Centralia เมืองต้นแบบ Silent Hill ที่ยังคงมอดไหม้อยู่ แม้จะผ่านมานานกว่า 55 ปีแล้ว

ใครที่เป็นคอหนัง หรือคอเกม เชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องคุ้นหูกับคำว่า “Silent Hill” (เมืองห่าผี) ที่เต็มไปด้วยฉากของเมืองที่โดนเผาทำลาย และมีหมอกควันปกคลุมอย่างแน่นอน

 

 

และหากใครที่เป็นแฟนตัวจริงของ Silent Hill คุณจะรู้ว่าฉากที่ทั้งหลอน และน่ากลัวทั้งในหนังและเกมส์ ได้รับแรงบันดาลใจมากจากสถานที่ที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้

ในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะขอพาเพื่อนๆ ทุกคน มารู้จักกับเมือง Centralia เมืองต้นแบบของ Silent Hill ที่ตั้งอยู่ ณ รัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา บอกเลยว่าน่ากลัวไม่แพ้ในเกมเลยล่ะ

 

 

สำหรับ Centralia นับว่าเมืองอีกหนึ่งเมืองที่เคยมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ต่อมาภายหลังดินแดนแห่งนี้กลับเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในเดือนพฤษภาคม ปี 1962

จนทำให้ผู้คนได้ค่อยๆ พากันอพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งในปัจจุบันเมืองแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นเมืองที่ถูกทิ้งร้างไปเสียแล้ว

 

ควันที่พวยพุ่งออกจากพื้นอย่างต่อเนื่อง

หากคุณกำลังมีความคิดว่าอยากจะไปเยือนสถานที่แห่งนี้สักครั้ง เราขอเตือนคุณเอาไว้เลยนะว่า สิ่งที่ควรระวังให้มากที่สุดก็คือ ท้องถนน เพราะถนน และพื้นดินบางส่วนได้ทรุดตัวลง และมีรอยแตกของพื้นที่ทำให้เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่

นั่นทำให้เกิดเป็นแหล่งสะสมควันพิษเอาไว้มากมาย เนื่องจากก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการทำเหมืองถ่านหินมาก่อน

และเมื่อคุณใช้เวลาอยู่ในที่แห่งนี้มากเกินไป คุณก็จะได้รับพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ และถ้าหากโชคร้ายไปกว่านั้นมันอาจจะทำให้คุณตายได้

 

เกือบจะเป็นเมืองร้างโดยสมบูรณ์

ก่อนที่จะถูกไฟเผาทำลาย Centralia ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประชากรมากถึง 2,761 คน แต่ต่อมาหลังจากที่เกิดเหตุการณ์สุดสะเทือนใจขึ้น ทำให้ผู้คนเริ่มอาศัยอยู่ไม่ได้ และพากันอพยพออกไป จนทำให้เมืองแห่งนี้มีจำนวนประชากรเหลือน้อยเต็มที

อย่างไรก็ตาม ในปี 2010 มีการรายงานว่าสถานที่ดังกล่าวยังมีประชาชนอาศัยอยู่เพียง 10 คน และล่าสุดเมื่อปี 2556 ก็มีจำนวนผู้อาศัยลดลงอีก โดยเหลือเพียงแค่ 7 คนเท่านั้น ซึ่งคาดว่าในปีต่อๆ ไปอาจจะไม่เหลือผู้คนอาศัยอยู่แล้ว

 

Centralia อาจจะกลายเป็นเมืองผี

ด้วยความที่ Centralia ได้เกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 1,000 องศาฟาเรนไฮต์ (538 องศาเซลเซียส) จึงทำให้ผู้คนในเมืองได้ตั้งให้มันเป็นเมืองผี โดยทาง Scott Sailor หนึ่งในผู้ที่เคยไปเยือนสถานที่แห่งนั้นได้เคยออกมาเผยว่า…

เราพบเนินเขาที่ปกคลุมไปด้วยไอน้ำ และซากฟอสซิล อีกทั้งเรายังเคยได้ยินเสียงเหมือนมีคนพูดออกมาจากด้านล่าง ตอนแรกเราคิดว่าอาจจะมีคนเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว ดังนั้น เราจึงไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ แต่ทว่าหลังจากนั้น เรากลับได้ยินเสียงออกมาจากสถานที่แห่งนั้นอีกครั้ง แถมครั้งนี้ก็ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม

 

Centralia ยังคงเป็นเมืองที่มอดไหม้อยู่ตลอดเวลา

หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่า ควันไฟที่ออกมาจากพื้นดินจะเกิดขึ้นอีกนานสักแค่ไหน!? ซึ่งเราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า มันจะยังคงอยู่ในลักษณะเช่นนี้ตลอดไป

และแม้ว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ในปี 1962 จะล่วงเลยมานานกว่า 50 ปีแล้ว แต่ทุกวันนี้พื้นดินก็ยังคงมอดไหม้อยู่ อีกทั้งถนนหลายเส้นก็ถูกตัดขาดจากภายนอก เพราะยางมะตอยที่อยู่ใต้ดินถูกหลอมละลายไปจนหมด และพื้นดินบางส่วนก็ยุบตัวลงอีกด้วย

 

ไฟใต้ดินที่ลุกลามไม่จบสิ้น

แม้ว่าการเกิดเหตุไฟไหม้ที่ Centralia จะผ่านมานานกว่า 50 ปี แล้ว แต่สถานที่ดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้เห็นเลยว่าไฟจะดับลง

 

ดินยุบตัวลงเป็นหลุมลึก

คุณจะทำอย่างไรหากเมืองที่คุณอาศัยอยู่พยายามที่จะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง แน่นอนว่าหลายคนจะต้องรีบเก็บสัมภาระ และพากันอพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าวทันที

เหมือนดังเช่นเมือง Centralia แห่งนี้ ก็มีหลุมที่ยุบลึกลงไปกว่า 100 ฟุต โดยในวันลาเลนไทน์ ปี 2554 เด็กชายวัยเพียง 12 ปี ได้หายตัวไปขณะที่เล่นกับลูกพี่ลูกน้องของเขา

ซึ่งคาดว่าเขาอาจจะโชคร้ายและตกลงไปในหลุมที่ต่ำกว่าระดับพื้นดินกว่า 6 ฟุตที่เต็มไปด้วยคาร์บอนมอนอกไซด์ แต่ทว่าโชคดีที่เด็กชายคนดังกล่าวสามารถรอดมาได้ โดนการค่อยๆ ปีนขึ้นมา และทำให้เขารอดชีวิต

 

สิ่งเดียวที่รอดจากการถูกเผาไหม้คือ โบสถ์

แม้ว่าบ้านเรือนของผู้คนจะถูกทำลายด้วยเพลิงไฟอันร้อนแรง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ได้รับการยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติในครั้งนั้น ก็คือ โบสถ์ Assumption of the Blessed Virgin Mary Ukrainian Catholic Church ซึ่งเป็นสถานที่ที่ถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในฉากของภาพยนตร์นั่นเอง

 

สามารถทำให้คุณจินตนาการได้ถึงความตาย

ในขณะที่คุณกำลังยืนดูบนเมือง Centralia มันอาจจะสามารถทำให้คุณจินตนาการได้ถึงความตาย เพราะแน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวความหลังที่ไม่น่าจดจำ แถมยังเต็มไปด้วยความน่ากลัว และน่าสยดสยองอีกด้วย

 

การออกสำรวจพื้นที่จริงโดย Exploring With Josh ในปี 2015

 

ผลของไฟไหม้อย่างหนักในครั้งนั้น เรียกได้ว่าสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองเลยก็ว่าได้ บ้านเรือนต่างๆ ที่เคยมีก็หายไปเกือบทั้งหมด ผู้คนก็พากันอพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าว

เนื่องจากมันเต็มไปด้วยหมอกควัน และสารพิษปกคลุมอยู่ทั่วไปหมด จนทำให้เมืองแห่งนี้แทบจะกลายเป็นเมืองร้างไปเลยก็ว่าได้ ถึงตอนนี้ เราก็ยังคงสงสัยว่าผู้คนอื่นยังอาศัยอยู่ในสถานที่ดังกล่าว เขาใช้อยู่ชีวิตอยู่กันได้อย่างไร

ที่มา : ranker

Comments

Leave a Reply