Category: Highlight

ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและไม่เคยแบ่งแยกความเชื่อ ศาสนา หรือแม้แต่ฐานะ หลายๆ ครั้งที่เราดูคะครหรือซีรี่ส์เกาหลีก็มักจะพบความรักประมาณว่า พระเอกเป็นคนรวยมากมาแต่งงานกับนางเอกที่เป็นลูกยาจกไม่มีข้าวจะกินต้องไปขอข้าววัด หรือพระเอกเป็นขอทานมาพบรักกับนางเอกผู้เป็นเจ้าของแผงขายผักที่พระเอกไปนั่งขอทานอยู่ (นี่ก็มโนกันไป) แต่ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องความรักแบบในละครนั้นจะมีอยู่ในชีวิตจริงด้วย เหมือนเรื่องที่เรานำมาฝากกันในวันนี้… Chen Jingyang หนุ่มจีนวัย 28 ปี ได้จัดงานแต่งอย่างเรียบง่ายกับเจ้าสาวของเขา Sophia สาวรัสเซียวัย 22 ปี ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมือง Heihe มลฑล Heilongjiang ประเทศจีน     Sophia มาที่เมือง Heihe เมื่อ 5 ปีที่แล้วเพื่อศึกษาต่อทางด้านภาษา เธอมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับวัฒนธรรมของจีนและภาษาจีนกลางอย่างมาก หลังจากเรียนจบเธอเลือกที่จะทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่งในตัวเมือง มากกว่าที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดที่รัสเซีย ในช่วงกลางปี 2016 ทั้งคู่ได้พบกันครั้งแรกผ่านเพื่อนของฝ่ายชาย และได้เริ่มติดต่อกันผ่านทาง Wechat แอพพลิเคชั่นชื่อดังของจีน ขณะนั้นฝ่ายเจ้าบ่าว Chen กำลังทำงานเป็นคนงานเหมืองถ่านหินอยู่ ในทุกๆ วันเขาจะใช้เวลาหลังเลิกงานเพื่อติดต่อพูดคุยกับเธอ เนื่องจากเหมืองถ่านหินที่เขาทำงานอยู่นั้นห่างจากตัวเมืองมาก เขาจึงฝากเพื่อนหรือคนในครอบครัวเอาดอกไม้ไปให้กับ Sophia อยู่บ่อยๆ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความรักของทั้งสอง     Sophia บอกว่ามันคือความรักตั้งแต่แรกพบ เธอมักจะลางานเพื่อไปพบเขาที่เหมืองถ่านหินอยู่บ่อยๆ และหลังจากนั้นเธอก็ตัดสินใจที่จะลาออกจากงาน และไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักหลังเล็กใกล้กับที่ทำงานของเขา เธออาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลากว่า 2 เดือน…

เมื่อสุนัขแก่ตัวลงไป พวกมันจะเหนื่อยง่าย เคลื่อนไหวตัวได้ช้าลงและอาจทำให้เจ้าของต้องเหนื่อยกว่าเดิมมากๆ แต่ยังไงพวกมันก็อยากอยู่เคียงข้างเจ้าของจนวินาสุดท้าย Rocky สุนัขวัย 17 ปี ที่ถูกเจ้าของเดิมทิ้งและไล่ออกจากบ้าน เพราะมันแก่จนกลายเป็นภาระ แต่ก็โชคดีที่ทางศูนย์พักพิง Anne Arundel County Animal Control  (AACAC) ไปเจอมันเข้า และได้ช่วยมัเอาไว้     ดังนั้นตั้งแต่ Rocky ได้เข้ามาอยู่ในศูนย์พักพิงแห่งนี้ในปี 2015 มันก็รู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่ เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลมันตลอดแม้ว่าเป็นภาระให้พวกเขาบ้างก็ตาม ในขณะเดียวกันคู่รัก Beth และ Michael Clark ก็เพิ่งจะนำเงินมาบริจาคให้ศูนย์พักพิงแห่งนี้ และได้ถามเจ้าหน้าที่ว่า ‘ขอรับเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่งได้มั้ย?’     และแล้วพวกเขาก็ได้พบกับ Rocky ทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถออกจากที่นี่ได้หากไม่พาสุนัขตัวนี้ไปด้วย Beth บอกว่า “ตอนนั้น Rocky ดูเศร้ามากเลยค่ะ ฉันสงสารมันจับใจเลย” แต่สุนัขแก่ตัวนี้ก็เศร้าได้เพียงไม่นาน เพราะ Beth และ Michael ตัดสินใจรับเลี้ยงมัน และพามันกลับไปฉลองคริสต์มาสที่บ้านด้วย ทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวทันที     Chris Collins จาก AACAC บอกว่า “ทุกคนต่างชอบเรื่องราวของ Beth…

ร้อนๆ แบบนี้ ต้องหาที่คลายร้อนกันสักหน่อยแล้ว แต่ชุดที่จะใส่ก็สำคัญเหมือนกันนะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนแดดเผาจนผิวไหม้กันหมด หรือใครตั้งใจจะอาบแดดเพื่อทำผิวสีแทน ต้องดูดีๆ นะว่า จะให้ส่วนไหนแทนบ้าง หรือจะป้องกันส่วนไหนไว้บ้าง มิฉะนั้นผิวคุณจะเกิดลายประหลาดจนไม่กล้าโชว์ผิวไปอีกนาน เหมือนพวกเขาเหล่านี้   1. เป็นตารางมาเชียว   2. แค่ไม่ได้ใส่เสื้อแขนยาวเอง โดดแดดเผาไปขนาดนี้เลยหรอ   3. กะจะทำผิวแทนสวยๆ สักหน่อย แต่สิ่งที่ได้มาคือ…   4. ปิดทุกส่วนแล้ว แต่ลืมปิดหน้า มันเลยออกมาเป็นแบบนี้   5. นี่ตั้งใจใช่มั้ย   6. ทาครีมกันแดดไม่ทั่วถึงก็ผิวลายได้นะ   7. เมื่อใส่หมวกแก๊ปออกแดด   8. นึกว่าใส่เลคกี้ง   9. นี่ก็เช่นกัน เป็นแบบนี้ ถุ่งน่องก็ไม่จำเป็นแล้ว   10. นอบอาบแดด เอามือวางแบบท้อง ได้ลายนี้มาเลย   11. ตั้งใจทำผิวสีแทนแหละ แต่ดูสิ่งที่ได้สิ…

ปัญหาการข่มขืนนั้นนับวันก็ยิ่งจะมีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่เพียงผู้หญิงและเด็กเท่านั้นที่จะตกเป็นเหยื่อ ผู้ชายก็เป็นเหยื่อของการข่มขืนได้เช่นกัน เรื่องนี้เกิดขึ้นในรัฐโอไฮโอ เมื่อหญิงสาว Brittany Carter วัย 23 ปี ถูกจับกุมในข้อหาข่มขืนคนขับแท็กซี่หนุ่ม โดยมี Cory Jackson วัย 20 ปี และชายหนุ่มอีกคน เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตำรวจได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 28 มกราคม โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ Carter กับ Jackson และชายอีกคนหนึ่งได้เรียกใช้บริการแท็กซี่จาก Trinity Express Cab Service   Brittany Carter และ Cory Jackson   ในระหว่างที่รถกำลังแล่นนั้น Jackson ก็ได้เอามีดจี้คอคนขับแท็กซี่วัย 29 ปี ทำให้เขาต้องรีบจอดรถกระทันหัน จากนั้น Carter ก็เริ่มทำอนาจารกับคนขับแท็กซี่ทันที โดยคนขับแท็กซี่เองก็พยายามขัดขืนอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมีมีดจี้คออยู่ หลังจากทำการข่มขืนเสร็จแล้ว Carter และ Jackson ก็ได้รีบหนีไปทันที โดยเหยื่อบอกว่า พวกเขาขโมยเงินจำนวน 3,500 บาทติดตัวไปด้วย…

คงต้องบอกว่านี่มันยิ่งกว่าถูกหวยซะอีก แค่บอกว่าคุณลุงคนนี้แกเป็นนักสะสมรถถังก็ทำให้งงแล้ว แถมดันไปเจอสมบัติทองคำแท้ซ่อนอยู่อีก!! เมื่อวันที่ 10 เมษายน สำนักข่าว TheSun ได้รายงานว่า Nick Mead หนุ่มใหญ่วัย 55 ปี จากเมือง Northamptonshire ประเทศอังกฤษ ผู้หลงใหลในการเก็บสะสมรถถังมากถึง 150 คัน (โรงจอดรถบ้านแกต้องใหญ่ขนาดไหนเนี่ย!?)   Nick Mead (คนซ้าย) ถ่ายภาพคู่กับคนที่ขายรถถังให้   โดยก่อนหน้านี้ลุง Nick ได้ทำการติดต่อซื้อขายรถถังมือสองรุ่น T54/69 ซึ่งผลิตจากประเทศรัสเซีย กับนาย Todd Chamberlain เป็นราคา 30,000 ปอนด์ (1.3 ล้านบาท) หลังจากที่ซื้อขายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วลุง Nick ก็ได้เข้าไปสำรวจภายในห้องเครื่อง และพบว่ามีถังใส่น้ำมันหนักหลายสิบกิโลฯ วางอยู่ ‘ตอนแรกเรากลัวว่ามันจะเป็นวัตถุระเบิด เราควรจะโทรหาตำรวจ แต่ด้วยความขี้สงสัยเราก็เลยช่วยกันงัดถังเหล็กนั่นแทน’ Nick เล่า   เมื่อเปิดออกมาพวกเขาก็ต้องตกใจ เพราะข้างในเต็มไปด้วยทองคำแท่งมูลค่าสูงถึง 2 ล้านปอนด์ (86…

ทุกวันนี้รายชื่อคนหายตัวไปนั้นมีอยู่ในทุกประเทศ ซึ่งก็มีสาเหตุที่แตกต่างกัน และสิ่งที่ทุกคนสงสัยคือ พวกเขาเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่มั้ย? เหมือนกับ James Thompson วัย 51 ปี คนนี้ที่หายตัวไปกว่า 1 เดือนแล้ว หลายคนเชื่อว่าเขาหนีไปอยู่ในป่า แต่บางคนก็บอกว่าเขาเจ็บข้อเท้าจนต้องเข้าไปพักในหลุมแล้วก็ออกมาไม่ได้ ในขณะที่ทางตำรวจเองคาดว่า เขาคงเสียชีวิตตั้งแต่วันแรกที่หายตัวออกจากไปบ้านแล้ว แต่ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันคำเหล่านี้ เพราะฉะนั้นการหายตัวไปของ James ยังคงเป็นปริศนาต่อไป   James Thompson ผู้หายตัวไปนานนับเดือน   จนกระทั่งวันหนึ่ง Izaak Eglington-Watts วัย 19 ปี และเพื่อนสาว Emily Thompson วัย 18 ปี ได้ไปพบกับ James ในระหว่างที่พวกเขาเดินเข้าไปในป่า พวกเขาหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากหลุมใต้สะพานแห่งหนึ่ง จากนั้น Izaak ก็ส่งเสียงตะโกนออกไป และมีเสียงของ James ตอบกลับมา แต่เป็นเสียงสะท้อนที่ฟังไม่ค่อยชัดนัก แต่ชายหนุ่มมั่นใจว่าต้องมีคนอยู่ในนี้แน่ๆ Izaak จึงตัดสินใจที่จะปีนลงไปดู แต่ก็ได้หันมาถาม Emily ก่อนว่าจะลงไปด้วยมั้ย เธอตอบไม่ ชายหนุ่มจึงปีนลงไปคนเดียวอย่างระมัดระวัง ในขณะเดียวกันเขาก็ตะโกนเรียกคนที่อยู่ข้างล่างเรื่อยๆ และเขาก็ตอบกลับมาด้วย แต่มองไม่เห็นอะไรเลย เพราะมันมืดมากจนต้องใช้แฟลชโทรศัพท์ช่วยส่องทาง…

ในขณะที่เราส่วนใหญ่ได้อยู่อาศัยในบ้านอันแสนอบอุ่น มีเครื่องอำนวยความสะดวกเยอะแยะมากมาย แต่ยังมีคนอื่นกลุ่มหนึ่งต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างถนน ไม่มีบ้าน ไม่มีที่นอน จะหนาวหรือร้อนก็ต้องอดทน Damian ‘Dean’ Cummings เป็นคนจรจัดที่ต้องนอนอยู่ข้างถนนในนิวยอร์กเป็นเวลานาน แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเขาได้พบกับชายหนุ่ม 2 คน ก็ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป   Damian ‘Dean’ Cummings ชายจรจัดผู้โชคดี   เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อ Shane Duffy วัย 37 ปี และ Phil Sullivan นายแบบจาก America’s Next Top วัย 28 ปี ได้พบกับ Cummings ชายจรจัดที่นั่งขอทานอยู่ข้างถนนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 ตอนนั้นทั้ง 2 คนปลอมตัวเป็นขอทานเช่นกัน เพื่อเฟ้นหาคนที่สมควรจะได้รับของขวัญอันล้ำค่าจากพวกเขา เมื่อเวลาผ่านไป 4 วัน พวกเขาก็ได้เจอกับ Cummings โดยเขาแสดงน้ำใจให้กับทั้งสองคนได้เห็น ทั้งแบ่งที่นอน อาหาร และผ้าห่มให้ หลังจากเหตุการณ์นั้น พวกเขาจึงตกลงที่จะมอบรางวัลให้กับชายจรจัดคนนี้ เพราะเขามีน้ำใจ ขนาดตัวเองไม่มีอันจะกิน ก็ยังอุตส่าห์แบ่งปันในสิ่งที่มีให้กับคนอื่นๆ…

Supreet Kaur ผู้ประกาศข่าวสาวชาวอินเดีย ขณะที่กำลังทำหน้าที่ประกาศข่าวออกอากาศสดทางช่อง IBC24 จู่ๆ ก็มีรายงานด่วนเข้ามาถึงสถานการณ์อุบัติเหตุรถชน และมีผู้เสียชีวิตถึง 3 คนด้วยกัน เธอทำหน้าที่รายงานข่าวตามปกติ แต่ในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน เพราะหนึ่งในนั้นมีรายชื่อของสามีสุดที่รักของเธออยู่ด้วย หลังจากที่รับทราบแล้วว่าสามีได้เสียชีวิตลง Supreet ก็พยายามอดกลั้นน้ำตาทำหน้าที่รายงานต่อไป เป็นเวลากว่า 10 นาที ก่อนที่ทางห้องส่งจะตัดภาพออกอากาศออกไป     สามีของ Supreet นาย Harshad Kawade ได้นั่งรถออกไปข้างนอกกับเพื่อนๆ อีก 5 คน ก่อนที่จะถูกรถบรรทุกพุ่งชนจนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นให้การว่า “อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงมาก ผู้โดยสารที่นั่งมาในรถยนต์เสียชีวิตทันที 3 คน ขณะที่อีก 2 คนบาดเจ็บสาหัส”     ผู้กำกับการรายงานข่าวของช่อง IBC24 เล่าวว่า “ขณะที่เธอกำลังอ่านรายงานข่าว เธอก็เอะใจว่านั่นเป็นรถที่สามีของเธอโดยสารไปด้วย ในวันเดียวกันนั้นเลย” “แม้ว่าผู้รายงานข่าวภาคสนามจะไม่ได้แจ้งรายชื่อผู้เสียชีวิต แต่ทีมโปรดัคชั่นก็มีรายชื่อเรียบร้อยแล้ว แต่เราไม่สามารถบอกเธอขณะที่รายการทำลังถ่ายทอดสดได้” “แม้เธอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถที่สามีของเธอโดยสารไปด้วย แต่ก็ต้องยอมรับในความเป็นมืออาชีพของเธอจริงๆ เพราะเธอยังคงทำหน้าที่ต่อไปอีกกว่า 10…

เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บเจ้าแม่เหมียวจรจัดก็เลยตัดสินใจคาบลูกๆ ของมันไปไว้ในถังขยะขนาดใหญ่ เพื่อสร้างความอบอุ่นและเอาชีวิตรอด จนในที่สุดคู่รักคู่หนึ่งก็มาพบเจอเข้า แบบนี้ไม่ช่วยไว้ไม่ได้ซะแล้ว!!     คุณ Linda ผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Animal Care Council ในเมือง Binghamton รัฐนิวยอร์ค ได้ทำการช่วยเหลือบรรดาเหล่าแมวจรจัดมานานหลายปีแล้ว และเหล่าแมวเหมียวที่เธอช่วยเหลือมาทุกวันนี้ต่างก็ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาพวกเขาได้ทราบข่าวมีมีแม่แมวตัวหนึ่งมาคลอดลูกอยู่ในสวนหลังบ้านของพวกเขา จึงตัดสินใจที่จะทำการช่วยเหลือพวกมัน ด้วยอากาศที่หนาวเย็นติดลบ 1 องศาในช่วงตอนเช้า และตอนกลางคืน ทำให้เราเป็นห่วงว่าพวกมันจะไม่ปลอดภัย     พอตามเจ้าแม่แมวไปเรื่อยๆ ก็พบว่ามันนำลูกๆ ของมันไปซ่อนอยู่ในถังขยะสีขาว พร้อมกับฟางแห้งที่มันเป็นคนคาบมาสร้างเป็นรังเพื่อสร้างความอบอุ่น คู่รักก็เลยนำฝามาปิดซักเล็กน้อยเพื่อช่วยให้พวกมันอุ่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จากนั้นประมาณ 30 นาทีเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือจาก Cat Catching Crew ก็มาถึง พวกเขาจึงพาพวกมันไปไว้ที่ที่ปลอดภัย       พอไปถึงที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Animal Care Council บ้านของคู่รักแล้วก็พบว่าตัวแม่นั้นไม่ยอมป้อนนมให้ลูกเลย มัวแต่กระโดดไปมาในบ้านหลังใหม่ด้วยความกลัว คู่รักจึงต้องป้อนอาหารให้ลูกของมันก่อน จากนั้นผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง เจ้าแม่เหมียวจึงใจเย็นลงและกลับมาป้อนนมลูกของมัน     พวกเขาตั้งชื่อให้กับเจ้าแม่เหมียวว่า Marshmallow และลูกๆ ของมันอีกสองตัวว่าเจ้า Spot และเจ้า…

ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากไหน เราก็ต่างต้องการการยอมรับจากสังคมทั้งนั้น เพราะในโลกนี้ไม่มีใครอยู่ตัวคนเดียวได้ เช่นเดียวกับประเทศหนึ่งบนโลกนี้ ที่กำลังต้องการการยอมรับจากประเทศอื่นๆ เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 ยังคงมีอีกหนึ่งภูมิภาคทางตะวันออกของประเทศมอลโดวา ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์คอมมิวนิสต์อย่างแรงกล้า และกล่าวประกาศแยกตัวออกมาเป็นประเทศทรานส์นีสเตรีย     เรื่องราวนี้ทำให้ช่างภาพอย่าง Julia Autz เกิดความสนใจมาก เธอจึงได้ตัดสินใจลงไปสำรวจพื้นที่นี้ด้วยตัวเอง เพื่อไปสัมผัสดูว่าชีวิตของผู้คนที่นี่จะเป็นอย่างไร ที่ต้องอาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่มีความแน่นอนเช่นนี้ และเมื่อได้เข้าไปยังประเทศนี้ก็พบว่า พวกเขามีความเป็นชาตินิยมสูงมาก พวกเขาใช้สกุลเงินของตัวเอง ควบคุมการออกนอกประเทศ มีรัฐสภา มีเพลงชาติ และมีสัญชาติเป็นของตัวเอง     แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่ได้รับการยอมรับจากโลกภายนอก หรือแม้กระทั่งรัสเซียเองก็ถูกมองว่าประเทศแห่งความหวังสำหรับพวกเขา เนื่องจากอยู่เหนือประเทศทรานส์นีสเตรีย และเป็นผู้ที่จะนำพาประเทศสู่อนาคตที่ดีกว่า ในขณะที่เดียวกันก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ต้องการอยู่ภายใต้ประเทศทรานส์นีสเตรีย พวกเขาคือกลุ่มเยาวชนของประเทศที่ไม่มีตัวตนแห่งนี้ ช่างภาพบอกว่า “เยาวชนหลายคนต้องการออกจากทรานส์นีสเตรีย เพราะมันยากต่อการหางานที่จะได้รายได้ที่เพียงพอ แต่ต่อให้พวกเขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยทรานส์นีสเตรีย ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากประเทศอื่นๆ อยู่ดี”     ดังนั้นเด็กๆ หลายคนจึงมีความฝันว่าอยากเรียนต่อต่างประเทศหรือในประเทศรัสเซีย เพราะพวกเขาอยากมีตัวตนและอยากได้รับการยอมรับจากชาติอื่นๆ แต่ทุกวันนี้เท่ากับว่าประเทศดังกล่าวแทบจะไม่มีตัวตนอยู่จริงในโลกนี้เลย แม้พวกเขาจะมีชาติเป็นของตัวเอง มีประชากร แต่ก็ยังคงเป็นประเทศที่ไม่ได้รับการยอมรับถึงตัวตนที่มีอยู่บนโลกใบนี้เลย   . . . . .…

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ในปัจจุบันสื่อที่เข้ามามีอิทธิพล และบทบาทต่อชีวิตของมนุษย์มากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งหลายๆ คนก็คงจะรู้แล้วว่าสื่อเหล่านี้ก็เหมือนกับดาบสองคม ที่มีทั้งด้านดี และด้านเสีย บางคนก็ใช้สื่อโซเชียลมีเดียในทางที่เกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและสังคม ในขณะที่อีกหลายๆ คนกลับไม่มีสติ ใช้สื่อเหล่านั้นในทางที่ผิด จนสุดท้ายก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดทั้งต่อตัวเอง และผู้อื่น บางรายก็นำไปสู่โศกนาฏกรรมอันน่าเศร้า เหมือนดั่งเช่นเรื่องราวของ Tysen Benz เด็กหนุ่มวัยเพียง 11 ปี จากรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเอง เหตุเพราะถูกกลั่นแกล้งให้เข้าใจผิดบนโลกโซเชียล     เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 ทางสำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Katrina Goss ได้ออกมาเผยว่า Tysen Benz ผู้เป็นลูกชายได้เสียชีวิตลง หลังจากที่เขาได้ตกเป็นเหยื่อของแฟนสาววัย 13 ปีที่แกล้งเขาในโลกออนไลน์ “แฟนสาวของ Tysen และเพื่อนของเธอได้ใช้สื่อโซเชียลเป็นตัวกลางในการแกล้งเขา โดยเธอพยายามทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเธอฆ่าตัวตาย และมันก็ทำให้เขาเชื่อ แถม Tysen ยังบอกอีกว่า…ฉันจะฆ่าตัวตายตาม” Katrina กล่าว     จากการรายงานระบุว่า…

ภาพถ่ายของคุณหมอท่านหนึ่งที่กำลังนอนสลบไสลอยู่บนพื้น กำลังถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียลของประเทศจีนอยู่ ณ ขณะนี้…   เป็นภาพของคุณหมอผ่าตัดชาวจีน Luo Heng ที่นอนสลบเหมือดอยู่บนฟูกเล็กๆ บนพื้น หลังจากต้องตรากตรำทำงานหนักมานานกว่า 28 ชั่วโมงโดยไม่ได้หยุดพักเลย     ภาพดังกล่าวถูกถ่ายขึ้นเมื่อวันที่ 30 เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลในเขต Dingyuan County มณฑล Anhui ในวันนั้นคุณหมอ Luo ต้องดำเนินการผ่าตัดทั้งหมด 5 เคส (ช่วงกลางคืน 2 เคส และอีก 3 เคสในตอนเช้า) จนทำให้เหล่าชาวเน็ตในประเทศจีนทั้งหลายร่วมกันยกย่องคุณหมอว่าเป็นฮีโร่ ที่ยอมเสียสละตัวเองทำงานหนักขนาดนี้ บางส่วนก็รู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของคุณหมอ     ซึ่งจากข้อมูลในเว็บไซต์ Scientific American แล้วก็พบว่าร่างกายของมนุษย์สามารถทำงานได้ติดต่อกันถึง 264 ชั่วโมง หรือ 11 วัน โดยไม่ต้องการการหลับพักผ่อน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเพราะร่างกายของเราต้องได้รับการพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง   ก็หวังว่าคุณหมอจะได้รับการพักผ่อนที่แสนสบายจากความเหน็ดเหนื่อยที่ต้องตรากตรำทำงานหนักมานะจ๊ะ ที่มา : unilad

เป็นประเด็นร้อนบนสื่อต่างชาติอย่าง Dailymail หลังจากที่คุณณรงค์ เถาปัญญา หนุ่มไทยวัย 21 ปี ได้โพสต์คลิปวิดีโอระหว่างเจ้าตัวกำลังนั่งรถบัสโดยสารจากกรุงเทพฯ – สุโขทัย เมื่อวันที่ 30 มีนาคม โดยในเหตุการณ์เขาต้องเจอกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวสาว เอาเท้าขึ้นมาพาดไว้บนเก้าอี้ ซึ่งอยู่ข้างๆ กับศรีษะของคุณณรงค์ และถึงแม้ว่าหนุ่มไทยคนนี้จะพยายามบอกกล่าวตักเตือน แต่นักท่องเที่ยวสาวกลับเมินเฉย   โพสต์จากเฟซบุ๊กของเจ้าตัว   เป็นอย่างที่รู้กันว่าการเอาเท้าขึ้นมาไว้เหนือศรีษะ เป็นเรื่องไม่สุภาพสำหรับวัฒนธรรมไทย แต่นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่ากับการที่เท้าของเธอส่งกลิ่นเหม็นอับโชยรบกวนจมูกผู้โดยสารคนอื่นไปทั่วทั้งรถ ลองชมคลิปวิดิโอตัวเต็มกันก่อน   จากคลิปวิดีโอดังกล่าวก็ถูกสื่ออังกฤษอย่าง Dailymail นำไปเผยแพร่ต่อ ซึ่งงานนี้หนุ่มไทยก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ‘จริงๆ เธอก็สวยอยู่นะครับ แต่กลิ่นเท้าของเธอมันเหม็นไปทั่วทั้งคันรถ อากาศก็ร้อนมากแล้ว ผมยังต้องมาป่วยเพราะเธอเอาเท้าเหม็นๆ มาวางไว้ใกล้หัวผมอีก’ ‘ผมก็พยายามบอกให้เธอเอาเท้าลงหลายรอบแล้วนะ แต่เธอก็ไม่สนใจเอาเท้าคืนมาวางไว้เหมือนเดิม แล้วผู้โดยสารคนอื่นก็ต้องมานั่งเบาะที่มีกลิ่นเท้าเหม็นๆ ของเธอติด’   ดูจากสีหน้าของคุณณรงค์แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะเซ็งขนาดไหน…   อาจจะจริงที่วัฒนธรรมเมืองนอกเขาไม่ถือเรื่องของสูงของต่ำอย่างไทยเรา ทว่าการเอาเท้าขึ้นมาวางไว้เหนือเก้าอี้ของผู้โดยสารคนอื่นในพื้นที่สาธารณะ แถมส่งกลิ่นเหม็นโชย (กลิ่นเท้าเลยนะเธอ) เป็นมลพิษทางกลิ่นรบกวนคนอื่น ก็ดูจะเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสมเหมือนกัน…’ สุดท้ายคุณณรงค์ก็ให้สัมภาษณ์ทิ้งท้ายกับสื่อว่า ‘ผมสงสัยจริงๆ ว่าเธอทำแบบนี้ในประเทศตัวเองด้วยรึเปล่า? บางทีคนเราก็ควรจะมีความเคารพเวลาไปเที่ยวประเทศคนอื่นบ้าง’  …

งานพรอมนอกจากจะเป็นงานเลี้ยงสำหรับฉลองจบแล้ว มันยังเป็นวันที่สร้างความตื่นเต้นสำหรับคนโสดบางคนด้วย เพราะพวกเขาอาจจะต้องคิดหนักว่าจะชวนคนที่ชอบไปงานด้วยกันจะดีมั้ย? แต่สำหรับ Connor Campbell จาก Pinewood Prep ใน Summerville ทางใต้ของแคโรไลนา เขาเลือกที่จะพา Betty Jane Keene คุณยายวัย 93 ปีของเขาไปงานนี้ด้วย เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา     คุณยายบอกกว่า “ฉันรู้สึกดีมากเลยค่ะ เขาแนะนำฉันให้เพื่อนของเขาทุกคน ในงานนั้นมีเด็กๆ ประมาณ 100 คนเต้นรำกัน แล้ว Connor ก็เดินมาขอฉันเต้น ทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่นักเต้น แต่โชคดีที่ฉันเต้นเป็นค่ะ” นี่ไม่ใช่การติดสินปุบปับ แต่ Connor พร่ำบอกมาหลายปีแล้วว่าถ้าไปงานพรอมเขาจะพาคุณยายไปด้วย แต่เขาเพิ่งได้บอกคุณยายเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ตอนนั้นชายหนุ่มได้บอกกับคุณยายว่า “เดือนเมษายน ปี 2017 จะมีงานพรอมนะครับคุณยาย แล้วผมจะพาคุณยายไปกับผมด้วยนะ” แล้ววันนี้เขาก็รักษาคำพูดนั้น     เมื่อถึงวันงาน คุณยาย Keene ก็เลือกชุดเดรสสีชมพูซึ่งเป็นชุดโปรดของเธอเอง “มันเป็นชุดที่ดูหวานแหววดีค่ะ ที่สำคัญ Connor ก็ชอบให้ฉันใส่ชุดนี้เช่นกัน” ในขณะที่ Connor ก็แต่งตัวให้เข้ากับคุณยายเหมือนกัน…

เมื่อเหล้าเข้าปากจากคนดีๆ ก็อาจจะกลายเป็นอันธพาลได้ เวลเมาแล้วก็มีแต่เสียกับเสีย หลายคนอาจจะหมดความน่าเชื่อถือ เสียสุขภาพ หรือหนักที่สุดอาจเสียชีวิตเลยก็ได้ เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ทางเว็บไซด์ dailymail ได้รายงานว่ากอล์ฟคลับเก่าแก่แห่งหนึ่งใน Romford เมือง Essex ประเทศอังกฤษ ได้ถูกกลุ่มลูกค้ากว่า 200 คนทำลายข้าวของภายในห้องจัดเลี้ยงจนเกิดความเสียหายอย่างมาก   และนี่คือสภาพของห้องจัดเลี้ยงที่ว่านั้น   ในตอนแรกทางเจ้าของสถานที่ได้รับแจ้งจากแขกว่าต้องการที่จะจัดงานเลี้ยงสำหรับคนเพียง 50 คน แต่เมื่องานเริ่มกลับมีแขกมามากกว่า 200 คน ซึ่งหลังจากนั้นสภาพของห้องจัดเลี้ยงก็เป็นดังภาพที่เห็น ชักโครกในห้องน้ำแตก น้ำเอ่อนองเต็มพื้นห้องน้ำ อ่างล้างมือสกปรก เก้าอี้ถูกโยนทิ้งมาไว้ด้านนอก และพื้นห้องก็เต็มไปด้วยขยะ “สาเหตุของความวุ่นวายนี้เกิดขึ้นตอนที่บาร์ปิดไปแล้ว หนึ่งในผู้ร่วมงานบอกว่า พวกเขาจะจัดการเรื่องเครื่องดื่มเอง” พนักงานของที่นี่บอก และหลังจากที่การขอร้องถูกปฏิเสธ ผู้คนก็เริ่มคลั่ง เก้าอี้ถูกโยน และความวุ่นวายก็ตามมา     ในวันที่ 21 มีนาคม เวลา 4 ทุ่ม ตำรวจในท้องที่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับเหตุการ์นี้ สารวัต Rob Brettell มาถึงที่เกิดเหตุและต้องตกใจกับภาพที่เห็น “เราได้รับรายงานเกี่ยวกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดกับผู้ก่อความวุ่นวายอยู่” สารวัตกล่าว พนักงานของกอล์ฟคลับบอกว่า “ในห้องที่จัดงานนั้นสามารถที่จะรองรับคนได้มากที่สุดเพียงแค่ 150 คนเท่านั้น และในตอนแรกทางลูกค้าได้ติดต่อมาเพื่อขอจัดงานเลี้ยงสำหรับคน…

เคยเจอสถานการณ์แบบว่าแต่งตัวเหมือนคนอื่นมั้ย คือก็ไม่ใช่คนรู้จักนะแต่ยังเอิญแต่งตัวเหมือนกันเป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับส่องกระจกยังไงอย่างงั้น เหมือนกับพวกเขาเหล่านี้ที่บังเอิ๊ญบังเอิญแต่งตัวเหมือนกันเปี๊ยบ บางคนเหมือนกันตั้งแต่ทรงผมเลยก็มี พาลทำให้คิดไปว่านี่เรากำลังอยู่ในโลกคอมพิวเตอร์เสมือนจากเรื่องเดอะ เมทริกซ์ รึเปล่าเนี่ย!?   1. แหม่ เรียงจากสีอ่อนไปเข้ม นี่ไม่ได้นัดกันใช่มั้ย   2. สองหนุ่มไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ดูสีผมและสีเสื้อสิ หื้มมม   3. นี่เรากำลังอยู่ในโลกเมทริกซ์ใช่มั้ย   4. สไตล์ที่ใครๆ ก็เป็นได้   5. นี่แยกร่างหรือเปล่า ใช้ทุกอย่างเหมือนกันหมด   6. นี่คุณตาเป็นแฝดที่มาด้วยกันแน่ๆ   7. เดี๋ยวๆ นี่เหมือนกัน 3 คนเลยนะ มันใช่เรื่องบังเอิญหรอ   8. ถ้าบอกว่าเป็นคนเดียวกัน นี่เชื่อเลยนะ   9. ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีความบังเอิญแบบนี้อยู่จริง   10. สมมติว่าอยู่ในโลกเมทริกซ์ละกัน   11. เหมือนกันทั้งผม ทั้งชุดเลยนะ   12.…

ปัญหาการลักลอบค้าสัตว์หรือชิ้นส่วนสัตว์นั้นนับเป็นปัญหาระดับโลก ที่หลายหน่วยงานหลายประเทศกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อหยุดกระบวนการเหล่านี้ แต่แม้จะใช้วิธีไหน ปัญหาเหล่านี้ก็ไม่เคยหมดไปเสียที จนล่าสุดทางแอฟริกาใต้ก็ได้มีการประกาศให้ ‘การขายนอแรดเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย’ แล้ว     นั่นเป็นเพราะว่า John Hume เจ้าของฟาร์มแรดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้เพาะพันธ์ุแรดมากกว่า 1,000 ตัวเพื่อจำหน่ายนอแรด ได้ทำการฟ้องร้องกรมสิ่งแวดล้อมของแอฟริกาใต้ให้เลื่อนการชำระหนี้การค้า ที่ถูกรัฐบาลคว่ำบาตรไปในปี 2009 ซึ่งทำให้เขาเสียหายไปเป็นจำนวนมาก และการฟ้องร้องของเขาก็ชนะด้วย แล้วรู้มั้ยว่า นอแรดนั้นมีมูลค่ามากกว่าทองเสียอีก เนื่องจากนอแรดนั้นเป็นเคราติน ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนเล็บมนุษย์ ดังนั้นกลุ่มนักล่าสัตว์จึงต้องการแสวงหากำไรจากเคราตินเหล่านี้     พวกเขาจะลักลอบนำนอแรดข้ามพรมแดนไปยังเอเชีย เนื่องจากคนเอเชียเชื่อว่ามันสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ รวมทั้งมะเร็งด้วย รวมไปถึงการนำนอแรดไปเป็นเครื่องประดับบารมี แต่แท้ที่จริงแล้วมันเป็นความเชื่อที่ผิดมากๆ สำหรับ Hume นั้น เขาอ้างว่า วิธีเดียวที่จะปกป้องแรดของเขาได้นั้นก็คือ ต้องขายนอของพวกมันเพื่อที่จะนำเงินมาดูแลเรื่องปากท้องของพวกมัน     เขาบอกว่า “สำหรับผมแล้ว คนที่คัดค้านไม่ให้ขายนอแรดนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการไปสนับสนุนกระบวนการลักลอบขายนอแรดเลย” จริงๆ แล้วการขายนอแรดนั้นถูกสั่งห้ามมาตั้งแต่ปี 1997 แล้ว เนื่องจากมีคนต้องการนอแรดจำนวนมาก ส่งผลทำให้แรดถูกคุกคามอย่างหนัก จนทำให้แรดบางชนิดอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์     ตอนนี้การเลื่อนชำระหนี้เกี่ยวกับการค้าภายในประเทศนั้นได้รับการยกฟ้องไปแล้ว ทำให้คนแอฟริกาใต้สามารถค้าขายนอแรดได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีบางคนบอกว่า การค้านอแรดอย่างถูกกฎหมายนั้น…

ไม่รู้ว่าจะเชื่อดีรึเปล่าสำหรับเรื่องนี้ เมื่อคุณลุง Leonard Vanderpool จากรัฐฟลอริดา ได้ให้สัมภาษณ์กับผ่านทางทีวีว่า ตนเองได้เจอกับปรากฏการณ์อันน่าเหลือเชื่อ ปลาดุกตกลงมาจากท้องฟ้า!! วันนี้เราจะพาไปสัมภาษณ์คุณลุงตัวจริงเสียงจริงกัน เราไม่ได้ไปมาเองหรอก แต่จะยกเวทีนี้ให้กับผู้สื่อข่าวสาวจากช่อง WFLA News 8 วิ๊ดดดวิ๊วววๆๆ   ‘สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน ดิฉันฐีปณา และวันนี้เรามาอยู่กันที่บ้านของคุณลุง Leonard เดี๋ยวเราจะตามไปสัมภาษณ์เขาพร้อมๆ กันเลยค่ะ’   ‘ผมจะเล่าให้ฟังนะว่า เอ่อ..เมื่อวันก่อนผมนั่งดูสาวๆ เต้นจ้ำบ๊ะในทีวีอยู่เพลินๆ ตอนนั้นเมียผมก็กำลังซักผ้าอยู่ ตามประสาคนแก่หน่ะ ผมจำได้ว่าฝนตกมีลมแรง อยู่ดีๆ ก็มีเสียงดังโคร้มมมมม มาจากแถวสระว่ายน้ำ เท่านั้นแหละผมถึงกับไปไม่เป็นเลย’ คุณตาเล่า   Leonard Vanderpool   ‘คุณนักข่าวคุณเชื่อไหมล่ะ ว่าปลาดุกที่ตกลงมามันตัวเท่านี้!!’ คุณลุงให้สัมภาษณ์พร้อมกับทำมือโชว์   ‘จากนั้นผมก็ใช้ไม้อันนี้แหละ ตักมันขึ้นมา ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอามันขึ้นน้ำมาทำไมอ่ะนะ’ คุณตาเล่าต่ออีก     ด้วยความตกใจแกจึงโทรเรียกตำรวจให้มาดูที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะนกกำลังจะคาบปลาไปกินเป็นอาหาร แต่ด้วยอุปสรรคบางอย่างทำให้ปลาตกลงมา และแจ็คพอตก็เป็นที่บ้านของคุณตา   คุณตาเล่าต่ออย่างสนุกปากว่า ‘แม่มเอ้ยยมันตกลงมาโดนหลังคาผมทะลุเป็นรูเลยคุณเอ๋ยย…

เมื่อกล่าวถึง ‘สงคราม’ แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น เพราะมันไม่เคยสร้างเรื่องดีๆ ให้กับฝ่ายใดเลย   เช่นเดียวกันกับคุณ  Abdul Hamid Youssef ที่เพิ่งจะสูญเสียลูกชายลูกสาวตัวน้อย และสมาชิกครอบครัวอีกกว่า 18 คน รวมไปถึงภรรยาของเขาด้วย จากเหตุการณ์โจมตีด้วยก๊าซพิษซารินเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เหตุการณ์การโจมตีครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตโดยรวมแล้ว 72 คน และยังมีอีกหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักจากการได้รับสารเคมีในปริมาณที่มากเกินไป   ภาพของชายผู้เป็นพ่อกำลังอุ้มร่างที่ไร้วิญญาณของเจ้าหนู Ahmed และหนูน้อย Aiya สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก   คุณพ่อผู้สูญเสียลูกทั้งสองไป อยากให้โลกได้เห็นสิ่งนี้…   จากเหตุการณ์ดังกล่าวยังทราบว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด แต่องค์กร Syrian Observatory for Human Rights ได้ตั้งข้อสงสัยว่าการโจมตีด้วยสารเคมีในครั้งนี้มาจากเครื่องบินของทางกองทัพซีเรีย ก๊าซพิษซารินนั้นจะซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง เนื้อเยื่อต่างๆ และทางปอด และมันจะส่งผลให้ร่างกายเกิดชักกระตุก และกลายเป็นอัมพาต ซึ่งเจ้าสารเคมีชนิดนี้จะสามารถฆ่าคนให้ตายได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 นาทีเสียด้วยซ้ำ     เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้สร้างความตื่นกลัวให้กับผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ Shajul Islam คุณหมออาสาสมัครที่เข้าไปทำหน้าที่ในซีเรียก็ได้ออกมากล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากที่สุดตั้งแต่ที่เขาเคยพบเจอมาเลยทีเดียว   เป็นเรื่องราวที่น่าหดหู่จริงๆ สงครามน่ะมันช่างโหดร้ายเกินกว่าที่เราจะคาดคิดได้จริงๆ ขอให้หนูทั้งสองไปสู่สุขตินะ…

การทานข้าวนอกบ้านนับเป็นกิจกรรมทางครอบครัวอย่างหนึ่ง แต่หากคุณมีสมาชิกครอบครัวที่เป็นเด็ก พวกเขาอาจจะสร้างเรื่องปวดหัวให้คุณได้ เช่น ทำข้าวของของร้านเสียหาย ส่งเสียงดัง หรือวิ่งเล่นไปทั่วร้าน นอกจากผู้ปกครองแล้ว ทางร้านเองก็ต้องคอยรับมือกับเด็กๆ เหล่านี้เหมือนกัน เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนแขกโต๊ะอื่น จนกลายมาเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกค้าหนีออกจากร้านได้     ดังนั้นร้านอาหาร Caruso ในเมือง Mooresville ที่อยู่ทางเหนือของรัฐแคโรไลนา จึงแก้ปัญหานี้ด้วยการออกกฎห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เข้าร้าน!! Yoshi Nunez ผู้จัดการร้าน Caruso ให้สัมภาษณ์ว่า “ก่อนหน้านี้ทางร้านอนุญาตให้เด็กเข้าร้านได้ แล้วก็เกิดปัญหาอยู่ตลอด อย่างครอบครัวหนึ่งพาลูกมาทานข้าว แล้วเด็กคนนั้นก็เปิดไอแพดเสียงดังมาก”  “ทางร้านจึงได้เข้าไปคุยกับผู้ปกครองว่าให้ลูกลดเสียงไอแพดหน่อย เพราะไปรบกวนลูกค้าท่านอื่น แต่ทางครอบครัวก็ไม่ได้ทำอะไรกับเด็กเลย ปล่อยให้เล่นเสียงดังต่อไป”     สุดท้าย Nunez ได้เชิญครอบครัวนั้นออกจากร้าน เพราะพวกเขาไม่สามารถจัดการกับลูกของตัวเองได้ แถมยังเป็นการรบกวนลูกค้าท่านอื่นอีก ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ตัดสินใจที่จะตั้งกฎขึ้นมาใหม่ โดยห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เข้าร้าน… แต่ทว่ากฎนี้ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ทางร้านก็ไม่ได้ใส่ใจกับกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยสักเท่าไร และยืนยันที่จะใช้กฎนี้ เพราะยังมีฝ่ายที่สนับสนุนมากกว่า     หลังจากที่ใช้กฎดังกล่าวนี้ ปรากฏว่าร้านประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิดซะอีก มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น…

สำหรับคนธรรมดาทั่วไป การออกกำลังกายนั้นนับเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น รวมทั้งการเสริมสร้างร่างกายให้ดูดีด้วย แต่สำหรับเด็กชายคนนี้ เขาต้องออกกำลังกายเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด!! Jake Vella เด็กนักเรียนวัน 8 ขวบ มีความผิดปกติของฮอร์โมน (ROHHAD) ทำให้เขามีน้ำหนักมากเกินไปจนเป็นอันตรายต่อชีวิต ทางเดียวที่จะช่วยเขาได้คือต้องออกกำลังกายด้วยประเภทไตรกีฬา เช่น การวิ่ง การว่ายน้ำ และการปั่นจักรยาน     แต่ไม่ว่าจะออกกำลังกายด้วยวิธีไหน เด็กชายก็ยังคงอ้วนขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ทางแพทย์ได้ออกมาพูดถึงกรณีนี้ว่า ไม่แน่ใจว่าเด็กชายจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาผู้ป่วยโรคนี้มักจะเสียชีวิตในวัยไม่เกิน 20 ปี ปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคนี้มีไม่ถึง 100 คน และที่สำคัญโรคนี้มักจะมาพร้อมกับเนื้องอก ในส่วนของ Jake นั้น พบเนื้องอกที่หลังของเขา แต่เด็กชายก็ยังคงพยายามจะทำให้ตัวเองสุขภาพแข็งแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาต้องต่อสู้กับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการออกกำลังกาย     Maruska คุณแม่ของเด็กชายบอกว่า “การเล่นกีฬาทำให้ Jake มีความกระตือรือร้น และมันก็ส่งผลดีกับสุขภาพของเขาด้วย ที่สำคัญมันทำเขาได้เจอกับเพื่อนๆ มากมาย” Jake ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป เขาไปโรงเรียน เล่นดนตรี แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดอาการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ เพราะมันจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่ายมาก ตอนนี้เด็กชายเข้าคอร์สออกกำลังกายกับสมาคม Malta Youth…

เมืองต่างๆ บนโลกใบนี้ต่างก็ล้วนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานทั้งนั้น และกว่าที่จะเป็นเมืองที่เรารู้จักหรือเมืองที่ขึ้น เมืองเหล่านี้ก็ผ่านการเปลี่ยนมากกมาย ทั้งการเปลี่ยนชื่อ และการปรับเปลี่ยนสถานที่ และนี่คือส่วนหนึ่งเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก กับการพัฒนาที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ซึ่งบางเมืองนั้นก็เติบโตจนไม่เหลือสภาพเดิมอยู่เลยก็มี   เมืองริโอเดอจาเนโร ได้ก่อตั้งขึ้นโดยชาวอาณานิคมโปรตุเกสในปี ค.ศ. 1565   อ่าว Guanabara ใหญ่เป็นอันดับสองในบราซิลและเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวหลัก   ต่อมาในปี 1711 เมืองก็มีการเติบโตขึ้น   และยังคงเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้ชื่อว่าน่าไปสัมผัมมากที่สุดในโลก   นิวยอร์ก เดิมชื่อ New Amsterdam ก่อตั้งโดยชาวดัตช์ที่อพยพเข้ามาในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 และถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองนิวยอร์คในปี 1664 เพื่อเป็นเกียรติแก่ดยุคแห่งยอร์ก   ภาพเมืองทางตอนใต้ของแมนฮัตตันในปี 1651 ที่ยังคงใช้ชื่อเดิมคือนิวอัมสเตอร์ดัม   ระหว่างปี 1870 และ 1915 จำนวนประชากรของนิวยอร์กเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าจาก 1.5 ล้านคนเป็น 5 ล้านคน ในภาพคือปี 1900 ผู้อพยพชาวอิตาเลียนได้มารวมตัวกันที่ Mulberry Street   ดังนั้นเมืองจึงได้มีการสร้างสิ่งต่างๆ เช่น สะพานแมนฮัตตัน เพื่อรองรับประชากรที่กำลังขยายตัวมากขึ้น…

ในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตอย่าง “วันแต่งงาน” เราก็คงอยากให้คนที่เรารักอยู่ในงาน ร่วมมีความสุขไปด้วยกัน ที่สำคัญงานแต่งก็ต้องจัดในธีมที่เราได้ออกแบบเองด้วย เช่นเดียวกับคู่รักผู้รักแมวอย่าง Michele Bangsboll และ Nick Anderson ซึ่งทั้งคู่นั้นเป็นสัตวแพทย์ ได้เข้าพิธีแต่งงาน และต้องการให้แมวตัวโปรดของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในวันสำคัญนี้ด้วย     พวกเขาได้เชิญแมวน้อย Jeeves และ Houdini ทั้งสองตัวนี้เป็นแมวหลงและถูกช่วยเหลือ มาเป็นแขกรับเชิญเพื่อเป็นสักขีพยานในงานแต่งของพวกเขา Michele บอกว่า “เราได้คิดไอเดียการแต่งงานในธีมแมวขึ้นมาเพื่อช่วยส่งเสริมองค์กรอาสาสมัครของเรา โดยให้ลูกแมวที่น่ารักมาอยู่ในงานแต่งของเรา”     เธอยังบอกอีกว่า “ทั้งฉันและ Nick ต่างก็รักแมวทั้งคู่ เราเลยได้ร่วมเป็นอาสาสมัครกับองค์กร Divine Feline และทำให้พวกมันมาเป็นส่วนหนึ่งในวันสำคัญของเราค่ะ” ภายในงานแต่งนั้นถูกประดับตกแต่งไปด้วยรูปแมว รูปปั้นแมว และยังได้ทำการ์ดพิเศษสำหรับแมวทั้งคู่ด้วย ที่สำคัญพวกเขาได้ถ่ายรูปกับแมวเพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงความน่ารักของพวกมัน     มิ้วน้อยผู้ได้รับเชิญให้เป็นแขกพิเศษในงานแต่ง   รองเท้าเจ้าสาวก็ลายแมวเช่นกัน น่ารักไปอีก   ของตกแต่งและการ์ดเชิญสำหรับแมวน้อย   พวกเขาบอกว่างานแต่งนี้จะไม่สมบูรณ์แบบเลยถ้าไม่มิ้วน้อยพวกนี้   เป็นงานแต่งที่น่ารักมากค่ะ ที่มา designyoutrust

นี่คือบทความที่แมวจะมาเขียน แฉความบ้าคลั่งของพวกนากให้ป่นปี้  (ฮ่าาาาาา) ตัวนากเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่หลายๆ คนเห็นว่าพวกมันน่ารัก แต่นั่นอาจเป็นเพราะว่าเรายังรู้จักพวกมันไม่ดีพอ ลองไปทำความรู้จักกับพวกมันมากขึ้นแล้วจะเห็นว่า นากทะเล ก็มีด้านมืดนะ จริงๆ แล้วนากทะเลถือเป็นสัตว์ที่มีความน่ากลัวที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งปวง เพราะการที่พวกมันมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ ต้องใช้ทรัพยากรไปจำนวนมาก     นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า พวกมันต้องกินอาหารประมาณ 25% ของน้ำหนักตัวในทุกๆ วัน (ลองคิดดูว่าเราหนัก 60 กิโลกรัม แล้วต้องกินวันละ 15 กิโลกรัมสิ) แต่ถ้าวันไหนที่มีอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของมัน บางตัวก็อาจจะหาเรื่องกินง่ายๆ ด้วยการจับลูกนากเป็นตัวประกันจนกว่าแม่ของนากตัวนั้นจะเอาอาหารมันแลกเพื่อไถ่ชีวิตลูก     พฤติกรรมข่มขืนลูกแมวน้ำ ไม่ใช่แค่ลักพาตัวเท่านั้น นากทะเลยังทำการข่มขืนลูกแมวน้ำจนตาย นักสำรวจเคยพบพวกมันทำการข่มขืนเจ้าลูกแมวน้ำโดยที่มันไม่เต็มใจ พวกมันจะข่มขืนลูกแมวน้ำราวกับว่ากำลังผสมพันธุ์กับนากตัวเมีย ความโหดร้ายของพวกมันไม่ใช่แค่ข่มขืนแล้วจบไป เพราะในกระบวนการข่มขืนนั้น มันจะจับหัวแมวน้ำกดลงไปในน้ำจนกว่ามันจะเสร็จภารกิจ ซึ่งก็ใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมง เป็นผลให้ลูกแมวน้ำตายในที่สุด ส่วนนากตัวเมียเองก็ตายจากการผสมพันธุ์เช่นนี้ถึง 10% เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือบางครั้งเมื่อลูกแมวน้ำหรือนากตัวเมียตายแล้ว มันก็จะปล่อยไป แล้วหันไปช่วยตัวเองต่อ     แต่ก็มีนากบางตัวที่ไม่สนว่าลูกแมวน้ำจะตายหรือไม่ มันจะทำการข่มขืนศพแมวน้ำแม้จะเน่าเปื่อยแล้วก็ตาม พวกมันสามารถข่มขืนศพได้นานสุดถึง 1 สัปดาห์ ทีนี้เชื่อหรือยังว่า นากทะเลเป็นสัตว์ที่มีความน่ากลัวมากที่สุดในโลก ที่น่ากลัวกว่านี้คือในอเมริกาใต้นั้น ยังมีนากความยาว…

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คู่สามีภรรยาทะเลาะกันบ่อยๆ ก็คงจะเป็นเรื่องนอกใจเนี่ยแหละ ยิ่งถ้าใครคนหนึ่งไปนอนกับคนอื่นนะ ไม่ต้องพูดถึงเลย บ้านแตกแน่นอน แต่สำหรับพ่อบ้านใจกล้าคนนี้ ได้นอนกับผู้หญิงอย่างน้อยคืนละ 4 คน แบบเปิดเผย โดยที่ภรรยาตัวจริงก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยินดีที่จะแบ่งสามีให้เหล่าสาวๆ ได้อยู่ด้วยกันอีก!!   คนซ้ายคือ Taesha ภรรยาตัวจริง คนขวาคือ Nisha แฟนสาวที่อยู่ร่วมบ้านด้วย   ชายคนนี้คือ Travers Beynon เป็นพ่อค้ายาสูบผู้ร่ำรวยจนกลายเป็นเศรษฐีพันล้าน และยังเป็นเพลย์บอยตัวพ่อด้วย ทั้งๆ มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้ว Beynon อยู่ในบ้านสุดหรูหราอลังการกับ Taesha Beynon ภรรยาที่แต่งงานด้วยกันเมื่อปี 2011 พร้อมแฟนสาว Nisha และลูกๆ อีก 4 คน     แต่พ่อหนุ่มแกก็บอกว่า จริงๆ แล้วการนอนกับผู้หญิงหลายๆ คนเนี่ย มันสร้างปัญหาให้ไม่น้อยเลยนะ เพราะเขาแทบจะไม่ได้นอนเต็มอิ่มเลย เพราะเมื่อสาวๆ มาอยู่บนเตียงด้วย มักจะมีกิจกรรมให้ทำเสมอ ในส่วนของภรรยาตัวจริงนั้น ทั้งคู่เจอกันในงานปาร์ตี้ Candy Shop เมื่อปี 2009 จากนั้นก็ตัดสินแต่งงานกันในปี 2011 ซึ่งภรรยายังได้เปิดใจกับนิตยสาร…

เด็กหนุ่มได้ใช้เวลาว่างขณะเรียนหนังสือช่วงมัธยมปลาย เพื่อพัฒนาระบบควบคุมไฟฟ้าจนได้รับเงินทุนไปสานต่อเป็นมูลค่ากว่า 43 ล้านบาท… Yasser Khattak จากชุมชน Maidstone ที่ตั้งอยู่ในเมือง Kent ประเทศอังกฤษ ที่ปิ๊งไอเดียคิดค้นระบบเต้ารับ และระบบเปิดปิดไฟ ที่สามารถสั่งการได้ผ่านสมาร์ทโฟน การคิดค้นระบบบ้านอัจฉริยะนี้ จะสามารถช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ในบ้านสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยประหยัดพลังงาน และสามารถควบคุมปริมาณการบริโภคไฟฟ้าได้ หรือแม้แต่กระทั่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยผ่านทางแอพพลิเคชั่น     ผลงานการคิดค้นของเขามีชื่อว่า Den เป็นที่คาดการณ์ว่ามันจะสามารถช่วยประหยัดเงินค่าใช้จ่ายในเรื่องของการใช้จ่ายค่าไฟฟ้า ในระบบเศรษฐกิจของอังกฤษได้มากถึง 73,000 ล้านบาทเลยทีเดียว เจ้าการควบคุมนี้จะสามารถใช้งานได้ในระยะห่างประมาณ 20 เมตรรอบๆ โดยอาศัยระบบ Wi-Fi สามารถสั่งเปิดหรือปิดสวิตช์ไฟกับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างในบ้านได้     Yasser เริ่มค้นคว้าโปรเจคนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 16 และมันทำให้เขามีปัญหากับที่โรงเรียน เพราะไม่ยอมเชื่อฟังคุณครู และเอาแต่หมกมุ่นคิดถึงแต่โปรเจคของเขา     ปัจจุบันเขาอายุ 21 ปีแล้ว และก็ได้เริ่มประกาศหาเงินระดมทุนเพื่อนำไปพัฒนาโปรเจคของเขาต่อ และก็ได้รับการสนุบสนุนอย่างล้นหลาม ได้เงินไปมากกว่า 43 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2018 จะสร้างกำไรมูลค่ามหาศาลกว่า 4,500 ล้านบาท  …

หนุ่มนักเรียนชาวเนเธอร์แลนด์ได้ทำการจองตั๋วเครื่องบินเดินทางไปไกลกว่า 5,000 กิโลเมตร จากเมืองอัมสเตอร์ดัมสู่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แต่มันดันเกิดปัญหาขึ้นเพราะนาย Milan Schipper ชาวเนเธอร์แลนด์ ได้ทำการจองตั๋วไปยังเมืองที่ชื่อซิดนีย์เหมือนกัน แต่ไม่ใช่เมืองซิดนีย์ที่ออสเตรเลียนะ กลายเป็นเมืองซิดนีย์ที่ตั้งอยู่ในรัฐ Nova Scotia ประเทศแคนาดาซะงั้น!?     “ผมคิดว่าผมกำลังจะเดินทางไปยังประเทศออสเตรเลีย แต่ปรากฎว่ามันไม่เป็นแบบนั้น” Schipper เล่า หนุ่มวัย 18 ปีได้ทำการจองตั๋วผิด ก็เข้าใจว่ามันเป็นตั๋วราคาถูก ที่ถูกกว่าตั๋วจริงๆ ปลายทางไปยังออสเตรเลียถึง 10,000 บาทเลยทีเดียว เขาตั้งหน้าตั้งตาอย่างใจจดใจจ่อที่จะได้ออกไปท่องเที่ยวยังประเทศในฝัน แต่พอถึงเวลาเดินทาง พอได้เห็นเครื่องบินแล้วก็เริ่มรู้สึกเอะใจ   Sydney ที่ออสเตรเลีย   “เครื่องบินลำนี้มันดูเล็กชะมัด แล้วมันจะพาเราไปถึงออสเตรเลียได้เหรอ?? พอเหลือบมองไปเห็นแผนที่การบินก็พบว่ามันบินไปทางขวาของแผนที่โลก ไม่ใช่ทางซ้ายแต่อย่างใด และตอนนั้นเองก็ทำให้ผมรู้ว่าผมกำลังจะบินไปที่ซิดนีย์อื่นที่ไม่ใช่ออสเตรเลีย”     บรรยากาศที่เมืองซิดนีย์ที่แคนาดานั้นมีอุณหภูมิติดลบถึง 2 องศา แต่เขาเตรียมตัวมารับมือกับอุณหภูมิ 25 องศาที่ออสเตรเลีย ตอนแรกเขาวางแผนเอาไว้ว่าพอลงเครื่องปุ๊บจะไปเดินเล่นรับลมร้อน ตากแดดชมวิวเมือง แบคแพคกิ้งไปเรื่อยๆ แต่กลับกลายเป็นว่าพอลงเครื่องจริงๆ ปุ๊บก็ออกไปยืนคุยกับพ่อผ่านทางโทรศัพท์ที่หน้าลานจอดรถของสนามบินประมาณ 5…

เรื่องราวของเจ้าเหมียว Harvey ที่บังเอิญเดินพลัดตกลงไปในหลุมท่อ ไม่มีใครรู้ว่ามันตกลงไปได้อย่างไร แต่ก็ถือว่าโชคดีที่มันถูกช่วยเหลือออกมาได้   เจ้าหน้าที่จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Dallas Animal Services ในรัฐเท็กซัส ได้รับแจ้งมาว่ามีคนพบเห็นเจ้าเหมียวตัวสีเหลืองอยู่ในหลุมที่บริเวณไซต์ก่อสร้างที่ลึกลงไปกว่า 8 เมตร     พวกเขาจึงรีบมาถึงจุดเกิดเหตุ และรีบช่วยเหลือเป็นการด่วน ผ่านไปเกือบ 6 ชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็สามารถช่วยเจ้าเหมียวออกมาได้อย่างปลอดภัย ไม่มีใครรู้เลยว่าเหตุใดมันถึงลงไปติดอยู่ในหลุมที่ลึกขนาดนี้ได้ หรืออาจจะเมากัญชาแมว แล้วเดินโซเซพลัดตกลงไปก็ไม่มีใครทราบได้     เจ้าหน้าที่รีบพาเจ้า Harvey กลับมาที่ศูนย์ช่วยเหลือเพื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามันมีอาการบาดเจ็บอะไรบ้าง จากนั้นตรวจสอบไมโครชิพเพื่อดูว่ามันมีเจ้าของหรือไม่ และก็พบว่ามีชิพติดอยู่     เป็นที่น่าตกใจเป็นอย่างมากเพราะเจ้าเหมียวตัวนี้อาศัยอยู่ในเมือง Denver รัฐโคโลราโด ที่ห่างออกไปกว่าเกือบ 1,300 กิโลเมตร เลยทีเดียว!!     เจ้าหน้าที่จากศูนย์ช่วยเหลือได้ทำการติดต่อไปยังทาสของมันในทันที ทำให้ทราบว่าเจ้า Harvey นั้นได้หายไปจากบ้านเมื่อ 8 เดือนก่อนหน้านี้     ดูแล้วมันน่าจะหลงทางและเดินทางมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาตกลงไปในหลุมลึกนี้ ก่อนที่จะช่วยเหลือออกมา เป็นการแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าการทำไมโครชิพให้กับแมวเหมียวนั้นเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ    …

สำหรับปัญญาเรื่องพื้นถนนเป็นหลุมเป็นบ่อคิดว่าคนไทยน่ารู้จักกันดีอยู่แล้ว ซึ่งความจริงแล้วประเทศโลกพัฒนาอย่างอเมริกาก็เจอปัญหานี้เจอกันนะ เรื่องนี้เกิดขึ้นกับชาวเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประสบปัญหาถนนเป็นหลุ่มเป็นบ่อ ชาวเมืองจึงร้องเรียนไปทางรัฐเพื่อขอความช่วยเหลือให้มาซ่อมแซมถนน แต่ทว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ถนนก็ไม่ได้รับการซ่อมแซมเสียที ชาวเมืองจึงต้องหาทางออกโดยการซ่อมถนนกันเอง     ชาวบ้านได้ไปร้องขอให้กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ตั้งชื่อกลุ่มตัวเองว่า PARC (Portland Anarchist Road Care) ให้มาช่วยซ่อมถนนให้ สาเหตุที่ชาวบ้านไม่ซ่อมเองแต่ต้องให้คนกลุ่มนี้มาซ่อมให้ก็เพราะว่าการซ่อมถนนโดยพลการถือว่าเป็นเรื่องผิดกฏหมายนั่นเอง   แต่สภาพแบบนี้ และทางภาครัฐยังไม่มาซ่อมให้ พวกเขาก็ทนไม่ไหว   ที่สำคัญกลุ่ม PARC ยังเป็นกลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อซ่อมถนนโดยเฉพาะ พวกเขาจึงมีอุปกรณ์ในการซ่อมถนนเพียบพร้อมสุดๆ เราลองไปอ่านคำแถลงการณ์ที่พวกเขาเขียนขึ้นมากันดีกว่า… “เพราะพวกเราเชื่อมั่นในการหาทางออกของชุมชนในปัญหาที่เรากับเผชิญโดยไม่ต้องมีรัฐมาช่วย เพราะสังคมมองกลุ่มคนแบบเราแค่ว่า พวกเราจะพังข้าวของ พวกเราจะปิดถนนประท้วงเท่านั้น เพราะพวกเราต้องเจอกับปัญหานี่อยู่เรื่อยๆ จนเราต้องถามกับตัวเองว่า แล้วใครล่ะจะเป็นคนซ่อมถนน? เพราะรัฐบาลของเมืองพอร์ตแลนด์ปฏิเสธที่จะซ่อมถนนพวกนี้”     “พวกเราคือ PARC พวกเราเชื่อว่าเราสามารถจัดการปัญหานี้ได้ดีกว่ารัฐอย่างแน่นอน รัฐที่เอาแต่จ่ายเงินให้กับตำรวจเพื่อให้พวกเขามายึดสิทธิเสรีภาพในการพูดของเราไป มากกว่าจะมาสนใจและซ่อมแซมท้องถนน” เมืองพอร์ตแลนด์ได้แสดงให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่ออย่างใหญ่หลวง ในการดูแลป้องกันที่ไม่เพียงพอในช่วงพายุฤดูหนาวและการซ่อมแซมหลุมบ่อก็เกิดขึ้นอย่างเชื่องช้า ทั้งๆ ที่สถาพอากาศก็ดีขึ้นทุกวันๆ     ปัจจุบันความประมาทนี้กลายเป็นอันตรายต่อชาวเมืองและทำให้เกิดความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้คน แถมยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะชนรวมถึงอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ พวกเรา PARC จึงรวมรวบกลุ่มคนจากชุมชนของเราเพื่อช่วยกันดูแลถนนที่เป็นปัญหาของเราเอง พวกเราจะสร้างสังคมที่ดียิ่งขึ้นและจัดการปัญหาถนนในเมืองของเราให้หมดไป รวมถึงการขยายตัวไปเมืองอื่นๆ ด้วย”  …

เรื่องมีอยู่ว่าเด็กวัยรุ่นสองคนจากรัฐเท็กซัส ได้ทำการขอแต่งงานกันแบบปลอมๆ ในร้านอาหารแบบแฟนซี เพราะทางร้านมีโปรโมชั่นแจกของหวานแบบฟรีๆ หากคู่รักคู่ไหนมาขอแต่งงานที่ร้าน นาย Alex Nagle วัย 17 ปี และเพื่อนสาวคนสนิทของตัวเองวัย 19 ปี Cati Domitrovich ได้ชวนกันไปดินเนอร์กันที่ร้านอาหารแบบแฟนซี เพื่อเติมพลังให้กับตัวเองหลังจากที่ต้องเจอเรื่องร้ายๆ มาทั้งสัปดาห์     แต่พอไปถึงที่ร้านก็ปรากฏว่ามีโปรโมชั่น หากคู่รักคู่ใดขอแต่งงานกันจะได้รับของหวานไปทานแบบฟรีๆ ทั้งคู่จึงคิดเรื่องสนุกๆ ขึ้นมาด้วยการขอแต่งงานกันแบบปลอมๆ หลังจากนั้น Cati ก็นำภาพขณะขอแต่งงานไปอัพลงบนทวิตเตอร์ของเธอ พร้อมกับแคปชั่นบอกว่า “พวกเราขอแต่งงานกันแบบปลอมๆ เพื่อของหวานฟรี”     โพสต์ดังกล่าวมีชาวเน็ตให้ความสนใจกันมากมายจนคนแห่เข้ามากดไลค์มากถึง 57,000 คน และรีทวีตไปอีกกว่า 30,000 ครั้ง เลยทีเดียว “จริงๆ แล้วพวกเราก็ทำเหมือนเป็นคู่รักกันอยู่ตลอดเลยนะ” Cati เล่า ขณะที่ Cati เดินไปเข้าห้องน้ำ Alex ก็บอกกับพนักงานเสิร์ฟว่าเขาจะขอแฟนสาวแต่งงาน และขอให้พนักงานถ่ายรูปให้     หลังจากที่การขอแต่งงานเกิดขึ้น แขกทุกคนที่อยู่ในร้านต่างก็แสดงความยินดีโห่ร้อง พร้อมกันปรบมืออย่างเสียงดัง    …

เรื่องราวที่เราจะนำเสนอดังต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงในประเทศเกาหลีใต้ และมันก็น่ากลัวซะจนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Chaser (2008) และ Voice (2017) อีกด้วย ยูยังซอล เกิดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 1970 เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน และเต็มไปด้วยปัญหาจากแม่เลี้ยงใจร้ายที่มักจะทุบตี และขู่ฆ่าเค้าอยู่เป็นประจำ กระทั่งในปี 1984 เขาเป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียน และสามารถสอบชิงทุนได้ ทว่าสุดท้ายเจ้าตัวก็ไปไม่รอด ด้วยความยากจนทำให้เขาเริ่มลักเล็กขโมยน้อย เขาถูกตำรวจจับได้ และถูกส่งตัวไปยังศูนย์กักกันในปี 1987   ยูยังซอล   ต่อมาในช่วงปี 1991 เขาได้แต่งงานกับโสเภณีคนหนึ่ง และอยู่กินร่วมกัน แต่ด้วยความที่เขาไม่สามารถหาเงินจ่ายค่าเช่าบ้านได้ เขาจึงกลับไปทำนิสัยลักขโมยอีกครั้ง และก็ทำให้ตัวเองถูกจับกุมเป็นเวลานาน 8 เดือน อาการผิดปกติทางจิตใจของเขาเริ่มแสดงให้เห็นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ เขาเป็นลมชัก โรคซึมเศร้า มีอาการคลุ้มคลั่ง และพยายามที่จะฆ่าตัวตายอยู่หลายหนแต่ไม่สำเร็จ จนปี 1995 หลังออกจากเรือนจำ เขาเลือกที่จะกลับเข้าสู่สังคมด้วยเส้นทางอาชญกรรม เขาเริ่มขายสื่อลามก ปลอมแปลงเอกสาร ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกเก็บส่วย และโจรกรรม ทำให้ถูกจับกุม และต้องติดอยู่ในเรือนจำต่อไปอีก 2 ปี…

แมวอาจจะดูเป็นสัตว์ที่ไม่มีอะไร วันเอาแต่นอน กิน เล่น กวน แถมสร้างเรื่องปวดหัวให้ไม่เว้นแต่ละวัน จนเจ้าของแมวหลายๆ คนคิดว่า แมวไม่ชอบอยู่กับมนุษย์ แต่จากงานวิจัยที่เผยแพร่ผ่านวารสาร Behavioural Processes พบว่าจริงๆ แล้ว พวกมันมีสัญชาติญาณแห่งการเรียนรู้ที่ไม่ต่างจากมนุษย์เลย และมีแนวโน้มที่รักเจ้าของมากกว่าสิ่งอื่นๆ ด้วย   รักนะ ขอตบหน่อย   มหาวิทยาลัย Oregon State University และ Monmouth University ได้ทำการทดลองโดยนำแมวที่เลี้ยงไว้ในบ้านและแมวจรจัดจากศูนย์พักพิงจำนวน 50 ตัว มาขังไว้ในห้อง โดยไม่ให้อาหารและไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอกเป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมงครึ่งแล้ว พวกมันก็ได้รับอาหาร ของเล่น กลิ่นอาหาร และการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ แล้วรู้มั้ยว่าพวกมันเลือกอะไรเป็นอันดับแรก?   ไม่ได้กินอาหารมาตั้ง 2 ชั่วโมงครึ่งแล้ว ก็ต้องเลือกอาหารก่อนสิ!!   แน่นอนว่าหลายคนคิดว่ามันจะเลือกอาหาร แต่ผลการทดลองนี้พบว่า พวกมันเลือกที่จะเล่นกับมนุษย์มากกว่าอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า นั่นหมายความว่ามนุษย์เป็นส่วนสำคัญของพวกมัน   อาหารอาจจะเป็นเรื่องรอง   โดยมีแมว…

การขายบริการนั้นอยู่คู่กับสังคมมนุษย์มาตั้งแต่อดีตแล้ว เพียงแต่เราอาจไม่ได้รับรู้อย่างเปิดเผยสักเท่าไร แต่จริงๆ แล้วพวกเธอเหล่านี้ก็มีอิทธิพลต่อสังคมทุกยุคทุกสมัยเลยนะ และนี่คือหญิงโสเภณีที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ทั้ง 10 อันดับ พวกเธอไม่ใช่แค่เพียงขายบริการ แต่ยังได้เป็นแบบให้กับศิลปินในการวาดรูปด้วย และเรื่องราวของแต่ละคนก็น่าสนใจไม่น้อยเลย   10. Sada Abe Sada Abe เกอิชาชนชั้นล่าง ที่ไม่เหลือทางเลือกในชีวิตเมื่อเธอประสบกับโรคซิฟิลิส จนต้องจำใจขายบริการในย่าน โทบิตะชินอิจิของเมืองโอซาก้า แต่ในระหว่างที่เธอเดินทางไปยังกรุงโตเกียว ก็ได้พบรักกับ Kichizo Ishida จนกระทั่งในเดือนพฤษภาคม ปี 1936 เรื่องราวของเธอก็ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ เธอถูกจับข้อหาฆาตกรรม Ishida ด้วยการใช้เชือกเล่นท่ารัดคอจนเขาขาดอากาศหายใจตาย หลังจากที่ Ishida เสียชีวิต เธอก็ได้ตัดอวัยวะเพศของเขา ใส่ไว้ในชุดกิโมโน และสลักชื่อของเธอไว้บนแขนของผู้ตาย แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเธอมีปัญหาทางจิตและมีความหึงหวงที่รุนแรงมากจนผิดปกติ กลายเป็นความโกลาหลไปทั่วญี่ปุ่นในช่วงนั้นเลยทีเดียว   9. Calamity Jane Martha Jane Canary Burke หรือในนาม Calamity Jane นอกจากเธอจะต่อสู้กับชนพื้นเมืองอเมริกันแล้ว เธอยังเป็นหญิงขายบริการที่ Fort Laramie Three-Mile Hog Ranch อีกด้วย แม้จะดูห้าวๆ…

อย่างที่ทราบกันดีกว่า ประเทศญีปุ่นนั้นมีชื่อเสียงในด้านระบบขนส่งสาธารณะรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินเป็นอย่างมาก ซึ่งเบื้องหลังความยอดเยี่ยมเหล่านั้น ประกอบไปด้วยความตั้งใจและความขยันขันแข็งของเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟมากมาย     ล่าสุดทาง Tokyo Metro ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินในโตเกียวและกาแฟแบรนด์ Boss ได้ปล่อยคลิปอันน่าประทับใจออกมา เรื่องราวการทำงานวันสุดท้ายของเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟใต้ดินคนหนึ่ง ที่ทำงานมานานกว่า 40 ปี     คลิปดังกล่าวเป็นเรื่องราวของคุณอิชิกาวะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินอากิฮาบาระ เขาได้ทำงานในสถานีรถไฟแห่งนี้มาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว (เรียกว่าทำมาตั้งแต่แรกเริ่มกิจการเลยทีเดียว) และในเดือนมีนาคมนี้เอง ก็ถึงเวลาที่เขาเกษียณตัวเองจากงานนี้แล้ว     หลังจากที่เขาบอกลารถไฟขบวนสุดท้ายที่ออกจากสถานี จู่ๆ ป้ายโฆษณาที่ควรจะปิดไปแล้ว ก็เปิดขึ้นมาใหม่ โดยมีภาพกล่าวอำลาจากพนักงานในสถานีปรากฎขึ้นมาด้วย     ขณะที่เขากำลังซาบซึ้งใจอยู่นั้นเอง ไฟในสถานีก็เปิดขึ้น พร้อมๆ กับพนักงานสถานีรถไฟที่ปรากฎตัวออกมา ทั้งหมดได้นำดอกไม้มามอบให้กับคุณอิชิกาวะ เพื่อเป็นการอำลาและอวยพรให้ช่วงชีวิตใหม่ของเขา มีแต่ความสุข     ไปชมคลิปจริงๆ กันเลยดีกว่า   สุดท้ายงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา ยังไงก็ขอให้มีความสุขกับบทใหม่ของชีวิตนะฮะ ที่มา rocketnews24

ในความไม่มีอะไรนั้น มันอาจจะมีบางอย่างอยู่ก็ได้ ลองสังเกตดีๆ… จริงๆ แล้วอันตรายอยู่รอบๆ ตัวเรา แต่เราคงไม่ทันสังเกตว่ามันจะมาในรูปแบบไหน และอย่างไร เหมือนกับคุณแม่ Bianca Dickinson ที่ได้ถ่ายภาพลูกสาว Molly วัย 2 ขวบ ในชนบทที่อยู่ห่างไกลของออสเตรเลีย ถ้าไม่สังเกตดีๆ ทุกคนจะคิดว่ามันเป็นแค่ภาพเด็กหญิงตัวน้อยผู้น่ารักคนหนึ่ง แต่เมื่อมองดีจะเห็นงูสีน้ำตาลขนาด 2 เมตร กำลังเลื้อยผ่านเด็กน้อยอย่างน่ากลัว     ตอนที่ถ่ายรูปนั้นคุณแม่ได้สังเกตเลยว่ามีงูเลื้อยเข้าใกล้ลูกสาวในระยะประชิดมาก ส่วนเด็กน้อยก็ไม่รู้เช่นกัน เธอยืนจับรั้วเหล็กที่อยู่เหนือหัวของงูตัวนั้นพร้อมรอยยิ้มที่สดใส Dickinson จึงอยากเตือนทุกคนว่า ลองกลับไปดูภาพถ่ายของคุณดีๆ ว่ามีอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ คุณละสายตาจากอะไรไปหรือบ้าง บางทีในภาพของคุณอาจจะมีงูเลื้อยผ่านแบบนี้ก็ได้ เธอแทบจะไม่เชื่อเลยว่า มันเลื้อยผ่านโดยไม่ทำอะไรลูกสาวเลย แต่ก็โชคดีแล้วที่เป็นแบบนี้ ยังไงก็เอาไว้เตือนตัวเองและคนอื่นๆ ให้ระวังตัวกันมากขึ้น     ในส่วนของงูสีน้ำตาลที่อยู่ในรูปนี้ก็คือ Eastern Brown Snake เป็นงูพิษที่ร้ายแรงสุดเป็นอันดับสองของโลก ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีข่าวงูชนิดนี้ฆ่างูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียไปแล้วด้วย   โชคดีมากๆ นะเนี่ย ที่มันเลื้อยผ่านไปเฉยๆ ไม่ทำอะไรเด็กเลย ที่มา dailymail

เวลาดูรายการทำอาหารหรือทำขนมเนี่ย มันช่างง่ายดายซะเหลือเกิน มีการบอกขั้นตอนอย่างละเอียด ทำให้ดูช้าๆ และเสร็จเรียบร้อยสวยงามในเวลาอันรวดเร็ว ดูแล้วก็อยากทำตามเลย แต่พอลองมาทำจริงๆ ทำไมดูไม่เหมือนที่คิดไว้อะ ก็ทำตามทุกขั้นทุกตอนหมดแล้วนะ มานึกย้อนดู มันเป็นขั้นตอนไหนนะ หรือฝีมือเรามันไม่ถึงจริงๆ   1. แน่ใจนะว่านั่นหนะยอดปราสาท   2. เห้อออ ไปหมดแล้ว   3. คิดว่าทำตามสูตรแล้วนะ แต่…   4. อ้าววว ไม่เหมือนที่คิดไว้หนิ   5. นี่เจ้าหญิงไปทำหน้ามาหรอ   6. หมดกัน เจ้าหญิงผู้เลอโฉม   7. ทำออกมาซะหลอนเลย   8. นึกภาพดู ถ้าซินเดอเรล่าเป็นแบบนี้จริงๆ เจ้าชายจะทำยังไง   9. แน่ใจนะว่าเลียนแบบมาแล้วจริงๆ   10. เกือบ…เกือบพังละ   11. อวสานโพนี่ผู้น่ารัก   12. นี่ดูมาจากเจ้าตัวนี้จริงๆ ใช่มั้ย…

นี่คือคุณตา Jimmy ชายแก่ผู้แสนโรแมนติก แต่ใครจะรู้ล่ะว่าภายใต้ใบหน้าอันยิ้มแย้มนี้แท้จริงแล้วเขามีความลับอะไรบางอย่างซ่อนอยู่…   คุณตา Jimmy วัย 85 ปี อาศัยอยู่ในประเทศ Puerto Rico กับภรรยาของเขา แต่แล้วจู่ๆ ที่ข้างบ้านของเขาก็มีเหล่าแมวจรจัดมาอาศัยอยู่ สำหรับคุณตา Jimmy แล้วเขายินดีต้อนรับพวกมันเป็นอย่างมาก แต่สำหรับคุณยายแล้วกลับมีความเห็นตรงกันข้าม เธอคงไม่ยอมแน่หากเจ้าเหมียวทั้งหลายเข้ามาอยู่ในบ้าน (นี่มันพ่อบ้านใจกล้าชัดๆ)   และนั่นเองก็เป็นจุดเริ่มต้นของความลับ!!   คุณตา Jimmy ได้แอบนำเจ้าเหมียวท้องแก่ตัวหนึ่งเข้ามาเลี้ยงอย่างลับๆ ในโรงเก็บของ พร้อมกับป้อนน้ำป้อนอาหาร และดูแลเป็นอย่างดี     จากนั้นไม่นานเจ้าแม่เหมียวก็คลอดลูกออกมา และนั่นเองก็ทำให้คุณตาตระหนักแล้วว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความลับนี้เอาไว้ได้ เพราะสักวันหนึ่งคุณยายจะต้องรู้อย่างแน่นอน ผ่านไป 3 สัปดาห์หลังจากที่เจ้าแม่เหมียวคลอดลูกออกมา คุณยายก็พบเข้าจริงๆ แต่แทนที่จะโดนดุ กลับกลายเป็นว่าคุณยายเข้าใจซะงั้น!? แต่มีข้อแม้ว่าหากพวกมันเติบโตและแข็งแรงแล้วจะต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ ที่พร้อมจะดูแลพวกมัน   .   หลังจากที่รู้ว่าคุณยายไม่ว่าอะไรแล้ว คุณตา Jimmy ก็เลยเปลี่ยนห้องเก็บของนั้นให้กลายเป็นศูนย์อนุบาลแมวเหมียว ทั้งปลูกพืชที่แมวชอบ ทั้งตำแยแมว ต้นไผ่เงิน และข้าวสาลี เพื่อให้เหล่าเหมียวที่อยู่ในละแวกนั้นมากิน…

กลายเป็นเรื่องราวสุดประทับใจ เมื่อชาวเน็ตคนหนึ่งได้ไปนั่งทางอาหารในร้านอาหารที่เมือง Springfield และก็ได้เห็นเข้ากับเหตุการณ์ที่พนักงานเสิร์ฟกำลังช่วยป้อนอาหารให้กับลูกค้าที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา Keisha Dotson ได้ทำการถ่ายภาพของพนักงานเสิร์ฟ Joe Thomas วัย 43 ปี จากร้าน IHOP ที่ตั้งอยู่ในเมือง Springfield รัฐ Illinois ขณะกำลังป้อนอาหารให้กับหญิงสาวผู้พิการคนหนึ่ง     จากนั้นเธอก็นำไปโพสต์ลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์คพร้อมกับแคปชั่นเล่าเรื่องราวว่า “วันนี้ฉันได้พบเจอกับเหตุการณ์สุดประทับใจ จากพนักงานเสิร์ฟของร้าน IHOP…. ขณะที่คู่สามีภรรยาชายแก่และหญิงสาวผู้พิการกำลังนั่งทางอาหารอยู่ จากนั้นพนักงานเสิร์ฟก็เดินเข้ามานั่งลงที่โต๊ะนั้น และเสนอตัวเพื่อช่วยป้อนอาหารให้กับหญิงพิการ เพื่อให้สามีได้พักไปทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจมากๆ” และมันก็กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ มีคนกดไลค์มากกว่า 10,000 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 5,000 ครั้งเลยทีเดียว     นาย Joe เล่าว่าผู้หญิงคนดังกล่าวนั้นป่วยเป็นโรค Huntington ที่จะทำให้การพัฒนาการทางร่างกายล้มเหลว เป็นสาเหตุที่เธอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ขณะที่กำลังทานอาหารอยู่สามีของเธอก็จะต้องลุกเดินขึ้นมาเพื่อป้อนอาหารให้กับเธอบ่อยครั้งด้วยความทุลักทุเล หลังจากที่เห็นดังนั้นนาย Joe ก็อยากที่จะให้พวกเขาได้ทานอาหารอย่างมีความสุขด้วยกัน “ผมมักจะเห็นเขาหยุดกิน แล้วก็ลุกขึ้นไปป้อนอาหารให้กับภรรยา และผมก็รู้สึกว่า ‘มันจะต้องแย่แน่ๆ ถ้าเราไม่ทำอะไรซักอย่าง’ ทำไมเราไม่เดินเข้าไปช่วยป้อนอาหารให้เธอ…

เราหลายคนไม่อยากอ้วน จึงพยายามทำวิถีทางเพื่อลดความอ้วน ทั้งกินยาบ้าง ออกกำลังกายบ้าง หรือแม้แต่การไปผ่าเอาไขมันออก แต่สำหรับชนเผ่า Bodi ซึ่งเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในหุบเขาอันห่างไกลในเอธิโอเปีย กำลังแข่งกันอ้วนในระยะเวลาเพียง 6 เดือน เพราะหากใครอ้วนสุดจะรับการเคารพนับถือจากคนในชนเผ่ามากที่สุดเช่นกัน     ในการแข่งขันนี้พวกเขาจะมีเวลา 6 เดือน ผู้เข้าแข่งขันจะดื่มแต่นมวัว เลือดวัว โดยในช่วงเวลานี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้มีเพศสัมพันธ์ และไม่ให้ออกจากกระท่อมที่พักด้วย ผู้เข้าแข่งขันจะเป็นหนุ่มโสด ซึ่งเป็นตัวแทนจากแต่ละครอบครัว หากใครสามารถทำตัวเองให้อ้วนที่สุดในเวลาที่กำหนดก็จะเป็นผู้ชนะไป และจะรับการเคารพจากทุกคนในชนเผ่า     ความอ้วนจึงกลายเป็นความใฝ่ฝันของหนุ่มๆ ในชนเผ่า Bodi ซึ่งการแข่งขันนี้จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ ส่วนผู้หญิงและเด็กจะทำหน้าที่ส่งนมและเลือดวัวให้กับผู้เข้าแข่งขันในทุกๆ เช้า ผู้เข้าแข่งขันอาจจะไม่ได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่อะไรนัก แต่ก็เปรียบเสมือนความภาคภูมิใจในตัวตน     ที่สำคัญคือ การที่ผู้ชายมีพุงใหญ่ๆ นั้นจะได้รับความสนใจจากผู้หญิงในชนเผ่ามาก เรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์ของผู้ชายที่มัดใจสาวๆ ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ นอกจากเพื่อความอ้วนแล้ว การประกวดนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของพิธี Ka’el ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของวันขึ้นปีใหม่ ทุกครอบครัวสามารถส่งชายโสดเข้าแข่งขันได้ โดยต้องอยู่ภายใต้กฎที่ตั้งไว้     เรื่องราวและภาพที่สวยงามเหล่านี้ถ่ายโดยช่างภาพ Eric Lafforgue เขาเล่าว่า “แม้พวกเขาจะต้องดื่มเลือดวัว แต่จะไม่มีการฆ่าวัวเด็ดขาด เพราะวัวถือเป็นสิ่งศักดิ์ของชนเผ่านี้ครับ”…

ในที่สุดเราก็ได้รู้กันซักทีว่า ‘หน้ากากทุเรียน’ แชมป์ของรายการ The Mask Singer เป็นใคร!? (แต่สำหรับ #เหมียวหง่าว แล้วต้องขอบอกเลยว่าไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะเดามาตั้งแต่รอบแรกแล้วว่าต้องเป็นพี่ทอม Room 39 แน่ๆ ฮร่า)     แน่นอนว่าจากการติดตามชมรายการ The Mask Singer มาตั้งแต่ต้น ก็จะรู้กันดีว่าฝีมือการร้องเพลงของเจ้าหน้ากากทุเรียนนั้นเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ แถมยังร้องได้หลากหลายแนวอีกต่างหาก ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาจึงสามารถเอาชนะใจคนไทยทั้งประเทศ และกลายเป็นแชมป์ได้สำเร็จ!!     และเขาไม่ได้แค่เอาชนะใจชาวไทยได้เท่านั้น ชาวเน็ตต่างประเทศเองก็ชื่นชอบหน้ากากทุเรียนไม่แพ้คนไทยเลยล่ะ สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมปฏิกิริยาของชาวต่างชาติเมื่อได้ชมการร้องเพลงของหน้ากากทุเรียนในรายการ The Mask Singer จะเป็นอย่างไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า แชแนลยูทูบ Fomo Daily ซึ่งชอบทำวิดีโอรีแอคชั่นของคนอเมริกันต่อวัฒนธรรมของคนเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง การแต่งหน้าสไตล์เอเชีย เป็นต้น แต่สำหรับวันนี้พวกเขาจะมาทดลองดูรายการ The Mask Singer ในเทปที่หน้ากากทุเรียนร้องเพลง Set fire to the…

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2560 ทางเว็บไซต์ Thedodo ได้เผยภาพของม้าตัวหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความอุดมสมบูรณ์ และดูสดใสเหมือนกับม้าทั่วๆ ไป แต่มันมีสภาพร่างกายที่ผอมแห้งเป็นอย่างมาก เนื่องจากขาดสารอาหาร และที่สำคัญมันยังไม่สามารถเดินได้ นั่นเป็นเพราะไม่ได้รับการตัดแต่งกีบเท้ามาเป็นเวลานานกว่า 10 ปียังไงละ สำหรับเจ้าม้าตัวนี้เคยอาศัยอยู่ในหมู่เกาะ Shetland ประเทศสกอตแลนด์ มันเป็นม้าที่เคยมีเจ้าของมาก่อน แต่หลังจากที่พวกเขาไม่สามารถดูแลมันได้ จึงมอบม้าตัวนี้ให้กับหน่วยงานดูแลสัตว์ Animaux en Péril ใน Wallonia     จากการรายงานระบุว่า โดยทั่วไปแล้วกีบเท้าของม้าควรจะถูกตัดทุกๆ 2-3 สัปดาห์ แต่สำหรับเจ้าม้าตัวนี้มันกลับไม่ได้รับการตัดกีบเท้าเลย ทำให้กีบเท้าของมันยาวขึ้นเรื่อยๆ จนโค้งงอเป็นวงกลมอย่างที่เห็น… ทางด้านผู้เป็นเจ้าของที่ไม่สามารถดูแลมันได้อีกต่อไป ก็ได้ส่งมอบเจ้าม้าให้กับหน่วยงานดูแลสัตว์ในท้องถิ่น ผู้ที่พร้อมจะมาเปลี่ยนชีวิตของม้าที่น่าสงสารให้มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม     เมื่อทางเจ้าหน้าที่เดินทางไปรับตัวของมัน พวกเขาก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย เพราะสิ่งที่เห็นก็คือ ม้า 2 ตัวยืนอยู่บนมูลสัตว์ที่สะสมกันจนสูงเกือบ 2 ฟุต มันผอมแห้ง และมีโอกาสเสี่ยงในการเสียชีวิตสูงมาก หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวของมันไปชั่งน้ำหนัก และพบว่าเจ้าม้าหนักเพียง 154…

การแบ่งแยกชนชั้นนั้นมักจะให้เห็นกันในทุกสังคม แต่ส่วนใหญ่จะไม่แสดงออกโดยตรงเพราะถูกสังคมประณาม รวมทั้งถูกต่อจากกลุ่มเรียกร้องสิทธิมนุษยชนด้วย แต่สำหรับสังคมชาวอินเดียแล้วพวกเขายังคงแบ่งแยกชนชั้นวรรณะกันอย่างเปิดเผยโดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ที่มีชนชั้นวรรณะที่สูงกว่าสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบกับผู้ที่มีชนชั้นต่ำกว่า โดยไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิใดๆ ทั้งสิ้น     จริงๆ หลายคนคงรู้มาแล้วบ้างว่าอินเดียมีระบบชนชั้นวรรณะมาอย่างยาวนานแล้ว และมันก็ถูกฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมของชาวอินเดียมาตั้งแต่อดีตจนจวบจนถึงปัจจุบัน… ในปีพ.ศ. 2498 ได้มีการออกกฎหมายห้ามใช้ระบบวรรณะ แต่เนื่องจากเป็นระบบที่เกิดจากความเชื่อโบราณ จึงยากต่อการเปลี่ยนแปลง บวกกับชาวอินเดียส่วนใหญ่ที่ยังคงศรัทธาในระบบนี้อยู่     เรื่องราวของการแบ่งชนชั้นวรรณะนี้เกิดจากความเชื่อตามหลักศาสนาฮินดูที่แบ่งตามส่วนต่างๆ ของพระพรหม อันประกอบไปด้วย พราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ และศูทร แต่ถ้ามีการแต่งงานข้ามวรรณะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ตาม เด็กผู้เป็นทายาทสืบสายเลือดคนนั้นก็จะได้รับสถานะเป็น จัณฑาล ไปในทันที ซึ่งถือเป็นชนชั้นที่ต่ำที่สุด โดยจะถูกคนวรรณะอื่นรังเกียจและไม่กล้าเข้าใกล้     ดังนั้นคนที่อยู่ในกลุ่มจัณฑาลจึงแทบจะไม่มีที่ยืนในสังคม ไม่สิทธิเท่าเทียมกับคนอื่น เช่น ไม่สิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดิน แม้จะมีเงินซื้อก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นต้องประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสิ่งสกปรก เช่น กวาดถนน ล้างท่อระบายน้ำ และเก็บขยะ ระบบชนชั้นถูกนำมาใช้ในทุกแวดวงการของอินเดีย รวมทั้งสถานศึกษาด้วยโดยเฉพาะโรงเรียนรัฐ ที่ห้ามนักเรียนจัณฑาลกินอาหารที่เดียวกันนักเรียนวรรณะอื่นๆ ห้ามดื่มน้ำจากแหล่งเดียวกันกับวรรณะที่สูงกว่า และต้องนั่งเรียนแถวหลังสุดโดยไม่ได้รับความสนใจจากครู     นอกจากโรงเรียนแล้ว ที่อื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน เช่น ร้านขายของบางร้านถึงกับไม่รับเงินจากวรรณะจัณฑาลโดยตรง เพราะความรังเกียจ บ้างก็รังเกียจถึงขนาดว่าให้จัณฑาลลบรอยเท้าตัวเองออกไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็ตาม เมื่อคนวรรณะจัณฑาลมีอะไรที่ดีกว่าวรรณะอื่นๆ…

แม้จะไม่ใช่หมอหรือพยาบาล เราก็พอจะรู้ว่าในห้องผ่าตัดนั้นมักจะมีบรรยากาศที่เคร่งเครียด ตัดเสียงรบกวน เพราะหมอต้องใช้สมาธิในการผ่าตัดเป็นอย่างมาก แต่ทว่าสำหรับหมอและพยาบาลทั้ง 5 รายนี้กลับเปิดเพลงและเต้นอย่างสนุกสนานในห้องผ่าตัด พร้อมทำเสียงดังทั้งที่มีคนไข้นอนหมดสติอยู่ในห้อง     เรื่องนี้เกิดขึ้นที่คลินิก Santa Cruz de Bocagrande ในรัฐโบลีวาร์ ประเทศโคลอมเบีย โดยมีผู้ป่วยที่นอนเปลือยรอการผ่าตัด แต่แพทย์และพยาบาลกลับเต้นในท่าทางล้อเลียน พร้อมส่งเสียงดัง และสำหรับการถ่ายคลิปเหตุการณ์ไว้นั้น เชื่อว่าน่าจะเป็นหนึ่งในทีมผ่าตัด ก่อนถูกจะนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ หลังจากเรื่องนี้ได้แพร่ออกไปก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดกันอย่างมากมาย โดยมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะมันเป็นการไม่ให้เกียรติคนไข้ และดูไม่เป็นมืออาชีพ     ในขณะที่ผู้อำนวยคลินิกดังกล่าวก็ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์นี้ว่า “คลินิกของเราให้ความสำคัญกับการให้เกียรติและเคารพศักดิ์ศรีของคนไข้ทุกคน แต่การที่เจ้าหน้าที่ทั้ง 5 คนทำแบบนี้ เรารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก” เขายังบอกอีกว่า ‘การกระทำของทั้ง 5 คน ขัดต่อจรรยาบรรณแพทย์และเป็นการละเมิดกฎของคลินิกด้วย’ บทสรุปสุดท้ายก็คือ ผู้อำนวยการได้ทำการขอโทษผู้ป่วยและทุกๆ คนผ่านสื่ออีกครั้ง     ส่วนแพทย์และพยาบาลทั้ง 5 นั้น ทางคลินิกได้จัดการลงโทษด้วยมาตรการที่มีความเด็ดขาดคือ ‘ไล่ออก’ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก   ไม่น่าทำอะไรเพื่อควาสนุกเพียงชั่วคราวเลย ส่งผลไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของตัวเองและองค์กรไปในทันที ที่มา dailymail

เราทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า ลา เป็นสัตว์ที่ใกล้เคียงกับม้า แต่ด้วยความฉลาดของมันที่มีน้อยกว่า เลยทำให้มันถูกนำมาใช้แรงงานตั้งแต่สมัยอดีตกาล การนำสัตว์มาช่วยเบาแรงก็ถือเป็นเรื่องดีอยู่หรอก แต่ยกเว้นในกรณีที่สัตว์ตัวนั้นถูกใช้งานอย่างหนักจนเกือบตาย อย่างเช่นกรณีของเจ้าลา จากประเทศสเปนตัวนี้   ภาพที่ถูกแชร์ต่อไปทั่วโซเชียล เจ้าลาผู้ลากเกวียนอย่างหนัก จนร่างกายทนไม่ไหวล้มพับลงไปต่อหน้าเจ้าของ   จากเหตุการณ์อันน่าสงสารที่เกิดขึ้นกับเจ้าลา ทำให้มีพลเมืองดีคนหนึ่งรีบแจ้งเรื่องราวนี้ไปยังองค์กรช่วยเหลือสัตว์ ที่ประจำอยู่ในประเทศสเปน ‘เป็นเรื่องน่าผิดหวังที่เรายังได้เห็นมนุษย์ ใช้แรงงานสัตว์อย่างหนัก และไม่มีการดูแลพวกมันให้ดีพอตามที่ควรจะเป็น และถือเป็นหน้าที่ของเรา ที่จะช่วยทำให้ปัญหานี้หมดไป’ Veronica Sanchez จากองค์กรดังกล่าวให้สัมภาษณ์   ภาพของลาผู้อาภัพ และเจ้าของเก่าของมัน   ถึงแม้ว่าองค์กรช่วยเหลือสัตว์จะยื่นเรื่องนี้ไปยังกรมตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามาช่วยเหลือดูแลปัญหาในส่วนนี้ แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ ทำให้มีการเริ่มต้นที่จะสร้างแคมเปญด้วยตนเองบนเว็บไซต์ Change.Org ซึ่งหลังจากผ่านไปเพียง 13 ชั่วโมง ก็มีชาวเน็ตมากกว่า 12,000 คน เข้ามาร่วมลงชื่อสนับสนุน   โดยแคมเปญนี้เป็นการเรียกร้องให้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เข้ามาช่วยเหลือลาผู้โชคร้าย   จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ทีมช่วยเหลือจากภาครัฐก็ได้เข้ามาดูอาการเจ้าลาตัวดังกล่าว พวกเขาวินิจฉัยและพบว่ามันต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร่งด่วน เนื่องจากเจ้าลาต้องอยู่ในภาวะขาดสารอาหาร ติดเชื้อตรงบริเวณกีบเท้า และมีแผลบนลำตัวมากมาย ที่เกิดจากการใช้แรงงานอย่างหนักหน่วง  …

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม  เหมือนกับกรณีนี้ที่เราได้นำมาเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน… เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Nanjing South Railway Station ในประเทศจีน ตอนที่ผู้โดยสารกำลังรอรถไฟฟ้านั้นก็มีชายคนหนึ่งกำลังเดินข้ามรางรถไฟไปอีกฝั่งด้วยความใจเย็นทั้งที่รถไฟวิ่งเข้ามาเกือบจะถึงแล้ว ด้วยความที่ประมาทในความเร็วของรถไฟนั่นเอง สุดท้ายเขาก็ข้ามไม่พ้น ทำให้ครึ่งล่างของชายคนนั้นถูกรถไฟหนีบไว้จนไม่สามารถขยับตัวได้     ทุกคนที่เห็นเหตุการต่างช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่กูภัยจะมาถึงในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นก็พยายามนำตัวชายคนนั้นออกมา ด้วยการเจาะพื้นซีเมนต์ให้กว้างขึ้นเพื่อจะนำตัวออกมาได้   ภาพของการพยายามช่วยเหลือชายคนดังกล่าว   ระหว่างนั้นก็มีคนบอกกับชายคนนั้นว่าให้หายใจเข้าลึกๆ และอย่างหลับ แต่ดูเหมือนชายคนดังกล่าวจะทนไม่ได้ เขาก็ค่อยๆ หมดสติไป ด้านเจ้าหน้าที่เองก็เร่งมืออย่างเต็มที่เหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือชายคนนั้นได้ทันเวลา เขาได้เสียชีวิตก่อนจะถูกนำตัวขึ้นมาได้ แพทย์จึงได้มาประกาศการเสียชีวิตของเขา ณ จุดเกิดเหตุ     ด้านสาเหตุที่ชายคนนี้เดินข้ามรางรถไฟฟ้านั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่พยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า ชายคนนี้มารอรถไฟฟ้าผิดชานชลา ก็เลยต้องการข้ามไปอีกชานชลาหนึ่งแต่น่าเสียดายที่ข้ามไม่ทัน ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น รวมทั้งผู้เสียชีวิตเองก็คงไม่คิดเหมือนกันว่าจะเจอจุดจบแบบนี้ แต่เพราะความประมาทเพียงนิดเดียวที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเช่นนี้   คลิปข่าวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น…   ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง และอย่าประมาทนะคะ ที่มา shanghaiist

หลายคนคงจะรู้จักการแสดง สู้วัวกระทิง อันโด่งดังของประเทศสเปนกันบ้างแน่ๆ มันคือกีฬาที่ต่อสู้ที่เก่าแก่มากที่สุดกีฬาหนึ่งและกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศสเปนและแถบละตินอเมริกา ในแต่ละปีจะมีมาทาดอร์ผู้กล้าหาญลงต่อสู้กับวัวกระทิงสุดโหด แน่นอนการต่อสู้ที่เสี่ยงอันตรายนี้ย่อมที่จะมีอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันตามมาด้วย เหมือนกับเหตุการณ์ต่อไปนี้ เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เมโทร ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุในงานสู้วัวกระทิง ที่สนามสู้วัวที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งในเมือง Plaza de Toros Mexico ประเทศเม็กซิโก     Antonio Romero มาทาดอร์ผู้หนึ่งได้ถูกวัวน้ำหนักว่า 500 กิโลกรัมขวิดเข้าที่ก้นเขาของมันทะลุเข้าไปลึกมากถึง 11 นิ้ว หนุ่มผู้เคราะห์ร้ายถูกเข้าช่วยเหลือโดยทันทีจากมาทาดอร์คนอื่นๆ เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว และตอนนี้เขาก็กำลังพักฟื้นอยู่ “ผมหวังเป็นอย่างมากที่จะกลับมาแสดงได้อีกครั้ง เพื่อจะได้กลับมาเป็นหนึ่งในมาทาดอร์ที่แข็งแกร่งและสำคัญที่สุดในงานสู้วัวครั้งหน้า” หนุ่มผู้เคราะห์ร้ายกล่าว   คลิปวีดีโอ วินาทีที่เขาเสียท่าให้กับวัวกระทิงตั้วนั้น   Rafael Vázquez Bayod คุณหมอผู้รักษาบอกว่า “อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงมาก เขาของวัวกระทิงแทงทะลุเข้าไปถึงบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายของเขา” ถึงแม้ว่า Antonio จะบาดเจ็บหนัก แต่อาการเขาก็ดีขึ้นมาก และนับว่าเป็นโชคดีที่เขาสามารถรอดชีวิตจากการถูกวัวกระทิงตัวใหญ่ทำร้าย ซึ่งถ้าโชคร้ายหน่อยเขาอาจจะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุเลยก็ได้ ภาพเหตุการณ์ขณะที่วัวกระทิงเข้าทำร้าย มาทาดอร์หนุ่มผู้เคราะห์ร้าย   เป็นกีฬาที่อันตรายและเสี่ยงชีวิตมากเลยนะเนี่ย หวังว่าคุณ Romero จะหายจากอาการบาดเจ็บและกลับไปทำงานได้เร็วๆ นี้นะ ที่มา metro

สำหรับชาวตะวันตกเทศกาล ‘อีสเตอร์’ ประจำปีนี้ก็ใกล้จะมาถึงในไม่ช้า แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับช่วงเทศกาลนี้ก็คือวัตถุดิบในการสร้าง ‘ไข่อีสเตอร์’ ฃที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเพณีดั้งเดิมของพวกเขาจะมีการนำเปลือกหัวหอมมาทำเป็นไข่อีสเตอร์ และนี่อาจเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเปลือกหัวหอม ถึงขายได้ราคาดีกว่าหัวหอมซะอีก!!   ภาพถุงเปลือกหัวหอมวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตราคา 2.80 ฟรังก์สวิส ต่อ 85 กรัม (ประมาณเกือบ 100บาท)   ทางเว็บไซต์ OddityCentral ก็ได้ลงไปสำรวจท้องตลาด และพบว่าในช่วงก่อนเทศกาลอีสเตอร์ เปลือกหัวหอมเป็นสินค้าที่ขายดีมากๆ โดยเปลือกหัวหอมจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการทำไข่อีสเตอร์นั่นเอง ทางด้านผู้สื่อข่าวท้องถิ่นของสวิตเซอร์แลนด์ให้สัมภาษณ์ว่า ‘เมื่อเทศกาลอีสเตอร์ใกล้มาถึง แพ็คเกจเปลือกหัวหอมก็จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะที่นี่การทำไข่อีสเตอร์แบบดั้งเดิมด้วยการใช้เปลือกหัวหอมยังเป็นที่นิยมอยู่ บางบ้านอาจจะมีการเก็บสะสมเปลือกหัวหอมไว้ตลอดทั้งปี ทว่าในยุคสมัยใหม่ผู้คนเลือกที่จะซื้อแบบแพ็คเกจสำเร็จรูปมากกว่า ซึ่งในช่วงเทศกาลทำให้ราคาของมันสูงกว่าหัวหอมจริงๆ ซะอีก’     หลายคนอาจสงสัยว่า ก็ในเมื่อราคาหอมถูกกว่าทำไมไม่ซื้อหอมทั้งลูกแล้วเอาไปแกะเปลือกด้วยตนเองล่ะ? ทีมนักเศรษฐศาสตร์จากสวิตเซอร์แลนด์ ก็ได้วิจัยเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน พวกเขาพบคำตอบที่ว่า ถึงแม้หัวหอมจะมีราคาต่อกิโลกรัมถูกกว่า แต่ชาวเมืองก็เลือกที่จะซื้อแบบเปลือกสำเร็จรูปมาให้ เพราะไม่ต้องเสียเวลามานั่งแกะเปลือก หรือล้างทำความสะอาดอีก   คัดเอาเฉพาะเปลือกแบบนี้แหละ   ใครกำลังมองหาช่องทางธุรกิจ ถ้าหาวิธีส่งออกเปลือกหัวหอมแบบนี้ได้ก็อาจเป็นช่องทางรวยได้เลยนะ ที่มา: OddityCentral

เราทุกคนต่างดิ้นรนเพื่อการเอาชีวิตรอดทั้งนั้น ในยามที่ไม่มีกินมนุษย์จึงทำทุกอย่างเพื่อหาอาหารหรือน้ำมาบรรเทาความหิว และไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้น สัตว์โลกเองก็ต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดเช่นกัน เหมือนกับสุนัขตัวนี้ที่คาบถังน้ำเล็กๆ เพื่อขอน้ำจากผู้คนรอบเมือง     ภาพของสุนัขตัวนี้ถ่ายที่เขต Chorrillos กรุงลิมา เมืองหลวงของเปรู มันคือหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายที่รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำของเมืองลิมา ภาวะขาดแคลนน้ำที่ลิมาทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 75 ราย และทางการจะต้องอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ อีกมากกว่า 1 ล้านคน เพื่อไปหาที่อยู่ใหม่ที่มีน้ำเพียงพอต่อการดำรงชีวิต     ปัญหาการขาดแคลนน้ำนี้เป็นเพราะบริษัทจัดการน้ำของเปรู Sedapal ระงับการปล่อยน้ำดื่มให้กับประชาชน หลังจากได้รับการยืนยันว่าน้ำดื่มมีการปนเปื้อนของโคลนที่เป็นผลมาจากน้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามบริษัทจะทำการแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน โดยจะแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการวางถังน้ำขนาดใหญ่ตามจุดต่างๆ ทั่วเมืองเพื่อให้ประชาชนนำไปใช้ดำรงชีพ แต่จะเห็นว่าในถังของเจ้าหมาตัวนี้มีน้ำอยู่ แสดงว่าชาวเมืองก็ยังไม่ละทิ้งสัตว์ แต่ยังให้การช่วยเหลืออยู่บ้าง และเป็นความโชคดีของสุนัขตัวนี้ด้วยที่ได้พบกับคนใจดี     สถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับสัตว์ที่อยู่ในเมืองนี้ สุนัขผู้น่าสงสารตัวนี้ไม่รู้จะหาน้ำจากที่ไหน มันจึงคาบถังน้ำติดตัวไปด้วยหนึ่งถึง แล้วเดินไปทั่วเมืองด้วยความหวังที่ว่าจะได้น้ำจากคนใจดี และมันก็สะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาการขาดแคลนน้ำนี้ควรจะมีการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทุกชีวิต รวมทั้งสัตว์เหล่านี้ด้วย ก่อนที่จะมีการสูญเสียไปมากกว่านี้     สุนัขผู้น่าสงสารเดินขอน้ำไปทั่วเมือง   หวังว่าสัตว์ตัวอื่นจะมีน้ำกินเหมือนกันนะ ที่มา boredpanda

เป็นธรรมดาที่คนเป็นญาติกันอาจจะมีหน้าที่ตาที่คล้ายกันบ้าง แต่คนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันทางสายเลือดเนี่ยสิ ดันหน้าเหมือนกันซะได้ คือหน้าเหมือนมากจนแทบจะแยกกันไม่ออก เหมือนกับพ่อหนุ่ม Nikolay Posled ชาวไซบีเรียนที่ดันมีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับ Daniel Radcliffe หรือพ่อมดน้อยแฮร์รี่ จนสาวๆ อยากได้เขามาเป็นพ่อของลูกกันเลยทีเดียวล่ะ!!     ก็อย่างที่รู้แหละว่า มีเหล่าแฟนคลับแฮร์รี่มากมายอยู่รอบโลกใบนี้ โดยเฉพาะแฟนคลับสาวๆ ดังนั้น Posled จึงต้องการใช้ชีวิตเงียบสงบ แม้จะมีใครหลายคนบอกว่าเขาหน้าเหมือนแฮร์รี่ เป๊ะๆ ก็ตาม แต่แล้วเมื่อภาพของชายหนุ่มถูกเผยแพร่ไปในโลกโซเชียล ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น เพราะมีผู้หญิงหลายคนเสนอตัวอยากมีลูกกับเขา ซึ่งทำให้ Posled รู้สึกแย่มากๆ   เจ้าตัวบอกว่าแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย เพราะมักจะมีแฟนคลับแฮร์รี่ขอถ่ายรูปด้วยเสมอ อย่างเช่นผู้หญิงรายนี้ที่มีรอยสักของแฮร์รี่อยู่บนแขนของเธอ   ชายหนุ่มบอกว่า “มันเป็นเรื่องตลก และผมเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น สำหรับผมมันเป็นเรื่องใหม่นะเพราะไม่เคอยเจออะไรแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะสิ่งที่พวกเขาต้องการจากผม” แต่จริงๆ Posled ก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ซึ่งแฟนสาวก็ไม่ได้ออกความเห็นอะไรกับการที่เขาได้รับความสนใจจากผู้หญิงทั่วโลก และมากไปกว่านั้น หลังจากที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยจากความเหมือนตัวละครแฮร์รี่ เขาก็ได้รับจดหมายข่มขู่มากมาย จะทำร้ายบ้าง หนักที่สุดก็คือจะฆ่าเขา เรื่องแบบนี้จึงสร้างความไม่สบายใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก     จุดเริ่มต้นของความเหมือนดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว หลังจาก Posled…

เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมาได้มีเหตุการณ์คลังแสงอาวุธเกิดระเบิดในเมือง Balaklia เขต Kharkiv ประเทศยูเครน โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ทว่ามีการตั้งข้อสงสัยว่าเหตุดังกล่าวคือการก่อวินาศกรรม จนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ในตอนแรกนั้นทางสำนักข่าวรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียงแค่สองคนและถูกหามส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย แต่ทว่ามีรายงานเพิ่มเติมภายหลังและยืนยันว่ามีเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุระเบิดในครั้งนี้ทั้งหมด 5 คน 3 คนถูกส่งไปที่โรงพยาบาล สูญหาย 1 คน และเสียชีวิตอยู่ใต้ซากบ้านที่ถล่มลงมาอีก 1 คน     ผลกระทบจากการระเบิดในครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดควันขนาดใหญ่เป็นรัศมี 10 กิโลเมตร และรัศมีครอบคลุมน่านฟ้ากว่า 40 กิโลเมตร ทำให้ทางการต้องสั่งปิดกั้นรอบๆ บริเวณดังกล่าว และนอกจากควันไฟแล้ว ทั้งหัวกระสุนและขีปนาวุธก็เป็นหนึ่งในวัตถุอันตรายที่จะระเบิดโผล่ขึ้นน่านฟ้าได้ทุกเมื่อ     คลังแสงแห่งนี้มีพื้นที่กักเก็บขนาดถึง 3.5 ตารางกิโลเมตร และภายในยังบรรจุอาวุธหลากหลายชนิด มีน้ำหนักโดยรวมมากถึง 138,000 ตัน และคลังแสงแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากพื้นที่แนวหน้าระหว่างยูเครนและรัสเซียเพียงแค่ 100 กิโลเมตรเท่านั้น     รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน Stepan Poltorak เชื่อว่าการวินาศกรรมในครั้งนี้น่าจะเป็นฝีมือของกองกำลังของรัสเซียหรือไม่ก็กองกำลังแบ่งแยกดินแดนของรัสเซีย คนงานบางส่วนที่ทำหน้าที่เฝ้าโรงงานบอกว่า พวกเขาได้ยินเสียงเครื่องบินในช่วงเวลาก่อนที่โรงงานจะระเบิด ซึ่งนั้นอาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการระเบิดก็เป็ดได้ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดอย่างเป็นทางการจากยูเครน…

การขายบริการในหลายๆ ประเทศนั้นเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย จึงได้มีการเปิดบริการนับพันแห่งในแต่ละเมืองโดยไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป แต่ทว่าเรื่องแบบนี้ก็มักจะมีกลุ่มมาเฟียมาคอยคุมสถานบริการอีกที แบบว่าไม่อาจตีตัวออกห่างจากกันได้เลย Kabukichō นับว่าเป็นย่านสีแดงหรือย่านที่มีการค้าบริการมากที่สุดในชินจูกุ มีตั้งแต่ของบาร์ โรงแรม ร้านค้า ภัตตาคาร โซปแลนด์ รวมไปถึงไนต์คลับจำนวนมาก ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว ซึ่งในยุค 1940 นั้นก็เคยเป็นที่ตั้งของโรงละครมาก่อน     ปัจจุบันมีการเปิดโรงแรมเพื่อขายบริการใน Kabukichō มากถึง 3,000 แห่ง ในตอนกลางวันมันอาจจะเป็นแค่ย่านการค้าธรรมดาแห่งหนึ่ง แต่ในยามราตรีนั้นที่นี่จะเต็มไปด้วยแสงไฟนีออน มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาอย่างวุ่นวาย มีทั้งคนมาใช้บริการและคนที่มาเพราะความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น     ในย่านนี้นนอกจากเปิดธุรกิจค้าบริการแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมตัวของบรรดาแก๊งยากูซ่ากว่าหนึ่งพันคนเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ จนผู้คนตั้งชื่อให้ที่นี่ว่า Sleepless Town หรือเมืองที่ไม่เคยหลับใหล หนึ่งในคนที่เข้ามาสำรวจ Kabukichō เพราะความอยากรู้คือ Watanabe Katsumi ช่างภาพมักจะเปิดมุมมองที่แตกต่างให้โลกได้เห็น     ในช่วงปี 1960 และปี 1970 Watanabe เป็นเพียงช่างภาพธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ จนกระทั่งเขาเลือกที่จะเดินเข้าใน Kabukichō เพื่อถ่ายทอดชีวิตยามราตรีของยากูซ่าและโสเพณีในย่านนี้ Watanabe บอกว่า ที่นี่เปรียบเสมือนโรงละครของเขา และผู้หญิงผู้ชายที่โพสต์ท่าให้ก็เปรียบกับนักแสดงของเขาเอง แต่ทุกครั้งที่เข้ามาถ่ายรูปที่นี่เขาจะอนุญาติทุกคนก่อน…

แม้ปัจจุบันเทคโนโลยีและความรู้ของมนุษย์จะก้าวหน้าและพัฒนาไปมาก แต่ก็ยังมีอีกหลายๆ สิ่งบนโลกที่มนุษย์ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าสิ่งของเหล่านั้น เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และสร้างขึ้นไว้ทำไม อย่างเช่นโบราณสถานแห่งนี้ มันมีชื่อว่า Por-Bajin ตั้งอยู่ในบนทะเลสาบไซบีเรีย ใกล้กับชายแดนประเทศมองโกเลีย ห่างจากรุงมอสโก ประเทศรัสเซียไปประมาณ 3,500 กิโลเมตร มันถูกสร้างขึ้นเมื่อช่วงคริสต์ศักราช 744 ถึง 840 ด้วยเหตุผลบางอย่าง ก่อนจะถูกทิ้งร้างไป และถูกค้นพบอีกครั้งในปี 1891     ทางนักสำรวจและนักโบราณคดี ได้ทำการสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้งในปี 2007 ซึ่งพบว่ามีดินเผารูปร่างคล้ายฝ่าเท้ามนุษย์ และมีภาพวาดสีโบราณอยู่ พวกเขาคาดว่าโบราณสถานแห่งนี้สร้างในช่วงสมัยของกษัตริย์  Uighur Khaganate แม้จะมีการสำรวจและค้นคว้าข้อมูลอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครค้นพบว่า โบราณสถานแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ใด และทำไมต้องมาอยู่ในสถานที่ห่างไกลแบบนี้ เพราะมันทั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ๆ แถมยังห่างจากเส้นทางการค้าขายอีกด้วย มีนักวิทยาศาสตร์คาดการว่า พวกเขาอาจสร้างเอาไว้สำหรับเป็นคุกขังนักโทษ แต่อีกหลายท่านก็คาดว่าอาจจะเป็นพระราชวังฤดูร้อน สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หรือ สถานที่สังเกตการณ์ดาราศาสตร์     และที่น่าสงสัยยิ่งกว่าก็คือเมื่อสร้างไปแล้ว เพราะเหตุใดพวกเขาจึงทิ้งสถานที่แห่งนี้ไป ซึ่งทางนักวิทยาศาสตร์คาดว่าสถานที่แห่งนี้ขาด “แหล่งพลังงานความร้อน” ทำให้ไม่มีใครสามารถอาศัยอยู่ได้     แม้กระทั่งประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน…

ทุกวันนี้มีร้านอาหารเปิดใหม่มากมาย ทำให้แต่ละร้านต่างพยายามชูจุดขายอะไรบางอย่างเพื่อให้เหนือกว่าคู่แข่ง บ้างอาจใช้รสชาติเป็นจุดเด่น บางร้านอาจเป็นบรรยากาศอันแสนผ่อนคลายและจรรโลงใจ แต่ร้านอาหารจากไต้หวันร้านนี้ใช้วิธีการที่แตกต่าง ด้วยการใช้พนักงานเสิร์ฟสวมชุดบิกินี่ เพื่อดึงดูดลูกค้า!! ร้านอาหารแห่งนี้มีชื่อว่า “Fresh Feast” ตั้งอยู่ในเขตซงซาน ในกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน เจ้าของร้านได้จ้างนางแบบสาวสวยระดับห้าดาว มาสวมชุดบิกินี่แล้วเดินเสิร์ฟอาหาร เพื่อเป็นการโปรโมทงานเปิดร้านวันแรก     และดูเหมือนว่าแผนการตลาดครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จด้วย เพราะเพียงสองวันที่มีการจ้างพนักงานสาวสวยมาเดินเสิร์ฟ ก็มีชาวเน็ตนับหมื่นร่วมแชร์ภาพและคลิปของบรรยากาศภายในร้าน จนทำให้ร้านโด่งดังไปทั่วประเทศ รวมทั้งในต่างประเทศด้วยเช่นกัน     มีชาวเน็ตท่านหนึ่งคอมเมนต์ว่า “ผมไม่เคยไปไต้หวันมาก่อน สงสัยจะต้องออกผจญภัยแล้วล่ะ”  ส่วนชาวเน็ตอีกท่านกล่าวว่า “อยากได้แบบนี้บ้าง ใครสักคนช่วยเปิดร้านอาหารแบบนี้บ้างเถอะ”   . .   ลองไปชมคลิปบรรยากาศกันดีกว่า    ถ้า #เหมียวอ๊อดโด้ ไปร้านนี้นะ รับรองว่าไม่ได้สนใจอาหารแน่นอน เพราะมัวแต่มองอย่างอื่น ฮาาา   ที่มา odditycentral

เป็นคลิปวีดีโอชวนจิ้นที่ทำเอาสาวๆ บนโลกออนไลน์ฟินเฟร่อกันหนักมากในขณะนี้เลยก็ได้ เมื่อสองหนุ่มนักวอลเล่ย์สุดหล่อล่ำเล่นจูจุ๊บกันกลางสนาม งานนี้เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ได้ไม่น้อยเลยละ วันนี้ 28 มีนาคม 2560 ทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ “BlackWhiskey” ได้เผยคลิปวีดีโอของสองนักวอลเล่ย์หนุ่ม จากการแข่งขันวอลเลย์บอลชาย V-League All Star ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา ก็ทำเอาบรรดาชาวเน็ตโดยเฉพาะสาวๆ ทั้งหลาย ถึงขั้นฟินจิกหมอนกันเป็นแถว ซึ่งหลังจากที่ทางเพจได้โพสต์คลิปวีดีโอดังกล่าวลงไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็มีชาวเน็ตเข้ามารับชมมากถึง 600,000 คนเลย อีกทั้งยังมีคนเข้ามากดไลค์ และกดแชร์กันเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคลิปวีดีโอที่ถูกพูดถึง และเป็นกระแสโด่งดังบนโลกออนไลน์ในขณะนี้เลยก็ว่าได้     สำหรับคลิปวีดีโอดังกล่าว ปรากฏให้เห็นเป็นภาพช็อตสุดเด็ดของนักวอลเลย์หนุ่ม ยู ยามาโมโตะ (山本湧) เบอร์ 15 ผู้เล่นให้กับทีม Suntory Sunbirds ฝั่งชุดแดง ที่เข้าไปยั่วโมโหอีกฝ่าย จากการหลอกลูกตบจนทำคะแนนได้ งานนี้ก็ทำเอา ทาคุยะ ทาคามัตสึ (高松卓矢) เบอร์ 12 ผู้เล่นให้กับทีม…

ในสังคมที่สื่อโซเชียลกำลังเฟื่องฟู คนธรรมดาก็สามารถกลายเป็นดังได้ง่ายๆ แค่ออกมาทำอะไรที่แตกต่างแล้วถ่ายทอดให้ชาวเน็ตได้เห็น ถ้าถูกใจคนจำนวนมากปุ๊บ แค่นี้ก็จะกลายเป็นซุปตาร์อินเตอร์เน็ตแล้ว แต่มันก็มีทั้งความแตกต่างที่สร้างสรรค์และไม่สร้างสรรค์นะ ก็อยู่ที่ว่าชาวเน็ตจะชอบแบบไหน แต่สำหรับ Cristian Oliveras กลายเป็นคนดังในโลกออนไลน์เพราะความบ้าบอที่เค้ามีมากเกินกว่าคนทั่วไปน่ะสิ!! เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหน้าคุณตากับพ่อหนุ่มคนนี้บ้างแล้ว แต่คงยังไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน วันนี้เรามีข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ของเขามาฝากกันค่ะ   Cristian Oliveras   Cristian Oliveras มาจากเมือง Orlando รัฐ Florida เป็นผู้โด่งดังในโซเชียลจากเว็บไซต์ musical.ly โดยใช้นามว่า cristianoliveras ปัจจุบันมีผู้ติดตามมากถึง 1.2 ล้านคนเชียวนะ นอกจากนี้เขายังได้สร้างบัญชีในเว็บไซต์ YouNow ในปี 2013 เพื่อเผยแพร่ภาพและวิดีโอของตัวเอง โดยมีผู้ติดตามกว่า 190,000 คน และกลายเป็นบุคคลที่โซเชียลของสหรัฐฯ รู้จักกันเป็นอย่างดี     ก่อนที่จะมีบัญชี YouNow เขาเคยเล่นทวิตเตอร์มาก่อน แต่ภายหลังก็โดนระงับไป เพราะความบ้าบอที่เกินขีดจำกัดเนี่ยแหละ ซึ่งนอกเหนือจากเว็บไซต์และสื่อข้างต้นแล้ว เขาก็ยังมีอินสตาแกรมที่มีผู้ติดตามสูงถึง 800,000 คน คือในความโด่งดังของเขาเนี่ยเรียกได้ว่า มันพุ่งขึ้นสูงมากจนฉุดไม่อยู่แล้ว มีผู้ติดตามโดยรวมหลักล้านคน ยอดไลค์ถล่มทลาย แต่เมื่อเข้าไปดูในเพจของเขาก็งงว่า…

ปัจจุบันมีรายการเรียลลิตี้มากมากหมายหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่ตามติดชีวิตดาราบ้าง ตามติดชีวิตคนในสถานที่ต่างๆ บ้าง หรือรายการที่ให้ผู้เล่นทำกิจกรรมที่ท้าทายบ้าง และรายการที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กันก็คือ รายการประเภทที่ให้คนเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในป่าเขาตามระยะเวลาที่กำหนด ไร้เครื่องมือสื่อสารใดๆ นั่นหมายความว่าพวกเขาถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง เพื่อเป็นการฝึกให้ผู้เข้าแข่งขันรู้จักการเอาตัวรอด     และแล้วรายการนั้นก็ถือกำเนิดในชื่อของ Eden อันเป็นรายการเรียลลิตี้ของทางสถานี Channel 4 จากประเทศอังกฤษ เป็นรายการเรียลลิตี้ที่จะให้ผู้เข้าแข่งขัน เข้าไปอยู่อาศัยในป่าโดยตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง รายการนี้ได้รวมเอาผู้หญิงและผู้ชายจำนวน 23 คน แล้วส่งพวกเขาไปอยู่ในพื้นราบสูงของสกอตแลนด์ ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จะต้องสร้างที่อยู่ของตัวเอง การหาอาหาร รวมไปถึงการทำทุกอย่างเพื่อการยังชีพด้วยตัวเอง แต่ทว่าระหว่างการแข่งขันนั้นรายการก็ถูกสั่งยกเลิกไป โดยที่ผู้เข้าแข่งขันที่เข้าไปในป่าแล้ว กลับไม่ได้รับแจ้งให้ทราบถึงเรื่องนี้เลย     รายการนี้มีสัญญาออกอากาศเป็นเวลา 1 ปี โดยจะมีทีมงานไปกับผู้เข้าแข่งขัน 4 คน ซึ่งทำหน้าที่เป็นช่างกล้องเพื่อตามติดชีวิตของทั้ง 23 คนในป่าแห่งนี้ ซึ่งทีผ่านมาฉายไปแล้ว 4 ตอน ตั้งแต่เดือนมีนาคม เมษายน และเดือนพฤษภาคมในปีที่ผ่านมา แต่ในระหว่างนั้นก็พบว่าเรตติ้งรายการลดลง จากผู้ชม 1.7 ล้านคนเหลือเพียง 800,000 คน ทางสถานีจึงตัดสินใจยกเลิกรายการนี้กลางคัน…

เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Maykool Coroseo Acuña หนุ่มชิลีวัย 25 ปี ได้ซื้อทัวร์ของบริษัท  Max Adventures  เพื่อเข้าสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติ Madidi  ของประเทศโบลิเวียร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป่าอเมซอน     ในวันแรกทางไกด์นำทางได้พาเขาเข้าไปชมบรรยากาศในป่า พบปะกับธรรมชาติ และเหล่าสิงสาราสัตว์ต่างๆ พอถึงตอนเย็น ไกด์ก็พาเขาไปเข้าร่วมพิธีกรรมของชนเผ่าพื้นเมืองเพื่อขอบคุณ Pachamama เทพเจ้าแห่งป่าที่คอยปกปักรักษาพวกเขาเอาไว้ แต่ Acuña กลับปฏิเสธไม่เข้าร่วมพิธี และปล่อยให้คณะทัวร์ทั้งหมดประกอบพิธีกรรมกันไป เมื่อทุกคนเสร็จพิธี พวกเขาก็พบว่า Acuña หายไปอย่างไร้ร่องรอย     พวกเขาจึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่อุทยาน เพื่อออกค้นหาในทันที หลังจากพยายามค้นหาอยู่นาน พวกเขาก็ต้องพบกับความผิดหวัง เนื่องจากไม่พบร่องรอยของของ Acuña แม้แต่น้อย ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าที่เขาหายไป เพราะไม่ยอมเข้าร่วมพิธีกรรม Pachamama จนทำให้ปิศาจร้ายลักพาตัวเขาไป ทางเจ้าหน้าที่พยายามค้นหาอีกหลายวัน พร้อมทั้งทำพิธีกรรมขอให้เจ้าป่า Pachamama ช่วย จนกระทั่งเวลาผ่านไปเก้าวัน ไม่มีใครคิดว่าเขาจะยังมีชีวิตรอด จู่ๆ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนมาจากบริเวณแม่น้ำแห่งหนึ่งใกล้ๆ     เมื่อไปถึงแถวนั้น เขาก็ได้พบกับ Acuña ในสภาพอิดโรยแถมยังมีแผลเต็มตัว เขาเล่าว่าจู่ๆ เขาก็รู้สึกอยากวิ่งเข้าไปในป่าโดยไม่พกโทรศัพท์หรือข้าวของติดตัวไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็หลงป่าซะแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาบอกว่า เขาใช้ชีวิตด้วยการตามฝูงลิงฝูงหนึ่ง ซึ่งพวกมันจะคอยทิ้งผลไม้และอาหารเอาไว้ให้…

ผู้ต้องสงสัยเหตุการณ์บอร์มงานเพลงอนิเมะ ยอมรับแล้วว่าเขาทำจริงๆ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่งาน Animelo Summer Live เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปี 2016 ที่ผ่านมา ซึ่งงานนี้เป็นงานเพลงอนิเมะที่จัดขึ้นที่ Saitama Super Arena ณ จังหวัดไซตามะ     ผู้ก่อเหตุดังกล่าวเป็นชายวัย 33 ปี ชื่อว่า Kazuyuki Kawatani จากเมืองฮิงะชิโอซะกะ ซึ่งเขาให้กับรับสารภาพว่าเขาเป็นคนโยนฝูงแมลงสาบเข้าไปในงานจริงๆ โดยมีพยานให้ปากคำว่าเขาเห็นนายคนนี้โยนของบางอย่างออกไปในจังหวะที่เขาลุกขึ้นเต้น     เนื่องจากการกระทำของเขาถือเป็นการปั่นป่วน จึงทำให้เขาถูกจับโดยสตาฟของงาน ส่วนแมลงสาบที่เขาปล่อยออกไปก็คือแมลงสาบพันธุ์ Red Roaches ซึ่งไม่มีพิษมีภัยอะไร ปกติแล้วเจ้าแมลงสาปสายพันธุ์นี้จะถูกใช้เป็นเหยื่อสำหรับกิ้งก่าหรือสัตว์เลื้อยคลานที่มีคนเลี้ยงเอาไว้   Red Roaches หรือ Red Runner   ถึงแม้จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ รวมถึงสาเหตุที่เขาลงมือทางทีมงานก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่ผู้ร่วมงานที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ออกมาแสดงความคิดต่างๆ มากมาย รวมถึงแสดงความมึนงงต่อสาเหตุที่ชายคนนั้นทำลงไป เช่น “ไม่คิดเลยว่าชายคนนั้นจะอายุเท่ากับผม” “ในที่สุดพวกเขาก็หาคนร้ายได้สักที ผมบอกเลยว่าคนที่ทำแบบนี้ได้มันต้องเป็นคนที่โง่สุดๆ เลย” “เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นตรงบริเวณแถวหน้าที่ชั้นอยู่เลย” “เอ่อ.. เรื่องนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ…

การกลั่นแกล้งและการหยอกล้อกันระหว่างเด็กๆ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากไม่มีคำพูดหรือการกระทำที่เกินเลยไป แต่ในบางครั้งสิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับเราอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครบางคนก็ได้ ความน้อยเนื้อต่ำใจหรือถูกกดดันจากสังคมรอบข้างก็เช่นกัน เหมือนที่เราเคยเห็นตามข่าวต่างๆ มักจะนำไปสู่การฆ่าตัวตาย และเหตุการณ์ที่ #เหมียวเวจจี้ กำลังจะเล่าต่อไปนี้ก็เช่นกัน ในวันที่ 19 มีนาคม 2017 เว็บไซต์ dailymail ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายของ Julio Rodriguez หรือ Junior เด็กน้อยวัย 11 ปีที่ถูกเพื่อนๆ ในโรงเรียนกลั่นแกล้งอย่างหนัก จนตัดสินใจจบชีวิตด้วยการแขวนคอกับตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของตัวเอง     เหตุการณ์นี้สั่นสะเทือนใจต่อผู้เป็นแม่อย่างมาก ซึ่งนาง Maya Rodriguez ผู้เป็นแม่บอกกับนักข่าวว่า “ในระหว่างที่ฉันกำลังจะเข้านอน ก็ไปตรวจห้องของลูกๆ ตามปกติแต่เมื่อถึงห้องของ Julio ประตูมันล็อค ทั้งๆ ที่ปกติเค้าไม่เคยล็อคประตูเลย และเมื่อฉันเปิดประตูเข้าไปและต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ฉันเสียใจอย่างมาก เขาเป็นเด็กที่น่ารักมาก รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันมีความสุขเสมอ”     “ก่อนที่เขาจะทำเรื่องที่ไม่คาดฝันนี้ ฉันเห็นลูกชายของฉันมีอาการกร้าวร้าว เขาทุบโต๊ะ ทุบกำแพงและเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย แบบที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน” “อยากฝากไปถึงผู้ปกครองทุกคนให้สังเกตพฤติกรรมของลูกๆ หลังจากกลับจากโรงเรียนด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก” Maya Rodriguez ผู้เป็นแม่บอกกับผู้สื่อข่าว     โรงเรียน Stockard…

นับเป็นอีกเรื่องราวที่จะพิสูจน์ให้เราได้เห็นว่า ความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งที่สุนัขพร้อมจะมอบให้แก่เจ้านายของมัน ถึงแม้ว่าจะจากกันไปแล้วก็ตาม…   นี่คือเจ้า Thor สุนัขสายพันธุ์ Akita จากญี่ปุ่น มันเป็นหมาที่ฉลาด และน่ารักมากเลยล่ะ   ชาวบ้านทุกคนในละแวก Capaçava do Sul ประเทศบราซิล ต่างทราบกันดีว่าเป็นประจำทุกวันที่เจ้า Thor และ Claudio เจ้าของเก่าของมันจะออกมาเดินเล่นด้วยกันเสมอ ทว่าวันแห่งความเศร้าก็มาถึงเมื่อ Claudio จากไปในวัย 58 ปี แต่ในเรื่องร้ายก็ยังมีเรื่องดีเพราะหลังจากที่เขาเสียชีวิตไป Saionara Freitas สาวเพื่อนบ้านก็ได้อาสารับเลี้ยงเจ้า Thor ไว้เอง   ‘Thor ไม่ยอมทานอะไรเลย มันดูซึมๆ และเศร้ามาก ดิฉันเข้าใจดีว่ามันรู้สึกอย่างไรที่ต้องเสียคนรักไป’ Saionara เล่า   ถึงแม้ว่าเจ้าของเดิมจะจากไปได้ 2 ปีแล้ว แต่สำหรับเจ้า Thor มันยังคงจดจำทุกเรื่องราวที่เคยทำร่วมกันได้เสมอ โดยเฉพาะการได้ออกมาเดินเล่นกับเจ้านายสุดที่รักเป็นประจำทุกวัน ทำให้ทุกวันนี้ Thor ยังคงเดินตามถนนแห่งความทรงจำเพียงลำพัง ‘ทุกวันมันจะร้องเรียกให้ฉันปล่อยมันออกไปเดินเล่น ฉันเคยลองเดินตามไปดูว่ามันจะเปลี่ยนเส้นทางไหม ซึ่งมันก็ไม่คิดจะเปลี่ยน…

เป็นเวลานานกว่า 8 ปีแล้ว ที่ชาวบ้านกว่า 200 ชีวิตในเมือง Strunino จากรัสเซีย ไม่ต้องกังวลว่าตนเองจะไม่มีขนมปังกิน เพราะร้านของชำแห่งนี้เขาได้แจกจ่ายขนมปังฟรีให้กับทุกคนที่ยากไร้มาโดยตลอด ร้านของชำใจบุญแห่งนี้ เป็นร้านของ Mamoud Shavershyan อดีตวิศวะผู้ย้ายถิ่นฐานจากอาร์มีเนีย มาอาศัยอยู่ที่รัสเซีย เมื่อประมาณ 25 ปีก่อน    Mamoud Shavershyan เจ้าของร้านผู้ใจบุญ   แรงบันดาลใจในการทำความดีของเขามีต้นกำเนิดจาก วันหนึ่งขณะที่เจ้าตัวกำลังนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาเหลือบไปเห็นหญิงชราคนหนึ่งกำลังนั่งนับเศษเหรียญ เพียงเพราะต้องการจะซื้อขนมปังถูกๆ ตอนนั้นเองที่ทำให้เขารู้สึกอยากจะหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้เพื่อนร่วมสังคม เขามอบขนมปังให้หญิงชราคนนั้นฟรี และเริ่มทำบัตรคูปองแจกขนมปังฟรีนับตั้งแต่นั้นมา แต่นั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เพราะทุกวันนี้เขาได้แจกจ่ายขนมปังฟรีให้กับครอบครัวผู้พิการ และทุกครอบครัวที่ต้องอยู่อย่างอดอยาก เดือนหนึ่งเขาแจกจ่ายขนมปังไปมากถึง 3,000 ก้อนเลยทีเดียว     ทว่าในเรื่องราวดีๆ ก็มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นเหมือนกัน ครั้งหนึ่งเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรถขนขนมปัง ทำให้ภายในวันนั้นไม่มีขนมปังฟรีมาแจก เจ้าของร้านถูกชาวบ้านด่าเสียดทออย่างหนัก บ้างก็ทำลายข้าวของ บ้างก็บุกเข้ามาในร้านเพื่อจะตามหาขนมปังฟรี แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดความตั้งใจของเขาได้ ภรรยาของเขาได้เล่าว่า ทุกครั้งที่เขาเจอคนที่ลำบากกว่าเขามักจะใจอ่อน และหยิบยื่นอาหารให้คนเหล่านั้นแบบฟรีๆ ถึงแม้ว่าขนมปังสำหรับแจกฟรีจะหมดไปแล้วก็ตาม     ‘บางคนก็มองว่าผมทำเอาหน้า บ้างก็ว่าผมแฝงผลประโยชน์มาด้วย…

บางทีมันก็เหมือนกับว่าธรรมชาติพยายามจะเล่นตลกอะไรบางอย่างกับเรา ยกตัวอย่างเช่นเวลาที่เราไปเจอสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดๆ แบบที่เราไม่เคยเจอมาก่อน พอจะไปถามใครก็ไม่มีใครรู้ กลายเป็นคำถามติดค้างในใจต่อไป… เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นกับสาวละติน Luján Eroles จากเมือง Santa Fe ประเทศอาร์เจนติน่า เหมือนกัน เมื่อเธอดันไปพบกับสิ่งมีชีวิตสุดประหลาดชนิดหนึ่ง จะบอกว่างูก็ไม่ใช่ หนอนก็ไม่เชิง แล้วมันเป็นตัวอะไรเนี่ย!?   สิ่งมีชีวิตสองหัวที่เธอไปเจอมา ขนาดยาวประมาณ 10 ซม.   ในวันเกิดเหตุเธอกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนบริเวณหลังบ้าน จากนั้นตอนที่เธอกำลังจะก้าวเท้าข้ามกองหญ้า เธอก็ดันไปสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตดังกล่าว แน่นอนว่าเธอรู้ตกใจ และกรีดร้องลั่นให้เพื่อนบ้านมาช่วยกันดู ‘ฉันมองลงไปแล้วพบว่า โอ้วว…นี่มันตัวอะไรกันละเนี่ย ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนมันน่ากลัวมากๆ มีหัวสองด้านแถมลวดลายยังเหมือนงูเอามากๆ ฉันคิดว่ามันต้องมีพิษแน่ๆ เลยค่ะ’ เธอเล่า ด้วยความสงสัยเธอจึงถ่ายรูปตัวประหลาดดังกล่าว และนำมาโพสต์ถามบนเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอ ซึ่งชาวเน็ตต่างก็เข้ามาตอบกันอย่างล้นหลาม บ้างก็ว่าเป็นสัตว์กลายพันธุ์จากยุคดึกดำบรรพ์ บ้างก็ว่าเป็นหนอนผีเสื้อ     ในที่สุดเธอก็ได้พบคำตอบที่ว่า มันคือหนอนผีเสื้อสายพันธุ์ Elephant Hawk-Moth นั่นเอง ซึ่งลักษณะนิสัยของมันมักจะอาศัยอยู่ตามสวน หรือตามต้นไม้ในแถบชนบท และผู้เชี่ยวชาญก็ได้ออกมาชี้แจงเสริมว่า สาเหตุที่ทำให้มันมีลวดลายคล้ายงูก็เพราะ เป็นกลไกการพรางตัวเพื่อเอาชีวิตรอดอย่างหนึ่ง ซึ่งมันจะพยายามพรางตัวเองให้เหมือนกับงู เพื่อที่สัตว์นักล่ามาเห็นจะได้ไม่กล้าเข้าใกล้  …

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวการช่วยชีวิตของกลุ่มเพื่อน ที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ในขณะนี้ และแน่นอนว่าสำนักข่าวเหมียวของเรา ก็ไม่พลาดที่เอามานำเสนอเช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2560 สำนักข่าว Dailymail ได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนลาครอส เซ็นทรัล จากรัฐวิสคอนสิน ประเทศสหรัฐฯ ในขณะนั้นเป็นเวลาพักทานอาหารเที่ยงของนักเรียนมัธยม ทุกอย่างดูปกติเรียบร้อยดี จนกระทั่งจู่ๆ วิล โอลสัน หนึ่งในผู้ร่วมโต๊ะอาหารเกิดอาการสำลักขึ้นมา   ตอนแรกเพื่อนๆ ก็ไม่ได้เอะใจ จนกระทั่งหนุ่มวิล เริ่มสำลักรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเพื่อนๆ คิดว่านี่คงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วแน่ๆ   ‘ตอนแรกผมคิดว่ามันล้อเล่นด้วยซ้ำ สักแปปสีหน้ามันเริ่มเปลี่ยน อาการมันเริ่มไม่ปกติ ผมเลยมั่นใจว่ามันไม่ได้แกล้ง และถ้าไม่รีบช่วยเพื่อนซี้เราอาจตายได้เลย’ เอียน บราวน์ กล่าว   ทันทีที่เอียน บราวน์ เพื่อนซี้ประจำแก๊งสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ชักจะไม่ปกติ เขาจึงรีบลุกไปหาวิล และใช้วิธี ‘เฮมลิก แมนนูเวอร์ (Heimlich Maneuver)’ ช่วยปฐมพยาบาลให้เศษอาหารที่ติดอยู่ในหลอดลมหลุดออกมาให้ได้ เอียน บราวน์ ใช้วิธียืนอยู่ข้างหลัง ใช้มือกอดรัดให้แน่นบริเวณใต้หน้าอกเหนือกระบังลม จากนั้นก็กระแทกมือซ้ำๆ เพื่อทำให้อาหารที่ิดอยู่ในหลอลมหลุดออกมา   ‘ผมอาจจะตายไปจริงๆ…

ในทุกๆ วัน ทุกๆ ปีมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายหลายสิ่ง และในเรื่องราวเหล่านั้นก็มักจะสร้างความตื่นเต้นให้กับเราเสมอ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายไปมากเลยล่ะ!! เหมือนกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่เกิดท่ามกลางความงงงวย ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมาชาติ และเรื่องของเทคโนโลยีล้ำๆ ที่เกิดจากฝีมือมนุษ์   1. สิงโตตัวผู้ทั้งสองตัวกำลังเล่นจ้ำจี้กัน แต่ทางผู้เชี่ยวชาญ Kathleen Alexander กล่าวว่า ตัวฝ่ายล่างนั้นก็คือตัวเมียที่ดันมีขนคอฟูฟ่องเหมือนตัวผู้นั่นเอง   2. ฝังชิป Northstar V1 ใต้ผิวหนังเพื่อควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์   3. ต้นไม้ที่สูงโดดเด่นอยู่เพียงต้นเดียว   4. พายุทอร์นาโดที่มหาสมุทรในเมืองเจนัว ประเทศอิตาลี   5. ในยุค 1950 รัฐ Idaho มีประชากรบีเวอร์มากเกินไป จึงแก้ปัญหาด้วยการจับพวกมันไปปล่อยในพื้นที่ป่าทางอากาศที่มีจำนวนบีเวอร์น้อยกว่า   6. รถที่ตกแต่งด้วยฟันปลอม ยาสีฟัน และเขากวาง   7. ชีส 10,000 กิโลกรัมกำลังถูกขนจากแคนาดาไปยังงาน World’s Fair ที่ชิคาโกในปี 1893   8. ตัวอาย-อาย…