นี่เห็นอยู่นี้คือหน้าเว็บ CatDumb เวอร์ชันเก่า

‘ช่างกล้อง’ เป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจ และน่าอิจฉาสุดๆ เพราะนอกจากพวกเขาจะได้ทำงานที่รักแล้ว ยังได้ออกไปเปิดหูเปิดตา ถ่ายภาพเรื่องราวใหม่ๆอยู่เสมอ และนี่คือเรื่องราวที่มาที่ไป ถูกเล่าออกมาจากปากของช่างภาพกับภาพถ่ายอันโด่งดัง เชื่อว่าภาพถ่ายของพวกเขาต้องเคยผ่านตาเพื่อนๆ กันมาบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อย   1. ภาพถ่ายของสมาชิกวง The Beatles แฟนเพลงของ สี่เต่าทอง หลายๆ คนคงรู้จักภาพนี้ดี มันถูกถ่ายขึ้นที่โรงแรม George V Hotel ณ กรุงปารีส เมื่อปี 1964 โดย Harry Benson “Brian Epstein ผู้จัดการของวง บอกพวกเขาว่าผมเป็นช่างภาพอันดับหนึ่งในอเมริกา และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเขายอมให้ผมร่วมเดินทาง และถ่ายภาพได้อย่างใกล้ชิด” .   2. ภาพถ่ายหญิงสาวผู้อพยพชาวอัฟกานิสถาน ภาพนี้ถูกถ่ายขึ้นที่เมือง Peshawar ประเทศปากีสถาน ตั้งแต่ปี 1984 โดยช่างภาพที่ชื่อว่า Steve McCurry ด้วยดวงตาของหญิงสาวผู้ต้องเดินทางอพยพ สะท้อนอารมณ์ และความรู้สึกให้คนทั้งโลกได้รับรู้ กับการได้ขึ้นเป็นปกนิตยสาร National Geographic…

สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทำให้เราต้องคอยรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเสมอ ซึ่งไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์ป่าอีกมากมายด้วย เมื่อไม่นานมานี้ ได้เกิดลมพายุพัดกระหน่ำ จนทำให้ได้รับความเสียหายมากมายในพื้นที่รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากสร้างความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนแล้ว ยังสร้างความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยของเหล่าสัตว์ด้วย จนเป็นเหตุคาดการณ์ที่ว่าในบริเวณเมืองเวอร์จิเนียบีช ลูกกระรอกกว่า 220 ตัว จะถูกพัดตกลงมาจากต้นไม้และกระจัดกระจายไปทั่วจนห่างออกไปไกลจากแม่ของมัน กระรอกหลายตัวได้รับบาดเจ็บและมีแนวโน้มว่าจะตาย เพราะมันตกลงมาจากที่สูงแถมยังถูกพัดไปไกล แต่โชคดีที่พอมีคนรู้ พวกเขาก็เริ่มออกตามหากระรอกตามพุ่มไม้ต่างๆ     จนในที่สุดเจ้าหน้าที่จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Virginia Beach Society for the Prevention of Cruelty to Animals (VBSPCA) ก็พบกับลูกกระรอกประมาณ 78 ตัว และกลุ่มอาสาสมัครอีกสองกลุ่มก็สามารถพากลับมาได้อีก 100 ตัว ส่วนที่เหลือนั้นยังคงติดตามค้นหากันต่อไป     กระรอกแต่ละตัวนั้น มีอายุแค่ไม่กี่วันหรือแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นเอง พวกมันจึงต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้แบบนั้น มักอาจจะเสียชีวิตได้ ทางศูนย์พักพิงเองก็ได้ดูแลรักษาพวกมันอย่างดี และทำให้พวกมันมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น แต่การดูแลกระรอกนั้น ค่อนข้างที่จะซับซ้อนนิดหน่อย     Evelyn จากศูนย์คุ้มครองสัตว์ป่า Evelyn อธิบายให้  The…

ปัจจุบัน การจะหาบ้านดีๆ สักหลังนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก ขอแค่มีเงินก็พอ แต่สิ่งที่หาได้ยากคือ เพื่อนบ้านที่ดีต่างหากล่ะ เพราะต่อให้มีเงินมากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถซื้อใจของเพื่อนบ้านไปได้ อย่างกรณีของ Anne Glancey ซึ่งเป็นคุณครูผู้เกษียณแล้ว เธออยู่อาศัยภายในบ้านหลังนี้มานานแล้ว และมันก็เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา จนเป็นสาเหตุที่ทางการเทศบาลตั้งค่าปรับกับเธอที่ไม่ยอมปรับปรุงสภาพบ้าน เธอถูกปรับเป็นจำนวน 3,000 ดอลลาร์ต่อวันจนกว่าจะซ่อมแซมบ้านให้เสร็จ นับว่าเป็นเงินจำนวนที่เยอะมาก ทั้งๆ ที่เธอเองก็ไม่มีเงิน ไม่มีครอบครัวและเพื่อนที่พร้อมจะช่วยเหลือเธอเลย แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเหล่าเพื่อนบ้านผู้แสนใจดีหยิบยื่นน้ำใจเข้ามาให้เธอ และสิ่งเหล่านี้ก็ได้เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล     วันหนึ่งเธอได้เห็นคู่หนุ่มสาวสองคนกำลังช่วยกันซ่อมแซมบ้านให้เธอ นั่นก็คือ Adam และ Kristin Polhemus พวกเขาคือเพื่อนบ้านของเธอที่ย้ายมาอยู่ที่เมือง Hamilton รัฐ New Jersey แห่งนี้ เมื่อห้าปีก่อน ทั้งคู่ได้รับรู้เรื่องราวของ Anne และไม่สบายใจที่เธอต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ โดยก่อนหน้าทั้งคู่ก็ได้เสนอความช่วยเหลือให้ Anne หลายครั้ง แต่เพราะเธอเป็นคนขี้เกรงใจ จึงปฏิเสธทุกครั้ง ดังนั้นครั้งนี้ ทั้งคู่จึงตัดสินใจว่า ต้องช่วยเธอให้ได้ แทนที่จะใช้ช่วงเวลาในวันหยุดเพื่อไปพักผ่อน แต่ทั้งคู่กลับชวนเพื่อนบ้านคนอื่นๆ มาช่วยกันซ่อมแซมบ้านให้กับ Anne ด้วยสภาพบ้านที่เก่าและโทรม…

หนึ่งในความใฝ่ฝันสูงสุดของผู้หญิงส่วนใหญ่นั้นก็คือการได้เข้าพิธีแต่งงานของตัวเอง เหมือนกับหญิงสาวคนนี้ที่มีความใฝ่ฝันอยากแต่งงานเช่นเดียวกับผู้หญิงทั่วไป Anna Swabey วิดีโอบล็อกเกอร์สาววัย 24 ปี ได้เจอกับแฟนหนุ่ม Andy Bell ในแอพ Tinder เมื่อปีที่แล้ว และทั้งคู่ก็มีแพลนจะแต่งงานในช่วงเวลาอันใกล้ แต่พอถึงเช้าวันแต่งงาน เธอก็มีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว และเสียชีวิตในเช้าวันนั้น โดยทางครอบครัวได้โพสต์เรื่องการเสียชีวิตของเธอลงใน Facebook ว่า Anna ได้จากไปอย่างสงบแล้ว     ‘ฉันไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้เป็นคำพูดยังไง แต่ท่ามกลางความเศร้าโศกนี้ เธอก็ทำให้เราภูมิในความเข้มแข็งของเธอ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น เธอไม่ได้แสดงอาการเจ็บป่วยของเธอเลย’ โดย Anna ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเนื้องอกในสมองชนิดหายาก ซึ่งอยู่ในระยะที่สาม ที่เรียกว่า anaplastic astrocytoma เมื่อเดือนมกราคม ปี 2015 และตั้งแต่นั้นมา เธอก็ได้ทำกิจกรรมรณรงค์ให้ผู้คนได้ตระหนักถึงความสำคัญของโรคนี้ เป็นผลทำให้สามารถระดมทุนให้กับทีมวิจัยเนื้องอกในสมองได้ประมาณ 3 ล้านบาทเลยทีเดียว Wendy Fulcher ผู้ก่อตั้งองค์กรการกุศลสบทบทุนวิจัยเนื้องอกในสมองบอกว่า ‘Anna เป็นคนที่ร่าเริง สดใส และเป็นหนึ่งบรรดาผู้ป่วยที่ทำตัวเป็นธรรมชาติมาก’     ในขณะที่ Andy Bell คู่หมั้นของ Anna…

เราเคยสงสัยมั้ยว่า กว่าจะเกิดมาเป็นหนึ่งชีวิตได้นั้น ต้องมีขั้นตอนและกระบวนการอย่างไร แน่นอนว่า เราคงเคยเห็นมาบ้างแล้วมา ผ่านทางสื่อต่างๆ และจากผลงานของศิลปินหรือนักวิทยาศาสตร์มากย โดยหนึ่งในผู้ที่จะทำให้เราได้เห็นภาพกระบวนการกำเนิดชีวิตได้ชัดเจนยิ่งกว่านั้นก็คือ Lennart Nilsson ช่างภาพผู้ใช้เวลากว่า 10 ปี ในการบันทึกขั้นตอนการเกิดของมนุษย์ ตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อนในครรภ์กันเลยทีเดียว Nilsson เป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี 1965 เมื่อนิตยสาร LIFE ได้ตีพิมพ์ภาพถ่ายของเขาเกี่ยวกับตัวอ่อนของมนุษย์ถึง 16 หน้า ทำให้ภาพเหล่านั้น ถูกนำไปตีพิมพ์ซ้ำทันทีในนิตยสาร Stern Paris, Match, The Sunday Times และสิ่งพิมพ์อื่นๆ อีกมากมาย     Nilsson มีความหลงใหลในกล้องจุลทรรศน์และการถ่ายรูปมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว โดยเขามักจะถ่ายภาพร่างกายของมนุษย์ในระดับจุลภาค เขาพยายามถ่ายภาพทารกเช่นนี้ตั้งแต่ปี 1957 แล้ว แต่ตอนนั้น มันยังไม่ดีพอสำหรับการเผยแพร่เท่าไรนัก Nilsson จึงพยายามทำภาพให้ออกมาดีที่สุดโดยใช้ Cystoscope ซึ่งเป็นกล้องส่องขนาดเล็กที่ใช้ในการตรวจสอบภายในของกระเพาะปัสสาวะ เขาแนบกล้องพร้อมกับแสงไฟเล็ก ๆ ลงไปในครรภ์แล้วบันทึกภาพของตัวอ่อน ผลงานของเขา จึงทำให้เราได้เห็นพัฒนาการของชีวิตว่า กว่าจะเกิดมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้นั้น จะมีวิวัฒนาการอย่างไรบ้าง   ตัวอสุจิกำลังเดินทางไปสู่รังไข่   รังไข่   ช่วงเวลาที่สำคัญที่อสุจิกำลังจะเข้าไปในไข่…

รอบๆ ตัวเราเต็มไปด้วยช่างภาพมากมาย และแต่ละคนนั้นก็มีแนวการถ่ายภาพที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหน หรือได้รับแรงบันดาลใจมาจากอะไรบ้าง เหมือนกับ Donato Di Camillo วัย 47 ปีจากนิวยอร์ก ที่ได้เริ่มถ่ายรูปอย่างจริงจังในปี 2014 ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ โดยได้เดินไปรอบเมืองที่เขาคุ้นเคยพร้อมกับกล้องถ่ายรูปประจำตัว ถ่ายรูปผู้คนที่เขาพบเจอรวมทั้งคนที่เดินผ่านเขาด้วย จนกลายเป็นงานอดิเรกของเขาไปเลย Di Camillo เริ่มสนใจการถ่ายภาพเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ในระหว่างที่ถูกจับเข้าคุกด้วยความผิดทางอาญา ซึ่งตอนที่นั่งอยู่ในห้องขัง เขาก็ซึมซับการถ่ายภาพจากนิตยสาร National Geographic, Time และ Smithsonian จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการถ่ายภาพโลกภายนอกของเขามากขึ้น     Di Camilo บอกว่า นิตยสารเหล่านี้ ทำให้เขาได้เรียนรู้โลกภายนอก “ผมได้อ่านเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ และเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยา ผมจึงตระหนักได้ว่า ความรู้ที่ผมได้มานั้น มาจากตามท้องถนนโดยไม่รู้ตัวเลย” และความรู้ทั้งหมดนี้ ทำให้เขาได้เรียนรู้ความหลากหลายและบุคลิกภาพของผู้คนรอบๆ บนท้องถนนได้เป็นอย่างดี และกลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการถ่ายรูปของเขาในเวลาต่อมา     Di Camillo มีประวัติเกี่ยวกับการขโมย ซึ่งถูกจับครั้งแรกตอนอายุ 12 ปี ต่อมา…

เป็นอีกเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นบนเกาะอังกฤษ ของหญิงสาวผู้เป็นโค้ชออกกำลังกาย แต่ระหว่างการเดินทาง ดันเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับเธอ เหตุการณ์ดังต่อไปนี้ขอบอกเลยว่า ได้กลิ่นอายหนังรักโรแมนติค ชวนให้ลุ้นกันสุดๆ   Ellie Farnfield โค้ชฟิตเนสสาววัย 27 ปี ชาวอังกฤษ วันหนึ่งเธอกำลังเดินทางไปสอนฟิตเนส ในตัวเมืองลอนดอน ด้วยรถไฟ หลังจากที่รถไฟได้เคลื่อนขบวนมาถึงสถานีผลายทาง จู่ๆเธอก็เป็นลมชักหมดสติลงในขบวนรถไฟนั้น   พอตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองได้อยู่ที่โรงพยาบาลซะแล้ว เธอไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เลย ไม่รู้ตัวว่าเพราะเหตุใดเธอถึงหมดสติ แล้วมาโผล่ที่โรงพยาบาล แต่แล้วเธอก็ดันเหลือไปเห็บกระดาษโน๊ตแผ่นหนึ่ง วางอยู่ข้างๆเตียงพยาบาลของเธอ…     “ถึงคุณผู้หญิงคนสวย ผมหวังว่าตอนที่คุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้ คุณคงรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว จู่ๆคุณก็ชักและเป็นลมหมดสติไป แต่หัวของคุณไม่ได้รับการกระทบกระเทือนแต่อย่างใด มีแต่ขาของคุณที่ผมดันเผลอเดินไปเหยียบใส่ ก่อนจะเห็นว่าคุณนอนกองอยู่บนพื้น ผมขอโทษด้วยนะ และผมก็ต้องขอโทษจริงๆ ที่ไม่สามารถอยู่เฝ้าอาการคุณได้ แต่นี่คือกาแฟที่อาจช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง และเงินอีกจำนวน £10 เพื่อเป็นค่ารถแท็กซี่เดินทางกลับบ้านของคุณ ขอโทษอีกครั้งที่ผมไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้มากกว่านี้ หวังว่าคุณคงไม่อาศัยอยู่ไกลเกินไปหรอกนะ ผมได้ติดต่อเพื่อนและญาติจากโทรศัพท์ของคุณให้แล้ว หวังว่าคุณคงจะมีความสุขและหายป่วยไวๆนะครับ รักจาก ทอม”     หลังจากที่เธอได้อ่านจดหมายจบ น้ำตาเธอแทบไหลพร้อมกับคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวทันทีว่า “พ่อเทพบุตรทอมที่ช่วยเหลือฉันเป็นใครกันแน่นะ?” เธอไม่รู้ว่าจะตามหาหนุ่มที่ชื่อทอมนี้ได้อย่างไร เธอจึงตัดสินใจที่จะโพสต์มันลงเฟซบุ๊ค ถึงแม้ว่าเรื่องราวของเธอจะกลายเป็นที่สนใจของชาวเน็ต…

Reneita Smith เธอคือพนักงานขับรถของโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในแมรี่แลนด์ นอกจากนี้เธอยังเป็นฮีโร่อีกด้วย เนื่องจากว่าเธอได้เสี่ยงชีวิตตัวเองเข้าไปช่วยเด็กกว่า 20 คนในรถบัสที่กำลังติดไฟ Mark Brady โฆษกของหน่วยฉุกเฉินได้เล่าว่าเขาได้รับรายงานว่ามีรถบัสรับส่งนักเรียนกำลังเกิดเพลิงไหม้ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าเห็นภาพจากกล้องติดหน้ารถยนต์แล้วเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากๆ   แต่เมื่อเขาไปถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้พบกับเด็กนักเรียน 20 ชีวิตอยู่นอกรถบัสโดยได้รับความช่วยเหลือจากคนขับรถบัสที่เธอสามารถตั้งสติแล้วช่วยเหลือทุกคนออกมาได้ ซึ่งตอนนี้กำลังหาสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้อยู่ Fall Kabir หนึ่งในผู้ปกครองเด็กได้ไปยังที่เกิดเหตุหลังทราบข่าวก็ได้เขียนยกย่องการกระทำของคนขับรถบัสคันนี้ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธออีกด้วย   ผู้ปกครองคนนี้ได้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าคนขับรถคนนี้ได้พยายามลุยเข้าไปในรถแล้วพาเด็กออกมา “ทีละคน” คนครบ 20 คนก่อนที่รถจะลุกไหม้จนเสียหายหนัก อีกทั้ง Reneita Smith คนขับรถผู้เป็นฮีโร่คนนี้ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันมีลูกสองคน ฉันเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ดีว่ารักและห่วงลูกมากแค่ไหน การช่วยเหลือเด็กๆ คืองานของฉัน”   ถือเป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของคนขับรถหญิงท่านนี้ เธอคือฮีโร่ที่แท้จริง ที่มา distractify

การช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากนั้น นับเป็นเรื่องที่มีอยู่ในจิตสำนึกของมนุษย์ทุกคน อยู่ที่ว่า เราเลือกจะเผยมันออกมา หรือเก็บมันไว้อย่างนั้น เจ้าชายวิลเลี่ยมเอง เป็นหนึ่งในแบบอย่างของการช่วยเหลือผู้คน และยังเป็นแบบอย่างพ่อที่ดีให้กับหลายคนๆ ด้วยวิธีการเลี้ยงลูกแบบที่นักวิชาการเอง ต่างก็เห็นด้วย อ่านบทความ: เผยเทคนิคเล็กๆ ในการเลี้ยงลูกอย่างชาญฉลาดของ ‘เจ้าชายวิลเลียม’ แห่งอังกฤษ   มาครั้งนี้ เจ้าชายได้แสดงให้เราได้เห็นถึงการมีน้ำใจต่อเพื่อมนุษย์ โดยไม่แบ่งแยกชนชั้น ด้วยการช่วยทหารติดตามพระองค์คนหนึ่งที่ลื่นล้มบนถนนที่เปียกไปด้วยน้ำฝน     เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในระหว่างที่ Jonathan Douglas-Hughes ซึ่งเป็นรองผู้แทนของ Essex และตัวแทนของ สมเด็จพระราชินีฯ กำลังรับเสด็จดยุคและดัชเชส แห่งเคมบริดจ์ ที่สถาบันการศึกษา Stewards ในฮาร์โลว์ ในขณะที่เจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าหญิงเคท กำลังแนะนำบุคคลสำคัญในท้องถิ่น ท่ามกลางฝูงชนประมาณ 30 คน ทันได้นั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียง Douglas-Hughes ทหารวัย 72 ที่กำลังอยู่เครื่องแบบเต็มยศ ล้มลงไปกับพื้น     เจ้าชายไม่รอช้า รีบหันหลัง เดินเข้าช่วยประคองเขาลุกขึ้นทันที ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองอย่างชื่นชมในน้ำใจของเจ้าชาย เมื่อลุกขึ้นยืนได้ Douglas-Hughes ได้กล่าวกับเจ้าชายด้วยความรู้สึกผิดว่า “ขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยครับ” เจ้าชายได้ตอบเขาว่า “ไม่เป็นไรเลย”   วินาทีที่เจ้าชายเข้าไปช่วยทหารคนนี้ โดยไม่ลังเลเลย .…

เรื่องราวของเจ้าเหมียวน้อยอายุ 5 สัปดาห์ที่ถูกพบอยู่ที่ถนนไฮเวย์ เมื่อคุณ Carmen Bernard ที่อาศัยอยู่ในรัฐฟลอริดาไปพบเข้า ก็สังเกตเห็นได้ว่าขาของมันนั้นมีความผิดปกติงอม้วนไปด้านหลังเหมือนกับขนม Pretzel ยังไงยังงั้นเลย     คุณ Carmen ได้คาดการณ์ว่ามันอาจจะถูกรถชนจนทำให้ขาของมันมีสภาพเป็นแบบที่เห็น เธอก็เลยพามันไปหาสัตวแพทย์ในเช้าวันต่อมา และก็พบว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด เพียงแต่ว่ามันไม่สามารถเดินได้เหมือนอย่างปกติ หลังจากการตรวจสอบอาการของมันแล้วทางสัตวแพทย์ก็ได้สรุปว่าขาของเจ้าเหมียวน้อยเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิดแล้ว โดยเกิดมาจากความผิดปกติทางพันธุกรรม และเท่านั้นยังไม่พอพวกเขาก็ได้ตรวจพบว่าตาทั้งสองข้างของมันบอดสนิทอีกด้วย โดยมีเฉพาะขาหลังทั้งสองข้างของมันนั้นที่มีความผิดปกติงอม้วนกลับไปข้างหลัง ส่วนข้างซ้ายนั้นก็มีอาการงออยู่เหมือนกันแต่มีอาการไม่หนักเท่าข้างขวา นั่นเป็นเหตุทำให้มันไม่สามารถเดินได้ แต่ขาหน้าที่เหลือยังคงใช้งานได้อย่างปกติดี ทางสัตวแพทย์ก็ได้มอบทางเลือกให้กับคุณ Carmen สองทาง อย่างแรกก็คือการทำการุณยฆาตให้มันหลับอย่างสบายตลอดไป หรืออีกทางหนึ่งก็คือต้องดูแลมันไปตลอดชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าคุณ Carmen เลือกอย่างหลังโดยไม่มีการลังเลใดๆ   เธอก็เลยตั้งชื่อให้เจ้าเหมียวน้อยตัวนี้ว่าเจ้า Pretzel   เมื่อเจ้า Pretzel มาถึงที่บ้านใหม่ มันรู้สึกกลัวต่อทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อมีอะไรเข้ามาใกล้มันก็จะทำการขู่ฟ่อ พร้อมกับลงมือตบตีอย่างไม่มีเยื่อใย นั่นอาจเป็นเพราะว่ามันไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์มาก่อนเลยก็เป็นได้ จึงทำให้มันรู้สึกตกใจ การที่มันมองไม่เห็นนั้นสร้างความเครียดให้กับมันมากพอดูเลยล่ะ แต่ในวันหนึ่งด้วยความพยายามของคุณ Carmen ที่คอยมอบความรักให้กับมัน และดูแลมันเป็นอย่างดี เจ้าเหมียวน้อยก็เริ่มหายใจเสียงครางออกมา พร้อมกับเอาหัวไปถูกับคุณ Carmen แล้วล่ะ แสดงให้เห็นว่ามันเริ่มที่จะเปิดใจบ้างแล้ว…

ในทุกๆ ครั้งที่มีการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ก็มักจะมีเหตุการณ์ที่เป็นข่าวมากมาย โดยเฉพาะการมาต่อคิวซื้อของผู้คนที่อยากจะเป็นเจ้าของคนแรกๆ ของโลก แต่ด้วยความที่ยุคสมัยเปลี่ยนไป อีกทั้งทาง iPhone ก็ไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่เหมือนเมื่อก่อน จนความรู้สึกอยากจะเป็นเจ้าของคนแรกๆ นั้นก็เริ่มหายไป และจะเห็นได้ว่าการต่อแถวซื้อก็เริ่มลดน้อยลงไปด้วย     เหมือนอย่างในวันนี้ที่เมือง Viborg ประเทศเดนมาร์ก ได้มีการเปิดตัว iPhone 7 ซึ่งคิดว่ามันน่าจะยิ่งใหญ่ แต่ที่ไหนได้ มีคนมารอเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น แต่ที่มันพีคก็คือตรงหน้าประตูได้ทำซุ้มลูกโป่งสีทองสวยงามอลังการมาไว้ แล้วพอถึงเวลาก็มีการดึงพลุกระดาษให้ด้วย ทำเอาคนที่จะเดินเข้าไปมีการเขินนิดๆ ด้วย ไปชมคลิปกันเลย   (หากมองไม่เห็น คลิกที่นี่เลยจ้า)   ในคลิปนั้นเราจะได้เห็นความแตกต่างที่เจ็บปวด ซึ่งตัดให้ดูในปี 2010 ด้วย เพื่อเปรียบเทียบกับบรรยากาศตอนเปิดขาย iPhone 4 เป็นครั้งแรกแถมยังมีฝนตกอีกต่างหาก แต่ผู้คนก็ยังต่อแถวยาวเหยียดเพื่อที่จะรอซื้อ เรื่องแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคน แต่ก็ยินดีด้วยที่ทั้งสองคนนี้อาจจะเป็นคนแรกๆ ในเดนมาร์กที่ได้เป็นเจ้าของ iPhone 7   ยินดีด้วยจ้า   ที่มา dailydot, tvmidtvest

ไม่ว่าใครก็ต้องเคยผ่านเหตุการณ์ รู้สึกตกหลุมรักใครซักคนเข้าอย่างจัง กันมาแล้วทั้งนั้นแหละ #เหมียวบ็อบ เองก็ด้วย และส่วนใหญ่ผลก็มักจะปรากฏออกมาว่า ได้หอบแห้วกลับไปกินพร้อมน้ำตาอยู่ตัวคนเดียวทู๊กกที และถ้าหากเราย้อนกลับไปในสมัยที่เรายังเป็นเด็กประถมกันอยู่ เพื่อนๆ ยังจำหน้าของสาวน้อยหรือหนุ่มน้อย เพื่อนร่วมชั้นที่เราแอบชอบตอนนั้นได้อยู่รึเปล่า? พอนึกไปถึงความรักแบบวัยเด็กแล้วมันก็อดยิ้มที่มุมปากไม่ได้ซักที ใครๆ ก็เคยผ่านมากันทั้งนั้นแหละหน่าาา   เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นเรื่องราวน่ารักๆที่เกิดขึ้นในห้องเรียนเกรด 5 (ประถม 5) ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เมื่อหนุ่มน้อยที่ชื่อว่า Noah แอบชอบสาวน้อย Zoe อย่างหัวปักหัวปำ (เด็กอยู่เลยนะเนี่ย) และแน่นอนว่าสมัยที่เรายังเป็นเด็ก ถ้าเราชอบใคร ก็มักจะแอบทำเนียนไปเล่น ทำทีว่าไปแกล้ง คนๆ นั้นเพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่าย   แต่วิธีนี้ของหนุ่ม Noah กลับเจ๊งไม่เป็นท่า!!! เพราะเช้าวันหนึ่งเมื่อหนุ่มน้อยมาโรงเรียนตามปกติ เขาก็ต้องพบกับจดหมายแทงใจดำ ที่ไม่รู้ว่าสาวน้อย Zoe ใจร้ายมาจากไหน ใยถึงปฏิเสธรักจากหนุ่มน้อยได้ลงคอ   เนื้อหาจดหมายสุดใจร้าย ที่ทำให้หนุ่มน้อยต้องรู้สึกอกหักเป็นครั้งแรก มีดังนี้: “นี่คือกฎและข้อบังคับที่เธอต้องทำตาม!! จาก Zoe ถึง Noah 1 . ห้ามแตะไหล่ฉันเด็ดขาด 2.…

เทศกาลวันฮาโลวีน ที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคม ได้ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวัฒนธรรมแบบบ้านเราเลยก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นโอกาสดีๆ ที่จะได้ออกไปสังสรรค์ รื่นเริง กับเพื่อนๆ ซักคืนหนึ่งก็ยังดี ไม่ใช่แค่บ้านเราเท่านั้นที่ตื่นเต้นกับเทศกาลนี้เป็นพิเศษ ที่ญี่ปุ่นก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะตอนนี้ที่โรงแรม Hilton Tokyo ได้เริ่มต้อนรับเทศกาลในเดือนหน้า ด้วยการจัดบุฟเฟ่ต์ขนมหวาน ในรูปแบบที่เข้ากับธีมวันฮาโลวีนเหลือเกิน เราไปดูดีกว่าว่าหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร แล้วมันจะน่ากินมั้ยนะ?   คัพเค้กดวงตา เพื่อนๆ กล้ากินกันมั้ยเอ่ย?? ไม่แน่ว่ากัดไปแล้วอาจจะมีเลือดพุ่งออกมาก็ได้นะ   หรือว่าจะเป็นต้มซุปรวมอวัยวะ มีทั้งลูกตา ตัวหนอน ลำไส้ และอีกมากมาย ที่นำมายำรวมกันในซุป คิดไม่ออกเลยว่ารสชาติมันจะเป็นอย่างไร   เค้กเลือด เดิมทีมันก็เป็นเค้กสีขาวธรรมดานั่นแหละ แต่เค้าจับคนมาฆาตกรรมให้เลือดสาดโดนใส่เค้ก (ถ้าจริงก็บ้าแล้ว!!!) เหมือนได้ทานทั้งเค้กและเลือดในคราวเดียวกัน   อันนี้พีคสุดๆ กับคุกกี้รูปนิ้วที่วางอยู่บนก้อนอึ (ไอเดียนี้ได้มาจากไหนเนี่ย?) ช่างเป็นคุกกี้ที่บ่งบอกความครีเอทแบบสุดโต่งของญี่ปุ่นได้ดีจริงๆ ว่าแต่มีใครกล้าลองกินก้อนอึนั่นบ้าง? ฮ่าๆๆ   แถมยังมีเค้กส้มที่ตกแต่งให้ดูเหมือนใยแมงมุม และชีสเบอร์เกอร์ทำจากขนมปังสีดำ ไม่ว่าจะเมนูไหนๆก็ดูเหมาะสมกับวันฮาโลวีนซะจริงๆเชียว   ถ้าหากใครมีโอกาสได้เดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงเทศกาลฮาโลวีนแล้วสนใจอยากจะลองไปชิมขนมหวานในรูปแบบที่แตกต่างออกไปดูล่ะก็ สามารถเข้าไปติดตามได้ที่เว็บไซต์ของโรงแรม HiltonTokyo แล้วอย่าลืมกลับมาเล่าให้ฟังด้วยนะ ว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง ที่มา:…

เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวฟิ้น ได้เห็นภาพๆ หนึ่งที่มีคนแชร์กันบนเฟซบุ๊ก เป็นภาพคล้ายๆ กับบ้านหลังหนึ่งบนหน้าผาสูงชัน พร้อมกับข้อความว่า “นี่คือบ้านในฝันของคนที่ขี้รำคาญหรือเกลียดคนทุกคน” จนโด่งดังและกลายเป็นภาพที่คนแชร์ต่อๆ กันไปมากมาย   ถึงจะไม่รู้ว่ามีใครใจกล้าพอจะขึ้นไปสร้างที่อยู่บนนั้นกันแน่ แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกเสียวท้องน้อยทีเดียว   ด้วยความสงสัยนี้เองเราจึงหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าบ้านริมหน้าผาแห่งนี้ ถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่บ้านของมหาเศรษฐีคนไหน แต่เป็นประภาคารที่ชื่อว่า Þrídrangar Lighthouse ที่สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนเดินเรือนั่นเอง     จากข้อมูลพบว่าประภาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 1939 ตั้งอยู่ใกล้กับเกาะ Vestmannaeyjar ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์     แน่นอนว่าอายุเก่าแก่ถึง 77 ปีขนาดนี้ ก็ต้องเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ทางการของไอซ์แลนด์จึงได้ส่งคนขับเฮลิคอปเตอร์อย่างนาย Gísli Gíslason และทีมช่างอีก 6 ชีวิตไปลงบนประภาคารเพื่อซ่อมบำรุงเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2016 ที่ผ่านมา     จากภาพจะเห็นได้ว่าการเดินทางเข้าไปยังประภาคารนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แถมลานจอดเฮลิคอปเตอร์ก็แคบมาก แต่โชคดีที่อากาศในวันนั้นปลอดโปร่ง จึงทำให้ทุกคนทำงานได้อย่างปลอดภัย แถมยังได้เห็นครอบครัววาฬแบบแว๊บๆ ด้วยนะ   .   แม้จะดูหวาดเสียวมากๆ แต่ก็ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยงามชิ้นหนึ่งเลย .   ชมคลิปประภาคารอันสูงชันได้ที่นี่เลย  …

ปกติแล้วองค์กรคุ้มครองเด็กจะทำหน้าที่ก็ต่อเมื่อได้รับแจ้งมาว่าเด็กถูกครองครัวทำร้ายร่างกายหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อเด็ก แต่เคสนี้ต่างไปจากที่เคยเจอมา เพราะมันเกี่ยวกับสภาพของบ้าน การที่จะพรากเด็กไปจากพ่อแม่ต้องมีเหตุผลรองรับเสมอ ซึ่งปกติก็มักจะเป็นการทำร้ายร่างกายและการใช้สารเสพติด แต่ครั้งนี้ที่ต้องเอาตัวเด็กไปเพราะว่าบ้านที่รกจนเหมือนว่าไม่มีใครดูแลเลย   ทั้งนี้ได้ทำการสืบเกี่ยวกับครอบครัวนี้ย้อนไปเมื่อเดือนมีนาคมก็ พบว่าได้มีเด็กสาววัย 3 ขวบหายไปจากบ้าน หลังจากนั้นก็ตามตัวเด็กจนพบ แล้วพากลับมายังบ้านแห่งนี้ แต่ทางแม่ของเด็กอยากให้ตำรวจสอบปากคำข้างนอกบ้านมากกว่า เนื่องจากเธอบอกว่าในบ้านค่อนข้างรก ทางตำรวจก็คิดว่าคงเป็นเรื่องขำๆ ก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอเข้าไปก็ต้องตกใจกับสนามหญ้าที่ดูแล้วน่าจะไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นปีๆ แน่ๆ เพราะว่ามีหญ้าที่ยาวและอะไรไม่รู้ขึ้นเต็มไปหมด ก็เลยทำการขอเข้าไปดูในบ้านเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กกินดีอยู่ดี   แต่เมื่อเข้าไปแล้วพวกเขาก็ตกใจยิ่งกว่า   เตียงที่ไม่มีผ้าปู แถามยังมีรอยเปื้อน   ดูจากกรงกระต่ายได้ เต็มไปด้วยขยะ ทั้งๆที่กระต่ายก็ยังอยู่ข้างใน .   นอกจากนี้ยังพบเด็กวัย 9 เดือนกำลังนอนอยู่บนเปล ที่ดูแล้วไม่น่าอยู่เป็นอย่างมาก   มีคราบและกลิ่นที่เหมือนฉี่อยู่ด้วย   พ่อแม่วัย 30 ปลายๆ เลยถูกตั้งข้อหาสะเพร่าจนทำให้เด็กเกิดอันตรายและละเลยลูก ตอนนี้ทั้งคู่ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อและเลี้ยงดูลูกแล้ว และเรื่องราวก็แย่กว่าเดิม เพื่อเด็กทั้งสองถูกส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลใกล้ๆ พบว่ามีร่องรอยการถูกทำร้ายอยู่ด้วย     และนี่ก็คือคลังภาพความสกปรกของบ้านหลังนี้ที่เห็นแล้วใครๆ ก็ต้องคิดว่าอยู่กันไปได้ยังไง ไปชมกันเลย . . .…

ใครกลัวแมลงสาบบ้างยกมือขึ้น!!! เชื่อว่าบ้านของหลายๆคนต้องเจอกับปัญหาแมลงสาบที่มักจะแอบมุดมาตามท่อบ้าง ตามรูระบายน้ำบ้าง โผล่มาทักทายเจ้าบ้านอย่างเราเป็นครั้งเป็นคราว แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีบ้านหลังไหนที่จะน่าสยอง สำหรับคนกลัวแมลงสาบได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะที่นี่คือบ้านร้าง ที่ถูกยึดครองโดยกองทัพแมลงสาบ…   บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในเขตเมือง Pana รัฐอิลลินอยส์ มันถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ ก่อนจะกลายมาเป็นปัญหาของชาวบ้านละแวกนั้น   ภายในบ้านเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่าๆที่พังแล้ว กองกันพะรุงพะรังอยู่เต็มบ้าน แทบจะไม่เหลือทางเดินเลยแหละ   อีกทั้งยังมีอาหารกระป๋องเก่าๆ ที่ถูกทิ้งไว้จำนวนมาก และนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้บ้านหลังนี้ กลายเป็นสวรรค์ของแมลงสาบ   เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจ ก็พบว่า มันเต็มไปด้วยแมลงสาบ แมลงสาบ และแมลงสาบ!!!   พวกมันมีมากซะจนไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็ต้องเจอมันเกาะกันอยู่เต็มไปหมด (นี้ยังไม่รวมพวกที่แอบซ่อนอยู่นะเนี่ย)   เทศบาลเคยส่งเจ้าหน้าที่มาใช้ยาฆ่าแมลง หรือใช้สารเคมีต่างๆก็แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล เพราะพวกมันคือสายพันธุ์ German Cockroach ขึ้นชื่อว่าอึดและตายยากที่สุด   หลังจากที่เทศบาลได้ตรึกตรอง และปรึกษาหารือกับชาวบ้านในละแวกนั้นแล้ว สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะใช้มาตรการขั้นสุดท้าย… เผาบ้านทั้งหลังมันซะเลย!!!   เจ้าหน้าที่ต้องระวังภัยอย่างรัดกุมไม่ให้ไฟลามลุกไหม้ไปยังบ้านอื่นได้   แต่ ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ ถ้ามันแตกรังจะทำยังไงไม่ให้บ้านข้างเคียงได้ผลกระทบ!? ถ้าเผาเมื่อไหร่ แมลงสาบแตกกันยกรังแน่ๆ เจ้าหน้าที่เลยจำเป็นต้องทำแผงกั้นรอบบริเวณบ้าน เพื่อไม่ให้พวกมันลามออกไปยังบ้านหลังอื่น…

ความเชื่อที่มีอย่างยาวนานและยังคงสืบต่อกันมาเป็นประจำของชนเผ่า Toraja แห่งประเทศอินโดนีเซียอาจจะเป็นเรื่องแปลกในสายตาของคนนอก แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันคือสิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นการแสดงความเคารพให้กับญาติผู้ใหญ่ที่เสียชีวิตไปแล้ว   เป็นเวลาประจำทุกๆ 3 ปี บนเกาะซูลาเวซี ชนเผ่า Toraja ก็จะทำการขุดหลุมฝังศพญาติผู้ใหญ่ของพวกเขาขึ้นมา ทำการสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ พร้อมกับการตกแต่งศพเพื่อให้ดูสวยงาม นอกจากนี้ยังมีการร่วมถ่ายรูปกับครอบครัวอันเป็นประเพณีที่ชื่อว่า Ma’nene หรือแปลได้ว่า พิธีการทำความสะอาดศพ ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องหลายศตวรรษแล้ว   หลานชายกำลังหวีผมให้กับร่างของคุณปู่คุณย่าในระหว่างการทำพิธี   ประเพณีนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพิธีการที่สำคัญเป็นอย่างมากสำหรับชนเผ่า Toraja ซึ่งถ้าหากว่ามีคนในครอบครัวเสียชีวิต พวกเขาก็จะทำการห่อผ้าหลายชั้นเพื่อป้องกันการย่อยสลายของศพ ลักษณะคล้ายกับการห่อมัมมี่ และร่างของผู้เสียชีวิตจะถูกนำไปฝังตามวิธีที่ทำกันมาอย่างยาวนาน เมื่อผ่านพ้นระยะเวลาไปได้ 3 ปี ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็จะทำการขุดหลุมฝังศพและนำร่างของผู้เสียชีวิตขึ้นมาตกแต่งใหม่ สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญอีกเช่นกันก็คือการเปลี่ยนหรือซ่อมแซมโลงฝังศพให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ   เหล่าญาติค่อยๆ พยุงและสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับร่างของบรรพบุรุษ   ตามความเชื่อของพวกเขานั้น วิญญาณของผู้ตายจะกลับมาสู่บ้านเกิดของตน หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนานตามเส้นทางของจิตวิญญาณ โดยที่ไม่สามารถพาร่างของตนเองเดินทางตามไปด้วยได้ และถ้าหากว่ามีคนในชนเผ่าเสียชีวิตภายนอกหมู่บ้าน ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็จะตามไปถึงสถานที่เหล่านั้น และพาร่างของผู้เสียชีวิตกลับมาฝังที่บ้านเกิด   สภาพร่างของอดีตทหารผ่านศึกผู้เสียชีวิตมานานกว่า 10 ปีแล้ว   L Sarungu อดีตทหารผ่านศึกผู้เสียชีวิตมานานกว่า 10 ปี…

หลายๆ ครั้งที่เราได้เห็นการช่วยเหลือเหล่าแมวเหมียวจากข้างถนน สิ่งเดียวที่พวกมันมีเหมือนกันก็คือส่วนใหญ่มักจะมีอาการบาดเจ็บและป่วย แต่เรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปชมกันในวันนี้เป็นเรื่องราวของการช่วยเหลือเจ้าเหมียวตาเหล่ ที่ดูแล้วมันช่างน่ารักซะเหลือเกิน!! เจ้าเหมียวตัวนี้เป็นแมวที่ถูกขับไล่ออกจากชุมชนที่อยู่อาศัยของเหล่าแมวจรจัด มันใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวด้วยความหวาดกลัวและหิวโหย จนในที่สุดมันก็ได้รับความช่วยเหลือและได้รู้จักกับความอบอุ่นและความรักเป็นครั้งแรกด้วย   มารู้จักกับเจ้าเหมียว Bubbles กัน!!   หากเราลองจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่ดูสวยงามของมัน เราจะเห็นได้ถึงความมีเสน่ห์และความแปลก แต่ก่อนที่เจ้าเหมียว Bubbles จะถูกช่วยเหลือนั้น มันต้องใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัว “เจ้าเหมียวตัวน้อยถูกขับไล่ออกจากฝูงแมวจรจัดให้ไปอยู่อย่างโดดเดี่ยว แมวจรตัวอื่นๆ จ้องจะคอยทำร้ายมันอยู่ตลอด และคอยแย่งอาหารจากมัน” ตัวแทนของ Tabby’s Place ศูนย์อนุรักษ์แมวในเมือง Ringoes รัฐ New Jersey กล่าว “เรารู้ได้อย่างทันทีว่าเจ้า Bubbles นั้นต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะมันผอมมากๆ แถมยังมีอาการผิดปกติที่ดวงตาอีกต่างหาก”     เจ้า Bubbles นั้นเป็นแมวที่ขี้อายมาก และดูเจ้าเล่ห์เล็กน้อยเมื่อมันมาถึงที่ศูนย์อนุรักษ์ แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มฝึกเข้าสังคม เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกของมันเลยล่ะ ^^     สำหรับเจ้าเหมียว Bubbles แล้ว อาจจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เพื่อเชื่อใจคนอื่นซักหน่อย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมามันใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังโดยไม่ได้พบเจอกับมนุษย์เลย…

เป้าหมายสูงสุดในชีวิตคนเรา ก็คงจะเป็น ‘ความสุข’ สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อความสุขกันทั้งนั้น แต่เราจะทำอย่างไรให้มีความสุขในทุกขั้นตอนของชีวิตล่ะ? นักปรัชญาชาวอังกฤษ Bernard Williams บอกว่าไว้ว่า ‘ไม่มีนักจิตวิทยาคนไหน ชอบให้หมาเลียหน้า’ ซึ่งมันก็เป็นความจริงซะด้วย แต่รู้มั้ยสุนัขนอกจากเป็นเพื่อนที่ดีแล้ว มันยังพร้อมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอด้วย เหมือนสุนัขต่อไปนี้ ที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ความสุขจากพวกมัน   1. คุณโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ที่นี่ ณ เวลานี้   2. จงขอบคุณสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้คุณมีความสุข   3. จงอยู่ด้วยใจที่เปรมปรีดิ์ในทุกๆ วัน   4. ที่สำคัญ อย่าลืมพักผ่อนด้วยนะ   5. ใช้เวลาอยู่นอกบ้านให้มากขึ้น   6. ไม่ว่าจะเวลาไหน ก็ให้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ   7. อย่ากลัวที่จะถูกมองว่าโง่หรือตลก แค่ทำในสิ่งที่รักก็พอ   8. อย่าใส่ใจว่า คนอื่นจะมองหรือคิดกับคุณยังไง   9. เป็นตัวของตัวเอง โดยไม่เลียนแบบคนอื่น   10. อย่าไปตัดสินคนอื่น ถ้าคุณไม่ได้รู้จักเขา  …

เป็นเรื่องปกติที่เราจะได้เห็นสิ่งใหม่ๆ จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็ปกติแล้วมักจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ หรือสื่อเทคโนโลยีต่าง แต่มาครั้งนี้ เปลี่ยนแนวมาเป็นสายบันเทิง ด้วยบอยแบนด์แมวดำพร้อมกับซิงเกิ้ลเปิดตัว Neko Funjatta ที่แปลว่า ฉันเหยียบแมว     สำหรับเพลง Neko Funjatta นั้นมีมานานแล้ว โด่งดังทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนแต่งเพลงนี้ขึ้นมา แถมชื่อของเพลงนี้ก็เรียกไม่เหมือนกันในแต่ละประเทศ อีกทั้งยังเป็นเพลงที่ใช้ฝึกเล่นเปียโนด้วยนะ ชื่อเพลงว่า Dog’s Waltz หรือ Flea Waltz แม้จะคนละชื่อ แต่ก็เป็นเพลงเดียวกันนั่นแหละ   Dog’s Waltz ในรูปแบบบรรเลงเปียโน   เพลงต้นฉบับของญี่ปุ่น กับเนื้อร้องประมาณว่า ขอโทษที่เหยียบด้วยนะเจ้าเหมียว   และนี่คือการเต้นแบบ Neko Funjatta ที่ฮิตสุดในตอนนี้   Neko Funjatta เวอร์ชั่นแมวดำนี้ เป็นเพลงที่ดัดแปลงมาจากเพลงในอดีต ที่มีจังหวะในการเต้น พร้อมกับบอยแบนด์เหมียวดำแต่งชุดสูท เต้นด้วยท่าทางน่ารักและมีเอกลักษณ์ที่แปลกตาต่างจากบอยแบนด์ที่เราเคยเห็นกันมาเลยล่ะ   ในวิดีโอจะเห็นเหล่าบอยแบนด์เหมียวโพสต์ท่าน่ารักๆ   มีการส่งจูบให้ด้วย   มีการเคลื่อนไหวร่างกายด้วยการเต้นบัลเล่ต์…

การนอนหลับนั้น นับว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด และการพักผ่อนที่เพียงพอนั้นยังดีต่อสุขภาพด้วย ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีว่าการได้นอน 8 ชั่วโมงนั้นคือระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็มีความคิดที่ว่าการได้นอน 6 ชั่วโมงนั้นก็ไม่น่าจะส่งผลเสียอะไรมาก จากการหักลบเวลานอนไป 2 ชั่วโมง เพื่อให้เห็นชัดถึงผลกระทบของการนอนที่ไม่เพียงพอ ก็ต้องทำการทดสอบกันจริงๆ โดยผู้ร่วมเข้าทดสอบก็คือ Sarah Chalmers วัย 46 ปี จากสหราชอาณาจักร ซึ่งจะให้เธอนอนในระยะเวลาที่แตกต่างกันระหว่าง 8 ชั่วโมงและ 6 ชั่วโมง จุดมุ่งหมายในการทดสอบนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า เมื่อคนเรามีเวลานอนหลับที่ไม่เพียงพอจะเป็นอย่างไร โดยก่อนการทดสอบนั้น นักวิจัยได้วิเคราะห์ใบหน้าของ Sarah ด้วยเครื่องสแกนใบหน้า และในตอนท้ายนั้นเราได้เห็นใบหน้าของเธอมีรูขุมขนกว้างขึ้นถึง 2 เท่า พร้อมกับสีหน้าแดงก่ำ     Sarah บอกว่า “ฉันดูแก่กว่าวัย 46 ปี มาก ขอบตาดำ ผิวหย่อนคล้อย และรูขุมขนก็กว้างขึ้นมาก แม้จะมองในระยะไกลก็ตาม ฉันรู้สึกเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด และรู้สึกหงุดหงิดง่าย ฉันเกลียดภาพสะท้อนในกระจกทุกครั้งที่เห็น” ในการทดสอบครั้งแรกนั้น Sarah ได้นอนไม่เกิน 4 ชั่วโมงต่อคืน คือตั้งแต่ตี 2…

เรื่องราวอันน่าเศร้าใจนี้เกิดขึ้นในปี 2015 หญิงสาวคนหนึ่งนามว่า Tiziana Cantone จากเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี เธอได้ส่งคลิปที่เธอกำลังมีเพศสัมพันธ์กับแฟนเก่าได้ดู และนั่นก็ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปในทันที     คลิปของเธอถูกแชร์ใน WhatsApp และหลังจากนั้นก็เริ่มไปไกลถึงโซเชียลมีเดียอื่นๆ และคลิปนั้นก็ได้กลายมาเป็นมุกตลกที่ยกคำพูดของเธอจากในคลิปมาด้วย   ในคลิปเธอได้พูดไว้ว่า “Mi stai facendo il video? Bravo” (แปลได้ว่า “กำลังอัดคลิปเหรอ? ดีเลย”) ซึ่งประโยคนี้กลายเป็นประโยคที่ใช้ในเชิงตลกขบขัน ไม่ใช่แค่คนทั่วไป แต่ระดับบริษัทก็ยังใช้ในการโฆษณาด้วย   ซึ่งประโยคนี้ก็ดังมาก ถึงขนาดที่ว่านักฟุตบอลในอิตาลี Paolo Cannavaro และ Antonio Floro Flores ก็ยังเอามาพูดกันในเชิงขำๆ   จากเหตุการณ์ที่คลิปหลุดออกไปและกลายมาเป็นกระแสมุกตลกในโลกออนไลน์ ป้าของเธอก็พบว่าหลานสาวกลายเป็นศพด้วยวัยเพียงแค่ 31 ปีเท่านั้น ซึ่งทางตำรวจของเมืองเนเปิลส์ก็กำลังสืบสวนถึงสาเหตุการตายของเธอ และทำการสันนิษฐานเอาไว้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย Tiziana Cantone ต้องลาออกจากงานอันเนื่องมาจากผลกระทบที่ตามมาในโลกออนไลน์ และจะต้องมาตามลบความผิดพลาดในเรื่องคลิปของเธอด้วย ดังนั้นเธอจึงจำเป็นที่จะต้องย้ายกลับไปที่เมือง Mugnano เพื่ออยู่กับครอบครัว   Cantone ได้ทำเอกสารเพื่อร้องขอไปยัง Google, Facebook ประเทศไอร์แลนด์, Yahoo ของอิตาลี,…

ถ้าเลือกได้ หลายคนก็คงอยากมีชีวิตที่หรูหรา ใช้แต่ของแพงๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำแบบนั้นได้ เพราะคนเรามีฐานะที่ไม่เท่าเทียมกัน ทำให้บางคนใช้ชีวิตหรูหราสบายๆ ในขณะที่อีกหลายคนก็ได้แค่ฝัน     ศิลปินและประติมากรชาวอิตาลี Maurizio Cattelan วัย 55 ปี ได้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจนี้ และเข้าใจว่าทุกคนต่างก็ต้องการชีวิตที่หรูหราทั้งนั้น เขาจึงได้ออกแบบชักโครกที่ทำจากทองคำ 18 กะรัต และตั้งชื่อให้มันว่า America     มันถูกติดตั้งไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Fifth Avenue ในนิวยอร์กและเปิดให้ผู้คนได้ทดลองใช้งานด้วย แน่นอนว่าชักโครกทองคำนี้สามารถใช้ได้ทุกเพศเลย ไม่ว่าใครก็ตามที่เสียค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์แล้ว จะใช้กี่ครั้งก็ได้ตามสะดวก     โดยมีวัตถุประสงค์ก็เพื่อให้ผู้คนได้สัมผัสกับสิ่งของที่มีความหรูหราสักครั้ง และยังเป็นการให้คนที่เข้ามาชมงานได้ซึมซับกับงานศิลปะด้วย ผลงานชิ้นนี้ยังถูกเปรียบเทียบกับงานของ Marcel Duchamp ที่ได้ทำรูปปั้นเด็กยืนปัสสาวะ ที่ชื่อว่า ‘Fountain’ ซึ่งจัดแสดงในปี 1917 ที่นิวยอร์กเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ก่อให้เกิดความรู้สึกในโลกศิลปะอีกขั้นหนึ่ง   นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆ ก็อยากลองไปสัมผัสดูสักครั้งนะ แต่ก็เกรงว่าจะใช้ไม่ลง อิอิ ที่มา bbc

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดผมตัวเองที่ไว้มาเป็นเวลานาน ใครที่เคยไว้ผมยาวคงจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลาย เพราะกว่าจะยาวได้ขนาดนี้ ต้องผ่านการบำรุงมาอย่างดี แต่จู่ๆ จะให้ตัด ก็คงจะทำใจไม่ได้ (เสียดายนั่นแหละ) แต่สำหรับเด็กชาย Thomas Moore วัย 8 ขวบที่ไว้ผมยาวมายาวนานถึง 2 ปี ในที่สุดเขาก็ยอมเสียสละตัดผมตัวเอง เพื่อบริจาคให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง และการตัดสินใจในครั้งนี้ก็กลายเป็นการกระทำที่ใครๆ ต่างต้องยกย่องในน้ำใจของเขา โดยจุดเริ่มที่ทำให้เขาตัดสินใจเช่นนี้ เป็นเพราะเขาได้ชมวิดีโอของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ป่วยเป็นมะเร็งจนต้องสูญเสียผมไป ทำให้เขาจึงเกิดไอเดียนี้ขึ้นมา   Thomas ที่ได้ตัดสินใจไว้ผมมานานถึง 2 ปี   และหลังจากนั้น 2 ปี เขาก็ได้ตัดสินใจตัดผมที่ตั้งใจไว้ยาวขนาดนี้ ซึ่งผมที่ได้จากหนุ่มน้อย Thomas นั้นสามารถนำไปทำวิกผมได้ถึง 3 อันเลยล่ะ   ป้าของเขาได้ถ่ายรูปก่อนตัดและหลังตัด แล้วโพสต์ลงในทวิตเตอร์ ทำให้มีคนเข้ามากดไลค์ กดแชร์จำนวนมาก   Amber Ray ป้าของเขาก็ได้ถ่ายรูปก่อนตัดและหลังตัด แล้วโพตส์ลงใน Twitter ตั้งแต่นั้นมาก็มีผู้คนเข้ามากดไลค์กว่าแสนคน และแชร์อีกประมาณ 5 หมื่นครั้ง  …

เราเคยคิดมั้ยว่า ถ้าอยู่ในวัยเกษียณเราจะทำอะไร หรืออยากอยู่ในบ้านแบบไหน? หรือเราจะทำเหมือนสถาปนิกชาวญี่ปุ่นคนนี้ ที่ได้สร้างบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะให้กับผู้หญิง 2 คนได้อยู่ในวัยเกษียณพร้อมกับผู้ดูแล Issei Suma มักเป็นที่รู้จักในฐานะสถาปนิกที่ชอบออกแบบอาคารบ้านเรือนด้วยรูปทรงที่น่าสนใจ และครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาได้สร้างบ้านหลังเล็กๆ ติดกัน 5 หลัง ซึ่งดูสะดุดตาด้วยรูปทรงที่คล้ายกับเต็นท์ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างรูปแบบของศิลปะและระบบนิเวศ โดยอาคารจะเป็นทรงเกลียว ภายในมีสระว่ายน้ำเล็กๆ และห้องครัวสำหรับสุภาพสตรีทั้ง 2 ท่าน โดยทั้งหมดนี้ใช้พื้นที่ 100 ตารางเมตร และเขายังตั้งชื่อให้บ้านนี้ว่า Jikka โดยตั้งอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่งในจังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น   .   ดูภายนอกว่า น่าสนใจแล้ว… .   แต่พอได้เห็นภายใน ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลย . . . .   บ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียงเล็กน้อย .   สวยและน่าอยู่ขนาดนี้ คงไม่ต้องรอให้ถึงวัยเกษียณแล้วล่ะ ขอตอนนี้เลยได้มั้ย ที่มา boredpanda

ถ้าสังคมของเรามีคนดีๆ อยู่ เชื่อว่ามันจะต้องมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์นี้…   นี่เป็นภาพที่ทำให้ใครหลายๆ คนรู้สึกอึดอัดหรือรู้สึกไม่ดี คุณตา Fidencio Sanchez วัย 89 ปี ที่กำลังเข็นรถเข็นขายไอติมเพียงลำพังในเมืองชิคาโก และนั่นเองก็เป็นเหตุผลให้ผู้คนต่างช่วยกันระดมทุนเป็นจำนวนเงินกว่า 13 ล้านบาท เพื่อช่วยให้คุณปู่ได้เลิกทำแบบนี้ แล้วไปใช้ชีวิตบั้นปลายอันสุขสบายอย่างที่ควรจะเป็น     ภาพนี้ถ่ายโดย Joel Cervantes Macias ได้ให้สัมภาษณ์กับ Buzzfeed News ว่าจู่ๆ สายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ชายแก่คนหนึ่งที่พยายามดันรถเข็นไอติมไปตามถนนอย่างยากลำบาก “ทุกๆ คนเดินผ่านคุณปู่ไปเหมือนกับว่าเขาไม่ได้มีตัวตนอยู่ตรงนั้นเลย” เขากล่าว Macias ได้เดินเข้าไปหาคุณปู่พร้อมกับขอซื้อไอติมแท่ง 1 แท่ง แล้วก็แชร์ภาพนี้ลงบนเฟซบุ๊คของเขาและผลตอบรับมันก็ช่างยิ่งใหญ่ซะเหลือเกิน   หลังจากนั้นเขาก็ได้เริ่มทำการระดมทุนในเว็บไซต์ GoFundMe เพื่อหาเงินไปช่วยให้คุณปู่เกษียณอายุการทำงานไปใช้ชีวิตอย่างสบายซักที โดยตอนแรกแคมเปญได้ตั้งเงินไว้ที่ 104,600 บาท แต่ผ่านไป 1 สัปดาห์ยอดเงินระดมทุนกลับพุ่งไปสูงถึง เกือบ 13 ล้านบาท และดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ เลยล่ะ คุณปู่…

“ตด” เป็นมลภาวะทางกลิ่นอย่างหนึ่ง ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหนก็ไม่เป็นผลดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่สาธารณะ โรงหนัง ที่ทำงาน หรือในห้าง มันคงจะดีไม่น้อยเลยนะหากเราสามารถเปลี่ยนให้กลิ่นเหม็นๆ ของตดกลายเป็นกลิ่นหอมหรือกลิ่นอื่นๆ ได้     หากคุณคิดแบบเดียวกับเราแล้วล่ะก็ วันนี้เรามีทางออกมานำเสนอล่ะ เพราะเมื่อไม่นานมานี้สื่อต่างประเทศหลายๆ แห่งได้รายงานว่านาย Christian Poincheval ชาวฝรั่งเศสวัย 65 ปี ได้คิดค้นตัวยาขนานใหม่ขึ้นมา ยาตัวนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถตดออกมาโดยไม่มีกลิ่นเหม็น แต่กลายเป็นกลิ่นช็อคโกแลตหอมๆ แทน!?   ตามที่นาย Christian ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับไอเดียของยาเปลี่ยนกลิ่นตดนี้ว่า เขาเริ่มมีความคิดตอนที่ออกไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วต้องเจอกับเหตุการณ์ที่น่าอับอาย ในระหว่างที่พวกเขากำลังกินข้าวกันอย่างสนุกสนาน แต่เขากลับปวดท้องตดจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เลยทำให้เขาอยากจะแก้ไขสิ่งนี้ด้วยตัวเอง     นาย Christian ก็เลยเริ่มการทดลองด้วยตนเองพร้อมกับขอคำปรึกษาจากนักวิทยาศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน จนได้สูตรลับเปลี่ยนกลิ่นตดในที่สุด โดยมีส่วนผสมได้แก่ต้นบิลเบอร์รี่ ยางแมสติก สาหร่าย ถ่านและผงโกโก้ “ผมมีลูกค้าหลากหลายประเภทมาก บางคนซื้อมันไปเพราะมีอาการท้องอืด บางคนซื้อไปเพราะเอาไว้ไปแกล้งเพื่อนๆ ของเขา” นาย Christian กล่าว     นอกจากกลิ่นช็อคโกแลตแล้ว ตา Christian…

เชื่อว่าหลายคนคงเคยชมภาพยนตร์เรื่อง Fault in Our Stars ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักของพระเอกนางเอกที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งกันมาแล้ว ซึ่งทั้งคู่ก็พร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคและต่อสู้ไปด้วยกันจนถึงวินาทีสุดท้าย แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องราวสุดเศร้าจากภาพยนตร์ จะบังเอิญไปเกิดขึ้นในชีวิตจริงของ Katie และ Dalton Prager คู่รักที่พบกันขณะที่ต่อสู้กับโรคปอดเรื้อรัง แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็พร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันจนถึงที่สุด     เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2559 ทางเว็บไซต์ Dailymail ได้เผยเรื่องราวความรักที่น่าเศร้าของพวกเขา โดย Katie ในวัย 26 ปี ได้เข้ารักษาตัวอยู่ที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยในรัฐเคนทักกี หลังจากที่เธอได้รับการปลูกถ่ายปอด แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ด้านแพทย์ได้ออกมาเผยว่า ไม่มีทางใดที่จะสามารถรักษาเธอได้อีกแล้ว     ฝ่าย Dalton ชายหนุ่มวัย 25 ปี ก็พยายามต่อสู้กับโรคปวดบวมที่เป็นอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อที่เขาจะได้มาอยู่ใกล้ๆ กับภรรยา แต่ทว่าสุขภาพร่างกายกลับแย่ลงเรื่อยๆ และนั่นก็ทำให้เขาไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลเพื่อมาอยู่เขียงข้างกับภรรยาสาวได้     สำหรับเรื่องราวความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นหลังจากที่ Katie ได้ยินเรื่องราวของ Dalton และเธอก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเขา อีกทั้งยังได้ส่งข้อความไปหา…

ไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็ตามถ้าผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายมาในชีวิตจะทำให้พวกเขาไม่เปิดใจรับอะไรง่ายๆ เพราะฉะนั้นการช่วยเหลือและชนะใจพวกเขานั้นเราจะต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของเจ้าเหมียวขี้กลัว Rigby ที่อาศัยอยู่ตัวคนเดียวในที่ดินว่างเปล่า ข้างๆ บ้านของหญิงสาวคนหนึ่ง และมันก็มักจะโผล่มาให้เธอเห็นที่ข้างรั้วบ้านเธออยู่บ่อยๆ ก็เลยตัดสินใจที่จะรับมันมาเลี้ยงไว้ในบ้านซะเลย     มันอาศัยอยู่ในย่าน Brooklyn ด้วยตัวคนเดียว ดูเหมือนเจ้าเหมียวตัวนี้ขี้กลัวเอาซะมากๆ เลยล่ะ มันมักจะรักษาระยะห่างจากมนุษย์อยู่ตลอด “ฉันเห็นมันมาประมาณ 1 เดือนแล้ว และในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะทำอะไรซักอย่าง” คุณ Alley กล่าว ในทุกๆ เช้า และทุกคืน เธอจะมองหามันตลอด แต่อยู่มาวันหนึ่งด้วยการช่วยเหลือของคนแปลกหน้าที่ผ่านมาเห็นเธอกำลังจะจับเจ้าเหมียวอยู่พอดี ก็เลยทำให้เธอสามารถพามันกลับเข้ามาที่บ้านได้อย่างง่ายดาย เธอจึงตั้งชื่อให้มันว่า Rigby พอมาถึงที่บ้านปุ๊บเจ้า Rigby ก็รีบวิ่งตรงดิ่งเข้าไปหลบอยู่ในห้องน้ำหลังตรงหลังโถส้วม และไม่ออกไปจากตรงนั้นเลยเป็นเวลาถึง 2 วัน     Alley พยายามที่จะชนะใจของมันทุกวิถีทาง หลังจากที่เธอพยายามอยู่นาน ในที่สุดเจ้าเหมียวก็เหมือนจะรับรู้ในเจตนาดีของเธอ มันก็ออกมาจากห้องน้ำ “และตอนนี้มันก็กำลังสำรวจบริเวณประตูหลังบ้านอยู่” เจ้าเหมียวยังคงรู้สึกระมัดระวังตัวจากเธอ แต่อย่างไรก็ตามมันก็เหมือนจะเปิดใจขึ้นมาหน่อยนึงแล้วล่ะ ^^     และเมื่อเธอคิดว่าเจ้า Rigby เริ่มที่จะยอมรับเธอแล้ว แต่จู่ๆ มันก็เกิดกลัวขึ้นมาแล้วก็หนีเข้าไปหลบอีกครั้ง “มันรู้สึกกลัวอีกแล้ว มันมักจะวิ่งหนีไปหลบอยู่หลังหมอนที่พิงอยู่บนโซฟาทุกครั้งที่ฉันกลับมาถึงบ้าน”…

จบไปแล้วสำหรับกีฬาโอลิมปิกที่ริโอ และต่อจากนั้นก็จะมีกีฬา “พาราลิมปิก” ซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬาสำหรับคนพิการ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน เพราะทุกครั้งที่เราเห็นการมอบเหรียญรางวัล เรามักจะเห็นนักกีฬาเอาเหรียญมาเขย่า ทำไมกันนะ!?     ในโอลิมปิกเราได้เห็นนักกีฬากัดเหรียญมาแล้ว ในพาราลิมปิกเราก็จะได้เห็นนักกีฬาเขย่าเหรียญเช่นเดียวกัน ซึ่งใน 2,642 เหรียญที่ได้มอบให้นักกีฬาในการแข่งขันนี้ได้ใส่ลูกเล่นบางอย่างที่ทำให้เกิดเสียงขึ้นมา   ในแต่ละเหรียญนั้นจะประกอบไปด้วยวงแหวนเหล็กเล็กๆ ที่ใส่เอาไว้ข้างใน ซึ่งจะทำให้เกิดเสียงที่ต่างกัน ทั้งทอง เงิน และทองแดง เวลาเขย่านักกีฬาก็จะทราบเช่นกันว่าเหรียญของตัวเองนั้นตเป็นรางวัลพิเศษที่ต่างจากคนอื่นๆ เหรียญทองจะมีเสียงที่ดังที่สุด เพราะข้างในบรรจุด้วยลูกเหล็ก 28 ลูก เหรียญเงินรองลงมาคือ 20 ลูก และเหรียญทองแดงคือเหรียญที่เสียงเบาที่สุด มี 16 ลูก   อีกทั้งแต่ละเหรียญก็สลักลายเหมล็ดพันธุ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น และการพัฒนาของนักกีฬาทุกคน ที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ . .   เราไปชมคลิปการทำเหรียญชนิดนี้กันเลย   อย่างน้อยเราก็ได้เห็นความใส่ใจ ที่เหล่าผู้จัดมีให้กับนักกีฬาคนพิการ และสร้างสรรค์คุณภาพงานที่ดีออกมาเป็นรางวัลแก่ความทุ่มเทนี้อย่างเต็มที่เลย… ที่มา distractify

เราคงมีดารา นักร้อง หรือนักกีฬาในดวงใจ ที่อยากเจอสักครั้งในชีวิต แม้บางคนจะเจอตัวยากก็ตาม แต่สุดท้ายก็ได้เจอ มันคงจะกลายเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ Paddy Lawler วัย 73 ปี กำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งเขาก็เป็นแฟนบอลของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วย และเขาก็อยากเจอเหล่านักเตะในดวงใจสักครั้ง ก่อนที่เขาจะลาโลกนี้ไป     Kayleigh วัย 27 ปี ผู้เป็นหลานสาวจึงได้ช่วยคุณปู่ ด้วยการโพสต์เรื่องนี้ลงใน Facebook เพื่อทำให้ฝันของคุณปู่เป็นจริง โดยได้เขียนไว้ว่า “เพื่อนๆ ทุกคน ช่วยแชร์เรื่องนี้ไปให้ถึงผู้เล่นในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อให้เขามาเยี่ยมคุณปู่ของฉันหน่อย ก่อนที่เขาจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว ฉันได้เขียนอีเมลล์ไปที่ มูลนิธิ MUFC แต่ยังไม่มีการตอบกลับเลยค่ะ” หลังจากนั้นไม่นาน นักเตะบางส่วน เช่น  Marcus Rashford, Jesse Lingard, Ashley Young และ Timothy Fosu-Mensah ก็ได้มาเยี่ยมเขาถึงที่ Jesse Lingard หนึ่งในนักเตะจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำให้ฝันคุณปู่เป็นจริง   แต่ประมาณ…

ภัยธรรมชาติ อย่างน้ำท่วมนั้น ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็โลก ก็มักจะต้องเจอกับปัญหานี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ใช่แค่มนุษย์ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยนี้ เหล่าสิ่งมีชีวิตอย่างสัตว์ป่า ก็เดือดร้อนไม่แพ้กัน เหมือนหมีโคอาล่าตัวนี้ ที่ต้องเอาชีวิตในขณะที่น้ำท่วมอย่างหนักในทางตอนใต้ของออสเตรเลีย มันกำลังนั่งอยู่บนเสารั้ว และตะเกียกตะกายที่จะออกจากพื้นที่นี้ด้วยความยากลำบากในสภาพที่เปียกปอน     Russell Latter ผู้ที่ถ่ายภาพไว้เล่าให้ฟังว่า “ผมเห็นหมีโคอาล่าตัวนี้ ในขณะที่ขับรถผ่าน รอบๆ ตัวมันมีน้ำท่วมรอบด้าน ผมจึงหยุดรถและเกลี้ยกล่อมให้มันข้ามรั้วเล็กๆ นั้นมา เพื่อให้ออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนั้น” ในที่สุด มันก็ข้ามรั้วมาขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย และปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ แถวนั้น หลังจากที่ภาพของหมีโคอาล่าตัวนี้ ถูกเผยแพร่ทาง Facebook ทางเจ้าหน้าที่จึงรีบไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อให้ความช่วยเหลือทันที น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้ผู้คนเดือดร้อนเป็นอย่างมาก และยังมีคำสั่งให้อพยพออกจากพื้นที่ด้วย โดยมีบ้านประมาณ 60 หลังคาเรือน ที่ได้รับความเสียหาย     ภาพที่ใครเห็น ก็ต้องสงสารจับใจ มันนั่งด้วยความหนาวสั่น และพยายามออกจากพื้นที่นั้น ในที่สุดมันก็ข้ามฝั่งมาได้อย่างปลอดภัย และปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้   น้ำท่วมเป็นภัยธรรมชาติที่ใครก็ไม่อยากให้เกิด แต่ถ้ามันเกิดแล้ว เราในฐานะมนุษย์ ก็อย่าลืมให้การช่วยเหลือสัตว์ที่รอความช่วยเหลือด้วยนะคะ ที่มา buzzfeed

เด็กที่เป็นโรคมะเร็งและโรคเนื้องอกในสมอง นับว่าเป็นโรคที่ยังไม่ค่อยมีการทำการวิจัยอย่างจริงจัง เนื่องจากขาดแคลนเงินทุนในการทำการวิจัย ทำให้เด็กๆ ที่เกิดมาเป็นโรคเหล่านี้ ได้ใช้ชีวิตในระยะเวลาอันแสนสั้น ก่อนที่จะจากไปพร้อมกับความเศร้าโศกที่ครอบครัวต้องเผชิญ โครงการ Gold Hope จึงได้ถูกก่อตั้งขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มช่างภาพที่รวมตัวกันเพื่อมอบของขวัญแก่ครอบครัวที่มีลูกเป็นโรคมะเร็ง ด้วยการถ่ายรูปรอยยิ้มของเด็กๆ เหล่านั้น โดยเป้าหมายหลักๆ ของโครงการ Gold Hope นี้ ก็เพื่อให้ครอบครัว ได้มีความสุขกับลูกๆ ในช่วงเวลาที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ในขณะเดียวกันก็เพื่อให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ตระหนักถึงความสำคัญของโรคมะเร็งและโรคเนื้องอกในสมองของเด็ก และอยากให้มีทุนสำหรับทำการวิจัยเพื่อหาแนวทางในการรักษา   1. Noelle ผู้รอดชีวิตจากโรคเนื้องอกในสมอง   จุดเริ่มต้นโครงนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากหนูน้อย Ava วัย 5 ขวบ ที่เปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะตลอดเวลา แต่เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในสมองตั้งแต่อายุเพียงแค่ 4 ขวบ แน่นอนว่า การวินิจฉัยโรคนี้สร้างความเจ็บปวดให้ครอบครัว Ava เป็นอย่างมาก พวกเขาก็ต้องพาเธอไปทำคีโม ฉายรังสีหลายครั้ง ครอบครัวต้องทนเห็นความเจ็บปวดของหนูน้อยซ้ำแล้วซ้ำเล่า และแม้ว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเธอ แต่พวกเขาต่างก็รู้ดีว่า สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ต้องเสียเธอไป   2. Ava ถูกพบว่าเป็นเนื้องอกในสมองในปี 2011 และเธอจากไปในปี 1012   แต่ในระหว่างการต่อสู้กับโรคมะเร็งนี้ ภาพของ  Ava ก็กลายเป็นสิ่งที่มีความหมาย เพราะครอบครัวได้เห็นรอยยิ้มของเธอ…

การเลี้ยงลูกนั้น ส่วนใหญ่แล้วคุณแม่จะเป็นคนเลี้ยงมากกว่าคุณพ่อ และเมื่อไหร่ก็ตามที่ปล่อยลูกไว้กับพ่อ เราก็มักจะได้เห็นการเลี้ยงลูกแบบแปลกๆ เสมอ คนเป็นแม่จึงไม่ค่อยอยากจะปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังกับคุณพ่อสักเท่าไร แต่สำหรับ Dave Engledow คุณพ่ออารมณ์ดีวัย 43 ปี ได้ถ่ายรูปกับลูกสาว Alice ตั้งแต่เธออายุ 6 สัปดาห์ และกลายเป็นภาพฮาๆ ของพ่อลูกคู่นี้     Engledow เล่าให้ฟังว่า ‘ครั้งที่ผมเริ่มถ่ายรูปแบบนี้ เป็นเพราะอยากหาอะไรสนุกๆ ทำ เพราะผมรู้สึกเหนื่อยและนอนไม่คอยหลับ’ โดยในการถ่ายรูปแต่ละครั้งนั้น เขามักจะถ่ายแยกเขากับลูก แล้วค่อยเอามาตัดต่อทีหลัง ซึ่งในการถ่ายภาพแต่ละครั้งนั้น ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง และการแก้ไขภาพก็ต้องใช้เวลานานถึง 5-20 ชั่วโมงเลยล่ะ การจะให้ลูกสาวมาถ่ายรูปแต่ละครั้งนั้น มักต้องหาอะไรมาหลอกล่อเสมอ บางครั้งลูกสาวก็สนุกกับการถ่ายรูปกับพ่อ แต่บางทีเธอก็ชอบไปเล่นอย่างอื่นมากกว่า     แม้ว่าตอนแรกจะตั้งใจถ่ายเล่นๆ เพื่อแพร่ผ่านทาง Facebook ให้คนในครอบครัวได้ดูเผย แต่กลายเป็นว่ามีเพื่อนคนหนึ่งรู้สึกถูกใจและอยากซื้อชุดปฏิทินภาพของเขากับลูกสาวเหล่านี้ หนึ่งปีต่อมา หลังจากทำระดมทุนในเว็บไซต์ Kickstarter ซึ่งเป็นปฏิทินฉบับที่สองของเขา การถ่ายรูปของเขากับลูกสาว ถูกคัดเลือกให้เป็นภาพที่ดีที่สุดของเว็บไซต์ด้วย จนปัจจุบันเขามีแฟนคลับบน Facebook ถึง 105,000…

เดี๋ยวนี้ การจะเลือกซื้อสินค้าสักชิ้นนั้น รูปแบบของผลิตภัณฑ์ นับว่าเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจซื้อ ดังนั้น เราจึงได้เห็นแพคเกจที่เปลี่ยนไปเพื่อเอาใจผู้บริโภค เหมือนกับแพคเกจสินค้าต่อไปนี้ ที่จะมาสร้างรอยยิ้มให้ลูกค้าเป็นอย่างดีเลย เพราะมันเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบได้อย่างสร้างสรรค์ เก๋ไก๋ ทำให้เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็น ถึงกับต้องขยี้ตาแรง และอาจจะถูกดึงดูดและเผลอซื้อมันไปง่ายๆ เลยล่ะ   1. แพคเกจขนมปัง กับรูปทรงที่สาวๆ คุ้นเคยเป็นอย่างดี   2. ขวดโหลน้ำผึ้ง   3. ห่อใส่เส้นก๋วยเตี๋ยว   4. กล่องไม้ขีดไฟ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตุ๊กตาไม้โคเคชิจากญี่ปุ่น   5. แพจเกจใส่เชือก   6. ชุดของเล่นเด็กทรงกล่องนมน่ารักๆ   7. แพจเกจหูฟังของ Sony   8. แพคเกจบรรจุเค้ก ทรงกางเกง   9. ช็อคโกแลตเพื่อคุณผู้ชาย…   ดูผ่านๆ ก็เหมือนช็อคโกแลตทั่วไปนะ   แต่พอซูมดูใกล้ๆ แบบนี้นี่เอง   10. แพคเกจข้าว Shirokuma  …

ทะเลเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เรามักจะเลือกไปในวันหยุด บางคนไปแล้วไปอีกจนเบื่อก็มี แต่สำหรับคุณยายท่านนี้ ทะเลเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับเธอ และเป็นความใฝ่ฝันที่อยากไปสักครั้งในชีวิต คุณยาย Ruby Holt วัย 100 ปี ที่แม้จะมีอายุมากแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเห็นทะเลสักครั้งเลย เพราะด้วยฐานะที่ยากจน เธอจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิต ทำงานในโรงงานผลิดฝ้าย หรือทำงานในไร่อย่างหนัก เพื่อส่งเสียลูกๆ     ครั้งหนึ่งเมื่อลูกๆ กำลังเล่นปืนฉีดน้ำ แล้วถามเธอว่า ‘น้ำพวกนี้มาจาไหนฮะแม่?’ เธอตอบไปว่า ‘มาจากน้ำทะเล’ ตอบไปทั้งที่เธอเองก็ยังไม่เคยเห็นทะเลด้วยซ้ำ ปัจจุบันเธออายุ 100 ปีแล้ว และใช้ชีวิตอยู่ในบ้านพักคนชรา Brookdale’s Sterling House เมื่อเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเธอรู้ว่า ความฝันสูงสุดในชีวิตเธอคือ การได้ไปเห็นทะเล พวกเขาจึงตัดสินใจช่วยกันทำให้ฝันของคุณยาย Ruby เป็นจริง     โดยคุณยายได้ตั๋วไปพักที่รีสอร์ทริมทะเลแห่งหนึ่งในประเทศเม็กซิโก และเมื่อเธอได้สัมผัสกับน้ำทะเลครั้งแรก เธอบอกว่า “ฉันได้ยินมาตลอดว่า ทะเลเป็นที่ที่สวยงามมาก แต่ฉันเพิ่งได้มาสัมผัสก็วันนี้แหละ มันสวยงามจริงๆ และมันกว้างใหญ่มากค่ะ” และมีคำถามที่ว่า “ทำไมไม่หาโอกาสมาสักครั้งล่ะ?” เธอตอบว่า “สำหรับคนฐานะยากจนอย่างเรา การได้หยุดพักร้อน หรือการได้ไปเที่ยวนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย” เมื่อได้ยินดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันประคองคุณยาย…

‘มะเร็ง’ โรคร้ายที่หลายคนรู้จักดี และไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวของเรา เพราะเราต่างรู้ดีว่า ผู้ป่วยจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวด และผลกระทบมากมายจากการทำคีโมรักษา ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะหายรึเปล่า? เช่นเดียวกับเรื่องราวของคุณแม่ผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และครอบครัวของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะทำใจได้ก็ตามกับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา แต่คำมั่นสัญญาที่เธอและพยาบาลผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด ได้ให้ไว้ซึ่งกันและกัน กลับซึ้งกินใจยิ่งกว่า…   Tricia Somers คุณแม่วัย 45 ปี เธอต้องเผชิญกับมะเร็งตับ และสิ่งเดียวที่ยังค้างคาใจผู้เป็นแม่ก็คือ จะเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายคนเดียวของเธอ Wesley หลังจากที่เธอจากไป   วันแรกที่เธอได้พบพยาบาล Tricia Seamon โลกของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป ทั้งสองต่างรู้สึกถูกชะตา และดูเหมือนว่ากำลังจะมีอะไรบางอย่างผูกมัดพวกเขาทั้งสองและครอบครัวไว้ ต่อจากนี้   คุณหมอได้บอกกับคุณแม่ว่า เธอสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อีกประมาณ 6 เดือนเท่านั้น และสิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดก็คือชีวิตต่อจากนี้ของลูกชายเพียงคนเดียวของเธอจะเป็นอย่างไร   ดังนั้นเธอจึงขอร้องให้พยาบาลช่วยรับอุปการะลูกชายของเธอ ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเพิ่งรู้จักกัน แต่พยาบาล Seamon เธอรู้สึกได้ทันทีว่า การรับอุปการะและทำหน้าที่เป็นแม่แทนต่อจากนี้ คือสิ่งที่เธอต้องทำ เธอรู้สึกอย่างนั้น..   พยาบาล Seamon ก็ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับสามีของเธอ ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกัน ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีลูกๆ 4 คนแล้วก็ตาม…

หลายๆ คนตอนที่ยังเป็นนักเรียน นักศึกษา เชื่อว่าต้องเคยเบื่อกับการเข้าเรียนตอนเช้ามากแน่ๆ ก็แหงล่ะ ต้องตื่นเช้า แถมยังต้องรีบทำนู่นนี่นั่นให้เสร็จเพื่อที่จะไปเข้าเรียนให้ทันเวลา วันไหนที่เข้าสายละก็..เตรียมหาข้ออ้างได้เลย แต่สำหรับ 2 หนุ่มจากการรายงานข่าวของ OneNews พวกพี่แกน่ะโคตรหล่อขอบอกเลย เพราะถึงแม้ว่าจะไปเข้าเรียนสาย แต่ที่ช้าน่ะไม่ใช่เพราะทำตัวเกเรนะครับ แต่เป็นฮีโร่ไปช่วยชีวิตคนจมน้ำมาต่างหากล่ะ!!   เป็นเรื่องราวของสองหนุ่มผู้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน Angus Pauley (ขวา) และ Jeremy (ซ้าย)   ในเช้าวันหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นวันปกติที่แสนจะน่าเบื่อ สำหรับหนุ่ม Angus กับการที่เค้าต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน แถมวันนี้คุณแม่กลับติดธุระไปส่งไม่ได้ ทีนี้พี่แกก็เลยต้องเดินไปโรงเรียนด้วยตัวเอง พอเดินไปเรื่อยๆ จนมาเจอสะพานข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่ง ที่ปกติก็ใช้มันเป็นทางผ่านในทุกๆ วันนั่นแหละ แต่วันนี้มันไม่ปกติเหมือนเดิม เพราะหนุ่ม Angus สังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังทำท่าทางผลุบๆ โผล่ๆ อยู่กลางน้ำ ดูทีท่าเหมือนไม่ค่อยโอเค   จุดเกิดเหตุ เห็นได้ว่าเป็นแม่น้ำขนาดกว้าง แถมน้ำยังไหลเชี่ยวอีกด้วย   หนุ่ม Angus เลยตัดสินใจเข้าไปถาม “คุณโอเคมั้ยครับ?” และถึงแม้คำตอบของเธอจะเป็นประโยคสั้นห้วน “ใครก็ได้ช่วยเรียกแม่มาช่วยที”…

ย้อนกลับไปในช่วงที่เรากำลังอายุ 8 ขวบ เพื่อนๆ ยังจำกันได้มั้ยว่าตอนนั้นตัวเองทำอะไรอยู่ บางคนก็โดดหนังยาง ดีดลูกแก้ว ปั่นจักรยาน รวมตัวกันเป็นแก๊งเด็กหัวเกรียนวิ่งเล่นกันสนุกสนานตามวัย แต่สำหรับเด็กน้อยวัย 8 ขวบ คนนี้กลับทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากกว่านั้น ด้วยจิตใจที่กว้างขวางกว่าแม่น้ำแยงซีเกียง และอ่อนโยนยิ่งกว่าปุยนุ่น   เราเคยเป็นห่วงเพื่อนร่วมชั้นกันบ้างรึเปล่า? แน่นอนว่าคงไม่ถึงขนาดนั้น เว้นเสียแต่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น แต่หนุ่มน้อย Cayden Taipalus คนนี้จากโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐมิชิแกน กลับรู้สึกไม่สบายใจต่อเพื่อนร่วมชั้น เพราะทุกๆ มื้อเที่ยง เขาและเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนจะได้รับแต่ ชีสแซนวิช แทนที่จะเป็นอาหารร้อนๆ อร่อยๆ และนั่นก็กลายเป็นสิ่งที่สร้างความรำคาญใจให้กับเขาเหลือเกิน เหตุผลก็มาจาก โรงเรียนต้องเผชิญกับปัญหาด้านการเงิน จึงทำให้งบประมาณค่าอาหารมื้อเที่ยงสำหรับเด็กๆ ถูกตัดออกไปจำนวนหนึ่ง     Amber Melke-Peters แม่ของหนุ่มน้อย Cayden กล่าวว่า “เขารู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้มากๆ เขาถามฉันตลอดทางกลับบ้านว่าเราพอจะทำอะไรได้บ้าง ที่จะช่วยให้ทั้งตัวเขาและเพื่อนๆ ได้รับประทานอาหารกลางวันที่ดี”  และนั่นคือจุดเริ่มต้นของแม่ลูก ทั้งคู่จึงตัดสินใจทำเว็บเพจสำหรับระดมทุนสำหรับอาหารกลางวันที่ดีกว่าเดิม โดยใช้ชื่อว่า ‘Pay It Forward: No Kid…

จำได้มั้ย ว่าเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อไหร่? ที่ถามแบบนี้ไม่ใช่เพราะอยากจะจุดประเด็นดราม่าหรอกนะจ๊ะ แต่คราวนี้มีเรื่องราวเจ๋งๆ มาเล่าสู่กันฟัง เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งเฟ้นหาผู้ดำรงตำแหน่งสภาผู้แทนราษฎรแห่งประเทศนอร์เวย์ เมื่อคุณพี่ Gylve Fenris Nagell เดิมทีแกเป็นหนึ่งในศิลปินดูโอ้แบล็คเมทัล ‘Darkthrone’ ชื่อดังจากนอร์เวย์ แต่จู่ๆ ชีวิตของพี่แกก็ต้องเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน จากบทบาทยืนร้องเพลงส่ายหัวสุดเหวี่ยงบนเวที ตอนนี้พี่แกต้องทำหน้าที่เป็นนักการเมืองคอยดูแลชาวเมืองไปด้วยซะงั้น!!     เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า เมื่อไม่นานที่ผ่านมา เมืองที่แกอาศัยอยู่คือเมือง Kolboltn เป็นเมืองขนาดเล็กที่มีประชากรอยู่ค่อนข้างน้อย พอมีการจัดเลือกตั้งคัดสรรสมาชิกสภาเมือง ปรากฏว่าคนที่ลงสมัครก็ไม่ครบจำนวน แกเลยถูกทาบทามให้ลงสมัครเล่นๆ เอาฮาเพื่อให้จำนวนคนมันครบไปก็เท่านั้น ทีนี้ผู้สมัครก็ต้องมีการส่งรูปถ่ายเข้าไปด้วยตามระเบียบ รูปที่แกส่งไปก็ผิดกับภาพลักษณ์แกมาก เพราะเป็นภาพถ่ายของตัวเองใส่ชุดอยู่บ้านธรรมดาๆ กำลังอุ้มเจ้าแมวน้อยดูน่ารักมุ้งมิ้ง แถมยังบอกด้วยว่า ‘ได้โปรดอย่าเลือกผม!!’   ภาพถ่ายลงสมัครเลือกตั้งของแก (หรือว่าแมวจะอยู่เบื้องหลังการยึดครองนอร์เวย์ครั้งนี้?)   แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรของชาวเมืองทั้งหลาย พอเห็นรูปนี้ของพี่แก พร้อมกับข้อความชวนไม่ให้เลือกแล้ว กลายเป็นว่าเรียกคะแนน และผลการโหวตให้พี่แกได้อย่างล้นหลามซะงั้น ผลก็ปรากฏออกมาว่า พี่แกได้รับเสียงโหวตมากที่สุด และได้ถูกเลือกให้เป็นสมาชิกสภาประจำเมืองที่ตนเองอาศัยอยู่ อย่างปฏิเสธไม่ได้ “ผมว่าคนอื่นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ หลังการเลือกตั้ง บอสของผมก็เรียกผมว่า ผู้แทนสภา ซึ่งอันที่จริงผมก็ไม่ได้ยินดีและไม่ได้อยากเป็นเลยด้วยซ้ำ” เขาให้สัมภาษณ์แก่สื่อ CLRVYNT “แต่ให้ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อชาวเมืองเลือกและผลก็ปรากฏออกมาแล้ว ถึงแม้มันจะเป็นเวลาตั้ง…

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยภาพน่าสงสารปนฮาของน้องหมาชิวาวาตัวหนึ่ง ที่ชื่อว่า “พีนัท” กำลังทำหน้าตาพริ้ม ดวงตาเยิ้ม เล่นเอาหลายๆ คนถึงกับสงสัย จนถึงขั้นสงสารว่ามันทำอะไรมากันแน่ ถึงได้มีสภาพเป็นแบบนี้…     สำหรับภาพดังกล่าวผู้ใช้ที่ชื่อว่า Choices 63 จากเว็บไซต์ Reddit ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของน้องหมาตัวนี้ ได้ทำการโพสต์ภาพปฏิกิริยาของมันหลังกินคุกกี้เข้าไป พร้อมกับเผยว่า… เจ้าชิวาวาจอมซน แอบเจอที่ซ่อนของคุกกี้กัญชาโดยบังเอิญ งานนี้มันจึงพยายามดึงถุงคุกกี้ออกมา จากนั้นก็ลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อยจนหมดถุง และทำให้มันมีสภาพอย่างที่เห็น   นอกจากนี้ ผู้เป็นเจ้าของยังได้เผยอีกว่า ในตอนที่พบเจ้าพีนัท หลังจากที่มันได้รับสาร THC ของกัญชาเข้าไป มันมีท่าทางหวาดระแวง และเหม่อลอยอย่างหนัก งานนี้เขาจึงรีบนำตัวเจ้าหมาน้อยไปพบสัตว์แพทย์ทันที โดยทางแพทย์ได้ทำการล้างท้องและให้กินถ่านดูดสารพิษนานถึง 10 ชั่วโมง จากนั้นไม่นานเจ้าหมาน้อยก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ   แน่นอนว่ามีทั้งคนที่ฮากับเรื่องนี้ และคนที่รุมต่อว่าเจ้าของหมาเช่นกัน   เจ้าของหมาระบุว่า เขาเก็บคุกกี้กัญชาเอาไว้อย่างดี แต่ด้วยความจมูกไวของมัน มันก็ไปคุ้ยหาจนเจอและกินเข้าไปจนได้ ไม่รู้ว่ามันคิดอย่างไรกันแน่ แต่พอกินแล้วก็มีสภาพเป็นอย่างที่เห็น เขายังบอกอีกว่าไม่ได้ตั้งใจป้อนมันอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ เพราะเขาก็เป็นอีกคนที่รักหมา และไม่อยากให้มันเป็นอะไรไป…

ยังมีสถานที่อันงดงามอีกมากมายบนโลกใบนี้ ที่รอให้มนุษย์นักผจญภัยอย่างคุณ ได้เดินทางไปสัมผัส ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้น จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น สนุกสนาน และความงดงามอันน่ามหัศจรรย์ใจ และในวันนี้เราจะพาคุณไปชม 29 สถานที่ท่องเที่ยวเจ๋งๆ รอบโลก ที่นักเดินทาง หรือนักผจญภัยทั้งหลายจะต้องเดินทางไปเที่ยวชมให้ได้สักครั้งในชีวิต รับรองว่าหากใครที่ได้มีโอกาสไปเยือน คุณจะต้องได้ความประทับใจกลับมาแน่นอน   ชื่นชมสวนซากุระในประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น สวน Kawachi Fuji สวน Ueno และสวน Hitsujiyama © journeytotheeast © meteocity   © Kenji Yamamura   เดินเที่ยวชมความสวยงามของโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์อายุกว่า 600 ปี ที่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวอินคา ในเมือง Machu Picchu © eastnews   ท่องเที่ยวสวนสัตว์ซาฟารี ในประเทศเคนยา ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับเหล่าสัตว์ แถมยังได้ให้อาหารยีราฟอย่างใกล้ชิดอีกด้วย © wmsp   © aardvarksafaris   ชมความอัศจรรย์ของทะเลสาบ…

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ หรือหลงใหลในเครื่องดื่มอย่าง ‘กาแฟ’ เครื่องดื่มที่ทุกคนต่างต้องรู้จักกันดี แถมสรรพคุณของมันก็มีมากมายสารพัดประโยชน์ นอกจะช่วยให้เราสดชื่นขึ้น ยังมีผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย บางคนอาจจะชอบดื่มกาแฟหวาน ในขณะที่บางคนอาจจะชอบแบบเข้มข้น แต่สำหรับคนที่กำลังมองหากาแฟที่มีปริมาณคาเฟอีนสูงสุดๆละก็ เราขอพาไปแนะนำให้รู้จักกับ ‘Ass Kicker’ เคลมว่าเป็นกาแฟที่รุนแรง และเข้มข้นมากที่สุในโลก ณ เวลานี้   ‘Ass Kicker’ เปิดตัวและจำหน่ายอยู่ที่ร้าน Viscious Coffee คาเฟ่แห่งหนึ่งในเมือง Adelaide ประเทศออสเตรเลีย   ระดับคาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟ มากกว่าทั่วๆไปถึง 80 เท่า!!! ประกอบไปด้วย เอสเพรสโซ่ 4 ช็อต กาแฟดริฟแบบเย็นอีก 8 ช็อต และ กาแฟที่ชงทิ้งไว้ 10 วัน ประมาณ 120 มิลลิลิตร   ทั้งหมดเริ่มมาจาก พยาบาลสาวคนหนึ่งที่ต้องอยู่เวรดึกดื่น เธอต้องการเครื่องดื่มที่ช่วยให้อยู่ยันเช้าได้ เธอจึงลองดื่มกาแฟชนิดนี้เข้าไป ตามข่าวบอกว่าเธอมีอาการนอนไม่หลับไปสามวัน ต่อมาทางร้านจึงปรับปรุงสูตรกาแฟ ให้มีความกลมกล่อมมากขึ้น   และที่สำคัญ…

ว่ากันว่าการรักษาโรคนั้นไม่ได้มีแค่การใช้ยา หรือเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์เท่านั้น แต่การเยียวยาจิตใจเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยรกษาอาการป่วยได้ด้วยเช่นกัน ยิ่งเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาได้ยาก การรักษาสภาพของจิตใจเองก็เป็นอะไรที่สำคัญเหมือนกันนะ และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็มีเรื่องราวสุดประทับใจของคุณครูที่ตัดใจยอมแพ้ให้กับโรคมะเร็งร้ายไปแล้ว นักเรียนและคุณครูในโรงเรียนคนอื่นๆ กว่า 400 คน ก็เลยตัดสินใจที่จะออกมาร้องเพลงเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเขาที่หน้าบ้านซะเลย   คุณ Ben Ellis เป็นคุณครูสอนอยู่ที่โรงเรียน Christ Presbyterian Academy ในเมือง Nashville รัฐ Tennessee มาตั้งแต่ปี 2008 และเมื่อปีที่ผ่านมาเขาเพิ่งถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งร้าย และเมื่อสัปดาห์ก่อนนี้เองเขาก็ตัดสินใจที่จะยอมแพ้ ยกเลิกการรักษาไป     และเมื่อคุณ Nate Morrow คุณครูใหญ่ของโรงเรียน Christ Presbyterian ได้ให้สัมภาษณ์กับ BuzzFeed News ว่า เมื่อผู้บริหารของโรงเรียน ท่านประธาน Parker Atman ได้ทราบข่าวนี้ เขาก็รีบไปประกาศเสียงตามสายและพูดว่า “เราจะไปร้องเพลงให้คุณครู Ellis กัน”     คุณ Morrow ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า คุณครู Ellis นั้นมักจะไปร้องเพลงขอบคุณพระเจ้าร่วมกับนักเรียนอยู่บ่อยๆ “เขาบอกว่าในช่วงเวลาเหล่านั้นเขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ใกล้ๆ…

สาวหลายๆ คน มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะใส่ชุดสวยๆ ในวันแต่งงานของตัวเองสักครั้งในชีวิต แต่น้อยคนนักที่มีคนคิดอยากจะตัดชุดแต่งด้วยตัวเอง เพราะมันอาจจะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับใครหลายคน แต่สำหรับ Kresha Bajaj แล้ว เธอได้กลายเป็นเจ้าสาวแสนสวยไปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา และยังได้สวมใส่ชุดแต่งงาน ที่เธอสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองอีกด้วย สำหรับเธอแล้วมันเป็นสิ่งที่น่าประทับใจ และน่าจดจำมากแน่ๆ     Kresha มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะออกแบบชุดแต่งงานให้ตัวเอง จนในที่สุดฝันของเธอก็กลายเป็นจริงแล้ว เพราะเธอได้เนรมิตชุด Lehenga ที่มีลักษณะเป็นชุดกระโปรงยาวขึ้นมาได้อย่างงดงาม เพื่อที่จะได้นำมาสวมใส่ในวันสำคัญของเธอ   ผลงานทั้งหมดที่เธอได้สร้างมันขึ้นมานั้น เธอได้ทำการลงมือเย็บปักถักร้อยเรื่องราวความรักของตัวเองลงไปบนชุด และบริเวณตรงกลางของชุด ก็มีลวดลายสุดเก๋เป็นชื่อของเธอและสามี ที่ถูกปักด้วยด้าย Zari นอกจากนี้ รอบๆ ชุดๆ ทั้งหมดก็ถูกถักทอให้เป็นเรื่องราว หรือเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของทั้งคู่เอาไว้     หลังจากที่พิธีแต่งงานเสร็จสิ้นลง เธอรู้ว่าคงไม่มีโอกาสได้ใส่ชุดนี้อีกแล้ว ดังนั้น Kresha จึงได้นำชุดแต่งงานแสนสวยไปใส่กรอบและแขวนไว้ในบ้านที่ในเมืองมุมไบ เนื่องจากเธออยากจะทำให้มันเป็นผลงานศิลปะที่ล้ำค่า และมีความหมาย เพราะชุดดังกล่าวถักทอขึ้นมาจากเรื่องราวความรักของเธอนั่นเอง     จะเห็นได้ว่ารอบๆ ชุดมีการเล่าเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป  …

ใครจะไปนึกล่ะว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับประเทศที่ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าแห่งวงการ AV และเซ็กส์ทอยแบบนี้ (เอ๊ะ…หรือจริงๆ แล้วเพราะการมีสิ่งของเหล่านี้อาจทำให้คนหันไปใช้กันมากขึ้นหรือเปล่า!?) เรื่องนี้กลายมาเป็นประเด็นที่สำคัญในญี่ปุ่นเสมอมา จนถึงกระทั่งมีการคำนวณโดยเหล่านักคณิตศาสตร์ไว้แล้วว่า ถ้าหากประชากรยังคงมี Sex กันในอัตราเท่านี้ และผลิตลูกออกมาได้ในอัตราปัจจุบัน (และมีทีท่าจะลดลงเรื่อยๆ ) จากการคำนวนของเหล่านักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัย Tohoku ของประเทศญี่ปุ่นเองนั้นกลับพบว่า ประเทศของพวกเขากำลังเผชิญกับภาวะที่จะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์เลยทีเดียวในอนาคต!!?   จากการคำนวนของพวกเขา วันที่ชาวญี่ปุ่นคนสุดท้ายบนโลกที่จะมีชีวิตอยู่นั้นคือวันที่ 16 สิงหาคม 3766 หรือราวๆ 1,750 ปีนับจากนี้!!!   การคำนวนในครั้งนี้เป็นผลพวงของความกังวลในด้านการผลิตประชากรของคนในประเทศ ที่มีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ ทุกๆ ปี จนเกิดเป็น ‘วิกฤตการณ์ทางด้านเซ็กส์’ หรือการที่ชาวญี่ปุ่นมีเซ็กส์กันน้อยเกินไปนั่นเอง วิกฤตินี้ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาราวๆ 25 ปีแล้ว แถมตอนนี้ก็ดำเนินมาถึงจุดที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงเลยทีเดียว จนนักวิจัยหลายรายคิดว่านี่มันคือระเบิดเวลาดีๆ นี่เอง   ระยะเวลาการคำนวนโดยประมาณ เป็นภาพเคลื่อนไหว GIF ภาพไม่ขึ้น สามารถคลิกชมได้ที่นี่ครับ   นักวิจัย Hiroshi Yoshida และ Masahiro Ishigaki ได้สร้างนาฬิกานับถอยหลังนี้ขึ้น โดยใช้ข้อมูลจากอัตราการลดลงของประชากร ฐานข้อมูลจากปี 2014…

สำหรับบ้านเราอาจจะมีช่างแอร์ในตำนาน แต่บอกตรงๆ ต้องชิดซ้ายไปเลยทีเดียว เมื่อเจอกับช่างไม้คนนี้ Robert Jenner อดีตทหารผ่านศึกเก่าผู้ผันตัวมาเป็นช่างไม้ ‘สายธรรมชาติ’ เพราะชื่นชอบความปลอดโปร่งโล่งสบายและสายลมอ่อนๆ ล่ะ Robert Jenner หนุ่มใหญ่ในวัย 42 ปี เคยรับใช้กองทัพ ตอนนี้เขากลับอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองที่ Kent ประเทศอังกฤษ ‘ทุกๆ ครั้งที่ผมใช้เครื่องมืออันตราย ผมจะใส่ชุดป้องกันเสมอ เพราะคงไม่อยากได้แผลจากงานหรอกเนาะ แต่ถ้าเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ ล่ะก็ ผมชอบที่จะเปลือยกายมากกว่า’ เขากล่าว   เพื่อนบ้านมักจะเห็นช่างไม้คนนี้ทำงานรีโนเวทบ้านของตัวเขาเองอยู่เสมอๆ   ‘ความคิดเกี่ยวกับเนเชอริสท์นั้น ดึงดูดผมเป็นอย่างมากด้วยแนวคิดของความเป็นอิสรภาพโดยแท้จริง แถมคงไม่มีใครปรี่เข้ามาทำร้ายผมหรอก เพราะคงไม่มีใครอยากทำร้ายคนที่กำลังเปลือยอยู่หรอกว่ามั้ย?’ Robert Jenner กล่าวต่อ   โชคร้ายหน่อยที่ล่าสุดมีเพื่อนบ้านแจ้งจับเขาในข้อหาอนาจาร ถึงแม้จะเป็นพื้นที่บ้านของเขาก็ตาม และถูกส่งให้กับหน่วย ASBO  ที่จัดการกับพวกมีพฤติกรรมต่อต้านสังคมรุนแรง   เขาเลยเขียนป้ายชี้แจงติดไว้หน้าบ้าน ว่าเขาชอบแบบนั้นจริงๆ สายธรรมชาติ ไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนผู้อื่นนะ   ‘แม่ของผมอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรจากบ้านของผม ไม่ช้าก็เร็วเธอจะรู้แน่ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ แต่มันเป็นสิ่งที่ผมชอบ ผมรู้สึกอิสระมากๆ’ Robert Jenner กล่าว   ซึ่งตอนแรกตำรวจก็มาตรวจตราตามที่เพื่อนบ้านของเขาแจ้งความ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเห็นเป็นเรื่องขำขันมากกว่า…

เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2559 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ รายงานการช่วยชีวิตของ Conquer เจ้าปลาทองตัวน้อย ที่สัตว์แพทย์กำลังช่วยกันรักษาชีวิตของมัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ มันได้เผลอกลืนก้อนกินก้อนใหญ่เข้าไป จนทำให้เข้าไปติดในลำคอซะอย่างนั้นเลย…     Emma Marsh วัย 21 ปี จากกรุงบริสเบน ผู้เป็นเจ้าของรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเธอเห็นเจ้าปลาทองแสนรักกำลังดิ้นรน และขาดอากาศหายใจ หลังจากที่มันได้กลืนก้อนหินเข้าไป และเริ่มสำลักจนเข้าไปติดอยู่ในลำคอ ดังนั้น เธอจึงรีบนำตัวของเจ้า Conquer ไปพบสัตว์แพทย์ทันที ทางแพทย์ได้ทำการช่วยเหลือมัน โดยการหยอดยาสลบเพื่อให้มันหลับ และจับตัวของเจ้าปลาทองไว้ จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆ ใช้คีมคีบก้อนหินอีกมา     ด้าน Emma McMillan สัตว์แพทย์ ได้เผยว่า “เธอรู้สึกประหลาดใจที่เจ้า Conquer กลืนหินลงไป เพราะโดยปกแล้วปลาทองจะไม่กลืนสิ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าปากของมัน อย่างก้อนหินก้อนนี้แน่นอน” “Conquer หนักแค่ 13 กรัม และยาวเพียง 5 เซนติเมตร ส่วนก้อนหินยาวเกือบ 1…

ว่ากันว่าในยุคสมัยนี้ผู้คนประสบกับปัญหาของโรคซึมเศร้ากันมากขึ้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับกลุ่มวัยรุ่นเป็นจำนวนมาก และไม่อาจบอกได้เลยว่าบุคคลเหล่านั้นกำลังเป็นโรคนี้อยู่ เพราะพวกเขามักจะไม่ค่อยเอ่ยปากยอมรับ อีกทั้งคนรอบข้างก็ไม่อาจสังเกตเห็นได้   โรคซึมเศร้าก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย รวมไปถึงปัญหาเล็กๆ อย่างการจัดการระเบียบชีวิต   โรคซึมเศร้านั้นส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยแทบทุกทาง จากจิตใจอันห่อเหี่ยวก็ยิ่งส่งผลไปถึงพฤติกรรมการกระทำต่างๆ ด้วย อย่างในเรื่องของกิจวัตรประจำวันง่ายๆ เช่นการจัดระเบียบห้อง การเก็บกวาดทำความสะอาด ในบางครั้งคนอื่นอาจจะมองว่าเกิดขึ้นเพราะความขี้เกียจ แต่หารู้ไม่ว่ามันเกิดขึ้นจากโรคซึมเศร้าก็เป็นได้   อย่างเช่นภาพของห้องที่รกและเต็มไปด้วยขยะห้องนี้ ที่กลายมาเป็นกระแสไวรัลในต่างประเทศเป็นอย่างมาก   ผู้ใช้นามแฝง toofuckingbusyandviceversa จากเว็บไซต์ imgur ได้ทำการโพสต์ภาพห้องของตัวเอง พร้อมกับอธิบายไว้ว่า ‘ฉันทรมานกับความซึมเศร้าอย่างรุนแรงและมันเป็นช่วงเวลาที่ยากต่อการทำความสะอาดรวมไปถึงการทำงานบ้านอย่างอื่นด้วย ห้องของฉันรกมาเป็นเวลานานหลายเดือน เพราะว่าฉันไม่มีแรงจูงใจที่จะดูแลมัน แต่วันศุกร์นี้แหละ ฉันก็ทำมันได้เสียที’   และนี่ก็คือภาพห้องเดียวกัน ในสามวันถัดมา   ‘คุณจะเห็นได้ว่าตอนนี้ได้พื้นห้องคืนมาแล้ว กล่าวทักทายหมีเท็ดดี้ Nalle บนเตียงด้วย ฉันรู้มันไม่ใช่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่สำหรับฉันแล้วมันยิ่งใหญ่มากที่จะสามารถเปิดบ้านต้อนรับผู้คนเข้ามาอีกครั้ง ฉันรู้สึกสงบอีกครั้ง และอยากจะร่วมแบ่งปันความรู้สึกให้กับทุกๆ คน’   ชาวเน็ตที่เห็นภาพแห่งความเปลี่ยนแปลงต่างก็ร่วมแสดงความรู้สึกยินดีด้วย   ‘ด้วยความที่เป็นผู้ทรมานกับความซึมเศร้า มันทำให้ฉันรู้สึกดีมาก อย่าให้มันชนะเรานะ!’ ‘ฉันก็ทรมานกับความซึมเศร้าเช่นกัน และฉันรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะทำในสิ่งเล็กๆ…

แม้ว่าในบางครั้งหน้าที่ของการเป็นแม่อาจจะดูเหนื่อย แต่ถ้าขึ้นชื่อได้ว่าเป็นแม่คนแล้ว ก็ย่อมทำทุกอย่างเพื่อลูกได้เสมอ เหมือนดังเช่น Dr. Megan Meier แพทย์สนามและนักเวชศาสตร์การกีฬา ผู้เป็นสุดยอดคุณแม่ท่านนี้ ถึงแม้ว่าจะเธอจะต้องทำงานหนัก โดยการรับบทเป็นทั้งคุณแม่ และคุณหมอในเวลาเดียวกัน แต่เธอก็ทำหน้าที่แม่ที่ดีไม่มีขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย….     ข่าวต่างประเทศ ได้นำภาพที่สุดแสนจะประทับใจของ Megan ขณะแบกลูกสาววัย 3 ขวบไว้ข้างหลัง และยังมีทารกน้อยที่อยู่ในท้อง พร้อมกับกำลังรักษานักอเมริกันฟุตบอลจากโรงเรียนมัธยม Putnam City High School ไปด้วย Megan Meier เธอเป็นคุณแม่ที่ในตอนนี้ตั้งท้องลูกคนที่สองได้ 35 สัปดาห์แล้ว ซึ่งในวันที่สามีต้องออกไปทำงานนอกเมือง เธอต้องพาลูกสาวคนโต พร้อมลูกที่อยู่ในท้องไปทำงานด้วย ซึ่งมันไม่ง่ายเลย เธอทำหน้าที่เป็นทั้งแม่ และหมอไปในเวลาเดียวกัน เพียงแค่ภาพนี้ก็แสดงความแข็งแกร่งออกมาจนหลายคนรับรู้ถึงพลังนั้นโดยไม่ต้องบรรยาย       สำหรับภาพดังกล่าว คุณแม่ Megan ได้นำไปโพสต์ลงบนเฟสบุ๊คส่วนตัวของเธอ จนทำให้เธอกลายเป็นผู้ที่โด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์เพียงชั่วข้ามคืน ภาพของเธอมีผู้คนเข้ามากดไลค์ กดแชร์ พร้อมทั้งชื่นชมกันเป็นจำนวนมาก   นอกจากนี้ เธอยังได้เผยว่า “มีคนจำนวนมากบอกว่าภาพของฉันคือแรงบันดาลใจของพวกเขา และมันก็ทำให้ฉันได้รู้จักกับผู้คนที่แข็งแกร่งมากมาย…

ในโลกของภาพยนตร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้มีการสร้างหนังเกี่ยวกับหุ่นยนตร์ขึ้นมามากมาย เช่น RoboCop, a.i. artificial intelligence, Chappie, the Terminator,  Bicentennial Man,  i,Robot และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในบรรดาหนังเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นถึงจินตนาการเกี่ยวกับโลกอนาคตที่หุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทกับมนุษย์ ไม่ว่าจะในแง่ดีหรือไม่ดี แต่ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีของเรายังไปไม่ถึงขั้นนั้น     แต่อีกไม่นาน เราอาจจะได้ไปถึงในยุคนั้นจริงๆ มีงานวิจัยบางตัวเริ่มศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของหุ่นยนต์และเครื่องจักรในอนาคตกันแล้ว ซึ่งผลวิจัยอาจจะทำให้คุณรู้สึกหวาดกลัวก็เป็นได้ เพราะเขาบอกว่าในปี 2040 เหล่าหุ่นยนต์และเครื่องจักรอาจก่อให้เกิดอาชญากรรมได้มากกว่ามนุษย์เสียอีก     นาง Tracey Follows จากสำนักงาน The Future Laboratory (บริษัทผู้ให้คำแนะนำด้านการวางแผนและกลยุทธในยุคอนาคตให้แก่แบรนด์ต่างๆ) ได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับแนวโน้มที่จะนำหุ่นยนต์มาใช้ทำงานแทนมนุษย์ในอนาคต นาง Follows มองว่ายังไงแล้วหุ่นยนต์ก็อาจมาทำงานแทนที่มนุษย์ในสักวันหนึ่ง แต่มันอาจเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองจนนำไปสู่กิจกรรมที่เป็นอันตรายกับมนุษย์ “จากการคาดการณ์ของฉัน อัตราการเกิดอาชญากรรม ในปี 2040 จะเกิดจากเครื่องจักรมากกว่ามนุษย์จริงๆ” เธอกล่าว     ไม่เพียงแต่หุ่นยนต์เท่านั้นที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเป็นกังวล พวกรถและยานพาหนะที่ขับเคลื่อนได้เองก็น่าเป็นห่วงเช่นกัน เพราะมันมีสิทธิ์ถูกแฮ็คข้อมูลได้ และเมื่อมันถูกแฮ็คข้อมูลไปได้ นั่นเท่ากับว่าคุณจะสูญเสียการควบคุมยานพาหนะนั้นไปทันที มันอาจนำไปสู่การลักพาตัวหรืออุบัติเหตุ นี่ยังไม่ได้พูดถึงการจะใช้เครื่องจักรในการทำอาชญากรรมอื่นๆ เท่าที่จะนึกออกเช่น การก่อเหตุคาร์บอมแบบไม่ใช้คนขับรถจริงๆ การส่งโดรนไปวางระเบิด การขโมยของและจารกรรมด้วยหุ่นยนต์…

Reshma Quereshi สาวชาวอินเดียวัย 19 ปี เธอเป็นหญิงสาวที่กำลังอยู่ในวัยสดใส แต่ด้วยความโชคร้าย เธอกลับถูกกระทำด้วยบางสิ่ง จนทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปทันที   ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว Reshma กลับต้องมาสูญเสียดวงตาข้างซ้ายไป เพราะถูกพี่ชายต่างแม่และผู้ชายอีกสองคน สาดน้ำกรดใส่ ผลจากเรื่องนั้นทำให้ใบหน้าสวยๆ ของเธอเสียโฉม แน่นอนว่าสำหรับผู้หญิงหลายคนนี่จะกลายเป็นตราบาปที่รุนแรง จนถึงขั้นไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ   เธอเองก็เคยคิดจะฆ่าตัวตายเช่นกัน…. สำหรับสาว Reshma แล้ว แม้ว่าครั้งหนึ่งเธออาจจะเคยคิดฆ่าตัวตาย แต่สุดท่ายเธอก็กล้าที่ออกมาเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริง จนในที่สุดก็ทำให้เธอก็ได้เป็นมาเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมเดินแบบในงาน New York Fashion Week 2016 เพื่อร่วมรณรงค์โครงการต่อต้านการขายน้ำกรด ที่จะส่งอันตรายต่อเด็ก และผู้หญิง     ซึ่งหลังจากที่เธอได้มาปรากฏตัวบนแคทวอล์คอย่างเฉิดฉายในชุดเดรสยาวสีขาว ก็ทำเอาผู้คนที่มาร่วมงาน ต่างก็พากันปรบมือ และชื่นชมกันอย่างมากมาย และแม้ว่าใบหน้าของเธอจะมีแผลจากการถูกสาดน้ำกรด แต่เธอก็ทำให้หลายคนเห็นถึงความงดงามแท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายในตัว “ในช่วงเวลานั้น ฉันรู้สึกมีความสุขมากที่สุด” เธอยังบอกอีกว่า “ไม่มีใครเข้าใจว่าการถูกน้ำกรดสาดใส่นั้นเป็นอย่างไร ยกเว้นแต่คุณจะโดนเอง และฉันไม่อยากจะเห็นมันเกิดขึ้นกับใครอีก”     ในแต่ละปีนั้นมีรายการสาดน้ำกรดทำร้ายกันมากกว่า 1,500…

ในโลกเรานี้มีแมวมากมายหลายสายพันธุ์ ทั้งที่ถูกค้นพบแล้ว และที่ยังไม่มีใครเคยเห็น ลาเปิร์มเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์แมวที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก ผู้คนส่วนใหญ่เมื่อเห็นแมวลาเปิร์ม ก็มักจะนึกว่า มันถูกไฟช็อตมาแน่ๆ หรืออาจจะคิดว่าเจ้าของไปดัดให้มันหรือเปล่า เลยมีขนหยิกแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วมันเกิดจากการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมนั่นเอง   ข้อมูลจาก CatThailand แมวลาเปิร์ม ( La Perm ) เป็นแมวอีกหนึ่งสายพันธุ์ ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของแมวธรรมดาทั่วไป พบได้ทุกเฉดสี และทุกลาย มีทั้งชนิดขนสั้น และขนยาว แต่ลักษณะที่ทำให้มันต่างจากแมวทั่วไปก็คือ ขนที่นุ่มฟู และหยิก แมวชนิดนี้เมื่อตอนแรกเกิด ขนจะเป็นเส้นตรงเหมือนแมวทั่วไป หรือบางทีอาจไม่มีขนเลยก็ได้   1. Speedy แมวลาเปิร์มที่สืบเชื้อสายมาจากแมว Barn Humble Speedy คลอดพร้อมกับพี่น้องในปี 1982 แต่ Linda และ Richard Koehl เจ้าของของมัน สังเกตว่า มีลูกแมวแปลกๆ ออกมาด้วยตัวหนึ่ง ซึ่งต่างจากพี่น้องของมัน เพราะมันไม่มีขนเลย ลำตัวยาว มีใบหูที่ใหญ่กว่าปกติ และมีน้ำหนักน้อยกว่าตัวอื่นๆ ด้วย ครั้งแรก Linda คิดว่า มันคงต้องตายเร็วๆ…

หากเราติดตามผลงานทางด้านศิลปะ โดยเฉพาะด้านประติมากรรม เราจะได้เห็นถึงความแปลกใหม่ตลอดเวลา และสิ่งเหล่ายังสร้างความตื่นตาตื่นใจให้คนที่พบเห็นไม่ใช่น้อย เช่นเดียวกับบ้าน Fallen Star ที่มีการออกแบบให้อยู่ตรงหัวมุมของตึกชั้น 7 ซึ่งดูแล้วเหมือนบ้านที่ถูกพายุทอนาโทพัดมายังไงอย่างงั้น Fallen Star ถูกออกแบบโดยศิลปินชาวเกาหลี Do Huh Suh ซึ่งเป็นประติมากรรมแบบถาวรชิ้นที่ 8 ของทางมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แม้ภายนอกจะดูหวาดเสียว แต่ภายในนั้น มีการตกแต่งเหมือนบ้าน ที่มีความสะดวกสบาย พร้อมทั้งเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ และมีโคมไฟที่เปิดตอนพระอาทิตย์ขึ้นและปิดเองตอนพระอาทิตย์ตก     นอกจากนี้ หน้าบ้านยังมีสวนเล็กๆ โดยมีทางเดินที่ทำด้วยอิฐ ส่วนรอบๆ นั้นได้ปลูกมะเขือเทศและต้นพลัม หากเรายืนอยู่ที่ถนนด้านล่าง เราจะเห็นควันออกมาจากปล่องไฟได้ด้วย ในการสร้าง Fallen Star นี้ ทางมหาลัยใช้งบกว่า 4.8 ล้านบาท โดยเงินส่วนใหญ่นั้นมาจากนักศึกษาปัจจุบันและศิษย์เก่า รวมทั้งจากพิพิธภัณฑ์ Stuart Collection ทั่วประเทศด้วย นอกจากนี้ยังได้มาจากศูนย์ศิลปะแห่งชาติอีกประมาณ 3 ล้านบาท     ในส่วนของ Do Huh Suh นั้น เกิดที่ประเทศเกาหลี และได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติกรุงโซล…

นักแสดงดังฮอลลีวู้ดที่มีชื่อเสียง ย่อมผ่านผลงานการแสดงมาแล้วมากมาย จนทำให้พวกเขาได้กลายเป็นที่รู้จัก และโด่งดังไปทั่วโลก แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นของความโด่งดัง จะต้องเริ่มมาจากผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของพวกเขา บางคนเข้าวงการ และรับงานแสดงมาตั้งแต่เด็กๆ บางคนก็เริ่มเข้าวงการในสมัยวัยรุ่นก็มี และในวันนี้เหมียวขี้อ้อน ได้นำ 20 ภาพเหล่านักแสดงดังกับบทบาทการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรงของพวกเขา ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าภาพยนตร์เหล่านี้จะเคยผ่านมาคุณมาบ้างแล้วหรือไม่   1 .Angelina Jolie ในภาพยนตร์เรื่อง Lookin’ to Get Out (1982)   2 .Elijah Wood ในภาพยนตร์เรื่อง Back to the Future Part II (1989)   3 .Jake Gyllenhaal ในภาพยนตร์เรื่อง  City Slickers (1991)   4 .Robert Downey Jr. ในภาพยนตร์เรื่อง Pound (1970)   5 .Christian…

สุนัข นั้นไม่เพียงแต่จะเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์สำหรับมนุษย์เท่านั้น แต่มันทั้งฉลาด และมีความจงรักภักดีต่อเจ้าของมากๆ ที่สำคัญ สุนัขบางตัวยังทำในสิ่งที่มนุษย์อย่างเราไม่เคยทำด้วยซ้ำ เช่นการไปสู้รบในสงคราม ในบทบาทของสุนัขทหาร หรือกระทั่งทำงานในฐานะสุนัขตำรวจ ช่วยในงานต่างๆ เช่นกัน   ทางฝ่ายนิติบัญญัติในสหรัฐอเมริกา จึงได้ตัดสินใจที่จะตอบแทนสัตว์ทุกตัวที่ทำหน้าที่ในการปกป้องประเทศร่วมกับเหล่าทหารในสนามรบ  โดยพวกมันทุกตัวจะได้กลับไปสหรัฐอเมริกา หลังจากการเกษียณหรือเสร็จภารกิจในสนามรบเรียบร้อย   นอกจากนี้ ทางการจะหาครอบครัวและบ้านที่ดีที่สุดให้พวกมันด้วย และแน่นอนว่าถ้าพวกเขาได้รู้ว่า สุนัขเหล่านี้เสียสละและช่วยพวกเขามามากแค่ไหน พวกเขาต้องอยากเอามันไปเลี้ยงแน่นอน ไอเดียนี้ไม่เพียงเพื่อความปลอดภัยของสัตว์หลังจากปลดประจำการเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้สิทธิกับสัตว์ ตามที่พวกมันสมควรได้รับด้วย และเพื่อให้มั่นใจว่า พวกมันจะได้รับการดูแลอย่างดีหลังเกษียณไม่แพ้กับทหารจริงๆ ในสงคราม     สมาคมมนุษยธรรมอเมริกันบอกว่า สุนัขเหล่านี้ได้ช่วยชีวิตทหาร 150-200 คน ในการตรวจสอบวัตถุระเบิดหรือวัตถุลึกลับในแต่ละครั้ง เพราะพวกมันต้องเสี่ยงเพื่อเข้าไปพิสูจน์ว่าวัตถุนั้นคืออะไร แต่พอทำหน้าที่เสร็จมักจะไม่มีใครสนใจหรือให้การดูแลพวกมัน ต่อให้ได้กลับไปยังอเมริกา ก็ไม่มีใครเอามันไปเลี้ยงอยู่ดี ดังนั้นกฏหมายนี้ จะเป็นการตอบแทนพวกมันให้สมศักดิ์ศรีเหมือนกับที่ทหารทุกคนได้รับ ประธานสมาคมบอกว่า เขาดีใจจริงๆ ที่ในที่สุดแล้ว สุนัขทหารเหล่านี้ได้รับในสิ่งที่พวกมันสมควรได้     นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการดูแลสุนัข ที่สมเกียรติกับการกระทำของพวกมันจริงๆ และเชื่อว่ามีอีกหลายประเทศที่อยากมีกฏหมายแบบนี้เพื่อน้องหมาด้วย ที่มา brightside

กระแสที่ดังในทางไม่ค่อยดีเท่าไร แต่กลับได้รับการแชร์ไปทั่วโลก ถึงภาพของครอบครัวหนึ่งในรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่พ่อแม่นอนสลบเหมือดอยู่ในรถอย่างน่าอนาถ แถมยังมีลูกน้อยนั่งอยู่ด้านหลังรถแบบไร้เดียงสา โดยที่งงๆ ว่าพ่อแม่ของพวกเขาเป็นอะไรไปกันแน่!?   ตามรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องถิ่นบอกว่าพวกเขาสังเกตเห็นรถคันหนึ่งขับส่ายไปมา พวกเขาจึงเรียกให้รถคันนั้นจอด เมื่อเปิดประตูออกมาจึงพบกับนาย James Acord วัย 47 และนาง Rhonda Pasek วัย 50 อยู่ในสภาพมึนเมาพูดไม่รู้เรื่อง โดยที่มีเด็กน้อยวัย 4 ขวบนั่งอยู่ที่เบาะหลัง     จากการตรวจสอบพบผงสีชมพูวางไว้ที่หน้าตักของนาย James จึงสันนิษฐานว่าทั้งคู่น่าจะเสพเฮโรอีนเข้าไปเกินขนาด ทำให้ไม่ได้สติอย่างที่เห็น เจ้าหน้าที่จึงถ่ายภาพไว้ ก่อนที่จะโทรเรียกให้รถพยาบาลมารับพวกเขาไป     ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โพสต์ภาพดังกล่าวลงในเฟซบุ๊กเพื่อเตือนสติแก่ทุกๆ คน โดยมีข้อความว่า “เราตระหนักดีว่าบางคนอาจไม่ชอบใจกับภาพนี้เท่าไหร่และเราต้องขอโทษจริงๆ แต่เพื่อเตือนใจให้คนที่ไม่ได้อยู่ในโลกของยาเสพติดรับทราบว่า แต่ละวันมันมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นทุกที่แบบนับไม่ถ้วน” และมันก็ได้ผลจริงๆ หลังจากนั้นภาพนี้เผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์ และทำให้ผู้คนต่างพากันแชร์กับภาพถึงพิษภัยของยาเสพติดชนิดนี้ โดยที่ไม่ต้องเป็นภาพอันสยอง ไม่ต้องมีรูปของยาเสพติดอยู่ เป็นเพียงภาพผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น และเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย… มันทำให้เห็นว่า ยาเสพติดไม่ได้มีแต่โทษต่อร่างกายของผู้เสพ แต่แท้จริงแล้วมันมีผลกระทบไปทั่ว กระทั่งคนที่ไม่เสพเองเช่นกัน     สุดท้ายแพทย์ก็สามารถช่วยชีวิตของนาย James และนาง Rhonda…

ในวัยหนุ่มสาว เราสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างว่องไว เพราะร่างกายยังแข็งแรงดี แต่เมื่อแก่ไป ทุกอย่างก็เริ่มช้าลง เพราะสมรรถภาพร่างกายเสื่อมตามกาลเวลาเช่นกัน Liu คุณยายวัย 80 ปี ซ้ำยังไม่สามารถเดินได้ด้วยตัวเอง ต้องเดินทางด้วยรถไฟ แต่เมื่อมาถึงสถานี เธอพบว่าตัวเองลืมเอาบัตรประชาชนมาด้วย ทำให้ไม่สามารถขึ้นรถไฟได้   ทางด้านเจ้าหน้าที่บอกกับคุณยายว่า มีเวลา 27 นาที ในการติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำบัตรแสดงตนชั่วคราว ทำให้คุณยายรู้สึกหมดหวังในทันที เพราะด้วยความชรา เดินไปก็ไม่ได้ ต้องใช้เครื่องช่วยเดิน กว่าจะทำธุระนี้เสร็จ คงเกิน 27 นาทีแน่นอน แต่แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (หรือ SWAT) ชื่อ Song Jie หันไปเห็นคุณยายกำลังเดือดร้อนพอดี เขาจึงอาสาเข้าไปช่วย โดยบอกให้ลูกชายและลูกสะใภ้ของคุณยายขึ้นรถไปก่อน ส่วนคุณยายเขาจะจัดการเอง ว่าแล้วตำรวจก็อุ้มคุณยายด้วยความระมัดระวัง แล้ววิ่งไปถ่ายรูปและติดต่อเจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟ โดยใช้เวลาไป 20 นาทีเท่านั้น เพราะคุณตำรวจคนนี้รู้ขั้นตอนต่างๆ ดีอยู่แล้ว     เจ้าหน้าที่ตำรวจ Song Jie บอกว่า ‘ต่อให้ไม่ใช่คนแก่ ก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่’ ในที่สุด…

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายทั่วโลกของเรา ไม่ว่าจะเป็นการทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ข่าวการประชุม G20 ที่ดันมีภาพโอบาม่ายืนส่งสายตาอันหวานหยดย้อยให้ปูติน และอื่นๆอีกมากมาย ด้วยเหตุนี้เอง #เหมียวบ็อบ เลยถือโอกาสตามไปหยิบ 15 ภาพข่าวจากรอบโลกที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นรอบตัวเราบ้าง..!?   1. นางแบบสาวชาวอินเดีย Reshma Quereshi ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกสาดน้ำกรด กำลังแต่งหน้าก่อนที่จะขึ้นเดินแบบในชุดคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2017 ที่ New York Fashion Week   2. ภาพการเปิดงานการแข่งขันพาราลิมปิคเกมส์ ที่กรุง Rio de Janeiro ประเทศบราซิล   3. ‘Mutant’ รถดัดแปลงที่ขับมาร่วมงาน Burning Man เทศกาลแห่งดนตรีและศิลปะ ในรัฐเนวาดา คิดถึง Mad Max เหมือนกันไหม!?   4. สองนักบินอวกาศจากสถานีอวกาศนานาชาติ จากอเมริกา (ซ้าย) และรัสเซีย (กลาง,ขวา) กำลังอยู่ในยาน Soyuz TMA-20M ขณะที่กำลังลงจอดสู่พื้นโลก…

การออกแบบอาคารขึ้นมาสักหลัง จะต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายๆ อย่าง เช่นประโยชน์การใช้สอย ความสวยงาม หรือแม้แต่ความแข็งแรง   แต่ก็มีอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างบางแบบเหมือนกันนะ ที่ออกแบบและก่อสร้างได้อย่างแปลกตา โดยไอเดียของผู้ออกแบบที่ถ้า ไม่แคร์กฎเกณฑ์อะไร เพราะอยากจะให้มันออกมาสวยงามอย่างที่ใจคิด และก็ออกมาเป็นผลงานสุดเจ๋งเหล่านี้แหละครับ…   1. บ้านโค้งในเมืองอินเดียแนโพลิส รัฐอินดีแอนา สหรัฐอเมริกา   2. The Lou Ruvo Center for Brain Health ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา   3. พิพิธภัณฑ์ Vitra Design ในเมือง Weil am Rhein ประเทศเยอรมนี   4. ทางเข้าบริษัทโฆษณา The Chiat/Day Advertising Agency Headquarters ในรัฐแคลิฟอร์เนีย   5. The Olympic Fish Pavilion นครบาร์เซโลนา ประเทศสเปน   6. The Habitat…

ขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ดีไม่ได้เก่งกว่าผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์มาแล้วมากมายก็ได้ เหมือนกับเด็กชายวัย 7 ขวบคนนี้ ที่มีความอัจฉริยะ จนได้เป็นโปรแกรมเมอร์ที่อายุน้อยที่สุดในโลก Muhammad Hamza Shahzad เด็กอัจฉริยะจาก Handsworth ในประเทศอังกฤษ กำลังอยู่ในช่วงเตรียมเอกสารออกจากโรงเรียน เพื่อหันมาทำงานด้านไอทีอย่างเต็มตัว ด้วยวัยเพียง 7 ขวบเท่านั้น หลายคนสงสัยว่าเด็กอัจฉริยะคนนี้ทำไมถึงได้เป็นโปรแกรมเมอร์ที่อายุน้อย ต้องบอกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเลย เพราะ Muhammad ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องไอทีจากพ่อของเขา Asim ผู้ที่ทำงานด้านไฮเทคกับบริษัท Cyber Royal ซึ่งเป็นบริษัทไอทีของสหรัฐฯ พ่อของเขาบอกว่า ‘Muhammad มีความสามารถในด้านคอมพิเตอร์นี้ตั้งแต่ตอนที่ยังใส่ผ้าอ้อมอยู่’   พ่อของเขาบอกว่า “ที่โรงเรียน เขาจะกำหนดมาตรฐานของตัวเอง เราจึงมีหน้าที่ช่วยให้เขาพัฒนาขึ้น ไม่ใช่เพื่อเขาคนเดียว แต่เพื่อคนอื่นๆ ด้วย และนี่คือที่เราทำได้” ตอนนี้ Muhammad กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Microsoft Office ที่อายุน้อยที่สุดในโลก โดยเมื่อปีที่แล้ว ในวัย 6 ขวบ เข้าได้สมัครเข้าทดสอบความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ เกณฑ์ที่ต้องผ่านนั้นคือ 700 คะแนน แต่ Muhammad สามารถทำได้ถึง 757 คะแนน…

ตั้งแต่ไหนแต่ไรเรามักจะถูกคุณครูสั่งการบ้านให้เอาไปทำต่อที่บ้าน เพื่อเป็นการทบทวนความรู้ที่ได้เรียนมาและเป็นการวัดด้วยว่าสมองของเราสามารถซึมซับความรู้ได้มากเท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับเลยว่าการบ้านทุกวันนี้มันชักจะเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ จนบางคนทำกันแทบไม่ทัน (หรือบางทีคุณครูอาจจะคิดว่านั่นคือการฝึกความทรหดก่อนการออกไปทำงานจริงๆ หรือเปล่า!?)     ด้วยความที่มองว่าการทำบ้านอาจไม่ได้วัดสิ่งต่างๆ หรือการบ้านที่มากเกินไปจะทำให้เด็กซึ่งเป็นวัยที่น่าจะะเรียนรู้ได้อย่างสนุกๆ กว่ามานั่งทำการบ้าน คุณครู Kate Barker ครูใหญ่ของโรงเรียนประถม Cherry Park Elementary ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน สหรัฐอเมริกา เลยออกสั่งยกเลิกการทำการบ้านกับเด็กๆ ให้หมดซะเลย     ในเมื่อมีกฎออกมาว่าห้ามไม่ให้เด็กๆ ทำการบ้าน แต่โรงเรียนก็ไม่ได้นิ่งเฉย เพราะพวกเขาสนับสนุนให้เด็กๆ กลับไปทำกิจกรรมที่บ้านมากขึ้น ทำให้เด็กๆ มีความสุขกับการมาเรียนมากขึ้่น กิจกรรมที่ทางโรงเรียนพยายามสนุบสนุนนั้นต้องได้รับความร่วมมือกับผู้ปกครองด้วย เช่นการกลับไปเล่นกับคุณพ่อคุณแม่ เล่นเกมกระดาน อ่านหนังสือและทำกิจกรรมต่างๆ เท่าที่จะเป็นไปได้     ด้านครูใหญ่ Barker ได้เผยกับสื่อว่าหลังจากที่ประกาศนโยบายนี้ออกไปให้เด็กๆ ทราบ ทุกคนก็ส่งเสียงเฮกันลั่นโรงเรียน เธอได้อธิบายเพิ่มเติมอีกว่าเด็กๆ ราว 75% ที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นมีฐานะที่สูงกว่าเกณฑ์ยากจนมาก และเด็กๆ หลายคนพูดด้วยภาษาที่แตกต่างกันถึง 30 ภาษา การบ้านจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับพวกเขาอีกต่อไป “เราพบว่าการบ้านเพิ่มความไม่เสมอภาคกัน มันเป็นอุปสรรคต่อนักเรียนของเราที่ต้องการกาการส่องเสริมมากที่สุด เมื่อพวกเขากลับบ้านไปพร้อมกับการบ้าน มันไม่ได้เป็นการปฏิสัมพันธ์เชิงบวกสำหรับผู้ปกครองและเด็กเลย” นาง Barker กล่าว  …

ในโลกเรานี้ เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่แสดงให้เห็นถึงความสวยงามของธรรมชาติในโลกนี้ และบางที่นั้น ก็สวยจนอดไม่ได้ที่จะต้องไปดูให้เห็นกับตาสักครั้งในชีวิต ส่วนใครที่กำลังมองหาสถานี่ท่องเที่ยวอยู่ ขอแนะนำ 19 สถานที่อันสวยงาม ที่คุณไม่ควรพลาด เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อว่า ต้องไปให้ได้สักครั้งก่อนตาย (ขนาดนั้นเลย)   1. ทุ่งดอกทิวลิป ในเนเธอร์แลนด์ เมืองอัมสเตอร์ดัม เป็นเมืองที่คนชอบมาเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสวยงามที่สุด คุณลองหาเวลาว่างออกไปทุ่งทิวลิปนอกเมืองสิ มีให้เลือกอยู่มากมาย และไม่ว่าจะหันไปทางไหน คุณก็จะเจอกับดอกทิวลิปมากมาย   2. ภูเขา Tianzi ประเทศจีน คุณต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าประมาณ 2,084 เมตร เพื่อขึ้นมาชมวิวของภูเขาแห่งนี้ ซึ่งอาจเป็นที่ที่สวยมากที่สุดของจีนเลยก็ว่าได้   3. Zhangye Danxia Landform ในประเทศจีน นอกจากกำแพงเมืองจีนแล้ว Zhangye Danxia ภูเขาหลากสีสันราวกับอยู่บนดาวอังคาร ยังเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และถือว่าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของจีนด้วย   4. เขาโรไรมา อเมริกาใต้ เป็นเขาที่มีรูปร่างแปลกเพราะด้านบนจะมีลักษณะหน้าตัด ราวกับแผ่นดินได้ยกขึ้นไปอยู่ด้านบนซะเฉยๆ ตั้งอยู่ในเขตชายแดน  ระหว่างเวเนซูเอล่า กายาน่า และบราซิล แต่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ค่อยมีใครไปเยือน ดังนั้นมันจึงน่าสนใจและน่าลองไปดูสักครั้ง   5. Zhangye Danxia Landform…

นี่คือเรื่องราวของหนูน้อยใจดี Ella Scott ที่โด่งดังในโลกออนไลน์ของต่างประเทศในขณะนี้ สำหรับหลายคนที่ยังไม่รู้จักเธอ ลองมาดูเรื่องนี้กัน… โดยเว็บไซต์เดลีเมล์ได้รายงานว่าหนูน้อย Ella และคุณพ่อ Eddie ได้ไปทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา     ซึ่งในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังนั่งกินอาหารอยู่ภายในร้านนั้นเอง เด็กน้อยก็สังเกตเห็นว่าที่ด้านนอกร้านมีคนเร่ร่อนนั่งอยู่ 1 คน เธอจึงเกิดความสงสารและขออนุญาตคุณพ่อเพื่อนำเอาอาหารของเธอไปให้กับคนเร่ร่อนได้กิน จากนั้นเธอจึงเดินออกไปนอกร้านพร้อมกับถือจานสเต็กไปให้เขา     หลังจากนั้น Ella ก็กลับเข้ามาในร้านอาหารและนั่งตรงข้ามกับพ่อของเธอ พ่อเลยบอกกับลูกสาวว่า “เก่งมาก Ella หนูสุดยอดมาก พ่อคิดว่าหนูทำให้เขามีความสุขมากนะวันนี้ หรืออาจจะมีความสุขไปทั้งสัปดาห์เลย มันทำให้หนูรู้สึกยังไงบ้าง?”  หนูน้อย Ella ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “หนูชอบนะคะ”     คุณพ่อ Eddie จึงอดไม่ได้ที่จะถ่ายคลิปทั้งหมดแล้วนำมันมาเผยแพร่ลงในเฟซบุ๊กของตัวเอง พร้อมกับบอกว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้สอนลูกของเขาให้เห็นใจเพื่อนมนุษย์และมอบโอกาสให้กับคนที่ยากไร้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในเมืองอย่างนิวยอร์กก็ตาม   .   คลิปที่คุณพ่อถายทอดออกมา แบ่งปันให้กับสังคมได้เห็นแง่มุมดีๆ   แหม่ ต้องเลี้ยงลูกยังไงถึงจะเติบโตมาเป็นคนดีของสังคมแบบนี้ น่าชื่นชมคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ขัดเกลาให้เธอเป็นคนน่ารักแบบนี้จริงๆ…

ไม่ว่าคนเราจะแตกต่างกันแค่ไหน แต่ถ้าได้มาอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน ก็จะเกิดเป็นความผูกพันและกลายเป็นมิตรภาพดีๆ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นกับสัตว์ก็เช่นกัน อย่างเจ้ากระต่ายและนกพิราบที่กลายมาเป็นเพื่อนกันได้ เพราะพวกมันต้องเผชิญชะตาชีวิตที่เหมือนกัน ทั้งสองตัวอยู่ในมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า Kildare ในประเทศไอร์แลนด์ โดยกระต่ายได้รับการช่วยเหลือเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในสภาพที่ยังมีสายสะดือติดอยู่ มันอ่อนแอมากและเดินไม่ไหว จนทุกคนคิดว่า มันคงไม่รอดแน่ แต่สุดท้ายมันก็รอด   กระต่ายและนกพิราบถูกพบในสภาพที่อ่อนแรง พวกมันจึงต้องได้รับการดูแลทั้งคู่   ต่อมาในวันที่ 12 สิงหาคม ก็มีโทรศัพท์เข้ามาว่า พบนกพิราบอยู่บนถนน และเมื่อไปถึงพบว่า นกพิราบตัวนี้เพิ่งออกจากไข่ และดูเหมือนว่ามันจะได้รับบาดเจ็บด้วย เพราะไข่ตกลงมาจากที่สูง จึงได้เอามันไปดูแลที่ศูนย์ โดยให้มันนอนอยู่ข้างกระต่ายแล้วเอาไม้แผ่นเล็กกั้นไว้ และเมื่อกลับมาเช็คพวกมันอีกครั้ง ก็พบว่ามันมานอนด้วยกันซะงั้น หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นเพื่อนรักกัน เมื่อเวลาผ่านไปทั้งคู่เริ่มโตขึ้น กระต่ายเริ่มกระโดดไปมา ส่วนนกพิราบก็เริ่มมีขนดกอย่างสวยงาม และเมื่อไรที่ทั้งคู่โตพอจะดูแลตัวเองได้ ทางศูนย์ก็นำไปปล่อยกลับคืนสู่ป่าต่อไป   แม้ว่าครั้งแรกจะแยกกันอยู่ แต่พอเวลาผ่านไป พวกมันกลับมาเล่นด้วยกันอย่างเป็นมิตร   ทั้งสองเริ่มโตขึ้น และเริ่มโชว์ความสามารถของตัวเองตามสัญชาตญาน   และเมื่อมันโตพอจะดูแลตัวเองได้ มันก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตในป่าตามเดิม แต่ตอนนี้พวกมันกำลังมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน   คลอเคลียกันได้น่ารักมาก (คลิกเพื่อชมคลิป) แบบนี้ถ้าปล่อยเข้าป่าไป คงต้องทำบ้านอยู่ใกล้กันแน่เลย ที่มา…

ขึ้นชื่อว่านักสถาปัตยกรรม แน่นอนว่า ต้องออกแบบตึกรามบ้านช่อง หรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ แต่จะเป็นยังไง ถ้าหากว่านำการออกแบบสถาปัตยกรรมมาร่วมผสมกับการทำเบเกอรี่บ้าง!? Dinara Kasko เชฟชาวยูเครน ผู้ชื่นชอบในการทำขนมด้วยรูปทรงเรขาคณิตและรูปทรงแบบสถาปัตยกรรม โดยเธอได้ทำขนมด้วยรูปทรงต่างๆ ที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งเธอบอกว่า “ฉันอยากทำขนมในรูปแบบใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำกับใคร” และเมื่อได้เห็นขนมที่เธอทำแล้ว ก็ไม่ซ้ำใครจริงๆ   . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . ใครที่ชื่อชอบผลงานของเธอ สามารถเข้าไปติดตามได้ที่อิสนตาแกรม dinarakasko ทำซะอลังการ จนไม่กล้ากินเลย ที่มา ufunk, boredpanda, instagram

แม้ว่าการเกิดมาพร้อมกับอาการผิดปกติทางสมองจะไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีหรืออะไรก็ตาม แต่มันก็ยังคงมีอีกมุมดีๆ ให้พวกเราได้เห็นเหมือนกันนะ     เรื่องราวที่ #เหมียวฟิ้น หยิบมาเล่าต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงปี 2015 ของหนุ่มน้อย Sean Maehrer นักเรียนชั้นมัธยมปลาย ผู้มีอาการดาวน์ซินโดรม ตามรายงานบอกว่าโรงเรียนของหนุ่ม Sean มีกำหนดเปิดเทอมในวันที่ 1 กันยายน 2015 แน่นอนว่าอาการผิดปกติแบบเขาอาจจะทำให้เขาโดนเด็กเกเรที่โรงเรียนแกล้งเอาได้ง่ายๆ นั่นจึงทำให้พ่อแม่ของเขาเป็นห่วงอย่างมาก     คุณแม่ของ Sean ถึงกับกลุ้มใจจนต้องแชร์ความรู้สึกของตัวเองลงไปในเฟซบุ๊กของตัวเอง แต่หลังจากนั้นแค่เพียง 48 ชั่วโมง เธอก็ได้รับการตอบรับจากโลกออนไลน์อย่างล้นหลาม เพราะในเช้าของวันที่ 1 กันยายน 2015 มีกลุ่มไบค์เกอร์จำนวนมากขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดรอที่หน้าบ้านของหนุ่ม Sean เพื่อยกขบวนพาเขาไปส่งที่โรงเรียนแบบอลังการจัดเต็มสุดๆ     แม้ว่าจะสวมใส่ชุดหนังอันดุดัน มีหนวดเคราเฟิ้มและมีรอยสัก แต่เหล่าไบค์เกอร์ทั้งชายและหญิงก็แสดงท่าทีอ่อนโยนต่อหนุ่ม Sean มาก เพื่อให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากที่สุดในวันเปิดเทอม การยกขบวนมาส่งหนุ่มน้อยที่โรงเรียนแบบนี้ เป็นการส่งสัญญาณไปยังกลุ่มเด็กเกเรที่หวังจะมาแกล้งเขาว่า หากพวกเขามายุ่งกับเด็กคนนี้ล่ะก็ จะต้องเจอกับอะไรบ้างนั่นเอง     กลุ่มไบค์เกอร์อยากจะให้หนุ่ม Sean ดูเท่ที่สุดในโรงเรียน จึงเตรียมเอาแจ็คเก็ตหนังและหมวกกันน็อคแบบพิเศษมาให้เขาสวมใส่ด้วย…

ชีวิตทุกชีวิตบนโลกใบนี้ต่างก็มีค่าเหมือนกันทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ก็ตาม และหลายๆ คนก็เลือกที่จะไม่มองข้ามและคอยมอบความช่วยเหลือให้กับพวกมันในยามที่ทุกข์ยาก สำนักข่าว ABC News ได้นำเสนอเรื่องราวสุดประทับใจเมื่อเจ้าหน้าที่นักผจญเพลิงได้ทำการช่วยเหลือเจ้าเหมียวที่ติดอยู่ในชั้นใต้ดินของบ้านหลังหนึ่งที่กำลังถูกไฟไหม้ ในเมือง Ames รัฐไอโอวา ประเทศสหรัฐอเมริกา     นักผจญเพลิงได้บุกตะลุยเพลิงเพื่อเข้าไปช่วยเหลือเจ้าเหมียวที่กำลังจะขาดอากาศหายใจตาย และพวกเขาก็ช่วยพวกมันไว้ไม่ทัน     ถึงอย่างนั้นเหล่านักผจญเพลิงก็ยังไม่ยอมแพ้ พาร่างของเจ้าเหมียวที่นอนนิ่งไม่ไหวติงออกมาด้วย มันหยุดหายใจไปแล้ว แต่พวกเขาก็พยายามทั้งปั๊มหัวใจ พร้อมกับใส่เครื่องให้ออกซิเจนสำหรับสัตว์ที่พวกเขามักจะพกไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลาขณะที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ นั่นเพราะว่าสัตว์เลี้ยงเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวของใครหลายๆ คน เพราะฉะนั้นหากบ้านของผู้เดือดร้อนคนไหนเลี้ยงสัตว์ไว้ด้วย พวกเขาก็จะสามารถช่วยเหลือมันได้อย่างทันท่วงที   เหล่านักผจญเพลิงใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่มันหยุดหายใจ มันค่อยๆ ฟื้นขึ้น จนในที่สุดมันก็กลับมาหายใจได้ตามปกติอีกครั้งหนึ่ง   เจ้าเหมียวตัวนี้มีชื่อว่า Cleo หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย มันก็ค่อยๆ หายใจ แล้วก็สามารถร้องเหมียวๆ ได้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็ขยับหัวแล้วก็มองไปมา เพื่อเช็คถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และด้วยความเป็นห่วงกลัวว่ามันจะตกใจ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ได้เข้ามาปลอบใจมัน จนมันสงบลง     และตอนนี้พวกเขาก็ได้นำตัวของมันส่งไปยังโรงพยาบาลสัตว์เรียบร้อยแล้ว เจ้าเหมียว Cleo จะได้รับการดูแลและการรักษาเป็นอย่างดี และเชื่อว่ามันคงจะหายกลับมาเป็นปกติในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน     เอาล่ะ ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ…

จากเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ #เหมียวหง่าว ได้นำเสนอเรื่องราวของ เจ้าเหมียว Giga ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่อิตาลีนานกว่า 5 วัน มาแล้ว จนมาถึงตอนนี้ก็ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์แล้วที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงมากจนทำให้บ้านเมืองที่เคยสวยงามกลายเป็นซากปรักหักพังในพริบตา และทำให้มีผู้คนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงเหล่าสัตว์ทั้งหลายด้วย แต่กระนั้น… เหล่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ยังคงดำเนินการช่วยเหลือผู้คนและเหล่าสัตว์ต่อไป เผื่อว่ายังมีใครที่รอดชีวิตอยู่ใต้ซากปรักหักพังอีก และล่าสุดพวกเขาก็ได้ทำการช่วยเหลือเจ้าเหมียวเพิ่มอีก 2 ตัว!!   เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเจ้าเหมียวที่ชื่อว่า Pietro ถูกช่วยเหลือขึ้นมาจากซากปรักหักพังในเมือง Amatrice หลังจากที่ติดอยู่ข้างใต้ซากมาเป็นเวลานานถึง 15 วันเลยทีเดียว!!   ก็ต้องขอขอบคุณมนุษย์ที่เลี้ยงดูเจ้า Pietro นี่แหละที่ไม่ยอมแพ้ ไปขอร้องอ้อนวอนให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยตามหามัน แม้จะผ่านมาแล้วถึง 15 วันก็ตาม และในที่สุดพวกเขาก็พบเจอหลังจากที่ลองขุดดูตรงที่บ้านที่เขาเคยอยู่นี่เอง…   ประมวลภาพการขุดและค้นเจอเจ้าเหมียว .   หลังจากนั้น มันก็ถูกพาไปยังโรงพยาบาลสัตว์ด้วยสภาพที่ดูย่ำแย่ แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็จะถูกดูแลรักษาเป็นอย่างดีจนกลับมาหายเป็นปกติได้อีกครั้งอย่างแน่นอน หน่วยกู้ภัยเชื่อว่าที่มันสามารถรอดมาได้นั้น คงเป็นเพราะมันอาศัยการดื่มน้ำฝนที่หยดลอดผ่านช่องว่างของซากปรักหักพัง     ลองไปชมคลิปเหตุการณ์ตอนช่วยเหลือเจ้าเหมียว Pietro ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   และไม่กี่วันก่อนหน้านั้นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยเองก็ได้ทำการช่วยเหลือเจ้าเหมียวที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังจากเมือง Accumuli ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวด้วยเช่นกัน โดยเจ้าเหมียวตัวนี้ได้ส่งเสียงร้องเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนที่เดินผ่านไปมา และพอเจ้าหน้าที่มาถึงมันก็ร้องต่อไปเรื่อยๆ เหมือนกับจะบอกว่า…