Author:

หากย้อนกลับไปในช่วงประถม-มัธยมต้น เด็กๆ ทุกคนจะต้องเคยผ่านการเล่าเรียนวิชา ‘ลูกเสือ-ยุวกาชาด’ มาก่อน ซึ่งเป็นวิชากิจกรรมที่เราได้ทำอะไรอย่างหลากหลายมากมาย ทั้งเข้าค่าย ฝึกระเบียบวินัย ฝึกให้เป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นต้น และในการเรียนก็จะมีเพลงมาใช้ประกอบกิจกรรมต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นเพลงประจำวิชาเลยก็ว่าได้ แต่เพื่อนๆ จำได้ไหมว่าทั้งหมดนั้นมีกี่เพลง? และแต่ละเพลงนั้นก็มีท่าเต้นของมันด้วยนะเออ!! สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ลูกเสือ ยุวกาชาด กิจการนักเรียน สนง.ศึกษาธิการจังหวัดสกลนคร ที่ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอสาธิตการเต้นและร้องเพลงของวิชา ‘ลูกเสือสำรอง’ มาให้เราได้ชมกัน   โพสต์ต้นฉบับ   คลิปวิดีโอชุดดังกล่าวจัดทำโดยนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร เป็นคลิปวิดีโอของคุณครู 3 ท่าน มาร้องเพลงและเต้นรำเพลงลูกเสือสำรองอย่างถูกวิธี   บาลู   บาเคียร่ามาแล้ว   บาเคียร่า บาลู ช่วยเมาคลี   ลิงป่าใจกล้าหาญ   ชาวเน็ตทั้งหลายพอได้เห็นก็ชอบอกชอบใจกันใหญ่ มีคนเข้ามากดไลก์ที่โพสต์กว่า 2,700 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 8,800 ครั้งในระยะเวลาไม่นาน   หลายคนต่างก็เข้ามาคอมเมนต์กันไปต่างๆ…

เรียกได้ว่ากำลังกลายเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตบ้านเรากันเลยทีเดียว กับกรณีภาพของ ‘ถุงยางอนามัย’ ที่ถูกทิ้งลอยเกลื่อนลำคลองแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ   ภาพที่เป็นประเด็น   ชาวเน็ตหลายคนต่างก็ตกใจกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า ‘ถุงยางอนามัย’ เหล่านี้ มาได้อย่างไร ทำไมถึงลอยเกลื่อนคลองซะขนาดนี้ พร้อมกับตั้งข้อสันนิษฐานกันไปต่างๆ นานา บ้างก็คิดว่าแถวนั้นคนมีเพศสัมพันธ์กันเยอะมากเลยเหรอ? เกิดจากการทิ้งถุงยางอนามัยลงชักโครกรึเปล่า? ล่าสุดก็มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งชื่อว่า นาย อร่อย อูมามิ ได้เปิดเผยภาพบางส่วน ที่ทำให้ทราบแล้วว่าต้นเหตุของถุงยางอนามัยเหล่านี้แท้จริงแล้วมาจากไหน จากโพสต์ของเจ้าของเรื่อง พอจะทราบได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่คลองบางกอกใหญ่ พร้อมกับมี ‘ถุงขยะ’ ของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งลอยอยู่ใกล้ๆ กันด้วย     แต่สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด ซึ่งก็มีการคาดเดากันไปต่างๆ นานา บ้างก็คิดว่าโรงแรมน่าจะนำมาทิ้ง บ้างก็คาดว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุ ที่ถุงขยะตกลงไปในคลอง จนทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นมา   . .   ชาวเน็ตหลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องที่เกิดขึ้นกันอย่างล้นหลาม   บ้างก็เข้ามาแซว “คิดมากน่า อาจจะเป็นฝูงแมงกะพรุนก็ได้” “ปลามันจะไม่ท้อง ออกลูกมาเป็นนางเงือกเหรอฟร๊ะนั่น!?” ชาวเน็ตอีกท่านแซว บ้างก็คิดเผื่อไปว่า น้ำที่อยู่ในนี้ สุดท้ายแล้วมันจะไปเป็นน้ำประปารึเปล่านะ? “กลัวมันจะกลายไปเป็นน้ำประปาดื่มได้น่ะสิ” บางส่วนก็มาแซวโรงแรมว่า…

อย่างที่รู้กันดีว่า ‘การใส่ซอง’ ในงานแต่งงาน ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ที่ทำกันมาอย่างยาวนานในบ้านเรา และก็มักจะมีประเด็นมาให้ขบคิดกันอยู่ตลอดว่า ‘ต้องใส่เท่าไหร่ถึงจะดูไม่น่าเกลียด’     เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งมาโพสต์กระทู้ในเว็บไซต์พันทิปใช้หัวข้อว่า “คิดยังไงเพื่อนจะแต่งงานแล้วบอกว่า ‘ต้องใส่ซองกู ไม่ต่ำกว่า 1,000 นะ’ แต่ตอนเราแต่งเพื่อนใส่ซอง 100.-“  จนกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากชาวเน็ต เรื่องของเรื่องก็คือ หญิงสาวคนหนึ่ง ใช้แอคเคาทน์เว็บไซต์พันทิปชื่อว่า สมาชิกหมายเลข 5301305 เข้ามาตั้งกระทู้สอบถามความคิดเห็นจากเพื่อนสมาชิกคนอื่นๆ โดยเล่าว่าดังนี้…   เพื่อนมาเชิญไปงานแต่ง แต่ดักคอไว้ก่อนว่าให้ใส่ซองไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท แต่ก่อนหน้านี้ที่ไปร่วมงานก็ใส่แค่ 100 บาท   แถมขากลับยังมาขอหมูสดที่งาน เพื่อเอากลับไปทำหมูกระทะทานที่บ้าน   ผ่านไป 3 ปีเพื่อนจะแต่งงานบ้าง แต่ดันดักไว้ก่อนเลยว่าให้ใส่ซองไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท เน้นไปที่เจ้าของกระทู้ เพราะว่าเพื่อนเคยไปร่วมงานมาแล้ว   ตัวเจ้าของกระทู้เองก็สงสัยว่าจะทำอย่างไรดี จะใส่ซองคืนให้เท่ากับจำนวนที่เพื่อนขอดีมั้ย? หรือจะใส่เท่ากับจำนวนที่เพื่อนเคยใส่ให้ ก็เลยมาสอบถามชาวเน็ต   กระทู้ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก จนขึ้นเป็นกระทู้ยอดนิยม (Trending) ในเว็บไซต์พันทิป…

หลังจากที่กลายเป็นคนดังเพียงชั่วข้ามคืน กับ ‘นวย’ หนุ่มคนงานก่อสร้างปริศนา ที่เก็บกระเป๋า Chanel ของหญิงสาวคนหนึ่งได้ และส่งคืนให้เธอ พร้อมกับโน้ตบอกว่า ‘เป็นคนดี แต่จน เลยขอ 200 บาท ไว้เป็นค่าเหล้า’ จากนั้นก็มีการเล่าเรื่องราวของนวยเพิ่มเติม ระบุว่าหลังจากที่ได้รับกระเป๋าคืนมาแล้ว ก็มีการติดต่อกลับไปเพื่อให้รางวัลเพิ่มเติม แต่นวยไม่เอา บอกว่า ‘ถ้าอยากตอบแทนขอเป็นเหล้าขาว 2 ขวดก็พอ’ ทำให้ชาวเน็ตยิ่งหลงรักนวยมากยิ่งขึ้นไปอีก!!   อ่านข่าวเก่าได้ที่ : สาวทำ Chanel หาย ผู้หวังดีส่งคืนมาให้ พร้อมโน้ตบอกเป็นคนดีแต่จน ‘ขอ 200 ค่าเหล้านะ’   จากประเด็นดังกล่าวทำให้ชาวเน็ตหลายคนต่างก็ชื่นชมในความซื่อของนวย จนทำให้ดูน่ารักน่าชัง แต่กลับกัน ก็มีชาวเน็ตบางส่วนที่ตั้งข้อสังเกตขึ้นมาว่า ‘นวย’ อาจจะไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ และเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องจ้อจี้ก็เป็นได้…   ลองไปอ่านโพสต์ของคนที่ตั้งข้อสังเกตกันดูครับ   ทางด้านเพจ บิ๊กเกรียน ก็เปิดเผยข้อสังเกตอีกอย่างที่มีคนส่งเข้ามาในอินบ็อกซ์ข้อความว่า “โดยปกติ ส จะถูกใช้บ่อย ษ คนทั่วไปจะไม่นึกถึง แต่สะกด…

เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกออนไลน์อยู่ ณ ขณะนี้เลย กับกรณีของ ช่อ พรรณิการ์ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ที่มีชาวเน็ตไปขุดเจอภาพหนึ่งของเธอ เป็นภาพที่ถ่ายคู่กับหนังสือที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 พร้อมกับแคปชั่นสั้นๆ ว่า “ภาพนี้ไม่ควรมีคำบรรยาย” ชาวเน็ตหลายคนต่างก็เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ถึงความไม่เหมาะสม ซึ่งทางเจ้าตัวก็ออกมาโพสต์ชี้แจงว่าดังนี้   ภาพที่เป็นประเด็น   เนื้อหาในโพสต์ที่ชี้แจง   “นี่คือ ข้างหลังภาพ ที่บอกว่า ไม่ควรมีคำบรรยาย เราจะบรรยายอย่างไรได้บ้าง ในยุคสมัยที่วันหนึ่ง อาจมีคนมาชี้หน้ากล่าวหาว่าคุณมันไม่จงรักภักดี ดังนั้น คุณต้องติดคุกหรือออกจากประเทศนี้ไป ขอร้องเถอะค่ะ ว่าอย่านำประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์ มาโจมตีกันทางการเมืองอีกเลย รวมถึงขอร้องให้ผู้ที่ตามขุดคุ้ยเพื่อนของช่อทุกคนในรูป ยุติการกระทำดังกล่าว อย่าให้พวกเขาเดือดร้อนเพียงเพราะเป็นเพื่อนของนักการเมืองคนหนึ่ง คำขอร้องนี้ไม่ใช่เพื่อตัวช่อเอง แต่เพื่ออนาคตที่มั่นคงยั่งยืนของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งหลายคนมักนำสถานะของสถาบันฯ มารับใช้ตัวเอง เพียงเพื่อหวังทำลายล้างศัตรูทางการเมืองของตน โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนทางการเมืองที่ต้องสูญเสียไป”   ล่าสุดทางด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.เขต 3 จ.ราชบุรี ของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีประเด็นกับช่อ พรรณิการ์ มาก่อนหน้านี้ ก็ได้ออกมาให้ความเห็นถึงเรื่องดังกล่าว…

อย่างที่รู้กันดีว่า ‘แบงก์กาโม่’ หรือเงินปลอม คือของเล่นที่เรามักจะเอามาเล่นกันตอนเด็กๆ แต่หากนำมาใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าจริงๆ นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมันไม่ได้ระบุเอาไว้ในกฎหมาย!! แต่สำหรับพ่อหนุ่มคนนี้ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้เอา ‘แบงก์กาโม่’ มาจ่ายเงินค่าน้ำมันซะอย่างงั้น ทำเอาเด็กปั๊มถึงกับงงไปเลย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ อมรินทร์ทีวี รายงานว่ามีการแชร์คลิปวิดีโอลงในโลกออนไลน์ เป็นภาพวงจรปิดภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งย่านบางนา     พร้อมกับเล่าว่า มีลูกค้าคนหนึ่ง ขับรถมาเติมน้ำมัน 1,000 บาท แต่จ่ายด้วยธนบัตรปลอม แต่พนักงานไม่รับ ก่อนที่คนขับจะขับรถหนีไป ล่าสุดพนักงานเติมน้ำมันที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2562 เวลาประมาณ 14.00 น. มีรถยนต์ฟอร์ด เฟียสต้า สีแดง เข้ามาจะเติมน้ำมัน ตอนแรกเข้าไปจอดผิดช่อง เลยโบกให้มาจอดอีกช่องหนึ่ง จากนั้นคนขับก็ลดกระจกลงมาบอกว่า “เติมน้ำมัน 1,000 บาท” ซึ่งพนักงานคนดังกล่าวก็บริการให้เสร็จสรรพ แต่พอตอนเก็บเงินดันจ่ายให้มาเป็น แบงก์กาโม่เก่าๆ มีลายการ์ตูนอยู่บนนั้นด้วย    …

หลังจากที่มีคลิปหญิงสูงวัยรายหนึ่ง หัวร้อนถือแท่งเหล็กออกมาจากบ้าน ไล่ตีคนขับตุ๊กตุ๊ก จนได้รับบาดเจ็บ จนกลายเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจในโลกโซเชียล   ก่อนอื่นถ้าใครยังไม่ได้ดูคลิปที่เป็นประเด็น…   รับชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ได้ที่   เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมาเพจเฟซบุ๊ก รถตระเวนข่าว V.2 ได้เปิดเผยว่าแท้จริงแล้ว หญิงสูงวัยคนดังกล่าวเป็นอดีตแพทย์ด้านระบบประสาท พักอาศัยอยู่ในอาคารพาณิชย์ที่เกิดเหตุเพียงลำพัง กับสุนัขอีก 1 ตัว มีการสอบถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น ก็ทราบว่าในอดีตคุณป้าไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่พักหลังๆ มานี้เริ่มมีอาการฉุนเฉียว โวยวาย อย่างเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ที่ถือท่อนเหล็กออกมาไล่ตีกลุ่มโชเฟอร์รถรับจ้าง ที่มาจอดรถบริเวณหน้าบ้านของเธอ     อย่างไรก็ตามชาวบ้านก็เล่าว่าไม่ได้ต้องการที่จะอัดคลิปประจานแต่อย่างใด แต่เป็นห่วงว่าจะมีอาการทางจิตหรือไม่ จึงอยากเรียกร้องให้ญาติ หรือคนสนิทพาไปรักษาอาการป่วย เพราะกลัวว่าหากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก อาจมีการใช้อาวุธหนักกว่านี้ไปทำร้ายผู้อื่น ล่าสุดสำนักข่าว ไบรท์ ทีวี ได้ลงพื้นที่ไปขอสัมภาษณ์หญิงสูงวัยคนดังกล่าว ทราบชื่อว่า นางโสภา เกริกไกรกุล เป็นอดีตแพทย์ด้านระบบประสาท พร้อมเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลิป ก็คือวันที่ 4 มิถุนายน 2562 ว่า เธอมีปากเสียงกับโชเฟอร์รถ…

หนึ่งในศิลปินที่อยู่ในใจของคนวัย 30+ หลายๆ คน หากกล่าวชื่อของ ‘ไมค์ ภิรมย์พร’ เชื่อเลยว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก ด้วยเทคนิคการร้องเพลงที่ไม่เหมือนใคร น้ำเสียงแหบหน่อยๆ เป็นเอกลักษณ์ และการแต่งตัวเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ไม่ว่าจะผ่านไปแค่ไหน พี่ไมค์ก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่า ไมค์ ภิรมย์พร เค้ามีลูกสาวถึง 3 คนด้วยกัน แถมแต่ละคนยังหน้าตาสวยทีเดียวเชียวล่ะ ล่าสุดคนน้อง ‘แกรมมี่’ ลูกสาวคนรองก็เรียนจบถึงปริญญาจากประเทศแคนาดา และคว้าเกียรตินิยมมาได้อีกต่างหาก!!     ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวรายงานว่าพี่ไมค์ ภิรมย์พร เดินทางไปประเทศแคนาดาเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับ แกรมมี่ กาญจนา พิทะปะกัง ลูกสาวคนรอง เนื่องในวันสำเร็จการศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยบริติช โคลัมเบีย ประเทศแคนาดา และน้องแกรมมี่ ก็ก้มลงกราบแทบเท้าของพ่อไมค์ กลายเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความประทับใจให้กับพ่อไมค์ และชาวเน็ตอีกมากมาย ทางด้านพ่อไมค์ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคต อยากให้ลูกสาวนำความรู้ที่ได้ กลับมาพัฒนาบ้านเกิดของตนเองต่อไป     ลองไปชมภาพของน้องแกรมมี่เพิ่มเติมกันที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ .…

การทำหน้าที่ของ ‘แม่’ สำหรับบางคนก็อาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบเสมอไป เพราะบางครั้งมันอาจจะมีเรื่องราวภายนอกที่ทำให้เราต้อง ‘แวะ’ ทำให้เสร็จเสียก่อน เช่นเดียวกันกับคุณแม่ท่านนี้ ที่กำลังไปรับลูกที่โรงเรียน แต่ทว่ากลางทางกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นใกล้ๆ มีเด็กได้รับบาดเจ็บ ทำให้เธอต้องตัดสินใจเข้าช่วยเหลือ จนทำให้เธอกลายเป็น ‘ฮีโร่’ ในสายตาของลูก เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่งชื่อว่า Tui Tui Tui ได้โพสต์เล่าเรื่องราวแห่งความภาคภูมิใจ ที่ได้ทำการช่วยเหลือเด็กที่ประสบอุบัติเหตุรถชน และพาส่งโรงพยาบาล ระหว่างทางที่จะไปรับลูกที่โรงเรียน คุณแม่เล่าว่าในวันเกิดเหตุ (วันที่ 4 มิถุนายน 2562) เวลาประมาณ 17.45 น. กำลังขับรถไปรับลูกที่โรงเรียน พอขับออกไปถึงปากซอยพบว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น     รถตู้โรงเรียนถูกรถ ปอ. สาย 150 ชนท้าย ภาพที่คุณแม่เห็นต่อจากนั้นคือมีคนอุ้มเด็กลงมาจากรถ เด็ก 2 คนที่มีเลือดไหลออกมาก ขณะเดียวกันลูกของตัวเองก็โทรมาบอกว่ารออยู่ที่โรงเรียน ใจหนึ่งก็ห่วงลูก อีกใจหนึ่งก็ห่วงเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุ กลายเป็นเหตุการณ์ที่เธอจะต้องเลือกว่าจะทำอย่างไรดี? คุณแม่เล่าว่าตอนนั้นคิด คิด คิด แล้วก็คิด คิดถึงลูกตัวเองว่าน่าจะรอได้อยู่ แต่เด็กที่ได้รับบาดเจ็บ 2 คนนี้ล่ะ?…

อย่างที่รู้กันดีว่าการใช้บริการรถโดยสาร ‘แท็กซี่’ ทุกครั้งที่เราขึ้นจะต้องมีการกดเปิด ‘มิเตอร์’ เพื่อเป็นตัววัดว่าจะต้องจ่ายค่าใช้บริการเท่าไหร่ แต่หากว่าไม่กดเราก็ไม่รู้ได้เลยว่าค่าโดยสารที่เราจะต้องจ่ายนั้นมันวัดจากอะไร? ซึ่งคนขับแท็กซี่บางคนอาจจะใช้โอกาสนี้เก็บค่าโดยสารเราเท่าไหร่ก็ได้ แน่นอนว่ามันทำให้ผู้ใช้บริการไม่สบายใจ เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ต่อไปนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2562 มีรายงานว่านักท่องเที่ยวสาวชาวเกาหลี 2 ราย โดยสารแท็กซี่สีส้มคันหนึ่ง มาจากห้างย่านรัชดาภิเษก เมื่อช่วงกลางดึก เพื่อเดินทางไปสมุทรปราการ ซึ่งระหว่างทางก็พบว่าโชเฟอร์ไม่ยอมกดมิเตอร์ให้ จึงทักท้วง     จากนั้นโชเฟอร์กลับพาออกนอกเส้นทาง แวะไปที่เปลี่ยว ใช้ท่อนเหล็กทุบตีนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน และชิงสมาร์ตโฟนมูลค่ารวม 50,000 บาท ก่อนที่จะนำไปปล่อยทิ้งที่ข้างถนนแล้วก็เผ่นหนีไป โชคดีที่มีพลเมืองดีมาพบเจอพอดี และให้ความช่วยเหลือกับนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน พร้อมทั้งช่วยแจ้งตำรวจให้อีกด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำหน้าที่สืบสวนกันอย่างหนัก จนสามารถตามจับตัวคนโชเฟอร์แท็กซี่ผู้ก่อเหตุได้ในที่สุด เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แถลงการณ์การจับกุมนายธนเดช ธนาถิรพงศ์อายุ 51 ปี เป็นชาวกรุงเทพฯ โชเฟอร์แท็กซี่ผู้ก่อเหตุ     จากการสอบสวนก็พบว่านายธนเดชยอมรับว่าทำจริง แต่ไม่ได้ตั้งใจจะก่อเหตุ ที่ทำลงไปเพราะโมโห…

กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากโลกออนไลน์ กับกรณีของครอบครัวของเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ที่ถูกรุ่นพี่และเพื่อนร่วมชั้นรุมกระทำชำเราในห้องน้ำของโรงเรียน พอไปแจ้งเรื่องให้ทางโรงเรียนทราบ กลับปฏิเสธและปัดความรับผิดชอบซะงั้น!?   อ่านข่าวเก่าได้ที่ : หลานสาว 5 ขวบ ถูกเพื่อน-รุ่นพี่ข่มขืน มีเลือดไหล โรงเรียนปฏิเสธ เป็นเพราะขี่จักรยาน   เหตุการณ์ดังกล่าวถูกนำมาแชร์ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก เครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา เพราะครอบครัวต้องการที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเด็กหญิง เพราะเรื่องผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น     ล่าสุดเมื่อวัน 7 มิถุนายน 2562 (วันนี้) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมครอบครัวของเด็กหญิงก็ได้เดินทางเข้ามายังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อร้องเรียน พร้อมกับถือป้าย “แม่จ๋า หนูเจ็บ ช่วยหนูด้วย ย้ายเด็กทำไม ย้าย ผ.อ.ดีกว่า ร.ร.ปัดความรับผิดชอบ” และว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) มารับเรื่องดังกล่าว  …

บางครั้ง ‘ความซวย’ ก็อาจจะมาเยือนได้โดยที่ไม่รู้ตัว ใครเล่าจะคิดว่าอยู่ดีๆ ก็ต้องกลายมาเป็นขโมย ก่อเหตุลักทรัพย์ เพราะถูกชี้ตัว ‘ผิดคน’!? นี่คือเรื่องราวของ นายชิตพงษ์ วินทะไชย หนุ่มผู้ตกกลายเป็นหัวขโมย ถูกกล่าวหาว่าบุกเข้าไปในบ้านของคู่กรณี ทำทีว่าจะขอซื้อบ้าน แล้วก็ลักสินทรัพย์ออกมา ซึ่งนายชิตพงษ์ก็ยืนยันว่าไม่ได้ก่อเหตุดังกล่าว พร้อมทั้งต้องยื่นสินทรัพย์เพื่อประกันตัวกว่า 100,000 บาท และต้องไปหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เลยตัดสินใจออกมาร้องทุกข์   บ้านหลังเกิดเหตุ   ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ นายชิตพงษ์ อ้างว่าตอนนั้นตนทำงานส่งเอกสารที่บริษัทย่านถนนเอกชัย-บางบอน และไม่เคยไปที่บ้านของผู้เสียหาย ที่อยู่ในย่านแสมดำเลยแม้แต่น้อย โดยหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมี และนำมาใช้ในการดำเนินคดีกับนายชิตพงษ์นั้น เป็นภาพกล้องวงจรปิด ที่บันทึกภาพตอนที่เขาขับรถมอเตอร์ไซค์ไปตามถนน ห่างจากบ้านคู่กรณีราว 100 เมตร เวลาประมาณ 15.07 น.     ทว่านายชิตพงษ์เชื่อว่าไม่ใช่เวลานั้นแน่นอน เลยไปหาภาพจากกล้องวงจรปิดมาเพิ่มเติม สรุปได้ว่า เวลา 14.58 น. เขาอยู่ที่ธนาคารทหารไทย เวลา 16.00 น.…

จากเหตุการณ์ที่ได้รับความสนใจในโลกโซเชียลเมื่อวานที่ผ่านมา กับกรณีของ ‘หนุ่มแกร็บฟู้ด’ ไปส่งอาหารให้ลูกค้า แต่ถูกลูกค้าดูถูกว่าเป็นคนชั้นต่ำ     อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่ : ลูกค้าเดือด สั่งแกร๊บบอกให้ขึ้นมาส่ง “ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องลงไป” ด่าคนขับเป็นคนชั้นต่ำ   ล่าสุดก็มีข่าวอัปเดตเพิ่มเติมออกมาจากฝ่ายลูกค้า ว่าจริงๆ แล้วตนไม่ได้เป็นคนทำ แต่มีเพื่อนเอาโทรศัพท์ไปพิมพ์ประโยคดังกล่าว จนเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา และผู้ก่อเหตุก็ออกมายอมรับแล้ว     เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากที่เกิดเหตุไปได้ไม่นาน ทางพนักงานขับแกร็บก็ได้ออกมาโพสต์ว่า บัญชีผู้ใช้งานของตนถูกแบนจากบริษัทแกร็บแล้ว ภายหลังบริษัทแกร็บก็ได้โพสต์ชี้แจงว่า ได้ยกเลิกสัญญาณการให้บริการบนแพล็ตฟอร์มแกร็บกับพนักงานขับแกร็บ เพราะเปิดเผยข้อมูลลูกค้าในโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎของบริษัท แต่ทว่าพอนำมาพิจารณาใหม่แล้ว ก็ได้เปลี่ยนใจให้หนุ่มขับแกร็บกลับมาทำงานต่อได้ และได้ทำการระงับการใช้บริการฝ่ายลูกค้าแทน เพราะมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม พร้อมยืนยันจุดยืนว่าต้องการให้ทั้งผู้ใช้บริการ และผู้ขับขี่ได้รับความปลอดภัย รวมถึงมีความเคารพซึ่งกันและกัน     ทางด้านหนุ่มขับแกร็บ ทราบชื่อว่า นายเบนซ์ ออกมาเปิดใจผ่านรายการ ข่าวเย็นอมรินทร์ โดยเปิดเผยว่าแม้จะถูกดูถูกด้วยถ้อยคำรุนแรง แต่ก็ยังเอาอาหารขึ้นไปส่งถึงหน้าห้องพักของลูกค้าตามที่ระบุเอาไว้ พอไปถึงก็มีคนมารับอาหารด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น ก่อนที่จะจ่ายค่าอาหารตามปกติ แล้วก็ปิดประตูใส่ โดยไม่ได้มีการกล่าวขอโทษใดๆ     อย่างไรก็ตามนายเบนซ์ยอมรับว่า ยังต้องการคำขอโทษจากลูกค้าอยู่ ไม่ว่าจะช่องทางไหนก็ตาม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถยอมรับได้…

จริงอยู่ว่าสำหรับ ‘งานบริการ’ แล้ว การเอาอกเอาใจลูกค้าถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียว แต่บางครั้งลูกค้าก็ไม่ใช่พระเจ้าเสมอไป เพราะหากทำพฤติกรรมแย่ๆ เมื่อไหร่ก็อาจจะทำให้สังคมรุมประณามก็เป็นได้ อย่างเช่นเหตุการณ์ต่อไปนี้ เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า ภานุวัฒน์ แน่กลาง หนุ่มขับแกร็บฟู้ด ได้ทำการโพสต์เล่าประสบการณ์อันแสนย่ำแย่ เมื่อเจอลูกค้าดูถูก เหยียดหยาม ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง     “ขอที่ว่างระบายหน่อยครับวันนี้ งานที่ 3 ของผมเจอลูกค้าคอมเมนต์แบบนี้ผมถึงกับงงไปพักใหญ่ ทั้งที่ไม่เคยคุย ไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว ใช้คำพูดไม่ถูกต้องผมแค่อยากให้ลูกค้าใช้คำพูดที่ดูดีกว่านี้หน่อยดีนะ” “วันนี้คุณเจอคนที่ใจเย็นอย่างผมสักวันคุณอาจจะไม่โชคดีเหมือนวันนี้ก็ได้ ผมก็คนเหมือนกันหาเช้ากินค่ำ ไม่เคยเอาเปรียบใครเจอลูกค้า…. แบบนี้รู้สึกว่ามันไม่โอเคเอาเสียเลย”     เรื่องของเรื่องก็คือมีลูกค้าคนหนึ่งสั่งอาหารโดยใช้บริการแกร็บฟู้ด แต่กลายเป็นว่ามีการใส่ข้อความเข้ามาในช่องหมายเหตุระบุว่า ให้ขึ้นมาส่งที่ห้องชั้น 4 เพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเองที่จะต้องลงไปรับ “ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องลงไปรับ ผมเป็นใคร คุณเป็นใคร จำใส่หัวไว้ด้วยว่าผมไม่ได้ต่ำเหมือนคุณ”   .   หลังจากที่โพสต์ไปได้ไม่นานก็มีชาวเน็ตให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก มีคนเข้ามากดไลก์กว่า 1,000 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 700 ครั้งเลยทีเดียว   ชาวเน็ตหลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงประณามการกระทำของลูกค้าคนดังกล่าว   บ้างก็ตำหนิว่า “การศึกษาไม่ช่วยอะไรจริงๆ…

บางครั้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ก็อาจจะร้ายรางจนชนิดที่เราแทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ต่อไปนี้… เมื่อเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ถูกเพื่อนๆ ร่วมห้องที่อยู่ในวัยเดียวกัน ‘รุมกระทำชำเรา’ ในห้องน้ำของโรงเรียน!? เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก เพจเฟซบุ๊ก เครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวอันน่าสลดดังกล่าว โดยผู้เปิดเผยออกมานั้นเป็น ‘คุณปู่’ ของเด็กสาวที่ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งทางครอบครัวของน้องต้องการที่จะเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะเรื่องเกิดมานานและแจ้งทางโรงเรียนไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาใดๆ     เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561 หลานสาววัย 5 ขวบเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี กลับบ้านพร้อมกับอาการ ‘เลือดออกจากอวัยวะเพศ’ หลานสาวเล่าว่าถูกนักเรียนชาย 2 คนที่เรียนอยู่ในห้องเดียวกัน เอา ‘หลอด’ แหย่เข้าไปในอวัยวะเพศ ส่วนอีกคนเป็นรุ่นพี่เรียนอยู่ชั้น ป.2 คาดว่าใช้อวัยวะเพศชาย ใส่เข้ามาจนทำให้เลือดไหลไม่หยุด ทำให้ต้องสวมใส่ผ้าอนามัย ต่อมาวันที่ 21 ธันวาคม 2562 คุณปู่…

กำลังกลายเป็นประเด็นดราม่าที่ถูกพูดถึงกันอย่างดุเดือดในโลกโซเชียลอยู่ ณ ขณะนี้กันเลยทีเดียว กับกรณีขององค์กร UNHCR ได้เชิญ คุณนก สินจัย เปล่งพานิช ไปเป็นพรีเซนเตอร์ในรายการ The Face Thailand 5 รอบ Final Walk เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตมากมาย ก่อนจะเข้าเรื่องเราไปทำความรู้จักกับ UNHCR กันสักหน่อยก็แล้วกันครับ UNCHR หรือมีชื่อไทยว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นมาโดย UN (สหประชาชาติ)     ทำหน้าที่ดำเนินงานระหว่างประเทศในการคุ้มครองสิทธิ และความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยทั่วโลก แล้วทีนี้มันกลายเป็นประเด็นขึ้นมาเมื่อ UNHCR ประเทศไทย ได้ทำการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่าทางองค์กรได้เลือกคุณนก สินจัย มาเป็นพรีเซนเตอร์ และเปิดตัวผ่านรายการ The Face Thailand 5 ช่วง Final Walk   ในช่วงเปิดตัวคุณนกกล่าวสุนทรพจน์ว่า   “เราทุกคน ต่างต้องการอยู่ในที่ที่มีความรัก ความสุข และความปลอดภัย แต่บางครั้ง สงคราม ความรุนแรงและความขัดแย้งก็ทำให้ผู้คนหลายสิบล้านคนต้องพลัดถิ่นและกลายเป็นผู้ลี้ภัย เราต้องให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองพวกเขาให้มีชีวิตต่อไป จนกว่าจะได้กลับสู่บ้านอีกครั้ง”…

กลายเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจจากผู้คนในสังคมมากมายเมื่อช่วงเย็น ของเมื่อวานที่ผ่านมา (2 มิถุนายน 2562) กับกรณีของเด็กชายวัย 5 ขวบ ที่ถูกพ่อแม่ทำร้ายร่างกายต่อเนื่องนาน 2 เดือน จนทั่วร่างกายมีแต่บาดแผลน่ากลัวเต็มไปหมด ล่าสุดก็มีข้อมูลเพิ่มเติมจากรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวพ่อแม่ของเด็กไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็คือ น.ส.วันวิสาข์ วัย 24 ปี (แม่แท้ๆ) และนายสมี ชาวกัมพูชา วัย 26 ปี (เป็นพ่อเลี้ยง) ซึ่งก่อนหน้าที่จะถูกจับนั้น น.ส.วันวิสาข์ยอมรับว่าทำร้ายร่างกายลูกชายวัย 5 ขวบจริง เนื่องจากเกิดความเครียดจากการไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล และพบว่าตนติดเชื้อ HIV พอลูกชายดื้อ ก็จะตีด้วยอาการเผลอตัว ฝ่ายสามีลงมือทำร้ายลูกไป 4 ครั้ง ซึ่งตัวเองก็รู้สึกสงสารลูกมาก เพราะทำลงไปด้วยความขาดสติ     ส่วนที่มีข่าวว่าคนเป็นคนนำเชื้อ HIV ไปติดทั้งครอบครัว รวมไปถึงลูกคนเล็กที่เป็นทารกด้วย น.ส.วันวิสาข์ ระบุว่าไม่เป็นความจริง และขอให้นักข่าวช่วยแก้ข่าวให้ด้วย เธอกล่าวว่าตอนนี้มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่ติดเชื้อ HIV ส่วนลูกและสามีไม่ได้ติดเชื้อด้วย เวลามีเพศสัมพันธ์กับสามีก็จะให้สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง  …

เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากผู้คนในสังคมเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว กับกรณีของ ‘ผับชื่อดัง’ ในเขตพัทยาใต้ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 03.40 ของวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่สืบสวนและปราบปราม พร้อมด้วยหน่วยปราบปรามยาเสพติด และทหารกองทัพภาคที่ 1 ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบสถานบันเทิง 2 แห่ง บริเวณพัทยาใต้ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เนื่องจากว่าผับดังกล่าวนั้นเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด จากการบุกค้น พบว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 20 เข้าไปให้บริการจำนวนมาก แถมยังมียาเสพติดโยนทิ้งเกลื่อนพื้น     ในช่วงบุกค้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 400 คน จากการค้นร่างกายพบว่ามีการพกพาอาวุธและยาเสพติดเข้ามา     นอกจากนี้ยังมีการตรวจปัสสาวะ พบว่ามีคนปัสสาวะสีม่วงมากกว่า 142 คนจากทั้งหมด แบ่งเป็นชาย 94 คน หญิง 48 คน     ซึ่งทางด้านนายอำเภอบางละมุง ก็จะทำการเสนอให้ผู้ว่าราชการชลบุรี มีคำสั่งให้ปิดสถานบริการแห่งนี้ตามคำสั่งที่ 22/2558 ของ คสช. เป็นเวลา…

***คำเตือน : บทความนี้มีภาพที่รุนแรง ขอให้เพื่อนๆ พิจารณาให้ดีก่อนจะเลื่อนลงไปอ่านนะครับ   ‘ความรุนแรงในครอบครัว’ ถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่เรามักจะพบเจอได้เป็นประจำ สามีทำร้ายภรรยา หรือ ภรรยาทำร้ายสามี แต่ที่หนักไปกว่านั้นคือ ‘การทำร้ายร่างกายลูก’ ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมยอมรับไม่ได้ เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปนี้… เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2562 ผู้ใช้เฟซบุ๊กได้นำเรื่องราวอันน่าสลดใจไปเผยแพร่ลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก ข่าวอุบัติเหตุชลบุรี พร้อมกับเปิดเผยว่าทีมอาสาสมัครกู้ภัยมังกรได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.เมืองชลบุรี ว่ามีเหตุเด็กถูกพ่อกับแม่ทำร้ายร่างกาย จึงสั่งการให้ทีมกู้ภัย และทีมพยาบาลลงไปยังพื้นที่เกิดเหตุ ที่อยู่ในบ้านบางทราย ต.บางทราย อ.เมือง จ.ชลบุรี พอถึงที่เกิดเหตุพบเด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ 5 ขวบ อยู่ในสภาพหวาดกลัว และมีบาดแผลอยู่เต็มร่างกาย จากการถูกทำร้ายร่างกายอย่างต่อเนื่อง ยาวนานเป็นเวลา 2 เดือน   พ่อแม่ของเด็ก   เจ้าหน้าที่ได้ทำการรักษาพยาบาลเบื้องต้น และนำน้องส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลชลบุรี ขณะที่พ่อกับแม่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองชลบุรี ควบคุมตัว และดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อย   . .   นำตัวน้องส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว   เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้กับชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก…

สำหรับใครที่เคยใช้บริการรถบัสโดยสาร จะรู้กันดีว่ามีอยู่มากมายหลายบริษัทหลายเจ้า จะเลือกขึ้นของเจ้าไหนก็แล้วแต่ตัวของผู้โดยสารเอง มิใช่ว่ามา ‘บังคับ’ ให้ผู้โดยสารขึ้นไปบนรถ ทั้งๆ ที่ ที่นั่งก็เต็มแล้ว แถมยังเก็บเงินในราคาเต็มอีก ดังเช่นเหตุการณ์ต่อไปนี้… เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2562 เพจเฟซบุ๊ก FM91 Trafficpro ได้เปิดเผยเรื่องราวของกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ออกมาร้องเรียนจากการถูก ‘รถโดยสารเอาเปรียบ’     ตามรายงานระบุเอาไว้ว่า นักศึกษากว่า 11 คน ขึ้นรถโดยสารจากสถานีขนส่งนครราชสีมา เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันนี้ ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่รถใกล้จะออกเดินทางแล้ว ผู้ประกอบการของบริษัทรถบัสหนึ่ง ได้หลอกให้กลุ่มนักศึกษาขึ้นรถ บอกว่ายังเหลือที่นั่งเพียงพอ กลุ่มนักศึกษาก็เลยขึ้นไป และพบว่า ‘ที่นั่งเต็มแล้ว’ ไม่มีที่ให้พวกเขานั่ง และขณะนั้นเองรถโดยสารคันดังกล่าวก็เคลื่อนตัวออกจากสถานีขนส่งทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้ลงไปเปลี่ยนรถโดยสารแต่อย่างใด     หลังจากนั่งรถออกไปได้สักพัก พนักงานบริการบนรถก็แก้ปัญหา โดยการให้กลุ่มนักศึกษานั่งตามซอกบันไดบ้าง พื้นทางเดินบ้าง หรือไม่ก็ไปเบียดกับผู้โดยสารท่านอื่นบ้าง     แถมยังเก็บค่าโดยสารเต็มจำนวนคือ 125 บาท แต่ต้องทนอยู่ในสภาพอันแออัดเช่นนั้นนานหลายชั่วโมงจนถึงปลายทาง จึงทำให้พวกเขารู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบ…

อย่างที่รู้กันดีว่า ‘การขึ้นแท็กซี่’ บางครั้งเราก็อาจจะได้เจอกับ ‘คนขับนิสัยไม่ดี’ หากว่าเราดวงซวยขึ้นมาจริงๆ ดังที่เราจะได้เห็นกันอยู่ในข่าว ว่ามีคนขับแท็กซี่ทำเรื่องอื้อฉาว ซึ่งบางเหตุการณ์ก็แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเกิดขึ้นแบบนั้นจริงๆ เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ต่อไปนี้ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์ เมื่อถูกคนขับแท็กซี่แทะโลม ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง     เนื้อหาในโพสต์ระบุว่า “ขอแชร์ประสบการณ์เจอแท็กซี่แย่ๆหน่อย เรียกจากหน้าเมกาบางนาตอนถามนางก็บอกไป นี่ก็กวักมือเรียกแฟนมาขึ้นก็เข้าไปนั่งก่อนละเปิดประตูทิ้งไว้ให้แฟนมาขึ้น” “คนขับถามนี่ว่าแฟนมาด้วยหรอ เราก็ตอบค่ะ นางก็บอกนึกว่ามาคนเดียว คือก็รู้สึกแปลกๆ ละว่าถามทำไม” “พอแฟนเดินมาขึ้นคนขับก็ออกรถละก็พูดว่า ถ้ารู้ว่ามากับแฟนไม่รับนะเนี่ย แล้วนางก็ชี้ไปตรงที่คนอื่นรออยู่ละบอกเนี่ยมีคนรออีกเยอะแยะ” “แฟนนี่ก็เลยถามว่า พี่พูดเล่นพูดจริงครับ คนขับก็เงียบ แฟนก็ถามอีกคือพี่พูดจริงจะได้ลงกัน นางก็บอกพูดเล่นๆๆ คือมันแบบไม่ควรพูดมั้ยอ่ะ 555” “นี่ลองคิดนะว่าถ้าแฟนไม่มาด้วยเราจะเป็นยังไงว่ะ แล้วคือคำพูดท่าทางน่ากลัวด้วย มันยิ่งทำให้เราไม่กล้าขึ้นแท็กซี่คนเดียวอีกเลยอ่ะจากปกติก็ไม่ขึ้นคนเดียวอยู่แล้วนะถ้าจำเป็นจริงๆถึงจะเรียก grab อ่ะ” “ก็ไม่คิดว่าจะมาเจองี้กับตัวคือเหี้ยมากๆๆ ถึงมันจะไม่ได้เกิดเรื่องอะไรแต่มันก็ไม่ควรที่คนขับจะมาพูดจาแบบนี้กับเราอ่ะ” “แล้วถ้าเกิดไปเจอผู้โดยสารที่เป็นผู้หญิงมาคนเดียวอ่ะจะเกิดอะไรขึ้น เค้าก็จะใช้คำพูดลวนลามผู้หญิงหรอ เนี่ยมันคือสาเหตุที่เกิดเหตุการณ์แท็กซี่ข่มขืนผู้โดยสารอ่ะน่ากลัวจริงๆ นะ ไม่ได้มีเจตนาจะทำลายช่องทางหากินของเค้านะแต่เค้ามาทำงี้ก็อยากให้ระวังไว้”   โพสต์ดังกล่าวนั้นได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย ทั้งในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา   บ้างก็เข้ามาแสดงความเป็นห่วงกับเจ้าของโพสต์   บ้างก็แนะนำให้โทรไปร้องเรียนขนส่ง  …

หลายครั้งที่เรามักจะเห็นข่าวนักท่องเที่ยวถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่นั้นจะมาจาก ‘ความมึนเมา’ เสียส่วนใหญ่ และเหตุการณ์ที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในวันนี้ก็เช่นกัน เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2562 เว็บไซต์ Workpoint News รายงานว่านางสาวสายฝน เพชร์กระจ่าง วัย 33 ปี ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนายลุค เบนจามิน ธอร์นตัน (Luke Benjamin Thornton) วัย 37 ปี สามีของเธอ   ลองไปชมคลิปรายงานข่าวกันก่อนครับ   หลังจากถูกกลุ่มวัยรุ่น 3 คน รุมทำร้ายร่างกายในพื้นที่ ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา นางสาวสายฝนเล่าว่า สามีของเธอพบเจอกับกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุกำลังรุมทำร้ายร่างกายชายชาวต่างชาติอีกคนหนึ่งอยู่ เลยเข้าไปห้าม แต่มว่ากลุ่มวัยรุ่นดันเกิดความไม่พอใจ เลยหันมารุมทำร้ายร่างกายนายลุคต่อ โดยที่การรุมทำร้ายนั้นกินเวลายาวนานถึง 30 นาที จนได้รับบาดเจ็บสาหัส  …

‘การเรียน เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็สามารถกระทำได้’ แม้จะอายุเยอะ หรือมีความบกพร่องทางร่างกาย แต่หากจิตใจที่ต้องการจะเรียนจริงๆ ก็ไม่มีใครห้ามได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของ ‘คุณลุงวัย 63 ปี’ ท่านนี้ ที่ยังคงยืนยันว่าจะกลับมาเรียนให้จบให้ได้ หลังจากที่สมัครเรียนมาเป็นนักศึกษารหัส 54 แต่ต้องหยุดเรียนไปนาน 3 ปี คุณลุงบรรพต ปิยะพันธ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงฯ รหัส 54 คณะสื่อสารมวลชน วัย 63 ปี ได้กลับมาลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง พร้อมทั้งเทียบโอนหน่วยกิต หลังจากที่ต้องหยุดเรียนไป 3 ปีเพื่อไปรักษาตัวจากโรคมะเร็ง     เมื่ออาการเริ่มดีขึ้น คุณลุงบรรพตก็เลยอยากจะขอทำตามความฝันของตัวเองต่อ ก็คือการ ‘เรียนให้จบ’ นั่นเอง แม้ว่าตอนนี้จะเดินไม่ค่อยสะดวกแล้วก็ตาม ทางด้านภรรยาของคุณลุงเล่าว่า “เขาอยากมา เขาอยากเรียนให้จบ เพราะเหลืออีกแค่ 6 วิชาเท่านั้น เขาอยากทำตามความฝันที่เขาตั้งใจ ช่วงนี้อาการของโรคดีขึ้นมาก จึงตั้งใจมาเรียนให้จบให้ได้”     ขณะที่กำลังทำเรื่องลงทะเบียนเรียนและทำเรื่องเทียบโอนหน่วยกิตอยู่นั้น ท่าน ผศ.ดร.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีของ…

กว่าที่เราจะตัดสินใจ ‘ซื้อบ้าน’ สักหลังหนึ่ง ย่อมต้องคาดหวังว่าจะได้อาศัยอยู่อย่างมีความสุขร่วมกับครอบครัว แต่ความสุขที่ว่านั้นก็ต้องรวมไปถึงเรื่องของ ‘เพื่อนบ้าน’ ด้วย หากเจอเพื่อนบ้านนิสัยไม่ดี ก็อาจจะทำให้พบเจอกับเรื่องปวดหัว จนเสียสุขภาพจิตไปเลยก็ได้ เช่นเดียวกันกับหญิงสาวรายนี้ ที่ออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวสุดอัดอั้นใจ เมื่อ ‘เพื่อนบ้าน’ มักจะมานำรถมาจอดขวางประตูทางเข้าออกบ้านอยู่เป็นประจำ คุยกันดีๆ ก็แล้ว แต่ปัญหาก็ยังเกิดอยู่ตลอดไม่รู้จะแก้อย่างไร   ลองไปอ่านโพสต์เต็มๆ กันดูครับ   คลิปวิดีโอเหตุการณ์ . .   เรื่องราวดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก หลายคนต่างก็คอมเมนต์วิจารณ์การกระทำของคุณลุงผู้เป็นเพื่อนบ้านว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว ผิดแล้วก็ยังไม่ยอมรับผิดอีก!! ล่าสุดรายการ ทุบโต๊ะข่าว ของช่องอมรินทร์ ทีวี ก็ได้นำเสนอเรื่องราวนี้เช่นกัน ตามรายงานระบุว่าเจ้าของบ้านเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยครั้งมาก จนทนไม่ไหวเลยต้องมาโพสต์สเตตัสเพื่อขอรับฟังความคิดเห็นจากชาวเน็ตว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี เนื่องจากว่าตนไม่อยากมีปัญหา เพราะซื้อบ้านมาก็หวังว่าจะอยู่ไปตลอดชีวิต ซึ่งล่าสุดก็ได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้แล้ว     ทางฝั่งของเพื่อนบ้านคู่กรณีก็ออกมาเปิดเผยว่า เหตุการณ์ในวันดังกล่าวนั้นลูกชายของตนลืมหมวกกันน็อกเอาไว้ในบ้านเลยเอาไปจอดล้ำไปหน้าบ้านหลังที่เกิดเหตุ และเข้าไปเอาหมวกกันน็อกแค่ครู่เดียวเท่านั้น และยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยไปจอดรถที่หน้าบ้านหลังที่เกิดเหตุ และเป็นปัญหาก็เลยไม่ไปจอดอีก จากนี้ไปก็คงต่างคนต่างอยู่ เพราะไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนบ้าน   ที่มา : amarintv, แอม เบอร์รี่

ในปัจจุบัน มีการรณรงค์ให้บรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลาย ที่เดินทางไปท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้ช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้ บางที่ก็มีกฎเอาไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามทำลาย แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวอีกมากมายที่ไม่ได้สนใจกับการรณรงค์ดังกล่าว และแหกกฎทำลายธรรมชาติ จนทำให้เราเห็นตามหน้าสื่อต่างๆ แทบจะทุกวัน และเหตุการณ์นี้ก็เช่นกัน เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก Healthy Reefs Club ได้ทำการแชร์ภาพและเรื่องราวของนักท่องเที่ยว ที่ไปเที่ยวทะเลอ่าวไทย และทำการ ‘เด็ด’ ปะการัง เห็นแล้วทำเอาชาวเน็ตเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง   โพสต์ที่เป็นประเด็น   พร้อมกับแคปชันด้วยข้อความว่า “เป็น​เรื่อง​เศร้า​ ที่​ปะการัง​ต้องถูก​ทำลาย จากกลุ่ม​นักท่องเที่ยว​เหล่านี้​ กว่าปะการัง​จะเติบโต​ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน​ แต่ต้องมาพังสลายลงใน​พริบตา​ จากน้ำมือของนักท่อง​เที่ยว​ ที่เดินทาง​ท่อง​เที่ยว​ตามหมู่​เกาะต่างๆ ทั้ง​ทะเลอ่าวไทยและอันดามัน..”   . . .   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนเข้ามากดไลก์มากกว่า 1,100 และแชร์ ไปกว่า 851 ครั้งเลยทีเดียว   หลายคนต่างก็เข้ามาตำหนิการกระทำของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ บางส่วนก็ตำหนิไปถึงไกด์ทัวร์ด้วย ว่าทำไมถึงไม่ดูแลลูกทัวร์ให้ดี  …

เรียกได้ว่ากำลังกลายเป็นเหตุการณ์ที่ผู้คนในโลกออนไลน์จำนวนมากกำลังให้ความสนใจกันเลยทีเดียว เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งออกมาโพสต์คลิปเหตุการณ์ ขณะที่ตนเองถูกผู้หญิงอีก 3 คนรุมทำร้ายร่างกายด้วยการ ตบ เตะ กระชากผม จนได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัว เธอเผยว่า ‘ถูกเพื่อนที่เคยสนิท’ ล่อลวงไปให้ผู้หญิงกลุ่มดังกล่าวทำร้ายร่างกาย ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย     สาวผู้ถูกทำร้ายร่างกายเปิดเผยผ่านโพสต์เฟซบุ๊กว่า “ไม่คิดเลยว่าเพื่อนที่เคยสนิทจะมาล่อไปโดนตบ ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ผิดอะไรเลย โดนล่อจากกรุงเทพฯ ไปราชบุรี สุดท้ายเราก็ต้องกลับเองด้วยความไว้ใจเพื่อน แต่เพื่อนกลับทำแบบนี้ ไปอ่านในแชตเอานะคะ มิ้นไม่ไหวยังไม่พร้อมตอบแชตใครค่ะ”   ภาพเหตุการณ์บางส่วนจากคลิป .   ในโพสต์ก็มีแชตที่เธอทักไปถามหนึ่งหญิงสาวที่รุมทำร้ายร่างกายของเธอ ว่าตกลงแล้วเธอไปทำอะไรให้กับใคร ถึงต้องถูกรุมทำร้าย ซึ่งหญิงสาวคนดังกล่าวนั้น เธอมองว่าเป็นเพื่อนกันที่ไว้ใจมาโดยตลอด จากการสอบถามก็ทราบว่าหญิงสาวที่เธอไว้ใจโมโหแทนรุ่นพี่คนหนึ่ง (ไม่ทราบว่าเรื่องอะไร) จึงลวงมารุมทำร้าย จนเกิดเป็นเหตุการณ์ในคลิป   . . . .   โดยที่เธอเองก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าตนเองไปทำอะไรไว้กับรุ่นพี่คนนั้น เบื้องต้นก็ได้ทำการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เรียบร้อยแล้ว     โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก มีคนเข้ามากดไลก์ถึง 17,000 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า…

เรามักจะได้รับการสอนมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าหากมีใครให้ของอะไรกับเรา ก็จะต้อง ‘ขอบคุณ’ ถือเป็นมารยาทที่ดีทางสังคม แต่ใครเล่าจะคิดว่าแม้แต่ ‘โจร’ ที่ใช้อาวุธปืนปล้นเงิน ในร้านสะดวกซื้อ ก็ยังต้องกล่าวขอบคุณ ที่พนักงานเอาเงินใส่กระเป๋าให้!? เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อเวลาประมาณ 01.15 น. ของวันที่ 30 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวรายงานว่า มีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนเข้ามาปล้นเงินภายในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven สาขาพระราม 2 ซอย 33 เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุก็ทำการสอบถามพนักงานที่ร้าน และขอเปิดกล้องวงจรปิดดู ก็ทราบเรื่องว่า..     คนร้ายสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบเดินเข้ามาในร้าน ก่อนที่จะชักปืนออกมาและพูดว่า “ขอเงินหน่อย” คนร้ายหันปากกระบอกปืนมาใส่พนักงานพร้อมกับโยนกระเป๋าใบใหญ่มาให้ ทางด้านพนักงานก็เลยนำเงินใส่กระเป๋าให้รวมแล้วเป็นมูลค่ากว่า 1,070 บาท หลังจากนั้นคนร้ายก็หยิบกระเป๋า และออกปากพูดทิ้งท้ายว่า “ขอบคุณนะ” ก่อนที่จะวิ่งออกไปจากร้านและยี่มอเตอร์ไซค์หนีไป     ภาพจากกล้องวงจรปิดกลายเป็นหลักฐานสำคัญ ที่จะช่วยให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีได้ เพราะเห็นภาพอย่างชัดเจน และเจ้าหน้าที่ก็เชื่อว่าคนร้ายน่าจะอาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการหาตัวคนร้ายเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป…     ลองไปชมคลิปวิดีโอเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ   ที่มา :…

เรื่องของ ‘รถเมล์’ เป็นประเด็นที่ชาวกรุงเทพฯ พูดถึงกันมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเก่าของตัวรถเมล์ที่บางคันมีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 50 ปี!! หรือราคาที่เพิ่มขึ้นทั้งๆ ที่การบริการยังเป็นเหมือนเดิม!? ล่าสุดก็มีการเปิดเผยภาพของ ‘รถเมล์ปรับอากาศ’ สาย 558 ไปสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีสภาพ ‘เก่าซอมซ่อ’ เหลือเกิน จนทำให้ชาวเน็ตต้องเอามาโวย!! เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก FM91 Trafficpro ได้นำภาพดังกล่าวที่ได้มาจากลูกเพจส่งเข้ามาทางอินบ็อกซ์ เผยแพร่ลงโซเชียล พร้อมกับแคปชันเล่าว่า   โพสต์ที่เป็นประเด็น   “รถประจำทางปรับอากาศสาย 558 ไปสุวรรณภูมิ เช้าวันนี้คุณผู้ฟังและแฟนเพจ ส่งภาพการเดินทางด้วยรถประจำทางสาย 558 ที่จะไปสุวรรณภูมิมาให้ พร้อมบรรยายตามภาพว่า สภาพภายนอกภายในควรดูแลและใส่ใจมากกว่านี้ เก้าอี้ที่นั่งก็โยกเยก (นึกว่าได้นั่งเก้าอี้ไฟฟ้า) รถสั่นสะเทือนทั้งคัน (ชิ้นส่วนพร้อมหลุดทุกชิ้น)  ความสะอาดหาได้จากจุดไหน…ตอนแรกนึกว่าตาพร่ามัว อ้อกระจกติดฟิล์ม (ในอดีตคงใสมาก่อน ) (เคยล้างเช็ดบ้างไหมน้อ คิดในใจ)…. …คำเตือน : ผู้แพ้ทั้งหลายไม่ควรขึ้นรถเมล์คนนี้ (ยกเว้นว่ามีเงินน้อยอย่างอิฉันขึ้นได้บ่อยๆ)……

ใครเล่าจะคิดว่า ‘อยู่บ้านเฉยๆ’ อยู่ๆ ก็โดนใบสั่งส่งมาที่บ้านเกือบ 10 ใบ!?   เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ อมรินทร์ทีวี รายงานว่า นางสุวรรณา ไทยคำ อายุ 56 ปี ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับหลักฐานเป็น ‘ใบสั่งด้วยกล้องตรวจจับความเร็วสูงของตำรวจทางหลวงจำนวน 9 ฉบับ’     เพื่อยืนยันว่ารถและทะเบียนที่ปรากฏในภาพตามใบสั่งนั้น ไม่ใช่รถยนต์ของตนเอง แม้ว่าจะเป็นรถยนต์ฮอนด้ารุ่นเดียวกัน และมีสีม่วงเหมือนกัน และเลขทะเบียนเดียวกัน ซึ่งเธอมั่นใจว่าเป็นการสวมทะเบียนปลอมอย่างแน่นอน!! ส่วนรถของตัวเองนั้นเป็นรถที่ใช้ทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีการจำหน่ายภาษีอย่างถูกต้องเป็นประจำทุกปี ติดต่อกันมานานถึง 16 ปีแล้ว   นางสุวรรณา ไทยคำ   นางสุวรรณาเล่าว่าใบสั่งแรกนั้นมาตั้งแต่ช่วงปี 2560 1 ฉบับ เป็นใบสั่งที่ให้ไปเสียค่าปรับเพราะขับรถเร็วเกินกำหนด ตอนนั้นก็ได้ทำการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพราะไม่เคยนำรถไปใช้ในเส้นทางที่ถูกตรวจจับ ต่อมาในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 ก็มีใบสั่งตรวจจับความเร็วของตำรวจทางหลวงส่งมาที่บ้านอย่างต่อเนื่อง ติดต่อกันถึง 9 ฉบับ ล้วนแล้วแต่โดนข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนดทั้งหมด…

การที่เราจะ ‘ซื้อของมือหนึ่ง’ สักชิ้นหนึ่ง เราก็คงคิดไว้แล้วว่าอยากจะได้ของใหม่เอี่ยม ที่ยังไม่ผ่านการใช้งานใดๆ มาก่อนเลย เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ เมื่อชายหนุ่มตั้งใจไปซื้อ ‘โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่’ ใจก็อยากจะได้ ‘มือหนึ่ง’ แบบใหม่เอี่ยม แต่พอได้มาเท่านั้นแหละ กลายเป็นว่ามี ‘คนล็อกอินเฟซบุ๊ก’ ทิ้งเอาไว้ในเครื่องให้ซะงั้น!? เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ทำการโพสต์ระบายลงหน้าไทม์ไลน์ของตัวเอง เพราะหลังจากซื้อมือถือจากช็อปมา เปิดเครื่องปุ๊บดันไปเจอกับ ‘เฟซบุ๊ก’ ล็อกอินอยู่ เกรงว่าจะมีคนเอาไปใช้งานก่อนจะเอามาขายรึเปล่า?   โพสต์ดังกล่าว   ซึ่งเจ้าตัวก็สงสัยเป็นอย่างมากว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อย่างไร เพราะซื้อมือ 1 มาจากช็อป แต่กลายเป็นว่าโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวนั้นเหมือนกับว่าถูกเอาไปใช้งานก่อนที่จะนำมาขายต่อให้ลูกค้า ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ     อย่างไรก็ตามด้านเจ้าของโพสต์เล่าต่อว่า ตอนนี้ได้ทำการติดต่อไปยังร้านขายโทรศัพท์มือถือเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งทางร้านก็ยินดีที่จะคืนเงินให้ พร้อมกับเสนอเปลี่ยนเครื่องใหม่ แต่เจ้าตัวยืนยันจะรับเป็นเงินเพียงอย่างเดียวจึงไม่ได้ติดใจเอาความแต่อย่างใด     อย่างที่กล่าวไปข้างต้นครับ ว่าคนซื้อของก็ต้องการได้ของมือ 1 แต่ดันพบว่ามีคนเอาเครื่องใหม่ที่เราซื้อมาไปใช้งานแล้ว ก็อาจจะทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจ แล้วเพื่อนๆ ชาวเหมียวล่ะครับ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง? ลองคอมเมนต์เข้ามาแลกเปลี่ยนกันได้เลยนะ…

‘การใช้ชีวิตในสังคม’ บางครั้งมันก็อาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด แค่จอดรถรอไฟแดงกลางสี่แยกก็อาจจะทำให้คุณ ‘ถูกรุมกระทืบ’ จนสลบไปได้… เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมาสำนักข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคราช ได้ทำการจับกุมแก๊งเด็กแว้น 8 คน พร้อมตั้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 8 คนนั้นอยู่ในช่วงอายุ 16-25 ปี แต่ละคนมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา     ในคืนวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 2.00 น. ของวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 นายวชิรพงษ์ สียงค์พะเนา อายุ 19 ปี และนายชาญณรงค์ งามขุนทด อายุ 19 ปี เหยื่อผู้ถูกทำร้ายร่างกายกำลังขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ช่วงจังหวะที่จอดรอสัญญาณไฟจราจรบริเวณทางแยกประโดกโคกไผ่ ก็ถูกกลุ่มวัยรุ่นร่วมกันทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะและลำตัวจนสลบไป     มีผู้เห็นเหตุการณ์ถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ความยาวประมาณ 22 วินาทีเป็นพยานหลักฐานในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุ และนำไปสู่การจับกุมได้ทั้งหมด ผู้ต้องหาให้การว่าไม่ได้รู้จักกับผู้เสียหาย แต่ในช่วงเกิดเหตุนั้นได้นัดเพื่อนๆ…

‘เด็กก็เปรียบเสมือนกับผ้าขาว’ เป็นประโยคที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ่อยๆ เพราะยังไม่มีประสบการณ์กับเรื่องต่างๆ จนอาจไม่เข้าใจเรื่องราวได้ดีเท่าผู้ใหญ่ เช่นเดียวกันกับเจ้าหนูน้อยคนนี้ ที่พบ ‘งูเห่า’ อยู่ในห้องนอน แต่ไร้ความเกรงกลัวเดินเข้าไปหยิบยกมาดื้อๆ คนเป็นแม่มาเห็นถึงกับแทบลมจับ รีบบอกลูกว่าให้ปล่อยแทบไม่ทัน!! เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมาผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า เรืองชัย สุทธิจันทร์ ได้ทำการแชร์ภาพและเรื่องราวของลูกสาวตัวเอง พร้อมแคปชันว่า “น้ำมนต์จับงูเห่าออกมาจากห้องแม่ วงแตกครับ เธอปลอดภัยเพราะเธอสักยันต์เอง”     เด็กหญิงน้ำมนต์บังเอิญเจอลูกงูเห่าตัวเล็กอยู่ในห้องนอน เลยหยิบเดินออกมาจากห้องอย่างหน้าตาเฉย พร้อมกับเรียกให้แม่ดู ฝั่งผู้เป็นแม่พอเห็นภาพดังกล่าวถึงกับกรี๊ดลั่นด้วยความตกใจ รีบเข้ามาช่วยเหลือลูกให้ปล่อยเจ้างูเห่าตัวน้อยโดยด่วน     อย่างไรก็ตามเจ้าของโพสต์ระบุว่า น้องน้ำมนต์ เด็กหญิงที่อยู่ในภาพนั้นปลอดภัยดี เพราะ ‘สักยันต์’ เอาไว้ที่ขา ซึ่งพอไปดูที่ขาของน้อง ก็อ่าม…  นั่นมันยันต์ปากกาเมจิกนี่นา   ยันต์ของน้องน้ำมนต์ที่เขียนเอาไว้   เรื่องราวดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย กลายเป็นกระแสไวรัล ชาวเน็ตต่างก็อดยิ้มและหัวเราะให้กับความน่ารักของน้องไม่ได้ ทั้งในเรื่องของรอยสักเมจิก และในเรื่องของการหยิบลูกงูมาเป็นๆแบบนั้น บางส่วนก็โล่งใจที่น้องไม่เป็นอะไร ก็ถือว่าโชคดีไปเนอะ   ที่มา : เรืองชัย สุทธิจันทร์

บางครั้ง ‘ความผิดพลาด’ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรม อาจจะทำให้ชีวิตของใครบางคนต้องพบกับความทุกข์ ราวกับตกนรกทั้งเป็นเลยก็เป็นได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ เมื่ออดีตทหารหนุ่มคนหนึ่งออกมาร้องทุกข์ ถูกกล่าวหาว่ารุมโทรมเด็กสาววัย 14 ปีที่ จ.เชียงราย แต่ไม่พบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง อีกทั้งศาลก็ยกฟ้องไปแล้ว แต่พอพ้นมลทินชีวิตกลับต้องเผชิญกับ ‘บาป’ ที่ตนไม่ได้ก่อเอาไว้ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 ส.อ.ชลกร พันธุ์สอาด ได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวผ่านทางเฟซบุ๊ก ว่าต้องเผชิญกับช่วงชีวิตอันแสนทุกข์ใจ   .   ภาพข่าวหน้าหนึ่งที่เป็นประเด็น .   เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 (วันเดียวกัน) ส.อ.ชลกร ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทาง รายการทุบโต๊ะข่าว ของช่องอมรินทร์ทีวี เปิดใจเล่าเหตุการณ์ว่า… เมื่อปี 2558 ในคืนเกิดเหตุเมื่อเวลาราวๆ 16.00 น. รุ่นพี่ได้ชวนตนไปกินเหล้า ตนเองจึงไปกินเหล้าบ้านรุ่นพี่คนดังกล่าวรวมแล้ว 4 คน หลังจากนั้นก็มีเสียงเรียกเข้า รุ่นพี่ได้คุยโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะวางสายไป แล้วรุ่นพี่ก็บอกกับตนว่าจะมีน้องๆ มานั่งกินด้วยจะได้ไหม? ก็เลยตอบว่ามาได้…

เรื่องของ ‘ลิขสิทธิ์’ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่เอาจริงๆ แล้วมันใกล้ตัวของเรามากกว่าที่เราคิดมาก เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ เมื่อหญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดรายหนึ่งไปรับสินค้าลาย ‘โดราเอมอน’ มาขายต่อให้กับลูกค้า แต่โดนจับเพราะข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซะอย่างนั้น!? เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 เว็บไซต์ ข่าวช่องวัน รายงานว่านายประพจน์ เอื้อวิไลเลิศ ได้รับมอบอำนาจจากบริษัทแอนนิเมชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ให้มาปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์   นายประพจน์ เอื้อวิไลเลิศ   ได้นำตัวนายทศพล วัย 28 ปี และนางจริยา วัย 29 ปี ซึ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง หลังจากมีสินค้าที่มีรูปโดราเอมอน มาขายแบบไม่ถูกลิขสิทธิ์     ทางด้านนางจริยาผู้ต้องหา ได้ให้การว่า ตนเป็นแม่ค้าออนไลน์ ได้ขายของให้กับลูกค้าที่ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า เกศรินทร์ เป็นแก้วน้ำลายโดราเอมอน 7 ชุด ราคา 2,600 บาท มีค่ามัดจำ 1,000 บาท…

เรียกได้ว่าร้อนแรงจริงๆ กับ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ เต้ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ส.ส. บัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่ง และได้รับตำแหน่ง ส.ส. เพียงหนึ่งเดียวเข้าไปทำหน้าที่ในสภาอีกด้วย ซึ่งในวันนี้ (24 พฤษภาคม 2562) ก็ถือเป็นพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ที่จัดขึ้น ณ อาคารวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ     ก่อนพิธีจะเริ่มก็กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันไปทั่วโซเชียล เมื่อนายมงคลกิตติ์ เดินไปขอจับมือกับนายวัน อยู่บำรุง ส.ส. ของพรรคไทยรักไทย แต่ถูกปฏิเสธไป   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันดูครับ   แล้วเหตุการณ์กลายเป็นประเด็นที่ชาวโซเชียลต่างก็แซวกันไป บ้างก็บอกว่าถึงกับหน้าแตกหมอไม่รับเย็บกันเลยทีเดียว ก่อนที่เหตุการณ์จะดำเนินผ่านไปแบบเจื่อนๆ หลังจากที่ช่วงพิธีการจบลง ก็มีกลายเป็นกระแสอีกครั้งหนึ่ง เมื่อมงคลกิตติ์โพสต์ภาพถ่ายเซลฟี่ร่วมกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ลงเฟซบุ๊กของตัวเอง   พร้อมกับแคปชันว่า “เมื่อ 2 ตี๋มาพบกัน ตี๋เต้ กับ ตี๋เอก”   ปรากฏว่าโพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ลงไปแค่ 1 ชั่วโมงก็มีคนมากดไลก์กว่า 5,100…

อย่างที่รู้กันดีว่า ‘วัยรุ่น’ ถือเป็นวัยที่มีแต่ความใจร้อน เกิดการกระทบกระทั่งกันสักเล็กน้อยก็อาจจะนำไปสู่การต่อยตีกันเลยก็ว่าได้ แล้วหากใครที่เคยพบเจอเหตุการณ์เหล่านี้ จะรู้ดีว่าการ ‘ห้าม’ ก็เหมือนเป็นการ ‘ยุยง’ ให้ตีกันหนักข้อขึ้นไปอีก เลยกลายมาเป็นปัญหาว่า ‘แล้วเวลาวัยรุ่นตีกัน จะมีวิธีหยุดยั้งความรุนแรงได้อย่างไรบ้าง?’ ซึ่งหากเพื่อนๆ ได้รับชมเรื่องราวต่อไปนี้ ขอบอกเลยว่าจะได้คำตอบอย่างแน่นอน!! เรื่องมีอยู่ว่าอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า น้องแมน พาเพลิน ได้ทำการแชร์คลิปวิดีโอเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นตีกันหน้าเวทีหมอลำ ที่จัดขึ้นบริเวณลานวัดดงมุง บ้านหนองตอ อ.จตุรพัตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด     กลุ่มวัยรุ่นตีกันแบบชนิดที่ว่าฝุ่นตลบ กลบเวทีหมอลำกันเลยทีเดียว แต่แล้วท่านผู้ใหญ่บ้านก็ออกมาจับไมค์พูด!! แต่แทนที่จะห้าม ผู้ใหญ่บ้านกลับยุยงให้กลุ่มวัยรุ่นตีกันไปเรื่อยๆ พร้อมกับพูดว่า “หมอลำเขาจ้างมาให้ดูฟรี พวกท่านยังมาทะเลาะกันใส่งาน ตีไปเรื่อยๆ ห้ามหยุดตี ตีไปเรื่อยๆ”     แต่ก็แปลก แทนที่กลุ่มวัยรุ่นจะตีกันหนักข้อขึ้นตามคำยุ จู่ๆ ก็แยกย้ายกันไปซะดื้อๆ เลย!?     ลองไปชมคลิปวิดีโอเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างได้เลยครับ   คลิปวิดีโอดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก…

เรื่องราวอันแสนประทับใจ เมื่อคุณลุงคนหนึ่งแต่งตัวมอมแมมเข้ามาในร้านเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถือ และเจ้าของร้านก็นำเรื่องราวดังกล่าวมาแชร์ต่อจนชนะใจชาวเน็ตมากมาย ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Pimpim Cooper ได้ทำการโพสต์ภาพและข้อความเหตุการณ์ที่ว่านี้เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา   ลองไปอ่านเรื่องราวแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างได้เลยครับ   “#อย่าตัดสินคนที่ภายนอก มาเล่าเรื่องราวดีๆให้ฟัง” ผู้ชายคนนี้เดินมาซื้อโทรศัพท์ที่ร้าน ถามหารุ่นนี้แล้วบอกเอาเลย โดยที่ไม่ต่อสักคำ พร้อมกับควักเงินออกมานับ แล้วบอกว่า “ผมมีแต่แบงก์ยี่สิบนะครับ”      “ระหว่างที่แกนั่งรอเราทำเครื่องให้มี รปภ เดินวนมาเพื่อที่จะไล่เค้าหลายรอบมาก เลยบอก รปภ.ไปว่าเค้ามาซื้อโทรศัพท์พี่ไม่มีอะไรค่ะ เฮ้อออ..เค้าพูดรู้เรื่องนะ พูดจาดีด้วย #ที่สำคัญเค้าเปิดบิลให้เราจ้าเช้านี้”   .   เรื่องราวความประทับใจดังกล่าวโดนใจชาวเน็ตเป็นอย่างมาก มีคนเข้ามากดไลก์กว่า 11,000 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 7,500 ครั้งเลยทีเดียว หลายคนมองว่า เรามักจะตัดสินคนเพียงแต่ภายนอก แต่ไม่เคยมองให้ลึกลงไปที่จิตใจเลยสักครั้ง กลับกันคนที่แต่งตัวดูดี อาจจะไม่น่าไว้ใจมากกว่าเสียอีก   อย่าดูคนที่ภายนอก   เค้าคงตั้งใจเก็บมานาน . .  …

เรียกได้ว่ากำลังกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกโซเชียล ณ ตอนนี้เลยทีเดียวกับกระแสแฮชแท็ก #มาตาฮารีโป๊ะแตก ที่ขึ้นมาติดอันดับยอดนิยมในไทยเพียงแค่ชั่วข้ามคืน หลายคนอาจจะงง และสงสัย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!? มาตาฮารีคือใคร? วันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาสรุปเรื่องราวให้เพื่อนๆ อ่านกันครับ   มาตาฮารีคือใคร? คงเป็นคำถามที่หลายคนสงสัยว่าเอ๊ะ เค้าคือใคร ทำไมคนถึงให้ความสนใจกันมากมายขนาดนี้ ก็ขอบอกเลยว่าเป็นเหมือนกับตัวตนในโลกออนไลน์หนึ่ง ที่มีคนสร้างขึ้นมา โดยอ้างตัวว่าเป็นสถาปนิก อาศัยอยู่ที่เกาะไซปรัส มีแอคเคาทน์อยู่ทั้งในทวิตเตอร์ พันทิป อินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก ซึ่งก็จะเขียนบทความเล่าเรื่องชีวิตของตัวเองเป็นฉากๆ พร้อมกับมีการนำรูปมาประกอบ จนทำให้มีคนติดตามมากมาย โดยเฉพาะช่วงล่าสุด ที่มักจะโพสต์ถึงเจ้าเหมียวตัวหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ไซม่อน’ เป็นแมวของเพื่อนบ้าน ที่ชอบมาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยๆ   ตัวอย่าง     มาฮาตารีโป๊ะแตก ทีนี้เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมามาฮาตารี ก็ได้ทำการโพสต์ทวิตเล่าเรื่องราวว่าไม่ค่อยอยากให้เฟซบุ๊กส่วนตัวกับใคร เพราะแม่ชอบเอารูปเก่าๆ ไปโพสต์ และจะโดนเมนต์แซวในเชิงตลกร้าย     และเมื่อคืนที่ผ่านมา (19 พฤษภาคม 2562) ก็มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งออกมาแฉว่า โพสต์ด้านบนที่มาตาฮารีเอามาโพสต์น่ะ…

เรื่องราวอันน่าสลดใจ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งโพสต์เรื่องราว และภาพ เพื่อขอความช่วยเหลือ ‘น้องแมว’ ที่ถูกขังเอาไว้ในบ้านหลังหนึ่ง จนกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกโซเชียล เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมาผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพบ้านหลังหนึ่ง ที่สภาพด้านในบ้านนั้นเละเทะ เต็มไปด้วยขี้แมว และมีน้องแมวอีก 4 ตัวที่ต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น โดยที่มีการล็อกจากด้านใน ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้     พร้อมกับข้อความในแคปชันเล่าว่า “ขอความช่วยเหลือค่ะ วันนี้วิ่งหาบ้านย่านมีนบุรี ตกใจมากกกก…เจ้าของทิ้งแมวเปอร์เซียเอาไว้ 4 ตัว ขี้เต็มบ้านเลยค่ะ” “ร้องให้ช่วย บางตัวนอนที่ลุกก็ไม่รอดแล้วอ่ะ มี 1 ตัวนอนเฝ้าลูกตาย ระยะเวลาดูแล้วไม่ต่ำจาก 3 เดือนที่ทิ้งไว้ วิ่งวนหาทางช่วยอยู่ 2 รอบ แต่ประตูล็อกจากข้างใน ต้องแจ้งนิติถึง 2 ครั้งถึงจะเดินเรื่องให้” “หมู่บ้านเข้มงวดมาก คนนอกเข้าไม่ได้ด้วย จะช่วยยังไงได้บ้างคะ?”   ลองไปชมภาพบรรยากาศในบ้านกันดูครับ . . . . .  …

เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่มีหลากหลายอารมณ์ในเวลาเดียวกัน ทั้งสงสาร ทั้งขำ และลุ้นระทึก กับกรณีคลิปวิดีโอเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการบุกไล่ล่าแก๊งเด็กแว๊นซ์ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 สำนักข่าวเดลินิวส์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดปฏิบัติการไล่ต้อนจับกุม ‘แก๊งเด็กแว๊นซ์’ ที่รวมตัวกันขี่รถมอเตอร์ไซค์ซิ่งบนถนนราษฎร์อุทิศ กลางเมืองหาดใหญ่ ปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มตั้งแต่เวลาตี 4 ถึงเช้าตรู่ ปรากฏว่าพอตำรวจไปถึง แก๊งเด็กแว๊นซ์ทั้งหลายถึงกับแตกกระเจิง!! หลายคนก็ยอมมอบตัวแต่โดยดี แต่ก็มีบางส่วนที่ควบรถซิ่งหนีกันอุตลุด   โดยเฉพาะพ่อหนุ่มคนหนึ่ง ที่ถูกตำรวจขับตามประกบ   พอเห็นท่าว่าตัวเองจะโดนจับแน่ๆ เลยพยายามขอร้องไม่ให้ตำรวจจับ ร่ำไห้อ้อนวอน แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายก็ไม่รอด โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ขับรถไล่จับกุมได้เกือบทั้งหมด     ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ   ผลจากการปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดรถได้ทั้งหมด 32 คัน จับกุมวัยรุ่นได้ 30 คน มีชาย 22 คน และหญิง 8 คน ส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชนอยู่แทบทั้งสิ้น…

เรียกได้ว่าอันตรายจริงๆ ในเวลากลางค่ำกลางคืนสำหรับนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่กำลังเผชิญกับปัญหาถูก ‘โจร’ จี้กันแบบชนิดที่ว่าถี่มากๆ ถี่แบบโดนติดต่อกันถึง 4 วันเลยทีเดียว!! เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมาสำนักข่าวรายงานว่าบรรดานักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรออกมาโพสต์บ่นกันเป็นจำนวนมาก ว่าพักหลังๆ นี้โจรผู้ร้ายออกมาอาละวาด เกิดเหตุจี้ฉกชิงวิ่งราวกันบ่อยครั้ง ผู้สื่อข่าวก็เลยลงไปสอบถามบรรดานักศึกษาที่อาศัยอยู่ในหอพักบริเวณซอยอมรพันธ์ และซอยงามวงศ์วาน 52 ย่านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งมีหอพักอยู่เป็นจำนวนมาก     นักศึกษาต่างก็เล่าให้ฟังเป็นเสียงเดียวกันว่าช่วงนี้เกิดเหตุจี้ ปล้น ชิงทรัพย์กันบ่อยจริงๆ โดยเฉพาะช่วงกลางคืน แต่โชคดีที่ยังไม่มีใครบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต นักศึกษาหลายคนต่างก็คาดเดาว่าน่าจะเป็นฝีมือของโจรกลุ่มเดียวกัน วอนให้ตำรวจเข้ามาช่วยตรวจตรากวดขันจับกุมคนร้าย เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมามีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งออกมาเล่าเรื่องราวอันน่าตกใจ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกมาประจำการตั้งด่านแถวๆ ม.เกษตรฯ พร้อมกับบังคับให้เหล่านักศึกษาถ่ายรูป แล้วก็โพสต์แนวๆ ว่า ‘สบายใจจัง มีพี่ตำรวจมาดูแลให้ ว้าว’   ลองไปอ่านโพสต์แบบเต็มๆ กันดูครับ . .   ภาพประกอบ   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนรีทวีตไปกว่า…

ในชีวิตหนึ่ง หลายคนอาจจะเคยผ่านเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่า ‘ระทึกใจ’ ที่มีความเชื่อมโยงกับความเป็นและความตายของชีวิตเรามาแล้ว เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่ไม่ได้ระทึกแค่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ทำเอาคนดูต่างก็เสียวท้องน้อยไปตามๆ กัน!! เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2562 ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Book Za Sooksun ได้เปิดเผยคลิปเหตุการณ์สุดระทึกใจ เมื่อต้องปีน ‘ต้นไผ่’ เพื่อหนีเอาชีวิตรอดจาก ‘เสือโคร่ง’ ตัวเบ้อเร่อ จากรายงานของเว็บไซต์ Kapook เปิดเผยว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณทางเข้า-ออกของหมู่บ้านไล่โว่ ที่ตั้งอยู่ในป่าลึก และบริเวณนั้นก็ตั้งอยู่ใกล้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.ตาก     เจ้าของเรื่องโพสต์คลิปวิดีโอที่มีความยาวกว่า 30 นาที ที่ตัวเองปีนขึ้นไปเกาะอยู่บน ‘ต้นไผ่’ โดยมีเสือโคร่งขนาดใหญ่คอยอยู่ด้านล่าง พร้อมกับแคปชันว่า “การเอาตัวรอดจากเสือทุ่งใหญ่คือปีนต้นไม้ไผ่ให้สูงเข้าไว้เพราะเชื่อว่าเสือปีนไม้ไผ่ไม่ได้ [จริงหรือเปล่าไม่แน่ใจ]” “เสือจะไม่ทำอะไรเราถ้าเราไม่ทำเสือก่อนเพราะเสือเป็นมิตรกับคนทุกคนและเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลก โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม ให้เสียงภาษาโดยพันธมิตร”     และผู้ประสบกับเหตุดังกล่าวไม่ได้มีแค่คนเดียว จากในคลิปจะเห็นว่ามีคนเกาะอยู่ข้างล่างอีกคนหนึ่งที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน เจ้าเสือโคร่งนั่งๆ นอนอยู่บริเวณเกิดเหตุอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่จะเดินจากไป และโชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย     ลองไปชมคลิปวิดีโอเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…  …

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จับตัวชายหนุ่มผู้ต้องสงสัยได้ พอตรวจในเป้ที่เขาสะพายมาก็ถึงกับต้องตกใจ เพราะมี ‘ซากลูกหมีควาย’ อยู่ในนั้นด้วย!? นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เผยว่าเมื่อเวลาราวๆ 7.57 น. คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ได้รับการแจ้งเตือนจากกล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ (กล้อง NCAPS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เอาไว้ตรวจจับความผิดปกติ และสังเกตพฤติกรรมของสัตว์ป่า แต่ในช่วงเกิดเหตุพบบุคคลต้องสงสัยเดินบุกรุกเข้าไปยังเขตอุทยาน     เจ้าหน้าที่จึงวางแผนและเข้าติดตามจับในทันที และสามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้ จากการตรวจสอบก็ทราบว่าชายผู้ต้องสงสัยคือ นายศุภกิตต์ มองบรรจบ อายุ 40 ปี เป็นผู้อยู่อาศัยในละแวกนั้น     นอกจากนี้จากการตรวจค้นเป็นสะพายหลัง พบซากลูกหมีควายอายุราว 3-6 เดือนอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งทางด้านเจ้าตัวอ้างว่า เข้าไปหาตัดยอดหวายเพื่อนำไปขาย     แต่พบลูกหมีควายติดบ่วงตายอยู่ใกล้ๆ จุดที่กำลังตัดหวายพอดี เลยแอบเอาใส่เป้สะพายออกมา เพื่อที่จะเอาไปทำเป็นอาหาร แต่ดันถูกจับเสียก่อน     อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมตัวชายคนดังกล่าวให้นำเข้าไปชี้จุดเกิดเหตุเพื่อตรวจสอบหาหลักฐาน เพื่อใช้ในการดำเนินคดีผู้ต้องหาต่อไป  …

อย่างที่รู้กันดีว่าในห้างแต่ละห้างก็จะมี ‘ที่จอดรถบิ๊กไบก์’ แยกเอาไว้ให้สำหรับเหล่าไบก์เกอร์ทั้งหลาย เพราะเนื่องจากว่าขนาดที่ใหญ่ของมัน ทำให้อาจต้องใช้พื้นที่ในการเลี้ยว หรือถอยมากกว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป แต่ใครเล่าจะคิดว่าพอเอารถบิ๊กไบก์เข้าไปจอดในที่จอดรถบิ๊กไบก์ในห้าง มีสเปกตรงตามที่กำหนดเอาไว้ทุกอย่างแล้ว ดั๊นนนถูก ‘ล็อกล้อ’ ซะได้!? เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Oran Supasaen ได้เปิดเผยประสบการณ์จอดรถที่ห้างดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่     ซึ่งที่จอดรถบิ๊กไบก์ของห้างดังกล่าว มีการกำหนดเอาไว้ว่าบิ๊กไบก์ที่จะมาจอดได้นั้นจะต้องมีขนาดเครื่องยนต์ 500 ซี.ซี. ขึ้นไป หากต่ำกว่านั้นจะต้องถูกล็อกล้อและปรับเป็นจำนวนเงิน 500 บาท       แต่กลายเป็นว่ารถยี่ห้อ KTM 690 SMC ซึ่งมีขนาดเครื่องยนต์สูงถึง 690 ซี.ซี. แถมราคายังอยู่ที่ราวๆ 690,000 บาท ชายหนุ่มก็เลยเกิดความงงงวยเป็นอย่างมาก เพราะทำถูกตามเงื่อนไขทุกอย่างแต่ดันถูกล็อกล้อซะได้!?     โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก หลายคนต่างก็คอมเมนต์กันไปต่างๆ นานา   บ้างก็บอกว่าหน้าตามันอาจจะคล้ายกับ KSR มั้ง (มอเตอร์ไซค์วิบาก…

จากเหตุการณ์ที่เรียกว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในโลกโซเชียล เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา (10 พฤษภาคม 2562) กับกรณีของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ไม่ได้ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ เพราะเจ็บขา จนถูกชายคนหนึ่งมาตักเตือน และกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา   ลองไปอ่านโพสต์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างกันดูครับ . . . .   โพสต์ต้นฉบับ   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก มีคนเข้ามากดไลก์มากกว่า 18,000 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 13,000 ครั้งเลยทีเดียว ทางด้านสำนักข่าวหลายสำนักต่างก็นำเรื่องราวดังกล่าวไปเผยแพร่ จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมาในโลกโซเชียล หลายคนต่างก็เข้ามาคอมเมนต์กันไปในทิศทางเดียวกัน ว่าฝ่ายชายที่เข้ามาเตือนนั่นแหละที่เป็นคนผิด เพราะการไม่ยืนเคารพก็ถือเป็นสิทธิ์ของเราไม่ควรมายุ่ง หรือก้าวก่าย ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2562 ก็มีผู้ใช้เว็บไซต์พันทิปรายหนึ่ง ที่อ้างตัวว่าเป็นชายคนที่ไปเตือนหญิงสาว ในเหตุการณ์ดังกล่าว มาเปิดเผยเรื่องราวอีกด้าน โดยใช้ชื่อกระทู้ว่า “ชี้แจงประเด็นที่เป็นข่าว ไม่ลุกยืนแสดงความเคารพและโดนแจ้งตำรวจครับ” ซึ่งตรงกันแทบจะทุกอย่าง ก่อนที่เผยว่าความรุนแรงนั้นเกิดจากการ ‘บันดาลโทสะ’ และปิดท้ายด้วยความสำนึกผิด อยากจะขอโทษฝ่ายสาวที่กระทำรุนแรง   ลองไปอ่านข้อความในกระทู้แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ .…

บางครั้งเรื่องราวในชีวิตจริงของใครบางคน อาจจะยิ่งกว่าในละครเสียอีก…   เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของหญิงสาวคนนี้ ที่โทรไปเล่าในรายการพุธทอล์คพุธโทร ที่ออกอากาศทางช่อง EFM94 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับตั้งชื่อตอนว่า ‘กรงกรรมในชีวิตจริง’     ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวอาจจะเป็นความจริง หรือแต่งขึ้นมาก็ได้ ก็ขอให้ใช้วิจารณญาณในการรับชมนะครับ หญิงสาวเจ้าของเรื่องมีชื่อว่า เมย์ ได้เปิดเผยเรื่องราวแห่งความพีค ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเธอเมื่อราวๆ 4-5 ปีก่อน เธอเล่าว่าคบอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นคนดีมาก จนกระทั่งวันหนึ่งก็มี ‘พ่อบุญธรรม’ เข้ามา ซึ่งหลายคนก็มองว่า ‘ไม่น่าจะใช่พ่อธรรมดานะ’ เพราะฝ่ายชายไม่เคยพาเมย์ไปเจอกับคุณพ่อเลย     ส่วนเรื่องราวของพ่อบุญธรรมนั้น คุณเมย์เล่าว่า เป็นคนรับเลี้ยงเขา (แฟนของคุณเมย์) เพื่อให้มีหน้ามีตา 4-5 ปี ถึงจะได้เจอกันสักครั้งหนึ่ง ส่วนแม่ก็ไม่ได้อยู่กับพ่อบุญธรรม และแฟนหนุ่มก็บอกกับพ่อบุญธรรมว่าคุณเมย์นั้นเป็นเพื่อนของตน เคยมีครั้งหนึ่งที่พ่อไปรื้อเสื้อผ้าในตะกร้าผ้าแล้วเจอกางเกงในของคุณเมย์ แฟนหนุ่มก็โดนพ่อด่ามา และเรื่องราวความพีคก็เกิดขึ้น มีอยู่วันหนึ่งคุณเมย์ตั้งใจที่จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด แฟนก็เลยไปส่งที่ขนส่ง แต่บังเอิญว่าไม่มีรถไป ก็เลยตัดสินใจกลับไปเซอร์ไพรส์แฟน เนื่องจากว่าแฟนไม่อยากให้เธอกลับบ้านอยู่แล้ว ซึ่งทั้งคู่อยู่ด้วยกัน และต่างคนต่างก็มีกุญแจห้องอยู่แล้ว หลังจากนั้นเสียงของคุณเมย์ก็เริ่มสั่นเครือ พร้อมกับปล่อยโฮออกมา     ก่อนจะเล่าต่อว่า…

**คำเตือน : บทความนี้มีภาพเนื้อหาที่รุนแรง หากเพื่อนๆ คนไหนมีความอ่อนไหว ขอให้พิจารณาก่อนจะเลื่อนลงไปอ่านนะครับ   กำลังกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอยู่ในโลกโซเชียล ณ ขณะนี้เลย กับกรณีของหญิงสาวโพสต์แฉ ถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายจนถึงกับแท้งลูก สุดท้ายเหมือนคดีจะพลิกเมื่อฝ่ายชายงัดหลักฐานเด็ดออกมา ว่าแฟนสาวกุเรื่องขึ้นมา!? เรื่องของเรื่องคือเมื่อวานที่ผ่านมา (10 พฤษภาคม 2562) หญิงสาวรายหนึ่งได้ทำการโพสต์ภาพลงบนเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นภาพลูกของตัวเองที่แท้งออกมา พร้อมกับกล่าวหาว่าเป็นฝีมือแฟนหนุ่มของตัวเอง ที่ทำร้ายร่างกายขณะกำลังตั้งท้องอยู่   โพสต์ที่เป็นประเด็น (เนื้อหาบางส่วนถูกเฟซบุ๊กเซนเซอร์ไว้ เนื่องจากมีความรุนแรง)   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย หลายคนต่างก็เข้ามาประณามการกระทำของแฟนหนุ่มที่ถูกกล่าวหา   . .   หลังจากที่โพสต์ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม สื่อหลายสำนักก็เข้ามาทำข่าว และทำให้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่าดังนี้ครับ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมารายการ ข่าวเที่ยงอมรินทร์ ช่องอมรินทร์ ทีวี เปิดเผยว่าหญิงสาวเจ้าของเรื่องได้ให้สัมภาษณ์ว่าตนกับแฟนหนุ่มคบหากันมานาน 5 ปี มีลูกด้วยกันก่อนหน้านี้แล้ว 1 คนเป็นผู้หญิง อายุ 10 เดือน ฝ่ายผู้ชายนั้นเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง เวลาโมโหก็จะลงมือทำร้ายร่างกายอยู่เป็นประจำ…

อย่างที่รู้กันดีว่าช่วงนี้ เป็นช่วงพีคของ ‘หน้าทุเรียน’ เลยก็ว่าได้ เพราะขับรถไปทางไหน หรือไปเดินตลาดแถวไหนก็จะเห็น ‘แผงขายทุเรียน’ เต็มไปหมด ที่จังหวัดเชียงใหม่เองก็เช่นกัน ไม่ว่าเราจะไปที่ตลาดใหญ่ๆ อย่างกาดเมืองใหม่ กาดหลวง หรือตามกาดต่างๆ (กาดแปลว่าตลาด) พอเดินเข้าไปปุ๊บก็จะได้กลิ่นทุเรียนคลุ้งเลยทีเดียว จึงกลายเป็นเรื่องง่ายมากๆ สำหรับชาวเชียงใหม่ และบรรดานักท่องเที่ยว ที่จะหาทุเรียนมาทานกัน และแน่นอนว่า ‘ทุเรียนหมอนทอง’ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีเนื้อหวาน และกรอบอร่อยที่สุด ในบรรดาสายพันธุ์อื่นๆ ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนเศษเปลือกของมันถูกเอามาตั้งเป็นภูเขาขนาดใหญ่เป็นประจำทุกวัน!!     เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมาสำนักข่าว เชียงใหม่นิวส์ เปิดเผยว่าในปีนี้ผลผลิตทุเรียนมีมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา จึงทำให้คนสามารถหามาทานได้ง่ายขึ้น เพราะราคาไม่สูงเกินไปนั่นเอง ทางด้านนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่าในแต่ละวันในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ จะมีการบริโภคทุเรียนเป็นจำนวนมาก   ส่งผลให้มีขยะจาก ‘เปลือกทุเรียน’ กองเป็นภูเขาเลากาอย่างที่เห็นในภาพนี้แหละครับ       จากข้อมูลของเทศบาลนครเชียงใหม่พบว่า เปลือกทุเรียนที่เป็นขยะนั้นจะมาจากตลาดสดปริมาณราวๆ 4-5 ตันต่อวัน คิดเป็น 60…

เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมายจริงๆ กับกรณีของคนขับรถบรรทุกขับรถชนเด็กวัย 8 เดือน จนเสียชีวิตคาที่ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา บริเวณสะพาน 3 ซอยวัดคู่สร้าง อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าคุณแม่ลูกอ่อนปล่อยลูกเล่นใน ‘รถหัดเดิน’ ที่บริเวณลานปูนหน้าบ้าน ส่วนแม่เด็กกำลังเล่นมือถือคุยไลน์กับพี่สาวอยู่     และทันใดนั้นเองเหตุน่าสลดก็เกิดขึ้น เมื่อรถเข็นเด็กไปเกี่ยวกับเหล็กประตูลูกกรง เป็นเหตุให้ประตูเปิดออก ทั้งเด็กและรถเข็นไหลลงไปที่บริเวณกลางถนน ประจวบกับรถบรรทุกสิบล้อขับผ่านมาพอดี ทำให้เบรกไม่ทัน แม้ว่าจะหักหลบไปได้ แต่ท้ายรถก็ไปชนเข้ากับรถเข็นเด็กทำให้เด็กวัย 8 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากนั้นไม่นานเพจเฟซบุ๊ก เรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง3 ก็เผยแพร่คลิปวิดีโอรายงานข่าว เปิดเผยให้เห็นนาทีที่แม่ของเด็กอยู่ในอาการร้องไห้เสียใจอย่างหนัก พร้อมตะโกนด่าคนขับรถสิบล้อว่า “มึงฆ่าลูกกู มึงฆ่าลูกกู!!” ส่วนทางด้านพ่อเด็กก็อยู่ในอาการโศกเศร้าเช่นกัน นั่งร้องไห้อยู่บริเวณใกล้กับศพลูก และพูดออกมาว่า “ทำไมไม่ดูลูก”     เพื่อนๆ สามารถเข้าไปชมคลิปเหตุการณ์โดยการคลิกที่ลิงก์นี้ได้เลยครับ   จึงเกิดเป็นกระแสในโซเชียลขึ้นมา หลายคนต่างก็แสดงความเห็นใจต่อแม่ของเด็ก ต่อว่าคนขับรถบรรทุกว่า ทำไมถึงไม่ขับให้ระวัง บ้างก็ตราหน้าว่าเป็นฆาตกรไปเสียแล้ว จากคลิปดังกล่าวดูเหมือนว่าคนขับรถบรรทุกจะตกเป็นจำเลยสังคม ซึ่งทางเพจ…

เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางจริงๆ กับกรณีของ “แก๊งกระบะซิ่งเบิร์นยางแห่นาค” ทำเอาชาวบ้านเดือดร้อนกันระนาว ทั้งกลิ่นยางไหม้ ทั้งควันโขมง และเสียงดังรบกวน   อ่านข่าวเก่าได้ที่ : ชาวบ้านโวย “เบิร์นยางแห่นาค” บนถนนหลวง เสียงดัง ควันโขมง “สรุปจะได้บุญหรือบาป” ?!   หลังจากที่เรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกโซเชียล ทางด้านพล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ก็ได้สั่งการให้ สภ. ที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง และหากพบว่ามีความผิดก็จะมีการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป     ล่าสุดหลังจากทำการตรวจสอบแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการแจ้งข้อหา แก๊งกระบะซิ่งกลุ่มที่เป็นประเด็น ซึ่งมีทั้งหมด 2 กลุ่มด้วยกัน     นอกจากนี้ศาลจังหวัดอำเภอตะกั่วป่า ยังออกคำสั่งให้ยึดรถกระบะซิ่งเบิร์นยางอีก หลายคัน ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ให้ความร่วมมือแค่ 2 คนเท่านั้น     ทางด้านกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งข้อหา ก็เริ่มเดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับเปิดเผยว่า พิธีแห่นาคดังกล่าวนั้น เกิดจากผู้อุปสมบทเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เคยทำกิจกรรมดีร่วมกัน ทั้งทำบุญ ช่วยน้ำท่วม     อยากให้คนมองกิจกรรมดีๆ ที่พวกตนร่วมกันสร้างขึ้นมาบ้าง ไม่อยากให้ถูกสังคมลงโทษด้วยภาพเพียงบางภาพ ทางด้านเพจแก๊งรถซิ่งที่เป็นประเด็น…

การเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศนั้นถือเป็นอีกทางหนึ่งเพื่อเก็บประสบการณ์ และหาเงินที่มากขึ้น แต่หากเราไปแบบไม่ถูกกฎหมายล่ะก็ อาจจะทำให้เจอเรื่องราวน่ากลัวเช่นนี้ก็เป็นได้… เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่คาดว่าน่าจะเป็นคนไทยที่เข้าไปขายแรงงานในประเทศเกาหลีใต้แบบผิดกฎหมาย ได้ออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์ เจอนายจ้างโหด กักขังหน่วงเหนี่ยว ไถเงิน จนต้องหนีตายออกมาอย่างสุดระทึก   โพสต์ต้นฉบับ   ซึ่งชายคนดังกล่าวเล่าว่าตนถูกนายจ้างเอาปืนข่มขู่ ยึดพาสปอร์ต และไถเงินอีกเป็นจำนวน 50,000 บาท จากเพื่อนร่วมงานที่ไปขายแรงงานแบบผิดกฎหมายอีกหลายคน พร้อมทั้งเปิดเผยอีกว่านายจ้างให้ทำงานไม่ตรงกับที่แจ้งเอาไว้ แถมจ่ายเงินครบไปแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อยออกมา จนได้คนไทยที่เป็นเจ้าของร้านไทยในเมืองที่เกิดเหตุต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือ และออกมาได้อย่างปลอดภัย     โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก หลายคนต่างก็เข้ามาคอมเมนต์กันไปต่างๆ นานา   บ้างก็ว่าโดนเอาเปรียบทำไมไม่ไปแจ้งตำรวจล่ะ?   ให้ตม. ช่วยสิ   ทำไมไม่แจ้งตำรวจล่ะ แสดงว่าเข้าไปแบบผิดกฎหมายกันใช่มั้ย?   ไปแบบผิดกฎหมาย โดนโขกสับก็เป็นเรื่องธรรมดาอ่ะนะ   ยังไม่ลบโพสต์อีก เดี๋ยวร้านก็ซวยหรอก (ล่าสุดลบโพสต์ไปแล้ว) .   บางส่วนก็แสดงความเป็นห่วงเจ้าของโพสต์   ส่วนเรื่องที่ว่าเข้าไปแบบผิดกฎหมายจริงหรือไม่อย่างไร? ก็คงต้องรอเจ้าตัวมาแถลงเพิ่มเติมแล้วล่ะครับ…

เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่ายินดีไม่น้อยเลยกับ กรณีของ ‘น้องพลอย’ หรือ น.ส.ยลฤดี ปิยะทัต นักเรียนหญิงวัย 17 ปี ที่กลายเป็นข่าว หลังได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนแข่งขันโครงงานวิทยาศาสตร์ระดับโลกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เนื่องจากว่าเธอไร้สัญชาติ จนทำให้เกือบจะต้องทิ้งความหวังไปแล้ว จากความช่วยเหลือของโลกโซเชียล และสำนักข่าวต่างๆ ก็ทำให้เรื่องราวของน้องได้รับความสนใจ จนทำให้กระทรวงมหาดไทยตอบรับคำร้อง และพิจารณาว่าน้องพลอย ‘มีสิทธิ์ขอสัญชาติไทยได้เป็นกรณีพิเศษ’   น้องพลอย ยลฤดี   ซึ่งทางด้านนายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองเปิดเผยว่า การขอมีสัญชาติไทยแบบกรณีพิเศษนั้น จะต้องดูในเรื่องของวัตถุประสงค์ ซึ่งในกรณีของน้องพลอย เป็นการขอสัญชาติเพื่อไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ การดำเนินการทุกอย่างต้องดูทั้งเรื่องวัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมายของข้อกฎหมาย เจตนารมณ์ของข้อกฎหมาย และต้องคำนึงถึงความมั่นคงของประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งล่าสุดในวันนี้ (10 พฤษภาคม 2562) สำนักข่าว เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่าน้องพลอยได้เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดระนอง พร้อมกับครอบครัวและครูที่ปรึกษา เพื่อดำเนินการทำบัตรประชาชน   ภาพของน้องพลอย ตอนไปถ่ายบัตรประชาชนครั้งแรก   โดยมีทั้งท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอเมืองระนองคอยดูแลความเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดีจนจบขั้นตอน ซึ่งทางน้องพลอยเองก็กล่าวว่ารู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทำให้ตนได้อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของในหลวง และทำให้ตนได้เกิดมาอยู่ในประเทศไทย     นอกจากนี้ยังกล่าวขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี…

จากกรณีหนุ่มป่วยลูคีเมีย ที่เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน เข้ารักษาตัวกับโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง มาทราบทีหลังว่าคือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จากการรักษาโรคดังกล่าว ต้องมีการ ‘ถ่ายเลือด’ อยู่เป็นประจำ แต่กลายเป็นว่าผู้ป่วยได้รับเชื้อ HIV มาจากการรับเลือดซะอย่างนั้น!? จากเหตุดังกล่าวหนุ่มที่เป็นผู้ป่วยและครอบครัว ก็เลยออกมาร้องเรียนต่อสื่อ เพื่อให้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น     อ่านข่าวเก่าได้ที่ : หนุ่มป่วยลูคีเมียทรุดหนัก ถ่ายเลือดแล้วติดเชื้อ HIV โรงพยาบาลรับให้เลือดติดเชื้อจริง   ล่าสุดทางฝั่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ก็ได้ออกมาแถลงถึงประเด็นดังกล่าวแล้ว ว่าเกิดจากความผิดพลาดของโรงพยาบาลจริงๆ และยืนยันว่าจะดูแลผู้ป่วยจนถึงที่สุดเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 สำนักข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ เปิดเผยเอกสารชี้แจงจากทางโรงพยาบาลออกมา ทำให้ทราบว่าคนไข้คนดังกล่าวเริ่มรักษามาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว   นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดที่สามารถนำมาเปิดเผยได้ดังนี้…   1. ในการให้เลือดนั้น โรงพยาบาลมีข้อปฏิบัติในการรับเลือดจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ที่ดำเนินการโดยสภากาชาดไทย ซึ่งเป็นสถาบันที่มีขั้นตอนในการรับบริจาคเลือดจากเหล่าผู้บริจาคอย่างมีมาตรฐานในระดับประเทศและระดับสากล แต่อย่างไรก็ตามการตรวจและคัดกรองก็ยังคงมีข้อจำกัดอยู่ หากผู้บริจาคเพิ่งรับเชื้อเข้ามาใหม่ ในเลือดจะไม่มีปริมาณเชื้อมากพอที่จะตรวจพบได้ด้วยวิธีใดๆ ที่ทำได้ในปัจจุบัน จึงอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับเชื้อเหล่านี้ได้ แต่โอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากๆ ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าทางโรงพยาบาลต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีข้อปฏิบัติในการให้ป่วยผู้เซ็นต์รับทราบถึงความเสี่ยงดังกล่าวแล้ว    …

หลังจากที่กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกออนไลน์อย่างล้นหลาม กับกรณีของ ‘เจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบขับขี่หนุ่มใหญ่ แต่อ้างว่าเป็นข้าราชการระดับบิ๊ก’   อ่านข่าวเก่าได้ที่ : ชาวเน็ตรุมประณาม หนุ่มใหญ่ถูกเรียกดูใบขับขี่ บอกชื่อตำแหน่งแทน อ้างเป็นอธิบดีศาล!?   ล่าสุดสำนักข่าว ไทยรัฐ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากเหตุว่า หลังจากเกิดเหตุคลิปดังกล่าวแล้ว ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ก็พาเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย 2 ราย ที่เป็นคนปฏิบัติหน้าที่ในคืนเกิดเหตุ เข้าไปพบตัวอธิบดีศาลอาญาเพื่อทำการขอโทษ ซึ่งทางด้านอธิบดีศาลอาญาก็ไม่ติดใจอะไร พร้อมกับให้อภัย     พอกลับถึงโรงพักทุ่งใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยก็ส่งข้อความไปในไลน์กลุ่มที่เคยส่งคลิปการปฏิบัติงานว่าให้ลบออกเสีย พร้อมกับไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่า หากมีคลิปแพร่กระจายออกไป ไม่ได้เกิดจากการกระทำของพวกตนแล้ว แต่แล้วเรื่องก็แดงขึ้นมา เพราะมีคนนำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่ จนกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ว่อนไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ต อย่างที่เราเห็นกัน   ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดหลังจากที่คลิปวิดีโอหลุดออกมาได้ไม่นาน เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ ก็มีคำสั่งให้ ‘ย้าย’ ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ทำหน้าที่ในวันเกิดเหตุ ให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่นที่ไม่ใช่ตำแหน่งจราจร   คำสั่งย้ายโดยมีสาเหตุว่าเพื่อให้ไปศึกษาเรียนรู้งานใหม่ ให้เกิดความชำนาญ   แต่หลังคำสั่งออกไปได้ไม่นาน…

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมาเพจเฟซบุ๊ก Red Skull Racing ได้ทำการโพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขอดูใบขับขี่ของชายเจ้าของรถคันหนึ่ง แต่ว่าพี่แกดันไม่ให้ความร่วมมือ และอวดอ้างว่าเป็นคนมีตำแหน่งใหญ่โตซะงั้น!? ในคลิปเริ่มจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบขับขี่ของชายผู้เป็นเจ้าของรถ พร้อมกับบอกว่าตนมีอำนาจหน้าที่เต็มในการขอดูใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งชายในรถก็ตอบมาว่า “รู้ มีอำนาจหน้าที่เต็ม รู้” หลังจากจบประโยคที่ว่า ก็สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “ไปเรียกผู้กองมา” พร้อมกับขับรถไปจอดบริเวณใกล้ๆ เนื่องจากกีดขวางทางจราจร     เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เรียกผู้กองตามคำขอ พร้อมกับบอกว่า “เขาไม่ยอมให้ดูใบขับขี่” พอผู้กองเดินไปหาที่รถก็กล่าวทักทายยังไม่ทันเสร็จ ชายคนขับรถก็พูดตำแหน่งของตัวเองอ้างว่าเป็น “อธิบดีศาลอาญา ทุจริต ภาค 8 เพื่อนกับผู้กำกับคนหนึ่ง โทรไปเลย” ก่อนจะบอกต่อว่า “โชคปัจจุบันนี่แหละ ที่มาแทนคนเก่า อืมมม แต่มันจะเอาให้ได้” ตำรวจที่ขอดูใบขับขี่ตอนแรกก็อธิบายว่า “ไม่ครับ คือมันเป็นขั้นตอนไงครับ”     ชายคนดังกล่าวก็ขู่ว่าจะฟ้อง หากค้นแล้วไม่เจอของผิดกฎหมาย “ก็บอกเป็นอธิบดี จะค้นรถมั้ย? ฟ้องเลยถ้าไม่เจอของผิดกฎหมาย” ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามจะอธิบายว่า ไม่ได้จะขอค้นรถ แค่จะขอดูใบขับขี่เท่านั้น ก่อนที่ชายคนขับรถจะบอกว่า “ไปแล้วนะ…

ในยุคปัจจุบัน ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก หรือร้านอาหาร ส่วนใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับ ‘รีวิว’ ต่างๆ แน่นอนว่าบางครั้ง หากเราไปเที่ยวจริงๆ มันอาจจะไม่ตรงปกอย่างที่เห็นในรีวิวก็ได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้… เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพประสบการณ์ที่ตนได้พบเจอมา จากการเที่ยวตามรีวิว ซึ่งในบรรดารีวิวทั้งหลายนั้นต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่างานดี พร้อมกับมีภาพสวยๆ มายืนยันมากมาย แต่ทว่า พอไปถึงจริงๆ กลับพบว่า ‘ไม่ตรงปก’ เลยแม้แต่น้อย   ภาพจากรีวิว   โดยสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวนั้นเป็นรีสอร์ตริมน้ำใน จ.นครนายก ที่เพิ่งจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ และได้รับความนิยมจากผู้คนเป็นจำนวนมาก   ภาพจากรีวิว   จากรีวิวทั้งหลายก็พบว่าเป็นสถานที่ที่สวยงาม เงียบสงบ ห้องพักติดกับลำธารที่สวยงาม แต่พอไปถึงจริงๆ กลับพบว่าทางรีสอร์ตเปิดให้คนนอกเข้ามาใช้สถานที่บริเวณริมน้ำ รวมไปถึงโซนที่ติดกับบริเวณหน้าห้องพักด้วย!?   ภาพตอนไปจริงๆ   นอกจากนี้ก็ยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมายที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนดังกล่าวตำหนิ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ไม่พร้อมเลยแม้แต่น้อย แต่ดันเรียกราคาแพงหูฉี่!!   ลองไปอ่านโพสต์แบบเต็มๆ กันดูครับ .  …

อย่างที่รู้กันดีว่าตาม ‘ที่สาธารณะ’ ต่างๆ ในปัจจุบันจะมีการอำนวยความสะดวกให้กับเหล่า ‘ผู้พิการ’ เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับผู้อื่นในสังคมได้ แต่ทว่าบางครั้งเราก็อาจจะเห็นภาพของ ‘บุคคลปกติ’ ที่ไม่มีความพิการใดๆ ไปเบียดเบียนเหล่าผู้พิการ ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านั้น เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้   ภาพที่เป็นประเด็น   เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wan Tulyada ได้ำการแชร์ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ สถานี MRT เตาปูน บริเวณหน้า ‘ลิฟต์สำหรับผู้พิการ’ ที่มีคนธรรมดาเข้าแถวใช้บริการกันมากมาย แต่ให้ ‘ผู้พิการ’ ต่อแถวอยู่ท้ายสุด   โพสต์ต้นฉบับ   ลองไปอ่านแคปชั่นแบบเต็มๆ กันดูครับ “อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ mrt สถานีเตาปูน มีบันไดเลื่อนทั้งทางขึ้นและลงค่ะ มีพนักงานเข้ามาให้ความช่วยเหลือ แต่คุณพี่ท่านนั้นน่าจะปฏิเสธ และไปต่อแถวด้านหลังเองค่ะ โดยเลื่อนผ่านแถวยาวๆตอนแรกไปต่อท้าย ขออนุญาติไม่เหมารวมทุกคนที่ใช้ลิฟต์นะคะ ถ้าหากผู้สูงอายุหรือบางคนที่มีปัญหาไม่สามารถเดินไหวจริงๆ ขอให้เป็นกรณียกเว้นนะคะ แต่อย่างน้อยก็สมควรให้ผู้ที่ ’จำเป็น’ ได้รับสิทธิของเขาก่อนนะคะ”   หลังจากที่ผ่านไปได้ไม่นาน…

กลายเป็นเรื่องราวที่ได้รับความสนใจในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กับกรณีของหนุ่มลูกครึ่ง ติดเชื้อ HIV จากการ ‘รับเกล็ดเลือด’ จากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เรื่องมีอยู่ว่าหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น วัย 24 ปี ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวตั้งแต่อายุ 9 ขวบ คุณแม่ก็เลยพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ ซึ่งการรักษาจะมีลักษณะเป็นคอร์ส ในคอร์สจะต้องทำคีโม และให้เกล็ดเลือดเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาว แต่พอดำเนินการรักษามาถึงการให้เลือดถุงที่ 12 ก็พบว่าผู้ป่วยมีอาการทรุด ไข้ขึ้น และยิ่งทรุดหนักลงจนร่างกายผอม     อีกทั้งหมอเจ้าของเคสได้ทำการแจ้งให้ทราบว่า ลูกของตนมีเชื้อวัณโรคแทรก จึงต้องทำการรักษาใช้เวลา 6 เดือน จนหายกลับมาเป็นปกติ แต่ทว่าหลังจากที่รักษาจนหายดี คุณหมอที่ทำการรักษาประจำก็ถามแม่ว่า พ่อแม่มีเชื้อ HIV ไหม? แน่นอนว่าคุณพ่อกับคุณแม่ก็ยืนยันว่าไม่มี… ก็เลยเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา เพื่อสืบหาสาเหตุว่าเชื้อมาจากทางไหน โดยโรงพยาบาลทำการเรียกประชุมคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งแพทย์ และครอบครัว รวมไปถึงเรียกทนายความมาด้วย   บทสัมภาษณ์จากช่อง AMARIN TV    ฝ่ายครอบครัวเล่าว่าไม่อยากเอาความ แต่อยากให้ทางโรงพยาบาลดูแลลูกให้ดี อีกทั้งยังเปิดเผยว่าตอนคุยกัน มีคนของสภากาชาดโรงพยาบาลมาคุยด้วย ซึ่งรับปากว่าจะดูแลลูกไปตลอดชีวิต…

เรื่องของ ‘ความซวย’ บางครั้งมันก็ไม่เข้าใครออกใคร ถ้าขึ้นชื่อว่าคนมันกำลังจะซวยแล้วล่ะก็ ยังไงเราก็หนีไม่พ้น!! เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้… เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวมติชนออนไลน์ รายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหนองคาย ได้นำหมายค้นบ้านของเป้าหมาย ที่คาดว่าน่าจะมียาเสพติดไว้ในครอบครอง     เจ้าของบ้านเป็นหนุ่มวัย 27 ปี ตกใจ พยายามทิ้งยาบ้า 6 เม็ดลงชักโครก แต่ทว่าโชคร้ายน้ำประปาไม่ไหลพอดี ทำให้กดน้ำไม่ลง เจ้ายาบ้าทั้ง 6 เม็ดก็เลยกลายเป็นหลักฐานมัดตัว ถูกจับดำเนินคดีไปในที่สุด เมื่อเวลา 9.30 น. ของวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ณ ห้องสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สภ.เมืองหนองคาย พร้อมกับ้จ่าหน้าที่ร่วมกันแถลงข่าวผลการกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา     โดยทำการจับกุมผู้ต้องหา คือนายธวัชชัย สว่างไทรสาขา อายุ 27 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 6 เม็ด…

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2562 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนพระองค์ H.R.H Princess Sirivannavari Nariratana ความว่าดังนี้ “ขอบใจทุกคนที่รักเราแบบใจจริงแท้ เข้าใจเรา และอยู่เคียงข้างเราเสมอมา” “เรา ถึงแม้จะมียศสูงขึ้น แต่เราก็จะเป็นท่านหญิงองค์เดิม นิสัยเหมือนเดิมทุกประการ ดั่งเฉกเช่นที่เป็นมาไม่เปลี่ยนแปลง”     อย่างที่รู้กันดีว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง กับพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ในงานพระราชพิธีก็จะมีผู้คนร่วมงานมากมาย รวมไปถึงบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ราชกัญญา ก็ทรงอัปโหลดภาพบรรยากาศต่างๆ ในงานพระราชพิธีลงหน้าเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นมุมจากบุคคลที่อยู่ภายในงานจริงๆ ทำให้เราได้เห็นภาพต่างๆ แบบใกล้ชิด และรู้สึกอบอุ่นอย่างถึงที่สุด   ทรงฉายพระฉายาลักษณ์แบบเซลฟี่ร่วมกับ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา   พระฉายาลักษณ์ร่วมกับ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ในบริทที่ทรงเป็นกันเองสุดๆ   ทรงแอบถ่ายพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ   ทรงแอบถ่ายขบวน และพระฉายาลักษณ์เบื้องหลังของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา   เรียกได้ว่าเป็นอีกมุมน่ารักๆ ในงานพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก…

อย่างที่รู้กันดีว่าในช่วงนี้ประเทศไทยของเรา กำลังอยู่ในช่วงพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราสถลมารคบนพระราชยานพุดตานทอง จากพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร-วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม-วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม รวมระยะทาง 7.15 กิโลเมตร     ในระหว่างทางก็จะมีนายทหารและตำรวจ ที่คอยยืนประจำตามจุดรอขบวนรับเสด็จ รวมไปถึงประชาชนชาวไทย ที่มาร่วมรอรับเสด็จและชื่นชมพระบารมีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 จากเหตุดังกล่าวก็มีเรื่องน่าประทับใจเกิดขึ้น เปิดเผยให้เห็นถึงความน่ารักของคนไทย ที่พร้อมช่วยเหลือกันทุกเมื่อ เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Pega Nid พร้อมกับแคปชันว่า “ความเอื้อเฟื้อของคนไทย…น้องนายร้อย จปร.มายืนประจำจุดรอขบวนเสด็จ แต่งกายเต็มยศ เหงื่อไหลหยดจากปลายนิ้วทุกนิ้ว” “พี่น้องก็ช่วยกันพัด พัดมือบ้าง พัดลมไฟฟ้าบ้าง…. #คนไทยน่ารัก #thecoronationofthekingramaX”     อย่างที่รู้กันดีว่าทั้งนายทหารและตำรวจต่างก็ถูกฝึกและซ้อมพระราชพิธีมาเป็นอย่างดี ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอากาศร้อน ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาหวั่นใจแม้แต่น้อย แต่กลายเป็นว่าประชาชนต่างก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะเห็นว่าเหงื่อของพี่นายร้อย จปร. คนนี้ไหลออกมาแบบชนิดที่ว่า หยดลงมาทุกปลายนิ้วเลยทีเดียว     ก็เลยช่วยกันเอาพัดลมมาเป่า บ้างก็ใช้มือพัด บ้างก็ใช้พัดช่วยพัด…

อย่างที่รู้กันดีว่า ‘การเดินทาง’ เรื่องของเวลานั้นเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ ฉะนั้นการที่เราจะขึ้นรถไฟ หรือขึ้นเครื่องบิน จึงต้องไปให้ถึงก่อนเวลาเพื่อที่จะไม่ได้พลาดการเดินทาง แม้ว่าบางครั้งคุณจะมาก่อนเวลาแค่ไหนก็ตาม แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น อย่างการ ‘เจ้าหน้าที่ขายตั๋วหลับ’ จนเลยเวลาขึ้นรถไฟ ก็อาจจะทำให้คุณชวดรถไฟไปอย่างน่าเจ็บใจ อย่างเช่นเรื่องราวต่อไปนี้ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Anusha Teerapapong ได้ทำการโพสต์ร้องเรียนกับสถานีรถไฟขอนแก่น ถึงประสบการณ์ตกรถไฟที่น่าเจ็บใจที่สุด โดยที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย   ลองไปอ่านโพสต์แบบเต็มๆ กันดูครับ   “ผมกำลังเดินทางไปจังหวัดอุดรธานี โดยเลือกเดินทางด้วยรถไฟขบวนที่ 77 ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 เวลา 02.00 น. ตามเวลาที่กำหนด ( แต่รถไฟล่าช้า 24 นาที ตามในเว็บ )” “แต่ผมไปถึงสถานีตั้งแต่เที่ยงคืนแล้ว พอมาถึงปรากฏว่าไม่มีเจ้าหน้าที่พนักงานขายตั๋วอยู่หน้าเคาน์เตอร์เลยซักคน ผมเลยรอ จนถึงเวลาตีสองกว่าๆ จนรถไฟมา”   ห้องขายตั๋ว   “ในเวลาเดียวกัน…

บางครั้งการเรียนรู้ ก็อาจไม่ได้เกิดจากในห้องเรียนเสมอไป…เพราะมันอาจจะมาจากที่อื่น โดยที่เราอาจจะนึกไม่ถึงอย่าง เว็บไซต์สตรีมมิ่งชื่อดัง Netflix ซึ่งล่าสุดทางโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ก็เล็งเห็นถึงความสำคัญนี้ ก็เลยเปิด ‘วิชาเลือกเสรี’ เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษจากเว็บสตรีมมิ่งดังกล่าว เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า แดนนี่ ダニー ได้โพสต์รูปภาพตารางรายวิชาเลือกเสรีของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ประจำปีการศึกษา 2562 และปรากฏว่ามีวิชาหนึ่งที่ดูน่าสนใจมาก!!   นั่นก็คือว่าชา ‘ภาษาอังกฤษจากภาพยนตร์ Netflix’ วิชาเลือกเสรี โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ปีการศึกษา 2562 แบบ ภาษาอังกฤษจากภาพยนตร์ Netflix, การแสดงขั้นพื้นฐาน , อาหารจานเดียว pic.twitter.com/mHjow3t2rR — แดน 🎇🌈 (@sapalldan) May 3, 2019   นอกจากนี้ก็ยังเปิดเผยอีกว่ามีวิชาอื่นๆ ที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น การแสดงขั้นพื้นฐาน, อาหารจานเดียว เป็นต้น โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนเข้ามากดไลก์กว่า 3,572 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 35,083 ครั้งเลยทีเดียว  …

โดยปกติแล้วเราจะเข้าใจว่า ‘ฤๅษี’ เป็นนักบวชจำพวกหนึ่ง ที่สละบ้านเรือนของตัวเองออกไปบำเพ็ญพรตแสวงหาความสงบตามสถานที่เงียบๆ ไม่ว่าจะเป็นในป่าลึก ในถ้ำ หรือตามแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นต้น แต่ถ้าเทียบกับ ‘การบวชพระ’ แล้วเรียกได้ว่ามีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะโดยปฏิบัติแล้วฤๅษีจะไม่ได้เคร่งเท่ากับการบวชพระนั่นเอง ดังนั้นเราอาจจะเห็นภาพของฤๅษีมีภรรยา หรือแม้กระทั่ง ‘ออกมอเตอร์ไซค์วิบาก’ เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ต่อไปนี้!! เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก Kawasaki Buriram Siam Motorbike จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ทำการแชร์ภาพลงหน้าเพจ ซึ่งเป็นภาพของลูกค้ามาออกรถมอเตอร์ไซค์วิบาก รุ่น KLX150BF  พร้อมแคปชันว่า “ทางนี้เลยจร้า จองปุ๊บ ทำสัญญาปั๊บ ผ่านปุ๊บ รับรถปั๊บ รวดเร็ว ทันใจสายลุย”   แต่ดูไปดูมาแล้ว เอ๊ะ ในภาพนั้นไม่ใช่ลูกค้าธรรมดา แต่เป็นฤๅษีตนหนึ่ง!?   โพสต์ดังกล่าว   หลังจากที่โพสต์ไปไม่นานก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนเข้ามากดไลก์ที่โพสต์ถึง 1,900 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 2,400 ครั้งเลยทีเดียว หลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นไปในเชิงแซวแบบตลกๆ…

เรียกได้ว่าเป็นประเด็นดราม่าที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว กับกรณีของ ‘ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า’ โพสต์โวยหมอ เพราะไม่ยอมให้เอาใบรับรองแพทย์ไปใช้ในการรับรองเพื่อครอบครองกัญชา เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวาน (3 พฤษภาคม 2562) เพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งแชร์เรื่องราวของผู้ป่วยโรคซึมเศร้ารายหนึ่ง ที่ไปขอใบรับรองแพทย์จากหมอเพื่อนำไปใช้ในการรับรองเพื่อครอบครองกัญชา แต่ทว่าหมอได้ปั๊มตราปั๊มเอาไว้ในใบรับรองแพทย์ว่า ไม่สามารถนำไปใช้กับเหตุดังกล่าวได้ ก็เลยโพสต์ลงโซเชียลว่า “ต้องทำถึงขนาดนี้เลย? เป็นหมอมีหน้าที่ตรวจและรักษาผู้ป่วย มีสิทธิอะไรมาห้าม มาลิดรอนสิทธิ์ในการรักษาของผู้ป่วย?” “กฎหมายก็ออกมาแล้ว ให้ผู้ป่วยสามารถใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ ผู้ป่วยก็ยอมทำตามกติกา แล้วหมอคนนี้มาทำแบบนี้ต้องการอะไร?”   ภาพโพสต์ดังกล่าว   ใบรับรองแพทย์ว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และตราปั๊ม   มีชาวเน็ตหลายคนต่างก็เข้ามาคอมเมนต์ตำหนิการกระทำของหมอ บางส่วนก็แนะนำให้แอบใช้เลย .   ประเด็นดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ทั้งในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก แต่ดูเหมือนว่าเกมจะพลิก เมื่อบรรดาแพทย์ทั้งหลายต่างก็ออกมาบอกว่าที่หมอท่านนี้ทำน่ะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว!!   กัญชาไม่มีข้อบ่งชี้ในการใช้รักษาโรคจิตเวช ในฐานะจิตแพทย์​ บอกเลยว่ามันถูกต้องแล้ว *** กัญชาไม่มีข้อบ่งชี้ในการใช้รักษาโรคจิตเวช​ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการทางจิตเวช​ *** คนมีอาการทางจิตจากกัญชาเยอะ​ มีรายใหม่มารักษาทุกวัน​ และสิ่งที่หมอทำ​ไม่ใช่การริดรอนสิทธิ์​ เพราะไม่มีสิทธิ์ใช้​ตั้งแต่แรกแล้ว — Faith In You 🌱🌺 (@blissbeat_) May…

เข้าใกล้บทสรุปกันไปทุกทีแล้วกับกรณีของคดีอีนุงตุงนัง ‘หวย 30 ล้าน’ ที่กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากพี่น้องชาวไทยมากมายเมื่อช่วงปลายปี 60 หรือราวๆ 2 ปีก่อนหน้านี้ เผื่อหลายคนอาจจะหลงลืมไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง #เหมียวหง่าว จะมาสรุปให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันก่อนครับ เรื่องของเรื่องก็คือเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560 ร้อยตำรวจโทจรูญ หรือ ที่รู้จักกันในชื่อหมวดจรูญ อ้างว่าซื้อสลากกินแบ่งหมายเลข 355726 จำนวน 5 ใบ 1 ชุด ราคา 700 บาท จากแม่ค้าที่ตลาดเรดซิตี้ ซึ่งภายหลังสลากชุดนี้ดันไปถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท หมวดจรูญก็เลยไปขึ้นเงินที่กองสลากเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ในปีเดียวกัน   หมวดจรูญ   27 พฤศจิกายน 2560 ครูปรีชาได้ไปแจ้งความว่า ‘สลากกินแบ่ง’ ที่หมวดจรูญเอาไปขึ้นเงินนั้นเป็นของตนเอง ซึ่งได้ทำหล่นไปก่อนหน้านี้   ครูปรีชา   28 พฤศจิกายน 2560…

หลังจากที่กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในโลกโซเชียลเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กับกรณีของพระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตหรูหราซะเหลือเกิน แถมยังอัปภาพอวดลงโซเชียลอีกต่างหาก!! ไม่ว่าจะเป็นการใช้โทรศัพท์สมาร์ตโฟนราคาแพงหลายเครื่อง กล้องถ่ายรูปแบบ DSLR และเครื่องอำนวยความสะดวกภายในกุฏิต่างๆ ทั้งโซฟา โทรทัศน์ ชุดเครื่องเสียง เครื่องปรับอากาศ ที่ดูเหมือนในโรงแรมไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย     จากเหตุดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก หลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไป ส่วนใหญ่ก็มองว่าไม่เหมาะสม และวิจารณ์ว่าในปัจจุบันการบวชพระนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อน กลายเป็นธุรกิจอย่างหนึ่งไปเสียแล้ว     ซึ่งล่าสุดสำนักข่าวไบรท์ทีวี ก็ได้นำเสนอว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 นาย ทรงพุฒิ ชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย ได้ทำการตรวจสอบถึงเรื่องราวที่เป็นกระแสในโลกโซเชียล และได้รับความคืบหน้าว่าดังนี้     พระรูปดังกล่าวชี้แจงว่า ภาพเหล่านั้นเป็นภาพเมื่อครั้งที่ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่อินเดียช่วงหนึ่ง ซึ่งตัวท่านเองก็ได้ประกอบศาสนกิจและได้เข้าพักในโรงแรมที่ประเทศอินเดีย แล้วก็ถ่ายภาพในห้องพักเอาไว้ พร้อมกับยืนยันว่าเป็นภาพที่ถ่ายเมื่อนานมาแล้ว ส่วนที่อัปโหลดลงเฟซบุ๊กนั้นตัวพระเองไม่ได้เป็นคนลง เชื่อว่าอาจจะมีคนไม่หวังดีทำเฟซบุ๊กปลอม แล้วนำรูปมาลง พร้อมกับใส่แคปชันเพื่อใส่ร้าย ล่าสุดทางวัดก็เรียกพระที่ตกเป็นประเด็นมาตักเตือน และตัวพระเองก็ยินดีที่จะปรับปรุงตัว ประพฤติตนให้อยู่ในกรอบพระวินัยต่อไป     ที่มา : brighttv

เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ทุเรียนกลับมาฟีเวอร์อีกครั้ง บรรดาคนรักทุเรียนทั้งหลายต่างก็อยากลองท้าทายอะไรใหม่ๆ อย่างเช่น ‘การแข่งกินทุเรียน’ ซึ่งล่าสุดก็มีร้านทุเรียนดังแห่งหนึ่ง ใน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี การจัดการท้าแข่งให้กินทุเรียนเป็นจำนวน 4 กิโลกรัม หมดภายในเวลา 3 ชั่วโมง ใครทานได้หมดรับไปเลย 5,000 บาท!! โดยมีกติกาว่าหากกินไม่หมดก็จะเสียเงินเพียงค่าทุเรียนที่กินไปเท่านั้น คอรักทุเรียนทั้งหลายต่างก็ให้ความสนใจกับการแข่งขันดังกล่าวเป็นจำนวนมาก แต่พอผ่านไปได้วันเดียว ก็เกิดประเด็นดราม่าขึ้นมาซะได้ เมื่อจู่ๆ ก็มีชาวเน็ตที่อ้างว่าไปร่วมการแข่งขันที่ร้านดังกล่าวออกมาแฉว่าเสีย ‘ค่าครู’ ไปตั้ง 1,000 บาท!?     โดยเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นโพสต์ที่อยู่ในกลุ่มเฟซบุ๊ก ชุมชนคนรักบ่อวิน หญิงสาวคนหนึ่งที่ไปร่วมการแข่งขันดังกล่าวได้โพสต์เล่ารายละเอียดว่าการเข้าร่วมแข่งขัน ทางร้านได้คิด ‘ค่าครู’ เป็นจำนวน 1,000 บาท ซึ่งมันนอกเหนือจากที่โฆษณาไว้คือ ให้กินทุเรียนให้หมด 4 กิโลกรัม ถ้าไม่หมดก็เสียแค่ค่าทุเรียนอย่างเดียว ในกรณีของหญิงสาว เธอบอกพ่อค้าว่าขอลองก่อน 1 กิโลกรัม ซึ่งทางร้านก็ให้มา 1.4 กิโลกรัม แต่ระหว่างที่กินอยู่ก็ได้ยินพ่อค้าพูดกับผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งว่าต้องเสีย ‘ค่าครู’ ด้วย และนำมาบวกกับค่าที่กินไป ตอนนั้นหญิงสาวกับแฟนกินไปได้ประมาณ…

การมีปัญหาเกี่ยวกับเพื่อนบ้านเรือนเคียง ขอบอกเลยว่าเป็นอะไรที่ปวดหัวมาก เพราะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันทุกวัน… เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่เจ้าของบ้านรายหนึ่งต้องเผชิญกับเพื่อนบ้านที่เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็น ‘รังนกพิราบ’ สร้างความเดือดร้อน จนทนไม่ไหวจึงต้องมาโพสต์เรียกร้องขอความเป็นธรรม เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้งานเว็บไซต์พันทิปชื่อว่า สมาชิกหมายเลข 4922460 ได้ทำการตั้งกระทู้เพื่อเล่าเรื่องราวดังกล่าว โดยใช้ชื่อกระทู้ว่า “เมื่อเพื่อนบ้าน ทำบ้านกลางสุขุมวิทเป็นรังนกพิราบ”   เนื้อหาในกระทู้มีใจความว่าดังนี้ครับ   “วันนี้ผมมีเรื่องมาแชร์ให้ทุกท่านฟัง เกี่ยวกับความทุกข์ที่ได้รับจากพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่” “ผมพักอาศัยที่บ้านทาวน์เฮ้าส์หลังหนึ่งในหมู่บ้านมณียาวิลล์ ซอยสุขุมวิท 101/1 กับพ่อแม่พี่น้องตั้งแต่ปีพ.ศ.2537 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 24 ปี”  “อยู่มาวันหนึ่ง ปีพ.ศ.2559 ข้างบ้านติดกันได้มีการเปลี่ยนเจ้าของบ้านใหม่ และเขาได้มีการรีโนเวตบ้านทั้งหลังโดยมาแจ้งกับทางบ้านผมด้วยวาจา ว่าอาจมีเสียงรบกวนจากการรีโนเวต ซึ่งทางผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหากเป็นการทำเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป”     “เจ้าของใหม่ได้ทำการรีโนเวตตั้งแต่ต้นปี 2560 และใช้เวลาร่วมปีกว่าจะแล้วเสร็จ โดยสิ่งสุดท้ายที่เค้าทำคือต่อเติมชั้นลอยขึ้นไปอีกชั้นเพื่อทำกรงนก “ “เดิมที โครงสร้างบ้านจริงๆ มี 4 ชั้น โดยชั้นสี่เป็นดาดฟ้า แต่ข้างบ้านได้ต่อเติมดาดฟ้าขึ้นไปอีกชั้นเป็นชั้นที่ 5 ในช่วงที่เค้าต่อเติม ผมได้สอบถามกับผู้รับเหมาว่า เจ้าของบ้านต่อเติมอีกชั้นนึงไว้ทำอะไร ก็ได้ทราบว่าเจ้าของจะทำกรงนก”      “เมื่อทราบดังนั้น…

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ทีมงานแคทดั๊มบ์ได้นำเสนอเรื่องราวของ ‘ฟุตปาธ’ ของเอกชนที่ทำมาอย่างดี ถูกหน่วยงานของกทม. รื้อและทำใหม่ โดยให้เหตุผลว่าจะต้องทำเหมือนกันทั้งหมด จนเกิดเป็นประเด็นให้บรรดาชาวเน็ตทั้งหลายวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา   อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่ : ชาวเน็ตวิจารณ์หนัก ‘ฟุตปาธ’ แข็งแรงของเอกชนถูกรื้อ กทม. แถลง ‘ต้องทำเป็นแบบเดียวกัน’   ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการเปิดเผยความคืบหน้าของทางเท้าใหม่ที่เป็นฝีมือของ กทม. ออกมาให้เราได้รับชมกันแล้วครับ ภาพดังกล่าวถูกแชร์โดยเพจเฟซบุ๊ก Eat Clean Baby พร้อมกับแคปชันว่า “กทมซ่อมเสร็จแล้วนะทุกคน สวยเท่าเทียมกันแล้วจ้า **มีลูกเพจกล่าวถึงตรงทางสีเหลืองสำหรับคนพิการที่ใกล้ตู้เกินไป น่าคิด”     อย่างไรก็ตาม จากที่ดูแล้วน่าจะยังไม่เสร็จดี แต่ที่น่าสนใจก็คือของใหม่นั้นมีการใส่เบรลล์บล็อก (Braille Block) เข้ามาด้วย (บล็อกนำทางสำหรับคนพิการทางสายตา)   โพสต์ต้นฉบับ   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนเข้ามากดไลก์ถึง 3,100 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 1,000 ครั้ง เลยทีเดียว…

หมาของใคร ใครก็รัก ยิ่งมันหายออกจากบ้านไป ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าของจะต้องร้อนใจและอยากได้คืน แต่ใครเล่าจะคิดว่าจะมีคนที่นำความร้อนใจของเจ้าของมาใช้ในการแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ดังเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปนี้… ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Chitsanucha Chumwongjun ได้เปิดเผยเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่หมาของตัวเองหายไป โชคดีที่มีคนเจอ แต่คนที่เจอนั้นดันเล่นแง่ เรียกค่าดูแลเป็นจำนวน 5,000 บาท ถ้าไม่ให้ก็จะเอาไปขายให้กับเพื่อน   . .   ซึ่งตัวเจ้าของหมาเองก็ร้อนใจ อยากจะได้คืน พร้อมยืนยันว่าไม่มีเงินจำนวนมากขนาดนั้น พร้อมยืนยันว่าจะให้เงินเป็นรางวัลมูลค่า 2,000 บาท     แค่ทว่าหนุ่มที่เก็บหมาเอาไว้ได้เหมือนจะไม่ยอมคืน และบอกว่าเขาได้ตกลงกับเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะขายเป็นจำนวนเงิน 5,500 บาท พร้อมย้ำว่า “ถ้าไม่ได้ผมขอบล็อกนะครับ” ก่อนที่จะบล็อกไปในที่สุด   .   เรื่องราวดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนแชร์ไปมากกว่า 1,200 ครั้งด้วยกัน หลายคนต่างก็เข้ามาคอมเมนต์กันไปต่างๆ นานา หลายคน ก็แนะนำให้เจ้าของหมาไปแจ้งความเอาผิดกับชายหนุ่ม เพราะทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างมาก บ้างก็แนะนำให้ล่อจับ “ยอมๆ ไปก่อน พาตำรวจไปด้วย พอถึงที่ก็รวบตัวเลย”  บางส่วนก็บอกว่า “เหตุการณ์แบบนี้สามารถแจ้งตำรวจได้…

หลังจากกลายเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ กับกรณีของคนขับรถฉุกเฉินโพสต์สะใจที่คู่อริของตัวเองได้รับบาดเจ็บ และจงใจขับรถไปส่งที่โรงพยาบาลอย่างช้าๆ พร้อมปิดท้ายว่า ขอให้ตายอย่างสงบ จนเกิดเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมโซเชียล ทั้งตำหนิผู้โพสต์ว่าไม่รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน บ้างก็ไล่ให้ไปทำอาชีพอื่น เพราะขาดจรรยาบรรณทางวิชาชีพอย่างรุนแรง     อ่านข่าวเก่าได้ที่ : คนขับรถฉุกเฉินโพสต์สะใจ คู่อริเก่าบาดเจ็บหนัก-จงใจขับช้าๆ ลั่น ‘ขอให้ตายอย่างสงบนะ’   แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก จนผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสืบข้อมูลเพิ่มเติม ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่านายแพทย์วิโรจน์ รัตนอมรสกุล แพทย์สาธารณสุขประจำจังหวัดนครนายก ได้ออกมาแถลงการณ์ถึงการตรวจสอบเหตุดังกล่าว     พร้อมกับเผยวาหากเป็นการตั้งใจขับช้าๆ จริงอย่างที่กล่าวเอาไว้ คนขับจะต้องโดนข้อหาพยายามฆ่าอย่างแน่นอน แต่ทว่าจากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูล GPS ของรถฉุกเฉินคันดังกล่าวแล้ว พบว่าคนขับใช้ความเร็วตามปกติ     ส่วนเรื่องของระยะเวลาการเดินทางส่งตัวจากโรงพยาบาลบ้านนา ไปยังโรงพยาบาลนครนายกก็พบว่าไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด ไม่มีความคลาดเคลื่อนหรือจงใจขับช้าอย่างที่โพสต์เอาไว้ โดยทางนายแพทย์วิโรจน์คาดเอาไว้ว่าเจ้าตัวน่าจะแค่ระบายความแค้นลงโซเชียลเท่านั้น     ลองไปชมคลิปวิดีโอรายงานข่าวแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ   ที่มา : เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร

เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับคอทุเรียนทั้งหลาย กับกรณีของวัดท่าไม้ ที่จัดโครงการแจกทุเรียนฟรีในวันแรงงานที่ผ่านมา (1 พฤษภาคม 2562)   อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่ : วัดท่าไม้สมุทรสาคร เชิญญาติโยมทาน ‘ทุเรียนฟรีไม่อั้น’ จัดให้ 10 ตัน วันแรงงานแห่งชาติ   หลังจากที่ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศไปร่วมงานดังกล่าวกันอย่างคับคั่ง แต่ทว่าจู่ๆ ก็ดันเกิดเหตุดราม่าขึ้นมาซะได้!? เมื่อชาวเน็ตหลายคนที่ไปร่วมงานมาต่างก็ออกมาโพสต์แฉว่าที่แท้จริงแล้ว ‘การไปกินทุเรียนที่วัด’ ไม่ได้ฟรีอย่างที่โฆษณาเอาไว้เลยแม้แต่น้อย บรรดาชาวเน็ตทั้งหลายต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ว่า ‘วัดเดี๋ยวนี้ทำอะไรก็เป็นเชิงธุรกิจไปหมด’ บ้างก็ว่า ‘ตกเป็นทาสการตลาดของวัด’ รวมไปถึงออกมายืนยันว่า ‘มันไม่ได้ฟรีอย่างที่โฆษณาเอาไว้ตอนแรก’     จะกินทุเรียนต้องเสียค่าทำบุญก่อน 100 แล้วรับใบเสร็จไปแลก ได้ทุเรียน 1 พู   รถติดทำคนในพื้นที่เดือดร้อน   ต่อแถวเป็นชั่วโมงได้กินทุเรียนคนละเม็ด . .   หลังจากที่ประเด็นดังกล่าวได่รับความสนใจ ทางเพจเฟซบุ๊ก วัดท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร ว่าทั้งหมดเป็นการกล่าวหา ทั้งเรื่องเก็บเงินทำบุญ 100 บาทนำไปแลกคูปอง หรือเก็บค่าที่จอดรถ…

เมื่อพูดถึงอาหารพื้นบ้านจากทางภาคเหนือ ‘น้ำพริกตาแดง’ ถือเป็นดั่งของขึ้นชื่อใครมาเที่ยวก็เป็นต้องซื้อพกติดตัวกลับไปด้วย จึงไม่แปลกที่คนเหนือเวลาไปทำงานที่อื่น ก็มักจะให้คนที่บ้านส่งเมนูอาหารสุดโปรดนี้มาให้ แต่ใครเล่าจะคิดว่าความหอมอร่อยของมัน จะน่าเย้ายวนจนไม่ว่าใครก็อดใจไม่ไหว แม้แต่พนักงานส่งของเอง!?     เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวรายงานว่า ดีเจสาวชาวลำปางรายหนึ่งออกมาร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว เธอระบุว่าเมื่อราวๆ 2 เดือนก่อน เธอได้ทำการส่ง ‘หมูแดดเดียว’ และ ‘น้ำพริกตาแดง’ ผ่านทางบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง แต่ทว่าพอไปถึงปลายทางที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ผู้รับซึ่งเป็นญาติกลับพบว่า น้ำพริกตาแดงที่อยู่ในถ้วยพลาสติกหายหมดเกลี้ยง หลงเหลือไว้แต่คราบ แถมหมูแดดเดียวยังถูกแกะออกไปอีกตั้งครึ่งถุง     ดีเจสาวยืนยันว่าเธอเป็นคนแพ็กสินค้าลงกล่อง และนำไปส่งเอง พร้อมทั้งเล่าว่าตอนไปส่ง พนักงานก็ถามว่าข้างในคืออะไร? เธอก็ตอบไปตามตรงว่าเป็นหมูแดดเดียวกับน้ำพริกตาแดง หลังจากนั้นพนักงานก็ตอบกลับมาว่า ‘พัสดุประเภทของกิน ไม่มีการรับประกันให้นะ หากเกิดความเสียหาย หรือสูญหาย จะไม่มีการรับผิดชอบนะ’     เธอเองก็ไม่ได้เฉลียวใจกับข้อห้ามตรงจุดนี้ จนกระทั่งเกิดเป็นเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งเธอได้ทำการร้องเรียนไปยังบริษัทดังกล่าวเพื่อให้ทำการตรวจสอบแล้ว แต่เรื่องก็เงียบหายไปนานถึง 2 เดือน จึงต้องออกมาร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว  …

หลายครั้งในบ้านเราที่อาจจะเห็นข่าวคนอารมณ์ร้อน เพราะรออะไรเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นเหตุความรุนแรงต่อยตีกัน หรือจนถึงขนาดฆ่ากันตายเลยก็มี และครั้งนี้เองก็เช่นกัน แต่ไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศไทยนะ เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ฮ่องกงเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 30 เมษายน 2562 (เมื่อวาน) โดยคนก่อเหตุก็เป็นคนไทยที่ไปทำงานอยู่ที่นั่น… คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวถูกแชร์โดยเพจเฟซบุ๊ก 泰國潮流 Thaiin ที่ทำเกี่ยวกับคลิปวิดีโอไวรัล โดยกลุ่มคนจีนที่รักประเทศไทย     ในคลิปจะเห็นได้ว่ารถเมล์คันหนึ่งจอดส่งผู้โดยสาร แต่ทว่ามีผู้โดยสารคนหนึ่งไม่ยอมลงจากรถ มายืนหาเรื่องคนขับ ทำทีเหมือนกับว่าจะท้าตีท้าต่อย ทว่าด้วยเรื่องของภาษาที่ไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก จึงทำให้ดูเหมือนว่าพูดไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ แต่ก็พอจับใจความได้ว่าชายคนดังกล่าวเป็นชาวไทย (เพราะมีบางช่วงที่พูดภาษาไทยออกมา)     เขาไม่พอใจที่ต้องมารอรถเมล์นานเป็นชั่วโมงในทุกๆ วัน วันนี้อดทนไม่ไหวก็เลยเดินมาคุยกับคนขับรถหมายจะเอาเรื่อง สังเกตจากการพูดแล้วก็เหมือนกับพี่แกจะสื่อถึงประโยค ‘ตัวตัวกันมั้ย?’ กับคนขับรถเมล์     ซึ่งฝ่ายคนขับรถเมล์ดูเหมือนจะตีความได้ระดับหนึ่ง จึงอธิบายไปว่าที่ขับช้าเพราะต้องระวังเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ก่อนที่จะโทรแจ้งกับหัวหน้าถึงเหตุดังกล่าว เพราะชาวไทยคนนี้ไม่ยอมลงจากรถไปเสียที   ลองไปชมคลิปวิดีโอแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ (มีซับไทยให้ด้วย)   คลิปดังกล่าวได้รับความสนใจมากมายจากชาวโซเชียล ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีคนเข้าไปกดไลก์ถึง 1,700 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 1,400 ครั้งเลยทีเดียว  …

ความช่างสังเกตถือเป็นหนึ่งในทักษะที่เราต้องหมั่นทำอยู่เป็นประจำ เพราะนอกจากจะช่วยให้เราแก้ไขปัญหา หรือช่วยหาคำตอบได้แล้ว ยังอาจช่วยให้เราจับผู้ร้ายได้อีกด้วย!? เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้… เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า JibJib Pongpakkittikul ได้ทำการโพสต์รูปภาพพร้อมเล่าเรื่องราวว่าพบชายแปลกหน้าคนหนึ่งท่าทางมีพิรุธบนรถเมล์ และกลับกลายเป็นว่าพี่แกเป็นหัวขโมยจริงๆ จนนำไปสู่การจับกุมในที่สุด!!   อ่านโพสต์เต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก มีคนเข้ามากดไลก์ถึง 97,000 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 18,000 ครั้งเลยทีเดียว หลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา บ้างก็ชื่นชมในความช่างสังเกตของพี่ผู้ชาย และเจ้าของโพสต์ รวมไปถึงการร่วมมือกันของกระเป๋ารถเมล์และคนขับ จนนำไปสู่การจับกุมตัว   ชายผู้มีพิรุธ   แต่ขณะเดียวกันก็มีบางส่วนที่เข้ามาจับผิดอีกทอดหนึ่ง ว่าอาจจะเป็นเรื่องจ้อจี้รึเปล่า? เพราะทุกอย่างมันดูพอเหมาะพอเจาะเกินไป… ซึ่งล่าสุดก็มีสำนักข่าวหลายสำนักเข้ามาทำข่าว รวมไปถึงลงไปสัมภาษณ์คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุอีกด้วย   ทางด้านกระเป๋ารถเมล์ และคนขับรถเมล์ก็ให้สัมภาษณ์เล่าว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจริงๆ   แต่พี่ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหลังหัวขโมยนั้นปรากฎว่าเป็นเพื่อนของเจ้าของโทรศัพท์ ซึ่งเป็นคนโทรไปบอกเพื่อนให้ลองโทรเข้าเบอร์ตัวเองดู เป็นการพิสูจน์ว่าใช่จริงๆ หรือไม่? และผลก็คือใช่จริงๆ โดยกระเป๋ารถเมล์เป็นผู้ไกล่เกลี่ย พูดคุยกับคนร้าย พร้อมกับบอกให้มอบตัว ก่อนที่จะขับไปจอดที่ป้อมตำรวจพระโขนงส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป   ลองไปชมคลิปวิดีโอให้สัมภาษณ์กันดูครับ   ที่มา :…

กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพาษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลบ้านเรา กับกรณีของคนขับรถฉุกเฉินโพสต์เล่าถึงความสะใจที่คู่อริเก่าได้รับบาดเจ็บหนัก นอนอยู่บนรถฉุกเฉินที่เขากำลังขับอนู่ พร้อมจงใจขับไปให้ถึงโรงพยาบาลช้าๆ     เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก ที่นี่ “นครนายก” ได้ทำการเผยแพร่เรื่องราวดังกล่าว พร้อมกับแคปชันว่า “เมื่อ บุคลากรโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โพสแบบนี้ ตอนนี้ ผู้บาดเจ็บอยู่ในอาการสาหัส”   ลองไปอ่านโพสต์เต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ   โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก หลายคนต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นตำหนิผู้โพสต์ ว่าไม่รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน รวมไปถึงไล่ให้เจ้าของโพสต์ไปทำอาชีพอื่น เพราะขาดจรรยาบรรณทางวิชาชีพอย่างไม่น่าให้อภัย!!   ควรหางานใหม่นะ   เรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานต้องแยกแยะให้ออก   ไม่สมควรเอามาโพสต์เป็นอย่างยิ่ง   คิดแบบนี้อย่าทำงานที่ต้องรับผิดชอบชีวิตของผู้อื่นเลย   คิดได้แค่นี้อย่าทำงานด้านนี้เลย   ผลกรรมจะตกอยู่กับตัวของผู้โพสต์เอง   จรรยาบรรณในวิชาชีพ   หน้าที่ของคนขับรถฉุกเฉินคือต้องช่วยชีวิตคน   จะฝากชีวิตไว้กับโรงพยาบาลได้อย่างไร?   ก็จริงที่กระทรวงไม่ให้ขับเกิน 80 แต่ก็ไม่ควรโพสต์แบบนี้   ไร้จรรยาบรรณ   หลังจากที่เรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นใหญ่โต…

สำหรับคอทุเรียนทั้งหลายแล้วล่ะก็ ขอบอกเลยว่านี่คือข่าวดีสุดๆ เพราะคุณๆ ทั้งหลายจะได้ทาน ‘ทุเรียนแบบฟรีๆ ไม่อั้น’ หากไปที่ ‘วัดท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร’ ภายใน 17.00 น. ของวันนี้!! เพจเฟซบุ๊ก วัดท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร ได้ทำการโพสต์เชิญชวนให้ประชาชนมากินทุเรียนแบบฟรีๆ ที่วัด เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ จัดเป็นโครงการ ‘วัดท่าไม้แทนคุณแผ่นดิน กลับคืนสู่ประชาชน’ เพื่อถวายเป็นพระชายกุศลแด่ในหลวง ร.๙ และ ร.๑๐   โพสต์ดังกล่าว   โดยงานดังกล่าวจะแจกจ่ายทุเรียนมากกว่า 10 ตันให้กับประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนต่างประเทศ ให้กินกันอย่างจุใจ แบบฟรีๆ ไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว นอกจากนี้ในงานก็มีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ขาย ทั้งของฝาก พืชผักผลไม้ต่างๆ ไข่ไก่สดๆ จากฟาร์ม และอาหารเครื่องดื่ม ซึ่งทุกอย่างที่ว่ามานี้ก็ลดราคาอีก 10% ด้วยเช่นกัน!! งานเริ่มต้นเวลา 9.00 น. ของวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 (วันนี้)…

เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในโลกโซเชียลบ้านเราเป็นอย่างมากเลยทีเดียว กับกรณีของพนักงานบริษัทขนส่งชื่อดัง ได้ทำการแอบนำพัสดุของลูกค้าที่เป็น ‘เซ็กส์ทอย’ จากในกล่อง ออกมาถ่ายรูปล้อเลียนแล้วโพสต์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์ก เท่านั้นยังไม่พอมีการเปิดเผยชื่อที่อยู่ของหญิงสาวที่เป็นผู้รับพัสดุกล่องนั้นออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน จนเป็นเหตุให้เธอได้รับความเดือดร้อนและตกเป็นผู้เสียหาย     เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างรุนแรงถึงฝ่ายผู้เสียหาย โดยเฉพาะทางด้านจิตใจ ที่รู้สึกอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว จากนั้นไม่นานทางด้านบริษัทที่เป็นต้นสังกัดของพนักงานที่ก่อเหตุ พอได้ทราบเหตุการณ์ก็ทำการตรวจสอบ และเลิกจ้างพนักงาน 4 คนทันที พร้อมทั้งจะดำเนินการทางกฎหมายบุคคลที่เลิกจ้างไปให้ถึงที่สุดด้วย หลังจากประกาศเลิกจ้างไปแล้วก็ดูเหมือนว่าเรื่องยังไม่จบ เพราะกลายเป็นว่าฝ่ายหญิงสาวที่เป็นผู้เสียหาย ถูกเผยแพร่ชื่อและที่อยู่ออกไป และไม่ได้รับการเยียวยาเลย ชาวโซเชียลทั้งหลายก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา จากนั้นฝ่ายผู้เสียหายก็ออกมาเปิดใจกับเพจ ล่า ถึงผลกระทบที่ได้รับ ทั้งทะเลาะกับครอบครัว มีผู้ชายแปลกๆ ทักมา จนถึงกับจะเลิกกับแฟนก็มี โดยที่ของที่สั่งมานั้นไม่ใช่ของตัวเธอเองด้วย จนเป็นเหตุให้คิดที่จะฆ่าตัวตาย   การเปิดใจจากฝั่งเจ้าของ ถึงผลกระทบที่ถูกเปิดห่อพัสดุ    บทสรุปของเหตุการณ์เปิดพัสดุ ล่าสุดเมื่อวานนี้ (30 เมษายน 2562) ทางด้านบริษัทต้นสังกัดของผู้ก่อเหตุ ก็ได้พาอดีตพนักงานทั้ง 4 คนเข้าขอโทษกับผู้เสียหาย ซึ่งทางด้านผู้เสียหายเองได้ให้อภัยและไม่ดำเนินคดีใดๆ เพราะเห็นว่าอดีตพนักงานทั้ง 4 คนนั้นสำนึกผิดจริงๆ และเข้าใจชีวิตการเป็นลูกจ้าง หาเช้ากินค่ำเหมือนกัน นอกจากนี้ยังให้เหตุผลอีกว่าเพราะอดีตพนักงานทั้ง 4…

เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในโลกโซเชียลบ้านเราเลยทีเดียว กับกรณีของ โจ-จิรายุส วรรธนะสิน หรือ โจ นูโว นักร้องชื่อดังคอมเมนต์จวก รศ. ดร. โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ (คุณพ่อของจอห์น วิญญู) ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง   เรื่องของเรื่องก็คืออาจารย์โกวิท ได้ทำการโพสต์ทวิตเตอร์เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าไม่ใช่ว่าทุกคนที่ถือศีล 5 จะเป็นคนดี และได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมายจนกลายเป็นกระแสไวรัล   ทวีตที่เป็นประเด็น เบื่อที่ชอบพูดกันว่าหากทุกคนถือศีลห้าก็เป็นคนดีหมดแล้ว เพราะมันง่ายไปเหมือนเป็นคนดีกันได้ง่าย ๆ เพียงเพราะไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดลูกเมียคนอื่น ไม่พุดปด ไม่ดื่มสุราเมรัย ถ้านั่งหรือนอนเฉย ๆ ก็จะไม่ทำอะไรก็เป็นคนดีกันหมดซี ทำไมเป็นคนดีจึงง่ายนักนะ — kovitw (@kovitw1) April 16, 2019   มีสื่อนำทวีตดังกล่าวนี้ไปทำข่าว และปรากฎว่าผู้กำกับชื่อดังท่านหนึ่งได้แชร์ข่าวนั้นออกไปพร้อมแคปชันว่า “Like Father, like Son…พ่อเป็นยังไง, ลูกเป็นยังงั้น!! ^__^”     จากนั้น โจ นูโว ก็เข้ามาคอมเมนต์ในโพสต์ดังกล่าว…

เรื่องราวหลายๆ เรื่องอาจจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังซ่อนอยู่ และมันอาจจะดำมืดจนคุณอาจคาดไม่ถึงเลยก็เป็นได้ อย่างเช่นกรณีดังต่อไปนี้ ที่ ‘คาเฟ่แมว’ น่ารักๆ แต่เบื้องหลังคือการ ‘ทารุณกรรมสัตว์’ ขังไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันกว่า 50 ตัว แถมยังพบ ‘ศพแมว’ ถูกแช่แข็งไว้ในตู้อีกมากกว่า 20 ตัว!! เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ถูกแชร์โดยคุณทัฬอิญ อาสาสมัครจิตอาสาที่ดำเนินการช่วยเหลือเหล่าแมวที่โชคร้ายเหล่านี้จากเงื้อมมือของธุรกิจดำมืด   คุณทัฬอิญและเจ้าเหมียวที่ช่วยออกมาได้   โดยเขาได้ทำการโพสต์ภาพและคลิปวิดีโอภารกิจช่วยเหลือผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ทัฬอิญ เสรีรวมไทย บึงกุ่ม รามอินทรา ที่ดำเนินมาถึง 5 วันด้วยกัน!!   คาเฟ่แมวที่เป็นประเด็น   คาเฟ่แมวดังกล่าวนั้นอยู่ในย่านวัชรพล ถูกสั่งปิดไปตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2562 ที่ผ่านมาเพราะเจ้าของถูกดำเนินคดีและถูกตัดสินให้จำคุกในข้อหาฉ้อโกง และผู้เสียหายก็ยังคงดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องจนมาสืบทราบว่ามีคาเฟ่แมวอยู่ จึงดำเนินการตรวจสอบและก็ทำให้ทราบถึงเรื่องราวอันน่าสลดใจ     คุณทัฬอิญเล่าในคลิปว่า คาเฟ่ดังกล่าว ทำธุรกิจด้วยกัน 3 อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือคาเฟ่แมว อย่างที่สองคือโรงแรมแมว (เปิดอยู่บนชั้นสอง) และอย่างสุดท้ายคือการ ‘เพาะพันธุ์แมว’ ซึ่งสายพันธุ์ดังกล่าวก็คือพันธุ์สฟิงซ์เตี้ย ที่เป็นลักษณะของยีนส์ด้อย…

จากที่กลายเป็นประเด็นไปเมื่อช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา (28 มีนาคม 2562) กับกรณีของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (คุณแม่หน่อย) ไปกดฟอลโลว์ทวิตเตอร์ของพี่เอก HRK (Heartrocker)   คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์   ซึ่งพี่เอกแกก็รู้สึกตื่นเต้นซะเหลือเกิน จนออกมาทวีตรัวๆ พร้อมกับทักท้วงว่าคุณแม่หน่อยกดติดตามคนละเอกรึเปล่าครับ? ผมไม่ใช่เอกธนาธรเด้อ!!   ว่าแล้วก็โพสต์ขายของซะหน่อย   คุณหญิงจะรู้ไหมว่าฟอลผิดแอค   ฟอลมาใช่มั้ยฟอลกลับไม่โกง เพิ่มเติมคือฟอลกลับแบบยกปาร์ตี้!!   ของเจรงงง!!   ซึ่งหลายคนต่างก็สงสัยกันไปต่างๆ นานา ว่าเอ๊ะ!? ที่คุณแม่หน่อยมากดติดตามพี่เอกเนี่ย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กดผิดรึเปล่า? หรือเข้าใจผิดว่าเป็นอีกเอกนึงจริงๆ!!   ล่าสุดทางด้านคุณแม่หน่อยก็ออกมาโพสต์ชี้แจงแล้วครับ ว่าดังนี้…. ขอโทษที่ตอบช้านะคะ ที่ฟอลน้องเอกเพราะอยากเข้าใจ Gamer แม่หน่อยจะได้มีข้อมูลว่า #เราจะยกระดับeSportสู่ระดับโลก ได้อย่างไร ตอนนี้ #แม่หน่อยติดเกม (การเมือง)อยู่ ต้องเจออีกหลายด่านจึงจะถึงตัวบอส นี่เจอแค่ด่านแรกแทบหมดหลอดแล้วค่ะ ว่างแล้วจะขอนัดมานั่งคุยกันนะคะ ^^ — คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat…

เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในโลกโซเชียล ณ ขณะนี้เลย กับกรณีของหญิงโพสต์เฟซบุ๊กเล่าอุทาหรณ์เตือนใจ เอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋าโหลดใต้เครื่อง แต่ดันหายไปซะงั้น!? เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Tithalie Wongchawakronkul ได้โพสต์เล่าประสบการณ์ใช้บริการสายการบินแห่งหนึ่ง โดยได้ทำการถามเจ้าหน้าที่สายการบินแล้วว่าสามารถเอาโทรศัพท์เก็บเอาไว้ในกระเป๋าที่จะโหลดใต้เครื่องได้ไหม? ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าได้ แต่ไปๆ มาๆ ตอนเช็กดูกระเป๋า กลับกลายเป็นว่าโทรศัพท์เครื่องที่เอาใส่กระเป๋าที่โหลดใต้เครื่องเอาไว้ดันหายไปซะงั้น!? พอสืบสาวราวเรื่องไปก็พบว่าทำกันเป็นกระบวนการกันเลยทีเดียว ลองไปอ่านเรื่องเต็มๆ กันดูครับ… “อุทาหรณ์เตือนใจ!!!…เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับตัวเราเอง เมื่อวันที่ 9 มีนาคม เราเดินทางจากอุดรฯ มา ดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยสายการบินแห่งหนึ่ง   แอป Find my iPhone ขึ้นแจ้งเตือนพิกัดของโทรศัพท์ที่ถูกขโมยไป   เครื่องขึ้น 18.15 ก่อนขึ้นเครื่องเราได้ทำการโหลดกระเป๋า และด้วยการที่เรามีมือถือ 2 เครื่องพกติดตัวไม่สะดวกเราเลยปิดเครื่องมือถือบริษัท แล้วใส่ลงในกระเป๋าเดินทางเพื่อโหลดเที่ยวขาไปอุดรฯ เราก็โหลดก็ไม่มีปัญหา **ก่อนโหลดโทรศัพท์ลงกระเป๋าเราสอบถามเจ้าหน้าที่เคาทน์เตอร์แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าสามารถโหลดได้จึงโหลดค่ะ  พอเครื่องลงยังสนามบินดอนเมือง ตอนเวลา ทุ่มกว่าๆ เราลงเครื่องแล้วตรงไปยังจุดสายพานรับกระเป๋าแล้วก็ตรงกลับบ้านเลยไม่ได้มีการเปิดกระเป๋าใดๆ เมื่อถึงคอนโดเราก็เลยเปิดรื้อของ และจะเอาโทรศัพท์ปรากฏว่าโทรศัพท์หายไป   เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังยืนพูดคุยกับชายที่อ้างว่ารับซื้อโทรศัพท์มา   ในใจตอนแรกไม่มั่นใจว่าหายที่โรงแรมที่อุดรฯ ในรถที่เช่า หรือ สนามบิน…

เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ของบ้านเรา กับกรณีของเจ้าหมาตัวหนึ่งบังเอิญติดขึ้นไปบนเรือขนส่งสินค้าจากแหลมฉบังไปขึ้นฝั่งที่ฮ่องกง แต่ทว่าถูกรัฐบาลของฮ่องกงทำการการุณยฆาตไปในที่สุด ซึ่งทางรัฐบาลของฮ่องกงได้ให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องของการป้องกันการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า ทางด้านชาวเน็ตต่างก็แบ่งความคิดเห็นออกเป็นสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลฮ่องกง และฝ่ายที่ประนามการการะทำดังกล่าว แต่แล้วล่าสุดเหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร เมื่อจู่ๆ ทางฝ่ายท่าเรือก็ออกมาชี้แจงว่า ได้ทำการตรวจเช็กกล้องวงจรปิดแล้ว ไม่เห็นเจอหมาซักกะตัว!?   เรื่องราวทั้งหมดเป็นมาอย่างไร #เหมียวหง่าว สรุปมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันที่นี่ที่เดียวแล้วครับ   เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมาเจ้าหมาผู้โชคร้ายตัวนี้ติดขึ้นไปบนเรือขนส่งสินค้าที่แหลมฉบัง ต่อมาวันที่ 12 มีนาคม 2562 ช่วงเช้า เมื่อเรือจอดเทียบท่าที่ฮ่องกง เจ้าหน้าที่ท่าเรือพบตัวเข้า และได้ทำการจับตัวไปยังสถานกักกัน พร้อมกับระบุว่าให้เวลา 4 วัน หากไม่มีใครแสดงเจตจำนงค์รับเจ้าหมาตัวนี้ไปดูแล ทางรัฐบาลฮ่องกงจะทำการกำจัดทิ้งด้วยการการุณยฆาต     วันที 13 มีนาคม 2562 เวลา 00.38 น. เพจ WATCHDOG โพสต์ว่าได้ประสานกับกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ฮ่องกงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ของฮ่องกงจะเป็นคนพาเจ้าสุนัขตัวดังกล่าวออกมาจากสถานกักตัว ก่อนที่จะส่งตัวให้กับมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ที่เข้ามาแจ้งความจำนงว่ายินดีที่จะพาน้องกลับบ้านและรับมาดูแล     วันที่ 13…