ย้อนรอยคดีดัง ‘มรดกเลือด’ ที่ว่ากันว่าเป็นต้นแบบของละครเรื่อง ‘เลือดข้นคนจาง’

อย่างที่ได้กล่าวไปในบทความก่อนหน้านี้แล้ว ว่าจากละครเรื่อง ‘เลือดข้นคนจาง’ นั้นมีเค้าโครงที่สร้างมาจากเรื่องจริง แถมยังคาดว่าน่าจะเป็นคดีที่โด่งดังมากๆ เลยทีเดียว

 

 

จากการแลกเปลี่ยนความเห็นกันในทวิตเตอร์ของเหล่าชาวเน็ต ก็ทำให้พอจะเดาได้ว่าเป็นคดีอะไร ทีมงานเหมียวของเราก็เลยไปรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ มาสรุปให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านกัน เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมละคร จะเป็นอย่างไรลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…

คดีดังกล่าวได้รับสมญานามว่าเป็นคดี ‘มรดกเลือด’ มีผู้คนที่ต้องเสียชีวิตมากมายนับสิบรายเลยทีเดียว

ก่อนอื่นต้องมาทราบถึงแผนผังตัวละครกันก่อนนะครับ ตัวละครประกอบไปด้วย แม่, สามีเก่าของแม่, พี่ชายคนโตที่เป็นลูกของสามีเก่าของแม่, สามีใหม่ของแม่, และลูกกับสามีใหม่อีก 9 คนด้วยกัน แบ่งเป็น ชาย 3 คน และหญิง 6 คน

 

ภาพประกอบจากละครไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริง

 

แต่เดิมทีนั้นผู้เป็นแม่เป็นเพียงแม่ค้าขายผัก แต่ภายหลังได้พลิกผันตัวเองจนกลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีมูลค่านับหมื่นๆ ล้าน

แต่ทว่ามรดกเหล่านั้นกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นคดีฆาตกรรมของคนในตระกูลครั้งแล้วครั้งเล่าในเวลาต่อมา จนถึงขนาดที่ว่าเมื่อมีข่าวการเสียชีวิตของคนในตระกูลนี้เกิดขึ้นแล้ว ต้องมีการพูดถึงกันขึ้นมาว่า ‘ใครจะเป็นศพต่อไป!?’ เลยทีเดียว

โดยที่ศพแรกนั้นเริ่มมาจากผู้เป็นสามีใหม่ของคุณแม่ ถูกลอบยิงเสียชีวิตในปี 2509 ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งประเด็นสันนิษฐานว่าเป็นการขัดผลประโยชน์กิจการส่วนตัวของสามีใหม่เอง

 

ภาพประกอบจากละครไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริง

 

แต่อย่างไรก็ตามวันเวลาผ่านไปจนกระทั่งปี 2522 ขณะที่ผู้เป็นแม่กำลังเดินทางกลับจากศาล ก็ถูกลอบยิงจนบาดเจ็บสาหัสจนทำให้กลายเป็นอัมพาต เธอจึงตัดสินใจหนีไปรักษาตัวยังต่างประเทศ โดยมอบหมายให้ลูกสาวคนที่ 3 เป็นคนดูแลผลประโยชน์ของตระกูลทั้งหมด

เหตุการณ์ลอบยิงในครั้งนั้นไม่สามารถจับคนร้ายมาดำเนินคดีได้ แต่หลังจากนั้นผ่านไปเป็นเวลากว่า 3 ปี ในปี 2525 ลูกสาวคนที่ 3 ถูกลอบยิงที่ศีรษะในระยะเผาขน ระหว่างที่ไปเดินตรวจตราธุรกิจตลาดอยู่

ในครั้งนี้สามารถจับมือปืนได้ และให้การซัดทอดไปถึงผู้เป็นอา (น้องชายของแม่) และหลานอีกสองคนเป็นผู้บงการฆ่า โดยมีความต้องการที่จะฮุบมรดก แต่ภายหลังศาลฎีกาได้ตัดสินยกฟ้อง

 

ภาพประกอบจากละครไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริง

 

ในปี 2526 หรือปีถัดมาจากลูกสาวคนที่ 3 เสียชีวิต ผู้เป็นแม่ตัดสินใจบินกลับจากต่างประเทศเพื่อดูแลกิจการทั้งหมดด้วยตัวเองอีกครั้ง

วันเวลาผ่านไปจนถึงปี 2531 ผู้เป็นแม่ล้มป่วยลงจนเข้าโรงพยาบาล หมอได้ลงความเห็นว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 6-8 เดือนเท่านั้น ขณะที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแม่ก็ได้เขียนพินัยกรรมจนเสร็จเรียบร้อย

ปรากฏว่าลูกสาวคนที่ 8 ได้แอบหนีไปแต่งงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งตำรวจนายนั้นอยู่ในตระกูลที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับตระกูลของตัวเอง ทำให้ผู้เป็นแม่ตัดสินใจตัดลูกสาวคนที่ 8 ออกจากกองมรดก

ในปี 2533 ผู้เป็นแม่ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ ก่อนสิ้นใจก็ได้มีการเปิดพินัยกรรมเพื่อแบ่งสมบัติให้กับลูกทุกคน แม้แต่ลูกสาวคนที่ 8 ที่ถูกตัดออกจากกองมรดกก็ได้รับสมบัติไปด้วย

 

ภาพประกอบจากละครไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริง

 

หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีการพบศพของลูกสาวคนที่ 8 อยู่ที่ต่างจังหวัด โดยที่สภาพศพมือทั้งสองข้างถูกล็อกด้วยกุญแจมือ ฆาตกรลงมือใช้มีดฟันและปืนยิงอย่างทารุณก่อนที่จะนำศพยัดใส่รถเอาไปทิ้งไว้ที่ต่างจังหวัด

หลังจากการเสียชีวิตของลูกสาวคนที่ 8 ขบวนการฆ่าปิดปากก็เริ่มขึ้นมีนายตำรวจอีก 2 คนที่คาดว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นในการฆาตกรรม เสียชีวิตตามกันไปติดๆ

ต่อมาถึงคราวของพี่ชายคนโตที่เป็นลูกของแม่กับสามีเก่า หลังจากข่าวการฆาตกรรมอันเหี้ยมโหดของลูกสาวคนที่ 8 เขาก็พาพี่น้องทุกคนมาเปิดแถลงข่าวเพื่อเคลียร์ความบริสุทธิ์ใจของคนในครอบครัว พร้อมกับโยงไปว่าน่าจะเป็นคนใกล้ชิดของน้องสาวที่เป็นคนลงมือ

หลังจากนั้นราวๆ ปีเศษๆ พี่ชายคนโตก็หายตัวไปอย่างลึกลับขณะเดินทางไปทำธุรกิจที่ต่างจังหวัด กล่าวคือหลังจากที่ลงจากเครื่องบินก็ถูกกลุ่มมือสังหารในเครื่องแบบ (เป็นตำรวจ) ลากตัวขึ้นรถตู้และสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการอุ้มพี่ชายคนโต ก็ถูกฆ่าปิดปาก เพราะนำเช็คเงินสดของพี่ชายคนโตไปขึ้นเงินสด นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนถูกรถพ่วง 18 ล้อ ขับเบียดจนตกถนนเสียชีวิต

 

ภาพประกอบจากละครไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริง

 

กระทั่งในปี 2540 สามีของน้องสาวคนที่ 8 ที่เป็นตำรวจถูกลอบวางระเบิดในรถยนต์ แต่รอดมาได้อย่างหวุดหวิด

ก่อนที่จะมาถึงผู้เสียชีวิตรายสุดท้ายของคนในตระกูล จนทำให้ปริศนาการตายพุ่งเป้าไปที่ทรัพย์สมบัติกองโต และความขัดแย้งของพี่น้อง ก็คือพี่ชายคนโตที่เป็นลูกของแม่กับสามีใหม่ ถูกพบเป็นศพอยู่ในบ้านพักในสภาพที่เหมือนกับใช้ปืนยิงฆ่าตัวตาย

แต่จากการชันสูตรแล้วพบว่า เป็นการจัดฉากฆาตกรรม ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งเป้าไปที่ลูกชายคนที่ 3 ที่เป็นคนวางแผน แต่ภายหลังก็ถูกศาลยกฟ้อง

หลังจากนั้นครอบครัวได้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย และดำเนินการฟ้องร้องกันต่อมายาวนานร่วม 10 ปี ในที่สุดก็จบลงด้วยดี ยอมยุติคดีฟ้องร้องกันระหว่างพี่น้องออกทั้งหมด

 

ที่มา : komchadluek, nation, thairath

Comments

Leave a Reply