Author:

คงจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากๆ เลย หากว่าเราเกิดมาพร้อมกับอาการป่วย แต่จะยิ่งน่าเศร้ามากขึ้นไปอีกหากอาการป่วยที่ว่านั้นมันทำให้เรามีอายุแก่เร็วมากกว่าคนปกติถึง 8 เท่า…   เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว CCTVNews ได้รายงานว่าเด็กวัยรุ่นสาว Ana Rocelle จากประเทศฟิลิปปินส์ ได้เสียชีวิตลงแล้ว ถ้าใครเคยติดตามข่าวมาก่อน จะทราบว่าเธอมีอาการป่วย ทำให้สภาพร่างกายแก่ชราคล้ายกับคนอายุ 150 ปี ทั้งที่จริงแล้วเจ้าตัวมีอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น     ตามรายงานบอกว่า Ana Rocelle ป่วยเป็นโรค Hutchinson-Gilford Progeria Syndrome (HGPS) หรือโรคชราในเด็ก ทำให้ร่ายกายของเธอแก่ชราเร็วกว่าคนปกติถึง 8 เท่า ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีอาการ ผิวหนังเหี่ยวย่นคล้ายคนแก่ รูปร่างแคระแกรน ผมหลุดร่วง และมักจะเสียชีวิตด้วยวัยประมาณ 13 ขวบ จากความผิดปกติของหัวใจ ในกรณีของ Rocelle ถือว่ามีชีวิตได้ยืนยาวกว่าคนที่ป่วยเป็นโรคนี้มากทีเดียว     แต่ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตลง ยังมีเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอเช่นกัน เพราะเมื่อตอนวันครบรอบอายุ 18 ปีของเธอ ได้มีการจัดงานวันเกิดในธีมเจ้าหญิงให้กับเธอ…

ในโลกนี้มีวิธีการแอบเซอร์ไพรส์แฟนสาวเพื่อขอแต่งงานมากมายหลากหลายวิธี แบบแปลกๆ ใหม่ๆ ครีเอทๆ ก็เคยมีให้เห็นกันแล้วนักต่อนัก อยู่ที่ใครจะเลือกเอาไปปรับเปลี่ยนให้เข้ากับตัวเองยังไง แต่ไม่ว่าวิธีไหนก็ควรจะคำนึงถึงความปลอดภัยและความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยนะ ไม่งั้นอาจจะเหวอได้เหมือนกับคู่รักคู่นี้     เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว Dailymail ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการขอแต่งงานที่โหดร้ายและดิบเถื่อนที่สุดคลิปหนึ่ง โดยฝ่ายชายได้วางแผนกับเพื่อนๆ ให้ปลอมตัวเป็นตำรวจมายืนดักรอรถของพวกเขา     เมื่อเธอขับรถผ่านมาพวกเขาก็บังคับให้พวกเขาทั้งสองคนลงจากรถ โดยตำรวจปลอมได้ถามเธอว่า “รู้จักกับชายคนนั้นหรือเปล่า? เขาซ่อนอะไรไว้ที่กะโปรงหลังรถ?” ก่อนจะพาเธอลุกขึ้นไปดูที่ท้ายรถและพบว่าผู้ชายกำลังคุกเข่าขอเธอแต่งงานอยู่ เล่นเอาอึ้งไปเลยทีเดียว   .   “แต่งงานกับผมไหม?”   ลองชมการขอแต่งงานที่เหวอที่สุดในปฐพีได้ที่นี่เลย (คลิปไม่ขึ้นให้กดที่นี่นะจ๊) The cruellest marriage proposal ever!And they say romance is dead… โพสต์โดย Daily Mail บน 13 สิงหาคม 2016   หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไป ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลากหลายแบบ เช่น Nona…

การที่เด็กๆ ส่วนใหญ่เกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์ของร่างกาย ไม่ต้องคาบช้อนเงินช้อนทองติดตัวมาด้วย แค่นั้นก็นับว่าเป็นความโชคดีที่สุดของคนเป็นพ่อเป็นแม่แล้วล่ะนะ แต่บนโลกใบนี้ก็ยังมีเด็กอีกจำนวนไม่น้อยที่เกิดมาพร้อมกับความไม่สมบูรณ์ เช่นเดียวกับหนูน้อย Harmonie-Rose Allen จากเมืองบาธ ประเทศอังกฤษ เพราะเธอสูญเสียแขนและขาไปตั้งแต่เกิด ปลายจมูกแหว่งและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ     แต่หนูน้อย Harmonie ก็ยังคงมีชีวิตรอดมาได้และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้จะต้องใช้อวัยวะเทียมในการใช้ชีวิตแต่เธอก็ได้รับกำลังใจที่ดีจากพ่อและแม่ เนื่องจากหนูน้อยมีสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้การหาตุ๊กตาหรือของเล่นต่างๆ มาเล่นเป็นเพื่อนเธอเป็นเรื่องที่ยาก เพราะตุ๊กตาเกือบทุกแบบจะมีอวัยวะที่ครบถ้วน     เหมือนโชคจะเข้าข้าง เพราะวันหนึ่งนาง Freya Hall ผู้เป็นแม่ ได้เจอตุ๊กตาจากโรงงานผลิตตุ๊กตาในสหรัฐ ที่ทำตุ๊กตาแบบพิเศษ เพื่อเด็กๆ ที่มีสภาพร่างกายที่แตกต่างไปจากเด็กคนอื่นๆ เธอจึงเลือกซื้อตุ๊กตาที่ใส่แขนขาเทียมเหมือนลูกสาวของเธอ Freya กล่าวกับสื่อว่า “ตุ๊กตามีชื่อว่า Rebecca เธอรักตุ๊กตานั่นมากและบอกฉันว่า ‘ตุ๊กตาเหมือนหนูเลยแม่!!’ บริษัทตุ๊กตาทำให้มันใส่แขนขาเทียม และเปลี่ยนตุ๊กตาอีกหลายตัวเพื่อเด็กๆ ให้รู้สึกว่าตุ๊กตาเหล่านั้นเป็นพวกเดียวกันกับเด็กๆ”     นี่เป็นอีกครั้งที่เราเห็นบริษัทต่างๆ พยายามสร้างความเท่าเทียมให้กับเด็กๆ หรือบุคคลที่เกิดมาพร้อมกับความบกพร่องทางร่างกาย แม้มันจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อย แต่ก็สามารถฟื้นฟูสภาพจิตใจของพวกเขาได้ดีเลยนะ ที่มา dailymail

ในความเข้าใจของคนทั่วๆ ไป เข้าใจกันว่าผักชีนั้นเป็นพืชผักที่ใช้สำหรับโรยหน้าบนอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติให้เมนูนั้นๆ กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ผักที่จะเอาไว้ใช้เป็นอาหารแบบจริงๆ จังๆ เท่าไหร่ แต่เราขอบอกเลยว่าตอนนี้ผักชีกำลังกลายเป็นผักที่ได้รับความนิยมเอามากๆ ในประเทศญี่ปุ่น พวกเขาได้ครีเอทเมนูต่างๆ ที่มีส่วนผสมของผักชี หรือบางเมนูไม่น่าจะทำร่วมกับผักชีได้…แต่พวกเขาก็ทำได้ เราลองไปดูกันว่ามีเมนูไหนกันบ้าง?   1. ซุปผักชี   2. มันฝรั่งทอดรสผักชี   3. ข้าวผัดผักชี   4. พริกผักชี   5. ผักชีทอด?   6. เมนูข้าว ใส่ผักชีพูนๆ   7. เนื้อโปะผักชี   8. โมฮิโต้ (ค็อกเทล) ผักชี   9. ซอสผักชี   10. บะหมี่กึ่งสำเร็จฯ รสผักชี   มองไปทางไหนก็มีแต่ผักชี ว่าแล้วก็ลุกไปทำไข่เจียวผักชีดีกว่า ที่มา si_n_o , buzzconan , merry.nov15

เดินทางมาถึงครึ่งทางแล้วสำหรับการแข่งขันที่ผู้คนทั้งโลกจับตามองอย่างโอลิมปิก 2016 ณ กรุงริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ซึ่งที่ผ่านๆ มา#เหมียวฟิ้นได้นำเสนอแรงบันดาลใจในแง่มุมต่างๆ ของนักกีฬาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันไปแล้ว   แต่วันนี้เราจะขอมาเอาใจสาวๆ ดูบ้าง กับนักกีฬาสุดแซ่บที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกในขณะนี้ นักกีฬาที่เราพูดถึงนี้มีชื่อว่านาย Arthur Nory นักกีฬยิมนาสติกชาวบราซิลเจ้าเสน่ห์วัย 22 ปี ที่เขาโด่งดังจนกลายเป็นที่พูดถึงในขณะนี้ก็เพราะใบหน้าสุดหล่อเหลา รูปร่างล่ำๆ กล้ามแน่นๆ และรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์   ตามรายงานบอกว่า Arthur เกิดในครอบครัวของนักกีฬา คุณพ่อเป็นนักกีฬายูโด ส่วนแม่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ทำให้เขาชื่นชอบกีฬามาตั้งแต่เด็กๆ และเมื่อตอนที่เขาอายุได้ 10 ขวบ เขาก็ค้นพบว่าตัวเองชื่นชอบกีฬายิมนาสติก ทำให้เขาฝึกฝนร่างกายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนได้ส่วนหนึ่งของตัวแทนนักกีฬาทีมชาติบราซิลเพื่อเข้าแข่งขันในริโอเกมครั้งนี้ด้วย     ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เขากลายเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์อย่างมากมาย เพราะทางสถานีโทรทัศน์ SporTV ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการสัมภาษณ์ของนาย Arthur ถึงการแข่งขันและความรู้สึกของเขา ซึ่งในระหว่างการสัมภาษณ์นั้นเขาได้ส่งยิ้มให้กับกล้องตลอดเวลา จนสาวๆ หลายคนถึงกับคลั่งไคล้หลงเสน่ห์ของเขาไปตามๆ กัน   ยิ้มร่าเลย   ชมคลิปการให้สัมภาษณ์ของเขาได้ที่นี่เลย (คลิปไม่ขึ้นให้กดที่นี่นะจ๊ะ) Arthur…

คุณอาจไม่ต้องเป็นถึงระดับโจรสลัดหมวกฟาง ก็สามารถออกไปตามหาทะเลแปลกๆ บนโลกใบนี้ได้เช่นกัน เพราะวันนี้เราจะพาคุณไปชมทะเลสาบที่มีสีสันแปลกตาราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายหรือการ์ตูนเรื่องไหนสักเรื่อง…     ทะเลสาบที่ #เหมียวฟิ้น พูดถึงอยู่ในขณะนี้อยู่ในประเทศเม็กซิโก เป็นทะเลที่มีสีสันประหลาดมาก เพราะมันเป็นสีชมพู เชื่อว่าผู้ที่คลั่งไคล้อินสตาแกรมหลายๆ คนก็อยากที่จะไปเก็บภาพสวยๆ จากที่นี่มาอัพให้ชาวโลกได้ดูเหมือนกัน     ทะเลสาบแห่งนี้ถูกพบอยู่ในหมู่บ้านของชาวประมง Las Coloradas ชายฝั่งตะวันออกของเม็กซิโก มันไม่ใช่เวทย์มนต์หรือการโฟโต้ชอปใดๆ เพราะมันเป็นชมพูอมสีแดงแบบนั้นจริงๆ ส่วนที่ว่ามันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงนั้น ก็เพราะว่าในน้ำทะเลมีแพลงตอนแดงและไรทะเลเป็นจำนวนมหาศาล พวกมันมีสีแบบนี้ด้วยสารในตัวของมันเอง เปลี่ยนให้น้ำกลายเป็นสีชมพูไปโดยปริยาย     นอกจากน้ำทะเลสีชมพูและชายหาดสีน้ำตาลแล้ว ที่ชายหาดยังมีกองทรายสีขาวๆ มาขั้นระหว่างกลางด้วย สาเหตุก็เพราะว่าครั้งหนึ่งที่เมือง Las Coloradas เคยถูกใช้เป็นเหมืองขุดเกลือมาก่อน ทำให้เศษซากของเกลือยังคงหลงเหลือและเกาะรวมกันเป็นคราบขาวๆ นั่นเอง   . . . . . .   นี่ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่โรแมนติกเอามากๆ เลยนะ ว่าแล้วเราก็ออกเดินทางกันเลย!! ที่มา boredpanda

บางครั้งการมีจิตสาธารณะถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นนะ แต่การมีน้ำใจหรือจิตสาธารณะมากไปก็ทำให้คุณเดือดร้อนได้เช่นกัน…   เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของคุณลุง Robert Wall วัย71 ปี ในเมืองไรน์แฮม ประเทศอังกฤษ เขาเป็นคุณลุงที่มีจิตสาธารณะมาก ไม่ว่าเขาจะไปเห็นสนามหญ้าที่ไหนใกล้ๆ บ้าน เขาก็มันจะหิ้วเอาเครื่องตัดหญ้าไปตัดให้ฟรีๆ เสมอ เป็นแบบนี้มานานกว่า 4 ปีแล้ว     แต่ความหวังดีของเขาก็กลายเป็นเรื่องที่ย้อนกลับมาทำร้ายเขาเสียอย่างงั้น เมื่อมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเตือนและบอกให้หยุดตัดหญ้านอกบ้านของตัวเอง เพราะอาจจะทำให้เขาถูกดำเนินคดีทางอาญาในศาลและปรับในข้อหาสร้างความเสียหายด้วยการตัดหญ้านอกบ้าน   คุณ Wall กล่าวว่า “มันมาถึงจุดที่ผู้คนไม่กล้าออกจากบ้านแล้วไปเก็บกวาดขยะ เพราะกลัวจะถูกดำเนินคดีแล้ว ผมถูกเลี้ยงดูมาโดนพ่อแม่ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่มีจิตใจดี และเห็นอกเห็นใจคนอื่นก่อน” “แต่ตอนนี้ผมกำลังถูกคุกคาม เพราะงานที่ผมพยายามทำให้พื้นที่นี้สะอาดและไร้รอยขีดข่วย มันไร้สาระสิ้นดี”     นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณลุง Wall ถูกเตือนเกี่ยวกับความมีจิตใจดีของเขา เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยถูกเตือนมาแล้ว เพราะเคยไปทาสีเสาไฟในบริเวณใกล้เคียงด้วยเช่นกัน   การมีน้ำใจเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ก็ต้องดูกฎเกณฑ์ด้วยว่าที่ไหนควรทำอะไร ที่ไหนไม่ควรทำอะไร ที่มา dailymail

เมื่อพูดถึงเชฟทำอาหารฝีมือฉกาจ หลายๆ คนน่าจะนึกถึงเชฟตามร้านอาหาร 5 ดาว หรือเชฟจากร้านการทำอาหารดังๆ แต่หากจะให้มีชื่อเสียงและฝีมือดียิ่งกว่านั้นอีก ก็คงจะต้องนึกถึงเชฟที่ได้รับรางวัลจากมิชลิน สตาร์ นั่นเอง ในบทความนี้ #เหมียวฟิ้น จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเชฟที่ชื่อว่านายชาน ฮอน หมิง ที่เปิดร้านอาหารธรรมดาๆ แห่งหนึ่งใน ประเทศสิงคโปร์     อาหารที่โด่งดังที่สุดของเขาก็คือเมนูข้าวหน้าไก่ฮ่องกงและบะหมี่ไก่ฮ่องกง ที่มีรสชาติเยี่ยมจนมีคนมาต่อคิวซื้อทั้งวัน และที่สำคัญเขาตั้งราคาขายถูกมาก เพียงราวๆ 1.50-2.00$ หรือเทียบเป็นเงินไทยก็แค่ 52-70 บาทเท่านั้น ถือว่าถูกกว่าเมนูฟ้าสฟู๊ดหลายๆ แห่งเสียอีก     และแล้ววันหนึ่งชื่อของชาน ฮอน หมิง ก็โด่งดังขึ้น เพราะเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายชานได้รับเชิญให้เข้าร่วมทานอาหารค่ำและรับรางวัลภายในงาน Michelin Guid Singapore Gala Dinner ซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของคนทำอาหารเลยก็ว่าได้     เพื่อเป็นการยืนยันว่าเขาคือเชฟมิชลิน สตาร์ที่มีฝีมือเยี่ยมคนหนึ่ง แม้จะไม่ได้มาจากโรงเรียนสอนทำอาหารดีๆ หรือร้านอาหารหรูๆ ก็ตาม     เมื่อเขาได้ยินแบบนั้นก็แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองว่ามันคือเรื่องจริง “ตอนที่ผมได้รับการเชิญ ผมไม่ค่อยแน่ใจ ผมถามพวกเขาว่า…

นี่คือคลิปที่กำลังโด่งดังในต่างประเทศทีเดียว สำหรับคลิปพาไปทัวร์ประเทศเกาหลีเหนือโดยชาวต่างชาติผู้รักในการท่องเที่ยวที่ชื่อว่านาย Jacob Laukaitis เขาใช้เวลาประมาณ 9-10 เดือนต่อปีในการท่องเที่ยว (นี่มากกว่าเวลาทำงานอีกมั้งนั่น) เขาได้เดินทางไปยังประเทศที่หลายๆ คนไม่กล้า (หรือไม่ค่อยอยาก) ไป เป็นเวลากว่า 7 วัน แล้วถ่ายคลิปวิดีโอเชิงสารคดีมาให้เราได้ชมกัน ขอบอกว่าแต่ละช่วงเวลาหรือแต่ละกิจกรรมนั้นช่างน่าฉงนและลึกลับมาก   สารคดีสั้นๆ ที่นาย Jacob ถ่ายมาถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์ YouTube ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา และมียอดผู้เข้าชมแล้วกว่า 2 แสนครั้ง   Jacob ได้อธิบายไว้ว่านักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่เกาหลีเหนือ จะถูกกำหนดว่าให้อยู่ที่นี่ได้เพียง 1 – 10 วันเท่านั้น หนังสือเดินทางของพวกเขาจะถูกเจ้าหน้าที่ยึดเอาไว้ตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่ที่นั่น และจะมีไกด์ทัวร์มาคอยจับตาดูคุณทุกฝีก้าว   การที่จะไปยังที่ต่างๆ ในเกาหลีเหนือนั้น คุณจะไม่สามารถทำได้โดยอิสระ เพราะไกด์ทัวร์จะพาคุณไปยังสถานที่ที่มีการจัดเตรียมไว้หมดแล้ว พูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาจะเป็นคนตัดสินใจว่าคุณจะได้เห็นอะไรหรือไม่ได้เห็นอะไรนั่นเอง ทางไกด์ทัวร์ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวสื่อสารกับคนในท้องถิ่น และต้องขออนุญาตทุกครั้งหากคุณจะเดินไปที่ไหนก็ตาม   และนี่คือหน้าตาของโรงแรมที่พวกเขาเข้าพัก หรูหราใช้ได้เลย   สถานที่แรกที่เขา (ถูกพา) ไปชมนั้นถือประตูชัย ณ กรุงเปียงยาง…

วัยรุ่นนั้นเป็นวัยที่มีพลังมาก ทั้งด้านร่างกาย และพลังความคิดสร้างสรรค์ หากนำมันไปใช้ให้เกิดประโยชน์แบบเหล่าวัยรุ่นกลุ่มนี้ มันก็จะสร้างเรื่องราวดีๆ ได้แบบที่คุณคาดไม่ถึงทีเดียว   เรื่องที่#เหมียวฟิ้นหยิบมาเล่าในวันนี้เป็นเรื่องของสมาชิกเว็บไซต์ Reddit ที่ใช้ชื่อว่า fleetwoodmax17 เขาได้เล่าเรื่องราวน่าประทับใจของกลุ่มเยาวชนจากโบสถ์ของศาสนาคริสต์ ซึ่งพวกเขาได้รับเงินสนับสนุนมาจากบริษัทเอกชนที่ชื่อว่า Student Reach เพื่อใช้ในการส่งต่อความช่วยเหลือไปยังบุคคลในถิ่นทุรกันดารที่ต้องการมัน   สิ่งที่พวกเขาได้รับการกล่าวถึงและยกย่องก็เพราะว่าในแต่ละปี พวกเขาและกลุ่มวัยรุ่นจะออกไปสร้างบ้านให้กับชาวบ้านในรัฐบาฮากาลิฟอร์เนีย ประเทศเม็กซิโก เพื่อเปลี่ยนเพิงเก่าๆ ที่ชาวบ้านใช้พักอาศัย ให้กลายเป็นบ้านที่สวยงาม   ทีมงานขององค์กรนี้มีมากพอจนสามารถสร้างบ้านให้กับชาวบ้านได้มากถึง 70 หลังต่อปี ซึ่งแต่ละหลังนั้นใช้เวลาเพียง 3 วันเท่านั้น (หรืออาจจะน้อยกว่านั้น) และในครอบครัวล่าสุดที่พวกเขาไปช่วยเหลือเป็นครอบครัวของคุณแม่ลูกสี่ครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในกระท่อมเก่าๆ ที่น่าจะกันลมกันฝนได้เล็กน้อย   แต่หลังจากที่มีการปรับปรุงต่อเติมตัวบ้านให้ดูแน่นหนาและทาสีใหม่ให้สวยงาม มันก็ทำให้บ้านของพวกเขาปลอดภัยและน่าอยู่มากขึ้น ภายในบ้านมีเตียง 2 ชั้นที่แข็งแรง ทั้งของลูกๆ และของคุณแม่ และเมื่อเธอเห็นสภาพบ้านทั้งภายนอกภายใน เธอก็แทบจะกล่าวขอบคุณทีมงานที่เข้าไปช่วยเหลือเธอกันแบบไม่รู้จบไม่รู้สิ้นเลย   และนี่คือใบหน้าอันยิ้มแย้มของคุณแม่ลูกสี่ ที่เพิ่งจะได้บ้านใหม่ไว้ใช้เลี้ยงดูลูกๆ ของเธอ ยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว .   เหลือเชื่อเลยว่าจะมีองค์กรดีๆ ที่คอยช่วยเหลือและสร้างบ้านให้คนอื่นแบบนี้ หากใครสนใจลองเข้าไปอ่านรายละเอียดต่อได้ที่เว็บไซต์ studentreach เลยนะ ที่มา viralnova

กลายเป็นเรื่องราวดราม่าในต่างประเทศเลยทีเดียว สำหรับกรณีของนักเต้นระบำลาตินคู่รักที่ชื่อว่า Neil และ Katya Jones พวกเขาถูกชาวเน็ตในต่างประเทศวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะพวกเขาได้เข้าร่วมการประกวดเต้นลาตินมืออาชีพชิงแชมป์โลก พร้อมกับสวมใส่ “ชุดคนอ้วน” เต้นระบำอย่างพริ้วไหวจนสร้างความตกตะลึงแก่ผู้ชมอย่างมาก   ก่อนอื่น ลองชมความพริ้วของพวกเขาในการแข่งขัน   อย่างไรก็ตามทางด้านตัวแทนของทั้งคู่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า “Neil และ Katya ไม่ได้ตั้งใจที่จะดูถูกดูแคลนคนอื่นเลย มันเป็นการแสดงที่พวกเขาเคยโชว์และส่งให้พวกเขาได้รับรางวัลมาเท่านั้น”   หนึ่งในความคิดเห็นของชาวเน็ตกล่าวว่า “ชุดคนอ้วนของคุณมันคือความขายหน้าสำหรับการวงการนักเต้นเลย การเต้นควรจะมีภาพลักษณ์ที่ดีกว่านี้ แต่คุณมันน่าอายและไร้รสนิยมมาก” ส่วนอีกความเห็นบอกว่า “ช่างเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นมืออาชีพและน่ารังเกียจอะไรขนาดนี้” . .   โดยส่วนตัวของ#เหมียวฟิ้นแล้วมองว่าการใส่ชุดคนอ้วนเต้นระบำแบบนี้ก็สร้างสีสันให้กับการเต้นดีนะ แต่บางคนอาจจะมองว่าเป็นการเหยียดคนอ้วน หรือไม่เหมาะสม!? ยังไงแล้วเราลองมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้นะ เพราะเรื่องบางเรื่องก็ละเอียดอ่อนเกินกว่าที่จะตัดสินให้ถูกหรือผิดได้อย่างง่ายดาย ที่มา mirror

หากใครจำกันได้ เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทีมงานเหมียวได้เคยรายงานเกี่ยวกับคอนเซ็ปต์รถบัสไฮเทคที่สามารถวิ่งคร่อมถนนได้ แม้จะมีการจราจรที่หนาแน่น แต่เจ้ารถบัสคันนี้ก็จะสามารถขับผ่านไปได้อย่างสบายๆ   หากใครนึกไม่ออกลองไปย้อนดูคลิปคอนเซ็ปต์ของเจ้ารถคันนี้กันดูเลย   หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปประมาณ 2 เดือนเศษ เจ้ารถบัสที่เป็นเพียงคอนเซ็ปต์คันนี้ก็สำเร็จกลายเป็นรูปเป็นร่างแล้วเรียบร้อย!! อันที่จริงแล้วโปรเจ็คนี้ไม่ได้คิดค้นและสร้างเสร็จภายในเวลาสั้นๆ หรอกนะ แต่ทางทีมวิศวกรเขาเริ่มทำกันมาเป็นปีแล้ว แต่เพิ่งจะเป็นที่สนใจของสื่อเอาเมื่อช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา   ตามรายงานของเว็บไซค์ Shanghaiist เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม บอกว่ารถไฮเทคคันนี้พร้อมที่จะออกวิ่งทดสอบในมณฑลเหอเป่ย ประเทศจีนแล้ว ในการทดสอบครั้งนี้ไม่ได้เป็นการนำรถบัสออกไปวิ่งทั่วเมืองแบบเต็มประสิทธิภาพ แต่เป็นการเดินทางในระยะเพียง 300 เมตรเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้นักข่าวและผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ทราบว่ามันสุดยอดขนาดไหน   จากคำบอกเล่าของวิศวกรบอกว่าเจ้ารถบัสคร่อมถนนคันนี้จะสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากถึง 1,200 คนได้ในเวลาเดียวกัน สามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดได้ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้จะดูไม่เร็วเท่าไหร่ แต่หากคุณจินตนาการถึงการจราจรอันติดขัดในเมืองจีนล่ะก็ ความเร็วเท่านี้ก็ถือว่าเร็วมากแล้วล่ะ   ทั้งนี้ไม่มีการเปิดเผยว่าเจ้ารถบัสคันนี้จะเปิดให้บริการจริงๆ เมื่อไหร่ แต่คาดว่าน่าจะภายในเร็ววันนี้แน่นอน   แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการลองนำมาวิ่งเป็นครั้งแรกเท่านั้น ยังคงมีหลายฝ่ายพูดถึงปัญหาที่จะตามมา ทั้งมารยาทให้การขับรถของคนจีนทั่วไปจะก่อให้เกิดปัญหาหรือไม่ รวมไปถึงอุปสรรคอีกต่างๆ นานาเมื่อใช้งานจริง เราคงต้องรอดูกันต่อไปล่ะครับ…!! ที่มา shanghaiist

หากคุณเป็นคนอ้วนคนหนึ่งที่โดนคนรอบข้างดูถูกและนินทาเกี่ยวกับรูปร่างของคุณบ่อยๆ ล่ะก็ คุณก็ไม่ต่างอะไรกับพ่อหนุ่มคนนี้หรอกนะ แต่สิ่งที่ต่างไปก็คือ เขาโดนด่าด้วยคำซ้ำๆ เดิมๆ ทุกวัน จนเปลี่ยนคำด่าเหล่านั้นให้กลายเป็นแรงผลักดัน ทำให้เขาดำน้ำหนักไปได้กว่าร้อยโลทีเดียว!?   เรื่องราวต่อไปนี้เป็นของนาย Jamie Brooks เขาเล่าว่าในตอนแรกน้ำหนักของเขาไม่ได้มากขนาดนี้ แต่เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 14 ปี เขาก็ได้ทำงานในห้องครัวแห่งหนึ่ง จากนั้นเขาก็เริ่มมีอาหารการกินที่สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มน้ำหนักตัวเอง ตอนกลางวันก็กินจุบจิบ ตกตอนกลางคืนก็ซื้ออาหารกลับไปกินต่อที่บ้าน แถมยังดื่มเครื่องดื่มหวานๆ ที่ส่งผลเสียตามมาอีกมาก   ในตอนที่เขาอายุได้ 31 ปี เป็นช่วงที่เขามีน้ำหนักมากที่สุด ในตอนนั้นน้ำหนักของเขาพุ่งขึ้นไปที่ 228 กิโลกรัม ซึ่งใกล้ขีดอันตรายเต็มที แต่แล้วปฏิบัติการลดน้ำหนักของเขาก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อเพื่อนของเขาอย่าง Neil Williamson วัย 46 ปี เขาดันไปเห็นป้ายโฆษณาลดน้ำหนังที่คลีนิคศัลยกรรมแห่งหนึ่ง และเกิดไอเดียในการช่วยเพื่อนลดความอ้วนแบบแปลกๆ   เพราะแทนที่จะแนะนำให้เพื่อนไปออกกำลังกาย หรือกินอาหารที่มีประโยชน์ เขากลับเอาแต่ส่งข้อความหยาบๆ คายๆ ไปหา Jamie เช่น “ไอ้เxี้ย อ้วน” หรือ “แกน่าจะตายตอนอายุ 40 แล้วแหละ” เป็นเวลากว่า 6 สัปดาห์…

โซเชียลเน็ตเวิร์คช่วยให้เราสามารถตามหาเพื่อน พ่อแม่พี่น้อง หรือแม้แต่ความรักได้อย่างง่ายดาย แต่บางครั้งคุณก็ต้องใช้วิจารณญาณนิดนึงนะ เพราะไม่งั้นอาจจะพลาดท่าเหมือนกับหนุ่มดัชคนนี้ได้ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า นาย Alexander Pieter Cirk ชายหนุ่มจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ลงทุนบินไปประเทศจีน เพื่อพบหญิงสาวที่รู้จักกันผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์กเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน   ตามรายงานบอกว่านาย Alexander ได้รู้จักกับสาวจีนคนหนึ่งแซ่จาง วัย 26 ปี ผ่านทางแอพพลิเคชั่นเครือข่ายสังคมออนไลน์ หลังจากที่ทำความรู้จักกันได้อยู่ 2 เดือน นาย Alexander ก็ตัดสินใจที่จะบินมาเซอร์ไพรส์ฝ่ายหญิงถึงเมืองจีน     เขาได้ไปทำหนังสือเดินทางและวีซ่าเรียบร้อย ในระหว่างนั้นเขาได้ส่งรูปภาพหนังสือเดินทางให้เธอดูและหวังว่าเธอจะมาพบกับเขา จากนั้นก็ออกเดินทางไกลกว่า 4,500 กิโลเมตรจนมาถึงสนามบินในเมืองฉางชา มณฑลหูหนาน แต่เมื่อมาถึงเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะฝ่ายหญิงไม่ยอมมาเจอกับเขาที่สนามบิน เขาก็เลยตั้งรกรากอยู่ในสนามบินและเชื่อมั่นว่าในท้ายที่สุดแล้วเธอจะมาปรากฏตัว     แต่น่าเสียดายที่หลังจากเวลาผ่านไป 10 วัน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะมาพบกับเขาเลย แถมเจ้าตัวก็ยังมีอาการอ่อนเพลียจนถูกหามส่งโรงพยาบาลด้วย หลังจากเรื่องราวของนาย Alexander เริ่มโด่งดัง ก็มีสำนักข่าวท้องถิ่นติดต่อมาที่เขาและสอบถามถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น จึงทราบว่าฝ่ายหญิงได้ตกลงกับนาย Alexander ว่าจะรอให้ครบ 1 ปีก่อนแล้วค่อยมาเจอกัน…

หากพูดถึงละครจีนในช่วงยุค 90 นั้น หลายๆ คนน่าจะนึกถึงละครแนวๆ เดชคำภีร์เทวดา , กระบี่ไร้เทียมทาน , ดาบมังกรยก , ไซอิ๋ว , ฤทธิ์มีดสั้น และหนึ่งในนั้นที่ขาดไม่ได้เลยคือ องค์หญิงกำมะลอ ซึ่ง #เหมียวฟิ้น เองก็ทันได้ดูเมื่อตอนเป็นเด็กด้วยนะ     หลังจากที่ละครชุดองค์หญิงกำมะลอจบไป เราก็แทบไม่ได้เห็นการรวมตัวกันของ 3 นักแสดงสาวอย่าง ฟ่านปิงปิง , หลิน ซินหรู  และ เจ้า เวย (ที่ #เหมียวฟิ้น ชอบเป็นพิเศษ) อีกเลย กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปกว่า 18 ปี จนเมื่อช่วงวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลิน ซินหรู ได้จัดงานแต่งงานกับ ฮั่วเจี้ยนหัว บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ทำให้ทั้ง 3 คนได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง เกิดเป็นภาพการรียูเนียนครั้งสำคัญที่แฟนๆ จะต้องจดจำเลยทีเดียว     ปัจจุบันทั้ง 3 คนก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงไม่ห่างหายไปไหนนะ เช่นฟ่าน ปิงปิง ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราเห็นหน้าเธอบ่อยกว่าใครเพื่อน เพราะเธอโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงกว้างเพราะมาเล่นหนังฮอลลีวูด เช่น Iron Man 3 และ X-Men: Days…

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราเพิ่งจะมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์เรื่องเมาคลีลูกหมาป่ากันไป ตัวหนังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กคนหนึ่งที่ต้องอาศัยอยูในป่าร่วมกับสัตว์ชนิดต่างๆ จนสามารถสื่อสารกับสัตว์และกลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เรื่องราวเหล่านี้อาจจะดูเป็นเรื่องที่เหนือจริงและไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่#เหมียวฟิ้นขอบอกเลยว่าเหตุการณ์แบบเมาคลีได้เกิดขึ้นจริงๆ แล้วในโลกแห่งความเป็นจริง     เรื่องที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของเด็ดหนุ่มชาวอินเดียที่ชื่อว่า Surendera Kumar หรือชื่อเล่นว่า Golu วัย 20 ปี อาศัยอยู่ในรัฐฉัตติสครห์ ประเทศอินเดีย เขามักจะเดินเข้าไปในป่าเพื่อเล่นกับลิงและสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆ ไม่เคยหวาดกลัวกับสัตว์ที่เดินเตรดเตร่อยู่ในป่าเลย แถมยังเชี่ยวชาญเรื่องการปีนป่ายต้นไม้ด้วยนะ   แต่นั่นก็ดูจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เพราะแม่แท้ๆ ของเขาอย่างนาง Pancho Bai วัย 40 กลับไม่เห็นด้วยที่ลูกชายออกไปเดินเล่นในป่า เพราะอาจจะได้รับอันตรายจากความใกล้ชิดกับสัตว์ป่าก็เป็นได้ นาง Pancho กล่าวว่า “เขาเตร็ดเตร่ไปทั่วป่า ฉันเลยไปลากเขากลับมาบ้าน ฉันเห็นเขาเล่นซ่อนแอบกับลิงและวิ่งไล่จับกับพวกมันไปทั่ว ฉันมักจะเห็นเขาแสดงพฤติกรรมแบบลิง” “ขนาดที่ว่าชาวบ้านในหมู่บ้านเดินตามลูกของฉันเข้าไปในป่าเพื่อตามหากอริลล่าเลย เขาดูมีความผูกพันธ์กับสัตว์ ฉันเชื่อว่านั่นทำให้เขาไม่เคยโดนสัตว์ทำร้ายเลย”   ทั้งนี้แม่ของนาย Golu ยังเผยถึงเรื่องราวในช่วงที่ลูกชายเป็นเด็กว่า เขาเกิดมาพร้อมกับความผิดปกติของโครงหน้า แม้จะแปลกตากับเด็กๆ ในหมู่บ้านสักหน่อย แต่ตอนนี้พวกเขาก็ชินกันแล้ว และเล่นด้วยกันเป็นปกติ นอกจากนี้แล้ว Surendera Kumar ยังมีพี่สาวอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่า Rajeshwari วัย 25 ปีด้วย…

แม้ว่าความรักจะเป็นเรื่องระหว่างคนสองคนก็จริง แต่ใช่ว่าความรักจะเกิดขึ้นกับคน 3 คนไม่ได้นะ เพราะอย่างเรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะหยิบมาเล่าต่อไปนี้ ก็เป็นเรื่องราวความรักที่แปลกและน่าเหลือเชื่อมาก สาวๆ ที่คุณกำลังเห็นอยู่นี้ เธอมีชื่อว่า Anna และ Lucy DeCinque ฝาแฝดวัย 30 ปี จากเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย พวกเธอเติบโตมาด้วยกัน แต่งชุดแบบเดียวกัน มีนิสัยเหมือนกัน แถมยังมีคนรักคนเดียวกันด้วย!?     ทั้ง Anna และ Lucy ตกหลุมรักเข้ากับช่างไฟฟ้าที่ชื่อว่านาย Ben Byrne วัย 32 ปี ที่เจอกันผ่านเฟซบุ๊กเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา แม้หนุ่มๆ หลายคนอาจจะมองว่าการได้ออกเดทกับสาวสองคนในเวลาพร้อมกัน แถมพวกเธอก็ยังยินยอมพร้อมใจกันแบบนี้ น่าจะเป็นเรื่องที่แฮปปี้สุดๆ   แต่นาย Ben ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก “เป็นครั้งแรกของผมเลยที่ได้เดทกับผู้หญิงสองคน และบอกตามตรงเลยว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมาก” “เพราะเราต้องเต็มที่กับพวกเธอ 100% ทั้งคู่ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ผมทำให้คนหนึ่ง ผมจะต้องทำแบบนั้นกับอีกคนด้วย เพื่อรักษาสมดุล เพื่อนของผมมองว่านี่คือปัญหาที่เจ๋งมากๆ””   ความรักของทั้ง Anna, Lucy…

ในชีวิตการทำงาน เรามักจะได้เจอกับผู้คนหลากหลายแบบ บางคนทำงานได้อย่างรวดเร็วแต่ออกมาลวกๆ บางคนทำงานได้ช้าแต่มีประสิทธิภาพขึ้นมาหน่อย แต่คนแบบไหนกันล่ะที่จะเหมาะกับองค์กรของเรา? เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ BrightSide ได้ทำการรวบรวมเอา 13 ข้อแตกต่างระหว่าง “คนทำตัวยุ่งๆ” กับ “คนมีประสิทธิภาพ” มาเปรียบเทียบกัน เราลองมาดูกันไหมว่าพวกเขาแตกต่างกันยังไงบ้าง?   คนยุ่งๆ: ทำเหมือนว่าพวกเขามีภารกิจที่สำคัญมาก คนมีประสิทธิภาพ: พวกเขามีภารกิจที่ยิ่งใหญ่สำหรับชีวิต   คนยุ่งๆ: มีการจัดลำดับความสำคัญไว้หลายอย่าง คนมีประสิทธิภาพ: มีลำดับความสำคัญอยู่แค่ไม่กี่อย่าง   คนยุ่งๆ: ตอบ “ตกลง” เร็วมาก คนมีประสิทธิภาพ: กว่าจะตอบ “ตกลง” ต้องคิดแล้วคิดอีก   คนยุ่งๆ: พุ่งความสนใจไปที่การลงมือทำ คนมีประสิทธิภาพ: พุ่งความสนใจไปที่ความชัดเจนในการลงมือทำ   คนยุ่งๆ: พร้อมจะทำทุกอย่างตลอดเวลา เปลี่ยนอะไรไปเรื่อย คนมีประสิทธิภาพ: ปิดประตูโอกาสอื่นก่อน แล้วมุ่งมั่นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้สำเร็จ   คนยุ่งๆ: เอาแต่พูดว่าพวกเขายุ่งขนาดไหน คนมีประสิทธิภาพ: ให้ผลงานมันพูดแทน   คนยุ่งๆ: มักจะพูดว่าพวกเขาไม่มีเวลามากพอ คนมีประสิทธิภาพ: ใช้เวลาไปกับสิ่งที่พวกเขาคิดว่าสำคัญเท่านั้น   คนยุ่งๆ: ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน คนมีประสิทธิภาพ: ให้ความสนใจกับงานที่สำคัญที่สุด…

ในแต่ละประเทศนั้นมีวิธีการและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ทั้งการดำรงชีวิต อาหารการกิน อาคารบ้านเรือน หรือแม้แต่ตอนตาย…ทั้งโลกก็ยังมีวิธีการจัดการที่แตกต่างกันไป บางที่ใช้การเผา บางที่ใช้การฝัง แต่สำหรับหมู่บ้านแห่งนี้กลับใช้วิธีที่หลอนยิ่งกว่านั้น     ก่อนหน้านี้เราเคยพาคุณไปเยี่ยมชมหมู่บ้านฮัลล์สตัท ในประเทศออสเตรียมาแล้ว ที่นั่นเต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับเทพนิยาย จนทันเดินทางนักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องขอไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต     แต่คุณอาจจะต้องเปลี่ยนใจก็ได้ เมื่อคุณได้ไปเห็น Charnel House สุสานโครงกระดูกของที่นี่ มันมีลักษณะเหมือนบ้านหลังเล็กๆ แต่ภายในนั้นเต็มไปด้วยหัวกะโหลกและโครงกระดูกนับร้อยนับพัน ถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี     ตามรายงานบอกว่าสถานที่แห่งนี้มีโครงกระดูกของผู้คนมากถึง 1,200 คน ในทีแรกนั้น ที่นี่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับโครงกระดูก แต่เนื่องจากในช่วงปีค.ศ. 1700 ทางโบสถ์ในละแวกนั้นดันประสบปัญหากับโครงกระดูกล้นสุสาน ทำให้พวกเขาต้องขุดเอาโครงกระดูกที่ฝังไปแล้วขึ้นมา เพื่อให้มีที่ว่างมากพอที่จะฝังร่างใหม่ๆ ลงไปได้     ในช่วงที่มีการขุดเอาโครงกระดูกเหล่านี้ขึ้นมานั้น ทางครอบครัวของผู้ตายก็ได้นำเอาปากกามาเขียนข้อความลงไปบนกระดูกของบุคคลอันเป็นที่รัก มีทั้งชื่อและวันที่เสียชีวิต รวมไปถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ที่สื่อถึงความรักที่พวกเขามีร่วมกันด้วย     ในระยะหลังมานี้ ตั้งแต่ช่วงปี 1960 เป็นต้นมา การนำกระดูกไปไว้ในห้องแห่งนี้ดูจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมแล้ว แต่ก็ยังมีโครงกระดูกมาไว้ที่นี่อยู่บ้าง     โดยคนสุดท้ายที่ถูกนำมาไว้ที่นี่คือหญิงสาว ที่มีคำสั่งเสียก่อนตายว่าเธออยากจะมาอยู่ที่นี่ร่วมกับโครงกระดูกอื่นๆ เมื่อเธอเสียชีวิตแล้วญาติๆ…

นี่เป็นคลิปที่ชวนให้คุณอึ้ง ทึ่ง แต่ไม่เสียว ของหนูน้อย Sofia Bogdanova จากเมืองมอสโก ประเทศรัสเซีย วัย 11 ขวบ ที่เราต้องพูดถึงเธอก็เพราะว่าความสามารถอันยอดเยี่ยมในการเล่นโรลเลอร์เบลดของเธอนี่แหละ     เมื่อไม่นานมานี้หนู Sofia ได้เข้าประกวดการแข่งขันโรลเลอร์เบลดรุ่นเยาวชน CFWC (Czech Freestyle World Cup 2016) ที่จัดขึ้นในสาธารณรัฐเช็ก เมื่อวันที่ 17-19 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันโชว์ลีลาแบบฟรีสไตล์     โดยหนู Sofia อยู่ในทีมโรลเลอร์เบลดมือสมัครเล่นที่ชื่อว่า Seba แต่สิ่งที่น่าทึ่งก็เกิดขึ้น เมื่อเธอเริ่มบรรเลงลวดลายอันพริ้วไหวจนคุณต้องอ้าปากค้าง เช่นท่าที่เธอทรงตัวอยู่บนปลายเท้าข้างเดียว อะไรมันจะเก่งปานน๊าน   .   ไปชมลีลาสุดพริ้วไหวของเธอได้ที่คลิปนี้เลย     ดูแล้วหนู Sofia จะคลั่งโรลเลอร์เบลดมากทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน เธอก็จะต้องแชะภาพคู่กับโรลเลอร์เบลดคู่ใจอยู่ตลอดเวลา และโชว์ให้เราเห็นว่าทักษะเทพๆ นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบนเวทีการประกวดเท่านั้น แต่เธอสามารถเล่นมันได้ตลอดเวลาที่ต้องการเลยล่ะ     หุ่นดีไม่เบาเลยนะแม่สาวน้อย . .   หากใครชื่นชอบหนูน้อยรัสเซียจิ๋วจี๊ดคนนี้ล่ะก็ ตามไปส่อง IG ของเธอได้ที่ sone4ka2005 เลยนะจ๊ะ  …

หากคุณคุ้นเคยกับภาพของชาวประปงในไทยและวิถีการหาปลาของบ้านเราล่ะก็ คุณอาจจะรู้สึกอะเมซิ่งสุดๆ เมื่อได้เห็นการจับปลาในรูปแบบที่เราไม่คุ้นตาจากชาวประมงในไต้หวันก็เป็นได้ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปล่องเรือหาปลากับชาวประมงในไต้หวันกัน แต่พวกเขาไม่ได้ใช้อวนหรือแหนะ แต่พวกเขาใช้พลุไฟแทน!?     บางคนอาจจะสงสัยว่าพลุไฟนั้นช่วยหาปลาได้ยังไง? ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะว่าพวกเขาใช้วิธีนี้มานานกว่า 100 ปีแล้ว อย่างเช่นคลิปที่#เหมียวฟิ้นนำมาเสนอให้ดูในวันนี้เป็นการออกไปจับปลาซาดีนในแถบชาบฝั่งของไต้หวัน พวกเขาจะจุดพลุไฟที่บรรจุอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ จากนั้นก็จะยื่นออกไปในทะเล ทันใดนั้นปลานับร้อยนับพันก็ประโจนตัวขึ้นมาเหนือน้ำทันที     สาเหตุที่พวกมันพากันกระโดดออกมาแบบนี้ก็เพราะว่าชาวประมงได้ใส่ผงซัลฟูริกลงไปที่ก้นกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งพวกเขาใช้ในการล่อปลาให้ขึ้นมาจากน้ำ เท่านี้ปลาก็พร้อมจะกระโจนออกมาแล้ว ตามรายงานบอกว่าชาวไต้หวันจะออกหาปลาซาดีนได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม และในช่วงหลังๆ มานี้จำนวนปลาซาร์ดีนก็ลดลงอย่างน่าใจหาย ทำให้แต่ก่อนที่เคยมีเรือหาปลามากถึง 300 ลำ ปัจจุบันเหลือเพียง 3 ลำเท่านั้น ในแต่ละคืนเรือของชาวประมงจะสามารถจับปลาซาร์ดีนได้วันละ 3-4 ตัน คิดเป็นเงินก็ราวๆ 157,300 บาทเลยทีเดียว     ใครอยากรู้ว่าปลามันกระโดดขึ้นมายังไง ลองไปดูคลิปนี้กันเลย   เป็นภาพที่น่าอะเมซิ่งมาก ว่าแล้วพวกเราก็ออกเรือไปหาปลากันเล้ย!! ที่มา viralnova , KennyHDV空中攝影

ข่าวนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคนรักของหวานเลยก็ได้นะ เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปชมเมนูของหวานสุดแปลกที่คล้ายไอศกรีมและข้าวโพดปิ้งรวมกัน!?     ร้านที่เราจะพาไปดูมีชื่อว่า Dominique Ansel Bakery Tokyo ในย่านโตเกียว พวกเขาได้คิดค้นเมนูใหม่ที่ชื่อว่า Crème de la Corn เป็นไอศกรีมที่ทำมาจากคาราเมล บวกกับข้าวโพดหวานผสมด้วยเนื้อเมล็ดข้าวโพด แต่นั่นยังไม่พิเศษเท่ากับที่การเสิร์ฟพร้อมกับข้าวโพดปิ้งทั้งฝัก แทนที่จะเป็นกรวยขนมปังหรือวาฟเฟิลกรอบ!?     เชฟแห่งร้าน Dominique Ansel Bakery Tokyo กล่าวว่าเขาได้ไอเดียนี้มาตอนที่ไปเดินเล่นในตลาดแห่งหนึ่ง ซึ่งข้าวโพดปิ้งนั้นเป็นเมนูที่นิยมอยู่แล้วของชาวญี่ปุ่น ทางร้านจึงอยากจะนำมาดัดแปลงเป็นของกินแบบใหม่ๆ     ตามคำบอกเล่าจากทางร้าน บอกว่าข้าวโพดนี้ไม่ใช่การนำข้าวโพดมาปิ้งธรรมดาๆ นะ เพราะทางร้านเผยสูตรว่าพวกเขาได้นำเอาไปต้มในซอสถั่วเหลือง จากนั้นก็ทาเนยแล้วนำไปปิ้ง ทำให้ข้าวโพดมีรสหวานและเค็มที่ลงตัว     หากใครมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นล่ะก็ ลองไปตามหากันได้ที่ร้าน Dominique Ansel Bakery อยู่ในเมือง Tokyo ย่านชิบูยะ เลขที่ 5-7-14 Jingumae ร้านเปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 1 ทุ่มนะ ใครไปลองมาแล้วถ่ายรูปมาอวดด้วยนะเออ     แหม่ มันช่างเป็นการผสมผสานที่ลงตัวจริงๆ เห็นแล้วน้ำลายสอมาก…

เชื่อว่าใครที่เป็นแฟนหนังจีนฝั่งฮ่องกงมาก่อน คงจะไม่มีใครไม่รู้จักนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง โจว เหวินฟะ ล่ะนะ เพราะนอกจากเขาจะมีชื่อเสียงในฮ่องกงแล้วยังมีโอกาสได้ไปเล่นหนังฮอลลีวูดมาแล้วหลายเรื่องทีเดียว แต่ใช่ว่าเขาจะมีชื่อเสียงในเรื่องของการแสดงอย่างเดียว แต่การปฏิบัติตัวเป็นคนเรียบง่าย การวางตัวในสังคมก็ทำให้เขาได้รับคำชื่นชมจากแฟนๆ อยู่ไม่น้อยเลย     อย่างเช่นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยเรื่องราวน่ารักๆ ของเขาและภรรยา ที่ออกมาต่อคิวซื้อตั๋วหนังที่โรงหนังแห่งหนึ่งในฮ่องกง เพื่อดูหนังเรื่อง Cold War 2 ที่เขาเป็นนักแสดงนำ   เห็นได้ชัดเลยว่าในระหว่างที่เขากำลังต่อแถวอยู่นั้นเองมีแฟนๆ จดจำเขาได้จึงเข้าไปขอถ่ายภาพและลายเซ็น พร้อมกันนี้ยังได้รับคำชื่นชมจากแฟนๆ ในเรื่องของความมีมารยาทและไม่ใช้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น แม้ว่าจะเป็นหนังที่ตัวเองเล่นก็ตาม   อย่าสปอยล์หนังล่ะพี่โจว…   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีข่าวด้านดีๆ ของเขามาให้เห็นกัน เพราะก่อนหน้านี้โจว เหวินฟะเองก็ได้รับการขนานนามว่าเป็นดาราผู้ใช้ชีวิตแบบสมถะด้วย เพราะเมื่อปี 2014 มีข่าวว่าเจ้าตัวได้ทำพินัยกรรมเพื่อยกทรัพย์สินกว่า 5 พันล้านบาทให้กับองค์กรการกุศล เพื่อตอบแทนสังคมที่ให้การสนับสนุนผลงานของเขามาตลอดด้วย     ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโจว เหวินฟะถึงกลายเป็นดาราที่มีคนชื่นชอบและติดตามผลงานของเขาอยู่ แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตาม นี่แหละคนดังที่ควรค่าแก่การสนับสนุน ที่มา shanghaiist

“นักกีฬา ช่างภาพ และผู้มีความโรแมนติก” เหล่านี้คือคำจำกัดความของเจ้าชายแห่งดูไบ ชีกห์ฮัมเดน บิน มูฮัมหมัด อัล มักทูม โอรสองค์ที่สองใน ชีกห์มูฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มักทูม แห่งราชวงศ์มักทูม ผู้ปกครองดูไบ ที่มีชื่อเสียงทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงและโลกออนไลน์     หากให้ทุกคนนึกถึงภาพของเจ้าชาย เชื่อว่าเราน่าจะเห็นภาพคล้ายๆ กัน เช่นการใช้ชีวิตหรูหรา มีองครักษ์และผู้ติดตามจำนวนมาก แต่กับเจ้าชายแห่งดูไบกลับมีมุมอื่นๆ ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นการใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ ท่องเที่ยว เล่นกีฬา เล่นกับเด็กๆ หรือนอนบริจาคเลือด     การขี่ม้าถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่พระองค์ทรงโปรดปรานมาก เพราะนอกจากจะมีม้าส่วนพระองค์แล้ว เจ้าชายยังเคยคว้าแชมป์ World Equestrian Games (การแข่งขันขี่ม้า) ในประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 2014 มาแล้ว และพระองค์ทรงให้การสนับสนุนแก่องค์กรช่วยเหลือสัตว์อีกหลายแห่งด้วย     วันนี้#เหมียวฟิ้นเลยจะขอชวนเพื่อนๆ ไปส่อง IG ของเจ้าชายแห่งดูไบกัน ดูว่าในแต่ละวันพระองค์ทรงงานหรือทรงทำกิจกรรมอะไรบ้าง?   บริจาคเลือดเพื่องานการกุศล   ทรงเรียนรู้การเป็นนักกีฬาพาราลิมปิกเกม…

นี่ถือเป็นข่าวของซุปเปอร์ฮีโร่ในชีวิตจริงเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่เรื่องราวของทหารจีน 16 นาย ทำการเกาะกลุ่มกันเพื่อสร้าง “มนุษย์เขื่อนกั้นน้ำ” กันน้ำจากทะเลสาบโปยาง ไม่ให้ไหลเข้าสู่มณฑลเจียงซี ประเทศจีน     อย่างที่หลายๆ คนทราบ ในช่วงนี้ประเทศจีนต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เช่นเดียวกับชาวนาและชาวบ้านในเมืองจิ่วเจียง มณฑลเจียงซี ประเทศจีน ที่เกือบจะถูกบังคับให้อพยพออกจากเมือง เนื่องจากเขื่อนกั้นน้ำจากทะเลสาบโปยางนั้นพังทลายลง     ตามรายงานบอกว่าเนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำแยงซีเกียงเพิ่มสู่งขึ้นอย่างฉับพลัน บวกกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้น้ำยังคงไหลทะลักเข้าสู่เมืองอย่างต่อเนื่อง เหล่าทหารจึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการรวมกำลังกัน 16 นาย มายืนกั้นบริเวณเขื่อนกั้นน้ำแทน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับอาคารบ้านเรือนและชาวบ้าน     เหล่าทหารหาญต้องยืนอยู่ในน้ำเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง กว่าที่เพื่อนทหารคนอื่นๆ จะนำกระสอบทรายมากั้นและซ่อมแซมเขื่อนที่พังลงไปให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ชาวนาในท้องถิ่นกล่าวชื่นชมทหารว่าหากไม่มีพวกเขา นาข้าวก็อาจเสียหายไปหมดแล้ว “ทหารอยู่ที่นี่แล้ว นาข้าวหลายแห่งปลอดภัยแล้ว” นอกจากนาข้าวแล้วยังมีชาวบ้านอีกกว่า 6,000 หลังคาเรือนที่ปลอดภัยจากภัยน้ำท่วมครั้งนี้ด้วย   . .   และนี่คือวีรกรรมของเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ในชีวิตจริง ที่ไม่ต้องมีพลังวิเศษหรือแต่งชุดเท่ๆ แบบในหนังหรือการ์ตูน แต่ก็สามารถช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้รอดปลอดภัยได้เช่นกันนะ…

หากคุณอยากให้คนทั่วไปรู้ว่าคุณนั้นคลั่งไคล้โลกเวทย์มนต์ขนาดไหนล่ะก็ คุณต้องอยากได้กระเป๋าใบนี้มาไว้ครอบครองแน่ๆ ชาวญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการแต่งชุดคอสเพลย์ที่ค่อนข้างกว้างขวาง ฉะนั้นเราจึงได้เห็นเสื้อผ้าหน้าผมที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับกลุ่มคนแบบเฉพาะเจาะจงมากๆ     เช่นเมื่อช่วงปลายปี 2015 ที่ผ่านมา ได้มีบริษัทผลิตเสื้อผ้าในญี่ปุ่นออกแบเสื้อฮู๊ดดี้แบบใหม่ ที่อิงตามเสื้อผ้าของพ่อมดในนวนิยาย ปลายแขนเสื้อกว้างๆ พร้อมกับหมวกปลายแหลม เพื่อให้คนที่อยากจะคอสเพลย์หรือหาเสื้อผ้าแต่งกายคล้ายกับพ่อมดได้ซื้อมาใส่กัน       และเพื่อส่งเสริมให้การแต่งตัวของเราดูคล้ายพ่อมดเข้าไปอีก บริษัท Item-ya ในญี่ปุ่น ได้ผลิตกระเป๋าใส่ของแบบใหม่ที่ชื่อว่า Grimoire Bag มันมีรูปร่างคล้ายกับสมุดเล่มหนาๆ ที่มีหน้าปกเป็นภาษาและอักขระโบราณ คล้ายกับสมุดที่พ่อมดใช้ในการท่องคาถา     กระเป๋าใบนี้มาพร้อมกับสายสะพายที่ให้คุณคาดเอวหรือพาดไหล่ก็ได้ ภายในมีเนื้อที่ความกว้าง 18.2 เซ็นติเมตร ให้คุณเก็บสมุดหนังสือ โทรศัพท์ได้อย่างพอเหมาะพอดี   . . .   หากใครสนใจลองเข้าไปดูกันได้ที่เว็บไซต์ vvstore.jp เขาสนนราคาอยู่ที่ใบละ 6,264 เยน หรือประมาณ 2,060 บาทล่ะ (แน่นอนว่าทั้งเว็บเป็นภาษาญี่ปุ่น) ใครสนใจอยากจะลองคอสเพลย์เป็นแม่มดหรือจอมขมังเวทย์ก็ลองดูได้นะจ๊ะ ที่มา rocketnews24

เรื่องของความรัก แม้จะเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ที่บางคนก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ทำไมถึงเกิดขึ้นกับเฉพาะแค่บางคคน แล้วบางคนถึงไม่เคยได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าความรักเอาซะเลย แต่ถึงจะเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนขนาดไหนก็ไม่ยากเกินกว่าที่ผู้ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรมจะเข้าใจได้นะ เพราะถึงพวกเขาจะมีความบกพร่องทางสมอง แต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่าความรักคืออะไรเช่นกัน   เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะนำเสนอต่อไปนี้เป็นเรื่องชวนอบอุ่นหัวใจของ Danny Griffiths และแฟนสาย Ashley Greenhalgh ทั้งคู่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม ทั้งคู่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็คบหาดูใจกันมาตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลาย   แต่แล้วความเซอร์ไพรส์ก็มาถึง เมื่อทั้งคู่เรียนอยู่ในงานปาร์ตี้เลี้ยงส่งหลังจบม.ปลาย ซึ่งตรงกับวันเกิดครบรอบอายุ 21 ปีของ Ashley ด้วย Danny จึงแอบนำของขวัญมาเซอร์ไพรส์ให้กับเธอ เมื่อเปิดออกมาเธอจึงรู้ว่าของขวัญนั่นคือแหวนเพชรสุดล้ำค่า Danny คุกเข่าลงไปต่อหน้าเธอพร้อมกับบอกเธอว่า “คุณจะแต่งงานกับผมไหม? คุณอยากเป็นภรรยาของผมไหม?”   Ashley แสดงอาการดีใจแบบสุดๆ และบอกว่า “มันคือแหวน! ฉันจะได้แต่งงานแล้ว!”   ชมความน่ารักชวนน้ำตารื้นของทั้งคู่ได้ที่ด้านล่างเลย แม้จะเป็นผู้บกพร่องทางสมอง แต่ก็รู้จักความรักเช่นกัน ที่มา mirror

หากคุณอยากจะมีวันหยุดพักผ่อนชวนฝันแบบแฟนตาซีกลางทะเลล่ะก็ ลองมาทำความรู้จักกับป้อมปราการกลางทะเลอายุเก่าแก่แห่งนี้หน่อยเป็นไง?   ป้อมปราการแห่งนี้มีชื่อว่า Solent ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของเมืองพอร์ตสมัธ และเกาะไอล์ออฟไวต์ ของประเทศอังกฤษ ตอนแรกที่มันถูกสร้างขึ้นมีจุดประสงค์เพื่อเอาไว้เป็นจุดป้องกันศัตรูไม่ให้ผ่านเข้ามาทางช่องแคบโซเลนต์   ใช้เวลาในการสร้างตั้งแต่ปี 1867 – 1880 ยาวนานกว่า 13 ปี ใช้งบในการสร้างราวๆ 18 ล้านบาท หลังจากนั้นเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ความสำคัญของมันก็น้อยลง และกลายเป็นสถานที่ไม่สำคัญทางทหารแล้ว… แต่ปัจจุบันมันถูกปรับปรุงและบูรณะใหม่ให้กลายเป็นโรงแรมชั้นเลิศ   การเดินทางไปที่นี่นั้นมีอยู่ 2 ช่องทาง ทางแรกก็คือคุณจะต้องไปเช็คอินที่ท่าเรือชายฝั่งในเวลา 10.30 นาฬิกา จากนั้นเรือจะออกจากท่าในเวลา 11.30 นาฬิกา เพื่อมาส่งคุณให้ถึงป้อมปราการแห่งนี้ แต่หากคุณมีเงินล้นเหลือล่ะก็ จะนั่งเฮลิคอปเตอร์มาลงที่ดาดฟ้าของป้อมก็ไม่มีใครว่าเช่นกัน   เมื่อเดินเข้ามาด้านใน คุณจะพบกับพนักงานต้อนรับยืนเสิร์ฟแชมเปญให้คุณในบรรยากาศสุดหรูเลย . .   ภายในนั้นนอกจากห้องอาหาร และห้องพักไว้รองรับนักท่องเที่ยวแล้ว ยังมี The Zing Spa สปาให้พวกเราได้พักผ่อนหย่อนใจกันด้วย พนักงานโรงแรมเล่าว่าเศียรพระพุทธรูปนั่นถูกค้นพบอยู่บนป้อมแห่งนี้ตั้งแต่แรก ก่อนจะมีการบูรณะให้กลายเป็นโรงแรม พวกเขาเลยนำมาตั้งไว้เป็นอนุสรณ์ของสปาแห่งนี้   คุณสามารถรับรู้ประวัติศาสตร์ของป้อมปราการแห่งนี้ได้ตามจุดต่างๆ ทั่วป้อม…

มีการคาดคะเนกันว่าในอนาคตนี้ มนุษย์น่ามีต้นทุนในการใช้พลังงานต่างๆ ที่ถูกลง เพราะเราจะหันไปใช้พลังงานทดแทนอย่างพลังงานน้ำ พลังล พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานไฟฟ้า แต่#เหมียวฟิ้นไม่คิดเลยว่าเราจะสามารถนำพลังงานจาก “ปัสสาวะ” มาใช้ได้ด้วย!?     แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะเพราะเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้รายงานว่า ตอนนี้มนุษย์สามารถสร้างพลังงานจากปัสสาวะได้แล้ว และสามารถนำมันมาใช้ชาร์จเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้าเล็กๆ อย่างโทรศัพท์มือถือได้ด้วย   ตามรายงานบอกว่านักวิทยาศาสตร์ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ขนาดเล็กที่มีค่าใช้จ่ายเพียง 90 บาท มันสามารถผลิตไฟฟ้าได้จากการเทปัสสาวะลงไป นั่นหมายความว่าเมื่อคุณเดินไปเข้าห้องน้ำก็สามารถชาร์จมือถือได้แล้ว   การชาร์จในแต่ละครั้งต้องใช้ปัสสาวะ 600 มิลลิลิตรในการนำจุลินทรีย์มาผลิตเป็นกำลังไฟ และใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 6 ชั่วโมง แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับการเป็นพลังงานให้เราสามารถคุยโทรศัพท์ติดต่อกัน 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว   ทั้งหมดนี้เป็นผลงานการพัฒนาของศาสตราจารย์ Ioannis Ieropoulos และทีมงานใน University of the West of England ในบริสตอล “เราตื่นเต้นมากที่จะประกาศให้โลกรับรู้ว่า การพัฒนาครั้งนี้เป็นไปได้โดยการออกแบบเซลล์เชื้อเพลิงจุลินทรีย์แบบใหม่ ที่ทำให้ไม่เกิดการสูญเสียความหนาแน่นของพลังงานเลยแม้แต่น้อย”   ไปชมการทำงานของมันได้ที่ด้านล่างเลย แม้แต่ปัสสาวะก็สามารถกลายเป็นพลังงานได้เหมือนกันนะเนี๊ยะ มนุษย์นี่ฉลาดล้ำจริงๆ ที่มา mirror

ใครๆ ก็น่าจะรู้กันว่า หากเราสั่งอาหารฟ้าสฟู๊ดหรืออาหารเดลิเวอรี่ให้มาส่งที่บ้าน แล้วไม่มีคนอยู่รอรับอาหารหรือจ่ายเงิน พนักงานก็จะเก็บของแล้วกลับไปทันที แต่สำหรับร้านอาหารแห่งนี้กลับใจดี๊ใจดี เพราะแม้ลูกค้าจะไม่ได้อยู่จ่ายเงินให้พวกเขา แต่ก็ยังอุตส่าห์ทิ้งอาหารไว้ให้ด้วยแหนะ…   เรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะหยิบมานำเสนอในวันนี้เป็นเรื่องราวของผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งที่ชื่อว่าคุณ Bert Yong เจ้าตัวเล่าว่าตนเองได้สั่งอาหารจากร้านในละแวกบ้าน Mian Gee’s Grill มากินที่บ้านตอนตี 4 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาเมาเละเทะเรียบร้อยแล้ว แต่แทนที่จะอยู่รอจ่ายเงินและรับอาหารมากิน เจ้าตัวดันเผลอหลับไปซะอย่างงั้น เมื่อตื่นเช้ามาเขารู้สึกหิวมากและเศร้าในเวลาเดียวกัน เพราะเพิ่งจะนึกได้ว่าอาหารที่เขาสั่งไปนั้นคงจะไม่ได้กินแล้ว     แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นไปตามที่คาด เมื่อเขาเดินออกมาที่หน้าบ้านแล้วพบว่ามีถุงอาหารที่เขาสั่งห้อยอยู่ แม้ว่าเจ้าตัวจะยังไม่ได้จ่ายเงินให้กับทางร้านเลยก็ตาม “สั่งอาหารแบบทานที่บ้านไปตอนตี 4 และก็เผลอหลับไป แต่กลับพบว่ามันมีสิ่งนี้แขวนไว้ที่หน้าประตูบ้าน” Bert Yong กล่าว     แม้อาหารจะถูกแขวนอยู่หน้าบ้านตั้งหลายชั่วโมงจนเย็นชืด แต่เขาก็นำมันไปอุ่นใหม่และกินมันอย่างเอร็ดอร่อยเยี่ยงราชาเลยทีเดียว คาดว่าหลังจากที่เขากินเสร็จแล้วคงจะไปจ่ายเงินให้กับร้าน Mian Gee’s Grill เพราะเรื่องราวของร้านนี้กระฉ่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ตจนได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากทีเดียว!!!   ที่มา metro , OPTYCYK

ในทุกๆ ปีจะมีการจัดอันดับสาวสวยจากสำนักต่างๆ กันจนเป็นธรรมเนียมไปแล้ว ซึ่งล่าสุดเว็บไซต์ Wonderlist ก็ได้จัดอันดับสาวสวยคนดังจากทั่วโลกในหลายๆ วงการ ในการจัดอันดับต่างๆ จะมีพื้นฐานการให้คะแนนเช่นความแข็งแรงของร่างกาย ความเฉลียวฉลาด ความเป็นที่ปราถนา ความนิยม ความมีเสน่ห์ แต่ในรายชื่อของสาวๆ ที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้จะเป็นรายชื่อของสาวๆ ที่ให้แรงบันดาลใจแก่คนทั่วโลก ลองไปดูกันว่าใครได้อันดับไหนกันบ้าง!?   10. Pia Wurtzbach หญิงสาวชาวฟิลิปปินส์ ผู้คว้าตำแหน่ง Miss Universe 2015 เธอเป็นทั้งนางแบบและนักแสดง จึงไม่แปลกที่เธอจะติดอยู่ในอันดับ 10   9. Emilia Clarke คาลีซีแห่งซีรี่ส์ Game of Thrones เธอเป็นสาวอารมณ์ดียิ้มง่าย ทำให้ใบหน้าของเธอดูมีเสน่ห์สุดๆ   8. Adriana Lima หนึ่งในนางแบบสาวสวยผู้เคยเป็นนางแบบให้กับแบรนด์ชุดชั้นในชื่อดัง Victoria’s Secret Angel’s และเคยติด 1 ใน 100 สาวเซ็กซี่ของนิตยสาร Maxim ด้วย   7. Priyanka Chopra ครั้งหนึ่งเธอเคยเข้าประกวด…

ของเล่นที่เด็กผู้หญิงชื่นชอบส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นตุ๊กตาล่ะนะ เพราะทั้งน่ารัก สดใส ผมสลวย หน้าตาเหมือนเพื่อนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ถ้าเด็กคนนั้นเป็นเด็กที่มีอาการป่วยบางอย่างล่ะ พวกเธอจะยังอยากได้ตุ๊กตาเหล่านั้นอยู่อีกไหม?   ปัญหานี้เกิดขึ้นกับนาง Meredith Bailey คุณแม่ที่มีลูกสาววัย 4 ขวบ ป่วยเป็นโรคผมร่วง เธอพยายามจะหาตุ๊กตามาให้ลูกสาวได้เล่นเป็นเพื่อนเธอ แต่ไม่ว่าจะตุ๊กตาตัวไหนๆ มันก็ทำให้ลูกสาวของเธอรู้สึกแตกต่างและน้อยเนื้อต่ำใจที่ตนเองไม่มีผมเหมือนอย่างตุ๊กตา   แต่ถือเป็นโชคดีมากที่เมื่อไม่กี่วันก่อนนาง Bailey ได้ไปเดินห้างสสรพสินค้าแห่งหนึ่งแล้วเจอเข้ากับตุ๊กตาจากบริษัท American Girl อยู่บนตู้โชว์ แต่สิ่งที่ทำให้เธอเซอ์ไพรซ์ก็คือตุ๊กตาเหล่านั้นไม่มีผมเลย เมื่อเธอลองขยับเข้าไปอ่านข้อความบนกล่องนั่นจึงเห็นข้อความว่า “เราภูมิใจนำเสนอ ตุ๊กตา Truly Me แบบไร้เส้นผม ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี มีให้เลือกหลากหลายโทนสี”   นั่นทำให้คุณแม่ Bailey ไม่ลังเลที่จะซื้อมันมาให้กับลูกสาวของเธอ ซึ่งลูกสาวของเธอก็ดีใจเอามากๆ ที่จะได้มีตุ๊กตาที่เหมือนกับตัวเอง ทำให้เธอไม่รู้สึกแปลกแยกอีกต่อไป ต่อมาคุณแม่รายนี้ก็ได้เขียนจดหมายขอบคุณโรงงานผลิตตุ๊กตา โดยมีข้อความบางส่วนกล่าวว่า   “ฉันสนับสนุนบริษัทผลิตตุ๊กตาของคุณมาโดยตลอด ฉันยังมีตุ๊กตาของบริษัทนี้ที่ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อปี 1988 อยู่เลย ซึ่งลูกสาวของฉันก็ชอบมันมาก ฉันมีความสุขมากที่ได้เห็นว่าลูกสาวของฉันก็มีตุ๊กตาเป็นของตัวเองเช่นกัน” “ตุ๊กตาเหล่านี้ถูกวางอยู่บนชั้นในห้างแบบไม่ได้หลบมุมแต่อย่างใด แต่พวกมันถูกวางไว้ให้ทุกคนได้เห็นชัดเจน โดยเฉพาะลูกสาวของฉัน ที่แปลกใจว่าทำไมเขาไม่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้” นับว่าเป็นความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยที่บริษัทตุ๊กตาผลิตตุ๊กตาหัวโล้นออกมาแบบนี้ เพราะเป็นสินค้าที่เจาะกลุ่มลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจงมาก แต่ก็ขอชื่นชมในความคิดแหวกแนวนะ เหล่าเด็กๆ ที่ป่วยอยู่จะได้มีเพื่อนเล่นยังไงล่ะ…

ใครว่าคนเราแก่แล้วแก่เลย #เหมียวฟิ้นขอเถียงว่าไม่จริงนะ เพราะหากคุณดูแลตัวเองดีๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่งตัวให้มันดูดีหน่อยไม่ปล่อยตัวเองให้แก่ตามวัย คุณก็จะดูดีได้แม้อายุจะล่วงเลยไป 50-60 ปีแล้วก็ตาม   ก่อนหน้านี้เราได้เคยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับนายแบบชาวฝรั่งเศส Philippe Dumas วัย 60 ที่ดูดี๊ดูดีจนโมเดลลิ่งมาติดต่อไปเป็นนายแบบ คราวนี้เราขอพาคุณไปดูหนุ่มรุ่นเดอะอีกคน ที่ดูดีและแซ่บไม่แพ้กัน   หนุ่มรุ่นเดอะที่เรากำลังพูดถึงมีชื่อว่าคุณตา Irvin Randle วัย 54 ปี มีหลานแล้ว 2 คน อาศัยอยู่ในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเขาทำงานเป็นคุณครูอยู่ในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง   ที่คุณตา Irvin กลายเป็นที่โด่งดังในโลกออนไลน์ก็เพราะว่าไลฟ์สไตล์แนวๆ การแต่งตัวเท่ๆ ไม่ว่าจะเป็นกางใส่กางเกงยีนส์ขาดๆ ไว้หนวดงามๆ แว้นมอเตอร์ไซค์คันสวย ไหนจะรองเท้าสีเจ็บๆ อีก   เมื่อวันสองวันที่ผ่านมาภาพของคุณตา Irvin ถูกแชร์และพูดถึงในโลกทวิตเตอร์อย่างมาก พร้อมกับติดแฮชแท็ก #MrStealYourGrandma (คนที่จะมาขโมยคุณยาย) ให้ด้วย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “แฮชแท็ก” คืออะไร คุณตาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ผมรู้สึกประหลาดใจในตอนแรก ตอนนี้ผมชินกับมันมาก ผมขอบคุณทุกความคิดเห็นและคำชมทุกคำชมเลย”   เมื่อถามถึงการแต่งตัวของคุณตาว่ามีไอเดียเกี่ยวกับการแต่งตัวยังไง? คุณตาผู้มีคนติดตามใน Instagram เกือบ 70,000 คนก็บอกกลับมาว่า…

“I am not a terrorist, I’m a father ผมไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ผมเป็นแค่พ่อคนหนึ่ง…” – John Cramsey   คนเป็นพ่อเป็นแม่รักลูกยิ่งกว่าอะไรดี หากมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับลูกไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ พวกเขาก็พร้อมที่จะเข้ามาปกป้องคุณอย่างแน่นอน อย่างเช่นเรื่องของคุณพ่อที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้   เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของนาย John Cramsey วัย 50 ปี จากเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ขนปืนและอาวุธสงครามอีกเป็นโหลใส่รถตู้ เพื่อหวังจะนำไปใช้กราดยิงใส่เหล่าแก๊งค้ายาเสพติดในเมือง   แต่สุดท้ายแผนการของเขาก็ต้องล้มเหลว เพราะในระหว่างที่เขากำลังขับรถผ่านทางด่วน Holland Tunnel ในเมืองนิวยอร์ค เขากลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจค้นในรถและพบอาวุธสงครามเข้า แม้จะถูกกล่าวหาแต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นศาลเตี้ย เป็นเพียงคุณพ่อที่หัวใจสลายคนหนึ่งเท่านั้น   นาย Cramsey เล่าว่าเมื่อ 4 เดือนก่อน ลูกสาวของเขาที่ทำอาชีพนางแบบได้ถูกชักจูงโดยแฟนหนุ่มให้ลองเสพเฮโรอีน หลังจากนั้นเธอก็เริ่มเสพติดมันและเสียชีวิตเนื่องจากเสพยาเกินขนาด ตามรายงานบอกว่าลูกสาวของนาย Cramsey ถูกพบว่าเสียชีวิตข้างแฟนหนุ่มในอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา   จากเหตุการณ์นั้นนาย Cramsey ถึงกับหัวใจแตกสลาย…

ปัญหาการจอดรถที่ขอบถนนกำลังจะหมดไปแล้วล่ะ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีนักประดิษฐ์ชาวแคนาดาที่ชื่อว่านาย William Liddiard ได้คิดค้นและออกแบบล้อรถยนต์แบบใหม่ ที่นอกจากจะขับไปด้านหน้าด้านหลังได้แล้ว มันยังสามารถขับไปด้านข้างได้ด้วยนะเออ!?   นาย Liddiard ตั้งชื่อให้กับล้อแบบใหม่นี้ว่า “Omni-Directional” (รอบทิศทาง) เขาอธิบายถึงเจ้าสิ่งประดิษฐ์นี้ว่าเป็น “การเคลื่อนที่ทุกทิศทางอย่างแท้จริงที่มันเป็นไปได้ด้วยล้อ”   ที่มันสามารถเคลื่อนที่ไปด้านข้างได้ก็เพราะว่าตัวยางนั้นจะมีลักษณะเป็นโดนัท 2 วง หากจะขยับไปด้านข้าง อุปกรณ์สายพานที่อยู่ด้านในจะค่อยๆ หมุนยาง จะล้อเคลื่อนตัวไปในแนวนอน “ตอนนี้คุณสามารถขับไปได้ในทุกทิศทาง และจอดตรงไหนก็ได้ที่ต้องการ” นาย Liddiard กล่าว   อันที่จริงแล้วสิ่งประดิษฐ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใหม่เท่าไหร่นัก เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีการประดิษฐ์นวัตกรรมแบบนี้มาแล้ว แต่ถูกใช้ในรถเข็นวีลแชร์สำหรับผู้ป่วยเท่านั้น หรือย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 ทาง Honda Motor Co. ก็ได้มีการเปิดตัวล้อแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในงาน Tokyo Motor Show แต่เป็นการออกแบบเพื่อ Segway มากกว่า     ตอนนี้นาย Liddiard กำลังพัฒนาล้อขับเคลื่อนด้านข้าง และหวังจะขายไอเดียนี้ให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ เราก็หวังว่ามันจะถูกใช้จริงๆ ได้ในสักวันหนึ่งนะ   ลองชมการเคลื่อนที่ไปด้านข้างของเจ้ารถคันนี้ดูเลย อีกหน่อยถ้าระบบนี้ถูกพัฒนามาใส่ไว้ในรถที่วางขายตามตลาดจริง เราน่าจะจอดรถข้างถนนได้ข้างขึ้นนะ ที่มา nationalpost

หากคุณเป็นทาสแมวที่คลั่งไคล้แมวเอามากๆ และชอบเก็บซะสมทุกอย่างที่เกี่ยวกับแมว นี่อาจเป็นของเล่นที่คุณควรมีไว้ในบ้าน ออฟฟิศ หรือห้องนอนก็ได้นะ   ของเล่นที่#เหมียวฟิ้นกำลังพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Breadcat (แมวขนมปัง) มันถูกออกแบบโดยศิลปินที่ชื่อว่า Rato Kim จากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เขาเป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบแมว แต่ไม่อาจจะเลี้ยงมันไว้ได้เนื่องจากยังไม่มีความพร้อมเท่าไหร่   แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ดันไปปิ๊งไอเดียเมื่อได้เห็นภาพของเจ้าเหมียวตัวหนึ่งกำลังนั่งเอาขาหน้าซุกเข้าไปใต้ตัวของมัน ทำให้มันมีลักษณะเป็นก้อนๆ เหมือนก้อนขนมปัง จากนั้นนาย Kim ก็นำเอามันมาเป็นแบบทำเป็นตุ๊กตาขนมปังก้อนสี่เหลี่ยม มีหูและหาง   แต่ Kim บอกว่าส่วนที่ยากที่สุดก็คือการออกแบบใบหน้า เพราะพวกมันแสดงออกทางสีหน้าได้หลากหลายรูปแบบมาก “พวกแมวมีการแสดงสีหน้าหลากหลาย ผมก็เลยเลือกที่จะให้พวกมันมีใบหน้าหลายๆ แบบซะเลย” Kim กล่าว   แม้ว่าส่วนตัวแล้ว นาย Kim จะไม่มีแมวเป็นของตัวเอง แต่เขาก็กล่าวว่าภายใน 2 ปีนี้เขาจะนำมันมาเลี้ยงให้ได้เลย และเข้าแมวขนมปังนี้ก็เหมาะมากๆ สำหรับคนแบบเขา ที่อยากจะเลี้ยงแมวแต่ยังไม่พร้อม ไม่มีโอกาส สถานที่ไม่อำนวยหรืออะไรก็แล้วแต่ . . . . . .   หากใครสนใจอยากจะชมผลงานอื่นๆ ของนาย Rato Kim…

เราทั้งหมดต่างรู้กันดีว่า “เบียร์” ไม่ใช่ เครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพนัก หากคุณพยายามที่จะรักษาอวัยวะต่างๆ ในร่างกายให้ใช้งานได้นานที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้มำให้เหล่าบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอลล์หยุดทำการโฆษณาหรือใช้นางแบบสาวสวยมาช่วยโปรโมทได้เลย     แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ผู้ผลิตเบียร์แบรนด์ Bergedorfer Bier ได้ว่าจ้างบริษัทโฆษณา Jung von Matt ให้ทำโฆษณาเบียร์ให้พวกเขา โดยในโฆษณาชุดนี้เป็นการเลือกเอาหนุ่มอ้วน 3 คนมาถ่ายภาพพอร์ทเทรต์ธรรมดาๆ     แต่สิ่งที่ทำให้โฆษณาชุดนี้น่าสนใจก็คือ พวกเขาทั้ง 3 คน จะอุ้มหน้าท้องอ้วนๆ ของตัวเองเอาไว้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการดื่มเบียร์มากๆ จะทำให้คุณอ้วนคล้ายกับหญิงสาวที่กำลังตั้งท้องอยู่ พร้อมกับสโลแกนว่า “ชงด้วยรัก” ถือได้ว่านี่เป็ฯโฆษณาที่จริงใจกับผู้บริโภคสุดๆ เลยก็ว่าได้   . .   นี่เป็นโฆษณาน่ารักๆ ที่#เหมียวฟิ้นชอบมาก แม้จะไม่ได้โชว์ว่าเบียร์ของพวกเขาดีกว่าเจ้าอื่นยังไง แต่ก็ได้ใจลูกค้าและคนที่ไม่ใช่ลูกค้าแบบเรามาก แถมยังเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกอีก แบบนี้ Win-Win จ้า ที่มา boredpanda

การที่เราจะออกเดินเรือไปในมหาสมุทรได้นั้น บนเรือจะต้องมีบคคลประจำตำแหน่งหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นกัปตัน ต้นเรือ ต้นหน ต้นกล นายท้ายเรือและอีกมากมาย แต่ในอนาคตตำแหน่งเหล่านั้นอาจจะไม่จำเป็นอีกแล้วก็ได้ เพราะกำลังจะถูกแทนที่ด้วยระบบสมองกลหมดแล้ว   เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้รายงานว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ Rolls-Royce ได้ออกแบบเรือรุ่นไฮเทค ที่ใช้การควบคุมด้วยหุ่นยนต์และระบบสมองอัจฉริยะทั้งหมด ให้คุณควบคุมเรือผ่านคอมพิวเตอร์ได้แม้จะไม่ได้นั่งไปกับเรือ!?   Rolls-Royce ได้มีแนวคิดในการออกแบบเรือขนส่งสินค้าภายใต้โปรเจ็คที่ชื่อว่า “oX” มีการค้นคว้าและวิจัยกันและคาดกันว่าจะสามารถผลิตเรือแบบนี้ออกมาแล่นในทะเลได้จริงๆ ภายในปี 2020 โดยที่บนเรือนั้นไม่จำเป็นต้องมีลูกเรือแม้แต่คนเดียว   ทั้งนี้พวกเขาก็ได้ปล่อยคลิปคอนเซ็ปต์แรกเริ่มของโปรเจ็ค oX มาให้ชมกันด้วย จากในวิดีโอจะเห็นว่ามีฐานควบคุมเรืออยู่ที่ชายฝั่ง โดยมีคนควบคุมเรือเพียงไม่กี่คนและมีหน้าจอโฮโลแกรมมากมาย นอกจากนี้ยังมีโดรนคอยมีตรวจตรารอบๆ เรือ เพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นบนเรือบ้าง   ในขณะที่รายละเอียดต่างๆ ของเรือ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ความดันต่างๆ จะถูกรวบรวมเป็นขอมูลอิเล็คทรอนิกแล้วส่งกลับมายังคอมพิวเตอร์ที่ฐานบัญชาการ ทีมงานก็สามารถที่จะแก้ไขปัญหาทุกอย่างจากบนบกได้เลย   คอนเซปต์ของเก้าอี้ควบคุมเรือ ล้ำอย่างกับในหนังไซไฟ .   ลองชมคลิปจำลองการเดินเรือของ Rolls-Royce ที่นี่เลย   ในอนาคตเหล่านักเดินเรืออาจจะมีงานทำน้อยลงแล้วเหรอเนี๊ยะ? อย่าเพิ่งกังวลไป กว่าเรือแบบนี้จะมีใช้กันทั่วไปก็คงอีกนานเลยล่ะ ที่มา mirror

การพากย์เสียงการ์ตูนในแอนิเมะของญี่ปุ่นนั้นถือเป็นศาสตร์และศิลป์ขั้นสูง ที่ไม่ว่าแฟนๆอะนิเมะคนไหนได้ลองฟัง เป็นต้องติดใจไปตามๆ กัน เพราะพากย์ได้อารมณ์ สนุก รุนแรง น่ารัก และเศร้าก็เศร้าจริงๆ   แต่เชื่อเลยว่าบางคนที่ตามดูอะนิเมะพากย์ญี่ปุ่นมา ยังไม่เคยเห็นหน้านักพากย์กัน อย่างเช่นเรื่องนารูโตะ ดราก้อนบอล วันพีซ หรือซามูไรพเนจร คุณรู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วคนที่พากย์ตัวละครเหล่านั้นจริงๆ แล้วเป็นผู้หญิง!? ลองไปชมกันดีกว่าว่าลีลาพวกเขาตอนพากย์การ์ตูนจะเป็นยังไงบ้าง   1. Uzumaki Naruto (จากเรื่อง Naruto)   ลองฟังเสียงนินจาสาว เอ้ย นินจาหนุ่มได้ที่นี่เลย 2. Son Goku (จาก Dragon Ball Z)   จริงๆ แล้วเป็นผู้หญิงรุ่นคุณยายแล้วนะเออ 3. Luffy (จาก One Piece)   ลองไปฟังเสียงมนุษย์ยางยืดดูเลย 4. Himura Kenshin (จาก Ruroni Kenshin)   สามูไรพเนจร แท้จริงแล้วเป็นผู้หญิงเหมือนกัน…

คุณเคยได้ยินปรากฏการณ์ที่ชื่อว่า Microburst (ไมโครเบิร์สต์) มาก่อนหรือเปล่า? หากไม่เคยวันนี้#เหมียวฟิ้นจะอธิบายเองว่า ปรากฏการณ์นี้ เกิดขึ้นจากการที่มี กระแสอากาศที่พุ่งออกจากฐานเมฆฝนฟ้าคะนองลงสู่พื้นดินอย่างฉับพลันและกระจายตัวออกไป   ปรากฏการณ์ Microburst นั้นทำให้บ้านเรือนเกิดความเสียหายและมีอุบัติเหตุเครื่องบินตกอยู่บ่อยครั้ง ใครนึกภาพไม่ออก ลองดูที่ด้านล่างนี้เลย   ปรากฏการณ์เหล่านี้สร้างความยากลำบากให้กับสนามบินหลายๆ แห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นช่วงเทคออฟหรือแลนดิ้ง อย่างเช่นคลิปนี้เป็นคลิปที่ถูกถ่ายได้จากสนามบินแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 23 เมษายนปี 2014 แสดงให้เห็นภาพของกลุ่มเครื่องบินที่พยายามจะเทคออฟจากสนามบิน   แต่เนื่องจากมีแรงลมกดลงมาจากด้านบน ทำให้เครื่องบินไม่สามารถทำการบินได้ และบางลำก็ทำท่าเหมือนบินอยู่กับที่เพราะไม่สามารถต้านทานแรงลมได้นั่นเอง   ตามรายงานบอกว่าแรงลมในขณะนั้นรุนแรงประมาณ 273 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โชคดีที่นักบินทั้งหมดสามารถควบคุมเครื่องไว้ได้ และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลย   เหลือเชื่อขนาดไหนลองไปดูด้วยตาตัวเอง   ลองชมอีกคลิป นี่เป็นคลิปทดสอบการบินในสภาวะที่เจอกับ Microburst ขอบอกว่าตื่นเต้นอย่างกับในหนังเลย   ฟิ้ววววว ที่มา viralnova , fatesclown

ในโลกนี้มีศิลปะอยู่หลายประเภททั้งการวาด การเขียน การระบาย หรือการปั้น และอีกมากมาย บางอย่างดูไม่ใกล้กับคำว่าศิลปะเท่าไหร่ แต่หากมองแบบศิลปะมันก็กลายเป็นศิลปะได้นะ…   อย่างเช่นศิลปินสาวชาวสวิสเซอร์แลนด์อย่าง Milo Moire ที่คิดรูปแบบศิลปะขึ้นมาใหม่ โดยการสร้างกล่องกระจกขึ้นมาครอบหน้าอกและช่วงเอวของเธอ เพื่อให้ผู้คนแปลกหน้าบนท้องถนน ได้ลองสัมผัสกับหน้าอกและ “จิ๊มิ๊” ของเธอ!?   ในการแสดงงานศิลปะแต่ละครั้ง Moire จะออกไปเดินทางสถานที่ต่างๆ พร้อมกับสวมกล่องกระจกเอาไว้ที่ส่วนบนหรือส่วนล่างของเธอ แล้วให้ผู้คนที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปลองจับดูเป็นเวลา 30 วินาที จากนั้นเธอก็จะฉีดสเปรย์ทำความสะอาดให้กับพวกเขา เป็นอันจบงานแสดง   ศิลปินสาวชาวสวิสรายนี้ได้ให้เหตุผลว่า การที่เธอออกมาแสดงศิลปะแปลกๆ แบบนี้ไม่ใช่การทำแบบไร้จุดประสงค์ แต่เธอทำเพื่อเป็นการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ถึงสิทธิสตรีที่ไม่ควรถูกละเมิด Moire ได้เดินทางไปทั่วยุโรปเพื่อแสดงงานศิลปะแบบนี้อยู่หลายแห่ง แต่ดูเธอจะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนบางกลุ่มล่ะ   เพราะเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่าศิลปินสาวรายนี้เธอทางไปจัดแสดงศิลปะ “กล่องกระจก” ที่จัตุรัสทราฟัลการ์ ณ กรุ่งลอนดอน แต่กลับมีคนบางกลุ่มมองว่ามันเป็นศิลปะที่ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ จึงได้โทรแจ้งตำรวจให้เข้ามาจับกุมเธอไปยังสถานีตำรวจ   ลุงๆ ยิ้มกรุ้มกริ่มเชียวนะ .   มีสเปรย์ทำความสะอาดให้ด้วยนะ  …

นาย Michal Huniewicz ผู้มีถิ่นฐานอยู่ในอังกฤษ มีอาชีพเป็นนักออกแบบซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ เขาเป็นช่างภาพอีกคนหนึ่งที่ได้เข้าในประเทศเกาหลีเหนือแล้วถ่ายภาพวิถีชีวิตของคนที่นั่นออกมาให้คนภายนอกได้เห็นกัน การเดินทางครั้งนี้ของนาย Huniewicz ไม่ได้ไปคนเดียว แต่ยังมีกลุ่มผู้ติดตามเขาไปด้วยจำนวนหนึ่ง ภาพที่ได้มานั้นมีทั้งภาพซุปเปอร์มาร์เก็ต ภาพจากโรงแรมที่เขาไปพัก หรือชีวิตตามท้องถนนก็มีให้เห็นกัน ลองไปชมกันเลย   นี่คือภาพบรรยากาศของตลาดสดในเกาหลีเหนือ ประเทศแห่งความลึกลับและขึ้นชื่อเรื่องการริดรอนสิทธิ์   เราไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพแม่ไปเดินซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต พนักงานโรงแรมเช็คอินให้กับแขกที่มาเข้าพัก หรืออาชีพต่างๆ แบบคนโลกตะวันตกเขาทำกัน แต่เราก็ได้เห็น   ตามบันทึกของนาย Huniewicz เขาได้นั่งรถไปทั่วกรุงเปียงยาง และสังเกตเห็นว่าเมืองนี้มันช่างสวยงามราวกับตู้โชว์สำหรับผู้มาเยือนเลย คนขับรถชาวเกาหลีนั้น พอคิดว่าที่ไหนสวยงามน่าชม ก็จะขับช้าๆ แต่พอผ่านบางจุดที่เริ่มดูไม่ดี สังเกตได้ว่าเขาขับเร็วขึ้น   ตามข้อตกลง เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ลงไปเดินตามที่ต่างๆ (นั่งอยู่แค่ในรถตลอดเวลา) เขาได้เห็นเมืองในมุมต่างๆ ที่พวกเขาอยากให้เห็น และนานเท่าที่เขาอยากจะให้ดู พวกเขาขับรถวนที่ตัวเมืองรอบแล้วรอบเล่าเพื่อให้ดูเฉพาะเพียงมุมเมืองอันสวยงามเท่านั้น   “สาวเสิร์ฟคนนี้ดูจะเกรงกลัวหน่อยๆ นี่คือคืนแรกที่เราได้นอนในเกาหลีเหนือ เรากินอาหารเย็นในชั้นใต้ดินของโรงแรม ถกเถียงกันว่าในห้องมีเครื่องดักฟังหรือเปล่า หรือมีใครที่เราพอจะไว้วางใจได้บ้างไหม?” กลุ่มผู้ติดตามของนาย Huniewicz กล่าว   ตามท้องถนนจะมีทหารมาคอยยืนอยู่เนืองๆ เพื่อมอบหมายงานให้ประชาชนทำ จะได้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ออกนอกลู่นอกทางที่พวกเขากำหนดเอาไว้   หลังจากที่ได้ไปเยือนเกาหลีเหนือมาแล้วเขาก็ตระหนักได้ว่า นี่เป็นเพียงภาพส่วนหนึ่งที่ได้เห็นเท่านั้น เขารู้สึกว่ามีม่านบางอย่างที่ปิดกั้นระหว่างเขาและชาวเกาหลีเหนืออยู่ตลอดเวลา .   และนี่คือด้านหนึ่งของประเทศที่เรารู้จักในนาม “เกาหลีเหนือ”…