แฟนสาวตั้งกฎ “เข้าบ้านสายเกินเวลา” ต้องเสียเงิน 1,600 บาท ชาวเน็ตไม่ค่อยเห็นด้วย

การใช้ชีวิตคู่อาจต้องมีการสร้างกฎเกณฑ์ร่วมกันขึ้นมาบ้าง อาจเพื่อทำให้คนสองคนสามารถดำเนินชีวิตไปได้อย่างราบรื่น ลดการปะทะกันที่เกิดจากความไม่พอใจในสิ่งที่อีกฝ่ายได้ทำ

เช่นเดียวกันกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ได้มาระบายถึงการตั้ง “กฎเคอร์ฟิว” ให้กับชีวิตรักของตัวเอง ผ่านทางเว็บไซต์ Reddit

กฎที่ว่านั้นคือ หากเธอหรือแฟนหนุ่มเข้าบ้านสายเกินกว่าเวลาที่กำหนดเมื่อไหร่ ก็จะต้องจ่ายเงิน 50 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,595 บาท) ให้อีกฝ่ายโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

 

 

เธอเล่าว่าได้อาศัยอยู่ร่วมกันกับแฟนหนุ่มมานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยในช่วงแรกนั้นเธอยังคงต้องเผชิญกับอาการเสพติดแอลกอฮอล์ บางครั้งก็มักจะออกไปดื่มสังสรรค์จนถึงเวลาร้านปิดตอนตี 3

บ่อยครั้งที่แบตมือถือของเธอมักจะหมดในขณะที่เธอก็ยังคงดื่มเหล้าต่อไป โดยเธอไม่ได้มองว่ามันเป็นปัญหา เพราะการออกไปดื่มของเธอนั้นก็ไม่ใช่ว่าต้องการหาโอกาสไปมีชู้อะไรเลย

อีกทั้งสถานที่ที่เธออยู่ก็ห่างจากอพาร์ตเมนต์ของเธอไปแค่ครึ่งช่วงตึกเท่านั้นเอง เป็นร้านประจำที่เธอไปทุกครั้ง

 

โพสต์ของเธอ

 

ถึงอย่างนั้น แฟนหนุ่มของเธอก็ไม่ชอบสิ่งที่เธอทำเลย เขาระบายกับเธอว่าเขาไม่ชอบให้เธอออกไปกลางค่ำกลางคืน และไม่ชอบที่เธอชอบปล่อยให้แบตมือถือหมด มันคือสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้

แฟนหนุ่มขอให้เธอหยุดทำแบบนั้น หยุดกินเหล้าได้แล้ว และเธอก็เลือกที่จะทำตามคำขอของเขา จนกระทั่งวันเวลาผ่านไปนานกว่า 1 ปี นับตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เธอออกไปสังสรรค์กับเพื่อนจนดึก หลายๆ อย่างก็กลับตาลปัตรกัน

เธอบอกว่าแฟนหนุ่มของตนได้เจอกับเพื่อนกลุ่มใหม่ และจะพากันออกไปสังสรรค์กันแทบทุกสัปดาห์ กลับบ้านมาราวๆ ตี 3 ถึง ตี 5 อยู่เป็นประจำ

 

 

แม้แฟนหนุ่มจะกลับบ้านมาดึกดื่น แต่เธอก็ไม่ได้มาซักไซ้คอยถามเขาว่าไปกับใครอะไรยังไง เธอบอกว่านั่นเพราะต้องการให้เขาได้มีพื้นที่ส่วนตัวตามสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรจะได้รับ

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้แฟนสาวรู้สึกว่ามันดู “สองมาตรฐาน” เหมือนว่าเมื่อก่อนเธอต้องถูกโมโหใส่ทุกครั้งที่ทำ ในขณะที่แฟนหนุ่มทำเหมือนๆ กัน แต่เขากลับไม่โดนว่าอะไรและไม่ได้รู้สึกผิดใดๆ เลย

 

 

แฟนหนุ่มบอกเธอว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะตอนเขาออกไปข้างนอก เขาสามารถรับโทรศัพท์หรือส่งข้อความตอบเธอได้ตลอด

แต่ในขณะเดียวกัน ฝ่ายหญิงสาวกลับเลือกที่จะไม่ติดต่อหาเขาเวลาเขาออกไปข้างนอก เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นเรื่องฉุกเฉิน คอขาดบาดตายจริงๆ

แม้เธอจะอธิบายกับเขาว่าเธอรู้สึกไม่โอเคเท่าไหร่ในสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้ แต่แฟนหนุ่มก็ยังคงทำอย่างเดิม แม้บางครั้งเขาบอกว่าจะกลับบ้านในเวลาที่ตั้งไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่พูด

 

 

ด้วยเหตุนั้นเอง หญิงสาวจึงตั้งกฎขึ้นมาว่า หากใครกลับบ้านมาเกินตี 4 คนคนนั้นจะต้องจ่ายเงินให้กับอีกฝ่ายเป็นจำนวน 50 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 1,595 บาท) โดยห้ามมีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น

หญิงสาวให้เหตุผลว่า ต้องการให้แฟนหนุ่มรู้สึกไม่อยากกลับบ้านดึกอีก หรือไม่ก็อยากให้เขาได้เข้าใจว่าบางครั้งเธอก็อาจออกไปสังสรรค์จนร้านปิดได้เหมือนกัน

 

 

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในทำนองที่ว่าไม่ค่อยเห็นด้วยกับกฎที่เธอตั้งขึ้นมา มองว่ามันไร้ประโยชน์ และสิ่งที่เธอทำกับสิ่งที่แฟนหนุ่มทำนั้นก็แตกต่างกัน เพราะอย่างน้อยเขาก็ “ติดต่อได้ตลอดเวลา”

 

แฟนหนุ่มอาจแค่ต้องการแน่ใจว่าเธอจะไม่เป็นอะไร แทนที่จะมารำคาญที่เขากลับบ้านดึก ก็อาจส่งข้อความหรือโทรไปหาเขาก็ได้

 

เขาทำเหมือนที่เธอทำ ต่างกันตรงที่เขาสามารถติดต่อหาได้ตลอดเวลา ปัญหาอยู่ที่ว่าเธอกลับเลือกที่จะไม่สนใจ ปล่อยให้แบตหมดเอง

 

นี่ไม่ใช่สองมาตรฐาน ที่เธอไม่สมควรได้ออกไปไหน เพราะแฟนหนุ่มไม่สบายใจที่ไม่สามารถติดต่อหาเธอได้ ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาทำในตอนนี้

 

จากเรื่องราวของเธอนั้น เพื่อนๆ คิดว่ากฎที่เธอตั้งมามันสมเหตุสมผลหรือเปล่า?? คิดว่ามันแก้ปัญหาได้ตรงจุดจริงๆ มั้ย?? หรือที่เธอทำไปนั้นอาจทำให้หลายๆ อย่างแย่ลง?? ลองคอมเมนต์กันมาดูนะ…

 

ที่มา: alwaysonthedamnphone , mirror , ladbible

Comments

Leave a Reply