่ตอนนี้ฉันโตขึ้นและฉลาดขึ้นแล้วอีกทั้งยังได้เป็นตัวของตัวเอง ที่ว่าฉันคือ Ria ฉันเป็นผู้หญิงโดยจะไม่มีวันหันหลังกลับอีก ซึ่งหากฉันหาผู้ชายที่รักความเป็นฉันได้นั่นคงเป็นสิ่งที่เยี่ยมมาก แต่หากว่าไม่ฉันก็ยังคงจะสามารถที่จะเป็นแม่คนได้” เธอพูดทิ้งท้ายเอาไว้…

  • เปิดเรื่องราวสยอง ของ “ฆาตกรต่อเนื่องบัลติมอร์” ที่ฆ่าคนแล้วทำเป็นเนื้อบาร์บีคิวตามข้างถนน

    เปิดเรื่องราวสยอง ของ “ฆาตกรต่อเนื่องบัลติมอร์” ที่ฆ่าคนแล้วทำเป็นเนื้อบาร์บีคิวตามข้างถนน

    คดีฆาตกรรมต่อเนื่องนั้นอาจไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักในบ้านเรา และในต่างประเทศเองนั้นก็ไม่ได้มีมากกว่ากันไปซักเท่าไหร่ แต่ว่าความสยองไม่ได้หยุดเพียงแค่ว่าฆาตกรได้คร่าชีวิตของคนไปมากมาย เพราะหลังจากที่เหยื่อกลายเป็นศพแล้วยังต้องพบเจออะไรที่มันมากกว่านั้นอีก มาลองฟังเรื่องราวการพรากชีวิตคนอื่นจากคำกล่าวที่ทิ้งไว้ของผู้ลงมือที่ชื่อว่า Joseph Roy Methany ซึ่งปัจจุบันได้เสียชีวิตลงแล้วภายในคุกที่ตนถูกคุมขังในรัฐแมริแลนด์ ประเทศอเมริกา     การเสียชีวิตภายในห้องขังของตนเองนั้น ในตอนนี้ยังอยู่ภายใต้การสืบสวนหาสาเหตุอยู่ แต่ว่านั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับเรื่องที่เราจะมาเล่ากัน แต่เป็นเรื่องของสาเหตุที่เขาจะต้องถูกจับที่เกิดขึ้นอย่างสยดสยอง เขาถูกตัดสินว่าเป็นฆาตกรที่ได้คร่าชีวิตผู้หญิงสองคนได้แก่ Kathy Spicer และ Cathy Ann Magaziner แต่นั่นยังไม่รวมกับเรื่องที่เจ้าตัวสารภาพออกมาเองว่าได้ฆ่าไปมากกว่านั้นหากแต่ไม่ได้รับการตัดสินใดๆ จากเจ้าหน้าที่     โดยการสารภาพที่เกิดขึ้นภายในคุกนั้นเขาได้พูดว่า จุดเริ่มต้นของการฆาตกรรมต่อเนื่องนั้นเกิดจากที่ภรรยาของตนติดยาเสพติดจนหนีออกไปทิ้งลูกวัย 6 ขวบเอาไว้ให้เขา หลังจากเรื่องนั้นเขาเคยเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมชายไร้บ้านสองคนที่ใต้สะพาน แต่ก็พ้นผิดเมื่อหลักฐานไม่เพียงพอที่จะพาเขาเข้าคุกได้   สถานที่ที่เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรแต่หลักฐานไม่เพียงพอ   จนเมื่อปี 1994 เขาได้พบเข้ากับหนึ่งในเหยื่อสาวที่ชื่อว่า Magaziner ในร้านเหล้าแห่งหนึ่งก่อนที่จะล่อลวงเธอไปยังบ้านของเขาที่เป็นเพียงรถพ่วงหลังจอดอยู่ในบริเวณพื้นที่จัดเก็บของบริษัททำแผ่นไม้ซึ่งเป็นที่ทำงานของเขา ด้วยหนทางที่เปลี่ยวและเป็นทางตันที่ต้องใช้กุญแจที่เขามีอยู่เปิดออกเท่านั้น มันจึงไม่ยากเลยที่จะทำการฆาตกรรมหญิงสาวหลังจากที่ทั้งคู่ได้มีอะไรกัน จึงนำสายไฟมารัดคอเธอและนำไปฝังในหลุมที่ไม่ลึกมาก   สถานที่ทำงานของเขาและที่เกิดเหตุฆาตกรรมหญิงสาว   ภายหลังมีการพบศีรษะของหญิงสาวคนนั้นจากการค้นบ้านของเขาอีกด้วย จนเมื่อตำรวจถามหาแรงจูงใจของการลงมือ เขาก็พูดได้เหมือนกับว่าทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งที่เขาต้องการ พูดจาตะกุกตะกัก ก่อนที่จะบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าตัวเขาเองก็ไม่สามารถอธิบายได้เช่นเดียวกัน การสารภาพไม่ได้จบแค่นั้นเมื่อเขาได้พูดต่ออีกว่า เขาได้ทำการหั่นศพของเหยื่อสาวทั้งสองก่อนที่จะนำมันไปขายตามข้างถนนโดยผสมกับเนื้อหมูและทำแซนด์วิชขายให้กับคนผ่านไปมา เสริมอีกว่ารสชาติของเนื้อมนุษย์นั้นมีความเหมือนกับเนื้อหมูจนแยกไม่ออกกันเลยละ…

  • ชาวเมืองนับร้อย “จัดงานวันเกิด” ครั้งสุดท้าย ให้กับเด็กหญิงผู้อพยพ ก่อนจะถูกส่งตัวกลับประเทศ

    ชาวเมืองนับร้อย “จัดงานวันเกิด” ครั้งสุดท้าย ให้กับเด็กหญิงผู้อพยพ ก่อนจะถูกส่งตัวกลับประเทศ

    การที่เราต้องย้ายไปหลายๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นการออกค่ายไปเที่ยวหรือการย้ายที่อยู่อาศัยนั้น ก็คงเป็นเรื่องที่ยากที่จะได้สร้างความทรงจำกับคนรอบข้างที่ต่างกันออกไปและมีเวลาได้อยู่ร่วมกันที่ไม่มากนัก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้หมายความว่าคนใกล้ตัวจะลืมที่จะเอาใจใส่ความรู้สึกของกันและกัน เหมือนกับความรักที่เด็กน้อยคนนี้ได้รับ หญิงสาววัย 12 ปีที่มีชื่อว่า Hanyie Maleki และพ่อของเธอ Abrahim Maleki จากอัฟกานิสถานจะต้องถูกส่งกลับประเทศเยอรมนี จากการตัดสินใจของประเทศไอซ์แลนด์เกี่ยวกับเรื่องของการเคลื่อนย้ายแรงงานในยุโรป     เธอนั้นเกิดในค่ายอพยพประเทศอิหร่าน ทำให้เธอและพ่อที่พิการได้อพยพต่อไปยังตุรกีและย้ายไปกรีซจากนั้นจึงย้ายไปเยอรมนี สุดท้ายจึงได้มาจบที่ประเทศไอซ์แลนด์ ก่อนที่จะมีข่าวให้ส่งเธอกลับไปยังประเทศก่อนหน้านี้ นี่อาจเป็นงานวันเกิดครั้งสุดท้ายของเธอที่จะจัดขึ้นในประเทศนี้ เหล่าคนที่จัดงานนี้จึงต้องจัดก่อนวันเกิดที่แท้จริงในเดือนตุลาคม และต้องการให้มันเป็นวันที่น่าประทับใจมากที่สุดในชีวิตของเด็กสาวคนนี้ นั่นทำให้มีแขกมาร่วมงานนี้มากถึงเกือบ 300 คนเลยทีเดียว     หนึ่งในคนจัดงาน Guðmundur Karlsson ได้บอกว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเหนือความคาดหมายของพวกเรามาก มันเยี่ยมมากจริงๆ เต็มไปด้วยความรักและกำลังใจ” เธอที่เป็นเพียงแค่เด็กสาวขี้อายคนหนึ่งนั้นได้เป็นนางเอกของงานในทันที โดยเธอได้เดินไปรอบงานเพื่อที่จะถ่ายรูปโพสท่าต่างๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำ เข้าไปสวมกอดผู้คนภายในงานอย่างน่ารักน่าเอ็นดู     แขกหลายคนในงานได้มอบของขวัญให้เธอมากมาย บางคนในนั้นเธอยังไม่เคยเจอหน้าเลยด้วยซ้ำ พร้อมกับบัญชีธนาคารในชื่อของเธอที่ได้รับเงินบริจาคสนับสนุนจากผู้คนรวมถึง 190,000 บาทสำหรับการไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ องค์กรช่วยเหลือผู้อพยพที่มีชื่อว่า Solaris ได้พยายามสร้างแรงกดดันให้กับคณะผู้บริหารองค์กรลี้ภัยของไอซ์แลนด์ เพื่อให้เธอและพ่อได้อยู่ต่อในประเทศ โดยได้ล่ารายชื่อในเว็บไซต์ change.org โดยได้รวมมาถึง 8,400 รายชื่อแล้ว…

  • ชมสุดยอดคลิปการแสดง ทีมคอสเพลย์จีน คว้าแชมป์งาน World Cosplay Summit 2017 ถึงญี่ปุ่น!!

    ชมสุดยอดคลิปการแสดง ทีมคอสเพลย์จีน คว้าแชมป์งาน World Cosplay Summit 2017 ถึงญี่ปุ่น!!

    ก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 แล้วสำหรับงานมหกรรมรวมเหล่านักคอสเพลย์จากทั่วทุกมุมโลกกับ World Cosplay Summit 2017 ที่จัดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น โดยปีนี้ก็ได้มีทีมนักคอสเพลย์ดังๆ มากมายตบเท้าเข้าร่วมแข่งกันเพียบ!! ภายในงานก็จะมีทั้งการโชว์ชุดสวยๆ รวมถึงการประกวดทีมคอสเพลย์ประจำปี ซึ่งในปีนี้ทีมที่จัดแสดงและมีผลงานออกมาดีจนได้แชมป์ไปกลับไม่ใช่ทีมจากญี่ปุ่น ทว่าเป็นทีมจากจีนนั่นเอง ที่สำคัญผลงานของพวกเขาดีเหมาะสมกับตำแหน่งเลยล่ะ     การแสดงโชว์ของทีมจีนนั้น ได้แสดงโชว์และคอสเพลย์เป็นตัวละครจากเรื่อง Blood: The Last Vampire ซึ่งตัวคอสเพลย์เยอร์สาว Tian Tian รับบทเป็น Saya และ Xue Yan Xue รับบทเป็นปีศาจจากในเรื่อง การแสดงนั้นมีการเตรียมตัวมาอย่างดี ทั้งเสียงประกอบ ทั้งฉาก และยังรวมถึงพรอพเลือดที่ใช้ในการแสดง ถ้ามองไวๆ นี่บอกเลยว่าเหมือนดูอนิเมชั่นมากๆ     ลองชมดูการแสดงของพวกเขาหน่อยเป็นไง   นี่ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีสำหรับทีมจีนเลยก็ว่าได้ เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่ทีมจากจีนกลายเป็นแชม์ปในงานนี้นั่นเอง ส่วนที่สองนั้นตกเป็นของทีมจากประเทศเม็กซิโก ส่วนที่สามก็เป็นของเจ้าภาพญี่ปุ่น   ทีมจากเม็กซิโก ได้คอสเพลย์เป็นตัวละครจากเรื่อง Trigun   ด้านโชว์จากญี่ปุ่นก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว   ส่วนอันดับรองลงมาก็จะเป็นทีมจากประเทศอิตาลีและประเทศบราซิล ยังไงก็ต้องแสดงความเสียใจกับทีมที่แพ้ด้วย และก็ต้องแสดงความยินดีกับทีมที่ชนะนั้นเอง ในปีหน้าทีมไหนจะมาชิงแชม์ปนั้นก็ต้องติดตามดูกันให้ดีเลย และที่สำคัญทุกๆ ปีงานก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ…  …

  • ร้านอาหารจัดโปรโมชั่น “ลดราคาอาหารตามไซส์นม” แม้ยอดขายเพิ่ม แต่โดนดราม่าเพียบ!!

    ร้านอาหารจัดโปรโมชั่น “ลดราคาอาหารตามไซส์นม” แม้ยอดขายเพิ่ม แต่โดนดราม่าเพียบ!!

    อย่างนี้ก็มีด้วย… เมื่อร้านอาหาร  “Trendy Shirmp” ในเมืองหางโจว จัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าผู้หญิงที่มาทานอาหารที่ร้าน ยิ่งหน้าอกใหญ่แค่ไหนก็รับส่วนลดไปตามขนาด!?! หนังสือพิมพ์เฉียนเจียง อีฟนิ่ง โพสต์ ได้รายงานว่า ร้านอาหารแห่งนี้ได้ขึ้นป้ายโฆษณาเป็นรูปตัวการ์ตูนผู้หญิงที่มีขนาดหน้าอกต่างกัน เรียงตามลำดับคัพของหน้าอกจาก A ถึง G โดยโปรโมชั่นดังกล่าวมีรายละเอียดคือ ลูกค้าที่มีขนาดหน้าอกคัพ A จะได้รับส่วนลด 5% จนถึงคัพ G ที่เป็นคัพที่ใหญ่ที่สุดจะได้รับส่วนลดมากถึง 65%   รูปภาพของโปรโมชั่นดังกล่าว   อ้างอิงจากสำนักข่าวบีบีซี ระบะวุ่าป้ายดังกล่าวถูกติดหน้าร้านในวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ก็ต้องเอาออกในเวลา่ไม่นานนัก หลังจากมีเสียงโจมตีอย่างหนักจากประชาชนในเมือง ด้วยข้อหาที่ว่า มีความหยาบคายและไม่เคารพเพศหญิง เมื่อทางบีบีซีสอบถามไปยังเจ้าของร้าน เขาให้สัมภาษณ์ด้วยข้อความระบุว่า “หลังจากเราเริ่มให้ส่วนลด มีลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้น 20% ทันที ลูกค้าผู้หญิงก็ไม่ได้เขินอายกับเรื่องนี้ บางคนกลับภูมิใจมากด้วยซ้ำ พวกเธอไม่มีอะไรต้องปกปิดหลบซ่อน”   ตัวอย่างภาพการ์ตูนแสดงขนาดหน้าอกของสาวๆ   “อย่างไรก็ตามหลังจากมีปัญหา ทางร้านก็ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากที่ติดป้ายได้ 2 วัน สำนักงานใหญ่ก็สั่งให้เราถอดป้ายดังกล่าวออก และถัดมาอีกวันเราก็ยกเลิกโปรโมชั่นนี้ในที่สุด” เจ้าของกล่าวปิดท้ายกับทางไชน่าเพรส   ตัวอย่างผู้หญิงคัพ…

  • ชาวเน็ตถกเถียงกัน หลังจาก ‘Megan Fox’ อัพรูป “ลูกชาย” ในชุดเจ้าหญิงเอลซ่า

    ชาวเน็ตถกเถียงกัน หลังจาก ‘Megan Fox’ อัพรูป “ลูกชาย” ในชุดเจ้าหญิงเอลซ่า

    สำหรับหนุ่มๆ ที่เคยผ่านช่วงวัยกลัดมันมา อาจจะคุ้นเคยกับดาราสาวสุดแซบอย่าง Megan Fox ถึงแม้ว่าตอนนี้ข่าวคราวของเธออาจจะเงียบหายไปบ้าง แต่ทรวดทรงของเธอยังคงตราตึงอยู่ในใจชายหนุ่มหลายๆ คนอย่างแน่นอน แต่คงต้องขอแสดงความเสียใจกับใครที่หวังจะเจอภาพสุดแซบของเธอในข่าวนี้ด้วยนะ ฮ่าๆ เพราะว่าวันนี้เราไม่ได้จะเอาภาพเซ็กซี่ๆ ของเธอมาโชว์หรอก แต่เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งถูกกระแสวิจารย์จากชาวเน็ตหลังจากที่อัพรูปลูกของเธอลงบนอินสตราแกรม!!   อ่ะ เดี๋ยวจะหาว่าใจร้าย เอารูปนี้ไปปลอบใจก่อนละกัน   เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ดาราสาวตาคมวัย 31 ปีได้อัพรูปลูกชายของเธอลงบนอินสตราแกรม แต่สิ่งหนึ่งที่ผิดสังเกตุชาวเน็ตนั่นก็คือลูกชายของเธอ ดั๊นสวมชุดเด็กผู้หญิงซะนี่   หนุ่มน้อย Noah ที่มาในชุดเจ้าหญิงเอลซ่า   และแน่นอน ชาวเน็ตหัวรุนแรงจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปได้อย่างไรกัน แบบนี้มันต้องบอกให้รู้ซะบ้างว่ามันไม่ถูกต้อง!!   ต๊ายย!! ปล่อยลูกชายใส่ชุดเดรสอย่างงี้ได้อย่างไรกัน ถ้าเด็กสับสนขึ้นมาจะล่ะ??     แต่แน่นอนว่าบางคนก็ออกมาประกาศตัวว่า ฉันทีม Megan นะ มันไม่เหมาะสมยังไงมิทราบ ห๊ะ!!   คุณเป็นแม่ที่เจ๋งจริงๆ   แต่นักแสดงสาวก็ได้ออกมาแสดงจุดยืนของเธอ พร้อมกับบอกว่า ฉันไม่สน!!   งานนนี้ทำเอาชาวเน็ตที่เข้ามาต่อว่าเธอถึงกับเงิบกันไปเลยทีเดียว แล้วเพื่อนๆ ล่ะมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง??     ที่มา buzzfeed

  • ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ค่าตัว สโมสร P$G ขึ้นป้ายต้อนรับ ‘Neymar’ กลางหอไอเฟล ในเกมนัดแรก

    ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ค่าตัว สโมสร P$G ขึ้นป้ายต้อนรับ ‘Neymar’ กลางหอไอเฟล ในเกมนัดแรก

    หลังจากที่ปิดฉากมหากาพย์การซื้อขายเป็นที่เรียบร้อยด้วยค่าตัวที่สูงเป็นสถิติโลกที่ 222 ล้านยูโร หรือประมาณ 8,800 ล้านบาท ล่าสุดดาวเตะระดับโลกอย่าง Neymar ก็ได้มีชูเสื้อกับสโมสรใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่นอกจากการเปิดตัวกับสโมสรแล้ว สตาร์หนุ่มวัย 25 ปียังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเมืองปารีสอีกด้วย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทางเมืองได้ประดับไฟที่หอไอเฟลเป็นสีประจำทีม Paris Saint-Germain พร้อมกับข้อความที่แปลเป็นไทยว่า “ยินดีต้อนรับ Neymar Jr.” ติดไว้ตรงกลางอย่างยิ่งใหญ่   และนี่คือภาพการต้อนรับนักเตะคนใหม่ของยอดทีมจากเมืองหลวงแดนน้ำหอม   ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะพลาดโอกาสในการลงสนามนัดแรกเนื่องจากปัญหาเรื่องของเอกสาร แต่อย่างไรก็ตามต้นสังกัดใหม่ของเขาก็สามารถเอาชนะคู่แข่งไปได้ถึง 2 ประตูต่อ 0 ในนัดเปิดสนามเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจบเกมทางด้าน Unai Emery โค้ชของทาง PSG ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการพลาดการลงสนามของ Neymar ว่า “พวกเราพยายามอย่างมากเพื่อให้การซื้อตัวเขาสำเร็จ เขาเตรียมตัวทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่สุดท้ายกลับมีปัญหาเกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าที่สเปนพวกเขาทำงานกันยังไง แต่สำหรับพวกเราแล้วเราเตรียมพร้อมกันอย่างมาก”     การเซ็นสัญญาครั้งนี้ ดาวเตะวัย 25 ปีจะรับใช้ยอดทีมจากเมืองหลวงนานถึง 5 ปี และรับค่าเหนื่อสูงถึง 596,000 ปอนด์หรือประมาณ 25 ล้านบาทเลยทีเดียว แต่เหนือสิ่งอื่นใด แฟนๆ P$G คงหวังที่จะเห็นสตาร์ชาวบราซิลเลี่ยนพาทีมรักของพวกเขาคว้าความสำเสร็จทั้งในลีกและเวทียุโรปอย่างแน่นอน…

  • คุณป้าที่ไม่ยอมพบหมอฟันมานาน 15 ปี ได้พบชีวิตใหม่หลังจากยอมเข้ารับการรักษา

    คุณป้าที่ไม่ยอมพบหมอฟันมานาน 15 ปี ได้พบชีวิตใหม่หลังจากยอมเข้ารับการรักษา

    การไปพบทันตแพทย์นั้นอาจจะเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับใครหลายๆ คน เพราะเสียงวี๊ด วี๊ด ของเครื่องกรอฟันบวกกับกลิ่นในห้องหมอฟันนั้นมันช่างน่าขนลุกซะเหลือเกิน และคุณแม่ชาวออสเตรเลียท่านนี้ก็อาจจะมีความรู้สึกไม่ต่างจากพวกเรามากเท่าไหร่ แต่เมื่อเธอสลัดความกลัวและยอมไปพบหมอฟันชีวิตของเธอกลับเปลี่ยนไปทันที!! คุณ Terese Loverso สาววัย 51 ปี ผู้เกลียดการพบทันตแพทย์ โดยตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมาเธอไม่ยอมไปหาหมอฟันเลยซักครั้ง ถึงแม้ว่าจะต้องทนกับสภาพของฟันที่ทำให้เธอไม่อยากฉีกยิ้มเลยก็ตาม   หญิงสาวต้องทนกับสภาพฟันที่แย่และลมหายใจที่มีกลิ่น หลังจากที่เธอป่วยเป็นโรคเหงือกอักเสบ แต่หลังจากที่เธอตัดสินใจยอมทุ่มเงินกว่า 46,000 ดอลล่าหรือประมาณ 1 ล้าน 5 แสนบาท เธอก็สามารกลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้ง เธอบอกว่าหลังจากผ่านการรักษาที่นานถึง 5 ชั่วโมง ชีวิตและงานของเธอก็เปลี่ยนไปเลย “ฉันกลัวที่จะไปหาหมอฟันตั้งแต่ตอนเด็กแล้ว แต่สภาพฟันของฉันและลมหายใจที่มีกลิ่นเนื่องจากโรคเหงือกทำให้ฉันตัดสินใจไปพบทันตแพทย์” หญิงสาวกล่าว     “ฉันใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไปพบหมอฟัน ฉันเดินเข้าออกคลินิกถึง 3 รอบกว่าจะตัดสินใจที่จะเข้ารับการรักษาได้ ” หญิงสาวกล่าว ในอดีตคุณ Terese เคยพยายามไปพบหมอฟันหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่อาการ Dental Phobia หรือโรคกลัวหมอฟันของเธอทำให้เธอไม่อยากเข้ารับการรักษา     ในปี 2016 เธอตัดสินใจทุบกระปุกเพื่อนำเงินมารักษาโรคเหงือก และเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาก็เป็นการรักษาครั้งสุดท้าย ตอนนี้คุณแม่วัย 51 ปีกำลังมีความสุขกับฟันชุดใหม่ของเธอ…

  • ถึงกับเงิบ คู่บ่าวสาวเสียเงินจ้างออแกไนเซอร์เกือบแสน แต่สิ่งที่ได้มา ทำเอาเข่าทรุดเลย

    ถึงกับเงิบ คู่บ่าวสาวเสียเงินจ้างออแกไนเซอร์เกือบแสน แต่สิ่งที่ได้มา ทำเอาเข่าทรุดเลย

    เพราะงานแต่งมีครั้งเดียวในชีวิต เพราะฉะนั้นหลายๆ คู่จึงอยากให้งานออกมาดีที่สุด บางคนใช้เวลาหลายปีในการเก็บเงิน เพื่อที่จะเนรมิตงานแต่งให้ออกมาเหมือนดั่งที่ฝันเอาไว้ แต่การทุ่มเงินเยอะๆ เพื่องานแต่งก็ใช้ว่าทุกอย่างจะออกมาตามที่ต้องการเสมอไป เพราะหากคุณเลือกออแกไนเซอร์พลาด งานคุณก็พังได้เช่นกัน เหมือนกับ Cher Austin เจ้าสาวที่วาดฝันงานแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม แต่เมื่อเดินเข้าไปในช่วงของการทานอาหารเช้า เธอถึงกับเข่าทรุดและน้ำตาไหลด้วยความเสียใจ     แทนที่โต๊ะอาหารจะประดับประดาไปด้วยดอกไม้สดสวยงดตามที่เธอคิดเอาไว้ แต่กลับมีเพียงโบว์สีชมพูผูกกับเก้าอี้ และนกปลอมเก่าๆ สามตัว และนั่นทำให้คู่บ่าวสาวเจ้าของงานรู้ตัวว่าพวกเขาตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงซะแล้ว และไม่ใช่แค่คู่นี้ที่โดน ตำรวจบอกว่ายังมีอีกหลายคู่ที่โดนหลอกในลักษณะที่คล้ายกันนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมา Robin Weil จากเว็บไซต์ Wedding Planner บอกว่า “คู่รักส่วนใหญ่ไม่รู้ในการจัดงานแต่งนั้นต้องใช้งบเท่าไหร่ จึงทำให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ” Austin และสามีเป็นหนึ่งในคู่รัก 20 คู่ ที่ถูกหลอกโดย Michelle Hargreaves วัย 51 ปี ที่อ้างตัวเป็นออแกไนเซอร์ ของ Forever Occasions ในแมนเชสเตอร์     หลังจากพบว่าในห้องอาหารไม่มีดอกไม้ตามที่ตกลงกันไว้ คู่บ่าวสาวจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการยืมดอกไม้จากที่อื่นมาตกแต่งแก้ขัดก่อนที่แขกจะมาถึงงาน Austin บอกว่า “หลังจากที่ฉันเห็นสภาพห้องโล่ง ฉันก็ตัดสินใจโทรหาออแกไนเซอร์ ขณะเดียวกันก็เป่าลูกโป่งไปด้วย” เธอยังบอกอีกว่า “ฉันรู้ว่าฉันไม่เลือกแบบที่ราคาแพงที่สุด แต่เราเชื่อ Hargreaves มาก แต่เราก็ตกลงกันไว้แล้ว ฉันไม่คิดว่ามันจะออกมาในสภาพที่แย่ขนาดนี้”…

  • นักวิทย์เผย ใน “ฟองน้ำล้างจาน” มีเซลล์เชื้อแบคทีเรียมากกว่า 54,000 ล้านเซลล์!!

    นักวิทย์เผย ใน “ฟองน้ำล้างจาน” มีเซลล์เชื้อแบคทีเรียมากกว่า 54,000 ล้านเซลล์!!

    เวลาล้างจานแล้วไม่มีฟองน้ำล้างจานเราจะรู้สึกเหมือนมันไม่สะอาดยังไงก็ไม่รู้ ดังนั้นทุกครั้งที่ล้างจานเราจึงต้องใช้ฟองน้ำอยู่เสมอ แล้วแน่ใจได้อย่างไรว่าใช้ฟองน้ำแล้วจากจะสะอาดจริงๆ? จากการวิจัยพบว่าในฟองน้ำ 1 ชิ้น มีเซลล์เชื้อแบคทีเรียมากกว่า 54,000 ล้านเซลล์     หลังจากทำการวิเคราะห์ตัวอย่าง DNA จากฟองน้ำที่แตกต่างกัน 14 ชิ้น นักวิจัยพบว่าในฟองน้ำมีชนิดของแบคทีเรียที่เรียกว่า Gammaproteobacteria รวมทั้งแบคทีเรียที่พบในมนุษย์ซึ่งเป็นตัวที่ก่อให้เกิดไข้ไทฟอยด์ อหิวาตกโรคและโรคอาหารเป็นพิษ การวิจัยดังกล่าวนี้ดำเนินการโดยนักวิจัยจากประเทศเยอรมนี พบว่า ฟองน้ำล้างจานเป็นแหล่งรวบรวมและแพร่เชื้อแบคทีเรียที่สามารถทำให้เกิดโรคได้     ทั้งนี้เป็นเพราะว่าฟองน้ำล้างจานมีรูพรุนที่สามารถกับเก็บน้ำได้ มันจึงกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะที่เหมาะสำหรับการก่อตัวของจุลินทรีย์ นอกจากนี้นักวิจัยยังพบว่า ในฟองน้ำล้างจานขนาดเท่าก้อนน้ำตาลจะมีเซลล์เชื้อแบคทีเรียมากสูงสุดถึง 54,000 ล้านเซลล์     ด้วยเหตุนี้ห้องครัวจึงสกปรกมากกว่าห้องน้ำซะอีก โดยมีฟองน้ำล้างจานนี่แหละที่เป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียที่ใหญ่ที่สุด ฟองน้ำล้างจานไม่เพียงแต่เป็นแหล่งก่อตัวของจุลินทรีย์ แต่ยังส่งผลให้มีแบคทีเรียปนเปื้อนในอาหารได้ จนกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคที่มาจากอาหาร ทั้งนี้การวิจัยก่อนหน้านี้พบว่า ไม่มีวิธีทำความสะอาดฟ้องน้ำล้างได้อย่างสะอาดหมดจน แม้กระทั่งการเอาฟองน้ำไปต้มในไมโครเวฟก็ลดแบคทีเรียได้แค่ 60% เท่านั้น       ในการสังเกตนั้น นักวิจัยใช้กล้องจุลทรรศน์เพื่อส่องดูฟองน้ำล้างจานในระยะใกล้ พบว่า ฟองน้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อเป็นประจำ ไม่ได้มีแบคทีเรียน้อยไปกว่าฟองน้ำที่ไม่ได้ทำความสะอาดเลย นั่นหมายความว่าฟองน้ำที่ผ่านการใช้งานแล้วจะกลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียทันที ดังนั้นนักวิจัยจึงแนะนำว่าไม่ควรใช้ฟองน้ำซ้ำ แต่เราควรจะเปลี่ยนฟองน้ำทุกครั้งที่ล้างจาน เพื่อป้องกันแบคทีเรียปนเปื้อนในอาหาร     สิ่งที่เราคิดว่าสะอาดที่สุดกลับเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียที่น่ากลัวซะงั้น ที่มา dailymail

  • “สุดยอดโรงเรียนในฝัน” มีทุกอย่างที่นักเรียนต้องการ เจอแบบนี้ไม่มีโดดเรียนแน่นอน

    “สุดยอดโรงเรียนในฝัน” มีทุกอย่างที่นักเรียนต้องการ เจอแบบนี้ไม่มีโดดเรียนแน่นอน

    ย้อนกลับไปสมัยที่เรายังเรียนหนังสือ มีหลายสิ่งหลายอย่างในโรงเรียนที่เรารู้สึกเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียน บทเรียน หรือมีแต่สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน จนทำหลายคนเลือกที่จะโดดเรียน แต่การศึกษาในปัจจุบันนี้พยายามจะทำให้กระบวนการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ และทำสร้างบรรยากาศที่ทำให้นักเรียนรักการเรียนมากยิ่งขึ้น จนไม่อยากขาดเรียนเลยหล่ะ   โรงเรียนสวีเดนแห่งหนึ่งไม่มีกำแพงกั้น เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนเป็นกลุ่มในพื้นที่ที่แตกต่างกัน   ไม่มีการจัดโต๊ะ เก้าอี้เป็นแถวเหมือนเมื่อก่อน แต่จะจัดในแบบที่ทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้มากที่สุด   พื้นที่ว่างในโรงเรียนจะถูกดัดแปลงให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ โดยตกแต่งอย่างสร้างสรรค์และมีความน่าสนใจ   มีพื้นที่สะดวกสบายเพียงพอต่อนักเรียนทุกคน   มีห้องแทรมโพลีนสำหรับนักเรียนที่ชอบกระโดดโลดเต้น   มีโซนที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนสนามหญ้า   โรงเรียนที่ออกแบบมาเพื่อให้นักเรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ มีพื้นที่พักผ่อน บันได ซึ่งจะช่วยให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี   โรงเรียนประถมในจังหวัดเจ้อเจียง ประเทศจีน ทำสนามเด็กเล่นบนดาดฟ้า เพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่   นี่คือการออกกำลังกายยามเช้าในโรงเรียน   นักเรียนทุกคนสามารถทบทวนบทเรียนด้วยตัวเองได้   ห้องสมุดของโรงเรียนที่มีการตกแต่งภายในด้วยสีสันสดใสโดยมีเก้าอี้นุ่มสบายเหมาะกับการนั่งอ่านหนังสือ   มีไฟหลากสี บันไดที่กว้างขวาง และมีสวนสาธารณะที่ดึงดูดความสนใจของนักเรียนได้เป็นอย่างดี   ห้องโถงของโรงเรียนที่มีหน้าต่างสามเหลี่ยม ที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่ตรงกลาง ทำให้รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ   ตรงกลางของอาคารเป็นลานสนามหญ้าพร้อมที่นั่งเล็กๆ สำหรับทำกิจกรรมเอนกประสงค์   แม้จะอยู่กลางแจ้ง แต่ก็สัมผัสถึงความร่มรื่นได้…

  • หญิงชาวจีนมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่เติบโตบนใบหน้า เป็นผลกระทบจากมะเร็งชนิดที่หายาก

    หญิงชาวจีนมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่เติบโตบนใบหน้า เป็นผลกระทบจากมะเร็งชนิดที่หายาก

    ผลกระทบจากโรคมะเร็งนั้นสามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบ โดยเฉพาะอาการผมร่วงที่เกิดจากการรักษา แต่สำหรับเธอคนนี้ เป็นมะเร็งชนิดที่หายาก ทำให้มีก้อนเนื้อขนาดใหญ่เติบโตบนใบหน้า เว็บไซต์ดัง Mirror รายงานว่า หญิงชาวจีนคนหนึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งนิวโรบลาสโตมา (Neuroblastoma) ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าบวมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของมะเร็ง เธอคนนี้อาศัยอยู่กับแม่ที่มีฐานะไม่ค่อยดีนักเป็นเวลาหลายสิบปีและไม่มีเงินสำหรับรักษาโรคมะเร็ง ส่งผลให้ใบหน้าของเธอได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง     อาสาสมัครจากองค์กรพัฒนาเอกชนได้เข้าไปเยี่ยมหญิงสาวคนนี้ที่บ้าน เมื่อเห็นสภาพหน้าของเธอ ทุกคนก็ต้องแปลกใจว่าเธอรอดมาได้อย่างไร ทั้งๆ เป็นมะเร็งนิวโรบลาสโตมาเป็นเวลานานแล้ว จากการสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่า โรคมะเร็งชนิดนี้น่าจะถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม และก็มีวิธีการรักษาเท่าที่จะทำได้เพื่อบรรเทา จนทำให้อยู่รอดมาได้ถึงขนาดนี้ ทั้งนี้มีเพื่อนบ้านได้มอบเงินช่วยเหลือบางส่วน แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอต่อการรักษาอยู่ดี…     อาสาสมัครบอกว่าหากปล่อยไว้นานกว่านี้ มันอาจจะทวีความรุนแรง จนแพทย์ในประเทศไม่สามารถรักษาได้ ต้องไปรักษาในต่างประเทศแทน สำหรับมะเร็งนิวโรบลาสโตมา มักจะพบในเด็กหรือทารก มันจะพัฒนาขึ้นเมื่อเซลล์ประสาทเฉพาะ (neuroblasts) ถูกปล่อยทิ้งไว้หลังจากการพัฒนาของทารกในครรภ์     ภาวะเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นในต่อมหมวกไตที่อยู่เหนือไตหรือเนื้อเยื่อประสาทที่ผ่านไขสันหลังขึ้นไปยังลำคอ หน้าอก ท้อง หรือกระดูกเชิงกราน มีรายงานว่าในแต่ละปีจะมีเด็กประมาณ 100 คนในสหราชอาณาจักรที่เป็นโรคมะเร็งชนิดนี้ และมักจะพบในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ ที่สำคัญไม่มีใครทราบว่ามะเร็งชนิดนี้เกิดมีสาเหตุจากอะไร แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากพันธุกรรม     แม้ว่าในต่างประเทศจะมีการรักษามะเร็งนิวโรบลาสโตมาได้ แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าหญิงชาวจีนคนนี้ได้รับการรักษาหรือเปล่า เพราะต้องใช้เงินไม่น้อยในการรักษา   ที่มา ladbible

  • สาวอ้าง สร้างรายได้หลายหมื่นต่อเดือน หลังทำงาน “รับจ้างออกเดท” กับคนมีตังค์

    สาวอ้าง สร้างรายได้หลายหมื่นต่อเดือน หลังทำงาน “รับจ้างออกเดท” กับคนมีตังค์

    เมื่อพูดถึงอาชีพรับออกเดท หรือออกไปเที่ยวเป็นเพื่อน ก็คงจะไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ แต่สำหรับสาวคนนี้กลับแปลกออกไปนิดหน่อย เพราะเธอก็ทำงานรับออกเดทกินข้าวเหมือนปกติ แต่ที่แปลกคือเธอจะเลือกแต่ลูกค้ามีเงินเท่านั้น… Jessica Stunden วัย 29 ปี จากควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ผู้ทำอาชีพดังกล่าวในเงื่อนไขที่รับเฉพาะคนมีเงินเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่เธอต้องทำนั้นก็แค่แต่งตัวสวยๆ และออกไปรับประทานอาหารกับลูกค้าเท่านั้น ซึ่งเรทราคาก็จะอยู่ที่ 2,600 บาทต่อการออกไปเดท     เธอได้อธิบายถึงสาเหตุการเลือกเดทกับคนมีเงินเท่านั้นว่า เธอให้บริการกับลูกค้าเหมือนกับการเป็นแฟนจริงๆ ที่สำคัญคนมีเงินส่วนใหญ่ก็จะตอบรับและดูแลเธอได้ดีกว่าคนทั่วๆ ไป นอกจากนั้นเธอยังบอกว่า แม้เธอจะทำเหมือนเดทจริงๆ กับลูกค้า แต่เธอก็ต้องการคนที่มาเดทด้วยคิดว่ามันป็นเดท และทำแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่มาแล้วก็เรียกมันว่าการเดทแค่นั้น…     ส่วนใครที่บอกว่างานของเธอมันก็ไม่ต่างกับการขายตัวนั้น เธอก็บอกว่าเธอก็แค่ไปเดทไปกินข้าวพูดคุยเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลย เพราะมันจะทำให้เธอสิ้นเปลืองเวลา     ไม่หมดเท่านั้น เธอบอกว่าการไปเดทของเธอ เธอจะทำการพูดคุยและศึกษาเกี่ยวกับคู่เดทเสียก่อน เพื่อที่จะได้รู้ว่าต้องเจอกับคนแบบไหน และต้องรับมือยังไงเพื่อให้เดทออกมาดีที่สุด ส่วนเมื่อถามว่าเธอไม่รู้สึกเขินบ้างเหรอ เธอก็บอกแรกๆ มันก็ประหม่าและเขินบ้าง แต่นานไปผสมกับการเตรียมตัว มันก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วนั่นเอง     สุดท้ายเธอบอกว่าเธอได้ทำเงินจากอาชีพนี้ไปแล้วเกือบ 80,000 ในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี แต่นั้นก็ไม่เพียงพอเพราะเธอติดนิสัยใช้เงินฟุ่มเฟือยนั่นเอง…

  • ชีวิตของ Elon Musk จากเด็กถูกแกล้งในโรงเรียน สู่ “โทนี่ สตาร์ค” ในโลกความเป็นจริง

    ชีวิตของ Elon Musk จากเด็กถูกแกล้งในโรงเรียน สู่ “โทนี่ สตาร์ค” ในโลกความเป็นจริง

    Elon Musk ชายผู้ก้าวเข้าสู่วงการเทคโนโลยีอย่างยิ่งใหญ่ และกลายเป็นมหาเศรษฐีที่ลงทุนและคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง Hyperloop คนนี้ ถ้าเรามองดูดีๆ แล้วเราก็จะรู้สึกว่า นายคนนี้นี่แหละ “โทนี่ สตาร์ค” ตัวจริง!! แต่เชื่อไหมว่าชีวิตในวัยเด็กของชายคนนี้กลับไม่ได้เริ่มต้นอย่างสวยงามนัก เพราะเขามีประวัติการถูกกลั้นแกล้งมากมายเลยทีเดียวล่ะ…     Elon เกิดในวัน 28 มิถุนายน 1971 ที่ประเทศแอฟฟริกาใต้ ซึ่งในวัยเด็กพ่อของเขาเคยบอกว่าเขาจะกลายเป็นนักคิดค้นที่เก่งกาจในอนาคต นอกจากนั้นชีวิตของเขายังใช้ไปกับการอ่านหนังสือในห้องสมุดเสียส่วนใหญ่ แทนที่จะไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ในช่วง 1979 Elon และพี่ชาย Kimbal ได้ย้ายไปอยู่กับพ่อของเขาหลังแม่และพ่อเลิกลาจากกันไป ชีวิตในวัยกำลังโตก็ดูเหมือนจะกำลังไปได้สวย และแววการเป็นนักธุรกิจเขาก็เริ่มเฉิดฉาย เมื่อเขาสามารถขายเกมที่ชื่อว่า Blastar ให้กับสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเกมเขาคิดค้นขึ้นมาเมื่อปี 1983 และขายไปได้ในราคาราว 16,000 บาท     ทว่าในช่วงที่เขาอยู่ในโรงเรียนก็มีการใช้ชีวิตที่ลำบากพอสมควร เพราะเขามักจะถูกกลั่นแกล้งอยู่เรื่อยๆ ถึงขั้นเคยตกบันไดจนสลบเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ สู้จนจบการศึกษาได้ในที่สุด และได้เขาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยควีนส์ หลังจากย้ายมาอยู่กับแม่ของเขา     แต่ว่าเขาไม่ได้จบมหาลัยดังกล่าว เพราะเขาเรียนแค่สองปีก็ย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย…

  • McDonald’s ออกเบอร์เกอร์โฉมใหม่ที่มีสีดำเป็นเอกลักษณ์ พร้อมรสชาติสไตล์เกาหลี

    McDonald’s ออกเบอร์เกอร์โฉมใหม่ที่มีสีดำเป็นเอกลักษณ์ พร้อมรสชาติสไตล์เกาหลี

    เราคงจะได้เห็นอาหารที่เปลี่ยนสีไปจากตอนแรกที่เราคุ้นชินกันมาแล้วบ้าง เกิดจากส่วนผสมที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ที่มีสีแตกต่างไปมาสร้างให้มันมีเอกลักษณ์ไปอีกแบบ จนกระทั่งร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่าง McDonald’s ก็ยังนำไอเดียประมาณนี้มาใช้อีกด้วย ในครั้งนี้ร้านแมคในมาเลเซียได้มีการจำหน่ายเบอร์เกอร์เผ็ดสไตล์เกาหลี โดยเปิดขายในช่วงเวลาที่จำกัด โดยส่วนผสมของมันนั้นมีกิมจิเอกลักษณ์ของความเป็นเกาหลีใส่เข้าไปด้วย     นอกจากนั้นยังมีส่วนผสมของถ่านชาร์โคลที่รู้จักกันในเรื่องของสรรพคุณที่ว่ามันดีต่อสุขภาพจนได้ไปอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย ก็ได้มาช่วยทำให้สีของขนมปังกลายเป็นสีดำ ได้เอกลักษณ์ไปอีกแบบ นอกจากส่วนผสมต่างๆ แล้วก็ได้มีการทำโฆษณาออกมาแนวดราม่าสไตล์เกาหลีไปอีก โดยใช้สองนักแสดงชายหญิงมาสร้างแรงดึงดูดและความเผ็ดร้อนที่สื่อไปยังรสชาติของเบอร์เกอร์ชิ้นนี้อีกด้วย   คลิปโฆษณาเบอร์เกอร์สไตล์เกาหลี   ฟังดูมันเหมือนกับจะมีแต่คุณประโยชน์จนอาจเป็นเบอร์เกอร์ที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุดหรือเปล่า ? บอกเลยว่าไม่ แต่กับเรื่องรสชาติมันก็คงจะต้องออกมาดี ซึ่งได้ถูกวางจำหน่ายในราคาประมาณ 100 บาท แต่หากซื้อเป็นชุดที่มาพร้อมกับมันฝรั่งทอดและเครื่องดื่มแฟนต้าแล้วละก็จะอยู่ที่ราคาประมาณ 124 บาท ทำให้คุ้มค่ากว่า     ความเผ็ดที่ว่านี้นั้นทางผู้ผลิตยืนยันมาเลยว่าต้องเผ็ดถึงใจสำหรับชาวมาเลหรือไม่ก็เกาหลีแน่นอน แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้าหากเข้ามาบ้านเราแล้วจะต้องทำเผ็ดเพิ่มขึ้นมั้ย เพราะคนไทยก็กินเผ็ดเก่งไม่แพ้ใครเลยเหมือนกัน   ที่มา: rocketnews24

  • สาวรอดชีวิต หลังเดินเหยียบ “เข็มพิษปลากระเบน” แบบเดียวกับที่คร่าชีวิตของ Steve Irwin

    สาวรอดชีวิต หลังเดินเหยียบ “เข็มพิษปลากระเบน” แบบเดียวกับที่คร่าชีวิตของ Steve Irwin

    วันที่ 6 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ Metro มีรายงานว่า Dawn North คุณแม่ลูก 3 วัย 44 ปี จากสแตฟฟอร์ดเชอร์ ประเทศอังกฤษ ได้เดินทางมาเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุดกับครอบครัวที่ทะเลเขาหลัก ประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา แต่เธอกลับต้องมาเจอเหตุการณ์สุดเคราะห์ร้าย เพราะในขณะที่กำลังเล่นน้ำอยู่กลางทะเลนั้น เธอดันไปเดินเหยียบเข็มพิษของปลากระเบน (ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับที่คร่าชีวิตของ Steve Irwin โปรดิวเซอร์รายการสารคดีสัตว์โลกที่โด่งดัง) เข้าที่บริเวณอย่างจัง งานนี้เลยทำให้เท้าของเธอกลายเป็นแผลเหวอะขึ้นมาทันที     ภายหลังจากที่เธอโดนพิษของปลากระเบน คุณแม่วัย 44 ปี ก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ด้วยเหตุนี้ Dave สามี วัย 55 จึงรีบวิ่งเข้ามาดูอาการ และพบว่าเท้าของเธอมีเลือดออกจำนวนมาก “เขารีบว่ายน้ำเข้ามาหาฉัน และรีบนำฉันขึ้นฝั่ง” Dawn กล่าว “คนที่อยู่บนชายหาดได้บอกฉันว่าฉันเดินเหยียบเศษแก้ว แต่ฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เพราะแผลของฉันทั้งสองข้างมีเลือดไหลออกเยอะมาก”     อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ที่อยู่บริเวณชายหาด…

  • หนุ่มลงไปสำรวจแม่น้ำ พบเหยื่อตกปลาถูกทิ้งเอาไว้มากมาย สร้างปัญหาให้เหล่าปลา

    หนุ่มลงไปสำรวจแม่น้ำ พบเหยื่อตกปลาถูกทิ้งเอาไว้มากมาย สร้างปัญหาให้เหล่าปลา

    แม่น้ำ เป็นที่อยู่อาศัยของพวกสัตว์น้ำอย่างเช่น กุ้ง หอย ปู ปลา โดยในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าสัตว์น้ำมักจะพากันตายโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ แต่เมื่อทำการตรวจสอบก็พบว่าสิ่งที่ทำให้สัตว์เหล่านั้นตายไป หรือสร้างปัญหาให้แก่ที่อยู่อาศัยของพวกมันเกิดขึ้นเพราะฝีมือมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ Jake Koehler หนึ่งใน YouTuber (DALLMYD) หัวใจอนุรักษ์ ที่ได้เสียสละเวลาให้กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในแหล่งน้ำ ด้วยการลงไปสำรวจ และช่วยชีวิตสัตว์น้ำทั้งหลายซะเลย งานนี้บอกเลยว่า หัวใจของเขาน่าชื่นชมมากจริงๆ     สำหรับ Jake เขาได้ทำคลิปวีดีโอช่วยเหลือสัตว์น้ำมาแล้วมากมาย และเมื่อไม่นานมานี้ เขาก็ได้ทำการเผยแพร่คลิปวีดีโอ ขณะที่ได้ลงไปสำรวจสิ่งแวดล้อมภายในแม่น้ำ ซึ่งก็พบว่า ในแม่น้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งของต่างๆ ที่มนุษย์ได้ทิ้งเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เหยื่อตกปลา ตาข่าย แว่นตา 4 อัน รวมไปถึงต่างหู     นอกจากนี้ เขายังเห็นว่าทั้งปลาน้อยปลาใหญ่ที่อยู่ในแม่น้ำ ได้รับผลกระทบจากเหยื่อตกปลาของมนุษย์ ซึ่งก็ถือเป็นการสร้างปัญหาให้กับเหล่าปลาเป็นอย่างมาก   Jake ได้พยายามช่วยเหลือปลา และสัตว์น้ำทั้งหลาย พร้อมกับงมหาขยะแปลกปลอมในแม่น้ำขึ้นมา   และถึงแม้ว่าการกระทำของเขาค่อนข้างที่จะเสี่ยงอันตราย แต่สำหรับ Jake…

  • ครอบครัวฝึกการใช้ปืนให้กับหนูน้อย ชาวเน็ตตั้งคำถามแบบนี้มันเหมาะสมแล้วหรือ??

    ครอบครัวฝึกการใช้ปืนให้กับหนูน้อย ชาวเน็ตตั้งคำถามแบบนี้มันเหมาะสมแล้วหรือ??

    ถึงแม้ว่าอาวุธปืนจะเรียกได้ว่าเป็นของอันตราย แต่ปัจจุบันการแข่งขันการใช้อาวุธประเภทนี้ก็ยังมีอยู่ให้เห็นเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันยิงปืน หรือการแข่งยิงปืนแบบรณยุทธ แน่นอนว่าเมื่อได้ชื่อว่าเป็นการแข่งขัน การฝึกซ้อมนั้นก็ย่อมเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้นักกีฬาสามารถคว้าชัยชนะได้ และสาวน้อยคนนี้ก็เช่นกัน เธอได้ฝึกฝนการใช้ปืนของเธอได้อย่างคล่องแคล่วมากๆ เลยทีเดียว     เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางช่องยูทูป ViralHog ได้อัพเดทคลิปวิดีโอการฝึกเปลี่ยนแมกกาซีนของเด็กสาว โดยคลิปดังกล่าวอธิบายว่า “หลังจากที่ลูกสาวของพวกเรา ฝึกประจำวันเสร็จ เราได้ลองให้เธอฝึกการเปลี่ยนแมกกาซีนปืนอย่างรวดเร็ว นอกจาการเปลี่ยนแมกที่รวดเร็วแล้วการเล็งและยิงของเธอก็ยังไม่ธรรมดาอีกด้วย”   ไปชมความสามารถของสาวน้อยผู้นี้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างได้เลย…   คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกบันทึกเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ในเมือง San Antonio รัฐเท็กซัส ซึ่งหลังจากที่คลิปถูกเผยแพร่ก็มีชาวเน็ตจำนวนมาเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งเห็นด้วยและตำหนิการฝึกดังกล่าวว่าไม่เหมาะสม หนึ่งในคอมเม้นต์ที่เห็นด้วยกับการฝึกดังกล่าวบอกว่า “ดีใจจริงๆ ที่เห็นพวกคุณสอนลูกเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของอาวุธและฝึกพวกเขาให้รู้จักวิธีใช้มันแทนที่จะเอาแต่ห้ามพวกเขา” ส่วนบางคนก็บอกว่า “เด็กๆ ทุกคนควรเรียนรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ปืน เพื่อที่พวกเขาจะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับมัน”     แต่ในขณะที่ทางฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวก็แสดงความคิดเห็นว่า “คุณคิดว่าเธอพร้อมแล้วหรือ??” ส่วนบางคนก็บอกว่า “ฉันคิดว่าควรมีใครที่โทรบอกหน่วยงานคุ้มครองเด็กนะ”  อย่างไรก็ตามประเด็นเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธปืนในสหรัฐอเมริกากำลังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก หลังจากที่มักจะเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญอย่างเช่นการกราดยิงในโรงเรียนมัธยม หรือเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ ที่มีการใช้ปืนในการก่อเหตุ   แล้วเพื่อนๆ ล่ะ คิดอย่างไรกับการฝึกของหนูน้อยคนนี้ ลองคอมเม้นต์เข้ามากันได้เลย… ที่มา ViralHog

  • คุณ Henk ชายชราจากเนเธอแลนด์ ผู้หลงใหลในการแต่งตัวเป็น “ตุ๊กตาหญิงสาว”

    คุณ Henk ชายชราจากเนเธอแลนด์ ผู้หลงใหลในการแต่งตัวเป็น “ตุ๊กตาหญิงสาว”

    ความชอบหรือการหลงใหลในสิ่งต่างๆ นั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคล และถ้าหากว่าความชอบนั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับใครก็ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแต่อย่างใด เหมือนกับชายชราท่านนี้ ที่มีหลงใหลในความสมบูรณ์แบบและชื่นชอบการแปลงกายเป็นตุ๊กตาหญิงสาว พบกับคุณ Henk ชายชราจากเมือง Arnhem ประเทศเนเธอแลนด์ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Female Masking กลุ่มผู้ชื่นชอบการแต่งตัวเป็นตุ๊กตาหญิง ซึ่งสมาชิกส่วนมากเป็นชายวัยสูงอายุ และที่สำคัญพวกเค้าเป็นผู้ชายแท้ๆ ด้วยนะเออ   คุณ Henk ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Female Masking   ชายชราเล่าถึงที่มาของกิจกรรมยามว่างของเขาว่า “ผมไม่ค่อยชื่นชอบใบหน้าของตัวเอง ผมชอบที่จะเป็นคนอื่น โดยเฉพาะผู้หญิง” คุณ Henk เป็นผู้ที่ปลุกกระแสการแต่งตัวเป็นตุ๊กตาหญิงให้เป็นที่นิยมในยุโรป และตอนนี้ดูเหมือนว่ากระแสการแต่งตัวแบบนี้กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลกแล้ว “การแต่งตัวแบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูง ตอนนี้มันไม่ได้มีแค่ที่ยุโรปเท่านั้น แต่มันกำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก” ชายชรากล่าว     และนี่คือขั้นตอนในการแปลงโฉมของเขา   ชายชราเป็นเจ้าของชุดตุ๊กตาหญิงมากกว่า 1,000 ชุด ทุกครั้งที่เขาได้แปลงโฉมเขาจะรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นอีกคน และเขาจะชอบให้ผู้คนเรียกเขาว่า Kim หญิงสาวในชุดตุ๊กตาแทน ระหว่างการสัมภาษณ์ คุณ Henk หรือ Kim ได้หยิบชุดตุ๊กตาของเขาออกมาโชว์ พร้อมกับบอกว่าเขามักจะสวมชุดเมดในการทำความสะอาดบ้าน เพราะมันช่วยให้เขารู็สึกดีและมีความสุขมากในการทำงานมากกว่า     ไปชมบทสัมภาษณ์เต็มๆ ของเขาได้ที่คลิปวิดีโอนี้เลย…

  • เรื่องราวขอชายหนุ่มผู้เดินทางรอบโลก เพื่อทำตามความฝันของภรรยาที่จากไปเมื่อ 4 ปีก่อน

    เรื่องราวขอชายหนุ่มผู้เดินทางรอบโลก เพื่อทำตามความฝันของภรรยาที่จากไปเมื่อ 4 ปีก่อน

    เรื่องราวน่าประทับใจของคุณ Steve Boryszczuk ชายหนุ่มวัย 51 ปี ที่ใช้เวลาที่เหลือของชีวิต ทำตามความฝันของภรรยาที่จากไปแล้วจนสำเร็จ หลังจากที่ต้องสูญเสียภรรยาวัย 43 ปีไปด้วยโรคอัลไซเมอร์ในปี 2013 คุณ Steve ได้ทำตามคำขอร้องของภรรยาเขา โดยก่อนที่จะจากโลกนี้ไปคุณ Michelle มีความฝันว่าเธออยากจะปีนเขาหิมาลัยและเดินทางเที่ยวรอบโลกซักครั้งหนึ่ง     คุณ Michel เป็นคนที่ชื่นชอบการเดินป่ามากๆ แต่ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายเมื่อเธอไม่อาจทำกิจกรรมโปรดได้ หลังจากที่ถูกวินิจฉัยว่าป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมเมื่อตอนอายุ 39 ปี ดังนั้นเมื่อเธอจากไป คุณ Steve ผู้เป็นสามีจึงออกเดินทางไปรอบโลกเพื่อทำตามความฝันของภรรยาและทิ้งแผ่นโลหะที่จารึกชื่อเธอเอาไว้ในสถานที่ต่างๆ เหล่านั้น จากการรายงานของสำนักข่าว Mirror คุณ Steve และเพื่อนของเขา เดินขึ้นป่าด้วยระยะทางรวมกว่า 100 กิโลเมตร และใช้เวลามากกว่า 10 วัน เขาข้ามสะพานทั้งหมด 16 แห่งในประเทศอังกฤษ เข้าร่วมกิจกรรม yorkshire three peaks challenge ไปเยือนกำแพงเมืองจีน และในวันที่ 20 ตุลาคมนี้เขาก็กำลังจะไปพิชิตยอดเขาหิมาลัยอีกด้วย     “ผมจะเดินทางไปทุกๆ ที่ที่ภรรยาผมอยากไป และทุกครั้งผมจะนำแผ่นโลหะเล็กๆ ไปวางในที่แห่งนั้นเพื่อเป็นตัวแทนของภรรยาผม ก่อนเธอจากไปผมเก็บผมของเธอเอาไว้และนำมันไปด้วยทุกครั้งที่ออกไปทำตามความฝันของเธอ…

  • ร้านอาหารในออสเตรเลีย “เก็บภาษีลูกค้าผู้ชาย” เพิ่ม 18% เพื่อนำเงินมาบริจาคให้องค์กรช่วยเหลือผู้หญิง

    ร้านอาหารในออสเตรเลีย “เก็บภาษีลูกค้าผู้ชาย” เพิ่ม 18% เพื่อนำเงินมาบริจาคให้องค์กรช่วยเหลือผู้หญิง

    เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ร้านอาหารมังสวิรัติ Handsome Her ในเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ได้เรียกเก็บภาษีลูกค้าที่เป็นผู้ชายเพิ่ม 18% ทั้งนี้ เพื่อที่จะนำเงินที่ได้มาสมทบทุนองค์กรช่วยเหลือผู้หญิง ซึ่งภายหลังจากที่ร้านอาหารแห่งนี้ได้ออกกฎใหม่ในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่เท่าเทียมกัน ก็มีการถกเถียงกันบนโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก     ทางด้าน Alex O’Brien นักสตรีนิยม เจ้าของร้านอาหารดังกล่าวได้ออกมาเผยว่า “ฉันต้องการให้ผู้คนนึกถึงเรื่องนี้ เพราะเราได้ขัดแย้งกันมาหลายทศวรรษแล้ว เรากำลังนำมันไปสู่ระดับแนวหน้าของจิตใจผู้คน ฉันอยากทำให้ผู้ชายหยุด และตั้งคำถามถึงสิทธิพิเศษของพวกเขา… หนึ่งในเพื่อนของฉันที่ทำงานในองค์กรการกุศลด้านสวัสดิการของผู้หญิง กำลังพูดถึงช่องว่างในการจ่ายเงิน และฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี ดังนั้นเราจึงตัดสินใจว่าในหนึ่งสัปดาห์ของแต่ละเดือน เราจะคิดค่าภาษีลูกค้าผู้ชาย 18% เพื่อนำเงินที่ได้ไปบริจาค”     ไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับวิธีการของร้านอาหารแห่งนี้ เพราะมีผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายคนได้ออกมาแสดงความเห็นถึงความไม่เสมอภาคว่า “อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็บอกให้โลกรู้ว่าพวกเขารังเกียจผู้ชายมากแค่ไหน” ในขณะที่อีกคนหนึ่งกล่าวได้ออกมากล่าวเพิ่มเติมว่า “ตอนนี้เราให้ความสำคัญกับการรับรู้และการถกเถียงกันในเรื่องของการเลือกปฏิบัติต่อผู้ชาย แต่เราก็ต้องให้ความเท่าเทียมกันกับผู้ชายด้วย”     อย่างไรก็ตาม Alex O’Brien ก็ได้ออกมาโต้เถียงว่า ผู้ชายที่เข้ามาทานอาหารที่ร้านของเธอ ก็ยอมรับในกฎนี้ดี อีกทั้งยังมีชายรายหนึ่งได้บริจาคเงินจำนวน 50 เหรียญ (1,600…

  • ปาฏิหาริย์!! เด็กน้อยมีหัวใจเพียงครึ่งเดียว เคยหยุดเต้นถึง 3 ครั้ง ในที่สุดก็ได้กลับบ้าน

    ปาฏิหาริย์!! เด็กน้อยมีหัวใจเพียงครึ่งเดียว เคยหยุดเต้นถึง 3 ครั้ง ในที่สุดก็ได้กลับบ้าน

    หลายๆ คนอาจไม่เชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ แต่เมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งที่พึ่ง แม้แต่เทคโนโลยีอันทันสมัยก็ช่วยไม่ได้ ปาฏิหาริย์จึงเป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่ เรื่องราวของ Jacob Ryan เด็กน้อยมหัศจรรย์ที่เกิดมามีหัวใจเพียงครึ่งเดียว ผ่านการผ่าตัดหัวใจมานานกว่า 20 ชั่วโมง ด้วยวัยแค่ 3 เดือนเท่านั้น แต่ในที่สุดเธอก็ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยราวกับปาฏิหาริย์     ในการผ่าตัดตลอด 20 ชั่วโมง หัวใจของ Jacob หยุดเต้นไปถึง 3 ครั้ง แต่ทุกครั้งคุณหมอจะพยายามปั๊มหัวใจจนกลับมาเต้นอีกครั้ง Steph Ryan ผู้เป็นแม่บอกว่า “คุณแม่ไม่คิดว่า Jacob จะแข็งแรงถึงขั้นกลับบ้านได้ แต่แล้วเขาก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจ”     ตอนที่ตั้งท้องได้ 20 สัปดาห์ หมอได้ทำการแสกนแล้วบอกคุณแม่ว่า Jacob มีภาวะหัวใจซีกซ้ายล้มเหลว นั่นหมายความว่าหัวใจด้านซ้ายของเขามีการทำงานผิดปกติ คุณหมอแนะให้คุณแม่เอาลูกออก เพราะมีโอกาสรอดน้อยมาก แต่เธอเลือกที่จะปฏิเสธ เพราะอยากให้ลูกชายได้มีโอกาสต่อสู้     ทันทีที่เด็กน้อยเกิดมา เขาต้องอยู่ในการดูแลของหมออย่างใกล้ชิด จนกระทั่งอายุได้ 3 เดือน เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ในระหว่างการผ่าตัด นอกจากหัวใจหยุดเต้น 3 ครั้งแล้ว…

  • พ่อไปฉลองหลังเอาชนะโรคมะเร็งได้ แต่สุดท้ายตกหน้าผาเสียชีวิตระหว่างการฉลอง

    พ่อไปฉลองหลังเอาชนะโรคมะเร็งได้ แต่สุดท้ายตกหน้าผาเสียชีวิตระหว่างการฉลอง

    เวลาที่เราประสบความสำเร็จ หรือได้รับชัยชนะจากอะไรสักอย่าง เรามักจะให้รางวัลตัวเองด้วยการฉลอง เช่นเดียวกับคุณพ่อคนนี้ที่ฉลองหลังจากเอาชนะโรคมะเร็งได้ Adam Fenton วัย 31 ปี คุณพ่อลูก 3 ที่ต่อสู้กับโรคมะเร็งมานาน ในที่สุดเขาก็หายจากมะเร็งเมื่อสัปดาห์ก่อน และแน่นอนว่าเขาไม่พลาดที่จะฉลองให้กับชัยชนะในครั้งนี้ แต่สุดท้ายกลับต้องตายด้วยสาเหตุอื่น     Fenton ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด B-cell ซึ่งอยู่ในชั้นร้ายแรง แต่เขาได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดนานนับเดือน อย่างไรก็ตามเขามีโอกาสที่จะหายจากมะเร็งดังกล่าวได้ ดังนั้น Fenton จึงมุ่งมั่นเข้ารับการรักษาทุกช่องที่จะช่วยเขาได้ จนในที่สุดมะเร็งหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด     เขาดีใจมาก จึงได้ฉลองเพื่อที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไม่มีโรคมะเร็งอีกแล้ว แต่แล้วครอบครัวก็ต้องเจอเรื่องเศร้า เพราะในระหว่างที่เขาไปฉลองนั้น ได้เกิดอุบัติเหตุทำให้เขาตกหน้าผาบนชายหาด Newquay’s Towan และเสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 6.30 น ของวันที่ 28 กรกฏาคม ที่ผ่านมา     ศพของเขาถูกพบโดยคนที่ไปจูงหมาเดินเล่น ก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจัดการ แต่ทางตำรวจไม่ได้เปิดเผยรายเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับการตายของเขา ทางด้าน Rebecca Watson วัย 53 ปี แม่ของผู้ตายบอกว่าการตายของ Fenton ดูเหมือนจะมีเงื่อนงำซ่อนอยู่ แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะฆ่าตัวตายแน่นอน  …

  • นักอนุรักษ์จัดให้ ‘ยีราฟ’ อยู่ในสัตว์ “ใกล้สูญพันธุ์” หลังมีจำนวนลดลง 40% ในช่วง 30 ปี

    นักอนุรักษ์จัดให้ ‘ยีราฟ’ อยู่ในสัตว์ “ใกล้สูญพันธุ์” หลังมีจำนวนลดลง 40% ในช่วง 30 ปี

    ที่ผ่านเราคงเคยได้ยินมาบ่อยๆ ว่ามีสัตว์หลายชนิดที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จนนำไปสู่การจัดให้อยู่ในประเภทของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ที่ต้องได้รับการคุ้มครองอย่างเข้มงวด ล่าสุดสัตว์ที่เราคุ้นเคยอย่างยีราฟก็ถูกจัดให้อยู่ในประเภทของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เช่นกัน หลังจากที่นักอนุรักษ์พบว่ามียีราฟเหลือน้อยกว่า 100,000 ตัวในป่า     ก่อนหน้านี้ยีราฟถูกจัดให้อยู่ใน “สัตว์ที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการสูญพันธุ์” แต่ตอนนี้มันถูกจัดให้อยู่ใน “สัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์” เนื่องจากจำนวนยีราฟลดลงถึง 40% ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุที่ยีราฟมีจำนวนลดลงนั้น เป็นเพราะการสูญเสียที่อยู่อาศัย การล่าสัตว์ผิดกฎหมาย และความวุ่นวายที่เกิดในประเทศแอฟริกา ซึ่งเป็นที่อยู่หลักของพวกมัน ทาง International Union for the Conservation of Nature (IUCN) เปิดเผยว่า ยีราฟอาศัยอยู่ทั่วแอฟริกาตอนใต้และทางตะวันออก แต่มีประชากรน้อยกว่าที่ตะวันตกและแอฟริกากลาง     จากการสำรวจพบว่า จำนวนยีราฟลดลงประมาณ 151,702 – 163,452 ตัวในปี 1985 และ 97,562 ตัวในปี 2015 ทั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากจำนวนประชากรมนุษย์ที่เติบโตขึ้น ซึ่งมักจะส่งผลกระทบต่อสัตว์ในทางลบ และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมยีราฟจึงถูกจัดให้อยู่ในสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ และคงเป็นหน้าที่ของเราทุกคนในการอนุรักษ์สัตว์ป่าและช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้พวกมันถูกคุกคามไปมากกว่านี้     ที่มา telegraph

  • การวิจัยใหม่พบว่า “สมองยังคงทำงานต่อ หลังจากที่ตายไปแล้ว ประมาณ 10 นาที”

    การวิจัยใหม่พบว่า “สมองยังคงทำงานต่อ หลังจากที่ตายไปแล้ว ประมาณ 10 นาที”

    หลายคนอาจเคยสงสัยว่าเมื่อเราตายไปแล้ว ระบบในร่างกายทุกส่วนจะหยุดทำงานทันทีหรือเปล่า? คำตอบคือระบบต่างๆ ในร่างกายจะหยุดทำงานทันที หยุดเว้นสมอง ที่ยังคงทำงานต่อไปอีกประมาณ 10 นาที หลังจากที่แพทย์ชาวแคนาดาได้ทำการสังเกตร่างกายมนุษย์อย่างใกล้ชิด พบว่า สมองของมนุษย์จะยังคงทำงานต่อไปอีกสักพัก แม้ว่าคนคนนั้นเสียชีวิตแล้วก็ตาม     ทั้งนี้สมองที่ยังคงทำงานอยู่ในร่างกายที่ไม่มีชีพจรแล้วนั้น จะมีคลื่นการทำงานประเภทเดียวกับคลื่นสมองในระหว่างการหลับลึกเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่  ทีมแพทย์ที่ทำการวิจัยกล่าวว่าพวกเขาสังเกตเห็นคลื่นเดลต้าเดี่ยวเกิดขึ้นหลังจากที่หัวใจหยุดเต้นไปแล้วและยังมีความดันเลือดอยู่ (ABP) ผลการวิจัยใหม่นี้ได้รับการเผยแพร่โดยมหาวิทยาลัย University of Western Ontario… มนุษย์ส่วนใหญ่ตายก่อนที่หัวใจจะหยุดเต้น แต่หลังจากนั้นสมองของพวกเขายังคงทำงานอยู่     นี่เป็นการค้นพบค่อนข้างใหม่ ซึ่งแพทย์เองก็ไม่ทราบสาเหตุของปรากฏการณ์นี้ ดังนั้นต้องใช้ความระมัดระวัง และความรอบคอบในการหาข้อสรุป และต้องมีกรณีตัวอย่างที่มากเพียงพอ ทีมแพทย์บอกว่า มันเป็นไปยากที่ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นเพราะความผิดปกติของสมอง เนื่องจากระบบต่างๆ ของสมองยังคงทำงานได้ดีเหมือนปกติ ก่อนหน้านี้นักวิจัยเคยทดลองกับหนู หลังจากที่หนูตายไปแล้วประมาณหนึ่งนาที ระบบต่างๆ ในสมองทั้งหมดจะหยุดทำงาน แต่สำหรับมนุษย์แล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้นการทำงานของสมองหลังการตาย 10 นาทีนี้ ยังคงเป็นปริศนาที่นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ต้องหาคำตอบต่อไป   ที่มา independent

  • บริษัทวิสกี้เปิดรับสมัคร “นักดื่มเหล้ามืออาชีพ” ตะลุยเที่ยวชิมวิสกี้รอบโลก งานดีรายได้งาม!!

    บริษัทวิสกี้เปิดรับสมัคร “นักดื่มเหล้ามืออาชีพ” ตะลุยเที่ยวชิมวิสกี้รอบโลก งานดีรายได้งาม!!

    ปัจจุบันในยุคเศรษฐกิจแบบ 3.99 การจะหางานทำดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากซะเหลือเกิน และยิ่งหางานที่ถูกใจใกล้บ้านด้วยแล้วละก็คงไม่ต้องบอกว่ายากขนาดไหน แต่ถึงกระนั้นก็อย่าเศร้าไปเลยพี่น้อง เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีการเปิดรับสมัครงานงานหนึ่ง ที่น่าสนใจและอาจจะถูกใจนักดื่มหลายๆ คนแน่นอน เมื่อไม่นานมานี้บริษัท Grant’s ผู้ผลิตสก๊อตวิสกี้ชื่อดังกำลังมองหาทูตนักดื่ม เพื่อเป็นตัวแทนของบริษัท โดยส่วนหนึ่งของการสัมภาษณ์งานนั้นผู้สมัคร จะต้องเดินทางไปดื่มวิสกี้จากที่ต่างๆ ทั่วโลก     โดยในการสัมภาษณ์รอบแรกนั้น ผู้สมัครจะถูกส่งตัวไปร่วมกิจกรรมและชิมวิสกี้ในสถานที่ต่างๆ ในเดือนตุลาคม ซึ่งสถานที่เหล่านั้นแบ่งออกเป็น 3 แห่งด้วยกันประกอบด้วย 1.โปแลนด์ อิสราเอล และอินเดีย 2. แอฟริกาใต้ กลุ่มประเทศนอร์ดิก และโคลอมเบีย และ 3. รัสเซีย ไต้หวัน และฝรั่งเศส แต่ก่อนที่จะไปถึงการสัมภาษณ์รอบแรกได้นั้นผู้สมัครจะต้องผ่าน 2 เงื่อนไขนี้ก่อน ข้อแรกคือ คุณจะต้องคิดค้นเครื่องดื่มคลอกเทลจากโดยมีส่วนผสม 3 อย่าง หนึ่งในนั้นต้องเป็นวิสกี้ของ Grant’s จากนั้นจึงเผยแพร่ภาพของเครื่องดื่ม พร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องราวของคุณลงบนอินสตราแกรม พร้อมกับติดแฮชแท็ก #GrantsInterview     ทางบริษัทจะคัดเลือกผลงานที่พวกเขาชื่นชอบจำนวน 250 คนและส่งใบสมัครไปให้ ก่อนจะคัดเหลือเพียงแค่ 20 คน และผู้เข้ารอบทั้ง…

  • เด็กน้อยวัย 9 ขวบ ขอสมัครตำแหน่ง ‘ผู้พิทักษ์จักรวาล’ องค์การนาซ่า ก็ยินดีตอบกลับให้!!

    เด็กน้อยวัย 9 ขวบ ขอสมัครตำแหน่ง ‘ผู้พิทักษ์จักรวาล’ องค์การนาซ่า ก็ยินดีตอบกลับให้!!

    เรื่องราวน่ารักๆ ของหนุ่มน้อยผู้หนึ่งที่เขียนจดหมายถึงองค์การนาซ่า ว่าตัวเขาเองอยากเป็นผู้พิทักษ์จักรวาล ทำนองคล้าย Guardian of The Galaxy และที่สำคัญคือตัวเขาเองก็ได้รับจดหมายตอบกลับมาด้วย!! ชื่อของ Jack Davis หนุ่มน้อยวัย 9 ขวบกลายเป็ที่โด่งดัง หลังจากที่เขาเล่าถึงความต้องการของตัวเองให้องค์การอวกาศระดับโลกได้รับรู้ ซึ่งอันที่จริงแล้วตำแหน่งงานที่เจ้าหนูอยากทำนั่นก็คือ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่คุ้มครองดาวเคราะห์ ที่มีหน้าที่ในการช่วยตรวจสอบสารปนเปื้อนและสิ่งแปลกปลอมทางชีววิทยาต่างๆ ในการสำรวจอวกาศต่างหาก     หนูน้อย Jack เล่าว่าตัวเขาเองนั้นมีคุณสมบัติที่พร้อมสำหรับตำแหน่งนี้ เพราะพี่สาวบอกว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว และตัวเขาเองก็เคยดูหนังเรื่อง Men in Black มาแล้ว นอกจากนี้เขายังบอกว่าการที่เขาเป็นเด็กนั้นจะทำให้เขาเข้าใจภาษาของพวกเอเลี่ยนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย!! แต่ดูเหมือนว่าความฝันของเด็กน้อยคงต้องรอคอยอีกซักหน่อย เมื่อ Dr. James L. Green ผู้อำนวยการจากกองวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ได้เขียนจดหมายอธิบายถึงลักษณะงาน และหวังว่าในอนาคตคงจะได้ร่วมงานกับเจ้าหนู     “เรามักจะมองหานักวิทยาศาสตร์และวิศวะกรที่มีความสามารถมาร่วมงานกับเรา ฉันหวังว่าเธอจะตั้งใจเรียนและเราคงจะได้พบกันที่นาซ่าเร็วๆ นี้นะ” Dr. James เขียนไว้ในจดหมาย นอกจากนี้เด็กน้อยยังได้รับโทรศัพท์จากคุณ Jonathan Rall ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยดาวเคราะห์ ที่โทรมาร่วมแสดงความยินดีกับการสมัครงานของเจ้าหนู Jack อีกด้วย   ทางด้านเพจเฟซบุ๊คอย่างเป็นทางการขององค์กร NASA ก็ได้โพสต์เล่าเรื่องราวสุดน่ารักนี้ด้วยเช่นกัน…  …

  • หนุ่มชาวจีน เนียนปะปนผู้คนก่อนงัด “กระปู๋” ออกมาสาดน้ำกามใส่สาว ตามสถานีรถไฟใต้ดิน…

    หนุ่มชาวจีน เนียนปะปนผู้คนก่อนงัด “กระปู๋” ออกมาสาดน้ำกามใส่สาว ตามสถานีรถไฟใต้ดิน…

    วันที่ 4 สิงหาคม 2017 ทางเว็บไซต์ Shanghaiist มีรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวชายวัย 28 ปีรายหนึ่ง จากเมืองไท่โจว ประเทศจีน ภายหลังจากที่กล้องวงจรปิดได้จับภาพในขณะที่เขากำลังก่อเหตุอนาจารในที่สาธารณะ โดยการพ่นน้ำอสุจิใส่หญิงสาวบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู     จากการรายงานระบุว่า เวลาที่ชายคนดังกล่าวจะทำการก่อเหตุในแต่ละครั้ง เขามักเลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิง จากนั้นก็อาศัยจังหวะในการล้วงอวัยวะเพศของตัวเองออกมา แล้วพ่นน้ำอสุจิใส่ข้างหลังของเหยื่อสาว และเมื่อเดือนที่แล้ว มีหญิงรายหนึ่งกำลังเดินขึ้นบันได้เลื่อนในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองอู๋ซี โดยในขณะนั้นเธอมีความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาโดนข้างหลัง อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมาสัมผัสบริเวณต้นขาของเธอ จนในที่สุด เธอก็พบรอยเปื้อนปริศนาบนกระโปรง ก่อนจะรู้ภายหลังว่ามันคือคราบอสุจิ และทันทีที่เธอรู้ว่ามีคนทำอนาจารใส่ เธอก็ได้โทรไปแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที   .   เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบก็พบว่า ผู้ต้องหารายนี้เป็นพนักงานโรงงาน และไม่เคยมีแฟนสาวมาก่อน อีกทั้งเขายังเคยก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้มาแล้วกว่า 3 ครั้งที่สถานีรถไฟใต้ดินที่เดียวกัน เพียงแต่ก่อเหตุคนละจุด     อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ชายวัย 28 ปีคนดังกล่าว ก็ได้ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวไปคุมขังเป็นระยะเวลานาน 10 วันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีคนคิดวิกลจริตแบบนี้อีกเลยนะ… ที่มา : shanghaiist

  • คุณแม่ถูกจับเพราะกล้องวงจรปิด เผยภาพฉีดเฮโรอีนเข้าเส้น ต่อหน้าลูกชายวัย 4 ขวบ…

    คุณแม่ถูกจับเพราะกล้องวงจรปิด เผยภาพฉีดเฮโรอีนเข้าเส้น ต่อหน้าลูกชายวัย 4 ขวบ…

    ยาเสพติดนั้นเป็นของไม่ดีนี่คือสิ่งที่เราทุกคนเรียนรู้กันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ทั้งผ่านการสั่งสอนของครูในโรงเรียนหรือพ่อแม่ แต่นี่คนเป็นแม่กลับเสพยาให้ลูกดูเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแทน ไม่น่าเป็นสิ่งที่ึควรจะเกิดขึ้นเลย… เมื่อกล้องวงจรปิดได้จับภาพหญิงสาวกับชายหนุ่มคู่หนึ่งกำลังเสพเฮโรอีน โดยที่ฝ่ายหญิงได้พาเด็กน้อยมาด้วย ภายหลังทราบว่านั่นคือลูกของเธอเอง     นาง Lauren Story คุณแม่วัย 29 ปี หญิงสาวในภาพกล้องวงจรปิด ได้ถูกศาลตัดสินให้โดนข้อหาทำให้เด็กตกอยู่ในอันตราย และเสพยาเสพติด ในเหตุการณ์นั้นเธอได้ให้ลูกของเธอเล่นมือถือรอไปในขณะที่กำลังเสพเฮโรอีนอยู่ เมื่อเสร็จแล้วจึงลูกเดินหลบออกไปจากบริเวณนั้น ปล่อยให้ลูกของเธอเดินตามหลังไปเอง     ภาพจากกล้องวงจรปิดทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถระบุตัวเธอได้อย่างชัดเจน ในตอนที่จับกุมตัวพบเข็มฉีดยาและสายรัดแขน แต่กลับไม่พบยาเสพติดแต่อย่างใด จนท้ายที่สุดแล้วลูกของเธอก็ได้รับการเลี้ยงดูโดยญาติที่ใกล้ชิด อัยการเขตยังพูดเสริมอีกว่า “ผู้คนจะยังคงมีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ที่เสพเฮโรอีน แต่สิ่งนั้นจะหายไปเมื่อเธอคนนั้นกลับเสพมันต่อหน้าเด็ก”     อย่างไรก็ตามสิ่งเสพติดก็ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ควรเข้าไปยุ่งแล้วปล่อยให้มันมาทำลายชีวิตเรา ที่มา: thesun

  • ไขข้อสงสัยว่า “ทำไมเราจึงไม่ควรดื่มน้ำทะเล” เพราะมันอาจทำให้ตายได้ในเวลาอันสั้น

    ไขข้อสงสัยว่า “ทำไมเราจึงไม่ควรดื่มน้ำทะเล” เพราะมันอาจทำให้ตายได้ในเวลาอันสั้น

    ตอนเด็กๆ เคยสงสัยว่าทำไมคนที่ติดเกาะถึงไม่ยอมดื่มน้ำทะเล มันอาจจะเค็มไปหน่อยแต่ก็น่าจะดื่มเพื่อความอยู่รอดได้ หรือจริงๆ แล้ว มันมีเหตุผลมากกว่านั้น? หลายคนอาจจะเคยเห็นในภาพยนตร์มาแล้วบ้างว่า มีบางคนที่เลือกดื่มน้ำทะเลเพื่อดับกระหาย ซึ่งมันก็ช่วยได้จริง แต่ไม่นานหลังจากนั้นผู้ที่ดื่มเข้าไปอาจจะตายได้ แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครอธิบายให้เราเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น…     นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น ลองจินตนาการดูว่าคุณกำลังอยู่เกาะแผ่นไม้ที่ลอยอยู่กลางมหาสมุทร แล้วปากของคุณแห้ง รอบๆ คุณมีแต่น้ำทะเล ทะเลส่วนใหญ่จะเป็นสีน้ำเงิน บางทีก็ดูคล้ายสีเขียวมรกต นั่นเป็นเพราะมันมีเศษของสาหร่ายทะเล ที่ประกอบไปด้วยแพลงก์ตอน ซึ่งเป็นสีเขียวเหมือนกัน แพลงก์ตอนไม่ต่างจากพืชทั่วไปที่อยู่ได้ด้วยการสังเคราะห์แสง ดังนั้นถ้าคุณดื่มน้ำทะเลเข้าไป เพียงไม่นานหลังจากคุณอาจจะไม่มีเรี่ยวแรงอีกต่อไป     ทั้งนี้น้ำทะเลมีปริมาณ 97.3% ของน้ำทั้งหมดบนโลกนี้ ในขณะที่น้ำจืดมีเพียง 2.7% เท่านั้น บางคนอาจจะคิดว่าตัวเองไม่มีสารพิษจากน้ำทะเลอยู่ในร่างกายแน่นอน แต่จริงๆ แล้วมันมีนะ… ไตของเราจะทำหน้าที่แยกของเสียที่จะลำเลียงไปในเส้นเลือด โดยของเสียนี้จะถูกเก็บไว้ในรูปแบบของปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะพร้อมรอการขับออกจากร่างกาย ไตไม่สามารถสร้างปัสสาวะจากความเข้มข้นความเค็มที่มากกว่า 2% ในขณะที่น้ำทะเลมีมีความเค็มประมาณ 3% ดังนั้นหากเราดื่มน้ำทะเลเพื่อดับกระหาย ไตของเราจะใช้น้ำที่อยู่ในร่างกายในการทำให้ความเค็มของเกลือเจือจางลง ส่งผลให้เรารู้สึกกระหายมากขึ้น     ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการออสโมซิสที่ไตสามารถสร้างปัสสาวะที่มีความเค็มน้อยกว่าน้ำที่เราดื่ม… ดังนั้นเมื่อร่างกายมีแนวโน้มที่จะมีปัสสาวะมากขึ้นเพื่อให้สามารถขจัดส่วนเกินของความเค็มได้ แต่แทนที่จะถูกขจัด มันจะสะสมความเค็มที่มากขึ้นในรูปแบบของปัสสาวะ ซึ่งมักจะทำให้มีความเค็มน้อยลงกว่าเดิม นอกจากนี้ร่างกายยังต้องขับของเหลวออกไปมากกว่าที่เราดื่มเข้าไป ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำเช่นนั้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม่การดื่มน้ำทะเลจึงส่งผลต่อร่างกายที่ขัดแย้งกับการคายน้ำทั่วไป    …

  • โซเชียลระอุ!! หลังเห็นคลิปหญิงสาวกำลังทำร้าย และใช้ปากกัดหมาของตัวเองบนรถไฟใต้ดิน

    โซเชียลระอุ!! หลังเห็นคลิปหญิงสาวกำลังทำร้าย และใช้ปากกัดหมาของตัวเองบนรถไฟใต้ดิน

    นี่เป็นเหตุการณ์สะเทือนที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ปี 2017 บนรถไฟฟ้าใต้ดินในเมือง Toronto ประเทศแคนาดา ซึ่ง Roxy Huang ได้ถ่ายคลิปหญิงคนหนึ่งทำร้ายสุนัขต่อหน้าต่อตาผู้โดยสาร     หญิงคนนั้นพูดกับสุนัขของเธอว่า “หยุด หยุด!!” พร้อมทำร้ายร่างกายมัน แม้น้องหมาจะร้องด้วยความเจ็บปวดแต่เธอก็ยังไม่หยุดทำร้ายมัน     ผู้โดยสารที่เห็นเหตุการณ์พยายามบอกเธอว่าให้หยุดตีสุนัข แต่เธอตอบกลับมาด้วยถ้อยทำหยาบคายว่า “พูดห่าไรของมรึง!!” ผู้โดยสารคนหนึ่งทนไม่ได้กับเหตุการณ์นี้ เขาจึงเดินเข้าไปในห้องคนขับ จนรถขบวนรถไฟฟ้าใต้ดิน TTC ต้องหยุดวิ่ง แล้วก็มีพนักงาน 3 คน เดินเข้าไปหาหญิงที่ทำร้ายหมา จนเธอต้องยอมลงจากรถไฟไปพร้อมสุนัขของเธอ     ตอนนี้ยังไม่มีข่าวว่าผู้หญิงคนนี้ถูกดำเนินคดีหรือไม่… อย่างไรก็ตามหลังจากที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ไปได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก     นอกจากไม่พอใจผู้ที่ทำร้ายสุนัขแล้ว หลายคนยังรู้โกรธคนที่ถ่ายคลิปด้วย เนื่องจากอยู่ในเหตุการณ์แต่กลับไม่เข้าไปช่วยเหลือสุนัขเลย   คนถ่ายคลิปนี้โคตรขี้ขลาดเลย ถ้าเป็นฉันนะจะกดปุ่มฉุกเฉินแล้วก็จะเอาน้องหมาออกจากหญิงคนนั้น ทุกคนนั่งดูเฉยๆ โดยไม่ทำอะไร มันก็เท่ากับสนับสนุนหญิงคนนั้นให้ทำร้ายสุนัขนั่นแหละ   ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะมีปัญหาทางจิต หวังว่าเจ้าหน้าที่จะพาสุนัขออกมาจากหญิงคนนั้นได้ และหาบ้านใหม่ที่ดีให้กับมัน   ผู้หญิงคนนี้สมควรจะโดนลงโทษอย่างสาสม   ทำไมไม่มีใครเข้าไปห้ามเธอ   เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ปกติ…

  • ผู้หญิงคนหนึ่งส่งจดหมายเชิญ Obama ให้มางานแต่งของเธอ โดยไม่คิดว่าเขาจะตอบด้วย!!

    ผู้หญิงคนหนึ่งส่งจดหมายเชิญ Obama ให้มางานแต่งของเธอ โดยไม่คิดว่าเขาจะตอบด้วย!!

    การที่เราได้รับจดหมายตอบกลับจากผู้นำโลกอย่างอดีตประธานาธิบดี Barack Obama มันคงจะเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจไม่น้อย เหมือนดังเช่นหญิงรายหนึ่ง ที่ได้ส่งจดหมายไปหา Barack และ Michelle Obama เพื่อเชิญให้ทั้งคู่มาร่วมงานแต่งงานของเธอ   แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า วันหนึ่งเธอจะได้รับการตอบกลับจากเขาด้วย โอ้วววว!! ตื่นเต้นแทนจริงๆ   สำหรับ Liz Whitlow เป็นคุณแม่จากซานอันโตนิโอ รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอคือผู้ที่ได้ส่งจดหมายงานแต่งงานของตัวเองไปหา Barack และ Michelle ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเมื่อเร็วๆ นี้ Liz ก็เพิ่งจะได้รับการตอบจดหมายกลับจาก Obamas ซึ่งทาง Brooke Allen ผู้เป็นลูกสาว ก็ได้ขอออกมาเผยเรื่องราวสุดประทับใจที่แม่ของเธอได้รับในครั้งนี้ลงในทวิตเตอร์ว่า… “แม่ของฉันได้ส่งจดหมายเชิญ Obamas ให้มาร่วมงานแต่งงานของเธอ แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะตอบกลับมาด้วย”   และนี่คือภาพจดหมายที่ Obamas ได้ตอบกลับมาหาแม่ของเธอ พร้อมกับมีลายเซ็นของเขา และ Michelle Obama เซ็นกำกับในตอนท้ายอีกด้วย   สำหรับจดหมายดังกล่าวได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า “ขอแสดงความยินดีกับงานแต่งงานของคุณ เราหวังว่าการแต่งงานของคุณจะเต็มไปด้วยความสุข…

  • ครูสาวชวนเด็กๆ ที่โรงเรียนมาร่วมงานแต่ง สร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่น และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

    ครูสาวชวนเด็กๆ ที่โรงเรียนมาร่วมงานแต่ง สร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่น และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

    หากใครที่มีลูกน้อย คุณอาจจะไม่ค่อยอยากให้เขาไปร่วมงานที่เป็นพิธีการสักเท่าไหร่ เนื่องจากเด็กเล็กนั้นมักจะส่งเสียงดังรบกวนแขกที่มาร่วมงาน บางรายก็ซุกซน และป่วนผู้คนไปทั่ว จนบางครั้งก็สร้างความรำคาญให้กับคนอื่นๆ แต่นั่นไม่ใช่กับเด็กๆ จากโรงเรียน Indianapolis Public School ในประเทศสหรัฐอเมริกาเหล่านี้ ที่พากันทำตัวน่ารักสุดๆ หลังได้เข้ามาร่วมงานวิวาห์ของคุณครูสาว     เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2017 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Marielle Slager Keller คุณครูสอนชั้นอนุบาลวัย 25 ปี ได้ชวนเด็กๆ อนุบาลกว่า 20 คน มาเป็นส่วนหนึ่งในวันสำคัญของเธอ โดย Marielle ได้ออกมาเผยว่า “วันสำคัญเช่นนี้จะไม่พิเศษเลยหากไม่มีพวกเขามาร่วมงาน”     เมื่อถึงงานพิธีวิวาห์ Marielle มาในชุดแต่งงานสีขาวประดับมุก ขณะที่ Mike หนุ่มนักศึกษาแพทย์วัย 26 ปีผู้เป็นสามี มาในชุดสูทสีดำสุดเท่ เรียกได้ว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก     และในขณะที่อยู่ในช่วงพิธีการ เด็กๆ ทั้ง 20 คน…

  • นางแบบถูกแก๊งลักพาตัวไปขาย แต่จรรยาบรรณโจร “พบของมีตำหนิไม่ขาย” จึงปล่อยตัวมา…

    นางแบบถูกแก๊งลักพาตัวไปขาย แต่จรรยาบรรณโจร “พบของมีตำหนิไม่ขาย” จึงปล่อยตัวมา…

    ชีวิตเราในตอนนี้มีเรื่องราวมากมายที่ได้ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าธุรกิจมืดอย่างเรื่องนี้ เมื่อสาวนางแบบถูกลักพาตัวไป เพื่อนำไปปล่อยให้คนประมูลเอาเธอไปเป็นทาสบำเรอ คงเป็นเรื่องที่คงไม่มีใครอยากให้เกิดกับตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วเธอก็สามารถรอดกลับมาได้…   เมื่อนางแบบสาวชาวอังกฤษวัย 20 ปีที่มีชื่อว่า Chloe Ayling ได้ถูกหลอกให้บินไปถ่ายแบบที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อเธอไปถึงที่หมายก็มีผู้ชายสองคนเข้ามาหาเธอ และทำการโปะยาสลบก่อนจะลากเธอออกจากห้องไป     เธอถูกพาใส่ท้ายรถและพาออกไปจากจุดนัดพบแรกในพื้นที่ห่างไกล เธอถูกใส่กุญแจมือที่ข้อมือและข้อเท้าของเธอพร้อมทั้งถูกยัดอยู่ในกระเป๋าโดยหายใจผ่านรูเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งทางตำรวจอิตาลีได้เปิดเผยว่า เธอถูกนำไปประมูลขายในเว็บไซต์ไปด้วยราคาเกือบ 10,000,000 บาท   ตำรวจอิตาลีทำการจำลองสภาพของการถูกลักพาตัวจับใส่กระเป๋าใบใหญ่   บ้านที่ตำรวจคาดว่าเป็นที่ที่เธอถูกนำตัวมา   ผู้จัดการประมูลครั้งนั้นหรือกลุ่มอาชญากรที่รู้จักในชื่อ Black Death ได้อ้างถึงการลักพาตัวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการข้อผิดพลาด เพราะว่าเธอนั้นมีลูกแล้วซึ่งผิดกับหลักการนโยบายประจำกลุ่ม พวกเขาได้ปล่อยเธอไปและบอกเธอว่าเธอจะต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับหากไม่อยากตาย และได้รับจดหมายที่มีข้อความเขียนไว้ว่า “เกิดความผิดพลาดที่จับตัวเธอมา และจากการที่เธอเป็นแม่คนแล้ว จึงไม่ควรมาเจอกับเหตุการณ์ลักพาตัวแบบนี้”   หลักฐานที่พบ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีหนังสือเล่มเล็กๆ ที่เขียนว่า Black Death   เธอได้ถูกปล่อยตัวหลังจาก 6 วันที่ถูกกักขังเอาไว้ ซึ่งทางตำรวจคาดว่าเป็นบ้านในฟาร์มแห่งหนึ่งที่ห่างออกไปกว่า 190 กว่ากิโลเมตร จนกระทั่งตำรวจได้ทำการจับกุมนาย…

  • การดิ้นรนเพื่อชีวิต ของเหล่าเด็กๆ ในเหมืองคองโก ยากลำบากไม่ต่างไปจาก ‘ผืนนรกบนดิน’

    การดิ้นรนเพื่อชีวิต ของเหล่าเด็กๆ ในเหมืองคองโก ยากลำบากไม่ต่างไปจาก ‘ผืนนรกบนดิน’

    การใช้แรงงานคนเพื่อการก่อสร้าง ขนย้ายสิ่งของ หรืออย่างการขุดเหมืองควรจะมีความเหมาะสม มีการดูแลจัดการที่ดี และทว่าเหมืองแห่งนี้กลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ที่ต้องทำให้คนงานต้องมาทนอยู่กับสภาพเหมือนนรกบนดิน แถมยังมีการใช้แรงเด็กสี่ขวบให้เข้ามารับอันตรายไปด้วย โดยเหมืองแห่งนี้เป็นแหล่งในการขุดหาแร่โคบอลต์ ตั้งอยู่ในจังหวัดกาตังกา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ซึ่งความอันตรายนั้นสูงมากเพราะมันจะสร้างหมอกพิษที่ทำลายดวงตาและเสี่ยงที่จะเป็นโรคผิวหนังกับปอดได้   หากเด็กๆ ทำงานไม่ดี อาจจะถูกทำร้ายจากผู้คุมงานด้วย   แต่เจ้าแร่อันตรายตัวนี้นั้นคือส่วนประกอบหลักของการสร้างรถยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังพัฒนาและมีอัตราการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากแนวโน้มของรัฐบาลในประเทศอังกฤษ ที่มีการประกาศห้ามขายรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันในปี 2040     ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในประเทศคองโกที่สามารถหาแร่ชนิดนี้ได้ง่าย ต้องดึงแรงงานมาขุดเหมืองเพิ่มมากขึ้น จนเมื่อทางสำนักข่าว Sky News ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่นี้ก็ได้เจอกับ Dorsen เด็กน้อยวัยแปดขวบ หนึ่งในคนงานเหมือง… เด็กคนนี้ต้องเจอกับความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในทุกวัน เพื่อช่วยพ่อหาเงินไปกินข้าวหลังจากที่แม่ของเขาได้เสียชีวิตลง โดยเขาเป็นเพียงแค่หนึ่งในจำนวนเด็ก 40,000 คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับงานประเภทนี้     นอกจากนั้นอาหารการกินในที่ปลูกขึ้นบริเวณโดยรอบก็เต็มไปด้วยสารพิษที่หากกินเข้าไปก็จะทำให้อาเจียน ท้องเสีย อีกทั้งเกิดปัญหากับต่อมไทรอยด์และปอดอีกด้วย ถึงขนาดว่านกหรือปลาแถวนั้นไม่สามารถทนอยู่กับสภาพแวดล้อมเหล่านี้ได้   Dorsen คนซ้าย และ Richard เพื่อนของเขา   ไม่มีใครรู้ได้ว่ามีเด็กที่ทำงานในเหมืองเหล่านี้ต้องสังเวยชีวิตไปกี่คนแล้ว เนื่องจากตายไปก็จะถูกฝังไว้ในอุโมงค์ที่ถูกทำลาย หากคนที่มีชีวิตรอดก็ยังต้องทนกับความเจ็บปวด เด็กผู้หญิงก็จะถูกคุกคามทางเพศหรืออาจจะท้องตั้งแต่อายุแค่ประมาณ 10…

  • ผู้คนอ้างพบ “ตุ๊กตาผีสิง” ทำร้ายร่างกายเจ้าของ พร้อมจะนำหายนะ มาสู่คนที่ได้ครอบครอง…

    ผู้คนอ้างพบ “ตุ๊กตาผีสิง” ทำร้ายร่างกายเจ้าของ พร้อมจะนำหายนะ มาสู่คนที่ได้ครอบครอง…

    เพื่อนๆ เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติมั้ย? ที่ #เหมียวขี้ส่อง กำลังพูดถึงก็คือเรื่องผีนั่นแหละ หลายครั้งที่เราได้ยินได้ฟังเรื่องผีสิง เช่น บ้านผีสิง รถผีสิง ต้นไม้ผีสิง และอื่นๆ อีกมากมาย เรื่องแบบนี้ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่ค่อยมีใครเชื่อสินะ ตอนนี้มีตุ๊กตาผีสิงตัวหนึ่งถูกประกาศขายในเว็บไซต์ eBay หลังจากที่ถูกเจ้าของเดิมทิ้งไปเพราะความหวาดกลัว เนื่องจากทำให้เจ้าของเกิดรอยแผลตามตัว Debbie Merrick คุณแม่ลูกหนึ่งอ้างว่า ตุ๊กตาที่น่ากลัวของเธอเคยปิดสัญญาณเตือนไฟไหม้ และถอดสร้อยคอออกเองได้   ตุ๊กตาที่ถูกอ้างว่ามีผีสิง   ต่อมา Lee Steer จากเมือง Rotherham ประเทศอังกฤษ ได้ประมูลตุ๊กตาผีสิงตัวดังกล่าวไปในราคาประมาณ 37,000 บาท และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะซื้อมันมา เพราะเขาชอบสะสมของที่ถูกกล่าวอ้างว่ามีความลี้ลับอยู่แล้ว สองวันต่อมาตุ๊กตาผีสิงที่ว่าก็มาส่งถึงบ้านที่เขาอยู่กับพ่อแม่ Paul และ Amy Steer… และแล้วเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง   Lee Steer ผู้ซื้อตุ๊กตาผีสิงมาไว้ในบ้าน   แขนของ Paul Steer ที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน   Paul พ่อของ Lee อายุ 54 ปี มีรอยขีดข่วนแปลกๆ…

  • กลุ่มนักปั่นผ่านมาเห็นแม่วัว ‘ใกล้จะคลอดแล้ว’ จึงร่วมใจกันช่วยทำคลอด จนพ้นขีดอันตราย…

    กลุ่มนักปั่นผ่านมาเห็นแม่วัว ‘ใกล้จะคลอดแล้ว’ จึงร่วมใจกันช่วยทำคลอด จนพ้นขีดอันตราย…

    เมื่อมนุษย์จะคลอดลูกเป็นธรรมดาที่จะมีหมอและพยาบาลคอยช่วยเหลือ เพื่อให้การคลอดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่สำหรับสัตว์แล้ว เราไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันจะคลอดเมื่อไหร่ และหากใกล้คลอดจะต้องรอสัตวแพทย์มาทำคลอดอีก ก็คงจะสายเกินไป… แต่นับว่าเป็นความโชคดีของแม่วัวตัวนี้ที่ไม่ต้องคลอดเพียงลำพัง เพราะมีเหล่านักปั่นจำนวนหนึ่งคอยช่วยเหลือจนทำให้มันคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัยทั้งแม่และลูก     เมื่อไม่นานมานี้ขณะที่นักปั่นจักรยานกลุ่มหนึ่งผ่านมาเห็นแม่วัวตัวหนึ่งกำลังจะคลอด มันดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดทรมาน และเห็นได้ชัดว่ามันต้องการความช่วยเหลือในการคลอดอย่างเร่งด่วน     นักปั่นทุกคนจึงได้หยุดช่วยเหลือมัน โดยทำทุกทางเพื่อนำลูกวัวออกมาจากครรภ์ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องทำให้แม่วัวทรมานน้อยที่สุด     หลังจากที่ช่วยทำคลอดไปสักพักใหญ่ๆ ก็ยังไม่สามารถดึงลูกวัวออกมาได้ พวกเขาจึงได้นำเชือกมาผูกขาลูกวัวเอาไว้ก่อนจะค่อยๆ ช่วยกันดึงออกมา     ไม่กี่นาทีต่อมา ลูกวัวก็ออกมาจากท้องแม่ได้ นักปั่นได้ทำให้มันตอบสนองก่อนจะพามันไปอยู่ในอ้อมกอดของแม่ และนั่นคือวินาทีแม่ลูกได้เจอกันครั้งแรก…     แม่วัวเลียทำความสะอาดลูกน้อยด้วยความรัก สร้างความประทับใจให้นักปั่นเหล่านั้นเป็นอย่างมาก ที่สำคัญพวกเขารู้สึกว่าเป็นการช่วยเหลือคุ้มค่า เพราะได้ประสบการณ์ใหม่ในแบบที่ไม่คาดคิดว่าได้รับมาก่อน     ทั้งแม่ทั้งลูกรอดปลอดภัยดี ต้องขอบคุณพี่ๆ นักปั่นที่หยุดช่วยจะพ้นขีดอันตรายด้วยน้าาา   ที่มา littlethings

  • สาวโพสต์รูปนิ้วเท้าอันเรียวยาว ยาวแบบย๊าวยาววววว เทียบกับนิ้วมือแล้วยังไม่อยากเชื่อ!?

    สาวโพสต์รูปนิ้วเท้าอันเรียวยาว ยาวแบบย๊าวยาววววว เทียบกับนิ้วมือแล้วยังไม่อยากเชื่อ!?

    หลายคนอาจจะตกอกตกใจกับภาพนิ้วเท้าที่เห็น จนแทบไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นของจริง แต่ภาพนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นนิ้วเท้าของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ไม่ได้ผ่านการตัดต่อแต่อย่างใด… หญิงสาวเจ้าของนิ้วเท้าที่โคตรยาวนี้ได้โพสต์รูปเท้าตัวเองในเว็บไซต์หนึ่งของจีน ตอนแรกที่โพสต์เธอก็คิดไม่ออกว่าจะได้รับเสียงตอบรับยังไงบ้าง   นี่คือนิ้วเท้า!?   เมื่อเทียบกับนิ้วมือ!?   ปรากฏว่าภาพดังกล่าวถูกแชร์ต่อไปเป็นจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว ชาวเน็ตต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านิ้วเท้าของเธอนั้นยาวพอๆ กับนิ้วมือเลย หญิงสาวเจ้าของนิ้วเท้าบอกว่า การมีนิ้วเท้ายาวมักจะเป็นปัญหาให้เธอสวมรองเท้าแล้วนิ้วเท้าโผล่ออกมาอยู่ข้างนอกเสมอ แต่มันก็ไม่แย่ไปซะทุกอย่าง เพราะเธอสามารถบีบน้ำมะนาวด้วยนิ้วเท้าได้     นอกจากนี้เธอยังเรียนรู้ช่องทางการใช้นิ้วเท้าให้เกิดประโยชน์ด้วยวิธีการต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นการอยู่กับนิ้วอันเรียวยาวให้เป็นนั่นเอง     หลายคนอาจจะคิดว่าการมีนิ้วเท้ายาวเช่นนี้อาจเป็นอุปสรรค์กับการใช้ชีวิต แต่เธอคนนี้บอกว่าอยู่กับมันจนชินแล้วและไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย     ในขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญออกมาบอกว่า นิ้วเท้าของเธอมีโครงสร้างคล้ายกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่งที่สามารถจับสิ่งต่างๆ ได้ด้วยเท้า นิ้วเท้าเรียวยาวของสัตว์ชนิดนี้จะช่วยทำให้พวกมันปีนขึ้นต้นไม้ได้เร็วขึ้นและอาจทำให้พวกมันก้าวเท้าได้อย่างรวดเร็วด้วย     จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าโอกาสที่มนุษย์จะมีนิ้วเท้ายาวแบบนี้มีเพียง 1 ใน 13 คนเท่านั้น ทั้งนี้คนนิ้วเท้ายาวจะมีเอ็นนิ้วที่อ่อนกว่าคนทั่วไป ทำให้สามารถงอได้ง่ายขึ้น     การมีนิ้วเท้ายาวอาจจะดูแปลกๆ แต่ดีที่มันไม่ได้ส่งผลอะไรกับสุขภาพร่างกาย แถมยังสามารถใช้งานแทนนิ้วมือได้ในบางกรณีด้วย จนบางทีอาจทำให้คนรอบข้างสับสนได้ว่ามันคือนิ้วมือหรือนิ้วเท้ากันแน่!?     แล้วเพื่อนๆ ล่ะ นิ้วเท้ายาวแค่ไหน? ที่มา goodfullness

  • เด็กหญิงวัย 12 ขวบ ตัดสินใจ ‘ฆ่าตัวตาย’ หลังจากตกเป็นเหยื่อของ Cyberbullying

    เด็กหญิงวัย 12 ขวบ ตัดสินใจ ‘ฆ่าตัวตาย’ หลังจากตกเป็นเหยื่อของ Cyberbullying

    “ทำไมเธอไม่ฆ่าตัวตายไปซะ” หนึ่งในข้อความที่เป็นสาเหตุให้หนูน้อยวัย 12 ขวบ ต้องตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง หลังจากที่เธอได้รับข้อความดังกล่าวจากเพื่อนคนหนึ่ง เรื่องราวอันแสนเศร้าของสาวน้อยจากรัฐนิวเจอร์ซีย์ ที่ตกเป็นเหยื่อการกลั่นแกล้งบนโลกอินเตอร์เน็ตหรือ Cyberbullying เด็กหญิงผู้น่าสงสารถูกเพื่อนๆ ในโรงเรียนรุมกลั่นแกล้ง จนเธอกลายเป็นโรคซึมเศร้าและสุดท้ายต้องจากโลกนี้ไปด้วยการฆ่าตัวตาย…     Mallory Grossman สาวน้อยมากความสามารถจากโรงเรียน Copeland Middle School ถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียน 3 ถึง 4 คน ร่วมกันกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2016 โดยเพื่อนๆ ของเธอมักจะโพสต์และส่งข้อความด่าเธอว่ายัยขี้แพ้ หรือบางครั้งก็มีการรวมหัวไม่พูดคุยกับเธอด้วย… หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทางครอบครัวของเธอยืนยันว่าจะฟ้องร้องกับทางโรงเรียนที่ละเลยต่อการกลั่นแกล้งนี้ และยังจะฟ้องร้องต่อผู้ปกครองของเพื่อนๆ ลูกสาวเธอที่ไม่ยอมดูแลเด็กๆ อีกด้วย     โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ทางครอบครัวไม่ได้เพิกเฉยต่อการที่ลูกสาวของพวกเขาถูกกลั่นแกล้ง แต่พวกเขาพยายามบอกกับทางโรงเรียนหลายครั้งแล้วว่าลูกสาวตัวน้อยกำลังถูกกลั่นแกล้ง และเธอก็เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากโรงเรียน และถูกมองว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย “ทางโรงเรียนไม่สนใจกับความกังวลของฉันเลย ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะมีมาตรการในการจัดการกับเรื่องนี้กว่านี้นะ” คุณแม่ Dianne Grossman กล่าว     การกลั่นแกล้งบนโลกอินเตอร์เน็ตนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะละเลยได้เลย ตอนนี้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังตกเป็นเหยื่อของ Cyberbullying นี้ หลายๆ คนที่กำลังถูกกลั่นแกล้งนั้นอาจมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ดังนั้นเราควรดูแลคนในครอบครัวให้ดี ก่อนที่ทุกอย่างจะลายเกินไป…

  • ใจสลาย… คู่สามีภรรยาร่วมต่อสู้กับโรคร้ายเคียงข้างกัน แต่มีฝ่ายหนึ่งต้องจากไปเสียก่อน

    ใจสลาย… คู่สามีภรรยาร่วมต่อสู้กับโรคร้ายเคียงข้างกัน แต่มีฝ่ายหนึ่งต้องจากไปเสียก่อน

    ทุกๆ การต่อสู้ คงไม่มีอะไรดีกว่าการมีคนรักร่วมต่อสู้ไปเคียงข้างกัน สุขไปด้วยกัน ทุกข์ไปด้วย อยู่ด้วยกันในทุกๆ ช่วงอารมณ์ความรู้สึก แต่การต่อสู้ของสามีภรรยาคู่นี้ดูเหมือนจะปวดหัวใจมากกว่าการสิ่งไหนๆ เพราะพวกเขาสู้กับความตายไปพร้อมๆ กัน เนื่องจากป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายทั้งคู่     Edward Stewart ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับอ่อน ในขณะที่ Karen ผู้เป็นภรรยาก็ป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะที่สามเช่นเดียวกัน แต่ทั้งคู่ก็ยังอยู่เคียงข้างกัน และคอยให้กำลังใจกันเสมอ สำนักข่าว Irish Mirror  รายงานว่า Ed ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งตับอ่อนในเดือนพฤษภาคม ปี 2017 แต่เขาก็ยังทำหน้าที่ดูแลภรรยาที่ป่วยเป็นมะเร็งอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง     ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 3 คน คือ Keeva อายุ 10 ขวบ Finn 8 ขวบ และ Erin 4 ขวบ ลูกๆ คือเหตุผลที่ทำให้สามีภรรยาคู่นี้ไม่ยอมแพ้ต่อโรคร้าย แต่น่าเศร้า เมื่อ Ed ผู้เป็นสามีและพ่อก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา ทำให้ภรรยาและลูกๆ ต้องอยู่อย่างเศร้าใจ และต้องดูแลกันเองด้วยความยากลำบาก     ก่อนเสียชีวิต Ed พูดไว้ว่า “ถ้ามีอาการปวดให้รีบไปตรวจ ถ้ารู้สึกเหมือนมีก้อนที่ผิดปกติก็ให้รีบไปตรวจ ซึ่งมันอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้ แต่อย่างปล่อยทิ้งไว้จนวันที่มันสายเกินไป”…

  • เด็กชายวัย 7 ขวบ เป็นโรคหัวใจ องค์กรการกุศลจึงช่วยสานฝัน ให้ได้เป็น ‘นักบินตัวจริง’

    เด็กชายวัย 7 ขวบ เป็นโรคหัวใจ องค์กรการกุศลจึงช่วยสานฝัน ให้ได้เป็น ‘นักบินตัวจริง’

    ตอนเด็กเราทุกคนต่างมีความใฝ่ฝันที่สวยงามและคิดไว้ว่าสักวันจะทำมันให้เป็นจริงให้ได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสอยู่ถึงวันแห่งการสานฝัน William Kottos เด็กชายวัย 7 ขวบ ป่วยเป็นโรคหัวใจตั้งแต่เกิด แต่เขาก็มีความฝันไม่ต่างจากคนทั่วไป เด็กชายฝันอยากเป็นนักบินในสักวันหนึ่ง     William มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ก็จริง แต่เพราะโรคร้าย ทำให้เขาอาจจะไม่มีโอกาสอยู่จนถึงวันนั้น ทางมูลนิธิ Make-A-Wish จึงเข้ามาสานฝันให้กับเขา พวกเขาทำให้เด็กชายได้มีโอกาสไปฝึกอบรมในโรงเรียนการบิน ร่วมกับสายการบิน American Airlines อย่างเป็นทางการ เป็นเวลา 3 วัน     Jim Palmersheim หนึ่งในกัปตัน ได้สละเวลาของตัวเองเพื่อพาเด็กชายไปผจญภัยในโลกแห่งการบิน และไปทำเซอร์ไพรส์ William ถึงบ้านเลยทีเดียว Kathy แม่ของเด็กชายบอกว่า “เขามีความตื่นเต้นที่จะได้บินนักบินตัวจริง ดังนั้นนี่อาจเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขมากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้”     หลังจากนั้นเด็กชายพร้อมครอบครัวก็นั่งเครื่องบินโบอิ้ง 787 Dreamliner ไปยังสำนึกงานใหญ่ของสายการบิน American Airlines ในเมืองแดลลัส เมื่อมาถึงก็มีคนนำชุดนักบินมาให้เด็กชายแบบเต็มยศ ที่มีทั้งหมวก กระเป๋า และแว่นตา จากนั้นเขาก็ได้เข้ารับการฝึกอบรมเช่นเดียวกับนักบินที่สำนักงานใหญ่ของสายการบิน     ทางสายการบินได้ทำพิธีต้อนรับ William ในฐานะนักบินคนใหม่ของสายการบิน จากนั้นเลื่อนขั้นให้เขาเป็นหัวหน้านักบิน และนี่คือการผจญภัยวันแรกของเด็กชาย วันต่อมา…

  • พาไปรู้จักกับ Celine Farach นางแบบสาวหุ่นแซ่บวัย 19 ปี ที่กำลังฮอตที่สุดในตอนนี้!!

    พาไปรู้จักกับ Celine Farach นางแบบสาวหุ่นแซ่บวัย 19 ปี ที่กำลังฮอตที่สุดในตอนนี้!!

    ขึ้นชื่อว่านางแบบก็คงต้องมีความสวยและหุ่นที่โดดเด่น ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าแต่ละความจะมีความโดดเด่นแบบไหน อย่างนางแบบสาวที่กำลังมาแรงในตอนนี้ สวย เซ็กซี่ ในแบบหนุ่มๆ อดใจไม่ไหวเลยทีเดียว   พอจะคุ้นหน้ากันบ้างมั้ยเอ่ย?   ภาพด้านบนที่หลายๆ คนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตามาบ้างแล้ว เนื่องจากเป็นคลิปที่ถูกแชร์ในโลกออกไลน์จนกลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในตอนนี้ เธอก็คือ Celine Farach นางแบบที่ทางต้นสังกัดอย่าง Wilhelmina Models ภูมิใจนำเสนอต่อสื่อมวลชนเป็นอย่างยิ่ง คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าทำไม เพราะภาพที่เห็นกันนั้นได้บอกแทบทุกอย่างไปแล้วววว!!     Celine เกิดที่และเติบโตมาในไมอามี่ รัฐฟลอริดา เธอเป็นคนที่มีความสวยโดดเด่นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว นั่นเป็นเหตุให้เธอเซ็นสัญญากับ Wilhelmina Models เมื่ออายุยังน้อย แถมยังได้เป็นนางแบบตัวหลักของสังกัดในตอนนั้น ในฐานะนางแบบรุ่นเด็กในไมอามี่     Celine เป็นหนึ่งในนางแบบแนวหน้าของโลกที่มักจะปรากฏตัวตามแคมเปญสำคัญๆ เช่น Marks & Spencer Premomon และ Macy’s นอกจากนี้เธอยังได้แต่งเพลงและทำเพลงของตัวเองขึ้นมาในรูปแบบชุด EP ซึ่งได้เปิดตัวเมื่อปี 2016 แน่นอนว่าแฟนคลับตัวยงของเธอคงได้ฟังกันแล้ว     นอกเหนือจากนั้น Celine ก็ไปปรากฏตัวใน MV เพลง Greenlight…

  • โมเม้นต์สุดประทับใจ เมื่อเด็กน้อยมหัศจรรย์กอดแม่ด้วยความรัก หลังเกิดเพียงไม่กี่วินาที…

    โมเม้นต์สุดประทับใจ เมื่อเด็กน้อยมหัศจรรย์กอดแม่ด้วยความรัก หลังเกิดเพียงไม่กี่วินาที…

    เป็นที่เข้าใจกันดีว่า เมื่อทารกเกิดมาสิ่งแรกที่ทำคือการร้องไห้ ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ดี แต่สำหรับหนูน้อยมหัศจรรย์คนนี้ ไม่เพียงแต่ร้องไห้แต่เธอยังเข้สกอดแม่ผู้ให้กำเนิดด้วย เมื่อวันที่ 5 เมษายน คุณหมอจากโรงพยาบาล Santa Monica Hospital ประเทศบราซิล ได้ทำการผ่าตัดคลอด เด็กน้อย Agata Ribeiro Coêlho ก่อนจะพาเธอไปสู่อ้อมอกของผู้เป็นแม่     ทันทีที่แม่กับลูกได้สัมผัสกัน ทารกน้อยก็ได้ทำในสิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึง เธอทำท่าเหมือนกอดและจูบที่แก้มของแม่เบาๆ เป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้ทุกคนในห้องคลอดเป็นอย่างมาก Brenda ผู้เป็นแม่กล่าวว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่น่าทึ่งมาก เมื่อลูกสาวกอดฉันเป็นครั้งแรก หลังจากที่คลอดเพียงไม่กี่วินาที แม้แต่ทีมแพทย์ก็ยังรู้สึกประหลาดใจ”     แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แห่งความประทับใจ แต่ทีมแพทย์ก็ยังทันถ่ายภาพโมเม้นต์นั้นไว้ได้ และมันยากที่จะบอกว่าเด็กน้อยคนนี้รักแม่มากแค่ไหน ตอนนี้ Agata อายุไดั 3 เดือนแล้ว เธอเติบโตขึ้นทุกวันๆ พร้อมความน่ารักที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ที่สำคัญเธอรักที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับแม่     ช่วงเวลาประทับใจทารกกอดแม่ หลังจากคลอดเพียงไม่กี่วินาที ที่มา metro

  • แรปเปอร์เยอรมัน “โพสต์ภาพเดิม” กวนส้นปั่นหัวผู้ติดตามในไอจีทุกวัน แต่ยังได้ไลค์ยันหมื่น!?

    แรปเปอร์เยอรมัน “โพสต์ภาพเดิม” กวนส้นปั่นหัวผู้ติดตามในไอจีทุกวัน แต่ยังได้ไลค์ยันหมื่น!?

    ใครที่เล่นอินสตาแกรมจะเห็นว่าคนเล่นอินสตาแกรมส่วนใหญ่มักจะอัพรูปภาพที่ไม่ซ้ำกัน ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นการโชว์ไลฟ์สไตล์ การได้ออกไปท่องเที่ยวต่างถิ่นต่างแดน ในขณะที่บางคนอัพรูปพร้อมเรื่องราวของภาพ แต่สำหรับ Maxim Kaizett แรปเปอร์ชื่อดังของเยอรมัน ได้ทำสิ่งที่แตกต่างด้วยการอัพภาพเดิมซ้ำกันทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน และไม่น่าเชื่อว่ายอดผู้ติดตามของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว!? Maxim เป็นสมาชิกวงฮิปฮอปที่ชื่อ K.I.Z เขาได้เริ่มสร้างบัญชีอินสตาแกรมเมื่อต้นเดือนที่แล้ว แต่ด้วยระยะเวลาเพียงเท่านี้ เขาก็มีผู้ติดตามมากกว่า 40,000 คนแล้ว     มันอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับคนดังที่จะมียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับ Maxim เขามีเหตุผลที่แตกต่างออกไป เขาจะอัพรูปลงอินสตาแกรมวันละหนึ่งรูป แต่เป็นภาพเดียวกันทุกวัน ซึ่งเป็นภาพสีขาวดำของเขาขณะยิ้ม พร้อมแคปชั่นที่แตกต่างกัน หลายคนอาจจะคิดว่าการโพสต์ภาพเดิมซ้ำกันทุกวันคงเป็นอะไรที่น่ารำคาญมาก แต่ Maxim กลับมียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เขายังได้รับการชื่นชมจากนิตยสารอินเทอร์เน็ตหลายสำนัก สำหรับการโพสต์อินสตาแกรมที่แปลกแหวกแนว จนได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโซเชียลในรัสเซีย     ทั้งนี้ดูเหมือนว่าผู้ติดตามส่วนใหญ่ของ Maxim จะชอบวิธีการโพสต์แบบนี้ของเขา ที่สำคัญเขามักจะเขียนแคปชั่นแบบเรียบง่ายและชัดเจน เช่น “ผมจะเป็นคนตัดสินใจเลิกเอง เมื่อมันไม่ตลกอีกต่อไปแล้ว” นอกจากนี้ยังหลายแคปชั่นที่ทั้งให้ข้อคิดบ้าง ตลกบ้าง เช่น “การเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่คนทำผิดพลาดเลือกจะทำ” หรือ “ผมว่าจะโพสต์ภาพอื่นนะ แต่ไม่มีภาพที่ดีกว่านี้แล้ว” แบบนี้ ชักจะสงสัยซะแล้วสิว่าโพสต์ต่อไปของเขาจะเป็นภาพใหม่หรือยังคงเป็นภาพเดิมๆ นะ อยากรู้ก็ติดตามได้ที่อินสตาแกรม maxim_kaizett แล้วคุณอาจหลงรักผู้ชายคนนี้ได้แบบง่ายๆ ที่มา odditycentral

  • ม้าน้อยเข้าร่วมวิ่งในการแข่งขันปั่นจักรยาน สร้างความประทับใจ จนนักปั่นพากันหลงรัก

    ม้าน้อยเข้าร่วมวิ่งในการแข่งขันปั่นจักรยาน สร้างความประทับใจ จนนักปั่นพากันหลงรัก

    เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการจัดแข่งขันปั่นจักรยานที่กินเวลาเป็นสัปดาห์ที่เรียกว่า Tour de Pologne หรือ Poland Tour โดยมีนักปั่นเข้าร่วมอย่างคับคั่ง แต่งานนี้นอกจากนักปั่นแล้ว ยังมีเจ้าม้าน้อยตัวหนึ่งเข้ามาร่วมการแข่งขันด้วย แม้จะปั่นจักรยานไม่ได้แต่มันใช้การวิ่งแทน ทั้งน่ารักจนและโดดเด่นอยู่ท่ามกลางหมู่นักปั่น     ปกติแล้ว ม้าควรจะนอนเล่นอยู่ตามทุ่งหญ้า แต่สำหรับน้องม้าตัวนี้มันต้องการที่จะวิ่งมากกว่า และเมื่อได้เห็นนักปั่นสัญชาตญาณของมันก็บอกว่า “วิ่ง!!”  ทางด้านนักปั่น เมื่อเห็นม้าน้อยอยากร่วมวิ่งด้วย พวกเขาก็ยินดี และได้กันที่ที่ไว้ เพื่อเป็นช่องวิ่งสำหรับมัน ก่อนจะปั่นและวิ่งไปเคียงข้างกัน น้องม้าตัวนี้กลายเป็นที่รักของหมู่นักปั่น พวกเขาจึงได้มีการโพสต์ภาพและคลิปวิดีโอของมันในทวิตเตอร์ เพื่อให้เห็นว่ามันน่าชื่นชมขนาดไหน กับการเข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้     แน่นอนว่า หลังจากที่ภาพม้าน้อยร่วมวิ่งไปกับเหล่านักปั่นถูกเผยแพร่ไป ชาวเน็ตก็รู้สึกประทับใจเจ้าม้าตัวนี้มาก ก่อนจะตามด้วยคอมเม้นต์ชื่นชมเพียบ   การแข่งขันนี้โคตรเหมาะกับม้าตัวนี้เลย   บางคนถึงตัดต่อภาพน้องม้าให้ได้รับรางวัลด้วย   แหม่ น่าจะมีใครสักคนรับน้องม้าตัวนี้เข้าสังกัดด้วยนะ   บางคนก็นึกถึงม้าที่ชื่อ Lil Sebastian จากรายการ Parks and Recreation   ชอบวิ่งขนาดนี้ เข้าร่วมชมรมวิ่งดีมั้ย ที่มา distractify

  • ชายชาวแอริโซนา เจอสัตว์ประหลาดร่างผสมแมงมุมและแมงป่อง เห็นแล้วขนลุกซู่เลยจ้า!!

    ชายชาวแอริโซนา เจอสัตว์ประหลาดร่างผสมแมงมุมและแมงป่อง เห็นแล้วขนลุกซู่เลยจ้า!!

    โลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงแค่สงคราม อาวุธนิวเคลียร์ ภาวะโลกร้อน หรือภัยธรรมชาติเท่านั้นที่น่ากลัว แต่ในบางครั้งสิ่งมีชีวิตสุดแปลกประหลาดที่เราไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเห็นหน้าคร่าตาของมันมาก่อน ก็น่ากลัวไม่น้อยเช่นกัน… วันที่ 3 สิงหาคม 2017 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Thomas Acosta ชายผู้อาศัยอยู่ในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พบสิ่งมีชีวิตหน้าตาแปลกประหลาดอยู่ในบริเวณบ้านของเขาเอง   สำหรับสิ่งมีชีวิตดังกล่าว Thomas ได้ออกมาเผยว่า “เจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้คือ Camel Spider (แมงมุมอูฐ) มันมีลักษณะคล้ายกับแมงมุมผสมแมงป่อง ที่มีรูปลักษณ์น่ากลัวราวกับเป็นอสูรกาย ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ในแอริโซนา เพราะก่อนหน้านี้ผมก็เคย และได้ยินชื่อของมันในประเทศอิรัก”     แม้ว่าพวกมันจะดูเหมือนมี 10 ขา แต่ในความจริงแล้วมันมีเพียง 8 ขาเท่านั้น เนื่องจากขาสองส่วนที่เหลือนั้นมันคืออวัยวะรับสัมผัสที่เรียกว่า Pedipalps ซึ่งจะใช้ในการกวาดอาหารเข้าปาก รับความรู้สึก และช่วยในการสืบพันธุ์นั่นเอง     และที่สำคัญเจ้าแมงมุมสายพันธุ์นี้ ยังมีขากรรไกรที่ใหญ่มากกก ลองนึกถึงตอนที่มันอ้าปากดูสิ มันคงจะเป็นอะไรที่น่ากลัว และสยดสยองไม่น้อย!! เนื่องจากมีขนาดกรามที่ใหญ่ ดังนั้น แมงมุมอูฐที่โตเต็มวัย จะสามารถกลืนกินจิ้งจกขนาดเล็ก หนู…

  • เอ้อเอ้ยย!! เด็กน้อยเข้าใจผิด คิดว่าผ้าอนามัยแบบสอดเป็นถ่าน เลยนำไปใส่ในรถบังคับซะเลย

    เอ้อเอ้ยย!! เด็กน้อยเข้าใจผิด คิดว่าผ้าอนามัยแบบสอดเป็นถ่าน เลยนำไปใส่ในรถบังคับซะเลย

    สำหรับสาวๆ แล้ว ผ้าอนามัยแบบสอด อาจจะเป็นสิ่งที่คุณคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เพราะมันเป็นสิ่งที่เราใช้อยู่บ่อยครั้งในชีวิตประจำวัน แต่สำหรับเด็กอายุเพียงแค่ 3 ขวบ คำว่า “ผ้าอนามัยแบบสอด” มันอาจจะยังดูห่างไกลสำหรับพวกเขาไปมาก ถึงขนาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นถ่านสำหรับใส่รถบังคับซะอย่างนั้น     วันที่ 4 สิงหาคม 2017 เว็บไซต์ Metro มีรายงานว่า Heather คุณแม่ยังสาววัยเพียง 27 ปี ได้แบ่งปันรูปถ่ายน่ารักๆ ของ Leo ลูกชายวัยเพียง 3 ขวบลงบนเฟสบุ๊คของตัวเอง โดยระบุว่า Leo ผู้เป็นลูกชายได้พบถ่านที่เขาคิดว่าจะนำมาใส่ในรถของเล่น McQueen อยู่ในกระเป๋าเครื่องสำอางของเธอ โดยก่อนหน้านี้ Heather ไม่ได้เอาถ่านใส่ในรถของเล่นของลูกชายมาเป็นเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ เพราะเธอกังวลว่าเขาจะถอดมันออกมาเล่น ซึ่งเธอก็ได้บอกกับลูกชายไปว่า “แม่ยังหาถ่านให้ไม่ได้ ไว้เดี๋ยวเราจะออกไปซื้อเพิ่มกันนะ”     และในวันหนึ่ง ขณะที่ Heather กำลังทำอาหารเช้าอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงของ Leo ร้องลั่นไปทั่วบ้าน พร้อมกับพูดว่า “แม่ดูสิ…ผมเจอถ่านแล้ว”…

  • 13 ภาพจากกูเกิ้ลแมพที่ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็มีจริงๆ นะเออ ลองตามมาส่องดูสิ!!

    13 ภาพจากกูเกิ้ลแมพที่ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็มีจริงๆ นะเออ ลองตามมาส่องดูสิ!!

    นับว่า Google Maps เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมอัจฉริยะจากอากู๋ ที่ช่วยทำให้เราวางแผนไปนั่นมานี่ได้สะดวกรวดเร็ว แถมยังพาเราไปสำรวจรอบโลกได้เพียงแค่ปลายนิ้วคลิ๊ก แต่ด้วยความที่กูเกิ้ลแม็พสามารถพาเราไปเที่ยวได้รอบโลก จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีภาพหายากที่ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ ปรากฎมาให้เราได้ชมกัน และทั้งหมดนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งจากเว็บไซต์ Brightside    1. สัญลักษณ์โคคาโคล่าบนยอดเขา (แผนที่) ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก เพราะนี่เป็นผลงานการสร้างสัญลักษณ์โลโก้ให้มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาเนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 100 ปี ของแบรนด์โคคาโคล่า โลโก้ขนาดยักษ์ชิ้นนี้สร้างเสร็จเมื่อปี 1986 ต้องอยู่บนเทือกเขาแห่งหนึ่งใกล้กับเมือง Arica City ประเทศชิลี และว่ากันว่าภาพขนาดใหญ่นี้ถูกประกอบขึ้นจากขวดโค้กเปล่า 70,000 ขวด   2. ปิรามิดปริศนาในแอนตาร์กติกา (แผนที่) อีกหนึ่งปริศนาที่ยังไม่มีคำตอบแน่ชัด เมื่อมีนักสำรวจไปค้นพบภาพของปิรามิดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ปรากฎขึ้นในพื้นที่หนาวเหน็บสุดขั้วโลก บางทฤษฏีเชื่อว่าเป็นฝีมือของไรซ์ที่สาม (นาซีเยอรมัน) ที่สนใจในพื้นที่แถบขั้วโลกจึงเข้ามาสร้างปิรามิดไว้ ทว่าอีกทฤษฎีกลับเชื่อว่าน่าจะเป็นปิรามิดที่มีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมแอตแลนติสที่เคยหายสาบสูญไปมากที่สุด   3. เรือใหญ่ใจกลางเกาะฮ่องกง (แผนที่) บางคนอาจจะคิดว่ากัปตันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ จู่ๆ เอาเรือขึ้นฝั่งมาจอดกลางเมืองแบบนี้ได้ยังไงกัน ปั๊ดดโถ่ววว..!! ทว่าในความเป็นจริงนั้น เรือสำราญกลางเกาะแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเป็นห้างสรรพสินค้า แน่นอนว่ามีชาวเมืองฮ่องกงมาเดินจับจ่ายใช้สอยกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งตอนกลางคืนยังมีการแสดงแสงสีอีกด้วย   4. รอยเท้ายักษ์ (แผนที่)…

  • บริษัทไอเดียแจ่ม…เนรมิต “ผ้าขนหนูคล้องนม” สารพัดประโยชน์ ใช้ง่ายแค่นำมาคล้องก็จบ!!

    บริษัทไอเดียแจ่ม…เนรมิต “ผ้าขนหนูคล้องนม” สารพัดประโยชน์ ใช้ง่ายแค่นำมาคล้องก็จบ!!

    สำหรับสาวๆ หลายคนที่มีหน้าอกใหญ่ คุณคงอาจจะประสบกับปัญหาเหงื่อออกบริเวณใต้อกกันอยู่บ่อยๆ บางครั้งเราก็ต้องมาคอยซับ คอยกังวล ซึ่งมันเป็นถือเป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจเป็นอย่างมาก แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าปัญหาดังกล่าวกำลังจะหมดไป เพราะทาง Erin Robertson ได้ทำการผลิตสินค้าสุดเจ๋งออกมาให้สาวๆ ได้ลองใช้ นั่นก็คือผ้าขนหนูคล้องนม ซึ่งก็มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้แหละ…     สำหรับผ้าขนหนูดังกล่าวมีชื่อว่า Ta-Ta Towel มีหน้าที่คอยซับเหงื่อบริเวณทรวงอกทั้งสองข้างของสาวๆ เวลาที่คุณไปสปา ออกกำลังกาย รวมถึงพักผ่อนอยู่ที่บ้าน นอกจากนี้ มันยังมีลักษณะคล้ายกับผ้าพันคออีกด้วย     เรียกได้ว่ามาในรูปแบบสารพัดประโยชน์มากๆ เลยทีเดียว   และที่สำคัญผ้าขนหนูสุดแจ่มนี้ ไม่ได้เหมาะกับสาวๆ อกใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่มันยังเหมาะกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมลูกด้วยเช่นกัน เนื่องจากตัวผ้าขนหนู จะมีแผ่นซึมซับที่ผลิตจากใยสังเคราะห์ชนิดนุ่มเป็นพิเศษ สำหรับบริเวณหัวนม ซึ่งมันก็จะช่วยดูดซึมน้ำนมที่อาจจะรั่วไหลออกมาได้นั่นเอง     สนใจสักชิ้นไหมละ   สารพัดประโยชน์มาก   เก๋ไก๋ฝุดๆ   สำหรับสาวๆ คนไหนที่สนใจ ก็สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ tatatowel สนนราคาเพียงผืนละ 45 ดอลลาร์เท่านั้น (ประมาณ…

  • พ่อตัดสินใจล้มเลิกธุรกิจ เพื่อนำเงิน 1,100 ล้านบาท สร้างสวนสนุกให้ ‘เด็กพิการ’ เล่นฟรี!!

    พ่อตัดสินใจล้มเลิกธุรกิจ เพื่อนำเงิน 1,100 ล้านบาท สร้างสวนสนุกให้ ‘เด็กพิการ’ เล่นฟรี!!

    นับว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่เกิดเป็นกระแสอิมแพคครั้งใหญ่ไปทั่วโลก หลังจากที่เศรษฐี Gordon Hartman เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ยอมสละทรัพย์สินทั้งหมดกว่า 1,100 ล้านบาท เพื่อเด็กพิการ   เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Morgan อายุได้ 12 ขวบ เธอถูกเพื่อนร่วมชั้นปฏิเสธที่จะเล่นด้วย และนั่นก็สร้างความลำบากใจให้แก่คุณพ่อของเธอเป็นอย่างมาก   “สิ่งที่เราต้องการก็คือสวนสนุก ที่มอบความสนุกให้กับทุกคนจริงๆ ไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษหรือไม่ แต่ถ้ามาที่นี่แล้วเราอยากทำให้มันเป็นสวรรค์ของเด็กหลายๆ คน” Gordon Hartman ให้สัมภาษณ์กับ BBC   จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ครอบครัวของพวกเขาต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อสวนน้ำสำหรับเด็กๆ ทุกคน   ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้คุณพ่อจะเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ทว่าสิ่งเหล่านั้นกลับไม่มีความหมายใดๆ ถ้าหากเขาทำให้ลูกมีความสุขไม่ได้   สวนสนุกทั้งหมดต้องใช้เงินทุนมากถึง 34 ล้านเหรียญฯ (ราว 1,100 ล้านบาท)   ทุกวันนี้หนึ่งในความสุขของพวกเขาก็คือ การได้เห็นเด็กๆ ออทิสติกรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก   สำหรับหัวอกคนเป็นพ่อแม่นั้น เชื่อว่าพวกเขาคงเข้าใจดีถึงหัวอกของพ่อแม่คนอื่นๆ เช่นกัน   และเพื่อเป็นการเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย…

  • หนุ่มฝรั่งโวย ‘ไม่มีงานทำ’ หลังไปออกรายการเรียลลิตี้โชว์ แล้วตัวเองดังเกินไป..!!

    หนุ่มฝรั่งโวย ‘ไม่มีงานทำ’ หลังไปออกรายการเรียลลิตี้โชว์ แล้วตัวเองดังเกินไป..!!

    กลายเป็นกระแสโด่งดั่งไปทั่วโลกยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่หนุ่มชาวอังกฤษ Grant Coulson ออกมาโวยผ่านรายการ This Morning ว่า… ตัวเองตกงานเพราะชื่อเสียงโด่งดังเกินไป!! คงจะคล้ายๆ กับกรณีรายการ Take Me Out ของบ้านเรา ซึ่งหนุ่ม Grant เล่าว่าก่อนหน้านี้ตนเองได้ไปออกรายการเรียลลิตี้โชว์หาคู่รายการหนึ่ง และชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังซะจนเจ้าตัวต้องตกงาน   Grant Coulson กับรอยยิ้มกระชากใจสาว   จากบทสนทนาในรายการ This Morning พิธีกรคู่ขวัญ Rylan และ Sarah ได้เชิญชายหนุ่มผู้ตกงานเพราะชื่อเสียงโด่งดัง (มันมีด้วยเร๊อะ?) มาสัมภาษณ์ออกรายการ โดยเจ้าตัวเล่าว่า ก่อนหน้านี้เขาได้ไปร่วมเป็นผู้สมัครในรายการ Geordie Shore หลังจากที่ปรากฎตัวบนจอทีวี เจ้าตัวก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาติดตามมากขึ้นเป็นประวัติการณ์   พิธีกรคู่ขวัญ (พี่ฉ้อยพี่ออด)   หลังจากถ่ายทำรายการจบแล้ว เจ้าตัวก็รู้สึกตนเองน่าจะได้รับเงินค่าตอบแทนที่มากกว่านี้ เพื่อที่จะได้เอาไปทำฟันใหม่เวลายิ้มจะได้ไฉไลกว่าเดิม ทว่าไม่ได้รับการติดต่อกลับจากทีมงานเลยแม้แต่ครั้งเดียว “คือ… ตอนนั้นผมไปออกรายการเรียลลิตี้หาคู่ แล้วมันก็มีคนเข้ามาติดตามในทวิตเตอร์ผมมากขึ้นจริงๆ นะ แต่ดูเหมือนพนักงานและผู้จัดการจะไม่เข้าใจจุดนี้ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ไปงานเลี้ยงพนักงาน อีกทั้งยังถูกห้ามถ่ายภาพกับเพื่อนร่วมงานด้วย…

  • นายกฯ จีนโชว์ใจกล้า โดดลงไปเล่นน้ำคลอง เพื่อพิสูจน์ว่า.. ยังสะอาดและปลอดภัยอยู่จริง!!

    นายกฯ จีนโชว์ใจกล้า โดดลงไปเล่นน้ำคลอง เพื่อพิสูจน์ว่า.. ยังสะอาดและปลอดภัยอยู่จริง!!

    เป็นธรรมดาที่นักการเมืองจะต้องลงมาดูแลเอาใจใส่ประชาชนโดยเฉพาะในช่วงหาเสียง ไม่ว่าจะเดินตลาด เก็บขยะ ขับมอเตอร์ไซค์ หรือแม้แต่กระโดดน้ำคลองก็ยังมี (แต่หลังจากนั้นก็ไม่มาอีกเลย) และวิธีการหาเสียงแบบนี้ก็ไม่ได้มีแค่ที่ประเทศไทยเท่านั้น เพราะล่าสุดนายกเทศมนตรี Li Zhonghua ได้ออกมาพิสูจน์ความมั่นใจเกี่ยวกับความสะอาดของแม่น้ำลำธารให้ชาวเมืองได้เห็น ด้วยการกระโดดลงไปเล่นมันซะเลย     ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เมืองหยงเฉิง เคยมีกรณีข่าวคราวเกี่ยวกับสารพิษที่เจือปนอยู่ในแม่น้ำสายหลักของเมือง ทำให้ชาวเมืองหลายคนไม่กล้าที่จะลงไปเล่นน้ำ หรือทำกิจกรรมต่างๆ และเพื่อเป็นการซื้อเสียง บวกกับสร้างความมั่นใจให้ประชาชน นายกเทศมนตรี Li Zhonghua จึงได้ตัดสินใจพร้อมข้าราชการทีมงานคนสนิทอีก 6 คน กระโดดลงไปเล่นในน้ำที่เคยมีข่าวอย่างสนุกสนาน   ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อเป็นการแสดงผลนโยบายที่เจ้าตัวเคยอ้างว่า จะทำให้สภาพแวดล้อมของบ้านเมืองแห่งนี้กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง   หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Weibo ภาพของนายกเทศมนตรีที่กระโดดลงไปเล่นน้ำคลองอย่างเป็นกันเอง ก็กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโซเชียลจีน ทว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่บุคคลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะลงมาพิสูจน์อะไรแบบนี้ด้วยตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองเวินโจว ก็เคยให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงลงมาเล่นน้ำในคลองมาแล้ว หลังมีข่าวว่าบริษัทมีส่วนเกี่ยวข้องกับมลพิษทางน้ำ   หลังขึ้นมาจากแม่น้ำ ชาวเมืองและนักข่าวก็แห่แหนกันเข้ามาถ่ายรูปพร้อมสัมภาษณ์กันให้เพียบ   อยากเห็นลุงแถวบ้านไปกระโดดคลองแสนแสบบ้างจังเลย… ที่มา: Shanghaiist

  • ชี้ช่องรวย!! คุณป้าวัย 59 ปี ทำธุรกิจขายเยลลี่ผสมกัญชา สร้างรายได้งามทั้งหวานทั้งเมา

    ชี้ช่องรวย!! คุณป้าวัย 59 ปี ทำธุรกิจขายเยลลี่ผสมกัญชา สร้างรายได้งามทั้งหวานทั้งเมา

    เรื่องราวของคุณป้า Nancy Whiteman วัย 59 ปีที่กลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจยอดขายปีละ 30 ล้านบาทโดยบังเอิญ หลังจากที่เธอเริ่มต้นธุรกิจขนมหวานผสมกัญชาของตัวเองในรัฐ โคโลราโดเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา คุณป้าเจ้าของแบรนด์ Wana เปิดเผยว่า เธอเข้าสู่ธุรกิจนี้โดยบังเอิญ และเริ่มกิจการของเธอเมื่อปี 2010 หลังจากที่รัฐโคโลราโดโด ได้ทำการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับกัญชาให้กลายเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย   คุณป้า Nancy และผลิตภัณฑ์ขนมหวานแสนอร่อยของเธอ   ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่บ้านเกิดของเธอเริ่มเปิดใจเกี่ยวกับหญ้ามหัศจรรย์นี้ และมีการแก้กฎหมายเกี่ยวกับกัญชา คุณ Nancy จึงเริ่มมองเห็นช่องทางการทำธุรกิจของเธอ คุณป้าคิดว่าของหวานน่าจะเป็นสิ่งที่น่าจะพัฒนาต่อยอดได้หลังจากที่กัญชาถูกกฎหมายแล้ว ขนมหวานของบริษัทเธอนั้นมีมากมายหลายประเภท ทั้งเยลลี่ ช๊อกโกแลต และลูกอม โดยแต่ละชนิดนั้นจะมีส่วนประกอบของสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ในระดับที่แตกต่างกัน     โดยคาดว่าสิ้นปี 2017 นี้ แบรนด์ขนมหวานกัญชา Wana ของคุณป้า จะมียอดขายสูงถึง 12,000,000 ดอลลาร์หรือประมาณเกือบๆ 400,000,000 บาทเลยทีเดียว และตอนนี้สินค้าของเธอมีวางขายในรัฐโคโลราโด ออริกอน เนวาดา และกำลังขยายตลาดไปในรัฐที่กัญชาถูกกฏหมายอย่างเช่นในรัฐแมสซาชูเซตส์, แอริโซนา และ อิลลินอยส์ ในรัฐโคโลราโดนั้นผู้ที่มีอายุมากกว่า…

  • หมดปัญหาแขกตีกัน… เทรนด์ ‘งานแต่งธีมกัญชา’ ทวีความสุข เพื่อคู่รักและแขกสายเขียว

    หมดปัญหาแขกตีกัน… เทรนด์ ‘งานแต่งธีมกัญชา’ ทวีความสุข เพื่อคู่รักและแขกสายเขียว

    ในขณะที่โลกหมุนไปเรื่อยๆ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีให้เราได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ หลายอย่างที่เคยถูกความเชื่อผิดๆ เข้าครอบงำก็เริ่มมีการศึกษาและค้นคว้าข้อเท็จจริงมากขึ้น และหนึ่งในนั้นก็คือ ‘กัญชา’ หญ้าสมุนไพรแห่งความสุข… ถ้าหากใครที่ติดตามข่าวสารต่างประเทศอยู่บ่อยๆ อาจจะพอทราบกันว่าในบางรัฐและหลายๆ ประเทศนั้นมีการแก้ไขกฏหมายเกี่ยวกับกัญชาและมีการยอมรับทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้นแล้ว และเมื่อด้านดีๆ ของหญ้าที่ว่านี้เริ่มกระจ่างออกมา ก็มีหนึ่งธุรกิจที่เริ่มได้รับความนิยมตามมานั่นก็คือการจัดงานแต่งในธีมกัญชานั่นเอง     พิธีแต่งงานดังกล่าว จะมีการเสิร์ฟผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำจากกัญชา ไม่ว่าจะเป็นเค้กผสมกัญชา หรือกัญชาสำหรับสูบ นั่นจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คู่รักสายเขียวหลายๆ คู่หันมาจัดงานแบบนี้ และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็อาจจะเป็นความกังวลในปัญหาทะเลาะวิวาทก็ได้นะ ฮ่าๆ เจ้าของบริษัทจัดงานแต่ง Buds & Blossoms คุณ Bec Koop กล่าวว่า “คู่รักหลายคน ชื่นชอบการแต่งงานแบบนี้ นอกจากอาหารในงานที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบแล้ว ชุดของเจ้าบ่าวเจ้าสาวยังทำมาจากเส้นใยกัญชงอีกด้วย”     กัญชาหลากหลายสายพันธุ์ที่เตรียมไว้สำหรับต้อนรับแขกในงาน   แต่ถึงแม้ว่างานแต่งแบบนี้จะเริ่มได้รับความนิยม แต่ก็ยังคงมีบางคนที่ไม่เห็นด้วย คุณ Koop เล่าว่าเธอเคยเจอช่างภาพงานแต่งที่เดินออกจากงานกลางคัน เพียงเพราะว่าเขาเห็นกัญชาในงาน คุณ Koop วัย 30 ปีเริ่มต้นบริษัทของเธอในปี 2014 โดยเริ่มต้นจากการที่เธอมีร้านดอกไม้ของตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มได้รู้จักเกี่ยวกับการใช้กัญชาทางการแพทย์ จนในที่สุดจึงเริ่มต้นธุรกิจจัดงานแต่งธีมกัญชาของเธอเอง   และนี่คือผลงานบางส่วนจากการจัดพิธีแต่งานในธีมกัญชาของร้านเธอ…

  • เด็กสาวในหมู่บ้านถูกข่มขืน ผู้อาวุโสตัดสินใช้วิธี ‘ข่มขืนกลับ’ เพื่อเป็นการลงโทษลบล้างกัน…

    เด็กสาวในหมู่บ้านถูกข่มขืน ผู้อาวุโสตัดสินใช้วิธี ‘ข่มขืนกลับ’ เพื่อเป็นการลงโทษลบล้างกัน…

    การข่มขืนเป็นสิ่งที่แทบทุกคนต้องเข้าใจอยู่แล้วว่ามันเป็นการกระทำที่คุกคามสิทธิของผู้เสียหายเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังจะได้สร้างความคับแค้นใจให้กับคนใกล้ชิดอีกด้วย จนสุดท้ายก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่หนักกว่าเก่าซะอีก เพราะเกิดจากเหตุที่ผู้อาวุโสในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของปากีสถาน ได้สั่งตัดสินให้เด็กสาว 17 ปี ต้องถูกข่มขืนคืน หลังจากที่พี่ชายของเธอถูกกล่าวหาว่าไปข่มขืนเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งก่อนหน้านั้น จากการรายงานของตำรวจ ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 22 คนจากเหตุการณ์การข่มขืนที่เกิดขึ้นสองครั้งภายในสัปดาห์เดียวกัน ณ เมือง Muzaffarabad ของประเทศปากีสถาน     แม่ของเด็กสาวเหยื่อรายแรกที่มีอายุเพียง 12 ปี บอกกับตำรวจว่า ในขณะที่ลูกสาวกำลังตัดหญ้าอยู่ในสวน ก็ถูกผู้ชายรายหนึ่งลงมือข่มขืนเธอ และกลับมาฟ้องผู้เป็นแม่ จนกระทั่งนำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษากับผู้อาวุโสในหมู่บ้าน ภายหลังการปรึกษาหารือกันในหมู่บ้านแล้ว เหล่าผู้อาวุโสก็ได้ออกมาประกาศว่าพี่สาวของชายที่ไปข่มขืนเด็กคนนั้น จะต้องได้รับการถูกข่มขืนเพื่อเป็นการแก้แค้นลบล้างกันไป ซึ่งแน่นอนว่าแม่และน้องสาวของเหยื่อรายที่สองนี้จะต้องทำการประท้วงต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เหล่าผู้อาวุโสนั้นก็ได้ควักปืนออกมาและขู่ฆ่าพวกเธอ ถ้าหากว่าไม่ยอมรับกับวิธีการลงโทษแบบนี้ ถึงอย่างไรคดีนี้ก็จะดำเนินต่อไปตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความยุติธรรมที่แท้จริง ในขณะที่ความรุนแรงคาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ     ในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมาได้มีศูนย์ต่อต้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง และได้เล่าว่าในระยะเวลาที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนและแก้ไขคดีข่มขืนมากถึง 38 คดีด้วยกัน อย่างไรก็ตามเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติในบ้านเมืองใดก็ตาม ทุกคนควรจะต้องคอยช่วยเหลือกันมากกว่าการเหยียบย่ำผู้อื่นนะครับ ที่มา: cnn

  • เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ ที่จะช่วยคุณกำจัดปัญหา “Jetlag” ให้หมดไปอย่างปลิดทิ้ง

    เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ ที่จะช่วยคุณกำจัดปัญหา “Jetlag” ให้หมดไปอย่างปลิดทิ้ง

    คนที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ คงจะมีปัญหาเกี่ยวกับเจ็ทแล็ค ที่ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันจนส่งผลให้การทำงานของร่างกายผิดเพี้ยนไปหมด จริงๆ ปัญหาเจ็ทแล็คนั้นอาจจะไม่สามารถแก้ได้แบบปลิดทิ้ง แต่วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะมาแนะนำวิธีรับมือกับอาการดังกล่าว เผื่อจะเป็นช่องทางในการช่วยผู้ที่เจอปัญหานี้ได้บ้างนะคะ   ก่อนอื่นเรามาทำเข้าใจกับเจ็ทแล็คก่อนว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร?   เจ็ทแล็ค เป็นผลมาจากนาฬิกาภายในร่างกายของเราถูกรบกวนจนทำให้เกิดความสับสน เนื่องจากนาฬิกาตัวนี้จะปรับตัวตามสภาพแวดล้อม ตั้งแต่การใช้ชีวิตช่วงกลางวันและกลางคืน การควบคุมความดันโลหิตและความหิวของเรา ระบบนาฬิกาในร่างกายจะปรับข้อมูลต่างๆ ให้ตรงกับระยะเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ Master clock ในสมองของเราจะมีความละเอียดอ่อน และสัมพันธ์กับนาฬิกาของร่างกายทั้งหมดภายในอวัยวะและเนื้อเยื่อของเรา   ระบบนาฬิกาทั้งหมดเหล่านี้ถูกควบคุมโดยฮอร์โมนที่ชื่อว่าเมลาโทนิน ซึ่งถูกผลิตขึ้นมาโดย Master clock ทำให้เราง่วงในเวลากลางคืนและควบคุมอุณหภูมิในร่างกายเวลาที่เรานอนหลับ เมื่อเราต้องเดินทางไปยังไทม์โซนอื่น ก็จะทำให้ระบบนาฬิกาทั้งหมดในร่างกายของเราเกิดอาการรวนขึ้นมา จึงทำให้เรารู้สึกแย่   แล้วเราจะแก้ปัญหาเจ็ทแล็คได้อย่างไร? ต้องบอกก่อนเลยว่ามันไม่มีวิธีแก้ไข้ได้ทันทีเหมือนกับการที่เราขับรถลงเขาแล้วเกิดอาการหูอื้อ พอเรากลืนน้ำลายปุ๊บก็จะหายเลย   ทางด้านนักวิทยาศาสตร์ Charmane Eastman จากมหาวิทยาลัย Rush University ในเมืองชิคาโก แนะนำว่า ก่อนที่เราจะเดินทางไปยังต่างประเทศที่มีระบบเวลาต่างกันมากๆ ให้เตรียมด้วยการศึกษาไทม์โซนของประเทศที่เราจะไป โดยการเพิ่มฮอร์โมนเมลาโทนินเข้าไปด้วยการทานยาที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป และพยายามเข้านอนให้ตรงกับเวลากลางคืนของไทม์โซนที่เราจะเดินทางไป เพื่อให้นาฬิกาในร่างกายเกิดการปรับตัว   ทั้งนี้ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ไม่ต้องใช้ยา นักวิจัย Daniel…

  • สองหนุ่มปิ๊งไอเดียหมักเบียร์ขาย ‘ทำดื่มเองประหยัดกว่า’ จนก่อตั้งโรงเบียร์เป็นของตัวเองได้!!

    สองหนุ่มปิ๊งไอเดียหมักเบียร์ขาย ‘ทำดื่มเองประหยัดกว่า’ จนก่อตั้งโรงเบียร์เป็นของตัวเองได้!!

    การได้เป็นเจ้าของโรงเบียร์ร่วมกับเพื่อนรักมันอาจจะเป็นงานในฝันของใครหลายๆ คน เหมือนดังเช่น Paul Delamere และ George Grant สองหนุ่มชาวอังกฤษผู้หลงใหลเบียร์… ที่สามารถทำความฝันของตัวเองให้กลายเป็นจริง โดยการเปิดโรงเบียร์เป็นของตัวเอง และสามารถขายเบียร์ได้มากถึง 23,000 ลิตรต่อเดือน!! สำหรับ Paul และ George สองหนุ่มวัย 27 ปี ได้เริ่มทดลองทำเบียร์เป็นงานอดิเรกตั้งแต่ที่เขายังเรียนอยู่แต่ใครจะรู้ละว่าอีก 4 ปีต่อมา ทั้งคู่จะได้กลายเป็นเจ้าของโรงเบียร์ที่อายุน้อยที่สุดในสหราชอาณาจักร โดยได้เปิดบริษัทในชื่อว่า ShinDigger Brewing Co.     Paul และ George ได้มารู้จักกันเมื่อตอนที่พวกเขาได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ในปี 2009 และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นเพื่อนคู่ซี้กัน แถมยังอยู่ด้วยกันมาตลอด และเมื่อถึงปี 3 พวกเขาก็ได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิดในการเริ่มทดลองทำเบียร์ด้วยตนเองที่บ้าน เนื่องจากทั้งคู่รักการดื่มเบียร์ และการทำเบียร์ไว้ดื่มเองมันประหยัดกว่า อีกทั้งพวกยังมีความคิดที่ว่า จะทำให้เบียร์จากทั่วโลกมาอยู่ในบ้านของเราได้อย่างไร?     ด้าน George ได้ออกมาเผยว่า “เรามีไอเดียที่จะทำเบียร์เอาไว้ดื่มเองที่บ้าน เพราะเบียร์มันมีราคาแพง ครั้งแรกที่ได้เริ่มทำ เราได้หมักมันเอาไว้ในห้องใต้ดิน…