ช่วงสุดท้ายของชีวิต “คู่รักตายาย” ครองรักกันมากว่า 70 ปี จับมือจากโลกนี้ไปพร้อมกัน…

เชื่อว่าเพื่อนๆ แทบทุกคนคงอยากจะดื่มด่ำช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตไปกับคนที่เรารัก หากแต่นั่นคือความใฝ่ฝันสูงสุดที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะถึงตอนท้ายมักจะจบลงด้วยการจากลาของใครคนใดคนหนึ่งก่อนเสมอ

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับคู่รักตายาย Francis Ernest Platell วัย 92 ปี และ Norma June Platell วัย 90 ปี คู่รักที่ได้จับมือจากโลกนี้ไปในช่วงเวลาเดียวกัน

 

คุณตา Francis และคุณยาย Norma คู่รักชาวออสเตรเลีย

 

ทั้งสองคนพบรักและอยู่กินด้วยกันมานานกว่า 70 ปีแล้ว โดยที่ความรักที่ยังคงมีให้กันนั้นก็ไม่เคยเสื่อมคลายลงเลยแม้แต่วินาทีเดียวก็ตาม ไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์เมื่อป่วยไข้

เมื่อ 3 ปีก่อน หมอบอกกับพวกเขาว่าคุณยาย Norma อาจจะไม่มีชีวิตอยู่จนถึงวันคริสต์มาสในปีนั้น ด้วยอาการของโรคอัลไซเมอร์ขั้นรุนแรง

แต่แล้วเธอก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่ากำลังใจที่ต้องการจะมีชีวิตอยู่คู่กับคนที่เธอรักนั้นมีมากขนาดไหน

 

คุณตาคุณยาย และนักข่าวสาว Amanda ลูกสาวของพวกเขา

 

ทั้งสองคนยังคงได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันที่บ้านของพวกเขาเอง หลังจากที่แยกตัวออกมาจากบ้านของครอบครัวในตอนแรก จนกระทั่งในเดือนมกราคม 2018 อาการป่วยของคุณยายก็ทรุดลงไปมากกว่าเดิม

ในตอนนั้น เธอสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตหลายๆ อย่าง แม้แต่จะพูดก็พูดไม่ได้แล้ว โดยได้ฝากประโยคสุดท้ายให้ได้ยินว่า “สามีของฉัน” (“My Husband”)

 

 

นับตั้งแต่นอน เธอจึงจำเป็นที่จะต้องมีพยาบาลคอยดูแล ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีพยาบาลมาอยู่ด้วยที่บ้าน แต่สุดท้ายคนที่ดูแลเธอตลอดจริงๆ ก็คือคุณตา Francis

คุณตาทั้งป้อนข้าว เช็ดเนื้อเช็ดตัว ดูแลเธอในทุกนาทีที่เขายังคงลืมตา เรียกว่าอยู่เคียงข้างเธอจนแทบจะไม่ห่างไปไหนเลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม อาการป่วยที่ทรุดลง และคุณตาก็ไม่อาจฝืนร่างกายอันแก่ชราดูแลเธอไปได้ตลอด ทำให้คุณยาย Norma จำเป็นต้องย้ายไปอาศัยอยู่ในบ้านพักคนชราแทน

 

 

แม้คุณยายจะย้ายออกไป แต่ในทุกวันหลังจากรับประทานอาหารเช้า คุณตาก็จะนั่งรถประจำทางเพื่อไปหาคุณยายอยู่เสมอ

ทั้งสองจะได้ใช้เวลาร่วมกันในทุกๆ วัน รับประทานอาหารกลางวัน จับมือกันเอาไว้ นั่งดูทีวีไปด้วยกันในโถงนั่งเล่น โดยที่คุณยายก็มักจะซบไหล่คุณตาแล้วเผลอหลับไปอยู่เสมอ

แต่แล้วร่างกายของคุณตาเองก็ทรุดโทรมลงเช่นเดียวกัน ในวันหนึ่งที่เขาล้มป่วยและมีอาการของโรคหลอดเลือดในสมอง ทำให้คุณตาเองก็จำเป็นที่จะต้องย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพักคนชราที่เดียวกันกับคุณยาย

 

 

สำหรับบ้านพักคนชรา Mercy Care นั้น แม้ว่าจะอนุญาตให้คุณตาคุณยายนอนห้องเดียวกันได้ แต่ก็มีแค่เตียงเดี่ยว ทำให้คุณตาต้องนอนอยู่เตียงซ้าย ส่วนคุณยายก็ได้นอนที่เตียงทางขวาของห้อง

ถึงแม้ว่าในตอนแรก คุณตาจะดูแอบคิดถึงบ้านที่ทั้งสองได้แยกตัวออกมาอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้คุณตายังคงมีความสุขมาจนถึงวาระสุดท้าย ก็เพราะความคิดที่ว่า “ที่ไหนมีคุณยาย ที่นั่นก็คือบ้าน”

คุณตาดูมีความสุขเสมอทุกครั้งที่ได้ป้อนอาหารให้คุณยายทาน ได้นั่งอยู่ด้วยกัน ใช้เวลาในแต่ละวันไปอย่างสงบ

 

 

ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะทั้งสองคนมักจะทำอะไรเหมือนๆ กัน ทั้งๆ ที่สมองของคุณยายเริ่มไม่รับรู้อะไรแล้ว แต่เธอก็มักจะมีพฤติกรรมคล้ายๆ กับคุณตาอยู่เสมอ ราวกับเป็น “ฝาแฝด” กันยังไงยังงั้นเลย

จนกระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายเริ่มคืบคลานเข้ามา เมื่อช่วงวันคริสต์มาสปี 2018 คุณตาลื่นล้มในห้องน้ำจนทำให้กระดูกสะโพกหัก กลายเป็นผู้ป่วยที่ต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดเวลา

 

 

การลื่นล้มในครั้งนั้น เป็นเหมือนดั่งสัญญาณของการลาจาก เมื่อในวันที่ 6 มกราคม เวลาประมาณ 5 ทุ่ม 45 นาที คุณตาได้ขอให้คนดูแลช่วยขยับเตียงของตัวเองเข้าไปใกล้กับเตียงของคุณยาย เพื่อให้เขาสามารถจับมือเธอไว้ได้

ณ ตอนนั้น คุณยายอยู่ในสภาพที่หายใจไม่ปกติ ส่วนคุณตาก็ดูอิดโรยเป็นอย่างมาก จนเมื่อพยาบาลได้ออกจากห้องไปประมาณ 10 นาที พอเธอกลับมาเช็คพวกเขาดูอีกครั้งก็พบว่า ทั้งคู่ได้จากโลกนี้ไปเสียแล้ว

 

ภาพในตอนที่ทั้งสองคนได้จากโลกนี้ไป

 

แพทย์ไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นคนเสียชีวิตก่อนกัน นั่นจึงทำให้มรณะบัตรของพวกเขานั้นมีข้อมูลเวลาเหมือนกัน หมายความว่าพวกเขาได้ตายจากโลกนี้ไปพร้อมๆ กันในขณะที่จับมือกันไว้นั่นเอง

 

 

แม้ในตอนสุดท้าย งานศพที่ลูกๆ จัดให้กับพวกเขาก็ยังทำให้ทั้งสองคนได้อยู่เคียงข้างกัน ฝังคุณตาเอาไว้ในโลงทั้งฝั่งซ้าย ส่วนคุณยายก็นอนอย่างสงบอยู่ในโลงทางฝั่งขวา เป็นดั่งภาพเดียวกันกับในตอนที่เขาได้จากไป

เชื่อว่าเรื่องราวช่วงเวลาสุดท้ายของการครองรักอย่างยาวนานกว่า 70 ปีของทั้งสองคนนี้ คงจะกินใจและมอบความซาบซึ้ง ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของทุกคนไปตลอดกาล

 

ที่มา: dailymail , viralistas

Comments

Leave a Reply