Author:

ในประเทศอังกฤษ “กัญชา” สามารถใช้ในทางการแพทย์ได้ ทำให้มีหลายๆ บริษัทหรือร้านค้าถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างวัตถุดิบดังกล่าว หนึ่งในนั้นคือร้าน Hemp Earth Dispensary ในเมืองไบรตัน Hemp Earth Dispensary คือร้านผู้จัดจำหน่าย “ดอกกัญชาออร์แกนิก” ที่อุดมไปด้วยสาร CBD (Cannabidiol) ที่มีฤทธิ์ช่วยลดอาการปวด การอักเสบ และช่วยผ่อนคลายร่างกาย     และล่าสุดพวกเขายังมองหา “นักพันลำมืออาชีพ” คนที่จะสามารถมวนกระดาษที่บรรจุดอกกัญชาแบบสดๆ ให้กับเหล่าลูกค้า พร้อมเสนอรายได้ที่สูงถึงชั่วโมงละ 10 ปอนด์ หรือราวๆ 400 บาทเลยทีเดียว ไม่ต้องกลัวว่าการทำงานให้กับพวกเขาจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย เพราะทางร้านออกมายืนยันด้วยตัวเองเลยว่าวัตถุดิบทุกอย่างที่ใช้นั้นเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ได้รับการอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว     ทางร้านดังกล่าวได้ติดประกาศในโลกโซเชียลว่า “เรากำลังมองหาสุดยอดนักพันลำแห่งเมืองไบรตัน ผู้ที่จะสามารถเข้ามาร่วมทีมกับร้านของเราได้” “คุณสามารถมวนกัญชาออกมาให้ดูดีภายใน 5 นาทีหรือเปล่า? ถ้าทำได้ นั่นคือว่าเราต้องการคุณ” “คุณมวนไป เราจะจับเวลาคุณเอง หากคุณทำได้เร็วที่สุดและออกมาดูดีที่สุด เราก็จะให้คุณทำงานกับเรา”   ภาพโปรโมทรับสมัครของทางร้าน   ทางร้านยังบอกอีกว่า พวกเขาไม่ต้องการให้ผู้สมัครนำกัญชาผิดกฎหมายติดตัวมาด้วย…

อีกหนึ่งเรื่องราวที่สามารถเรียกให้น้ำใสๆ ไหลออกมาจากตาได้เป็นอย่างดี นี่คือเรื่องราวของคุณแม่ผู้ป่วยเป็นโรคร้าย กับการที่ครอบครัวทำให้คำขอสุดท้ายได้กลายเป็นจริงขึ้นมา Carmen Leon de la Barra คือคุณแม่ในประเทศออสเตรเลีย ผู้ป่วยเป็น “โรคมะเร็งลำไส้” และถูกวินิจฉัยว่าจากการลุกลามนั้นจะทำให้เธอมีอายุได้อีกแค่ไม่กี่วัน หรือน้อยกว่านั้นคือแค่ไม่กี่ชั่วโมง   Carmen คุณแม่ผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน   ด้วยเหตุนั้นเอง เธอจึงกล่าวถึงคำขอสุดท้ายกับคนในครอบครัวว่า “ต้องการดูพระอาทิตย์ตกดิน ริมชายหาดที่ไปกับสามีเป็นประจำทุกวันหลังเลิกงาน” ชายหาดที่เธอพูดถึงนั้นคือในเขต Brighton-Le-Sands นครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ชายหาดที่เธอและสามีจะพากันไปเดินรับแสงแดดแทบทุกวันในช่วงเย็น ก่อนที่เธอจะพบว่าป่วยเป็นมะเร็งและไม่มีโอกาสได้ไปเดินเล่นที่นั่นอีก     เมื่อ Antonio สามีที่อยู่กินกับเธอมานานกว่า 25 ปีได้ยินอย่างนั้น เขาจึงคิดวางแผนที่จะทำความต้องการสุดท้ายของภรรยาให้เป็นจริง Tatiana Salloum ลูกสาวของ Carmen ได้ติดต่อไปหาองค์กรการกุศลที่ชื่อว่า Dreams2Live4 องค์กรที่จะทำให้ความฝันของผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งได้กลายเป็นความจริงขึ้นมา   Carmen และ Antonio สามีของเธอ   จากความช่วยเหลือขององค์กรการกุศลดังกล่าว รวมถึงทางโรงพยาบาลที่ดูแลเธอและทุกคนในครอบครัว ทำให้ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2019…

ธรรมชาติมักจะมีอะไรมาให้เราได้แปลกใจกันอยู่เสมอ ยกตัวอย่างถึงความน่าเหลือเชื่อของ “กะหล่ำปลี” ที่เราจะได้เห็นกันนี้ ลืมภาพกะหล่ำปลีที่เพื่อนๆ เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ไปเลย เพราะนี่คือ “กะหล่ำปลียักษ์” ที่มีขนาดเกือบเท่าคน เรียกว่าใหญ่มหึมาเอามากม๊ากกกกกกกก!!   กะหล่ำปลียักษ์   กะหล่ำปลีที่เห็นนั้นคือผลงานการปลูกโดยฝีมือของสองสามี-ภรรยา Sean Cadman และ Rosemary Norwood คู่รักวัย 70 ปีในรัฐแทสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย ที่มีประสบการณ์การปลูกกะหล่ำปลีมาอย่างยาวนาน พวกเขาปลูกสวนกะหล่ำปลีเอาไว้ที่บริเวณหลังบ้านตัวเอง ในขณะที่กะหล่ำปลีหัวอื่นเติบโตมาในขนาดที่ปกติ เจ้ากะหล่ำปลีหัวนี้กลับมีขนาดที่ใหญ่กว่านั้นหลายเท่า     พวกเขาเล่าว่า ได้ปลูกกะหล่ำปลีที่เห็นนั้นมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 ก่อนที่จะเก็บมันขึ้นมาเมื่อเดือนมกราคม 2019 ในตอนแรกนั้น พวกเขาเห็นว่ากะหล่ำปลีหัวนี้มาขนาดการเติบโตที่ใหญ่ขึ้นมากเรื่อยๆ จึงตั้งใจที่จะปล่อยไว้อย่างนั้นเพื่อรอดูว่ามันจะใหญ่ไปได้สักขนาดไหน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจเก็บมันขึ้นมา เพราะเห็นว่าเริ่มมีแมลงเข้ามากัดกินมันแล้ว และตอนนั้นเองที่ทำให้พวกเขาถึงกับทึ่งในขนาดที่ใหญ่มาก     ทั้งสองคนเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมกะหล่ำปลีหัวนี้ถึงมีขนาดใหญ่กว่าปกติหลายเท่าตัว แต่ Rosemary ก็เชื่อว่ามันน่าจะเป็นผลมาจากการที่พวกเขาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และไม่ใช้สารเคมีเลย นอกจากนั้น เธอยังคิดว่ามันอาจเป็นเพราะสภาพภูมิอากาศและดินในรัฐแทสเมเนีย ที่ดีต่อการปลูกกะหล่ำปลีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว   สวนกะหล่ำปลีหลังบ้านที่ถูกล้อมรั่วเอาไว้อย่างดี   ท้ายที่สุด กะหล่ำปลียักษ์นี้ก็ได้กลายมาเป็นวัตถุดิบประกอบอาหารที่ทำให้ทั้งสองคนและเพื่อนบ้านได้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย…

แม้ในวันที่อากาศหนาวเหน็บมากเพียงใด แต่เรื่องราวดีๆ และความมีน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ก็สามารถสร้างความอบอุ่นให้เกิดขึ้นได้อยู่เสมอ ตัวอย่างความอบอุ่นหัวใจนั้นได้เกิดขึ้นในบริเวณริมถนน Albert เมืองเซาท์ซี ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 13 ก.พ. 2019 กับความมีน้ำใจอันแสนซาบซึ้งของคุณยายวัย 72 ปี ท่ามกลางความหนาวเย็น อุณหภูมิ 3 องศาเซลเซียส     ในวันนั้นชายหนุ่มที่ชื่อว่า Charlie Franks คือผู้ที่บังเอิญได้ไปเห็นการกระทำอันแสนอบอุ่นหัวใจของคุณยาย Diana ผู้เดินไปรอบๆ บริเวณพร้อมกับรถเข็นคู่กาย จนกระทั่งเธอได้แวะจอดรถเข็นข้างทาง ก่อนที่จะล้วงเข้าไปหยิบถ้วยพลาสติกออกมาพร้อมกับซุปร้อนๆ ที่อยู่ภายใน จากนั้นจึงยื่นมันให้กับ “ชายไร้บ้าน” สองคนที่กำลังนั่งอยู่     คงไม่ต้องอธิบาย เราก็พอเข้าใจได้ว่าชายทั้งสองคนนั้นจะรู้สึกปลื้มปริ่มกับสิ่งที่คุณยายได้ทำมากขนาดไหน แม้ไม่ได้ยินเสียงว่าพวกเขาพูดอะไร แต่ก็พอตีความหมายได้จากสิ่งที่เห็นว่าพวกเขาต้องการจะขอบคุณเธอ Charlie ได้นำเรื่องราวอันน่าประทับใจนี้ออกมาแชร์ให้กับผู้คนในโลกโซเชียล กลายเป็นกระแสที่มีผู้รับชมไปแล้วหลายแสนครั้ง หนึ่งในนั้นก็คือ Katie Elizabeth ลูกสาวของคุณยาย   คลิปความน่ารักของคุณยาย   Katie ได้ออกมาพูดในภายหลังว่า แม้ตอนนี้แม่ของเธอจะอายุ 72 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงที่จะทำงานเป็นอาสาสมัครให้กับโบสถ์…

เราอาจเคยเห็นงานให้บริการมาหลากหลายรูปแบบแล้ว แต่สำหรับการให้บริการที่ถูกเรียกว่า Ikemeso ในประเทศญี่ปุ่นนี้ มันอาจถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับใครหลายๆ คน Ikemeso เป็นการรวม 2 คำเข้าด้วยกัน จากคำว่า Ikemen ที่แปลว่า “หนุ่มหน้าตาดี” กับคำว่า Mesomeso ที่แปลว่า “การร้องไห้”   Hiroki Terai ผู้ก่อตั้งและคิดค้นการให้บริการในลักษณะนี้   การให้บริการดังกล่าวนั้นก็เป็นไปตามชื่อที่มันถูกเรียก เพราะนี่คืองานบริการที่จะทำให้ “หญิงสาวต้องเสียน้ำตา ก่อนที่จะมีหนุ่มหน้าตาดีมาช่วยซับน้ำตาให้กับพวกเธอ” Hiroki กล่าวว่า เขาได้คิดค้นรูปแบบการให้บริการนี้ขึ้นมาเพราะจากการศึกษาแล้วพบว่า “การร้องไห้” จะช่วยลดปัญหาความตึงเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้มากยิ่งขึ้น     เขาบอกว่าคนเรามักจะเก็บกลั้นความรู้สึกเอาไว้ภายในใจ ไม่ค่อยแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะกับการร้องไห้ ซึ่งคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะเป็นอย่างนั้น โดยเฉพาะกับสาวๆ เพราะเหตุนั้นเอง เขาจึงจัดตั้งการให้บริการที่ว่านี้ โดยให้ชายหนุ่มหน้าตาดีเข้ารับการฝึกฝน อบรม เพื่อที่จะสามารถช่วยดูแล ซับน้ำตา และผ่อนคลายสาวๆ ที่กำลังร้องไห้ให้ได้มากที่สุด     หนุ่มหน้าตาดีนั้นก็จะมีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น หนุ่มสไตล์หนุ่มแบดบอย, หนุ่มที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นน้องชาย, หมอฟันใจดี,…

มันคงไม่แปลกที่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวจะชวน “เพื่อนสนิท” ไปร่วมเป็นสักขีพยานในงานแต่งของพวกเขา แต่หากว่าพวกเขาไม่ชวนเนี่ยสิ อย่างนั้นมันคงฟังดูแปลกไม่ใช่น้อย เหมือนอย่างเจ้าสาวคนหนึ่งผู้ไม่ยอมชวนเพื่อนสนิทของตัวเองมาร่วมงานด้วย เพราะเหตุผลที่ว่าเพื่อนสนิทของเธอคนนั้นดันมี “หน้าอกที่ใหญ่เอามากๆ”… ?!     เรากำลังพูดถึงเรื่องราวที่ถูกแชร์เอาไว้ในเว็บไซต์ Reddit เมื่อเจ้าสาวนิรนามโพสต์ถามทุกคนว่ามันเป็นเรื่องแย่หรือเปล่า กับการที่เธอไม่ยอมชวนเพื่อนสนิทคนหนึ่งมาร่วมงานแต่งงานเพราะขนาดหน้าอก หญิงสาวเล่าว่าเธอมีเพื่อนสนิทอยู่ด้วยกัน 2 คน ชื่อ Kristy และ Erin แต่เมื่อถึงวันแต่งงาน เธอกลับชวนมาแต่ Kristy คนเดียวเท่านั้น     Kristy ก็ได้มาบอกกับเธอว่า Erin รู้สึกเสียใจมากๆ ที่ไม่ได้มาร่วมเป็นแขกในวันสำคัญของเพื่อนสนิท และต้องการทราบว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น หญิงสาวจึงตอบกลับเพื่อนสนิทของตัวเองไปว่า เหตุผลที่ไม่ยอมชวน Erin มาร่วมงานด้วยก็เพราะเธอมีหน้าอกที่ใหญ่เอามากๆ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน และมันอาจไปดึงความสนใจของแขกในงานได้     เธอผู้เป็นเจ้าสาวเล่าว่า… “ฉันเป็นเพื่อนกับ Erin มาตั้งแต่เด็ก ฉันอยู่กับเธอมานานและฉันก็มักจะได้เห็นว่าคนอื่นๆ แสดงอาการยังไงเวลาที่ได้เห็นเธอ” “เพราะอย่างนั้นเมื่อมีคนคิดย้อนมาถึงงานแต่งงานของฉัน ฉันก็อยากให้พวกเขานึกถึงสถานที่จัดงานอันสวยงาม ปาร์ตี้อันสนุกสนาน หรือไม่ก็คิดถึงการให้คำสาบานแห่งความรักระหว่างฉันกับเจ้าบ่าว” “ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นๆ จำว่างานแต่งของฉันมีเพื่อนเจ้าสาวคนหนึ่งที่นมใหญ่เอามากๆ”  …

อีกหนึ่งเรื่องราวอันแสนโหดร้ายที่เกิดขึ้นจริงบนโลกของเรา กับการจับกุมตัวผู้ต้องหาในคดีที่ถูกเรียกว่า “การคุกคามเด็กที่โหดร้ายที่สุดในประเทศโคลอมเบีย” Juan Carlos Sánchez Latorre ชายหนุ่มวัย 37 ปี คือผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว เขาได้ก่อเหตุ “ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก” ทั้งชายและหญิง อายุไม่เกิน 14 ปี ต่ำสุดที่เขาเคยทำคือกับเด็กอายุเพียง 14 เดือน   นาย Juan ผู้ก่อเหตุ   ในระยะเวลาเพียง 2 ปี ตั้งแต่ 2007-2008 ชายคนนี้ได้ทำการข่มขืนและลวนลามเด็กทั้งสิ้น 276 คน ก่อนที่จะหลบหนีหายตัวไป   ภาพของเขาเมื่อสมัยก่อน   วิธีการส่วนใหญ่ที่ชายคนนี้ใช้ล่อลวงเด็กๆ เหล่านั้นก็คือการเข้าไปติดตามในโลกออนไลน์ หลอกล่อให้ไปเจอกันที่ศูนย์การค้า เอาเงินมาหลอกให้เด็กขายบริการทางเพศให้แก่ตัวเอง หากใครขัดขืน เขาก็จะเข้าทำร้าย พยายามบีบบังคับจนถึงที่สุด และเมื่อสนองตัณหาตัวเองเสร็จแล้ว เขาก็จะนำรูปที่ถ่ายเก็บเอาไว้ในทุกๆ ครั้งไปเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ โดยใช้ชื่อว่า Lobo Feroz (หมาป่าใหญ่ใจร้าย) ภาพการคุกคามเด็กมากกว่า 1,450 ภาพ ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ด้วยฝีมือของชายคนนี้…

เราอาจเคยเห็นสาวๆ หรือหนุ่มๆ ในอินสตาแกรมโพสต์ภาพที่ดูดี มีความสวยหล่อของพวกเขาลงไป หรืออาจเป็นเรื่องราวเจ๋งๆ จนทำให้มียอดผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก Marcella Zoia สาววัย 19 ปีจากเมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา เธอก็เคยเป็นหนึ่งในคนดังของโลกอินสตาแกรม จนกระทั่งสิ่งที่เธอทำลงไปล่าสุดนั้นมันกลับทำลายชื่อเสียงที่มีมาทั้งหมดของเธอไป   Marcella สาวคนดังในอินสตาแกรม   Marcella ได้โพสต์คลิปสุดท้ายในโลกอินสตาแกรม เผยให้เห็นขณะที่เธอยกเก้าอี้ขึ้นมาแล้วขว้างออกไปจากหน้าต่างบนตึกสูงชั้น 45 !! แน่นอนว่าพฤติกรรมดังกล่าวนั้นอาจทำ “อันตรายถึงชีวิต” ให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้านล่างได้ ซึ่งจากการรายงานบอกว่าถือเป็นโชคดีอย่างมากที่ไม่มีใครเป็นอะไร เพราะเก้าอี้ตัวนั้นแค่ “เกือบ” โดนรถที่ขับผ่านไปเท่านั้นเอง   ภาพจากคลิปของเธอ .   คลิปดังกล่าวทำให้หญิงสาวถูกจับกุมตัวดำเนินคดีในข้อหา “ก่อความอันตรายถึงชีวิตให้แก่ผู้อื่น และเป็นอันตรายต่อทรัพย์สิน” ผู้คนต่างต่อว่าในสิ่งที่เธอได้ทำลงไป มองว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ “ขาดความรับผิดชอบ” เป็นอย่างมาก หลายๆ คนถึงกับเรียกเธอว่า “อีโง่ อีวิกลจริต”   หลังจากถูกจับกุมตัว บัญชีอินสตาแกรมของเธอก็ถูกลบไปในวันที่ 9 ก.พ. 2019   อย่างไรก็ตาม ทนายความของเธอให้เหตุผลว่า พฤติกรรมที่เห็นเกิดขึ้นจากการที่…

“การคลุมถุงชน” โดยคนในครอบครัว มันคือสิ่งที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่บ้างในหลายๆ แห่ง เช่นเดียวกันกับสิ่งที่หญิงสาวชาวออสเตรเลียคนนี้ต้องเผชิญ จนกลายเป็นบาดแผลที่ฝังลึกอยู่ในใจเธอเรื่อยมา Tasneem Fakhoury ปัจจุบันอายุ 20 ปี เธอได้เล่าประสบการณ์อันน่าเศร้าในครั้งที่เธอยังอายุเพียงแค่ 14 ปี เธอถูกคนในครอบครัวบอกให้นั่งเครื่องบินไปประเทศเลบานอน เพื่อแวะไปเยี่ยมหาคุณตาคุณยาย   Tasneem หญิงสาวผู้ผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายมาได้   เธอเดินทางจากเมืองเมลเบิร์น ไปยังเมืองตริโปลี ในช่วงวันหยุด แต่คนที่มารอรับเธออยู่นั้นกลับไม่ใช่ตายายอย่างที่ควรจะเป็น กลับกลายเป็นชายหนุ่มวัย 24 ปีเสียแทน ในตอนนั้นเองที่ทำให้เธอได้รู้ว่าเธอถูก “คลุมถุงชน” ให้แต่งงานกับชายที่อายุมากกว่าเธอถึง 10 ปี ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อนเลย ด้วยวัยเพียงแค่ 14 ปีทำให้ในตอนแรกเธอยังไม่คิดมากอะไรเกี่ยวกับการถูกบังคับให้แต่งงาน เธอยังคิดแค่ว่าคงจะได้สวมชุดเจ้าสาวสีขาว และใช้ชีวิตร่วมกับสามีราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย     ทว่าความเป็นจริงช่างโหดร้ายมากเกินกว่าที่เธอเคยคาดคิดเอาไว้ เพราะสามีของเธอคนนี้คือชายผู้มีประวัติการใช้ความรุนแรง ก่ออาชญากรรม และติดยามาก่อน สิ่งที่เธอต้องเจอในแต่ละวันจึงกลายเป็นการถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนที่เขาจะปั่นหัวเธอด้วยคำว่ารัก แล้วก็ทำร้ายร่างกายเธออีก สลับกันอยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา แน่นอนว่าเธอคงไม่ทนที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างนั้นแน่นอน แต่เพื่อนบ้านหรือคนอื่นๆ รอบตัวเธอในตอนนั้นกลับไม่มีใครให้การช่วยเหลือ พากันหัวเราะเยาะและบอกกับเธอว่าเธอไม่มีทางหนีไปไหนได้     จนกระทั่งวันเวลาล่วงเลยไปนานกว่า…

เพื่อนๆ บางคนอาจเคยเจอ น้ำหอม หรือ เครื่องสำอางราคาถูก ตามโลกโซเชียลหรือตามแผงลอยทั่วๆ ไป แต่บางครั้งสินค้าที่เราเจอก็อาจไม่ได้ทั้งถูกและดี หากแต่มันอาจมีสารเคมีบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อเราโดยที่เราไม่รู้ตัว… ตัวอย่างของสิ่งแปลกปลอมที่ถูกผสมไว้ใน “น้ำหอมเถื่อน” นั้น ถูกพบที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการกวาดล้างโรงงานน้ำหอมและเครื่องสำอางเถื่อน     เจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยสืบสวนอาชญากรรมทรัพย์สินทางปัญญา (PIPCU) กรมตำรวจลอนดอน ได้ทำการตรวจสอบเว็บไซต์ออนไลน์ที่มีการอ้างว่าขายน้ำหอมหรือเครื่องสำอางในราคาที่ถูกและดี จากการรายงานกล่าวว่า ทีมสืบสวนเริ่มต้นการตรวจสอบมาตั้งแต่ปี 2013 พบว่ามีเว็บไซต์เถื่อน หลอกลวงผู้บริโภคอยู่มากกว่า 67,000 เว็บไซต์ นั่นจึงนำไปสู่การลงพื้นที่สืบสวนและพบเข้ากับโรงงานผลิตน้ำหอมและเครื่องสำอางเถื่อนหลายต่อหลายแห่ง     ช่วงปลายเดือนมกราคม 2019 ที่ผ่านมานั้น มีการพบผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าจะเป็นสินค้าเถื่อนกว่า 500 ยี่ห้อ และของกลางที่ถูกยึดในกรุงลอนดอนนั้นก็มีมูลค่าสูงกว่า 40,000 ปอนด์ (ราว 1,600,000 บาท) โดยจากการทดสอบผลิตภัณฑ์น้ำหอมเถื่อน พบว่ามันมักมีส่วนประกอบของสารเคมีที่เป็นพิษ ซึ่งยังรวมไปถึง “ปัสสาวะมนุษย์” และ “สารไซยาไนด์” ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต     เช่นเดียวกันกับเครื่องสำอางเถื่อนหลากหลายประเภทที่ถูกพบ ทั้งอายไลเนอร์, มาสคาร่า,…

ใกล้จะถึง “วันวาเลนไทน์” เข้าไปทุกที มาถึงตอนนี้ใครยังไม่มีคู่เดตบ้างอ่ะขอให้ยกมือขึ้น (พรึ่บ!!) #เหมียวตะปู นี่ยกคนแรกเลยฮะ…. (เศร้าจุ๊บ) แต่สำหรับสาวๆ ในประเทศนิวซีแลนด์นั้น พวกเธออาจมีโอกาสได้คู่เดตในวันวาเลนไทน์โดยที่ไม่ต้องเข้าไปจีบใครหรือรอใครเข้ามาจีบเลย ขอแค่เพียงมีเงินมากพอที่จะซื้อ “แพ็คเกจออกเดต” ของชายคนนี้   Peter Wilding เจ้าของแพ็คเกจออกเดตดังกล่าว   Peter คือชายหนุ่มจากประเทศนิวซีแลนด์ ผู้ต้องการมองหาคู่เดตในช่วงวันวาเลนไทน์ปี 2019 ที่กำลังจะมาถึง หลังจากที่เขาเคยมีอาการเลือดออกในสมองตั้งแต่อายุ 12 ปี ทำให้พลาดโอกาสได้ออกเดตกับสาวๆ ในช่วงวัยรุ่น เพราะอย่างนั้นเอง เขาจึงเกิดไอเดียที่จะขายแพ็คเกจออกเดตสุดโรแมนติกหลายสไตล์ ให้สาวๆ ที่อยากได้ผู้ชายมาเคียงข้างสามารถจ้างเขาให้ได้มอบเวลาแห่งความสุขแก่พวกเธอเหล่านั้นได้     ด้วยเหตุนั้น เขาจึงนำข้อเสนอที่คิดเอาไว้ไปประกาศขายในเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Taupo Noticeboard โดยแต่ละแพ็คเกจของเขานั้นจะมีช่วงเวลา ราคา และรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่… 1 ชั่วโมง (ชม.) ช่วงเช้าของวันวาเลนไทน์ “การออกไปเที่ยวแบบเพื่อน” ราคา 15 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 319 บาท) 2…

บ้านหนึ่งหลัง อาจสามารถเปิดให้คนเข้ามาเช่าได้ตามจำนวนห้องที่ว่างอยู่ กลายเป็นการอาศัยร่วมกันของคนแปลกหน้าที่อาจมีเป้าหมายแตกต่างกันออกไป แต่สำหรับบ้านเช่าหลังนี้ แม้ทุกคนที่จะมาอาศัยอยู่อาจเป็นคนแปลกหน้า ทว่าพวกเขากลับมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือการเป็น “นักเล่นเกมมืออาชีพ”   ขอแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักกับบ้านเช่าที่ชื่อว่า Gaming House   บ้านหลังนี้ก็มีจุดประสงค์ตามชื่อของมันเลย นั่นคือเป็นที่พำนักอาศัยของเหล่าผู้ที่แสวงหาความสำเร็จในวงการการแข่งขันเกม หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ E-Sport บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเหมือนกับที่พักอาศัยและสถานที่ฝึกฝนของเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลาย โดยเฉพาะกับคนที่ต้องการเข้าร่วมการแข่งขัน ภายในบ้านหลังนี้จึงอาจมีทั้งเพื่อนร่วมทีม หรือแม้แต่คู่แข่งในวงการเกม     พูดง่ายๆ มันคือบ้านเช่าที่ตอบโจทย์เหล่านักกีฬา E-Sport เป็นอย่างมาก โดยจะมีคอมพิวเตอร์ชั้นยอด โต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์ต่างๆ สำหรับเหล่านักกีฬาโดยเฉพาะ     ภายในบ้านยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันชนิดที่ว่าแทบจะไม่ต้องออกไปไหนเลยก็ยังได้ ทั้งไมโครเวฟ เครื่องซักผ้าเครื่องครัว รวมถึงพื้นที่ใช้สอยอย่างห้องอาหารหรือห้องน้ำก็พร้อมสรรพ     หรือบางคนอยากสิงตัวอยู่แต่ในห้องนอนเพื่อการฝึกฝนฝีมือก็ย่อมได้ เพราะในห้องนอนจะมีตู้เย็นขนาดกะทัดรัด กาต้มน้ำ ราวแขวนเสื้อ ทีวี และหลายๆ สิ่งที่เพียงพอให้คุณเก็บตัวอยู่ได้ในระดับหนึ่ง (แต่แนะนำให้ออกมาบ้างก็ดี)     e’sPRO บริษัทเจ้าของโปรเจกต์บ้านหลังนี้ ตั้งราคาค่าเช่าพักอาศัยไว้ที่ 100,000…

ปกติแล้วชื่อของผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ ก็มักจะต้องถูกพิมพ์ติดเอาไว้ในรูปแบบปกติ อ่านออกได้ชัดเจนว่ามันคือผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่าอะไร แต่สำหรับบริษัทผลิตภัณฑ์ความงามในประเทศญี่ปุ่น พวกเขากลับพิมพ์ชื่อมันลงไปแบบ “กลับด้านซ้ายขวา” ซะอย่างนั้น?!   ผลิตภัณฑ์ที่ชื่อของมันถูกเขียนกลับด้านซ้ายขวา   ตอนนี้เพื่อนๆ หลายคนอาจกำลังคิดว่ามันคือความผิดพลาด แต่แท้จริงแล้วมันเกิดจากความตั้งใจของทางบริษัท Rohto Pharmaceutical ที่เราเห็นอยู่นี้คือสินค้าครีมกันแดดที่มีชื่อว่า Skin Aqua ที่สามารถป้องกันอันตรายจากแสงแดด และเป็นที่นิยมของหมู่สาวๆ วัยรุ่นเป็นอย่างมาก ณ ตอนนี้   สังเกตว่าชื่อที่ติดอยู่บนผลิตภัณฑ์นั้นจะถูกพิมพ์สลับด้านกัน   ด้วยเหตุนั้นเอง ทางบริษัทจึงเล็งเห็นว่า สาวๆ ส่วนใหญ่มักจะนิยมถ่ายรีวิวกันหน้ากระจก ซึ่งนั่นมันก็จะทำให้ชื่อของผลิตภัณฑ์กลับหัวกลับหางไป แต่เมื่อทางบริษัทได้ทำให้มันกลับด้านตั้งแต่แรก พอมันสะท้อนกับกระจกอีกรอบ ในภาพก็จะทำให้ทุกคนสามารถอ่านชื่อของสินค้าชิ้นนี้ได้อย่างถูกต้อง สะดวกต่อการถ่ายรูปรีวิวของสาวๆ นั่นเอง   การถ่ายรีวิวหน้ากระจก ก็ทำให้เห็นชื่อได้อย่างถูกต้อง   หรือบางแอปที่อาจทำให้ภาพกลับด้าน เราก็สามารถอ่านชื่อสินค้าชิ้นนี้ได้อย่างง่ายดาย   เรียกได้ว่าเป็นการตลาดที่แปลกใหม่ และความไม่เหมือนใครนี้ก็เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายให้กับผลิตภัณฑ์นี้ได้ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอนเลยล่ะนะ   ที่มา: soranews24 , rohto

ก่อนหน้านี้ เพื่อนๆ อาจได้ยินเรื่องราวของชายผู้ตั้งใจที่จะฟ้องร้องพ่อแม่ของตัวเองด้วยข้อหาที่ว่า “ให้กำเนิดเขามาโดยที่เขาไม่ได้ยินยอม” ซึ่งเพื่อนๆ สามารถย้อนกลับไปอ่านรายละเอียดของเขาได้จากลิงก์ด้านล่างนี้ อ่านข่าวเก่าได้ที่ลิงก์: หนุ่มตั้งใจจะ “ฟ้องร้องพ่อแม่” ของตัวเอง เพราะให้กำเนิดเขามา โดยที่เขาไม่ได้ยินยอม?!   ชายผู้เตรียมฟ้องร้องพ่อแม่ของตนเอง   เรากำลังพูดถึง Raphael Samuel หนุ่มชาวอินเดียวัย 27 ปี ผู้มีหลักความเชื่อว่า “การให้กำเนิดบุตรเป็นเรื่องที่ผิด” และเพราะอย่างนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะฟ้องร้องพ่อแม่ด้วยข้อหาดังกล่าว การเตรียมยื่นฟ้องร้องของเขาได้ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง ในขณะที่คนเป็นพ่อเป็นแม่หลายๆ คนก็อาจรู้สึกเศร้าใจกับความเชื่อในลักษณะนี้ และคงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจถ้าต้องถูกลูกชายฟ้องร้องด้วยข้อหานั้น     อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนาง Kavita นักกฎหมายซึ่งเป็นแม่ของ Raphael ก็ได้ออกมาพูดกับสื่อว่า เธอชื่นชมในการที่ลูกชายกล้าออกมาพูดอย่างตรงไปตรงมาและพยายามผลักดันในสิ่งที่เขาเชื่อมั่น เธอให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันมีความสุขมากที่ได้เห็นลูกชายเติบโตขึ้นมาโดยปราศจากความกลัว, เป็นเด็กหนุ่มที่มีอิสระทางความคิด มั่นใจได้ว่าเขาจะมองหาหนทางไปสู่ความสุขได้”     และในฐานะที่เธอเป็นทนายความด้วยแล้ว เธอก็พร้อมที่จะสู้คดีกับลูกชายของตัวเอง “ถ้า Raphael สามารถอธิบายได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลว่า มีวิธีการที่สามารถขอความยินยอมในการให้กำเนิดบุตรได้ ตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะเกิดมา เมื่อนั้นฉันก็จะยอมรับในความผิดของฉันที่เขากล่าวถึง” Kavita พูดเอาไว้     นอกจากนั้น…

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นบริเวณชายหาดแห่งหนึ่งของประเทศอาร์เจนตินา ระหว่างที่นักข่าวสาวสวยกำลังรายงานถึงสภาพอากาศในแถบนั้น เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ที่ผ่านมา     ที่เราเห็นอยู่นี้ คือส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดสดออกรายการโทรทัศน์ที่ชื่อว่า Gente Opinando ของประเทศอาร์เจนตินา โดยมี Sol Perez นักข่าวสาวสวยวัย 25 ปี กำลังลงพื้นที่รายงานข่าวอยู่ในขณะนั้น แต่แล้วการรายงานข่าวก็ได้หยุดชะงักลง เมื่อผู้ร่วมงานของเธอในห้องส่งได้บอกกับเธอว่า “เราไม่ได้จะมาถกเถียงถึงเรื่องนี้และเราจะปล่อยมันไป แต่ผมไม่ชอบในสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นกำลังทำอยู่เลย”   คนที่ผู้ประกาศข่าวในห้องส่งต้องการจะสื่อถึงก็คือชายคนนี้   หลังจากที่ได้ยินอย่างนั้น นักข่าวสาวก็กลับหลังหันและเดินตรงไปหาชายที่กำลัง “ถ่ายบั้นท้าย” ของเธออยู่ในทันที ทำเอาคนในห้องส่งถึงกับพูดเลยว่า “ไม่นะ! ดูสิ เธอเดินไปเผชิญหน้ากับเขาแล้ว”     Sol: “คุณผู้ชาย คุณกำลังถ่ายอะไรอยู่หรือ?” ชายเสื้อขาว: “ผมถ่ายส่งไปให้เพื่อนร่วมงานของผมเอง” Sol: “โอเค แต่คุณถ่ายอะไรไปล่ะ? เพราะตอนนั้นฉันกำลังหันหลังอยู่ จนผู้ชายในนั้น (ผู้ประกาศข่าวในห้องส่ง) เห็นว่าคุณถ่ายบางอย่างที่มันไม่โอเคที่จะถ่าย” ชายเสื้อขาว: “แล้วคุณจะให้ผมไปยืนถ่ายตรงนั้นแทนอย่างนั้นหรือ?” Sol: “ไม่ค่ะ คือถ้าคุณถ่ายคลิปทั่วๆ ไปจากตรงนี้มันก็ไม่เป็นไร แต่คุณกำลังถ่ายก้นฉันอยู่…

“รอยสัก” คือสิ่งที่อาจจะต้องติดตัวเราไปจนตาย เพราะฉะนั้นรอยสักที่จะมาอยู่บนเรือนร่างของเราได้ อาจต้องเป็นลวดลายที่มีความหมาย และมีความสำคัญกับเรามากจริงๆ Tabatha Andrade หญิงสาววัย 20 ปีจากเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เธอคือหนึ่งคนที่ได้สักลวดลายลงไปบนร่างกายของตัวเอง และลวดลายที่เธอเลือกนั้นก็คือคำว่า KFC … ว๊อททททท?!   Tabatha หญิงสาววัย 20 ปี กับรอยสักอันเป็นเอกลักษณ์   หญิงสาวเล่าว่า “ฉันบอกกับพ่อแม่ว่าฉันอยากจะมีรอยสัก และพวกเขาก็บอกกับฉันว่า ลวดลายที่จะสักลงไปควรต้องมีความสำคัญกับเรามากจริงๆ” “ในช่วงวันหยุด จู่ๆ ก็มีบางสิ่งแล่นเข้ามาในหัวฉันทันที และฉันก็ตัดสินใจทำมันในที่สุด”   สิ่งที่เธอทำก็คือการสักคำว่า KFC ลงไปด้านในริมฝีปากของตัวเอง!!   เพื่อนๆ บางคนอาจสงสัยว่า นั่นใช่ KFC เดียวกันกับที่พวกเรารู้จักกันหรือเปล่า คำตอบก็คือ “ใช่” มันคือชื่อของร้านไก่ทอดชื่อดังที่มีสาขาอยู่แทบจะทั่วทุกมุมโลกนั่นเอง     เธอบอกว่าตนเองเป็นคนที่ชอบกินไก่เอามากๆ และสำหรับร้าน KFC อาจต้องเรียกว่าเธอเสพติดมันเลยก็ได้ “ฉันรักในการกินไก่ เพื่อนของฉันทุกคนจะเรียกฉันว่า ‘ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องไก่’ แม้แต่หมาของฉัน ฉันยังตั้งชื่อมันว่า…

“ความรักระยะไกล” อาจเป็นเรื่องที่คู่รักหลายๆ คู่รู้สึกเป็นกังวล กลัวว่าการที่ไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยๆ นั้นอาจทำให้ความสัมพันธ์ต้องจบลงในที่สุด แต่สำหรับคู่รักต่างวัยคู่นี้ พวกเขากลับไม่ได้มองว่าสิ่งนั้นเป็นอุปสรรคเลยแม้แต่น้อย… เรากำลังพูดถึงเรื่องราวความรักของ Philip Clements อดีตบาทหลวงชาวอังกฤษวัย 80 ปี และ Florin Marin นายแบบหนุ่มชาวโรมาเนียวัย 25 ปี   Philip และ Florin   เรื่องราวความรักของทั้งสองคนนั้นเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2015 พวกเขาได้รู้จักกันผ่าน Gaydar เว็บไซต์หาคู่ ซึ่งในตอนนั้นทั้งคู่ยังคงอาศัยอยู่ในเมืองโดเวอร์ ประเทศอังกฤษ นับตั้งแต่นั้นมา ความสัมพันธ์ของคนสองคนก็เริ่มผลิบานจนก่อเกิดเป็นความรัก ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกันในปี 2017 แต่ว่าความรักของพวกเขาก็อาจไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบเพียงอย่างเดียว เพราะในช่วงปลายปี 2017 ได้มีข่าวว่าพวกเขาเลิกรากันไป หลังจากที่หลายๆ อย่างเหมือนกำลังจะไปได้สวย อ่านข่าวเก่าได้ที่ลิงก์: คู่รักเกย์ต่างวัย 79 และ 24 ปี ถึงขั้นทุ่มใจซื้อห้อง 4 ล้านให้ แต่ได้ปุ๊บเลิกปั๊บ จนคุณตาหมดตัว!?     ถึงอย่างนั้น ทั้งสองคนก็ได้ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคในครั้งนั้นมาด้วยกัน…

อย่างที่หลายๆ คนทราบกันแล้วว่าช่วงปลายเดือนมกราคม 2019 ที่ผ่านมา ผู้คนทั่วสหรัฐอเมริกาได้เผชิญกับสภาพอากาศอันเย็นยะเยือกที่มีผลมาจาก Polar Vortex หรือ “ลมวนขั้วโลก” พัดความเย็นจากขั้วโลกเหนือเข้ามา ความหนาวเย็นส่งผลทำให้บางพื้นที่ โดยเฉพาะชาวเมืองในรัฐมินนิโซตา พวกเขาต้องเผชิญกับความเย็นชนิดที่ว่าต่ำสุดถึง -48 องศาเซลเซียส และด้วยเหตุนั้นชาวเมืองจึงทนความหนาวไม่ไหว ลุกขึ้นมาทำสิ่งนี้ซะเลย!!   #FrozenPantsChallenge   ที่เราเห็นอยู่นี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ภูตผีวิญญาณใดๆ หากแต่เป็นความหนาวเย็นที่ส่งผลทำให้ “กางเกง” ถึงกับแข็งตัว ตั้งเองได้ราวกับมีมนุษย์ล่องหนกำลังใส่มันเอาไว้ โดยสิ่งนี้ถูกเรียกว่า #FrozenPantsChallenge มันก็อารมณ์แบบว่าชาวเมืองเขาหนาวจนสังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาดนี้ แล้วนำมาทำเป็นชาเลนจ์เล่นกันสนุกๆ ไปซะเลย ว่าแล้วเราก็ลองไปดูตัวอย่างเจ๋งๆ จากเหล่าชาวเมืองที่ได้นำมาแชร์ในโลกโซเชียล   ยืนกันเป็นบอยแบนด์เลยนะฮะ   อันนี้คือต่อแถวรออะไรกันอยู่หรือเปล่า   คู่หูดูเร็กซ์… เอ๊ย!! ดูโอ้   ยืนอย่างเท่!!   อย่างนี้คงเรียกว่า #FlipFrozenPantsChallenge สินะ หากดูไม่ได้กดที่ลิงก์ Twitter Hey Polar Vortex, you may freeze my…

“การให้นมลูก” ในบ้านเรานั้น ส่วนใหญ่เราอาจจะไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นว่าคุณแม่เปิดหน้าอกในที่สาธารณะเพื่อให้ลูกดูดจากเต้าสักเท่าไหร่ แตกต่างกับในประเทศอื่นๆ ที่มักนิยมใช้วิธีนี้กันพอสมควร แต่แล้วการกระทำในลักษณะนั้นก็ได้กลายมาเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล หลังจากที่คุณแม่คนหนึ่งกำลังให้นมลูกอยู่แล้วมีคนเดินมาบอกให้เธอไปทำอย่างนั้นที่อื่น เธอเลย “บีบน้ำนม” ใส่ซะเลย!!     เพจ Dartford Gossip page ได้เล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวเอาไว้ว่า… “ถึงคุณผู้หญิงในสวนสาธารณะ Dartford ผู้คิดว่ามันคือเรื่องที่เหมาะสมแล้วกับการให้นมลูกของตัวเองระหว่างที่ลูกของฉันและสามีที่ไขว้เขวได้ง่ายมากของฉันกำลังนั่งอยู่ใกล้ๆ” “ฉันคิดว่ามันไม่จำเป็นเลยที่คุณจะมาตอบโต้ฉันในลักษณะนี้ เพียงเพราะว่าฉันเดินเข้าไปขอให้คุณหลบไปในที่ลับตาคน” “คุณกลับบอกฉันว่า ‘ไปให้พ้น’ และ ‘บีบน้ำนม’ จากเต้าใส่ฉัน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างมาก ฉันหวังว่าคุณจะรู้สึกละอายใจบ้างนะ”   โพสต์ดังกล่าว   สวนสาธารณะในเมือง Dartford ประเทศอังกฤษ   แม้เรื่องราวนี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2016 แต่เมื่อมันถูกนำมาพูดถึงอีกครั้ง ก็ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการกระทำของคุณแม่ที่ให้นมลูก และไม่เห็นด้วยกับการที่เข้าไปไล่   บางคนก็สมควรโดนแบบนี้ เพราะเป็นพวกที่มักจะบ่นและต่อว่าทุกสิ่งอย่างบนโลก   เธอคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้แล้ว เธอต่างหากที่ควรละอายใจต่อการไปขัดบางสิ่งที่เป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าไม่อยากเห็นก็แค่ไม่ต้องมอง   คนเราควรสนใจเรื่องของตัวเองก็พอ ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่ต้องไปสนใจ มองแต่ทางที่เราจะไปก็พอ  …

ตามโรงแรมในบ้านเราบางแห่ง หรือในต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่นหรือจีน สิ่งที่เพื่อนๆ อาจได้เจอกันก็คือ “บ่อของน้ำพุร้อน” ที่มีไว้บริการเหล่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาพัก ให้ได้เพลิดเพลินและผ่อนคลายไปพร้อมๆ กัน แต่สำหรับบ่อน้ำพุร้อนในโรงแรมแห่งนี้มันกลับยิ่งต่างออกไปจากในโรงแรมอื่นๆ เพราะบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “หม้อไฟ” กลายเป็นภาพด้านล่าง..   บ่อน้ำพุร้อนหม้อไฟ!!   นี่คือบ่อน้ำพุร้อนของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน กับดีไซน์สไตล์หม้อไฟที่ถูกวางเรียงต่อกัน พร้อมกับผักและผลไม้นานาชนิดที่แช่เอาไว้ภายใน     เหล่านักท่องเที่ยวจะสามารถลงไปแช่ในแต่ละบ่อได้อย่างเพลิดเพลิน ผ่อนคลายไปกับการซึมซับผักและผลไม้เข้าไปผ่านผิวหนัง ซึ่งวัตถุดิบต่างๆ นั้นพวกเขาเชื่อว่ามันเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย   วัตถุดิบอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พริก เห็ด และแอปเปิล   ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะยังสามารถจิบไวน์ กินเนื้อย่างขณะแช่น้ำอยู่ได้ด้วย   สำหรับบ่อน้ำพุร้อนหม้อไฟนี้ ทางโรงแรมมีความตั้งใจที่จะให้มันช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2019 นี้ (ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์)   บรรยากาศบ่อน้ำพุร้อนหม้อไฟ    นับว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว แต่ก็อย่าลงไปแช่นานนักล่ะ เกิดสุกขึ้นมาเดี๋ยวเพื่อนแย่งกินกันตายเลย   ที่มา: shanghaiist

การเต้นรำในงานแต่งงานส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่จะได้ลุกขึ้นไปเปิดฟลอร์กันเป็นคู่แรกก็คือ “เจ้าบ่าว-เจ้าสาว” ของงานนั้นๆ และถึงแม้ว่าตัวเจ้าบ่าวจะมีความพิการต้องนั่งรถวีลแชร์อยู่เสมอ แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะทำให้เขาไม่ได้เต้นรำกับผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด เฉกเช่นเดียวกับชายคนนี้   เจ้าบ่าวผู้พิการ และเจ้าสาวคนรักของเขา   Hugo Rohling คือเจ้าบ่าวชาวบราซิลของงานแต่งงานที่เต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย หากแต่ว่าเขาไม่สามารถเดินไปทักทายทุกคนด้วยสองขาของตัวเองได้ อันมีสาเหตุมาจากความพิการของเขา Hugo ได้รับอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ในปี 2014 ทำให้เขาต้องสูญเสียความสามารถในการเดินไปนับตั้งแต่ตอนนั้น และจำเป็นต้องนั่งวีลแชร์อยู่แทบจะตลอดเวลา     ถึงอย่างนั้น ความพิการก็ไม่ใช่อุปสรรคที่ทำให้เขาไม่ได้ลุกขึ้นมาเต้นรำกับ Cinthia Zanuni เจ้าสาวของงาน หญิงสาวที่เขารักมากที่สุด เมื่อถึงเวลาที่เขาและเธอต้องเต้นรำเป็นคู่แรกของงาน ชายหนุ่มก็ได้รับความช่วยเหลือจากพี่และพ่อของเขา ชายสองคนที่ช่วยทำให้ความใฝ่ฝันของ Hugo เป็นจริงขึ้นมา     พ่อและพี่ได้ช่วยกันพยุงตัว Hugo คนละข้าง ใช้สายรัดขาเอาไว้เพื่อยึดให้มั่นคงไม่ล้มลงไป พยุงเขาไว้จนสามารถลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ สิ่งที่เกิดขึ้นได้กลายเป็นวินาทีสุดประทับใจของแขกทุกคนในงาน และตัวคู่บ่าวสาวเอง เมื่อพวกเขาได้เต้นรำร่วมกันเป็นคู่แรกในงานรื่นเริงครั้งนี้   คลิปสุดประทับใจของคู่บ่าวสาว    คลิปอันแสนอบอุ่นหัวใจดังกล่าวได้ถูกแชร์ออกไปในโลกโซเชียล จนล่าสุดมีผู้เข้าชมแล้วมากกว่า 60 ล้านครั้ง เชื่อว่าในตอนนี้ พวกเขาคงเหมือนได้รับความรักจากคนทั่วโลกไปแล้วล่ะนะ…  …

เวลาที่หนุ่มๆ พาแฟนไปกินข้าว บางครั้งพวกเขาก็อาจไม่ได้ต้องการที่จะเลี้ยงอาหารพวกเธอในมื้อนั้น หากแต่ยังคงคิดว่า “การแชร์ค่าอาหาร” คือทางออกที่ดีที่สุด เมื่อชายหนุ่มตั้งใจว่าจะแชร์แต่กลับโดนแฟนสาวบอกว่าให้เขาจ่ายค่าอาหารทั้งหมด มันก็อาจกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนถึงขั้นโทรแจ้งตำรวจจับกันได้เลยเหมือนกัน… ห๊ะ?!     เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในร้านอาหารจีนแห่งหนึ่งในเขต Chatswood กรุงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อช่วงสายของวันที่ 29 มกราคม 2019 ชายหนุ่มคนหนึ่งได้โทรไปยังเบอร์ 000 (เบอร์ฉุกเฉินในออสเตรเลีย) เพื่อแจ้งความจับภรรยาของตัวเอง หลังจากที่เธอไม่ยอมแชร์ค่าอาหารร่วมกันกับเขา เขาบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าภรรยาของเขานั้นคาดหวังที่จะให้เขารับผิดชอบค่าอาหารทั้งหมด โดยที่เธอไม่มีความตั้งใจที่จะจ่ายค่าอาหารในส่วนที่เธอกินเข้าไปเลย     การโทรแจ้งความของเขา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเดินทางมายังร้านอาหารดังกล่าว โดยที่ไม่ได้มาจับภรรยาของชายคนนั้น แต่มาเพื่อกล่าวตักเตือนว่าเขาไม่ควรโทรแจ้งไปด้วยเรื่องอะไรแบบนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเบอร์ 000 นั้นถูกจำกัดเอาไว้โทรแจ้งในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น อย่างในตอนที่ชีวิตคนตกอยู่ในอันตราย หรือเกิดเหตุอาชญากรรมขึ้น     อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็รายงานว่าพวกเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วใครเป็นคนจ่ายเงินส่วนที่เหลือของค่าอาหารนั้น และไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของคู่สามีภรรยาจะเป็นอย่างไรแล้วบ้าง (หวังว่าจะไม่ถึงขั้นหย่าร้างนะ)   ที่มา: dailymail , mirror

หลายๆ คนอาจใฝ่ฝันอยากเป็นอมตะหรือมีอายุยืนยาว แต่สำหรับคุณยาย Koku Istambulova เธอกลับคิดตรงกันข้าม เพราะเธอต้องการตายไปตั้งนานแล้ว ไม่อยากจะต้องมีชีวิตอยู่ถึง 129 ปีอย่างนี้… ?! เรื่องราวของเธอได้ถูกถ่ายทอดออกมา หลังจากที่เธอได้เสียชีวิตลงไปในวันที่ 27 มกราคม 2019 เป็นคำพูดที่เธอเคยบอกเล่าผ่านสื่อและหลานๆ ของเธอ กับชีวิตอันแสนยาวนานและเลวร้ายสำหรับเธอ   Koku ผู้ถูกบันทึกว่าเป็น “ผู้หญิงที่อายุยืนที่สุดในโลก”   จากข้อมูลของการบันทึกสถิติอย่างเป็นทางการในประเทศรัสเซีย คุณยาย Koku เกิดในวันที่ 1 มิถุนายน 1889 อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐเชเชน เธอคือผู้หญิงที่เดินทางข้ามผ่านกาลเวลามาหลายยุคหลายสมัย แต่เมื่อปี 2018 เธอกลับให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ทุกวันตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเธอนั้นมันมีแต่วันที่เลวร้าย หาความสุขแทบไม่ได้เลย หนึ่งในเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอก็คือในช่วง “สงครามโลกครั้งที่ 2” ปี 1944 เธอและเหล่าผู้มีเชื้อสายเชเชนนั้นถูกจับกุมตัวและถูกเนรเทศ     ระหว่างการเดินทางบนรถไฟอันยาวนานนั้น แน่นขนัดไปด้วยผู้คน การขับถ่ายอุจจาระเกลื่อนกลาดทั่วไปหมด พวกเธอไม่มีสิทธิ์ขยับเขยื้อนตัวไปไหนอย่างเด็ดขาด หากมีใครเสียชีวิตระหว่างทาง ศพของคนเหล่านั้นก็จะถูกจับโยนลงไปจากรถไฟ ปล่อยให้สุนัขมากินซากศพระหว่างทาง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพ่อสามีของเธอเอง  …

แน่นอนว่าในสมัยเรียน สิ่งที่พวกเราแทบทุกคนจะต้องเคยเจอกันอย่างแน่นอนก็คือ “การบ้าน” (อันนี้หมายถึงการบ้านจริงๆ นะ แบบที่ครูสั่งให้ทำอ่ะ ไม่ใช่การบ้านที่เราทำกับแฟนอะไรทำนองนั้น) แต่การบ้านของคุณครูคนนี้อาจเป็นอะไรที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อน เมื่อเธอได้ให้การบ้านกับนักเรียนไปว่า “ห้ามไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นจากเดิม 1 กิโลกรัม ไม่อย่างนั้นจะถูกทำโทษ” ?!     เรากำลังพูดถึงการบ้านที่คิดขึ้นโดยคุณครูที่ชื่อว่า Chen Wei ครูประจำชั้นของเด็กๆ เกรด 8 (ประมาณ ม.2 บ้านเรา) โรงเรียนมัธยมในเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน เธอให้สัมภาษณ์ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2019 ว่า ในตอนนั้นเธอได้เหลือบไปเห็น “เครื่องชั่งน้ำหนัก” และคิดว่าอยากจะให้เด็กๆ รักษาสุขภาพร่างกาย ควบคุมน้ำหนักในช่วงวันหยุด ยิ่งเป็นวันหยุดยาวในช่วงฤดูหนาวด้วยแล้ว เธอก็กังวลว่าเด็กๆ จะปล่อยปละละเลยจนทำให้อ้วนจนเกินไป ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้     เพราะอย่างนั้น ก่อนวันหยุดยาวช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เธอจึงให้นักเรียนทุกคนมาชั่งน้ำหนักเสียก่อน มีนักเรียนบางคนที่พยายามจะโกงตอนชั่งน้ำหนัก แอบใส่แม่เหล็กในกระเป๋า ดื่มน้ำเยอะๆ แล้วอั้นปัสสาวะ แต่เธอก็สั่งให้นักเรียนทุกคนไปขับถ่ายให้เรียบร้อย ถอดเสื้อคลุม รองเท้า กระเป๋าออกก่อนที่จะขึ้นชั่ง จากนั้นจึงให้การบ้านไปว่าระหว่างหยุดยาวนั้น ห้ามให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมาเกิน…

“การมีเพศสัมพันธ์กันในที่สาธารณะ” ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีคนไม่ยอมทำตามกฎระเบียบดังกล่าว แสวงหาความท้าทายแปลกใหม่กับคู่ขาของตนเองและอัดคลิปเก็บเอาไว้ เช่นเดียวกันกับ “ดาราหนังโป๊” George Mason วัย 35 ปี และคู่ขาของเขา Nicholas Mullan วัย 24 ปี ทั้งสองได้ทำการมีเซ็กส์แบบ 3 คนกับชายอีกคนหนึ่ง (ไม่ระบุชื่อ) ต่อหน้าผู้โดยสารคนอื่นกลางขบวนรถไฟใต้ดิน     เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในรถไฟใต้ดินประเทศอังกฤษ ที่กำลังเดินทางจากสถานี Leicester Square ไปยังสถานี Waterloo พวกเขาทั้งสามคนได้อัดคลิปการเล่นเซ็กส์ดังกล่าวเอาไว้ ซึ่งมีทั้งการใช้ปาก เล้าโลม ช่วยตัวเอง และสอดใส่ผ่านรูทวาร ภายในรถไฟใต้ดินดังกล่าว โดยจากหลักฐานนั้น เหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2017 ก่อนที่คลิปจะถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์และสื่อโซเชียลอย่างทวิตเตอร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2018   George (คนซ้าย) และ Mullan   ชาวเน็ตคนหนึ่งได้โทรแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากที่เขาเห็นคลิปดังกล่าวในทวิตเตอร์และคิดว่านั่นคือพฤติกรรมที่ “ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก” โดยคลิปนั้นขึ้นแคปชั่นไว้ว่า.. “ถ่ายทอดสดการมีเพศสัมพันธ์แบบเต็มรูปแบบ ต่อหน้าสาธารณชนบนรถไฟใต้ดิน ของแท้ 100…

เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่เชื่อว่าผู้ชายหลายๆ คนคงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน เพราะคงไม่ต้องเดาก็พอรับรู้และเข้าใจได้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากขนาดไหน เรากำลังพูดถึงสิ่งที่นาย Sean Marsden วัย 48 ปีได้ประสบพบเจอไป ในระหว่างที่เขากำลังมีเซ็กส์กับ Louise gray แฟนสาววัย 36 ปี   Sean และ Louise แฟนสาว   เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในคืนหนึ่งที่เขากำลังบ๊ะๆ โอ๊ะบ๊ะๆ กับแฟนสาวของตัวเอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่าง “แตกหัก” จนเมื่อรับรู้ได้ว่ามันคืออะไรเท่านั้นแหละ…?! Sean เล่าว่า “ผมได้ยินเสียงบางอย่างแตก และบอกกับแฟนสาวไปตรงๆ ว่ามันมีบางอย่างผิดพลาด ก่อนที่จะใช้มือกุมไอ้จ้อนเอาไว้ในขณะที่มันบวมขึ้น บวมขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด” “มันใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเทียบเท่ากับขวดไวน์ มันเหนือการควบคุมของผมไปแล้วและผมก็กลัวตายเอามากๆ มันช่างเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส”     ชายหนุ่มเล่าต่อไปว่า “ความเจ็บนั้นมาเป็นระลอกๆ จนผมสามารถมองเห็นได้ว่าไอ้จ้อนนั้นมันแตกหรือหักจริงๆ ผมก็คิดว่าคงต้องรีบไปโรงพยาบาลให้ได้แล้ว” ด้วยเหตุนั้น แฟนสาวจึงโทรเรียกรถฉุกเฉินมารับเป็นการด่วน พาเขาตรงไปที่โรงพยาบาล Royal Shrewsbury Hospital เมือง Shrewsbury สหราชอาณาจักร  …

เรื่องราวอันแสนอบอุ่นหัวใจนี้ได้สร้างความซาบซึ้งใจให้กับทุกคน หลังจากที่นาย Zhang Jiafeng ชายชาวจีนได้รับรางวัลจากทางภาครัฐ ในการที่เขา “อุทิศตน” ให้กับคนที่เขารัก   Jiafeng และ Zhang Xiaoyu ภรรยาของเขา   เรื่องราวของทั้งสองคนนั้น เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันในโรงเรียนมัธยมต้น แล้วจากคำว่าเพื่อนก็แปรเปลี่ยนไป เมื่อทั้งสองตกหลุมรักกันในปี 2007 ตอนที่พวกเขาทั้งคู่อายุได้ 19 ปี แต่แล้วในปี 2008 Xiaoyu ล้มป่วยกะทันหัน ทำให้เธอถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเป็นการด่วน ซึ่งหมอก็ได้วินิจฉัยว่าเธอป่วยเป็น “ภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ” จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดสมอง ทว่าการผ่าตัดที่เกิดขึ้นนั้นกลับผิดพลาด และทำให้หญิงสาววัย 20 ปีต้องตกอยู่ใน “สภาพผัก” เป็นภาวะที่สมองสูญเสียความสามารถในการรับรู้ ความเข้าใจ และการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ   หญิงสาวในตอนนั้น   แม้ว่าหญิงสาวจะต้องตกอยู่ในสภาพที่ไม่รับรู้สิ่งใดๆ และหมอก็บอกกับทางครอบครัวว่าโอกาสที่เธอจะกลับมามีสติได้นั้นมีน้อยมากๆ แต่ถึงอย่างนั้น Jiafeng ก็ตัดสินใจที่จะอยู่เคียงข้างเธอไม่เปลี่ยนแปลง ในตอนแรก Zhu Jianmei แม่ของ Xiaoyu ไม่ยอมให้ชายหนุ่มมาคอยดูแลลูกสาวของเธอ พยายามกีดกันและแนะนำให้เขาไปหาแฟนใหม่ซะดีกว่า คุณแม่เล่าว่า…

นี่ไม่ใช่การ์ตูนหรือการถ่ายทำหนัง แต่มันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในบ่อนคาสิโน เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างที่เหล่านักพนันทั้งหลายกำลังสนุกอยู่กับการเสี่ยงโชค จู่ๆ ก็มีชายสองคนบุกเข้ามาพร้อมด้วยอาวุธมีดสปาต้าเล่มยาวเฟื้อย และท่อเหล็ก   รอสังเกตคุณลุงสวมแว่นเอาไว้ให้ดี   ชายสองคนนั้นพยายามขู่เอาเงินจากคนในบ่อนคาสิโน มีการใช้มีดฟันใบหน้าของคุณลุงคนหนึ่ง แต่งานนี้ดูเหมือนว่าพวกพี่แกจะเลือกสถานที่และเหยื่อผิดไปหน่อยล่ะนะ ที่พวกพี่แกพลาด เพราะดันไม่รู้ว่าคุณลุงคนนั้นแกคือหนุ่มใจกล้า ผู้ดูเหมือนว่าจะไม่กลัวสิ่งใด ต่อให้มีดยาวแค่ไหนก็ไม่หวั่นเกรง เดินดุ่มๆ เข้าหาโจรถือมีด ก่อนที่จะง้างหมัดจากสุไหง โก-ลก ฮุคเข้ากรามขวาอย่างแรง   หมัดเดียว เสียงดัง แต๊บ!!   มิต้องสืบเลยว่าหมัดหนักขนาดไหน เพราะเพียงหมัดเดียวก็ทำเอาโจรถึงกับล้มลงกองกับพื้น ตกอยู่ในสภาพมึนงงไปชั่วอึดใจ ไม่ทันไรก็เหลือบไปเจอเข้ากับบาทาจากรองเท้าบาจาเบอร์ 11 จูบเข้าแก้มอย่างจัง ยังไม่ทันได้ยืนเลย (รองเท้าบาจานี่มาจากอินเนอร์ของ #เหมียวตะปู ล้วนๆ นะ แหะๆ)     เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ช่วยยื้อเวลาและทำให้โจรทั้งสองคนเสียท่า จำเป็นต้องหนีออกไปจากบ่อนคาสิโน โดยที่ไม่ได้เงินกลับไปเลยแม้แต่แดงเดียว   คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น    แม้เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2018 แต่คลิปนี้ก็ได้ถูกนำมาเผยแพร่ในต้นปี 2019 หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้เทคโนโลยีร่างภาพใบหน้าของคนร้ายได้แล้ว…

นี่อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลในการลาออกที่แปลกที่สุดเท่าที่เราเคยเจอมา เมื่อ “คุณหมอ” คนหนึ่งจำเป็นต้องลาออกจากสถานพยาบาลตามความต้องการของภรรยา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ศูนย์พยาบาลในรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา เมื่อมีคนไข้สาวคนหนึ่งได้ถ่ายภาพป้ายประกาศที่ติดไว้บริเวณหน้าห้องประชาสัมพันธ์ และนำมันโพสต์ลงโลกโซเชียล     ใบประกาศนั้นบอกว่า… “ดอกเตอร์ Lupardus ได้ลาออกจากสถานพยาบาลของเราไปเมื่อวันศุกร์ 18 มกราคม 2019” “เหตุผลที่เขาลาออกก็เพราะว่าภรรยาของเขานั้นไม่อนุญาตให้เขาทำงานที่นี่ ตั้งแต่ที่เราได้เริ่มจ้างพยาบาลฝึกหัดที่เป็นผู้หญิง” “เรารู้สึกเสียใจมากๆ ต่อความไม่สะดวกนี้ที่ส่งผลกระทบต่อพวกคุณทุกคน” “เขาจะไม่กลับมาที่สถานพยาบาลแห่งนี้อีกแล้ว”   ป้ายประกาศดังกล่าว   งานนี้ทำเอาเหล่าคนไข้ถึงกับอึ้ง โดยเฉพาะกับหญิงสาวเจ้าของโพสต์ในเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Susan Whitsell Rolens ซึ่งมองว่านี่คือพฤติกรรมที่ “ไม่มีความเป็นมืออาชีพ” และนำเรื่องนี้มาแชร์ในโซเชียล หลังจากที่เห็นประกาศดังกล่าว เธอก็ไปบอกกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ว่าเหตุการณ์นี้คือความไม่เป็นมืออาชีพมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา การที่เธอเข้าไปโวยกับบุคลากร ทำให้หญิงสาวไม่ได้เข้าพบหมออีกคนอย่างที่ควรจะเป็น แถมยังถูกยกเลิกนัดและเชิญให้เธอออกไปจากสถานพยาบาลเสียแทน     อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการออกมาชี้แจงเพิ่มเติมจากทางฝั่งของสถานพยาบาลแห่งนี้ แต่ที่แน่ๆ คือเราคงรู้แล้วว่าคุณหมอที่ลาออกไปนั้น เป็นคน “เกรงใจภรรยา” มากขนาดไหน….   ที่มา: news.au , mirror

เพื่อนๆ เคยเจอกับการ “ออกเดต” ไหนที่ทำให้รู้สึกว่ามันเลวร้ายเอามากๆ หรือเปล่า? ถ้าใครคิดออกแล้วก็เก็บไว้ในใจ ก่อนที่จะลองมาอ่านเรื่องราวของเธอคนนี้ เรากำลังพูดถึง Natalie Palmer หญิงสาววัย 23 ปี นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ชีวภาพ จากเมือง Caerphilly สหราชอาณาจักร ผู้ต้องพานพบกับการ “ออกเดตยอดแย่” กว่า 40 ครั้ง ในช่วงเวลาเพียง 9 เดือน   Natalie สาวผู้ผ่านเดตยอดแย่มามากมาย   เธอเริ่มที่จะมองหาคู่ครองผ่านแอปฯ หาคู่ชื่อดังอย่าง Tinder และเว็บไซต์ Plenty of Fish ซึ่งเธอก็พยายามทำให้โปรไฟล์ของตัวเองมีเอกลักษณ์ ดูตลก และน่าสนใจ หวังจะได้เจอกับเจ้าชายในฝัน นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 ที่เธอเริ่มเล่นแอปฯ เหล่านั้นครั้งแรก สิ่งที่เธอวาดฝันเอาไว้กลับพังทลายลงไปอย่างน่าเศร้า เพราะเธอบอกว่าผู้ชายแต่ละคนที่ไปเจอมานั้นเป็นพวกที่แย่เอามากๆ     เธอได้ออกมาเล่าถึงผู้ชายบางคนให้สื่อได้ฟัง มีตั้งแต่คนที่ชวนคุยในเรื่องของ “เซ็กส์ทอย” ที่เขาอยากให้เธอได้ลองใช้ มีคนที่พูดคุยกับเธอด้วยคำหยาบคาย และเมื่อเธอบล็อกเขาไปแล้ว ชายคนเดียวกันนั้นก็สร้างโปรไฟล์ปลอม…

ระบบบริการสุขแห่งชาติ (National Health Service) ในสหราชอาณาจักร ถือว่าเป็นระบบที่พวกเขาภาคภูมิใจกันอย่างมาก เพราะมันช่วยให้ประชากรราวๆ 70 เปอร์เซ็นต์ สามารถรับการรักษาได้ฟรีในหลายๆ เงื่อนไข เช่นเดียวกันกับ Andrew Davies เด็กหนุ่มชาวอังกฤษ หนึ่งในผู้ที่มีสิทธิ์รักษาฟรีตามระบบดังกล่าว หลังจากที่ตอนอายุ 13 ปี เขาถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรค “มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดไมอีลอยด์”     ในปี 2012 ตอนที่เขาถูกวินิจฉัยว่ามีอาการของโรคมะเร็ง ทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล Sheffield Children’s Hospital Andrew ต้องเข้ารับการเยียวยาด้วยเคมีบำบัด (หรือที่เราเรียกกันว่า “คีโม”) ซึ่งมันต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา บวกกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส หลังจากนั้นจึงตามด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูก     จากตอนแรกที่เขาเริ่มเข้ารับการรักษานั้น เขาก็รู้สึกได้ว่าแม้จะได้สิทธิ์รักษาฟรี แต่เขาก็มีความต้องการที่จะคืนค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลต้องเสียไปทุกบาททุกสตางค์ เมื่อเขาถามบุคลากรว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้นมันเท่าไหร่ คำตอบที่ได้ก็คือ 150,000 ปอนด์ หรือราวๆ 6.2 ล้านบาท!!     Andrew บอกว่า “เธอบอกกับผมว่าการผ่าตัดทั้งหมดนั้นระบบ NHS…

CPR คือการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อช่วยเหลือผู้ที่หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น ให้กลับมาหายใจได้อีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะรู้จักหรือได้ฝึกฝนวิธีการช่วยเหลือดังกล่าวมาแล้ว แต่สำหรับ Cross Scott ช่างซ่อมรถวัย 21 ปีจากรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เขาไม่เคยฝึกฝนวิธีดังกล่าวเลย แต่เขากลับสามารถใช้การ CPR นั้นช่วยชีวิตหญิงสาวคนหนึ่งเอาไว้ได้ เพราะบังเอิญไปจำมาจากใน “ซีรีส์”!!   Cross ชายผู้ไม่เคยฝึก CPR แต่สามารถใช้วิธีการนั้นช่วยชีวิตสาวคนหนึ่งไว้ได้   เรื่องราวเกิดขึ้นในวันที่ 11 มกราคม 2019 ขณะที่ Cross กำลังนำรถของลูกค้าไปทดลองขับอยู่นั้น เขาก็ได้เหลือบไปเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถยนต์สีขาวที่กำลังไหลไปด้านหน้า หากแต่ว่าเธอกลับฟุบหมดสติไปแล้ว เขาไม่รอช้ารีบขับเข้าไปใกล้เพื่อดูอาการของเธอคนนั้น เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมา แถมปากก็เริ่มซีด เขาจึงลงจากรถเพื่อเข้าช่วยเหลือเธอในทันที     Cross นำหินก้อนใหญ่มาขวางล้อหน้าของรถคันนั้นเอาไว้เพื่อไม่ให้ไหลไปมากกว่านี้ ก่อนที่จะนำหินอีกก้อนทุบให้กระจกตรงฝั่งคนขับแตกเพื่อเข้าไปช่วยเหลือเธอ ระหว่างนั้นก็มีผู้หญิงอีก 2 คนที่เห็นเหตุการณ์โทรเรียกรถพยาบาลเป็นการด่วน ส่วน Cross ก็ค่อยๆ อุ้มหญิงสาวที่หมดสติไปออกมาจากรถ แล้วจึงลองเช็กชีพจรของเธอดู ซึ่งเขาคิดว่าไม่รู้สึกถึงมันเลย เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจทำ CPR ให้กับหญิงสาวคนนี้…

บางคนอาจคิดว่าหัวขโมยที่มีทักษะการบุกเข้าโจรกรรมแบบเหนือชั้นนั้นอาจไม่มีอยู่จริง แต่ตัวอย่างของหัวขโมยยอดฝีมือผู้ถูกขนานนามว่า “หัวขโมยนินจา” ก็คือชายคนนี้นี่เอง… Kazuki Nishimura หนุ่มวัย 42 ปีจากจังหวัดโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เขาคือหนึ่งในอาชญากรที่ตำรวจต้องการตัวมากที่สุด ด้วยสถิติ 18 เดือน ก่อคดีมาแล้วกว่า 27 ครั้ง!!     นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2017 จนถึงเดือนตุลาคม 2018 Kazuki ก่อคดีลักทรัพย์มาแล้วถึง 27 ครั้ง มีทั้งที่สำเร็จและพยายามแต่ไม่สำเร็จก็มี ถึงอย่างนั้นเมื่อรวมค่าเสียหายจากสิ่งที่เขาขโมยไป ไม่ว่าจะเป็นของมีค่าหรือเงินสด รวมทั้งหมดแล้วมากกว่า 9.45 ล้านเยน หรือประมาณ 2.7 ล้านบาทเลยทีเดียว!!     นอกจากนั้น ชายคนนี้ยังไม่ใช่หัวขโมยธรรมดาที่สามารถจับกุมตัวได้อย่างง่ายดาย เพราะจากการรายงานของตำรวจกล่าวว่าเขามีทักษะระดับพระกาฬในการย่องเบา จนเจ้าหน้าที่เรียกขานเขาว่าเป็น “หัวขโมยนินจา” ไม่ว่าจะเป็นทักษะในการปีนป่ายขึ้นตึกสูงอย่างรวดเร็ว ไต่ขึ้นบันไดหนีไฟอย่างคล่องแคล่ว คลานหลบในช่องระบายอากาศ บุกเข้าอาคารทั้งทางหน้าตาหรืองัดประตู โดยที่แทบไม่มีใครได้เห็นหน้าเขามาก่อนเลย     แต่แล้วเขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ระบุตัวได้เพราะความผิดพลาดในการก่อคดีเมื่อเดือนสิงหาคม 2017 เขาดันทำกุญแจห้องบ้านหล่นทิ้งไว้ในสถานที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงบอกได้ว่าเขาคือผู้ก่อคดี อย่างไรก็ตาม…

“การแต่งงาน” เป็นเหมือนสิ่งที่ยืนยันความรักระหว่างคนสองคน ว่าทั้งคู่นั้นจะอยู่ด้วยกัน รักและดูแลกันและกันไปจนตราบนิจนิรันดร์กาล แต่จะเป็นอย่างไร เมื่อการแต่งงานไม่ได้เกิดขึ้นกับคนสองคน แต่เกิดขึ้นระหว่างคนหนึ่งคน กับบางสิ่งที่ไม่ใช่คนเสมอไป เหมือนอย่างพวกเขาเหล่านี้     1. Noorul Mahjabeen Hassan แต่งงานกับ “เกม Tetris” Objectum Sexual คือความรู้สึกมีแรงดึงดูดทางเพศกับสิ่งของไม่มีชีวิต และหญิงสาววัย 20 ปีคนนี้ก็คือตัวอย่างของคนที่มีอาการดังกล่าวนั่นเอง เธอบอกว่าตัวเองมีความสัมพันธ์กับเครื่องคิดเลข (ที่เธอตั้งชื่อว่า Pierre), iPods หรือแม้แต่ระบบ GPS แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรักมากที่สุดก็คือวิดีโอเกม Tetris ซึ่งเธอตั้งใจจะแต่งงานกับมันหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย   2. Pascale Sellick แต่งงานกับ “ผ้านวม” สำหรับศิลปินวัย 49 ปีคนนี้ การแต่งงานระหว่างเธอและผ้านวมนั้นไม่ได้ถูกจัดขึ้นมาแบบขำๆ เลยแม้แต่น้อย เพราะเธอถึงขั้นจ้างทีมออร์แกไนซ์วางแผนจัดงานแต่งขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ เธอบอกว่า “กับผ้านวมของฉัน มันคือความสัมพันธ์ที่ยาวนาน มั่นคง ลึกซึ้ง และวางใจได้มากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา นั่นเพราะว่ามันจะอยู่กับฉันทุกครั้งที่ต้องการ และมอบอ้อมกอดที่ดีที่สุดให้กัน”   3.…

“สมาร์ทโฟน” คือสิ่งที่ไม่ว่าใครในยุคนี้ก็มักจะต้องมีเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น และแน่นอนว่าเมื่อมันเกิดปัญหาใช้การไม่ได้ตามปกติ ทางออกหนึ่งที่เราเลือกกันก็คือการนำมันไปร้านซ่อมนั่นเอง เช่นเดียวกันกับลูกค้าคนนี้ เมื่อเขานำมือถือสมาร์ทโฟนของตัวเองมาที่ร้านซ่อมแห่งหนึ่งในเมือง Basiskele ประเทศตุรกี เพื่อต้องการจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น…   ยังไม่ทันได้ทำอะไร อยู่ดีๆ ไฟก็ลุกท่วมโทรศัพท์ซะอย่างนั้น!!   คลิปจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นขณะที่นาย Hulusi Ayman ช่างซ่อมโทรศัพท์กำลังตรวจสภาพโดยรอบมือถือของลูกค้าคนดังกล่าวอยู่ (ไม่มีการระบุชื่อรุ่นหรือยี่ห้อของโทรศัพท์เครื่องดังกล่าว) แต่แล้วแค่หยิบมาดูยังไม่ทันได้ทำอะไร จู่ๆ ก็เกิดไฟลุกท่วมโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำเอาทั้งลูกค้าและช่างซ่อมถึงกับตกใจกันไปตามๆ กัน     Hulusi ปล่อยมือถือเครื่องนั้นในทันที ก่อนที่จะปัดมันตกลงมาจากตู้กระจก ซึ่งในตอนนั้นไฟก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะดับแต่อย่างใด ท้ายที่สุดแล้ว พนักงานร้านอีกคนจึงเอาน้ำมาดับไฟได้สำเร็จ สร้างความโล่งใจให้กับทุกคน      จากการรายงานของสำนักข่าวในตุรกี วันที่ 26 มกราคม 2019 บอกว่าเหตุการณ์ไฟลุกครั้งนี้เป็นผลมาจาก “ความร้อนนอกเหนือการควบคุม” โดยมันอาจเป็นผลมาจากการที่เราชาร์จแบตเข้ามากจนเกินไป, เครื่องมีความร้อนเกินกว่าปกติ, ได้รับความเสียหายทางกายภาพ, หรืออาจเป็นความผิดพลาดในกระบวนการการผลิตก็เป็นได้     กลายเป็นว่าจากตอนแรกตั้งใจจะเปลี่ยนแค่แบต งานนี้คงต้องเปลี่ยนมือถือแทนแล้วล่ะนะ  …

การแต่งกายให้เหมาะสมต่อสถานที่นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนพึงทำ แต่สิ่งที่ Marny หญิงสาวชาวเยอรมันวัย 22 ปี ยังคงไม่เข้าใจมาถึงตอนนี้เลยก็คือ นี่เธอแต่งตัวไม่เหมาะสมจริงๆ หรือ? Marny ได้โพสต์ภาพลงทวิตเตอร์พร้อมกับแคปชั่นที่ว่า… “เพิ่งถูกไล่ออกมาจากฟิตเนส เพราะเสื้อผ้าของฉันมัน “โป๊เกินไป” (ดูจากในรูป) และมันทำให้หนุ่มๆ ที่นั่นเสียสมาธิ นี่เราอยู่ในศตวรรษที่เท่าไหร่กันแล้ว? ช่างน่าเศร้าเสียจริง”   ชุดที่เธอถูกไล่ออกมาจากฟิตเนส (22 ม.ค. 2019)   เรื่องมีอยู่ว่า Marny อาศัยอยู่ในเมือง Constance ประเทศเยอรมนี และเธอก็เป็นสมาชิกกับฟิตเนสท้องถิ่นแห่งหนึ่งมานานกว่า 2 ปีแล้ว ตามปกติแล้วก่อนหน้านี้เธอมักจะสวมเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มเข้ามาใช้บริการอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งหลังช่วงปีใหม่ 2019 นี้เธอก็ตัดสินใจที่จะซื้อชุดกีฬาที่ดูเหมาะสมต่อการออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น เพื่อความสะดวกสบาย แล้วในวันหนึ่ง เธอก็ได้สวมชุดอย่างที่เราเห็นในภาพเข้าไปใช้บริการฟิตเนสตามปกติกับแฟนหนุ่มของเธอ ระหว่างที่กำลังวิ่งอยู่บนลู่ จู่ๆ ก็มีเทรนเนอร์สาวเดินเข้ามาบอกกับเธอว่า “คุณไม่สามารถเข้ามาใช้บริการในชุดนี้ได้”     เทรนเนอร์สาวคนดังกล่าวให้เหตุผลกับเธอว่า “คุณไม่สามารถสวมสปอร์ตบรามาใช้บริการได้” และเหตุผลนั้นก็ทำเอา Marny ถึงกับตกใจและสงสัยว่า “ที่ใส่อยู่นี่มันไม่ใช่สปอร์ตบราสักหน่อย แล้วถ้าใช่ ทำไมถึงใส่ไม่ได้กัน?” ก่อนหน้านี้เธอก็เคยเห็นผู้หญิงคนอื่นๆ…

สำหรับ “งานแต่งงาน” นั้น ทางฝั่งคู่บ่าวสาวก็มีสิทธิ์ที่จะสามารถส่งการ์ดเชิญแขกผู้มีเกียรติได้ด้วยตัวเอง สามารถเลือกที่จะชวนหรือไม่ชวนใครก็ได้ เช่นเดียวกันกับเจ้าสาวคนหนึ่ง เมื่อเธอเลือกที่จะไม่ชวนคนในครอบครัว ญาติผู้ใหญ่หลายๆ คนของเธอมาร่วมงาน จากเหตุผลที่ว่า “พวกเขาไม่ใช่วีแกน”?!     เธอได้โพสต์เรื่องราวของตัวเองลงในเฟซบุ๊กของกลุ่มคนที่เป็น “วีแกน” เหมือนๆ กันกับเธอ หญิงสาวนิรนามคนนั้นเล่าว่าเธอจะจัดงานแต่งงานให้เป็นไปในลักษณะของวีแกนโดยสมบูรณ์ จึงเลือกที่จะไม่เชิญญาติผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่วีแกน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนที่กินได้ทั้งผักและเนื้อสัตว์ก็ตาม เธอให้เหตุผลว่า การที่ไม่ชวนคนในครอบครัวบางคนมาร่วมงานนั้นก็เพราะไม่อยากเป็นเจ้าภาพที่มี “ฆาตกร” มาร่วมอยู่ในงานแต่งงาน หนึ่งในงานที่ควรจะมีความสุขมากที่สุดในชีวิต   โพสต์ของเธอ   หลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้คนในกลุ่มเฟซบุ๊กที่เป็นวีแกนเหมือนกันต่างมองว่านั่นเป็นเรื่องที่ “ไร้เหตุผลจนเกินไป” มีคอมเมนต์บอกว่า “ในฐานะที่เป็นวีแกน ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันไร้สาระ คุณจะมาเรียกคนในครอบครัวว่าฆาตกรมันก็ไม่ถูก” อีกคอมเมนต์บอกว่า “เธอบ้าไปแล้ว ถ้าเป็นผมนะการตัดเธอออกไปจากชีวิตยังจะมีความสุขกว่าซะอีก”     หลังจากที่หลายๆ คนไม่เห็นด้วย หญิงสาวเจ้าของโพสต์ก็ได้ออกมาอธิบายถึงเหตุผลที่ไม่โอเคกับญาติๆ ของเธอเพิ่มเติมว่าก่อนหน้านี้ตนเองและแฟนหนุ่มเคยโดยคนเหล่านั้นโจมตีในสิ่งที่เธอเป็น เธอบอกว่าเคยถูกญาติๆ ต่อว่าเพียงเพราะเธอและแฟนเป็นวีแกน แต่พอพวกเขารู้ว่าเธอจะจัดงานแต่งงาน จู่ๆ ก็ดันมาทำดีอยากเป็นเพื่อนด้วยซะอย่างนั้น เธอไม่ต้องการที่จะให้มี “คนที่คร่าชีวิตสัตว์” มาอยู่ในงานแต่ง และนำเรื่องนี้มาแชร์ในกลุ่มโดยหวังว่าจะมีคนที่คิดเหมือนกัน ได้รับความเข้าใจจากคนที่ทำเหมือนๆ กันกับเธอ…

อีกไม่นานเกินรอก็จะถึง “วันวาเลนไทน์” กันแล้ว หลายๆ คนอาจกำลังมองหาของขวัญที่อยากจะมอบให้กับคนที่เรารักอยู่ใช่มั้ยล่ะ วันนี้ #เหมียวตะปู จึงอยากนำเสนอให้ทุกคนได้พบกับของขวัญสุดพิเศษที่คู่ควรแก่การมอบให้แฟนหนุ่มของเหล่าสาวๆ เป็นอย่างมาก มันก็คือ “กางเกงในลายน่ารักๆ” ที่มาคู่กับ “ขนมปังก้อน” นั่นเอง!!   ขนมปังก้อนโต กับกางเกงในลายหัวใจสุดคาวาอี้   นี่คือคอมโบเซตที่ถูกผลิตมาเพื่อเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์โดยเฉพาะ เป็นการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์เสื้อผ้า TOOT และร้านเบเกอรี่ Cube The Bakery ในประเทศญี่ปุ่น หากใครเลือกกางเกงในสีขาวสะอาดตาแล้วล่ะก็ คุณก็จะได้จับคู่กับขนมปังก้อน “แบบจืด” ที่ทำมาจากแป้งของจังหวัดฮอกไกโด     ส่วนใครที่เลือกกางเกงในสีแดง ขนมปังที่ได้ก็จะทำมาจากแป้งออร์แกนิกของฝั่งทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งจะมีความนุ่มและหวานกว่าขนมปังก้อนแบบจืด     สำหรับไอเดียของการจับคู่ 2 สิ่งนี้ให้กลายมาเป็นของขวัญนั้น พวกเขาก็บอกว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากคำว่า Pan ในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่าขนมปัง แต่ทว่ามันมีการออกเสียงคล้ายๆ กับคำว่า Pantsu ที่แปลกว่ากางเกงใน สุดท้ายจึงกลายมาเป็นการเข้าคู่กันของทั้งสองสิ่งนี้นั่นเอง   .   แม้มันอาจดูแปลกๆ สำหรับบางคน หากต้องนำเจ้าสองสิ่งนี้มาเป็นของขวัญให้แก่ชายหนุ่มที่เรารัก แต่ใครจะไปคิดว่ามันขายดีมากๆ…

ผู้ที่ป่วยเป็น “ดาวน์ซินโดรม” มักจะไม่ได้รับโอกาสในการทำงานได้อย่างคนทั่วๆ ไป เนื่องจากความบกพร่องที่พวกเขามีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด แต่นั่นไม่ใช่สำหรับคาเฟ่แห่งนี้ เพราะที่นี่ตั้งใจที่จะว่าจ้างผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม เพื่อให้พวกเขาได้มีประสบการณ์การทำงานจริงๆ และยังได้มีรายได้ตามอัตราค่าจ้างเหมือนอย่างคนทั่วๆ ไปอีกด้วย   คาเฟ่ที่ตั้งใจว่าจ้างผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม   ร้าน Café 21 เป็นคาเฟ่ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาภายใต้โปรเจคต์ที่ชื่อว่า Sunshine and Smiles โดยได้รับเงินสนับสนุนจากองค์กรการกุศล 2 แห่ง ได้แก่ The Seedbed Trust และ The Wesleyan Foundation คาเฟ่แห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยดาวน์ซินโดรมอายุตั้งแต่ 18-24 ได้มีโอกาสในการทำงานจริง และฝึกการสร้างรายได้ด้วยตัวเองจริงๆ   บรรยากาศการสอนงาน ให้ได้ลองทำหลากหลายหน้าที่   งานที่พวกเขาจะได้ทำก็มีตั้งแต่ งานในครัวต่างๆ หรืองานบริการ เช่น เสิร์ฟเค้กโฮมเมดให้กับลูกค้า เสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่มร้อนเย็น เป็นต้น ในตอนแรก คาเฟ่แห่งนี้เคยอยู่ในช่วงทดลองเพียงแค่ 1 สัปดาห์ ในเดือนมีนาคม 2018…

เราสามารถเปลี่ยนหรือมีหลายสัญชาติได้ แต่การจะเปลี่ยน “เชื้อชาติ” ของตัวเอง จากคนเอเชียกลายเป็นคนขาว หรือจากคนขาวกลายเป็นคนผิวสี ฟังดูแล้วคงบอกได้ว่ามันไม่น่าเกิดขึ้นมาได้เลย แต่ว่าสำหรับนางแบบสาว “ผิวขาว” ชาวเยอรมัน Martina Big เธอกลับเชื่อว่าตอนนี้ตนเองได้เปลี่ยนเชื้อชาติมาเป็นคนผิวสีเต็มตัว ไม่เหลือความเป็นคนขาวแต่อย่างใด   นางแบบ Martina ก่อนการฉีดสีผิว   เธอในปัจจุบัน   Martina ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ This Morning ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2019 ที่ผ่านมา บอกว่าหลังจากที่เธอได้ “ฉีดผิวสีแทน” เมื่อ 2 ปีก่อนจนทำให้ตอนนี้เธอกลายเป็นคนผิวสี เปลี่ยนเชื้อชาติไปเรียบร้อยแล้ว เธอบอกว่า “ผิวของฉันเริ่มดำขึ้นเรื่อยๆ และผมที่ยาวออกมาก็มีความหยิกงอและเริ่มกลายเป็นสีดำ แม้แต่คิ้วของฉันก็ยังดำขึ้น รวมถึงสีของตาที่เปลี่ยนไป”     ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะเธอยังเล่าว่าก่อนหน้านี้ได้ปรึกษาและเข้ารับการตรวจกับแพทย์ประจำตัว โดยคุณหมอยังบอกเธอว่าถ้าเธอมีลูกกับ Michael ผู้เป็นสามี ลูกของเธอก็จะเป็นคนผิวสีอีกด้วย หรือไม่อย่างนั้นเธอก็เชื่อว่าเด็กที่คลอดออกมาอาจไม่ได้มีสีผิวดำแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นไปได้ที่จะมีผิวสีแทนเพราะสามีของเธอเป็นคนผิวขาว   เธอและสามี   จากความเชื่อที่ว่าตนเองกลายเป็นคนผิวสี…

Game of Thrones คือชื่อของท็อปซีรีส์สัญชาติอเมริกันที่มีผู้ชื่นชอบติดตามกันเป็นจำนวนมาก แม้แต่ในบ้านเราเองก็มีแฟนคลับอยู่ไม่ใช่น้อยกันเลยทีเดียว     ในระหว่างที่หลายๆ คนต่างตั้งตารอคอยกับซีซั่น 8 ที่คาดว่าจะออกมาให้รับชมกันในปี 2019 นี้ #เหมียวตะปู ก็อยากจะแนะนำของเล่นคลายเหงาที่จะทำให้เรานึกถึงซีรีส์เรื่องนี้อยู่เสมอ ของเล่นที่ว่านั้นก็คือเหล่า “เซ็กส์ทอย” สุดอัศจรรย์ เสริมสร้างความหฤหรรษ์ให้กับชีวิต เป็นของเล่นที่จะชวนให้เราหวนคิดถึงเรื่องราวของซีรีส์เรื่องนี้ได้อย่างแจ่มชัด ทำเอาทนรอติดตามซีซั่นต่อไปแทบไม่ไหวกันเลย งั้นเราลองไปดูกันดีกว่าว่ามันมีอะไรกันบ้าง   1. Game of Moans – Long Shaft   ให้อารมณ์เหมือนดาบของ Jon Snow หนึ่งในตัวละครหลักของเรื่อง แม้รูปร่างและขนาดของมันอาจเปลี่ยนไปจากที่เราเห็นกันสักเล็กน้อย แต่ต้องบอกเลยว่าประสิทธิภาพในการตีรันฟัน “แทง” นั้นยังคงอยู่ครบถ้วนกระบวนความ ราคาของดาบเล่มนี้อยู่ที่ 149 ดอลลาร์ฯ (ราว 4,730 บาท) สนใจรับชมสินค้าได้ที่เว็บไซต์ geekysextoys.com   2. Dragon Egg Bullet Vibrator Container   พูดง่ายๆ…

ตอนเด็กๆ เราอาจได้รับความเชื่อหรือมีความคิดแปลกๆ ขึ้นมา โดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เราทำในตอนนั้นจะสามารถส่งผลกระทบร้ายแรงต่อร่างกายเราได้ในอนาคต เช่นเดียวกันกับกรณีของชายหนุ่มแซ่ Wu วัย 26 ปี หลังจากที่เขาพบว่าตนเองมี “พยาธิในสมอง” เพราะเมื่อ 17 ปีก่อนเขาดันเคยกิน “กบเป็นๆ” เข้าไป?!   พยาธิที่ถูกพบ   Wu เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล Changsha Central Hospital มณฑลหูหนาน ประเทศจีน หลังจากที่เขามีอาการป่วยหลายๆ อย่าง ดอกเตอร์ He Guohua บอกว่าในตอนแรกหลังจากที่คนไข้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2018 ทีมแพทย์คิดว่าเขามีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง โดยนาย Wu มีอาการปวดหัวขั้นรุนแรง เดินเหินลำบาก กล้ามเนื้ออ่อนแรง กลืนอะไรไม่ค่อยลง และพูดจาติดๆ ขัดๆ     ในเวลาต่อมา แพทย์ตัดสินใจใช้วิธีการ MRI (ตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า) เพื่อสแกนสมองของคนไข้รายนี้ พวกเขาจึงได้พบกับ “พยาธิในสมอง” สาเหตุของอาการป่วยทั้งหมด พยาธิที่พบนั้นคือพยาธิ…

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในประเทศรัสเซีย กับการถูกเข้าใจผิดในตอนแรกที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องจากโลกนี้ไปอย่างน่าเศร้า เรากำลังพูดถึงคุณยายวัย 62 ปี (ไม่ระบุชื่อ) ที่ก่อนหน้านี้เธอกำลังดื่มสังสรรค์อยู่กับคนในครอบครัว ณ เมือง Vasilyevka พื้นที่ชนบทอันห่างไกลในเขตอามูร์ แล้วจู่ๆ ก็เหมือนว่าเธอจะหมดสติและจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหัน   บริเวณที่สังสรรค์กับครอบครัว   จากการรายงานท้องถิ่นในวันที่ 14 มกราคม 2019 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปยังจุดที่ได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าว และเป็นคนรับรองเองว่าคุณยายได้จากโลกนี้ไปแล้วจริงๆ ตำรวจติดต่อเรียกสัปเหร่อให้มาพาร่างของคุณยายไปไว้ที่โรงเก็บศพ จนเมื่อหญิงสาวที่ทำงานอยู่ที่แห่งนั้นกำลังจะติดป้ายผู้ตายบนร่างของคุณยาย เธอกลับพบว่าหญิงชราขยับร่างกายและยังไม่ได้จากโลกนี้ไปอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ คุณยายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในทันที โดยทีมแพทย์ต้องใช้เวลากว่า 40 นาทีในการทำให้คุณยายกลับมาฟื้นคืนสติอีกครั้ง ซึ่งพวกเขาวินิจฉัยว่าเธอมีอาการของภาวะ Hypothermia ภาวะที่ร่างกายเย็นมากจนเกินไป   Mikhail Danilov หัวหน้าทีมแพทย์ที่ช่วยดูแลคุณยาย   เธอได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดภายในโรงพยาบาล Belogorsk Hospital แต่ทว่าหลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง สุดท้ายแล้วคุณยายก็ได้จากโลกนี้ไปจริงๆ แพทย์กล่าวว่าถ้าหากเธอได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมตั้งแต่แรก แทนที่จะนำเธอไปไว้ที่โรงเก็บศพ คุณยายก็คงจะรอดชีวิต ไม่ด่วนตายจากไปแบบนี้     เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์กล่าวว่า… “เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้โทรเรียกรถฉุกเฉินตามระเบียบข้อควรปฏิบัติที่ถูกกำหนดเอาไว้ เขาเลือกที่จะรับรองการตายด้วยตัวเอง เรียกสัปเหร่อและส่งร่างของเธอไปยังโรงเก็บศพโดยไม่มีเอกสารประกอบ”  …

การค้นพบอันน่าเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2019 ที่ผ่านมา เมื่อ Jim Spencer ผู้เชี่ยวชาญหนังสือโบราณในสหราชอาณาจักร บังเอิญได้เจอกับ “หนังสือลามก” อันเก่าแก่ อายุเกือบ 270 ปี เรากำลังพูดถึงหนังสือที่มีชื่อว่า Memoirs of the Life of Miss Fanny Hill, The Career of A Woman of Pleasure แต่งโดย John Cleland ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1749   Jim กับหนังสือลามกที่เก่าแก่ที่สุดในสหราชอาณาจักร   Jim เล่าว่าเขาได้ไปเจอกับหนังสือเล่มนี้เข้าขณะที่กำลังจัดเรียงรายชื่อของกล่องใส่บุหรี่โบราณ จนพบว่ามีหนังสือเล่มนี้ถูกเก็บเอาไว้ในกล่องๆ หนึ่ง เนื้อหาภายในนั้นเป็นการเล่าเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่ย้ายเข้ามาทำงานเป็นโสเภณีอยู่ในกรุงลอนดอน หลังจากที่พ่อแม่ของเธอตายไป     โดยภาษาที่ใช้ในการเขียนหนังสือลามกเล่มนี้ ผู้เขียนก็จะไม่ได้ใช้คำที่สื่อออกมาอย่างโจ่งแจ้ง เช่นใช้ประโยคว่า “ส่วนที่แยกออกอันเป็นลักษณะเฉพาะของเพศหญิง” เพื่อกล่าวถึงอวัยวะเพศหญิง หรือ “ม้าตัวผู้ร่างกายกำยำ” เพื่อกล่าวถึงอวัยวะเพศชาย  …

บ้านที่ไม่มีรั้วกั้นเอาไว้ อาจทำให้มีผู้คนโดยเฉพาะเด็กๆ เดินลัดเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านของเรา ปล่อยทิ้งขยะเรี่ยราดอย่างไม่สนใจไยดี เหยียบย่ำโดยไม่สนใจแม้จะมีใครออกมาเตือนอยู่บ่อยๆ ก็ตาม Bryan Tucker ชายหนุ่มในเมือง Sandston รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา เขาคือหนึ่งคนที่ต้องประสบปัญหาดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าบ้านของเขาตั้งอยู่ใกล้กับป้ายรถเมล์   Bryan เจ้าของบ้าน   Bryan ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวท้องถิ่นว่าเขาต้องเจอกับเด็กนักเรียนจำนวนมากลงจากรถโดยสารประจำทาง แล้วเหยียบย่ำเข้ามาในพื้นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ทิ้งขยะเกลื่อนไปหมด แม้ว่าเขาจะออกมาเตือนก็แล้ว ติดป้ายบอกไว้ก็แล้ว หรือแม้แต่ติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ก็ยังไม่มีเด็กคนไหนสนใจเลยแม้แต่น้อย โทรไปแจ้งกรมการขนส่งก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ บอกว่าเขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่างเอง หลังจากที่ต้องทนอยู่กับเหตุการณ์ในลักษณะนั้นมานานกว่า 2 ปี ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจติดตั้ง “รั้วไฟฟ้า” ล้อมรอบพื้นที่บ้านของตัวเองไว้ซะเลย     แน่นอนว่ารั้วไฟฟ้านี้สามารถขจัดปัญหาของเขาได้จริง ในขณะเดียวกัน เพื่อนบ้านก็ไม่อาจยอมรับในสิ่งที่เขาทำได้ Bryan ติดตั้งรั้วไฟฟ้าไปในช่วงเดือนกันยายน 2018 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับการเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนภายในเมือง ก่อนที่จะถูกโจมตีจากความคิดเห็นของเพื่อนบ้าน ผู้ปกครองของเด็ก และชาวเน็ตจำนวนมาก หลายๆ คนมองว่ารั้วไฟฟ้านั้นมันเป็นอันตรายมากจนเกินไป แม้เด็กบางคนจะไม่ได้ตั้งใจ แต่พวกเขาก็อาจเผลอไปแตะโดนรั้วจนทำให้โดนช็อตหมดสติไปเลยก็ได้ ความไม่พอใจทำให้มีเพื่อนบ้านคนหนึ่งถึงกับตั้งคำถามเลยว่า “นี่เขาไม่รู้จักรั้วแบบธรรมดาทั่วๆ ไปหรือไง?!”     เพียงหนึ่งวันหลังจากที่ตั้งรั้วไฟฟ้านั้นเอาไว้…

ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เดินบนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ หลายๆ คนยังคงต้องเจอกับอุปสรรคมากมายในชีวิตที่ถาโถมเข้ามา การตัดสินใจเดินในทางที่ผิด จนไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตของตัวเองดี Patrick Lawson หนุ่มอังกฤษวัย 50 ปี คือหนึ่งคนที่เคยต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความเลวร้ายในลักษณะนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับโอกาสให้กลายมาเป็นคนที่ถูกมองว่าเขาคือ “คนขับรถเมล์ที่มีความสุขที่สุด” ในลอนดอน   Patrick จากชายไร้บ้านติดยา สู่การเป็น “คนขับรถเมล์ที่มีความสุขที่สุด”   ชีวิตของชายคนนี้เติบโตขึ้นมาท่ามกลางสังคมและการเลือกเดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม ตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นวัยรุ่น เขาได้ก่ออาชญากรรมเอาไว้มากมาย ถูกจับเข้าคุกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อพ้นโทษออกมาก็หันไปพึ่งพายาเสพติดและทำให้หลายๆ อย่างยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม เขาได้กลายเป็นคนไร้บ้านที่ต้องนอนอยู่ตามริมทางเดินหรือม้านั่งในสวนสาธารณะ ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ปล่อยให้แต่ละวันผ่านเลยไปอย่างไร้จุดหมาย     เขาใช้ชีวิตในลักษณะนั้นอยู่นานกว่า 20 ปี จนกระทั่งในวันหนึ่งเขาต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจากอาการป่วย และนั่นคือช่วงเวลาของจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของเขา Patrick ได้เข้าร่วมในองค์กรการกุศล Single Homeless Project ของเขต Islington ในกรุงลอนดอน ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อต้องการช่วยเหลือกลุ่มคนไร้บ้าน เขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทขนส่งสาธารณะที่ชื่อว่า HCT Group บริษัทที่ช่วยให้เขาได้เรียนรู้และฝึกฝนสู่การเป็น “คนขับรถเมล์”     ชายหนุ่มบอกว่า… “ผมไม่เคยคิดเลยว่าองค์กรการกุศลจะสามารถช่วยเหลือผมได้จริง แต่ตอนนี้ผมกลับสนับสนุนในสิ่งเหล่านั้น” “ผมอยากให้คนที่เคยหลงผิดและคนไร้บ้านทั้งหลายรู้ว่าพวกเขาทำตัวเองให้มีประโยชน์ได้…

คลิปนี้กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล เมื่อเด็กน้อยวัย 12 สัปดาห์ ถูกพบว่านอนดูด “จุกหลอก” โดยที่มี “เทปกาว” ปิดทับเอาไว้ ไม่สามารถเอาออกมาด้วยตัวเองได้ นอนดิ้นไปมาอย่างน่าสงสาร     คลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ลงอินสตาแกรมในช่วงต้นเดือนมกราคม 2019 ที่ผ่านมา เมื่อมีคนไปถ่ายคลิปและโพสต์บอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในสถานพยาบาลแห่งหนึ่งของประเทศรัสเซีย เจ้าของคลิปบอกว่าเด็กต้องทนอยู่ท่ามกลางความหนาวเย็น ไม่มีฮีทเตอร์ทำความร้อนภายในห้อง มองไม่เห็นแม่ของเด็ก โดยที่ทารกน้อยต้องตกอยู่ในสภาพนี้ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปอดของเขาได้     สถานพยาบาลที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น   อย่างไรก็ตาม หัวหน้าแพทย์ของทางสถานพยาบาล The Republican Perinatal Center Khadi Ugurchieva ในเมืองแนซราน ผู้รับผิดชอบดูแลเด็กคนดังกล่าว บอกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่บุคลากรภายในเป็นคนทำ “พยาบาลของทางเราหายไปจากห้องนั้นเพียงแค่ราวๆ 3-5 นาที โดยในช่วงเวลานั้นก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และถูกถ่ายคลิปเก็บเอาไว้” เธอกล่าว   หัวหน้าแพทย์ของสถานพยาบาล   หัวหน้าแพทย์อธิบายต่อไปว่า “การถ่ายคลิปนั้นไม่ได้เป็นภัยต่อสุขภาพร่างกายของเด็ก แต่มันส่งผลกระทบต่อหลักศีลธรรม เป็นภัยต่อบุคลากรของสถานพยาบาลและคนไข้” โดยทางสถานพยาบาลยังเชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นฝีมือของคนที่ถ่ายคลิปเสียเอง     ทางด้านแม่ของเด็กนั้น พวกเขาก็บอกว่าเธอมักจะอยู่ข้างๆ…

หลายๆ ครั้งที่ชายหนุ่มมักจะขอแฟนสาวแต่งงานด้วยวิธีการสุดเซอร์ไพรส์ แต่เพื่อนๆ อาจจะไม่เคยเห็นวิธีการไหนที่จะสร้างความประหลาดใจ และรอยยิ้มปนคราบน้ำตาได้มากเท่ากับวิธีการของชายคนนี้ เรากำลังพูดถึง Dustin Marshall ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่กับ Lindsey แฟนสาวของเขาในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กับวิธีการขอแต่งงานที่ทั้งโรแมนติกและพิสดารในเวลาเดียวกัน   Dustin และ Lindsey   สิ่งที่เขาทำก็คือ “การสักรูปน้องเหมียวและข้อความขอแต่งงาน” ลงไปตรงบริเวณบั้นท้ายของตัวเอง?! Dustin เล่าว่า “แฟนสาวของผมพยายามบอกใบ้ ถามว่าเมื่อไหร่ผมจะขอเธอแต่งงานเสียที ซึ่งผมก็มักจะบอกเธออยู่เสมอว่าผมจะทำอย่างนั้นเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม” “ผมเลือกที่จะให้มันดูน่าตกใจมากที่สุด และวางแผนที่จะขอเธอแต่งงานในวันคริสต์มาสปี 2018”   รอยสักของเขา กับข้อความว่า “Will You Marry Meow?”   หน้าน้องเหมียวที่เห็นก็คือเจ้า Pinky แมวที่ทั้งสองรับมาเลี้ยงก่อนหน้านี้   แล้วเขามีโอกาสได้โชว์รอยสักตรงก้นให้แฟนสาวได้เห็นตอนไหนกันล่ะ?? Dustin ทำทีชวนแฟนสาวและเพื่อนๆ ไปแทงพูลกันที่บริเวณสวนหลังบ้านเพื่อน โดยหากใครแพ้ก็จะต้องถอดกางเกงออก โดยตามปกติแล้ว เขาเป็นคนที่แทงพูลเก่งเอามากๆ แต่แน่นอนว่าในเกมนั้นเขาก็ต้องทำเนียนเป็นฝ่ายแพ้ ซึ่งมันก็สร้างความประหลาดใจให้กับเพื่อนๆ รวมถึงแฟนสาวของเขาอยู่เหมือนกัน     พอแพ้ปุ๊บ เขาก็ดึงกางเกงลงในช่วงเวลาที่เพื่อนๆ…

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ “ร้านเพชร” แห่งหนึ่งในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ตำรวจได้เข้าจับกุมตัวโจรสาวที่พยายามจะขโมยแหวนที่มีเพชร 5 เม็ดเรียงกันอย่างสวยงาม ด้วยการกลืนมันเข้าไป?! จากการรายงานในวันที่ 3 มกราคม 2019 ได้มีการเปิดเผยคลิปจากกล้องวงจรปิดของทางร้าน เป็นหลักฐานที่ทำให้พ่อค้าเพชรทราบได้ว่าจู่ๆ แหวนของเขานั้นหายไปได้อย่างไร     นาย Mehmet Erdogan พ่อค้าเพชรดังกล่าวเล่าว่า หญิงสาวที่ชื่อ M.A (ตามกฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยชื่อได้เพียงเท่านี้) ได้เข้ามาภายในร้าน ทำทีต้องการดูแหวนเพชรวงหนึ่งในตู้กระจก Mehmet จึงทำการปลดล็อกและนำแหวนออกมาให้เธอได้ดูใกล้ๆ ก่อนที่เขาจะรับโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา และนั่นก็เป็นจังหวะที่ทำให้เธอสบโอกาสจะนำแหวนวงนั้นใส่เข้าไปในกระเป๋าของตัวเอง แต่โชคดีที่พ่อค้าเพชรเหลือบไปเห็นว่าแหวนของเขาหายไปจากบนตู้ จึงถามเธอไปว่า “แหวนหายไปไหน?” แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้ตอบอะไร     เมื่อพ่อค้าหนุ่มละสายตาไปอีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจหยิบขวดน้ำออกมาจากกระเป๋า ก่อนที่จะตบแหวนเพชรในมือซ้ายเข้าปากไปแล้วกลืนน้ำตามในทันที เหลือเพียงความสงสัยให้กับ Mehmet ว่าแหวนของเขามันหายไปไหนกันแน่ พ่อค้าหนุ่มจึงเปิดกล้องวงจรปิดดูในระหว่างที่หญิงสาวยังคงอยู่ภายในร้าน เขาได้เห็นทุกอย่างที่เธอทำและโทรแจ้งตำรวจให้มาที่ร้านในทันที เมื่อพาหญิงสาวไปเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลก็พบว่ามีแหวนเพชรอยู่ในท้องของเธอจริงๆ   คลิปจากกล้องวงจรปิด   หญิงสาวถูกจับกุมตัวในข้อหาขโมยแหวนเพชร โดยเธอได้ถูกประกันตัวออกมาแล้ว ถึงแม้ว่าแหวนจะยังคงอยู่ในท้องของเธอก็ตาม โดยต้องรอให้มันออกมาเองตามธรรมชาติแล้วส่งคืนให้กับร้าน หรือไม่ก็อาจต้องจ่ายค่าเสียหายไป แต่ที่แน่ๆ คือหลังจากนี้เธอจะต้องได้รับโทษตามกฎหมายอย่างแน่นอน…

เราอาจมีความชอบในเรื่องของ “เซ็กส์” ที่แตกต่างกันออกไป แต่การเอา “ของแข็งและมีขนาดค่อนข้างใหญ่” ยัดเข้าไปในรูทวารขณะที่กำลังมีเพศสัมพันธ์อยู่นั้น อันนี้ก็ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่นะ.. เราลองมายกตัวอย่างถึงกรณีของชายวัย 40 ปีคนหนึ่ง (ไม่ระบุชื่อ) ที่ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล Francisco Moscoso Puello สาธารณรัฐโดมินิกัน จนแพทย์พบว่ามี “กระป๋องสเปรย์ปรับอากาศ” ติดอยู่ในช่องทวารของเขา   ภาพเอกซเรย์   จากการรายงานในวันที่ 3 มกราคม 2019 กล่าวว่า ภรรยาของชายคนนี้เป็นคนเอากระป๋องสเปรย์ดังกล่าวยัดเข้าไปในรูทวารของสามี ตามคำขอของเขาระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังมีเซ็กส์กันอยู่ ประเด็นคือหลังจากนั้นกระป๋องเจ้ากรรมก็ดันผลุบเข้าไปติดอยู่ด้านใน ไม่สามารถนำออกมาได้ จนทำให้เขาต้องถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด และทีมแพทย์ก็ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการผ่าตัดนำมันออกมา   กระป๋องสเปรย์ดังกล่าว   แม้ปัจจุบันเขาจะยังพักฟื้นตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีมากๆ ที่เขาไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง เพราะแพทย์กล่าวว่าการนำของแข็งยัดเข้ารูทวารไปในลักษณะนี้อาจทำให้เกิดบาดแผลภายในลำไส้ได้เลย     อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หมอต้องเจอกับอะไรแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเจอทั้ง “เซ็กส์ทอย” หรือ “ขวดแก้วขนาดต่างๆ” ติดอยู่ด้านในช่องทวารในลักษณะเดียวกัน โดยทีมแพทย์ก็เตือนว่าการทำแบบเดียวกันนี้อาจทำให้มีการตกเลือดหรือบาดแผลภายในลำไส้ และอาการบาดเจ็บอื่นๆ ได้  …

เพื่อนๆ หลายคนอาจเคยได้ยินข่าว ผู้คนจำนวนมากพบ “เข็ม” ซ่อนอยู่ในสตรอว์เบอร์รี่ เป็นคดีปริศนาที่สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนในประเทศออสเตรเลีย ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2018 อ่านข่าวเก่าได้ที่ลิงก์: คดีปริศนาในออสเตรเลีย เมื่อชาวออสซี่พบ “เข็ม” ถูกซ่อนอยู่ในสตรอว์เบอร์รี่หลายยี่ห้อ     ผู้คนจำนวนมากต่างพากันคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวคงจะไม่เกิดอีกแล้ว แต่ล่าสุดในวันสุดท้ายของปี 2018 ก็ได้มีผู้พบเจอกับเข็มปริศนานี้ถูกฝังซ่อนเอาไว้ในผลไม้อีกครั้ง โดยรอบนี้มันได้ถูกซ่อนเอาไว้ใน “องุ่น”     จากการรายงานกล่าวว่า ในวันที่ 31 ธันวาคม 2018 คู่รักชาวออสเตรเลียที่ชื่อว่า Skender Hasa และ Shams Alsubaiy พบว่ามีเข็มถูกฝังซ่อนเอาไว้ในองุ่นที่พวกเขาซื้อมาจากห้างสรรพสินค้า Woolworths เมืองเมลเบิร์น เข็ม 2 เล่มถูกฝังเอาไว้ในผลองุ่นที่อยู่ในคนละพวงกัน ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีเอามากๆ ที่ทั้ง 2 คนเห็นเจ้าสิ่งแปลกปลอมนี้เสียก่อน พวกเขาจึงไม่ได้กินเข้าไป ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ จากสิ่งที่เกิดขึ้น     สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ในช่วงเดือนกันยายน 2018 หลังจากที่คนจำนวนกว่า 186 คนพบเจอกับเข็มที่ถูกซ่อนไว้ในสตรอว์เบอร์รี่ รวมถึงผลไม้อื่นๆ จนต้องใช้เครื่องตรวจจับโลหะในการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องสืบหากันต่อไปว่าเข็มเหล่านั้นถูกฝังซ่อนเอาไว้ในผลไม้ได้อย่างไรกัน…

เรากำลังพูดถึงคดีความที่ยืดเยื้อ ยังคงไม่อาจตัดสินความผิดกับผู้ต้องสงสัยได้ เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ใช้ชื่อว่า Jane Doe (นามสมมุติ) ถูกบุคลากรในโรงพยาบาล “วางยา” แล้ว “ข่มขืน” เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม 2017 Jane รู้สึกไม่สบาย จึงเข้ารับการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล San Mateo รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา     เมื่อไปถึงที่โรงพยาบาล เธอก็จำเป็นที่จะต้องกินยาเพื่อลดอาการป่วยของตัวเอง ซึ่งมันส่งผลทำให้เธอรู้สึกอ่อนแรง ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปเข้ารับการอัลตราซาวด์ (การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง) นั่นจึงทำให้เธอได้เจอกับ Shukrat Saydaliyev ชายหนุ่มผู้เป็นบุคลากรดูแลการอัลตราซาวด์ให้กับเธอ Jane นอนลงไปบนเตียงด้วยความอ่อนแรงจากฤทธิ์ยา ในขณะที่ Shukrat ได้เริ่มตรวจจากบริเวณหน้าท้องของเธอ ก่อนที่จะไล่ลงไปตรวจบริเวณ “อวัยวะเพศ” ต่อ     หญิงสาวบอกว่าบุคลากรหนุ่มนั้นใช้เวลาตรวจที่อวัยวะเพศของเธออยู่นานกว่า 30 นาที เมื่อเธอบอกเขาว่าขอหุบขาหน่อยได้มั้ย เขาก็ไม่ยอม ต่อจากนั้น หญิงสาวก็ถูกชายหนุ่มข่มขืนโดยที่เธอไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะสามารถต่อต้านใดๆ ได้เลย เธอช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก กลายเป็นเหมือนกับรูปปั้นตัวแข็งทื่อที่ไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว หลังจากเสร็จสิ้น ชายหนุ่มก็ทำความสะอาดน้ำอสุจิของตัวเองบนร่างกายเธอ ก่อนที่จะใช้ผ้าคลุมร่างกายเธอเอาไว้…

เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวอันน่าตกใจของอดีตทหารเรือแห่งกองทัพสหรัฐอเมริกา John Wayne Bobbitt ชายวัย 51 ปี ซึ่งเขาได้เล่าถึงประสบการณ์ “เคยโดนภรรยาตัดหรรมส์” เขาได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ในรายการสัมภาษณ์พิเศษของทางช่อง ABC โดยเป็นเทปที่จะออกฉายในวันที่ 4 มกราคม 2019   John ชายผู้เคยถูกภรรยาตัดอวัยวะเพศ   เรื่องราวของเขานั้นเกิดขึ้นในวันที่ 23 มิถุนายน 1993 ณ เมือง Manassas รัฐเวอร์จิเนีย ในตอนนั้นเขากำลังนอนหลับอยู่ในห้อง ก่อนที่ Lorena ภรรยาของเขาจะหยิบมีดทำครัวย่องมาหาเขาโดยไม่รู้ตัว John สะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ามีเลือดท่วมเต็มหว่างขาเขาไปหมด โดยที่อวัยวะเพศชายของเขานั้นหายไป   Lorena ภรรยาของเขา   เขาเล่าว่า “มันคือฝันร้ายชัดๆ ผมทำหัวให้โล่ง พยายามค่อยๆ คิด แล้วรีบออกไปปลุกเพื่อนให้พาไปส่งที่โรงพยาบาล” ในตอนแรกที่เขาไปถึงโรงพยาบาล หมอก็คิดว่าเขา “กรีดข้อมือตัวเอง” เพราะปริมาณเลือดที่ไหลออกมานั้นมันดูเยอะกว่าปกติ แต่พอเขาบอกหมอเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บที่แท้จริง แพทย์ทุกคนก็ถึงกับช็อกไปตามๆ กัน และรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงเรียกตัวนายแพทย์ James Sehn…

การที่มี “คนปลอมเป็นตำรวจ” นั้นอาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหากเราได้รู้ว่ามีคนที่ทำอยู่อย่างนั้นมาตลอด 12 ปีที่ผ่านมา?! เรากำลังพูดถึงนาย Wang Feng หนุ่มชาวจีนวัย 41 ปี ชายผู้ใฝ่ฝันอยากจะเป็นตำรวจมาโดยตลอด และโกหกทุกคนว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตลอด 12 ปี โดยที่แม้แต่ภรรยาเองก็เชื่ออย่างนั้นเหมือนกัน   Wang ชายผู้โกหกทุกคนว่าตัวเองเป็นตำรวจ   เรื่องราวของเขานั้นเริ่มต้นขึ้นในปี 2006 ในตอนที่น้องชายของเขาก่อคดีความเกี่ยวกับหนี้สินเอาไว้ จำเป็นต้องใช้ทนายในชั้นศาล เพื่อความมั่นใจว่าทนายผู้ให้คำปรึกษานั้นจะพยายามช่วยน้องชายของเขาได้อย่างเต็มที่ Wang จึงแอบอ้างว่าตนเองเป็นตำรวจจากสถานี Haiyan Baipu ในเขตมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน การแอบอ้างนั้นใช้ได้ผล และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเริ่มบอกเพื่อนและคนรู้จักว่าตนเองได้เป็นตำรวจอย่างที่ฝันเอาไว้แล้ว เอาเงินไปซื้อยูนิฟอร์ม กุญแจมือ และทำบัตรเจ้าหน้าที่ปลอมขึ้นมา     ในปี 2011 Wang ได้เจอกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่า Xiao Lu โดยที่เพื่อนๆ ของเขาก็ได้แนะนำให้เธอฟังว่าเขาคือเจ้าหน้าที่ตำรวจจากแผนกอาชญากรรม หลังจากนั้น Wang ก็ได้แต่งเรื่องราวการไล่ล่าคนร้าย การสืบสวนสอบสวนต่างๆ ขึ้นมาสารพัด เพื่อหลอกให้หญิงสาวอึ้งไปกับหน้าที่การงานของตัวเอง ซึ่งเธอยังเชื่ออีกว่าเขาคือรองสารวัตรใหญ่ของสถานีตำรวจ ทั้งสองคนเริ่มมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง…

เท่าที่เราเคยเห็นมา เวลามีการผ่าตัด ส่วนใหญ่แล้วคนไข้จะต้อง “ไม่มีสติ” ระหว่างการผ่าตัดในโรงพยาบาล แต่ความแปลกของสิ่งที่เรากำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ ไม่ใช่แค่ว่าคนไข้กำลังมีสติอยู่ แต่เขาถึงกับนอน “เล่นกีตาร์” อยู่เลยต่างหาก?! เรากำลังพูดถึงการผ่าตัดที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล Inkosi Albert Luthuli Central เมืองเดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นช่วงเวลาระหว่างที่ทีมแพทย์กำลังผ่าตัด “เนื้องอกในสมอง” ของศิลปินหนุ่มท่านหนึ่ง   ศิลปินหนุ่ม ผู้เข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกในสมอง   ศิลปินผู้เข้ารับการผ่าตัดดังกล่าวมีชื่อว่า Musa Manzini ซึ่งเขาถูกปลุกขึ้นมาเพื่อให้เล่นกีตาร์ไปด้วยระหว่างที่แพทย์กำลังผ่าตัดสมองให้กับเขาอยู่ เราจะเห็นได้ว่า Musa เล่นกีตาร์ได้แบบสบายเอามากๆ แม้จะดูเบลอๆ ไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ขัดจังหวะในการไล่โน๊ตของเขาแต่อย่างใด   ช่วงเวลาระหว่างการรักษา   เพื่อนๆ บางคนอาจสงสัยว่า “มันมีการผ่าตัดแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ หรือ?” คำตอบคือ “ใช่” มันคือวิธีการผ่าตัดที่เรียกว่า Awake Craniotomy หรือ “การผ่าตัดโดยที่ผู้ป่วยตื่นตัวในระหว่างผ่าตัด” วิธีการนี้จะถูกใช้ในบางกรณีที่ต้องผ่าตัดเนื้องอกในบริเวณใกล้สมองจุดสำคัญที่ใช้ในการควบคุมแขนขาหรือการพูด ป้องกันไม่ให้กระทบกระเทือน จนผู้ป่วยได้อาจเป็นอัมพาต หรืออัมพฤกษ์ไป แพทย์จะมีเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า ที่ช่วยให้รับรู้จุดสำคัญต่างๆ ได้ว่าจุดที่ใช้ควบคุมแขนขาหรือการพูดนั้นอยู่บริเวณใด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบกระเทือนบริเวณนั้น…