Author:

คงไม่มีใครคาดคิดว่าจากหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกไล่ออกจากชั้นมัธยมก่อนจบปีการศึกษาสุดท้ายด้วยเกรดเฉลี่ย 0.9 ทุกวันนี้เขาคือชายผู้ทำหน้าที่เป็น “วิทยากร” ให้กับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก “มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด” เราลองมาดูกันกับเส้นทางของชายคนนี้ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนสามารถเรียนจบชั้นปริญญาเอกได้ เขาคนนี้ทำได้อย่างไรกัน??   Todd Rose กับภรรยาและลูกๆ ของเขา   ในวัยเด็กของ Todd มักจะมีปัญหาในการเรียนอยู่เสมอ และเมื่อเรียนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เขาก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียนก่อนจบการศึกษาไม่กี่เดือน เนื่องจากเกรดเฉลี่ยที่ต่ำมากถึง 0.9 หลังจากที่เขาออกจากโรงเรียนมาไม่กี่ปี Todd ต้องคอยทำหน้าที่หาเลี้ยงลูกทั้งสองคนโดยที่เขาอายุได้เพียง 21 ปีเท่านั้น และตลอดช่วงเวลาดังกล่าวเขาก็ต้องยอมทำงานหลายอย่างพร้อมๆ กันเพื่อจุนเจือครอบครัว     ทางด้านคุณพ่อของ Todd เองก็ไม่อยากให้เขาต้องมีวุฒิการศึกษาอยู่แค่ในระดับที่ยังไม่จบ ม.6 เลยด้วยซ้ำ จึงขอให้เขากลับไปเรียนใหม่อีกครั้งเพื่อเตรียมสอบเทียบเท่าวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลาย ด้วยคำแนะนำของคุณพ่อเขาได้วุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลายมา และสามารถสอบเข้าในมหาวิทยาลัย Weber State ที่รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกาได้ในที่สุด เมื่อเข้าเรียนในมหาลัยแล้วเขาต้องเผชิญกับปัญหาหนี้สินจากการกู้ยืมค่าเล่าเรียนเป็นจำนวนมาก แต่ Todd พยายามตั้งใจเรียนมาตลอด จนเขาได้เกรด A ทุกตัวในเทอมแรกทำให้ทางมหาลัยช่วยสนับสนุนค่าเทอมและแบ่งเบาภาระได้บ้าง     ภายหลังจบการศึกษาชั้นปริญญาตรีจากมหาลัย Weber State ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เขาก็ยังคงติดหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาถึง 40,000…

ทุกวันนี้ ดาวน์ซินโดรม (Down Syndrome) ยังคงเป็นกลุ่มอาการที่ไม่สามารถหาวิธีในการรักษาได้ เนื่องจากโรคนี้เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม รวมไปถึงพวกเขามักมีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันเสมอ และเพื่อให้เป็นการตระหนักถึงโรคดาวน์ซินโดรมนี้ จึงเกิดเป็นแคมเปญคลิปวิดีโอ #wouldntchangeathing ขึ้นมา โดยที่หลายครอบครัวจะรวบรวมกันทำคลิปวิดีโอของเด็กๆ ที่ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม ด้วยเหตุผลที่ว่า “ถึงแม้พวกเราจะต้องเผชิญกับโรคเหล่านี้ แต่ทุกคนก็มีความสุขเฉกเช่นคนอื่นและไม่ขอเปลี่ยนแปลงในสิ่งใด” ข่าวก่อนหน้านี้: สุดแสนอบอุ่นหัวใจ!! เหล่าคุณแม่ทำวิดีโอร้องเพลงกับลูกน้อยรับ ‘วันดาวน์ซินโดรมโลก’   คลิปวิดีโอจากแคมเปญของปี 2018 ที่ผ่านมา    ความเป็นมาของแฮชแท็กดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2018 ที่ผ่านมา เมื่อครอบครัวราว 50 ครอบครัวที่มีลูกเป็นดาวน์ซินโดรมทั่วประเทศอังกฤษได้ทำโปรเจกต์ร้องเพลง A Thousand Years ของศิลปิน Christina Perri ในรถ โดยพวกเขาใช้ภาษามากาทอนซึ่งเป็นภาษาที่มีไว้ช่วยพัฒนาทักษะของเด็กๆ จนปัจจุบันยอดวิดีโอของคลิปนี้มีคนดูถึง 5,405,446 คนแล้ว     สำหรับในปี 2019 นี้พวกเขาได้ทำโปรเจกต์ดังกล่าวขึ้นอีกครั้งและเลือกเพลง Don’t Stop Me Now ของวง Queen เพื่อแคมเปญนี้โดยเฉพาะ คนที่อยู่เบื้องหลังในการทำวิดีโอของปีนี้คือ Mairi Watkins วัย 43 ปี จากเมือง Newton Mearns ประเทศสกอตแลนด์ เธอมีลูกสองคนและหนึ่งในนั้นคือ Emma ลูกสาววัย 5 ขวบของเธอที่ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม “ฉันต้องการทำแคมเปญของปีนี้ก็เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ยังมองโรคนี้แบบผิดๆ และอยากที่จะเปลี่ยนความคิดของพวกเขา” Mairi กล่าว…

ยิ่งวันสัมภาษณ์งานใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้สึกเหมือนกันคืออยากจะเตรียมพร้อมทุกอย่างเพื่อให้คนสัมภาษณ์เกิดความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น แต่ในหลายๆ ครั้งก็มีคนจำนวนมากที่ไม่ผ่านการคัดงานเนื่องจาก เชื้อชาติ ศาสนา อายุหรือแม้แต่เพศก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะเป็นผลมาจากอคติของตัวผู้สัมภาษณ์เอง แต่ปัจจุบันนี้มีการพัฒนาไปไกลขึ้นมาก เมื่อบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศสวีเดนได้ผลิต “หุ่นยนต์สำหรับสัมภาษณ์งาน” ที่ไร้อคติใดๆ ต่อคนที่เข้ามาสมัครงานเป็นครั้งแรก!!   โฉมหน้าหุ่นยนต์สัมภาษณ์งาน Tengai    บริษัท Furhat Robotics ได้ร่วมมือกับ TNG บริษัทชื่อดังในการจัดหาทรัพยากรทางบุคคล และเริ่มต้นพัฒนาหุ่นยนต์ตัวนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2018 ที่ผ่าน พวกเขาตั้งชื่อให้กับมันว่า Tengai ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่มีความสูง 41 เซนติเมตรและน้ำหนักอยู่ที่ 3.5 กิโลกรัมหรือหากนำไปตั้งไว้บนโต๊ะแล้วจะมีความสูงพอดีกับคนที่นั่งเก้าอี้     หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทั้งสองบริษัทร่วมมือกันพัฒนา Tengai ก็เพราะว่าบริษัท TNG เคยสำรวจการเข้ารับงานทั่วประเทศเลยทำให้ทราบว่าประมาณ 73% ของผู้สมัครงานเคยถูกปฏิเสธ และสาเหตุที่พวกเขาถูกปฏิเสธนั้นมีทั้ง เชื้อชาติ, วัย, เพศสภาพ, รสนิยมทางเพศ, รูปร่างหน้าตา, น้ำหนักไปจนถึงด้านสุขภาพและความพิการ เราจะเห็นได้ว่าเหตุผลเหล่านั้นมักมาจากอคติของผู้สัมภาษณ์แทบทั้งสิ้น แต่สำหรับลักษณะการทำงานของเจ้า Tengai มันจะพูดด้วยเสียงผู้หญิงเรียบๆ และมักจะเปิดขึ้นมาด้วยคำถามว่า “คุณเคยสัมภาษณ์กับหุ่นยนต์มาก่อนหรือไม่?” และที่สำคัญมันจะไม่มีอคติใดๆ กับผู้เข้ารับการสัมภาษณ์แน่นอน     จากการสัมภาษณ์งานกับ Tengai…

ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเขตเมือง Fairfax รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา เคยเกิดเรื่องครั้งหนึ่งว่า “คุณแม่วัย 29 ปีได้ฉีดเลือดของตัวเองเข้าไปในปากและจมูกของลูกชายพิการวัย 5 ขวบ” คุณแม่คนนี้ถูกกล้องวงจรปิดของทางโรงพยาบาลบันทึกไว้ได้เมื่อวันที่ 25 เมษายนปี 2018 เมื่อราวๆ เวลาประมาณสิบโมงเช้าของวันนั้น   ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพของ Elizabeth Malone คุณแม่วัย 29 ปี   Elizabeth คุณแม่ชาวอเมริกันคนนี้ยอมรับว่าเธอทำแบบนั้นก็เพื่อหวังให้ทางพยาบาลและทีมแพทย์จะช่วยใส่ใจลูกพิการของเธอมากกว่านี้ เธอให้เหตุผลอีกว่าทางแพทย์และพยาบาลไม่สามารถช่วยเหลืออะไรลูกของเธอได้มากเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะลูกชายของเธอพูดคุยโต้ตอบไม่ได้ ทำให้การติดตามผลและอาการเป็นไปอย่างยากลำบาก   Elizabeth Malone   หลังเกิดเรื่องดังกล่าว Elizabeth ถูกศาลฟ้องร้องและการต่อสู้ภายในศาลนั้น ฝ่ายอัยการได้กล่าวว่าการที่เธอฉีดเลือดเข้าปากและจมูกของลูก ส่งผลทำให้เด็กชายมีอาการติดเชื้อและเป็นไข้สูง โดยเมื่อเดือนเมษายนปี 2018 ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลได้เก็บหลักฐานไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระบอกฉีดยาที่ Elizabeth เก็บไว้ในแขนเสื้อและคราบเลือดที่เปื้อนทิชชูในห้องน้ำ เพื่อใช้เป็นหลักฐานต่อศาล   หลักฐานที่ทางโรงพยาบาลเก็บไว้สำหรับพิจารณาบนชั้นศาล   อีกทั้งก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทางโรงพยาบาลได้โทรแจ้งไปยังองค์กรพิทักษ์เด็ก เนื่องจากพวกเขาสังเกตและกังวลว่าคนเป็นแม่นั้นจะพยายามทำร้ายลูกของตนเอง โดยตลอดสองเดือนก่อนหน้านั้น เด็กชายเคยเข้าโรงพยาบาลมาเพราะเขามีเลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุถึง 7 ครั้งด้วยกัน ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นผลมาจากการใช้ความรุนแรงของคนในครอบครัว  …

หลายคนที่เคยเล่นเกมบนโลกออนไลน์น่าจะเข้าใจความรู้สึกที่ว่า “เพื่อนบนโลกออนไลน์ถึงแม้จะไม่เคยเจอกัน แต่ความผูกพันนั้นมีอยู่แน่นอน”  เรื่องราวต่อไปนี้เกี่ยวกับเกมเมอร์หนุ่มสองคนที่เป็นเพื่อนกันบนเกมออนไลน์มาตลอด 3 ปี โดยที่พวกเขาไม่เคยพบกันในชีวิตจริงเลย ทั้งสองรู้จักกันครั้งแรกผ่านเกมออนไลน์อย่าง World of Warcraft และความเป็นเพื่อนของทั้งคู่ก็แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งได้มีคนใดคนหนึ่งต้องจากโลกนี้ไป….   Jasen หนุ่มเกมเมอร์ เศร้าโศกถึงเพื่อนบนโลกออนไลน์ที่ไม่เคยแม้แต่จะเจอกันในชีวิตจริง   เรากำลังพูดถึง 2 เกมเมอร์ Jasen Kasten และ Dave เพื่อนของเขาในเกมออนไลน์ดังกล่าว ซึ่งในตอนแรกนั้นทั้งสองสามารถสนิทกันได้อย่างรวดเร็วและมักจะเล่นเกมด้วยกันอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่ง Jasen ทราบข่าวร้ายว่า Dave ได้เสียชีวิตลงแล้ว นั่นจึงทำให้เขาออกมาพูดถึงเพื่อนสนิทที่จากไปคนนี้ว่า “ครั้งแรกที่ผมทราบข่าว ทุกอย่างก็เหมือนพังทลายลงมาหมดเลย” เขาได้พูดต่ออีกว่าการที่ต้องสูญเสีย Dave ไปทั้งที่ไม่เคยพบกันมาก่อนนั้น ความรู้สึกที่ได้รับมันก็ไม่ต่างกับว่าเขาต้องเสียเพื่อนคนหนึ่งที่เจอกันในชีวิตจริงทุกวันไปเลย   ภาพจากเกมออนไลน์ World of Warcraft   ชายหนุ่มเล่าว่าทั้งเขาและ Dave มีกลุ่มที่ตั้งขึ้นไว้สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ และมักจะบอกกันเสมอว่า “คนรอบข้างในชีวิตจริงต้องมาก่อนเสมอ” นั่นหมายความว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามคนในชีวิตจริงของพวกเขาต้องมาก่อนโลกออนไลน์และเกมเหล่านี้เสมอ แต่เมื่อถึงวันที่ต้องมีเพื่อนในเกมจากโลกนี้ไปแบบนี้ นั่นก็ทำให้หลายๆ คน โดยเฉพาะ Jasen เข้าใจว่าเพื่อนในเกมเองก็มีความสำคัญต่อความรู้สึกของเขาไม่ต่างจากเพื่อนในชีวิตจริงเลย   โพสต์ที่ภรรยาของ Jasen กล่าวถึงกรณีนี้ว่า อย่าคิดว่าเพื่อนบนโลกออนไลน์ไม่ใช่เพื่อนที่แท้จริง เพราะพวกเขาทุกคนอาจให้ความรักแก่กันได้ไม่ต่างกับเพื่อนในชีวิตจริงเลย…

คำว่า “ลูกของคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน” ยังคงใช้ได้เสมอ ถึงแม้เราจะไม่ได้เจอเด็ก (นรก) เหล่านี้ในทุกๆ วัน แต่หากได้พบเจอทีไรก็มักจะสร้างความปวดหัวและอยากตะโกนใส่หน้าดังๆ ว่า “ไอ้เด็กเปร*!!” และยิ่งหากเรารู้มาว่าคนเป็นผู้ปกครองไม่เคยกล่าวเตือนหนูๆ เหล่านั้น มันจะยิ่งทวีคูณความน่ารำคาญเข้าไปใหญ่… ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว เมื่อคนบนรถไฟฟ้าที่นิวยอร์กต้องมาเจอเด็กมหาประลัยเข้าให้ แต่งานนี้บอกเลยว่าต้องขอปรบมือให้กับวิธีการแก้เผ็ดของผู้โดยสารคนนี้   เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2018 ผู้ใช้บัญชีที่ชื่อว่า @da_drought_3 ได้แชร์โพสต์นี้ลงบนทวิตเตอร์พร้อมข้อความว่า “เจ้าเด็กเว*นี่ ไม่ยอมขยับขาให้ผู้ใหญ่ถึง 3 คนได้นั่ง ผู้ชายคนนี้ก็เลยนั่งทับลงไปบนนั้นซะเลย 55555” https://twitter.com/da_drought_3/status/1058009929045499904   จากภาพที่แชร์ลงไปจะเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งนอนเอาหลังพิงผู้ปกครอง (คาดว่าเป็นคุณแม่) อยู่และดูจะไม่สนใจใครเลย ทั้งๆ ที่เขานอนกินที่นั่งจนใครก็เข้ามานั่งไม่ได้ นอกจากนั้นสิ่งที่สร้างความไม่พอใจให้กับใครหลายๆ คนก็เพราะคุณแม่ของเด็กชายคนนี้ดูจะไม่ตักเตือนลูกชายเลยแม้แต่นิดเดียว…   กำลังนอนพิงแม่สบายใจเฉิบเล่นเกมมือถือ   ผ่านไปได้สักพัก เด็กชายดูจะตกใจกับอะไรบางอย่าง…   แน่นอนว่าหลังจากนั้นก็มีชายคนหนึ่งในแว่นตากันแดดสีดำ เดินเข้ามาและ…นั่งทับลงไป!! (ขณะที่คุณแม่ดูเหมือนจะหลับฝันหวานอยู่)   เด็กชายที่ถูกนั่งทับเท้าและเริ่มส่งสายตาอำมหิตใส่ชายคนนั้น ก่อนที่ดูเหมือนว่าชายคนดังกล่าวจะลุกเพื่อลงสถานีถัดไป และเด็กชายคนนี้ก็เริ่มเปิดปากตะโกนตามหลังว่า “ไอ้เหี*ย ไอ้เหี*ย!!” ทันที…

เกาะซาโดะ จังหวัดนีงาตะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงด้านการชมวิวของผาหินที่หาดซาวะ รวมทั้งการพานักท่องเที่ยวทัวร์ทะเลด้วยเรือเฟอร์รี่ ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมเหล่านั้นคือการ “พาชมวาฬ” นั่นเอง แต่แล้วการพาทัวร์ดังกล่าวก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 9 มีนาคม 2019 เวลา 8:44 น. เมื่อเรือเฟอร์รี่ที่กำลังออกจากท่าเรือจังหวัดนีงาตะ เพื่อมุ่งสู่เกาะซาโดะนั้นได้ชนกับ “วาฬ” เข้าอย่างจัง…   เรือเฟอร์รี่ที่บรรทุกผู้โดยสาร 121 ที่นั่งชนเข้ากับ “วาฬ”   ผู้โดยสารบนเรือได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 87 คน และ 13 คนในนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส เรือเฟอร์รี่ลำนี้เป็นของบริษัท Sado Steam Ship ผู้ให้บริการเรือเฟอร์รี่ที่ชื่อว่า Ginga สามารถพานักท่องเที่ยวไปถึงเกาะซาโดะในระยะเวลา 1 ชั่วโมง โดยเรือเฟอร์รี่คันดังกล่าวเป็นเรือไฮสปีดแบบไฮโดรฟอยล์ สามารถเร่งความเร็วได้สูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในตอนที่เกิดเหตุนั้นมีผู้โดยสารทั้งหมดจำนวนทั้งสิ้น 121 คน และเจ้าที่บนเรืออีก 4 คน     อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ท้ายเรือเสียหายเป็นรอยแตกขนาด 15 เซนติเมตร ซึ่งหนึ่งในผู้โดยสารที่อยู่บนเรือขณะนั้นได้กล่าวว่า “มันแรงมากจนคอของเขาชนเข้ากับเบาะเก้าอี้ด้านหน้า” ทางบริษัทจึงได้ออกมาขอโทษผู้โดยสารในกรณีที่เกิดการชนเข้ากับสัตว์ทะเลขนาดใหญ่นี้ และทำให้ผู้โดยสารหลายคนต้องได้รับบาดเจ็บ   บริเวณที่เรือชนเข้ากับวาฬระหว่างท่าเรือนีงาตะ…

ในปัจจุบันถึงแม้ทั่วโลกจะมีการรณรงค์ให้การ “เหยียดเชื้อชาติ” เป็นเรื่องที่ร้ายแรงและไม่ควรจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่มองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติและยังเลือกที่จะปฏิบัติตัวแบบนั้นอยู่ดี เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่รถไฟใต้ดินของกรุงลอนดอน เมื่อชายผิวขาวหกคนเหยียดชายผิวสีคนหนึ่งด้วยการทำท่าทางและส่งเสียงร้องเหมือน “ลิง” โดยไม่แยแสสายตาผู้คนที่มองมาแม้แต่น้อย…   สถานีรถไฟใต้ดิน Kennington   วันที่ 8 มีนาคม 2019 รถไฟใต้ดินลอนดอนสายเหนือ ที่กำลังมุ่งหน้าไปสถานี Kennington มีชายผิวสีชื่อว่า Mohammed Dirir วัย 27 ปี นั่งรถไฟเพื่อไปทำงานตามปกติเหมือนกับทุกๆ วัน รถไฟได้หยุดที่สถานีหนึ่งและชายผิวขาวทั้ง 6 คนได้ขึ้นมายังขบวนเดียวกันกับนาย Mohammed     ชายทั้ง 6 คนเห็นนาย Mohammed นั่งอยู่และพวกเขาก็เริ่มส่งเสียงร้องเหมือนลิงทันที หนึ่งในพวกนั้นได้ยกนิ้วโป้งให้เขาเหมือนเป็นการบอกว่า “เขานั่นแหละที่กำลังโดนเหยียดอยู่” นาย Mohammed พยายามที่จะไม่สนใจเสียงร้องของคนเหล่านั้น แต่เขาทนที่จะยอมให้คนพวกนี้ทำพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้ จึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงปกติว่า “พวกคุณเป็นอะไรมากรึเปล่า??”  ชายกลุ่มนั้นได้พูดคุยกันแล้วบอกว่าเขาทั้งโง่และไม่เข้าใจอะไรเสียเลย   หนึ่งในกลุ่มชาวผิวขาวเริ่มกระโดดไปมาหลัง Mohammed ยกกล้องมือถือขึ้นมาบันทึกวิดีโอไว้   ผ่านไปหลายนาทีชายผิวขาวก็ยังไม่หยุด Mohammed จึงหยิบมือถือออกมาเพื่อถ่ายการกระทำอันน่ารังเกียจนี้ไว้ จากนั้นชายคนหนึ่งจึงเริ่มทำท่ากระโดดเหวี่ยงไปมาเหมือนลิงในทันที   ชายคนนั้นพยายามเข้ามาใกล้กล้องให้ได้มากที่สุดโดยไม่สนใจใคร   หลังจากนั้นนาย Mohammed จึงโพสต์คลิปวิดีโอดังกล่าวลงบนอินสตาแกรมพร้อมแคปชั่นว่า “คนที่เหยียดผิวก็ยังมีจนถึงทุกวันนี้…

กลายเป็นข่าวของท้องถิ่นเมื่อร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ถูกชาวบ้านแถวนั้นต่อต้านและโดนต่อว่าหลังทางร้านเขียน “มุกตลกประจำวัน” ลงบนป้ายหน้าร้าน ร้านคาเฟ่ดังกล่าวถือเป็นร้านประจำของหลายๆ คนในย่านนั้น และมักจะชอบเขียนมุกตลกบนป้ายหน้าร้านในทุกๆ วันพร้อมแชร์ภาพลงบนเฟซบุ๊ก แต่คราวนี้ดูท่าจะโชคไม่ดีเพราะร้านดันเล่นมุกล้อเลียนคนพิการซะงั้น…   ร้านคาเฟ่ในเมืองเมลเบิร์น   ร้านคาเฟ่นี้ชื่อว่าร้าน Seddon Deadly Sins ได้แชร์ภาพมุกตลกดังกล่าวในโลกออนไลน์ เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2019 ที่ผ่านมา พร้อมแฮชแท็ก #hahaha #seddendeadlyfunnies #haveyoulaughedlately. ต่อมาร้านคาเฟ่แห่งนี้ก็ถูกต่อว่าอย่างหนัก ทั้งจากชาวเน็ตและคนละแวกนั้น พร้อมสั่งให้รีบลบโพสต์ดังกล่าวและออกมาขอโทษในสิ่งที่ได้เขียนล้อเลียนคนพิการออกไป   โพสต์ของทาง @newscomauHQ ที่แชร์ลงบนทวิตเตอร์ โดยในป้ายดังกล่าวเขียนว่า “แฟนสาวบอกเลิกผม ผมก็ขโมยรถเข็นซะเลย ดูสิว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่ต้องคลานกลับมาขอร้อง” A popular Melbourne cafe has been forced to apologise after customers were left disgusted by this "vile” joke…

ประเทศเฮติเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรอาหารเป็นอย่างมาก รวมถึงประชาชนและนักท่องเที่ยวที่นั่นต่างต้องระมัดระวังตัวจากโจรและเหตุก่อความไม่สงบในเมืองตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นแม้จะเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่า “แล้งทรัพยากรทางอาหาร”  แต่ก็มีประชาชนบางส่วนที่ไม่ได้แล้งน้ำใจตามไปด้วย…     เมื่อ Dieufel Lamisere หนุ่มชาวเฮติคนหนึ่งทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นเด็กยากไร้ในเมืองต้องมาเดินตามท้องถนน และพวกเขาต่างตกเป็นเหยื่อบริการทางเพศให้แก่นักท่องเที่ยวจำนวนมากโดยไม่เต็มใจ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาได้ตัดสินใจเปิดโรงเรียนสอนเต้น Dance to Save Lives แห่งนี้   Lamisere และเด็กๆ ที่เขาสอนเต้นให้ฟรี   นาย Lamisere อาศัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 8 ปี ตลอดช่วงเวลานั้นเขาได้เปิดโรงเรียนสอนการเต้นแบบดั้งเดิมของชาวเฮติที่นั่น และได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก จนกระทั่งในปี 2008 เขาได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดทางตอนเหนือของเฮติ และเห็นถึงปัญหาต่างๆ ที่รัฐบาลแก้ไม่เคยได้ จนส่งผลกระทบต่อเยาวชนรุ่นหลัง ด้วยเหตุนั้นเอง เขาจึงเริ่มเปิดโรงเรียนสอนเต้นให้กับทุกคนแบบฟรีๆ ขึ้นมา และเริ่มทำการแจกใบปลิวทันที   “เหตุผลสำคัญที่ผมเปิดโรงเรียนขึ้นก็เพราะว่าผมอยากช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ผ่านการเรียนรู้”   โรงเรียนแห่งนี้สอนการเต้นแบบดั้งเดิมของชาวเฮติให้แก่เด็กๆ เพื่อเป็นการถ่ายทอดไปยังคนรุ่นหลังและพวกเขาสามารถสืบสานต่อไปได้ หนึ่งในการเต้นแบบดั้งเดิมคือ การเต้นแบบ Ibo ที่สื่อถึงชาวเฮติตอนเคยได้รับอิสรภาพในปี 1804 และถูกปลดแอกจากการเป็นทาสของเหล่าประเทศที่พัฒนาแล้ว   เด็กเหล่านี้มีความสามารถพิเศษแต่พวกเขาแทบไม่เคยได้รับโอกาสเลย   เด็กส่วนใหญ่ที่มาเรียนเต้นที่โรงเรียนแห่งนี้ ต่างมาจากแถบชานเมืองที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในประเทศ……

“ความกลัวผี” ของมนุษย์เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะมนุษย์เรามักจะกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น เพียงแต่บางครั้งการที่เรากลัวอะไรมากๆ ก็อาจสร้างปัญหาให้คนอื่นเดือดร้อน ชายคนหนึ่งนามว่า Cuong Pham เรียกได้ว่าเป็นพวกกลัวผีขึ้นสมอง (หรืออาจจะกล้ามากเกินไป) จนถึงขั้นพยายามที่จะหาทางกำจัดมันด้วยการ “จุดไฟเผาบ้านที่มีผีในนั้น” !!   ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้าน จะเห็น Cuong ถือน้ำมันแกลลอนติดมือมาด้วย   ในกลางดึกคืนวันที่ 7 มี.ค. 2019 ณ เมืองสต็อกตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ทุกอย่างเหมือนจะเป็นคืนอันเงียบสงบธรรมดาทั่วๆ ไป จนกระทั่งนาย Cuong เดินตรงเข้ามาพร้อมเคาะประตูเรียกเพื่อนบ้านเสียงดัง เหมือนว่าจะไม่มีใครตอบกลับมาจากภายในบ้าน เขาจึงเดินออกไปและกลับมาอีกครั้งที่หน้าประตูของเพื่อนบ้านพร้อมถือถังน้ำมันแกลลอนสีเหลืองมาด้วย   นาย Cuong เทน้ำมันดีเซลลงไปหน้าบ้าน   จากนั้นเขาจึงเริ่มต้นละเลงเทน้ำมันดีเซลให้ทั่วบริเวณหน้าประตูของเพื่อนบ้านโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น และทำตัวเองเปียกน้ำมันไปด้วย หลังจากที่เขาเทน้ำมันเสร็จเรียบร้อย Cuong เริ่มจุดไฟเพื่อหวังที่จะให้มันลุกไหม้ท่วมทั้งบ้าน แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่ไฟไม่ติดในทันทีและได้มอดดับลงไป   เขาเริ่มต้นจุดไฟเผาหลังเทน้ำมันดีเซล   ในตอนเช้าเพื่อนบ้านตื่นมาด้วยความตกใจ เพราะว่าคืนที่ผ่านมามีทั้งพวกเขาที่เป็นผู้ใหญ่สองคนและลูกๆ วัย 3 ขวบกับ 10 ปีกำลังนอนหลับกันอยู่… เมื่อพวกเขาลองเช็คกล้องวงจรปิดดูจึงทำให้รู้ว่าเป็นนาย Cuong Pham อายุ 38 ปี ที่เป็นเพื่อนบ้านหลังถัดไป…

ในสังคมของบ้านเราหรือแม้แต่ต่างประเทศเองยังคงมีหลายคนที่ไม่ยอมรับกลุ่มคนที่ “สักลายตามตัว” ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านั้นอาจจะไม่ได้สะท้อนความนึกคิด และนิสัยทั้งหมดเลยก็ตาม แต่หญิงสาวคนนี้มีความคิดที่แตกต่างออกไป เพราะเธอไม่สนใจแม้ว่าสังคมบางส่วนอาจกีดกันเธอออกจากงานบางอย่าง แต่เธอเลือกที่จะทำมันอยู่ดีเพราะเธอเชื่อว่าสิ่งนี้คือสิ่งเดียวที่มอบความมั่นใจให้กับเธอเสมอมา   ช่างสักลายสาว Kayleigh Peach   สาวผู้มีใจรักในการสักคนนี้มีชื่อว่า Kayleigh Peach สาววัย 26 ปีจากเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ที่ปัจจุบันราวๆ 60% ของพื้นที่บนร่างกายเธอถูกเติมเต็มด้วยรอยสักทั้งหมด Peach สักลายครั้งแรกตอนเธออายุ 18 ปีบนข้อเท้าของเธอ และได้รับรอยสักครั้งแรกบนหน้าตอนที่เธอเป็นผู้ช่วยให้กับช่างสักของร้านแห่งหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมาเธอจึงรู้สึกได้ว่าคนอย่างเธอไม่มีทางที่จะได้งานธรรมดาๆ ทำเหมือนคนอื่นเขา และนั่นจึงทำให้เธอเกิดความฝันอันแรงกล้าที่จะยืนหยัดเดินบนเส้นทางนี้ต่อไป     ชีวิตวัยรุ่นของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเธอเลือกที่จะเข้าผับและใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงในทุกคืน แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ตัดสินใจหยุดทำทุกอย่าง ลาออกจากงานประจำเพื่อที่จะเริ่มต้นในอาชีพช่างสัก ช่วงแรกที่เธอทำนั้นไม่ได้ค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น ขณะเดียวกันหัวหน้าก็บอกว่าเธอเป็นช่างสักอายุน้อยที่สุด และมีคนอยากมาสักกับเธอเป็นจำนวนมาก สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอหลงรักในงานนี้ก็เพราะว่าเธอเป็นเหมือนคนคอยรับฟังคนที่มาสักเสมอ พวกเขาต่างมีเรื่องราวเบื้องหลังที่เจ็บปวดกันส่วนใหญ่ และเธอก็ยินดีที่จะหยิบยื่นการปลดปล่อยความทุกข์เหล่านั้นออกมาเป็นรอยสักให้พวกเขา   รอยสักบนใบหน้าของเธอที่เป็นรูปกุหลาบสื่อถึง “การเริ่มต้นใหม่”   เธอพูดถึงอาชีพของเธออย่างมีความสุขและพอใจกับมันมาก “ความคิดของคุณจะไม่หยุดอยู่กับที่ คุณจะรู้สึกเหมือนกับว่าคุณได้ทำอะไรใหม่ๆ เสมอ และความคิดสร้างสรรค์ก็คือหัวใจหลักของมัน” อีกทั้งเธอยังบอกอีกว่า “สิ่งเหล่านี้มันทำให้ฉันรู้ได้ว่าสุดท้ายแล้วอะไรสำคัญที่สุดในชีวิต มันทำให้ฉันรู้สึกขอบคุณในทุกๆ สิ่ง และฉันก็กลายเป็นคนมองโลกในแง่บวกอยู่ตลอด”  …

คุณเคยเชื่อคำว่า “ถ้าคนจะคู่กันแล้ว ยังไงก็คงไม่แคล้วกัน” ไหม?   นี่คือเรื่องราวของคู่รักวัยเก๋าคุณยาย Pauline Young วัย 72 ปี กับคุณตา Colin Jones วัย 74 ปี ซึ่งฝ่ายหญิงเป็นคนขอแต่งงานเอง หลังจากที่เธอเคยปฏิเสธคำขอแต่งงานของเขาเมื่อ 43 ปีที่แล้ว.. ย้อนกลับไปในปีค.ศ. 1976 ชายหญิงคู่หนึ่งได้พบกันครั้งแรกที่สนามเด็กเล่น ขณะนั้นพวกเขากำลังพาลูกๆ มาเล่นกันที่สนามแห่งนี้ พวกเขาต่างเป็นพ่อหม้ายและแม่หม้ายกันทั้งคู่ ทั้งสองคนต่างไม่มีใครรู้ว่าจะได้ลงเอยกันในวันหนึ่งข้างหน้า สี่สิบกว่าปีต่อมาทั้งคู่ได้เข้าพิธีวิวาห์กัน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019 ณ โบสถ์ St. George’s Methodist ในเมือง Telford ประเทศอังกฤษ   คุณยาย Pauline และคุณตา Colin ทั้งคู่ถูกชะตากันตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ทั้ง Pauline และ Colin ใช้เวลาทำความรู้จักกันไม่นานนัก ก่อนที่เขาจะรวบรวมความกล้าขอเธอแต่งงานแต่ก็ถูกปฏิเสธมาโดยตลอด Colin ที่ดูเหมือนจะถอดใจกับการขอแต่งงานในครั้งนี้ จึงเลือกที่จะเป็นคู่หูให้เธอในการทำธุรกิจร่วมกันผลิตตู้วางของที่ประเทศเวลส์เป็นระยะเวลา 30 ปี ก่อนที่พวกเขาจะย้ายไปอยู่ที่ประเทศมอลตาเพื่อเปิดกิจการโรงแรมที่นั่น สามปีต่อมาด้วยวัยที่แก่ชราลงและโรคภัยที่เริ่มรุมเร้าทำให้คุณยายต้องการคนดูแลตลอดเวลา ทำให้ต้องย้ายไปอยู่ในสถานดูแลคนชราที่เมือง Telford ซึ่งคุณยาย Pauline เองนั้นมีภาวะเกี่ยวกับโรคทางสมอง เป็นเหตุให้เธอเคลื่อนไหวช้าลงและมักจะมีอาการชาตามตัวตลอดเวลา ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นคุณตา Colin…

หากจะกล่าวถึงท้องฟ้า หลายคนก็อาจจะคิดถึง ‘นก’ สถานที่ที่พวกมันสามารถโบยบินไปได้อย่างอิสระ แต่เมื่อภายหลังเทคโนโลยีของมนุษย์พัฒนาจนมี ‘เครื่องบิน’ ถือกำเนิดขึ้นมาทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป… การมาของเครื่องบินก็ทำให้เหล่านกทั้งหลายต้องประสบกับปัญหา ที่อาจส่งผลกับชีวิตของพวกมันได้เลยทีเดียว รวมไปถึงเครื่องบินที่อาจจะเสี่ยงต่อการเสียหายเมื่อไปชนกับนกเข้า เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่ามีเมืองแห่งหนึ่งมีการรายงานว่าเครื่องบินขับชนนกจำนวน 280 เที่ยวบินในปี 2018 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่ได้พบบ่อยๆ แต่ตลอดเวลาที่เกิดขึ้นทางการได้เสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมเครื่องบินที่โดนฝูงนกชนมากถึง 675,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 21,453,500 บาท กันเลยทีเดียว!! เมืองที่ว่านั้นคือซอลต์เลค รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และจากหนึ่งในเที่ยวบินทั้ง 280 เที่ยวบิน มีกรณีหนึ่งที่เครื่องบินโบอิ้ง 767 พร้อมผู้โดยสารบนเครื่องราว 223 คนเกือบที่จะต้องลงจอดฉุกเฉิน เนื่องจากบินผ่านฝูงนกหลายร้อยตัว…   เครื่องบินของสายการบิน Delta   โดยเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นของสายการบิน Delta ที่เตรียมไปลงเครื่องที่ประเทศฝรั่งเศส โชคดีที่ว่าพวกมันไม่ได้บินเข้าไปในเครื่องยนต์ไอพ่น และเครื่องบินก็สามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยใน 7 นาทีถัดมาหลังบินฝ่าฝูงนก Bill Wyatt คณะกรรมการบริหารของสนามบินซอลท์เลคได้เผยว่า “นกเหล่านั้นไม่ได้บินเข้าไปในเครื่องไอพ่น และถือว่าโชคดีเพราะหากเกิดแบบนั้นจริงๆ สถานการณ์ตอนนั้นคงจะเลวร้ายมาก”   ทางสนามบินของเมืองซอลท์เลค ได้เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ให้ทางสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ ด้วยวิธีการเว้นระยะห่างเหล่าสัตว์ป่าเขตนั้นออกไป 8…

โดยปกติเรามักจะจ่ายค่าเข้าให้กับสวนสนุกหรือสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า แต่รู้หรือไม่ว่าตอนนี้ประเทศอิตาลีเตรียมเก็บค่าเข้าในการเข้าชมเมืองเวนิสเป็นแห่งแรกแล้ว เหตุผลที่ต้องเก็บค่าเข้าเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนั้นมากขึ้นในทุกๆ ปี โดยมีจำนวนอย่างต่ำคือปีละ 25 ล้านคน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวเมืองแห่งนี้มักจะเลือกทัวร์แบบหนึ่งวันเท่านั้น กิจกรรมท่องเที่ยวที่นิยมจะมีแค่นั่งเรือชมเมือง รวมทั้งปิกนิกตอนกลางวันมากกว่า มันเลยทำให้รายได้ไม่หมุนเวียนในธุรกิจของคนพื้นที่มากนัก (อ้างอิงจากสำนักข่าว Reuters)   พระราชวังดอจ์ด ที่เวนิสประเทศอิตาลี   มาตรการเก็บเงินค่าเข้าสถานที่เริ่มมีผลตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะเก็บค่าเข้าคนละ 3 ยูโร (ประมาณ 108 บาท) สำหรับท่องเที่ยวในเมืองนี้ตลอดทั้งวัน ส่วนค่าเข้าในวันถัดไปสามารถเข้าไปเช็คที่เว็บไซต์ World Heritage ส่วนราคาสำหรับเข้าเที่ยวสถานที่มรดกโลกอย่างคลองเมืองเวนิสอาจสูงขึ้นไปถึง 10.11 ยูโร หรือ 365 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้เมืองเวนิซเองมีมาตรการเก่า คือเก็บนักท่องเที่ยวที่ค้างคืนอยู่แล้ว     แท้จริงแล้วคนท้องถิ่นของเมืองเวนิสลดลงหลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จากประชากรจำนวน 175,000 คนเหลือเพียงแค่ 50,000 แต่ขณะเดียวกันจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมีตัวเลขที่สูงมากขึ้น ทางการเวนิสเลยอยากที่จะแก้ไขปัญหา การเพิ่มของนักท่องเที่ยวแต่รายได้คนในพื้นที่ไม่หมุนเวียนมากพอด้วยการ ปรับเปลี่ยนให้เมืองแห่งนี้เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ทั้งเมืองไปเลย Luca Zaia ผู้ว่าราชการจังหวัดของเขตเวโนโตที่มีเมืองหลักคือเวนิสกล่าวว่า “เมืองเวนิสควรจะได้รับความเอาใจใส่มากกว่านี้ เพราะมันเป็นเมืองที่มีทั้งพิพิธภัณฑ์, สนามกีฬา, โรงหนังเก่า, รถไฟโบราณและเครื่องบิน เราควรที่จะวางแผนสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นการอนุรักษ์เมืองแห่งและคนที่ได้รับประโยชน์ก็คือตัวนักท่องเที่ยวเอง”…

เคยมั้ยที่โดนคนดูถูกว่าสิ่งที่คุณทำอยู่จะไม่มีใครสนใจมันหรอก?   ตอนเด็กๆ อาจจะเคยได้ยินกับคำว่า “เป็นศิลปินมันไส้แห้ง” หรือพอโตมาและเลือกเรียนสาขาที่ไม่ถูกใจพ่อแม่ เขาก็มักจะบอกว่า “จบไปจะทำงานอะไร?” เรื่องเหล่านี้ใกล้เคียงในชีวิตจริงของศิลปินชาวแคเมอรูนที่โดนคุณพ่อของเขาบอกว่า “สิ่งที่แกวาดขีดเขียนอยู่มันก็แค่งานสำหรับพวกขี้เกียจนั่นแหละ” Ajarb Bernard Ategwa เป็นศิลปินวาดภาพศิลปะแนวร่วมสมัยจากสาธารณรัฐแคเมอรูน ที่ชอบชื่นชอบการวาดภาพตั้งแต่เขายังเด็ก และในสมุดจดการบ้านหรือหนังสือเรียนของเขาจะเต็มไปด้วยภาพวาดเต็มไปหมด คุณพ่อของ Ajarb ดูจะไม่ค่อยชอบใจนักที่ลูกชายเอาแต่วาดภาพอย่างเดียวและมักจะตำหนิตั้งแต่เขายังเล็กเสมอว่าวาดรูปไปทำไมไร้สาระสิ้นดี…     ปัจจุบัน Ajarb อายุ 30 ปีและเป็นเจ้าของภาพวาดที่มีมูลค่าถึง 20,000 ปอนด์ (840,000 บาท) เขาทำงานและอาศัยอยู่ในเมือง Douala ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐแคเมอรูน เมื่อเขามองย้อนกลับไปตอนที่คุณพ่อดูถูกเขาบอกว่า “ทุกคนในบ้านจบการศึกษาที่สูงกว่าผมหมดก็จริง แต่ตอนนี้พวกเขาก็ให้การยอมรับผมมากเพราะผมประสบความสำเร็จที่สุด” ศิลปินบอกต่อว่าศิลปะคือวิถีชีวิตของเขาเป็นสิ่งที่เขามันตั้งแต่เขาจำความได้ เป็นสิ่งเดียวที่เขารู้ว่าต้องทำมันออกมายังไง เวลาที่เขาโมโหการวาดรูปมันช่วยให้เขาสงบนิ่งลง     ตั้งแต่เด็กจนโตมาเขาไม่เคยเรียนศิลปะอย่างจริงจัง เพราะคุณพ่อของเขาไม่ได้สนับสนุนในสายนี้ และเลือกที่จะเรียนรู้การใช้สีเองตั้งแต่เจ็ดขวบ ผลงานเกือบทั้งหมดของเขามักสื่อถึงชีวิตของคนในเมืองและแลนด์สเคปของตึกรามบ้านช่อง งานศิลปะที่ดูมีสีสันของเขาแสดงถึงเมือง Douala ที่เขาอยู่อาศัยด้วยเช่นกัน เพราะหากคุณเคยไปเยือนเมืองนี้จะเต็มไปด้วยตลาด ร้านอาหาร, บาร์ และร้านตัดผมที่มีป้ายไฟหมุน รวมถึงเมืองแห่งนี้เองมีสีสันอีกอย่างคือดนตรีเพราะไม่ว่าที่ไหนก็ตามคุณจะได้ยินเสียงดนตรีคลอไปด้วยตลอดเวลา     งานศิลปะของเขาได้ถูกจัดแสดงไปทั่วโลก ล่าสุดงานแกลอรี่ศิลปะของเขาเพิ่งจะเสร็จสิ้นไปที่กรุงลอนดอน จากนั้นก็เตรียมไปจัดงานต่อที่ New York’s Armory Show ในเดือนมีนาคมนี้ ศิลปิน Ajarb ได้บอกถึงเบื้องหลังความสำเร็จของเขาว่า “ลองปล่อยให้พวกเขาได้ทำตามความฝันบ้าง”…

คงจะไม่มีใครไม่รู้จักเมืองแห่งคาสิโนอันโด่งดังอย่าง ลาสเวกัส ที่อยู่ในเขตรัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมืองแห่งนี้เรามักจะเห็นกันบ่อยๆ ในหนังแก๊งมาเฟีย หรือหนังแอ็คชั่นที่ต้องมีพระเอกเข้ามาเล่นเกมคาสิโนเพื่อเสาะหาตัวร้าย อีกทั้งเมืองแห่งนี้ขึ้นชื่อว่า “เมืองแห่งคนบาป” เพราะในอดีตมันถือเป็นเมืองที่แก๊งมาเฟียต่างก็อยากเข้ามาครอบครองที่ดินและกว้านซื้อโรงแรมไว้ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ รวมไปถึงการฟอกเงิน และเพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าในปี 1900 ลาสเวกัสมีจำนวนประชากรในเมืองเพียงแค่ 22 เท่านั้น แต่ในปัจจุบันมันคือจุดหมายปลายทางของคนเกือบ 39 ล้านคนต่อปีที่อยากจะลองมาเสี่ยงโชคที่ลาสเวกัสดูสักครั้ง #เหมียวฝึกหัดหมายเลข24 จะพาไปดูกับภาพ 15 ภาพที่สะท้อนบรรยากาศของเมืองในสมัยนั้นได้ดีว่าทำไมคนถึงเรียกมันแบบนั้น?   1. ถึงแม้การพนันจะถูกทางการบังคับให้มันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายมาหลายปีแล้ว แต่คนก็ยังคงเล่นกันใต้ดินอยู่ดี   2. The Golden Nugget บ่อนคาสิโนที่เก่าแก่ที่สุดของลาสเวกัส และยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้   3. ปี 1948 ทางการบอกน้ำประปาของทั้งเมืองใช้ไม่ได้ แม้แต่น้ำในก๊อกของโรงพยาบาลก็ไม่ไหล แต่ห่างออกไปไม่กี่ซอยนักท่องเที่ยวกำลังเล่นน้ำในสระอย่างสบายใจ…   4. ธุรกิจท่องเที่ยวและการโรงแรมต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด   5. แก๊งมาเฟียนิวยอร์ก Bugsy Siegel ถึงขั้นต่างยื้อแย่งซื้อธุรกิจโรงแรมเพื่อฟอกเงิน หนึ่งในนั้นคือโรงแรม Tropicana ที่นักท่องเที่ยวต่างนิยมแต่หารู้มั้ยว่ามันมีอะไรอยู่เบื้องหลัง   6. ต่อให้เป็นกลางทะเลทรายห่างไกลผู้คนแค่ไหน บาร์เปลือยก็ยังคงตั้งตระหง่านให้เห็นอยู่ดี   7.…

นักศึกษาวัย 20 ปีจากประเทศอังกฤษ ที่กำลังศึกษาระดับชั้นวิทยาลัยในสาขาภาพยนตร์ ผู้อยู่เบื้องหลังคนตามเก็บสถานที่จริงในการถ่ายหนัง นักศึกษาหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Thomas Duke ได้เริ่มใช้อินสตาแกรม @steppingthroughfilm ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2017 เพื่อแชร์ในสิ่งที่เขารักในการถ่ายภาพในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์   จนถึงปัจจุบันนี้เขามีผู้ติดตามถึง 15,410 คนและได้ไปเยี่ยมชมสถานที่ถ่ายทำจริงมากกว่า 150 ที่ทั่วโลก!! และได้ให้สัมภาษณ์พร้อมกับบอกเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเลือกทำในสิ่งนี้ตลอดเวลาเกือบปีกว่า? “ทุกอย่างที่ออกมาเป็นภาพที่คุณเห็นมันอยู่ในหัวของผมหมดแล้ว ผมชอบที่จะท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ และเชื่อมโยงมันไปในฉากของภาพยนตร์ที่ผมรัก”   ฉากหลุมฝังศพของด็อบบี้ ในภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ และเครื่องรางยมทูตภาค 1 (2010) สถานที่ : ชายหาด Freshwater West ที่ เพมโบรคเชอร์ ประเทศเวลส์   Love Actually (2003) สถานที่ : South Bank, ลอนดอน “ถือเป็นวันที่ยาวนานมาก ผมตื่นมาตอนตี 4 และไปยังสนามบินฮีทโธรว์เพื่อมองเทอร์มินอลที่ใกล้เคียงกับฉากในเรื่อง Love Actually มากที่สุด” “หลังจากนั้นผมก็เดินทางต่อในลอนดอน เพื่อถ่ายฉากอื่นๆ ที่เหลือในเรื่องนี้…

ใครที่เข้ามาอ่านแล้วงงว่า ‘Fake Taxi’ คืออะไร หรือมันหมายถึงรถแท็กซี่ปลอมเหรอ แท้จริงแล้วเจ้าเฟคแท็กซี่ก็คือรถแท็กซี่รุ่นโบราณที่ใครเป็นแฟนคอหนังผู้ใหญ่เห็นแล้วจะต้องคุ้นตากันเป็นอย่างดี เพราะเจ้ารถเหล่านี้เคยถูกใช้สำหรับการถ่ายทำหนังผู้ใหญ่ของวงการอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ชื่อดังจากฝั่งยุโรป แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ได้มีข่าวเปิดตัวไปแล้วว่ามันถูกประมูลขายลงบน eBay และที่ทำให้แฟนๆ ต่างตื่นเต้นเพราะมันเคยถูกใช้มาแล้วอย่างโชกโชนอีกต่างหาก แต่ดูเหมือนว่าคนที่อยากได้มันจะต้องผิดหวังเพราะล่าสุด eBay ได้ปิดหน้าการประมูลไปเรียบร้อย ทำให้แฟนๆ ต้องชวดเจ้ารถเฟคแท็กซี่ไป   อ่านข่าวเพิ่มเติม : Fake Taxi เปิดประมูลรถแท็กซี่รุ่นดั้งเดิม ผ่านการใช้จริงมาแล้ว แฟนพันธุ์แท้ต้องไม่พลาด!     เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019 หลังเปิดการประมูลรถดังกล่าวที่ราคา 800 ปอนด์ (33,500 บาท) จนล่าสุดก่อนที่จะมีการปิดหน้าเว็บประมูลลง มียอดคนร่วมประมูลทั้งหมด 180 คน และราคาขึ้นไปอยู่ที่ 65,900 ปอนด์ (2,770,000 บาท) จนกระทั่งวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019 ที่ผ่านมาหลังวันที่ประกาศขายประมูลบน eBay แค่วันเดียว มันก็ถูกปิดหน้าประมูลลง หากเข้าไปที่หน้าขายเฟคแท็กซี่บน ebay จะเห็นว่ามันขึ้นว่าเกิดการขัดข้องและหาสินค้าดังกล่าวไม่เจอ     ถึงแม้ตอนแรกคนส่วนใหญ่คิดว่าคงมีคนแจ้งให้ลบการประมูลดังกล่าวลง แต่ที่จริงแล้วทางเว็บไซต์ต่างหากที่เป็นคนปิดการประมูลเนื่องด้วยเหตุผลที่ฟังดูแล้วถือว่าค่อนข้างแปลกทีเดียว…

นับเป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019 หลังจากทางการของปากีสถานยิงเครื่องบินของอินเดียตกสองลำ โดยให้เหตุผลเพราะเครื่องบินของอินเดียบินรุกล้ำเส้นเขตแดนน่านฟ้าของปากีสถาน หนึ่งในนั้นมีนักบินที่ถูกทางการปากีสถานจับตัวไปและสร้างสถานการณ์ตึงเครียดให้กับสองประเทศเป็นอย่างมาก กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ.2019 ทางการปากีสถานได้ปล่อยตัว Abhinandan Varthaman นักบินชาวอินเดียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางปากีสถานได้นำตัวส่งนาวาอากาศโท Abhinandan ที่เขตชายแดนของปากีสถานช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 1 มีนาคมตามเวลาท้องถิ่น   ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ประชาชนอินเดียและปากี ร่วมรณรงค์ผ่าน #ProfileForPeace ไม่เอาสงคราม บนทวิตเตอร์     นาวาอากาศโท Abhinandan เป็นนักบินขับเครื่องบินรบที่มีชั่วโมงบินตลอดระยะเวลา 16 ปี ที่ทำงานให้กับทางกองทัพอากาศอินเดีย เขามาจากนครเจนไน ตอนใต้ของประเทศอินเดีย และเริ่มเข้าทำงานให้กับทางการทหารอากาศตั้งแต่ปี 2003 จากเหตุการณ์อันตึงเครียด Abhinandan ได้เผยหลังการปล่อยตัวว่า “ทางการปากีสถานดูแลผมดีมาก พวกเขามีความเป็นมืออาชีพ” หลังจากที่ได้รับการปล่อยตัวเขาได้เข้าตรวจเช็กร่างกาย และจะกลับไปหาครอบครัวของเขาภายในสัปดาห์นี้ ก่อนหน้าที่เขาถูกทางการปากีสถานจับนั้น ประชาชนชาวอินเดียและปากีสถานต่างพากันโพสต์ข้อความถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก หลายคนต่างแสดงความห่วงใยผ่านโลกออกไลน์ตลอดเวลา แม้แต่วันที่เขาได้รับการปล่อยตัวแล้วก็ตาม   หญิงสาวคนหนึ่งได้โชว์ภาพของ Abhinandan ในการเดินขบวนแห่งหนึ่งที่ปากีสถาน…

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019 National Geographic ได้ทำการคัดเลือกผู้เข้าประกวดผ่านอินสตาแกรมทั่วโลกที่เข้าร่วมประกวดถึง 94,000 คน ภายใน 24 ชั่วโมง และได้สุดยอด 10 ภาพที่ดีสุดมาให้เราได้รับชมกัน โดยการประกวดมีขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองมีผู้ติดตามอินสตาแกรมของ National Geographic ครบ 100 ล้านคน และได้ทำแฮชแท็ก #natgeo100contest เพื่อเฟ้นหาภาพประกวดจนได้มาทั้งหมด 10 ภาพด้วยกัน หลังจากนี้ก็จะทำการคัดเลือกรางวัลชนะเลิศ Grand Prize อีกครั้งในสัปดาห์หน้า จากการโหวตของผู้ชมที่ติดตามอินสตาแกรม Nat Geo อีกครั้งหนึ่ง ส่วนผู้เข้าประกวดทั้ง 10 คนที่ได้รับเลือกให้เข้ารอบ จะได้โฟโต้บุ๊คพร้อมลายเซ็นจากช่างภาพชื่อดังจาก National Geography อีกด้วย มาชมกันเลยกับ 10 ภาพของผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบในครั้งนี้…   ภาพถ่ายของลูกลิงกอริลลาภูเขาที่กำพร้าแม่ ที่ศูนย์ Senkwekwe สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ถ่ายโดย : Amy Vitale https://www.instagram.com/p/BuGySCcAW7l/   ฉลามวาฬมีนิสัยที่เป็นของตัวเอง เจ้าฉลามวาฬตัวนี้มีนิสัยที่กล้าไม่กลัวคน และพร้อมจะเข้ามาใกล้เรือประมงทุกครั้งเพื่อทักทาย ถ่ายโดย : Cristina Mittermeier https://www.instagram.com/p/BuF_nkqFk8M/…

โลกใต้ท้องทะเล ถือเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยปริศนามากมาย เพราะมนุษย์เรายังทำความรู้จักกับสิ่งที่อยู่ลึกลงไปด้านใต้มหาสมุทรได้น้อยมากๆ ฉะนั้น ‘ภาพถ่ายใต้ท้องทะเล’ จึงเป็นสิ่งที่ดูน่าสนใจ และน่าค้นหามากๆ เลยทีเดียว และในวันนี้ #เหมียวฝึกหัดหมายเลข24 ก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมภาพเหล่านั้นกันค่ะ เป็นผลงานการประกวดภาพถ่ายใต้ท้องทะเลในรายการ British Underwater Photographer of the Year 2019 ซึ่งพวกเขาก็เพิ่งจะประกาศรายชื่อผู้เข้าประกวดที่ชนะเลิศทั้งหมด 27 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การประกวดนี้แบ่งออกเป็นทั้งหมด 13 ประเภทด้วยกัน จะเป็นอย่างไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   1. ชื่อภาพ The Gauntlet  ถ่ายโดย Richard Barnden จากอังกฤษ ชนะเลิศในประเภท Behaviour   2. ชื่อภาพ : Gentle Giants ถ่ายโดย Francois Baelen จากหมู่เกาะ Reunion ชนะเลิศในประเภท Wide Angle   3. ชื่อภาพ…

SpaceX บริษัทสำรวจอวกาศของเอกชนที่มีผู้ก่อตั้งคือ Elon Musk ได้ร่วมมือกับองค์การนาซ่าในการปล่อยยาน Crew Dragon สำหรับขนส่งมนุษย์ โดยจะทำการปล่อยขึ้นสู่กระสวยอวกาศวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ.2019 เวลา 2.49 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่ศูนย์อวกาศ Kennedy ของนาซ่า ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา และนี่จะเป็นครั้งแรกในโลกที่นาซ่าร่วมมือกับบริษัทเอกชนในการปล่อยยานอวกาศเพื่อการขนส่งมนุษย์ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะยังไม่มีการนำนักบินอวกาศขึ้นไปพร้อมกระสวยอวกาศลำนี้ แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็นมนุษย์ได้ขึ้นยานจรวดของบริษัท SpaceX หน้าร้อนนี้   SpaceX ได้ปล่อยภาพถ่ายของจรวด Crew Dragon ลงบนทวิตเตอร์ Targeting March 2 for Crew Dragon's first flight to the @Space_Station https://t.co/oJRtDhV3aL pic.twitter.com/lLw1FJHLvI — SpaceX (@SpaceX) February 6, 2019   โครงการปล่อยยาน Crew Dragon นาซ่าได้ตั้งชื่อว่า “dawn of a new…

‘โรคหัด’ ถือเป็นหนึ่งในโรคระบาดร้ายแรงที่คร่าชีวิตของมนุษย์มามากมายหลายล้านชีวิตเมื่อครั้งอดีต แต่ในปัจจุบัน เนื่องจากเทตโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้น ส่งผลให้โรคหัดห่างหายไปจากสังคมของมนุษย์มาเป็นระยะเวลานานแถมการป้องกันก็ง่ายเสียเหลือเกิน เพียงแค่ ‘ฉีดวัคซีน’ ก็จะทำให้คุณไม่ต้องเสี่ยงกับโรคหัดอันแสนน่ากลัวนี้อีกต่อไป… แต่ในปัจจุบันมีการเผยแพร่แนวคิดผิดๆ เกี่ยวกับ ‘การฉีดวัคซีน’ ทำให้พ่อแม่หลายๆ คนในหลายประเทศ ต่างก็เริ่มหันมาปฏิเสธไม่ให้ลูกของตัวเองเข้ารับการฉีดวัคซีน จนเป็นเหตุให้ ‘โรคหัด’ เริ่มกลับมาระบาดในหลายประเทศทั่วโลกแล้วในปัจจุบัน     จนทำให้องค์กรอนามัยโลก (WHO) ถึงกับเพิ่ม Anti-Vaxxers หรือ กลุ่มคนที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน ให้เป็น ‘ภัยคุกคาม’ ต่อสุขภาพของประชากรโลก!! นี่คืออีกหนึ่งเรื่องราวที่จะมายืนยันว่า ‘ลัทธิต่อต้านการฉีดวัคซีน’ กำลังกลายเป็นปัญหาที่ทั่วโลกต่างก็ต้องเผชิญ และต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน!! เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2019 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ของประเทศอังกฤษรายงานว่ามีสมาชิกครอบครัวชาวฝรั่งเศส ถูกกักตัวเอาไว้ในโรงพยาบาลในคอสตาริกา หลังจากลูกชายวัย 5 ขวบ ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ป่วยเป็นโรคหัดและเดินทางมาเที่ยวในช่วงหยุดยาว โดยเจ้าหน้าสาธารณะสุขของประเทศคอสตาริกา ให้ข้อมูลว่า ไม่มีการรายงานของเด็กในประเทศที่ป่วยเป็นโรคหัดมาตั้งแต่ปี 2006 แล้ว และในปี 2014 มีเพียงแค่รายเดียวเท่านั้นที่ติดเชื้อโรคหัดซึ่งเป็นชาวต่างชาติ แต่ทว่าล่าสุดหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมายืนยันว่าโรคดังกล่าวได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เด็กชายจากครอบครัวชาวฝรั่งเศสได้นำเชื้อโรคหัดเข้ามา…

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019 กลายเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก กรณีที่ปากีสถานได้ออกมาประกาศว่ายิงเครื่องบินแอร์ฟอร์ซของอินเดียตกถึงสองลำ และนักบินคนหนึ่งถูกจับกุมตัวไป ด้วยเหตุผลว่ายิงเพื่อเป็นการเตือนเพราะบินผ่านน่านฟ้าปากีสถาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บรรดานักวิเคราะห์ และสื่อต่างๆ มุ่งไปที่ประเด็นแบ่งแยกเขตดินแดนในพื้นที่แคชเมียร์ฝั่งปากีสถาน และทั้งสองประเทศได้ประกาศทำสงครามกันถึงสามครั้งเนื่องจากกรณีดังกล่าว   อ่านข้อมูลแบบเต็มๆ ได้ที่ : สรุปประเด็น ความตึงเครียดระหว่าง อินเดีย-ปากีสถาน เกิดอะไรขึ้นบนพื้นที่ชายแดนแคชเมียร์!?   ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลทั้งสองฝั่งจะทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างไร แต่ดูเหมือนว่าประชาชนของทั้งสองประเทศต่างร่วมมือกันทำแคมเปญแฮชแท็กว่า #ProfileForPeace บนทวิตเตอร์เพื่อจะสื่อว่าพวกเขาไม่ต้องการสงคราม แต่ต้องการความสงบสุขต่างหาก!!     คนที่เริ่มต้นทำแคมเปญนี้ครั้งแรกคือ Ram Subramanian นักผลิตภาพยนตร์โฆษณาชาวอินเดีย โดยเขาได้เริ่มแคมเปญ ProfileForPeace ตั้งแต่ปี 2016 แต่ปัจจุบันก็ได้กลับมาเป็นเทรนด์ที่นิยมบนทวิตเตอร์อีกครั้งเพราะเหตุการณ์ที่กล่าวไปข้างต้นนั่นเอง วัตถุประสงค์ของเขาคือ อยากให้คนเข้ามาร่วมแคมเปญในครั้งนี้ด้วยการเขียนสิ่งที่ตนอยากจะนำเสนอ ในเรื่องของการยุติความขัดแย้ง และความรุนแรงในประเทศทั้งสองพร้อมโพสต์ภาพตนเองและกระดาษที่เขียนลงบนทวิตเตอร์   ประกาศทางทวิตเตอร์จากหน่วยงานความมั่นคงของปากีสถานว่าได้ยิงเครื่องบินของประเทศอินเดียตกสองลำ พร้อมทั้งจับกุมนักบินหนึ่งคน In response to PAF strikes this morning as released by MoFA, IAF crossed…

ใกล้เข้าไปกันทุกทีแล้วกับ ‘การเลือกตั้งประจำปี 2562’ ของบ้านเรา ซึ่งหลายคนต่างก็ตื่นตัวกับการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการใช้สิทธิ์ครั้งแรกของใครหลายๆ คน หลังจากที่ไม่ได้เลือกตั้งมานานหลายปี ก่อนจะไปถึงเรื่องนั้น เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาประเทศ ‘ไนจีเรีย’ ก็เพิ่งจะมีการเลือกตั้งไป แถมยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เรียกได้ว่าหนักหนาเอาการเลยทีเดียว มีทั้งการเลื่อนเลือกตั้งแบบกระชั้นชิด การก่อการร้าย และมีผู้เสียชีวิต และเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019 ผลการเลือกตั้งครั้งนั้นก็ออกมาว่า มูฮัมมาดู บูฮารี ตัวแทนจากของพรรค All Progressives Congress ได้ประธานาธิบดีของไนจีเรียอีกครั้ง โดยเขาได้รับตำแหน่งเป็นสมัยที่สองแล้ว     แต่ อติกู อาบูบาการ์ หัวหน้าพรรค People’s Democratic Party ฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและบอกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการ ‘หลอกลวง’ ประชาชนอย่างยิ่ง โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 มีบรรยากาศทางการเมืองที่ไม่ค่อยดีนัก เมื่อการเลือกตั้งได้ประกาศเลื่อนออกไปก่อนเปิดหีบลงคะแนนเพียงไม่กี่ชั่วโมง ด้วยเหตุผลว่าต้องการจัดการเลือกตั้งที่โปร่งใส จนกระทั่งวันที่ 23 กุมภาพันธ์มีการเลือกตั้งตามปกติอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เกิดเหตุการณ์นองเลือดก่อนเปิดหีบคูหาไม่กี่ชั่วโมง เนื่องจากกลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารัมได้ใช้ระเบิดโจมตีเมืองไมดูกูรี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย และมีคนเสียชีวิตทั้งหมด 16 ราย…

ใครจะไปคาดคิดว่ารูปภาพ ‘เซลฟี่’ ของเราก็มีมูลค่าเหมือนกัน เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งจากเมืองสแตฟฟอร์ดเชอร์ ประเทศอังกฤษ ได้ลาออกจากงานประจำและมาขายรูปของตัวเองลงบนโลกออนไลน์จนเธอมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ เธอคนนี้มีชื่อว่า Lottie Miles สาวเซลฟี่เงินแสนคนนี้หลังออกงานเธอก็พยายามมองหาอะไรใหม่ๆ ทำ จนกระทั่งเพื่อนของเธอได้แนะนำให้รู้จักกับเว็บไซต์ที่ชื่อว่า OnlyFans   หน้าตาของเว็บไซต์ OnlyFans   โดยเว็บไซต์ OnlyFans นั้นมีไว้สำหรับใครก็ตามที่อยากเข้ามาติดตามเหล่านางแบบ นายแบบและสามารถขอดูภาพสวยๆ เท่ๆ ได้ด้วยการจ่ายเงินทางออนไลน์     ฟังดูแล้วอาจจะไม่คุ้นหูในบ้านเราเท่าไรนัก แต่ส่วนใหญ่แล้วนางแบบเหล่านี้ทำรายได้ค่อนข้างดีจากการได้เงินผ่านภาพของพวกเธอ โดยที่กลุ่มคนที่ติดตามจะจ่ายเงินให้ในราคา 3.75 ปอนด์ (ราวๆ 150 บาท) ไปจนถึง 37.50 ปอนด์ (ประมาณ 1,500 บาท) เลยทีเดียว นอกเหนือไปกว่านั้นผู้ติดตามยังสามารถที่จะพูดคุยบนเว็บไซต์ หรือทักทายผ่านภาพเหล่านั้นได้อีกด้วย Lottie มีแฟนๆ ที่คอยติดตามเธอ 150 คนแล้ว และเธอเล่าว่าเคยทำยอดของเดือนหนึ่งได้ถึง 5,500 ปอนด์ หรือประมาณ 230,493 บาท เพียงแค่ถ่ายรูปเซลฟี่ในห้องนอนเท่านั้น ถือว่าไม่แย่เลยทีเดียวหลังจากที่เธอเพิ่งสมัครเว็บไซต์นี้เมื่อต้นปีค.ศ. 2019 นี้เอง   .  …

เรื่องราวของชายหนุ่มที่เตรียมซื้อแหวนให้กับหญิงสาวที่เธอรักในงานแต่งที่กำลังจะมาถึง ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้านขายเครื่องเพชรพลอยพร้อมกับเลือกแหวนที่พวกเขาถูกใจที่สุดในร้าน หวังจะเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ ในการเลือกแหวนแต่งงานครั้งแรกด้วยกัน หลังจากทั้งคู่เลือกจนพอใจแล้ว ฝ่ายชายเดินไปจ่ายเงินกับทางร้าน แต่แล้วพนักงานคนหนึ่งที่เห็นแหวนวงนี้ก็พูดขึ้นว่า “ทุกคนดูสิ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีผู้ชายที่ยังจะซื้อแหวนแต่งงานราคานี้อยู่ด้วย ช่างน่าอับอายเหลือเกิน” … ชายหนุ่มรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมากพร้อมกับถามคู่หมั้นว่า “คุณจะแฮปปี้มั้ยถ้าผมซื้อแหวนวงนี้? คุณโอเคกับมันจริงๆ หรือเปล่า?” แฟนสาวของเขาไม่ยอมให้ชายหนุ่มรู้สึกเศร้าใจ เลยออกโรงปกป้องพร้อมแชร์เรื่องราวดังกล่าวลงบนเฟซบุ๊ก ซึ่งมีคนเข้ามาให้กำลังใจและกดไลค์กันเป็นจำนวนมาก   แหวนหมั้นราคา 130 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,090 บาท)   หญิงสาวคนนี้ชื่อว่า Ariel Desiree McRae จากแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยขณะนั้นเธอยังคงเป็นคู่หมั้น และจะถึงพิธีวิวาห์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ พวกเขาคบกันมาเป็นเวลาสองปีก่อนที่จะตัดสินใจจัดงานแต่งด้วยกัน ถึงแม้ว่าแฟนหนุ่มของเธอจะไม่มีเงินมากพอที่จัดงานสวยหรู หรือซื้อเพชรเม็ดโตเธอก็ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ ทั้งสองตกลงไปซื้อแหวนที่ร้าน Pandora และเลือกวงที่มีราคา 130 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,090 บาท) โดยไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะได้รับความผิดหวังจากการปฏิบัติของพนักงานร้านเช่นนี้ หลังจากที่พนักงานร้านดูถูกแฟนหนุ่มเช่นนั้น เธอจึงได้ตอกกลับพนักงานว่า “ทุกอย่างมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่แหวนวงเดียวหรอกนะ มันคือความรักของเราต่างหากล่ะ” พวกเขาจ่ายเงินซื้อแหวนพร้อมเดินออกจากร้านทันที     เรื่องราวจบลงตรงที่เธอไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับพนักงานในร้านมากนัก เพียงแค่ต้องการสื่อให้เห็นว่าความรักไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งของเท่านั้นและไม่ควรไปยึดติดว่าความรักจะดีหรือแย่เพราะคำพูดของคนอื่นที่ดูถูกดูแคลนเรา ทั้งสองคนเข้าร่วมพิธีวิวาห์ในวันที่ 18…

“ฉันมักจะทำในสิ่งที่คนบอกว่าฉันทำไม่ได้เสมอ” Maureen Beck ได้กล่าวไว้   Maureen Beck หญิงสาวจากรัฐเมน ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ดูเหมือนจะมีชีวิตวัยเด็กธรรมดา เธอชอบปีนต้นไม้ ลุยโคลนเช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ แต่สิ่งที่ทำให้เธอแตกต่างคือเธอเกิดมาโดยไร้แขนข้างซ้าย… ตั้งแต่เด็ก Beck มักจะปฏิเสธเข้าร่วมโครงการสำหรับเด็กเล็กพิการ ไม่ใช่เพราะว่าเธอไม่ยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น เพียงแต่เธออยากทำอะไรที่มันยิ่งใหญ่และท้าทายกว่านั้น วันหนึ่งเธอมีโอกาสเห็นคนพิการกลุ่มหนึ่งที่ปีนเขากันอย่างมืออาชีพ จึงทำให้เธอบอกกับตัวเองว่าจะต้องทำให้ได้เช่นกันและฝึกซ้อมกีฬาปีนเขาอย่างจริงจังนับแต่นั้นเป็นต้นมา   Maureen Beck ปีนเขาที่ Vedauwoo รัฐไวโอมิง   ครั้งแรกที่ Beck ได้หัดปีนเขาคือตอน 12 ขวบ ตั้งแต่นั้นไม่ว่าจะเป็นหน้าผาจำลอง หรือหน้าผาจริงก็กลายเป็นเหมือนเป้าหมายที่ทำให้เธอต้องพุ่งเข้าใส่และไม่อยากที่จะหยุดปีนเขา ชีวิตในวัยเรียนเธอพยายามลงการแข่งขันกีฬาทุกอย่าง ทั้งบาสเกตบอล วอลเลย์บอล หรือแม้กระทั่งการเป็นผู้รักษาประตูในการแข่งขันฟุตบอลก็ทำมาแล้ว หลังจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในรัฐเวอร์มอนต์ในปีค.ศ. 2009 เธอก็ได้ท้าทายตัวเองด้วยการปีนภูเขาน้ำแข็งเป็นครั้งแรก และเธอได้เขียนเรื่องราวครั้งนั้นลงบนเว็บไซต์ Rockclimbing พร้อมกับแชร์ภาพของเธอกับเครื่องมือเจาะน้ำแข็งที่ยึดติดไว้กับมือข้างซ้ายแทน ทำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของ Beck ไปเลยคือตอนปีค.ศ. 2012 เธอติดต่อกับทาง Paradox Sports กลุ่มนักปีนเขาไม่แสวงผลกำไรและรับคนทุกเชื้อชาติทุกเพศทุกวัย รวมไปถึงกลุ่มคนพิการด้วย   Beck กับการปีนหน้าผาน้ำแข็งพร้อมเครื่องมือเจาะน้ำแข็งที่เธอทำเอง   แน่นอนว่าหลังจากนั้น Beck…

ยังคงประเด็นต่อเนื่องจากข่าวที่ทาง PETA หรือองค์กรที่ทำงานเพื่อพิทักษ์สิทธิ์ของสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ออกมาต่อว่ากรณีที่ Google Doodle ได้โพสต์ระลึกถึง Steve Irwin ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าชาวออสเตรเลีย เนื่องในวันเกิดครบรอบ 57 ปีของเขาเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019 ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนเรื่องดังกล่าวจะจบไม่สวย เมื่อชาวเน็ตต่างออกมาต่อว่าถึงกระทำของ PETA ว่าไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง รวมถึงเคยเกิดเรื่องทำนองนี้หลายครั้งแล้ว และทำให้ชาวเน็ตเป็นจำนวนมากต่างไม่ค่อยพอใจถึงการกระทำขององค์กรดังกล่าว   อ่านข่าวเก่าได้ที่ : PETA จวก Google ยับ กรณีทำโพสต์สดุดีแด่ ‘Steve Irwin’ แต่ชาวเน็ตไม่เห็นด้วย!?   PETA ได้ออกมาโพสต์ลงทวิตเตอร์ว่าการบังคับสัตว์เพื่อการแสดงมันผิด   ก่อนหน้านี้ทาง PETA ได้ตอบกลับทาง Google Doodle ลงบนทวิตเตอร์หลายข้อความถึงความไม่พอใจในสิ่งที่ Steve Irwin เคยทำไว้ในรายการสารคดีต่างๆ ของเขา ทั้งการลากสัตว์ป่าหลายชนิดออกมาจากที่ของมัน เหมือนเป็นการไม่ยอมปล่อยให้พวกมันได้อยู่สงบตามธรรมชาติ แต่ขณะเดียวกันชาวเน็ตมีมุมมองเรื่องนี้แตกต่างกันไป และต่างออกมาปกป้อง Steve Irwin กันเป็นจำนวนมากพร้อมต่อว่ากลับถึงองค์กร PETA  …

เรื่องราวของชายผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต…   คุณหมอได้บอกชายคนหนึ่งว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึง 6 ปี เนื่องจากป่วยเป็นโรค ‘มะเร็งสมอง’ ทำให้เขาต้องสูญเสียหนึ่งในสี่ของสมองไป เขาผ่านการเข้ารับการผ่าตัดสมองถึง 4 ครั้ง ถูกผ่ากะโหลกออกถึง 3 ส่วนด้วยกัน และต้องทำคีโมถึง 29 ครั้ง… 20 ปีหลังจากคำพูดของคุณหมอในครั้งนั้น เขากลายเป็นชายที่ลงแข่งวิ่งมาราธอน เป็นคุณพ่อของลูกสาว อีกทั้งได้ช่วยให้คนอีกมากมายตระหนักถึงความสำคัญเกี่ยวกับโรคมะเร็งสมอง!!   ชายคนนั้นมีนามว่า Michael Moyles   Michael ก่อนที่จะต้องเผชิญกับโรคมะเร็งในสมอง ในอดีตเขาเคยเป็นถึงนายทหารอากาศยศพันเอก ทำหน้าที่ในการขับเครื่องบินแอร์ฟอร์ซให้กับกองทัพ นอกจากนี้เขายังเป็นนักบาสเก็ตบอลให้กับทีมในเมืองเล็กๆ ชีวิตของเขาดูเหมือนจะไปได้สวยจนกระทั่ง… วันหนึ่งขณะที่เขากำลังแข่งขันบาสเก็ตบอลเพื่อรักษาแชมป์ หนึ่งในผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามพลาดโยนลูกบาสเกตบอลเข้าที่หัวเขาอย่างแรง ทำให้เขาล้มลงหมดสติไปเกือบ 30 วินาที หลังจากฟื้นขึ้นมาแขวนขวาของเขาก็ไร้ความรู้สึกไปชั่วคราว Michael เดินทางไปเข้ารับการตรวจกับโรงพยาบาล ได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นด้วย CT สแกน ซึ่งตอนแรกดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไร และคุณหมอสั่งให้เขากลับบ้านได้ จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นเขาตัดสินใจไปตรวจอีกครั้งด้วยวิธี MRI จึงเป็นที่มาของข่าวร้าย…   เนื้องอกในสมองของ Michael Moyles   แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเขาเป็นโรคมะเร็งสมอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกันที่ก่อนหน้านี้เขาได้ขอ Angie…

เรื่องสุดเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นจริงที่โบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อบาทหลวงนามว่า Alph Lukau ได้ทำพิธีฟื้นคืนชีพคนที่ตายแล้ว!? ฟังดูแล้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างยิ่ง แต่บาทหลวงท่านนี้ได้ใช้วิธีอื่นหลอกให้คนเชื่อ ด้วยการจ้างคนเป็นมานอนนิ่งให้เหมือนศพ และทำราวกับว่าบาทหลวงสามารถปลุกให้คน (แกล้ง) ตายลุกขึ้นมาจากโลงศพและกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง   หนุ่มที่บาทหลวงจ้างมาให้เป็นสตั๊นท์แมนราวกับคนตายที่ฟื้นได้   เหตุการณ์นี้กลายเป็นกระแสในโซเชียลเมื่อมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอออกไป ซึ่งในคลิปมีบาทหลวง Alph ในชุดสูทสีฟ้ากับคนที่นอนอยู่ในชุดสีขาวและรายล้อมไปด้วยเหล่าคนที่ศรัทธาและเชื่อถือ หลังจากนั้นในคลิปวิดีโอจะเห็นบาทหลวงได้เริ่มทำพิธีการปลุกคนตายพร้อมกับพูดว่า“จงลุกขึ้นซะ” และชายในโลงศพก็ลุกขึ้นมาได้จริงราวกับเป็นปาฏิหาริย์…   คลิปวิดีโอที่บาทหลวงปลุกฟื้นคนจากโลงศพขึ้นมา    แต่หลังที่มีการเผยแพร่คลิปออกมาก็ดูเหมือนท่าจะไม่ดีนัก เมื่อทางการของเมืองโจฮันเนสเบิร์กได้ออกมาฟ้องร้อง บาทหลวงและบริษัทรับจัดงานศพที่บาทหลวงท่านนี้ทำงานให้ รวมไปถึงเตรียมฟ้องบริษัทรับจัดงานศพที่อะไรทำนองนี้อีกสองแห่งคือ Kingdom Blue และ Black Phoenix เหตุผลที่ฟ้องร้องคือการทำให้ศาสนาเสื่อมเสียและทำพิธีการเหล่านี้เพื่อหลอกเอาเงินจากเหล่าคนที่สิ้นหวัง โดยการหลอกให้พวกเขาหลงเชื่อในสิ่งที่เกินจริง   โบสถ์ที่รับจัดงานศพ เมืองโจฮันเนสเบิร์ก   อีกทั้งทาง CRL Rights Commission (กลุ่มด้านการอนุรักษ์ทางศาสนา ภาษาและวัฒนธรรม) ได้ออกมาบอกถึงกลุ่มคนที่หลงเชื่อเรื่องนี้ว่า “ไม่มีหรอกคำว่าปาฏิหาริย์”   ป้ายบริษัทรับจัดงานศพ Kings and Queens Real Funerals   อย่างไรก็ตาม มีคนให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่ามันเป็นเหมือนการดูหมิ่นศาสนา แต่ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนที่มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องขำขันและได้กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงมากมายผ่านแฮชแท็ก #ResurrectionChallenge บนทวิตเตอร์แล้ว   ที่มา: ladbible, bbc

นับเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่น่าจับตามองจริงๆ กับการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 2 ซึ่งจะมีการจัดประชุมขึ้นในวันพุธที่ 27 และวันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ 2019 นี้ ซึ่งการประชุมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาเรื่อง“การปลดอาวุธนิวเคลียร์” ที่คาบสมุทรเกาหลี โดยเมื่อวันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินทางถึงกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามด้วยเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน มาถึงกรุงฮานอยก่อนหน้านั้นเพียงหนึ่งชั่วโมง   อ่านข่าวเก่าได้ที่ : ‘คิม จองอึน’ เตรียมนั่งรถไฟไปพบ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ที่ฮานอย ร่วมสุดยอดการประชุมครั้งที่ 2     การเดินทางมากรุงฮานอยของทรัมป์แตกต่างจากผู้นำเกาหลีเหนือตรงที่เขาเดินทางด้วยเครื่องบินจากรัฐแมรี่แลนด์ และมาถึงเวลากลางคืนของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น การประชุมในวันพุธนี้จะเริ่มประชุมเวลา 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของเวียดนาม โดยจะเป็นการพูดคุยแบบตัวต่อตัวของทั้งสองผู้นำ หลังจากนั้นจะร่วมรับประทานอาหารเย็นพร้อมกันในเวลา 19.00 น. ส่วนวันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ยังคงไม่มีรายละเอียดจากธรรมเนียบขาวว่าจะเป็นเช่นไร แต่คาดว่าเราคงจะได้ทราบผลสรุปการสุดยอดการประชุมครั้งที่สองนี้อย่างแน่นอน     ก่อนหน้านี้ที่คิมจองอึนเดินทางด้วยรถไฟจากกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือไปยังประเทศเวียดนามนั้นต้องใช้เวลาเดินทางสองวัน ระยะทาง 4,000…

เรื่องราวอันน่าประทับใจนี้เกิดขึ้นที่เมืองโมเดสโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา มีพนักงานชายชื่อว่า Julian Surall ทำงานอยู่ที่ร้าน Love & Sandwich ได้ช่วยคุณแม่คนหนึ่งจับโจรที่วิ่งราวกระเป๋าเธอได้ ก่อนจะเกิดเหตุเขาเห็นคุณแม่คนนี้เดินเข็นรถเข็นเด็กอยู่ด้านหน้าร้าน ตอนนั้นทุกอย่างดูปกติดีหมดจนกระทั่งไม่กี่นาทีต่อมา เขาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือหลังเธอถูกโจรวิ่งราวกระเป๋าไป   พนักงานหนุ่มร้านขายแซนด์วิช   Julian รีบออกมานอกร้านและถาม Victoria FitzGerald ผู้เป็นแม่พร้อมลูกชายวัย 3 ขวบ ว่าเห็นโจรคนนั้นวิ่งหนีไปทางไหน จากการสอบถามก็ทำให้ทราบว่าโจรคนนี้ฉวยโอกาสตอนที่เธอเผลอ หยิบกระเป๋าออกจากชั้นวางด้านล่างของรถเข็น คุณแม่เล่าว่าเธอพยายามที่จะคว้ากระเป๋าและยื้อไว้ได้แต่สู้แรงของโจรไม่ไหวจึงถูกกระชากไปได้ก่อนโจรจะหลบหนีไป หลังจากนั้น Julian ได้วิ่งตามอย่างรวดเร็วและสามารถตามจับโจรวิ่งราวได้ไม่กี่ซอยถัดไป เจ้าหัวขโมยผู้โชคร้ายที่โดนจับได้มีชื่อว่า Stephen Bartlett หลังจากที่โดนจับได้ Julian ก็ได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทันทีเจ้าหน้าที่มาถึงเจ้าหัวขโมยก็ถูกจับตัวไปดำเนินคดีต่อ โดยหัวขโมยดังกล่าวถูกตั้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์ และถูกตั้งเงินประกันตัวเอาไว้ที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,571,150 บาท)   โฉมหน้าโจรวิ่งราวกระเป๋า   ทุกอย่างจบลงด้วยดีและคุณแม่ Victoria ได้ตอบแทนด้วยการมาเยี่ยมหา Julian ที่ร้านและรับปากว่าจะอุดหนุนซื้อแซนด์วิชกลับไปกินหากมีโอกาสได้มาเยือนแถวนี้ อีกทั้ง…

ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจให้กับมนุษย์เสมอ…   เช่นเดียวกับปรากฏการณ์ ‘คลื่นสึนามิน้ำแข็ง’ ที่เกิดขึ้นบนทะเลสาบอีรี่ ทางตอนเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019 ที่ผ่านมา และที่รัฐนิวยอร์กเองก็กำลังเกิดปรากฏการณ์ที่ว่านี้ด้วยเช่นกัน โดยสาเหตุมาจากคลื่นลมขนาดแรงมากได้พัดผ่านบริเวณนั้นตลอดช่วงวันอาทิตย์และวันจันทร์ที่ผ่านมา และพัดพาเอาเศษน้ำแข็งขึ้นมากองอยู่บนฝั่งด้วยจนกลายเป็นกำแพงสูงถึง 9 เมตร   ภาพจากชายฝั่งแฮมเบิร์ก รัฐนิวยอร์ก   ตามการรายงานข่าวจาก Fox News ระบุว่ารูปถ่ายเหล่านี้ที่เห็นเกิดจากการที่ลมพัดคลื่นน้ำแข็งเข้ามายังชายฝั่ง ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้นในการสร้างกำแพงน้ำแข็งใหญ่ขนาดนี้ เหตุการณ์ครั้งนี้คนต่างพากันประหลาดใจถึงสิ่งที่เห็น มีการถ่ายภาพ อัดวิดีโอเก็บไว้ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่อุทยานที่น้ำตกไนแองการ่าด้วย จากเหตุดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประชาชนมากมาย ถึงขั้นต้องปิดถนนในหลายๆ แห่ง จากการสัมภาษณ์คนในท้องที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนอย่างมากสุดก็เห็นชายฝั่งเป็นแผ่นน้ำแข็ง แต่ครั้งนี้มันเหมือนกับคลื่นสึนามิน้ำแข็งที่ถาโถมเข้ามา   . .   อย่างไรก็ตามทางการเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายประชาชนบางส่วนที่เสี่ยงจะเกิดอันตรายออกไปแล้ว และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการรายงานจากทางการว่าลมดังกล่าวจะหยุดพัดเมื่อไหร่ ซึ่งอาจจะแรงขึ้นไปถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมไปถึงอาจสร้างความเสียหายให้กับเสาไฟฟ้า ต้นไม้ และบ้านเรือน      ที่มา: travelandleisure, foxnews

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้…   นี่คือเรื่องราวของ Riley Baxter หนุ่มน้อยที่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรมตั้งแต่เกิด กลายเป็นขวัญใจของใครหลายๆ คน เพราะกลายเป็นนายแบบตัวน้อยให้กับแบรนด์ Mothercare และ Jools Oliver Little Bird ด้วยวัยแค่ 4 ขวบเท่านั้น!! ตอนที่เขาเกิดมา Stuart และ Kirsty พ่อแม่ของ Riley ต่างกลัวว่าเขาจะถูกกลั่นแกล้งจากเด็กคนอื่นๆ เพราะเขาเป็นดาวน์ซินโดรม หลังจากที่หนุ่มน้อย Riley ได้รับการติดต่อจากแบรนด์เสื้อผ้าให้เป็นนายแบบ จากบริษัทโมเดลลิ่ง Zebedee Management และเข้าเรียนวิธีการถ่ายแบบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กลับกลายเป็นว่าทุกคนทั้งเพื่อนๆ และครอบครัว ต่างก็ตื่นเต้นไปด้วยกับสิ่งที่เขากำลังทำ และพร้อมจะให้การสนับสนุน   Riley Baxter หนุ่มน้อยวัย 4 ขวบ   ก่อนหน้านี้คุณแม่ Kirsty เคยอุ้มครรภ์พี่สาวของ Riley ชื่อว่า Skye เมื่อปี 2013 แต่น่าเศร้าที่เธอต้องจากโลกนี้ไปตอนที่อายุครรภ์ได้ 13 สัปดาห์ ทำให้การอุ้มท้องลูกคนที่สอง (Riley) คุณแม่มีความกังวลเป็นอย่างมากว่าจะเกิดความผิดปกติกับ Riley หรือไม่ พอ Riley…

กลายเป็นประเด็นบนโลกออนไลน์เมื่อ PETA องค์กรที่ทำงานเพื่อพิทักษ์สิทธิ์ของสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ออกมาต่อว่า Google ในกรณีที่ทำการโพสต์สดุดีให้ Steve Irwin เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019 ที่ผ่านมา สาเหตุมาจากที่ Google ได้โพสต์ฉลองครบรอบวันเกิด 57 ปีของ Steve Irwin ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าชาวออสเตรเลียหรือเรารู้จักกันดีในชื่อว่า ‘นักล่าจระเข้’ และสาเหตุที่ทำให้ Steve กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ก็มาจากการทำสารคดีเกี่ยวกับสัตว์ป่าที่ดุร้าย แสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้น ด้วยการเข้าหาพวกมันโดยที่ไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังทำมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ป่าอีกมากมาย แต่สุดท้ายเรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 2006 จากอุบัติเหตุถูกเงี่ยงปลากระเบนธงแทงเข้าที่หน้าอก   โพสต์ที่ทาง Google ได้ฉลองวันเกิด Steve Irwin   หลังจากที่ Google มีการโพสต์ข้อความดังกล่าวลงบนทวิตเตอร์ ทาง PETA ได้ออกมากล่าวว่า Steve Irwin ไม่สมควรที่จะได้รับการสดุดีและยกย่องแบบนี้   โพสต์ที่ทางฝั่ง PETA ต่อว่า เนื้อความว่า “#SteveIrwin…

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019 เวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศจีน ผู้นำเกาหลีเหนือได้ถึงเขตชายแดนของประเทศจีน ที่เมืองมณฑลเหลียวหนิงเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะมุ่งสู่กรุงฮานอยต่อ โดยสุดยอดการเจรจารอบที่สองนี้จะจัดขึ้นระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือคิมจองอึน และโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในวันพุธที่ 27 และวันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2019 ที่กรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม   คิมจองอึน และโดนัลด์ ทรัมป์   การเจรจาครั้งนี้จะต่อเนื่องกับการประชุมครั้งแรกเมื่อปีแล้ว ที่เคยจัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 12 เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2018 ในประเด็นเรื่อง “การปลดอาวุธนิวเคลียร์” หลังจากที่ทั้งสองประเทศต่างข่มขู่ที่จะปล่อยอาวุธนิวเคลียร์ใส่กัน โดยการเจรจาครั้งแรกจบลงด้วยข้อตกลงว่า ประเทศเกาหลีเหนือยินยอมที่จะร่วมมือในการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีทั้งหมด และทางสหรัฐอเมริกาขอรับรองในความปลอดภัยให้กับประเทศเกาหลีเหนือนั่นเอง ก่อนที่จะมีประเด็นที่สหรัฐฯ ทำการ ‘คว่ำบาตร’ เกาหลีเหนือ แม้ว่าเกาหลีเหนือจะยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์ไปแล้วก็ตาม ทางเกาหลีเหนือก็เลยออกมาประกาศว่าจะทำการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ต่อไป…       และการเดินทางในครั้งนี้ นอกเหนือจากการประชุมแล้วคิมจองอึนตั้งใจที่จะเข้ามาท่องเที่ยวและเยี่ยมชมประเทศเวียดนามเป็นการส่วนตัว และคาดว่า คิม ยู-จ็อง พี่สาวของเขาจะตามมาในภายหลังด้วย อีกทั้งก่อนหน้านี้ทางประธานาธิบดีทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกส่วนตัวหลังจากที่ได้พบกับผู้นำเกาหลีเหนือเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วไว้ว่า “เรารักกันได้ดี และเขาเขียนจดหมายที่มีความหมายดีมากฉบับหนึ่งมาให้ผมด้วย”   สถานีรถไฟที่เปียงยาง…

เรื่องของการตัดผมเด็กในโรงเรียนไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศไทยเท่านั้น ในต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งอิสรเสรี ก็ยังมีเรื่องแบบนี้ให้เห็นเช่นเดียวกัน เมื่อวันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 ผ่านมา ที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา คุณแม่ Amy Martin  ได้บอกกับทางสำนักข่าวว่าลูกชายของเธอโดนตัดผมโดยที่ลูกชายของเธอไม่ได้ยินยอม Lane Kiesling ลูกชายวัย 16 ปี กล่าวกับทาง KXAS-TV ผมของเขาเริ่มยาวจนผิดกฎทางโรงเรียน Hico High School  “ผมหน้าของผมมันยาวลงมาจนถึงคิ้ว แต่ก็อยู่เหนือกว่าแว่นตา ไม่ได้ปิดตาผมเลยแค่เกือบๆ เท่านั้น”     คุณแม่ Amy ได้ให้เหตุผลว่าที่ไม่ได้พาลูกไปตัดผมนั้นก็เพราะว่าเธอไม่มีเงินมากพอ และไม่มีรถยนต์ไปไหนมาไหน เพราะเพิ่งจะย้ายเข้ามาในเมือง “ตอนนี้เรามีปัญหาด้านการเงินมาก เราเพิ่งย้ายมาเมืองนี้และค่าใช้จ่ายก็เยอะมาก ส่วนจะให้ตัดผมลูกเองฉันก็ไม่ถนัดเอาเสียเลย”   ข้อความที่คุณแม่แชร์ลงบนเฟสบุ๊ก บอกว่าลูกชายของเธอร้องไห้กลับมาบ้านพร้อมทรงผมที่เหมือน ‘จิม แครี่’ ใน ‘ดัมบ์แอนด์ดัมเบอร์’    Lane บอกว่า Shelli Stegall ผู้อำนวยการของโรงเรียนได้แจ้งกับเขาว่าหลังเลิกเรียนจะมีคุณครูคนหนึ่ง (มีใบอนุญาตเป็นช่างทำผม) เป็นคนตัดผมให้กับเขา แต่สุดท้ายทางโรงเรียนไม่ได้รอจนถึงเลิกเรียน แต่เรียกเขาออกไปตัดผมระหว่างกำลังเรียนในห้องอยู่ และกลับมาเข้าเรียนต่อพร้อมสภาพผมแบบนั้น พร้อมถูกเพื่อนๆ…

เรียกได้ว่ากำลังเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกกันอยู่เลยทีเดียว กับกรณีการแพร่ระบาดของ ‘โรคหัด’ ที่อยู่ๆ ก็มีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยสาเหตุหลักมาจากบรรดา ‘ลัทธิต่อต้านการฉีดวัคซีน’ ที่ไม่ยอมพาลูกๆ ไปฉีดวัคซีนนั่นเอง และตอนนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นเองก็กำลังประสบกับปัญหานี้ด้วยเช่นกัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 10-19 กุมภาพันธ์ 2019 ที่ผ่านมาทางหน่วยงานด้านสุขภาพของญี่ปุ่นได้ลงบันทึกว่ามีผู้ได้รับเชื้อโรคหัดทั้งหมด 167 ราย นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบสิบปีของประเทศญี่ปุ่น โดยจังหวัดมิเอะเป็นจังหวัดที่มีจำนวนติดเชื้อมากที่สุดถึง 49 ราย ตามมาด้วยจังหวัดโอซาก้าจำนวน 47 ราย, จังหวัดไอจิ 17 ราย และโตเกียว 11 ราย ส่วนจำนวนที่เหลือกระจายไปยังจังหวัดอื่นๆ (อ้างอิงจาก NHK) และเกือบทั้ง 49 ราย ที่มาจากจังหวัดมิเอะล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับลัทธิทางศาสนาที่มีชื่อว่า Kyusei Shinkyo     ลัทธิ Kyusei Shinkyo เป็นลัทธิที่ให้การนับถือท่าน Meishu ผู้นำของลัทธิในการเยียวยารักษาโรคด้วยวิธีเหนือธรรมชาติ และเป็นผู้ที่ให้การยกย่อง “การทำเกษตรด้วยวิถีธรรมชาติและการสร้างศิลปะเป็นเสาหลักของการไถ่บาป” รวมถึงความเชื่อในการไม่รับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน เพราะคิดว่ายาเหล่านั้นทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ ตามมา รวมไปถึงการปฏิเสธการเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโรคหัดนั่นเอง จนกระทั่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาทางลัทธิได้ออกมาขอโทษที่เป็นต้นเหตุและสร้างปัญหานี้ และจะปรับเปลี่ยนการให้ความรู้ด้านวัคซีนในวิธีที่ถูกต้อง “โดยเฉพาะโรคติดต่อที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูง เช่น โรคหัด”…

หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่นแถบคันไซ ก็คงหนีไม่พ้นจังหวัดนาระนี่แหละ ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งศาลเจ้าคะซุงะ, วัดโคฟุกุ รวมไปถึง วัดไทโดจิ และสวนนาระอันโด่งดัง ที่หากใครมาที่นาระ แล้วไม่แวะไป 2 แห่งนี้จะถือว่ามาไม่ถึงกันเลยทีเดียว!! หากใครเคยไปญี่ปุ่น หรือเห็นตามโฆษณาท่องเที่ยวจะเห็นว่าทั้งวัดไทโดจิ และสวนนาระนั้น มีกวางหน้าตาน่ารักมากมายที่มักจะมาขอขนมเซมเบ้จากนักท่องเที่ยว แต่ขณะเดียวกันก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่ถูกเจ้ากวางหน้าตาน่าเอ็นดูเหล่านี้ทำร้ายในทุกๆ ปี     ซึ่งล่าสุดข้อมูลจากทางการท่องเที่ยวของนาระได้ออกมายืนยันแล้ว ว่าเหล่ากวางป่าที่นาระมักจะเข้ามาทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากกว่าคนในท้องถิ่น และเมื่อต้นเดือนมกราคม 2019 ที่ผ่านมามีรายงานจากสถานที่ท่องเที่ยวว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโดนกวางทำร้ายถึง 209 กรณี ซึ่ง 80% เป็นนักท่องเที่ยวชาติต่างชาติทั้งหมด รวมทั้งหนึ่งในนั้นมี 8 กรณี ที่นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นกระดูกหัก โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนที่เป็นฤดูผสมพันธุ์ จะมีการรายงานนักท่องเที่ยวโดนกวางทำร้ายมากที่สุด เนื่องจากพวกมันจะก้าวร้าวในช่วงนั้นมากกว่าปกติโดยเฉพาะเพศผู้     โดยส่วนใหญ่แล้วกวางเหล่านี้จะเข้ามาทำร้ายนักเที่ยวขณะที่พวกเขากำลังจะให้ขนมเซมเบ้พวกมัน ตามการรายงานของ Kyodo News คาดว่าพวกมันไม่ชอบให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้ถ่ายรูปและพยายามที่จะเล่นกับมัน จำนวนของนักท่องเที่ยวที่ถูกกวางทำร้ายมีเพิ่มมาขึ้นทุกปี Akimasa Yoshimura หนึ่งในผู้ให้ข้อมูลในการให้อาหารกวาง และการเข้าหาพวกมันบอกว่า “กวางพวกนี้แรกๆ มันอาจจะดูเชื่องก็จริง แต่อย่างไรก็ตามพวกมันก็ยังมีสัญชาตญาณของสัตว์ป่าเสมอ นั่นจึงเป็นเหตุที่นักท่องโดนพวกมันทำร้ายเป็นประจำ”   .…

หากใครเคยดูซีรีส์เรื่อง Narcos น่าจะรู้จักกันดีกับ ปาโบล เอสโกบาร์ หนึ่งในพ่อค้ายาเสพติดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ด้วยความบ้าระห่ำ ความโหด และร่ำรวยมหาศาลถึงขั้นที่เผาเงินให้ลูกหายหนาวแทน ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ปี 1993 หลังจากเขาพยายามหลบหนีและต่อสู้กับเจ้าหน้าที่เป็นเวลาหลายชั่วโมง ปาโบลได้เสียชีวิตจากการวิสามัญฆาตกรรมในที่สุด แม้ปาโบล จะขึ้นชื่อในเรื่องของสิ่งที่ไม่ดี แต่เขาเป็นบุคคลสำคัญของคนในเขตสลัมของ เมเดยิน ประเทศโคลัมเบีย ที่ผู้คนในเมืองต่างก็ยกย่องให้เป็นดั่งโรบินฮู้ด แต่หลังจากผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี สิ่งต่างๆ ที่เขาเคยสร้างไว้ก็กลายเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมถึงสถานที่หลายแห่งก็ถูกยึดไว้โดยรัฐบาล   อดีตอะพาร์ตเมนต์ 6 ชั้น ของปาโบล เอสโกบาร์   ด้วยความที่ปาโบล มีทรัพย์สินเยอะมากรวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ที่เขาเคยกว้านซื้อ ทั้งคอนโด บ้าน อะพาร์ตเมนต์อีกหลายๆ แห่ง ทำให้ทางการต้องหาทางจัดการกับทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้น หนึ่งในนั้นคืออะพาร์ตเมนต์สูงหกชั้น ที่เคยเป็นบ้านของเขาที่เมืองเมเดยิน ล่าสุดถูกทางรัฐบาลของโคลัมเบีย ก็ตัดสินใจที่จะทำลายมันลงเมื่อเวลา 11.53 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2019 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของ “การเริ่มต้น และเกิดใหม่” ของเมืองแห่งนี้     ประชาชนกว่า 1,500…

ในแต่ละประเทศจะมีขนม และน้ำอัดลมที่รสชาติแตกต่างกันออกไปตามความนิยมของประเทศนั้น อย่างบ้านเราก็ขึ้นชื่อเลย์รสกะเพรา ประเทศญี่ปุ่นก็คิทแคทรสวาซาบิ และอีกมากมายเหลือเกิน โดยเว็บไซต์ brightside ได้แชร์ 10 อันดับขนมรสชาติแปลกประหลาดทั้งขนมกรุบกรอบ และน้ำอัดลม ที่ดังในต่างประเทศและเหมาะสำหรับคนที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ   10. โอริโอ้ รสปลาจากสวีเดน ขนมคุกกี้ชื่อดังที่ถึงแม้จะเปิดซองมาจะไม่ได้กลิ่นตุๆ ของปลา แต่มาในรสชาติของไวน์ และเชอร์รี่ โดยเจ้าโอริโอ้รสนี้เป็นที่ชื่นชอบของชาวสวีเดน ขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบรสชาติหลังกินมันเข้าไป https://www.instagram.com/p/BJ0OfTngzHn/?utm_source=ig_embed   9. โคคาโคล่าแบบใส โค้กแบบนี้มีขายที่ประเทศญี่ปุ่น และไม่ได้มีจำหน่ายตลอดเพราะผลิตออกมาจำนวนจำกัดเท่านั้น รสชาติของมันก็เป็นแบบเดียวกับโค้กปกติเลย แต่จะให้กลิ่นของผลไม้รสเปรี้ยวเล็กน้อย https://www.instagram.com/p/BBWIzHROk7l/?utm_source=ig_embed   8. มันฝรั่งเลย์รสมะนาว คิดว่ารสชาติน่าจะคล้ายกับมันฝรั่งรสชาติซอลธ์แอนด์ซาวร์ ที่มีรสชาติเปรี้ยวๆ เค็มๆ ของเกลือและน้ำส้มสายชู แต่เลย์อันนี้น่าจะหอมกลิ่นมะนาวและมีรสเปรี้ยวมากกว่า https://www.instagram.com/p/BVumbQRADWO/?utm_source=ig_embed   7. คิทแคทรสชาติชาเขียว คิทแคทรสนี้ถ้าเมื่อ 3-4 ปีก่อน น่าจะเป็นรสแปลกใหม่สำหรับบ้านเรา แต่ตอนนี้หาได้ทั่วไปที่ร้านสะดวกแล้ว ส่วนที่ต่างประเทศบางที่ยังถือว่าเป็นหนึ่งในรสชาติแปลกอยู่นะ https://www.instagram.com/p/BWhYtPyhQ68/?utm_source=ig_embed   6. สไปรต์กลิ่นและรสแตงกวา ถ้าใครอยากลองชิมน้ำอัดลมรสชาตินี้ต้องบินไปชิมที่รัสเซียแล้วล่ะ เพราะมีจำหน่ายที่นั่นที่เดียวและมีจำนวนจำกัดด้วย คนเคยได้ลองชิมบอกว่ารสชาติสดชื่นมาก เหมือนมีคนฝานแตงกวาลงไปเลยทีเดียว https://www.instagram.com/p/BUetLviAZkd/?utm_source=ig_embed…

สาวโสดคนไหนที่เคยเป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่งงานคงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ที่เราได้เห็นเพื่อนมีความสุข และสละโสดอย่างเป็นทางการเสียที แต่ขณะเดียวกันเราก็อยากจะมีโมเมนต์แบบนี้ไวๆ กับเขาบ้าง แน่นอนว่าสิ่งที่สาวโสดหลายๆ คนรอคอย นอกเหนือจากการรอถ่ายรูปเจ้าสาวตัดเค้กหรือเจ้าสาวเต้นรำกับเจ้าบ่าว ก็คงจะเป็นการรอให้เจ้าสาวโยนดอกไม้ และอยากจะเป็นผู้โชคดีคนนั้น   สองสาวโสดเตรียมพร้อมรอรับดอกไม้   เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในงานแต่งแห่งหนึ่งที่ เขตสหพันธ์คอเคซัสเหนือ ประเทศรัสเซีย ซึ่งที่แห่งนั้นการแต่งงานแบบดั้งเดิมจะไม่มีการโยนดอกไม้โดยเจ้าสาว และครั้งนี้น่าจะเป็นการจัดงานแบบสมัยใหม่ โดยตอนนั้นมีคนได้ถ่ายวิดีโอขณะที่ เจ้าสาวหันหลังเตรียมโยนดอกให้แขกในงาน และจากในคลิปวิดีโอจะเห็นว่ามีสองสาวโสดที่กำลังยืนรอรับดอกไม้จากเจ้าสาวอย่างตั้งอกตั้งใจ   เจ้าสาวถึงกับหัวเราะในเหตุการณ์ครั้งนี้   หลังจากที่เจ้าสาวได้โยนดอกไม้แล้ว ปรากฏว่าดอกไม้ดันไปอยู่ในมือของสาวโสดพร้อมกัน เรื่องชุลมุนจึงตามมาเมื่อพวกเธอถึงขั้นตบตี เพราะต่างอยากที่จะเป็นเจ้าสาวคนต่อไป แขกในงานต่างมองด้วยความตกใจ บางคนถึงขั้นหลุดขำออกมาถึงจริงจังในการแย่งดอกไม้ ส่วนบางคนก็พยายามที่จะเข้าไปห้ามพวกเธอ   ไม่มีใครยอมกันเลย   แขกในงานถึงขั้นต้องเข้ามาแยกพวกเธอออกจากกัน   จากภาพจะเห็นว่าเศษดอกไม้กระจัดกระจายเต็มพื้น และในที่สุดแขกในงานต่างช่วยกันแยกทั้งสองสาวออกมาได้สำเร็จ ทั้งคู่จ้องตากันอย่างโมโห ซึ่งผู้ชนะก็ได้ดอกไม้ไป ส่วนผู้แพ้ได้แต่มองตามด้วยความผิดหวัง ขณะเดียวกันเจ้าสาวดูค่อนข้างที่จะตื่นเต้นในเหตุการณ์แย่งดอกไม้ของเธออย่างเอาไปเอาตาย โดยเธอได้ยิ้มกว้าง และหันไปมองที่กล้องว่า “ดูนั่นสิ! เมื่อกี้คุณได้เห็นมั้ย!!”     ที่มา: mirror

ประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ให้ความสำคัญในช่วงเทศกาลแห่งความรัก เพราะที่ญี่ปุ่นจะมีวันไวท์เดย์ (14 มีนาคม) ที่หนุ่มญี่ปุ่นจะตอบแทนมอบของกลับให้สาวคนที่มอบใจให้พวกเขาในวันวาเลนไทน์ ขณะเดียวกันถึงแม้ชาวญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับวันเหล่านี้เพียงใด แต่มีผลสำรวจออกมาแล้วว่าชาวญี่ปุ่นทั้งชาย และหญิงบางกลุ่มต้องการที่จะมีคู่รักมากกว่าหนึ่งคนในเวลาเดียวกันด้วย     Sagami Rubber Industries บริษัทผลิตถุงยางอนามัยชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการสำรวจชาวญี่ปุ่นจำนวน 14,100 คน ทั่วประเทศทั้ง 47 เมืองในญี่ปุ่น จากการสำรวจทำให้ทราบว่า มีสาวที่เคยหลับนอนกับคู่นอนอื่นที่ไม่ใช่คู่รักตนเองอย่างน้อย 1 คน มีทั้งหมดประมาณ 15.2% ส่วนชายญี่ปุ่นที่เคยหลับนอนกับคู่นอนอื่นที่ไม่ใช่คู่รักของตนเองมากกว่า 1 คนขึ้นไป มีเปอร์เซ็นต์ที่สูงถึง 20.5%     สำหรับเมืองที่มีเปอร์เซ็นต์การนอกใจสูงที่สุดคือ จังหวัดไซตามะที่สูงถึง 31.03% โดยผู้เข้าร่วมการสำรวจทั้งชาย และหญิง ยอมรับว่าเคยนอกใจคู่รักด้วยการมีเซ็กส์ทั้งหมด ส่วนเมืองที่มีเปอร์เซ็นต์การนอกใจน้อยที่สุดในญี่ปุ่น คือ เมืองชิมาเนะ 16.74% และเมืองทตโตริ 14.88%     หากเรียงตามอันดับทั้งหมด โดยเลือกมา 10 อันดับเมืองที่นอกใจมากที่สุด มีดังนี้ (1) ไซตามะ: 31.03% (2)…

He Yuhong สาวจีนคนนี้เป็นศิลปินด้านการแต่งหน้าที่เคยโด่งดังมาแล้วครั้งหนึ่ง ด้วยการที่เธอแต่งหน้าตัวเองได้เหมือน โมนา ลิซ่า มาก จนมียอดชมวิดีโอวิธีการแต่งหน้าดังกล่าวบนอินสตาแกรมถึง 655,786 วิว และคราวนี้เธอก็สามารถเรียกผู้ชมได้อีกครั้ง ด้วยการแต่งหน้าเป็นคาแร็คเตอร์อันโด่งดัง แจ็ก สแปร์โรว์ จากภาพยนตร์เรื่อง ‘Pirates of the Caribbean’ ที่นำแสดงโดยจอห์นนี เดปป์ โดยเธอได้ใช้ฝีมือแต่งหน้าให้ออกมาเหมือน แจ็ก สแปร์โรว์ ได้อย่างไร้ที่ติ ลงบนอินสตาแกรม @yuyamika7   อินสตาแกรมของ He Yuhong https://www.instagram.com/p/Btv3IE0lY8B/   เธอได้โพสต์คลิปวิดีโอแต่งหน้าเป็น แจ็ก สแปร์โรว์ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ และมีคนเข้ามาดูจนถึงตอนนี้แล้วจำนวน 836,784 วิว He Yuhong ได้เริ่มเปิดใช้อินสตาแกรมตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2014 จนปัจจุบันเธอมีคนติดตามบนอินสตาแกรมถึง 383,030 คน ก่อนหน้านี้เธอเคยทั้งแต่งหน้าเป็น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, ภาพวาดสาวใส่ต่างหูมุก, ชาร์ลี แชปลิน และแบล็กวิโดว์มาแล้ว   . . . .…

B&W Child Photography Contest นับว่าเป็นการประกวดภาพถ่ายขาวดำระดับนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งจะมีการจัดประกวด ‘ภาพถ่ายขาวดำ’ จากทั่วโลกในทุกๆ ปี ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา และหัวข้อหลักในการจัดประกวดคือภาพถ่ายของเด็ก และเยาวชน ปี 2018 ที่ผ่านมามีการเข้าประกวดจากทั่วทุกมุมโลก และภาพที่ชนะใจกรรมการมีทั้งหมด 12 ภาพ โดยจะแบ่งเป็นทั้งหมด 4 ประเภท คือ ภาพถ่ายวิถีชีวิต, บุคคล, ทัศนศิลป์ และ สารคดีและสตรีท   1. ชื่อภาพ “Rainy” โดย Irina Sirotova จากประเทศรัสเซีย (อันดับที่ 2  ประเภท ภาพถ่ายวิถีชีวิต)   2. ชื่อภาพ “Like Toy Soldier” โดย Erich Caparas จากประเทศสหรัฐอเมริกา (อันดับที่ 2 ประเภท ภาพถ่ายบุคคล)   3.…

Jackson Oswalt คือหนุ่มน้อยวัย 14 ปี ที่สามารถสร้างเครื่องปฏิกรณ์ ‘นิวเคลียร์ฟิวชั่น’ ได้สำเร็จ เขาเป็นเด็กอายุน้อยที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา หรืออาจจะในโลกที่สามารถสร้างเครื่องปฏิกรณ์ด้วยวัยเพียงเท่านี้ หนุ่มน้อยคนนี้มาจากเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี เขาเปลี่ยนห้องในบ้านให้กลายเป็นห้องทดลองขนาดย่อม และสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขึ้นจากเครื่องซีลสูญญากาศ รวมถึงหัวปั๊มต่างๆ ในการทดลองครั้งนี้   Jackson Oswalt กับห้องทดลองของเขา   Jackson เริ่มทำการทดลองเครื่องปฏิกรณ์ตั้งแต่เขาอายุ 12 ปี และค้นหาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับนิวเคลียร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พร้อมกับการสนับสนุนของพ่อและแม่ ถึงแม้พวกเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกชายกำลังทำอยู่เลยก็ตาม หนุ่มน้อยใช้เวลาเก็บเงินเป็นปี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการสร้างเครื่องเหล่านี้ที่ประมาณ 8,000-10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (248,720-310,900 บาท)     ระหว่างค้นหาข้อมูลนั้น หนุ่มน้อยต้องการที่จะล้มสถิติของ Taylor Wilson ที่เคยสร้างเครื่องปฎิกรณ์นิวเคลียร์สำเร็จในปี 2008 ในวัย 14 ปี เขาจึงเรียนรู้จากความสำเร็จ และข้อผิดพลาดของคนอื่น เพื่อที่จะเป็นการประหยัดเวลา และให้เกิดข้อผิดพลาดในการทดลองน้อยที่สุด   “ตอนเริ่มต้นขั้นตอนแรกๆ เลย คือผมต้องศึกษางานของคนที่เคยทำเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชั่นสำเร็จก่อน หลังจากนั้นผมจึงค่อยบันทึกลงไปว่าผมต้องใช้อะไรบ้างกับโปรเจกต์ในครั้งนี้” “อีกทั้งของส่วนใหญ่ผมสั่งจาก Ebay แต่มันก็ยังไม่ตรงกับสิ่งที่ผมต้องการเท่าไหร่ ผมเลยเอามันมาดัดแปลงขึ้นใหม่ตามที่ผมต้องการเลย”…

ได้มีการเปิดตัวกับกีตาร์แบรนด์ลูกของ Lowden ไปแล้วกับ Sheeran Guitars By Lowden ที่งาน ‘Namm 2019’ ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ร่วมกับทางแบรนด์กีตาร์จากไอร์แลนด์ จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก เอ็ด ชีแรน นั่นเอง ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้ เอ็ด ได้กล่าวไว้ว่า “อยากจะให้คนรุ่นใหม่ๆ มีกีตาร์คุณภาพดี และราคาจับต้องได้ไว้ใช้เล่นกัน” และสโลแกนของกีตาร์ Sheeran คือ ‘Born to Play’ ที่มีความหมายว่า “เกิดมาเพื่อเล่น”   เอ็ด ชีแรน กับกีตาร์ ‘Sheeran by Lowden’   ก่อนหน้าที่จะมีการร่วมงานระหว่างกีตาร์แบรนด์นี้กับ เอ็ด เคยร่วมงานกับแบรนด์ Martin Guitars มาแล้ว แต่การร่วมงานในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะกีตาร์ Lowden เป็นแบรนด์ที่เขาชื่นชอบมากตั้งแต่ยังเด็ก เจ้าของแบรนด์นี้ คือ จอร์จ โลว์เดน ชาวไอริช ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำกีตาร์ด้วยมือเกือบ 45 ปี (ตั้งแต่ปี 1974) โดยโรงงานที่ผลิตกีตาร์นี้ตั้งอยู่ที่ไอร์แลนด์เช่นกัน รวมถึงเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ใช้ไม้คุณภาพดีมากๆ มีโทนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นหนึ่งในแบรนด์กีตาร์ที่มีราคาแพงที่สุดอีกด้วย…

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2019 ที่ผ่านมาได้มีการจัดงานเทศกาล ‘ปาเต้าหู้’ ณ เมืองชิงหย่วน อำเภอฝูกาง มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน โดยเทศกาลดังกล่าวนั้นได้สร้างทั้งความสนุกสนาน และแปลกตาให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และในปีนี้คาดว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมไปถึงคนท้องถิ่นเองที่มาร่วมเทศกาลนี้กันอย่างคับคั่งถึง 10,000 กว่าคน ซึ่งภายในงานมีทั้งการเดินขบวนแห่ตีกลอง และมีการนำเต้าหู้ปาใส่กันอย่างรื่นเริงจนเห็นพื้นเป็นสีขาวไปทั่ว     ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเทศกาลปาเต้าหู้นั้นยาวนานถึง 400 ปี และมีการบันทึกไว้ตั้งแต่ราชวงศ์หมิง ซึ่งตอนนั้นมีครอบครัวหนึ่งในจีนตอนใต้ แซ่หลิน ต้องการที่จะสักการะเหล่าบรรพบุรุษ และใช้เต้าหู้เป็นตัวแทนของสิ่งที่ต้องการส่งถึงบรรพบุรุษของพวกเขา ต่อมาจึงมีการส่งต่อธรรมเนียมนี้ไปยังลูกหลาน จนกระทั่งในปี 2007 เทศกาลปาเต้าหู้ได้ขึ้นเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมของมณฑลกวางตุ้ง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเทศกาลนี้ก็ดึงดูดผู้คนมากกว่า 10,000 คน ทั้งคนในท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ให้หลั่งไหลมายังอำเภอฝูกางแห่งนี้   ในปัจจุบันเทศกาล ‘ปาเต้าหู้’ ถือเป็นงานที่สร้างความรื่นรมย์ และผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานมาเป็นเวลาหลายเดือนของพวกเขา รวมไปถึงเป็นการขอพรเพื่อให้ผลผลิตดี และได้รับโชคดีในปีใหม่อีกด้วย . . . . . . . . . .  …

กลายเป็นที่รู้จักบนโลกออนไลน์ เมื่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งได้ถ่ายภาพลูกฝาแฝดชายหญิงวัย 4 ขวบขณะนอนหลับลงบนอินสตาแกรม และภาพที่ได้ออกมานั้นก็น่ารักมากๆ เลย คุณแม่ชาวญี่ปุ่นคนนี้ ใช้ชื่อบัญชีอินสตาแกรมว่า @ayumiichi ในการแชร์ผลงานอันสร้างสรรค์ระหว่างที่ลูกๆ กำลังนอนหลับให้ออกมาเป็นภาพที่แปลกตา และดูมีเรื่องราวด้วยการใช้เพียงผ้าห่ม, หมอน และของต่างๆ รอบตัวเท่าที่เธอจะนึกได้ขณะนั้น   ฮูเร่ๆๆ เหมือนลูกๆ เพิ่งชนะรางวัลอะไรมาสักอย่าง ต้องฉลองสักหน่อย https://www.instagram.com/p/Bt-7w58FBQE/   เป็นไอเดียวันเกิดที่น่ารักมากก https://www.instagram.com/p/BtdfdUQl5hr/   มีใครรับไอติมมั้ยค้าบ/ค้าา https://www.instagram.com/p/Bo_t6Dsl2mY/   เมื่อคุณลูกช่วยกันซักผ้า https://www.instagram.com/p/BtU9d5el0fy/     เทศกาลวาเลนไทน์ที่ผ่านมา https://www.instagram.com/p/Bt27tA9FKYr/   ช่วงเทศกาลปาถั่วไล่ยักษ์ ที่เด็กๆ ถูกยักษ์จับไปเรียบร้อยแล้ว!! https://www.instagram.com/p/BtaZNNLFN_7/   เด็กน้อยฝาแฝด ในตุ๊กตาดารุมะ https://www.instagram.com/p/BtDPEgTFjDp/   คุณแม่ครีเอทมาก จับมาเป็นเขากวางซะเลย https://www.instagram.com/p/BrxcBnmlJQ8/   เอ้า ช่วยกันหยอดกระปุกเร็วว แต่อีกคนจะทุบแตกแล้วสิ… https://www.instagram.com/p/BrVJ-aYlpne/   ดูน่าสบายมากๆ https://www.instagram.com/p/Bq_ugSEldTv/  …

สาวก Hello Kitty และสาวๆ ที่ชื่นชอบรองเท้าผ้าใบเตรียมดีใจได้เลย เพราะในปี 2019 นี้ รองเท้าสุดคลาสสิคแบรนด์ดังอย่าง Converse ได้จับมือกับ Sanrio ที่มีตัวการ์ตูนแมวอย่าง ‘Hello Kitty’ มาทำเป็นคอลเล็คชั่นรองเท้าผ้าใบสุดน่ารัก โดยครั้งนี้จะเป็นการสร้างคอลเล็คชั่นรองเท้ารุ่นใหม่ว่า ‘Hello Kitty x Converse’ นั่นเอง และจะไม่มีเพียงแค่สีชมพูเท่านั้น แต่แฟนๆ ยังสามารถที่จะเลือกสีต่างๆ เองในการสั่งทำรองเท้าได้ด้วย     แบบของรองเท้า ‘Hello Kitty x Converse’ จะมีทั้งทรงข้อสูงและข้อเตี้ย รวมไปถึงโลโก้ของ Converse ที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับการร่วมงานกันอีกต่างหาก สีที่มีให้เลือกจะมีตั้งแต่สีดำไปจนถึงสีพาสเทล แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเทศที่มีการวางจำหน่าย หากลูกค้าสั่งจากประเทศอังกฤษ หรือ สหรัฐอเมริกาจะสามารถสั่งทำสี และลายได้เอง รวมไปจะมีการจำหน่ายคอลเล็คชั่นเสื้อผ้าอีกด้วย ส่วนแฟนๆ ชาวไทยดีใจได้เลยเพราะทางเว็บไซต์ Converse Thailand มีการวางจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว แต่หากใครอยู่ประเทศญี่ปุ่นอาจต้องรอไปก่อน เพราะล่าสุดยังไม่มีการวางจำหน่าย หรือสามารถสั่งซื้อจากญี่ปุ่นได้   ทรงข้อสูงแบบขาวๆ เรียบๆ     ทรงข้อเตี้ยลายน่ารักๆ…

หากเรานึกถึงสถานีรถไฟใต้ดินเรามักจะนึกถึงความวุ่นวาย และความเร่งรีบของผู้คนในชั่วโมงเร่งด่วน เช่นเดียวกับที่สถานีรถไฟใต้ดินนครนิวยอร์ก แม้ว่าที่นั่นอาจจะเสียงค่อนข้างดังและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างจากบ้านเราไปบ้าง แต่ยังคงความวุ่นวายเสมอ โดยครั้งนี้มีศิลปินคนหนึ่งที่รังสรรค์ภาพผู้คน และบรรยากาศภายในสถานีให้น่าสนใจด้วยการนำ ตัวคาแร็คเตอร์ของสัตว์ประหลาดตัวสีฟ้า ที่มีทั้งเขี้ยว เขา และดวงตากลมโต ให้ดูเหมือนกับว่ามันมีส่วนร่วมกับผู้คนเหล่านั้นด้วย   สัตว์ประหลาดสีฟ้าที่พร้อมทำให้สถานีรถไฟดูมีสีสันขึ้นทันที   ศิลปินคนนั้นคือ Ben Rubin เป็นหนึ่งในศิลปินที่มีชื่อเสียงในการวาดรูป หรือทำกราฟฟิตี้ต่างๆ ลงบนสถานีรถไฟใต้ดินนครนิวยอร์ก และ Ben มักจะแชร์ภาพต่างๆ ของสถานีรถไฟที่มีตัวคาแร็คเตอร์น่ารักๆ ใส่ลงไปด้วย บนอินสตาแกรมว่า @SubwayDoodle ซึ่งโปรเจกต์ในครั้งนี้เขาได้นำภาพจากในหนังสือที่ชื่อว่า ‘everyday life in NYC subways’ โดยในหนังสือจะมีภาพถ่ายชีวิตประจำวันของผู้คนที่ใช้สถานีรถไฟใต้ดิน มาทำให้ดูเจ๋งมากขึ้นด้วยการวาดสัตว์ประหลาดเหล่านี้ลงไป   . . . . . . . . . . . . .   หากใครสนใจงานศิลปะของศิลปินคนนี้สามารถติดตามเขาได้ที่อินสตาแกรม @subwaydoodle และเว็บไซต์ subwaydoodle.com   ที่มา: boredpanda

ศิลปินชาวอังกฤษ วัย 21 ปี มีชื่อเสียงด้านการวาดรูปที่สะท้อน และจิกกัดสังคมได้ดี เขาใช้สื่ออย่างอินสตาแกรม @stbartwork ในการเป็นกระบอกเสียงให้ผลงานออกไปสู่สาธารณะ และหวังจะสร้างแรงขับทางสังคมได้บ้าง ศิลปินคนนี้ ชื่อ Sam Bailey อาศัยอยู่ในเมือง Slough ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นวาดรูปในปี 2011 หลังจากนั้นในปี 2013 จึงโพสต์ภาพต่างๆ เหล่านี้ลงบนโลกโซเชียล จนคนต่างให้ความสนใจผลงานของเขา เพราะภาพเหล่านี้มักจะตั้งคำถามกับคนดูเสมอ   1. เหมือนถูกป้อนข้อมูลด้วยพวกสื่อทางโซเชียลมีเดียเหล่านี้ตลอดเวลา   2. ตัวแทนของภาวะโลกร้อน มลพิษ ยิ่งหากน้ำแข็งละลาย หมีขั้วโลกเหนือก็อยู่ไม่ได้   3. ทุกวันนี้มนุษย์สามารถตัดแต่งต่อเติม หรือศัลยกรรมได้ง่ายๆ เหมือนใช้โปรแกรม Photoshop   4. คำยอ การชื่นชม และการกดไลค์บนโลกออนไลน์ คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงใครหลายๆ คน   5. คนให้ความคุ้มครองด้านกฎหมายอาวุธมากกว่าจะคุ้มครองเยาวชนรุ่นต่อไป   6. เวลามันผ่านไปไวกว่าตาเห็น   7. หนึ่งในสิ่งที่ทุกคนกลัวมากที่สุด   8.…

ผ่านมาเกือบครึ่งเดือนแล้วกับเทศกาลตรุษจีน 2019 เช่นเดียวกับประเทศเกาหลีเหนือที่มีการเฉลิมฉลองกับเทศกาลตรุษจีน เหมือนหลายประเทศในเอเชีย แต่สิ่งที่แตกต่าง คือ พวกเขาไม่ได้ให้ซองแดง หรือ อั่งเปาเหมือนประเทศอื่นๆ… ทางสำนักข่าวของ New York Times ได้รายงานว่าชาวเกาหลีเหนือให้ของในเทศกาลตรุษจีนนี้ด้วย ‘ยาไอซ์’ หรือศัพท์ทางการที่เรียกว่า ‘เมทแอมเฟตามีน’ ซึ่งเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์เป็นยากระตุ้นประสาทที่รุนแรงมากชนิดหนึ่ง   ประเทศเกาหลีเหนือเองนั้นได้เริ่มมีปัญหาด้านสารเสพติดตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา และมีการใช้มันเพิ่มมากขึ้นในปี 1990 เนื่องจากประเทศเกาหลีเหนือกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยสารเสพติดชนิดนี้ ชาวเกาหลีเหนือเรียกมันว่า ‘Pingdu’ อีกทั้งยังมีการรายงานว่ามันเป็นที่นิยมในการให้เป็นของขวัญทั้งในวันเกิด, วันจบการศึกษา และเทศกาลอื่นๆ อย่างเช่น ตรุษจีนเป็นต้น   รูปปั้นท่านผู้นำเกาหลีเหนือในปัจจุบัน และพ่อของเขา คิม จ็อง-อิล   ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ทางการรัฐบาลยังไม่ได้แก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง และ Andrei Lankov หนึ่งในอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประเทศเกาหลีเหนือ มหาวิทยาลัยกุกมิน ในเกาหลีใต้ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “สารเสพติดชนิดนี้ คนเกาหลีเหนือใช้กันอย่างแพร่หลายเหมือนเป็นยาชูกำลัง เช่นพวก เรดบูล หรือเครื่องดื่มชูกำลังอื่นๆ” “พวกเขาจะใช้มันด้วยวิธีการฉีดเข้าเส้นเลือด หรือสูดดมเข้าไปเหมือนเป็นของธรรมดา เช่นการที่พวกเขาสูบบุหรี่ปกติในทุกๆ…

Bjarke Ingels Group (BIG) ได้คิดไอเดียในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนอกจากสร้างโรงงานแล้ว พวกเขายังทำลานสกีภูเขาให้ชาวเดนมาร์กละแวกนั้นมาเล่นกันได้ด้วย แต่การจะทำให้ไอเดียเป็นจริงขึ้นมาได้ ต้องใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 5 ปี รวมไปถึงต้นทุนมหาศาลในการทำโปรเจกต์นี้   โรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก   โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ (Amager Hill) นี้ตั้งอยู่ที่ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก และได้เริ่มใช้งานจริงในการเผาขยะเพื่อเป็นพลังงานไฟฟ้า เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2017 แต่เปิดให้ประชาชนสามารถทดลองเล่นสกีได้จริงเมื่อเดือนมกราคม 2019 ที่ผ่านมา โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้จะผลิตไฟฟ้าให้กับประชาชนราว 550,000 ครัวเรือนในบริเวณใกล้เคียง ด้วยการเผาเศษขยะถึง 400,000 ตันต่อปี แต่สิ่งที่สร้างความน่าสนใจคือโรงไฟฟ้าแห่งนี้นี้ไม่ผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเลยหากเทียบกับโรงงานเผาขยะทั่วไป ไอเดียในการสร้างโรงงานให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้น มาจากการที่ประเทศเดนมาร์กต้องการให้ตัวเองเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ‘เป็นศูนย์’ และพวกเขาอยากจะเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างโรงงานแบบเดิมเหมือนที่ผ่านมาก็ได้ แต่เราสามารถพัฒนามันให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และประชาชนมีส่วนร่วมกับมันได้จริงๆ     Patrick Gustafsson หนึ่งในทีมงานจาก BIG ได้อธิบายถึงความยากในการทำลานสกีบนโรงงานแห่งนี้ที่ต้องใช้ต้นทุนในการก่อสร้างทั้งตัวโรงงาน และลานสกีถึง 670 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 20,960 ล้านบาท “หลังคาที่ตั้งใจให้เป็นลานสกี จริงๆ แล้วมันชันมากสำหรับการเล่นสกี…

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการที่จะสร้างกำแพงกั้นชายแดนระหว่างประเทศแม็กซิโกกับสหรัฐอเมริกา และถึงแม้จะมีการต่อต้านจากทั้งนานาประเทศ รวมไปถึงชาวอเมริกันบางส่วนที่ไม่พอใจ แต่ถึงอย่างนั้น โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงยืนยันกับแผนการก่อสร้าง ‘กำแพงบริเวณชายแดนที่ติดกับประเทศแม็กซิโก’ ในที่ประชุมและตอนนี้ทุกอย่างกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างแล้ว ข่าวเก่า: เริ่มแล้ว “กำแพงเมืองทรัมป์” ตามไปชมภาพการก่อสร้างต้นแบบกำแพงกั้นอเมริกา-เม็กซิโก     เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2018 ที่ผ่านเคยมีทางไซต์ก่อสร้างที่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้เผยถึงโครงสร้างบางส่วนของกำแพง ซึ่งมีความสูงถึง 9 เมตร โดยเลขานุการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ  Kirstjen Nielsen ได้เผยผ่านเว็บไซต์ The Hill ในปี 2018 ว่า “ดูที่กำแพงเหล่านี้สิ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่แม้แต่จะลองคิดปีนมันดูเลย”      อีกทั้งล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2019 ที่ผ่านมา มีการจัดประชุมขึ้น ณ กรุงวอชิงตันดีซี ซึ่งทรัมป์ได้ใบ้คร่าวๆ ถึง ‘ความยากในการปีนข้าม’ ของกำแพงชายแดนจะเป็นอย่างไร “จากที่เราได้ทบทวนข้อเสนอของสภาคองเกรส ผมให้คำมั่นเลยว่า ผมจะไม่ลังเลในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อที่จะปกป้องผู้คนและประเทศนี้ มันยากมากที่คนจะลักลอบข้ามชายแดน พวกเขาต้องเป็นคนที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งมากพอที่จะปีนข้ามกำแพงชายแดนนี้ และผมคิดว่า ให้พวกเขาไปปีนเขาเอเวอเรสต์ยังง่ายกว่าอีก”  …

ศิลปินชาวยูเครนคนหนึ่งได้เสกตุ๊กตาธรรมดาๆ ให้กลายเป็น ‘ตุ๊กตาที่เสมือนจริง’ ด้วยการแต่งหน้า และพ่นสีใหม่ ไม่ว่าจะหยิบตุ๊กตาบาร์บี้, ตุ๊กตาบลายธ์ หรือตุ๊กตา Ball-Joint ก็สามารถทำได้หมด เธอคนนี้มีชื่อว่า Olga Kamenetskaya โดยเธอได้แชร์ภาพ Before และ After ในการทำตุ๊กตาบนอินสตาแกรม และใช้ชื่อบัญชีว่า oli.krolik    ดูแตกต่างจากเดิมมากทีเดียว   Olga ได้เริ่มทำตุ๊กตาจาก Monster High แบรนด์ตุ๊กตาจากฝั่งอเมริกาเป็นงานอดิเรกก่อน และพัฒนามาจนเป็นงานประจำได้ รวมถึงล่าสุดมียอดติดตามบนอินสตาแกรมถึง 59,204 คน ตุ๊กตาทั้งหลายที่เธอได้ทำนั้น ไม่เพียงแค่แต่งเติมใบหน้าด้วยเครื่องสำอางอย่างเดียว แต่เธอถึงขนาดแกะสลักใบหน้าใหม่ด้วย   ขั้นตอนในการทำตุ๊กตา https://www.instagram.com/p/Bp_-Z_DCKnU/ . . . . . . . . . . . . .   นอกเหนือจากการแต่งหน้าตุ๊กตาแล้ว เธอยังได้สอนวิธีการทำวิกผมของตุ๊กตาเหล่านี้อีกด้วย https://www.instagram.com/p/Bs3jwo-gbnF/ . https://www.instagram.com/p/BpH7kvyHRRz/   หากใครสนใจที่จะแต่งหน้า หรือทำวิกให้ตุ๊กตาแบบนี้…

ด้วยความที่แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังเหล่านี้เป็นแบรนด์จากต่างประเทศ วิธีการออกเสียงอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูพวกเราเท่าไรนัก และแน่นอนว่าเป็นภาษาต่างประเทศ จริงๆ แล้วมันมีวิธีการออกเสียงที่ถูกต้องของมันอยู่นะ ทางเว็บไซต์ Insider.com ก็ได้แนะนำวิธีอ่านออกเสียงทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ซึ่งคงไม่ยากเกินไปถ้าเราจะลองออกเสียงตาม เชิญไปดูกันได้เลยกับ 20 แบรนด์ดังที่คนมักออกเสียงผิด   1. Adidas วิธีการออกเสียงที่ผิด : Ah-DEE-des (เรามักเน้นเสียงคำว่า ‘DEE’ ตรงกลางกัน) วิธีการออกเสียงที่ถูกต้อง : AH-dee-dahs หรือ อะดิดัส, อะดีดัส (ต้องออกเสียงเน้นที่ ‘AH’ คำแรก)   2. Anna Sui วิธีการออกเสียงที่ผิด : Ann-ah Sway or Anne-ah Soo-yee วิธีการออกเสียงที่ถูกต้อง : Ann-ah Swee หรือ แอนนา ซวี (ไม่ใช่แอนนา ซุย)   3. Bvlgari   วิธีการออกเสียงที่ผิด :…

หลังจากคู่บ่าวสาวจัดพิธีแต่งงาน ช่วงเวลาของการฮันนีมูนถือว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะมันเปรียบเสมือนช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองการแต่งงาน ก่อนที่พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันไปในอนาคต ซึ่งหากใครยังนึกหาไอเดียการฮันนีมูนไม่ออก ลองไปชมเรื่องราวของคู่บ่าวสาวคู่นี้กันดีกว่า   Nick และ Zoe Aust ที่กรุง Vienna ประเทศ Austria   คู่บ่าวสาว Nick และ Zoe Aust พบกันครั้งแรกที่โรงเรียนสมัยมัธยมปลาย โดยที่ไม่ได้ทำความรู้จักกัน แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งปีจึงได้กลับมาทำความรู้จักกันอีกครั้งด้วยความที่มีใจรักในการเดินทางเหมือนกัน พวกเขาได้คบหาดูใจกันมาสองปี จึงตัดสินใจเข้าประตูวิวาห์เมื่อปี 2017 และเริ่มต้นเดินทางเที่ยวรอบโลกหลังจากนั้นเป็นต้นมา Zoe ได้เผยว่า “เราคบกันมาประมาณปีกว่า แล้วอยู่ดีๆ เขาก็บอกว่าให้ทำตัวว่างไว้สำหรับอาทิตย์หน้าที่จะถึง” “หลังจากนั้นฉันถึงได้มารู้ว่าเรากำลังจะไปเที่ยวไอซ์แลนด์กัน และต่อด้วยปารีส จนถึงวันสุดท้ายของการเดินทาง Nick ปลุกฉันให้ไปกินอาหารเช้า ซึ่งระหว่างที่กำลังเดินอยู่เขาก็คุกเข่าขอฉันแต่งงานตรงหน้าหอคอยไอเลยค่ะ”   สถานที่ขอแต่งงานที่กรุงปารีส หน้าหอคอยไอเฟล   คู่รักคู่นี้เดินทางเช็คอินรอบโลกมาแล้วกว่า 33 ประเทศ โดยช่วยกันทำงานทั้งงานประจำและงานพิเศษเป็นเวลากว่าสองปี หลังจากนั้นสาว Zoe ถึงขั้นลาออกจากงานประจำเพื่อเที่ยวโดยเฉพาะ และได้เริ่มตัดสินใจเดินทางท่องโลกตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งทั้งคู่ได้บันทึกการเดินทางผ่านโซเชียลอย่างอินสตาแกรมเมื่อเดือนมกราคม ปี 2018 ด้วยชื่อบัญชีว่า marrymeintravel     และสิ่งที่ทำให้การท่องเที่ยวของพวกเขาไม่เหมือนกับคู่อื่นๆ ก็คือการที่พวกเขานำ…

ภาวะ Albinism หรือที่เรียกกันว่า ‘คนเผือก’ คือ กลุ่มคนมีร่างกายที่ขาดการผลิตเมลานินแต่กำเนิด ทำให้บริเวณดวงตา, ผม, หรือสีผิวมีสีที่ซีดหรือขาวมาก และมักจะแพ้แสงแดดหรือแสงที่สว่างจ้า รวมไปถึงคนเหล่านี้ยังมีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งผิวหนังได้มากกว่าคนทั่วไป ‘คนเผือก’ ในวัยเด็กอาจจะรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างตนเองและเพื่อน ทำให้ขาดความมั่นใจได้ แต่เรื่องราวต่อไปนี้เกี่ยวกับเด็กชายผิวเผือกคนหนึ่ง ที่นำความแตกต่างของตนเองมาสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กคนอื่นๆ ด้วยการเป็น นายแบบ   หนูน้อย Elijah Enwerem   เด็กชายวัย 5 ขวบ คนนี้ชื่อ Elijah Enwerem เป็นเด็กผิวเผือก จากเมือง Willenhall ประเทศอังกฤษ เขาเป็นเด็กขี้อายเนื่องจากความแตกต่างของเขา แต่กลับมามีความกล้าอีกครั้ง เมื่อเขาได้เป็นนายแบบเด็กให้กับแบรนด์ดังในอังกฤษ โดยคุณแม่ Lucy ได้รับการติดต่อจากร้านขายเสื้อผ้า Primark ที่ประเทศอังกฤษให้ลูกชายมาเข้าร่วมการสรรหานายแบบและนางแบบเด็กหน้าใหม่ของแบรนด์ แน่นอนว่าคุณแม่ดีใจมากที่ลูกชายได้รับโอกาสในครั้งนี้   คุณแม่ และลูกชาย   คุณแม่ได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับตอนที่ลูกชายเกิดว่า “ตอนนั้นเราไม่รู้จริงๆ ค่ะ ทางเราจะมีพันธุกรรมนี้ เพราะทางฝั่งสามี และฉันเองไม่มีใครในครอบครัวเป็นคนเผือกเลย” อีกทั้งยังได้เล่าก่อนที่ Elijah จะยอมเข้าร่วมการเป็นนายแบบ “ถึงตอนนี้จะมีคนให้ความสนใจเขามากๆ แต่ Elijah ก็ยังรู้สึกอายถึงสภาพที่แตกต่างของเขาอยู่ค่ะ และเขามักจะหลบหน้าทุกครั้งที่มีคนมาทักทายหรืออยากจะแตะตัวเขา แต่หลังจากที่เขาเป็นนายแบบแล้ว เขาก็เริ่มกลับมามีความมั่นใจอีกครั้งและมักจะพูดขอบคุณเสมอกับคนที่ชมเขาค่ะ”   Elijah ตอนเด็ก  …

ใครในนี้เป็นสายชอบดูบิวตี้บล็อคเกอร์สอนแต่งหน้า แน่นอนเรามักจะคิดว่ากูรูเหล่านี้ต้องโชว์ใบหน้าในการแต่งหน้าเท่านั้น ไม่งั้นจะสอนได้ไงล่ะ? แต่การเป็นบิวตี้บล็อคเกอร์อาจไม่จำเป็นต้องโชว์หน้าเสมอไป เมื่อมีช่องยูทูปหนึ่งชื่อว่า LULUPANG 루루팡 ที่สอนการแต่งหน้าโดยใช้แอนิเมชั่นเคลื่อนไหวแทนการใช้หน้าคนจริงๆ แต่ง   คลิปวิดีโอสอนการแต่งหน้า    โดยช่องยูทูปเกาหลี ‘LULUPANG’ นี้ ได้เริ่มเผยแพร่วิดีโอต่างๆ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 และในปัจจุบันมียอดผู้ติดตามถึง 172,205 คน รวมถึงยอดดูวิดีโอทั้งหมดตอนนี้อยู่ที่ 11,610,952 วิวแล้ว    คลิปวิดีโอสอนแต่งหน้าแบบไอดอลเกาหลี   กดจุดสิวก็มา    การแต่งหน้าแบบสาวเกาหลี    ซึ่งแต่ละคลิปวิดีโอมียอดวิวจำนวนหนึ่งแสนขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่ และนอกเหนือจากสอนวิธีแต่งหน้าแล้ว ยังมีวิดีโอสอนทำขนมที่ใช้รูปแบบของ ‘Stop Motion’ ในการนำเสนอ ที่เรียกว่าน่ารักมากๆ ด้วย   คลิปวิดีโอ สอนทำมาการอง    เธอทำใช้เทคนิค Stop Motion ในการสอนทำซุปสตูด้วย    หากใครชอบการแต่งหน้าสไตล์เกาหลี และการทำอาหารในรูปแบบน่ารักๆ สามารถกดติดตามได้ที่ช่อง LULUPANG 루루팡 บนยูทูปได้เลย    ที่มา: LULUPANG…

เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะต้องจากไปด้วยโรคร้าย ซึ่งครอบครัวต่างต้องสูญเสียชายที่เป็นทั้งคุณพ่อ และคู่หมั้นไป สุดท้ายถึงแม้ตัวเขาจะจากไป แต่ชายคนนี้กลับช่วยชีวิตคนได้อีกเป็นจำนวนมาก   David Llewellyn กับคู่หมั้น และลูกชายของเขา   ชายที่ชื่อว่า David Llewellyn วัย 28 ปี ที่เป็นทั้งคุณพ่อของลูกชายวัย 11 เดือน ชื่อ Jude และเป็นคู่หมั้นของ Corinne Hynes ที่มาจากเมือง Middlesbrough ประเทศอังกฤษ ได้จากไปด้วยโรคเนื้องอกในสมอง ซึ่งหลังจากเขาเสียชีวิตลง David ได้มีเจตนารมณ์ในการบริจาคอวัยวะให้กับทางหน่วยงาน NHS Blood and Transplant โดยที่เขาและครอบครัวไม่รู้ว่าจะมีกี่คน ที่ได้รับการช่วยเหลือจากอวัยวะของเขาในภายหลัง   เอกสารที่ทางหน่วยงานในการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะได้ส่งขอบคุณมา   จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2019 ได้มีจดหมายขอบคุณจากทาง NHS เพื่อขอบ David และครอบครัว โดยคู่หมั่นของเขาได้แชร์จดหมายนี้ลงบนโลกออนไลน์ และมีใจความว่า “ถึง Corinne และครอบครัว ตามคำขอของคุณ จดหมายฉบับนี้ได้ให้ข้อมูลของกลุ่มคนที่ได้รับปลูกถ่ายอวัยวะ จากการบริจาคของ David การบริจาคอวัยวะนั้น สามารถช่วยและเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาเหล่านี้ที่ได้ ดังนั้นเรายินดีอย่างยิ่งที่จะบอกคุณว่า ขณะที่เรากำลังเขียนจดหมายฉบับนี้ได้พวกเขาทั้ง 5 คน ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายคนแรกอายุในช่วงอายุ…

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2019 ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศจากทางต้นสังกัด BNK 48 ว่า นางสาวรินรดา อินทร์ไธสง หรือ เปี่ยม BNK48 หนึ่งในสมาชิกรุ่นแรก พักงานเป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยให้เหตุผลว่า “เนื่องด้วยปัญหาทางด้านสุขภาพ เปี่ยม จะหยุดพักจากกิจกรรมทั้งหมดของ BNK48 และการใช้งาน Social Network ช่องทางต่าง ๆ รวมถึงงานจับมือในวันที่ 16 – 17 กุมภาพันธ์ 2562 นี้ โดยเบื้องต้นมีกำหนดระยะเวลา 2 เดือน นับจากวันออกประกาศฉบับนี้”     ประกาศด่วนจากทาง BNK48   โดยก่อนหน้านี้เปี่ยมได้แชร์ภาพลงอินสตาแกรมในรูปภาพของ หมาสีดำ ซึ่งหากใครทราบจะรู้ว่า มักเป็นสัญลักษณ์ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า และทางต่างประเทศเรียกมันว่า ‘I had a black dog, his name…

เข้าใกล้ช่วงวันวาเลนไทน์กันไปทุกขณะแล้ว หลายๆ คนอาจจะตั้งตารอโดยเฉพาะเหล่าบรรดาคู่รัก แต่สำหรับคนโสดบางคน หรือแม้แต่คนที่ไม่โสดก็ไม่อยากจะให้มีวันนี้เล๊ยย วันวาเลนไทน์ปีนี้น่ะเหรอ มันก็คือวันพฤหัสบดีธรรมดาๆ ก็เท่านั้นแหละ ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็มีเหตุผลอยู่นะว่าทำไมวันวาเลนไทน์ถึงไม่ใช่วันสำหรับคนทุกคน เรามาดูเหตุผลที่บ่งบอกว่าวันวาเลนไทน์มันไม่ใช่วันที่ดีสำหรับทุกคนเสมอไป…   1. ความรู้สึกที่กดดันว่าวันวาเลนไทน์แล้ว จะต้องซื้ออะไรติดไม้ติดมือบ้าง จากงานวิจัยของ National Retail Federation ที่จัดทำขึ้นโดยการแจกแบบสอบถามให้กลุ่มคนในช่วงวันวาเลนไทน์ ผลปรากฏออกมาว่าพวกเขามีความรู้สึกว่าต้องซื้อของบางอย่าง และส่วนใหญ่มักจะซื้อในราคาตั้งแต่ 162 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,077 บาท ให้ทั้งกับคู่รัก, หัวหน้า, พ่อแม่, เพื่อน หรือ ลูกของตน ในช่วงเทศกาลนี้ (ราคาสูงเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย)     2. มักจะต้องจองโต๊ะตามร้านอาหารสำหรับวันพิเศษนี้ ซึ่งต้องมายุ่งยากในการวางแผน อีกทั้งต้องแย่งชิงคิวจากคู่รักอื่นๆ เช่นกัน ในปี 2017 จากข้อมูลของ OpenTable เผยว่าในช่วงก่อนเทศกาลวาเลนไทน์คิวจองประมาณ 40% ของร้านดังๆจะเริ่มเต็มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมแล้ว… แน่นอนว่าในวันแบบนี้ คนต่างมองหาร้านหรูๆ หรือร้านดังขึ้นชื่อ ที่คิวจองยาวเหยียดเป็นอาทิตย์ และไหนหลังจากจองเสร็จจะต้องนัดเวลากัน อีกทั้งต้องฝ่าฟันรถติด ถ้าไปไม่ทันอาจจะต้องมานั่งทะเลาะกันอีกก็ได้??…

หากใครได้ติดตามบ้าน Kardashian คงจะทราบกันดีว่าแม่สาว Kylie Jenner (ไคลี่ เจนเนอร์) กับ สามีแร็ปเปอร์ของเธอ  ทราวิส สก็อตต์ (Travis Scott) มีลูกสาววัย 1 ขวบ ซึ่งทั้งคู่ได้ให้กำเนิดเธอเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา และตั้งชื่อลูกสาวว่า Stormi คุณแม่วัย 21 ปี เจ้าของเครื่องสำอางแบรนด์ดังอย่าง kylie ที่มีมูลค่ามหาศาล จะจัดงานวันเกิดขวบแรกให้ลูกสาวทั้งที คงไม่ใช่งานธรรมดาแน่นอน อีกทั้งเธอยังบอกอีกว่างานครั้งนี้เป็น เหมือนความฝันของเธอเลยทีเดียว   Stormi และคุณแม่ ไคลี่   งานวันเกิดครั้งแรกของ Stormi จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยในงานนี้จัดขึ้นด้วยธีม ‘สวนสนุก’ ที่มีชื่อว่า ‘Stormi World’ “ฉันบอกเลยว่างานครั้งนี้มันเป็นความฝันของฉันมากๆ ฉันได้วาดคร่าวๆ ไว้ว่าแต่ละห้องจะเป็นอย่างไร และฉันยังขอให้สุดยอดนักจัดงานอย่าง Mindy Weiss มาทำให้ความฝันของฉันเป็นจริงด้วย!!” เธอกล่าวลงบนอินสตาแกรม   ทางเข้างานที่เป็นรูปใบหน้าขนาดใหญ่ของ Stormi โดยไอเดียนี้มาจากคุณพ่อแร็ปเปอร์…

หนุ่มชาวจีนนามว่า Zhao Qianli ได้ใช้เวลาในการท่องเที่ยวหลังจากที่เพิ่งจบโครงการแลกเปลี่ยนภาคฤดูร้อนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาไปหมาดๆ แต่ถึงคราวซวยเมื่อเขานึกพิเรนท์อยากได้รูปภาพฐานทัพเก็บไว้ก่อนกลับ โดยก่อนหน้านั้น Zhao ได้เข้ามาทัวร์ในฐานะนักท่องเที่ยวที่ ฐานทัพอากาศฟลอริด้า แห่งนี้เมื่อปี 2018 และได้ถ่ายรูปภาพของฐานทัพอากาศไว้ ทำให้ถูกตั้งข้อหาว่าพยายามสอดแนมทางรัฐบาล และต้องการล้วงความลับจากกองทัพอากาศของสหรัฐ…   ภาพชายหนุ่ม Zhao และฐานทัพอากาศที่ฟลอริด้า   หลังเกิดเหตุขึ้นทางศาลได้ยื่นฟ้องไปยังตัวเขา และให้รีบเข้ามารายงานตัวที่ศาลทันที โดยคดีนี้ถึงขั้นนำหน่วยงานจาก FBI เข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องด้วยเหตุผลที่เกรงว่าจะกระทบความมั่นคงของสหรัฐกับทางรัฐบาลจีน   ชายหนุ่มได้ให้การว่า “ผมกำลังพลัดหลงกับเพื่อนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ และผมไม่ทราบจริงๆ ว่าตรงจุดนั้นเป็นกองทัพอากาศของสหรัฐ” แต่อย่างไรก็ตามทางหน่วยสืบสวนอย่าง FBI ไม่เชื่อข้อแก้ตัวนั้น ซึ่งทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพบนกล้องถ่ายภาพของเขา และกล้องของ Zhao ได้มีการบันทึกภาพถ่ายด้านในของฐานทัพอากาศ และตึกของเจ้าหน้าที่รัฐบาล รวมไปถึงอาคารหน่วยการป้องกันการบุกรุกอีกด้วย     อีกทั้งทางหน่วย FBI เชื่อว่าเขาต้องเกี่ยวข้องกับการที่ประเทศจีน ต้องการที่จะใช้นักศึกษาในการขโมยข้อมูลทั้งด้านทางเทคโนโลยี ธุรกิจ และวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกากลับไป ซึ่งทางศาลได้แจ้งกับทางคณะลูกขุนว่า “หน่วย FBI ได้ลงความเห็นว่าหนุ่มจีนรายนี้อาจไม่ใช่เพียงแค่นักท่องเที่ยว แต่อาจจะเป็นสายลับของรัฐบาลจีนก็ได้ และไม่พบภาพใดๆ ที่เกี่ยวข้องว่าหนุ่มคนนี้มาเพื่อการท่องเที่ยวจริงทั้งจากในกล้องถ่ายภาพ หรือบนมือถือก็ตาม”    แต่ทาง Hongwei Shang ทนายความฝ่ายหนุ่มจีนได้ให้การกลับว่า “เขาไม่ใช่สายลับแน่นอน…

เป็นระยะเวลานานแล้วที่ อ่าวมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์  ได้รับผลกระทบจากการทิ้งขยะจำนวนมหาศาลลงทะเล และสร้างความเสียหายให้กับภูมิทัศน์ในบริเวณนั้น รวมไปถึงระบบต่างๆ ทั้งทางทะเล และทางบก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้ามรสุมที่ทั้งชายหาดจะเต็มไปด้วยเศษซากขยะ เกยขึ้นมาบนหาดทรายเป็นทางยาว ทั้งที่อ่าวแห่งนี้เมื่อก่อน เคยเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของฟิลิปปินส์   หนึ่งในทีมอาสาที่ช่วยเก็บขยะบนอ่าวมะนิลา https://www.instagram.com/p/BtM7KfElvdn/   นอกเหนือจากการทิ้งขยะบริเวณชายหาดแล้ว ยังเกิดจากการที่ปล่อยน้ำจากแหล่งน้ำเน่าเสียลงสู่ทะเล และชาวบ้านแถวนั้นต่างลืมไปแล้วว่าการใช้ชีวิตอยู่โดยไร้กองขยะจำนวนมากเป็นอย่างไร? แต่เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2019 ที่ผ่านมา นำโดยหน่วยงานด้านทรัพยากรทางธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงจิตอาสาราว 5,000 คน ได้เริ่มช่วยกันเก็บขยะรอบๆ อ่าวมะนิลา และเปลี่ยนจากสภาพที่ไม่น่าดูให้กลับมาสวยงามขึ้น   ภาพหลังการเก็บขยะบนชายหาด https://www.instagram.com/p/BtNEgBwnveW/   อ่าวมะนิลาแบบไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์แต่งภาพใดๆ https://www.instagram.com/p/BtndvARAJgn/   “ทุกๆ คนยืนรอดูพระอาทิตย์ตกดิน ฉันคิดว่าทุกๆ จุดจบมีความสวยงามเสมอ” https://www.instagram.com/p/BtgPMnthuQ7/   ก่อนหน้านี้แม้จะเคยมีการจัดทำโครงการช่วยกันเก็บขยะขึ้น แต่ยังไม่เคยมีครั้งไหนที่สามารถเก็บขยะได้ใกล้เคียงถึง 45.95 ตัน ภายในหนึ่งวันได้… แม้จะมีการเก็บขยะบนอ่าวมะนิลาไปบ้างแล้ว แต่ทางรัฐบาลยังต้องดำเนินการในการเก็บขยะอีกหลายพื้นที่ อีกทั้งต้องใช้งบประมาณในการเก็บขยะถึง 46,000 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (ราว 27,674 ล้านบาท)…

ในต่างประเทศ โดยโลกตะวันตก ‘เรื่องของการเหยียดสีผิว’ ยังคงเป็นประเด็นข่าวเสมอ ซึ่งครั้งนี้ในต่างประเทศได้มีการนำเสนอข่าวถึงกลุ่มคนขาวที่ทาหน้า ทาตัว เป็นสีผิวแบบเดียวกับคนผิวสีดำ ในเชิงเหยียดเชื้อชาติ   จะไม่มีที่ยืนให้กับพวก “ทาหน้าผิวสีดำ”   ย้อนกลับไป การเหยียดด้วยการ ‘ทาหน้าสีดำ’ เช่นนี้ มีความเป็นมาหลายสิบปีแล้ว และปัจจุบันได้มีการขุดคุ้ยถึงการ กระทำในอดีตที่เคยเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มผู้มีชื่อเสียงอย่าง Ralph Northam นักการเมืองชื่อดัง พรรคเดโมแครต ซึ่งมีการพบรูปภาพของ Northam ในปี 1984 ลักษณะหน้าเหมือนถูกทาด้วยน้ำยาขัดรองเท้าสีดำ ยืนขนาบข้างกับกลุ่มเพื่อนของเขาที่สวมชุด Ku Klux Klan กลุ่มชาตินิยมผิวขาวสุดโต่ง ในหนังสือรวมรุ่นที่สถาบันสอนการแพทย์ของเขา   ภาพ Northam ในปี 1984   หลังจากการได้มีการเปิดเผยรูปภาพดังกล่าวออกมาแล้ว มีคนเป็นจำนวนมากที่ต้องการให้เขาลาออกจากการดำรงตำแหน่งการเป็นผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนียในปัจจุบัน ซึ่งต่อมาทาง Ralph Northam ได้ให้การปฏิเสธที่จะลาออกจากตำแหน่ง และสร้างความโกรธแค้นให้กับเหล่ากลุ่มคนจากรัฐเวอร์จิเนียเป็นอย่างยิ่ง   หนึ่งในกลุ่มคนที่ต้องการขับไล่ Northam ออกจากการเล่นการเมือง “ฉันเป็นคนเลือกคุณเข้ามา และตอนนี้ฉันเดินขบวนเพื่อที่จะไล่ให้คุณออกไปซะ”   ไม่เพียงแค่คนที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เคยกระทำการเช่นนี้ แต่ยังรวมไปถึงเหล่าคนดังที่มีชื่อเสียงหลายคน อย่างในอดีตมีนักร้องผิวขาว ชื่อดัง Al Jolson ที่ได้ทาหน้าเป็นสีดำ พร้อมขึ้นร้องแสดงกับ…

เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2017 ที่ผ่านมา ค่ายเกมชื่อดังอย่าง ‘Epic Games‘ ผู้พัฒนาเกมดังอย่าง ‘Fortnite’ ได้มีการฟ้องร้องเด็กชายอายุ 14 ปี นามว่า Caleb Rogers เนื่องจาก เด็กชายคนนี้ได้ใช้วิธีการโกงในวิดีโอเกมดังกล่าว เกม Fortnite เป็นเกมที่พัฒนา และเปิดตัวขึ้นในปี 2017 โดย Epic Games ซึ่งเป็นเกมแนวเดินหน้ายิงรวมถึงดักซุ่มโจมตีทีมอื่นๆ เพื่อให้เหลือเป็นทีมสุดท้ายที่อยู่รอด โดยสามารถเล่นได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และมือถือ ซึ่งในช่วงสูงสุด มียอดผู้เล่นมากถึง 8.3 ล้านคนออนไลน์ทั่วโลก   ตัวคาแร็คเตอร์จากเกม ‘Fortnite’   ด้วยความที่เกมนี้ทำรายได้ถล่มทลาย จากปีที่เปิดตัวจนถึงปัจจุบัน คาดว่าได้มีผู้เล่นดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 125 ล้านคนทั่วโลก อีกทั้งมีคนดาวน์โหลดซอฟต์แวร์โกง เป็นตัวช่วยในการเล่นเกมตามมาเป็นจำนวนมากเช่นกัน ทางค่ายเกมเองได้อธิบายว่ารูปแบบการโกงมีทั้ง การใช้ความสามารถในการมองเห็นทะลุผ่านจุดต่างๆ , การเคลื่อนย้ายตัวละครไปยังแต่ละที่ได้ รวมไปถึง การสวมรอยบัญชีคนอื่นเล่นเกม     ทางค่าย Epic Games ได้ให้เหตุผลในการฟ้องร้องว่า เด็กชาย Caleb ได้ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์โกงขึ้นมา และติดตั้งลงไปในเกมเพื่อให้ทีมของตนชนะในแต่ละครั้ง… รวมไปถึงการที่เด็กชายได้ลงวิดีโอบนยูทูป ว่า…

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2019 ที่ผ่านมาได้มีงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่งาน SAG Awards อีกหนึ่งงานประกาศรางวัลที่ยิ่งใหญ๋ โดย ‘Black Panther‘ เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ปี 2018 จาก Marvel ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง และกวาดรายได้ไปถึงพันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ สามหมื่นล้านกว่าบาท โดยงานนี้ได้มีดารา นักแสดงดังมากมายที่ได้เข้าร่วมงาน แต่สิ่งที่แย่งจุดสนใจจากผู้คนในงาน และสื่อไปได้คือ เมื่อเหล่านักแสดงนำผิวสีจากฝั่ง ‘Black Panther‘ เข้าร่วมถ่ายรูปกับเหล่านักแสดงนำที่เป็นเอเชียนทั้งหมดจาก ‘Crazy Rich Asians‘   บรรยากาศภายในงาน SAG Awards   ทางฝั่งของ Black Panther ได้รับรางวัลทั้งทีมนักแสดงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เอาชนะผู้เข้าชิงอย่างภาพยนตร์เรื่อง A Star Is Born, Crazy Rich Asians และ Bohemian Rhapsody ด้วย   ทีมนักแสดงนำอย่าง Chadwick Boseman   ภาพหมู่ของ ‘Black Panther’…

ยังไม่จบกับเรื่องของงานแสดงช่วงพักครึ่งที่จัดขึ้นในการแข่งขันรอบชิงแชมป์อเมริกันฟุตบอล NFL ‘Super Bowl’ ครั้งที่ 53 ที่ล่าสุด Maroon 5 ได้รับเชิญให้มาแสดงในงานสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ และได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบไปมากมาย ล่าสุด ผู้คนกลับตั้งคำถามขึ้นอีกว่า Adam Levine ถอดเสื้อในการแสดง ‘Halftime Show’ แต่ทำไมเขากลับไม่โดนด่าเหมือนตอน Janet Jackson ที่ขึ้นแสดงพร้อมกับ Justin Timberlake ในปี 2004 ล่ะ??   ข่าวเก่า: สรุปประเด็นดราม่า Maroon 5 ถูกวิจารณ์ว่าเป็น Super Bowl Halftime Show ยอดแย่แห่งปี   งานแสดงที่ Adam Levine ถอดเสื้อโชว์   ต้นเหตุที่ทำให้คนต่างชี้ถึงความสองมาตรฐานในการแสดงปี 2019 ครั้งนี้ ต้องย้อนกลับไปในงาน ‘Super Bowl’ ปี 2004 ที่กลายเป็นข่าวโด่งดัง เมื่อนักร้องชื่อดังอย่าง Justin Timberlake เผลอเอามือไปเกี่ยวเสื้อของนักร้องตัวแม่อย่าง Janet Jackson ทำให้จุกของเธอโผล่ออกมาระหว่างการแสดง…   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนงาน ‘Super Bowl’…

ทะเลที่ไหนมีคลื่นย่อมมีนักโต้คลื่น และถึงแม้ว่าความหนาวจัดจะทำให้ทะเลแห่งนั้นเย็นราวกับน้ำแข็ง ก็ยังมีชายคนหนึ่งวัย 40 ปี ที่เรียกกันว่าเป็นยอดมนุษย์เพราะเขากล้าท้าลมและคลื่น ที่หนาวขนาดว่าหนวดของเขายังกลายเป็นน้ำแข็งไปด้วย…   ‘แดน’ เทพแห่งกระดานโต้คลื่น พร้อมตรีศูลของเขา (ยังกับ Aquaman เลยแฮะ)   ชายคนนี้มีชื่อว่า Daniel Schetter หรืออีกชื่อหนึ่งว่า ‘แดน’ เทพแห่งกระดานโต้คลื่น เขาเป็นนักโต้คลื่นมืออาชีพจากเขต มาร์แกตต์ ในรัฐมิชิแกน  โดยภาพถ่ายเหล่านี้ได้จากช่างภาพนามว่า Devon Hains ที่ช่วยแชร์ประสบการณ์ของ แดน ในการโต้คลื่นท้าความหนาวท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ   หรือ แดนกำลังกระโดดลงสู่บ้านเกิดที่แอตแลนติส   ช่างภาพของ แดน ได้กล่าวว่า รูปถ่ายเหล่านี้ใช้ระยะเวลาถ่ายสองวัน เมื่อวันที่ 27 และ 30 มกราคม 2019 ที่ผ่านมา “ในการถ่ายครั้งได้มีนักโต้คลื่นอีกคนมาร่วมกับแดนด้วย ชื่อ Allen Finau”    ช่างภาพ Devon และซ้ายมือคือ Allen ส่วนขวามือคือ Daniel   ภาพโต้คลื่นเหล่านี้ถ่ายขึ้นที่ Presque Isle Park ที่รัฐมิชิแกน บนทะเลสาบ Superior ขณะที่อุณหภูมิติดลบ -34 องศา และลมทะเลเย็นยะเยือกได้พัดผ่านตลอดเวลา   เท่มาก เหมือนอาร์เธอร์ในชีวิตจริง…

ถ้าคุณเคยติดตามข่าวจะเห็นว่าช่วงหนึ่งได้มีบัญชีอินสตาแกรมว่า world_record_egg ได้ออกมาขอให้คนบนโลกโซเชียลช่วยกันทำลายสถิติยอดไลค์โพสต์หนึ่งของ Kylie Jenner ซึ่งสามารถทำลายสถิติล่าสุดได้ถึง 52.2 ล้านไลค์ หลายๆ คนคงจะสงสัยว่าอินสตาแกรม ‘เจ้าไข่’ มีจุดประสงค์เพื่ออะไร? ซึ่งเมื่อคืนเจ้าไข่นี้ก็ได้ออกมาเผยถึงเบื้องหลังของมันแล้ว…   เบื้องหลังในการทำอินสตาแกรมนี้มีขึ้นมาเพื่อประชาสัมพันธ์ถึง “ความกดดันจากสังคมบนโลกออนไลน์” ร่วมกับทาง mentalhealthamerica ให้ทุกคนตระหนักถึงสุขภาพจิตที่แย่ลง อาจเกิดขึ้นจากการใช้โซเชียล…   ภาพเคลื่อนไหวที่ ‘เจ้าไข่’ ได้แชร์ลงบนอินสตาแกรม https://www.instagram.com/p/BtdYQwincYv/   โดยเจ้าไข่ได้แชร์วิดีโอลงบนอินสตาแกรม เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2019 หลังการแข่งขัน Super Bowl หรือการแข่งขันชิงแชมป์อเมริกันฟุตบอล เนื้อหาโพสต์ว่า “ฟิ้ว ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย หลังจากได้รู้ว่าแรงกดดันมันเยอะขนาดไหน สามารถเข้าไปเยี่ยมชม ได้ที่ TALKINGEGG.INFO เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมได้”   ไข่ที่เริ่มมีรอยแตกขึ้นเรื่อยๆ https://www.instagram.com/p/Bs84JbRHsTN/   ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง ‘เจ้าไข่’ ได้โพสต์ภาพไข่ที่เริ่มมีรอยแตกมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละอาทิตย์ และเผยว่า “การที่ไข่ได้มีการกดไลค์มากๆ จนแตกในที่สุด เปรียบเสมือนสภาพจิตใจของคนที่อาจถูกแรงกดดันจากสังคมบนโลกออนไลน์ทำลายได้เช่นกัน”   นั่นสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมการเสพติดยอดไลก์บนโลกออนไลน์ ยิ่งมีการกดถูกใจให้เรามากขึ้น…

ยังคงเป็นประเด็นเมื่อสาวสตรีมเมอร์นามว่า Lisa Vannatta คบกับแฟนหนุ่มชาวเอเชียชื่อว่า Jay ที่แม้ทั้งคู่ได้ประกาศแต่งงานกันแล้วก็ตาม ชาวเน็ตยังไม่หยุดโจมตีถึงความรักครั้งนี้ และประเด็นด้าน ‘เชื้อชาติ’ ยังเกี่ยวข้องเสมอ   Lisa กับแฟนหนุ่มของเธอ   ย้อนกลับไปเมื่อทั้งคู่ได้คบกันแรกๆ พวกเขาต่างต้องเผชิญกับคำกล่าวว่า “เป็นหญิงเชื้อชาตินี้แล้วไม่คู่ควรกับชายเอเชีย” และ “เธอมันคนลืมชาติกำเนิด ทำไมไม่คบกับคนเชื้อชาติเดียวกัน??” อีกทั้งคำด่าในเชิงเหยียดอีกมากมายตลอดสองปีที่ผ่านมา ข่าวที่เกี่ยวข้อง: เน็ตไอดอลสาวฝรั่ง ประกาศแต่งกับแฟนเกาหลี คอมเม้นท์เหยียดแรงยิิ่งกว่าคำยินดี…   Jay กับ Lisa ที่ Disneyland   ในปี 2017 มีหลายคนบนโลกออนไลน์ที่ไม่พอใจซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย เมื่อ Lisa ได้แชร์คลิปวิดีโอของเธอกับแฟนหนุ่มที่ไปร่วมงาน Anime Expo ที่แคลิฟอร์เนีย โดยคอมเม้นท์ต่างๆ เป็นไปในทางลบเสียส่วนมาก…   คอมเม้นท์บางส่วนที่แสดงความไม่พอใจ “ทำไมต้องเดตหนุ่มเอเชียที่เตี้ยกว่ามาตรฐานด้วย? รู้แย่แทนด้วยนะ ที่จะรู้ว่าพวกคุณจะมีลูกเป็นลูกครึ่งแบบนั้น”   “นิยมพวกผิวเหลืองมากนักเหรอ เธอเดตแต่กับพวกเอเชียนสงสัยจะชอบแบบสั้นๆ มั้ง”   โพสต์ที่ Lisa แชร์ลงอินสตาแกรมเมื่อทั้งคู่ประกาศแต่งงาน   หลังเธอได้แชร์ภาพนี้ลงบนอินสตาแกรม ไม่ว่าเธอจะแชร์รูปภาพลงบนอินสตาแกรม หรือวิดีโออะไรที่เกี่ยวข้องกับ Jay แฟนคลับผู้ชายส่วนใหญ่จะเข้ามาคอมเม้นท์อย่างดุเดือดถึงเธอและฝ่ายชายเป็นประจำ แต่เธอก็ไม่ยอมให้ฝ่ายชาวเน็ตว่าพวกเขาอย่างเดียว เธอจึงได้โต้ตอบกลับพร้อมบันทึกข้อความเหล่านี้ไว้…

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา เมื่อคุณป้าวัย 69 ปี เจ้าของร้านสะดวกซื้อได้ต่อสู้กับโจรด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึง… โดยจากภาพกล้องวงจรปิดเธอใช้เพียงแค่หวีกล้วยเหวี่ยงใส่โจรรายนี้เท่านั้น!!   คุณป้า Kim กับกล้วยของเธอ และภาพจากกล้องวงจรปิดร้านสะดวกซื้อ   คุณป้าสุดเก๋าคนนี้มีชื่อว่า Seungae Kim อาศัยอยู่ที่เมือง Cooksville เจ้าของร้านสะดวกซื้อที่ชื่อว่า A&J Convenience ซึ่งระหว่างที่กำลังเฝ้าร้านกับสามีของเธอนั้น ได้มีโจรรายนึงสวมหมวกไอ้โม่งหวังจะบุกเข้ามาปล้นที่ร้าน… จากการรายงาน โจรรายนั้นได้ขู่ให้เธอเปิดแคชเชียร์และเอาเงินออกมา แต่เธอตอบกลับไปว่า “แกจะไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว!!” หลังจากนั้นคุณป้า Kim ได้หยิบสิ่งที่อยู่ใกล้มือที่สุด คือ กล้วยทั้งหวีปาใส่โจรอย่างไม่ยอมแพ้จนในที่สุดโจรก็ได้หลบหนีไปโดยไม่ได้อะไรเลย   อินสตาแกรม thetorontostar ได้ชื่นชมในความกล้าหาญของเธอ https://www.instagram.com/p/BteIiGUnP3c/   จากการเหตุการณ์นั้นโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ โดยคุณป้า Kim ได้บอกอีกด้วยว่า “ฉันเพียงแค่อยากจะปกป้องสามีของฉันเท่านั้น ตอนนั้นเรื่องเงินเป็นเรื่องรองเลยที่ฉันนึกถึง” แต่ถึงอย่างนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้บอกกับเจ้าของร้านสะดวกซื้อว่าหากเกิดเหตุการณ์ครั้งต่อไปอีกควรระมัดระวังให้ดี และหลีกเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด เพราะอาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนคราวนี้ที่โจรไม่ได้พกอาวุธมา…      ที่มา: nextshark, thestar

เด็กหญิงชาวรัสเซียคนหนึ่งต้องเผชิญกับความทรมานตลอดระยะเวลาสามปีตั้งแต่กำเนิด เนื่องจากเธอไม่มีช่องทวารและจากการวินิจฉัยผิดพลาดของแพทย์ที่บอกกับพ่อแม่ของเธอว่าทุกอย่างปกติดี…   หนูน้อยชาวรัสเซีย   เด็กหญิงชาวรัสเซียชื่อ Varya Galtsev ต้องถ่ายหนักผ่านทางอวัยวะเพศมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้เธอต้องเป็นโรคท้องผูกไม่กี่เดือนหลังคลอด จนเมื่ออายุได้ราวสามขวบเธอก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นท่อน้ำดีตีบตันแต่กำเนิด ผู้เป็นพ่อ Andrey ได้เปิดเผยว่าหลังหนูน้อยได้คลอดออกมาจะเห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีรูทวาร แต่ทางแพทย์กลับเพิกเฉย และให้คำแนะนำว่าเธอจะดีขึ้นเอง จนกระทั่ง Varya อายุได้หนึ่งปีจึงสังเกตได้ชัดว่า มันมีรูปร่างที่แตกต่างไปจากของเด็กคนอื่นๆ     การไร้รูทวารแต่กำเนิดมักจะเกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสามารถสังเกตได้ตั้งแต่แรกเกิด และการผ่าตัดให้แก้ไขให้เป็นปกติมักจะประสบความสำเร็จหลังการวินิจฉัยได้เสมอ… ซึ่งสำหรับกรณีนี้เกิดขึ้นจากการที่ทางแพทย์ไม่ได้วิเคราะห์ให้ละเอียดตั้งแต่แรกจึงทำให้เกิดเรื่องที่ต้องตามแก้ไขทีหลัง สร้างความลำบากให้ทั้งพ่อแม่รวมไปถึงตัวของหนูน้อยด้วย   Varya กับคุณพ่อ   โชคดีที่ตอนนี้เด็กหญิง Varya ได้เข้ารับการผ่าตัดแก้ไขบางส่วนไปบ้างแล้ว และจะได้รับเข้าการผ่าตัดอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 นี้ โดยเธอได้อยู่ในการดูแลของทีมแพทย์จากมอสโคว รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญอีก 5 คนที่จะมาเข้าร่วมในการรักษาครั้งนี้ด้วย ที่มา: dailymail

รู้หรือไม่ว่ากาลครั้งหนึ่งเคยมีคดีแปลกๆ เกิดขึ้น… ย้อนกลับไปในปี 2013 เมื่อ Neil McArdle ว่าที่เจ้าบ่าวอายุ 36 ปี ไม่กล้าที่จะบอกความจริงกับเจ้าสาวของเขา Amy Williams ว่า ลืมจองสถานที่แต่งงานก่อนวันแต่งเพียงหนึ่งวัน และแผนต่างๆ ต้องเป็นอันวุ่นวายกว่าเดิม เมื่อ Neil ได้จัดการกับปัญหานี้ด้วยการโทรบอกว่า “จะมีระเบิดเกิดขึ้น” ในวันแต่งของเขาเอง!!     ช่วงเวลาตอนเช้าก่อนจะเริ่มเข้าพิธีแต่งงานที่ St George’s Hall ได้มีชายคนหนึ่งโทรแจ้งกับทางสำนักงานของ เมือง Liverpool ประเทศอังกฤษ ว่า “นี่ไม่ใช่การโทรขู่เล่นๆ มีระเบิดอยู่ใน St George’s Hall และมันจะระเบิดภายใน 45 นาทีนี้”   ซึ่งจากการโทรขู่นั้น คือ ชายคนเดียวกับว่าที่เจ้าบ่าวที่ควรจะมีพิธีแต่งงาน ซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า!! โดยไม่นานหลังจากนั้นทั้งอาคารก็รายล้อมไปด้วยตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะ Neil ดันโทรในช่วงเวลาหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดงานบอสตันมาราธอนที่เพิ่งเกิดขึ้นเพียงแค่ 11 วันเท่านั้น…   อาคาร St George’s Hall   แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกจับได้ และให้เหตุผลว่าตัวเขาไม่อยากทำให้ว่าที่ภรรยาต้องผิดหวัง ซึ่ง Neil เองบอกว่า “ได้หาทางจะบอกเธอแล้ว…

หากคุณเป็นคนที่อยู่เขตประเทศที่มีอากาศร้อนอย่างบ้านเรา มักจะคุ้นๆ คำที่ว่า “ร้อนแบบนี้ไปทอดไข่กลางถนนก็ยังสุก” บ้างมั้ย?? ไหนๆ ตอนนี้ก็ใกล้ผ่านพ้นฤดูหนาวของบ้านเราไปแล้ว หลายๆ คนคงจะคิดถึงหน้าหนาวแน่นอน #เหมียวฝึกหัดหมายเลข24 เลยจะพาทุกคนมาดูการทอดไข่ดาวท่ามกลางอุณหภูมิหนาวจัด ก่อนที่จะลาหน้าหนาวกันไปค่ะ     เมื่อ Lauren Yapalater หญิงสาวชาวนิวยอร์ค ที่ต้องการจะทำการทดลองทอดไข่บนอุณหภูมิ 6 องศา ที่เมืองพย็องชัง ประเทศเกาหลีใต้นั่นเอง ซึ่งเธอบอกว่าชินแล้วกับสภาพหนาวแบบนี้ แต่ยังไม่เคยได้ทำการทดลองอะไรแบบนี้มาก่อน… โดยเธอคิดว่าคนทดลองทอดไข่ท่ามกลางอากาศร้อนมาเยอะแล้ว แล้วถ้าอากาศหนาวล่ะจะเป็นอย่างไร?!   หญิงสาวกับอุณหภูมิที่หนาวจัดสุดๆ   โดยเธอได้บอกว่าการทดลองเกิดขึ้นเพราะเธออยากจะรู้ว่า ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการทำให้ไข่เย็นจัดจนแข็ง?? เธอได้ลองอยู่อย่างคือการตอกไข่ดิบลงไปบนกระทะ กับเอาไข่ทั้งฟองไปแช่ในหิมะดู…   เหมือนกำลังทำทอดไข่จริงๆ   การทดลองแบบที่สองคือเอาไข่สี่ฟองแช่ลงในหิมะ   ลองตอกไข่ซักฟองดูสิ ยังไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากเท่าไร…   รูปตอนที่ถ่ายคือเวลาบ่ายสองสี่นาที   หลังจากไม่ละทิ้งความพยายาม ในที่สุดมันก็เริ่มแข็งตัวแล้ว!!   ด้วยความที่อากาศหนาวจัด เธอกับเพื่อนจึงต้องเข้าไปหลบในบ้านก่อน และรอคอยจนกว่ามันจะแข็งตัวทั้งหมดตามที่เธอคาดไว้   เขยิบเอามาไว้ตรงนี้ก่อนละกันนะ   พ่อแม่พี่น้องง หลังจากผ่านไปชั่วโมงหนึ่งเราก็ได้มันมาแล้ว!! ไข่ทอดหิมะ!?  …

วันนี้ #เหมียวหมายเลข24 จะพาทุกคนไปดูวิธีการทำแม่พิมพ์คุกกี้ที่เราเห็นตามห้างสรรพสินค้ากันค่ะ จากแผ่นเหล็กวงกลมกลายเป็นแม่พิมพ์คุกกี้รูปร่างต่างๆ เห็นวิธีทำแล้วต้องบอกเลยว่าเจ๋งจริง!!   แม่พิมพ์รูปร่างเป็นต้นคริสต์มาส   บริษัทที่รับทำแม่พิมพ์นี้ตั้งอยู่ที่รัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทมีวิธีการทำที่ต้องใช้เครื่องจักรเป็นหลัก คือการนำแม่แบบเหล็กรูปร่างที่ต้องการวางยึดกับฐานไว้ และใช้แท่งไฮโดรลิกในการดันให้เข้ามุมต่างๆ ของแม่พิมพ์ ซึ่งบริษัทสามารถสั่งเครื่องพิมพ์ให้ทำเป็นรูปต่างๆ ตั้งแต่ตุ๊กตาขนมปังขิงไปจนถึงรูปร่างที่ซับซ้อนอย่าง กวางเรนเดียร์ และรูปปั้นเทพีเสรีภาพ!!   รูปร่างของเจ้ากวางเรนเดียร์   หากใครอยากสั่งซื้อแม่พิมพ์เหล่านี้ สามารถเข้าไปดูได้เลยที่เว็บไซต์ cookiecutter มีรูปร่างให้เลือกมากมาย อีกทั้งยังได้มีการแชร์ภาพขั้นตอนการทำแม่พิมพ์เหล่านี้ลงบนอินสตาแกรม @otbp_cookiecutters และเฟซบุ๊ก @cookiecuttercom   ฉึบ ฉึบ ฉึบ ออกมาเป็นพิมพ์ต้นคริสต์มาส! (เปิดเสียงเพื่ออรรถรส) https://www.instagram.com/p/Bm3nzIAhxeM/   แชร์ขั้นตอนการทำ ตุ๊กตาขนมปังขิง https://www.instagram.com/p/BnB5RbvBk6g/   และกวางเรนเดียร์ https://www.instagram.com/p/Bne7aT0hsxy/   ที่มา: @otbp_cookiecutters, thisiscolossal

คราวที่แล้ว #เหมียวหมายเลข24 ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าเขี้ยวกุด ในรูปแบบของไอศกรีมหน้าตา น่ารัก และน่าชังในเวลาเดียวกันไปแล้ว ข่าวเก่า: ตรงปกมั้ย? ไอศกรีม ‘เขี้ยวกุด’ วางขายแล้ว มีทั้งคนดีใจและเสียใจในคราวเดียวกัน  ด้วยกระแสตอบรับที่มาแรงมาก! หากใครที่ได้ไปชมภาคล่าสุดกันเรียบร้อยแล้ว แล้วอยากได้เจ้าเขี้ยวกุดมากอด ฝันของคุณเป็นจริงได้ เมื่อทาง Build-A-Bear Workshop สาขาสิงคโปร์ เปิดตัวตุ๊กตาเขี้ยวกุดพร้อมผองเพื่อนแล้วจ้า     ตุ๊กตา ‘เขี้ยวกุด’ มีการวางจำหน่ายแล้วที่สาขา Hamley’s Marina Bay Sands ประเทศสิงคโปร์ โดยทางร้านได้แชร์ลงเฟสบุ๊คเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2019 พร้อมประกาศจำหน่ายตุ๊กตาจากภาพยนตร์เรื่อง How to Train Your Dragon: The Hidden World ในวันที่ 31 มกราคม 2019 (ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป) โดยตุ๊กตาเซ็ทนี้วางจำหน่ายในราคาตัวละ 45 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ ราวๆ 1,045 บาท! เห็นแล้ว บอกเลยว่าเหล่าแฟนๆ ต้องตาลุกวาว…

ถ้าใครมีหูฟัง AirPods ใช้เป็นของตัวเอง คงเข้าใจความรู้สึกกลัวว่าจะทำมันหายได้ตลอด เพราะขนาดของมัน และด้วยความที่มันไร้สายเนี่ยแหละ… แต่ไม่ต้องห่วง เมื่อสาวรายนึงชื่อ Gabrielle Reilly จากรัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา ด้วยการนำ AirPods มาทำเป็นตุ้มหู งานนี้ชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมถึงความคิดสร้างสรรค์ของเธอ ที่สำคัญเธอทำมันขายได้ด้วย! โดยสาวรายนี้ใช้บัญชีอินสตาแกรม @deadanimemom  ในการขายที่ห้อยตุ้มหู AirPods ในราคา 20 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 628.95 บาท   Gabrielle Reilly เจ้าของไอเดียสุดเจ๋งนี้   “ฉันอยากจะออกแบบตุ้มหูให้สามารถทั้งสวม และถอด AirPods ได้ด้วย โดยฉันประกอบมันเข้าด้วยกันกับโซ่เส้นเล็กๆ ซึ่งใช้เวลาประมาณชั่วโมงหนึ่ง เพราะต้องทำชิ้นต่อชิ้น”  Gabrielle Reilly บอก   ตุ้มหูของเธอสามารถใส่และถอด AirPods ออกได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่ามันจะติดแน่นตลอด   เธอให้เหตุผลว่าทำไมเธอถึงได้คิดไอเดียนี้ขึ้นมา เพราะเมื่อก่อนแมวของเธอ ชอบกัดสายหูฟังขาดจนพังไปหลายคู่แล้ว หรือเอาคาบไปซ่อนบ้าง ถึงแม้รอบนี้เจ้าแมวจะพังสายหูฟังไม่ได้อีก แต่เธอก็ไม่ยอมให้หูฟังหายแน่นอน…   เมื่อชาวเน็ตเห็นสินค้าดังกล่าวก็เข้ามาคอมเมนต์มากมายเช่น   นี่เรากำลังอยู่ในปี 2019 แต่เธอคนนี้ไปไกลถึงปี 3920 แล้ว   เธอมาจากปี…

กลายเป็นข่าวดังที่ต่างประเทศ เมื่อคุณแม่ชาวบราซิล ชื่อว่า Silvia Grecco วัย 56 ปี และ Nickollas ลูกชายอายุ 12 ขวบ ที่ต่างชื่นชอบในกีฬาฟุตบอล ทั้งสองคนได้สร้างความประทับใจให้คนบราซิล และชาวเน็ต แม่ลูกคู่นี้ มาสนามกีฬาเพื่อดูการแข่งขันทีมโปรดของพวกเขา อย่าง Palmerias ที่ เมืองเซาเปาลู ประเทศบราซิล คุณแม่คนนี้ ได้ช่วยบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม ให้ลูกชายเห็นภาพตามตลอดการแข่งขัน เพราะลูกชายของเธอนั้น ตามองไม่เห็น และเป็นโรคออทิซึม ทั้งคู่ได้กลายเป็นที่โด่งดังหลังจากทางสนามกีฬา ได้จับมุมกล้องไปที่พวกเขา และภาพเหล่านั้นก็ได้ลงสู่โลกโซเขียล สร้างความประทับใจให้ทั้งกับผู้พบเห็น และคนบนโลกออนไลน์…   คุณแม่พยายามอธิบายให้ลูกชายฟัง   โดยทั้งคู่ได้ใส่เสื้อสีเขียว ทีมโปรดของพวกเขา   คุณแม่ได้บอกกับสื่อว่า “ฉันก็อธิบายรายละเอียดต่างๆ ของนักฟุตบอลค่ะ เช่น ผู้เล่นคนนี้ใส่เสื้อแขนสั้นนะ หรือเขาใส่ร้องเท้าเตะสีอะไร ผมของเขาเป็นทรงไหน หรือลูกก็จะได้ยินฉันบ่นกรรมการตัดสินด้วยค่ะ”    “การบรรยายของฉันไม่ได้ดีเท่ามืออาชีพหรอกค่ะ ฉันใช้ความรู้สึกล้วนๆ ในการอธิบายให้ลูกฟัง”  คุณแม่ และลูกระหว่างเดินทางไปดูทีมโปรด   คุณแม่ Silvia Grecco กับ Nickollas เคยได้ออกรายการทีวีของบราซิล อีกทั้งยังเคยได้เข้าไปดูการฝึกซ้อมของทีม Palmeiras ด้วย! ตัวคุณแม่เองนั้นเป็นแฟนพันธุ์แท้ของทีมนี้ และลูกชายของเธอก็ชอบทีมนี้ เพราะเขาชื่นชอบนักเตะชื่อดังของ บราซิล อย่าง Neymar ตั้งแต่ตอนที่เขายังค้าแข้งให้กับทีมบาเซโลนา…

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2019 ชายแก่คนหนึ่งที่ รัฐอุตตราขัณฑ์ ประเทศอินเดีย ที่ได้รับขนานนามว่า “มนุษย์ต้นไม้” ได้เสียชีวิตลงแล้วในวัย 96 ปี โดยตลอดทั้งชีวิต เขาได้ปลูกต้นไม้ไปกว่า 5 ล้านต้น เรื่องราวของเขาได้กลายเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนถึงความสำคัญของป่าไม้ เพราะเหตุใดคนจึงเรียกเขาว่า “มนุษย์ต้นไม้” และอะไรที่ทำให้เขาถึงอุทิศตัวเพื่อป่าไม้ขนาดนี้?   คุณลุง Saklani กับผืนป่าที่เขาได้ปลูกไว้   จุดเริ่มต้นต้องย้อนกลับไปในวัยเด็ก ของคุณลุง Vishweshwar Dutt Saklani Saklani เขาได้เริ่มปลูกต้นอ่อนไว้ตั้งแต่อายุราว 8 ขวบ ตามคำแนะนำของคุณลุงเขา ในช่วงเวลานั้น หมู่บ้าน Pujargaon ได้เป็นที่รู้จักถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ และเมื่อเวลาผ่านไปตัวคุณลุง Saklani เองก็ได้เป็นที่รู้จักถึงความรักที่เขามีให้ป่าไม้ ซึ่งเปรียบเสมือนลูกของเขา เช่นกัน     ต่อมาคุณลุง Saklani ได้รับการติดต่อจากญาติของเขา และได้ทราบว่า พี่ชาย Nagendra Dutt Saklani ของเขาได้จากไปแล้ว เมื่อทราบข่าวเช่นนั้น เขาก็เริ่มหายเข้าไปในป่าทุกเช้า และใช้เวลาไปกับการปลูกต้นอ่อนทั้งวัน จนกระทั่งในปี 1958 คุณลุง Saklani ได้สูญเสียคนที่เขารักไปอีกคน นั่นคือ ภรรยาคนแรก…

เวลาเกิดเหตุการณ์อย่างไฟไหม้ หรือเบาสุดอย่างน้องแมวติดต้นไม้ เรามักจะนึกถึงเหล่าบุรุษพร้อมชุดสีแดงกับรถดับเพลิงเป็นอันดับแรกกันใช่ไหม? วันนี้มีเรื่องราวสุดฮาแต่ก็น่าประทับใจของฮีโร่เหล่านี้ ที่หน้าที่มาก่อนสิ่งอื่นใดแม้พวกเขาจะกำลังอาบน้ำอยู่ก็ตาม!! เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อมีผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ Syaqirin Haqimi (@syaqirin323) ได้โพสต์คลิปวิดีโอการเตรียมตัวก่อนการปฎิบัติหน้าที่ของพวกเขา โดยหน่วยดับเพลิงที่มาเลเซียจะเรียกว่า bomba ซึ่งเบื้องหน้าของฮีโร่เราพอจะรู้แล้ว แล้วเบื้องหลังจะเป็นอย่างไรไปดูกัน…   เหล่าฮีโร่ที่ต่างกำลังรีบแต่งตัว   เรามักรู้ดีว่าเหล่านักผจญเพลิงต่างต้องทำงาน และเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆตลอด 24 ขั่วโมง จากในคลิปวิดีโอนักดับเพลิงเหล่านี้เพิ่งกลับมาจากการซ้อมกีฬา และทุกคนกำลังมุ่งหน้าเพื่อที่จะเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว… แต่แล้ว.. เมื่อสัญญาณเตือนดังทุกคนต่างหยุดกิจกรรมทุกอย่างที่ทำทันที! และบางคนก็เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเท่านั้น! แต่เมื่อหน้าที่มาเหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาต่างกุลีกุจอแต่งตัว และบางคนยังไม่ได้แต่งตัวด้วยอีกต่างหาก…   Baru je sudah bersukan . Nak mandi . Tiba2 ad kecemasan . Be like 🏃🏻‍♂️ pic.twitter.com/OZx15c5MP7 — Syaqirin Haqimi (@syaqirin323) January 25, 2019   เสื้อผ้ายังไม่ทันใส่ ก็ต้องรีบไปช่วยประชนชนแล้ว…  …

นึกสภาพดูว่าถ้าคุณตื่นขึ้นมาแล้วทั้งเมืองอยู่ในสภาพเป็นน้ำแข็งหมดจะเป็นไรอย่างไร… โดยเรื่องราวนี้เล่าโดยช่างภาพจาก กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ชื่อ Rauta Andrei ที่ตื่นขึ้นมากลางดึกวันเสาร์ และก็ต้องพบกับสภาพเมืองทั้งเมืองที่โดนพายุฝนน้ำแข็งถล่ม… ช่างภาพรายนี้ได้เล่าเรื่องราวผ่านรูปภาพของเขา และภาพที่ได้ออกมานั้นราวกับในหนังภัยพิบัติ โดยช่างภาพได้บันทึกรูปถ่ายที่เกิดปรากฏการณ์ Freezing rain ซึ่งเป็นปรากฏการณ์หิมะละลายเป็นฝน ตกลงมากระทบพื้นหรือพื้นผิวที่เย็นจัดจนกลายเป็นน้ำแข็ง แตกต่างจากลูกเห็บก่อตัวมาจากละอองฝุ่นในเมฆ แล้วตกลงมาคล้ายฝน  โดยตามภูมิศาสตร์แล้วประเทศ โรมาเนีย เป็นประเทศในทวีปยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ สภาพอากาศของประเทศนี้ค่อนข้างที่จะหนาวจัด และฝนตกชุกมาก ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง   ซากกิ่งไม้ที่หักลงมาบนถนน   สภาพราวกับในหนังแนวหายนะ .   สภาพรถที่ถูกทำลายโดยพายุฝนนี้   เมืองทั้งเมืองเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างที่แข็ง . .   ในช่วงฤดูหนาวต่างประเทศแถบยุโรปปรากฏการณ์เหล่านี้มักเกิดขึ้นบ่อย และมักจะมีข่าวแบบนี้ให้เห็นเสมอ แต่ถ้าเป็นบ้านเราก็คงจะเป็นข่าวช่วงหน้าร้อนที่อากาศร้อนจนแทบทนไม่ได้กันทีเดียว…   ที่มา: boredpanda

แบรนด์หรูดังจากอิตาลีได้รังสรรค์งานออกแบบคอลเลคชั่น หมวกกับผ้าคลุมหัวที่คลับคล้ายคลับคลากับหมวกพี่น้องชาวเกษตรกรบ้านเราเหลือเกิน… เห็นว่าคุ้นๆแล้ว แต่ราคาไม่ใกล้เคียงกับหมวกจักสานบ้านเราเลยแฮะ!! ซึ่งคอลเลคชั่นนี้มีชื่อว่า Cruise 2019 ที่มีการเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2018 โดยแบรนด์ Gucci และจะจำหน่ายภายในปีนี้นั่นเอง โดยราคาของหมวกใบนี้อยู่ที่ 450 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 14,214.83 บาท! และเท่านั้นยังไม่พอ หมวกใบนี้ยังมาคู่กับคอลเลคชั่นผ้าคลุมหัวในราคา 12,319.51 บาทอีกด้วย   Wide brim หรือหมวกชาวไร่ที่ชาวเน็ตพูดถึงกัน   Nylon hood with Flora print ฮูดผ้าไนล่อนกันแดดลายดอกไม้ มาพร้อมกับราคา 12,319.51 บาท .   หมวกพร้อมผ้าคลุมหัว   ลุคนี้ได้เลยถ้าไปเดินแถวสวนบ้านเรา…   โดยงานเปิดตัวของคอลเลคชั่นนี้ ทางกุชชี่ได้ใช้ธีมงานเดินแบบโกธิค และเอาร็อคแอนด์โรลผสมด้วย .   เป็นยังไงกันบ้างกับคอลเลคชั่นนี้ เห็นถึงความใกล้เคียงกับหมวกจักสานบ้านเราแล้ว แสดงให้เห็นถึงงานออกแบบที่ไม่มีพรมแดนจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ประเทศไหนก็ตาม ส่วนเรื่องราคาก็ว่ากันอีกทีนะ…    ที่มา: gucci

เคยได้ยินคำว่า “ลูกเป็ดขี้เหร่” มั้ย? ชายหนุ่มชาวจีนวัย 18 คนนี้ได้เล่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวเองของเขา และมันได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนหันมาดูแลตัวเอง… สมัยอยู่มัธยมชายหนุ่มคนนี้ได้เผชิญกับความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองมาโดยตลอด ด้วยลุคที่ไม่ได้หล่อเหลามากมายนัก มันทำให้เขาไม่กล้าที่จะสู้หน้าคนที่ชอบ หรือสาวน่ารัก อีกทั้งยังได้รับการปฏิบัติจากสาวๆ  ที่เรียกว่าแทบจะเห็นเขาเป็นธาตุอากาศด้วยซ้ำ…   รูปภาพของเขาสมัยมัธยมปลาย   เขาได้เล่าเรื่องราวที่ทำให้เจ็บช้ำใจในสมัยมัธยมปลายว่า “มีครั้งหนึ่งที่ผมเห็นเพื่อนผู้หญิงในชั้นทำกระเป๋าตก และผมกำลังจะก้มลงไปหยิบให้ แต่เขากลับตอกกลับมาว่า…” “เธอทำให้ฉันรู้สึกอับอายอยู่นะ เธอมันไอ่คนไม่หล่อ!” จากคำพูดของเพื่อนผู้หญิงทำให้ตัวเขารู้สึกโกรธ และรู้สึกต้องขายหน้าในครั้งนั้น มันกลับเป็นจุดที่ทำให้เขาสัญญากับตัวเองว่าเขาจะต้องเปลี่ยนแปลงให้ได้   การเปลี่ยนแปลงทีละนิดหลังจากได้รับคำพูดจากเพื่อนผู้หญิง   เมื่อจบชั้นมัธยมปลาย เขาได้บอกกับตัวเองจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกแน่ที่มหาลัย เพื่อที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หนุ่มจีนคนนี้จึงเริ่มหันมาควบคุมอาหารการกิน อีกทั้งยังเริ่มตามแฟชั่นให้เข้ากับลุคตัวเอง และซื้อเสื้อผ้าดีๆมาใส่ นอกจากนั้นเขายังใช้เวลาไปกับการเรียนรู้ที่จะแต่งหน้าด้วยตนเอง และศึกษาการแต่งหน้าสไตล์เกาหลีบนยูทูบ เช่น หัดใช้คอนซีลเลอร์ รองพื้น หลังจากการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งนั้นเขาก็ได้รับคำชมจากคนรอบตัวเขา และกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง   การเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ .   หลังจากที่เขาได้เข้ามหาวิทยาลัย   เขาได้พูดถึงคนที่เคยดูถูกไว้ “ถึงผู้ชายหลายๆคนที่ดูถูก และหัวเราะเรื่องหน้าตา หรือรูปลักษณ์ภายนอก… มันไม่มีใครที่น่าเกลียดจริงๆหรอก ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการพัฒนาตัวเองทั้งนั้น เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกแย่ก็หันมาดูแลตัวเองบ้าง”     เขายังฝากอีกว่า “ผู้ชายไม่ต้องกลัวการแต่งหน้าหรอก เครื่องสำอางไม่ได้มีไว้สำหรับผู้หญิงเท่านั้น! ทุกคนสามารถใช้มันได้จริงๆ…

หนุ่มชาวไต้หวันจิตใจบุญที่ชอบบริจาคเลือดให้กับผู้คน กับเส้นทางความรักที่ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งจะได้แต่งงานกับภรรยาและมารู้ในภายหลังว่าเขาคือชายที่ได้ช่วยบริจาคเลือดให้กับเธอเมื่อ 11 ปีก่อน… เรื่องเกิดขึ้นกับภรรยาที่มีนามสกุลว่า “ลิม“ ราว 11 ปีก่อน เธอได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง ร่างกายของเธอไม่สามารถที่จะหยุดเลือดตัวเองให้ไหลได้ และทำให้เสียเลือดไปจำนวนมาก แต่โชคดีที่เธอนั้นได้รับเลือดจากการบริจาคจำนวน 10 ถุง และเกล็ดเลือดอีกจำนวน 2 ถุง ซึ่งทำให้ร่างกายเธอกลับมาสู่สภาวะปกติอีกครั้ง   รูปคู่ของสามี ภรรยา   หลังจาก 7 ปีให้หลัง “ลิม” ได้กลับไปที่เมืองบ้านเกิดที่ไต้หวันอีกครั้ง เพื่อช่วยกิจการของครอบครัว และนั่นก็คือเรื่องราวที่เธอได้พบชายผู้บริจาคเลือดให้เธอ ซึ่งก็คือ “เลียน” เป็นเจ้าของกิจการเกี๊ยวที่กำลังไปได้ ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาต่างก็ตกหลุมรักกัน อยู่มาวันหนึ่งทั้งคู่ต่างก็แชร์ประสบการณ์เสี่ยงตายที่เคยเกิดขึ้น และจากการเล่าเรื่องให้กันฟังนั้น “ลิม” ทำให้เธอกลับมาค้นข้อมูลผู้บริจาคเลือดให้เธออีกครั้ง   หลังทั้งคู่ได้คบหาดูใจกัน   หลังจากที่เธอค้นหาอยู่นาน เนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่ค่อยอยากเปิดเผยข้อมูลของผู้บริจาค เธอจึงขอร้องว่าอยากรู้แค่ชื่อของผู้มีพระคุณของเธอจริงๆ การขอร้องของเธอเป็นผล และนั่นก็ทำให้เธอได้รู้ว่าคนที่บริจาคก็คือแฟนคนที่กำลังคบหาดูใจกับเธออยู่นั่นเอง ทั้งคู่ได้คบกันมาเป็นเวลา 2 ปีตั้งแต่รู้เรื่องราว และหลังจากนั้นได้เข้าสู่ประตูวิวาห์ ช่างเป็นเรื่องราวที่หวานจริงๆของทั้งคู่ เปรียบเหมือนกับละคร แต่เป็นชีวิตจริงที่เหมือนมีชายขี่ม้าขาวมาช่วยทั้งๆที่ยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เรื่องราวนี้คงจะได้เล่าให้ลูกให้หลานฟังต่อไปอีกยาวนานอย่างแน่นอน…   ที่มา: chinatimes, worldofbuzz

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าประเทศญี่ปุ่นนั้น มีความเป็นระเบียบมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง คุณลองจินตนาการดูว่าเด็กญี่ปุ่นต้องฝึกความมีระเบียบตั้งแต่ชั้นอนุบาล และหากว่าเด็กๆเริ่มโตขึ้น คุณครูก็ต้องมีความเข้มงวดตามไปด้วยใช่ไหมล่ะ? เรื่องที่เป็นประเด็นในทวิตเตอร์ที่ญี่ปุ่นขณะนี้ เป็นเรื่องราวของโอจิซัง (ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า คุณลุง)                      โดยบัญชีทวิตเตอร์ @r_yukitok ได้โพสต์การบ้านของหลานป.2 ลงในทวิตเตอร์ และชาวเน็ตต่างเข้ามาคอมเมนต์กันมากมาย ถึงคุณครูผู้ตรวจ พวกเราลองมาดูการบ้านของเด็กญี่ปุ่นป.2 กัน   โจทย์ข้อนี้บอกให้วาดรูปสามเหลี่ยม และสี่เหลี่ยม โดยลากเส้นตรงเท่านั้น ลงในช่องคำตอบ   จากโจทย์ด้านบน จะแสดงให้เห็นว่าดูไม่เห็นจะผิดตรงไหนแต่อย่างใด แต่คุณครูผู้ตรวจก็ยังทำเครื่องหมาย ว่ายังไม่ถูกลงไป (เครื่องหมายสี่เหลี่ยมล้อมรอบข้อย่อยของข้อ 4) เช่นเดียวกับข้อ 5 โจทย์ได้สั่งให้วาดรูปทรงลงไปทั้งแนวตั้ง และแนวยาว เป็น 3*6 เซนติเมตร หลังจากที่ได้ดูการบ้านของหลานแล้ว น้องสาวของคุณลุงท่านนี้จึงได้เข้าไปถามคุณครูที่โรงเรียน และหลังจากได้รับคำตอบก็ยิ่งสร้างความงุนงงเข้าไปใหญ่ ซึ่งคุณครูท่านนี้ได้อธิบายว่า “เส้นที่วาดไม่เป็นเส้นตรงมากพอค่ะ”   จากโจทย์ให้ลองสังเกตมุมขวาล่างที่คุณครูมาร์กสามเหลี่ยมไว้ เพราะเส้นไม่บรรจบกันจนสุด ผู้คนในทวิตเตอร์ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “เด็กป.2…