นักศึกษารวมตัวกันเช่าบ้านพัก แต่กลับพบห้องลับใช้หลบภัยยุคสงครามโลก เมื่อ 70 ปีก่อน!!!

หลายๆคนอาจจะเคยเห็นข่าวประเภท ย้ายเข้าบ้านหลังใหม่แล้วดันไปเจอห้องขุมทรัพย์ หรือเจอสมบัติอันล้ำค่าที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างยาวนาน

และคราวนี้ก็เช่นกัน เมื่อกลุ่มนักศึกษาชาวนอร์เวย์ รวมตัวกันเช่าบ้านหลังหนึ่ง แต่เจ้าของบ้านกลับทิ้งปริศนาไว้ว่า บ้านหลังนี้มีห้องลับที่ถูกซ่อนอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่ามันอยู่ตรงไหน พวกเขาก็ไม่รอช้า เริ่มออกสำรวจตามหาห้องที่ว่าไปพร้อมๆ กับพวกเขากันเลย

 

หลังจากที่พวกเขาได้รู้จากเจ้าของที่ว่ามีห้องลับอยู่ พวกเขาก็ช่วยกันตามหาห้องที่ว่า เป็นเวลาหลายชั่วโมง…

1

 

หลังจากหาทั่วบ้านแล้วไม่เจอ พวกเค้าก็เจอกับทางขึ้นไปบนเพดานบ้าน งานนี้ต้องลองขึ้นไปสำรวจดูซักหน่อยดีกว่า

2

 

พอขึ้นมาก็พบว่า มันก็คือห้องใต้หลังคาธรรมดาๆเนี่ยแหละ ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะมีอะไรไปมากกว่านี้ได้อีก

3

 

พาเดินสำรวจดูรอบๆก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ พวกเขาก็เลยช่วยกันแตะเบาๆไปที่ประตู เพื่อฟังเสียงกลวงที่อยู่ข้างหลังไม้ เผื่อว่าจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่

4

 

และพวกเขาก็พบว่า มีแผงไม้อยู่ช่องหนึ่งเมื่อเคาะแล้วเสียงมันดูกลวงๆ เหมือนมีอากาศอยู่ข้างใน พอลองเอาเท้าเหยียดๆ ดู จนในที่สุด พวกเขาพบห้องลับแล้ว!!

5

 

ห้องลึกลับหลังแผงไม้นี้ มีขนาดที่ค่อนข้างเล็กและแคบมากๆ

6

 

ที่หลังห้องยังมีกระดาษโน๊ต เขียนไว้ในภาษานอร์เวย์เพื่อเตือนคนที่บุกรุกเข้ามา “ถ้าหากว่าคุณมีท้องไส้ไม่ดี ห้ามเข้ามาเด็ดขาด”

7

และยังมีนาฬิกาปลุกแบบโบราณ แขวนไว้อยู่ในห้องด้วย พวกนักศึกษาจึงคิดว่า มันน่าจะเป็นห้องสำหรับหลบภัยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

8

 

แผนที่เก่าและขาดรุ่งริ่งแต่ยังถูกติดไว้อยู่บนกำแพง เป็นแผนที่ทางตอนใต้ของเกาะอังกฤษ และตอนเหนือของฝรั่งเศส

9

ด้วยพื้นที่ขนาดนี้ น่าจะเป็นที่หลบภัยสำหรับคนทั้งครอบครัว และต้องเป็นห้องนี้แน่ๆที่เจ้าของบ้านได้พูดเอาไว้ พวกเขาคาดว่าห้องนี้น่าจะถูกซ่อนไว้นานกว่า 70 ปี

10

 

แถมยังมีร่องรอยของการมนุษย์ที่เคยใช้ชีวิตที่นี่ สะท้อนให้เห็นว่าในช่วงนั้นพวกเขาต้องทนความยากลำบาก และอาจจะต้องอพยพ เพื่อเอาชีวิตรอดท่ามกลางไฟสงครามอันน่ากลัว

11

 

จะเรียกว่าโชคดีได้มั้ยนะ ที่นักศึกษากลุ่มนี้ดันไปเจอห้องหลบภัยเข้า เชื่อเถอะว่ายังมีห้องลับอีกมากมายบนโลก ที่ยังไม่ถูกค้นพบ แต่ถ้าเจอเมื่อไหร่จะรีบเอามาเล่าสู่กันฟังนะจ๊ะ

 

emo-141

ที่มา: Boredomtherapy

Comments

Leave a Reply