ช่างภาพพาสำรวจภายในของ “คฤหาสน์ร้างในนิวยอร์ก” ที่มีบรรยากาศช่วยขนลุก

ทุกวันนี้มีอาคารที่พักอาศัยมากมายที่ถูกทิ้งร้าง ไม่ได้รับการปรับปรุงหรือทำความสะอาด ภายในเต็มไปด้วยฝุ่น ในขณะที่ภายนอกก็มีหญ้าขึ้นรก จนกลายเป็นบ้านที่ไม่น่ามองเอาซะเลย

มีอาคารร้างหลังหนึ่งตั้งอยู่นอกเมืองที่ห่างจากนิวยอร์กไปไม่กี่กิโลเมตร มันเป็นคฤหาสน์ที่มีห้องมากถึง 57 ห้อง ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปี 1930 แต่ไม่มีคนอาศัยอยู่ตั้งแต่ช่วงปี 1970

ช่างภาพที่ชื่อ Bryan Sansivero ได้มีโอกาสไปยังคฤหาสน์ร้างแห่งนี้ เพื่อถ่ายภาพอันน่าทึ่งและน่าขนลุกที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น

 

คฤหาสน์ร้างที่ไม่มีคนอาศัยอยู่มานานกว่า 40 ปี

 

นี่คือทางเข้าของคฤหาสน์ มีหญ้าขึ้นแซมทั่วบันไดทั้งสองข้าง แม้จะดูและน่ากลัวแต่ Bryan ก็ตัดสินในที่จะเดินเข้าไป

 

 

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เขาก็เจอการทักทายด้วยบันไดเวียนขนาดใหญ่ โดยมีรถเข็นเด็กอยู่ตรงทางขึ้น ราวกับมันถูกสาปให้อยู่ตรงนั้น จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เดินขึ้นไปยังห้องที่อยู่ข้างบนอย่างช้าๆ และระมัดระวัง

 

 

เมื่อขึ้นมาข้างบนเขาก็พบกับห้องอันกว้างขวางที่ดูโล่ง ไม่มีใครอยู่ มีเพียงเปียโนสองหลัง ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เพื่อสร้างความบันเทิงเวลามีงานหรือเพื่อนมาเยี่ยม แต่ตอนนี้การอยู่ในห้องนี้เพียงคนเดียวมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน

 

 

ตุ๊กตาตัวนี้น่าจะเป็นของเด็กๆ ที่เคยอยู่ในบ้านหลังนี้ มันยังคงนั่งอยู่เบาะด้วยสายตาที่น่าเบื่อ และจ้องมองออกไปข้างนอก ราวกับว่ากำลังรอให้เจ้าของกลับมารับ

 

 

คนที่อาศัยอยู่ในบ้านก่อนหน้านี้ ต้องเป็นคนที่ชอบรองเท้ามากแน่ๆ เพราะมีคอลเลกชั่นรองเท้าผู้หญิงหลายคู่ เหมือนต้องการจะบอกว่าเธอคนนี้เป็นคนรักแฟชั่น แต่ตอนนี้รองเท้าพวกมันกลายเป็นเพียงความจรงจำที่มีฝุ่นเกาะเต็มไปหมด

 

 

Bryan สังเกตเห็นของเล่นเด็กอีกชิ้นหนึ่ง มันเป็นม้าที่มีอานอยู่บนหลัง ซึ่งถูกทิ้งไว้ในห้องกว้างขวางแห่งนี้ แล้วขณะนั้นเองเขาก็เห็นภาพเด็กหญิงวัยหัดเดินผู้เป็นเจ้าของห้องนี้ กำลังนั่งขี้ม้าและหัวเราด้วยเสียที่น่าขนลุก

 

 

ในคฤหาสน์แห่งนี้เต็มไปด้วยภาพวาดมากมาย บางทีคนที่เคยอยู่ในนี้อาจเป็นคนที่หลงใหลศิลปะมากแน่ๆ แต่ตอนนี้งานศิลปะเหล่านี้ถูกทิ้งเอาไว้ ไม่มีใครมาชื่นชม นอกจากหนูและแมลงสาบ

 

 

นี่คือกล่องเก่าใบหนึ่งที่ถูกล็อคเอาไว้ ภายในมันอาจจะเต็มไปด้วยสิ่งลึกลับมากมาย แม้แต่ช่างภาพเองก็ไม่กล้าเปิดออกมาดู ส่วนรูปวาดที่ตั้งอยู่นี้ เขาคาดเดาว่าน่าจะเป็นลูกหรือหลานของเจ้าของบ้าน

 

 

ตู้ไม้ที่ดูหรูหราหลังนี้ถูกตั้งไว้ห้องโถงที่กว้างใหญ่ มันเป็นสิ่งเตือนใจว่าแม้แต่ของสวยๆ ยังถูกทิ้งและเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา

 

 

นี่คือห้องสมุดของบ้าน ซึ่งน่าจะเป็นห้องที่น่าเบื่อที่สุด หนังสือหลายเล่มยังคงวางอยู่ที่ชั้นวาง พวกมันคงรอให้ใครสักคนหยิบมันขึ้นมาอ่าน แต่ดูแล้วพวกมันคงต้องรอไปอีกนาน

 

 

มีคอลเล็คชั่นเก้าอี้ที่แตกต่างถูกทิ้งเอาไว้ จนมีสภาพทรุดโทรม แต่เชื่อเหลือเกินว่าเมื่อหลายปีก่อนเก้าอี้พวกนี้ให้ความสะดวกสบายกับผู้ หรือแม้แต่ใช้ในการรับรองแขกที่มาเยี่ยม

 

 

ดูเหมือนว่าห้องนี้ได้รับการปรับปรุงแต่สุดท้ายก็ทำไม่เสร็จ ตอนนี้บันไดก็เลยถูกตั้งเอาไว้อยู่อย่างนั้น บางทีคฤหาสน์นี้อาจจะกว้างเกินไปจนคนปรับปรุงท้อไปซะก่อน

 

 

ห้องนั่งเล่น มีโทรทัศน์เก่าที่คาดว่าน่าจะผลิตในยุค 70 สภาพห้องดูทรุดโทรม ผนังยังคงสีเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนจะมีผู้บุกรุกมือบอนเข้ามาใส่ลวดลายให้ผนัง

 

 

เครื่องดนตรีจำนวนมากที่อยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ ถูกกาลเวลาทำลายจนไม่เหลือสภาพที่ใช้ได้ และเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ นั้น ทำให้ Bryan จินตนาการไปว่ามีใครสักคนที่ชอบฟังดนตรีกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นแน่ๆ

 

 

ดอกไม้ที่ใช้ตกแต่งภายในบ้านเหี่ยวแห้งและร่วงโรย ดอกไม้ปลอมก็ถูกเกาะด้วยฝุ่น และดูกลีบดอกที่อยู่บนพื้นนั่นสิ มันค่อนข้างให้ความรู้สึกเป็นลางที่ไม่ดีเลย

 

 

ถัดไปอีกห้องหนึ่ง มีซากของเขากวางอยู่หลายชิ้น สีผนังก็ถลอกจนเกือบหมด ตุ๊กตาหมีถูกวางไว้บนเก้าอี้ ซึ่งช่างภาพก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าหันมามองหน้าเขาเลย

 

 

ห้องน้ำที่เริ่มจะมีสนิมเกาะตามจุดต่างๆ แต่ช่างภาพจินตนาการว่านี่ต้องเป็นจุดเริ่มต้นทุกเช้าของสมาชิกของครอบครัวแน่ๆ

 

 

เห็นได้ชัดว่ามีกิจกรรมมากมายเกิดขึ้นห้องเตาผิงแห่งนี้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ครอบครัวต้องรวมตัวกันที่ห้องนี้เพื่อรับความอบอุ่น

แต่ตอนนี้มีเพียงความเยือกเย็นปกคลุมอยู่…

 

 

หลายห้องมีหน้าต่างสูงแบบอังกฤษ เพื่อให้เห็นทิวทัศน์ภายนอกได้ทั่วถึง และให้แดดอ่อนสาดส่องเข้ามา แต่ตอนนี้คงไม่มีใครอยากรับแสงแดดจากห้องนี้อีกแล้ว

 

 

ดูจากผนังแล้ว นี่น่าจะเป็นโซนที่มีสภาพดีที่สุดในคฤหาสน์แห่งนี้ แผ่นไม้ยังดูใหม่ และแม้แต่เทียนที่เห็นอยู่นั้นก็อยู่ในสภาพที่ดี

 

 

วิทยุที่เห็นอยู่นี้สะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลแค่ไหนแล้ว มีชุดนอนสีขาวห้อยลงมาตรงประตู ซึ่งอาจเป็นของผู้ในภาพที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่อากาศร้อนๆ แบบนี้คงไม่มีใครอยากใส่ชุดนี้อีกแล้ว

 

 

เปียโนสองหลังนี้อาจมีคนเลยเล่นแล้วนับไม่ถ้วน และ Bryan คิดว่าต้องเคยมีเด็กๆ มาเรียนดนตรีในห้องนี้แน่ๆ มันเป็นห้องที่เหมาะสำหรับการเต้นรำ แต่ตอนนี้เหลือเพียงความเหงาและความโดดเดี่ยว

 

 

มองไปอีกทางหนึ่งเป็นทางเดินเหยียดยาว ซึ่งมีห้องต่างๆ เรียงกัน Bryan คิดว่าเด็กๆ ของบ้านน่าจะวิ่งไปเคาะประตูไปจนถูกพ่อแม่ดุบ่อยๆ

 

 

ผนังสีน้ำเงินที่ดูดีที่สุดเมื่อเทียบกับผนังห้องอื่นๆ มันมีจุดที่ลอกเพียงเล็กน้อย ส่วนเตาผิงที่เห็นอยู่ในมีแต่ของวางเกะกะไปหมด แน่นอนว่ามันเต็มไปด้วยฝุ่นและสภาพก็เสื่อมโทรมจนไม่น่าใช้งานได้แล้ว

 

 

กราฟฟิตี้ที่เห็นบนผนังคงไม่ใช่ฝีมือเจ้าของบ้านแน่ แต่คงเป็นฝีมือผู้บุกรุกตลอดหลายปีที่ผ่านมามากกว่า กระจกที่ติดผนังก็แตกร้าว ซึ่งคงไม่ต่างอะไรความทรงจำบ้านนี้

 

 

พื้นที่ขนาดใหญ่นี้ เคยเป็นสนามเทนนิสที่เจ้าของบ้านเอาไว้เล่นกับแขกที่มาเยือน แต่ตอนนี้มันกลายเป็นที่รกร้างและว่างเปล่า

 

 

รถเก่าๆ คันหนึ่งถูกจอดไว้ในสนามเทนนิสแห่งนี้มาเป็นเวลานาน กระจกรอบๆ แตกหัก จนทำให้สิ่งมีชีวิตภายนอกเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

 

 

และแล้ว Bryan ก็สำรวจทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์แห่งนี้จนครบ และเมื่อย้อนมาดูภาพทั้งหมดอีกที มันน่าขนลุกขนพองซะเหลือเกิน

อย่างไรก็ตาม เขาหวังสถานที่แห่งนี้จะได้รับการปรับปรุง บูรณะเพื่อให้กลายเป็นสถานที่อันน่าอยู่อีกครั้ง แทนที่จะเป็นเพียงอาคารไร้ประโยชน์

 

 

ที่มา boredomtherapy

Comments

Leave a Reply