ความงดงามของ ‘ดวงจันทร์ในฤดูเก็บเกี่ยว’ จะไม่ได้เห็นเต็มตาแบบนี้ จนกว่าจะถึงปี 2024

อีกหนึ่งธรรมชาติในเวลากลางคืนที่เราไม่ควรพลาดนั่นก็คือ ความงามของดวงจันทร์ โดยเฉพาะวันที่พระจันทร์เต็มดวง หรือวันสุริยุปราคา ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

สำหรับเดือนกันยายนนี้ พระจันทร์เต็มดวงที่เรียกว่า Harvest Moon ซึ่งใกล้เคียงกับปรากฏการณ์ Equinox (ศารทวิษุวัต) ที่จะขึ้นในวันที่ 22 เดือนกันยายนทางซีกโลกเหนือ และปรากฏการณ์สมบูรณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกจนกว่าจะถึงปี 2024

ตามประวัติจากสมัยโบราณ ดวงจันทร์จะส่องแสงนานขึ้นประมาณครึ่งชั่วโมงในแต่ละคืน ทำให้เหล่าเกษตรกรมีเวลามากขึ้นในการเก็บเกี่ยวพืชผลของพวกเขา และในเย็นวันเดียวกันนี้ Harvest moon จะถูกปกคลุมด้วยเงาของโลกหรือที่รู้จักกันว่า จันทรุปราคาเงามัว

 

ภาพขณะที่เครื่องบินกำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินนานาชาติลอส แอนเจลิส โดยเดินทางตัดผ่านภาพพระจันทร์

1

 

Harvest moon หรือพระจันทร์ในฤดูเก็บเกี่ยว สามารถมองเห็นได้ทั่วโลก และคราส สามารถมองเห็นได้ในยุโรป แอฟริกา ออสเตรเลียและเอเชีย ส่วนในภาพนี้มาจาก Replin ประเทศเยอรมนี

2

 

ดวงจันทร์เก็บเกี่ยวที่ขึ้นอยู่ด้านหลังของเขา St Michael ใน Cornwall ประเทศสหราชอาณาจักร โดยดวงจันทร์เก็บเกี่ยวและคราสนั้นจะไม่เกิดขึ้นพร้อมกันอีกจนกว่าจะถึงปี 2024

3

.

4

.

5

 

ในส่วนอื่น ๆ ของสหราชอาณาจักรนั้น จะสามารถมองเห็นพระจันทร์ส่องแสงสดใส แม้จะมีจันทรุปราคาเงามัวอยู่ก็ตาม ซึ่งสามารถมองเห็นได้ในยุโรป

6

.

7

 

โลกมีเงาอยู่ 2 ประเภทคือ เงามัว และ เงามืด โดย เงามืดเป็นส่วนที่มืดที่สุด เนื่องจากโลกบดบังดวงอาทิตย์จนหมดสิ้น เราไม่สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้เลย หากยืนอยู่บนตำแหน่งของเงามืดเหล่านั้น

ในขณะที่ เงามัว เป็นส่วนที่ไม่มืดสนิท เนื่องจากโลกบดบังดวงอาทิตย์เป็นบางส่วน ถ้าเรายืนอยู่ในตำแหน่งของเงามัว เราจะมองเห็นบางส่วนของดวงอาทิตย์โผล่พ้นส่วนโค้งของโลก

 

9

 

พระจันทร์เต็มดวงครั้งนี้ ย้ายตำแหน่งเข้ามาอยู่ในเงาด้านนอกของโลก ทำให้เกิด Penumbra Eclipse ซึ่งเป็นหนึ่งในสามประเภทของจันทรุปราคา

โดยปกติแล้ว Penumbra Eclipse จะมองเห็นได้ยากสุดในบรรดาจันทรุปราคา แต่ถ้าท้องฟ้าโปรงใส ก็สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

 

 

พระจันทร์สวยๆ แบบนี้ นานๆ จะได้เห็นที และไม่รู้ด้วยว่า ในชั่วชีวิตนี้จะได้เห็นกี่ครั้ง ดังนั้น เมื่อโอกาสก็อย่างพลาดเชียวละ

 

emo-140

ที่มา dailymail

Comments

Leave a Reply