นักศึกษาถูกขโมย iPhone เลยวางแผนให้ขโมยอีกรอบ ติดตามพฤติกรรมเขา สร้างเป็นสารคดี!!

ปัญหาการลักขโมยโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งที่หลายๆ คนเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะสูญเสียทรัพย์สินที่มีค่าแล้ว บางครั้งในโทรศัพท์เหล่านั้นยังมีข้อมูล รูปภาพ หรือเบอร์โทรต่างๆ ที่อาจหาไม่ได้อีกแล้วที่ไหนบนโลก

Anthony van der Meer นักศึกษาวิชาการถ่ายภาพยนตร์คนนี้ก็เช่นกัน เขาเพิ่งถูกโจรขโมยโทรศัพท์ iPhone ไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สิ่งที่เขากังวลที่สุดไม่ใช่เรื่องมูลค่าของโทรศัพท์เครื่องนี้ แต่ในนั้นมีข้อมูล วีดีโอ รูปภาพสำคัญๆ มากมาย

เขาจึงทำการทดลองบางอย่างขึ้นมา เพื่อตอบคำถามว่า “คนแบบไหนถึงขโมยโทรศัพท์ของคนอื่น และโทรศัพท์ของเราสุดท้ายไปจบลงที่ไหน”

 

 

วิธีการของเขาก็ง่ายๆ โดยเขาได้ดัดแปลงโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่ง ให้มีแอปพลิเคชั่น Cerberusที่สามารถตามแกะรอยและเก็บข้อมูลทุกๆ อย่างจากโทรศัพท์เครื่องนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วีดีโอ หรือแม้กระทั่งดักฟังเสียงสนทนาก็ยังได้

ซึ่งแอปดังกล่าวเป็นสปายแวร์ (เป็นอันตรายต่อเครื่อง) จะถูกฝังลงในเครื่องอย่างถาวรและไม่สามารถลบออกได้ แม้จะฟอร์แมตเครื่องก็ตาม

 

 

จากนั้นเขาก็นำโทรศัพท์ไปวางล่อโจรในที่สาธารณะ สุดท้ายโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวก็ถูกขโมยไปในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแห่งหนึ่ง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

 

เขาได้เริ่มแกะรอยและติดตามโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว ซึ่งเขาพบว่าโจรคนดังกล่าวไม่ได้เก่งเทคโนโลยีซักเท่าไหร่ มีการเปิดซิมการ์ดอันใหม่เพื่อใช้งาน แต่ไม่ได้ลบข้อมูลต่างๆ ในเครื่องทิ้ง

นอกจากนี้ ยังมีการใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปและโทรเข้าโทรออก เหมือนกับเป็นโทรศัพท์ของตนเอง จนสุดท้ายเขาสามารถแกะรอย ติดตามพฤติกรรม และได้พบกับคนร้ายที่ขโมยโทรศัพท์ของเขาไป

.

.

 

ซึ่งภายหลัง van der Meer ได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาทำเป็นหนังสั้นสารคดีที่ชื่อว่า “Find my Phone” จนตอนนี้มีผู้ชมแล้วกว่า 2.4 ล้านคน

บอกเลยว่าเป็นสารคดีที่น่าสนใจมากๆ เรื่องหนึ่งเลย บทสรุปจะเป็นยังไง โจรจะถูกจับหรือไม่ แล้วเขาได้โทรศัพท์คืนหรือเปล่า ไปชมกันที่คลิปด้านล่างได้เลย มีซับไตเติ้ลเรียบร้อย และเราไม่อยากจะสปอยล์หรอก

 

 

กลายเป็นว่าแม้จะผิดหวังที่คนเอาไป ดูท่าทางเป็นโจรและนักเลงกว่าที่คิด แต่ด้วยความผูกพันธ์ไปแล้ว เลยไม่อยากจับเขาเข้าคุก ปล่อยให้มือถือเครื่องนั้นถือว่าเป็นการทดลองอันล้ำค่าไปแทน…

ที่มา Anthony van der Meer

Comments

Leave a Reply