นี่เห็นอยู่นี้คือหน้าเว็บ CatDumb เวอร์ชันเก่า

แต่ก่อนเรามักจะมีเรื่องเล่าติดตลกเกี่ยวกับอุบัติเหตุระหว่างยานพาหนะ 2 ชนิดที่ไม่น่าจะมาเจอกันได้ เช่นเรือชนกับเครื่องบิน หรือเครื่องบินชนกับรถยนต์ เพราะโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้นั้นแทบจะเป็นหนึ่งในล้านเลยก็ว่าได้ แต่ถึงจะเป็นไปไม่ได้ขนาดไหนมันก็ได้เกิดขึ้นแล้วล่ะ…     เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเครื่องบินลำหนึ่งของสายการบิน Dragonair กำลังเตรียมตัวที่จะบินออกจากเกาะฮ่องกงเพื่อเดินทางไปยังรัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างนั้นกลับเกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อมีคนขับรถตู้สีเทาตรงดิ่งไปชนเข้ากับเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ก่อนจะถูกลากไปตามพื้นยางมะตอยอย่างน่าหวาดเสียว     ตามรายงานบอกว่าคนขับรถตู้รายนี้มีนามสกุลว่าเฉิน เขาทำโอทีหนักอย่างต่อเนื่องเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว แต่โชคดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก มีเพียงบาดแผลที่หัวและไหล่เท่านั้น เจ้าหน้าที่เลยนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลในทันที     ส่วนทางด้านของผู้โดยสารเครื่องบินไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไร ทางสายการบินจึงต้องรีบเปลี่ยนให้พวกเขาไปขึ้นเครื่องบินลำอื่นเพื่อเดินทางไปมาเลเซียแทน   คลิปอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ผ่านกล้องวงจรปิดของสนามบิน   แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยถึงน้อยมากๆ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว อะไรก็เป็นไปได้จริงๆ นะเนี๊ยะ ที่มา shanghaiist

บ่อยครั้งที่เรามักจะได้เห็นข่าวเกี่ยวกับการก่อการร้าย จากกลุ่มหัวรุนแรง ตามสถานที่ต่างๆทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง และสหรัฐอเมริกาเองเช่นกัน ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้หลายๆคน รู้สึกเกรงกลัวต่อผู้นับถือศาสนาอิสลาม (Islamophobia) ซึ่งอันที่จริงเราควรจะแยกกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ใช้ศาสนาเป็นข้ออ้าง ออกจากกลุ่มผู้บริสุทธิ์ที่มีจิตใจศรัทธาต่อศาสนาอิสลาม ไม่ใช่หรือ?! และสำหรับสังคมแห่งนี้ ที่นี่มีโบสถ์ของชาวคริสต์ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับมัสยิดของชาวอิสลาม และพวกเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกันบนความแตกต่าง อย่างมีความสุข…   เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ Memphis Islamic Center ตัดสินใจซื้อที่ดินบนถนนตรงข้ามกับโบสถ์ Heartsong “ครั้งแรกที่เห็นผมกลับรู้สึกแปลกๆ มีทั้งความกลัว และความรู้สึกที่เราบอกกับตัวเองว่า อย่าไปสนใจจะดีกว่า” บาทหลวง Steve Stone กล่าว   นอกจากบาทหลวงแล้ว สมาชิกคนอื่นๆในโบสถ์ก็ต่างรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง “ผม และภรรยาเคยคิดว่าจะไม่มาที่โบสถ์นี้อีก เพียงเพราะเราไม่เปิดใจยอมรับถึงการเปลี่ยนแปลง” Mark Sharpe สมาชิกคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ ซึ่งแม้แต่ผู้นำทางศาสนาของอิสลาม Dr. Bashar Shala กลับเข้าใจถึงสถานการณ์ดี ทำให้เค้าไม่แปลกใจที่ใครหลายๆคนอาจรู้สึกไม่ต้อนรับกลุ่มผู้นับถืออิสลาม “มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับชาวมุสลิมในอเมริกา ซึ่งผมเข้าใจว่าในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาคงไม่อยากจะต้อนรับเราสักเท่าไหร่”     ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปเมื่อช่วงเดือนรอมฏอนของชาวมุสลิมมาถึง… Shala ต้องการที่จะให้มัสยิดแห่งใหม่สร้างเสร็จก่อนช่วงถือศีลอดมาถึง แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง ทำให้พี่น้องชาวมุสลิมในชุมชน ยังไม่มีสถานที่สำหรับการทำพิธีทางศาสนา…

หนุ่มสาวหลายคนที่เป็นมนุษย์แว่น มักจะประสบปัญหาแว่นเลื่อนออกจากดั้งอยู่บ่อยๆ (ยิ่งใครดั้งแหมบยิ่งน่ารำคาญเข้าไปใหญ่) เพราะในหนึ่งวันต้องทำกิจกรรมหลายอย่าง แค่เพียงก้าวเดินแรงๆ แว่นก็กระเทือนได้แล้ว     แต่ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป หากคุณได้ลองใช้ Nerdwax มันคือแท่งแว็กซ์ที่ใช้สำหรับทาลงบนบริเวณที่รองจมูกของแว่น เพื่อสร้างความฝืดให้ระหว่างแว่นและจมูกของคุณเคลื่อนตัวออกจากกันได้ยากขึ้นประหนึ่งคู่รักข้าวใหม่ปลามัน     เจ้าแท่ง Nerdwax เป็นไอเดียสร้างสรรค์โดยนาย Don Hejny ผู้ลองผิดลองถูก นำส่วนผสมหลายอย่างมากเพื่อมาลองทำด้วยตัวเอง กว่าจะเจอสูตรที่ลงตัวและใช้งานได้จริงๆ รวมๆ แล้วมันสร้างมาจากขี้ผึ้งและส่วนผสมต่างๆ จากธรรมชาติ จึงไม่เป็นอันตรายแก่ผิวหนังของคุณ 1 แท่งสามารถใช้งานได้นาน 6-8 เดือน     หากคุณอยากจะทำให้การมองเห็นของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลหรือพะวงว่าแว่นจะเลื่อนออกจากดั้ง ลองหาซื้อเจ้าแท่งนี้มาใช้ได้นะ   . .   ตอนนี้แท่ง Nerdwax มีวางขายแล้วผ่านเว็บไซต์ Amazon สนนราคาอยู่ที่แท่งละ 350 บาท ใครสนใจลองกดเข้าไปดูได้เลยนะ ที่มา boredpanda

เชื่อว่าสัตว์ทุกตัวบนโลกนี้มีสัญชาตญาณความเป็นแม่อยู่ในตัว พวกมันจะพยายามทำทุกทางเพื่อให้ลูกๆ ของมันปลอดภัย…   เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของเจ้าแม่เหมียวสามสีที่ตัดสินใจพาลูกๆ ของมันมาไว้ที่กลางโรงงานเหล็กเพราะคิดว่าปลอดภัยจากภัยอันตราย เนื้อตัวนั้นมอมแมมไปด้วยเศษดิน น้ำมันไฮดรอลิก และเศษโลหะ     เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่าน คนงานในโรงงานเหล็กได้ยินเสียงร้องของลูกแมวเหมียวจากส่วนกลางของโรงงาน พอตามต้นเสียงไปก็พบว่ามีเจ้าเหมียวจรจัดสามสีกำลังนอนเลียตัวลูกๆ มันทั้ง 6 ตัว ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำมันไฮโดรลิก เศษดินและเศษเหล็ก มันอยู่ลึกลงไปในหลุมของโรงงาน ผู้จัดการโรงงานเห็นดังนั้นก็คิดว่าจะต้องช่วยเหลือมัน เขาก็เลยโทรหาศูนย์ช่วยเหลือแมว The Cat House on the Kings ที่อยู่ในเมือง Parlier รัฐ California “ลูกๆ ของมันนั้นเพิ่งจะเกิดออกมาได้ไม่นาน แต่พวกมันก็ได้รับความรักความดูแลจากแม่ของมันเป็นอย่างดี และเจ้าเหมียวตัวแม่นั้นก็ทำหน้าที่แม่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม” คุณ Harvie Schreiber เจ้าหน้าที่จาก The Cat House of the Kings กล่าว     เจ้าแม่เหมียวนั้นยินยอมรับการช่วยเหลือจากคนงานในโรงงานเหล็กแต่โดยดี และมันก็ไม่รังเกียจที่จะให้พวกเขาแตะต้องตัวลูกๆ ของมันด้วย เมื่อพวกมันมาถึงที่ศูนย์ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าพวกมันจะต้องถูกจับอาบน้ำล้างคราบน้ำมันและสิ่งสกปรกออกให้หมดก่อน และแน่นอนว่าเจ้าแม่เหมียวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี    …

ยังมีเหล่ามะหมาอีกมากมายที่รอคอยให้คนมารับไปเลี้ยงอยู่ และด้วยเหตุนี้ก็เลยทำให้ทางองค์กรช่วยเหลือน้องหมาอย่าง LifeLine Animal Project ที่อยู่ใน Atlanta เกิดปิ๊งไอเดียสุดเจ๋ง จัดปาร์ตี้ชุดนอนเพื่อช่วยให้เหล่ามะหมาได้มีบ้านที่ดีอยู่     ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้ผู้คนหันมาสนใจถึงความน่ารักของพวกมัน และตระหนักได้ว่าจริงๆ แล้วเหล่าหมาจรจัดเองก็น่ารัก และต้องการความดูแลเอาใจใส่ไม่แพ้กันกับหมาที่อยู่ในฟาร์มเพาะพันธุ์เลยนะ     อย่างเช่นเจ้าหมาที่ชื่อว่า Amelia ตัวนี้ที่อยู่ที่ศูนย์ฯ มาอย่างยาวนาน ไม่มีใครมารับไปเลี้ยงซักที พอจับมาใส่ชุดนอนฟรุ้งฟริ้งก็มีคนติดต่อเข้ามาขอรับมันไปเลี้ยงอย่างเร็วไว     เจ้า Amelia นั้นวิ่งไปรอบๆ อย่างสนุกสนาน ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ผู้สวมใส่ชุดนอนด้วยเช่นกัน และดูเหมือนว่ามันจะชอบชุดนอนที่ใส่อยู่มากๆ เลยนะเนี่ย ^^   ซึ่งตอนนี้มันก็ได้มีบ้านที่แสนอบอุ่น มีเจ้านายที่แสนใจดี มีเพื่อนหมาและแมวเหมียวอีกหลายตัวอีกด้วยนะ ^^   ลองไปชมคลิปความน่ารักของเจ้า Amelia กันแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   ก็ขอแสดงความยินดีกับเจ้า Amelia ด้วยนะ และไอเดียงานปาร์ตี้ชุดนอนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความคิดดีๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้คิดขึ้นมา ต้องขอบอกเลยว่าน่าชื่นชมจริงๆ ^^ ที่มา : viralnova, LifeLine Animal Project

หากมองไปรอบๆ ตัวเราจะเห็นว่ามีสุนัขจรจัดอยู่เต็มไปหมด ดังนั้น จึงได้มีศูนย์พักพิงสัตว์เกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือพวกมัน แต่การเลี้ยงสุนัขหลายๆ ตัวได้นั้นก็ต้องมีงบจำนวนหนึ่งด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ที่เวเนซุเอลายังประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ขาดแคลนอาหารและยารักษาโรคขั้นพื้นฐาน ทำให้ผู้คนต้องพบเจอกับความทุกข์ยากมากขึ้น และนั่นก็ส่งผลกระทบไปถึงสัตว์เลี้ยงด้วย ทำให้สุนัขเลี้ยงจำนวนมากในเวเนซุเอลาถูกทอดทิ้งเนื่องจากผู้คนไม่อาจเลี้ยงดูพวกมันได้อีกต่อไป     Maria Silva, Milena Cortes, Maria Arteaga, Jackeline Bastidas และ Gissy Abello ทำงานอยู่ที่ Famproa Dogs Shelter ซึ่งเป็นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับสุนัขข้างถนนและสุนัขที่ถูกทิ้ง ใน Los Teques เวเนซุเอลา ล่าสุดพวกเขาก็ได้เผยแพร่รูปสุนัขที่พวกเขาเลี้ยงไว้ กว่า 30 ตัว พร้อมทั้งบอกประวัติและนิสัยของพวกมันแต่ละตัว เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2016 ที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้คนหันมาสนใจสุนัขที่ถูกทิ้งเหล่านี้ และให้การช่วยเหลือมากขึ้น   La China เสียชีวิตหลังจากที่ถ่ายรูปนี้เพียงสัปดาห์เดียว มันเป็นหมาขี้กลัว ไม่ชอบนอนในที่ที่จัดให้ และไม่ค่อยกินอะไรด้วย Tuneco มันป่วยและเสียชีวิตหลังจากที่ถ่ายรูปนี้เพียงสัปดาห์เดียวเช่นกัน Aguja (แปลว่าเข็ม) ถูกตั้งชื่อตามรูปร่างของมัน ซึ่งตัวผอมและยาว…

ไม่มีใครรู้ว่าค่านิยมเรื่องความงามของผู้หญิงสมัยใหม่ ที่ถูกนิยามไว้ว่าจะต้องผอม สูง หุ่นดี มีผิวขาว (โดยเฉพาะในเอเชีย) ถูกใครบัญญัติขึ้น และมันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ถึงแม้ว่าปัจจุบันเทรนด์ผู้หญิงหุ่นอวบอึ๋ม มีบั้นท้ายอวบอิ่ม กำลังมาแรงในโลกตะวันตก แต่ตรงกันข้ามในฝั่งเอเชียอย่างเราๆ ที่ยังคงนิยมความงามที่ผูกไว้กับความผอมอยู่ และรู้หรือกันมั้ยล่ะว่า ในอดีตก็มีสินค้าชวนให้ผู้หญิงลดน้ำหนักเหมือนกัน แถมวิธีการโฆษณาของสินค้าเหล่านี้ไม่ได้มาแบบซอฟต์ๆ เตือนให้ลดน้ำหนักแบบอ้อมๆ เหมือนในปัจจุบันซะด้วย เราตามไปดูกันเลยดีกว่า กับโฆษณาชวนเชื่อจากสินค้าในอดีต ดูๆแล้วกะเล่นให้ผู้หญิงร่างอ้วนไม่มีที่ยืนในสังคมเลยเหรอเนี่ย??   1. โฆษณาชวนให้กินน้ำตาล 1 ช้อนชาก่อนทานอาหาร เพราะเชื่อว่ามันช่วยลดน้ำหนัก และทำให้กินได้น้อยลง   2. โฆษณาน้ำตาลลดน้ำหนัก แต่ชื่อของมันไม่น่าใช้เอาซะเลย (อ่านว่า เอดส์ – อีดส์)   3. “ผู้ชายคงไม่มองฉัน ถ้าไม่ลดน้ำหนักไปมากกว่า 135 ปอนด์”  โฆษณาซะคนอ้วนไม่มีที่ยืนในสังคมเลย T_T   4. โฆษณาสบู่ ที่การันตีว่าใช้แล้วไขมันลดลง แถมยังดูเด็กขึ้นอีก   5. การปลูกฝังค่านิยมความผอมในอดีต ไม่ว่าใครๆต่างกังวลในน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น   6. โฆษณาที่จะทำให้คนอ้วนรู้สึกผิด…

คงจะจริงอย่างที่เค้าว่า “เมื่อแรกรัก น้ำต้มผักยังว่าหวาน” ก็แหมตอนคบกันใหม่ๆสมัยวัยรุ่น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรมันก็ดูน่ารัก ดูดีไปซะหมด แต่พอนานเข้าๆ จนเริ่มตกลงปลงใจแต่งงานกัน สร้างครอบครัวกันเป็นที่เรียบร้อย ความเคยชินและความเบื่อหน่ายจะค่อยๆคืบคลานเข้ามา สุดท้ายจากคู่รักแสนหวาน เมื่อผ่านไป 10 ปี กลายเป็น อีแก่&ไอ้แก่ ที่กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมา ทะเลาะกันให้ลั่นบ้าน ยังไงซะ แก๊งแมวเหมียว เราก็ไม่สนับสนุนให้ครอบครัวแตกแยก เพราะฉะนั้นเราไปดูผลสำรวจจากเว็บไซต์ Rocketnews24 ที่ได้ไปสำรวจจากเหล่าพ่อบ้านในญี่ปุ่นทั้งหลาย ว่าประโยคอะไรบ้างจากแม่บ้านที่พวกเขาได้ยินมันทุกวัน ซ้ำไปซ้ำมา แถมได้ยินทีไรละเกิดอาการเบื่อหน่ายยยทู๊กกกที   10. “หยุดเสียเงินไปกับของไร้สาระซักทีเถอะ” เพราะผู้หญิงและผู้ชายมักจะมองโลกต่างกัน และในสังคมประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่ พ่อบ้านมักจะนำเงินเดือนทั้งหมดให้แม่บ้านเป็นคนจัดสรร (ไทยเราก็เป็นกันแหละ) แต่พอทำงานเหนื่อยๆมาทั้งที จะขอซื้อเครื่องเกมส์ หนังสือการ์ตูน เหล้ารสชาดดีๆ ทำม๊ายยถึงได้กลายเป็นโดนด่าทุกทีละเนี่ย   9. “หยุดทำตัวเป็นไอ้อ้วนจอมขี้เกียจได้แล้ว!!” ช่างเป็นคำพูดที่แสนจะโหดร้าย และเย็นชา ก็แหมเหล่าพ่อบ้านอย่างเราๆ พอลงหลักปักฐานกับแม่บ้านคนไหน ก็มักจะลืมดูแลตัวเอง เอาแต่กินอาหาร(ที่แม่บ้านทำ) หรือออกไปฉลองเบียร์กับเพื่อนร่วมงานบ่อยๆ ก็ไม่แปลกหรอกที่คนเราพุงมันจะใหญ่ขึ้น แถมยังโดนด่าว่าขี้เกียจอีก แบบนี้มันเจ็บจี๊ดๆๆ   8. “ฉันไม่อยากจะแชร์หลุมศพกับเธอหรอกนะจะบอกให้!!” ในวัฒนธรรมของญี่ปุ่น…

ในทุกๆ ปีที่ประเทศเบลเยี่ยมนั้น ผู้คนจะปลูกต้นบีโกเนียจำนวนมาก (ดอกไม้ชนิดหนึ่ง) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความงามของพวกเขาสู่สายตาชาวโลก เทศกาลพรมดอกไม้นี้ ถูกจัดมาตั้งแต่ปี 1971 ในพื้นที่จัตุรัสที่อยู่กลางเมืองบรัสเซลส์ โดยทำให้พื้นที่นั้นเต็มไปด้วยดอกไม้ และเปิดให้ผู้คนมาชมความงามนี้เป็นเวลา 4 วัน     แต่กว่าจะออกมาสวยได้ขนาดนี้ ต้องใช้เวลาวางแผนถึง 2 ปี และต้องใช้เวลาทำกว่า 4 ชั่วโมง โดยชาวสวนที่เคยมีประสบการณ์เป็นอย่างดี หรือหากมีอาสาสมัครที่อยากลองทำ ก็สามารถเข้ามาช่วยได้ (เปิดโอกาสให้คนทั่วไปมีส่วนร่วมด้วย) ในแต่ละปีนั้น จะมีการออกแบบการจัดเรียงดอกไม้ที่ไม่ซ้ำกัน โดยปีก่อนหน้านี้ก็ทำดอกไม้ในธีมโมซาร์ท สวน Versaille ยุคกลาง ศิลปะนูโว และแอฟริกา     สำหรับปีล่าสุด (2016) ได้ออกแบบในธีมครบรอบ 150 ปี ของมิตรภาพระหว่างประเทศเบลเยียมและประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ดอกบีโกเนีย 60,000 ดอก ในพื้นที่ 20,000 ตารางฟุต โดยออกแบบผสมผสานระหว่างสไตล์เบลล์เยี่ยมและสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งงานนี้ได้ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีการเปิดแสงสีประกอบอย่างสวยงามในเวลากลางคืน ก่อนที่จะจบลงด้วยการแสดงพลุอย่างอลังการเหนือพรมดอกไม้นี้   .…

การฝึกโยคะ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบริหารร่างกาย ที่สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย และยังทำให้จิตใจสงบด้วย แต่เมื่อเป็นที่นิยมมากขึ้น ทำให้มีการเปิดคอร์สเรียนโยคะที่มีความหลากหลายมากขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่นเดียวกับฟาร์ม Regrets ในเมือง Willamette Valley  ที่ได้เปิดคลาสโยคะกลางแจ้ง แต่ไม่ใช่การฝึกโยคะทั่วไปนะ เพราะคุณได้ฝึกโยคะร่วมกับแพะในฟาร์มด้วย Goat Retreat ตั้งขึ้นโดยช่างภาพมืออาชีพ Lainey Morse โดยต้องการริเริ่มธุรกิจแบบใหม่ในฟาร์มของเธอเอง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ครูสอนโยคะในท้องถิ่นคนหนึ่ง กำลังหาสถานที่เปิดสอนพอดี Lainey จึงเสนอฟาร์มของเธอที่มีแพะอยู่ที่นั่นด้วย     แต่ต้องบอกก่อนว่า แพะเหล่านี้ ไม่ได้มีส่วนในการฝึกโยคะนะ เพราะพวกมันไม่รู้จักโยคะ แต่….พวกมันจะทำให้คุณไม่รู้สึกไม่เบื่อกับคลาสโยคะเลย Lainey บอกว่า “มันเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และยอดเยี่ยมจริงๆ เพราะเป็นการออกกำลังกายท่ามกลางทัศนียภาพที่สวยงามและรายล้อมไปด้วยสัตว์น่ารักๆ” จริงๆ แล้ว สัตว์สามารถช่วยลดความเครียด อาการเจ็บป่วย หรือแม้กระทั่งช่วยทำให้ผ่อนคลายได้ดีเลยทีเดียวล่ะ     มาชมบรรยากาศการเล่นโยคะท่ามกลางเหล่าแพะมากมาย   นี่คือท่าใหม่ แพะเหยียบยืดดดดดดด   แพะเหลียวหลัง   และอีกสารพัด น่ารักดีจริงๆ   .   ฮั่นแหน่!! เจ้าเหมียวก็แอบมาร่วมกับเค้าด้วยนะเนี่ย นี่ถ้าอยู่ใกล้บ้าน #เหมียวขี้ส่อง ไม่พลาดแน่!! ที่มา metro

ใครที่ชื่อชอบการไว้หนวดเครา หรือสาวๆ ที่ชอบผู้ชายไว้เครา ต้องไม่พลาดงานนี้เด็ดขาด งานที่ว่านี้คือ The 2016 National Beard and Moustache Championships หรือการประกวดเคราและหนวดประจำปี 2016 การประกวดครั้งนี้จัดขึ้นในรัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยให้ผู้ชายจากทั่วประเทศได้มาประชันหนวดและเครา เพื่อเป็นเกียรติแก่อาคารประวัติศาสตร์ Ryman Auditorium (หรือชื่อเดิมคือ Grand Ole Opry) ที่เปิดทำการในปี 1943 จนถึงปี 1974 ว่าแต่เป็นงานประกวดระดับชาติขนาดนี้ผู้เข้าประกวดแต่คนต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เราก็มาดูกันเลยดีกว่า!!   เหล่าผู้ชายจากทั่วประเทศ จึงได้เข้าร่วมการประกวดแบบไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียว   ทรงแรกมาก็ว่าล้ำแล้ว เจอทรงนี้นี่อยากถามว่าเซทนานไหม   และอีกมากมายหลายทรง ตามแต่จะคิดสร้างสรรค์กันขึ้นมา . . . . . . . . . . . . . . . . . .…

ปัจจุบันคนที่ทำงานในวงการแฟชั่นนั้น ไม่ได้มีแค่หนุ่มสาว แต่ยังรวมไปถึงคนที่อยู่ในวัยเกษียณด้วย โดยเฉพาะที่ประเทศจีน เราจะเห็นเหล่านางแบบ นายแบบในวัยเกษียณเป็นเรื่องธรรมดา เช่นเดียวกับคุณยาย Huang Yanshen วัย 73 ที่ได้ถ่ายแฟชั่นในสไตล์ที่เรียกได้ว่า กระชากวัยสุด จนกลายเป็นคนหนึ่งที่สื่อจีนกล่าวถึงมากที่สุด จนชาวเน็ตได้ตั้งฉายาให้ว่า “คุณยายเทพธิดา”      ภาพของเธอนั้น ถ่ายโดยช่างภาพหนุ่ม  Xiaoye Jesse โดยเขาได้ถ่ายรูปของคุณยาย Huang เกือบพันรูปเลยทีเดียว   . . . . .   ช่างภาพกับนางแบบมาคู่กันสักหน่อย   นอกจากนี้ เขายังเป็นช่างภาพที่อบอุ่นมากๆ ด้วย เพราะระหว่างถ่ายภาพ เขาได้ดูแลคุณยายอย่างดี   นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานที่เขาถ่ายเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นคุณปู่ของเขาเองในวัย 85 ด้วยการเปลี่ยนเป็นไอคอนทางแฟชั่นที่ทันสมัย   ครั้งแรกก็โฟกัสที่คุณยายนะ แต่พอเจอช่างภาพเท่านั้นแหละ สับสนเบย!!!! ที่มา shanghaiist

ในะหว่างเรียนนั้น มีหลายคนที่เรียนไปด้วย ทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย และแน่นอนว่า มีงานมากมายให้เราได้เลือกทำ แล้วแต่ว่าเราจะชอบแบบไหน และงานที่น่าสนใจอีกงานหนึ่ง นั่นคือการตั้งชื่อให้เด็ก ที่บ้านเราเวลาจะตั้งชื่อให้ลูก ส่วนใหญ่ก็นิยมให้พระหรือคนที่เคารพนับถือตั้งให้ แต่การตั้งชื่อนี่แหละที่สามารถสร้างรายได้ให้เด็กสาววัย 16 ปี คนหนึ่งเป็นอย่างดี   Beau Jessup วัย 16 ปี ทำงานระหว่างเรียนด้วยการตั้งชื่ออังกฤษให้กับลูกคนจีน โดยได้รับแรงบัลดาลใจจากเมื่อครั้งที่เธอได้ไปเที่ยวประเทศจีนกับครอบครัว ในขณะที่ไปกินข้าวกับเพื่อน ก็มีคนมาขอเธอให้ตั้งชื่ออังกฤษให้กับเด็กแรกเกิด   ครั้งแรก Jessup ก็ยังไม่คิดจะทำเป็นอาชีพจริงจังอะไร แต่แล้วเธอก็ได้ยิน พ่อแม่ชาวจีนเรียกชื่อลูกตัวเอง ซึ่งเป็นชื่อภาษาอังกฤษ เธอเล่าว่า “ฉันได้ยินใครคนหนึ่งเรียกลูกว่า Gandalf และมีอีกคนเรียกลูกว่า Cinderella” ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ตั้งใจจะตั้งชื่อให้เด็กชาวจีนอย่างจริงจัง และเมื่อกลับไปที่อังกฤษแล้ว เธอจึงได้เปิดเว็บไซต์ของเธอที่ชื่อว่า specialname.cn.       ในเว็บไซต์นี้ จะเขียนเป็นภาษาจีนเกือบทั้งหมด เมื่อเข้าไปอันดับแรกพ่อแม่ชาวจีนต้องเลือกเพศของลูก จากนั้นก็ให้เลือกบุคลิก 5 อย่าง ซึ่งมีให้เลือกถึง 12 บุคลิกด้วยกัน (ซึ่งเป็นบุคลิกตอนโตที่พ่อแม่คิดว่าลูกน่าจะเป็น) เมื่อเลือกแล้ว Jessup ก็จะส่งรายชื่อที่เหมาะกับเด็กคนนั้น 3 ชื่อ และให้พ่อแม่เลือกชื่อที่คิดว่าดีที่สุด โดยแต่ละชื่อที่ส่งไปนั้น เธอจะใส่รายละเอียดและความหมายของชื่อไว้ด้วย…

หนึ่งในสถานที่ที่เราชอบไปในวันหยุด ก็คงจะเป็นทะเล และมันจะดีแค่ไหน ถ้าเราได้พาสัตว์เลี้ยงไปเล่นด้วยได้ แต่ก็อย่างว่าแหละ ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ก็ทำให้เราอดได้เล่นกับสัตว์ในวันหยุดแสนวิเศษเหล่านั้น แต่ล่าสุดมีโครงการดีๆ จาก Kauai Humane Society ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่อยู่บนเกาะ Kauai ในฮาวาย เอาใจคนรักสุนัขด้วยการให้ผู้คนที่มาเที่ยวที่ฮาวายได้เพลิดเพลินไปกับสุนัขจรจัดไร้บ้านหรือบางคนอาจจะช่วยเหลือสัตว์ที่นั่นด้วยก็ได้     สุนัขเหล่านี้เป็นสุนัขมาจากศูนย์พักพิงสัตว์ทั้งหมด โดยนักท่องเที่ยวสามารถพาสัตว์เหล่านี้ไปเล่นน้ำได้ หรืออาจจะพาไปเดินป่าด้วยก็ได้ ทั้งนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อใจของคนรักสุนัขและดีต่อใจของสุนัขจรจัดที่ต้องการความรักด้วยเช่นกัน โดยสุนัขเหล่านี้จะสวมใส่เสื้อตัวเล็กๆ ที่เขียนว่า ‘Adopt Me’  หรือรับเลี้ยงฉันหน่อยนะ เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงสถานะของมันด้วยว่า เพราะพวกมันไม่มีเจ้าของ และมันก็ต้องการใครสักคนที่พร้อมจะดูแล     กลุ่มที่ก่อตั้งโปรแกรมนี้ คาดหวังไว้ว่า การให้นักท่องเที่ยวได้มาเล่นกับสุนัขเช่นนี้ จะเป็นการสร้างมิตรภาพระหว่างคนกับสุนัข เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะมีคนรับไปเลี้ยงมากขึ้น และหากใครอยากช่วยสุนัขเหล่านี้ แม้ว่าจะรับไปเลี้ยงเองไม่ได้ ก็มีช่องทางให้ช่วยอีกมากมาย เช่น การหาบ้านให้มัน บริจาคสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสุนัขที่มีปัญหา ฯลฯ แต่ถ้าใครได้ใช้เวลาอยู่กับมันทั้งวันจนรู้สึกผูกพันแล้ว หรืออยากจะรับไปเลี้ยงจนสุดหัวใจ ก็สามารถนำสุนัขกลับบ้านด้วยได้เลย ทางด้านศูนย์พักพิงนั้น จะรู้สึกยินดีมากถ้ามีคนรับเลี้ยง และขั้นตอนในการนำไปเลี้ยงนั้นก็ไม่ยุ่งยากด้วย   . . .  …

เวลาที่เราดูหนังหรือซีรีส์ที่ต้องมีการแหกคุกกันนั้น เรามักจะคิดไปว่านั่นเป็นเพียงเรื่องราวสมมติที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ความจริงแล้วมันมีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงๆ นะเออ   เรื่องราวที่คุณกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของนาย Alonso Perez วัย 25 ปี เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกาจับกุมตัวในข้อฆาตกรรม เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา   แต่ในระหว่างที่นาย Alonso อยู่ภายในห้องขังเพื่อรอการสอบสวนนั้น เขาได้พยายามออกแรงบิดข้อมือจนโซ่กุญแจมือที่ติดกับโต๊ะหลุดออกมา แต่เขาก็ยังใจเย็นไม่ออกไปในทันที รอจังหวะให้เจ้าหน้าที่เผลอแล้วค่อยหนีออกไปทางเพดาน หลังจากที่ปีนหนีออกไปทางเพดานได้แล้ว เขาก็แอบไปขโมยรถกระบะของบริษัทแห่งหนึ่งแล้วหลบหนีออกไป แต่กว่าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรู้ตัวว่าเขาหายไป เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปถึง 25 นาทีแล้ว     หลังจากที่รู้ตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ส่งทีมปฏิบัติการพิเศษออกไปตามหานาย Alonso เป็นการด่วน และพบรถกระบะที่เขาขโมยมาจอดอยู่ที่ชุมชนแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้ออกตรวจค้นบ้านพักและสถานที่ต่างๆ ก่อนจะพบว่าเขาแอบหลบอยู่ในบ้านพักแห่งหนึ่งไม่ไกลจากจุดที่พบรถในวันที่ 6 กันยายน เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวเขากลับไปยังสถานีตำรวจอีกครั้งหนึ่ง โดยมีการจัดเวรยามเพื่อป้องกันการหลบหนีของเขาอีก     ทั้งนี้นาย Alonso เป็นผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธปืนยิงนาย Mohammed Robinson วัย 27 ปีจนเสียชีวิต ที่ด้านนอกของร้าน McDonald’s ทางตอนเหนือของเมืองลาสเวกัส ทางด้านหัวหน้าตำรวจในลาสเวกัสออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ครั้งนี้ถือเป็นการหลบหนีออกจากห้องสืบสวนครั้งแรกในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา     ล่าสุดมีการสืบสวนกันภายในกรมตำรวจเพื่อหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าวแล้ว…

เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะอยู่ห่างกันแค่ไหน แต่เราก็สามารถติดต่อกันได้ง่ายๆ ผ่านเครื่องมือสื่อสารที่มีให้เลือกมากมาย แต่ก็มีอีกหลายคนที่ติดต่อกันโดยการเขียนจดหมายหากัน และแน่นอนว่ามันต้องมีความล่าช้าเป็นธรรมดา Giorgia Lupi และ Stefanie Posavec เป็นนักออกแบบกราฟิกที่เคยได้รับรางการออกแบบข้อมูล มาแล้วทั้งคู่ ซึ่งแม้ว่าทั้งคู่อยู่ในคาบมหาสมุทรแอตแลนติกเหมือนกัน แต่กลับอยู่คนละประเทศ พวกเขาก็ยังคงติดต่อกันอยู่เสมอ ในฐานะเป็นเป็นนักออกแบบกราฟฟิก ทั้งคู่จึงติดต่อกันด้วยการส่งโปสการ์ดให้กันภายใต้โปรเจค ‘Dear Data’ ซึ่งไม่ใช่โปสการ์ดธรรมดาอย่างที่เราเคยเห็นแน่นอน แต่มันเป็นโปสการ์ดกราฟิกที่วาดด้วยมือล้วนๆ   ช่วงสัปดาห์ที่ 1   เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ที่พวกเขาส่งโปสการ์ดให้กันทุกสัปดาห์ โดยข้อมูลในโปสการ์ดนั้น ล้วนเป็นข้อมูลชีวิตของพวกเขา จากนั้นก็นำข้อมูลนั้นมาวาดเป็นรูปกราฟิก จากนั้นก็เอาโปสการ์ดไปใส่ตู้ไปรษณีย์ที่เรียกแตกต่างกัน โดยในประเทศอังกฤษจะเป็น Postbox (สำหรับ Stefanie) และในอเมริกาก็จะเป็น Mailbox (สำหรับ Giorgia) และกว่าจะมีถึงมืออีกฝ่ายนั้น ก็อาจมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย เพราะต้องเดินทางข้ามมหาสมุทร ซึ่งเป็นช่องทางการส่งที่ช้ามากๆ ทั้งคู่ได้ส่งโปสการ์ดหากันเป็นเวลา 52 สัปดาห์ ด้วยโปสการ์ดที่มีความแตกต่างกัน และพวกเค้าก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน แม้ว่าจะเคยเจอกันแค่ 2 ครั้งก็ตาม   . .   ช่วงสัปดาห์ที่ 5 .…

ว่ากันว่าเหล่าแมวเหมียวทั้งหลายนั้นเป็นสัตว์ที่คิดจะครองโลก โดยใช้ความน่ารักของตัวเองนั้นสะกดจิตเหล่ามนุษย์ทุกคนให้หลงใหล และกลายเป็นทาสของพวกมัน…   เช่นเดียวกับเรื่องราวของเจ้าเหมียวจรจัดตัวน้อยตัวนี้ที่เดินเข้ามาหาผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมกับร้องเมี๊ยวๆ เพื่อขออาหารจนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะช่วยมันไว้ซะเลย     เจ้าเหมียวจรจัดได้เดินเข้ามาหาคุณ Marina Tarashevska ที่รถของเธอ พร้อมกับร้องเมี๊ยวๆ คอยเดินตามเธออยู่ตลอด ดูเหมือนกับว่ามันกำลังหิวอยู่ เธอก็เลยไปซื้ออาหารกระป๋องมาจากร้านสะดวกซื้อ แล้วก็เอามาเปิดให้มันกิน มันมีอาการที่ตื่นเต้นมาก ถึงกับยืนขึ้นมาดมขณะที่เธอกำลังเปิดกระป๋องอาหารเลยทีเดียวล่ะ เจ้าเหมียวตัวน้อยก้มลงไปกินอาหารอย่างตะกละตะกลาม ทำให้ได้รู้ว่ามันคงไม่ได้ทานอาหารมาหลายวันแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ มันก็ส่งเสียงร้องอย่างดีอกดีใจ เหมือนกับว่ากำลังขอบคุณหญิงสาวผู้ใจดีอยู่ “และสุดท้ายฉันก็ตัดสินใจที่จะพามันไปด้วย” คุณ Marina กล่าว “ฉันไม่รู้เลยว่าแมวจรจัดจะเข้ามาอยู่แถวนี้ได้อย่างไร เพราะแถวๆ นี้น่ะมีหมาจรจัดและสัตว์ป่าอื่นๆ อยู่อีกตั้งหลายตัว มันมีอายุประมาณ 5-6 เดือนเองนะ และฉันก็เลยตัดสินใจที่จะพามันไปด้วย เพราะหากทิ้งไว้ที่นี่มันคงไม่ปลอดภัย” เธอเล่าเพิ่มเติม     “จากแมวจรจัดที่หิวโซในวันนี้ ตอนนี้มันกลายเป็นแมวที่เจ๋งที่สุดไปซะแล้วล่ะ” คุณ Marina กล่าว เจ้าเหมียวผู้มีอัธยาศัยดีตัวนี้เหมือนจะชื่นชอบรถคันนี้มากเลย เดินเล่นไปทั่วเลยล่ะ และสุดท้ายก็กลับมานั่งที่ตักของเธอ ดูเหมือนว่าจะแสดงความขอบคุณที่ช่วยเหลือมัน     คุณ Marina ได้ทำการประกาศหาบ้านใหม่ให้กับมัน และในที่สุดหลังจากที่คุณ Jamie…

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอสุดแสนประทับใจ ขณะที่กลุ่มผู้คน กำลังทำการช่วยเหลือเจ้าวาฬมิงค์แคระที่ติดอยู่บนโขดหิน บริเวณเกาะไดม่อน ในรัฐแทสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย จากภาพเราจะเห็นได้ว่า ผู้ที่พบเห็นเจ้าวาฬตัวดังกล่าว ได้นำผ้าขนหนูชุบน้ำเปียกหมาดๆ มาคลุมตัวให้กับมัน ขณะรอหน่วยกู้ภัย เพื่อเป็นการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว เนื่องจากเจ้าวาฬขาดน้ำและถูกแดดเผามาเป็นเวลานาน     ส่วนสาเหตุที่เจ้าวาฬขึ้นมาติดอยู่บริเวณโขดหิน พวกเขาเชื่อว่าอาจจะเป็นเพราะมันได้ว่ายน้ำย้ายถิ่นจาก Great Barrier Reef (แนวปะการังขนาดใหญ่) เพื่อไปยังจุดหาอาหารในมหาสมุทรแอนตาร์กติก     จากนั้นไม่นาน ทางหน่วยกู้ภัยก็เดินทางมาถึง พวกเขาจึงช่วยกันรีบย้ายเจ้าวาฬตัวนี้ลงสู่ทะเลทันที   และเมื่อได้รับการปล่อยตัว เจ้าวาฬมิงค์ตัวน้อยก็รีบว่ายน้ำออกไปทันที โถๆๆ เจ้าวาฬตัวน้อยคงกำลังรอให้คนมาช่วยเหลืออยู่แน่ๆ แต่ก็ดีใจด้วยนะเจ้าวาฬ ในที่สุดก็ได้รับการช่วยเหลือ ทำให้มันได้กลับคืนสู่มหาสมุทรแล้ว   มาชมคลิปขณะกำลังช่วยเหลือเจ้าวาฬมิงค์กันเลย (คลิป)   ที่มา : thedodo

ในโลกนางแบบนายแบบนั้น เต็มไปด้วยหนุ่มสาวหน้าตาดี หุ่นดีมากมาย แต่สำหรับเธอคนนี้กลายเป็นที่จดจำของผู้คนได้อย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากความงามและความแปลกแฟนตาซีในเวลาเดียวกัน     เธอคือ Ellen Sheidlin นางแบบและศิลปินชาวรัสเซีย ผู้มีความโดดเด่นด้วยใบหน้าที่เหมือนตุ๊กตาและรักในงานศิลปะ จนได้สร้างสรรค์ผลงานที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้คนทั่วโลก นอกจากนี้เธอยังสามารถสร้างโลกที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของความงามและความแข็งแรงไปพร้อมๆ กัน     เธอเป็นนางแบบแนวแฟนตาซี ซึ่งเธอก็ทำงานออกมาได้ดีในแบบที่ทุกคนต้องยอมรับ เพราะแต่ละภาพของเธอนั้น มีความหลากหลายและสร้างความตื่นตาตื่นใจให้คนดูอยู่เสมอ ทำให้มีคนติดตามเธอในอินสตาแกรม sheidlina มากกว่าล้านคนแล้ว   . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . ยังมีรูปสวยๆ อีกเพียบในอินสตาแกรมของเธอ sheidlina…

ในโลกเรานี้ เต็มไปด้วยสถานที่ที่ถูกทิ้งร้าง ซึ่งในแต่ละที่นั้นถูกทิ้งด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป และนั่นก็ทำให้สถานที่เหล่านั้นเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังมีอีกหลายที่ แม้เวลาผ่านไป อาจมีทรุดโทรมไปบ้าง แต่มันก็ทำให้รู้ว่า ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสถานที่ที่งดงาม และเต็มไปด้วยเรื่องราว ก่อนที่จะกลายเป็นสถานที่ร้าง เหมือนอย่างสถานที่ต่างๆ ต่อไปนี้ ที่อยู่ในอัลบั้มภาพของ Kieron Connolly   ประภาคาร Rubjerg Knude อยู่ทางเหนือของจัตแลนด์ ประเทศเดนมาร์ก ถูกสร้างขึ้นบนหน้าผาในปี 1900 หยุดใช้การในปี 1968 เนื่องจากการกัดเซาะจากน้ำทะเล และการถาโถมจากทรายจำนวนมาก โดยคาดว่าในปี 2023 ประภาคารนี้จะจมอยู่ใต้ทะเล   โรงงานผลิตแก๊ส Rotunda อยู่ในวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เปิดใช้งานในปี 1888 และถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และปิดตัวลงครั้งสุดท้ายในช่วงต้นปี 1970 เพราะเมืองได้เปลี่ยนไปใช้ก๊าซธรรมชาติแทน ปัจจุบันส่วนหนึ่งของโรงงานนี้ ถูกดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนอื่นๆ ที่เหลือนั้นถูกปล่อยให้ทรุดโทรมเช่นเดิม   สถานี City Hall ตั้งอยู่ในเมืองนิวยอร์ก เป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของเมืองนิวยอร์ก ด้วยโครงสร้างแบบสไตล์โรมัน ประดับด้วยโคมไฟระย้าและทองเหลือง โดยเปิดดำเนินการตั้งแต่ปี 1904…

การมีแฟนดีๆ ซักคนนั้นนับว่าเป็นเรื่องยากระดับหนึ่ง แต่การประคองความรักให้ยั่งยืน เป็นเรื่องยากยิ่งกว่าซะอีก เพราะส่วนใหญ่หลังแต่งงานไปแล้ว ความรักมักจะไม่หวานชื่นเหมือนตอนจีบกันใหม่ๆ ดังนั้นหลายคู่จึงต้องทำทุกอย่าง เพื่อทำให้ชีวิตคู่มีความสุขที่สุด อย่างเช่น Brandon และ Kathy ทั้งคู่เคยคิดจะหย่าร้างกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็มีสิ่งหนึ่ง ที่คอยเตือนใจพวกเขาไม่ให้ทำเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้พวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกันมานานถึง 9 ปีแล้ว     ในคืนวันหนึ่ง Kathy ได้นั่งดื่มเบียร์กับสามีที่บนดาดฟ้า และพูดคุยกันถึงเรื่องงานแต่งที่ได้รับเชิญไปร่วมงาน ซึ่งในงานแต่งนี้ก็ได้รับเกียรติให้อวยพรคู่บ่าวสาวด้วย ทั้งคู่จึงคิดว่า จะมอบของขวัญอะไรให้คู่บ่าวสาวดีนะ? แต่แล้วก็คิดขึ้นได้ว่า ทั้งคู่มีของขวัญล้ำค่าที่สุดจากงานแต่งของตนเอง ที่ยังคงเก็บไว้อยู่ในตู้เสื้อผ้าและไม่เคยเปิดออกมาดูเลย คืนนี้ทั้งคู่จึงตัดสินใจเปิดดู ของขวัญชิ้นนี้เป็นกล่องสีขาวจากคุณป้า Alison โดยเขียนไว้ว่า “อย่าเปิดดู จนกว่าพวกคุณจะมีความขัดแย้งกัน” แน่นอนว่า ตลอดเก้าปีที่อยู่ด้วยกันมา พวกเขาเคยคุยกันถึงเรื่องการอย่าร้างมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เคยเปิดดูกล่องของขวัญนั้น เพราะถ้าเปิด แสดงว่าชีวิตคู่ต้องจบแน่ๆ การเปิดกล่องนั้น จึงเป็นทางเลือกสุดท้ายของทั้งคู่     โดยเชื่อว่า ภายในกล่องนั้นต้องมีกุญแจสำคัญที่รักษาชีวิตคู่ เพราะดูจากชีวิตคู่ของป้า Alison นั้น เธอมีความสุขกับคุณลุงมายาวนานเกือบครึ่งศตวรรษ จนกระทั่งคุณลุงเสียชีวิต ภายในกล่องมีซองเล็กๆ สองซอง ซึ่งมีชื่อของทั้งคู่ เมื่อเปิดซองออกมา ก็พบกับเงินและกระดาษโน๊ตสองแผ่น…

Jannik Obenhoff วัย 16  เป็นช่างภาพที่ชอบถ่ายรูปทิวทัศน์ จากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยป่าไม้เขียวชอุ่ม มีหมอกอยู่บนยอดเขา และทะเลสาบสีฟ้า เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่มีเรียน เขาจะชอบออกไปเที่ยวรอบๆ ประเทศเยอรมนี พร้อมถ่ายรูปทิวทัศน์ที่เขาได้ไปเห็น โดยเริ่มถ่ายรูปเป็นงานอดิเรกตั้งแต่อายุ 13 ปี แล้วนำมาลงอินสตาแกรม @jannikobenhoff ที่มีผู้ติดตามเกือบสามแสนคนแล้ว Jannik ได้บอกไว้ว่า “ถ้าคุณไม่ออกไปข้างนอก คุณจะไม่ได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติเลย” และเขาก็เชื่อในคำพูดตัวเองด้วย ทำให้เขาออกเดินทางทุกครั้งที่มีโอกาส จนทำให้คนอื่นอยากไปเที่ยวแบบเขาบ้าง   . . . . . . . . . . . . . . . . . ติตตามภาพสวยๆ ของ Jannik ได้ที่อินสตาแกรม jannikobenhoff จะว่าไป อายุแค่ 16 ปี ได้เที่ยวเยอะกว่าเราหลายๆ คนซะอีก แถมยังถ่ายรูปสวยด้วย ที่มา boredpanda l jannikobenhoff

เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีข่าวที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่า Brock Turner ซึ่งเขาเป็นนักศึกษาอยู่ที่ Stanford University ในแคลิฟอร์เนีย โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเขาถูกศาลตัดสินให้จำคุก 6 เดือนในข้อหาข่มขืนหญิงสาวที่กำลังหมดสติ ส่งผลทำให้ชาวเน็ตไม่พอใจกับคำตัดสิน เพราะว่าโทษเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น หลังจากที่ Brock Turner ถูกปล่อยตัวออกมาในวันที่ 2 กันยายน หลายคนรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เพราะกลับกลายเป็นว่าโทษของเขาได้ลดลงมาอีกครึ่งหนึ่งด้วย   ด้วยความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ Yana Mazurkevich นักศึกษาวัย 20 ปีที่ Ithaca College ในนิวยอร์กได้ตัดสินใจสร้างภาพถ่ายซีรีส์หนึ่งขึ้นมาใช้ชื่อว่า “It Happened” โดยในภาพเป็นภาพที่เราเห็นแล้วรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก เธอสร้างภาพชุดนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนตระหนักถึงภัยและบทลงโทษที่น้อยเกินไปสำหรับคดีข่มขืน เพราะนอกจากจะจำคุกไม่กี่เดือนแล้ว ยังได้รับลดโทษอีกด้วย เราไปชมภาพชุดนี้ของเธอกันเลย   . . . . . . . .   ถือเป็นการเรียกร้องอีกแบบหนึ่งที่สร้างสรรค์เป็นอย่างมาก ให้ภาพได้เล่าเรื่องทั้งหมดและเข้าถึงทุกคนได้ง่ายมากขึ้น เพราะมันเกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนก็ตาม ที่มา boredpanda

คู่รักสูงวัยคุณตาคุณยาย Clemma และ Sterling Elmore ทั้งคู่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมานาน และปีนี้ก็ครบ 57 ปีแล้วที่อยู่ด้วยกัน ทั้งคู่เลยฉลองวันครบรอบนี้ด้วยการถ่ายภาพสุดน่ารัก โดยได้หลานสาว Amber ซึ่งเป็นคนวางแผนให้ถ่ายภาพออกมาในรูปแบบหนังรักชื่อดัง “The Notebook” ซึ่งเป็นหนังที่คุณยายชอบ     ชุดภาพนี้ถูกถ่ายโดยช่างภาพ Stacy Welch-Christ แห่ง Mary Evelyn Photography โดยที่คุณตาและคุณยายก็กลายมาเป็นตัวเอกเลียนแบบช่วงเวลาสุดน่ารักในหนัง มาในชุดที่ย้อนยุคไปในช่วง 1940 – 1950 เพื่อให้ได้บรรยากาศของความรักที่แท้จริง     คุณยายเล่าถึงตอนที่ได้เจอกับคุณตาครั้งแรกว่ามันเหมือนเป็นรักแรกพบ เห็นครั้งแรกก็รู้สึกว่าชอบเลย ทั้งคู่บอกรักกันวันละ 10 ครั้งก็ว่าได้ และความรู้สึกนั้นก็ไม่เคยจางหายไป เราไปชมภาพถ่ายสุดน่ารักนี้กันเลย   . . . . . .   หลังจากภาพนี้ถูกแชร์ไปที่ Facebook ก็ได้มีคนแชร์ไปกว่า 40,000 ครั้งเลยทีเดียว เห็นแล้วก็อยากจะมีความรักที่น่ารักแบบนี้บ้างจัง ที่มา boredpanda

ในโลกเรานี้ เต็มไปด้วย นกสายพันธุ์ต่างมากมาย จนเรารู้จักไม่หมด และนกบางชนิดก็มีหน้าตาคล้ายกันจนเราคิดว่า มันเป็นนกชนิดเดียวกัน เช่น นกฮูก นกเค้าแมว และนกปากกบ มาว่าด้วยเรื่องนกที่เรียกว่า Tawny frogmouths ที่ใครๆ ก็เข้าใจผิดว่าเป็นนกฮูกหรือนกเค้าแมว แต่จริงๆ แล้ว นกชนิดนี้ ถูกจัดอยู่ในวงษศ์นกปากกบ ซึ่งเป็นนกที่มีสีกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่มันอาศัยยู่ นกชนิดนี้อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย โดยจะออกหาอาหารในเวลากลางคืน อาหารของพวกมันก็คือ แมลง ทาก หนู สัตว์เลื้อยคลาน กบ และนกขนาดเล็ก   เห็นหน้าตาแบบนี้ ก็คงไม่แปลกถ้าจะมีคนคิดว่าเป็นนกฮูก   นกปากกบจะมีหน้าที่แตกต่างจากสัตว์อื่นๆ กล่าวคือเพศผู้จะทำหน้าที่กกไข่ในตอนกลางวันเป็นหลัก ส่วนเพศเมียจะมาช่วยสลับกันกกไข่ในเวลากลางคืน นอกจากนี้นกปากกบยังถูกจัดให้อยู่ในอันดับนกที่มีสีกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมจนหาตัวยากที่สุดในโลกด้วย และพบว่ามีนกปากกบอยู่ในประเทศไทยมากถึง 4 ชนิดเลยล่ะ   . . . . . . . . . . . . .  …

ขณะนี้เรากำลังอยู่ในยุค 2016 ว่ากันว่าเป็นยุคสมัยแห่งทางเลือก ยุคที่ผู้คนเริ่มออกมาแสดงจุดยืนทางด้านดนตรี แฟชั่น แนวคิดทางการเมือง หรือแม้แต่ศาสนา ที่แตกต่างกันออกไป พร้อมทั้งเรียนรู้ที่จะอยู่บนความต่างในสังคมเดียวกัน นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นการยอมรับ และเปิดกว้างมากขึ้นของกลุ่มคน LGBT ทั้งหลาย เช่นเดียวกับเรื่องแฟชั่น ที่พัฒนาก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว และสำหรับแฟชั่นนิสต้าทั้ง 16 คนนี้จาก Instagram ที่ #เหมียวบ็อบ อยากจะแนะนำให้เพื่อนๆเข้าไปส่องกัน เพราะพวกเขาได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า ในโลกยุคสมัยใหม่ ‘เพศ’ จะไม่ถูกนำมาใช้ในการแบ่งประเภทการแต่งตัว เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว อะไรก็ตามที่มันสวยงาม มันก็ย่อมสวยงามเสมอ ไม่ว่าจะสำหรับหญิงหรือชาย ก็ตาม…   1. @sirramoanbruce   2. @jamesrsanders   3. @paslemode   4. @abearnamedtroy   5. @elevexii   6. @juliofz   7. @fonzfranc   8. @ryesq  …

ว่ากันว่า ช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ ก็คงหนีไม่พ้นช่วงเวลาในวัยเด็ก ที่เราเปรียบได้ดั่งต้นกล้าต้นน้อย พร้อมจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว และเติบโตขึ้นมาเป็นต้นไม้ใหญ่ในอนาคต แต่ถ้าหากเราย้อนอดีตกันไปในยุคที่ยังไม่มี คุณแม่สุดฮิป อาหารคลีนฟู๊ด หรือเครื่องมืออำนวยความสะดวกที่มากมายเหมือนปัจจุบัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อละว่า ในอดีตเขามีวิธีการเลี้ยงดูเด็กกันแบบนี้จริงๆ เราไปพิสูจน์กันด้วยภาพถ่ายเก่าเก็บจาก Chris Wild ซึ่งมันช่างแตกต่างจากการเลี้ยงดูลูกน้อย ในสมัยนี้ซะเหลือเกิน!!!   มีไฟมั้ยพี่? เด็กตัวน้อยสองคนที่ทำท่าดูดบุหรี่เลียนแบบผู้ใหญ่ แหมยังเด็กอยู่เลยนะจ๊ะ   ทุกๆ วันเด็กๆ จะได้พักผ่อนในตู้ไม้แบบนี้ ในที่สถานรับเลี้ยงเด็ก East End of London   เด็กทารกตัวน้อยสองคน กำลังหัดใส่นวม อยู่ในบริเวณที่ทำขึ้นให้เหมือนสนามมวยขนาดจิ๋ว   เด็กๆ ถูกนำมาแขวนตากไว้ให้แห้ง แต่ดูท่าทางแล้วหนูๆ ไม่น่าจะแฮปปี้เท่าไหร่   เด็กกำลังรับการฉายแสง ที่ศูนย์อนามัยเด็กเล็ก ในลอนดอน เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีรักษา ภาวะโลหิตจาง และป้องกันการติดเชื้อในทรวงอก ของเด็กๆ ในอดีต   เด็กทารกกำลังนอนเล่นอยู่ในกรงที่แขวนออกไปนอกหน้าต่าง ในอดีตเชื่อว่าวิธีนี้เด็กจะได้รับอากาศที่สดชื่นและบริสุทธิ์มากที่สุด (แอบเสียวกลัวเด็กตกนะเนี่ย)   เด็กๆ…

หากเราพูดกันถึงเรื่องการหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ประเทศที่มีปัญหาเรื้อรังในด้านนี้ คงหนีไม่พ้น สหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งโอกาสและเสรีภาพ ไม่ว่าใครต่างก็ต้องการโอกาส ในการสร้างชีวิตใหม่ บนดินแดนแห่งใหม่ ที่ๆ ความฝันสามารถกลายเป็นความจริงได้ แต่บางทีมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ เพราะการเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ทำให้พวกเขาต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ John Moore ช่างภาพผู้ต้องการถ่ายทอดความรู้สึกและอารมณ์ ผ่านใบหน้าของผู้ที่พยายามหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งเค้าต้องการจะชี้ให้เห็นว่า นี่เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สะท้อนอะไรได้หลายๆอย่าง และยังคงรอการแก้ไข..   1. Jorge วัย 62 ปี จากกัวเตมาลา เขาได้หลบหนีเข้ามาทำงานนานถึง 8 เดือน ก่อนที่จะถูกจับและส่งตัวกลับประเทศไปในที่สุด   2. Cruz หนุ่มวัย 18 จากเม็กซิโก ในขณะที่ถ่ายรูปนี้ เขากำลังวางแผนที่จะแอบหลบหนีเข้าไปหางานทำในดินแดนอเมริกา เป็นครั้งแรก   3. Gilberto ชายวัย 28 ปี จากเม็กซิโก เคยเป็นแรงงานให้แก่ฟาร์มแห่งหนึ่งในรัฐวอชิงตันเป็นเวลากว่า 5 ปี ก่อนที่จะถูกจับเพราะขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาต   4. Flor สาววัย…

เมื่อรู้ว่าแมวแสนรักหายไปเป็นเวลานานนับเดือน แล้วจู่ๆ คุณก็ได้พบกับมันอีกครั้ง เชื่อว่ามันจะต้องเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ จนบอกไม่ถูกอย่างแน่นอน เหมือนดั่งเช่นเรื่องราวของโทมัส เด็กหนุ่มที่มีภาวะเป็นออทิสติกคนนี้ เขารู้สึกใจสลายเป็นอย่างมากหลังรู้ว่าเจ้าเดฟ แมวแสนรักของเขาตัวหายไป     ด้านครอบครัวของหนุ่มน้อย ก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาเจ้าเดฟ และในขณะที่กำลังพยายามตามหานั้น พวกเขาก็คิดว่าอาจจะต้องสูญเสียมันไปแล้วจริงๆ      “พี่ชายของฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเจ้าเดฟถึงไม่กลับบ้าน เขารู้ว่าเจ้าเดฟรักเขาแบบไม่มีเงื่อนไข เขาไม่เหมือนเดิมเลย ตั้งแต่ที่เจ้าเดฟหายไป” Billie-Louise ผู้เป็นน้องชายกล่าว     เป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้ว ที่เจ้าเดฟได้หายตัวไปจากบ้าน จนในที่สุด เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา ครอบครัวของโทมัสก็ได้พบเจอกับเจ้าเดฟอีกครั้ง และได้นำตัวของมันกลับมาที่บ้าน ทันทีที่โทมัสเห็นแมวแสนรักของเขา เขาก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ พร้อมกับเดินเข้าไปหาเจ้าเดฟ และกอดมันด้วยความคิดถึง เพราะมันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา     ส่วนสาเหตุที่เจ้าเดฟหายตัวไปนั้น ความจริงแล้วมันเดินหลงทางอยู่แถวๆ บ้านของพวกเขาเท่านั้นเอง จนกระทั่งมีคนไปพบเข้ายังไงละ   มารับชมคลิปน่ารักๆ ของเด็กน้อยกันเลย   น้ำตาแห่งความสุขของเด็กน้อย เมื่อได้เห็นเพื่อนรักที่หายตัวไปกลับมา มันช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจ…

แน่นอนว่าหลายๆ คนคงใฝ่ฝันว่าอยากจะมีเครื่องบินส่วนตัวนั่งกันซักครั้งในชีวิต ไม่ต้องไปแย่งที่นั่งกับใคร และต้องการการเดินทางที่เงียบสงบ ไม่มีใครรบกวน คู่รักหนุ่ม-สาว คู่นี้ก็บังเอิ๊ญบังเอิญเหลือเกินที่ไปใช้บริการสายการบินหนึ่ง เที่ยวบินจากกระบี่ไปยังปีนัง ประเทศมาเลเซีย และก็พบว่าเขาและเธอเป็นผู้โดยสารเพียง 2 คนเท่านั้น ที่จะเดินทางไปกับเครื่องบินลำนี้ นั่นราวกับว่าพวกเขาได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวเลยล่ะ ฮร่า   Carrie Fisher และคู่รักของเธอ Kylie McNicol อายุ 28 ปี จาก Yorkshire ประเทศอังกฤษ ทั้งคู่มีแพลนจะไปเที่ยวกันต่อที่มาเลเซีย โดยจองตั๋วเครื่องบินสายการบินแบบโลวคอสต์ที่ชื่อว่า Firefly ผ่านช่องทางออนไลน์   พอพวกเขาเดินทางมาถึงสนามบินและทำการเช็คอินก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เพราะเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์เช็คอินจู่ๆ ก็หัวเราะออกมา แล้วก็พูดว่า “โอ้ นี่เป็นไฟลท์พิเศษสำหรับคุณสองคนเลยนะเนี่ย” เท่านั้นยังไม่พอพวกเขาก็ถูกพนักงานชายอีกสองคนเดินเข้ามาขอตรวจหนังสือเดินทาง และพวกเขาก็เริ่มหัวเราะอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็พูดว่า “โอ้ แค่คุณ 2 คนน่ะเหรอ” แน่นอนว่าคู่รักทั้งสองคนนั้นต่างก็รู้สึกแปลก และงงงวยไปตามๆ กัน พอเดินไปรอขึ้นเครื่องทั้งคู่ก็เริ่มสังเกตเห็นว่าทำไมไม่มีผู้โดยสารคนอื่นๆ เลย พอรถบัสมารับไปที่เครื่องเท่านั้นแหละก็ปรากฏว่าพวกเขาเป็นผู้โดยสารเพียงสองคนเท่านั้นที่จะโดยสารเที่ยวบินนี้ไปยังปีนัง     “เราได้ทำการสอบถามทางแอร์โฮสเตสว่าเราสามารถนั่งตรงไหนได้บ้าง เธอก็ตอบกลับมาว่าคุณจะนั่งตรงไหนก็ได้…

การ์ตูนที่กำลังโด่งดังมากที่สุดในขณะนี้ คงต้องยกให้ วันพีซ แล้วล่ะ โดยล่าสุดได้มีตอนพิเศษฉายในโรงหนังด้วย ใครไปดูมาแล้วบ้าง (บอกเลยว่า #เหมียวขี้ส่อง ไม่พลาด) ใครที่ติดตามมาตั้งแรก คงจะได้เห็นได้รู้จักกับตัวละครจำนวนมากในการ์ตูนเรื่องนี้ และแน่นอนว่า เราคงจะมีตัวละครในดวงใจ ซึ่งอาจจะมีมากกว่า 1 ตัวด้วยซ้ำ แต่ตัวละครตัวไหนบ้างนะ ที่ครองใจคนดูมากที่สุด และนี่คือ 12 ตัวละครจากวันพีซ ที่เว็บไซต์ twinfinite จัดให้อยู่ในตัวละครที่ครองใจคนดูมากที่สุดกันล่ะ… 12. หนวดขาว เป็นหนึ่งในโจรสลัดที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งใน 4 จักรพรรดิ เป็นคนที่ไม่สนใจสมบัติมีค่าเหมือนโจรสลัดคนอื่นๆ เพราะเขาให้ความสนใจกับสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตในมากกว่า ซึ่งไม่มีใครสามารถแย่งไปได้นั่นเอง 11. โบอา แฮนค็อก ผู้เป็นหนึ่งใน 7 เทพโจรสลัด ด้วยความงามบวกกับผลปีศาจเมโร เมโร่ ทำให้เธอฆ่าศัตรูโดยการทำให้หลงไหลและกลายเป็นหิน แต่เชื่อหรือไม่ว่า เธอคนนี้หลงรักลูฟี่เข้าแล้ว 10. ดอนกีโฮเต้ เดอ ฟรามิงโก้ เขาเป็นนายน้อยแห่งกลุ่มโจรสลัดดอนกีโฮเต้ หลายคนอาจจะเกลียดเขา เพราะว่าเขาเป็นคนที่ชอบทรมานเหยื่อ ชอบเห็นคนตาย และคนฆ่ากันเอง แม้ว่าบางครั้งจะไม่ใช่ฝีมือเขาก็ตาม ถือได้ว่าเป็นคนเหี้ยมโหดคนหนึ่งบรรดาโจรสลัดเลยล่ะ 9.…

การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะแม่ต้องทำหน้าที่ทุกอย่างเพียงคนเดียว ไหนจะดูแลครอบครัว ไหนจะทำงานบ้านและหารายได้ ดังนั้นจึงเป็นงานที่เหนื่อยมากๆ และนี่คือเรื่องราวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวท่านหนึ่งที่ชื่อว่า Yevette Vasquez วันหนึ่งขณะที่เธอไปส่งลูกที่โรงเรียนแล้วก็สังเกตเห็นว่าวันนี้ทำไมรถจอดเยอะผิดปกติ เธอก็เลยถามลูกว่าวันนี้วันอะไร ลูกก็ได้เล่าให้แม่ฟังว่าวันนี้มีกิจกรรม “กินโดนัทกับพ่อ” ที่โรงเรียน     คุณแม่เห็นดังนั้นก็ไม่อยากให้ลูกได้พลาด ก็เลยจัดการบึ่งรถกลับบ้านแล้วแต่งตัวใหม่พร้อมกับใส่หนวดมาด้วย แล้วก็ขับรถกลับไปที่โรงเรียนเพื่อให้ลูกของเธอได้กินโดนัทกับพ่อจริงๆ “ฉันรู้ว่าการได้เห็นเด็กๆ คนอื่นได้อยู่กับพ่อมันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย แต่นี่แหละชีวิตของฉัน อย่างน้อยฉันก็ได้ทำอะไรที่อยากทำเพื่อให้เกิดรอยยิ้มขึ้นได้”   . . .   ถือเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่น่านับถือหัวใจของเธอจริงๆ เห็นได้ชัดเลยว่าเธอสามารถเป็นได้ทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน ที่มา Yevette Vasquez, boredpanda

เค้าว่ากันว่าสาเหตุที่คนเป็นพี่เกิดก่อนนั้น ก็เพื่อดูแลน้องๆ ที่จะเกิดตามมาทีหลัง เหล่าสัตว์โลกเองก็เช่นกัน… เรื่องราวของ 3 มิ้วน้อยที่มีคนพบเห็นว่ามันกำลังกอดกันกลม เหมือนกับว่ามิ้วผู้พี่ทั้งสอง กำลังกอดน้องสาวคนเดียวเพื่อปกป้องจากภัยอันตราย     คุณ Megan Sorbara ได้ออกไปข้างนอกเพื่อซื้อไอศกรีม ในระหว่างทางนั้นเธอก็ยินยิ้นเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเจ้าเหมียวตัวน้อย และเธอก็ได้พบกับเจ้ามิ้วน้อย 3 ตัว และเธอก็รู้ได้ทันทีว่าต้องช่วยพวกมันแล้วล่ะ ซึ่งภาพที่เธอเห็นในตอนนั้นก็คือเจ้าเหมียว 2 ตัวกำลังนอนกอดเจ้าตัวเล็กที่มีสีแปลกไปจากเพื่อน “ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าพวกมันกำลังพยายามที่จะปกป้องเจ้าตัวเล็กที่อยู่ตรงกลางอยู่เลย” คุณ Sorbara ที่เป็นประธานของมูลนิธิ Naples Cat Alliance เล่า และหลังจากนั้นไม่นานก็ก็รู้ได้เลยว่าเจ้าเหมียวตัวสีขาวนั้นยังเดินด้วยตัวเองไม่ค่อยได้ และพี่ๆ ของมันอีกสองตัวนั้นก็คอยอยู่ใกล้ๆ เพื่อดูแลมอบความอบอุ่นให้ไม่ห่าง     เธอพาเหล่ามิ้วน้อยทั้งสามตัวกลับไปที่ Naples Cat Alliance และนั่นก็ทำให้พวกมันได้รับการดูแลได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเจ้าตัวสีขาว ที่ดูเหมือนจะมีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว “ดูเหมือนว่ามันจะเอียงหัวไปด้านซ้ายซะส่วนใหญ่ แต่มันก็ดูสุขภาพแข็งแรงดี และเมื่อมันจะเดินไปไหนมันก็จะใช้วิธีกลิ้งตัวเพื่อไปถึงที่หมาย” คุณ Megan เล่า     พวกเขาตั้งชื่อให้กับเจ้าเหมียวตัวพี่สองตัวว่า Praline และ Pistachio ส่วนเจ้าตัวสีขาวนั้นชื่อว่า Coconut คุณ Megan ได้ทำการป้อนอาหารพวกมันอย่างใกล้ชิด…

หลายๆ คนมักจะคิดว่า การมีลูกนั้น ทำให้เหนื่อยและลำบากสำหรับคู่รัก เพราะพ่อแม่ต้องคอยดูแลลูกๆ ตลอดเวลา แค่คนเดียวก็ว่าเหนื่อย แล้วถ้ามีลูกแฝดละ คงจะต้องคูณสองเข้าไปสินะ แต่คุณแม่ลูกแฝดชาวญี่ปุ่นคนนี้ กลับมีความสุขกับการเลี้ยงลูก โดยเฉพาะตอนที่ลูกๆ หลับ เพราะเธอจัดฉากให้ลูกๆ เหมือนได้ผจญภัยขณะหลับ เป็นการจินตานาการความฝันของลูกๆ ได้เหมือนมากๆ เราเองก็อดชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์ของเธอไม่ได้ซะด้วยสิ   ฝันว่า กำลังเป็นช่างซ่อมรถ   เมื่อลูกๆ ติดเรื่องเจ้าชายน้อย ถึงกับเก็บไปฝันเลย   ฝันว่าได้ชั่งน้ำหนักแบบนี้ สนุกดีนะ   เมื่อคุณพ่อชื่อชอบอนิเมะ มีรึลูกๆ จะไม่ชอบ   ฝันว่าจุงน้องหมาไปเดินเล่น   เมื่อเราฝันว่าตกเหว (ท่านอนมันได้จริงๆ อ่า)   หรือฝันว่าไปตกปลาในช่วงฤดูร้อน   นี่ไม่ได้ฝันว่ากำลังต่อสู้กันอยู่ใช่มั้ย   บางทีคุณแม่ก็ชอบช้อปปิ้งจาก Amazon มากไปนะ เอ๊ะ หรือว่าได้สปอนเซอร์มาลง อิอิ   เมื่อลูกๆ คิดว่าแม่เหมือนกูเกิล เพราะรู้ไปซะทุกเรื่องเลย   กำลังฝันว่าอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่เต็มไปด้วยเทศกาลต่างๆ…

การถ่ายรูปสัตวป่านั้น นับว่าเป็นความนิยมของช่างภาพหลายๆ คน เพราะนอกจากจะได้ภาพหายากแล้ว ยังเป็นความท้าทายสำหรับช่างภาพในการตะลุยไปหาภาพเหล่านี้มาด้วย ทาง British Wildlife Photography Awards จึงได้จัดประกวดภาพถ่ายสัตว์ป่าในอังกฤษ เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนเข้าถึงธรรมชาติมากยิ่งขึ้นผ่านการถ่ายภาพ การประกวดนี้มีผู้เข้าประกวดนับพัน แต่ได้คัดเหลือเพียง 15 ภาพ ที่ชนะในด้านสาขาต่างๆ และมีภาพที่ชนะใจกรรมการอีก 1 รางวัล ดังนี้   1. ชนะเลิศภาพสัตว์ครึ่งตัว โดย Jamie Mina ชื่อภาพ “Contemplation” เป็นภาพกระต่ายภูเขา จากอินเวอร์เนส ประเทศก็อตแลนด์   2. ชนะเลิศด้านพฤติกรรมสัตว์ โดย Jacqueline Spindley ชื่อภาพ  “Back Garden Babies” เป็นภาพแมงมุมการ์เด้น จากน็อตติงแฮมประเทศอังกฤษ   3. ชนะเลิศภาพสัตว์ในเมือง โดย Geoff Trevarthen ชื่อภาพ “The Supermarket Starling” จากคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ   4. ชนะเลิศภาพหายาก โดย Stephen…

ถ้าใครได้ติดตามข่าวในต่างประเทศก็คงคุ้นกับข่าวนี้เป็นอย่างดี เมื่องนางแบบสาวจากนิตยสารเพลย์บอยอันโด่งดังชื่อว่า Dani Mathers ได้มีข่าวในแง่ลบ เมื่อเธอได้ถ่ายภาพในยิมแห่งหนึ่ง ซึ่งภาพที่เธอถ่ายนั้นเธอตั้งใจให้ไปติดหญิงสาวสูงอายุคนหนึ่งที่กำลังเปลือย พร้อมกับข้อความเชิงชี้นำให้ทุกคนได้ดูถูก หลังจากนั้นโซเชียลก็ไม่พอใจกับการที่เธอแสดงพฤติกรรมแบบนี้ เพราะว่าเป็นการไม่ให้เกียรติคนอื่นอีกทั้งยังเป็นการแอบถ่ายอีกด้วย จึงทำให้เธอได้รับคำวิจารณ์อย่างมากมาย     หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไปได้สักพัก ตอนนี้ก็ได้มีบทลงโทษออกมาแล้ว จากที่ตำรวจได้ทำการออกตามหาผู้เสียหายอย่างจริงจังจนได้พบเจอกับเธอ ตำรวจไม่สามารถเปิดเผยชื่อเหยื่อได้แต่นั่นก็ทำให้นางแบบสาวต้องรับผิด และกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย ศาลตัดสินให้เธอมีโทษจำคุกเป็นเวลาทั้งหมด 6 เดือน แต่รายละเอียดเพิ่มเติมยังไม่ได้แจ้งให้ทราบ ซึ่งการลงโทษครั้งนี้ทางการทำให้เพื่อเป็นตัวอย่างว่าการทำบุคคลอื่นเกิดความเดือดร้อนจากแอบถ่ายรูปคนอื่นแล้วแชร์มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย     เหตุการณ์แบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับบ้านเราบ่อยครั้ง ซึ่งจากที่เห็นกันมาก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่มนุษย์กล้องของเราจะถูกลงโทษเลย ครั้งหนึ่งที่มีคนเคยแอบถ่ายชายที่รองเท้าขาดแล้วหาว่าเขาซ่อนกล้อง ทำให้ชีวิตเขาแย่ยิ่งกว่าเดิม ได้รับเสียงก่นด่าจากสังคมมากมาย ส่วนผู้ทำก็ลอยนวล   เรื่องราวที่เคยเป็นประเด็นในไทยเมื่อนานมาแล้ว…   หรือจะเป็นกรณีที่แอบถ่ายสาวในบีทีเอส ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้เสียหาย ยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้เป็นเยี่ยงอย่าง เราก็คงต้องติดตามประเด็นนี้กันต่อไป ที่มา inquisitr

ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเมืองไหน ประเทศไหน ก็มักจะเจอกับปัญหาคนหาย และมีทุกเพศทุกวัยด้วย เมื่อมีประกาศตามหา ก็มีทั้งหาเจอบ้าง ไม่เจอบ้าง ช่างภาพ Gustavo Germano  จึงได้ทุ่มเททำโครงการรวบรวมภาพของคนที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ในอาร์เจนตินาและบราซิล ช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นประเทศที่ถูกปกครองโดยเผด็จการทหาร เขาได้สร้างฉากจากรูปครอบครัวกว่า 25 ครอบครัว โดยถ่ายรูปในสถานที่เดียวกัน ที่ผ่านมาแล้วหลายปี ซึ่งภาพทั้งหมดนี้ ไม่มีครอบครัวไหนที่ได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าเลย และในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา เฉพาะสองประเทศนี้ มีรายงานว่าคนหายไปถึง 30,000 คนทั่วโลก และนี่เป็นภาพส่วนหนึ่งของโครงการนี้ ที่ทำให้เราได้เห็นว่า แม้ในสถานที่เดียวกัน แต่คนที่อยู่ในรูปนั้น กลับขาดหายไป และให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว…   1. ปี 1975 และ 2006   2. ปี 1975 และ 2006   3. ปี 1974 และ 2006   4. ปี 1966 และ 2006  …

ใครเป็นคนที่คลอดก่อนกำหนดบ้าง!? แน่นอนว่า เด็กที่คลอดก่อนกำหนดนั้น มักจะตัวเล็ก ร่างกายไม่สมบูรณ์ รวมทั้งอาจมีปัญหาสุขภาพตามมา แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน… คนที่คลอดก่อนกำหนดนั้นคือคนอยู่ในครรภ์ไม่ครบอายุภรรค์ 40 สัปดาห์ พวกเขาจึงต้องอดทนและต่อสู้กับความยากลำบากมากกว่าคนปกติ ช่างภาพ Red Methot จึงได้ถ่ายภาพเรื่องราวของของเด็กที่คลอดก่อนกำหนดภายใต้ชื่อ Les Premas เพื่อแสดงให้เห็นความท้าทายที่พวกเขาต้องเจอ ชุดภาพของคนที่รุ่นทุกวัยที่คลอดก่อนกำหนด ถือรูปของตัวเองในวันแรกที่คลอด ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่ต้องอยู่ในโรงพยาบาล ดูแลแบบพิเศษจนกระทั่งพวกเขาแข็งแรงถึงขั้นใช้ชีวิตภายนอกเองได้ สำหรับใครชอบผลงานชุดนี้ ติดตามช่างภาพคนนี้เพิ่มกันได้นะคะที่เพจ RedM   1. Felix เกิดขณะที่อยู่ในครรภ์ 24 สัปดาห์   2. Margot เกิดขณะที่อยู่ในครรภ์ 29 สัปดาห์   3. Noah และ Nathan เกิดขณะที่อยู่ในครรภ์ 32 สัปดาห์   4. Thomas เกิดขณะอยู่ในครรภ์ 23 สัปดาห์   5. Noah เกิดขณะอยู่ในครรภ์ 32 สัปดาห์ พร้อมกับน้องสาวฝากแฝด Victoria แต่เธอได้จากไปหลังอยู่ได้เพียง 1 เดือน   6. Julie เกิดขณะอยู่ในครรภ์ 7…

เรื่องราวของเจ้าเหมียวที่ถูกทิ้งไว้หลังจากที่เจ้าของเก่าย้ายบ้านออกไป และมันก็เหมือนจะติดใจกับทาสคนหนึ่งที่กะไปแค่ดูแมวที่สถานสงเคราะห์เฉยๆ ทำตัวติดหนึบไม่ยอมปล่อยไปไหนเลย จนในที่สุดมันก็ถูกรับมาเลี้ยงจนได้ ฮร่า   มารู้จักกับเจ้าเหมียว Jasper หรือที่รู้จักกันในชื่อ Jazz   เจ้า Jasper นั้นถูกมนุษย์คนก่อนทิ้งไป มันอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเดิมนั้นมาตลอด และพวกเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับมารับมันอีกเลย หลังจากนั้นมันก็เริ่มถูกโจมตีจากแมวข้างบ้าน “มีคนโพสต์ขอความช่วยเหลือในเฟซบุ๊ค ให้กับเจ้าเหมียวตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในบ้านร้าง และดูเหมือนกับว่ามันมีบาดแผลเต็มตัวไปหมด” สมาชิกเว็บไซต์ Reddit ชื่อว่า Sarie24 กล่าว ในตอนแรกนั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจ แต่ในที่สุดก็มีทีมช่วยเหลือได้เสนอตัวเข้ามารับหน้าที่นี้ “ในตอนแรกนั้นเนื้อตัวของมันสกปรกมอมแมมมาก ขนของมันพันกันเป็นก้อนขนาดใหญ่ ทางทีมช่วยเหลือก็เลยตัดสินใจที่จะโกนขนของมันออก เผยให้เห็นถึงรอยแผลถลอกเต็มตัวของมัน”   คุณ Sarie24 และสามีของเธอที่เพิ่งกลับมาจากอิรัก (จะบอกนัยๆ ว่าเป็นทหารล่ะซิ) พอกลับมาปุ๊บทั้งคู่ก็เลยตัดสินใจที่จะไปยังสถานสงเคราะห์สัตว์ “พวกเรากะแค่จะไปดูเฉยๆ ในตอนแรก แต่ดูเหมือนว่าเจ้าเหมียวตัวนี้จะติดสามีของฉันซะแจเลย นั่นทำให้เราไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ”   เจ้า Jasper นั้นกระโดดขึ้นมานอนบนตักสามีของคุณ Sarie24 และไม่ยอมหนีไปไหนเลย   “และเมื่อเราพามันมาถึงที่บ้าน เจ้า Jazz เล่นอย่างไม่หยุดหย่อนเลย และนั่นก็เป็นสิ่งที่เราดคาดกันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว” คุณ Sarie24 เล่า “พวกเราได้ทำห้องให้เป็นที่อยู่ของมัน และตอนนี้มันก็กลายเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ให้ความอบอุ่นกับทุกคนในบ้าน ด้วยดารไปนอนอยู่ใกล้ๆ กับทุกคน”…

ผู้หญิงส่วนใหญ่ อยากมีหุ่นผอมเพรียว ขนาดบางคนผอมแล้ว ก็ยังคิดว่าตัวเองอ้วนเลย จนกลายเป็นคนคลั่งผอม แต่ก็มีผู้หญิงบางคนที่คลั่งไคล้ความอ้วน อยากอ้วนจนขยับตัวไม่ได้ เช่นเดียวกับ โมนิกา ไรลีย์ จากรัฐเท็กซัส เธอเป็นคนที่อยากอ้วนที่สุดในโลก ด้วยเหตุผลที่อยากจะาอ้วนจนไม่สามารถขยับตัวได้ (เพื่ออะไรนี่!?) ตอนนี้น้ำหนักเธออยู่ที่ 317 กิโลแล้ว แต่เธอบอกมันยังไม่พอ เพราะตอนนี้คนที่มีน้ำหนักมากที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ 444 กิโลกรัม ในขณะที่ด้าน ซิด ไรลีย์ แฟนหนุ่มของเธอนั้น ก็เป็นคนคอยปรุงอาหารในแต่ละวันให้เธอ แล้วป้อนผ่านท่อให้ด้วย เธอบอกว่า “ฉันอยากอ้วนจนไม่สามารถขยับตัวได้ เพราะซิดจะได้เป็นมือเป็นเท้าให้ฉัน และฉันคิดว่า เขาก็ตื่นเต้นด้วยเช่นกัน”     “เขาคอยช่วยฉันลุกจากโซฟาและเตียงนอน ถ้าฉันกินมื้อเย็นและล้มตัวนอนลง เขาจะคอยพลิกฉันให้นอนบนเตียงพอดี เพราะท้องฉันใหญ่เกินกว่าที่จะจะหมุนตัวได้” นอกจากนี้ เธอยังมีแผนที่จะมีลูกด้วย โดยบอกว่า “เราวางแผนว่าจะมีลูก เพราะฉันสามารถเลี้ยงเขาในห้องนอนได้” “เราจะจ้างพี่เลี้ยงมาคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ รวมทั้งพาลูกออกไปข้างนอกด้วย บางคนคิดว่าเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัว แต่ฉันว่า เราสามารถเป็นพ่อแม่ที่ดีได้” ตอนนี้โมนิกามีน้ำตัวมากที่สุดในชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี้สองปี เธอเพิ่งตัดสินใจทำศัลยกรรมอยู่เลย แต่เธอก็เปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย แล้วตัดสินในที่จะเพิ่มน้ำหนักแทน โดยทานอาหาร  8,000 แคลอรี่ทุกวัน  …

หลายครั้งที่เราเจอหมาระหว่างเดินทาง แต่เราส่วนใหญ่ ก็คงคิดว่ามันมีเจ้าของหรือมันเป็นหมาที่อยู่ในถิ่นนั้นอยู่แล้ว แต่สำหรับคู่รักนักเดินทางคู่นี้ พวกเขาไม่คิดเช่นนั้น… คู่รักหนุ่มสาว Pedro และ Esmeralda ทั้งคู่กำลังเดินทางจากกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ไปยังกาดิซ ที่ทางตอนใต้ของสเปน แต่ระหว่างทางนั้น พวกเขาก็ได้เจอกับ หมาหลงตัวหนึ่งที่เมืองหลวงของแอลเบเนีย พวกเขาจึงรับมันด้วย พร้อมตั้งชื่อให้ว่า Tirana ตามชื่อเมืองที่พวกเขาเจอ Tirana เป็นหมาน้อยที่หลงทาง ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 2 สัปดาห์ด้วยซ้ำ มันทั้งเหนื่อยและหิวมากๆ  จนทำให้มันเกือบถูกรถมอเตอร์ไซด์ชน แต่โชคดีที่คนขับมอเตอร์ไซด์รับมันมาด้วย ทำให้ชีวิตมันเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้น   สวัสดีฮะ ผมชื่อ Tirana ผมเป็นหมาที่หลงทางตั้งแต่อายุไม่ถึง 2 สัปดาห์เลย   เพราะพวกเขาได้อุ้มมันขึ้นมา และพามันร่วมเดินทางด้วย วันแล้ววันเล่า Tirana ก็ค่อยๆ โตขึ้น พวกเขาสนิทกันมากขึ้นระหว่างเดินทาง Tirana เองได้ท่องเที่ยวไปดูเมืองต่างๆ มากมาย เช่น Kotor ในมอนเตเนโกร หรือเวนิสในอิตาลี ตอนนี้ Tirana ได้อยู่ที่บ้านแล้ว ส่วนเจ้าของก็กำลังมีแผนสำหรับการเดินทางในครั้งต่อไป เพราะพวกเขามักจะออกเดินทางตลอดเวลา และอยู่ในที่นั้นๆ นานสุดก็ 3 เดือน และไม่ลืมที่จะพา Tirana ไปด้วย จนทำได้มันกลายเป็นสุนัขนักเดินทางเหมือนเจ้าของ   ผมเกือบโดนรถชนแล้ว แต่โชคดีพวกเขาจอดรถ…

เป็นที่รู้กันดีว่า ประเทศเนเธอร์แลนด์นั้น มักจะมีชื่อเสียงในด้านการออกแบบสิ่งใหม่ๆ หรือโครงการต่างๆ ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกประหลาดใจและประทับใจอยู่เสมอ โดยล่าสุดทางเว็บไซต์ Bright Side ก็ได้นำเสนอความเป็นจริงเกี่ยวกับประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศในอุดมคติที่หลายๆ ประเทศใฝ่ฝันอยากให้เป็นในโลกอนาคตอันใกล้นี้เลย   1. เป็นประเทศเดียวที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงถูกทอดทิ้ง เรื่องนี้ได้รับการยืนยันเมื่อไม่นานมานี้ ว่าปรเทศเนเธอร์แลนด์ไม่มีสัตว์ที่ถูกทิ้ง หรือไม่มีกระทั่งหมาจรจัดเลย ทั้งนี้เป็นเพราะว่ารัฐบาลมีความเข้มงวดในกฏหมายที่ว่าด้วยสิทธิสัตว์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการทารุณและทอดทิ้งสัตว์เลี้ยง   2. เนเธอร์แลนด์มีเลนจักรยานที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นประเทศแรกของโลก โครงการที่เรียกว่า SolaRoad เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา โดยเส้นทางสายแรกเปิดในปี 2015 มีความยาวเพียง 100 เมตร แต่ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าอย่างมากสำหรับการสร้างถนนในอนาคต แนวคิดหลักของโครงการนี้คือการผลิตไฟฟ้าเพื่อเพียงพอต่อการให้แสงสว่างถนนและการชาร์จแบตยานพาหนะ   3. จุดชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ที่ตั้งห่างไม่เกิน 50 เมตร ในแต่ละพื้นที่ หนึ่งในจุดเด่นของประเทศเนเธอร์แลนด์คือการมีระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เนเธอร์แลนด์พยายามจะหยุดการใช้ยานพาหนะที่ต้องใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล แต่หันมาใช้รถไฟฟ้าที่อาศัยการชาร์ตแบตแทน   4. ในเนเธอร์แลนด์ มีเมืองหนึ่งซึ่งไม่มีคนขับรถยนต์เลย นับตั้งแต่ปี 1980 พลเมืองกว่า 4,000 คนในเมือง Houten ได้รณรงค์ให้ใช้รถจักรยานมากกว่ารถชนิดอื่นๆ ตั้งแต่นั้นมาผู้คนก็หันมาใช้จักรยานกันมากขึ้นตามลำดับ   5. เป็นประเทศที่กำลังจะห้ามจำหน่ายรถใช้เชื้อเพลิงเบนซินและดีเซล ในปี…

เมื่อไม่กี่วันก่อน #เหมียวหง่าว ได้นำเสนอเรื่องราวของ นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่ไปนั่งรับประทานอาหารกลางวันกับหนุ่มน้อยที่ป่วยเป็นออทิสติก ไปแล้ว ลองย้อนกลับไปอ่านเรื่องราวของทั้งสองในลิงค์นั้นได้ก่อนนะครับ เพื่อความอินกับเนื้อหานี้มากขึ้น   และหลังจากนั้นผ่านไป 1 สัปดาห์ หนุ่มน้อย Bo และ Travis ก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง…   และพ่อหนุ่ม Travis ก็ได้เซอร์ไพรซ์เพื่อนตัวน้อยของเขาด้วยการมอบเสื้อของทีม FSU พร้อมกับสกรีนชื่อของหนูน้อย Bo ให้อีกด้วย   เท่านั้นยังไม่พอ ทั้งเจ้าหนู Bo และคุณแม่ ก็ได้ถูกเชิญให้เข้าชมเกมการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลระหว่าง ทีม FSU และ ทีม Ole Miss ในรัฐ Orlando ในคืนที่ผ่านมา   แน่นอนว่าทั้งเพื่อนร่วมทีม และทางทีมเองก็ได้ให้ความสำคัญกับเพื่อนตัวน้อยของเขา พร้อมกับจัดการต้อนรับเป็นอย่างดี โดยการอัพคลิปช่วงเวลาสุดแสนประทับใจลงในทวิตเตอร์ของทีม พร้อมกับให้แคปชั่นว่า “นี่เป็นวันที่ดีที่สุด Travis Rudoph ได้เซอร์ไพรส์ เจ้าหนู Bo Paske ด้วยเสื้อของทีมเมื่อเช้าที่ผ่านมา”   ไปชมคลิปเหตุการณ์สุดประทับใจที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… Best.…

ความตายทำให้ชีวิตจบลง แต่ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์จบลงไปด้วย…   เช่นเดียวกับเรื่องราวความสัมพันธ์ของคุณตาและคุณยาย ที่ดำเนินมาอย่างยาวนานจนในที่สุดก็มาถึงจุดจบ ทว่าทั้งคู่ไม่ได้เลิกกันแต่อย่างใด แต่กลับรักกันจนถึงวันที่ลาจากโลกนี้ไป เรื่องมีอยู่ว่าสมาชิกเว็บบอร์ดดังในต่างประเทศชื่อว่า RealLiveGirl ได้ทำการโพสต์รูปภาพของคุณตาคุณยายที่กำลังนอนจับมือกันอยู่ พร้อมกับใส่แคปชั่นว่า   “คุณยายของฉันอายุ 96 ปีและคุณตาที่อายุ 100 ปี ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่คุณยายจะจากไป ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันมายาวนานถึง 77 ปี”   จากภาพเราจะเห็นว่า แม้อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่ทั้งคู่ก็ยังทำสิ่งที่เคยทำสมัยเป็นหนุ่มสาว นั่นคือการจับมือกันเอาไว้เช่นเดิม แม้จะเป็นมือคู่เดิมที่จับมานานถึง 77 ปี ท่านก็ไม่เบื่อแต่อย่างใด… แน่นอนว่าเรื่องนี้กลายเป็นที่สนใจของชาวเน็ตต่างชาติกันอย่างมาก มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกับเรื่องราวความประทับใจนี้มากถึง 1,400 ครั้งเลยทีเดียว     และนี่คือความคิดเห็นบางส่วนที่มีต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้   คุณ CramPacked ได้กล่าวว่า “ขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียนี้ด้วย แต่มันเป็นเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมมาก การจับมือของคู่ชีวิตของคุณ บนเตียงอุ่นๆ ที่มีคนที่รักเราอยู่รายล้อม ขอแสดงความเสียใจกับคุณปู่ของคุณที่สูญเสียภรรยาอันเป็นที่รักที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาอย่างยาวนาน ขอให้พระเจ้าอวยพรทุกคน”   คุณ hammerw กล่าวว่า “เรื่องนี้กระทบต่อความรู้สึกของผมเป็นอย่างมาก คุณปู่คุณย่าของผมให้ผมไปอยู่อาศัยกับพวกเขาได้ ตอนนั้นพวกเขาอายุ 74 ปี เกิดห่างกันประมาณ 5 ชั่วโมงเท่านั้นเอง และทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่อายุ…

ถึงเรื่องเงินจะไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตของใครหลายๆ คน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคือปัจจัยหลักในการมอบชีวิตและสิ่งแวดล้อมดีๆ โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันนี้ สำหรับวันนี้เราก็มีผลงานของช่างภาพ Johnny Miller เมื่อปี 2016 ที่เขาได้มีโอกาสเข้าไปถ่ายภาพมุมสูงของประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเขาได้เห็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน “จะว่าไปมันก็คือความสวยงามแบบหนึ่ง ประเทศแอฟริกาใต้คือส่วนผสมของโลกที่ 1 และประเทศโลกที่ 3” เขากล่าวกับภาพพวกนี้ “ผมพอจะรู้ว่ามันมีเส้นแบ่งความไม่เท่าเทียม แต่ผมไม่รู้ว่ามันมากแค่ไหน จนกระทั่งได้เห็นภาพจากโดรน”   ความไม่เท่าเทียมกันในคุณภาพชีวิต   Cape Town เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแรกของแอฟริกาที่ปรับตัวเข้าสู่โลกาภิวัฒน์ เพราะการเข้ามาของชาวยุโรป   ในอดีตประเทศแอฟริกาใต้นั้นมีการปกครองด้วยระบบเหยียดสีผิวอยู่   มีการเหยียดผิวและชนชาติกันอย่างเนืองๆ ชาวผิวดำนั้นส่วนมากจะถูกกดดันให้ย้ายจากบ้านแถบชานเมืองเข้าไปอยู่ในสลัม และมีเขตกั้นเพื่อแบ่งทั้งสองโซนไว้   ถึงแม้ว่าระบอบการปกครองแบบเหยียดสีผิวและกฎหมายเหล่านั้นจะถูกยกเลิกไปมากกว่า 50 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีร่องรอยของความแตกต่างให้ได้เห็นกันอยู่   ส่วนชาวผิวขาวผู้มั่งมีก็อาศัยอยู่ในบ้านและคฤหาสน์สุดหรู   และนี่คือภาพของความแตกต่างที่ยังคงมีให้เห็นกัน ที่ทาง Miller ได้ไปบันทึกมา… เราสามารถติดตามงานเขาเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.unequalscenes.com . . . . . . . . . . .…

มารู้จักกับเจ้าเหมียว Tom แมวที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาเยียวยา และผู้ดูแลเหล่าคนป่วยในโรงพยาบาลของทหารผ่านศึก Salem VA Medical Center ในเมือง Salem รัฐ Virginia ประเทศสหรัฐอเมริกา เรื่องราวสุดประทับใจเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ป่วยคนหนึ่งกำลังป่วยหนักและคิดว่าคงไม่รอดแน่นอน เจ้าเหมียว Tom ก็กระโดดขึ้นไปนอนข้างๆ พร้อมกับมองไปที่หน้าของเขาแล้วก็ร้องเมี๊ยวออกมา     เจ้า Tom และผู้ป่วยคนนั้นเป็นเพื่อนรักกัน พวกเขารู้จักกันเป็นอย่างดี “มันมาอยู่กับคุณลุงทหารผ่านศึกและครอบครัวของเขาเพื่อปลอบใจให้ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดไปได้” คุณหมอ Blake Lipscomb เล่าให้ฟัง “มันได้ทำหน้าที่อย่างที่พวกเราต้องการ ด้วยการช่วยบรรเทาความเครียดให้กับผู้ป่วยและญาติๆ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับพวกเขา” เหล่าทหารผ่านศึกที่อยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ต่างก็ซาบซึ้งใจที่เจ้าทอมทำกับพวกเขา เพราะมันมักจะมาทำให้ทุกวันที่แสนหดหู่ของเหล่าผู้ป่วยกลายเป็นวันที่แสนสดใส ราวกับว่ามันเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดเลยก็ว่าได้     เจ้าเหมียว Tom นั้นไม่ค่อยชอบให้คนอื่นมากอดซักเท่าไหร่ แต่มันมักจะช่วยให้เหล่าเพื่อนๆ ที่เป็นทหารผ่านศึกทั้งหลายนั้นรู้สึกสบายใจเมื่อพวกเขาต้องการ เหมือนมันจะเข้าใจถึงการเอาใจใส่มากกว่ามนุษย์อย่างเราๆ ซะอีก เจ้าแมวเหมียวตัวสีส้มนี้ทำหน้าที่ของมันในการเป็นแมวผู้ดูแลเหล่าคนไข้ได้เป็นอย่างดี “เมื่อตื่นนอนมันจะวิ่งไปตามห้องต่างๆ ราวกับว่ากำลังรีบวิ่งไปทำงานเลยล่ะ” คุณ Shelby Benois โฆษกของโรงพยาบาลกล่าว       พ่อหนุ่มที่มีขนสีเหลืองตัวนี้มักจะเดินเพ่นพล่านไปมาในโรงพยาบาล และแวะให้ความอบอุ่นด้วยการสร้างมิตรภาพกับเหล่าผู้ป่วยที่เป็นทหารผ่านศึก เพื่อช่วยเยียวยาอาการเจ็บป่วยได้อีกทางหนึ่ง…

สำหรับมนุษย์วัยทำงานนั้นหนึ่งสิ่งที่จะต้องเผชิญในแต่ละวันก็คือการพบกับปัญหาของระยะเวลาในการเดินทางจากที่พักไปยังที่ทำงาน ซึ่งถ้าหากว่าอยู่ไกลมากๆ ก็ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางอีกเป็นเท่าตัว (นี่ยังไม่รวมไปถึงปัญหาการจราจรที่ไม่อาจคาดเดาได้อีกนะเนี่ย)   จะว่าไปแล้วปัญหานี้ก็เหมือนจะเป็นอะไรที่ใหญ่หลวงสำหรับ Frantisek Hadrava ชายวัย 45 ปี จากสาธารณรัฐเช็ก ผู้นี้ ที่ทำงานของเขานั้นเป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้าน Zdikov ที่เขาอาศัยอยู่ ซึ่งในแต่ละวันเขาก็จะต้องขับรถไปที่ทำงานโดยใช้เวลาอย่างน้อย 12-14 นาที เพื่อไปเข้างานโรงงานกะเช้าเวลา 6 นาฬิกา     ด้วยระยะเวลาการเดินทางขนาดนี้ เขาคิดว่ามันใช้เวลามากไป ก็เลยอุทิศเวลาทั้งหมดประมาณ 2 ปี ในการสร้างเครื่องบินเล็กส่วนตัวด้วยตัวเอง โดยเขาหวังว่าจะใช้เป็นยานพาหนะ เพื่อเดินทางไปทำงานในระยะเวลาที่สั้นลง ให้เหลือเพียงแค่ 7 นาทีเท่านั้น!!     Hadrava ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters ว่า “โดยปกติแล้วผมจะใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 12 – 14 นาที พอเปลี่ยนมาเป็นเครื่องบินแล้วจะใช้เวลาเพียงแค่ 4 – 5 นาทีเท่านั้น แต่ผมเลือกที่จะบินในเส้นทางอ้อม เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้คนในตอนเช้ามากเกินไป เพราะฉะนั้นแล้วก็จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 7…

เมื่อปลายปีที่แล้ว เหมียวขี้อ้อนได้นำเสนอเรื่องราวของ Lazarus เจ้าเหมียวตัวน้อยที่เกือบจะนอนหนาวตายอยู่ใต้กองหิมะอันหนาวเหน็บ แต่ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีซ่อนอยู่ เพราะเจ้าเหมียวผู้น่าสงสารตัวนี้ สามารถรอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ หลังจากที่ครอบครัวของ Branden Bigham มาช่วยชีวิตของมันได้ทันเวลา     เมื่อเห็นเจ้า Lazarus นอนตัวแข็งจมอยู่ใต้กองหิมะ Branden และลูกๆ จึงรีบเข้าไปช่วยมันทันที โดยการพาเข้าไปอยู่ใกล้บริเวณเตาผิง เพื่อให้ร่างกายของมันอบอุ่น Branden พยายามช่วยเหลือเจ้าเหมียวโดยการปั๊มหัวใจให้มัน และในที่สุดเขาก็สามารถช่วยชีวิตของเจ้า Lazarus ได้สำเร็จ (ย้อนดูภารกิจช่วยชีวิตเจ้า Lazarus ได้ที่นี่ เจ้าแมวน้อยเกือบแข็งตายอยู่ใต้กองหิมะ แต่โชคดีที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ เพราะมีคนมาช่วยไว้ทัน)     หลังจากที่ได้ช่วยชีวิตของเจ้าเหมียวในวันนั้น มันก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Branden ไปในทันที… และมาในวันนี้ทางเว็บไซต์ Lovemeow ก็ได้มาอัพเดทเรื่องราวชีวิต พร้อมภาพน่ารักๆ ของมันอีกครั้ง ถ้าหากใครที่พอจะจำได้ คุณจะต้องรู้สึกประทับใจเมื่อได้เห็นเจ้า Lazarus แน่นอน     ปัจจุบันเจ้า Lazarus เติบโตขึ้นมาก แถมยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง   มันเป็นแมวถูกชุบชีวิตที่น่ารักมากๆ ตัวหนึ่งเลยละ…

แมวโดยธรรมชาตินั้น มักหาอาหารด้วยตัวเอง ก็แน่นอนล่ะว่ามันเป็นสัตว์นักล่า แต่พอมันถูกเลี้ยงในบ้าน หลายๆ คนก็เลือกให้อาหารมันด้วยการใส่ชามเอาไว้พร้อมกิน จากการวิจัยล่าสุดพบว่า ปัญหาหลายๆ อย่างของแมวนั้น ส่วนหนึ่งมาจากวิธีการให้อาหาร เพราะอย่าลืมว่า บรรพบุรุษของแมวนั้น เป็นสัตว์ป่า การนำแมวมาเลี้ยงในบ้านและให้กินได้เลยก็จะขัดกับพฤติกรรมตามธรรมชาติ โดยปัญหาสุขภาพที่มันอาจจะเจอ เช่น มีปัญหากับทางเดินปัสสาวะ โรคอ้วน เบาหวาน และพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น ทำให้บ้านรกรุงรัง รวมถึงการเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของจนมากเกินไปในบางครั้ง     การให้แมวอยู่แต่ในบ้านนั้น อาจเป็นเพราะว่าเป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับมัน แต่ควรจะหาของเล่นให้มันด้วย เช่นพวกต้นไม้ปลอม เพื่อให้มันปีนเล่นได้ หรือของเล่นอื่นๆ เพื่อทำให้มันไม่รู้สึกเบื่อ และสิ่งสำคัญที่สุดก็คืออาหาร ก็อย่างที่เรารู้ดีว่า อาหารเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ แมวเองก็เช่นกัน ดังนั้นควรทำอย่างไร จึงจะเปลี่ยนการให้อาหารแมวเป็นเรื่องที่สนุกมากขึ้น   ลองตัวอย่างจากวิดีโอนี้กัน   จากการศึกษาล่าสุดที่ได้ตีพิมพ์ใน Journal of Feline Medicine and Surgery ซึ่งเป็นทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยของแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์ บอกว่า การให้อาหารที่ดีที่สุดนั้น คือ การให้แมวได้หาอาหารด้วยตัวเอง โดยวิธีการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น วิธีการนี้จะเป็นการตอบสนองสัญชาตญาณการล่าสัตว์ของแมวเป็นอย่างดี เพราะพวกมันจะได้เคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น ประสบการณ์ของพวกมันจะช่วยลดความเครียด และจะเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของน้อยลง…

เราเคยคิดมั้ยกว่าจะออกมาเป็นเมืองแต่ละเมืองได้นั้น ต้องมีการออกแบบ วางแผนผังเมืองให้รอบครอบและรัดกุมมากที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง นอกจากป้องกันการเกิดปัญหาแล้ว บางเมืองยังได้ออกแบบให้มีความสวยงาม เรียบร้อยอีกด้วย ทางเฟสบุ๊ค Daily Overview จึงได้รวบรวมภาพมุมสูงของเมืองต่างๆ ซึ่งเราไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นนัก มาดูกันว่าจะอลังการแค่ไหน   1. เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา   2. อาคารรัฐสภาในกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย   3. เมืองลาปลาตา ประเทศอาร์เจนตินา   4. เมืองคาร์ลสรูเออ ประเทศเยอรมนี   5. รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา   6. Plaza Del Ejecutivo ประเทศเม็กซิโก   7. ย่าน L’Eixample ในนครบาเลนเซีย ประเทศสเปน   8. เมืองนาร์เดน ประเทศเนเธอร์แลนด์   9. ทางหลวงในดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์   10. กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส   11.…

หลายๆ คนเลือกออกกำลังกายในบ้าน เพราะมีความปลอดภัยกว่าไปข้างนอก โดยเฉพาะการปั่นจักรยาน หากออกไปข้างนอก อาจจะไม่มีที่ให้เราปั่นมากพอ ไหนจะต้องเจอกับรถราอีกมากมาย แม้ว่าการปั่นจักรยานในบ้านจะปลอดภัย แต่บางทีมันก็น่าเบื่อนะ เพราะต้องอยู่ที่เดิม บรรยากาศเดิมๆ ดังนั้น นักพัฒนาเกมคนหนึ่ง จึงได้คิดค้นเทคโนโลยีที่จะช่วยทำให้เราได้เที่ยวเสมือนจริง ทั้งๆ ที่อยู่ในบ้าน Aaron Puzey จากสหราชอาณาจักร เป็นนักพัฒนาเกมที่ชอบปั่นจักรยานอยู่ในบ้านเป็นประจำ แต่เมื่อทำไปนานๆ เขารู้สึกว่า การปั่นจักรยานในบ้านโดยไม่ได้เห็นวิวด้านนอกนั้น ทำให้รู้สึกเบื่อและไม่มีแรงกระตุ้น     เขาจึงคิดพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยให้เขาไปออกไปปั่นจักรยานทั่วเมือง ในขณะที่ความจริงแล้ว เขาปั่นอยู่ในบ้านเหมือนเดิม โดยแอพพลิเคชั่นตัวนี้ ได้ทำการเชื่อมต่อ Samsung Galaxy Gear VR กับแผนที่ภาพของ Google Street View ซึ่งจะทำให้มองเห็นวิวถนนเหมือนดั่งได้ออกไปปั่นจักรยาน เป้าหมายสูงสุดในการปั่นจักรยานครั้งนี้คือ การปั่นจาก Land’s End ไปยัง John o’ Groats รวมระยะทางแล้ว 1,500 กิโลเมตร     Aaron บอกว่า ขั้นตอนที่ยากที่สุดในโปรเจคนี้คือ การสร้างแอปพลิเคชั่นเพื่อดึงข้อมูลจาก Google Street…

เป็นธรรมดาที่ชีวิตคนเราต้องเจอกับความทุกข์ไม่ว่าจะทุกข์กายหรือทุกข์ใจ และมีหลายคนที่แก้ปัญหาด้วยการจบชีวิตตัวเอง… เช่นเดียวกับ Heidi Williams ที่ต้องทนทุกข์กับโรคซึมเศร้าอย่างหนักเกือบ 6 เดือน จนตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตาย แต่แล้วอะไรก็ดลบันดาลใจให้เธอหันมาออกกำลังกาย และเลือกโยคะมาเป็นตัวเลือกหลัก เธอก็พบว่าชีวิตจเธอพบความสุขขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ การได้ฝึกโยคะทำให้ชีวิตเธอมีสีสันมากขึ้น เธอจึงตัดสินใจที่จะสู้ต่อไปและกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับเธอ     เธอบอกกับนิตยสาร Mantra Yoga + Health ว่า “ฉันต้องอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต เนื่องจากมีปัญหาทางจิตใจ แต่เมื่อได้ฝึกโยคะ ฉันรู้สึกว่าจิตใจสงบลง รู้สึกปลอดภัย ฉันจึงอยากมีชีวิตอีกครั้ง” หลังจากที่สภาพจิตใจกลับมาปกติแล้ว เธอจึงอุทิศชีวิตของเธอเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ โดยเป้าหมายของเธอคือ อยากเปิดคลาสเรียนโยคะ เพื่อช่วยคนที่เป็นโรคซึมเศร้าโดยเฉพาะ นอกจากนี้เธอยังได้ใช้สื่อออนไลน์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสุขที่เธอค้นพบจากร่างกายของตนเอง ซึ่งทุกคนสามารถบรรลุเป้าหมายแบบเธอได้ แน่นอนว่าเราอาจจะใช้แนวคิดของเธอ ในการสร้างความสุขให้ตัวเอง ทำอะไรใหม่ๆ และให้ตัวเธอรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น เธอก็มีความสุขที่จะได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง และเพื่อคนอื่นๆ ต่อไป….   . . . . . . . .   ใครที่กำลังเศร้า กำลังท้อ ลองหาวิธีทำให้ชีวิตผ่อนคลายดูนะ…

ปัญหาอย่างหนึ่งของการมีสัตว์เลี้ยงนั้นคือ เราไม่สามารถพามันเดินทางไปกับเราได้ทุกที่ หรือหากเอาไปได้ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากข้อจำกัดหลายๆ อย่าง เช่นเจ้าแมวตัวนี้ที่เกือบจะไม่ได้เจอเจ้าของ แต่โชคดีที่โลกนี้ยังมีคนใจดีอยู่ จอร์จ แมววัย 10 ขวบจากซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย มันอยู่กับ ฟิโอน่า ผู้เป็นเจ้าของ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฟิโอน่า ต้องกลับไปที่ไอร์แลนด์ เนื่องจากปัญหาสุขภาพ เธอคิดว่าจะไปไม่นานก็เลยทิ้งจอร์จไว้ให้อยู่กับเพื่อนบ้าน และจะกลับมาหามันให้เร็วที่สุด     แต่ผิดคาด เพราะปัญหาสุขภาพของเธอนั้นหนักจนเธอไม่สามารถทำตามที่ตั้งใจไว้ได้ เธอจึงตั้งใจหาทางพาจอร์จมาอยู่ด้วย เพราะเพื่อนบ้านของเธอต่างก็ย้ายออกไปหมดแล้ว และปล่อยให้จอร์จอยู่เพียงลำพัง จอร์จจึงเดินไปออกไปนอกบ้าน ซึ่งห่างออกไปประมาณ 20 กิโลฯ จนทำให้มันหลงทาง แต่โชคดีที่มีคนไปเจอมันและเจอไมโครชิพในตัวจอร์จ เขาจึงพามันไปหาสัตว์แพทย์ท้องถิ่นในซิดนีย์ เมื่ออยู่ที่นั่น จอร์จได้อยู่แต่ในกรงเล็กๆ ที่ได้ออกมาสัมผัสข้างนอกเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ต่อวัน มันกลายเป็นแมวที่น่าสงสาร ในขณะที่ฟิโอน่าเอง ก็คิดถึงจอร์จมากๆ เธอจึงคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ     ฟิโอน่าไม่มีเงินมากพอที่จะพาจอร์จมาไอร์แลนด์ แต่เธอต้องพามันกลับมาให้ได้ จน Cait และ Sara ซึ่งเพื่อนๆ ของเธอได้ยื่นมือมาเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งสองได้สร้างเพจ GoFundMe เพื่อพาจอร์จกลับไปหาเจ้าของ โดยได้ขอรับบริจาคเงินจากชาวเน็ต ซึ่งจำนวนเงินที่ต้องการคือประมาณ…

นี่เป็นภาพที่กำลังโด่งดังในต่างประเทศขณะนี้เลย สำหรับภาพของหญิงสาวจากชนเผ่าพื้นเมืองของแอฟริกา ที่ออกมาเดินซื้อของในห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น     ภาพเหล่านี้ถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Metro เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา เป็นภาพของหญิงสาวในชุดแบบชนเผ่า Himba ในประเทศนามิเบีย ที่เปลือยร่างกายบางส่วนพร้อมกับแบกลูกน้อยไว้ที่หลังของเธอ แสดงถึงความงดงามของวัฒนธรรมชนเผ่าที่เคียงคู่อยู่กับวัฒนธรรมแบบสมัยใหม่     ตามรายงานบอกว่าเธอกำลังเลือกซื้อแป้งอเนกประสงค์ น้ำตาลและผงซักฟอก ซึ่งในระหว่างนั้นมีช่างภาพชาวสวีเดน Bjorn Persson ผ่านมาเห็นพอดี จึงถ่ายภาพเธอเก็บไว้     “ในตอนแรกเธอไม่ได้สังเกตเห็นผม แต่หลังจากนั้นเธอก็เริ่มรู้แล้วว่าผมกำลังทำอะไร หญิงสาว Himba จะสวมใส่เสื้อผ้าแบบนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่บ้านหรือออกมาในเมืองใหญ่แบบนี้” นาย Persson กล่าว     แม้ว่าภาพเหล่านี้จะดูแปลกตาไปหน่อย แต่ก็ต้องบอกว่านี่คือการแต่งกายเพื่อแสดงออกถึงความงามแบบ Himba ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพแบบชนเผ่าอื่นๆ หากสังเกตดีๆ บริเวณผมและผิวหนังของพวกเขาจะปกคลุมไปด้วยดินโคลน นั่นคือการใช้ครีมกันแดดแบบธรรมชาตินั่นเอง   .   สำหรับคนจากในตัวเมืองเอง การที่ได้เห็นหญิงสาวจากชนเผ่าออกมาในเมืองเพื่อซื้อของแบบนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้บ่อยนัก นาย Persson กล่าวปิดท้ายว่า “พวกเขาแต่งตัวแบบนั้นในหมู่บ้าน ไม่มีใครมาจ้องมองกัน แต่ผมรู้สึกตราตรึงใจ สับสน มีความสุขและเศร้าในเวลาเดียวกัน ภาพถ่ายมันเป็นตัวแทนให้กับโลกเก่าและวัฒนธรรมที่กำลังปะทะกับโลกใหม่ สำหรับผมแล้ว…

หนุ่มๆ หลายคนใฝ่ฝันที่อยากจะมีเจ้าโลกแบบใหญ่ๆ เพื่อความภูมิใจของตัวเองและคิดว่ามันจะช่วยให้สาวๆ รู้สึกดีไปกับขนาดไอ้จ้อนอันใหญ่… แต่มันก็ไม่เสมอไปหรอกนะ เพราะหากใหญ่เกินไป มันก็อาจทำให้คุณใช้ชีวิตลำบากจนไม่สามารถมีอะไรกับสาวๆ ได้เลย     เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานเรื่องราวเกี่ยวกับ Sorence Owiti Opiyo ชายหนุ่มชาวเคนยาวัย 20 ปี ที่ดันเกิดมามีเจ้าโลกใหญ่กว่าผู้ชายทั่วไปถึง 10 เท่า ตามรายงานบอกว่าในตอนที่เขาอายุได้ 10 ขวบ เขาเริ่มมีอาการบวมที่อวัยวะเพศแบบไร้สาเหตุ ตอนแรกเขาคิดว่าแค่เกิดมาเป็นคนมีขนาดใหญ่กว่าคนอื่นๆ เท่านั้น แต่มันกลับเริ่มลุกลาม เขาจึงเข้ารับการผ่าตัด แต่มันกลับใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และไม่เพียงแค่ใหญ่ขึ้นอย่างเดียว มันยังทำให้อวัยวะของเขาเสียรูปทรงไปด้วย     นั่นหมายความว่านาย Opiyo ไม่สามารถมีลูกหรือเพศสัมพันธ์กับสาวคนไหนได้เลย และนั่นส่งผลให้เขาต้องออกจากการเรียนเพราะถูกคนอื่นๆ ล้อเลียนอย่างหนัก แถมยังไม่มีใครรับเขาเข้าทำงานไปโดยปริยาย ปัจจุบันโรคของนาย Opiyo ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ ทราบแค่เพียงว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นเฉพาะในแอฟริกาเท่านั้น อาจจะมาจากทางด้านกรรมพันธุ์ หรือเป็นโรคเฉพาะถิ่นก็เป็นไปได้ แต่ทางแพทย์ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ทางด้านครอบครัวของเขาหวังอย่างยิ่งที่จะระดมเงินทุนเพื่อหาทางรักษาอาการประหลาดให้กับลูกชายของเขาได้ในสักวันหนึ่ง     ใหญ่ไปก็ใช่ว่าจะดีนะ ขอให้พ่อหนุ่มคนนี้หายขาดจากอาการนี้ได้ในเร็ววันนี้นะ ที่มา dailymail

รางวัลสำหรับเด็กนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนดี เล่นกีฬาเด่น หรือด้านความสามารถ และมีอีกหนึ่งรางวัลที่เราไม่ค่อยได้ยินกันสักเท่าไร นั่นคือ ‘รางวัลด้านความคิดดี’ Ross Kelly นักเรียนชั้น ป.6 จากโรงเรียนประถม Amaroo ตัดสินใจไปเรียนภาษามือ หลังจากที่เพื่อนของเขา Isam Gurung ย้ายมาอยู่โรงเรียนนี้เมื่อปีก่อน การตั้งใจช่วยเหลือเพื่อผู้หูหนวกในครั้งนี้ ส่งผลให้เขาได้รับรางวัลพิเศษด้านมนุษยธรรม จากมูลนิธิ Fred Hollows ด้วยเช่นกัน โดย Ross บอกว่า เพื่อนของเขาออกจากโรงเรียนพิเศษในซิดนีย์ และมาเข้าที่โรงเรียนนี้ ซึ่งเป็นโรงเรียนปกติ และเขาต้องเรียนเหมือนคนอื่นๆ โดยไม่มีล่าม ดังนั้นเขาจึงใช้ชีวิตในโรงเรียนค่อนข้างลำบาก     Ross เล่าถึงเพื่อนของเขาว่า “เขามาเรียนด้วยความอายมากๆ จนไม่อยากมาโรงเรียนในสองสามวันแรก” “เขาสื่อสารกับคนอื่นโดยการเขียนลงในกระดาษ แต่ผมรู้สึกว่าวิธีนี้มันไม่ค่อยโอเคซักเท่าไร เพราะมันทำใหการสื่อสารช้ามาก” ดังนั้น Ross จึงตัดสินใจทำในสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับเพื่อน โดยการไปเรียนภาษาคนหูหนวกของออสเตรเลียจนสามารถช่วย  Isam ในการสื่อสารกับเพื่อนคนอื่นๆ ในโรงเรียนได้ และกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน Gabi Hollows บอกว่า “สิ่งที่ทำให้ Ross ถูกเสนอชื่อเข้ารับรางวัลในครั้งนี้จากโรงเรียนอื่นๆ ในแคนเบอร์รา เป็นเพราะว่า เขาได้สร้างมิตรภาพดีๆ กับ Isam ในวันแรกที่เขามาถึง”     ครอบครัวของ Isam ได้ดูตอนที่ Ross…

นี่เป็นข่าวที่น่าเหลือเชื่อและโด่งดังมากๆ ในเว็บไซต์ Mirror เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็นเรื่องราวที่ลึกลับและยังหาคำอธิบายไม่ได้ กับกรณีหญิงสาวที่เหมือนจะฟื้นจากความตายหรือจะเป็นเพียงแค่อุปทานของแฟนหนุ่ม ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป..!?     ตามรายงานบอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมือง La Entrada ประเทศฮอนดูรัส โดยหญิงสาวรายนี้มีชื่อว่านาง Neysi Perez วัย 16 ปี (ซึ่งเธอกำลังตั้งท้องอยู่ด้วย) เกิดอาการหัวใจวายกะทันหัน เธอถูกนำส่งโรงพยาบาลทันที ซึ่งแพทย์ก็ช่วยชีวิตไม่ทัน ภายหลังตรวจสอบโดยละเอียดก็พบว่าเธอเสียชีวิตแล้วจริงๆ เมื่อทุกคนเข้าใจว่าเธอเสียชีวิตแล้วจึงนำเธอไปใส่ไว้ในโลงศพและเตรียมฝังแบบถาวร     แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะในวันต่อมา แฟนหนุ่มของนาง Perez ก็ได้กลับไปเยี่ยมเธอที่สุสาน แต่ดันได้ยินเสียงประหลาดดังออกมาจากโลงศพ เขาจึงเรียกเจ้าหน้าที่แถวนั้นให้มาช่วยกันฟังด้วย จนมั่นใจว่าเสียงนั้นดังออกมาจากโลงศพของแฟนสาวที่เพิ่งตายไปเมื่อวาน     ต่อมาเขาได้เรียกครอบครัวของนาง Perez ให้มาช่วยกันขุดโลงศพของเธอขึ้นมา ถึงได้เห็นว่าเธอยังไม่ตายจริงๆ ถือเป็นเรื่องปาฏิหาริย์มาก ด้าน Gladys Gutierrez พี่สาวของ Neysi กล่าวกับสื่อว่า “ฉันเคลื่อนตัวเธอออก เธอสำลักน้ำลายและเลือดออกมา เธอไม่ได้มีกลิ่นเหม็นเน่าเลย อุณหภูมิร่างกายปกติ”     จากนั้นร่างของหญิงสาวได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน แต่มันก็สายเกินไปแล้ว หลังจากที่คุณหมอได้พยายามปลุกเธอขึ้นมาก็พบว่าเธอนั้นเสียชีวิตจริงๆ แล้ว (อีกครั้ง)…

ในทุกๆ เช้า คุณ Corey Karmann ชาวสวนแห่งรัฐเนบราสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา จะต้องเจอกับแก๊งแมวเหมียวจำนวนนับสิบตัวออกมาต้อนรับที่หน้าประตูบ้านอยู่เสมอ…     คุณ Karmann ได้รับเหล่าเหมียวที่มีความเชี่ยวชาญในการจับหนูเข้าทำงานในฟาร์มของครอบครัวเขา เขาให้ที่อยู่ที่แสนสุขสบาย และอาหารที่แสนอร่อยกับพวกมัน และแก๊งเหมียวก็ทำหน้าที่จับหนูให้กับเขา เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นพวกมันจะมายืนชุมนุมกันที่หน้าประตูบ้านของเขา “ฟาร์มนี้เป็นสถานที่ที่ผมเติบโตมา และอาศัยอยู่ในปัจจุบัน เราจะเลี้ยงแมวอยู่ตลอด เนื่องจากว่าในฟาร์มนั้นเต็มไปด้วยผลผลิตทางการเกษตรที่เราทำมาตลอดปี ฉะนั้นมันจึงมีหนูอยู่จำนวนมาก” คุณ Karmann กล่าว   เขาไม่ได้เห็นหนูแม้แต่ตัวเดียวมาเป็นปีแล้ว ต้องขอบคุณการทำงานหนักของชาวแก๊งที่ทำหน้าที่กันเป็นอย่างดี “ตอนนี้ชาวแก๊งที่ทำหน้าที่ไล่จับหนูอยู่ทั้งหมด 12 ตัว โดยมันจะเดินทางไปมาระหว่างบ้านของผม และบ้านของพ่อผม และมันสามารถเดินไปไหนมาไหนก็ได้ในฟาร์มแห่งนี้ ที่มีพื้นที่กว้างกว่า 140 เมตร” พวกมันชื่นชอบการใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านมากกว่าที่จะอยู่ในบ้าน ราวกับคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของฟาร์มตัวจริงยังไงยังงั้นเลยล่ะ     “ส่วนใหญ่แล้วพวกมันจะทำการล่ากันแบบเป็นกลุ่ม แต่หลังจากที่ล่าไปซักพักก็จะเดินมาเรียกร้องความสนใจจากผมเพื่อขอให้เกาหูให้ แน่นอนว่าผมก็ทำให้พวกมันทุกตัว ฮ่าาาา” คุณ Karmann และครอบครัวของเขาดูแลชาวแก๊งเหมียวเป็นอย่างดี ทั้งให้อาหารดีๆ และพาพวกมันไปหาหมอ เพื่อตอบแทนการทำงานหนัก (เหรอ?) ของพวกมัน “พวกมันกำจัดหนู และศัตรูพืชภายในฟาร์มให้กับเรา เพราะฉะนั้นเราต้องตอบแทนก้วยการดูแลพวกมันให้ดีที่สุด”…

เรามักพูดว่าหมาเป็นสัตว์เลี้ยงผู้ซื่อสัตย์ และหลายๆ เหตุการณ์ก็ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เหมือนกับ Maya หมาวัย 2  ขวบ เป็นหมาพันธุ์อาคิตะอินุ ที่นั่งรอเจ้าของของมันหน้าโรงพยาบาลเป็นเวลา 6 วัน โดยไม่รู้ว่าเจ้าของเป็นอะไร แต่มันขอแค่ได้รอจนกว่าเจ้าของจะออกมา ระหว่างออกไปข้างนอกด้วยกัน Sandra Iniesta ผู้เป็นเจ้าของ Maya ได้เข้าโรงพยาบาลกระทันหัน เพื่อผ่าตัดฉุกเฉินเนื่องจากไส้ติ่งอักเสบ โดยมีมันตามไปโรงพยาบาลด้วยแบบเร่งด่วน     แม้ว่าเธอจะถึงมือหมอแล้ว ครอบครัวของเธอก็มาเยี่ยม แต่พวกเขาก็พบว่าเจ้าหมา Maya ก็ยังคงเฝ้ารอเจ้าของมันกลับมาโดยไม่ไปไหน แม้มันจะไม่รู้ว่าเจ้าของเป็นอะไร แต่เหมือนมันจะยังเข้าใจว่าเธออยู่ในนั้น และมันต้องรอต่อไป พ่อของ Sandra จะพยายามพามันกลับบ้านหลายครั้ง แต่มันก็ไม่ยอมกลับ ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอง ก็พยายามดูแลมัน และตอนนี้ดูเหมือนมันจะกลายเป็นคนดังไปแล้ว เพราะความรักและความซื่อสัตย์ที่มีต่อเจ้าของ Sandra ที่กำลังนอนพักฟื้นในโรงพยาบาล เล่าให้ฟังว่า “มันทำแบบนี้เป็นประจำ ไม่ว่าฉันจะเข้าไปที่ไหนก็ตาม มันก็จะรออยู่ที่ประตูแบบนี้เสมอ”   พ่อของ Sandra บอกว่า “Maya เปรียบเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว…ผมคิดว่ามันรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นในโรงพยาบาล และมันเองก็พร้อมที่จะคนป่วยเป็นเพื่อน Sandra ด้วย”   นี่ไม่ใช่ครั้งที่เราได้เห็นความกตัญญูของหมาแบบนี้ จำได้มั้ย Hachiko…

การไปเที่ยวแล้ว ได้ถ่ายรูปกับสัตว์นั้น นับเป็นเรื่องปกติสำหรับนักท่องเที่ยว แต่บางทีเราก็ได้เห็นการถ่ายรูปกับสัตว์แปลกๆ บ้าง แต่คงไม่มีใครเคยได้ถ่ายอะไรแบบ เล่นใหญ่ ขนาดนี้มาก่อนสินะ สำหรับนักผจญภัยชาวออสเตรเลียคนนี้ ได้บังเอิญไปดำน้ำเล่น และช่างพอดีเหลือเกินที่ วาฬหลังค่อม โผล่ขึ้นมาหายใจให้เขาได้เซลฟี่พอดี ซึ่งบอกได้เลยว่า ภาพแบบนี้ไม่ได้ถ่ายกันง่ายๆ นะ   Will Rosner จากซิดนีย์ ได้แล่นเรือใบข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อสองเดือนที่แล้ว แต่มีภาพหนึ่งที่เป็นกระแสมากในโลกออนไลน์ คือภาพที่ Rosner เซลฟี่โดยมีปลาวาฬหลังค่อม อยู่ข้างหลังเขาไม่กี่เมตร ซึ่งก่อนหน้านี้เขาตั้งใจดำน้ำดูปะการังแค่นั้นเอง แต่ก็ได้เจอกับเจ้าปลาวาฬพวกนี้   Rosner บอกกับสำนักข่าวเดลี่เมล์ ประเทศออสเตรเลียว่า “ผมได้ว่ายน้ำเล่นกับวาฬ 6 ตัว  เป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมง โดยดำลงไปความลึกก็น่าจะประมาณ 15 เมตรครับ วาฬพวกนี้ เป็นแม่ลูกกันด้วย“   เขายังบอกอีกว่า “แม่วาฬจะค่อยๆ ว่ายน้ำอย่างช้าๆ ในขณะที่ลูกๆ ของมัน มาว่ายสำรวจอยู่รอบๆ ตัวของผมตลอดเวลา” “มีวาฬน้อยตัวหนึ่ง มันขี้เล่นมาก เหมือนสุนัขที่บ้านเลย มาชอบเต้น ร้องเพลง และเล่นสาดน้ำกับผม มันจ้องมาที่ผม…

Pompeii (ปอมเปอี) ครั้งหนึ่งในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรือง และชื่อเสียงโด่งดังอีกแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันสำคัญในยุคนั้นอีกด้วย แล้วมันกลับถูกทำลายลง เพียงเพราะภัยธรรมชาติอันยิ่งใหญ่เพียงครั้งเดียว….   ในคืนวันหนึ่ง 24 สิงหาคม ค.ศ. 79 ค่ำคืนที่ผู้คนต่างนอนหลับอย่างสบายใจใช้ชีวิตกันอย่างปกติสุข เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆภูเขาไฟ Mount Versuvius เกิดการระเบิด เพียงชั่วเวลาสั้นๆ เมืองปอมเปอี ถูกเปลี่ยนจากสวรรค์ให้กลายเป็นเหมือนดั่งนรกในทันที ฝุ่นควันจำนวนมากที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า แม้แต่พระอาทิตย์ก็ไม่สามารถส่องแสงผ่านลงมาได้ บวกกับลาวาที่ประทุขึ้นไปบนท้องฟ้า และเกิดการแข็งตัว จึงตกลงมาเป็นฝนหิน บางคนโดนหินตกใส่ บางคนถูกลาวาเผาละลาย ในขณะที่หลายๆคนพยายามวิ่งหนีเอาชีวิตรอด แต่สุดท้ายพวกเขาก็หนีไม่พ้นก๊าซพิษ จนกลายมาเป็นจุดจบของนครปอมเปอี…   สภาพของเมืองปอมเปอี หลังถูกบูรณะ และถูกแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลก   หนึ่งในชาวเมืองผู้โชคร้ายจากภัยธรรมชาติ สะท้อนให้เห็นถึงความเจ็บปวดอันแสนสาหัส จากเหตุการณ์ครั้งนี้   ชาวเมืองจำนวนมากถูกฝังลึกลงไป 13 – 20 ฟุต จากลาวา และเถ้าถ่านที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง   ซึ่งเชื่อกันว่าในช่วงเวลานั้น มีชาวเมืองอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 คน ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะหายไปเพียงชั่วข้ามคืน..   อ้างอิงจากผลพิสูจน์เมื่อปี 2010…

ไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับประเทศสหรัฐฯ เพราะช่วงหลังมานี้ เรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับตำรวจงานผิดพลาด และลงมือรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์จนถึงขั้นเสียชีวิต อย่างหนาหูเหลือเกิน เช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้ ที่ทำให้คุณแม่ Judy Mckim ต้องยอมเขียนโรงรถของตัวเอง เพราะเกรงว่าตำรวจจะกลับมาทำร้ายลูกชายของเขาอีก เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ Zachary ลูกบุญธรรมหนุ่มวัย 28 ปี ผู้ป่วยเป็นโรคออทิสติก ทำให้เขามีระดับสมองเทียบเท่ากับเด็กทารก เขาไม่รู้แม้แต่คำที่จะใช้สื่อสาร และต้องสวมใส่ผ้าอ้อมตลอดเวลา     คืนหนึ่งเพื่อนบ้านได้โทรแจ้งตำรวจ เพียงเพราะพวกเขากลัว Zachary ในเวลาที่เขาโมโหส่งเสียงดัง  เมื่อตำรวจมาถึงบ้านหลังนี้ที่อยู่นอกเมือง Las Vegas พวกเขาก็เข้ามาชาร์จและระงับอารมณ์ของหนุ่มคนนี้ด้วยการ จับเขากดลงกับพื้นพร้อมกับเอาเข่ากดลงบนอก แต่ด้วยความที่เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด และสุดท้ายสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำ ก็คือการหันกระบอกปืนเข้าใส่   “บ้านนี้มีคนป่วยออทิสติก ตำรวจไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งนั้น”  ข้อความที่เธอเขียนติดโรงจอดรถ   “ฉันก็แค่อยากจะทำให้มั่นใจว่าตำรวจจะรู้เรื่องพวกนี้ ลูกชายของฉันยังต้องสวมผ้าอ้อม ไม่สามารถสื่อสารด้วยคำพูดได้ และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปืนคืออะไร เขาเป็นออทิสติก เขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น และก็ไม่รู้ด้วยว่าอะไรคือตำรวจ!!” Judy กล่าว แถมเธอยังกล่าวเสริมอีกว่า “มันทำให้ฉันรู้สึกกลัวมากๆ”   “คนป่วยออทิสติก ม่สามารถพูดคุยได้ อาศัยอยู่ที่นี่…

นับตั้งแต่ J.K.Rowling ได้เขียนหนังสือนวนิยายเรื่อง ‘Harry Potter’ กับเรื่องราวของโลกแห่งเวทมนตร์ และถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ ความโด่งดังของมันก็ไม่เคยลดลงเลยนับแต่นั้นมา กลับกันก็มีแฟนๆ เพิ่มขึ้นมากมายทั่วโลก ก็แน่นอนล่ะ..เพราะใครๆ ก็อยากจะเข้าไปอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ เลี้ยงสัตว์ในนวนิยาย เดินเล่นในหมู่บ้านฮอกส์มี้ด และได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนฮอกวอตส์ ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูเป็นเรื่องเหนือความจริงมากไปซะหน่อย แต่ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะที่เมือง Philadelphia รัฐเพนซิลเวเนีย เขาได้ทำให้มันกลายเป็นความจริงแล้วกับงานเทศกาล ‘แฮร์รี่ พ็อตเตอร์’ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21 ตุลาคม 2016     ภายในงานมีอะไรให้เราทำบ้าง!? อีกทั้งภายในงานยังมีสอนการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด การประลองเวทมนตร์ และหมวกวิเศษที่จะมาคัดสรรแฟนๆแต่ละคนว่าเหมาะกับบ้านหลังไหน..   ดูจากสีหน้าแล้ว เพื่อนๆคิดว่าเจ๊คนนี้จะได้อยู่บ้านหลังไหนกันเอ่ย?   และสิ่งหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ การแข่งขันควิดดิช ทัวร์นาเม้นต์ ‘Brotherly Love Cup’ กีฬาประเพณีประจำฮอกวอตส์ เชื่อว่าใครที่เคยดูหนัง ต้องรู้สึกอยากจะลงไปบินเล่นในสนามให้ได้เลยใช่มั้ยล่ะ!?   เหล่านักกีฬากำลังวิ่งเข้าสู่การแข่งขัน ควิดดิช ทัวร์นาเม้นต์   ในวันงานที่ Chestnut Hill College จะเปิดให้แฟนๆได้เข้าไปใช้ห้องเรียน และห้องประชุมสำหรับการเรียนวิชาเวทมนตร์ต่างๆอีกด้วย ดูจากสถานที่แล้ว ถึงมันจะไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียง…

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าชาวไทยน่าจะเคยเห็นข่าวที่ชาวผิวสีถูกยิงหรือถูกทำร้ายร่างกายในต่างประเทศมาบ้างนะ สิ่งเหล่านี้แม้จะไม่ค่อยใกล้ตัวคนไทยเท่าไหร่ แต่ก็ถือเป็นประเด็นใหญ่ที่ปลุกกระแสต่อต้านจากชาวผิวสีได้มากทีเดียว เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Ajc ได้รายงานว่านาย Colin Kaepernick นักอเมริกันฟุตบอลจากทีม San Francisco 49ers วัย 28 ปี ได้ปฏิเสธที่จะยืนเคารพเพลงชาติในการแข่งขันเมื่อวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา     โดยนาย Kaepernick ได้ให้เหตุผลเรื่องที่เขาไม่ยอมลุกขึ้นยืนเคารพเพลง Star-Spangled Banner ซึ่งเป็นเพลงชาติของสหรัฐอเมริกาว่า “ผมจะไม่ยอมยืนขึ้นเพื่อแสดงความภูมิใจในธงของประเทศที่บีบบังคับหรือเหยียดคนผิวดำและผิวสีอื่นๆ” “สำหรับผม มันเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าฟุตบอลอีกและมันคงจะเป็นการเห็นแก่ตัวมากถ้าเมินเฉยกับเรื่องนี้ มีศพคนตายอยู่บนถนนและมีคนได้รับเงินตอบแทนระหว่างการลาพักงานและไม่เคยต้องรับโทษจากการฆ่าคนตาย”     ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว สมาคม NFL (ลีกกีฬาอเมริกันฟุตบอลระดับอาชีพในสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย 32 ทีมจากเมืองต่างๆ) ได้ทำการตรวจสอบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน มีรายงานว่าก็ไม่สามารถเอาผิดกับนาย Kaepernick ได้ เพราะเขาไม่ได้ทำผิดอะไร “นักกีฬาจะให้ความร่วมมือก็ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นจะต้องยืนระหว่างที่เปิดเพลงชาติ” ตัวแทนของ NFL กล่าว     แต่หลังจากการประชุมทีมผู้บริหารของ NFL หลังจากการประท้วงของนาย Kaepernick ซึ่งหนึ่งในผู้บริหารถึงกับเอ่ยปากเลยว่า “ผมไม่ต้องการให้เขาอยู่ที่ไหนก็ตามใกล้ทีมของผม เขาคือคนทรยศ” เราจะเห็นได้ว่ามีกระแสทั้งที่เห็นด้วยกับเขา สนับสนุน…

Bo Paske หนุ่มน้อยนักเรียนชั้นมัธยมต้นในโรงเรียน Montford Middle School ในรัฐฟลอริดา ที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก นั่นเป็นเหตุผลให้เขาปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ ในโรงเรียนได้ยากมาก เขามักจะนั่งทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารคนเดียว แต่จู่ๆ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาก็มีเพื่อนนั่งทานอาหารคนใหม่ นั่นก็คือ Travis Rudolph นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่มีชื่อเสียงจากทีม Florida State University (FSU) ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น นักกีฬาระดับมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอเมริกันฟุตบอล ถือเป็นเซเลบระดับเบาๆ ไม่แพ้เหล่านักร้องดาราไทยเช่นกัน ทำให้มีคนเป็นแฟนคลับเขาพอสมควร   พอดีว่าวันนี้เขาเดินทางมาที่โรงเรียนนี้เพื่อเยี่ยมเยือนเด็กๆ แต่พอถึงเวลาพักทานอาหารกลางวันเขาก็เห็นเจ้าหนุ่มน้อยนี้นั่งอยู่คนเดียว ก็เลยเดินไปซื้อพิซซ่าแล้วก็ถามเจ้าหนู Bo ว่าขอนั่งด้วยคนได้รึเปล่า? ซึ่งแน่นอนว่าเขาตอบตกลงทั้งคู่จึงได้นั่งทานอาหารด้วยกัน เจ้าหนู Bo เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ หลังจากนั้นพวกเขาก็คุยกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งในวันนั้เพื่อนของคุณแม่ของเจ้าหนูก็ได้ทำการถ่ายภาพเหตุการณ์นี้เก็บไว้และส่งไปให้กับแม่ของเขา   คุณแม่ก็เลยตัดสินใจที่จะนำรูปภาพนั้นไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ค พร้อมกับเขียนข้อความเพื่อแสดงถึงความขอบคุณต่อเพื่อนคนใหม่ของเขา   “หลายๆ ครั้งที่ฉันย้อนกลับไปคิดถึงช่วงชีวิตสมัยเรียนมัธยม ซึ่งช่วงเวลานั้นมันเป็นอะไรที่ยากและน่ากลัวสำหรับเด็กๆ มาก และตอนนี้ฉันก็มีลูกแล้วฉันรู้สึกกังวลเสมอว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างไร จะถูกแกล้งรึไม่ หรือจะใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนได้ดีรึเปล่า? บางครั้งฉันก็รู้สึกดีใจนะที่เขาป่วยเป็นออทิสติกน่ะ มันอาจจะเป็นเรื่องแปลกๆ นะ แต่บางครั้งฉันก็คิด และหวังว่าออทิสติกน่ะมันจะเป็นเสมือนโล่ห์ที่คอยปกป้องเขา…

เคยได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนบอกกันว่าเราสามารถซื้อบ้านราคาเท่าไหร่ก็ได้ ไม่ว่าจะถูกหรือแพง แต่เราไม่มีทางซื้อเพื่อนบ้านที่ดีได้นะ อย่างปัญหาที่ว่าบางคนซื้อบ้านหรูแต่มีเพื่อนบ้านแย่ๆ ก็ทำให้บ้านนั้นหมดราคาและไม่น่าอยู่ไปในทันที แต่กับครอบครัวตระกูล Cassidy ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ครอบครัวของพวกเขาต้องย้ายออกจากบ้านไปเป็นเวลา 9 สัปดาห์เพื่อไปรักษาเนื้องอกหลังดวงตาของหนูน้อย Emily วัย 3 ขวบ ที่อาจเป็นอันตรายกับชีวิต     การที่ครอบครัวของพวกเขาต้องพาลูกสาวเข้ารับการรักษาถือเป็นเรื่องที่ใหญ่และค่อนข้างซีเรียสกับครอบครัวของพวกเขามาก แต่ในที่สุดก็สามารถรักษาหายได้และพวกเขาก็ดีใจมากที่ได้กลับมายังบ้านอีกครั้ง แต่เหมือนกับพวกเขาถูกหวยยังไงยังงั้น เพราะเมื่อเปิดประตูบ้านออกมากลับพบว่าบ้านที่พวกเขาทิ้งไปนานกว่า 2 เดือน แทนที่จะมีฝุ่นจับและซอมซ่อ กลายเป็นบ้านสะอาดและสวยยิ่งกว่าเดิมสะอีก     ครอบครัว Cassidy รู้สึกประหลาดใจมากที่บ้านของพวกเขาเหมือนกับได้รับการรีโนเวทใหม่ สืบไปสืบมาถึงได้รู้ว่าเป็นฝีมือของเพื่อนบ้านที่แสนดีนั่นเอง ในระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่ กำแพงบ้านได้รับความเสียหาย หน้าต่างและหลังคาทรุดโทรม มีฝนสาดและเกิดเชื้อราขึ้นภายในบ้านหลายจุด     เมื่อเพื่อนบ้านเห็นแบบนั้นจึงทนไม่ได้ เข้ามาช่วยซ่อมให้ ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อนบ้านยังช่วยดูแลสวนและทำห้องครัวกับห้องน้ำขึ้นมาใหม่หมด มันจะดีอะไรปานนั้น!? ทางด้าน Lucy แม่ของ Emily ได้แสดงความรู้สึกถึงเหตุการณ์นี้ว่า “มันน่าประหลาดใจมาก ฉันไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือบ้านของฉัน ตอนที่ฉันเดินเข้าไปฉันรู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดออกมา มันงดงามมาก เหมือนกับบ้านตัวอย่างเลย”    …

แต่ละประเทศก็มักจะมีธนบัตร และเหรียญกษาปณ์ ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งค่าเงิน ตราสัญลักษณ์ และลูกเล่นต่างๆที่ทางรัฐบาลและผู้ออกแบบได้ใส่ไว้ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าธนบัตรใบนั้นๆ เป็นของจริง และล่าสุดประเทศออสเตรเลีย เพิ่งได้ประกาศเปิดตัวธนบัตรราคา 5 ดอลลาร์ออสเตรเลีย แบบใหม่ไปหมาดๆ และที่สำคัญมันไม่เหมือนกับธนบัตรอื่นใดในโลก   ธนบัตรแบบใหม่นี้ มีลูกเล่นด้วยกันทั้งหมดถึง 5 จุดเลยทีเดียว   แค่การทำให้ธนบัตรสามารถกันน้ำได้ หรือทนต่อการฉีกขาด กลายเป็นลูกเล่นที่ล้าสมัยไปเลย เมื่อเทียบกับธนบัตรแบบใหม่ใบนี้ รับรองว่างานนี้เหล่าอาชญกรที่มักจะแอบผลิตธนบัตรปลอมมาใช้เอง ได้เจองานยากเข้าให้แล้ว!! และนี่คือลูกเล่นเล็กๆน้อยๆทั้งหมด ที่เพิ่มเข้ามาในธนบัตรแบบใหม่นี้..   ก่อนจะดูคำอธิบายด้านล่าง ชมคลิปวิดีโอลูกเล่นของเจ้าธนบัตรแบบใหม่นี้ก่อน   ส่วนตรงกลางของธนบัตรจะโปร่งแสง สามารถมองทะลุเห็นภาพข้างหลังได้   ด้านมุมบนซ้าย จะมีรูปนกพื้นบ้านอีสเทิร์น สปินบิล ที่เมื่อเราขยับธนบัตรก็จะเห็นมันขยับปีกตาม   ตรงสัญลักษณ์ของสหพันธ์รัฐจะแอบซ่อนเลข 5 ไว้ และเมื่อเราขยับตัวเลขยังสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางได้อีกด้วย   ด้านหลังของธนบัตร ยังมีตราสัญลักษณ์สีทอง เมื่อเราขยับธนบัตรแล้วสีของมันจะเปลี่ยนตามเงาเจ๋งมั้ยล่ะ!!   และที่สำคัญที่สุด ธนบัตรได้เพิ่มส่วนที่เป็นปุ่ม ที่ช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาในการมองเห็น สามารถรับรู้ได้ด้วยการสัมผัส ทำให้พวกเขาจำแนกราคาธนบัตรได้ง่ายขึ้น   เจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ……

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย และมีบางเหตุการณ์ที่ช่างภาพได้ถ่ายไว้ ซึ่งดูแล้วก็สะเทือนใจสุดๆ เช่นเดียวกับภาพเหล่านี้ ที่ไม่ใช่แค่รูปภาพประวัติศาสตร์ แต่เป็นภาพที่แทนความรู้สึกและอารมณ์ได้มากมาย และเชื่อว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ส่วนไหนของโลก เราก็จะเข้าใจถึงอารมณ์ของภาพเหล่านี้เป็นอย่างดี…   1. กองทัพสัมพันธมิตร ลุยขึ้นฝั่งในช่วง D-Day ที่หาด Normandy เมื่อ 6 มิถุนายน 1944   2. ภาพความโหดร้ายที่ชาวรวันด้า ถูกกระทำ ถ่ายมาเมื่อปี 1994 สะท้อนให้เห็นถึงความทรมาน ที่มนุษย์ทำกับมนุษย์ด้วยกัน   3. ‘สาวอัฟกานิสถาน’ McCurry ช่างภาพจาก National Geographic ผู้เป็นหนึ่งในนักเรียนในโรงเรียนนอกระบบที่อยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่ง เธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ถ่ายรูปของผู้หญิงชาวอัฟกานิสถานซักเท่าไร แต่เมื่อมีโอกาสก็รีบฉวยไว้ทันที โดยรูปนี้ถ่ายตอนเธออายุ 12 ปี แล้วได้นำรูปนี้ขึ้นปก National Geogaphic ในปีถัดมา และตัวตนของเธอถูกค้นพบในปี 1992   4. Candy Cigarette ที่ไม่ใช่แค่ภาพบอกเรื่องราว แต่มันได้สื่ออารมณ์ และความสวยงาม…

‘เด็กคืออนาคตของชาติ’ เป็นประโยคที่เชื่อว่าหลายๆประเทศ ต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก เพราะการปลูกฝังวิธีคิด หรือการศึกษา ให้แก่เด็กๆในวันนี้ มันย่อมหมายถึงระดับคุณภาพของประชาชนในประเทศนั้นๆในอนาคต และรูปภาพเหล่านี้ คือภาพของเด็กๆผู้ที่มีจิตใจที่เปี่ยมล้นไปด้วย เมตตา และความเป็นห่วงเป็นใยต่อผู้อื่น จากทั่วทุกมุมโลก เราตามไปดูกันเลยดีกว่า รับรองว่าจะใจชื้นทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลย ^_^   1. สาวน้อยเข้าไปช่วยหมาจรจัดกลางสายฝน ที่เมืองมุมไบ   2. Lucas และ Noah สองพี่น้อง ที่ช่วยกันฝ่าด่านไตรกีฬา จนเข้าเส้นชัยได้สำเร็จ   3. หนูน้อยวัย 3 ขวบ ตัดผมเพื่อบริจาคให้เด็กคนอื่นๆ ทั้งคนที่ไม่มีผม และคนที่ป่วยโรคมะเร็ง 4. หนุ่มน้อยในบังคลาเทศ ช่วยเหลือลูกกวางที่กำลังจมน้ำ   5. เด็กน้อยพยายามจะช่วยกระต่าย ให้ขึ้นไปหาเพื่อนของมันได้ (โถ่ววน่ารักจังลูก) 6. หนุ่มหล่อผู้ยอมสะสมเงินกว่า 120 เหรียญ (ราวๆ 3,800 บาท) เพื่อนำเงินไปซื้ออาหารเที่ยงให้ผู้ยากไร้   7. โค้ชเบสบอลหนุ่มคนนี้ รอดตายเพราะได้…

หลายๆครั้งที่เรื่องราวดีๆอย่างการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เช่น เด็กน้อยช่วยผู้ใหญ่ คนต่างชาติช่วยเหลือกัน หรือแม้แต่ คนช่วยเหลือสัตว์โลกตัวน้อย ก็มักจะทำให้เรารู้สึกดีอยู่เสมอจริงมั้ย? และเรื่องราวดีๆครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อหนุ่มนักซิ่งและผองเพื่อนของเขา กำลังควบรถมอเตอร์ไซค์สุดเท่ไปเที่ยวยังสถานที่แห่งหนึ่ง แต่จู่ๆเขาก็ต้องหยุดมันกลางทาง และทำสิ่งอื่นแทนที่ทรงคุณค่ามากกว่านั้น… เพราะสิ่งที่เขาเจอก็คือ ลูกแมวตัวน้อยที่กำลังรู้สึกตื่นกลัว และมีบาดแผลเล็กน้อยตามร่างกาย กำลังวิ่งพล่านอยู่กลางถนนที่แสนจะวุ่นวาย และถ้ายังปล่อยให้เจ้าลูกแมววิ่งหาทางเอาชีวิตรอดแบบนี้ มีหวัง.. คงโดนรถชนเละแน่ๆ     เขาและเพื่อนนักซิ่งไม่รอช้า ตัดสินใจที่จะจอดรถและเข้าไปช่วยเหลือเจ้าเหมียวตัวน้อยทันที เพราะงานนี้ถ้าไม่ใช่เขา ก็คงไม่รู้ว่ามันจะมีโอกาสรอดชีวิตจากถนนเส้นนี้หรือไม่ แต่ตอนแรกทั้งคู่ก็ยังเกิดความสับสนว่า เราควรจะปล่อยมันไว้ที่ข้างทางแบบนี้ หรือควรจะรับเลี้ยงมันไว้ดี? และสุดท้ายเขาก็ได้ตัดสินใจว่า ขอรับอุปการะเจ้าเหมียวน้อยไว้เองดีกว่า… “แมวเป็นจุดอ่อนของผม ผมทิ้งมันไว้แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ!!” Desmond Shephard หนุ่มนักขับกล่าว     เหตุการณ์ในตอนนั้นราวกับว่าเป็นพรหมลิขิตที่ให้ทั้งสองได้มาเจอกัน ครั้งแรกสุดที่หนุ่มนักขับพาเจ้าแมวน้อยมาที่บ้าน มันก็พยายามไต่แข้งไต่ขา เหมือนกำลังพยายามเรียกร้องความสนใจ และถามว่า “ช่วยเป็นมนุษย์ผู้ดูแลและอยู่กับหนูไปตลอดเลยได้มั้ย?” Shephard นักซิ่งใจบุญ ก็ได้ดูแลมันอย่างดีราวกับว่าเป็นลูกน้อยในไส้ของตน เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่า เจ้าแมวได้เลือกบ้านของมันแล้ว และทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นของชีวิตทั้งสอง..     สุดท้ายแล้วเจ้าเหมียวตัวน้อยก็ค่อยๆกลับมามีสุขภาพแข็งแรงดังเดิม แถมยังได้ความสุขกลับมาอย่างท่วมท้น งานนี้เจ้าเหมียวสบายตัวแล้ว…   เราไปชมคลิปวิดีโอเหตุการณ์ทั้งหมด จากกล้องที่ติดอยู่กับหมวกกันน็อคของหนุ่มนักขับกันบ้างดีกว่า..  …

ว่ากันว่า คุณพ่อ และลูกสาว มักจะมีสายใยความสัมพันธ์บางอย่างที่พิเศษแตกต่างกันออกไป เหมือน คุณแม่-ลูกชาย อย่างนั้นเลยแหละ และส่วนใหญ่คุณพ่อ มักจะยอมใจอ่อนกับลูกสาวตัวน้อย เมื่อเวลาที่เขาอยากจะเล่นอะไร อยากจะกินอะไร สุดท้ายก็ต้องเป็นหน้าที่ของคุณพ่อ ที่คอยจัดสรรมาให้เสมอ   เรื่องราวดีๆของสองพ่อลูกก็ได้เกิดขึ้น เมื่อคุณพ่อผู้ใช้งานเว็บไซต์ Reddit ได้โพสต์เล่าเรื่องของตัวเอง วันหนึ่งลูกสาวอยากจะได้ชิงช้า แถมเธอยังชอบดิสนีย์มากเป็นพิเศษ แต่ด้วยความที่คุณพ่อมีงบประมาณอย่างจำกัด งานนี้ก็เลยต้องสร้างมันขึ้นมาเองซะเลย…   จู่ๆคุณพ่อก็ปิ๊งไอเดีย ทำชิงช้าด้วยยางรถยนต์เก่าๆ ก่อนอื่นก็ต้องทำความสะอาดกันซะก่อน… แถมชวนลูกสาวมาช่วยกันทำด้วย   จากนั้นก็จับยางรถ มาพ่นสีชมพูใส่ให้น่ารักซะเลย และใช้กระดาษแข็งปิดส่วนที่อยากทำให้เป็นลายไว้   หลังจากนั้นคุณพ่อก็ใช้วิธีเดียวกัน เพื่อเพิ่มสีแดงเข้าไป   เสร็จแล้วใช้พู่กันขนาดเล็ก เพื่อแต่งแต้มสีสันให้โบว์ของมิคกี้เม้าส์   หลังจากนั้นคุณพ่อก็สลักชื่อลูกขึ้นมาจากกระดาษ แถมยังใช้ฟ้อนต์แบบดิสนีย์อีกด้วย   เห็นแบบนี้ในส่วนของชื่อ คุณพ่อวาดด้วยมือของตัวเองนะจ๊ะ เพราะอยากให้ลูกเห็นว่า พ่อตั้งใจจริงๆนะ   ถะแด่มม!! เสร็จแล้วสำหรับชิงช้าจากยางรถยนต์   หลังจากที่สีแห้งหมดแล้ว ก็เชื่อมตะขอ และโซ่ไว้ 3 จุด ก่อนที่จะนำไปแขวนบนต้นไม้  …

ปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์กลายเป็นค่านิยมอย่างหนึ่งของมนุษย์ทุกเพศทุกวัย และสัตว์เลี้ยงที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี ก็คงจะเป็นแมวหรือหมา และสัตว์อื่นๆ อีกบางชนิด   แต่หนูน้อยคนหนึ่ง เธอได้เลี้ยงสัตว์ที่เราไม่คิดว่า จะนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงได้ นั่นก็คือ แรด ได้ยินแบบนี้แล้ว งงกันเลยละซิว่า เด็กตัวแค่นี้ ได้สัตว์ป่ามาเป็นสัตว์เลี้ยงได้อย่างไร เรื่องมันก็มีอยู่ว่า เดิมนั้น Tiva เธออยากได้ลูกหมาสักตัวหนึ่ง แต่ข้างบ้านเธอนั้น มีแรดตัวหนึ่งชื่อว่า Lola ที่พลัดหลงกับแม่ และไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ เจ้าหน้าที่จึงต้องเอามันมาดูแลนั่นเอง   เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ Tiva ยังหาสุนัขมาเลี้ยงไม่ได้ และเมื่อเธอได้ไปเจอกับแรดตัวนี้ ทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนกัน แต่ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน เพราะลูกแรดต้องการคนดูแล ในขณะที่หนูน้อยก็ต้องการเพื่อนเช่นกัน จึงกลายเป็นมิตรภาพที่ลงตัวพอดี เรื่องราวของเด็กน้อยกับแรดนั้น นับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากๆ จนมีคนเอาไปเขียนเป็นหนังสือที่ชื่อว่า Lola and Tiva: An Unlikely Friendship โดย Craig Isabella และ Julianna Hatkoff ภายในหนังสือเล่มนี้ เป็นเรื่องราวมิตรภาพระหว่างหนูน้อยกับแรด โดยมีภาพประกอบที่วาดโดย Peter Greste ซึ่งเป็นนักเขียนชาวออสเตรเลีย     โดยทั่วไปแล้ว แรดเป็นสัตว์ป่าดุร้าย…

เรื่องราวความรักของแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันออกไป บางครั้งมันก็ทุกข์ บางครั้งก็สุข ปะปนกันไป บางคู่ก็คบกันยืนยาว บางคู่ก็คบกันไม่นานก็เลิกรากันไป เพราะความรักมันไม่มีอะไรที่แน่นอน แต่เรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในวันนี้เป็นเรื่องราวความรักของคุณตาและคุณยาย ที่แต่งงานกันมายาวนานถึง 52 ปี แต่ทุกวันนี้ก็ยังหวานกันสุดๆ มารู้จักกับหนุ่ม Anthony Gargiula วัย 17 ปี นักดนตรีจากเมือง Albany รัฐ New York และคุณตา Ed กับคุณยาย Fran Gargiula ที่มีอายุ 70 กว่าปีแล้ว     หนุ่ม Anthony เล่าว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้เขาได้ไปเยี่ยมคุณตาและคุณยายของเขา ก็ได้พบเรื่องประหลาดใจ เพราะว่าพวกเขาแต่งตัวได้เข้ากันซะเหลือเกิน หนุ่มน้อยเล่าว่าพวกเขาน่ะแต่งตัวเข้ากันทุกวัน และพร้อมกับถ่ายรูปให้หลานดูตลอด (น่ารักมุ้งมิ้งจังนะครอบครัวนี้ ><) เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาหนุ่ม Anthony ก็เลยตัดสินใจเอาภาพที่คุณตาส่งมาให้อัพลงโซเชียลซะเลย     เขาเล่าว่าคุณตาของเขานั้นเริ่มทำแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อปีก่อนแล้ว พวกเขาจะแต่งตัวเหมือนกันไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ทั้งคลาสเรียนเต้น หรือแม้แต่ตอนไปโบสถ์   มีอยู่วันหนึ่งพวกเขาไปโบสถ์แล้วไม่ได้แต่งตัวเหมือนกัน…

บนโลกของเรานั้นยังมีคนดีๆ ที่พร้อมจะช่วยเหลือสัตว์ที่กำลังลำบากอยู่มากมาย… ในวันที่ฝนตกอย่างหนัก ระหว่างที่หญิงสาวคนหนึ่งกำลังจะออกไปทำงานตามปกติ จู่ๆ เธอก็ได้พบกับมิ้วน้อย 3 ตัว กำลังนอนเบียดกันเพื่อสร้างความอบอุ่นใต้ท้องรถของเธอ เจ้ามิ้วน้อยทั้งสามตัวส่งเสียงร้องและสั่นเทาจากความหนาวเหน็บ เธอก็เลยตัดสินใจที่จะช่วยเหลือพวกมัน     “ฉันกำลังจะออกไปทำงานที่สถานทีโทรทัศน์ Baton Rouge จู่ๆ ก็พบว่ามีเจ้าแมวน้อย 3 ตัวกำลังนอนอยู่ใต้รถของฉัน” สมาชิกเว็บไซต์ imgur ชื่อว่า คุณ speckle muffins กล่าว “ในวันนั้นฝนตกหนักมาก และดูเหมือนว่าน้ำกำลังจะท่วม พวกมันทั้งสามตัวเปียกโชก พร้อมกับร้องเสียงดัง ดูเหมือนว่าแม่ของพวกมันจะพามาทิ้งไว้ที่นี่” “ฉันยืนรอตากฝนอยู่ตรงนั้นเพื่อคอยให้แม่เหมียวกลับมาช่วยลูกๆ ของมัน แต่รออยู่นานก็ไม่มีวี่แววแม้แต่น้อย” เธอเล่าเพิ่มเติม “ไม่มีสถานสงเคราะห์ที่ไหนจะรับดูแลมัน เพราะพวกเขากำลังรับมือกับสัตว์จำนวนมาที่ถูกพามาเพราะน้ำท่วมอยู่” เธอก็เลยพาพวกมันไปที่ทำงานด้วย เพราะจะได้ดูแลต่ออย่างใกล้ชิด   เจ้ามิ้วน้อยทั้งสามตัวนอนขดตัวใกล้ๆ กันเพื่อสร้างความอบอุ่น   พวกมันอาศัยอยู่ในห้องรายงานข่าวเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ ซึ่งเธอและเพื่อนร่วมงานของเธอผลัดกันมาช่วยดูแลอย่างไม่ห่าง “คนที่สถานสงเคราะห์บอกฉันว่าให้ป้อนนมให้กับพวกมันทุก 2 ชั่วโมง และนั่นคือสิ่งที่ฉันทำ” เธอเล่า     เธอตั้งชื่อให้เจ้ามิ้วน้อยว่า Darryl, Darryl, และ…

คำว่าฆาตกรต่อเนื่องนั้น ถูกใช้เพื่อเรียกเหล่าคนโรคจิตหรือฆาตกรที่ออกตามล่าเหยื่อหลายๆ คนและปลิดชีวิตของพวกเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง บางคนอาจมีความแค้นส่วนตัวหรือปัญหาทางธุรกิจ บางคนอาจทำไปเพราะความชอบเท่านั้น แต่กับบางคนก็ไม่ได้อยากจะเป็นฆาตกร แต่การกระทำของเขาก็มีความใกล้เคียงกับคำว่า “ฆาตกรต่อเนื่อง” อยู่เหมือนกัน…     เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ข่าวต่างประเทศได้เผยภาพของชายคนหนึ่งที่มีพฤติกรรมแปลกๆ เพราะเขามักจะชอบขว้างปาแอปเปิ้ลเน่าใส่หลังคาบ้านคนอื่นอยู่เป็นประจำ ซึ่งเขาไม่ได้ทำแบบนี้มา 2-3 วัน แต่ทำติดต่อมานานถึง 2 ปี!! วันหนึ่งมือปาแอปเปิ้ลได้ออกมาปาแอปเปิ้ลเน่าใส่บ้านคนอื่นตามปกติ แต่ที่แปลกไปคือเขาก็สอดจดหมายฉบับเล็กๆ ไว้ที่หน้าบ้านของเหยื่อ โดยมีใจความสำคัญที่บอกว่า เขาออกไปเก็บแอปเปิ้ลเน่าแล้วขี่จักรยานมาขว้างปาใส่บ้านคนอื่น 5 หลัง ตอนกลางคืน โดยใช้เวลาแค่ 7 นาทีเท่านั้น     สถานที่หรือบ้านของเหยื่อส่วนใหญ่อยู่ในเมืองริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในแต่ละหลังจะได้รับแอปเปิ้ลเน่าไปคนละ 3 ลูกเท่าๆ กัน สิ่งหนึ่งที่เขาบอกในจดหมายคือ หลังคาบ้านของแต่ละคนจะมีขนาดความสูงและวัสดุที่ต่างกัน ทำให้ได้เสียงที่แตกต่างกันไป เขาเผยว่าตลอดระยะเวลาที่เขาทำแบบนี้ เคยทำหน้าต่างแตกมาบ้างแต่น้อยครั้งมาก หากมีกิ่งไม้หรือสายไฟยื่นออกมา เขาก็พยายามจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปโดนมัน (มีจิตสำนึกอยู่)     มีอยู่คืนหนึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจโผล่มาเจอกับเขาพอดีแต่ก็ไม่สามารถจับตัวเขาได้ มือปาแอปเปิ้ลเน่ายังได้ทิ้งท้ายในจดหมายอีกว่าเมืองพอร์ตแลนด์เป็นสถานที่ดีที่สุดในโลกสำหรับเขา เพราะเขาสามารถพกแอปเปิ้ลเน่าๆ…

อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องงารบริการที่สุภาพนอบน้อมแบบสุดๆ ชนิดที่ว่าบางทีเข้าไปใช้บริการแล้วรู้สึกเกรงใจเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าหากพนักงานคนไหนมีกริยาไม่เรียบร้อยหรือก้าวร้าวรุนแรงเกินไป จะต้องถูกเจ้าของร้านคาดโทษเป็นแน่ๆ และไม่เพียงแค่สำหรับมนุษย์เท่านั้น แม้กระทั่งกับเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติก็เช่นกัน!!   เรื่องราวเกิดขึ้นที่สถานีรถไฟคิตะเซนจู ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีผู้ใช้บริการท่านหนึ่งสามารถเก็บภาพเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติสุดก้าวร้าว ที่แจกบัตรโดยสารด้วยความรุนแรง จนผู้ใช้บริการตกใจกันเป็นแถบๆ   นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่ามันไปโกรธใครมา…   เมื่อชาวเน็ตเห็นภาพดังกล่าวก็ได้เข้ามาคอมเมนต์กันมากมาย แต่ละอันนี่ฮาแบบสุดๆ ไปเลยทีเดียวเช่น “ทำไมบริการแย่ขนาดนี้” “สงสัยต้องเอาไปฝึกมารยาทแล้วมั่งเนี่ย” “เอาเจ้าเครื่องนี่เข้าโปรแกรมเทรนพนักงานอีกรอบดีมั้ยเนี่ย” ความฮาของการทำงานผิดพลาด ทำให้มีคนถูกใจและรีทวีตกันไปรวมกว่า 120,000 ครั้ง จนกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์   และล่าสุด เจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟได้ดำเนินมาตรการดัดนิสัยของมันแล้ว พวกเขาเอาใจชาวเนร็ตด้วยการเข้ามาปิดเครื่องขายตั๋วสุดก้าวร้าวนี้เป็นที่เรียบร้อย และกำลังทำการดัดนิสัยมันอยู่ ก็ได้แต่หวังว่า เจ้าเครื่องขายตั๋วมารยาทแย่นี้จะนิสัยดีขึ้น กลับมาเป็นปกติในเร็วๆ นี้นะฮะ   .   เอาน่า ทำงานติดต่อกันมาหลายปีไม่เคยได้พัก มันก็ต้องมีหงุดหงิดกันบ้างล่ะ ห๊ะ อะไรนะ ไม่ใช่คนเหรอ โท๊ดๆๆๆ ที่มา Rocketnews24

สำหรับเด็กๆ แล้ว หนึ่งในหน้าที่ที่พวกเขาทุกคนต้องทำคือการร่ำเรียนหนังสือซึ่งก็จะมีระยะเวลาประมาณ 12-18 ปี แน่นอนว่าตลอดระยะเวลานั้น พวกเขาต้องผ่านช่วงชีวิตหลากหลายช่วง จากเด็กสู่วัยรุ่น จากวัยรุ่นสู่วัยผู้ใหญ่ ซึ่งเมื่อมองย้อนดูแล้ว มันช่างเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่โตพอดูเลยทีเดียว เมื่อมีกระแสจัดประกวดภาพถ่ายเปรียบเทียบ “วันแรก-วันสุดท้าย” ของชีวิตการเรียน ว่าแต่ละคนจะเปลี่ยนไปขนาดไหนนั้น #เหมียวอ๊อดโด้ ขอหยิบยกภาพที่ได้คะแนนโหวตสูงมาให้ชมกันสัก 15 ภาพล่ะกันครับ…   จากตัวนิดเดียว ตอนนี้พ่ออุ้มแทบจะไม่ไหวแล้ว   เธอต้องเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวแน่นอน   เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน   จากกระเป๋าอนุบาล สู่ชุดครุยแห่งความพยายาม   สองเพื่อนซื้ตั้งแต่เด็กจนจบมหาลัย   ที่ต่างคงมีเพียงอายุที่เพิ่มขึ้น     ท่าเดิม รถคันเดิม คนคนเดิม แต่เวลาเปลี่ยนไป   ยิ้มแป้นเหมือนเคย   13 ปีแห่งชีวิตนักเรียน   จนเด็กน้อยในวันนั้น สู่คุณหมอในวันนี้   ไปหากางเกงมาจากไหนเนี่ย ฮา   ยังน่ารักเหมือนเดิม   13 ปีผ่านไป เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะเนี่ย  …

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีหลายสิ่งหลายที่ถูกสร้างขึ้น แล้วก็ถูกทิ้งไปเมื่อมีสิ่งใหม่มาแทนที่ เช่นเดียวกับ Trolleybuses หรือรถบัสแบบเก่า นับว่าเป็นสิ่งที่หายากในสังคมยุโรปปัจจุบันนี้ แต่ที่ Vilnius ซึ่งเป็นเมืองหลวงของลิทัวเนีย ยังคงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยรถบัสเหล่านี้ แต่ครั้นจะมีแต่รถบัสเก่าๆ มันก็คงดูจืดจางไปตามการเวลา   Vilnius เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและศาสนาที่หลากหลาย ดังนั้นในอดีต ที่นี่จึงเป็นที่มาของแรงบันดาลใจในการทำงานของจิตรกรและช่างภาพหลายๆ คน   แต่ปัจจุบันนี้ วัฒนธรรมต่างๆ เหล่านี้กลายเป็นความทรงจำในอดีตไปแล้ว Liudas Parulskis จึงได้สร้างสรรค์งานที่ทำให้หลายคนต้องประหลาดใจ ด้วยการผสมผสานสิ่งเก่าในดีตในมาอยู่ในปัจจุบันได้อย่างลงตัว “Vanishing Trolleybus” เป็นงานที่เขาได้ทำขึ้นโดยการสร้างรถบัสที่กลมกลืนกับถนน Tumo Vaizganto และ Gediminas Avenue วันไหนที่รถคันนี้ผ่านถนนทั้งสองที่นี้ จะทำให้ดูเหมือนว่า รถบัสพรางตัวกับทิวทัศน์ของถนน นอกจากนี้เขายังได้เพิ่มภาพหมาป่าข้ามถนน ให้ดูสมจริงเข้าไปอีก เพราะหมาป่าเปรียบเสมือนตัวแทนจิตวิญญาณของชาว Vilnius มานานกว่าพันปีแล้ว   สถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์งาน   รถบัสได้ถูกยกขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง   จากนั้นก็เริ่มติดด้วยสติกเกอร์รูปที่ทำไว้   โดยติดภาพไว้ทั้งสองข้างของรถบัส   รสบัสขณะขับผ่านถนน Gediminas Avenue ดูเหมือนว่าได้พรางตัวและหายไปกับทิวทัศน์ของเมือง     เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ทำให้ของเก่าดูน่าสนใจและอยู่ในสังคมปัจจุบันได้อย่างกลมกลืน บ้านเราก็มีรถเก่าๆ อยู่เยอะ ลองแนวแบบนี้ดูบ้างไหมล่ะ!? ที่มา boredpanda

เวลาที่เราจะเขียนจดหมายถึงใครซักคน แน่นอนว่าส่วนสำคัญคือ เราต้องมีที่อยู่ของคนปลายทางซะก่อน และเขียนจ่าหน้าซองให้ชัดเจน เพื่อที่ไปรษณีย์จะได้ไปส่งได้อย่างถูกต้อง ในกรณีที่ไม่มีอยู่ เราก็อาจจะหาวิธีอื่นแทน เช่น ส่งอีเมลล์ หาเฟซบุ๊ค ไลน์ หรือส่งนกพิราบบินไป… แต่ถ้าหาไม่ได้จริงๆ จะทำยังไงดีละ!?   ภาพของเมืองที่เขาเคยไปเที่ยว   นักท่องเที่ยวคนนี้ได้ไปเที่ยวที่หมู่บ้าน Budardalur ในประเทศไอซ์แลนด์ และเมื่อกลับมา เขาก็หนึ่งถึงครอบครัวคนท้องถิ่นที่เขาเคยไปพบปะ จึงตัดสินใจเขียนจดหมายไปหาพวกเขา พอจะส่งก็นึกขึ้นว่า ไม่มีที่อยู่ของพวกเขาเลย แต่โชคดีที่ชายคนนี้มีความจำดีมาก โดยสามารถจำทางที่ไปได้ เขาจึงวาดแผนที่แทนที่อยู่   โดยได้ระบุที่อยู่ดังนี้ ประเทศ: ไอซ์แลนด์ เมือง: Budardalur และบรรยายบ้านของชาวนาคนนั้นว่า เป็นฟาร์มม้า มีคู่สามีภรรยาชาวไอซ์แลนด์-เดนมาร์ก มีเด็กๆ 3 คน และมีแกะจำนวนมาก จากนั้นก็วาดแผนที่ประกอบ ซึ่งมีความละเอียดพอสมควร แล้วเขาก็ได้ทำสัญลักษณ์สีแดงไว้ตรงที่บ้านเป้าหมายด้วย และจากการลงข่าวของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ปรากฏว่าไปรษณีย์ก็ไปส่งถูกซะอีก     ถ้ามาทำแบบนี้ที่เมืองไทย ไปรษณีย์ไทยที่ความสามารถระดับเทพ จะไปส่งได้ไหมน๊อ!?? ที่มา boredpanda l skessuhorn

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงหลายๆ คนไม่อยากมีลูกนั้นเป็นเพราะว่าการมีลูกอาจเป็นอุปสรรคต่อการทำงานได้ อนาคต และความฝันของเธอได้ ศิลปินหญิง Marina Abramovic ก็เป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไป ที่กลัวว่าการมีลูกจะทำให้งานของเธอได้รับผลกระทบ และจากความคิดเหล่านั้น เธอได้ให้สัมภาษณ์อันเป็นกระแสโด่งดังขึ้นมาว่า… เธอทำแท้งมาแล้วถึง 3 ครั้ง   เรื่องนี้ทำให้ศิลปินชาวนิวยอร์กอีกคนหนึ่งก็คือ Hein Koh โพสต์ในอีกแนวทางหนึ่ง คือรูปภาพที่เธอกำลังเลี้ยงลูกน้อย พร้อมกับทำงานดูแลแฟนเพจเฟซบุ๊คและอินสตาแกรมไปพร้อมๆ กัน “ลูกแฝดของฉัน อายุ 5 สัปดาห์แล้ว พวกเค้ามักรบกวนการทำงานของฉันอยู่เสมอ เดี๋ยวก็นอน เดี๋ยวก็ตื่น ฉันจึงต้องคอยให้นมพวกเขาตลอด…”     เธอบอกเอาไว้ว่า “การมีลูกแฝดเป็นอะไรที่ลำบากมาก ทำให้ชีวิตวุ่นวายไปหมด ไหนจะนอนน้อยอีก ฉันต้องทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน บางครั้งสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ฉันหงุดหงิดนะ แต่ทั้งหมดนี้ ทำให้ฉันได้เรียนรู้ถึงการจัดลำดับความสำคัญของชีวิตมากขึ้น …” “การที่ผู้หญิงมีลูกนั้น แสดงให้เห็นถึงความเสียสละของผู้หญิง จากที่เคยทำงานแค่อย่างเดียว กลับต้องทำหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน แต่มันจะเป็นการฝึกให้เรามีความรับผิดชอบมากขึ้น และหากเราแบ่งเวลาเป็น ถึงจะมีลูกแต่เราก็ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้”     “ในแต่ละวันนั้น ฉันมีเวลาอยู่กับลูกไม่กี่ชั่วโมง ขณะเดียวกัน ฉันก็มีเวลาทำงานไม่กี่ชั่วโมงในสตูดิโอเช่นกัน เวลาที่เหลือก็ต้องเอาไปทำอย่างอื่นอีกมากมาย” “การได้ดูแลลูกนั้น เหมือนเป็นสิทธิพิเศษสำหรับศิลปินอย่างเรา แต่ศิลปินส่วนใหญ่กลับไม่อยากมีลูก เพราะพวกเขาเข้าใจว่า มันจะเป็นการทำให้เสียเวลา”…

แมวที่เราเลี้ยงกันทุกวันนี้ นอกจากมันจะน่ารัก เป็นเพื่อนกับเราได้แล้ว ทางเว็บไซต์ Bright Side ยังได้นำเสนอข้อมูลที่บอกว่าแมวนั้นยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราด้วย เรื่องต้นกำเนิดของเสียงแมวนั้น ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ในวงการวิทยาศาสตร์ แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้คือ มันมีเสียงครางในลำคอ ซึ่งในบางครั้งมันก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์ได้     เสียงครางของแมว มีพลังในการรักษา   ย่านความถี่ในการครางของแมว เฉลี่ยอยู่ที่ 25-50 เฮิรตซ์ ซึ่งเป็นความถี่ที่ดีที่สุดต่อกล้ามเนื้อและกระดูกของแมว และหากเราลองฟังดีๆ จะมีเสียงฟี่ๆ ในลำคอของมัน เป็นเสียงที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่า มันช่วยทำให้มนุษย์รู้สึกผ่อนคลาย ในเรื่องนี้ ได้มีการศึกษาวิจัยมาแล้วหลายครั้ง จนได้ข้อสรุปว่า ‘เสียงครางของแมวช่วยบรรเทาอาการกระดูกหัก ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และช่วยบรรเทาอาการหายใจติดขัดของแมวได้’   แมวช่วยบรรเทาความเครียดได้   จากผลการวิจัย ของ Dr. June McNicholas พบว่าคนเลี้ยงแมวนั้นจะมีความเครียดน้อยที่สุด เนื่องจากเสียงครางของแมวมีคุณสมบัติในการช่วยลดความตึงเครียดของมนุษย์ รองลงมาคือคนเลี้ยงสุนัข ส่วนคนที่ไม่เลี้ยงอะไรเลยมีแนวโน้มจะเครียดมากที่สุด เพราะพวกเขาไม่ได้สัมผัสถึงเสียงครางของสัตว์   แมวอาจจะลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจถึง 40%   โดยให้คำอธิบายเอาไว้ว่า แมวสามารถบรรเทาความเครียดและความวิตกกังวล ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดได้ โดยเรื่องนี้ได้จากรายงานของนักวิจัยมหาวิทยาลัยมินนิโซตา ที่ศึกษากับชาวอเมริกันจำนวน 4,435 คน อายุระหว่าง 30-75 ปี พบว่า คนที่ไม่เลี้ยงแมวนั้น มีโอกาสเป็นโรคหัวใจ…

การผ่าตัดคลอดสัตว์นั้น นับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับสัตว์แพทย์เกือบทุกคน เหมือนกับสัตวแพทย์ Kurt de Cramer จากโรงพยาบาลสัตว์ Rant en Dal Animal Hospital เมือง Mogale ในแอฟริกาใต้ การได้เห็นใบหน้าสัตว์ที่ทุกข์ทรมานตอนคลอดนั้น ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับ Cramer เพราะในแต่ละปีนั้น เขาช่วยทำคลอดสัตว์เฉลี่ยแล้ว 900 ตัวในทุกๆ ปี แต่ครั้งนี้ เขาต้องเจอกับเคสที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับแม่สุนัขตัวหนึ่ง ที่กำลังตั้งท้องและมีบางอย่างผิดปกติกับท้องของมัน โดยมีก้อนเนื้อบางส่วนนูนออกมา     ครั้งแรกเขาคิดว่าเป็น ถุงน้ำคร่ำส่วนเกินในท้องสุนัข De Cramer จึงทำการสำรวจภายในครรภ์ของแม่สุนัข แล้วเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เจอ คือในครรภ์นี้มีลูกหมาถึง 2 ตัว ยิ่งไปกว่านั้นคือ ทั้ง 2 ตัวใช้สายรกเดียวกัน De Cramer บอกว่า “ผมคิดว่าทั้งสองตัวนี้เป็นเพศเดียวกัน เพราะมันสัญลักษณ์บางอย่างที่เหมือนกัน และผมก็คิดว่า ลูกแฝดสองตัวนี้อาจจะเกิดจากการแยกตัวของตัวอ่อน” หลังจากที่ทำการสำรวจ เขาก็ยังอดคิดไม่ได้ เพราะตอนนี้มีสุนัขอีก 5 ตัวที่เขาต้องทำคลอด แต่ละตัวต่างก็มีสายรกของตัวเอง โดยไม่ได้ใช้รกร่วมเหมือนสุนัขแฝดที่เขาเพิ่งจะสำรวจไปนี้ นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปี ของเขาที่เจอเคสแบบนี้…