ช่างทำผมเนรมิตให้เด็กสาวที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า กลับมาสวยสดใส และยิ้มได้อีกครั้ง…

สำหรับ “โรคซึมเศร้า” เป็นสิ่งที่หลายๆ คนมักจะมองข้ามไป แต่ที่จริงๆ แล้วใครจะรู้ละว่าโรคนี้ใกล้ตัวกว่าที่เราคิด เนื่องจากโรคดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุของการฆ่าตัวตาย

โดยผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสุขภาพทางจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก และความคิด รวมถึงกรณีแบบในข่าวนี้ด้วย

 

 

และเมื่อเร็วๆ นี้ช่างทำผมวัย 20 ที่ชื่อ Kayley Olsson จากรัฐไอโอวา ได้พบกับเด็กสาวคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ได้เข้ามานั่งในเก้าอี้ ณ ร้านเสริมสวยของเธอ

เธอเล่าผ่านในเฟซบุ๊กของตัวเองว่า “เด็กสาววัยรุ่นอายุ 16 ปีรายนี้ ได้รับมือกับภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรงมานานหลายปี เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ไร้ค่า จนส่งผลให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยดูแลรักษาผมของตัวเองเลย

ดังนั้นเธอเลยตัดสินใจเข้ามาในร้านของฉัน เพื่อที่จะให้ฉันโกนผมของเธอออกทั้งหมด แต่ฉันก็ปฏิเสธไป และใช้เวลากว่า 13 ชั่วโมง ในการช่วยแก้ไขทรงผมให้กับเธอ”

 

 

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ Kayley ได้นำเรื่องราวของเด็กสาวคนดังกล่าวมาแชร์บนโลกออนไลน์ ก็เพื่อเป็นการเตือนให้ทุกคนได้รู้ว่า โรคซึมเศร้าส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้คนทุกเพศทุกวัย

ภายหลังจากที่เธอได้แชร์ภาพพร้อมเรื่องราวของเด็กสาวรายนี้ลงบนเฟสบุ๊คส่วนตัวของเธอ ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก โดยมีคนเข้ามากดไลค์มากกว่า 160,000 ครั้ง และกดแชร์อีกกว่า 67,000 แชร์ รวมถึงเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากถึง 8,500 ครั้ง

 

และนี่คือความคิดเห็นบางส่วนจากชาวเน็ต หลังได้เห็นภาพความแตกต่างระหว่างก่อนการทำผม และหลังการทำผม “มันดูสวยงาม นี่คือเหตุผลที่ทำให้เธอยิ้มอีกครั้ง มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก แถมยังแสดงให้เห็นอีกว่าเธอเป็นคนสวยมากขนาดไหน”

ส่วนอีกคนได้เข้ามาแสดงความเห็นว่า “คุณทำได้ดีมาก ถ้าเป็นคนอื่นคงจะตัดผมให้เธอไปแล้ว แต่คุณกลับเสียสละเวลา และลงทุนที่จะทำผมทรงใหม่ให้กับเธอ เพื่อให้เด็กสาวคนนั้นได้รู้ว่าเธอมีทั้งความสวย และมีค่า”

 

 

นอกจากนี้ Kayley ยังได้ออกมาเผยอีกว่า นี่ถือเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายที่สุดอย่างหนึ่งที่เธอเคยสัมผัสมา และเธอก็ขอที่จะไม่เปิดเผยชื่อของเด็กหญิงคนดังกล่าว

“เธอเดินไปถึงจุดที่เธอรู้สึกแย่มาก จนขนาดมองว่าตัวเองไม่มีคุณค่าอะไรเลย เธอไม่สามารถแม้จะดูแลผมของตัวเองได้…

นั่นทำให้หัวใจของฉันแตกสลาย และฉันก็พยายามทุกอย่างที่เราสามารถทำได้ เพื่อรักษาเส้นผมของเธอเอาไว้ และสุดท้ายฉันต้องการที่จะให้เรื่องราวของเธอเป็นบทเรียนแก่ทุกๆ คน”

ที่มา : distractifymetrodailymail

Comments

Leave a Reply