เรื่องราวของ ‘เจ้าเหมียวส่งสาร’ การพูดคุย ‘ผ่านแมว’ ของทาส กับตอนจบที่เรียกน้ำตา

ใครเล่าจะคิดว่าสัตว์ที่มีความหยิ่ง และไม่สนใจใคร โดยเฉพาะเหล่ามนุษย์ ที่ต้องกลายเป็นทาสของมันอยู่ร่ำไป จะกลายมาเป็น ‘นักส่งสาร’ เหมือนกับ ‘นกพิราบส่งสาร’ แบบเด๊ะๆ เลย!?

นี่คือเรื่องราวของเจ้าเหมียวส่งสารที่ทำหน้าที่คอยส่งข้อความให้กับทาสได้พูดคุยกันแบบไม่เห็นหน้า ราวกับเป็นนกพิราบส่งสาร และเรื่องราวของมันอาจจะทำให้ทาสแมว รวมถึงคนรักสัตว์ทั้งหลายต่างรู้สึกน้ำตาคลอไปตามๆ กัน…

 

 

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมามีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งชื่อบัญชีว่า @catsclinic ได้โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ถึงเรื่องราวของเจ้าแมวตัวหนึ่งที่มักจะผ่านคลินิกสัตว์ของตนเป็นประจำ

“ฉันเห็นเจ้าแมวสีขาวดำตัวหนึ่งเดินผ่านไปมาแถวคลินิกสัตว์ของเราเสมอ งั้นฉันจะขอถือวิสาสะตั้งชื่อว่า ‘คุโระจัง’ เลยละกันนะ แล้วก็ครั้งหนึ่งที่มันมาเยี่ยมเราฉันเห็นปลอกคอของมันด้วย แสดงว่าต้องมีเจ้าของแล้วแน่ๆ”

“พอฉันรู้ว่ามันมีเจ้าของ ฉันก็เลยลองเอาจดหมายแนบไปกับปลอกคอของมันด้วย หลังจากที่มันมาเยี่ยมเยียนเราอีก และที่น่าแปลกก็คือ ดันมีจดหมายตอบกลับมาด้วย!!”

 

ข้อความต้นฉบับที่ส่งไป

 

โดยจดหมายที่ทาง catsclinic ฝากเจ้าคุโระไปนั้นมีเนื้อความว่า “ใครเป็นเจ้าของแมวตัวนี้หรือ? มันมีชื่อมั้ย? มันมาเยี่ยมพวกเราบ่อยมากเลย ช่างน่ารักจริงๆ !”

ทางเจ้าของแมวได้ตอบกลับ “ชื่อของเขาคือ ไดซุ (แปลว่าถั่วเหลือง) ว่าแต่เขาแวะไปหาคุณมานานแค่ไหนแล้ว? ได้โปรดช่วยรับเขาเป็นเพื่อนด้วยนะ”

 

หลังแชร์เรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นไวรัล มีผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก จู่ๆ ก็มีผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งชื่อว่า @combo1212 ตอบกลับทาง catsclinic ว่า “เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ นั่นแมวที่บ้านผมนี่”

 

ต่อมาทวิตเตอร์ combo1212 เจ้าของแมวไดซุก็ได้ตอบกลับมาอีกครั้ง เป็นภาพถ่ายต่างๆ ของมัน รวมถึงข้อความยาวเหยียดที่เขียนถึงทาง catsclinic 

 

หลังได้อ่านเรื่องราวทั้งหมดแล้วทำให้ทราบว่า ที่จริงแล้วข้อความเหล่านี้ผ่านมาก็หลายปี และสิ่งที่น่าเศร้ากว่าคือ เจ้าไดซุได้จากครอบครัวของเขาไปเมื่อหลายเดือนแล้ว…

สิ่งที่ทำให้ชาวเน็ต และทาง catsclinic รู้สึกซึ้งคือเนื้อหาของข้อความที่เจ้าของได้ส่งมาขอบคุณ และขอโทษที่ไม่ได้บอกให้รับรู้ว่าไดซุจะไม่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมหาเขาอีก

 

ข้อความของ combo1212 ที่ส่งถึง catsclinic

 

“สวัสดี ผมชื่อคอมโบ                                                                                                      (ต้องขอโทษด้วยที่ข้อความนี้มีเนื้อหาที่ยาวมาก และอาจจะต้องใช้เวลาอ่านมันหน่อยนะ ขอโทษด้วยจริงๆ )

ผ่านมาเป็นเวลา 6-7 ปีแล้ว ตั้งแต่ไดซุกลับมาบ้านพร้อมจดหมายที่ปลอกคอของมัน หรือก่อนหน้าที่มันจะคอยส่งจดหมายมาให้เรา บางครั้งมันก็กลับมาพร้อมกับขนที่สะอาดเหมือนกับว่าใครเพิ่งแปรงขนหรือทำความสะอาดให้ นั่นจึงทำให้ผมสงสัยว่าเจ้าไดซุอาจจะเคยแวะไปบ้านของใครมารึเปล่า?

ครั้งแรกที่มันกลับมาบ้านพร้อมจดหมาย ครอบครัวของเราทั้งดีใจ และตื่นเต้นมากๆ เราหัวเราะกันใหญ่และบอกว่า ‘นี่มันแมวในตำนานเลยนี่หว่า เจ้านี่เนี่ย’ ผมจำได้ว่าเราไม่หยุดพูดถึงเรื่องนี้เลย และไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง

พวกเรารู้สึกละอายใจที่เจ้าไดซุต้องคอยไปรบกวนคุณเสมอ แต่พวกเราก็รู้สึกขอบคุณมากจริงๆ ที่มีคนคอยดูแลมัน และดีใจที่คุณเห็นว่าเจ้าไดซุนั้นน่ารัก! ตอนนั้นพวกเรามีเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากมายจริงๆ !

ปกติไดซุจะเป็นแมวที่ค่อนข้างตื่นกลัวเพื่อนบ้านของเรา นั่นเลยทำให้เราแปลกใจที่มันยอมให้พวกคุณเข้าใกล้และถึงขั้นเอาจดหมายแนบมากับปลอกคอของมันได้ด้วย เราต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคนที่สามารถทำขนาดนี้ได้ ต้องเป็นคนที่รักสัตว์มากๆ และรู้วิธีการเข้าหาสัตว์ต่างๆ รวมถึงต้องเป็นคนที่มีจิตใจดี และอ่อนโยนด้วย

ผมรู้สึกผิดจริงๆ ที่ไม่ได้บอกคุณให้คุณรู้ ทั้งๆ ที่คุณคอยดูแลมันมาตลอด และตอนนี้ผมก็ดีใจมากที่ในสุดผมได้บอกว่าผมรู้สึกขอบคุณคุณมากแค่ไหน

เมื่อเช้านี้ผมเห็นได้เห็นเรื่องราวของไดซุ และข้อความที่ผมส่งให้คุณอีกครั้งบนทวิตเตอร์ ผมหยุดสั่นไม่ได้ เพราะมันเหมือนกับว่าความทรงจำดีๆ ระหว่างครอบครัวเรากับไดซุได้หวนกลับมาอีกครั้ง จนเกือบลืมไปแล้วว่าความรักที่ผมมีให้แมวตัวนี้มันเยอะมากแค่ไหน

สุดท้ายมันคงจะดีมากหากคุณพอจะมีเวลา มาเล่าเรื่องราวของคุณกับไดซุที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร?

ขอบคุณมากๆ อีกครั้ง”

 

ภาพถ่ายของไดซุตอนที่ยังเล็กๆ อยู่ กับแมวที่เคยเลี้ยงก่อนหน้านี้ ชื่อ อะซุกิ (ถั่วแดง)

 

 

ข้อความของ @combo1212 ได้จบลงเพียงเท่านี้ และหากตอนนี้เจ้าไดซุยังอยู่มันคงจะกลายเป็นแมวอีกหนึ่งตัวที่มีคนรู้จักถึงความน่ารักของมันมากที่สุด อีกทั้งเรื่องราวของเจ้าแมวส่งสารนี้คงจะถูกเล่าไปยังของลูกหลานพวกเขาอีกหลายปีเลยล่ะ

 

หวังว่านายคงจะมีความสุขอยู่บนดาวแมวนะเจ้าไดซุ ^^

 

ที่มา: soranews24

Comments

Leave a Reply