Category: ข่าวคราวรอบโลก

ปัจจุบันการฟิตหุ่นให้มีกล้ามแน่นั้น นับว่าเป็นความนิยมทั้งในกลุ่มผู้หญิงและผู้ชาย แต่บางคนไม่ได้ต้องการกล้ามเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่เพื่อทำลายสติถิในวงการคนเล่นกล้ามด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงได้มีการสรรหาวิธีต่างๆ เพื่อให้มีกล้ามโต Beefcake Valdir Segato  วัย 48 ปี จากจากเซาเปาโล ประเทศบราซิล มีอาชีพเป็นคนงานก่อสร้าง ซึ่งมีรอบแขนขนาด 12 นิ้ว ตั้งแต่ที่เขาเริ่มฉีดน้ำมันเข้าไปในแขนเพื่อให้ได้กล้ามแขนอันมหึมาตามต้องการ Segato ได้รับแรงบันดาลใจจากร่างกายของ Arnold Schwarzenegger และตัวละครที่โด่งดังอย่าง The Hulk และเขาเองก็ภูมิที่มีคนรู้จักเขาในฐานะ ‘มอนสเตอร์’ บนท้องถนน     Segato บอกว่า “มีคนเรียกผมว่า Hulk บ้าง Schwarzenegger บ้าง รวมทั้ง He-Man ด้วย และผมก็รู้สึกชอบคำพวกนี้จริงๆ ตอนนี้ผมก็พอใจในระดับหนึ่งแล้วนะ แต่ก็อยากได้ใหญ่กว่านี้อีกครับ” ตอนเป็นวัยรุ่น Segato ติดยาจนร่างกายซูบผอม และมีน้ำหนักน้อยมาก จนใครๆ ต่างก็รู้จักเขาในฐานะ ‘ไอ้กุ้งแห้ง’ เขาได้เล่าให้ฟังว่า “เมื่อผมเข้าไปพัวพันกับยาเสพติด น้ำหนักผมก็เริ่มลดลง และผอมแห้ง เพราะผมแทบไม่กินอะไรเลย จนนำไปสู่การใช้ชีวิตแบบผิดๆ”     เมื่อ Segato เลิกเสพยาได้…

คนเราทุกๆ คนล้วนมีความฝันในชีวิต อยากจะเป็นนู่นเป็นนี่ อยากจะร่ำรวย อยากมีความรัก อยากต่างๆ นานา แต่คงไม่มีใครอยากโดนจับเข้าคุกใช่ไหม!? ใช่แล้ว ใครๆ ก็ไม่อยากโดนตำรวจจับหรือติดคุกกันทั้งนั้นแหละ แต่สำหรับคุณยาย Edie Simms วัย 102 ปีท่านนี้ เธอตั้งปณิธานชีวิตไว้ว่าครั้งหนึ่งอยากจะโดนตำรวจจับ และวันนี้ฝันของเธอก็เป็นจริงแล้ว งานนี้ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจจากเมือง St. Louis ในรัฐ Missouri ที่จัดการจับกุมนี้ให้กับเธอแบบสมจริงที่สุด โดยการใส่กุญแจมือพร้อมทั้งพาขึ้นรถตำรวจมายังสถานีตำรวจด้วย     แล้วข้อหาที่จับล่ะ คืออะไรหว่า… อาจจะเป็นเพราะว่าคุณยายน่ารักเกินไปก็ได้มั้ง เลยทำให้คุณตำรวจยอมทำตามที่คุณยายขอ เพราะจริงๆ แล้วคุณยายมักจะบริจาคกรอบแว่นตา หมอน ผ้าพันคอให้กับศูนย์ผู้สูงอายุ Five Star Senior Center เป็นประจำอยู่แล้ว หนึ่งในสมาชิกที่นั่นเป็นเพื่อนกับตำรวจพอดี ก็เลยขอให้เขาทำตามความฝันยายสักครั้ง ซึ่งเธอก็ได้สมปรารถนาแล้ว…     คุณยาย Edie มักจะไปเยี่ยมเยียนศูนย์คนชราอยู่บ่อยครั้ง บ้างก็ไปเล่นบิงโก บ้างก็ไปถักถุงเท้าให้ แถมคุณยายยังชอบประสบการณ์การถูกจับกุมครั้งนี้อีกด้วยนะ   ถือเป็นคุณยายที่เฟี้ยวจริงๆ แถมคุณตำรวจก็น่ารักมากๆ ที่ทำความฝันของคุณยายให้เป็นจริง…

เราคงเคยได้ยินการแต่งงานที่ยาวนานมาแล้วบ้าง และก็ใฝ่ฝันที่จะเป็นเช่นนั้น แต่การครองรักที่ยาวนานนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถ้าไม่เข้าใจกันจริงๆ ล่าสุดก็มีคู่ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกเขาสามารถครองการแต่งงานที่ยาวนานที่สุดในโลกคือ 90 ปี…   แต่หลังจากหกสัปดาห์ของการฉลองครบรอบแต่งงาน 90 ปี Karam Chand ก็ได้จากไปด้วยสาเหตุธรรมชาติในโรงพยาบาล ด้วยวัย 110 ปี (ทั้งๆ ที่อีก 6 สัปดาห์ก็จะถึงวันฉลองอายุ 111 ปีแล้วด้วย) Chand และภรรยาของเขา Kartari วัย 103 ปี กลายเป็นคนดังตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อพวกเขาฉลองครบรอบแต่งงาน 90 ปี โดยทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะกันเลย ตามคำบอกเล่าของคนในครอบครัว     ทั้งคู่อาศัยที่อยู่ในบ้านพร้อมกับลูกชาย Paul ที่ต้องเสียใจกับการจากไปของพ่อตัวเอง เขาเผยว่า “เราเสียใจกับการจากไปของเขาอย่างมาก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีอายุยืนขนาดนี้” Karam กับ Kartari แต่งงานกันเพราะการคลุมถุงชน และได้ทำพิธีผูกข้อมือในพิธีซิกเมื่อปี 1925 ทั้งคู่ย้ายมาอยู่แบรดฟอร์ด ในปี 1965 ช่วยกันทำงานอย่างหนักในอาชีพชาวสวน และยังทำงานโรงงานผ้าขนสัตว์ด้วย     ตอนนี้ทั้งคู่มีลูกหลาน 4 รุ่นแล้ว…

หากเรารู้ตัวว่า กำลังป่วยและใกล้จะตาย เราจะทำอย่างไรกับชีวิต หลายคนคงเลือกที่จะเข้ารับการรักษาเท่าที่จะทำได้ เพื่อยื้อชีวิตให้อยู่ได้นานที่สุด… แต่คุณยาย Norma Bauerschmidt วัย 90 จากมิชิแกน เมื่อถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เธอมีทางเลือกอยู่ 2 ทางเช่นเดียวกับคนอื่นๆ สามีของเธอคือ Leo ก็ได้จากไปด้วยโรคเดียวกัน เธอจึงรู้สึกว่า ไม่อยากอยู่แต่ในบ้านโดยไม่มีเขา อย่างน้อยก็น่าจะได้ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าก่อนจากไป เธอคิดว่าตัวเองผ่านโลกมาแสนนาน ตอนนี้ก็อายุเกือบร้อยปีแล้ว แต่ยังทำอะไรไม่คุ้มค่าเลย และก็ไม่อยากจะนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น เลยตัดสินใจสุดท้ายว่า.. ไหนๆ จะตายแล้ว ก็ขอใช้ชีวิตให้สุดเลยล่ะกัน     Norma ได้ออกเดินทางไปยังที่ต่างๆ โดยมีลูกชายและลูกสะใภ้คอยดูและไปกับเธอทุกที่ ทั้งสามคนได้ออกทางรวมประมาณ 20,000 กิโลเมตร ข้ามรัฐต่างๆ กว่า 34 รัฐ โดยรถบ้านของพวกเขา ตลอดเวลา 6 เดือน ก่อนที่เธอจะจากไป เรื่องราวการเดินทาง Norma ได้เผยแพร่ในเพจ Driving Miss Norma  และมีผู้คนมากกว่า 440,000 ที่คอยติดตามการเดินทางที่แสนวิเศษของเธอในครั้งนี้ ต่อมาเพจดังกล่าวก็ได้แจ้งเรื่องการจากไปของเธอว่า “วันนี้ Norma Jean Bauerschmidt ได้จากเราไปแล้ว เธอมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ตั้งแต่ 31 มีนาคม…

สุนัขบางตัวเมื่อเจอกัน มันมักจะไม่ถูก โดยมันจะแสดงออกด้วยการขู่กันบ้าง หรือกัดกันบ้าง ทั้งบาดเจ็บเล็กน้อย จนถึงบาดเจ็บรุนแรง แน่นอนว่าการจะพาสุนัขออกไปข้างนอก เจ้าของทุกตัวควรจะดูแลอย่างเคร่งครัด แต่ไม่คิดว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดกับสุนัขที่แก่ที่สุดในอังกฤษ ที่ใครๆ ต่างก็รัก มันถูกกัดโดยสุนัขอีกตัวหนึ่ง และทำให้มันเสียชีวิตในที่สุด   Jack สุนัขพันธุ์ Yorkshire Terrier วัย 25 ปี ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสุนัขที่แก่ทึ่สุดในอังกฤษได้เสียชีวิตก่อนไปพบแพทย์ เนื่องจากถูกสุนัข Patterdale และ Lakeland Terrier  รุมทำร้าย     Ray Bunn วัย 70 ปี ผู้เป็นเจ้าของของ Jack ซึ่งเป็นผู้ที่คอยดูและ Jack อย่างดีมาตลอดชีวิตของมันได้บอกว่า “เราได้เลี้ยง Jack มานาน จนมันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา ผู้รู้สึกเหมือนสูญเสียลูกชายไปเลยครับ” Jack ถูกฆ่าตายในขณะที่เจ้าของเตรียมพามันไปเดินเล่น แต่จู่ๆ ก็มีสุนัข Lakeland terrier สีดำตัวหนึ่ง วิ่งเข้ามาทำร้าย     Ray เล่าว่า “มันเริ่มฝั่งเขี้ยวลงไปที่ตัวของ Jack ผมพยายามไล่มันไป…

สัตว์ที่ตายข้างถนนกลายเป็นภาพที่เราคุ้นตากันเป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่ได้รับการป้องหรือแก้ไขอย่างจริงจังเท่าไรนัก นอกจากสุนัขและแมวแล้ว นก ยังเป็นสัตว์ที่ที่ถูกชนมากที่สุดด้วย โดยเฉพาะ นกนางนวล และหนึ่งในอาณาจักรขนาดใหญ่ของนกนางนวลพบว่าอยู่ที่คาบสมุทร Snaefellsnes โดยเฉพาะในแหล่งชุมชน Hellissandur และ Rif ในประเทศไอซ์แลนด์ ดังนั้นกลุ่มนักนักชีววิทยาได้จึงได้คิดไอเดียทาสีถนน Útnesvegur ที่ตั้งอยู่บนปลายสุดของคาบสมุทร Snaefellsnesโดยใช้สีสดใส เพื่อป้องกันการชนนกนางนวลอาร์กติกนับร้อยตัวที่นั่น     ปกติแล้วนกนางนวลส่วนใหญ่มักจะเดินหาอาหารตามถนนที่มีความร้อนของยางมะตอยอยู่ ดังนั้นหลายครั้งที่พวกมันต้องตายจากการถูกรถชนเพราะสีมันกลมกลืนกับถนนนั่นเอง Kristrún Jónsdóttir นักศึกษาชีววิทยา ซึ่งเป็นผู้ดูแลโครงการนี้ เธอคาดหวังว่า การทาสีถนนให้สดใส จะเป็นทางช่วยเหล่านกนางนวลได้บ้าง     เธอได้บอกกับ National Broadcasting Service ว่า “เนื่องจากสียางมะตอยกับสีนกนางนวลเหมือนกัน ทำให้ผู้คนมองไม่เห็น ดังนั้นการทาสีถนนให้เป็นสีสดใส จะทำให้ผู้คนระวังมากขึ้น” พวกเขาได้ทาถนนด้วยสี 3 สีที่แตกต่าง และผลการทดลองครั้งนี้จะทราบเมื่อสิ้นสุดฤดูร้อน หากว่าวิธีนี้ได้ผล พวกเขาก็จะเข้าไปทาสีซ้ำในทุกๆ ปี           คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าจะช่วยให้นกเหล่านี้ตายน้อยลง แต่จะได้ผลหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไปนะ ที่มา designyoutrust

กลายเป็นหนึ่งในอาหารฟาสต์ฟู๊ดยอดนิยมของคนไทยไปแล้ว กับ McDonald’s ไม่ว่าจะติวหนังสือ กินเฟร๊นช์ฟรายเล่นๆตอนมันลดครึ่งราคา หรือจะซื้อชุดสะสมของเล่นก็สนุกไปอีกแบบ และสำหรับ McDonald’s สาขาในประเทศญี่ปุ่น ตอนนี้เค้าก็กำลังจะออกเมนูเซ็ตใหม่ เพื่อเอาใจเหล่าสาวก ‘Sanrio’ ด้วย 5 เมนูใหม่ในธีมเจ้าหมาโกลเด้น ‘Pompompurin’ แต่เค้าก็ไม่ได้วางจำหน่ายทั้ง 5 เมนูหรอกนะ เพราะตอนนี้ทางเว็บไซต์ McDonald’sของญีุ่่ปุ่นเค้ากำลังเปิดให้โหวตกันอยู่ เราตามไปดูกันเลยว่าทั้ง 5 เมนูนี้มีอะไรบ้าง แต่ละอันน่ากินทั้งน๊านนนน     1. The Pompompurin Burger เบอเกอร์แบบต้นตำรับของแมค เพียงแต่เพิ่มความน่ารักเข้าไปอีกร้อยเท่า ด้วยการทำขนมปังให้มีลวดลายของเจ้าหมาน่ารักกำลังโพสต์ท่าต่างๆ เห็นแล้วรู้สึกว่าน่ารัก และน่าอร่อย ฮ่าๆๆ   2. Chicken McNuggets with Pompompurin Sauce ชุดแม็คนัคเก็ตธรรมดาดั้งเดิม เพิ่มเติมคือความน่ารัก และซอสรูปแบบใหม่ที่ผสมรสชาติครีมคาราเมลลงไป น่ารักน่าชัง สาวๆหลายๆคนคงชอบกันไม่น้อย   3. The Pompompurin McFlurry ของหวานที่มีรสชาติหอมหวาน…

การประสบการโรคภัยไข้เจ็บนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดให้ทั้งร่างกายและจิตใจ อย่างเช่นโรคมะเร็ง ที่นอกจากร่างกายแล้ว จะต้องทนกับผลข้างเคียงจากการรักษาอีก ไหนจะสายตาคนรอบข้างอีก ล่าสุดได้มีคลิป คุณแม่จับลูกสาวตัวเองโกนผมด้วยความโมโห เพราะลูกสาวได้ไปล้อเลียนเพื่อนที่ป่วยเป็นมะเร็ง ทำนองว่า ‘คนหัวล้าน’ เมื่อผู้เป็นแม่รู้เข้า ทำให้รู้สึกเจ็บปวดที่ไม่สามารถสั่งสอนลูกให้เป็นคนดีได้ จึงได้ลงโทษด้วยวิธีที่เด็ดขาดตามฉบับของเธอ     หญิงสาวที่ไปล้อเลียนคนป่วยมะเร็ง อาจจะรู้สึกสนุกหรือขำๆ กับการไปล้อเพื่อน แต่ผู้เป็นแม่นั้น กลับรู้สึกอับอายกับการกระทำของลูกเป็นอย่างมาก เธอจึงตัดสินใจลงโทษลูกขั้นเด็ดขาด เพื่อให้เธอจำไปตลอดชีวิต ว่าแล้วคุณแม่ก็ได้หยิบปัตตาเลี่ยนมาโกนผมลูกสาวตัวเอง เพื่อให้เธอเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดของผู้คนป่วยมะเร็งว่า แค่เป็นมะเร็งก็ร้ายแรงพอแล้ว แต่การต้องใช้ชีวิตท่ามกลางคำล้อเลียนนั้นยิ่งแย่เข้าไปอีก ส่วนเด็กสาวที่ป่วยมะเร็งนั้น เธอกำลังอยู่ระหว่างการทำคีโม ทำให้ผมเธอร่วง จนตัวเธอเองก็เครียดไม่ใช่น้อย คุณแม่จึงโกนผมให้เธอ และให้ใส่หมวกไปโรงเรียน แต่ก็ไม่คิดว่าจะถูกล้อเช่นนี้เหมือนกัน     หลังจากวิดีโอนี้ได้ถูกเผยแพร่ไป สร้างความสนใจให้ผู้คนเป็นอย่างมาก และได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกับการทำโทษของคุณแม่คนนี้ โดยมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย   และนี่คือความคิดเห็นบางส่วน…   “ทำแบบนี้ มันร้ายแรงเกินไป ทำไมไม่พาเธอไปโรงพยาบาลแล้วให้เธอเห็นว่า มีผู้คนมากมายที่กำลังจะเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง” “นี่คงจะเป็นบทเรียนที่ทำให้เธอจำไปตลอดไปเลยล่ะ” “การล้อเลียนคนอื่นเป็นเรื่องผิดก็จริง แต่สิ่งที่คุณแม่ทำก็เกินไป ทำไมไม่พาเธอไปขอโทษเพื่อนคนนั้นต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนล่ะ”     “เป็นวิธีการที่โหดร้ายเกินไปสำหรับเด็ก มีหลายวิธีที่ดีกว่านี้ เช่นลองให้เธอไปเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งเพื่อให้เธอได้สัมผัส…

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยว่า จากการสำรวจของ International Social Survey Programme (ISSP) พบว่า ผู้ชายญี่ปุ่นโดยเฉพาะในพื้นที่คิวชู และจังหวัดยามากุจิ มีแนวโน้มที่จะไม่ช่วยเหลืองานในครัวเรือน รวมถึงไม่ช่วยภรรยาดูแลลูก รายงานระบุฝ่ายภรรยาจะทำงานบ้านหนักมากกว่าสามีถึง 7 เท่า ด้วยเหตุนี้ ทางญี่ปุ่นจึงได้ผุดแคมเปญที่เรียกว่า “คิวชู-ยามากุจิ สร้างความสมดุลในชีวิตการทำงาน” โครงการนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว หาวิธีที่จะทำให้การใช้ชีวิต และการทำงานของพวกเขาเข้ากันได้มากขึ้น     ด้าน 3 ผู้ว่าราชการจังหวัดคนปัจจุบันของจังหวัดซากะ จังหวัดมิยาซากิ และจังหวัดยามากุจิ ก็ได้ถูกเชิญให้มาเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้ด้วย   โดยทั้ง 3 จะต้องใส่แจ็คเก็ตเลียนแบบการตั้งครรภ์ของคุณแม่ ที่มีน้ำหนักกว่า 7.3 กิโลกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำหนักของหญิงตั้งครรภ์ 7 เดือน เพื่อออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติของพวกเขา… ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ช้อปปิ้ง ซักผ้า รีดผ้า และล้างจาน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ชายได้เข้าใจถึงความยากลำบาก ในสิ่งที่ผู้หญิงต้องแบกรับในระหว่างตั้งครรภ์     คลิปวีดีโอการทดลองบางส่วนที่ถูกปล่อยออกมา…

ความสุขและความพึงพอใจของหลายๆ คนอาจจะมาจากอาหาร…. แต่แน่นอน บางครั้งอาหารที่สุดแสนจะฟิน มันก็อาจจะทำให้เรารู้สึกอึดอัดแบบแปลกๆ ได้ เพราะวันนี้ #จ่าสิบเหมียว อยากจะพาเพื่อนๆ ไปมองมุมกลับกันซักหน่อย 19 ภาพอาหาร ที่เห็นแล้วแทนที่จะสุขใจ แต่พอเราเอามันมาดัดแปลงหรือทำอะไรในแบบที่ไม่เคยเห็น กลับอึดอัดและไม่สบายใจขั้นสุด   โอรีโอ้ครีมไส้โอรีโอ้ เอิ่มมม งงกันไปเลยทีเดียว ฮร่าาา   แคร็กเกอร์ที่มีรูไม่ครบ มันอึดอัดใช่ไหม T^T   เลมอนทรงแปลกๆ ที่ดูเหมือนโครงกระดูกและกล้ามเนื้อในตัวเรา   ปอกแตงโมมันก็ดีอยู่หรอก แต่ว่าเมื่อลองปอกแบบนี้ล่ะ…   เค้กรูปไก่งวงเนี่ยนะ!?   แอปเปิ้ลผลนี้มีอะไรแปลกๆ   เคยเห็นแต่กล้วยโค้งๆ แต่นี่คือกล้วยตรงเด่ -*-   คิทแคทที่ไม่มีเวเฟอร์   ฮาริโบที่มีเยลลี่ขาวๆ โดยรอบ อึ๋ยยยย   ไข่แดงที่กลมมนได้รูปแบบเพอร์เฟ็คต์…เออ รู้สึกแปลกๆ จริงๆ นะเนี่ย   มาส่องภายในของลูกกวาดกัน เป็นชั้นๆ เหมือนเปลือกต้นไม้เลย   ขนม Jaffa…

ตั้งแต่เติบโตจนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นมานี้ หนึ่งในกิจกรรมที่ทุกๆ คนล้วนแต่เคยผ่านมากันทั้งนั้นก็คงไม่พ้นการบีบสิวนี่แหละ แต่เชื่อมั้ยล่ะว่าการกระทำนี้อาจทำให้คุณเสียชีวิตได้เลยนะเออ!!? เพราะล่าสุดทางสำนักข่าว Independent และ Metro แห่งประเทศอังกฤษได้รายงานข่าวของการว่า ‘การบีบสิว’ อาจเป็นสาเหตุให้คุณ ‘เสียชีวิต’ ได้ เพราะว่าอาจก่อให้เกิดอาการติดเชื้ออย่างรุนแรงนั่นเอง   การบีบสิวทำให้ตายได้!?   เรางคงเคยได้ยินแพทย์ผิวหนังบอกว่าอย่าบีบกดสิว เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยแผลเป็น แถมสิวยังเป็นแหล่งสะสมทั้งความมัน เชื้อโรค และอาการอักเสบเอาไว้ ปกติแล้วคนเราจะบีบสิวด้วยมือที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ยิ่งเหมือนเสริมความสกปรกเข้าไปในพื้นที่นั้น พอกดมันก็เหมือนไปจุดระเบิดให้สิวแพร่และลุกลามไปยังบริเวณโดยรอบซะอีก   แต่ถ้าเป็นสิวในบริเวณนี้ล่ะก็ ห้ามกดเป็นอันขาด!!   พื้นที่สามเหลี่ยมนี้จะครอบคลุมในส่วนของจมูกและปากส่วนบน รวมถึงมุมปากทั้งสองข้าง เพราะเส้นเลือดบริเวณนี้จะเชื่อมต่อไปยังด้านหลังของศรีษะ บริเวณสมมองส่วนท้าย นั่นหมายความว่าถ้าเกิดอาการติดเชื้อบริเวณนี้ มีโอกาสอย่างมากเลยล่ะที่มันจะลุกลามเข้าสุ่สมองของคุณโดยตรง และคงไม่มีใครอยากให้อาการติดเชื้อในกระแสเลือดเข้าสู่สมองหรอกใช่ไหม?? ช่วงก่อนก็มีข่าวคราวเกี่ยวกับหนุ่มที่บีบสิวบริเวณนั้นและเกือบเสียดวงตาเช่นกัน (หนุ่มบีบสิวจนเกือบตาบอด) และแม้โอกาสเกิดขึ้นจะน้อยมาก (While it is incredibly rare) แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ทางทฤษฎี แถมยังมีอาการอื่นๆ ที่อาจเป็นได้อีกทั้งอาการอัมพาต หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต!!   ตอนแรก #จ่าสิบเหมียว ก็ไม่ค่อยเชื่อนะ แต่ลองไปหาข้อมุลเกี่ยวกับเส้นเลือดบนใบหน้าดูแล้วก็พบว่ามีความเกี่ยวเนื่องกันตามภาพ…   นอกจากนี้ บริเวณของสามเหลี่ยมอันตราย…

เรื่องราวของชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ในเมืองเอเธนส์ ประเทศกรีซ ปล่อยให้เจ้าเหมียวเข้ามาในบ้านของตัวเอง คอยให้อาหารและดูแลมัน และมันก็ตอบแทนด้วยการเซอร์ไพรซ์ที่ต้องทำให้ทุกๆ คนต้องยิ้มตาม…     “เจ้าเหมียวตัวนั้นแอบย่องเข้ามาในบ้านของผมอยู่บ่อยครั้งเมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ผมหลับอยู่หรือออกไปนอกบ้านแล้วลืมปิดหน้าตาง มันคงจะใช้ทางนั้นปีนเข้ามาข้างใน  หลายๆ ครั้งที่ผมกลับบ้านหรือตื่นมาก็มักจะเห็นร่องรอยที่มันทำทิ้งไว้ ก็เลยคิดว่ามันน่าจะเดินเข้ามาหาอาหารและความอบอุ่น มีครั้งหนึ่งที่ผมเข้าบ้านมาแล้วจ๊ะเอ๋เข้ากับมันพอดีขณะที่กำลังนั่งชิลๆ อยู่บนโซฟา แต่พอโดนจับได้ปุ๊บมันก็รีบวิ่งหนีออกไปทางหน้าต่างทันที” คุณ Giorgos Cheliotis เล่า       “เมื่อผมกลับมา เจ้าเหมียวยังนอนอยู่ที่เดิม แต่ตอนนั้นผมรู้สึกเหนื่อยมากก็เลยหลับไปก่อนแต่พอตื่นเช้ามาก็ยังคงพบว่าเจ้าเหมียวยังนอนอยู่ที่เดิม มันน่าแปลกใจมากๆ เลย ผมก็เลยเดินเข้าไปดูว่าทำไมมันถึงไม่ขยับไปไหนเลยตั้งหลายชั่วโมง พบว่ามันคลอดลูกน้อยออกมาถึง 3 ตัวด้วยกัน” “นี่ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยนะเนี่ย ตอนแรกก็คิดว่ามันกระโดดเข้ามาในบ้านเพื่อหาอาหารกิน ทั้งที่จริงแล้วมันพยายามหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อคลอดลูกของมัน  และมันก็เลือกที่นี่บนโซฟาบ้านผม” คุณ Cheliotis กล่าว     หลังจากนั้นเขาก็เริ่มให้อาหารกับเจ้าเหมียวตัวนั้น มันยังคงเดินไปมารอบๆ บริเวณนั้นขณะที่เขาอยู่บ้านไม่ยอมเข้าไปใกล้ๆ เพราะยังไม่ไว้ใจ “และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง จู่ๆ มันก็มีความใจกล้าผิดปกติกระโดดเข้ามาขณะที่ผมอยู่บ้าน ผมก็เลยให้อาหารมันอีกครั้งและมันก็รีบตรงดิ่งเข้าไปนอนที่โซฟาสุดโปรด ใ นคืนนั้นเองผมได้ออกไปแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนๆ และไม่อยากรบกวนมัน จึงออกจากบ้านไปพร้อมกับเปิดหน้าต่างทิ้งไว้เผื่อไว้ว่ามันจะออกไป” เขาเล่าเพิ่มเติม    …

ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ต่างก็ต้องการความรัก และความอบอุ่นเหมือนกัน เหมือนดังเช่นเรื่องราวของเจ้า Niya สุนัขผู้สิ้นหวังตัวนี้ มันก็คงอยากใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุขเหมือนสุนัขตัวอื่นๆ แต่แล้ววันหนึ่งเจ้า Niya ดันถูกเจ้าของเดิมทอดทิ้งอย่างไม่มีใยดี จนต้องเข้ามาอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์ Gibson County Animal Shelter ที่เมือง เทรนตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ และกลายเป็นน้องหมาที่ไม่มีเจ้าของไปในที่สุด     Niya เคยถูกเจ้านายเก่าขังไว้ในกรงตลอดเวลา จนทำให้มันใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวในทุกๆ วัน บริเวณใบหน้าของมันก็มีรอยแผลจากการโดนทำร้าย อีกทั้งหางของมันก็ยังถูกกดแน่นอยู่ที่ระหว่างขาอีกด้วย น่าสงสารจริงๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง Kimberley Slown หญิงผู้ใจบุญก็ได้มารับมันไปดูแล พร้อมทั้งได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเจ้าหมาน้อยตัวนี้ เพื่อที่จะได้ให้มันกลับมามีความสุขอีกครั้ง   เธออุ้มมันอย่างอ่อนโยน   เจ้า Niya มีบ้านหลังใหม่ที่อบอุ่นแล้ว ดีใจด้วยน้า   หลังจากที่ Niya เข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหม่ในคืนแรก มันก็เอาแต่มุดตัวอยู่ข้างๆ ผนัง แต่เมื่อถึงคืนที่ 2 เจ้า Niya ก็เริ่มเปลี่ยนไป   มันได้เข้าไปหา Kimberley…

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ สำหรับประเทศญี่ปุ่นเป็นอะไรที่มองข้ามไม่ได้จริงๆ อย่างในเรื่องของการให้บริการรถไฟ จะต้องตรงเวลา มีระเบียบการปฏิบัติที่เคร่งครัด จนกระทั่งเมื่อเกิดปัญหาขึ้นทั้งรถไฟและสถานี ก็ต้องหยุดให้บริการทันทีเพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้ก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย     อย่างในกรณีของรถไฟสาย Keihin Tohoku สายรถไฟที่มีผู้ใช้บริการมากอีกขบวนหนึ่งในกรุงโตเกียว ประสบกับเหตุการให้บริการล่าช้า ต้องหยุดจอดที่สถานี Kamata ฃ และต้นเหตุที่ทำให้ทุกอย่างล่าช้านั้น อันเนื่องมาจากมีนกกระจิบตัวจ้อยเข้ามาโดยสารรถไฟด้วย!!     ผู้โดยสารเริ่มสังเกตเห็นว่ามันเจ้านกกระจิบแอบขึ้นมาด้วย จนเกิดความสงสัยว่ามันขี้เกียจบินแล้วหรืออย่างไร บินเองน่าจะไวกว่าอีก เอ๊ะ หรือมันเนียนขึ้นฟรีแบบไม่ต้องซื้อตั๋ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ที่คนสงสัยมากกว่าก็คือมันเข้ามาได้ยังไง? แถมไม่มีทีท่าว่าจะบินออกไปง่ายๆ ด้วย     เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายไปมากกว่านี้ เจ้าหน้าที่จำเป็นจะต้องหยุดให้บริการรถไฟทันที และเข้ามาจัดการกับเจ้านกกระจิบตัวนี้ซะ!!   (หากคลิปไม่ขึ้น คลิกชมได้ที่นี่) RT @metabolic_boyz: 永遠こんなことやってる。 #京浜東北線 #鳥 pic.twitter.com/W0jngv4EQB — いっちー (@ichi_shun) 28 กันยายน 2559 ดูเผินๆ อาจจะเป็นเรื่องง่าย นกตัวแค่นี้…

ในเรื่องเกี่ยวกับ ‘ความรัก’ นั้น ไม่จำเป้นต้องมีเซอร์ไพร้ซ์พิเศษๆ หรือของขวัญแพงๆ มาให้กันหรอก แค่เรื่องเล็กๆ ที่ทำให้กันในชีวิตประจำวันก็สามารถทำให้อีกฝ่ายยิ้มได้แล้วล่ะ   ล่าสุดแม่สาวผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวอเมริกันคนนี้ Amy Pennington ก็ได้โพสต์ภาพน่ารักๆ เกี่ยวกับคุณตาของเธอที่กำลังทำผมให้คุณยาย จนมีผู้มาถูกใจและรีทวิตไปนับแสนรายเลยทีเดียว!! ‘คุณยายของฉันพึ่งไปผ่าตัดข้อมือมา เธอไม่สามารถทำผมได้เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นคุณตาของฉันเลยทำให้ซะเลย น่ารักไปอีกกกกกก’ เธอโพสต์   โพสต์ของเธอที่ทำให้มีคนกดถูกใจกว่า 200,000 ครั้ง และรีทวีตไปมากกว่า 100,000 ครั้ง   แน่นอนว่างานนี้มีหรือชาวเน็ตจะพลาด มาดูกันซิว่าแต่ละคนจะว่ายังไงกันบ้าง…   คุณตาคุณยายของฉันเสียชีวิตหมดแล้วล่ะ ภาพนี้ฉันดูแล้วยิ้มเลยแต่ก็แอบน้ำตาซึมนิดๆ พวกเขาน่ารักจริงๆ   อินจัดมาก…   ดูแล้วร้องไห้เลย 🙁   ก็เหมือนที่ #จ่าสิบเหมียว ได้กล่าวไว้ตอนเกริ่น ไม่ต้องมีอะไรให้มันมากมายหรอก แค่ใส่ใจในกิจกรรมชีวิตประจำวันของกันและกัน ก็พอแล้วล่ะ… 🙂   ที่มา: Amy Pennington

เหตุการณ์นี้บอกได้คำเดียวเลยว่า ‘แก่แต่เก๋า’ ถ้าไม่เก่งจริงอย่ามาแหยมกับเฮียนะเออ   เมื่อล่าสุดได้มีข่าวคราวเกี่ยวกับ 3 หนุ่มวัยดึกคึกคะนองสามารถจับโจรร้ายที่ตำรวจตามจับมากว่า 18 เดือนได้สำเร็จ!!! Stephen Ward หัวขโมยที่พยายามบุกงัดเข้าไปในบ้านแม่ยายที่พึ่งเสียไปของ Peter Mueller ผู้เฒ่าวัย 70 ปี ที่เผอิญไปเห็นเข้าให้แบบคาหนังคาเขา   Peter Mueller วัย 70 ปี และเพื่อนของเขาสองคนที่อายุ 78 และ 81 ปี   พอรู้ข่าวคราวการตายของแม่ยาย Peter อดีตนายธนาคารแห่งประเทศเยอรมนีก็มารับมรดกที่บ้านของเธอในอังกฤษ ที่นั่นเขาได้เห็น Stephen Ward หัวขโมยที่กำลังถือถุงอัญมณีออกมาพอดี ‘พอผมเปิดประตูเท่านั้นแหละ ผมเห็นเขาอยู่ในบ้านพอดี เขามีท่าทีตกใจมากที่ประตูเปิดออก เขาดูตกใจสุดขีด ผมไม่รอช้ากระโจนเข้าใส่เขาทันที เพื่อนผมอีกสองคนก็ปรี่เข้ามาช่วยและกดเขาลงกับพื้น’ อดีตนายธนาคารกล่าว   ดูหน้าตาของเขาก็รู้สึกได้เลยว่า ‘ไม่รอดแล้วตู…’   ทางด้าน Creedon เจ้าหน้าที่ผู้จับกุมกล่าวว่า ‘เราได้ตามจับไอ้หนุ่มคนนี้มานานถึง 18 เดือนเต็มแล้วล่ะ เขากระทำการได้แนบเนียนมาก มีคดีลักเล็กขโมยน้อยเกิดขึ้นซึ่งสามารถสาวไปถึงตัวเขาได้เสมอ แต่ก็ยังจับกุมไม่ได้เสียที’…

การบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบินนั้น นับเป็นอีกหนึ่งบริการที่มีการพูดถึงอย่างแพร่หลาย ดังนั้น สายการบินส่วนใหญ่ จึงต้องใส่ใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ไม่ว่าผู้โดยสารจะเป็นใครก็ตาม แต่ล่าสุดสายการบิน British Airways ออกมาบอกว่า จะยกเลิกการเสริฟอาหารฟรีให้กับผู้โดยสารที่เดินทางในระยะใกล้ หรือเที่ยวบินที่มีเวลาบินต่ำกว่า 5 ชั่วโมง     แน่นอนว่า หลายคนอาจจะไม่พอใจกับนโยบายแบบนี้ แต่มันอาจจะไม่แย่อย่างที่คิดไว้ก็ได้ ลองมาฟังเหตุผลของสายการบินซักหน่อย สา่ยการบินระบุว่าเนื่องจากคุณภาพอาหารของ British Airways นั้น ได้มีการพัฒนาขึ้นมาอีกขั้น โดยได้รับความร่วมมือจาก  M&S ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อย เริ่มตั้งแต่ 11 มกราคม 2017 ผู้โดยสารที่เดินทางจาก Heathrow และ Gatwick จะเลือกอาหารจากร้านค้าปลีก ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนเมนูเรื่อยๆ รวมทั้งการเลือกอาหารเช้าด้วย เช่น แซนวิซสดและขนมขบเคี้ยวต่างๆ     ซึ่งแน่นอนว่า จะไม่แพงเท่าสายการบินต้นทุนต่ำอย่าง EasyJet และ Ryanair ยกตัวอย่างเช่น ชุดมันฝรั่งทอดรอบบนสายการบิน Ryanair ราคา 84 บาท แต่ของ British Airways แค่ 38 บาทเท่านั้น Alex Cruz เชฟคนใหม่ของ British Airways บอกว่า “พวกเขามักจะบอกว่า…

การแข่งขันกีฬาย่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวนักกีฬาว่าจะรับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้ยังไง แต่สำหรับการแข่งขันเทนนิสนัดนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อ Rafael Nadal นักเทนนิสผู้โด่งดัง ได้ทำการหยุดแมชเทนนิสที่กำลังแข่งอยู่ เมื่อได้ยินว่ามีแม่กำลังประกาศหาลูกที่พลัดหลงกันในฝูงชน ในคลิปนั้นเราจะได้เห็นว่าเป็นฝ่ายของ Nadal ที่ได้เสิร์ฟ ซึ่งเป็นการแข่งขันคู่พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมชาวสเปน Simon Solbas และคู่ต่อสู้เป็นอดีตมือ 1 ของโลกในอดีต Carlos Moya วัย 40  ปี และตำนาน John McEnroe วัย 57 ปี แต่แล้วทั้งสนามกว่า 7,000 คน ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อคุณแม่ท่านหนึ่งตะโกนคำว่า “คลาร่า” และนั่นก็ทำให้ทุกคนรู้ได้เลยว่าเธอกำลังตามหาลูกของเธอ Nadal เห็นดังนั้นก็เลยตัดจินใจหยุดเล่นไปก่อน เพื่อให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ   ทั้งสนามก็ต่างช่วยกันตามหาลูกของเธอ บ้างก็ตะโกนช่วยเพื่อให้ได้เจอ   จนกระทั่งลูกของเธอก็ปรากฎตัว ทั้งสนามต่างปรบมือพร้อมทั้งระเบิดอารมณ์ของความประทับใจ บางคนถึงกับหลังน้ำตา เช่น John McEnroe ที่กำลังแข่งอยู่ในสนาม   ส่วนตัว Nadal เองก็รู้สึกยินดีที่แม่ลูกได้พบกันอีกครั้ง  …

สิ่งที่เราไม่อาจหลีกหนีไปได้ในชีวิตเลยก็คือความจริงที่ว่า มีสถานประกอบการที่ตอบสนองความต้องการทางเพศของมนุษย์ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ผุดอยู่เต็มไปหมด และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานักลงทุนได้ประกาศการเตรียมความพร้อมให้บริการ fellatio café คาเฟ่บำเรอความใคร่ ที่ไม่ได้ให้บริการโดยมนุษย์ แต่เป็นตุ๊กตายางหรือหุ่นยนต์แทนต่างหาก!! Bradley Charvet คือนักลงทุนในธุรกิจคาเฟ่บำเรอกามดังกล่าว เขามีแผนเปิดให้บริการในย่าน Paddington ใจกลางกรุงลอนดอน ของประเทศอังกฤษกันเลยทีเดียว โดยเริ่มต้นที่ครั้งละ 60 ปอนด์ (2,000 บาท) จะได้กาแฟพร้อมกับบริการด้วยปาก     แต่หลังจากได้รับคำเตือน เกี่ยวกับกฏหมายควบคุมการค้าประเวณีอันเข้มงวดของสหราชอาณาจักรแล้ว ทางด้าน Charvet เองก็กล่าวว่าหุ่นยนต์เหล่านั้น จะให้บริการกับลูกค้าคาเฟ่ที่มีความต้องการเท่านั้น เขาให้สัมภาษณ์กับทาง Daily Star ว่า ‘หุ่นยนต์บำเรอจะคอยปรนนิบัติลูกค้าอยู่ตลอด บางทีพวกมันอาจจะมีเทคนิคชั้นเชิงมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะมันสามารถตั้งโปรแกรมตามความต้องการของแต่ละคนได้’ “มันจะช่วยพัฒนาการให้บริการทางเพศ โดยการใช้หุ่นยนต์ในมิติใหม่ รวมทั้งของเล่นอื่นๆ เพื่อสร้างความสุขให้ตัวเอง”     จุดเริ่มต้นที่เขาลงทุนในธุรกิจแบบนี้ ก็เพราะว่าได้รับแรงบันดาลใจจาก สถานประกอบการในลักษณะที่คล้ายกันในประเทศไทย แถมตั้งใจที่จะเปิดคาเฟ่ลักษณะนี้อีกที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปลายปีนี้ด้วย Charvet เชื่อว่าสถานประกอบการของเขาจะกลายเป็นศูนย์กลางทางสังคมที่มีความซับซ้อนในอนาคต โดยบอกว่า “บาร์เป็นที่ที่ผู้คนมาพบปะกัน และเป็นแหล่งเริ่มต้นเช้าวันใหม่” “แต่มันจะดีกว่ามั้ย หากคุณได้เพลิดเพลินกับเพื่อนๆ ในร้านกาแฟ โดยมีเหล่าหุ่นยนต์ที่พร้อมจะมอบความสุขให้กับคุณ?”…

เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการแชร์ภาพนี้จนกลายเป็นที่โด่งดังในโลกออนไลน์ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจากรัฐอินดีแอนา Precious Cornner-Jones ได้เข้าไปที่โรงเรียน Indianapolis Public School 88 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จนกระทั่งได้พบกับเด็กคนหนึ่งที่กำลังนอนร้องไห้อยู่บนพื้น เมื่อตำรวจหญิงวัย 40 ปี ได้เห็นภาพนี้ก็ทำให้นึกถึงลูกอีก 3 คนของเธอ เพราะฉะนั้นแล้วเธอจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปปลอบเด็กชายคนนี้     “ฉันตัดสินใจที่จะนอนแล้วพูดกับเด็ก เขาเริ่มร้องไห้ ฉันก็เลยช่วยเช็ดน้ำตาแล้วบอกว่าทุกอย่างจะโอเค” “ขนาดเราเป็นผู้ใหญ่ยังต้องการใครสักคนมาช่วยปลอบและเช็ดน้ำตา เด็กคนนี้อาจจะเจอวันแย่ๆ มาเหมือนกันกับเรา ดังนั้นก็ควรให้กำลังใจและทำให้เขายิ้มได้”     หลังจากเข้าไปปลอบแล้วหนูน้อยก็ใจเย็นลงและกลับมายิ้มได้อีกครั้ง “มันอาจจะไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจ แต่มันเป็นหน้าที่ของผู้เป็นแม่” เธอกล่าว หลังจากที่ได้แชร์เรื่องราวนี้ในเฟซบุ๊ก ก็ได้มีคนแชร์และคอมเมนต์มากมาย ทำให้อ่านแล้วรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันชอบเรื่องราวนี้มาก ภาพนี้ติดอยู่ในหัวทั้งวันเลย เป็นเรื่องราวที่ดีงามจริงๆ” “คุณยอดเยี่ยมมากๆ ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้มีคนที่เข้าใจผู้อื่นและกล้าหาญเหมือนกับคุณ”     ถือเป็นเรื่องราวที่อ่านแล้วทำให้เรายิ้มไปทั้งวันได้ดีจริงๆ อย่างน้อยก็ทำให้เห็นมุมดีๆ ที่เกิดขี้นบนโลกของเรา ที่มา dailymail

เคยสงสัยหรือเคยนับมั้ยว่า ในแต่ละวันแต่ละเดือน หรือแม้กระทั่งปีนั้น เราทิ้งขยะไปมากแค่ไหน แน่นอนว่า เราไม่คงไม่ได้นั่งนับ เพราะขึ้นชื่อว่า ขยะแล้ว มันก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีค่า จนเราไม่อยากสนใจมันอีก Rob Greenfield นักกิจกรรมจากนิวยอร์ก รับปากว่าจะ เก็บขยะทุกชิ้นตลอด 1 เดือน มาเก็บไว้ ไม่ใช่เพื่อไปทิ้งถังขยะนะ แต่เพื่อนำไปทำเป็น ‘ชุดขยะ’ ต่างหาก และจะสวมชุดชุดนั้นให้ผู้คนได้เห็นด้วย จุดประสงค์คือเพื่อให้ผู้คนได้เห็นว่า ในแต่ละวันนั้น เราสร้างปริมาณขยะกันมากแค่ไหน โดยจะเดินไปรอบๆ เมืองพร้อมชุดขยะที่มีกระเป๋าถึง 13 ช่อง และจะมีขยะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามปริมาณขยะที่พบเจอ     Greenfield ได้บอกกับ USA Today ว่า “ผู้คนส่วนใหญ่มักไม่ได้ตระหนักว่า ตัวเองได้สร้างขยะกันมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น เพื่อทำให้พวกเขาเห็น ผมจึงใส่ชุดขยะนี้ ตลอด 1 เดือน” ภายในเวลา 14 วัน เขาก็ได้ผลตอบรับในทางที่ดี ผู้คนถ่ายรูปของและนำไปโพสลงโซเชียลมีเดีย ตอนนี้ ชุดขยะ มีน้ำหนักเกือบ 14…

คุณครูหลายคนมักจะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน เพื่อไม่ให้กระทบต่อกัน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน เพราะมีบางคนที่แม้จะอยู่ข้างนอก พวกเขาก็ยังมีความเป็นครูให้กับนักเรียนเสมอ เหมือน Kinsey French ซึ่งเป็นครูสอนพิเศษจาก Kentucky ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเด็กแค่ในห้องเรียนเท่านั้น แต่เธอยังได้เชิญนักเรียน 6 คนที่เป็นดาวน์ซินโดรมมางานแต่งของเธอ โดยมีส่วนรวมในการโปรยดอกไม้ การถือแหวน รวมทั้งร่วมส่งคุณครูเข้าประตูวิวาห์ด้วย     French บอกว่า “พวกเขาเปรียบเหมือนคนในครอบครัวของฉัน เพราะเขาเป็นนักเรียนกลุ่มแรกและกลุ่มเดียวของฉัน ดังนั้น วันพิเศษของฉันจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีพวกเขาอยู่ด้วย” เมื่อสื่อท้องถิ่นได้รู้เรื่องนี้ พวกเขาจึงได้เดินทางไปเยี่ยม French และนักเรียนของเธอที่โรงเรียน Christian Academy Of Louisville นักเรียนบางคนบอกว่า ที่งานแต่ง พวกเขาชอบอาหาร และการเต้นรำ และอยากมีโอกาสได้ขึ้นบนฟลอร์เต้นรำสักครั้ง ในขณะที่ทางโรงเรียนเองก็โพสต์เรื่องของ French บนเพจ Facebook ของโรงเรียนด้วย ผู้คนต่างพากันชื่นชมเธอไม่ใช่น้อยเลย         เรื่องราวของเธอสร้างความภาคภูมิใจโรงเรียนและผู้คนมากมาย     คงไม่ต้องบอกว่า พวกเขามีความสุขแค่ไหนกับงานนี้            …

สำหรับอาการภูมิแพ้ ในปัจจุบันก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่หลายๆ คนก็มีอาการนี้กัน ซึ่งความรุนแรงในแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ 31 อาการแพ้สิ่งต่างๆ ทั้งหนักทั้งเบาปนกันไป ลองมาดูกันเลย!! ปล. ภาพด้านล่างนี้อาจมีความรุนแรงนิดหน่อย เพื่อนๆ คนไหนที่ใจไม่แข็งหรือมีอาการ ‘แพ้’ ภาพพวกนี้ อย่าเลื่อนกันลงไปเลยน้าาา   อาการแพ้ไรฝุ่นแบบรุนแรง หัวหน้าสั่งลาพักงานทันทีเพราะต้องไปขายของและเจอลูกค้า   ย้อมขนตาก็อาจส่งผลต่ออาการแพ้แบบรุนแรงเช่นกัน   แพ้ชาแปลกๆ ที่หมักขึ้นมาเองที่เรียกว่า Kombucha (ชาเพื่อสุขภาพนะเนี่ย -*-)   หัวพองเป็นบอลลูนแบบนี้เพราะยาย้อมผมที่มีส่วนผสมของสาร Paraphenylenediamine   ยาย้อมผมเช่นกัน อีกหนึ่งตัวอย่างของการแพ้สารเคมีที่อยู่ในตัวยา อันตรายจริงๆ -*-   ผู้หญิงคนนี้แพ้กรดที่พบในแอปเปิ้ล ที่ดันไปอยู่ในยาย้อมผมของเธอ   การใช้ยาปฏิชีวนะที่ผิดพลาดก็อาจทำให้เกิดอาการนี้ขึ้นได้ แพทย์เลยถามประจำว่าแพ้ยาตัวไหนหรือเปล่า??   เธอถูกแมงมุมกัดเข้าที่ส่วนบนของตา อาการแพ้รุนแรงมากจนดูเหมือนตัวการ์ตูน Quasimodo พอดีกับเทศกาลฮัลโลวีน เลยไม่ต้องแต่งหน้าผีเลยงานนี้   ที่เธอมีอาการแพ้นี้เธอก็ยังไม่ทราบว่าเกิดขึ้นจากอะไร เพราะตื่นมาปากก็กลายเป็นเป็ดแบบนี้ซะงั้น   อาการแพ้หลังจากการใช้ใบมีดโกน หลายๆ…

หว่าจะได้ภาพถ่ายที่สวยงามนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะภาพที่ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อไปถ่ายมา แต่ช่างภาพเหล่านี้ก็ได้มุมานะหามาจนได้ เพื่อรางวัลอันทรงเกียรติที่พวกเขารอคอย ภาพลิงโลดที่น่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้ เป็นภาพที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ และรองชนะเลิศ จากการประกวดภาพถ่ายตื่นตาตื่นใจ เป็นภาพที่ได้รับคัดเลือกมากจากทั้งหมด 36,000 ภาพ ของ Red Bull Illume โดยช่างภาพ  Lorenz Holder ได้รับรางวัลชนะเลิศจากผลงานภาพ นักกีฬา Senad Grosic  ที่ได้ปั่นจักรยานข้ามสะพาน BMX ในเยอรมนี กับภาพสะท้อนจากน้ำที่ดูราวกับว่าเป็นสะพานวงกลม   ภาพของ Lorenz Holder ถ่ายใน Gablenz เยอรมนี ได้รับรางวัลชนะเลิศจากภาพทั้งหมด   ส่วนภาพขาวดำของนักเล่นกระดานกระดานโต้คลื่น  Renan Faccini ที่อยู่ท่ามกลางคลื่นขนาดใหญ่ที่กระทบฝั่งและม้วนกลับ ได้รับรางวัลในหมวดหมู่พลังงาน ถ่ายโดยช่างภาพชาวออสเตรเลีย Luke Shadbolt ในขณะที่ ในขณะที่ช่างภาพนอร์เวย์ Vegard Aasen ได้รับรางวัลภาพจากโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นภาพภูเขาที่ถ่ายใน Hakuba ประเทศญี่ปุ่น แต่ละภาพที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ 55 อันดับ ในหมวดหมู่ต่างๆ ตอนนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงงานของ Red Bull Illume Exhibit Tour 2016 และจะจัดแสดงไปตามที่ต่างๆ ทั่วโลกตลอด…

นอกจากวันแต่งงานแล้ว วันที่เราหลายคนรอคอยและปลื้มมากที่สุดก็น่าเป็นวันที่ได้เห็นหน้าลูกน้อยครั้งแรก เพราะมันเหมือนเป็นของขวัญชิ้นล้ำค่าที่เราเฝ้ารอ….   แต่ Cagney Wenk วัย 26 ปี จากเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด เกือบไม่ได้มีโมเม้นนั้น เมื่อเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งสมอง ระยะที่สี่ และเมื่อวันสำคัญของเขามาถึง นั่นคือวันที่ภรรยาของเขา Jessica Li ให้กำเนิดลูก แต่เขายังคงอยูในห้อง ICU เพื่อพักฟื้นหลังจากผ่าตัดสมอง     แต่โชคดีที่ทางแพทย์ของโรงพยาบาล Boulder Community เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จึงได้ย้ายเขาไปในห้องคลอดพร้อมอุปกรณ์และสายต่างๆ ของเขา ทำให้เขาได้เห็นการเกิดของลูกชายเขา ทันทีที่ Cagney ได้เห็นหน้าลูกชาย ทำให้ถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความดีใจออกมา เมื่อเวลาตี 2 ของวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา และเขายังได้ตัดสายสะดือให้ลูกด้วย     มีการถ่ายวิดีโอของเขา ขณะที่ได้ยินเสียงลูกร้องให้ครั้งแรก เขาก็อุทานออกมาว่า “โอ้ พระเจ้า” ท่ามกลางอุปกรณ์ทางการแพทย์มากที่อยู่รอบๆ ตัวเขา หลังจากคลอดเสร็จทั้งคู่ก็ถูกจัดเตียงอยู่ข้างกันด้วย เพื่อให้ Cagney ได้เห็นลูกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งยังได้เห็นรอยยิ้มของลูกด้วย ต่อมาเรื่องราวนี้ก็ถูกโพสต์ใน Facebook โดย Cagney…

‘มนุษย์เผือก’ เป็นชื่อที่เราส่วนใหญ่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีทั้งคนที่เห็นเป็นเรื่องปกติ และก็มีอีกหลายคนที่รังเกียจพวกเขา แต่เบื้องหลังของโรคคนเผือกนี้ มีหลายอย่างที่สะเทือนใจใครหลายคน ที่ผ่านมาเราอาจจะเคยได้ยิน การนำชิ้นส่วนของมนุษย์เผือกไปขาย เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่า หากได้ชิ้นส่วนของ มนุษย์เผือกไปครอบครอง จะนำโชคลาภมาให้ บางที่ถึงกับฆ่าคนเผือกตั้งแต่เกิด ข่มขืน เพราะเชื่อว่า การมีเพศสัมพันธ์กับคนเผือกนั้น จะช่วยรักษาโรคเอดส์ได้ ด้วยเหตุนี้คนเผือกหลายคนเลือกที่จะหนีออกจากหมู่บ้าน ในขณะที่บางครอบครัวก็พยายามจะหนีออกจากสังคม เมื่อรู้ว่าตัวเองมีลูกที่เป็นคนเผือก เพราะไม่อยากถูกสังคมรังเกียจ   และนี่คือศูนยหลบภัยของมนุษย์เผือก ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเผือกนับร้อยที่มีปัญหาทางร่างและจิตใจ   ช่างภาพ Ana Palacios วัย 43 ได้ไปเยี่ยมชมศูนย์หลบภัย Kabanga ในแทนซาเนียมาแล้ว 3 ครั้ง ระหว่างปี 2012 และ 2016 เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชะตากรรมของมนุษย์เผือก และถ่ายทอดสู่สายตาคนทั่วไป ทางรัฐบาลแทนซาเนียเองได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ จึงได้ตั้งศูนย์คุ้มครองพิเศษสำหรับคนเผือก หลังจากพวกเขาหนีออกมาจากแหล่งค้ามนุษย์ได้ และคนที่ไม่ใช่คนเผือกหลายคนก็อยู่ที่นี่ด้วย ที่ Tanzanian Albinism Society มีมนุษย์เผือก 8,000 คน ซึ่งรวมผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก แต่เชื่อว่ายังมีอีกจำนวนมากที่ยังไม่รู้จักศูนย์ช่วยเหลือกนี้ หรือบางคนเลือกที่จะหลบภัยในที่ส่วนตัวมากกว่า   Epafroida หนึ่งในคนเผือกที่มีความใฝ่ฝันอยากเปิดธุรกิจสิ่งทอในตลาดใกล้เคียง เพราะท้องตลาดควรมีเสื้อผ้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่สามารถปกป้องผิวของคนเผือกจากรังสียูวีได้  …

เราต่างรู้ดีว่ากว่าจะประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะในเรื่องการเรียน ที่กว่าจะเรียนจะจบแต่ละชั้นต้องใช้เป็นเวลาเป็นปีๆ สำหรับเด็กชาย William Maillis  คนนี้ทำให้เราต้องทึ่ง ด้วยการเรียนจบมัธยมในวัยเพียง 9 ขวบ เท่านั้น ที่สำคัญกำลังเตรียมศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาแล้วด้วย William ได้ตั้งเป้าหมายของตัวเองว่า อยากพิสูจน์ให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของพระเจ้า และความฝันที่อยากเป็นนักดาราศาสตร์ แม้หลายคนจะมองว่า เป็นเพียงความฝันในวัยเด็กเท่านั้น แต่ William กำลังจะทำให้ฝันเป็นจริงในไม่ช้านี้แล้ว     พ่อแม่ของเขา Peter และ Nancy บอกว่า พวกเขาเริ่มสังเกตเห็นความสามารถพิเศษของ William เมื่อเขาสามารถนับเลขได้ ตอนอายุเพียง 6 เดือนเท่านั้น และสามารถพูดเป็นประโยคได้ในวัย 7 เดือน และยังบอกอีกว่า พวกเขาแทบไม่ต้องผลักดันในเรื่องการศึกษาให้ William เลย แต่เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง และเดินตามทางของตัวเอง ในขณะที่อาจารย์ในวิทยาลัยบอกว่า ความสามารถของเขานั้นเหมาะที่จะเรียนในระดับเดียวกับผู้ใหญ่เลย นอกจากนี้ William ไม่เห็นด้วยแนวคิดของไอน์สไตล์ เกี่ยวกับขนาดของหลุม โดยมีแนวคิดเป็นของตัวเองว่า ‘จักรวาลนั้นดำรงอยู่ได้อย่างไร?’     William ตั้งของสันนิษฐานว่า การมีอยู่ของจักรวาลนั้น อาจจะเกิดจากการมีสิ่งภายนอกสร้างมันขึ้นมา และสิ่งนั้นก็คือ พระเจ้า แต่ก็มีข้อสงสัยเกี่ยวกับที่มาของพระเจ้าอีก…

เดี๋ยวนี้ผู้หญิงที่หุ่นดีนั้น ไม่จำเป็นต้องผอมบางเสมอไป เพราะปัจจุบันนี้ผู้หญิงที่ดูดีนั้น จะมีรูปร่างแข็งแรงสมส่วน ที่ออกจะอวบบ้าง จนกลายเป็นคำเรียกขึ้นมาว่า ‘Plus Size – พลัสไซส์’ Stefania Ferrario นางแบบสาวที่โด่งดังเพราะเธอมีความมั่นใจกับรูปร่างของตัวเอง และกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ และด้วยหุ่นอวบของเธอจึงทำให้ผู้คนมองเธอเป็นนางแบบพลัสไซส์ ซึ่งเธอไม่เห็นด้วยกับการใช้คำนี้ เธอจึงออกมารณรงค์ให้ผู้คนใช้คำดังกล่าวให้น้อยลง     ไม่ใช่เพราะเป็นการดูถูกคนรูปร่างใหญ่แต่อย่างใด แต่เธอเชื่อว่า คำว่า ‘พลัส’ นั้น หมายถึงคนที่มีรูปร่างใหญ่กว่าปกติ เพราะคนอวบนั้น ไม่ใช่คนตัวใหญ่กว่าปกติ แต่มันคือรูปร่างที่พอดีของคนอวบมากกว่า Stefania เริ่มใช้แฮชแท็ก #DropThePlus เมื่อปีที่แล้ว แต่ตั้งแต่นั้นมา เธอก็กลายเป็นคนที่ขับเคลื่อนการใช้คำในวงการนางแบบทั่วโลก ปัจจุบันเธอเป็นนางแบบที่มีหน้ามีตาของแบรนด์ชุดชั้นใน Dita von Tees และได้บอกกับ Broadly ว่า เธออยากถูกเรียกว่า ‘นางแบบ’ โดยไม่ต้องมีคำนำหน้า หรือคำตามหลังใดๆ ทั้งสิ้น     ไม่เพียงแต่รณรงค์ในวงการนางแบบเท่านั้น แต่อยากให้สื่อต่างๆ หยุดใช้คำว่า นางแบบพลัสไซส์ ด้วย “ฉันคิดว่าคำว่า พลัสไซส์ นั้นมีความหมายเชิงลบ ดังนั้น เราควรจะกำจัดคำเหล่านี้ออกไป และเปลี่ยนไปใช้คำที่มีความหมายแฝงดีกว่า”…

พ่อแม่ยุคใหม่ที่ต่างคนต่างต้องออกไปทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ไม่สามารถที่จะปล่อยให้ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าเพียงคนเดียวได้เหมือนในอดีต การว่าจ้างพี่เลี้ยงเด็กจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะครอบครัวในสังคมแถบตะวันตก อาชีพพี่เลี้ยงเด็ก ถือว่าเป็นอีกอาชีพที่ได้รับความนิยมสูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นหน้าที่ของพ่อ-แม่ ที่จะต้องคัดสรรคนที่ดีที่สุด เพื่อดูแลคนที่เรารักมากที่สุดเช่นกัน   เช่นเดียวกับครอบครัวของคุณแม่ Anne-Marie Faiola และลูกตัวน้อยของทั้งสอง ทุกๆ วันเธอและสามีต้องออกไปทำงาน จึงจำเป็นที่จะต้องจ้างพี่เลี้ยงเด็ก เพื่อดูแลลูกน้อยวัยก่อนเข้าเรียน ทุกๆ วันเป็นไปตามปกติ เด็กน้อยทั้งสองมีความสุข พี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ได้มีพฤติกรรมที่รุนแรงต่อเด็ก แต่แล้วเย็นวันหนึ่งคุณแม่ได้รับโทรศัพท์จากพี่เลี้ยงเด็ก เล่าถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปสดๆร้อนๆ     บ่ายวันนั้นเอง หนูน้อย Lilly และพี่ชาย Jamisen วัย 4 ขวบ กำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องนอนของตัวเองอย่างเพลิดเพลิน แต่แล้วจู่ๆ พี่เลี้ยงเด็กที่กำลังทำธุระอยู่ข้างบนบ้าน ได้ยินเสียงระเบิดขึ้นมาจากชั้นใต้ดินดัง ตู้มม!!! กลางห้องเล่นของเล่น ถือว่าโชคดีมากๆ เพราะเด็กน้อยทั้งสองมักจะอยู่ห้องนี้เป็นประจำ ก่อนที่จะกลับเข้าห้องนอน พี่เลี้ยงจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือเด็กน้อยทั้งสองออกมาจากห้องนอน ก่อนที่ห้องทั้งหมดจะเต็มไปด้วยแก๊ส ซึ่งเป็นอันตรายต่อเด็กวัยแรกเกิดอย่างมาก     หลังจากนั้นพี่เลี้ยงจึงรีบโทรบอกคุณแม่ ทั้งคู่รีบกลับมาที่บ้านก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น คงไม่มีใครคาดคิดว่าจู่ๆ ถังแก๊สที่ตั้งอยู่มาตั้งนานจะรั่วจากชั้นใต้ดิน จนเจอกับความร้อนและระเบิดทะลุพื้นห้องของเล่น โชคดีที่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีใครเป็นอะไร และต้องขอบคุณพี่เลี้ยงเด็กที่มีสติ…

มีใครบ้างที่จะไม่รู้จักตำนาน ‘แวมไพร์’ ผีสไตล์ฝรั่ง มีฟันแหลมคม แปลงร่างเป็นค้างคาว ชอบอยู่ในที่มืดๆ แถมยังดื่มเลือดคนเป็นอาหารอีก โหดสุดๆ ถ้ามีคนเอามาเล่าว่ามันคือเรื่องจริง อาจจะไม่มีใครเชื่อ เพราะมันออกจะเกินจริงไปหน่อย กลายเป็นโลกนิยาย หรือแฟนตาซีอะไรทำนองนั้นแทน แต่เชื่อเถอะว่า ‘แวมไพร์’ ของจริงได้กำเนิดขึ้นแล้ว (กลัวจัง) เพราะคู่รักคู่นี้ เค้าหล่อเลี้ยงกันด้วยเลือดจริงๆ เค้นออกมาแบบสดๆ เป็นหยดๆ แค่คิดก็เสียวแล้ว ไปรู้จักเค้าเลยดีกว่า     Blut Katzchen สาวผู้หลงใหลในเรื่องราวตำนานแวมไพร์ เธอออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อศึกษาเรื่องราวผีดูดเลือด เป็นเวลานานกว่า 10 ปี จนเธอได้มาพบรักกับชายหนุ่มผู้เรียกตนเองว่า ‘Vampire King’ ซึ่งจริงๆ แล้วเขาชื่อ Michael Vachmiel วัย 44 ปี   ในฐานะที่เธอเป็นเหมือนดั่ง ‘Black Swan’ เธอยินดีอย่างมากที่จะให้แฟนหนุ่มกรีดเลือดเธอออกมา และดื่มกินมันสดๆ เหมือนแวมไพร์ตามตำนานเป๊ะ!! “ตอนเด็กฉันเจอหนังสือเกี่ยวกับแวมไพร์ของน้องสาว หลังจากนั้นฉันก็คลั่งมากๆ และการที่คุณจะเป็นเจ้าหญิงสำหรับราชาแวมไพร์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันรู้สึกดีมากที่ได้แบ่งปัน และมีความสุขสุดๆ”  Blut กล่าว…

เค้าว่ากันว่าแมวเป็นสัตว์ที่มี 9 ชีวิต ต้องฆ่า 9 ครั้งถึงจะตายจริงๆ หลายๆ คนก็คงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่กล่าวเกินจริง แต่วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวเพื่อพิสูจน์กันว่าจะเป็นความจริงซักแค่ไหนเชียว เรื่องราวปาฏิหาริย์ของเจ้าเหมียวที่ถูก ‘รถไฟ’ ชน แต่มันก็ไม่ยอมแพ้ คลานไปที่บ้านของมนุษย์เพื่อขอความช่วยเหลือ   มารู้จักกับเจ้า Tuck เหมียวแห่งปาฏิหาริย์   เจ้า Tuck นั้นเป็นแมวเหมียวที่ถูกทิ้งมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะ ทำให้มันกลายเป็นแมวจรจัดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่อยู่มาวันหนึ่งขณะที่มันกำลังเดินเล่นอยู่บนรางรถไฟและไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังมาถึง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พอรู้ตัวอีกทีมันก็ถูกชนเข้าอย่างจัง ทำให้ช่วงขาข้างหนึ่งและท้องของมันฉีกและเปิดออกมาจนเสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าอัศจรรย์ได้เกิดขึ้นกับมัน เจ้าเหมียวค่อยๆ คลานพาร่างของมันพาตัวเองจากจุดที่ถูกรถไฟ ข้ามถนนจนไปถึงบ้านหลังหนึ่ง เพื่อขอความช่วยเหลือ แสดงให้เห็นถึงพลังใจที่ไม่มีสิ้นสุดของมัน มนุษย์ผู้มีจิตใจดีพอได้เห็นเจ้าเหมียวในสภาพแบบนั้นก็แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น และทันใดนั้นเองเธอก็รีบโทรหาศูนย์ช่วยเหลือ RSPCA NSW อย่างเร็วไว และพวกเขาก็รีบตรงดิ่งมายังสถานที่เกิดเหตุ     มันพยายามรวบรวมพลังเฮือกสุดท้าย เพื่อทำให้หัวใจของตัวเองเต้นต่อไป เจ้าเหมียวถูกพาขึ้นไปยังรถพยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างให้ความช่วยเหลือและปฐมพยาบาลอย่างเต็มที่ จนมาถึงที่โรงพยาบาล…     ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ทุกคนใน RSPCA NSW พยายามอย่างเต็มที่เพราะไม่อยากทำให้ความพยายามของเจ้าเหมียวนั้นสูญเปล่า   พวกเขาไม่สามารถทำให้ขาหลังและหางของมันหายกลับมาเป็นปกติได้ แต่มันก็รอดชีวิต!!…

ท่ามกลางความวุ่นวายในเมืองหลวง บางครั้งเราก็คงอยากหนีจากสิ่งเหล่านั้น แล้วไปหาที่สงบๆ สักที่อยู่ หรือแม้กระทั่งการไปใช้ชีวิตในหมู่บ้านในฝัน แต่หมู่บ้านที่เราใฝ่ฝันนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีอยู่ในภาพยนตร์หรือนิยายเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่าบางทีหมู่บ้านเหล่านั้นอาจจะมีอยู่จริงก็ได้ เพียงแต่เราไม่เคยรู้ และหมู่บ้านเหล่านี้ก็มีอยู่จริงบนโลกของเรา ดูสงบ สวยงาม และน่าไปอยู่มากๆ   1. เมืองเล็กๆ ในโพรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส   2. หมู่บ้านไบเบอรี่ ในสหราชอาณาจักร   3. โรเธนเบิร์ก ประเทศเยอรมนี   4. Gasadalur หมู่เกาะแฟโร   5. Bagnone ประเทศอิตาลี   6. ฮัลล์สตัทท์ ประเทศออสเตรีย   7. มานาโรลา ประเทศอิตาลี   8. โกคายามะ ประเทศญี่ปุ่น   9. หมู่บ้านชาวประมง Hamnøy ประเทศนอร์เวย์   10. หมู่บ้านชาวประมงที่ถูกทิ้งร้างในเกาะ Shengsi ประเทศจีน     11. Renndølsetra ประเทศนอร์เวย์…

ปัญหาสุนัขถูกทิ้ง กลายเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ไม่ว่าสังคมไหน ประเทศไหนก็มักประสบอยู่บ่อยๆ และปฏิสเสธไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งก็มาจากความมักง่ายของมนุษย์เรา มูลนิธิการกุศลในโปแลนด์ Karmimy Psiaki ได้เปิดตัวแคมเปญเพื่อสังคมภายใต้ชื่อ “11. You shall not abandon your pet” ซึ่งมีดาราของประเทศโปแลนด์บางคนก็ได้เข้าร่วมแคมเปญนี้ด้วย โครงการนี้ ทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดปัญหาของสุนัขที่ถูกทอดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นการผูกติดกับต้นไม้ ถูกลากไปกับรถยนต์ การฝังทั้งเป็น โดยหวังว่าจะเป็นการทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่ทารุณสัตว์เลี้ยงของพวกเค้าอีก     จากสถิติตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมพบว่า จำนวนสุนัขในศูนย์พักพิงสัตว์ในโปแลนด์เพิ่มขึ้นถึง 20-25% เมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆ ส่วนสาเหตุที่ทำให้สุนัขในโปแลนด์ถูกทิ้งมากขึ้นนั้น ก็มาจากการที่เจ้าของส่วนใหญ่ที่ไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด และไม่รู้จะทำยังไงกับสัตว์เลี้ยง จึงนำไปสู่การทอดทิ้ง ซึ่งเป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุด     เพื่อให้ผู้คนตระหนักและให้ความสนใจกับปัญหานี้ ทางมูลนิธจึงขอความร่วมมือจากคนดัง 6 คน คือนักแสดง Natasza Urbanska นักเต้น Michal Pirog พรีเซนเตอร์ Marzena Rogalska นางแบบ Rafal Maslak กับ Kamila Szczawinska และ  Sylwia Nowak โดยให้พวกเขาเหล่านี้มาทำท่าลักษณะเดียวกับสุนัขที่ถูกทอดทิ้งในสภาพต่างๆ แม้จะเป็นภาพที่ดูรุนแรงสักหน่อย…

คาเฟ่สัตว์เลี้ยงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับร้านต่างๆ ที่ผ่านมาเราคงเคยเห็คาเฟ่สัตว์เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่แมว หรือคาเฟ่แกะ ก็ยังมีมาแล้วเช่นกัน ล่าสุดเอาใจคนรักกระต่าย ด้วยคาเฟ่กระต่าย ‘Rabbitland’ ในฮ่องกง ให้คุณได้สัมผัสกับกระต่ายแบบใกล้ชิด พร้อมนั่งจิบชาชิลๆ Rabbitland ตั้งอยู่ในย่านศูนย์การค้าในเขต Causeway Bay ที่ทำขึ้นมาเพื่อให้คนที่อยากเลี้ยงสัตว์ แต่ไม่มีที่เลี้ยง ให้พวกเค้าได้มีโอกาสมาเล่นกับเจ้าขนปุยเหล่านี้อย่างหนำใจ     ทุกๆ ปี ในฮ่องกงนั้น กระต่ายเป็นสัตว์ที่ถูกทิ้งมากที่สุดเป็นอันดับสาม กระต่ายที่ถูกทิ้งส่วนใหญ่มาจากเจ้าของที่ไม่ต้องการเลี้ยงแล้ว และส่วนหนึ่งเป็นกระต่ายที่ขายไม่ออก ดังนั้นคาเฟ่กระต่ายนี้หวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการให้ที่พักพิงกับกระต่ายที่ถูกทิ้งในฮ่องกง ที่ถือว่าเป็นเมืองที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของกระต่ายมากที่สุดแห่งหนึ่ง     ในการมาเล่นกับกระต่ายในคาเฟ่นั้น ก็มีกฏเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยของกระต่าย เช่น ไม่อุ้มมันขึ้นมา หรือไม่ดึงหูของมัน Teddy Chui วัย 29 ปี หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งคาเฟ่ บอกว่า “หากใครไม่ทำตามกฏระเบียบ เราก็จะเชิญออกจากร้านทันทีครับ” เขายังบอกอีกว่า การเข้ามาชมกระต่าย จะทำให้เด็กๆ เข้าใจถึงการดูแลพวกมัน “หลายครอบครัวพาลูกๆ มาที่นี่ ถ้าลูกพวกเขาอยากได้กระต่าย เพื่อสอนเด็กๆ ว่า มันไม่ง่ายที่จะเลี้ยงเอง เพราะต้องดูแลมันในหลายๆ อย่าง และต้องมีความรับผิดชอบในระดับหนึ่งด้วย”   เด็กๆ จะได้มาลองสัมผัสการเลี้ยงกระต่ายจริง   ป้อนอาหาร…

ในโลกนี้เต็มไปด้วยชนเผ่าต่างๆ มากมาย แต่ละชนเผ่าต่างก็มีประเพณีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะชนเผ่าดั้งเดิมอย่างชนพื้นเมือง ที่แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่พวกเค้ายังคงรักษาประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างดี จิมมี่ เนลสัน ช่างภาพผู้หลงไหลในการตามถ่ายภาพคนป่า ได้ใช้เวลาในประมาณ 2 ปี ในการเดินทางข้าม 19 ประเทศในแถบยุโรป เพื่อถ่ายภาพเครื่องแต่งกายของชนเผ่าพื้นเมืองที่ใช้ในการประกอบพิธีสำคัญๆ ประเพณีเหล่านี้ จัดขึ้นตามความเชื่อทางศาสนา Polytheistic ซึ่งมักจะจัดตามฤดูกาลเท่านั้น ที่สำคัญ ชนพื้นเมืองบางกลุ่มได้สืบสานกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 แล้ว     เครื่องแต่งกายนั้นถูกออกแบบตามรูปลักษณ์สัตว์ที่พวกเขาคุ้นเคย รวมทั้งตัวประหลาดที่พวกเขาคิดขึ้นเองด้วย และคนที่แต่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย เหตุผลหนึ่งในการแต่งตัวเช่นนี้ เพื่อเป็นตัวแทนในการสื่อสารกับธรรมชาติหรือสิ่งที่พวกเขานับถือ และนี่คือภาพส่วนหนึ่งที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ รายละเอียดของแต่ละภาพนั้น ช่างภาพไม่ได้ระบุไว้ แต่ได้รวมภาพทั้งหมดนี้ในหนังสือ Wilder Mann  ซึ่งรายละเอียดแต่ละชนเผ่า สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ที่ www.charlesfreger.com/portfolio/wilder-mann                               อาจจะดูหลอนๆ…

สิ่งที่ขาดื่มทั้งหลายมักมองหา นั่นก็คือความสนุก แต่ความสนุกแบบไหนล่ะ ที่จะได้เฮกันได้ทั้งแก๊ง นี่เลย ‘ชุดคนเมา’ ไม่ใช่ใส่แล้วเมานะ แต่ใส่แล้วสร้างเสียงฮาได้ต่างหากละ ‘ชุดคนเมา’ เป็นชุดตุ๊กตารูปร่างต่างๆ ที่มาพร้อมกับขาที่ห้อยอยู่บนไหล่ และเมื่อเราสวมใส่เข้า จะดูเหมือนกับว่า ตุ๊กตาตัวนั้นกำลังแบกเราไว้อยู่ เอาไว้ใส่ไปงานปาร์ตี้ก็เก๋ๆ นะ       ลองดูคลิปรีวิวอันนี้ เชื่อว่ามันได้อารมณ์ความเมามากๆ…   สำหรับใครที่สนใจ สามารถเข้าไปเลือกช้อปได้ในเว็บไซต์ hollywood ซึ่งจะตกอยู่ตัวละประมาณ 1,800 บาท ส่วนใครที่คิดว่าจะซื้อไปให้ลูกน้อยเล่น คงต้องอด เพราะเขาผลิตเพื่อผู้ใหญ่ ดังนั้นจึงมีแต่ไซต์ใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย!!!   นอกจากนี้ยังมีอีกมากมายหลายแบบ ที่พร้อมจะแบกคุณกลับบ้า่น…               แหม่ ก็น่าลองซื้อมาใส่เล่นเหมือนกันนะ ที่มา hollywood

เมื่อคนใกล้ตัวของคุณไว้หนวดมานานแบบไม่เคยโกนทิ้งเลย เชื่อว่าหลายคนอาจจะจำภาพในเวลานั้นของพวกเขาได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าหากวันใดวันหนึ่งพวกเขากลับโกนหนวดขึ้นมา เชื่อว่ามันคงจะดูแปลกตาสำหรับคุณไม่น้อย เหมือนดังเช่นเรื่องราวของ Anistyn Claire หนูน้อยวัย 7 เดือนคนนี้ ที่ร้องไห้ใหญ่ เมื่อเห็นใบหน้าของป๊ะป๋าเปลี่ยนไปจากเดิม     เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอน่ารักๆ ของหนูน้อย Anistyn และ JC Marshall ผู้เป็นพ่อ ซึ่งในตอนนั้นเขามีหนวดที่ยาวเฟื้อย และในขณะที่ทั้งคู่กำลังเล่นกันอยู่นั่น จู่ๆ หนูน้อยก็ทำท่าทางอึ้งอย่างหนัก เนื่องจากคุณพ่อคนเดิมที่มีหนวด ณ ตอนนี้เขาหายไปไหนแล้วววว   คุณพ่อ JC ฉบับไร้หนวด ดูหล่อขึ้นกว่าเดิมไหมละ   แต่ดูเหมือนว่าลูกสาวจะไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ สุดท้ายก็ทำให้เธอถึงกับร้องไห้ออกมา เพราะไม่คุ้นกับใบหน้าใหม่ของพ่อ โถๆๆๆ น่าเอ็นดูจริงๆ   ทางคุณพ่อ JC ก็ได้บอกถึงสาเหตุการโกนหนวดว่า ตั้งแต่ออกจากงานเก่า เขาก็เริ่มไว้หนวดมานานหลายเดือน ซึ่งหนูน้อยก็ชอบที่จะดึงมัน แต่ด้วยความที่ต้องไปสัมภาษณ์งานใหม่ และภรรยาของเขาก็ไม่ค่อยปลื้ม ดังนั้น JC…

ในสังคมเราทุกวันนี้ มีน้อยคนนักที่ยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อความสุขของคนอื่น และพวกเขาเหล่านี้ก็สมควรแก่การยกย่องด้วย Rami Adham เขามีเชื้อสายฟินนิช-ซีเรียน และเป็นพ่อของลูกๆ 6 คน เขาในวัย 44 ปี ได้ลักลอบนำของเล่นไปยังเมือง Aleppo ประเทศซีเรีย ซึ่งเขาได้เดินทางไปซีเรียเกือบ 30 ครั้ง ตั้งแต่เกิดสงครามใน 6 ปีที่ผ่านมา…   เมื่อทางสำนักข่าว NBC ถามว่า ‘ทำไมต้องเสี่ยงชีวิตไปที่นั่นด้วย?’ เขาตอบว่า “เด็กๆ เหล่านั้นต้องสูญเสียสิ่งที่พวกเขาควรได้ในวัยเด็ก และนี่ก็เป็นปีที่หกแล้วที่ต้องอยู่ท่ามกลางสงคราม ดูเหมือนว่าผู้คนจะลืมพวกเขาแล้วด้วย”   Miral Khalagi วัย 4 ขวบ ที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย ในเมือง Idlib ประเทศซีเรีย เธอสูญเสียพ่อแม่ เมื่อกลุ่มคนติดอาวุธบุกเข้ามาในบ้านของเธอ และฆ่าพ่อของเธอต่อหน้า ก่อนที่เธอจะหนีออกมากับปู่ ส่วนแม่ถูกจับตัวไปและไม่ได้เจอกันอีกเลยตั้งแต่นั้นมา เดือนก่อนหน้านี้ Adham ไปเดินทางไปยังซีเรียเป็นครั้งที่ 28 พร้อมของเล่นมากมาย และเขาก็ได้ให้ของขวัญพิเศษกับ Miral ด้วย เป็นม้าโพนี่สีม่วง และเธอก็รับไปพร้อมรอยยิ้มที่สดใส     “พวกเขาไม่เพียงแต่รับตุ๊กตาไปเพราะความชอบเท่านั้น แต่พวกเขารู้สึกว่าได้รับกำลังใจและมีคนสนับสนุนพวกเค้าวอยู่ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะอยู่กับพวกเขาที่นี่”  …

เราต่างรู้ถึงเหตุการณ์สงครามในซีเรีย และเหล่าผู้อพยพภัยสงครามก็ได้ไปอยู่ตามทื่ต่างๆ ทั่วโลก มีประเด็นดราม่ามากมายเรื่องการรับคนอพยพ ข่าวต่างๆ ทั้งด้านดีและด้านเสียก็ตามมาอีกเพียบ แต่เรื่องนี้ จะทำให้คุณรู้คุณค่าของพวกเขาเหล่านั้นมากขึ้น…   Lindsay Coulter ช่างภาพจากแคนาดา เธอได้ทำงานถ่ายภาพในงานแต่งงานงานหนึ่งซึ่งเกิดเหตุการณ์ที่น่าประทับใจขึ้น เหตุเกิดเมื่อเจ้าสาวทำซิปที่ชุดแตกและไม่สามารถซ่อมได้ งานนี้ก็ต้องออกตามหาว่าใครที่สามารถช่วยได้ ก็เลยลองออกไปขอความช่วยเหลือจากห้องข้างๆ ดู หลังจากที่เพื่อนเจ้าสาวหายไป ก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับคีมที่เอาไว้สำหรับซ่อมซิป ซึ่งเธอได้มาจากชาวซีเรียที่อพยพมาอยู่ห้องข้างๆ นี่เอง และเขาก็เป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้ามืออาชีพด้วย     ผ่านไปไม่กี่นาทีผ่านไป เพื่อนเจ้าสาวพยายามซ่อมซิปด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่สำเร็จ แต่แล้วมีเสียงเคาะประตูเกิดขึ้น และคนที่เดินเข้ามาก็คือพ่อลูกชาวซีเรียคู่หนึ่งได้เข้ามาช่วยในการแก้ไขปัญหานี้ ช่างภาพเล่าว่าเธอได้ออกไปถ่ายภาพในห้องเจ้าบ่าวมา พอกลับมาก็ได้เห็นพ่อลูกชาวซีเรียกำลังซ่อมชุดให้อยู่     หลังจากถามไถ่ก็ได้ทราบว่าพ่อลูกเพิ่งย้ายมาอยู่แคนาดาได้เพียง 4 วัน และไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เลย ตลอดการทำงานใช้ภาษามือคุยกันตลอด อีกทั้งครอบครัวของเจ้าสาวก็มาจากประเทศจีน ทำให้การสื่อสารทั้งหมดก็ต้องใช้ภาษามือ ถือเป็นภาพที่ดูน่ารัก     คุณพ่อชาวซีเรียคนนี้ชื่อว่า Ibrahim Halil Dudu ให้สัมภาษณ์กับ CTV News ว่าเขารู้สึกมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้คน คุณพ่อผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับผ้ากว่า 30 ปี ได้เล่าว่า “เธอตื่นเต้นและมีความสุขมาก ผมก็มีความสุขกว่าที่ได้กลับไปทำงาน ผมอยากช่วยเหลือคนแคนาดาจากใจเลย”…

เหล่ากลุ่มคนที่มีจิตใจกรุณาได้ร่วมกันช่วยเจ้าลูกเหมียวน้อย 5 ตัวที่อยู่ใต้ทางเดินไม้ออกมาเพื่อให้พวกมันได้พบกับแม่ของมันอีกครั้งหนึ่ง     กลุ่มคนผู้มีจิตใจเมตตานั้นได้ยินเสียงร้องเหมียวๆ จากใต้ทางเดินไม้ใกล้ๆ กับร้านอาหารในเมือง Pleasanton รัฐแคลิฟอร์เนีย บวกกับการช่วยเหลือจากโรงพยาบาลสัตว์ Pleasant Veterinary Hospital ทำให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือเหล่ามิ้วน้อยออกมาจากใต้ดินได้อย่างง่ายดาย และเมื่อพวกเขาได้เจอกับเหล่ามิ้วน้อยแล้วก็รู้ได้เลยว่าแม่ของพวกมันต้องอยู่แถวๆ นี้อย่างแน่นอน เมื่อโรงพยาบาลได้ทราบข่าวจากทางร้านอาหาร ก็เลยส่งทีมสัตวแพทย์เข้าไปร่วมทีมเพื่อช่วยเหลือในทันที     พวกเขาดึงแผ่นไม้ออกจากทางเดิน และก็พบว่ามีมิ้วน้อยอยู่ทั้งหมด 5 ตัว แต่ละตัวมีอายุยังไม่ครบ 1 สัปดาห์เลย     เป็นเพศผู้ 2 ตัว และเพศเมีย 3 ตัว กำลังนอนตัวติดกันอยู่ ร่วมกันกับเจ้ามิ้วน้อยอีกตัวที่ถูกช่วยเหลือมาไว้ที่บ้านอุปถัมป์     โดยเรื่องทั้งหมดนี้มันเริ่มมาจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ทางสัตวแพทย์ได้ทำการช่วยเหลือแมวจรจัดตัวหนึ่งมาแล้วก็พบว่ามันเพิ่งจะคลอดลูกมาแต่ไม่ยักกะเห็นลูกของมันซักตัว จนได้รับการแจ้งมาจากผู้จัดการร้านอาหาร ฮร่า     และจากที่ดูๆ แล้วเหล่ามิ้วน้อยทั้งหลายนั้นมีลักษณะที่คล้ายกันกับเจ้าเหมียวตัวที่ช่วยมาก่อนหน้านี้ บวกกับข้อมูลสถานที่ที่ได้พบเจอกับเจ้าเหมียวอีก ก็ทำให้แน่ใจได้เลยว่ามันเป็นแม่ลูกกันอย่างแน่นอน     เมื่อเหล่าสัตวแพทย์พาลูกเหมียวมาหาแม่ของพวกมัน เจ้าแม่เหมียวก็รู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง รีบทำหน้าที่ของแม่ที่ดีด้วยการเลียขนทำความสะอาดตัวลูกๆ ทุกตัว…

ปรากฏการณ์โลกร้อนนั้นส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสัตว์และมนุษย์ และเจ้าปลาทูน่าน้ำเงินตัวนี้เองก็ไม่วายที่จะโดนผลกระทบจากโลกร้อนจนถึงแก่ชีวิต… เรื่องมีอยู่ว่าชายหนุ่ม Kev Brady และเพื่อนๆ ได้ออกไปพายเรือพายเล่นที่บริเวณปากแม่น้ำ Severn ในหมู่บ้าน Minsterworth เมือง Glos ประเทศอังกฤษ จู่ๆ เขาก็ได้พบกับซากปลาขนาดยักษ์ลอยตุ๊บป่องอยู่     พอเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่ามันคือซากปลาทูน่าที่มีความยาวมากถึง 2.1 เมตรเลยทีเดียว คาดว่ามันคงลอยมาจากทะเลที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 50 กิโลเมตร     คุณ Brady ได้ทำการถ่ายคลิปเหตุการณ์เอาไว้และนำไปโพสต์ลงโซเชียล ทำให้มีผู้สนใจมากมาย และในนั้นก็มีเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้วย โดยพวกเขาได้ให้ความเห็นว่าเจ้าปลาทูน่าตัวนี้น่าจะว่ายตามฝูงแซลมอนมายังแหล่งน้ำจืด แต่เนื่องจากว่าปลาทูน่านั้นไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เป็นน้ำจืดได้เหมือนกับแซลมอน จึงทำให้มันเกิดอาการน็อคและตายไปในที่สุด     แต่ก็น่าแปลกใจเหมือนกันเพราะโดยปกติแล้วปลาแซลมอนนั้นเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในเขตน้ำอุ่น แต่แหล่งน้ำจืดนั้นจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าน้ำทะเล เพราะฉะนั้นปลาทูน่าจะรู้ถึงความแตกต่างของอุณหภูมิและไม่ว่ายเข้ามา แต่ภายหลังเนื่องจากปรากฏการณ์โลกร้อนทำให้อุณหภูมิของแหล่งน้ำจืดเพิ่มสูงขึ้นจึงทำให้มันเข้าใจผิดและว่ายเข้ามาในเขตน้ำจืดอย่างไม่ลังเล Dai Francis เจ้าหน้าที่จากศูนย์ดูแลสัตว์น้ำในแม่น้ำ Severn กล่าว     โดยเจ้าซากของปลานี้พอสังเกตดีๆ ก็พบว่าเป็นสายพันธุ์ครีบน้ำเงินเหนือที่สุดแสนจะหายากและมีราคาแพงแสนแพง แถมยังมีขนาดตัวที่ใหญ่แบบสุดๆ เมื่อโตเต็มวัยมันจะมีน้ำหนักมากถึง 650 กิโลกรัมเลยนะ ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ นั้นเป็นปลาเศรษฐกิจที่มีความสำคัญเช่นเดียวกับปลาทูน่าชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น…

มีสุนัขหลายตัวบนโลกใบนี้ ที่เกิดมามีชีวิตที่แสนสุข มีเจ้านายที่รักมันอย่างแท้จริง ในขณะเดียวกันก็มีสุนัขจำนวนไม่น้อยที่ถูกทอดทิ้งยามที่มันหมดประโยชน์ หรือไม่น่ารักเหมือนตอนเป็นเด็ก จนทำให้มันต้องอยู่บนโลกใบใหญ่อย่างโดดเดี่ยว เหมือนดั่งเช่นเรื่องราวของ “นานา” น้องหมาเพศเมียวัย 4 ปีตัวนี้ ชีวิตของมันน่าจะมีความสุขในแบบที่ควรจะเป็นเหมือนกับสุนัขตัวอื่นๆ เพราะมันได้คลอดลูกน้อยแสนน่ารักออกมาถึง 9 ตัว แต่โชคร้ายที่เจ้าของเดิมกลับมองว่าเป็นภาระ ดังนั้น นานา และลูกๆ จึงถูกทอดทิ้งอย่างไม่มีใยดี     เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2559 ทางเว็บไซต์ Thedodo ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวของเจ้านานา และลูกตัวน้อยๆ ของมัน ซึ่งหลังจากที่ถูกทอดทิ้งให้เอาตัวรอดตามยถากรรม วันหนึ่งโชคกลับเข้าข้าง เพราะมีมนุษย์ใจดีจากศูนย์พิทักษ์สัตว์ Friends Animal Sanctuary (FFAS) และศูนย์พิทักษ์สัตว์ Mr. Bones & Co. Rescue ที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกมันแล้ว     เมื่อทางเจ้าหน้าที่ไปถึง พวกเขาก็ได้พบกับเจ้านานา และลูกๆ ของมันอีก 9 ตัว…

หลายคนอาจจะมองในแง่ร้ายต่ออาชีพตำรวจ ไม่ใช่เฉพาะไทยเท่านั้น แต่เหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะทำให้มุมมองเปลี่ยนไปเลยก็เป็นได้ ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่า Mark Ross เขาได้ทราบข่าวสุดสะเทือนใจว่าน้องสาวของเขานั้นประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต นั้นทำให้เขารีบกลับไปที่บ้าน ซึ่งอยู่ต่างเมือง เขาจึงให้เพื่อนของเขาไปส่ง โดยใช้รถยนต์ของเพื่อน แต่ขณะที่ขับไปด้วยความเร็วนั้น ต้องผ่านรัฐโอไฮโอซึ่งมีกฎหมายจำกัดความเร็วอยู่และทะเบียนของเขาก็ต้องสงสัย ทำให้รถของเพื่อนถูกจับ และนั่นทำให้ Mark เริ่มกังวล เพราะว่าเขาต้องรีบกลับบ้านด่วน   แต่โชคยังดีที่เจ้าหน้าที่จากมิชิแกนได้ปฏิเสธที่จะจับเขาไปด้วย หลังจากที่เขาได้อธิบายเหตุผล และตำรวจท่านนั้นก็ได้เข้ามาปลอบเขา ทำให้เขาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เมื่อเขาดีขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ David Robinson ก็ได้ตัดสินใจที่จะขับรถไปส่งเขาถึงที่บ้าน เพื่อให้เขากลับไปหาครอบครัวอย่างเร็วที่สุด เป็นระยะทางกว่า 160 กิโลเมตร เพื่อไปยังเมืองดีทรอยต์บ้านเราเขา   และเรื่องราวนี้ก็ถูกโพสต์ขึ้นในเฟซบุ๊กของ Mark จนคนแชร์ไปสูงถึง 130,000 ครั้ง ทำให้หลายคนเห็นว่าตำรวจที่ดีก็ยังหลงเหลืออยู่   อีกหนึ่งเรื่องน่าประทับใจ แม้จะต้องจับเขาตามหน้าที่ แต่พอรู้สาเหตุที่เขาทำไป ก็พร้อมช่วยเหลือให้เขาไปถึงบ้านอย่างปลอดภัยอีกด้วย ที่มา distractify

เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคน ใครก็รักลูกของตัวเองทั้งนั้น และแน่นอนว่าพวกเขา พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกตัวเองปลอดภัย จากโรคภัยไข้เจ็บ หรือสิ่งที่ไม่คาดคิด เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้เพื่อนๆทุกคน #เหมียวบ็อบ จึงขอนำเสนอเรื่องราวของคุณแม่ และลูกชายตัวน้อย จาก Gold Coast ประเทศออสเตรเลีย เมื่อจู่ๆหนูน้อยเกิดอาการติดเชื้ออย่างรุนแรง เพียงเพราะการนั่งในรถเข็นของห้างสรรพสินค้า!!   ในเช้าวันหนึ่งคุณแม่ Vivienne Wardrop และลูกน้อยของเธอ ได้เดินทางไปช็อปปิ้งกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่า มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้ลูกชายตัวน้อยต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหลังจากนั้นนานถึง 10 วัน!!   เพราะเช้าวันต่อมา จู่ๆหนูน้อยวัย 10 เดือน ก็ป่วยอย่างกระทันหัน  คุณแม่จึงพาไปหาหมอ ก็พบว่าลูกชายตัวน้อยของเธอ ติดเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจ ไวรัสโรต้า (ทำให้เด็กท้องร่วง) เชื้อซาลโมเนโลสิส (อาหารเป็นพิษ) และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ   คุณหมอจึงถามไถ่คุณแม่ว่า ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปยังสถานที่ๆสุ่มเสี่ยงต่อเชื้อไวรัสเหล่านี้หรือไม่ เธอจำได้ว่าไม่ได้พาลูกน้อยไปที่ไหนเลย นอกจากห้างสรรพสินค้า และที่เดียวที่เธอปล่อยให้ลูกน้อยอยู่รอก็คือ ในรถเข็นของห้าง นั่นเอง นับว่าโชคดีที่คุณแม่พาหนูน้อยมาพบคุณหมอทัน แต่ถึงกระนั้นหนูน้อยยัคงต้องเฝ้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เป็นเวลานานถึง 10 วัน และต้องอยู่ต่ออีก…

ลองจินตนาการว่าตัวเองอายุ 90 ปีดูซิ ถ้าเราอยู่ได้ถึงตอนนั้น หลายๆคนอาจคิดว่าตัวเองได้เห็น และเรียนรู้โลกมามากพอ ก่อนจะมาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่สำหรับชายชราวัยไล่เรี่ยกันประมาณ 90 ปี ทั้งสองคนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น เพราะสิ่งที่เซอไพรส์ที่สุดในชีวิตเขาทั้งคู่ มันดันเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน   เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อจู่ๆวันหนึ่งคุณปู่ Norman Cooper วัย 95 ปี จากรัฐฟลอริด้า รับโทรศัพท์จากชายนิรนามคนหนึ่ง โทรมาจากประเทศแคนาดา พร้อมคำถามที่ค่อนข้างจะส่วนตัวมากๆ “นี่นายใช่ Norman Cooper รึเปล่า?” ปลายสายถาม คุณปู่ก็ตอบไปว่า “เออใช่!!” หนุ่มนิรนาจากปลายสายก็ถามอีกว่า “นายเกิดที่ Croyden, Surrey รึเปล่า?” คุณปู่เริ่มหัวร้อนเพราะคิดว่านี่มันต้องการกวนทีนกันรึเปล่า แกเลยตอกกลับไปทันที “แล้วเอ็งเป็นใครว่ะ!!!” และเรื่องราวทั้งหมดก็ได้เริ่มต้นขึ้น….     ปลายสายจากแคนาดา คือคุณปู่วัย 90 ที่ชื่อว่า Gerry Cooper น้องชายคนเล็กของ Norman โดยที่เขาก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะมีน้องชายด้วย ด้วยเหตุจำเป็นบางอย่างทำให้พ่อแม่ของทั้งคู่แยกทางกันตั้งแต่พวกเขายังเด็ก บ่อยครั้งที่ Gerry พยายามที่จะถามไถ่ถึงพ่อที่แท้จริงของเขา แต่คำตอบที่ได้จากแม่ของเขา…

ในขณะที่ประชากรโลก มีอัตราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่โลกไม่ได้ขยายตัวตามไปด้วย นั่นก็หมายความว่า พื้นที่สำหรับรองรับผู้คนจะมีแนวโน้มที่แออัดมากขึ้นด้วย ที่สำคัญปัจจุบันผู้ก็นิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองมากขึ้น ทำให้ที่อยู่อาศัยอย่างอพาร์ทเม้นท์เป็นที่ต้องการมากขึ้น แต่แน่นอนว่า มันไม่เคยเพียงพอสำหรับจำนวนคนที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมหาศาล บางคนต้องแชร์ห้องร่วมกับเพื่อนในพื้นที่เล็กๆ ทั้งนี้อาจจะมีสาเหตุมาจากความยากจน และพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกมาก จึงจำเป็นต้องยอมรับสถานการณ์ที่แออัดเช่นนั้น ซึ่งไม่รู้ว่า พวกเขาอยู่กันได้อย่างไร แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วกับผู้คนเหล่านี้   Wang Cunchun วัย 90 ปี อาศัยอยู่กับลูกชายวัย 60 ปี ในอพาร์ทเม้นท์กว้าง 107 ตารางฟุต ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน   นักพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศจีน China Vanke โชว์ผลงานไมโครอพาร์ทเมนท์ที่งาน Pearl River Delta Real Estate Fair ในจังหวัดกว่างโจว   พื้นที่ขนาดเล็ก แต่เต็มไปด้วยข้าวของมากมาย   เพราะทุกพื้นที่ต้องใช้ประโยชน์ได้   ครอบครัวจากเมือง Los Angeles รัฐ California ต้องดัดแปลงโรงรถให้เป็นบ้าน เนื่องจากสูญเสียบ้านในปี…

นักบินเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่หลายคนใฝ่ฝัน เพราะนอกจากเงินดีแล้ว ยังเป็นอาชีพที่ท้าทายความสามารถของเราด้วย และการจะเป็นนักบินได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่งจะต้องเป็นผู้ผ่านการฝึกและมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน แต่จากที่ผ่านมา เราได้เห็นแล้วว่า แม้จะอายุน้อยแต่ก็เก่งจนเป็นนักบินได้ อย่างเช่น Luke Elsworth ที่ได้บินนักบินด้วยวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น จนกลายเป็นนักบินชายที่มีอายุน้อยที่สุด แต่ที่จะบอกก็คือ ผู้หญิงเองก็เก่งไม่แพ้ผู้ชายนั้น เพราะล่าสุด Kate McWilliams ชาวอังกฤษได้กลายเป็นกัปตันหญิงที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยวัย 26 ปี     Kate มีพื้นเพมาจากเมือง Carlisle ประเทศอังกฤษ ในทุกๆ วัน เธอมักจะถูกถามเรื่องอายุจากสื่อมวลชน ลูกเรือและผู้โดยสาร เมื่อเธอบอกอายุกับพวกเขา ต่างก็พากันทึ่งและปลึ้มในความสามารถของเธอ เธอเริ่มฝึกขับเครื่องบินครั้งแรกตอนอายุ 13 ปี ในโรงเรียนนายร้อยอากาศ จากนั้นเธอก็เริ่มเข้าร่วมโปรแกรมฝึกอบรมการบินที่ CTC Aviation ในเซาแธมป์ตัน ตอนอายุ 19 ปี     ในเดือนพฤษภาคม 2011 เธอได้เข้าร่วมสายการบิน easyJet ครั้งแรกในฐานะนักบินผู้ช่วยหญิง และเมื่อเร็วๆ นี้ เธอก็เลื่อนขั้นเป็นกัปตัน หลังผ่านหลักสูตรผู้บังคับบัญชาของสายการบิน ทางด้านโฆษกของสายการบิน easyJet บอกว่า จากการสำรวจนักบินหญิงทั้งหมด พบว่า Kate…

การไปเที่ยวในที่แออัดหรือที่ที่มีผู้คนมากมาย นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ป่วยออทิสติก อย่างเช่นสวนสัตว์ แทนที่พวกเค้าจะมีความสุขกับการได้ชมสัตว์ที่ชอบ กลับกลายเป็นประสบการณ์ที่แย่ เพราะต้องเบียดเสียดกับผู้คนและปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย สวนสัตว์ Taronga ประเทศออสเตรเลีย ได้เห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ จึงมีนโยบายที่พิเศษสำหรับผู้ป่วยออทิสติก เพื่อให้พวกเขาได้เที่ยวชมสัตว์อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องเบียดเสียดกับใคร     Stephen Williams ผู้จัดการสวนสัตว์ Taronga ได้พูดถึงนโยบายใหม่ล่าสุดนี้ว่า “นี่เป็นโอกาสดีที่จะให้ ผู้ป่วยออทิสติกได้เพลิดเพลินกับการชมสัตว์อย่างเงียบสงบ ก่อนจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาเยี่ยมชม” โดยทางสวนสัตว์มีแผนที่จะเปิดให้ผู้ป่วยออทิสติกเข้ามาก่อนเวลาทำการ พร้อมกับให้บริการต่างๆ ให้พวกเค้าได้ไปทักทายสัตว์ รวมทั้งพานั่งรถกระเช้าของสวนสัตว์ด้วย นอกจากนี้สวนสัตว์ Taronga ได้อบรมพิเศษให้กับพนักงานในเรื่องการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยออทิสติก เมื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ     โฆษกหญิงของสวนสัตว์กล่าวว่า “เราได้ฝึกพนักงานกว่า 120 คน ในการดูแลผู้เข้าชมที่เป็นออทิสติกรวมทั้งครอบครัวที่มีผู้ป่วยออทิสติกด้วย” ดูเหมือนว่า นโยบายนี้จะได้รับการตอบสนองในด้านบวกเยอะมากๆ เพราะมีครอบครัวที่มีออทิสติกได้ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการเปิดให้เข้าชมก่อนเวลานี้กว่า 43 ครอบครัวแล้ว     นอกจากนี้สวนสัตว์ Taronga ยังได้ทำงานร่วมกับ Autism Spectrum Australia เพื่อฝึกอบรมพนักงานและพัฒนาโครงการพิเศษสำหรับผู้เข้าชมสวนสัตว์ด้วย Kathie Lane ผู้เชี่ยวชาญการฝึกเฉพาะทางกล่าวว่าตัวเธอเองรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่ได้ทำงานร่วมกับสวนสัตว์ที่ใส่ใจ มอบโอกาสที่ดีให้กับครอบครัวผู้ป่วยออทิสติกได้เข้าชมสวนสัตว์พร้อมกับได้รับการดูแลเป็นอย่างดี…

ว่ากันด้วยเรื่องของการลาพักร้อนของพนักงานบริษัทต่างๆ โดยปกติแล้วพนักงานก็มักจะเลือกใช้วันหยุดกันอย่างเต็มที่ ใครที่ไม่ได้ไปไหนก็สะสมวันลาพักร้อนได้ แต่ถ้าหากว่าไม่รู้จะไปไหน ไม่ได้ใช้วันลาเลย เอาแต่ทำงานอย่างเดียวก็คงจะแย่แน่ๆ Mark Douglas ผู้เป็น CEO ของบริษัทการตลาด SteelHouse มีนโยบายการลาพักร้อนให้กับพนักงานแบบสบายๆ อยากจะหยุดเมื่อไรก็ได้แล้วแต่สะดวกเลย แต่ทว่าปัญหาดันเกิดขึ้น เพราะพนักงานหลายคนไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อได้ยินแบบนั้น Mark จึงเกิดไอเดียขึ้นว่า ทำไมเราไม่พาพนักงานไปเที่ยวในที่ที่พวกเขาอยากไปล่ะ? ว่าแล้วเขาก็จ่ายโบนัสให้พนักงานเกือบ 70,000 บาท (2,000 ดอลลาร์) เพื่อให้พวกเขาไปเที่ยวในช่วงลาพักร้อนจริงๆ ซักที     นอกจากนี้ หากคุณทำงานให้กับบริษัทของ Mark คุณสามารถไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ปีละหนึ่งครั้ง และทำให้สิ่งที่อยากทำ แต่ทว่าบางคนก็อยากได้เป็นเงินโบนัสจริงๆ ที่ไม่ได้เอาไปใช้เที่ยว แต่ Mark ยืนยันว่า อยากให้พนักงานได้เที่ยวพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพื่อให้มีช่วงเวลาดีๆ ในวันหยุดมากกว่า ผลของนโยบายนี้ ทำให้พนักงานลาออกไป 5 คน จากทั้งหมด 250 คน และ 3 ใน 5 คนนั้นให้เหตุผลว่า พวกเขาอยากได้เงินโบนัสแลกกับการไปเที่ยวในวันหยุดมากกว่า ในขณะเดียวกัน พนักงานที่ใช้ช่วงเวลาในวันหยุดเพื่อไปพักผ่อนนั้น…

มีสถานที่มากมายในโลกนี้ ที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ และมันกำลังรอให้เราได้ไปสัมผัสสักครั้ง แน่นอนว่า จะทำให้เราได้เห็นโลกที่กว้างมากขึ้น เช่นเดียวกับ 15 สถานที่ต่อไปนี้ แม้จะไม่ง่ายที่จะไป แต่มันก็คุ้มถ้าเราได้ไปเยือนสักครั้ง ที่สำคัญ แต่ละที่ยังเป็นที่ที่ขึ้นชื่อของโลกทั้งนั้น แบบนี้ไม่ไปไม่ได้แล้ว   1. สะพานข้ามธารน้ำแข็ง Dachstein ประเทศออสเตรีย เป็นหนึ่งในสะพานที่สูงที่สุดในโลก ที่น่าลองไปสัมผัสบรรยากาศข้างบนนั้นสักครั้ง แต่หากคุณเป็คนกลัวความสูง ไม่แนะนำให้ขึ้นไปนะ   2. ทะเลทรายนามิบกับมหาสมุทรแอตแลนติก ทะเลทรายนามิบ ตั้งอยู่ทางใต้ของแอฟริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในทะเลทรายที่มีเนินทรายสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นอกจากนี้ความเป็นเอกลักษณ์ของทะเลทรายติดทะเล มันช่างสวยและแปลกตาจริงๆ   3. เกาะสกาย ประเทศสก็อตแลนด์ เกาะสกายในสกอตแลนด์มีชื่อเสียงในด้านภูมิทัศน์ที่สวยงาม เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และปราศจากผู้คนพลุกพล่าน ธรรมชาติของที่นี่ราวกับถูกแช่แข็งไว้ตั้งแต่ล้านปีก่อนเลยทีเดียว   4. 12 อัครสาวกแห่งเกรท โอเชี่ยน โร๊ด ประเทศออสเตรเลีย เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ริมทะเล ห่างจากชายฝั่งอุทยานแห่งชาติ Port Campbell ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งก่อตัวขึ้นมานานจากการกัดเซาะของน้ำทะเลและกระบวนการทางธรณีวิทยา ก่อเกิดเป็นเสาหินอันเป็นเอกลักษณ์ริมผาแห่งนี้   5. พุกาม ประเทศพม่า ในเมืองโบราณของพุกาม คุณจะได้เห็นหลากหลายของวัดทางพุทธศาสนา และพระราชวังต่างๆ เดิมนั้นมีศาสนามากถึง 10,000…

เมื่อคนเรากระทำความผิดก็ต้องได้รับโทษ แต่กระนั้นความเลวร้ายที่ผ่านมานั้น เป็นเพียงอดีตไปแล้ว และพวกเขาเหล่านี้ ต่างก็ต้องการที่จะได้รับโอกาสกลับตัวกลับใจมาเป็นคนดีของสังคมอีกครั้งเช่นกัน และในคุกของต่างประเทศนั้นมีกิจกรรมมากมายเพื่อปรับทัศนคติของนักโทษ อย่างเช่น โปรแกรม Marley’s Mutts Pawsitive Change Prison Program ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ต้องขังและยังเป็นการหาที่พักพิงกับสุนัขจรจัดด้วย     โปรแกรมนี้จะให้นักโทษแต่ละคนจับคู่กับสุนัขเป็นเวลา 14 สัปดาห์ แล้วให้พวกเขาอยู่ภายใต้การฝึกอบรมที่เข้มงวด มีการเรียนการสอน และการใช้ชีวิตร่วมกัน เพื่อให้นักโทษเรียนรู้การทำงานเป็นทีม นอกจากจะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจของพวกเขาแล้ว ยังช่วยลดความก้าวร้าวของสุนัขให้น้อยลงด้วย สามารถเข้ากับคนได้ง่ายขึ้น นั่นก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกรับไปเลี้ยงมากขึ้นด้วย               มาดูตัวอย่างนักโทษคนนี้ กับการฝึกสุนัขที่ได้ผลเป็นอย่างดี กิจกรรมดีๆ ที่ทำให้เราได้เห็นอีกมุมหนึ่งของนักโทษ ที่มีประโยชน์ต่อสังคมและได้ช่วยเหลือสัตว์ด้วย ที่มา viralnova

ไม่รู้ว่าเพื่อนๆจะเป็นกันบ้างรึเปล่า เวลาที่เราเห็นสัตว์โลกที่ถึงแม้ว่านิสัยมันจะดุร้าย แต่ต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ไม่น่าเกิดขึ้น อย่างเช่นการจับมันขังกรง หรือถูกทำร้ายร่างกาย เรามักจะเกิดความรู้สึกหดหู่ และไม่อยากให้มันเกิดขึ้น นี่คือเรื่องราวน่าเศร้าที่มันดันเกิดขึ้นจริงกับเจ้าหมีคู่นี้ เพราะมันทั้งคู่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหมีที่ ‘เศร้าที่สุดในยุโรป’ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะตลอดช่วงชีวิตของมัน ไม่เคยได้สัมผัสผืนหญ้าจริงๆ หรือได้วิ่งเล่นในป่าไม้ เหมือนอย่างที่มันควรจะเป็น   มันทั้งคู่มีชื่อว่า Tomi และ Gjina ตลอดช่วงชีวิตของมันที่ผ่านมา ถูกขังไว้ในกรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็กมาโดยตลอด   และเมื่อไม่นานมานี้ มันเพิ่งได้รับการช่วยเหลือโดยเจ้าหน้าที่ภาครัฐของประเทศแอลเบเนีย สำหรับเจ้าหมีทั้งสองตัว คงไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าอิสรภาพ และการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ   ทั้งคู่ถูกนำมารักษาฟื้นฟู และปรับพฤติกรรมก่อนปล่อยคืนสู่ป่าที่ศูนย์ ‘Prishtina Bear Sanctuary’ ชีวิตใหม่ของมันทั้งคู่ช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน..   เมื่อเจ้า Tomi ได้ใช้อุ้งเท้าสัมผัสบ่อน้ำเป็นครั้งแรก   เช่นเดียวกับคู่หูของมัน Gjina ที่ได้สัมผัสพื้นที่กว้าง เป็นครั้งแรกในชีวิต   ถึงแม้ว่าแรกเริ่ม พวกมันอาจจะไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ และมีพฤติกรรมที่ค่อนข้างดุร้าย เพราะการถูกกักขังมาตลอดชีวิต แต่ก็เป็นเรื่องน่ายินดี ที่มันทั้งสองค่อยๆ ปรับตัวได้เรื่อยๆ   หลังจากที่มันย้ายมาอยู่เจ้า Gjina น้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรก…

มีใครเคยดูหนังเรื่อง ‘Benjamin Button’ บ้าง? ถ้าใครยังไม่เคยจะเล่าให้ฟังคร่าวๆว่า เป็นเรื่องราวชีวิตของหนุ่มคนหนึ่ง กับความผิดปกติทางร่างกาย เมื่อเขาเกิดมาแล้วแก่แล้ว และเมื่ออายุมากขึ้น กลับยิ่งทำให้เขาอ่อนเยาว์ลง   ภาพยนตร์ Benjamin Button อัศจรรย์ฅนโลกไม่เคยรู้   บางทีฟังดูอาจจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เรื่องราวแบบนี้มันมีอยู่จริงๆ เพราะนี่คือโรค ‘Progeria’ และล่าสุดได้เกิดขึ้นที่ประเทศบังคลาเทศ และนี่คือเรื่องราวของเด็กทารกตัวน้อย ที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติ แบบในหนังเป๊ะๆ   เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อครอบครัวหนึ่งในเมือง Magura บังคลาเทศ ได้ให้กำเนิดเด็กน้อยสมาชิกคนใหม่ของครอบครัว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา   แต่แล้วโชคร้ายของหนูน้อย ที่ต้องเจอกับโรค ‘Progeria’ ซึ่งถือว่าเป็นเคสที่หายากมากๆ แม้แต่คุณหมอผู้ทำคลอดถึงกับตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ผมตกใจมาก เพราะเด็กคนนี้ไม่เหมือนกับเด็กทารกแรกเกิดทั่วไป ผิวหนัง หรือดวงตาของเขา มันเหมือนกับคนที่มีอายุ 80 ปี” คุณหมอผู้ทำคลอดกล่าว     ถึงแม้ว่าหนูน้อยคนนี้จะต้องเผชิญกับโรคหายาก ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ ประมาณ 1 ใน 4 ล้านของอัตราการเกิด และดูเหมือนว่าคนที่ป่วยโรคนี้ จะมีช่วงอายุที่สั้นกว่าปกติด้วย…

เชื่อว่าหลายๆ คนมีสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ บางคนชอบรถ บางคนชอบแต่งหน้า หรือบางคนอาจจะชอบเก็บสะสมสิ่งของต่างๆ เรียกได้ว่าแต่ละคนก็มีความชอบในแบบที่แตกต่างกันออกไป ดูอย่าง Logan Cox หนูน้อยวัย 2 ขวบคนนี้สิ!! เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าเขาชื่นชอบอะไรมากที่สุด คุณอาจจะคิดว่าเจ้าหนูคงชอบหุ่นยนต์เท่ๆ หรือของเล่นสุดเจ๋ง แต่ความจริงแล้วเขาชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์ต่างหากละ     เมื่อไม่นานมานี้ ทาง Mirror ได้ทำการเผยภาพน่ารักๆ จากคลิปวีดีโอของหนูน้อย Logan ที่ทั้งน่ารักปนขำสุดๆ หลังจากที่ Daniel และ Kristy Vernalls ผู้เป็นพ่อแม่ได้พาเจ้าหนูไปชมการแข่งขันมอเตอร์ไซค์เป็นครั้งแรกในชีวิต และทันทีที่มอเตอร์ไซค์คันแรกใกล้จะวิ่งผ่าน เจ้าหนูออกอาการตัวสั่นด้วยความดีใจ แถมหน้าตาของเขาก็ดูมีความสุขมากๆ อีกด้วย     ลองไปรับชมคลิปวีดีโอของเขากันเลย รับชมคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่     หลังจากที่คุณพ่อ Daniel ได้นำคลิปวีดีโอที่มีความยาวเพียง 20 นาทีของลูกชาย ไปโพสต์ลงในเฟสบุ๊ค หนูน้อยก็ได้กลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วโลกออนไลน์ อีกทั้งคลิปวีดีโอของเขาก็มีคนเข้ามารับชมกว่า 40 ล้านครั้งภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง…

หมาชิบะเป็นหนึ่งในพันธุ์สุนัขที่ทำให้ผู้คนนิยมเลี้ยงมากที่สุด เพราะด้วยความน่ารักอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน จึงทำให้มีสินค้ารูปหมาชิบะออกมากมายโดยเฉพาะตุ๊กตาและหมอน Felissimo ร้านขายปลีกในญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตสินค้าน่ารักๆ รวมทั้งของใช้ในบ้านเล็กๆ น้อยๆ ด้วย มักจะทำสินค้าเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแมว แมวน้ำ กระต่าย สิ่งมีชีวิตในท้องทะเล และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งแต่ละชิ้นก็น่ารักซะเหลือเกิน ล่าสุดพวกเค้าก็ทำคอลเลกชั่นหมาชิบะขึ้นมา เป็นของเล่นและกระเป๋านุ่มๆ งานนี้คนรักชิบะต้องอยากได้ไปครอบครองแน่     สินค้าน้องหมาชิบะมีให้เลือกถึง 5 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นพวงกุญแจ กระเป๋าใส่เหรียญหรือกุญแจ ภาพตกแต่งหน้าต่าง ที่ห้อยประตู และหมอนก้นชิบะ     กระเป๋าใส่กุญแจหน้าหมาชิบะ แน่นอนว่า ถ้าคุณใช้กระเป๋านี้ และห้อยไว้ข้างกระเป๋าของคุณ คนที่เห็นต้องยิ้มตามแน่ และมันจะทำให้คุณดูเป็นคนน่ารักขึ้นด้วย   มีความหนานุ่มเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับใส่ของเล็กๆ เช่นกุญแจ และด้านหลังยังมีช่องให้ใส่บัตรให้ด้วย   อีกชิ้นหนึ่งก็คือ ที่แขวนประตู ใต้คางของมันมีระฆังเล็กๆ ที่หากนำไปแขวนไว้หน้าประตู เวลาใครเปิดประตูเข้ามา เสียงดังกรุ๊งกริ๊งจะบอกให้เรารู้ทันที   ปากก็มันก็สามารถคาบสิ่งของได้อีกด้วย ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างจริงๆ   ชิ้นต่อมา คือภาพหมาชิบะที่เอาไว้ตกแต่งหน้าต่าง ให้บ้านคุณดูน่ารักไปอีกขึ้น เมื่อมีหมาชิบะที่นั่งมองอยู่ที่หน้าต่าง…

ว่ากันด้วยเรื่องของอาหารแล้ว เราจะรู้กันดีว่ามันมีอยู่มากมายหลายชนิดหลายประเภทแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ นั่นหมายความว่าคนในแต่ละพื้นที่ก็จะทานอาหารที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นคนไทยชอบทานข้าวราดแกง (แกงราดข้าว) รสชาติจัด คนอเมริกาก็อาจจะทานสเต็กร่วมกับสลัด และคนจีนชื่นชอบการทานอาหารที่เป็นเส้น เป็นต้น ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมกันว่าชาวบ้านธรรมดาๆ ในแต่ละประเทศเขาทานอาหารอะไรกันบ้าง แล้วแต่ละอย่างจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   ช่างภาพชาวอเมริกัน Peter Menzel ได้ออกเดินทางไปรอบโลกเพื่อศึกษาว่าผู้คนท้องถิ่นในแต่ละประเทศนั้นทานอะไรกันเป็นอาหารบ้าง? พร้อมกับทำเป็นหนังสือรวมภาพออกมาชื่อว่า What I Eat: Around the World in 80 Diets แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมได้อย่างชัดเจน ในด้านของคุณภาพความเป็นอยู่ของชีวิต เครื่องแต่งกาย วัตถุดิบต่างๆ เป็นต้น   1. Saleh Abdul Fadlallah นายหน้าขายอูฐจากเมืองไคโรประเทศอียิปต์ อาหารที่เขาทานนั้นให้พลังงาน 3,200 แคลอรีต่อวัน   2. Robina Weiser-Linnartz คนทำเบเกอรี่ จากเมืองโคโลญ ประเทศเยอรมัน อาหารที่เธอทานนั้นให้พลังงาน 3,700 แคลอรีต่อวัน   3. Conrad Tolby…

หลายคนอาจมองว่าโลกใบนี้มันโหดร้าย แต่ความจริงแล้วมันยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมาย และแน่นอนว่าเรื่องราวเหล่านั้นก็ได้สร้างรอยยิ้มให้กับคนทั่วโลกมานักต่อนัก เหมือนดังเช่น 23 เรื่องราวดีๆ ที่เราได้นำมาให้ชมในครั้งนี้ แม้ว่าหลายคนอาจจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าหากได้รับชมมันอีกครั้ง ยังไงมันก็สร้างรอยยิ้มให้กับคุณอยู่ดี   เจ้าแมวน้ำที่กำลังนอนอาบแดดชิลๆ อยู่บนเก้าอี้อาบแดด   เจ้าตูบที่ชนะเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี ในรัฐมินเนโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา   คนในครอบครัวมักจะอยู่เคียงข้างเราเสมอ   พลเมืองดี จับมือกันเพื่อช่วยเจ้าหมาที่ตกลงไปในแม่น้ำ   เจ้าอูฐน้อยที่ทางสวนสัตว์ก็ตั้งชื่อให้มันว่า อเล็กซานเดอร์ คาเมลตัน งานนี้จึงทำให้มันกลายเป็นดาวดังแห่งโลกโซเชียล   เมื่อคุณลุงได้ลองถ่ายภาพด้วยไม้เซลฟี่อันใหม่ จนออกมาเป็นภาพน่ารักๆ อย่างที่เห็น รีวิวให้ 5 ดาวเลย   เจ้าหมาที่เป็นมะเร็งตั้งแต่เด็ก ใครๆ ก็คิดว่ามันคงอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี แต่มันก็สามารถรอดชีวิตมาได้ จนตอนนี้อายุ 13 ขวบแล้วฮัฟ   เมื่อคุณปู่ส่งภาพน่ารักๆ ของเขามาให้หลานสาว หลังจากที่เขาได้ไปรับน้องหมาตัวใหม่มาดูแล   ความสุขอยู่ไม่ไกลจากตัวเรา แม้แต่ในคอมเม้นต์ของน้องหมายังทำให้คนอ่านรู้สึกดี และมีความสุขตามไปด้วย   เมื่อลูกสาวดันสั่งเคสโทรศัพท์สีชมพูสุดฟรุ้งฟริ้งมาผิดขนาด…

ทุกๆ ปีจะต้องมีการแข่งขันสาวงามจากทั่วทุกมุมโลกอย่างเวที ‘Miss Universe’ แต่ละประเทศจะคัดสรรสาวงามมากความสามารถเพื่อเป็นตัวแทน เข้ามาแข่งกันว่าประเทศใดจะได้ครองตำแหน่งมงกุฏนางงามจักรวาล แต่บางที การดูอะไรที่มันใหม่แต่ซ้ำเดิม ก็คงทำให้ใครหลายๆคนเกิดอาการเบื่อได้เช่นกัน วันนี้ #เหมียวบ็อบ เลยขอพาไปรู้จักกับ 15 เวทีการประกวดสาวงามที่แปลกสุดๆ ชนิดที่ว่า ‘แบบนี้ก็มีด้วยเหรอเนี่ย?’   1. Miss Bum Bum แค่ชื่อก็ชวนให้อึ้งแล้ว กับการประกวด ‘มิส บั่ม บั๊ม’ จัดขึ้นทุกปีในบราซิลเพื่อเฟ้นหาสาวก้นงาม จากผู้เข้าแข่งขัน 27 คน งานนี้ไม่ต้องมีอะไรมาก แค่ทำก้นให้สวยงามก็พอ   2. Miss Exotic World แค่ชื่อก็ชวนให้แปลกใจแล้ว เป็นงานประกวดที่จัดขึ้นทุกๆปีในลาส เวกัส ส่วนเนื้อหาการประกวดก็ไม่มีอะไรมาก แค่รวบรวมสาวงามที่แต่งตัวได้แปลก และเซ็กซี่ เหมือนกับสาวงามจากเรื่อง ‘เบอร์เลสก์’ และทั้งหมดก็เพื่อเป็นการระดมทุนให้แก่ภาพยนตร์ต้นฉบับนั่นเอง   3. Miss Pregnant ฉีกกฏนิยามความสวยงามแบบเดิมๆ เพียงเพราะคุณท้องป่องไม่ได้หมายความว่าคุณจะสวยไม่ได้ กับการประกวดคุณแม่สาวงาม ถึงแม้ว่าจะกำลังท้องลูกน้อยอยู่ แต่สำหรับรายการนี้สาวๆทั้งหลายสามารถใส่บิกินี่ มาประชันกันได้นะจ๊ะ…

เราส่วนใหญ่อาจจะไม่คุ้นกับรางวัลอิกโนเบล (Ig Nobel Prizes)แต่รู้มั้ยมันคือ รางวัลที่มอบให้แก่นักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมที่วิจัยผลงานต่างๆ ให้แก่มนุษยชาติ และในปีที่ผ่านมา ไทยเองก็เคยได้รับรางวัลนี้ด้วยเช่นกันในสาขาเศรษฐศาสตร์ แต่สำหรับรางวัลต่อไปนี้ อาจจะไม่ถือว่าเป็นผลงานด้านวิชาการสักเท่าไร แต่เป็นผู้ที่ได้รับรางวับด้านผลงานแปลกๆ   ที่สร้างสีสันให้กับวงการวิชาการในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา และผลงานที่ชนะ 10 สาขาในปีนี้ ได้แก่   1. สาขาการเจริญพันธุ์ Ahmed Shafik จากอียิปต์ งานวิจัยที่ศึกษาผลกระทบของกางเกงผ้าโพลีเอสเทอร์ ผ้าฝ้ายและผ้าขนสัตว์ต่อกิจกรรมทางเพศของหนู และของมนุษย์เพศชายอีกด้วย   2. สาขาเศรษฐศาสตร์ Mark Avis, Sarah Forbes และ Shelagh Ferguson จากนิวซีแลนด์ กับการประเมินลักษณะบุคลิกภาพของก้อนหินแบบต่างๆ จากมุมมองด้านการขายและการตลาด   3. สาขาฟิสิกส์ มีนักวิทยาศาสตร์ 9 คนที่ได้รับรางนี้ จากการค้นพบว่า ทำไมม้าสีขาวถึงทนต่อตัวเหลือบที่สุด และทำไมแมลงปอถึงชอบไปตอมหลุมศพสีดำ   4. สาขาเคมี บริษัทรถ Volkswagen จากเยอรมนี เป็นการแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศ โดยทำให้รถปล่อยแก๊สไอเสียน้อยลงกว่าปกติได้เอง ถ้ารถถูกทดสอบมลพิษอยู่ (กัดซะเจ็บเลย)   5. สาขาการแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ 5 คน…

คงจะจริงที่ว่าลูกสาวมักสนิทกับพ่อ และลูกชายมักจะสนิทกับแม่มากกว่า เหตุผลเป็นเพราะอะไรเราก็มิอาจรู้ได้ แต่ที่แน่ๆ ความสนิทสนมของครอบครัวนี้ พวกเขาช่างกวนโอ๊ยกันได้ดีเหลือเกิน เป็นอีกเรื่องราวน่ารักๆระหว่าง ลูกสาวคนสวย และคุณพ่อสุดเฟี้ยว เมื่อทั้งคู่รู้ตัวว่าบังเอิญได้มาอยู่ในสถานที่เดียวกัน งานนี้ผู้เป็นพ่ออยู่เฉยไม่ได้แล้ว ต้องแกล้งมันซะเลย…!!   เธอคนนี้มีชื่อว่า Kendal Divarco ลูกสาวคนเดียวของครอบครัว ซึ่งเธอได้รับชนะการประกวดเฟ้นหานางแบบ และต้องเดินทางไปถ่ายรูปที่ Las Vegas   Kendal ได้เข้าพักที่ Green Valley Resort และเพื่อใช้เป็นสถานที่การถ่ายแบบในครั้งนี้ แต่สาวเจ้าคนงามกลับไม่รู้ตัวเลยว่า มีคนใกล้ตัวเธอเข้าพักที่นี่เหมือนกัน อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนั้น เพราะคนใกล้ตัวที่ว่า ก็คือพ่อ และแม่ ของเธอนั่นเอง ทั้งคู่ต่างเดินทางเข้าพักที่รีสอร์ทแห่งนี้ เพราะต้องเดินทางมาประชุมงานเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้บอกลูกสาวไว้ก่อน งานนี้สงสัยคุณพ่อคงจะเบื่อ จู่ๆก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า ไหนๆลูกสาวก็มาถ่ายแบบแล้ว ป๋าขอถ่ายบ้าง ด้วยโลเคชั่นเดียวกัน โพสท่าเหมือนกันเป๊ะอีกต่างหาก ให้รู้กันไปเลยว่านี่น่ะลูกสาวอั๊วะนะเฟ้ยย ฮ่าๆๆ   เราไปดูภาพกวนๆจากคุณพ่อกันเลย เหมือนเป๊ะมากจริงๆ   งานเซ็กซี่ข้างสระน้ำก็มา…   ไม่ว่าจะมุมข้าง หรือมุมเสย…   ทุกฉาก ทุกตอน…

เวลาที่ได้ไปนั่งรับลมยามเย็นริมชายหาด ก็อดคิดถึงกีฬาเซิร์ฟบอร์ด ที่อยู่คู่กับท้องทะเลมาอย่างยาวนานไม่ได้เลยจริงๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมในบ้านเราเท่าไหร่นัก และสำหรับสาวๆ การดูหนุ่มหล่อหุ่นฟิตปั๋งกำลังเล่นกระดานโต้คลื่น มันเป็นอะไรที่เอ๊าท์ไปแล้ว เพราะตอนนี้มันได้เกิดขึ้นแล้วกับ เทศกาลแข่งเซิร์ฟสำหรับเจ้าหมาน้อย ทั้งเปียกปอน ทั้งน่ารัก แหมอยากจะไปสัมผัสใกล้ๆ ซะจริง     ชื่องานจริงๆแล้วชื่อว่า ‘Surf City Surf Dog Contest’ ซึ่งจัดขึ้นทุกปีที่ Huntington Beach รัฐแคลิฟอร์เนีย งานนี้จัดมาแล้วทั้งหมด 8 ครั้งด้วยกัน ได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม มีเจ้าตูบเข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 68 ตัว แต่เห็นแบบนี้ไม่ได้แข่งเพื่อความสนุกและเงินรางวัลอย่างเดียวนะ เพราะเงินทั้งหมดจะถูกนำไปสมทบองค์กรการกุศล เพื่อช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ     บางตัวก็ดูตื่นเต้น แต่บางตัวก็ดูร่าเริงสุดๆ   แต่ไม่ว่าจะตัวไหนๆ ต่างก็เปียกกันไปทุกตัว อย่างกับเทศกาลรวมน้องหมาเล่นน้ำทะลงั้นแหละ   “มันเป็นอะไรที่ดูบ้าบิ่นมากๆ หลายๆคนคิดว่าเจ้าตูบกำลังสนุกสนาน แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันจะมีความสุขกันจริงๆรึเปล่า เพราะคลื่นแรงมากในวันนี้” “แม้แต่คนเล่นยังโดนคลื่นซัดซะยับ เหมือนอยู่ในเครื่องซักผ้าเลยแหละ สำหรับเจ้าตูบบางตัวก็ดูจะกลัวเอามากๆ หน้ามันฟ้องว่ารอไม่ไหวที่จะลงจากบอร์ดบ้าๆนี้ซักที” Tom Baker ผู้ดูแลงานกล่าว    …

โดยทั่วไปแล้ว งานแต่งงานของเพื่อนๆ เรามักจะแสดงความยินดีด้วย พร้อมมอบแต่สิ่งดีๆ ให้ ยิ่งสนิทเรายิ่งต้องหาของที่ดีที่สุดสำหรับพวกเค้าในการเริ่มต้นชีวิต แต่ฝรั่งบางกลุ่มก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป คู่บ่าวสาว Dave และ Lianne Roe เป็นอีกหนึ่งคู่ที่ถูกเพื่อนๆ แกล้งเช่นกัน พวกเค้ามักจะเล่นอะไรแผลงๆ แถมยังนิยมเล่นกันตั้งแต่ปี 2008 ยิ่งสนิทกันมากเท่าไร พวกเค้าก็จะเล่นแรงมากเท่านั้น  และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย   หลังจากที่ทั้งคู่กลับจากการฮันนีมูนก็ต้องพบกับสิ่งผิดปกติที่บ้านของพวกเขา   มีรถแทรกเตอร์ในห้องอาหาร และในรถนั้นเต็มไปด้วยปุ๋ยคอก อ่างอาบน้ำเต็มไปด้วยลูกโป่ง มีดถูกห่อไว้อย่างดี ฉลากอาหารกระป๋องก็ถูกแกะออก แต่ดูเหมือนทั้งคู่ไม่ได้ตกใจกับสิ่งเหล่านี้สักเท่าไร เพราะพวกเขารู้ว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับบ้านของทั้งคู่ และรู้ว่า นี่ต้องเป็นฝีมือของ Chris Shaw และเหล่าเพื่อนๆ แน่นอน Dave บอกว่า “ผมรู้เลยว่าตอนนี้ Chris ได้ทำการแก้แค้นแล้ว เพราะตอนงานแต่งของเขา  ผมห่อบ้านของเขาทั้งหลังให้เป็นก้อนกลมๆ รวมทั้งรถของเขา และประตูด้วย ดังนี้เมื่อผมมาเห็นบ้านตัวเองเป็นแบบนี้ ผมเข้าใจทันทีเลย ในขณะที่ Lianne ก็มองเป็นเรื่องขำๆ ด้วย”     ในกลุ่มเพื่อนของพวกเค้า มักจะแกล้งกันแบบนี้เสมอ  “พวกเขาปีนขึ้นหน้าต่าง แล้วเอาชุดอาบน้ำใส่อ่างอาบน้ำ อ่างล้างจานและในโถส้วม” “ในลิ้นชักเต็มไปด้วยข้าว และอาหารกระป๋องก็ถูกแกะฉลากออกหมด เราเลยไม่รู้ว่า…

อย่างที่เราเคยบอกไปว่าศิลปะเกิดขึ้นได้จากความตั้งใจ หรือจินตนาการสุดสร้างสรรค์ของผู้เป็นศิลปิน และที่สำคัญผลงานศิลปะแต่ละชิ้นที่ถูกสร้างขึ้นมา ไม่ว่าจะสวยหรือแปลกขนาดนั้น ก็ย่อมมีความหมาย และมีที่มาที่ไปอย่างแน่นอน เหมือนดังเช่นผลงานประติมากรรมของ Lily Heaume นักเรียนศิลปะวัย 18 ปี จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เธอเป็นผู้ที่ได้สร้างผลงานรูปปั้นสุดทึ่ง ที่มีลักษณะเป็นอวัยวะเพศชายเป็นจำนวนกว่า 10 ชิ้นด้วยกัน     สำหรับรูปปั้นดังกล่าว Lily ไม่ได้สร้างมันขึ้นมาเพื่อหลงใหลในอวัยวะเพศชายแต่อย่างใด แต่มันเป็นงานโปรเจคศิลปะที่มีชื่อว่า “10 Portraits”   ซึ่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอได้เนรมิตผลงานเหล่านี้ขึ้นมา เป็นเพราะว่าวันหนึ่งเธอได้รับข้อความแย่ๆ บอกเลิกราจากชายที่เคยหลับนอนด้วย นั่นจึงทำให้เธอได้ตัดสินใจปั้นรูปปั้นอวัยวะเพศชายของเขา เพื่อระบายความโกรธออกมา พร้อมกับสลักคำว่า “โกหก” ไว้บนรูปปั้นอีกด้วย “ฉันนั่งอยู่ในสตูดิโอ และได้รับข้อความจากผู้ชายที่ฉันเคยหลับนอนด้วย และนั่นก็ทำให้ฉันระบายความโกรธ ด้วยการเริ่มปั้นรูปปั้นอวัยวะเพศของเขาขึ้นมาจากความทรงจำ จากนั้นฉันก็แกะสลักคำว่าโกหกลงไป” Lily กล่าว นอกจากนี้ เธอยังได้ปิ๊งไอเดียขึ้นมา โดยการค้นหาอาสาสมัครผู้ชายที่อยากจะเข้ามาร่วมโปรเจคกับเธอด้วย     สำหรับผลงานประติมากรรมรูปปั้นกระปู๋กว่า 10 ชิ้น ถูกสร้างขึ้นมาจากดินเหนียวที่เคลือบด้วยสีขาว ตกแต่งด้วยรูปดอกไม้สีฟ้าสวยงาม แต่มีอยู่อันหนึ่งที่เธอได้สลักข้อความเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นลงไปว่า “Stop Calling…

ขึ้นชื่อเมืองร้าง แน่นอนว่าต้องมีสาเหตุที่ร้ายแรงพอสมควรที่ทำให้ไม่สามารถอยู่ด้วย เช่นเดียวกับเมืองแห่งหนึ่งในอเมริกา แม้จะเคยรุ่งเรืองมาก่อน แต่ก็ต้องทิ้งร้างไว้ เนื่องจากปริมาณมลพิษที่สูงเกิน Seph Lawless เป็นช่างภาพที่รู้จักในกลุ่มผู้ที่ชอบไปสำรวจสถานที่ร้าง สถานที่หลอนๆ  หรือที่ที่ผู้คนมักไม่ไปกัน และ เมืองพิเชอร์ ( Picher)ในรัฐโอคลาโฮมา นับว่าเป็นสถานที่ที่เขาให้ความสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่ง พิเชอร์ เป็นเมืองที่เป็นพิษ ซึ่งถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และไม่มีใครกล้าเข้าไปเหยียอีก แต่ช่างภาพ Seph ผู้ชอบความท้าทาย อยากเข้าไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง และเพื่อเก็บภาพบรรยากาศของที่นั่นมาฝากกันด้วย     พิเชอร์เคยเป็นเมืองเหมืองแร่ในปี 1918 และเติบโตมากับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่เฟื่องฟูอย่างมากในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในอเมริกา หลังจากมีการพบสารปนเปื้อนในน้ำ ประชากรในเมืองก็ถูกสั่งให้อพยพออกมาทันที ในระหว่างการเติบโตของรัฐโอคลาโฮมา ในปี 1913 สารตะกั่วและสังกะสีถูกพบในที่แห่งนี้ในปริมาณมาก ดังนั้นที่นี่จึงหลายเป็นศูนย์กลางการทำเหมืองแร่ ผู้คนเริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานกันที่นี่มากขึ้น จนมีประชากรเกือบ10,000 คนในปี 1920     เหมืองแร่ในพิเชอร์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยทำรายได้ถึง 60,000 ล้านบาท จนกลายเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดของรัฐในเวลานั้น นอกจากนี้ กว่าครึ่งหนึ่งของตะกั่วและสังกะสีจากเมืองพิเชอร์ ได้นำไปใช้โดยทหารสหรัฐฯ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย แต่เมื่อการทำเหมืองหยุดลงในปี 1967 ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป…

การแต่งงานนับเป็นเรื่องสำคัญของคนส่วนใหญ่ ดังนั้น กว่าเราจะแต่งงานได้นั้น ต้องมีการวางแผนเป็นปีๆ เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด เพราะเป็นงานที่มีครั้งเดียวในชีวิตเรา แต่สำหรับเจ้าบ่าวคนนี้ เค้าวางแผนการแต่งงานแค่ 2 อาทิตย์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ อาหาร ชุดแต่งงาน การขอแต่งงาน และงานแต่ง ทุกอย่างถูกวางแผนในวันเดียวกันหมด Zach Baldwin ได้ขอแฟนสาว Catie Bossard แต่งงานในวันศุกร์ ช่วงวันหยุดขณะที่พวกเขาพากันไปเที่ยวที่โคโลราโด     ในเพจเฟสบุ๊ค  Love What Matters ได้เขียนไว้ว่า ‘หลังจากที่ Catie ตอบตกลงแต่งงาน Zach ก็ถามคำถามที่สองกับเธอต่อเลย’ ‘ผมมีคำถามที่สองด้วยนะ…คุณอยากแต่งงานกับผมวันนี้มั้ย? ทุกอย่างถูกเตรียมไว้หมดแล้ว ทั้งชุดของคุณ แผนของคุณ และทุกๆ ก็อยู่ที่นี่แล้ว’ ” Zach ยังบอกกับเธออีกว่า ทุกอย่างพร้อมแล้ว และสามารถแต่งงานได้ในอีกประมาณ 3 ชั่วโมง…โชคดี ที่เธอเธอตอบตกลง ว่าแล้วทั้งคู่ก็กลับไปยังโรงแรม เพื่อไปเตรียมตัว แต่งหน้า ทำผม ซึ่งได้เตรียมไว้แล้วเช่นกัน     แน่นอนว่า การแต่งงานกระทันหันแบบนี้ อาจจะมีผิดพลาดบ้าง อย่างเช่นชุดเจ้าบ่าวที่ดูเหมือนจะมีความผิดพลาดนิดหน่อย…

เมื่อกล่าวถึงขโมยแล้ว เพื่อนๆ หลายคนจะรู้ว่าเป็นพวกที่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น และการที่จะรับมือกับเหล่าหัวขโมยนั้นก็เป็นอะไรที่ยากมากๆ เลยล่ะ   เช่นเดียวกันกับคุณ Pip Simpson ชาวนาจากประเทศอังกฤษ ได้ประสบกับปัญหากับการถูกขโมยแกะไปแล้วเป็นจำนวนมากเช่นกัน และผู้ร้ายก็คือเพื่อนบ้านในละแวกนั่นแหละ ทำอย่างไรก็จับไม่ได้ซักที     เมื่อไม่กี่ปีผ่านมาฝูงแกะของเขาถูกขโมยไปร่วม 300 ตัวได้แล้ว จึงคิดค้นหาวิธีในการป้องกันการขโมยแบบสุดแปลกออกมา ด้วยการทาสีลำตัวของแกะด้วยสีที่ผ่านการรับรองว่าใช้กับสัตว์ได้ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อแกะ ให้เป็นสีส้มปรี๊ดดูแสบตา หากมีขโมยมาขโมยไปก็จะรู้ได้เลยว่านี่คือแกะของเขา นอกจากจะได้แกะคืนแล้วยังจับขโมยได้อีก เป็นไอเดียที่สุดยอดจริงๆ   เท่านั้นยังไม่พอ หากโจรขโมยแกะสีส้มไปแล้วก็ยากต่อการซุกซ่อนอีกด้วย ก็เลยทำให้พวกเขาเลือกที่จะไม่ขโมยมัน   ปัจจุบันมีแกะกว่า 800 ตัวที่มีลำตัวสีส้มอาศัยอยู่ในคอกของคุณ Simpson และในทุกๆ เช้าที่พวกมันออกไปหากินตามทุ่งหญ้า ก็จะเหมือนขบวนแครอทขนาดใหญ่ที่วิ่งเรียงกันเป็นขบวนกลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวและชาวเมือง ฮร่า       เอาล่ะ ออกไปวิ่งเล่นในทุงหญ้ากันดีกว่า!! แกะอ้วนๆ ตัวสีส้มที่ดูตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ ฮร่า   แหม่ ต้องขอบอกเลยว่าเป็นไอเดียที่สุดยอดจริงๆ เลยนะ นอกจากจะจับขโมยได้แล้ว ยังหาแกะคืนได้ง่ายอีกต่างหาก ฮร่า ที่มา…

ปัจจุบันโลกของเรานั้นมีเรื่องราวแย่ๆ เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นข่าวสงคราม หรือข่าวการก่อการร้าย ก็มีให้เห็นในทุกวัน แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวดีๆ ของคนจิตใจที่ ที่พร้อมจะให้ผู้อื่นอยู่เสมอ เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าถึงแม้จะมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ ^^   Pearl Zambrano เป็นพนักงานที่ถูกไล่ออกจากบริษัทโดยมีสาเหตุเพื่อลดค่าแรงงาน และเนื่องจากว่าเธอยังเรียนไม่จบ จึงทำให้หางานทำไม่ได้ จนกลายเป็นคนไร้บ้านในที่สุด ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอเลยแม้แต่คนเดียว   และสิ่งที่ทำให้ชีวิตเธอยากลำบากยิ่งขึ้นไปอีกก็คือเธอจะต้องคอยดูแลลูกอีกสองคนด้วยตัวเอง ในวันเกิดที่ผ่านมา คุณ Zambrano ได้ตัดสินใจที่จะเดินทางไปหาคุณ Rafael Trevino ที่เคยเป็นเจ้าของบ้านเช่าเก่าของเธอเพื่อขอความช่วยเหลือ และคุณ Rafael ก็ได้ให้ความช่วยเหลือโดยมอบที่อยู่อาศัยให้กับเธอและลูกๆ อยู่แบบฟรีๆ คุณ Zombrano ก็เลยเสนอชื่อเจ้าของบ้านไปยังรายการแข่งขันที่ชื่อว่า Pay It 4Ward (เป็นรายการที่สามารถเสนอชื่อคนดีๆ ให้กับทางรายการแล้วเขาก็จะมอบเงินให้เป็นการตอบแทน) ปรากฎว่าเขาชนะและได้รับเงินรางวัลกว่า 13,000 บาท และเขาก็ไม่รู้ตัวเลยว่าผู้เช่าของเขานั้นจะทำอะไรแบบนี้   คุณ Zambrano นั้นได้บอกสาเหตุของการทำแบบนี้เพราะว่าเธอไม่สามารถจ่ายเงินคืนให้เจ้าของบ้านได้ในทีเดียว และได้เสนอว่าจะค่อยๆ ทะยอยคืนเงินให้ทีละนิดๆ แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะรับมัน   คุณ Rafael บอกว่าสิ่งที่เขาอยากได้เป็นค่าเช่านั้นก็คือการได้เห็นเธอตั้งใจเรียนจนจบ…

หลายคนโดยเฉพาะคนที่เลี้ยงสัตว์ในเมืองใหญ่ อาจจะมีปัญหามากเวลาจะพาไปไหนมาไหน โดยเฉพาะถ้าไม่มีรถส่วนตัวล่ะก็ จะไปเที่ยวหรือสัตว์เจ็บป่วยขึ้นมาที รถเมล์ก็ไม่รับ รถไฟฟ้าก็เอาขึ้นไม่ได้ แท็กซี่ก็ปฏิเสธซะอีก Sanwa Kotsu เป็นอุตสาหกรรมแท็กซี่ในโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีไอเดียสร้างสรรค์ ปรับรถม้าดั้งเดิมของญี่ปุ่นให้กลายเป็นแท็กซี่ที่ทันสมัยอีกด้วย     ล่าสุด Sanwa ก็ได้มีนโยบายใหม่ที่ใส่ใจสัตว์เลี้ยง และเห็นถึงความลำบากของเหล่าเจ้าของสัตว์ โดยจะมีแท็กซี่สำหรับสัตว์เลี้ยงที่จะเริ่มให้บริการในเดือนหน้านี้ ภายในรถนั้น มีการตกแต่งอย่างกว้างขวาง ทำให้เจ้าของได้นั่งกับสัตว์เลี้ยงโดยไม่ต้องใส่ไว้ในกรง แต่ต้องแน่ใจด้วยว่า เจ้าของจะควบคุมพวกมันอย่างดี ไม่ให้ไปยุ่งกับคนขับรถด้วย ขนาดสัตว์เลี้ยงที่สามารถนำขึ้นรถได้นั้น คือสัตว์ขนาดเล็กและขนาดกลาง แต่จะมีรถบรรทุกสำหรับสัตว์ขนาดใหญ่ด้วย แต่หากสัตว์เลี้ยงมีขนาดใหญ่เกินไป ก็มีบริการหลังรถที่จัดเตรียมไว้อย่างดี และเจ้าของจะได้พบกันเมื่อถึงปลายทางแล้ว     บางคนอาจจะกังวลว่า แท็กซี่แบบนี้ต้องส่งกลิ่นเหม็นแน่ๆ แต่ไม่ต้องห่วง เพราะทางแท็กซี่ Sanwa จะทำความสะเป็นประจำทุกวัน พร้อมติดตั้งเครื่องฟอกอากาศด้วย ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่า เป็นแท็กซี่ที่มีความสะอาดแน่นอน   นอกจากนี้ Sanwa ยังมีหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วยคือ 119 ที่คอยบริการสัตว์เลี้ยงในญี่ปุ่นเมื่อพวกมันเป็นอะไรไป หรือเมื่อต้องการความช่วยเหลือด่วน ก่อนจะใช้หมายเลขนี้ได้นั้น เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องลงทะเบียนกับ Sanwa ก่อน และเมื่อคุณโทรเรียก พวกเขาก็จะรีบมาดูแลทันที รวมทั้งพาไปส่งโรงพยาบาลด้วย แต่หากให้สัตว์เลี้ยงไปเองโดยเจ้าของไม่ได้ไปด้วย อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นนิดหน่อย     บริการดีๆ แบบนี้…

ไม่รู้จะเรียกว่าปาฏิหาริย์ได้หรือเปล่าสำหรับหนุ่มวัย 17 คนนี้ที่ได้รอดชีวิตมาตากฉลามขาวที่ขึ้นชื่อว่าดุร้ายและอันตรายมากๆ ในบรรดาฉลามทั้งหมด ซึ่งดูจากแผลแล้วจะรู้สึกได้เลยว่าไม่น่ารอดแน่ๆ หนุ่มคนนี้ชื่อว่า Cooper Allen วัย 17 ปี กำลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล Lismore Hospital หลังจากถูกฉลามกัดขณะออกไปเล่นเซิร์ฟบอร์ดที่ Lighthouse Beach ในเมือง Ballina ช่วงเวลาประมาณก่อน 9 โมงเช้า     เพื่อของเขาได้ถ่ายภาพสภาพของแผลเป็นรอยฟัน 4 อันลึกๆ (ภาพค่อนข้างน่ากลัว เลยเอาไปไว้ล่างสุดนะจ๊ะ) ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฉลามขาวที่อยู่ลึกลงไป 3.5 เมตรแล้วพุ่งขึ้นมา แต่โชคดีที่เขาตั้งสติได้และหนีขึ้นมาเป็นบอร์ดพร้อมกับร้องขอความช่วยเหลือ   ทางกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานหรือ DPI ได้เผยว่าได้พบฉลามขาวตัวหนึ่งใกล้กับ  Lennox Head ในวันอังคาร ซึ่งเป็นหนึ่งวันหลังจากที่ชายคนนี้ถูกฉลามโจมตี และตอนนี้ทางรัฐก็กำลังหาวิธีรับมือกับฉลามตัวนี้เพื่อความปลอดภัยกับผู้คนที่อยู่ในแถบนั้น นายกเทศมนตรี David Wright ได้มอบหมายให้ตามรอยของฉลามตัวนี้แล้วโดยใช้เฮลิคอปเตอร์และโดรนที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับคนที่ได้รับบาดเจ็บและให้เจ็ตสกีเพื่อตามหาอีกแรง   หน้าตาของโดรนช่วยชีวิต   ฉลามขาวที่พบ คาดว่าเป็นตัวเดียวกัน   ภาพรอยแผล   ถือเป็นโชคดีของหนุ่มคนนี้จริงๆ ที่รอดมาได้ ซึ่งน้อยคนนักที่จะได้กลับมาแบบไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก ใครจะไปเล่นน้ำทะเลแถวนั้นก็ต้องระวังหน่อยละ ที่มา dailymail

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับผู้เป็นพ่อแม่คือการได้เห็นลูกของตัวเองไม่มีความสุข เหมือนดังเช่นเรื่องราวของ Bob Cornerlius คุณพ่อของ Christopher หนูน้อยออทิสติกวัย 11 ปี ที่เรียนอยู่ชั้นเกรด 6 (ป.6) คนนี้ เขารู้สึกเศร้า และมีความกังวลเป็นอย่างมาก หลังจากได้เห็นสิ่งที่ลูกชายเขียนลงในใบกรอกประวัติส่วนตัว โดยสิ่งที่หนูน้อยได้เขียนลงไปนั้น จริงๆ แล้วก็เหมือนกับการตอบคำถามของเด็กๆ ทั่วๆ ไป แต่มาสะดุดตรงคำถามที่ว่าเพื่อนของฉันคือใครบ้าง มันทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกตกใจ และเศร้าเป็นอย่างมาก เพราะหนูน้อยได้เขียนตอบว่า “ไม่มีใครเลย”   Some of my friends are… No one   หลังจากนั้น คุณพ่อก็ได้โพสต์ภาพและข้อความลงบนเฟสบุ๊คโดยได้ระบุว่า “ไม่เคยรู้สึกเศร้ามากที่สุดมาก่อน กระทั่งได้เห็นตัวอักษร 5 ตัวที่ลูกชายได้เขียนลงไป”   “มันเห็นได้ชัดเจนว่าเขาอยากมีส่วนร่วมกับเพื่อนๆ แต่ด้วยความที่ป่วยด้วยโรคออทิสติก และมีปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสาร ทำให้เป็นเรื่องยากของ Christopher ในการเข้าสังคม”     Bob ยังได้ยกตัวอย่างเรื่องราวสุดประทับใจของ Travis Rudolph นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัยในฟลอริดา…

จากเหตุการวิกฤตในซีเซียทำให้ผู้คนนับล้านถูกบังคับให้อพยพออกจากซีเรีย และสัตว์เลี้ยงของพวกเขาล่ะ จะเป็นอย่างไร!?   Mohammad Alaa Aljaleel หรือเป็นที่รู้จักในนาม  ‘พ่อพระของแมวแห่ง Aleppo’ ได้ช่วยเหลือแมวจรจัดและแมวที่ถูกทิ้งนับร้อยตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแมวที่ถูกเจ้าของทิ้งหลังจากที่พวกเขาต้องอพยพออกจากพื้นที่เนื่องจากสงครามกลางเมืองในซีเรีย ตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองในปี 2011 บ้านของ  Aljaleel ก็กลายเป็นบ้านที่ให้การดูแลแมวที่ถูกทิ้ง ดังนั้นในทุกๆ เช้า Aljaleel จะขับรถไปยังร้านขายเนื้อของท้องถิ่น เพื่อซื้อเศษอาหารประมาณ 90 บาท วันไหนที่โชคดีหน่อย เจ้าของร้านก็จะลดราคาให้หรือได้เศษกระดูกไปฟรีๆ     ร้านอื่นๆ ในเมืองก็ทำเช่นเดียวกันนี้ เพราะพวกเขารู้ว่า Aljaleel ไม่ได้เอาไปกินเอง แต่เอาไปให้แมวประมาณ 150 ตัว ที่เขาช่วยไว้จากการที่เจ้าของอพยพบ้าง หรือถูกฆ่าตายไปบ้าง Aljaleel เป็นช่างไฟฟ้า และตั้งแต่เกิดวิกฤต ครอบครัวของ Aljaleel ได้รับโอกาสให้ไปอยู่ในตุรกี พร้อมโอกาสที่จะได้เป็นช่างไฟที่นั่นด้วย แต่เขาและครอบครัวก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่ เพื่อคอยช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก ไม่ใช่แค่คนเท่านั้น แต่ยังรวมทั้งสัตว์ด้วย “ผมคิดว่า ทั้งคนและสัตว์ต่างก็เจอกับสถานการณ์เดียวกัน ดังนั้น พวกเขาก็ควรได้รับการช่วยเหลือเหมือนกัน” ดังนั้น เมื่อเขาเห็นสุนัขเร่ร่อนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง เขาจึงคิดว่า ต้องให้อาหารพวกมัน     เริ่มแรกนั้น เขาได้ช่วยเหลือแมว 5 ตัว จากนั้นก็เพิ่มเป็น…

ก็อย่างที่เรารู้กันอยู่ว่าสกั๊งก์นั้นเป็นสัตว์ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากที่จะเข้าใกล้ เนื่องจากว่ามันมีกลไกในการป้องกันตัวอย่างการปล่อยสารเคมีที่มีกลิ่นฉุนและสามารถทำให้ตาของเราบอดได้ชั่วขณะหนึ่งเลยล่ะ แต่จู่ๆ ชายคนหนึ่งก็บังเอิญไปพบกับเจ้าสกั๊งก์ที่กำลังได้รับความลำบาก โดยหัวของมันติดอยู่ในกระป๋องโค้ก เดินไปมาอยู่กลางถนนซึ่งแน่นอนว่าเสี่ยงอันตรายเป็นอย่างมาก     เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็เริ่มส่งเสียงเรียกเจ้าสกั๊งก์ พร้อมพร่ำบอกว่า “ใจเย็นๆ นะไอ้สกั๊งก์น้อย เดี๋ยวชั้นจะช่วยแกเอง อย่าตกใจนะ อย่าฉีดสเปรย์ใส่ฉันนะ อย่าทำแบบนั้นนะ”   นั่นก็เพราะว่ากลไกในการป้องกันตัวของเจ้าสกั๊งก์นั้นจะทำงานเมื่อมันรู้สึกถึงอันตราย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลิปนั้นสุ่มเสี่ยงต่อการทำให้มันรู้สึกแบบนั้น   เจ้าสกั๊งก์เดินวนไปมาบนถนนอยู่นาน แต่ในที่สุดมันก็ยอมฟังที่ชายหนุ่มพูดเดินเข้ามาหาใกล้ๆ เพื่อให้เขาช่วยดึงกระป๋องโค้กออกไป   ในระหว่างที่ดึงชายหนุ่มพูดอยู่ตลอดว่าอย่าพ่นกลิ่นใส่ฉันะๆ ใจเย็นๆ ไปพลาง จนในที่สุดก็สามารถดึงออกมาได้อย่างปลอดภัย   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   ถึงแม้ว่าสัตว์ที่ได้รับความเดือดร้อนมาจะเป็นสกั๊งก์ก็ตาม แต่มนุษย์ก็ยังพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือพวกมันอยู่เสมอ ^^ ที่มา : viralnova

ก็อย่างที่รู้กันดีว่าปัจจุบันการประกาศขายของทางโลกออนไลน์นั้นมีมากมายหลากหลายอย่าง พ่อค้าแม่ค้าต่างก็แข่งขันกันเพื่อขายของหาเงินมาใช้ตามเป้าหมายของตัวเอง Ariana สาววัย 20 ปี ได้ทำการขายของที่แปลกไปกว่านั้น เพราะเธอประมูลขายความเวอร์จิ้นของเธอในเว็บไซต์หาคู่โดยมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 6 ล้านบาท     แม้ว่าเธอจะมองหาหนทางอื่นในการหาเงินแล้วก็ตาม แต่เธอก็รู้ว่าการขายความเวอร์จิ้นของเธอนั้นเป็นหนทางที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการหาเงิน “มีนักเรียนหลายคนนั้นจะต้องรับมือกับปัญหามากมาหลายอย่างในระหว่างการเรียน ทุกคนต้องทำงานหาเงินเพื่อนำไปจ่ายเป็นค่าเล่าเรียน” “ฉันอยากจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศเพื่อทำการเรียนต่อเกี่ยวกับวิชาแพทย์ และมันมีค่าเล่าเรียนที่สูงมาก ซึ่งค่าที่พักและอาหารเองก็จะต้องใช้เงินจำนวนมากเช่นกัน”  Ariana กล่าว   “ฉันรู้ว่าการอาศัยไปอาศัยอยู่ต่างประเทศนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะฉะนั้นฉันก็เลยจำเป็นที่จะต้องมีเงินทุนมากพอที่จะทำให้ตัดปัญหาเรื่องเงินออกไป และมันจะช่วยให้ฉันสามารถโฟกัสไปในเรื่องของการเรียนแพทย์ได้อย่างเต็มที่”     ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ของเธอก็ยังไม่ได้ทราบถึงเรื่องที่เธอโพสต์ขายความเป็นเวอร์จิ้นแต่อย่างใด แต่เธอก็บอกว่าเธอสามารถเคลียร์กับปัญหานี้ได้ นอกจากนี้ Ariana ก็ไม่ได้ขายความเป็นเวอร์จิ้นแค่คนเดียวเท่านั้น เพื่อนสนิทของเธอ Lolita ก็ได้ประมูลขายความเป็นเวอร์จิ้นร่วมกันกับเธอด้วย โดยเริ่มต้นเงินประมูลไว้ที่ประมาณ 6 ล้านบาทเช่นกัน แม้จะมีเพื่อนอยู่ด้วย แต่ Ariana ก็อธิบายถึงตัวเองว่าเธอน่ะเป็นผู้หญิงที่มีอิสระ และรู้สึกว่าการขายความเวอร์จิ้นนั้นก็เป็นทางเลือกของตัวเอง     Ariana รู้สึกว่าเธอน่ะรอมาอย่างยาวนานที่จะมอบความเวอร์จิ้นให้กับคนที่คิดว่าใช่ แต่มันก็ไม่ได้ผล “ทำไมฉันจะต้องรออีกล่ะ? ทำไมฉันจะต้องเสียความเวอร์จิ้นให้กับใครซักคนที่จะมาทำร้ายความรู้สึกของฉันในภายหลังกัน?” และในขณะที่ Ariana กำลังรอคอยการประมูลของเธออย่างใจจดใจจ่อ เธอก็หวังว่าคนที่ชนะการประมูลนั้นจะดูแล และทำกับเธออย่างให้เกียรติ    …

หลายๆ คนมีความใฝ่ฝันแตกต่างกัน ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับว่าสภาพแวดล้อม หรือสถานการณ์ที่ได้พบเจอในชีวิตที่แต่ละคนได้พบเจอมา และบางคนก็ทำความฝันได้สำเร็จ บางคนก็จากไปซะก่อน และนี่ก็คือเรื่องราวการช่วยเหลือทำฝันของคุณยายที่ป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน ให้กลายเป็นความจริง จะเป็นอย่างไรนั้นเราลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ได้เปิดเผยเรื่องราวของคุณยาย Nelly Jacobs วัย 87 ปี ที่มีความใฝ่ฝันว่าอยากนั่งบนหลังม้าอีกสักครั้งก่อนตาย และในที่สุดความหวังของเธอก็กลายเป็นความจริง   ทำไมเธอถึงอยากขี่ม้า.. ก็เพราะเธอเคยเป็นนักขี่ม้ามาก่อน ย้อนกลับไปเมื่อในอดีตคุณยาย Nelly เติบโตในประเทศเนเธอร์แลนด์ และเป็นนักขี่ม้าที่เก่งกาจคว้ารางวัลมาแล้วมากมาย   และเมื่อคุณยายอายุได้ 51 ปี เรื่องเลวร้ายก็เกิดขึ้น… อาการของโรคพาร์กินสัน (โรคสมองเสื่อม) เริ่มกำเริบ และหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คุณยายต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา   จากอดีตที่เคยโลดแล่นไปบนหลังม้า แต่ตอนนี้ได้นั่งอยู่แต่บนรถเข็น ทำให้คุณยายมีความคิดถึงบรรยากาศของการนั่งอยู่บนหลังม้าเป็นอย่างมาก   และในที่สุดความฝันของคุณยายก็เป็นความจริง โดยมีทีมงานแอบสร้างโปรเจคแบบลับๆ เพื่อทำให้คุณยายสามารถขี่บนหลังม้าได้อีกครั้ง ทีมงานช่วยกันสร้างเตียงครอบบนหลังม้า 2 ตัว และให้คุณยายนอนข้างบนนั้นเพื่อสัมผัสกับบรรยาการบนหลังม้าอีกครั้ง และผลตอบแทนของโปรเจคในครั้งนี้ก็คือรอยยิ้มที่แสนมีความสุขของคุณยาย Nelly ช่างน่าประทับใจจริงๆ   ไปชมคลิปความประทับใจแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้  …

ก็อย่างที่รู้กันดีกว่าเหล่าแมวเหมียวนั้นเป็นสัตว์ที่มีความน่ารักน่าชัง แล้วถ้ายิ่งยกมาเป็นกองทัพแล้วล่ะก็คงไม่มีใครปฏิเสธให้การช่วยเหลือได้ลงคอหรอกนะ เรื่องราวการช่วยเหลือเหล่ากองทัพมิ้วน้อย เริ่มจากการที่คนช่วยเหลือได้ส่งเสียงร้องเมี๊ยวๆ ที่กองขยะ หลังจากนั้นก็มีมิ้วน้อยค่อยๆ เดินออกมาจากซากตู้เหล็กทีละตัวๆ มากกว่า 10 ตัวเลยทีเดียวล่ะ     “แม่เหมียว 3 ตัว และลูกๆ อีกกว่า 10 ตัว ที่มีอายุแตกต่างกันออกไปถูกช่วยเหลือมาจากบริเวณบ่อตกปลา โดยคุณ Mona Boucher” คุณ Doug เจ้าหน้าที่จากศูนย์ช่วยเหลือแมว DrNworb’s KitsCats กล่าว เจ้าเหมียวตัวเล็กนั้นดูเหมือนจะสนใจในเสียงร้องเหมียวๆ ของคุณ Mona จึงพากันเดินออกมาจากที่ซ่อน ล่อให้มันเดินมาที่รั้วหลังจากนั้นเธอก็ค่อยๆ จับเจ้ามิ้วน้อยทีละตัวๆ เท่านั้นยังไม่พอเธอก็ยังวางกับดักไว้เพื่อจับแม่ของมันอีกด้วย และในที่สุดเธอก็สามารถจับมันได้ครบหมดทุกตัวทั้งแม่ทั้งลูก     มิ้วน้อยทั้งหมดถูกพาไปไว้ที่ศูนย์ช่วยเหลือลูกแมว Vancouver Orphan Kitten Rescue Association เพื่อมอบโอกาสในการมีชีวิตที่ดีให้กับพวกมัน มีลูกแมวน้อย 7 ตัวถูกช่วยมาไว้ที่บ้านของคุณ Doug และการผจญภัยครั้งใหม่ของแก๊งแมวน้อยก็กำลังจะเริ่มต้นแล้ว     ตัวแม่เหมียวนั้นเป็นแมวที่ไม่ค่อยเชื่องนัก แต่ลูกๆ ของมันกลับสามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตในบ้านได้เป็นอย่างดี พวกมันเรียนรู้ที่จะไว้ใจมนุษย์ และเริ่มรู้แล้วว่ามนุษย์เป็นทาสที่แสนดีคอยมอบความรักความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี     พี่น้องฝาแฝดสุดหล่อ!!  …

ถึงจะดูเป็นเทรนด์ที่ค่อนข้างจะแปลกๆ หน่อยในศตวรรษที่ 19 แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ อย่างไรก็ดีก็ต้องยอมรับว่ายุคนั้นเป็นยุคแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีล่ะ ข้อมูล: สมัยวิกทอเรีย ของสหราชอาณาจักรเป็นจุดสูงสุดของการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเป็นยุคสูงสุดของจักรวรรดิอังกฤษซึ่งตรงกับสมัยการปกครองของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียระหว่างปี ค.ศ. 1837 ถึงปี ค.ศ. 1901   นอกเหนือไปจากเรื่องอุตสาหกรรมแล้ว ช่างภาพในยุคนี้ก็มีเทคนิคซ้อนภาพและตัดต่อจนทำให้เกิดภาพของ ‘คนไร้หัว’ ออกมา ถึงจะดูหลอนๆ หน่อย แต่ก็ต้องยอมรับล่ะว่าเป็นเทคโนโลยีที่น่าทึ่งจริงๆ ในยุคนั้น และก็กลายเป็นเทรนด์ที่หลายคนเอาไปทำตามกัน เหมือนกับกระแสถ่ายหูแมว ถ่ายหน้าใส่ฟิลเตอร์เครื่องสำอางค์ อะไรในยุคนี้แหละ   ออกมาเป็นภาพหลอนๆ แบบนี้…   อันนี้ก็หลอนไปนะ -*-   เน้นให้ตัวเองหัวขาดมากๆ   ไม่ว่าจะเป็นทั้งเอามือหอบไว้   อย่างกับฆาตกรโรคจิต -*-   ถ้าดูในสมัยนั้นคงสมจริงมากๆ   อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการตัดต่อภาพเลยทีเดียว   และยังมีอีกหลายภาพด้วยกัน…                    …

ปกติเวลาร้องไห้ มักจะมีคนบอกว่า ไม่สวยบ้าง น่าเกลียดบ้าง แต่ก็มีบางคนที่ไม่ว่าจะร้องให้ หรือทำหน้าแบบไหนก็ยังสวยอยู่ดี เมื่อเป็นเช่นนี้ เกาะ Awaji  ในญี่ปุ่นจึงจัดการประกวดแหวกแนวนี้ขึ้นมา เราต่างก็รู้กันว่าการหั่นหัวหอมทำไห้น้ำตาไหล เหมือนกับการร้องไห้ จนนั่นทำให้เกิดการประกวด ‘หั่วหัวหอมร้องไห้’ เพื่อตามหาคนที่ร้องได้สวยที่สุดขึ้นมายังไงล่ะ   หากเราเคยได้ยินชื่อเกาะ Awaji ที่ตั้งอยู่ในทะเลเซโตะของประเทศญี่ปุ่น นั่นอาจเป็นเพราะว่าเคยได้ยินเรื่อง การฝึกหุ่นละครละดั้งเดิมของพวกเขา นอกจากเรื่องนี้แล้ว เกาะ Awaji ยังโด่งดังในเรื่องหัวหอมด้วย การประกวดนี้พวกเขาเรียกกันว่า Tama Naki Bijin Contest หรือ ‘ประกวดร้องไห้เพราะหัวหอมที่สวยที่สุด’ ซึ่งเป็นการแข่งร้องไห้ขณะที่สับหัวหอมอยู่ ใครที่ร้องไห้ได้สวยที่สุด ก็รับรางวัลไปเลย   Kanoko Uemura นักศึกษามหาวิทยาลัย เป็นผู้ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุดคือเกือบ 9,000 โหวต   และผู้เข้ารอบ 6 คนสุดท้าย เป็นนักเรียน นักศึกษาจากโรงเรียนต่างๆ ที่มาจากครอบครัวเกษตรกรในพื้นที่ ผู้เข้าประกวดแต่ละคนต้องแสดงออกทางสีหน้าที่กำลังร้องไห้อยู่ พร้อมกับสับหอมไปด้วย รองลงมาคือ  Marina Fukuhara   ไม่เพียงแต่วัยรุ่นเท่านั้นเข้าแข่งขันได้ เพราะพวกเขาเปิดให้มีความหลากหลายทางอายุด้วย เหมือนคุณป้าคนนี้ Fumiko Hamaguchi   ชาวญี่ปุ่นบางคนก็ได้เข้ามาคอมเม้นกับกิจกรรมนี้ว่า “เห็นแล้วร้องไห้ตามเลย ไม่ใช่เพราะหัวหอมนะ…

ในเช้าวันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา บนถนนเส้นหนึ่ง ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ มีสภาพอากาศที่เลวร้ายและลมที่รุนแรง ซึ่งเหตุการณ์ก็พอดีกับที่ตอนนั้น  Peter Vardy Help บริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ เอาเจ้าเป็ดยักษ์สีเหลือง ออกมาตั้งประดับประดาเพื่อดึงดูดคนอยู่ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของสถานที่จะลืมคิดถึงเรื่องพายุที่จะเข้า หรือไม่ก็ล่ามเจ้าเป็ดไว้ไม่ดี เจ้าเป็ดมันจะอยากออกผจญภัยไปทักทายผู้คนบ้าง ก็เลยกลายเป็นเหตุการณ์ที่เดือดร้อนปนขำแบบนี้   และสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นก็คือ บอลลูนเป็ดสีเหลืองอร่ามขนาดใหญ่ยักษ์ตัวนี้นี่เอง   ทั้งนี้ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็พากันถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ แล้วนำไปโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ถึงการผจญภัยของเจ้าเป็นในครั้งนี้   นอกจากจะสร้างความลำบากบนท้องถนนแล้ว เจ้าเป็ดยักษ์ตัวนี้ยังลอยไปชนรถของผู้สัญจรไปมาบนท้องถนนอีกด้วย   และนี่คือคลิปวีดีโอจาก Mark Duncan ผู้ที่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้ พร้อมกับระบุข้อความเอาไว้ว่า เจ้าเป็ดตัวนี้ได้ถูกจับตัวในภายหลัง ก่อนที่มันจะไปสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง แต่ถ้าครั้งต่อไปมันหลุดออกมาอีกเราอาจจะไม่โชคดีก็เป็นได้ (หากคลิปไม่ขึ้น คลิกชมได้ที่นี่)   เชื่อว่าระหว่างการทำงานในตอนเช้าหลายคนคงอยากจะเห็นเจ้าเป็ดน้อยน่ารักๆ แต่ไม่ใช่บอลลูนเป็ดยักษ์ตัวนี้ เพราะนอกจากจะสร้างความลำบากแก่ผู้สัญจรไปมาบนถนนแล้ว หากขับรถไปชนอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน แต่ถึงอย่างไร คนที่ขับผ่านก็คงอดขำไม่ได้หรอกนะ!!!   ที่มา : boredpanda

หลายคนที่กลัวความสูงมากๆ แค่อยู่บ้านสองชั้นก็กลัวกันแล้ว หรือแค่เห็นภาพจากมุมสูง ก็เสียวสะท้านไปทั้งตัวแล้ว แต่วัยรุ่นผู้ไม่กลัวความสูงคนนี้ ได้ปีนขึ้นไปยังหอที่มีความสูงถึง 350 เมตร  พร้อมนำภาพบรรยากาศข้างบนมาฝากด้วย กลายเป็นที่เห็นแล้วหวาดเสียเอามากๆ เมื่อหนุ่ม  Alex Nomernoy วัย 18 ปี จากมอสโก ได้ปีนขึ้นไปยังหอส่งสัญญาโทรทัศน์ ใน Galich ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกของรัสเซีย เมื่อปีนขึ้นถึงจุดๆ หนึ่ง Alex ยังได้นั่งห้อยขาบนขอบของหอให้ดูด้วย เพิ่มความหวาดเสียวเข้าไปอีก และเมื่อปีนขึ้นไปถึงยอดหอส่งสัญญาโทรทัศน์ เขาก็ได้ใช้ไม้เซลฟี่ในการเก็บภาพและถ่ายวิดีโอเอาไว้     Alex บอกว่า หอส่งสัญญาโทรทัศน์นี้ ถึงดูดความสนใจของเขามานานแล้ว “ผมตัดสินใจที่จะปีนขึ้นไปบนนั้นพร้อมเพื่อนของผม และกว่าเราจะปีนขึ้นไปถึงยอดหอ เราไม่ได้นอนเลยตลอด 24 ชั่วโมง” “เมื่อขึ้นมาถึงยอดนี้ ผมได้เห็นความงามของธรรมชาติอย่างเต็มรูปแบบ ได้เห็นทิวทัศน์ด้านล่าง ที่สำคัญ ผมไม่กล้วความสุงด้วย ทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ เลยฮะ” เขาได้ถ่ายภาพบรรยากาศข้างบนให้ผู้คนได้ดูกันอีกด้วย เพื่อให้ผู้คนได้เพลิดเพลินกับภาพจากข้างบน เพราะบางสิ่งบางอย่างที่เรามองจากข้างบนนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ เมื่ออยู่บนพื้นดิน     “บางคนอาจตกใจกับการกระทำของเรา แต่เราไม่ได้ทำตามกระแสแต่อย่างใดนะฮะ เราทำเพราะเราชอบและสนุกไปกับมันต่างหาก” Alex ในอนาคต…

สำหรับนักกีฬาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ โค้ช บุคคลที่เปรียบดั่งคุณครูทั้งใน และนอกสนามการแข่งขัน เพราะไม่ว่าผลจะแพ้ หรือ ชนะ ผู้เป็นโค้ชจะคอยอบรมสั่งสอนและอยู่เคียงข้างเราเสมอ เช่นเดียวกับคุณครูสอนพละ ชาวอเมริกันคนนี้ เขาเป็นมากกว่าครูสอนวิชาพละทั่วๆไปให้แก่นักเรียน แต่เขายังคอยเป็นที่ปรึกษา เป็นสะพานคอยเชื่อมความสัมพันธ์ ให้แก่นักเรียนทุกคน และคงไม่มีอะไรที่จะซาบซึ้งไปกว่าการตอบแทนคุณครูที่แสนดีคนนี้ซักครั้ง..   เรื่องราวเกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยม Lubbock Coronado แห่งรัฐเท็กซัส คุณครู Thomas Walser เขาเป็นทั้งครูสอนพละ และโค้ชทีมอเมริกันฟุตบอลประจำโรงเรียน สำหรับนักกีฬาโรเรียนทุกคน เขาเปรียบได้ดั่งพ่อคนที่สอง ที่มักจะสร้างบรรยากาศการฝึกซ้อมที่ดี และคอยช่วยเหลือมาโดยตลอด แต่แล้วเรื่องราวดังคลิปต่อไปนี้ก็ได้เกิดขึ้น.. (หากคลิปไม่แสดง คลิกชมได้ที่นี่)   Its good to give back to the man who’s always been by my side.?? @CoachWalser pic.twitter.com/W4Sb5tMPim — Hector Montez (@Augustine__09) September…

เมื่อกล่าวถึงประเทศจีน สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนมักจะนึกถึงก็คือ จีนเป็นประเทศที่มีเรื่องราวแปลกๆ มากมาย แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศนี้เขาก็มีเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้คนทั้งโลกรู้สึกประทับใจเหมือนกันนะ ดูอย่างเรื่องราวสุดซึ้งของ คุณพ่อท่านนี้ ที่เอาตัวเข้าปกป้องลูกน้อยของตัวเอง หลังจากที่บ้านของเขาถูกพายุฝนกระหน่ำจนทำให้บ้านพังถล่มลงมา เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ในวันเดียวกันนั้น เกิดพายุฝนอย่างหนักในหลายพื้นที่ของจีน โดยหนึ่งในนั้นมีเมืองเจ้าตง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลยูนนานด้วย     พายุฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง จึงเป็นเหตุให้บ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัว พ่อ แม่ และลูกอีก 2 คน ถึงกับพังถล่มลงมา หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่รีบเข้าไปยังที่เกิดเหตุด้วยความรวดเร็ว เพื่อหวังช่วยชีวิตของคนในครอบครัว ที่คาดว่าจะติดอยู่ใตเซากของบ้าน ด้านเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ก็ได้เร่งให้การช่วยเหลือครอบครัวผู้โชคร้าย โดยสามารถช่วยผู้เป็นแม่และลูกอีกหนึ่งคนออกมาได้ก่อน ในขณะที่คุณพ่อ และลูกสาววัย 20 เดือน ยังคงติดอยู่ด้านใน     จนในที่สุดทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถช่วยเหลือทั้งคุณพ่อ และลูกน้อยออกมาได้สำเร็จ โดยภาพที่พวกเขาได้เห็นก็คือ ลูกสาวตัวน้อยอยู่ในอ้อมกอดของคุณพ่อ ที่ได้ใช้ร่างของตัวเองปกป้องลูกจากซากปรกหักพังที่ถล่มลงมา ซึ่งในขณะนั้นผู้เป็นพ่อกำลังหมดสติเพราะขาดน้ำ หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งคู่ออกมา ทางแพทย์ที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุก็รีบเข้าช่วยเหลือพวกเขาทันที และแน่นอนว่าสิ่งที่น่าประทับใจคือ… ทุกคนรอดชีวิต…

ถ้าพูดถึงโรงเรียนสอนเวทมนตร์ เต็มไปด้วยเหล่านักเรียนพ่อมด แม่มด เดินกันให้ควั่ก แถมยังใช้เวทมนตร์กันอย่างสนุกสนานอย่างกับของเล่น คงหนีไม่พ้น ‘ฮอกวอร์ต’ จากหนังแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ นั่นแหละ และคราวนี้ใครที่อยากจะเป็นพ่อมด แม่มด ตัวจริงละก็ เราขอแนะนำที่นี่เลย สถาบันสอนเวทมนตร์แห่งโปแลนด์ ซึ่งที่นี่ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากฮอกวอร์ต นั่นแหละ แต่เค้าสอนกันจริงๆนะเออ ว่าแต่มันจะเป็นยังไงละเนี่ย??   สถาบันแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมือง Leśna ทุกคนจะได้เรียนการใช้เวทมนตร์จริงๆ เหมือนได้อยู่ในแฮร์รี่ พ็อตเตอร์จริงๆ   แต่อันที่จริงมันก็คืองานที่ผู้คนต่างมาสวมบทบาทอย่างสมจริงในช่วงวันหยุดเท่านั้นแหละ   เหมือนกับการมาร่วมกันสมมุติบทบาทอย่างจริงจัง ให้เป็นไปตามจินตนาการของพวกเขา ถือว่าเป็นการรวมตัวของเหล่าแฟนๆที่ต่างก็หลงใหล และชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน   แต่งานนี้ต้องเสียค่าบัตรสำหรับที่พัก 3 คืน ในปราสาท Czocha ด้วยนะ ราคาก็ประมาณ 15,000 บาท   ราคานี้รวมห้องพักแบบกลุ่ม และอาหารทุกมื้อ ถูกเสิร์ฟในแบบเดียวกับของฮ็อกวอร์ตเลยแหละ   สถาบันแห่งนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก แฮร์รี่ พ็อตเตอร์นั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้มีการรับรองอะไรจาก เจ.เค โรว์ลิ่ง หรือทาง Warner Bros. หรอกนะ…

เป็นเรื่องปกตินะที่เราจะเห็นคนรอบข้างมีใบหน้าละม้ายคล้ายคนดัง (แม้แต่#เหมียวฟิ้นเองยังเคยโดนทักว่าหน้าเหมือนติ๊ก เจษฎาภรณ์เลย) แต่มีอยู่ประเทศหนึ่งที่มีคนหน้าตาคล้ายคนดังเยอะเป็นพิเศษ นั่นคือที่ประเทศรัสเซีย เพราะในเว็บไซต์ต่างประเทศหลายๆ แห่งได้มีการรวบรวมภาพออกมาแล้วหลายครั้ง ว่ามีชาวรัสเซียที่หน้าตาเหมือนคนดังจนคิดว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นดาราตัวจริงแอบมาเนียนอยู่ที่รัสเซียด้วยซ้ำ ถ้าไม่เชื่อ งั้นไปดูภาพยืนยันเลย   1. Vin Diesel   2. Björk   3. Scarlett Johansson   4. Bruce Willis   5. Johnny Depp   6. Eminem   7. Jason Statham   8. Hugh Jackman   9. Chuck Norris   10. Harrison Ford   11. Eminem อีกคน…   12. ประธานาธิบดี Barack Obama   13. The Joker (ป้าจะแต่งเหมือนอะไรขนาดนี้)   14. Hugh Laurie (นักแสดงนำจากซีรี่ส์ House)…

อย่างที่เรารู้กันดีว่าเหล่าแมวเหมียวทั้งหลายนั้นมีช่วงอายุขัยที่น้อยกว่ามนุษย์อย่างเราๆ อยู่มาก คือประมาณ 20 ปีก็ถือว่าแก่แบบสุดๆ แล้วล่ะ แต่นี่คือเรื่องราวของเจ้าเหมียวถูกทิ้ง…แต่สุดท้ายมันก็ถูกช่วยเหลือมาไว้ที่ศูนย์อนุรักษ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเท่านั้นไม่พอมันยังสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนในศูนย์อีกด้วย เพราะมันมีอายุมากถึง 27 ปี!!   มารู้จักกับเจ้าเหมียว Banjo!!!   เจ้าเหมียว Banjo นั้นถูกพบเจออยู่ในกล่องที่ปิดเทปไว้อย่างแน่นหนาและเอามาตั้งไว้ที่หน้าประตูของศูนย์ช่วยเหลือ RSPCA Southall’s rescue center (ตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุง London) เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือมันเข้ามาไว้ที่ศูนย์และทำการแสกนดูชิปที่อยู่ในตัวของมัน และก็พบว่าชิปถูกติดตั้งไว้ตั้งแต่ปี 1991 จากข้อมูลในชิปในตอนนั้นมันมีอายุ 2 ปี แล้ว และนี่เองก็ทำให้ทราบว่าตอนนี้เจ้าเหมียว Banjo นั้นมีอายุมากกว่า 25-27 ปีซึ่งเป็นตัวเลขของแมวที่มีอายุมากที่สุดในประเทศอังกฤษเลยทีเดียว     ทางศูนยช่วยเหลือได้เริ่มดำเนินการหาบ้านให้กับเจ้า Banjo และถึงแม้ว่ามันจะเป็นแมวที่มีอายุมาก แต่ก็ยังคงนิสัยความเป็นเจ้านายอยู่ดี ฮร่า “เจ้า Banjo นั้นเป็นแมวชอบวางมาด มีความเป็นมิตร และไม่เรื่องมาก” คุณ Aneel เจ้าหน้าที่ในศูนย์ช่วยเหลือกล่าว     อายุของเจ้าเหมียว Banjo นั้นมีอายุประมาณ 27…

วันที่ 26 กันยายน 2559 ทางเว็บไซต์ Boredpanda ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวสุดประทับใจที่สร้างรอยยิ้มให้กับผู้คนไปทั่วโลกในขณะนี้เลยก็ว่าได้ โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากทางศูนย์พิทักษ์สัตว์อย่าง Pasadena Humane Society & SPCA ในเมืองพาซาเดนา รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงขึ้นตกใจอย่างหนักหลังพบว่า มีบุคคลปริศนาได้บริจาคเงินในตู้รับบริจาคของทางศูนย์เป็นจำนวนมากถึง 8,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 276,000 บาท โดยที่ไม่มีใครพบเห็นผู้บริจาค และไม่ทราบว่าคนๆ นั้นเป็นใครเลย…   แต่ที่แน่ๆ สิ่งหนึ่งที่พวกเขาได้รับก็คือ ความสุขและความประทับใจแน่นอน   ทางเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิทักษ์สัตว์ได้เผยว่า “เราดีใจมาก ที่ได้รับความเอื้อเฟื้อจากผู้บริจาคเงินนิรนาม มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก โดยเงินทั้งหมดจะถูกนำไปช่วยเหลือเพื่อนสี่ขาของเรา ที่ได้เข้ามารับการดูแล ณ ศูนย์แห่งนี้”   นอกจากนี้ยังมีการโพสต์ข้อความลงบน Facebook เพื่อพยายามตามหาผู้ใจบุญอีกด้วย   สำหรับศูนย์พิทักษ์สัตว์ Pasadena Humane Society & SPCA จะมีสัตว์กว่า 12,000 ตัว มาเข้ารับการดูแลในทุกๆ ปี…

ในทุกวันนี้ มักจะมีการค้นพบสัตว์สายพันธุ์ใหม่ออกมาเรื่อยๆ และแต่ละตัวที่ถูกค้นพบนั้นนับว่า มีความแปลก และไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง เหมือนกับสัตว์ทั้ง 12 ตัวนี้ ที่เพิ่งถูกค้นพบได้ไม่นาน มีความแปลกอย่างเหลือเชื่อ   1. Yoda Bat พบในปี 2010 เป็นหนึ่งในสัตว์สายพันธุ์ใหม่ ที่พบในภาคเหนือของปาปัวนิวกินี มีสัตว์และพืชมากกว่า 200 ชนิด ที่ถูกพบเป็นครั้งแรก หลังจากการสำรวจตลอด 2 เดือน ในปีนั้น   2. Lesula นักวิทยาศาสตร์เผยว่า ได้พบสายพันธุ์ใหม่ของลิง ที่พบในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า เป็นสัตว์นักล่าในท้องถิ่น แต่จนถึงตอนนี้ มันก็ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีบทความที่ตีมพิมพ์ในวารสาร Plos One บอกว่า นักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายถึงลักษณะของลิงชนิด โดยเรียกว่า Cercopithecus Lomamiensis คนในท้องถิ่นรู้จักว่า เป็นลิงเลซูลา ซึ่งมีถิ่นอาศัยอยูู่ในป่าลึกแห่งหนึ่งในใจกลางของลุ่มน้ำ DR Congo’s Lomami Forest นักวิทยาศาสตร์ยังบอกอีกว่า นี่เป็นการค้นพบสายพันธุ์ลิงเป็นครั้งที่สองในรอบ 28 ปี   3. Mr. Blobby เป็นปลาสายพันธุ์หนึ่งที่ถูกค้นพบเมื่อปี 2003 ในประเทศนิวซีแลนด์…

ชีวิตนักศึกษานั้น นับว่าเป็นช่วงที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปหลายอย่าง โดยเฉพาะย้ายที่พักเพื่อให้ใกล้กับมหาวิทยาลัยมากที่สุด และสิ่งที่หนักหนาสาหัสเลยก็คือค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าที่พักรายเดือนนี่แหละ แต่จะดีกว่าไหมถ้ามีหอพักให้อยู่แบบฟรีๆ แลกกับการทำความดีเพียงเล็กน้อย เหมือนนโยบายของ Humanitas Denveter ซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นสำหรับผู้สูงอายุ แต่ให้นักศึกษาเข้ามาอยู่ฟรี ฟังดูดีเลยใช่มั้ยล่ะ แต่ที่นี่มีเงื่อนไขที่สำคัญข้อหนึ่งก็คือ คุณต้องใช้เวลากับผู้สูงอายุอย่างน้อยเดือนละ 30 ชั่วโมง เพื่อเป็นการแลกกับค่าเช่านั่นเอง     ปัจจุบันมีนักศึกษาอยู่ร่วมอาศัยกับผู้สูงอายุใน Humanitas Deventer โดยกิจวัตรประจำวันของพวกเขา ก็คือการร่วมรับประทานอาหารและพูดคุยกับผู้สูงอายุเป็นประจำ รวมไปถึงสอนการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับผู้สูงอายุด้วย แรกเริ่มเดิมทีนั้น Humanitas Deventer เคยเป็นโรงแรมหรูมาก่อน ในช่วงปี 1920 ต่อมาถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นบ้านพักคนชรา พร้อมกับนโยบายให้นักศึกษาเข้าพักได้ฟรีแลกกับการมอบความสุขให้กับผู้สูงอายุ คอยอยู่เป็นเพื่อนโดยที่พวกเขาจะไม่ต้องเหงา นับว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ดีเลยล่ะ       หนึ่งในนักศึกษาเหล่านั้นคือ Patrick Stoffer วัย 27 ปี การได้ใช้เวลากับผู้สูงอายุ เป็นสิ่งที่มีความหมายกับเขามาก เขาบอกว่า “ครั้งแรกผมคิดว่า คงช่วยได้นิดๆ หน่อยๆ แต่เมื่อผมได้ใช้เวลากับพวกเขาบ่อยๆ ความสัมพันธ์เหล่านี้ มันลึกซึ้งกว่าที่คิดไว้เยอะเลย”        …

กลายมาเป็นข่าวที่สะเทือนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อคุณตาวัย 88 ปีท่านหนึ่ง ถูกพบเสียชีวิตอยู่บนเตียงโรงพยาบาลเอกชนในเมืองโยะโกะฮะมะ ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 20 กันยายนที่ผ่าน ซึ่งประเด็นนี้กลายเป็นข่าวใหญ่โต เพราะมันไม่ใช่การเสียชีวิตทั่วไปตามอายุขัย แต่พบว่าเป็นการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล!!     จากการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นแล้วพบว่า มีสารแปลกปลอมปนเปื้อนอยู่ในถุงน้ำเกลือของคุณตา ซึ่งสารประเภทที่ว่าก็คือ สารซักฟอก ซึ่งจัดอยู่ในสารลดแรงตึงผิว โดยตามปกติแล้วในถึงน้ำเกลือจะไม่มีสารชนิดนี้อยู่แน่นอน   พยาบาลเปลี่ยนถุงน้ำเกลือครั้งสุดท้ายในวันที่ 19 กันยายน ช่วงเวลา 22.00 น.   เมื่อย้อนเหตุการณ์กลับไปช่วงก่อนที่คุณตาจะเสียชีวิต พยาบาลได้เปลี่ยนถุงน้ำเกลือครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 19 กันยายน เวลาประมาณ 22.00 น. ต่อมา… จนกระทั่งเวลา 04.00 น. ของวันถัดมา เสียงเตือนอัตราการเต้นของหัวใจต่ำก็ดังขึ้น พยาบาลจึงรีบขึ้นมาดูอาการ แต่กลับพบว่าคุณตาเสียชีวิตแล้ว   ประเภทของสารที่ถูกพบปนเปื้อนอยู่ในถุงน้ำเกลือ   จากเหตุการณ์ข้างต้น ยังไม่สามารถสรุปตัวคนร้ายได้ เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กที่ไม่มีกล้องวงจรปิด อีกทั้งโรงพยาบาลปิดทำการในเวลา 21.00 น. บุคคลภายนอกจึงไม่สามารถเข้ามาได้  (เปลี่ยนถุงน้ำเกลือในช่วงเวลา 22.00 น.)…

สำหรับ ‘การข่มขืน’ นั้น ไม่ใช่แค่ว่าเป็นการทำร้ายทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังสร้างบาดแผลในจิตใจของเหยื่อที่ถูกกระทำไปตลอดกาลอีกด้วย… Natascha Kampusch ในวัย 10 ขวบ (ตอนนั้น) เธอถูก Wolfgang Priklopil ชายโรคจิตที่ลักพาตัวเธอไปขังไว้ชั้นใต้ดินบ้านของเขา ที่ใกล้ๆ กลับกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เป็นเวลานับกว่า 8 ปีจากนั้น นอกจากถูกขังแล้ว เธอยังเป็นทาสเซ็กส์ให้กับชายโรคจิตคนนี้ ถูกทุบตี ถูกทำให้อดอาหาร และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในห้องใต้ดินนั้น…   Natascha Kampusch ที่ตอนนี้เธออายุได้ 28 ปีแล้วล่ะ   ในที่สุดความอดทนของเธอก็มาถึงขีดสุด ในปี 2006 เธอวางแผนเพื่อหลบหนีออกจากบ้านของ Wolfgang และทำสำเร็จ วันนั้นเขาเลยฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดไปขวางรถไฟ จบชีวิตไปด้วยวัย 44 ปีของเขา ด้วยความที่เขาไม่มีทายาท และเธอก็เป็นคนเดียวที่มานาน 8 ปี หลังจากเขาตายไป ทางกฎหมายก็ให้เธอเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ต่อในทันที…   ตอนนี้เธอได้รับบ้านหลังนี้ หลังเดียวกันกับที่เธอถูกกักขังและข่มชืนอยู่แรมปี   ตอนนี้เธอก็เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ และใช้เป็นบ้านพักผ่อนของเธอเอง ในวันหยุดเธอก็จะเข้ามาทำความสะอาดบ้านแห่งนี้ เหมือนกับครั้งแรกที่เธอเคยถูกลักพาตัวมายังสถานที่แห่งนี้แล้ว Wolfgang…

พูดถึงเรื่องของการโดยสารเครื่องบินไปยังจุดหมายปลายทาง แน่นอนว่ามันต้องเร็วกว่าการเดินทางบนพื้นดินอยู่แล้ว โดยส่วนมากจะเร็วที่สุดก็ประมาณ 1 ชั่วโมงสำหรับเส้นทางการบินภายในประเทศ หรืออาจจะน้อยกว่านั้นลดลงไปเป็นหลักสิบนาที แต่สำหรับเส้นทางการบินระหว่างประเทศนั้นอย่างเร็วที่สุดก็เป็นหลักชั่วโมง แต่ตอนนี้คุณรู้มั้ยว่า สายการบินต่างประเทศกำลังจะเปิดเที่ยวบินใหม่ ที่ใช้เวลาบินระหว่างประเทศน้อยมาก เพียงแค่ 8 นาทีเท่านั้นเอง!!     สายการบินสัญชาติออสเตรีย People’s Viennaline เตรียมที่จะเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศใหม่ล่าสุด โดยจะเริ่มบินวันที่ 2 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ บินจากเมืองเซนต์ กาลเลิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไปยังเมืองเฟรดิกชาเฟน ประเทศเยอรมนี     ทำไมเที่ยวบินนี้จึงเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศที่สั้นที่สุด? นั่นก็เพราะด้วยระยะทาง 13 ไมล์ (ประมาณ 20 กิโลเมตร) จะใช้เวลาในการบินเพียงแค่ 8 นาทีเท่านั้นเอง ค่าเดินทางจะอยู่ที่ 34 ปอนด์ (40 ยูโร – ประมาณ 1,500 บาท) เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถยนต์แล้ว จะต้องขับอ้อมทะเลสาบ Constance เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางนั้น ในระยะ 77 กิโลเมตร…

ผู้รักษาความปลอดภัยในสนามบินนั้น นับเป็นหน้าที่ที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะต้องดูแลความสงบและความปลอดภัยให้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการจำนวนมาก และเป็นงานไม่ควรจะมีความผิดพลาดเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ก็อย่างว่าล่ะ มนุษย์ย่อมมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ใครที่คิดจะก่อเหตุที่สนามบินเซินเจิ้นของจีน คงยากหน่อย เพราะตอนนี้มี The Anbot หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยตัวแรกของจีน ที่ได้รับการใช้งานครั้งแรกในสนามบินเซินเจิ้น จะเดินสอดส่องไปทั่วอาคารผู้โดยสารขาออกที่ 3 ของสนามบินแห่งนี้     ฟังก์ชั่นการทำงานหลักของมันคือ การจดจำใบหน้าผู้คน โดยในตัวของหุ่นยนต์ตัวนี้ จะมีกล้องความละเอียดสูง 4 ตัว เพื่อถ่ายภาพของนักท่องเที่ยว และส่งไปให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำไปวิเคราะห์ต่อไป     ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่คอยสอดส่องเท่านั้น ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือมีการคุกคาม มันก็สามารถเข้าไปจัดการได้ด้วย และหากมีคนร้ายที่พยายามหลบหนี มันก็สามารถตามจับด้วยการเร่งความเร็วได้ถึง 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่สำคัญคือ สนามบินแห่งนี้ ไม่ค่อยมีบันไดเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นทางเรียบพี่กินเพียบนะจ๊ะ!!       รู้ความสามารถของหุ่นยนตัวนี้แล้ว มีใครจะยังกล้าก่อความวุ่นวายมั้ย   ที่มา shanghaiist

ภาพคนชราอยู่ลำพัง กลายเป็นภาพที่เรามักจะเห็นกันบ่อยๆ แม้จะมีเพื่อนบ้านอยู่ข้างๆ แต่นานๆ ครั้งที่พวกเขาจะมอบความช่วยเหลือ และส่วนมากก็จะเป็นการช่วยเหลือเพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ลูซี่ แอสเชน คุณแม่วัย 39 จากลอนดอน เป็นเพื่อนบ้านกับหญิงชราคนหนึ่งมานานถึง 21 ปีแล้ว เธออยู่คนเดียวและไม่มีใครดูแลเธอเลย เธอจึงตัดสินใจช่วยเหลือหญิงชราคนนี้ และเผยแพร่เรื่องนี้ผ่าน Facebook ของเธอ เธอเอาแต่เก็บตัวเงียบๆ อยู่คนเดียวและไม่ค่อยพบปะกับใคร และดูเหมือนเธอจะมีปัญหาทางจิตด้วย จนไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสภาพความเป็นอยู่ของเธอนั้นย่ำแย่ขนาดไหน   ตลอดระยะเวลา 21 ปีที่เป็นเพื่อนบ้านกัน หญิงชราไม่เคยไว้ใจใครเลย แม้แต่เพื่อนบ้านข้างๆ กัน แต่ในคราวนี้ก็พยายามเกลี้ยกล่อมเพื่อให้เธอเชื่อใจให้ได้   ในที่สุดหญิงชราก็ไว้ใจลูซี่ และยอมให้เธอเข้ามาในบ้านได้ ทำให้เธอได้เห็นสภาพห้องของหญิงชรานั้น ทั้งรกและสกปรก และไม่มีอาหารพอประทังชีวิตเลย   ทุกที่ในห้องดูสกปรกไปหมด เสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์ก็เก่าและขาดรุ่งริ่ง   เธอไม่ได้อาบน้ำแบบสะอาดๆ มา 13 ปีแล้ว และภาพเหล่านี้ยังคงฝังใจลูซี่อยู่เสมอ   ลูซี่บอกว่า “มันเป็นห้องที่สกปรกมาก และเธอก็ไม่ควรอยู่ในที่แบบนี้”   จากทั้งหมดที่เห็น ทำให้ลูซี่ตัดสินในที่จะช่วยหญิงชราคนนี้ โดยมีลูกสาววัย 14 ปีคอยช่วยตลอด…

เพื่อชีวิตที่ดีกว่าในประเทศที่ตนเองอยู่ หลายคนก็เลือกที่จะเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อไปในดินแดนที่คิดว่าจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ด้วยเหตุนี้เองทำให้การลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายจึงมีให้เห็นเป็นประจำ เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมลียา ในภาคเหนือของแอฟริกา เมื่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ ชายแดนสเปนเรียกรถบรรทุกคันหนึ่งให้จอด และบอกให้คนขับไปรออยู่ที่ด่าน เพื่อที่จะตรวจค้นรถคันนี้ ในขณะที่กำลังค้นอยู่นั้น แทงโก้ สุนัขของด่านศุลกากร ที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี ก็เริ่มเห่าขึ้นมา มันทำให้รู้ว่า มีบางอย่างที่ผิดปกติอยู่ข้างใน     ทางเจ้าหน้าที่ศุลกากร จึงตรวจค้นตรงจุดที่แทงโก้เห่า ปรากฏว่ามีชายคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในนั้น และกำลังอยู่ในสภาพที่อ่อนแรง เนื่องจากทุกข์ทรมานจากปัญหาการไหลเวียนของเลือดและกล้ามเนื้อ แม้ว่าจะอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม เจ้าหน้าที่บอกว่า พวกเขาไม่สังเกตเลยว่า มีคนอยู่ในนั้น ต้องขอบคุณเจ้าแทงโก้ เพราะถ้าไม่เจอเขา เขาต้องอยู่ในนั้นอีกอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และอาจจะเสียชีวิตได้ ที่สำคัญช่องที่เขาเข้าไปซ่อนตัวนั้น ไม่สามารถเปลี่ยนท่านั่งได้ แถมยังถูกล็อคจากข้างนอกอีก จึงไม่สามารถออกมาได้เลย เขาจึงต้องนั่งในนั้นนานหลายชั่วโมง     ตำรวจเปิดเผยในภายหลังว่า ชายคนนี้อายุ 24 ปี จากโมร็อกโก เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย และเขาก็ได้รับการปฐมพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แทงโก้เป็นสุนัขตัวเล็ก มันทำงานที่ Spanish Civil Guard โดยเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยในพื้น และอยู่มานานถึง 5 ปีแล้ว…

ธรรมชาติบนโลกนี้ ยังมีสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกมากมายที่เรายังไม่เคยเห็น เช่นเดียวกับกุ้งที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และมีหลายสายพันธุ์ที่เราเคยเห็นมาแล้ว บนชายฝั่งใน Okayama ประเทศญี่ปุ่น  เป็นที่ที่เต็มไปด้วยกุ้ง Vargula Hilgendorfi ซึ่งเป็นสายพันธุ์หนึ่งของกุ้งตัวเล็กๆ กุ้งแต่ละตัวมีขนาดรอบตัวเพียงแค่ 3 มิลลิเมตรเท่านั้น พวกมันจะออกหากินในเวลากลางคืน ดังนั้นในเวลากลางคืน พวกมันจึงย้ายกันไปขึ้นฝั่งเพื่อหาอาหาร     และที่น่าตื่นตาตื่นใจคือ พวกมันเป็นสัตว์ที่เรืองแสงได้ จึงรู้จักกันในอีกชื่อคือ ‘หิ่งห้อยทะเล’ และยังเป็นหนึ่งในสามของสัตว์เรืองแสงที่พบในญี่ปุ่น โดยมันจะเรืองแสงเป็นสีฟ้าทุกครั้งที่สัมผัสกับน้ำ และมักจะกระพริบระยิบระยับบนชายหาด เป็นระยะเวลาประมาณ 20 – 30 นาที ทางช่างภาพจาก  Tdub Photo จึงได้ถ่ายรูปความสวยงามของกุ้งเหล่านี้เอาไว้ ทำให้เราได้เห็นความสวยงามของกุ้งในแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน                         โอ้โห นี่ถ้ามีโอกาส ก็น่าลองไปเที่ยวชมให้เห็นกับตาสักครั้งนะ ที่มา metro

มีช่วงเวลาหนึ่งที่มีกระแสลูกเทพแพร่หลายในประเทศไทยของเรา ที่ไม่ว่าจะไปไหน มาไหน ก็มักจะเห็นคนพาตุ๊กตาออกมาทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ประหนึ่งเปรียบได้เหมือนกับเด็กที่มีชีวิตจริงๆ และเหตุการณ์ที่ว่านั้นก็เกิดขึ้นในต่างประเทศด้วย!! เรื่องที่ว่านี่เกิดขึ้นกับ Sara Novic ในระหว่างที่เธอกำลังจะเดินทางไปยังเมือง Cincinnati รัฐโอไฮโอ เธอก็ได้เจอกับเหตุการณ์ประหลาดบนเครื่อง จนทำให้ต้องออกมาโพสต์ในทวิตเตอร์ เพื่อบอกว่าเธอเจออะไรบ้าง ในเที่ยวบินเดียวกันนั้น มีชายลึกลับที่มาพร้อมกับตุ๊กตาเด็กอีกหนึ่งตัว กำลังจะเดินทางไปเยี่ยมชมเรือจำลองของโนอาห์และชมการสร้างพิพิธภัณฑ์ โดยได้จองที่นั่งไว้สองที่คือของเขาเอง และของตุ๊กตาที่เขานำมาด้วย     เขาได้จองตั๋วภายอีกใบใต้ชื่อ Barbara พนักงานเองก็ไม่มีใครเอะใจ เพราะเขาทำกระบวนการทุกอย่างของตุ๊กตาให้เหมือนคนเลย ใช้หนังสือเดินทางปลอมเพื่อจองที่นั่ง จนมารู้ทีหลังว่ามีผู้โดยสารหนึ่งคนหายไป ที่ชื่อ Barbara นั่นแหละ เมื่อ Novic ขึ้นเครื่อง เธอก็พบกับบางอย่างที่แปลกๆ เพราะตรงกลางระหว่างเธอกับชายคนนั้น ไม่มีใครนั่งเลย มีเพียงตุ๊กตาที่น่ากลัวอยู่ตัวหนึ่ง ทำให้เธอเกิดอาการวิตกกังวลจนนั่งไม่ติดที่กันเลยทีเดียว     เธอจึงถ่ายรูปตุ๊กตาตัวนั้นไว้เพื่อแชร์ลงในทวิตเตอร์ และเมื่อผ่านไปได้สองชั่วโมงในระหว่างรอต่อเครื่อง เธอก็ได้ขึ้นเครื่องอีกลำ และหวังว่าจะไม่ต้องได้นั่งใกล้ตุ๊กตานั้นอีก แต่เมื่อขึ้นเครื่องอีกลำ เธอก็ได้เจอกับเจ้าตุ๊กตานี้อีกครั้ง จนต้องเอาไปโพสต์ในทวิตเตอร์อีกว่า “ฉันได้นั่นข้างตุ๊กตาตัวเดิมอีกแล้ว”   ครั้งแรกที่เจอตุ๊กตา เธอขอเปลี่ยนเที่ยวบินทันที   เปลี่ยนเครื่องแล้ว นึกว่าจะไม่ต้องเจอกันอีก แต่…  …

สำหรับข่าวคราวที่โด่งดังที่สุดในช่วงนี้ก็คงไม่พ้นเรื่องราวการหย่าร้างของ Brad Pitt และ Angelina Jolie อีกแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของเหล่าดาราดังในวงการฮอลลีวู้ดไปซะแล้วล่ะ แต่เราจะนำเรื่องนี้มาตัดสินทุกคนในวงการไม่ได้หรอกนะ เพราะเราจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ 18 คู่แต่งงานฮอลลีวู้ด ที่จะมาแสดงให้เห้นว่า สามารถมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนได้เช่นกัน จะมีคู่ไหนบ้างเราลองมาดูกันเลย   Hugh Jackman และ Deborra-Lee Furness แต่งงานกันตั้งแต่ปี 1996   Will Smith และ Jada Pinkett Smith กับชีวิตคู่ที่แต่งงานกันมาอย่างยาวนานกว่า 19 ปี และสร้างครอบครัวกับลูกๆ 2 คนของพวกเขา   Meryl Streep และ Don Gummer แต่งงานอยู่กินกันมาตั้งแต่ปี 1978 และเลี้ยงลูกๆ ทั้งหมด 4 คนด้วยกัน   Kelly Ripa และ Mark Consuelos แต่งงานกันในปี 1996 มีลูกด้วยกันทั้งหมด 3…

ความใสซื่อของเด็กนั้น มักจะสร้างความประหลาดใจให้พ่อแม่เสมอ โดยเฉพาะ การไปโรงเรียนในแต่วัน พอกลับมาถึงบ้าน พ่อแม่หลายคน คงต้องตรวจดูกระเป๋าลูกเสมอว่า วันนี้ทำอะไรหายไปบ้าง หรือเอาอะไรกลับมาบ้าง เช่นเดียวกับเด็กชายคนหนึ่ง ที่พกของแปลกๆ ไปโรงเรียนด้วย แต่ของที่ว่านี้ มันไม่ใช่อย่างที่เราหลายคนเคยเห็นแน่ เรื่องเริ่มต้น เมื่อ Brylan Hobson วัย 8 ขวบ กำลังเดินทางไปโรงเรียน ระหว่างทางเขาก็ได้เจอกับกระรอกตัวหนึ่ง ซึ่งตายแล้ว เขาจึงหยิบมันมาใส่ในกระเป๋าแล้วเอาไปโรงเรียนด้วย     เมื่อทางโรงเรียนรู้ จึงโทรเรียกแม่ของ Brylan มา ครั้งแรกผู้เป็นแม่ตกใจมาก คิดว่าลูกตัวเองไปก่อเรื่องอะไรมาหรือเปล่านะ แต่พอมาถึงโรงเรียนและพบว่า ลูกชายนำกระรอกที่ตายแล้วใส่ในกระเป๋า มันกลับทำให้เธอหัวเราะกับความไร้เดียงสาของลูกซะงั้น       คุณครูถาม Brylan ว่า “ทำไมเอากระรอกที่ตายแล้ว ใส่กระเป๋ามาล่ะ?”  เด็กชายจึงตอบตามประสาเด็กว่า “ผมอยากกินเกี๊ยวกระรอกสำหรับมื้อเย็นนี้ครับ” ที่ฮาไปกว่านั้นคือ เมื่อคุณครูถามคุณแม่ว่า จะเอากระรอกนี้กลับบ้านจริงๆ หรอ? แต่ผู้เป็นแม่ก็บอกว่า “เราไม่เคยกินกระรอกหรอค่ะ และเราก็จะไม่กินด้วย” และเมื่อกลับจากโรงเรียน Brylan ก็ขอโทษแม่ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ด้วย  …

ว่ากันว่า ‘ห่าน’ นั้นเป็นสัตว์ที่มีความดุร้าย ที่ไม่ว่าใครต่างก็พากันหวาดกลัว แบบว่าเดินผ่านไปตรงไหนแล้วเจอพี่ห่านนี่ต้องหลบทางให้เค้าผ่านไปก่อนเลยล่ะ ฮร่า และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวอีกด้านของเจ้าห่านกัน ด้วยเรื่องราวน่ารักมุ้งมิ้งมิตรภาพต่างสายพันธุ์ระหว่างคุณ Mike Javanjee และเจ้าห่าน Kyle ที่อยู่ด้วยกันไม่ยอมแยกจากกันไปไหน     มันเริ่มจากเช้าที่สดใสวันหนึ่งคุณ Mike ได้ออกไปนั่งเรือเล่นกับเพื่อนๆ ที่ทะเลสาบ Oswego ใน New York แต่ระหว่างทางเขาก็ไปพบเข้ากับลูกห่านน้อยกำลังตกน้ำป๋อมแป๋มอยู่   หลังจากที่จะช่วยเหลือมันขึ้นมา คุณ Mike ก็ตัดสินใจที่จะพามันกลับไปที่บ้านเพื่อทำการรักษา โดยตั้งใจไว้ว่าจะคอยดูแลจนกว่ามันเติบโตและแข็งแรงพอแล้วถึงจะปล่อยให้มันไปอยู่ตามธรรมชาติ   แต่พอถึงเวลานั้นแล้วเจ้าห่านกลับเลือกที่จะไม่ไปไหน ติดเขาซะแจเลย คุณ Mike ก็เลยตั้งชื่อมันว่า Kyle   และพวกเขาก็อาศัยอยู่ด้วยกันนับตั้งแต่นั้นมา เจ้า Kyle มักจะตามคุณ Mike ไปทุกที่คอยอยู่เคียงข้างกายเสมอ ไม่ว่าจะเดินไปในเมือง หรือออกไปล่องเรือเล่นในทะเลสาบก็ตาม ลองไปชมคลิปความสัมพันธ์อันแสนน่ารักระหว่างเจ้า Kyle และคุณ Mike ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…  …

เชื่อว่ามีคนไทยอยู่เป็นจำนวนมาก (ถึงเยอะมากๆ) ที่เป็นแฟนการ์ตูนโจรสลัดชื่อดังอย่าง ‘One Piece’ ครั้งแรกที่ได้ดูตอนนั้น #เหมียวบ็อบ ก็เพิ่งจะอยู่วัยประถมต้นๆเอง แต่เนื้อเรื่องกลับน่าติดตาม ถึงแม้ว่าปัจจุบันดูไม่มีทีท่าว่าจะจบ เพราะทุกคนต่างเฝ้ารอการเฉลยว่า สมบัติ ‘One Piece’ ที่ โกลด์โรเจอร์เคยกล่าวไว้นั้น จะอยู่ที่ไหน และเป็นอย่างไร และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เราคอยเอาใจช่วยกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง นับตั้งแต่เริ่มเรื่องมา และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่จะทำให้เรารู้สึกอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นสุดๆ เพราะสวนสนุกแห่งนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว สถานที่จำลองโลกแห่งโจรสลัด เราตามไปดูกันเลยว่ามันจะน่าเที่ยวขนาดไหน…   สวนสนุกแห่งนี้ ถือว่าเป็นสวนสนุกแห่งโลกโจรสลัดวันพีซ มีพื้นที่กว้างที่สุดในโตเกียว เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี ของการ์ตูนเรื่องนี้   เหล่าสต๊าฟพร้อมที่จะต้อนรับลูกเรือทุกคน สู่การผจญภัยครั้งนี้   มีกลุ่มเรือโจรสลัดลูฟี่รอต้อนรับทุกคนอยู่   กำแพงรวบรวมช็อตสุดเท่ของแต่ละคน เห็นแบบนี้ไม่ธรรมดานะ เมื่อเราเข้าไปใกล้ หรือสัมผัส ก็จะได้เห็นปฏิกริยาตอบกลับจากเหล่าตัวละครทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาของนามิ มือของนิโคล โรบิน สีท้องฟ้าเปลี่ยนไปในฉากของอุซป เป็นต้น   และสำหรับใครที่อยากจะเป็น ‘โซเงคิง’ แบบอุซปละก็..มีด่านให้ทดลองด้วยเช่นกัน   คุณจะได้ต่อกรกับเหล่าทหารเรือจากรัฐบาล และผู้ชนะจะได้รับหน้ากากโซเงคิงสุดเท่กันไปเลย…

ดูเหมือนว่ายิ่งเรากำลังเข้าสู่ยุคสมัยใหม่มากเท่าไหร่ อะไรๆก็ดูผ่านไปไวมากขึ้นเท่านั้น ถ้าเราลองนึกย้อนไปเพียงแค่ 10 ปีก่อน มาเทียบกับปัจจุบัน จะพบว่าสังคมและวิถีชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมากๆ และภาพถ่ายทั้ง 25 รูปนี้ ซึ่งเป็นที่หาชมได้ยากทางประวัติศาสตร์ จะทำให้เพื่อนๆได้อินกับความรู้สึกที่ผูกติดอยู่กับเวลามากยิ่งขึ้นไปอีก หลายๆภาพยิ่งทำให้เราไม่อยากจะเชื่อเข้าไปอีก ว่ามันเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆเหรอเนี่ย!!   1. ภาพการท่องเที่ยวในอดีต ที่ครั้งหนึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยว กำลังอาบแดดอยู่บนยอดปิรามิด เมืองกิซ่า   2. Walter Elias Disney และรอยยิ้มของเขา ในวันเปิดตัว Disneyland ครั้งแรก เมื่อปี 1955   3. หลายคนคงยังไม่เคยเห็น ห้องทานอาหารค่ำสุดหรูบนเรือ Titanic   4. ภาพของโครงเหล็ก และการก่อสร้างหอไอเฟลในช่วงแรก เมื่อปี 1888 ก่อนจะมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในปัจจุบัน   5. ร่างเงาของผู้เสียชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัว จากเหตุการณ์ระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิม่า   6. ป้าย Hollywood เมื่อถูกมองมาจากในตัวเมือง ลอส แองเจลิส เมื่อปี…

พูดถึงทากแล้ว อยากรู้จังเลยว่า เพื่อนๆ เคยเห็นทากแบบไหนกันบ้าง? เพราะทากที่นำมาฝากกันในวันนี้ รับรองว่า เพื่อนๆ ต้องไม่เคยเห็นแน่ๆ ที่สำคัญ เราแทบจะไม่เชื่อว่านี่คือ ทาก จริงๆ Black Sea Hare (ทากทะเลสีดำ) เป็นสายพันธุ์ทากที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 13 กิโลกรัม และมีความยาว 36 นิ้ว สามารถพบได้นอกชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย     วิดีโอทากขนาดใหญ่นี้ ถูกเผยแพร่ในยูทูป  Brave Wilderness  เป็นเหตุการณ์ขณะที่ Coyote Peterson กับ Aron Sanchez ได้ออกค้นหาทากทะเลสีดำ ที่เชื่อกันว่าเป็นทากทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทากทะเลตัวนี้ได้ขึ้นมาบนชายฝั่งแปซิฟิกในรัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อวางไข่ Peterson บอกว่า มันตัวลื่นกว่าที่เราเห็นซะอีก แม้ว่าการจับตัวมันนั้นจะมีความปลอดภัย (เพราะมันไม่กัดและไม่มีพิษ) แต่หลายคนก็คงไม่อยากจับซะเท่าไรหรอก เพราะแค่เห็นก็รู้สึกยี้แล้ว!!     ซูมกันให้เห็นชัดๆ ไปเลยว่า นี่คือทากทะเลตัวเป็นๆ ที่หลายคนคิดไม่ถึงว่าจะมี   เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่ง ที่ทำให้เรารู้ว่า โลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่ทำให้เราทึ่งได้เสมอ   ที่มา designyoutrust…

มันใช่แค่มนุษย์เท่านั้น ที่เปลี่ยนชีวิตสัตว์ทั้งหลาย เพราะหลายๆ ครั้ง เราเห็นว่า สัตว์เองก็ได้ทำให้ชีวิตมนุษย์ดีขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องจิตใจ คนที่มีสัตว์เลี้ยงจะรู้ว่า พวกมันเป็นหลายสิ่งหลายอย่างสำหรับเรา เช่น คอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นเวลาเราเหงา นั่งอยู่ข้างๆ เวลาเราเหนื่อย เรียกได้ว่าเป็นกำลังใจที่ดีเลยละ แต่ Shannon Kopp รู้ดีกว่าใครๆ เพราะสุนัขได้เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล และหากเธอไม่ได้สุนัขจากศูนย์พักพิงช่วยไว้ เธออาจจะไม่มีวันนี้แล้วก็ได้     เป็นปีแล้วที่ Kopp ต้องเผชิญปัญหาการกินอาหารที่ทำให้เธอรู้สึกแย่ลงเรื่อยๆ และตลอดแปดปีที่ผ่านมา เธอต้องต่อสู้กับโรคบูลิเมีย ที่เกิดจากการที่เธอพยายามจะลดน้ำหนัก เพื่อไม่ให้สูญเสีย ความหวัง และความฝันไป แต่แล้วเธอกลับสูญเสียทุกอย่าง และเพื่อทำให้ทุกอย่างกลับมา เธอจึงไปพบกับนักบำบัด เธอได้ยามากิน เธอคุยกับคนแปลกหน้าทั่วประเทศ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น นั่งในห้องน้ำและเอาทุกอย่างในท้องออกมา แต่ก็ไม่ดีขึ้น จนกระทั่งเมื่อเธอได้เดินเข้าไปยัง San Diego Humane Society เธอบำบัดด้วยงานที่ไม่เคยทำ ไม่กินยา แต่เธอกลับดีขึ้นเพราะสุนัขในศูนย์พักพิงแห่งนี้   พ่อเธอก็คอยอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด   เธอบอกว่า “มันเป็นห้องแคบๆ ที่สกปรกมากๆ เหมือนเป็นห้องที่ไม่เคยมีการทำความสะอาดมาก่อน” และนั่นทำให้เธอได้เห็นว่า แม้พวกมันจะลำบาก แต่พวกมันก็ยังมาเล่น มาคลอเคลียเธอเสมอ ดังนั้นแทนที่เธอจะหาอะไรกิน เธอกลับใช้เวลากับเหล่าสุนัขพวกนั้นมาก…

ความรักของแม่นั้นเค้าว่ากันว่ากว้างใหญ่มากยิ่งกว่ามหาสมุทรซะอีก แม่จะทำทุกๆ อย่างเพื่อปกป้องลูกเสมอแม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม หรือแม้ในยามเจ็บป่วยแม่จะรู้สึกเจ็บปวดเพราะด้วยความเป็นห่วงลูกอย่างสุดหัวใจ และเรื่องราวความรักของเจ้าแม่ลาตัวนี้ที่คอยเป็นห่วงเป็นใยลูกของมันที่บาดเจ็บใกล้ตาย คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง จะเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นเองว่าสัญชาตญาณความเป็นแม่ของสัตว์นั้นก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้เหล่ามนุษย์เช่นเดียวกัน   เจ้าหน้าที่จากศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่า Animal Aid ในอินเดีย ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเจ้าลาน้อยถูกทำร้ายโดยสัตว์ป่า ทำให้มีบาดแผลรุนแรงหลายแห่ง   พอเจ้าหน้าที่มาถึงก็พบว่าบาดแผลของมันนั้นถูกชาวบ้านใช้ผงขมิ้นทาให้ เพราะเชื่อว่าจะช่วยห้ามเลือดได้   พอเจ้าหน้าที่ทำการขนย้ายเจ้าลาน้อยไปที่ทำการศูนย์เพื่อจะนำไปดูแลรักษาต่อ แม่ของมันก็เดินวนรอบรถอย่างร้อนรน คงคิดว่าเจ้าหน้าที่จะพรากลูกไปจากมัน   เจ้าหน้าที่ก็เลยตัดสินใจพาแม่ของมันไปด้วยซะเลย…   เจ้าลาน้อยมีแผลฉกรรจ์จากการถูกกัดนับสิบแผลเลยทีเดียวล่ะ นับว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่มันสามารถรอดชีวิตมาได้   เจ้าหน้าที่ได้ทำการล้างแผลให้กับเจ้าลาน้อยอย่างสม่ำเสมอ จนในที่สุดอาการของมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ   และในระหว่างการดูแลรักษานั้นก็มีแม่ของมันคอยให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง   วันเวลาผ่านไป ในที่สุดเจ้าลาน้อยก็หายกลับมาเป็นปกติ และใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขร่วมกันกับแม่สุดที่รักของมันที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ Animal Aid ไปชมคลิปเหตุการณ์การช่วยเหลือเจ้าลาน้อยแบบเต็มที่ข้างล่างได้เลยจ้า…   ก็ขอแสดงความยินดีกับทั้งคู่ด้วยนะ ในที่สุดก็สามารถกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง ^^ ที่มา : viralnova, Animal Aid Unlimited, India

เคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมคนเราถึงมีนิสัยที่ต่างกัน ทั้งๆ ที่ถูกสอนในลักษณะที่คล้ายกัน บางคนขี้อาย บางคนไม่เห็นค่าตัวเอง บางคนก็ไม่กล้าตัดสินใจ รวมทั้งไม่มั่นใจในตัวเอง Ron Alston รัฐเวอร์จิเนียประเทศสหรัฐอเมริกา อยากให้ลูกสาวของเขา Aliya วัย 3 ขวบ เติบโตขึ้นมาด้วยความมั่นใจ เขาจึงมีกิจกรรมเล็กๆ กับเธอในทุกๆ เช้า     และกิจกรรมที่ว่านั้นก็คือคือ การให้ลูกสาวมายืนอยู่หน้ากระจกและพูดตามคุณพ่อด้วยประโยคดังต่อไปนี้ “ฉันแข็งแรง ฉันเก่ง ฉันขยัน ฉันสวย ฉันเป็นคนน่านับถือ ฉันไม่ได้ด้อยกว่าใคร ไม่มีใครดีกว่าฉัน ฉันเป็นคนที่น่าทึ่ง ฉันดี” กิจกรรมนี้ เป็นวิธีง่ายและได้ผลดีด้วย โดยเชื่อว่าจะเป็นการทำให้ลูกสาวของเขาเติบโตขึ้นอย่างมีความสุขและมีความมั่นใจ ที่สำคัญ ยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกให้มีความสุขในทุกๆ เช้าด้วย   (คลิป)     วิดีโอที่เขาสอนลูกทำกิจกรรมนี้ ได้โพสต์ลงใน Facebook และมีคนเข้าไปดูมากกว่า 15 ล้านคนแล้ว จนทำให้พ่อแม่ส่วนใหญ่ ได้นำเอาวิธีของ Ron ไปใช้ในการสอนลูกตัวเองเช่นกัน เพื่อให้ลูกๆ เติบโตขึ้นด้วยความภูมิใจตัวเอง Ron บอกว่า พ่อของเขา ก็สอนเขาแบบนี้เช่นกันเมื่อเขายังเป็นเด็ก และมันช่วยทำให้เขารับมือกับความท้าทายในชีวิตได้เป็นอย่างดีเลย…

ภารกิจการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกนั้นดูจะเป็นอะไรที่แฟนตาซีและไกลเกินตัวมากทีเดียว แต่พวกคุณรู้หรือไม่ว่าตอนนี้เขากำลังค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกกันจริงๆ นะ และคนที่จะได้พบสิ่งมีชีวิตที่ว่านี้ก็น่าจะเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดและร่ำรวยด้วย     เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่าผู้บริหาร Facebook อย่าง Mark Zuckerberg, นักธุรกิจชาวรัสเซีย Yuri Milner และนักฟิสิกส์ชื่อก้องโลก Stephen Hawking ได้ร่วมกันลงทุนทำโปรเจ็คออกตามหาเอเลี่ยนนอกโลกด้วยกัน     โปรเจ็คที่ว่านี้มีชื่อว่า ‘Breakthrough Listen’ จะเป็นการดักจับสัญญาณชีพจากดาวที่ชื่อว่า Proxima b หนึ่งในดวงดาวที่อยู่ในระบบ Centauri ดาวที่ว่ากันว่ามีความใกล้เคียงกับโลกมากที่สุด และมีระยะทางห่างจากโลกเพียง 4 ปีแสงเท่านั้น     ตามรานงานบอกว่าโครงการนี้ใช้เงินทุนสูงถึง 3,400 ล้านบาท นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่าดาวดวงนี้มีลักษณะภายนอกที่ใกล้เคียงกับโลกอยู่หลายประการและคาดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นั่นด้วย เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2016 ที่ผ่านมา นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบหลักฐานที่ชัดเจนว่าดวงดาว Proxima Centauri อาจทำหน้าที่เป็นดวงอาทิตย์ให้กับดาวดวงอื่นที่คล้ายกับโลกเช่น Proxima b     ตอนนี้ Zuckerberg, Milner และ Hawking ได้ส่งยานอวกาศลำเล็กๆ…

นี่คือเรื่องราวของ Scarlett แมวเหมียววัย 15 ปีที่เคยมีชีวิตน่าสงสารมากที่สุดตัวหนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้มันคือหนึ่งในแมวจรจัดไร้ที่อยู่อาศัย อีกทั้งสภาพขนของมันก็ยังรกรุงรังเต็มไปหมด เรียกได้ว่าลบภาพความเป็นแมวที่ร่าเริงเหมือนแมวทั่วๆ ไปได้อย่างสิ้นเชิง     ย้อนกลับไปในตอนที่เจ้า Scarlett ยังคงอยู่ในสถานะแมวจร มันถูกพบโดยหญิงคนหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้นเธอได้เห็นสิ่งแปลกประหลาดบางอย่างที่แทบจะไม่เคลื่อนไหวบนถนนเลย และหลังจากที่เธอได้ลงมาจากรถ เธอก็รู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นแท้จริงแล้วเป็นเจ้าเหมียวนั่นเอง     เธอได้นำเจ้าเหมียวไปส่งที่มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ Southampton Animal Shelter Foundation (SASF) โดยทางทีมแพทย์ได้ตรวจพบว่าเจ้าเหมียวตัวนี้กำลังหิวโซ ตัวของมันเต็มไปด้วยเห็บ หมัด และไรในหู อีกทั้งยังขาดน้ำเป็นอย่างมาก “มันเป็นแมวที่มีขนรกรุงรังที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา เจ้าเหมียวไม่สามารถที่จะเดิน หรือเคลื่อนย้ายตัวของมันได้เลย” Linda Goldsmith เจ้าหน้าที่ใน SASF กล่าว     หลังจากที่ทางทีมแพทย์ได้ใช้เวลาโกนขน และทำความสะอาดร่างกายให้เจ้าเหมียวอยู่นานหลายชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของมัน ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ขนที่รกรุงรังอยู่ก่อนหน้านี้   เจ้าเหมียวกลายเป็นแมวที่แสนน่ารัก แถมพวกเขายังได้เห็นความสุขในดวงตาของมันอีกด้วย   จากแมวจรจัดที่ผ่านความลำบากมา ตอนนี้เจ้าเหมียวมีชีวิตใหม่ที่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังอยู่ภายใต้ความดูแลของมูลนิธิ SASF ซึ่งมันก็หวังว่าสักวันหนึ่งคงจะมีมนุษย์ใจดีมารับมันไปดูแลเหมือนแมวจรจัดตัวอื่นๆ บ้าง…

เชื่อว่าหลายๆคนคงเบื่อเต็มทนแล้วกับการต้องใช้ชีวิต ท่ามกลางเมืองใหญ่อันแสนวุ่นวาย เช่นเดียวกันกับหนุ่ม Thomas Thwaites ผู้ลาออกจากการเป็นคน หันไปใช้ชีวิตแบบแพะแทน ซึ่งเราเคยนำเสนอกันไปแล้ว แต่ใครจะไปเชื่อล่ะว่า การทดลองอะไรแปลกๆ ที่มาจากความเบื่อหน่ายของเขา มาวันนี้จะได้รับเหรียญรางวัลอันทรงคุณค่า ‘Ig Nobel’ (ย่อมาจาก Ignoble Nobel) แต่ต้องบอกก่อนว่า มันไม่ใช่อันเดียวกันกับรางวัลโนเบล ที่เรารู้จักกันดี เพราะ ‘อิกโนเบล’ คือเหรียญรางวัลที่มอบให้แก่ผู้สรรค์สร้างผลงานทางวิทยาศาสตร์ หรืองานวิจัยที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพื่อเป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า นอกจากงานวิจัยที่มีความเป็นไปได้และเคร่งเครียดแล้ว ในโลกของวิทยาศาสตร์ ก็มีอะไรที่ดูบ้าๆ บอๆ เหมือนกัน!!     กว่าจะได้รางวัลนี้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะการที่เขาหันไปใช้ชีวิตแบบแพะๆ ไม่ใช่แค่อาศัยใกล้ๆ แพะเท่านั้น แต่หมายถึงลักษณะท่าทาง การกินอยู่ทุกอย่าง ต้องเป็นไปในแบบวิถีแพะอีกด้วย หลังจากที่เขาได้อยู่ร่วมอาศัย และศึกษาวิถีชีวิตแล้ว เขาก็ได้ออกหนังสืองานวิจัยของเขาที่ชื่อว่า ‘GoatMan: How I Took A Holiday From Being Human’ และด้วยความแปลกที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเคยทำนี้แหละ ที่ทำให้เค้ากลายเป็นเจ้าของรางวัลในครั้งนี้  …

การเดินทางที่รวดเร็ว และประหยัดเวลาที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นการเดินทางด้วยสายการบินต่างๆ แต่ทว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องเดินทางคนเดียว แน่นอนว่าผู้โดยสารร่วมทางที่นั่งข้างๆ จะเป็นใครนั้น เราก็ไม่อาจทราบได้ ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้บางครั้งเราอาจรู้สึกเกร็งนิดหน่อยที่ต้องนั่งใกล้คนแปลกหน้า หรืออาจกลายเป็นเรื่องดีๆ หากได้พูดคุย และผูกมิตรกับผู้ร่วมทาง แต่มันไม่ใช่แบบนั้นสำหรับหนุ่มทนายคนนี้ เพราะเขาได้ยื่นฟ้องต่อสายการบิน Emirates Airline เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินมากถึง €2,759.51 (106,790 บาท) เลยทีเดียว!!!     Giorgio Destro นักทนายความจากอิตาลี ได้กล่าวว่า การเดินทางครั้งนี้ของเขาถูกทำลายบรรยากาศ ระหว่างการเดินทางจาก Cape Town สู่เมือง Dubai เพราะเขาได้นั่งข้างผู้โดยสารที่มีขนาดตัวที่อ้วนมากเกินไป “ตลอดทั้งการเดินทางนานกว่า 9 ชั่วโมง ผมต้องยืนอยู่ตรงทางเดิน และนั่งพักตรงที่นั่งของลูกเรือเมื่อมันว่าง และช่วงท้ายๆของการเดินทาง ผมก็ยิ่งรู้สึกเซ็งเข้าไปอีก เพราะคนที่นั่งข้างผมเขาตัวอ้วนมากเกินไป มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดสุดๆ” หนุ่มเจ้าเรื่องกล่าว โดยค่าเสียหายทั้งหมดที่เขาเรียกร้องเป็นจำนวน €2,759.51 แบ่งออกมาได้ดังนี้ €759.51 สำหรับค่าตั๋วโดยสารที่เสียไป และอีก €2,000 สำหรับความเสียอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับเขาครั้งนี้   งานนี้เจ้าตัวยังแอบถ่ายเซลฟี่กับคนข้างๆ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานอีกด้วย   เราก็ไม่รู้ว่างานนี้จะจบลงอย่างไร เขามีสิทธิที่จะได้รับค่าชดเชยคืนหรือไม่?…

การเอาชีวิตรอดจากการหลงป่านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเราก็รู้ดีว่า ในป่านั้น เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย ใครที่รอดมาได้ นับว่าโชคดีสุดๆ แต่ก็ต้องมีวิธีการเอาตัวรอดที่มากพอสมควร แต่เด็กแค่ 3 ขวบ เขาจะไปรู้เรื่องการเอาตัวรอดได้อย่างไร? Tserin Dopchut เด็กชายวัย 3 ขวบหายเข้าในป่าไซบีเรีย เป็นเวลา 3 วัน แต่เขารอดออกมาได้ ทั้งๆ ที่ในกระเป๋าของเขามีเพียงช็อกโกแลตแผ่นบางๆ เท่านั้น เว็บไซต์ The Siberian Times รายงานว่า เด็กชาย Tserin Dopchut มาจากหมู่บ้าน Khut ในสาธารณรัฐตูวา หลงเข้าไปในป่า ในระหว่างที่คุณยายไม่ทันสังเกต ซึ่งคาดว่า เขาอาจจะเดินเล่นและตามหมาน้อยเข้าไปในป่า แต่เมื่อจะกลับก็หาทางกลับไม่เจอ จึงทำให้เขาหลงทาง     เขาใช้ชีวิตอยู่ในป่านานถึง 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน แน่นอนว่าในป่านั้นเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่า อุณหภูมิที่เย็นจัด หรือแม้กระทั่งการตกลงไปในแม่น้ำ ทางเจ้าหน้าที่เองก็พยายามออกตามหาเขาทั้งกลางวันและกลางคืน รวมทั้งส่งเฮลิคอปเตอร์ออกค้นหาด้วย โดยครอบคลุมพื้นที่กว่า 120 ตารางกิโลเมตร หัวหน้าหน่วยฉุกเฉินส่วนภูมิภาค Ayas Saryglar…

เพื่อนบ้านดี เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หลายๆ คนเลือกซื้อบ้าน หรือเช่าบ้านสักหลังหนึ่ง เพราะในยามที่เรามีปัญหา ก็มีเพื่อนบ้านเหล่านี้ที่คอยอยู่เคียงข้าง และปกป้องเราเสมอ Nimo Abdullahi วัย 39 ปี อาศัยอยู่ในเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ กำลังถูกเจ้าของบ้านไล่ออกจากบ้านที่เธอเช่าอยู่มานานกว่า 12 ปี พร้อมลูกๆ อีก 5 คน หลังจากที่เธอพยายามร้องเรียนเจ้าของบ้านเช่าให้ปรับปรุงเรื่องน้ำที่ซึมเข้าบ้านเช่าและพรมที่สกปรกเกินไป แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เธอได้เห็นน้ำใจจากเพื่อนบ้านประมาณ 30 คน ที่ได้รวมตัวกัน เพื่อช่วยเธอไม่ให้ถูกไล่ออก ด้วยการคล้องแขนกันเป็นเป็นวงกลมล้อมบ้านเธอไว้ และเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง พวกเขาก็ไม่สามารถผ่านวงล้อมที่แข็งแกร่งของเพื่อนบ้านนี้ได้     Nimo เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าของบ้านพยายามไล่เธอออกหลายครั้งแล้ว และข่มขู่ด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจัดการด้วย “บ้านหลังนี้ มักจะมีน้ำซึมเข้ามาบ่อยๆ ซึ่งมันจะส่งผลร้ายต่อลูกๆ ฉันมีลูกที่เป็นหอบหืด ถ้าเขาต้องอยู่ในบ้านสภาพแบบนี้ มันต้องไม่ดีแน่ๆ” “จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ พรมในบ้านของเราสกปรกไปหมด ฉันจึงแจ้งให้กับเจ้าของบ้าน เพื่อปรับปรุงเรื่องนี้ แต่เขากลับมองว่า เป็นเรื่องที่ยาก และไม่พอใจที่ฉันบอกแบบนั้น” “ฉันบอกเขาหลายครั้งมาก และเขาก็ข่มขู่ฉันหลายครั้งเช่นกัน”    …

สิ่งที่เด็กๆ ทุกคนควรได้รับ นั่นก็คือการได้ออกไปเล่นกับเพื่อนๆ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้สัมผัสกับสิ่งที่สามารถช่วยสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้กับพวกเขา เช่นเดียวกันกับ Leland Shoemake หนุ่มน้อยวัย 6 ขวบ ที่ดูเป็นปกติเหมือนคนอื่นๆ เขาชอบที่จะเล่นซุกซนในสนามเด็กเล่นกับเพื่อน ถึงแม้ว่าจะกลับบ้านมาด้วยเนื้อตัวมอมแมมแทบจะทุกวันก็ตาม แต่สิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ก็ดันเกิดขึ้น เพราะหนูน้อย Leland ดันติดเชื้ออะมีบา Balamuthia mandrillaris ซึ่งทำให้สมอง และไขสันหลังของเขาติดเชื้อ และในที่สุดเขาก็จากไปอย่างสงบ..   เมื่อปีที่แล้ว จู่ๆหนูน้อย Leland ก็บอกกับพ่อแม่ของเขาว่า รู้สึกปวดหัวสุดๆ และหลังจากพาไปหาหมอมาแล้วหลายครั้ง สุดท้ายก็พบว่า หนูน้อยติดเชื้ออะมีบา Balamuthia mandrillaris ซึ่งจากรายงานตั้งแต่ปี 1993 มีผู้ติดเชื้อชนิดนี้เพียง 70 คนเท่านั้น   จากการติดเชื้อทำให้ร่างกายของหนูน้อยทรุดลงเรื่อยๆ เขาต่อสู้กับอาการนี้อย่างสุดความสามารถ ก่อนที่เขาจะจากไปในวันที่ 25 กันยายน 2015   “เรายังรับความจริงไม่ได้ กับการที่เขาต้องจากเราไป เราคิดถึงเขามาก วันนี้ฉันต้องไปเอาป้ายหลุมศพของเขา มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก ฉันยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้ และก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไปหากไม่มีเขา” คุณแม่กล่าว  …

หลายๆคนอาจจะเคยเห็นข่าวประเภท ย้ายเข้าบ้านหลังใหม่แล้วดันไปเจอห้องขุมทรัพย์ หรือเจอสมบัติอันล้ำค่าที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างยาวนาน และคราวนี้ก็เช่นกัน เมื่อกลุ่มนักศึกษาชาวนอร์เวย์ รวมตัวกันเช่าบ้านหลังหนึ่ง แต่เจ้าของบ้านกลับทิ้งปริศนาไว้ว่า บ้านหลังนี้มีห้องลับที่ถูกซ่อนอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่ามันอยู่ตรงไหน พวกเขาก็ไม่รอช้า เริ่มออกสำรวจตามหาห้องที่ว่าไปพร้อมๆ กับพวกเขากันเลย   หลังจากที่พวกเขาได้รู้จากเจ้าของที่ว่ามีห้องลับอยู่ พวกเขาก็ช่วยกันตามหาห้องที่ว่า เป็นเวลาหลายชั่วโมง…   หลังจากหาทั่วบ้านแล้วไม่เจอ พวกเค้าก็เจอกับทางขึ้นไปบนเพดานบ้าน งานนี้ต้องลองขึ้นไปสำรวจดูซักหน่อยดีกว่า   พอขึ้นมาก็พบว่า มันก็คือห้องใต้หลังคาธรรมดาๆเนี่ยแหละ ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะมีอะไรไปมากกว่านี้ได้อีก   พาเดินสำรวจดูรอบๆก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ พวกเขาก็เลยช่วยกันแตะเบาๆไปที่ประตู เพื่อฟังเสียงกลวงที่อยู่ข้างหลังไม้ เผื่อว่าจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่   และพวกเขาก็พบว่า มีแผงไม้อยู่ช่องหนึ่งเมื่อเคาะแล้วเสียงมันดูกลวงๆ เหมือนมีอากาศอยู่ข้างใน พอลองเอาเท้าเหยียดๆ ดู จนในที่สุด พวกเขาพบห้องลับแล้ว!!   ห้องลึกลับหลังแผงไม้นี้ มีขนาดที่ค่อนข้างเล็กและแคบมากๆ   ที่หลังห้องยังมีกระดาษโน๊ต เขียนไว้ในภาษานอร์เวย์เพื่อเตือนคนที่บุกรุกเข้ามา “ถ้าหากว่าคุณมีท้องไส้ไม่ดี ห้ามเข้ามาเด็ดขาด” และยังมีนาฬิกาปลุกแบบโบราณ แขวนไว้อยู่ในห้องด้วย พวกนักศึกษาจึงคิดว่า มันน่าจะเป็นห้องสำหรับหลบภัยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2   แผนที่เก่าและขาดรุ่งริ่งแต่ยังถูกติดไว้อยู่บนกำแพง เป็นแผนที่ทางตอนใต้ของเกาะอังกฤษ และตอนเหนือของฝรั่งเศส ด้วยพื้นที่ขนาดนี้…

เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยภาพของประชาชนชาวจีน ณ ห้างห้างสรรพสินค้าในเมืองซีอาน มณฑลส่านซี ที่กำลังพากันแห่ซื้อ “อากาศบริสุทธิ์” มาสูดดม หลังจากที่มีรายงานว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศจีนต้องประสบกับปัญหามลภาวะทางอากาศมาโดยตลอด ซึ่งซีอานนั้นก็เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ประชาชนต้องทนทุกข์ทรมานจากปัญหาหมอกควัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว     ดังนั้น ทางห้างสรรพสินค้าดังกล่าว จึงได้ทำการนำอากาศบริสุทธิ์อัดถุงมาขาย เพื่อเป็นการสะท้อนปัญหามลภาวะที่กำลังวิกฤต แถมยังมีราคาถูกมากเพียงแค่ถุงละ 5 บาทเท่านั้น (1 หยวน) ซึ่งสามารถดึงดูดให้บรรดาลูกค้าพากันแห่มาซื้อได้เป็นอย่างดี แม้ว่าทางผู้ขายจะไม่ได้เปิดแหล่งที่มาของอากาศบริสุทธิ์อัดถุงอย่างชัดเจน แต่คาดว่ามันอาจจะมาจากสถานที่ที่มีอากาศดีกว่าซีอานแน่นอน แต่ถ้าหากว่าอยากได้อากาศบริสุทธิ์จากต่างประเทศอย่าง แคนาดา และ ออสเตรเลีย ก็มีจำหน่ายในราคาที่สูงกว่าด้วยนะ     อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยล่าสุดยังพบว่า การหายใจสูดเอาหมอกควันที่ทำให้เกิดปัญหามลพิษในอากาศเข้าไปเป็นเวลานาน จะทำให้อายุสั้นลงได้อย่างน้อย 25 เดือน อีกทั้งงานวิจัยอื่นๆ ในปี 2015 ยังพบว่า ประชากรกว่า 4 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนป่วยเป็นมะเร็งระบบทางเดินหายใจ ในขณะที่ประชากรกว่า 3 ล้านคน ก็เสียชีวิตด้วยโรคนี้เช่นกัน…

การสูญเสียคนที่รักไปนั้น นับว่าเป็นความเสียใจที่สุดในชีวิต และเราหลายคนก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นด้วย ไม่ใช่แค่มนุษย์เราเท่านั้น เหล่าสัตว์เอง ก็ต้องเจอกับความสูญเสียเหมือนเราเช่นกัน แต่ที่น่าสงสารไปกว่านั้นคือ ลูกโคอาล่าน้อยตัวนี้ ที่ได้สูญเสียแม่ตั้งแต่มันอายุเพียง 9 เดือนเท่านั้น และยังไม่รู้จักวิธีใช้ชีวิตในป่าด้วยซ้ำ Shayne โคอาล่าวัย 9 เดือน ได้สูญเสียแม่ไปขณะที่ทั้งคู่กำลังข้ามถนนในรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย แต่โคอาล่าน้อยรอดมาได้ เพราะ มันกระเด็นออกมาจากหลังของแม่ และลอยไปตกในพุ่มไม้     หลังจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น มันก็ถูกนำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลสัตว์  Australia Zoo Wildlife Hospital ที่นี่ไม่เพียงแต่รักษาบาดแผลทางกายเท่านั้น คุณหมอก็ช่วยเยียวยาสภาพจิตใจของมัน ด้วยการใช้ตุ๊กตาโคอาล่ามอบให้ เพื่อเป็นการปลอบใจมัน Dr. Rosie Booth ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์ บอกว่า “Shayne ต้องเผชิญกับการสูญเสียแม่ ใขณะเดียวกัน มันต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตอีกมากมาย เพื่อให้มันสามารถกลับไปใช้ชีวิตในป่าเหมือนโคอาล่าตัวอื่นๆ ได้ และโชคดีที่มันถูกพาตัวมาที่นี่ เพราะถ้ามันยังอยู่ในป่า มันคงไม่รอดตั้งแต่วันแรกแล้ว”     เมื่ออยู่ที่นี่ Shayne จะได้รับการดูแลอย่างดี รวมทั้งสอนการใช้ชีวิตในป่าให้มันด้วย และทำความคุ้นเคยกับโคอาล่าตัวอื่นๆ จนกระทั่งแข็งแรงพอที่จะออกไปใช้ชีวิตเองได้ ผลการตรวจสุขภาพล่าสุดของ Shayne พบว่า…

เมื่อกล่าวถึงความรักของคนเป็นแม่นั้น เราจะรู้กันดีว่ามันช่างเป็นความรักที่แสนยิ่งใหญ่มหาศาล แม่จะยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกของตัวเอง และแน่นอนว่าความเป็นแม่นั้นไม่ได้มีเฉพาะมนุษย์เท่านั้น เหล่าสัตว์โลกทั้งหลายเองก็เช่นกัน เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของเจ้าแม่เป็ดตัวนี้ ที่เดินไปร้องแคว้กๆ เพื่อขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ที่เดินผ่านไปมาให้มาช่วยลูกของมันที่เดินตกลงไปในท่อน้ำ     เรื่องมีอยู่ว่าชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังออกไปเดินเล่น แต่จู่ๆ เขาก็ต้องพบกับเจ้าแม่เป็ดตัวหนึ่งเดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวาย พร้อมกับร้องแคว้กๆ เสียงดัง     ด้วยความแปลกใจเขาก็เดินเข้าไปหามัน เจ้าแม่เป็ดก็เดินพาเขาไปยังท่อน้ำทิ้งที่มีฝาตะแกรงขนาดใหญ่ปิดอยู่ พอลองก้มลงไปดูข้างล่างก็พบว่ามีลูกๆ ของมัน 9 ตัวกำลังร้องอยู่ข้างล่าง     เขาก็เลยตัดสินใจโทรหาหน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ก็มาถึงที่เกิดเหตุอย่างเร็วไวพร้อมอุปกรณ์ครบครัน   พวกเขาช่วยกันงัดแงะตะแกรงเหล็กชิ้นหนาเตอะออกมา…   จนในที่สุดก็ช่วยเหลือเหล่าลูกเป็ดน้อยออกมาได้อย่างปลอดภัยครบหมดทุกตัว   พอช่วยขึ้นมาได้เจ้าลูกเป็ดทั้งหลายก็รีบวิ่งแจ้นไปหาแม่ของมันที่อยู่ใกล้ๆ ทันที   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   โชคดีจังเลยนะที่เจอคนดีเข้าน่ะ คราวหน้าคราวหลังก็เดินกันระวังๆ หน่อยนะเจ้าเป็ด ^^ ที่มา : viralnova

เมื่อไม่นานมานี้ เราคงเคยเห็นภาพจากสถานการณ์สงครามกลางเมืองในประเทศซีเรีย และภาพที่สะเทือนใจเราหลายๆ ก็คงจะเป็นภาพ เด็กชายวัย 5 ขวบ ที่นั่งรออยู่ในโรงพยาบาล ด้วยสภาพคลุกฝุ่น และมีเลือดไหลอาบแก้ม เด็กชาย Alex วัย 6 ขวบ จากนิวยอร์ก ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เห็นภาพอันน่าหดหู่นั้น แต่สิ่งที่เขาได้ตัดสินใจทำเพื่อเด็กชายชาวซีเรียนั้น ทำให้เราถึงกับซาบซึ้ง เพราะ เขาได้เขียนจดหมายถึง Obama เพื่อให้เด็กชาวซีเรียคนนั้นมาอยู่กับเขา และจดหมายฉบับนี้ก็ถูกเผยแพร่โดยทำเนียบขาว   Obama เองก็ได้เขียนไว้ใน Facebook ว่า “จดหมายฉบับนี้มาจาก เด็กชายที่ไม่เหยีดหยาม ไม่สงสัย และไม่กลัวอะไรเลย” ทำให้วิดีโอนี้ถูกแชร์มากกว่า 60,000 ครั้ง     ในจดหมายของ Alex มีใจความว่า… “ถึงประธานาธิบดี Obama ยังจำเด็กชาวซีเรีย ที่นั่งอยู่ในโรงพยาบาลได้ไหมครับ? ให้เขามาอยู่กับเราได้ไหมครับ…เราจะรอต้อนรับด้วยดอกไม้ และลูกโป่ง มาเป็นครอบครัวเดียวกัน มาเป็นน้องชายของผมนะ” Obama ได้อ่านจดหมายของ Alex ในการประชุมสุดยอดสหประชาชาติว่าด้วยวิกฤตผู้ลี้ภัยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากนั้นทางทำเนียบขาวก็ได้ส่งเจ้าหน้ามาบันทึกเสียงของ Alex ถึงบ้านของเขา     Obama ยังได้เขียนไว้ด้วยว่า ‘เราทุกคน ก็ควรจะเป็นเหมือน Alex นะ’ ‘ลองจินตนาการดู…

ปัจจุบันนี้ ได้มีเพศต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งสร้างความหลากหลายทางเพศมากขึ้น แต่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับความหลากหลายนี้ บางคนถึงกับต่อต้าน ถึงกับขั้นว่ามองเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจเลยก็มี ลอนดอนเป็นอีกหนึ่งแห่งที่มีความหลากหลายทางเพศ และพวกเขาก็เป็นสังคมที่เปิดกว้าง ยอมรับในความหลากหลายเหล่านี้ได้ และเมื่อล่าสุดที่ผ่านมา ลอนดอนได้ติดตั้งไฟจราจรเดินข้ามถนน LGBT เป็นภาพสัญลักษณ์ของคนเพศเดียวกัน จับมือกัน ซึ่งปกติแล้ว เรามักจะเห็นแต่รูปผู้หญิง หรือผู้ชายเท่านั้น ถ้าเป็นภาพคู่ก็เป็นภาพชายหญิง     ทางลอนดอนได้ออกแบบให้เป็นภาพเพศเดียวกัน เพื่อสนับสนุนความหลากหลายทางเพศในลอนดอน ทางโฆษก TFL บอกว่า ‘เราไม่ได้มีแผนที่จะติดตั้งสัญลักษณ์นี้แบบถาวร และเราก็ยังไม่แพลนที่จะเอามันลงเร็วๆ นี้เช่นกัน’ การออกแบบไฟสัญลักษณ์เพศเดียวกันนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจาก การผลิตในเวียนนาเมื่อปีที่ผ่านมานี้ ในขณะที่ลอนดอนเป็นเจ้าภาพการประกวดเพลงยูโรวิชัน (การประกวดเพลงชิงชนะเลิศแห่งยุโรป)     Sadiq Khan นายกเทศมนตรีของลอนดอน ได้กล่าวในงานติดตั้ง ไฟสัญลักษณ์เพศเดียวกัน ครั้งแรกในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า ‘หนึ่งในความยิ่งใหญ่ของลอนดอนก็คือ ความแตกต่างของเราทุกคน และชาวลอนดอนเองก็ควรจะภูมิในจุดๆ นี้ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ตาม’ ‘ผมภูมิใจใน LGBT ของเรา และรอคอยที่จะทำงานร่วมกับพวกเขา ที่ผ่านมาเพศที่สามมักจะถูกต่อต้าน และถูกประณามต่างๆ นานา ดังนั้น โครงการนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา และเฉลิมฉลองในความแตกต่างนี้’…

เหล่าสัตว์เลี้ยงทุกตัวที่อาศัยอยู่ในสถานสงเคราะห์สัตว์แห่งนี้แต่ละตัวต่างก็ถูกรับไปเลี้ยงจนหมดแล้ว เหลือแต่เพียงเจ้าเหมียวเพียง 1 ตัวเท่านั้นที่ยังคงอาศัยอยู่ในห้องโล่งๆ เพื่อรอให้คนมารับมันกลับไปที่บ้าน เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เจ้าเหมียว Mimi นั้นยังเป็นแมวเหมียวที่อาศัยอยู่ร่วมกับแมวตัวอื่นๆ ในสถานสงเคราะห์สัตว์ Brampton Animal Services ที่ตั้งอยู่ในจังหวัด Ontario ประเทศแคนาดา พวกเขาก็เลยจัดกิจกรรมเพื่อช่วยหาบ้านให้กับเหล่าสัตว์ที่อาศัยอยู่ที่นี่     เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางสถานสงเคราะห์สัตว์ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจที่จะได้พบหน้ากับเหล่าคนใจดีที่จะมาเป็นครอบครัวในอนาคตของเหล่าสัตว์ทั้งหลาย เจ้าหน้าที่ได้ทำการแขวนป้ายของสัตว์แต่ละตัวไว้บนกำแพงประกอบไปด้วย แมว 7 ตัว มิ้วน้อย 18 ตัว กระต่ายอีกไม่กี่ตัว และ มะหมาอีก 1 ตัว ป้ายแต่ละใบจะถูกดึงออกไปหลังจากที่มีคนรับมันไปเลี้ยงแล้ว     แต่ยังคงเหลือเจ้าเหมียวอีก 1 ตัว ที่ยังคงรอคอยให้ใครสักคนมารับมันไปเลี้ยงอยู่ เจ้าเหมียว Mimi ยังคงอยู่ในห้องโล่งๆ ที่สถานสงเคราะห์แบบงงๆ ว่าจู่ๆ เพื่อนของตัวเองหายไปไหนกันหมด “เจ้าเหมียว Mimi ยังคงต้องการบ้านที่แสนอบอุ่น เพื่อให้มันได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไปอยู่นะ” ทางสถานสงเคราะห์ Brampton Animal Services ได้ทำการโพสต์ลง แฟนเฟจของเฟซบุ๊ค     เจ้า Mimi…

Oi! Oi! Oi! Here We Come!!! หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องราวของกลุ่มเด็กพั๊งค์ ที่มักจะจับกลุ่มรวมตัวกัน แต่งตัวประหลาดๆ ทำหัวแหลมๆ ใส่บูทยาวๆ อยู่ตามสถานที่ต่างๆ ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่มันคืออิทธิพลจากวัฒนธรรมพั๊งค์บนเกาะอังกฤษ ที่เคยมีจุดกำเนิดมาอย่างยาวนานตั้งแต่ช่วงยุค 80s และนี่คือภาพหายากที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของพวกเขา กลุ่ม ‘พั๊งค์-สกินเฮด’ ซึ่งชีวิตของพวกเขาหน่ะ มีแค่ เบียร์ พี่น้อง และเสียงดนตรี เท่านั้นจริงๆ   วัยรุ่นกลุ่มพั๊งค์ ที่มักจะออกมารวมตัวกันในวันหยุดราชการ บนเกาะอังกฤษ   เอกลักษณ์คือการตัดสกินเฮด สวมเสื้อหนัง กางเกงยีนส์ลีวาย และรองเท้าบูธ   แรกเริ่มเดิมทีกลุ่มพั๊งค์สกินเฮดนั้น เป็นกลุ่มวัฒนธรรมย่อยที่แยกออกมาจาก ‘พั๊งค์’ อีกทีหนึ่ง และสำหรับวัฒนธรรมพั๊งค์นั้น มีจุดเริ่มมาจากคำแสลงที่ใช้สำหรับเรียกสิ่งของหรือบุคคลที่ไร้สาระ ทำตัวไม่มีประโยชน์ เราคงต้องย้อนกลับไปในช่วงยุค 60-70 ยุคสมัยที่ดนตรีของ ‘The Beatles’ กำลังครองความนิยมไปทั่วโลก ในขณะเดียวกันทางฝั่งอเมริกาก็ได้เริ่มมีแวดวงดนตรีอันเดอกราวนด์เกิดขึ้น โดยมีวงอย่าง ‘The Fugs’ ที่ริเริ่มการทำดนตรีให้แปลกแยกจากเดิม และนำเสนอเรื่องราวความจริงที่เกิดขึ้นในสังคม  …

ความน่ารักของเด็กน้อย สามารถเรียกรอยยิ้ม และความประทับใจให้กับผู้ใหญ่ทั้งหลายมานักต่อนัก เหมือนดังเช่น โนเอล เจ้าหนูวัย 2 ขวบคนนี้ บอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะนอกจากความน่ารักแล้ว เขายังเป็นเด็กที่ฉลาดมากๆ เลยล่ะ     โดยเมื่อไม่นานมานี้ Laura Hopkins ผู้เป็นแม่ได้ทำการโพสต์คลิปวีดีโอความสามารถสุดเจ๋งของลูกชายขณะที่เขากำลังตอบชื่อบรรดาไดโนเสาร์ ที่แม่นำมาให้ทายได้ทุกตัวแบบไม่มีพลาดเลยแม้แต่ตัวเดียว     และหลังจากที่คุณแม่ได้หยิบเจ้าไดโนเสาร์ตัวแรกขึ้นมา หนูน้อยก็สามารถตอบได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีตัวอื่นๆ อีกไม่ว่าจะเป็น ไทรเซอราทอปส์, สไปโนซอรัส,ทีเร็กซ์ ฯลฯ เขาก็สามารถตอบได้ถูกทุกตัว ซึ่งตัวที่ชอบมากที่สุดก็คือ ทีเร็กซ์ นั่นเอง     นอกจากจะเก่งสุดๆ แล้ว สิ่งที่ทำให้หลายคนรู้สึกประทับใจไม่แพ้กันก็คือ หนูน้อยมักจะกล่าวขอบคุณแม่ของเขาทุกครั้งหลังจากที่ตอบถูกและได้รับเจ้าไดโนเสาร์อีกด้วย   (ชมคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่)   เมื่อคุณแม่ได้โพสต์คลิปวีดีโอความน่ารักของเจ้าหนูโนเอลลงบนยูทูป ชาวเน็ตต่างก็พากันชื่นชม พร้อมความมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย เช่น “เจ้าหนูน่ารัก และฉลาดมาก” “เขาเป็นเด็กดีมาก แถมยังกล่าวขอบคุณทุกครั้งที่แม่ของเขายื่นเจ้าไดโนเสาร์ให้” และที่สำคัญคลิปวีดีโอดังกล่าวก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งในตอนนี้ก็ได้มีคนเข้ามารับชมมากกว่า 200,000 ครั้งแล้ว  …

ภาพสัตว์ถูกรถชนตามท้องถนน กลายเป็นภาพชินตาของใครหลายๆ คนไปแล้ว และยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะคนส่วนใหญ่ ไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสัตว์เหล่านี้ ช่างภาพ Emma Kisiel จึงได้ทำชุดภาพที่ใช้ชื่อว่า At Rest ซึ่งเป็นการรวบรวมภาพถ่ายของเขา ที่ได้จากการออกเดินทางไปตามถนนหลวง เพื่อไปสร้างอนุสรณ์ให้กับซากสัตว์ที่ถูกรถชนตามท้องถนน สิ่งที่เขาทำนั้นก็เพื่อเป็นการเตือนสติให้กับผู้ที่ใช้รถใช้ถนน ได้ตระหนักว่า มีสัตว์มากมาย ที่ต้องตายบนถนนที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำ นอกจากจะสร้างอนุสรณ์แล้ว เธอยังถ่ายทอดความรู้สึกผ่านภาพถ่าย ที่ทำให้รู้สึกทั้งหดหู่และเศร้าใจ จากสิ่งมีชีวิตที่สวยงามตามธรรมชาติ กลายเป็นซากศพที่ไม่มีใครเหลียวแล   . . . . . . . . . . . . . .   ทุกชีวิตมีค่า ดังนั้นอย่าคิดว่า การชนสัตว์ตายบนท้องถนนเป็นเรื่องปกติ แต่ควรตระหนักถึงและระมัดระวังกันให้มากขึ้น อย่าให้เกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้เลย ที่มา emmakisiel

การจากลานั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทุกชีวิตต้องพบเจอ สักวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาเราก็ต้องจากไปอยู่ดี ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ สิ่งที่คนยังอยู่พอจะทำได้ก็มีแต่การคิดคำนึงถึงคนที่จากไปเท่านั้น… นี่คือคุณ Alicia Salas และคุณยาย Josie Reza วัย 85 ปีของเธอ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาครอบครัว Salas ก็ได้ทำการฉลองวันเกิดครบ 85 ปีให้กับคุณยาย Reza “ฉันคิดว่านี่เป็นความสำเร็จที่เธอควรจะได้รับ”     Alicia และครอบครัวของเธอได้ทำการเซอร์ไพรส์คุณยายด้วยวงดนตรี Mariachi ซึ่งเป็นแนวดนตรีที่คุณยายเคยฟังด้วยกันกับคุณตาในสมัยก่อนที่เขาจะจากไปตลอดกาล     ครอบครัวได้ทำการจ้างวงดนตรีและขอให้พวกเขาเล่นเพลง “Las Mañanitas” ที่เป็นเพลงที่มีความหมายต่อคุณยาย Reza เป็นอย่างมาก “นี่เป็นเพลงโปรดของเธอและคุณปู่ของฉัน ดูเหมือนเธอจะคิดถึงเขาเป็นอย่างมากในทุกๆ วัน พวกเราทุกคนคิดก็ถึงเขาเช่นกัน” คุณ Alicia เล่า และวันงานก็มาถึง ในขณะที่นักดนตรีบรรเลงเพลงอยู่ คุณ Alicia ก็ได้ทำการถ่ายภาพเหตุการณ์สุดประทับใจในวันนั้นไว้ด้วย ซึ่ง ณ ตอนนั้น คุณยายกำลังถือรูปคุณตาพร้อมกับนั่งฟังเพลงไปด้วย ทำให้ภาพนั้นกลายเป็นภาพที่สะเทือนจิตใจของใครหลายๆ คน     และรูปภาพนั้นก็ถูกอัพลงทวิตเตอร์ทำให้ผู้คนให้ความสนใจกันมากมาย โดยมียอดไลค์มากกว่า…

สำหรับใครที่เป็นแฟนการ์ตูน ‘Spongebob  Sqaurepants’ ไม่ควรพลาดคอนเทนท์นี้เด็ดขาด แน่นอนว่าถ้าคุณหลงใหล ในเรื่องราวชีวิตใต้น้ำสุดมหัศจรรย์ของเจ้าฟองน้ำสีเหลืองแล้วล่ะก็ รีสอร์ทแห่งนี้จะมากระตุ้นต่อมการเดินทางของคุณอย่างแน่นอน   The Pineapple Villa รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมือง Punta Cana ประเทศสาธารณรัฐโดมินิกัน ทางรีสอร์ทได้ปิ๊งไอเดีย สร้างห้องพักรูปทรงสัปปะรด เอาใจแฟนๆ จากทั่วโลก   เมื่อเข้ามาสัมผัสในห้อง ก็จะพบว่ามันถูกตกแต่งเหมือนกับในการ์ตูนซะเป๊ะเลย แต่เห็นห้องน่ารักๆแบบนี้ ราคาเข้าพักก็ตกคืนละ $3,800 (130,000 บาท) เท่านั้นเอง ไม่แพ๊งไม่แพงเลยจริงๆ   ถ้าหากคุณกล้าจ่ายราคานี้ สิ่งที่คุณจะได้รับก็คือ การได้อาศัยอยู่ในห้องพื้นที่ขนาด 150 ตารางเมตร และพ่อบ้านที่พร้อมจะเสิร์ฟ Krabby Patties (เบอร์เกอร์จากในการ์ตูน) ได้ทุกเมื่อตามความต้องการของเรา   นอกจากจะมีพ่อบ้านส่วนตัว คอยให้บริการตลอด 24 ชม. คุณจะได้สัมผัสชีวิตที่เหมือนอยู่ใต้น้ำลึกลงไปในโลกของสปอนจ์บ็อบ   แถมยังมีเจ้าหอยทาก Gary จากในการ์ตูน คอยต้อนรับเราอีกด้วยนะ   ในส่วนของห้องนอนเตียงคู่ ก็ถูกตกแต่งให้ออกมาน่ารักดูกิ๊บเก๋ เหมือนได้หลับนอนอยู่ริมชายหาดจริงๆ  …

การจัดปาร์ตี้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เหล่าวัยรุ่น ต่างโปรดปราน โดยเฉพาะในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย แต่การไปปาร์ตี้แต่ละครั้งนั้น มักจะต้องออกไปตามร้านต่างๆ เสียเงินมากกว่าปกติ แถมยังเสี่ยงต่อภัยอันตรายอีกต่างหาก Henry Debenham วัย 20 ปี เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะธุรกิจระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยลินคอล์น ได้ทุ่มเงินกว่า 30,000 บาท ในการสร้างลานเบียร์ในฝันของเขา ซึ่งเงินส่วนนี้เป็นเงินกู้เรียนของเขาเอง จุดเริ่มต้นของการสร้างลานเบียร์นี้ เกิดเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ Henry นั่งอยู่ในบ้านเช่า และเห็นลานคอนกรีต ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร เขาจึงอยากปรับเปลี่ยนให้มันได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มด้วยการเปลี่ยนให้มันเป็นลานเบียร์     Henry บอกว่า ‘ตลอดช่วงปิดซัมเมอร์นี้ผมอยู่ที่ลินคอล์น เพื่อทำงาน ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจที่จะสร้างบาร์เล็กๆ อีกอย่าง เป็นเพราะ ผมเบื่อปาร์ตี้ที่จัดในบ้านแบบทั่วไป ดังนั้น การสร้างบาร์ในครั้งจะทำให้ผมไม่ต้องเบื่ออีกต่อไป และไม่ซ้ำใครด้วย’ โครงการนี้ใช้เวลา 1 เดือน ในการทำให้เสร็จสมบูรณ์ เขาได้ขอความช่วยเหลือจาก Matt Meekins วัย 21 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมบ้านเช่าของเขา ส่วนคนที่เหลือก็ไม่ได้บอกใครเลย Henry บอกอีกว่า…

การทำงานด้านบริการนั้น เราต้องเจอกับลูกค้าที่หลากหลาย บางคนก็พูดดีกับพนักงาน ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็มักจะหยาบคาย เพราะคิดว่าลูกค้าคือพระเจ้า จะทำยังไงกับพนักงานก็ได้ จนทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทมาแล้วมากมาย บาริสต้าหนุ่ม Austin Simms จากเมืองเล็กๆ ในรัฐเวอร์จิเนีย ผู้รักในการทำลาเต้และคาปูชิโนให้ลูกค้าในพื้นที่เป็นประจำทุกวัน จนวันหนึ่งเขาเริ่มรู้สึกว่า ลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านกาแฟของเขานั้น ขาดความเป็นมิตรซะเหลือเกิน ดังนั้น เขาจึงคิดหาวิธีการที่จะปรับพฤติกรรมของลูกค้าเหล่านี้ซะ     ว่าแล้ว เขาก็จัดการเขียนไว้ที่ป้ายหน้าร้านว่า ‘ทำอย่างไรจึงจะได้กินกาแฟ ในราคาที่ถูกลง’ ซึ่งมีอยู่ 3 ระดับด้วยกัน คือ หากสั่งแบบไม่ทักทายพนักงานและไม่มีหางเสียง จะได้รับกาแฟในราคาเต็ม 5 ดอลลาร์ แต่ถ้าเพิ่มหางเสียงเข้ามาหน่อย จะถูกลงในราคา 3 ดอลลาร์ แล้วยิ่งมีคำทักทาย บวกกับมีหางเสียง ก็จะได้กินกาแฟในราคาแบบถูกสุดๆ เหลือเพียงแค่ 1.75 ดอลลาร์เท่านั้น     Austin บอกว่า ‘ลูกค้าที่เข้ามานั้น ต่างก็สนใจแต่ความสุขของตัวเอง โดยไม่ใส่ใจคนที่คอยให้บริการพวกเขาเลย ทั้งๆ ที่พนักงานเหล่านี้ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่ต้องการรอยยิ้มและคำขอบคุณจากการให้บริการนี้เช่นกัน’   เรื่องราวของ Austin ถูกแชร์ไปโลกอินเตอร์อย่างรวดเร็ว จนทำให้รายการทีวีต่างๆ ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก…

แฟชั่นทรงผมนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองได้…   และนี่คือสาวน้อย Lyra วัย 6 ขวบ จากรัฐฟลอริดาประเทศสหรัฐอเมริกา เธอมีสีผมสายรุ้งที่แสนงดงามราวกับเป็นขนของม้ายูนิคอร์น เชื่อว่าใครเห็นแล้วก็คงอยากจะย้อมแบบนี้กันบ้าง   ทรงผมและสีผมสุดจ๊าบนี้เป็นเทคนิคการทำผมของ Mary Thomaston คุณแม่ของเธอเอง ที่เป็นช่างทำผมอยู่ที่ชายหาดในเมือง Panama   คุณ Mary เล่าว่าเธอมีประสบการณ์ในการเป็นช่างตัดผมมานานกว่า 10 ปี และเธอก็ชื่นชอบการทำงานของเธอมาก เพราะมันช่วยเสริมสร้างจินตนาการในการสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ “ส่วนที่ฉันชอบมากที่สุดก็คือสีผมนี่แหละ ฉันพยายามที่จะลองอะไรใหม่ๆ กับสไตล์และเทรนด์ของทรงผม” เธอกล่าว คุณ Mary นั้นได้ทำการย้อมสีผมมาให้ลูกสาวของตัวเองมาแล้วถึง 3 ครั้งด้วยกัน และเมื่อถามว่า ‘ทำไม Lyra ถึงตัดสินใจที่จะทำผมทรงยูนิคอร์นล่ะ?’ คุณ Mary ก็ตอบกลับมาว่า ‘ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ?’     “เธอเป็นคนที่มีสีสัน และอยากที่จะมีสีแบบนี้บ้างเวลาที่เห็นสีผมของฉัน และสีผมที่ฉันทำให้กับเหล่าลูกค้า” คุณ Mary กล่าว Lyra ชอบสีผมใหม่ของเธอมาก จากคำบอกเล่าของคุณ Mary เล่าว่า มันสามารถเสริมความมั่นใจให้กับเธอตอนไปโรงเรียนได้อย่างมากเลยล่ะ…

ความรักนั้น ก็เปรียบเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน เมื่อคุณได้รับความสุขจากความรัก ในทางตรงข้าม ความรักก็ให้ความทุกข์กับคุณได้เช่นกัน ศิลปินสาว Gypsie Raleigh ได้วาดรูปเพื่อสื่อถึงด้านมืดของความรัก Gypsie บอกว่า ‘บางทีความรู้สึกในชีวิตเรา ก็ไม่อาจจะกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้…’ ‘เมื่อฉันไม่รู้จะพูดอะไร ฉันจึงได้วาดการ์ตูนเหล่านี้ขึ้นมา เพื่อแทนคำพูดในความเงียบของฉัน การ์ตูนของฉันได้รับแรงบันดาลใจจากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตของคนใกล้ตัว ความวิตกกังวล และแม้กระทั่งการอกหักของฉันเอง รวมทั้งการต้องเจอกับวันแย่ๆ…’ และนี่คือผลงานบางส่วนของ Gypsie ที่สื่อถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อความรักในด้านที่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้   บางครั้งจุดจบก็ไม่ได้แฮปปี้เอนดิ้งเสมอไป   แต่ถึงจะเสียใจแค่ไหน ชีวิตรัก ก็มีอะไรมากกว่าความรักของคนเป็นแฟน   ในยามที่ต้องร่วมทุกข์ด้วยกัน แต่มีเพียงแค่คนเดียวที่ยอมเสียสละ   บางครั้ง ก็ต้องเลือกว่า จะอยู่ต่อเพียงลำพัง หรือจะจากไปด้วยกัน   แม้ตอนแรกจะรักกันแค่ไหน แต่เราต่างรู้ดีว่า ความรักนั้นจะค่อยๆ จางหายไปในตอนท้าย   ในยามที่ลำบากที่สุด เราจะรู้ว่าใครจริงใจกับเรามากที่สุด   บางครั้ง ความรักต้องใช้หัวใจมากกว่าเหตุผล   ความรักไม่สามารถลงเอยกันได้ ถ้ารักผิดทาง   กับบางคน เราทุ่มเทให้ทั้งกายทั้งใจ แต่เขากลับเห็นเราเป็นแค่ของเล่น   บางครั้งเราต้องยอมเจ็บ…

เมื่อกล่าวถึงตุ๊กตา เพื่อนๆ หลายคนคงคิดว่ามันเป็นของเล่นที่สุดแสนจะน่ารัก แต่จริงๆ แล้วขอบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่ไม่น่าดูเลย ถ้าสภาพของมันนั้นถูกทิ้งให้เก่าจนเกินไป และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปทัวร์ชมโรงงานตุ๊กตาร้างสุดหลอน ที่ดูน่ากลัวแบบสุดๆ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… ปัจจุบันนี้ตุ๊กตาพอร์ซเลนกำลังหมดความนิยมลงไปเรื่อยๆ โรงงานผลิตแต่ละแห่งก็ค่อยๆ ปิดตัวลงไป เหลือทิ้งร้างไว้ก็เพียงแต่เศษซากอารยธรรมที่ดูหลอน และน่ากลัว จนแทบจะเก็บเอาไปฝันร้ายเลยทีเดียวล่ะ     นักสำรวจเมืองและช่างภาพ Nacho Labrador จาก Territorio Abandonado ทีมถ่ายภาพที่ทำการถ่ายภาพสถานที่ร้างเก่าไปตามสถานที่ต่างๆ อย่างเช่น ซากเครื่องบิน โรงงานร้าง ตึกร้าง บ้านร้าง เป็นต้น     และในวันนี้เขาก็จะพาไปชมโรงงานตุ๊กตาพอร์ซเลนที่ถูกทิ้งร้างไว้ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานนับสิบปี แต่ทุกอย่างก็ยังคงดูเหมือนว่าจะใช้งานได้ตามปกติ และรอเวลาที่คนงานจะกลับมาทำงานที่นี่ เพื่อสร้างเหล่าตุ๊กตาที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เหล่านี้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งเลยล่ะ   เตาเผาที่ยังคงเปิดทิ้งไว้ พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา   อ่างชำระล้างที่กลายเป็นเหมือนหลุมฝังศพ   เก้าอี้ที่ตั้งไว้ ราวกับว่ารอให้ใครสักคนกลับมานั่งอีกครั้ง   ลำตัวของตุ๊กตาที่รอคอยให้แขนขาและหัวมาประกอบอยู่   ส่วนแขนขานับร้อยชิ้นที่ถูกทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์   ส่วนเส้นผมที่ถูกห่อเอาไว้อย่างดี ยังไม่ได้นำมาใช้งาน  …

ถ้าหากเรามาพูดกันถึงอะไรที่มัน เป็นที่สุดของโลก มันก็มีมากมายเหมือนกันนะ ไม่ว่าจะเป็น คนที่ตัวเล็กที่สุด คนที่เล็บยาวที่สุด ผมยาวที่สุด หรือมีอายุเยอะที่สุดในโลก และอีกมากมาย แต่คราวนี้ #เหมียวบ็อบ ขอพาไปรู้จักกับ พ่อหนุ่มวัยรุ่นตัวเป้ง ที่ชื่อว่า Broc Brown เพราะตอนนี้เขาได้กลายเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่ตัวสูงและใหญ่ที่สุดในโลกไปซะแล้ว แถมยังมีทีท่าว่าจะโตขึ้นไปเรื่อยๆ อีก แบบนี้ต้องกินนมวันละกี่กล่องล่ะเนี่ย…   พ่อหนุ่มคนนี้มีส่วนสูง 7ฟุต 8นิ้ว (233 ซม.) ซึ่งถือว่ามากที่สุดในกลุ่มวัยรุ่นที่อายุไม่เกิน 18 ปี และที่สำคัญ ส่วนสูงเขายังเพิ่มขึ้นได้อีก เฉลี่ยปีละประมาณ 6 นิ้ว   กับการเดินเข้าออกประตูที่มีขนาดธรรมดาทั่วไป เขาก็พบว่าตัวเองนั้นสูงและใหญ่เกินไป   เตียงนอนธรรมดาทั่วไป ก็ไม่อาจรองรับขนาดความยาวของตัวเค้าได้   หรือแม้แต่การนั่งในรถธรรมดาทั่วไป ก็กลายเป็นว่ารถมีขนาดที่เล็กเกินไปสำหรับตัวเขาเอง   ความผิดปกติในร่างกายของพ่อหนุ่มคนนี้ ทางการแพทย์เขาเรียกว่า Sotos Syndrome หรือรู้จักกันในชื่อ cerebral gigantism ความผิดปกติชนิดนี้ ถือว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก เป็นสัดส่วนประมาณ 1…

ในขณะที่เราได้กินอาหารดีๆ ได้กินเต็มอิ่ม แถมหลายครั้งก็ทานไม่หมด จนต้องเอาไปทิ้ง แต่รู้มั้ย ยังมีอีกหลายคน ที่ไม่มีกิน และเศษอาหารที่เราทิ้งนั่นแหละ อาจเป็นอาหารชั้นเลิศสำหรับพวกเขาก็ได้ ผู้รณรงค์จากโครงการ Real Junk Food หรือจะแปลเป็นไทยก็แนวว่า อาหารขยะจริงๆ ได้เปิดคลังอาหาร ใน Pudsey ที่อยู่ใกล้กับลีดส์ เป็นแนวๆ ร้านคาเฟ่ที่มาในคอนเซป pay as you feel หรือจ่ายเงินตามความพอใจของลูกค้านั่นเอง นั่นหมายความว่า ผู้คนสามารถชำระเงินตามความพอใจของตัวเอง หรืออีกทางหนึ่งคือ อาจจะชำระเป็นแรงงาน ด้วยการช่วยงานตามความสามารถก็ได้     อาหารเหล่านี้ได้มาจากของเหลือทิ้งตามซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ เช่น Sainsbury’s, Morrisons และ Ocado นอกจากนี้ก็ยังได้มาจากธนาคารอาหาร ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ช่างภาพอาหาร และจากงานเลี้ยงต่างๆ Guardian’s Carol Cadwalladr บอกว่า ในแต่ละวันนั้น มีอาหารที่ถูกทิ้งมากมาย แต่ละอย่างก็เป็นอาหารดีๆ ราคาแพงด้วย ไม่ว่าจะเป็นเค้ก Marks & Spencer ช็อกโกแลต Ferrero Rocher องุ่น มะเขือเทศ มันฝรั่งทอดกรอบ…

บางครั้งเหล่าสัตว์ป่าทั้งหลายอาศัยอยู่ในป่าเหงาๆ มานาน ก็เลยอยากจะมาพบปะกับผู้คนในเมืองบ้าง แต่นี่เป็นหมีไง ผู้คนก็เลยเผ่นกันเป็นป่าราบเลยทีเดียว ฮร่า เจ้าหมีดำตัวน้อยที่ได้สร้างเสียงฮือฮาไปทั่วตัวเมือง Anchorage ในอลาสก้า… ก็แหงล่ะ เล่นเข้ามาวิ่งเพ่นพล่านในเมืองแบบนี้เป็นใครใครก็ต้องหนีกันบ้างล่ะ   เป็นเดือดเป็นร้อนมาถึงคุณตำรวจที่ต้องมาทำหน้าที่ขับรถไล่จับมัน   เมื่อเจ้าหมีโผล่ขึ้นมาความโกลาหลก็บังเกิดขึ้น ผู้คนที่กำลังเดินอยู่บนถนนกันอยู่นั้นต่างถอยหนีกันใหญ่เลยล่ะ   ไม่มีแม้แต่คนที่เดินมาต่อแถวซื้ออาหาร…   หรือคนที่มาเดินผ่านร้านพิซซ่า ก็ถูกสั่งให้อยู่ภายใน จนกว่าเจ้าหน้าที่จะจัดการมันได้   คุณตำรวจใช้เวลาในการไล่ต้อนมันยาวนานกว่า 2 ชั่วโมง   และในที่สุดเรื่องมันก็ไปจบลงตรงที่เจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์ป่าสามารถจับมัน และทำการย้ายเจ้าหมีตัวนี้กลับไปในป่าตามเดิม   คลิปการไล่ล่าตามจับเจ้าหมีน้อยตัวนี้ถูกจับไว้โดยกล้องหน้ารถของคุณตำรวจ และพวกเขาก็นำมันไปโพสต์ลงบนแฟนเพจเฟซบุ๊ค ทำให้มีผู้คนสนใจเข้ามาชมกันเป็นจำนวนมาก โดยมียอดผู้เข้าชมมากถึง 1 ล้านครั้งเลยทีเดียว ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเจ้าหมีน้อยตัวนี้ และขณะเดียวกันสถานที่ต่างๆ ในเมืองตอนที่พวกเขาทำการไล่จับเจ้าหมีก็ดูรกร้างว่างเปล่า ไม่สมกับเป็นในเมืองเลย ซึ่งภาพแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นกันง่ายๆ คุณตำรวจกล่าว   เพราะที่นี่คือ Alaska จะมีสัตว์ป่าออกมาวิ่งเล่นในเมืองก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร (แต่เป็นพี่หมีมานี่ก็ต้องเผ่นกันบ้างล่ะ ฮร่า)   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์ไล่จับหมีกันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… Patrol Following Bear in Downtown AnchorageSometimes…

โดยปกติแล้ว ตุ๊กตา มักจะถูกสร้างขึ้นมาให้ดูสวยงาม น่ารัก น่าค้นหา แต่สำหรับศิลปินบางคนกลับมีไอเดียที่แตกต่างจากคนอื่นๆ โดยการสร้างตุ๊กตาที่ดูราวกับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกยังไงยังงั้นเลยละ และนี่คือผลงานของ Sandra Arteaga ศิลปินขาวสเปน ผู้ที่หลงใหลสิ่งมีชีวิตนอกต่างดาวเป็นอย่างมาก ดังนั้น เธอจึงได้ทำการเนรมิตตุ๊กตายางจากจินตนาการตัวเองต้องการในแบบที่ไม่ซ้ำกัน     สำหรับ Sandra เธอเป็นศิลปินที่รักในงานศิลปะ และชื่นชอบการสร้างตุ๊กตาเป็นอย่างมาก เธอเริ่มสร้างตุ๊กตาเมื่อ 5 หรือ 6 ปีที่ผ่านมา โดยรูปแบบของตุ๊กตาที่ได้นั้น อาจจะดูแปลกตาไปสักหน่อย เพราะมันคือตุ๊กตาสัตว์ประหลาดที่มีหน้าตาน่ารักปนน่ากลัว ดูแล้วก็พิลึกพิลั่นไม่น้อย หลายคนบอกว่าผลงานของเธอนั้นดูน่ากลัวเกินไป แต่ในมุมมองของเธอแล้ว เธอมองว่าพวกสัตว์ประหลาดเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักมากๆ เลยละ     นี่อาจไม่ใช่งานศิลปะที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนได้รับชมเพียงอย่างเดียว แต่เธอยังได้นำตัวประหลาดเหล่านี้มาวางขายด้วยนะ สามารถเข้าไปรับได้ที่ร้านของเธอ SandraArteagA  ราคาตั้งแต่หลักพัน ไปจนถึงหลายหมื่นบาท รับรองว่าต้องถูกอกถูกใจคนชอบของแปลกแน่นอน   ว่าแล้วก็ลองมาชมผลงานจากไอเดียสุดสร้างสรรค์ของเธอกันเลยดีกว่า . . . . . . . . . . . .…

เรื่องราวของเจ้าเหมียวจรจัดตัวน้อยที่มีหมึกเปื้อนบนใบหน้า เดินมาขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวถึงหน้าอพาร์ทเม้นต์ และแน่นอนว่าเธอก็หลงความน่ารักเข้าเต็มเปากลายเป็นทาสของเจ้าเหมียวน้อยทันที ฮร่า     “ฉันพบมันที่นอกอพาร์ทเม้นต์ หนวดของมันเหมือนจะถูกเผาออกไปเหลือเพียงครึ่งเดียว เหมือนกับว่ามันถูกใครซักคนทารุณกรรมมาก่อน เท่านั้นยังไม่พอที่ใบหน้าของมันยังถูกเขียนด้วยปากกาเมจิคอีกด้วย มันเดินมาหาฉันพร้อมกับร้องเหมียวเพียงตัวเดียว” สมาชิกเว็บไซต์ Reddit ชื่อว่า deplorableadorable เล่า เธอรู้ได้ทันทีว่ามันต้องการความช่วยเหลือ และต้องการสถานที่ที่อยู่แล้วสบายใจ “ฉันทำความสะอาดเนื้อตัวของเจ้าเหมียวจากนั้นก็รีบพามันไปที่รถเพื่อพาไปหาพ่อแม่ของฉัน ในระหว่างทางที่ขับรถไปนั้นมันจ้องมองฉันราวกับว่ากำลังแสดงความรักตลอดทางเลยล่ะ”      และในที่สุดเจ้าเหมียวก็มาถึงบ้านหลังใหม่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะมีความสุขสุดๆ เลยนะเนี่ย   “มันเริ่มที่จะค่อยๆ ย่องเข้ามาใกล้ๆ กับทุกคนในบ้านในขณะที่เราไม่ได้สังเกตมัน ราวกับว่าเป็นแมวนินจาเลยทีเดียว ฮร่า” คุณ deplorableadorable กล่าว   เวลาผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ มันก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น และรอยหมึกก็จางหายไปด้วยเช่นกัน “พวกเราตั้งชื่อมันว่า Memow ตามชื่อตัวละครแมวนักฆ่าจากหนังเรื่อง Adventure Time เพราะนิสัยจอมแสบนั่นเอง และแน่นอนว่ามันก็สามารถออกเสียงเรียกชื่อของตัวเองได้ด้วย ถึงจะไม่เหมือนเป๊ะก็เถอะ แต่ก็คล้ายๆ ล่ะนะ” คุณ deplorableadorable เล่าเพิ่มเติม     “เจ้าเหมียวเริ่มที่จะไว้ใจพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ แล้วล่ะ” เจ้าเหมียวสามารถหลับอยู่บนตักของทาสได้อย่างสบายใจเฉิบ พร้อมกับหายใจเป็นเสียงกรนออกมา ครืดดด ครืดดด เลยล่ะ     หลับสบายจริงนะ ฮ้าววววว…

เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานนักกับ iPhone 7 พร้อมฟังค์ชั่นใหม่ๆ มาเอาใจคนที่ชื่นชอบ Apple และถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่เปิดขายในไทย #เหมียวบ็อบ ก็ได้ยินมาแว่วๆว่า ราคานำเข้าจากต่างประเทศ สูงถึง 4 หมื่น – 7หมื่น บาทเลยทีเดียว สำหรับแฟนๆ Apple ก็คงต้องอดใจรอกันไปก่อน ถ้าไม่อยากจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อให้ได้โทรศัพท์สุดล้ำสมัยก่อนใคร แต่สำหรับพ่อหนุ่มจากจีนคนนี้ เขาไม่อยากจะรอช้า เพราะกลัวว่าหมาน้อยสุดที่รักของเขาจะเหงา พี่แกเลยจัดให้เลย กับ iPhone 7 จำนวน 8 เครื่อง ไว้ให้หมาน้อยไว้ใช้เล่น   เครื่องที่พ่อหนุ่มคนนี้ซื้อให้ ก็เป็น iPhone 7 ของจริงนั่นแหละ   หลายๆคนอาจสงสัยว่าหนุ่มคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร มาจากไหน แล้วคิดอะไรอยู่ถึงได้ยอมเสียเงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อของแบบนี้ให้หมาน้อย พ่อหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Wang Sicong วัย 28 ปี เป็นลูกชายของมหาเศรษฐีที่รวยอันดับต้นๆในประเทศจีน นั่นก็คือนาย Wang Jianlin พ่อค้าอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ (ซึ่ง CNN เผยว่าเขามีทรัพย์สินอยู่มากถึง 3…

สถานที่ต่างๆ นั้น ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้สอยและให้คนอาศัยกัน แต่สุดท้ายแล้วย่อมเสื่อมลงและกลายเป็นสถานที่ร้าง หมดคนดูแลและสนใจไปตามกาลเวลา เหลือแต่เพียงภาพแห่งความทรงจำที่ยังคุกรุ่นอยู่ก็เท่านั้น… Simon Yeung ช่างภาพคนนี้ก็เช่นกัน เขาเป็นคนที่มีความชื่นชอบในการถ่ายภาพตามสถานที่รกร้างต่างๆ และนี่คือ 26 ภาพถ่ายที่เขาเดินทางรอบสหราชอาณาจักรเพื่อให้ได้มา สำหรับ Simon Yeung นั้น เขาเป็นช่างภาพที่ชื่นชอบในการถ่ายรูปตามสถานที่รกร้างต่างๆ อย่างมาก ไม่ใช่แค่ในสหราชอาณาจักรเท่านั้น ประเทศอื่นๆ เขาก็ได้ตามไปถ่ายมาอย่างโชกโชน เขาสามารถเปลี่ยนสถานที่อันรกร้าง ไม่มีอะไรน่าสนใจให้มันมีเสน่ห์ขึ้นมาได้ เจอมุมที่ช่างภาพคนอื่นไม่ได้เห็น และใช้แสงอันเป็นเอกลักษณ์ในภาพของเขาเอง และนอกจากนี้เขาก็ยังชอบถ่ายภาพของวิวทิวทัศน์ ผู้คน และธรรมชาติอีกด้วย เป็นช่างภาพฝีมือดีคนนึงเลยล่ะ ใครที่อยากติดตามผลงานเพิ่มเติมของเขาล่ะก็ เข้าไปชมกันได้ที่อินสตาแกรม irnmonkey   และนี่คือผลงานที่เค้าถ่ายทอดออกมา เชื่อว่าหลายคนจะต้องชอบมากแน่ๆ…. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…

เรื่องราวในวันนี้เป็นของ Greg Masucci และ Maya Wechsler สองพ่อแม่ที่พึ่งฉลองวันเกิดลูกชายหนูน้อย Max ในวัย 3 ขวบ ของพวกเขาไปหมาดๆ แต่แล้วข่าวร้ายจากคุณหมอก็ทำให้ครอบครัวของพวกเขาต้องเปลี่ยนไปตลอดกาลหลังพวกเขาได้รับแจ้งว่าลูกชายเป็นออทิสติก ‘เมื่อคุณเกิดมาพร้อมกับอาการออทิสติกแล้ว มันไม่มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดอะไรตายตัวหรอก’ Greg คุณพ่อกล่าว… เด็กๆ ที่มีอาการออทิสติกนั้นจะมีอาการผิดปกติหลากหลายแตกต่างกันไป ทั้งการปรับตัวเข้ากับสังคม การสื่อสารทั้งโดยท่าทาง หรือการพูด แถมอาจพบกับความเสี่ยงที่โดนเด็กๆ คนอื่นๆ ล้อและรังแกอีก   Greg และ Max   การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก… พอรู้ว่าลูกชายของพวกเขาเป็นออทิสติก ทั้งสองก็ตัดสินใจอยู่นานว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี เพราะการเลี้ยงดูแบบเด็กในเมืองทั่วไป ส่งไปโรงเรียนปกติ หรือจะให้ไปไหนมาไหนเองก็คงไม่ได้ มันต้องลำบากกว่าเดิมมากแน่ๆ เมื่อลูกโตขึ้น หลังจากครุนคิดอย่างหนัก พวกเขาจึงสรุปได้ว่า ชีวิตในแถบชานเมืองนั้นค่อนข้างจะไม่เหมาะกับพวกเขา โดยเฉพาะ Max ลูกชายของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว เพราะเขาจะมีปัญหาเกี่ยวกับพัฒนาการอย่างแน่นอน ครอบครัวนี้เลยตัดสินใจย้ายบ้านไปแถบชนบท เพื่อให้ไลฟ์สไตล์ที่เหมาะสมกับลูกชายของพวกเขา เพราะที่ชนบทอันเงียบสงบนั้น Max จะมีพื้นที่วิ่งเล่นมากมายโดยไม่ต้องกังวลถึงอันตรายใดๆ พ่อและแม่ของเขาก็สามารถเจียดเวลามาทำการสอนแบบ Home School ให้กับลูก และ Max จะได้ไปเล่นกับเด็กๆ…

โดยทั่วไปแล้ว การเล่นเกมกับการเรียนนั้น มักจะไปด้วยกันไม่ได้ เห็นได้ชัดว่า พ่อแม่ส่วนใหญ่ มักจะห้ามลูกตัวเองไม่ให้เล่นเกม และมองว่า การเล่นเกมนั้น เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เสียการเรียนได้ แต่ก็ไม่เสมอ เพราะล่าสุด ทางมหาวิทยาลัย California-Irvine (UCI) ประกาศเสนอทุนค่าเทอมครึ่งหนึ่ง ให้กับเหล่านักศึกษาที่เป็นเกมเมอร์ ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเป็นหนึ่งในทีมแข่งกีฬา eSports ตัวแทนมหาวิทยาลัย Mark Deppe ผู้อำนวยการ eSports ของสถาบัน เชื่อว่า มหาวิทยาลัย California-Irvine จะกลายเป็นแหล่งรวมของเหล่า ‘เกมเมอร์’ ในอนาคตได้แน่นอน ขณะนี้มหาวิทยาลัยกำลังประกาศรับสมัครนักศึกษา ที่มีความสนใจในเรื่องเกม ทั้งการสร้างเกม และการเล่นเกม นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาศูนย์ eSports ภายในมหาวิทยาลัย เพื่อผู้เล่นเกมโดยเฉพาะด้วย   ศูนย์ eSports ตั้งอยู่ในศูนย์กลางการเรียนรู้ของนักศึกษา UCI ที่มีทั้งโรงอาหาร ห้องประชุม และเครื่องอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกเพียบ   เมื่อเข้าไปข้างในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งศูนย์ก็อยู่ไม่ไกลจากร้านหนังสือของมหาวิทยาลัย   ภายใน จะเจอกับมาสคอตตัวนิ่ม ที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ UCI ด้วย   และนี่คือสนาม eSports   ในห้องจะมีคอมพิวเตอร์แบบทันสมัยอยู่ 70 เครื่อง…

  ตอนเด็กๆใครเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับ นางฟ้าฟันน้ำนม บ้าง ถ้าหากฟันน้ำหนุมซี่ใดก็ตามของเราหลุด ให้นำฟันซี่นั้นเก็บไว้ใต้หมอน เช้าวันรุ่งขึ้นฟันซี่นั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นเงินแทน พอโตมาถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วก็คือพ่อแม่ของเราเนี่ยแหละ ที่คอยแอบเปลี่ยนฟันของเราให้กลายเป็นเงิน… แต่สำหรับหนูน้อยคนนี้ #เหมียวบ็อบ ก็ไม่รู้ว่าไปร้อนเงินจากไหนมา หรือนางฟ้าฟันน้ำนมแอบเนียนเบี้ยวตังหนูน้อยรึเปล่า ถึงได้ต้องลงมือเขียนจดหมายให้ซะเลย     จดหมายฉบับนี้ถูกแชร์ผ่านเพจเฟซบุ๊ค Life of Dad เป็นจดหมายที่ถูกเขียนขึ้นโดยลายมือของเด็กคนหนึ่ง เมื่อเราอ่านแล้วก็เข้าใจได้ทันทีว่า เด็กน้อยคนนี้ต้องร้อนเงินมากแน่ๆ   “ถึงนางฟ้าฟันน้ำนม ฟันหนูหลุดไปตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม แต่นี่มันวันที่ 12 พฤศจิกายนแล้วนะ!!! ฟันหนูหลุดไปกับพิซซ่า แถมวันนี้หนูยังต้องเสียทั้งสองอย่างไป คุณติดหนี้ฉันอยู่ $1 ดอลล่าร์ ไม่ได้อยากใจร้ายหรอกนะ แต่ฉันต้องใช้เงินจริงๆ” โถ่ววๆๆ น่าสงสารซะจริง สงสัยนางฟ้าฟันน้ำนมตัวนี้จะไม่รู้ตัวซะแล้วล่ะมั้ง ว่าเป็นเวลานานมากกว่า 3 อาทิตย์ที่เด็กน้อยคนนี้รอคอย พี่แกก็ยังไม่เอาเงินมาให้สักที จนถึงขั้นต้องเขียนจดหมายทวงกันแบบนี้     งานนี้เรียกเสียงฮาให้ชาวเน็ตได้อย่างดีเยี่ยม กลายเป็นว่าชาวเน็ตทั้งหลายต่างให้คำแนะนำ และวิธีการที่หนูน้อยจะได้มาซึ่งเงินที่ค้างอยู่จากภูตฟันน้ำนม   “เธอต้องอธิบายให้เข้าใจด้วย ว่าถ้าเธอเสียฟันไปกับพิซซ่า ภูตฟันน้ำนมคงไม่เข้าใจเธอหรอก เพราะพวกเขาต้องเก็บฟันไว้เป็นจำนวนมาก”…

ก็อย่างที่เรารู้กันดีว่าเหล่าแมวเหมียวทั้งหลายกับบุรุษไปรษณีย์นั้นเป็นของแสลงกัน พอมาส่งจดหมายเมื่อไหร่เป็นต้องได้ไฝว้กันตลอด แต่ไม่ใช่กับเจ้าเหมียวและบุรุษไปรษณีย์คู่นี้อย่างแน่นอน เพราะทั้งคู่นั้นต่างก็ซี้กันแบบสุดๆ เลยล่ะ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรลองไปชมพร้อมๆ กัน…   Levi Davis บุรุษไปรษณีย์จากประเทศนิวซีแลนด์ ที่มักจะได้พบเจอกับความสุขในทุกๆ เช้าที่ออกไปทำงานส่งจดหมาย ที่บ้านหลังหนึ่งในเมือง Taranaki และเขาก็จะได้พบกับเจ้าเหมียวเพื่อนรักที่จะออกมาคอยต้อนรับในทุกๆ วัน ไม่ว่าสภาพอากาศจะร้อน จะหนาว หรือจะมีฝนตกก็ตาม     คุณ Levi มักจะถูกต้อนรับโดยเจ้าเหมียวเพื่อนรักในทุกๆ วันที่ออกไปส่งจดหมายตามเส้นทาง “เจ้าเหมียวจะออกมาคอยบุรุษไปรษณีย์ของเราเพื่อทักทายยามเช้าในทุกๆ วัน” เมื่อได้เจอกันเจ้าเหมียวจะวิ่งมาหาแล้วก็ตามบุรุษไปรษณีย์ พอเขาปั่นจักรยานไปถึงตู้ไปรษณีย์มันก็จะถือโอกาสปีนขึ้นมาตะกร้ารถเพื่ออ้อนให้บุรุษไปรษณีย์ลูบหัวให้     แม้ว่าคุณ Levi จะไม่รู้จักชื่อของเจ้าเหมียว แต่พวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และคอยคิดถึงกันในทุกๆ วัน เฝ้ารอคอยวันเวลาที่จะได้มาพบกันที่ตู้ไปรษณีย์ เจ้าเหมียวต้องการที่จะอ้อนใครซักคน และนั่นก็ทำให้คุณ Levi มีความสุข เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ากันจริงๆ ฮร่า     ลองไปชมคลิปเหตุการณ์การพบเจอกันที่แสนหน้ารักระหว่างเจ้าเหมียวและบุรุษไปรษณีย์ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… แหม่ ช่างเป็นมิตรภาพที่น่ารักน่าชังกันซะจริงๆ เลยนะเนี่ย >< ที่มา : lovemeow

พูดถึงถุงนอนแล้ว เราเคยใช้ถุงนอนแบบไหนกันบ้าง!? แน่นอนว่า ส่วนใหญ่แล้ว ก็เป็นถุงนอนที่สวมเข้าไป และไม่สามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นได้อีก นอกจากนอน แต่ทาง YOU+MORE! ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแบนด์ดังจากญี่ปุ่น ที่มักจะผลิตของใช้ชิคๆ ที่ไม่ซ้ำใคร ได้ทำชุดถุงนอนเทมปุระขึ้นมา โดยเป็นถุงนอนที่ไม่เพียงสวมนอนเท่านั้น แต่สามารถสวมแล้ว เดินไปเดินมาได้ หรือแม้กระทั่งนั่งจิบไวน์ ก็ทำได้ ห๊ะ!? ชุดถุงนอนเทมปุระ ถูกออกแบบให้มีความหนานุ่ม และเพื่อให้มีความเหมือนกุ้งเทมปุระที่สมบูรณ์มากขึ้น ชุดนี้จึงมาพร้อมกับถุงเท้าสีแดง ที่ทำให้คุณมีความรู้สึกเป็นกุ้งเทมปุระไปอีกขั้น   สวมถุงนอนอยู่ ก็กินได้   ฉีกกฏถุงนอนเดิมๆ ไปได้เลย   เพราะถุงนอนได้ถูกออกแบบมาอย่างดีทั้งภายนอก อย่างกับว่ามันเป็นแป้งที่ทอดซะเหลืองกรอบ…   และภายในอันแสนอุ่นสบาย   ทั้งหนาและนุ่ม นอนหลับสบายแน่นอน   เรียกได้ว่า อุ่นตั้งหัวจรดปลายเท้าเลยละ     ชุดถุงนอนกุ้งเทมปุระนี้ ราคาอยู่ที่ 7,800 เยน รวมภาษีแล้วก็ประมาณ 8,424 หรือประมาณ 2800 บาท สามารถสั่งซื้อที่เว็บไซต์ felissimo   ถุงนอนกุ้งเทมปุระ สัมผัสใหม่แห่งการนอน   ทั้งน่ารัก ทั้งนอนอุ่นแบบนี้ เพื่อนๆ สนใจสักชุดมั้ยล่าาา?…

การถ่ายรูปปฏิทินนั้น เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้เราได้ตื่นตาตื่นในทุกๆ ปี และเมื่อปีที่แล้วเราคงจะจำได้ ที่ช่างภาพ Fred Goudon ได้ถ่ายรูปปฏิทินนักดับเพลิง ทำเอาสาวๆ ติดอกติดใจกันยกใหญ่เลยทีเดียว   มาปีนี้ Goudon ได้กลับมาทำให้สาวๆ กริ๊ดกันอีกครั้งกับการถ่ายปฏิทินปี 2017 โดยได้นายแบบหนุ่มหุ่นล่ำ ซึ่งเป็นตัวแทนหนึ่งในอาชีพที่ถือว่าอันตราย นั่นก็คือ นักดับเพลิง จากประเทศฝรั่งเศส เพื่อแสดงให้ถึงความแข็งแรงและความกล้าหาญของพวกเขา รายได้ทั้งหมดที่ได้จากการขายปฏิทินนี้ จะนำไปมอบให้กับมูลนิธิการกุศล เพื่อปรับปรุงหน่วยงานดับเพลิงต่างๆ ในประเทศกำลังพัฒนา… ไหนดูสิ จะน่าซื้อสักแค่ไหนเชียว   แค่หน้าแรกก็ใจสั่นแล้วอ่า .   ไม่ใช่แค่หล่อหรือหุ่นดีเท่านั้น แต่พวกเขาต้องมีความแข็งแรง และกล้าหาญเป็นอย่างมาก   ป๊าดดดด นักดับเพลิงจริงๆ ใช่ไหม อยากให้แถวบ้านมีงี้บ้าง   การได้ดูภาพแบบนี้ มันดีต่อใจนะคะขุ่นแม่   เบื้องหลังหุ่นล่ำๆ   แจกความสดใสไปอีก   หุ่นแบบนี้สินะ ที่สาวๆ ไม่กล้าปฏิเสธ   ปฏิทินเพื่อการกุศลแบบนี้ ต้องช่วยซื้อสักฉบับแล้วละ ไม่ได้สนใจนายแบบนะ แต่อยากช่วยจริงจริ๊งงง (เสียงสูงมาก) ที่มา brightside

*คำเตือน : บทความนี้อาจมีภาพที่ทำให้ทุกคนท้องไส้ปั่นป่วน ก็ขอให้ตัดสินดูดีๆ ก่อนที่จะเลื่อนลงไปดูนะจ๊ะ   นี่คือคลิปเรื่องราวการช่วยเหลือเจ้าหมา ที่จะทำให้ทุกคนยิ้มได้กับความมีน้ำใจของเพื่อนมนุษย์…   เรื่องราวการช่วยเหลือเจ้ามำหมาสองตัวที่ถูกทิ้งไว้ ให้อาศัยอย่างยากลำบากในบ้านร้างแห่งหนึ่งจนเป็นเรื้อนและมีสภาพราวกับหินเลยทีเดียว   เรื่องมีอยู่ว่าแชแนลยูทูบ Victor Larkhill ที่ทำหน้าที่ในการช่วยเหลือเหล่าสัตว์โลกทั้งหลายที่ได้รับความลำบาก .   และพวกเขาก็ได้ทำการช่วยเหลือเจ้าหมา 2 ตัวที่ถูกทิ้งไว้ให้มีชีวิตอย่างยากลำบาก จนป่วยเป็นโรคเรื้อนส่งผลให้เนื้อตัวของมันเขรอะไปด้วยผิวหนังที่แห้งตกสะเก็ดราวกับว่ากลายเป็นหินเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังไม่พอยังป่วยเป็นโรคพยาธิ และต้องผจญกับความหิวโหยอีกต่างหาก   คุณ Victor และทีมได้ทำการพาเจ้าหมา Oscar และเจ้า Helena ไปหาหมอ และประกาศขอระดมทุนเพื่อหาเงินมาช่วยทำการรักษาให้กับพวกมัน .   จนในที่สุดอาการของพวกมันก็ค่อยๆ ดีขึ้นทีละเล็กละน้อย และขนของมันก็ค่อยๆ ขึ้นจนในที่สุดก็เรียกได้ว่าหายดีแล้วล่ะ .   และตอนนี้ทั้งเจ้า Oscar และเจ้า Helena ก็ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกันในบ้านหลังใหม่ พร้อมกับเจ้านายที่จะคอยดูแล และให้ความรักกับพวกมันไปตลอดชีวิตแล้ว ^^ .   ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ ราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละตัวเลยแฮะ ที่มา : viralnova

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่มันก็สร้างเสียงฮาให้กับชาวเน็ตได้ไม่น้อย   ในสมัยวัยแรกรุ่น เชื่อว่าหลายๆคนต้องเคยแอบอยากดื่มแอลกอฮอล์ หรือ สูบบุหรี่ดูบ้าง โดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่อยากจะทำให้ตัวเองดูโตขึ้นไวๆ เป็นวัยรุ่นเต็มตัวกับเค้าซักที แต่ดันมีกฏหมายมาห้ามไว้ ‘ห้ามขายสุราหรือบุหรี่แก่คนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี’ แบบนี้วัยรุ่นสุดเฟี้ยวก็อดเท่กับเขาน่ะซิ บางคนอาจจะใช้วิธีปลอมบัตร หรือฝากรุ่นพี่ซื้อ แต่วิธีของหนุ่มคนนี้มันเจ๋งกว่านั้นมาก เพราะเขาปลอมตัวเป็นแม่ตัวเองแทนซะเลย   ถ่ะแด๊มมม!!!! ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้เป็นใคร เพราะภาพนี้ถูกโพสต์ผ่านเฟซบุ๊คที่ชื่อว่า The Glasglow Gospel   หลังแอบเอาชุดคุณแม่มาใส่แล้ว กลัวว่าเค้าจะถามหาบัตรประชาชน เพื่อความสมจริงมันก็ต้องเป็นบัตรของแม่อยู่แล้ว!!!   ส่วนทั้งหมดน่ะเหรอ? ก็ทำไปเพื่อเหล้า 2 ขวดเนี่ยแหละ ฮ่าๆๆๆๆ   งานนี้พ่อหนุ่มก็ได้กลายมาเป็นผู้เรียกเสียงฮาให้แก่ชาวเน็ตทั้งหลาย เพราะพี่แกดันลงทุนปลอมตัวทั้งที แต่ก็เพื่อเหล้าชั้นล่างที่คนไม่ค่อยชอบกันอย่าง MD 20/20 เนี่ยนะ!?   “อุตส่าปลอมเป็นผู้หญิงทั้งที เพื่อ 20/20 ขวดเดียวเนี่ยนะ? ดูเหมือนว่าเธอทำอะไรได้โคตรไม่คุ้มเลย”   “มันก็เท่ดีนะ แต่เอิ่มม…20/20 เหรอ? เอาฟระอย่างน้อยก็ยังมีเหล้า Dragons ติดมือมาด้วย”…

ในยุคที่เศรษฐกิจมีทีท่าไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เรามักจะได้เห็นข่าวคราวการปล้น จี้ชิงทรัพย์ หรือพยายามล่อลวงทรัพย์สินอ จากเหยื่อผู้บริสุทธิ์อยู่เสมอ บางครั้งก็โชคดี เหยื่ออาจป้องกันตัวและเอาตัวรอดไปได้ และในบางครั้งโจรก็อาจจะโชคร้าย ไปเจอกับเหยื่อที่พกพาอาวุธ ทำให้เกิดการปะทะกันจนเสียชีวิตไปเลยก็มี แต่คงไม่มีใครที่จะใช้ความใจเย็น สู้กับโจรที่เข้ามาปล้นทรัพย์สิน ภายในร้านของตัวเองได้ดีเท่าแม่ค้าคนนี้อีกแล้ว…     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ Karamijt Sangha เจ้าของร้านขายของชำ กำลังใช้ชีวิตช่วงบ่ายอย่างเพลิดเพลินอยู่ในร้านของเธอเอง พร้อมกับจิบชาแบบสไตล์ผู้ดีอังกฤษ จู่ๆก็มีชายหนุ่มท่าทางเมายาพร้อมถือมีดขนาด 7 นิ้ว เดินวนไปมาหน้าร้าน ก่อนจะตัดสินใจเดินตรงเข้ามาในร้าน พร้อมกับ สั่งให้เธอนำเงินทั้งหมดที่มีให้เขา   โฉมหน้าของ Stuart Gleeson โจรดวงกุด กะจะปล้นทั้งทีแต่ดันเงิบกลับไปแทน   “ตอนนั้นฉันกำลังดื่มชาอยู่ค่ะ ก่อนที่เขาจะเข้ามาพร้อมมีดเล่มหนึ่ง ยาวประมาณ 7 นิ้ว ก่อนที่จะสั่งให้ฉันส่งเงินทั้งหมดไปให้เขา”  “อันที่จริงฉันก็ตื่นเต้นนะ แต่ตอนนั้นสติมันบอกให้เราใจเย็นๆ ทำตัวสบายๆ ก่อนที่ฉันจะบอกโจรไปว่า กำลังพักดื่มชาอยู่ยังไม่ว่าง” Sangha เล่า   หลังจากนั้นเขาก็พยายามสั่งให้เธอส่งเงินมาอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะทำท่าทางเหมือนยอมแต่โดยดี หลังจากนั้นเธอก็หยิบมีดขนาดเล็กขึ้นมา พร้อมกับชี้ขู่ไปที่โจร “เขาสั่งฉันอีก ฉันก็เลยแบบว่า..โอเคๆๆ หลังจากนั้นฉันเลยแอบหยิบมีด…

ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถบินได้อย่างนก ที่จะขึ้นไปบนฟากฟ้าแล้วมองโลกที่สวยงามลงมา แต่เราก็ยังรู้ดีอยู่ว่าโลกของเรามีสถานที่สวยงาม และน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย แต่มันคงจะดี ถ้าหากเราสามารถมองเห็นทุกอย่างผ่านลงมาจากข้างบนได้ เช่นเดียวกับ ช่างภาพและนักบิน Alex MacLean ระหว่างการเป็นนักบิน เขาได้ค้นพบว่าวิวที่ได้เห็นอยู่ประจำ และนั่นทำให้เขาหลงใหลในการถ่ายภาพมุมสูงอย่างยิ่ง เราลองชมผลงานของเขาที่ถ่ายทอดออกมา คงทำให้เรารู้สึกถึงความงามของโลกใบนี้มากแน่ๆ เลย   1. ฝูงนกฟลามิงโก้   2. สวนน้ำแห่งหนึ่งใน Ocean City รัฐแมรี่แลนด์   3. สระน้ำแบบมีคลื่น เห็นคนเหลือตัวเท่ามด!!   4. ท่าเรือกลางน้ำ ดูจากมุมนี้แล้ว เหมือนดอกไม้เลยเนาะ   5. ลานจอดรถ จากสนามแข่งรถแห่งหนึ่ง   6. นักเล่นเซิร์ฟที่ชายหาด Sunset ในรัฐฮาวาย   7. ตู้ขนส่งจำนวนมาก ดูไกลๆแล้วเหมือนตัวต่อเลโก้   8. รถไฟสำหรับขนถ่านหิน   9. แพไม้กลางน้ำ จากเมืองโอลิมเปีย รัฐวอชิงตัน   10. ถนนที่ดูสลับซับซ้อนกันไปมา…

อีกหนึ่งธรรมชาติในเวลากลางคืนที่เราไม่ควรพลาดนั่นก็คือ ความงามของดวงจันทร์ โดยเฉพาะวันที่พระจันทร์เต็มดวง หรือวันสุริยุปราคา ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก สำหรับเดือนกันยายนนี้ พระจันทร์เต็มดวงที่เรียกว่า Harvest Moon ซึ่งใกล้เคียงกับปรากฏการณ์ Equinox (ศารทวิษุวัต) ที่จะขึ้นในวันที่ 22 เดือนกันยายนทางซีกโลกเหนือ และปรากฏการณ์สมบูรณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกจนกว่าจะถึงปี 2024 ตามประวัติจากสมัยโบราณ ดวงจันทร์จะส่องแสงนานขึ้นประมาณครึ่งชั่วโมงในแต่ละคืน ทำให้เหล่าเกษตรกรมีเวลามากขึ้นในการเก็บเกี่ยวพืชผลของพวกเขา และในเย็นวันเดียวกันนี้ Harvest moon จะถูกปกคลุมด้วยเงาของโลกหรือที่รู้จักกันว่า จันทรุปราคาเงามัว   ภาพขณะที่เครื่องบินกำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินนานาชาติลอส แอนเจลิส โดยเดินทางตัดผ่านภาพพระจันทร์   Harvest moon หรือพระจันทร์ในฤดูเก็บเกี่ยว สามารถมองเห็นได้ทั่วโลก และคราส สามารถมองเห็นได้ในยุโรป แอฟริกา ออสเตรเลียและเอเชีย ส่วนในภาพนี้มาจาก Replin ประเทศเยอรมนี   ดวงจันทร์เก็บเกี่ยวที่ขึ้นอยู่ด้านหลังของเขา St Michael ใน Cornwall ประเทศสหราชอาณาจักร โดยดวงจันทร์เก็บเกี่ยวและคราสนั้นจะไม่เกิดขึ้นพร้อมกันอีกจนกว่าจะถึงปี 2024 . .   ในส่วนอื่น ๆ ของสหราชอาณาจักรนั้น จะสามารถมองเห็นพระจันทร์ส่องแสงสดใส แม้จะมีจันทรุปราคาเงามัวอยู่ก็ตาม ซึ่งสามารถมองเห็นได้ในยุโรป…

ไม่ว่าเราจะไปส่วนไหนของโลก ตะวันตก ตะวันออก หรือจะขึ้นเหนือแล้วลงใต้ เชื่อว่ายังไงเราก็ต้องได้เจอกับคนที่มีเชื้อสายจีนอยู่แน่นอน แม้แต่ในประเทศไทยของเราเอง ก็มีคนที่สืบเชื้อสายจีน อาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน เหตุผลก็ไม่น่าแปลกใจนัก ก็เพราะประเทศจีนยักษ์ใหญ่ มีประชากรมากถึง 1.4 พันล้านคน!!! (เฉพาะในประเทศเท่านั้น และคาดว่ามีคนจีนอาศัยอยู่ในประเทศต่างๆ รวมกันอีกกว่า 50 ล้านคน) และถ้าหากคุณคิดว่าวันยุ่งๆใน กรุงเทพฯ แออัดมากแล้ว เราขอพาไปดูที่จีนกันบ้างเพราะที่นี่ก็ไม่แพ้กัน..   ภาพงานวันตรุษจีน ในเซี่ยงไฮ้ เมืองที่มีประชากรแน่นหนามากที่สุดในประเทศ   ผู้ว่างงานจำนวนมากต่างพากันมาหางานทำ ที่งานนัดพบแรงงาน ในเทศบาลเมืองฉงชิ่ง (คนเยอะมาก!!!)   ด้วยอากาศที่ร้อนสุดๆ ทำให้ชาวเมืองต่างพากันออกมาเล่นน้ำที่สวนน้ำแห่งหนึ่ง ในมณฑลเสฉวน   ดูคลิปประกอบ แล้วจะรู้ว่า…คนเยอะได้ขนาดไหน   แท็กซี่จำนวนมากจอดรอผู้โดยสาร ที่สนามบินในเมืองปักกิ่ง   จักรยานที่จอดอยู่นอกสถานีรถไฟใต้ดินของปักกิ่งจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความหนาแน่นของประชากร   นักเรียนจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมือง Yichuan มณฑลส่านซี ต้องสอบกลางแจ้ง เพราะไม่มีห้องที่ใหญ่พอจะรองรับจำนวนนักเรียนได้   เสื้อผ้าที่ตากอยู่จำนวนมากในหอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเ่ป่ย์   วันธรรมดาๆ…

เรื่องราวการช่วยเหลือเจ้ามิ้วน้อย 2 ตัว ที่มีคนพบเจอมันอยู่บนต้นไม้ พร้อมกับมีเศษใบไม้ล้อมรอบแลดูคล้ายกับรัง แต่… ตอนนี้ก็ยังหาตัวแม่ของมันไม่พบเลย     เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ SMART จาก Los Angeles ได้รับแจ้งให้ไปทำการช่วยเหลือมิ้วน้อยสองตัวที่บ้านหลังหนึ่ง พวกเขาได้รับสายโทรศัพท์เล่าว่ามีเสียงร้องของแมวน้อยติดอยู่บนต้นไม้ ทันใดนั้นเองเจ้าหน้าที่ชื่อว่า Nav ก็รุดไปยังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว “เมื่อคุณ Nav ไปถึง ก็พบกับต้นไม้ที่มีความสูงกว่า 10 เมตรเลยทีเดียว” กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ SMART โพสต์เล่าเรื่องราวลงในเพจเฟซบุ๊ค   คุณ Nav ได้ทำการตรวจดูที่อยู่ของเจ้ามิ้วน้อยอยู่ข้างล่างก่อน จากนั้นก็นำบันไดที่มีความยาวประมาณ 180 เซนติเมตร เพื่อปีนขึ้นไปข้างบนต้นไม้เพื่อเช็คให้แน่ใจ หลังจากที่ปีนขึ้นไปแล้วเขาก็ได้พบกับเจ้ามิ้วน้อย 2 ตัวกำลังนอนอยู่บนต้นไม้ กลางดงใบไม้ ที่ดูคล้ายกับเป็นรังของมัน “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ย ถ้าไม่ได้เห็นเองกับตา” คุณ Nav กล่าว     “เจ้าเหมียวน้อยที่ถูกทิ้งไว้ และไม่มีใครต้องการ กำลังนอนอยู่ท่ามกลางใบไม้ ที่เสมือนเป็นรังของมัน” คุณ Nav เล่าเพิ่มเติม และทางทีมช่วยเหลือก็คิดว่าแม่ของมันอาจจะกลับมาหาลูกๆ ก็ได้…

ในวัยเด็กเป็นช่วงวัยแห่งความสนุกสนาน ทุกๆ คนมักจะออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อน ตื่นเต้นไปกับสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ หรือง่วนอยู่กับของเล่นที่แม่เพิ่งจะซื้อให้ แต่หนุ่มน้อยคนนี้กลับมีความคิดที่ก้าวไกลกว่านั้นมาก     นี่คือเรื่องราวน่าประทับใจของหนุ่มน้อย Tyler Hardiman วัย 6 ขวบ จากเมืองกราฟตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา วันหนึ่งเขาดันไปได้ยินข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองของเขาป่วยเป็นโรคมะเร็ง และเขาต้องการที่จะช่วยเหลือตำรวจคนนั้นมากๆ แม้จะไม่เคยเจอกันเลยก็ตาม     เด็กชาย Tyler จึงปิ๊งไอเดียในการสร้างธุรกิจเล็กๆ อย่างการขายน้ำมะนาวและขนมเล็กๆ น้อยๆ ข้างถนนขึ้นมา เพื่อระดมเงินแล้วนำไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อการรักษาตัว     ซึ่งที่ป้ายร้านมีข้อความบอกว่า “ร้านน้ำมะนาว เปิด 3-5 โมงเย็น รายได้มอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ต่อสู้กับโรคมะเร็ง”     เมื่อเรื่องราวของร้านขายน้ำมะนาวแห่งนี้เริ่มเป็นที่พูดถึงของชาวบ้านในละแวกนั้นไปเรื่อยๆ ลูกค้าจากหลายๆ ที่ก็พากันมาซื้อน้ำมะนาวของเขามากขึ้น เพื่อนๆ ของเขาก็มาช่วยกันขายของเพื่อสนับสนุนให้เขาช่วยเหลือตำรวจคนนั้นได้สำเร็จ     เรื่องของเขาก็เริ่มไปถึงหูของสถานีตำรวจท้องถิ่น พวกเขาก็ไม่เพิกเฉย พากันยกขบวนกันมาที่ร้านขายน้ำมะนาวข้างถนน แล้วมอบเสื้อเชิ้ต เสื้อกั๊กและเข็มกลัดให้กับเขา เพื่อเป็นรางวัลตอบแทน ทางด้านนาง Danielle Hardiman แม่ของเขาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “มันยอดมาก…

กลายเป็นเรื่องราวชวนอมยิ้มไปซะแล้ว หลังจากที่เจ้าซาเลม แมวเหมียวขนสีดำสนิทตัวนี้ มักจะชอบตามติดทหารหนุ่มคนหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังปฏิบัติภารกิจในต่างแดน งานนี้จึงทำให้เขาได้ตัดสินใจรับมันกลับมาเลี้ยงซะเลย ก่อนหน้านี้เจ้าซาเลม เป็นแมวเหมียวจรจัดตัวน้อยๆ ที่อยู่ในละแวกเมืองคอนสแตนตา ประเทศโรมาเนีย จนกระทั่งวันหนึ่งมันก็ได้เจอกับจัสติน ทหารหนุ่มที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณนั้น ทั้งคู่เข้ากันได้อย่างรวดเร็ว ถึงกับขั้นเข้ามานอนในหมวกของเขาอีกด้วย     ในใจของมันอาจจะกำลังเลือกให้เขาเป็นทาสคนใหม่ เพื่อจะรับมันกลับไปเลี้ยงก็เป็นได้   นับตั้งแต่ที่จัสตินได้เจอกับเจ้าเหมียวน้อยตัวนี้ มันก็มักจะชอบตามเขาไปทุกครั้งที่มันเห็นเขา “ผมเจอกับมันประมาณอาทิตย์ที่แล้ว จากนั้นมันก็เดินตามผมกลับมาถึงในค่ายพักเลย” จัสตินกล่าว     เจ้าเหมียวมักจะชอบกระโดดมานอนบนตักของเขา เพื่อต้องการความรัก และอยากให้เขาสนใจ แม้กระทั่งแอบเข้าไปนอนงีบในหมวกกันน็อคของจัสตินมันก็ทำมาแล้ว     นี่แหละน้าที่เขาเรียกว่ามิตรภาพเกิดขึ้นได้ทุกที่  แม้แต่ในค่ายทหารเรายังได้เห็นมิตรภาพน่ารักๆ ของเจ้าเหมียวและมนุษย์เลย   เจ้าซาเลมเป็นแมวที่น่ารักต่อเพื่อนมนุษย์ของมัน และทำให้เขารู้สึกสบายใจ ในยามที่เขาคิดถึงบ้าน   จัสตินเหลือเวลาอีกครึ่งเดือนที่ต้องทำงานอยู่ในโรมาเนีย และเขาเองก็กำลังวางแผนที่จะพาเจ้าเหมียวไปพบสัตว์แพทย์ และมองหากลุ่มช่วยเหลือที่จะส่งตัวของมันไปที่บ้านของเขาในเอลแพโซ  รัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา     หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เขาและภรรยาก็พร้อมต้อนรับมันเข้าสู่บ้านหลังใหม่ แน่นอนว่าเธอจะต้องชื่นชอบมัน และพร้อมที่จะดูแลมันเป็นอย่างดี     ตอนนี้ก็ได้นายใหม่ และบ้านหลังใหม่ที่แสนอบอุ่น…

‘ช่างกล้อง’ เป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจ และน่าอิจฉาสุดๆ เพราะนอกจากพวกเขาจะได้ทำงานที่รักแล้ว ยังได้ออกไปเปิดหูเปิดตา ถ่ายภาพเรื่องราวใหม่ๆอยู่เสมอ และนี่คือเรื่องราวที่มาที่ไป ถูกเล่าออกมาจากปากของช่างภาพกับภาพถ่ายอันโด่งดัง เชื่อว่าภาพถ่ายของพวกเขาต้องเคยผ่านตาเพื่อนๆ กันมาบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อย   1. ภาพถ่ายของสมาชิกวง The Beatles แฟนเพลงของ สี่เต่าทอง หลายๆ คนคงรู้จักภาพนี้ดี มันถูกถ่ายขึ้นที่โรงแรม George V Hotel ณ กรุงปารีส เมื่อปี 1964 โดย Harry Benson “Brian Epstein ผู้จัดการของวง บอกพวกเขาว่าผมเป็นช่างภาพอันดับหนึ่งในอเมริกา และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเขายอมให้ผมร่วมเดินทาง และถ่ายภาพได้อย่างใกล้ชิด” .   2. ภาพถ่ายหญิงสาวผู้อพยพชาวอัฟกานิสถาน ภาพนี้ถูกถ่ายขึ้นที่เมือง Peshawar ประเทศปากีสถาน ตั้งแต่ปี 1984 โดยช่างภาพที่ชื่อว่า Steve McCurry ด้วยดวงตาของหญิงสาวผู้ต้องเดินทางอพยพ สะท้อนอารมณ์ และความรู้สึกให้คนทั้งโลกได้รับรู้ กับการได้ขึ้นเป็นปกนิตยสาร National Geographic…

สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทำให้เราต้องคอยรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเสมอ ซึ่งไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์ป่าอีกมากมายด้วย เมื่อไม่นานมานี้ ได้เกิดลมพายุพัดกระหน่ำ จนทำให้ได้รับความเสียหายมากมายในพื้นที่รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากสร้างความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนแล้ว ยังสร้างความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยของเหล่าสัตว์ด้วย จนเป็นเหตุคาดการณ์ที่ว่าในบริเวณเมืองเวอร์จิเนียบีช ลูกกระรอกกว่า 220 ตัว จะถูกพัดตกลงมาจากต้นไม้และกระจัดกระจายไปทั่วจนห่างออกไปไกลจากแม่ของมัน กระรอกหลายตัวได้รับบาดเจ็บและมีแนวโน้มว่าจะตาย เพราะมันตกลงมาจากที่สูงแถมยังถูกพัดไปไกล แต่โชคดีที่พอมีคนรู้ พวกเขาก็เริ่มออกตามหากระรอกตามพุ่มไม้ต่างๆ     จนในที่สุดเจ้าหน้าที่จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Virginia Beach Society for the Prevention of Cruelty to Animals (VBSPCA) ก็พบกับลูกกระรอกประมาณ 78 ตัว และกลุ่มอาสาสมัครอีกสองกลุ่มก็สามารถพากลับมาได้อีก 100 ตัว ส่วนที่เหลือนั้นยังคงติดตามค้นหากันต่อไป     กระรอกแต่ละตัวนั้น มีอายุแค่ไม่กี่วันหรือแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นเอง พวกมันจึงต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้แบบนั้น มักอาจจะเสียชีวิตได้ ทางศูนย์พักพิงเองก็ได้ดูแลรักษาพวกมันอย่างดี และทำให้พวกมันมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น แต่การดูแลกระรอกนั้น ค่อนข้างที่จะซับซ้อนนิดหน่อย     Evelyn จากศูนย์คุ้มครองสัตว์ป่า Evelyn อธิบายให้  The…

ปัจจุบัน การจะหาบ้านดีๆ สักหลังนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก ขอแค่มีเงินก็พอ แต่สิ่งที่หาได้ยากคือ เพื่อนบ้านที่ดีต่างหากล่ะ เพราะต่อให้มีเงินมากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถซื้อใจของเพื่อนบ้านไปได้ อย่างกรณีของ Anne Glancey ซึ่งเป็นคุณครูผู้เกษียณแล้ว เธออยู่อาศัยภายในบ้านหลังนี้มานานแล้ว และมันก็เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา จนเป็นสาเหตุที่ทางการเทศบาลตั้งค่าปรับกับเธอที่ไม่ยอมปรับปรุงสภาพบ้าน เธอถูกปรับเป็นจำนวน 3,000 ดอลลาร์ต่อวันจนกว่าจะซ่อมแซมบ้านให้เสร็จ นับว่าเป็นเงินจำนวนที่เยอะมาก ทั้งๆ ที่เธอเองก็ไม่มีเงิน ไม่มีครอบครัวและเพื่อนที่พร้อมจะช่วยเหลือเธอเลย แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเหล่าเพื่อนบ้านผู้แสนใจดีหยิบยื่นน้ำใจเข้ามาให้เธอ และสิ่งเหล่านี้ก็ได้เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล     วันหนึ่งเธอได้เห็นคู่หนุ่มสาวสองคนกำลังช่วยกันซ่อมแซมบ้านให้เธอ นั่นก็คือ Adam และ Kristin Polhemus พวกเขาคือเพื่อนบ้านของเธอที่ย้ายมาอยู่ที่เมือง Hamilton รัฐ New Jersey แห่งนี้ เมื่อห้าปีก่อน ทั้งคู่ได้รับรู้เรื่องราวของ Anne และไม่สบายใจที่เธอต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ โดยก่อนหน้าทั้งคู่ก็ได้เสนอความช่วยเหลือให้ Anne หลายครั้ง แต่เพราะเธอเป็นคนขี้เกรงใจ จึงปฏิเสธทุกครั้ง ดังนั้นครั้งนี้ ทั้งคู่จึงตัดสินใจว่า ต้องช่วยเธอให้ได้ แทนที่จะใช้ช่วงเวลาในวันหยุดเพื่อไปพักผ่อน แต่ทั้งคู่กลับชวนเพื่อนบ้านคนอื่นๆ มาช่วยกันซ่อมแซมบ้านให้กับ Anne ด้วยสภาพบ้านที่เก่าและโทรม…

หนึ่งในความใฝ่ฝันสูงสุดของผู้หญิงส่วนใหญ่นั้นก็คือการได้เข้าพิธีแต่งงานของตัวเอง เหมือนกับหญิงสาวคนนี้ที่มีความใฝ่ฝันอยากแต่งงานเช่นเดียวกับผู้หญิงทั่วไป Anna Swabey วิดีโอบล็อกเกอร์สาววัย 24 ปี ได้เจอกับแฟนหนุ่ม Andy Bell ในแอพ Tinder เมื่อปีที่แล้ว และทั้งคู่ก็มีแพลนจะแต่งงานในช่วงเวลาอันใกล้ แต่พอถึงเช้าวันแต่งงาน เธอก็มีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว และเสียชีวิตในเช้าวันนั้น โดยทางครอบครัวได้โพสต์เรื่องการเสียชีวิตของเธอลงใน Facebook ว่า Anna ได้จากไปอย่างสงบแล้ว     ‘ฉันไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้เป็นคำพูดยังไง แต่ท่ามกลางความเศร้าโศกนี้ เธอก็ทำให้เราภูมิในความเข้มแข็งของเธอ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น เธอไม่ได้แสดงอาการเจ็บป่วยของเธอเลย’ โดย Anna ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเนื้องอกในสมองชนิดหายาก ซึ่งอยู่ในระยะที่สาม ที่เรียกว่า anaplastic astrocytoma เมื่อเดือนมกราคม ปี 2015 และตั้งแต่นั้นมา เธอก็ได้ทำกิจกรรมรณรงค์ให้ผู้คนได้ตระหนักถึงความสำคัญของโรคนี้ เป็นผลทำให้สามารถระดมทุนให้กับทีมวิจัยเนื้องอกในสมองได้ประมาณ 3 ล้านบาทเลยทีเดียว Wendy Fulcher ผู้ก่อตั้งองค์กรการกุศลสบทบทุนวิจัยเนื้องอกในสมองบอกว่า ‘Anna เป็นคนที่ร่าเริง สดใส และเป็นหนึ่งบรรดาผู้ป่วยที่ทำตัวเป็นธรรมชาติมาก’     ในขณะที่ Andy Bell คู่หมั้นของ Anna…

เราเคยสงสัยมั้ยว่า กว่าจะเกิดมาเป็นหนึ่งชีวิตได้นั้น ต้องมีขั้นตอนและกระบวนการอย่างไร แน่นอนว่า เราคงเคยเห็นมาบ้างแล้วมา ผ่านทางสื่อต่างๆ และจากผลงานของศิลปินหรือนักวิทยาศาสตร์มากย โดยหนึ่งในผู้ที่จะทำให้เราได้เห็นภาพกระบวนการกำเนิดชีวิตได้ชัดเจนยิ่งกว่านั้นก็คือ Lennart Nilsson ช่างภาพผู้ใช้เวลากว่า 10 ปี ในการบันทึกขั้นตอนการเกิดของมนุษย์ ตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อนในครรภ์กันเลยทีเดียว Nilsson เป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี 1965 เมื่อนิตยสาร LIFE ได้ตีพิมพ์ภาพถ่ายของเขาเกี่ยวกับตัวอ่อนของมนุษย์ถึง 16 หน้า ทำให้ภาพเหล่านั้น ถูกนำไปตีพิมพ์ซ้ำทันทีในนิตยสาร Stern Paris, Match, The Sunday Times และสิ่งพิมพ์อื่นๆ อีกมากมาย     Nilsson มีความหลงใหลในกล้องจุลทรรศน์และการถ่ายรูปมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว โดยเขามักจะถ่ายภาพร่างกายของมนุษย์ในระดับจุลภาค เขาพยายามถ่ายภาพทารกเช่นนี้ตั้งแต่ปี 1957 แล้ว แต่ตอนนั้น มันยังไม่ดีพอสำหรับการเผยแพร่เท่าไรนัก Nilsson จึงพยายามทำภาพให้ออกมาดีที่สุดโดยใช้ Cystoscope ซึ่งเป็นกล้องส่องขนาดเล็กที่ใช้ในการตรวจสอบภายในของกระเพาะปัสสาวะ เขาแนบกล้องพร้อมกับแสงไฟเล็ก ๆ ลงไปในครรภ์แล้วบันทึกภาพของตัวอ่อน ผลงานของเขา จึงทำให้เราได้เห็นพัฒนาการของชีวิตว่า กว่าจะเกิดมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้นั้น จะมีวิวัฒนาการอย่างไรบ้าง   ตัวอสุจิกำลังเดินทางไปสู่รังไข่   รังไข่   ช่วงเวลาที่สำคัญที่อสุจิกำลังจะเข้าไปในไข่…

รอบๆ ตัวเราเต็มไปด้วยช่างภาพมากมาย และแต่ละคนนั้นก็มีแนวการถ่ายภาพที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหน หรือได้รับแรงบันดาลใจมาจากอะไรบ้าง เหมือนกับ Donato Di Camillo วัย 47 ปีจากนิวยอร์ก ที่ได้เริ่มถ่ายรูปอย่างจริงจังในปี 2014 ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ โดยได้เดินไปรอบเมืองที่เขาคุ้นเคยพร้อมกับกล้องถ่ายรูปประจำตัว ถ่ายรูปผู้คนที่เขาพบเจอรวมทั้งคนที่เดินผ่านเขาด้วย จนกลายเป็นงานอดิเรกของเขาไปเลย Di Camillo เริ่มสนใจการถ่ายภาพเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ในระหว่างที่ถูกจับเข้าคุกด้วยความผิดทางอาญา ซึ่งตอนที่นั่งอยู่ในห้องขัง เขาก็ซึมซับการถ่ายภาพจากนิตยสาร National Geographic, Time และ Smithsonian จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการถ่ายภาพโลกภายนอกของเขามากขึ้น     Di Camilo บอกว่า นิตยสารเหล่านี้ ทำให้เขาได้เรียนรู้โลกภายนอก “ผมได้อ่านเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ และเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยา ผมจึงตระหนักได้ว่า ความรู้ที่ผมได้มานั้น มาจากตามท้องถนนโดยไม่รู้ตัวเลย” และความรู้ทั้งหมดนี้ ทำให้เขาได้เรียนรู้ความหลากหลายและบุคลิกภาพของผู้คนรอบๆ บนท้องถนนได้เป็นอย่างดี และกลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการถ่ายรูปของเขาในเวลาต่อมา     Di Camillo มีประวัติเกี่ยวกับการขโมย ซึ่งถูกจับครั้งแรกตอนอายุ 12 ปี ต่อมา…

เป็นอีกเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นบนเกาะอังกฤษ ของหญิงสาวผู้เป็นโค้ชออกกำลังกาย แต่ระหว่างการเดินทาง ดันเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับเธอ เหตุการณ์ดังต่อไปนี้ขอบอกเลยว่า ได้กลิ่นอายหนังรักโรแมนติค ชวนให้ลุ้นกันสุดๆ   Ellie Farnfield โค้ชฟิตเนสสาววัย 27 ปี ชาวอังกฤษ วันหนึ่งเธอกำลังเดินทางไปสอนฟิตเนส ในตัวเมืองลอนดอน ด้วยรถไฟ หลังจากที่รถไฟได้เคลื่อนขบวนมาถึงสถานีผลายทาง จู่ๆเธอก็เป็นลมชักหมดสติลงในขบวนรถไฟนั้น   พอตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองได้อยู่ที่โรงพยาบาลซะแล้ว เธอไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เลย ไม่รู้ตัวว่าเพราะเหตุใดเธอถึงหมดสติ แล้วมาโผล่ที่โรงพยาบาล แต่แล้วเธอก็ดันเหลือไปเห็บกระดาษโน๊ตแผ่นหนึ่ง วางอยู่ข้างๆเตียงพยาบาลของเธอ…     “ถึงคุณผู้หญิงคนสวย ผมหวังว่าตอนที่คุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้ คุณคงรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว จู่ๆคุณก็ชักและเป็นลมหมดสติไป แต่หัวของคุณไม่ได้รับการกระทบกระเทือนแต่อย่างใด มีแต่ขาของคุณที่ผมดันเผลอเดินไปเหยียบใส่ ก่อนจะเห็นว่าคุณนอนกองอยู่บนพื้น ผมขอโทษด้วยนะ และผมก็ต้องขอโทษจริงๆ ที่ไม่สามารถอยู่เฝ้าอาการคุณได้ แต่นี่คือกาแฟที่อาจช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง และเงินอีกจำนวน £10 เพื่อเป็นค่ารถแท็กซี่เดินทางกลับบ้านของคุณ ขอโทษอีกครั้งที่ผมไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้มากกว่านี้ หวังว่าคุณคงไม่อาศัยอยู่ไกลเกินไปหรอกนะ ผมได้ติดต่อเพื่อนและญาติจากโทรศัพท์ของคุณให้แล้ว หวังว่าคุณคงจะมีความสุขและหายป่วยไวๆนะครับ รักจาก ทอม”     หลังจากที่เธอได้อ่านจดหมายจบ น้ำตาเธอแทบไหลพร้อมกับคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวทันทีว่า “พ่อเทพบุตรทอมที่ช่วยเหลือฉันเป็นใครกันแน่นะ?” เธอไม่รู้ว่าจะตามหาหนุ่มที่ชื่อทอมนี้ได้อย่างไร เธอจึงตัดสินใจที่จะโพสต์มันลงเฟซบุ๊ค ถึงแม้ว่าเรื่องราวของเธอจะกลายเป็นที่สนใจของชาวเน็ต…

Reneita Smith เธอคือพนักงานขับรถของโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในแมรี่แลนด์ นอกจากนี้เธอยังเป็นฮีโร่อีกด้วย เนื่องจากว่าเธอได้เสี่ยงชีวิตตัวเองเข้าไปช่วยเด็กกว่า 20 คนในรถบัสที่กำลังติดไฟ Mark Brady โฆษกของหน่วยฉุกเฉินได้เล่าว่าเขาได้รับรายงานว่ามีรถบัสรับส่งนักเรียนกำลังเกิดเพลิงไหม้ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าเห็นภาพจากกล้องติดหน้ารถยนต์แล้วเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากๆ   แต่เมื่อเขาไปถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้พบกับเด็กนักเรียน 20 ชีวิตอยู่นอกรถบัสโดยได้รับความช่วยเหลือจากคนขับรถบัสที่เธอสามารถตั้งสติแล้วช่วยเหลือทุกคนออกมาได้ ซึ่งตอนนี้กำลังหาสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้อยู่ Fall Kabir หนึ่งในผู้ปกครองเด็กได้ไปยังที่เกิดเหตุหลังทราบข่าวก็ได้เขียนยกย่องการกระทำของคนขับรถบัสคันนี้ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธออีกด้วย   ผู้ปกครองคนนี้ได้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าคนขับรถคนนี้ได้พยายามลุยเข้าไปในรถแล้วพาเด็กออกมา “ทีละคน” คนครบ 20 คนก่อนที่รถจะลุกไหม้จนเสียหายหนัก อีกทั้ง Reneita Smith คนขับรถผู้เป็นฮีโร่คนนี้ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันมีลูกสองคน ฉันเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ดีว่ารักและห่วงลูกมากแค่ไหน การช่วยเหลือเด็กๆ คืองานของฉัน”   ถือเป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของคนขับรถหญิงท่านนี้ เธอคือฮีโร่ที่แท้จริง ที่มา distractify

การช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากนั้น นับเป็นเรื่องที่มีอยู่ในจิตสำนึกของมนุษย์ทุกคน อยู่ที่ว่า เราเลือกจะเผยมันออกมา หรือเก็บมันไว้อย่างนั้น เจ้าชายวิลเลี่ยมเอง เป็นหนึ่งในแบบอย่างของการช่วยเหลือผู้คน และยังเป็นแบบอย่างพ่อที่ดีให้กับหลายคนๆ ด้วยวิธีการเลี้ยงลูกแบบที่นักวิชาการเอง ต่างก็เห็นด้วย อ่านบทความ: เผยเทคนิคเล็กๆ ในการเลี้ยงลูกอย่างชาญฉลาดของ ‘เจ้าชายวิลเลียม’ แห่งอังกฤษ   มาครั้งนี้ เจ้าชายได้แสดงให้เราได้เห็นถึงการมีน้ำใจต่อเพื่อมนุษย์ โดยไม่แบ่งแยกชนชั้น ด้วยการช่วยทหารติดตามพระองค์คนหนึ่งที่ลื่นล้มบนถนนที่เปียกไปด้วยน้ำฝน     เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในระหว่างที่ Jonathan Douglas-Hughes ซึ่งเป็นรองผู้แทนของ Essex และตัวแทนของ สมเด็จพระราชินีฯ กำลังรับเสด็จดยุคและดัชเชส แห่งเคมบริดจ์ ที่สถาบันการศึกษา Stewards ในฮาร์โลว์ ในขณะที่เจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าหญิงเคท กำลังแนะนำบุคคลสำคัญในท้องถิ่น ท่ามกลางฝูงชนประมาณ 30 คน ทันได้นั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียง Douglas-Hughes ทหารวัย 72 ที่กำลังอยู่เครื่องแบบเต็มยศ ล้มลงไปกับพื้น     เจ้าชายไม่รอช้า รีบหันหลัง เดินเข้าช่วยประคองเขาลุกขึ้นทันที ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองอย่างชื่นชมในน้ำใจของเจ้าชาย เมื่อลุกขึ้นยืนได้ Douglas-Hughes ได้กล่าวกับเจ้าชายด้วยความรู้สึกผิดว่า “ขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยครับ” เจ้าชายได้ตอบเขาว่า “ไม่เป็นไรเลย”   วินาทีที่เจ้าชายเข้าไปช่วยทหารคนนี้ โดยไม่ลังเลเลย .…

เรื่องราวของเจ้าเหมียวน้อยอายุ 5 สัปดาห์ที่ถูกพบอยู่ที่ถนนไฮเวย์ เมื่อคุณ Carmen Bernard ที่อาศัยอยู่ในรัฐฟลอริดาไปพบเข้า ก็สังเกตเห็นได้ว่าขาของมันนั้นมีความผิดปกติงอม้วนไปด้านหลังเหมือนกับขนม Pretzel ยังไงยังงั้นเลย     คุณ Carmen ได้คาดการณ์ว่ามันอาจจะถูกรถชนจนทำให้ขาของมันมีสภาพเป็นแบบที่เห็น เธอก็เลยพามันไปหาสัตวแพทย์ในเช้าวันต่อมา และก็พบว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด เพียงแต่ว่ามันไม่สามารถเดินได้เหมือนอย่างปกติ หลังจากการตรวจสอบอาการของมันแล้วทางสัตวแพทย์ก็ได้สรุปว่าขาของเจ้าเหมียวน้อยเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิดแล้ว โดยเกิดมาจากความผิดปกติทางพันธุกรรม และเท่านั้นยังไม่พอพวกเขาก็ได้ตรวจพบว่าตาทั้งสองข้างของมันบอดสนิทอีกด้วย โดยมีเฉพาะขาหลังทั้งสองข้างของมันนั้นที่มีความผิดปกติงอม้วนกลับไปข้างหลัง ส่วนข้างซ้ายนั้นก็มีอาการงออยู่เหมือนกันแต่มีอาการไม่หนักเท่าข้างขวา นั่นเป็นเหตุทำให้มันไม่สามารถเดินได้ แต่ขาหน้าที่เหลือยังคงใช้งานได้อย่างปกติดี ทางสัตวแพทย์ก็ได้มอบทางเลือกให้กับคุณ Carmen สองทาง อย่างแรกก็คือการทำการุณยฆาตให้มันหลับอย่างสบายตลอดไป หรืออีกทางหนึ่งก็คือต้องดูแลมันไปตลอดชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าคุณ Carmen เลือกอย่างหลังโดยไม่มีการลังเลใดๆ   เธอก็เลยตั้งชื่อให้เจ้าเหมียวน้อยตัวนี้ว่าเจ้า Pretzel   เมื่อเจ้า Pretzel มาถึงที่บ้านใหม่ มันรู้สึกกลัวต่อทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อมีอะไรเข้ามาใกล้มันก็จะทำการขู่ฟ่อ พร้อมกับลงมือตบตีอย่างไม่มีเยื่อใย นั่นอาจเป็นเพราะว่ามันไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์มาก่อนเลยก็เป็นได้ จึงทำให้มันรู้สึกตกใจ การที่มันมองไม่เห็นนั้นสร้างความเครียดให้กับมันมากพอดูเลยล่ะ แต่ในวันหนึ่งด้วยความพยายามของคุณ Carmen ที่คอยมอบความรักให้กับมัน และดูแลมันเป็นอย่างดี เจ้าเหมียวน้อยก็เริ่มหายใจเสียงครางออกมา พร้อมกับเอาหัวไปถูกับคุณ Carmen แล้วล่ะ แสดงให้เห็นว่ามันเริ่มที่จะเปิดใจบ้างแล้ว…

ในทุกๆ ครั้งที่มีการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ก็มักจะมีเหตุการณ์ที่เป็นข่าวมากมาย โดยเฉพาะการมาต่อคิวซื้อของผู้คนที่อยากจะเป็นเจ้าของคนแรกๆ ของโลก แต่ด้วยความที่ยุคสมัยเปลี่ยนไป อีกทั้งทาง iPhone ก็ไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่เหมือนเมื่อก่อน จนความรู้สึกอยากจะเป็นเจ้าของคนแรกๆ นั้นก็เริ่มหายไป และจะเห็นได้ว่าการต่อแถวซื้อก็เริ่มลดน้อยลงไปด้วย     เหมือนอย่างในวันนี้ที่เมือง Viborg ประเทศเดนมาร์ก ได้มีการเปิดตัว iPhone 7 ซึ่งคิดว่ามันน่าจะยิ่งใหญ่ แต่ที่ไหนได้ มีคนมารอเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น แต่ที่มันพีคก็คือตรงหน้าประตูได้ทำซุ้มลูกโป่งสีทองสวยงามอลังการมาไว้ แล้วพอถึงเวลาก็มีการดึงพลุกระดาษให้ด้วย ทำเอาคนที่จะเดินเข้าไปมีการเขินนิดๆ ด้วย ไปชมคลิปกันเลย   (หากมองไม่เห็น คลิกที่นี่เลยจ้า)   ในคลิปนั้นเราจะได้เห็นความแตกต่างที่เจ็บปวด ซึ่งตัดให้ดูในปี 2010 ด้วย เพื่อเปรียบเทียบกับบรรยากาศตอนเปิดขาย iPhone 4 เป็นครั้งแรกแถมยังมีฝนตกอีกต่างหาก แต่ผู้คนก็ยังต่อแถวยาวเหยียดเพื่อที่จะรอซื้อ เรื่องแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคน แต่ก็ยินดีด้วยที่ทั้งสองคนนี้อาจจะเป็นคนแรกๆ ในเดนมาร์กที่ได้เป็นเจ้าของ iPhone 7   ยินดีด้วยจ้า   ที่มา dailydot, tvmidtvest

ไม่ว่าใครก็ต้องเคยผ่านเหตุการณ์ รู้สึกตกหลุมรักใครซักคนเข้าอย่างจัง กันมาแล้วทั้งนั้นแหละ #เหมียวบ็อบ เองก็ด้วย และส่วนใหญ่ผลก็มักจะปรากฏออกมาว่า ได้หอบแห้วกลับไปกินพร้อมน้ำตาอยู่ตัวคนเดียวทู๊กกที และถ้าหากเราย้อนกลับไปในสมัยที่เรายังเป็นเด็กประถมกันอยู่ เพื่อนๆ ยังจำหน้าของสาวน้อยหรือหนุ่มน้อย เพื่อนร่วมชั้นที่เราแอบชอบตอนนั้นได้อยู่รึเปล่า? พอนึกไปถึงความรักแบบวัยเด็กแล้วมันก็อดยิ้มที่มุมปากไม่ได้ซักที ใครๆ ก็เคยผ่านมากันทั้งนั้นแหละหน่าาา   เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นเรื่องราวน่ารักๆที่เกิดขึ้นในห้องเรียนเกรด 5 (ประถม 5) ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เมื่อหนุ่มน้อยที่ชื่อว่า Noah แอบชอบสาวน้อย Zoe อย่างหัวปักหัวปำ (เด็กอยู่เลยนะเนี่ย) และแน่นอนว่าสมัยที่เรายังเป็นเด็ก ถ้าเราชอบใคร ก็มักจะแอบทำเนียนไปเล่น ทำทีว่าไปแกล้ง คนๆ นั้นเพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่าย   แต่วิธีนี้ของหนุ่ม Noah กลับเจ๊งไม่เป็นท่า!!! เพราะเช้าวันหนึ่งเมื่อหนุ่มน้อยมาโรงเรียนตามปกติ เขาก็ต้องพบกับจดหมายแทงใจดำ ที่ไม่รู้ว่าสาวน้อย Zoe ใจร้ายมาจากไหน ใยถึงปฏิเสธรักจากหนุ่มน้อยได้ลงคอ   เนื้อหาจดหมายสุดใจร้าย ที่ทำให้หนุ่มน้อยต้องรู้สึกอกหักเป็นครั้งแรก มีดังนี้: “นี่คือกฎและข้อบังคับที่เธอต้องทำตาม!! จาก Zoe ถึง Noah 1 . ห้ามแตะไหล่ฉันเด็ดขาด 2.…

เทศกาลวันฮาโลวีน ที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคม ได้ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวัฒนธรรมแบบบ้านเราเลยก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นโอกาสดีๆ ที่จะได้ออกไปสังสรรค์ รื่นเริง กับเพื่อนๆ ซักคืนหนึ่งก็ยังดี ไม่ใช่แค่บ้านเราเท่านั้นที่ตื่นเต้นกับเทศกาลนี้เป็นพิเศษ ที่ญี่ปุ่นก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะตอนนี้ที่โรงแรม Hilton Tokyo ได้เริ่มต้อนรับเทศกาลในเดือนหน้า ด้วยการจัดบุฟเฟ่ต์ขนมหวาน ในรูปแบบที่เข้ากับธีมวันฮาโลวีนเหลือเกิน เราไปดูดีกว่าว่าหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร แล้วมันจะน่ากินมั้ยนะ?   คัพเค้กดวงตา เพื่อนๆ กล้ากินกันมั้ยเอ่ย?? ไม่แน่ว่ากัดไปแล้วอาจจะมีเลือดพุ่งออกมาก็ได้นะ   หรือว่าจะเป็นต้มซุปรวมอวัยวะ มีทั้งลูกตา ตัวหนอน ลำไส้ และอีกมากมาย ที่นำมายำรวมกันในซุป คิดไม่ออกเลยว่ารสชาติมันจะเป็นอย่างไร   เค้กเลือด เดิมทีมันก็เป็นเค้กสีขาวธรรมดานั่นแหละ แต่เค้าจับคนมาฆาตกรรมให้เลือดสาดโดนใส่เค้ก (ถ้าจริงก็บ้าแล้ว!!!) เหมือนได้ทานทั้งเค้กและเลือดในคราวเดียวกัน   อันนี้พีคสุดๆ กับคุกกี้รูปนิ้วที่วางอยู่บนก้อนอึ (ไอเดียนี้ได้มาจากไหนเนี่ย?) ช่างเป็นคุกกี้ที่บ่งบอกความครีเอทแบบสุดโต่งของญี่ปุ่นได้ดีจริงๆ ว่าแต่มีใครกล้าลองกินก้อนอึนั่นบ้าง? ฮ่าๆๆ   แถมยังมีเค้กส้มที่ตกแต่งให้ดูเหมือนใยแมงมุม และชีสเบอร์เกอร์ทำจากขนมปังสีดำ ไม่ว่าจะเมนูไหนๆก็ดูเหมาะสมกับวันฮาโลวีนซะจริงๆเชียว   ถ้าหากใครมีโอกาสได้เดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงเทศกาลฮาโลวีนแล้วสนใจอยากจะลองไปชิมขนมหวานในรูปแบบที่แตกต่างออกไปดูล่ะก็ สามารถเข้าไปติดตามได้ที่เว็บไซต์ของโรงแรม HiltonTokyo แล้วอย่าลืมกลับมาเล่าให้ฟังด้วยนะ ว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง ที่มา:…

เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวฟิ้น ได้เห็นภาพๆ หนึ่งที่มีคนแชร์กันบนเฟซบุ๊ก เป็นภาพคล้ายๆ กับบ้านหลังหนึ่งบนหน้าผาสูงชัน พร้อมกับข้อความว่า “นี่คือบ้านในฝันของคนที่ขี้รำคาญหรือเกลียดคนทุกคน” จนโด่งดังและกลายเป็นภาพที่คนแชร์ต่อๆ กันไปมากมาย   ถึงจะไม่รู้ว่ามีใครใจกล้าพอจะขึ้นไปสร้างที่อยู่บนนั้นกันแน่ แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกเสียวท้องน้อยทีเดียว   ด้วยความสงสัยนี้เองเราจึงหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าบ้านริมหน้าผาแห่งนี้ ถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่บ้านของมหาเศรษฐีคนไหน แต่เป็นประภาคารที่ชื่อว่า Þrídrangar Lighthouse ที่สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนเดินเรือนั่นเอง     จากข้อมูลพบว่าประภาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 1939 ตั้งอยู่ใกล้กับเกาะ Vestmannaeyjar ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์     แน่นอนว่าอายุเก่าแก่ถึง 77 ปีขนาดนี้ ก็ต้องเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ทางการของไอซ์แลนด์จึงได้ส่งคนขับเฮลิคอปเตอร์อย่างนาย Gísli Gíslason และทีมช่างอีก 6 ชีวิตไปลงบนประภาคารเพื่อซ่อมบำรุงเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2016 ที่ผ่านมา     จากภาพจะเห็นได้ว่าการเดินทางเข้าไปยังประภาคารนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แถมลานจอดเฮลิคอปเตอร์ก็แคบมาก แต่โชคดีที่อากาศในวันนั้นปลอดโปร่ง จึงทำให้ทุกคนทำงานได้อย่างปลอดภัย แถมยังได้เห็นครอบครัววาฬแบบแว๊บๆ ด้วยนะ   .   แม้จะดูหวาดเสียวมากๆ แต่ก็ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยงามชิ้นหนึ่งเลย .   ชมคลิปประภาคารอันสูงชันได้ที่นี่เลย  …

ปกติแล้วองค์กรคุ้มครองเด็กจะทำหน้าที่ก็ต่อเมื่อได้รับแจ้งมาว่าเด็กถูกครองครัวทำร้ายร่างกายหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อเด็ก แต่เคสนี้ต่างไปจากที่เคยเจอมา เพราะมันเกี่ยวกับสภาพของบ้าน การที่จะพรากเด็กไปจากพ่อแม่ต้องมีเหตุผลรองรับเสมอ ซึ่งปกติก็มักจะเป็นการทำร้ายร่างกายและการใช้สารเสพติด แต่ครั้งนี้ที่ต้องเอาตัวเด็กไปเพราะว่าบ้านที่รกจนเหมือนว่าไม่มีใครดูแลเลย   ทั้งนี้ได้ทำการสืบเกี่ยวกับครอบครัวนี้ย้อนไปเมื่อเดือนมีนาคมก็ พบว่าได้มีเด็กสาววัย 3 ขวบหายไปจากบ้าน หลังจากนั้นก็ตามตัวเด็กจนพบ แล้วพากลับมายังบ้านแห่งนี้ แต่ทางแม่ของเด็กอยากให้ตำรวจสอบปากคำข้างนอกบ้านมากกว่า เนื่องจากเธอบอกว่าในบ้านค่อนข้างรก ทางตำรวจก็คิดว่าคงเป็นเรื่องขำๆ ก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอเข้าไปก็ต้องตกใจกับสนามหญ้าที่ดูแล้วน่าจะไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นปีๆ แน่ๆ เพราะว่ามีหญ้าที่ยาวและอะไรไม่รู้ขึ้นเต็มไปหมด ก็เลยทำการขอเข้าไปดูในบ้านเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กกินดีอยู่ดี   แต่เมื่อเข้าไปแล้วพวกเขาก็ตกใจยิ่งกว่า   เตียงที่ไม่มีผ้าปู แถามยังมีรอยเปื้อน   ดูจากกรงกระต่ายได้ เต็มไปด้วยขยะ ทั้งๆที่กระต่ายก็ยังอยู่ข้างใน .   นอกจากนี้ยังพบเด็กวัย 9 เดือนกำลังนอนอยู่บนเปล ที่ดูแล้วไม่น่าอยู่เป็นอย่างมาก   มีคราบและกลิ่นที่เหมือนฉี่อยู่ด้วย   พ่อแม่วัย 30 ปลายๆ เลยถูกตั้งข้อหาสะเพร่าจนทำให้เด็กเกิดอันตรายและละเลยลูก ตอนนี้ทั้งคู่ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อและเลี้ยงดูลูกแล้ว และเรื่องราวก็แย่กว่าเดิม เพื่อเด็กทั้งสองถูกส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลใกล้ๆ พบว่ามีร่องรอยการถูกทำร้ายอยู่ด้วย     และนี่ก็คือคลังภาพความสกปรกของบ้านหลังนี้ที่เห็นแล้วใครๆ ก็ต้องคิดว่าอยู่กันไปได้ยังไง ไปชมกันเลย . . .…

ใครกลัวแมลงสาบบ้างยกมือขึ้น!!! เชื่อว่าบ้านของหลายๆคนต้องเจอกับปัญหาแมลงสาบที่มักจะแอบมุดมาตามท่อบ้าง ตามรูระบายน้ำบ้าง โผล่มาทักทายเจ้าบ้านอย่างเราเป็นครั้งเป็นคราว แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีบ้านหลังไหนที่จะน่าสยอง สำหรับคนกลัวแมลงสาบได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะที่นี่คือบ้านร้าง ที่ถูกยึดครองโดยกองทัพแมลงสาบ…   บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในเขตเมือง Pana รัฐอิลลินอยส์ มันถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ ก่อนจะกลายมาเป็นปัญหาของชาวบ้านละแวกนั้น   ภายในบ้านเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่าๆที่พังแล้ว กองกันพะรุงพะรังอยู่เต็มบ้าน แทบจะไม่เหลือทางเดินเลยแหละ   อีกทั้งยังมีอาหารกระป๋องเก่าๆ ที่ถูกทิ้งไว้จำนวนมาก และนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้บ้านหลังนี้ กลายเป็นสวรรค์ของแมลงสาบ   เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจ ก็พบว่า มันเต็มไปด้วยแมลงสาบ แมลงสาบ และแมลงสาบ!!!   พวกมันมีมากซะจนไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็ต้องเจอมันเกาะกันอยู่เต็มไปหมด (นี้ยังไม่รวมพวกที่แอบซ่อนอยู่นะเนี่ย)   เทศบาลเคยส่งเจ้าหน้าที่มาใช้ยาฆ่าแมลง หรือใช้สารเคมีต่างๆก็แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล เพราะพวกมันคือสายพันธุ์ German Cockroach ขึ้นชื่อว่าอึดและตายยากที่สุด   หลังจากที่เทศบาลได้ตรึกตรอง และปรึกษาหารือกับชาวบ้านในละแวกนั้นแล้ว สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะใช้มาตรการขั้นสุดท้าย… เผาบ้านทั้งหลังมันซะเลย!!!   เจ้าหน้าที่ต้องระวังภัยอย่างรัดกุมไม่ให้ไฟลามลุกไหม้ไปยังบ้านอื่นได้   แต่ ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ ถ้ามันแตกรังจะทำยังไงไม่ให้บ้านข้างเคียงได้ผลกระทบ!? ถ้าเผาเมื่อไหร่ แมลงสาบแตกกันยกรังแน่ๆ เจ้าหน้าที่เลยจำเป็นต้องทำแผงกั้นรอบบริเวณบ้าน เพื่อไม่ให้พวกมันลามออกไปยังบ้านหลังอื่น…

ความเชื่อที่มีอย่างยาวนานและยังคงสืบต่อกันมาเป็นประจำของชนเผ่า Toraja แห่งประเทศอินโดนีเซียอาจจะเป็นเรื่องแปลกในสายตาของคนนอก แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันคือสิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นการแสดงความเคารพให้กับญาติผู้ใหญ่ที่เสียชีวิตไปแล้ว   เป็นเวลาประจำทุกๆ 3 ปี บนเกาะซูลาเวซี ชนเผ่า Toraja ก็จะทำการขุดหลุมฝังศพญาติผู้ใหญ่ของพวกเขาขึ้นมา ทำการสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ พร้อมกับการตกแต่งศพเพื่อให้ดูสวยงาม นอกจากนี้ยังมีการร่วมถ่ายรูปกับครอบครัวอันเป็นประเพณีที่ชื่อว่า Ma’nene หรือแปลได้ว่า พิธีการทำความสะอาดศพ ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องหลายศตวรรษแล้ว   หลานชายกำลังหวีผมให้กับร่างของคุณปู่คุณย่าในระหว่างการทำพิธี   ประเพณีนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพิธีการที่สำคัญเป็นอย่างมากสำหรับชนเผ่า Toraja ซึ่งถ้าหากว่ามีคนในครอบครัวเสียชีวิต พวกเขาก็จะทำการห่อผ้าหลายชั้นเพื่อป้องกันการย่อยสลายของศพ ลักษณะคล้ายกับการห่อมัมมี่ และร่างของผู้เสียชีวิตจะถูกนำไปฝังตามวิธีที่ทำกันมาอย่างยาวนาน เมื่อผ่านพ้นระยะเวลาไปได้ 3 ปี ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็จะทำการขุดหลุมฝังศพและนำร่างของผู้เสียชีวิตขึ้นมาตกแต่งใหม่ สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญอีกเช่นกันก็คือการเปลี่ยนหรือซ่อมแซมโลงฝังศพให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ   เหล่าญาติค่อยๆ พยุงและสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับร่างของบรรพบุรุษ   ตามความเชื่อของพวกเขานั้น วิญญาณของผู้ตายจะกลับมาสู่บ้านเกิดของตน หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนานตามเส้นทางของจิตวิญญาณ โดยที่ไม่สามารถพาร่างของตนเองเดินทางตามไปด้วยได้ และถ้าหากว่ามีคนในชนเผ่าเสียชีวิตภายนอกหมู่บ้าน ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็จะตามไปถึงสถานที่เหล่านั้น และพาร่างของผู้เสียชีวิตกลับมาฝังที่บ้านเกิด   สภาพร่างของอดีตทหารผ่านศึกผู้เสียชีวิตมานานกว่า 10 ปีแล้ว   L Sarungu อดีตทหารผ่านศึกผู้เสียชีวิตมานานกว่า 10 ปี…

หลายๆ ครั้งที่เราได้เห็นการช่วยเหลือเหล่าแมวเหมียวจากข้างถนน สิ่งเดียวที่พวกมันมีเหมือนกันก็คือส่วนใหญ่มักจะมีอาการบาดเจ็บและป่วย แต่เรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปชมกันในวันนี้เป็นเรื่องราวของการช่วยเหลือเจ้าเหมียวตาเหล่ ที่ดูแล้วมันช่างน่ารักซะเหลือเกิน!! เจ้าเหมียวตัวนี้เป็นแมวที่ถูกขับไล่ออกจากชุมชนที่อยู่อาศัยของเหล่าแมวจรจัด มันใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวด้วยความหวาดกลัวและหิวโหย จนในที่สุดมันก็ได้รับความช่วยเหลือและได้รู้จักกับความอบอุ่นและความรักเป็นครั้งแรกด้วย   มารู้จักกับเจ้าเหมียว Bubbles กัน!!   หากเราลองจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่ดูสวยงามของมัน เราจะเห็นได้ถึงความมีเสน่ห์และความแปลก แต่ก่อนที่เจ้าเหมียว Bubbles จะถูกช่วยเหลือนั้น มันต้องใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัว “เจ้าเหมียวตัวน้อยถูกขับไล่ออกจากฝูงแมวจรจัดให้ไปอยู่อย่างโดดเดี่ยว แมวจรตัวอื่นๆ จ้องจะคอยทำร้ายมันอยู่ตลอด และคอยแย่งอาหารจากมัน” ตัวแทนของ Tabby’s Place ศูนย์อนุรักษ์แมวในเมือง Ringoes รัฐ New Jersey กล่าว “เรารู้ได้อย่างทันทีว่าเจ้า Bubbles นั้นต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะมันผอมมากๆ แถมยังมีอาการผิดปกติที่ดวงตาอีกต่างหาก”     เจ้า Bubbles นั้นเป็นแมวที่ขี้อายมาก และดูเจ้าเล่ห์เล็กน้อยเมื่อมันมาถึงที่ศูนย์อนุรักษ์ แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มฝึกเข้าสังคม เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกของมันเลยล่ะ ^^     สำหรับเจ้าเหมียว Bubbles แล้ว อาจจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เพื่อเชื่อใจคนอื่นซักหน่อย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมามันใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังโดยไม่ได้พบเจอกับมนุษย์เลย…

เป้าหมายสูงสุดในชีวิตคนเรา ก็คงจะเป็น ‘ความสุข’ สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อความสุขกันทั้งนั้น แต่เราจะทำอย่างไรให้มีความสุขในทุกขั้นตอนของชีวิตล่ะ? นักปรัชญาชาวอังกฤษ Bernard Williams บอกว่าไว้ว่า ‘ไม่มีนักจิตวิทยาคนไหน ชอบให้หมาเลียหน้า’ ซึ่งมันก็เป็นความจริงซะด้วย แต่รู้มั้ยสุนัขนอกจากเป็นเพื่อนที่ดีแล้ว มันยังพร้อมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอด้วย เหมือนสุนัขต่อไปนี้ ที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ความสุขจากพวกมัน   1. คุณโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ที่นี่ ณ เวลานี้   2. จงขอบคุณสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้คุณมีความสุข   3. จงอยู่ด้วยใจที่เปรมปรีดิ์ในทุกๆ วัน   4. ที่สำคัญ อย่าลืมพักผ่อนด้วยนะ   5. ใช้เวลาอยู่นอกบ้านให้มากขึ้น   6. ไม่ว่าจะเวลาไหน ก็ให้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ   7. อย่ากลัวที่จะถูกมองว่าโง่หรือตลก แค่ทำในสิ่งที่รักก็พอ   8. อย่าใส่ใจว่า คนอื่นจะมองหรือคิดกับคุณยังไง   9. เป็นตัวของตัวเอง โดยไม่เลียนแบบคนอื่น   10. อย่าไปตัดสินคนอื่น ถ้าคุณไม่ได้รู้จักเขา  …

เป็นเรื่องปกติที่เราจะได้เห็นสิ่งใหม่ๆ จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็ปกติแล้วมักจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ หรือสื่อเทคโนโลยีต่าง แต่มาครั้งนี้ เปลี่ยนแนวมาเป็นสายบันเทิง ด้วยบอยแบนด์แมวดำพร้อมกับซิงเกิ้ลเปิดตัว Neko Funjatta ที่แปลว่า ฉันเหยียบแมว     สำหรับเพลง Neko Funjatta นั้นมีมานานแล้ว โด่งดังทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนแต่งเพลงนี้ขึ้นมา แถมชื่อของเพลงนี้ก็เรียกไม่เหมือนกันในแต่ละประเทศ อีกทั้งยังเป็นเพลงที่ใช้ฝึกเล่นเปียโนด้วยนะ ชื่อเพลงว่า Dog’s Waltz หรือ Flea Waltz แม้จะคนละชื่อ แต่ก็เป็นเพลงเดียวกันนั่นแหละ   Dog’s Waltz ในรูปแบบบรรเลงเปียโน   เพลงต้นฉบับของญี่ปุ่น กับเนื้อร้องประมาณว่า ขอโทษที่เหยียบด้วยนะเจ้าเหมียว   และนี่คือการเต้นแบบ Neko Funjatta ที่ฮิตสุดในตอนนี้   Neko Funjatta เวอร์ชั่นแมวดำนี้ เป็นเพลงที่ดัดแปลงมาจากเพลงในอดีต ที่มีจังหวะในการเต้น พร้อมกับบอยแบนด์เหมียวดำแต่งชุดสูท เต้นด้วยท่าทางน่ารักและมีเอกลักษณ์ที่แปลกตาต่างจากบอยแบนด์ที่เราเคยเห็นกันมาเลยล่ะ   ในวิดีโอจะเห็นเหล่าบอยแบนด์เหมียวโพสต์ท่าน่ารักๆ   มีการส่งจูบให้ด้วย   มีการเคลื่อนไหวร่างกายด้วยการเต้นบัลเล่ต์…

การนอนหลับนั้น นับว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด และการพักผ่อนที่เพียงพอนั้นยังดีต่อสุขภาพด้วย ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีว่าการได้นอน 8 ชั่วโมงนั้นคือระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็มีความคิดที่ว่าการได้นอน 6 ชั่วโมงนั้นก็ไม่น่าจะส่งผลเสียอะไรมาก จากการหักลบเวลานอนไป 2 ชั่วโมง เพื่อให้เห็นชัดถึงผลกระทบของการนอนที่ไม่เพียงพอ ก็ต้องทำการทดสอบกันจริงๆ โดยผู้ร่วมเข้าทดสอบก็คือ Sarah Chalmers วัย 46 ปี จากสหราชอาณาจักร ซึ่งจะให้เธอนอนในระยะเวลาที่แตกต่างกันระหว่าง 8 ชั่วโมงและ 6 ชั่วโมง จุดมุ่งหมายในการทดสอบนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า เมื่อคนเรามีเวลานอนหลับที่ไม่เพียงพอจะเป็นอย่างไร โดยก่อนการทดสอบนั้น นักวิจัยได้วิเคราะห์ใบหน้าของ Sarah ด้วยเครื่องสแกนใบหน้า และในตอนท้ายนั้นเราได้เห็นใบหน้าของเธอมีรูขุมขนกว้างขึ้นถึง 2 เท่า พร้อมกับสีหน้าแดงก่ำ     Sarah บอกว่า “ฉันดูแก่กว่าวัย 46 ปี มาก ขอบตาดำ ผิวหย่อนคล้อย และรูขุมขนก็กว้างขึ้นมาก แม้จะมองในระยะไกลก็ตาม ฉันรู้สึกเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด และรู้สึกหงุดหงิดง่าย ฉันเกลียดภาพสะท้อนในกระจกทุกครั้งที่เห็น” ในการทดสอบครั้งแรกนั้น Sarah ได้นอนไม่เกิน 4 ชั่วโมงต่อคืน คือตั้งแต่ตี 2…

เรื่องราวอันน่าเศร้าใจนี้เกิดขึ้นในปี 2015 หญิงสาวคนหนึ่งนามว่า Tiziana Cantone จากเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี เธอได้ส่งคลิปที่เธอกำลังมีเพศสัมพันธ์กับแฟนเก่าได้ดู และนั่นก็ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปในทันที     คลิปของเธอถูกแชร์ใน WhatsApp และหลังจากนั้นก็เริ่มไปไกลถึงโซเชียลมีเดียอื่นๆ และคลิปนั้นก็ได้กลายมาเป็นมุกตลกที่ยกคำพูดของเธอจากในคลิปมาด้วย   ในคลิปเธอได้พูดไว้ว่า “Mi stai facendo il video? Bravo” (แปลได้ว่า “กำลังอัดคลิปเหรอ? ดีเลย”) ซึ่งประโยคนี้กลายเป็นประโยคที่ใช้ในเชิงตลกขบขัน ไม่ใช่แค่คนทั่วไป แต่ระดับบริษัทก็ยังใช้ในการโฆษณาด้วย   ซึ่งประโยคนี้ก็ดังมาก ถึงขนาดที่ว่านักฟุตบอลในอิตาลี Paolo Cannavaro และ Antonio Floro Flores ก็ยังเอามาพูดกันในเชิงขำๆ   จากเหตุการณ์ที่คลิปหลุดออกไปและกลายมาเป็นกระแสมุกตลกในโลกออนไลน์ ป้าของเธอก็พบว่าหลานสาวกลายเป็นศพด้วยวัยเพียงแค่ 31 ปีเท่านั้น ซึ่งทางตำรวจของเมืองเนเปิลส์ก็กำลังสืบสวนถึงสาเหตุการตายของเธอ และทำการสันนิษฐานเอาไว้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย Tiziana Cantone ต้องลาออกจากงานอันเนื่องมาจากผลกระทบที่ตามมาในโลกออนไลน์ และจะต้องมาตามลบความผิดพลาดในเรื่องคลิปของเธอด้วย ดังนั้นเธอจึงจำเป็นที่จะต้องย้ายกลับไปที่เมือง Mugnano เพื่ออยู่กับครอบครัว   Cantone ได้ทำเอกสารเพื่อร้องขอไปยัง Google, Facebook ประเทศไอร์แลนด์, Yahoo ของอิตาลี,…

ถ้าเลือกได้ หลายคนก็คงอยากมีชีวิตที่หรูหรา ใช้แต่ของแพงๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำแบบนั้นได้ เพราะคนเรามีฐานะที่ไม่เท่าเทียมกัน ทำให้บางคนใช้ชีวิตหรูหราสบายๆ ในขณะที่อีกหลายคนก็ได้แค่ฝัน     ศิลปินและประติมากรชาวอิตาลี Maurizio Cattelan วัย 55 ปี ได้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจนี้ และเข้าใจว่าทุกคนต่างก็ต้องการชีวิตที่หรูหราทั้งนั้น เขาจึงได้ออกแบบชักโครกที่ทำจากทองคำ 18 กะรัต และตั้งชื่อให้มันว่า America     มันถูกติดตั้งไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Fifth Avenue ในนิวยอร์กและเปิดให้ผู้คนได้ทดลองใช้งานด้วย แน่นอนว่าชักโครกทองคำนี้สามารถใช้ได้ทุกเพศเลย ไม่ว่าใครก็ตามที่เสียค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์แล้ว จะใช้กี่ครั้งก็ได้ตามสะดวก     โดยมีวัตถุประสงค์ก็เพื่อให้ผู้คนได้สัมผัสกับสิ่งของที่มีความหรูหราสักครั้ง และยังเป็นการให้คนที่เข้ามาชมงานได้ซึมซับกับงานศิลปะด้วย ผลงานชิ้นนี้ยังถูกเปรียบเทียบกับงานของ Marcel Duchamp ที่ได้ทำรูปปั้นเด็กยืนปัสสาวะ ที่ชื่อว่า ‘Fountain’ ซึ่งจัดแสดงในปี 1917 ที่นิวยอร์กเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ก่อให้เกิดความรู้สึกในโลกศิลปะอีกขั้นหนึ่ง   นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆ ก็อยากลองไปสัมผัสดูสักครั้งนะ แต่ก็เกรงว่าจะใช้ไม่ลง อิอิ ที่มา bbc

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดผมตัวเองที่ไว้มาเป็นเวลานาน ใครที่เคยไว้ผมยาวคงจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลาย เพราะกว่าจะยาวได้ขนาดนี้ ต้องผ่านการบำรุงมาอย่างดี แต่จู่ๆ จะให้ตัด ก็คงจะทำใจไม่ได้ (เสียดายนั่นแหละ) แต่สำหรับเด็กชาย Thomas Moore วัย 8 ขวบที่ไว้ผมยาวมายาวนานถึง 2 ปี ในที่สุดเขาก็ยอมเสียสละตัดผมตัวเอง เพื่อบริจาคให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง และการตัดสินใจในครั้งนี้ก็กลายเป็นการกระทำที่ใครๆ ต่างต้องยกย่องในน้ำใจของเขา โดยจุดเริ่มที่ทำให้เขาตัดสินใจเช่นนี้ เป็นเพราะเขาได้ชมวิดีโอของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ป่วยเป็นมะเร็งจนต้องสูญเสียผมไป ทำให้เขาจึงเกิดไอเดียนี้ขึ้นมา   Thomas ที่ได้ตัดสินใจไว้ผมมานานถึง 2 ปี   และหลังจากนั้น 2 ปี เขาก็ได้ตัดสินใจตัดผมที่ตั้งใจไว้ยาวขนาดนี้ ซึ่งผมที่ได้จากหนุ่มน้อย Thomas นั้นสามารถนำไปทำวิกผมได้ถึง 3 อันเลยล่ะ   ป้าของเขาได้ถ่ายรูปก่อนตัดและหลังตัด แล้วโพสต์ลงในทวิตเตอร์ ทำให้มีคนเข้ามากดไลค์ กดแชร์จำนวนมาก   Amber Ray ป้าของเขาก็ได้ถ่ายรูปก่อนตัดและหลังตัด แล้วโพตส์ลงใน Twitter ตั้งแต่นั้นมาก็มีผู้คนเข้ามากดไลค์กว่าแสนคน และแชร์อีกประมาณ 5 หมื่นครั้ง  …