Category: ข่าวคราวรอบโลก
-
หนุ่มอินโด สร้างแอปฯ หาคู่ ที่จะช่วยให้หนุ่มๆ สามารถหาภรรยาคนที่สองหรือสามเพิ่มได้
เมื่อพูดถึงการมีคู่ครองนั้น เราก็จะมีจิตใต้สำนึกปกติที่ว่าควรจะมีคนรักเพียงแค่คนเดียวเพียงเท่านั้น แต่ทว่าบนโลกนี้ก็ยังมีคู่รักอีกมากมายที่ไม่อยากหยุดที่การมีภรรยาแค่คนเดียว แต่กลับมีคนที่สองหรือสามเพิ่มเข้ามา… ด้วยเหตุนี้ Lindu Pranayama หนุ่มชาวอินโดที่ชื่นชอบท่องเว็บไซต์หาคู่เป็นประจำ ก็พบว่าชาวอินโดมักจะต้องการหาคู่ครองคนที่สองและสามเป็นจำนวนมาก แต่เขาสังเกตเห็นว่ามันไม่มีหมวดการหาคู่ประเภทนี้เป็นกิจลักษณะ Lindu ก็เลยคิดว่าเขาจะต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้ให้ได้ก่อนใคร เขาจึงจัดการสร้างแอปหาคู่ที่ชูจุดเด่นในด้านการหาคู่ครองคนที่สองสามสี่ โดยเขาใช้ชื่อว่าแอปว่า AyoPoligami หรือให้แปลตรงตัวก็คือ มามีคู่ครองหลายคนกันเถอะ นั่นเอง หลายคนอาจจะมองว่ามันแปลกทำไมต้องมีภรรยาหลายคน หรือมันไม่ผิดเหรอ คำตอบคือมันไม่ผิดเลย เพราะในอินโดนีเซียนั้นนับประชากรกว่า 80% เป็นชาวมุสลิม ซึ่งทำให้การมีคู่ครองหลายคนจึงเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย แต่ก็มีเงื่อนไขที่เยอะพอสมควรเลยนะ โดยการจะแต่งงานภรรยาคนที่สองจะต้องได้รับการยินยอมจากคู่ครองคนแรกเสียก่อน จากนั้นก็ต้องไปร้องขอต่อศาล ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมาจาภรรยาคนแรกมีสุขภาพที่ไม่ดี พิการหรือไม่สามารถมีบุตรได้ จึงทำให้ต้องมีคนที่สองหรือสามต่อมา ด้วยเหตุนี้ตัวแอป AyoPoligami จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ตอนนี้มีคนดาวน์โหลดมาใช้แล้วมากเกือบ 40,000 ครั้ง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะส่วนใหญ่ที่สมัครเข้ามามักจะเป็นไอดีปลอมๆ ที่โกหกว่าได้รับการยืนยันให้มีคู่ครองเพิ่ม ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วยังไม่ได้การยินยอมเลย ด้าน Lindu ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตอนนี้เขาได้ปิดระบบสมัครสมาชิกไว้ชั่วคราวแล้ว และเขาบอกว่าเขากำลังคิดระบบที่จะให้ผู้สมัครหาคู่เพิ่มได้รับการยินยอมจากคู่ครองก่อนจึงจะสมัครได้ ส่วนด้านตัว Lindu เองก็เป็นชายโสดที่พึ่งจะมีภรรยาจากแอปของเขาเองเช่นกัน และด้วยแอปนี้ก็จะทำให้เขาสามารถหาคู่ครองเพิ่มได้ในอนาคต เรียกว่าได้ภรรยาจากแอปนี้ก็เท่ากับได้รับการยินยอมไปแล้วครึ่งหนึ่งสินะเนี่ย ที่มา odditycentral
-
15 เรื่องจริงเกี่ยวกับ “เซ็กส์” ในประวัติศาสตร์ ที่ครูคงไม่ยอมสอนคุณในโรงเรียนแน่ๆ!!
ดูเหมือนว่าเรื่องเพศสัมพันธ์ จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างถูกปิดกั้นพอสมควรในบ้านเรา และมันก็มีข้อมูลอยู่ไม่กี่อย่างเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ที่เราได้เรียนรู้มาจากห้องเรียน และครั้งนี้เราจะขอทำตัวเป็นกูรูผู้มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เซ็กส์กันบ้าง และทั้งหมดนี้คือ 15 Facts ที่เคยเกิดขึ้นจริงเกี่ยวกับมนุษยชาติของเรา ซึ่งเรามั่นใจเลยว่า… เรื่องพวกนี้เค้าไม่สอนกันในห้องเรียนแน่ๆ 1. ศตวรรษที่ 18 จักรพรรดินี Catherine แห่งรัสเซีย ต้องจ้างคนเกาเท้าเพื่อบำเรอกาม ไม่ใช่แค่จักรพรรดินีเท่านั้น แต่เป็นเทรนด์ของชนชั้นสูงในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ ที่มักจะมีการจ้างตำแหน่ง ‘คนเกาเท้า’ ที่มักจะเป็นเพศตรงข้ามให้มาบำเรอความสุขด้วยการ… เกาเท้าให้เกิดอาการจักกะจี้ สร้างเสียงหัวเราะ และระบายเรื่องในใจให้แก่กัน (ซึ่งจะมีเซ็กส์มั้ยก็แล้วแต่จะตกลงกันอีกที) 2. ห่วงรัดกระปู๋ในยุคแรกถูกทำมาจากขนตาของแพะ เป็นหนึ่งในนวัตกรรมท่านชายที่ได้รับความนิยมสูงในช่วงราชวงศ์ชิง ซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ท่านชายทั้งหลายสามารถร่วมรักได้นานขึ้นนั่นเอง 3. ดิลโด้ยุคแรกถูกทำมาจากหิน..!! ภาพของดิลโด้หินที่คุณเห็นอยู่นี้ เป็นภาพของดิลโด้ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมา มันถูกพบทีถ้ำ Hohle Fels ในประเทศเยอรมนี และมีอายุอานามนานกว่า 28,000 ปี เห็นแค่นี้ก็ไม่อยากจะนึกเลยว่าคนสมัยก่อนต้องแข็งแกร่งกันขนาดไหน 4. ‘Petting Parties’ หรืองานชุมนุมนัดหนุ่มสาวมาคลอเคลียกัน ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงปี 1920s นับว่าเป็นอีกหนึ่งช่วงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในยุคนั้น เมื่อคนรุ่นใหม่เริ่มไม่เชื่อฟังขนบธรรมเนียมเดิมของผู้ใหญ่หัวโบราณ การจัดงานชุมนุมประเภท ‘Petting…
-
หญิงสาวเปิดเผยภาพ “เรือนร่างอันบอบช้ำ” ของตัวเอง หลังจากที่ต้องตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
**บทความอาจมีภาพหรือเนื้อหาที่มีความรุนแรง** แม้ยุคสมัยจะผ่านไปนานแค่ไหน ปัญหาการค้ามนุษย์ก็ยังคงตามติดมนุษยชาติกันมานานเป็นร้อยเป็นพันปี จนล่าสุดก็มีหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ได้ออกมาแสดงถึงผลร้ายที่เกิดขึ้นกับเธอ หลังจากที่เธอต้องตกไปอยู่ในวงเวียนของการค้ามนุษย์เป็นเวลานาน เธอคนนี้เป็นหญิงชาวบัลแกเรียวัย 20 ปีซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ โดยเธอนั้นถูกคนร้ายจับตัวไปและบังคับให้ตนต้องเข้าสู่กระบวนการค้าประเวณี และทุกครั้งที่เธอพยายามหนีออกมา เธอจะต้องถูกทำร้ายตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงจนเกือบตายเลยก็มี สภาพของหญิงสาวคนดังกล่าว Norbert Ceipek นายแพทย์ผู้เปิดคลีนิคอยู่ในประเทศบัลแกเรียเพื่อคอยช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ เป็นคนที่รับเรื่องและดูแลเหยื่อเคราะห์ร้ายคนนี้ โดยเขาเล่าว่าเธอถูกนำมาทิ้งไว้หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในบัลแกเรียจึงรอดมาได้ เธอเล่าว่าเธอได้รู้จักกับชายคนหนึ่งที่สัญญาว่าจะช่วยเหลือเธอ พร้อมพาไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่ความจริงไม่เป็นแบบนั้น เมื่อเธอเดินทางไปถึงเธอกลับต้องเดินบนถนนพร้อมกับหญิงที่ถูกพามาค้าประเวณีอีกสามคน แน่นอนว่าเธอไม่ยอมที่จะตกเป็นเหยื่อ ทว่าเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้และถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนักนาน 8 เดือนเต็ม จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้โอกาสกลับมายังประเทศเกิดของเธอ เธอตัดสินใจที่จะหนีออกมาในช่วงเวลานั้น แต่โชคไม่เข้าข้าง เธอถูกจับได้และโดนซ้อมอย่างหนักจนสภาพใกล้ตาย สุดท้ายเธอก็มาจบลงตรงที่หน้าโรงพยาบาลเพราะชายคนดังกล่าวนำเธอมาทิ้งไว้ . โชคยังดีที่เวลาต่อมาเธอได้รับการช่วยเหลือ และชายคนดังกล่าวก็ถูกจับ ทว่าการจะรักษาแผลทั้งหมดของเธอนั้นต้องใช้เงินจำนวนมาก เงินบริจาคที่ Norbert ก็คงไม่เพียงพอ เขาก็ได้แต่หวังว่าจะมีเงินสนับสนุนจากรัฐที่มากขึ้น รวมถึงเงินบริจาคที่เยอะขึ้นเพื่อเพียงพอต่อการทำศัลยกรรมให้เหยื่อค้าบริการทุกคนนั่นเอง… ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาองค์กร International Labor Organization (ILO) และ Walk Free Foundation ได้รายงานว่า…
-
ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งแค่ภาพเดียว เป็นกระแสร้อนทั่วโลกออนไลน์ ชาวเน็ตถามถึงความเหมาะสม!?
ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเรื่องผิดหากคู่รักจะแสดงความรักต่อกันในระหว่างถ่ายพรีเวดดิ้ง แต่การแสดงออกมากน้อยแค่ไหนต้องดูกาลเทศะเพื่อความเหมาะสมด้วย อย่างภาพพรีเวดดิ้งของคู่รักคู่นี้ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลกออนไลน์ เป็นภาพขณะที่เจ้าสาวคุกเข่าแล้วทำท่าเหมือนกำลังมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มกลางป่า ไม่ว่าภาพดังกล่าวนี้จะเป็นการจงใจถ่ายหรือถูกแอบถ่าย แต่เมื่อมันถูกโพสต์ในเฟซบุ๊กแล้ว มีชาวเน็ตให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยมีการแชร์ต่อนับพันครั้ง แคปชั่นประกอบภาพเขียนไว้ว่า “คู่บ่าวสาวที่ไม่อาจรอจนงานเลิกได้ พวกเขาแอบออกไปสวีทกันในที่เงียบๆ โชคดีที่ทั้งคู่ได้กล่าวคำมั่นสัญญาต่อกันแล้ว จึงถือว่าได้แต่งงานอย่างเป็นทางการแล้ว” Michel Klooster ช่างภาพที่ถ่ายภาพดังกล่าวบอกว่า “จริงๆ แล้ว ภาพนี้เป็นไอเดียของแม่ใครสักคนในทั้งสองคนนี้ โดยมีเจตนาเพื่อความสนุกเท่านั้น” ช่างภาพยังบอกอีกว่าทั้งคู่จัดงานแต่งอย่างเรียบง่าย ไม่เป็นทางการ ซึ่งครอบครัวของพวกเขาก็เปี่ยมด้วยความสุข ดังนั้นอะไรที่ทำให้พวกเขามีความสุข ช่างภาพก็ทำให้ แม้คู่รักและครอบครัวจะทำเพราะความสนุก แต่ดูเหมือนชาวเน็ตบางส่วนเห็นว่าไม่เหมาะสม และทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันจำนวนมาก ฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นภาพตลกตรงไหนเลย ถ้าเป็นฉันนะจะเก็บไว้ให้มิด แล้วเอาไว้ดูกันแค่คนในครอบครัวก็พอ พวกรสนิยมต่ำ พวกเขาต้องเสียใจมากแน่ๆ ถ้าหย่ากัน นี่เป็นพฤติกรรมที่หยาบคายและน่ารังเกียจมาก ไม่คำนึงถึงความเหมาะสมเลย อีก 5 ปี ข้างหน้า มนุษย์คงเดินแก้ผ้าในที่สาธารณะกันเป็นเรื่องปกติละมั้ง หรืออาจจะมีเพศสัมพันธ์ในที่สาธารณะแบบไม่รู้สึกอาย อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตอีกจำนวนหนึ่งที่มองว่าภาพดังกล่าวเป็นการการโพสต์ท่าขำๆ เท่านั้น และพวกเขาคงไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ ตรงนั้น ทำไมต้องคิดว่าพวกเขากำลังมีอะไรกัน เจ้าสาวอาจจะแค่หาของลับเจ้าบ่าวไม่เจอ…
-
15 เรื่องจริงที่คุณอาจไม่เชื่อว่ามันคือความจริง!? รู้เอาไว้ก็ดีเอาไปโม้กับเพื่อนก็ได้นะ
ในโลกนี้มีหลายเรื่องให้เราประหลาดใจอยู่เสมอ บางเรื่องแทบจะไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นจริงด้วยซ้ำ เหมือนกับ 16 เรื่องต่อไปนี้ที่รวบรวมโดยเว็บไซต์ Brightside 1. แมลงสาบสามารถอยู่ได้โดยไม่มีหัวเป็นเวลาหลายสัปดาห์ พวกมันจะตายต่อเมื่อทนความหิวไม่ได้ 2. ผู้หญิงจะใช้เวลาไดเอทโดยเฉลี่ย 17 ปี 3. ในแต่ละสัปดาห์ มนุษย์จะนั่งส้วมนานกว่าออกกำลังกาย และตลอดชีวิตมนุษย์จะนั่งส้วมประมาณ 1.4 ปี 4. มีช้างแมมมอธจำนวนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ระหว่างที่มีการสร้างปีรามิดของอียิปต์ 5. ผึ้งสามารถต่อยผึ้งตัวอื่นที่มาจากที่อื่นได้ เพื่อปกป้องอาณาเขตของตัวเอง 6. เครื่องหยอดเหรียญสามารถฆ่าคนได้มากกว่าปลาฉลามซะอีก ในสหรัฐอเมริกาจะมีคนตายด้วยเครื่องหยอดเหรียญอย่างน้อย 2 คนต่อปี เพราะพวกเขาพยายามเอียงตู้หรือทำบางอย่างกับตู้ด้วยวิธีที่ผิดๆ 7. อาหารบนเครื่องบินจะมีรสชาติแย่ลง เนื่องจากความดันกลางอากาศจะต่ำและความมีความชื้นต่ำเช่นกัน 8. ช่วงประมาณ 4 ขวบ เด็กจะตั้งคำถามเกือบ 400 ครั้ง ต่อวัน 9. คลีโอพัตราอยู่ใกล้กับช่วงเวลาที่คนขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์มากกว่าการสร้างพีระมิด มหาพีระมิดแห่งกิซา สร้างขึ้นเมื่อ 2,600 ปีก่อนคริสตศักราช…
-
หญิงสาวถูกระบุว่า ‘ตาย’ จากความผิดพลาดของคอมพิวเตอร์ จนต้องพิสูจน์ตัวเองให้โลกเห็น!!
เทคโนโลยีเปรียบเสมือนเหรียญสองด้านที่มีด้านดีและไม่ดี จริงอยู่ที่มันทำให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกสบาย แต่หากมีการผิดพลาดขึ้นมาก็อาจทำให้เราเดือดร้อนไปด้วย เหมือนกับ Juana Escudero หญิงวัย 52 ปี ที่อยู่ดีๆ ก็ถูกตัดสินว่าตาย ทั้งๆ ที่เธอยังมีชีวิต นำไปสู่การพิสูจน์ตัวเองให้โลกเห็นนานถึง 7 ปี เรื่องราวความวุ่นวายนี้เกิดขึ้นเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งที่มีชื่อและวันเกิดตรงกับ Juana เสียชีวิตลงในเมืองมาลาก้า ประเทศสเปน แต่ด้วยความผิดพลาดของคอมพิวเตอร์ ทำให้ Juana ถูกระบุว่าเป็นบุคคลที่เสียชีวิต จนไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างคนมีชีวิตได้ เช่น ต่อใบขับขี่ไม่ได้ หมอไม่สามารถออกใบนัดให้ได้ และอื่นๆ อีกหลายเรื่อง Juana รู้สึกหมดหวังกับชีวิต เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ แม้กระทั่งการไปขุดหลุมศพที่อ้างว่าเป็นของเธอ เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่ได้ถูกฝังอยู่ที่นั่น ตอนแรกหญิงสาวและครอบครัวที่อาศัยอยู่ที่ Alcalá de Guadaíra ใกล้กับเมืองเซบีย่า คิดว่ามันเป็นแค่การเข้าใจผิด และมองว่าเป็นเรื่องตลกมากกว่า แต่ไม่นานหลังจากนั้นทุกคนก็ยิ้มไม่ออกอีกต่อไป เพราะเธอไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ Juana รู้ว่าตัวเองถูกระบุว่าตายครั้งแรกเมื่อตอนไปที่ไปหาหมอตามนัดเมื่อ 7 ปีที่แล้ว แต่โชคดีที่หมอคนนั้นจำคนไข้ตัวเองได้…
-
ผู้เชี่ยวชาญแนะ “วิธีเอาตัวรอด” ที่ดีที่สุด หากคุณบังเอิญตกอยู่ใน “เหตุกราดยิง”
เมื่อไม่กี่วันนี้เราคงได้ยินข่าวเหตุการณ์กราดยิงฝูงชนที่งานเทศการดนตรีในลาสเวกัส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตนับสิบรายและบาดเจ็บอีกนับร้อย Gun Runnerz หนึ่งในช่องยูทูบที่มักจะนำเสนอเรื่องปืนบอกว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีผู้คนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เพราะผู้คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าเองจะตกเป็นเป้าหมายของมือปืน จึงไม่มีการป้องกันตัวเองเท่าที่ควร ด้วยเหตุนี้เขาจึงอัพโหลดวิดีโอในช่องยูทูบของเขา เพื่อแนะนำวิธีการเอาตัวรอดหากตกอยู่ในเหตุการณ์กราดยิง เขาบอกว่า “เห็นได้ชัดว่าผู้คนที่อยู่ในคลิปที่ลาสเวกัสไม่เข้าใจเสียงปืน และไม่รู้ด้วยว่าปืนกำลังเล็งมาที่พวกเขา ในฐานะที่ผมได้เรียนการยิงปืนและชำนาญในด้านนี้พอสมควร จึงเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะสอนคุณให้เข้าใจเสียงปืน เพื่อนำไปสู่การเอาตัวรอด” “สิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้คือ พวกเขาใช้ปืนชนิดไหน และคนยิงอยู่ห่างออกไปไกลแค่ไหน” เพื่อทำความเข้าใจง่ายขึ้น เราจะแบ่งกระสุนออกเป็น 2 ประเภทคือ Supersonic และ Subsonic ซึ่งทั้งสองชนิดจะมีเสียงที่แตกต่างกัน กระสุน Supersonic มักจะใช้กับปืนยาว เมื่อถูกใช้งาน เสียงแรกที่คุณจะได้ยินคือเสียงคล้ายกับการหักนิ้วหัวแม่มือ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่แตกต่างกัน 3 เสียงคือ เสียงกระทบกับวัตถุหรือเมื่อยิงถูกคน จากนั้นก็จะได้ยินเหมือนเสียงตกกระทบพื้น ต่อเสียงคล้ายกับคอนกรีตแตก นั่นหมายความหากคุณอยู่ในเหตุการณ์กราดยิง สิ่งแรกเลยคือต้องมีสติและคอยฟังเสียงคล้ายการหักนิ้วแม่มือ จากนั้นก็รีบมองหาต้นเสียง จากนั้นก็พยายามหาที่กำบังที่สามารถป้องกันคุณจากกระสุนปืนได้ (มือปืนของจริงไม่ได้ยิงแม่นแบบในเกมหรอกนะ) ในสถานการณ์จริง แม้คุณจะแยกแยะเสียงปืนได้ แต่มันอาจจะยากตรงการได้ยิน เนื่องจากมีเสียงผู้คนร้องเอะอะแทรกขึ้นมาจนทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าปืนยิงมาจากทิศทางไหน ลองไปชมคลิปกันดีกว่าว่าเราต้องทำยังไงบ้าง หากเพื่อนๆ สนใจเรื่องนี้สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ช่องยูทูบ Gun…
-
เปิดประวัติศาสตร์ 40 ภาพสีหายาก “ประเทศญี่ปุ่น” ในยุค 1940 หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังจากที่ญี่ปุ่นยอมจำนนในสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้ประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากประเทศจักรวรรดิภายใต้จักรพรรดิไปสู่ประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตยและปลอดทหาร ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ต้องอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังหลังสิ้นสุดสงคราม เนื่องจากถูกโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดปรมาณูในฮิโรชิมาและนางาซากิ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของประเทศได้กลับมาฟื้นตัวและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในปี 1964 ที่โตเกียวเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก นอกจากนี้ญี่ปุ่นได้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับบใหม่ขึ้นและสานสัมพันธ์กับสหรัฐฯ โดยมีข้อตกลงร่วมกันในเรื่องการใช้กำลังทหาร และนี่คือภาพสีหายากของญี่ปุ่น ที่ถ่ายโดยชาวอเมริกันจากหน่วยข่าวกรอง Counter Intelligence ที่ประจำการอยู่ในเมืองคุมะโมโตะ ระหว่างที่อเมริกายึดครองญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…
-
16 ความดีงามในประเทศญี่ปุ่น ที่มีความสร้างสรรค์จนอยากให้มีในทุกประเทศบนโลกนี้
ญี่ปุ่นนอกจากจะมีภูมิประเทศที่สวยงาม วัฒนธรรมที่หลากหลายเหมาะกับการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีเทคโนโลยีแปลกใหม่ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ และนี่คือ 16 เทคโนโลยีสุดสร้างสรรค์จากญี่ปุ่น ที่ผู้คนทั่วโลกอยากให้มีในประเทศตัวเองด้วยเช่นกัน 1. มีปั๊มน้ำมันที่ไม่เหมือนใคร ปั๊มน้ำมันในญี่ปุ่น สายจ่ายน้ำมันจะห้อยลงมาจากด้านบน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนผู้ขับขี่ที่ไม่สามารถจอดรถให้ฝาน้ำมันอยู่ทางเดียวกับหัวจ่ายน้ำมันได้ 2. เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเวลามาก จนมีการคิดค้นเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เพื่อประหยัดเวลาในการซื้อสินค้าที่ทั้งสะดวกและรวดเร็ว 3. ที่จอดรถในพื้นที่จำกัด ญี่ปุ่นมีประชากร 127 ล้านคน ดังนั้นการจัดการเรื่องพื้นที่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยหนึ่งในนั้นคือการทำที่จอดรถสองชั้นในพื้นที่แคบๆ เช่นนี้ 4. เครื่องดื่มกระป๋องสำหรับคนตาบอด ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับคนที่ไม่สามารถมองเห็น ด้วยการทำเครื่องดื่มกระป๋องที่มีอักษรเบลล์อยู่ด้านบน เพื่อให้รู้ว่ามันคือเครื่องดื่มชนิดไหน 5. เก้าอี้พร้อมที่แขวนกระเป๋า หลายครั้งที่คุณเอากระเป๋าหรือถุงห้อยกับเก้าอี้ แล้วมันก็ร่วงลงมา มันอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่ญี่ปุ่นรู้มันทำให้เราหงุดหงิดได้ ก็เลยสร้างเก้าอี้พร้อมที่แขวนกระเป๋า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ 6. รถไฟพร้อมสปาเท้า นี่เป็นบริการที่คุณจะไม่ได้เห็นจากที่อื่นแน่นอน เพราะมีเฉพาะในญี่ปุ่น แต่เป็นรถไฟขบวนพิเศษที่มาพร้อมอ้างน้ำร้อนให้คุณแช่เท้าระหว่างเดินทาง เป็นการช่วยกำจัดความเครียดบางส่วนในชีวิตประจำวันได้ดีเลยล่ะ 7. มีทิชชู่แจกฟรีบนถนน เมื่อคุณรู้สึกเนื้อตัวเปื้อนหรือสกปรกขณะที่อยู่ข้างนอก ไม่ต้องวิ่งเข้าไปซื้อทิชชู่ในร้านให้เสียเวลา เพราะมีทิชชู่แจกฟรีบริการอยู่ตามถนน…
-
คุณยายวัย 90 ปี เปลี่ยนหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านให้กลายเป็นแกลลอรี่โชว์ผลงานศิลปะของเธอ
การจะทำให้บ้านเกิดเมืองนอนของเราดูน่าอยู่ยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอันทันสมัยเสมอไป หากเรารู้จักเทคนิคศิลปะเพียงเล็กน้อย เหมือนกับ Anežka (Agnes) Kašpárková หญิงชราวัย 90 ปี ชาวเมือง Louka ในสาธารณรัฐเช็ก ที่มีเป้าหมายจะเปลี่ยนผนังอาคารทั่วบ้านเกิดของเธอให้เต็มไปด้วยลวดลายดอกไม้ ใบหญ้า เพื่อให้บ้านเมืองดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น Agnes ไม่ได้เป็นศิลปินตั้งแต่แรก แต่เธอเป็นอดีตเกษตรกรที่ชอบวาดรูปเป็นงานอดิเรก ดังนั้นตั้งแต่เกษียณมา เธอก็ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการวาดรูปตามผนังอาคารในหมู่บ้าน หญิงชราไม่ได้ใช้เทคนิคที่ยากอะไรมากมาย เธอใช้เพียงสีน้ำเงินและพู่กันขนาดเล็กสร้างเป็นลวดลายดอกไม้ที่มีความสวยงามและซับซ้อน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากงานศิลปะแบบดั้งเดิมของ Moravian (ทางใต้ของสาธารณรัฐเช็ก) ตอนนี้หญิงชราได้รับการยอมทั้งในท้องถิ่นและบุคคลภายนอกในฐานะศิลปิน แต่เธอบอกว่าไม่ได้หวังมากขนาดนั้น เธอแค่ทำเพราะมีความสุขกับการวาดรูปจริงๆ “ฉันรู้สึกสนุกกับการวาดรูปและอยากทำให้บ้านเมืองน่าอยู่ขึ้น” Agnes กล่าว นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ หากคุณรักที่จะทำสิ่งใดแล้ว ขอแค่ลงมือทำ อย่าให้อายุหรืออะไรก็แล้วแต่มาขัดขวางคุณได้ เท่านี้ก็จะทำให้รู้สึกเหมือนประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว ลายเส้นและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคุณยาย . แม้จะใช้แค่สีน้ำเงินสีเดียว แต่ก็ทำให้ผนังดูสวยงามได้ คุณยายผู้มีความสุขกับการสร้างสรรค์งานศิลปะ . . . . .…
-
รวม 25 การทำลายทรัพย์สินสาธารณะด้วย “ศิลปะ” ที่จะทำให้คุณรู้สึกมีสีสันในชีวิตอีกครั้ง
ถ้าพูดถึงการทำลายทรัพย์สินสาธารณะสมบัติหรือทรัพย์สินที่เป็นของรัฐ ไม่ว่าจะด้วยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ต้องมองว่าเป็นการกระทำที่ผิดอย่างมหันต์ แต่จะเป็นยังไงนะ…ถ้าการทำลายทรัพย์สินสาธารณะสมบัติด้วยวิธีการพ่นสเปรย์ จนเกิดเป็นคำว่า ‘สตรีทอาร์ท’ กลับทำให้เรารู้สึกดีแทนที่จะกลายเป็นความหงุดหงิดใจแทนซะงั้น!? เปลี่ยนต้นไม้จิ๋วๆ บนทางเท้าให้กลายเป็นวันคริสต์มาสของหนู เปลี่ยนป้ายจืดชืดให้ดูมีอะไรซักหน่อย ใครบอกว่านี่เป็นทางเท้าธรรมดาทั่วๆ ไป… ดอกไม้ข้างถนนที่ไม่เคยมีใครเหลียวแลก็กลายมาเป็นงานศิลปะได้ จะโมโหร้ายกันไปถึงไหนห๊าาา ขอไว้อาลัยให้สปอนจ์บ็อบด้วย… บางทีตู้เก่าๆ ที่ถูกลืมก็อาจรู้สึกเหงาได้เหมือนกันนะ อ๊าาาาา…. ตกใจหมดนึกว่าเล่นมุก!! เปลี่ยนท่อแอร์ธรรมดาๆ ให้ดูมีความหมายมากขึ้น ใครบอกว่านี่เป็นพุ่มไม้ นี่เป็นผักโขมของป็อปอายต่างหาก เปลี่ยนซากปรักหักพังให้กลายเป็นงานศิลปะสุดวิเศษ พุ่มดอกไม้ก็ดูเก๋ขึ้นอีกเยอะ ดึงเสน่ห์ของย่านตลาดเก่าในอดีตให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แม้แต่ที่ขั้วโลกเหนือก็อาจมีเรื่องราวที่ชวนให้น่าติดตามมากขึ้น ภาพของหญิงสาวชาวอิตาลี เป็นประตูธรรมดาๆ ที่ดูไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ดึงสีสันและชีวิตให้กลับมาบนท้องถนนอีกครั้ง ภาพของ ฌอง-มิเชล บาสเคียล ศิลปินชาวอเมริกัน เปลี่ยนกำแพงเก่าให้กลายเป็นสถานที่ๆ…
-
หนุ่มนักกล้ามเดือดหลังมีรถจอดขวางหน้าบ้าน เลยลงมือยกออกด้วยมือเปล่าซะเลย!!
ปัญหาเรื่องเพื่อนบ้านเป็นเรื่องที่หลายๆ คนต้องเผชิญ ทั้งเพื่อนบ้านชอบรบกวน เพื่อนบ้านไม่เกรงใจ หรือพฤติกรรมอื่นๆ ที่ทำให้การอยู่ร่วมกันได้อย่างไม่ค่อยสบายใจนัก และมันก็เป็นปัญหาหนึ่งที่น่าปวดหัวมากๆ แต่เรื่องราวของปัญหาเพื่อนบ้านนี้เกิดขึ้นกับ Hakan Acar หรือที่ถูกเรียกว่า Turkish Hulk นักกล้ามหนุ่มอายุ 23 ปีที่พักอาศัยอยู่ในเมืองลูตั้น ประเทศอังกฤษ เมื่อเขากำลังจะไปออกกำลังกายตามปกติ แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เขารู้สึกหัวร้อนอย่างสุดขีด ภรรยาของเขาได้ทะเลาะวิวาทกับป้าข้างบ้านที่ชื่อว่า Abi Mustafa ซึ่งสาเหตุเนื่องมาจากว่าคุณป้าจอดรถขวางทางหน้าบ้านทำให้ไม่สามารถนำรถออกไปข้างนอกได้ นาย Hakan ได้บอกว่า เขามีปัญหากับป้าข้างบ้านมานานหลายเดือนแล้ว เพราะว่าป้าคนนี้ชอบมาจอดรถขวางหน้าบ้านของเขาและครั้งนี้มันทำให้เขาหมดความอดทนซะแล้ว หลังจากที่ทะเลาะกันได้ซักพัก คุณป้าก็ไม่ยอมรับผิดแถมยังด่าเขาอีกด้วย เขาจึงตัดสินใจเข้าไปยกรถของป้าด้วยมือเปล่าแล้วดันมันไปให้พ้นบริเวณบ้าน ถึงแม้ว่ารถจะถูกใส่เบรกมืออยู่ นั่นก็ทำให้นาง Abi โทรหาตำรวจทันทีเพื่อแจ้งจับเขาในข้อหาทำลายทรัพย์สิน ซึ่งนาย Hakan ก็ไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด แถมยังรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่พร้อมกับน้องชายผู้อยู่ในเหตุการณ์อีกด้วย ทันทีที่ตำรวจเดินทางมาถึง ป้า Abi ก็ฟ้องตำรวจทันทีว่านาย Hakan ได้เคลื่อนย้ายรถยนต์ของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งอาจจะมีความเสียหายจากแรงยกอีกด้วย นี่คือคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่นาย Hakan ยกรถของเธอด้วยมือเปล่า…
-
หนุ่มจีนได้แต่งงานสาวยูเครนสุดสวย ก่อตั้ง “สมาคม” ให้หลายๆ คนได้มีแฟนยุโรปเช่นกัน
จะเป็นยังไงถ้าคุณเป็นหนุ่มเอเชียหน้าบ้านๆ แต่อยู่ดีๆ ก็ได้แต่งงานกับสาวตะวันตกหน้าตาสวยงามผมบลอนด์สวย มันคงเป็นอะไรที่เหมือนกับฝันเลยใช่ไหมล่ะ แต่เชื่อไหมว่าหนุ่มจีนคนนี้ทำได้และทำได้ดีด้วย!! Mei Aisi หนุ่มจีนผู้สร้างชื่อจนกลายเป็นคนดังในโลกอินเทอร์เน็ตจีน เมื่อเขาได้แต่งงานกับสาวยูเครนสุดสวย จนใครๆ ก็ต่างพากันอิจฉาเมื่อหลายปีก่อน ต่อมาเขารู้สึกว่าถ้าความนิยมและการเป็นอยู่ของเขามันน่าอิจฉานัก ทำไมไม่กระจายมันไปให้หนุ่มจีนคนอื่นๆ ดูบ้างล่ะ? เขาจึงจัดตั้งบริษัทนัดเดทให้กับสาวยูเครนที่อยากแต่งงานหรือชื่นชอบหนุ่มจีนซะเลย บริษัทนัดเดทของเขานั้นใช้ชื่อว่า Culove Dating Club โดยที่นี่จะทำหน้าที่ในการหาสาวๆ ที่อยากฝึกภาษาจีนและอยากออกเดทไม่ก็แต่งงานกับชาวจีนมารวมกันไว้ เมื่อรวมเข้ากับชื่อเสียงและเส้นสายของเขาจึงทำให้หาลูกค้าชาวจีนไม่ยาก สมาชิกสาวยูเครนที่พร้อมจะออกเดทกกับหนุ่มจีนเพียบ แต่สำหรับหญิงสาวชาวยูเครนนั้น Mei จะมอบหน้าที่ให้กับ Alona น้องของภรรยาที่ทำหน้าที่เป็นแมวมองออกไปถามหญิงสาวตามท้องถนนว่า พวกเธออยากจะลองเดทหรือแต่งงานกับหนุ่มจีนดูบ้างไหม ถ้าพวกเธอตอบตกลงก็จะได้เข้าคอร์สเรียนภาษาจีน พร้อมกับเรียนรู้วัฒนธรรมจีนนั่นเอง Alona ผู้ทำหน้าที่แมวมองให้กับบริษัท อย่างเธอคนนี้ก็พึ่งอายุ 20 ยังสวยเอ๊าะๆ อยู่เลยนะ พวกเธอต่างอยากลองเดทกับหนุ่มจีนดู โดยแต่ละคนก็มีเหตุผลแตกต่างกันไป เมื่อตกลงเข้าร่วม ก็จะได้เรียนภาษาเรียนนั้นนี้เกี่ยวกับจีน ยังไงธุรกิจของเขาก็ดูเหมือนจะกำลังไปได้สวย เพราะมีหญิงสาวชาวยูเครนสวยๆ สนใจเพียบ งานนี้ก็ดูกันว่าเขาจะทำให้บริษัทเติบโตไปได้ขนาดไหนนั่นเอง…
-
ช่างภาพตามถ่าย 20 ภาพห้องนอนของชาวอเมริกัน สะท้อนวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไป
ทุกคนไม่ว่าจะจากที่ใดบนโลกใบนี้ ต่างก็มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่สามารถแสดงออกได้จากบุคลิก การแต่งตัว การใช้สิ่งของ และการตกแต่งบ้านต่างๆ นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้ Barbara Peacock ซึ่งเป็นนักถ่ายภาพโฆษณา ที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งในอเมริกา รู้สึกสนใจในความต่างของผู้คน เธอจึงสร้างโปรเจกภาพถ่ายใหม่ของเธอขึ้นมา โดยโปรเจกดังกล่าวที่เกิดขึ้นคือ ความต้องการที่จะถ่ายภาพความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เผยให้เห็นถึงวิถีชีวิตในมุมต่างๆ ทั้งในมุมที่หลบซ่อนและในมุมที่เปิดเผย ซึ่งผู้คนในภาพมาจากหลากหลายสถานะ บางคนเป็นเพื่อนของเธอ บางคนเป็นเพียงคนแปลกหน้า ที่เธอเชิญชวนให้เข้ามาร่วมโปรเจคของเธอด้วย จากช่องทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางโซเชียลมีเดีย หรือการ์ดที่ทิ้งไว้ตามร้านค้าท้องถิ่นภายในเมือง Portland รัฐ Oregon ที่เธออาศัยอยู่นั่นเอง จนในที่สุดผลงานของเธอก็พร้อมเผยแพร่ในโลกออนไลน์ อย่างเช่นภาพเหล่านี้… ไลฟ์สไตล์คันทรี่ซึ่งเป็นรากฐานของชาวอเมริกัน คู่รักที่อยู่ในอารมณ์หลับสบายในยามเช้า ชายชรากับแมวตัวหนึ่งในรถบ้านแนววินเทจของเขา คนป่วยที่ต้องการคนดูแล ครอบครัวที่ใช้เวลาด้วยกันในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ชีวิตแสนเหงาของชายโสดที่อาศัยอยู่แมวอีกตัวหนึ่ง ฮิปปี้สาวที่กำลังสูบบุหรี่ตัวแรกหลังจากตื่นนอน เด็กผู้หญิงผู้รักตุ๊กตาที่มีโลกอันสดใสเป็นของตัวเอง เขียนไดอารี่เพื่อเตือนตัวเองในแต่ละวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มผู้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเมื่ออยู่ในโลกของเขา คู่ชีวิตที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานานจนเกิดความเคยชินจนลืมความเขินอาย ตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ในบ้านหลังเก่า ศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจของคนๆ หนึ่ง…
-
แฟนอนิเมะเผยเคล็ดลับ แขวนโปสเตอร์ยังไงโดยไม่ต้องเจาะผนัง ง่ายแสนง่าย ใช้แค่นี้เอ๊งงงง
ปัญหาการเจาะกำแพงบ้านเพื่อไว้แขวนโปสเตอร์นั้นดูจะเป็นปัญหากับคนที่ชื่นชอบการเก็บสะสมหรืออยากจะเอาโปสเตอร์จากอนิเมะ วงดนตรีหรืออะไรก็ตามที่ตัวเองชื่นชอบมาแปะไว้ซะเหลือเกิน อย่างที่เราพอจะทราบกันดีว่าการเช่าที่อยู่อาศัยอยู่นั้น การจะเจาะกำแพงถือเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการอนุญาติ ส่วนจะเอาสก็อตเทปแปะโปสเตอร์ไว้เฉยๆ เวลาผ่านไปมันอาจจะหลุดเอาได้ง่าย ที่สำคัญเวลาดึงออกอาจจะฉีกได้ด้วยนะ ปัญหาดังกล่าวอาจจะเหมือนเล็กแต่มันกลับยิ่งใหญ่ระดับชาติเลยทีเดียว ฉะนั้นชาวเน็ตขาวญี่ปุ่น きりしま ผู้ชื่นชอบในการติดโปสเตอร์อยู่แล้ว จึงออกมาเสนอแนวคิดในการแก้ไขและมันก็น่าสนใจมากๆ เลยล่ะ โดยได้มีการนำเสนอวิธีง่ายๆ ที่เห็นแล้ว เออ…แบบนี้ก็ได้นะขึ้นมา วิธีที่ว่านั้นใช้อุปกรณ์ง่ายๆ เพียงแค่สก็อตเทป ที่หนีบกระดาษและแม่เล็กเท่านั้น เริ่มแรกให้เอาคลิปหนีบกระดาษแปะไว้กับสก็อตเทปแบบในภาพข้างล่างก่อน แปะไว้ให้ครบสี่มุมเลยนะ จากนั้นก็เอาแม่เหล็กติดไว้ตรงหัวมุมกระดาษแต่ละจุด บริเวณด้านหน้าของโปสเตอร์ อยากจะนั้นก็ไปแปะกับตรงที่เราติดคลิปหนีบกระดาษ เท่านี้มันก็จะดึงดูดกันไม่หลุดไปไหนแล้ว เป็นไงล่ะง่ายใช่ไหม? วิธีดังกล่าวนั้นก็คือเป็นวิธีง่ายๆ แต่ได้เสียงตอบรับที่โอเคเลยล่ะ เพราะชาวเน็ตมากมายก็พากันมาตอบว่า เออ มันใช้ได้จริงด้วย หรือไม่ก็ชมว่าไอเดียดีมากๆ แต่ที่สำคัญเลยคือไม่ต้องแปะสก็อตเทปลงไปตรงๆ กับโปสเตอร์อีกแล้ว ฉะนั้นวิธีนี้ถือว่าประสบความสำเร็จนั่นเอง เอาเป็นว่าใครมีวิธีดีกว่านี้ หรืออยากนำเสนอวิธีตัวเองก็ลองบอกกันมาได้นะ ที่มา rocketnews24
-
เปิดใจ Emma Watson ถึงสาเหตุที่โดนแฟนๆ ว่า “เธอไม่ชอบถ่ายรูปกับแฟนคลับเลย!?”
Emma Watson เป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคนหนึ่ง เธอเป็นที่รู้จักในฐานะผู้รับบทเป็นตัวละคร Hermione Granger ในภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter และล่าสุดภาพยนตร์ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับเธออีกเรื่องหนึ่งก็คือ Beauty and the Beast ที่ได้มารับบทเป็นเจ้าหญิง Belle นั่นเอง แม้ว่า Emma จะเป็นนักแสดงดังที่มีแฟนคลับจากทั่วทุกมุมโลกมากมาย แต่คุณเคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่าทำไมถึงไม่ค่อยเห็นภาพของเธอถ่ายรูปกับแฟนคลับเลย ด้วยเหตุนี้ทางด้านสาว Emma จึงได้ออกมาเผยถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงไม่ค่อยถ่ายรูปกับแฟนๆ “สำหรับฉันถ้ามีคนมาถ่ายภาพและโพสต์มันลงโซเชียลในเพียงแค่เวลา 2 วินาที พวกเขาจะระบุตำแหน่งว่าฉันอยู่ที่ไหน และผู้คนก็สามารถมองเห็นได้ภาย 10 เมตร พวกเขาจะเห็นฉันใส่เสื้อผ้าแบบไหนและอยู่กับใครบ้าง ฉันไม่อาจให้ข้อมูลในการติดตามได้ แต่ฉันจะบอกกับบรรดาแฟนๆ ที่มาขอถ่ายรูปว่า ฉันจะนั่งตรงนี้และจะตอบพวกเขาทุกคำถาม แต่คงจะให้ถ่ายรูปไม่ได้ “ ในขณะที่คนดังคนอื่นๆ อาจมีความสุขในการถ่ายรูปกับแฟนๆ แต่สำหรับสาว Emma แล้ว เธอชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่าที่จะเปิดเผยกับสื่อ อย่างไรก็ตาม Emma ได้เผยอีกว่า เธออาจจะเลือกถ่ายรูปกับแฟนบางคนที่คิดว่ารูปนั้นสำคัญจริงๆ “ฉันต้องเลือกถ่ายรูปอย่างระมัดระวังและเลือกช่วงเวลาในการถ่ายด้วย ซึ่งกับเด็กๆ แล้วฉันไม่ปฏิเสธพวกเขาหรอก”…
-
แข็งแกร่ง!! หนุ่มเอาชนะงูยักษ์ความยาว 7 เมตรได้ด้วยมือเปล่า แต่ก็ร่อแร่ใกล้ตายเหมือนกัน
แทบจะไม่มีใครรอดกลับมาเมื่อต้องเผชิญกับงูยักษ์ขนาดใหญ่ที่สามารถกลืนมนุษย์ลงไปทั้งตัวได้ แต่สำหรับหนุ่มคนนี้กลับเอาตัวรอดจากงูหลามความยาว 7 เมตร ได้อย่างหวุดหวิด นี่เป็นเรื่องราวของ Robert Nababan ที่ได้พบกับงูหลามขนาดใหญ่โดยบังเอิญบนถนนระหว่างเดินทางกลับจากที่ทำงานใน Indragiri Hulu Regency ของจังหวัด Riau ประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่ Robert วัย 37 ปี ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน เขาก็เห็นคนสองคนหยุดชะงักระหว่างทาง เนื่องจากมีงูยักษ์นอนขวางอยู่ แทนที่จะหลบไปทางอื่น แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะสู้กับงูยักษ์ตัวนั้น เขาเล่าว่า “ผมพยายามจะเข้าไปจับตัวมัน แต่มันก็ล็อกแขนผมไว้ แล้วก็ทุ่มผมกระแทกกับพื้นอย่างแรง” เขายังเล่าอีกว่าแม้จะถูกงูพันแขนแต่เขาก็พยายามดิ้นเอาตัวรอดและกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเจ้างูอย่างสุดกำลัง ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายเอาชนะงูหลามได้อย่างหวุดหวิด แม้จะล้มงูได้แต่ Robert ก็เกือบจะไม่รอดเช่นกัน เพราะหลังจากที่การต่อสู้จบลงเขาได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยสภาพร่างกายอ่อนแรงและได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะแขนซ้ายที่ถูกงูรัด สำหรับศพเจ้างูหลามถูกลากไปยังหมู่บ้านของ Robert สร้างความตะลึงให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก จนแทบไม่อยากเชื่อว่ามนุษย์จะจัดการมันได้ นอกจากนี้งูหลามตัวดังกล่าวยังถือว่ามีขนาดเกือบใหญ่ที่สุดในโลก เพราะในสถิติ Guinness World งูที่ยาวที่สุดอยู่ที่ 7.67 เมตร ซึ่งใหญ่กว่าเพียงนิดเดียวเท่านั้น ชาวบ้านแห่ดูงูความยาว 7 เมตร…
-
สาวเปิดเผยถึงโรคย้ำคิดย้ำทำของตัวเอง เป็นหนักซะจนต้องสระผมถึง 72 ครั้งภายในวันเดียว!!
หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ โรคย้ำคิดย้ำทำ กันมาก่อน โดยโรคดังกล่าวเป็นอาการทางจิตของผู้ป่วยที่ชอบทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำๆ มากจนเกินไป แต่ในความเป็นจริงเราจะไม่ค่อยได้พบเห็นผู้ที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าวนี้จริงๆ และคนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยรู้ว่าทำไมพวกเขาจึงมีอาการเช่นนั้น จนเมื่อ Serin Rayer Davies วัย 23 ปีผู้ที่มีอาการของโรคนี้ขั้นรุนแรงได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการทีวีประเทศอังกฤษ ชื่อว่า This Morning เพื่อเล่าถึงประสบการณ์ที่เธอต้องเจอมาตลอด หญิงสาวผู้ป่วยเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำขั้นรุนแรง อาการของโรคเริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนเธออายุได้เพียง 7 ขวบ เธอใช้เวลานานมากกว่าจะออกจากบ้านไปโรงเรียนเพราะเธอมีความคิดขึ้นมาว่าพ่อแม่เธอจะตาย ทำให้เธอเปิดเข้าเปิดออกประตูบ้านเพื่อเช็คดูอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ กระทั่งในตอนนั้น Deny พ่อของเธอก็เข้ามาช่วยอธิบายให้ฟังว่าสิ่งเหล่านั้นมันจะไม่เกิดขึ้นจนอาการเหล่านั้นหายไป ก่อนที่จะกลับมาเป็นอีกครั้งในตอนที่เธออายุ 18 ปี เธอบอกว่า “อาการเหล่านั้นเกิดขึ้นจากความเครียด บางคนที่มีความวิตกกังวลอยู่ก่อนแล้วหากต้องไปเจอเรื่องเครียดหรือเรื่องแย่ๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือจะต้องพยายามรับมือกับมันอยู่ตลอดเวลา” พ่อของเธอผู้คอยอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด หลังจากนั้นเธอก็มีอาการของโรคที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เธอต้องซักผ้าวนไปมาอยู่ถึง 15 ครั้งหรือสระผมตัวเองมากถึง 72 ครั้งภายในวันเดียว เพราะเธอคิดว่าสิ่งรอบตัวมันไม่สะอาดและเต็มไปด้วยเชื้อโรคซึ่งเกิดจากจินตนาการของเธอเองทั้งหมด และทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างยากลำบาก การแต่งงานกับชายในฝัน อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอได้เข้ารับการรักษาอาการดังกล่าวทำให้เธอสามารถใช้ชีวิตได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังได้แต่งงานกับชายในฝันของเธออีกด้วย และถึงแม้ว่าสามีของเธอจะช่วยอะไรเธอไม่ได้เลยแต่อย่างน้อยเขาก็ยอมรับและคอยดูแล จัดการเรื่องต่างๆ เพื่อให้เธอมีอาการของโรคแสดงออกมาน้อยที่สุด…
-
ภาพวาดเหมือนจริงที่หลอกตาคนดูได้อย่างแนบเนียน มาทายดูว่าอันไหนจริง อันไหนหลอก!?
คุณเคยมีโอกาสได้ดูผลงานศิลปะของศิลปินที่ชื่อว่า Howard Lee หรือไม่? ถ้าไม่…เราต้องขอให้คุณได้รับชมผลงานของเขาสักครั้งแล้วล่ะ เนื่องจากศิลปินคนนี้เขามีทักษะในการวาดภาพที่สมจริงที่สุด จนทำให้หลายคนถึงกับสับสนและตาลายกันมาแล้ว เพราะไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนปลอมกันแน่ สำหรับ Howard เป็นศิลปินชาวอังกฤษที่ได้สร้างผลงานภาพวาดลวงตามาแล้วมากมาย โดยการหยิบเอาสิ่งต่างๆ ใกล้ตัว มาสร้างสรรค์เป็นภาพวาดที่สามารถหลอกตาคนดูได้อย่างแนบเนียน ว่าแล้วก็มารับชมผลงานของเขากันเลย 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 นี่เป็นสุดยอดผลงานภาพวาดที่ทำเอาหลายๆ คนเห็นแล้วถึงกับแยกไม่ค่อยออกว่าอันไหนจริงปลอมกันแน่ เพราะมันเหมือนกันไปซะหมด และถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนที่อยากจะรับชมผลงานสุดเจ๋งแบบนี้อีก คุณสามารถเข้าไปติดตามเขาในอินสตาแกรม howard__lee และเว็บไซต์ howardleeart ได้เลย ที่มา : thechive
-
15 คนธรรมดาๆ ที่แสนกล้าหาญในเหตุกราดยิง Las Vegas ที่ทำให้รู้ว่าโลกเรายังไม่ขาดคนดี…
เมื่อช่วงวันสองวันก่อนหลายคนคงได้ข่าวว่ามีเหตุการณ์สุดสลดได้เกิดขึ้นที่เมืองลาสเวกัส เมื่อมีคนกราดยิงใส่ผู้คนที่มางานคอนเสิร์ต ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 59 ราย และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากลูกหลงอีกราวๆ 500 ราย จนกลายเป็นข่าวที่ช็อคไปทั้งโลก ในช่วงเวลาชุลมุนดังกล่าวนั้นล้วนมีความรู้สึกมากมายของผู้คนถาโถมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเศร้า เสียใจ สับสน วุ่นวายหรือจะเป็นความกลัวที่ต้องเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์ดังกล่าวก็ตาม แต่ทว่าในเหตุการณ์นั้นยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ถูกความรู้สึกดังกล่าวเข้าครอบงำ แต่พวกเขากลับดึงความกล้าและสัญชาตญาณการเอาตัวรอดมาช่วยตัวเองและคนรอบข้าง เพื่อให้พวกเขาได้ปลอดภัยก่อนตัวเอง คนเหล่านี้จะถือว่าเป็นฮีโร่เลยก็ว่าได้ และเรื่องราวของพวกเขาก็ไม่ควรจะหยุดอยู่แค่ตรงนั้น ผู้คนควรจะได้รู้ว่าพวกเขากล้าหาญมากแค่ไหน 1. Jonathan Smith ชายวัย 30 ปี ช่วยชีวิตคนราวๆ 30 คนในเหตุการณ์นั้น ก่อนที่สุดท้ายเขาจะถูกกระสุนยิงเข้าที่บริเวณคอ มิฉะนั้นเขาอาจจะช่วยนำทางให้คนอื่นๆ หนีได้มากกว่านั้นอีก โชคดีที่เขารอดชีวิตและนี่คือภาพของเขาตอนอยู่ในโรงพยาบาล 2. คุณ Jabroni บอกว่านี่คือภาพของคุณพ่อของเขา Jack Beaton หลังจากที่คุณพ่อเอาตัวเองบังกระสุนให้กับผู้เป็นภรรยา (แม่ของเขา) เพื่อปกป้องเธอจากกระสุน จนเขาเสียชีวิต ขณะที่ภรรยาของเขาปลอดภัย เชื่อเลยว่าเธอคงจะรู้ว่า Jack รักเธอมากเพียงใด… 3. ชาวเน็ตที่ใช้ชื่อว่า tynation ออกมาขอบคุณคนในรูปว่านายคนนี้คือฮีโร่ของเขา เพราะชายคนดังกล่าวเอาตัวเข้าไปบังให้กับน้องสาวของ tynation ซึ่งถ้าไม่มีนายคนนี้น้องสาวของเขาอาจจะไม่รอดแล้วก็เป็นได้ 4. Sonny Melton…
-
ตามไปส่องคอนโดใหม่ของ “ลุงโอบามา” มูลค่ากว่า 350 ล้านที่กำลังจะซื้อ ว่าจะน่าอยู่แค่ไหน
เมื่อวันจันทร์ที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมาทางเว็บไซต์ Page Six ได้รายงานว่า อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และครอบครัวของเขานั้นกำลังตัดสินใจที่จะซื้อคอนโดหรูมูลค่ากว่า 350 ล้าน ทางฝั่งตะวันออกของแมนฮัตตัน อาคารดังกล่าวตั้งอยู่ในย่าน Gracie Square หนึ่งในย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของเมืองแมนฮัตตัน อาคารดังกล่าวมีด้วยกันทั้งหมด 15 ชั้น และถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1930 มันได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาคารที่สวยงามและมีคุณค่ามากที่สุดในนิวยอร์กเลยทีเดียว และนี่คือโฉมหน้าของอาคารที่ว่านี้ ถึงแม้ว่าภายนอกอาจจะดูธรรมดา แต่ที่นี่ก็ประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งห้องโถง สนามกีฬาในร่มอย่างบาสเก็ตบอลกับสวอต ที่สำคัญยังมีที่จอดรถยนต์ส่วนตัวพร้อมกับบริการด้านความปลอดภัยระดับสูงอีกด้วย และนี่คือภาพจำลองหลังจากการรีโนเวทอพาร์ทเม้นท์ขนาด 5 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ของอดีตประธานาธิบดีท่านนี้เสร็จเรียบร้อย นอกจากอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ ทางครอบครัวของโอบามายังได้ซื้อที่พักอาศัยไว้อีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์มูลค่า 260 ล้านบาที่วอร์ชิงตัน ดี. ซี, บ้านใน Hyde Park ที่ชิคาโก รวมถึงข่าวลือที่ว่าพวกเขากำลังมองหาบ้านพักตากอากาศใน Martha’s Vineyard อีกด้วย ตามรายงานกล่าวว่าเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ได้รับการออกแบบจากบริษัท Vicente Wolf ส่วนงานตกแต่งภายในนั้นเป็นหน้าที่ของบริษัท Elle Decor อพาร์ทเม้นท์สุดหรูนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2…
-
ช่างทำผมช่วยให้สาวป่วยเป็นโรคซึมเศร้า กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมผมทรงใหม่ของเธอ
โรคซึมเศร้านั้นมีผลต่อสภาพจิตใจของหลายๆ คน และเหมือนที่เราเห็นตามข่าว บางครั้งพวกเขาอาจจะต้องจากไปอย่างน่าเศร้าด้วยอาการที่ว่านี้ แต่หากคนรอบข้างให้ความช่วยเหลือก็อาจทำให้พวกเขาก้าวผ่านเรื่องร้ายๆ นั้นไปได้ อย่างเช่นสาวน้อยวัย 16 ปีผู้นี้!! คุณ Kayley Olsson เจ้าของร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง บอกว่าสาวน้อยคนดังกล่าวได้เข้ามาในร้านของเธอเพื่อทำผมสำหรับการถ่ายรูปที่โรงเรียน และดูเหมือนว่าเธอจะมีอาการซึมเศร้าเนื่องจากสภาพผมของเธอนั้นมีความผิดปกติและดูยุ่งเอามากๆ และนี่คือสภาพผมของสาวน้อยผู้นี้ Kayley โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กของเธอว่า “เมื่อเธอเดินเข้ามาในร้าน เธอบอกพวกเราว่าให้ตัดผมของเธอออกให้หมด เธอไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดนี้ได้แล้ว เธอบอกว่าตัวเธอเองไร้ค่า เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันรู้สึกเศร้ามาก เราจึงพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อเธอ” และหลังจากที่ใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมงในวันแรก และความพยายามอย่างมาก เพื่อช่วยให้สาวน้อยมีรูปถ่ายที่สวยเหมือนคนอื่นๆ คุณ Kayley ต้องใช้ความสามารถและเทคนิคทั้งหมดที่เธอมี “ปัญหาสุขภาพจิตเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมาย ฉันคิดว่าพ่อแม่ควรให้ความใส่ใจกับลูกๆ ของพวกเขาด้วย อย่างเช่นสาวน้อยคนนี้ไม่ควรที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับผมของเธอเลย” ช่างเสริมสวยกล่าว และแล้วในที่สุดผมของเธอก็กลับมาสวยงามได้อีกครั้ง หลังจากที่ได้ทรงผมให้ที่สวยงาม สาวน้อยรู้สึกขอบคุณ คุณ Kayley อย่างมาก เธอบอกกับช่างเสริมสวยว่า “ฉันมีความสุขมากๆ ที่ได้เห็นรูปของตัวเองวันนี้ คุณทำให้ฉันกลับมายิ้มได้อีกครั้ง” เรื่องราวของสาวน้อยก็ถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์อย่างมาก มีผู้คนกว่า 1 แสนคนเข้ามาถูกใจภาพของเธอ และมีการแชร์เรื่องราวดังกล่าวถึง 60,000 ครั้ง ชาวเน็ตท่านหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นว่า…
-
25 ภาพความงามของ ‘ประเทศลิทัวเนีย’ ขุมทรัพย์ลับในยุโรปที่หลายคนไม่เคยสัมผัส
น้อยคนในบ้านเราที่จะรู้จักกับ ประเทศลิทัวเนีย ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป อาจด้วยเหตุผลที่ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียมาก่อนทำให้พอแยกตัวออกมาจะไม่ค่อยมีใครได้รับรู้ว่ามันกลายเป็นประเทศไปแล้ว ถ้าถามเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องเอามาพูดในครั้งนี้ นั่นก็เพราะได้มีช่างภาพคนหนึ่งชื่อ Martynas Charevičius เก็บภาพจากบ้านเกิดของตัวเองมาให้ทุกคนได้เห็น โดยบอกเลยว่าภาพวิวทิวทัศน์เหล่านั้นมันช่างงดงามเอามากๆ ความสวยงามบวกกับฝีมือของช่างภาพผู้มากฝีมือคนนี้ทำให้ภาพที่ถ่ายจากโดรนของเขา ไม่ว่าใครได้มาเห็นก็ต้องรู้สึกหลงใหลไปกับมันจนอยากจะตีตั๋วไปเที่ยวประเทศนี้ซะเลย ภาพทั้งหมดถูกถ่ายในปีนี้จากหลายเวลาหลายสถานที่ มันดึงดูดเรามากขนาดนั้นจริงมั้ย? ก็เลื่อนไปดูกันได้เลยยย ยามเช้ากับพระอาทิตย์อันสดใส ลานหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา เมื่อพระอาทิตย์ลอยขึ้นมาก็ทำให้เมืองดูสว่างไสว อากาศดีๆ ในเวลากลางวัน แม่น้ำและความเขียวขจี หอคอยที่สูงเด่นเป็นสง่า ความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำและป่าไม้ เมืองยังคงเจิดจ้าแม้ในเวลากลางคืน แสงที่สาดเข้ามาทำให้เห็นความสวยงามได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ยังคงรักษาธรรมชาติเอาไว้ได้อย่างลงตัว ถนนยาวเป็นเส้นตรงผ่านต้นไม้ที่ห้อมล้อมไว้นับไม่ถ้วน มองไปทางไหนก็สบายตา หรือหากเข้าเมืองมาก็จะเจอกับความศิวิไลซ์ เป็นเงาสะท้อนบนผิวน้ำที่แยกไม่ออกเลยว่าส่วนไหนคือท้องฟ้ากันแน่ การใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายท่ามกลางมวลแมกไม้และเมฆหมอก เหล่านักตกปลาบนสะพานที่เรียบง่าย น้องม้าที่มีหญ้าให้กินได้ทั้งวัน สีของผิวน้ำเข้ากันกับบรรยากาศโดยรอบอย่างไม่น่าเชื่อ รุ่งสางในเช้าวันใหม่ แหล่งพลังงานธรรมชาติช่วยให้ที่นี่น่าอยู่ยิ่งขึ้น…
-
รวม 20 ภาพบรรยากาศ “โกลเด้นวีค” ในประเทศจีน วันหยุดยาวผู้คนเดินทางเพียบ!!
วันสงกรานต์หรือวันปีใหม่ไทยจะเป็นช่วงที่ทำให้เราได้หยุดกันแบบยาวๆ ที่อย่างต่ำก็ต้อง 3 วันขึ้นไป ในช่วงนั้นเราก็จะได้เห็นผู้คนเดินทางกลับบ้านหรือไปเที่ยวต่างจังหวัดกันอย่างล้มหลาม แต่ไม่ได้มีเพียงแค่บ้านเราหรอกนะที่จะมีช่วงวันหยุดยาวกันอย่างนั้นเพราะในประเทศจีน พวกเขาก็มีวันหยุดยาวที่ได้พักกันนานกว่าของเราซะอีก เพราะทุกคนในประเทศจะได้หยุดกันไปนานถึง 1 สัปดาห์หรือก็คือ 7 วันนั่นเอง ในจีนจะมีช่วงที่เรียกว่า “โกลเด้นวีค” เป็นสัปดาห์แห่งวันหยุดโดยในหนึ่งปีจะมีสองครั้งคือตอนวันปีใหม่จีนและวันชาติ ซึ่งเป็นวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมานี่เอง ผู้คนตามสถานีขนส่งในวันสงกรานต์บ้านเรานี่เทียบไม่ติดเลยจริงๆ ด้วยเหตุนี้ ช่วงดังกล่าวจึงเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 710 ล้านคนได้ออกไปในสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงวันชาตินี้ก็จะมีการจัดงานเทศกาลหรือคอนเสิร์ตอยู่เยอะแยะทั่วประเทศไปหมด จึงไม่แปลกที่ช่วงนี้ชาวจีนจะขยันไปใช้บริการการคมนาคมสาธารณะต่างๆ อย่างเช่นรถไฟหรือรถประจำทางไม่อย่างนั้นก็ขับรถไปเองบนทางด่วน จนทำให้ทุกที่ที่กล่าวมานั้นแน่นขนัดไปกันหมด ผู้ปกครองคงต้องล่ามโซ่กับบุตรหลานเอาไว้ ไม่อย่างนั้นหายชัวร์ ตอนนี้บางคนอาจเริ่มคิดว่าคนจีนเยอะขนาดไหนจะแห่กันมาไทยกันหมดเลยหรือเปล่า เราขอบอกเลยว่าไม่เพราะด้วยเรื่องของค่าใช้จ่ายและกังวลในความปลอดภัยจึงทำให้พวกเขาเกือบทั้งหมดตัดสินใจที่จะเที่ยวกันแต่ภายในประเทศ จึงเป็นที่น่าเสียดายที่นักท่องเที่ยวเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาจับจ่ายในไทย แต่เอ๊ะ หรือว่าเราควรจะดีใจที่คนจำนวนมากขนาดนี้ไม่มากระจุกอยู่ในประเทศเรา… เดินชนกันจนไหล่ถลอกหมดแล้วมั้งเนี่ย เด็กน้อยได้มีโอกาสออกมาดูโลกกว้าง.. หรือว่าความวุ่นวายกันแน่นะ พื้นที่จริงๆ มันก็กว้างนะ แต่ทำไมรู้สึกว่ามันแค๊บบบแคบ ตั๋วรถบ้านเขานี่ไม่มีวันหมดหรอ? ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคมแบบไหนก็เต็มไปด้วยผู้คนที่ล้นหลาม ขยายทางหน่อยมั้ย.. มันน่าจะดีขึ้นนะ …
-
ดราม่าคลิปนักกอล์ฟหวดวงสวิงให้ “หัวห่าน” ชาวเน็ตเดือด-เจ้าตัวอ้างช่วยฆ่าเพราะมันเจ็บ
กลายเป็นกระแสดราม่ากันบนโลกออนไลน์อย่างหนัก หลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพของนักกอล์ฟนิรนามท่านหนึ่ง ที่กำลังหวดไม้กอล์ฟใส่เจ้าห่านตัวหนึ่งอย่างรุนแรง คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกบันทึกโดยเพื่อนของชายหนุ่มท่านดังกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ในสนามกอล์ฟ Vantaa Golf Club ใกล้ๆ กับเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ชายหนุ่มคนดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวเพื่อไปสอบสวนเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นถึงการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการช่วยสงเคราะห์เจ้าห่านตัวนั้นหลังจากที่มันบาดเจ็บสาหัส วินาทีที่ชายหนุ่มกำลังจะหวดไม้กอล์ฟไปที่เจ้าห่าน ชายคนดังกล่าวบอกว่าเจ้าห่านตัวนั้นถูกลูกกอล์ฟอัดเข้าที่หัว และมันกำลังชักอย่างทรมานจากความเจ็บปวด พร้อมกันนี้ที่จมูกและปากของมันก็ยังมีเลือดออกมามากอีกด้วย เขาจึงตัดสินใจที่จะทำให้มันจากไปโดยเร็วที่สุด ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อกับทางสนามกอล์ฟทันทีหลังจากได้เห็นคลิปวิดีโอดังกล่าว คุณ Ville Nurmi กรรมการผู้จัดการของสนามกอล์ฟได้ออกมาเปิดเผยว่าทางสนามไม่สามารถระบุชื่อของชายคนดังกล่าวได้เนื่องจากเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ได้ปิดให้บริการแล้ว “ผมคิดว่าถ้าหากเราพบสัตว์ที่กำลังบาดเจ็บ สิ่งที่ถูกต้องคือการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางช่วยเหลือพวกมัน” คุณ Ville กล่าว ทางด้านสมาคมต่อต้านการทารุณสัตว์ของอังกฤษก็ได้ออกมาประณามการกระทำของชายคนดังกล่าวว่า “พวกเราตกใจอย่างมากที่ได้เห็นคลิปวิดีโอของชายคนดังกล่าว มันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้และนกตัวนั้นต้องได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพบสัตว์ที่กำลังบาดเจ็บ เราอยากให้คุณโทรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่นองค์กรช่วยเหลือสัตว์ต่างๆ หรือสัตวแพทย์เองก็ตาม” ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนเรื่องนี้เพิ่มเติมจากสนามกอล์ฟ Vantaa Golf Club เพื่อพิจารณาความผิดของชายคนดังกล่าว พฤติกรรมของชายคนนี้กำลังถูกวิจารณ์อย่างมากบนโลกออนไลน์ ปิดท้ายด้วยคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วเพื่อนๆ มีความเห็นกับพฤติกรรมของชายคนนี้อย่างไรกันบ้างก็คอมเม้นต์กันเข้ามาได้เลย.. ที่มา metro
-
9 เหตุการณ์ ‘กราดยิง’ ฆาตกรรมหมู่ ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา
เราอาจเคยเห็นฉากการกราดยิงกระสุนปืนในหนังหรือการ์ตูน ซึ่งในตอนนั้นเราอาจคิดว่าเป็นฉากแอคชั่นที่สนุกและมันส์มาก แต่ถ้าวันหนึ่งมันต้องมาเกิดขึ้นในชีวิตจริง พวกเราจะรู้สึกกันอย่างไร? ในประเทศสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์แบบนั้นเคยเกิดขึ้นมาก่อนอยู่หลายครั้ง สร้างความเศร้าโศกไปให้กับคนทั้งประเทศแตกต่างจากที่เราเห็นในหนังอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เกิดขึ้นมากมายเหล่านั้นได้มีการจัดอันดับเหตุการณ์การกราดยิงที่รุนแรงที่สุดในประเทศเอาไว้ 9 อันดับ เราไปดูกันเลยว่ามีเหตุการณ์ใดกันบ้าง อันดับ 9 เหตุการณ์ในเมือง Edmond รัฐโอคลาโฮมา วันที่ 20 สิงหาคม 1986 คนส่งพัสดุชื่อ Patrick Henry Sherrill ใช้ปืนพก 3 กระบอกสังหารพนักงานไปรษณีย์ไป 14 ศพในเวลาเพียง 10 นาที ก่อนที่จะยิงหัวตัวเองตายตามไป อันดับ 8 ในเมืองซานเบอร์นาดิโน รัฐแคลิฟอร์เนีย วันที่ 2 ธันวาคม 2015 สามีภรรยาชื่อ Syed Rizwan Farook และ Tashfeen Malik กราดยิงพนักงานที่อยู่ในศูนย์ภูมิภาค Inland ตายไป 14…
-
คู่สามีภรรยา จูงมือกันเดินตามรอยสถานที่ถ่ายทำฉากต่างๆ ใน Game of Thrones
สำหรับใครที่เป็นแฟนตัวยงของซีรีส์สุดฮอตอย่าง Game of Thrones คุณคงจะเคยรู้สึกว่าสถานที่ถ่ายทำฉากต่างๆ นั้นมันมีความสวยงามเหลือเกิน จนบางครั้งก็อยากจะเดินตามรอยไปสัมผัสกับบรรยากาศจริงๆ สักครั้งในชีวิต และแน่นอนว่าคุณอาจจะรู้สึกอิจฉา Asta Skujytė-Razmienė และสามีของเธอขึ้นมาทันที เพราะทั้งคู่ได้ออกเดินทางไปยังโครเอเชีย เพื่อตามรอยสถานที่สำคัญที่ใช้ในการถ่ายทำซีรีย์ Game of Thrones มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางด้าน Asta ได้ออกมาเผยว่า “ถ้าคุณเป็นแฟนตัวยงของอะไรบางอย่างแล้ว บางครั้งคุณก็อาจจะกลายเป็นแฟนสายโหดของสิ่งนั้น ดังเช่นฉันและสามีที่ได้เดินทางไปยังโครเอเชีย เพื่อตามรอยสถานที่ถ่ายทำของซีรีย์เรื่องโปรด การผจญภัยเต็มไปด้วยความสมหวังและความผิดหวัง บางที่ก็หาง่ายในขณะที่บางที่ก็หายากซะเหลือเกิน อย่างเช่น ป้อมปราการในดูโบรฟนิกเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เข้าถึงง่ายกว่าสถานที่อื่นๆ เพราะมันถูกนำมาใช้ในฉากใหญ่ที่สุดของการถ่ายทำ ฉันต้องการแบ่งปันผลงานภาพถ่ายเหล่านี้ เพราะมันอาจจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ทำแบบเราบ้าง” Asta กล่าว ป้อมปราการในดูโบรฟนิก ที่ถูกนำมาใช้เป็นฉากป้อมปราการ Red Keep ของปราสาทใน King’s Landing . บรรยากาศด้านนอก Walls of Dubrovnik Old Town . จากสถานที่ธรรมดาๆ ถูกเปลี่ยนให้ดูยิ่งใหญ่…
-
KFC อังกฤษออกเมนู “Double Down” เบอร์เกอร์แบบใหม่ที่ใช้ไก่ทอดประกบแทนขนมปัง!!
ถ้าหากใครที่ชื่นชอบการทานไก่ทอดเป็นชีวิตจิตใจ นี่อาจจะเป็นเมนูที่ทำให้คุณต้องกรี๊ดดดดังๆ ให้กับความน่ากินของมันอย่างแน่นอน เพราะล่าสุดทาง KFC ในอังกฤษ ได้เปิดตัว Double Down เมนูเบอร์เกอร์รูปแบบใหม่ ที่ใช้ไก่ทอดประกบแทนขนมปัง!! ปกติเราจะเห็นเบอร์เกอร์เป็นแบบนี้ใช่ไหมละ… เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ทาง KFC ได้รับทวีตและข้อความจำนวนมากจากบรรดาแฟนๆ ในประเทศอังกฤษ ที่เรียกร้องให้ทำเมนูเบอร์เกอร์ Double Down จนในที่สุดความปรารถนาของพวกเขาก็เป็นจริง เพราะทาง KFC ได้ทำการสร้างสรรค์เมนูเบอร์เกอร์ดังกล่าวขึ้นมาเอาใจแฟนๆ เป็นที่เรียบร้อย โดยจะมีการนำออกมาจำหน่ายในวันที่ 9 ตุลาคม 2560 นี้ และนี่คือภาพเบอร์เกอร์แบบใหม่ที่ใช้ไก่ทอดแทนขนมปัง น่าทานมากกกก และถ้าหากใครที่อยากจะลิ้มลองรสชาติสุดฟินของเบอร์เกอร์ Double Down ที่ประกอบไปด้วยเบคอนกรอบ และชีสเยิ้มๆ ตรงกลาง มาพร้อมกับซอสบาร์บีคิว ประกบด้วยไก่ทอดชิ้นโตๆ ก็รีบกันหน่อยนะจ๊ะ เพราะดูเหมือนว่าทาง KFC จะมีการจำหน่ายในระยะเวลาที่จำกัด โดยจะนำมาขายเพียงแค่ 6 สัปดาห์เท่านั้น…
-
นี่คือผลงานอันเหลือเชื่อ เมื่อให้ “หุ่นยนต์” ร่วมออกแบบคอนเสิร์ตฮอลล์ แล้วสร้างขึ้นจริงๆ
สิ่งปลูกสร้างทั่วโลกที่เราได้เห็นในทุกวันนี้ล้วนเกิดจากจินตนาการและความคิดของมนุษย์เรา แต่ถ้าวันหนึ่งมันไม่ได้เกิดจากฝีมือของมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่กลับเป็นฝีมือของเครื่องจักรล่ะมันจะเป็นอย่างไรกัน? วันนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับสถาปัตยกรรมที่ชื่อว่า Elbphilharmonie คอนเสิร์ตฮอลล์อันแสนยิ่งใหญ่ในเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมัน ที่นี่คือฮอลล์แห่งใหม่สำหรับการฟังดนตรีภายในเมืองแห่งนี้มีที่นั่งรองรับสำหรับผู้เข้าชมจำนวน 2,100 คน และเป็นสิ่งปลูกสร้างที่โดดเด่นและสูงที่สุดในเมืองนี้อีกด้วย กว้างขวางสะดวกสบาย สถานที่อันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้คุณได้ฟังดนตรีกันอย่างไพเราะยิ่งกว่าที่ไหนๆ สถาปัตยกรรมชิ้นนี้ต้องใช้เวลาสร้างถึง 10 ปี และค่าใช้จ่ายอีกราว 28,000 ล้านบาทมากกว่าที่ตั้งเอาไว้ถึง 10 เท่า โดยสิ่งนี้เป็นผลงานของนักสถาปนิกชาวสวิสสองคนได้แก่ Jacques Herzog และ Pierre de Meuron ทั้งสองคือผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมที่โด่งดังมาก่อนอย่าง Tate Modern ในกรุงลอนดอน และสนามกีฬาแห่งชาติ Bird’s Nest ซึ่งใช้แข่งขันในกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่ง ในตอนแรกมีการตั้งงบไว้เพียง 2,700 ล้านบาทเท่านั้น ทางลงบันไดเลื่อนก็ยังสวยงามมากขนาดนี้แล้ว นอกจากนั้นพวกเขาก็ได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสียงชาวญี่ปุ่น Yasuhisa Toyota ผู้โด่งดังในเรื่องของการจัดการเรื่องเสียงด้วยผลงานคอนเสิร์ตฮอลล์ของวอลท์ ดิสนีย์ในลอสแอนเจลิส และฮอลล์ Suntory ในโตเกียว แต่ที่เจ๋งและแปลกที่สุดก็คือพวกเขาได้สร้างระบบโปรแกรมสมองกลขึ้นมาและปล่อยให้มันคำนวนออกแบบแผ่นเก็บเสียงกว่า 10,000…
-
Abu Tahsin al-Salhi ทหารรุ่นใหญ่ใจเป้งชาวอิรัก ผู้ปลิดชีพ ISIS ไปแล้วกว่า 320 ราย!!
เมื่อไม่นานมานี้ชาวอิรักได้สูญเสียยอดวีรบุรุษของพวกเขาไปในการต่อสู้เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา โดยชายคนที่ว่านี้ได้รับการเชิดชูจากทั้งชาวบ้านและกองกำลังทหารอิรักอย่างเต็มภาคภูมิ การเรียกเขาว่า วีรบุรุษ จึงไม่เกินไปเลยนั่นเอง Abu Tahsin al-Salhi นายทหารอิรักรุ่นใหญ่วัย 63 ปีคนนี้ได้ทำการสังหารสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย ISIS ไปแล้วอย่างน้อย 320 ราย โดยเขาเริ่มเข้าสู่สมรภูมิตั้งแต่สงครามอิสราเอลเมื่อปี 1973 โฉมหน้าของ Abu Tahsin al-Salhi เขามักจะใช้มอเตอร์ไซเป็นพาหนะหลักในการไปปฏิบัติภารกิจ ด้วยฝีมือและชื่อเสียงของเขาทำให้ทุกคนต่างพากันยอมรับ และเพื่อนๆ ร่วมสนามรบของเขาก็ต่างพากันตั้งสมยานามให้ Abu Tahsin ว่า ตาเหยี่ยว (Hawk Eye) หรือ The Sheikh of Snipers Abu Tahsin ได้เสียชีวิตลงระหว่างที่ไปทำศึกที่ Hawija ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิรัก ร่างที่ไร้วิญญานของเขาถูกนำกลับมาทำพิธีที่ทางตอนใต้ของเมือง Basra ที่นั้นเต็มไปด้วยบรรดาญาติและเพื่อนของเขาที่เดินทางมาแสดงความเสียใจแค่นักรบผู้เก่งกาจคนนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ได้จากไป ทิ้งไว้เพียงปณิธานของเขาที่ส่งต่อให้คนอื่น ผู้คนต่างพากันมาแสดงความเสียใจและคารพศพของเขา และต่างพากันร่ำไห้เสียใจจากการไปของนักรบยอดฝีมือของพวกเขา ผู้คนต่างพากันเสียใจและหลั่งน้ำตาออกมา ไม่ใช่เพียงเพราะว่า Abu Tahsin สู้กับนักรบ…
-
หนุ่มจีนไปพักโรงแรม แต่ไม่มีเงินจ่ายเลยสวมวิญญาณ “สไปเดอร์แมน” โตงเตงเหินเวหา
เราอาจเคยได้ยินโจรหลบหนีหรือนักโทษแหกคุกด้วยวิธีที่เหลือเชื่ออย่างการใช้ช้อนขุดอุโมงค์หรือโดดลงทะเลทำนองนั้น แต่บอกเลยว่าชายคนนี้มีวิธีที่น่าหวาดเสียวมากกว่านั้นเยอะ เรื่องเกิดขึ้นในมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน เมื่อชายหนุ่มนิรนามท่านหนึ่งกำลังปีนสายโทรศัพท์เพื่อหลบหนีออกจากโรงแรม เพียงเพราะว่าเขาไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง!? ระยะห่างยังพอไหว แต่ความสูงขนาดนี้ก็ยังกล้าอยู่อีกนะ ด้วยความสูงเกือบ 60 เมตรหรือประมาณตึก 19 ชั้นของสายโทรศัพท์ที่เขาปีนอยู่ทำให้คนเดินผ่านไปมาต้องหยุดดูและรู้สึกหวาดเสียวไปตามๆ กัน เพราะถ้าเกิดพลาดตกลงมารับรองว่าเขาไม่รอดแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นหนทางที่จะปีนข้ามไปยังอีกตึกหนึ่งเขาก็ต้องเจอกับสายไฟฟ้าแรงสูงที่อยู่ห่างตัวเขาไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น คือถ้าแตะโดนปุ๊บก็จะช็อตปั๊บ ซี้แหงแก๋ในพริบตา ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่สายโทรศัพท์เส้นไม่ใหญ่มาก ชายคนนี้จึงต้องพยายามรักษาสมดุลของร่างกายเอาไว้และส่ายไปมาอยู่บ่อยครั้ง ทำเอาซะผู้ที่ดูเหตุการณ์อยู่ด้านล่างใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ จังหวะไปติดอยู่ระว่างสายสองเส้น ผู้ชมข้างล่างนี่กรี๊ดกันสนั่น และในที่สุดเขาก็สามารถข้ามไปถึงอีกฝั่งหนึ่งได้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เข้ามาช่วยให้เขาเข้าตึกไปได้อย่างปลอดภัยก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาควบคุมตัวเขาไปที่สถานี ตอนนี้ยังไม่มีการพูดถึงโรงแรมที่เขาเข้าไปพักหรือค่าที่พักที่เขาต้องจ่าย แต่ถึงกับต้องเสี่ยงชีวิตขนาดนี้เดาว่าราคามันคงจะไม่ใช่น้อยๆ หรอกเนาะ เมื่อคลิปวิดีโอการหลบหนีครั้งนี้ถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียชื่อ Weibo ของจีน ทำให้มีผู้ชมมากกว่า 7.4 ล้านคนและมีคอมเม้นท์ฮาๆ อันหนึ่งบอกว่า “ไอ้หนุ่มนี่คิดว่าถ่ายหนังแอ็คชั่นอยู่หรือไง?” คลิปวิดีโอไอ้หนุ่ม ‘สไปเดอร์แมน’ ผู้หลบหนีค่าโรงแรม อย่างน้อยเรื่องนี้ก็จบลงได้อย่างแฮปปี้เอนดิ้งไม่มีใครต้องบาดเจ็บอะไร เพื่อนๆ เวลาไปพักที่ไหนก็อย่าลืมถามราคาค่าห้องโรงแรมก่อนด้วยนะ ที่มา: aol
-
พาไปชมเพชร 163 กะรัต ที่ขึ้นชื่อว่างดงามมากที่สุดในโลก และจะถูกประมูลขายในเร็วๆ นี้
สำหรับใครที่ชื่นชอบ “เพชร” เราเชื่อว่าสร้อยคอประดับเพชรเหลี่ยมมรกตเม็ดใหญ่นี้ จะต้องทำให้คุณตาลุกวาวอย่างแน่นอน เพราะมันมีความงดงามอย่างไร้ที่ติจนได้รับการขนานนามว่าเป็น “เพชรที่สวยที่สุดในโลก” ทางสำนักข่าวเดลีเมลล์มีรายงานว่าเพชรเม็ดใหญ่ที่สุดในโลกขนาด 163 กะรัตได้ถูกนำมาจัดแสดงในฮ่องกงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา และจะถูกนำออกไปประมูลให้กับบรรดามหาเศรษฐีต่างประเทศในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีมูลค่านับล้านปอนด์เลยทีเดียว จากการายงานระบุว่าเพชรดังกล่าวสกัดมาจากหินขนาด 404 กะรัต ถูกค้นพบในประเทศแองโกลาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นเพชรเม็ดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบในแอฟริกาใต้ หลังจากค้นพบแล้ว Fawaz Gruosi และทีมผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทอัญมณี Grisogono ก็ได้ร่วมกันเจียระไนและขัดเกลาเพชรเม็ดนี้ จนกลายเป็นเพชรที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา “ผมไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสกับเพชร 163 กะรัตที่มีคุณภาพมากขนาดนี้ ผมไม่เคยมีปัญหาในการคิดค้นไอเดียแจ๋วๆ มาก่อน แต่คราวนี้มันรู้สึกกดดันเป็นพิเศษ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย” Fawaz กล่าว ทั้งนี้ เพชรดังกล่าวจะถูกนำไปประมูลที่สำนักงานบริษัท Christie’s ในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ “นี่คือเพชรเม็ดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และมันก็มีขนาดใหญ่กว่าเพชรเม็ดก่อนถึง 50% ซึ่ง มีเพียง 110 กะรัตเท่านั้น…
-
นักวิทยศาสตร์คิดค้นสารตัวใหม่ที่ช่วยให้แผลหายไวและลบรอย ‘แผลเป็น’ ได้เร็วขึ้น!!
ปัญหาแผลเป็นบนร่างกายที่เราอยากให้มันหายไปเร็วๆ คงเป็นสิ่งกวนใจให้กับใครหลายคน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องห่วงเรื่องความสวยความงามเป็นธรรมดา แต่ตอนนี้นักวิทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัย Nanyang Technological ประเทศสิงคโปร์ กำลังคิดค้นแผ่นติดผิวแบบใหม่ที่จะช่วยให้แผลเป็นของคุณหายไปได้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนั้นมันยังสามารถช่วยให้แผลสดหายเร็วขึ้นอีกด้วยเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ทำได้เพียงรักษาเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แผลเป็นนั้นเกิดจากการที่ร่างกายเรามีคอลลาเจนและโปรตีนที่มากเกินและไปสะสมกันอยู่ที่จุดเดียว ดังนั้นการจะลดรอยดังกล่าวลงได้ต้องหาสิ่งที่สามารถควบคุมการผลิตคอลลาเจน เพื่อช่วยแทรกแซงกระบวนการฟื้นฟูให้เร็วยิ่งขึ้น และจากการศึกษา พวกเขาพบว่ามีโปรตีนชนิดหนึ่งชื่อว่า Angiopoietin-like4 (ANGPTL4) สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้จริง เพราะจากการทดลองกับหนูแล้ว สารดังกล่าวสามารถทำให้แผลสดหายเร็วขึ้นถึง 3 เท่าจากปกติ ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดและการเจริญเติบโตของเซลล์ทำให้ลดรอยแผลเป็นลงได้อีกด้วย โอ้วว พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก ที่สำคัญคือเจ้าสารดังกล่าสามารถสกัดออกมาโดยตรงจากเนื้อเยื่อไขมันที่ถูกตัดทิ้งในผู้ป่วยได้ หมายความว่าเมื่อมีผู้ป่วยมาผ่าตัดเราก็สามารถนำเนื้อเยื่อที่ถูกทิ้งมาสกัดสารตัวนี้เพื่อใช้รักษาแผลต่อให้กับเขาได้กลายเป็นโชคสองชั้น แต่ถึงอย่างนั้นการที่สารตัวนี้มีรูปแบบการรักษาที่เข้าไปหยุดการผลิตคอลลาเจนเอาไว้อาจเกิดผลกระทบตามมาได้ เพราะว่าคอลลาเจนมีความจำเป็นสำหรับกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิว ดังนั้นการรักษาจึงต้องเป็นไปเฉพาะจุดที่มีการรวมตัวกันมากของคอลลาเจน และต้องหาคำตอบเพิ่มเติมอีกว่าอะไรเป็นตัวที่ทำให้มีการผลิตโปรตีนมากจนเกินไปในตอนที่เกิดแผล จนพวกเขาไปพบกับโปรตีนอีกชนิดที่มีชื่อว่า Scleraxis ซึ่งจะทำงานร่วมกับคอลลาเจนในตอนที่มีแผลเกิดขึ้น แต่ความพิเศษคือเจ้า ANGPTL4 สามารถเข้าไปรบกวนการทำงานของโปรตีนชนิดนี้ ผลลัพธ์ก็คือแผลเป็นที่หายไปเร็วยิ่งขึ้น ในอนาคตเหล่านักวิทยาศาสตร์ในสถาบันหวังว่าจะสามารถผลิตเจ้าตัวยาใหม่นี้ให้ออกมาได้สมบูรณ์แบบ และวางแผนเอาไว้ว่าจะทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้ได้ง่ายอย่างเช่นแผ่นเจล ครีม หรือไมโครแคปซูล เวลาที่ผ่านไปความก้าวไกลของวิทยาศาสตร์ก็จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าด้วย ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจไม่มีแผลเป็นให้เห็นอีกแล้วก็ได้ ที่มา: ibtimes
-
เจ้าเหมียวที่ชอบแต่ “อาหารในถุง” ใส่จานมาไม่เคยสนใจ เพราะจะเอาไปให้ลูกน้อยได้กิน
เวลาที่เราตั้งใจจะให้อาหารแมวหรือหมาจรจัดตามถนน เราคงจะเทไว้ให้ที่พื้นหรือไม่ก็มีถาดอะไรซักอย่างมารองอาหารให้กับมัน แต่เราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้กับแมวตัวนี้ เพราะแมวจรจัดที่ชื่อว่า Dong Suk ในประเทศเกาหลีใต้ จะแตะเฉพาะอาหารที่ใส่ถุงพลาสติกเอาไว้เท่านั้น โดยจะมีผู้หญิงคนหนึ่งคอยเอาอาหารมาให้มันทุกวันเป็นประจำ เมื่อนำอาหารมาให้มันก็จะคาบไปที่อื่น และมันจะไม่ได้กินตรงนั้นทันที แต่จะคาบอาหารเดินหายไปที่อื่นแทนสร้างความแปลกใจอย่างมาก เธอบอกว่า “ฉันให้อาหารแมวมา 5 ปี แต่เจ้าเหมียวตัวนี้กลับต่างออกไป เพราะถ้าเป็นแมวตัวอื่นจะกินแต่ที่ใส่จานมา ไม่แตะแบบที่ใส่ถุงมาเลย” ถ้าไม่ใส่ถุงแต่ใส่จานมาล่ะก็ มันจะไม่แตะเลย การที่มันเดินหายไปทุกครั้งก็ทำให้เธอสงสัยว่ามันหายไปไหนกันแน่ เธอจึงแอบตามไปดูมัน ภาพที่เห็นคือมันคาบถุงอาหารไปหยุดอยู่ในที่แห่งหนึ่งจนกระทั่งมีลูกแมวตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาหา ที่แท้มันต้องการเอามาแบ่งให้ลูกน้อยของมันนี่เอง เจ้า Dong Suk ก็แบ่งอาหารให้กับลูกแมวตัวน้อยได้กินอย่างเอร็ดอร่อยขณะที่มันนั่งดูอยู่ใกล้ๆ ภายหลังจึงทราบว่าก่อนหน้านี้มันได้ให้กำเนิดลูกออกมา 5 ตัวและตัวที่เห็นนี้เป็นเพียงตัวเดียวที่เหลืออยู่ ต้องนอนอยู่ข้างถนนอย่างหนาวเหน็บ มีเพียงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของทั้งคู่ ความน่ารักและความห่วงใยของคุณแม่เหมียวตัวนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นต้องซาบซึ้งไปกับมัน คนที่มาให้อาหารมันทุกวันจึงตัดสินใจพามันและลูกกลับไปอยู่ด้วยในบ้านที่แสนอบอุ่น บ้านใหม่ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น หลังจากนั้นเมื่อเรื่องราวของมันได้ถูกเผยแพร่ลงในโซเชียลมีเดีย ก็ทำให้ชาวเน็ตรู้สึกซาบซึ้งและประทับใจในความเป็นแม่ของมันอย่างมาก และต่างก็รู้สึกยินดีที่ในที่สุดมันก็ได้มีบ้านที่สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข คลิปวิดีโอความน่ารักของแม่เหมียว Dong Suk …
-
สาวลดน้ำหนักลงได้ 158 กิโลแต่ยังมี ‘ขาย้วย’ โดนคนหัวเราะเยาะ เธอเลยตอบกลับซะหน้าหงาย!!
บางคนอาจเคยเจอกับสายตาดูถูกหรือเสียงหัวเราะเยาะจากคนอื่นรอบตัวแล้วหลังจากนั้นคุณจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร? คุณรู้สึกสูญเสียความมั่นใจแล้วเลือกที่จะหนีปัญหาไปเลยหรือเปล่า? แต่หญิงสาวชื่อ Jacqueline Adan คนนี้มีวิธีที่แตกต่างออกไป บอกได้เลยว่าเป็นสิ่งที่ดีกว่าวิธีการหนีปัญหาแน่นอน เพราะนอกจากจะสามารถจัดการกับมันได้แล้วยังช่วยให้คุณจัดการกับตัวเองได้อีกด้วย เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอผู้เคยหนักมากถึง 231 กิโลกรัมแต่ตอนนี้เธอสามารถลดลงมาเหลือเพียงแค่ 73 กิโลกรัมเท่านั้น หายไปกว่า 158 กิโลกรัมเลยทีเดียว เธอผู้สามารถลดน้ำหนักไปได้มากกว่า 150 กิโลกรัม อย่างไรก็ตามด้วยน้ำหนักที่ลดลงอย่างมากของเธอทำให้เธอมีผิวหนังที่เหี่ยวย่นหย่อนยานอยู่ทั่วร่าง เห็นได้ชัดที่สุดก็คือบริเวณต้นขาที่ดูย้วยมากกว่าปกติ แต่ในวันหนึ่งที่เธอออกไปเที่ยวในช่วงวันหยุดที่เม็กซิโก เธอตัดสินใจที่จะใส่ชุดว่ายน้ำอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ใส่มานานมากแล้ว และเธอก็ไม่ได้ใช้ผ้ามาคลุมปกปิดร่างกายเอาไว้เหมือนที่เธอเคยทำมาก่อน สมัยที่เธอยังหนักถึง 231 กิโลกรัมอยู่ ในตอนนั้นเธอรู้สึกประหม่าและวิตกกังวลไม่ต่างกับตอนที่เธอยังหนักมากเหมือนเมื่อก่อน หลังจากนั้นเมื่อเธอเดินไปในสระว่ายน้ำก็มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งชี้มาที่เธอและเริ่มที่จะส่งเสียงหัวเราะเยาะราวกับเห็นเธอเป็นตัวตลก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะอายมากจนอยากจะหนีออกไปให้ไกล แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปแล้วเธอหายใจเข้าลึกๆ ยิ้มและเดินลงไปในสระด้วยท่าทีที่นิ่งเฉย เธอบอกว่า “ฉันยังคงรู้สึกกังวลและไม่สบายใจกับเรื่องแบบนี้อยู่มันทำให้ฉันรู้สึกรำคาญ แต่ฉันตั้งใจว่าจะไม่เอาสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับฉันเข้ามาหยุดการใช้ชีวิตของตัวเองได้” “ไม่สำคัญว่าคนอื่นจะพูดว่าอย่างไรหรือพวกเขาจะพยายามให้คุณรู้สึกแย่ยังไง การแสดงออกของเราที่มีต่อสิ่งนั้นคือสิ่งสำคัญ ทุกคนต้องไม่ลืมที่จะรักตัวเองและร่างกายของเราเอง จงก้าวต่อไปด้วยรอยยิ้ม” เธอกล่าวปิดท้าย เรื่องราวทั้งหมดได้ถูกถ่ายทอดให้ผู้ติดตามเกือบ 60,000 คนของเธอได้เห็นผ่านอินสตาแกรม โพสต์นี้ของเธอก็มียอดไลก์มากกว่า 30,000 คนและเต็มไปด้วยข้อความให้กำลังใจและสนับสนุนเธอ …
-
หนุ่มอิงลิชให้ตังค์สาวบินมาหา แต่สาวเจ้ากลับไม่มา ตังก็เสีย แถมไม่ได้เจออีกต่างหาก!?
ใครที่คิดอยากจะเดินบนทางสายเปย์ละก็… ระวังไว้ให้ดีเพราะถ้าเปย์แบบขาดสติ จุดจบของคุณอาจกลายเป็นแบบนี้ได้!! เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ของอังกฤษเลย เมื่อเว็บไซต์ Unilad ได้นำเสนอเรื่องราวของคุณลุงวัย 40 ปี อย่าง Colin Orr ที่ไม่รู้ไปเปย์อีท่าไหนกลายเป็นเสียตังฟรีแถมไม่ได้เลีย (ไอติมด้วยกันแบบโรแมนติก) อีก เฮ้ออ… เศร้าเลยสิงานนี้ คนซ้าย: Colin Orr วัย 40 ปี (คนเปย์) คนขวา: Olga Marchenko สาวยูเครนสายชิ่ง (มีลูกติด 1 คน) เรื่องมันก็มีอยู่ว่า… ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้ทำความรู้จักกันจากเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์แห่งหนึ่ง ทั้งคู่ใช้เวลาพูดคุยจนสนิทสนมมากขึ้นทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ดี เพียงแค่ 1 เดือนฝั่งสาวเจ้าก็ถึงกับหลุดปากแอบบอกรักชายหนุ่มซะแล้ว ตลอดเวลาที่พูดคุยกันฝ่ายสาวรัสเซียมักจะอ้างเสมอว่าเธอเบื่อหน่ายประเทศของเธอ และอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ย้ายไปอยู่กับ Colin ที่เมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อเห็นว่าฝ่ายหญิงเดือดร้อน ลุง Colin ก็เต็มใจที่จะโอนค่าตั๋วเครื่องบินไปให้ Olga และลูกติดของเธอ ทว่าหลังจากที่ Colin ได้โอนเงินจำนวนหนึ่งไปแล้ว…
-
เต่าหนุ่มกลัดมันหนีออกจากบ้านเดินเท้าไกล 10 กิโลฯ เพื่อผสมพันธุ์กับตัวเมียในสวนสัตว์ ห๊ะ!?
ว่ากันด้วยพลังแห่ง ‘ความรัก’ เมื่อมันจะเกิดขึ้นอะไรก็ไม่สามารถรั้งเอาไว้ได้ ต่อให้คนสองคนจะอยู่ห่างไกลกันสักแค่ไหนก็จะพยายามหาทางไปเจอกันให้ได้อยู่ดี และเรื่องราวอันแสนโรแมนติกนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับมนุษย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น… เจ้าเต่าที่ชื่อว่า Freddie ได้เซอร์ไพรส์เจ้าของของมันด้วยการแอบหนีออกจากบ้านเดินเท้าเปล่าๆ เพื่อไปผสมพันธุ์กับเต่าสาวในสวนสัตว์ ที่อยู่ไกลจากบ้านไปกว่า 10 กิโลฯ แถมยังใช้เวลาแค่ 1 วัน!! ภารกิจหัวใจเริ่มต้นขึ้นที่บ้านของมันที่ตั้งอยู่ในเมือง St. Mary รัฐ New Jersey เจ้าของพบว่าเจ้า Freddie ได้หายตัวไปจากบ้าน แต่หลังจาก 24 ชั่วโมงผ่านไปก็ได้รับการติดต่อมาจากสวนสัตว์ Jersey Zoo ที่อยู่ห่างออกไปจากบ้านกว่าราวๆ 10 กิโลเมตร ว่าพบตัวมันอยู่ที่นั่น แถมยังพยายามแอบเข้าไปในกรงของเต่าสาวในสวนสัตว์วัย 15 ปี ที่มีชื่อว่า Astrid อีกด้วย และทางฝั่งสาวเจ้าแกก็ดูท่าทางดี๊ด๊าต้อนรับเจ้า Freddie อีกต่างหาก แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันจะได้จู๋จี๋ดู๋ดี๋กันก็มีเจ้าหน้าที่มาพบตัวของมันเข้าซะก่อน เจ้า Freddie ก็เลยถูกส่งตัวไปยังศูนย์อนุรักษ์เต่า ก่อนที่จะติดต่อกลับไปยังเจ้าของ ก็คือคุณ Stanton วัย 53 ปี ให้มารับตัวกลับไป…
-
พาส่องพิพิธภัณฑ์ “กายวิภาคมนุษย์” ในอัมสเตอร์ดัม ที่ใช้ศพคนจริงๆ มาจัดแสดง
เราอาจเคยเห็นพิพิธภัณฑ์หลายประเภทจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์รถยนต์และเครื่องจักร พิพิธภัณฑ์ของเล่น และอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ ในโลกเรายังมีพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งที่ไม่เหมือนที่อื่น เพราะพวกเขาจัดแสดง “ร่างกายมนุษย์” นั่นเอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อว่า BODY WORLDS: The Happiness Project ตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรือนร่างของมนุษย์กว่า 200 ร่าง สะท้อนให้เห็นความงดงาม ความซับซ้อน และความเปราะบางของสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายของเรา ด้วยความมีเอกลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 40 ล้านคนในแต่ละปี ลองไปชมกันดีกว่า . . . . . . . . . . . . . . ข่าวดีคือพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ใครที่สนใจก็ลองหาโอกาสไปเยี่ยมชมได้เลยนะครับ หรือถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มตาม กดเข้าไปที่เว็บไซต์แห่งนี้ได้เลย (bodyworlds) ที่มา bodyworlds
-
ชาวเน็ตเดือดหลัง “เกมร้านอาหารจีน” ให้คนไล่จับหมาแมวไปทำอาหาร ว่าเหยียดเชื้อชาติ
กลายเป็นประเด็นสุดเดือดบนโลกโซเชียลเลยทีเดียว สำหรับเกม “Dirty Chinese Restaurant” จากค่าย Big-O-Tree Games เมื่อชาวเน็ตเห็นว่าเกมดังกล่าวนำเสนอเนื้อหาเหยียดเชื้อชาติอย่างรุนแรง และเกมดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกสภาคองเกรสเชื้อสายเอเชียเป็นอย่างมาก Dirty Chinese Restaurant จะให้เราบริหารร้านอาหารจีนในสหรัฐอเมริกาให้สามารถอยู่รอดปลอยภัยโดยใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด รวมทั้งต้องบริหารไม่ให้พนักงานของเราทำผิดกฎหมาย จนโดนส่งกลับประเทศอีกด้วย ซึ่งในการบริหารร้านนี้เอง เราสามารถจับหมาแมวในร้านมาประกอบอาหารเพื่อเป็นการลดต้นทุนได้ รวมทั้งเราต้องคอยห้ามไม่ให้ลูกจ้างชาวจีนของเราทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นพนันหรืออื่นๆ จนต้องถูกส่งตัวกลับประเทศ . เกมดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกสภาคองเกรสชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียอย่าง Grace Meng เป็นอย่างมาก โดยเธอคิดว่ามันเป็นการเหมารวมและเหยียดเชื้อชาติอย่างไม่น่าให้อภัย และอาจสร้างค่านิยมผิดๆ ให้กับคนทั่วไปได้ โดยเฉพาะการที่ร้านอาหารสามารถนำหมาแมวมาทำอาหาร และเธอยังเรียกร้องให้เจ้าของแพลตฟอร์มอย่าง Apple และ Google ถอดเกมออกจากสโตร์ของตนเองด้วย อย่างไรก็ตามทางทีมผู้พัฒนาก็ออกมาแถลงว่าเกมของพวกเขาไม่ได้มีเจตนาเหยียดเชื้อชาติแต่อย่างใด ซึ่งพวกเขาคิดว่ามุขตลกในเกมของเขา อยู่ในระดับเดียวกับซีรี่ส์ Family Guy หรือ South Park เท่านั้น แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้บ้าง ลองแสดงความเห็นกันเข้ามานะฮะ ที่มา Dailymail
-
หนุ่มอิงลิชออกวิ่งเพื่อการกุศลกว่า 5,000 ไมล์ ด้วยแรงบันดาลใจจาก Forrest Gump
เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก Forrest Gump ภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมที่คว้ารางวัลออสการ์เมื่อปี 1994 นำแสดงโดยนักแสดงหนุ่มมากฝีมืออย่าง ทอม แฮงค์ จนกลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ในดวงใจของใครหลายๆ คน ล่าสุดมีหนุ่มชาวอังกฤษคนหนึ่งได้ทำการวิ่งตามรอย Forrest Gump เรื่องราวของเขาจะเป็นอย่างไร เราไปติดตามพร้อมๆ กันเลยดีกว่า หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Robert Pope จากเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ได้ทำการวิ่งตามเส้นทางที่ฟอร์เรสต์วิ่งในหนังแบบเป๊ะๆ นอกจากนี้เขายังสวมหมวกสีแดงและไว้หนวดเคราเหมือนตัวละครในหนังอีกด้วย เขาเริ่มวิ่งจากบ้านเกิดของกั้มพ์ นั่นก็คือรัฐอลาบามา ตามด้วยแคลิฟอร์เนีย นิวเม็กซิโก เท็กซัส เทนเนสซี และ วอชิงตันดีซี ก่อนจะเดินทางไปร่วมวิ่งในรายการ บอสตันมาราธอน โดยเขาใช้เวลา 7 เดือนในการวิ่งทั้งหมด “ผมอยากวิ่งข้ามประเทศสหรัฐอเมริกามาโดยตลอด ผมชื่นชอบวัฒนธรรม ดนตรี ภาพยนตร์ และผู้คนในสหรัฐเป็นอย่างมาก และผมก็อยากหาเงินช่วยเหลือองค์กรการกุศลอีกด้วย ฉะนั้นนี่คือก้าวที่สำคัญของผม” “ส่วนที่ผมชอบที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ คือการได้พบปะผู้คนมากมาย บางทีผมวิ่งไปอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ แต่ผู้คนก็ยังเข้ามาทักทาย เพราะเขาเห็นว่าผมวิ่งตามรอยฟอร์เรสต์ กั้มพ์ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหนังเรื่องนี้ทรงอิทธิพลขนาดไหน” Pope กล่าว…
-
หนุ่มอยากพาสาวออกเดท ส่งข้อมูลบัตรเครดิตไปให้ เธอก็เอาเงินไปซื้อ “บ้านลม” ซะเลย!!
ผู้ชายทุกคนจะมีวิธีเอาชนะใจสาวแตกต่างกันไป บางคนจะพาพวกเธอไปดูหนังต่อด้วยเลี้ยงข้าวหรืออาจมีเซอร์ไพรส์ที่จะทำให้เธอคนนั้นรู้สึกประทับใจในตัวคุณ เหมือนกับชายคนหนึ่งที่พยายามจะเอาชนะใจสาววัย 17 ปีที่ชื่อว่า Leagan Wilson และดูเหมือนเขาจะชอบเธอมากถึงขนาดส่งข้อมูลบัตรเครดิตให้เธอเอาไปใช้ได้ตามสบายเลย เรื่องนี้เกิดขึ้นในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา หญิงสาวเล่าว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่เธอเจอเมื่อ 2 ปีก่อนตอนที่ไปเข้าค่ายด้วยกัน ข้อมูลบัตรที่สามารถนำไปใช้จ่ายอะไรก็ได้ เมื่อทั้งสองคุยกันผ่านแชทออนไลน์และเธอบอกเขาไปตรงๆ ว่าไม่ได้รู้สึกเหมือนกันกับเขา ชายคนนั้นก็ตอบกลับมาว่าจะออกไปจากชีวิตของเธอ แต่กลับส่งภาพบัตรเครดิตมาให้เพื่อพยายามชวนเธอไปออกเดทด้วยให้ได้ แม้เขาจะบอกว่าให้เธอสามารถเอาบัตรไปซื้ออะไรก็ได้ที่เธอต้องการ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงปฏิเสธเขาอยู่ดีและรู้สึกว่านี่ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดเอาซะเลย นอกจากนั้นเธอก็ได้ทิ้งของขวัญสุดวิเศษเอาไว้ให้กับเขาอีกด้วย สีสันสดใสดึงดูดเหมาะสำหรับงานวันเด็ก เพราะเธอได้เอาข้อมูลบัตรไปซื้อปราสาทลมสีสันสนใสที่พอใครเห็นแล้วก็คงจะอยากพาเด็กๆ มาเล่นแน่นอน น่าเอาไปไว้ในสนามหญ้าหลังบ้านจริงจริ๊งงง สิ่งที่เธอซื้อนี้ทำเอาเจ้าของบัตรถึงกับเอ๋อรับประทานและรีบส่งข้อความว่า “นี่มันคืออะไรกัน?” ไปหาเธอทันทีเมื่อเห็นอีเมลยืนยันการชำระเงิน เธอบอกว่า “ฉันขับรถผ่านเจ้าสิ่งนี้และนึกขึ้นได้ว่ามีบัตรเครดิตอยู่ แล้วทำไมฉันจะไม่ลองซื้อปราสาทลมนี้ดูละ? ที่จริงฉันก็ได้ใช้ซื้อนักเก็ตไปด้วยนะ แต่ก็มีเพียงแค่สองอย่างนี้เท่านั้นแหละ” งงสิครับ ส่งข้อความมาให้ไวเลย เหวอไปเลยสิคะคุณผู้ชม ชายคนนั้นเป็นคนบอกเธอเองว่าซื้ออะไรก็ได้นี่นา จะซื้อปราสาทลมก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยกันอีกและตอนที่เธอเอาเรื่องนี้มาโพสต์ลงในทวิตเตอร์ เขาก็เพียงขอไม่ให้เธอเปิดเผยตัวตันของเขาเท่านั้นเอง หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เธอทำว่าเธอเปรียบได้กับ “ฮีโร่” และ “ไอดอล” ของสาวๆ ทั้งหลาย ที่หาวิธีแก้เผ็ดได้อย่างเจ็บแสบเอาไม่น้อย …
-
รู้หรือไม่ว่า 8 สิ่งเหล่านี้ สำหรับผู้หญิงในประเทศซาอุฯ ห้ามกระทำโดยเด็ดขาด!!
บางคนอาจทราบกันบ้างแล้วว่าประเทศซาอุดิอาระเบียห้ามไม่ให้ผู้หญิงขับรถแต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวออกมาแล้วว่ากษัตริย์ Salman ได้ทรงอนุมัติให้ผู้หญิงสามารถทำสิ่งนี้ได้แล้ว สร้างความยินดีให้กับทั้งคนในประเทศและทั่วโลก อย่างไรก็ตามผู้หญิงของประเทศนี้ยังคงต้องใช้ชีวิตภายใต้ “ระบบการปกครองโดยเพศชาย” อยู่ ซึ่งทำให้คนที่เป็นสามี ลูกชาย หรือพ่อพวกเธอเป็นคนควบคุมอิสระต่างๆ เกือบทุกเรื่องในชีวิต ฉะนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึง 8 ข้อห้ามที่ผู้หญิงในประเทศนี้ไม่สามารถตัดสินใจลงมือทำได้ด้วยตัวเอง มาดูกันดีกว่าว่าจะมีอะไรกันบ้าง การแต่งงาน การแต่งงานของพวกเธอต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองเท่านั้น หากต้องการจะแต่งงานกับชาวต่างชาติก็จะต้องได้รับอนุมัติจากกระทรวงกิจการภายในประเทศ ที่สำคัญคือการแต่งงานกับคนที่ไม่ได้เป็นชาวมุสลิมแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เปิดบัญชีธนาคารเป็นของตัวเอง เนื่องจากประเทศนี้มีเพียงไม่กี่อาชีพที่ผู้หญิงสามารถทำได้โดยไม่ต้องให้ผู้ชายอนุญาตก่อนอย่างเช่น งานผู้ช่วยร้านค้าหรือการขายของในตลาดนัด จึงทำให้พวกเธอไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารเป็นของตัวเองได้โดยไม่ได้รับอนุญาต การแบ่งสัดส่วนอย่างเท่าเทียม ตามกฎหมายแล้วผู้หญิงจะมีสิทธิ์เท่ากับครึ่งหนึ่งของผู้ชาย และนั่นจึงทำให้พวกเธอได้รับมรดกเพียงแค่ครึ่งเดียวของที่พี่น้องผู้ชายเธอได้รับ แสดงให้เห็นความไม่เท่าเทียมกันอย่างชัดเจน การเดินทาง พาสปอร์ตและบัตรประจำตัวของผู้หญิงจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ดูแลฝ่ายชายของเธอซะก่อนถึงจะสามารถมีได้ และไม่อนุญาตให้พวกเธอออกจากบ้านไปเพียงลำพัง การแต่งกายตามที่ตัวเองต้องการ การแต่งตัวเพื่อความสวยงามเป็นสิ่งผิดกฎหมายประเทศนี้ผู้หญิงต้องใส่ชุดอาบายา (Abaya) เพื่อปกปิดร่างกายเวลาที่ออกมาข้างนอกเท่านั้น แต่ปัจจุบันเรื่องของสีสัน การตกแต่ง และรูปแบบของผ้าคลุมศีรษะสำหรับชุดดังกล่าวก็เริ่มปล่อยให้มีความหลากหลายมากขึ้นแล้ว การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชาย การพูดคุยหรือใช้เวลาร่วมกันชายคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวจะมีช่วงเวลาที่จำกัด ในที่สาธารณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือมหาวิทยาลัยก็จะแบ่งเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งสำหรับการมานั่งเป็นครอบครัว อีกส่วนแบ่งไว้ให้สำหรับผู้ชายเท่านั้น การรักษาทางการแแพทย์ที่สำคัญต่อชีวิต ทั้งกระบวนการหรือการผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตของผู้หญิงจะต้องมีลายเซ็นของผู้ชายที่มีความสัมพันธ์กันก่อน ถึงจะสามารถเริ่มการรักษาได้…
-
พ่อพระของเหล่าสุนัข ผู้ช่วยเหลือพวกมันมาแล้วกว่า 700 ตัว ตลอดระยะเวลา 8 ปี
สุนัขจรจัดสามารถพบเห็นได้ทั่วไปและยังคงมีอยู่ในทุกประเทศซึ่งน้อยครั้งที่จะเห็นว่าพวกมันได้รับการช่วยเหลือหรือถูกเก็บไปเลี้ยง เพราะทุกคนต่างมีเหตุผลที่พามันกลับไปด้วยไม่ได้กันทั้งนั้น แต่ไม่ใช่สำหรับหนุ่มชาวจีนชื่อ Zhou Yusong ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองเจิ้งโจว และเปรียบได้กับ “พ่อพระของเหล่าสุนัข” คอยช่วยเหลือพาพวกมันกลับไปดูแลตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ด้วยระยะเวลาอันยาวนานหากลองนับดูพบว่าเขาได้ช่วยน้องหมาจรจัดไปมากกว่า 700 ตัวแล้ว แทบจะเรียกได้ว่าถ้าเดินไปในเมืองที่เขาอาศัยอยู่เราคงจะแทบไม่เห็นพวกมันมาอยู่ตามท้องถนนแน่ๆ เห็นอาหารละมากันไวเลยนะ จุดเริ่มต้นมาจากในปี 2008 ที่เขาไปเจอน้องหมานอนบาดเจ็บคล้ายกับถูกรถชนอยู่ข้างถนนโดยไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลย ยกเว้นชายคนนี้ที่รีบพามันไปโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงใกล้ๆ ในทันที ในตอนนั้นเขามีเพียงอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ จึงคิดว่าถ้าจะพามันกลับไปอยู่ด้วยคงไม่สะดวกเท่าไหร่ เลยตัดสินใจพามันไปไว้ที่สถานรับเลี้ยงดูสุนัขแทน แต่เมื่อไปถึงเขาก็รู้สึกตกใจกับจำนวนที่ของหมาจรจัดที่มีอยู่แล้วเยอะมาก จากนั้นมาเขาจะบริจาคเงินให้กับสถานรับเลี้ยงดูเป็นเงินประมาณ 1,000 บาททุกเดือนสำหรับค่าอาหารและค่ารักษาของเหล่าสุนัข ตัวไหนไม่อิ่มก็กินเข้าไปเยอะๆ ได้เลย แต่เขาก็คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่มันยังไม่เพียงพอจึงไปชวนเพื่อนคนหนึ่งลงทุนเปิดศูนย์ให้ความช่วยเหลือสุนัขจรจัดขึ้นมาเอง จากงบประมาณกว่า 4 ล้านบาทสิ่งที่เขาต้องการก็กลายเป็นจริง ตั้งอยู่ฝั่งแม่น้ำฮวงโห หลังจากนั้นเขาก็ลาออกจากงานเพื่อให้สามารถมาดูแลเหล่าสุนัขได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงปัจจุบันเขาไม่หยุดพักเลยแม้แต่วันเดียว ระยะเวลาเกือบ 3,000 วันที่เขาต้องดูแลน้องหมาไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยหรือท้อถอยกับสิ่งที่ได้ทำอยู่เลย นอกจากนั้นเขายังประหยัดค่าใช้จ่ายโดยการทำทุกอย่างด้วยเองเช่นซ่อมกรงหรืองานทำความสะอาดทุกอย่าง ลงงานทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ชายผู้ทำงานหนักคนนี้แม้ว่าจะมีสิ่งที่ต้องให้ทำเยอะแค่ไหนแต่เขาก็จะหาเวลาสำหรับการอยู่ร่วมกันระหว่างตัวเองกับเหล่าสุนัข เล่นกับพวกมันหรือไม่อย่างน้อยที่สุดก็จะลูบหัวมันเบาๆ เพื่อสื่อให้น้องหมารู้ว่าเขารักพวกมันมากขนาดไหน งานหนักเพียงใด เขาก็ไม่ลืมที่จะให้ความรักกับพวกมัน …
-
ศาลจีนปรับกระบวนการ คู่รักต้องทำข้อสอบการหย่าก่อน และต้องสอบตกเท่านั้นถึงจะหย่าได้
ทุกวันนี้อัตราการหย่าร้างของคู่สามีภรรยายุคใหม่กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก สาเหตุอาจเป็นเพราะค่านิยมที่เปลี่ยนไป ทำให้พวกเขากล้าที่จะแยกทางเมื่อพบว่าคู่รักของตนไม่ใช่คนที่พวกเขาตามหาอีกต่อไป แต่บางครั้งการหย่าร้างก็เป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ ด้วยเหตุนี้ศาลในประเทศจีนจึงได้ปรับกระบวนการใหม่เพื่อให้คู่รักได้ไตร่ตรองความคิดของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยการให้คู่รักทั้งสองทำข้อสอบหนึ่งชุดก่อนทำการหย่า ข้อสอบดังกล่าวเป็นไอเดียของ หวังฉีหยู่ ผู้พิพากษาของศาลประชาชนในเขตหยีปิน มณฑลเสฉวน ประเทศจีน โดยข้อสอบจะถูกแบ่งออกเป็นสามพาร์ทได้แก่ พาร์ทเติมคำในช่องว่าง พาร์ทตอบคำถามสั้นๆ และพาร์ทเขียนเรียงความ ซึ่งทั้งสามพาร์ทเมื่อรวมกันแล้วจะมีคะแนนเต็มอยู่ที่ 100 คะแนน โดยคำถามภายในข้อสอบประกอบไปด้วยคำถามเกี่ยวกับคนรักและครอบครัวอย่างเช่น “คนรักของคุณชอบทานอะไร?” “วันเกิดของพ่อแม่คนรักคือวันที่เท่าไหร่” รวมทั้งคำถามที่ต้องใช้ความคิดหน่อยอย่างเช่น “สำหรับคุณ ครอบครัวและการแต่งงานหมายถึงอะไร” ซึ่งเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมามีคู่รักคู่หนึ่งมายื่นคำร้องขอหย่าต่อศาล และพวกเขาก็ได้เป็นคู่รักคู่แรกที่ได้ทำแบบทดสอบ ผลปรากฏว่าศาลได้ปฏิเสธคำร้องขอหย่า เพราะพวกเขาทำคะแนนได้เกิน 80 คะแนน ศาลกล่าวว่าคู่รักต้องทำคะแนนได้น้อยกว่า 60 คะแนนเท่านั้นศาลจึงจะอนุญาตให้หย่า ผู้พิพากษาหวังกล่าวว่าจุดมุ่งหมายของข้อสอบคือการชี้แจงปัญหาและความแตกต่างของคู่รักก่อนที่เขาจะทำการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต และหากพวกเขายังสามารถทำคะแนนได้ดีนั่นหมายความว่าพวกเขาอาจยังมีความรักหลงเหลืออยู่ อย่างไรก็ตามทางผู้พิพากษาหวังไม่ได้อธิบายว่าพวกเขามีวิธีคิดคะแนนอย่างไร ฉะนั้นใครคิดจะตั้งใจทำให้คะแนนน้อยๆ อาจไม่ง่ายอย่างคิด ที่มา Dailymail
-
ชมภาพวิวาห์อันชื่นมื่นเมื่อ “คู่รักเพศเดียวกัน” ในเยอรมนีได้แต่งงานกันเป็นครั้งแรก!!
พูดถึงความรักระหว่างหญิงและชายมันถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเป็นรักของเพศที่สามหรือความรักระหว่างเพศเดียวกัน นั่นอาจจะทำให้บางคนไม่ยอมรับ บางครอบครัวที่มีลูกรักในเพศเดียวกันก็พยายามกีดกันความรักของพวกเขาทุกวิถีทาง แต่ในเมื่อความรักไม่มีเส้นแบ่งพรมแดน เชื้อชาติ วัฒนธรรม ระยะทาง หรือภาษาได้ แล้วทำไมเราถึงก้าวข้ามเส้นแบ่งเรื่องเพศไม่ได้ล่ะ? เราจะเห็นได้ว่าในบางประเทศนั้นมีการออกกฎหมายไม่อนุญาตให้เพศที่สามสามารถแต่งงานกันได้ แต่นั่นไม่ใช่กับประเทศเยอรมนี เพราะในตอนนี้เยอรมนีอนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้โดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว วันที่ 1 ตุลาคม 2560 ทางสำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่าสำนักงานทะเบียนบางแห่งในเยอรมันเปิดรับจดทะเบียนพิเศษ หลังมีการประกาศใช้กฎหมายอนุญาตให้แต่งงานระหว่างเพศเดียวกันได้เป็นครั้งแรก ด้านคู่รักเกย์ต่างก็พากันจูงมือไปจดทะเบียนสมรส เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการมีผลบังคับใช้ของกฎหมายใหม่ที่แสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมกันของคู่รักเพศที่สาม สำหรับกฎหมายฉบับใหม่ที่อนุญาตให้คู่รักเกย์หรือเลสเบี้ยนแต่งงานกันได้นั้น ส่งผลให้คู่รักได้รับสิทธิประโยชน์ในด้านภาษี การรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมให้มีความเท่าเทียมกับคู่รักเพศตรงข้าม โดยตั้งแต่ปี 2001 เยอรมนีอนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนกันได้ แต่พวกเขากลับไม่ได้มีสถานะสมรสกัน จากการรายงานระบุว่า รัฐสภาเยอรมนีได้อนุมัติกฎหมายการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังนาง Angela Merkel นายกรัฐมนตรีเยอรมัน ให้เลือกลงมติเห็นชอบหรือคัดค้านได้ตามอิสระ เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับคู่รักเพศเดียวกันมากจริงๆ ซึ่งเราก็ต้องขอแสดงความยินดีกับนาย Karl กับ Bodo คู่รักเพศเดียวกันชาวเยอรมันที่ได้พากันไปจดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังได้ครองรักร่วมกันมาเป็นเวลานานกว่า 38 ปี ในที่สุดความฝันที่จะได้แต่งงานกันของพวกเขาเขารวมถึงคู่รักเพศเดียวกันคู่อื่นๆ…
-
นักเรียนญี่ปุ่นถีบ-กระชากคอเสื้ออาจารย์ หลังโดนยึดแท็บเลต กลายเป็นประเด็นร้อนแรง!!
สำหรับโรงเรียนในประเทศญี่ปุ่นหลายๆ แห่งแล่ว พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักเรียนเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปล่อยให้เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการแอบงีบหลับหรือการกลั่นแกล้งกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคลิปวิดีโอความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้องเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายฟุกุโอะกะ ถึงได้กำลังเป็นกระแสอย่างหนักอยู่ในตอนนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อโรงเรียนนี้อนุญาตให้นักเรียนใช้แท็บเล็ตเพื่อช่วยในการเรียนรู้ แต่มีเด็กคนหนึ่งกลับใช้มันเปิดหนังดูในห้องซึ่งเป็นสิ่งที่ออกจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เมื่ออาจารย์วัย 23 ปีที่กำลังทำการสอนอยู่เห็นเข้าจึงได้ตักเตือนเด็กคนนั้นอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดเมื่อคำเตือนของเขาใช้ไม่ได้ผล ก็เลยยึดเอาแท็บเล็ตของเด็กคนนั้นมาแทน สิ่งที่เขาทำลงไปสร้างความไม่พอใจให้เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างมาก เขาจึงเดินเข้าไปหาคุณครูเพื่อหวังจะเอาแท็บเล็ตคืนมา แต่อาจารย์คนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรและยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกโมโหมากยิ่งกว่าเดิม ถึงขนาดที่ว่าเขาถีบไปที่หลังครูคนนั้นถึง 4 ครั้งด้วยความแรงที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องคนอื่นกลับนั่งหัวราะและให้กำลังใจกับสิ่งที่เขาได้ทำ ปล่อยลูกถีบใส่อาจารย์ขณะที่คนอื่นๆ ก็นั่งหัวเราะกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อครู และอาจจะชกต่อยไปแล้วถ้าหากว่าอาจารย์คนนั้นไม่ได้ส่งเสียงร้องประท้วงออกมาซะก่อน กระชากคอเสื้อจนอาจารย์ต้องส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะถูกต่อย คลิปวิดีโอนักเรียนถีบอาจารย์ คลิปดังกล่าวมียอดวิวรวมกันกว่า 1.2 ล้านครั้งทั้งในญี่ปุ่นเองและจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก ถึงแม้ชื่อคลิปจะเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่เชื่อว่าชาวต่างชาติที่ไม่เข้าใจภาษานี้ก็พอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นนี้โรงเรียนเลือกที่จะไม่แจ้งความกับตำรวจ เพราะเห็นว่าครูคนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายอะไร แต่การตัดสินใจของโรงเรียนและคลิปที่เผยแพร่ออกมาก็สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ตอย่างมาก “เป็นความผิดของเด็กลงมือและนักเรียนคนอื่นที่นั่งหัวเราะอยู่ ทางโรงเรียนควรรายงานเรื่องนี้ให้กับตำรวจ” “ผู้ปกครองของเด็กคนนั้นคงจะเป็นยากูซ่า” “นี่ไม่ควรที่จะรายงานตำรวจหรอ? นักเรียนมัธยมควรได้เข้าใจว่าความรุนแรงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ปล่อยให้เด็กถูกจับไปเลย!!” “ลืมเรื่องที่ตำรวจจะมาจับเด็กคนนี้ไปเลย เพราะแม้แต่นักเรียนคนอื่นที่ไม่ลงมือทำอะไรก็สมควรถูกต่อว่าเหมือนกัน มันหมดยุคสมัยที่ลูกศิษย์จะเคารพอาจารย์ไปนานแล้ว” …
-
แม้จะผ่านไป 600 ปี แต่นาฬิกาดาราศาสตร์ในกรุงปราก ก็ยังไม่เคยหยุดเดินเลยแม้แต่วันเดียว
เพื่อนๆ รู้ไหมว่านี่เรากำลังรับชมภาพที่น่าตื่นเต้นของ หอนาฬิกาดาราศาสตร์ (Old Town Astronomical Clock) ที่ขึ้นชื่อได้ว่าสวยงามที่สุดในโลกอยู่นะ เรียกได้ว่ามันช่างน่าอัศจรรย์ และอลังการงานสร้างมากจริงๆ สำหรับหอนาฬิกาดาราศาสตร์แห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณเมืองเก่ากลางกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ที่นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ยังถือเป็นหนึ่งในจุดที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดที่จะบันทึกภาพถ่ายอันแสนประทับใจของหอนาฬิกา เพื่อเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกอย่างแน่นอน ย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 15 มีตำนานหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนาฬิกาดาราศาสตร์ โดยตามตำนานเรื่องหนึ่งกล่าวว่าผู้ที่สร้างหอนาฬิกาดังกล่าวคือ อาจารย์ Hanuš ซึ่งผลงานชิ้นเอกของเขานี้ก็ได้สร้างความโดดเด่นให้กรุงปรากเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่พวกผู้ครองเมืองกลัวว่าเขาจะสร้างนาฬิกาในลักษณะเดียวกันในที่อื่นๆ อีก และมันก็อาจจะแย่งชื่อเสียงของกรุงปรากไป ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้พวกเขาเริ่มคิดหาวิธีที่จะกำจัดความเป็นไปได้ดังกล่าว ด้วยการจ้างคนกลุ่มหนึ่งมาทำร้ายและทำให้อาจารย์ Hanuš ตาบอด อย่างไรก็ตามตำนานเรื่องนี้ได้จบลงด้วยการเอาคืนของ Hanuš โดยเขาได้กลับไปยังหอนาฬิกาและใช้มือล้วงเข้าไปในจักรนาฬิกา พร้อมกับทำลายมันให้สิ้นซาก ก่อนที่นาฬิกาจะถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งในเวลา 100 ปีต่อมา ทั้งนี้มีการเผยว่าตำนานของ Hanuš แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่นิทาน แต่ Hanuš นั้นมีตัวตนอยู่จริง และเป็นช่างทำนาฬิกาในกรุงปรากช่วงปี 1475 ถึง 1497 ซึ่งก็เป็นเวลาหลายปีที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเขาเป็นคนสร้างนาฬิกาดาราศาสตร์นี้ขึ้นมา ขณะเดียวกันการค้นคว้าเมื่อเร็วๆ…
-
ตำรวจนิวยอร์กจับกุมสาววัย 18 ปี ใส่กุญแจมือ พาไปยังที่ลับตาคน แล้วลงมือข่มขืน…
เราทุกคนรู้ดีว่าตำรวจมีหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองประชาชนและบ้านเมืองให้อยู่ในความสงบ แต่บางครั้งก็อาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไปเพราะเจ้าหน้าที่กลายเป็นคนก่อคดีขึ้นมาซะเอง เมื่อหญิงสาววัย 18 ปีแจ้งว่าถูกตำรวจแห่งเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา 2 นาย ข่มขืนเธอหลังจากที่เธอถูกจับกุมตัว เธอเล่าว่าในวันนั้นช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาเธอกำลังขับรถเล่นอยู่กับเพื่อนอีก 2 คนบริเวณเกาะ Coney พื้นที่ของนิวยอร์ก หลังจากนั้นก็มีตำรวจมาดึงเพื่อนของเธอออกไปเพราะถูกสงสัยว่าครอบครองสารเสพติดผิดกฎหมายเอาไว้ ต่อมาตามที่เธอได้บอกกับทนายของเธอ Michael David เล่าว่าหญิงสาวถูกจับใส่กุญแจมือและนั่งรถอยู่กับตำรวจสองนายที่พาเธอไปที่ลับตาคน หลังจากนั้นก็บังคับเธอให้มีอะไรกับพวกเขา หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาเธอก็เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง ไม่ใช่เพียงแค่ร่างกายของเธอที่ได้รับผลกระทบแต่ที่สำคัญคือเรื่องของจิตใจ เธอบอกว่า “การถูกข่มขืนในครั้งนั้นกระทบกระเทือนต่อจิตใจฉันอย่างมาก ตอนนี้ทุกครั้งที่ฉันมองเห็นคนใส่ชุดตำรวจก็จะรู้สึกกลัวไปหมด” ในขณะนี้ คดีที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ในช่วงตรวจสอบภายในและตำรวจทั้ง 2 กับผู้บังคับบัญชาของเขาก็ได้ถูกยึดตราและปืนเอาไว้ ระหว่างช่วงที่ยังคงสอบสวนคดีนี้อยู่ แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็คือนายตำรวจ 2 คนนั้นยอมรับว่ามีอะไรกับเธอจริง แต่บอกว่าไม่ใช่การข่มขืนแต่เป็นการยินยอมของทั้งสองฝ่าย คำให้การพวกเขาทำให้กรมตำรวจนิวยอร์กออกมาพูดว่า “ปัจจุบันคดีนี้อยู่ระหว่างดำเนินการและสืบสวนว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของยาเสพติดที่มีอยู่ทางตอนใต้ของ Brooklyn” คงต้องรอดูต่อไปว่าแท้จริงแล้วคดีนี้จะเกิดจากความผิดของใครกันแน่ เพราะหากเจ้าหน้าที่ผู้ปกป้องไปก่อคดีร้ายแรงซะเอง คงจะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างมากแน่นอน ที่มา: independent
-
ชายผู้เกิดมาไม่มีแขนและขา แต่เรียนรู้ทุกสิ่งด้วยตัวเอง จนได้เป็น “ช่างภาพมืออาชีพ”
ถ้าเลือกเกิดได้ทุกคนคงอยากจะเกิดมาสมบูรณ์แบบกันอยู่แล้ว คงไม่มีใครอยากจะเกิดมาจน หรือเป็นคนพิการหรอก และเมื่อชีวิตจริงมันไม่ได้เป็นดั่งฝัน ดังนั้นทุกคนก็จะต้องดิ้นรนและสู้ชีวิตกันต่อไป เหมือนดังเช่น Achmad Zulkarnain ชายชาวอินโดนีเซีย ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นคนพิการไม่มีแขนขามาตั้งแต่กำเนิด แต่อย่างน้อยเขากลับไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา จนสามารถก้าวเข้ามาสู่การเป็นช่างภาพมืออาชีพที่สร้างผลงานเจ๋งๆ เอาไว้มากมาย สำหรับ Achmad หรือชื่อในวงการเรียกว่า DZOEL เขาเริ่มหันมาสนใจการถ่ายภาพในขณะทำงานอยู่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ที่มีบริการถ่ายภาพ และนั่นจึงทำให้เขาได้ตัดสินใจซื้อกล้อง พร้อมกับพยายามเรียนรู้และพัฒนาในสิ่งที่สนใจอยู่เสมอ จนในที่สุด Achmad ก็เริ่มกลายเป็นที่รู้จักในฐานะช่างภาพและนักแต่งภาพ แถมยังเป็นครูสอนถ่ายภาพอีกด้วย “ผมมีวิธีการทำงานในแบบของผมเอง แม้ผมจะไม่มีนิ้วมือ แต่ก็สามารถปิดเปิดกล้องด้วยปาก และใช้ผิวหนังบริเวณแขนเพื่อกดชัดเตอร์” Achmad กล่าว นอกจากนี้ เขายังสามารถขับรถยนต์แบบโกคาร์ทที่เพื่อนๆ และครอบครัวช่วยกันออกแบบและสร้างให้เขา คุณสามารถรู้จักเขาผ่านทางเป็นคลิปวีดีโอความยาว 2 นาทีนี้ได้เลย และนี่คือตัวอย่างภาพผลงานของเขา . . . . . . . . . คุณสามารถเข้าไปติดตามและรับชมผลงานภาพถ่ายสวยๆ…
-
คุณแม่เปลี่ยน “แคม” ส่วนเกินที่ถูกตัดออก มาทำเป็นเครื่องประดับ ชาวเน็ตถกเถียงกันมันส์
นี่คือเรื่องราวของ Tracy Kiss อดีตนางแบบและคุณแม่ลูกสองวัย 29 ปี จากบักกิงแฮมเชอร์ ประเทศอังกฤษ ผู้ที่เคยประสบปัญหาแคมเล็กยื่น ส่งผลให้เธอได้รับความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดมาตลอดชีวิต แต่ภายหลังจากที่ Tracy ได้เข้ารับการทำศัลยกรรมผ่าตัดตกแต่งแคม (เนื้อส่วนเกินของอวัยวะ) ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ความทุกข์ทรมานในระยะยาวที่เธอได้พบก็สิ้นสุดลง “สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันทำให้ฉันพลาดอะไรหลายๆ อย่างที่ฉันรัก และสนใจไปมากมาย อีกทั้งยังต้องมาคอยกังวลเกี่ยวกับการสวมใส่เสื้อผ้าที่แน่นเกินไป การออกกำลังหาย รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ด้วย และฉันคิดว่าผู้หญิงหลายๆ คน คงประสบกับปัญหานี้เช่นกัน” Tracy กล่าว เมื่อเดือนธันวาคม 2016 ที่ผ่านมา Tracy ก็ได้เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งแคมเจ้าปัญหา และนั่นก็ส่งผลให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปในทันที ภายหลังจากที่ได้รับการผ่าตัด Tracy ได้ตัดสินใจที่จะเก็บชิ้นส่วนของแคมเอาไว้ เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าเธอเคยได้รับความทุกข์ทรมาน และความเจ็บปวดจากเจ้าแคมส่วนเกินนี้ อย่างไรก็ตาม ชิ้นส่วนของเนื้อเยื่อที่เธอได้เก็บเอาไว้ในขวดนั้น ได้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทา และเริ่มมีรอยเหี่ยวย่น นั่นจึงทำให้ Tracy ได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิดโดยการนำไปสร้างสรรค์ให้กลายเป็นเครื่องประดับสุดจี๊ดซะเลย ทางด้าน…
-
ชาวเน็ตซึ้งใจ… อาจารย์พาแม่วัยชรามาสอนด้วย เพราะอยากอยู่เคียงข้างคุณแม่ให้มากที่สุด..!!
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่กำลังได้รับการสรรเสริญจากชาวเน็ตในประเทศจีน หลังจากที่สำนักข่าว Beijing Youth Daily ได้นำเสนอเรื่องราวของอาจารย์ Hu Ming วัย 58 ปี ผู้มีความกตัญญูไม่ทอดทิ้งมารดาที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ แม้ว่าเรื่องราวดังกล่าวจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2016 แต่ไม่น่าเชื่อว่าความซาบซึ้งใจที่เกิดจากความกตัญญูของอาจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ จะยังคงถูกแชร์และเล่าต่อบนโลกโซเชียลของจีนมาจนถึงตอนนี้ คุณแม่วัย 85 ปี ผู้ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ เธอไม่สามารถจดจำใครได้… นอกจากลูกชายของเธอเพียงคนเดียว ชาวเน็ตผู้เผยแพร่เรื่องราวดังกล่าวบนเว็บไซต์ Weibo ได้เขียนอธิบายไว้ว่า.. “วันนี้เรามาเข้าเรียนตามปกติ แล้วเราก็สังเกตเห็นหญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่หลังห้อง จากนั้นเราถึงได้รู้ว่าเธอคือคุณแม่ของอาจารย์ Hu และอาจารย์ก็อธิบายให้พวกเราฟังว่า เขาไม่สามารถทิ้งคุณแม่ไว้เพียงลำพังได้” จากการสืบประวัติของชาวเน็ตพบว่า บิดาของอาจารย์เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2011 และปัจจุบันอาจารย์อาศัยอยู่กับคุณแม่วัย 85 ปี ซึ่งเธอป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ เธอเริ่มสูญเสียความทรงจำหลายๆ อย่าง และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องอยู่เคียงข้างคุณแม่ตลอดเวลา อาจารย์ Hu ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า ตัวเขาเองยังไม่สามารถเกษียณได้เนื่องจากอายุยังไม่ครบกำหนด เขาจึงไม่สามารถยื่นเรื่องขอลาไปดูแลบุพการีได้ แน่นอนว่าคุณงามความดีของอาจารย์ ก็ได้สร้างความประทับใจให้แก่ชาวเน็ตทั่วไปโลก… “นับว่าเขาคือตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่นๆ และก็เป็นตัวอย่างการสอนอีกหนึ่งอย่างที่ีดีต่อตัวนักเรียนมากเช่นกัน”…
-
ราวกับปาฏิหาริย์ เมื่อคุณแม่วัย 42 ปี และลูกสาววัย 21 คลอดลูกพร้อมกัน!!
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ ส่วนมากมักจะเกิดจากการกระทำของมนุษย์ทั้งนั้น ซึ่งแต่ละเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นให้ผลที่แตกต่างกันไป ตามสิ่งที่ได้ทำลงไป เรื่องราวที่สุดแสนจะบังเอิญนี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเมือง Konya ในประเทศตุรกี เมื่อมีการให้กำเนิดเด็กน้อยพร้อมกัน 2 คน และที่บังเอิญไปกว่านั้นก็คือคุณแม่สองคนที่มาคลอดนั้นเป็นแม่ลูกกัน!! Fatma Birinci อายุ 42 ปี และ Gade Birinci อายุ 21 ปี ได้เข้ามาทำการคลอดลูกในโรงพยาบาลเดียวกัน วันและเวลาเดียวกัน แถมยังได้ลูกชายเหมือนกันด้วย เด็กน้อยทั้งสองที่เพิ่งลืมตาขึ้นได้รับการตั้งชื่อว่า Recep กับ Tayyip ตามชื่อแรกของประธานาธิบดีของตุรกี เด็กชาย Recep ลูกชายของคุณแม่ Fatma เด็กชาย Tayyip ลูกของ Gade Erkan Atas หัวหน้าแพทย์ของโรงพยาบาลเข้าเยี่ยมแม่ลูกที่คลอดพร้อมกัน แล้วบอกว่านี่คือปาฏิหาริย์ชัดๆ Fatma และ Gade ได้ลี้ภัยจากสงครามกลางเมืองซีเรียเข้ามาอาศัยในประเทศตุรกีเป็นเวลา 3 ปีแล้ว…
-
จัดไปชุดใหญ่ไฟกระพริบ!! เมื่อตำรวจเข้าผับแต่ไม่ได้มาสั่งปิด โดดเข้าบูธดีเจไปเปิดแผ่นซะงั้น
เหล่านักดื่มผู้ชื่นชอบการเที่ยวกลางคืนทั้งหลายอาจต้องเจอกับคุณตำรวจเดินเข้ามาในสถานบันเทิงแล้วบอกให้ปิดเพลง จบความสนุกของเราเอาไว้แต่เพียงเท่านั้น ทำเอาเซ็งกันไปหมด แต่เหตุการณ์นี้กลับต่างกันออกไปเมื่อเจ้าหน้าที่ไม่ได้เข้ามาเพื่อทำสิ่งนั้น เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าง Benjamin Simmons กลายมาเป็นดีเจไม่ได้รับเชิญอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เขาผู้อยู่ในกรมตำรวจ West Midlands ได้ขึ้นไปรีมิกซ์เพลงที่ชื่อว่า Sound of Da Police ซึ่งเนื้อหามีความขัดแย้งกับงานที่เขาทำอยู่เล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถสร้างความสนุกสนานให้กับทุกคนได้อย่างมาก The strangest thing just happened! Massive shoutout to the coolest police force! @SaferStudents @WMPolice pic.twitter.com/EQRtBNwBCT — PRYZM Birmingham (@PryzmBirmingham) September 29, 2017 สามารถดูวิดีโอตำรวจเปิดแผ่นแบบเต็มๆ ได้ที่ PRYZM Birmingham ภาพของดีเจจำเป็นนี้ถูกโพสต์ลงในทวิตเตอร์คลับ PRYZM Birmingham ทำให้ชาวเน็ตหรือแม้แต่เจ้าของคลับต้องตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ และพากันชื่นชมความเท่ห์ของเขาอีกด้วย ต่อมาทางสถานีตำรวจก็ได้ออกมาชี้แจงว่าชายคนนี้และเพื่อนร่วมงานของเขา เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ตั้งขึ้นมาใหม่ชื่อว่า Safer Student ที่จะช่วยให้คำแนะนำกับวัยรุ่นมหาลัยได้ใช้ชีวิตกันอย่างปลอดภัย จัดไปชุดใหญ่ เหนียวไก่ใส่กระติ๊บ!!…
-
สาวถูกทางบริษัทไล่ออกจากงาน เหตุเพราะถ่ายภาพพรีเวดดิ้งอวดเรือนร่างโดยไม่แคร์สื่อ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลายคนคงจะได้เห็นภาพถ่ายพรีเวดดิ้งของคู่รักต่างไซส์รักหว่าง Stephanie และ Arryn โดย Bria Terry ช่างภาพจากสตูดิโอ Wolf & Rose Photography ผ่านตากันมาบ้างแล้ว ซึ่งผลงานภาพถ่ายที่ออกมานั้นก็ได้กลายเป็นประเด็นฮอตที่โดนใจชาวเน็ตอย่างมาก เพราะฝ่ายเจ้าสาวร่างอวบ อยากถ่ายภาพพรีเวดดิ้งของตัวเองโดยที่ไม่จำเป็นต้องรีทัชเหมือนภาพถ่ายทั่วๆ ไป เพราะเธอรู้สึกพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น สำหรับภาพถ่ายเซตดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสไวรัลที่โด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว เพราะมันได้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและการโชว์เรือนร่างเปลือยท่อนบนของพวกเขา ที่ดูแล้วเต็มไปด้วยอารมณ์รักสุดเร่าร้อน เมื่อมองเป็นศิลปะมันก็คือฉากรักที่แสนโรแมนติกและงดงาม แม้ว่าภาพถ่ายเซตนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันอาจไม่เป็นที่ถูกใจสำหรับทุกคนเสมอไป เพราะล่าสุด (29 กันยายน 2560) ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า หลังจากที่ภาพพรีเวดดิ้งของ Stephanie และคู่หมั้นของเธอได้ถูกเผยแพร่ลงบนอินเตอร์เน็ตจนโด่งดังไปชั่วข้ามคืน เธอก็ถูกทางบริษัทที่ทำงานอยู่ไล่ออกด้วยเหตุผลที่ว่าภาพถ่ายพรีเวดดิ้งเปลือยท่อนบนโชว์เรือนร่างกับคู่หมั้นแบบไม่แคร์สื่อนั้นมันดู “ไม่เหมาะสม” ทางด้าน Stephanie ได้ออกมาเผยว่า Austin Bank เจ้านายของเธอรู้สึกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้คนที่เห็นภาพถ่ายของเธอและมันก็อาจจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อทางบริษัทได้ “พวกเขาบอกว่ามันดูโป๊เปลือยและไม่เหมาะสมอย่างมาก เพราะทางบริษัทได้มุ่งเน้นไปที่ครอบครัว ฉันทำงานกับบริษัทมามากกว่า 1 ปี และทำงานหนักมาโดยตลอด…
-
อาจารย์ชาวอินเดียวัย 56 ผู้ไม่เคยหยุดเรียนรู้ คว้าใบปริญญามาได้ถึง 145 ใบ ในเวลา 30 ปี
ความรู้เป็นสิ่งที่ไม่มีวันสิ้นสุดและการเรียนรู้ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีคำว่าสิ้นสุดเช่นเดียวกัน เพราะหากคุณยังมีลมหายใจ คุณสามารถเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจไปได้ตลอดชีวิต เหมือนดังเช่น ศาสตราจารย์ วีเอน. พาร์ติบัน (VN Parthiban) อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย ผู้ที่เรียนรู้มาตลอดชีวิตจนสามารถคว้าใบปริญญามาได้นับร้อยใบ!! เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ Odditycentral ได้ยกเรื่องราวที่น่าสนใจของศาสตราจารย์ วีเอน. พาร์ติบัน วัย 56 มาเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ โดยมีระบุว่าภายในระยะเวลา 30 ปี ศาสตราจารย์พาร์ติบันสามารถคว้าใบปริญญาตรีและโทมาได้ถึง 145 ใบ และถึงแม้ว่าในตอนนี้ อายุของเขาจะมากขึ้นและความจำก็เริ่มเลอะเลือน โดยมีปัญหาในการจดจำใบหน้าและลืมเส้นทาง แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เคยคิดที่จะหยุดเรียนเลยแม้แต่น้อย ทางด้านศาสตราจารย์ได้ออกมาเผยว่าใบปริญญาใบแรกของเขานั้นได้มาด้วยความยากลำบาก เพราะในอดีตเขาเป็นคนที่ไม่ใส่ใจการเรียนเลยแม้แต่สอบผิดวิชาก็เคยทำมาแล้ว จึงทำให้ผลการเรียนของเขาค่อนข้างแย่ แต่ภายหลังจากที่เรียนจบเขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกตุลาการที่กระทรวงยุติธรรม และแล้วเข้าก็รู้สึกว่าอยากจะเรียนหนังสืออีกครั้งเพราะเห็นมหาวิทยาลัยเปิดสอนวิชาที่น่าสนใจมากมาย นั่นทำให้เขาได้ตัดสินใจกลับไปเรียนปริญญาโทต่อพร้อมกับเรียนหลักสูตรอื่นๆ ที่สนใจไปเรื่อยๆ จนสามารถคว้าใบปริญญาครั้งที่ 1 2 3 มาจนถึงครั้งที่ 142 ได้สำเร็จ “หลังจากที่ได้รับใบปริญญาตรีใบแรก ผมก็เริ่มสมัครเรียนหลักสูตรอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองการโอนย้าย เพื่อเรียนหลายๆ หลักสูตรในช่วงเวลาเดียวกันได้ และในช่วงเวลา…
-
ชีวิตพลิกผันของ “สาวล้างจาน” ถูกแมวมองทาบทามสู่การเป็นนางแบบบนเวทีระดับโลก
จะว่าไปชีวิตของคนเรานี่มันไม่มีอะไรแน่นอนเหมือนกันนะ บางคนจากที่เป็นยาจกอยู่ดีๆ ก็ถูกชะตาฟ้าลิขิตให้ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จนกลายเป็นเศรษฐีซะอย่างนั้น บางคนก็โชคชะตาพลิกผัน จากเด็กล้างจานบ้านๆ กลายไปเป็นนางแบบบนเวทีแฟชั่นระดับโลก และนี่คือเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจของ Remington Williams นางแบบสาวจากนครออสตินในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ก่อนหน้านี้เธอก็เป็นเพียงแค่หญิงสาวธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่มีอาชีพเป็นเด็กล้างจานในร้านอาหารท้องถิ่น Chipotle แต่ใครจะรู้ละว่าอีก 12 วันต่อมา เธอจะได้รับโอกาสสุดพิเศษโดยการถูกเชิญชวนไปเป็นนางแบบในสังกัด DNA Models ที่มีเหล่านางแบบชื่อดังมากมาย แถมยังได้เดินบนเวทีแฟชั่นชื่อดังระดับโลกอย่าง New York Fashion Week อีกด้วย ภายหลังจากที่ถูกชักชวนให้ไปเป็นนางแบบ Remington ก็ได้ตัดสินใจบินไปนิวยอร์ก และเซ็นสัญญากับทาง DNA Models ทันที และมันก็ยิ่งเป็นเรื่องบังเอิญเอาไปอีก เพราะในวันนั้นมีการจัดแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ดัง Calvin Klein ในงาน New York Fashion Week 2017 นั่นทำให้ Remington ได้มีโอกาสขึ้นไปเดินแบบเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ ทางด้าน…
-
14 คำศัพท์ที่คนทั่วโลกเข้าใจแบบนึง แต่คนออสเตรเลียเข้าใจอีกแบบ เอ๊า.. ได้ด้วยเหรอ!?
จริงอยู่ที่ออสเตรเลียเป็นอีกประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ทว่าในภูมิภาคหรือวิถีชีวิตที่ต่างออกไป บริบทการใช้คำศัพท์ต่างๆ มันก็ย่อมต่างออกไปเป็นธรรมดา และสำหรับใครที่กำลังมีแพลนจะไปเที่ยวหรือศึกษาต่อที่ออสเตรเลีย วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 14 คำศัพท์ที่ชาวเน็ตทั่วโลกต่างแซวเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าไม่ใช่คนออสซี่จะไม่เข้าใจแบบนี้แน่น๊อนน..!! 1. Barbie ทั่วโลก: ใครๆ ก็เข้าใจว่าคำนี้หมายถึงตุ๊กตายี่ห้อ ‘Barbie’ ที่โด่งดังไปทั่วโลกนั่นแหละ ออสซี่: ถ้าเมื่อไหร่ที่ได้ยินชาวออสซี่พูดถึงคำนี้ ไม่ต้องตกใจว่าเขาจะพูดถึงเรื่องตุ๊กตาทำไมกัน เพราะที่ออสเตรเลีย ‘Barbie’ คือคำย่อที่มาจาก ‘Barbecue'(บาบีคิว) 2. Root ทั่วโลก: พูดถึงคำนี้ก็ต้องคิดถึงราก ไม่ว่าจะเป็นรูทเชิงคณิต รูททางดนตรี หรืออะไรก็ตามแต่… ออสซี่: สำหรับคนที่นี่จะหมายถึงกิจกรรมยามที่คุณได้จบงานกับใครซักคน… (ว่าง่ายๆ ก็คือมีเซ็กส์นั่นแหละ) 3. Doodle ทั่วโลก: ใครๆ ก็ต้องคิดถึงลายเส้นขยุกขยิกที่ดูไม่เป็นระเบียบ เหมือนเด็กขีดๆ เขียนๆ สมุดเล่นยังไงยังงั้น.. ออสซี่: ….จะบอกให้ว่ามันหมายถึง ‘หรรมส์’ นั่นแหละ 4. Piss ทั่วโลก: แน่นอนว่ามันหมายถึงการ ‘ขับปัสสาวะ’…
-
สาวไป “สักที่ตา” แต่เกิดอุบัติเหตุขึ้น พร้อมออกมาเตือนทุกคนว่าอย่าทำตาม เพราะอันตราย!!
ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าเทรนด์การสักที่ ‘ตา’ ดูจะเป็นอะไรที่ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มวัยรุ่นฝั่งตะวันตก และถ้าคิดจะทำละก็… อาจจะต้องลองคิดทบทวนดูใหม่ดีๆ นะ เพราะ Catt Gallinger สาววัย 24 ปี จากเมืองออตตาวา ได้นำเรื่องราวน่ากลัวที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเองมาบอกเล่าเป็นอุทาหรณ์ให้แก่เพื่อนๆ ทุกคน ที่กำลังคิดจะไปสักตาผ่านเว็บไซต์ Buzzfeed Catt Gallinger เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ก่อนเธอได้ไปสักตาเป็นครั้งแรก ซึ่งอันที่จริงมันก็คือการเพิ่มสีไปตรงบริเวณตาขาวนั่นแหละ ทว่าหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน จู่ๆ รอยสักจากนัยตาของเธอก็ดูเหมือนจะติดเชื้อ ถึงขนาดที่ทำให้ตาข้างหนึ่งของเธอไม่สามารถมองเห็นได้เลยทีเดียว หลังจากที่คุณหมอให้การรักษาเธอด้วยการหยอดสเตียรอยด์และแอนตี้ไบโอติกเป็นเวลา 3 สัปดาห์ แพทย์ก็ได้วินิจฉัยว่าเธอเสี่ยงที่จะมองเห็นภาพได้ไม่ชัดไปตลอดชีวิต จากนั้น Gallinger จึงนำเรื่องราวและภาพถ่ายทั้งหมดของเธอมาแชร์บนเฟซบุ๊ก เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้แก่คนอื่นๆ “ฉันไม่ได้แชร์เพราะอยากทำให้มันน่ากลัวหรือต้องการโชว์อะไรหรอกนะ แต่แชร์ไว้เป็นอุทาหรณ์ให้รู้ว่า.. ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนสีเยื่อหุ้มตาของตัวเอง คุณควรที่จะทำการศึกษาเรื่องสีที่ใช้ ความสะอาดของคนทำ และปัจจัยอื่นๆ ให้รอบคอบ ฉันไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก” Gallinger กล่าว อีกทั้งเธอยังย้ำว่า… ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าไปทำมันเลย .…
-
จัดไปครับ…ครูบอกสามารถนำโน้ตขนาด 3×5 เข้าสอบได้ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็น ‘นิ้ว’ หรือ ‘ฟุต’!!
ในบางวิชาที่จะต้องเจอกับสูตรตัวเลขเยอะๆ ชนิดที่ว่าเรียนซ้ำซัก 3 ปีก็คงจะจำไม่หมด ปัจจุบันผู้สอนทั้งหลายก็จะใจดีอนุญาตให้นักเรียนสามารถนำกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ จดข้อมูลบางส่วนเข้าห้องสอบได้ เช่นเดียวกับอาจารย์หนุ่มชื่อว่า Reb Beatty ที่ยอมให้นักเรียนในวิชาบัญชีการเงินของเขาสามารถนำกระดาษโน้ตขนาด 3×5 นิ้วเข้าไปในห้องสอบได้ แต่เมื่อถึงวันสอบเขาก็ต้องพบว่าเขาได้ลืมสิ่งสำคัญไปซะแล้ว เมื่อนักเรียนชายคนหนึ่งของเขาชื่อ Elijah Bowen ได้นำกระดาษโน้ตขนาด 3×5 ฟุตมาในวันสอบด้วย! นั่นมันมากกว่า 10 เท่าที่ควรจะเป็นในความคิดของเขาเลย โต๊ะยังไม่ใหญ่เท่าโน๊ตของไอ้หนุ่มนี่เลย เหตุผลที่นักเรียนคนนั้นทำอย่างนี้ก็เพราะว่าในตอนที่อาจารย์บอกให้นำโน้ตเข้าได้ พูดเพียงว่า “สามารถนำโน้ตขนาด 3×5 เข้าห้องสอบได้นะ” แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าใช่หน่วยวัดเท่ากับเท่าไหร่ ขนาดของกระดาษโน้ตอันมหึมาทำเอาอาจารย์หนุ่มต้องถึงกับกุมขมับ หลังจากนั้นก็รีบไปค้นหาแบบข้อมูลการเรียนการสอนที่แจกให้นักเรียนในต้นเทอมและพบว่าเขาไม่ได้เขียนบอกหน่วยวัดเอาไว้เลย เมื่อเป็นอย่างนั้นจึงทำให้นักเรียนสุดแสบสามารถใช้โน้ตนั้นได้โดยไม่ผิดกฎ สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนภายในห้องโดยเฉพาะกับเจ้าหนุ่มคนนั้น นี่คือหน้าตาของอาจารย์หนุ่มกับลูกๆ ที่น่าร๊ากกก ครูคนนี้ได้สอนวิชานี้ในวิทยาลัย Anne Arundel รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกามานานหลายปีและอนุญาตให้เด็กสามารถนำโน้ตเข้าห้องสอบได้เสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องเจอกับอะไรแบบนี้ ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกยินดีที่ได้เห็นนักเรียนมีความคิดเป็นของตัวเอง มีจินตนาการกล้าคิดนอกกรอบ และเขาก็บอกว่า “ผมชมเชยให้กับคนที่สามารถรับรู้ปัญหาที่มีอยู่ซ้ำๆ นี้ได้ และมีความกล้าที่จะทำสิ่งนั้นออกมาตรงๆ” นับว่าเป็นบทเรียนให้กับความรอบคอบของคุณครูทั้งหลายเลยนะ เพราะจุดเล็กจุดน้อยอาจตามมาด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่าที่คิดไว้เลยก็ได้ ที่มา: buzzfeed
-
แมวน้อยไม่ยอมห่างจากเจ้าของ นอนอยู่ข้าง ‘หลุมฝังศพ’ ไม่มีใครพรากทั้งคู่ให้จากกันได้
หลายคนคงไม่อยากยอมรับกับเรื่องการจากไปของคนที่เรารักและต้องจมอยู่กับความเสียใจไปนาน ไม่ต่างกับเจ้าเหมียวตัวนี้ที่มันเองก็คงจะทำใจไม่ได้เหมือนกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ในงานศพของนาย Ismail Mat วันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ผู้คนที่มาร่วมงานต่างเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของเขารวมถึงสัตว์เลี้ยงแสนรักอีกตัวหนึ่งด้วย เจ้าเหมียวสัตว์เลี้ยงแสนรักของผู้ตาย เมื่อเจ้าเหมียวที่เขาเลี้ยงเอาไว้คงยังไม่พร้อมสำหรับการจากไปในครั้งนี้ เมื่อพิธีในงานเริ่มขึ้นมันก็เดินเข้ามาที่หลุมฝังศพของเจ้าของมัน เกลือกกลิ้งไปมาหรือพยายามขุดดินตรงนั้นไม่ยอมไปไหน เหมือนกับว่าอยากจะปลุกให้เจ้านายลุกขึ้นมาอีกครั้ง มันทำได้เพียงแต่ไว้อาลัย แม้ว่าจะยังทำใจไม่ได้ก็ตาม ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Soffuan CZ เขียนบอกเอาไว้ในโพสต์ว่า “ปู่ของผมเป็นคนเดียวที่คอยดูแลเจ้าแมวมาโดยตลอด” จึงอาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงได้ผูกพันและแสดงออกมาแบบนี้ ผู้คนที่อยู่ในงานพยายามจะอุ้มมันออกไปจากตรงนั้น แต่มันก็ขัดขืนจะอยู่ตรงข้างหลุมศพให้ได้ ภาพที่เห็นทำให้ผู้ร่วมงานต้องรู้สึกซาบซึ้งไปกับความรักที่เจ้าเหมียวมีให้กับผู้ตาย คลิปวิดีโอของเจ้าเหมียว ที่แม้ความตายก็ไม่อาจพรากมันจากเจ้าของได้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคลิปวิดีโอพฤติกรรมของมันได้ถูกเผยแพร่ลงโซเชียลมีเดียในวันต่อมา ก็มีคนเข้ามาชมมากกว่า 6 ล้านครั้ง คอมเม้นท์ต่างๆ มีทั้งไว้อาลัยผู้ตายและรู้สึกเสียใจที่ต้องเห็นเจ้าแมวเป็นอย่างนั้น ยังคงไม่สามารถก้าวไปไหนได้เลย เราคงไม่สามารถไปบังคับให้มันไม่เศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เพราะมันก็ยังคงมีความผูกพันกับเจ้านายของมันไม่ต่างกับผู้ร่วมงานคนอื่นหรอก ที่มา: nextshark
-
ชายหนุ่มผู้เปลี่ยน “รองเท้าแตะเก่า” ให้กลายเป็น “หุ่นฟิกเกอร์” สร้างกระแสดัง
รองเท้าแตะหูหนีบที่เราใส่กันอยู่ทุกวัน เมื่อสายมันขาดหรือขนาดเท้าเราใหญ่เกินไปก็จะกลายเป็นเพียงขยะ ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรอการย่อยสลายไป แต่มีหนุ่มชาวฟิลิปปินส์คนหนึ่งมีทางออกที่ดีกว่าให้กับมันแล้ว หนุ่มก่อสร้างพ่อลูกสองชื่อว่า Elmer Padilla อาศัยอยู่ในกรุงมะนิลา ผู้ที่เปลี่ยนซากรองเท้าแตะเก่าๆ ธรรมดาให้กลายเป็นฟิกเกอร์สุดเท่ ด้วยกรรไกรกับมีดบวกเข้ากับความสามารถของเขา ของเล่นที่เขาสร้างขึ้นนั้นมีต้นแบบมาจากตัวละครในหนังดังหลายเรื่องเช่น Star Wars, Transformers หรือแม้แต่เหล่าฮีโร่จาก Marvel เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ ในละแวกนั้น ศิลปินข้างถนนผู้เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าเด็กๆ ทั้งหลาย นอกจากสิ่งนี้จะสามารถเสริมรายได้ให้กับครอบครัวของเขาแล้ว เพื่อนของเขา Adrian Soriano Bernabe ก็ได้ทำให้ช่างฝีมือคนนี้กลายเป็นกระแสในโลกโซเชียลขึ้นมา หลังจากที่โพสต์ภาพลงในกลุ่มเฟซบุ๊กจนมียอดแชร์สูงกว่า 5,000 ครั้ง ยิ่งกว่านั้นยังได้รับยอดโหวตใน Reddit สูงกว่า 86,000 คนอีกด้วย เรียกว่ากลายเป็นคนดังไปในทันที ถึงขนาดที่มีคนต้องการซื้อผลงานของเขาหรือไม่ก็อยากช่วยสนับสนุนให้เขาได้เปิดร้านขายในเว็บ Etsy ผลงานที่พร้อมให้ลูกค้าได้เข้ามาเลือกหยิบ หุ่นยนต์กันดั้มพร้อมตะลุยศึก ถึงอย่างนั้นชายคนนี้ก็ยังไม่แสดงออกมาว่าคิดอย่างไรที่ตอนนี้ตัวเองกลายเป็นคนมีชื่อเสียงไปแล้ว หรือเขาอาจจะยังไม่รู้ก็ได้ละมั้ง แต่ผลงานของเขาก็บอกได้เลยว่ามีความคิดสร้างสรรค์และฝีมือจริงๆ เลยนะเนี่ย ตัวละครจากหนังแอ็คชั่นต่างๆ ทุกชิ้นทำจากรองเท้าแตะและสองมือของเขา เท่ๆ…
-
เทศกาลสุดแปลก ที่ทุกคนในหมู่บ้านกว่า 20,000 คนจะต้องออกมากินข้าวร่วมกันในทุกๆ ปี
บนโลกของเรามีงานเทศกาลแตกต่างจัดขึ้นแตกต่างกันไปทั่วโลก ขึ้นอยู่กับค่านิยมและวัฒนธรรมของแต่ละแห่ง ซึ่งในบางครั้งก็อาจทำให้เราต้องแปลกใจว่าอะไรแบบนี้ก็มีด้วยหรอ?! เรามาดูตัวอย่างของหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเกาะมาจอร์กา ประเทศสเปน เมื่อทุกวันศุกร์ที่ 3 ในเดือนกันยายนทุกคนในหมู่บ้านจะหยุดทุกอย่างและออกมารับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ทั้งหมู่บ้านเลยจริงๆ นะเออ มื้อเย็นประจำปีที่จัดขึ้นนี้มีชื่อว่า Sopar a la fresca โดยในวันนั้นจะได้เห็นภาพของคนจำนวนมากจัดโต๊ะยาวเหยียดเพื่อนั่งกินข้าวและดื่มไวน์กันอย่างสนุกสนาน แน่นขนัดขยับกันแทบไม่ได้ ทางเทศบาลของเมืองบอกว่าจำนวนคนนั้นเยอะจนน่าตกใจเป็นอย่างมาก เพราะคาดว่ามีผู้มาร่วมงานมากถึง 20,000 คน ทั้งๆ ที่ประชากรในเมืองมีแค่ราว 8,000 คนเท่านั้นเอง สงสัยว่าคนที่เหลือจะมาจากหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ จะมาร่วมงานด้วย แต่ไม่ว่าจะมาจากที่ไหนทุกคนในหมู่บ้านก็ยินดีต้อนรับ ยิ้มกันแบบนี้ จริงๆ แอบหิวกันอยู่หรือเปล่านะ? ทุกอย่างในงานมาจากแรงกายแรงใจของทุกคนที่นำเก้าอี้และโต๊ะออกมาตั้งกันเอง ส่วนเรื่องอาหารหรือการตกแต่งต่างๆ ทุกคนก็จะช่วยเหลือกัน เป็นความอบอุ่นที่เกิดขึ้นมาอย่างเรียบง่าย เป็นงานที่ตกแต่งด้วยฝีมือของพวกเขาเองทุกคน นอกจากนั้น งานนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลกินไวน์ที่ยิ่งใหญ่จัดขึ้นในทุกเดือนกันยายนชื่อว่า Festa des Vermar อีกด้วย เรียกได้ว่ากว่า 20,000 คนนี่ยังแค่จิ๊บๆ มีโต๊ะแยกไว้สำหรับพูดคุยกันตามประสาเด็กด้วยนะ…
-
รวมภาพถ่ายของญี่ปุ่นช่วงยุค 1900 ที่ถูกระบบ AI ย้อมสี ราวกับว่าขึ้นไทม์แมชชีนไปถ่าย
เรื่องราวในอดีตถูกถ่ายทอดให้รุ่นลูกหลานให้ได้รับทราบในรูปแบบต่างๆ เช่น สถานที่ทางประวัติศาสตร์ คำบอกเล่า หนังสือ หรือแม้กระทั่งภาพถ่าย ภาพถ่าย ถือว่าเป็นหนึ่งในการเก็บความทรงจำที่ดีเยี่ยมที่สุด ทำให้เราเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต จนบางทีไม่ต้องใช้คำอธิบายใดๆ ก็สามารถทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนบันทึกรูปภาพได้ ภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่จะเป็นสีขาวดำ ตามเทคโนโลยีของสมัยนั้นซึ่งนั่นก็คือหลักฐานชั้นยอดที่จะคอยบอกให้เราได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของสิ่งต่างๆ ทีมงานนักวิจัยชาวญี่ปุ่นจากมหาวิทยาลัย Waseda นำโดย Dr. Ishikawa ใช้มีความคิดริเริ่มที่จะนำภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์เหล่านั้นมาทำการเติมสีสันใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีที่ว่านี้ก็คือ AI ช่วยในการแยกแยะสี เพียงแค่นำภาพถ่ายขาวดำสแกนแล้วนำไปให้เจ้า AI ช่วยในการประมวลผล AI จะช่วยเติมสีให้กับรูปภาพเหล่านั้นให้ออกมาในโทนสีที่ใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด เทคโนโลยีนั้นถูกคิดค้นโดย Dr.Watanabe แห่งมหาวิทยาลัย Tokyo Metropolitan Gojozaka เกียวโต ปี 1875 เด็กวาดภาพบนถนน ถ่ายโดย Takeyoshi Tanuma ปี 1961 เด็กญี่ปุ่นในปี 1950 เด็กชายและชายคนหนึ่งกำลังเพลิดเพลินกับการกิน ในปี 1898 หญิงสาวกำลังตีข้าว ถ่ายโดย…
-
หญิงแก่แอบอ้างรู้จักกับผู้ตาย เข้าร่วมงานศพเพื่อ “อาหารฟรี” มามากกว่า 14 ปี
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ ไม่ว่าใครก็หลีกหนีไม่พ้น เมื่อมีผู้เสียชีวิตก็ต้องมีการจัดงานศพ ซึ่งบรรยากาศของงานศพมักจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของผู้ตาย Theresa Doyle อายุ 65 ปี ชาวเมือง Slough สหราชอาณาจักร ผู้ที่ถูกกังขาจากการกระทำของเธอที่คอยเข้ามาทานอาหารฟรีในงานศพที่คริสตจักรมาเป็นเวลา 14 ปี คุณป้า Theresa มักจะแอบอ้างว่าเธอรู้จักกับผู้ตาย เพื่อเข้ามาฟังสวดและรับประทานอาหารที่เลี้ยงในงานศพ เพื่อนบ้านของป้า Theresa เล่าให้ฟังว่า คุณป้ามักจะสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสออกจากบ้านพร้อมกับจักรยานคันโปรดของเธอไปที่คริสตจักร พอถึงคริสจักรแล้วเมื่อรู้ว่ามีงานศพเธอก็จะเปลี่ยนเป็นชุดสีดำแล้วเดินเข้าไปภายในงานศพ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้จักกับผู้ตายก็ตาม เมื่อถึงเวลาเลี้ยงอาหารคุณป้าก็จะพุ่งตัวเข้าไปกินอาหารฟรีราวกับไม่ได้กินอะไรมาก่อน แถมยังเอากล่องไปใส่เพื่อนำกลับมากินที่บ้านอีกด้วย Margaret Whitehead ผู้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานศพของลูกสาว Catherine Whitehead ที่พึ่งเสียชีวิตจากโรค Addison (โรคเรื้อรังที่เกิดจากต่อมหมวกไต) ได้ให้ข้อมูลว่า “คุณป้าท่านนี้เดินเข้ามาในงานศพและพูดคุยกับคนอื่นในงาน ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะว่าลูกสาวที่เสียชีวิตไปเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ แต่คุณป้าคนนี้เข้ามาคุยกับฉันว่าเธอกับลูกสาวของฉันเคยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟด้วยกัน ทั้งๆ ที่ลูกสาวขอฉันไม่เคยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ” นั่นทำให้คุณ Margaret เกิดอาการไม่พอใจทันที และสืบข้อมูลเกี่ยวกับคุณป้าคนนี้จากบาทหลวง Noel Connolly…
-
หญิงสาวรู้ความจริงว่าเธอและแม่ของเธอมีพ่อคนเดียวกัน จากจดหมายที่แม่เขียนทิ้งไว้
การข่มขืนและการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กเป็นหนึ่งในปัญหาที่สำคัญ และบางครั้งปัญหานี้อาจจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวอย่างเช่นคนในครอบครัวของคุณ และที่หนักว่านั้นอาจจะมาจากฝีมือของคนที่เรียกตัวเองว่า “พ่อ” ด้วยซ้ำไป เหมือนกับเรื่องราวของหญิงสาวผู้นี้ Jodi Cahill หญิงสาวชาวออสเตรเลียวัย 38 ปี ได้ทราบเรื่องราวสุดสะเทือนใจของแม่เธอ หลังจากที่เธอได้รับจดหมายจากคุณแม่ที่ไม่ได้ติดต่อกันมาเป็นเวลานาน และรู้ความจริงว่าเธอกับแม่ของเธอนั้นมีพ่อคนเดียวกัน!! “แม่บอกฉันว่า ‘มันถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องบอกเธอว่าพ่อที่แท้จริงของเธอคือใคร อันที่จริงแล้วเธอกับฉันมีพ่อคนเดียวกัน’” หญิงสาวกล่าว Jodi พบว่าแม่ของเธอนั้นถูกพ่อแท้ๆ ข่มขืนและใช้กำลังเมื่อตอนที่แม่ของเธอยังอายุน้อยๆ จากจดหมายที่แม่ของเธอเขียนไว้ “Jodi เธอกับแม่มีพ่อคนเดียวกัน เมื่อตอนที่แม่เด็กๆ แม่ถูกพ่อแท้ๆ ทารุณและทำร้ายร่างกายทุกรูปแบบ คืนหนึ่งแม่ถูกข่มขืนและจากนั้นก็ตั้งครรภ์ แม่ไม่มีทางลืมวันนั้นได้เลย” บางส่วนจากเนื้อหาในจดหมายของแม่ที่เขียนถึง Jodi จากจดหมายดังกล่าวทำให้ Jodi เข้าใจถึงความรู้สึกของแม่เธอ และสิ่งที่แม่ทำกับเธอไม่ดีตอนเด็ก พร้อมกับทิ้งเธอไว้กับคุณยายของเธอ “ฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่มีความผิดปรกติทางใจมาตลอด และตอนนั้นฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอทำกับฉันเลย ฉันคิดว่าเธอคงจะรู้สึกแย่มากๆ ทุกครั้งที่มองมาที่ฉัน และตอนนี้ฉันก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว” หญิงสาวกล่าว นอกจากนี้แม่ของ Jodi ยังได้เขียนเล่าถึงความเจ็บปวดของสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธออีกว่า “เมื่อถึงเวลาที่ลูกโตพอ ลูกอาจจะคิดว่าแม่บ้า แต่สิ่งที่แม่เป็นอยู่นั้นเค้าเรียกว่าอาการป่วยทางจิตหรือ Post Traumatic Stress ตอนนี้แม่ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วเพราะในเรื่องร้ายๆ เหล่านั้นก็ยังคงมีเรื่องดีๆ ซ่อนอยู่ นั่นก็คือลูกนั่นเอง Jodi”…
-
พ่อบ้านตัวจริง!! หนุ่มยอมใส่ส้นสูง ‘สีชมพู’ ของแฟน เพียงเพราะเธอบอกว่าเจ็บเท้า
การดูแลและให้ความสะดวกสบายกับภรรยา ถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่หนุ่มๆ ควรจะทำให้กับคนรู้ใจของคุณ (ไม่เชื่อก็ลองขัดใจดูสิ เดี๋ยวรู้เรื่อง!!) และวันนี้เราก็มีภาพน่ารักๆ ของหนุ่มชาวจีนท่านหนึ่ง ที่ดูแลคู่รักของเขาเป็นอย่างดีจนทำเอาหลายๆ คนอิจฉาเลยทีเดียว… นี่เป็นภาพของชายหนุ่มที่ยอมแลกรองเท้าของเขากับแฟนสาว หลังจากที่เธอมีอาการเจ็บเท้า กลายเป็นภาพที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากบนโลกออนไลน์ในขณะนี้ และนี่คือภาพของพ่อหนุ่มคนนี้ แหม่… น่ารักเชียวนะเนี่ย!! ภาพดังกล่าวถูกถ่ายจากโรงพยาบาล Xinqiao ในเขตเทศบาลนครฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ในระหว่างที่เจ้าของภาพถ่ายดังกล่าวมาถึงที่ชั้น 4 ของโรงพยาบาลดังกล่าว เขาก็สังเกตเห็นคู่รักทั้งสองกำลังรอพบแพทย์อยู่ คุณ Xie เล่าว่าระหว่างที่ทั้งสองกำลังนั่งรออยู่นั้น ฝ่ายหญิงก็มีอาการปวดเท้าและรู้สึกอึดอัด จากนั้นทั้งสองจึงแลกรองเท้ากันใส่ แบบที่เห็นในภาพ “รองเท้าส้นสูงนั่นเป็นสีชมพู มันจึงทำให้เห็นได้ชัดมากๆ เวลาที่ผู้ชายใส่ และถึงแม้ว่าฝ่ายหญิงจะขอให้เปลี่ยนรองเท้าคืน หลังจากที่เธอเริ่มรู้สึกสบายแล้ว แต่ฝ่ายชายกลับปฏิเสธ มันช่างเป็นเรื่องที่โรแมนติกจริงๆ เลย” คุณ Xie กล่าว หลายๆ คนได้เข้ามาชื่นชมชายหนุ่มผู้นี้ และเพื่อนของคุณ Xie บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเธอได้เอาภาพดังกล่าวให้แฟนหนุ่มของเธอดู และบอกให้เขาดูชายคนนี้เป็นตัวอย่าง!! แหม่… เป็นภาพที่น่ารักจริงๆ เลยนะเนี่ย แต่ถ้าหากว่าแฟนสาวของคุณเท้าเล็กเกินไปล่ะก็ แนะนำว่าให้ถือเอาดีกว่านะ เพราะถ้าส้นสูงของเธอเกิดหักหรือขยายขึ้นมา ความดีที่คุณทำมาอาจจะกลายเป็นศูนย์ก็ได้…
-
สาวมุสลิมใจรักคอสเพลย์ โชว์ให้โลกเห็นว่าเธอสามารถปรับเปลี่ยนให้ ‘ฮิญาบ’ เข้าได้กับทุกตัวละคร
‘เพียงแค่คุณสวมฮิญาบ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะแต่งคอสเพลย์ไม่ได้’ คอสเพลย์อาจจะเป็นวัฒนธรรมที่เริ่มมาจากญี่ปุ่น แต่ในปัจจุบันมันกลายเป็นอะไรที่รู้จักและครอบคลุมไปทั้งโลกเรียบร้อบแล้ว จนไม่ว่าใครๆ ก็สามารถจะลุกขึ้นมาแต่งคอสเพลย์ได้ เช่นเดียวกับ Misa หญิงสาวชาวมาเลเซียวัย 21 ปี ทีนับถือศาสนาอิสลามคนนี้ ซึ่งถ้าเราพูดถึงศาสนาดังกล่าวเราก็จะรู้กันว่าสาวๆ ต้องสวมฮิญาบตลอดเวลา ฉะนั้นการคอสเพลย์จึงเป็นเรื่องที่ตัดออกทันที แต่เธอไม่ปล่อยให้มันมาเป็นอุปสรรคในความชอบของเธอ เธอได้ทำให้ทุกคนเห็นว่า แม้จะสวมฮิญาบอยู่ก็สามารถคอสเพลย์และทำให้มันเข้ากันกันได้ โดยเธอโพสต์การคอสเพลย์ระหว่างสวมฮิญาบของเธอลงอินสตาแกรม โดยวิธีหลักๆ ในการคอสเพลย์ของเธอคือพยายามเลือกฮิญาบสีต่างๆ ให้เจ้ากับการคอสเพลย์ในตัวละครนั้นๆ เป็นตัวละครจาก Attack on Titan ก็ยังได้ และด้วยการใช้ไอเดียดังกล่าว จึงทำให้ไอเดียในการคอสเพลย์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไอเดียใหม่ๆ บังเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ และมันก็ออกมาดูดีมากๆ ไม่ว่าเธอจะคอสเพลย์เป็นอะไรก็ตาม ใช้ฮิญาบสีต่างๆ มาเป็นทรงผมของตัวละคร ถือเป็นหนึ่งในไอเดียที่น่าสนใจ อย่างมิซากิจากนารูโตะที่ผมสีฟ้า เธอก็ใช้ฮิญาบสีฟ้าก็สามารถคอสเพลย์ได้ไม่ยากแล้ว ถ้าตัวละครผมดำ ก็ใช้ฮิญาบดำ นารูโตะก็เหมือนกัน ใช้ฮิญาบสีเหลืองมาเป็นผม เท่ไม่หยอก ได้ลงหนังสือด้วยนะ ธรรมดาที่ไหน เอาเป็นว่าถ้าใครชื่นชอบอยากจะติดตามเธอแล้วละก็ สามารถเข้าไปกดติดตามได้ที่อินสตาแกรมของเธอที่ miisa_mhc และสุดท้ายอย่าปล่อยให้อะไรมาปิดกั้นความชื่นชอบของคุณ…
-
ผบ.โรงเรียนทหารสหรัฐฯ เดือด หลังมีนักเรียนเขียนเหยียดคนดำว่า “กลับบ้านไปซะ ไอ้มืด!!”
การเหยียดผิวหรือการเหยียดเชื้อชาตินั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรถูกยอมรับในสังคม แต่ก็ต้องเข้าใจว่ายังคงมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอยู่บ้าง ไม่เว้นแม้แต่ในโรงเรียนเตรียมนายเรืออากาศแห่งรัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นพูดถึงอย่างมาก เมื่อในวันอังคารที่ผ่านมามีนักเรียนมือบอนคนหนึ่งในสถาบัน ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร เขียนข้อความเอาไว้บนกระดานข้อความของนักเรียนเตรียมทหารผิวสี 5 คนว่า “กลับบ้านไปซะ ไอ้มืด“ จึงทำให้ผู้บังคับบัญชาในสถานศึกษาแห่งนั้นรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก สองวันต่อมาจึงมีการเรียกรวมนักเรียนทั้งหมด 4,000 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ทั้งหมดอีกกว่า 1,500 คนเข้ามารับฟังสิ่งที่ผู้กำกับการแห่งนั้นต้องการพูดสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ พลโทอากาศ Jay Silveria ผู้กำกับการโรงเรียนแห่งนี้ ได้พูดโดยมีใจความสำคัญว่า “ถ้าหากคุณรู้สึกโกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้น นั่นหมายความว่าคุณคือส่วนหนึ่งของพวกเรา เพราะที่เราโมโหไม่ใช่เพียงในฐานะทหารอากาศ แต่ในฐานะความเป็นมนุษย์” “ใครที่ปฏิบัติต่อคนอื่นที่มีเชื้อชาติหรือสีผิวต่างกันอย่างมีศักดิ์ศรีและความเคารพไม่ได้ ก็ไสหัวออกไป!!” เขากล่าวทิ้งท้าย เป็นการประกาศกร้าวถึงจุดยืนได้อย่างองอาจและน่าเกรงขาม “ใครไม่สามารถปฏิบัติกับคนอื่นได้อย่างเท่าเทียม ก็ออกไปซะ!!” Silveria กล่าว นอกจากนั้นเขายังบอกให้นักเรียนทุกคนที่มีสมาร์ทโฟนติดตัวอยู่ หยิบขึ้นมาถ่ายคลิปวิดีโอการพูดครั้งนี้ของเขาไว้ เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้กับการกระทำของนักเรียนทุกคน เขาบอกว่าเหตุผลที่ออกมาพูดในครั้งนี้เพราะต้องการแสดงให้นักเรียนทุกคนเข้าใจว่า พวกเขาทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และที่นี่คือสถาบันที่จะรักษาความเป็นสิ่งนั้นเอาไว้ คลิปวิดีโอการพูดของพลโทคนนี้แบบเต็มๆ ซึ่งเราจะสังเกตได้ถึงอารมณ์ร่วมของเขาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว หลังจากนั้นเหตุการณ์นี้ได้ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อสำนักข่าวภายในรัฐ จนทำให้ชายคนนี้ได้รับคำชื่นชมจากคนในหน่วยงานเดียวกัน รวมไปถึงชาวเน็ตที่พูดถึงความยอดเยี่ยมในเรื่องการเป็นผู้นำที่ดีของเขา “เป็นคำพูดที่แสดงให้เห็นถึงพลัง…
-
หรูไปละ.. เมื่อเจ้าหน้าที่สัตว์ในคลินิก ทำบ้านจากกระดาษลังหลายแบบเพื่อเอาใจเจ้าเหมียว
ทุกคนที่เลี้ยงสัตว์ก็อยากจะให้พวกมันได้มีที่หลับที่นอนเป็นของตัวเอง เพื่อให้มันมีความสุขและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ต่างกับสัตวแพทย์ในคลินิกแห่งหนึ่งที่ยอมลงทุนสร้างบ้านอันน่าอัศจรรย์ให้กับเจ้าเหมียว เมื่อในปี 2011 มีคนพบเจ้าเหมียวออกมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวที่พักอาศัยในสิงคโปร์ เธอคนนั้นจึงอุ้มมันมาให้พนักงานในโรงพยาบาลของกลุ่มสัตวแพทย์ Mount Pleasant ช่วยหาบ้านให้กับมัน ตอนแรกเหมือนว่ามันจะจรจัด แต่ในความเป็นจริงมันมีเจ้าของเป็นเด็กชายคนหนึ่งอยู่แล้ว ซึ่งเขาคนนั้นไม่มีเวลาดูแลเจ้า Tisoy เหมียวน้อยตัวนี้ และคิดว่าหากฝากไว้ให้เหล่าสัตวแพทย์ดูแลจะทำให้มันได้รับความเอาใจใส่และชีวิตที่ดีกว่าเดิม ผม Tisoy เองครับ . ให้มันรู้ซะบ้างว่าที่นี่ใครใหญ่ เมื่อเด็กตัดสินใจยกให้พนักงานที่นี่ดูแล มันจึงกลายเป็นเจ้าเหมียวตัวแรกและตัวเดียวที่ได้อาศัยอยู่ในคลินิก และด้วยความน่ารักทำให้กลายเป็นที่รักของทุกคนในทันที แต่มันก็แอบเลี้ยงยากอยู่นิดหน่อยเพราะมีความจู้จี้จุกจิกในสิ่งที่ชอบและไม่ชอบอยู่ ในตอนแรกมันได้เตียงนุ่มและผ้าขนหนูไว้สำหรับเป็นที่พักผ่อน ทว่ามันกลับเอาสิ่งเหล่านั้นไปยัดไว้ในกล่องๆ หนึ่งเฉยเลย มาปลุกทำไมแมวจะนอน ครอกกก ฟรี้ ~ ต่อมาสองสาวสัตวแพทย์ Dorothy Tsang และ Gillian Koh ตัดสินใจยกลังกระดาษให้เป็นที่นอนของมัน และดูเหมือนมันจะชอบซะด้วย รีบกระโดดเข้าไปนอนข้างในอย่างไว ถึงอย่างนั้นเธอทั้งสองก็ไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านี้ เพราะพวกเธอใช้เวลาว่างมาดัดแปลงลังกระดาษให้กลายเป็นบ้านสุดเก๋ไก๋ในหลายรูปแบบ ไอเดียแรกกับร้านกาแฟสไตล์ฮิปสเตอร์ ก่อนสร้างเสร็จมันจะชอบมองลอดหน้าต่างออกมา หลังจากนั้นจึงเริ่มที่จะเปิดประตูรับแขกได้ด้วยตัวเอง เวลาที่มีคนมาเคาะ …
-
รถฝ่าไฟแดงพุ่งใส่ฝูงชนย่านชิบูย่า คนอื่นพากันวิ่งหนี แต่ลุงใจเด็ดถีบป๊าบเข้าให้..!!
อย่างที่เรารู้กันดีว่า ‘ชิบูย่า’ เป็นย่านหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นที่มีผู้คนหนาแน่นมากๆ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของระบบขนส่ง หรือไลฟ์สไตล์ของชาวเมืองก็ตามแต่ ทว่าเมื่อคืนวันที่ 25 กันยายน เวลาประมาณ 22.00 น. ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้น จู่ๆ รถตู้สีดำก็วิ่งฝ่าไฟแดงและสูญเสียการควบคุมจนพุ่งใส่ฝูงชนในย่านชิบูย่า และในเหตุการณ์นี้เองที่ได้มีเรื่องเด็ดๆ เกิดขึ้นจนเราต้องเอามาเล่าต่อ เอาเป็นว่าไปชมคลิปจากกล้องวงจรปิดตรง 4 แยกกันก่อนเลย จากคลิปวิดีโอเราจะเห็นได้ว่า ในตอนแรกรถตู้สีดำคันดังกล่าวก็ขับมาอย่างปกติดี จากนั้นก็มีการหักเลี้ยวรถขับวนกลับมาไล่ชนใส่ฝูงชนอีกเป็นซ้ำสอง ในห้วงวินาทีแห่งความวุ่นวาย แน่นอนว่าทุกคนต่างต้องการเอาชีวิตรอดและห่วงแหนคนที่ตนรัก ทว่ากลับมีคุณลุงคนหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า.. โลกยังไม่หมดหวังเพราะนี่อาจคือฮีโร่ที่แฝงตัวมาอยู่ในสังคมเราก็เป็นไปได้นะ!? ดูจากคลิปนี้ชัดๆ เราจะสังเกตเห็นคุณลุงนิรนามที่ยืนอยู่ใกล้รถตู้ เขาไม่เลือกที่จะวิ่งหนี แต่เลือกที่จะถีบรถตู้แทน..!! ついついやってしまう歩きスマホですが本当に道路を渡る時や階段などは絶対やらない方がいいです!! ちなみにその後スクランブル交差点に向かって行ったので気になってyou tubeのライブ動画を見たらやっぱり映ってました。しかも一回去ったと思ったらすぐにまた交差点へ… こわすぎる… pic.twitter.com/bK4LJ7Pqed — れな氏⋆大森玲菜✩⃛ (@re7123) 25 กันยายน 2560 โชคดีที่เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ดูเหมือนว่าอาจจะมีเพียงคุณลุงนิรนามที่ใส่เสื้อเชิ๊ตสีเขียวคู่กับกางเกงสีแทนเท่านั้น ที่สูญเสียพลังจากการต่อกรกับเหล่าวายร้ายที่หวังมุ่งเอาชีวิตชาวเมืองแห่งนี้ ถ้ายังไม่เห็นก็ขอให้ดูมุมนี้ชัดๆ กันอีกซักมุม จากวีรกรรมอันกล้าหาญของคุณลุงทำให้ชาวเน็ตต่างออกมาสร้างเป็นทฤษฏีสมคบคิดร่วมกัน.. บ้างก็ว่าคุณลุงเป็นไอ้มดแดงปลอมตัวมา บ้างก็ว่าคุณลุงเป็นมนุษย์จากดาว M78 บ้างก็ว่าเขาคือไซตามะตัวจริง…
-
ยิ่งกว่ารักแท้… หนุ่มขอเพื่อนสาวที่เคยชอบสมัยมัธยมแต่งงาน แม้เธอจะเสียโฉมไปแล้วก็ตาม
อีกหนึ่งเรื่องราวที่อาจพูดได้ว่า เป็นความรักอันบริสุทธิ์ที่ไม่ได้มีเรื่องของรูปพรรณภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย หากแต่มันคือความรักที่เกิดจากความเป็นห่วง และความอยากดูแลเอาใจใส่… โดยทั้งหมดนี้คือเรื่องราวความรักสุดซึ้งของอดีตเพื่อนสมัยมัธยมชาวอินเดียระหว่าง Jayaprakash และ Sunitha ที่แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไป แต่ความทรงจำดีๆ ยังคอยย้ำเตือนให้เค้าอยู่ดูแลเธอมาเสมอ Jayaprakash เล่าว่า ครั้งแรกสุดที่เขาได้รู้จักกับ Sunitha ก็เมื่อปี 2004 ซึ่งในตอนนั้นทั้งคู่มีโอกาสได้ร่วมเรียนชั้นเดียวกัน และวินาทีแรกที่ได้สบตากับฝ่ายหญิง เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่านี่อาจเป็นรักแท้ที่เฝ้าตามหา “ผมยังจำวันแรกที่เธอเป็นนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาได้.. ผมไม่สามารถหยุดมองเธอได้เลย จากนั้นเวลาก็ทำให้เราทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน แต่หัวใจผมก็รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นเธอไปกับเพื่อนผู้ชายคนอื่นในตอนนั้น วันหนึ่งผมก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีก” นับจากวันที่เรียนจบ พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้พบกันอีกเลย.. กระทั่งวันหนึ่ง Sunitha ก็ได้ติดต่อมาหาฝ่ายชาย ทั้งสองพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบซึ่งกันและกัน และนั่นก็ทำให้ Jayaprakash รู้สึกตกหลุมรักเธออีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2011 ฝ่ายชายได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนเก่าและได้รู้ว่า Sunitha ประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์ อาการบาดเจ็บของเธออยู่ในขั้นสาหัสถึงขั้นทำให้หน้าตาของเธอเสียโฉม “ครั้งแรกที่ผมไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล ผมเห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีเส้นผม ไม่มีจมูก ไม่มีปาก ไม่มีฟัน เหมือนคนอายุ 90 ได้ ตอนนั้นผมตกใจและช็อคมาก” จากนั้นความรู้สึกบางอย่างก็ได้บันดาลขึ้นมาจากก้นบึ้งจิตใจของฝ่ายชาย..…
-
เปิดประวัติพ่อเด็กขโมยป็อปคอร์น แท้จริงเป็นวีรบุรุษสงคราม สหายร่วมรบเจ้าชายแฮร์รี่..!!
จากกระแสความน่ารักของเด็กสาวตัวน้อย ที่แอบขโมยป็อปคอร์นของเจ้าชายแฮร์รี่กิน ก็ทำเอาชาวเน็ตหลายคนสงสัยว่า เอ๊ะ…แล้วครอบครัวของหนูน้อยนี้เป็นใครกันนะ ถึงได้นั่งใกล้ชิดกับเจ้าชายได้ขนาดนั้น อ่านข่าวเก่าที่: หนูน้อยมือไว แอบขโมยป็อปคอร์นของเจ้าชายแฮร์รี่ พระองค์ทรงแกล้งคืนซะเลยนี่แฮร่!! ชาวเน็ตบ้างก็อาจจะเผลอคอมเมนท์ไปก่อนแล้วว่า… คุณแม่ไม่เลี้ยงดูลูกให้ดีริอาจไปรบกวนเจ้าชายได้เยี่ยงไร ซึ่งอันที่จริงเราจะพาไปรู้จักกับ David Henson คุณพ่อของสาวน้อยผู้เป็นวีรบุรุษสงคราม ภาพจากเหตุการณ์ความน่ารักที่โด่งดังไปทั่วโลก คลิปเหตุการณ์ดังกล่าว เดิมที David Henson เคยรับราชการประจำอยู่ในหน่วย ‘Royal Engineer’ ทว่าต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างไปจากการปฏิบัติหน้าที่กู้กับระเบิดในอัฟกานิสถาน เพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน แต่จากการสูญเสียขาทั้งสองกลับกลายเป็นเรื่องที่ทำให้ David Henson และภรรยาของเขาเป็นห่วงเป็นใยกันยิ่งกว่าเดิม ทั้งสองต่างเป็นวีรบุรุษที่เคยอยู่ในสนามรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาแล้ว ภาพของ David Henson และครอบครัว ด้วยกำลังใจจากคนรอบข้าง และลูกสาวตัวน้อยอย่าง Emily ทำให้คุณพ่ออดีตทหารกล้าตัดสินใจที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อตัวเองอีกครั้ง… นั่นก็คือการเป็นนักกีฬาแข่งขันให้กับรายการพาราลิมปิกเกม เขาพยายามอย่างหนักจนถูกคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาทีมชาติอังกฤษตัวจริงในปี 2014 อีกทั้งก่อนหน้านี้เขายังเคยคว้าเหรียญทองแดงจากการวิ่งแข่งที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร มาแล้วด้วย สาวน้อย Emily กับเหรียญรางวัลของคุณพ่อ และภาพจากคลิปวิดีโอที่เราเห็น คุณพ่อก็ไม่ได้อยู่ไหนไกล……
-
สาวถูกแฟนบอกเลิก ประกาศหาหนุ่มไปโดดร่มด้วยจนได้หนุ่มหล่อคนใหม่ ชาวเน็ตตามเชียร์เพียบ..!!
อีกเรื่องรักวุ่นๆ ที่กำลังเป็นกระแสโด่งดังจากเว็บไซต์ Buzzfeed เมื่อชาวเน็ตต่างร่วมกันเป็นสักขีพยานในการคัดกรองผู้ชายคนใหม่ที่จะเข้ามาในชีวิตของ Emma Vowell ต้องเล่าก่อนว่า Emma Vowell เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอินเดียน่า อายุ 19 ปี ก่อนหน้านี้เธอคบกับแฟนหนุ่มคนหนึ่ง ทั้งคู่มีแพลนจองตั๋วจะไปโดดร่มด้วยกัน แต่จู่ๆ… พ่อหนุ่มก็บอกเลิกเธอซะงั้น!? นี่คือ Emma Vowell แม้รักจะล่ม แต่เธอรู้สึกเสียดายตั๋วเลยคิดว่าหาหนุ่มผ่านแอพฯ ไปเดทด้วยดีกว่า… โดยข้อมูลในแอพฯ เธอได้อธิบายเกี่ยวกับตัวเองไว้ว่า “แฟนเก่าบอกเลิกฉัน 1 อาทิตย์ก่อนถึงวันเกิดเขา ตอนนี้ฉันก็เลยมีตั๋วทริปโดดร่ม 2 ใบแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่อ่ะนะ… แล้วก็ฉันแค่อยากหาหนุ่มฮอตซักคนไปโดดร่มด้วยกันแค่นั้นแหละ แต่บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่นอนกับใครหรอกนะ!!” จากนั้นก็มีหนุ่มชื่อ Austin ทักมาถามเป็นเชิงว่าสนใจอยากไปด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่ว่างต้องพาหมาไปเดินเล่น… ไงเดี๋ยวส่งเรซูเม่ไปให้ดูละกันนะ (เฮ้ยเอาจิง!?) และนี่คือโฉมหน้าของพ่อ Austin หนุ่มฟ้อหล่อเฟี๊ยววัย 22 ปี จากนั้นตอนวันจันทร์เขาก็ส่งอีเมล์หา Emma (ต้องรอวันทำการด้วยนะ) พ่อหนุ่มเริ่มหัวจดหมายประมาณว่า.. “ผมเห็นคุณประกาศหาผ่านแอพฯ และผมก็สนใจอยากจะสมัครตำแหน่งที่คุณประกาศมากๆ”…
-
นักท่องเที่ยวจีน เต้นท่าลิงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเสือ โดยไม่สนป้ายเตือนของสวนสัตว์
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยคลิปวีดีโอของหนุ่มนักท่องเที่ยวจีนรายหนึ่ง ที่ได้แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมโดยการพยายามเต้นยั่วยุอารมณ์เสือที่อยู่ในภายในกรง โดยไม่สนป้ายเตือนเลยแม้แต่น้อย จากการรายงานระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้น ณ สวนสัตว์ท้องถิ่นในเมืองกุ้ยหยาง เมืองเอกของมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน จากภาพจะเห็นได้ว่าชายคนดังกล่าวได้พยายามเรียกร้องความสนใจจากเสือ ด้วยการเต้นท่าทางที่ดูคล้ายลิง และดูเหมือนว่าการกระทำของเขาจะส่งผลให้บรรดาเสือที่อยู่ในกรงรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก หืมมมม!! ลุงทำอะไรเนี่ย เอิ่ม!! อย่างไรก็ตามทางสวนสัตว์ได้ติดป้ายเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “ห้ามยุแหย่สัตว์ดุร้าย” เพราะมิเช่นนั้นอาจจะเป็นอันตรายได้ แต่ถึงกระนั้นชายคนดังกล่าวกลับไม่สนใจ และยังคงกระโดดโลดเต้นไปมาท่ามกลางบรรดานักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่มาดูเจ้าเสือ ภายหลังจากที่คลิปวีดีโอนี้ได้ถูกเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาชาวเน็ตจีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายๆ คนต่างก็พาเอือมระอากับพฤติกรรมที่แสนบ้าบอของชายรายนี้ ว่าแล้วก็มารับชมคลิปวีดีโอกันได้เลย ที่มา : shanghaiist
-
พาไปชม ‘โฆษณานม’ สุดแหวกแนวจากญี่ปุ่น ประเทศนี้นี่มันไอเดียบรรเจิดจริงๆ!!
การดื่มนมอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กๆ บางคน แต่หนึ่งสิ่งที่อาจจะจูงใจพวกเขาให้หันมาชอบดื่มนมนั่นก็คือการโฆษณานั่นเอง และเมื่อไม่นานมานี้บริษัทนมของประเทศญี่ปุ่นได้ออกโฆษณาตัวใหม่ ที่เรียกได้ว่านอกจากจะน่าสนใจแล้วยังฮามากๆ เลยทีเดียว!! ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 30 วินาทีของเจ้าโฆษณาตัวนี้เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลย เพราะใครจะไปคิดกันล่ะว่าพวกเขาจะโผล่กันมาเฉยๆ ด้วย U.F.O พร้อมกับเต้านมวัวขนาดใหญ่!! แล้วก็เล่นปล่อยน้ำนมวัวลงมาแบบดื้อแบบนี้… ไปชมความฮาของคลิปวิดีโอนี้กันเลย… จุกนมของแม่วัวที่มากับ U.F.O อืม… เอากันแบบนี้เลยเนี่ยนะ!! โฆษณาชุดนนี้เป็นของบริษัทนม Rakunoh Mother จากเมืองคุมะโมะโตะ และหลังจากที่พวกเขาปล่อยคลิปวิดีโอดังกล่าว มันก็กลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากบนโลกอินเตอร์เน็ต หลายๆ คนได้เข้ามาถกเถียงกันเกี่ยวกับความเชื่อโยงกันระหว่า “หัวนม” และ “U.F.O” หนึ่งในคอมเม้นท์ของชาวเน็ตกล่าวว่า “นี่มันบ้ามากๆ เลยนะเนี่ย” ในขณะที่บางคนก็บอกว่า “อืม.. ชั้นว่าหัวนมแม่วัวนี่มันยาวไปหน่อยนะ” แต่บางคนกลับมองว่ามันไม่ค่อยเหมาะสม พร้อมกับบอกว่าน่าจะเซ็นเซอร์หัวนมแม่วัวหน่อยนะ!! แต่ทางบริษัทเองก็ไม่ได้ปล่อยให้หัวนมของแม่วัวเป็นที่สงสัยอยู่นานนัก เมื่อพวกเขาได้ออกคลิปวิดีโออีกตัวเพื่ออธิบายเรื่องนี้!! จะเป็นอย่างไร… ไปชมกันเลย นอกจากคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่านมของพวกเขามาจากวัวจริงๆ แล้ว ก็ยังมีคลิปวิดีโออีกตัวที่ออกมาเพื่อยืนยันว่านมของ Rakunoh Mother นั้นมีแคลเซียมและช่วยเสริมสร้างกระดูได้จริงๆ นะเออ และนี่คือคลิปวิดีโอที่ว่าล่ะ อื้ม……
-
ผู้ป่วยโรคมะเร็งวัย 82 ปี บาดเจ็บหนักจากการถูกแก๊งวัยรุ่นรุมทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์
ปัจจุบันการปล้นชิงทรัพย์จะมีให้เห็นตามท้องถนนเป็นเรื่องปกติในหลายพื้นที่ นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นและควรมีการป้องกันปัญหาให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นอาจบานปลายมากเกินไปเหมือนกับที่ชายคนนี้ต้องเจอ ชายแก่วัย 82 ปีที่ชื่อว่า Ahmet Dobran ต้องนอนพักฟื้นตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม เนื่องจากเขาถูกโจรวัยรุ่นสามคนทำร้ายและชิงทรัพย์ไป ทำให้อาการป่วยที่เป็นอยู่ต้องทรุดตัวลง เรื่องนี้เกิดขึ้นในเมืองนิวแฮมทางตะวันออกของลอนดอน โดยเขาเพิ่งออกไปเจอเพื่อนมาและกำลังจะกลับที่พัก เมื่อกำลังเดินเข้าไปในหอพักของตัวเอง ก็ถูกวัยรุ่นสองคนเข้ามาชกบริเวณแขนและหลังของเขา ก่อนที่จะยึดร่างของเขาไว้กับพื้นและกระชากกำไลทองกับนาฬิกาเขาไป กล้องวงจรปิดได้เก็บภาพของคนร้ายเอาไว้พบว่ามีด้วยกันอยู่สามคน มีหนึ่งคนที่ยืนดูต้นทางอยู่หน้าหอพักและอีกสองคนที่เข้าไปทำร้าย เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่ 30 วินาที หลังจากนั้นทั้งสามก็วิ่งหนีไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า โจรทั้งสามอาจมองว่าเรื่องที่พวกเขาทำเป็นเพียงความสนุก แต่ไม่ใช่สำหรับชายแก่คนนี้เลย เพราะเขาต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานเป็นเดือนด้วยอาการที่ไม่สู้ดีนัก โรคมะเร็งและพาร์กินสันที่เขาเป็นอยู่ก่อนหน้านี้ก็ทรุดตัวลง จนต้องเข้าออกห้องฉุกเฉินอยู่ตลอด จนถึงกับต้องเจาะคอเพื่อช่วยในการหายใจ Sam Bush เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังสืบคดีนี้อยู่บอกว่า “แม้ว่าผู้เสียหายจะยังสามารถพูดได้แต่อาการของเขาก็ยังไม่ดีขึ้น และทางครอบครัวก็รู้สึกว่าสิ่งที่ชายแก่ต้องเจอตอนนี้ คือหายที่ร้ายแรงอย่างมาก” เสริมอีกว่า “เขาคือคนที่ชอบเดินออกไปไหนมาไหนข้างนอก เพื่อนบ้านในละแวกนั้นรู้จักเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นการที่เขาต้องมานอนอยู่โรงพยาบาลไม่ได้ออกไปไหนอย่างนี้ ก็ไม่ต่างกับตายทั้งเป็นเลย” ปัจจุบันแม้ว่าจะยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้ แต่จากพยานและหลักฐานในกล้องวงจรปิดหลายตัวที่ติดอยู่รอบที่เกิดเหตุเชื่อว่าจะสามารถจับคนร้ายได้ในเร็ววัน “เราจำเป็นต้องรีบจับพวกเขามาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด เพราะหากลองคิดดูว่าคนเหล่านั้นคิดว่าการชิงทรัพย์คนแก่วัย 82 ปีเป็นเรื่องตลกได้ แสดงว่าพวกเขาไม่รู้สึกผิดที่จะทำร้ายใครอีกแล้ว ซึ่งผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” Bush กล่าว…
-
ชายหนุ่มถูกลูกฉลามกัดเข้าที่พุงไม่ยอมปล่อย สุดท้ายเขาต้องตัดสินใจปลิดชีวิตมันในท้ายที่สุด…
(บางภาพมีเนื้อหาที่รุนแรง ไม่เหมาะสำหรับคนที่กลัวเลือด) เหตุการณ์สุดสยอง เมื่อ Ervin Maccarty นักดำน้ำจากรัฐฟลอริด้าได้ถูกลูกฉลามกัดเข้าที่พุงอย่างจัง หลังจากลงไปเล่นน้ำกับเพื่อนๆ งานนี้เล่นเอาวุ่นวายกันสุดๆ วินาทีที่ Ervin ถูกช่วยขึ้นมาบนเรือพร้อมกับลูกฉลามตัวน้อยที่เกาะติดอยู่ที่พุงของเขา มันกัดพุงของเขาแน่นราวกับมันกำลังต่อสู้กับเหยื่อที่ตัวใหญ่กว่าอย่างไม่เกรงกลัว ด้านพุงของชายหนุ่มก็เริ่มมีเลือดที่อาบลงมาเต็มไปหมด ภาพเหตุการณ์นั้นถูกบันทึกไว้โดยเพื่อนของเขาเอง ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความทรมานของ Ervin สุดๆ แต่ถึงจะเจ็บยังไงในช่วงแรกนั้นดูเหมือนพวกเขาพยายามจะทำให้เจ้าลูกฉลามยอมปล่อยแต่โดยดี โดยไม่ทำอันตรายกับมัน แต่ลูกฉลามก็ต่อสู้สุดใจเพื่อชีวิตของมัน ในวินาทีสุดท้ายพวกเขาตัดสินใจจะจบชีวิตเจ้าฉลามลงซะด้วยการใช้มีดปาดเข้าไปในตัวของมัน จนมันสิ้นใจลงและยอมปล่อยในที่สุด . . Ervin ได้เล่าถึงวินาทีชีวิตของเขาว่า ตอนที่โดนฉลามกันนั้นมันพึ่งมากัดแรงมาก เขาหายใจไม่ออกจนต้องกลับเรือ แต่วินาทีที่ต้องว่ายน้ำกลับเรือนั้นเขาไม่มีแรงแม้แต่จะว่ายน้ำด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็จบลงและเขาก็ปลอดภัยในท้ายที่สุด ลองรับชมคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวได้ข้างล่างเลย ที่มา dailymail
-
เด็ก 12 ขวบโดนเพื่อนจับมัดแล้วขว้างเนื้อใส่ เพียงเพราะเป็น “มังสวิรัติ” จนนำไปสู่ความตาย..
เรื่องราวสุดสลด ที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของการกลั่นแกล้งในสังคมนักเรียนจากโลกตะวันตก เมื่อเพื่อนของเด็กชายคนหนึ่งรู้ว่าเขามังสวิรัติ จึงจัดการกลั่นแกล้งต่างๆ นาๆ จนเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น… Louie Tom Fenton เด็กชายวัย 12 จากเมืองฮาร์ตฟอร์ดเชอร์ ประเทศอังกฤษ ได้ถูกเพื่อนที่โรงเรียนกลั่นแกล้งอย่างหนักเพราะเขาเป็น ‘มังสวิรัติ’ ซึ่งนั่นทำให้เขาทั้งถูกล้อเลียนต่างๆ นาๆ จนล่าสุดเด็กชาย Louie ได้ตัดสินใจแขวนคอตายในห้องน้ำที่บ้านอย่างน่าเศร้าสลด ซึ่งผู้เป็นแม่ที่มาพบกับร่างไร้วิญญานของลูกก็ได้พบจดหมายของบุตรชาย ภายในนั้นได้บอกเล่าถึงความอึดอัดใจของลูกชาย ที่เขาได้ถูกกลั่นแกล้งต่างๆ นาๆ ตั้งแต่ย้ายมาเรียน ซึ่งเธอได้เล่าให้ศาลฟังว่า ลูกชายของเธอโดนกลั่นแกล้งมาตลอด และมันหนักข้อขึ้นทุกวันโดยเฉพาะเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ถูกเพื่อนๆ ปาเนื้อใส่เขาที่โรงอาหารโรงเรียนด้วยเหตุที่เขาเป็นมังสวิรัติ และเมื่อการแกล้งมันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เด็กชายก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปลีกตัวไปกินข้าวคนเดียวให้ห่างไกลจากเพื่อนฝูง ต่อมาเด็กชายก็หันไปสูบบุหรี่เพื่อช่วยหาทางออกในความเครียดเรื่องดังกล่าว จนสุดท้ายเด็กชายก็ตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอตายในท้ายที่สุด ด้าน Graeme Fenton พ่อของ Louie ได้บอกว่าลูกชายของเขานั้นไม่ได้ตั้งใจฆ่าตัวตาย เพราะเขาเป็นสมาชิกชมรมลูกเสือสมุทร และเขาก็ได้เรียนการผูกเงื่อนทุกชนิด ฉะนั้นมันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบที่เผลอทำลงไป นอกจากนั้นไม่นานมานี้ลูกชายยังเล่าถึงเรื่องการไปทัศนศึกษาอย่างสนุกสนานอยู่เลยแท้ๆ ยังไม่หมดเท่านั้น ด้านโรงเรียนหรือคนรู้จักของเด็กชาย ก็ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า Louie เป็นเด็กอารมณ์ดี เขาคงไม่คิดจะฆ่าตัวตายหรอก และพวกเขาก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น ทว่าจะพูดยังไงผลลัพท์มันก็ได้ออกมาแล้วอยู่ดี… ยังไงก็ตาม การตายของ Louie…
-
ทำคลิปลองใจคนญี่ปุ่น ด้วยการเอา “ของมีค่า” วางทิ้งไว้บนโต๊ะ งานนี้จะโดนจิ๊กหรือไม่!?
คำที่ว่า ถ้าคุณลืมของไว้ญี่ปุ่น ผ่านไปเป็นวันกลับมาเอาของก็ยังอยู่ที่เดิม เคยคิดกันไหมว่ามันเป็นการอวยญี่ปุ่นกันเกินไป ด้วยเหตุนี้ทางช่อง Life Where I’m From ก็เลยทำคลิปเพื่อทดสอบว่าคำพูดดังกล่าวมันเกินจริงไหม… ขั้นตอนการทดสอบของช่องดังกล่าวนั้นง่ายมาก พวกเขาได้เอาของมีค่าวางไว้บนโต๊ะใน Skytree’s Sola Machi entertainment complex ในกรุงโตเกียวที่มีผู้คนมากมายผ่านไปมาก จากนั้นก็แอบเอากล้องอีกตัวถ่ายไว้ ของมีค่าที่วางไว้ก็เป็น ถุงช็อปปิ้งที่มีของข้างใน โทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงิน จากนั้นก็วางทิ้งไว้เฉยๆ นั่งดูเป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นก็รอดูว่าจะมีใครมานั่งหรือแอบหยิบของมีค่าของพวกเขาไปไหม ซึ่งผลที่ออกมานั้นมันเหลือเชื่อมากๆ ผ่านไปเป็นชั่วโมงยังไม่มีใครมาขโมยของบนโต๊ะเลย อย่างมากก็มานั่งใกล้ๆ ของ แต่พวกเขาก็แค่นั่งกินอาหารเท่านั้น ผู้คนต่างพากันเดินผ่านไปมาไม่ได้สนใจของมีค่าบนโต๊ะเลย เวลาผ่านไปอีกสักพักพวกเขาเริ่มรู้สึกว่ายังไงก็ไม่มีใครขโมยแน่ๆ และเขาก็รู้สึกว่าเกรงใจพนักงานและร้านพอสมควรจึงทำการเก็บของ แต่พวกเขาก็ยังอยากทดสอบเพิ่มเดิม เลยเดินทางไปยังร้านสตาร์บัคส์ใกล้ๆ กันก็พบว่า ที่นี้มีคนวางของจองไว้เต็มไปหมด หลายโต๊ะเป็นกระเป๋าหรือของที่ดูมีค่าพอสมควรเลย พอไปที่สตาร์บัคส์ ก็เจอคนวางของไว้เต็มไปหมด โดยที่ไม่กลัวใครจะมาหยิบไปเลย ไม่ว่าจะเป็นถุงช็อปปิ้งหรือกระเป๋าสะพายก็วางทิ้งไว้กันหน้าตาเฉย แต่พวกเขาก็ยังไม่เลิก เลยจัดการเอาแมคบุ๊คไปวางไว้ จากนั้นก็ตั้งกล้องถ่าย ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีใครมานั่งจุดที่แมคบุ๊ควางไว้ หรือท่าทีจะขโมยเลย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกว่ามันมีข้อสรุปแล้วล่ะ…
-
เปิดเบื้องหลังการทำฟาร์ม ‘เสื้อขนสัตว์’ ที่ดูแล้วชวนให้รู้สึกหดหู่ น่าสงสารเหลือเกิน (มีคลิป)
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเบื้องหลังที่มาของชุดแฟชั่นอันโดดเด่นที่เราเห็นบนรันเวย์ ล้วนมีราคาที่ต้องจ่ายเป็นชีวิตของสัตว์โลกผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และความโหดร้ายทารุณที่พวกมันต้องได้รับ และครั้งนี้เราจะขอพาไปชมข้อมูลจากองค์กร Animal Defenders International (ADI) ที่ออกมาเปิดโปงเบื้องหลังการทำฟาร์มเสื้อขนสัตว์ที่เต็มไปด้วยความน่าหดหู่… (คำเตือน: บทความนี้อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่รุนแรง) คลิปวิดีโอฟุตเทจส่วนหนึ่งที่องค์กร ADI ได้ปล่อยออกมา เกี่ยวกับชะตากรรมอันโหดร้ายที่หมาจิ้งจอก 3 ตัวต้องพบเจอ หากเรามองย้อนกลับไปที่ตัวเลขจำนวนประชากรสัตว์โลก ที่ถูกสังเวยเพื่อนำขนไปขายต่อให้กับอุตสาหกรรมแฟชั่น มีการเปิดเผยว่าในแต่ละปีมีจำนวนสัตว์ถูกฆ่าทั้งหมด 110 ล้านตัว จากในคลิปวิดีโอเราจะได้เห็นเรื่องราวของ Aleska แม่สุนัขจิ้งจอก และลูกน้อยของมันทั้ง 2 ตัว Borys และ Eryk เราจะเห็นได้ว่า หลังจากที่ลูกจิ้งจอกได้ออกมาลืมตาดูโลก พวกมันก็มีโอกาสที่จะได้สัมผัสกับอิสรภาพเพียงไม่กี่สัปดาห์ จากนั้นทั้ง 2 ตัวก็ถูกนำไปขังไว้ในกรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็กเพื่อรอวันที่พวกมันเติบโตเต็มที่ ทันทีที่ขนของพวกมันเริ่มมีสีขาว และมีความหนามากขึ้นเพื่อช่วยปกป้องอากาศหนาวที่กำลังจะมาถึง พวกมันก็จะถูกนำตัวไปแขนคอ… จากนั้นคนงานก็จะปลิดชีวิตพวกมันด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า ก่อนจะนำร่างกายไปถลกหนังเพื่อส่งต่อให้อุตสาหกรรมเสื้อผ้า หนึ่งในโฆษกขององค์กรช่วยเหลือสัตว์ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “จุดประสงค์ของเราก็เพื่อต่อต้านความรุนแรงและปัญหาที่เกิดขึ้นจากความโลภของมนุษย์เอง พวกเราเชื่อว่าถ้าทุกคนตระหนักถึงปัญหานี้ และเซย์โนให้กับแฟชั่นขนเฟอร์ ต่อไปจะต้องไม่มีสัตว์ชนิดใดที่ถูกทารุณกรรมแบบนี้อีก” นอกจากนั้นยังมีการเปิดเผยตัวเลขการส่งออกอุตสาหกรรมขนสัตว์ โดยพบว่าในปี 2016 มีเงินหมุนเวียนอยู่ในอุตสาหกรรมขนสัตว์ทั่วยุโรปมากกว่า 39…
-
ตำรวจหญิงป้อนนมให้ลูกน้อยวัย 4 เดือนของผู้ต้องหาที่กำลังถูกพิพากษาในศาล
เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีสัญชาตญาณความเป็นแม่อยู่ในตัว ไม่ว่าใครๆ ต่างก็รักลูกของตัวเองทั้งนั้น ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกของตัวเอง บางคนก็ยังมีความเอ็นดูเด็กตัวเล็กๆ ประหนึ่งว่าเป็นลูกของตัวเอง ดั่งเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ศาลกลางชานซี ในมณฑลซานซี ในประเทศจีน เมื่อ ลิน่าเหา เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงในประเทศจีนที่ได้รับคำสั่งให้ดูแลเบบี๋อายุ 4 เดือน ตอนที่แม่ของเด็กน้อยเข้ารับการตัดสินคดีความในศาล แม่ของเด็กทารกนั้นถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงเงิน โดยที่เธอตั้งวงแชร์ระดมเงินทุนแล้วโกงลูกแชร์ไปกว่า 33 คน และได้เข้ารับการพิจารณาคดีในวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ระหว่างที่แม่ของเด็กทารกต้องเข้ารับการพิจารณาคดีจากศาล เธอต้องฝากลูกน้อยของเธอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล แต่เด็กน้อยก็ร้องไห้โยเยไม่หยุด คงจะกังวลที่ต้องอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่แม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ Hao ก็ตัดสินใจเข้าไปขออนุญาตแม่ของเด็กเพื่อทำการป้อนนมให้กับเด็กทารกโดยใช้น้ำนมจากอกของเธอเอง หลังจากที่เด็กน้อยได้ดื่มนมจากแม่ชั่วคราวของเขาก็ดูสงบลง แถมยังหลับปุ๋ยไปเลย เพื่อนร่วมงานของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ Hao ได้ถ่ายภาพและเผยแพร่ความดีของเธอลงบนโลกออนไลน์ หลังจากนั้นก็มีคนแชร์ไปจำนวนมาก เหตุการณ์สุดประทับใจนี้ก็ทำให้มีคนเข้ามาชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้อย่างมากมาย กับสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่เปี่ยมล้นของเธอ หลังจากที่ศาลตัดสินคดีความเสร็จแล้ว แม่ของเด็กทารกก็ได้เข้ามาดูแลลูกและกล่าวขอบคุณกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการที่ช่วยดูแลลูกน้อยของเธอ การมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมโลก ช่วยทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นจริงๆ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่คอยดูแลเด็กน้อยให้มีชีวิตผ่านไปได้อีกหนึ่งวัน ที่มา dailymail
-
‘Night Vision’ ต้นแบบของกล้องอินฟาเรด ผลงานกองทัพโซเวียตที่ทหารทั่วโลกต่างยอมรับ..!!
เรียกได้ว่าในสมัยก่อนนั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ของกองทัพทหารทั่วโลก ก็คงจะหนีไม่พ้นภาพวิสัยทัศน์ตอนกลางคืนที่อาจทำให้พวกเขาพ่ายแพ้สงครามเลยก็ว่าได้ แต่ก่อนหน้าที่เราจะได้รู้จักกับกล้องมองในความมืด (Night Vision) หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่านี่คือผลงานของฝั่งกองทัพโซเวียต ที่ต่อมาได้กลายเป็นนวัตกรรมทางทหารที่จำเป็นต้องมีแทบทุกประเทศ..!! ถ้าพูดถึงกล้องอินฟาเรดที่ใช้ส่องยามค่ำคืน แน่นอนว่าเราอาจจะนึกถึงภาพที่เคยเห็นจากในเกม อันที่จริงคงมีไม่กี่คนหรอกที่มีโอกาสได้ใช้มัน ภาพที่ออกมาตอนกลางคืนก็น่าจะเป็นประมาณนี้… แต่รู้กันหรือไม่ว่า.. กว่าจะพัฒนามาเป็นกล้องอินฟาเรดสุดล้ำได้ ต้องผ่านการทดลองอันผิดพลาดมาแล้วนับไม่ถ้วน จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า กองทัพโซเวียตได้ผลิตกล้องส่องกลางคืนเป็นตัวต้นแบบรุ่นแรกในปี 1940 ซึ่งเป็นวันแรกที่กองทัพโซเวียตได้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุคแรกเริ่มกองทัพจำเป็นที่จะต้องติดตั้งกล้องส่องกลางคืนติดไว้กับรถกระบะรุ่น GAZ-AA โดยเป็นการนำกล้องส่องทางไกลมาเชื่อมต่อกับเครื่องแปลงสัญญาณไฟฟ้าให้เป็นสัญญาณแสง GAZ-AA กับกล้องส่องกลางคืนรุ่นแรก ทว่าในยุคที่เทคโนโลยีต่างๆ ยังไม่ตอบโจทย์ให้กับการสรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เหมือนสมัยนี้… พลทหารผู้ขับรถส่องกล้อง จำเป็นจะต้องประคองความเร็วของเครื่องยนต์ไม่ให้แรงเกิน 25 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีรัศมีการมองเห็นเพียงแค่ 25 เมตร เท่านั้น จนต่อมาก็ได้มีการพัฒนารุ่นใหม่ โดยมีขนาดเล็กกว่า และพกพาได้สะดวกกว่า แต่คำว่า ‘พกพาสะดวก’ ในสมัยนั้นช่างแตกต่างจากสมัยนี้ยิ่งนัก เพราะพลทหารผู้รับหน้าที่เป็นคนส่องกล้อง จำเป็นที่จะต้องแบกอุปกรณ์ต่างๆ มีน้ำหนักรวมกันมากกว่า 10 กิโลกรัม…
-
เปิดตำนานของเหล่า “สาวขายบริการ” ในญี่ปุ่น ที่ถูกบังคับให้ต้องจ่ายหนี้แทนครอบครัว
ประเทศญี่ปุ่น เป็นดินแดนแห่งวัฒนธรรม การดำรงชีวิตของชาวญี่ปุ่นมีความน่าสนใจและมีเสน่ห์ชวนให้ค้นหา ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มากมาย เป็นหนึ่งในดินแดนที่หลายๆ คนอยากจะศึกษาความเป็นมาและสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เรื่องราวของอันน่าเศร้าใจของโสเภณีญี่ปุ่น ภายใต้หน้าตาอันสวยงามและการแต่งกายด้วยสีสันสดใส ไม่ได้บ่งบอกถึงสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจที่เต็มไปด้วยความขมขื่นเลยแม้แต่น้อย ภาพชุดผู้หญิงสวมใส่ชุดกิโมโนสีสันสวยงามที่จ้องมองออกมาจากกรง ทำให้ดูสลดหดหู่ลงไปไม่น้อย ก่อนที่จะเข้ามาใช้บริการ ซามูไรทั้งหลายต้องถอดดาบวางไว้หน้าประตูก่อนที่จะเข้าไปเสพความสุขภายในซ่อง ภาพถ่ายเหล่านี้ถูกถ่ายโดยช่างภาพไม่ทราบชื่อในช่วงปี 1890-1900 แสดงให้เห็นถึงการค้าประเวณีที่มีอย่างแพร่หลายในโตเกียว เด็กสาวเหล่านี้บางคนต้องจากพ่อแม่มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบเพื่อมาขายบริการ ซึ่งในยุคนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่พ่อแม่จะขายลูกสาวให้กับนายทุนเพื่อใช้หนี้ เด็กสาวต้องทนโดนกดขี่ข่มเหงใช้งานอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งโตเป็นสาวก็ถูกบังคับให้ขายบริการ การที่จะออกจากซ่องแห่งนั้นได้มีเพียงวิธีเดียว คือ การซื้อตัวออกมาจากซ่องโดยเศรษฐี โดยที่เศรษฐีผู้ที่ซื้อตัวออกมาก็อาจจะเก็บหญิงคนนั้นไว้เป็นภรรยาน้อยหรือคนรับใช้ก็ได้ สาวๆ จะต้องนั่งภายในกรงที่มีเหล็กกั้นไว้ รอให้ลูกค้าเข้ามาเลือกใช้บริการ Yoshiwara เป็นซ่องแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด เด็กสาวจากหลายๆ เมืองถูกส่งตัวมาที่นี่เพื่อค้าประเวณี พวกเธอจะต้องเข้ารับการฝึกมารยาทการให้บริการกับแขก โสเภณีอันดับต้นๆของซ่องแห่งนี้มีราคาค่าตัวสูงมาก และผู้ที่มาใช้บริการก็เป็นระดับขุนนางเลยทีเดียว กลุ่มหญิงโสเภณีแห่งบ้าน Nectarine เป็นซ่องโสเภณีที่โด่งดังระดับโลก ชุดกิโมโนของสาวๆ ยิ่งคนใดให้บริการดีเยี่ยมก็จะเป็นที่ต้องการของชายหนุ่ม ชุดก็จะมีความสวยงาม บวกกับค่าตัวที่แพงขึ้น จนกระทั่งปี…
-
ส่องเทศกาลเล่นโคลน Boryeong Mud จากเกาหลีใต้ ที่หนุ่มๆ เห็นละต้องอยากไปแน่นอน
ในช่วงฤดูร้อนบ้านเราก็จะมีเทศกาลสงกรานต์ ที่จะทำให้ทุกคนได้คลายร้อนด้วยการสาดน้ำตัวเปียกปอนกันไป ไม่ต่างกับเกาหลีใต้ที่ในช่วงนั้นพวกเขาก็จะมีเทศกาลที่ทำให้ได้ชุ่มฉ่ำกัน เพียงแต่เปลี่ยนจากเปียกน้ำเป็น “เปื้อนโคลน” แทน เทศกาล Boryeong Mud จัดขึ้นทุกๆ หน้าร้อน ในเมืองโพเรียง ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะทำให้ทุกคนได้เล่นโคลนกันได้มากตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นโคลนต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น สระโคลน สไลเดอร์โคลน หรือแม้แต่สกีโคลนก็มี โคลนที่เห็นเยอะขนาดนี้จะถูกขนส่งมาไว้ที่ชายหาดแทชอน เพื่อเปลี่ยนจากหาดทราย ให้กลายเป็นหาดโคลน แต่งองค์ทรงเครื่องกันซะหน่อย นอนทับกันอย่างนี้ผมใจคอไม่ดีเลยครับ จุดเริ่มต้นของเทศกาลนี้เกิดขึ้นเพราะว่า บริษัทเครื่องสำอางบอกว่า โคลนที่มีอยู่ในเมืองนี้อุดมไปด้วยแร่ธาตุมากมายที่ดีต่อสุขภาพผิว ทำให้ในปี 1996 เริ่มมีการนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอย่างแพร่หลาย ต่อมาในปี 1998 เทศกาลเปื้อนโคลนนี้ได้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการโฆษณาเครื่องสำอางต่างๆ มากมายที่มีมาขายภายในงาน และช่วยให้ผู้คนได้เข้ามาสนุกสนานกันอีกด้วย หุ่นดี มีความเป็นนักกีฬา จะพ่นโคลนใส่เพื่อนทำไมละนั่น จนทำให้ปี 2007 เทศกาลดังกล่าวก็สามารถดึงดูดให้มีคนมาเข้าร่วมได้มากถึง 2.2 ล้านคนเลยทีเดียว โดยงานนี้จะจัดขึ้นเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ นอกจากนั้นชาวตะวันตกในเกาหลีมักจะมาเล่นกันเยอะในช่วงสัปดาห์สุดท้าย ก็คือสัปดาห์ที่สองของเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีคนมาเยอะที่สุด …
-
พาทัวร์ ‘สุสานรถถัง’ ที่ถูกทิ้งร้างในยูเครน เผยความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียตในอดีต
บางสิ่งบางอย่างเมื่อล้าหลังไปแล้ว ผู้คนก็จะเลิกให้ความสนใจ ปล่อยให้มันทิ้งร้างไว้อย่างนั้น อาจมีการผุกร่อนไปบ้างตามกาลเวลา แต่ว่าบางอย่างก็ยังคงไม่หายไปไหน ไม่ต่างกับ “สุสานรถถัง” ในเมืองคาร์คิฟ ประเทศยูเครน ใกล้กับชายแดนรัสเซียในปัจจุบัน ซึ่งสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยรถถังมากมายที่ถูกทิ้งไว้โดยไม่มีใครเข้ามาแยแส แต่การมีอยู่ของพวกมันก็ได้ไปกระตุ้นความสนใจให้กับนักสำรวจชื่อ Patvel Itkin เข้าไปเก็บภาพแห่งความทรงจำที่มีมาตั้งแต่ยุค 1960s ในตอนที่ยูเครนยังเป็นหนึ่งในสหภาพโซเวียตอยู่ กว้างพอให้สร้างโรงเรียนได้เลยนะ รถถังเต็มไปหมด เขาได้แอบเข้าไปในขณะที่ไม่มีคนเห็น ซึ่งปกติแล้ว สถานที่แห่งนี้จะถูกปิดไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป และเมื่อได้ลองเดินไปรอบๆ เขาก็รู้สึกอึ้งกับความกว้างใหญ่ของสถานที่นั้น สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยรถถังที่คาดว่าจะมีมากถึง 450 คัน พร้อมกับเครื่องยนต์อีกมากมาย และชายคนนี้ก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายเดือนเพื่อให้ได้เห็นในทุกซอกทุกมุม เรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนกับทหารกำลังยืนเข้าแถว มองมุมนี้แล้วดูไม่ออกเลยว่า รถถังมีจำนวนมากขนาดไหน และที่พบได้เยอะที่สุดก็คือ รถถังรุ่น T-62 อันมีชื่อเสียงของโซเวียต เคยผ่านสมรภูมิมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สงครามเย็น สงครามเกาหลี รวมถึงสงครามเวียดนาม สถานที่แห่งนี้เมื่อก่อนเคยเป็นจุดซ่อมบำรุงรถถังมาก่อน และรถถังมากมายที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ บางส่วนก็มาจากโรงงาน Malyshev ใกล้กันนั้นเอง เครื่องยนต์ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ไม่ต่างกัน คงจะน่าเศร้ามากแน่ๆ…
-
60 สุดยอดภาพหาดูยาก วิถีชีวิตของเมืองกลาสโกว์ในยุค 1980 เมืองใหญ่สุดแห่งสก็อตแลนด์.!!
ย้อนไปในปี 1980 เป็นครั้งแรกที่นักข่าวช่างภาพชาวฝรั่งเศส Raymond Depardon ได้รับการเชื้อเชิญจาก Sunday Times ให้เจ้าตัวไปถ่ายภาพโปรโมทการท่องเที่ยวที่เมืองกลาสโกว์… “ตอนนั้นผมพูดภาษาอังกฤษยังไม่ได้ เราฟังสำเนียงคนกลาสโกว์ไม่ออกซะด้วย การสื่อสารเป็นไปได้อย่างยากลำบาก เมื่อผมเข้าไปถามเด็กๆ ในพื้นที่ บางทีพวกเขาก็ฟังไม่ออกแต่ก็พยายามนำทางให้เรา ทั้งหมดนี้ต้องยกเครดิตให้กับเด็กๆ ในตอนนั้น ที่ทำให้ผมได้ถ่ายภาพเจ๋งๆ ทั้งหมดนี้ออกมา..” Raymond เล่า ตรงกันข้ามกับช่างภาพคนอื่นๆ ที่อาจจะเลือกเดินทางไปเก็บภาพแฟชั่นของผู้คนแถวย่าน Hillhead หรือ Victorian Boulevard แต่ตัวช่างภาพเองเลือกที่จะถ่ายทอดชีวิตของผู้คนจากย่าน Govan, Maryhill, Gorbals และ Calton แทน ที่ซึ่งอดีตเป็นเมืองที่เคยประสบปัญหาจากภาวะสงครามมาก่อน ที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยความดิ้นรนของผู้คนที่เกิดจากความล้มเหลวทั้งด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และประชากร ทั้งหมดนี้จึงเป็นภาพสะท้อนเรื่องราวทั้งหมดที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นกับเมืองกลาสโกว์แห่งนี้ . . . . . . . . . . . . . . . . .…
-
“ปู” ฮีโร่ พลีชีพกระโดดออกมาจากกระทะ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ ก่อนที่จะถูกผัดเป็นอาหาร
ปู เป็นหนึ่งในสัตว์ที่มนุษย์นำมารับประทานเป็นอาหาร ด้วยรสชาติและเนื้อที่แสนอร่อยของมันถูกนำมาปรุงเป็นอาหารสุดโปรดของหลายๆ คน ทั้ง ส้มตำปู ปูผัดผงกระหรี่ ปูนึ่ง ปูดอง และอีกมากมาย โอ๊ย #เหมียวบู้บี้ หิวววววว ด้วยความที่ปูมีความอร่อยโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทำให้หลายๆ คนชอบกินปูม๊ากมาก แต่เนื่องจากปูตามธรรมชาติมีจำนวนน้อย ต้องคอยออกไปจับตามธรรมชาติ เพราะว่าการเพาะเลี้ยงปูนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงและทำได้ยากอีกด้วย ทำให้ปูนั้นมีราคาแพงมาก แต่ก็ยังเป็นที่นิยมของหลายๆ คนอยู่ดี คลิปวิดีโอต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ระทึกของปู 4 ตัวที่กำลังจะถูกนำมาปรุงเป็นอาหาร แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น จากคลิปวิดีโอก็จะเห็นว่ามีปูจำนวน 4 ตัวที่กำลังมีชีวิตอยู่ ถูกจับลงกระทะร้อนๆ ที่มีเนยกำลังค่อยๆ ละลาย แต่แล้วก็มีปูตัวหนึ่ง ด้วยความที่รักตัวกลัวตายของมัน มันจึงกระโดดออกจากกระทะร้อนๆ นั้นทันที แต่บังเอิญว่าดันกระโดดไปโดนปุ่มสวิตช์ปิดเตา เพื่อนตัวอื่นๆ เลยพลอยโชคดี รอดพ้นความตายอย่างหวุดหวิด เรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่จากพ่อครัวคนหนึ่งในเมืองเหลียนหยวน มณฑลเจียงซู ทางชายฝั่งตะวันออก ที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดใหม่ การนำปูมาปรุงอาหารโดยที่ยังมีชีวิตอยู่จะทำให้มีความสด รสชาติเยี่ยม เป็นที่นิยมของคนในเมือง จากนั้นก็มีชาวเน็ตได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกับเรื่องนี้ว่า ผู้ใช้เฟสบุ๊ก Haider MJ …
-
คุณแม่ลื่นล้มในห้องครัวเกิดเป็นแผลเล็ก แต่ปล่อยไว้จนติดเชื้อแบคทีเรียเน่าไปเกือบครึ่งหน้า
ใครจะไปคิดว่าการเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ จะส่งผลกระทบร้ายแรงถึงขนาดต้องผ่าตัดกันเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่บาดแผลเล็กๆ เราก็ควรเข้ารับการรักษา ก่อนที่เรื่องเล็กๆ นี้จะกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ภายหลัง แต่ก็คงไม่มีใครที่ประสบเคราะห์ร้ายแล้วต้องทนทุกข์ทรมานเท่ากับคุณ Donna Corden วัย 46 ปี ชาวเมือง Leeds ประเทศอังกฤษ รายนี้ Donna Corden (ขวา) และ Jayda Stammers ลูกสาว คุณ Donna ได้ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มภายในห้องครัวเมื่อวันที่ 17 มกราคม และศีรษะของเธอได้ไปกระแทกเข้ากับเตาอบ เกิดเป็นแผลแตกเล็กๆ บริเวณเหนือคิ้วด้านซ้ายของเธอ ตอนแรกเธอไม่ได้สนใจกับบาดแผลซักเท่าไหร่ คิดว่าแผลเล็กๆ น่าจะหายภายในไม่ช้า แต่ภายในไม่กี่วันต่อมาเธอก็เริ่มไม่สบายและมีอาการแปลกๆ จึงได้โทรเรียกให้ Jayde Stammers ลูกสาวของเธอพาไปส่งโรงพยาบาล แผลเล็กที่บริเวณเหนือคิ้วของเธอเริ่มบวมเป่งและลุกลาม และแสดงถึงอาการติดเชื้ออย่างรุนแรง ซึ่งมันแสดงอาการมาได้หลายวันแล้วแต่เธอไม่กล้ามาหาหมอเพราะกลัวว่าจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้ หลังจากที่แพทย์วินิจฉัย ผลก็ออกมาว่าแผลของเธอนั้นติดเชื้อ กลายเป็นโรคแบคทีเรียกินเนื้อหรือที่เรียกว่า Necrotizing Fascitis โรคแบคทีเรียกินเนื้อ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่บริเวณผิวหนังชั้นลึก ตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า…
-
ศิลปินหนุ่มเก็บสะสมถุงใส่ยา เพื่อสะท้อนปัญหาว่าผู้คนเสพติดยาขนาดไหน
ประเทศต่างๆ ทั่วโลกในขณะนี้ ต่างก็ต้องประสบปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาที่ใหญ่และหนักหน่วงมาก โดยแต่ละที่ก็มีวิธีการจัดการแก้ไขที่แตกต่างกันไป แต่ปัญหาเหล่านี้ก็ไม่มีวันหมดไปเสียที นับวันก็ยิ่งจะทวีคูณจำนวนผู้ที่ติดยาเสพติดเพิ่มขึ้นไป จนเป็นปัญหาเรื้อรังที่ไม่มีวันจบสิ้น Ben Kurstin อายุ 32 ปี จากเมือง Humboldt Park ชิคาโก เขาสะสมถุงใส่ยาเสพติดถึง 8,816 ใบในอพาร์ตเมนท์ แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นคนขายยาเสพติดหรอกนะ ที่เขาสะสมเหล่าถุงใส่ยาเหล่านี้ก็เพราะว่าจะนำไปสร้างผลงานศิลปะต่างหากล่ะ เมื่อสองปีที่แล้ว Ben ได้เดินไปบนทางเท้าในเมือง เขาได้สังเกตุเห็นว่ามีถุงใบเล็กๆ ถูกทิ้งไว้ เขาจึงเก็บมันมาเรื่อยๆ จนเกิดเป็นนิสัยและกลายเป็นของสะสม ถุงที่เขาเก็บมามีลวดลายและขนาดแตกต่างกันไป เขาสะสมมาเรื่อยๆ เป็นเวลา 2 ปีเลยทีเดียว พอเขาเก็บถุงใส่ยาเหล่านี้มา เขาก็นำมันไปทำความสะอาดและเก็บไว้เป็นอย่างดี… เขาได้เล่าให้ฟังว่า เขาชื่นชอบการสะสมถุงใส่ยามากๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้เก็บถุงใส่ยาใบหนึ่งขึ้นมา วัยรุ่นที่เป็นเจ้าของถุงนั้นนึกว่าเขาจะเก็บแล้วส่งให้กับตำรวจ จึงพาพวกมารุมทำร้ายจนเขาได้รับบาดเจ็บ แต่พอหลังจากที่หายดีแล้ว เขาก็ไม่เข็ดและตามเก็บถุงใส่ยาต่อไปอีกเรื่อยๆ เมื่อสะสมจนมีจำนวนมากพอแล้ว เขาก็ได้นำถุงยาเหล่านั้นมาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะขนาดใหญ่ด้วยการนำถุงยามาต่อๆ กันคล้ายกระเบื้องโมเสค และได้พ่นสีทับเป็นลายต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ศิลปะจะสามารถเอาชนะยาเสพติดได้ เขาได้พ่นเป็นลายธงชาติอเมริกา เพื่อสื่อให้เห็นถึงปัญหาของยาเสพติดภายในชาติ และขอให้พวกเขาตระหนักถึงปัญหายาเสพติดที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน…
-
งานสำรวจชี้… ความโด่งดังของ ‘Ed Sheeran’ ทำให้หนุ่มผมแดงป๊อปปูลาร์ในหมู่สาวๆ มากขึ้น
เรียกได้ว่าทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักศิลปินนักร้องที่ชื่อว่า Ed Sheeran หนุ่มผมแดงลุคเซอร์ที่มาพร้อมเสียงดนตรีเป็นอาวุธไว้ขับกล่อมพวกเราทุกคน และดูเหมือนว่าผู้ชายผมแดงทั่วโลกจะต้องยกความดีความชอบให้กับพ่อศิลปินคนนี้ เพราะล่าสุดมีผลการสำรวจจากสื่อต่างชาติออกมายืนยันแล้วว่า ที่หนุ่มผมแดงเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ มากขึ้นก็เพราะอิทธิพลของพี่เอ็ดนี่แหละ..!! ต้องเกริ่นก่อนว่า.. ในสมัยก่อน (ก่อนที่ Ed จะดังนั่นแหละ) เด็กผู้ชายที่เกิดมาพร้อมเส้นผมสีแดง มักจะถูกกลั่นแกล้งและล้อเลียนอยู่เสมอจากเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียนเสมอ (นึกภาพรอน วิสลีย์ โดนแกล้งในแฮร์รี่ พอตเตอร์นั่นแหละ) ทว่าผลการสำรวจ Ed Sheeran Effect กลับสะท้อนให้เห็นว่า นับตั้งแต่ที่ศิลปินคนนี้โด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ดัชนีค่านิยมของหนุ่มผมแดงก็เพิ่มขึ้นเป็น 1 – 5 ของผู้ชายผมแดงทั้งหมดที่อยู่ในวัยประมาณ 25 – 34 ปี และเมื่อมีการแจกแบบสอบถามเกี่ยวกับความคิดเห็นของสาวๆ ที่มีต่อหนุ่มผมแดง ผลปรากฏว่า 1 ใน 3 พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกชื่นชอบและหลงใหลผู้ชายผมแดงมากขึ้น โดยหลักๆ แล้วเป็นเพราะ Ed Sheeran อีกทั้งยังพบว่า 1 ต่อ 20 ของสาวๆ ส่วนใหญ่…
-
แม่วัยใสชาวรัสเซีย ทิ้งลูกน้อยไว้เพียงลำพังเพื่อไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อน จนเด็กเสียชีวิตคาบ้าน!!
เรื่องคุณแม่วัยใส เกิดจากวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน ทำให้วัยรุ่นหญิงท้องก่อนวัยอันควร เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอีกมาก ทั้งปัญหาการทำแท้ง หรือเด็กที่เกิดมาถูกทอดทิ้งเป็นเรื่องที่สังคมควรช่วยเหลือกันแก้ปัญหาเหล่านี้ ดั่งเช่นเรื่องราวของ Viktoria Kuznetsova คุณแม่วัยใสที่มีอายุเพียง 17 ปีชาวรัสเซีย เธอท้องกับชายคนหนึ่งซึ่งไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อ และเธอก็ได้ให้กำเนิดลูกน้อยออกมาเป็นเวลา 9 เดือน แม่สาวคนนี้ได้เลี้ยงลูกน้อยเพียงลำพังภายในบ้านพัก เพราะว่าสามีของเธอได้ถูกเรียกตัวเข้ารับราชการทหารในขณะนั้น ด้วยความที่ยังเป็นวัยรุ่น ยังอยากรู้ อยากลอง อยากใช้ชีวิตแบบอิสระ เธอก็ได้ติดต่อพูดคุยกับเพื่อนๆ ของเธออยู่เสมอ และนัดกันออกไปปาร์ตี้อยู่บ่อยๆ แต่การไปปาร์ตี้ครั้งนี้ เธอออกไปปาร์ตีกับเพื่อนรักอย่างหนักหน่วงเป็นเวลาถึง 7 วัน โดยที่อ้างกับคนอื่นว่าได้ฝากลูกไว้กับป้าเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เธอหายหน้าหายตาไปหลายวัน เพื่อนบ้านได้สังเกตุถึงความผิดปกติ และเห็นเธอโพสต์ในเฟสบุ๊กว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วล่ะ” ก่อนหน้าที่จะโพสต์อีกว่า “ออกมาเที่ยวกับ Nastya” ทำให้เพื่อนบ้านสงสัยว่า ลูกของเธออยู่ที่ไหน จึงได้โทรแจ้งตำรวจให้มาที่บ้านของเธอในทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเด็กน้อยเสียชีวิตแล้ว Viktoria กลายเป็นผู้ต้องสงสัยและถูกจับกุมในทันที เธอได้สารภาพกับทางตำรวจว่าเธอไม่ต้องการที่จะเลี้ยงทารกอีกต่อไปก็เลยปล่อยให้เด็กตายอยู่ในบ้านอย่างช้าๆ ทั้งนี้เธอยังเคยเอาลูกไปฝากไว้ที่สถานสงเคราะห์เด็กเมื่ออายุ 1 เดือน และก็รับกลับมาอยู่ด้วยเมื่ออายุได้ 7 เดือน เธอถูกศาลตัดสินให้ได้รับโทษจำคุก…
-
ผู้สื่อข่าว AFP เปิดเผยภาพวิถีชีวิตของชาว “เกาหลีเหนือ” ตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรบ้างนะ
เมื่อช่วงในรอบเดือนที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามประเทศญี่ปุ่นถึงสองครั้ง จนกลายที่จับตามองของไปทั่วโลก และมีหลายประเทศได้ออกมาประนามเกาหลีเหนืออีกด้วย ประเทศเกาหลีเหนือ ตามที่เราทราบกันดีว่าประเทศนี้มีการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์อย่างเต็มรูปแบบ มีท่านผู้นำที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกอย่าง คิม จอง อึน ด้วยความที่เกาหลีเหนือได้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมประชามติกับสหประชาชาติและทำการปิดประเทศ และตรวจตราควบคุมจำนวนคนเข้าออกประเทศ น้อยคนนักที่จะได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศภายในประเทศ เมื่อเข้าไปในประเทศก็ต้องปฏิบัตตามกฏของประเทศคือ นักท่องเที่ยวห้ามถ่ายรูปในเกาหลีเหนือเด็ดขาด คนนอกประเทศจึงไม่ค่อยทราบถึงความเป็นไปในประเทศและมีความอยากรู้ว่า วิถีชีวิตของประชาชนชาวเกาหลีเหนือเป็นอย่างไรบ้าง ภาพเหล่านี้ได้มาจากผู้สื่อข่าวของ AFP ที่ได้ไปถ่ายบรรยากาศและประชาชนในประเทศเกาหลีเหนือเป็นกรณีพิเศษ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จะเป็นยังไง เราไปชมกันเลย ประชาชนที่กำลังรอรถบัสที่กรุงเปียงยาง กรุงเปียงยางมีประชากรประมาณ 3 ล้านคน รถบัสเป็นการคมนาคมหลักของที่นี่ เนื่องจากประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ครอบครองรถยนต์ได้ ยานพาหนะหลักก็คือจักรยานหรือรถบัสเท่านั้น ประชนชนชาวเกาหลีมีความแข็งแกร่งและรักประเทศมาก เช่น ผู้หญิงคนนี้ถือปืนไปทำงานด้วย ชายผู้นี้กำลังปั่นจักรยานในกรุงเปียงยาง รถไฟฟ้าก็เป็นอีกหนึ่งในการคมนาคมในเกาหลีเหนือ วัยรุ่นกำลังเล่นสมาร์ทโฟน การใช้อินเตอร์เน็ตของประชาชนในเกาหลีเหนือจะถูกควบคุมโดยรัฐบาล ที่พักของชาวเกาหลีเหนือ จะอยู่บนตึกสูงๆ หลายชั้น นักเรียนในโรงเรียนของเกาหลีมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย รอยยิ้มอันไร้เดียงสาของสาวเกาหลีเหนือ บรรยากาศของเกาหลีเหนือ ข้างหลังคือ…
-
แอร์โฮสเตสสาวถูกสั่งเด้ง หลังอัดคลิปเหยียดผู้โดยสารไนจีเรีย ว่าหรรมส์ใหญ่จนต้องขออัพเกรด..!!
กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ หลังจากที่แอร์โฮสเตสสาวประจำสายการบิน British Airways ได้อัดวิดีโอผ่านแอพฯ SnapChat โดยมีประเด็นเหยียดสีผิว และพาดพิงถึงผู้โดยสารชาวไนจีเรีย หลังจากเรื่องนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทางสายการบินเองก็ได้ออกมาชี้แจงว่า Joanne Wickenden พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินวัย 23 ปี ถูกปลดออกจากการเป็นพนักงานของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว Joanne Wickenden โดยคลิปวิดีโอนี้ถูกอัดขึ้นก่อนหน้าที่เธอจะมีไฟลท์ต้องเดินทางไปยังประเทศไนจีเรีย ทว่าข้อความ คำพูด และท่าทางต่างๆ ของเธอ ที่สื่อผ่าน SnapChat กลับชวนให้ลูกค้าที่มีเชื้อสายแอฟริกันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยในคลิปวิดีโอเผยให้เห็นถึงคำพูดเชิงถากถาง และเหยียดชาติพันธุ์ ทำนองว่า… “เอาล่ะ!! ได้เวลาคืนวันศุกร์ที่เราต้องทำงานกันอย่างเต็มที่ เตรียมตัวเสิร์ฟน้ำให้พร้อมนะจ๊ะ และตอนนี้ฉันก็พร้อมที่จะไปทำหน้าที่แล้วล่ะ ใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีเหลืองโง่ๆ ซักอัน ชี้ไปที่ประตูทางออกฉุกเฉิน จากนั้นก็เอาไก่หรือไม่ก็เนื้อไปเสิร์ฟให้ผู้โดยสาร เฮ้อ…นี่มันวันศุกร์ประเภทไหนกันว่ะเนี่ย!?” “จากนั้นเดี๋ยวฉันก็จะได้เจอกับพวกผู้โดยสารชาวไนจีเรียที่แบบว่าเอิ่มม… เดี๋ยวก็เรียกร้องขอน้ำโค้ก เดี๋ยวก็ขอเนื้อ ขอโน้น ขอนี่ ทำไมไม่มีนู้นล่ะ ทำไมไม่มีนี่ล่ะ และฉันก็ต้องทำหน้าเจื่อนๆ แบบว่า ขอโทษนะคะเนื้อหมดแล้วจริงๆ อะไรทำนองนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ฉันเซ็งมากที่สุดก็คือ ผู้โดยสารชาวไนจีเรียพวกนี้ชอบเรียกร้องขออัพเกรดที่นั่งอยู่เรื่อยเลย…
-
12 ผลงานเปลี่ยนภาพถ่ายคุณกับสัตว์เลี้ยง เป็นการ์ตูนสุดน่ารัก ที่คุณก็มีส่วนร่วมได้
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบการ์ตูน และอยากมีภาพวาดของตัวเองที่ออกแบบเอง บางที Robert DeJesus ศิลปินชาวอเมริกันคนนี้อาจช่วยคุณสานฝันได้นะ Robert DeJesus คือศิลปินวาดภาพที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนจำนวนมาก และถ้าคุณเองอยากเปลี่ยนรูปตัวเองให้เป็นภาพวาดสุดน่ารัก โอกาสมาถึงแล้วและยิ่งหากคุณมีสัตว์เลี้ยงด้วย พลาดไม่ได้เลยหล่ะ ด้านล่างนี้คือชุดภาพ “ผู้คนกับสัตว์เลี้ยง” ที่วาดโดย Robert ซึ่งเป็นการทำภาพจริงให้กลายเป็นภาพการ์ตูนที่น่ารักสุดๆ ลองไปชมกันเลย 1. สำหรับใครที่สนใจ ข่าวดีคือ ศิลปินคนนี้เค้ารับวาดให้ผู้คนทั่วโลกเลยนะ ติดตามรายได้เอียดได้ที่เว็บไซต์ Deviantart หรือเฟสบุ๊ก The Art of Robert DeJesus ส่วนข่าวร้ายคือ ราคาค่อนข้างแพงหน่อยนะ โดยมีตั้งแต่ 3,000-10,000 บาท 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12.…
-
เริ่มแล้ว “กำแพงเมืองทรัมป์” ตามไปชมภาพการก่อสร้างต้นแบบกำแพงกั้นอเมริกา-เม็กซิโก
เรายังจำกันได้ไหมเมื่อตอนที่โดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเคยลั่นว่าจาว่าจะสร้างกำแพงสูงเพื่อกั้นเขตแดนระหว่างอเมริกาและแม็กซิโกออกจากัน ตอนนี้มันได้เกิดขึ้นแล้ว!! รัฐบาลกลางสหรัฐได้บอกว่าโครงการกำแพงกั้นแม็กซิโกตัวต้นแบบได้เริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งสานต่อตามสิ่งที่โดนัลด์ ทรัมป์ได้ลั่นวาจาไว้ตอนที่หาเสียงนั่นเอง ส่งรถมาขุดที่ เตรียมพร้อมทำรั้วใหม่แล้วนะ . ตัวกำแพงต้นแบบนั้นจะมี 8 แบบด้วยกัน ซึ่งแต่ละแบบจะต้องมีความสูง 9 เมตร ยาว 9 เมตรต่อกำแพงหนึ่งอัน ส่วนต้นแบบทั้ง 8 นั้นจะถูกจำแนกเป็นกำแพงที่มีคอนกรีตเป็นวัสดุหลัก 4 แบบ ส่วนอีก 4 แบบจะเป็นวัสดุอะไรก็ได้ ส่วนผู้รับเหมาที่จะมารับหน้าที่ออกแบบกำแพงนั้น จะถูกเลือกโดยเอเจนซี่ของรัฐ ต้นแบบกำแพงไหนออกแบบมาได้ดีถูกใจรัฐบาลก็จะได้รับการนำมาใช้จริงในภายหลังนั่นเอง ในภาพนั้นเป็นทีมงานจาก 4 บริษัทผู้รับเหมาที่ชนะการรับเลือก และกำลังช่วยกันสร้างกำแพงนั่นเอง โปรเจคกำแพงต้นแบบนั้นจะมีระยเวลากำหนด 30 วันสำหรับผู้ที่ชนะและได้รับเลือกให้มาสร้างกำแพงแห่งทรัมป์นี้ ที่สำคัญการลาดตระเวนชายแดนแทบซานดิเอโกก็ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะกำแพงได้เริ่มสร้างแล้วนั่นเอง การลักลอบข้ามพรมแดนในช่วงนี้จึงเป็นอะไรที่ยากมากๆ กำแพงแบบเก่านั้่นจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชายแดนคอยสอดส่องดูตลอด มาพร้อมกับอุปกรณ์ครบมือ คนที่แอบลักลอบก็ยากที่จะผ่านไปได้ นอกชายแดนก็ยังใช้ม้าในการลาดตระเวนอีก เรียกว่าแน่หนารัดกุมสุดๆ แต่ยังไงกำแพงก็ต้องเกิดขึ้น เพราะคนสังเกตเห็นว่าคนงานก่อสร้างเริ่มเดินทางมาเรื่อยๆ…
-
11 เกร็ดเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ‘ราชวงศ์อังกฤษ’ ที่เราอาจไม่เคยทราบกันมาก่อน..!?
สำหรับราชวงศ์อังกฤษนั้น พวกเขาเปรียบได้ดั่งบุคคลสาธารณะของประชาชนเลยก็ว่าได้ ในแต่ละวันพวกเขาต้องเดินทางไปออกงานต่างๆ ตามคำเชื้อเชิญของประชาชนผู้เป็นที่รัก ทว่านอกเหนือจากเรื่องราวที่เราเห็นผ่านสื่อแล้ว เราแทบจะไม่รู้เลยว่าในชีวิตจริงพวกเขาอยู่อาศัยกันอย่างใด และทั้งหมดนี้คือ 11 เรื่องน่ารู้ที่จะทำให้เรารู้จักราชวงศ์อังกฤษได้ดีกว่าเดิม 1. คนในเชื้อพระวงศ์ไม่สามารถร่วมเล่น Monopoly (เกมเศรษฐี) ได้ ในปี 2008 เจ้าชายแอนดรูว์ดยุคแห่งยอร์ค ได้เสนอให้มีการสั่งห้ามเชื้อพระวงศ์อังกฤษเล่นเกมเศรษฐี โดยให้เหตุผลว่ารูปแบบของตัวเกมเต็มไปด้วยความแก่งแย่งชิงดี และการเอาชนะซึ่งกันและกัน 2. ควีนอลิซาเบธที่ 2 ชื่นชอบที่จะสวมใส่เสื้อผ้าสีสันจัดจ้านมากกว่า ในอดีตผู้คนมักจะเห็นแต่คนในราชวงศ์ใส่ชุดที่มีสีสันดูเป็นทางการ จนกระทั่งมาถึงช่วงวลาของควีนอลิซาเบธที่ 2 ที่พระองค์เลือกที่จะสวมใส่ผ้าสีสันจัดจ้าน โดยให้เหตุผลว่า… ทำให้ประชาชนจดจำได้ง่ายกว่า 3. องค์ราชินีจะมีงานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 ครั้ง น้อยคนนักที่จะรู้ว่าควีนอลิซาเบธที่ 2 ต้องเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพ ถึง 2 ครั้งในรอบปี โดยครั้งแรกเป็นการเฉลิมฉลองพร้อมกับประชาชนในกลุ่มประเทศที่อยู่ในเครือ Commonwealth of Nations ส่วนครั้งที่ 2 คือการเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพ ที่แท้จริง ซึ่งก็คือวันที่ 21 เมษายน ทว่าสำหรับการฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพที่แท้จริง พระองค์ทรงเลือกที่จะฉลองแบบเงียบๆ กับคนในครอบครัวมากกว่า…
-
เผยโฉมออฟฟิศใหม่ Facebook ใจกลางซานฟรานซิสโก ด้วยค่าเช่ากว่า 1,000 ล้านบาท
ปัจจุบันคงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ที่ชื่อว่า เฟซบุ๊ค แน่นอน เพราะมันเรียกได้ว่าเป็นสังคมอีกแห่งหนึ่งที่พวกเราสามารถเชื่อมเข้าหากันได้โดยง่าย แต่ความอลังการไม่ได้มีเพียงแค่ชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วโลก เพราะตอนนี้บริษัทได้ทำการเซ็นสัญญาเช่าออฟฟิศใหม่เป็นที่เรียบร้อย ด้วยราคามากกว่า 1 พันล้านบาท โดยตึกสูงเสียดฟ้าแห่งนี้มีชื่อว่า 181 Fremont ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ เมืองซานฟรานซิสโก มีพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร ทั้งหมด 70 ชั้น ถือว่าเป็นตึกที่พักอาศัยที่สูงที่สุดในเขตชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา สร้างขึ้นด้วยงบประมาณมากกว่า 22,000 ล้านบาท!! สูงขนาดนี้ ไกลแค่ไหนก็ยังมองเห็น และในอีก 3 ปีข้างหน้า ก็จะมีพนักงานของเฟซบุ๊คและอินสตาแกรม จำนวน 2,000 ถึง 3,000 คน ย้ายเข้ามาทำงาน กินพื้นที่ไปมากถึง 33 ชั้นเลยทีเดียว ปัจจุบันตึกดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างที่จะเสร็จในสิ้นปีนี้ ซี่งจะมีส่วนของคอนโดหรู 67 ห้อง มาพร้อมกับความสะดวกสบายครบครัน ที่ไม่รู้ว่าพนักงานที่กำลังเตรียมย้ายเข้ามา จะมีโอกาสได้เข้าไปใช้ส่วนนี้หรือเปล่า การก่อสร้างกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ ส่วนที่พักอาศัยในชั้น 52 กับวิวทิวทัศน์ที่งดงามรอบด้าน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องความปลอดภัยของที่นี่ก็ชั้นหนึ่ง…
-
กษัตริย์ซาอุดิอาระเบียทรงอนุญาตให้เพศหญิงสามารถทำ “ใบขับขี่” เป็นครั้งแรกใบประวัติศาสตร์
ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญในประวัติศาสตร์ชาติอาหรับ เมื่อล่าสุดกษัตริย์ซาอุดิอาระเบียได้ทรงมองเห็นถึงปัญหาเรื่องสิทธิของผู้หญิง และทรงเปลี่ยนแปลงกฏหมายใหม่เพื่อให้พวกเธอมีสิทธิมากขึ้น… สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน พระมหากษัตริย์ซาอุดิอาระเบียได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของชาติเมื่อวันอังคารที่ 26 ที่ผ่านมาว่า จะมีการอนุญาติให้ผู้หญิงในประเทศสามารถมีใบขับขี่ได้แล้ว หลังจากที่กีดกันเพศหญิงในสิทธิต่างๆ มาเป็นเวลานาน โดยใบขับขี่ดังกล่าวจะมีผลเหมือนกับผู้ชายทุกประการ… พระราชกฤษฎีกาที่ประกาศออกมานั้น ยังรวมถึงการสั่งให้จัดตั้งคณะกรรมการระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย การเงิน รวมถึงแรงงานและการพัฒนาสังคม โดยพวกเขาจะได้รับมอบหมายให้ศึกษาพร้อมจัดเตรียมคำสั่งภายใน 30 วันและเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการดำเนินการตามคำสั่งภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2561 Latifa Shaalan หญิงสาวผู้เป็นหนึ่งในสมาชิกสภา Shura Council ของประเทศซาอุดิอาระเบียได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Al Arabiya ว่า “นี่ถือเป็นชัยชนะในรอบหลายปีของผู้หญิง เพราะเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่พวกเราหญิงสาวชาวซาอุฯ สู้กันมาเป็นเวลานาน ไม่ใช่แค่ปีสองปี แต่เป็นสิบๆ ปี โดยทุกครั้งที่เราถามเรื่องเหล่านี้ไป เราก็จะถูกตอบกลับมาว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่สมควร” ด้านเลขาธิการสหประชาชาติ Antonio Guterres ก็ออกมาบอกว่า เขายินดีมากกับก้าวสำคัญของประเทศซาอุดิอาระเบียที่พร้อมจะเดินไปข้างหน้า เพราะนี่เป็นความคิดที่ดีมากๆ Ghada Ghunaim นักเขียนชาวซาอุได้บอกว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี่้จะส่งผลสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก เพราะเราต้องสำนึกไว้ก่อนเลยว่าประชากรผู้หญิงที่มีการศึกษานั้นเริ่มสูงเทียบเท่ากับผู้ชายแล้วด้วย… ประเทศอื่นๆ เขาเริ่มก้าวไปแล้ว แล้วเราล่ะไปข้างหน้าหรือกลับหลังกัน… ที่มา alarabiya
-
คู่รักวัยเกษียณพยายามสร้างสีสันให้ความรัก ด้วยการแต่งชุดคอสเพลย์สนุกๆ ตลอดเวลา
หลายคนมองว่า คนที่เกษียณอายุไปแล้วจะต้องกลับไปอยู่บ้านพักผ่อนเฉยๆ หลังจากที่ตรากตรำทำงานหนักมานานหลายปี และคงคิดว่าชีวิตหลังจากที่เกษียณออกไปแล้วมันต้องน่าเบื่อมากๆ แน่เลยใช่ไหมล่ะ แต่จงเปลี่ยนความคิดนั่นซะ เพราะว่าคุณลุง Steven กับคุณป้า Millie Tani คู่รักสูงวัยที่พึ่งเกษียณออกมาหมาดๆ จากแคลิฟอเนีย จะมาเปิดประสบการณ์และล้างความคิดเก่าๆ ทำให้รู้ว่า ชีวิตหลังวัยเกษียณเนี่ย มันไม่ได้น่าเบื่อเสมอไปหรอกนะ!! คู่รักสุดเก๋าคู่นี้แต่งงานกันมาถึง 27 ปีแล้วล่ะ หลังจากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมานานจนถึงวันที่ต้องออกจากงานมาอยู่บ้านเฉยๆ ด้วยที่ีว่าหัวใจยังเป็นวัยรุ่นอยู่จะให้นอนอยู่บ้านเฉยๆ ได้ยังไงล่ะ มันไม่คูลเล้ยยย Toy’s Story ทั้งคู่จึงได้ค้นพบกิจกรรมที่จะมาแทนที่การอยู่บ้านธรรมดาๆ ด้วยการออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แต่แต่งตัวแบบธรรมดามันน่าเบื่อ ก็เลยแต่งคอสเพลย์ไปเที่ยวกันเลยจ้า แถมได้รับการสนับสนุนจากลูกสาวเป็นอย่างดี อันไหนที่พ่อแม่ชอบก็จัดไปอย่าให้เสีย!! Up ปู่ซ่าบ้าพลัง วันเดอร์วูแมนก็มาจ้า Han Solo และ Leia Organa จากเรื่อง Star War หลังจากที่แต่งตัวคอสเพลย์ไปถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ ก็ได้นำมาโพสต์ลงในเฟสบุ๊กเก๋ๆ เอาไปเอามามีคนชื่นชอบ จนมีแฟนคลับคอยติดตามผลงานซะงั้น…
-
แนะนำ 5 ร้านซูชิบุฟเฟ่ต์ที่ดีที่สุดที่ซ่อนอยู่ในกรุงโตเกียว กับรสชาติสุดฟิน แถมราคาก็น่ารัก
ถ้าเราพูดถึงข้าวปั้นชิ้นพอดีคำ ที่โป๊ะหน้าด้วยเนื้อปลาดิบ และของคาวชนิดต่างๆ หลายคนจะต้องนึกถึง “ซูชิ” อาหารประจำชาติญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่างแน่นอน และถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนที่ได้เดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นละก็ ซูชิ คือหนึ่งในเมนูที่อยู่ในลิสต์ของคุณใช่ไหมละ ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับนักท่องเที่ยวต่างแดน ที่ต้องมองหาร้านซูชิอร่อยๆ และราคาสบายกระเป๋า ดังนั้น เราจึงได้รวบรวม 5 ร้านซูชิสุดเด็ดในกรุงโตเกียวมาฝาก เพื่อจะได้เป็นหนึ่งในทางเลือกของคนที่กำลังมองหาร้านซูชิอร่อยๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป เพราะราคาของแต่ละร้านน่ารักมากๆ 1.Umegaoka Sushi No Midori Souhonten หรือ Midori Sushi คุณอาจจะต้องรอคิวอันยาวเหยียด หรืออาจจะต้องรอเป็นเวลานาน ก่อนที่คุณจะได้นั่งสัมผัสรสชาติสุดฟินของซูชิจากร้าน Midori Sushi ณ ย่านแฟชั่น Shibuya ในกรุงโตเกียว เพราะถ้าหากใครที่เคยไปทานมาแล้ว คุณจะรู้ดีว่าที่ร้านแห่งนี้มีอาหารทะเลที่สดใหม่บริการแก่ลูกค้าอยู่เสมอ และที่สำคัญยังมีราคาที่สบายกระเป๋ามากๆ อีกด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงนิยมไปทานร้านดี ถึงจะรอนานหน่อย แต่คุ้มค่าสุดๆ โอ้ยยยย แต่ละเมนูน่ากินมาก 2.Kagurazaka Sushi Academy …
-
เด็กสาวไม่กล้าทิ้งหมาไว้ที่บ้านช่วงพายุเข้า เลยอีเมลหาอาจารย์เพื่อขอพามันไปเรียนด้วย
จากเมื่อในสัปดาห์ที่ผ่านมา เราก็อาจจะพอทราบข่าวเกี่ยวกับพายุเฮอริเคนเออร์มา ที่พัดเข้าถล่มเกาะทางใต้ของรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นพายุที่มีระดับความรุนแรงสูงที่สุด สร้างความเสียหายไปแล้วในบริเวณหลายพื้นที่ ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ต้องอพยพออกทันทีเพื่อความปลอดภัยของชีวิต Jessica Lewis ก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่ ก่อนที่พายุเฮอริเคนจะพัดเข้าถล่มในที่พักอาศัยของเธอ แต่เธอก็ยังห่วงการเรียนในคาบสุดท้าย ก่อนที่มหาวิทยาลัยจะหยุดการเรียนการสอนชั่วคราว เพื่อให้นักศึกษาย้ายไปอยู่ที่อื่นในช่วงที่พายุเข้า แต่การไปเรียนในคาบสุดท้ายของเธอต้องวางแผนเป็นอย่างดี เนื่องจากเธอมีหมาอยู่หนึ่งตัวชื่อว่า เจ้า Luna เธอกังวลว่า กว่าจะเลิกเรียนกลับมาที่พักเพื่อรับมันก็อาจจะไม่ทันเวลา จึงตัดสินใจเขียนอีเมลหาอาจารย์ผู้สอนทันที ใจความว่า “สวัสดีค่ะ Dr.Kennedy หนูชื่อ Jessica Lewis เป็นนักศึกษาในคลาสวิชารัฐศาสตร์ของคุณ ซึ่งจะมีการเรียนการสอนในเวลา 15.30 น. หนูหวังว่าอาจารย์จะเมตตาและเข้าใจหนูกับเหตุการณ์ในครั้งนี้นะ นี่ถ้าอาจารย์ตอบว่าจะช่วยนะ อาจารย์โคตรคูลเลย คือว่าหนูจะขออนุญาตนำเจ้าหมาของหนูเข้าไปในคลาสด้วยได้ไหมคะ หนูไม่สามารถทิ้งมันไว้ที่อพาร์ตเมนท์ได้ หนูจะอพยพไปอยู่บ้านญาติในแอตแลนตา แต่เกรงว่าจะเลิกเรียนแล้วกลับมารับมันไม่ทัน ถึงอย่างไรก็ตามหนูก็ไม่อยากจะขาดเรียนในคลาสนี้เช่นกัน หนูสัญญานะว่าหมาของหนูมันจะไม่ดื้อไม่ซน ไม่รบกวนคนอื่นๆในคลาสเลยค่ะ อ้ะ หนูแนบรูปมาให้ดูด้วยนะ หวังว่าอาจารย์จะช่วยเหลือนะคะ ขอบคุณมากค่ะ Jessica Lewis” . หลังจากที่รับอีเมลไม่นาน อาจารย์ก็ได้ตอบกลับเธอด้วยข้อความที่ว่า “คิดว่าการเรียกผมว่าเป็น คนคูลๆ…
-
สาวอินโดถูกหามส่งโรงพยาบาล หลังศาลสั่งลงโทษฟาด 100 ที เพราะไปยืนใกล้กับชายอื่นที่ไม่ใช่สามี
สังคมชาวมุสลิมในต่างประเทศ มีกฎเกณฑ์ที่มีความเคร่งครัดเป็นอย่างมาก ทั้งนี้กฎเกณฑ์ทั้งหลายก็ได้ตั้งตามหลักศาสนาที่เคารพนับถือ การตั้งกฎเหล่านี้ หากมีคนละเมิดก็จะมีบทลงโทษที่ร้ายแรงมาก เพื่อป้องกันการทำผิดกฎ Mazidah หญิงสาวชาวอินโดนิเซียอายุ 30 ปี ถูกศาลตัดสินลงโทษด้วยการใช้แส้ฟาด 100 ทีต่อหน้าสาธารณะชน เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่เอาเป็นแบบอย่าง เธอถูกตั้งข้อหาว่า เธอไปไปอยู่ใกล้กับชายที่ไม่ใช่สามีของตนเอง หลังจากที่ศาลตัดสิน เธอก็ถูกควบคุมตัวมาที่เวที เพื่อทำการลงโทษต่อหน้าผู้คนอื่นๆ ผู้ที่มาทำการลงโทษเธอจะต้องสวมชุดคลุมทั้งร่าง สวมหน้ากากให้ดวงตาสมารถมองเห็นได้ จากนั้นก็ทำการฟาดเธอทันทีตามจำนวนที่ศาลตัดสินนั่นก็คือ 100 ครั้ง ชาวบ้านที่มาดูเหตุการณ์ต่างก็ได้ใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพไว้ ก่อนที่เธอจะเป็นลมล้มลงไปหลังจากที่ทนความเจ็บไม่ไหวและถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลทันที นอกจากเหตุการณ์นี้ก็ยังมีหญิงและชายอีกสองคนถูกตัดสินให้ใช้แส้ฟาดในวันเดียวกันอีกด้วย . . การลงโทษที่มีความรุนแรงนี้เกิดขึ้นในเมือง บันดาอาเจะฮ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่เคร่งศาสนามากที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย เมืองบันดาอาเจะฮ์ พึ่งได้รับการอนุมัติให้ใช้กฎหมายอิสลามหลังจากได้ทำข้อตกลงสันติภาพกับกรุงจาร์กาตาร์เมื่อปี พ.ศ.2548 การลงโทษแบบนี้อาจจะถูกมองว่าเป็นการใช้ความรุนแรงเกินไป แต่ทั้งนี้ก็เพื่อความสงบสุขของคนในสังคมเอง ต้องลงโทษให้เป็นแบบอย่าง คนจะได้เกรงกลัวและไม่กล้าทำความผิด ที่มา dailymail
-
ญี่ปุ่นเปิดบริการรับปรึกษา “ปัญหาหลังคาบ้าน” ด้วยวิธีสุดเฟี้ยวแบบเจแปนนิสจริงๆ
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาไปอย่างมากหลังจากที่พ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 การกอบกู้บ้านเมืองในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาหล่อหลอมให้ชาวญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันมีความรักชาติเป็นอย่างมาก ชาวญี่ปุ่นทุกคนรักประเทศและมีความสามัคคีกันเป็นอย่างมาก ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่หลายๆ คนใฝ่ฝันที่จะได้ไปเยือนซักครั้ง ด้วยความที่ประชาชนรักและสามัคคีกัน เอาใจใส่กันถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม แม้กระทั่งปัญหาเรื่องหลังคาบ้าน พี่ญี่ปุ่นเค้าก็ยังเก็บเอามาใส่ใจถึงขั้นตั้งเจ้าหน้าที่รับปรึกษาปัญหาหลังคาบ้านกันอย่างจริงจังเลยนะ บริษัทรับเหมาซ่อมแซมหลังคา Mori Kenchiku Bankin Kogyo ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Yamatotakada จังหวัด นาราระ ได้จัดตั้งศูนย์รับข้อร้องทุกข์ปัญหาเกี่ยวกับหลังคาบ้านทั้งในจังหวัด รวมไปถึงจังหวัดอื่นๆ เช่นโตเกียว โอซาก้า และเฮียวโงะ โดยวิธีการโปรโมทของบริษัทก็ไม่ธรรมดา อื้อหือ ไม่ธรรมดา แถมเอาใจคนรักการคอสเพลย์ด้วยการนำเสนอในรูปแบบของภาพชุดเล่าเรื่องอีกด้วย บริษัทแห่งนี้มีความเชี่ยวชาญในด้านการซ่อมหลังคาทุกประเภทแถมการยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ทำให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นสูงขึ้นอีกด้วย ร้ายกาจจริงๆ โดยเรื่องราวการโปรโมทแบบน่ารักๆ ก็มีจุดเริ่มต้นต้นเมื่อทางบริษัทได้รับโทรศัพท์จากทางลูกค้ามาว่า มีเสียงแปลกๆ ดังอยู่บนหลังคา ช่วยมาตรวจสอบหน่อย จากนั้นประธานบริษัท Mori ก็เดินทางไปตรวจสอบทันทีทันใด เมื่อเขาได้ปีนบันไดขึ้นไปบนหลังคาก็พบว่ามีแม่สาวน้อยสองคนแต่งคอสเพลย์มาต่อสู้กันบนหลัง เอ้า มาเล่นอะไรกันบนนี้ล่ะ!! สองสาวกำลังบรรเลงเพลงดาบต่อสู้กันอย่างเมามัน จนประธานต้องตะโกนบอกให้หยุด และนั่นก็ทำให้แม่นางทั้งสองหยุดต่อสู้กันทันทีแล้วหันมามองลุงคนนี้อย่างเอาเรื่อง เอาไงดี เล่นเลยไหมแก!! เหมือนกับว่าแม่สาวทั้งสองจะเล่นผิดคนซะแล้ว Mori ได้ทำการปล่อยพลังใส่สองสาวทันทีก่อนที่ภัยจะมาถึงตัวเขา…
-
ไปชมความอลังการจากบ้าน 11 หลัง ของเซเลบชื่อดังทั้งหลาย ว่าจะเว่อร์วังขนาดไหน
บ้านที่เราพักอาศัยกันอยู่ทั่วไป จะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะหมู่บ้านหรือบ้านจัดสรร แต่ละหลังก็จะดูเหมือนกันไปหมด แต่สำหรับเหล่าคนดังมากมายที่มีรายรับและรายได้มากหลายล้านบาทต่อปีละ บ้านของพวกเขาเหล่านั้นจะดูเป็นอย่างไรกันบ้าง มันจะยิ่งใหญ่อลังการมากแค่ไหนกัน วันนี้ #เหมียวตะปู จึงจะพาทุกคนไปชมบ้านหรือคฤหาสน์ของเหล่าคนดัง ที่มีการออกแบบและเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร บวกกับความหรูหราจากเม็ดเงินที่น่าจะมหาศาลเลยทีเดียว ว่าแล้วเราก็ลองไปดูเลยดีกว่าว่าจะมีใคร และแต่ละหลังจะดูเป็นอย่างไร คฤหาสน์ของ Rihanna ในเบเวอร์ลีฮิลล์ แคลิฟอร์เนีย . เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มองไกลๆ แล้วจะเห็นเป็นโอเอซิสท่ามกลางทะเลทราย หรูหราน่าพักผ่อน บวกกับสระว่ายน้ำและเก้าอี้นอน ที่เหมือนกับรีสอร์ทซะมากกว่าบ้านนะ นอกจากนั้นเธอคนนี้ยังมีบ้านอีกหลังในประเทศบาร์เบโดส ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน . บ้าน Lady Gaga ในไมแอมี ฟลอริด้า . เป็นบ้านที่อยู่ติดกับมหาสมุทร โดยภายนอกอาจดูไม่มีอะไรแปลกเท่าไหร่ แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยสิ่งให้ความบันเทิงมากมายเช่น โรงหนังขนาดย่อม ลานโบว์ลิ่ง เป็นต้น บ้านของ Julia Roberts ที่ฮาวาย . เธอคนนี้ซื้อคฤหาสน์ที่อยู่ติดกันสองหลังมารวมเป็นหนึ่ง และทำหลังคาจากกระดานดำรีไซเคิล อีกทั้งพื้นบ้านก็ทำมาจากต้นไผ่ สมกับที่เป็นคนรักในธรรมชาติจริงๆ…
-
หมอมุสลิมที่อาสาช่วยคนเจ็บในแมนเชสเตอร์ โดนทำร้ายร่างกายปางตาย แต่ยังพร้อมให้อภัย!!
ถึงแม้ว่าเรื่องของการเหยียดเชื้อชาติและศาสนาอาจจะดูเป็นเรื่องที่ล้าหลัง แต่ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปนานแค่ไหน ก็ยังมีคนที่รู้สึกเกลียดชังคนอื่นเพียงเพราะว่าเองนับถือคนละศาสนาเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่พร้อมจะให้อภัยกับการกระทำเหล่านี้ และกล้าที่จะกล่าวคำว่า “ไม่เป็นไร” ได้อย่างเต็มใจ แม้สิ่งที่พวกเขาถูกกระทำนั้น อาจพรากชีวิตของพวกเขาไป เหมือนอย่างคุณหมอชาวมุสลิมท่านนี้… คุณหมอ Consultant Nasser Kurdy ศัลยแพทย์ชาวจอร์แดน ได้ออกมากล่าวให้อภัยกับคนร้ายที่เข้ามาแทงเขาด้วยมีด ระหว่างที่กำลังเดินอยู่ในมัสยิด Altrincham ในเมือง Cheshire ประเทศอังกฤษ เมื่อเวลาประมาณ 6 โมงเย็นของวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ศัลยแพทย์วัย 58 ปีถูกคนร้ายเข้ามาแทงจากทางด้านหลังด้วยมีดลึกถึง 3 เซนติเมตร และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาเริ่มหายดีแล้ว และกำลังเตรียมตัวที่จะกลับไปทำงานตามเดิม คุณหมอ Kurdy เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า “ผมต้องขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่เมตตาผม โชคดีที่มีดนั่นไม่ได้โดนเส้นประสาท หรือหลอดเลือดที่คอของผมตอนที่ผมถูกแทงผมล้มลงที่พื้นด้วยความเจ็บปวด ผมเห็นชายคนนั้นกำลังยืนขู่ผมอยู่ด้วยท่าทางที่น่ากลัวมาก“ คุณหมอเล่าว่าเขาจำไม่ได้ว่าคนร้ายพูดอะไรกับเขา แต่เขารู้สึกได้ว่าการทำร้ายร่างกายครั้งนี้มาจากความเกลียดชังชาวมุสลิมของชายคนดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามเขากลับบอกว่าไม่ได้รู้สึกโกรธชายคนดังกล่าวเลยและพร้อมที่จะให้อภัยเขา “ชายคนที่ทำร้ายผมไม่ใช่ตัวแทนของคนทั้งหมดในเมืองนี้ ผมพูดจากใจจริงเลยว่าผมไม่ได้โกรธหรือแค้นเขาเลยแม้แต่น้อย และผมเองก็ให้อภัยกับสิ่งที่เขาทำ“ คุณหมอกล่าว คุณ Kurdy เติบโตมาในครอบครัวชาวมุสลิม และในแต่ละวันเขาจะเดินทางไปที่มัสยิดเพื่อทำการประกอบพิธีทางศาสนา นอกจากนี้คุณ Kurdy ยังรองประธานของสมาคมอิสลามอย่าง Altrincham and Hale Muslim Association และเคยเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเหยื่อจากเหตุระเบิดในเมืองแมนเชสเตอร์อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามคุณหมอท่านนี้ก็ยังคงรู้สึกเกลียดชังต่อการก่อการร้าย และการที่ชาวมุสลิมต้องตกเป็นแพะรับบาปจากเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ อย่างการระเบิดสนามกีฬาหรือการโจมตีที่ Parsons Green “ทุกวันนี้เหตุก่อการร้ายมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น มันสร้างความกังวลให้กับพวกเรามากๆ และความเกลียดชังที่มีต่อชาวมุสลิมก็มากขึ้นด้วย “ “ผมอยากจะบอกทุกคนว่า ถึงผมจะเป็นมุสลิม แต่ผมก็เหมือนทุกๆ คนนั่นแหละ…
-
นึกว่าหนังสยองขวัญ เมื่ออยู่ดีๆ มีเลือดออกจากพื้นลงสู่ถนน ไหลอย่างกับท่อประปาแตก!!
เป็นใครก็ต้องขนลุกขนพองสยองเกล้ากันแน่นอน ใครจะไปคิดว่าการเดินอยู่บนถนนชิวๆ ในเช้าวันที่อากาศกำลังสบายๆ กลับต้องมาพบกับเหตุการณ์สยอง จนต้องเผ่นแนบแทบไม่ทัน บรึ๋ยยยย!! เรื่องนี้เกิดขึ้นที่บริษัทรับจัดการศพแห่งหนึ่งในเมือง Baton Rouge รัฐหลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา มีคนพบว่าบริเวณทางเข้างานศพนั้นมีเลือดสีแดงฉานค่อยๆ ไหลออกมาจากพื้นและค่อยๆ ไหลไปจนทำให้ถนนบริเวณนั้นเต็มไปด้วยเลือด!!! หลังจากที่โทรให้ตำรวจมาตรวจสอบก็พบว่ามันคือเลือดจริงๆ ผสมกับฟอร์มาลดีไฮด์ มันรั่วไหลออกมาจากถังเก็บของเสียของบริษัทแล้วระบายออกมาบนถนน อะไรเนี่ย!!! เลือดทั้งหมดไหลออกมาจากถังเก็บของเสียที่อุดตันเป็นเวลา 20 นาที สร้างความขนลุกและขยะแขยงให้กับคนในเมืองเป็นอย่างมาก ปกติถ้าเป็นของเหลวหรือน้ำปกติก็จะมีการไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ แต่ทางบริษัทไม่ได้จัดการกับเรื่องนี้ทำให้มันไหลออกมาบนถนน ทำให้ต้องมีการจัดการตรวจสอบใบอนุญาตกับกรมบริหารสิ่งแวดล้อม Adam Smith เจ้าหน้าที่หน่วยงานบริการด้านสิ่งแวดล้อมประจำเมืองได้กล่าวว่า “เราได้ส่งเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญทางด้านสิ่งแวดล้อมเข้าไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ต้องมีการจัดการกับสิ่งเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะเป็นสินทรัพย์ของเอกชน” จากนั้นไม่นานก็มีพนักงานของเทศบาลเข้ามาจัดการล้างเลือดทั้งหมดออกจากถนนเพื่อให้ชาวเมืองไม่ตื่นตระหนก เหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันนี้ก็เคยเกิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อแม่น้ำในท้องถิ่นเปลี่ยนเป็นสีแดง หลังจากพบว่ามีการรั่วไหลของเลือดจากโรงฆ่าสัตว์ในบริเวณนั้น แค่คิดภาพตามก็สยองแล้ว บรื๋ออออ ที่มา ladbible , dailymail
-
ย้อนอดีตเมืองแห่งความมืดมิด “สลัมลอยฟ้าเกาลูน” กับตำนานแห่งวิถีชีวิตผู้คนในขณะนั้น
เชื่อว่า เมืองแต่ละเมืองต่างก็มีประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวของผู้คนในอดีต เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ก็จะถูกบันทึกไว้ว่า สถานที่แห่งนี้เคยเกิดอะไรขึ้น และมันก็จะเป็นบทเรียนบทหนึ่งที่ทำให้ลูกหลานรุ่นต่อไปได้เรียนรู้ ตำนานแห่งเมือง Kowloon Walled City ของฮ่องกง หลายๆ คนอาจจะไม่คุ้นกับชื่อเมืองนี้เท่าไหร่ เพราะว่าปัจจุบัน เมืองแห่งนี้ถูกทุบทิ้งและกลายเป็นสวนสาธารณะสวยๆ ให้ชาวเมืองไปแล้ว แล้วท่านรู้หรือไม่ ว่าก่อนหน้าจะมาเป็นสวนสาธารณะ ก่อนหน้านี้มันเคยเป็นดินแดนแบบไหนมาก่อน? ในยุคที่อังกฤษเข้าครอบครองฮ่องกงในปี 1898 เกาะเกาลูนที่เป็นส่วนหนึ่งของฮ่องกง ได้รับการยกเว้นให้ยังอยู่ในการปกครองของจีนอยู่ จำนวนประชากรที่เคยอาศัยในเมืองนี้คาดการณ์ว่ามีจำนวนหลายแสนคน นั่นหมายความว่าเมืองนี้จะต้องแออัดมากๆ เมืองแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองเถื่อน เนื่องจากรัฐบาลอังกฤษไม่ได้เข้ามาวุ่นวายอีกทั้งรัฐบาลจีนก็ปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ มันกลายเป็นแหล่งซ่องสุมอาชญากรรม สิ่งของผิดกฏหมาย และคุณภาพชีวิตของชาวเมืองก็แย่มาก ด้วยความจำกัดของเนื้อที่ การก่อสร้างในเมืองแห่งนี้ก็นิยมที่จะสร้างตึกสูงๆ ติดกันจนทำให้เรียกกันว่าเป็นเมืองแห่งความมืดมิดเพราะว่าตึกที่สร้างติดกันมากๆ ทำให้แดดส่องเข้าไม่ถึง . วิถีชีวิตของผู้คนที่อยู่ในเมืองแห่งนี้อยู่ด้วยความยากลำบากสุดๆ ทั้งแก๊งมาเฟียท้องถิ่น การค้าประเวณี ยาเสพติด และบ่อนการพนัน ระบบสารธารณูปโภคก็ไม่ดีนัก น้ำประปา แสงไฟส่องสว่างมีไม่เพียงพอ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ต้องพึ่งหมอเถื่อนที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ปี 1987 รัฐบาลจีนเริ่มเห็นว่าสภาพความเป็นอยู่ของคนในเมืองนี้แย่เกินจะเยียวยาแล้ว จึงได้ไล่คนที่อาศัยในเมืองนี้ออกไปอยู่นอกเมืองแห่งนี้ บางส่วนก็ออกไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่เมืองอื่นในฮ่องกง…
-
ชาวเน็ตชื่นชม เจ้าบ่าวสวมบทฮีโร่ กระโดดช่วยเด็กจมน้ำทั้งชุดสูท ในวันแต่งงานของเขาเอง
อุบัติเหตุคือสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา โดยที่เราไม่อาจรู้มาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เหมือนกับที่เด็กน้อยคนหนึ่งต้องเจอกับอุบัติเหตุที่อาจพรากชีวิตของเขาไป แต่โชคดีที่มีฮีโร่หนุ่มเข้ามาช่วยไว้ทัน เหตุการณ์เกิดขึ้นที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในเมืองคิตเชเนอร์ ประเทศแคนาดา เมื่อระหว่างที่คู่บ่าวสาวกำลังถ่ายรูปหลังจบพิธีแต่งงานไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ระหว่างนั้นก็มีเด็กตกลงไปในบ่อน้ำใกล้ๆ Clayton Cook ผู้เป็นเจ้าบ่าวและผู้เห็นเหตุการณ์เป็นคนแรก จึงรีบลงไปช่วยในทันที ขณะที่เจ้าสาว Brittany ยังคงงงอยู่ว่าเขาลงไปในน้ำทำไม ฝ่ายชายได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ตอนนั้นเด็กน้อยหัวจมลงไปในน้ำแล้ว และพยายามตะเกียกตะกายอย่างหนัก โชคดีที่เป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ จึงทำให้ผมสามารถอุ้มเขาขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย” หลังจากนั้นเด็กน้อยก็ได้กลับไปพร้อมกับพี่ชายที่มารับและไม่ได้พูดอะไรกับทั้งคู่เลย ต่อมาทั้งสองก็ได้พูดคุยกับเด็กอีกสองคน โดยพวกเขาบอกว่ากำลังเล่นกับเด็กคนนั้นอยู่ จนเผลอผลักตกน้ำไป ซึ่งก็ไม่ทราบได้ว่าเป็นความไม่ตั้งใจหรือกลั่นแกล้งกันแน่ สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างได้ถูกจับภาพไว้ จากฝีมือของตากล้องที่มาถ่ายรูปแต่งงานให้กับพวกเขา Darren Hatt และได้ทำการเผยแพร่สู่โลกโซเชียล ทำให้ฮีโร่หนุ่มของเรื่องได้รับคำชมจากชาวเน็ตมากมาย และมีการแชร์ต่อกันไปอย่างล้นหลาม โพสต์เล่าเรื่องราวของเขา ที่มีคนแชร์ไปเกือบพันครั้งในตอนนี้… ภรรยาของเขายังบอกอีกว่า เรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ทำให้เธอแปลกใจเลย เพราะสิ่งที่เขาได้ทำคือสิ่งที่เขาเป็นมาตลอดอยู่แล้ว นับว่าเธอเป็นเจ้าสาวที่โชคดีไม่น้อยเลยจริงๆ สิ่งที่ชายคนนี้ได้ทำนอกจากจะเป็นการช่วยให้เด็กน้อยมีชีวิตรอดแล้ว เขายังถือว่าเป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจที่ดี ที่จะทำให้ทุกคนช่วยเหลือกัน และทำให้โลกของเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ที่มา: theloop
-
‘แมวน้อย’ ผู้รอดชีวิตจากเฮอร์ริเคน ได้รับการช่วยเหลือจากชายหนุ่มจนกลับมาแข็งแรงดังเดิม
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากลมพายุที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงของเฮอริเคนเออร์ม่า ทำให้มีฝนตกหนักและน้ำท่วมตามมาจากเหตุการณ์นั้น ผู้คนต้องพบทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตรอดผ่านไปให้ได้ สัตว์ทั้งหลายเองก็เช่นกัน เมื่อทุกอย่างจบลงเหลือเพียงซากความเสียหาย ที่ทำให้บ้านของ Chad Mitchell ไม่มีไฟฟ้าใช้ ชายคนนี้จึงต้องปั่นจักรยานออกไปที่สถานีพลังงานสำรองใกล้บ้าน แต่ระหว่างทางเขาก็ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน เขาได้ยินเสียงแหลมๆ ดังอยู่ไม่ไกล ซึ่งตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเสียงของจักรยานที่ปั่นมา แต่เมื่อลงไปเช็คก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ทำให้เขาเริ่มสงสัยและออกเดินดูโดยรอบ จนพบเข้ากับลูกแมวตัวหนึ่งในสภาพเปียกโชก นอนแน่นิ่งอยู่ในพงหญ้า ขาหน้ายื่นออกมา และแทบไม่หายใจ สภาพเปียกปอนไปหมดทั้งตัว เพราะเหมือนกับว่าจมน้ำฝนอยู่อย่างนั้นมานาน ต้องรีบให้ความอบอุ่นในทันที ในตอนแรกเขาคิดว่ามันตายไปแล้ว จนกระทั้งได้ยินเสียงของมันดังออกมาอย่างแผ่วเบา เขาจึงรีบอุ้มมันใส่ไว้ในหมวกเบสบอล และพามันกลับมาที่บ้านในทันที ระหว่าทางก็พยายามทำทุกทางให้มันตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงบ้าน เขาและ Carre ภรรยา ก็ช่วยกันใช้ไฟฉายส่องหาอะไรก็ตาม ที่สามารถช่วยยื้อชีวิตของแมวน้อยตัวนี้ไว้ให้ได้ ด้วยร่างกายที่เย็นเฉียบของพวกมัน พวกเขาจึงรีบทำให้มันแห้งและอบอุ่นด้วยผ้าขนหนู ถึงแม้ว่ามันเหมือนจะไม่รอดแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ พ่อครับป๋มหนาววว ผ่านไป 2 ชั่วโมงก็เริ่มเห็นความหวัง เพราะมันเริ่มที่จะเงยหน้าขึ้นมา ส่งเสียงร้องบ้างแล้ว จากนั้นพวกเขาจึงนำอาหารกระป๋อง น้ำ และข้าวโอ๊ตมาผสมรวมกันให้มันกิน และแมวน้อยก็แสดงท่าทางดีใจออกมา ที่ได้มีอะไรตกถึงท้อง แต่มันก็ยังคงมีอาการสั่นอยู่…
-
เรื่องราวอบอุ่นของ ‘เจ้าเหมียวคูจัง’ ยังจำเสียงเจ้าของเก่าได้ แม้ไม่เจอกันมานาน 2 ปี
บางคนอาจเคยได้ยินมาก่อนว่า แมวไม่ได้มีความรู้สึกผูกพัน เหมือนอย่างที่หมามีให้กับเจ้าของที่ดูแลมันมา และก่อนหน้านี้ก็เคยมีประโยคที่ว่า “ช่วงเวลา 3 ปีที่อยู่ด้วยกัน เจ้าเหมียวสามารถลืมได้ใน 3 วัน” จนเมื่อได้มีงานวิจัยออกมาบอกว่าแท้จริงแล้ว เจ้าเหมียวทั้งหลายมันสามารถจำเสียงเจ้าของของมันได้ ทำให้ Kalkan ผู้ผลิตอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง นำตัวอย่างการทดลองดังกล่าว มานำเสนอในรูปแบบของหนังสั้นสารคดี ที่น่าประทับใจนี้ โดยเป็นเรื่องราวของเจ้าแมวที่มีชื่อว่า Kuro กับ Ono ชายวัย 63 ปีเจ้าของคนเก่าของมัน ซึ่งทั้งสองไม่ได้เจอกันมานานถึง 2 ปีแล้ว อย่างนี้เจ้าแมวมันจะยังจำเสียงเขาได้อยู่มั้ยนะ? ผม Kuro หรือเจ้าของเก่าเรียกว่า คูจัง วัย 10 ปีครับป๋ม คุณ Ono เจ้าของที่ไม่ได้เจอมันมานาน 2 ปี เหตุผลที่ทำให้ชายคนนี้ต้องยกเจ้าเหมียวให้กับคนอื่น ก็เพราะว่าเขาต้องเข้ารับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล ทำให้ไม่สามารถปล่อยให้มันอยู่ตามลำพังได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงคิดถึงเจ้าเหมียวที่เขาเรียกว่า คูจัง ตัวนี้มาก เขาเล่าถึงประสบการณ์ที่มีร่วมกันมากมายตั้งแต่ในตอนที่มันยังเป็นลูกแมวตัวเท่าฝ่ามือ นี่เจ้ามนุษย์มาถ่ายทำอะไรกันละเนี่ย จนเมื่อถึงเวลาที่เขาจะต้องอัดเสียงส่งไปให้มันได้ฟัง เขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมา กลัวว่าเจ้าเหมียวจะจำเสียงเจ้าของเก่าอย่างเขาไม่ได้ เพราะผู้เชี่ยวชาญเองก็บอกว่า…
-
สหรัฐยืนยัน “ยังไม่ได้ประกาศสงครามเกาหลีเหนือ(ว๊อย)” ทั้งคนที่พูดที่ตีข่าว บ้าบอคอแตก!!
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่มีข่าวระดับโลกไหนที่น่าสนใจไปกว่าการที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ออกมาพูดว่าเขาจะจัดการกับเกาหลีเหนือถ้ามันจำเป็นจริงๆ อีกแล้ว ทว่าแม้ทรัมป์จะเรียกผู้นำเกาหลีเหนือว่ามนุษย์จรวด แฃะพร้อมมีท่าทีจะโจมตียังไง เขาก็บอกแค่ว่าเขาจะทำถ้ามันจำเป็นจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะประกาศสงครามแต่อย่างใด แต่ที่เราเห็นตามหน้าฟีดเฟซบุ๊กก็คือ สื่อมากมายกลับตีความไปเรียบร้อยแล้วว่าทรัมป์จะประกาศสงครามกับเกาหลีเหนือและมนุษย์จรวด (คิม จ็อง-อึน) จนเกิดความเข้าใจผิดและแตกตื่นกันยกใหญ่.. ด้านโฆษกรัฐบาล Sarah Huckabee Sanders ก็ออกมาพูดเมื่อวันจันทร์ที่ 25 กันยายนที่ผ่านมาว่า ทางสหรัฐอเมริิกาไม่ได้จะประกาศสงครามแต่อย่างใด และการยกตัวอย่างทั้งหลายเกี่ยวการประกาศสงครามนั้นมันไร้สาระมาก เรื่องราวการประกาศสงครามนั้นจริงๆ แล้วมันเริ่มมาจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือ Ri Yong Ho ได้พูดเมื่อตอนวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ทางสหรัฐได้ประกาศสงครามกับพวกเขา ฉะนั้นพวกเขาจึงมีสิทธิที่จะยิงเครื่องบินทิ้งระเบิด หรืออะไรก็ตามของอเมริกาได้ทันที ไม่ว่าจะอยู่ในอาณาเขตของน่านฟ้าเกาหลีเหนือหรือไม่ก็ตาม Ri Yong Ho ยังย้ำอีกว่า โลกควรจะจำไว้ว่าทางอเมริกานั้นเป็นคนเริ่มประกาศสงครามก่อน ไม่ใช่เกาหลีเหนือ ซึ่งแน่นอนว่ามันขัดกับโฆษกรัฐบาลสหรัฐมากๆ ด้านโฆษกด้านฝ่ายป้องกันภัยสหรัฐอเมริกาก็บอกว่า พวกเขาได้ส่งเครื่องบินไปเพื่อคอยจัดการกับภัยที่อาจจะเกิดขึ้นเพียงเท่านั้น เพราะการยิงจรวดอย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนือถือว่าเป็นภัยอันตรายที่ใหญ่มากแก่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พวกเขายังกล่าวอีกว่า สิ่งใดๆ ก็ตามที่โฆษกรัฐบาลว่านี้ไม่ใช่การประกาศสงคราม แต่มันคือการป้องกันตัวและกันภัยที่อาจจะเกิดขึ้นกับอเมริกาและชาติพันธมิตรเท่านั้น ฉะนั้นถ้าเกาหลีเหนือไม่ทำอะไรที่เป็นภัยก็ไม่มีการประกาศสงครามหรืออะไรทั้งนั้นนั่นเอง …
-
ศิลปินชาวจีนสร้างผลงาน ‘หญิงสาวในท่วงท่าอันงดงาม’ ด้วยเทคนิคการปั้นแบบยุโรปสมัยก่อน
รูปปั้นมากมายที่เราเคยได้เห็นกัน นอกจากที่จะสื่อถึงความแปลกใหม่ และไอเดียที่สร้างสรรค์ของศิลปินแล้ว บางทีก็อาจมีความสวยงามที่ดึงดูดสายตาของทุกคนได้ เหมือนกับงานของเธอคนนี้ ศิลปินชาวจีนที่มีชื่อว่า Luo Li Rong ได้สร้างผลงานรูปปั้นทองแดง แกะสลักขนาดเท่าตัวคน สื่อถึงความสง่างามที่มีอยู่ในรูปร่างของมนุษย์ การทำงานที่พิถีพิถันของเธอ ออกมาเป็นผลงานที่สวยงาม แม้จะยังไม่เสร็จ แต่แค่นี้ก็ดูสมจริงแล้ว โดยจะมีลักษณะของผู้หญิงในที่อยู่ในท่วงท่าต่างๆ และมีความพลิ้วไหวในส่วนของผมและเสื้อผ้า ทำให้ดูเหมือนว่ารูปปั้นกำลังยืนรับสายลมที่พัดมาอย่างแผ่วเบา จะเห็นได้ว่าผลงานของเธอเต็มไปด้วยรายละเอียด เกิดจากความประณีตในทุกพื้นผิวที่เธอแกะสลักลงไป เพื่อให้มีความสมจริงและแสดงออกถึงองค์ประกอบที่น่าอัศจรรย์อื่นๆ เช่น ก้อนเมฆ หรือหยดน้ำฝน ท่ายืนแบบนี้ ดูมีความเป็นไทยนิดๆ เหมือนกันนะ หยดน้ำฝน ที่ทำออกมาได้ลงตัวกับรูปปั้น ผิวคล้ำแต่ก็ยังดูดี ทั้งหมดที่เราได้เห็นเกิดจากฝีมือที่เธอได้เรียนรู้มาจากวิทยาลัยวิจิตรศิลป์ในปักกิ่ง และนำเทคนิคที่นิยมใช้ในช่วงฟื้นฟูศิลปะของยุโรป และสไตล์บารอกมาผสมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นผลงานร่วมสมัยเหล่านี้ขึ้นมา ท่วงท่าอันสง่างามและพลิ้วไหว . . ลักษณะที่ทำออกมาได้เหมือนกับว่า รูปปั้นกำลังเดินอยู่บนท้องถนนจริงๆ สายลมที่พัดเข้ามา เหมือนกับยืนอยู่บนหน้าผา การเปลือยที่ดูไม่โป๊ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นความสวยงามที่ต้องการจะสื่อ .…
-
คู่รักนักเดินทางรีโนเวท “เรือเก่าๆ” เป็นเรือรักแสนหวาน ล่องทะเลเที่ยวกันกว่า 4,000 กม.
หากใครชื่นชอบการท่องเที่ยว นอกจากจะชอบจุดหมายปลายทางแล้ว ก็คงจะต้องชอบระหว่างทางที่เดินทางไปด้วยอย่างแน่นอน และยิ่งเมื่อไปถึงจุดหมาย ปลายทางก็จะยิ่งมีความหมายให้กับคุณมากขึ้นไปอีก จนบางทีอาจเคยคิดกันว่า ย้ายไปอยู่ที่นั่นซะเลยดีมั้ย? เหมือนกับคู่รักสองคนนี้ที่ไม่ได้แค่คิด แต่พวกเขาตัดสินใจทำมันจริงๆ เลย มารู้จักกับ Kelsey และ Joey Coleman กับเรื่องราวความรักที่แสนหวาน และการฮันนีมูนที่สุดแสนประทับใจ จนถึงกับทำให้ทั้งคู่ต้องย้อนกลับไปเก็บข้าวของจากบ้านที่ซานดีเอโก ย้ายไปประเทศนิการากัวกันเลย การผจญภัยสุดมันส์ของทั้งสอง เรื่องราวของทั้งสองเริ่มต้นขึ้นในตอนที่เรียนมหาลัยเดียวกัน ก่อนที่ความรักในการออกเดินทางของฝ่ายชาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า ปีนเขา สิ่งเหล่านั้นได้กลายเป็นแรงบันดาลใจ ให้หญิงสาวออกมาผจญภัยไปด้วยกันกับเขา พวกเขาสาบานกันมาตั้งแต่ตอนนั้นว่า จะออกเดินทางไปรอบโลกด้วยกัน จนเมื่อเวลาผ่านไป 8 ปี พวกเขาก็ได้ทำมันสำเร็จ และ Joey ก็ได้ขอเธอแต่งงานที่นครวัด ประเทศกัมพูชา และจัดพิธีขึ้นในบ้านเกิดของเขารัฐโคโลราโด ปี 2014 ทั้งคู่ได้ตัดสินใจจะไปฮันนีมูนกันที่โคลัมเบีย แต่ก็ต้องเกิดปัญหากับเที่ยวบินขึ้นซะก่อน ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนและเดินทางไปนิการากัว ตามคำแนะนำของคนในครอบครัวแทน ทั้งคู่เดินทางกันไปรอบโลกแล้ววว . เมื่อไปถึงพวกเขาก็ได้พบกับความอัศจรรย์ชวนให้หลงใหลมากมาย ทั้งเด็กที่กำลังขี่ม้าไปโรงเรียน ชายขายนมบนรถที่ใช้วัวลาก และวิวทิวทัศน์ของชายหาดกับภูเขาไฟสวยๆ มากมาย…
-
อลังการ!! คฤหาสน์หลังใหม่ของ Floyd Mayweather ราคา 850 ล้าน ในย่านหรูเบเวอร์รี่ฮิลล์
นักมวยชื่อดังอย่าง Floyd Mayweather วัย 40 ปี ผู้สร้างตำนานไม่เคยแพ้ใคร จาก 50 นัดที่ขึ้นชกอาชีพมาทั้งหมด และเป็นแชมป์มวยสากลถึง 5 รุ่นน้ำหนักด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นแมตช์ล่าสุดที่ต้องขึ้นชกกับ Conor McGregor แชมป์ UFC เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ชัยชนะของเขาก็ยิ่งกลายเป็นที่จดจำให้กับคนทั่วโลก แม้ว่าตอนนี้จะแขวนนวมแล้ว แต่ใครๆ ก็ยังคงลืมเขาคนนี้ไปไม่ได้เลย และที่สำคัญก็คือเงินรางวัลที่มากกว่า 8 พันล้านของเขาจากการชกครั้งนั้นเพียงครั้งเดียว ทำให้กลายเป็นนักมวยคนแรกของโลกที่มีรายได้รวมตลอด 21 ปีสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 33,000 ล้านบาทไปแล้ว เขาจึงนำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อบ้านหลังใหม่ให้กับตัวเอง แม้ว่าจะมีคฤหาสน์อันหรูหราอยู่ในลาสเวกัส หรือในไมแอมีที่มีราคาสูงถึง 250 ล้านบาทแล้วก็ตาม แน่นอนว่าเมื่อมันใหม่กว่า มันก็ต้องเหนือกว่าหลังเก่าแน่นอน เพราะราคามันพุ่งสูงเกือบ 850 ล้านบาทเลยทีเดียว มากกว่าในไมแอมีเกือบ 4 เท่าเข้าไปแล้ว เราลองมาดูกันดีกว่าว่าบ้านหลังใหม่จากชัยชนะ และเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตเกษียณของชายคนนี้ มันจะอลังการงานสร้าง ยิ่งใหญ่สมราคาขนาดไหนกัน…
-
ช่างภาพสาวเสพติด ‘การซื้อเลนส์กล้อง’ ลองใช้กล้อง 35 บาท 1 เดือน เพื่อพิสูจน์ฝีมือตัวเอง
อย่างที่#เหมียวฟิ้นและใครหลายๆ คนพยายามบอกเสมอว่าการจะถ่ายภาพๆ หนึ่งให้ออกมาดูสวยงามนั้น ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ มุมมองของช่างภาพ การจัดวางต่างๆ เป็นหลัง ส่วนอุปกรณ์เสริมเช่นเลนส์ ขาตั้ง ฟิลเตอร์ ก็อาจจะมีส่วนช่วยให้ภาพสวยอยู่ แต่ต่อให้มีสิ่งเหล่านั้นแต่ตัวช่างภาพไม่มีมุมมองที่แปลกใหม่ ไม่มีวิสัยทัศน์ ก็อาจจะทำให้ภาพที่ได้ออกมาดูธรรมดาๆ เหมือนกล้องดิจิตอลธรรมดาๆ ก็ได้นะ ซึ่งวันนี้เราจะขอมาพิสูจน์เรื่องนั้นกันอีกสักรอบ กับช่างภาพสาว Skyler Adams ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นจิตใจ แต่วันหนึ่งเธอเริ่มรู้สึกตัวว่าเธอเอาแต่ซื้อแลพึ่งพาอุปกรณ์เสริมกล้องมากเกินไป เธอจึงอยากจะหาประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับการถ่ายภาพของเธอ เธอออกไปซื้อกล้องฟิล์มแบบใช้แล้วทิ้งในราคาประมาณ 35 บาท พร้อมกับม้วนฟิล์มหมดอายุจาก Fujifilm ในราคา 70 บาท จากนั้นเธอก็ใช้มันถ่ายสิ่งต่างๆ รอบตัวเป็นเวลา 1 เดือน Skyler กล่าวถึงไอเดียและประสบการณ์ในการใช้กล้องราคาถูกว่า “ฉันอยากจะท้าทายตัวเองที่เป็นโรคชอบซื้ออุปกรณ์เสริมกล้อง ฉันเลยตัดสินใจเลือกถ่ายภาพด้วยกล้องราคา 35 บาท เป็นเวลา 1 เดือน” “ฉันรู้สึกประหลาดใจมากกับคุณภาพของภาพถ่ายที่ฉันได้จากฟิล์ม 38 มิลลิเมตร การตั้งค่า ISO แบบแมนน่วลช่วยให้ฉันสามารถเล่นกับการชดเชยแสงได้ แต่ความยากลำบากส่วนใหญ่อยู่ที่การหาแสงดีๆ นี่แหละ”…
-
สื่อนอกแนะนำ 9 เหตุผลดีๆ ว่าทำไมคุณควรซื้อ iPhone 8 มากกว่า iPhone X !?
เมื่อไม่กี่วันก่อน เราได้นำเสนอคำแนะนำของบทความจากสื่อต่างประเทศที่ว่าทำไมควรซื้อ iPhone X มากกว่า iPhone 8 นั่นอาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่า iPhone 8 ไม่น่าใช้ ดังนั้นเพื่อความแฟร์ วันนี้สื่อนอกเจ้าเดิมจึงเผยเหตุผลที่ว่าทำไมคุณควรซื้อ iPhone 8 มากกว่า iPhone X เว็บไซต์ดังกล่าวจึงได้นำเสนอบทความอีกด้าน ซึ่งแนะนำให้ซื้อ iPhone 8 มากกว่า iPhone X โดยให้เหตุผล 9 ข้อ ดังนี้ 1. iPhone 8 และ 8 Plus ใช้พลังงานเดียวกันกับ iPhone X โทรศัพท์ทั้ง 2 รุ่นนี้ ใช้พลังงานจากชิป A11 Bionic ตัวควบคุม และโปรเซสเซอร์การประมวลผล M11 ของ Apple มีข้อแตกต่างเล็กน้อยคือ iPhone X ใช้ชิป A11 และระบบสแกนใบหน้า ซึ่ง iPhone 8…
-
20 สุดยอดสถานที่ชม “ใบไม้เปลี่ยนสี” จากรอบโลก คุณต้องตามไปเก็บให้ครบ!!
ช่วงฤดุใบไม้ร่วง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สุดแสนจะอบอุ่นและโรแมนติก ซึ่งถ้าหากใครที่มีโอกาสได้ชมซีรีส์เกาหลีเรื่อง ออทัม อิน มายฮาร์ท ก็คงจะเข้าใจกันเป็นอย่างดี และวันนี้เราก็มีสถานที่สวยๆ ที่ให้คุณได้ไปสัมผัสความสวยงามของช่วงฤดูใบไม้ร่วงจากทั่วทุกมุมโลกมาฝากกัน ซึ่งแต่ละที่จะน่าไปแค่ไหนนั้นไปชมกันเลย… 1. ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส หนึ่งในช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการเที่ยวที่มหานครปารีสนั่นก็คือช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง เพราะทั้งความสวยงามของสีใบไม้ที่อยู่รอบๆ ถนน แถมยังเป็นช่วงที่ผู้คนไม่หนาแน่นอีกด้วย!! 2. Million Dollar Highway (ถนนสาย 550), รัฐโคโลราโด ฤดูใบไม้ร่วงในรัฐโคโลราโดนั้นเป็นอะไรที่แสนจะโรแมนติกสุดๆ ที่นี่เปรียบเหมือนกับฤดูร้อนของชาวอินเดียแดง การขับรถตามถนนสาย 550 ที่รายล้อมไปด้วยต้นแอสเพนสีแดงส้มถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว 3. เกียวโต, ประเทศญี่ปุ่น เกียวโตเป็นเมืองขึ้นชื่อของญี่ปุ่นเรื่องการชมใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะที่วัดไดโกจิ ซึ่งถูกยกย่องให้เป็นสถานที่งดงามจนแทบหยุดหายใจเชียวล่ะ 4. Napa Valley, รัฐแคลิฟอร์เนียร์ ที่ Napa Valley นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องของการทำไวน์แล้ว ที่นี่ก็ยังขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย 5. Hallstätter See, ประเทศออสเตรีย ทั้งความสวยงามของแม่น้ำที่ตัดกับสีของฤดูใบไม้ร่วง จึงทำให้ Hallstätter See ประเทศออสเตรีย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว …
-
เรื่องราวของหมู่บ้านในอินเดีย ที่แต่ง “เมีย” หลายคน แท้จริงเพื่อมาใช้ในการขนน้ำ!??
โดยทั่วไปหลายคนจะเข้าใจกันว่า การแต่งงานคือการยินยอมพร้อมใจที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันกับใครอีกคน หรือในบางครั้งก็อาจจะมากกว่านั้น อย่างเช่นศาสนาอิสลาม หรือกษัตริย์ในบางพื้นที่ที่มีภรรยาหลายคน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมีอำนาจ แต่สำหรับหมู่บ้าน Denganmal ในประเทศอินเดีย หมู่บ้านเล็กๆ ประชากรเพียงแค่ 500 คน ที่แต่ละครอบครัวก็นิยมมีภรรยาอยู่มากกว่าหนึ่ง ทว่ากลับเป็นเกิดจากเหตุผลแตกต่างจากความรัก หรือการแสดงอำนาจ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะผิดกฎหมายในอินเดีย เพราะพวกเขาไม่ใช่คนอิสลาม แต่การมีภรรยาเยอะของที่นี่ ก็เพื่อให้พวกเธอได้ออกไปตักน้ำกลับมา ซึ่งนับว่าเป็นความจำเป็นและสำคัญอย่างมากในการใช้ชีวิต . ลองคิดดูว่าถ้าหากมีภรรยาแค่คนเดียว เธอคนนั้นก็จะต้องทำงานบ้าน ทำอาหาร และเลี้ยงลูกในขณะที่สามีกำลังไปทำงาน แทบไม่มีเวลาได้หยุดพักเลย และปัญหาสำคัญที่สุดก็คือในหมู่บ้านจะต้องออกไปเติมน้ำมาใช้กันเอง โดยถ้าหากจะต้องทิ้งลูกเอาไว้เพียงลำพัง และเดินออกไปตักน้ำกลับมาด้วยระยะเวลานานถึง 12 ชั่วโมง อย่างนั้นก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีซักเท่าไหร่ ดังนั้นเหล่าสามีจึงตัดสินใจแต่งงานมีภรรยาเพิ่ม เพื่อให้คนที่เข้ามาใหม่ แบ่งเบาภาระในเรื่องนี้ พวกเธอเหล่านั้นจึงต้องออกไปตักน้ำกลับมาทุกวัน เพราะพวกเธอสามารถขนน้ำกลับมาได้ในปริมาณที่จำกัดเพียง 30 ลิตรเท่านั้น เพียงพอสำหรับการใช้ดื่ม ใช้อาบ หรือซักผ้าล้างจานเพียงแค่วันเดียว นับเป็นหน้าที่ที่ทรหดอย่างมาก เพราะการเดินในระยะทางที่ไกลขนาดนั้น บวกกับการแบ่งถังน้ำสองถังเอาไว้บนหัว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเอาซะเลย การช่วยเหลือเดียวที่พวกเธอาจได้รับ คือช่วงมรสุมที่ทำให้ลำธารขยายใหญ่ขึ้น และการเดินทางก็จะสั้นลง ตอนนี้บางคนอาจเริ่มสงสัยแล้วว่า ทำไมผู้หญิงเหล่านั้นจึงต้องยอมแต่งงานใหม่ด้วย?…
-
ตามส่อง ‘คุณพ่อสุดหล่อในดิสนีย์แลนด์’ ความแซ่บที่ทำให้สาวๆ ระทวย (ภาพจัดเต็มค่า!!)
เราอาจจะเคยเห็นภาพฮาๆ เมื่อปล่อยลูกน้อยอยู่กับพ่อตามลำพัง แต่สำหรับพ่อบางคนนั้นเมื่ออยู่กับลูก นอกจากไม่ฮาแล้ว ยังดูเท่สุดๆ จนอยากเข้าไปเป็นภรรยาคนที่สองให้ และหากเพื่อนๆ ยังจำกันได้ เมื่อปีที่แล้ว เราได้นำภาพจากอินสตาแกรม DILFS Of Disneyland ซึ่งเป็นไอจีที่รวบรวมโมเม้นต์น่ารักของคุณพ่อสุดคูลกับลูกน้อยในดิสนีย์แลนด์ ภาพจากปีที่แล้วอาจจะไม่หนำใจพอ วันนี้เราเลยนำภาพใหม่ๆ ของคุณพ่อสุดหล่อมาฝากเพื่อนๆ อีกครั้ง เป็นการอัพเดตเบาๆ แต่อาจจะมีอาการปวดหัวหน่อยนะ เพราะคุณมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นหนะ อิอิ ณ จุดจุดนี้ อยากไปอยู่ตำแหน่งลูกจัง ถ้าไม่อยากได้เมียเพิ่ม อย่ายิ้มแบบนี้ ถ้าได้ลูบเคราสักครั้ง สัญญาจะตั้งใจทำงาน ตายแล้ว อยากได้คนช่วยเลี้ยงลูกมั้ยคะ ความมุ้งมิ้งของผู้ชายหน้าโหด ต้องทำบุญด้วยอะไรถึงจะได้เป็นผู้หญิงคนนั้นของเธอ เป็นพ่อแล้ว จำเป็นต้องหล่อขนาดนี้มั้ย หล่อแล้วยังเลี้ยงลูกเป็นอีก คนถ่ายถึงกับหลุดโฟกัสลูกไปเลย เอาแต่พ่อพอ ลุคแบดๆ แต่ควงลูกสองนะจ๊ะ อยากเป็นเจ้าหญิงของพ่อหนูบ้างจัง นี่แหละ ใช่เลย พ่อของลูก …
-
มหาวิทยาลัยจะบูรณะใหม่ เลยให้ศิลปินกราฟิตี้ 100 คน จัดเต็มแสดงผลงานสุดสร้างสรรค์
โดยปกติแล้วคนที่ชอบพ่นสีตามกำแพงหรือที่เรียกกันว่ากราฟิตี้ มักจะถูกมองว่าเป็นการทำให้ผนังสกปรกมากกว่าที่จะมองว่าเป็นมันเป็นงานศิลปะ แต่หากมองว่ามันเป็นศิลปะจะเห็นว่าการพ่นกำแพงนั้นเต็มไปลวดลายสุดล้ำ ด้วยเหตุนี้มหาวิทยาลัย Cité Internationale Universitaire ในปารีส จึงได้เชิญศิลปินกราฟิตี้กว่า 100 คนทั่วโลก มาประทับผลงานสุดสร้างสรรค์บนผนังหอพักของมหาวิทยาลัย ก่อนจะทำการบูรณะใหม่ ศิลปินกราฟิตี้ทั้ง 100 คนได้ใช้เวลาสร้างผลงานบนผนังหอพักนักศึกษานี้ประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งทุกคนก็ได้ใส่จินตาการสุดล้ำลงไปบนผนัง ก่อนจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาชม น่าเสียดายที่กราฟิตี้เหล่านี้อยู่ได้ไม่นานก็ถูกลบออกในระหว่างการบูรณะหอพักอย่างเป็นทางการ แต่โชคดีที่มีช่างภาพบันทึกภาพเหล่านี้เอาไว้ได้ทัน และนี่คือส่วนหนึ่งของผลงานศิลปิน 100 คน . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…
-
ในที่สุด นักโบราณคดีก็ไขปริศนา “การสร้างพีรามิด” ว่าขนหิน 2.5 ตัน ระยะทาง 800 กิโลได้ยังไง!?
มหาพีระมิดแห่งกีซา เป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ยังคงอยู่จนปัจจุบันนี้ และด้วยขนาด รูปทรงของ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามันถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ในยุคนั้นไม่น่าจะมีเครื่องมือที่เพียงพอสำหรับการทำอะไรแบบนี้ได้ แต่ตอนนี้นักโบราณคดีได้ค้นพบหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าชาวอียิปต์ได้ขนหินก้อนละ 2.5 ตัน เป็นระยะทาง 800 กิโลเมตร เพื่อสร้างเป็นที่เก็บศพของฟาโรห์คูฟู เมื่อ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล มหาพีระมิด มีความสูงถึง 147 เมตร ซึ่งเป็นพีรามิดที่ใหญ่ที่สุดจนถึงยุคกลาง เนื่องจากมีการก่อสร้างมหาวิหารลินคอล์น (Lincoln Cathedral) ที่ ประเทศอังกฤษ ซึ่งมียอดวิหารสูง 160 เมตร ในปี พ.ศ. 1843 ในเวลาต่อมา ข้อมูลทางโบราณคดีเผยว่า มีคนงานมืออาชีพหลายพันคนได้ขนก้อนหิน 170,000 ตัน มาตามแม่น้ำไนล์ โดยใช้เชือกมัดก้อนหินไว้ด้วยกันแล้วลำเลียงมาบนเรือไม้ ผ่านคันคลอง ไปยังท่าเรือที่อยู่ห่างจากพีรามิดเพียงไม่กี่หลา ขณะเดียวกันได้มีการค้นพบกระดาษปาปิรัสโบราณที่เมืองท่า Wadi Al-Jarf ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบทบาทของเรือที่มีผลต่อการก่อสร้างพีระมิด ข้อความในกระดาษดังกล่าวเขียนโดย Merer ซึ่งเป็นผู้ควบคุมดูแลคนงานจำนวน 40 คน ในนั้นพูดถึงการสร้างมหาพีระมิดและอธิบายว่าก้อนหินถูกส่งมาจาก Tura ถึง Giza ได้อย่างไร …
-
17 ภาพแห่ง “ความเป๊ะ” อาจเป็นเพราะเราคู่กันมาแต่ชาติไหน มันก็เลยพอดีแบบนี้จ้า
เคยเจอเหตุการณ์หรือเห็นอะไรที่แบบว่า “เฮ้ย!! เป๊ะอะ” มั้ย คือ มันเป็นความลงตัวที่ไม่ได้เกิดการจงใจทำให้ มันเป๊ะของมันเอง ราวกับเกินมาเพื่อกันและกัน เหมือนกับภาพเหล่านี้ที่อยู่ด้วยกันแล้วเป๊ะ ราวกับถูกจัดวางยังไงอย่างงั้น 1. ชั้นวางหนังสือที่เอามาวางในรถพ่วงแล้ว พอดีกันเป๊ะ 2. แผ่นซาลามิกับขนมปังที่มีรูปทรงเดียวกันเป๊ะ แถววางทับกันได้พอดีด้วย 3. อะไรมันจะลงตัวเบอร์นี้ ทั้งเงาที่ทับเส้นได้พอดี และคนที่บังเอิญมาเห็นพอดี 4. หรือรอยแตกนี่จะเกิดมาเพื่อสายไฟเส้นนี้ 5. แก้วที่จุโค้ก 1 กระป๋องพอดีเป๊ะ ไม่ขาด ไม่เกิน 6. แม้แต่พรมเช็ดเท้ากับรอยต่อแผ่นกระเบื้อง ระยะห่างแบบพอดิบดิี 7. กรอบประตูกับที่นอน เท่ากันเป๊ะ 8. โค้งได้รับกับรูปร่างของมินเนี่ยนเลย 9. แม้แต่น้ำแข็งยังพร้อมใจละลายเป็น 3 เหลี่ยม 10. ไม่กวาดกับช่องว่าง กว้างเท่ากันเด๊ะเลยแหะ 11.…
-
ตามส่อง 8 แฟชั่นรองเท้าของเหล่าเศรษฐีไอทีระดับหมื่นล้าน พวกเขาจะใส่อะไรกันบ้างนะ!?
สำหรับเศรษฐีแห่งวงการไอทีระดับโลกทั้งหลาย พวกเราอาจจะติดภาพว่าเขาเหล่านั้นต้องแต่งตัวไม่ค่อยจะเป็น ดูจืดชืดเหมือนกับภาพสะท้อนของคนบ้าคอมพิวเตอร์ทั่วๆ ไป แต่จะบอกให้ว่าที่ Silicon Valley ไม่ได้มีแค่การแข่งขันด้านเทคโนโลยีเท่านั้น เพราะเหล่า CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างก็มีความเป็นสนีกเกอร์อยู่ในตัวแทบทั้งนั้น เราไปชมกันเลยดีกว่าว่าใครจะชอบใส่รองเท้าแบรนด์ไหน และรุ่นไหนกันบ้าง Mark Zuckerberg จริงอยู่ที่การแต่งกายภายนอกของประธานบริษัทเฟซบุ๊ก จะดูเรียบง่ายและไม่หวือหวา แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะถูกอกถูกใจ Nike Flyknit Lunar 3 in Wolf Grey อยู่ไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้เลิกผลิตไปแล้วถ้าใครอยากหามาใส่ตาม ก็คงต้องไปที่ตลาด Ebay เท่านั้นแหละ Satya Nadella CEO ประจำบริษัทไมโครซอฟท์ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งไปเมื่อปี 2014 ด้วยความที่มีหัวใจและแนวคิดแบบคนรุ่นใหม่อยู่แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าตัวจะเลือกใส่ Lanvin Suede & Patent Leather Low-Top Sneaker แบรนด์ระดับไฮเอนด์สัญชาติฝรั่งเศส Sundar Pichai เจ้าของผลงาน…
-
ชมลีลา “ดีเจโฮดอร์” ร่วมงานล่าสุดใน Ibiza ที่แฟนคลับหลายคนบอกว่าอย่างเฟี้ยวเลยเพ่…!!
ดูเหมือนว่าหลังจบสงครามชิงบัลลังก์ไปแล้ว ก็คงจะมีแต่พ่อโฮดอร์ของเรานี่แหละ ที่ดูท่าทางจะมีงานจ้างตามมาเยอะกว่าใครเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นทั้งดีเจ พรีเซนเตอร์โฆษณา และอะไรไม่รู้อีกมากมาย อาจจะเป็นเพราะความจงรักภักดีหรืออะไรก็ตามแต่ ทำให้วันนี้ Kristian Nairn ได้กลายเป็นหนึ่งในดีเจที่มีแฟนๆ อยากตามไปชมมากที่สุด ถึงขนาดที่ว่าล่าสุดเจ้าตัวได้ไปเปิดเพลงที่ Ibiza เมืองแห่งการปาร์ตี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกมาแล้ว ดูสีหน้าพี่แกตอนเป็นดีเจซะก่อน ธรรมดาที่ไหนล่ะ…. อาจจะเป็นความโชคดีของเขาก็ได้นะ ที่บทบาทในซีรีส์จบไวกว่าคนอื่นๆ เพราะในขณะที่คนอื่นอาจจะต้องเตรียมการถ่ายทำซีซั่น 8 พี่โฮดอร์ของเราก็ออกเดินสายทัวร์ดีเจไปทั่วโลกซะแล้ว ส่วนนี้ก็บรรยากาศเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเจ้าตัวเปิดการแสดงที่ Cafe Mambo ส่วนนี่ก็แฟนคลับที่กำลังโบกมือโยกซ้ายอ๊ะ โยกขวาอ๊ะ โยกหน้าอ๊ะ โยกหลังอ๊ะ ถ้าอยากรู้ว่าตอนไปทัวร์พี่แกจะเฟี้ยวได้ใจขนาดไหน ต้องลองไปชมที่คลิปวิดีโอนี้เลย (Link) Bit of a teaser from last night @creamibizaofficial @amnesiaibiza . Thanks to @jakedldn for the camera…
-
สิ่งเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ที่ Blake Lively และ Ryan Reynolds ใช้สอนลูก ซึ่งเราทุกคนควรเรียนรู้…
พ่อแม่หลายคนมีวิธีการเลี้ยงดู และสอนลูกในแบบที่แตกต่างออกไป Ryan Reynolds และ Blake Lively สองคู่รักนักแสดงดังระดับฮอลลีวู้ดคู่นี้ ก็มีวิธีในการสอนลูกในแบบฉบับของพวกเขาเช่นกัน และเชื่อหรือไม่ว่าการสอนลูกของทั้งคู่นั้น เป็นอะไรที่ฉลาด และเรียบง่ายมากๆ เลยล่ะ สำหรับ Ryan และ Blake เป็นคู่รักที่หลายๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าหากใครที่ได้ติดตามชีวิตของพวกเขาอยู่เสมอ จะเห็นได้ว่าครอบครัวนี้อบอุ่นสุดๆ แถมลูกทั้ง 2 คนของพวกเขาก็น่ารักมากๆ อีกด้วย ทางด้าน Blake ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทางนิตยสาร Glamour เกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงดูลูกๆ ของเธอกับ Ryan ว่า เธอและสามีมักจะระวังเรื่องการใช้คำพูดเป็นพิเศษ โดยพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่ไม่สุภาพเวลาที่อยู่กับลูกสาวทั้ง 2 คน “เขาจะได้เรียนรู้ และซึมซับเหมือนกับหนอนผีเสื้อ และแทนที่จะพูดว่า นายชื่ออะไรหรอ? เขาก็จะพูดว่า เธอชื่ออะไรหรอ? หรือบางครั้งเราก็หยอดมุขกันว่าลูกสาวของเราคือ บอสซี่ แต่สามีของฉันเขาบอกว่า “ผมไม่ต้องการจะใช้คำนั้นอีก คุณไม่เคยได้ยินผู้ชายถูกเรียกว่าบอสซี่สินะ” ดังนั้น ฉันจึงได้เรียนรู้วิธีที่จะเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดให้กับลูกสาวได้ยังไง? ซึ่งจริงๆ…
-
ส่องพัฒนาการ “ทรงผมหนุ่มเกาหลี” ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนไปมากขนาดไหน
เพื่อนๆ ที่เป็นติ่งเกาหลี จำได้มั้ยเราเริ่มคลั่งไคล้อปป้าตั้งแต่ยุคไหน เราชอบอะไรในตัวพวกเขา แล้วตอนนั้นแฟชั่นของพวกเขาเป็นอย่างไร? ไม่ว่าจะหลงรักอปป้าด้วยเหตุผลอะไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลายคนน่าจะจำได้เป็นอย่างดี นั่นคือ ทรงผมของหนุ่มเกาหลี ที่ไม่ว่าจะทำทรงเรา สาวๆ ก็จะกริ๊ด แถมมีหนุ่มๆ ในบ้านเราทำตามกันตรึมด้วย วันนี้เรามาย้อนดูวิวัฒนาการทรงผมหนุ่มเกาหลีกันดีกว่าว่าในช่วง 100 ปี ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และเราเคยกริ๊ดทรงไหนกันบ้าง ช่วงยุค 1910s ทรงนี้เราอาจจะเกิดไม่ทัน แต่ได้ดูผ่านซีรีส์มาบ้าง เรียกได้ว่าเป็นทรงที่เนี๊ยบแบบดูดีเลยหล่ะ ต่อกันด้วยยุค 1920s เป็นยุคที่หนุ่มเกาหลีอาจไม่ทำทรงผมทั่วไป แต่ที่ขาดไม่ได้คือพร็อพบนหัว เพื่อเพิ่มความคูลให้ตัวเอง ยุค 1930s ทรงผมจะออกแนวเรียบร้อย ให้ดูเหมือนเป็นผู้ชายอบอุ่น ยุค 1940s เป็นช่วงที่เทรนเด็กแนวเริ่มก่อตัว ทรงผมก็เลยออกแนวๆ หน่อย ยุค 1950s ยุคที่หมวกปานามาไม่ได้มีไว้เพื่อผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังเป็นที่นิยมในหมู่หนุ่มๆ อีกด้วย ยุค 60 หนุ่มๆ มักจะทำทรงผมที่ดูเป็นธรรมชาติ…
-
หนุ่มหมั่นไส้ชายหญิงแปลกหน้า จอดรถทิ้งไว้หน้าบ้านเขา 2 วัน เลยบรรจงห่อให้สวยๆ เล้ย!!
หลายคนอาจเคยเห็นหรือเคยเจอ กระดาษเขียนบอกหรือต่อว่าให้กับคนที่จอดรถไม่เหมาะสม เพื่อให้เจ้าของรถกลับมาแล้วจะไม่ทำอย่างนั้นอีก ไม่ต่างกับชายคนนี้ที่ต้องเจอกับใครก็ไม่รู้มาจอดรถทิ้งไว้หน้าบ้านของเขานานถึง 2 วัน ยังไม่ยอมกลับมาเอา ทำให้เขาทนไม่ไหวที่จะต้องทิ้งคำเตือนเอาไว้ด้วยพลาสติกใส ห่อหุ้มให้ทั่วทั้งคันไปซะเลย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ เมื่อขณะที่ Neil Junglas วัย 36 ปี กำลังทำอาหารให้ลูกสาว จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งขับมาจอดหน้าบ้านของเขา ก่อนที่จะมีชายหญิงเดินลงจากรถมาพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อีก 2 ใบ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ขึ้นแท็กซี่ออกไป ทิ้งรถเอาไว้อย่างนั้น ทำให้เขาพอจะเดาได้ว่า สองคนนั้นน่าจะไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินใกล้ๆ นี้ และไม่ต้องการเสียค่าจอดรถ จึงเอามาจอดไว้ที่นี่นั่นเอง แต่สิ่งที่พวกนั้นทิ้งไว้ให้เขามันสร้างความลำบากให้กับการใช้ชีวิตอย่างมาก เมื่อข้างบ้านก็มีรถอยู่สองคัน ทำให้มีที่ว่างที่จำกัดอยู่แล้ว นี่เขาก็ยังไม่สามารถนำรถของตัวเองมาจอดหน้าบ้านได้อีกต่างหาก และมันก็นานถึง 2 วันแล้ว คลิปวิดีโอของรถที่ถูกห่อด้วยแผ่นฟิล์มใส เมื่อตามตำรวจให้มาช่วยดูและแก้ไขเรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากว่ารถคันนี้ไม่ได้จอดอย่างผิดกฎหมาย ดังนั้นเขาจึงคิดว่าพฤติกรรมที่มักง่ายนี้ ควรได้รับเซอร์ไพรส์อะไรเจ๋งๆ ซะหน่อย จึงได้ไปซื้อแผ่นฟิล์มใสที่ใช้ถนอมอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่และยาวในระดับเดียวกับที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม มาห่อหุ้มรถที่จอดทิ้งไว้ทั่วทั้งคัน เหมือนกลัวว่าอาหารในรถจะบูดซะอย่างนั้น สิ่งที่เขาทำดึงดูดสายตาของผู้ผ่านไปมาอย่างมาก มีหลายคนที่หยุดถ่ายรูปก็มี แต่หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าถ้าเจ้าของรถกลับมาเห็นเข้า…
-
นิทรรศการเสื้อผ้าผู้หญิง ที่ใส่ในวันถูกข่มขืน สะท้อนแง่คิด “ถึงไม่แต่งโป๊ ก็โดนข่มขืนได้…”
ปัญหาการข่มขืนและการทารุณกรรมทางเพศ ยังเกิดขึ้นอยู่ในทุกวัน เกือบทุกประเทศทั่วโลก ปัญหาเหล่านี้ไม่มีวันหมดไปจากสังคม ตราบใดที่ยังมีคนจิตใจต่ำทรามคอยคิดที่จะละเมิดสิทธิของผู้อื่น แ ละปัญหานี้ไม่มีวิธีแก้ที่ต้นเหตุ มีแต่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งเป็นปัญหาของสังคมทุกวันนี้ว่าจะทำอย่างไรให้การข่มขืนและทารุณกรรมทางเพศหมดไปเสียที เมื่อเกิดเหตุการณ์ข่มขืนขึ้นจนเป็นข่าว ผู้เสียหายมักจะได้รับคำถามเดียวกันทางสังคมว่า “เธอแต่งตัวโป๊ใช่ไหมล่ะ เลยโดนข่มขืน” คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่สะท้อนให้เห็นว่า สังคมมองว่าสาเหตุที่ผู้หญิงโดนข่มขืนนั้น มาจากการกระทำตัวของผู้หญิงเอง ในสังคมที่มีวัฒนธรรม ชายเป็นใหญ่ เมื่อมีการข่มขืนเกิดขึ้นสังคมก็จะพุ่งเป้าไปยังผู้หญิง และตั้งข้อรังเกียจว่าผู้หญิงที่โดนข่มขืนนั้นคือผู้หญิงที่ไม่ดี ทั้งๆ ที่มันอาจมีสาเหตุมาจากที่ผู้ชายหงี่จนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อีกทั้งสังคมก็ยังคิดว่าการข่มขืนคือบทลงโทษสำหรับผู้หญิงที่แต่งตัวโป๊ จากปัญหาเหล่านี้ Jen Brockman ผู้อำนวยการศูนย์การป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศของมหาวิทยาลัย Kansas ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้จัดนิทรรศการ “What Were You Wearing?” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า คุณสวมใส่อะไรในตอนนั้น!? ในนิทรรศการก็จะจัดแสดง เสื้อผ้าของผู้หญิง 18 ชุด ของผู้หญิงที่ถูกข่มขืน เป็นเสื้อผ้าชุดที่เธอเหล่านั้นสวมใส่ในวันเกิดเหตุ ในนิทรรศการก็จะแสดงเสื้อผ้าแต่ละชุดและข้อความจากหญิงเคราะห์ร้ายกับเหตุการณ์ที่พวกเธอต้องเผชิญ นี่คือเสื้อของหญิงคนหนึ่ง เป็นเสื้อโปโลสีเหลืองตัวโปรดของเธอ แต่เธอจำไม่ได้ว่าใส่กางเกงตัวไหน รู้แต่เพียงว่าเธอถูกพี่ชายแท้ๆ ข่มขืน ด้วยความไร้เดียงสาของเธอจึงไม่รู้เรื่องอะไร…
-
ท้าทายความกล้า กับคลิปผ่าตัดก้อนซีสต์ที่แก้ม ไม่เหมาะสำหรับคนชอบกินไข่!!
สำหรับใครที่ชื่นชอบความซาดิสม์ และเสพย์ติดความเจ็บปวดล่ะก็ เราขอท้าทายคุณด้วยคลิปวิดีโอที่เรานำมาฝากกันวันนี้เลย เพราะทั้งความหวาดเสียวและดีกรีความโหดนั้นต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เมื่อไม่นานมานี้ช่องยูทูบที่ใช้ชื่อว่า Dr. Sandra Lee ได้อัพเดทคลิปวิดีโอของชายคนหนึ่งที่เข้ามารักษาอาการเกี่ยวกับก้อนไขมันใต้ผิวหนัง sebacous cyst ซึ่งสามรถพบได้ทั่วไปบริเวณลำคอและลำตัว แต่อย่างไรก็ตามมันสามารถพบได้ในทุกส่วนของร่างกาย และนี่คือก้อน sebacous cyst ของชายคนนี้ โดยอาการกล่าวเกิดจากการทำงานที่ผิดปรกติของเซลล์ผิวในชั้นหนังแท้ และเกิดอาการอักเสบ โดยภายในก้อนดังกล่าวจะประกอบไปด้วย macerated keratin หรือเซลเปียกซึ่งมีลักษณะคล้ายเนยแข็งและมีกลิ่นเหม็น แต่อย่างไรก็ตามอาการดังกล่าวนั้นไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่มันอาจจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความมั่นใจและไม่กล้าออกนอกบ้าน และถ้าหากปล่อยไว้จนเกิดการแตกอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อและทำให้กลายเป็นฝีได้ การผ่าตัดเป็นวิธีเดียวที่จะรักษาก้อนไขมันนี้ได้ แพทย์ได้ทำการกำหนดจุดที่จะผ่าตัด เพื่อนำไขมันที่อยู่ภายใต้ผิวหนังชายคนนี้ออกมา ถ้าใครไม่สะใจอยากดูขั้นตอนการทำงานของแพทย์ก็สามารถเข้าไปชมได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… (คำเตือน: คลิปวิดีโอต่อไปนี้อาจมีภาพที่ทำให้คุณกินไข่ไม่อร่อย) และนี่คือสิ่งที่อยู่ใต้ผิวหนังของชายคนนี้ อื่ม… อร่อย!! หลังจากที่เอาก้อนไขมันเจ้าปัญหาออก แก้มของชายคนนี้ก็กลับมายุบได้อย่างปรกติ จากนั้นแพทย์จึงทำการเย็บปิดปากแผล เป็นอันเสร็จเรียบร้อย และสำหรับใครที่อยากชมคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการักษาสิวแบบอื่นอีก ก็สามารถเข้าไปชมได้ที่ช่อง Dr. Sandra Lee (aka Dr. Pimple Popper) ได้เลย ที่มา unilad
-
ญี่ปุ่นออกคอลเลคชั่นกาชาปอง “หมวกแมวเหมียว” ในธีมฮาโลวีน น่ารักๆ กันทั้งน๊าน!!
หลายๆ คนก็คงจะมีเครื่องแต่งกายให้กับเหล่าสัตว์เลี้ยงของเราทั้งหลาย เพื่อนอกจากจะทำให้พวกมันอบอุ่นขึ้นในหน้าหนาวด้วยแล้ว ยังจะช่วยเพิ่มความน่ารักได้อีกด้วย ถ้าหากคุณต้องการอย่างนั้นแล้วละก็ สิ่งนี้สามารถช่วยคุณได้อย่างแน่นอน เพราะมันคือ “หมวกเจ้าเหมียว” สุดน่ารัก ในธีมฮาโลวีน ชวนให้เหล่าทาสทั้งหลายต้องหลงใหลในความเหมียวมากขึ้นอีก 80 เปอร์เซนต์ พร้อมที่จะต้อนรับเทศกาลวันปล่อยผีเดือนหน้ากันไปเลย โดยเจ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นจากไอเดียของบริษัทกาชาปองในญี่ปุ่นที่ชื่อว่า KITAN CLUB โดยทุกคนสามารถไปกดสุ่มเอาได้จากตู้กาชาปองทั่วญี่ปุุ่นเลย ก่อนหน้านี้ซีรีส์ของหมวกน้องเหมียวเคยออกมาหลายรูปแบบแล้ว อย่างเช่นธีมกระต่าย ผลไม้ หรือสัตว์น้ำ และความน่ารักน่าสะสมนี้เอง จึงทำให้ยอดขายกาชาปองหมวกน้องเหมียวรวมทั้งหมดมากถึง 2.5 ล้านชิ้นเข้าไปแล้ว ไม่รู้ว่าถ้าเพิ่มธีมฮาโลวีนเข้าไปแล้วจะถึง 3 ล้านไปเลยมั้ยละเนี่ย แน่นอนว่าเมื่อออกมาใหม่ ความพิเศษของรุ่นนี้ก็ต้องมากขึ้นกว่าแบบเก่าแน่นอน เพราะเขาบอกว่าได้เพิ่มรายละเอียดเอาไว้ทั้งในเรื่องของเนื้อผ้า และจุดเล็กจุดน้อยที่จะทำให้เราต้องหลงใหลไปพร้อมๆ กับน้องเหมียวสุดรักของเรา เราลองไปดูกันดีกว่าว่าทั้ง 4 แบบในคอลเลคชั่นนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้างงง แม่มดเหมียวมาแล้ว แบร่!! ตายแล๊ววว!! ผีหลอก.. มาให้กอดซะเดี๋ยวนี้เลยนะ นี่มันแบทแมวนี่นาาา ปีกแค่นั้นจะบินขึ้นมั้ยละเนี่ย ถ้ามีฟักทองออกมาหน้าตาเป็นอย่างนี้จริงๆ แล้วใครจะไปกินลงกันละ เห็นแล้วหลายคนอาจเริ่มเดาราคากันแล้วว่า น่ารักขนาดนี้มันจะเท่าไหร่กันนะ?…
-
คู่หนุ่มสาวโดนปรับเกือบ 700,000 บาท หลังทำบุญ “ปล่อยกุ้งลอบสเตอร์” 360 ตัว ลงทะเล
ชาวพุทธหลายคนนิยมทำบุญด้วยการปล่อยสัตว์สู่ธรรมชาติ โดยมีความเชื่อว่ายิ่งปล่อยสัตว์จำนวนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้บุญมากเท่านั้น แต่ล่าสุดคู่หนุ่มสาวที่โดนจับและปรับเกือบ 700,000 บาท หลังทำบุญปล่อย “กุ้งลอบสเตอร์” นับพันลงทะเล เนื่องจากก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม Zhixiong Li และ Ni Li ได้ช่วยชีวิตปูและกุ้งลอบสเตอร์ ด้วยการปล่อยพวกมันลงสู่ทะเลห่างจากชายฝั่ง Brighton ของประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธีคืนสัตว์สู่ถิ่น ประจำปี 2015 พิธีกรรมดังกล่าวนี้อยู่ภายใต้ความเชื่อที่ว่าการนำสัตว์คืนสู่ธรรมชาตินั้นเป็นการทำกรรมดี แต่หารู้ไม่ว่าความเมตตานี้อาจส่งผลร้ายมากกว่า เนื่องจากสิ่งมีชีวิตที่ได้ปล่อยสู่น่านน้ำอังกฤษอาจไปทำลายสัตว์ประจำถิ่นอื่นๆ จนถึงขั้นสูญพันธุ์ได้ จากการปล่อยปูและกุ้งลอบสเตอร์ในน่านน้ำอังกฤษครั้งนี้ ทำให้องค์การบริหารจัดการทางทะเล (MMO) จำเป็นต้องระดมกำลังหลายพันคน เพื่อนำปูและกุ้งเหล่านั้นออกจากทะเล ก่อนจะนำไปขายต่อให้ชาวประมงในราคาถูก ต่อมา Zhixiong เจ้าหน้าที่ธนาคารวัย 33 ปี และ Ni ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ วัย 30 ปี (ทั้งคู่มาจากลอนดอน) รับสารภาพว่าได้ปล่อยสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ประจำถิ่นลงทะเลจริง การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดภายใต้พระราชบัญญัติสัตว์ป่าและชนบท(Wildlife and Countryside Act) ซึ่งในกฏหมายระบุว่า หากใครจะปล่อยสัตว์ลงทะเลต้องรับใบอนุญาตก่อน แต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่ไม่ได้ทำการภายใต้ข้อกฏหมายดังกล่าว Joseph Miller อัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้ กล่าวว่าคดีนี้เป็นเรื่องดังขึ้นมา…
-
สื่อนอกแนะนำ 7 เหตุผลว่าทำไม คุณควรซื้อ iPhone X มากกว่า iPhone 8 !?
เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานสำหรับ iPhone 8 และ iPhone X ก็กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะ iPhone 8 ที่ว่ากันว่าไม่ต่างอะไรจาก iPhone 7 เลย ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงและฟังก์ชั่นต่างๆ และสำหรับใครที่กำลังลังเลว่าระหว่าง iPhone ที่ออกใหม่ทั้ง 2 รุ่นนี้ จะซื้อรุ่นไหนดี? วันนี้ทางเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง BusinessInsider ได้ให้เหตุผล 7 ข้อว่าทำไมคุณควรซื้อ iPhone X มากกว่า iPhone 8? 1. iPhone X มีหน้าจอขนาดใหญ่กว่า iPhone 8 และ 8 Plus มีหน้าจอขนาด 4.7 นิ้วและ 5.5 นิ้วตามลำดับ ในขณะที่ iPhone X มีหน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว ที่ครอบคลุมหน้าจอโทรศัพท์เกือบทั้งหมด 2. จอแสดงผลของ iPhone X มีคุณภาพดีกว่าหน้าจอ…
-
อาห์ซิเพ่นยาาา เจ้าป่าก็เงิบได้ เมื่อสิงโตหัวติดในถัง แล้วเพื่อนๆ จะช่วยเอ็งยังไงดีเนี่ย!?
เมื่อนึกถึง “สิงโต” ทำให้หลายคนมองเห็นภาพของเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ดูน่ากลัว และน่าเกรงขาม แต่ทว่าหากคุณได้รับชมภาพ และคลิปวีดีโอที่เราได้นำมาให้รับชมในครั้งนี้ มันอาจจะทำให้สิ่งที่คิดอยู่ในหัวของคุณค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ เมื่อสิงโตตัวหนึ่ง กำลังตกใจสุดขีด หลังเกิดพลาดท่าหัวไปติดอยู่ในถังให้อาหาร งานนี้เลยทำให้มันต้องพยายามดิ้นรนสุดชีวิต เพื่อที่จะเอาถังเจ้ากรรมออกจากหัวไปให้ได้ โถๆๆ น่าสงสารจริงๆ ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ ได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอเหตุการณ์สุดฮาของสิงโตตัวหนึ่ง ขณะที่มันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก ในสวนสัตว์ Dierenrijk ประเทศเนเธอร์แลนด์ จากการรายงานระบุว่า สาเหตุที่ทำให้หัวของมันเข้าไปติดอยู่ในถังดังกล่าว เป็นเพราะทางสวนสัตว์ได้จัดโปรแกรมการฝึกทักษะของสัตว์ และหนึ่งในนั้นคือการนำอาหารไปใส่ในถังขนาดใหญ่ เพื่อฝึกให้สิงโตกินอาหาร แต่ทว่าดันมีเจ้าสิงโตตัวหนึ่ง ที่เกิดพลาดท่าทำหัวของตัวเองไปติดอยู่ในถัง จนทำให้มันตกใจสุดขีด และเกิดเป็นภาพสุดฮาอย่างที่เห็น หมดกันภาพของสิงโตเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ มันพยายามที่จะสะบัดให้ถังหลุดออกจากหัว ขณะที่เพื่อนสิงโตอีก 2 ตัว ยังคงอยู่ในอาการงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันน้า สำหรับคลิปวีดีโอดังกล่าว ได้ถูกบันทึกเอาไว้โดยนักท่องเที่ยวที่ได้เข้ามาเที่ยวชมสวนสัตว์ในขณะนั้น ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น บรรดานักท่องเที่ยวต่างก็พากันหัวเราะในท่าทางสุดฮาของมัน ขณะที่กำลังวิ่งไปวิ่งมาอยู่ภายในกรง โดยที่มีถังติดที่หัว อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ก็ได้นำตัวของเจ้าสิงโตผู้เคราะห์ร้ายไปพบสัตว์แพทย์…
-
7 เรื่องที่ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งถึงกับ “ว๊าวววววว” เมื่อได้มีโอกาสมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย และน่าสนใจ จนกลายเป็นประเทศเป้าหมายของบรรดานักท่องเที่ยวทั่วโลก และเมื่อนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น เขาได้สัมผัสความน่าทึ่งมากมายที่นั่น โดยเฉพาะ 7 เรื่องนี้ ที่ถึงกับต้องร้อง ว๊าวว 1. อ่างอาบของญี่ปุ่นโคตรไฮเทค อ่างอาบน้ำสามารถพบได้ทั่วไปในญี่ปุ่น ซึ่งในอ่างน้ำจะมีเครื่องทำน้ำร้อนอัตโนมัติโดยการกดปุ่ม เพื่อรักษาระดับความร้อนของน้ำไม่ให้ลดลง อย่างไรก็ตาม แม้ความร้อนจะลดลง น้ำในอ่างก็ยังคงรักษาอุณภูมิให้อยู่ในระดับธรรมชาติ นั่นหมายความว่ามันจะไม่เย็นจนเกินไป นี่อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนญี่ปุ่น แต่สำหรับเราชาวฝรั่งเศสแล้ว มันเป็นเรื่องน่าทึ่งมาก เพราะที่ห้องอาบน้ำฝรั่งเศสนั้นจะมีแค่ฝักบัวอันเดียว ในกรณีที่มีอ่างอาบน้ำด้วย คุณจะเติมน้ำร้อนเองเหมือนสมัยก่อน 2. คุณต้องต่อแถวขึ้นรถไฟอย่างเป็นระเบียบ ที่ญี่ปุ่นเวลาจะขึ้นรถไฟเราต้องเข้าแถวและขึ้นไปอย่างมีระเบียบ ซึ่งในฝรั่งเศสคุณจะไม่ได้เห็นการต่อแถวแบบนี้อย่างแน่นอน เพราะทุกคนจะแย่งกันขึ้นทันทีที่รถไฟมาถึง 3. เก้าอี้ชิงกันเซ็งของญี่ปุ่นปรับที่นั่งได้ เมื่อพูดถึงชิงกันเซ็ง(รถไฟความเร็วสูง)ในฝรั่งเศส อาจจะเทียบความเร็วกับชิงกันเซ็งของญี่ปุ่นได้ แต่ที่ต่างกันคือ เก้าอี้นั่งของญี่ปุ่นสามารถปรับขึ้นหน้าหรือถอยหลังได้ เพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสาร 4. เมืองสวยงามมาก แต่ชายหาดสกปรก บริเวณบ้านเมืองของญี่ปุ่นนั้นสะอาดสะอ้านมาก มันน่าอยู่ มองไปทางไหนก็ดูสวยงาม แต่น่าแปลกที่พวกเขานำขยะไปทิ้งในทะเลจนถูกพัดขึ้นฝั่งเต็มไปหมด 5. มีลิฟต์และบันไดเลื่อนอยู่ที่สถานีทุกที่ ที่ฝรั่งเศสสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งไม่มีทั้งลิฟท์และบันไดเลื่อน แต่ที่ญี่ปุ่น แม้สถานีจะตั้งอยู่ในเมืองเล็กๆ…
-
มหาวิทยาลัยจีนเปิดคลาส “วิธีเป็นเน็ตไอดอล” เพื่อสร้างชื่อให้ดังบนโลกออนไลน์
ทุกวันนี้สื่อมีอิทธิพลกับสังคมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะในประเทศไหนก็ตาม และที่น่าทึ่งคือ หลายคนประสบความสำเร็จจากการมีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ หรือที่เราเรียนกันว่า “เน็ตไอดอล” ด้วยเหตุนี้ มหาวิยาลัยแห่งหนึ่งในจีนถึงกับเปิดคลาส “วิธีการเป็นเน็ตไอดอล” เพื่อสร้างชื่อเสียงในโลกออนไลน์ สำหรับผู้ที่สนใจทางสายนี้ สำนักข่าว Beijing Youth Daily รายงานว่า ที่สถาบันวิศวกรรมศาสตร์ฉงชิ่ง (Chongqing Institute of Engineering) มีนักศึกษามาลงทะเบียนแล้ว 19 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เพื่อมาเรียนวิธีการนำเสนอตัวเองในโลกออนไลน์ อันจะนำไปสู่การเป็นเน็ตไอดอลต่อไป ในแผนการสอนมีประโยคหนึ่งเขียนไว้ว่า “เราจะสอนตัวอย่างการขอของขวัญ วิธีการสร้างหัวข้อไวรัล และการเอาใจแฟนๆ นอกจากนี้เราจะสอนให้นักศึกษาเก่งทั้งในด้านการแสดงและทำการตลาดออนไลน์ที่เน้นการโน้มน้าวใจด้วย” คอร์สนี้ใช้เวลา 3 เดือน โดยตลอดระยะเวลานี้ นักศึกษาจะได้เรียนจิตวิทยา การสร้างตัวละคร การแต่งหน้าทำผม การแต่งตัว การโพสต์ท่า การแสดงออก การใช้แอพ และทักษะในการไลฟ์สด หนึ่งในผู้สอนที่ชื่อ Zhang บอกว่า “คนที่จะได้เรียนคอร์ส์นี้ นอกจากจะสมัครเข้ามาเองแล้ว ต้องผ่านการคัดเลือกหลังจากทดสอบเรื่องรูปร่าง หน้าตา การแสดงออก และทักษะอื่นๆ” สำหรับนักเรียนกลุ่มแรกนี้เป็นนักศึกษาปี 4 จากหลักสูตรอีคอมเมิร์ซและหลักสูตรการตลาด โดยได้มีการเปิดโอกาสหให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาสมัครได้ด้วย …
-
14 สุดยอดสถาปัตยกรรมสมัยใหม่จากรอบโลก ที่คุณจะไม่มีวันลืมเลย หากได้เห็นมันสักครั้ง..
เราอาจจะเคยได้ยินหรือเคยเห็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยสมัยโบราณ ซึ่งแต่ละอย่างนั้นมีความอลังการและงดงามอย่างน่าทึ่ง สำหรับวันนี้ brightside ได้เผย 14 สุดยอดสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ แต่สวยงามไม่แพ้สมัยโบราณ และรับรองว่าหากคุณได้เห็นสักครั้ง คงจะลืมไม่ลงแน่ๆ 14. อาคารดอกบัว ในเมืองวูจิน ประเทศจีน อาคารดอกบัวถูกใช้เป็นสำนักวางแผนของเมือง มีลักษณะเป็นดอกบัวบาน ตั้งอยู่กลางเมืองวูจิน ซึ่งสถาปนิกผู้ออกแบบต้องการสร้างบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจในทุกช่วงฤดูกาล 13. โรงแรมที่น่าทึ่งในเทือกเขาแอลป์ นี่เป็นเพียงจำลองของโรงแรมที่จะสร้างขึ้นในเทือกเขาแอลป์ ผู้ออกแบบคือ Andrii Rozhko เขาได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิประเทศที่น่าทึ่งของภูเขา โดยจะทำให้โรงแรมอยู่กลางหน้าผาและตกแต่งอาคารด้วยกระจกที่มีรูปทรงโดดเด่น 12. Lotus Temple ในหมู่บ้าน Bahapur ประเทศอินเดีย อาคารที่มีรูปทรงเหมือนดอกบัวนี้ เป็นที่ประกอบพิธีของศาสนาศาสนาบาไฮ ซึ่งต้อนรับทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไรก็ตาม ความโดดเด่นของอาคารคือ มีประตูทางเข้า 9 บาน ที่นำไปสู่จุดศูนย์กลางของอาคาร ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ความสามัคคีของทุกศาสนา 11. Cubic Houses of Rotterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีกลุ่มบ้านลักษณะเหมือนกัน 40 หลัง ตั้งอยู่บนถนน Overblaak ใน Rotterdam ถูกสร้างขึ้นโดยสถาปนิก Piet Blom…
-
ติดตามเหมือนได้รับประสบการณ์จริง กับชีวิต “นักบินสาว” ผู้โด่งดังในอินสตาแกรม
อาชีพนักบินคงเป็นหนึ่งในอาชีพที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะเป็นกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะสามารถทำให้เราได้เดินทางไปตามที่ต่างๆ มากมายทั่วโลก เหมือนนักบินสาว Eva Claire Marseille วัย 31 ปี ที่ตัดสินใจทำตามความฝันของเธอ แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะเรียนจบวารสารศาสตร์ และชอบการเขียนเอามากๆ ก็ตาม วันหนึ่งเธอเกิดความสงสัยว่า อาชีพนักเขียนเป็นสิ่งที่เธออยากทำจริงๆ หรือเปล่า และการใช้ชีวิตแบบนั้นคือความต้องการสุดท้ายของเธอหรือไม่? จากนั้นเธอจึงตัดสินใจเรียนต่อในโรงเรียนการบินแทน นี่คืองานที่มอบความท้าทายและการเดินทางไปรอบโลก อย่างที่เธอต้องการ เป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่ามากที่สุดในชีวิตของเธอ เธอใช้เวลาถึง 2 ปีเพื่อทำให้ความฝันตัวเองเป็นจริงหลังจากเรียนจบ มาจนถึงตอนนี้เธอได้ถ่ายรูปในขณะที่เธอปฏิบัติหน้าที่ ภาพวิวทิวทัศน์ที่ได้เห็นในห้องคนขับ รวมถึงไลฟสไตล์การได้ไปเที่ยวในที่ต่างๆ จากงานของเธอ ทั้งหมดนั้นทำให้ผู้คนชื่นชอบและติดตามเธอในอินสตาแกรมมากกว่า 76,000 คน และยังมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองชื่อว่า Fly With Eva ที่คอยถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์และทัศนคติที่เธอมีให้กับทุกคน แม้จะต้องเสียเวลาไปบ้าง แต่มันก็ทำให้เธอมีความสุขมากกว่าสิ่งอื่นใดแล้ว ปัจจุบันการใช้เพศเป็นตัวตัดสิน ไม่ค่อยมีให้พบเห็นกันแล้ว และแม้ว่าในยุคที่เธอเติบโตมา คนส่วนใหญ่มักจะมองว่านักบินหญิงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไหร่นัก แต่เธอก็หวังว่าสิ่งที่เธอได้แสดงให้เห็นนี้ จะช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทุกคน ในการก้าวตามความฝันของอาชีพนี้ได้ งานของเธอตามมาด้วยการเดินทางมากมายทั่วโลก การต้องนั่งอยู่กับที่เฉยๆ…
-
19 ภาพแสดงให้เห็นความดีงามในตัวมนุษย์ ที่แม้โลกมันจะโหดร้าย แต่ก็ยังคงสวยงาม
โลกของเราอาจไม่ได้มีเพียงแต่ความสวยงามเสมอไป อย่างที่เราได้เห็นในสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภัยพิบัติธรรมชาติ และข่าวของโศกนาฏกรรมที่มีอยู่ทุกวัน บางคนอาจกำลังคิดว่า โลกเรามันช่างโหดร้าย และทุกอย่างก็น่ากลัวเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่อยากให้คุณลืมว่า ภายใต้สิ่งแย่ๆ เหล่านั้น ก็ยังคงมีความประทับใจอีกมากที่ซ่อนอยู่ ช่วยตอกย้ำให้เข้าใจว่า การมีชีวิตอยู่บนที่แห่งนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ความหดหู่ไปซะทีเดียว ภาพของพวกเขาเหล่านี้ จะสร้างแรงบันดาลใจและเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวเดินต่อไปพร้อมรอยยิ้ม ชายแก่คนหนึ่งกำลังตัดหญ้าอยู่ก่อนที่โรคหัวใจจะกำเริบ และได้นักผจญเพลิงเหล่านี้เข้ามาช่วยไว้ทัน อีกทั้งพวกเขายังช่วยให้งานของชายคนนั้นสำเร็จไปได้ด้วยดี ตำรวจหนุ่มคนนี้ลงแรงทำงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากเฮอร์ริเคน Harvey ในเท็กซัส โดยที่เขาไม่ได้พักเลยแม้แต่น้อย กระทั่งสลบไปเพราะความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายชั่วโมง ป้ายเตือนในแอฟริกาใต้ ช่วยให้คนพิการสามารถมีที่จอด ไม่มีใครกล้ามาแย่งที่พวกเขาอีก ช่างตัดผมชื่อว่า Mark Bustos ใช้เวลาในวันหยุดของเขา มาตัดผมให้กับคนไร้บ้านทั้งหลายแบบฟรีๆ เป็นพนักงานที่ใส่ใจกับงานตัวเองมากๆ เมื่อเขาได้นำกล่องเครื่องดื่มในร้านมาเรียงต่อกันเป็นรูปตุ๊กตาหิมะ สร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าได้อย่างดี ในช่วงคริสมาสต์ เธอคนนี้ใช้เวลา 3 ปีไปกับการทำงานในบ้านพักสำหรับน้องหมา และดูแลเจ้าตัวนี้มานานถึง 6 เดือน ก่อนที่เธอจะได้งานใหม่ แต่ต้องบอกว่าเธอทำงานที่นี่ได้ดีมากแน่ๆ เพราะเมื่อเธอกลับมาหลังจากหายไป 3 สัปดาห์ เจ้าสุนัขก็ดีใจออกนอกหน้าซะขนาดนี้เลย …
-
เก็บตก 24 ภาพสาวๆ สุดคาวาอี้ จากงาน Tokyo Game Show 2017 ที่ยังไง๊ก็ต้องดู
Tokyo Game Show 2017 คืองานที่จะรวมสุดยอดเกมส์ต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลกมากระจุกไว้ในที่เดียว ให้ผู้คนสามารถเข้ามาเดินชมกันได้อย่างจุใจ ตระการตา และเพลิดเพลินไปกับความสวยงามภายในงาน งานนี้จัดขึ้นที่หอประชุมนานาชาติ Makuhari Messe จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของหอประชุมในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ไม่อย่างนั้นก็คงจะรับมือกับจำนวนบูธ และคนเข้าชมที่เยอะมากไม่ไหวหรอก โดยงานจะเปิดให้สำหรับทุกคนในวันที่ 23 กันยายน แต่ก่อนหน้านั้น 2 วัน ได้มีการเปิดรอบสื่อมวลชน ทำให้ทางสำนักข่าว SoraNews24 มีโอกาสได้ไปเดินดูงานก่อนใครๆ และสร้างความตื่นเต้นให้พวกเขาอย่างมากกก แต่ก็ไม่มีใครจะรู้สึกแฮปปี้ไปมากกว่า Mr.Sato หนึ่งในทีมงานของพวกเขา ชนิดที่ว่าพอรู้ปุ๊ปก็เร่งหน้าไปรออยู่ที่งานพร้อมกล้องคู่ใจก่อนใครเพื่อน นับเป็นผู้คลั่งไคล้ในเกมส์ของจริง จนกระทั่งออกจากงาน เขาก็ได้ยื่นกล้องให้กับคนที่เหลือได้เช็คภาพว่าออกมาเป็นอย่างไรบ้าง งั้นเราลองไปดูกันเลยดีกว่า ว่าบรรยากาศภายในงานจะเป็นอย่างไร ภาพของฮอลล์ที่ใช้จัดงาน ภายในงานกว้างขวางพร้อมรองรับผู้ร่วมงานที่จะมีมากมาย มีเพียงแค่ 2 ภาพข้างบนเท่านั้น ที่ถ่ายบรรยากาศโดยรวมของรอบสื่อมวลชน แต่แท้จริงแล้วยังมีภาพอีกเยอะมาก ที่เห็นแล้วก็รู้เลยว่า เขาคนนี้ช่างมีเป้าหมายที่แน่วแน่ในการมาร่วมงานนี้จริงๆ เหอๆๆ สาวประจำบูธสุดน่ารัก นี่ก็สาวๆ จากค่าย…
-
นี่มันเมืองศิลปะ!! 28 สิ่งปลูกสร้างทรงโมเดิร์นในสไตล์ญี่ปุ่น อยากบินไปเที่ยวซะเดี๋ยวนี้เลย
ประเทศญี่ปุ่นนี่เขามีอะไรให้เราร้อง “ว๊าว” ตลอดเวลาเลยจริงๆ นะ ทั้งวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีที่ก้าวไกลก็มาจากญี่ปุ่นทั้งนั้น แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเก่งไม่แพ้กันก็คือเรื่องการออกแบบอาคารนี่แหละ แม้ว่าพวกเขาจะประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ไปลดความสามารถในการออกแบบสิ่งปลูกสร้างเจ๋งๆ ได้เลย ถ้าไม่เชื่องั้นลองไปชม 28 อาคารและสิ่งปลูกสร้างตัวอย่างจากญี่ปุ่นกันเถอะ 1. สนามเด็กเล่นรอบต้นไม้แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น 2. โรงเรียนอนุบาลในญี่ปุ่นเปิดหลังคาโล่งกลางอาคาร เพื่อให้เด็กๆ ได้เล่นน้ำฝนในบางโอกาส และถ่ายเทอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในอาคาร 3. บ้านทรงแปลกในญี่ปุ่น 4. บ้านคล้ายกระโจม สำหรับสาวปลดปลดเกษียณในญี่ปุ่น 5. แกลอรี่ในชิบุยะ 6. ธนาคาร Sugamo Shinkin เมืองคะวะงุชิ 7. Nakagin Capsule Tower กรุงโตเกียว (หน้าตาอย่างกับตู้ซักผ้า) 8. บ้านสไลเดอร์ 9. บ้านและสวนในกรุงโตเกียว 10. โบสถ์ Ribbon ในฮิโระชิมะ 11. อาคาร Acros ในฟุกุโอกะ …
-
12 สิ่งสำคัญที่เราทุกคน ‘ไม่ควรทำ’ เมื่อได้มีโอกาสไปเที่ยวในประเทศ ‘ญี่ปุ่น’
ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นที่ที่พวกเราให้ความสนใจ และอยากไปเที่ยวกันในอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากที่จะไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้าเพื่อเข้าไปแล้ว ความสวยงามของธรรมชาติ สิ่งปลูกสร้าง และวัฒนธรรมต่างๆ เองก็มีผลเช่นกัน แน่นอนว่าในแต่ละที่ ก็จะมีกฎระเบียบทางสังคมที่แตกต่างกันไป เวลาไปเที่ยวไหนก็ควรศึกษากันให้ดี จะได้หลีกเลี่ยงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป วันนี้เราจึงได้นำ 12 ข้อที่คุณไม่ควรทำเมื่อได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาให้ได้รู้กัน ว่าแล้วก็ลองไปดูกันเลยยย อย่าแหกกฎระเบียบ มารยาทในการใช้ตะเกียบ แน่นอนว่าพวกเขาเคยชินกับการใช้ตะเกียบ และจะรู้สึกประทับใจหากคุณใช้มันได้ดี แต่ก็มีข้อห้ามบางอย่างที่คุณควรรู้ไว้ คือห้ามปักตะเกียบลงไปตรงๆ ในชามข้าว ใช้ที่วางตะเกียบจะดีกว่า เพราะมันเป็นการกล่าวถึงงานศพ การส่งต่ออาหารผ่านตะเกียบตัวเองไปใส่ตะเกียบคนอื่นก็ไม่ควร หากว่าสั่งเป็นกับข้าวมากินร่วมกัน ให้ใช้ตะเกียบหยิบอาหารมาวางบนจานเราก่อนแล้วค่อยกิน ที่สำคัญอย่าเอามตะเกียบมาถูกัน เพราะว่ามันหยาบคาย อย่าใส่รองเข้าไปในบ้าน ไม่ใช่แค่ในบ้านแต่รวมถึง โรงแรม วัด โรงเรียนหรือโรงพยาบาลบางแห่ง โดยเขาจะให้คุณเปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะในบ้านแทน ยกเว้นร้านอาหารบางที่ที่ต้องนั่งไปบนพื้นเสื่อทาทามิ จะต้องถอดรองเท้าอย่างเดียว ไม่มีแตะให้เปลี่ยน รวมถึงการเข้าห้องน้ำในหลายๆ ที่ คุณก็จะต้องเปลี่ยนรองเท้าแตะด้านหน้าห้องน้ำ และอย่าลืมเปลี่ยนกลับด้วยละ อย่าคิดจะแซงคิวเป็นอันขาด คุณจะได้เจอการเข้าแถวตอนเรียงหนึ่งในทุกที่ ทั้งตอนรอรถบัส การใช้ลิฟท์ หรือการขึ้นรถไฟ ซึ่งในสถานีจะมีเส้นขีดบอกไว้ตรงพื้น…
-
รัสเซียออกโรงเหน็บ “ทรัมป์” ทะเลาะ “คิม จ็อง-อึน” เหมือนเด็กอนุบาลตีกันในสนามเด็กเล่น!!
จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-เกาหลีเหนือ และเรื่องที่เกาหลีเหนือออกมาพูดถึงการทดสอบขีปนาวุธของตนเอง ทำให้ทั่วโลกไม่สามารถอยู่เฉยได้ และ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถึงกับออกมาบอกว่า อาจต้องมีสงครามกันเลยทีเดียว ล่าสุดเมื่อเขาได้ขึ้นพูดที่องค์การสหประชาชาติเอาไว้ว่า พร้อมจะทำลายเกาหลีเหนือทั้งหมด หากตกอยู่ในสถานการณ์บังคับที่ต้องปกป้องตัวเองและพันธมิตรของตน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังล้อเลียนผู้นำเกาหลีเหนือเอาไว้ว่า เป็น “คนปล่อยจรวดที่กำลังอยู่ในภารกิจฆ่าตัวตาย” นับว่าเป็นการดูถูกและแสดงถึงความไม่เกรงกลัวใดๆ โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา คลิปวิดีโอการออกมาพูดของเขา ที่องค์การสหประชาชาติ สิ่งนั้นทำให้ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จ็อง-อึน ออกมาตราหน้าว่าทรัมป์คือ “ผู้วิกลจริต” และมีสติเลอะเลือน และกล่าวสุนทรพจน์ในเชิงว่า เกาหลีเหนือมีสิทธิ์ที่จะพัฒนาอาวุธอยู่แล้ว เขาบอกว่าประธานาธิบดีสหรัฐออกมาดูถูกประเทศของตนต่อหน้าสายตาของทุกคนทั่วโลก และพยายามบีบให้ทุกคนเชื่อไปตามสิ่งที่ตัวเองพูด ยัง ยังไม่จบ.. คิมยังเสริมอีกว่าทรัมป์จะต้องเจอกับบทเรียนราคาแพงอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากคำพูดของตัวทรัมป์เองที่บอกว่า “เป็นความรุนแรงที่ไร้สาระในประวัติการณ์” และนี่คือการออกมาพูดต่อหน้าสื่อมวลชนต่างชาติโดยตรงเป็นครั้งแรกของชายคนนี้ เรื่องที่เขาพูดจึงควรเก็บไปคิดและพิจารณาอย่างมาก เพราะการตัดสินใจในวันข้างหน้าอาจตามมาด้วยความรุนแรงที่เกินคาดอย่างที่เขาบอกไว้ ไม่ได้มีเพียงแค่ผู้นำประเทศเท่านั้น เพราะรัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือก็ได้ออกมาเตือนอีกว่า พวกเขาสามารถที่จะทดสอบระเบิดไฮโดรเจน ในมหาสมุทรแปซิฟิกก็ได้ เพื่อตอบโต้การถูกคุกคามจากผู้นำสหรัฐ ภาพในวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ของผู้นำเกาหลีเหนือตอบโต้กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่……
-
เสือโคร่งขาวหายาก ถูกเสือเบงกอลรุมทำร้ายจนสิ้นใจ เหตุเพราะเจ้าหน้าที่ “ลืมปิดประตู…”
ข่าวนี้อาจจะมีภาพหรือเนื้อหาที่รุนแรง และไม่เหมาะกับบางคน ภาพจากคลิปวิดีโอเผยให้เห็นเหตุการณ์อันน่าเศร้า กับโชคร้ายของเจ้าเสือโคร่งขาวพันธุ์หายากจากอุทยานแห่งหนึ่งในเมืองบังคาลอร์ ประเทศอินเดีย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่าน หลังจากที่เจ้าเสือโคร่งขาว 2 ตัวที่ชื่อว่า Amar และ Shreyas ได้หลุดเข้าไปในกรงของเสือเบงกอล เนื่องจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลลืมปิดประตูกรง โชคดีที่ทางฝั่งเจ้า Amar สามารถหนีออกมาจากรงเสือเบงกอลได้สำเร็จ แต่ทว่าเพื่อนของมันเจ้า Shreyas เสือโคร่งขาววัย 9 ปี กลับไม่สามารถหนีออกมาได้และถูกพวกเสือเบงกอลรุมทำร้ายจนเสียชีวิต เจ้า Shreyas ที่กำลังถูกเสือเบงกอลรุมทำร้าย ภายในคลิปวิดีโอเผยให้เห็นถึงความพยายามในการเอาชีวิตรอดของเจ้าเสือ Shreyas มันพยายามต่อสู้ ขณะที่เหล่าเจ้าหน้าที่เองก็พยายามที่จะหยุดการต่อสู้นั้น โดยการกดแตรรถและตะโกนดังๆ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ มันโดนรุมขย้ำจนบาดเจ็บหนัก แต่ก็ไม่ตายโดยทันที หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้า เจ้าหน้าที่ได้พา Shreyas ไปทำการรักษา แต่บาดแผลที่รุนแรงทำให้มันต้องจากไปอย่างน่าเศร้าเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา คุณ Jayaram เจ้าหน้าที่จากหน่วยพิทักษ์ป่ากล่าวว่าตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว “ตอนนี้เราได้มีการสั่งการให้ตรวจสอบถึงสาเหตุของเรื่องดังกล่าว เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก เราจำเป็นต้องมีการลงโทษผู้ที่ละเลยหน้าที่” เจ้าเสือโคร่งขาวนี้จัดเป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ และคาดการณ์ว่าไม่สามารถพบเห็นพวกมันได้ในป่าทั่วไป พวกเสือโคร่งขาวนี้ไม่ปรากฏตัวให้เห็นในธรรมชาติมานานกว่า 50 ปีแล้ว สาเหตุหลักที่ส่งผลกระทบต่อจำนวนประชากรของพวกมันก็คือการรุกรานถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกมันโดยมนุษย์นั่นเอง คลิปวิดีโอการต่อสู้ของเจ้า Shreyas (คำเตือน: คลิปวิดีโอต่อไปนี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม) เสือโคร่งขาวนั้นเกิดจากความผิดปรกติของยีนจากเสือเบงกอล ซึ่งโดยปกติแล้วการที่พวกมันจะผสมพันธุ์กันตามธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก…
-
‘Martina Big’ แอร์โฮสเตสผิวขาว ผู้ผันตัวเป็นนางแบบผิวสี ด้วยหน้าอกไซส์ 32S ใหญ่สุดในยุโรป..!!
ปกติแล้วในวงการนางแบบเราอาจไม่ค่อยเห็นใครที่ยอมเปลี่ยนสีผิวตัวเอง เพื่อที่จะได้โลดแล่นในวงการซักเท่าไหร่ แต่ขอบอกเลยว่าสำหรับอดีตแอร์โฮสเตส Martina Big แล้ว.. นี่คือความฝันอันสูงสุดของเธอเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเราจะพาไปรู้จักกับเรื่องราวของอดีตแอร์โฮสเตสสาวชาวเยอรมนี ผู้ยอมทุ่มเงินทุนกว่า 50,000 ปอนด์ (ราว 2.3 ล้านบาท) ในการศัลยกรรมเปลี่ยนผิวสี และอัพไซส์หน้าอกให้มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป..!! “ฉันเป็นคนผิวสี นั่นคือเชื้อชาติที่แท้จริงของฉัน ฉันอดใจรอที่จะไปแอฟริกาไม่ไหวแล้วล่ะ ฉันรู้แต่ว่าความรู้สึกในใจมันบอกเราว่า เรารู้สึกดีกว่าที่ได้เป็นคนผิวสี” Martina ให้สัมภาษณ์ ย้อนกลับไปในช่วงปี 2012 เป็นครั้งแรกที่ Martina เข้ารับการศัลยกรรม โดยตอนนั้นเธอรู้สึกว่าอยากแปลงโฉมตัวเองให้เหมือนกับตุ๊กตาบาร์บี้ แต่มีทรวดทรงรูปร่างที่ดูดีกว่า… จากนั้นเธอก็รู้สึกความต้องการจากก้นบึ้งของจิตใจตัวเอง ที่เรียกร้องให้เธออยากเข้ารับการปรับเปลี่ยนสีผิว ในตอนแรกเธอศัลยกรรมหน้าอกก่อนที่จะเริ่มปรับสภาพผิวของตัวเองให้เข้มขึ้นเรื่อยๆ Michael คู่ชีวิตที่เธอบอกว่าเป็นกำลังใจคนสำคัญของชีวิต หลังจากที่เธอต้องสูญเสียครอบครัวไปจากอุบัติเหตุบนท้องถนน Michael เล่าถึงเรื่องราวชีวิตคู่ว่า “ตอนนั้นผมเป็นนักเรียนใหม่ในห้อง จากนั้นก็ได้รู้จักกับ Martina ทั้งห้องมีผู้หญิง 23 คน แต่ผมกลับรู้สึกตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง จากนั้นหลังเรียนจบเราทั้งคู่ก็ไปทำงานเป็นพนักงานต้อนรับสายการบินอยู่ 7 ปี จนกระทั่งผมมีปัญหาด้านสายตาทำให้ต้องออกจากงาน” ช่วงหลังจากนั้นเองที่ Martina…
-
พบซากเรือไวกิ้งโบราณพร้อมสมบัติอายุ 1,000 ปี ซ่อนอยู่ใต้ตลาดเล็กๆ ของประเทศนอร์เวย์
หลายครั้งที่การค้นพบวัตถุโบราณทำให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้สิ่งของชิ้นนั้น และอาจทำให้เราค้นพบความลับอะไรบางอย่างด้วยเช่นกัน เหมือนกับการค้นพบซากเรือโบราณที่เพิ่งเจอล่าสุด เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์สื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่ามีการขุดค้นพบซากเรือไวกิ้งอายุ 1,000 ปีที่มีขนาดยาวกว่ากว่า 4 เมตรในประเทศนอร์เวย์ พร้อมกับพบซากกระดูกและแผ่นโลหะทองแดงจำนวนมากด้วยกัน ซากเรือที่ถูกขุดพบในครั้งนี้ ซากเรือดังกล่าวคือเรือสำหรับฝังศพของชาวไวกิ้ง ซึ่งถูกค้นพบระหว่างการรื้อถอนตลาดในเมือง Trondheim จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 7 ถึง 10 สภาพทั่วไปของเรือและศพที่ถูกฝังด้วยกันนั้นยังคงมีความสมบูรณ์ เรือถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาวไวกิ้ง และการฝังศพพร้อมๆ กับเรือนั้นก็มีความสำคัญและถือเป็นพิธีที่ศักสิทธิ์ ผู้ที่จะได้รับการประกอบพิธีนี้จะเป็นชนชั้นสูงอย่างหัวหน้าเผ่าหรือนักรบเท่านั้น ศพของพวกเขาจะถูฏฝังไปพร้อมกับอาวุธและข้าวของเครื่องใช้ อย่างเครื่องปั้นดินเผา และเหล้านั่นเอง ภาพของไซท์ก่อสร้าง ที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นไซท์ขุดค้นไปแล้ว ซากเรือที่มีการค้นพบในครั้งนี้ มีวางตัวของเรือในแนวทิศเหนือ-ใต้ และโครงกระดูกดังกล่าวก็มีการวางเอาไว้ในทิศเดียวกัน ซึ่งผลพิสูจน์ดีเอ็นเอจากผู้เชี่ยวชาญนั้นยืนยันว่าเป็นโครงกระดูกของมนุษย์อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีการค้นพบแผ่นทองแดงเล็กๆ และข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ตายที่ถูกฝังไปพร้อมกันด้วย “เราพบกุญแจและกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งในหลุมศพดังกล่าว ถ้าหากว่ามันถูกฝังไปพร้อมๆ กับศพนั้น มันจะยืนยันได้ว่าหลุมศพดังกล่าวน่าจะถูกสร้างราวๆ ปี ค.ศ. 600 ถึง 900 ” คุณ Julian Cadamarteri หนึ่งในทีมสำรวจจากสถาบันการศึกษาด้านวัฒนธรรมแห่งชาติของนอร์เวย์กล่าว สถานที่ฝังศพดังกล่าวตั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือของเมือง Trondheim ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันอาจอยู่ในช่วงยุคเหล็กหรือในยุคอนารยชน…
-
หนุ่มเกรียนเอาภาพนางแบบพลัสไซส์ไปล้อเลียน งานนี้เจอตอกกลับแบบโดนใจชาวเน็ตที่สุด!!
Lesego Legobane นางแบบพลัสไซส์ บล็อกเกอร์ และช่างภาพวัย 24 ปี ที่อาศัยอยู่ในแอฟริกาใต้ กำลังได้รับความสนใจในโลกโซเชียล ณ ขณะนี้เป็นอย่างมาก เมื่อมีชาวเน็ตสุดเกรียนคนหนึ่งได้นำภาพของเธอไปล้อเลียน งานนี้เลยโดนเธอตอกกลับถึงขั้นหงายเงิบจนชาวเน็ตสะใจกันใหญ่ สำหรับ Lesego เธอเป็นหนึ่งในผู้ใช้ทวิตเตอร์ภายใต้ชื่อ ThickLeeYonce โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Lesego รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะจู่ๆ ภาพถ่ายชุดว่ายน้ำของเธอ ก็ถูกชาวเน็ตรายหนึ่งที่ชื่อ Leyton Mokgerepi ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของเธอให้กลายเป็นที่น่าอับอาย โดยการนำไปเปรียบเทียบกับนางแบบสาวสวยที่มีหุ่นเพรียวบาง พร้อมกับคำบรรยายใต้ภาพว่า “ผู้หญิงที่ฉันชอบ VS ผู้หญิงที่ชอบฉัน” ซึ่งภายหลังจากที่ Lesego ได้เห็นภาพดังกล่าวบนทวิตเตอร์ งานนี้เลยทำให้เธอตอกกลับหนุ่มเกรียนสุดแสบรายนั้นกลับไปว่า “ฉันไม่ชอบคุณ” แม้มันอาจจะเป็นคำที่เรียบง่ายธรรมดาๆ แต่ลึกๆ แล้วมันก็เป็นคำตอบที่ฟังดูแล้วสะใจไม่น้อย การตอบสนองของ Lesego ในครั้งนี้ ทำให้บรรดาชาวเน็ตรวมถึงเซเลบคนดังหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็น Ariana Grande, Nicki Minaj…
-
หญิงสาวมีความฝัน อยากใส่ชุดเดรสถ่ายรูปรอบโลก แล้วเธอก็ทำมันออกมาอย่างงดงาม!!
ในอินสตาแกรมของแต่ละคนก็มักจะมีการโพสต์ภาพสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจในแบบฉบับของตัวเอง บางคนก็ชอบโพสต์ภาพเวลาไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ หรือบางคนก็ชอบการแนะนำของกินอร่อยๆ และถ้าหากคุณได้เข้าไปส่องอินสตาแกรมของ Ninelly บล็อกเกอร์สาวจากประเทศรัสเซียคนนี้ คุณจะเห็นได้ว่าภาพในอินตาแกรมของเธอ มีทั้งความสวยงาม และน่าทึ่งสุดๆ เพราะภาพถ่ายของเธอได้ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ออกไปท่องโลกกว้างตามสถานที่อันงดตามทั่วทุกมุมโลก สำหรับ Ninelly เธอเป็นหญิงสาวที่มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะใส่ชุดเดรสสวยๆ เพื่อถ่ายรูปสถานที่สวยงามต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งต้องบอกเลยว่าผลงานของเธอมีทั้งความน่าตื่นตาตื่นใจ และความงามอย่างเต็มรูปแบบ “ฉันได้ออกเดินทางไปทั่วโลก เพื่อเล่าเรื่องราวของตัวเองด้วยชุดเดรสอันสวยสง่า บางชุดฉันก็สร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง และฉันก็พยายามที่จะแสดงวิสัยทัศน์ของฉันที่เกี่ยวกับธรรมชาติ ภูมิทัศน์ และประเพณีที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งฉันก็ได้พยายามทำให้รูปถ่ายของตัวเอง เต็มไปด้วยเรื่องราวในโลกเทพนิยายที่คุณสามารถอ่านได้จากภาพของฉัน” Ninelly กล่าว และนี่คือชุดภาพส่วนหนึ่งของโปรเจค #MyDressStories ว่าแล้วก็มารับชมกันเลย 1.Courmayeur ประเทศอิตาลี 2.Cappadocia ประเทศตุรกี 3.มิลาน ประเทศอิตาลี 4.มหาวิทยาลัยมอสโก ประเทศรัสเซีย 5.Batumi Boulevard ประเทศจอร์เจีย 6.Jaisalmer ประเทศอินเดีย 7.ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย…
-
หื๊มมม ภาพวันเปิดขาย iPhone 8 ในจีน ร้านเอาแผงมากั้นทำช่องต่อคิว แต่ไม่มีใครมาต่อคิวเล๊ย!?
เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา บริษัท Apple ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลก ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ คือ iPhone 8 iPhone 8 Plus และ iPhone X นวัตกรรมที่สุดเจ๋งที่มาเพิ่มนั้นก็ทำให้มีผู้คนจากทั่วโลกสนใจและอยากจะจับจองเป็นเจ้าของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ได้มีการวางจำหน่ายใน 23 ประเทศ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2560 ประเทศจีนก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการวางจำหน่ายเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใครดูตื่นเต้นกันซักเท่าไหร่น่ะสิ บรรยากาศการล้อมรั้วตั้งเป็นแถว รอรับคนที่มาเข้าคิว . ภาพบรรยากาศร้านในการขายวันแรก ที่ศูนย์ Apple ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหางโจว ได้มีการว่าจ้างยามรักษาความปลอดภัยถึง 30-40 คน พร้อมกับตั้งแผงกั้นเป็นเขาวงกตบริเวณหน้าศูนย์ เพื่อรองรับกับฝูงชนที่จะแห่แหนเข้ามาจับจองเป็นเจ้าของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus เหมือนกับการวางจำหน่าย iPhone…
-
ผลวิจัยล่าสุดเผย ทำไมผู้หญิงที่มี “พี่ชายน้องชาย” จะมีรายได้น้อยกว่าการเป็น “ลูกคนเดียว”!?
ผู้หญิงหลายๆ คนชอบการมีน้องชายหรือพี่ชาย เพราะพวกเขาเปรียบเสมือนเพื่อนต่างเพศ ที่คอยให้คำแนะนำในสิ่งที่เราไม่รู้เกี่ยวกับผู้ชายได้ แต่รู้หรือไม่ว่าการที่หญิงสาวมีพี่ชายหรือน้องชายนั้น มันมีผลต่อรายได้นะ!? การวิจัยใหม่จากมหาวิทยาลัย Cornell University พบว่า ผู้หญิงที่มีพี่ชายหรือน้องชายจะมีรายได้ลดลง 10% ในช่วงวัยระหว่าง 20 ปลายๆ และ 30 ต้นๆ ในขณะที่ผู้หญิงวัยเดียวกัน แต่ไม่มีพี่ชายหรือน้องชาย จะรายได้ลดลงเพียง 5% อาจจะฟังดูไม่เข้าท่า แต่ผลวิจัยนี้มีข้อมูลรองรับที่น่าเชื่อถือพอสมควร นักวิจัย Angela Cools และ Eleonora Patacchini ได้รวบรวมข้อมูลในสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้หญิงที่มีน้องชายหรือพี่ชาย มีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว และวางแผนที่จะมีลูก พวกเขาจะให้ความสำคัญกับครอบครัวมากกว่าคนที่ไม่มีพี่ชายหรือน้องชาย ตามข้อมูลที่ Cools และ Patacchini ได้รวบรวมมานี้ อาจเป็นเพราะเด็กผู้หญิงที่มีพี่ชายหรือน้องชายถูกปลูกฝังเรื่องบทบาททางเพศตั้งแต่อายุยังน้อย “ในสหรัฐอเมริกานั้น ทัศนะเกี่ยวกับบทบาททางเพศแบบดั้งเดิมยังคงมีส่วนที่ทำให้เกิดช่องว่างด้านค่าจ้าง และจากการตรวจสอบบทบาทของเพศระหว่างพี่น้องกับค่าแรงของผู้หญิง แสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในครอบครัว ส่งผลให้ผู้หญิงมีอัคติเกี่ยวเพศสภาพน้อยลง ซึ่งอาจลดช่องว่างรายได้ระหว่างชายและหญิงได้ หลังจากที่ผ่านพ้นวัยดังกล่าว” …
-
7 ท่าโยคะสำหรับสาวๆ ที่อยากมีหน้าอกสวย กระชับ และเต่งตึง พร้อมด้วยสุขภาพที่ดี
สาวๆ หลายคนหันไปพึ่งมีดหมอเพราะอยากมีหน้าอกที่ดูสวย แต่จริงๆ แล้ว คุณสามารถมีนมที่สวยได้ด้วยวิธีง่ายๆ อย่างการเล่นโยคะ เว็บไซต์ Bright Side ได้นำเสนอ 7 ท่าโยคะง่ายๆ ที่จะทำให้หน้าอกของสาวๆ ดูสวย ทั้งยังทำให้คุณรู้สึกแข็งแรงและมีสุขภาพดีอีกด้วย 1. Warrior Pose Virabhadrasana หรือ Warrior ไม่ใช่แค่ทำให้รู้สึกแข็งแรง แต่ยังช่วยขยายหน้าอก ทั้งยังทำให้นมเด้งและเต่งตึง ขั้นตอนการทำท่านี้ก็ง่ายๆ 4 สเต็ป ดังนี้ 1. ยืนแยกเท้าออก โดยวางตำแหน่งเท้าทั้งสองข้างให้ขนานกับลำตัว 2. ก้าวเท้าซ้ายไปทางซ้าย 90 องศา ส่วนเท้าขวาให้อยู่ด้านใน หายใจเข้าลึกๆ แล้วงอเท้าซ้ายของคุณ 3. ให้เท้าขวาอยู่ในท่าเดิม คือชี้ตรงไป ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นให้ขนานกับไหล่ หันศีรษะไปทางซ้ายแล้วมองไปที่ข้อมือตัวเอง 4. ทำซ้ำท่าเดิม 7-10 ครั้ง แล้วย้ายไปทำข้างขวาด้วยท่าเดียวกัน 2. Triangle Trikonasana หรือ Triangle จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย เสริมสร้างทรวงอกให้กระชับ ยืดกระดูกสันหลัง และปรับระบบการไหลเวียนโลหิต…
-
19 ภาพที่อาจดูไม่มีอะไร แต่มันทำให้เรารู้สึกหงุดหงิด สะกิดสายตา งึกๆ งักๆ แปลกๆ
เคยเป็นมั้ย หงุดหงิดเวลาเห็นอะไรที่มันขัดหู ขัดตา จริงๆ ไม่ได้ผิดอะไรหรอก แต่มันไม่ใช่อ่ากิ๊บ มันไม่ใช่ ยิ่งหากคุณเป็นคนเจ้าระเบียบละก็ ภาพต่อไปนี้จะทำให้คุณรู้สึกรำคาญใจเป็นเป็นพิเศษ 1. ไม่สิ แซนวิซไม่ต้องไม่จัดแบบนี้ 2. ใครเค้าบอกให้ตัดเค้กแบบนี้ มันต้องสามเหลี่ยมสิถึงจะถูก 3. ของแต่ละชิ้นมันมีวิธีการเปิดอยู่ ไม่ใช่นึกอยากแกะยังไงก็แกะ เห้อ 4. แล้วจะผ่าครึ่งแผ่นพิชซ่าทำไมเล่า วู้ว 5. ไม่รู้ว่าพลาดหรือตั้งใจ แต่เห็นเลขมันกลับหัวแบบนี้แล้วหงุดหงิดอะ 6. โอ้วแม่เจ้า เอาตัวอย่างไว้หน้า Desktop คิดหรอว่ามันจะหาง่ายขึ้น เหอะๆ 7. มันก็ติดแค่นิดเดียวแหละ แต่ไม่ติดเลยจะดีกว่านะ 8. วาฟเฟิลบลูเบอรี่ เกือบสมบูรณ์แบบแล้ว ดันโผล่มาให้เห็นจุดหนึ่งซะงั้น 9. ตอนติดตั้งนี่เมาหรืออะไร ทำไมต้องทำให้มันโดดออกมาอันหนึ่งด้วย 10. เราควรจะทำยังไงกับกระจกแบบนี้ 11. ขวดที่มีน้ำเหลือแค่ติ่ง…
-
ได้ด้วยเหรอ!? 2 ลุงใช้เถ้ากระดูกเพื่อนเป็นเหยื่อ แถมตกได้ปลากระโห้ตัวโคตรเบิ้ม!!!
แค่พูดถึงเรื่องตกได้ปลาคาร์ฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกก็นับว่าอึ้งแล้ว แต่ขั้นตอนการทำเหยื่อของ 2 มนุษย์ลุงวัย 65 ปี ผู้รักในการตกปลาอย่าง Paul Fairbrass และ Cliff Dale จะทำให้คุณสงสัยว่า.. แบบนี้ก็มีเหรอ!? เรื่องราวมันก็มีอยู่ว่า ก่อนหน้านี้แก๊งค์คุณลุงมีสมาชิกทั้งหมด 3 คน พวกเขาชื่นชอบการหนีเมียมาตกปลาเป็นชีวิตจิตใจมาก แต่น่าเศร้าที่ Ron Hopper หนึ่งในเพื่อนซี้ของทั้งคู่ต้องจากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็ง ภาพของ 3 ทหารเสือนักล่าปลา ก่อนที่ Ron Hopper (ซ้ายสุด) จะกลายเป็นเหยื่อให้เพื่อนรักในเวลาต่อมา… ทว่าก่อนหน้านี้พวกเขาทั้ง 3 ได้จองตั๋วทริปหนีเมียมาตกปลาที่เมืองไทยในเดือนเมษายน พร้อมกับแวะดูโชว์ปิงปองอีกนิดหน่อยเพื่อความตื่นเต้นให้ชีวิต น่าเสียดายที่ก่อนถึงวันเดินทาง Ron Hopper ไม่สามารถเอาชนะโรคมะเร็งและจากไปอย่างสงบในที่สุด แต่ช่วงไม่กี่นาทีสุดท้ายแห่งการอำลาเขาได้บอกกับเพื่อนทั้ง 2 คนว่า… ‘ช่วยนำเถ้ากระดูกของฉันไปทำเป็นเหยื่อตกปลาที่ประเทศไทยที’ ปลาคาร์ฟ (Siamese giant carp หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อปลากระโห้) ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่จับได้ด้วยเถ้ากระดูกของ Ron Hopper เพื่อนซี้ผู้รู้ใจทั้งสองได้นำเถ้ากระดูกของเพื่อนรัก…
-
นางแบบสาวฮิโรชิม่า ถ่ายเซ็กซี่เป็นของขวัญทีมเบสบอลท้องถิ่น คว้าแชมป์ในรอบ 25 ปี
ถ้าพูดถึงทีมกีฬาจากทั่วโลกแล้ว เราก็มักจะเห็นทีมใหญ่ๆ บางทีมที่มีชื่อเสียงมากรวมถึงแฟนๆ ก็มีเยอะมากแต่ทีมนั้นกลับไม่ได้ค่อยจะได้แชมป์เลย (ไม่ได้ว่าถึงทีมบอลบางทีมนะ) นั้นรวมทีมเบสบอลจากญี่ปุ่นทีมนี้ที่ไม่เคยได้แชมป์เลยเช่นกัน ทีมที่ว่านั้นคือทีมจากเมืองฮิโรชิม่า ซึ่งเป็นทีมที่มีแฟนๆ เหนียวแน่นและมีชื่อเสียงพอสมควร ทว่าทีมนี้กลับไม่เคยผ่านพ้นอันดับ 3 เลย ทำให้พวกเขาไม่ได้แชมป์เลยตั้งแต่ปี 1991 จนกระทั่งปี 2016 พวกเขาก็ชนะ!! โดยปกติของทีมเบสบอลที่พึ่งได้แชมป์ไปนั้น การที่ทีมจะฟอร์มตกและแพ้ในฤดูกาลถัดมาถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก แต่ว่าสำหรับทีมนี้ไม่เป็นแบบนั้น เพราะในปี 2017 พวกเขาก็ทำได้สำเร็จอีกครั้ง พร้อมแข็งแกร่งว่าเดิมด้วยการป้องกันแชมป์อย่างงดงาม งานนี้แฟนๆ ก็แฮปปี้เฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ เพราะไม่ใช่แค่เพียงคว้าแชมป์แต่ยังป้องกันได้อีก แต่จุดสำคัญมันอยู่ตรงนี้!! Nanoka นางแบบกราเวียร์สาวสุดสวยที่เป็นคนฮิโรชิม่าและเชียร์ทีมประจำเมืองตลอดเวลาที่ผ่านมา พอรู้ว่าทีมโปรดสามารถป้องกันแชมป์ได้อย่างสมศักดิ์ศรี เธอก็เลยไม่วายจะร่วมฉลองกับเขาด้วย ด้วยการถ่ายภาพหวาบหวิวสุดเซ็กซี่เอาใจสาวกทีมโปรดของเธอนั่นเอง เธอได้ใช้ธีมสีแดงในการถ่ายแบบ เพราะนั่นก็เพราะเป็นสีประจำทีมนั่นเอง เอาล่ะ อย่ารอช้าเลยเชิญรับชมกันได้เลย…อ๊ะ!! ดูแต่ตานะมืออยู่นิ่งๆ . . . . . . . Nanoka ไม่ใช่นางแบบกราเวียเพียงคนเดียวที่ออกมาถ่ายรูปฉลองการป้องกันแชมป์ เพราะ Anri Sugihara นางแบบกราเวียจากจังหวัดเดียวกันก็ออกมาแสดงความยินดีเช่นกัน เธอใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ที่เป็นหน้าแสดงความยินดีักับชัยชนะของทีมมาทำเป็นชุดด้วยนะ เห็นแล้วอยากจะอ่านเนื้อหาข่าวใกล้ๆ…
-
ห๊ะ… รายงาน EU ระบุว่า การดาวน์โหลดไฟล์ผิดกฎหมาย ไม่ได้ทำให้ยอดขายลดลง
หลายๆ ครั้งเราอาจจะเคยได้ยินกันว่า พวกไฟล์เถื่อนหรือละเมิดลิขสิทธิ์นั้นอาจจะทำให้ยอดขายของซีดี วิดีโอเกม หรือหนังเหล่านั้นลดลง แต่แท้จริงแล้วอาจไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อทางสหภาพยุโรปได้เปิดเผยผลการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้!! สหภาพยุโรปได้ทุ่มงบกว่า 360,000 ยูโรหรือประมาณ 14 ล้านบาทในการศึกษาถึงผลกระทบของการดาวน์โหลดไฟล์เถื่อนที่มีผลต่อยอดขายของสินค้าที่ถูกลิขสิทธิ์อย่าง เพลง หนัง หนังสือ และวิดีโอเกม ซึ่งผลการศึกษาพบว่าปัจจัยดังกล่าวไม่ใช่สาเหตุหลักที่ส่งผลต่อการลดลงของยอดขายสินค้าเหล่านี้ บริษัท Ecory ผู้รับผิดชอบในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ได้รายงานผลการศึกษาครั้งนี้ออกมาเป็นหนังสือเล่มหนาถึง 304 หน้าซึ่งสรุปได้ว่า “โดยทั่วไปแล้วไม่มีหลักฐานทางสถิติที่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นส่งผลต่อยอดขาย แต่ในความจริงแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่เราแค่ยืนยันไม่ได้จากผลวิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้นเอง” นอกจากนี้พวกเขายังพบว่าการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และระบบสตรีมมิ่ง จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าที่ถูกลิขสิทธิ์อีกด้วย ตามรายงานพบว่าการละเมิดลิขสิทธิ์นั่นส่งผลแค่ในสินค้าประเภทภาพยนตร์เท่านั้น โดยจากการงานกล่าวว่า “ในภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมพบว่า มี 4 ใน 10 เรื่องที่มีการเข้าชมอย่างถูกกฏหมาย” งานวิจัยดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยคุณ Julia Reda สมาชิกสภายุโรปซึ่งเป็นตัวแทนจากประเทศเยอรมนี ได้เปิดเผยเอกสารฉบับเต็มในบล็อกส่วนตัวของเธอ หลังจากที่เธอได้สิทธิในการเข้าถึงเอกสารดังกล่าวจากสหภาพยุโรป แต่อย่างไรก็ตามทางองค์กรด้านสิทธิ์ทางดิจิตอลของยุโรปได้ออกมากล่าวว่าเอกสารฉบับเต็มของรายงานดังกล่าวถูกระงับไปแล้ว พร้อมกับกล่าวว่ารายงานเล่มดังกล่าวเป็นบทความของเจ้าหน้าที่ 2 ท่านที่พูดถึงเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และการลดลงของยอดขายในยุโรป ซึ่งไม่ใช่การศึกษาของ Ecory แต่อย่างใด ที่มา gizmodo
-
จีนเปิดตัวรถไฟหัวกระสุนเร็วที่สุดในโลก ‘Fuxing’ วิ่งไวราวเดอะแฟลชด้วยความเร็ว 400 กม./ชม.!!
นับว่ารถไฟหัวกระสุนหรือรถไฟความเร็วสูงในปัจจุบันนั้น มีมากมายหลากหลายชนิดหลากหลายรุ่นและความเร็วก็แตกต่างกันสุดๆ ในหลายประเทศก็มีเยอะจนเป็นเรื่องธรรมดากันไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่หยุดเข็นรุ่นใหม่ออกมาสักที… ล่าสุดทางการจีนได้เปิดตัวรถไฟหัวกระสุนรุ่น ‘Fuxing‘ ซึ่งเป็นรถไฟหัวกระสุนรุ่นใหม่ล่าสุดของประเทศ โดยจะเป็นรถไฟสาย ‘ปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้’ นั่นเอง ตัวรถไฟรุ่นนี้จะมีความเร็วปกติอยู่ที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทว่าความเร็วสูงสุดที่สามารถทำได้จะอยู่ที่ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เรียกว่าไวสุดๆ แว๊บเดียวข้ามจังหวัดได้เลยล่ะ ซึ่งรถไฟสายนี้จะใช้เวลาราวๆ 4 ชั่วโมง 49 นาที ในการเดินทางไปมาทั้งสองเมือง ตอนนี้ก็กลายเป็นรถไฟที่ไวที่สุดในโลกไปแล้ว ชาวจีนต่างพากันตื่นเต้น มาถ่ายเซลฟี่กับรถไฟกันสักหน่อย มากันทั้งครอบครัว เด็กน้อยก็มา เห็นไหม ในงานเปิดตัวก็มีเจ้าหน้าที่ยืนคู่กับขบวนด้วยนะ ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่สาวๆ หนุ่มๆ ก็มากันครบ!! นอกจากตัวรถไฟรุ่น Fuxing นั้นจะมีดีไซน์ที่สวยงามและความเร็วที่สูงมากแล้ว รถไฟขบวนดังกล่าวยังโดดเด่นในเรื่องของเสียงที่เงียบมากๆ รวมถึงความนิ่งสุดๆ นิ่งจริงๆ นะ ไม่เชื่อดูสิ นักท่องเที่ยวเดินอย่างสบายใจ เพราะไม่มีการสั่นสะเทือนใดๆ รับประกันความนุ่มนวล ด้านความปลอดภัยก็ไม่ต้องห่วง เพราะรถไฟรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงให้มีเซ็นเซอร์ตรวจจับรางรถไฟแบบเรียลไทม์ถึง…
-
20 การทำอาหารสุดเฟล แหม่… ครั้งแรกมันก็ต้องพลาดกันบ้าง ก็เลยฮาจังซี่หล่ะ!!
สำหรับคนที่ชอบทำอาหาร ไม่ว่าจะเมนูไหนก็ดูจะง่ายไปหมด แต่คนที่ไม่ชินกับการทำอาหารเนี่ยสิ พังตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าครัวเลย พังครั้งแรกยังพอเข้าใจ แต่ถ้าครั้งที่สอง ที่สามยังเละเหมือนเดิม ควรจะพิจารณาด้วยเองได้แล้วว่าเราคงไม่เหมาะกับสายนี้จริงๆ เหมือนกับคนเหล่านี้ 1. ตั้งใจจะอุ่นพิซซ่า แต่ดูเหมือนเจ้าเครื่องเตาอบนี่ไม่เป็นใจเอาซะเลย 2. เห็นเค้าทำแล้วน่ารัก เลยทำดูบ้าง… เอิ่ม คงจำสูตรผิดละมั้ง 3. แน่ใจนะว่ามันคือพิซซ่า 4. ทำคุกกี้แต่ลืมเพิ่มแป้ง และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น 5. เค้กไหลเป็นลาวาเลย 6. นี่นะเหรอ นักเก็ตไก่ แต่อบนานไปหน่อย 7. ขนมเมอแร็งก์ มันไปพลาดที่ตรงไหนกันนะ 8. คราวหลังไม่ต้องศิลปะมากนะ ขอให้กินได้ก็พอ 9. เชื่อว่าหลายคนเคยพลาดในจุดนี้ เอาไข่เข้าไมโครเวฟ 10. ใครจะคิดว่ามาการองมันจะทำยากขนาดนี้ 11. เกือบดีละ ถ้าไม่ใส่ตัวหนังสือมานะ คนบ้าที่ไหนกินกางเกง 12.…
-
13 ภาพถ่ายที่ชนะสาขาต่างๆ จากการประกวดถ่ายภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก จาก 150 ประเทศ
ในเดือนกันยายนนี้ที่กรุงเบอร์ลิน EyeEm ชุมชนการถ่ายภาพและวิดีโอที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก ได้ประกาศผลภาพถ่ายที่ชนะการประกวดครั้งที่ 4 ในสาขาต่างๆ การประกวดครั้งนี้ได้มีภาพส่งเข้ามายัง EyeEm Photography Festival กว่า 590,000 ภาพ จากช่างภาพ 88,000 คน ใน 150 ประเทศ จนทำให้ EyeEm กลายเป็นเวทีประกวดภาพถ่ายที่ใหญ่ที่สุดของโลก และด้านล่างนี้คือภาพที่ชนะในสาขาต่างๆ 1. ผลงานชนะเลิศสาขา Portraitist โดย Adeolu Osibodu ประเทศไนจีเรีย . 2. ผลงานชนะเลิศสาขา Street Photographer โดย Julie Hrudova ประเทศเนเธอร์แลนด์ . 3. ผลงานชนะเลิศสาขา Community Vote โดย Robert Torrontegui ประเทศฟิลิปปินส์ . 4. ผลงานชนะเลิศสาขา Architect โดย Denise Kwong ประเทศออสเตรเลีย . 5. ผลงานชนะเลิศสาขา Great…
-
นักศึกษาเอาลูกแฝดมาเรียนด้วย อาจารย์จึงช่วยอุ้มพร้อมสอนไปด้วย จนหมดคาบเรียน
ครูบาอาจารย์คือแม่พิมพ์ของชาติที่คอยอบรม สั่งสอน และมอบความรู้ให้กับนักเรียน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ครูบางคนได้ให้นักเรียนมากกว่าการเป็นครู จนเปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สองเลยก็ว่าได้ เหมือนกับ Jose Luis Canote อาจารย์จากมหาวิทยาลัย Universidad del Norte Santo Tomas de Aquino ประเทศอาร์เจนตินา ได้รับการชื่นชม หลังช่วยนักศึกคนหนึ่งปลอบลูกน้อย Mariana Nunez นักศึกษาที่มีความจำเป็นต้องเอาลูกแฝด Peace และ Thomas มาเข้าห้องเรียนด้วย เนื่องจากไม่มีคนช่วยเลี้ยงและเธอก็ไม่อยากขาดเรียน แต่แล้วระหว่างที่นั่งเรียนอยู่ดีๆ Peace ก็ร้องไห้ออกมา แม่พยายามปลอบลูกแต่ก็ไม่สำเร็จ ผู้ช่วยอาจารย์เลยอุ้มน้องออกไปปลอบนอกห้อง แฝดคนแรกยังไม่ทันหยุดร้อง Thomas ก็ร้องไห้ตามอีก จังหวะนั้น อาจารย์ Luis Canote จึงเดินเข้ามาหาเด็กน้อย แล้วอุ้มเขาขึ้นมา โดยที่ผู้เป็นแม่ก็อนุญาต อาจารย์ไม่ได้พาเด็กไปปลอบข้างนอก แต่เขาอุ้มเด็กไปด้วย สอนไปด้วยในเวลาเดียว ตอนนั้นเขากำลังบรรยายเรื่อง “การสื่อสารในองค์กร” ที่เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการสื่อสารทางสังคม โมเม้นต์ที่อาจารย์สอนพร้อมอุ้มเด็กน้อย สร้างความประทับใจให้กับนักศึกษาในห้องนั้นเป็นอย่างมาก จนพวกเขาได้ถ่ายรูปเอาไว้ ก่อนจะโพสต์ลงในโซเชียล สื่อไม่ได้ว่าเขาอุ้มเด็กไว้นานแค่ไหน แต่อาจารย์บอกว่าเขาได้อุ้มเด็กน้อยจนกระทั่งสอนเสร็จ ซึ่งก็น่าจะประมาณครึ่งชั่วโมงได้ …
-
ไอเดียรอยสักมาแรง “เพ้นท์เท้าหมา” ให้เพื่อนสัตว์เลี้ยงแสนรัก สร้างศิลปะบนตัวคุณ
หากคุณเป็นคนที่เลี้ยงสุนัข คงจะเข้าใจดีว่าน้องหมานั้นมีความสำคัญกับเรามากแค่ไหน มันไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง แต่มันเปรียบเสมือนคนในครอบครัว เพราะแบบนี้เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายๆ คนก็เลยสักรอยเท้าน้องหมาไว้ตามร่างกาย เพื่อเป็นการบอกว่าสุนัขมีความสำคัญกับพวกเขามากแค่ไหน จนกลายเป็นไอเดียรอยสักที่มาแรงในตอนนี้ . รอยสักที่ไม่ว่าจะดูกี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อ . . . รอยสักที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีน้องหมาอยู่ด้วยในทุกที่ แม้น้องหมาต้องจากไปในสักวันหนึ่ง แต่รอยเท้าของมันจะอยู่กับคุณตลอดไป สำหรับบางคนแล้ว หมาเป็นมากว่าแค่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง พวกมันคือเพื่อน คือครอบครัว คือสิ่งสำคัญในชีวิตที่ไม่อาจขาดได้ . . อุ้งเท้าน่ารักๆ ของน้องหมา . . . . นี่คงจะเป็นรอยสักที่งดงามและมีความหมายที่สุด . ให้รู้ไปเลยว่าเรารักสุนัขแค่ไหน . . . . . ให้รอยสักเป็นทั้งศิลปะและสิ่งมีค่าในเวลาเดียวกัน . . . . .…
-
นักวิจัยเผย “ทำไมคนนับถือศาสนาถึงยึดติดอยู่กับความเชื่อ ทั้งที่ขัดแย้งกับความจริง?”
ศาสนาเป็นเรื่องของความศรัทธา เมื่อเราเชื่อสิ่งใด เราก็จะปฏิบัติตามวิถีของความเชื่อนั้นๆ ที่สำคัญคือความเชื่อเป็นสิ่งที่เปลี่ยนได้ยากที่สุด แม้จะมีเหตุผลหรือข้อพิสูจน์มาหักล้างก็ตาม สอดคล้องกับการศึกษาล่าสุดที่พบว่า คนที่นับถือศาสนาจะ “ยึดมั่น” กับความเชื่อบางอย่างที่มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับมุมมองทางศีลธรรมของพวกเขา นักวิจัยกล่าวว่า “บุคคลที่ดันทุรังยืดมั่นในความศรัทธาของตัวเองแม้สิ่งนั้นจะขัดแย้งกับหลักความเป็นจริงก็ตาม นั่นเป็นเพราะความเชื่อเหล่านั้นสื่ออารมณ์ ความรู้สึก” ในทางตรงข้าม นักวิทยาศาตร์พบว่า คนที่พยายามต่อสู้หรือเชื่อว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จะมีมุมมองด้านบวกเกี่ยวกับศาสนา เพราะสมองของพวกเขาถูกครอบงำโดยการคิดวิเคราะห์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Case Western Reserve University ในโอไฮโอ ได้สัมภาษณ์คนที่นับถือศาสนากับคนไม่มีศาสนา จำนวน 900 คน ซึ่งทั้งสองกลุ่มต่างถือความคิดตัวเองเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ทั้งนี้ในทั้งสองกลุ่มนี้ คนที่มีทักษะในการให้เหตุผล จะเป็นคนที่มีความเชื่อน้อยกว่า แต่พวกเขาจะแตกต่างกันในเรื่องความกังวลทางศีลธรรมมีอิทธิพลต่อความคิดของพวกเขา Anthony Jack รองศาสตราจารย์ด้านปรัชญาและผู้ร่วมวิจัย กล่าวว่า “อารมณ์ความรู้สึกจะช่วยให้คนที่นับถือศาสนามีความมั่นใจมากขึ้น เห็นความถูกต้องทางศีลธรรมในบางอย่างมากขึ้น และช่วยยืนยันความคิดของพวกเขามากขึ้นด้วย” “ในทางตรงข้าม ความกังวลทางศีลธรรมจะทำให้คนที่ไม่นับถือศาสนารู้สึกไม่มั่นใจ” Anthony กล่าว ในขณะที่ Jared Friedman นักศึกษาปริญญาเอกและผู้ร่วมวิจัย กล่าวว่า “มันแสดงให้เห็นคนที่นับถือศาสนาจะยืดติดอยู่กับความเชื่อบางอย่าง โดยเฉพาะสิ่งที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกับเหตุผลเชิงวิเคราะห์ นั่นเป็นเพราะความเชื่อเหล่านั้นสอดคล้องกับความรู้สึกทางศีลธรรมของพวกเขา” …
-
ชาวมิวนิคเผย 5 เหตุผลที่คุณควรหลีกเลี่ยง Oktoberfest เทศกาลเบียร์ที่ใหญ่สุดของโลก..!!
สำหรับคอเบียร์ทั้งหลาย เราเชื่อว่าทุกคนต่างต้องมีงานเทศกาล ‘Oktoberfest’ เป็นหนึ่งในสิ่งที่อยากจะไปให้ได้ซักครั้งในชีวิต… ทว่าล่าสุดนักเขียนชาวมิวนิค Sophie-Claire Hoeller ได้ออกมาเผยถึง 5 เหตุผลที่ชาวโลกควรหลีกเลี่ยงไม่ไปงานเทศกาลดังกล่าว นับว่าคนท้องถิ่นออกมาบอกด้วยตัวเองแบบนี้จะไม่อ่านหน่อยก็คงไม่ได้แล้วแหละ เทศกาล Okterberfest สนุกจริง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของการมาเที่ยวเยอรมนีเช่นกัน!! Sophie เล่าว่า นักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดไม่รู้ว่าเทศกาลดังกล่าวเดิมทีเป็นประเพณีที่จัดสืบต่อกันมา ครั้งแรกสุดมันถูกจัดขึ้นในงานอภิเสกสมรสของกษัตริย์แห่งบาวาเรีย เมื่อปี 1810 ตามแบบฉบับดั้งเดิมของคนท้องถิ่น เทศกาลเบียร์จะถูกจัดขึ้นอย่างย่อมๆ เพื่อเป็นช่วงเวลาดีๆ ให้ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เพื่อร่วมรับประทานเบียร์ชั้นเลิศและอาหารจานเด็ดร่วมกัน แต่ปัจจุบันมีตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางไปงานดังกล่าวสูงถึง 6.3 ล้านคน/ปี ในแต่ละปีมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากความเมามายและอุบัติเหตุต่างๆ ราว 7,900 คน..!! ในช่วงเทศกาลน่ะเหรอ… ทั่วทั้งเมืองมีแต่นักท่องเที่ยวเท่านั้นแหละ ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต่างเดินทางมากระจุกอยู่ในสถานที่เดียวกันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนเมาจากร้อยพ่อพันแม่ที่ไม่ต้องเดาก็พอทราบได้ว่า ปัญหาความวุ่นวายและความยุ่งเหยิงต่างๆ มีให้เจ้าหน้าที่ได้วิ่งวุ่นกันทุกปีแน่นอน นอกจากนั้นตลอดทั้งวันคุณจะได้เห็นเทศกาลที่เต็มไปด้วยคนที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘Beer Corpses’ ซึ่งก็คือพวกเมาหนักจนโงหัวไม่ขึ้น ถึงกับต้องนอนสลบกันอยู่ตามเต๊นท์นั่นแหละ อย่าหวังว่าจะวอล์คอินเข้าร้านไหนได้ง่ายๆ ในเทศกาลที่มีคนมากถึง 6.3 ล้านมารวมตัวกัน เราคงนึกภาพกันออกใช่ไหมว่าในจำนวนนี้จะมีคนที่ไปยืนต่อคิวหน้าร้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเยอะขนาดไหน เพราะฉะนั้นถ้าหากอยากจะมาเที่ยวงานนี้จริงๆ…
-
21 ภาพถ่ายวินเทจ ดินแดนเกาหลีที่ไม่แบ่งแยกเหนือใต้ และไม่มีสงครามนิวเคลียร์แบบทุกวันนี้
ครั้งหนึ่งก่อนที่ประเทศเกาหลีจะถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของขั้วการเมือง หรืออะไรก็ตามแต่ ในอดีตประเทศแห่งนี้เคยเต็มไปด้วยวิถีชีวิตของผู้คนที่ไม่มีการแบ่งแยกเหนือ – ใต้ ดังนั้นวันนี้เราจะขอพาไปชมชุดภาพถ่ายจากอดีตที่ถูกบันทึกไว้ในช่วง 1890 – 1910 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สงครามเกาหลียังไม่แยกประเทศออกเป็นสองฝ่าย และผู้คนก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ภาพของผู้คนในอดีตที่กำลังไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ ภาพจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงโซล เมื่อปี 1903 (เด็กชาย 3 คนที่ใส่หมวกด้านหลัง มีความหมายว่าพวกเขาแต่งงานแล้ว) ภาพเด็กสาวกับการละเล่น Neolttwigi ซึ่งเป็นการละเล่นที่ค่อนข้างอันตราย ภาพจากประชาชนในกรุงเปียงยาง ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขก่อนที่ราชวงศ์คิมจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการปกครอง ภาพการแต่งตัวของผู้ชายในกรุงเปียงยาง เมื่อปี 1910 ภาพจากกรุงโซล ในปี 1904 ในอดีตคนเกาหลีมีชีวิตที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์จากการเพาะปลูก ภาพจากถนน Taedongmun ในช่วงปี 1910 เผยให้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่เป็นไปอย่างเรียบง่าย กรรมวิธีการคัดข้าวบาร์เลย์ของชาวบ้านในเมืองอินชอน ภาพจากถนนเส้นหลักประจำกรุงเปียงยาง เมื่อปี 1915 ภาพการเดินขบวนของคนจากในวัง เมื่อปี 1903 …
-
ตำรวจกำลังตามล่าตัว “นักวิ่งสาว” ที่ชอบไปปล่อยอุนจิไว้ข้างบ้านชาวบ้านเป็นประจำ
เป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนของชาว Colorado Springs เมื่อมีหญิงสาวนิรนามคนหนึ่งชอบปล่อยอุนจิไว้ตามบ้านคนอื่น จนได้รับฉายาว่าเธอเป็น… ‘Mad Pooper’ นับว่าเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่ทำเอาชาวบ้านในละแวกชุมชน Pine Creek ถึงกับอกสั่นขวัญผวากันเลยทีเดียว เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งหลายต่อหลายครั้งว่า มีหญิงสาวนิรนามสวมชุดวิ่งไปรอบเมือง พร้อมปล่อยอึ๊ไว้ตามบ้านต่างๆ นี่คือภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ชาวบ้านจับไว้ได้ ภาพจากกล้องวงจรปิดหลายที่ ได้จับภาพของเธอเพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานสำหรับการจับกุมใหญ่ในครั้งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาให้เธอมีความผิดฐานปล่อยของเสียและสร้างกลิ่นรบกวนแก่บ้านเมือง “ผมอาศัยอยู่ที่นี่มา 35 ปีแล้ว เชื่อเถอะว่าผมไม่เคยเจอเคสไหนที่พิลึกพิลั่นขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการจะเข้าไปพูดคุยกับเธอ เราอยากถามไถ่ว่าเธอมีปัญหาด้านใดที่ไม่สบายใจรึเปล่า เพื่อที่เราจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาให้ตรงจุด” ผู้หมวด Black ให้สัมภาษณ์ Cathy Budde หนึ่งในคุณแม่ที่ได้รับความเสียหายเล่าว่า เวลานั้นตนกำลังพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน จากนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กๆ ตะโกนออกมาว่า “มีคนขี้..!!” เธอจึงรีบวิ่งออกไปดู และได้เห็นภาพของหญิงนิรนามนั่งอึ๊อยู่ข้างกำแพงบ้านเธอ เจ้าของบ้านในละแวกนั้นหลายๆ คนเล่าว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่มันเกิดขึ้นมาได้สักพักแล้ว แม้ว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะยังไม่สามารถระบุตัวหญิงสาวคนดังกล่าวได้ ทางด้านของชาวชุมชนต่างก็รู้สึกทนไม่ไหวกับกลิ่นเหม็น และคราบอึที่แปดเปื้อนบ้านของพวกเขา “พวกเราถึงกับต้องทำป้ายเตือนไว้ทุกบ้าน เธอวิ่งผ่านวันละหลายรอบมาก และทุกครั้งเธอก็จะมีคราบอุจจาระติดมาด้วย ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอไม่ใช้ห้องน้ำสาธารณะนะ!?” Cathy Budde…
-
20 ภาพที่จะทำให้คุณรู้สึกว่า “โลกไม่น่าอยู่…” แต่ก็ยังมีเรื่องราวดีๆ ให้เรายิ้มได้ในท้ายที่สุด
ความยากของการเป็นมนุษย์โลกอย่างหนึ่งก็คือ ตลอดทั้งชีวิตเราจะได้พบเจอกับผู้คนมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะทั้งคนดีหรือคนเลวปะปนกันไป บ่อยครั้งที่เราอาจจะเห็นสถานการณ์บางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่า โลกมันไม่อยู่อย่างที่มันควรจะเป็น… แต่ก็ใช่ว่าโลกเราจะมีแต่ความเศร้าและการเอารัดเอาเปรียบ เพราะในท้ายที่สุดมนุษย์เราก็ยังมีเรื่องราวดีๆ ให้ยิ้มได้เสมอ ชายผู้เขียนป้ายประชดประชันโฮมเลส โดยอ้างว่า “ไม่จำเป็นต้องขอตัง มีลูก 5 คน และทำ 3 งาน!!” เทียบไม่ได้เลยกับเหตุการณ์ที่มีคนนำข้าวของเครื่องใช้มาวางให้กับโฮมเลสที่กำลังหลับอยู่ คนใจทรามที่ทิ้งขยะเรี่ยราดบนรถไฟสาธารณะ ในขณะที่พายุกำลังซัดกระหน่ำ ทั้งเม็กซิโกและสหรัฐฯ ต่างก็กำลังร่วมมือกันช่วยเหลือประชาชน คนขับรถใจแคบที่ดันไปจอดขวางตรงช่องสำหรับผู้พิการ แต่โลกนี้ก็ดูสดใสทันที เมื่อเห็นเรื่องราวของคุณลุงที่นำกล้องดูดาวตั้งไว้ข้างทาง พร้อมอธิบายให้เด็กๆ ฟังอย่างตั้งใจ คนมือบอนที่เอาสีมาปาใส่น้องหมาน้อย ตรงกันข้ามกับชายคนหนึ่ง ที่กำลังค้นหาข้อมูลรักษาพยาบาลเบื้องต้น เพื่อช่วยเหลือนกกระจอกที่พลัดหลงมา คนใจแคบที่เล่นนอนบนรถไฟขนส่งสาธารณะ ในขณะที่ลุงคนนี้พยายามจะสอนวิธีผูกไทให้หนุ่ม แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน วัยรุ่นผู้รักการแคมปิ้งแต่ไม่ได้รักธรรมชาติ… ดูแย่ทันทีเมื่อเทียบกับหนุ่มที่พยายามช่วยเหลือหญิงสูงอายุ จากพายุที่ซัดกระหน่ำ คนขี้เกียจที่ไม่ยอมเอาขวดนมไปวางไว้ในที่ๆ ตัวเองหยิบมา ตรงกันข้ามกับบ้านหลังหนึ่งที่พร้อมจะมอบอาหารฟรีให้ผู้ที่กำลังลำบาก …
-
สื่อญี่ปุ่นเผย โครงการรถไฟฟ้าสร้างโดยจีนในเวียดนาม ด้อยคุณภาพ ล่าช้าแถมทำงบบาน!!
เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมาทางสื่อต่างประเทศอย่าง Nikkei Asian Review ได้รายงานว่าทางรถไฟฟ้ายกระดับแห่งแรกในกรุงฮานอยที่จะมีการเปิดทดลองใช้ในเดือนกันยายนนี้ถูกเลื่อนออกไป หลังจากมีปัญหาในการก่อสร้างกับบริษัทรับเหมาจากจีน เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ทางการเวียดนามได้ให้สัมภาษณ์กับทางผู้สื่อข่าวว่า โครงการดังกล่าวจะไม่มีการดำเนินการใดๆ จนกว่าทางการจีนจะจ่ายเงินสนับสนุน(ODA) มูลค่า 250 ล้านเหรียญตามที่ให้สัญญาไว้เมื่อปีที่ผ่านมา โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายแรกในเมืองหลวงของเวียดนาม ซึ่งมีแผนในการสร้างเริ่มต้นที่ปี 2008 และแล้วเสร็จในปี 2013 ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 552 ล้านเหรียญโดยมีการกู้เงินจากรัฐบาลจีน 419 ล้านเหรียญ และบานปลายเป็น 868 ล้านเหรียญในปี 2011 โดยโปรเจกต์ดังกล่าวประสบปัญหาต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการเบิกกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลจีนที่มีความซับซ้อนทำให้การก่อสร้างล่าช้า ปัญหาวัสดุด้อยคุณภาพ และความผิดพลาดของแรงงานที่ไม่ได้รับการฝึกฝน ซึ่งตอนนี้ทางเวียดนามได้ประสานไปทางสถานฑูตจีนเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตามทางสำนักข่าว Nikkei Asian Review ได้เผยว่าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในกรุงฮานอยนี้เป็นหนึ่งในโครงการใหญ่ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนที่กำลังประสบปัญหา นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นๆ ที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้เช่นกันไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างสนามกีฬาแห่งชาติในกรุงฮานอย โรงเหล็กมูลค่า 360 ล้านเหรียญสหรัฐในเมืองท้ายเงวียน รวมถึงโครงการบำบัดขยะและอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกจำนวนมาก โดยปัญหาต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้ความเชื่อมันของบริษัทรับเหมาต่อจีนในเวียดนามนั้นลดลง และปัจจุบันมีโครงการใหญ่ๆ ถึง 17 โครงการที่ต้องถูกพิจารณาใหม่โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม…
-
หญิงสาวพบแฟนสภาพเปลือย อยู่บนร่างลูกสาวตัวเองวัย 12 ปี เลยจัดการแทงแฟนยับ 6 ทีเต็มๆ!!
เกิดเหตุอื้อฉาวร้าวรานภายในครอบครัวกันอีกแล้ว เมื่อล่าสุดสื่อนอกได้รายงานถึง เหตุการณ์ในเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอว่า เกิดคดีแม่ลูกหนึ่ง ได้แทงชายที่เป็นแฟนหนุ่มเข้าที่ท้องถึง 5 ครั้ง จากนั้นก็แทงที่ศีรษะอีก 1 ครั้ง หลังจากที่เห็นเขากับลูกสาวเธอสภาพเปลือย?? เรื่องราวดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน เวลาประมาณ 02.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากที่คุณแม่ลูกหนึ่งเข้านอนเร็วกว่าปกติและตื่นขึ้นมาในเวลาดังกล่าว เธอก็พบว่าแฟนหนุ่มของเธอที่กำลังคบหากันอยู่ กำลังขึ้นคร่อมลูกสาววัย 12 ของเธอในสภาพเปลือยท่อนบนอยู่ เธอคิดว่าแฟนหนุ่มจะทำมิดีมิร้ายกับลูกสาว จึงได้จัดการหยิบมีดพกแทงแฟนหนุ่มในทันที มีดถูกกระหน่ำแทงลงไปบนท้องและบริเวณหลังศีรษะ รวมแล้ว 6 ครั้ง แต่ที่เหลือเชื่อคือแฟนหนุ่มยังคงรอด ส่วนคุณแม่ได้โทรแจ้งตำรวจพร้อมรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าจึงเข้ามายังที่เกิดเหตุในเวลาต่อมา… ต่อมาชายหนุ่มถูกส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา ด้านลูกสาวได้ให้ปากคำว่า เธอถูกแฟนของผู้เป็นแม่พยายามแก้ผ้าเธอ และเขาบอกกับเธอว่า “นี่แหละคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อเธอมีแฟน..” แต่กลับกันแล้ว ด้านแฟนหนุ่มได้ให้ปากคำว่า เขาถูกแทงเพราะแฟนสาวของเขา บังเอิญมาเห็นเขากับลูกสาวของเธอและรู้สึกอิจฉาที่ลูกสาวชอบในตัวเขา จึงจัดการแทงเขานั่นเอง ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เราคงต้องรอความคืบหน้าของคดีกันอลหม่านระหว่าง แม่-แฟนแม่-ลูกสาวที่ติดมา ซึ่งดูจะเป็นการล่วงละเมิดทางเพศที่น่าเป็นห่วงมากเลยทีเดียว… ที่มา dailymail
-
บ้านสุดอัศจรรย์สไตล์ ‘ฮอบบิท’ ที่คุณเองก็สัมผัสมิดเดิลเอิร์ธได้ในราคา 25 ล้านบาทเอง
สมัยนี้บ้านแบบปกติธรรมดาทั่วๆ ไป หรือจะเป็นสไตล์โมเดิร์น คงไม่อาจต้อมโจทย์ความต้องการของเราได้ แต่จะให้ความสนใจกับที่พักอาศัยที่แปลกตาสักหน่อย มีเอกลักษณ์ในตัวเองมากกว่า ถ้าหากคุณเป็นอย่างนั้นเหมือนกันแล้ว รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องแอบรู้สึกถูกใจบ้านหลังนี้ขึ้นมาแน่นอน เพราะนี่คือไอเดียจากหนังไตรภาคชื่อดังถึง 2 เรื่อง อย่าง The Hobbit และ The Lord of the Rings ไม่ใช่ประสาทเอลฟ์แต่อย่างใด มันคือบ้านของ ฮอบบิท เผ่าประจำของตัวเอกทั้งสองเรื่อง ดูน่ารักในไซส์มินิ น่าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามในรัฐวอชิงตัน ประเทศอเมริกา แต่หลังนี้ก็ไม่ใช่หลังที่ใช้ถ่ายทำจริงหรอกนะ เพราะของจริงมันอยู่ที่นิวซีแลนด์โน่น ทว่าเจ้าบ้านหลังนี้ก็สร้างออกมาได้แบบที่เหมือนจนแยกไม่ออกเลยเหมือนกัน ความพิเศษของมันเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะความสูงของขอบประตู กับเพดานที่เรียกว่าอาจเป็นอุปสรรคเล็กๆ ให้กับคนตัวสูงทั้งหลาย แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเอกลักษณ์ที่แปลกไม่ซ้ำใคร และทำให้คุณประหยัดไฟได้ง่ายๆ เพราะแค่ดวงเล็กๆ มันก็จะสว่างไปทั่วบ้านแล้ว ถูกตกแต่งด้วยเตาผิง และงานหินต่างๆ มากมาย พร้อมเพิ่มความโมเดิร์นอีกซักหน่อยกับตู้เย็น บาร์นั่งไว้รับประทานอาหารเช้า เตาอบ และตู้แช่ที่บางทีก็แอบดูขัดๆ ไปบ้าง แต่ก็เพื่อความสะดวกสบายแหละนะ ไม่เพียงเท่านั้นเพราะมันยังแถมอ่างน้ำร้อน ห้องสปา ประตูไฟฟ้าอัตโนมัติ และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้อีกด้วย…
-
คุณพ่อนำรถเข็นเด็กมาวิ่งมาราธอนด้วย เพื่อเป็นการรำลึกถึงลูกชายที่เสียชีวิตตั้งแต่เกิด
พ่อแม่ทุกคนต่างดีใจและตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าจะมีลูก พวกเขาจึงเตรียมทุกอย่างเอาไว้ รอวันที่ลูกลืมตาดูโลก รวมทั้งคาดหวังที่จะเห็นลูกเติบโตขึ้น น่าเศร้าสำหรับพ่อแม่คู่นี้ที่เฝ้ารอคอยลูกเหมือนคนอื่นๆ แต่เมื่อถึงวันที่พวกเขาควรจะดีใจที่สุด กลับกลายเป็นวันที่เสียใจที่สุด เพราะลูกน้อยได้จากไปทั้งที่ยังไม่มีโอกาสลืมตาดูโลก เมื่อปี 2016 Troy Austin และภรรยา Kelly ได้ไปอัลตราซาวนด์ลูกในครรภ์ ขณะที่ท้องได้ 27 สัปดาห์ และก่อนจะถึงวันกำหนดคลอด ทั้งคู่ตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นหน้าลูกชายตัวน้อย แต่แล้วความรู้สึกของพ่อแม่ก็พังสลาย เมื่อลูกชายเกิดมาแล้วไม่หายใจ พวกเขาจึงได้ส่งลูกชาย T.G ขึ้นสวรรค์ในไม่กี่วันต่อมา แม้ว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นการเติบโตของลูก แต่ครอบครัว Austins ก็ยังตั้งใจที่จะทำบางอย่างเพื่อเตือนให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาการคลอดบุตร รวมทั้งช่วยเหลือครอบครัวอื่นที่เจอสถานการณ์เช่นเดียวกันนี้ โดยผ่านองค์กรการกุศล เพื่อเป็นการระลึกถึง T.G ในเดือนสิงหาคม Troy ได้เข้าร่วมการวิ่งมาราธอน Sunshine Coast Marathon พร้อมกับรถเข็นที่ว่างเปล่าของลูกน้อย เขาได้เล่าประสบการณ์เหล่านี้ผ่านเฟซบุ๊กว่า “ขณะที่ผมยืนอยู่บนหลังเส้นสตาร์ทพร้อมรถเข็นที่ว่างเปล่า มีคำพูดหนึ่งดังขึ้นมา ‘แด่เพื่อนที่สูญเสียเสียลูก’ นั่นเป็นวลีที่สะกิดใจของผมมาก ก่อนที่คนพูดจะเดินเข้ามากอดผม” นาทีนั้นเขาได้ยิ้มออกมาด้วยความตื้นตันใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาคาดหวัง และเขาก็ได้รับมันเกือบตลอดทั้งวันจากคนที่มาร่วมวิ่งมาราธอนในครั้งนี้ “ตอนนี้ถ้า T.G ยังอยู่ เขาจะมีอายุ 1 ขวบครึ่ง และนั่งอยู่ในรถเข็นคันนี้…
-
หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจีนนิยมเก็บ “จิ้งหรีด” ขาย สำหรับการแข่ง ว่ากันว่ามีค่ายิ่งกว่าทองซะอีก
เมื่อสมัย 20-30 ปีก่อน เด็กที่อยู่ในยุคนั้นคงเคยได้ยินถึงการละเล่นที่เรียกว่า “กัดจิ้งหรีด” กันใช่ไหมคะ กัดจิ้งหรีดเป็นการละเล่นของเด็กในสมัยที่ยังไม่มีเทคโนโลยีแพร่หลายแบบในสมัยนี้ โดยที่การกัดจิ้งหรีดนั้นเริ่มมาจาก การไล่จับจิ้งหรีดตัวผู้มาเลี้ยงในกล่อง พอถึงเวลาก็พามันไปกัดกันในกล่องเล็กๆ ละก็เชียร์กันเหมือนกับที่ผู้ใหญ่เล่นชนไก่เลยล่ะ (เหมียวบู้บี้ก็เกิดไม่ทันนะ แต่เคยได้ยินมาบ้าง ฮ่าๆ) การละเล่น “กัดจิ้งหรีด” นี้เป็นที่นิยมมากๆ ที่ประเทศจีน การละเล่นนี้ก็เกิดมาตั้งแต่ราชวงศ์ถัง ซึ่งปัจจุบันมันถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นในรูปแบบของการแข่งขันกันอย่างเป็นทางการเลยล่ะ เชื่อไหมว่าการจับจิ้งหรีดในประเทศจีนในช่วงฤดูกาลสามารถทำรายได้ให้กับชาวบ้านได้สูงสุดถึง 1.5 ล้านบาทเชียวนะ มูลค่าสูงมากกกก ดังนั้นเมื่อถึงช่วงปลายฤดูร้อน ชาวบ้านก็จะเตรียมตัวออกไปจับจิ้งหรีดกันทุกปี เมือง Sidian ขึ้นชื่อว่ามีจิ้งหรีดคุณภาพดีที่สุดและมีจำนวนมาก ชาวบ้านก็จะออกไปจับจิ้งหรีดเหล่านี้มาขาย บางคนถึงขั้นหยุดงานประจำมาเพื่อจับจิ้งหรีดเลยล่ะ เพราะว่ากำไรที่ได้จากการค้าจิ้งหรีดนี้มีมูลค่าสูงมาก ยิ่งถ้าได้จิ้งหรีดตัวผู้สมบูรณ์แข็งแรงก็จะมีราคาสูงไปอีกหลายเท่าตัว นอกจากนี้เมือง Sidian ก็มีการจัดงานแข่งขันกัดจิ้งหรีดระดับประเทศ การประกวดจิ้งหรีดสวยงาม แต่ในอนาคตราคาจิ้งหรีดก็อาจจะสูงขึ้นไปอีกเพราะ ว่าถูกชาวบ้านจับไปก่อนที่มันจะได้ผสมพันธุ์ อีกทั้งปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลาย ทำให้จำนวนจิ้งหรีดลดน้อยลงเรื่อยๆ ในแต่ละปี การแข่งขันจิ้งหรีดก็ยังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย รวมไปถึงเมืองใหญ่ๆ อย่างเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งอีกด้วย ตามที่เชื่อกันว่าเมือง Sidian เป็นเมืองที่จิ้งหรีดมีคุณภาพที่สุด เหล่าคนที่ชื่นชอบจิ้งหรีดทั้งหลายก็เดินทางไปยังเมืองนี้เพื่อหาสุดยอดจิ้งหรีดมาแข่งขัน…
-
ผลสำรวจทางวิทยาศาสตร์ ระบุว่าเฉลี่ยแล้วผู้หญิงและผู้ชาย มี “คู่เซ็กส์” กี่คนตลอดชีวิต…
สมัยนี้การมีเซ็กส์ถือเป็นเรื่องเปิดกว้างอย่างเสรี ไม่ต้องรอหลังแต่งงานก็มีได้ บางคนไม่ได้เป็นอะไรกันยังมีเซ็กส์กันเลย ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าบางคนจะมีคู่เซ็กส์หลายคน เมื่อเป็นแบบนี้ จึงกลายเป็นความสงสัยเล็กๆ ว่า ตลอดชีวิตนี้ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายมีคู่เซ็กส์กี่คนกันแน่? การศึกษาที่ดำเนินการโดย SuperDrug ได้ทำการสำรวจจากผู้คนมากกว่า 2,000 คน ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศของพวกเขา และพบว่าจำนวนคู่เซ็กส์โดยเฉลี่ยตลอดทั้งชีวิต มีน้อยกว่าที่เราคิดซะอีก ตามที่มีการสำรวจไปพบว่า ผู้หญิงมีจำนวนคู่เซ็กส์ตลอดชีวิตโดยเฉลี่ย 7 คน ในขณะที่ผู้ชายเฉลี่ยประมาณ 6 คน เท่านั้น แน่นอนว่าหลายคนคิดว่านี่เป็นตัวเลขที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับการมีชีวิตที่ยาวนาน แต่นี่เป็นจำนวนโดยเฉลี่ยในความคิดของคนในสหรัฐฯ ผู้เข้าร่วมการสำรวจในสหรัฐฯ เห็นว่า “7 คน” คือจำนวนที่มากที่สุดและเหมาะสมที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะมีเซ็กส์ได้ในชีวิตนี้ อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาหนึ่งที่ทำขึ้นเองได้ออกมาแย้งว่า ตัวเลขดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้อง… จากการสำรวจ ผู้หญิง 67.4% และผู้ชาย 58.6% ได้เผยความจริง 100% เกี่ยวกับจำนวนเซ็กส์ของพวกเขาตลอดทั้งชีวิต พวกเขาบอกว่าไม่เคยมีการวิจัยไหนเลยที่กำหนดคู่เซ็กส์ว่าควรมีกี่คน เนื่องจากข้อจำกัดนี้ไม่เคยได้รับการยอม และเพราะว่าทุกคนมีค่านิยมทางที่ต่างกัน ดังนั้นข้อกำหนดทางเพศจึงแตกต่างกันไปด้วย ที่สำคัญมันอาจเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าการสำรวจข้างต้นด้วยซ้ำ ทั้งนี้อย่าลืมว่าธรรมชาติของมนุษย์นั้นมีการแข่งขันและต้องการรู้ว่าจะอยู่เหนือคนอื่นได้อย่างไร นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มีการศึกษาในเรื่องนี้กันจำนวนมาก แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องการรู้คู่เซ็กส์เฉลี่ยของมนุษย์ …
-
ชุดภาพถ่าย “แม่ให้กำเนิดลูก” ที่มีคนไลค์นับแสน สะท้อนความเจ็บปวดอันแสนงดงาม
เมื่อเร็วๆ นี้ Jill Krause นักเขียนและคุณแม่ลูกสี่ ได้เห็นภาพด้านล่างนี้ที่ถ่ายโดย Katie Lacer ซึ่งเป็นภาพช่วงเวลาแห่งการคลอด ที่แม้จะเจ็บปวดแต่ก็งดงามเกินบรรยาย ในภาพดังกล่าวนี้มีคำบรรยายว่า “ฉันไม่มีวันลืมใบหน้าของพยาบาลที่เดิมตามฉันเข้าในห้องน้ำหลังจากคลอดลูก มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกอ่อนแอ เหนื่อย กลัว แล้วก็สั่นไปทั้งตัว” “พยาบาลเหล่านี้ปฏิบัติกับฉันดีมาก พวกเขาอ่อนโยน สุภาพ และให้เกียรติฉัน ที่สำคัญพวกเขายังคอยช่วยฉันในทุกๆ ขั้นตอน ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันมีรู้สึกดีขึ้นมากเลย” “ภาพนี้ถ่ายโดยเพื่อนของฉัน MommaKT Shoots โดยถ่ายจากด้านนอกของห้องน้ำ ขณะที่พยาบาลช่วยใส่แผ่นรองระบายความร้อนให้ โดยไม่ถือตัวเลย” Krause ได้นำภาพดังเหล่าโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก จนทำห้มีการแชร์ต่ออีกกว่า 24,000 ครั้ง ในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากนั้นก็มีแม่ๆ อีกหลายคนเริ่มแบ่งปันประสบการณ์การคลอดของตัวเอง รวมทั้งพูดถึงพยาบาลที่ค่อยให้การช่วยเหลือ Leigh Kathleen เล่าว่า “ฉันไม่มีวันลืมใบหน้าของพยาบาลที่ช่วยทำคลอดให้ฉันเช่นกัน พวกเขาคอยเช็ดน้ำตา คอยปัดเหงื่อให้ฉัน” Tiffany Barnes บอกว่า “ตอนที่ฉันคลอดลูกสาวในห้องน้ำ มีพยาบาลที่ใจดีคอยช่วยเหลือฉัน ฉันตกจนทำอะไรไม่ถูก แต่พวกเขาคอยอยู่เคียงข้างแล้วทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้น” “ที่ฉันไม่เคยลืมเลยคือ…
-
18 ภาพห้างร้างและปิดตัวลง หรือนี่จะเป็น “ยุคล่มสลาย” ของธุรกิจค้าปลีกอเมริกันแล้วจริงๆ!?
ดูเหมือนว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ ดูจะชะลอลงเรื่อยๆ ละส่งผลทำให้ธุรกิจค้าปลีกหลายๆ แห่งในประเทศถึงกับต้องปิดตัวลง จากการรายงานพบว่า ภายในสิ้นปี 2017 มีแนวโน้มที่บริษัทธุรกิจค้าปลีกต่างๆ อย่าง Macy’s, Sears หรือแม้แต่ JCPenny จะต้องปิดตัวลงรวมแล้วมากถึง 6,400 สาขาทั่วประเทศ หรือนี่จะมาถึงยุคล่มสลายของระบบธุรกิจค้าปลีกในอเมริกา..!? ทั้งหมดนี้คือภาพถ่ายจากห้างสรรพสินค้า ที่ก่อนหน้านี้เคยเต็มไปด้วยผู้คนและการจับจ่ายใช้สอย ส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ในยุคที่ผู้คนสั่งซื้อของผ่านออนไลน์ได้ จำนวนคนที่มาเดินห้างก็ย่อมน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด จากปี 2010 – 2013 บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ได้วิเคราะห์มาแล้วว่า ห้างสรรพสินค้าต่างๆ เริ่มทยอยปิดตัวลงไปแล้วมากถึง 50% เช่นที่ Chicago’s Lincoln Mall ที่เปลี่ยนสภาพจากห้างสรรพสินค้าสุดหรู ให้กลายเป็นตึกร้างขนาดใหญ่ แน่นอนว่าการที่ห้างสรรพสินค้าจะปิดตัวลงได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยการเข้ามาเช่าล็อคเปิดร้านของบริษัทสินค้าต่างๆ เมื่อไม่มีผู้ซื้อ ก็ไม่มีผู้เช่า และเมื่อไม่มีผู้เช่า จากตึกที่เคยสวยหรูก็กลายเป็นขยะของเมืองได้เพียงชั่วข้ามคืน สุดท้ายก็เหลือเพียงแต่พื้นที่ว่างเปล่า ที่เต็มไปด้วยมืดมนและดูหลอนแบบแปลกๆ ห้าง Regency Square…
-
17 ภาพสุดซึ้งจากชาวเม็กซิโก แม้ประสบภัยแผ่นดินไหว แต่ก็ยังจับมือกันอย่างเข้มแข็ง
ในโลกนี้คงไม่มีอะไรมาทำร้ายมนุษย์ได้ นอกจากมนุษย์จะทำร้ายกันเอง แม้แต่ภัยธรรมชาติที่รุนแรงก็ไม่อาจทำอะไรมนุษย์ได้ ตราบเท่าที่มนุษย์ยังคงจับมือฝ่าฟันมันไปด้วยกัน และนี่คือภาพความประทับใจจากชาวเม็กซิโก ที่ทำให้เห็นว่าแม้ประสบภัยแผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังจับมือกันอย่างเข้มแข็ง 1. หน่วยกู้ชีพและประชาชนช่วยกันหาคนที่ติดอยู่ในซากปรักหักพังของอาคาร หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.1 ริกเตอร์ ในเม็กซิโก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 2. ผู้คนช่วยเหลือผู้บาดเจ็บท่ามกลางซากปรักหักพังของอาคารที่พังลงมา 3. หน่วยกู้ภัย นักดับเพลิง ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัคร ช่วยกันเอาซากปรักหักพังออกจากอาคาร 4. หน่วยกู้ภัยและอาสาสมัครช่วยกันขุดเศษซากออกจากอาคาร 5. ผู้คนช่วยกันเอาเศษซากออกจากอาคาร 6. เจ้าหน้าที่และประชาชนช่วยกันเอาเศษซากออก เพื่อตามหาคนที่อาจติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง 7. เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยสุนัขออกจากซากปรักหักพังระหว่างการค้นหาผู้รอดชีวิต 8. ทุกคนทำงานอย่างไม่รู้สึกเหนื่อย เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต 9. หน่วยกู้ภัยชูกำปั้นขึ้น เป็นสัญลักษณ์ให้ผู้คนเงียบ เพื่อที่จะได้ยินเสียงผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง 10. หญิงสาวชูป้ายขอให้ทุกคนเงียบ เพื่อที่จะฟังเสียผู้รอดชีวิต 11. หน่วยกู้ภัยช่วยผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่ที่รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว …
-
อเมริกาคาดว่า “ผู้ต้องหาทารุณกรรมทางเพศเด็ก” ได้แอบหนีมาใช้ชีวิต สอนหนังสือในเมืองไทย!!?
Jackson Matthew Hal ชายวัย 26 ปี เมือง Lacey’s Spring รัฐอลาบามา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีทารุณกรรมทางเพศเด็ก ได้ถูกทางการจากหลายรัฐในอเมริกาแจ้งข้อหามากมายพร้อมต้องการตัวเป็นอย่างมาก แต่ล่าสุดพวกเขารายงานว่าชายคนนี้ได้ลี้ภัยไปยังต่างประเทศแล้ว… โดยที่เบื้องต้นไม่มีข้อมูลว่าเขาแอบหนีออกไปได้อย่างไร และเขาไปอยู่ที่ไหน?? เจ้าหน้าจากเขต Cullman ในรัฐอลาบามาได้รายงานว่านาย Jackson ทำเป็นว่าตัวเองได้ตายไปแล้วพร้อมแอบลี้ภัยออกนอกประเทศ ซึ่งทางการได้คาดว่าผู้ต้องหาคนนี้ได้แอบอยู่ที่ประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยพุ่งเป้าไปที่ประเทศไทย สาเหตุนั้นก็มาจากไม่นานมานี้ สื่อได้รายงานว่าครอบครัวของคุณ ‘Neung‘ (คุณหนึ่ง) หญิงสาวชาวไทย เข้าแจ้งความว่าลูกสาวของเธอได้หายตัวไปหลังจากที่ตัวเธอได้พูดคุยกับนาย Jackson หรือในอีกชื่อปลอมว่า Tyler Smith ในขณะนั้น ซึ่งพ่อแม่ยังบอกอีกว่าคุณหนึ่งผู้เป็นลูกสาวก็ยังติดต่อมาตลอด เพียงแต่ไม่รู้ไม่อยู่ที่ไหน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่คาดว่าทั้งคุณหนึ่งและนาย Jackson กำลังคบหาดูใจกันอยู่ ทำให้หญิงชาวไทยตัดสินใจจะช่วยผู้ต้องหาคนดังกล่าวหนีการจับกุมตัว สรุปความคืบหน้าล่าสุด… – นาย Jackson Matthew Hall อายุ 26 ปี ชาวสหรัฐ ผู้ต้องหาข่มขืนเด็กหญิงอายุ 5 ขวบซึ่งเป็นลูกของแฟน และคดีทำร้ายเด็ก ในปี 2014 และ…
-
รีบไปกันให้ไว!! ญี่ปุ่นจัดกิจกรรม “นั่งชิงช้าสวรรค์กับหนุ่มล่ำ” สาวน้อยสาวใหญ่ก็เข้าร่วมได้
สำหรับผู้หญิง ไม่ว่าจะสาวน้อยสาวใหญ่ หากคุณใฝ่ฝันที่อยากสัมผัสหนุ่มหุ่นล่ำแบบใกล้ชิด แต่ไม่มีโอกาสสักที ตอนนี้โอกาสของคุณมาถึงล้าว เมื่อวันที่ 16-17 กันยายนที่ผ่านมา โตเกียวได้ตั้งคำถามว่า “จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณได้นั่งชิงช้าสวรรค์กับหนุ่มหุ่นล่ำ?” นี่ไม่ใช่การตั้งคำถามลอยๆ เพราะหลังจากไม่นาน คำตอบที่สาวๆ เฝ้ารอก็เกิดขึ้นในงาน Muscle Greeting ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยกลุ่ม ALL OUT กิจกรรมสุดพิเศษนี้จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน ภายในงานจะมีหนุ่มๆ หล่อล่ำ พร้อมซิกแพ็คเป็นก้อนๆ คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น และที่พลาดไม่ได้คือ หนุ่มๆ เหล่านี้จะพาคุณขึ้นชิงช้าสวรรค์ที่ตั้งอยู่ใน Palette Town ของ Odaiba ระหว่างเวลา 12.30 น. ไปจนถึง 17.30 น. เมื่อเข้ามาในงานแล้ว สิ่งแรกที่สาวๆ จะได้ทำคือการถ่ายรูปกับหนุ่มล่ำทั้ง 3 คน เพื่อไว้ที่เป็นที่ระลึกหรือใครจะเอาไปอวดเพื่อนๆ ก็ไม่เลวนะ ในการถ่ายรูป คุณสามารถเลือกได้ว่าจะโพสต์ท่าธรรมดา หรือให้หนุ่มๆ อุ้มก็ได้ แต่ #เหมียวขี้ส่อง แนะนำให้จัดเต็มไปเลย ครั้งหนึ่งในชีวิตเอาให้สุดค่ะ …
-
คุณพ่อสานฝันลูกสาวด้วยการสร้างบ้านสองชั้นให้ ที่รวมความต้องการทุกอย่างของลูกเอาไว้
เด็กๆ หลายคนคงมีความใฝ่ฝันที่อยากมีปราสาทหรือสนามเด็กเล่นเป็นของตัวเอง สำหรับเด็กหญิงสองคนนี้คือคนที่โชคดีที่สุด เพราะฝันของพวกเขาเป็นจริงแล้ว เมื่อเดือนสิงหาคม Adam Boyd จากมิชิแกน ได้สร้างบ้านสองชั้นไว้ที่สนามหลังบ้านให้ลูกสาวที่น่ารักของเขาทั้งสองคน เพราะนั่นคือความใฝ่ฝันของลูกๆ Boyd เป็นประธานบริษัทก่อสร้าง ATB Building Inc เขาได้โพสต์ภาพลงในเพจเฟซบุ๊ก ATB Building Inc. พร้มอแคปชั่นว่า “นี่คือบ้านที่ผมสร้างให้ลูก ผมจะทำมันอีกครั้งหากมีครอบครัวอื่นต้องการ” “ผมรับรองได้เลยบ้านน้อยๆ นี้ต้องได้รับความสนใจมากอย่างแน่นอน แล้วก็ต้องขอบคุณลูกสาวตัวน้อยของผมที่ทำให้ภาพเหล่านี้ออกมาสมบูรณ์แบบ” แม้จะเป็นบ้านที่สร้างขึ้นมาให้ลูก แต่พ่อแม่ก็มักจะไปนั่งทำกิจกรรมครอบครัวในบ้านหลังนี้เสมอ เช่นไปเล่นกับๆ ลูก รวมทั้งนั่งทานข้าวด้วย พ่อบอกว่า “มันเป็นอะไรที่คุ้มค่า มันอาจจะต้องลงทุนในระดับหนึ่ง แต่ผมไม่เสียดาย เพราะผมกับภรรยาได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ได้เห็นพวกเขามีความสุขในบ้านของตัวเอง” บ้านของเด็กหญิงทั้งสองสูง 7 เมตร และมีเพดานสูงอีก 2 เมตร โดยมีผนังที่ทำจากหิน สไลด์เดอร์ ชิงช้า และห้องใต้หลังคา สำหรับการตกแต่งภายในนั้น พ่อได้เลือกสีโปรดของลูกทั้งสองคือสีม่วง แต่ Avery ชอบสีม่วงเข้ม ในขณะที่ Violet ชอบสีม่วงอ่อน พ่อก็เลยเอาทั้งสองเฉดสีมารวมกันอย่างลงตัว …
-
18 ภาพสุดเท่ห์จากกองทัพอากาศอเมริกา US Air Force เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี
กองทัพสหรัฐได้มีการจัดซื้อเครื่องบินครั้งแรกเมื่อปี 1909 และได้ก่อตั้งเป็นกองทัพอากาศ US Air Force อย่างเป็นการเมื่อวันที่ 18 กันยายน ปี 1947 ทั้งนี้ทางกองทัพได้จัดงานฉลองครบรอบ 70 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยได้มีการเผยภาพที่แสดงให้เห็นว่านับตั้งแต่ก่อตั้งมา กองทัพได้มีการปรับปรุง พัฒนาความสามารถในด้านต่างๆ จนเรียกได้ว่าแทบไม่มีกองทัพไหนเทียบเท่าได้ และนี่คือภาพส่วนหนึ่งจากกองทัพอากาศอเมริกา US Air Force เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี 1. นักบินอาวุโส Taylor Lancaster หัวหน้าฝูงบินซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งที่ 5 กำลังนำเครื่องบิน B-52H Stratofortress ลงจอดบนฐานทัพอากาศ Minot Air Force Base เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2015 2. นักบิน F-22 จากฝูงบินขับไล่ 95th Fighter Squadron กำลังเตรียมเข้าไปนั่งในเครื่องบิน ก่อนที่จะบินออกจากฐานทัพอากาศ Amari Air Base เอสโตเนียเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2015…
-
ทหารเก่าวัย 95 ปี โทรแจ้งตำรวจ 911 เพราะ “แอร์พัง” แต่คุณตำรวจมาจริง แถมซื้อแอร์ให้ใหม่.!!
ในประเทศที่มีอากาศร้อนจัดอย่างบ้านเราแบบนี้ คงไม่ต้องอธิบายก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าวันไหนที่เครื่องปรับอากาศพัง ความบรรลัยที่เกิดจากอากาศอันอบอ้าวต้องตามมาแน่นอน ไม่ใช่ที่เมืองไทยเท่านั้นที่จะมีอากาศร้อนซะจนต้องหันไปพึ่งใบบุญของเครื่องปรับอากาศ เพราะคุณปู่อดีตทหารผ่านศึกวัย 95 ปี จากเท็กซัสคนนี้ ก็ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ความร้อนที่ทรมาณไม่ต่างจากไทยเราเลย Julius Hatley ปู่วัย 95 ปี และนายตำรวจใจดี William Margolis เรื่องราวทั้งหมดก็มีอยู่ว่า… ในวันที่แสดงแดดพัดลมร้อนถาโถมเข้าใส่บ้านเมืองของผู้คนในเท็กซัส คุณปู่ก็ได้พบว่าเครื่องปรับอากาศบ้านตัวเองเสีย ด้วยความกังวลที่ว่าอากาศร้อนอาจทำให้สุขภาพของเขาย่ำแย่ คุณปู่จึงตัดสินใจโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ถ้าคุณปู่โทรไปติด สน. แถวภาคกลางก็อาจจะโดนด่ากลับมาได้ แต่โชคดีที่คุณปู่ได้ติดต่อไปยังเบอร์ 911 และจากนั้นก็เป็นนายตำรวจ William เอง ที่รับเรื่องร้องทุกข์ของคุณปู่ไว้ ทันทีที่ William ทราบว่าหน้าต่างและเครื่องปรับอากาศพัง เขาก็รีบติดต่อขอความช่วยเหลือจาก Home Depot ทันที “สารภาพตามตรงตอนแรกเราก็รู้สึกงงว่า เอ๊ะ!! แอร์ฯ เสียแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรานะ? แต่ผมก็คิดกลับกันว่า… เราอาจจะถูกประชาชนมองว่าเราทำงานได้แย่ เพียงเพราะไม่สามารถช่วยคุณปู่ซ่อมแอร์ฯ ได้ จากนั้นตอนเวลาประมาณ 8.30 น. ผมจึงรีบไปหาคุณลุงยังที่เกิดเหตุ…
-
เด็กชายวัย 8 ขวบ ป่วยเป็น “โรคถูกสาป” อันตรายถึงขั้นหยุดหายใจเมื่อดูทีวีนานๆ
โรคถูกสาป (Congenital Central Hypoventilation Syndrome) ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ เวลาที่นอนหลับจะไม่สามารถหายใจได้เองตามปกติ โดยเกิดจากการควบคุมการทำงานของสมองมีความผิดปกติ โดยปกติคนทั่วไปเวลานอนหลับสมองจะสั่งการควบคุมการหายใจมาที่หลอดลมและกระบังลม แต่ในเคสของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ สมองจะไม่ยอมสั่งการเวลานอนหลับ ผู้ป่วยจึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในเวลานอนตลอดชีวิต โรคนี้เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก ทั่วโลกมีผู้ป่วยเพียงแค่ 300 คนเท่านั้น เด็กชาย Finlay Carnell อายุ 8 ขวบ ก็เป็นหนึ่งในผู้ป่วยโรคถูกสาปที่เป็นโรคนี้มาตั้งแต่เกิด Amanda Carnell แม่ของเขาได้เล่าให้ฟังว่าตอนที่เขาคลอดออกมาเขาไม่ร้องไห้และร่างกายเริ่มเป็นสีน้ำเงิน พยาบาลต้องรีบเอาออกซิเจนให้กับหนูน้อยทันที เขาต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลา 5 สัปดาห์ แต่แพทย์ก็พบว่าเวลานอนหลับเด็กน้อยจะไม่หายใจทันที และก็ถูกวินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นโรคถูกสาป Finlay เป็นเด็ก 1 ใน 100 คนในสหราชอาณาจักรที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติทางพันธุกรรม เขาต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอดเวลาเวลาเขาหลับ เด็กชายต้องถูกดูแลอย่างดีจากพ่อแม่ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจทุกครั้งที่เขานอนหลับ แต่เวลาที่ตื่นปกติเขาก็ออกไปเล่นได้ตามปกติ และได้เข้าโรงเรียนเมื่อตอนอายุ 4 ขวบ และทำกิจกรรมเหมือนเด็กทั่วไปเพียงแต่ว่าต้องดูแลอย่าให้เขามีสมาธิกับอะไรนานๆ ซึ่งมีอยู่ครั้งนี้ที่เขาดูทีวีและอยู่ๆ ก็หยุดหายใจไปเลย …
-
19 ภาพถ่ายหายากจากอดีต ที่อาจทำให้มุมมองของคุณที่มีต่อประวัติศาสตร์เปลี่ยนไป
เรื่องราวในอดีตหลายๆ เรื่อง เราอาจจะไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้เห็น แต่วันนี้ทางเว็บไซต์ Brightside ได้นำเสนอภาพที่จะถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ที่อาจทำคุณมองประวัติศาสตร์เปลี่ยนไป 1. นักเต้นเปลื้องผ้าเปิดประโปรงต่อหน้าศาล นักเต้นจาก Clearwater รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ปกป้องตัวเองหลังจากถูกตำรวจจับเพราะใส่ชุดชั้นในที่เผยให้เห็นของลับ ภาพที่เห็นนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคดี นักเต้นสาวได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองด้วยการเปิดชุดชั้นในให้ศาลดู เพื่อแสดงให้เห็นว่าชุดชั้นในของเธอมันใหญ่เกินกว่าที่จะเห็นของลับของเธอ 2. เครื่องพ่นน้ำหอมปี 1952 3. ยานพาหนะที่ถูกทิ้งหลังจากอุบัติเหตุนิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิล 4. วิกฤติเศรษฐิกิจ ปี 1930 ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ บริษัทแป้งได้เรียนรู้ว่า เหล่าคุณแม่ที่มีฐานะยากจนหลายคนใช้ถุงแป้งทำเสื้อผ้าให้ลูก พวกเขาจึงตัดสินใจขายแป้งที่มีถุงสีแตกต่างกันในสหรัฐในช่วงปี 1930 5. Seryozha Aleshkov วัย 6 ขวบ หนึ่งในเด็กที่กลายเป็นทหารในปี 1942 6. โคอาล่าใช้ช้อนดื่มน้ำ ในออสเตรเลีย ปี 1900 7. เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์และนักโบราณคดีช่วยกันต่อขาไดโนเสาร์ที่ค้นพบในปี 1916 8. นักบินอวกาศ Donald Slayton และ…
-
อยากหนีความวุ่นวาย? แนะนำ “เกาะ Fethaland” เงียบสงบเพราะไม่มีใครอยู่มานาน 80 ปีแล้ว
หลายๆ คนอยากหนีจากความวุ่นวายในสังคมเมืองที่เต็มไปรถรา ตึกสูง และผู้คนมากมาย แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็ยังต้องเจอผู้คนและความวุ่นวายอยู่ดี ขอแนะนำที่นี่เลย Fethaland ที่มีทิวทัศน์อันสวยงาม ปกคลุมไปด้วยความเงียบสงบ เพราะไม่มีใครอยู่มานานเกือบ 80 ปีแล้ว เกาะ Fethaland ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของ เกาะเชตแลนด์ ประเทศสก็อตแลนด์ มีเนื้อที่ 98 เฮกตาร์ โดยครอบครัว David Murray เป็นเจ้าของเกาะนี้มานานกว่า 150 ปี เกาะดังกล่าวถูกประกาศขายในราคา 26 ล้านบาท พร้อมบ้านหลังเล็กๆ 3 หลัง หนึ่งในนั้นมีบ้านครอบครัวที่มี 4 ห้องนอน สำหรับเกาะ Fethaland เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรม โดยมีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ที่นี่ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า ที่นี่เคยเป็นศูนย์ประมงเก่าที่ก่อตั้งเมื่อศตวรรษที่ 15 และ 16 จนกลายเป็นแหล่งประมงที่ใหญ่ที่สุดในเชตแลนด์ ก่อนจะถูกทิ้งร้างในปี 1906 David Murray ผู้เป็นเจ้าของบอกว่าพ่อของเขา Douglas Murray เป็นคนสุดท้ายที่เกิดที่นี่…
-
16 ประวัติฆาตกรต่อเนื่องสุดสยอง ที่จะทำให้คุณต้องกลัวการอยู่คนเดียวไปอีกนาน
ฆาตกรต่อเนื่องคือคนที่พรากชีวิตเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไปมากมาย และในประวัติศาสตร์โลกเรา ก็มีฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังมากมาย และวันนี้เราลองมาทำความรู้จักกับพวกเขาเหล่านั้นกันหน่อยดีกว่า ว่าได้สร้างความน่ากลัวและหวาดผวาให้กับผู้คนไปมากแค่ไหนแล้ว โดยทั้ง 16 คนนี้ไม่ใช่ทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกของเรา แต่ประวัติการฆาตกรรมของพวกเขา เรียกว่าอยู่ในแนวหน้าของวงการเลยทีเดียว ไปดูกันเลยดีกว่าว่า เรื่องราวเหล่านั้นจะชวนขนลุกขนาดไหน Leonarda Cianciulli หญิงอิตาลีคนนี้ได้ฆ่าผู้หญิงวัยกลางคนไป 3 คนในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปี และมีหนึ่งศพที่เธอนำมาทำเป็นสบู่ก้อน แจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้านและคนรู้จักของเธอเอง เธอเคยบอกเอาไว้ว่า “เนื้อของเธอคนนั้นอวบอ้วนและขาวเหลือเกิน เมื่อมันเริ่มละลายฉันจึงนำมาใส่ขวดโคโลญจน์เอาไว้ ก่อนที่จะนำไปต้มเป็นระยะเวลานาน ออกมาเป็นสบู่ก้อน เอาไปแจกจ่ายให้กับคนมากมาย” Anthony Sowell ในตอนนั้นร้านอาหารที่มีชืื่อว่า Ray’Sausage เมืองคลีฟแลนด์ สหรัฐอเมริกา ต้องทุ่มเงินไปเกือบ 1 ล้านบาท เพื่อพยายามกำจัดกลิ่นเหม็นที่ลอยมาจากบริเวณใกล้เคียง ภายหลังจึงพบว่ากลิ่นเหม็นนั้น ลอยมาจากบ้านข้างๆ ที่เก็บศพอันเน่าเฟะของเหยื่อที่ถูกชายคนนี้ฆ่าตายไป และทำให้เขาถูกตัดสินประหารชีวิต ด้วยคดีฆาตกรรมหญิงสาวมากถึง 11 คน Rodney Alcala เขาคนนี้เคยไปออกรายการทีวีหาคู่มาก่อน และถูกสงสัยว่าได้ฆ่าคนไปมากถึง 130 คน…
-
7 รถไฟสุดคูลจากประเทศญี่ปุ่น หากมีโอกาสจะขอเอาก้นไปสัมผัสให้ได้สักครั้งในชีวิต
หลายคนชื่นชอบการเดินทางโดยการนั่ง “รถไฟ” เพราะนอกจากจะมีความสะดวกรวดเร็วแล้ว ยังสามารถทำให้เราได้มองเห็นวิวสวยๆ จากหน้าต่าง ที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งอย่างช้าๆ เรียกได้ว่านี่ถือเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจของรถไฟไม่น้อย จากอดีตถึงปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่ารถไฟได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยขึ้นอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นในประเทศญี่ปุ่น ที่มีรถไฟคอนเซ็ปต์เจ๋งๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยจะมาในรูปแบบที่ไม่ธรรมดา เช่น มาในธีมน่ารักๆ สวยงามหรูหรา และทันสมัย ครั้งนี้ เราจะขอพาคุณมาดู 7 รถไฟสุดคูลจากประเทศญี่ปุ่น บอกเลยว่าหากได้เห็นมันจะต้องทำให้คุณชื่นชอบการเดินทางโดยรถไฟอย่างแน่นอน 1. รถไฟด่วนพิเศษรุ่น Sonic Series 883 รถไฟที่ได้รับการออกแบบสุดล้ำ โดยภายในจะถูกตกแต่งให้เหมือนกับเป็นสวนสนุก ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และความตื่นตาตื่นใจ ซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ 2. Aso Boy รถไฟขบวนที่น่ารักที่สุดแห่งภูมิภาคคิวชู Aso Boy เป็นรถไฟท่องเที่ยวชื่อดังแห่งภูมิภาคคิวชู ที่มาในธีมสุดคิวท์ โดยมีเจ้าคุโระ หมาน้อยสีดำ ขี้เล่น เป็นมาสคอตประจำรถไฟขบวนนี้อีกด้วย 3. รถไฟด่วนพิเศษรุ่น Series 885 Series 885 ได้รับการออกแบบขึ้นมาได้อย่างทันสมัย…
-
ความน่ารักของคุณแม่ ‘หมา’ ที่เลี้ยงเจ้า ‘หมู’ มากถึง 8 ตัว ด้วยนมจากเต้าของตัวเอง
การช่วยเหลือซึ่งกันและกันนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ที่ไม่ใช่แค่ผู้รับ แต่ผู้ให้และคนรอบข้างเองก็จะรู้สึกแฮปปี้ไปด้วย เหมือนกับเรื่องราวของสัตว์ต่างสายพันธุ์ ที่ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้เห็นภาพแบบนี้ เมื่อ Wes Trevor เจ้าของฟาร์ม Spectrum Plants Gold Coast ในออสเตรเลีย ไปเจอเข้ากับลูกหมู 8 ตัวในสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาจึงไม่ลังเลที่จะพามันกลับมาทันที ในตอนแรกเขาจะมีอาหารพิเศษให้พวกมันกิน เพื่อให้สุขภาพของพวกมันแข็งแรงขึ้น แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่ออดีตเจ้าหมาจรจัดสายพันธุ์บ็อกเซอร์ที่ชื่อว่า Treasure เข้ามาแทรกแซงการดูแลเจ้าลูกหมูทั้งหลาย เข้ากันได้ดีทั้งคนทั้งหมาทั้งหมูเลยนะ เล่นกันเหมือนกับว่าเป็นหมาเหมือนกันเลยนะ เจ้าหมูน้อยยย เมื่อมันรับรู้ได้ถึงการมาของหมูน้อยเหล่านี้ เหมือนไปกระตุ้นสัญชาตญาณความเป็นแม่ของมันให้ทำงาน เพราะมันเริ่มดูแลลูกหมูเหมือนกับลูกแท้ๆ ของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นมันยังผลิตน้ำนมของตัวเองให้ลูกหมูได้ดื่มกินกันอีกด้วย ไม่ต้องแย่งกัน มีพอสำหรับทุกตัว แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะพบเห็นได้ทั่วไป และในตอนแรกเขารู้สึกกังวลอยู่บ้าง ว่าการปล่อยให้มันทำอย่างนี้จะดีต่อทั้งสองฝ่ายหรือเปล่า แต่เมื่อเขาพาพวกมันไปหาสัตวแพทย์ ก็ได้รับการยืนยันแล้วว่า ทั้งเหล่าลูกหมูและน้องหมาไม่มีอาการผิดปกติอะไร ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าหมูยังได้รับสารอาหารเพิ่มเติม ในขณะที่เจ้าหมาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรที่เต้านมอีกด้วย ซบหัวกันด้วยความห่วงใย เป็นที่รักของลูกหมูทั้งหลายไปแล้วนะคุณแม่ กลายมาเป็นภาพความน่ารักเหล่านี้ และเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า น้องหมามีจิตใจแห่งความห่วงใยและดูแลผู้อื่นมากเพียงใด ที่มา: boredpanda
-
สุดยอดภาพถ่ายอันน่าตื่นตาตื่นใจของปีศาจ Tengu ในงาน “เทศกาลเดินลุยไฟ” ที่ฮอกไกโด
“ญี่ปุ่น” เป็นประเทศที่มีเทศกาลที่แปลกประหลาด และน่าตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้นแทบทุกฤดูกาล และหนึ่งในนั้นคือเทศกาล Tengu no Hi-watari (天狗の火渡り) หรือ เทศกาลเดินลุยไฟ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกๆ ปีในหมู่บ้าน Furubira ของฮอกไกโด สำหรับเทศกาลดังกล่าวจะมีคนแต่งเป็น Tengu ปีศาจใบหน้าสีแดง จมูกยาว สวมชุดแบบชาวเขา และถือพัดขนนก มาเดินลุยผ่านกองไฟ เพื่อบูชา Ebisu เทพเจ้าแห่งการประมงและเป็นเทพที่นิยมบูชากันในตลาดปลานั่นเอง และเมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ @katuka2 ได้แบ่งปันภาพถ่ายอันน่าตื่นตาตื่นใจของผู้สวมใส่หน้ากาก Tengu ที่อยู่ท่ามกลางเปลวไฟอันร้อนระอุในงานเทศกาลเดินลุยไฟ ซึ่งต้องบอกเลยว่ามันเป็นภาพถ่ายที่ทั้งงดงาม ผสมผสานกับความชั่วร้ายในเวลาเดียวกัน ทันทีที่ภาพดังกล่าวได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในทวิตเตอร์ ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก โดยมีคนรีทวิตไปมากกว่า 37,000 ครั้ง และกดไลค์มากกว่า 70,000 คนเลยทีเดียว เป็นฉากการแสดงที่มีความสมบูรณ์แบบจริงๆ ดูมีพลังมาก สุดยอดดดดด!! Tengu กำลังเดินลุยผ่านองไฟ หลังจากที่การเดินลุยไฟของผู้สวมใส่หน้ากาก…
-
อย่างนี้ก็มี!? หญิงแอบเนียนเข้าไปในงานศพ เพื่อกินอาหารฟรีๆ มาเป็นเวลานานกว่า 14 ปี
เราทุกคนล้วนชื่นชอบการทานอาหารฟรีในงานปาร์ตี้ งานแต่งงาน หรืองานเลี้ยงวันเกิด ที่ถูกจัดขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับแขกผู้ร่วมงานอย่างเราๆ แต่ถ้าหากคุณไม่ได้มีส่วนร่วม หรือถูกเชิญมาในงานดังกล่าว แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากจะเอามาทานอาหารแบบฟรีๆ กันหรอกใช่ไหม แต่นั่นไม่ใช่กับหญิงนิรนามรายหนึ่ง ที่มักจะเข้าไปทานอาหารฟรีใน “งานศพ” อยู่เป็นประจำ แถมยังทำมาเป็นเวลานานกว่า 14 ปีแล้วด้วย สำหรับหญิงรายดังกล่าว เธอเป็นที่รู้จักในเหล่านักบวชท้องถิ่น ซึ่งเธอเคยบอกกับพวกเขาว่า มันเป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องเข้ามาร่วมงานศาสนาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถึงกระนั้น กลับไม่มีใครสามารถหยุดการกระทำของหญิงรายดังกล่าวได้เลย ทางด้านบาทหลวง Noah Connolly จากโบสถ์ Holy Redeemer ใน Slough เมือง Berkshire ประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเผยว่า “เธอมักจะมางานศพอยู่เป็นประจำ จากนั้นเธอก็เข้ามากินอาหารแบบฟรีๆ โดยที่ไม่ได้ถูกเชิญเลยแม้แต่น้อย เธอเป็นหญิงคาทอลิก และเธอก็ต้องการทำแบบนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเธอก็ได้ทำมาเป็นเวลานานกว่า 14 ปีแล้ว” จากการรายงานระบุว่า ในงานศพงานหนึ่งที่ Margaret Whitehead ผู้เป็นแม่ต้องสูญเสีย Catherine Whitehead ลูกสาววัย…
-
ความเศร้าที่อยู่ใต้รอยยิ้ม… คลิปวิดีโอ 36 ชั่วโมงก่อนที่ Chester Bennington จะฆ่าตัวตาย
เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วที่ Chester Bennington นักร้องนำของวงดนตรีชื่อดังอย่าง Linkin Park ได้จากโลกนี้ไปอย่างน่าเศร้า และยังคงอยู่ในความทรงจำของหลายๆ คน ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมาทางภรรยาสุดที่รักของ Chester เองได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอของอดีตสามีเธอ ที่อัดไว้ประมาณ 36 ชั่วโมงก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไป Talinda Bentley ได้เขียนอธิบายผ่านทวิตเตอร์ของเธอก่อนที่จะโพสต์คลิปวิดีโอว่า “ข้อความที่ฉันจะทวีตต่อไปนี้ เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุด มันจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าคนที่มีภาวะซึมเศร้านั้นอาจไม่แสดงออกทางสีหน้าก็ได้” ภายในคลิปวิดีโอเผยให้เห็นนักดนตรีชื่อดัง กำลังเล่นกับลูกๆ ของเขาอย่างมีความสุข และดูไม่เหมือนคนที่มีสภาวะซึมเศร้าใดๆ เลย “มันเป็นเรื่องที่เศร้า นี่คือใบหน้าของเขาเมื่อ 36 ชั่วโมงก่อนที่เขาจะตาย เขารักเรามาก และพวกเราก็รักเขาเช่นกัน” เธอทวีตข้อความดังกล่าว และนี่คือคลิปวิดีโอเมื่อ 36 ชั่วโมงก่อนที่ Chester จะเสียชีวิต คลิปวิดีโอของนักร้องชื่อดังนี้ อาจจะทำให้เราเข้าใจผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าได้อีกมาก พวกเขากำลังพยายามที่จะต่อสู้กับสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ และบางครั้งพฤติกรรมกับรอยยิ้มของพวกเขาก็ไม่อาจบอกถึงความทุกข์ที่ซ่อนอยู่ภายในได้ ข้อความจากทวิตเตอร์ของ Talinda Bentley . . นอกจากคลิปวิดีโอแล้ว ก่อนหน้านี้เธอยังได้โพสต์ภาพของ Chester ระหว่างที่กำลังมีความสุขในวันหยุดกับครอบครัวอีกด้วย เธออยากจะให้เราทุกคนเข้าใจว่า ว่าอาการเหล่านี้คือภัยเงียบแค่ไหน…
-
หน้าผา ‘Chan Da Ya’ ในจีนที่จะปล่อยไข่ออกมาทุกๆ 30 ปี เฮ่ยยยมันเป็นไปได้ไง!?
บ่อยครั้งที่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติมักจะสร้างความประหลาดใจให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของแสงเหนือ หรือปรากฏการณ์สุริยุปราคา และเรื่องราวที่เรานำมาฝากวันนี้เองก็น่าทึ่งไม่แพ้ปรากฏการณ์เหล่านี้เช่นกัน นั่นก็คือหน้าผาที่สามารถออกไข่ได้นั่นเอง!! หน้าผา Chan Da Ya หน้าผามหัศจรรย์จากประเทศจีนแห่งนี้ สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่พบเห็นอย่างมาก เพราะมันสามารถออกไข่ได้ทุกๆ 30 ปี หน้าผา Chan Da Ya และไข่ของมัน หน้าผาแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขต Qiannan Buyi และ Miao Autonomous ของมณฑลกุ้ยโจว หน้าผา Chan Da Ya หรอืที่รู้จักกันในชื่อหน้าผาไข่สร้างความน่าประหลาดใจให้กับนักธรณีวิทยามานาหลายศตวรรษแล้ว ลักษณะของหน้าผาแห่งนี้มีความสูง 2 เมตรและกว้าง 19 เมตร บริเวณพื้นผิวของมันเต็มไปด้วยการกัดเซาะมากมายและหินกลมๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับไข่ เมื่อเวลาผ่านไป ธรรมชาติจะกัดเซาะหน้าผาไปเรื่อยๆ จนทำให้หินกลมเหล่านั้นหลุดออกมาในที่สุด ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน Gulu บอกว่าก้อนหินเหล่านั้นจะใช้เวลาประมาณ 30 ปี จึงจะหล่นลงมา ปรากฏการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งที่หาชมได้ยากมากๆ นักธรณีมากมายได้เดินทางมายังหุบเขาที่ห่างไกลแห่งนี้เพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับการออกไข่ของหน้าผา พวกเขาพบว่าภูเขา Gandeng โดยส่วนมากแล้วมีลักษณะเป็นตะกอนที่ทับถมกัน และหินที่นี่ส่วนมากเป็นหินปูน ซึ่งถูกกัดกร่อนได้ง่าย ไข่เหล่านี้ถูกสร้างมาจากหินที่แข็ง ซึ่งแต่ละก้อนอาจจะใช้เวลาในการสร้างที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแร่ธาตุ และสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่ผ่านหินเหล่านั้น แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีใครที่สามรถอธิบายได้ว่าชั้นหินปูนที่ก่อตัวมาตั้งยุคแคมเบรียนสามรถคงอยู่มาได้ถึง 500…
-
รวม 20 ภาพความป่วน ฮา ใสซื่อ ของเหล่า “เด็กๆ” เห็นแล้วจะรักหรือเกลียดดีเนี๊ยยยย!!
มีหลายเหตุผลที่ทำให้บางคนเกลียดเล็ก แล้วก็มีหลายเหตุผลเช่นกันที่ทำให้คนอีกกลุ่มรักเด็ก แต่จริงๆ แล้วเด็กก็มีทั้งด้านดีและไม่ดีนั่นแหละ บางครั้งเด็กอาจสร้างเรื่องปวดหัว บางครั้งอาจจะก่อกวน บางครั้งอาจทำให้รำคาญ แต่ทั้งหมดนี้คือความไร้เดียงสาที่ครั้งหนึ่งเราก็เคยเป็น และหากคุณเป็นคนรักจะเห็นว่าไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็น่ารักไปซะหมด เวลาไม่พอใจก็จะร้องไห้ฟูมฟาย อึเลอะเทอะแค่ไหน คุณต้องตามเก็บ ตามเช็ด อย่าคาดหวังว่าเด็กจะทำความสะอาดห้อง เด็กจะทำให้คุณนั่งดูรายการเด็กกับพวกเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เล่นตลอดเวลา จนคุณไม่ได้หลับไม่ได้นอนไปด้วย แต่ด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา ทำให้หลายคนเกลียดเด็กไม่ลง พวกเขาเป็นแค่เด็กน้อยที่น่ารักคนหนึ่ง โลกของเด็กมีแต่ความสุข บางครั้งผู้ใหญ่ยังต้องหาความสุขกับเด็กเลย จะทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด ไม่ใช่แค่น่ารักแต่ตลกด้วย เวลาอยู่กับเด็ก คุณจะยิ้ิมและหัวเราะกว่าตอนไม่มีพวกเขา แม้แต่เวลาที่พวกเขาก่อความวุ่นวายระหว่างที่คุณทำงาน แต่คุณก็ยังหัวเราะได้ เด็กอาจทำเรื่องวุ่ยวายไม่เว้นแต่ละวัน แต่พวกเขาเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อคุณ สำหรับลูกแล้ว พ่อแม่คือคนที่วิเศษที่สุดสำหรับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงพร้อมมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้พ่อแม่เช่นกัน เด็กชอบเลียนแบบก็จริง แต่พวกเขาจะมีวิธีของตัวเอง เด็กทำให้คุณยอมเสียสละ ยอมเจ็บแทนพวกเขา ทำให้คุณกลายเป็นคนมีใจเมตตามากกว่าตอนที่ไม่มีพวกเขา…
-
ตำรวจมหาวิทยาลัย รวบ ‘หนุ่มหื่น’ ที่บุกเข้าไปในบ้านหญิงสาวเพื่อข่มขืนพวกเธอ
การช่วยตัวเองไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย ถ้าหากว่าคุณทำร้ายตัวเองอย่างเงียบๆ อยู่ในห้องน้ำหรือห้องนอน แต่เมื่อไหร่ที่ทะลึ่งเข้าไปตำในที่สาธารณะหรือบุกเข้าไปในบ้านคนอื่นล่ะก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ในระหว่างที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจดูความเรียบร้อยในมหาวิทยาลัย Ohio State University อยู่นั้น จู่ๆ เขาก็ได้รับแจ้งว่ามีชายหนุ่มผู้หนึ่งได้บุกเข้าบ้านของหญิงสาวสองคน และพยายามจะข่มขืนพวกเธอ ภาพจากคลิปวิดีโอเผยให้เห็นวินาทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าบุกเข้าจับกุมไอ่หนุ่มหื่นที่กำลังช่วยตัวเองอย่างเมามันอยู่บนโซฟาในบ้านพักของหญิงสาวสองคน นายตำรวจท่านหนึ่งได้ส่องไฟฉายไปยังชายหนุ่มที่กำลังเพลิดเพลินกับน้องชายของตัวเอง และเผยให้เห็ยชายอีกคนหนึ่งที่ไม่สวมเสื้อและกำลังนอนอยู่บนโซฟาในบ้านหลังดังกล่าว และแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่รอช้ารีบบุกเข้าไปในบ้าน และจับกุมหนุ่มหื่นที่ช่วยตัวเองอยู่ แล้วจับเขากดลงกับพื้นพร้อมกับถามว่า “มีใครอยู่ในบ้านนอกจากนายอีกไหม??” คลิปวิดีโอที่เผยให้เห็นการบุกจำหนุ่มหื่นรายนี้ จากข้อมูลบัตรประชาชนของชายคนดังกล่าวพบว่า เขาคือนาย Calvin Bishop Lynn หนุ่มวัย 22 ปีที่อาศัยอยู่ในเมือง Lexington รัฐเคนทักกี ที่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุถึง 3 ชั่วโมง สื่อท้องถิ่นได้รายงานว่า ชายหนุ่มคนดังกล่าวถูกตั้งข้อหาบุกรุก และกระทำอนาจารในที่สาธารณะ และหญิงสาวเจ้าของบ้านทั้งสองคนก็ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด วินาทีที่เจ้าหน้าที่บุกรวบชายหนุ่ม เจ้าหน้าที่ Jennifer Knight ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า “ฝ่ายหญิงทั้งสองคนไม่รู้จักชายคนนี้มาก่อน เขาได้บุกเข้ามาในบ้านและพยายามที่จะข่มขืนพวกเธอ พวกเรามีเจ้าหน้าที่กว่า 12 คนที่ตรวจตราและดูแลนักศึกษาอยู่ สิ่งเหล่านี้จะทำให้นักศึกษามั่นใจในความปลอดภัยของพวกเขาได้แน่นอน” …
-
หมอผีอ้างว่าเขาสามารถ “ควบคุมจระเข้” ได้ แต่สุดท้ายกลับโดนลากจนจมน้ำตาย!!?
เรื่องราวสุดช็อก เมื่อสำนักข่าว Coconuts ได้เผยแพร่คลิปเหตุการณ์ของหมอผีคนหนึ่งที่ลงไปทำพิธีใต้น้ำ แต่วินาทีเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น เมื่อหมอผีถูกจระเข้ลากไปกินต่อหน้าต่อตาผู้คนที่มารอดูพิธีกรรม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงวันที่ 17 กันยายน 2017 โดยเกิดขึ้นที่จังหวัดกาลีมันตันตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่ง Suprianto ชายคนดังกล่าวได้อ้างตัวว่าเขาเป็น pawang buaya หรือก็คือหมอผีที่สามารถควบคุมจระเข้ได้ และเมื่อเปิดตัวแบบนั้น เขาจึงอาสาลงไปตามหาร่างของเหยื่อผู้โชคร้ายที่ถูกจระเข้ทำร้ายเมื่อวันเสาร์ที่ 16 ให้กับชาวบ้าน ซึ่งภายในคลิปเราก็จะเห็นเขาพยายามทำพิธีร่ายมนต์ของเขาใต้น้ำพร้อมกับตามหัวตัว Arjuna เหยื่อคนดังกล่าวแต่ก็ไม่เจออะไร เขากางมือออกเหมือนกำลังทำพิธีอะไรบางอย่างใต้น้ำ แต่ไม่นานนักเจ้าตัวก็ต้องว่ายกลับฝั่ง ทว่ามันก็สายเกินไป เพราะจระเข้ได้ลากเขาลงไปแล้ว… แต่หลังจากทำพิธีไม่นานนัก เขาก็ว่ายกลับเข้าฝั่งทันทีพร้อมกับพบว่า ตนถูกดึงโดยบางสิ่งบางอย่างและจมหายไป ชาวบ้านก็ได้แต่ยืนงงจนตระหนักได้ในไม่ช้าว่า หมอผีที่กล่าวอ้างว่าควบคุมจระเข้ได้นั้น ถูกจระเข้เล่นงานเข้าซะแล้ว ยังไงก็ตามค่ำของวันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการกู้ศพของทั้งตัว Suprianto ผู้เป็นหมอผีและ Arjuna ผู้เป็นเหยื่อรายแรกได้เรียบร้อย โดยศพที่พบนั้นเป็นศพที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี แขนขาไม่ขาดแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงคาดว่าเหยื่ออาจจะตายจากการถูกลากลงไปในน้ำและขาดอากาศหายใจนั่นเอง… ที่มา dailymail
-
หญิงพิการทางสมอง ถูกตัดเบี้ยคนพิการพร้อมถูกรัฐบาลบอกให้เธอไปหางานทำซะ!!
เรื่องราวสุดสลด เมื่อหญิงสาวพิการทางสมองทำให้เธอไม่สามารถขยับหรือช่วยตัวเองได้ กลับถูกรัฐบาลอังกฤษบอกให้เธอไปหางานที่เหมาะกับตัวเองซะ พร้อมตัดเบี้ยคนพิการออก… เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นถูกแชร์ผ่านเฟซบุ๊กของ Vince Paul Rodger ผู้เป็นสามี โดยเขาเล่าว่า ภรรยาของเขาถูกปลดออกจากการรับเบี้ยเลี้ยงคนพิการและให้เธอทำตามข้อกฏหมาย P45 โดยให้หางานทำเพื่อจ่ายภาษีทันที ซึ่งถ้าเราตัดสินจากภาพของ Julie Rodger ผู้เป็นภรรยาเราก็จะรับรู้ได้ทันทีว่าเธอไม่น่าจะหางานได้ ซึ่งตัวสามีเองก็บอกว่าภรรยานั้นป่วยเป็นสมองขาดออกซิเจน ทำให้สมองของเธอพิการและขยับร่างกายเองไม่ได้ ฉะนั้นโดยปกติแล้วก็คือเธอไม่สามารถทำงานได้ แต่ยังไงก็ตาม เธอก็ต้องไปศูนย์จัดหางานในวันจันทร์ที่ 18 กันยายนที่ผ่านมาอยู่ดี ซึ่งตัวสามีก็หวังว่าจะมีปฏิหาริย์ให้ภรรยาหายป่วยและกลับมาเดินได้ เธอจะได้ทำงานตามที่รัฐบาลต้องการเสียที ทว่าปัญหาที่ทำให้ภรรยาของเขาต้องถูกถอดออกจากเบี้ยและเริ่มหางานนั้นมันเริ่มมาจากตัวสามี Vince Paul Rodger ที่เขาไม่ได้ไปรับการสัมภาษณ์งานตามที่วางไว้ ซึ่งเขาได้ให้เหตุผลกลับไปทางสำนักงานตามตรงว่าที่เขาไม่ได้ไปก็เพราะ ‘เขาลืม’ ด้วยเหตุนั้นผลจึงตกลงมาที่ภรรยา ซึ่งรัฐก็ไม่ยอมรับในเหตุผลที่อ้างนั้น ประกอบกับการไปไม่ของเขาทำให้รัฐคิดว่า Julie เธอไม่ได้ป่วยเป็นอะไรมากและสามารถหาเงินเองได้แน่นอน จึงส่งเรื่องเรียกให้ภรรยาหางานนั้นเอง ยังไงก็ตามหลังจากเรื่องราวทั้งหมดถูกเผยแพร่ออกไป Rochelle Hughes นักข่าวจากสำนักข่าว Selby Times ก็เข้ามามีบทบาท และเดินทางไปยังสถานที่จัดหางานอีกครั้ง ซึ่งจากการมองด้วยตาก็รู้ว่า Julie ไม่สามารถทำงานได้แน่ๆ แต่เธอก็ยังต้องถูกสัมภาษณ์อยู่ดี โดยให้เหตุผลว่าเผื่อเธอจะสามารถหางานที่เข้ากับเธอได้… สุดท้ายสองสามีภรรยาก็ต้องรอจดหมายตอบรับจากทางการ…
-
หนุ่มชาวอังกฤษสุดโหด พานักท่องเที่ยวไปนอนค้างคืนข้างปล่องภูเขาไฟที่ยังระอุอยู่
หากพูดถึงภูเขาไฟเราก็คงจะนึกถึงความน่ากลัวของลาวา ที่ยังคงปะทุด้วยความร้อนอันมหาศาล โดยเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า มันจะระเบิดออกมาเมื่อไหร่ แค่คิดอย่างนั้นก็รู้สึกร้อนวูบวาบกันไปหมดแล้ว แต่ว่าสิ่งนั้นก็ไม่ใช้อุปสรรคของช่างภาพและไกด์นำทางที่ชื่อว่า Christopher Horsley เลยแม้แต่น้อย หนุ่มชาวอังกฤษคนนี้ตัดสินใจที่จะพานักปีนเขา ภายใต้การดูแลของตัวเอง ไปนอนค้างคืนกันข้างทะเลสาบลาวา Marum ด้านในภูเขาไฟ Ambrym ประเทศวานูอาตู ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่บ้าระห่ำเอามากๆ แค่เห็นยังหวาดเสียว อีกทั้งเขาก็ได้เก็บภาพเอาไว้มากมาย ด้วยความที่เป็นช่างกล้องมืออาชีพและนักบังคับโดรน ช่วยให้เราสามารถได้เห็นบรรยากาศของบริเวณนั้นในหลากหลายมุมมอง และสวยงามแบบที่ไม่เคยมีใครเคยเข้าไปถ่ายได้ใกล้ขนาดนี้มาก่อน แน่นอนว่าต้องไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อนอย่างแน่นอน เพราะการที่ต้องไปอยู่ข้างใต้ปล่องภูเขาไฟ ที่ล้อมรอบไปด้วยกำแพงหิน และลาวาที่กำลังปะทุอยู่ในพื้นที่ความกว้าง 70 เมตร ไม่ ปล่องภูเขาไฟมีอยู่ด้วยกันสองจุดคือ Marum และ Benbow พวกเขาทั้งหมดอยู่กันในจุดแรก สถานที่ตั้งแคมป์บนพื้นดินที่เต็มไปด้วยขี้เถ้า ผู้ที่ร่วมทางไปกับเขานั้นมีด้วยกันทั้งหมด 3 คน สองคนเป็นนักท่องเที่ยว และอีกหนึ่งคนคือ Geoff Mackley ผู้บุกเบิกการเดินทางในครั้งนี้ สำหรับ Chirstopher ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเดินทางมาภูเขาไฟแห่งนี้ นี่คือครั้งที่ 3 รวมทั้งหมดเท่ากับว่าเขาใช้เวลามาอยู่บนภูเขาไฟเกือบ 4 เดือนแล้ว สถานที่นี้ทำให้เหมือนกับอยู่บนดาวอังคารได้เลย…
-
คุณพ่อใจสลาย เมื่อมีคนมากลั่นแกล้งลูกของเขา พร้อมเรียกเด็กชายว่า ‘ตัวประหลาด’
การเป็นพ่อเป็นแม่คนนั้น เวลาที่อยู่ๆ มีใครสักคนมาด่าทอลูกตัวเองเสียๆ หายๆ ย่อมเป็นอะไรที่รับไม่ได้อย่างแน่นอน และเมื่อยิ่งลูกเป็นเด็กที่ไม่เหมือนใครเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของพ่อแม่เข้าไปอีก… Dan Bezzant คุณพ่อของเด็กชาย Jackson Bezzant วัย 7 ขวบ ซึ่งได้เล่าว่า เขาเสียใจมากๆ เมื่อลูกของเขาถูกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนกลั่นแกล้งพร้อมกับเรียกเขาว่า ‘ตัวประหลาด’ เพราะลูกของเขาป่วยเป็นโรค Treacher Collins syndrome ด้วยเหตุนี้เขาเลยโพสต์เรื่องราวความในใจลงเฟซบุ๊กของเขาเอง คุณพ่อเล่าความรู้สึกออกมาอย่างสุดเศร้า ราวกับหัวใจของผู้เป็นพ่อจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะลูกชายของเขาต่างถูกพากันด่าว่าเป็นตัวประหลาด เป็นปีศาจน่าเกลียดน่ากลัว และก็ถูกทำแบบนี้เป็นประจำทุกๆ วันที่โรงเรียน ที่เศร้าไปกว่านั้นคือ ลูกชายของเขา เจ้าหนู Jackson ยังเคยพูดกับผู้เป็นพ่อว่าเขาอยากฆ่าตัวตาย เขาไม่อยากทนที่ต้องโดนอะไรแบบนี้อีกแล้ว… Dan ยังบอกอีกว่า ลูกของเขาอายุยังไม่ถึง 8 ขวบด้วยซ้ำ แต่กลับมีความคิดแบบนี้แล้ว คิดดูว่าพ่อแม่จะรู้สึกแย่ขนาดไหน ยิ่งต้องเห็นลูกถูกเพื่อนๆ มารังแกด่าทอเสียๆ หายๆ พร้อมกับปาก้อนหินไล่บ้าง เขาขอให้พ่อแม่ของเด็กๆ ทุกคนที่ได้อ่านช่วยรู้สึกไปกับเขาว่า ถ้าลูกของพวกเขาโดนแบบนี้จะเป็นยังไง Dan ร้องขอแค่ว่าให้พ่อแม่ช่วยสั่งสอนและแนะนำลูกๆ ว่าอาการผิดปกตินั้นมันแย่พออยู่แล้ว อย่าไปทำร้ายหรือกลั่นแกล้งเด็กคนอื่นที่ป่วยด้วยวาจาหรืออะไรก็ตามเลย มันไม่มีผลดีหรอก สุดท้ายเขายังบอกว่า ลำพังแค่โรคของลูกชายแล้ว เขาต้องผ่าตัดอีกหลายครั้ง…
-
ความเมาเป็นเหตุ…ชายหนุ่มสักรูปแฟนเปลือยอกไว้ที่กลางหลัง ก่อนที่จะเลิกกันไม่กี่วันต่อมา
เวลาที่คนเราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป บางครั้งเราอาจจะเมาและทำอะไรลงไปโดยที่ไม่ทันยั้งคิดกันก่อน และผลลัพธ์ที่ออกมาอาจไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ เลย อย่างเช่นสิ่งที่ชายหนุ่มชื่อว่า Malakye Brooks ทำลงไป เมื่อเขาตัดสินใจสักรูปแฟนสาวของตัวเอง ลงไปบนแผ่นหลัง ก่อนที่จะมาเสียใจในตอนท้าย เพราะไม่กี่วันทั้งคู่ก็เลิกกันซะแล้ว จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้คือ การพักผ่อนในช่วงวันหยุดของเขา บนเกาะอีบีซา และนั่นก็ทำให้เขาได้พบกับแฟนสาวคนนี้ที่กำลังไปปาร์ตี้กับเพื่อนอยู่เหมือนกัน จนกระทั่งมีคืนหนึ่งที่ทั้งคู่พบกัน พวกเขาได้ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป ก่อนที่จะตัดสินใจกันว่า เขาต้องการที่จะสักรูปอะไรสักอย่างที่เห็นแล้วจะทำให้คิดถึงความทรงจำครั้งนี้ได้ เมื่อเขาตัดสินใจไม่ถูกว่าจะสักลายไหนดี แฟนสาวจึงแนะนำให้สักรูปของเธอที่กำลังเปลือยหน้าอกอยู่ และเมื่อถึงร้านก็ได้ยื่นรูปของเธอให้กับช่าง หญิงสาวจ่ายค่าสักให้เป็นจำนวนเงินเกือบ 20,000 บาท ก่อนที่จะละเลงหมึกลงบนผิวหนังของเขานานร่วม 4 ชั่วโมง หลังจากที่สักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ได้ไปดื่มกันต่อในคลับที่มีชื่อว่า Hi และเขาก็ได้นั่งถอดเสื้ออยู่ตรงบาร์ ทำให้ทั้งพนักงานและคนเดินผ่านไปมาต่างให้ความสนใจ และเข้ามาบีบนมบนรอยสักเล่นกัน เขาพูดว่า “นับตั้งแต่นั้นมาทำให้ทุกคนต่างมองมาที่หลังของผม ด้วยสายตาที่คิดว่านี่เป็นเรื่องตลกหรือไม่ผมก็คงเป็นตัวประหลาดไปแล้ว ผมเพิ่งไปเที่ยวเมืองเบนิดอร์มมา มีเด็กคนหนึ่งเดินอยู่บนชายหาดและหันไปบอกกับแม่ว่า ‘ดูนั่นสิแม่! นม!’ “ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน เขาและแฟนสาวก็ได้เลิกราและแยกทางกันไป คงไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะเสียใจกับรอยสักมากแค่ไหน เพราะมันคงจะอธิบายได้ยากมากจริงๆ อย่างไรก็ตามปัจจุบัน เราสามารถลบรอยสักได้แล้ว แต่แน่นอนว่ามันจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม และต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดกับค่าใช้จ่ายที่มากกว่าตอนสักลงไปอีกต่างหาก แหม..น่าสงสารเขานะครับ…
-
สัตวแพทย์เถื่อนชาวจีน เปิดซุ้มในตลาดรับตัดเส้นเสียงน้องหมา เพื่อไม่ให้พวกมันเห่า
การเห่าของน้องหมานั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก เพราะน้องหมาทุกตัวย่อมเห่าอยู่แล้ว จะเห่ามากเห่าน้อยก็ว่ากันไป แต่การเห่านี้บางครั้งก็อาจทำให้ใครบางคนรู้สึกไม่พอใจกันสักเท่าไหร่ หลายบ้านอาจใช้วิธีการนำตะกร้อมาครอบปาก ทำให้พวกมันไม่สามารถเห่าได้ แต่นั่นก็จะทำให้น้องหมามีอาการเครียดและหงุดหงิดได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ในประเทศจีนใช้วิธีการแก้ปัญหาที่ง่ายและรวดเร็วกว่านั้น เมื่อมีคลิปวิดีโอถ่ายภาพการทำงานของชายคนหนึ่ง ที่ใช้วิธีการตัดเส้นเสียงของพวกมัน ทำให้ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้อีกเลย ด้วยราคาเพียงแค่ 200 หรือ 500 บาทเท่านั้นเอง ต่อมามีการเผยแพร่ออกไป ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเมือง Qingbaijiang มณฑลเสฉวน ได้ลงพื้นที่เพื่อสืบหาความเป็นมาของชายคนดังกล่าว ทำให้รู้ว่าเขาคนนั้นมีชื่อว่า Zeng แต่สิ่งสำคัญก็คือ เขาและผู้ช่วยอีกคนไม่มีใบอนุญาตในการประกอบอาชีพเกี่ยวกับการรักษาสัตว์ ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากทางการ เพราะกระบวนการผ่าตัดนี้ต้องมีการใช้ยาชา อีกทั้งการง้างปากและใช้อุปกรณ์ตัดเส้นเสียงของพวกมันอีก นับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้น้องหมาเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายเป็นอย่างมาก คลิปวิดีโอการตัดเส้นเสียงสุนัข ของสัตวแพทย์เถื่อน เรื่องของสถานที่เองก็เช่นกัน เพราะพวกเขาเล่นตั้งโต๊ะซะกลางตลาดดอกไม้ กลางวันแสกๆ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องของผู้คนพลุกพล่าน แต่เป็นเรื่องของเชื้อโรคที่อาจทำให้สุนัขที่เข้ารับการผ่าตัดติดเชื้อได้ ที่สำคัญที่สุดเลยคือ เขาคนนี้จะใช้อุปกรณ์เดิมที่มีอยู่เพียงชุดเดียว ในกการตัดเส้นเสียงให้กับสุนัขทุกตัว ทำให้พวกมันติดเชื้อกันง่ายมากกว่าเดิมเสียอีก แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นลูกค้าส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มองว่า วิธีการนี้เป็นความโหดร้ายหรือป่าเถื่อน ในขณะที่หญิงสาวเจ้าของหมาพุดเดิ้ลคนหนึ่งบอกว่า เธอเพียงต้องการทำให้มันไม่เห่าเท่านั้น โดยวิธีการดังกล่าวเขาบอกว่า เป็นสิ่งที่ชายคนนี้ได้เรียนรู้มาจากตอนที่ทำงานอยู่ในร้านสัตว์เลี้ยงเมื่อนานมาแล้ว ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดอุปกรณ์ของเขาทั้งหมด และกำลังอยู่ในช่วงสืบสวนกันต่อไป คาดว่าอย่างน้อยจะต้องโดนข้อหาการดำเนินงานที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างแน่นอน…
-
เรื่องราวของ Stanislav Petrov นายทหารผู้หยุดยั้งไม่ให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 เมื่อปี 1983
ทหารผู้ปกป้องประเทศทั้งหลาย นอกจากการที่ต้องออกไปรบกับข้าศึกโดยตรงแล้ว ภายในห้องสั่งการเองก็ยังต้องพบกับความตึงเครียดต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องการวางแผนการรบและการบริหารจัดการกองทัพของตนเอง และสิ่งที่สำคัญคือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดและรอบคอบ เพราะไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาอาจเลวร้ายมากไปกว่าเดิมก็ได้ เหมือนกับชายคนนี้ที่มีชื่อว่า Stanislav Petrov ผู้ที่สามารถหยุดยั้งไม่ให้เรื่องราวบานปลายจนอาจเกิดเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ เขาคือหนึ่งในทหารอากาศแห่งสหภาพโซเวียต ซึ่งเหตุการณ์สำคัญที่เขาได้ทำลงไปก็คือ ในวันที่ 26 กันยายน 1983 เรื่องราวที่อาจทำให้มหาอำนาจอย่างโซเวียตและอเมริกาในขณะนั้น ต้องห่ำหั่นกันจนเกิดเป็นสงครามได้ ในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน ดาวเทียมของโซเวียตสามารถจับสัญญาณเจอขีปนาวุธจำนวนมาก ที่ถูกยิงมาจากฝั่งอเมริกา ทำให้เกิดความแตกตื่นและโกลาหลเป็นอย่างมาก ตอนนั้นเขาสงสัยว่าระบบคอมพิวเตอร์อาจมีความบกพร่อง ทว่ามันไม่ใช่เรื่องที่แน่นอน 100 เปอร์เซนต์ เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจมีการยิงมาจริง จะทำให้โซเวียตต้องถูกโจมตีก่อนและเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อีกทั้งเชื่อว่าถ้าหากยิงสวนกลับไป ขีปนาวุธมากมายอีกหลายร้อยลูกจะต้องตามมาจากฝั่งโน้นแน่นอน เพราะอย่างนั้นจึงทำให้การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นเรื่องที่สร้างความกดดันให้กับตัวเขาเองเป็นอย่างมาก เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ในปี 2013 ว่า “สิ่งที่ผมต้องทำทั้งหมดตอนนั้นมีเพียงแค่ โทรหาผู้บัญชาการสูงสุดโดยตรง ทว่าผมกลับไม่สามารถขยับตัวได้เลย ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนกระทะร้อน” ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจโทรไปเพื่อแจ้งเรื่องความผิดปกติของระบบ หลังจากนั้นผ่านไป 23 นาทีเขาก็ยังคงไม่ได้รับข่าวสารใดเพิ่มเติม ซึ่งหากมีการโจมตีกันจริง พวกเขาที่อยู่ที่นั่นจะต้องรับรู้ได้แล้ว สุดท้ายจึงพบว่าสัญญาณที่เจอเข้านั้นเป็นเพียงแค่ความผิดพลาดของดาวเทียม ที่เห็นเงาสะท้อนบนก้อนเมฆเป็นขีปนาวุธ แสดงให้เห็นถึงข้อผิดพลาดในระบบเตือนภัยล่วงหน้าของโซเวียต และถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจทำลงไปนี้จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่ก็ต้องถูกตำหนิเพราะไม่สามารถบันทึกอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ลงในรายงานได้…
-
ลุงทำบ้าไรของลุง!! เมื่อมีคนจับภาพตาลุงบนรถไฟดึง “ขนหะมอยส์” โยนใส่สาวที่กำลังหลับข้างๆ
ปกติแล้วเราจะเข้าใจกันดีว่าชีวิตบนรถไฟญี่ปุ่นนั้นเป็นอะไรที่สะอาด ดูดี และมีผู้คนมากมายใช้งานกันตลอดเวลา และยังเป็นที่ๆ คนชอบจะงีบหลับระหว่างทางด้วย แต่ล่าสุดกลับมีเหตุการณ์สุด WTF เกิดขึ้นเนี่ยสิ… แม้ว่าคนญี่ปุ่นจะมีสถิติการก่อเหตุบนรถไฟที่น้อยมากๆ จนคนรู้สึกปลอดภัยที่จะงีบชิวๆ บนรถไฟนั้น มันก็ยังไม่วายมีตาลุงคนหนึ่งมาทำเรื่องสุดเหวอ เมื่อมีชาวเน็ตจับภาพตาลุงคนนี้ที่นั่งข้างๆ วัยรุ่นสาวคนหนึ่งที่กำลังหลับอย่างสบายใจ แต่ถ้านั่งข้างเฉยๆ มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ ทว่าตาลุงคนนี้กลับล้วงเข้าไปในกางเกงพร้อมดึงขนวิเศษของลุงแกออกมาจากเป้า จากนั้นก็ทำท่าราวกับเป็น Saltbae แล้วปล่อยลงบริเวณต้นคอของหญิงสาว พร้อมเกาคิ้วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่พอแค่นั้น ตาลุงยังไม่หยุุดเพียงแค่ครั้งเดียว ลุงแกยังคงล้วงเข้าไปและดึงขนวิเศษออกมาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับจบด้วยการลูบหัวเกาคิ้วราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือในตอนจบลุงแกทำท่าเหมือนจ้องมองอะไรบางอย่างของหญิงสาวนั่นเอง ยังไงก็ตามคลิปนี้ได้ถูกแชร์ออกไปสู่โลกอินเตอร์เน็ต และก็มีคนแสดงความคิดเห็นมากมาย ซึ่งหนึ่งในคอมเม้นต์ก็บอกว่า ทำไมคนที่ถ่ายถึงไม่ยอมบอกลุงให้หยุดทำแบบนั้นกัน? แต่กลับถ่ายคลิปไว้เฉยๆ อย่างนั้นนะเหรอ? ลองชมคลิปเหตุการณ์ได้ข้างล่างเลย สุดท้ายแล้วตาลุงคนดังกล่าวก็ถูกจัดว่าเป็นกลุ่มคนประเภทโรคจิตแบบหนึ่ง ซึ่งนานๆ จะพบสักครั้งหนึ่งบนรถไฟญี่ปุ่น และแม้ว่าการดึงขนวิเศษอาจจะไม่ได้สร้างความเสียหายโดยตรง แต่มันก็ไม่เป็นมิตรกับหญิงคนดังกล่าวถ้าเธอตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าช่วงที่เธอหลับเกิดอะไรขึ้นกับเธอแน่นอน… ที่มา rocketnews24
-
พาไปชมกระท่อมกลางป่าในสวีเดน ที่ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 200 กว่าปีที่แล้ว เอาใจคนรักธรรมชาติ
การได้ออกไปท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติต่างๆ หรือได้ออกไปนอนค้างคืนในป่าอาจจะเป็นกิจกรรมโปรดสำหรับหลายๆ คนที่หลงใหลในการใช้ชีวิตกลางแจ้ง คงจะดีไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ ถ้าหากเราได้ห่างจากเทคโนโลยีซักพักและสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มขั้วปอด และวันนี้เราก็มีที่พักดีๆ สำหรับคนที่รักธรรมชาติมาฝากกัน ซึ่งที่พักแห่งนี้ตั้งอยู่กลางป่าแห่งหนึ่งของประเทศสวีเดน โดยไฮไลท์ของที่นี่นอกจากความสวยงามของธรรมชาติแล้วก็คือความเก่าแก่ของที่กระท่อมที่มีอายุมากกว่า 200 ปีเลยทีเดียว และนี่คือโฉมหน้าของกระท่อมเล็กกลางป่าใหญ่แห่งนี้ สถานที่แห่งนี้มีชื่อเรียกในภาษาสวีเดนว่า “backstuga” หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษก็คือ earth cabins (กระท่อมใต้ดิน) นั่นเอง โดยแต่เดิมกระท่อมหลังนี้ถูกใช้เป็นที่พักอาศัยของคุณ Little Jon เมื่อช่วงปี 1800’s กระท่อมแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง Småland ประเทศสวีเดน โดยตัวกระท่อมนั้นจะฝั่งอยู่ใต้ดิน และสร้างจากวัสดุที่หาได้ทั่วไปอย่างไม้ และหิน ตัวกระท่อมที่ฝังอยู่ใต้ดิน และในส่วนของทางเข้าที่ต้องเดินลงไป โดยปรกติแล้วเราสามารถพบเห็นกระท่อมในลักษณะนี้ได้ทั่วไปในป่าลึกของประเทศสวีเดน มันถูกสร้างขึ้นราวๆ ช่วงปี 1600 ถึง 1800 ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจะเป็นที่พักอาศัยของคนยากจน คนแก่ หรือบางครั้งก็เป็นเหล่าโจรป่า กระท่อมหลังนี้สร้างขึ้นระหว่างที่ดินของเจ้าของสองคน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ให้เช่าผืนเล็กๆ ที่แทบจะไม่มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมใดๆ เลยนอกจากการปลูกบ้าน และผู้ที่อาศัยในกระท่อมนี้ก็ทำงานให้กับเจ้าของที่ดินเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน โดยครอบครัวของ Jon นั้นต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากที่นี่ หลังจากนั้นเมื่อระหว่างช่วงปี 1970 กระท่อมหลังดังกล่าวได้รับการปรับปรุงใหม่ และถูกใช้เป็นที่หลบภัยสำหรับผู้คนในหมู่บ้าน หลังจากมีข่าวว่ากองทัพโซเวียตในสมัยนั้น มีแผนจะบุกสวีเดน และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา…
-
สุดยอดคุณครูใช้เวลากว่า 70 ชั่วโมง สร้างห้องเรียนสไตล์ ‘ฮอกวอตส์’ เพื่อลูกศิษย์ของเขา
ในตอนที่เรายังเป็นเด็ก การที่ต้องไปโรงเรียน เจอกับสิ่งแวดล้อมเดิมๆ ในทุกๆ วันที่ดูแล้วไม่มีอะไรโดดเด่นดึงดูดใจ อาจทำให้รู้สึกเบื่อและไม่มีกำลังใจที่จะเรียนอยู่บ้าง เพราะอย่างนั้นจึงทำให้ Kyle Hubler ครูโรงเรียนมัธยมต้น Evergreen ประเทศอเมริกา ลงทุนลงแรงสร้างห้องเรียนที่จะช่วยให้ลูกศิษย์ของเขา สามารถสนุกไปกับการเรียนได้มากยิ่งขึ้น ส่วนตัวของเขาเองเป็นแฟนคลับอันดับหนึ่งของนิยายและภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ มาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เพราะเขาคิดว่าเรื่องราวเหล่านั้นเป็นตัวช่วยที่ทำให้เขาผ่านอุปสรรคต่างๆ และกลายเป็นคนที่มีเพื่อนมากมาย เข้าสังคมได้ดีอย่างในปัจจุบัน ยินดีต้อนรับสู่ฮอกวอตส์ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องราวที่เขาได้อ่านไป ก็กลายมาเป็นหลักปรัชญาสำคัญในการใช้ชีวิตของเขาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการอยู่ร่วมกันกับนักเรียนและเพื่อนของเขาก็สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม ก่อนหน้านี้เขาเคยนำเรื่องราวในแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ไปประยุกต์กับการสอนมาก่อนบ้างแล้ว จึงทำให้เกิดไอเดียที่จะทำในสิ่งที่มันยิ่งใหญ่มากกว่านั้น เมื่อรู้ว่าตนเองได้ย้ายห้องสอน เขาจึงตัดสินใจเนรมิตรห้องเรียนใหม่ของตัวเอง ให้กลายเป็นฮอกวอตส์ขนาดย่อม ซึ่งต้องใช้เวลามากถึง 70 ชั่วโมง หมวกคัดสรรก็มี มาดูสิว่านักเรียนจะได้อยู่บ้านไหน สิ่งของต่างๆ มากมายที่ใช้ในการตกแต่งห้องเรียนนี้ ส่วนหนึ่งเป็นของสะสมที่เอามาจากบ้าน และอีกส่วนหนึ่งคือของที่เขาหาซื้อตามร้านค้าด้วยเงินของตัวเองทั้งหมด ซึ่งเพื่อประหยัดงบประมาณ บางชิ้นจึงเป็นของมือสองที่เขาหาซื้อได้ตามรถเปิดท้ายขายของ หรือจากเพจเฟซบุ๊ค สมเป็นโต๊ะอาจารย์ของฮอกวอตส์เลยจริงๆ . จนเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เหล่านักเรียนที่ได้เข้ามาเจอกับสภาพห้องรูปแบบใหม่นี้ก็ถึงกับต้องตะลึงงันอ้าปากค้างกันไปเลย ก่อนที่จะเริ่มวิ่งเล่นดูโน่นดูนี่กันอย่างสนุกสนาน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาพึงพอใจอย่างมาก…
-
โรงแรมในถ้ำสุดหรูจากตุรกี ตกแต่งหลากสไตล์ ตั้งแต่คลาสสิคไปจนถึงโมเดิร์น!!
“แคปพาโดเชีย” พื้นที่โบราณที่มีประวัติศาสตรมากมายแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ภูมิภาคตอนกลางของประเทศตุรกี ด้วยความที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองและภูมิประเทศที่คล้ายกับภูเขาไฟ ซึ่งนั้นยังรวมถึงความเป็นอยู่ของมนุษย์ถ้ำอันน่าสนใจอีกด้วย ด้วยความที่แคปพาโดเชียเป็นจุดที่มีภูมิประเทศน่าสนใจและสวยงามมากๆ เหมาะกับการชมจากมุมสูง ทำให้เกิดธุรกิจการท่องเที่ยวเยี่ยมชมความงดงามของที่นี้ โดยการให้นักท่องเที่ยวนักบอลลูนชมทัศนียภาพอันสวยงาม ทว่าการนั่งบอลลูนกลับไม่ใช่จุดเพียงจุดเดียวของที่นี้… โรงแรมที่แคปพาโดเชียนั้นก็ถือเป็นสถานที่แปลกตาและดึงดูดตานักท่องเที่ยวเช่นกัน เพราะอย่างที่เรารู้กันดีว่าที่นี้มีภูมิประเทศเป็นหินและภูเขาเกือบทั้งหมด ฉะนั้นผู้คนตั้งแต่พันปีก่อนจึงต้องอาศัยอยู่ในถ้ำนั่นเอง และในปัจจุบันถ้ำเหล่านั้นก็ถูกแปรสภาพให้กลายเป็นโรงแรมสุดหรูที่มีการตกแต่งหลากหลายรูปแบบให้นักท่องเที่ยวเลือกได้ตามสไตล์เลย ซึ่งโรงแรมแนวนี้ก็มีมากมายและกระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ เพียบ ว่าแต่จะมีโรงแรมอะไรบ้างนั้น ลองมาดูกัน!! Anitya Cave House ตั้งอยู่ในเมือง Ortahisar โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองที่ชื่อ Ortahisar ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในเมืองปราสาท ภายใน Anitya Cave House นั้นตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นสบายๆ ที่ไม่หรูหรามากมายเน้นความสบายราวกับอยู่ที่บ้าน . Hezen Cave Hotel ตั้งอยู่ในเมือง Ortahisar อีกหนึ่งโรงแรมในเมือง Ortahisar แต่สำหรับ Hezen Cave Hotel นั้นจะแตกต่างจากโรมแรมข้างบนพอสมควร ด้วยการตกแต่งที่ดูทันสมัยและไฮโซกว่าเดิมมากๆ แต่ยังคงความโดดเด่นด้วยโทรสีของเฟอร์นิเจอร์ที่ตัดกับหินรอบๆ . Museum Hotel ตั้งอยู่ในเมือง Uchisar ถัดมาอีกโรงแรมหนึ่งซึ่งอยู่ต่างเมืองกันบ้าง…
-
เอาจริงดิ่!! ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังแมนยู เผยเตรียมผันตัวเองสู่เส้นทางนักมวยอาชีพ
สำหรับใครที่เป็นสาวกปีศาจแดง คงจะรู้จักตำนานกองหลังอย่างริโอ เฟอร์ดินานด์กันเป็นอย่างดี ล่าสุดอดีตกองหลังสุดแกร่งผู้นี้ ได้ออกมาประกาศแล้วว่าเขากำลังเตรียมตัวที่จะเป็นนักมวยอาชีพ!! เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ The Sun ได้รายงานว่าตำนานกองหลังทีมปีศาจแดงและทีมชาติอังกฤษได้เตรียมตอบรับข้อเสนอร่วมโปรเจ็คต์ Defender to Contender ของ Betfair บริษัทรับพนันถูกกฎหมาย เพื่อต่อยอดในการเป็นนักดวลกำปั้นอาชีพต่อไป อื่ม… มาดได้อยู่นะเนี่ย อดีตกองหลังปีศาจแดงกล่าวว่า “ตอนที่บริษัท Betfair เข้ามาปรึกษาผมเกี่ยวกับความ้ทาทายครั้งใหม่นี้ ในโปรเจคดังกล่าว มันทำให้โอกาสที่ผมจะพิสูจน์ตัวเองในกีฬาชนิดใหม่นี้เป็นจริง กีฬาชกมวยเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก มันเป็นเรื่องของการใช้พละกำลังและจิตใจ ผมมีความมุ่งมันอย่างมากที่จะแสดงให้ทุกคนเห็นว่ามันเป็นไปได้ ความท้าทายครั้งใหม่ที่จะก้าวเป็นนักมวยอาชีพนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญของทีม Betfair ผมคิดว่ามันจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน” ตอนนี้ริโอกำลังเข้ารับการฝึกกับทีมงานของอดีตแชมโลกในรุ่นซุปเปอร์ มิดเดิลเวทอย่าง Richie Woodhall ที่รับหน้าที่เป็นโค้ชให้กับทีมชกมวยของสหราชอณาจักร โดย Richie Woodhall ได้ออกมาพูดถึงลูกศิษของเขาว่า “พูดกันจริงๆ เลยนะ ผมคิดว่าเขาสามารถเป็นนักมวยอาชีพได้ เขามีหมัดขวาที่หนักหน่วงและมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าอาจจะต้องพัฒนาเรื่องสไตล์การชกนิดหน่อย แต่ผมคิดว่าเขาดูมีอนาคตแน่นอน” โค๊ช Richie Woodhall จากทีมชกมวยของสหราชอณาจักรที่ช่วยเป็นครูฝึกให้ …
-
เจ้า Grape ร่ำไห้ เมื่อป้ายสาว 2D ของมันถูก จนท.สวนสัตว์อุ้มไปเก็บหลังจากมีข่าวพายุจะเข้า!!
ยังจำกันได้ไหมกับเจ้า Grape เพนกวิ้นจากสวนสัตว์ Tobo ในจังหวัดไซตามะ ที่ชื่นชอบป้ายตัวการ์ตูน 2D มากๆ จนไม่ยอมไปไหน…ถ้าจำไม่ได้หรือคิดไม่ออกก็สามารถเข้าไปอ่านข่าวเก่าได้ที่ ‘เชื่อเหอะ ใครๆ ก็รักสาว 2D แม้แต่เจ้านกเพนกวิ้น ก็ยังตกหลุมรักยืนจ้องไม่เคยห่าง!!‘ ภาพเก่าย้อนมาาาา… หลังจากเรื่องราวของมันแพร่ออกไปจนข่าวคราวหายไป ล่าสุดก็มีอัพเดตให้เราได้รู้เกี่ยวกับชีวิตของมันกันสักที ทว่ากลับเป็นเรื่องราวสุดเศร้าแทนซะนี่ เมื่อล่าสุดป้ายของ Hululu หรือเพนกวิ้นสาว 2D นั้นได้ถูกเจ้าหน้าที่ถอดออกไปเรียบร้อย ซึ่งพวกเขาบอกว่าจะเอาป้ายนี้ไปเก็บไว้สักพักเพราะมีรายงานว่าพายุจะเข้า ทางเจ้าหน้ากลัวว่าป้ายจะหักเป็นอันตรายไป เดี๋ยวเจ้า Grape จะเศร้ากว่าเดิม ได้โปรด อย่าพรากเธอไปจากฉัน แต่เชื่อไหมว่าแค่การถอดป้ายไปเก็บเนี่ย มันก็สร้างซีนอารมณ์และความเศร้าอย่างกับหนังชีวิตให้กับเจ้า Grape ได้พอสมควรเลยล่ะ เพราะมันเป็นเพนกวิ้นฉะนั้นมันไม่รู้จริงๆ หรอกว่าป้ายสุดรักของมันจะถูกถอดออกไปถาวรหรือแค่ชั่วคราว เมื่อไม่มีเธอเหมือนเก่า หัวใจฉันก็แตกสลายยย หลังจากภาพซีนอารมณ์ของเจ้า Grape ได้เผยแพร่ไปตามโลกอินเตอร์เน็ตแล้ว ชาวเน็ตที่เห็นก็อดใจไม่ได้ที่จะวาดรูปให้กับมัน พร้อมแสดงความคิดเห็นต่างๆ นาๆ แตกต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไปในทิศทางประมาณว่า “เอา Hululu ไปเก็บก่อนดีแล้ว ดีกว่าปล่อยให้เธอต้องปลิวหายหรือพังนะเจ้า Grape” อย่าเอา Hululu ไปเลยนะฮะ ฮือๆ…
-
จีนผุด QR Code ยักษ์ในมณฑลเหอเป่ย์ ให้สแกนข้อมูลระหว่างบิน หวังกระตุ้นการท่องเที่ยว
ปัจจุบันเรียกได้ว่าเทคโนโลยีนั้นเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ในชีวิตประจำวันของแต่ละคนจะต้องมีการข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อย่างแน่นอน!! และเมื่อไม่นานมานี้หมู่บ้านแห่งหนึ่งของประเทศจีนได้ผุดไอเดียเจ๋งๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของพวกเขา โดยการสร้างคิวอาร์โค้ดขนาดยักษ์ไว้กลางหมู่บ้าน!! และนี่คือคิวอาร์โค้ดที่ว่านั้น พื้นที่ด้านของของหมู๋บ้าน Xinlinshui ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับนครเป่าติ้งในมณฑลเหอเป่ย์ ได้เปลี่ยนต้นไม้กว่า 130,000 ต้นให้กลายเป็นคิวอาร์โค้ดขนาดยักษ์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถหยิบโทรศัพท์มาสแกนได้ ระหว่างที่กำลังบินผ่านไปยังเมืองหลวง โดยคิวอาร์โค้ดดังกล่าวจะลิ้งค์ไปที่หน้าแอพลิเคชั่น WeChat ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ ในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งแน่นอนว่าการจะสแกนได้นั้นคุณอาจจะต้องใช้ความสามารถหน่อยล่ะนะ ฮ่าๆ อื่ม… เป็นไอเดียที่เจ๋งดีเหมือนกันนะเนี่ย แต่เปิดกูเกิลแมพแล้วสแกนเอาน่าจะง่ายกว่านะเหมียว!! ที่มา shanghaiist
-
คิดได้ไง? ชม 20 โฆษณาข้างรถเมล์สุดครีเอท ทั้งติดตราตรึงใจจนอยากจะปรบมือให้คนคิด
รถเมล์นอกจากจะเป็นยานพาหนะโดยสารสาธารณะแล้ว มันยังเป็นแผ่นป้ายโฆษณาเคลื่อนที่ชั้นดีเลย เพราะเนื่องจากมีพื้นที่รอบๆ ตัวค่อนข้างกว้าง แบรนด์หรือหน่วยงานต่างๆ จึงใช้พื้นที่เหล่านั้นในการติดสติ๊กเกอร์โฆษณากัน แต่แค่ข้อความหรือพรีเซ็นเตอร์แบบปกติมันดูไม่เตะตาน่าจดจำอีกต่อไปแล้ว คุณอาจจะคิดว่าแล้วแบบไหนถึงจะน่าจดจำ? งั้นลองมาดูภาพรถเมล์ทั้ง 20 คันนี้หน่อย คุณอาจจะร้อง “ว้าว” เลยก็ได้นะ 1. รถซ้อนรถ 2. โฆษณาผงซักฟอก 3. รถบัสของเล่น 4. จริงๆ แล้วเป็นรถเก็บขยะ 5. โฆษณาขนม 6. มีรถลีมูซีนซ้อนอยู่ด้วย 7. โฆษณาของ National Geographic 8. ขับรถโปรดระมัดระวัง 9. โฆษณาแปรงฟัน 10. จริงๆ แล้วกำลังเปิดกระเป๋าตังค์อยู่ 11. น้ำหนักของคุณอาจทำให้รถบัสเอียงแบบนี้… 12. โฆษณาสวนสัตว์ 13.…
-
มาแล้ววว!! เทรนด์แฟชั่นสีผิวสายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังฮอตฮิตในญี่ปุ่น เห็นครั้งแรกก็สะดุดตาปั๊บ
หากคุณเป็นสาวที่ชื่นชอบตามเทรนด์แฟชั่นที่มีความแปลกแหวกแนว ถ้าอย่างนั้นยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของ “Isshoku Hada Girls” แฟชั่นสีผิวสายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังได้รับความนิยมจากสาวๆ ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ณ ตอนนี้ สำหรับเทรนด์สีผิวดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงความพีคขั้นสุด โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวละครที่ปรากฏในการ์ตูนอนิเมะ รวมถึงในวีดีโอเกม แถมยังได้รับความสนใจในประเทศญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย และดีเจสาว Miyako ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้แต่งตามเทรนด์สุดจี๊ดนี้เหมือนกัน ซึ่งเธอได้ออกมาเผยว่า “ฉันอยากได้โทนสีผิวที่น่าสนใจเหมือนที่คุณเห็นในวีดีโอเกม และการ์ตูนอนิเมชั่น” สีผิวที่มีสีสัน บวกกับการแต่งตัวในชุดกิโมโน ชุดยูกาดะ รวมถึงชุดอื่นๆ แบบจัดเต็ม ทำให้พวกเธอดูโดดเด่น และยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคนได้พบเห็นกลุ่มเด็กสาวญี่ปุ่นจำนวน 5 คน ที่มาพร้อมกับเทรนด์สีผิวสายพันธุ์ใหม่บนถนนในกรุงโตเกียว ซึ่งพวกเธอก็ได้สร้างความสะดุดตาให้แก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก แต่ละคนมาในสีผิวหลากสีสัน ไม่ว่าจะเป็น สีม่วง สีเหลือง สีฟ้า สีเขียว ฯลฯ ถือเป็นเทรนด์ความงามที่แปลกใหม่ และล้ำยุคมากๆ เลยทีเดียว โทนผิวหลากสีสัน…
-
คุณแม่ชาวอังกฤษวัย 20 ป่วยเป็นโรคหายาก “สลบ” ทุกครั้งหลังถึงจุดสุดยอด
ทุกครั้งหลังการสำเร็จความใคร่ หลายคนอาจจะรู้สึกฟิน และมีความสุข แต่สำหรับคุณแม่ยังสาวจากนอตทิงแฮม ประเทศอังกฤษรายนี้ กลับ “สลบ” ทุกครั้งหลังจากที่เธอเสร็จภารกิจ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2560 ทางเว็บไซต์ Metro มีรายงานว่า Jessica Southall คุณแม่วัย 20 ปี ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคลมหลับ (โรคที่มีอาการง่วงนอน หลับได้ในทุกสถานการณ์ หรืออย่างกะทันหัน) และส่งผลให้มีภาวะ Cataplexy (กล้ามเนื้ออ่อนแรง) ด้วย ซึ่งสิ่งที่เธอกำลังประสบอยู่นี้ ส่งผลให้ Jessica มีอาการง่วงนอนและนอนหลับทุกครั้ง เมื่อใดก็ตามที่เธอรู้สึกเหนื่อย และนี่ก็ถือเป็นความผิดปกติทางระบบประสาทที่หาได้ยากมากๆ ทางด้าน Jessica ได้ออกมาเผยว่า เธอพยายามพูดคุยเรื่องนี้กับ Junior Santiago สามีของเธอเมื่อตอนที่ทั้งคู่เริ่มเดทกัน และเธอก็ต้องอธิบายให้ Junior ได้รับรู้ในสิ่งที่เธอเป็น “เขาทำให้ฉันรู้สึกดีมาก แต่มันไม่เหมาะเอาซะเลย” Jessica กล่าว จากการรายงานระบุว่า Jessica เริ่มมีภาวะ Cataplexy หรือ ภาวะผล็อยหลับ…
-
นิตยสาร Time ถ่ายภาพเหล่าวีรสตรีผู้เปลี่ยนค่านิยมต่างๆ ในสังคม ด้วยกล้อง iPhone
ตั้งแต่อดีตส่วนใหญ่ที่เราจะเคยได้ยินชื่อของบุคคลที่มีชื่อเสียง แทบทั้งหมดล้วนแล้วแต่จะเป็นเพศชายมาโดยตลอด ด้วยเรื่องของการแบ่งแยกเพศในสมัยก่อน จึงอาจทำให้ไม่มีการพูดถึงวีรสตรีกันซักเท่าไหร่ แต่ในปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้หญิงมีสิทธิ์เท่าเทียมกับผู้ชายมากยิ่งขึ้น และทำให้พวกเธอสามารถแสดงความสามารถที่มีอยู่กันได้อย่างเต็มที่ กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงให้เรารู้จักกันมากมาย นิตยสาร Time ของสหรัฐอเมริกา ได้มีโปรเจคท์พิเศษเกิดขึ้น ในการตามเก็บภาพของเหล่าสตรีผู้มีชื่อเสียงในปัจจุบัน ผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวต่างๆ ให้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกด้วยฝีมือของพวกเธอ มาเป็นหน้าปกหนังสือ Oprah Winfrey ผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นเจ้าของและผลิตทอล์คโชว์ของตัวเอง Serena Williams นักเทนนิสคนแรกที่ชนะทัวร์นาเม้นท์ Grand Slam มากถึง 23 ครั้ง และแม้จะโดนวิพากษ์วิจารณ์ในหลายเรื่อง แต่เธอก็ยังคงผ่านมันมาได้อย่างมั่นใจ ด้วยความร่วมมือของช่างภาพที่ชื่อว่า Luisa Dörr ถ่ายรูปของพวกเธอเหล่านั้นด้วยความเรียบง่าย และตรงไปตรงมา เธอบอกอีกว่า “คุณสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นกันเองจากทุกคน เหมือนกับอยู่ตามลำพังกับพวกเธอเลย” การนำเสนอของเธอก็เรียบง่ายเอามากๆ เพราะเธออยากให้คุณได้รู้จักคนเหล่านี้ หลังจากที่พวกเธอทำลายกำแพงแห่งการแบ่งแยกดูถูกจนประสบความสำเร็จ ผ่านทางภาพถ่ายอันแสนเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความหมาย Selena Gomez ผู้บุกเบิกและนำแฟชั่น มีผู้ติดตามเยอะมากที่สุดในอินสตาแกรม Barbara Walters ผู้หญิงคนแรกที่เป็นเสาหลักให้กับรายการข่าวภาคค่ำ ยิ่งไปกว่านั้นทุกภาพที่เธอถ่ายใช้เพียงแค่กล้องจากโทรศัพท์ ไอโฟน เท่านั้น ทว่ากลับสามารถให้ผลรับที่ดีเอามากๆ เธอคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่และสามารถนำมาใช้ให้เกิดภาพอย่างมืออาชีพได้ อีกทั้งยังทำให้สามารถใกล้ชิดกับคนที่เธอไปถ่ายมาได้อย่างดีอีกด้วย…
-
ภาพวาด Illustrator แนวไซไฟ สู่โลกอนาคตที่อาจเกิดขึ้นจริงได้ในอีก 100 ปีข้างหน้า
ปัจจุบันเราคงจะเคยเห็นภาพวาดแนวไซไฟ ที่จะกระตุ้นความคิดและจินตนาการ ด้วยโปรแกรม Illustrator ทำให้มีความสมจริงและสวยงาม กลายเป็นผลงานที่อยู่เหนือความคิดของใครหลายคน และน้อยคนที่เชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นไปได้จริงๆ ภาพเหล่านี้เป็นฝีมือของ Jonathan Ching ศิลปินอิสระผู้วาดภาพอนิเมชั่นดิจิตอล ในแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ โดยเขาคนนี้มีสิ่งที่สามารถการันตีความสามารถของเขาได้ เพราะเขาจบด้านนี้มาโดยตรง ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 นี่เองที่ทำให้เราเข้าใจได้ว่าทำไมภาพของเขาที่ได้น่าหลงใหลขนาดนี้ ลองไปดูกันเลยดีกว่า ว่าแต่ละภาพจะออกมาเป็นอย่างไรกันบ้าง ชุดทหารในโลกอนาคต เฮลิคอปเตอร์แบบไม่มีใบพัด ภายในของสิ่งก่อสร้าง ที่เหมือนกับหลุดมาจากในหนัง ต้องขอบคุณทักษะในการสื่อภาพตัวละคร ยานพาหนะ สิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ออกมาได้อย่างสมจริงสมจัง จนทำให้เรารู้สึกเข้าถึงภาพต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม หุ่นยนต์เดินกันอยู่ในเมือง การเดินทางที่ทุกอย่างจะเริ่มเป็นไปอย่างง่ายๆ แม้จะเป็นการเดินทางออกนอกโลก คราวนี้ตำรวจก็คงจะทำงานได้ง่ายขึ้น เมื่อได้เห็นภาพของเขากันแล้ว หลายคนอาจคิดว่านี่เป็นเพียงภาพวาด ไม่น่าเกิดขึ้นได้จริงหรอก แต่ทุกอย่างมันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก ลองคิดดูสมมุติว่าเราย้อนเวลากลับไป บอกผู้คนในอดีตเมื่อร้อยปีที่แล้วว่า ในอนาคตจะมีรถที่สามารถขับเคลื่อนได้โดยไม่ต้องมีคนขับ พวกเขาเหล่านั้นก็คงจะคิดว่ามันเหลือเชื่อไม่ต่างจากที่เราคิดตอนนี้ พงษ์ศักดิ์นายเห็นสิ่งใดข้างหน้าบ้างเล่า การสร้างหุ่นยนต์จะไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป…
-
สมาชิกที่เหลือวง Linkin Park เตรียมจัดคอนเสิร์ตเพื่อเป็นการรำลึกถึง Chester Bennington
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ได้เกิดเหตุสุดสลดกับแฟนเพลงทั่วโลก เพราะเราได้สูญเสียนักร้องมากความสามารถ Chester Bennington จากวง Linkin Park อย่างไม่มีวันหวนกลับจากเหตุการณ์ฆ่าตัวตาย… เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นสร้างความเสียใจให้กับแฟนๆ ครอบครัวและสมาชิกในวงเป็นอย่างมาก ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นแม้วงจะไม่ยุบตัวลง แต่สมาชิกแต่ละคนก็กระจัดกระจายกันไป และไม่มีการออกมาพูดอะไรเกี่ยวกับวงมากนักหลังจากการไปของเพื่อนคนสำคัญของพวกเขา แต่ล่าสุดพวกเขายังจะกลับมาเจอกันและจัดคอนเสิร์ตที่ไม่รู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของวงหรือไม่ โดยทั้งหมดนี้ก็เพื่อไว้อาลัยให้แก่นักร้องนำของพวกเขา ซึ่งคอนเสิร์ตจะจัดขึ้นที่ Hollywood Bowl เมืองลอสแอนเจลิส ในวันที่ 27 ตุลาคม 2017 นอกจากนั้นล่าสุด ทางวงได้ปล่อย MV ล่าสุดจากอัลบั้มใหม่ของพวกเขาในเพลง One More Light โดย MV นั้นทำขึ้นเป็นความทรงจำดีๆ และเป็นอนุสรให้แก่ Chester Bennington หลังจากปล่อย MV ออกมา Mike Shinoda ได้ออกมาพูดถึงความรู้สึกเกี่ยวกับตัวเพลงว่า เพลงนี้เขียนขึ้นเพื่อส่งต่อความรักให้กับคนที่สูญเสียใครสักคนไป ซึ่งท้ายที่สุดเราก็จะได้รับความรักนั้นในตอนท้าย ที่สำคัญเพลงนี้ยังเป็นเพลงที่แฟนๆ ทั่วโลกต่างใช้ในการรำลึกถึงนักร้องของพวกเขา เพื่อส่งต่อความรักและการสนับสนุนที่มีให้แก่วงรวมถึงตัว Chester โดยสุดท้าย Mike ก็หวังว่าเขาและสมาชิกวงจะได้เจอแฟนๆ ที่คอนเสิร์ตสุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง…
-
ชาวเน็ตร่วมแชร์ภาพ ‘คุณพ่อสมัยยังเป็นหนุ่ม’ กับความเก๋าที่คนสมัยนี้เทียบไม่ได้หรอก
พ่อหลายๆ คนมัักจะโม้ให้ลูกฟังถึงชีวิตตอนเป็นหนุ่มๆ ว่าทำอะไรบ้าง เก๋ายังไง บางคนไม่ได้พูดเฉยๆ นะ แต่มีภาพยืนยันด้วย เช่นเดียวกับคุณพ่อเหล่านี้ 1. สมัยพ่อเป็นหนุ่มนะ ไม่มีใครเท่ไปกว่าพ่อแล้ว 2. A : สมัยพ่อเป็นหนุ่มนะ ขับมัสแตงสาวๆ นี่กรี๊ดตรึมเลย B : กรี๊ดพ่อขับรถโคตรเท่ ไปที่ไหนสาวก็มอง? A : รถเบรกแตก เกือบพุ่งชนแผงลอยหน้าเซเว่น นึกว่าไม่รอดแล้วตรู B : ผ่าง! 3. อายุ 15 พ่อจับปลาตัวใหญ่เท่าพ่อแหละ ลูกเอ้ย 4. พ่อในวัย 64 โชว์ความเก๋าบนยอดเขามองบลังค์ 5. ภาพคุณพ่อเมื่อปี 1969 อย่าให้พูดเลย ให้ภาพมันเล่าละกัน 6. ในปี 1969 ตอนพ่อเป็นนักโต้คลื่น พ่อนอนบนชายหาดถึง 3…
-
5 แอพพลิเคชั่นสำหรับคู่รักระยะไกล ที่จะทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นใจ ราวกับอยู่ข้างๆ กัน
สำหรับคู่รักที่ต้องอยู่ห่างไกลกันอาจจะรู้สึกทรมานหัวใจในบางครั้งบางคราว แม้จะมีสื่อหรือแอพลิเคชั่นมากมายที่ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกัน แต่นั่นก็ยังให้ความรู้สึกไม่สมจริงอยู่ดี แต่นั่นอาจเป็นเพราะคุณยังไม่รู้จักแอพเหล่านี้ ซึ่งเป็นแอพที่จะทำให้คุณรูุ้สึกอบอุ่นหัวใจ ราวกับได้อยู่ในอ้อมกอดของคนรัก แม้ร่างกายจะอยู่ห่างกันไกลแสนไกลก็ตาม 1. Couple เช่นเดียวกับแอพทั่วไป มันสามารถแชร์รูปภาพ วิดีโอ และข้อความหากันได้ โดยการสนทนาหมดจะถูกเก็บไว้ในที่เดียวกัน จากนั้นคุณสามารถสร้างเป็นไทม์ไลน์เพื่อที่จะได้เปิดดูไดัทุกเมื่อที่ต้องการ แอพนี้สามารถใช้ได้ทั้งระบบ iOS และ Android 2. Klikaklu นี่เป็นแอพที่ให้มากกว่าการส่งรุูปภาพ วิดีโอ หรือข้อความหากัน แต่คุณสามารถเช็คที่อยู่ปัจจุบันของคนรักได้ด้วย ไม่ใช่เพื่อตามจับผิดนะ แต่เพื่อให้คุณเดทกันได้แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ใช้ได้เฉพาะในระบบ iOS 3. Dreamdays แอพสำหรับนับถอยหลังสำหรับวันครบรอบ วันสำคัญ หรือวันที่จะได้เจอกัน โดยสามารถตั้งไว้บนหน้าจอหลักได้ ทำให้คุณมีความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าสำคัญกำลังใกล้เข้ามาแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งปันวันสำคัญเหล่านี้ในทวิตเตอร์หรือเฟสบุ๊กได้ด้วย 4. Lovense นี่คงเป็นอีกหนึ่งแอพที่คู่รักระยะไกลใฝ่หา เพราะมันคือแอพที่ทำให้คุณสามารถมีเซ็กส์กันได้แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม้จะไม่ได้สัมผัสกันจริงๆ แต่ทั้งเสียงและการเคลื่อนไหวต่างๆ จะแสดงบนหน้าจอ ทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้อึ๊บกันจริงๆ เลยแหละ สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และ Android 5. iMessage iMessage เป็นแอพที่มีนานแล้ว ซึี่งมีฟังก์ชั่นที่น่าสนใจเรียกว่า Digital Touch เป็นการเขย่าโทรศัพท์เพื่อเรียกคนรักที่อยู่ห่างไกล ทั้งยังส่งเสียงเต้นของหัวใจให้กันได้ด้วย หวังว่าแอพลิเคชั่นเหล่านี้จะช่วยให้คู่รักระยะไกลรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาบ้างนะ ที่มา metro…
-
เหตุผลว่า “ทำไมสระว่ายน้ำจึงมักเป็นสีฟ้า?” โดยนักฟิสิกส์จากมหาลัยเคมบริดจ์
เพื่อนๆ เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไมสระว่ายน้ำที่ไหนๆ ก็มักจะเป็นสีฟ้า ทำไมไม่ทำสีอื่นบ้าง? มันมีเหตุผลอะไรแอบแฝงอยู่กันนะ? คำตอบที่เรามักจะได้ยินคือ เพราะพวกเขาใช้กระเบื้องสีฟ้า เลยทำให้ดูเหมือนน้ำเป็นสีฟ้า อีกหนึ่งเหตุผลคือเป็นเพราะสีสะท้อนของท้องฟ้านั่นเอง ทางด้าน Paul Coxon นักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ให้เหตุผลว่า “แสงแดดเป็นสีขาวซึ่งประกอบด้วยสเปกตรัมสีต่างๆ” “หากมีน้ำเพียงเล็กน้อย เช่น น้ำในแก้ว จะเห็นว่ามันไม่มีสี แม้จะถูกแดดส่องก็ตาม แต่หากที่ใดมีน้ำในปริมาณมากอย่างในสระว่ายน้ำ เราจะเห็นเป็นสีฟ้า เนื่องจากมีโมเลกุลขนาดเล็กคอยดูดซับแสงจากปลายสีแดงของสเปกตรัม” ทั้งนี้แสงแดดจะประกอบด้วยสีแดง สีเขียว และสีฟ้า ทั้งหมดนี้คือสเปกตรัม ซึ่งเรามักจะเห็นสีทั้งสามสีเข้าด้วยกัน และหากเอาสีแดงออก ก็จะเห็นแสงออกเป็นสีฟ้าเล็กน้อย ปฏิกิริยาเดียวกันนี้เกิดขึ้นได้ในสระว่ายน้ำ ยิ่งน้ำลึกเท่าไหร่ก็จะเห็นสีฟ้าเข้มมากเท่านั้นจนกลายเป็นสีน้ำเงิน ดังนั้นการทำสระว่ายน้ำโดยกระเบื้องสีฟ้า ยิ่งเป็นการสนับสนุนปฏิกิริยาจนทำให้เราเห็นเป็นสีฟ้าอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการให้เหตุผลส่วนตัวว่าที่นิยมทำเป็นสีฟ้าเพราะเป็นสีที่ทำให้รู้สึกสบายตาที่สุด เหมาะกับการพักผ่อน แต่หากเป็นสีเขียวจะดูเหมือนน้ำสปรก หรือสีแดงก็ดูเหมือนเลือดซะมากกว่า แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ คิดยังไง? ที่มา edition
-
เตรียมเข้าสู่โลกเวทมนตร์…เมื่อ “ฮอกวอตส์” กำลังรับสมัครบุคลากรเพิ่มเติม แฟนแฮรี่พลาดได้ไง
หนังเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ คงเป็นหนังที่หลายคนรู้จักและต้องผ่านตากันมาบ้างแล้ว ด้วยพล็อดเรื่องที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ กับโรงเรียนเวทมนตร์และจินตนาการไม่มีที่สิ้นสุด เป็นที่ชื่นชอบของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มาตั้งแต่เมื่อ 16 ปีที่แล้ว จะเป็นอย่างไรถ้าเราสามารถเข้าไปทำงานที่นั่นได้จริงๆ ลองคิดภาพกันดูว่าถ้าเรามีโอกาสได้เข้าไปในฮอกวอตส์ เราคงจะได้ปรุงยาแปลกๆ เจอกับสัตว์วิเศษต่างๆ หรือได้เสกให้สิ่งของลอยได้ แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว และตอนนี้โอกาสของทุกคนมาถึงแล้ว เพราะว่าโรงเรียนฮอกวอตส์ที่มีอยู่จริงของ Warner Brothers Studio Tour ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษกำลังเปิดรับสมัครพนักงานเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนในฝัน ดัมเบิลดอร์จ๋าาา เรากำลังจะไปหาแล๊ววว แน่นอนว่างานความเป็นจริงคงไม่ได้มีเวทมนตร์ให้เราได้สัมผัสกัน ทว่าหากใครที่ชื่นชอบหนังเรื่องนี้มากจริงๆ ก็คงอยากทำงานในสถานที่ในฝันแห่งนี้ใช่ไหมล่ะ โดยในวันที่ 22 กันยายนที่จะถึงนี้ ทางสตูดิโอได้เปิดรับสมัครตำแหน่งพนักงานขาย พนักงานคลังสินค้า และพนักงานคอยให้ความรู้กับผู้เข้ามาเยี่ยมชม เพื่อมาปฏิบัติงานในสตูดิโอดังกล่าว ในช่องบรรยายคุณสมบัติผู้สมัครได้เขียนไว้ว่า “การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพนักงานของเรา จะช่วยสร้างความสนุกสนานและความตื่นเต้นให้กับผู้เข้าชม ถ้าคุณเป็นคนที่กระตือรือร้นและรักงานบริการ นี่อาจเป็นงานที่เหมาะกับคุณ “ เสริมอีกด้วยว่า “งานทุกอย่างในนี้มีความสำคัญอย่างมาก อย่างเช่นพนักงานงานให้ความรู้ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องราวที่เห็นได้ในหนัง แต่มันรวมไปถึงเบื้องลึกเบื้องหลังที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน แต่เราพร้อมที่จะเล่าให้คุณฟังในทุกเรื่อง หรือแม้แต่พนักงงานขายที่พร้อมจะช่วยให้ทุกคนที่เข้ามา ให้กลับไปพร้อมกับของฝากที่ดีที่สุดจากเรา” งานทั้งหมดนั้นเปิดรับสมัครทั้งแบบเต็มเวลา พาร์ทไทม์ หรือจะเป็นการจ้างงานชั่วคราวก็ยังได้ และกิจกรรมที่กำลังจะมาถึง ก็คืองานฮาโลวีนแบบแฮรี่ พ็อตเตอร์ที่จะชวนให้ทุกคนไปพบกับความหลอนในแบบฉบับของโรงเรียนเวทมนตร์ พร้อมด้วยกิจกรรมแจกของรางวัลต่างๆ มากมาย…
-
หญิงสาวทุ่มเงินกว่าล้านบาท ดัดแปลงเครื่องบินให้เป็นร้านทำผมสุดหรูอหลังบ้าน
เครื่องบินเก่าๆ ที่ใช้งานไม่ได้แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่ง แต่จริงๆ แล้ว ต่อให้มันใช้การไม่ใด้ เราก็สามารถดัดแปลงมันได้ แทนที่จะปล่อยทิ้งร้างไว้แบบนั้น ด้วยเหตุนี้ Amber Scott วัย 25 ปี จึงได้ลงทุนกว่า 1,300,000 บาท ในการเปลี่ยนเครื่องบินให้เป็นร้านตัดผมในสวนหลังบ้าน จริงๆ แล้ว Amber ซุ่มทำร้านตัดผมนี้มานาน แต่ไม่เคยบอกให้ใครรู้ เพราะอยากให้มันเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวานที่ผ่านมา หญิงสาวได้เริ่มดัดแปลงเครื่องบิน 1957 Air Atlantique Convair CV-440 Metropolitan ให้เป็น Runway Studios เมื่อเดือนมีนาคม โดยให้บริการทั้งตัดผมและแต่งหน้า สำหรับเครื่องบินลำนี้เธอได้เป็นขวัญขวัญจากพ่อแม่ Andrew และ Tricia ที่ได้ซื้อไว้เมื่อ 10 ปีก่อน ในราคา 1 ล้านบาท เพื่อดัดแปลงเป็นเป็นร้านตัดผม พวกเขาต้องเพิ่มเงินอีก 900,000 บาท ในการนำเครื่องบินจากสนามบิน Coventry Airport มายังสก็อตแลนด์ สุดท้าย Amber ก็ลงทุนต่อจากพ่อแม่อีก 1.3 ล้านบาท…
-
ไอเดียสุดเจ๋ง!! ชายหนุ่มเซลฟี่ตัวเองร้องเพลง ‘ทุกวัน’ นาน 3 ปี บอกถึงเวลาที่ล่วงเลยไป
เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน เราต้องพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงและสิ่งแปลกใหม่อีกมากมาย บางครั้งเราอาจไม่ได้สังเกตเลย ว่าสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมเหล่านั้น มันแตกต่างจากเมื่อก่อนเพียงใด แต่ไม่ใช่สำหรับชายหนุ่มคนนี้ที่ใช้ชื่อยูทูปว่า oOtoke เพราะเขาถ่ายรูปเซลฟี่ตัวเองอยู่ทุกวัน แต่ความไม่ธรรมดามันอยู่ที่ นอกจากเขาจะถ่ายในมุมเดิมทุกครั้งแล้ว เขายังร้องเพลงลิปซิงค์เรียงต่อกันมาในทุกคลิปที่เขาถ่ายอีกด้วย เขาเริ่มต้นการถ่ายเซลฟี่ดังกล่าวนี้ในเดือนมีนาคม 2012 ทุกวันยาวมาจนถึงเดือนเมษายน 2015 รวมเป็นระยะเวลานานกว่า 3 ปีเลยทีเดียว จนได้ออกมาเป็นวิดีโอเซลฟี่ราวๆ 1,000 คลิป หลังจากนั้นนำทั้งหมดมาตัดต่อให้กลายเป็นคลิปวิดีโอความยาวเพียงแค่ 2 นาทีเศษเท่านั้นเอง การเปลี่ยนแปลงที่เราจะได้เห็นมันช่างชัดเจนและเพลินตาเอามากๆ ทำให้มียอดวิวพุ่งสูงเกิน 1 ล้านวิวไปแล้ว นอกจากฝีมือการตัดต่อและเซลฟี่แล้ว ยังทำให้รู้ด้วยว่าไอเดียนี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียวที่จะบันทึกความทรงจำมากมาย เอาไว้ดูเล่นในตอนแก่เฒ่าแบบเจ๋งๆ ใครเห็นก็ต้องชอบอกชอบใจ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย คลิปวิดีโอเวลาที่ล่วงเลยผ่านไป ของชายหนุ่มที่เซลฟี่ตัวเองมานาน 3 ปี เพลงที่เขาใช้มีชื่อว่า Halo, Džozefina (Hello Josephine) โดยศิลปินรุ่นเดอะสมัยคุณปู่คุณย่า อย่าง Đorđe Marjanović หากใครชื่นชอบก็สามารถเอาไปทำกันดูได้นะ ในอนาคตเรากลับมาย้อนดูอีกครั้งจะได้รู้ว่าเมื่อก่อนเราเป็นอย่างไรกันบ้าง ที่มา: petapixel
-
เสื้อสเวตเตอร์ออกใหม่จากคาลวินไคลน์ เผยให้เห็นหัวนมรำไร มูลค่าสูงกว่า 6 หมื่นบาท
บางทีแฟนชั่นก็เป็นอะไรที่เข้าใจยาก โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยสนใจในแวดวงนี้สักเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่คลุกคลีอยู่กับวงการแฟชั่นเป็นประจำ คงไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไหร่ เหมือนกับคอลเลคชั่่นฤดูใบไม้ร่วงประจำปี 2017 ของ Calvin Klein เป็นเสื้อสเวตเตอร์ไฮแฟชั่นที่เผยให้เห็นหัวนม แต่มีมูลค่าสูงกว่า 60,000 บาท คอลเลคชั่่นฤดูใบไม้ร่วงประจำปี 2017 เป็นเสื้อสเวตเตอร์ที่ส่วนแขนจะหนานุ่มให้ความอบอุ่น ในขณะที่่ส่วนลำตัวจะเป็นผ้าสีกลมกลืนกับสีผิวของเรา เผยให้เห็นสรีระภายใน รวมทั้งหัวนมด้วย ทั้งนี้คอลเล็คชั่นดังกล่าวมีทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิง โดยมีวางจำหน่ายที่เว็บไซต์ Ssense ราคาอยู่ที่ตัวละ 66,000 บาท หรือหากใครอยากได้ราคาที่ถูกกว่านี้ สามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ของ Barney ในราคา 38,000 บาท แม้ว่าเสื้อผ้าคอลเล็คชั่นจะออกแบบมาเพื่อให้ดูเซ็กซี่นิดๆ แต่หากใครที่ไม่ชอบโชว์ก็สามารถใส่เสื้อชั้นในมาปิดได้เช่นกัน หรือหากใครจะใส่กับกระโปรงลายดอกไม้ก็ได้ ดูหวานปนเซกซี่ อีกหนึ่งไอเทมเพิ่มความคูล ที่ผู้ชายไม่ควรพลาดเด้อ แล้วเพื่อนๆ ล่ะ คิดยังไงกับเสื้อผ้าคอลเล็คชั่นนี้ ที่มา dailymail
-
หนุ่มเอาอวัยวะเพศสอดเข้าแผ่นน้ำหนัก แต่ดันดึงออกไม่ได้ จนหน่วยกู้ภัยต้องเข้ามาช่วย
อุปกรณ์ออกกำลังกายแต่ละชนิดต่างถูกออกแบบให้ใช้เฉพาะท่า หากใครจะเอาไปประยุกต์ใช้กับท่าที่ต่างออกไปก็ควรจะเป็นท่าที่ใกล้เคียงหรืออยู่ในขอบข่ายที่พอจะทำได้ แต่ชายหนุ่มคนนี้ดันนำอวัยวะเพศใส่เข้าไปในแผ่นน้ำหนัก ดัมเบล บาร์เบล ไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไร แต่สุดท้ายแล้วเขากลับดึงน้องชายออกมาไม่ได้ ยุ่งเลยสิ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ยิมแห่งหนึ่งในเมืองวอมส์ ประเทศเยอรมนี เมื่อชายคนหนึ่งเล่นพิเรนทร์ เอาอวัยวะเพศใส่เข้าไปในแผ่นน้ำหนัก ดัมเบล บาร์เบล ที่มีน้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม สื่อไม่ได้เปิดเผยว่าเขาทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร แต่สุดท้ายแล้วเขาไม่สามารถดึงมันออกมาได้ แม้เพื่อนๆ จะเข้ามาช่วยก็ทำไม่ได้ เขาจึงถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อให้หมอช่วยเหลือ เนื่องจากแผ่นน้ำหนักนี้หนาเกินไปกว่าเครื่องมือแพทย์จะทำได้ คุณหมอจึงต้องเรียกหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วย นั่นทำให้ชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายถูกล้อมไปด้วยเจ้าหน้าที่กูภัย เจ้าหน้าที่ต้องใช้เลื่อย เครื่องมือตัดเหล็กขนาดใหญ่ และทำอย่างระมัดะวัง จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง น้องชายของชายคนนั้นก็เป็นอิสระ แม้อวัยวะเพศจะหลุดออกมาได้แล้ว แต่เน่ื่องจากมันติดอยู่ในแผ่นน้ำหนักนาน บวกกับการกระทบเทือนระหว่างการช่วยเหลือ ทำให้น้องชายของเขาได้รับผลกระทบไปด้วย ชายคนดังกล่าวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล Bristol Southmeads เพื่อให้หมอช่วยรักษาอวัยวะเพศของเขา ซึ่งหมอต้องทำการผ่าตัดฉุกเฉินนานถึง 8 ชั่วโมงกว่าจะเสร็จ และตอนนี้ผู้เคราะห์ร้ายพร้อมน้องชายก็ปลอดภัยแล้ว รอพักฟื้นอีกสักพักก็กลับบ้านได้ ทางด้านหน่วยกู้ภัยได้ถ่ายรูปแผ่นน้ำหนักที่แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วเตือนผู้คนว่านี่ไม่ใช่วิธีใช้งานที่ถูกต้อง อย่าลอกเลียนแบบเด็ดขาด ที่มา dailymail
-
การค้นพบโดยบังเอิญ… เมื่อเฮอร์ริเคนเออร์ม่าพัด ‘เรือแคนูโบราณ’ ของอินเดียนแดงขึ้นฝั่ง!?
เฮอร์ริเคนเออร์มาสร้างความเสียหายให้กับรัฐฟลอริดา ประเทศอเมริกา เอาไว้อย่างมาก เต็มไปด้วยซากปรักหักพังอันเกิดจากลมพายุที่รุนแรง รวมถึงน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นติดต่อกันหลายวัน แต่ท่ามกลางผลกระทบจากภัยพิบัติเหล่านั้น กลับมีการค้นพบที่น่าทึ่งอยู่ เมื่อช่างภาพหนุ่มผู้หลงใหลในประวัติศาสตร์นามว่า Randy Lathrop ได้พบกับเรือแคนูโบราณของชนเผ่าอินเดียนแดงโดยบังเอิญ ในขณะที่เขากำลังปั่นจักรยานไปตามท้องถนน ลมพายุทำให้เรือโบราณลำนี้ ถูกพัดขึ้นมาจากใต้แม่น้ำ Indian River และในตอนนั้นเอง เขาก็คิดเพียงแค่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อรักษาให้มันอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ระหว่างรอให้เจ้าหน้าที่รัฐมาเก็บไปตั้งไว้ในพิพิธภัณฑ์หลังจากนี้ เขาบอกว่าน้ำหนักที่แท้จริงของมันจะอยู่ที่ประมาณ 317 กิโลกรัม แต่จากการที่จมอยู่ในน้ำมาเป็นเวลานาน จึงทำให้ดูดซับน้ำเข้าไปจนมีน้ำหนักมากถึง 453 กิโลกรัม การค้นพบครั้งนี้เขาได้ถ่ายรูปและอัพลงในเพจเฟซบุ๊คส่วนตัว จนในที่สุดเจ้าหน้าที่จากฝ่ายทรัพยากรทางประวัติศาสตร์รัฐฟลอริดา ได้เข้ามาเก็บกู้มันกลับไปในวันต่อมา และเริ่มรู้สึกได้ว่าความหวังที่มันจะถูกสืบทอดให้ลูกหลานได้เรียนรู้กันต่อไปกำลังจะเป็นจริง ปัจจุบันเรือลำดังกล่าวก็ได้เข้าไปอยู่ในอ่างน้ำควบคุมอุณหภูมิเป็นที่เรียบร้อย เพื่อรักษาให้มันอยู่ในสภาพเดิมหลังจากที่กู้กลับไป Sarah Revell โฆษกจากหน่วยเก็บกู้ทรัพยกรประวัติศาสตร์ประจำรัฐฟลอริดา ได้กล่าวว่า การสืบหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี จะช่วยทำให้ทราบรายละเอียดของเรือ 15 ฟุต ที่เต็มไปด้วยลักษณะเด่นลำนี้ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก หรือแม้แต่การสังเกตจากโครงสร้างแปลกๆ บางอย่างเช่น ตะปูที่เป็นแบบหัวตัด ซึ่งเป็นสิ่งที่มีการคิดค้นครั้งแรกในยุคศตวรรษที่ 19 ก็สามารถทำให้ตีกรอบอายุได้แคบลงมากขึ้น และพื้นที่ที่เรือถูกพัดขึ้นมาเกยฝั่ง ก็ได้รับการยืนยันแล้วว่า…
-
ผลกระทบจากความหลอนของเรื่อง IT ทำให้เหล่า ‘ตัวตลก’ ทั้งหลายได้รับงานน้อยลง…
ในตอนนี้คงมีหลายคนที่ได้เข้าไปสัมผัสกับความสยองของภาพยนตร์เรื่อง IT กันมาแล้ว และทุกคนก็ทราบกันดีตั้งแต่แรกว่า ปีศาจอย่างเจ้า Pennywise ทำให้เรารู้สึกขนหัวลุกกับตัวตลกได้มากขนาดไหน ทว่านอกจากความรู้สึกเหล่านั้นที่ได้ทิ้งไว้ให้ผู้ชมทุกคน มันกลับได้สร้างความปวดหัวให้กับเหล่าตัวตลกในชีวิตจริง ที่ต้องเจอกับปัญหาการว่าจ้างงานที่ลดลงไปมาก จากการรายงานของเว็บไซต์ Hollywood Reporter ได้กล่าวถึงประเด็นที่โรงเรียนและห้องสมุดหลายแห่ง ต่างยกเลิกการจ้างงานตัวตลกมืออาชีพ และจนถึงขั้นที่ สมาคมตัวตลกโลก (World Clown Association) ได้ออกมาชี้ว่า เหตุที่ทำให้เกิดปัญหาเช่นนี้ก็อันเนื่องมาจากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว… ส่วนหนึ่งของเอกสารจากทางสมาคมตัวตลกโลก ที่เผยว่าตัวตลกนั้นก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้คนยิ้มได้ ไม่ใช่ทำให้รู้สึกกลัว Pam Moody ผู้ที่ทำงานให้กับองค์กรดังกล่าวออกมาพูดว่า เด็กทุกคนจะรู้สึกระแวงกับตัวตลกกันเป็นเรื่องธรรมดา และเมื่อพ่อแม่พยายามที่จะให้เด็กเข้าไปเล่นด้วย ก็อาจทำให้เกิด โรคกลัวตัวตลก (Coulrophobia) ขึ้นได้ แต่เขาก็ยังบอกอีกว่า อย่างไรก็ตามจากที่กระแสสังคมได้สัมผัสภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ของตัวตลกที่เปลี่ยนไปจากเดิม เป็นการสร้างตัวตลกให้กลายเป็นสิ่งที่น่ากลัว มากเกินกว่าที่จะพบเจอในชีวิตจริง พวกเขาเพียงแค่ต้องการสร้างความสนุกและเล่นกับเด็กๆ เท่านั้นเอง แต่ก็ได้มีการโต้แย้งออกมาว่า หากลองคิดกลับกัน ภาพลักษณ์ของตัวตลกที่แต่งกายประหลาด อีกทั้งการแต่งหน้าทาปากที่เป็นเอกลักษณ์ ดูยังไงก็มีความรู้สึกไม่ค่อยดีด้วยอยู่แล้ว… เมื่อมองย้อนกลับไปก่อนที่จะมีหนังเรื่องนี้ ก็ได้มีการพูดถึงตัวตลกในแง่ลบมากมาย อย่างเช่น…
-
10 ไอศกรีมรสแปลกๆ ผสมจากวัตถุดิบที่แตกต่างกันสุดขั้ว เพื่อรังสรรค์รสชาติไม่ซ้ำใคร…
ไอศกรีมอาจเป็นของโปรดของใครหลายๆ คนในวัยเด็ก หรือแม้ตอนโตบางคนก็ยังชอบกินไอศกรีมอยู่ เพราะมีรสออกใหม่ให้เราได้ลิ้มลองเรื่อยๆ ไอกรีมรสใหม่ๆ ที่ออกมานั้นมีทั้งรสชาติที่เราคุ้นเคยและไม่คุ้ยเคย แต่สำหรับไอศกรีมรสต่อไปนี้มันช่างแปลกสิ้นดี และแน่นอนว่าคุณอาจคิดไม่ถึงว่ามันมีอยู่จริง!? 10. ไขกระดูกกับเชอร์รี่ ไอศกรีมรสชาตินี้ได้แรงบันดาลใจมาจากบริษัท Salt & Straw ที่ต้องการรังสรรค์ไอศกรีมรสใหม่ ไม่ซ้ำใคร จึงได้ผสมไขกระดูกกับเชอร์รี่จนเป็นเนื้อเดียวกัน โดยใส่โป๊ยกั๊ก เม็ดยี่หร่า ฮีคโคะริ และน้ำเชื่อม โดยรสชาติจะออกหวานๆ หน่อย 9. Alaska Fireweed กับน้ำผึ้ง เป็นไอศกรีมที่ทำจากสมุนไพรพื้นเมืองของอลาสก้าผสมกับดอกไม้ Fireweed สีชมพูและน้ำผึ้ง ทำให้รสชาติมีเอกลักษณ์ ที่สำคัญดอกไม้ Fireweed นั้นมีวิตามิน A และ C สูงมาก ควรค่าแก่การลิ้มลอง 8. ข้าวโพดหวาน นี่เป็นไอศกรีมจากร้าน Sweet Republic จากรัฐแอริโซนา โดยเปลี่ยนข้าวโพดหวานให้อยู่ในรูปแบบไอศกรีม เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่กับคนรักไอศกรีม 7. กาแฟเวียดนามกับอัลมอนด์ฝาดและแกงเนยถั่วลิสง ไอศกรีมจาก Blue Bottle Vietnamese Coffee ในซานฟรานซิสโก ที่ผสมแกงเผ็ด…
-
ชาวจีนช็อคหนัก หลังพบจระเข้ตัวเป็นๆ ที่มีคนมาฝากไว้ในบ่อปลาชุมชน เพื่อทำเป็นมื้อเย็น
ปกติแล้วเราจะเห็นจระเข้อยู่ในสวนสัตว์หรือในแม่น้ำใหญ่ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ชาวบ้านคนหนึ่งถึงกับตกใจเมื่อเดินเล่นอยู่ดีๆ ก็ไปเจอเข้ากับจระเข้ตัวเป็นๆ อยู่ในบ่อปลาในย่านชุมชน เรื่องนี้เกิดขึ้นในย่านชุมชนแห่งหนึ่งในเมืองเฉิงตู เมื่อชาวเมืองคนหนึ่งเดินเล่นอยู่ก็ไปเจอเข้ากับจระเข้ความยาวประมาณ 1 เมตร กำลังแหวกว่ายอยู่ในบ่อปลาของชุมชน!? เขาจึงตะโกนลั่นก่อนจะมีคนอื่นๆ แห่มาดู และพากันร้องด้วยความตกใจ จนมีชายคนหนึ่งโผล่มาแล้วบอกให้ทุกคนใจเย็น ก่อนจะอธิบายว่านี่เป็นจระเข้ของเอง!! เจ้าของจระเข้บอกว่ามันเป็นจระเข้ที่เขาตั้งใจจะทำเป็นอาหารมื้อเย็นนี้ แต่เอามาฝากไว้นี่ก่อน และสังเกตดูดีๆ ปากของมันก็มีสก๊อตเทปพันอยู่ จึงไม่เป็นอันตรายแน่นอน แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ดูแลย่านชุมชนแห่งนั้นได้มาคุยกับชายเจ้าของจระเข้และบอกกับเขาว่าที่นี่ไม่เหมาะสำหรับเอาจระเข้มาไว้ พร้อมทั้งสั่งให้เขานำจระเข้ตัวนี้ออกไป เพราะตอนนี้ผู้คนจำนวนมากขวัญเสียเพราะจระเข้ตัวนี้ จนในที่สุดแล้วชายคนดังกล่าวจึงย้ายจระเข้ออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก… เราอาจจะไม่ค่อยคุ้ยเคยกับจระเข้ในฐานะอาหาร แต่สำหรับชาวจีนแล้วพวกเขาสามารถกินจระเข้โดยไม่ผิดกฎหมาย นั่นส่งผลให้มีฟาร์มจระเข้จำนวนมาในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม เจ้าของฟาร์มคนหนึ่งได้ออกมาบอกว่า การปล่อยจระเข้ในที่สาธารณะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง แม้จะมีการมัดปากมันแล้วก็ตาม และเมื่อตรวจสอบดูดีๆ ปรากฏว่าจระเข้ตัวดังกล่าวนั้นเป็นจระเข้สยาม ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่อันตรายมากที่สุดในโลก และเป็นพันธุ์ที่อยุ่ในกลุ่มสัตว์คุ้มครองของจีนด้วย แม้จะมีกฏข้อห้ามต่างๆ สำหรับจระเข้บางสายพันธุ์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกมันเป็นอาหารเลิศรสของจีนที่ได้รับความนิยมมาก… และในขณะที่ปริมาณของจระเข้สยามที่ในฟาร์มทั่วทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนประมาณ 700,000 ตัว แต่จระเข้สยามที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาตินั้น กลับมีจำนวนที่ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ที่มา shanghaiist
-
ช่างภาพเก็บบรรยากาศ เทศกาล ‘ดอกไม้ไฟ’ จากทั่วญี่ปุ่น ความงดงามค้างฟ้าสุดอลังกาล…
ดอกไม้ไฟความงดงามที่เกิดขึ้นเพียงแวบเดียวก่อนที่จะเลือนลางหายไป เหลือไว้เพียงความทรงจำ หนทางหนึ่งที่จะเก็บรักษาความประทับใจนั้นเอาไว้ได้ก็คือ ‘ภาพถ่าย’ นั่นเอง ทุกช่วงฤดูร้อนในประเทศญี่ปุ่น จะมีเทศกาลดอกไม้ไฟมากมายถูกจัดขึ้นทั่วประเทศ กว่า 200 แห่ง และเพื่อให้ทุกคนทั่วโลกได้เห็นถึงความงดงามของมันจึงได้มีการเก็บภาพเหล่านี้เอาไว้ออกมาให้เราได้เห็น ภาพที่สะท้อนผิวน้ำก็ยังคงความสวยงามเอาไว้ได้ แสงที่ตกลงมาช่วยเพิ่มความสวยงาม โดยช่างภาพที่มีชื่อว่า Keisuke ใช้ช่วงเวลาในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมที่ผ่านมา ออกเดินทางไปในงานเทศกาลของแต่ละเมือง เพื่อเก็บแสงแห่งความทรงจำนั้นไว้มาเผยแพร่ในอินสตาแกรมส่วนตัวของเขา ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง อยู่นอกเมืองก็ยังคงมองเห็น แม้ว่าเขาจะมีอายุเพียงแค่ 25 แต่เขาก็ได้รับรางวัลมามากมายฝีมือการถ่ายภาพทิวทัศน์ และสิ่งนั้นเองที่ทำให้เรามีโอกาสได้เห็นว่า ดอกไม้ไฟเหล่านี้มีความสวยงามและน่าอัศจรรย์มากเพียงใด เห็นอย่างนี้แล้วปีหน้าก็อยากจะเปิดกระเป๋ายัดเสื้อผ้า ซักครั้งในชีวิตอยากไปดูด้วยตาตัวเอง เรียงสว่างกันเต็มฟ้าเลย ต้นมะพร้าวสไตล์ ความน่าดึงดูดของฝีมือและสิ่งที่เขาไปบันทึกมาได้ ทำให้ยอดผู้ติดตามของเขาพุ่งสูงขึ้นไปเกือบ 29,000 คนแล้ว ส่วนนี่ก็ต้นปาล์มนี่เอง สีสันสดใสชวนชม รายละเอียดรอบๆ ทำให้ดึงดูดสายตามากขึ้นไปอีก เหมือนกับเปลือกเงาะวางอยู่บนพื้นเลย นี่ยิงกันไปกี่นัดเนี่ย หากใครชื่นชอบผลงานของเขาคนนี้ ก็สามารถเข้าไปติดตามดูเพิ่มเติมได้ที่อินสตาแกรม…
-
เด็กสมบูรณ์ของจริง!? สาวอังกฤษให้กำเนิดลูกชาย มีน้ำหนักแรกเกิดมากถึง 5.4 กิโลกรัม
ผู้ชายทุกคนไม่มีโอกาสที่จะรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างมากจากการคลอดลูก เป็นเหตุผลหนึ่งที่บอกได้ว่าชีวิตของสาวๆ ต้องเจอกับความยากลำบากมากเพียงใด ความทรมานที่มากมายของพวกเธอที่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดในตอนนั้น แลกมาด้วยชีวิตใหม่ที่เกิดออกมา และเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากสำหรับทุกคน เช่นเดียวกับเธอคนนี้ Paula Brown ที่ได้ให้กำเนิดลูกชายออกมาอย่างยากลำบาก และอาจต้องเจ็บมากกว่าคุณแม่หลายๆ คน เมื่อเด็กคลอดออกมาตัวใหญ่กว่าปกติ และมีน้ำหนักมากถึง 5.4 กิโลกรัมเลยทีเดียว เธอถึงกับต้องทิ้งเสื้อผ้าสำหรับเด็กที่ซื้อรอไว้ให้ก่อนคลอดไปเกือบทั้งหมด เพราะหุ่นแบบเด็กสมบูรณ์ของ Theo ลูกของเธอไม่สามารถใส่ได้ ลองคิดภาพว่าน้ำหนักของเด็กแรกเกิดเพศชายโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2.8 – 3.9 กิโลกรัม เรียกได้ว่าแทบจะเป็นครึ่งเดียวของเจ้าหนูคนนี้เลย Gareth Brown พ่อของเด็กและเจ้าหน้าที่ศูนย์ให้กำเนิดในเมืองแบล็คเบิร์น ประเทศอังกฤษ ถึงกับตกใจอย่างมากในตอนแรกที่ได้เห็น และพวกเขายังบอกอีกว่านี่เป็นเด็กทารกที่ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาก่อน จ้ำม่ำเสียจริงนะน้องเอ๋ย ไม่เคยเห็นใครจ้ำม่ำเท่า อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีขนาดตัวและน้ำหนักที่ผิดปกติไปบ้าง แต่เด็กน้อยก็มีสุขภาพแข็งแรง ได้กลับไปอยู่บ้านหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เป็นที่รักของทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะพี่สาวของเขา Rose วัย 5 ขวบ ถึงอย่างนั้นทารกน้อยคนนี้ก็ยังไม่ใช่เด็กแรกเกิดที่มีน้ำหนักมาที่สุดในอังกฤษ เมื่อปี 2013 มีการบันทึกทารกน้ำหนักมากถึง 6.8 กิโลกรัมในเมืองกลอสเตอร์ และเด็กที่คลอดออกมาน้ำหนักเยอะที่สุดในโลกหนักถึง 9.9…
-
เทรนด์วัฒนธรรม ‘เปลือยกายเดินป่า’ ที่จะทำให้นักเดินทาง ได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น!?
นี่อาจจะเป็นทริปสุดพิเศษของการเดินท่องป่าสไตล์ใหม่กับวัฒนธรรมการไม่สวมใส่เสื้อผ้า หรือการเปลือยกายของเหล่านักเดินทาง ที่อาจจะช่วยทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง Roshan Adhihetty เป็นช่างภาพชาวสวิสเซอร์แลนด์ หนึ่งในผู้ที่เคยเข้าร่วมกลุ่มนักเดินทางที่พากันเปลือยกายท่องป่าทั่วยุโรป เขาได้สร้างสรรค์ภาพถ่ายชุดนี้ขึ้นมาในชื่อว่า “Die Nacktwandere” โดยเป็นภาพของผู้ที่หลงใหล และรักธรรมชาติที่ชื่นชอบการไปท่องป่าแบบไม่ใส่เสื้อผ้า โดยวัฒนธรรมการการไม่สวมใส่เสื้อผ้าไปเดินป่านี้ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศเยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์ และออสเตรีย และถึงแม้ว่าเหล่านักเดินทางจะออกไปผจญภัยโดยไม่มีเสื้อผ้า แต่พวกเขาก็ยังคงพกอุปกรณ์เดินป่าไปตามปกติ เช่น กระเป๋าเป้สะพายหลัง ไม้เท้าเดินป่า รวมถึงอาหาร ลองมารับชมภาพผลงานของเขากันเลย . . . . . คุณสามารถเข้าไปรับชมผลงานภาพถ่ายอื่นๆ ของ Roshan Adhihetty ได้ที่เว็บไซต์ dienacktwanderer เลย ที่มา : sobadsogood
-
บุคคลที่มีอายุมากที่สุดในโลก เสียชีวิตในวัย 117 ปี สิ้นสุดผู้รอดคนสุดท้าย จากยุคราชินีวิคตอเรีย…
เคยคิดกันมั้ยว่าเราจะมีอายุกันไปได้ถึงกี่ปี 80? 90? หรือว่าจะซัก 100 ปีไปเลย หลายคนคงคิดว่าเรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก ใครจะไปมีอายุได้มากขนาดนั้นกัน แต่เธอคนนี้ยืนยันแล้วว่าสามารถทำได้จริง เธอมีชื่อว่า Violet Mosse Brown เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ปี 1900 ในเมือง Trelawney ประเทศซิมบับเว อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมมาตลอดจนกระทั่งเสียชีวิตลงในเดือนกันยายนปี 2017 ด้วยระยะเวลาการใช้ชีวิตของเธอที่นานมากถึง 117 ปี ทำให้เธอได้รับสมญานามว่าเป็น “บุคคลที่แก่ที่สุดในโลก” ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ล้มแชมป์เจ้าของสถิติเก่า Emma Morano ชาวอิตาลีที่เกิดในปี 1899 อยู่ข้ามผ่านมาถึง 3 ศตวรรษและใช้ชีวิตอยู่คนเดียวกินไข่ดิบทุกวัน ก่อนที่จะเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ เธอบอกเอาไว้ในตอนอายุครบ 110 ปีว่า มีคนมากมายถามว่ากินอะไรถึงได้มีอายุยืนยาวขนาดนี้ เธอบอกว่ากินทุกอย่างที่ต้องการยกเว้นเพียงแค่หมูกับไก่ และเครื่องดื่มมึนเมาต่างๆ เท่านั้น “ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองมีอายุมากถึง 110 ปีแล้ว เพราะไม่รู้สึกเป็นแบบนั้นเลย” เธอกล่าวในงานวันเกิดตอนนั้นของเธอ นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าตนเองเป็นสาวกของพระเจ้า ปฏิบัติตนและเชื่อฟังคำสั่งสอนในพระคัมภีร์มาโดยตลอด จึงทำให้เธอสามารถมีอายุที่ยืนยาวได้มากขนาดนี้ ตลอดชีวิตที่ไม่ย้ายบ้านไปไหนของเธอ เปลี่ยนอาชีพมาแล้วถึง…
-
ชาวเน็ตร่วมปลอบใจ หนุ่มหงอยทุ่มเทจีบสาว แต่กลับโดนเธอเรียก… เพื่อนที่ดีที่สุด!!
เรื่องของความรักนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ แม้ว่าคุณจะพยายามเอาชนะใจฝ่ายตรงข้ามมากเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ถ้าผลสุดท้ายเธอบอกว่า.. เป็นเพื่อนกัน นั่นก็เท่ากับว่าจบเห่ทันที เช่นเดียวกับเรื่องราวของหนุ่ม Daniel หน้ามนคนกันเอง ที่ก่อนหน้านี้ได้พาหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาแอบชอบไปเดทด้วยทั้งวัน ดูแลประคบประหงมอย่างดี แต่ผลสุดท้ายเธอกลับมาโพสต์อินสตาแกรมว่า ‘ขอบคุณเพื่อนที่ดีที่สุด’ ซะงัน!? นี่ก็ Daniel กับแม่สาวงามคนที่เขาหมายปองไว้ ทั้งคู่มีโอกาสได้ไปออกเดทด้วยกัน 2 ต่อ 2 ทุกอย่างดูราบรื่นปกติ ฝ่ายสาวเจ้าก็ดูจะมีความสุขดี กระทั่งแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน สาวก็ได้โพสต์ข้อความชวนจุกอกบนอินสตาแกรมของตัวเองไว้ว่า “ตั้งแต่หวดกอล์ฟ ไปดินเนอร์ มีดอกไม้ พร้อมกินไอศครีมฉ่ำๆ แถมยังมีพาไปขี่ม้าด้วยอีก… เอาจริงๆ เธอเป็นคนเลือกที่จะมาเดทแบบเพื่อนในครั้งนี้เองนะ มาตรฐานของเธอที่อยากจะให้ผู้หญิงเป็นมันสูงใช้ได้เลยล่ะจะบอกให้ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ลูกขอขอบคุณพระองค์ที่ทรงมอบ ‘เพื่อนที่ดีที่สุด’ อย่างเธอมาในชีวิตของฉัน และก็ขอบคุณนะที่ทำให้ฉันได้รู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงจริงๆ” ดูเผินๆ เหมือนโพสต์จะไม่มีอะไร แต่ความคมคายของคำว่า ‘เพื่อนที่ดีที่สุด’ ที่สาวเจ้าได้เปล่งออกมา มันช่างแยบยลและแหลมคมยิ่งกว่าศรที่ปักคาอกหนุ่ม Daniel และก็เป็นอย่างที่เราทราบกันดีว่า งานนี้ถูกอกถูกใจชาวเน็ตสุดๆ ไปเล๊ยย ชาวเน็ตบางคนก็ออกมาถามคืนบ้างว่า.. “ถ้าเป็นพวกนายจะทำยังไงฮ๊ะ ถ้ามีคนมาโพสต์ข้อความแบบนี้ให้หลังเดท” คนหัวอกเดียวกันก็จะเข้าใจดีว่า…
-
เผยภาพ “อลิซอินวันเดอร์แลนด์” ฉบับภาพยนตร์เมื่อ 100 ปีก่อน ที่ยังคงเป็นเพียงหนังเงียบ…
เมื่อพูดถึงเรื่อง อลิซอินวันเดอร์แลนด์ หรือ อลิซผจญแดนมหัศจรรย์ หลายคนคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ทั้งในรูปแบบนิยายและภาพยนต์ และยังถูกนำมาทำซ้ำอีกหลายต่อหลายครั้ง… อลิซอินวันเดอร์แลนด์ถูกประพันธ์เป็นครั้งแรกโดย Lewis Carroll ในรูปแบบนวนิยาย ก่อนจะถูกนำมาทำเป็นภาพยนต์ในปี 1915 ซึ่งเขียนบทและกำกับโดย WW Young สำหรับภาพยนตร์เรื่องอลิซอินวันเดอร์แลนปี 1915 นั้น มีความยาวเพียงแค่ 52 นาที โดยบอกเล่าเรื่องราวของอลิซที่ตกลงไปในโพรงกระต่าย จากนั้นเธอก็พบกับตัวละครที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น กระต่ายขาวและหนอนผีเสื้อคาบบุหรี่ สำหรับตัวละครอลิซนั้นรับบทโดย Viola Savoy ซึ่งทางผู้กำกับ WW Young เอง ก็ไม่เคยคาดหวังว่าหนังเงียบของเขาจะได้รับการเข้าฉาย แต่ปรากฏว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อลิซอินวันเดอร์แลนด์ของ Carroll นั้นกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ต่อมาในปี 1951 ดิสนีย์ก็นำมาดัดแปลงในรูปแบบการ์ตูน โดยให้ตัวละครอลิซใส่ชุดกระโปรงสีฟ้า และมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น กระทั่งปี 2010 นิทานเรื่องดังกล่าวก็ถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์อีกครั้งโดย Tim Burton นำแสดงโดย Helena Bonham Carter, Timothy Spall และ Stephen Fry …
-
นักเขียนใช้เวลา 26 ปี สืบหาตัวตนที่แท้จริงของ Jack The Ripper ฆาตกรต่อเนื่องชื่อกระฉ่อนโลก…
Jack The Ripper เป็นคนที่มักจะถูกนำไปอ้างชื่อในคดีฆาตกรรม รวมทั้งหนังสืบสวน สอบสวน หรือแม้แต่ในการ์ตูนโคนันเองก็เคยปรากฏชื่อนี้เหมือนกัน แน่นอนว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่า Jack The Ripper เป็นใครกันแน่? แล้วทำไมถึงต้องมีการกล่าวอ้างชื่อของเขาบ่อยขนาดนี้? Jack The Ripper เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อคดีสะเทือนขวัญมานับครั้งไม่ถ้วนในประเทศอังกฤษ แต่กลับไม่มีใครรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของฆาตกรรายนี้เลย และยังคงเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ David Bullock ผู้เป็นนักเขียน จึงได้เริ่มค้นคว้าเรื่องของ Jack the Ripper เมื่อ 26 ปีที่แล้ว และค้นพบว่าชายที่ชื่อ Thomas Cutbush นั้น เข้าข่ายเป็นฆาตกรต่อเนื่องรายนี้มากที่สุด ผู้เขียนได้เข้าถึงข้อมูลของ Cutbush จากโรงพยาบาลจิตเวช Broadmoor จนทำให้เขาค้นพบแผนการฝังศพของครอบครัวหนึ่งในสุสาน Nunhead Cemetery ซึ่งเชื่อว่า Cutbush ยังใช้ที่นั่นเป็นที่พักอาศัยด้วย Thomas Cutbush ในหนังสือ “The Man Who Would Be Jack” Bullock เขียนไว้ว่า “คนมักจะคิดว่าเขาเสียชีวิตใน Broadmoor…
-
เรื่องราวของ “Wadlow” บุคคลที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก กับอุปสรรคชีวิตที่ต้องฝ่าฟัน…
หลายคนอยากสูง เพราะคนสูงมักจะมีข้อได้เปรียบในหลายๆ อย่าง เช่นเวลาไปดูคอนเสิร์ตก็ไม่กลัวใครมาบัง ทั้งยังมีโอกาสเข้าถึงสายงานต่างๆ ได้มากกว่า แต่หากคุณได้รู้เบื้องหลังที่แท้จริงของคนสูง คุณอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ เพราะความสูงมักมาพร้อมกับอุปสรรคในการใช้ชีวิตที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสื้อผ้า การถูกล้อ จนทำให้รู้สึกอึดอัดที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นๆ เช่นเดียวกับเรื่องราวที่น่าสนใจและน่าเศร้าของ Robert Pershin Wadlow หรือฉายา Giant of Illinois (ยักษ์ใหญ่แห่งอิลลินอยส์) ซึ่งเป็นบุคคลที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์โลกเลยล่ะ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ปี 1918 Robert เกิดมาพร้อมน้ำหนักตัว 3.9 กิโลกรัม ในเมือง Alton รัฐอิลลินอยส์ จนหนึ่งปีต่อมาเขาวัดส่วนสูงได้ประมาณ 100 เซนติเมตร กับน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ต่อมาเมื่ออายุได้ 8 ขวบ Robert ก็มีส่วนสูงที่มากกว่าคุณพ่อ ทางโรงเรียนต้องทำโต๊ะพิเศษให้กับเขา โดยที่ความสูงยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่ออายุ 13 ปี เขาสูงมากถึง 223 เซนติเมตร จนทำให้เขากลายเป็นเด็กชายที่สูงที่สุดในโลก สำหรับความสูงที่ผิดปกตินี้ เป็นผลมาจากภาวะ Hyperplasia (การเจริญเกิน) ของต่อมใต้สมอง…
-
ตัดกำลังกันงี้เลย… ลูกชายนักมวย ทั้งต่อยทั้งถีบเข้าเป้าคู่แข่งของพ่อ ในวันโปรโมทคู่ชก!!
ใครที่ดูมวยเป็นประจำจะสังเกตเห็นว่า ก่อนขึ้นชกนั้นนักมวยจะต้องมีการโปรโมทคู่ชกก่อน พร้อมทั้งทำการชั่งน้ำหนัก ทักทาย ถ่ายรูป รวมทั้งมีการข่มขวัญคู่แข่งด้วย และเมื่อ Billy Joe Saunders นักมวยอาชีพจากอังกฤษ ต้องมาเจอกับ Willie Monroe Jr. นักชกชาวอเมริกันที่ London’s Copper Box Arena ซึ่งเป็นการชกที่ Saunders ต้องปกป้องเข็มขัดแชมป์ WBO รุ่นมิดเดิลเวทของเขา Billy Joe Saunders เช่นเดียวกับทุกครั้ง ก่อนขึ้นชกทั้งสองคนได้มาชั่งน้ำหนักในวันโปรโมท พร้อมข่มขวัญคู่ต่อสู้ด้วยคำพูดและท่าทาง แต่ครั้งนี้ ลูกชายของ Saunders ดันขึ้นมาด้วย และทำสิ่งที่หลายคนถึงกับหัวเราะลั่นเลย!! เพราะสิ่งที่เจ้าหนูน้อยทำก็คือ เขาขึ้นมาบนแท่นชั่งน้ำหนัก โดยที่ Monroe Jr. ผู้เป็นคู่ชกของพ่อเขา ก็ได้ทำการลูบหัวด้วยความเอ็นดู แต่แล้วเด็กชายก็ต่อยเข้าที่เป้าของคู่ชกของพ่อแบบเต็มๆ จนการ์ดต้องรีบพาเด็กออกไป คลิปตอนที่เด็กชายต่อยเป้าคู่แข่งพ่อ แน่นอนว่าผู้ชมทุกคนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะแฟนๆ ชาวอเมริกันต่างพึมพำว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ทำแบบนั้นได้ไง? พร้อมทั้งด่าทอ Saunders ต่างๆ นานา ทางด้าน Saunders…
-
ช้านร๊ากคูณณณ… คนไข้สาวเพิ่งฟื้นตัว แต่ยังเมายาสลบไม่ได้สติ ขอแต่งงานบุรุษพยาบาลรัวๆ
คนที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล หรือบุคคลากรทั่วไป ในวันหนึ่งๆ พวกเขาต้องพบเจอกับผู้คนหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทั้งแปลกบ้าง ดีบ้าง ร้ายบ้าง ก็ต้องคอยรับมือให้เหมาะสมกับความเป็นมืออาชีพอยู่เสมอ เหมือนกับ Luke บุรุษพยาบาลหนุ่มที่ถูกคนไข้สาวบอกรักและขอแต่งงาน เนื่องจากอาการเมายาสลบยังไม่ได้สติเท่าที่ควร ทำเอาเจ้าหน้าที่ทั้งห้องอดหัวเราะไม่ได้กันเลยทีเดียวล่ะ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2016 หลังจากที่ Paris Ferguson ประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอก็ได้รับการผ่าตัดแขนหักจนพ้นขีดอันตราย และเพิ่งจะรู้สึกตัวได้ไม่นานนัก แต่เนื่องจากฤทธิ์ยาสลบยังไม่หมด ทำให้เธอมีอาการเหมือนคนเมาไม่ได้สติเท่าที่ควรนัก และด้วยสาเหตุของคนเมาที่มักจะพูดหรือทำอะไรโดยไม่รู้ตัว เธอคนนี้ก็เช่นกัน ด้วยความเมายาสลบอย่างหนักหน่วง เธอจึงพูดกับบุรุษพยาบาลที่คอยดูแลเธอว่า “ฉันรักคุณม๊ากกกกกก” แค่นั้นยังไม่พอเธอยังลูบไล้แขนและเคราของเขาด้วย จนบุรุษพยาบาลต้องบอกกับเธอขำๆ ว่า “เราเพิ่งเจอกันวันนี้นะ” และที่ฮากว่าคือเธอตอบมาว่า “ฉันรู้ แต่เราต้องแต่งงานกันนะ” จากนั้นเธอก็พูดย้ำอีกว่า “ฉันคิดว่าเราควรจะแต่งงานกันนะ” แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมา แน่นอนว่าหากเธอรู้เรื่องนี้หลังจากฤทธิ์ยาสลบหมดแล้ว เธอคงแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแน่ๆ แต่ระหว่างที่ยังคงมีอาการเมายาสลบอยู่นี้ มันเหมือนเธอได้อยู่ในช่วงเวลาที่มีความสุขกับการหลงใหลผู้ชายคนหนึ่ง และเธอก็ได้บอกความรู้สึกทุกอย่างที่มีต่อเขาโดยไม่รู้ตัว “เราเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก Luke ฉันรักคุณ คุณคือผู้ชายที่น่ารักที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย” …
-
เด็กหนุ่มวัย 15 จบชีวิตตัวเอง หลังกลายเป็นเหยื่อการกลั่นแกล้ง ถึงขั้นถูกขู่ข่มขืนแม่..!?
อีกหนึ่งประเด็นเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน จนนำมาซึ่งความสูญเสียของครอบครัวรายัต ชาวอินเดียผู้อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ โดยเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2017 เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานเรื่องราวของ ‘แบรนดอน รายัต’ เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง หลังจากตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งอย่างหนักที่โรงเรียน ครอบครัวรายัตกับภาพของลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัว แม้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกของแบรนดอน จะดูเป็นปกติทุกอย่าง ทว่าคนรอบตัวกลับไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่า เขามีพฤติกรรมสะสมความเครียดมาโดยตลอด และพยายามหาเรื่องบ่ายเบี่ยงไม่อยากไปโรงเรียน… ย้อนไปเมื่อปี 2015 ตัวเขาต้องทนกับภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก หลังเลิกรากับแฟนสาวเขาก็ตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งอย่างหนักนับตั้งแต่นั้นมา ถึงขนาดที่ว่าครั้งหนึ่งแบรนดอนยอมโกนผมตัวเอง เพื่อให้กลุ่มเด็กเกเรยอมรับและเลิกกลั่นแกล้งเขาเสียที ครั้งหนึ่งในวิชาคอมพิวเตอร์ เคยมีเพื่อนร่วมชั้นเผยภาพหน้าบ้านของเขาจากกูเกิลแมพส์ พร้อมกับขู่ว่าจะบุกไปข่มขืนแม่ของเขาถึงที่บ้าน (ในภายหลังเพื่อนคนนี้ก็อ้างว่าเป็นการอำกันขำๆ) ภาพจากข้อความส่วนหนึ่งระหว่างแบรนดอน กับเพื่อนที่เคยขู่ว่าจะบุกไปข่มขืนแม่ถึงบ้าน ตลอดเวลาที่ผ่านมาคนใกล้ตัวไม่เคยสังเกตเห็นความร้าวระทมในใจของแบรนดอน จนกระทั่งในเดือนเมษายน ปี 2015 แบรนดอนได้เอ่ยเป็นนัยๆ ว่าตนไม่อยากไปโรงเรียนอีกแล้ว อีกทั้งยังมีอาการเครียดจัดจนสติแตก และคุณหมอก็ได้วินิจฉัยว่าเขาประสบภาวะความเครียดเฉียบพลัน “เขาต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกกลั่นแกล้ง และสิ่งเหล่านี้ก็วนเวียนอยู่หัวของแบรนดอนไม่เคยหายไปไหน ความเศร้าทุกอย่างทำให้ชีวิตเขาดูแย่ลง เพราะยิ่งเขาโตขึ้น ก็ยิ่งมีสาวๆ มารุมล้อม และฉันคิดว่านี่อาจเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้เพื่อนรุ่นเดียวกันรู้สึกอิจฉา”…
-
เส้นทางเดินรถไฟ 12 สาย ที่จะกระชากหัวใจของคุณไป หากได้ลองนั่งสักครั้งอาจจดจำไม่รู้ลืม
การเดินทางบนรถไฟ อาจไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบสำหรับใครหลายคน เพราะระยะเวลาที่ใช้และความรู้สึกที่ไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่นัก แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป คุณอาจเปลี่ยนความคิดนั้นไปทันทีเลยก็ได้ หากคุณมีโอกาสได้มานั่งรถไฟสายใดสายหนึ่งใน 12 สายนี้ เพราะว่าทุกที่มีความสวยงาม และดึงดูดใจทำให้คุณไม่อาจลืมได้เลยชั่วชีวิต ไม่ใช่แค่เพียงความสวยงามระหว่างทางเพียงอย่างเดียว รถไฟแต่ละขบวนก็จะมีเอกลักษณ์ความพิเศษแตกต่างกันไป อย่ารอช้าเราลองไปดูกันเลยดีกว่าว่ารถไฟแต่ละสายที่ National Geographic Traveler เอามานำเสนอนั้นจะเป็นอย่างไร และมีที่ไหนกันบ้าง ทางรถไฟ The Belgrade to Bar ที่จะพาคุณข้ามสะพาน 435 แห่งกับ 254 อุโมงค์ ในระยะเวลาเพียง 10 ชั่วโมง จากเมืองหลวงของเซอร์เบีย มุ่งสู่ท่าเรือในมอนเตเนโกร เส้นทางรถไฟ California Zephyr ทางที่ดีที่สุดในการรับชมวิวทิวทัศน์อันแสนสำคัญของอเมริกา พาขึ้นเทือกเขาร็อกกี้และ Sierra Nevada ก่อนที่จะลงไปชายฝั่งแปซิฟิก รถไฟขบวนนี้จะทำให้ทุกคนได้พบกับทุ่งหญ้าสีทอง ประเทศแห่งทะเลสาบ และเมืองอันน่าจดจำสวยเหมือนภาพวาด เห็นได้ตลอดทางภายใต้โดมกระจก เดินทางจากโตรอนโต้ ไปแวนคูเวอร์ ด้วยระยะเวลา 3 วัน รถไฟขบวน Royal Rajasthan on Wheels คือความหรูหราที่แท้จริง…
-
แรงบันดาลใจของ “The Purge” มาจากเหตุการณ์ในอดีต ที่การข่มขืนและเข่นฆ่าไม่มีความผิด…
สำหรับใครที่เคยรับชมภาพยนตร์เรื่อง The Purge (กำกับโดย James DeMonaco) คุณจะรู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีพล็อตเรื่องแปลกประหลาดและน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยในหนึ่งปี รัฐบาลจะมีการกำหนดให้ผู้คนสามารถก่ออาชญากรรมใดๆ ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ฆ่า ข่มขืน ทรมาน หรือทำการโจรกรรม โดยที่การกระทำเหล่านั้นจะไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ตามเวลาที่กำหนดไว้ภายใน 12 ชั่วโมง นี่ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่น่าติดตามาก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาถึง 3 ภาคแล้ว และเมื่อไม่นานมานี้ทางผู้สร้างก็ได้ออกมาประกาศว่า The Purge 4 กำลังจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเนื้อเรื่องจะเข้มข้นและระทึกใจคนดูมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน แม้ว่าเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้จะดูน่าสะพรึงกลัว แต่อย่างไรก็ตาม ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้ออกมาเผยว่า แนวคิดสำหรับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้นในอดีต จากการรายงานโดยเว็บไซต์ Looper ระบุว่า เบื้องหลังเรื่องราวสุดโหดของ The Purge ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทศกาลแซทเทอนาเลีย (Saturnalia) ของชาวโรมันโบราณ ที่มักจะมีการเฉลิมฉลองกันในช่วงวันหยุดเทศกาลที่กินระยะเวลายาวนานหลายวัน โดยในการเฉลิมฉลองเทศกาลดังกล่าวนั้น จะถูกจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 17-25 ธันวาคม ซึ่งตลอดทั้งสัปดาห์ การทำงาน หรือการค้าขายทั้งหมดจะต้องถูกระงับ รวมถึงทาสก็จะถูกปลดปล่อยออกมาในวันนี้ด้วย…
-
23 ภาพวินเทจของ “ธุรกิจการบิน” จากยุค 40s – 70s หรูหราดูดีน่าอิจฉาสุดๆ
ปัจจุบันราคาตั๋วเครื่องบินมีราคาถูกลงมาจากแต่ก่อนเยอะมาก ไม่ว่าจะด้วยโปรโมชั่นของสายการบินโลว์คอส หรือจะเป็นการแข่งขันทางราคาตามกลไกตลาด แต่จะว่าไปแล้ว.. บรรยากาศบนเครื่องบินในอดีต และปัจจุบัน นับว่ามีความแตกต่างกันอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เราจะพาไปชมกันว่าในอดีตช่วงยุค 1940s – 1970s การบินในแต่ละไฟลท์ผู้โดยสารจะได้รับบริการยังไงกันบ้างนะ? จริงๆ ก็ถือว่าดีนะที่สมัยนี้ห้ามสูบบุหรี่บนเครื่องแล้ว แต่ต้องบอกตรงๆ ว่าเห็นพ่อหนุ่มคนนี้แล้วรู้สึกทำไมมันเท่ชะมัด ปัจจุบันถ้าอยากจะนอนเตียงก็คงต้องเลือกชั้นเฟิร์สคลาส หรือไม่ก็บิสซิเนสคลาส แต่ในอดีตไม่ต้องจ้า ภาพจากสายการบิน Delta ในช่วงปี 1959 สมัยก่อนมีเตียงสองชั้นบนเครื่องบินด้วยนะเออ… ด้วยจำนวนผู้โดยสารที่น้อยกว่า ก็ทำให้พนักงานสามารถดูแลทุกคนได้อย่างทั่วถึงและเต็มที่ หลายๆ สายการบินมักจะมีหมอนพิเศษคอยบริการให้เสมอ หากยุคนี้เด็กๆ ได้นั่งจิ้มทัชสกรีนหลังเบาะ ยุคก่อนเด็กๆ ก็ได้รับความรู้โดยตรงจากนางฟ้าแสนสวยเช่นเดียวกัน สมัยก่อนอาหารจะปรุงสดบนเครื่องบิน พร้อมทั้งเสิร์ฟถึงมือผู้โดยสารทันที ภาพตัวอย่างอาหารที่ถูกเสิร์ฟบนสายการบิน British Airways ในช่วงยุค 60s แม้แต่แฮมก็ถูกหั่นและพร้อมเสิร์ฟสดๆ ร้อนๆ เช่นกัน แทนที่จะถูกเก็บไว้ในฟลอยด์และแช่เย็นไว้…
-
คุณแม่ลูกอ่อนวัย 23 ปี ตัดสินใจ “บริจาคน้ำนม” ให้กับเหล่าทารก แม้จะไม่เคยรู้จักกันเลย…
ในขณะที่คุณแม่บางคนมีน้ำนมมากจนลูกดื่มไม่ทัน และแม่หลายคนกลับมีน้ำนมไม่พอสำหรับลูก ดังนั้นคงจะดีกว่าถ้าหากคุณแม่ที่มีน้ำนมเยอะ ช่วยบริจาคให้กับคุณแม่ที่มีน้ำนมไม่เพียงพอ… เหมือนกับ Olivia Ames คุณแม่วัย 23 ปี ที่ตัดสินใจบริจาคน้ำนมตัวเองบางส่วน ให้กับทารกที่กำลังขาดแคลนนมแม่ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ตาม Olivia เริ่มต้นด้วยการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการบริจาคน้ำนม แล้วก็มีคนแนะนำให้เธอเข้ากลุ่มเฟสบุ๊ก Human Milk for Human Babies UK ซึ่งภายในกลุ่มนั้น ก็จะมีทั้งคนบริจาคและคนรับการบริจาคอยู่ด้วยกัน หลังจากที่เข้ากลุ่มแล้ว เธอต้องทำการกรอกประวัติสุขภาพเสียก่อน เนื่องจากการจะบริจาคน้ำนมได้นั้น คุณแม่ต้องมีสุขภาพที่ผ่านเกณฑ์เท่านั้นถึงจะทำได้ เมื่อผ่านการคัดกรองแล้ว เธอก็ได้ประกาศเรื่องนี้ผ่านเครือข่ายโซเชียล เพื่อบอกว่ากำลังจะบริจาคน้ำนมให้กับทารกทุกคนที่ต้องการ เพียงไม่นานก็มีคุณแม่สองท่านติดต่อมาหาเธอ โดยที่คนแรกบอกว่าเธอพยายามจะให้นมลูกแล้ว แต่ลูกก็บ้วนมันออกมา แถมยังมีอาการอาเจียนออกมาด้วย ส่วนคุณแม่คนที่สองที่ติดต่อเข้ามา เธอค่อนข้างจะอยู่ไกลหน่อย ลูกของเธอเกิดก่อนกำหนดถึง 6 สัปดาห์ ซึ่งในตอนนี้ก็มีอายุได้ 4 เดือนแล้ว แต่กำลังประสบกับปัญหาสุขภาพ เรื่องราวของคุณแม่ทั้งสองคนนั้นสะเทือนใจ Olivia มาก เธอเข้าใจว่าคนเป็นแม่รู้สึกอย่างไร และต้องเจ็บปวดแค่ไหน เมื่อไม่สามารถทำให้ลูกมีสุขภาพที่ดีได้ …
-
20 ภาพถ่ายฮาๆ จาก Google Street View ที่ทำให้ภาพบนโลกนี้ ดูผิดเพี้ยนไปซะหมด…
Google Street View เป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำหรับ Google Map และ Google Earth ที่ให้มุมมองภาพแบบพาโนรามาจากตำแหน่งต่างๆ ตามถนนหลายแห่งบนโลก โดยเปรียบเสมือนว่าเราได้ไปยืนอยู่ตรงจุดนั้นกันเลย… แต่ทว่าหลายครั้งที่กล้อง Street View มักจะจับภาพหรือเหตุการณ์แปลกๆ ได้อยู่เสมอ และเนื่องจากเป็นการจับภาพแบบพาโนรามารอบทิศทาง การนำภาพทุกมุมมาประกอบกันเป็นจุดเดียว จึงมีความผิดเพี๊ยนไปบ้าง และผลที่ได้ออกมาก็ทำให้ดูตลกซะด้วยสิ!! 1. นึกว่าผีเสือยักษ์ แถมยังมาไม่เต็มตัวอีก 2. คุณอาจจะตั้งใจโพสต์ท่าให้กล้อง แต่อย่าหวังว่าภาพจะออกมาตามที่คิด 3. เพี้ยนจนดูหลอนไปเลยก็มี… 4. นี่คงจะเป็นป้ายเตือนจริงๆ ที่ไหนสักที่แหละ 5. ว่าแต่ไปห่อรถอย่างนั้นทำไมหว่า? 6. บางคนเห็นกล้องปุ๊บ ถึงกับจัดท่าเด็ดให้กันเลย… 7. เดี๋ยวนี้เด็กๆ เค้าไม่ขี่ม้าก้านกล้วยกันแล้ว 8. พี่คงอยากจะโชว์เทให้กล้องสินะเนี่ย 9. เอ๊ะ มองจากมุมนี้แล้ว รูปทรงมันคุ้นๆ นะ …
-
สถานการณ์ล่าสุดของ “เสือดาวหิมะ” ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เสี่ยงสูญพันธุ์มานานถึง 45 ปี
เสือดาวหิมะ ถูกจัดอยู่ในสัตว์หายากและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มานานถึง 45 ปี แต่ล่าสุดทาง International Union for Conservation of Nature (IUCN) ได้ออกมาประกาศว่า ในขณะนี้สถานการณ์ของเสือดาวหิมะเริ่มกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง… โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มนักอนุรักษ์ได้ออกมาเตือนว่า เสือดาวหิมะนั้นเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์และจำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองอย่างเร่งด่วน แต่ก็ยังมีผู้คนลักลอบฆ่าพวกมันเพื่อนำขนไปหาผลประโยชน์ อีกหนึ่งสาเหตุคือบริเวณทุ่งหญ้าอันเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของเสือดาวหิมะลดลงอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งส่งผลร้ายแรงต่อการมีชีวิตรอดของพวกมันอีกด้วย ทั้งนี้เสือดาวหิมะถูกระบุว่าเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ตั้งปี 1972 จนกระทั่งวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาทางสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) ได้ออกมาประกาศใหม่อีกครั้ง หลังทำการประเมินสถานการณ์มานานกว่า 3 ปี พวกเขาบอกว่าขณะนี้มีเสือดาวหิมะที่โตเต็มวัยไม่น้อยกว่า 2,500 ตัว ที่อาศัยอยู่ในเขตธรรมชาติ และมีอัตราการลดลงที่ต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา… นอกจากนี้ในการสำรวจประชากรเสือดาวหิมะทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญยังพบว่ามีอยู่ประมาณ 4,000 ตัว (ทั้งในช่วงโตเต็มวัยและวัยทารก) หรือหากรวมกับพื้นที่ที่ยังไม่ได้สำรวจ อาจจะมีมากถึง 10,000 ตัวเลยทีเดียว Peter Zahler ผู้ประสานงานของโครงการอนุรักษ์เสือดาวหิมะจากองค์กร Wildlife Conservation Society กล่าวว่าการทำวิจัยในเรื่องนี้มีความยากลำบากมากๆ เนื่องจากต้องออกไปสำรวจพื้นที่ห่างไกลหลายๆ แห่ง…
-
หนุ่มขายฮอทด็อก ถูกตำรวจกลั่นแกล้งยึดเงินไปหมด ชาวเน็ตระดมทุนช่วยรวม 2.6 ล้านบาท!!
“ทุกคนแถวนั้นเห็นเหมือนกันหมดครับ ผมไม่ได้ทำอะไร ผมไม่ได้ขโมยของใคร ไม่ได้เมา ผมก็แค่ทำงานเพื่อหาเงินให้ครอบครัวเท่านั้น…” เป็นประโยคที่สะเทือนใจชาวโซเชียลไปทั่วโลก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เมื่อตำรวจคนหนึ่งได้แจ้งข้อหาสั่งปรับหนุ่มขายฮอทด็อก แต่เท่านั้นยังไม่จบ… นายตำรวจยังได้นำเงินจำนวนทั้งหมด 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปจากคนขายไส้กรอกอย่างหน้าตาเฉย ราวกับว่านี่เป็นการปล้นกันซึ่งๆ หน้า ภาพจากวิดีโอที่มีคนในละแวกนั้นถ่ายเก็บไว้ได้ (กระเป๋าเงินของคนขายไส้กรอก) หลังจากวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงบนโซเชียล ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแชร์เรื่องราวแย่ๆ ของตำรวจคนนี้มากกว่า 36,000 ครั้ง และด้วยพลังของชาวเน็ตก็ทำให้สืบทราบมาว่า นายตำรวจคนดังกล่าวชื่อ Sean Aranas โดยในคลิปวิดีโอเจ้าตัวได้พูดทำนองว่า “นี่ถือเป็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายอย่างถูกต้อง..” ภาพจังหวะตอนเจ้าหน้าที่ริบเงินของคนขายไปทั้งหมด จากนั้นสำนักข่าวท้องถิ่นก็ได้เข้าไปสัมภาษณ์ผู้เสียหาย โดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่า ยอมรับว่าไปเปิดร้านตรงนั้นโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน ตนยอมรับได้ที่จะถูกใบสั่งให้ไปเสียค่าปรับ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมตำรวจถึงมีสิทธิเอาเงินไปซึ่งๆ หน้าแบบนั้น ทางด้านของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ออกมาชี้แจงว่า จะทำการไต่สวนเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว แต่ในส่วนข้อหาการเปิดร้านขายข้างทางโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของจะต้องเสียค่าปรับตามกฎหมายกำหนด จากการถูกเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง ทำให้ชาวเน็ตผู้ถ่ายเหตุการณ์ได้สร้างแคมเปญระดมทุนเพ่อช่วยเหลือครอบครัวของคนขายผ่านเว็บไซต์ GoFundMe เพื่อช่วยเป็นค่าปรับ และช่วยเหลือค่าเสียหายต่างๆ ยอดเงินที่ชาวเน็ตตั้งไว้ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมีคนบริจาคให้มากถึง 82,800…
-
ช่วงเวลาดีๆ ของแม่หมูกับลูกๆ ที่ถูกขังมาทั้งชีวิต ได้สัมผัสอิสระและแสงแดดเป็นครั้งแรก…
ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ เราต่างก็ต้องการการอยู่อย่างอิสระทั้งนั้น ไม่ได้อยากอยู่ในพื้นที่จำกัดแล้วต้องคอยทำตามความต้องการของคนอื่นตลอดเวลา เหมือนที่น้องหมูเหล่านี้ถูกกระทำอยู่… นี่คือเรื่องราวของแม่หมูและลูกๆ ที่ถูกขังอยู่ภายในพื้นที่โรงฆ่าสัตว์มาโดยตลอด พวกมันไม่เคยได้ออกไปข้างนอก และไม่เคยได้สัมผัสแสงแดดเลยซักครั้งในชีวิต… แต่แล้ววันหนึ่งองค์กรพิทักษ์สัตว์ Viva! พร้อมด้วย Dean Farm Animal Sanctuary ก็ได้เข้าไปช่วยเหลือพวกมันออกมา ย้ายออกมาสู่ฟาร์มแห่งใหม่ที่จะเป็นบ้านอันแสนอบอุ่น พร้อมกับมอบอิสรภาพเพื่อให้พวกมันได้สัมผัสแสงอาทิตย์เป็นครั้งแรก… จากการที่พวกมันต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ข้างใน ทำให้มันรู้สึกลังเลเมื่อมีคนเปิดประตูให้ จะสังเกตได้ถึงอาการกล้าๆ กลัวๆ ที่จะโผล่หัวออกมาจากโรงนา แต่แล้วแม่หมูก็ตระหนักว่าได้รับอิสระแล้ว มันจึงได้พาลูกๆ ออกไปข้างนอก โมเม้นต์แรกที่แม่หมูได้สัมผัสบรรยากาศภายนอก ลูกหมูเองต่างก็วิ่งเล่นไปทั่วสนามกันอย่างสนุกสนาน วินาทีที่ได้เห็นแม่หมูและลูกๆ ออกวิ่งเล่นกัน บ่งบอกถึงความสุขได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ ถึงจะเป็นสัตว์แต่ก็อยากมีอิสระเหมือนกันนะ ที่มา viralnova
-
นักเรียนมัธยมพากันแปะ “โพสต์อิทให้กำลังใจ” ไปทั่วโรงเรียน หลังเกิดเหตุเด็กฆ่าตัวตาย
การฆ่าตัวตายอาจเกิดขึ้นได้ในทุกสังคม ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะเราก็คงไม่อยากให้มีใครต้องจากไปโดยที่ยังไม่ได้เตรียมใจเอาไว้หรอก เหมือนกับโรงเรียนมัธยม Walnut Hills ในสหรัฐอเมริกา ที่มีเด็กในโรงเรียนเพิ่งฆ่าตัวตายไปในวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้ทั้งโรงเรียนต่างเศร้าโศกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่ว่านักเรียนทุกคนจะหดหู่กันไปซะหมด เพราะเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก นักเรียนจึงมีชมรมชื่อว่า Be Happy ขึ้นมา ไล่แปะกระดาษโพสต์อิทไปทั่วโรงเรียน เพื่อให้กำลังใจทุกคนและเป็นการรำลึกถึงผู้ที่จากไป ล็อกเกอร์ของเด็กที่ตายไป นักเรียนที่เดินผ่านไปมาช่วยกันแปะโพสต์อิทเพื่อรำลึกถึงเขาคนนั้น มีการตกแต่งล็อกเกอร์ไปในบางส่วน ภาพเหล่านี้ถูกถ่ายโดยนักเรียนคนหนึ่ง และนำมาโพสต์ไว้ในโซเชียลมีเดีย เหตุผลที่ภาพเหล่านี้ออกจะเบลอๆ หน่อย เพราะว่าเขาถ่ายเอาไว้ขณะที่กำลังเดินไปเรียน โพสต์อิทยังคงมีแปะอยู่ในทุกที่ . Walnut(ชื่อโรงเรียน) ยังคงต้องการคุณ จงเข้มแข็งเข้าไว้ จากโพสต์ของเขาก็เกิดเป็นกระแสชาวเน็ตมากมาย เข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงการกระทำดังกล่าวนี้ “นี่คงเป็นเรื่องที่สายเกินไปหน่อยว่ามั้ย? เพราะหากว่าคนในโรงเรียนสนับสนุนกันอย่างนี้ตั้งแต่แรก เขาคนนั้นอาจยังมีชีวิตอยู่ก็ได้” “การฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากมาก โดยเฉพาะในวัยรุ่นนี้ ฉันหวังว่าคำพูดเหล่านี้ที่คุณมอบให้กันและกัน จะช่วยให้ใครคนหนึ่งพบกับวันที่ดียิ่งขึ้น แม้ว่าการจากไปของเขาช่วยให้เกิดผลกระทบที่ดีได้ยาก แต่ก็จงคิดในแง่บวกกันเข้าไว้นะ!!” “เรื่องราวนี้เป็นการให้กำลังใจที่ดีมาก ในตอนที่ฉันอายุเท่าคุณ ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวฉันเองหดหู่และปลีกตัวออกมาจากสังคม ไม่มีใครพูดอะไรหรือแม้แต้รับรู้ได้เลย และฉันก็เคยเป็นเด็กที่คิดว่าตัวเองแย่และแตกต่างกับคนอื่นมาก่อน สู้ต่อไปนะ พวกคุณทำในสิ่งที่ยอดเยียมมากๆ แล้ว”…
-
หญิงสาวเกิดมาพร้อมกับไฝทั่วตัว ผ่านชีวิตวัยเด็กอันยากลำบากจนพบว่าเธอเป็นคนที่โชคดีแล้ว
เรามักจะคิดว่าปมด้อยคือเรื่องบางเรื่องเราแตกต่างจากผู้คนส่วนใหญ่ และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะแสดงออกมาให้ใครได้รับรู้ แต่สำหรับหญิงสาวชาวสเปนที่ชื่อว่า Maria Isabel Olivieri วัย 22 ปีคนนี้ แม้ว่าเธอจะมีรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนกับคนปกติทั่วไป แต่ตอนนี้เธอก็ไม่ได้คิดเช่นนั้น และมองว่านี่คือความโชคดีซะด้วยซ้ำ เธอเกิดมาพร้อมกับไฝนับไม่ถ้วนทั่วร่างกาย ซึ่งตั้งแต่ที่เธอคลอดออกมา พ่อของเธอก็เอาแต่โทษว่านี่เป็นความผิดของแม่ผู้ให้กำเนิด และพยายามให้เธอซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้านตลอด จนทำให้เธอรู้สึกละอายใจในสิ่งที่เป็นอย่างมาก . อีกทั้งต้องผ่านช่วงเวลาวัยเด็กที่ยากลำบาก เพราะต้องใช้เวลาในทุกๆ วันหยุดไปกับการเข้าโรงพยาบาล เพื่อรับการรักษาเจ้าสิ่งนี้จนถึงอายุ 13 ปี โดยเฉพาะบริเวณหลังเข่าของเธอที่มีไฝขนาดใหญ่มาก จึงต้องเข้ารับการผ่าตัดมากกว่า 40 ครั้ง เพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก ทั้งนี้เธอรู้สึกขอบคุณการเต้นบัลเลต์ที่ทำให้เธอสามารถมาถึงในจุดที่เป็นอยู่นี้ได้ . เธอรู้สึกดีกับตัวเองอย่างมาก ที่สามารถผ่านความยากลำบากที่ต้องใช้ชีวิต ในรูปลักษณ์อันไม่เป็นที่พึงพอใจนี้พร้อมกับการตั้งคำถามมากมายที่ถาโถมเข้ามา แต่ละคนก็จะแสดงออกถึงสิ่งที่เธอเป็นแตกต่างกันไป ไปที่ไหนเธอจะเป็นจุดสนใจอยู่เสมอ แต่ว่าโชคดีที่เธอมีเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้าง ไม่ให้ใครสามารถเข้ามาว่าร้ายหยาบคายใส่เธอได้ เธอพูดอีกว่า “การตีความคุณค่าของคนที่แตกต่างจากปกติเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก แต่ฉันก็ได้รู้ว่าการเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ใช่การแก้ปัญหา เพราะสุดท้ายแล้วจะไม่มีใครที่มีชีวิตอยู่เพื่อคุณเลย” . และเธอไม่เคยโอดครวญเลยกับสิ่งที่เป็น เพราะเธอคิดว่ามีอีกหลายคนบนโลก ที่ต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายมากยิ่งกว่านี้ สิ่งนั้นเองที่ทำให้เธอคิดว่าเธอเป็นคนที่โชคดีแล้ว ยังคงมีชีวิต มีสองแขนสองขา สามารถขยับไปไหนมาไหนได้ …
-
20 ภาพถ่าย “บ้านหลังน้อย” ในเมืองเกียวโต เผยให้เห็นเสน่ห์เล็กๆ ที่ยังคงเฉิดฉายอยู่…
เกียวโตเป็นเมืองหลวงอันเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น อุดมไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเมืองที่เต็มไปด้วยวัดโบราณ และอาคารขนาดใหญ่ของราชวงศ์ต่างๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่โตเกียวจะมีตึกสูงเรียงราย เพื่อรองรบนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งเลือกที่จะสร้างบ้านหลังเล็กๆ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ที่ไม่มีความหรูหราอะไรมาก แต่ดูโดดเด่นไม่แพ้ตึกสูงระฟ้าเลย 1. บ้านหลังเล็กติดถนนใหญ่ เมื่อประมาณ 1 ปีก่อน John Einarsen ช่างภาพและผู้ก่อตั้งนิตยสาร Kyoto Journal ได้เริ่มโพสต์ภาพชุดที่มีชื่อว่า Small Buildings of Kyoto ลงในอินสตาแกรม ภาพชุดนี้ถ่ายจากกล้องไอโฟนในระหว่างที่ช่างภาพได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น และได้ปั่นจักรยานเป็นประจำทุกวันเพื่อชมความงดงามของเมืองเกียวโตแห่งนี้ 2. ร้านตัดผมนากาฮารา ในระหว่างการท่องเที่ยวนี้ เขาได้ถ่ายรูปมากกว่า 200 รูป ประกอบไปด้วยรูปบ้าน อาคารธุรกิจเล็กๆ ศาลเจ้า เวิร์คช็อป รวมทั้งโรงน้ำชา ซึ่งแต่ละที่ก็ล้วนมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน อาคารเหล่านี้อาจไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร แต่มันก็ทำให้เห็นถึงความแตกต่างและความงดงามในอีกแง่มุมหนึ่งท่ามกลางเมืองท่องเที่ยวและเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมแห่งนี้ 3. อาคารที่ประดับด้วยกุหลาบแดง 4. บ้านไม้เก่าๆ บนถนนโฮริคาวา 5. ศาลเจ้า Jizo…
-
รักสัตว์จริง ต้องไปให้สุด… ด้วยชุดว่ายน้ำสกรีนลายสัตว์เลี้ยง เพิ่มดีกรีความน่ารักในตัวคุณ!!
สำหรับคนรักสัตว์บางคน นอกจากเลี้ยงสัตว์ ช่วยเหลือสัตว์แล้ว พวกเขายังชอบคอลเลคชั่นที่เป็นรูปสัตว์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของใช้ และอื่นๆ ที่มีการสกรีนรูปสัตว์เต็มไปหมด!! ถ้าหากว่าสิ่งของเหล่านั้น ยังไม่อาจสนองความรักสัตว์ของคุณมากพอ ก็ขอเชิญพบกับคอลเลคชั่นชุดว่ายน้ำสกรีนรูปสัตว์เลี้ยง!! ไม่ว่าจะหันไปทางไหนคุณก็จะเห็นแต่รูปสัตว์เลี้ยง ทำเอาคนรักสัตว์ฟินสุดๆ ไปเลยล่ะ โดยคอลเลคชั่นชุดนี้ผลิตขึ้นโดย Petflair เป็นบริษัทในเครือของซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในการผลิตชุดว่ายน้ำและอุปกรณ์เสริมต่างๆ โดยมี Tyler Martin, Charlie Gearside และ Brittany Bloomer เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของคอลเลคชั่นนี้ จุดเริ่มต้นมาจากเพื่อนของ Martin ได้ขอให้สกรีนภาพน้องหมาบนชุดว่ายน้ำให้หน่อย แม้จะมองว่ามันเป็นความคิดที่ดูตลกในตอนแรก แต่เขาก็ยินดีที่จะทำให้ แต่ปรากฏว่ามีหลายคนที่ชื่นชอบชุดว่ายน้ำนั้น พวกเขาจึงได้เริ่มทำชุดว่ายน้ำสกรีนภาพสัตว์เลี้ยงออกขายแบบจริงจังซะเลย และขณะนี้อยู่ระหว่างการระดมทุนเป็นจำนวน 400,000 บาท ผ่านเว็บไซต์ Kickstarter เพื่อที่จะสามารถทำการผลิตและวางจำหน่ายได้จริง!! อีกทั้งคุณ Bloomer นั้น ก็เป็นผู้ก่อตั้ง Pound Paws ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ทำงานร่วมกับเจ้าของสัตว์เลี้ยง โดยการระดมทุนเพื่อให้เจ้าของได้ดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างดีที่สุด ดังนั้นเงินรายได้ส่วนหนึ่งของชุดว่ายน้ำนี้ ก็จะนำไปใช้กับโครงการดังกล่าวด้วย ชุดว่ายน้ำลายสัตว์เลี้ยงมีให้เลือก…
-
ลูกสาวรีบกลับไปเรียน แต่ดันลืมเอามะม่วงไปด้วย พ่อก็เลยส่งพัสดุตามไปให้ทันที!!
แม้ว่าจะเราโตแค่ไหน หรือเรียนในระดับไหน สำหรับพ่อแม่แล้ว เราก็ยังเป็นเพียงเด็กน้อยสำหรับท่าน จึงไม่แปลกที่พ่อแม่จะห่วงและและทะนุถนอมเรา ไม่ต่างจากตอนเป็นเด็กน้อยเลย แม้จะเป็นในช่วงที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัยแล้วก็ตาม อย่างเช่นหญิงสาวรายนี้ ที่ลืมมะม่วงที่ทางบ้านเตรียมไว้ให้ แต่แทนที่พ่อแม่จะเก็บไว้กินเอง พวกเขาก็ส่งไปให้ลูกที่มหาวิทยาลัยซะเลย… นี่คือ Cecilia Li วัย 19 ปี นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย UCLA และกำลังเรียนอยู่ในช่วงซัมเมอร์ ดังนั้นเมื่อมีเวลาว่างแม้เพียงนิดเดียว เธอจะกลับไปหาพ่อแม่ที่เมือง San Diego อยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เธอมีเรียนวันอาทิตย์ ดังนั้นวันเสาร์เธอจึงกลับไปหาพ่อแม่ที่บ้าน และต้องรีบออกจากบ้านในเช้าวันต่อมา เพื่อไปให้ทันเวลาเรียน Li บอกว่า “ครอบครัวของเรามีสวนผลไม้ขนาดใหญ่ค่ะ ทุกๆ ปี เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว พ่อกับแม่จะซื้อกล่องสำหรับใส่มะม่วงเพื่อเอาไปแจกให้คนอื่นๆ” สำหรับ Li แล้ว มะม่วงคือผลไม้โปรด ดังนั้นเมื่อเธอกลับมาบ้านในวันเสาร์นี้ พ่อก็ได้หั่นมะม่วงเตรียมไว้ให้ แล้วใส่ตู้เย็นเอาไว้ เพื่อให้เธอพกติดไปด้วยในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอบอกว่า “พ่อทำงานวันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะ ฉันก็เลยไม่ค่อยได้เจอเขา” นั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกดีใจมาก ที่พ่อเตรียมผลไม้ให้ตอนที่เธอกลับบ้าน แต่น่าเสีย เมื่อถึงเช้าวันอาทิตย์ Li รีบมาก…
-
สาวเบื่อกับการเลือกเสื้อผ้า จึงใส่ชุดเดิมๆ ไปทำงานทุกวัน เป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี…
โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักจะเบื่อที่ต้องมาสวมใส่อะไรเดิมๆ ซ้ำกันในทุกๆ วัน ดังนั้น พวกเขาจึงต้องหาไอเท็มใหม่ๆ หรือติดตามแฟชั่นเสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ อยู่เสมอ แต่สำหรับ Matilda Kahl อาร์ตไดเรกเตอร์ จากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาคนนี้ กลับไม่ได้ให้ความสนใจกับแฟชั่นเลย เพราะเธอมักจะสวมใส่เสื้อผ้าแบบเดิมๆ ไปทำงานทุกวัน ซึ่งก็เป็นเวลานานถึง 3 ปีเลยทีเดียว ทางด้าน Matilda ก็ได้ออกมาเผยถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงต้องสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดียวกันทุกวันลงในนิตยสาร Harper’s Bazaar โดยในบทความเธอได้อธิบายว่า… เธอมักจะรู้สึกเครียดเวลาที่ต้องหาเสื้อผ้าใส่ในทุกๆ เช้า และนั่นก็ส่งผลทำให้เธอเสียเวลาในการทำอะไรหลายๆ อย่างไปค่อนข้างมาก ด้วยเหตุนี้ Matilda จึงได้ตัดสินใจซื้อเชิ๊ตสีขาวมาทั้งหมด 15 ตัว กางเกงและเสื้อคลุมสีดำ รวมถึงเชือกสีดำเส้นเล็กๆ เอามาผูกที่คอเพื่อเพิ่มลูกเล่น นอกจากนี้ เธอได้เผยว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะการที่ซื้อเสื้อผ้าเหมือนๆ กันจำนวนมากแบบนี้ มันมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และเธอก็ต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก แต่ท้ายที่สุดเธอก็ยอมรับว่ามันคุ้มค่ามากเลยล่ะ ในตอนแรกเพื่อนร่วมงานกลับไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ Matilda ทำ…
-
สวีเดนผุดแคมเปญช่วยลดความเครียด ให้ผู้คนมาใช้ชีวิตชิวๆ ในกระท่อมกลางธรรมชาติ!!
ภาวะความเครียด เกิดจากผลกระทบหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านการเรียน ด้านการเงิน รวมถึงด้านการทำงาน แม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่อาจไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้มากนัก แต่สำหรับผู้คนในประเทศสวีเดนแล้ว มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขามาก ด้วยเหตุนี้ สวีเดนจึงได้มีการจัดทำแคมเปญที่ชื่อว่า “72 Hour Cabin” ขึ้นมา เพื่อเชิญชวนให้กลุ่มวัยทำงาน 5 คนที่มีความเครียดมาใช้เวลา 3 วันเต็ม ใน “กระท่อมเรือนกระจก” ที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น และเงียบสงบ กับบรรยากาศแบบชนบทในสวีเดน . สำหรับแคมเปญ 72 Hour Cabin นี้ มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้คนที่มีความเครียดระดับสูงจากการทำงาน และจากเมืองใหญ่ที่มีความวุ่นวาย มาใช้ชีวิตในกระท่อมกลางป่าที่รอบล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์อันงดงาม ทั้งนี้ เพื่อจะได้เป็นการช่วยบำบัดสภาพจิตใจ และทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้น ซึ่งแคมเปญดังกล่าวยังหวังที่จะช่วยส่งเสริมให้ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกได้ทำตามอีกด้วย . และผู้โชคดี 5 คนไม่ว่าจะเป็นผู้ประกาศข่าว พร้อมนักข่าวจากประเทศอังกฤษ คนขับรถแท็กซี่จากกรุงปารีส นักจัดอีเว้นท์ในนิวยอร์ก และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากเยอรมัน ที่ได้เข้ามาร่วมแคมเปญนี้ จะได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของผู้คนในชนบท รวมถึงได้เห็นสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่สวยงาม…
-
ผู้โดยสารโวยหนัก กัปตันทำเครื่องดีเลย์ ’15 ชั่วโมง’ เพราะหยิบพาสปอร์ตมาผิดเล่ม..!?
สำหรับการเดินทางไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามแต่ ถ้ามีปัญหาขัดข้องจนถึงกับต้องดีเลย์เพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมง ก็อาจส่งผลต่อแผนการเดินทางทั้งหมดของเราอย่างรุนแรง… และเรื่องวุ่นๆ ก็เกิดขึ้นจนได้กับสายการบิน Hainan Airlines โดยเมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุขัดข้องกับเที่ยวบิน เฉิงตู – ลอสแองเจลิส จนถึงกับต้องดีเลย์ออกไปอีกกว่า 15 ชั่วโมง..!! เรียกได้ว่าในวันนั้นที่สนามบินเฉิงตูได้เกิดเรื่องวุ่นวายมากที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้ หลังจากสายการบินประกาศดีเลย์เที่ยวบินดังกล่าวออกไปอีก 15 ชั่วโมงเต็ม (รอครึ่งวันกันเลยทีเดียว) ทันทีที่สนามบินประกาศออกมา ความวุ่นวายเล็กๆ ก็ได้เกิดขึ้น เมื่อกลุ่มผู้โดยสารถามไถ่ถึงสาเหตุที่ทำให้เที่ยวบินดีเลย์… ซึ่งตอนแรกทางสายการบินก็ยอมรับว่าเป็นความผิดของบริษัทเอง แต่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าสาเหตุที่แท้จริงนั้นเกิดจาก คุณกัปตันหยิบพาสปอร์ตมาผิดเล่ม!? โดยอ้างว่าได้ยินมาจากการที่พนักงานสายการบินที่มีป้ายชื่อติด กำลังคุยกันถึงสาเหตุของปัญหาในครั้งนี้ จากกรณีนี้ทางสายการบินก็ยินดีที่จะชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้โดยสารทั้งหมด 150 คน ไม่ว่าจะเป็นค่าจองที่พัก ค่าตั๋ว หรือค่าเสียเวลา โดยสายการบินจ่ายเงินชดเชยให้ทั้งหมดจำนวนคนละ 500 หยวน (2,500 บาท) ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากรณีนี้จะเกี่ยวกับโชคไม่เข้าข้างรึเปล่า แต่ก่อนหน้านี้ Hainan Airlines เคยติดอันดับ 1 ใน 10 สายการบินที่มีการจัดการกับไฟลท์ดีเลย์ได้แย่ที่สุดในโลกด้วย…