Author:

Chanel ได้กลายเป็นแบรนด์หรูแบรนด์แรกที่ยกเลิกการใช้ ‘หนังสัตว์’ หรือ ‘ขนสัตว์’ ในการผลิตสินค้าของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2018 ที่ผ่านมาทางด้าน Chanel ได้ทำการประกาศเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันผ่านหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ทั้งการนำหนังจระเข้ หนังกิ้งก่า หนังงู หนังปลากระเบน รวมไปถึงบรรดางูยักษ์ทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่ถูกยกเลิกทั้งสิ้น รวมไปถึงขนของสัตว์ชนิดต่างๆ เช่นแรคคูน สุนัข มิงค์ และกระต่าย อีกด้วย     ตามรายงานระบุว่าขณะนี้ Chanel กำลังทำการวิจัยเพื่อค้นหาวัตถุดิบใหม่ๆ มาใช้ในการผลิตสินค้าของตัวเอง โดยจะมุ่งเป้าไปที่ ‘สิ่งทอ’ และหนังสังเคราะห์ เพื่อลดผลกระทบที่จะทำให้เกิดต่อสิ่งแวดล้อม     อย่างไรก็ตามการยกเลิกการใช้หนังสัตว์ หรือขนสัตว์ในครั้งนี้ถือเป็นงานช้างสำหรับ Chanel มากๆ เพราะการที่จะหาวัตถุดิบอื่นๆ มาผลิตสินค้าเพื่อให้ได้มาตรฐานเดิมถือเป็นอะไรที่ยากเอาเรื่องเลยทีเดียว “เราจะทำการตรวจสอบความพึงพอใจของลูกค้าต่อไป เพื่อมั่นใจว่าโซ่อุปทานของ Chanel ยังคงได้รับความพึงพอใจจากทุกคน และเป็นที่น่าพอใจของทางเราในด้านของความสมบูรณ์แบบรวมไปถึงสามารถตรวจสอบต้นทางได้อีกด้วย” “เราต้องหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีเท่ากับหนังสัตว์ แต่ก็ต้องทำให้ถูกต้องตามหลักศีลธรรม มันคงเป็นประสบการณ์ที่ยากมากๆ สำหรับเรา” โฆษกของ Chanel กล่าว  …

ในวัน ‘งานแต่งงาน’ ของใครหลายๆ คน ก็คงอยากจะจ้างช่างภาพดีๆ มาถ่ายเก็บภาพบรรยากาศความทรงจำอันแสนงดงามเก็บเอาไว้ แต่ใครเล่าจะคิดว่า ‘ช่างภาพ’ จะก่อความวุ่นวายในงาน แบบขนาดที่ว่า ‘มีเซ็กส์กับแขก’ แถมเมาเละเทะได้ขนาดนี้!! จากรายงานของเว็บไซต์ WFAA 8 ระบุเอาไว้ว่าช่างภาพสาววัย 26 ปี ชื่อว่า Katherine Leigh Mehta ได้รับงานถ่ายภาพในงานแต่งงานที่จัดขึ้นบนถนนใกล้ๆ กับเมืองเวเธอร์ฟอร์ด รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา     แต่พองานเริ่มขึ้นทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มจะควบคุมไม่ได้อีกต่อไป จากข้อมูลการให้ปากคำของบรรดาพยานที่เป็นแขกในงานเล่าว่า “Mehta นั้นมีเซ็กส์กับแขกผู้ชายในงาน มีการดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักในช่วงปาร์ตี้หลังงานแต่งงาน” “เราพยายามที่จะขอร้องให้เธอออกไปจากงานแต่โดยดี ซึ่งเธอก็ออกไปจากห้องจัดปาร์ตี้แต่โดยดี แต่ตอนที่เดินออกไปถึงทางออกเธอก็แวะปัสสาวะใส่ต้นไม้ และน้ำพุที่จัดเอาไว้”     ด้วยเหตุนี้เองทำให้เจ้าของงานตัดสินใจแจ้งตำรวจ และพอเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุและจับกุมตัวช่างภาพสาวเอาไว้ได้ เธอก็ก่นด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับขู่ฆ่า ทำให้ถูกจับเข้าคุกในที่สุด จากรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเธอมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายที่สูงมากๆ แถมในเสื้อแจ็กเก็ตของเธอยังมียา Alprazolam (ยาเสียสาว) อยู่ด้วย     Metha นอกจากจะทำงานเป็นช่างภาพแล้ว เธอยังเป็นนางแบบให้กับนิตยสาร Maxim…

ความรักเป็นสิ่งที่วิเศษ มันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา และกับอะไรก็ได้…   นี่คือเรื่องราวของหญิงสาวที่ตกหลุมรัก ‘โคมไฟระย้า’ จนถึงขนาดที่สักรูปของมันลงบนแขน และขอหมั้นด้วยเลยทีเดียว!! Amanda Liberty สาววัย 34 ปี ได้เข้าพิธีหมั้นร่วมกับ Lumiere เป็นเชื่อของ ‘โคมไฟระย้า’ ที่มีอายุเกือบ 100 ปี     โดยปกติแล้วการหลงรักสิ่งไม่มีชีวิตต่างๆ เนี่ยเราเรียกกันว่า Objectum-Sexual ถือเป็นหนึ่งในอาการที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยา ที่ปัจเจก หรือบุคคลจะมีความรู้สึกรักใคร่กับวัตถุต่างๆ ที่ไม่มีชีวิต เช่น รถยนต์ สถานีรถไฟ โต๊ะ ประตู เป็นต้น Amanda เล่าถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อ Lumiere ว่า “ครั้งแรกที่ฉันได้เห็น Lumiere ฉันก็รู้ได้เลยว่า ‘เธอ’ คือคนที่ใช่สำหรับฉัน มันคือการตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่จะมีรอยสักของเธอบนร่างกายของฉัน ตอนแรกฉันกังวลมากๆ เพราะกลัวเข็ม แต่หลังจากเสร็จแล้วมันรู้สึกดีมากๆ เลยล่ะ”     “Lumiere เองก็ชอบสิ่งที่ฉันทำเช่นเดียวกัน…

ในช่วงบั้นปลายของชีวิต หลายคนอาจจะวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะทำอะไรไว้บ้าง โดยการใช้เงินที่เก็บมาทั้งหมดสร้างความสุขให้กับตัวเอง เช่นเดียวกันกับคุณป้าวัย 60 ปี ท่านนี้ ที่ตัดสินใจใช้เงินเก็บทั้งหมด จากการทำงานมาตลอดชีวิตกว่า 90,000 ปอนด์ (3.8 ล้านบาท) ย้ายไปอยู่ที่ศรีลังกา ใช้ชีวิตร่วมกับแฟนหนุ่มวัย 26 ปี คุณป้า Diane De Zoysa จากประเทศสก็อตแลนด์ เธอเล่าว่าพบกับแฟนหนุ่ม Priyanjana De Zoysa ในปี 2016 หลังจากคบกันมาได้ 7 เดือน Diane ก็ตัดสินใจแต่งงานกับเขา     เธอตัดสินใจขายบ้านที่อยู่ในเมือง East Lothian และย้ายไปอยู่ศรีลังกา ซื้อบ้านใหม่ รถใหม่อยู่ที่นั่นกันสองคน แต่อยู่ไปได้ไม่นานชีวิตมันก็ไม่ราบรื่นอย่างที่เธอตั้งใจเอาไว้ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่ผ่านมาแก๊งอันธพาลรู้ว่า นาย Priyanjana มีเงินเป็นจำนวนมาก เลยทำให้เขาถูกปล้นและใช้อาวุธปืนทำร้ายจนเสียชีวิต Dianne ถูกขังไว้ในบ้านที่ซื้อมาเพียงลำพัง แถมยังต้องเสียสามีไปอีกด้วย มิหนำซ้ำ เธอมารู้ความจริงอีกว่าสามีของเธอแต่งงานกับผู้หญิงอื่นอยู่ก่อนแล้ว!?    …

อย่างที่รู้กันดีว่า The Rock กับ Kevin Hart นั้นเป็นคู่ซี้ที่ดูเคมีเข้ากันได้ดีมากๆ แต่เนื่องจากไซส์ของสองคู่ซี้มีความแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ทำให้หลายๆ คนแซวกันไปต่างๆ นานาว่าพวกเอ็งเป็นพ่อลูกกันรึเปล่าเนี่ย!? ไม่ใช่แค่แฟนๆ ที่คิดแบบนี้ ตัวของ The Rock และ Kevin เองก็เคยถ่ายภาพแล้วอัปโหลดลงอินสตาแกรม แซวกันไปมาด้วยมุกพ่อลูกกันอยู่ตลอด     ทำเอาชาวเน็ตขำกันยกใหญ่ รวมไปถึงตัดต่อภาพหน้าของ Kevin ไปใส่หน้าของลูกสาวของตัวเองโพสต์ลงอินสตาแกรมด้วย     แต่ล่าสุดจากมุกตลกนี้ ก็ถูกนำไปทำเป็นโฆษณาเพื่อขายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กจริงๆ!! ล่าสุด The Rock ได้ทำการแชร์รูปภาพลงบนอินสตาแกรมส่วนตัวพร้อมกับแคปชันว่า “เอาล่ะ ผมและลูกชายสุดน่ารัก Kevin Hart ในที่สุดก็ทำได้ เรากำลังจะประสบความสำเร็จกันแล้วลูกเอ๊ย” “ภาพโฆษณานี้จะโผล่ไปในโซนผลิตภัณฑ์เด็กของร้านยา และห้างต่างๆ ทั่วประเทศ ผมรู้สึกภูมิใจในตัวเจ้าลูกชายช็อกโกแลตบิสกิตคนนี้มากๆ เลย และผมว่าเขาเองก็คงจะภูมิใจกับพ่อตัวใหญ่ แข็งแรง เซ็กซี่ และฉลาดสุดๆ คนนี้อย่างแน่นอน” “แต่ก็นะ มันรู้สึกแปลกจริงๆ ว่ะ”   ‘ผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อยของคุณ’…

หากคิดจะทำการใหญ่อย่างการ ‘ปล้นร้านเพชร’ ก็จะต้องเผชิญกับระบบรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐานสูงเป็นธรรมดา ทั้งสัญญาณเตือนภัย กระจก ประตู หน้าต่าง ของร้านจะต้องถูกสั่งทำมาแบบพิเศษ เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเข้ามาในร้านได้ก็ต้องเจอกับพนักงานในร้านอีก ถึงผ่านไปได้ก็ต้องเจอกับตู้เก็บเพชรอีก มันช่างยากลำบากเสียเหลือเกิน เช่นเดียวกันกับกลุ่มโจรเหล่านี้ที่อุตส่าห์ฝ่าด่านรักษาความปลอดภัยแรกอย่าง ‘กระจก’ เข้าไปได้แล้ว แต่ก็ต้องเจอด่านมหาโหด คือเหล่าพนักงานถือ ‘ดาบยาวเท่าแขน’ มายืนเรียงรอกันตรงทางที่เจาะเข้ามาได้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ร้านขายอัญมณี Ashok Jewellers ในเมือง Mississauga รัฐออนแทรีโอ ในประเทศแคนาดา เมื่อวันพุธที่ผ่านมา     ในช่วงเวลากลางวันแสกๆ จู่ๆ ก็มีหัวขโมยใช้อุปกรณ์ที่มีรูปร่างคล้ายกับ ‘ค้อน’ ทุบที่กระจกของร้าน และพยายามเข้ามาในร้าน แต่ขณะที่หัวขโมยกำลังจะปีนเข้ามานั้นก็พบว่ามีพนักงาน ยืนรอกันหน้าสลอน พร้อมกับถือดาบใหญ่ยาวเท่าแขนรออยู่แล้ว ด้วยความตกใจกลัวทำให้หัวขโมยถึงกับรีบกระโดดออกจากหน้าต่างอย่างเร็วไว     แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ หัวขโมยพยายามที่จะเข้ามาในร้านอีกครั้งหนึ่ง แต่พนักงานทั้ง 3 คนยังคงยืนถือดาบพร้อมกับชูขึ้นทำท่าพร้อมจะฟันฉับลงไปตลอดเวลา สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้และหนีไป เหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกไว้โดยกล้องวงจรปิดของร้าน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามล่าตัวคนร้ายอยู่     ทางด้านนาย Arjun Kumar เจ้าของร้านขายอัญมณีกล่าวว่า…

เกิดอุบัติเหตใหญ่ขึ้นกลางงานเทศกาล Tazaungdaing ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเทศกาลโคมลอยที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปัในเมืองตองยี รัฐชาน ประเทศเมียนมาร์ และในบปีนี้ก็มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1,000 ราย ในงานก็จะมีการจัดประกวดโคมลอยสวยงามหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงโคมลอยยักษ์ด้วย ซึ่งเจ้าโคมลอยยักษ์เหล่านี้ก็จะถูกนำเอาพลุหรือประทัดจำนวนมหาศาลมาติดที่โคม พอปล่อยขึ้นไปถึงระดับหนึ่งพลุก็จะแตกออกดูสวยงามตระการตา     และจุดที่น่าสนใจของงานนี้ก็คือการปล่อยโคมยักษ์ลูกหนึ่ง ที่มีลวดลายสวยงาม ผู้เข้าร่วมงานทุกคนต่างก็เฝ้ารอชมความงดงามของมันขณะลอยขึ้นไปบนฟ้าอย่างใจจดใจจ่อ แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดปัญหาขึ้น เมื่อเจ้าโคมยักษ์อันนี้ลอยละลิ่วขึ้นไปได้ไม่เท่าไหร่ ตัวโคมก็เกิดไหม้ ทำให้ส่วนที่เป็นพลุจำนวนมหาศาลตกลงมา     ท่ามกลางผู้ร่วมงานนับพัน ทุกคนต่างก็แตกตื่นวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น จากนั้นไม่นานพลุจำนวนมากที่ตกลงมาก็เกิดระเบิดขึ้น พร้อมกับเพลิงที่ลุกไหม้อย่างรุนแรง     หลังจากเหตุระเบิดไม่นานหน่วยกู้ภัยก็มาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว เบื้องต้นยังไม่มีรายงานถึงจำนวนผู้บาดเจ็บที่แน่นอน แต่คาดว่าน่าจะหลายสิบคน   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   ที่มา : khaosod, sanook

กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกโซเชียลของต่างประเทศอยู่ ณ ขณะนี้เลย กับกรณีของสายการบิน FlyScoot เสิร์ฟน้ำแข็งให้กับผู้โดยสารแล้วบอกว่า “รอสักพักหนึ่ง เดี๋ยวมันก็กลายเป็นน้ำดื่มแล้ว” หลังจากที่ผู้โดยสารขอน้ำดื่มไป 1 แก้ว เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Gene Goh เข้าไปโพสต์ที่หน้าเพจอย่างเป็นทางการของสายการบิน FlyScoot เพื่อร้องเรียน     โพสต์ที่เป็นประเด็น   ในโพสต์เล่าว่า “เช้าวันนี้ไฟลต์บินจากสิงคโปร์ ไปยังโอซากาดีเลย์ครับ ผมเข้าไปนั่งบนเครื่องบินแล้วก็ขอน้ำดื่ม 1 แก้วจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน แต่เจ้าหน้าที่ของคุณบอกกับผมว่า น้ำดื่มมีไว้ขายเท่านั้น” “จากนั้นพวกเขาก็เอาน้ำแข็งใส่แก้วมาให้ผมแล้วก็บอกว่า ‘รอสักครู่นะ ให้น้ำแข็งมันละลายก่อน เดี๋ยวก็กลายเป็นน้ำดื่มเองแหละ’ คือผมแค่อยากจะได้น้ำดื่มแค่นั้นเองครับไม่ได้แคร์หรอกว่ามันจะมาจากก๊อกน้ำหรือไม่” “ผมแค่ต้องการที่จะให้คุณใส่ใจผู้โดยสารสักหน่อย ไม่ใช่การกระทำที่ไร้เหตุผลแบบนี้”   แก้วน้ำแข็งดังกล่าว   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจและถูกแชร์ไปอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล แต่กลับกลายเป็นว่าพ่อหนุ่มคนนี้โดนด่ารัวๆ!!   “ทำไมไม่จ่ายเงินซื้อน้ำไปล่ะพี่!?”   “นี่ดีแล้วนะเนี่ย อย่างน้อยเขาก็เอาแก้วมาให้คุณน่ะ”   “พ่อหนุ่ม!! แค่ซื้อน้ำไม่กี่บาทเอง นายอย่าบอกนะว่าไม่มี อย่ามาทำให้ตัวเองดูมีราคาถูกไปหน่อยเลย พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินน่ะทำได้ยอดเยี่ยมแล้ว…

ปัจจุบันโลกของเราพัฒนาไปไกลแล้ว ทั้งทางด้านเทคโนโลยี และความเปิดกว้างของสังคมต่อประเด็นความละเอียดอ่อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ สีผิว หรือแม้กระทั่งเพศ แต่ก็ยังคงมีบางส่วนที่ยังคงยึดติดกับความคิดแบบเดิมอยู่ โดยเฉพาะเรื่องเพศ ที่มองว่ามีแค่ ‘ชายกับหญิง’ เท่านั้น แม้ว่าในปัจจุบันเรื่องของนั้นมีความหลากหลายและได้รับการยอมรับกันเกือบทั่วโลก     นี่คือเรื่องราวของหญิงสาวที่ ‘ชอบเพศเดียวกัน’ แต่พอถูกพ่อแม่จับได้ ก็ถูกไล่ออกจากบ้าน พร้อมกับตัดลูกตัดพ่อแม่กันเสียอย่างนั้น!? Emily Sheck นักศึกษาสาววัย 19 ปี และยังเป็นนักกีฬาจากมหาวิทยาลัย Canisius College ในเขตบัฟฟาโล ของเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอได้รับข้อความจากแม่ของเธอบอกว่าแต่นี้ไปเธอถูกตัดออกจากชีวิตของพวกเขา และไม่ต้องมาเป็นแม่ลูกกันอีก หากเธอไม่เข้ารับการบำบัด เพื่อที่จะรักษาอาการ ‘ชอบเพศเดียวกัน’ ของเธอ     Emily ช็อกมากและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่เธอปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ได้ จึงตัดสินใจที่จะไม่เข้ารับการบำบัด เธอยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิมที่มหาวิทยาลัย จนกระทั่งเธอกลับไปที่บ้าน พบว่าแม่และพ่อของเธอได้ขนของทุกอย่างของเธอออกไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นของเล่นตั้งแต่เล็กๆ ตุ๊กตาต่างๆ เสื้อผ้า ถ้วยรางวัลกีฬา รวมไปถึงป้ายทะเบียนรถยนต์ด้วย     ซึ่งรถยนต์ที่ถูกริบป้ายทะเบียนไปนั้น เป็นรถที่เธอซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง แต่ก็ถูกพ่อแม่เอาไปด้วย!?…

กลายเป็นข่าวที่ได้รับความใจไปทั่วโลก เมื่อมีนักเผยแพร่ศาสนาชาวสหรัฐอเมริการายหนึ่ง พยายามที่จะเข้าไป ‘เผยแพร่ศาสนา’ ในเกาะต้องห้ามที่อยู่ในประเทศอินเดีย จนเป็นเหตุให้ถูกชนเผ่า ‘ใช้ธนูยิง’ จนเสียชีวิต นักเผยแพร่ศาสนาคนดังกล่าวมีชื่อว่านาย John Allen Chau วัย 27 ปี เดินทางเข้าไปยังเกาะต้องห้าม North Sentinel Island ซึ่งเป็นหนึ่งในเกาะที่ปลีกตัวออกไปจากสังคมโลกยุคปัจจุบัน     เกาะที่ว่านี้ตั้งอยู่ในบริเวณอ่าวเบงกอล ประเทศอินเดีย เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะอันดามัน ซึ่งเกาะต้องห้ามนี้ถูกคุ้มครองโดยกฎหมายและห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไป หรือติดต่อกับผู้คนที่อยู่บนเกาะ ‘อย่างเด็ดขาด’     หรือต่อให้เข้าได้ ชนเผ่าที่อยู่บนเกาะนั้นจะไม่ต้อนรับคนนอก และจะลงมือฆ่าผู้บุกรุกในทันที โดยไม่เอ่ยปากถามแม้แต่คำเดียว ลองไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเกาะนี้แบบเต็มๆ ที่นี่ครับ : ส่องเกาะลับแห่งมหาสมุทรอินเดีย “เซนทิเนล” ที่อาศัยของชนเผ่าดุร้าย ใครอยากลองดี เชิญ!!     ตามรายงานจากสื่อของต่างประเทศระบุว่านาย John ได้ทำการจ้างชาวประมงที่อยู่เกาะใกล้ๆ กันให้ขับเรือไปส่งที่บริเวณชายฝั่งของเกาะต้องห้าม โดยมีจุดประสงค์เพื่อเข้าไปเผยแพร่ศาสนา แต่เขาถูกสังหารทันทีที่ไปถึงด้วย ‘ธนู’ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยเอาไว้แล้ว มีทั้งหมด 7 คนด้วยกัน ที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเชื่อว่าเป็นชาวประมงที่พานาย John…

จากข่าวสองหนุ่มเอาภาพของตัวเองไปแปะในร้านแมคโดนัลด์ ผ่านไปหลายวันโดยไม่มีใครจับได้ จนกลายเป็นกระแสไวรัลที่โด่งดังไปทั่วโลก อ่านข่าวเก่าได้ที่ : สองหนุ่มเนียนเอา ‘รูปของตัวเอง’ ไปแปะในร้าน McDonald’s โดยที่ไม่มีใครจับได้!? แต่รอบนี้เป็นคราวของสองหนุ่มสาวคู่รัก แอบเอาภาพคู่ของตัวเอง ไปใส่ในภาพสต็อกของ IKEA แบบเนียนๆ ขอบอกเลยว่ามันพีคมากๆ!!     เรื่องมีอยู่ว่าสองหนุ่มสาวคู่รักนึกสนุก วางแผนแกล้ง IKEA ด้วยการเอาภาพคู่ของตัวเอง ไปใส่แทนในกรอบรูปของห้างอีเกียในกรุงวิลเนียส ประเทศลิทัวเนีย พวกเขาเปลี่ยนภาพในกรอบรูปที่แสดงโชว์อยู่บนเฟอร์นิเจอร์ในห้างทั้งหมดมากกว่า 100 ภาพ โดยเลือกวันเสาร์ที่เป็นคนพลุกพล่านมากที่สุด และทำภารกิจได้อย่างแนบเนียนโดยที่ไม่มีใครจับได้เลย!!   จะเป็นอย่างไรลองไปชมภาพพร้อมๆ กันได้เลยครับ…   ก่อนอื่นพวกเขาต้องแอบอยู่ในห้องน้ำห้าง จนถึงเวลากลางคืนที่ไม่มีใครอยู่แล้ว   จากนั้นก็เริ่มปฏิบัติภารกิจ   เอาภาพตอนที่ทั้งคู่ไปเที่ยวเดนมาร์กช่วงวันหยุดไปใส่ในกรอบ   เอาภาพเซลฟี่ ไปใส่แทนภาพสต็อก .   ใส่มันทุกรูปเลย   ภาพของพวกเขาถูกเอาไปวางโชว์ทั่วห้างอีเกีย .   ภาพถ่ายตอนเมาแอ๋ ก็ถูกเอามาใส่เช่นกัน   ภาพเซลฟี่ตอนออกไปแฮงก์เอาต์ด้วยกัน   ภาพตอนที่พวกเขาไปเดตกันใหม่ๆ   ภาพตอนไปเที่ยวกันที่ Minsk ถ่ายคู่กับหอไอเฟลปลอม  …

ปัญหาน้ำท่วม ถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้แทบจะทุกพื้นที่ แม้แต่ประเทศที่เป็นทะเลทราย!?   เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าประเทศซาอุดีอาระเบียต้องเผชิญกับฝนตกอย่างหนักหน่วง จนทำให้ ‘น้ำท่วม’ ในเขตทะเลทราย     ทางการต้องทำการอพยพชาวบ้านและ ‘อูฐ’ ออกจากทะเลทรายอย่างเร่งด่วน เพราะฝนปริมาณมากก่อให้เกิด ‘น้ำหลาก’ สร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง     ลองไปชมคลิปเหตุการณ์ชาวบ้านอพยพอูฐที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ   แน่นอนว่าประเทศซาอุดีอาระเบียจัดเป็นประเทศในเขตทะเลทราย ที่เรียกได้ว่า ‘ฝนตก’ แทบจะนับครั้งได้เลยทีเดียว แต่ปัญหาน้ำท่วมนี้กลับเกิดขึ้นแทบจะทุกปี เนื่องจากระบบระบายน้ำที่ไร้ประสิทธิภาพในยามที่ฝนตกหนักนั่นเอง และเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้สร้างความเสียหายให้กับชีวิตของผู้นเป็นจำนวนมาก จากรายงานของสำนักงานป้องกันพลเรือนของประเทศซาอุดีอาระเบีย ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมครั้งนี้มากกว่า 35 ราย     นอกจากนี้ยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่าทั่วประเทศมีประชาชนต้องอพยพหนีน้ำท่วมทั้งสิ้นกว่า 4,038 ราย มีผู้ประสบภัยได้รับวามช่วยเหลือไปแล้วทั้งหมด 2,517 คน และเข้าหลบภัยในที่พักชั่วคราว 2,536 ราย จากรายงานผู้เสียชีวิตทั้งหมด 35 ราย พบว่าในเมืองเมกกะ เป็นเมืองที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ทั้งหมด 11 ราย  …

กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอยู่ในโซเชียลต่างประเทศอย่างแพร่หลาย กับกรณีของพิธีต้อนรับบาทหลวงคนใหม่ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งของประเทศมอลตา เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมาเว็บไซต์ Russian Time รายงานว่ามีการจัดพิธีอัญเชิญและต้อนรับบาทหลวง John Sultana ที่ย้ายมาประจำอยู่ที่ชุมชน Gozitan ซึ่งพิธีดังกล่าวนี้จัดกันมาตั้งแต่โบราณ แต่ตามดั้งเดิมแล้วจะมีการจัดขบวนแห่ บาทหลวงจะนั่งในรถม้าแล้วแห่ไปรอบๆ เมือง เพื่อเป็นที่ประจักษ์ต่อเหล่าคริสต์ศาสนิกชน     แต่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกลายเป็นประเด็นนั้นก็ยังคงมีการจัดตามแบบดั้งเดิม แต่ทว่าเปลี่ยนรถม้าเป็น ‘รถสปอร์ตหรูยี่ห้อปอร์เช่’ แทน แถมยังมีเด็กวัยประถมอีกนับ 10 คนเดินจูงรถหรูคันดังกล่าวไปรอบหมู่บ้าน ขณะที่บาทหลวงยืนอยู่บนรถแล้วก็โบกมือทักทายผู้คน     รับชมคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ   หากรับชมคลิปไม่ได้คลิกที่นี่   ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่าเหล่าชาวเน็ตทั้งหลายกลับมองว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง   “น่ารังเกียจมากๆ ถามจริงเถอะ พวกเขาคิดอะไรกันอยู่เนี่ย!?”   “แบบนี้มันไม่ใช่แล้วล่ะ”   “อะไรจะโง่เง่าเบอร์นี้ ทำไมท่านบาทหลวงไม่ลงมาเดินร่วมกับเด็กๆ ล่ะ? มันจะดูอ่อนโยนกว่านี้เยอะเลยนะท่าน”   “ขณะที่เด็กๆ เดินอยู่ข้างล่าง ท่านบาทหลวงกลับยืนสบายๆ บนรถปอร์เช่สุดหรู โคตรเวอร์เลยว่ะ”…

บางครั้ง ‘งานแต่งงาน’ อาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเสมอไป…   เรื่องราวของหญิงสาวที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าสาว แต่เธอกลับถูกชายที่ไว้ใจ คนที่จะกลายเป็นเจ้าบ่าวของเธอนอกใจไปมีคนอื่น     Casey ว่าที่เจ้าสาวได้นำเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดนี้มาเล่าผ่านเว็บไซต์ Whimn เธอเล่าว่าในคืนก่อนวันแต่งงานมีข้อความจากเบอร์แปลกส่งมาที่โทรศัพท์ของเธอ หลังจากที่ได้อ่านข้อความนั้นชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป ข้อความนั้นเขียนเอาไว้ว่า “ฉันจะไม่แต่งงานกับเขาแน่นอน หรือเธอจะแต่ง?” จากนั้นเบอร์แปลกนั้นก็เริ่มส่งภาพและข้อความที่พิสูจน์ให้เห็นว่าคู่หมั้นของเธอนอกใจไปมีผู้หญิงคนอื่น ซึ่งทั้งสองคนคบกันมาได้เป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้ว ก่อนที่จะเลิกรากันไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เอง     “สุดสัปดาห์นี้ผมจะไปหาคุณนะ เตรียมตัวรอได้เลย หุ่นของคุณเด็ดมากๆ และลีลาของคุณก็เร่าร้อนจริงๆ ผมหวังว่าแฟนของผมจะเก่งได้สักครึ่งหนึ่งของคุณบ้าง” นี่เป็นหนึ่งในข้อความที่ส่งมาผ่านทางเบอร์แปลกนั้น ท่ามกลางเพื่อนเจ้าสาวที่แนะนำให้เธอยกเลิกงานแต่งไปซะ แต่ Casey ไม่คิดแบบนั้น เธอตัดสินใจที่จะทำบางอย่างเพื่อบอกให้ทุกคนรู้ว่า ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอนั้นเป็นผู้ชายเจ้าชู้ และไม่เคยพอ ในวันแต่งงานทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ถึงช่วงส่งตัวเจ้าสาว Casey เดินเข้ามาในงาน และประจำที่อยู่ตรงข้ามกับว่าที่เจ้าบ่าว จากนั้นเธอก็พูดว่า “จะไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้นในวันนี้ มันดูเหมือนว่า Alex (ว่าที่เจ้าบ่าว) ไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับฉัน”     หลังจากคำพูดนี้จบลงทุกคนที่มาร่วมงานต่างก็ช็อกไปตามๆ กัน จากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมา พร้อมกับอ่านข้อความที่เบอร์แปลกส่งมาทั้งหมด ใบหน้าของเจ้าบ่าวเริ่มถอดสี จากนั้นก็เดินออกจากโบสถ์ไป พร้อมกับบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวที่เดินตามไปติดๆ…

หลังจากที่เป็นข่าวใหญ่ไปเมื่อเดือนก่อนกับการหายตัวไปของนักข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีรายงานมาแล้วว่าเขาถูกฆาตกรรมและหั่นศพเป็นชิ้นๆ หลังจากที่เข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯ ในประเทศตุรกี แต่ล่าสุดทางการของตุรกีได้เปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดภายในสถานกงสุล ทำให้เห็นภาพอันสยดสยองขณะทำการหั่นศพของนายจามาล คาช็อกกี (ตรงส่วนนี้แนะนำให้เพื่อนๆ ไปหาดูเอาเองนะครับ เพราะมันน่ากลัวเกินกว่าจะนำมาประกอบในบทความนี้ได้) หลายประเทศทั่วโลกต่างก็จับตามองข่าวนี้กันอย่างใกล้ชิด เพราะเรื่องดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกันกับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ของซาอุฯ เพราะนายจามาล นั้นถือเป็นนักข่าวฝีปากกล้าที่ชอบเขียนวิจารณ์พระองค์อยู่บ่อยครั้ง   จามาล คาช็อกกี   สื่อต่างๆ รวมไปถึงทางการของตุรกีต่างก็เชื่ออย่างปักใจว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด คือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ฆาตกรรมโหดที่เกิดขึ้นนี้ และดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 สำนักข่าวใหญ่ต่างประเทศหลายสำนัก ก็ได้นำข้อมูลโดยอ้างว่าเป็นการสรุปของหน่วย CIA ของสหรัฐอเมริกา   มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน   ตามรายงานระบุว่าหน่วย CIA ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากข่าวกรองหลายแหล่ง รวมทั้งบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายจามาล กับเจ้าชายคาลิด บิน ซัลมาน พระอนุชาของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด ซึ่งพระองค์ดำรงตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหรัฐอเมริกา และเป็นคนแนะนำให้นายจามาลเดินทางไปยังสถานกงสุลในอิสตันบูล เพื่อจัดการเรื่องเอกสารเรื่องการแต่งงาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาถูกสังหารโหด รวมไปถึงบันทึกเสียงโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานกงสุล ที่โทรไปรายงานแก่ผู้ติดตามของมกุฎราชกุมารว่าภารกิจนี้เสร็จสิ้นแล้ว   เจ้าชายคาลิด…

หากใครที่ชื่นชอบหนังแนวประวัติศาสตร์จีนแล้วล่ะก็คงจะคุ้นเคยกับเหรียญรูปร่างวงกลมแล้วก็มีรูตรงกลางคล้ายกับโดนัท ใช้จ่ายเป็นเงินกันมาตั้งแต่อดีต แต่มีน้อยครั้งที่จะได้เห็นของจริงว่ารูปร่างหน้าตาของมันเป็นอย่างไร เป็นแบบไหนหนังรึเปล่า ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมกันครับ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมาเว็บไซต์ Chinadaily รายงานการค้นพบเหรียญโบราณสมัยราชวงศ์ซ่ง ที่มีน้ำหนักมากถึง 460 กิโลกรัม!!     การค้นพบในครั้งนี้เกิดขึ้นบริเวณไซต์ก่อสร้างในอำเภอไป๋สุ่ย เมืองเว่ยหนาน มณฑลส่านซี ประเทศจีน โดยคนงานก่อสร้างกำลังขุดดินลงไปและพบเจอโดยบังเอิญ!? หลังจากขุดพบเหรียญเป็นจำนวนมากไซต์ก่อสร้างได้แจ้งไปยังสำนักงานโบราณวัตถุของอำเภอไป่สุย นาย Zhao Zhangfeng ผู้อำนวยการของสำนักงานก็รีบเดินทางมายังจุดเกิดเหตุเพื่อทำการปิดล้อมจุดที่พบในทันที!!     จากการตรวจสอบแล้วพบว่าเหรียญดังกล่าวนั้นมีมากกว่า 100,000 เหรียญ มีน้ำหนักรวม 460 กิโลกรัม เป็นเหรียญโบราณที่ใช้แทนเงินในสมัยราชวงซ่ง (ค.ศ. 960-1279) แต่ก็มีบางเหรียญที่ผลิตในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907)     นาย Zhao เล่าว่า ในยุคนั้นน่าจะมีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองเงินจำนวนมากมายมหาศาลขนาดนี้ได้ จากการวิเคราะห์เบื้องต้น คาดว่าเหรียญเหล่านี้น่าจะเป็นของธนาคารในสมัยโบราณ และถูกนำมาฝังไว้ขณะเกิดสงคราม   แหม่ หน้าตาของมันเหมือนกับในหนังไม่มีผิดเลยนะเนี่ย!!  …

กลายเป็นหนึ่งในเหตุโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ กับกรณีของไฟป่าที่แคลิฟอร์เนีย   จากรายงานความเสียหายล่าสุดพบว่าไฟป่าได้เผาพื้นที่ไปไม่ต่ำกว่า 250,000 ไร่ ทำลายสิ่งก่อสร้างไปกว่า 500 แห่ง และมีรายงานผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 50 ราย สูญหายอีกกว่า 200 ราย รวมไปถึงบ้านของเหล่าดาราเซเลบที่มีชื่อเสียงมากมาย ต่างก็วอดวายหลงเหลือไว้เพียงซากปรักหักพัง   ไม่ว่าจะเป็นบ้านของ Liam Hemsworth กับ Miley Cyrus .   แมนชันของ Robin Thicke และ April Love Geary   บ้านที่วอดวายจนแทบไม่เหลืออะไร   เหลือไว้แต่เตาผิงที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางวิวทะเล   แต่อย่างไรก็ตามแม้ไฟป่าจะไหม้บ้านในเขต Agoura Hills ไปมากมาย แต่บ้านริมชายหาดของ Anthony Hopkins ดาราอาวุโสชื่อดังของฮอลลีวูดกลับรอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ ทั้งตัวบ้าน สวนหลังบ้าน หรือต้นไม้ไม่โดนไฟไหม้เลยแม้แต่นิดเดียว ยังคงยืนตั้งตระหง่าดูโดดเด่น ทั้งๆ ที่บ้านหลังติดกันถูกไฟไหม้จนดำเป็นตอตะโก   ภาพบ้านก่อนเกิดเหตุไฟป่า  …

ใครเล่าจะคิดว่า ‘ลิปสติก’ นั้นจะถูกสร้างขึ้นมาโดยฝีมือของผู้ชาย!? แถมยังเพิ่มฟีเจอร์พิเศษอย่าง ‘สามารถกินได้’ เอาไว้ด้วย จากความคิดที่ทำมาเพื่อเซอร์ไพรส์แฟนสาวในวันเกิด จนต่อยอดไปสู่ธุรกิจจริงๆ!? เรื่องราวของนักศึกษาหนุ่มชาวจีนใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาสร้าง ‘ลิปสติกกินได้’ ให้กับแฟนสาว ก่อนที่จะเอาไปต่อยอดกลายเป็นธุรกิจสร้างรายได้     หนุ่ม จาง เถียน นักศึกษาสาขาศิลปะการอาหาร ของสถาบันการท่องเที่ยวและการบริการในนครหนานจิง มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ที่บังเอิญปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิดขณะหาของขวัญให้กับแฟนสาว     ด้วยการใช้วิชาที่ตัวเองร่ำเรียนมาสร้าง ‘ลิปสติกกินได้’ ขึ้นมา เพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดสุดพิเศษให้กับเธอ     นายจาง ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาตินานาชนิดไม่ว่าจะเป็นผลไม้สด รังผึ้ง ไวน์แดง น้ำมันมะกอก พืชพรรณต่างๆ ผนวกกับความรู้ที่ร่ำเรียนมาจนกลายมาเป็นลิปสติกสีสันสวยงามที่สามารถกินได้     นอกจากนี้ลิปสติกที่เขาสร้างขึ้นมายังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 15 วันเลยทีเดียว จากตอนแรกที่ทำขึ้นมาเป็นของขวัญวันเกิดให้กับแฟนสาว เขาก็ตัดสินใจที่จะนำลิปสติกกินได้นี้ไปขายแบบจริงจัง!!     ปัจจุบันจางเปิดร้านค้าบนโซเชียลมีเดียของจีน โดยใช้จุดเด่นเรื่อง ‘การใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ’ เป็นตัวชูโรงสินค้าของของตัวเอง แหม่ จากการเซอร์ไพรส์สาว กลายเป็นสร้างแบรนด์ธุรกิจไปซะงั้น!? สุดยอดจริงๆ เลยนะพ่อหนุ่ม!!…

กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อคุณครูสาวถูกศาลตัดสินจำคุก 6 เดือน หลังจากบันทึก ‘คลิปเสียง’ มาเป็นหลักฐาน ขณะที่เธอถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเจ้านาย!? Baiq Nuril Maknun คุณครูสาววัย 37 ปี ที่ทำงานอยู่ในโรงเรียนบนเกาะ Lombok ของประเทศอินโดนีเซีย ได้ใช้โทรศัพท์บันทึกเสียงเอาไว้ ขณะที่เธอกำลังถูกคุณครูใหญ่ของโรงเรียนที่ทำงานอยู่ล่วงละเมิดทางเพศ (เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2017)     ซึ่งก่อนหน้านี้จากการตัดสินของศาลอุทธรณ์ระบุไว้ว่าครูสาวนั้นไม่มีความผิดแต่อย่างใด แต่พอเปิดคลิปเสียงที่บันทึกเอาไว้เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิดคุณครูใหญ่ออกมาเท่านั้นแหละ กลายเป็นเรื่องเลย เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศได้เปิดเผยว่าศาลสูงสุดของอินโดนีเซียตัดสินให้ Baiq มีความผิดฐานบันทึกและเผยแพร่ข้อมูลอนาจาร ผิดต่อกฎหมายข้อมูลและธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเหตุให้เธอถูกจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน และสั่งปรับเป็นเงินมูลค่า 500 ล้านรูเปียะห์ (ราวๆ 1.13 ล้านบาท)     ซึ่งจริงๆ แล้วการตัดสินคดีความเสร็จสิ้นไปตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2018 แล้ว แต่เพิ่งถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน…

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาถือเป็นวันครบรอบ 100 ปีที่สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้จบลง…   ในประเทศอังกฤษนั้นจะมีการไว้อาลัยให้กับการเสียสละของเหล่าทหารกล้า ทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชน บางครั้งทหารที่เคยอยู่ในสงครามก็มีวิธีในการไว้อาลัยให้กับอดีตเพื่อนร่วมงานที่เสียชีวิตไปด้วยวิธีการสุดซึ้ง     เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อจู่ๆ ก็มีภาพของ ‘เบียร์ 8 แก้ว’ ที่เหน็บดอกป๊อปปี้เอาไว้ พร้อมกับมีภาพของ คน 8 คน วางอยู่ที่แก้วเบียร์เหล่านั้น ภาพดังกล่าวถูกแชร์ไปอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียลจนกลายเป็นกระแสไวรัล โดยที่ไม่ทราบว่าภาพนี้ถูกถ่ายขึ้นที่ไหน และนี่คือเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังภาพนี้     มีทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาที่บาร์ในวัน Armistice Day หรือ วันสงบศึก (ตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายนของทุกปี) เพื่อรำลึกถึงเพื่อนร่วมรบของเขาที่เสียชีวิตไปในหน้าที่ขณะประจำการที่อัฟกานิสถาน ทหารนายนั้นได้สั่งเบียร์จำนวน 8 แก้ว ให้กับเพื่อนๆ พร้อมทั้งวางรูปของพวกเขาเอาไว้ที่แก้ว จากนั้นก็ยกดื่มเฉพาะแก้วของตัวเอง นั่งอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนที่จะเดินออกจากร้านไป โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนเข้ามากดไลก์ถึง 71,300 ครั้ง และรีทวีตกันไปอีกกว่า 17,100 ครั้งเลยทีเดียว หลายคนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา   “นี่น่าจะเป็นภาพที่ทรงพลังที่สุดของสัปดาห์นี้เลย…

บางครั้งในโลกอินเตอร์เน็ตก็มักจะมีเรื่องอะไรแปลกๆ มาให้เราเห็นได้อยู่ตลอดเวลา…   เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่ทางสถานีตำรวจได้ทำการเปิดภายภาพมักช็อต (ภาพถ่ายหน้าตรงของผู้ต้องหา) ของผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายหนึ่ง แต่ปรากฏว่า ‘ลำคอ’ ของพี่แกนั้นมีขนาดใหญ่เหลือเกินชาวเน็ตก็เลยตกใจไปตามๆ กัน เรื่องมีอยู่ว่านาย Charles Dion McDowell วัย 31 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมที่ทางตอนเหนือของรัฐฟลอริดา หลังจากได้รับรายงานว่าเขาหนีการจับกุมมาอยู่ที่นี่     หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสำเร็จ ก็ได้ทำการเปิดเผยรูปมักช็อตของนาย Charles ลงโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงบ่ายของวันอังคารที่ผ่านมา     แต่ปรากฏว่าชาวเน็ตทั้งหลายกลับให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับ ‘ลำคอ’ ของนาย Charles ที่ดูใหญ่ผิดปกติ กว่า 100,000 คอมเมนต์เป็นการแซวถึงรูปร่างลักษณะของเขา     “รอยสักที่คอของพี่แกจะต้องแพงมหาศาลแน่ๆ เพราะต้องสักลงบนพื้นที่ที่มีหน่วยเป็นตารางฟุต”   “เห้ย ตำรวจเค้าใช้ฟิลเตอร์อะไรแต่งรูปฟร๊ะ!?”   “เหมือนกับว่าพ่อหนุ่มคนนี้กำลังจะแปลงร่างเป็นเดอะฮัลค์เลย แต่มีแค่ส่วนคอของเขาเท่านั้นที่กำลังโกรธน่ะ”     ขณะนี้นาย Charles ถูกส่งตัวไปยังคุกของเขต Escambia เพื่อรอการตัดสินและดำเนินคดีต่อไป โดยมีค่าประกันตัวอยู่ที่…

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าของที่เราสั่งก่อนจะมาถึงมือของเราจะต้องผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง? และบางครั้งพอรู้แล้วมันก็ทำให้เรารู้สึกจุกจนพูดไม่ออกได้เหมือนกัน เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ เมื่อลูกค้าถึงกับช็อกเมื่อเห็นภาพวงจรปิดที่จับภาพพนักงานส่งของ ส่งกล่องที่ข้างในบรรจุแท็บเล็ตมูลค่า 300 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 10,000 บาท ด้วยการ ‘โยน’ มาไว้หน้าบ้านอย่างไม่ใยดี!! เรื่องราวนี้ถูกแชร์โดยสมาชิกเว็บไซต์ Reddit ใช้ชื่อว่า moeman44 พร้อมกับแคปชันว่า “นี่คือวิธีการที่พวกเขาส่งแท็บเล็ตมูลค่า 300 เหรียญให้กับผม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา”     เหตุการณ์เกิดขึ้นในเมืองซิดนีย์ พนักงานส่งของจอดรถที่หน้าบ้านของลูกค้า ก่อนที่จะเดินเข้ามาอีกไม่กี่เมตรจะถึงประตูหน้าบ้าน แทนที่จะเดินเอาพัสดุมาวางให้อย่างระมัดระวัง แต่กลับ ‘โยน’ มันมาไว้ที่ประตูหน้าบ้านซะงั้น ลูกค้าเล่าเพิ่มเติมว่าเขาสั่งแท็บเล็ตผ่านทางออนไลน์ และพอเปิดกล่องดูก็พบว่ามันไม่ได้เสียหายอะไร แต่วิธีการส่งของพนักงานส่งของนั้นมันน่ากลัวเหลือเกิน     “อีกแค่ 5 ก้าวเขาก็เดินมาถึงที่ประตูบ้านแล้วแท้ๆ แทนที่จะเดินมาวางไว้เฉยๆ ก็จะไม่เป็นปัญหาอะไรเลย แต่เขาทำให้สิ่งของที่มีมูลค่าอยู่ข้างในมีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหาย ต่อให้มองข้ามเรื่องโยนพัสดุไป แต่สิ่งของราคาแพงนี้อาจจะถูกขโมยไปได้ง่ายๆ เพราะเขาไม่ยอมเดินมากดกริ่งเรียกเรา”   ลองไปชมคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดกันครับ here’s how my $300 tablet got delivered on…

กำลังกลายเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตต่างประเทศให้ความสนใจ กับกรณีของ ‘นักศึกษาผิวสี’ ถูกอาจารย์โทรแจ้งตำรวจให้พาตัวออกจากห้องเรียน หลังเธอเอา ‘เท้า’ ขึ้นไปวางบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าเธอ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 13 พฤศจิการยน 2561 ณ มหาวิทยาลัยเท็กซัส โดยนักศึกษาในชั้นเรียนคนหนึ่งชื่อว่า Apurva Rawal ได้ทำการบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ และนำมาโพสต์เล่าว่า     “นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนวันนี้ นักศึกษาสาวยกเท้าขึ้นมาวางบนเก้าอี้ อาจารย์ก็เลยโทรแจ้งตำรวจหลังจากที่เรียกคลาสเรียนของเราว่า ‘เป็นคลาสที่ป่าเถื่อน’” “อยู่ๆ อาจารย์ก็หยุดสอน แล้วเดินออกไปข้างนอกห้องเรียนเพื่อโทรแจ้งตำรวจ เพียงเพราะมีนักศึกษาคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักศึกษาลูกครึ่งอเมริกัน-แอฟริกัน ยกเท้าขึ้นมาวางบนที่นั่ง ที่อยู่ด้านหน้าของเธอ ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้พูด หรือส่งเสียงรบกวนในชั้นเรียนเลยแม้แต่น้อย”   คลิปเหตุการณ์ https://twitter.com/ApurvaYRawal/status/1062049830262972424?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1062049830262972424&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.huffingtonpost.com%2Fentry%2Futsa-texas-university-black-student-white-professor-cops_us_5beb9582e4b044bbb1aa1031   คลิปดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนเข้ามาชมกันถึง 3.36 ล้านครั้ง เลยทีเดียว หลังจากที่คลิปเหตุการณ์ถูกแชร์จนกลายเป็นกระแสไวรัลก็มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งชื่อว่า Pistachio ได้ออกมาอ้างตัวว่าเป็นหญิงสาวที่ยกเท้าไว้บนเก้าอี้และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวออกไปจากห้องออกมาแสดงตัวและเล่าความรู้สึกในวันนั้นว่า “ฉันเอง Anita Moss รหัส 2053 อยู่ในห้องเรียนชีวะ ฉันถูกอาจารย์พูดว่า ‘จะออกไปจากห้องเองหรือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวออกไป’ ฉันไม่เคยทำผิดกฎระเบียบของนักศึกษาเลยสักครั้ง ไม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว…

การสร้างประวัติศาสตร์ เป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ อย่างที่หลายๆ คนคิด!!   และนี่คือเรื่องราวของ ‘ชายผู้สร้างประวัติศาสตร์’ เป็นคนแรกที่ว่ายรอบหมู่เกาะอังกฤษจนครบ ได้เป็นคนแรก!! Ross Edgley หนุ่มวัย 33 ปี เพิ่งจะจบการเดินทางกว่า 2,800 กิโลเมตรรอบเกาะอังกฤษ สร้างประวัติศาสตร์เป็นคนแรกที่ทำสำเร็จ     เขาใช้เวลากว่า 5 เดือนวันละ 6 ชั่วโมงลอยอยู่กลางทะเลเพื่อจบภารกิจในครั้งนี้ และสร้างสถิติโลกเอาไว้ถึง 4 สถิติด้วยกัน!!     ประกอบไปด้วยกลายเป็นคนแรกที่ว่ายน้ำรอบเกาะอังกฤษ, คนแรกที่ว่ายน้ำรอบเกาะทางใต้ของอังกฤษ, การว่ายน้ำในทะเลระยะทางไกลที่สุด, และเป็นคนเดียวบนโลกที่ว่ายน้ำจาก Land’s End ไปยัง John O’ Groats ได้เร็วที่สุด   .   นอกจากนี้ Ross ยังได้ทำการแชร์ภาพความยากลำบากระหว่างการเดินทางกว่าจะสำเร็จผ่านทางทวิตเตอร์ให้เราได้ชมกันอีกด้วย   หนังมือและหนังเท้าของเขาที่เปื่อยไปหมดจากการแช่น้ำทะเล เกลือเกาะอยู่เต็มใบหน้าของเขา   เพื่อที่จะมีพลังงานพอในการว่ายน้ำในแต่ละวันเขาจะต้องทานอาหารวันละ 15,000 กิโลแคลอรี .…

ว่ากันว่า ‘เครื่องดื่มแอลกอฮอล์’ ยิ่งมีอายุมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งหอมหวาน และรสชาติดียิ่งขึ้นเท่านั้น แล้วไวน์ที่มีอายุกว่า 2,000 ปี มันจะเป็นอย่างไรกันนะ!? ขณะที่เหล่านักโบราณคดีกำลังทำงานขุดค้นสุสานโบราณในเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ก็บังเอิญไปพลเข้ากับเหยือกที่ทำจากทองแดงเหยือกหนึ่งที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ นักวิทยาศาสตร์ที่ไซต์ขุดค้นได้ทำการตรวจสอบเหยือกดังกล่าว และคาดว่ามันน่าจะมาจากยุคราชวงศ์ฮั่นหรือเมื่อราวๆ 2,000 ปีก่อนเลยทีเดียว ซึ่งภายในยังคงมีของเหลวปริมาณ 3.5 ลิตรบรรจุเอาไว้อยู่!!     จากรายงานของ Xinhua News ระบุเอาไว้ว่า ของเหลวดังกล่าวมีสีเหลืองอร่าม แถมยังมีกลิ่นของแอลกอฮอล์อยู่ด้วย “กลิ่นมันเหมือนกับไวน์เลย” หัวหน้าของสถาบันวัฒนธรรมและโบราณคดีลั่วหยางกล่าว     จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อยู่ในเหยือกนั้นทำมาจากข้าวหมัก และข้าวฟ่าง ซึ่งหากนำข้อมูลมาปะติดปะต่อกับข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ก็ตรงกับเครื่องดื่มที่ผลิตขึ้นมาในยุคจีนโบราณพอดี เท่านั้นยังไม่พอ นี่ไม่ใช่การขุดค้นพบเหยือกไวน์เพียงเหยือกเดียว ก่อนหน้านี้ยังมีการค้นพบเหยือกแบบนี้ในไซต์ขุดค้นที่อยู่ในเมืองนี้มาก่อน ซึ่งมันน่าจะมาจากช่วง 202 ปีก่อนคริสตกาลถึงช่วงคริสต์ศักราชที่ 8     อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ยังระบุอีกว่าของเหลวที่อยู่ข้างในอาจจะมีกลิ่นเหมือนไวน์ก็จริง แต่การกินมันเข้าไปนั้นย่อมส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายของเราอย่างแน่นอน เพราะเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ที่อยู่ในนั้นอาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรงได้   ที่มา : nextshark, xinhua news, shanghaiist

ไอซ์แลนด์ปล่อยโฆษณาคริสต์มาสประจำปี 2018 ออกมา เป็นการ์ตูนที่เปิดเผยให้เห็นเรื่องราวของการทำลายป่าฝน เนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม เพื่อตระหนักให้ผู้คนหันมาใส่ใจกับปัญหาโลกร้อน และการอนุรักษ์ป่ารวมไปถึงสัตว์ป่า โดยในเรื่องราวของการ์ตูนเรื่องนี้จะเป็นการนำเสนอเรื่องราวของเจ้าอุรังอุตังตัวน้อย ที่เป็นเพื่อนกับเด็กน้อยคนหนึ่ง ซึ่งการบุกรุกป่าเพื่อทำฟาร์มต้นปาล์มนั้นทำให้ที่อยู่ของมันถูกทำลายไป โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว และช่วยกันคนละไม้ละมือด้วยการเลิกบริโภคน้ำมันปาล์มและหันไปใช้อย่างอื่นแทน     ลองไปชมคลิปวิดีโอโฆษณาแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   ซึ่งตอนแรกโฆษณาตัวนี้จะถูกนำไปลงโฆษณาทีวี เพื่อเผยแพร่ให้กับผู้คนหลายล้านคนได้รับชม แต่กลายเป็นว่าดันถูกสั่งปลดซะอย่างนั้น!? นาย Richard Walker ผู้อำนวยการสร้างโฆษณาชิ้นนี้กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านๆ มา พวกเราสร้างโฆษณาคริสต์มาสขึ้นมาเพื่อสร้างความตระหนักให้ผู้คนได้เห็นถึงปัญหาต่างๆ ทั้งที่เกิดจากน้ำมันปาล์ม และขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเล เป็นต้น” “ในปีนี้ เราต้องการที่จะทำอะไรให้แตกต่างออกไป และการสร้างสำนึกให้กับลูกค้าในการเลือกใช้น้ำมันปาล์ม ด้วยการใช้ลิงอุรังอุตังเป็นตัวสื่อให้เห็นว่าเขาเป็นสัตว์ที่เป็นมิตรกับวันคริสต์มาส และเราต้องการสะท้อนให้ทุกคนเห็นผ่านงานโฆษณาของเรา”     “แต่เราก็ไม่สามารถฉายมันผ่านทางโทรทัศน์ได้ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้บริโภคทั้งหลายจะได้เชยชมมันผ่านทางโลกโซเชียล และมันจะช่วยให้ทุกคนหันมาให้ความสนใจ และเห็นถึงความสำคัญของปัญหาที่ใหญ่ระดับโลกนี้” “เราต้องการที่จะช่วยปกป้องบ้านของเหล่าลิงอุรังอุตัง ที่กำลังจะหมดไปจากโลกนี้ เราภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้าที่หลากหลายกว่าเดิม ในการชอปปิงสำหรับวันคริสต์มาสที่กำลังจะถึงนี้ แม้จะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากการโฆษณาทางโทรทัศน์เลยก็ตาม” ทางด้านโฆษกของหน่วยงาน Clearcast ของไอซ์แลนด์ที่ทำหน้าที่ในการคัดกรองข้อมูลต่างๆ ลงโทรทัศน์ ออกมากล่าวว่า “ทางเราได้ตัดสินใจแบนโฆษณานี้ออกไปเพราะเราเป็นกังวลว่ามันไม่เป็นไปตามกฎทางการเมือง และทำให้เกิดข้อโต้แย้งมากเกินไป”    …

สายสัมพันธ์ของพี่น้องเป็นอะไรที่แข็งแรงมากๆ บางครั้งก็สามารถยอมตายเพื่ออีกคนได้เลยทีเดียว!!   เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของสองพี่น้องชาวรัสเซียคู่นี้ ที่พี่ชายยอมสละชีวิตของตัวเอง พุ่งเข้าไปช่วยเหลือน้องชายให้พ้นจากการถูกหมีขย้ำ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเว็บไซต์ Siberiantimes ของประเทศรัสเซียรายงานว่านาย Rodian Burakov วัย 16 ปี ได้ทำการช่วยเหลือเด็กชาย Boris Burakov วัย 13 ขวบ ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องจากการทำร้ายของหมี     เหตุการณ์อันน่าสลดใจนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน Lazo ที่ตั้งอยู่ในเขต Milkovsky ของเมือง Kamchatka ประเทศรัสเซีย ขณะที่พวกเขาออกไปห้องอบซาวนาที่ห้องอาบน้ำสาธารณะที่อยู่ห่างจากบ้านของพวกเขาไปราว 14 กิโลเมตร     ระหว่างทางกลับบ้านก็ต้องพบกับความโชคร้าย เพราะสองพี่น้องถูกหมีสีน้ำตาลพุ่งเข้าจู่โจม และเป้าหมายของมันก็คือ Boris!! แต่ก่อนที่เจ้าหมีจะวิ่งไปถึงตัวของน้องชาย ผู้เป็นพี่กลับวิ่งเข้ามาขวางมัน เพื่อดึงความสนใจและสั่งให้น้องชายวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด     เด็กชาย Boris วิ่งกลับไปถึงที่หมู่บ้าน และแจ้งให้หน่วยกู้ภัยทราบว่าพี่ชายของตนกำลังตกที่นั่งลำบาก เจ้าหน้าที่รีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุทันที พอมาถึงก็พบว่ามันสายเกินไปเสียแล้ว… เจ้าหน้าที่พบตัวเจ้าหมีสีน้ำตาลวัย 3 ปี…

บางครั้งความผิดปกติในร่างกาย อาจจะเกิดจาก ‘ของเสีย’ ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานก็เป็นได้!?   เช่นเดียวกันกับหญิงสาวชาวเวียดนามรายนี้ที่ไม่ยอม ‘แคะขี้หู’ มาตลอดเกือบ 15 ปี แต่จู่ๆ วันนี้เธอก็เกิดไม่ได้ยินเสียงขึ้นมา พอไปหาหมอเท่านั้นแหละ บอกเลยครับว่า ‘สยอง’!! เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่คลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัด Phu Tho ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม หญิงรายหนึ่งไม่ทราบชื่อถูกพาไปหาคุณหมอที่ชื่อว่า Tuan เพราะมีอาการ ‘หูตึง’ จู่ๆ เธอก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย จากข้อมูลทราบว่าเธอไม่เคยแคะขี้หูมาตลอด 15 ปี!?   ภาพบรรยากาศในรูหูของเธอตอนที่คุณหมอส่องกล้องเข้าไปดู   หลังจากที่วินิจฉัยก็พบว่าปัญหาของเธอมันเกิดจาก ‘ขี้หู’ นั่นแหละที่เข้าไปอุดอยู่ในรูหู คุณหมอใช้เวลาในการเอาขี้หูออกมาจากรูหูของหญิงสาวเพียงแค่ 4 นาทีเท่านั้น   ขนาดของขี้หูเมื่อเอาออกมา (ขนาดเท่าลูกองุ่นเลยทีเดียว)   และแน่นอนว่าขนาดของมันต้องทำให้คุณหมอตกใจ เพราะเจ้าขี้หูก้อนนั้นมันใหญ่พอๆ กับ ‘ลูกองุ่น’ เลยทีเดียวเชียว!! เมื่อเอาขี้หูเจ้าปัญหาออกไปแล้วการได้ยินของเธอก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง คุณหมอก็ให้ข้อมูลกับหญิงคนนั้นว่า ‘หลังจากนี้ไปจะต้องทำความสะอาดหูบ่อยๆ ด้วย’ พร้อมทั้งสอนวิธีในการทำความสะอาดหูที่ถูกต้องให้กับเธอ   ภาพในหูหลังจากที่เอาขี้หูออกมาแล้ว   อย่าลืมทำความสะอาดหูกันด้วยนะจ๊ะเพื่อนๆ…

เรื่องชีวิตของคนเราบางครั้งก็อาจจะต้องเจอกับความยากลำบาก เช่นเดียวกับเด็กสาววัย 9 ขวบคนนี้ ที่พ่อของเธอต้องสูญเสียงานและแม่ก็มาด่วนจากไป เธอจึงโทรไปขอเข้าทำงานกับหน่วยงานการกุศลแห่งหนึ่งเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมาเว็บไซต์ต่างประเทศรายงานว่ามีเด็กสาววัย 9 ขวบ ไม่ทราบชื่อโทรมายัง Humanity Torbay องค์กรการกุศลเพื่อช่วยแจกจ่ายอาหารให้กับผู้คนในท้องถิ่น เพื่อขอเข้าทำงาน ตามรายงานระบุว่า พ่อของเธอเป็นหนี้บัตรเครดิต และไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้ จนทำให้ต้องโดนไล่ออกจากงานคนขับรถบรรทุก และแม่ของเธอก็เพิ่งมาด่วนจากไปเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ครอบครัวของเธอต้องพบกับความยากลำบาก     ที่บ้านของเธอเหลืออาหารอยู่ไม่มากนัก เด็กสาวจึงโทรมาเพื่อขอเข้าทำงานเพื่อหาเงินไปเลี้ยงครอบครัวด้วยเหตุนี้เองทำให้ Ellie Waugh ผู้บริหารขององค์กรการกุศลถึงกับหลั่งน้ำตา Ellie เล่าว่า “เธอโทรมาและบอกว่าเธอสามารถทำได้ทุกอย่าง ทำอะไรก็ได้ ที่จะทำให้เธอได้เงินและจะนำเงินนั้นไปซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้กับพี่น้องของเธอ” “ฉันไม่รู้เลยว่าจะพูดอย่างไรดี เด็กสาววัย 9 ขวบโทรมาขอร้องฉันให้รับเธอเข้าทำงาน เธอบอกว่าเธอสามารถทำอาหารได้ ทำงานได้ทั้งวันเสาร์และอาทิตย์ หรือหลังเลิกเรียนก็ยังได้ หลังจากวางสายแล้วฉันถึงกับร้องไห้ออกมา”   Ellie Waugh   เด็กสาวคนนี้เป็นหนึ่งในลูกสามคนของคุณพ่อ ที่ต้องเลี้ยงดูพวกเธอเพียงลำพังหลังจากที่ภรรยาของเขาได้จากโลกนี้ไป แน่นอนว่าหลังจากที่คุยโทรศัพท์กับเด็กสาวแล้ว Ellie ก็โทรไปหาพ่อของเธอเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ทราบ ซึ่งคุณพ่อเองก็รับรองได้ว่าเด็กสาวไม่จำเป็นต้องไปทำงานแต่อย่างใด เธอเล่าว่า…

กลายเป็นเรื่องเป็นราวเมื่ออยู่ๆ ก็เกิดการกระชากสายสะพายกลางงานประกวดสาวก้นสวยประจำปี 2018 ที่ประเทศบราซิล     เรื่องมีอยู่ว่าในงานประกวดสาวก้นสวยของประเทศบราซิล เพื่อชิงตำแหน่ง Miss Bumbum ประจำปี 2018 จู่ๆ ก็เกิดความอลหม่าน เมื่อผู้เข้าประกวดรายหนึ่งเกิดไม่พอใจกับผลการประกวด เดินมากระชากสายสะพายจากผู้ชนะกลางงานประกวดกันเลยทีเดียว!! Aline Uva จากมือง Rio Grande Do Sul คือผู้ที่ไม่พอใจผลการแข่งขัน เธอบอกถึงสาเหตุของความไม่พอใจว่า Ellen Santana ที่เป็นผู้ชนะขี้โกง เพราะเธอไปศัลยกรรมที่ก้นมา     ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   “ฉันทำตามกฎทุกข้อของการประกวด ก้นของฉันเป็นของจริง แต่ขอเธอเป็นก้นพลาสติก Miss Bumbum ปีนี้น่ะเป็นตัวตลก ฉันจะพิสูจน์ให้พวกคุณดูเอง!!” เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา     แต่อย่างไรก็ตามทางด้านผู้จัดก็ยังยืนยันที่จะให้ Santana เป็นผู้ชนะ และมอบเงินรางวัลกว่า 10,175 ปอนด์ (440,000 บาท) ให้กับเธอ   Ellen Santana…

การเสริมหน้าอก ถือเป็นหนึ่งในการศัลยกรรมยอดฮิตที่ไม่ว่าสาวๆ คนไหนก็อยากทำ เพราะการมีหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น มันช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้หญิงได้เป็นอย่างดี แต่บางครั้งการทำศัลยกรรมหน้าอกก็ถือเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน หากเราเลือกหมอไม่ดี ก็อาจจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่ตามมาภายหลังได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ Emily Nolan วัย 32 ปีจากรัฐวอชิงตัน เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกมาตั้งแต่ตอนที่เธออายุได้ 23 ปี เพื่อความพึงพอใจของแฟนเก่าเธอที่คบกันอยู่ในช่วงนั้น     ซึ่งแฟนเก่าของเธอเคยกล่าวกับเธอไว้ว่า ‘ผู้หญิงจริงๆ น่ะ ต้องมีนมนะเข้าใจไหม?’ นั่นเองก็ทำให้เธอตัดสินใจไปศัลยกรรม หลังจากที่ผ่าตัดศัลยกรรมมาเรียบร้อยทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ทว่าเธอกลับไม่ได้รู้สึกพึงพอใจกับมันนัก เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการตั้งแต่แรก     หลังจากวันเวลาผ่านไปปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น เธอเริ่มมีอาการเจ็บปวดที่บริเวณไหล่ และคอ เป็นผลมาจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นบริเวณหน้าอก แถมยังเริ่มมีเสียงคล้ายกับ ‘การผายลม’ ออกมาจากหน้าอกทุกครั้งที่เธอยกแขนแล้วเอาลงอีกด้วย!! จนในที่สุดเธอกับแฟนหนุ่มคนนั้นก็เลิกรากันไป Emily ได้มาพบกับ Matt สามีคนปัจจุบันของเธอ ทำให้เธอเริ่มกลับมาคิดถึงเรื่องที่จะนำเจ้าซิลิโคนนี้ออกไปจากร่างกายเสียที เพราะมันสร้างความลำบากให้กับเธอมานานมากแล้ว     ในปี 2016 Emily ตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดเพื่อเอาซิลิโคนออก และตั้งแต่นั้นมาเธอก็กลับมารู้สึกมีความสุขกับชีวิตอีกครั้งหนึ่งราวกับว่าได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งทั้งหมดออกไป “ตอนอายุ 16 ปี ฉันเป็นนางแบบมืออาชีพ…

แม้จะผ่านไปแล้วกับช่วงฮาโลวีนแต่วันนี้ #เหมียวหง่าว ก็มีเก็บตกเล็กๆ น้อยๆ มาฝากเพื่อนๆ กันครับ เป็นผลงานการแต่งแฟนซีแบบสุดเจ๋งของเหล่านักศึกษาวิชาศิลปะชาวญี่ปุ่นในเมืองคาวาซากิ ที่มีการจัดงานฮาโลวีนสุดยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี และในปีนี้ก็จัดติดต่อกันเป็นปีที่ 22 แล้ว!! แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นนักศึกษาวิชาศิลปะ ย่อมทำให้พวกเขามีไอเดียในการแต่งกายแฟนซีที่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน และมันจะต้องจัดหนักจัดเต็มซะด้วย!!     และผลงานพวกเขาก็ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดการแต่งกายแฟนซีที่ชื่อว่า Pumpkin Award จากเมืองคาวาซากิ   ผลงานนี้เป็นฝีมือของศิลปินนักแต่งหน้า Amazing Jiro และทีมนักศึกษาหญิงอีก 6 คน แต่งตัวเป็น ‘ภาพวาด’ ที่มีชื่อเสียงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Mona Lisa ของ Leonardo da Vinci, Behold the Man ของ lías García Martínez หรือ The Weeping Woman ของ Pablo Picasso นอกจากนี้ก็ยังมี Girl With a Pearl…

เรื่องราวของ ‘ความรัก’ บางครั้งมันก็หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของหญิงสาวคนนี้ ที่แม้เธอจะถูกสามีกระหน่ำแทงถึง 46 แผล แต่ก็ยังยืนยันที่จะรักเขาต่อไป… Shannon Barnard สาววัย 21 ปี ถูกนาย Michael วัย 25 ปีใช้อาวุธมีดแทงภายในบ้านที่เมือง Kent ประเทศอังกฤษ เมื่อช่วงเดือนมกราคมของปี 2018 เป็นเหตุให้ Shannon ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีแผลทั้งหมด 46 แผล กว่า 14 แผลอยู่ที่บริเวณหน้าอก และที่เหลืออยู่ที่บริเวณท้อง เธอต้องเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานถึง 17 วัน และทำให้รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ซึ่งร่างกายของเธอจะเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นในอนาคต     “ในตอนแรกฉันกรีดร้องด้วยความกลัว จากนั้นเขาก็เข้ามาแทงฉัน แล้วก็ผลักฉันล้มลง ขณะนั้นพ่อของเขาก็อยู่ในสายโทรศัพท์เพราะกำลังคุยกับฉันอยู่” “ขณะที่ล้มลง Mike ก็เดินมาแทงฉันซ้ำอีกรอบที่บริเวณหน้าอก ฉันพูดออกมาว่า ‘พอได้แล้ว Mike หยุดเถอะ’ เขาตอบมาว่า ‘ไม่!! เธอจะต้องตาย’ ฉันคิดว่ายังไงฉันก็คงไม่รอดแน่ๆ” Shannon เล่าถึงเหตุการณ์เกิดเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟัง…

ในวันเทศกาลต่างๆ มักจะมีผู้คนหลากหลายรูปแบบเข้าร่วมอยู่เป็นประจำ แน่นอนว่าบางครั้งก็มีพวกพิเรนทร์ๆ เข้าร่วมจนทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เมื่อเด็กหญิงคนหนึ่งถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลหลังกินลูกอมที่ไป Trick or Treat มาได้ในคืนวันฮาโลวีน ปรากฏว่ามีคนเอา ‘เข็ม’ ซ่อนไว้ในลูกอมเหล่านั้น!? เด็กหญิงวัย 12 ขวบกลับมาจากการ Trick or Treat ในเขต Northeast Heights เมืองอัลบูเคอร์คี รัฐนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะพบกับประสบการณ์อันเลวร้ายในชีวิต เมื่อกัดเข้าไปในช็อกโกแลตบาร์ที่ข้างในมี ‘เข็ม’ ยาวกว่า 1 นิ้วซ่อนอยู่     ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่าเด็กหญิงได้รับบาดเจ็บที่บริเวณ ‘เพดานปาก’ หลังจากที่เธอกัดมันลงไป คุณ Christina Robinson ผู้เป็นแม่ของเธอเป็นคนพาไปส่งที่โรงพยาบาล พอไปถึงเจ้าหน้าที่ก็รีบพาตัวเธอไปที่ห้องฉุกเฉิน เพื่อตรวจดูว่าเข็มดังกล่าวนั้นมีเชื้ออะไรอยู่ด้วยหรือไม่ ซึ่งโชคดีมากๆ ที่เป็นแค่เข็มธรรมดาเท่านั้น ก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือจนปลอดภัย     นอกจากนี้ทางด้านสถานีตำรวจของอัลบูเคอร์คีก็ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงเหตุการณ์เดียวเท่านั้น เรายังไม่ได้รับรายงานว่ามีเด็กที่ได้รับบาดเจ็บจากการกินเข็มเพิ่มเติม” “จากเหตุการณ์นี้มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ เราอยากจะให้พ่อแม่ และผู้ปกครองของเด็กตรวจเช็กดูห่อขนมที่เด็กๆ รับมาก่อนที่จะให้พวกเขารับประทาน เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันร้ายแรงจริงๆ”…

ในประเทศจีนนั้นถือเป็นประเทศที่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าย่อมมีการแข่งขันที่สูงปรี๊ดดดดด ฉะนั้นการเขียน Resume หรือ CV ให้เจ๋งกว่าคนอื่นๆ ก็ย่อมทำให้ตัวเองได้เปรียบในการไปสมัครงานหรือเรียนในที่ต่างๆ แม้กระทั่ง ‘เด็กอนุบาล’ ก็ไม่เว้น!? และนี่คือ CV ของเด็กวัย 5 ขวบที่มีความยาวถึง 15 หน้าด้วยกัน!! ชาวเน็ตประเทศจีนทั้งหลายต่างก็ตกใจ ว่าอายุแค่นี้แต่ประสบการณ์ของเด็กคนนี้ช่างมากมายเหลือเกินจนเอามาเขียนเป็น CV ได้ยาวถึง 15 หน้ากันเลยทีเดียว เด็กชายคนนี้อาศัยอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน พ่อแม่ของพวกเขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัย Fudan University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศจีน แถมยังทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชื่อดังอีกด้วย     เอาล่ะกลับมาเข้าเรื่อง CV กันต่อ ในนั้นเด็กชายเขียนเอาไว้แทบจะทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความสามารถส่วนตัว นิสัย หรือการใช้ชีวิต อย่างเช่น ‘ความเข้มแข็ง’ ซึ่งตัวเขาไม่เคยร้องไห้เลยเวลาไปหาหมอ หรือจะเป็น ‘ความมั่นใจ’ ที่ไม่เคยตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อยตอนที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องตอนเรียนอยู่ชั้นอนุบาล และ ‘ความอดทน’ ที่เขาตั้งใจเรียนอย่างไม่ย่อท้อแทนที่จะออกไปเล่น     นอกจากนี้ในหมวดการเรียนรู้ เขาเขียนเอาไว้ว่าเคยเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ทั้งในส่วนของการคิดอย่างมีเหตุผล ตรรกศาสตร์ เรขาคณิต…

บางครั้งสถานการณ์ธรรมดาๆ ก็สามารถสร้าง ‘ฮีโร่’ ได้ โดยที่ไม่ต้องใช้พลังวิเศษอะไรเลยแม้แต่น้อย…   เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ เมื่อพนักงานขับรถบัสถูกยกย่องให้กลายเป็น ‘ฮีโร่’ หลังจากที่เขาสั่งให้ผู้โดยสารทุกคนลงจากรถ เพราะพวกเขาไม่ยอมขยับเว้นที่ว่างให้ ‘คนนั่งวีลแชร์’ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นาย Francois Le Berre เป็นผู้พิการต้องนั่งรถเข็นวีลแชร์ ขณะที่เขาเรียกรถบัสแต่กลับกลายเป็นว่าขึ้นไปบนรถไม่ได้เพราะไม่มีใครขยับตัวเปิดทางให้กับเขาเลย     จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้พนักงานรถบัสที่เห็นเหตุการณ์รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง เขาจึงตัดสินใจไล่ผู้โดยสารทุกคนลงจากรถ ก่อนที่จะช่วยเหลือนาย Francois ขึ้นไปบนรถและขับออกไป ราวกับว่าเป็นผู้โดยสาร VIP ยังไงยังงั้นเลย เรื่องราวอันน่าประทับใจนี้ถูกแชร์ลงโซเชียลมีเดียโดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า Accessible Pour Tours (Accessible For All) ที่ดูแลโดยนาย Francois พร้อมกับแคปชันว่า     “เมื่อวานนี้ขณะที่กำลังรอรถบัสอยู่ในปารีส ไม่มีใครต้องการที่จะขยับตัวเอง เพื่อสร้างช่องว่างให้ผมขึ้นไปบนรถบัสได้ ก่อนที่คนขับรถจะลุกขึ้นแล้วสั่งให้ผู้โดยสารทุกคนลงจากรถ จากนั้นเขาก็เดินมาหาผมแล้วบอกว่า ‘ผมจะช่วยให้คุณขึ้นไปบนรถเอง ส่วนคนอื่นรอคันต่อไปก็แล้วกันนะ’”     โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนเข้ามากดไลก์ถึง 12,200 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า…

ใครเล่าจะคิดว่า ‘บุรุษพยาบาล’ ผู้มีหน้าที่ในการช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วย จะกลายเป็น ‘ฆาตกร’ ที่ลงมือฆ่าผู้ป่วยซะเอง!? นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในประเทศเยอรมนี อดีตบุรุษพยาบาลวัย 41 ปี ชื่อว่า Niels Hoegel ได้ลงมือฆาตกรรมผู้ป่วยกว่า 100 รายเลยทีเดียว!! เหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นขณะที่เขายังทำงานอยู่ในโรงพยาบาลในเมือง Oldenburg ในปี 1999 ถึง 2002 ก่อนที่จะย้ายไปก่อเหตุที่โรงพยาบาลใกล้กับเมือง Delmenhorst อีกในปี 2003 ถึง 2005 จากรายงานพบว่าผู้เสียชีวิตอยู่ในช่วงวัย 34 ถึง 96 ปี     ตามรายงานระบุเอาไว้ว่านาย Niels ใช่ ‘ยาหลากหลายชนิด’ ในการลงมือฆ่าเหยื่อ ซึ่งเหยื่อทุกคนที่เสียชีวิตนั้นล่วนแล้วมาจากผลของยาทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีสถิติที่น่าสนใจระหว่างที่นาย Niels ทำงานอยู่ในโรงพยาบาล Odenberg อยู่นั้น พบว่ามีตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการกู้ชีพเพิ่มขึ่นอย่างน่าสงสัย แต่คลินิกเมือง Odenberg กลับไม่ยอมแจ้งกับสถานที่ทำงานแห่งใหม่ของเขาเลยแม้แต่น้อย     จนทำให้สมาคมพิทักษ์ผู้ป่วยของเยอรมนี ออกมาวิจารณ์ว่ากรณีดังกล่าวนี้ถือเป็นความล้มเหลวอย่างยิ่งใหญ่ของวงการสาธารณสุขเยอรมนี เพราะมันเกิดจากความหละหลวมของกลไกในการตรวจสอบอย่างเห็นได้ชัด…

โลกของเราพัฒนาไปเรื่อยๆ จากสังคมที่เคยปิดกั้น ก็กลายมาเป็นสังคมที่เปิดกว้าง ทั้งด้านเชื้อชาติ เพศ สีผิว ความคิด ศาสนา เป็นต้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ยังยึดติดกับอะไรเดิมๆ ซึ่งในปัจจุบันมันกลายเป็นเรื่องที่ ‘สังคม’ รับไม่ได้ไปเสียแล้ว… เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่คุณแม่รายหนึ่งจับลูกชายวัย 9 ขวบ ของตัวเองมาแต่งคอสเพลย์เป็น ‘ทาส’ ผิวสี ที่ถูกล่ามโซ่ที่คอ มือ และข้อเท้า แถมยังตกแต่งรอยเฆี่ยนตีจากแส้ได้อย่างแนบเนียน รวมไปถึงทาสีผิวให้เป็นสีน้ำตาล จนทำให้ชาวเน็ตดราม่าไปตามๆ กัน เป็นการแต่งชุดเพื่อไปร่วมงานปาร์ตี้ฮาโลวีนของโรงเรียนในเมือง Natal รัฐ Rio Grande do Norte ประเทศบราซิล     ผู้เป็นแม่ได้ทำการโพสต์ภาพดักล่าวลงอินสตาแกรม โดยใช้ชื่อสมาชิกว่า sabrinaflor พร้อมกับแคปชัน “เมื่อลูกชายของคุณตีบทแตก มาเป็นทาสชาวบราซิลกันเถอะ! #ทาส”     แน่นอนว่าหลังจากที่ภาพถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตก็เข้ามาดราม่ากันรัวๆ   “หญิงสาวคนนี้คือปิศาจชัดๆ เธอแต่งตัวลูกชายของตัวเองให้กลายเป็นทาส” “เราไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ ความเกลียดชังมันควรจะจบลงได้แล้ว!!” “ปิศาจแห่งการเหยียด”   หลังจากนั้นคุณแม่ก็ออกมาตอบโต้ชาวเน็ตทั้งหลาย…

กลายเป็นการค้นพบสุดยิ่งใหญ่ เมื่อคนงานเหมืองในรัสเซีย ขุดพบ ‘มรกต’ สองก้อนที่มีหน้าตาคล้ายกันมากๆ จนถูกขนานนามว่าเป็น ‘มรกตแฝด’ ถูกตีมูลค่ากว่า 229 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 7,500 ล้านบาท เลยทีเดียว!!     เจ้ามรกตแฝดนี้ถูกขุดพบในเหมืองแร่ Mariinsky ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย นับว่าเป็นการค้นพบที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ มรกตทั้งสองก้อนมีสภาพที่ใกล้เคียงกันมากๆ ทั้งรูปร่าง สี และคุณภาพ นาย Yevgeny Vasilevskiy ผู้อำนวยการเหมืองแร่ระบุว่า “มันเป็นการค้นพบที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ แร่ทั้งสองก้อนมีน้ำหนักก้อนละราวๆ 300 กรัม”     อย่างไรก็ตามการขุดพบแร่มีค่าในเหมืองนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ทำให้การค้นพบในครั้งนี้มันพิเศษก็เพราะว่าแร่ทั้งสองก้อนมีความเหมือนกันเกือบทั้งหมด     เหมือง Mariinsky ถือเป็นเหมืองใหญ่ พวกเขาสามารถขุดหินใต้ดินขึ้นมาได้วันละราวๆ 200 ตันต่อวัน ในแต่ละตันจะพบมรกตบริสุทธิ์ประมาณ 3 กรัม หรือราว 150 กิโลกรัมต่อปีเท่านั้น     “เป้าหมายของเราคือการขุดพบแร่ที่มีความบริสุทธิ์ให้มากยิ่งขึ้น จะต้องไม่ผ่านการเสริมเติมแต่ง…

อย่างที่รู้กันดีว่าเรื่องของ ‘มุมมอง’ ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ใช้บ่งบอกถึง ‘ความเป็นตัวของตัวเอง’ ได้อีกด้วย แต่บางครั้งเราอาจจะไม่รู้ตัวว่ามุมมองของเรานั้นเป็นอย่างไร!? สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว มีแบบทดสอบเกี่ยวกับเรื่องของ ‘มุมมอง’ ที่มีความเชื่อมโยงกับ ‘ความเป็นตัวของตัวเอง’ จากเว็บไซต์ Bright Side มาฝากกันครับ วิธีการก็ง่ายๆ คือจะมีภาพมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน และหากเห็นอะไรในภาพนั้นเป็นอย่างแรกล่ะก็ สิ่งนั้นจะบ่งบอกถึงความเป็นตัวของเพื่อนๆ เอง ที่อาจจะซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึก แบบที่อาจจะไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยก็ได้….เอาล่ะถ้าพร้อมแล้วก็ลองไปเล่นพร้อมๆ กันได้เลยครับ   1. หน้าคน หรือ ปลา?   หน้าคน : คุณเป็นคนชอบเข้าสังคม ชอบติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น เป็นคนชื่อให้ความสนใจกับชีวิตของผู้คน และมากไปกว่านั้นโดยธรรมชาติแล้วคุณจะใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ปลา : คุณเป็นคนที่มีความสุขกับชีวิต มีความเชื่อในโชคลางถึงสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของคุณ แม้ว่าบางอย่างมันจะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คุณก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับมันได้   2. รูกุญแจ หรือ คนร้องไห้?   รูกุญแจ : คุณเป็นคนขี้สงสัยเกี่ยวกับชีวิตปกติของตัวเอง บางครั้งคุณอาจจะมีความรู้สึกว่าในเร็วๆ…

ใครเล่าจะคิดว่าการโพสต์อะไรฮาๆ เพียงไม่กี่โพสต์ จะนำไปสู่เรื่องราวที่ใหญ่โตมโหฬารได้ขนาดนี้…   เรื่องมีอยู่ว่ามีชาวเน็ตสาวชื่อว่า Sarah Abou El Khair จากประเทศอียิปต์ ได้ทำการโพสต์สตอรี่ไอจีแบบขำๆ เพื่อแนะนำไอเดียเจ๋งๆ ให้กับ NASA   ลองไปดูกันครับว่าไอเดียนั้นมันคืออะไร…   งายยยย NASA เรามีไอเดียเจ๋งๆ มาฝากแหละ   จะเป็นอย่างไรถ้าก่อนปล่อยจรวด นายเอาตะแกรงย่างขนาดยักษ์ กับเนื้อไก่เป็นตันไปรองไว้ด้านใต้ฐานปล่อยจรวด   อะไรแบบนี้   จากนั้นเมื่อจรวดเริ่มปล่อยตัว นายเห็นมั้ยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น!???   ปาร์ตี้บาร์บีคิวขนาดยักษ์ยังไงล่ะ!!!   บาร์บีคิวสำหรับพนักงาน NASA ทุกคน แถมยังใช้เวลาไม่ถึงนาทีอีกด้วย!!!   และมันไม่จบลงแค่นี้นะ ไอเดียนี้น่ะ สามารถหยุดยั้งปัญหาการขาดแคลนอาหารบนโลกนี้ได้ด้วย ช่วยประหยัดพลังงาน โคตรเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเลย สร้างความสุขให้กับพนักงาน สร้างผลผลิตที่ดีกว่า ทำให้ Nasa เหนือกว่า SpaceX เห็นๆ ฉะนั้นรับตรูเข้าทำงานเถอะ (ขยิบตา ปิ๊งๆ)   ยิ่งปล่อยจรวดมากขึ้น…

ปัจจุบันผู้คนให้ความสำคัญกับเรื่องของ ‘การเหยียด’ ไม่ว่าจะเป็นการเหยียดเชื้อชาติ ศาสนา สีผิว หรือเพศ เพราะมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ บางครั้งหลายๆ คนอาจจะกระทำอะไรบางอย่างลงไปโดยที่ไม่ได้คิด แต่กลับกลายเป็นประเด็นเรื่อง ‘การเหยียด’ ไปซะอย่างนั้น จนทำให้ไม่กล้าทำอะไรต่อมิอะไรเพราะเกรงว่าจะถูกตราหน้าว่าเหยียด เช่นเดียวกันกับช่วงฮาโลวีน ที่มีการแต่งกายคอสเพลย์ในช่วงเทศกาล ผู้คนกลับไม่กล้าหยิบตัวละครจากเรื่อง Moana มาแต่ง เพราะกลัวว่าจะถูกมองว่าเหยียด!?     อย่างที่รู้กันดีว่าในหนังเรื่อง Moana นั้นเป็นเรื่องราวของชาวพอลิเนเซียน ที่ออกไปผจญภัยในท้องทะเลอันแสนกว้างใหญ่ ในปี 2016 ดิสนีย์ได้ทำการลงขายชุด Maui จากเรื่อง Moana แต่แฟนๆ กลับไม่พอใจและมองว่ามันเหยียดเชื้อชาติซะอย่างนั้น!!     ทางด้านดิสนีย์ถึงกับต้องออกมาแถลงว่า “ทีมงานที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์เรื่อง Moana นั้นให้ความเคารพกับวัฒนธรรมของชาวพอลิเนเซียน ที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมา เรายอมรับว่าชุด Maui นั้นสื่อถึงการเหยียดจริงๆ และต้องขออภัยเป็นอย่างสูง”   และแล้วฮาโลวีนก็วนกลับมาอีกครั้ง นั่นทำให้หลายๆ คนเกรงว่าหากจะแต่งเป็นตัวละครในเรื่อง Moana จะถูกกล่าวหาว่าจงใจเหยียดเชื้อชาติ ล่าสุดทางด้าน People Magazine ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับ Auli’i…

บางครั้งในการทำงาน มันก็มักจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ เช่นเดียวกันกับพนักงานขับรถเทรลเลอร์รายนี้!!   และภาพที่เพื่อนๆ เห็นอยู่นี้ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า Range Rover ไม่ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่แบบเปิดประทุนแต่อย่างใด…     ไม่ว่าจะด้วยความเบลอ หรือความประมาทก็ตาม คนขับรถบรรทุกผู้ดวงซวยทำให้รถรุ่นใหม่ล่าสุดของ Range Rover และ Jaguar พังเละเทะไม่เป็นท่า จากการขับชนเข้ากับทางลอดใต้สะพานรถไฟในเมือง Perth ประเทศออสเตรเลีย อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ราวๆ 8.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ภาพจากเหตุการณ์ทำให้เห็นสภาพรถรุ่นใหม่ล่าสุด Range Rover Sport 4×4 ที่ถูกบรรทุกมาโดยรถเทรลเลอร์ หลังคาหายไปเป็นแถบ     นาย Gareth Ruddock วัย 40 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า “ผมอยู่ในเหตุการณ์ ตอนนั้นผมส่งภรรยาที่สถานีรถไฟ และกำลังขับออกมาพอดี หลังคารถรุ่นใหม่หายไปทั้งแถบเลย” “ด้านในยังมีพลาสติกหุ้มอยู่เลย เหมือนกับว่าพวกเขากำลังจะนำมันไปส่ง แล้วก็ขายให้กับเจ้าของใหม่ และคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือคนขับรถบรรทุกนั่นแหละ เพราะหน้าตาเขาดูเซ็งมากๆ เลยล่ะ”…

เรื่องของ ‘แพกเกจ’ ถือเป็นส่วนที่ช่วยให้สินค้าของเรามีความน่าสนใจ และดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี…   และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมโปรเจกต์การแพกเกจเนื้อสัตว์ ชื่อว่า R.I.P Meat In Coffins ที่ขอบอกเลยว่าทำออกมาได้น่าสนใจจริงๆ แต่เห็นแล้วมันก็รู้สึกแปลกๆ ว่าจะซื้อมากินดีมั้ย!? โปรเจกต์ดังกล่าว ได้นำเนื้อสัตว์ต่างๆ มาใส่กล่องที่มีรูปร่างเหมือนกับ ‘โลงศพ’ แถมยังมีป้ายหลุมศพมาให้ซะด้วย!!     นอกจากนี้ก็ยังมีชื่อของเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ เพื่อบ่งบอกว่าแพกเกจไหนบรรจุเนื้ออะไร พร้อมกับบอกสาเหตุการตายเอาไว้ อย่างเช่น Ms. Chicken เป็นเนื้อไก่, Mr. Pick เป็นเนื้อหมู ,หรือ Mr. Ram เป็นเนื้อแกะ เป็นต้น แต่ละอย่างล้วนแล้วแต่ ‘ถูกฆ่าเพื่อนำมาทำเป็นอาหาร’ รวมไปถึงตัวหนังสือที่เขียนอยู่ข้างโลงว่า “เกิดมาเพื่อกลายเป็นอาหาร”     เป้าหมายของโปรเจกต์ดังกล่าวคือการชี้ให้คนตระหนักถึงการทานเนื้อ ว่าสัตว์ทั้งหลายเองก็ต้องสละชีวิตกลายมาเป็นอาหารของเหล่ามนุษย์     แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแพกเกจที่ทำออกมานั้นมันช่างสวยงามจริงๆ ฉะนั้นต่อให้ได้ผลมากน้อยแค่ไหน ก็สามารถดึงดูดใจลูกค้าให้ซื้อไปได้อย่างแน่นอน     ลองไปชมภาพในมุมต่างๆ…

กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างดุเดือดกับกรณีของ ‘แบรนด์ทิชชู’ ชื่อดังอย่าง Kleenex ได้ทำการปล่อยสินค้าตัวใหม่ออกมา และปรากฏว่าชื่อที่ตั้งให้มันดันถูกวิจารณ์อย่างหนักหน่วงว่า ‘เหยียดเพศ’ ซะงั้น!? เป็นผลิตภัณฑ์กระดาษทิชชูที่เอาไว้เช็ดหน้าที่มีขนาดใหญ่กว่าของเดิม ซึ่งทาง Kleenex ได้ตั้งชื่อมันว่า Mansize แน่นอนว่าพอมันถูกวางขาย เหล่าชาวประชาทั้งหลายต่างก็ดราม่ากันไปตามระเบียบ พร้อมกับตั้งคำถามขึ้นมาว่า ‘ทำไมถึงไม่ตั้งชื่อว่า Extra Large มาตั้งแต่แรก’!?     หากเรามองย้อนกลับไปในปี 1956 ซึ่งเป็นปีที่ Kleenex ถูกนำมาวางจำหน่ายเป็นครั้งแรก ซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อว่า Kleenex For Men ในยุคที่ผู้ชายยังมีความเป็นใหญ่ในสังคม ผู้หญิงจะต้องอยู่แต่บ้านไม่สามารถออกมาทำอะไรได้เลย หากจะตั้งชื่อว่า Mansize ก็คงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรนัก     แต่ในปัจจุบันมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ผู้หญิงสามารถออกมาทำอะไรต่อมิอะไรได้เท่าเทียมกับผู้ชาย เรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการยอมรับ   ลองไปอ่านความเห็นของชาวเน็ตดูกันสักหน่อยครับ   บางส่วนก็เล่าเหตุการณ์ของลูกชายขี้สงสัย “สวัสดี Kleenex ลูกชายวัย 4 ขวบของผมถามว่า ตรงนี้มันอ่านว่าอะไร พอผมบอกไปว่า Mansize เขาก็ถามต่อว่า ทำไมต้องเป็นแบบนั้น…

‘เซ็กส์’ ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ และมันไม่ใช่เรื่องที่ผิดหากกระทำในที่ส่วนตัว…   แต่แม้จะทำในที่ส่วนตัว แต่ถ้าโจ๊ะพรึมๆ กันตรงหน้าต่างแล้วเปิดผ้าม่านในที่ที่มีคนพลุกพล่านเดินผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา ก็อาจจะทำให้สร้างความแตกตื่นได้เหมือนกัน!! เช่นเดียวกันกับหนุ่มสาวจากเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษคู่นี้ ที่จัดการโชว์ ‘โจ๊ะพรึมๆ’ กันที่ห้องพักชั้นบนของร้านขายโทรศัพท์มือถือในย่านชอปปิง ตอนกลางวันแสกๆ แถมไม่ปิดผ้าม่าน ทำเอาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงกับตาค้างไปตามๆ กัน     เรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยเว็บไซต์ Mirror ของอังกฤษ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา รายงานระบุเอาไว้ว่า ผู้คนที่เดินไปมาในย่านนั้นต่างไม่เป็นอันชอปปิงกันเลยทีเดียว เมื่อมีคนสังเกตเห็นสองหนุ่มสาวบรรเลงเพลงรักกันอย่างดุเดือดในห้องของตัวเอง ที่ไม่ได้ปิดหน้าต่าง     แน่นอนว่ามีคนถ่ายภาพเหตุการณ์ดังกล่าวไปโพสต์ลงโซเชียลมีเดียพร้อมกับแคปชันว่า “มีคนถามผมว่าคุณเห็นอะไรตอนไปเดินบนถนนที่อังกฤษ…อ่ะ เอาแซมเปิลไปดูก่อนละกัน” มีคนแชร์ไปมากกว่า 3,000 ครั้งเลยทีเดียว!!     ชาวเน็ตหลายคนต่างก็เข้ามาคอมเมนต์กันไปต่างๆ นานา ส่วนใหญ่แล้วจะเข้ามาเล่นมุกตลกกันเสียมากกว่า   “ผมกำลังหาสถานที่ซ่อมโทรศัพท์ถูกๆ อยู่”    “ที่นี่รับซ่อมโทรศัพท์ในราคาถูกนะ ไม่เชื่อดูที่ราคาข้างบนนั้นสิ” (อาจจะหมายถึงการกระทำของหนุ่มสาวที่เป็นตัวบ่งชื้ว่ามันต่ำล่ะนะ)   “เวลาไปซื้อโทรศัพท์ที่ร้านนี้ตรูไม่เอาเงินทอนก็ได้ ไปยืนหามุมดีๆ ที่ลานจอดรถก็ได้แล้ว”  …

ใครเล่าจะคิดว่าข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ อย่างการ ‘ใช้คำสรรพนาม’ เรียกผู้ปกครองของเด็กผิด จะทำให้ ‘ผู้อำนวยการของโรงเรียน’ ตัดสินใจรับผิดชอบความผิดนี้ด้วยการ ‘ลาออก’!?     เรื่องมีอยู่ว่านาย Ryoichi Yamada (เรียวอิจิ ยามาดะ) ผู้อำนวยการโรงเรียน Shibata City ที่ตั้งอยู่ในจังหวัด Niigata Prefecture ได้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของเด็กนักเรียนชายวัย 13 ปี ที่เสียชีวิตจากการ ‘ฆ่าตัวตาย’ เพราะสาเหตุมาจากการถูกเพื่อนกลั่นแกล้งที่โรงเรียน     มีการพูดคุยกันระหว่างผอ. และผู้ปกครองของเด็ก แต่ที่เป็นประเด็นก็คือ ก่อนจากกัน ผอ. ได้เอ่ยถามคุณพ่อของเด็กชายว่า “Omae mo hogoshakai ni kuru ka?” ซึ่งคำว่า Omae นั้นมันเป็นคำที่ใช้แทนคำว่า You แต่จะเป็นคำที่ใช้กับคนที่สนิทกว่า คือจะแปลเป็นไทยได้ว่า ‘แก’ หรือ ‘เอ็ง’ นั่นเอง ดังนั้นประโยคที่ผอ. พูดก็จะประมาณว่า “แกจะไปร่วมงานประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนมั้ย?”    …

บางครั้งเวลาที่เรา ‘เมา’ ก็อาจจะพลั้งพลาดทำเรื่องบางอย่าง ที่พอตื่นมาแล้วอาจจะคาดไม่ถึงเลยก็เป็นได้ แต่ต่อให้คุณจะทำเรื่องชวนปวดหัวไปแค่ไหน ก็สู้คู่รักคู่นี้ไม่ได้หร๊อก!! นี่คือเรื่องราวของ Gina Lyons วัย 33 ปี และ Mark Lee วัย 35 ปี สองคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ที่เพิ่งแต่งงานกัน พวกเขาจัดทริปฮันนีมูนกันที่ประเทศศรีลังกาเมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา และปรากฏว่าโรงแรมที่ไปพักตอนไปฮันนีมูนนั้นมันช่างถูกอกถูกใจทั้งคู่เสียเหลือเกิน หลังจากที่ดื่มอย่างหนักหน่วง ความเมาทำให้เกิดอาการหน้ามืดตามัว ก็เลยตัดสินใจซื้อโรงแรมนั้นเป็นของตัวเองมันซะเลย!!     “เมื่อเราเดินเข้าไปในโรงแรม แล้วเห็นเหล่าผู้สูงอายุชาวศรีลังกานั่งอยู่ด้านใน พวกเขากำลังดื่มกันอย่างสนุกสนาน เราก็เลยไปร่วมดื่มกับพวกเขา” “แม้โรงแรมจะดูเก่ามากๆ แต่ก็มีราคาถูก อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับชายหาด แถมยังมีบ้านต้นไม้อีกด้วย มันคือสิ่งที่พวกเราถูกใจมากๆ”       “ขณะที่นั่งดื่มอยู่บริเวณชายหาด พนักงานบอกกับเราว่าค่าเช่าโรงแรมนี้เป็นรายปีคิดแค่ 10,000 ปอนด์ (ราวๆ 430,000 บาท) เท่านั้นเอง ทั้งฉันและ Mark ก็เลยคิดว่า เออถ้าเราซื้อมันก็คงเป็นอะไรที่เจ๋งดีนะ” “และตอนนั้นจากไอเดียที่ผุดขึ้นมาตอนเมาเหล้ารัม ผ่านมาแล้ว 1 ปี…