Author:

เรียกได้ว่ากำลังเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ กับกรณี ‘ข่าวฉาว’ ของนาย Justin Trudeau นายกรัฐมนตรีสุดหล่อเหลาของประเทศแคนาดา ที่เรียกได้ว่ากำลัง ‘งานเข้า’ อย่างหนักหน่วง จนอาจทำให้เขาต้อง ‘ถูกปลด’ จากตำแหน่งกันเลยทีเดียว เรื่องราวเป็นมาอย่างไร #เหมียวหง่าว จะขอสรุปข้อมูลจากสำนักข่าวต่างประเทศ มาให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านกันดูครับ ประเด็นข่าวฉาวที่ว่านั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2019 ที่ผ่านมา เรื่องมีอยู่ว่านาง Jody Wilson-Raybould อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอัยการสูงสุดของประเทศแคนาดาได้ออกมาแฉว่า   Jody Wilson-Raybould อดีตอัยการสูงสุด   เธอถูกนาย Justin กดดันให้ช่วยเหลือบริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่จากรัฐคิวเบก ชื่อว่า SNC-Lavalin เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดีในข้อหายัดเงินใต้โต๊ะเป็นมูลค่ากว่า 48 ล้านดอลลาร์แคนาดา (1,150 ล้านบาท) เพื่อเซ็นสัญญาประมูลงานก่อสร้างกับรัฐบาลลิเบียเมื่อ 8 ปีที่แล้ว บริษัท Lavalin นั้นเป็นบริษัทใหญ่ และหากถูกดำเนินคดีจนต้องถูกแบนจากการประมูลงานของรัฐบาลแคนาดาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี จนอาจทำให้แรงงานในแคนาดากว่า 9,000 คนตกงาน…

มันคงเป็นเรื่องดี หากเราได้พบเจอผู้คนจากหลายประเทศ ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงความแตกต่าง และเปิดโลกใบเล็กๆ ของเราให้กว้างขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเราไม่สามารถเดินทางทางไปในทุกที่เพื่อพบปะผู้คนเหล่านั้น แต่ระยะทางที่ทางไกลไม่ได้เป็นอุปสรรคในความรู้จักคนอื่นๆ เพราะช่างภาพจากประเทศอังกฤษที่ชื่อว่า Magdalena Bagrianow ได้เดินทางไปยังประเทศอินเดียเพื่อถ่ายภาพ ‘ความงดงาม’ ของผู้คนในท้องถิ่นมาให้เราได้ชม   Sagina เด็กสาวจากชนเผ่า Kalbelia กำลังเต้นรำอยู่ในเมือง Pushkar   รูปถ่ายเหล่านั้นมองแล้วรู้สึกถึงพลัง อารมณ์ และความจึงใจที่ถ่ายทอดลงบนใบหน้าของพวกเขา โดยมีพื้นหลังเป็นสถานที่ต่างๆ ในประเทศอินเดีย ที่ในสายตาของหลายๆ คนอาจจะมองว่าไม่ได้เป็นประเทศที่สวยงามสักเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าจำนวนประชากรในอินเดียจะลดลงไปบ้างในช่วงปี 1990 แต่ก็ยังนับว่าเป็นประเทศที่จำนวนผู้อยู่อาศัยมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ประมาณ 1.3 พันล้านคน คิดเป็นร้อยละ 17.5 ของโลก ผลงาน Bagrianow จะเป็นอย่างไร จะทำให้เราได้รู้จักผู้คนในอินเดียในอินเดียมากขึ้นหรือไม่ ตามมาดูกันได้เลย!   Maya สาวยิปซี จากชนเผ่า Bhopa   Suman ชนเผ่า Kalbelia ถ่ายที่เมือง Pushkar   Papu และ Mamtu จากชนเผ่า Bhopa   เด็กผู้หญิงจากชนเผ่า Kalbelia…

หากเอ่ยถึงชื่อ Usane Bolt ขึ้นมา หลายคนคงจะรู้สึกคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เพราะในยุคนี้เขาคือ ‘นักวิ่งระยะสั้น’ ที่เร็วที่สุด เขาคือเจ้าของสถิติโลกในการวิ่งระยะ 100 เมตร ทำเวลาไว้ที่ 9.58 วินาที และ 200 เมตร ทำเวลาไว้ที่ 19.19 วินาที มานานกว่า 10 ปี ไม่เคยมีใครทำลายสถิตินี้ได้ อีกทั้งยังเป็นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกกว่า 8 เหรียญอีกด้วย     ซึ่งสถิติก่อนๆ หน้านี้ก็เป็นตัวเขาเองที่ทำเอาไว้ และสร้างสถิติเอาชนะสถิติเก่าของตัวเองมาเรื่อยๆ จนอยู่ที่สถิติปัจจุบัน และตอนนี้เขาก็ได้แขวนรองเท้าวิ่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลงเหลือไว้เพียง ‘สถิติโลก’ ที่เป็นตำนาน รอให้คนรุ่นหลังมาทำลายต่อไป…     ซึ่งล่าสุดก็มีเด็กคนหนึ่งที่น่าจับตามองมากๆ ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับเด็กชาย Rudolph Blaze Ingram วัย 7 ขวบ จากสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งจะ ‘ทำลายสถิติโลก’ ในการวิ่ง 100 เมตรของรุ่นอายุต่ำกว่า 8 ขวบ…

เราทุกคนต่างก็มี ‘ความฝันเป็นของตัวเอง’ แต่มันคงเศร้าน่าดูถ้าหากรู้ว่ายังไงมันก็ไม่มีวันได้เป็นจริง…   เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของ Abigail Arias เด็กหญิงวัย 6 ขวบ ที่ถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งไตในเด็ก (Wilms Tumours) และมันสามารถลุกลามกลายเป็น ‘ระยะสุดท้าย’ ได้ไม่ยากเลย Abigail มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเติบโตขึ้นมาเป็น ‘ตำรวจหญิง’ ที่กล้าหาญ แต่ทว่าจะอาการเจ็บป่วยของเธอ อาจจะทำให้ ‘ความฝัน’ ของเธอ ไม่มีวันกลายเป็นจริง     แต่แล้วเรื่องราวดีๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจ Freeport Police เข้ามาช่วยทำให้ความฝันของหนูน้อย Abigail กลายเป็นความจริง!! Ray Garivey สารวัตรตำรวจประจำสถานีตำรวจ Freeport ได้มอบโอกาส ให้เด็กหญิง Abigail ได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างจริงจังเป็นเวลา 1 วัน มีการตัดชุดแบบพิเศษให้กับเธอ พร้อมทั้งทำการ ‘กล่าวคำสาบาน’ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจมากมาย จากทั่วรัฐเท็กซัส อันเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนต้องทำ เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก Freeport ได้ทำการถ่ายคลิปเหตุการณ์สุดประทับใจโพสต์ลงเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ พร้อมแคปชั่นว่า    …

เรียกได้ว่าเป็นกระแสไวรัลที่กำลังได้รับความสนใจจากชาวเน็ตต่างประเทศกันอยู่ ณ ขณะนี้กันเลยทีเดียว กับกรณีการฟ้องกันอีนุงตุงนังระหว่าง ‘สาวฟิจิ’ หรือ ‘Fiji Water Girl’ กับบริษัทน้ำดื่มชื่อดัง Fiji Water ที่ทำการฟ้องกันไปฟ้องกันมาจนชาวเน็ตปวดหัวไปหมด เรื่องมันเริ่มจากในงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globe Awards) ครั้งที่ 76 ที่จัดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2562 ที่ผ่านมา เมื่อสาวฟิจิ (Fiji Water Girl) กลายเป็นไวรัลมีมเพียงชั่วข้ามคืน เพราะในทุกๆ ภาพของเหล่าดาราที่มาร่วมงานจะมีภาพของสาวฟิจิคนดังกล่าวยืนถือถาดใส่น้ำดื่ม Fiji อยู่แทบจะทุกรูป!!   เผื่อใครไม่เห็นภาพลองไปชมตัวอย่างกันดูครับ . . .   ภายหลังมาทราบว่าสาวฟิจิคนดังกล่าวนั้นชื่อว่า Kelly Steinbach นางแบบอิสระที่ได้รับการจ้างจากบริษัท Fiji ให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์นั่นเอง แต่ภายหลังจากที่เรื่องราวของเธอกลายเป็นกระแสไวรัล Fiji ก็เลยนำภาพของเธอที่กลายเป็นกระแสไวรัลไปใช้ในการโฆษณาสินค้าของตัวเอง!? จนเป็นเหตุให้ Kelly ตัดสินใจฟ้องร้องต่อบริษัท Fiji เพราะว่าการใช้ภาพดังกล่าวในการโฆษณาไม่ได้อยู่ในข้อตกลง     “บริษัท Fiji…

เรื่องราวของชายหนุ่ม ที่แม้จะป่วยเป็น ‘โรคเนื้องอกในสมอง’ แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาหยุดเล่นกล้ามได้เลยแม้แต่น้อย!! Ollie Jowett หนุ่มผู้ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง แต่เขาไม่ยอมแพ้กับโชคชะตาที่ต้องเผชิญ ยังคงเดินหน้าออกกำลังกายต่อไปจนมีกล้ามขึ้นเป็นมัดๆ!! Ollie หนุ่มเทรนเนอร์จากเมือง Cornwall ประเทศอังกฤษ ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเนื้องอกในสมองเมื่อปี 2017 ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่แบบนี้เขาผุดความคิดขึ้นมาในหัวว่า “แล้วเราจะโทษอะไรได้ล่ะ?”     จากคำพูดดังกล่าว กลายเป็นแรงผลักดันให้เขาออกกำลังกายหนักขึ้น จนมีกล้ามขึ้นเป็นมัดๆ และเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตจำนงที่ไม่ยอมแพ้!!     “ตอนแรกผมรู้สึกเสียใจมาก หัวใจของผมแหลกสลาย ผมคิดว่า “แล้วผมจะต้องทำอย่างไรต่อไป?” เพราะผมไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน ที่จะต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้” “แพทย์ไม่ได้ให้ทางเลือกอะไรกับผมมากนัก การป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมองในวัยแค่นี้ การผ่าตัดถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากๆ ฉะนั้นผมเหลือทางเลือกเดียวคือต่อสู้กับมันด้วยตัวของผมเอง”   https://www.instagram.com/p/BgwUMc1Ah70/?utm_source=ig_embed   ก็เลยเกิดเป็นโปรเจกต์ที่มีชื่อว่า Project Beat Cancer ขึ้นมา โดยที่นาย Ollie จะทำการบันทึกการออกกำลังกายของตัวเองเอาไว้ทุกวัน เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยที่ต้องเผชิญกับโรคมะเร็งร้ายคนอื่นๆ   https://www.instagram.com/p/BrU6oVLh5dS/?utm_source=ig_embed   “กำลังใจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่สำหรับผมแล้วเรื่องของสุขภาพ ของตัวผมเองถือเป็นกำลังใจที่ดีมากเลยล่ะ เพราะผมต้องการที่จะเอาชนะมัน” “กล้ามหรือซิกแพ็ก…

ผลกระทบที่เกิดจากภาวะโรคร้อนในปัจจุบัน ได้ทวีความรุนแรงหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ในหลายๆ ประเทศทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวมากขึ้น เช่นเดียวกันกับบริษัท BioFase จากประเทศเม็กซิโก ที่ปิ๊งไอเดียสุดเจ๋ง สร้างอุปกรณ์ครัวอย่างเช่น ช้อน ส้อม มีด และหลอด แบบย่อยสลายได้ ขึ้นมาจาก ‘เมล็ดของอโวคาโด’!?     โดยบริษัท BioFase ผู้ผลิตสินค้าที่มิตรต่อธรรมชาติ ได้เล็งเห็นว่าประเทศเม็กซิโกเป็นผู้ส่งออกอโวคาโดกว่าร้อยละ 50 จากการส่งออกทั่วโลก เขาจึงนำเมล็ดอโวคาโดจากบริษัทผู้ผลิต กัวคาโมเล (Guacamole) และบริษัทผู้ผลิตน้ำมันจากอโวคาโดในประเทศ มาทำเป็นอุปกรณ์ครัวที่ง่ายต่อการย่อยสลาย     ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเมล็ดอโวคาโดดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 แบบ แบบแรกคือ Biodegradable ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเหมือนพืชผักผลไม้ ส่วนแบบที่สองคือ Compostable ที่ย่อยสลายแล้วกลายเป็นปุ๋ย สร้างประโยชน์ให้กับสิ่งแวดล้อม     นอกจากนั้นความพิเศษของผลิตภัณฑ์นี้ก็คือ ถ้าหากเก็บไว้ในสภาพแห้ง ไม่โดนน้ำเลย จะอยู่ได้นานถึง 240 วัน แถมยังมีราคาถู๊กถูก และเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยลดโลกร้อน เพราะโดยปกติแล้วบรรดาเมล็ดของอโวคาโดเหล่านี้ จะถูกนำไปเผาทิ้งเมื่อไม่ได้ใช้งานแล้ว   ลองไปชมคลิปวิดีโอแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…  …

คู่รักหลายๆ คู่ ต่างก็มีเป้าหมายแตกต่างกัน บางคู่ก็ตั้งใจที่จะมีลูกสร้างชีวิตครอบครัวร่วมกัน บางคู่ก็ตั้งใจที่จะอยู่ร่วมกันดูแลกันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เช่นเดียวกันกับคู่รักคู่นี้ ที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าพวกเขา ‘จะไม่ยอมมีลูกเป็นอันขาด’ เพราะไม่ต้องการที่จะทำให้โลกใบนี้ต้องแปดเปื้อน!?     เรื่องมีอยู่ว่า Nathalie Guzman และ Andrés Flu คู่รักชาวโคลัมเบียคู่หนึ่งได้เผยถึงความตั้งใจที่ว่าจะไม่มีลูกด้วยกัน เพราะไม่ต้องการให้ลูกของพวกเขาต้องเผชิญกับโลกที่โหดร้าย และมองว่าความแออัดของประชากรบนโลก ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ และทำให้โลกใบนี้ถูกทำลาย     หลังจากที่ตกลงกันแล้ว Guzman และ Flu ได้โพสต์รูปคู่โชว์บัตรคิวรอทำหมันจากทางโรงพยาบาล พร้อมกับข้อความแสดงความประสงค์ว่าจะไม่มีลูกลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “เราขอบอกกับทุกคนว่า เราจะไม่ได้เป็นพ่อแม่คนแล้วนะ”     ถึงแม้ว่าจะมีหลายเสียงที่สนับสนุนทั้งคู่ แต่ก็ยังมีอีกหลายเสียงที่ไม่เห็นด้วยกับคู่รักคู่นี้ทำให้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาในสังคม   บางส่วนก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดของคู่รัก   “สำหรับฉันแล้ว ความคิดนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ ที่จะนำมาเป็นคำอธิบายว่าทำไมพวกเขาถึงไม่อยากมีลูก เด็กๆ เข้าทำให้โลกแปดเปื้อนตรงไหนเหรอ?” “แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าพ่อของคุณคิดแบบเดียวกันกับคุณล่ะ? เพราะการมีเด็กเกิดขึ้นมาแบบนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ผิดพลาด มันคือพรของพระเจ้าต่างหาก เห็นแก่ตัวเป็นที่สุด!!”   ขณะเดียวกันชาวเน็ตบางคนก็เห็นด้วยกับความคิดของคู่รัก   “เราอาศัยอยู่ในสังคมที่เติบโตขึ้นทุกวัน เราร่วมมือกันสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมา แต่ขณะเดียวกันโลกของเรากำลังจะตาย เป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมมาก” “มนุษย์ทุกคนก็เป็นเสมือนปรสิตที่เกาะกินโลกใบนี้…

อย่างที่รู้กันดีว่าบริษัทประกันต่างๆ จะมีเงินจ่ายให้กับเรา หากมันตรงกับเงื่อนไขต่างๆ ที่เราได้ตกลงกับบริษัทเอาไว้ เช่น หากเสียชีวิตจะได้รับเงินเป็นจำนวนเท่านี้ๆ หรือ หากล้มป่วยด้วยโรคนี้ หรือได้รับบาดเจ็บ จะได้เงินชดเชยจำนวนเท่านี้ๆ เป็นต้น และนี่คือเรื่องราวของคุณลุง Alexander Goldinsky วัย 57 ปี ที่พยายามจะเรียกเงินจากบริษัทประกัน ด้วยการ ‘แกล้งล้ม’ แบบเนียนๆ แต่แผนของลุงก็ต้องล้มเหลวเพราะมันไม่เนียนเอาซะเลย!!     เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในออฟฟิศของเขา คุณลุง Alexander กดน้ำแข็งออกมาจากเครื่องกดน้ำแข็งอัตโนมัติ จากนั้นก็โยนน้ำแข็งบางส่วนลงไปบนพื้น ก่อนที่จะเดินมาเหยียบน้ำแข็งที่อยู่บนพื้น และลื่นล้มลงไป ทุกอย่างถูกจัดฉากมาอย่างแนบเนียน ดูราวกับว่าเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น     แต่ทว่าเหตุการณ์ทั้งหมดถูกกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้ได้ และพบว่ามันคือ ‘การจัดฉาก’ ชัดๆ!! แถมลุงยังไม่เนียนแบบสุดๆ อีกต่างหาก   ลองไปชมคลิปวิดีโอเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ   ทางด้าน Middlesex County Prosecutor บริษัทประกันได้รับรายงานเข้ามาถึงเรื่องการเคลมเงินประกันจากค่ารักษาอาการบาดเจ็บของลูกค้ารายหนึ่ง ที่ประสบกับอุบัติเหตุ หลังจากที่ทำการตรวจสอบเหตุการณ์แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า ‘เขาจัดฉากขึ้นมาเพื่อหวังเรียกเงินประกัน’     Andrew…

เรื่องราวของหนุ่มวัย 18 ปี ที่อยู่ๆ ก็ถูกโชคหล่นทับ กลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืน!!   Dane Gilespie จากกรุงเบลฟาสต์ ประเทศนอร์เทิร์นไอร์แลนด์ (ไอร์แลนด์เหนือ) จู่ๆ ก็ตื่นมากลายเป็นเศรษฐีในเช้าของวันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา หลังมีการโอนเงินเข้าบัญชีเป็นจำนวนกว่า 8.9 ล้านปอนด์ (365 ล้านบาท)!? เด็กชายบอกกับแม่ว่า “ผมจะไปสั่งซื้อรถปอร์เช่!!” แต่ดั๊นโดนคุณแม่เบรกเอาไว้ก่อน “อย่าบ้าไปหน่อยเลยน่า นี่ไม่ใช่เงินของเราซะหน่อย เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ซะ”     เราลองมาคิดกันเล่นๆ สักหน่อยนะครับว่าเงินจำนวนขนาดนี้ สามารถเอาไปทำอะไรได้บ้าง หากเขาจะนำเงินนั้นไปใช้จริงๆ!? หนุ่ม Dane จะสามารถกลายเป็นเจ้าของคฤหาสน์สุดหรูที่มี 7 ห้องนอนในกรุงลอนดอนได้, เขาสามารถซื้อเรือยอชท์ได้หลายลำเลยล่ะ หรือจะเป็นช็อกโกแลต Freddo 2,225,000 ชิ้น     และสำหรับรถปอร์เช่ เขาสามารถซื้อ Porche 911s ที่มีมูลค่า 80,000 ปอนด์ได้ถึง 114…

จากเหตุการณ์ ‘ลมวนขั้วโลกเหนือ’ ที่ทวีปอเมริกาเหนือกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ส่งผลให้ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับอากาศที่หนาวแบบสุดขั้ว!! จากอุณหภูมิที่ลดดิ่งลงแบบชนิดที่ว่า ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้ทะเลสาบมิชิแกน กลายเป็นน้ำแข็งกันเลยทีเดียว     อ่านข่าวทะเลสาบมิชิแกนกลายเป็นน้ำแข็งได้ที่นี่ : สหรัฐฯ ประสบภัยหนาว อุณหภูมิดิ่งติดลบ จน ‘ทะเลสาบมิชิแกน’ กลายเป็นน้ำแข็ง!!   และแม้ว่าที่พรมแดนระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา (รัฐนิวยอร์ก) และแคนาดา (รัฐออนแทรีโอ) จะมีอุณหภูมิต่ำไม่เท่ากับที่ชิคาโก หรือมินเนสโซตา ของสหรัฐอเมริกา แต่ก็หนาวยะเยือกไม่แพ้กัน ในบริเวณนั้นอุณหภูมิอยู่ที่ -4 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ ‘น้ำตกไนแอการา’ กลายเป็นน้ำแข็งไปด้วย!!     แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นน้ำแข็งไปเสียทั้งหมด ยังมีบางส่วนที่ไหลตกลงมาด้านล่าง นั่นเป็นเพราะอุณหภูมิของน้ำที่มีการไหลอยู่นั้นจะมีอุณหภูมิสูงกว่าอากาศที่อยู่รอบๆ แต่ขณะเดียวกัน รอบๆ น้ำตกก็ถูกหิมะปกคลุม และบริเวณที่น้ำแน่นิ่งก็กลายเป็นน้ำแข็ง ดูแล้วงดงามตายิ่งนัก   . . . . . . . .   ที่มา :…

เนื่องจากปัญหาความหนาวเหน็บที่สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนรวมไปถึงเรื่องของ ‘การคมนาคม’ จากอุณหภูมิที่ลดลงต่ำถึง -31.67 องศาเซลเซียสในนครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ส่งผลให้ทะเลสาบมิชิแกนกลายเป็นน้ำแข็งกันเลยทีเดียว!! อ่านข่าวทะเลสาบมิชิแกนกลายเป็นน้ำแข็งได้ที่นี่ : สหรัฐฯ ประสบภัยหนาว อุณหภูมิดิ่งติดลบ จน ‘ทะเลสาบมิชิแกน’ กลายเป็นน้ำแข็ง!! และอีกส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ก็คือ ‘รถไฟ’ ที่ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ จึงต้องใช้มาตรการ ‘จุดไฟเผา’ เข้าช่วย!!     เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นเกินไปส่งผลให้ ‘รางรถไฟ’ ที่ทำมาจากโลหะหดตัวลง ทำให้การสลับรางนั้นทำได้ยาก ด้วยเหตุนี้เองเจ้าหน้าที่ก็เลยต้องมาจุดไฟเผารางรถไฟ เพื่อให้มันขยายตัวและสามารถใช้สลับรางได้โดยง่าย นอกจากนี้ยังมีการวางเชือกชุบน้ำมันก๊าด มาวางไว้ข้างๆ รางรถไฟ ตามทางแยกต่างๆ แล้วก็จุดไฟเพื่อทำให้มันอุ่นอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย   ลองไปชมคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดูครับ   อีกหนึ่งคลิปจากสำนักข่าว ABC News It’s so cold in Chicago, crews had to set fire to commuter rail tracks…

เรื่องราวอันน่าประทับใจของ ‘เด็กชายป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม’ ที่ช่วยคุณแม่ผู้อุปการะ ดูแลน้องๆ ผู้พิการอีกสองคน ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเด็กชาย Simon Clark วัย 4 ขวบ ที่ถูกพ่อแม่ชาวอเมริกัน รับมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2561 ที่ผ่านมา เด็กชาย Simon ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม และถูกพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองทิ้งไว้ในประเทศบัลแกเรีย แต่ด้วยความอนุเคราะห์จาก Jeremy และ Nicole ทำให้เขาได้มีครอบครัวใหม่อันแสนอบอุ่น     ซึ่งล่าสุดคุณพ่อและคุณแม่ ก็ได้ทำการรับสมาชิกครอบครัวมาเพิ่มอีกสองคน ซึ่งทั้งสองคนล้วนแล้วแต่เป็นพี่ชายของ Simon ทั้งคู่ ประกอบไปด้วย Alex วัย 6 ขวบ และ David วัย 5 ขวบ ทั้งสองคนล้วนแล้วแต่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม และผู้พิการทางสมอง     แน่นอนว่า Simon เองก็ดีใจเป็นอย่างมากที่มีสมาชิกครอบครัวเข้ามาเพิ่ม เขามักจะคอยอาสาดูแลบรรดาพี่ๆ ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการป้อนอาหาร การพาพี่ๆ ออกไปเล่นข้างนอก การพาพี่ๆ…

เรื่องราวของหญิงสาวที่ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม แต่สุดท้ายชีวิตของเธอกลับพลิกผันกลายมาเป็นนางแบบ และมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมกว่า 50,000 คน!! ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับ Georgia Traebert เด็กสาววัย 14 ปี จากเมือง Curitiba ประเทศบราซิล ที่ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม เส้นทางสู่การเป็นนางแบบของ Georgia นั้นเริ่มมาจากการที่คุณแม่ของเธอ Rubia ได้ทำการจับเธอแต่งตัว แต่งหน้า แล้วก็ถ่ายภาพลงโซเชียลเน็ตเวิร์ก หลังจากนั้นไม่นาน ภาพของเธอก็กลายเป็นกระแสไวรัลมีผู้คนให้ความสนใจมากมาย     “ตอนแรกมันเริ่มจากการทำอะไรสนุกๆ แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะดังขนาดนี้ และฉันก็อยากจะเห็นว่าลูกของฉันจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กคนอื่นๆ ที่ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรมได้มากน้อยแค่ไหน” คุณแม่ Rubia กล่าว     จนถึงตอนนี้ Georgia กลายเป็นนางแบบที่เซ็นสัญญากับโมเดลลิ่งเอเจนซี่กว่า 5 ราย เธอทำงานกับแบรนด์แฟชั่นที่มีชื่อเสียงมากมาย ร้านเครื่องเพชร รวมไปถึงโฆษณาต่างๆ ในประเทศบราซิล จนกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และที่สำคัญเธอมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากกว่า 50,000 คนเลยทีเดียว!!     อย่างไรก็ตามในความสำเร็จของเธอ คุณแม่ Rubia ก็ยังมีความกังวลใจอยู่ เพราะมีหลายครั้งที่มีการวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาชาวเน็ตถึง Georgia แบบเสียๆ…

หมาข้า ใครอย่าแตะ…เรื่องราวในหนังเรื่อง John Wick เมื่อนักฆ่ามือพระกาฬถูกโจรบุกปล้นบ้าน พร้อมกับฆ่าหมาสุดที่รักของเขา จนเป็นเหตุให้ต้องตามล้างแค้น!! และนี่คือเรื่องราวของ John Wick ในชีวิตจริง เรื่องมีอยู่ว่านาย Karl Bate ได้ทำการโพสต์คลิปวิดีโอลงโซเชียลเน็ตเวิร์ก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อเล่าถึงเหตุการณ์สุดช้ำที่เกิดขึ้นกับตัวเอง Karl ถูกหัวขโมยขึ้นบ้าน ในเขต Neachells Lane เมือง Wednesfield ประเทศอังกฤษ เมื่อวันพฤหัสที่ 24 มกราคม 2562 แต่ทว่าเหล่าโจรใจบาปเหล่านั้นกลับใช้อาวุธมีดแทงหมาอันเป็นที่รักของเขาจนถึงแก่ชีวิต     ก็เลยโพสต์คลิปวิดีโอบอกเล่าความเจ็บช้ำน้ำใจ พร้อมกับขู่หัวขโมยว่า เขาจะตามไปเอาชีวิตเหล่าหัวขโมย เพื่อแก้แค้นอย่างแน่นอน!! “Jake เพิ่งจะจากโลกนี้ไปเมื่อราวครึ่งชั่วโมงก่อน ไอ้หัวขโมยใจบาปพวกนั้นมันฆ่าหมาของผม” “พวกมรึงระวังตัวไว้เถอะ เพราะกรูจะไปหาแน่นอน!!” Karl กล่าวทั้งน้ำตาในวิดีโอ นอกจากนี้เขายังกล่าวเพิ่มเติมในคลิปวิดีโออื่นอีกว่า “หมาของผมถูกพวกมันแทงจนเสียชีวิต ถ้าหากคุณรู้ว่าเป็นฝีมือของใคร ได้โปรดบอกผมด้วย เพราะผมจะไปฆ่าพวกมัน ช่วยผมตามหาไอ้สารเลวที่ทำแบบนี้ที ผมขอร้อง”   เจ้า Jake ผู้น่าสงสาร   Karl…

บางครั้งเรื่องของ ‘โชคชะตา’ ก็อาจจะเป็นอะไรที่ไม่แน่ไม่นอน คนทำดีอาจจะถูกโชคชะตาเล่นตลกก็มีให้เห็นกันถมไป เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้… ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับคุณหมอหญิง หลี่ จวี๋หง วัย 37 ปี ที่อุทิศตัวเองทำงานอยู่ในหมู่บ้านชนบทของเมืองฉงชิ่ง มาตลอด 17 ปี แม้ว่าร่างกายของเธอจะไม่สมบูรณ์เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม     คุณหมอหลี่ต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างไปตั้งแต่อายุ 4 ขวบจากอุบัติเหตุรถบรรทุกชน แม้โชคชะตาชีวิตจะนำพาเรื่องร้ายๆ มาให้เธอ แต่เธอก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนจนจบมาและกลายเป็นหมอได้ในที่สุด เธอตั้งใจเอาไว้ว่า ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่เธอจะทำความดีให้ความช่วยเหลือกับผู้คนที่อยู่ห่างไกลความเจริญด้วยความรู้ทางการแพทย์ที่เธอมี     และคุณหมอหลี่ก็ทำแบบนั้นมาตลอด 17 ปี รักษาคนไข้ไปแล้วกว่า 6,000 เคส ซึ่งในระหว่างนั้นเธอต้องใช้เก้าอี้ 2 ตัวแทนไม้ค้ำยันเพื่อเดินทางไปไหนมาไหนตลอดเวลา “17 ปีมานี้ ฉันเดินจนเก้าอี้พังไปทั้งหมด 24 ตัวแล้วล่ะ” คุณหมอหลี่กล่าว     แม้ว่าความดีที่เธอสั่งสมมาโดยตลอด 17 ปี สุดท้ายแล้วโชคชะตาก็ดันเล่นตลกกับเธออีกครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมาคุณหมอหลี่ ได้รับการวินิจฉัยว่า ‘ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง’…

‘ความสำเร็จ มักจะมาอยู่ในมือของผู้ที่ไม่หมดความพยายาม’   นี่คือเรื่องราวของ Manny Singh Tura วัย 27 ปี ที่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายที่มีชื่อว่า Crohn’s ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติเรื้อรังของลำไส้ใหญ่ ทำให้เกิดการระคายเคืองและทางเดินอาหารบวม จัดอยู่ในกลุ่มโรคที่เกี่ยวกับลำไส้อักเสบเรื้อรัง ทำให้เขามีร่างกายที่ผ่ายผอม จนเห็นรอยกระดูกตามส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างชัดเจน ซึ่งก่อนที่เขาจะป่วยเป็นโรคนี้เขามีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม แต่พอป่วยปุ๊บ น้ำหนักก็ลดฮวบจนเหลือแค่ 29 กิโลกรัมเท่านั้น!! จากโรคที่เขาเป็นส่งผลให้ลำไส้เสียหาย นาย Manny ต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง และสวมใส่ถุงไอลีออสโตมี เพื่อระบายของเสียออกมาอยู่ตลอดเวลา     และเมื่อถอดเจ้าถุงนั้นออก คุณหมอก็บอกกับเขาว่า ถ้ายังไม่อยากพ่ายแพ้ให้กับโรคนี้ เขาต้องหาทางเพิ่มน้ำหนักของตัวเองให้ได้ Manny จึงตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะต้องต่อสู้และเอาชนะมันให้ได้ จากที่ผอมจนเห็นหนังหุ้มกระดูก เขาตัดสินใจที่จะเพิ่มน้ำหนักของตัวเอง และกลายเป็นนักยกน้ำหนักให้ได้!!     วันเวลาผ่านไป 8 เดือน Manny กลับมาดูแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง และที่พิเศษก็คือเขาเข้าร่วมการแข่งขันยกน้ำหนัก และได้รับรางวัลชนะเลิศ พร้อมทั้งทำลายสถิติของแคว้นที่ตัวเองอยู่อีกด้วย!!     “มันดูแย่มากที่ได้เห็นสภาพร่างกายของตัวเองหลังจากหายป่วย ผมไม่เคยผอมขนาดนี้มาก่อนเลย”…

สำหรับหลายๆ คนแล้ว ภาพของ Gordon Ramsey ที่ติดอยู่ในหัวคงจะเป็นเชฟคนหนึ่งที่มีสกิลในการ ‘ด่าผู้เข้าแข่งขัน’ ในรายการต่างๆ ได้อย่างเจ็บแสบเหลือเกิน!! ทั้งคำพูดที่หยาบคายจนแสนบรรยาย โดยเฉพาะการเปรียบเทียบให้ผู้เข้าแข่งขันหญิงคนหนึ่งกลายเป็น ‘แซนด์วิชโง่ๆ’     แต่ล่าสุดดูเหมือนกับว่าพี่แกจะโดนบรรดาชาวเน็ตเอาคืนบ้างแล้ว จากโพสต์ในทวิตเตอร์ของเฮีย Gordon ที่ได้ทำการโพสต์ภาพสเต็ก Chateaubriand สุดหรู   พร้อมกับแคปชั่นว่า “นี่คือ Chateaubriand ที่ยอดเยี่ยมที่สุด!!”    หลายๆ คนอาจจะไม่เข้าใจว่า Chateaubriand นั้นคืออะไร มันเป็นเนื้อส่วนตรงกลางของเนื้อสันในที่หาได้ยากมากๆ ในวัว 1 ตัว เรียกได้ว่าเป็นเนื้อระดับท็อปที่มีราคาแพงมากๆ เลยทีเดียว กลับมาที่ภาพเนื้อ Chateaubriand สเต็กของเฮีย Gordon อีกรอบครับ ทีนี้ชาวเน็ตทั้งหลายต่างก็มองว่า ไอ้เนื้อที่เฮียบอกว่ามันยอดเยี่ยมน่ะ มันยังไม่สุกเลยนะเฟร้ย!!   มันยังดิบอยู่เลยอ่ะจารย์!!   นี่ถ้าคุณโทรหาสัตวแพทย์นะ พวกเขาอาจจะทำให้มันกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งได้เลย   เนื้อมันยังหายใจได้อยู่เลย รีบทำอาหารจานนี้ให้เสร็จซะ   ผมยังได้ยินมันร้อง มออออ…

อย่างที่รู้กันดีว่าการเข้าออกประเทศต่างๆ นั้น เราจำเป็นจะต้องมี ‘พาสปอร์ต’ หรือหนังสือเดินทาง ที่เป็นของตัวเอง หากไม่มีล่ะก็อย่าหวังว่าจะได้เดินทางออกจากประเทศกันเลยทีเดียว!! แต่สำหรับคุณแม่กลับเป็นข้อยกเว้น     Anita Turner วัย 58 ปี ใช้หนังสือเดินทางของ Rebecca Turner ลูกสาววัย 30 ปี ของตัวเอง เดินทางข้ามด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศเบลเยียม โดยที่ไม่ถูกจับได้เลย หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมเจ้าหน้าที่ในด่านตรวจคนเข้าเมืองของเบลเยียมถึงทำงานกันหละหลวมถึงขนาดนั้น? ลองไปชมภาพของสองแม่ลูกดูครับ   ผ่าม!! เหมือนกันเด๊ะ   คุณแม่ Anita เล่าว่าในครั้งแรกเธอเดินทางไปกับเพื่อนๆ 5 คนด้วยกัน และเพิ่งมารู้ตัวตอนอยู่ที่ท่าเรือ Port of Denver ในเมือง Kent ประเทศอังกฤษ ว่าเธอหยิบหนังสือเดินทางมาผิดเล่ม ซึ่งมันเป็นของลูกสาวเธอ แต่เธอตัดสินใจที่จะไม่ยอมกลับไปเอามาเพราะกลัวว่าจะขึ้นเรือไม่ทัน เลยเดินทางออกนอกประเทศไปด้วยพาสปอร์ตนั้น และปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เองก็ไม่สามารถจับได้!? จนกระทั่งเดินทางไปถึง Adinkerke ในประเทศเบลเยียม เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็จับไม่ได้อีก จนเดินทางกลับมาที่ท่าเรือ Port of…

เรื่องราวของคุณครูสาวรายหนึ่ง ที่ส่ง ‘ภาพโป๊’ ไปให้นักเรียนหนุ่ม พร้อมกับเชิญชวนมาเล่น ‘ซ่อนหา’ แบบเปลื้องผ้าด้วยกัน จนเป็นเหตุทำให้เธอต้องถูกจับกุมตัว!! เรื่องมีอยู่ว่า Kelsie Schmidt คุณครูผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ วัย 22 ปี ของโรงเรียนไฮสคูล Beulah ในรัฐนอร์ทดาโคตา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการส่งรูปภาพโป๊ของตัวเองไปให้เด็กนักเรียนวัย 17 ปี ตามรายงานระบุเอาไว้ว่า ภาพที่เธอส่งไปทั้งหมดนั้นมีจำนวน 3-4 ภาพด้วยกัน หนึ่งในนั้นเป็นภาพโป๊เปลือยเผยให้เห็นร่างกายท่อนบนทั้งหมด และภาพอื่นๆ ก็เผยให้เห็นบริเวณต้นขา พร้อมกับข้อความว่า ‘ไปชวนเพื่อนๆ มาเล่นซ่อนหาแบบเปลื้องผ้าด้วยกันเถอะ’     จากหลักฐานที่มัดตัวขนาดนี้ ทำให้คุณครู Kelsie ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งถูกพักงานสอนในโรงเรียนไฮสคูล Beulah ไว้ก่อน     ซึ่งทางโรงเรียนจะทำการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่าความผิดของเธอนั้นมันหนักหนาสาหัสเพียงใด เพราะเธอเพิ่งจะมาทำงานได้ยังไม่ถึงปี อย่างไรก็ตามคุณครู Kelsie จะต้องมารับฟังคำพิพากษาความผิดในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562…

เรื่องราวอันน่าเจ็บช้ำน้ำใจของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าสาว แต่ทว่างานแต่งในฝันของเธอต้องพังทลายลง เพราะมือที่สาม!? เรื่องราวดังต่อไปนี้เกิดขึ้นในประเทศแอฟริกาเมื่อฤดูร้อนในปีที่ผ่านมา มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งชื่อว่า @Nkokhi ได้ทำการโพสต์คลิปวิดีโองานแต่ง ที่ในคลิปนั้นมีคนสวมชุดเจ้าสาวถึงสองคน!?     พร้อมกับแคปชันว่า “กิ๊กของเจ้าบ่าวโผล่มาที่งานแต่งงาน พร้อมกับสวมชุดเจ้าสาวมาด้วย เจ้าบ่าวพยายามที่จะทำให้สถานการณ์สงบลง”   ลองไปชมคลิปวิดีโอกันครับ   จากในคลิปจะเห็นว่าเจ้าสาวกำลังยืนรอเพื่อเข้าทำพิธี ขณะที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่สวมชุดเจ้าสาวเช่นกัน พยายามจะป่วนงานแต่ง และเจ้าบ่าวเองก็พยายามที่จะจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่แขกที่มาร่วมงานก็ส่งเสียงโห่ร้องอยู่ด้านหลัง     คลิปวิดีโอดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย มีคนรีทวีตไปกว่า 7,000 ครั้ง และเข้ามาชมวิดีโอมากถึง 675,000 ครั้งเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานว่าเจตนาของหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวอีกคนหนึ่งนั้นคืออะไร จะเข้ามาห้ามไม่ให้เกิดงานแต่งขึ้นหรือไม่ หรืออาจจะแค่มาทำให้เจ้าบ่าวอับอายขายขี้หน้าแต่เพียงอย่างเดียวกันแน่?     ชาวเน็ตทั้งหลายพอเห็นคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว ต่างก็เข้ามาคอมเมนต์กันไปต่างๆ นานา   “ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ชายที่นอกใจทุกคน จะมีกิ๊กนิสัยแบบนี้กันหมดนะ ฮร่าๆ”   “เมื่อคุณไม่ซื่อสัตย์กับคู่รักของคุณ ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจที่จะต้องเผชิญกับเหตุดราม่าแบบนี้แหละ”   “ถ้าตรูเป็นเจ้าสาวนะ ตรูจะไม่เสียเวลาอยู่ที่งานนั้นแล้ว ถอดชุดแล้วเดินออกจากงานไปเลยจ้า”   ที่มา : ladbible, mirror

สักวันหนึ่งเราก็ต้องตายจากไป แต่ความดีที่เราเคยสร้างเอาไว้จะคงอยู่ไปอีกแสนนาน…   นี่คือเรื่องราวสุดประทับใจของคุณปู่ท่านหนึ่ง ที่ทำการบริจาคทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ แม้ว่าตัวเองจะอายุมากและมีร่างกายที่อ่อนแอแล้วก็ตาม ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับคุณปู่หลัว หรงเย่ว์ วัย 93 ปี ที่ตัดสินใจบริจาคเงินเป็นมูลค่า 10,000 หยวน (46,700 บาท) เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนในบ้านเกิดของตัวเอง แม้ว่าตัวเองกำลังเข้ารับรักษาอาการป่วยอยู่ในโรงพยาบาล     จริงๆ แล้วคุณปู่หลัว ทำแบบนี้มาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว โดย 6 ปีหลังสุดคุณปู่บริจาคเงินไปทั้งหมด 7 ครั้ง รวมแล้วเป็นมูลค่ากว่า 40,000 หยวน (187,000 บาท)     ทำให้มีนักเรียนที่ได้รับโอกาสในการศึกษาจากเงินของคุณปู่ไปมากกว่า 300 คนเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามในการบริจาคครั้งล่าสุดนี้ คุณปู่หลัวกล่าวว่า “นี่อาจจะเป็นการบริจาคครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะต่อจากนี้ไปผมต้องเก็บเงินเอาไว้เพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับตัวเอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสได้บริจาคอีกหรือไม่”     เรื่องราวของคุณปู่ถูกเผยแพร่ออกไปทางสื่อออนไลน์ของประเทศจีน ชาวเน็ตหลายคนต่างก็ชื่นชมในการกระทำของเขา พร้อมกับอวยพรให้คุณปู่กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงในเร็ววัน     นับเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจจริงๆ ชายชราคนหนึ่งที่อยู่ในช่วงบั้นปลายของตัวเอง ได้มอบ ‘โอกาส’ ในการมีชีวิตที่ดีให้กับบรรดาเด็กๆ…

เรื่องราวอันน่าประทับใจที่เกิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งตัดสินใจ ‘ปีนตึก 6 ชั้นด้วยมือเปล่า’ เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ติดรั้วลูกกรง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเมืองหวายหัว มณฑลหูหนาน ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศจีน เมื่อไม่นานมานี้เอง สำนักข่าว China Xinhua News ของประเทศจีนได้ทำการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายโดยคนที่เดินผ่านมาพอดี   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ กันก่อนครับ https://www.facebook.com/XinhuaNewsAgency.th/videos/371052857010897/   คลิปดังกล่าวเผยให้เห็นว่ามีเด็กคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุ น่าจะเกิดจากการเล่นซุกซนจนตัวติดห้อยต่องแต่งลงมาจากลูกกรงหน้าต่างด้านนอกของอพาร์ตเมนต์ที่อยู่สูงขึ้นไปถึงชั้น 6     แต่แล้วจู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งปีนขึ้นไปบนตึกด้วย ‘มือเปล่า’ เพื่อขึ้นไปช่วยเหลือเด็กคนนั้น!! เขาค่อยๆ ปีนขึ้นไปจนถึงที่หมาย แล้วก็ใช้มือดันเท้าของเด็กที่ห้อยลงมา ให้สามารถปีนกลับเข้าห้องไปได้อย่างปลอดภัย     หลังจากช่วยเหลือได้สำเร็จชายหนุ่มก็ปีนกลับลงมาถึงพื้นอย่างปลอดภัย ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย!? แน่นอนว่าเหตุดังกล่าวสร้างความตกใจ และแปลกใจให้กับผู้คนเป็นจำนวนมาก แต่พอทราบเบื้องหลังของชายหนุ่มคนนี้แล้วขอบอกเลยว่าการทำอะไรแบบนี้คงเป็นอะไรที่ธรรมดาสำหรับพี่แกอย่างแน่นอน     ชายหนุ่มมีชื่อว่านายจาง ซิน เป็นอดีตทหารผ่านศึกของประเทศจีน ที่เคยผ่านการฝึกอันทรหดมาแล้วนั่นเอง ทำให้เขามีร่างกายที่แข็งแรง และมีความคล่องแคล่วมากกว่าคนธรรมดาทั่วๆ ไป   ฉะนั้นการปีนขึ้นไปบนตึกชั้น 6 ด้วยมือเปล่า ก็คงเป็นเรื่องง่ายๆ ราวกับการปอกกล้วยเข้าปากเลยล่ะนะ  …

สำหรับชีวิตเด็กหอแล้ว มันก็ต้องมีบ้างแหละที่ไม่อยากให้พ่อแม่มาเยี่ยม ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป เช่น มีนัดเดตกับสาว ขี้เกียจอยากนอนอยู่ห้องเฉยๆ ไม่อยากเก็บห้อง เป็นต้น หลายๆ คนจึงหาข้ออ้างบอกกับพ่อแม่ไป.. เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของชายหนุ่มคนนี้ แต่ดูเหมือนกับว่าพี่แกจะเล่นแรงไปหน่อย ถึงขั้นโทรไปขู่ ‘วางระเบิด’ เครื่องบินลำที่พ่อแม่นั่งมา เพื่อที่จะมาเที่ยวหา จนเป็นเหตุให้ไฟลต์บินต้องวกกลับไปลงจอดที่สนามบินเดิมอย่างรวดเร็ว!! สำนักข่าว Independent ของประเทศอังกฤษรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา มีชายหนุ่มคนหนึ่งวัย 23 ปี ไม่เปิดเผยชื่อ ได้ทำการโทรไปกุข่าวว่ามีระเบิดอยู่บนเครื่องบินของสายการบิน Easy Jet ไฟลต์ EZY4319      ซึ่งไฟลต์บินดังกล่าวเดินทางจากเมืองลียง ไปยังเมืองแรนส์ ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งชายหนุ่มเป็นนักศึกษาและกำลังเรียนอยู่ที่นั่น จนเป็นเหตุให้กัปตันตัดสินใจวกเครื่อง พาผู้โดยสารทั้งหมด 159 ชีวิต รวมไปถึงพ่อแม่ของชายหนุ่มกลับไปจอดที่สนามบินลียงเหมือนเดิมหลังจากที่เทคออฟไปได้ไม่นาน     จากการกระทำดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มตกที่นั่งลำบาก เพราะการกุข่าววางระเบิดบนเครื่องบินถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงมากๆ แม้เขาจะสารภาพแล้วว่าเป็นการโกหกเพราะ ‘ไม่อยากให้พ่อแม่ที่โดยสารมาบนเครื่องบินลำนั้น มาเยี่ยมหาเขาที่เมืองแรนส์’     ชายหนุ่มถูกจับกุมตัวและจะต้องขึ้นศาลอาชญากรรมในวันที่…

หากเรามีความหวังว่าจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จจงได้โดยที่ไม่ยอมแพ้ ก็อาจจะสำเร็จขึ้นมาสักวันหนึ่งก็ได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้… คุณยาย Eileen Macken วัย 81 ปี ชีวิตในวัยเด็กของเธอนั้นค่อนข้างเป็นอะไรที่น่าเศร้า เพราะแม่ของเธอทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็กๆ ทำให้ต้องอาศัยอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า Kirwan House ที่อยู่ในเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์       จนกระทั่งคุณยาย Eileen อายุได้ 19 ปี ก็ตัดสินใจที่จะตามหาแม่แท้ๆ ของตัวเอง ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หรือว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่มีโอกาสได้เจอ จนเวลาผ่านพ้นไปคุณยาย Eileen เกือบจะยอมแพ้และยอมรับว่าแม่แท้ๆ ของตัวเองไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้ว     แต่แล้วไฟในใจของคุณยายก็ไม่ได้มอดดับไปเสียทีเดียว เธอมีโอกาสได้ร่วมมือกับ ‘ผู้ศึกษาเกี่ยวกับวงศ์ตระกูล’ ที่ได้ยินเรื่องราวของเธอผ่านทางวิทยุเพื่อช่วยตามหาแม่ที่แท้จริง จนกระทั่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา หลังจากการพยายามตามหาคุณแม่แท้ๆ ของตัวเองมาตลอด 60 ปีด้วยการช่วยเหลือของเทคโนโลยีการตรวจ DNA ในยุคปัจจุบัน ในที่สุดเธอก็ได้พบกับคุณแม่ของตัวเอง และเธอยังคงมีชีวิตอยู่ตอนนี้อายุปาเข้าไป 103 ปีแล้ว     “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันได้รู้ข่าวว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ สิ่งที่ฉันต้องการก็คือได้พบกับเธอ”…

สำหรับชาวพุทธอย่างเราๆ แล้ว คงจะได้รับการปลูกฝังเรื่องบาปบุญกันมาตั้งแต่เด็กๆ จนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวันไปโดยปริยาย นั่นก็คือการช่วยเหลือผู้อื่นก็จะทำให้เราได้ ‘บุญ’ ส่วนหากเราทำร้าย หรือทำสิ่งไม่ดีก็จะทำให้เราได้ ‘บาป’ นั่นเอง จึงไม่แปลกเลยว่านักเล่นโปกเกอร์ชาวต่างชาติที่นับถือพุทธท่านนี้ จะนำเงินรางวัลที่ได้มาจากการแข่งโปกเกอร์ทั้งหมดไปบริจาคให้กับองค์กรการกุศลทั้งหมดเลย!!     ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับคุณลุง Scott Wellenbach วัย 67 ปี ชาวแคนาดาที่ทำหน้าที่เป็นนักแปลอักษรภาษาทิเบต และสันสกฤต ในพระไตรปิฎก ให้กับองค์กรทางศาสนาแบบไม่แสวงหาผลกำไร และที่สำคัญคือเขานับถือพระพุทธศาสนาเฉกเช่นเดียวกันกับคนไทยเรานี่เอง ซึ่งล่าสุดลุง Scott แกไปเข้าร่วมการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ PokerStars Caribbean Adventure ผ่านทางออนไลน์ ที่จัดโดยคาสิโนที่มีชื่อว่า Atlantis ตั้งอยู่บนหมู่เกาะบาฮามัส     แล้วที่พีคไปกว่านั้นคือเขาเข้ารอบไปได้เรื่อยๆ เลย จนสามารถไปคว้าอันดับที่ 3 ของทัวร์นาเมนต์ได้ในที่สุด กวาดเงินรางวัลไปกว่า 671,240 เหรียญสหรัฐ (21 ล้านบาท) แน่นอนว่าสำหรับหลายๆ คนแล้วการได้เงินรางวัลที่มากมายขนาดนั้นมา ก็ต้องนำมาปรนเปรอความสุขทางวัตถุให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรถ บ้าน หรือท่องเที่ยว เป็นต้น  …

เพื่อนๆ เคยลองจินตนาการกันไหมว่าหากรองเท้า Crocs มารวมร่างกับ ‘หญ้าเทียม’ มันจะเป็นอย่างไร? เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ #เหมียวหง่าว ได้นำเสนอรองเท้าตัวใหม่ของ Nike Air Max รุ่นใหม่ที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าเทียม และมันก็โดนใจบรรดาแฟนๆ รองเท้าสนีกเกอร์มากมาย คราวนี้ Crocs ก็เอากับเค้าบ้าง ล่าสุดได้เปิดตัวรองเท้าใหม่ล่าสุดที่ปกคลุมไปด้วย ‘หญ้าเทียม’ เช่นเดียวกัน!! ด้วยความร่วมมือของ Chinatown Market แบรนด์เสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงของอเมริกา จนกลายมาเป็นรองเท้าทรง Crocs ที่ดูแปลกตาไม่เหมือนใคร     ในส่วนของทรงรองเท้านั้นทำมาจากยางที่มีคุณภาพ ทำออกมาเป็นทรงของรองเท้า Crocs ที่เราเห็นกันมาจนชินตา แต่ความแปลกของมันก็คือไม่มีรูนั่นเองเพราะถูกคลุมไปด้วยหญ้าเทียมทั้งหมด!!     ส่วนเรื่องของราคานั้นจะอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐ (1,900 บาท) และตอนนี้ขอบอกเลยว่ามันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนชนิดที่ว่าเปิดตัวไปได้ไม่นานก็มียอดสั่งซื้อเข้ามามากมายจนของหมดสต็อกกันเลยทีเดียว!!   . . . .   บรรดาชาวเน็ตทั้งหลายต่างก็เข้ามาคอมเมนต์กันไปต่างๆ นานา   “ว้าววววว พวกนายเห็นไหม…

การทำธุรกิจมันก็ต้องมีจุดขาย บางครั้งมันอาจจะไม่เกี่ยวกับตัวสินค้าเลยแม้แต่น้อย!!   เช่นเดียวกันกับร้านขายหมูแผ่นในเมือง Peninsular ประเทศมาเลเซียร้านนี้ ที่จู่ๆ ก็โด่งดังชั่วข้ามคืน… แต่ไม่ใช่ว่าภาพของหมูแผ่นนั้นน่ากิน หรืออะไรหรอกนะ เพราะจุดที่ต้องโฟกัสน่ะคือ ‘พ่อค้า’ เพราะพี่แกเล่นถอดเสื้อโชว์กล้ามเป็นมัดๆ มาปิ้งหมูแผ่นขายกันเลยทีเดียว     พ่อค้าหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Siuhau Neo เดิมทีเขาเป็นคนที่เกิดในเมือง Kuatan รัฐ Pahang แต่ย้ายมาเปิดร้านขายอาหารทะเลร่วมกับครอบครัวที่เมือง Peninsular มาได้หลายปีแล้ว     นอกจากปู หอยนางรม และกุ้ง แล้วพวกเขายังขายอาหารอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารทะเลอีกด้วย เช่นไก่ หรือเจ้าหมูแผ่นนี้เองก็ด้วย!!     เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2562 ที่ผ่านมาจู่ๆ ภาพของนาย Neo ที่กำลังยืนย่างหมูแผ่นอยู่ ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมาเลเซียมากมาย จากการโพสต์ภาพตัวเองกำลังย่างหมูแผ่นลงเฟซบุ๊ก Siuhau Neo   .   ชาวเน็ตหลายคนเห็นดังนั้นแล้วต่างก็คอมเมนต์แซวกันไปต่างๆ นานา   “เนื้อนี่มันน่าอร่อยจริงๆ”…

เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นหน้าไนท์คลับในเมือง Sarajevo ประเทศบอสเนีย เมื่อผู้ชายคนหนึ่งจิกผม และทำร้ายร่างกายของผู้หญิง ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นโดนอดีตนักสู้ UFC จัดการซะอยู่หมัด!! เหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกเอาไว้โดยกล้องวงจรปิดของไนท์คลับที่มีชื่อว่า Dorian Gray เมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าของก็คือ Dennos Stojnic หรือที่รู้จักกันในฉายา The Menace วัย 38 ปี เป็นอดีตนักสู้มวยกรง UFC รุ่นเฮฟวี่เวต   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันก่อนครับ   ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่าหญิงสาวคนหนึ่งออกมาจากไนท์คลับ และกำลังเดินผ่านที่จอดรถไป แต่จู่ๆ ก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งตามมาแล้วก็ดึงผมของเธออย่างรุนแรงก่อนที่จะผลักตัวเธอไปที่หลังรถคันหนึ่ง     ก่อนที่นาย Dennos ที่เป็นเจ้าของร้านวิ่งตามออกมาเพื่อให้การช่วยเหลือ แม้จะร้างเวทีไปตั้งแต่ปี 2016 แต่สเต็ปของพี่แกก็ยังเฟี้ยวฟ้าวอยู่ เขาต่อยเข้าที่หน้าของชายแปลกหน้าแล้วก็เหวี่ยงลงกับพื้นจนควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ในที่สุด     “ผมเห็นเหตุการณ์ผ่านทางกล้องวงจรปิดจากในร้าน มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังทำร้ายผู้หญิง ผมก็เลยรีบวิ่งออกไปเพื่อช่วยเหลือเธอ” “ผมจับเขาเอาไว้ก่อน แล้วค่อยให้ทีมรักษาความปลอดภัยในร้านผมจัดการ หลังจากที่ควบคุมเหตุการณ์ได้แล้วผมก็ถามผู้หญิงคนนั้นว่าเธออยากจะแจ้งความไหม? แต่เธอปฏิเสธ ก็เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งเธอที่บ้าน”     “หน้าที่ของผมในฐานะเจ้าของร้าน และพลเมืองผู้ชายคนหนึ่ง ก็คือการรักษาความปลอดภัยให้กับทุกคนที่เป็นลูกค้าของผม โดยเฉพาะผู้หญิง เพราะพวกเธออาจจะเป็นลูก…

เมื่อช่วงปลายปีก่อน #เหมียวหง่าว ได้นำเสนอเรื่องราวของคุณแม่ท่านหนึ่ง ที่เผยให้เห็นถึงภาพพัฒนาการการตั้งท้อง ‘แฝดสาม’ ที่ดูแล้วรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว   อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่ : คุณแม่ถ่ายภาพเผยให้เห็นถึงพัฒนาการ ‘ตั้งท้องแฝดสาม’ ดูแล้วรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง!!   หลังจากภาพเซ็ตการตั้งครรภ์ของคุณแม่ Maria Nordø Jørstad จากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ถูกเผยแพร่ลงในโลกโซเชียล ก็กลายเป็นกระแสไวรัล ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย     พร้อมขนาดท้องของคุณแม่นั้นใหญ่มากๆ จนหลายๆ คนก็กลัวว่ามันจะแตกออกมารึเปล่า? เธอจะปลอดภัยไหม? ลูกๆ ในท้องจะเป็นอย่างไรบ้าง? “ตอนแรกมันเริ่มมาจากการที่ฉันอยากจะถ่ายภาพบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างทาง เพื่อเก็บเอาไว้เป็นสมบัติของครอบครัวของเรา และการท้องลูกแฝดสามก็เป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ ฉันคิดว่าหลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันน่าสนใจ” คุณแม่ Maria กล่าว     ซึ่งล่าสุดเด็กๆ ทั้งสามคนที่อยู่ในท้องของคุณแม่ก็คลอดออกมาเรียบร้อยแล้วจ้า ปลอดภัยทั้งเด็กและคุณแม่ แถมยังหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักแบบสุดๆ เธอเขียนโพสต์ลงอินสตาแกรมว่า “ในวันนี้เราได้ทำการต้อนรับลูกๆ ที่น่ารักสู่โลก ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี และเราเองก็มีความสุขมากๆ”     ลูกแฝดทั้งสามคนหน้าตาแสนน่ารัก ประกอบไปด้วยเพศหญิง 2 คน และเพศชาย 1 คน…

ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ Ryan เบบี๋น้อยที่คลอดก่อนกำหนดเป็นเวลา 9 สัปดาห์ น้ำหนักแรกเกิดของเขาน้อยมากๆ แค่ 1.36 กิโลกรัมเท่านั้นเอง ทำให้ต้องพักรักษาตัวอยู่ในตู้อบเป็นเวลานานกว่า 6 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามเมื่อออกจากโรงพยาบาลมาได้ คุณพ่อ Matt Mac ก็เลยตั้งใจที่จะพา Ryan ไปถ่ายภาพขณะที่เขากำลังทำสิ่งต่างๆ ที่ผู้ใหญ่ทำ เพื่อเป็นเหมือนกับเป้าหมายที่จะเลี้ยงดูให้เขาไปถึงวันที่ทำแบบนั้นให้ได้   เจ้าหนู Ryan ตอนอายุ 1 เดือนกับ 6 เดือน   คุณพ่อ Matt เล่าว่า แต่ละภาพใช้เวลาในการถ่ายประมาณ 15-20 นาที สิ่งที่ยากที่สุดคือการเซ็ตอัป และตกแต่งภาพด้วยโปรแกรม ไม่ว่าจะเป็นการจัดพร็อพ การสวมชุด และอุปกรณ์ต่างๆ จัดท่าทางของเบบี๋ ซึ่งต้องให้คุณภรรยามาช่วย และพบว่า Ryan ก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากๆ ราวกับว่าเขากำลังทำกิจกรรมเหล่านั้นอยู่จริงๆ เลยทีเดียว!! อย่างไรก็ตามหลังจากภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่ลงไปในโลกโซเชียลก็พบว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ชอบ แต่ขณะเดียวกันหลายๆ คนก็ผิดหวัง เพราะห่วงถึงความปลอดภัยของเบบี๋น้อย Ryan คุณพ่อ Matt…

ว่ากันว่าเรื่องราวที่อยู่ในนิทาน หรือนวนิยายทั้งหลายนั้นถูกดัดแปลงมาจากเรื่องจริงแทบทั้งนั้น เพราะไม่ว่ามันจะแฟนตาซีหลุดโลกไปแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็ต้องอิงกับ ‘ความเป็นจริง’ อยู่ดี และนี่คือ ‘หมู่บ้าน’ ที่แสนงดงามในประเทศอิตาลี ราวกับว่าเป็นต้นแบบในเทพนิยายแนวแฟนตาซีเลยทีเดียว!! หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในแคว้น Apulia มีชื่อว่า Alberobello (อัลเบโรเบลโล่) ความเป็นเอกลักษณ์ของมันก็คือการใช้บรรดาหินมากมายมาสร้างเป็นกำแพงและหลังคาบ้านทรงกรวยแหลมดูงดงามแปลกตา     ซึ่งสถาปัตยกรรมเหล่านี้เป็นเทคนิคที่คงไว้ตั้งแต่ยุคคริสต์ศตวรรษที่ 15 แล้ว และยังคงรักษาเอาไว้ได้จนมาถึงปัจจุบัน นอกจากความสวยงามในตัวของหมู่บ้านเองอยู่แล้ว ก็ยังมีเทคนิคการถ่ายภาพสวยๆ ที่ทำให้มันออกมาดูสวยงามน่าค้นหามากยิ่งขึ้นไปอีก ของช่างภาพชาวอิตาลีชื่อว่า Tania Depascalis     “เพื่อเก็บภาพ และแสดงให้เห็นถึงวิญญาณของหมู่บ้าน Alberobello เราต้องใช้เวลาถึง 4 วันในการพักอยู่ที่นี่ เพื่อที่จะรอแสงสีแดงของพระอาทิตย์ในช่วงตกดิน คาบเกี่ยวกับตอนกลางคืนพอดี มันจะเป็นแสดงที่ทำให้เราถ่ายภาพออกมาได้งดงามมากที่สุด” “ก่อนที่เราจะเดินทางมายังหมู่บ้านแห่งนี้เราต้องทำการบ้านกันหนักพอควร ทั้งนั่งอ่านรีวิว ว่ามีที่ไหนถ่ายรูปได้สวยๆ บ้าง รวมไปถึงเที่ยวเมืองนี้ผ่าน ‘Google Street View’ เพื่อดูที่ทางต่างๆ”   และนี่คือผลงานอันแสนงดงามที่ช่างภาพเก็บมาฝากทุกคน จะเป็นอย่างไรลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   . .…

กำลังกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอยู่ในต่างประเทศ ณ ขณะนี้เลย เมื่อจู่ๆ คุณพ่อท่านหนึ่งโพสต์ทวิตเตอร์แซะลูกของตัวเองแบบขำๆ แต่ทว่าชาวเน็ตกลับไม่ขำด้วย กลายเป็นเรื่องดราม่าซะงั้น!? เรื่องมีอยู่ว่าคุณพ่อท่านหนึ่งชื่อว่า Jesse Kelly ดีเจประจำคลื่น KPRC-AM 950 ในเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการโพสต์ทวิตเตอร์แซะลูกชายขำๆ ขณะไปส่งเขาในงานแข่งขันหุ่นยนต์ Lego     “ตอนนี้ผมมาส่งลูกชายคนโตของผมที่งานแข่งหุ่นยนต์ Lego และคุณคงไม่เคยเห็นเหล่าบรรดาคุณพ่อมากมายที่รู้สึกผิดหวังมารวมตัวในที่ที่เดียวกันขนาดนี้แน่ๆ พวกเราแต่ละคนคิดกันว่า ‘ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ เล่นฟุตบอล…’”   “พวกเขามีคนพากย์แบบเป็นจริงเป็นจังด้วย เห้ย นี่ตรูไม่ได้โม้นะเฟร้ย!!” .   “โอ้ให้ตายเถอะ พวกเขากำลังจัดเรียมเวทีเพื่อมอบรางวัลให้กับผู้ชนะ”   “มีทีมมนึงชื่อว่า ‘The Shockers’ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลายๆ คนคิดว่ามันเป็นชื่อที่ดีน่ะ” .   “ลูกชายของผมได้ถ้วยรางวัลมาด้วยแหละ ผมเลยบอกให้เขาเอามันไปไว้ในห้องของผม เพราะเขาได้มันสมองมาจากผมเอง ไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอก”   “พวกเขาเพิ่งจะประกาศรางวัลให้กับผู้ชนะ และสถานที่นี้ก็ลุกเป็นไฟราวกับว่าเป็นช่วง Super Bowl เลย ผมคิดว่าผมไม่เหมาะกับที่นี่แล้วล่ะ”  …

เรียกได้ว่าเจ็บแสบจริงๆ กับการกระทำของภรรยาที่ถูกสามีนอกใจ เอา Xbox เครื่องโปรดของเขาไปลงโฆษณาขายในราคาแค่ 3 ปอนด์ เพื่อนำเงินที่ได้มาไปซื้อ ‘มีดทำครัวอันใหม่’ เพราะอันเก่ามันปักคาอยู่ที่ยางรถยนต์ของเขา!! Georgia Jackson หญิงสาววัย 24 ปี จากเมือง Newbiggin เขต Northumberland ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ จับได้ว่าสามีของตัวเองนอกใจ แถมยังทำมานานแล้วด้วย ก็เลยเกิดอาการปรี๊ดสุดๆ     คุณแม่ลูกหนึ่งเล่าว่าเธอแต่งงานกับสามีคนนี้มา 4 ปีแล้ว และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอจับได้ว่าเขานอกใจ ย้อนกลับไปในปี 2016 1 ครั้ง และอีกครั้งก็คือเมื่อปีก่อน ซึ่งเป็นปีที่เธอตั้งท้องอยู่     เมื่อความอดทนมาถึงขีดสุด จึงทำให้เธอเลือกที่จะไม่ทนอีกต่อไป ด้วยความโมโหคุณแม่ก็เลยเอาเครื่อง Xbox พร้อมกับหูฟังเกมมิ่งระดับเทพ รวมๆ แล้วราคา 230 ปอนด์ (9,400 บาท) ไปลงโฆษณาขายผ่านทางออนไลน์ ในราคาแค่ 3 ปอนด์ (123 บาท) เท่านั้นเอง!!…

หากย้อนกลับไปในช่วงยุคอดีต หนึ่งในขนมที่เพื่อนๆ ชอบมากที่สุด คงหนีไม่พ้น ‘ขนมไข่ช็อกโกแลต’ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะไอ้ยี่ห้อที่มีฟอยล์ห่อด้วยนะ การแกะมันออกมาได้เห็นผิวอันเรียบเนียนของช็อกโกแลตทั้งลูก มันเป็นอะไรที่ฟินสุดๆ บางครั้งก็ถึงขนาดว่าแค่ซื้อมาลอกฟอยล์ออกอย่างเดียว เอาช็อกโกแลตทิ้งไปก็มี แต่สำหรับหญิงสาวคนนี้แล้ว เธอกลับแสดงให้เห็นถึงความอดทนอดกลั้นได้เป็นอย่างดี เพราะเธอมีขนมช็อกโกแลตไข่ห่อฟอยล์แบบนี้อยู่ลูกหนึ่ง และมัมมีอายุมากกว่า 50 ปี!!     Ainslie Peters หญิงสาววัย 48 ปี ผู้เป็นเจ้าของเจ้าขนมช็อกโกแลตไข่ห่อฟอยล์ยี่ห้อ Cadbury Creme Egg ลูกนี้     จริงๆ แล้วที่เธอไม่ยอมแกะมันออกมาจากฟอยล์เลย ก็เพราะว่าเจ้าไข่ลูกนี้มันมีเบื้องหลังอยู่นั่นเองครับ ซึ่งเจ้าไข่ลูกนี้จริงๆ แล้วเป็นของ Jean Peters คุณย่าของเธอ     คุณย่า Jean ได้รับไข่ลูกนี้มาจากการเดตครั้งแรกของเธอตั้งแต่ปี 1973 จากนั้นในปีต่อมา คุณย่าก็ตัดสินใจแต่งงานกับคู่เดตคนนั้น และเธอก็เก็บเจ้าของขวัญชิ้นนั้นมาโดยตลอด 50 กว่าปี เคียงคู่กับชายที่มอบมันให้กับเธอ แต่น่าเศร้าที่เขาจากไปก่อนในปี 1981 ทำให้เธอต้องเป็นหม้ายนับแต่นั้นมา  …

วาระสุดท้ายของคุณครูผู้อุทิศตนเพื่อการสอนให้กับบรรดาเด็กนักเรียนมาตลอดเกือบค่อนชีวิตของเธอ กลายเป็นเรื่องน่าประทับใจที่จะติดอยู่ในความทรงจำของใครต่อใครไปอีกแสนนาน คุณครู Sue East วัย 58 ปี ได้ลาจากโลกนี้ไปอย่างน่าเศร้าเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา หลังจากที่ต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายมาได้สักระยะแล้ว     ก่อนจะเสียไปคุณครูได้เขียนจดหมายส่งไปให้กับเด็กๆ ในโรงเรียน เพื่อขอบคุณสำหรับ ‘มิตรภาพ และความสนุก’ ที่เด็กๆ มอบให้เธอมาโดยตลอด ใจความในจดหมายมีท่อนหนึ่งที่ถูกยกมาจากงานเขียนของ C.S Lewis เมื่อปี 1952 เรื่อง The Voyage of the Dawn Treader มาไว้ด้วย ใจความว่า     “จงอย่าลืมว่าเราจะสามารถพบกับ ‘ละอองปีกของนางฟ้า’ ได้ในทุกๆ สถานการณ์ ไม่ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม” โดยปกติแล้วในนวนิยายต่างๆ ‘ละอองปีกของนางฟ้า’ จะมีฤทธิ์ที่ช่วยเยียวยาอาการบาดเจ็บได้ หรือในบางเรื่องก็สามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้เลยทีเดียว สิ่งที่คุณครูจะสื่อก็คือไม่ว่าชีวิตมันจะยากแค่ไหน แต่ชีวิตมันก็ต้องมีทางออกอยู่เสมอ แต่ที่ยกเรื่องของนางฟ้าขึ้นมาก็เพราะว่ามันเป็นหนึ่งในตัวละครเอกที่อยู่ในนิทานที่เธอมักจะเล่าให้บรรดาเด็กๆ ฟังอยู่บ่อยๆ ในวันที่ 17 มกราคม…

กลายเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับความสนใจในต่างประเทศ เมื่อท่อส่งน้ำมันแห่งหนึ่งในเมือง Tlahuelilpan (ตลาเวลิลปัน) ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงเม็กซิโกซิตี้ ของประเทศเม็กซิโก เกิดรั่วขึ้นมา เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา จากเหตุดังกล่าว บรรดาชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นต่างก็ขนแกลลอน และภาชนะต่างๆ เข้ามาแย่งกันตักตวงน้ำมันกันชุลมุน   La Silla Rota สื่อของประเทศเม็กซิโก เผยคลิปวิดีโอเหตุการณ์ขณะที่ชาวบ้านกำลังแย่งกันตักน้ำมัน "Mi garrafón, wey" circula en redes video de la fuga en #Tlahuelilpan, Hidalgo antes de la explosión https://t.co/LoGFExj8cH pic.twitter.com/wCOP5XQv4a — La Silla Rota (@lasillarota) January 19, 2019   แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อจู่ๆ ท่อส่งน้ำมันก็เกิดระเบิดขึ้นมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง  …

อีกหนึ่งเรื่องราวความประทับใจ ที่จะทำให้โลกของเพื่อนในวันที่อากาศหนาวๆ แบบนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจ… เมื่อนักอเมริกันฟุตบอลชื่อดังคนหนึ่งได้รับการช่วยเหลือจาก ‘โฮมเลส’ ทำให้เขาสามารถไปร่วมการแข่งขันนัดสำคัญได้ทันเวลา เรื่องราวแสนประทับใจนี้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา เนื่องจากว่า Jeff Allen ผู้เล่นตำแหน่งไลน์แมนคนสำคัญของทีม Kansas City Chiefs เกิดปัญหา ‘รถติดอยู่ในหิมะ’ ทำให้เขาไม่สามารถเดินทางไปสนามแข่ง ซึ่งนัดนั้นเป็นนัดที่สำคัญมากๆ อีกด้วย     ขณะที่ Jeff กำลังนั่งอยู่ในรถและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี นาย Dave Cochran ชายโฮมเลสขับรถผ่านมาเห็นพอดี ก็เลยตัดสินใจที่จะให้การช่วยเหลือ โดยที่ไม่รู้ว่าตัวจริงของ Allen เป็นใครกันแน่!? “ผมขับไปบนทางด่วนสาย 40 และเห็นรถหลายคันจอดอยู่ไปไหนไม่ได้ เพราะติดอยู่กับหิมะ ผมเห็นชายคนหนึ่งติดอยู่ในรถและพยายามที่จะขับออกไปทั้งๆ ที่หิมะเกาะอยู่เต็มไปหมด ผมก็เลยพูดกับแฟนสาวของผมว่า ‘เราต้องช่วยเขาแล้วล่ะ’” Dave เล่า หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าเขาเป็นโฮมเลส แต่มีรถใช้ได้ไง? สำนักข่าว KSHB ระบุเอาไว้ว่านาย Dave เป็นโฮมเลสที่อาศัยอยู่แต่ในรถเพียงอย่างเดียว กล่าวคือใช้รถเป็นเสมือนบ้านนั่นเอง    …

คุณลองจินตนาการภาพดูสิ ว่าถ้าหากวันหนึ่งได้รับเชิญไปที่ ‘ทำเนียบขาว’ ของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อ ‘เลี้ยงอาหารกลางวัน’ หลายๆ คนคงจะคิดถึงมื้ออาหารสุดหรูระดับไฮเอนด์ ที่สั่งตรงมาจากร้านชื่อดัง หรือไม่ก็จ้างพ่อครัวระดับมิชลินสตาร์มาทำให้ถึงที่ใช่มั้ยล่ะ? แต่ขอโทษที่ต้องทำให้ทุกคนผิดหวังเพราะล่าสุด Donald Trump ได้ทำการเชิญชวนบรรดานักศึกษาจากทีมอเมริกันฟุตบอลมหาวิทยาลัย Clemson Tigers  ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันระดับประเทศ มาร่วมทานอาหารที่ทำเนียบขาว     และอาหารที่พวกเขาเลี้ยงไม่ใช่อาหารสุดหรูแบบที่ทุกคนคิดไว้ แต่เป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่าง McDonald’s, Burger King, Wendy’s และ Pizza แบบจัดเต็ม!!     “พวกเราสั่งอาหารอเมริกันฟาสต์ฟู้ด เต็มไปด้วยแฮมเบอร์เกอร์ และพิซซ่า ทั้งหมดนี้ผมจ่ายเอง ผมคิดว่าพวกคุณคงจะชอบนะ โดยปกติแล้วบรรดานักกีฬาทั้งหลายจะทานอาหารกันเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว และผมคิดว่าทุกคนคงจะสนุกกันแน่ๆ” ท่านประธานาธิบดีกล่าวเปิดงานเลี้ยง     นอกจากนี้ก็ยังกล่าวแบบติดตลกอีกว่า “จริงๆ ผมมีทางเลือกนะ ภรรยาของผม สุภาพสตรีหมายเลข 1 เสนอว่าเราอาจจะทำสลัดเลี้ยงพวกคุณ แต่ผมสวนกลับไปว่า นักกีฬาที่ไหนเค้ากินผักกัน!?”   จัดเต็มไปสิคร๊าบบบบ 555   “ตอนนี้เรามีทุกอย่างที่ผมชอบ…

หลังจากที่เป็นปัญหาอีรุงตุงนังกันในทำเนียบรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา กับกรณีของการเพิ่มงบประมาณสำหรับ ‘รั้วกั้นแดน’ เป็นจำนวนเงิน 185,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากว่ารัฐบาลฝ่ายค้านกลับไม่ยอม และนำไปสู่การยกเลิกการอนุมัติงบประมาณ จนเป็นเหตุให้มีการ ‘ชัตดาวน์’ หน่วยงานรัฐบางส่วนไป     จนถึงตอนนี้ผ่านมากว่า 24 วันแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ และจากการชัตดาวน์ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ยาวนานมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ เลยทีเดียวเชียว!! แน่นอนว่าชาวอเมริกาเองก็เดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก เพราะบรรดาพนักงานรัฐทั้งหลายต่างก็ถูกบังคับให้อยู่ที่บ้าน การใช้บริการต่างๆ ก็เลยเกิดปัญหาขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการไปต่อวีซ่า ทำพาสปอร์ต หรือตามห้องน้ำในอุทยานแห่งชาติถูกทิ้งเอาไว้ไม่มีใครดูแล ประชาชนทั้งหลายต่างก็เฝ้ารอคอยให้ประกาศยกเลิกการชัตดาวน์นี้เสียที เพราะไม่เช่นนั้นอาจนำไปสู่ความหายนะก็เป็นได้ โดยเฉพาะ ‘ห้องน้ำ’ ของอุทยานแห่งชาติ Mt. Hood National Forest ที่ถูกทิ้งไว้จนมีสภาพย่ำแย่แบบสุดขีด เพราะไม่ได้รับการดูแล   สภาพก่อนทำความสะอาด   ก็เลยมีชายคนหนึ่งชื่อว่านาย Dan Little ออกมาทำความสะอาดห้องน้ำเหล่านั้น พร้อมทั้ง ‘เรียกเก็บเงิน’ จาก Donald Trump ซะเลย!!     เรื่องราวดังกล่าวนี้ถูกแชร์โดยสมาชิสภาของรัฐ Oregon ชื่อว่า…

บางครั้ง ‘ศิลปะ’ มันก็ยากเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ และมันอาจจะดูแปลกจนเราเข้าไม่ถึงได้เลยทีเดียว!! เช่นเดียวกันกับงานศิลป์ชิ้นนี้ ที่เป็นผลงานของศิลปินลูกครึ่งนามีเบีย-เยอรมนี ชื่อว่า Max Siedentopf เขาได้นำ ‘ลำโพง’ ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ไปวางไว้สักแห่งในทะเลทรายนามิบอันกว้างใหญ่ไพศาล แล้วก็เปิดให้มันเล่นเพลงเพลงเดียววนไปไม่รู้จบ     เพลงที่ว่านั้นก็คือเพลง Africa โดย Toto ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงที่มีการฟังแบบสตรีมมิ่งมากที่สุดบนโลกใบนี้ เป็นหนึ่งเพลงที่ฮิตมากๆ ในช่วงยุค 80 และยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน หากดูจากยอดวิวในยูทูบก็จะเห็นได้ว่ามีคนเข้าไปชมมากกว่า 440 ล้านครั้งเลยทีเดียว!!     ลองไปฟังกันดูก่อนที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า   เขาได้ทำการตั้งเสาสีขาวเอาไว้ 7 ต้น ข้างบนก็วางลำโพงแบบใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เอาไว้ ข้างในบรรจุแต่เพลง Africa เอาไว้แค่เพลงเดียวเท่านั้น!! จึงเป็นที่มาของชื่อผลว่าว่า ‘Toto Forever’ นั่นเอง     นาย Max เล่าว่า “ผมหวังว่ามันจะเล่นไปเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายล้านปี!! แต่สิ่งที่ยากที่สุดก็คือ ‘ความคงทน’ ของอุปกรณ์นี่แหละ ผมก็เลยเลือกอุปกรณ์ที่มีความคงทนสูง เพื่อให้มันสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมอันรุนแรงในทะเลทรายได้”…

บางครั้งคุณครูที่ว่าดุๆ ก็อาจจะมีมุมที่น่ารักๆ ในแบบที่คาดไม่ถึง จนทำเอาบรรดานักเรียนทั้งหลายอึ้งไปตามๆ กัน นี่คือเรื่องราวของคุณครูในโรงเรียนชั้นประถมของเมืองข่ายหลี่ มณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน ที่มักจะเข้มงวดกับเด็กนักเรียนทุกคนอยู่เสมอ จนได้รับฉายาว่าเป็น ‘คุณครูจอมเฮี๊ยบ’ บรรดานักเรียนทั้งหลายต่างก็รู้สึกเกรงใจกันมาตลอดทั้งเทอม แต่ทว่าเมื่อผลคะแนนสอบออกมา ทุกคนถึงกับต้องตกใจ!?     เพราะคุณครูหญิงวัย 43 ปี กลับมีมุมที่น่ารักเกินคาด!! เธอได้ทำการวาดภาพตัวการ์ตูนลายเส้นน่ารักๆ มากมายหลายแบบในกระดาษข้อสอบของนักเรียน นอกจากนี้ยังมีข้อความที่เขียนเอาไว้เพื่อให้กำลังใจกับเด็กๆ รวมไปถึงคำชมสำหรับเด็กนักเรียนที่ทำคะแนนได้ดี คุณครูกล่าวว่า “ฉันพยายามหาวิธีการใหม่ๆ และน่าสนใจเพื่อมาเสริมสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนให้แก่นักเรียน จึงออกมาเป็นภาพน่ารักๆ แบบที่เห็น” บรรดาเหล่านักเรียนทั้งหลายต่างก็ตกใจกันยกใหญ่ เพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณครูที่มักจะเข้มงวดจนได้รับฉายาว่าครูสุดเฮี๊ยบ จะมีมุมที่น่ารักๆ แบบนี้ด้วย   เก่งมาก!!   รอมานานแล้วในที่สุดเธอก็ได้เกิน 90 คะแนนสักทีนะ!   ผิดเยอะเลย T T   นี่สิที่เค้าเรียกว่าการพัฒนา!!   ว้าาา เกรดตกเลย   ช่างเป็นเรื่องราวที่น่ารักจริงๆ ย้อนกลับไปนึกถึงตอนประถมหรือมัธยม จะมีคุณครูที่ดุมากๆ แต่พอจบไปแล้วกลับไปเยี่ยมหาท่านที่โรงเรียน ปรากฏว่าท่านใจดีมว๊ากกกก!! แต่ที่เข้มๆ…

บางครั้งเพียงแค่เราได้เห็นภาพสิ่งของต่างๆ ในสภาพที่สกปรกเลอะเทอะ เปลี่ยนไปกลายเป็นสะอาดวาววับ มันก็ทำให้หัวใจของเรารู้สึกพองโตได้เหมือนกันนะ สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปสัมผัสกับความฟิน ด้วยภาพสิ่งของที่ดูสะอ๊าดสะอาด มันช่างดีต่อใจเหลือเกิน จะเป็นอย่างไรลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   1. มะ ไม่น่าเชื่อว่าจะมันจะดูใหม่ขนาดนี้   2. ลืมไปเลยว่าสีดั้งเดิมของมันเป็นสีนี้   3. เหมือนได้รถใหม่   4. โบสถ์ที่ไม่เคยถูกทำความสะอาดมาตลอด 134 ปี จนคนเข้าใจว่าอิฐที่ใช้สร้างเป็นอิฐสีดำ!?   5. อ่าห์ ฟิน   6. ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแค่ภาพบันไดถูกทำความสะอาดมันจะชวนให้ฟินได้ถึงเพียงนี้   7. รองเท้าคู่เดียวกัน แต่มันแตกต่างกันเหลือเกิน   8. แหวนแพลตตินัม ที่ไม่เคยทำความสะอาดเลยตลอด 20 ปี   9. เก้าอี้ไม้ของคุณปู่ ที่เราเข้าใจผิดมาตลอดว่าสีของตัวซ้ายนั้นคือสีของมันจริงๆ   10. ตึกในนิวยอร์ก ที่ถูกควันดำของโรงไฟฟ้าปกคลุม   11. บ้านที่เพิ่งถูกทำความสะอาดมาหมาดๆ…

เรื่องราวอันน่าสลดใจเมื่อคุณพ่อข่มขืนลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองในวันแต่งงานของพ่อ พร้อมอ้างว่านึกว่าเป็นภรรยาของตัวเอง!? เว็บไซต์ Dailymail ของอังกฤษเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวว่ามีชายชาวเดนมาร์กวัย 50 ปีรายหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองวัย 20 ปี เหตุการณ์เกิดขึ้นในเมือง Kolding ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเดนมาร์ก เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2561 ที่ผ่านมา ในงานแต่งงานของคุณพ่อกับภรรยาใหม่     ก่อนอื่นต้องเล่าย้อนกลับไปก่อนว่าสองพ่อลูกคู่นี้แยกกันอยู่มานานหลายปี และเพิ่งกลับมาติดต่อกันเป็นครั้งแรกในช่วงคริสต์มาสของปี 2560 จนกระทั่งช่วงเดือนสิงหาคมเมื่อปีที่แล้ว คุณพ่อก็ได้เชิญลูกสาวมาร่วมงานแต่งงานของตัวเอง งานแต่งงานดำเนินไปได้ด้วยดี จนกระทั่ง 2.30 น. ลูกสาวเมามากๆ พ่อและญาติๆ จึงพาเธอไปนอนในห้องบ่าวสาว ก่อนที่ 90 นาทีต่อมา พ่อได้เข้ามานอนหลับอยู่ข้างๆ เธอ โดยที่ภรรยาของเขานอนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง จากรายงานเอกสารที่ศาลได้รับมาระบุว่า อีกสักอึดใจใหญ่ต่อมาเมื่อเวลาราวๆ 4.00-4.45 น. ก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อจู่ๆ คุณพ่อก็ลุกขึ้นมาจับหน้าอกลูกสาวของตัวเอง เมื่อลูกสาวรู้สึกตัวก็พยายามบอกให้หยุด พร้อมกับพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่พ่อกลับใช้มือผลักที่หน้าอกให้เธอนอนลงไป ขณะที่พ่อกระทำชำเรากับลูกสาว เธอพยายามบอกให้หยุดหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล     ทางด้านอัยการอธิบายให้ศาลเข้าใจว่า สาเหตุที่ลูกสาวไม่สามารถป้องกันตัวเอง…

เหตุการณ์สุดเจ็บปวดหัวใจเมื่อเด็กชายคนหนึ่งถูกขโมยลูกหมาสุดรักไปต่อหน้าต่อตา!!   เหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกเอาไว้โดยกล้องวงจรปิดในเมือง Crewe เขต Cheshire ประเทศอังกฤษ เมื่อวันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา     มีผู้ชายคนหนึ่งเดินอุ้มเจ้าหมาพันธุ์ Jack Russell เพศเมีย วัย 3 เดือนชื่อว่า Mela ข้างๆ มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินตามมาใกล้ๆ ก่อนที่ชายคนนั้นจะวิ่งหนีไปและเด็กผู้ชายก็วิ่งตามไปติดๆ พร้อมกับเสียงตะโกนเรียกให้หยุด แต่ไม่เป็นผล   คลิปจากกล้องวงจรปิด   เด็กชายยอมแพ้และกลับไปบ้านด้วยความผิดหวัง คุณพ่อก็เลยโพสต์เฟซบุ๊กเพื่อตามหาตัวของเจ้า Mela พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น “ลูกชายของผมพาเจ้า Mela ไปเดินเล่นที่ถนน Derby ก่อนที่จะมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทำทีว่าอยากอุ้มมัน ก่อนที่จะวิ่งหนีไป มันน่าเจ็บปวดใจมากเมื่อเห็นกล้องวงจรปิด ลูกชายของผมวิ่งตามไปเพื่อเอาเจ้า Mela กลับคืนมาแต่ไม่สำเร็จ”     “ตอนนี้เราปริ้นต์ภาพของเจ้า Mela ไปติดตามที่ต่างๆ ทั่วเมืองแล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันยังคงมีชีวิตอยู่” Aleksandra Pater คุณพ่อของเด็กชายเล่า หลังจากโพสต์ลงไปได้ไม่นาน…

ขึ้นชื่อว่าชีวิตคู่แล้ว มันก็อาจจะต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่เมื่อมันเกินเลยไปจนถึงทำร้ายร่างกายก็คงต้องให้คุณตำรวจช่วย เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่หนุ่มชาวจีนรายหนึ่ง วิ่งเข้ามาที่โรงพักพร้อมกับร้องไห้โฮ เพื่อขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วย เพราะถูกภรรยาทำร้ายร่างกายมา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ในช่วงหัวค่ำชายจีนวัย 40 ปี วิ่งเข้ามายังสถานีตำรวจในนครฉงชิ่ง ประเทศจีน ในสภาพเท้าเปล่า ที่หัวมีบาดแผลเลือดไหลเปื้อนใบหน้า พร้อมกับกลิ่นสุราที่โชยออกมา     เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสอบถามถึงเหตุการณ์ว่าเป็นมาอย่างไร แต่เขากลับไม่ตอบเอาแต่นั่งร้องไห้อย่างเดียว จึงพาเขาไปรักษาตัวที่สถานีอนามัยเพื่อรอให้สงบอารมณ์ลงก่อน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่าตนแซ่เฉิน ส่วนบาดแผลที่ได้รับมานั้นมาจากการที่เขาแอบไปดื่มกับเพื่อนๆ พร้อมทั้งมีการเล่นพนันกัน แต่พอกลับบ้านไปก็พยายามจะตีเนียนว่าไม่ได้ออกไปไหน แต่ถูกภรรยาจับได้ จึงมีปากเสียงกัน ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายไปสู่ความรุนแรง เมื่อภรรยาเกิดโมโหและหยิบคีมเหล็กฟาดไปที่บริเวณหัว     ด้วยความกลัวเขาจึงรีบวิ่งออกจากบ้าน รองเท้าก็ยังไม่ทันใส่ ระหว่างทางที่วิ่งมาก็รู้สึกเสียใจที่ภรรยาทำรุนแรงกับตัวเองจึงร้องไห้ฟูมฟายออกมา ไม่รู้จะหันไปพึ่งใครก็เลยตัดสินใจวิ่งมาที่สถานีตำรวจ หลังจากได้ทราบเรื่องแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพานายเฉินไปส่งถึงบ้าน และเตรียมช่วยพูดไกล่เกลี่ยให้ หลังจากมาถึงที่บ้านก็ทราบว่าภรรยาของนายเฉิน มีแซ่ว่าโจว นางโจวก็เล่าให้ฟังว่าปกติแล้วนายเฉินมักจะพูดจาเหลวไหลไร้สาระเวลาดื่มเหล้าเมา และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้     ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อธิบายให้ฟังว่าการทำร้ายร่างกาย และสร้างความรุนแรงในครอบครัวนั้นเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และอาจทำให้นางโจวติดคุกได้ ทางด้านนายเฉินเมื่อได้ยินดังนั้นก็กลัวว่าภรรยาของตัวเองจะติดคุก ก็เลยรีบขอโทษ และกลับมาคืนดีกับภรรยาอีกครั้งหนึ่ง…

เมื่อเรารักใครสักคนหนึ่ง ก็ย่อมต้องการที่อยากจะอยู่ใกล้คนคนนั้นตลอดเวลา…   แต่สำหรับหญิงสาวคนนี้ ความรู้สึกของเธออาจจะดูรุนแรงไปสักนิดหนึ่ง เพราะถึงกับเอาสิ่งของที่ดูลักษณะคล้ายกับ ‘ค้อน’ ทุบประตูโรงพัก เพื่อบุกเข้าไปหานายตำรวจที่เธอแอบชอบ!! เหตุการณ์เกิดขึ้นที่สถานีตำรวจ West Wyoming ในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเวลาประมาณ 00.45 น. ของวันจันทร์ที่ผ่านมา กล้องจากภาพวงรปิดเผยให้เห็นว่า Ashley Keister วัย 27 ปีได้กระทำการใช้อุปกรณ์ลักษณะคล้ายกับค้อน (ในรายงานข่าวระบุว่าเป็นที่เขี่ยบุหรี่) ทุบประตูโรงพักเพื่อบุกเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เธอแอบชอบ เพราะเธอต้องการที่จะออกเดตกับเขา     หลังจากที่บุกเข้าไปในโรงพักได้เธอก็ตามหาตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว แต่ก็ไม่เจอ จนสุดท้ายก็ถูกจับกุมตัวไป เจ้าหน้าที่ Curtis Nocera สารวัตรประจำสถานีตำรวจ West Wyoming กล่าวว่าขณะนี้กำลังทำการตรวจสอบข้อมูลถึงแรงจูงใจในการกระทำครั้งนี้ของ Keister     เบื้องต้นพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่ทำหน้าที่จับกุมตัวเธอเมื่อปีก่อน หลังจากนั้น Keister ก็เริ่มส่งข้อความในเชิงคุกคามทางเพศมาหาตำรวจนายนี้ ผ่านทางเพจเฟซบุ๊กของสถานีตำรวจ รวมไปถึงโทรมาที่เบอร์ 911 เพียงเพื่อที่จะคุยกับเขา เธอทำแบบนี้เรื่อยมาจนกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าว     Keister ถูกจับกุมตัวและจะถูกดำเนินคดีในข้อหากระทำการรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ,…

แม้ว่าจะเป็น ‘พ่อค้ายา’ แต่ก็ไม่ลืมที่จะใส่ใจเรื่องของปัญหาโลกร้อน…   อย่างที่เรารู้กันดีว่า ‘การค้ายาเสพติด’ ถือเป็นอาชีพที่ทั้งผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม แต่สำหรับพ่อค้ายารายนี้ แม้ว่าจะทำงานที่ขึ้นชื่อว่าไม่ดี แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อม     เรื่องมีอยู่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ใช้ยาเสพย์ติดรายหนึ่งได้ พร้อมกับ ‘ของกลาง’ ที่บรรจุอยู่ในฝักพลาสติก และมันดีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร เราลองไปฟังคำพูดจากผู้เสพกันดูครับ จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ทราบข้อมูลว่า “พ่อค้ายาจะบรรจุโคเคน 1 กรัมไว้ในเจ้าฝักพลาสติก แทนที่จะใช้ถุงซิปล็อกแบบที่ที่อื่นๆ ใช้กัน ซึ่งพ่อค้ายายังกำชับอีกว่าให้เอากลับมาคืน เพื่อที่จะใช้มันอีกในครั้งต่อไป เพราะว่ามันน่าจะดีต่อสิ่งแวดล้อม” ผู้เสพเล่า     “ตอนแรกผมคิดว่าเขาพูดเล่น แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วเขาจริงจังกับมันมาก ผมบอกกับเขาว่า ‘ตรูเองก็ไม่ได้อะไรกับเรื่องสิ่งแวดล้อมหรอกนะ แต่แค่เอ็งทำโคเคนมาขายเนี่ย มันก็ไม่ได้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแต่แรกแล้วป่าวฟะ?’” “แต่เขาก็เล่าตอบกลับมาว่าลูกค้าหลายคนของเขาเป็นฮิปส์เตอร์ และชอบอะไรแบบนี้เอามากๆ เลยล่ะ”     อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเบอร์มิงแฮมกำลังทำงานกันอย่างหนักติดตามสืบหาตัวพ่อค้ายารักษ์โลกรายนี้กันต่อไปเพื่อจับตัวมาดำเนินคดี จากรายงานในปี 2017/2018 พบว่าประเทศอังกฤษมีผู้เสพโคเคนเพิ่มขึ้นอย่างมากมายมหาศาล ถึง 875,000 ราย เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี เลยทีเดียว   แต่ก็น่าอุ่นใจไปเปราะหนึ่ง…

นี่คือเรื่องราวของคุณหมอชาวจีน ที่อุทิศตนเพื่อรักษาคนไข้แบบไม่หวังผลตอบแทนที่มากมาย มาตลอด 50 กว่าปี!! ขอแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักกับคุณหมอ อู๋ กวงอิ๋ง วัย 73 ปี คุณหมอผู้ทำหน้าที่เป็นแพทย์ประจำหมู่บ้านเหมยถังซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญ ตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียงประเทศจีน คุณหมอเลือกที่จะทำงานรักษาคนในแถบชนบทมานานกว่า 50 ปีแล้ว และสิ่งที่ทำให้คุณหมอตัดสินใจทำแบบนั้น ก็เป็นเพราะเรื่องราวในอดีตและคำปณิธานของเพื่อนรักนั่นเอง     ย้อนกลับไปในปี 1969 ขณะที่กำลังออกไปเก็บสมุนไพรบนภูเขากับเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันมากๆ เพื่อเอามารักษาคนไข้ ทั้งสองคนฝ่าฟันอุปสรรคมากมายกว่าจะเก็บสมุนไพรมาได้ รวมไปถึงเกิดอุบัติเหตุตกเขาจนได้รับบาดเจ็บอีกด้วย     คุณหมออู๋เล่าว่า ตลอดระยะทางที่เดินไปด้วยกันนั้น เพื่อนของคุณหมอมักจะพูดว่า “การแพทย์ชนบทจะต้องคงอยู่ต่อไป เพื่อผลประโยชน์ของชาวบ้าน” ด้วยเหตุนี้เองคุณหมออู๋ จึงยืนหยัดทำอาชีพแพทย์ในชนบทเสมอมา เพื่อให้ชาวบ้านได้รับผลประโยชน์มากที่สุด โดยเขาจะเก็บเงินคนไข้ที่มาทำการรักษาเป็นจำนวนน้อยมากๆ ไม่ว่าอาการที่พวกเขามารักษานั้นจะหนักหนาสาหัสแค่ไหนก็ตาม     “ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร หรือจะใช้วิธีการรักษาแบบไหน ทั้งฝังเข็ม นวด ถอนฟัน หรือผ่าตัด ผมก็จะเก็บเงินแค่ราคาเดียว ไม่ได้เก็บเพิ่มแต่อย่างใด เพราะพวกเขาต้องการการรักษาจากผม” ในช่วงปี 1960-1979 คุณหมออู๋เล่าว่าเขาเก็บค่ารักษาจากชาวบ้านแค่ครั้งละ 5 เฟินเท่านั้น…

โดยปกติแล้วบริษัทส่วนใหญ่ จะทำการรับพนักงานที่เก่ง และมีความสามารถ ตรงตามเป้าหมายของธุรกิจที่ทำอยู่ แต่มีบริษัทเทคโนโลยีบริษัทหนึ่ง ที่มีสาขาอยู่ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ ชื่อว่า Auticon กำลังตั้งเป้าที่จะเลือกจ้างแต่คนที่ป่วยเป็นโรค ‘ออทิซึม’ (Autism) เท่านั้น!!     จากข้อมูลของหน่วยงาน National Autistic Society พบว่ามีผู้ป่วยออทิสติกผู้ใหญ่เพียง 16 เปอร์เซ็นต์ ที่ถูกจ้างงานแบบเต็มเวลา และสถานการณ์ก็เป็นแบบนี้มานานนับ 10 ปีแล้ว และข้อมูลที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ กว่า 85 เปอร์เซ็นต์จากพนักงานใน Auticon สาขาสหราชอาณาจักร ล้วนแล้วแต่ถูกเลิกจ้างงานก่อนเข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ แม้ว่าพวกเขาจะมีใบปริญญาก็ตาม มันแสดงให้เห็นว่า ‘ความสามารถอันล้นหลามของบรรดาผู้ป่วยเป็นออทิสติก กับอัตราการจ้างงานสำหรับพวกเขา’ มันช่างขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง     Viola Sommer หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท Auticon ในสหราชอาณาจักรกล่าวว่า “มีผู้คนที่ป่วยเป็นโรคออทิซึมจำนวนมากมักถูกเหมารวมว่าไม่สามารถทำงานได้ พวกเขาจึงรู้สึกว่ามันยากมากที่จะได้รับการพิจารณาในการสมัครงานแบบทั่วๆ ไป แม้จะสามารถเข้าไปรับตำแหน่งงานได้…

เมื่อช่วงปลายปีก่อน #เหมียวหง่าว ได้นำเสนอข่าวของตำรวจหญิงสุดเซ็กซี่ในประเทศเยอรมนี ที่ขอหยุดลางานยาว 6 เดือน โดยไม่รับเงินเดือน เพื่อไปทำงานเป็น ‘เน็ตไอดอล’ เดินทางเที่ยวทั่วโลก ลงภาพเซ็กซี่ และภาพออกกำลังกาย     จนเป็นเหตุให้ผู้บังคับบัญชาต้องเรียกตัวกลับมาถาม และยื่นคำขาดให้เลือกทางเดินชีวิตอย่างเด็ดขาดว่าจะเอาแบบไหนกันแน่!?   อ่านข่าวเก่าที่ได้ที่นี่ : ตำรวจสวยงานเข้า หลังเจ้านายไม่ปลื้ม ถูกเรียกพบ ให้เลือกงานหรือ ‘จะไปเป็นนางแบบ’!?   Adrienne Koleszar ตำรวจสาววัย 34 ปี ประจำอยู่ในเมือง Dresden รัฐ Saxony ประเทศเยอรมนี จากความสวยแซ่บของเธอ ทำให้บรรดาชาวเน็ตทั้งหลายต่างยกให้เป็น ‘ตำรวจที่สวยที่สุดในเยอรมนี’ ในอินสตาแกรมของ Adrienne มีผู้ติดตามมากกว่า 643,000 คน ในช่วงกลางปี 2018 เธอจึงตัดสินใจลางาน และไปทำอาชีพเป็นเน็ตไอดอลแบบเต็มตัว     แต่ทว่าในช่วงปลายปี ในรัฐ Saxony ประสบกับปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างหนัก ทำให้เธอถูกผู้บังคับบัญชาเรียกตัวกลับมาก่อนกำหนดวันกลับมาทำงาน (คือวันที่ 1 มกราคม…

‘การออกเดตครั้งแรก’ สาวๆ หรือหนุ่มๆ หลายคนต่างก็คาดหวังที่จะได้เจอเรื่องราวความประทับใจในมุมที่แตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกันกับหญิงสาวชาวญี่ปุ่นรายนี้ ที่ออกมาแชร์ประสบการณ์ ‘เดตแรกอันน่าผิดหวัง’ ให้ชาวเน็ตได้อ่านกัน แต่ทว่าเธอกลับโดนวิจารณ์ซะเสียหาย เพราะดันเอา ‘ความสุข’ ไปผูกกับการแต่งตัวของฝ่ายชายไปซะได้ เรื่องมีอยู่ว่าสาวรายหนึ่ง เล่าเรื่องราวเดตแรกของตัวเองลงเว็บบอร์ดเฉพาะผู้หญิงชื่อว่า Girl Channel ของประเทศญี่ปุ่น     พร้อมตั้งพาดหัวว่า “มันเหมาะหรือไม่ ที่จะสวมชุดแฟชันถูกๆ ไปออกเดตครั้งแรกกับสาว หรือคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผิด?” “ฉันไปเดตแรกกับชายคนหนึ่งมาเมื่อวานนี้ ตอนที่เดินเข้าไปในร้านคาเฟ่ที่เรานัดกันเขาก็นั่งอยู่ในร้านรอแล้ว ฉันนั่งลงตรงข้ามกับเขา และเริ่มสังเกตเห็นว่าเขาสวมเสื้อโค้ตทับกับเสื้อยืดอีกตัวหนึ่งด้านใน ก็เลยอาสาที่จะหยิบเสื้อโค้ตของเขาไปแขวนไว้ตรงที่แขวน ทันใดนั้นเองก็เหลือบไปเห็นแท็กยี่ห้อของเสื้อโค้ต มันคือยี่ห้อ H&M และเสื้อยืดที่เขาสวมอยู่ก็เป็นแบรนด์ Uniqlo!! มันทำให้ฉันผิดหวังมากๆ กับสิ่งที่เขาใส่ เขาเลือกที่จะสวมเสื้อผ้าแฟชั่นแบบธรรมดาๆ มาในวันเดตแรกของเราได้อย่างไรกัน…โอ้ สุดท้ายมาถึงเรื่องของรองเท้า ฉันไม่รู้ว่ามันยี่ห้ออะไร แต่มันดูเหมือนจะเป็นรองเท้าหนังราคาถูกๆ เลย เป็นคุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในเดตแรกของคุณ มีบางคนสวมเสื้อผ้าถูกๆ ไปเที่ยวกับคุณ มันไม่แย่ไปหน่อยเหรอ? ใช่มั้ยล่ะ?”     แหม่ พอจะเดาทางได้เลยนะว่ากระแสชาวโซเชียลนั้นจะเป็นอย่างไร แน่นอนสิครับ บอกเลยว่าเละ!!   ชาวเน็ตทั้งหลายเข้ามาคอมเมนต์กันไปต่างๆ…

เรื่องราวสุดประทับใจของคุณหมอชาวจีนรายหนึ่ง ที่อุทิศตัวเองพายเรือไปช่วยเหลือชาวบ้านบนเกาะโดดเดี่ยวเพียงลำพังมาตลอด 19 ปี ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับคุณหมอหยูเจียจวิน แพทย์ประจำหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ในอำเภอจินไจ้ เขตลิ่วอัน มณฑลอันฮุย ประเทศจีน   คุณหมอหยูเจียจวิน   คุณหมอได้อุทิศตัวเองสร้าง ‘คลินิกลอยน้ำ’ โดยใช้เรือพายที่เก็บหอมรอมริบซื้อมาเป็นของตัวเอง แบกเอายาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ไปไว้บนเรือ จึงเป็นที่มาของชื่อนั้น   คุณหมอกับคลินิกลอยน้ำของเขา   ก่อนที่จะพายมันไปด้วยตัวเอง เพื่อส่งการช่วยเหลือด้านการแพทย์ไปให้กับชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่บนเกาะโดดเดี่ยว ห่างออกไปไม่ไกลจากฝั่งของอำเภอจินไจ้     บนเกาะแห่งนั้นมีประชาชนอาศัยอยู่ไม่มาก ซึ่งโดยปกติแล้วคนที่อาศัยอยู่บนเกาะจะเดินทางข้ามฝั่งมาหาหมอด้วยตัวเอง แต่สำหรับคนที่มีอายุมากแล้วก็จะเดินทางมาด้วยความยากลำบาก ด้วยเหตุนี้เองคุณหมอหยูเจียหวินและภรรยาจึงตัดสินใจช่วยกันขนอุปกรณ์ที่จำเป็นลงเรือ และพายไปยังเกาะแห่งนี้เพื่อตรวจดูอาการของผู้คนอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี และทำแบบนี้มาตลอด 19 ปี!! คุณหมอกล่าวว่า “ตราบใดที่ยังมีคนบนเกาะต้องการผม ต่อให้มีแค่คนเดียว ผมก็จะยังคงทำแบบนี้ต่อไป”     เรื่องราวการอุทิศตนของคุณหมอเป็นสิ่งที่น่าประทับใจ และมันช่วยทำให้เรารู้สึกอิ่มเอมหัวใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ เลยครับ   ที่มา : China Xinhua News

ในโลกยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีได้พัฒนาไปมาก จนถึงขนาดที่ว่ามี ‘ลำโพงอัจฉริยะ’ ขึ้นมาแล้ว!! ซึ่งเจ้าลำโพงอัจฉริยะที่ว่า เราสามารถสั่งให้มันทำอะไรกับระบบไฟฟ้าในบ้านของเราก็ได้ (แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่ว่าต้องมีระบบ AI ที่เชื่อมต่อกันด้วยนะ) หรือจะสั่งให้มันทำอะไรในโลกอินเทอร์เน็ตก็ได้ เช่นสั่งของออนไลน์ เปิดเพลงออนไลน์ เป็นต้น แต่ความสะดวกสบายที่ได้รับมาจากการใช้งานเจ้าเครื่องนี้ ก็อาจจะนำมาซึ่งการสูญเสีย ‘ความเป็นส่วนตัว’ ได้เช่นกัน     ในช่วงปีที่ผ่านมา มีเคสรายงานเข้ามาว่า หญิงสาวจากเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าเจ้าลำโพงอัจฉริยะ Echo ของตัวเองนั้นได้ ‘บังเอิญ’ อัดเสียงบทสนทนาระหว่างเธอและสามี พร้อมกับส่งไปให้กับคนอื่น!? อย่างไรก็ตาม ทางด้านโฆษกของ Amazon ก็ออกมาให้ข้อมูลถึงเคสดังกล่าวว่า ไม่ต้องตกใจไป เพราะเจ้าเครื่องมือเหล่านี้มันจะมี ‘ชุดคำสั่ง’ อยู่ ซึ่งหญิงคนนี้ดันไปพูดคำพูดที่เป็นคำสั่งของลำโพงอัจฉริยะเข้าให้ ก็เลยทำให้มันเริ่มทำการ ‘อัดเสียง’     การส่งเองก็เช่นกัน เจ้าลำโพงอัจฉริยะเหล่านี้จะฟังคำสั่งของผู้ใช้งาน เมื่อมันได้ยินการโต้เถียงหรือพูดคุยกันก็อาจจะนำมาซึ่ง ‘การสั่งการ’ ก็เป็นได้ อย่างเคสที่ยกตัวอย่างมาก็คือ “เจ้าลำโพงถูกเปิดขึ้นมาโดยบังเอิญจากการพูดคุยกันของสามีภรรยา อาจจะเป็นคำพูดที่คล้ายๆ กันกับคำที่ตั้งเอาไว้ในเครื่อง” “จากนั้นมันก็อาจจะได้ยินบางคำของการสนทนา เช่นคำว่า…

ในปัจจุบันสัตว์หลายชนิดกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ หลายๆ ประเทศเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อดำเนินการปกป้องสัตว์เหล่านั้นเพื่อไม่ให้เรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้น สำหรับประเทศจีนเองก็เช่นกัน พวกเขาได้ดำเนินการส่ง DNA ของเสือโคร่งชนิดหนึ่งที่หายากมากๆ และใกล้สูญพันธุ์เต็มทีขึ้นไปบน ‘อวกาศ’ เพื่อเก็บรักษาเอาไว้     เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมาสื่อของประเทศจีนรายงานว่ามีการส่ง DNA ของเสือหายากตัวหนึ่งเก็บใส่ขวด และส่งขึ้นไปยังอวกาศโดยใช้ จรวดลองมาร์ช-11 จากศูนย์ส่งดาวเทียมจิ่วฉวน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน     DNA ดังกล่าวถูกเก็บมาจากเลือดของเจ้า คังคัง เป็นเสือโคร่งพันธุ์จีนใต้ ที่หายากสุดๆ และใกล้สูญพันธุ์เต็มที ก่อนจะนำมาเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนให้เป็นผงแห้ง และบรรจุใส่อุปกรณ์แบบพิเศษ   .   ก่อนจะส่งขึ้นไปสู่อวกาศที่วงโคจรเหนือพื้นโลกราวๆ 1,000 กิโลเมตร ซึ่งในห้วงอวกาศจะมีอุณหภูมิต่ำ และอยู่ในสภาพสุญญากาศ ทำให้เหมาะแก่การเก็บรักษาเป็นอย่างยิ่ง ภารกิจดังกล่าวถือเป็นการเดินทางเชิงบวก เพื่อปกป้องและสำรองทรัพยากรสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ต่างๆ เอาไว้     ที่มา : China Xinhua News

‘เทศกาลคริสต์มาส’ คือหนึ่งในเทศกาลที่มีผู้คนร่วมเฉลิมฉลองกันทั่วโลก เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ครอบครัวจะได้กลับมาพบเจอและเฉลิมฉลองด้วยกัน เท่านั้นยังไม่พอ ความสุขเหล่านั้นก็ถูกแบ่งปันไปถึงคนที่ ‘ไม่มีโอกาส’ แบบที่กล่าวมาด้วย!! นี่คือเรื่องราวของเหล่าอาสาสมัคร ที่จัดเลี้ยงงานคริสต์มาสให้กับคนไร้บ้านกว่า 200 คน ให้พวกเขาเข้าร่วมได้แบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย!! เหล่าอาสาสมัครจากองค์กรที่มีชื่อว่า Midlands Langar Seba Society (MLSS) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลแบบไม่หวังผลตอบแทน ได้ร่วมมือกันทำเรื่องดีๆ แบบนี้ขึ้นมา     เหตุผลหลักของการจัดงานในครั้งนี้ก็คือ ‘ต้องการที่จะจัดปาร์ตี้ให้กับบุคคลที่รู้สึกเหงา โดดเดี่ยว และแปลกแยกในช่วงคริสต์มาส เพื่อให้พวกเขาได้มาเจอกัน มาทานอาหารร่วมกัน และได้พูดคุยกันอย่างมีความสุข’ งานปาร์ตี้ดังกล่าวถูกจัดขึ้นที่สถานีรถไฟใต้ดินของเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ มีเหล่าคนไร้บ้านเข้าร่วมงานในครั้งนี้กว่า 200 ราย     Louise Gall วัย 41 ปี หนึ่งในผู้เข้าร่วมงานกล่าวถึงความรู้สึกว่า “สิ่งที่พวกเขาทำมันยอดเยี่ยมมากๆ ฉันอาศัยอยู่ที่ข้างถนน และถ้าไม่มีงานนี้ ฉันคงจะต้องนั่งแบบมือขออาหารจากคนอื่นๆ ที่เดินผ่านไปมาในช่วงคริสต์มาสซะแล้ว”     ทางด้านนาย Randhir Singh ผู้อำนวยการขององค์กร…

หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อของ Area 51 กันมาบ้างแล้ว มันคือ ‘หน่วยงานลับในตำนาน’ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เล่าลือกันว่าในที่แห่งนี้มีการวิจัยเกี่ยวกับ ‘มนุษย์ต่างดาว’ อยู่!? แต่ล่าสุดมีชายคนหนึ่ง ที่อ้างตัวว่าตัวเองเคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ ที่เคยทำงานใน Area 51 ออกมาเปิดเผยความลับถึงการทำงานข้างในนั้นผ่านทางภาพยนตร์แนวสารคดี ชายคนดังกล่าวชื่อว่านาย Bob Lazar วัย 59 ปี เขาอ้างว่าตัวเองทำงานเป็นวิศวกรเกี่ยวกับสิ่งที่มาจากนอกโลก ในหน่วยงานที่มีชื่อว่า S-4 ซึ่งเป็นหน่วยงานย่อยของ Area 51     เขาให้ความร่วมมือกับนักข่าว George Knapp ร่วมกันถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับความลับที่อยู่ภายใน Area 51 ก่อนที่เรื่องราวเหล่านั้นจะถูกนำมาร้อยเรียงให้กลายเป็นภาพยนตร์โดยฝีมือของผู้สร้างหนัง Jeremy Corbell และใช้ชื่อหนังเรื่องนี้ว่า Bob Lazar ในหนังจะมีเนื้อหาที่เปิดเผยว่า ‘USAF (กองทัพอากาศสหรัฐฯ) ได้ทำการเก็บกู้ซากของยานอวกาศมนุษย์ต่างดาวมาไว้ที่ศูนย์ Area 51 ในทะเลทรายเนวาดา และทำการศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีเหล่านั้น’     หลังจากที่หนังถูกเปิดเผยออกมาไม่นานพี่แกก็ออกมาอ้างอีกว่า ตอนนี้ถูก FBI บุกค้นบ้าน…

กำลังกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอยู่ต่างประเทศ ณ ขณะนี้เลย กับกรณีของคุณแม่รายหนึ่งโมโหจัด ด่าเจ้าของสุนัขช่วยเหลือรัวๆ หลังไปขอให้ลูกเล่นหมาแล้วถูกปฏิเสธ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา ขณะที่ Megan Stoff เจ้าของสุนัขช่วยเหลือพันธุ์โกลเดน รีทรีฟเวอร์ชื่อว่า Nala กำลังยุ่งๆ อยู่ในห้างสรรพสินค้าของเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย แล้วจู่ๆ ก็มีแม่ลูกคู่หนึ่งเดินเข้ามาหา พร้อมกับ ‘ขอเล่น’ กับเจ้าหมา ซึ่ง Megan ก็ตอบกลับไปว่า ‘ไม่ได้’ เพราะมันจะเป็นการรบกวนการฝึกของเจ้า Nala     คู่แม่ลูกก็เดินจากไป แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็เดินกลับมาอีกครั้งด้วยท่าทางโมโห พร้อมกับด่าแบบสาดเสียเทเสียรัวๆ Megan ก็เลยตัดสินใจถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ จากที่คุณแม่พูดในคลิปพอจะจับใจความได้ว่า “มันหยาบคายต่อฉันมากเลยนะ”     “อย่างแรกเลย คุณควรจะมีป้ายติดเอาไว้หน่อย ว่าห้ามแตะต้องสุนัข อย่างที่สองคุณไม่ควรจะพูดกับฉันว่า ‘ไม่ได้’ แต่ควรจะบอกว่า ‘ขอโทษค่ะ สุนัขกำลังอยู่ระหว่างการฝึก’ มันจะดูน่ารักกว่านี้มากเลย” แต่หารู้ไม่ว่าที่เสื้อของเจ้าหมามีตัวหนังสือเขียนติดเอาไว้ทั้ง 4 ด้านว่า ‘ห้ามเล่น’…

ในประเทศญี่ปุ่นมีกฎเหล็กที่บรรดาผู้ให้บริการจะต้องยึดถือและปฏิบัติตาม นั้นก็คือ ‘โอเคียคุ-ซามะ วะ คามิ-ซามะ เดสุ’ (Okyaku-sama ha Kami-sama desu) หรือก็คือ ‘ลูกค้าก็คือพระเจ้า’ นั่นเอง แต่ทว่าบางครั้งบรรดาลูกค้าก็อาจจะไม่ได้น่ารักเสมอไป เช่นเดียวกันกับคุณลุงชาวญี่ปุ่นคนนี้ ที่ไม่รู้ไปเดือดมาจากไหน แค่พนักงานหยิบบุหรี่ให้ ‘ผิดซอง’ แต่กลับโมโหและตะโกนด่าราวกับว่าเขาไปฆ่าใครตายยังไงยังงั้น เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @smhl_Mg ได้ทำการบันทึกคลิปเหตุการณ์ที่ขึ้นในร้าน Family Mart (เป็นร้านสะดวกซื้อคล้ายๆ กับเซเว่นบ้านเรา) เอาไว้     ในคลิปคุณลุงคนหนึ่งกำลังยืนต่อว่าพนักงานของร้าน เหตุเพราะเขาสั่งบุหรี่ยี่ห้อหนึ่ง แต่พนักงานดันหยิบให้ผิดอัน ก็เลยโมโหแบบสุดขีด ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าการซื้อบุหรี่ในร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่นนั้น เราจะเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ซึ่งข้างหลังเคาน์เตอร์จะมีบุหรี่ให้เลือกมากมายหลายแบบหลายยี่ห้อ     แต่ละซองก็จะมีตัวเลขเขียนกำกับเอาไว้เช่น 007, 001, 050 เป็นต้น หากเราอยากได้บุหรี่ยี่ห้อไหนแบบไหน ก็แค่แจ้งเลขกับพนักงานแล้วเขาก็จะหยิบมาให้ “เรียกเจ้าของร้านมาเดี๋ยวนี้ ให้ตายเถอะ ไม่งั้นก็โทรหามัน กรูจะคุยกับมันเดี๋ยวนี้!!” คุณลุงชุดแดงกล่าว   คลิปเหตุการณ์ทั้งสองคลิป https://twitter.com/smhl_Mg/status/1071894370968686592?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1071894370968686592&ref_url=https%3A%2F%2Fsoranews24.com%2F2018%2F12%2F18%2Fcustomer-from-hell-terrorizes-japanese-convenience-store-after-misunderstanding-about-cigarettes%2F   จากนั้นผู้จัดการของร้านก็เดินมาที่เคาน์เตอร์ พร้อมกับพยายามจะขอโทษ แต่คุณลุงก็ยังเดือดอยู่พร้อมกับด่าไปว่า “หุบปากไป!!…

หลังจากที่ประเทศแคนาดาเปิดให้ผู้คนสามารถสูบกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย หลายๆ บริษัทก็เริ่มเคลื่อนไหวหันมาลงทุนในธุรกิจ ‘กัญชา’ กันอย่างคับคั่ง เมื่อไม่นานมานี้เจ้าของบริษัท Marlboro ก็เพิ่งจะลงทุนซื้อกิจการบริษัทที่ทำเกี่ยวกับกัญชาในแคนาดาไป และล่าสุดบริษัทเบียร์ดังอย่าง Budweiser เองก็เอาบ้างแล้ว     สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า Budweiser ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท Tilray ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชาในเชิงการแพทย์ของแคนาดา เป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (3,264 บาท) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำการวิจัยเพื่อผลิตเครื่องดื่มเกี่ยวกับกัญชา และนำไปขายในประเทศแคนาดาแต่เพียงที่เดียว (เป็นผลพลอยมาจากข้อกฎหมายที่ถูกเปลี่ยนนั่นเอง)     ในงานวิจัยดังกล่าวจะมุ่งไปที่การใช้ ‘น้ำมันที่สกัดจากกัญชา’ และ ‘สาร THC’ ที่อยู่ในกัญชา เพื่อผลิตเครื่องดื่ม และเครื่องดื่มดังกล่าวจะไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เลยแม้แต่น้อย!! ตามรายงานระบุว่าทั้ง Budweiser และ Tilray Inc. จะจ่ายเงินคนละ 50 ล้านเหรียญฯ ในการลงทุนดังกล่าว     แหม่ นับเป็นเรื่องที่น่าจับตามองจริงๆ อยากรู้แล้วสิว่าเมื่อผลิตออกมาเสร็จหน้าตาของมันจะเป็นอย่างไร และรสชาติหรือความรู้สึกตอนได้กินมันจะเหมือนกับเบียร์ปกติทั่วไปรึเปล่านะ!?   ที่มา : Tilray, businesswire, ladbible

อย่างที่รู้กันดีว่ากีฬาโอลิมปิก หรือ พาราลิมปิก ถือเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นถึงความแข็งแรง ความสามัคคี และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเพื่อนมนุษย์ ฉะนั้น ‘การเหยียด’ ไม่ว่าจะเป็นทั้งเชื้อชาติ เพศ หรือสีผิว เป็นสิ่งที่แฟนๆ กีฬาทั่วโลกต่างไม่ให้การยอมรับเป็นอย่างยิ่ง เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ เมื่อนักกีฬาพาราลิมปิกชาวอิตาลีได้ทำการโพสต์ภาพในเชิงล้อเลียนชาวเอเชียจนเป็นเหตุให้ชาวโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม     เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา นาย Emanuele Lambertini นักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบ โพสต์ภาพของตัวเองในลักษณะเอานิ้วไปดึงบริเวณหางตาให้ยืดออก พร้อมกับแคปชันภาพว่า “ความรู้สึกของผม หลังจากที่กินซูชิมานานกว่า 1 สัปดาห์ แต่อย่างน้อยมันก็คุ้มค่าสุดๆ ไปเลย”     ซึ่งการกระทำดังกล่าวสื่อให้เห็นถึงการล้อเลียนรูปร่างหน้าตาชาวเอเชีย และถือเป็นการ ‘เหยียด’ เชื้อชาติ จนทำให้เขาถูกชาวเน็ตรุมประณาม   “ฉันคิดว่าเขาไม่เหมาะสมกับเหรียญรางวัลเอาซะเลย”   “มันรู้สึกไม่สบายใจมากๆ ที่ได้เห็นเรื่องอะไรแบบนี้ ยังมีคนที่คิดว่าการทำอะไรแบบนี้เป็นเรื่องที่ปกติอยู่รึนี่?”   “ในประเทศที่เขาต้อนรับคุณเยี่ยงแขก แต่ดูสิ่งที่คุณทำเพื่อตอบแทนเขาสิ”   “มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง เขาไม่สมควรได้รับโอกาสให้เข้าร่วมพาราลิมปิกเกมที่จะจัดขึ้นญี่ปุ่นอีกต่อไปแล้วล่ะ”   จากนั้นไม่นานนาย Emmanuele ก็ตัดสินใจลบภาพนั้นออกไป…

สำหรับใครที่คลั่งไคล้ในความน่ารักของสติกเกอร์แมว Pusheen ที่เรามักจะเห็นและใช้กันอยู่เป็นประจำในเฟซบุ๊ก ขอบอกเลยว่าพวกคุณจะต้องดีใจกับข่าวนี้อย่างแน่นอน เพราะล่าสุดกำลังจะมีการเปิดตัวคาเฟ่แมว Pusheen ที่ประเทศสิงคโปร์เป็นที่แรก ในวันที่ 6 มกราคม 2019 ที่จะถึงนี้ และจะเปิดไปถึงช่วงเดือนมีนาคมเท่านั้น!!     เจ้าตัวการ์ตูนแมวเหมียว Pusheen นี้ถูกออกแบบโดย Claire Belton และ Andrew Duff  เพื่อสร้างเป็นการ์ตูนสุดน่ารักลงในเว็บไซต์เมื่อปี 2010 ก่อนที่จะถูกนำลงเป็นสติกเกอร์ให้ใช้ในเฟซบุ๊กเมื่อปี 2013 โดยมีแรงบันดาลใจมาจากเจ้าเหมียวตัวสีเทาของพวกเขานั่นเอง คาเฟ่ดังกล่าวจะได้รับการออกแบบด้วยตัวของ Claire เอง ส่วนบรรดาอาหารและเครื่องดื่มในเมนู จะเป็นหน้าที่ของนักออกแบบอาหารชื่อดังอย่าง Little Miss Bento   ส่วนบรรยากาศภายในคาเฟ่ อาหารและเครื่องดื่มก็จะมีหน้าตาประมาณนี้ครับ . . . . . . . . . .       ส่วนเรื่องราคาของแต่ละเมนูหลักก็จะอยู่ที่ราวๆ 15-17 เหรียญสหรัฐฯ…

สำหรับแฟนบอลแล้วการได้พบเจอกับนักเตะที่ตัวเองชื่นชอบถือเป็นหนึ่งในความฝันที่ต้องทำให้สำเร็จให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตเลยทีเดียว เช่นเดียวกันกับเด็กชายแฟนบอลเดอะกันเนอร์สคนนี้ ที่ได้รับโอกาสพิเศษในการได้พบเจอกับนักเตะในดวงใจของเขา ซึ่งการพบปะในครั้งนี้เกิดโดยองค์กรการกุศลที่จัดตั้งขึ้นโดยสโมสรอาร์เซนอล มีชื่อว่า The Arsenal Foundation เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ด้อยโอกาส เด็ก หรือผู้ป่วย ในครั้งนี้ก็เป็นโอกาสของเด็กชาย Kyan ที่ถูกสโมสรเซอร์ไพรส์ถึงที่โรงเรียนด้วยการพานักเตะในดวงใจอย่าง Mesut Ozil ไปเยี่ยมหาถึงที่!!     นี่คือคลิปวิดีโอที่โพสต์โดยแฟนเพจอย่างเป็นทางการของสโมสรอาร์เซนอล ที่บันทึกเหตุการณ์สุดประทับใจในครั้งนี้เอาไว้   ลองไปชมคลิปวิดีโอกันก่อนจ้า   เด็กชาย Kyan กำลังถูกทีมงานสัมภาษณ์ ถามว่าเขาเป็นแฟนบอลของอาร์เซนอลตัวยงเลยใช่ไหม? “ใช่ครับ ผมชอบอาร์เซนอล ผมชอบสไตล์การเล่นฟุตบอลของทีม และนักเตะทุกๆ คน พวกเขาสุดยอดมาก”     จากนั้นทีมงานก็ถามต่อว่า แล้วนักเตะคนไหนที่เธอชอบมากที่สุดล่ะ? Kyan ตอบว่า “นักเตะที่ผมชอบที่สุดก็คือ Mesut Ozil ครับ เค้าเป็นนักเตะที่เท่มากๆ เลย แม้ว่าผมจะเล่นฟุตบอลในตำแหน่งเกมรับ แต่ผมก็มักจะดูการเล่นของเขาแล้วเอามาเป็นแบบอย่าง”     ตอนนี้ Kyan พูดจาอย่างยิ้มแย้ม ก่อนที่ทีมงานจะถามว่าจะเป็นอย่างไรหากเธอมีโอกาสได้พบกับ Mesut ตัวจริงล่ะ? เขาตอบว่า…

เรื่องราวของ Karen Kaheni หญิงสาววัย 42 ปีจากเมืองเซาต์ ยอร์กเชอร์ ประเทศอังกฤษ ผู้ป่วยเป็นโรคแปลกประหลาด เธอไม่สามารถควบคุมความอยากกินของที่ไม่ใช่อาหารได้เลย… โรคที่ว่านี้มีชื่อว่า Pica เป็นโรคเกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน ผู้ป่วยจะไม่สามารถบังคับหรือห้ามไม่ให้ตัวเองทานสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่อาหารได้ ยกตัวอย่างเช่นดิน, ฟองน้ำ, แก้วน้ำ หรือพลาสติก เป็นต้น แต่สำหรับ Karen แล้ว เธอมีความต้องการอยากที่จะกิน ‘ก้นบุหรี่’ และ ‘ชอล์ก’ อยู่ตลอดเวลา แล้วยังบอกว่ามันอร่อยมากๆ อีกด้วย     Karen เป็นผู้พิการทางสายตา ในหนึ่งสัปดาห์เธอจะกินก้นบุหรี่เป็นปริมาณมากกว่า 8 อันต่อ 1 คืน และทำอย่างนี้เป็นประจำทุกวัน ขณะเดียวกันเธอจะกินชอล์กเข้าไปมากกว่า 250 กรัมต่อสัปดาห์ และจากความต้องการที่ว่า ทำให้เธอกลายเป็นคนสูบบุหรี่จัดมากๆ โดยสูบมากถึง 60-80 ตัวต่อ 1 วันเลยทีเดียว อาการผิดปกติดังกล่าวเริ่มต้นครั้งแรกในปี 1997 เธอท้องลูกคนที่สอง ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจว่ามันเริ่มจากอะไร    …

ผลงานการถ่ายภาพของ Britt Marie ช่างภาพชาวนอร์เวย์ ที่ใช้เวลาหลายปีในการเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อถ่ายภาพ ‘บ้านที่ถูกทิ้งร้าง’ และผลงานที่ได้ขอบอกเลยว่า มันคือ ‘บ้านผีสิง’ ที่หลุดออกมาจากหนังผีชัดๆ!! “รางวัลจากการใช้เวลาว่างของฉันเดินทางไปเปิดหูเปิดตา และตามหาบรรดาบ้านร้างต่างๆ มันทำให้เราได้เห็นถึงความงดงามของมัน และได้แชร์เรื่องราวของมันให้ทุกคนได้รับรู้ หลังจากที่มันถูกทิ้งและถูกหลงลืมมาแล้วอย่างยาวนาน” Britt กล่าว   เอาล่ะครับ ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลองไปชมภาพถ่ายบ้านร้างฝีมือของเธอแบบเต็มๆ กันได้เลย…   .   ถึงจะดูหลอน แต่วิวเบื้องหลังก็เผยให้เห็นถึงความงดงามของมัน . .   ความอ้างว้าง และโดดเดี่ยว . .   ท่ามกลางหิมะอันแสนเหน็บหนาว . .   โลเคชันเหมาะกับการถ่ายหนังสยองขวัญจริงๆ . . . . . . .   งดงาม . . . . . .…

เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า ‘ฟุตบอลนั้นไม่ใช่แค่กีฬา แต่มันคือชีวิต’ ที่มีทั้งเรื่องดีๆ และเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นเป็นประจำ และเรื่องราวแสนประทับใจที่เกิดขึ้นนี้เอง ก็จะทำให้หัวใจของเพื่อนๆ ชุ่มฉ่ำอย่างแน่นอนครับ ไม่ว่าจะเป็นแฟนฟุตบอลทีมไหนก็ตาม จากเกมยูฟาแชมป์เปี้ยนส์ลีก ที่ผ่านไปเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ทีมลิเวอร์พูลจากอังกฤษต้องพบกับความกดดัน เพราะพวกเขาต้องเอาชนะให้ได้สถานเดียวเท่านั้นเพื่อลุ้นเข้ารอบต่อไป หากแพ้หรือเสมอขึ้นมาก็เท่ากับว่าตกรอบ!!     แถมยังต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนจากทีมสุดแกร่งจากอิตาลีอย่างทีมนาโปลี ก่อนที่จะเฉือนเอาชนะไปได้อย่างฉิวเฉียดด้วยประตูของโมฮัมเม็ด ซาลาห์ ที่ยิงในช่วงครึ่งแรก ในเกมนี้มีแฟนบอลเข้าชมมากมายเพื่อลุ้นเอาใจช่วยทีมรักให้เข้ารอบต่อไป และสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ยูฟาแชมเปียนส์ลีกเป็นสมัยที่ 6 มาครองให้ได้     และแฟนบอลผู้พิการทางสายตาชื่อว่านาย Mike Kearney ก็เป็นแฟนบอลตัวยงของทีมลิเวอร์พูล และซื้อตั๋วเข้าชมเกมเหย้าแทบจะทุกเกมมาเป็นเวลา 5-6 ปีติดต่อกันแล้ว     และในแมตช์สำคัญเมื่อคืนวันอังการที่ผ่านมาเองก็เช่นกัน หลังจากที่โมฮัมเม็ด ซาลาห์ยิงประตูได้ ภาพจากกล้องถ่ายทอดสดก็แพนไปให้เห็นจังหวะสุดประทับใจพอดี เมื่อมีแฟนบอลอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เขา (ภายหลังรู้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง) กำลังกระซิบอธิบายถึงเหตุการณ์ช่วงยิงประตูให้ฟัง ก่อนที่เขาจะกระโดดโลดเต้นดีใจ     ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… https://twitter.com/loonyroon/status/1072832655648047108?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1072832655648047108&ref_url=http%3A%2F%2Fwww.ladbible.com%2Ffootball%2Fnews-reactions-take-a-bow-liverpool-fan-describes-mohamed-salah-goal-to-blind-supporter-20181212   “ผมต้องพึ่งพาญาติๆ และเพื่อนๆ เวลาไปชมเกมฟุตบอล เพื่อให้พวกเขาบอกกับผมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง…

สำหรับหลายๆ คนแล้ว คงมีความใฝ่ฝันที่อยากจะเล่น ‘ปาบอลหิมะ’ สักครั้งหนึ่งในชีวิต เนื่องจากว่าที่บ้านเราไม่มีหิมะให้เล่น… แต่จะเป็นอย่างไร หากสถานที่ที่มีหิมะตก แต่ไม่สามารถเล่นปาบอลหิมะได้!? มันคงจะหดหู่น่าดูเลยใช่มั้ยล่ะ? แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่าในเมืองเซเวอร์แรนซ์ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของนครเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา มีกฎหมายที่ ‘ห้ามเล่นปาบอลหิมะ’ โดยเด็ดขาด     ย้อนกลับไปเมื่อปี 1920 หรือราวๆ 100 ปีก่อน การปาบอลหิมะถูกสภาเมืองแห่งนี้สั่งแบนอย่างเด็ดขาด และกำหนดให้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นมันเคยเป็นประเพณีที่ทำกันเป็นประจำในช่วงฤดูหนาวของทุกปี และผู้คนในเมืองเซเวอร์เรนซ์ ก็ไม่เคยเล่นปาหิมะกันอีกเลยตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งปัจจุบัน ข้อกฎหมายดังกล่าวได้ถูกแก้ ให้ทุกคนสามารถกลับมาเล่น ‘ปาบอลหิมะ’ ได้อีกครั้ง ด้วยน้ำมือของเด็กชายวัย 9 ขวบ!!     Dane Best เด็กชายวัย 9 ขวบ ที่เป็นประชากรเมืองนี้มาตั้งแต่เกิด แต่พอเกิดมาเขาพบว่าตัวเองและเพื่อนๆ ไม่สามารถเล่นปาบอลหิมะได้อย่างสนุกสนานเหมือนกับเด็กๆ คนอื่นๆ ในโลก     เขาก็เลยตัดสินใจชวนเพื่อนๆ มาเขียนจดหมายส่งไปยังสภาเมือง…

หลังจากที่ช่วงปีที่ผ่านมา ประเทศแคนาดากลายเป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่ปลดล็อกให้ใช้ ‘กัญชา’ ในเชิงสันทนาการได้อย่างถูกกฎหมายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนี้เองบริษัทเกี่ยวกับยาสูบยักษ์ใหญ่ของโลก Altria Group Inc. ที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ยาเส้นชื่อดังอย่าง Marlboro ก็หันมาลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจสายเขียวในแคนาดาด้วยเช่นกัน ด้วยการตัดสินใจเดิมพันซื้อหุ้นของบริษัท Cronos Group ในประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นบริษัทที่จำหน่ายกัญชาในทางการแพทย์และการสันทนาการ ทั้งหมด 45% และจะเพิ่มขึ้นเป็น 55% ในอีก 5 ปีข้างหน้า เป็นมูลค่ากว่า 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (59,000 ล้านบาท)     ทางด้านนาย Howard Willard ผู้บริหารของ Altria Group กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของบริษัทในครั้งนี้ว่า “การลงทุนกับบริษัท Cronos Group ทำให้เราสามารถก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจกัญชาอย่างเต็มตัว และเราตื่นเต้นที่จะได้เติบโตไปข้างหน้า” “เราเชื่อว่าบริษัท Cronos นั้นมีการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม และจะสามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นๆ ได้อย่างหายห่วง และเรายินดีที่จะช่วยพวกเขาอย่างเต็มที่เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จด้วยกัน”     หลังจากการประกาศอย่างเป็นทางการของ Atria ทำให้มูลค่ากิจการของ Cronos…

บางครั้งการจราจรบนท้องถนนที่ติดขัด ก็อาจจะทำให้คนหัวร้อนจนทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมาได้!?   เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของชายหนุ่มชาวเวียดนามคนนี้ที่เบื่อหน่ายกับการจราจรอันแสนติดขัดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเมื่อวันพุธที่ 5 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา หลังจากที่ยืนรอเพื่อ ‘ข้ามถนน’ อยู่เป็นเวลานาน แต่ก็หาจังหวะข้ามไม่ได้สักที เพราะรถแต่ละคนก็ไม่ยอมจอดให้ไปเลยแม้แต่น้อย     ด้วยความหัวร้อน ก็เลย ‘ปีนขึ้นเสาไฟ’ แล้วก็ไต่สายไฟเพื่อข้ามถนนซะเลย เพื่อเลี่ยงอันตรายจากรถที่อยู่ด้านล่าง (แต่ดูเหมือนพี่แกจะมาเสี่ยงอันตรายกับสายไฟด้านบนแทนนะเนี่ย 555+)     มีคนถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวเอาไว้ได้ และนำมาโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย ชาวเน็ตหลายคนต่างก็แซวว่าพี่แกต้องเป็นญาติกับสไปเดอร์แมนแน่ๆ   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   เพราะการปีนสายไฟของพี่แกนั้นช่างชิลเหลือเกิน ราวกับว่ามีหนามแมงมุมติดอยู่ที่มือ เกาะยังไงก็ไม่มีทางหลุด แถมยังทำแบบชิลๆ โดยที่ไม่กลัวถูกไฟดูด หรือตกลงมาข้างล่างเลยแม้แต่น้อย “ผมก็ยังไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย เห้ย นั่นมันสายไฟฟ้าแรงสูงนะนั่นน่ะ!!” นาย Tu Thanh Bui ชายผู้ถ่ายคลิปวิดีโอเก็บเอาไว้กล่าว ชาวเน็ตบางคนก็อวยพรขอให้พี่แกปลอดภัย “เขาทรงตัวได้สุดยอดมากๆ เหมือนกับสไปเดอร์แมนเลย หวังว่าเขาจะข้ามไปได้อย่างปลอดภัยนะ”     บางคนก็คิดว่ามันต้องเหลืออดแล้วแน่ๆ พี่ชายถึงต้องทำแบบนั้น…

หลังจากเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงของอันดับในตารางเกิดขึ้นมากมาย เมื่อทีมนำจ่าฝูงและว่าที่แชมป์อย่างทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปพ่ายที่ถิ่นของสิงโตน้ำเงินเชลซี 2-0 กลายเป็นว่าตอนนี้ทีมจ่าฝูงตกเป็นของ ‘ลิเวอร์พูล’ ไปที่เรียบร้อยแล้ว!! หลังจากที่นกลิเวอร์เบิร์ดสีแดงสามารถบุกไปเอาชนะ เอเอฟซี บอร์นมัธ 4-0 หลังเกมดังกล่าวก็มีเหตุการณ์น่าประทับใจเกิดขึ้น เมื่อดาวยิงของลิเวอร์พูล โมฮัมเม็ด ซาลาห์ โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นโดยซัดไปถึง 3 ประตูด้วยกัน!!   ตารางคะแนนล่าสุด   หลังจากจบเกมพี่แกก็ได้รับรางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ หรือผู้เล่นยอดเยี่ยมในเกมนี้ไปครอง แต่ทว่าดันปฏิเสธตำแหน่งที่ว่าซะงั้น!?     ในช่วงให้สัมภาษณ์หลังเกม โมฮัมเม็ด ซาลาห์ กล่าวว่า “ผมจะไม่รับรางวัลนี้ ในวันนี้ ผมอยากจะเสียสละตำแหน่งนี้ให้กับเพื่อนร่วมทีม และกัปตันของผม (เจมส์ มิลเนอร์) เพราะวันนี้เป็นวันที่แสนยอดเยี่ยมสำหรับเขา เขาสมควรได้รับมันจริงๆ”   คลิปเหตุการณ์ Hat-trick hero @MoSalah refuses to take his Man of the Match award…

บางครั้ง สิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้ กับความเป็นจริงมันมักจะไม่ค่อยตรงกันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องของ ‘การซื้อของออนไลน์’ ถ้าไม่รอบคอบหรือเช็กดูให้ละเอียด อาจจะต้องมีประสบการณ์เช่นเดียวกันกับคุณแม่ท่านนี้ก็เป็นได้!! เรื่องราวของคุณแม่ Lisa Williamson วัย 28 ปี จากเมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ ได้ทำการสั่งชุดซานตาคลอสสุดเซ็กซี่จากเว็บไซต์ eBay มาในราคา 6.98 ปอนด์ (300 บาท)   ภาพโฆษณา   ด้วยราคาที่น่าเย้ายวนใจ กับคำโฆษณาที่บอกว่า ‘สามารถใส่ได้ทุกไซส์’ เป็นใครใครจะอดใจไหว คุณแม่จึงทำการสั่งมาเพื่อใส่ไปเรียนเต้นรูดเสา แต่พอเจ้าชุดซานต้ามาส่งถึงที่บ้าน ก็พบว่าบางอย่างมันดูแปลกๆ ไป ทำไมมันตัวเล็กนิดเดียว จึงลองหยิบมาใส่ดูและก็ต้องพบกับความเฟลขั้นสุด!! เพราะมันไม่เหมือนกับที่โฆษณาไว้เลยแม้แต่น้อย   ความเป็นจริง!!   คุณแม่ได้ทำการถ่ายภาพแล้วโพสต์ลงเฟซบุ๊กแบบติดตลกว่า “เมื่อของที่คุณสั่งจากออนไลน์มาถึง และมันไม่เหมือนกับที่คุณคาดหวังไว้เลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เหมือนเพียงอย่างเดียวคือ ‘สี’ ของมัน” “หลายคนเข้ามาคอมเมนต์ในโพสต์ของฉันอย่างติดตลก บ้างก็บอกว่าเป็นเพราะขนาดตัวของฉันที่ใหญ่ไป คราวหลังควรจะสั่งไซส์ที่ใหญ่กว่านี้ บ้างก็แนะนำฉันว่า’การสั่งเสื้อผ้าออนไลน์ ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้หุ่นของนางแบบมาด้วยนะ’ ทำเอาขำกร๊ากไปเลยล่ะ”     “แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็จะไม่เลิกสั่งของจากออนไลน์หรอกนะ แม้ว่าครั้งนี้มันจะทำให้ฉันเซ็งหน่อยๆ…

เด็กสาววัย 15 ปี และครอบครัวถึงกับต้องหลบซ่อนตัว หลังมีมือดีเอา ‘โพสต์’ ชวนจัดปาร์ตี้วันเกิดของเธอ ไปแชร์ต่อในเฟซบุ๊ก จนมีคนสนใจกดเข้าร่วมงานปาร์ตี้หลายพันคน!! เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันอังคารที่ 4 ธันวาคม 2561 เด็กสาวคนหนึ่งได้ทำการโพสต์ชวนเพื่อนๆ ในแอปฯ สแนปแชต เพื่อให้มาร่วมงานวันเกิดครบรอบ 15 ปี ของเธอ     ซึ่งงานจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม 2561 ณ หมู่บ้าน Katwijk ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในเมือง Cuijk ประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่ทว่าไม่กี่ชั่วโมงต่อมา มีมือดีไปโพสต์ลงเฟซบุ๊กถึงการจัดปาร์ตี้งานวันเกิดดังกล่าว พร้อมระบุสถานที่จัดงานเป็นที่บ้านของเด็กสาว แถมยังมีการเปิดสาธารณะจนทำให้มีคนกดเข้าร่วมงานปาร์ตี้กว่า 8,000 คน และอีก 20,000 คนสนใจที่จะเข้าร่วม     อีเวนต์ดังกล่าวถูกตั้งชื่อว่า Party! In Katwijk ในมีการเขียนรายละเอียดเอาไว้ว่า “ปาร์ตี้วันศุกร์ที่บ้านของฉัน ขอเชิญชวนทุกคน และถ้าจะมาก็ขอให้บอกด้วยว่าจะพาใครมาเพิ่มด้วย” หมู่บ้าน Katwijk นั้นเป็นหมู่บ้านที่เล็กมากๆ…