นี่เห็นอยู่นี้คือหน้าเว็บ CatDumb เวอร์ชันเก่า

ลองคิดเล่นๆ กันดูนะว่า หากคุณถูกล่ามโซ่เอาไว้ไม่ให้ไปไหน จะรู้สึกอย่างไร? แน่นอนว่าสิ่งแรกที่คิดก็คือ อยากถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ เพราะการถูกขังเอาไว้แบบนี้ มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมานเหลือเกิน ถ้าอย่างนั้น ความรู้สึกของคุณ มันคงไม่ต่างอะไรไปจาก Bonika อุรังอุตังน้อยวัย 18 เดือนตัวนี้ ที่ถูกจับมาล่ามโซ่ติดกับแผ่นไม้กระดานเป็นเวลานานกว่า 6 เดือน ทำให้มันแทบไม่สามารถขยับตัวไปไหนมาไหนได้เลย     แต่โชคดีเหลือเกิน ที่อย่างน้อยมันไม่ได้ถูกล่ามไว้นานไปกว่านั้น เพราะหลังจากที่มูลนิธิกู้ภัยสัตว์ (IAR) ได้ทราบเรื่องราวของมัน พวกเขาก็รีบเดินทางเป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร เพื่อไปช่วยเหลือเจ้าอุรังอุตังน้อยทันที เมื่อเดินทางไปถึง ภาพที่เห็นก็คือ Bonika อยู่ในสภาพที่ถูกโซ่ล่ามไว้รอบคอ ซึ่งผูกติดกับแผ่นไม้กระดานเก่าๆ ในห้องครัว     ทางด้าน Bapak Hendrigus ชายผู้พบเจ้า Bonika ได้อ้างว่า ในขณะที่กำลังเดินทางไปยังสวนยางพารา เขาได้บังเอิญเห็นเจ้าลิงตัวนี้นั่งอยู่เพียงลำพัง ดังนั้น จึงได้พามันกลับมาบ้านด้วย และหวังจะให้มันเป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัว พวกเขาให้มันกินข้าว อ้อย ขนมปัง และนมเป็นอาหาร โดยเจ้า Bonika…

เมื่อป่วยหรือบาดเจ็บอะไรมา สิ่งแรกที่เรานึกถึงก็คงจะเป็นแพทย์ เพราะพวกเขาสามารถบอกเราได้ว่า เกิดอะไรขึ้นและมีแนวทางในการรักษาอย่างไร แต่บางทีการวินิจฉัยของหมอนั้นก็มีความผิดพลาดได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่าปักใจเชื่อครั้งแรกที่ตรวจแต่ควรเฝ้าสังเกตและตรวจละเอียดอีกทีเพื่อความแน่ใจ     Stella Robson เด็กหญิงวัย 6 ขวบ มีอาการเปลือกตาบวมและแดงทั้ง 2 ข้าง พ่อแม่คิดว่าเธอน่าจะติดเชื้อจึงพาไปหาหมอเพื่อความแน่ใจ หมอเองก็บอกว่าเป็นแค่การติดเชื้อเล็กๆ เท่านั้น อีกไม่กี่วันก็หายดี จึงให้ยาฆ่าเชื้อแล้วให้กลับบ้านได้ แต่หลายวันผ่านไป ตาของเด็กหญิงก็ยังคงบวมเหมือนเดิม จน Gaylene Robson ผู้เป็นแม่จึงตัดสินใจพาเธอไปพบจักษุแพทย์เพื่อทำซีทีสแกนที่โรงพยายาลเด็ก Royal ในเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย     จากการสแกนพบว่า Stella เป็นเนื้องอกก้อนเล็กๆ คล้ายทรงระฆังขึ้นระหว่างตาและสมองของเธอ ซึ่งคุณหมอบอกว่า เป็นมะเร็งที่หายากที่เรียกว่า Langerhans cell histiocytosis (เนื้องอกในกระดูก)     เนื้องอกของ Stella มีขนาด 1.5 เซนติเมตร ขึ้นอยู่บริเวณกระดูกรอบดวงตา และมันก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็วจนเด็กหญิงต้องเข้ารับการรักษาฉุกเฉิน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็พยายามหาทางที่ดีที่สุดและเร็วที่สุดเพื่อเอาเนื้องอกออก พวกเขาปรึกษากันแล้วเข้าใจถึงความเสี่ยงอย่างมากในการนำออก พวกเขาแจ้งให้แม่เด็กรับทราบ และรับรู้ถึงความเสี่ยงนั้นเช่นกัน       ในที่สุดศัลยแพทย์ก็สามารถกำจัดเนื้องอกส่วนใหญ่ออกไปได้ หลังจากนั้น Stella ต้องเข้ามาทำเคมีบำบัดอย่างน้อย 1 ปี…

ถ้าหากว่าเราติดตามข่าวคราวบ้านเมืองนี้ จะพบว่าจริงๆ แล้วประเทศอินเดีย เป็นอีกประเทศที่มักจะมีอะไรมาเซอไพรส์ชาวโลกอยู่ตลอด และล่าสุดข่าวใหญ่หน้าหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ รัฐบาลออกมาประกาศยกเลิกธนบัตร 500 และ 1,000 รูปี อย่างกระทันหัน ซึ่งงานนี้ประชาชนทุกคนจะต้องรีบเอาธนบัตรแบบเก่า ไปแลกแบบใหม่ภายในเดือนธันวาคมนี้เท่านั้น เพราะถ้าหลังจากนี้แล้ว มันจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเศษกระดาษ ที่ไม่สามารถใช้ทำธุรกรรมใดๆ ได้ทันที   ธนบัตรแบบเก่า ที่กำลังจะหมดความหมาย กลายเป็นซากอ้อย ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า..   จากเหตุการณ์ที่รัฐบาลออกมาประกาศอย่างกระทันหันในครั้งนี้ ทำให้ประชาชนส่วนมาก รู้สึกกังวล และเกรงว่าในอนาคต เงินที่อยู่ในรูปแบบกระดาษ จะไม่มีความหมายอีกต่อไป เมื่อการเปลี่ยนแปลงเข้ามา การปรับตัวก็ต้องเป็นไป ทำให้พ่อค้าแม่ค้าชาวอินเดีย ไม่ว่าจะร้านของชำ ร้านขายผักสด หรือแม้แต่อาบังขายถั่ว ก็เลือกที่จะหันมาใช้ระบบการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตแทนซะเลย   แม้แต่ร้านซ่อมรองเท้า เค้าก็หันมาใช้ระบบจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตกันแล้วนะ   ซึ่ง Paytm ที่ชาวอินเดียหันมาใช้กันนี้ เป็นธุรกรรมทางออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงมากในเมืองใหญ่อย่างนิวเดลี   ส่วนสาเหตุที่รัฐบาลต้องประกาศใช้ธนบัตรอย่างกระทันหัน ก็เพื่อต้องการปราบคอร์รัปชั่น และตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มคนบางกลุ่มนั่นเอง   เชื่อหรือไม่ว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศยกเลิกธนบัตรได้ไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ระบบธุรกิจของ Paytm ในอินเดียเติบโตมากขึ้นถึง…

เรามักจะได้รับทราบข่าวเกี่ยวกับคดีข่มขืนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยของเราเองที่ปัญหานี้มีให้เห็นวนเวียนอยู่ตลอดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลง ทีนี้จะขอพาข้ามไปรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการเรื่องกฎหมายการข่มขืน ในประเทศอย่างตุรกีกันบ้าง… กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตในประเทศตุรกี หลังจากมีความพยายามเสนอร่างกฎหมายใหม่ ที่เหล่าผู้ที่กระทำผิดล่วงละเมิดทางเพศ (รวมทั้งข่มขืน) อาจพ้นผิดได้ หากผู้กระทำยอมแต่งงานกับเหยื่อ จนมีผู้ออกมาประท้วงจำนวนมากในกรุงอังการา ประเทศตุรกี     กฎหมายดังกล่าวมีใจความที่สรุปคร่าวๆ ว่า หากผู้ชายกระทำการล่วงละเมิดทางเพศเล็กๆ น้อยๆ หรือ ไม่ได้มีการ “ขู่เข็ญ” หรือ “บังคับ” หรือแม้กระทั่งได้มีการกระทำแล้ว แล้วรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับเหยื่อ ก็จะถือว่าไม่มีความผิด แน่นอนว่าเมื่อมีการระบุแบบนี้ในกฎหมายทีเตรียมออกมา ย่อมมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาค่อนข้างมาก และเกิดการประท้วงขึ้นมา หลังจากมีการประท้วง ทางรัฐบาลได้เลื่อนการพิจารณาออกกฎหมายออกไปก่อน และจะมีการพิจารณาในสภาอีกครั้งในวันข้างหน้า     ทางกลุ่มผู้ต่อต้านได้ออกมากล่าวว่า “การล่วงละเมิดทางเพศถือว่าเป็นอาชญากรรม และมันไม่ควรถูกยอมรับ นั่นเป็นสิ่งที่พรรค AK (พรรคที่เป็นรัฐบาลขณะนี้) ไม่เข้าใจ การยอมรับการล่วงละเมิดทางเพศเป็นสิ่งที่ใครที่ไหนเขาก็ไม่ยอมรับกันหรอก”     ขณะเดียวกัน Binali Yildirim นายกรัฐมนตรีของตุรกี ที่สนับสนุนกฎหมายใหม่ดังกล่าว ได้ออกมาให้เหตุผลว่า เจตนาของกฎหมาย ก็เพื่อมาแก้ปัญหาต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงข้อดีหากมันออกมา ตัวอย่างเช่น…

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้ ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขนาด 7.8 ริกเตอร์ และครั้งที่สองอีกขนาด 6.1 ริกเตอร์ บริเวณชายฝั่งของเมืองไคคูร่า ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเหตุทำให้พื้นทะเลยกตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนอยู่เหนือผืนน้ำถึง 2 เมตร อีกทั้งพืชใต้ทะเล รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็ได้โผล่ขึ้นมาให้เห็นตลอดแนวชายฝั่งอย่างชัดเจน เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่หาชมได้ยากมาก     ด้าน Joshu Mountjoy นักธรณีวิทยาทางทะเลจากสถาบันวิจัยน้ำและบรรยากาศแห่งชาติของนิวซีแลนด์ ได้เผยว่า เหตุการณ์นี้ไม่เคยเห็นในชีวิตเขาเลย  “ผมไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนในช่วงที่เกิดแผ่นดินไหว และนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะอยู่ในสภาพแบบนี้ไปช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะกลับคืนสู่สภาวะปกติ”     สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่น รวมถึงนักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบตามไปด้วย โดยในแถบนั้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่าหลายสิบราย และมีผู้เสียชีวิตอีก 2 รายด้วยกัน   นอกจากนี้ Joshu ยังเกิดความสงสัยขึ้นมาอีกว่า เหตุที่การณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นหลังจากแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในครั้งนี้ อาจเป็นผลมาจากการเคลื่อนที่ของรอยเลื่อนหลายรอยมารวมตัวกัน ในเวลาเดียวกันก็เป็นได้   Nicola Litchfield นักธรณีวิทยาจากสถาบันวิจัย GNS Science…

รู้มั้ยว่าในประเทศอินเดียนั้นมีสุนัขจรจัดมากกว่า 30 ล้านตัว และจากการรายงานของ Global Alliance for Rabies Control พบว่า ประชากรในประเทศแถบเอเชียกว่า 35% เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้า ที่แพร่ระบาดมากในสุนัขจรจัด ดังนั้นอินเดียเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก จึงเลือกที่จะกำลังเหล่าสุนัขจรจัดมากกว่าการควบคุมปริมาณประชากรในประเทศ     ในขณะที่รัฐบาลอินเดียก็ยังไม่มีมาตรการเกี่ยวกับสุนัขจรจัดอย่างชัดเจน เพราะแค่ปัญหาเกี่ยวกับประชากรก็หนักมากแล้ว ดังนั้นหลายครั้งที่สุนัขถูกทารุณและถูกฆ่าทิ้งไป The Animal Aid Unlimited เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ที่ก่อตั้งโดย Erika, Jim, และ Claire Abrams-Myers จากซีแอทเทิล ในสหรัฐอเมริกา     พวกเขาได้ซื้อบ้านอยู่ในอินเดียเมื่อ 15 ปีแล้ว และได้เช่าพื้นที่กว่า 4 ไร่ เพื่อเป็นที่พักพิงสำหรับสัตว์จรจัด พร้อมทั้งให้การรักษาพวกมัน เพราะที่นี่ไม่โรงพยาบาลสัตว์เลย แต่การทำงานเป็นอาสาสมัครที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะรัฐบาลอินเดียนั้นมีปัญหากับพวกเขาบ่อยๆ เนื่องจากคนอินเดียไม่ชอบสุนัขโดยเฉพาะสุนัขจรจัด แต่พวกเขาก็พยายามบ่ายเบี่ยงได้ทุกครั้ง     ดังนั้นตลอดเวลาที่เป็นอาสาสมัครที่นี่ พวกเขาต้องอยู่ด้วยตัวเอง และเพราะเป็นคนรักสัตว์ พวกเขาจึงต้องยอมเสี่ยง หลายครั้งที่ไปเจอสุนัขข้างถนน…

พ่อแม่ทุกคนอยากเห็นความลูกมีความสุขในชีวิต และความสิ่งที่บ่งบอกถึงความสุขอย่างหนึ่งก็คือเสียงหัวเราะของลูกนั่นเอง จนบางทีเสียงหัวก็เปลี่ยนเรื่องร้ายกลายเป็นดีได้ แต่พ่อแม่บางคนกลับไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะของลูกเลย… คู่รัก Lindsey Shaw และ Paul Matthews ไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะของลูกสาวเลย เพราะ Emily วัย 2 ขวบ ป่วยด้วยโรค Aicardi Syndrome ซึ่งเป็นโรคหายาก และมีเพียง 4,000 คนจากทั่วโลก     โรค Aicardi Syndrome ไม่สามารถกินอาหารเหมือนคนปกติได้ แต่ต้องกินข้าวด้วยวิธี PEG หรือการสอดสายผ่านทางหน้าท้องเข้าสู่กระเพาะโดยตรง นอกจากนี้บางกรณีก็อาจตาบอด และทรมานจากการชักกว่า 20 ครั้งต่อวัน (ตามการรายงานของ Gazette Live )     ดังนั้น Emily จึงต้องได้รับการดูแลอยู่แต่ในบ้าน และพ่อแม่ของเธอจะได้ออกจากบ้านเมื่อพาเธอไปโรงพยาบาลหรือเมื่อต้องเข้าบำบัดใน Zoe’s Place ซึ่งเป็นบ้านพักรับรองทารกเท่านั้น Lindsey ผู้เป็นแม่เผยว่า “ตอนฉันตั้งครรภ์นั้นทุกอย่างปกติดี และฉันไม่เคยรู้ว่ามีความผิดพลาดอะไรเลย ฉันยังได้เข้ารับการสแกนพิเศษ เพราะเมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้  ฉันเคยแท้งลูกมาแล้วครั้งหนึ่ง”     “หลังจากคลอดเธอออกมา ใน 2 สัปดาห์แรกทุกอย่างดูเหมือนปกติ แต่หลังจากนั้นเธอเริ่มมีอาการสำลักและหน้าซีด…

เราเคยสงสัยกันมั้ยว่า ในสมัยที่การแพทย์ยังไม่พัฒนาเหมือนวันนี้ คนในอดีตมีการรักษาอย่างไร? โดยเฉพาะการผ่าตัด ที่ไม่ใช่แค่มีมีดก็ผ่าได้ แต่ต้องห้ามเลือด ต้องทำความสะอาดเครื่องมือ แล้วพวกเขามีวิธีจัดการกับเรื่องเหล่านี้อย่างไร? หนังสือ Crucial Interventions: เป็นหนังสือที่มีภาพประกอบหลักการและการปฏิบัติของการผ่าตัดในศตวรรษที่ 19 โดยนักประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ Richard Barnett ซึ่งปัจจุบันหนึ่งสือนี้มีขายตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป และเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจการผ่าตัดในประวัติศาสตร์   และนี่คือภาพส่วนหนึ่งจาก Crucial Interventions ที่ไม่ได้นำเสนอเพื่อล้อเลียน แต่เป็นการชี้ให้เห็นถึงบทบาทของศัลยแพทย์ในประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญในยุควิคตอเรีย   Robert Liston ศัลยแพทย์ชาวสก็อตแลนด์ที่เป็นที่รู้จักในฐานะหมอผู้กำจัดเนื้อตาย เขาได้ผ่าตัดเอาเนื้อตายออกจากขาผู้ป่วย โดยใช้เวลาเพียง 2 นาทีเท่านั้น ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบในการผ่าตัด ซึ่งเป็นการผ่าตัดครั้งแรกของอังกฤษที่วางยาสลบให้กับผู้ป่วย   คำเตือน: หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีจิตใจอ่อน มิฉะนั้นคุณอาจเป็นลมระหว่างดูภาพต่างๆ ซึ่งเหล่านักวิจารณ์หนังสือก็ได้ออกมายืนยันว่ามันเป็นหนังสือที่มีความโดดเด่นมากที่สุดเล่มหนึ่ง จนได้มีการทำสำเนาเอาไว้ ซึ่งพบในคอเลคชั่นการแพทย์โบราณสมัยศตวรรษที่ 19 ของ Henry Wellcome Wellcome ทำอาชีพเป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับยา มีชีวิตอยู่ในยุควิคตอเรียเขามีความสนใจเกี่ยวกับพัฒนาการทางการแพทย์ในประวัติศาสตร์ทั่วโลก ดังนั้นเขามักออกเดินทางไปยังที่ต่างๆ เพื่อรวบรวมสิ่งที่เขาสนใจ เขาได้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางในการผ่าตัดมากมาย ซึ่งบางภาพอาจจะดูไม่เหมือนกับความคิดของเราหรือที่เราเคยเห็น แต่ต้องเข้าใจว่าในสมัยนั้นเครื่องหรืออุปกรณ์ยังมีไม่พร้อม แต่ทั้งหมดนี้ก็นำมาสู่การพัฒนาเครื่องมือทางการแพทย์รวมทั้งยาชาในปัจจุบัน   เครื่องมือผ่าตัดจากศตวรรษที่ 19 เครื่องมือผ่าตัดมีทั้งเลื่อย มีด และกรรไกร ซึ่งนำมาใช้ในการผ่าตัดแขน ขา…

ถ้าใครที่เคยดูหนังดังอย่าง ‘Fast and the Furious’ คงจำได้ดีกับฉากที่เหล่าแก๊งค์พระเอก โชว์ทักษะการปล้นแบบขั้นเทพ ในระหว่างขับรถให้เรารู้สึกหวาดเสียวกันเล่นๆ จากการรายงานข่าวของ Dailymail เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมณฑลเหอหนาน ครั้งนี้มีความใกล้เคียงกัน ถึงแม้ว่าผู้ขับขี่จะไม่ได้ซิ่งแรงทะลุนรกเหมือนพี่วิน ดีเซลล์ ก็ตาม   เรื่องมันมีอยู่ว่า กลุ่มมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์แห่งประเทศจีน ได้ทราบข่าวว่ามีรถบรรทุกคันหนึ่ง กำลังขนหมาจรจัด ไปยังโรงฆ่าสัตว์ แน่นอนว่า..เจ้าหมาทุกตัวต้องถูกเปลี่ยนสภาพ ให้กลายเป็นอาหารโดยที่พวกมันไม่สามารถช่วยตัวเองได้   พวกเขาต้องการที่จะหยุดรถบรรทุกคันนี้ ที่คาดว่ากำลังจะเดินทางเข้าสู่เมืองเทียนจิน เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิผู้ไม่ประสงค์ออกนาม วัย 26 ปี ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากรีบแซงรถบรรทุก ก่อนจะหักเข้าด้านหน้ารถบรรทุก ทำให้รถทั้งสองคันชนเข้าอย่างจัง   หลังจากที่พวกเขาสามารถหยุดรถบรรทุกคันนี้ได้แล้ว เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิคนอื่นๆ จึงรีบเข้าไปดูอาการของหมาที่ถูกบรรทุกกันมาอย่างแออัด พบว่าพวกมันตกอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่เศร้าหมองสุดๆ ทุกตัวไม่ได้รับอาหาร หรือน้ำดื่มมามากกว่า 1 วัน อีกทั้งยังถูกกักขัง ต้องใช้ชีวิตอยู่ในลูกกรงขนาดเล็ก   มีหมาหลากหลายสายพันธุ์ที่ถูกบรรทุกมาในครั้งนี้ บางครั้งพวกมันก็ถูกส่งไปทำเป็นอาหารในเกาหลีใต้อีกด้วย   จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 4 ราย และเจ้าหน้าที่ทุกคน รวมถึงคนขับรถบรรทุก…

การเกิดมารูปร่างผิดปกติ หรือมีความผิดปกติทางสมองนั้น ไม่ได้แปลว่า คุณจะดีกว่าหรือด้อยกว่าคนอื่น แต่คุณไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาทั่วไปเลย โดยเฉพาะเด็กออทิสติก ที่ถูกมองว่าเป็นเด็กพิเศษ จนได้รับการปฏิบัติที่ไม่เหมือนเด็กทั่วไป ซึ่งนั่นอาจเป็นการทำลายความมั่นใจของคนคนหนึ่งไปเลยก็ได้   เช่นเดียวกับ Landon วัย 6 ขวบ ที่เป็นโรคออทิสติก จนกลายเป็นคนที่ไม่มั่นใจตัวเอง และนี่เทศกาลคริสต์มาสก็ได้ใกล้เข้ามาแล้ว เด็กชายจึงกลัวว่าจะไม่ได้ของขวัญจากซานต้า   ดังนั้นเมื่อมีโอกาสครอบครัวจึงได้พาเขาไปพบกับ ลุงซานต้า ที่ห้าง RiverTown Crossings ในรัฐมิชิแกน เพื่อถามคำถามที่สำคัญมากๆ กับซานต้า และเขาก็อยากถามด้วยตัวเอง เมื่อได้เจอกัน Landon มีความกลัวลุงซานต้ามาก เขาได้เข้าไปหาซานต้าด้วยอาการเกรงๆ แล้วถามคุณลุงว่า “ถ้าผมเป็นเด็กออติสติก คุณจะเขียนชื่อผมให้อยู่ในรายชื่อเด็กดื้อมั้ยครับ?”     ซานต้าจึงตอบโดยไม่ลังเลว่า “ไม่เลย ถ้าเป็นเธอ เด็กน้อย” แม้จะเป็นเพียงคำตอบสั้นๆ แต่ก็มีความหมายและมีพลังมากสำหรับ London เพราะหลังจากได้ฟังคำตอบ เขาก็ผ่อนคลายลงทันที Naomi แม่ของ Landon ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เฝ้ามองด้วยความแปลกใจ ที่ซานต้าทำให้เด็กชายหายกลัวได้ ซานต้ายังได้อธิบายให้ Landon ฟังเช่นเดียวกับที่แม่เฝ้าสอนมาตั้งแต่เด็กว่า “คุณจะไม่ดีกว่าหรือด้อยกว่า เพราะเพียงแค่คุณเกิดมาเป็นออทิสติก”  …

การจะเป็นนักแสดงที่ดีได้นั้น คุณต้องเล่นได้ทุกบทบาท ที่สำคัญต้องมีความสมจริงมากที่สุด เพื่อให้คนดูอินไปกับตัวละครนั้น ดังนั้นนักแสดงบางคนถึงกับลงทุนเปลี่ยนแปลงตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลยก็มี เช่นเดียวกับนักแสดงเหล่านี้ที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เข้ากับบทบาทที่หลากหลาย ซึ่งไม่ใช่แค่การแต่งหน้าเท่านั้นแต่รวมถึงรูปร่างด้วย บางคนต้องเพิ่มความอ้วน บางคนต้องลดน้ำหนัก แสดงให้เห็นถึงการเป็นนักแสดงมืออาชีพนั่นเอง   1. แกรี่ โอลด์แมน การแปลงโฉมของโอลด์แมนจากภาพยนต์เรื่อง Dracula, True Romance, The Fifth Element, Interstate 60, Harry Potter ตามลำดับ ราวกับเป็นคนละคนกันเลยยังไงอย่างงั้น   2. เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ คาแรคเตอร์ต่างจาก Fight Club, Planet of the Apes, Harry Potter, Alice in Wonderland และ The King’s Speech   3. เอียน แมคเคลเลน อีกหนึ่งนักแสดงมากความสามารถ ที่ไม่ว่าบทไหนก็เล่นได้สมจริงเสมอ และนี่คือส่วนหนึ่จากเรื่อง Richard III, Rasputin, David Copperfield,…

ถ้าวางแผนจะไปเที่ยวที่ต่างประเทศ สิ่งหนึ่งที่สำคัญเลยก็คือการดูว่าที่ที่เราไปเที่ยวนั้นปลอดภัยหรือไม่ เพราะว่าเราต้องมันใจว่าเราจะกลับมาบ้านแบบครบ 32 อันตรายก็มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นไวรัสซิก้าที่กำลังระบาดอยู่ตอนไหน หรือว่าจะเป็นการก่อการร้ายหรือภัยพิบัติต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องศึกษาให้ดีก่อนออกเดินทาง ถ้าคุณไม่รู้จะไปดูที่ไหน แนะนำให้เข้าเว็บไซต์ International SOS ซึ่งที่นี่ได้จัดทำแผนที่โลกพร้อมทั้งแบ่งสีให้เห็นอย่างชัดเจนเพื่อแบ่งระดับความอันตราย ซึ่งสถิติทั้งหมดมาจากการสำรวจจากนักท่องเที่ยวจริงๆ จากรอบโลก     ส่วนมากแล้วคนมักจะเลือกประเทศที่ไม่มีการก่อการร้าย แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คืออัตราการเกิดอาชญากรรมและปัญหาท้องถนนนั่นเอง โดยทางเว็บไซต์ได้แบ่งความอันตรายออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ ความเสี่ยงในการท่องเที่ยว ความเสี่ยงบนท้องถนน และความเสี่ยงต่อร่างกาย ซึ่งท่านสามารถดูได้จากแผนที่ชุดนี้     และในแผนที่ก็แสดงสีที่แตกต่างกันออกไป เพื่อแบ่งความอันตรายออกเป็นหลายประเภทได้แก่   สีเขียว – อัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำมาก ไม่มีสัญญาณถึงการใช้ความรุนแรงในศาสนา การเมือง เชื้อชาติต่อชาวต่างชาติ มีความปลอดภัยและคอย่ชวยเหลือเป็นอย่างดี การเดินทางสะดวกและปลอดภัย   สีเหลือง – อัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ แทบไม่มีสัญญาณถึงการใช้ความรุนแรงในศาสนา การเมือง เชื้อชาติต่อชาวต่างชาติ มีการก่อการร้ายได้ยาก และก็สามารถทำให้เหตุการณ์สงบได้ถ้าเกิดเหตุจริง การขนส่งก็สะดวกและปลอดภัยในระดับนึง   สีส้ม – มีการชุมนมการการเมืองบ้างเป็นระยะ มีการก่อการร้ายให้เห็น นักท่องเที่ยวอาจจะเสี่ยงกับความคุณแรงทางด้านเชื้อชาติ ศาสนาและอาชญากรรมด้วย การดูแลความปลอดภัยไม่ค่อยมั่งคง…

ทุกวันนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่าเจ้าโซเชียลมีเดียที่ชื่อว่า ‘เฟซบุ๊ค’ เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของเรามากมายเหลือเกิน อย่างน้อยๆตื่นนอนก็ต้องออนเฟซ จะเข้าห้องน้ำก็ต้องออนเฟซ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องออนเฟซกันทั้งนั้น นอกเหนือจากการที่มันได้รับความนิยมอย่างสูงแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ใครหลายคนติดใจในความคิดของ ‘มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก’ ก็คงเป็นสถานที่ทำงานนี้แหละ เพราะบริษัทระดับโลกเหล่านี้ มักจะตกแต่งออฟฟิศ หรือสร้างบรรยากาศให้น่าร่วมงานด้วยเสมอ คราวนี้ก็มาถึงคิวของสถานที่ปฏิบัติงานสาขานิวยอร์คกันบ้าง งานนี้ก็ต้องขอขอบคุณเว็บไซต์ ThisIsInsider ที่เขาอุตส่าห์ตามไปเก็บภาพออฟฟิศในฝันแห่งนี้ มาให้เราได้ชมกัน…   เอาล่ะ เราไปดูพร้อมๆกันเลย สถานที่ทำงานในฝันของใครหลายคนแห่งนี้ จริงๆแล้วจะเป็นยังไงนะ   เมื่อลงทะเบียนผู้เยี่ยมชมเสร็จแล้ว สิ่งแรกที่เราจะได้เจอก็คือ กระดานเปล่าที่พนักงานทุกคนสามารถเขียนความในใจ หรือไอเดียเจ๋งๆที่คิดออกมาได้ ใครอยากระบายอะไร เต็มที่เลยจ้า   บนตึกแห่งนี้นอกจากจะเป็นออฟฟิศของเฟซบุ๊คแล้ว อีกส่วนหนึ่งยังถูกใช้เป็นออฟฟิศของอินสตาแกรมอีกด้วยนะ   ด้วยความที่ออฟฟิศมีขนาดใหญ่ บวกกับจำนวนพนักงานที่เยอะมาก นี่คือหน้าจอที่มีลิสต์รายชื่อพนักงานทุกคน อีกทั้งยังสามารถติดตามได้ด้วยว่า พวกเขาอยู่ส่วนไหนของตึกนี้   ส่วนนี้คือห้องที่เรียกว่า “ห้องจิ๋ว” เปิดไว้สำหรับพนักงานทุกคนที่มีไอเดียดีๆ และอยากจะสานต่อให้สำเร็จ หรือจะใช้สำหรับการประชุมขนาดเล็กก็ได้เช่นกัน   มาต่อกันที่ ห้องอัดรายการสัมภาษณ์สด ระหว่างถ่ายมีวิวข้างหลังเป็นบรรยากาศเมืองนิวยอร์ค เจ๋งไปเลยมั้ยล่ะ   โซนทำงานสำหรับพนักงานทุกคน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วฝ่ายบุคคล วิศวกร หรือแม้แต่พนักงานขาย…

ใช้พนักงานส่งพิซซ่ามันเป็นอะไรที่เชยมากไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะบริษัทไหนๆ เค้าก็มีบริการเดลิเวอรี่ด้วยการจ้างพนักงานขับรถมาส่งให้ถึงที่ทั้งนั้นแหละ แต่สำหรับร้าน ‘Domino Pizza’ สาขาทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ตอนนี้เค้าได้ประกาศออกมาแล้วว่า จะมีบริการส่งพิซซ่าร้อนๆ ถึงมือคุณ ด้วยพนักงานพิเศษ ‘กวางเรนเดียร์’ แหม่…เอาซะนึกว่าคุณลุงซานต้ามาเองเลยนะ   ภาพโฆษณากิจกรรมที่กำลังจะมาถึงในครั้งนี้   และนี่ก็ไม่ใช่ข่าวลือลวงๆด้วย เพราะจากรายงานบนเว็บไซต์ RocketNews24 ได้ระบุว่า ช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะเข้ามาเยือนนี้ ทางตอนเหนือของญี่ปุ่นมักจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ และความหนาวเหน็บจนทำให้ใครหลายคนไม่อยากจะออกจากบ้าน ด้วยเหตุนี้เอง ทางบริษัท ‘Domina Pizza’ จึงได้ปิ๊งไอเดียที่จะนำเจ้ากวางเรนเดียร์ ตัวจริง เสียงจริง มาฝึกซ้อมเพื่อใช้ในการส่งพิซซ่าในวันที่แสนหนาวเหน็บ   หน้าตาคร่าวๆของมัน ตอนออกไปส่งพิซซ่า ก็จะประมาณนี้แหละ   แต่ก็ใช่ว่าจะสั่งมาจากที่ไหนก็ได้ แล้วเจ้ากวางจะรู้จักที่หรอกนะ เพราะจริงๆ แล้วบริษัทเค้าให้ลูกค้าที่สนใจในกิจกรรมนี้ลงชื่อ และที่อยู่ก่อนเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่เฝ้ารอให้ถึงวันนัดหมาย ทางบริษัทยืนยันว่าจะมีกวางเรนเดียร์มาเคาะประตูพร้อมกับพิซซ่าร้อนๆ ถึงหน้าบ้านคุณ!!   แต่ก่อนจะออกไปส่งพิซซ่าได้ ก็ต้องมีทีมงานคอยฝึกสอนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความชำนาญทาง   งานเปิดตัวกิจกรรมอย่างเป็นทางการ จะจัดขึ้นวันที่ 24 พ.ย. 59 ช่วงนี้เจ้าเรนเดียร์ก็คงต้องฝึกซ้อม…

สำหรับชายชาติทหารเหล่า เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้พวกเขาต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ในถิ่นทุรกันดาร แน่นอนว่าการเป็นอยู่ ย่อมไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ที่บ้านแน่ๆ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินเนี่ยแหละ เมื่อพวกเขาต้องไปอยู่ในสถานที่ๆ ต่างออกไป ยิ่งต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแล้ว จะให้มานั่งกินสเต๊กเนื้อทีโบนจิบไวน์ไปพลางๆ ก็เกรงว่าอาจจะรับมือกับข้าศึกไม่ทัน เราตามไปดูกันเลยว่ามื้ออาหารของเหล่าพลทหารจากแต่ละประเทศ พวกเขากินอยู่กันอย่างไรเมื่อถึงคราวที่ต้องลงพื้นที่…   แคนาดา สำหรับเหล่าทหารแคนาดา พวกเขาจะได้รับ น้ำผลไม้ ชา กาแฟวานิลลา และเมนหลักคือ แฮมเบอร์เกอร์ อีกทั้งยังมีซอสมะเขือเทศ มัสตาร์ด และสลัดถั่วเพิ่มมาให้อีกด้วย   แพ็คเกจของทหารแคนาดานั้น จะมาในรูปแบบเหมือนกล่องกระดาษ อีกทั้งภายในยังมีผ้ากันเปื้อน และหมากฝรั่งสำหรับทำความสะอาดฟันให้อีกด้วยนะ   ญี่ปุ่น สำหรับประเทศญี่ปุ่นแล้ว เสบียงยังชีพของทหาร จะมีความคล้ายคลึงกับของประชาชนเมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยอาหารจะเป็นไปแบบง่ายๆ มีเพียงข้าวหุงสุกร้อนๆ ราดด้วยเนื้อที่มากับซอสรสชาติเม็กซิกัน ซีซันนิ่ง   เสบียงทั้งหมดจะถูกส่งบรรจุมาในถุงสีดำแบบนี้ เพื่อง่ายต่อการใช้ความร้อนในการอุ่นอาหาร   อิตาลี เสบียงของทหารอิตาลีนั้น จะประกอบไปด้วยเมนูพื้นบ้านทั่วไปเช่น ไส้กรอก ทอร์เทลลินี ขนมปังกรอบ และผลไม้แห้งอัดกระป๋องอีกจำนวนหนึ่ง   โปรตุเกส สำหรับเหล่าทหารของประเทศโปรตุเกส ในหนึ่งวันพวกเขาจะได้รับพลังงานสูงถึง 3,600…

พอนึกถึงภาพเสือทีไร เราก็มักจะเห็นแต่ภาพของสัตว์ป่าดุร้ายตัวใหญ่ และน่าเกรงขาม แต่สำหรับ Laziz เสือโคร่งจากสวนสัตว์แห่งหนึ่งในเขตฉนวนกาซาตัวนี้ กลับมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก และไม่มีที่แววที่จะแสดงถึงความดุร้ายในแบบที่ธรรมชาติของเสือควรจะเป็นเลยสักนิด   เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2559 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ได้เผยภาพพร้อมกับเรื่องราวของเจ้า Laziz เสือโคร่งที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่น่าเวทนา เนื่องจากมันต้องอาศัยอยู่ในสวนสัตว์ที่ถูกทิ้งร้าง พร้อมๆ กับสัตว์ป่าตัวอื่นๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่อีกกว่า 13 ตัวโดยที่ไม่มีใครสนใจ สภาพแวดล้อมบริเวณรอบๆ ที่มันอาศัยอยู่ก็ไม่ค่อยจะดีนัก เนื่องจากเต็มไปด้วยซากสัตว์ของเสือตัวอื่นๆ ที่ตายไป อีกทั้งกรงที่มันอยู่ก็คับแคบเกินกว่าที่เสือตัวใหญ่ตัวหนึ่งจะเข้าไปอยู่ได้อย่างสบายๆ     ตามธรรมชาติแล้วเสือมักจะออกอาหารด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อจับเหยื่อได้ มันก็จะได้กินเนื้อสดๆ อย่างเอร็ดอร่อย แต่สำหรับ Laziz แล้ว มันกลับต้องมากินแต่ซากไก่ และผลไม้เน่าที่มีทั้งดีและเน่าปะปนกันไปเพียงเท่านั้น   นอกจากนี้ มันยังถูกเด็กๆ ที่อยู่อาศัยในบริเวณนั้นแกล้งอยู่บ่อยๆ โดยการปาถั่ว และปาก้อนหินใส่อีกด้วย   แทนที่ชีวิตของเสือที่โตเต็มวัยตัวหนึ่ง จะได้พบกับความสุข และใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่กลับต้องมาเจอกับสถานการณ์อันเลวร้ายที่สุดในชีวิต   จนในที่สุดความโชคดีของมันก็มาถึงจนได้ เพราะเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางองค์กร Operation Noah’s…

ดูเหมือนว่าปัญหาความขัดแย้ง ที่เกิดจากการแบ่งแยกชาติพันธุ์ ศาสนา ความเชื่อ หรืออุดมการณ์ มีท่าทีว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ คำถามคือเราควรจะทำอย่างไรดีล่ะ ที่จะช่วยให้ทุกคน ทุกเชื้อชาติ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข บนพื้นฐานแห่งความเข้าใจในความต่างของกันและกัน   และบังเอิญว่า #เหมียวบ็อบ ได้ไปเจอกับโฆษณาที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานจากเว็บไซต์ชื่อดัง ‘Amazon’ ซึ่งเป็นโฆษณาเกี่ยวกับบริการ ‘Amazon Prime’ (บริการขนส่งด่วน) แต่ทว่าเนื้อหาในคลิปวิดีโอ ชวนให้เราย้อนกลับมาคิดถึงความสงบสุขในสังคมที่เต็มไปด้วยความแตกต่าง มันดีซะจนต้องเอามาบอกต่อ…   เราไปชมโฆษณาที่แอบแฝงความน่ารักไว้กันก่อนเลย   ซึ่งในโฆษณาเราจะได้เห็นเรื่องราวของ สองผู้นำทางศาสนา ที่ถึงแม้ว่าเขาจะต่างความเชื่อกัน แต่พวกเขาคือเพื่อนสนิทต่อกัน และมักจะเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอยู่เสมอ แต่ทว่าทั้งคู่ต่างประสบปัญหาเดียวกัน ด้วยอายุอานามที่มากตามตัวเลข ทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บเข่าทุกครั้ง ที่ต้องเข้าประกอบพิธีกรรมทางศาสนา   เป็นภาพที่น่าปลาบปลื้มสุดๆ เพราะทั้งคู่ต่างก็ใช้แอพฯ ในโฆษณา สั่งซื้อสนับเข่ามาให้กันและกัน เพื่อที่จะได้ป้องกันอาการบาดเจ็บตรงหัวเข่า ถึงแม้ว่าพิธีกรรมทางศาสนาของเขาทั้งสอง จะแตกต่างกันก็ตาม   และที่น่าปลาบปลื้มยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ ในชีวิตจริงพวกเขาไม่ใช่นักแสดง ต่างคนต่างเป็นผู้นำทางศาสนาของจริง อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทที่ซี้กันมาอย่างยาวนานอีกด้วย ทางด้านของอิหม่าม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “อันที่จริงเราไม่ได้แสดงอะไรเลย เป็นตัวของตัวเองจริงๆ ผมคิดว่าสิ่งที่โฆษณาต้องการจะสื่อเป็นอะไรที่ดีมาก เพราะคนจากพื้นฐานที่ต่างกัน สามารถส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้กันได้…

เชื่อมั้ยว่าทุกๆ 100 คนที่คุณเจอนั้น จะต้องมี 1 คนที่มีลักษณะนี้ กับการที่มี ‘รู’ เล็กๆ ตรงส่วนบนของหู…   ถ้าเพื่อนๆ ยังนึกภาพกันไม่ออกล่ะก็   สำหรับอาการนี้เป็นที่รู้จักกันว่า Preauricular sinuses หรืออาการมีรูที่ใบหู ถึงแม้อัตราการเกิดขึ้นนั้นจะอยู่ที่ราวๆ 1 ใน 100 แต่ในบางพื้นที่ของโลก อัตราการเกิดนั้นอาจสูงขึ้นได้ถึง 1 ใน 10 เลยทีเดียวล่ะ!! ในตำนานของหลายๆ ประเทศนั้นพูดเกี่ยวกับพลังวิเศษของผู้ที่มีรูตรงส่วนบนของหู เช่นในประเทศเอธิโอเปีย ที่มีความเชื่อว่ารูแบบนี้จะทำให้พบเจอกับโชคลาภและความร่ำรวย   รูตรงหู ข้อบกพร่องตั้งที่มีมาแต่กำเนิด   จากการรายงานโดย National Library of Medicine แห่งประเทศสหรัฐอเมริกานั้นได้มีการบันทึกไว้ว่า รูบนหูแบบนี้ถูกพบครั้งแรกในปี 1864 ซึ่งไม่ได้เกิดจากการเจาะแต่อย่างใด แต่เป็นอาการที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด เกิดจากการที่ตอนคุณแม่ตั้งครรภ์ ขณะที่ใบหูกำลังก่อตัว ในกรณีของผู้ที่ส่วนหูถูกสร้างออกมาไม่สมบูรณ์ ก็จะเกิดเจ้าโพรงนี้ขึ้น สำหรับตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ารูดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นมาเพื่ออะไร แต่เบื้องต้น Neil Shubin นักชีววิทยาเชื่อว่ารูนี้เป็นร่องรอยของวิวัฒนาการ   ข้อเสียของรูบนหูแบบนี้ล่ะ!?…

ทุกวันนี้การมีอินเตอร์เน็ต ทำให้เราสามารถหาซื้อข้าวของเจ๋งๆ จากทั่วโลกที่หาไม่ได้ในบ้านเราได้อย่างง่ายดาย ซึ่งของบางอย่างสามารถทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ล่าสุด #เหมียวอ๊อดโด้ ได้เจอบทความรวบรวม 18 ข้าวของเจ๋งๆ จากทั่วโลก ที่สามารถหาซื้อได้บนอินเตอร์เน็ตพร้อมลิ้งจากเว็บที่จัดจำหน่ายจากเว็บไซต์ Buzzfeed จะมีอะไรบ้าง เราไปชมกันดีกว่า   แก้วแบบไวกิ้ง ได้อารมณ์แบบนักรบไวกิ้งแท้ๆ ซื้อได้จาก Hammacher Schlemmer   เสื้อฮูดที่เอาสัตว์เลี้ยงมากอดได้ ซื้อได้จาก Japan Trend Shop   พัดลมเป่ารักแร้ ซื้อได้จาก Japan Trend Shop   เครื่องทำวาฟเฟิลรูปแป้นพิมพ์ ซื้อได้จาก Skymall   ร่มกลับด้าน คราวนี้ออกจากรถตอนฝนตกก็ไม่มีปัญหาแล้ว!! ซื้อได้จาก Hammacher Schlemmer   ฝักบัวที่มีลำโพงในตัว อาบน้ำไป ฟังเพลงไปด้วย ซื้อได้จาก Amazon   โคมไฟแม่เหล็กลอยได้ ซื้อได้จาก Hammacher Schlemmer   ปราสาทยางฉบับย่อส่วน เหมาะสำหรับพ่อแม่ที่ไม่มีเวลาพาลูกไปห้างหรืองานวัด ซื้อได้จาก Hammacher Schlemmer     ชุดทำความสะอาดส้วมสาธารณะแบบพกพา หมดปัญหาห้องน้ำสาธารณะสกปรก ซื้อได้จาก Amazon   กระจกแต่งหน้าแบบติดไฟ ไม่กลัวหน้าลอยอีกต่อไป ซื้อได้จาก Hammacher Schlemmer…

การเตรียมความพร้อมเอาไว้ นอกจากจะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นแล้ว บางครั้งก็อาจทำให้คุณสามารถรับบทฮีโร่ที่สามารถช่วยชีวิตคนเกือบร้อยได้ อย่างเช่นนายทหารหนุ่มจากกองทัพเพชเมอร์กาของชาวเคิร์ด วัย 32 ปีคนนี้ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อกองทหาร ISIS ได้เข้าโจมตีเมือง Kirkuk ในประเทศอิรัก จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก แม้ทหารเคิร์ดจะสามารถยันกองทัพ ISIS เอาไว้ได้ แต่ก็ยังมีชาวเมืองผู้บริสุทธิ์บางส่วน ติดอยู่หลังแนวข้าศึก และกองทหารของศัตรูมีพลซุ่มยิงคอยเฝ้าอยู่รอบๆ จนทำให้การช่วยเหลือเป็นไปได้ยากมากๆ     รายงานข่าวจาก CNN เปิดเผยเรื่องราวของหนุ่มคนดังกล่าวว่า เมื่อเห็นดังนั้น Ako Abdulrahman ทหารหนุ่มชาวเคิร์ดวัย 32 ปี จึงกระโดนขึ้นรถ BMW คู่ใจของเขาที่ซื้อมาในราคา 10,000 เหรียญ (ราว 350,000 บาท) มีออฟชั่นเสริมเกราะกันกระสุนมาอย่างดี ขับเข้าไปในเขตต่อสู้ และช่วยเหลือชาวบ้านที่บาดเจ็บเหล่านั้นออกมา หลังจากการช่วยเหลือหลายๆ รอบ สุดท้ายแล้วเขาสามารถช่วยคนออกมาได้ถึง 70 คน!! ด้วยความกล้าหาญของเขาในครั้งนี้ ก็ทำให้เขาได้รับการยกย่องเป็นฮีโร่ไปในทันที   (สภาพรถของเขาที่เต็มไปด้วยร่องรอยของกระสุน)   “ผมบอกตัวเองว่านี่แหละคือช่วงเวลาที่ผมต้องออกไปช่วยเหลือผู้คน…

สำหรับกรณีนี้ก็อาจเรียกได้ว่ากล่องข้าวน้อยฆ่าแม่รึเปล่าหน๊อ…   ตามปกติแล้วเวลาคุณพ่อคุณแม่ซื้อของขวัญอะไรให้ลูกๆ ก็คงจะดีใจกันเป็นธรรมดา แต่ในกรณีนี้ ลูกชายหนุ่มชาวจีนคนนี้ถือว่าฉุนขาดเลยทีเดียวล่ะที่พ่อแม่ซื้อห้องอพาร์ทเม้นท์ให้กับเขา!? คลิปวิดีโอนี้ถูกถ่ายไว้ได้ที่เมือง Harbin ในมณฑลเหยหลงเจียง ประเทศจีน เป็นภาพเกี่ยวกับหนุ่มคนหนึ่งกำลังทุบตีพ่อและแม่ของเขา ด้วยสาเหตุของห้องที่พ่อแม่เขาซื้อให้นั้นไม่ถูกใจ เพราะมีขนาดเล็กเกินไป   ชายหนุ่มชาวจีนทุบตีพ่อแม่   สำนักข่าว Daily Mail ได้รายงานว่าขณะที่มีผู้เดินผ่านสัญจรท้องถนนในแถบนั้น ก็พบชายคนหนึ่งกำลังทุบตีและมีปากเสียงกับชายและหญิงมีอายุคู่หนึ่งอยู่ ซึ่งภายหลังคนในละแวกก็รีบเข้าไปห้ามหลังรู้ว่าทั้งคู่นั้นคือพ่อและแม่ของเขา ขณะที่ชายหนุ่มทุบตีพ่อแม่อยู่นั้นพ่อแม่ก็ไม่ได้ตอบโต้เขาแต่ประการใด ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นมาปัดป้องเท่านั้น ผู้คนในแถบนั้นจึงพากันเข้ามาจับตัวเขาไว้และโทรเรียกเจ้าหน้าที่เพื่อมารับตัวไปในภายหลัง   ภายหลังสืบทราบมาว่าชายหนุ่มได้ห้องอพาร์ทเม้นท์ที่ว่าเป็นของขวัญแต่งงาน แต่เกิดฉุนขาดขึ้นมาเพราะมีความรู้สึกว่าห้องที่ได้นั้นเล็กเกินไป   คลิปวิดีโอนี้ถูกแชร์ออกไปมากมายและกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกันในสังคมออนไลน์ของประเทศจีนเลยทีเดียว   ลองมาชมคลิปบางส่วนกันได้ที่นี่ (มีความรุนแรง)   ที่จริงแล้วถ้าเขาฉุกคิดสักนิดว่าพ่อและแม่ต้องหาเงินมาด้วยความยากลำบาก กว่าจะนำมาซื้ออพาร์ทเม้นท์ให้เขาสักห้องได้ เขาก็คงไม่ทำแบบนี้หรอก…   ที่มา: Dailymail

ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นประเทศนักพัฒนา ชอบประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาอยู่ตลอดอย่าง “ประเทศญี่ปุ่น” แน่นอนว่าสิ่งต่างๆ เหล่านั้นต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว และสิ่งที่เรามักจะเห็นเป็นประจำอยู่ตามท้องถนนเลยก็คือพวกตู้หยอดเหรียญนี่แหละ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประเทศญี่ปุ่น ได้เนรมิต “เครื่องสีข้าวอัตโนมัติ” แบบหยอดเหรียญ เอาไว้เพื่อให้ประชาชนทั่วไปในทุกพื้นได้ใช้บริการกันอย่างสะดวกสบายแล้วจ้า     สำหรับเครื่องสีข้าวหยอดเหรียญ มีวิธีการใช้งานที่ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะถ้าหากต้องการใช้บริการ เพียงแค่นำข้าวเปลือกที่ยังไม่ผ่านการสีใดๆ มาเทใส่ลงไปในช่องรับข้าวเปลือกภายในเครื่อง ใช้เวลาเพียงไม่นาน จากข้าวเปลือกก็จะกลายออกมาเป็นข้าวขาว     เรียกได้ว่านอกจากจะสามารถสีข้าวได้แบบอัตโนมัติ และรวดเร็วแล้ว ยังสามารถเลือกคุณภาพการสีข้าวแต่ละชนิดได้ โดยกำหนดความขาวได้ตั้งแต่ 10-100 เปอร์เซ็นเลยทีเดียว     ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมสุดเจ๋งจากประเทศญี่ปุ่น ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับเกษตรกรภายในประเทศได้อย่างแท้จริง และที่สำคัญประชาชนยังสามารถซื้อข้าวเปลือกโดยตรงจากชาวนา และสามารถนำมาสีเองที่เครื่องสีข้าวอัตโนมัติได้อีกด้วย     การปลูกข้าวในประเทศญี่ปุ่น ได้ถูกพัฒนาอย่างเป็นระบบ มีการเอาใจใส่ในการปลูกทุกขั้นตอน รวมถึงเทคโนโลยีที่นำมาใช้ก็มีความทันสมัย แม้กระทั่งการสีข้าวก็ยังมีเครื่องมือสุดเจ๋งที่จะทำให้ประชาชนในประเทศสามารถสีข้าวเองได้อัตโนมัติ     เมื่อได้เห็นแบบนี้แล้ว ก็ทำให้กลับมาคิดว่าเราจะสามารถนำเครื่องสีข้าวดังกล่าวมาดัดแปลง และต่อยอด เพื่อนำมาใช้ในประเทศได้หรือไม่     และถ้าหากบ้านเรามีเครื่องสีข้าวอัตโนมัติแบบนี้บ้าง มันอาจจะทำให้ผู้บริโภครายย่อยสามารถซื้อข้าวเปลือกจากชาวนามาเก็บไว้ได้ เมื่อนำไปสีก็จะทำให้เราได้ทานข้าวที่สดใหม่อยู่ตลอดเวลา…ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่อาจจะช่วยกระตุ้นให้ภาคเกษตรกรรมในบ้านเรามีความยั่งยืน และเป็นระบบมากขึ้น…

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่ว่าจะทำอะไรคนหน้าตาดีก็มักจะได้รับอภิสิทธิ์เหนือกว่าคนหน้าตาธรรมดาเล็กน้อยไปจนถึงปานกลางและค่อนข้างมาก (แน่นอนว่าได้เปรียบ ฮร่า) และยิ่งเวลาที่เราออกไปท่องราตรีตามสถานบันเทิงต่างๆ คนหน้าตาดีก็มักจะสะดุดตาเราเสมอ ด้วยเหตุนี้เองเลยมีชาวอเมริกันนำไอเดียนี้มาทำเป็น “บาร์คนหน้าตาดี” ซะเลย…       เรื่องนี้ถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Independent เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2016 ที่ผ่านมา โดยภายในเนื้อหาบอกว่า ไอเดียนี้เป็นของชาวอเมริกันคนหนึ่งที่ชื่อ Greg Hodge เขาเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์หาคู่ Beautiful People ซึ่งจะคัดเลือกแต่คนหน้าตาดีๆ มาเจอกันเท่านั้น     ล่าสุดมีข่าวว่านาย Greg เตรียมที่จะเปิด “VIP room” หรือบาร์เหล้าสำหรับคนหน้าตาดีขึ้นในลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วใครล่ะที่จะเป็นคนบอกว่าคุณหน้าตาดีสามารถเข้าไปนั่งในบาร์ได้? ก็ตัวของเขาเองนั่นแหละที่จะเป็นคนคอยสกรีนว่าใครเข้าได้หรือเข้าไม่ได้ Greg ให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าว BravoTV บอกว่า “หลักการพื้นฐานของธรรมชาติในมนุษย์คือ เราทุกคนล้วนอยากจะอยู่กับคนที่มีความดึงดูด ผมเชื่ออย่างปักใจว่าความสวยงามจะอยู่ในดวงตาของคน”     เมื่อนักข่าวถามถึงหน้าตาของบาร์ที่เป็นศูนย์รวมของคนหน้าตาดี ว่าจะมีรูปร่างเป็นอย่างไร? เจ้าตัวก็ได้เผยภาพการออกแบบบางส่วนให้เราได้ชมกัน       และนี่คือภาพตัวอย่างของหนุ่มสาวที่ผ่านเกณฑ์และสามารถเข้าบาร์แห่งนี้ได้   หากคุณคิดว่าตัวเองหน้าตาดีพอ และอยากจะลองไปนั่งชิคๆ ในบาร์แห่งนี้ดูบ้าง? อย่างแรกคุณจะต้องกรอกใบสมัครผ่านเว็บไซต์ beautifulpeople เสียก่อน พร้อมทั้งส่งรูปใบหน้าและรูปร่างของคุณไปให้เขาพิจารณาด้วย จากนั้นคุณถึงจะรู้ว่าเข้าได้หรือไม่ได้ ที่มา independent

ถ้ามีใครจินตนาการถึงแวมไพร์ในความเป็นจริงที่ใกล้เคียงที่สุดแล้วล่ะก็ คงจะเป็นแม่สาวคนนี้นี่แหละ แวมไพร์ในชีวิตจริงล่ะ!!   Georgina Condon สาวนักแต่งหน้าชาวออสเตรเลียวัย 39 ปี ที่เริ่มดื่มเลือดและหลบเร้นจากแสงอาทิตย์ตั้งแต่เธออายุได้ 12 ขวบ เพราะฉะนั้นอาจเรียกได้ว่า 20 กว่าปีที่ผ่านมานั้น เธอใช้ชีวิตราวกับเป็น ‘แวมไพร์’ มาตลอด แต่ใครอาจจะคิดว่าการดื่มเลือดของเธอนั้นเป็นสิ่งที่ไร้สาระ แต่ความเป็นจริงแล้ว เธอมีความผิดปกติทางพันธุกรรม และเป็นโรคธาลัสซีเมีย เธอเลยมีความจำเป็นและต้องการธาตุเหล็กที่มีอยู่ในเลือดค่อนข้างสูง และอย่างน้อยทุกๆ สัปดาห์ เธอต้องดูดเลือดที่ได้รับจากแฟนหนุ่มของเธอ 1 ครั้ง!?   Georgina Condon   ‘ถ้าฉันไม่ได้ดื่มล่ะก็ ฉันจะมีอาการหงุดหงิดขี้โมโห และง่วงนอนตลอดเวลา แถมยังทำให้กระชุ่มกระชวยราวกับมีเซ็กส์เลยล่ะ’ เธอกล่าว Zamael แฟนหนุ่มที่คบกันมาเกือบ 3 ปีของเธอ มักจะใช้มีดกรีดเป็นรอยแผลเล็กๆ แล้วให้เธอดูดเลือดได้โดยตรงจากแผลนั้น ‘ฉันพยายามเว้นช่วงการดูดเลือดไว้ เพื่อให้ร่างกายของเขาฟื้นตัว แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่ค่อยมีคนนอกรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมนี้ของฉันนั้นเพราะว่ามันค่อนข้างแปลกพอสมควร’ เธอกล่าวต่อ   การดื่มเลือดจริงๆ   ศัลยกรรมฟันให้เหมือนกับแวมไพร์   Zamael แฟนหนุ่มที่คบกันมาเกือบ 3…

อีกหนึ่งก้าวของความเท่าเทียมและการยอมรับซึ่งกันและกันระหว่างเพศ เรื่องราวของอดีตสาววัย 20 ปีอย่าง Aaron Wixson ที่กำลังจะได้รับสถานะของนายทหารเป็นครั้งแรกในโลก!!   สิบตรี Aaron Wixson จาก Oklahoma ประเทศสหรัฐอเมริกา สมัครเข้ามาในหน่วยนาวิกโยธินของประเทศในปี 2014 ซึ่งขณะนั้นเธอยังถือว่าเธอเป็นเพศหญิงอยู่ เธอตกอยู่ในสภาวะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ มีความกังวลเกี่ยวกับเพศ หลังจากนั้นก็ได้มีคนไปแจ้งเรื่องนี้ให้กับผู้บังคับบัญชาของเธอให้ทราบ   Aaron Wixson   ด้วยความช่วยเหลือจากทางกองทัพสหรัฐฯ นอกเหนือจากการฝึกแล้ว พวกเขาก็ได้ให้หน่วยแพทย์ช่วยเสริมด้านฮอร์โมนบำบัดให้กับเธอ เพื่อช่วยในด้านการปรับตัวของเธอมากขึ้น สำหรับตอนนี้เธอก็มีเป้าหมายที่จะผ่าตัดเต้านมของเธอออก ควบคู่กับการใช้ฮอร์โมนบำบัดของเธอที่เป็นโปรแกรมพิเศษของทางกองทัพก็จะเสร็จสิ้นราวๆ เดือนพฤษภาคมปีหน้า ประกอบกับกฎกองทัพใหม่ที่กำลังจะออกมา ทำให้ Wixson สามารถเปลี่ยนชื่อ-สกุลในฐานข้อมูลของกองทัพ แต่งเครื่องแบบ และได้รับการปฏิบัติเทียบเท่ากับเหล่าทหารชายทุกๆ ประการ   Aaron Wixson สมัยก่อนกับตอนนี้   ‘ฉันรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากที่ได้รับใช้กองทัพสหรัฐฯ ในฐานะผู้หญิงข้ามเพศ แต่ถ้าคุณสามารถเป็นตัวของตัวเองล่ะก็ คุณจะสามารถทำงานได้ดี และเป็นประโยชน์ต่อทีมได้มากขึ้น’ เธอกล่าวกับ CNN Wixson คือชื่อใหม่ของเธอ ชื่อตอนเกิดของเธอคือ Arielle เธอมีปัญหามาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเธอมักมีพฤติกรรมและอยากแต่งตัวเหมือนกับเด็กชายเสมอ จนในสมัยมัธยมศึกษาตอนปลาย เธอก็กลายเป็นทอม เพราะคิดว่าจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ของเธอ…

ความสุขนั้นมีมากมายหลากหลายรูปแบบ แล้วแต่ว่าคำนิยามเกี่ยวกับความสุขของแต่ละคนนั้นจะมีมากน้อยแค่ไหน แต่ไม่ว่ายังไงคำว่า ‘ความสุข’ ก็เป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น ที่ดีต่อทั้งตัวเองและคนรอบข้าง แต่ปัญหาของมนุษย์ก็คือ ‘ความทุกข์’ เสียมากกว่า แถมยังส่งผลต่อคนรอบข้างราวกับการสูบบุหรี่มือสองเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าใครๆ ก็คงไม่อยากจะอยู่ใกล้ๆ กับคนที่ไม่มีความสุขหรอกเนาะ และที่แน่ๆ เลยก็คือ บางครั้งพฤติกรรมเหล่านี้ ก็สามารถนำคุณไปสู่ความทุกข์ได้มากกว่าคนอื่น ซ้ำร้ายกว่านั้นคุณอาจไม่รู้ตัวเลย และวันนี้เราก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับพฤติกรรมอันตรายแฝงความทุกข์ จะได้ระวังและเฝ้าสังเกตกัน     1. รออนาคตที่ดีกว่า การกระทำแบบนี้เป็นอะไรที่ง่ายมากที่จะนำไปสู่วังวนแห่งความทุกข์ เช่น เดี๋ยวก็สบายแล้ว เดี๋ยวสิ้นปีก็เงินเดือนขึ้นแล้ว หรือ เดี๋ยวก็มีแฟนแล้วปีหน้า เป็นต้น อย่าไปเสียเวลากับความสุขลมๆ แล้งๆ น้ำบ่อหน้า หันมาโฟกัสกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในปัจจุบันจะดีกว่า   2. แลกเวลาและความพยายามทั้งหมดของคุณไปกับสิ่งของ ถึงแม้ว่าเงินจะเป็นส่วนที่สำคัญในการแสวงหาความสุข โดยเฉพาะความหรูหรา และสิ่งของแพงๆ ต่างๆ ซึ่งถ้าทำได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไม่ได้ ก็จะเกิดความผิดหวัง ลองหาความสุขอื่นๆ เช่นความสำเร็จ เพื่อนๆ ครอบครัว สิ่งที่ชอบทำจะดีกว่า  …

สงครามไม่เคยทำให้เกิดเรื่องดีๆ ขึ้นได้ มีแต่จะทำให้เรื่องราวเลวร้าย และบางครั้งผู้ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องพลอยต้องมาโดนลูกหลงไปด้วย นี่คือเรื่องราวสุดเศร้าที่ถูกบันทึกไว้ด้วยคลิปสั้นๆ เด็กชาวซีเรียวัยเพียง 2 เดือน คนหนึ่งกำลังยิ้มแย้มกับหน้ากล้อง โดยมีคุณพ่อเป็นผู้ถือกล้องบึนทุกคลิปนี้อยู่ ซึ่งพวกเขาได้อาศัยอยู่ที่เมือง Aleppo ในคลิปเราจะได้เห็นหนูน้อยกำลังปรบมือ พร้อมกับยิ้มให้คุณพ่อที่ถือกล้อง ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขของครอบครัว แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นาน ก็มีเหตุทำให้วิดีโอต้องตัดไป     เพราะจู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นทางตอนตะวันตกของซีเรีย โดยกองกำลังของรัสเซียเพื่อขับไล่กลุ่มกบฏที่ควบคุมที่แห่งนั้นอยู่ ซึ่งเสียงระเบิดนั้นเหมือนจะเป็นระเบิดจากขีปนาวุธหรือไม่ก็ปืนใหญ่ มีผู้อยู่อาศัยอยู่ที่แห่งนั้นประมาณ 250,000 คน และอาจได้รับอันตราย และกองกำลังของประธานาธิบดี Assad ได้ทิ้งระเบิดและฉนวนเอาไว้สังหารชีวิตผู้บริสุทธิ์ โดยทางกลุ่มสิทธิมนุษยชนก็ได้ออกมาประนามการกระทำครั้งนี้ด้วย     เมื่อวันศุกร์ที่มีหน่วยช่วยชีวิตได้เล่าว่าบริเวณนี้อันตรายอย่างมาก เพราะมีการยิงระเบิดบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน และไม่ได้บ่อยขนาดนี้ด้วย แต่หลังจากนี้กลุ่มกบฏก็ได้ตอบโต้กลับ ยิงจรวดใส่พื้นที่ที่ทางรัฐบาลตั้งรับไว้ในเมือง เป็นเหตุให้ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 5 คน และ 2 คนในนั้นเป็นเด็กผู้หญิง     ส่วนทางการรัสเซียก็ได้ออกมาบอกว่าระเบิดครั้งนี้ไม่ได้เป็นการระเบิดเมือง Aleppo แต่เป้าหมายของการระเบิดคือกลุ่มกบฏในเมือง Idlib และศูนย์กลางใน Homs ที่มา dailymail

การดูแลลูกน้อย ถือเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจทุกๆ วินาทีจริงๆ เพราะว่าเด็กยังคิดอะไรไม่ได้มาก จึงอาจจะทำให้เกิดอันตรายกับเด็กได้ถ้าละสายตาไปเพียงแค่ไม่กี่วินาที เหมือนอย่างครอบครัวนี้ที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ในขณะลูกน้อยที่กำลังนอนบนโต๊ะพยายามคลาน จึงทำให้พลัดตกลงมา แต่ก็โชคดีมากๆ ที่ได้พี่ชายคนนี้ช่วยไว้ได้ทัน Joseph Levi เด็กหนุ่มวัย 9 ขวบจากเมือง Bal Harbour รัฐฟลอริดา ถูกกล่าวขานยกย่องให้เป็นฮีโร่ความไวแสง และแชร์ไปทั่วอินเตอร์เน็ต หลังคลิปเผยเหตุการณ์ที่เขาวิ่งไปช่วยน้องชายวัยทารกที่กำลังจะร่วงหล่นจากโต๊ะ ทุกสิ่งนั้นเกิดขึ้นเพียงช่วงพริบตา เมื่อคุณแม่หันหลังไปไม่กี่วินาที หนูน้อยวัย 11 เดือน Tila Levi ก็ได้พยายามคลานเล่นๆ จนตกจากโต๊ะ     และในตอนนั้น พี่ชายก็ความสามารถวิ่งเข้าไปรับได้อย่างทันท่วงที   และในตอนนี้ เขาก็ถูกยกย่องให้กลายเป็นฮีโร่ไปแล้ว   เขาเล่าว่า “ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาแล้วผลักผมให้เข้าไป แล้วมันก็เกิดขึ้นเลย ผมแค่วิ่งแล้วก็ไปรับตัวน้อง แต่ถ้าให้ทำอีกคงไม่ได้เลย เพราะว่าผมอุ้มน้องไม่ไหว” ตอนแรกคุณแม่ลังเลอยู่ว่าจะโพสต์คลิปนี้ดีหรือเปล่า เพราะว่ามันทำให้เห็นถึงข้อบกพร่องของตัวเอง แต่เธอก็ตัดสินใจโพสต์หลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีผ่านไป เพื่อที่จะทำให้บรรยากาศในวันนั้นดีขึ้น อีกทั้งคุณแม่ยังเล่าอีกว่าเธอได้รับบทเรียนที่ดีเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก โดยที่เธอจะระวังให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะว่าเหตุการณ์แบบนี้มันอาจจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้”     สำหรับพ่อแม่ทุกคนที่กำลังมีลูกน้อย ก็ระวังอุบัติเหตุให้ดีนะ เพราะว่าเราไม่สามารถคาดเดาท่าทีของเด็กได้เลย ว่าจะทำอะไรบ้าง…

ถ้าหากเราไปพบเจอคนที่มีความผิดปกติบางอย่างของร่างกาย เช่น มีนิ้วที่เกินมา หรือมีก้อนเนื้อที่เกินมา ก็พอจะเข้าใจ และรับรู้ได้ว่าเป็นความผิดแปลกของการทำงานบางอย่างในร่างกาย แต่สำหรับครอบครัวชาวอินเดียกลุ่มนี้ มันน่าทึ่งยิ่งกว่านั้น เพราะแม้แต่วิทยาศาสตร์ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่า เหตุใดทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะพี่คนโต ไปจนถึงน้องสาวคนเล็กสุด ทุกคนจะเกิดมามี 12 นิ้วมือ กับอีก 12 นิ้วเท้า!! จากการรายงานข่าวของ Dailymail พบว่า ครอบครัว ‘Choudhary’ นี้อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ในเมือง Bihar ตอนเหนือของประเทศอินเดีย พวกเขามีสมาชิกทั้งหมด 25 คน และทุกคนต่างก็มีความผิดปกติที่เหมือนกันเป๊ะ   ทางด้านคุณพ่อหัวหน้าครอบครัวให้สัมภาษณ์ว่า “คุณพ่อ และคุณตาของผมก็มีนิ้วเกินแบบเดียวกัน รวมทั้งพี่น้องของผมด้วย จนถึงตอนนี้แม้แต่ลูกๆของผม ทุกคนก็มีนิ้วเกินเหมือนกันหมด”   สำหรับคุณพ่อแล้ว เขาคิดว่าการที่ตัวเองมีนิ้วเกินมาไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแต่อย่างใด แต่สำหรับลูกๆของเขาโดยเฉพาะลูกสาว มันส่งผลให้เธอถูกปฏิเสธจากการแต่งงานมาแล้วมากถึง 4 ครั้ง!!   ทางน้องสะใภ้ Sitbiya Choudhary เธอให้สัมภาษณ์ว่า ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นผลจากคำสาปอะไรบางอย่าง หรืออาจจะเป็นข้อความจากพระเจ้า ที่ต้องการจะสื่อให้พวกเขาได้รับรู้   ปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลแค่ลูกผู้หญิงเท่านั้น…

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สำหรับเด็กๆทั้งหลายนั้น มวยปล้ำรายการ ‘WWE’ เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำในวัยเด็กที่ยากจะลืมได้ลง ด้วยเสียงพากษ์ของ ‘น้าติง ฮาร์คอ’ ที่ติดตราตรึงใจพวกเราสุดๆ แต่คราวนี้ #เหมียวบ็อบ จะพาไปรู้จักกับการแข่งขันมวยปล้ำของชาวเม็กซิโก เรียกได้ว่าแม้แต่ท่าไม้ตายของ ‘The Rock’ ก็ยังต้องชิดซ้าย เพราะบนเวที ‘DTU’ แห่งนี้ เค้าซัดกันจริงๆ เลือดออกจริงๆ แถมนักกีฬาทุกคนยังได้แผลกลับบ้านไปแบบจริงๆ อีกด้วย (โหดมาก) **คำเตือน บางภาพอาจมีความรุนแรง โปรดทำใจก่อนรับชม**     รายการแข่งขันมวยปล้ำนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจาก เหตุการณ์ความรุนแรงของแก๊งค์ค้าย้า ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวันในเม็กซิโก “พวกเราคือนักสู้เลือดพิเศษ แต่พวกเราไม่ใช่ความรุนแรงของสังคม นี่คือกีฬาชนิดหนึ่ง และเราก็เชื่อว่าเม็กซิโกมีความรุนแรงบนท้องถนนมากเกินพอแล้ว” นักมวยปล้ำคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์   แทบจะทุกแมทช์ ที่นักมวยปล้ำทั้งสองฝ่าย จะได้ลงเวทีพร้อมกับบาดแผล และเลือดจริงๆ   การแข่งขันรายการนี้ กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 แล้ว โดยแต่ละแมทช์ ผู้เข้าชมจะได้เห็นเหล่านักมวยปล้ำทั้งสองฝ่าย ห่ำหั่นบนเวทีอย่างเมามันส์ ไม่มีกฏกติกา ไม่มีการห้ามใช้อาวุธ สู้จนกว่าอีกฝ่ายจะลุกไม่ไหว และกรรมการจะเป็นคนตัดสินแพ้-ชนะ…

ไม่อาจมีสิ่งใดมาขวางกั้นคำว่ามิตรภาพได้หรอกว่าไหม เพราะถ้าหากคุณความสัมพันธ์อันดีต่อคนรอบข้าง ไม่ว่าเขาคนนั้นจะอายุเยอะกว่า หรือน้อยกว่า แต่ถ้าหากมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ก็สามารถกลายเป็น “เพื่อนรัก” กันได้ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ได้เผยภาพ พร้อมเรื่องราวสุดประทับใจของ Lance Rufus หนูน้อยวัยสองขวบ ที่ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองพลาโน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ทำให้เขาได้พบกับ James Jackson พนักงานเก็บขยะที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่แสนประทับใจระหว่างเด็กน้อยกับผู้ใหญ่ ที่สร้างรอยยิ้ม และความประทับใจให้กับผู้คนทั่วโลก     การเก็บขยะมันอาจะเป็นงานที่น่าเบื่อสำหรับผู้ใหญ่หลายๆ คน แต่สำหรับเจ้าหนู Lance เขากลับสนุกกับมันมากๆ เลย เพราะในทุกๆ วันจันทร์ เขามักจะวิ่งออกไปพบกับ James พร้อมกับช่วยเก็บขยะอีกด้วย     ทางด้านแม่ของ Lance ได้เผยว่า “เวลาที่ได้ยินเสียงรถเก็บขยะมา เขาจะหยุดกินข้าวเช้า แล้วตะโกนออกไปว่า “รถบรรทุกขยะ” ซึ่งเราก็จะต้องอุ้มเขาลงจากเก้าอี้ และปล่อยให้เขาไปพบ James”    …

สำหรับคนที่รักการเดินทางแล้ว แน่นอนว่าการทำงานเข้าออฟฟิศนั้นก็ค่อนข้างที่จะเป็นปัญหาอยู่บ้างเพราะราวกับว่าเป็นการจำกัดอิสรภาพเอาไว้ และด้วยเหตุเหล่านี้ก็กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของเขาคนนี้ล่ะ!! Julian Austin ชายหนุ่มอายุ 28 ปีที่เดินทางท่องเที่ยวมาทั่วโลกแล้วกว่า 30 ประเทศ ตัดสินใจว่าตัวเขาต้องเริ่มหางานทำที่จริงจังแล้ว และเรื่องที่สำคัญก็คือ เขาต้องการงานที่ทำให้ตัวเองไม่ต้องละทิ้งความฝันในการเดินทางท่องโลก… และงานที่เขาเลือกก็คือ การทำงานเป็นกะบนเรือสำราญแคริบเบียน ด้วยระยะเวลา 7 เดือน และนี่คือประสบการณ์ที่เขาพานพบมาล่ะ!!   Julian Austin ชายหนุ่มอายุ 28 ปีกับความฝันในการท่องโลก   เขาเซ็นสัญญารับงานนี้เป็นระยะเวลา 7 เดือนเต็ม ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็เคยทำงานมาแล้วทั่วโลก ทั้งรีสอร์ตเล่นสกี งานอาสาสมัครในโคลัมเบีย งานสอนในเกาหลีใต้ หรือแบ็คแพ็คไปทั่วยุโรปเพื่อทำงานทุกๆ อย่างที่หาได้ตามรายทาง   งานบนเรือสำราญ เขารับหน้าที่เป็นสตาฟด้านกีฬา โดยเฉพาะการปีนเขาจำลอง   แต่บางครั้งสัญญาของเขาก็ครอบคลุมไปถึงการเดินพาเหรดตีมบ้าๆ บอๆ ไปจนถึงการแต่งตัวเพื่อเต้นเป็นนักเต้นเปลื้องผ้าชายอีกด้วย!?   แต่การทำงาน 7 เดือนเต็มนั้น วันหยุดแทบจะไม่มี การที่จะได้หยุดนั้นเรียกว่าเป็นชั่วโมงมากกว่า เพราะเขาต้องตั้งนาฬิกาปลุกตลอดเวลา   เพราะมักมีงานให้คุณทำเสมอๆ และอีกหนึ่งเรื่องที่ทำได้ยากก็คือการแยกงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน เพราะทุกๆ คนต้องใช้ชีวิตด้วยกันตลอด  …

ส่วนใหญ่แล้วถ้าพูดถึงชีวิตในเรือนจำ แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่สถานที่ๆ ใครอยากไปอยู่กัน เพราะลำพังแค่โดนจำกัดอิสรภาพที่จะไปไหนมาไหนได้ตามสบาย ก็แย่เต็มทน ตอนแรก #เหมียวบ็อบ ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน จนมาเจอการรายงานบนเว็บไซต์ Dailymail รายงานเรื่องของนักโทษจากเรือนจำเมือง ‘Dorset’ ที่ใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบาย ราวกับว่าอยู่ที่บ้าน แถมที่น่าตกใจคือ..มียาเสพติดให้พร้อมทุกอย่าง!!   จากการรายงานพบว่า นักโทษคนนี้ใช้อินสตาแกรมชื่อว่า ‘parsonshmp’ กำลังโพสต์ภาพชีวิตและชาวแก๊งค์ของเขา ที่กำลังใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบาย   แต่หลังจากที่เรื่องนี้ออกสื่อไปได้ไม่นาน กองตรวจเรือนจำแห่งเกาะอังกฤษ ก็ได้เข้ามาตรวจสอบแล้วพบว่า ที่เรือนจำแห่งนี้มีนักโทษทั้งหมด 580 คน ด้วยจำนวนคนที่ไม่มาก และง่ายต่อการปกครอง จึงทำให้เกิดกลุ่มมาเฟียที่แผ่ขยายอำนาจออกไปมากเกินกว่าจะรับมือไหว เรียกง่ายๆว่า เจ้าพ่อมาเฟียซื้อที่นี่ไว้หมดแล้ว   มีสเต๊กเนื้อแดงให้กินอย่างดี   กลุ่มนักโทษในเรือนจำที่อยู่ร่วมกันดั่งพี่น้องร่วมสาบาน   ภาพเงินที่นักโทษในเรือนจำโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของตัวเอง   คนข้างนอกเค้าดูดกัญชากัน แต่ในนี้พิเศษกว่า เค้าดูดสิ่งที่เรียกว่า ‘Hash’ (กัญชาสกัดคัดเอาแต่ผงที่เต็มไปด้วย THC โดยเฉพาะ)   ภาพห้องพักส่วนตัวของนักโทษ อย่างกับอยู่หอพักในมหาวิทยาลัย   งานนี้กองตรวจเรือนจำแห่งเกาะอังกฤษก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ลงมาตรวจสอบ และเพิ่มโทษให้แก่นักโทษทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อย   เผยให้เห็นภาพสังคมภายใน…

เรียกได้ว่าทุกๆ ปีเราจะได้เห็นเรื่องราวของกลุ่มนักศึกษา หรือองค์กรต่างๆ ที่รวมตัวกันถ่ายภาพปฏิทินพร้อมกับนำมาวางขาย บ้างก็นู้ด บ้างก็เป็นภาพเน้นสวยงาม แล้วแต่จะครีเอทกันไป แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีสำนักไหนเด็ดเท่านี้อีกแล้ว เพราะนี่คือปฏิทินคอลเล็คชั่นประจำปี ‘2017’ ที่คาดการณ์กันว่ากำลังจะมาแรงที่สุด แซงทุกโค้งมหา’ลัย ที่เคยทำกันออกมา เป็นการรวมตัวของเหล่าคนขับแท็กซี่ผู้ใช้ชีวิตในนิวยอร์คมาอย่างยาวนาน จนเรียกได้ว่าเป็น ‘นิวยอร์คเกอร์’ เต็มตัว โดนหนุ่มฮ็อตแต่ละคนจะได้รับหน้าที่ไปคิดท่าโพสต์เท่ๆมา และนี่คือภาพจากปฏิทินทั้งหมด โดยสนนราคาอยู่ที่ 500 บาทเท่านั้น   เปิดตัวปฏิทินต้อนรับปีใหม่อย่างงดงาม   ทักทายกันด้วยเดือนแรกสุดของปี มกราคม หนุ่มหล่อ Zaib ขอรับหน้าที่นี้ไว้เอง   กุมภาพันธ์ กับหนุ่ม Luis แหม..เดือนแห่งความรักต้องเข้าตีมซักหน่อย   ไปต่อกันที่มีนาคม…กระผมคนขับ Ali จะขอดูแลผู้โดยสารอย่างดี   เมษายน เดือนนี้ร้อนหน่อย คงต้องปล่อยให้รุ่นเก๋าอย่าง Yuriy จัดการแล้วล่ะ   มากันที่เดือนพฤษภาคม พี่ Sam จัดให้!!   มิถุนายน เค้าว่าเป็นเดือนของหนุ่มฮ็อตโจ (แอบชอบอันนี้ พี่แกเล่นใหญ่มาก)…

ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ต่างก็รักชีวิตของตัวเอง และไม่ต้องการให้ใครมาทำร้ายทั้งนั้น เหมือนดังเช่น Chi Chi น้องหมาพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ตัวนี้ มันเป็นสุนัขที่น่าสงสารมากๆ ตัวหนึ่ง ที่ถูกคนใจร้ายนำมาทิ้งไว้ที่ถังขยะนอกโรงงานฆ่าสุนัขทางตอนใต้ของประเทศเกาหลี แต่โชคดีที่มันสามารถรอดมาได้ เพราะมีครอบครัวใจดีได้ช่วยชีวิตเอาไว้ยังไงละ ดีใจด้วยนะเจ้าหมา!!     เรื่องราวของเจ้าหมา Chi Chi ไม่ได้สวยหรูเหมือนกับหมาตัวอื่นๆ เพราะก่อนหน้านี้ มันเคยถูกมนุษย์ใจร้ายมัดเอาไว้ เพื่อเตรียมส่งไปยังโรงงานฆ่าสุนัขสำหรับนำไปทำเป็นอาหาร  อีกทั้งยังถูกให้อดข้าว อดน้ำ เนื่องจากทางเจ้าของโรงงานฆ่าสุนัขเห็นว่า มันเป็นการสิ้นเปลืองจนเกินไป   แม้ว่าจะได้เจอเรื่องราวอันแสนเลวร้าย ที่สุนัขตัวหนึ่งจะรับไหว แต่มันก็สามารถผ่านมาได้ เพราะโชคดีเหลือเกินที่ทางกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ (Animal Welfare Group) ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือมันไว้ได้ทัน จนทำให้มันรอดตายมาได้   สภาพของ Chi Chi ในตอนนั้น ดูเหมือนจะบอบช้ำมาก ร่างกายของมันเต็มไปด้วยแผล อีกทั้งอุ้งเท้าของมันทั้ง 4 ข้าง ก็ได้รับบาดเจ็บ และเริ่มเน่าจนไม่สามารถใช้งานได้ ด้วยเหตุนี้ แพทย์จึงต้องทำการตัดอุ้งเท้าทั้งหมดของมันออกไป เพื่อช่วยรักษาชีวิตของเจ้าหมาเอาไว้     เมื่อเรื่องราวสุดรันทดของเจ้าหมาตัวหนึ่ง…

นับตั้งแต่ยุคกรีก-โรมัน ศิลปแนวสมจริง (realistic) ก็ถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาถึงจุดพีคในช่วงยุคทศวรรษที่ 60 และ 70 อันเป็นจุดกำเนิดของภาพวาดแนวเสมือนภาพถ่าย (Photorealism และ Hyperrealism) เหล่าศิลปินได้พัฒนาการวาดจนบางครั้ง เราแทบแยกไม่ออกเลยว่า นั่นคือภาพถ่ายหรือภาพวาด ว่าแล้วเพื่อนๆ ลองชม 18 ภาพที่ #เหมียวอ๊อดโด้ นำมาให้ชมวันนี้สิ รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องทึ่งในฝีมือของศิลปินเหล่านี้แน่นอน เพราะมันช่างสมจริงจนแทบไม่เชื่อสายตาเลยล่ะ เชิญชมได้เลย!   ภาพสีน้ำมัน โดย Nathan Walsh   ภาพวาดดินสอ โดย Emanuele Dascanio   ศิลปะภาพวาดโดยใช้นิ้ว โดย Zaria Forman   ภาพสีน้ำมัน โดย Oda And Kit King   ภาพสีน้ำมัน โดย Mike Dargas   ภาพสีน้ำมัน โดย Dennis Wojtkiewicz   ภาพสีน้ำมัน โดย…

เกิดเป็นแมวจร วันๆ ได้แต่นั่งมองแมวบ้านใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเจ้านาย คิดแล้วมันช่างน่าอิจฉายิ่งนัก แล้วเมื่อไหร่กันละ ที่เราจะมีโอกาสได้อยู่ในบ้านหลังใหญ่ แต่ก็นะ…รอแล้วรออีกก็ไม่เห็นมีใครมารับไปเลี้ยงสักคน ถ้าอย่างนั้นขอหาบ้านเองเลยก็แล้วกัน หึ!! และนี่คือ อดีตแมวจนไร้ที่อยู่อาศัย ปัจจุบันมีบ้านหลังใหม่ และมีเจ้านายใจดีคอยดูแลอยู่ ซึ่งก่อนหน้าที่มันจะได้เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ มันไม่ได้ถูกพาเข้าบ้าน หรือถูกรับมาจากศูนย์พักพิงสัตว์ แต่มันมัดมือชกเจ้าของ โดยการมาปรากฏตัวอยู่หน้าประตู พร้อมทำท่าทางราวกับว่า ให้ข้าเข้าไปเดี๋ยวนี้นะ!!     ทางด้านเจ้าของบ้าน ที่เลี้ยงแมวอยู่แล้วถึง 2 ตัว ก็ได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด โดยการวางกับดักเพื่อจับตัวมัน พร้อมทั้งพยายามหาบ้านใหม่ให้ โดนผ่านทางศูนย์พักพิงสัตว์   จริงๆ แล้วเรื่องมันควรจะจบลงตั้งแต่นำตัวเจ้าเหมียวไปส่งให้กับทางศูนย์พักพิง แต่ทว่าในขณะที่เขาได้เอากับดักที่จับมันไว้ออกจากรถ เจ้าเหมียวมันกลับหนีออกมาได้… และอีก 3 วันต่อมา พวกเขาก็ได้พบเจ้าเหมียวตัวเดิมอีกครั้ง โดยภาพที่เห็นคือมันกำลังนั่งอยู่ตรงประตูที่เดิมเลยจ้า หืมมม ตื้อจริงๆ     จนในที่สุดมนุษย์ก็พ่ายแพ้ให้กับแมวเหมียวอีกครั้ง โดยการรับมันเข้ามาอยู่ในบ้าน เฮ้อ…แผนตื้นๆ ของแมว ก็หลงเชื่อกันง่ายๆ แบบนี้เลยหรอ ฮร่าๆ   หลังจากที่ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในครอบครัวของเจ้านายคนใหม่ได้สำเร็จ เจ้าเหมียวก็ดูเหมือนจะมีความสุขกับการเป็นแมวบ้านซะเหลือเกิน  …

เรียกว่าเป็นอีกก้าวที่น่าสนใจสำหรับวงการแพทย์เลยทีเดียว เมื่อทีมนักวิจัยจาก Scientists at Imperial College of London ร่วมมือกับ UK biotech บริษัทพันธุกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพัฒนาแฟลช์ไดรฟ์ที่สามารถตรวจเชื้อไวรัส HIV ในร่างกายมนุษย์จากเลือดเพียงหยดเดียว และรู้ผลได้ทันทีภายในครึ่งชั่วโมง!!     วิธีการใช้งานก็ไม่ยากเพียงแค่ใช้ตัวอย่างเลือดหนึ่งหยด จากนั้นตัวแฟลชไดรฟ์ก็จะทำการคำนวนวัดระดับเชื้อ HIV1 ภายในเลือด ก่อนจะแปลงข้อมูลแล้วส่งไปยังคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่ออยู่ โดยกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาไม่เกิน 21 นาทีและสามารถรู้ผลได้เลย เรียกว่ารวดเร็วกว่าส่งผลเลือดเข้าห้องทดลองเป็นไหนๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ทำการทดสอบเชื้อเป็นครั้งแรก หรือสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการวัดระดับเชื้อในเลือดของตนเองในขณะนั้น     อย่างที่ทราบกันดีกว่าปัจจุบันเชื้อไวรัส HIV เป็นหนึ่งในเชื้อไวรัสที่คุกคามสุขภาพพลานามัยของมนุษยชาติ จนมีผู้เสียชีวิตปีละกว่า 1 ล้านคน แม้ว่าอุปกรณ์จะยังอยู่ในช่วงของการพัฒนา แต่ก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีในการควบคุมและรักษาโรคดังกล่าว นอกจากนี้ แนวทางการตรวจโรคแบบนี้ อาจสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการตรวจโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเลือดได้ อย่างเช่น เบาหวาน เป็นต้น   ที่มา techcrunch

Natalia Castellar สาวชาวเปอร์โตริโก วัย 17 ปีคนนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่เกิดมามีคิ้วดกดำ และหนากว่าคนทั่วๆ ไป โดยในสมัยที่ยังเป็นเด็ก เธอมักจะถูกเพื่อนที่โรงเรียน รวมถึงคนอื่นๆ ล้อเลียนคิ้วของเธอมาโดยตลอด จนกลายมาเป็นปมด้อยในใจ และนั่นก็ทำให้เธอเคยมีความคิดที่ว่าอยากจะโกนมันทิ้งไปให้หมด     “เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก แทบทุกคนต่างพากันสนใจคิ้วของฉัน ฉันมักจะถูกพวกเขารังแก เพราะมีคิ้วที่หนา และยาวเกินไป ซึ่งมันทำให้ฉันอยากจะโกนทิ้งไปซะให้รู้แล้วรู้รอดเลย” Natalia กล่าว แต่เมื่อเติบโตขึ้น Natalia กลับเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองใหม่ทั้งหมด เธอไม่แคร์ว่าใครจะคิดยังไงกับคิ้วที่ดกและหนาของเธอ ได้เรียนรู้ที่จะอยู่และยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น     และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอได้เซ็นสัญญาเป็นนางแบบในสังกัด NEXT Models และได้ถ่ายแบบให้กับแบรนด์แฟชั่น รวมถึงแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังมากมาย เช่น NARS และ Mansur Gavriel     “คิ้วที่ดกหนา มันได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของฉันไปแล้ว และฉันหวังว่าฉันจะได้รับการตอบรับที่ดี” Natalia กล่าว   ตอนนี้ Natalia รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเกี่ยวกับงานใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของเธอ  …

ช่วงก่อน #จ่าสิบเหมียว ก็ได้นำเสนอเรื่องราวของ เด็กหนุ่ม 15 ที่ดูชีวิตดีพร้อม หนีจากบ้าน… ‘อย่าตามหาผม ผมเบื่อโลก’ อีก 1 ปีผมจะกลับมา กันไป วันนี้เราก็มี ep.2 ของเรื่องนี้มาให้เพื่อนๆ ได้ติดตามกัน!! เพราะว่าตอนนี้ได้มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า พบตัวเด็กหนุ่ม Arthur Heeler-Frood ที่หนีหายออกไปจากบ้านของตัวเองแล้ว แถมอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขานัก เพียง 16 กิโลเมตรเท่านั้น!? เจ้าหนุ่มถูกพบอยู่ที่สถานีรถไฟของเขต Honiton ที่อยู่ห่างออกไปเพียง 16 กิโลเมตรจากบ้านของเขาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังมีผู้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับเขาเมื่อไม่นานมานี้ ว่าเห็นเจ้าหนุ่มกำลังขึ้นรถไฟที่สถานีเมือง Exeter   Arthur Heeler-Frood   Jeremy และ Caroline Heller-Frood ‘เรารู้สึกดีใจมากที่ได้เจอลูกชายของเราที่หายตัวไปซะที ถึงจะเหนื่อย สกปรกและตัวเหม็นไปซะหน่อย แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เขาปลอดภัยแล้วล่ะ’ ‘เขาเป็นเด็กที่ดี เขาชอบอ่านหนังสือ แต่ช่วงก่อนที่พี่ชายของเขาได้ออกเดินทางไปผจญภัยด้วยตัวเองทั่วยุโรป ประกอบกับพี่สาวของเขา ก็ขึ้นรถไฟไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองอีก นั่นคงเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากทำเองบ้าง’ พ่อและแม่กล่าวต่อ   ระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาเขาไปเจออะไรมาบ้าง…  …

ถ้าคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไปเที่ยวที่โตเกียว คุณอาจจะชอบการกับได้ชมเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยอะไรแปลกๆ มากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดก็คือที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้คือเมือง “ชิชิบู” อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือห่างจากโตเกียวประมาณ 2 ชั่วโมง นี่คือที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่แปลกแหวกแนวแบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพราะมันได้รวบรวมสะสมหินรูปร่างแปลกๆ เหล่านี้มาไว้รวมกัน     พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อว่า “ชินเซคิคัง”  โดยผู้ก่อตั้งที่แห่งนี้ได้ใช้เวลากว่า 50 ปีในการรวบรวมหินที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนไว้ พร้อมกับตั้งชื่อให้ตามลักษณะและความเหมือนของแต่ละก้อน มีตั้งแต่พระเยซูไปจนถึงเอลวิส ซึ่งทั้งหมดแล้วมีประมาณ 1,700 ก้อน และหินที่มีหน้ามี 900 ก้อน หินที่เป็นรูปหน้าก็มีมากมายหลายชนิด ทั้งดาราคนดัง นักการเมือง หรือแม้กระทั่งตัวละครจากเกมอย่าง ดองกี้ คอง ก็มีด้วยเหมือนกัน เราไปชมบรรยากาศภายในนั้นกันเลย     ตอนนี้ลูกสาวของผู้ก่อตั้งเป็นผู้ดูแลอยู่ เพราะว่าผู้ก่อตั้งคนแรกนั้นได้จากไปตั้งแต่ปี 2010 แล้ว และยังเปิดให้ผู้คนได้เขาไปเยี่ยมชมอยู่ โดยจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ที่มา boredpanda , spoon-tamago

เราเคยได้ยินเรื่องราวของเด็กหนุ่มหลายๆ คน ที่ริเริ่มไอเดียเจ๋งๆ ตั้งแต่ยังเด็ก และสามารถนำไอเดียนั้นมาต่อยอดเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้งาม ชนิดว่าผู้ใหญ่หลายๆ คนต้องยกย่อง ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เป็นเรื่องราวของวัยรุ่นอายุ 14 ปี ถึงแม้ว่าอาจจะยังไม่ได้มีรายได้นับพันล้าน แต่อย่างน้อย.. ด้วยไอเดียที่เรียบง่าย แต่ใช้งานได้จริงของเขา สามารถสร้างรายได้ให้เขานับล้านเพียงชั่วเวลาไม่กี่ปี     เด็กชายวัย 14 คนนี้เขามีชื่อว่า ‘Harvey Millington’ และได้กลายเป็นเศรษฐีที่มีอายุน้อยที่สุดบนเกาะอังกฤษ ด้วยการขายสินค้าที่เรียกว่า ‘Tax Disc Reminder’ อันเนื่องมาจากเค้าเห็นว่า คนส่วนใหญ่มักจะลืมวันที่ต้องไปจ่ายภาษีรถตัวเอง สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องเป็นราวเสียค่าปรับที่แพงกว่าเดิม เจ้าตัวจึงปิ๊งไอเดียทำสติ๊กเกอร์ที่เรียบง่าย พร้อมแปะตรงกระจกรถ เพื่อเตือนให้ผู้ใช้ได้รู้ถึงวันที่ต้องไปจ่ายภาษี ภายในปีเดียว เขาสามารถทำกำไรด้วยสติ๊กเกอร์อันนี้ได้มากถึง 100,000 ปอนด์ (ประมาณ 4.4 ล้านบาท) หลังจากนั้นเจ้าตัวจึงนำกำไรทั้งหมด มาลงทุนซื้อที่ดินขนาด 7 ไร่ เพื่อก่อตั้งบริษัท ก่อนที่จะมีนายทุนมาเสนอซื้อกิจการต่อเขาในราคาสูงถึง 88 ล้านบาท!!   นับตั้งแต่วางขายสติ๊กเกอร์แบบนี้ได้ไม่นาน Harvey ก็ต้องรับมือกับออเดอร์ที่สั่งเข้ามามากถึงวันละ 400 แผ่น…

ถ้าพูดกันถึงวีรกรรมของบุคคลที่มีความเป็น ‘มนุษย์ป้า’ จะให้นั่งเล่ากันเจ็ดวัน ก็คงไม่หมด เพราะบ่อยครั้งที่มักจะได้เห็นข่าวคราว หรือเรื่องราวที่เกิดจากวีรกรรมของมนุษย์ป้าอยู่เสมอ เหมือนกับว่าพวกเธออยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่แคร์ใครหรอก เช๊อะ!! สำนักข่าว Dailymail ได้รายงานว่า คุณป้า Elaine Bacon วัย 55 ปี เธออาศัยอยู่ในเมือง น็อตติ้งแฮม ถูกศาลสั่งปรับเงินเป็นจำนวนกว่า 3,300 บาท ด้วยข้อหาที่แอบวาดที่จอดรถสำหรับคนพิการขึ้นมาเอง ตรงหน้าบ้านของเธอเอง     คุณป้าผู้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มานานกว่า 34 ปี เธอได้อธิบายเหตุผลว่า เธอไม่สามารถเดินไกลหลายเมตร เพื่อจอดรถในที่จอดได้ อันเนื่องมาจากปัญหาทางสุขภาพของเธอที่ไม่เอื้ออำนวยนัก “ทุกวันฉันต้องจอดรถห่างจากบ้านไกลถึง 20 เมตร และด้วยอาการเจ็บป่วยของคนแก่ ทำให้ฉันต้องค่อยๆคลานกับเข้าบ้านอย่างช้าๆ พร้อมน้ำตาที่มาจากความเจ็บปวดร่างกายเหลือเกิน” เธอให้สัมภาษณ์ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงวินิจฉัยและพบว่า เธอป่วยจริง จากอุบัติเหตุเมื่อปี 2008 ทำให้ไขกระดูกของเธอมีปัญหา ส่งผลต่อการเดินในระยะยาว โดยคุณป้าให้การว่า ปกติแล้วเธอจะต้องไปไหนมาไหนกับสามี พร้อมกับวีลแชร์คู่ใจ แต่แล้วเธอก็รู้สึกว่าน่าจะทำให้มีความสะดวกสบายได้มากกว่านี้ เธอจึงลงมือวาดที่จอดรถขึ้นมาเองเลย     แต่ท้ายที่สุดแล้ว…

คุณคิดว่าบอสที่ทำงานของคุณโหด และโฉดมากพอรึยัง? ถ้าใครที่คิดว่าตัวเองมีบอสที่โหดเหลือเกิน อาจจะด้วยวิธีการจัดการกับลูกน้อง หรืออะไรก็แล้วแต่ เราขอบอกเลยว่า หัวหน้าใหญ่ของบริษัทแห่งนี้ในเมืองจีน โหดกว่านั้นหลายเท่า เพราะเขาสั่งให้พนักงานที่ไม่สามารถทำยอดขายได้ถึงเป้า ต้องกินหนอนเป็นๆเพื่อเป็นการทำโทษ!!   สำนักข่าว Huashang Daily รายงานว่า มีบริษัทแห่งหนึ่งในเมือง HanZhong มณฑลส่านซี กำลังยืนประชุมอยู่ในใจกลางเมือง พร้อมกับพนักงานราว 60 ชีวิต ซึ่งพยานในเหตุการณ์เล่าว่า มีหัวหน้าใหญ่ถือถุงที่เต็มไปด้วยหนอน พร้อมกับตะเกียบ และเหล้าต้นตำรับของจีน สำหรับพนักงานที่ไม่สามารถทำยอดขายให้ถึงเป้าได้     เดิมทีบริษัทนี้มีชื่อว่า ‘อ้ายเจีย’ หรือที่แปลว่า ‘รักบ้าน’ ซึ่งเป็นบริษัทขายอุปกรณ์ก่อสร้าง ร่วมกับบริษัทย่อยอื่นๆอีก 10 แห่ง โดยระหว่างประชุม หัวหน้างานจะขานเรียกชื่อพนักงานที่ทำยอดขายได้ไม่ถึงเป้า เพื่อให้ออกมากินหนอนทั้งเป็น พร้อมกับเหล้าป๋ายจิ่ว (เหล้ายี่ห้อหนึ่งของจีน) พนักงานคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “วันนี้เราถูกทำโทษให้กินหนอน สำหรับลูกค้า 1 คนที่เราเสียไป จะต้องแลกมาด้วยหนอน 4 ตัว”     ซึ่งพนักงานเล่าว่า ในทุกๆเช้าวันใหม่ของการทำงาน บริษัทและพนักงานขายจะตั้งเป้ายอดขายในแต่ละวันไว้ และสำหรับใครที่ทำไม่ถึงเป้า ในตอนเย็นจะต้องถูกลงโทษด้วยการกินเหล้า…

สำหรับนกเพนกวินในประเทศนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขต Oamaru แล้ว การเสี่ยงชีวิตเดินข้ามถนนเพื่อที่จะไปทำกิจกรรมอะไรบางอย่าง จากฝั่งหนึ่ง สู่อีกฝั่งหนึ่ง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาว และมีประชากรพี่น้องเพนกวินที่ต้องเสียชีวิตเพราะอุบัติบนท้องถนนไปเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าทางการจะสั่งติดป้ายเตือน หรือผู้ขับขี่จะระวังมากขนาดไหนก็ตาม แต่อุบัติเหตุ ก็คือสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด และไม่อยากให้เกิดขึ้น จนในที่สุด ปัญหานี้ก็ได้ถูกแก้ไข ด้วยอุโมงค์ขนาดยาวกว่า 25 เมตร   ซึ่งก่อนหน้านี้ นับว่าเป็นปัญหาอันใหญ่หลวงของเหล่านกเพนกวินน้อยมากๆ เพราะเมื่อไหร่ที่จะข้ามถนนที ก็ต้องลองเสี่ยงชีวิตโดยที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ   รัฐบาลจึงสั่งสร้างอุโมงค์ใต้ดินเพื่อใช้ข้ามถนน โดยมันใช้เวลาสร้างเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น (ประเทศแถวๆ บ้าน #เหมียวบ็อบ เค้าวางท่อกันเป็นปี) อีกทั้งยังมีเหล่าผู้คนในชุมชนออกมาช่วยลงแรง ลงใจกัน ให้สำเร็จได้อย่างรวดเร็ว   หลังจากสร้างเสร็จแล้ว เหล่านกเพนกวินก็ดูมีความสุขสุดๆ ที่ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองบนท้องถนน อีกทั้งคนใช้รถใช้ถนนเอง ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอไปชนเพนกวินตัวไหนอีกแล้ว   นอกจากจะสร้างเสร็จแล้ว เค้ายังมีการติดตามผล ด้วยการแอบติดกล้องไว้ตรงทางเข้าอุโมงค์ เพื่อที่จะดูพฤติกรรมของพวกมันว่า จะกล้าเดินผ่านท่อใต้ดินนี้หรือไม่…   ดูเหมือนว่าพวกมันจะแฮปปี้กันเส้นทางใหม่มากสุดๆ ทีนี้ละจะเดินไปเที่ยวฝั่นไหน ก็ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตอีกต่อไปแล้ว ดีใจด้วยนะเพนกวินทั้งหลาย…   #เหมียวบ็อบ…

มีสิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ ที่ได้ก่อกำเนิดขึ้นมาเป็นเวลานานนับหมื่นปี เช่นเดียวกับการเลี้ยงสัตว์ ที่มนุษย์ได้เริ่มเลี้ยงเมื่อประมาณ 15,000 ปีมาแล้ว ดังนั้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนทั่วโลก ถึงแบ่งปันความรักให้กับเจ้าสัตว์ตัวน้อยๆ อย่างหมา แมว กระต่าย ฯลฯ และเมื่อเร็วๆ นี้ ทางด้านเว็บไซต์ Dollar Street ได้เผยชุดภาพจากทาง Gapminder ที่เก็บรวบรวมภาพถ่ายของสัตว์เลี้ยงจากทั่วทุกมุมโลก โดยมีจุดประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันของพวกสัตว์ ที่อาศัยอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะดี ไปจนถึงครอบครัวที่ยากจนที่สุด และเปิดหูเปิดตาให้คนทั่วไป ได้เห็นชีวิตของสัตว์เลี้ยงทั่วโลกว่าเป็นอย่างไรบ้าง ว่าแล้วก็มาชมภาพถ่ายของพวกมันกันเลย…   เหมียวจากครอบครัวชาวไลบีเรีย ที่มีรายได้เดือนละ 1,700 บาท   เจ้าเหมียวที่อาศัยอยู่กับครอบครัวของชาวรัสเซีย ที่มีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน   พี่หมาที่อาศัยอยู่กับเจ้านายชาวเม็กซิกัน ที่มีรายได้ 224,000 บาทต่อเดือน   สุนัขตัวนี้ อาศัยอยู่กับครอบครัวชาวเฮติ ที่มีรายได้เดือนละ 1,400 บาท   แมวเหมียว จากครอบครัวชาวตูนิเซีย ที่มีรายได้เดือนละ 7,700 บาท…

เคยมั้ย? เวลาเปิดค้นลิ้นชัก หรือตู้เสื้อผ้า มักจะเจอภาพถ่ายเก่าๆ ในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อลองหวนกลับไปคิด ก็ทำให้รู้สึกว่าวันเวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน จากที่เคยเป็นเด็กน้อย มาคิดอีกทีก็ตกใจว่า อ้าว!! นี่เราโตเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือนี่ ในวันนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะพาเพื่อนๆ ย้อนเวลาไปชมภาพถ่ายในอดีต-ปัจจุบัน จากผลงานของ Chris Porsz ช่างภาพที่ได้ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง ในการไปถ่ายภาพผู้คนที่เมืองปีเตอร์โบโร่ สหราชอาณาจักร ในช่วงยุค 70, 80 และ 90  จนตอนนี้เวลาก็ผ่านไปนานหลายสิบปีแล้ว เขาก็ยังไม่เคยลืมผู้คนเหล่านั้นเลย ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ Chris ได้ตัดสินใจออกตามหาผู้คนในภาพที่เคยถ่ายไว้ และกลับมาสร้างภาพถ่ายชุดใหม่ เวลาใหม่ แต่คนๆ เดิม และสถานที่เดิมอีกครั้ง แถมยังสามารถตามหาผู้คนเหล่านั้นกลับมาได้ และเก็บภาพสุดประทับใจได้กว่า 135 ภาพ ไม่ว่าจะเป็น…   ภาพของ Dog และ Tina ในปี 1985 และในเดือนมีนาคม ปี 2015 ที่วิหารปีเตอร์โบโร่   ในปี…

เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้จักกับ Vladimir Putin ผู้นำของประเทศรัสเซียกันเป็นอย่างดีแล้ว ทั้งในเรื่องของมาดที่ดูโหดสึส สมกับเป็นผู้นำของประเทศที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ แต่ยังคงไม่ค่อยมีใครรู้ถึงชีวิตของเขานอกบทบาทการเป็นนักการเมือง และผู้นำของประเทศรัสเซียกันซักเท่าไหร่ ในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็เลยอยากจะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับท่าน Putin ให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมกัน   การเป็นประธานาธิบดีนั้นมาพร้อมกับสิทธิพิเศษ! ตามรายงานจากเว็บไซต์ Telegraph ของประเทศอังกฤษ ระบุไว้ว่ารายได้ของ Vladimir Putin เมื่อปี 2015 นั้นอยู่ที่ประมาณ 3.5 ล้านบาทต่อปี แต่จากที่เห็นจากวิถีชีวิตประจำวันของเขาไม่ได้บอกว่าเป็นอย่างนั้นเลย เพราะดูจะใช้ชีวิตแบบผู้มีอันจะกิน แถมอู้ฟู่กว่ามากๆ   ตัวเลขรายได้ของ Putin ไม่ได้ถูกบันทึกเป็นข้อมูลเก็บไว้ ถ้าเขาทำรายได้ 3.5 ล้านบาทต่อปีจริงๆ เขาคงจะไม่สามารถเป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมาก รถหรูหลากหลายคัน และเครื่องบินส่วนตัวอีกหลายลำ ที่เป็นของเขาได้อย่างแน่นอน หรือว่าแท้จริงแล้วเขาจะเป็นเพียงคนอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้น!?   การที่จะมาอยู่ตรงจุดนี้ได้นั้นเขาคงจะไม่ใช่คนธรรมดาๆ อย่างแน่นอน อดีตผู้จัดการกองทุนของ Putin กับรายงานต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวเขาได้ชี้ให้เห็นว่า ทรัพย์สินของท่านประธานาธิบดีของประเทศรัสเซียนั้นมีไม่ต่ำกว่า 7 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว โดยแต่ละอย่างนั้นถูกเก็บไว้ตามที่ต่างๆ ทั่วโลก…

นับตั้งแต่สงครามเย็นจบลงไปตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของประเทศสหรัฐอเมริกาและสหพันธรัฐรัสเซียสองชาติมหาอำนาจของโลกถือว่าอยู่ในช่วงที่ตกต่ำที่สุด ทั้งความขัดแย้งทางด้านนโยบายการต่างประเทศและเศรษฐกิจ ทำให้สถานะการเมืองโลกอยู่ในสภาพไม่มั่นคงอย่างมาก แต่ล่าสุดดูเหมือนความสัมพันธ์อันย่ำแย่นี้จะมีทางออกแล้ว เมื่อวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้ต่อสายตรงคุยกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา และทั้งสองคนได้พูดถึงความเป็นไปได้ในการกลับมารักกันอีกครั้งของทั้งสองประเทศมหาอำนาจ     ทางทำเนียบประธานาธิบดีของรัสเซียได้ออกมาเปิดเผยว่า การพูดคุยของทั้งสองไปอย่างอบอุ่น และพวกเขาต่างไม่พอใจสถานะความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในขณะนี้ และต้องการจะทำให้ความสัมพันธ์กลับสู่ความปกติโดยเร็วที่สุด โดยทรัมป์ได้กล่าวว่า เขาต้องการมีความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งต่อรัฐบาลรัสเซียรวมถึงประชาชนชาวรัสเซียด้วยเช่นกัน     สรุปการพูดคุยของทั้งสองครั้งนี้ได้คร่าวๆ ว่า … 1. สำนักงานของทรัมป์ เปิดเผยว่าการพูดคุยครั้งนี้ ปูตินเป็นฝ่ายติดต่อมาทางโทรศัพท์ก่อน 2. หลังจากการพูดคุยกัน ทั้งสองยืนยันตรงกันว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของสองประเทศ กลับคืนสู่ภาวะปกติ และมีความเห็นตรงกันว่า สภาวะความสัมพันธ์ตอนนี้อยู่ในระดับไม่น่าพึงพอใจ 3. ปีหน้าจะรบ 210 การสถาปนาการทูตของสองประเทศ เลยน่าจะเป็นโอกาสอันดีในการปรับนโยบายเพื่อหาความร่วมมือกัน และเน้นการปฏิบัติจริงๆ มากขึ้น แทนที่จะเป็นแค่นโยบายลมปากเหมือนแต่ก่อน 4. ทั้งสองคุยเรื่องซีเรียเช่นกัน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่านี่คือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งของทั้งสองประเทศ ถ้าแก้เรื่องนี้ได้ เรื่องอื่นก็สบาย 5. พวกเขาจะร่วมมือกันต่อต้านภัยการก่อการร้ายนานาชาติ รวมถึงจากเหล่าลัทธิสุดโต่งทั้งหลาย ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามหลักของโลกในปัจจุบัน 6. นอกจากเรื่องความสัมพันธ์ ทั้งสองยังคุยเรื่องเศรษฐกิจกันด้วย เพื่อเติบโตต่อไปในอนาคต 7. ทั้งสองผู้นำยืนยันว่า…

ในอดีตที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งได้จับเอาสัตว์หลายชนิดมาจัดแสดงไว้ในตู้ เพื่อให้ลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมาได้ชมกันด้วยความเพลิดเพลิน เช่นเดียวกับเรื่องราวของเจ้า Pizza หมีขั้วโลกอาศัยอยู่ในตู้กระจกของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เพื่อให้ผู้คนได้ถ่ายรูปเซลฟี่กันกับมันอย่างสนุกสนาน     เจ้าพิซซ่าเป็นหนึ่งในสัตว์ 500 ชนิดที่ถูกเก็บเอาไว้ในสวนสัตว์ที่เป็นส่วนหนึ่งของห้างสรรพสินค้า แต่หลังจากที่มันต้องใช้ชีวิตอยู่ในนั้นเป็นเวลานาน ก็มีผู้คนในจีนเกิดความสงสารและรวมตัวกันล่ารายชื่อกว่า 1 ล้านรายชื่อ เพื่อเรียกร้องให้ห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นปล่อยตัวเจ้า Pizza เป็นอิสระ     มีจดหมายกว่า 50 ฉบับจากองค์กรเพื่อสิทธิสัตว์ ถูกส่งไปยังผู้ว่าของมณฑลกวางตุ้งและเรียกร้องให้มีการปิดสวนสัตว์ดังกล่าว ซึ่งนอกจากเจ้า Pizza แล้วยังมีสัตว์อื่นๆ ที่อยู่ในนั้นอีก ทั้งสุนัขจิ้งจอกอาร์กติก หมาป่า และวอลรัส ทั้งหมดล้วนถูกขังไว้ในห้องเล็กๆ ที่ไม่มีหน้าต่างและสภาพแวดล้อมที่เหมาสม     ผู้เชี่ยวชาญสัตว์บางคนให้ความเห็นว่าพฤติกรรมของเจ้า Pizza นั้นน่าเป็นห่วงมาก เพราะมันมีดวงตาที่เศร้าตลอดเวลา มันเดินวนไปมาภายในตู้ซ้ำแล้วซ้ำอีก และมันชอบมาตอนที่ใต้เครื่องปรับอากาศ มันต้องการอากาศบริสุทธิ์มากแค่ไหน หลังจากเกิดการเรียกร้องอย่างมากมาย ทำให้ทางห้างสรรพสินค้าตัดสินใจปิดส่วนของสวนสัตว์ลง และเริ่มโยกย้ายสัตว์ไปยังที่ต่างๆ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และเจ้า Pizza ก็ได้กลับไปอยู่ในศูนย์เลี้ยงสัตว์น้ำที่เดิมที่มันเกิด ซึ่งมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับมันมากกว่าและกว้างขวางกว่าที่มันอยู่     ด้านด็อกเตอร์ Peter Li…

กำลังเป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่ฮือฮาสำหรับคนที่มีใจรักกับการออกเดินทาง เพราะโดยปกติแล้ว เรามักจะคิดกันว่า ‘แสงเหนือ’ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติแสนวิเศษนั้น หาดูได้ยาก และกว่าจะไปถึงได้ก็คงต้องทุ่มทุนไปเป็นแสนๆ แต่หลังจากที่มีสมาชิกพันทิป TinyPichy ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ ทริปล่าแสงเหนือ เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คน จนแชร์กันไปใหญ่ เชื่อว่าหลายๆคนก็อยากจะเดินทางตามรอยของเธอเช่นกัน เพราะแม้แต่ตัว #เหมียวบ็อบ เองได้อ่านครั้งแรกก็ถึงกับตกใจ ประมาณว่า..ห๊ะ!! เราสามารถไปดูแสงเหนือด้วยงบเท่านี้ได้ด้วยเหรอ? เธอสรุปค่าใช้จ่ายเอาไว้ดังนี้… 1. ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับไทย-รัสเซีย = 18,000 บาท 2. ค่าที่พัก 5 คืน x วันละ 1,600 บาท / หาร 2 คน = คนละ 4,000 บาท 3. ค่ากิน 5 วัน x 3 มื้อวันละ 500 บาท = 2,500 บาท 4. ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับมอสโค-มูรมัส = 4,000 บาท…

พ่อแม่หลายคนอยากให้ลูกเป็นดารา นักแสดง และเป็นที่รักของผู้คน แต่ฝันเหล่านี้อาจไม่เป็นจริงหากลูกของพวกเขาเกิดมาพร้อมกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม แต่ก็ไม่เสมอไปหรอก Asher Nash หนูน้อยน่ารักวัย 15 เดือน แม้จะเป็นเด็กดาวน์ซินโดรม แต่เขาก็น่ารักจนได้กลายเป็นนายแบบตามที่แม้ต้องการ     Asher เป็นเด็กที่ขึ้นกล้องมาก และเขามาแสดงท่าต่างๆ เวลาอยู่หน้ากล้องด้วย เวลาอยู่หน้ากล้อง รวมถึงเวลาที่แม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป หนูน้อยมักจะกางแขนและยิ้มให้กล้องเสมอ นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมแม่จึงอยากให้ลูกได้เข้ามาอยู่ในวงการ… ก่อนหน้านี้ Meagan Nash แม่ของเด็กน้อยได้พาลูกไปแคสโฆษณาหลายต่อหลายตัว แต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง พวกเขามักจะบอกว่า เพราะ Asher เป็นดาวน์ซินโดรม เขาไม่สามารถตอบสนองความต้องการในแบรนด์เด็กได้   แม้จะอายุแค่ 15 เดือน แต่เขาก็เป็นคนที่ถ่ายรูปขึ้นอย่างเหลือเชื่อ   หลังจากนั้น เธอได้ส่งรูปถ่ายประวัติของลูกไปยัง OshKosh B’gosh ที่กำลังมองหานางแบบหน้าใหม่ ในขณะที่ครอบครัว เพื่อน และผู้สนับสนุน Asher ก็เริ่มทำแคมเปญ เพื่อให้หนูน้อยได้เล่นโฆษณา ไม่ใช่เพราะเขาเป็นดาวน์ซินโดรม แต่เพราะเขามีความสามารถ     แต่ทางหน่วยงานโฆษณาต่างๆ มักจะอ้าง พวกเขาไม่รับเด็กดาวน์ซินโดรม ผู้เป็นแม่ไม่พอใจอย่างมาก เธอจึงต้องเถียงกับพวกเขา เพื่อให้เห็นว่า ลูกของเธอมีความสามารถแม้จะเป็นดาวน์ซินโดรมก็ตาม หน่วยงานจึงขอโทษ และสัญญาว่าจะรับพิจารณาลูกของเธอในการโฆษณาชิ้นต่อไป……

ไม่ว่าจะส่วนไหนของโลก มักจะพบปัญหาการทารุณกรรมเด็กเป็นประจำทุกปี แม้จะมีกฏหมายต่างๆ ออกมาคุ้มครองแต่ปัญหาเหล่านี้ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ในทุกวันนี้ Giovanni Eastwood หรือ Govi เด็กชายวัย 6 ขวบ เป็นโรคดาวน์ซินโดรม เขาถูกแม่ขังไว้ในห้องใต้หลังคา และให้กินข้าวเพียงบางมื้อเท่านั้น ตามรายงานระบุว่า ครั้งแรกที่ตำรวจไปเจอ เขามีน้ำหนักแค่ 9 กิโลกรัมเท่านั้น     โดยปกติคนที่เป็นโรคดาวน์ซินโดรม จะมีปัญหาในการช่วยเหลือตัวเอง ดังนั้นจึงต้องมีคนคอยดูแลตลอด แต่สำหรับ Govi นั้นกลับตรงข้ามกัน ไม่มีการระบุว่าทำไมเขาถึงถูกกระทำเช่นนั้นจากแม่แท้ๆ ผู้ที่ไม่ดูแล แต่กลับถูกปล่อยให้อยู่อย่างทรมาน ในแต่ละวัน Govi แทบจะไม่กินข้าวเลย เขามีแผลทั่วร่างกาย ไม่เคยผ่านการอบรมสั่งสอน หรือการฝึกเหมือนเด็กทั่วไป ที่แย่กว่านั้นคือ เขาต้องอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยอึและฉี่ ซึ่งไม่เคยมีการทำความสะอาด     ก่อนที่ Govi จะถูกพบ แม่ของเขา Rachel Perez เคยถูกจับเข้าคุกมาแล้วครั้งหนึ่งแล้ว ส่วนพี่สาวของเขาก็ถูกส่งตัวไปเลี้ยงกับคุณยาย แต่ต่อมาจึงมีคนไม่ประสงค์ออกนามได้แจ้งเบาะแสของ Govi ให้กับตำรวจ ว่าเขายังมีลูกอีกหนึ่งคน เพราะเพื่อนบ้านไม่ได้เห็นเด็กชายมานาน พวกเขาจึงคิดว่า เด็กชายน่าจะไปอยู่กับพ่อ แต่ตำรวจก็ได้เข้าไปตรวจดู ก็ไม่พบเด็กชายอยู่ในบ้าน จึงเข้าใจว่าคงไปอยู่กับพ่อเหมือนที่เพื่อนบ้านบอก  …

ภาพที่คุณกำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ แม้จะดูเหมือนเป็นยานพาหนะจากโลกอนาคต หรือยานอวกาศจากภาพยนตร์มากแค่ไหนก็ตาม แต่เราต้องบอกคุณเลยว่านี่คือรถไฟสุดล้ำที่ถูกสร้างขึ้นจริงๆ ในยุคที่สหภาพโซเวียตยังรุ่งเรืองล่ะ     เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่ภาพซากรถไฟเจ็ท ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้บริการในสหภาพโซเวียต เมื่อราวๆ ปี 1970 ซึ่งสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 257 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว     แต่ถึงรถไฟคันนี้จะรีดประสิทธิภาพและความเร็วได้มากแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็ต้องกลายเป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง เนื่องจากว่ามันมีอัตราการกินน้ำมันที่สูงมาก ทางผู้ผลิตจึงต้องนำมันไปจอดไว้ให้สนิมเครอะอย่างที่เห็น     รถไฟเจ็ทนั้นถูกคิดค้นและพัฒนาในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยวิศวกรชาวนิวยอร์ก Don Wetzel เขาได้รับมอบหมายให้ออกแบบรถไฟคันนี้ในช่วงกลางยุค 60 โดยจะต้องเป็นรถไฟที่มีความเร็วมากกว่า ปลอดภัยกว่า และราคาถูกกว่ารถไฟทั่วๆ ไป     นาย Wetzel จึงแก้ปัญหานั้นด้วยการนำเอาเครื่องยนต์เจ็ท ที่นิยมติดตั้งให้กับเครื่องบิน มาติดตั้งไว้ตรงส่วนบนด้านหน้าของรถไฟ เพื่อดูว่ามันจะเป็นยังไง? ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเขาได้สร้างรถไฟเจ็ทที่มีความเร็วมาก เร็วขนาดที่ว่ารถไฟของอเมริกาในยุคนี้ยังทำไม่ได้เลย     และนี่คือสภาพที่แท้จริงของเจ้ารถไฟเจ็ทคันนี้ล่ะ มีเครื่องยนต์อยู่ด้านบนของตัวรถ เพื่อให้ความเร็วที่สูงสุดในการเดินทาง   นี่ถ้าไม่ได้อ่านประวัติหรือจุดประสงค์ในการสร้างเจ้ารถไฟคันนี้ #เหมียวฟิ้นคงนึกว่ามันต้องมาจากหนังไซไฟสักเรื่องแน่ๆ ที่มา dailymail

ทุกวันนี้ทรัพยากรธรรมชาติมักถูกทำลายด้วยฝีมือมนุษย์ ในขณะที่หลายๆ คนก็พยายามกระตุ้นให้เห็นถึงความสำคัญของธรรมชาติด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อไม่ให้ถูกทำลายไปมากกว่านี้ Audun Rikardsen เป็นช่างภาพที่เติบโตมาในครอบครัวชาวประมง ซึ่งอาศัยอยู่ในภาคเหนือของนอร์เวย์ เขามีความหลงไหลใหลในธรรมชาติตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะที่อยู่ชายฝั่งอาร์กติก     เขาจึงตั้งใจว่าจะทำให้ผู้คนหลงรักธรรมชาติเช่นเดียวกับเขา และเห็นถึงความมหัศจรรย์ของโลก เขาจึงถ่ายทอดเสน่ห์ของธรรมชาติผ่านรูปถ่าย ปัจจุบันเขาเป็่นช่างภาพมืออาชีพที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ในขณะเดียวกันเขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์น้ำจืดและชีววิทยาทางทะเลที่มหาวิทยาลัย Tromsø และยังเป็นที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่สถาบันเพื่อการวิจัยทางธรรมชาติ ประเทศนอร์เวย์อีกด้วย     Audun บอกว่า ‘ผมรู้สึกโชคดีมากที่เติบโตมาในภาคเหนือของนอร์เวย์ เพราะที่นี่มีธรรมชาติที่หลากหลายและเขาก็ไม่อยากไปจากที่นี่ด้วย’ ดังนั้น Audun จึงถ่ายทอดความประทับใจนี้สู่สายตาชาวโลก เขาได้ถ่ายภาพสัตว์ทะเลที่แตกต่างกันท่ามกลางบรรยากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลา     เขาได้เริ่มถ่ายรูปตั้งแต่ปี 2010 จนถึงปัจจุบัน และบางภาพนั้นเขายังได้นำไปขายอีกด้วย แต่จุดประสงค์หลักของเขานั้น ก็เพื่อให้ผู้คนได้เห็นถึงความงามของธรรมชาติและหากเราอยากเห็นความงดงามนี้คงอยู่ เราก็ควรอนุรักษ์ไว้                           และถ้าเราอยากเห็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็รู้ใช่ไหมว่าการทำลายธรรมชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม ยิ่งลดโอกาสเห็นสิ่งเหล่านี้ให้น้อยลงไปทุกวัน ช่วยกันรักษาให้คงอยู่ไปนานๆ กันเถอะ… ที่มา designyoutrust l udunrikardsen

มนุษย์เราทุกคนต่างก็ต้องมีอะไรซักอย่างที่ทำให้เรารู้สึกโปรดปราน และหลงใหลไปกับมันสุดๆ มันก็อยู่ที่ว่าใครจะชอบอะไรมากเป็นพิเศษ และสำหรับเรื่องราวในครั้งนี้ที่ #เหมียวบ็อบ เอามาเล่าสู่กันฟัง ก็นับว่าเป็นเรื่องราวชีวิตของชายคนหนึ่งที่มีความหลงใหลในถั่วแบบสุดๆ ถึงแม้ว่าเขาจะต้องตกงาน และประสบปัญหาในชีวิตหลายๆด้าน แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ด้วยความชื่นชอบที่มีต่อถั่ว ก็ทำให้เค้าได้พลิกชีวิตตัวเอง และกลายเป็นยอดมนุษย์ กัปตันถั่ว!!!     เบื้องหลังการเป็นกัปตันถั่วคนนี้ เขามีชื่อว่า Barry Kirk หนุ่มใหญ่วัย 62 ปี จากเมือง Port Talbot ประเทศเวลส์ ซึ่งเดิมทีเขาเคยทำงานอยู่ในสายงานด้าน IT มาโดยตลอด 25 ปี แต่ทว่าด้วยอาการป่วยของคุณแม่ ทำให้เขาต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแล โดยต้องอาศัยเงินสวัสดิการสมทบเพื่อดูแลผู้ป่วย จากทางภาครัฐมาโดยตลอด และหลังจากที่คุณแม่ของเขาได้จากไปอย่างสงบเมื่อ 9 ปีก่อน ทำให้เขาไม่สามารถที่จะกลับเข้าสู่การทำงานแบบปกติด้วยเงื่อนไขบางอย่าง     ด้วยความที่เขาหลงใหลในถั่วอบกระป๋องมากสุดๆ ต่อมาเขาจึงปิ๊งไอเดียที่จะเปลี่ยนชื่อตัวเองให้เป็น ‘Captain Beany’ และทำตัวเองให้กลายเป็นจุดขายเองมันซะเลย ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงปี 1986 กัปตันถั่วเคยได้รับบันทึกสถิติลงในกินเนสบุ๊คด้วยว่า ‘เป็นผู้ที่แช่ตัวในอ่างที่มีแต่ถั่วอบนานถึง 100 ชม.’   “หลังจากที่ผมได้บันทึกสถิติ…

ใกล้จะถึงวันหยุดปีใหม่แล้ว เพื่อนๆ คิดไว้หรือยังว่า จะไปเที่ยวที่ไหนดี? แน่นอนว่า เราคงมีแพลนไว้ในหัวมากมาย บางคนอาจเที่ยวในประเทศ ในขณะที่หลายคนวางแผนจะเที่ยวต่างประเทศ แต่สำหรับใครที่ยังคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหน นี่เลย “ปราสาททาเคดะ” ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ที่สำคัญยังขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทแห่งท้องฟ้าอีกด้วย   ปราสาททาเคดะ เป็นปราสาทโบราณทีตั้งอยู่บนความสูงประมาณ 353 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เขตเมืองอาซาโกะ จังหวัดเฮียวโกะ ซึ่งเมื่อขึ้นไปชมทิวทัศน์ข้างบนคุณจะได้เห็นภูมิประเทศโดยรอบ แต่บางทีก็อาจไม่ได้เห็นเลย โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวเช่นนี้ เพราะทุกอย่างจะถูกบดบังด้วยก้อนเมฆหนาที่แผ่กระจายรอบๆ ปราสาท     ปรากฏการณ์เช่นนี้ในทางอุตุนิยมวิทยาเรียกว่า Unkai หรือ “ทะเลหมอก” ซึ่งจะเกิดขึ้นบ่อยที่สุดในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม โดยเฉพาะในตอนเช้า ที่น่าทึ่งที่สุดคือ มันทำให้ดูดูราวกับว่าปราสาทลอยอยู่บนท้องฟ้า นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไม่คุณถึงควรมาเที่ยวที่นี่สักครั้ง รับรองคุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน ส่วนใครที่อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ city.asago.hyogo.jp     พอสายๆ ก้อนเมฆจะค่อยๆ หายไป เผยให้เห็นทิวทัศน์ในอีกมุมมองหนึ่ง ซึ่งสวยงามไม่แพ้กัน   ในเวลากลางคืน คุณจะเห็นภูมิประเทศที่สวยงามภายใต้แสงจากตัวเมือง   ท้องฟ้ายามค่ำคืนมองเห็นดาวระยิบระยับ   นี่แหละ ความสวยงามของประสาททาเคดะ   สวยงามสมคำร่ำลือจริงๆ…

ในอดีตมักจะมีการนำเฮลิคอปเตอร์ มาใช้ในการสู้รบในภาวะสงคราม ซึ่งฟังดูแล้วอาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าเราจะบอกว่ามีคนนำเฮลิคอปเตอร์มาสร้างเป็นที่พักละ ฟังดูแปลกๆ เหมือนกันนะ แต่ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ มีคนได้สร้างที่พักโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ขึ้นมาแล้วจริงๆ Martyn Steedman เกษตรกรชาวสก็อตแลนด์ อดีตผู้ค้นหากองทัพเรือ และหน่วยกู้ภัยเฮลิคอปเตอร์ พร้อมกับ Louise ผู้เป็นภรรยา ได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด โดยการลงทุนซื้อ Sea King เฮลิคอปเตอร์ ที่ปลดระวางจากกองทัพเรือมาในมูลค่าราวๆ 300,000 บาท  เพื่อสร้างเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ได้เดินทางมายังเมือง Stirling ประเทศสก็อตแลนด์ ในราคาเริ่มต้นคืนละ 5,700 บาท     สำหรับเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ มีความยาวกว่า 17 เมตร ถูกปลดระวางในปี 1994 แต่ก็ถูกนำมาใช้ในการฝึกอบรมทหารเรือจนถึงปี 2002 ก่อนที่จะถูกนำมาประมูลขายในเดือนมีนาคมเมื่อต้นปีที่ผ่านมา   เมื่อดูจากสภาพภายนอกแล้ว จะเห็นได้ว่ายังมีการคงรูปลักษณ์เดิมๆ เอาไว้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทาง Martyn เอง ก็ได้ดูแลรักษา และทำการปรับปรุงซ่อมแซมในหลายๆ จุดได้เป็นอย่างดี   ภายในก็ถูกปรับแต่งให้มีลักษณะคล้ายกับบ้านทั่วๆ ไป…

ในขณะที่ประเทศฟิลิปินส์เพิ่งจะประสบปัญหานักโทษล้นคุกไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2016 ทีผ่านมา จนต้องของบจากรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ขณะเดียวกันที่เนเธอร์แลนด์กลับประสบปัญหาที่ไม่ว่าชาติไหนๆ ก็อยากจะให้เกิด นั่นคือ “ขาดแคลนนักโทษ” เว็บไซต์ BBC ของต่างประเทศได้รายงานว่าในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรือนจำกว่า 19 แห่งต้องปิดตัวลง และยังมีอีกหลายแห่งที่เตรียมตัวปิดในปีถัดๆ ไป เนื่องจากมีนักโทษไม่เพียงพอให้กักขัง     นับตั้งแต่เมื่อปี 2005 นักโทษในเนเธอร์แลนด์มีจำนวนราวๆ 14,468 คน แต่พอถึงปี 2015 จำนวนกลับลดลงอย่างมากเหลือเพียง 8,245 คนเท่านั้น เมื่อคิดเป็นสัดส่วนต่อประชากรทั้งหมด เหลือเพียงแค่ 57:100,000 คนเท่านั้น ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยที่สุดของโลกประเทศหนึ่งเลยก็ว่าได้     เหตุที่เนเธอร์แลนด์ไม่ค่อยมีนักโทษหรือการทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนอย่างในประเทศอื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยหน่วยงานยุติธรรมและราชทัณฑ์ของเนเธอร์แลนด์ออกมาให้ความเห็นว่า เป็นเพราะการแก้ไขปัญหาการกระทำผิดและปรับปรุงเป็นรายบุคคล แทนที่จะลงโทษอย่างเดียว     ซึ่งหากว่ากันตามจริงแล้ว ประเทศเนเธอร์แลนด์เองมักไม่ลงโทษผู้ต้องหาด้วยการจำคุกเป็นเวลานานๆ อย่างเดียว แต่จะลงโทษด้วยวิธีอื่น เช่นติดเครื่องส่งสัญญาณที่ผู้ต้องหา เพื่อดูพฤติกรรม หรือให้ทำงานเพื่อสังคม และบำบัดอาการทางจิต ความโกรธหรืออะไรก็แล้วแต่ที่อาจส่งผลให้เกิดการทำผิดซ้ำขึ้นอีก     นอกจากนี้ทางเรือนจำในเนเธอร์แลนด์ยังมีวิธีการดูแลผู้ต้องหาในแบบที่แตกต่างไปจากที่อื่นๆ ด้วย เพราะพวกเขาจะปรับให้ภายในเรือนจำมีความผ่อนคลาย มีห้องสมุด…

ในชีวิตคนเรานี้เต็มไปด้วยเรื่องบังเอิญ บางคนมีแฟนโดยบังเอิญ บางคนมีงานโดยบังเอิญ หรือบางคนก็ชีวิตเปลี่ยนโดยบังเอิญ และนี่คือ 12 เรื่องราวความบังเอิญของโลก ที่มีความเชื่อมโยงกันได้อย่างเหลือเชื่อ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าความบังเอิญจะเกิดมันก็ต้องเกิด   1. อีกคนหนึ่งเสียชีวิต อีกคนหนึ่งถือกำเนิด Enzo Ferrari เป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์รถชื่อดังอย่างเฟอร์รารี่ เสียชีวิตลงในปี 1988 ที่เมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี อีกเดือนถัดมา Mesut Özil นักเตะชื่อดังจากเยอรมันก็เกิดในปีเดียวกัน และที่สำคัญ ทั้งคู่มีหน้าตาที่คล้ายกันมาก ราวกับเป็นการมาเกิดใหม่ยังไงอย่างนั้น   2. ลางสังหรณ์ใจของไททานิค ในปี 1898 หรือ 14 ปีก่อนที่เรือไททานิกจะจม นักเขียนนิยาย Morgan Robertson ที่เขียนเรื่อง Futility ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรือขนาดใหญ่ชื่อ The Titan และยังบอกอีกว่า เรือลำนี้จะจมเพราะภูเขาน้ำแข็งในแอตแลนติกเหนือ นอกจากนี้ยังบอกว่าอีกว่า เสื้อชูชีพจะไม่พอสำหรับผู้โดยสาร ซึ่งทั้งหมดได้เกิดขึ้นในเหตุการณ์เรือไททานิกจม ราวกับว่าเป็นการพยากรณ์ล่วงหน้า   3. เพื่อนบ้านต่างศตวรรษ นักแต่งเพลงชื่อดัง George Handel อยู่ในบ้านเลขที่ 25 ถนนบรู๊ค…

การดูแลตัวเองตั้งแต่วัยหนุ่มสาวเป็นเรื่องสำคัญนะ เพราะมันอาจจะส่งผลต่อร่างกายของคุณต่อมีอายุ อย่างดารา นักร้อง ที่แม้จะอายุมากแล้วแต่ยังดูเช้ง นั่นอาจเป็นเพราะพวกเขาดูแลตัวเองดีนั่นเอง เหมือนกับเหล่าคนดังเหล่านี้ ที่แม้จะอายุมากกว่า 40 ปี แล้ว แต่พวกเธอยังคงดูเหมือนสาวกว่าอายุตัวเองมาก และแน่นอนว่า แต่ละคนต้องมีเคล็ดดีๆ แน่   1. Jennifer Lopez อายุ 47 ปี เธอบอกว่า “ฉันไม่เคยอดอาหาร แต่สอนให้ตัวเองกินตามใจปาก ในสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แต่สิ่งสำคัญคือ ฉันมักจะคำนึงถึงสุขภาพเป็นอันดับแรก ดังนั้นฉันจึงมักกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างผักหรือผลไม้บางชนิด”   2. Jennifer Aniston อายุ 47 ปี Jennifer เชื่อว่า การจะมีสุขภาพดี หุ่นเพรียวบาง หรือการมีผิวพรรณที่สวยนั้น ขึ้นอยู่กับอาหารที่คุณทาน ดังนั้นเธอจึงมักจะกินอาหารออแกนิคเป็นประจำ   3. Kylie Minogue อายุ 48 ปี “ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย ดังนั้น ฉันจึงต้องใช้เครื่องสำอางจำนวนมากเพื่อให้ร่างกายดูดี และฉันก็รู้สึกมั่นใจทุกครั้งที่มองหุ่นตัวเอง”   4. Halle Berry อายุ…

แทบทุกสังคมที่เคยมีประวัติการเป็นทาส ที่ครั้งหนึ่งมนุษย์ถูกริดรอนสิทธิและถูกใช้แทนเครื่องจักร แต่ปัจจุบันนี้ระบบทาสถูกยกเลิกไปแล้วเกือบทั่วโลก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทาสได้ยังคงมีอิทธิพลของประวัติศาสตร์จนปัจจุบันนี้ เช่นเดียวกับในสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมาแล้วกว่า 150 ปี นับตั้งแต่มีการเลิกทาส เมื่อวันที่ 31 มกราคม 1865 โดย อับราฮัม ลินคอล์น และนี่คือภาพของอดีตทาสส่วนหนึ่งที่เคยเป็นทาสในช่วงปลายทศวรรษที่ 1930 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Federal Writers’ Project (FWP) โดย Work Progress Administration (WPA) ที่ย้ำเตือนถึงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา     โครงการ FWP เริ่มต้นในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในปี 1930 และมีการมอบหมายให้นักเขียนตกงานข้ามประเทศสหรัฐอเมริกาเก็บรวบรวมเรื่องราวชีวิตของชาวอเมริกันทั่วประเทศ และทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งจาก 500 คนจาก 17 รัฐ ที่ถูกถ่ายรูปเอาไว้ โดยทาสกลุ่มแรกที่รับอิรสภาพกลุ่มแรกมีทั้งหมด 2,000 คน ซึ่งรูปเหล่านี้ถูกถ่ายในช่วงที่มีการยกเลิกทาสแล้ว 70 ปี   Jennie Bowen อายุ 90 ปี จากอลาบามา   ทาสในอเมริกาเริ่มขึ้นเมื่อทาสแอฟริกันคนแรกที่ถูกนำตัวไปอาณานิคมอเมริกาเหนือในปี 1619 เพื่อเป็นแรงงานในการผลิตพืชเศรษฐกิจ เช่น…

ทุกการจากลามักนำมาซึ่งความโศกเศร้าเสมอ แต่เราก็ต้องยอมรับว่าคงไม่มีใครจะอยู่กับเราได้ตลอดชีวิต เช่นเดียวกับชายคนนี้ที่กำลังจะเสียสุนัขที่รักไป เขาจึงทำใด้เพียงมอบความสุขให้มันในช่วงสุดท้ายของชีวิต เรื่องราวสุดเศร้านี้เกิดขึ้นเมื่อ Mark Woods เจ้าของสุนัข Walnut วัย 18 ปี ได้เชิญชวนคนที่เลี้ยงสุนัขให้มาเข้าร่วมการเดินเล่นครั้งสุดท้ายของสุนัขตัวโปรด     Walnut กำลังอยู่ในช่วงป่วยหนักโดยไม่สามารถรักษาได้ ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา มันก็อยู่อย่างทรมาน จน Mark ผู้เป็นเจ้าของไม่สามารถทนเห็นมันอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อีกต่อไป เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะทำการุณยฆาตให้ เพื่อให้มันหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้… แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ทำใจยาก แต่เขาก็คิดว่า วิธีน่าจะดีที่สุดสำหรับสุนัขที่เขารักมากที่สุด     แต่ก่อนจะถึงวันนั้น Mark ตัดสินใจจะมอบของขวัญชิ้นสุดท้ายให้กับมัน นั่นคือการเดินบนชายหาด เพราะตอนที่ Walnut ยังแข็งแรง มันชอบมาวิ่งเล่นที่ชายหาดเป็นประจำ แต่การเดินเล่นครั้งนี้จะไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะมันจะมีเพื่อนมากมายมาเดินด้วย พร้อมกับผู้คนอีกนับร้อยที่จะมาให้กำลังใจมัน แม้จะเป็นครั้งสุดท้ายก็ตาม…       หลังจากที่เขาได้เขียนเชิญบน Facebook ให้ผู้คนนำสุนัขของตัวเองมาร่วมเดินเล่นกับ Walnut เป็นครั้งสุดท้าาย ก็ได้มีคนตอบรับคำเชิญเป็นจำนวนมาก และเรื่องราวนี้ยังถูกแชร์ไปอีกกว่าพันครั้ง จนผู้คนทั่วสหราชอาณาจักรได้ส่งกำลังใจมาให้อย่างล้นหลาม และร่วมแสดงความเสียใจกับเขาด้วย     และแล้วการเดินเล่นก็เริ่มขึ้นในเช้าของวัน 12 พฤศจิกายน เวลา 9:30 ตามที่เจ้าของได้กำหนดไว้  …

หลายคนมักจะบอกตัวเองว่าจะลดน้ำหนักปีหน้าหรือเดือน แต่พอถึงเวลาก็เลื่อนออกไปอีก เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็พบความตั้งใจที่เคยพูดไว้ไม่เคยเกิดผลเลย เพราะไม่เคยลงมือทำจริงๆ สักที ถ้าการเริ่มต้นมันยากมากลองหาแรงบันดาลจากคนที่ทำสำเร็จแล้วสักคนสิ อาจจะเป็น 1 ใน 12 คนนี้ก็ได้ เพราะพวกเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้ว การลดน้ำหนักแม้ต้องใช้เวลาแต่มันก็คุ้มค่า   1. Kate ลดไป 54 กิโลกรัมใน 9 เดือน Kate ไม่เคยคิดว่า ความอ้วนเป็นปัญหาร้ายแรง แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง โรคอ้วนก็เริ่มส่งผลต่อสุุขภาพของเธอ เธอจึงเริ่มด้วยการลดอาหารในแต่มื้อ และในสัปดาห์แรกเธอลดไปได้ 8 กิโลฯ แต่เธอยังคงนับแคลอรี่กินและออกกำลังเป็นประจำทุกวัน จนลดไป 54 กิโล ในเวลา 9 เดือน ปัจจุบัน Kate เป็นคนที่ขาดฟิตเนสไม่ได้ เธอออกกำลังเป็นเวลา 2 ชั่วโมงทุกวัน และเมื่อไม่นานเธอก็ประสบความสำเร็จได้เป็นครูสอนพละด้วย   2. ผู้หญิงคนนี้ลดน้ำหนักได้ 56 กิโลกรัมในเวลา 12 ปี หญิงชาวออสเตรเลียลดน้ำหนักด้วยการเต้นซุมบ้าเป็นประจำ ในที่สุดก็สามารถลดไปถึง 56 กิโลกรัม ในเวลา…

  การรักเพศเดียวกันนั้น มักไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะในเอเชียของเขา ในขณะที่ทางยุโรปนั้น ก็มีหลายประเทศที่อนุญาตให้คนเพศเดียวกันแต่งงานอย่างถูกกฏหมาย แต่ล่าสุดปรเทศไต้หวันกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับร่างกฎหมาย 3 ฉบับว่าด้วยการสมรสที่เท่าเทียมกัน หลังได้รับการสนับสนุนจากนาง Tsai Ing-wen ประธานาธิบดีหญิงคนแรก     Su Shan และคู่รักของเธอ ทั้งคู่มีลูกแฝด แต่พวกเขาไม่สามารถเป็นผู้ปกครองได้ทั้งสองคน จึงมีผู้หญิงแค่คนเดียวที่สามารถมีสิทธิตามกฏหมายสำหรับเด็กทั้ง 2 คนนี้ แต่หากมีกฏหมายให้แต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน พวกเขาจึงสามารถเป็นผู้ปกครองได้ทั้งคู่ และมีสิทธิในการทางกฏหมายเหมือนกัน     Shan เล่าว่า “เวลาเราพาลูกไปเดินเล่น มักจะมีคนบอกว่า เด็กๆ น่ารัก แต่เมื่อรู้ว่ามีแม่ถึง 2 คน พวกเขาก็จะทำทีเปลี่ยนไป เพราะแม้รู้ว่ามีการรักร่วมเพศ แต่พวกเขาคงไม่เคยเห็นคนใกล้ตัวเป็นแบบนี้ เลยรู้สึกแปลกๆ” เธอยังบอกอีกว่า “ตอนนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูก จะมีแค่คนเดียวที่มีสิทธิในตัวลูก ส่วนอีกคนก็จะกลายเป็นคนแปลกหน้าทันที”     จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยท้องถิ่นพบว่า ชาวไต้หวันราว 80 เปอร์เซ็นต์ อายุระหว่าง 20-29 ปี สนับสนุนการสมรสของคนเพศเดียวกัน ขณะที่ผลสำรวจของหนังสือพิมพ์ไต้หวัน…

บ้านใครใครกก็รัก ต่อให้มันไม่ได้สวยงามอะไรมากมาย แต่ถ้ามันเป็นบ้านที่เราได้สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เราก็คงไม่อยากยกให้ใครง่ายๆ และคงไม่อยากจากไปไหนด้วย Johnnie Hodges วัย 90 ปี เคยเป็นทหารผ่านศึกในเวียดนาม ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อสร้างบ้านในฝันของเขา และได้อยู่กับครอบครัวอย่างสงบสุขมาตลอด แต่แล้ว Flora ภารรยาของเขาที่แต่งงานกันมานานกว่า 60 ปี เกิดป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม     Johnnie จึงตัดสินใจใช้เงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวนำไปรักษาภรรยา และเขายังได้กู้เงินมาจากธนาคารอีกด้วย แต่ก็ไม่สามารถรักษาภรรยาได้ สุดท้ายเธอจึงเสียชีวิตลง ตอนนี้เขากลายเป็นคนหนี้ท่วมหัว และด้วยอายุขนาดนี้ เขาก็ไม่สามารถหาเงินมากมายขนาดนั้นมาชำระหนี้ แต่ทั้งหมดนี้ เขาไม่เคยเล่าให้ลูกๆ ฟังเลยเพราะกลัวพวกเขาจเป็นกังวล     เขาพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเองมาเป็นปี จนในที่สุดเขาก็ถูกบังคับให้ออกจากบ้านตัวเอง ซึ่งเป็นบ้านที่เขาอาศัยอยู่ตลอดชีวิตที่ผ่านมา และที่สำคัญมันคือบ้านที่เขามีความทรงจำมากมายร่วมกับภรรยาและลูกๆ แม้จะมีคำสั่งให้ออกจากบ้านแต่ Johnnie ก็ปฏิเสธที่จะไม่ไปไหน จนตำรวจต้องใช้เปลมัดเขาไว้ แล้วยกออกมานอกบ้าน!! ก่อนที่เขาจะถูกนำตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อตรวจสภาพจิต     แต่ภาพที่เขาถูกยกออกจากบ้าน ถูกถ่ายไว้และมีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์โดย The Greatest Generations Foundation ซึ่งเป็นกลุ่มช่วยเหลือทหารผ่านศึก     เรื่องราวของ Johnnie ทำให้ผู้ทั่วประเทศให้ความสนใจ ซึ่งส่วนใหญ่ว่า ‘ทำไมชายชราอายุ…

ว่ากันว่าเหล่ามะหมาทั้งหลายนั้นมีสัญชตญาณในการรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ และแน่นอนว่าความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับร่างกายของเราเองก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเลย ที่จะมีข่าวสุนัขช่วยเหลือคนให้รอดตายจากโรคร้ายอยู่บ่อยๆ เช่นเดียวกับเรื่องราวของสาวท้องคนนี้ที่จู่ๆ ก็น้ำคร่ำแตกเร็วกว่ากำหนด แต่โชคดีที่เจ้าหมาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง จึงได้ทำการเห่าเตือนจนดังลั่นบ้านทำให้ทุกคนตื่นนอนและมีความพร้อมที่จะพาไปส่งยังโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที   เรื่องมีอยู่ว่าในตอนนั้นคุณ Jade Ambrose กำลังท้องได้ประมาณ 7 เดือนครึ่ง อยู่มาคืนหนึ่งเธอก็ต้องสะดุ้งตกใจตื่นขุ้นมากลางดึกเพราะเสียงเจ้าหมาพันธุ์ Staffordshire bull terrier ชื่อว่า Lola เห่าซะเสียงดังลั่นบ้าน ทุกๆ ในบ้านตื่นเพราะเสียงเห่าของมัน แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคิดว่ามันอาจจะเห่าคนที่เดินผ่านไปมาหน้าบ้านเท่านั้น   หลังจากที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้ว คุณ Ambrose ก็ตัดสินใจที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำซักหน่อย แต่เธอก็ต้องตกใจหลังจากนั้นไม่นานก็พบว่าถุงน้ำคร่ำของเธอแตกแล้ว เลือดจำนวนมากค่อยๆ ไหลออกมา ดูเหมือนว่าจะต้องทำคลอดก่อนกำหนด     สามีของเธอเห็นดังนั้นก็รีบพาไปยังโรงพยาบาลใกล้บ้านอย่างด่วนที่สุด และคุณหมอก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมเพื่อช่วยชีวิตของเจ้าตัวน้อยออกมา คุณหมอได้ให้ข้อมูลว่าถ้าคุณแม่ถูกพามาที่โรงพยาบาลช้ากว่านี้อีกซักนิดล่ะก็เรื่องมันอาจจะจบลงไม่สวยแบบนี้ก็เป็นได้       คุณ Ambrose ปลอดภัยและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้หลังจากวันเกิดเหตุประมาณ 2 เดือนหลังจากนั้น พร้อมกับสมาชิกคนใหม่ที่ชื่อว่า Oliver     คุณ Ambrose เชื่อว่าเจ้า Lola…

เวลาเราไปเที่ยวสวนสัตว์ เราจะได้เห็นสัตว์มากมายหลายชนิด ซึ่งแต่ละตัวก็ถูกเลี้ยงไว้อย่างดี กินอาหารอิ่ม ได้อยู่ในกรงที่กว้างขวาง และเมื่อไม่สบายพวกมันก็จะได้รับการรักษาทันที แต่ยังมีสัตว์อีกมากมายที่ถูกทอดทิ้ง หรือถูกเลี้ยงอย่างผิดวิธี และต่อให้มันไม่สบายหรือเป็นโรค มันก็ไม่ได้รับการรักษาเช่นเดียวกับเจ้าหมีตัวนี้ ที่ต้องอยู่อย่างไร้ขนมาตลอด 20 ปี     หมีไร้ขนตัวนี้คือ Cholita มันถูกช่วยเหลือในปี 2015 โดย Animal Defenders International แต่ก่อนหน้านี้มันต้องทุกข์ทรมานอยู่ในกรงเล็กๆ ตลอด 20 ปี ภายใต้การดูแลของเจ้าของของมัน นอกจากไม่มีขนแล้วพวกเขายังตัดนิ้วโป้งมันออก ตัดกรงเล็บด้วย จนแทบจะดูไม่เหมือนหมีแล้ว ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือมันจึงต้องอยู่อย่างหวาดกลัวตลอดเวลา     แต่นับตั้งแต่ปีที่ ADI ช่วยมันไว้ มันก็มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด มันเริ่มผ่อนคลายความกลัวลง มีที่พักที่กว้างใหย่ สามารถวิ่งเล่นได้อย่างอิสระ ได้กินอาหารอิ่มทุกมื้อ และแล้วความสุขที่ไม่เคยได้รับ มันก็ได้มีในวันนี้     นอนตีพุงได้สบ๊ายยย     พร้อมกับเจอเพื่อนๆ ที่มีขนด้วย   สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่  website Facebook และ YouTube ดูพัฒนาการของ Cholita ได้ที่คลิปด้านล่างนี้เลยจ้า โห นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นหมี จะไม่รู้เลยนะเนี่ย…