Category: ข่าวคราวรอบโลก
-
รู้จักคุณทวด Mbah Gotho อายุ 146 ปี ชายชาวอินโดนีเซีย ผู้มีอายุมากที่สุดในโลก
สุขภาพที่ดีทำให้เรามีอายุที่ยืนยาว สำหรับคนเราอายุผู้หญิงโดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 73 ปี และผู้ชายอยู่ที่ 68 ปี แต่สำหรับชายคนนี้อายุเฉลี่ยเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น เชิญพบกับนาย Mbah Gotho อายุ 146 ปี อายุของเขาอาจจะดูเกินจริงไปสักหน่อย แต่เขาก็คือคนที่ได้รับบันทึกว่าเป็นชายชาวอินโดนีเซียอายุมากที่สุดในโลก!! ตามประวัติคุณทวด Mbah Gotho เกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ.1870 เขามีภรรยาอยู่ด้วยกัน 4 คน มีพี่น้อง 10 คน และลูกหลานอีกมากมาย เขาโชว์บัตรประชาชนของตัวเองซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงอายุของเขา แต่แล้วเมื่อวันที่ 12 เมษายน ค.ศ.2017 ที่ผ่านมา เขาได้ล้มป่วยและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล อีก 6 วันต่อมาเขาได้เสียชีวิตลงเนื่องจากปฎิเสธที่จะรับประทานอาหารและดื่มน้ำ มีหลายคนไม่เชื่อว่านาย Mbah จะมีอายุยืนยาวขนาดนั้น เนื่องจากว่าเขามักจะสูบบุหรี่หนัก ไม่น่าจะมีอายุยืนยาวได้ขนาดนี้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ของอินโดนีเซียออกมายืนยันว่าบัตรประชาชนและเอกสารของนาย Mbah นั้นถูกต้อง แต่ถึงกระนั้น มีการตั้งข้อสังเกตว่าทางประเทศอินโดนีเซียเริ่มมีการบันทึกข้อมูลประชาชนรวมถึงปีเกิด เมื่อ ค.ศ.1900 ด้วยเหตุนี้อาจจะมีโอกาสผิดในการบันทึกปีเกิดของนาย Mbah…
-
เปิดโลกทะเลลึก!? รวมภาพถ่ายสัตว์น้ำหน้าตาแปลกประหลาด โดยนักวิทย์ชาวรัสเซีย
ในโลกของการสำรวจนั้น ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่รอให้เราไปค้นหา เช่นเดียวกับหนุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียนามว่า Roman Fedortsov ที่ทำการล่องเรือไปน่านน้ำทั่วโลก เพื่อทำการสำรวจทางทะเลและเก็บภาพสัตว์น้ำที่แปลกประหลาดหลังจากที่เขาจับได้มาแบ่งปันให้โลกได้รู้ถึงการมีอยู่ของเจ้าพวกนี้ด้วย อ้าปากกว้างๆ หน่อยเพื่อน ~ ที่เห็นอยู่นี้เป็นปลาน้ำลึกจำพวกตระกูลเนื้อแดงมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์และมักจะพบบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติคเหนือ โดยอาศัยอยู่ที่ระดับความลึกจากผิวทะเลตั้งแต่ 300 ถึง 1,000 เมตร ลักษณะเด่นของปลาตระกูลนี้อยู่ที่การปฎิสนธิภายใน ทำให้ตัวอ่อนนั้นมีความอิสระในการใช้ชีวิตมากกว่าตัวอ่อนปลาทั่วไป แม้ปากจะกว้างสู้เขาไม่ได้ แต่ปลา Scabbard ดำ (ซ้าย) และปลา Atlantic Wolffish (ขวา) ก็มีฟันที่ยาวและสวยไม่แพ้เพื่อนๆ นะ ปลา Scrabbard ดำ เป็นปลานักล่าลำตัวยาวอาศัยอยู่ในระดับความลึกจากผิวน้ำทะเล 180 – 1800 เมตร สีผิวดำของมันช่วยในการพรางตัวขณะล่าเหยื่อ โดยเหยื่อของมันมักจะเป็นสัตว์น้ำที่มีขนาดตัวเล็กกว่ามัน ในขณะที่ปลา Atlantic Wolffish นั้นจะใช้ฟันกรามและเขี้ยวที่หนาออกล่าเหยื่อจำพวกหอยแมลงภู่และกุ้ง นี่ปลา Remora หรือเนี่ย!? นึกว่าปลาไหล ปลา Remora นั้นมีมีอวัยวะคล้ายตัวดูดที่เปิดและปิดเพื่อสร้างการดูดที่จะยึดมั่นกับผิวของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ ได้แก่ เต่าน้ำค้างแข็งและปลาฉลาม ปลากระต่าย…
-
มาดู “ห้องนอน” ของนักบินและลูกเรือ ที่ซึ่งผู้โดยสารหลายคน อาจจะยังไม่เคยเห็นมาก่อน
หลายคนอาจจะคิดว่างานของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนั้นเป็นงานที่สบาย แต่การทำงานจริงๆ ต้องมีความรับผิดชอบสูงมากต่อชีวิตผู้โดยสารในสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ โดยเฉพาะนักบินผู้ซึ่งเป็นคนสำคัญที่จะพาผู้โดยสารไปถึงที่หมายโดยปลอดภัย พวกเขาเหล่านี้ต้องดูแลทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบายของผู้โดยสารตลอดเวลา แต่หากพวกเขาเหล่านี้ถึงเวลาพัก พวกเขาจะพักกันที่ไหนและบรรยากาศจะเป็นเช่นไร #เหมียวปั๊ก มีความภูมิใจที่จะพาทุกท่านไปดูห้องพักลับของนักบินและลูกเรือ ที่ซึ่งใครหลายๆ คนไม่มีโอกาสได้เข้าไปดู แท่น แทน แท้นนนนนนน… พื้นที่บนเครื่องบินโดยส่วนใหญ่มีจำกัด จึงต้องมีการออกแบบแต่ละส่วนให้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด โดยในส่วนที่ลูกเรือและนักบินใช้ในการพักผ่อน เราเรียกกันว่า CRCs หรือ ห้องพักลูกเรือ ห้องพักลูกเรือโดยส่วนใหญ่มักจะอยู่หัวเรือและท้ายเรือ และมักถูกซ่อนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากผู้โดยสาร สำหรับลูกเรือที่เหนื่อยล้า เตียงนอนนุ่มๆ สักเตียงคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด บันไดที่จะขึ้นไปสู่ห้องพักลูกเรือ จะนอนเป็นคู่ ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ ห้องพักลูกเรือมีอยู่หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับสายการบิน ด้วยพื้นที่จำกัด ก็อาจจะต้องนอนรวมกับเพื่อนๆ ในเตียงแบบนี้ ในบางเที่ยวบินส่วนตัว ห้องพักนักบินก็มีหน้าตาที่หรูหราแบบรูปนี้ สำหรับนักบิน ห้องพักมักอยู่ไม่ไกลจากคันบังคับ เครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ ห้องพักนักบินอาจจะมีเก้าอี้เสริมให้นักบินด้วย นอกจากการพักผ่อนที่เพียงพอ การผ่อนคลายหลังจากความเครียดก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักบิน …
-
ชมความงามของ 15 สนามบินรอบโลก ว่าจะสวยเพียงใด หากถูกถ่ายภาพจากบนอวกาศ
หลายๆ คนคงจะคุ้นเคยกับภาพมุมสูงต่างๆ ที่เราเรียกว่ามุมมองแบบ Bird’s Eye View กันมาแล้ว โดยการมองภาพจากมุมสูงนั้นนอกจากจะทำให้เราได้เห็นสถานที่ต่างๆ ในมุมที่กว้างขึ้นแล้ว ยังทำให้เห็นถึงความสวยงามและลักษณะภูมิประเทศรอบๆ นั้นได้ชัดเจนมากขึ้นด้วย เมื่อไม่นานมานี้ได้มีนักบินอวกาศท่านหนึ่งชื่อว่าคุณ Thomas Pesquet เขาได้แชร์ภาพถ่ายของสนามบินที่ถูกบันทึกจากนอกโลก เพื่อเป็นการระรึกถึงช่วงเวลาที่มีโอกาสปฏิบัติภารกิจในอวกาศผ่านทางทวิตเตอร์ของเขาและติดแฮชแทคว่า #airportsfromspace อ่า.. หลายคนคงอยากจะเห็นภาพมุมสูงที่ว่าแล้วใช่ไหมล่ะ?? ถ้าอย่างนั้นขอเชิญพบกับ 15 ภาพถ่ายของสนามบินที่ถูกบันทึกจากนอกอวกาศโดยนักอวกาศขององค์กร NASA นี่เอง 1. สนามบินนานาชาติมิวนิค ประเทศเยอร์มัน ที่ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่เกษตรกรรมและหมู่บ้านเล็กๆ 2. สนามบินนานาชาติคันไซ ในอ่าวโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น 3. สนามบินนานาชาติคูเวต กับแสงไฟยามค่ำคืนในคูเวตซิตี้ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศคูเวต 4. สนามบินนานาชาติเอเดน สนามบินที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศเยเมน มีรันเวย์ยาวถึง 3 กิโลเมตร 5. เส้นสีเขียวที่ทอดตัวยาวขนาดกับน้ำทะเล คือรันเวย์ของสนามบินในเมืองดาการ์ ประเทศเซเนกัล 6. สนามบินในเมืองซานตากรุซเดลาเซียร์รา ประเทศโบลิเวีย 7. สนามบินบนเกาะนอร์ฟอล์ก เกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในสมุทรแปซิฟิกตอนใต้…
-
ใครโกรธมาทางนี้!? เรามีห้องระบายความโกรธ รอให้ทุกท่านมาปลดปล่อยพลังกัน
สำหรับใครที่เวลาโกรธแล้วไม่รู้จะต้องจัดการยังไง วันนี้ #เหมียวปั๊ก ขอนำเสนอวิธีระบายความโกรธกับ Debosh Destroyery ธุรกิจที่ให้บริการสำหรับผู้ที่ต้องการระบายความโกรธด้วยวิธีการพังอะไรสักอย่าง สวัสดีครับ ขอต้อนรับสู่ Debosh Destroyery บริษัท Debosh Destroyery นั้นตั้งอยู่ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เปิดเพื่อให้คนที่อัดอั้นได้มีที่ระบายโดยเฉพาะ การให้บริการนั้นจะแบ่งเป็นห้องต่างๆ ซึ่งแต่ละห้องนั้นจะมีความยากง่ายในการ “ระบาย” ความโกรธที่แตกต่างกันไป เริ่มตั้งแต่พังสิ่งของด้วยตัวคุณเองในห้องขนาดเล็ก จนไปถึงออกศึกใหญ่ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ 7-8 คน เพื่อพังทลายข้าวของที่มีขนาดห้องพอๆ กับสตูดิโอขนาดย่อมกันเลยทีเดียว อุปกรณ์ที่ใช้ในการระบายความเกรี้ยวกราวนั้น ทาง Debosh ก็ได้มีการเตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นค้อนปอนด์ , ค้อนธรรมดา , ไม้เบสบอล หรือแม้กระทั่งขวานดับเพลิงก็มี หรือถ้าทางลูกค้ารู้สึกว่าอุปกรณ์นั้นยังไม่โดนใจพอ ลูกค้าก็สามารถที่จะเตรียมอาวุธคู่ใจมาก็ได้เช่นกัน (ยกเว้นปืนนะจ๊ะ) และในส่วนของสิ่งของที่ลูกค้าต้องการที่จะพังก็สามารถที่จะเลือกได้เช่นเดียวกัน ตั้งแต่โซฟา โต๊ะ ทีวีขนาดเล็ก ไปจนถึงรถยนต์เลยทีเดียว คนเดียวก็เฟี้ยวได้ หุหุหุ ถ้าอุปกรณ์ทำให้คุณไม่เร้าใจพอ ก็ต้องลงมือเองนี่แหละ ! …
-
Oatman เมืองสุดคลาสสิกบนถนน Route 66 ที่ประชากรหลักเป็นลา ลา และลา เต็มไปหมด!!
ส่วนใหญ่หนังคาวบอยเราจะเห็นเมืองต่างๆ ที่มีผับมีบาร์รวมถึงบ้านคนที่เป็นไม้เก่าๆ ดูคลาสสิก ส่วนคนก็จะขี่ม้าไปมาในเมือง แต่เคยคิดไหมว่าจะมีเมืองแนวนั้นอยู่ทว่าเปลี่ยนจากม้าให้กลายเป็นลาแทน?!! อ่านดูแล้วอาจจะคิดว่าบ้า.. เป็นเมืองคาวบอยทำไมถึงเปลี่ยนม้าเป็นลาล่ะ!? แต่เมือง Oatman เขาเป็นแบบนั้นจริงๆ เมือง Oatman ตั้งอยู่บนถนนสาย Route 66 อันโด่งดังในรัฐแอริโซนาประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเมืองเล็กๆ แห่งนี้ยังคงกลิ่นอายความเป็นคาวบอยด้วยสิ่งก่อสร้างแบบดั่งเดิม แต่ที่ต่างก็คงจะเป็นเมืองแห่งนี้จะมีลาเดินเดินเพ่นพ่านเต็มถนนไปหมด ส่วนสาเหตุที่ทำให้เมืองนี้กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากเดิมก็เพราะว่า ผลพวงจากเมือง Laughlin ในรัฐเนวาด้าที่เป็นเมืองคาสิโนและมีประชากรมากขึ้น ทางเมืองจึงอยากจะระบายผู้คนโดยการโปรโมทเมืองอื่นๆ และ Oatman ก็ได้ผลประโยชน์จากส่วนนั้นนั่นเอง ส่วนต้นตอของประชากรลาภายในเมืองมันเริ่มมาจากลาที่หลงฝูง รวมถึงลาที่เป็นลูกหลานของฝูงลาในยุคบุกเบิกขณะที่ชาวเมืองยังคงขุดแร่เป็นหลัก และพวกมันก็แพร่พันธุ์ในเมืองแห่งนี้จนมีทายาทอยู่เต็มไปหมด จนถึงตอนนี้พวกมันก็ได้รับการคุ้มของจากกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐอเมริกาแล้วด้วย ยืนดูรถซ้ายขวาว่าจังหวะไหนข้ามได้แล้วบ้าง รถหยุดให้แล้ว จังหวะนี้แหละข้ามเลยย.. ถ้าใครคิดว่าลาพวกนี้จะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวเมือง ก็ต้องบอกเลยว่าคุณกำลังคิดผิด เพราะลาที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้พวกมันฉลาดมากๆ มันเรียนรู้ว่าเวลาไหนควรจะข้ามถนน จุดไหนคือจุดกินอาหาร รวมถึงจำสถานที่โปรดของพวกมันได้ด้วย นอกจากนั้นยังมีป้ายประกาศสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อย้ำเตือนให้ระวังลาภายในเมือง อยู่ทั่วห้างร้านและรอบๆ ตัวเมืองอีกด้วย จุดให้อาหารลาที่พวกมันรู้ดีว่าถ้ามาตรงนี้ได้กินอาหารแน่นอน บางตัวก็จะถูกเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้คนในเมือง..อย่างเจ้าตัวนี้จะมีชื่อว่า Harley หรือจะเป็นเจ้าลูกลาตัวนี้ที่กำลังหลับอยู่บนถนน น่ารักไหมล่ะ ถ้าคุณมาที่นี่รับรองว่าคุณจะกลายเป็นคนชอบลาขึ้นมาทันที เพราะมีทั้งพ่อแม่ลูกลาอยู่เต็มไปหมด แถมบางตัวก็ดูลายน่ารักซะขนาดนี้…
-
“มีกระสุนเป็นตับ จะเอาป้ะละ!?” คุณแม่ชักปืนขึ้นมาขู่ช่างผม หลังตัดลูกตัวเองชักช้าไม่ทันใจซะเลย
ทุกครั้งที่เราไปใช้บริการใดๆ ก็ตามแล้วได้รับการบริการที่ช้าจนเรามักจะหัวร้อนอยู่บ่อยๆ ซึ่งปกติเราก็จะมีวิธีการแก้ปัญหาหลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการบ่น ยกเลิกบริการ หรือไม่ก็อดทนรอ แต่ว่าเมื่อ 16 เมษายน 2017 ที่ผ่านมาในเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ได้มีคุณแม่ผิวสีคนหนึ่งหยิบปืนมาจ่อยิงคนในร้านเนื่องจากพนักงานตัดผมให้ลูกชายของเธอช้า จนเธอต้องระเบิดอารมณ์ออกมาแล้วพูดว่า “ฉันมีกระสุนเป็นตับ และฉันก็จะยิงพวกแกให้หมดเลย” เหล่าพนักงานจึงพยายามพูดให้เธอใจเย็นลง เพื่อช่างตัดผมจะได้รีบตัดผมให้ลูกชายของคุณแม่จนเสร็จ และสุดท้ายทั้งคู่ก็ออกไปจากร้านทันที ทิ้งไว้แต่ความมึนงงให้กับพนักงานทั้งหมดภายในร้าน Al Pugh พนักงานฝึกหัดในร้านออกมาบรรยายถึงความรู้สึกของตัวเองเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเขาถึงกับรู้สึกช็อค “คุณไม่รู้หรอกว่าคนอื่นคิดยังไง บางทีเธออาจจะยิงผม หรืออาจจะยิงลูกตัวเองด้วยก็ได้ ใครจะรู้จริงไหม?” นอกจากนี้ Al ยังบอกปิดท้ายอีกว่า “เธอไม่น่าวู่วามทำแบบนั้นเลย เพราะเธอไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายสักหน่อย” แถมลูกชายของเธอในตอนนั้นก็นั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูกเลยล่ะ ด้านเจ้าของร้าน Michael D’Amico บอกว่าเขาเปิดร้านนี้มาตั้งแต่ปี 1960 เขาไม่อยากให้หญิงสาวคนดังกล่าวถือปืนไปมาบนท้องถนนที่มีคนเต็มไปหมด เขาจึงแจ้งตำรวจให้ตามจับเธอทันที สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางมาถึงเพื่อตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และตามหาคุณแม่คนดังกล่าว ทว่าเจ้าหน้าก็ไม่พบเบาะแสเกี่ยวกับคุณแม่ใจร้อนคนดังกล่าวเลยนั่นเอง สามารถรับชมคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวข้างล่าง จะทำอะไรก็คิดดีๆ อย่าใจร้อนเลยนะทุกคน ค่อยๆ คุยกันสิ ที่มา cleveland19
-
สื่อนอกเผยสถิติคนไทยแต่งงานอายุ 26 ปี ไปดูกันว่าแต่ละประเทศ แต่งงานตอนอายุเท่าไรบ้าง!?
ทุกๆ ปีหลายคนอาจจะเจอคำถามจากคุณพ่อคุณแม่หรือญาติๆ ว่า “เมื่อไหร่จะแต่งงาน” จนอาจจะทำให้ต้องคิดหนัก ซึ่งมีหลากหลายเหตุผลไม่ว่าจะเป็น ไม่มีเวลาหาแฟน , สนใจงานมากกว่าชีวิตคู่ , ยังเจอคนไม่ถูกใจ หรือแม้กระทั่งอยากอยู่เป็นโสดเสียมากกว่า ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไร แต่คุณไม่ใช่คนเดียวที่ยังไม่ได้แต่งงาน วันนี้ #เหมียวปั๊ก จะพาทุกท่านไปดูสถิติช่วงอายุคนแต่งงานของหนุ่มสาวรอบโลกกัน เพื่อดูซิว่าคุณเข้าสู่ช่วงวัยที่จะต้องแต่งงานในประเทศของคุณแล้วหรือยัง? ในปัจจุบันอายุการแต่งงานมีแนวโน้มที่มากขึ้นหรือไม่แต่งงานเลย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างรวมไปถึงปัจจัยทางด้านสภาพสังคมในแต่ละประเทศที่อยู่อาศัย ซึ่งสามารถสังเกตได้จากข้อมูลที่ทาง United Nation ที่ได้รวบรวมเป็นข้อมูลทางสถิติไว้ แผนที่แสดงอายุเฉลี่ยที่คนจะแต่งงานกันทั่วโลก สีอ่อน = อายุน้อย สีเข้ม = อายุมาก จากแผนที่แสดงให้เห็นถึงอายุเฉลี่ยที่คนจะแต่งงานกันในแต่ละประเทศซึ่งมีความสัมพันธ์กับความมั่งคั่งในประเทศนั้นๆ ประเทศในแถบนอร์ดิคเช่น ประเทศฟินแลนด์และประเทศสวีเดน อายุเฉลี่ยของคนที่แต่งงานอยู่ที่ 30 ปี ในขณะที่ประเทศแถบแอฟริกากลางอยู่ที่ 19 ปี ซึ่งเป็นค่าที่ต่ำที่สุดในแผนที่นี้ ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างรายได้กับการแต่งงานนั้นไม่ได้เป็นความบังเอิญ ถึงแม้ว่าประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีความั่งคั่งมากกว่าประเทศชิลี แต่อายุเฉลี่ยในการแต่งงานในแต่ละประเทศก็ยังคงเป็นอายุ 28 ปี แต่ก็ใช่ว่าแผนที่นี้จะแสดงให้เห็นถึงข้อมูลที่แท้จริงทั้งหมด เนื่องมาจากบางประเทศนั้นมีข้อจำกัดในเรื่องของการทำแบบสอบถามและสำรวจทางด้านสัมโนประชากรทุกปี ทำให้ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวแทนของกรอบเวลาเดียวกันสำหรับทุกประเทศ แต่ข้อมูลนี้ก็ยังคงแสดงความจริงของอายุเฉลี่ยในการแต่งงานของแต่ละประเทศในห้วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ภาพแสดงอันดับ 20 ประเทศอายุเฉลี่ยที่แต่งงานมากที่สุด…
-
เทรนด์ใหม่ถ่ายภาพ “Belfie” อวดบั้นท้ายสวยๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วโลก
เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนไป การมีกล้องถ่ายภาพกลายเป็นเรื่องปรกติไปแล้วสำหรับยุคปัจจุบัน แน่นอนว่าเมื่อการถ่ายภาพสามารถทำได้ง่ายและเราสามารถเห็นภาพที่ถ่ายได้ทันที ก็ย่อมทำให้เกิดเทรนด์การโพสต์ท่าท่างต่างๆ ตามมาด้วยเช่นกัน หากใครที่เล่นเฟซบุ๊กมานานคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับรูปโปรไฟล์แบบ 4 ช็อตหรือท่าแพลงกิ้งที่ครั้งหนึ่งเคยฮิตกันแบบสุดๆ มาแล้ว และถ้าหากว่าคุณกำลังเบื่อการโพสต์ท่าแบบเดิมๆ เราขอแนะนำท่าทางการถ่ายรูปแบบใหม่ที่กำลังฮิตอยู่ในขณะนี้ ซึ่งนอกจากจะแปลกแหวกแนวแล้วยังทำให้คุณรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติอีกด้วย… เมื่อไม่นานมานี้มีกระแสแฮชแท็ก #cheekyexploits บนอินสตาแกรม ได้ทำการรวบรวมภาพบั้นท้ายสวยๆ ที่ถ่ายจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งส่งมาจากผู้ร่วมสนุก โดยเค้าได้ให้คอนเซปต์ของการถ่ายภาพแบบโชว์ก้นนี้ว่า “มาทำให้โลกมีความสุขและแบ่งปันความรักผ่านรูปก้นของพวกเรากันเถอะ” โดยตอนนี้มีผู้ติดตามมากกว่า 140,000 คนแล้ว และมีภาพที่ส่งเข้ามาร่วมสนุกถึง 188 ภาพเลยทีเดียว และนี่คือบางส่วนของภาพที่เรานำมาให้ชมกัน อ๊ะๆ ขอเตือนไว้ก่อนนะจ๊ะ มองให้เป็นศิลปะน้า . . . . ทางเว็บไซต์ Unilad ได้บอกว่าเทรนด์การถ่ายภาพนี้เริ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามหลายๆ คนอาจจะมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและอาจจะถูกจับข้อหาอนาจารได้ เหมือนกับเหตุการ์ที่มีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถูกจำคุกเป็นเวลา 3 วันหลังจากที่ถ่ายรูปไม่เหมาะสมในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ที่มาเลเซียมาแล้ว เพราะฉะนั้นแนะนำว่าควรอ่านไว้ประดับความรู้กับดูเอาเพลินตา ส่วนควรทำไหมนี่ก็ไม่ขอแนะนำเท่าไรนะ… การถ่ายภาพแบบนี้เรียกง่ายๆ ว่า “Belfie” . . . .…
-
ประเทศจีนวางแผน เตรียมสร้างหมู่บ้านบนดวงจันทร์ ด้วยความรวมมือจากยุโรป
ยุคของการท่องอวกาศและตั้งรกรากของมนุษย์กำลังจะมาถึงแล้วในอีกเวลาไม่นาน เพราะช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราก็ได้ยินแผนการต่างๆ จากบริษัทระดับโลกหลายแห่งว่าพวกเขาต้องการที่จะสร้างโคโลนี่บนอวกาศ หรือออกสำรวจไปยังดาวต่างๆ ล่าสุดมหาอำนาจอย่างจีนก็หันมาสนใจเรื่องนี้แล้วเช่นกัน โดยตัวแทนจากองค์การอวกาศจีนนาย Tian Yulong ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่าพวกเขาวางแผนเรื่องนี้ไว้จริงๆ นอกจากนั้นทางองค์การอวกาศจีนก็ได้ติดต่อกับองค์การอวกาศของทางยุโรปที่มีชื่อย่อว่า ESA ซึ่งพวกเขาก็ได้บอกว่าแผนการสร้างหมู่บ้านบนดวงจันทร์จะถือเป็นใบเบิกทางต่อไปสำหรับการสำรวจดาวอังคารอย่างเต็มรูปแบบ Jan Woerner อธิบดีของ ESA บอกว่า “พวกเราต้องการวิสัยทัศน์ใหม่ที่จะใช้ในการท่องอวกาศ เพราะตอนนี้หลากหลายชาติก็มีดาวเทียวเป็นของตัวเอง จนมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว” “ส่วนหมู่บ้านบนดวงจันทร์ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นหมู่บ้านที่มีโบสถ์ บ้านคนละหลัง หรือศาลาเมืองอะไรแบบนี้หรอกนะ หมู่บ้านในความหมายของผมก็คือการที่ให้ผู้คนมาอยู่ด้วยกันและช่วยกันสร้างมันขึ้นมาต่างหาก” จุดประสงค์ของตัวหมู่บ้านจริงๆ นั้นจะเป็นการใช้ เพื่อที่สำรวจตัวดวงจันทร์อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงใช้ในการทำเหมืองและท่องเที่ยว ที่สำคัญยังสามารถใช้เป็นสถานที่พักยานอวกาศเพื่อที่จะเดินทางไปยังดาวอังคารได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย การทำงานและอยู่อาศัยบนหมู่บ้านดวงจันทร์จะไม่ได้มีแค่มนุษย์ชาติใดชาติหนึ่ง แต่จะเป็นการร่วมมือกันของนักบินหลากหลายชาติ ที่สำคัญหุ่นยนต์ก็จะเป็นส่วนสำคัญของหมู่บ้านแห่งนี้ด้วย ยังไงก็ตามทางจีนมีแผนเตรียมจะส่งยานอวกาศไร้คนขับขึ้นไปเพื่อเตรียมการต่างๆ บนดวงจันทร์ในปีหน้า แต่ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจนนัก ลองสมมุติว่าถ้าแผนการดังกล่าวสำเร็จไปได้ด้วยดี นั่นก็เท่ากับว่ามนุษย์เข้าใกล้ยุคของการท่องอวกาศเข้าไปทุกทีแล้วสินะเนี่ย แต่ก็ไม่รู้นะว่าจะอีก กี่สิบ กี่ร้อยปี มนุษย์ชาติจะไปถึงจุดนั้น ยุคอวกาศใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว #เหมียวมู่ทู่ จะอยู่ถึงยุคนั้นไหมนะ ที่มา dailymail
-
Uber เตรียมเปิดตัว “รถแท็กซี่บินได้” เพื่อให้บริการรับส่งผู้คน ในเมืองแห่งยุคอนาคต!!
ณ เวลานี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก Uber อย่างแน่นอน บริษัทผู้พลิกโฉมของบริการขนส่งมวลชน ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วไปสามารถสร้างเงินได้จากการใช้รถยนต์ส่วนตัวมาให้บริการแท็กซี่นั่นเอง ซึ่งก็มีเสียงตอบรับอย่างดีในหลายประเทศ เช่นเดียวกับดราม่าในอีกหลายๆ กรณีอย่างที่เราได้รับทราบข่าวกันไป และเร็วๆ นี้พวกเขาก็กำลังจะมีโปรเจคใหญ่ โดยเป็นการจับมือร่วมกับบริษัท ChargePoint เพื่อทำการสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้าให้กับรถยนต์ที่บินได้ เพื่อให้บริการขนส่งมวลชนแห่งยุคอนาคต!! Uber ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในการประชุม The Elevate Summit ที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โปรเจคสุดอลังการนี้ใช้ชื่อว่า Uber Elevate โดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มรถบินได้เข้ามาในระบบการขนส่งของพวกเขา เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทาง Uber กำลังจะพัฒนารถบินได้หรือที่พวกเขาเรียกว่า VTOL Flying Cars ซึ่งจะใช้เป็นแท็กซี่ในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งจะเปิดใช้ตามมาหลังรถแท็กซี่แบบไร้คนขับที่พวกเขาร่วมมือกับ Tesla โปรเจคสุดอลังการนี้ ไม่ใช่โปรเจคแรกที่ Uber ได้ริเริ่มที่จะกระโดดเข้ามาร่วมในธุรกิจการขนส่งทางอากาศ แต่ในเร็วๆ นี้พวกเขามีแผนจะเปิดตัวโครงการ UberAir ซึ่งเป็นการให้บริการที่กำลังจะเริ่มขึ้นในท่าอากาศยานนานาชาติดัลลาส-ฟอร์ตเวิร์ธ และมหานครอย่างดูไบ หลายคนคงจะสงสัยแล้วใช้ไหมละว่าการให้บริการนั้นเป็นอย่างไร?? การให้บริการ VTOL cars หรือแท็กซี่บินได้นี้จะมีสถานีรับส่งเป็นจุดๆ ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องขึ้นและลงตามสถานีต้นทางและปลายทางเท่านั้น รถแท็กซี่บินได้นั้นต้องมีการเติมเชื้อเพลิงอยู่บ่อยๆ ดังนั้นทาง Uber จึงได้ร่วมมือกับ ChargePoint ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้ารายใหญ่ที่มีสถานีชาร์จไฟฟ้าหลายพันแห่ง และตอนนี้พวกเขาได้ทำการเพิ่มสถานีชาร์จไฟฟ้า Express Plus ที่สามารถเติมกระแสไฟได้เร็วขึ้นอีกกว่า…
-
ฮีโร่ตัวจริง!! หนุ่มฮ่องกงตัดสินใจหยุดรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อช่วยชีวิตแมวน้อยบนทางด่วน
ความกล้าหาญและการตัดใจที่เด็ดเดี่ยวของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ทำให้เจ้าเหมียวตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัวอยู่ท่ามกลางรถยนต์จำนวนมากมากบนทางด่วน สามารถมีชีวิตรอดได้ พบกับเรื่องราวของ Kwok Kin Wai หนุ่มฮ่องกงผู้ตัดสินใจเข้าช่วยชีวิตเจ้าเหมียวบนถนน ทั้งๆ ที่รถคันอื่นกำลังแล่นอยู่!! Kwok Kin Wai กลายเป็นฮีโร่ทันที หลังจากที่เขาตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเจ้าแมวน้อยที่อยู่บนถนน ในขณะที่รถคันแล้วคันเล่าแล่นผ่านตัวมันไปอย่างน่าหวาดเสียว โดยเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมาได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอจากกล้องติดรถยนต์ซึ่งบันทึกภาพเหตุการณ์สุดน่าประทับใจนี้ไว้ ระหว่างทางบนถนน Lion Rock Tunnel ไปยังเขตปกครอง เกาลูนของเกาะฮ่องกง และนี่คือคลิปวีดีโอดังกล่าว Kwok Kin Wai ได้เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ระหว่างที่เขากำลังขี่มอเตอร์ไซค์บนถนนสายดังกล่าว ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนและทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นเจ้าเหมียวตัวน้อยกำลังเคลื่อนที่อยู่บนท้องถนน ในตอนแรก Kwok คิดว่าอันตรายเกินไปที่จะจอดรถอย่างกะทันหันบนถนนที่การจราจรหนาแน่นแบบนี้ แต่ชีวิตของเจ้าเหมียวน้อยก็สำคัญเช่นกัน ชายหนุ่มจึงค่อยๆ ตั้งสติและชะลอรถเพื่อลงไปช่วยเจ้าเหมียว คุณ Kwok ตัดสินใจด้วยความกล้าเพื่อช่วยชีวิตเจ้าลูกแมว และนี่คือเจ้าเหมียวน้อยที่ถูกช่วยชีวิตเอาไว้ หลังจากนั้นชายหนุ่มได้เล่าเรื่องราวการช่วยเหลือลูกแมวและการประกาศหาผู้ที่ต้องการรับเจ้าเหมียวไปดูแลต่อ ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างมาก โดยมีคนกดไลค์มากกว่า 38,000 คนและแชร์ข้อความของเขาอีกกว่า 5,000 ครั้ง เมื่อวันพฤหัสที่ 27 เมษายนก็มีคนใจบุญเข้ามาติดต่อขอรับลูกแมวไปเลี้ยงดูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคุณ Kwok…
-
คุณแม่ส่งอีเมลถามคุณครู ถึงสาเหตุของการบ้านที่เยอะเกินไป จนทำให้ลูกเธอเครียด…
เชื่อแน่ว่าเด็กๆ หลายคนเมื่อได้ยินคำว่าการบ้าน หรือรายงาน ในช่วงประมาณ 10 นาทีสุดท้ายก่อนหมดชั่วโมง ความฝันถึงเรื่องสนุกหลังเลิกเรียนคงจะพังทลายลงมาอย่างแน่นอน แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ การมีการบ้านเนี่ยก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่มันทำให้พวกเราๆ ที่เคยเป็นเด็กกันมาก่อนต้องร้องโอดโอย ก็คือการบ้านที่เยอะต่างหากล่ะ เมื่อไม่นานมานี้มีเรื่องฮือฮาอย่างมากบนโลกออนไลน์ เมื่อคุณแม่ท่านหนึ่งได้ทำการส่งอีเมลหาคุณครูของลูกสาวเธอ เพื่อสอบถามถึงเหตุผลที่ลูกของเธอได้รับการบ้านที่มากเกินไป จนต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงในทุกคืนเพื่อสะสางงานที่ได้รับมอบหมายจากคุณครู… Bunmi Laditan คุณแม่ของสาวน้อย Maya วัย 10 ขวบ จากเมือง Quebec ประเทศแคนาดา เธอได้ทำการส่งอีเมลถึงอาจารย์ของลูกสาวเธอถึงสาเหตุที่ลูกสาวต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำการบ้านทุกคืน โดยบางส่วนของข้อความในอีเมลบอกว่า “ลูกของฉันดูแย่ลงมากจากจำนวนของการบ้านที่เธอได้รับในปีนี้ เธอดูเครียดมากและเริ่มมีอาการป่วยที่เห็นได้ชัด เช่น อาการเจ็บหน้าอก เธอตื่นนอนตอนตี 4 และกังวลกับงานที่เธอได้รับ” นอกจากนี้คุณแม่ยังได้บอกกับคุณครูของลูกเธออีกว่า เธอได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญแล้ว และพวกเขาเห็นว่าควรที่จะมีการลดจำนวนการบ้านของเด็กลง เพื่อให้เด็กได้ใช้เวลาหลังเลิกเรียนกับครอบครัวบ้าง นี่คือข้อความในอีเมลที่คุณ Bunmi ส่งไปยังคุณครูของลูกสาวเธอ โดยหลังจากนั้น Bunmi ได้แชร์ภาพของอีเมลฉบับนี้พร้อมทั้งข้อความของเธอผ่านทางเฟซบุ๊กว่า“มีใครช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่าลูกสาวของฉันอยู่ใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมงที่โรงเรียนแล้ว แต่ทำไมเธอยังต้องใช้เวลาอีก 2-3 ชั่วโมงต่อคืนที่บ้านเพื่อทำการบ้านอีก เวลาของครอบครัวนั้นไม่สำคัญหรือ?? เวลาที่จะให้เด็กได้พักผ่อนนั้นไม่สำคัญด้วยใช่ไหม?? หรือเธอควรจะเป็นคนบ้างานตั้งแต่อายุ 10 ขวบงั้นหรือ??” นอกจากนี้ข้อความในเฟซบุ๊กของคุณแม่ยังบอกอีกว่าเด็กก็เหมือนผู้ใหญ่นั่นแหละ พวกเขาก็ต้องการเวลาพักหรืออยู่กับครอบครัวเหมือนกัน …
-
ช่างภาพรวบรวมโทนสีผิวของมนุษย์ บันดาลให้เป็นโมเสกมหึมา สะท้อนการแบ่งแยกสีผิว…
ในโลกของเรานั้นเต็มไปด้วยการแบ่งแยกประเภทของทุกสรรพสิ่ง แม้แต่มนุษย์ด้วยกันยังแบ่งแยกชนชั้นและสีผิว ทำให้เกินความรู้สึกแปลกแยกในแต่ละเผ่าพันธุ์ จึงเกิดความขัดแย้งต่างๆ ขึ้น บทความนี้เราจึงนำโปรเจคดีๆ จากช่างภาพสุดเจ๋งที่จะสื่อให้โลกได้รับรู้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นมีความผสมกลมกลืนกันและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โปรเจคสุดเจ๋งนี้มีชื่อว่า “humanae” ที่ได้รวบรวบภาพถ่ายบุคคลของแต่ละสีผิวที่แตกต่างกัน หลายๆ คนมาจัดวางเรียงคละกันเป็นภาพใหญ่เกิดเป็นภาพเฉดสีผิวของมนุษย์ที่ผสมรวมกันอย่างกลมกลืน โปรเจคนี้เป็นการเฉลิมฉลอง “ความหลากหลายของมนุษยชาติ” ซึ่งจัดทำขึ้นโดยช่างภาพชาวบราซิล Angélica Dass และเขาก็ได้จัดวางรูปที่ถ่ายคละเฉดสีกันอย่างกลมกลืนแทรที่จะแบ่งแยกสีผิวแต่ละสีผิวออกจากกัน แนวความคิดนี้คือการเปลี่ยนทัศนคติในการตัดสินคนคนหนึ่งก่อนที่เราจะได้รู้จักตัวตนของเขา Dass กล่าวว่า “คำที่เราใช้อธิบายซึ่งกันและกันเช่น ดำ ขาว เหลือง เป็นเรื่องไม่จริง เราจะขจัดความคิดนี้โดยให้ทุกคนได้เห็นโทนสีผิวของมนุษย์ที่หลากหลาย ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” สาวคนหนึ่งที่ได้รับเลือกเป็นแบบในการถ่ายภาพ กล่าวว่า “ฉันเข้าในแนวคิดของช่างภาพที่ต้องการสื่อถึงคนทั่วโลก โดยมีช่างถ่ายภาพและรูปถ่ายเป็นตัวอธิบายระหว่างเรื่องของสีผิวกับตัวตนที่แท้จริง “ โปรเจคนี้เปิดกว้างและไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นทุกคนสามารถที่จะเป็นส่วนหนึ่งของภาพโมเสกมหึมานี้และจะก็หยุดต่อเมื่อประชากรทั้งหมดของโลกได้เข้าร่วมถ่ายภาพในโปรเจคนี้ เราไปดูรูปตัวอย่างของโทนสีผิวจากหลากหลายเชื้อชาติกันเลย ว่าง่ายๆ ก็คือถ่ายไปเรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุดนั่นเอง . . . . . . . . . . . . .…
-
จากเด็กผู้เคยติดบุหรี่ สูบวันละ 40 มวนในช่วง 2 ขวบ สามารถเลิกได้อย่างเด็ดขาดแล้ว
เมื่อหลายปีที่แล้วหลายคนคงจะจำภาพของเด็กน้อยที่กำลังพ่นควันบุหรี่ พร้อมกับเล่นรถของเล่นไปด้วยกันได้บ้างอย่างแน่นอน Ardi Rizal เด็กน้อยที่เคยทำให้โลกต้องช็อคกับพฤติกรรมของเขาเมื่อปี 2010 โดยเขาได้เริ่มสูบบุหรี่ครั้งแรกด้วยอายุเพียง 18 เดือนเท่านั้นจากบุหรี่ที่ผู้เป็นพ่อยื่นให้ แต่ตอนนี้เด็กคนดังได้เติบโตขึ้นเป็นหนุ่มน้อยและเขาได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว ไปชมเรื่องราวของเขาได้จากข่าวนี้กันเลย… หลังจากที่สูบบุหรี่อย่างหนักถึง 40 มวนต่อวัน ในขณะที่มีอายุเพียงแค่ 2 ขวบ ตอนนี้ Ardi Rizal หนุ่มน้อยวัย 9 ขวบได้เลิกพฤติกรรมดังกล่าวแล้วและหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยเขาได้รับความช่วยเหลือจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้เจ้าหนูสามารถเลิกพฤติกรรมดังกล่าวและมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ แต่ว่าก็ต้องใช้เวลาอยู่นานพอสมควรเพราะตอนที่อายุ 5 ขวบเจ้าหนูก็ดันติดอาหารฟาสต์ฟู้ดอีกจนเป็นเหตุให้น้ำหนักของเขาเกินกว่ามาตรฐานอย่างมาก ในตอน 5 ขวบเขามีน้ำหนักตัวถึง 25 กิโลกรัมซึ่งมากกว่าเด็กทั่วไปที่อายุเท่ากัน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่พ่อและแม่พยายามที่จะให้เลิกบุหรี่โดยการให้เด็กน้อยทานอาหารแทน เมื่อ 4 ปีที่แล้วแม่ของเจ้าหนูได้บอกว่า “ในตอนแรกที่เราพยามจะให้เขาเลิกบุหรี่นั้น เขาโกรธอย่างมากและไล่พวกเราไปไกลๆ “ เด็กหนุ่มกับภาพในวัยเด็กของเขา เขายังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจว่าบุหรี่ทำร้ายร่างกายแค่ไหน อีกทั้งมีน้ำหนักตัวที่มากเกินกว่าเด็กทั่วไปที่อายุเท่ากัน พ่อแม่ของเด็กยังคงหาวิธีที่จะทำให้ลูกของพวกเขาเลิกพฤติกรรมแบบนี้อยู่ พวกเขาได้ปรึกษาเรื่องนี้กับนักโภชนาการ และได้รับคำแนะนำให้เด็กทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเนื้อปลา ผัก ผลไม้ และดื่มนมอย่างน้อยวันละ…
-
น้ำผลไม้จากโกดัง ไหลทะลักท่วมถนนเมืองรัสเซีย กลายเป็นของเสียกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
หากใครเคยดูภาพยนต์เรื่องชาลีกับโรงงานช๊อคโกแลต คงจะจำฉากทัวร์โรงงานของหนุ่มน้อยผู้โชคดีที่ได้ตั๋วเชิญจากเจ้าของโรงงานกันได้บ้างแน่ๆ และความฝันในวัยเด็กของใครหลายคนก็คงอยากที่จะได้มีโอกาสสัมผัสกับถนนช๊อคโกแลต บ้านลูกกวาด หรือต้นไม้สายไหม กันบ้างใช่ไหมล่ะ แต่เชื่อเถอะว่าถ้าหากมีถนนน้ำหวานขึ้นมาจริงๆ คุณคงไม่อยากจะลองชิมมันแน่ๆ เพราะนอกจากจะดูไม่น่ากินเหมือนในหนังแล้วมันยังสกปรกมากๆ ด้วย และที่สำคัญยังส่งผลกระทบต่อธรรมชาติอีก เหมือนเหตุการณ์นี้ เมื่อมีน้ำหวานหลายลิตร เอ่อท่วมถนนสายหนึ่งในเมืองรัสเซียและบริเวณรอบๆ โรงงาน ทำให้บู้ม!! เกิดเป็นลำธารน้ำหวาน เมื่อวันอังคารที่ 25 เมษายนผ่านมา สำนักข่าวท้องถิ่นของประเทศรัสเซียรายงานว่า โกดังขนาดกว้างกว่า 300 ตารางเมตรของบริษัท EKZ Lebedyansky ซึ่งมี PepsiCo เป็นเจ้าของ ได้เกิดการถล่มลงมาเป็นสาเหตุให้น้ำผลไม้น้ำหนักหลายตันเอ่อล้นออกมาท่วมถนนในเมือง Lebedyan ประเทศรัสเซีย โดยการรายงานของหน่วยบริหารงานท้องถิ่นของเมือง Lebedyan บอกว่า ตอนนี้ของเน้ำผลไม้เหล่านี้กำลังไหลลงสู่แม่น้ำ Don ตอนนี้หน่วยกู้ภัยได้ทำการแก้ปัญหาน้ำผลไม้ที่เอ่อล้นออกมาแล้ว และทางสำนักอัยการกำลังทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่โรงงานมีการปล่อยให้น้ำผลไม้เหล่านี้ไหลลงสู่แม่น้ำ Don ตัวแทนจากหน่วยงาน Rospotrebnadzor คุณ RIA Novosti ได้อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า “กรณีนี้จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดการจัดการของเสีย และอาจก่อให้เกิดมลภาวะได้” โดยตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการประเมินความเสียหาย ซึ่งจะได้ข้อสรุปหลังจากที่มีการส่งตัวอย่างของน้ำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ และก่อนหน้านี้ บริษัท PepsiCo ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานแห่งนี้ได้ออกมาบอกว่า พวกเขาพร้อมที่จะจัดการกับผลกระทบที่ตามมาจากปัญหานี้โดยทันที และการให้ข้อมูลของทางหน่วยงานท้องถิ่นนั้นกล่าวหาพวกเขาเกินจริง คลิปวีดีโอเผยให้เห็นถึงปริมาณของน้ำผลไม้ที่ท่วมออกมา…
-
30 ภาพจากสังเวียน ‘Fight Club’ ของหญิงสาวชาวเยอรมัน ต่อยจริง เลือดจริง ไม่ได้โม้!!
เรียกได้ว่านับตั้งแต่ที่หนังเรื่อง Fight Club เริ่มโด่งดังทั่วโลก (ตอนขายแผ่น) ก็มีคนเอาแนวคิดของ Tyler Durden นำมาสร้างให้กลายเป็นความจริง และทั้งหมดนี้ก็คือ 30 ภาพโคตรดิบ จากสังเวียนไฟท์คลับ ในเมืองเยอรมัน ทว่าสังเวียนนี้ไม่ใช่ของผู้ชาย แต่เป็นของผู้หญิง พวกเธอเลือกที่จะต่อสู้กันด้วยกำปั้นจริง เลือดออกจริง เจ็บจริง และทั้งหมดก็นำมาซึ่งมิตรภาพจริง!! **คำเตือน: เนื้อหาภาพดังต่อไปนี้อาจมีความรุนแรง และความไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม** เดิมทีสถานที่แห่งนี้เป็นสมาคมเพาะกายของผู้หญิง แต่ตอนนี้พวกเธอได้เปลี่ยนให้มันกลายเป็นสังเวียนคนเดือด ไม่มีการแบ่งรุ่นชกตามน้ำหนัก ไม่มีการกำหนดส่วนสูง ไม่สำคัญว่าคุณจะเคยเป็นนักมวยอาชีพมาก่อน นักมวยปล้ำ… หรือจะเป็นแม่บ้านที่ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยมาก่อนเลย แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะที่นี่มีกฏอยู่อย่างหนึ่งเหมือนในหนังก็คือ… ทุกคนเสมอภาคกันด้วยกำปั้น ในระหว่างการต่อสู้พวกเธอสามารถใช้ทักษะด้านใดก็ได้ ไม่ว่าจะมือ เท้า เข่า หรือแม้แต่ศอก บนสังเวียนไม่มีคำว่ากติกา ไม่มีกรรมการตัดสิน และไม่มีของรางวัลใดๆ ให้แก่ผู้ชนะทั้งสิ้น …
-
เรื่องราวของ “สไปเดอร์แมนจีน” อาชีพเสี่ยงชีวิตปีนป่ายหน้าผา เพื่อเก็บขยะนักท่องเที่ยว!!
ทุกคนคงจะรู้จักสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นในหนังกันอยู่แล้ว คงไม่ต้องอธิบายให้มากความก็รู้ว่าความสามารถของพี่แกมีอะไรบ้าง และไม่น่าเชื่อว่าที่ประเทศจีน ก็มีสไปเดอร์แมนกับเค้าเหมือนกัน แต่เวอร์ชั่นนี้ไม่ได้ปีนป่ายตึกจับโจร หากแต่พ่อหนุ่มเขาเลือกที่จะปีนป่ายหน้าผาเพื่อทำความสะอาดสถานที่ท่องเที่ยวแทน สื่อจีนรายงานว่า ได้มีการว่าจ้างคนทำความสะอาด อนุสรณ์สถานบนหุบเขา Meng ในจังหวัดซานตง มาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว สถานที่ดังกล่าว เป็นสถานที่ๆ มีนักท่องเที่ยวชาวจีนต่างเข้ามาเยี่ยมเยียนเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี ปัญหาที่ตามมาก็คือ จำนวนขยะที่ถูกทิ้งเรี่ยราดมีมากเกินไป จนทำให้ทัศนียภาพของสถานที่แห่งนี้ดูไม่สวยงาม ซึ่งทำให้ผู้ดูแลสถานที่ปิ๊งไอเดียที่จะว่าจ้างชายหนุ่มผู้มีใจกล้า ไม่กลัวความสูง ให้มารับหน้าที่สวมชุดสไปเดอร์แมน และห้อยโหนทำความสะอาดเก็บขยะตามหุบเขา โดยจะได้เงินทั้งหมด 50,000 บาท เป็นค่าตอบแทนสำหรับการทำงานหนึ่งวัน แต่จะไม่รับประกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ Peng Wen หนึ่งในชายที่ทำงานอยู่ใต้ชุดสไปเดอร์แมนมานานกว่า 17 ปี ได้เล่าว่า การที่นักท่องเที่ยวได้เห็นภาพของสไปเดอร์แมนเสี่ยงชีวิตอยู่บนหน้าผา เพื่อเก็บเศษขยะที่พวกเขาทิ้งลงมา ช่วยทำให้ปัญหาขยะลดลงได้จริง ‘ตอนนี้ผมไม่ต้องเสี่ยงชีวิตบ่อยเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว จำนวนขยะลดน้อยลง นักท่องเที่ยวตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่ามันเป็นเพราะชุดสไปเดอร์แมนที่ดูเตะตาเนี่ยแหละ’ เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ ต้องโหนตัวจากหน้าผาลงไปเก็บขยะที่ติดอยู่ตามซอกหิน เมื่อมองดูจากระยะไกล นักท่องเที่ยวจะสังเกตเห็นสไปเดอร์แมนห้อยโหนเก็บขยะอยู่อย่างยากลำบาก ซึ่งต้องถือว่าเป็นอีกวิธีการแก้ปัญหาที่ค่อนข้างจะได้ผล หลังจากที่ชาวเมืองต้องเห็นภาพสไปเดอร์แมนเก็บขยะอย่างทุลักทุเล…
-
20 ภาพที่จะทำให้เข้าใจว่า ทำไมเราถึงต้องใส่หมวกกันน็อค เพื่อความปลอดภัยของชีวิต
“หมวกันน็อค” อุปกรณ์ที่จะคอยช่วยป้องกันศีรษะของคุณจากอุบัติเหตุ หลายๆ ครั้งเชื่อว่าพวกเราอาจจะเคยละเลยในความปลอดภัย ไม่สวมหมวกกันน็อคเวลาขี่มอเตอร์ไซค์หรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุแน่ๆ ใช่ไหมล่ะ ยอมรับมาซะดีๆ นะ และเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญและไม่ละเลยการสวมหมวกกันน็อค เราจึงได้นำภาพของหมวกกันน็อค หลังจากที่มันได้ช่วยปกป้องหัวของผู้ใส่ ให้รอดพ้นจากการเกิดอุบัติเหตุมาให้ทุกคนได้ชมกัน 1. รูปคงจะบอกได้ว่าหมวกกันน็อคนั้นสำคัญแค่ไหน 2. ถ้าคนงานคนนี้ไม่ได้ใส่หมวก เขาคงไม่ได้มีโอกาสมาถ่ายรูปนี้ให้เราได้ชมกันแน่นอน 3. ไม่อยากจะนึกภาพเลย ถ้าพี่คนนี้ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค 4. หมวกกันน็อค ได้ช่วยชายคนนี้จากอุบัติเหตุจริงๆ 5. หมวกช่วยชีวิต!! 6. ถึงแม้จะแค่การขี่จักรยานก็ควรสวมหมวกด้วยนะจ๊ะ 7. ลองคิดเล่นๆ ว่ารอยแตกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่หมวกกันน็อค แต่… 8. คุณคงไม่อยากมีรอยแผลเป็นแบบนี้แน่ๆ 9. นักสกีคนนี้คงจะรู้สึกว่าเขาขาดหมวกกันน็อคไม่ได้แน่ๆ 10. ชายหนุ่มผู้นี้ตกใจอย่างมากหลังจากที่ถอดหมวกออกมา 11. ดูจากแผลและสภาพหมวก ถ้าไม่สวมเครื่องป้องกันคงจะแย่แน่นอน 12. จากสภาพหมวก นี่คงจะเป็นอุบัติเหตุที่รุนแรงมากแน่ๆ 13.…
-
20 ภาพที่จะแสดงให้คุณเห็นว่า ในรอบ 70 ปีที่ผ่านมา โลกของเราเปลี่ยนไปมากแค่ไหนกัน?
เชื่อว่าพวกเราหลายคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าทุกวันนี้สภาพอากาศของโลกเรากำลังเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิดความแปรปรวนหลายๆ อย่าง เช่นบางครั้งหน้าหนาวก็กลับไม่หนาว หรือบางทีหน้าแล้งก็แล้งซะเหลือเกิ๊น!! ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในโลกเรานั้นสาเหตุหลักก็คงจะมาจากพวกเรานี่แหละ ทั้งการก่อมลพิษ การตัดไม้ทำลายป่าและอื่นๆ อีกมากมาย และถ้าหากว่าคุณยังไม่รู้สึกว่าโลกเราถูกทำลายไปมากแค่ไหน ภาพชุดที่เรานำมาให้ดูกันในวันนี้คงจะทำให้คุณเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกมากยิ่งขึ้นแน่นอน… 1. อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธารน้ำแข็ง Muir ใน อลาสก้า ภาพด้านซ้ายถ่ายเมื่อ: เดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 1941 ส่วนภาพด้านขวาถ่ายเมื่อ: เดือนเดียวกัน ในปีค.ศ. 2004 2. ในภาพเราจะเห็นปริมาณหิมะที่ลดลงของยอดเขา Matterhorn ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ภาพด้านซ้ายถ่ายเมื่อ: เดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2000 ส่วนภาพด้านขวาถ่ายเมื่อ: เดือนเดียวกัน ปีค.ศ. 2005 3. ลูกศรสีเหลืองแสดงให้เห็นถึงการบุกรุกพื้นที่ป่าในภูเขา Elgo อุทยานแห่งชาติ ประเทศยูกันดา ภาพด้านซ้ายถ่ายเมื่อ: ปีค.ศ. 1973 ส่วนภาพด้านขวาถ่ายเมื่อ: ปีค.ศ. 2005 4. ภาพแสดงถึงการบุกรุกพื้นที่ป่า Salta ของประเทศอาร์เจนตินา ภาพด้านซ้ายถ่ายเมื่อ: ปีค.ศ. 1972 ส่วนภาพด้านขวาถ่ายเมื่อ:…
-
ร้านขนมเม็กซิโก สร้างสรรค์ไอเดีย “ไอศกรีมเจ้าหมา” สำหรับคลายร้อนให้เพื่อนสี่ขาโดยเฉพาะ!!
ตอนนี้บ้านเราก็เข้าสู่ช่วงหน้าร้อนกันแล้ว ซึ่งสัมผัสได้จากแดดที่แรงเหมือนพระอาทิตย์อยู่หน้าบ้าน และปัญหาอากาศร้อนนี้ก็ไม่ได้ประสบแค่กับเหล่ามนุษย์เท่านั้น เพราะเพื่อนซี้สี่ขาอย่างเจ้าตูบก็ต้องเผชิญกับปัญหาเดียวกันกับเรานั่นเอง… แต่สำหรับตัวมนุษย์อย่างเราๆ แล้ว เราก็มีวิธีมากมายในการแก้ร้อนอย่างเปิดพัดลม เปิดแอร์ เล่นน้ำ หรือกินไอศกรีม แต่สำหรับเจ้าตูบนั้นมันไม่สามารถที่จะกินไอศกรีมที่ทำจากนมวัวปกติได้ (เฉพาะบางตัวจะกินนมไม่ได้) เพราะมันจะสร้างปัญหาสุขภาพให้กับพวกมันอย่างหนักจนถึงตายได้ และนั่นรวมช็อกโกแลตด้วย ด้วยปัญหาดังกล่าวทำให้ Mauricio Montoya เจ้าของร้าน Don Paletto ice cream ได้ตระหนักถึงปัญหาที่เจ้าตูบต้องเผชิญ เขาก็เลยทำการคิดค้นไอศกรีมที่จะช่วยให้เจ้าตูบทั้งหลายสามารถคลายร้อนได้ และไม่สร้างปัญหาให้กับพวกมัน เขาจึงเดินสายถามเหล่าผู้เชี่ยวชาญและคนที่เป็นมังสวิรัติ เพื่อขอคำแนะนำการทำไอศกรีมที่ว่านี้ และเขาก็ได้คำตอบว่าเขาต้องใช้นมจำพวก นมออร์แกนิก ซึ่งเป็นนมที่ช่วยให้คนแพ้แล็กโทสสามารถดื่มได้ปกติ และแน่นอนว่าเจ้าตูบก็เช่นกัน เขาจึงผสมมันเข้าผลไม้นานาชนิดที่เหล่าสุนัขน่าจะชอบทาน จนเกิดเป็นไอศกรีมสำหรับเจ้าหมาขึ้นนั่นเอง ที่สำคัญมันยังดีกับระบบขับถ่ายของพวกมันด้วยนะ Mauricio บอกถึงแรงบันดาลใจในการทำว่า “ผมอยากจะทำของหวานให้กับพวกมันได้กินบ้าง เพราะพวกมันมีของว่างอย่างอื่นอยู่ในท้องตลาดแล้วอย่างคุกกี้ เนื้อกินเล่น และอื่นๆ แต่ไอศกรีมกลับมีน้อยมาก” ส่วนคนที่กลัวว่าเจ้าตูบจะสร้างปัญหากับคนในร้านไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะ Mauricio ได้สร้างโซนไอศกรีมสำหรับสุนัขขึ้นมา เพื่อให้เจ้าของได้ร่วมทานไอศกรีมของตัวเองและซื้อไอศกรีมสุดพิเศษให้เพื่อนสี่ขาได้กินด้วย . ส่วนรสชาติที่มีให้เจ้าตูบได้ลิ้มลองในตอนนี้ก็จะประกอบด้วย ไอศกรีมรสพีนัทบัตเตอร์ กล้วย สตรอว์เบอร์รี แครBรอท…
-
นักเขียนสาวไต้หวันฆ่าตัวตาย เผยเรื่องจริงอันขมขื่น ผ่านนิยายเล่มแรกที่เพิ่งวางขาย…
หลินอีว์หาน นักเขียนสาวดาวรุ่งวัย 26 ปี ชาวไต้หวันได้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลังจากที่ผลงานเขียนชิ้นแรกของเธอที่ชื่อว่า Fang si Chi’s First Love Paradise เพิ่งจะวางขายจนเป็นนิยายขายดีอันดับต้นๆ ได้ไม่นาน และกำลังตีพิมพ์ซ้ำเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ทางด้านพ่อแม่ของเธอก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุการแขวนคอตายของลูกสาวว่า เธอน่าจะทำไปเพราะความเครียดที่สะสมมาเป็นเวลานานและไม่ได้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าทั่วไป เดิมทีตัวเธอเป็นคนที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะดี นอกจากนั้นคนในครอบครัวของเธอก็ทำงานสายอาชีพแพทย์กันทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือพี่ชายของเธอก็ตาม ส่วนตัวหลินเองก็ไม่ได้น้อยหน้าแต่อย่างใด เพราะเธอเป็นคนที่หัวดี เคยทำคะแนนสอบได้มากถึง 75% จนสามารถเข้าเรียนคณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ได้ แต่ทว่าเธอก็ต้องพักการเรียนไปหลังจากเข้าเรียนได้ 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นผลจากการที่เธอป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จากนั้นไม่นานเธอก็หันไปเรียนด้านวรรณคดีจีนแทน แต่หลังจากที่เธอเรียนไปได้เป็นเวลา 1 ปี เธอก็ตัดสินใจที่จะหยุดเรียนอีกครั้งหนึ่งด้วยสาเหตุเดิม นั่นก็คือสภาพจิตใจของเธอที่ย่ำแย่มากๆ จนกระทั่งคิดฆ่าตัวตายครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งหนึ่งเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันมองว่าตัวเองเป็นผู้ป่วยทางจิตประเภทหนึ่ง แต่ก็ฉันก็มีความฝันอยากจะเขียนหนังสือให้ได้เหมือนกับ เคนซาบุโร โอเอะ (นักเขียนชื่อดังชาวญี่ปุ่น) ซึ่งฉันก็พยายามพัฒนาตัวเองโดยเริ่มจากการอ่านหนังสือ เพื่อให้เข้าถึงวัฒนธรรมต่างๆ และเพิ่มพูนความรู้” . ตามรายงานจากเว็บไซต์ Koalasplayground บอกว่าเนื้อหาเกี่ยวนิยายดังกล่าวที่เธอเป็นคนแต่งขึ้นมา…
-
หากกลัวสงครามโลกครั้งที่ 3 ต้องรีบซื้อบังเกอร์หลบภัย แม้แต่นิวเคลียร์ก็ยังทำอะไรไม่ได้
เป็นข่าวหนาหูกันมากๆ กับสถานการณ์ความตึงเครียดระดับโลกในตอนนี้ ระหว่างอเมริกาและเกาหลีเหนือ ที่อาจจะปะทุเกิดเป็นสงครามโลกขึ้นมาได้ทุกเมื่อ แต่สิ่งที่เราจะพูดถึงไม่เกี่ยวกับเรื่องเหตุการณ์ดังกล่าวโดยตรงหรอก เพราะเราจะมาดูบังเกอร์ที่ใช้หลบภัย ถ้าหากเกิดสงครามโลกขึ้นมาจริงๆ ต่างหาก บังเกอร์หลบภัยสุดหรูที่เราจะได้ดูกันนี้ แรกเริ่มเดิมทีมันเป็นหลุมหลบภัยของทางกองทัพทหารอเมริกา ซึ่งอยู่ในรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวบ้านที่ว่าประกอบด้วยกำแพงที่หนาเกือบ 1 เมตร ระบบระบายอากาศ ห้องปฐมพยาบาล ระบบกล้องวงจรปิดชั้นดี รวมถึงระบบน้ำที่สะอาดก็มีเช่นกัน ในปี 2015 ตัวบังเกอร์หลบภัยนี้ได้เปิดขายในตลาดด้วยราคา 17.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราวๆ 600 ร้อยล้านบาท) แถมนอกจากตัวฟังก์ชั่นดังที่กล่าวไปแล้ว ตัวบังเกอร์นี้ยังมีคุณสมบัติสามารถกันระเบิดนิวเคลียร์ขนาด 20 กิโลตันได้ด้วย ไม่หมดแค่นั้น ตัวบังเกอร์ยังสามารถต้านทานได้ทุกภัยภิบัติ ทั้งแผ่นดินไหว สภาพอากาศหนาวและอื่นๆ อีกมากมาย ตัวบังเกอร์ยังมีพื้นที่ใช้สอยถึง 1,300 ตารางเมตรและมีสองชั้นด้วยกัน และเมื่อปี 2012 บังเกอร์แห่งนี้ก็ได้ถูกปรับแต่งใหม่ด้วยเฟอร์นิเจอร์สวยหรูมากมาย แบ่งส่วนต่างๆ เป็นห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัวและอื่นๆ ที่จำเป็นอย่างครบครัน เรียกได้ว่าถ้าซื้อไปก็อยู่อย่างสบายไม่ต้องกลัวภัยอะไรมาทำร้ายเราได้เลยทีเดียว ก็เอาเป็นว่าถ้าใครมีเงินมากพอและสนใจอยากจะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยแล้วล่ะก็…
-
คณลุงวัย 76 ปี ใช้เวลากว่า 24 ปี ช่วยเหลือแมวจรจัด เพื่อให้พวกมันได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
ใครจะเชื่อว่าชายคนหนึ่งจะมอบความรักและดูแลแมวจรจัดตลอด 24ปี… Willie Ortiz คุณลุงวัย 76 ปี ชาวเปอร์โตริโกคนนี้ เขาได้มาอาศัยอยู่ในเมืองฮาร์ตฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งนั่นทำให้เขาพบกับปัญหาแมวจรจัดที่มีมากในเมืองแห่งนี้ และชาวเมืองก็ดูจะไม่ชอบพวกมันสักเท่าไหร่ คุณลุงแกบอกกับ thedodo ว่า “ผมเห็นแมวจรจัดจำนวนมากที่ถูกผู้คนรังเกียจ พยามจะไล่มันไปหรือเตะมันในบางครั้ง” มันทำให้เขารู้ได้ทันทีว่า เขานี่แหละจะต้องเป็นคนเข้าไปช่วยพวกมัน ซึ่งเขาก็ตระหนักดีว่าตัวเขาเองไม่สามารถจะรับเลี้ยงพวกมันได้ทั้งหมด เขาจึงเริ่มจากวิธีง่ายๆ ด้วยการให้อาหารมันพร้อมกับพาพวกมันไปฉีดสเปรย์ป้องกันให้พวกมันด้วย และถ้าแมวป่วยเขาก็จะดูแลพวกมันอย่างเต็มที่และพามันบางตัวกลับไปดูแลต่อที่บ้าน ซึ่งเขาทำแบบนี้เป็นประจำมานานถึง 24 ปี แล้ว Willie บอกว่า “พวกมันต้องการความช่วยเหลือ ผมต้องมั่นใจว่าพวกมันทุกตัวจะมีอาหารกินและมีสุขภาพที่ดี” จนถึงตอนนี้คุณลุง Willie ดูแลแมวครอบคลุมถึง 68 ตัวใน 16 อาณาเขตด้วยกัน โดย Kathleen Schlentz เพื่อนของลุงแกได้อธิบายว่า อาณาเขตของพวกมันก็จะอยู่แตกต่างกันไปทั้งจุดทิ้งขยะ หัวมุมถนน ตรอก หรือตึกร้างเป็นต้น Kathleen อธิบายเพิ่มเติมว่า “อาณาเขตของพวกมันจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่อยู่ที่เดิมตลอดเวลา และแมวบางตัวก็อาจจะถูกรถชนตายหรือบางครั้งก็อาจจะไม่รอดจากภัยหนาว” …
-
รวม 21 ภาพของเหล่าเซเลบในยุคก่อน ผู้เซลฟี่มาแต่กาลก่อน ไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้นในยุคนี้!!
รู้ไหมว่าเทรนด์แฟชั่นเซลฟี่ที่เราฮิตกันในปัจจุบัน มันไม่ได้พึ่งจะมีมาในยุคนี้หรอกนะ เพราะว่าการถ่ายภาพเซลฟี่เนี่ยมันฮิตมาตั้งแต่ยุคก่อนแล้ว เพียงแต่ว่าในยุคนั้นการถ่ายภาพเซลฟี่จะเน้นไปที่การถือกล้องตรงๆ เสียมากกว่า ต่างจากยุคนี้ที่คิดค้นไม้เซลฟี่ขึ้นมาและใช้กันอย่างแพร่หลายจนเกลื่อนกลาดไปหมด ที่สำคัญการถ่ายเซลฟี่ในยุค 90 ยังฮิตกันมากๆ ในหมู่คนดังสุดๆ ไม่เชื่อก็ลองไปดูกันเลยว่าฮิตจริงไหม 1. Rowan Atkinson ปี 1987 2. ช่างภาพชื่อดัง Joseph Byron ปี 1909 3. John Lennon ปี 1967 4. Linda Paul และ Mary McCartney ปี 1969 5. Paul McCartney ปี 1959 6. Marilyn Monroe ปี 1962 7. Neil Armstrong ปี…
-
กลุ่มเพื่อรักนาวิกโยธิน ฉลองครบรอบ 50 ปีที่คบกัน ด้วยการรำลึกความหลังถ่ายภาพย้อนวัย
หลายๆ คนคงมีเพื่อนที่สนิทที่รู้ใจกันอยู่แล้วทุกคน และแน่นอนว่าต้องเคยผ่านเหตุการณ์ทั้งทุกข์และสุขมาด้วยกันมามากมาย ไม่ว่าจะทะเลาะกันหรือเถียงกันหนักแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายแค่เอ่ยคำว่าขอโทษทุกอย่างก็จบลงเพราะสายสัมพันธ์ของเพื่อนมันช่างเหนียวแน่นซะเหลือเกิน… อย่างกลุ่มทหารนาวิกโยธินกลุ่มนี้ประกอบไปด้วย Dennis Puleo, Tom Hanks, Bob DeVenzia, Bob Falk ที่มีความสัมพันธ์ยั่งยืนกันมาจนถึง 50 ปีด้วยกัน พวกเขารู้จักกันครั้งแรกเมื่อสมัยที่ฝึกนาวิกโยธินตอนหนุ่มๆ พวกเขาได้นัดกันไปเที่ยวเล่นที่ชายหาดใน California ด้วยกัน ไม่กี่อาทิตย์ต่อมา เขาจะต้องนั่งเรือไปทำสงครามที่เวียดนาม พวกเขาก็เลยตัดสินใจแชะรูปร่วมกัน พวกเขาทุกคนมีชีวิตรอดมาจากสงครามที่เวียดนามและก็คบเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันมาตั้งแต่นั้น จนเวลาล่วงเลยผ่านมากว่า 50 ปี พวกเขาก็เลยตัดสินใจที่จะเฉลิมฉลองช่วงเวลานี้ด้วยการรวมตัวไปเที่ยวเล่นด้วยกันที่ชายหาดที่ได้เคยไปด้วยกันครั้งแรก และถ่ายรูปด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง ลองไปชมคลิปเหตุการณ์ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… ช่างเป็นมิตรภาพที่ยืนยาวซะจริงๆ เลยนะเนี่ย #เหมียวหง่าว เองก็มีเพื่อนเยอะแยะเลยนะ และก็คิดว่าพวกเราคงจะคบกันไปยาวเป็น 50 ปีแบบนี้มั่ง หรือไม่ก็นานกว่านี้อีกเนอะเพื่อนๆ ^^ (เค้าหมายถึงพวกเพื่อนๆ น่ะแหละ อยู่ด้วยกันไปนานๆ น๊าาาาา อิอิ) ที่มา : USA TODAY, Lifebuzz
-
ไต้หวันเริ่มสั่งห้ามบริโภค เนื้อสุนัขและแมวโดยเด็ดขาด ฝ่าฝืนปรับสูงสุดถึง 287,000 บาท
หลายคนน่าจะทราบกันดีว่าชนชาติทางฝั่งเอเชียอย่างจีนหรือเกาหลี ถือเป็นชาติที่นิยมในการกินสุนัขเป็นอย่างมาก แถมยังมีการค้าขายอย่างแพร่หลายสุดๆ แต่แล้วล่าสุดใต้หวันก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าการบริโภคเนื้อหมาและแมวถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และยังถือว่าเป็นชาติแรกในเอเชียที่ประกาศห้ามในเรื่องนี้อีกด้วย ซึ่งตัวกฏหมายใหม่นี้ได้ระบุอย่างชัดเจนเลยว่าถ้าพบผู้ใดบริโภคเนื้อสุนัขและแมวจะถูกปรับไม่เกิน 57,000 บาท ส่วนใครที่ส่งออกหรือขายเนื้อสุนัขจะถูกปรับไม่เกิน 287,000 บาทเลยทีเดียว ส่วนเหตุผลที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ขึ้น ก็คงจะมาจากการที่ผู้คนในไต้หวันเริ่มที่จะหันมาเลี้ยงสุนัขและแมวกันมากยิ่งขึ้น ทำให้พวกเขาเริ่มทนไม่ได้ที่เพื่อนสี่ขาของพวกเขาต้องกลายเป็นอาหารนั่นเอง นอกจากนั้นประธานาธิบดีหญิง ไช่ อิงเหวิน ดูน่าจะมีนโยบายบางอย่างที่ตอบโต้กับเรื่องนี้ เพราะเมื่อตอนเลือกตั้งเธอเป็นคนที่ชูว่าตัวเองเป็นคนรักสัตว์มากๆ แถมยังเลี้ยงแมวไว้สองตัวสุนัขอีกสามตัว แต่ถึงอย่างนั้นการสั่งห้ามในครั้งนี้ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แม้ในจีนจะยังคงเดินหน้าและบริโภคสุนัขเป็นเรื่องปกติต่อไป แถมยังมีเทศกาลลิ้นจี่และเนื้อหมา ที่จัดขึ้นทุกปี สุดท้ายก็หวังว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียจะหันมาให้ความใส่ใจกับเพื่อนสี่ขาเหล่านี้และก่อตั้งกฏหมายขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันต้องกลายเป็นอาหารเช่นเดียวกับที่ไต้หวันกำลังทำอยู่นั่นเอง ยอมรับว่าปกติ #เหมียวมู่ทู่ เคยเห็นแต่ข่าวกินสุนัข แต่แมวถือว่าแปลกจริงๆ ดูแววตาของพวกมันแล้วคิดว่ามันจะต้องกลายเป็นอาหารก็เศร้าสุดๆ แล้ว แม้ประเทศอื่นอย่างจีนหรือเกาหลี จะยังไม่มีกฏหมายช่วยเหลือพวกมัน แต่กลุ่มคนมากมายก็พยายามเข้าไปช่วยเหลือกันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งพวกคนเริ่มหันมาเลี้ยงพวกมันเป็นเพื่อนมาขึ้น ความคิดของพวกเขาก็คงจะเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ และในที่สุด หวังว่าจุดยืนและมุมมองของพวกเขาต่อเพื่อนซี้สี่ขาพวกนี้ก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ที่มา boredpanda
-
9 เทศกาลสำหรับคนชอบขว้างชอบสาด ใครสายนี้ต้องไม่พลาด ไปแจมสักครั้งในชีวิต!!
สำหรับใครที่ชื่นชอบในการขว้างปาสิ่งของ หรือมีแฟนที่ปาของทุกทีที่ทะเลาะกันบ่อยๆ #เหมียวมู่ทู่ ขอแนะนำ 9 เทศกาลจากทั่วโลก รับรองว่ามันจะต้องเหมาะและสามารถใช้ทักษะการปาของได้ดีแน่นอน แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าเทศกาลที่จะนำเสนอจะจัดขึ้นปีละครั้งทุกงานนะ ถ้าอยากไปก็ต้องจัดแจงตารางวางโปรแกรมให้ดี แต่ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้วก็เตรียมตัวบินลัดฟ้าไปลุยกันได้เลย… (ส่วนคำแนะนำในการเข้าร่วมของเทศกาลแนวนี้ก็มีอย่างเดียวคือ อย่าลืมป้องกันลูกตาให้ดีนะจ๊ะ) 1 . Gulal Throwing Festival จัดขึ้นที่ประเทศอินเดีย Gulal เป็นชื่อของผงสีชนิดหนึ่งที่มีสีสันสดใส ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคม ผงชนิดนี้จะถูกนำมาใช้ในเทศกาลปาสีและมีอยู่เต็มไปหมดเพื่อเป็นการเฉลิงฉลองเทศกาลโฮลี 2. Grape Throwing Festival จัดขึ้นที่ประเทศสเปน เป็นที่รู้กันว่าชาวสเปนชื่นชอบและรักไวน์ของพวกเขามากๆ แม้แต่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ชื่อว่า Pobla del Duc ก็ยังชื่นชอบในผลผลิตของพวกเขามากๆ เลย ด้วยเหตุนี้พวกเขาก็เลยจะจัดเทศกาลปาองุ่นกันในช่วงสิงหาคมของทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว ส่วนชื่อจริงๆ ของเทศกาลนี้จะมีชื่อในภาษาสเปนว่า La Raima ในวันงานจะมีการแจกจ่ายองุ่นให้กับนักท่องเที่ยวมากถึง 90 ตัน จากนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกนั่นเอง 3. Tomatina Throwing Festival จัดขึ้นที่ประเทศสเปน อีกหนึ่งเทศกาลจากประเทศสเปน กับเทศกาลปามะเขือเทศซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในเทศกาลสายปาที่มีคนรู้จักมากที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยเทศกาลนี้จะมีชื่อท้องถิ่นว่างาน La Tomatina และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะมารวมกันที่หมู่บ้านเล็ก Bunol มากถึง…
-
มิติใหม่ของการขายบ้าน!! หนุ่มประกาศขายลอตเตอรี่แค่ 86 บาท ใครชนะเอาบ้าน 34 ล้านไปเลย…
ขายตรงๆ ไม่ได้ ก็ขายแบบเสี่ยงดวงเอาเลยก็แล้วกัน!! Dunstan Lowe หนุ่มอังกฤษวัย 37 ปี ผู้ตกหลุมรักเข้ากับ Melling Manor คฤหาสน์หลังโตในเมืองแลงคาเชอร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเขายอมทุ่มทุนซื้อมาในราคา 544,000 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 18 ล้านบาท) เมื่อปี 2011 หลังจากซิ้อมันมา เขาก็ยังลงทุนเพิ่มตกแต่งรีโนเวทจนภายในกลายเป็นบ้านอันทันสมัยและถูกใจตัวเอง ซึ่งผลงานที่เสร็จแล้วนั้นต้องบอกว่ามันสวยน่าอยู่เอามากๆ เลยล่ะ แต่แล้วเขาก็ต้องเจอกับปัญหาการชำระเงินจำนองบ้าน ซึ่งมันบีบบังคับให้เขาต้องประกาศขายมันไปในที่สุด โดยตอนแรกเขาประกาศขายมันไปในราคา 1,000,000 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 34 ล้านบาท) จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครสนใจจะซื้อบ้านต่อเขาสักที พอเข้าสู่เดือนธันวาคมปี 2016 เขาก็รู้ทันทีว่าด้วยราคาดังกล่าวมันคงจะขายไม่ออกแน่ เขาเลยปิดการขายและเปิดด้วยราคาใหม่จนเวลาผ่านไปก็ยังไม่มีคนสนใจจะซื้อมันอยู่ดี เขาจึงตัดสินใจลดราคามันลงมาเรื่อยๆ จนเหลือเพียง 813,000 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 27 ล้านบาท) ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ช่วยอะไรเลย เขาจึงปรึกษาภรรยาของเขาเพื่อช่วยกันหาทางออก จนตัดสินใจใช้วิธีใหม่นั่นก็คือ การขายบ้านแบบตั๋วลอตเตอรี่ในราคาใบละ 2.5 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 86 บาท) เท่านั้น แถมถ้าชนะรางวัลก็จะได้คฤหาสน์หลังโตไปครองทันที!! ฟังดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ดี แต่วิธีนี้ก็ยืนอยู่บนความเสี่ยงเช่นกัน…
-
จีนติดตั้ง “เครื่องกั้นทางม้าลาย” ป้องกันปัญหาคนเดินข้ามก่อนสัญญาณ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ
ปัญหาใหญ่ในหัวเมืองต่างๆ ของจีนที่มีคนพลุกพล่าน มักจะเกิดขึ้นจากการจราจรเป็นส่วนใหญ่ และหนึ่งในปัญหาดังกล่าวนั้นก็เกิดมาจากคนเดินข้ามทางม้าลายก่อนสัญญานไฟ ทำให้ไปตัดหน้ารถที่วิ่งมาจนเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ด้วยเหตุนี้ทางเมืองอู่ฮั่น จึงทำการติดตั้งเครื่องกั้นตรงทางม้าลายในจุดที่มีผู้คนพลุกพล่าน โดยเครื่องกั้นจะเปิดให้คนข้ามทางม้าลายก็ต่อเมื่อสัญญานไฟข้ามถนนเป็นสีเขียวแล้วเท่านั้น วิธีดังกล่าวทางการคาดว่าจะช่วยลดปัญหาของคนเห็นแก่ตัวที่ชอบก่อปัญหาและข้ามถนนไม่ดูไฟสัญญานได้ในระดับหนึ่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยหาทางแก้ปัญหาด้วยวิธีแปลกๆ มาแล้วเช่น การให้คนเหล่านั้นสวมชุดและหมวกสีเขียว การทาสีแดงลงบนตัวพวกเขา หรือแม้แต่เอาหุ่นลองเสื้อไปวางไว้บนถนนข้างๆ กับป้ายหลุมศพ . การทำแบบนั้นก็เพื่อที่จะเตือนสติของเหล่าคนที่เห็นแก่ตัว แต่เหมือนว่าคนพวกนี้ก็จะไม่แคร์สักเท่าไหร่นัก และด้วยวิธีล่าสุดก็ต้องดูกันต่อไปว่าปัญหาดังกล่าวจะสามารถลดปัญหาได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าหากว่าวิธีการกั้นทางม้าลายนี้ได้ผลจริงๆ ทางการจะดำเนินการติดตั้งให้ทั่วทุกจุดในเมือง แต่ก็ต้องบอกว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากคนเห็นแก่ตัวที่ข้ามถนนเพียงเท่านั้น เพราะคนเห็นแก่ตัวที่ขับรถก็มีเช่นกัน และในบางครั้งคนเหล่านี้ก็จะไม่หยุดรถให้คนข้ามถนน แม้สัญญาณไฟข้ามถนนจะเป็นสีเขียวแล้วก็ตาม . แต่ก็มีบางกระแสตามมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเชิงขบขันว่า “วัสดุและชิ้นส่วนของเจ้าที่กั้นเนี่ย มันแพงพอสมควรเลยนะ ถ้าไม่เฝ้าให้ดีระวังจะโดนแกะชิ้นส่วนเอาไปขายเป็นเศษเหล็กเอานะ” สุดท้ายคนจะเห็นแก่ตัวมันก็เห็นแก่ตัวล่ะนะ คงต้องลงโทษคนพวกนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราวแทนคงจะเห็นผลที่สุด ทีมา odditycentral
-
ตามไปชม “การต่อสู้เพื่อหาเมีย” ของชนเผ่าซูริ ที่ต้องดื่มเลือดวัว และถึงขั้นแลกมาด้วยชีวิต!!
The Donga หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า การต่อสู้ด้วยกระบองไม้ (Stick Fight) เป็นพิธีกรรมการต่อสู้แบบดั่งเดิมของชนเผ่าซูริ ชนเผ่าดั่งเดิมในประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งสืบต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นมายาวนาน ส่วนสาเหตุที่ต้องทำพิธีกรรมนี้ นั่นก็เพื่อที่ผู้ชายในเผ่าได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเอง รวมถึงเพื่อชิงสิทธิได้ครองคู่กับสาวในเผ่าที่ตัวเองชอบเมื่อได้รับชัยชนะในพิธีกรรม แต่ว่าก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น นักสู้ทั้งหมดจะต้องเข้ารับพิธีการดื่มเลือดวัวเสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ต้องทำแบบนั้นก็เพราะว่าพวกเขาเชื่อว่าในเลือดวัวมีวิตามินสูงและมันจะช่วยมอบกำลังวังชาให้กับพวกเขา พวกเขาจะใช้ธนูเล็กๆ ทิ่มเข้าไปให้เกิดแผลกับตัววัวของแต่ละคนโดยไม่ฆ่ามัน และใช้ภาชนะมารองรับ ลิ้มรสเลือดสดเหล่านั้น พวกเขาล้วนมีวัวในครอบครอง เพราะวัวเปรียบเสมือนสมบัติของแต่ละคนนั่นเอง ส่วนกติกาก็ง่ายมากๆ การต่อสู้จะเป็นแบบ 1 ต่อ 1 โดยแต่ละหมู่บ้านจะต้องส่งนักสู้ของตัวเองเข้าร่วมตั้งแต่ 20 ถึง 30 คน กฏแพ้ชนะก็แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้หรือตายกันไปข้างหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นผู้ตัดสินก็สามารถที่จะตัดสินได้ว่าฝ่ายไหนแพ้ชนะได้ตามแต่สมควรโดยที่ทั้งคู่ไม่ต้องยินยอมก็ได้ กติกาอย่างหลังนี้มีขึ้นมาเพื่อปกป้องการตายที่เกิดขึ้นทุกครั้งในสมัยก่อน แม้จะมีผู้ตัดสินมา บางคนก็ยังเสียชีวิตจากบาดแผลอยู่เช่นเดิม ทางด้านฝ่ายหญิงนั้น พวกเธอสามารถที่จะปฏิเสธการขอเป็นคู่กับนักรบคนไหนก็ได้ แต่การได้รับคำขอจากแชมป์เปี้ยนจะถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากต่อตัวเธอเองและครอบครัว นอกจากนั้นตัวผู้หญิงเองยังมีการเจาะปากรวมถึงวางชิ้นส่วนของสัตว์ต่างไว้บนหัว ซึ่งการทำแบบนี้สำหรับผู้ชายในเผ่าแล้วมันถือว่าเป็นตัวบ่งบอกความงามของพวกเธอนั่นเอง สำหรับผู้ชนะจะมีการเฉลิมฉลองและแสดงความยินดีก่อนที่จะทำการเลือกคู่ครอง นักรบที่แข็งแกร่งมักจะไม่สวมเครื่องป้องกันใดๆ ในการต่อสู้เสมอ ส่วนวิธีการเลือกคู่ครองนั้น พวกเขาจะทำการยื่นไม้กระบองไปที่หญิงสาวคนที่เขาถูกใจ และถ้าหญิงสาวเอาสร้อยคอแขวนกลับมาก็ถือว่าเป็นอันตกลง …
-
เว็บนอกเผย 25 สถานที่ท่องเที่ยวซึ่งควรไปให้ได้สักครั้ง ก่อนมันจะสูญหายไปตามเวลา…
บนโลกเรามีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอยู่มากมายเต็มไปหมด ทั้งจากยุคเก่าที่เกิดจากธรรมชาติ หรือจะเป็นยุคใหม่ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของมนุษย์ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเหล่านี้ก็ค่อยๆ เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา แถมใครจะรู้ว่าอีก 50 หรือ 100 ปีข้างหน้าสิ่งมหัศจรรย์ของโลกหลายๆ แห่งอาจจะพังทลายไปก็ได้ ทั้งจากการทำลายของมนุษย์ รวมถึงภัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลก ฉะนั้นวันนี้เราจะมาดู 25 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่เว็บไซต์ BusinessInsider แนะนำควรแวะไปเยี่ยมเยือนก่อนจะไม่มีโอกาสได้ไปกัน 1. Big Sur ใน California เดิมที่บริเวณนี้จะเป็นจุดที่ใช้ดูฝูงวาฬตามชายฝั่ง แต่ความเปลี่ยนแปลงของโลก ก็ทำให้วาฬเริ่มจะหายไปเรื่อยๆ ทุกปี 2. Glacier National Park ใน Montana ภูเขาธรรมชาติที่เคยมีธารน้ำแข็งปกคลุมอยู่เต็มไปหมด แต่เพียงแค่ 15 ปี ธารน้ำแข็งมากกว่า 150 จุดได้ละลายเหลือเพียง 25 จุดเท่านั้น ถ้าสภาพอากาศยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปคาดว่าอาจจะไม่เหลือธารน้ำแข็งอีกต่อไปก็ได้ 3. Machu Picchu ในประเทศ Peru ซากอารยธรรมชนเผ่าอินคาที่มีนักท่องเที่ยวมากมายมาเยี่ยมเยือนทุกปี ทว่าในแต่ละวันสถานที่แห่งนี้จะเปิดให้ผู้คนเข้าเยี่ยมชมเพียงแค่วันละ 2,500 คนเท่านั้น นอกจากนั้นคนมากมายยังเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้มีโอกาสที่พังลงมาได้ในอนาคต เนื่องจากสถานที่ตั้งอันเสี่ยงกับการถูกกัดเซาะด้วยลมฝนและภัยพิบัติแผ่นดินไหวนั่นเอง…
-
หนุ่มจีนได้กลับมาพบหน้าพ่ออีกครั้ง เพราะรสชาติ “หอยทอด หลังถูกลักพาตัวหายไป 13 ปี
เรื่องราวของการพลัดพรากนั้นเป็นเรื่องน่าเศร้า มันสร้างความเสียใจให้แก่คนที่ต้องจากกัน และเฝ้ารอว่าวันหนึ่งจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และข่าวที่จะนำเสนอต่อไปนี้ ก็ทำให้เราได้ชื่นใจในความสุขได้อย่างแน่นอน… Li Risheng หรือ Ye Fengqiang (ชื่อที่ถูกตั้งโดยครอบครัวใหม่ของเขา) แรกเริ่มเดิมทีเขาเป็นเด็กชายที่ถูกแม่ของเขาลักพาตัว และขายให้กับครอบครัวอื่น โดยที่พ่อของเขาไม่ได้ยินยอมเป็นเวลานานกว่า 13 ปี ตอนแรกเขาพยายามหนีหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ ซึ่งในตอนนั้นเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยอมรับและต้องอาศัยกับครอบครัวที่ซื้อเขาไป ทว่าตอนนี้ Li มีอายุ 20 ปีเรียบร้อย เขาจึงเริ่มตามหาครอบครัวจริงๆ ของตัวเอง โดยบอกว่าตนเริ่มตามหาครอบครัวจริงๆ ตั้งแต่ 10 ปีก่อน เพราะเขาอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วตัวตนที่แท้จริงเป็นใครกันแน่และมาจากที่ไหนกัน นอกจากนั้นใครคือครอบครัวจริงๆ ของเขากัน!? แต่แล้ววันหนึ่งระหว่างออกตามหาปูมหลังของตัวเอง เขาได้แวะกินอาหารที่ร้านหอยทอดแห่งหนึ่งในเมืองม่าวหมิง ซึ่งหลังจากที่ได้ลิ่มรสชาติของหอยทอดจากร้านดังกล่าว อยู่ดีๆ ความทรงจำของเขาก็ย้ำเตือนทันทีว่าหอยทอดที่เขากำลังกิน มันคือรสชาติต้นตำรับของบ้านเกิดเขา!! ด้วยเหตุนี้เขาจึงมั่นใจว่าที่นี้แหละคือบ้านเกิดของเขา ทำให้ Li เริ่มประกาศหาคนในครอบครัวของตน โดยการตามหาว่าชายแก่คนใด สูยเสียจากเหตุการณ์หายตัวไปของลูกชายเมื่อ 13 ปีก่อน จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งมาขอให้ช่วยตรวจ DNA ให้หน่อยเพราะลูกชายของตัวเองก็หายไปเมื่อ 13 ปีก่อนเช่นกัน และเขาก็พยายามตามหามาโดยตลอดจนท้อใจ ก็ยังไม่ตามเจอตัวสักที… …
-
สุนัขถูกทิ้งได้เจอเจ้านายใหม่ผู้รักจริง ที่พิสูนจ์ความรักต่อสุนัข ด้วยการวิ่งมาราธอน!!
ธรรมชาติของสุนัขมักจะรักและซื่อสัตย์กับเจ้าของเสมอ แต่มีมนุษย์บางคนที่ไม่ได้เห็นความสำคัญเหล่านี้มากพอ จึงทำให้สุนัขหลายตัวต้องถูกทิ้งทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เหมือนกับสุนัขตัวนี้ที่ถูกทอดทิ้งอย่างน่าสงสาร แต่โชคดีที่มันได้เจอคนดีๆ และมีความรักให้มันจริงๆ ทำให้ชีวิตของมันเปลี่ยนไปตลอดกาล Kai อายุ 3 ปี ถูกทิ้งอยู่ที่สถานีตำรวจในสก๊อตแลนด์ โดยมีเชือกที่ผูกมันกับราวเอาไว้ และที่ข้างๆ มีกระเป๋าใบหนึ่งที่เต็มไปด้วยข้าวของของมัน ทั้งของเล่น อาหาร ชามใส่อาหารและหมอน ต่อมาเมื่อ Scottish SPCA ผ่านมาพบกับเจ้า Kai พวกเขาจึงพามันกลับมาที่ศูนย์ด้วย โดยตั้งใจที่จะหาบ้านและเจ้าของใหม่ให้ จริงๆ แล้ว Kai มีไมโครชิปติดตัวมาด้วย แต่ทางครอบครัวบอกว่า พวกเขาได้ขายหมาตัวนี้ไปเมื่อ 2 ปีก่อนแล้ว และไม่มีข้อมูลที่จะติดต่อเจ้าของคนที่ทิ้งมันได้เลย Stewart Taylor จาก Scottish SPCA บอกว่า “การซื้อ-ขายสัตว์เลี้ยงออนไลน์ มักจะมีปัญหาแบบนี้ตามมา เพราะบางคนที่ซื้อไปไม่ได้รู้จักกับสัตว์ตัวนั้นจริงๆ เมื่อรับนิสัยมันไม่ได้ ก็จะนำไปปล่อยทิ้งเหมือนเคสนี้” หลังจากเอามาอยู่ในศูนย์เพียงไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็ประกาศหาบ้านให้กับ Kai และหลังจากโพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีคนมากมายติดต่อเพื่อขอรับเลี้ยงมัน Alan Gran ผู้ช่วยใน Scottish SPCA…
-
ผู้เชี่ยวชาญพบว่า การดื่มแอลกอฮอล์เพียงน้อยนิด ช่วยลดอาการปวดดีกว่ายาพาราฯ!?
เวลาปวดหัวเรามักจะนึกถึงยาพาราฯ เป็นอันดับแรก เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ จะเจ็บจะป่วยอะไรยังไงก็ซัดพาราฯ ไว้ก่อน แต่ล่าสุดนี้ก็มีการศึกษาที่เผยว่า ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยบรรเทาปวดได้ดีกว่าพาราฯ ซะอีก โดยนักวิจัยทางการแพทย์พบว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อยจะช่วยลดการปวดได้ และให้ผลดีกว่าการทานพาราเซตามอล!! พวกเขากล่าวว่า หากร่างกายมนุษย์มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดประมาณ 0.08% ก็จะช่วยลดระดับความรุนแรงของอาการปวดต่างๆ ได้ ทางด้าน Dr Trevor Thompson หัวหน้าทีมวิจัยจาก London’s Greenwich University กล่าวว่า ‘พวกเราพบหลักฐานสำคัญที่ว่าแอลกอฮอล์นั้นมีประสิทธิภาพเหมือนดั่งยาแก้ปวด ซึ่งอาจจะเทียบเท่าได้กับสารเสพติดโคเดอีนและมีฤทธิ์ที่มากกว่าพาราเซตามอล ถ้าหากว่าเราสามารถผลิตยาที่ไร้ผลข้างเคียงในด้านลบได้ อย่างแอลกอฮอล์ที่ดื่มได้และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย เราก็อาจจะมียาแก้ปวดที่มีประสิทธิภาพสูงและดีกว่าสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน’ ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอธิบายเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะว่าแอลกอฮอล์จะลดความวิตกกังวลของเรา และทำให้เรามีความรู้สึกต่อสิ่งต่างๆ น้อยลง รวมทั้งความรู้สึกในการรับรู้ถึงความเจ็บปวดด้วย จากการศึกษาและเผยแพร่งานวิจัยผ่านวารสาร The Journal of Pain ที่มีมากกว่า 18 กรณีทดสอบ มีอาสาสมัครเข้าร่วมทดลองกว่า 400 คน พอจะอธิบายได้ว่าทำไมผู้คนที่เป็นโรคปวดเรื้อรัง อย่างเช่นข้ออักเสบ มักจะชอบดื่มแอลกอฮอล์…
-
คู่รักครองรักนาน 77 ปี คอยดูแลกันจนวินาทีสุดท้าย ก่อนจะกุมมือจากโลกนี้ไปพร้อมๆ กัน
คู่รักหลายๆ คู่มักต้องการที่จะอยู่เคียงกันข้างจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต นั่นหมายถึงการตายไปพร้อมๆ กัน แต่ก็อย่างที่รู้ว่าความตายนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครกำหนดได้ ทำให้หลายคนต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในวันที่คนรักจากไป แต่ในโลกนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ความบังเอิญ ที่ทำให้สิ่งที่เป็นไม่ได้ให้เกิดขึ้นได้จริง เหมือนเรื่องราวของตายายคู่นี้ ที่รักกันมานานกว่า 77 ปี และได้จากโลกนี้ไปพร้อมๆ กัน คุณตา Frank วัย 97 ปี และคุณยาย Joyce Dodd วัย 96 ปี พวกเขาคบกันตั้งแต่อายุ 14 ปี และตัดสินใจแต่งงานกันในปี 1940 จนมีลูกด้วยกัน 5 คน หลาน 12 คน และเหลนอีก 10 คน คุณตาต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาล Darent Valley Hospital ในเมือง Dartford ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว และคุณยายจะคอยมาเยี่ยมทุกวัน จนกระทั่ง 5 เดือนต่อมา เธอก็ล้มป่วยและเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลเดียวกัน ถึงแม้จะแก่มากแล้ว…
-
คุณหมอใจดีทำ “หูสำรองสุดคิ้วท์” ให้น้องหมาหลังรับการผ่าตัดรักษาหู เพื่อเป็นการปลอบใจ
เวลาที่สัตว์เข้ารับการผ่าตัด แล้วร่างกายของมันไม่เหมือนเดิม บางทีมันก็สูญเสียความไม่มั่นใจ จนทำให้รู้สึกไม่มีความสุขไปเลยก็ได้นะ แต่สำหรับน้องหมา Remi แม้จะต้องรับการผ่าตัดหู และต้องปิดแผลเป็นเวลานาน แต่ก็มีความสุขได้เพราะคุณหมอได้ทำหูปลอมสุดน่ารักให้กับมันหลังผ่าตัดนั่นเอง ก่อนที่จะผ่าตัดนั้น หูข้างหนึ่งของเจ้า Remi มีอาการบวมผิดปกติ ทำให้ Carlie Childres ผู้เป็นเจ้าของตกใจมาก แม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เธอก็กลัวว่าจะทำให้สุนัของเธอเจ็บปวด Remi มีพี่ชายอีกตัวชื่อ Cooper ซึ่งทั้งคู่ได้รับการช่วยเหลือจาก Lucky Lab Rescue and Adoption และเป็นส่วนหนึ่งของสุนัขทั้ง 7 ตัวที่ถูกช่วยออกมาจากบ้านหลังหนึ่งใน Liberty County รัฐเท็กซัส ก่อนที่ Carlie จะทำหน้าที่ดูแลทั้งคู่ในเวลาต่อมา ดังนั้นหญิงสาวจึงติดต่อไปยัง Lucky Lab แล้วบอกพวกเขาว่า Remi มีอาการบวมที่หูและเธอคิดว่ามันอาจจะอันตรายกับสุนัขด้วย ทางเจ้าหน้าที่จึงขอให้เธอส่งรูปมาให้ดู เมื่อตรวจดูแล้วจึงรู้มันเป็นอาการของ Hematomas หรือภาวะเลือดออกในเนื้อเยื่อ ซึ่งคุณหมอ Lynanne Mockler แนะนำให้ผ่าตัดทันที ไม่งั้นจะเป็นอันตรายกับน้องหมาได้ แต่คุณหมอ Mockler บอกว่าการผ่าตัดหูลักษณะนี้ค่อนข้างมีความเสี่ยง เนื่องจากการรักษาหลังผ่าตัดจะทำได้ยากและไม่ทั่วถึง อาจจะทำให้แผลติดเชื้อได้ ต่อมาคุณหมอก็ได้กำหนดวันผ่าตัดให้ ในขณะที่ Carlie ยังคงกังวลกับผลค้างเคียงที่จะตามมาหลังผ่าตัด แต่เธอก็ตั้งใจที่จะดูแลมันเป็นอย่างดีและไม่อยากทำให้เกิดผลข้างเคียงโดยเด็ดขาด จึงตัดสินใจให้ Remi…
-
นักเรียนตาบอดสีวัย 17 สร้างแบรนด์ถุงเท้าของตัวเอง และประสบความสำเร็จภายใน 4 ปี
การที่มนุษย์เราเกิดมาพร้อมความบกพร่องทางร่างกายนั้นอาจะทำให้มีอุปสรรคในชีวิต และอาจจะมีโอกาสทางสังคมที่น้อยกว่าคนธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับบางคนแล้วจุดด้อยเหล่านั้นกลับกลายเป็นแรงผลักดันชั้นยอด รู้จักที่จะนำข้อบกพร่องของตัวเองมาทำใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างเช่น Brennan Agranoff นักเรียนหนุ่มวัย 17 ปี เป็นคนตาบอดสี และเขาสามารถผลิตแบรนด์ถุงเท้าของตัวเอง จนมีรายได้จากการขายถุงเท้าไปแล้วมากกว่า 34 ล้านบาทภายในระยะเวลา 4 ปีเท่านั้น Brennan Agranoff Brennan ได้ริเริ่มที่จะทำบริษัทถุงเท้าของตัวเองตอนอายุ 13 ปี ซึ่งตอนนั้นเขาได้เล่นบาสเกตบอลที่โรงเรียนมัธยมใน Sherwood และมักจะเห็นเพื่อนๆ ใส่ถุงเท้า NIKE สีขาวเหมือนกันหมด นักเรียนหนุ่มจึงคิดว่า การใส่ถุงเท้าสีขาวมันดูธรรมดาและเหมาะสำหรับเด็กๆ มากกว่า ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะทำถุงเท้าที่มีสีสันและลวดลายที่เหมาะกับวัยรุ่นมากขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือทำทันที ชายหนุ่มเริ่มด้วยการศึกษา ค้นคว้าหาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ทั้งผ้าที่จะใช้ทำ เครื่องจักร และเทคโนโลยีการพิมพ์แบบดิจิตอล รวมทั้งจัดทำแผนธุรกิจด้วย โดยใช้เวลาในการเตรียมตัวอยู่ 6 เดือน เมื่อวางแผนจนทุกอย่างลงตัวแล้ว เขาก็ได้ไปขอยืมเงินจากพ่อแม่มาก้อนหนึ่ง ตอนแรกพ่อแม่ก็ลังเลที่จะให้เขายืมเงินมากขนาดนั้น แต่เมื่อชายหนุ่มคุยให้พ่อแม่เข้าใจ พ่อแม่ก็สนับสนุนและให้ยืมเงินไปลงทุน 100,000 บาท …
-
จุดจบของชายคบซ้อน ที่ถูกสองสาวเซอร์ไพรส์เอาคืน เดินโผล่มาพร้อมกันถึงกับกินจุด…
คู่รักหลายคู่ที่ต้องเลิกรากันไป สาเหตุหนึ่งก็มาจากการมีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องนี่แหละ แต่บอกไว้เลยนะว่าคนที่คบซ้อนทั้งหลาย มักจะมีจุดจบที่ไม่สวยสักเท่าไหร่นัก Mared Parry วัย 20 ปี และ Georgia วัย 23 ปี สองสาวที่เพิ่งจะรู้ว่ากำลังคบผู้ชายคนเดียวกัน นั่นก็คือ Matt Lewis ทั้งคู่จึงคิดแผนที่จะแก้แค้นชายหนุ่มคนนี้ด้วยกัน!! Mared Parry คนซ้าย และ Georgia คนขวา Georgia เล่าว่าชายหนุ่มพยายามกลับมาง้อคืนดีด้วย แต่เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแล้ว ก็เลยทำการปฏิเสธไป แต่ชายหนุ่มก็ยังคงตามง้อเรื่อยๆ จนเธอยอมกลับไปคบด้วย แต่ในครั้งนี้เธอตั้งใจที่จะคบเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไรเหมือนแต่ก่อน ต่อมา Georgia เริ่มสังเกตว่าชายหนุ่มมีท่าทีที่เปลี่ยนไป เธอก็เลยตามสืบดูแล้ว จึงได้รู้ว่าแฟนหนุ่มกำลังคบกับผู้หญิงอีกคน แต่แทนที่จะโวยวายตามประสา เธอกลับเข้าไปบอกความจริงกับผู้หญิงอีกคน นั่นก็คือ Mared เมื่อทั้งคู่รู้ความจริงแล้ว จึงได้วางแผนร่วมกันที่จะเอาคืนหนุ่มเจ้าเล่ห์จอมเจ้าชู้คนนี้ และรอจนกว่าทุกอย่างจะลงตัว นั่นก็คือวันที่ชายหนุ่มนัดทานข้าวกับสาว Mared ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในลอนดอน Mared กับ Matt ระหว่างที่รอ Mared กับ Matt มาตามนัดที่โรงแรม Georgia ก็ได้ไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ เมื่อทั้งคู่มาถึง Mared…
-
เจ้าของยอมเจ็บ ใช้ร่างกายเข้าปกป้อง ‘สุนัขแจ็ครัสเซล’ ของตัวเอง หลัง “พิทบูล” สองตัวรุมกัด!?
วินาทีระทึกเมื่อสุนัขพิทบูลสองตัวของหญิงสาวคนหนึ่งเกิดคลั่ง หันไปโจมตีสุนัขแจ๊ครัสเซลของชายวัยกลางคน แต่ในช่วงวินาทีชีวิตของสุนัขตัวเล็ก เจ้าของมันได้ตัดสินใจเข้าไปรับคมเขี้ยวแทนเพื่อปกป้องสุนัขอันเป็นที่รักของเขา… John Brady วัย 52 ปี เขาพยามที่จะปกป้อง Josh สุนัขแจ๊ครัสเซลวัย 6 ขวบของเขา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นที่เกาะซานตาคาตาลินา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สุนัขพันธุ์พิทบูล 2 ตัวของหญิงสาวคนหนึ่ง เข้าโจมตี Josh โดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าสุนัขสายพันธุ์ดังกล่าวมีแรงที่เยอะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้พวกมันสามารถจัดการสุนัขตัวเล็กแบบ Josh ได้อย่างง่ายดาย แต่มีหรือที่ John จะปล่อยให้สุนัขของเขาตายไปต่อหน้า เขากระโดดลงไปบังสุนัขของเขาทันที นั่นทำให้เขาถูกพวกมันกัดเข้าอย่างจัง แต่ว่าเหตุการณ์ผ่านไปได้ไม่นานเจ้าหน้าที่บริเวณท่าเรือเข้ามาช่วยเขาได้ทัน ทว่าเหตุการณ์ยังไม่จบแค่นั้น เพราะสุนัขพิทบูลวัย 11 ปีทั้งสองหันหน้าเข้ากัดกันสร้างความตกใจให้เข้าหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของอย่างมาก พร้อมกับเสียงร้องของเธอที่ได้รับบาดเจ็บจากการที่พยายามห้ามปรามสุนัขทั้งสอง และนี้ก็คือคลิปจากเหตุการณ์ดังกล่าว John ให้สัมภาษณ์กับ KTLA ว่า “สิ่งเดียวที่ผมคิดในตอนนั้นคือช่วยเจ้า Josh ให้รอดจากภัยอันตราย ในตอนที่ผมช่วยมันได้สำเร็จผมรุ้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก และก็รู้สึกดีที่ว่ามันยังไม่ตาย เพราะมันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกสำหรับผมแล้ว” ตามรายงานข่าว CBS Local ระบุว่าตัวของ John คงจะฟ้องหญิงสาวเจ้าของหมาดังกล่าว ผู้สร้างความวุ่นวายและทำให้ทั้งเขาและหมาบาดเจ็บ ส่วนทางด้านหญิงสาวเจ้าของพิทบูลทั้งสอง ก็ยอมลงความเห็นว่า เธอเห็นด้วยกับการการุณยฆาตสุนัขทั้งสองของเธอ…
-
ก้าวไปอีกขั้น.. นักวิจัยทดลองเลี้ยงตัวอ่อนแกะในถุงครรภ์เทียม และประสบความสำเร็จ!!
นับว่าเป็นอีกข่าวดีจากวงการวิทยาศาสตร์ในรอบปี ที่ในอนาคตเราสามารถนำความสำเร็จนี้ ไปต่อยอดช่วยชีวิตเด็กทารกที่ต้องคลอดก่อนกำหนดได้ และความสำเร็จของทีมวิจัยจากโรงพยาบาลเด็กประจำเมืองฟิลาเดลเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Nature Communications โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้… นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองสร้างถุงครรภ์เทียมขึ้นมา โดยใช้ถุงพลาสติกที่ภายในประกอบด้วยน้ำ ออกซิเจน และสารอาหารต่างๆ เพื่อจำลองให้เหมือนกับถุงครรภ์ของแม่แกะจริงๆ ทีมวิจัยได้ทำการทดลองกับลูกแกะ 8 ตัว ที่มีอายุระหว่าง 105 – 120 วัน (เท่ากับเด็กทารกอายุ 23 – 24 สัปดาห์) พบว่าลูกแกะมีพัฒนาการทางสมองและปอดได้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ถุงครรภ์จำลองเหล่านี้ มีการเชื่อมต่อระหว่างสายสะดือ และเครื่องปั๊มอากาศจากภายนอก เพื่อออกซิเจนที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต Colin Duncan ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ‘นับว่านี่เป็นการทดลองที่ประสบความสำเร็จ และส่งผลเป็นวงกว้างต่อมวลมนุษยชาติ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากความสำเร็จในครั้งนี้ จะสามารถนำไปต่อยอดช่วยชีวิตเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดได้ในอนาคต’ แต่ก็ใช่ว่าเราจะสามารถนำวิทยาการนี้ไปใช้กับมนุษย์ได้ในทันที เพราะยังมีอีกหลายกลไกในการเจริญเติบโตที่แตกต่างกันอยู่มากระหว่างเด็กทารกและลูกแกะ โดยปกติแล้วเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด (ประมาณ 25 สัปดาห์ก่อนกำหนด) มักจะเกิดมาพร้อมกับสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง ทำให้มีโอกาสรอดชีวิตที่น้อยมากๆ ถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีวิทยาการแพทย์ขั้นสูงอยู่ แต่ปัญหาดังกล่าวก็ยังเป็นเรื่องที่แก้กันไม่ตก ซึ่งทีมวิจัยก็จะนำความสำเร็จนี้ไปศึกษาต่อยอด…
-
บริษัทวิจัยเยอรมัน ประกาศหาอาสาสมัครมาสูบกัญชาฟรี เพื่อกรณีศึกษาทางการแพทย์!!
นี่อาจเป็นโอกาสทองของสายเขียวทั่วโลกเลยก็ว่าได้ เพราะบริษัทวิจัยทางการแพทย์จากเยอรมัน กำลังประกาศหาอาสาสมัครมาสูบกัญชา เพื่อนำข้อมูลไปวิจัยทางการแพทย์แบบฟรีๆ!! ข่าวดีก็คือ… โครงการนี้รับสมัครอาสาสมัครทั้งหมด 25,000 ชีวิต และตอนนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมเพียงแค่ 2,000 คนเท่านั้น โดยบริษัทจะมอบกัญชาให้อาสาสมัครฟรี 30 กรัมต่อเดือน Marko Dörre หัวหน้าโครงการวิจัยดังกล่าว ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ‘ในเยอรมันมีประชาชนนับล้านที่ใช้กัญชา และถือว่าเป็นเวลาอันสมควรแล้ว ที่เราจะนำกัญชามาศึกษาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในอนาคต’ ทางด้านของ Dr. Thomas Schnel หนึ่งในทีมวิจัยได้อธิบายเสริมว่า ‘กัญชาถูกจัดให้เป็นสิ่งเสพติดที่ได้รับความนิยมสูงไปทั่วโลก อ้างอิงข้อมูลจาก World Drug Report แต่นอกเหนือจากการนำมาใช้ในเชิงสิ่งเสพติดแล้ว คุณจะพบว่ากัญชาเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์มากมาย และควรค่าแก่การวิจัยอย่างยิ่ง’ ในส่วนของ Hermann Gröhe รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสุขภาพ ก็ได้ออกมาให้ความเห็นสนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับกัญชา ในเยอรมันไว้ว่า ‘ผู้ป่วยมีสิทธิ์ที่จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุด… ปัจจุบันมีงานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้น และเคสของผู้ป่วยหลายกรณีที่ชี้ให้เห็นว่า เราสามารถนำประโยชน์จากสารสกัดกัญชามาใช้รักษาผู้ป่วยได้จริง และนี่ก็เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน’ ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลเยอรมัน ก็ได้มีการออกกฎหมายให้ผู้ป่วยสามารถใช้กัญชาเพื่อการรักษาตามใบสั่งแพทย์ได้แล้วเช่นกัน และสำหรับใครที่สนใจอยากจะสมัครละก็ สามารถเข้าไปดาวน์โหลดไปใบสมัครได้ที่ CannabisResearch หน้าเว็บสามารถแปลเป็นอังกฤษได้อยู่ แต่ส่วนใบสมัครคงต้องหาเพื่อนที่รู้ภาษาเยอรมันมาช่วยแปลแล้วล่ะ……
-
หนุ่มโคลอมเบีย โชว์ห้อยโหนในคราบสไปเดอร์แมน สร้างความสุขแลกกับเงินยังชีพ…
ท่ามกลางความเติบโตของสังคม มีอาชีพที่หลากหลายรองรับความสามารถของมนุษย์ แต่ก็ยังเกิดภาวะแย่งงานกันทำอยู่ทุกในสังคม ทำให้หลายคนกลายเป็นคนตกงานเป็นจำนวนมาก จึงทำให้มนุษย์ต้องดิ้นรนด้วยวิธีต่างๆ เพื่อเอาตัวรอดในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันเช่นนี้ และหนึ่งในนั้นคือ Jahn Freddy Duque จากประเทศโคลอมเบีย Freddy เป็นคนที่ไม่มีงานทำ เขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมาเลี้ยงตัวเอง แต่ทุกงานต่างก็มีแต่คนแย่งกันทำเต็มหมด เขาเลยปิ้งไอเดียที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการแต่งตัวเป็นสไปเดอร์แมน แล้วห้อยตัวลงมาจากสะพานในเมือง Bogota ซึ่งอยู่ในเมืองหลวงของโคลอมเบีย เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้คนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้น งานนี้มีความเสี่ยงมาก เพราะการทำงานแต่ละครั้งไม่มีสลิง มีเพียงผ้าผืนเดียวเท่านั้น ซึ่งเขาต้องมัดให้แน่นพอและจะต้องรู้วิธีการห้อยโหนเป็นอย่างดีด้วย แต่กว่าจะตัดสินใจทำแบบนี้จริงๆ เขาได้ฝึกมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จนมั่นใจในทักษะตัวเองพอสมควร สิ่งเดียวที่เขากลัวตอนนี้ก็คือ สะพานมีความเก่ามากจนแทบจะทรุดลงมาได้ตลอดเวลา การห้อยตัวบนสะพานของ Freddy สร้างความประทับใจให้คนดูทุกรุ่นทุกวัย โดยหนึ่งในคนที่ชื่นชอบสไปเดอร์แมนและเคยชมการแสดงของเขาบอกว่า “ผมชอบเขามากเลยครับ” “ผมชอบตอนที่เขาห้อยลงมาจากสะพาน เพราะมันเหมือนการได้อยู่เหนื่อยความวุ่นวายบนท้องถนนทั้งหมด ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากมีโอกาสทำแบบนั้นสักครั้งครับ แต่มันดูเสี่ยงมากเลย” สำหรับการหารายได้ในคราบสไปเดอร์แมนนี้ทำให้ Freddy สามารถหาเงินได้ราวๆ 300 บาทต่อชั่วโมง มันไม่อาจจะไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยง แต่เงินเหล่านี้ก็ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ในทุกวันนี้ . .…
-
ช่างภาพบอกเหตุผล ทำไมตาแมวถึงสะท้อนแสงในที่มืด พร้อมแนะวิธีไม่ให้แมวยิงเลเซอร์!!
โดยปกติแล้วแมวจะเป็นสัตว์ที่น่ารัก น่ากอด และมีความขี้อ้อน ทำให้ผู้คนต่างกันหลงรักจนต้องยอมเป็นทาส แต่จริงๆ แล้วพวกมันก็มีด้านมืดเหมือนกัน ด้านมืดนั้นไม่ใช่อะไรหรอก แต่มันเป็นการถ่ายรูปเหมียวในที่มืด เวลานั้นแหละคุณจะเห็นความน่ากลัวของแมว เพราะตาของพวกมันจะดูเหมือนกับว่าพร้อมจะปล่อยแสงเลเซอร์ยิงใส่คุณทุกได้เมื่อ Robert E. Jackson ได้รวบรวมภาพแมวที่ถูกถ่ายในที่มืดเหล่านี้ไว้เป็นคอลเลคชั่น เพื่อให้เห็นว่าสายตาของพวกนั้นน่ากลัวขนาดไหน แต่เขาไม่ได้ต้องการให้เรากลัวแมวนะ Robert แค่ต้องการจะอธิบายว่า สัตว์หลายชนิดบนโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นหมา แมว และกวาง ม่านตาของพวกมันจะมีแสงสะท้อนที่ได้เรียกว่า Tapetum lucidum ซึ่งทำหน้าที่เสมือนกระจกหลังของตา นอกจากนี้ภายในสารานุกรมบริตานิกายังได้อธิบายถึง Tapetum lucidum ว่า “ในม่านตามนุษย์นั้นจะไม่มี Tapetum lucidum อยู่ในชั้นม่านตา ดังนั้นเมื่อแสงกระทบกับตามนุษย์ในที่มืดจึงไม่มีแสดงสะท้อนออกมา” “แต่หลายคนอาจจะเคยเห็นรูปถ่ายที่ตาเป็นสีแดง นั่นเป็นเพราะว่าแฟลชกล้องมีแสงมากพอที่จะทำให้เกิดแสงสะท้อนจากจอตา และที่เป็นสีแดงก็เพราะมันคือหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงดวงตานั่นเอง” อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีกล้องหลายตัวที่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ซึ่งเป็นกล้องที่ใช้แฟลช 2 ระดับ ระดับแรกคือ เป็นแฟลชสำหรับเตรียมถ่ายรูป ส่วนระดับสองคือถ่ายรูปจริง ซึ่งแฟลชแรกจะทำให้ลดการสะท้อนแสงในตาอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าจะให้ดีควรจะเปิดไฟให้มีแสงสว่างพอดี เพื่อไม่ให้ตาแมวสะท้อนแสงหรือเกิดตาแดงในมนุษย์… และสุดท้ายนี้ ก็ขอฝากคอลเลคชั่นภาพแมวตาเลเซอร์ผีสิง…
-
ครอบครัวทำตามคำขอสุดท้าย ของสาววัย 20 ปี ผู้ป่วยมะเร็งกระดูก “ขอตายแบบสวยที่สุด…”
ในโลกนี้มีคนจำนวนมากที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่างๆ บางคนก็เป็นในตอนที่อายุมาก หรือบางคนก็ป่วยตั้งแต่ยังเด็ก ที่สำคัญเรารู้ดีว่ามะเร็งเป็นโรคที่รักษาหายได้ยาก ยิ่งมันเข้าสู่ระยะสุดท้ายโอกาสรอดเรียกว่าแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ Racine Pregunta สาวสวยวัย 20 ปีจากประเทศฟิลิปปินส์คนนี้ก็ตกเป็นเหยื่อของโรคเช่นกัน เธอป่วยเป็นโรคมะเร็งกระดูกและเธอก็สู้กับมันจนวินาทีสุดท้าย แต่เธอก็รู้ว่าเธอจะไปไม่รอดแน่นอน เธอจึงตัดสินใจฝากคำขอสุดท้ายไว้กับพี่สาวของเธอก่อนที่เธอจะตายว่า ในตอนที่เธอตายขอให้ช่วยแต่งให้เธอสวยที่สุดในตอนที่อยู่ในโลงศพได้ไหม ด้วยเหตุนี้ Rolyn Pregunta พี่สาวของ Racine จึงจัดการให้ตามคำขอของน้องสาว ที่เอ่ยปากขอเธอเมื่อตอน 5 วันก่อนที่เธอจะสิ้นใจว่า เธออยากจะสวยที่สุดก่อนจากโลกใบนี้ไป นอกจากเธอจะขอให้ตัวเองดูสวยแล้ว เธอยังขอให้ช่างแต่งหน้าประจำตัวของเธอมาช่วยแต่งหน้าให้ และขอสวมใส่ชุดสีที่เธอชอบอย่างสีม่วง น้ำเงิน และเขียวมิ้นต์ และเมื่อวันงานพิธีศพมาถึงคำขอของเธอก็ได้รับการเติมเต็ม ซึ่งศพของเธอก็ถูกฝังไว้ใกล้ๆ กับหลุมศพของพ่อเธอนั่นเอง . แม้จะต้องจากไปก่อนวัยอันควร แต่ก็ถือว่าเธอได้สำเร็จคำขอสุดท้ายและไม่ได้จากไปอย่างเศร้าโศก หวังว่าในชาติหน้าเธอจะได้เกิดมาสวยเหมือนตอนที่เธอจากไปนะ… ที่มา dailymail
-
ศิลปินนำไม้เก่ามารีไซเคิล เป็นประติมากรรมขนาดยักษ์ซ่อนไว้ในป่า พร้อมบอกใบ้ให้คนตามหา
การจะสร้างผลงานเจ๋งๆ สักชิ้นไม่จำเป็นต้องมีวัสดุดีๆ เสมอไป ขอแค่คุณมีความคิดสร้างสรรค์ และมีฝีมืออีกสักนิดอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ Thomas Dambo ศิลปินชาวเดนมาร์ก เป็นผู้ที่ชอบทำงานกับวัสดุรีไซเคิล โดยเมื่อ 3 ปีที่แล้วเขาได้สร้างผลงานรีไซเคิลไว้ทั่วโลกกว่า 25 ชิ้น Little Tilde เขายังคงทำงานรีไซเคิลอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดเขาได้สร้างประติมากรรมขนาดยักษ์ 6 ชิ้น ซ่อนไว้ในป่าที่บ้านเกิดของเขาบริเวณใกล้ๆ เมือง Copenhagen ประติมากรรมทั้ง 6 ชิ้นนี้น้อยคนนักจะได้เห็น เพราะเขาสร้างขึ้นท่ามกลางป่าที่ไม่ค่อยมีผู้คนรู้จัก ดังนั้นหากใครอยากมาเห็นต้องศึกษาตามแผนที่ที่เขาได้จัดทำขึ้นเท่านั้น งานประติมากรรมรีไซเคิลทั้ง 6 ชิ้นถูกสร้างขึ้นด้วยลักษณะที่แตกต่างกัน และถูกวางไว้คนละทิศคนละทาง ถ้าอยากเห็นครบทุกชิ้นต้องอาศัยแผนที่ที่เตรียมให้ เพราะในนั้นจะบอกว่างานชิ้นไหนคืออะไรและมีตำแหน่งอยู่ตรงไหน แน่นอนว่ามันเป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมาก เพราะทุกชิ้นเป็นประติมากรรมที่นำไม้มารีไซเคิลทั้งหมด ซึ่งได้จากการที่เขารวบรวมจากรั้วเก่าๆ หลังคาเก่า และวัสดุอื่นๆ เท่าที่จะหามาได้ Thomas บนภูเขา แต่ละตัวต้องใช้เศษไม้กว่า 600 ชิ้น เมื่อรวมทั้ง 6 ตัวแล้วต้องใช้ไม้ถึง 3,600 ชิ้น…
-
สุดซึ้ง! พ่อใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต กอดกับลูกๆ ก่อนเขาจะจากไปด้วยโรคมะเร็ง
อีกเรื่องราวที่จะทำให้เรารู้สึกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการได้อยู่ร่วมกับคนในครอบครัว ณ ห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิต… Jon Strawson คุณพ่อวัย 33 ปี ป่วยเป็นโรค acute myeloid leukaemia (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) คุณหมอได้พยายามที่จะรักษาเขาด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะทำคีโมฯ หรือแม้แต่การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ แต่ก็ดูเหมือนว่าอาการของเขาจะไม่ดีขึ้นเลย ‘สำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคนี้แล้ว ถ้าคุณถึงขั้นต้องปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ในช่วง 6 เดือนแรก นั่นก็หมายความว่าโอกาสรอดของคุณนั้นต่ำมากๆ คุณหมอบอกว่าผมอาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่กี่อาทิตย์ แต่ผมคงต้องบอกว่าเวลาเท่านี้คงไม่พอ ผมมีลูก 3 คน และพวกเขายังต้องการผม เช่นเดียวกับที่ผมต้องการพวกเขา ยังไงซะผมก็จะขอสู้ต่อไปถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะไม่ได้ผลก็ตาม’ Jon กล่าว หลังจากที่เขาได้ทราบว่าตัวเองอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เขาจึงตัดสินใจที่จะใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า เขาเลือกที่จะอยู่กับลูกทั้ง 3 คน และโอบกอดพวกเขาไว้ตลอดเวลา… และถึงแม้ว่าจะผ่านมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว แต่อาการของคุณพ่อก็ดูจะไม่ดีขึ้นเลย ซึ่งตอนนี้เขาก็ยังต้องต่อสู้กับโรคร้ายนี้ต่อไป โดยหวังว่าจะได้กลับมาดูแลลูกๆ ทั้ง 3 ผู้เป็นความหวังทั้งชีวิตของเขาอีกครั้ง เราขอส่งกำลังใจไปให้คุณพ่อหายขาดจากโรคร้ายนี้ก็แล้วกัน สาธุ๊…. ที่มา: Ladbible
-
พนักงานหน้านิ่งโนแคร์ แม้จะถูกปล้นมีปืนจ่อหน้า หยิบเงินให้ชิวๆ จะเอาก็เอาไปเลย…
ลองคิดว่าถ้าเพื่อนๆ ต้องทำงานอยู่ในร้านค้าแห่งหนึ่งที่เปิดไปจนถึงเช้า แล้วจู่ๆ กลางดึกก็มีลูกค้าน่าสงสัยชักปืนออกมาเพื่อปล้นเงินของร้านไป เพื่อนๆ จะทำยังไง? เป็นใครก็ต้องตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จะเอาเงินให้หรือจะรับมือกับโจรยังไงดี ล่าสุดคลิปเหตุการณ์ของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นพนักงานให้กับร้าน Jimmy Johns ในรัฐแคนซัส ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 3 ทุ่ม 15 ของวันที่ 26 เมษายน ชายหนุ่มกำลังต้อนรับลูกค้าที่เดินเข้ามาสั่งอาหาร ในตอนแรกก็มีท่าทีปกติแต่สักพักเขาก็ชักปืนออกมาพร้อมบอกให้ชายหนุ่มส่งเงินให้เขา ปกติแล้วถ้าคนถูกปล้นแถมมีปืนจ่ออยู่ตรงหน้าก็จะต้องมีท่าทีตื่นกลัวหรือแสดงสีหน้าออกมา แต่พนักงานชายคนนี้กลับไม่แสดงสีหน้าตกใจหรืออะไรเลย แถมค่อยๆ ทำทุกอย่างตั้งแต่ถอดถุงมือจนถึงควักเงินให้กับโจร ที่สำคัญเขาถึงกับยกลิ้นชักเงินออกมาให้กับโจรคนนั้นไปเลยทีเดียว ทว่าโจรคนดังกล่าวเหมือนจะไม่ได้คิดในส่วนของการปกปิดใบหน้ารวมถึงกล้องวงจรปิด ทุกการกระทำถูกบันทึกไว้หมดแล้ว และสามารถเห็นหน้าตาของโจรคนนี้ได้อย่างชัดเจน . ด้วยเหตุนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐแคนซัสได้ตั้งข้อหาชายคนดังกล่าว พร้อมให้กับให้ประชาชนที่เคยเห็นหรือรู้จักแจ้งเบาะแสเข้ามา แต่ด้วยใบหน้าที่ชัดเจน ทำให้ทางกรมตำรวจใช้เวลาไม่นานนักพร้อมกับออกมาชี้แจงว่าพวกเขารู้ว่าโจรคนดังกล่าวคือใครแล้ว เหลือเพียงแค่การออกตามหาตัว สุดท้ายก็ต้องชื่นชมชายหนุ่มพนักงานคนดังกล่าวที่ตอบโต้กับเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาใจเย็นหรือเบื่อหน่ายกับชีวิตกันนะ นิ่งสุดๆ เลยทีเดียว พี่โจรแกลืมไปหรือเปล่าว่านี้มันยุค 2017 แล้ว กล้องวงจรปิดยุคนี้มันชัดมากเลยนะเฮ้ย ที่มา ladbible
-
ผลการศึกษาพบว่า คนสูบบุหรี่มากขึ้นเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระตุ้นให้เกิดความอยาก
เคยสังเกตมั้ยว่า สำหรับคนที่สูบบุหรี่ หลังจากที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าร่างกายไปแล้ว จะตามด้วยการสูบบุหรี่ และถี่มากเป็นพิเศษ นั่นเป็นความเคยชินหรือมีอะไรมากกว่านั้น? นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาเรื่องนี้ จนพบกว่าการที่คนดื่มแอลกอฮอล์ก่อนสูบบุหรี่นั้นเป็นเพราะว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้นให้มีความอยากสูบบุหรี่มากกว่าปกติ นอกจากนี้ยังพบว่า การสูบบุหรี่หลังดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้รู้สึกมีความสุขมากกว่าการสูบบุหรี่เพียงอย่างเดียว ตรรกะดังกล่าวนี้ยังนำไปสู่การเลิกบุหรี่ของวัยรุ่นได้อีกด้วย กล่าวคือสาเหตุของการสูบบุหรี่ของวัยรุ่นส่วนใหญ่ มาจากการเริ่มดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบกัญชา ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้พวกเขามีความอยากสูบบุหรี่ในเวลาต่อมา จากการศึกษาวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นวัยรุ่นอายุระหว่าง 18- 25 ปี ซึ่งมีรายงานว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมามีการทดลองใช้แฮลกอฮอล์และกัญชากับวัยรุ่นเพื่อให้เลิกสูบบุหรี่ ผลจากการทดลอง พบว่า ผู้สูบบุหรี่ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบกัญชาด้วย มักจะมีทั้งสองอย่างนี้กระตุ้นให้พวกเขาอยากสูบบุหรี่เสมอ จะเห็นได้ว่าพวกเขาไม่ได้อยากสูบบุหรี่ตั้งแต่แรก แต่สูบเพราะมีการกระตุ้น และพวกเขาก็ไม่ได้ติดบุหรี่ด้วย ดังนั้นวิธีทำให้เลิกสูบหรี่คือการเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกัญชา อีกวีธีหนึ่งคือการหาอย่างอื่นมาแทนบุหรี่ เช่น ขนมขบเคี้ยว ให้ทานหลังจากที่ดื่มแอลกอฮอล์ หรืออาจจะหาอย่างอื่นที่ทานด้วยกันได้ลงตัว เช่นการดื่มไวน์แดงและตามด้วยชีส วิธีดังกล่าวนี้อาจไม่ได้ผล 100% แต่จะเป็นการละลายพฤติกรรมให้ผู้สูบบุหรี่ค่อยๆ ปรับตัว แต่อย่างไรก็ตามต้องอาศัยความอดทนและเวลาด้วย เอาเป็นว่า ถ้าหากอยากจะเลิก ก็ควรลดจำนวนให้น้อยลงนะจ๊ะ ที่มา ladbible, medicaldaily
-
นักศึกษาสาวคว้ารางวัล “ห้องสกปรกที่สุดแห่งปี” ความภูมิใจที่ไม่ควรมีเป็นครั้งที่ 2
ช่วงที่เรียนมหาลัย วัยรุ่นส่วนใหญ่จะเช่าหอพักอยู่ อาจจะเพาะต้องการความเป็นส่วนตัว หรืออยู่ใกล้มหาวิทยาลัย แต่ที่แน่ๆ คือ ได้เป็นอิสระ ทำอะไรได้ตามใจชอบ โดยไม่ต้องมีใครมาบ่นมาว่าเลย แต่เพราะด้วยเหตุนี้เอง ทำให้หอพักนักศึกษาหลายๆ แห่งกลายเป็นแหล่งรวมความซกมก เหมือนกับหอพักที่มหาวิทยาลัย Bristol University ในสหราชอาณาจักรที่มีคนทำห้องรกจนได้รับรางวัลห้องสกปรกที่สุดแห่งปี!! ห้องที่ว่านี้เป็นห้องของนักศึกษาสาว Brittani Cooper และรูมเมท พวกเค้าทำห้องรก โดยไม่ยอมเก็บกวาด ไม่เคยทำความสะอาดจนส่งกลิ่นเหม็นมาถึงข้างนอก ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ในห้องที่มีสภาพแบบนี้ได้อย่างไรกัน สำหรับความสกปรก ซกมกนี้ ครอบครัวของ Brittani ก็ทราบเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อพ่อแม่ได้เห็นข่าวการประกวดห้องสกปรก พวกเขาจึงได้ส่งลิงก์ไปให้ลูกสาวเพราะคิดว่าเหมาะกับเธอที่สุดแล้ว ดูจากชื่อการประกวดแล้วไม่น่าจะเข้าร่วมเลย แต่สำหรับ Brittani และรูมเมทกลับไม่ลังเล พวกเขาถ่ายรูปสภาพห้อง ณ ขณะนั้นโดยไม่ต้องจัดฉากอะไรเลย เพราะมันสกปรกอยู่แล้ว… เมื่อผลการประกวดออกมา ปรากฏว่ารางวัลห้องสกปรกที่สุดแห่งปี ก็ตกเป็นของ Brittani พร้อมกับเช็คเงินสดอีก 400 ปอนด์หรือราวๆ 22,400 บาท เธอบอกว่ามันคุ้มค่านะกับการโชว์ห้องสกปรกเพื่อแลกกับรางวัลนี้ ผู้เป็นพ่อก็เลยมาแซวเล่นว่า “อย่าลืมแบ่งเงินให้พ่อด้วยนะ เพราะพ่อเป็นคนให้เราส่งประกวด” แต่หญิงสาวตอบกลับไปว่า “ไม่มีวันซะหรอกพ่อ”…
-
หนุ่มแสบบอกเลิกสาวก่อนงานพรอม แถมทวงเงินคืน สาวจัดเหรียญให้ไปนับเองนะ!!
สำหรับชายหนุ่ม หญิงสาว ที่ตกลงปลงใจคบหาเป็นแฟน สิ่งหนึ่งที่เราเชื่อว่าทุกคู่ไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด ก็คือการที่ต้องเลิกรากันนี่แหละ บางคู่อาจจะจากกันไปด้วยดี แต่บางคู่อาจจะเลิกแบบเกลียดเข้ากระดูกดำกันไปเลย เช่นเดียวกับ Maria สาวสวยที่ถูกแฟนหนุ่มบอกเลิกก่อนงานพรอม แถมยังไม่พอเจ้าตัวยังมาขอเงินคืนอีก!! Maria กำลังจะจบชั้นไฮสคูลจากรัฐโคโลราโด ทว่า 1 อาทิตย์ก่อนงานพรอม แฟนหนุ่มกลับบอกเลิกเธอซะอย่างนั้น หลังจากที่เธอถูกบอกเล่า วิญญาณนักสืบมนุษย์แฟนเก่าก็เข้าสิงทันที เธอไปสืบทราบมาว่าอดีตแฟนหนุ่มของเธอบอกเลิกเธอก็เพียงเพราะ.. อยากจะไปงานพรอมกับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานพ่อหนุ่มก็ส่งข้อความมาบอกว่า ‘ขอเงินคืนด้วยนะ เอาไปวางไว้ตรงไหนก็ได้เดี๋ยวไปหยิบเอง เอาที่สบายใจเธอว่าเลย’ Maria เล่าว่า ตอนที่แฟนเก่าส่งข้อความทวงเงินมา เธอกำลังสังสรรค์ชีวิตโสดครั้งใหม่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยกับเพื่อนสาว พวกเธอจึงช่วยกันระดมความคิดว่าจะแก้เผ็ดผู้ชายตัวแสบคนนี้ยังไงดี ‘ฉันคิดว่าเราควรจะแก้เผ็ดอะไรซักอย่าง ก่อนที่จะเลิกรากันไปให้สมกับที่ทำให้ฉันเสียใจ ซึ่งจริงๆ แล้วฉันก็ไม่ใช่คนที่ชอบความรุนแรงอะไรด้วย เพราะฉะนั้นนี่อาจจะเป็นวิธีที่ทำให้หมอนั่นหัวเสียไปเลยก็ว่าได้..’ Maria เล่า จำนวนเงินทั้งหมดที่แฟนหนุ่มต้องการคือ 95 ดอลล่าร์สหรัฐฯ งานนี้แฟนสาวเลยไปขอแลกเป็นเหรียญเพนนี (เหมือนเหรียญสตางค์) จากธนาคารซะเลย และทั้งหมดนี้ก็คือเหรียญเพนนีที่รวมกันได้ 95 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับข้อความที่ว่า ‘นี่ไง… $95…
-
สุดประทับใจ… เมื่อช่างซ่อมรู้ว่าลูกค้าพึ่งมีจะสมาชิกใหม่ เขาจึงซ่อมงานให้ฟรีไม่คิดเงิน!!
ถ้าสมมุติวันหนึ่งในวันที่อากาศหนาวมากๆ แล้วเครื่องทำน้ำอุ่นของคุณก็ดันเสีย แถมพายุก็บังเอิญมาเข้าในวันนั้น หนักไปกว่านั้นคือ เมื่อวานคุณพึ่งจะรับลูกที่พึ่งเกิดกลับมาดูแลที่บ้านอีก ฟังดูแย่เกินจริงใช่ไหมล่ะ? แต่นี่แหละคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของ Maria และ Jesse Hulscher จากรัฐมินนิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากที่ Maria พึ่งจะคลอดลูกได้ไม่นาน Maria กับ Jesse Hulscher พร้อมกับลูกชายคนแรก และสมาชิกตัวน้อยคนใหม่ล่าสุด ด้วยอากาศแย่แบบนั้นมันคงไม่ดีต่อลูกน้อยของพวกเขาอย่างแน่นอน ทั้งคู่ก็ไม่รอช้าเรียกช่างซ่อมเครื่องทำน้ำอุ่นจากบริษัท Magnuson Sheet Metal ซึ่งเป็นบริษัทในท้องถิ่นให้มาช่วยซ่อมให้ และเมื่อช่างมาถึงก็จัดการดำเนินงานทันที และในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเครื่องทำน้ำอุ่นของพวกเขาก็กลับมาใช้งานได้ดีอีกครั้ง จนเวลาผ่านไปหลายวันทางบริษัทก็ส่งใบแจ้งหนี้เพื่อให้ทั้งคู่ไปชำระเงิน แต่พวกเขากลับรู้สึกตื้นตันใจและไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นข้อความที่อยู่ในใบแจ้งหนี้ว่า “ไม่มีค่าใช้จ่าย ดูแลสมาชิกใหม่ของพวกคุณให้ดีนะ” ซึ่งเมื่อเรื่องราวในครั้งนี้ได้เผยแพร่ออกไป ทางสำนักข่าว Fox 9 ก็ไม่รอช้าเดินทางไปสัมภาษณ์บริษัทดังกล่าวทันที และ Craig ผู้จัดการของบริษัทก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมจัดการซ่อมให้พวกเขาฟรีๆ เพื่อแสดงความยินดีกับลูกชายที่พึ่งเกิดของพวกเขา” ด้วยเหตุนี้ Jess จึงแชร์ข้อความรู้สึกของเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กว่า “ผมไม่รู้จะต้องขอบคุณพวกเขายังไงถึงจะพอกับการบริการที่ดีแบบนี้ ทั้งรวดเร็วและช่างซ่อมที่มีคุณภาพรวมถึงจิตใจที่เข้าใจลูกค้า บริษัทแบบนี้ควรค่าที่จะได้ใจของลูกค้าคนหนึ่งไปชั่วชีวิต และขอบคุณ Craig กับทีมงานของคุณที่มอบประสบการณ์ดีๆ…
-
น้องหมาถึงกับนอยด์ เมื่อเจ้าของฝรั่งพาไปตัดขนกับช่างจีน แต่ดันพูดกันไม่รู้เรื่อง…
ใครที่เลี้ยงหมาอยู่ อย่าปล่อยให้พวกมันมีขนรกรุงรังนะคะ ควรจะตัดแต่งขนให้กับมันด้วย และไม่ใช่ทรงไหนก็ได้นะ เพราะถึงจะเป็นหมาก็อยากสวยอยากหล่อเหมือนมนุษย์เรานี่แหละ ฮร่าาาา แต่ดูเหมือนเจ้า Seren พันธุ์เยอรมันเชฟเฟิร์ด จะโชคร้ายหน่อย เมื่อเจ้าของซึ่งเป็นชาวอังกฤษพามันไปตัดขนในร้านให้มีช่างเป็นคนจีน และพวกเขาก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เพราะเขาไม่สามารถพูดภาษาจีนได้เลยแม้แต่คำเดียว… Leigh Simmons วัย 27 ปี เป็นเจ้าของน้องหมา Seren เขาทำงานอยู่กับ Kat ผู้เป็นภรรยาที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน เป็นระยะเวลา 7 เดือนแล้ว ทรงขนเดิมของเจ้า Seren สำหรับสุนัขตัวนี้ Simmons ไปเจอมันอยู่ข้างถนนใกล้กับ Merthyr Tydfil ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเวลส์ เขาจึงเก็บมันมาเลี้ยงจนถึงตอนนี้ ระหว่างอยู่จีนนั้นเขาก็ได้พาน้องหมาสุดที่รักไปตัดขน เพราะตอนนั้นอากาศร้อนมาก แต่ Simmons พูดภาษาจีนไม่ได้เลย ส่วนช่างตัดขนก็พูดอังกฤษไม่ได้เช่นกัน เขาก็เลยใช้ภาษาท่าทางเพื่ออธิบายให้ช่างเข้าใจว่าต้องการทรงไหน ทรงขนที่ได้จากการสื่อสารไม่รู้เรื่อง ระหว่างช่างกับเจ้าของ!? เขาต้องการบอกให้ช่างโกนขนให้น้องหมา เขาก็เลยทำท่าโกนพร้อมกับทำเสียงที่โกนขน ช่างคนนั้นพยักหน้า ประหนึ่งว่า ‘อ๋อ เข้าใจแล้ว จะเอาแบบนั้นใช่มั้ย!?’ จากนั้นช่างก็บอกให้ Simmons กลับมารับสุนัขอีกทีประมาณ 16.00 น.…
-
อังกฤษทดลองเปิด ‘ยิมสำหรับงีบ’ สอนวิธีที่ถูกต้อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสมอง
การออกกำลังกายถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับมนุษย์ ดังนั้นจึงได้มีการเปิดโรงยิมมากมายให้ผู้คนได้มาออกกำลังกายให้สุขภาพแข็งแรง รวมทั้งการทำให้รูปร่างดูดี แต่นอกจากการออกกำลังกายแล้ว การงีบพักก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ด้วยเหตุนี้โรงยิมแห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรจึงได้เปิดคอร์สสอนการงีบสำหรับผู้ที่เหน็ดเหนื่อยหรือต้องการพักผ่อนในระหว่างวัน ได้ยินแบบนี้มันแปลกๆ อยู่แฮะ เพราะการงีบเป็นเรื่องที่เราทำกันเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว หากง่วงตึงไม่สดชื่นก็งีบหลับซักพัก แต่ที่นี่เค้าไม่ได้ให้คุณมานอนงีบเหมือนอยู่บ้านนะ แต่เขาจะสอนวิธีการงีบที่ถูกต้องให้ด้วย โรงยิมสำหรับงีบนี้จะมีการปรับอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการงีบหลับ โดยจะมีเทรนเนอร์คอยแนะนำว่าต้องทำอะไรบ้าง เริ่มแรกต้องยืดกล้ามเนื้อก่อน 15 นาที ต่อด้วยการงีบ 45 นาที ผู้ที่ก่อตั้งโรงยิมแห่งนี้ เรียกการงีบลักษณะนี้ว่า Nap-Ercise ซึ่งเป็นคลาสที่จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจและอารมณ์ของผู้ที่อยู่ในอาการเหนื่อยล้าหรือเครียด รวมทั้งเผาผลาญแคลลอรี่ที่ไม่จำเป็นอีกด้วย นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคิดขึ้นมาเองลอยๆ แต่ผลวิจัยของวิทยาลัย Allegheny College ออกมารองรับเรื่องนี้ด้วย โดยการศึกษาพบว่า ‘ผู้ที่ได้งีบในช่วงเวลากลางวัน 45 นาที จะจัดการความเครียดได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้งีบเลย’ นอกจากนี้ยังมีการวิจัยของ UC Berkeley ที่พบว่า ‘การงีบในช่วงบ่ายอาจเพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้ของสมอง’ ตอนนี้ยิมสำหรับนอนได้มีการทดลองเปิดที่แรกที่ David Lloyd Clubs ในย่าน Sidcup, London ประเทศอังกฤษ และหากประสบความสำเร็จ ยิมทั่วประเทศก็จะเพิ่มคอร์สการงีบเหมือนกัน .…
-
หมู่เกาะแฟโรขาดแคลนผู้หญิง ต้องการเติมส่วนที่ขาดหาย โดยเฉพาะสาวเอเชีย!!
เรียกได้ว่านี่อาจเป็นโอกาสดีสำหรับสาวเอเชียแถวๆ นี้เลยนะเนี่ย ที่มีความประสงค์อยากจะย้ายถิ่นฐานลองไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกเมืองนาบนเกาะแฟโร อันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเดนมาร์ก เพราะล่าสุดทางสำนักข่าว BBC ได้รายงานว่า ปัจจุบันหมู่เกาะแฟโรต้องเผชิญกับปัญหาความไม่สมดุลกันระหว่างประชากรชายที่มีจำนวนมากกว่าประชากรหญิงหลายเท่าตัว โดยเมื่อช่วงหลายปีก่อนหน้านี้หมู่เกาะแฟโร ก็ต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนประชากรอันมาแล้ว เนื่องมาจากการกระจายตัวของคนรุ่นใหม่ ที่มักจะเข้าไปแสวงหาชีวิตและการศึกษาในเมืองใหญ่ อ้างอิงข้อมูลจากนายกรัฐมนตรี Axel Johannesen ได้กล่าวว่า อัตราจำนวนประชากรระหว่างหญิงและชาย มีอัตราส่วนอยู่ที่ 1 ต่อ 2,000 (นั่นก็คือหญิง 1 คน ต่อชาย 2,000 คน) บวกกับวัฒนธรรมอาหารเอเชียอย่างไทยและฟิลิปปินส์ ที่ได้รับความนิยมสูงจากประชากรที่นี่ ทำให้หนุ่มๆ มีความสนใจสาวไทยและสาวฟิลิปปินส์มากเป็นพิเศษ จากปัญหาขาดแคลนประชากร ทำให้หมู่เกาะแฟโรขาดแคลนประชากรด้านแรงงานไปด้วย และทางรัฐบาลก็ได้เล็งเห็นว่า การที่หญิงสาวชาวเอเชียย้ายสำมะโนครัวมาอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้กับครอบครัวชาวเดนมาร์ก จะช่วยสร้างตลาดแรงงานให้มีความคึกคักขึ้นมาได้อีกครั้ง ‘ช่วงเวลาที่ผ่านมาทางรัฐบาลเราเล็งเห็นแล้วว่า ผู้ชายที่นี่จะแต่งงานกับหญฺิงสาวชาวเอเชียมากขึ้น และนั่นก็นำมาซึ่งตลาดแรงงานที่เรากำลังขาดแคลน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีมากๆ สำหรับหมู่เกาะของเรา’ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ ทางด้านของ Magni Arge นักการเมืองท้องถิ่นจากเกาะแฟโร ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนประชากร และการเข้ามาของประชากรสาวเอเชียไว้ว่า ‘จากระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ เราได้สังเกตเห็นว่า…
-
ต้องยอมรับจริง!! ชาวญี่ปุ่นคือจ้าวแห่งความมีระเบียบ กระทั่งแปะสติกเกอร์ก็ไม่เหมือนใครๆเขา…
ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่เจ้าระเบียบ ไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหน คนญี่ปุ่นส่วนมากมักจะเป็นคนที่ทำอะไรเป็นระบบระเบียบ และค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องนี้มาก มีผู้ใช้ Twitter ชาวญี่ปุ่นคนนึงใช้ชื่อว่า Nagisa Ayu ได้โพสภาพของบอร์ดหนึ่งที่คล้ายๆเป็นผลสำรวจว่า “พวกคุณมาจากประเทศไหน?” และถ้าเป็นคนประเทศนั้นมาเที่ยวเยี่ยมชม ก็ให้แปะสติกเกอร์ลงไปในบอร์ดดังกล่าวนั่นเอง… นี่คือภาพดังกล่าว… จากภาพที่เห็นก็จะมีประเทศ ฝรั่งเศส อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี จีน มาเลเซีย ฮ่องกง/มาเก๊า สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร สเปน แคนาดา ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ จากที่เราเห็นนั้นจะสังเกตเห็นได้ว่าการทำผลสำรวจนี้ ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีการแปะสติ๊กเกอร์สีแดงได้เป็นระเบียบอย่างมาก ซึ่งมันสื่อให้ถึงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี และบ่งบอกถึงความมีระเบียบวินัยไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้หมายความว่าประเทศอื่นๆจะไม่มีระเบียบวินัยกันซะทั้งหมด เพราะเจ้าสิ่งนี้ก้ไม่ได้บ่งบอกว่าคนประเทศไหนไม่มีระเบียบวินัย เอาจริงๆแล้วของอย่างนี้มันขึ้นอยุ่ที่บุคคลซะมากกว่า แต่ด้วยประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างเคร่งในเรื่องนี้คนส่วนมากก็เลยต้องเคร่งครัดตามกันเป็นธรรมดา ที่มา : twitter
-
ชายหนุ่มถูกจับในข้อหา แอบอาศัยอยู่ในห้องน้ำสาธารณะนานถึง 3 ปี… พี่ทำได้ยังไง!?
เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2017 ที่ผ่านมา ณ เมืองอุซุกิ จังหวัดโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการจ้างผู้รับเหมาเพื่อเริ่มบูรณะและซ่อมแซมสถานที่สาธารณะต่างๆ ภายในตัวเมือง นั่นรวมถึงห้องน้ำสาธารณะด้วย แต่ทว่าเมื่อตอนที่ผู้รับเหมาได้เข้าไปดูตรวจเช็คห้องน้ำในสวนสาธารณะอุซุกิ ก็ได้พบเข้ากับเงาของคนผ่านกระจก ซึ่งดูเหมือนว่าเขากำลังติดตั้งหลอดไฟหรืออะไรบางอย่าง ทางผู้รับเหมาก็เลยแจ้งให้ทางการส่งคนเข้ามาตรวจสอบ ปกติแล้วภายในเพดานของห้องน้ำสาธารณะจะอนุญาตให้ใช้พื้นที่ราวๆ 50 ตารางเมตรเพื่อคนทั่วไปสามารถเข้ามาใช้ส่วนนี้ได้อิสระ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ไปถึงและทำการตรวจสอบห้องน้ำดังกล่าว ทำให้ตำตรวจถึงกับผงะ… เมื่อพบว่าภายในเพดานห้องน้ำขนาด 92 ตารางเมตร กลับถูกตกแต่งอย่างดี แถมยังมีเฟอร์นิเจอร์ยังชีพ อย่างฮีทเตอร์ เตาแก๊ส รวมถึงหนังสือแม็กกาซีนและเสื้อผ้าจัดวางอยู่ภายในห้องน้ำเต็มไปหมด แถมภายในก็ไม่ได้รกเรี่ยราด ของทุกชิ้นถูกจัดเรียงอย่างมีระเบียบและสะอาดสุดๆ พร้อมกับชายวัยกลางคนที่ทำท่ายืนงงอยู่กลางห้อง ด้วยเหตุนี้ทางเจ้าหน้าที่จึงรวบตัวเขาไปเพื่อสอบสวน พบว่าชายคนดังกล่าวชื่อว่า Takashi Yamanouchi วัย 54 ปีและเป็นคนจากจังหวัดกิฟุ เขาเล่าว่าหนีออกจากบ้านมาตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อนและเร่ร่อนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งมาตลอด จนมาหยุดที่เมืองอุซุกิ จังหวัดโออิตะ ในตอนแรกมีคนอาศัยห้องน้ำอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงขออาศัยอยู่กับชายคนนั้นจนในที่สุดเขาก็ได้ย้ายออกไป แต่ Takashi ยังเลือกที่จะอยู่ต่อ พร้อมกับเพิ่มเฟอร์นิเจอร์เข้าไปมากมายเป็นเวลาถึง 3 ปี ทว่ามีเรื่องที่แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ เขาเก็บปัสสาวะของตัวเองไว้ในขวด…
-
ญี่ปุ่นทำแผ่นมาส์กหน้ารูปเจ้าเหมียว ให้คุณได้สวมบทเป็นแมว ในระหว่างรอบำรุงผิวหน้า!!
การดูแลผิวพรรณก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณผู้หญิงดูดี และแน่นอนว่าหนึ่งในวิธีการดูแลผิวพรรณให้เรียบเนียนไร้จุดด่างดำก็คงจะหนีไม่พ้นการมาส์กหน้าด้วยแผ่นมาส์กแน่นอน แต่ถ้าเราจะมาแนะนำแผ่นมาส์กหน้าแบบทั่วไปก็คงไม่ได้ เพราะมันมีอะไรที่เจ๋งกว่านั้น และนั่นก็คือ “แผ่นมาส์กหน้ารูปแมวเมียว” ที่จะช่วยให้การดูแลผิวหน้าของคุณสนุกและน่ารักมากยิ่งขึ้น!! เจ้าแผ่นมาส์กที่ว่านี้มีชื่อว่า Narikiri Face Pack–Cat ซึ่งคำว่า Narikiri ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า แปลงร่างหรือ เปลี่ยนรูปลักษณ์ ซึ่งแผ่นมาส์กที่ว่านี้จะเริ่มจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 2 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ โดยจะมีจำหน่ายทั่วไปในร้านขายยาและร้านค้าปลีกอย่าง Village Vanguard และ Don Quijote ส่วนประกอบของแผ่นพอกหน้านี้จะมีว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบหลัก จะวางจำหน่ายทั้งหมด 4 ลายด้วยกัน แต่ที่น่าตื่นเต้นคือในแต่ละซองจะมีแค่ลายเดียว และเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะได้ลายอะไร เหมือนกับซื้อหวยไม่มีผิด!! นี่คือลายทั้ง 4 แบบของแผ่นมาส์กหน้านี้ แต่ละลายน่ารักมากเลยใช่ไหมล่ะ?? หลายคนอาจจะคิดว่าโถ่อะไรเนี่ย!? ทำไมไม่ยุติธรรมเลย ให้เลือกลายเองก็ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นลองไปชมภาพหลังจากที่ได้ใช้แผ่นมาส์กนี้ดู บางทีคุณอาจจะชอบกาชาปองแผ่นมาส์กหน้าแมวก็ได้นะเออ!! ซึ่งราคาของเจ้าแผ่นมาส์กสุดน่ารักนี้ก็ไม่ได้แพงมากเท่าไหร่เลยละ โดยสนนราคาของมันอยู่ที่ซองละ 100 กว่าบาทเท่านั้นเอง ถ้าหากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นจะลองหามาใช้บ้างก็ได้นะ เจ้าแผ่นมาส์กหน้าน้องแมวคงจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการดูแลผิวหน้าของสาวๆ ถ้าเมื่อไหร่มีขายในบ้านเรา คงจะขายดีเทน้ำเทท่าแน่ๆ ที่มา rocketnews24
-
นักวิทย์ไขปริศนา น้ำตกสีเลือดในทะเลแอนตาร์กติกาได้แล้ว หลังหาคำตอบนาน 100 ปี
การที่เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติแปลกๆ นั้น ทำให้ปัญหาตกอยู่ที่มนุษย์ เพราะเราต้องมาคิดกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือมีที่มาที่ไปอย่างไร อย่างน้ำตกที่ไหลเป็นสีเลือดในทะเลแอนตาร์กติกา ซึ่งก็ทำให้มนุษย์งงว่ามันคืออะไรและเกิดขึ้นได้อย่าง โดยเหล่าบรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างทำงานอย่างหนักเพื่อหาที่มาของน้ำสีเลือดนี้ และหลังจากที่มีการไขปริศนาของเรื่องนี้มานานกว่า 100 ปี ทางนักวิทยาศาตร์ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า พวกเขารู้สาเหตุของปรากฏการณ์นี้แล้ว น้ำตกสีเลือดนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1911 โดยนักธรณีวิทยาชาวออสเตรเลีย ซึ่งตอนนั้นเขาเชื่อว่ามันเกิดจากสาหร่ายสีแดง ต่อมาในปี 2003 ก็มีคนแย้งว่า น้ำสีแดงนี้ไหลมาจากธารน้ำ Taylor Glacier โดยมีธาตุเหล็กออกซิไดซ์เป็นสาหตุที่ทำให้เกิดสีแดง หรือบางทีมันอาจจะเป็นเศษซากที่ตกตะกอนในทะเลสาบน้ำเค็มที่มีอายุกว่า 5 ล้านปี อย่างไรก็ตามตอนนี้ได้มีการค้นพบทฤษฏีใหม่โดยมหาวิทยาลัย University of Alaska และวิทยาลัย Colorado College ระบุว่า มันคือน้ำที่ไหลจากทะเลสาบขนาดใหญ่ และรวมกันอยู่ใต้น้ำแข็งมานานกว่า 1 ล้านปี ทฤษฏีนี้เกิดจากการที่นักวิทยาศาสตร์ได้ติดตามที่มาของน้ำตกสายนี้โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Echolocation หรือการหาตำแหน่งของวัตถุโดยใช้เวลาและทิศทางของการสะท้อนกลับ พวกเขาบอกว่า “เราได้ขยับเสาอากาศไปรอบๆ ธารน้ำแข็งในรูปแบบคล้ายตาราง แล้วเราได้เห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำแข็งเหล่านั้น” แผนภาพแสดงระบบการกักเก็บน้ำของน้ำตกสีเลือดแห่งนี้ นอกจากนี้ทางทีมวิจัยก็ได้ยืนยันว่า ธารน้ำแข็งดังกล่าวนี้ มันมีระบบจัดการน้ำเป็นของตัวเอง…
-
สับให้ขาดเลยชั๊บชั๊บชั๊บ… ช่างตัดผมสายโหดสัส ใช้ขวานแทนกรรไกร ได้ทรงถูกใจด้วยนะ!!
การจะเป็นช่างตัดผมนั้น ใช่ว่าทุกคนจะเป็นได้ แต่คุณต้องมีฝีมือในการตัดผมตามความต้องการของลูกค้า แต่ในสังคมที่มีร้านตัดผมมากมายขนาดนี้ มีฝีมืออย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องมีกลยุทธ์การตลาดเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าสนใจด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าหากเราจะเห็นช่างตัดผมใช้วิธีการที่แตกต่างไปบ้าง แต่ว่าจะสู้วิธีการของ Daniil Istomin ได้หรือเปล่า เพราะเขาใช้ขวานแทนกรรไกรนี่สิ!! Daniil เป็นช่างตัดผมชาวรัสเซีย ผู้เป็นเจ้าของไอเดียการตัดผมด้วยขวาน ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับว่ามีทั้งประสิทธิภาพและความรุนแรงในเวลาเดียวกัน ไอเดียนี้มีจุดเริ่มต้นจากการแข่งขันตัดผม โดย Daniil อยากสร้างสรรค์วิธีการตัดผมที่แตกต่างออกไป เขาได้รับแรงบันดาลใจจากการใช้ขวานโกนหนวดเคราของผู้ชายในอดีต เนื่องจากสมัยนั้นไม่มีมีดโกน Daniil ได้เริ่มทดลองใช้ขวานในการตัดผมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จากนั้นก็พัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง โดยการพยายามตัดแต่งผมทรงต่างๆ ให้ออกมาดูดีที่สุด แน่นอนว่าครั้งแรกที่ใช้ขวานตัดผมนั้น เขาคงไม่กล้าเอาคนจริงๆ มาเป็นหนูลองยา และคงไม่มีใครกล้าเป็นให้เขาด้วย ดังนั้นเขาจึงใช้หุ่นแทน และเมื่อทำไปหลายๆ ครั้ง เขาก็ค่อยๆ มั่นใจในฝีมือตัวเองมากขึ้น หลังจากที่ฝึกมาจนชำนาญแล้ว เขาก็นำไปใช้จริงกับลูกค้าคนแรกที่เป็นผู้หญิง แต่ก่อนตัดเขาได้ถามความสมัครใจของลูกค้าก่อน โดยทางลูกค้าก็ยอมตกลงโดยดี Daniil บอกว่า “ขวานทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นครับ เพราะการที่คุณลงขวานแค่ครั้งเดียว ก็สามารตัดผมได้มากมายแล้ว แต่ถ้าใช้กรรไกรคุณจะตัดผมได้มากขนาดนี้ในครั้งเดียวไม่ได้แน่นอน” เขายังบอกอีกว่าไม่ใช่จะใช้ขวานแบบไหนก็ได้ แต่ขวานที่ใช้ต้องมีความคมเป็นพิเศษ เพื่อให้การตัดผมออกมาสมบูรณ์แบบ ไม่เว้าไม่แหว่ง Daniil มักจะได้รับเชิญให้แสดงทักษะการตัดผมด้วยขวานในงานประกวดตัดผม…
-
พาไปดูบ้านหลังน้อยผู้โดดเดี่ยว ตั้งอยู่บนเกาะ Elliðaey อันห่างไกลในประเทศไอซ์แลนด์…
สำหรับคนที่หลงใหลในธรรมชาติ และชื่นชอบการอยู่อย่างสันโดษ พวกเขามักเลือกที่จะยู่ห่างไกลจากตัวเมือง และความวุ่นวายที่มาคู่กับศิวิไลซ์ และที่เกาะ Elliðaey ในประเทศไอซ์แลนด์ที่ทำให้ชาวโลกต้องอึ้งไปตามๆ กัน เพราะไม่น่าเชื่อว่าบนเกาะที่ดูอ้างว้างแห่งนี้ จะมีบ้านของคนตั้งอยู่ด้วย แล้วมันจะเป็นบ้านของใครกันนะ? บนพื้นที่เกาะขนาด 278 ไร่ แทบจะไม่มีใครเชื่อว่าจะมีคนมาอาศัยอยู่ และไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นบ้านของใคร ทำให้ชาวบ้านบางคนก็ให้ข้อสันนิษฐานว่า เป็นพื้นที่ๆ ทางรัฐบาลไอซ์แลนด์ ได้มอบให้กับศิลปินนักร้องสาวชื่อดัง Bjork บางคนก็บอกว่าเป็นภาพตัดต่อ มันคงไม่มีบ้านหลังนี้อยู่จริงๆ หรอก ความจริงก็คือ ย้อนกลับไปเมื่อ 300 ปีก่อน เกาะแห่งนี้เคยมีครอบครัวอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 ครอบครัว พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการจับปลา และล่านกพัฟฟิน จนกระทั่งในปี 1930 ครอบครัวที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ ก็ได้ย้ายถิ่นทำมาหากินเข้าไปอาศัยอยู่ในเมืองไอซ์แลนด์กันหมด จนไม่มีใครมาอยู่อาศัยแถวนี้อีก ต่อมาในปี 1950 รัฐบาลไอซ์แลนด์ได้ค้นพบว่า บริเวณของเกาะ Elliðaey เป็นบริเวณที่สามารถหาปลาและล่านกพัฟฟินได้ดีที่สุด จึงทำให้มีการจัดตั้งสมาคมล่านกพัฟฟินขึ้น และทางสมาคมก็ได้สร้างบ้านไว้หลังหนึ่งบนเกาะแห่งนี้ เพื่อใช้สำหรับเป็นที่พักชั่วคราวของสมาชิกนั่นเอง ทฤษฏีที่ว่าเป็นบ้านของศิลปินสาว เป็นภาพโฟโต้ช็อป…
-
ครอบครัวน่ารัก… คุณแม่พร้อมลูกชายทั้ง 6 ยอมไว้ผมยาวเป็นปี ตั้งใจบริจาคให้ผู้ป่วยมะเร็ง
การไว้ผมยาวนับเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กผู้หญิง แต่ในหมู่เด็กผู้ชายนั้นเราไม่ค่อยจะได้เห็นกันสักเท่าไร เพราะเป็นผู้ชายก็คงชอบที่จะไว้ผมสั้นเสียมากกว่า แต่สำหรับลูกชายทั้ง 6 คนของ Phoebe Kannisto พวกเขาตัดสินใจไว้ผมยาวเป็นปีๆ โดยมีเป้าหมายที่จะเอาไปบริจาคให้ผู้ป่วยที่ต้องการนั่นเอง คุณแม่และลูกชายทั้ง 6 คน คุณแม่ไม่ได้บังคับให้ลูกๆ ให้ไว้ผมยาว แต่เธอถามความสมัครใจจากพวกเขาก่อนทุกคน โดยคนที่อาสาไว้ผมยาวเป็นคนแรกคือพี่ชายคนโตสุด Andre วัย 10 ขวบ ต่อมาเป็นลูกชายฝาแฝด Silas และ Emerson วัย 8 ขวบ และน้องเล็กสุดซึ่งเป็นแฝดสามวัย 5 ขวบ คือ Herbie, Reed และ Dexter โดยคุณแม่ก็ทำภารกิจนี้เช่นกัน จริงๆ มีลูกสาววัย 2 ขวบอีกคนหนึ่ง แต่เธอมีผมน้อยเกินไปจึงไม่ได้ร่วมทำภารกิจนี้ พวกเขาอดทนไว้ผมนาน 1-5 ปี ด้วยความเป็นเด็กผู้ชาย การผมยาวจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางครั้งพวกเขาก็อึดอัดบ้าง รำคาญบ้าง ที่ร้ายกว่านั้นคือ บางคนยังถูกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนแกล้งอีกด้วย แต่ทุกคนได้รับกำลังใจจากคุณแม่ และมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะไว้ผมยาวเพื่อเอาไปบริจาคให้เด็กๆ ที่สูญเสียผม…
-
ภรรยาจับได้ว่าสามีแอบซ่อนหนังไว้ใต้โต๊ะ จึงวาดรูปเพื่อตักเตือนให้รู้ไว้ ก่อนจะหักแผ่นทิ้ง!!
ส่วนมากถ้าพูดถึงเรื่องหนังผู้ใหญ่กลุ่มผู้ชมก็คงจะเป็นชายโสดที่ยังมีความกลัดมัน แต่ทว่าบางคนแต่งงานแล้วก็ยังชอบอะไรแบบนี้อยู่ ถ้าเกิดว่าคุณภรรยาไม่ได้ซีเรียสอะไรก็แล้วไป แต่ถ้าหากว่าไม่อยากให้ดูก็ต้องเก็บซ่อนไว้ให้มิดชิด อย่าให้โดนจับได้ล่ะ เพราะอะไรจะเกิดขึ้นตามมาก็ไม่อาจจินตนาการได้ ฮร่าาา อย่างกรณีนี้ที่คุณสามีแอบดูหนังโป๊ และเก็บซ่อนแผ่นเอาไว้ในที่ลับตา แต่คิดหรอว่าภรรยาจะไม่รู้ มาดูกันสิว่าเมื่อเธอเจอแผ่นหนังโป๊ของสามี เธอจะจัดการอย่างไร… เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นเรื่องราวของเจ้าของทวิตเตอร์ที่ชื่อ @terajun6966 ซึ่งเจ้าตัวก็แต่งงานแล้ว และได้แยกออกมาอยู่กับภรรยาตามลำพัง แต่ด้วยความเป็นผู้ชายทั่วไป ที่ไม่ถนัดทำงานบ้านถนัดแต่ทำรก ภาระงานบ้านทุกอย่างก็เลยต้องตกเป็นหน้าที่ของคุณภรรยา (ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับบทความ) โดยวันที่เกิดเหตุนั้นก็เหมือนกับทุกครั้ง เขาบอกให้ภรรยาช่วยทำความสะอาดโต๊ะให้หน่อย คุณภรรยาก็น่ารักเข้าไปจัดเก็บข้าวของให้โดยไม่บ่นสักคำ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะที่โต๊ะของเขาไม่ได้แค่หนังสือหรือฝุ่น แต่สามีแอบซ่อน DVD หนังโป๊เอาไว้ด้วย แล้วจะเกิดอะไรขึ้นนะ?? หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้รับข้อความจากภรรยา เป็นข้อความรูปภาพที่เธอวาดเอง แต่ภาพนี้มันคุ้นๆ เหลือเกิน เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน… แล้วสามีก็อยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อเขาได้เห็นกล่อง DVD วางอยู่ข้างๆ โน๊ตรูปวาด ซึ่งเป็นภาพสาวในชุดนักเรียนซะด้วย!! โดยในภาพนั้นมาพร้อมกับใจความว่า.. “เจอไอ้เนี่ยซ่อนอยู่โต๊ะของคุณ เพราะฉะนั้นแล้วฉันก็จะหักแผ่นแล้วก็โยนทิ้งไปซะ!!” แต่ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนจับได้ เพราะในปี 2012 เขาเคยโดนมาก่อนแล้ว แต่ตอนนั้นเป็นแฟลชไดร์ฟที่เขาเซฟภาพโป๊เอาไว้ แล้วเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อแต่ดันลืมเอาออกมา …
-
พี่ชายผู้เป็นโรคซึมเศร้า แต่งเป็นเจ้าชายโฉมงาม เพื่อเซอร์ไพรส์น้องสาวในวันเกิด
การที่ต้องมีพี่น้องอายุห่างกันมากๆ บางทีมันอาจจะให้เกิดระยะห่างระหว่างความเป็นพี่น้องได้ จนทำให้คุณไม่มีความสนิทกัน แต่ทว่าบางครั้งมันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป เพราะสำหรับบางคนแล้วต่อให้อายุห่างกันมาแค่ไหน พวกเขาก็มีความสนิทสนมกันมากและดูแลกันอย่างดี เหมือนดั่งหนุ่มน้อย Anthony วัย 13 ปีคนนี้ Anthony ประสบกับโรคซึมเศร้า ดังนั้นการที่จะเห็นเขามีความสุขถือเป็นที่เรื่องยากมากๆ เว้นเสียแต่เวลาที่เขาได้อยู่กับ Anabel น้องสาววัย 5 ขวบของเขา เด็กหญิงเป็นคนช่างพูด มีนิสัยร่างเริง ดังนั้นไม่ว่าจะไปที่ไหนเธอก็จะมีเพื่อนอยู่เสมอ แต่เพื่อนที่เด็กหญิงสนิทด้วยมากที่สุดก็คือ Anthony พี่ชายของเธอเอง พวกเขามีพี่น้องทั้งหมด 7 คน แต่มีแค่ Anthony และ Anabel ที่สนิทกันมากที่สุด แม้อายุจะห่างกันมากก็ตาม พี่ชายมักจะดูหนังกับเธอ สอนเธอเล่นสเก็ตบอร์ด และเป็นคนที่คอยอุ้มเธอไปนอนบนเตียง นอกจากนี้ทั้งคู่จะมีกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่รู้กันอยู่สองคน อย่างเช่นก่อนนอน พี่ชายจะทำพิธีปัดฝันร้ายให้น้องสาว ด้วยการวางเกลือที่สมมติว่ามันเป็นเกลือวิเศษไว้บนหัวเตียง เพื่อให้น้องสาวรู้สึกอุ่นใจและนอนหลับฝันดีตลอดคืน เมื่อถึงช่วงวันคล้ายวันเกิดของน้องสาว Anabel คุณแม่จึงอยากจะถ่ายรูปเธอในชุดเจ้าสาวดิสนีย์ โดยคุณแม่ได้เลือกซื้อชุดจากร้านค้าออนไลน์ แต่ Anthony ดันมาเห็นเข้าซะก่อน เขาจึงขอให้แม่หาชุดเจ้าชายให้เขาด้วย ตอนแรกคุณแม่ก็แปลกใจว่าทำไมลูกถึงอยากใส่ชุดเจ้าชาย จนตอนนี้ก็ได้คำตอบแล้วว่า เขาจะใส่ชุดเจ้าชายเพื่อถ่ายรูปคู่กับ Anabel…
-
เพื่อนบ้านใจร้าย!! สัญญาจะดูแลหมาให้คุณยาย สุดท้ายเอาไปปล่อยทิ้งอย่างน่าสงสาร
สำหรับนิยามของคำว่าเพื่อนบ้าน อาจจะเป็นพวกที่รู้หน้าไม่รู้ใจก็เป็นได้ ต่อหน้าพูดอีกอย่าง พอลับหลังก็พูดอีกอย่าง ดังนั้นต่อให้รู้จักกันมานานก็ไม่อาจไว้ใจได้ง่ายๆ เหมือนเรื่องของคุณยาย Yvonne Radcliffe วัย 76 ปีคนนี้ เธอเลี้ยงสุนัขแสนรักชื่อ Tessa วันหนึ่งเมื่อคุณยายต้องย้ายไปอยู่แคนาดา เธอจึงตัดสินใจให้เพื่อนบ้านพามันไปเลี้ยงดูต่อ เนื่องจากว่าคุณยายไม่สามารถพา Tessa ไปด้วยได้ เพราะมันมีอายุมากแล้ว คุณยายเกรงว่าการนั่งเครื่องบินนานๆ จะเป็นอันตรายกับมัน… ดังนั้นคุณยายจึงขอให้เพื่อนบ้านที่รู้จักมานานกว่า 9 ปีให้ช่วยรับเจ้า Tessa ไปดูแลต่อ ตอนนั้นเพื่อนบ้านทำท่าตื่นเต้นมาก และบอกกับคุณยายว่า “ยินดีมากเลยที่จะให้มันมาอยู่ด้วย เพราะผมก็ชอบสุนัขมากๆ เราจะเลี้ยงดูมันอย่างดีครับ” และเมื่อได้ยินแบบนั้นคุณยายก็หายห่วง บินไปแคนาดาด้วยความโล่งใจ… แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น ก็มีคนไปพบเจ้า Tessa ถูกทิ้งอยู่ในทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง พร้อมกับโน๊ตข้อความยาวเหยียดที่ถูกเขียนไว้โดยเพื่อนบ้านคนเดิมที่คุณยายไว้ใจด้วยใจความประมาณว่า “เจ้าหมาตัวนี้ไม่ใช่ของผม แต่เป็นเพื่อนบ้านที่ฝากให้เลี้ยงแทน เพราะจะย้ายไปอยู่แคนาดา ผมตอบตกลงไป แต่ผมรู้ว่าผมได้อยากเลี้ยงมัน เจ้า Tessa ชอบชากาแฟและนม อาหารมื้อแรกของมันจะเริ่มที่เวลา 11.30 น. แต่ตอนนี้เพื่อนบ้านของผมย้ายไปแคนาดาแล้ว และกำลังคิดว่า Tessa อยู่ในการดูแลเป็นอย่างดี…
-
ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า… ชายหนุ่มจ่อฟ้องหย่าภรรยา เนื่องจากว่าเธอไม่มีอวัยวะเพศ!?
ใช่ว่าคู่รักทุกคู่จะสามารถประคับประคองความรักไปได้ตลอดรอดฝั่ง หลายคู่ต้องเลิกรากันไปด้วยร้อยแปดเหตุผล และในบรรดาเหตุผลเหล่านั้นก็อาจทำให้คุณถึงกับเหวอได้เหมือนกัน… นี่เป็นเรื่องราวของคู่สามีภรรยาอย่าง Alejandro และ Tania ที่ไปออกรายการทีวี Caso Cerrado (ศาลคู่รัก) โดยที่ฝ่ายชายกำลังจะหย่ากับภรรยาของเขาเนื่องจากเธอไม่มีช่องคลอดและไม่สามารถทำหน้าที่ภรรยาได้อย่างสมบูรณ์ดั่งที่เขาหวังไว้ นาย Alejandro เล่าผ่านรายการทีวีว่าเขาและแฟนสาวเดทกันมาประมาณ 1 ปี ซึ่งในระหว่างนั้นเขาและเธอไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กันเลย เนื่องจาก Tania ได้บอกว่าอยากจะเก็บสิ่งนั้นไว้ในตอนที่พวกเขาแต่งงานกันเรียบร้อยแล้ว แต่แล้ววันหนึ่งความจริงก็ปรากฏเมื่อนาย Alejandro พบว่าภรรยาสาวของเขาไม่มีอวัยวะเพศ นั่นถึงกับทำให้เขาตกใจและรู้สึกรับไม่ได้ที่เธอปิดบังเรื่องนี้กับเขามาโดยตลอด จึงพยายามจะขอหย่ากับเธอผ่านทางรายการ ที่ผ่านมา Tania รับรู้ถึงปัญหาข้อนี้ของตัวเองดีจึงติดต่อหมอศัลยแพทย์เพื่อผ่าตัดอวัยวะเพศให้กับเธอ แต่ถึงจะได้รับการผ่าตัดแล้วเธอก็ไม่เกิดความรู้สึกใดๆ บริเวณนั้นเมื่อมีเพศสัมพันธ์เลย เธอยอมรับว่าหลังจากที่เธอผ่านการผ่าตัดเธอก็ฝันที่จะได้ทำหน้าที่ภรรยาอย่างสมบูรณ์เพราะเธอรู้ว่ามันคือหน้าที่ของภรรยาที่ดี แต่เธอกลับล้มเหลวแม้จะผ่าตัดแล้วมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา อาการที่ Tania เจออยู่นี้มีชื่อเรียกว่า Rokitansky Syndrome ทำให้ช่องคลอดและมดลูกไม่สามารถพัฒนาได้ตามปกติ บางรายอาจจะมีช่องคลอดที่เล็กมาก และในบางรายก็ไม่มีอวัยวะเหล่านี้ตั้งแต่เกิดเลย นั่นจึงทำให้ผู้หญิงที่มีอาการแบบนี้ไม่มีประจำเดือนและไม่สามารถตั้งท้องได้ หลังจากที่ทั้ง Alejandro และ Tania โต้เถียงกันผ่านในรายการ สุดท้ายพิธีกรก็ตัดสินให้ทั้งคู่หย่าขาดจากกันท่ามกลางความสะเทือนใจของผู้ชม ที่มา thesun , ladbible
-
หนุ่มกลับบ้านเจอแฟนสาวนอนกับชู้ แต่ใจนิ่งมาก ถ่ายเซลฟี่เก็บไว้ให้รู้ว่าตรูเหนือกว่า!!
เรียกได้ว่านี่อาจจะเป็นตัวอย่างของการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากเจอมากที่สุด เมื่อกลับบ้านมาต้องพบว่าแฟนสาวตัวเอง เอาผู้ชายที่ไหนไม่รู้มานอนด้วย!? ถ้าคนทั่วไปอาจจะรู้สึกโมโหเป็นฟืนเป็นไฟจนถึงขั้นวางมวย หรือไม่ก็ต้องมีเลือดตกยางออกกันแน่ๆ แต่พ่อหนุ่มคนนี้มาเหนือชั้นกว่า เขาไม่ทำอะไรให้กระโตกกระตาก แค่ถ่ายเซลฟี่ลงเฟซฯ ก็พอแล้ว นี่คือภาพที่เจ้าตัวต้องกลับมาเจอกลางดึก ทั้งคู่หลับสนิทด้วยสภาพที่เมาหนัก จนแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย ‘เมื่อคุณกลับบ้านมาเจอผู้ชายคนอื่นอยู่บนเตียงของคุณ กับคนที่คุณรัก… ผู้ชายที่ดีสมควรจะคู่กับผู้หญิงที่ดีว่ะ!!’ แคปชั่นจากหน้าเฟซฯ ของเจ้าตัว จากนั้นพ่อหนุ่มก็ถ่ายเซลฟี่เป็นที่ระทึกเก็บไว้ซะเลย หลังจากที่เจ้าตัวโพสต์รูปภาพดังกล่าว ก็มีชาวเน็ตส่งข้อความมาให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม จนเจ้าตัวต้องออกมาโพสต์ขอบคุณทุกกำลังใจด้วยตนเอง ‘ผมได้รับข้อความให้กำลังใจนับพันจากคนทั่วโลก พวกเขาต่างแสดงความยินดีที่ผมเลือกที่จะเดินออกมา ยอมรับว่าตอนแรกผมรู้สึกอกหักเสียใจเอามากๆ แต่ด้วยกำลังใจจากทุกคนมันช่วยได้มากจริงๆ บางทีโลกก็ไม่ได้แย่อย่างที่เราคิด มันไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปทะเลาะกับใครด้วยเรื่องพวกนี้ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการที่มีคนชื่นชมทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ’ ข้อความจากแคปชั่น และล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาโพสต์ให้ทุกคนรู้ว่า ‘ผู้ชายคนนี้ยังยิ้มได้อยู่นะ…’ ไม่เสียใจเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อย่างที่พี่เค้าบอก ‘คนดีสมควรที่จะคู่กับคนดี’ นั่นแหละนะ ที่มา: Cheezburger
-
สตาร์บัคจีนมีโปรฯ ลดราคาให้ลูกค้าที่นำแก้วมาเอง หนุ่มจีนจัดกะละมังไปแม่มเลย!!
ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ร้านกาแฟชื่อดังอย่างสตาร์บัคเพิ่งออกโปรโมชั่นลดราคาให้กับลูกค้าที่นำแก้วมาใส่กาแฟเอง สำหรับคอกาแฟทั่วไปอย่างเราคงคิดว่า อืม..ก็ดีแล้วแหละ แต่สำหรับนักเขียนหนุ่มชาวจีน Zha Bao พี่แกขอใช้โอกาสนี้ในการลองของกับร้านกาแฟเฟรนไชส์ทั่วโลกซะเลย ในประกาศชี้แจงว่า ทางร้านพร้อมจะมอบส่วนลดมูลค่า 3 หยวน (15 บาท) ให้กับลูกค้าที่นำภาชนะมาใส่กาแฟเอง งานนี้พ่อหนุ่มนักเขียนจีน ก็เลยขอลองของกับพนักงานสตาร์บัคดูซะหน่อย ซึ่งเริ่มแรกเจ้าตัวเอาภาชนะเล็กๆ ดูปกติไปให้พนักงาน ก่อนที่จะเริ่มขยายเป็นภาชนะที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ รอบแรกเจ้าตัวเอากาน้ำชาขนาดจิ๋วมา สังเกตสายตาพนักงานยังเฉยๆ อยู่ ด้วยความที่กาน้ำขนาดเล็กเกินไป พนักงานเลยแถมแก้วมาให้ด้วย (แอบใจดีนะเนี่ย) คราวนี้พ่อหนุ่มก็มารอบสอง เอาขวดพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อให้พนักงานดูบ้าง ถ่ะ..แด๊มม! อันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ดูปกติไม่มีอะไร คราวนี้พี่แกเริ่มเพิ่มขนาด มาเป็นหม้อตุ๋นยาจีนเลย เจ้าตัวสั่งมัทฉะแฟรบปูชิโน่ โดนคิดราคาไปทั้งหมด 102 หยวน (500 บาท) พนักงานก็จัดให้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย มีวิปครีมมาให้ด้วย คราวนี้พี่แกแอดว๊านซ์ขึ้นไปอีก เอากะละมังมาเลยจ้าา.. …
-
ศิลปินสาวชาวญี่ปุ่น เนรมิตรกล่องกระดาษลัง ให้กลายเป็นโมเดล 3 มิติสุดเนี๊ยบ!!
ในวิชางานฝีมือสมัยโรงเรียนประถม อาจารย์มักจะให้พวกเรานำของเหลือใช้ในบ้านอย่างพวกขวดนม กล่องนม หรือลังกระดาษมาประดิษฐ์เป็นของใช้หรือของเล่นต่างๆ ซึ่งผลงานที่ออกมานั้นจะสวยงามแค่ไหนก็อยู่ที่ฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน และแล้วก็มีผลงานการประดิษฐ์ที่สุดเจ๋งและสวยงามมากๆ จากแดนปลาดิบอีกครั้ง ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ใช่งานประดิษฐ์แบบธรรมดาๆ ที่เราเคยทำในวิชาการงานอาชีพอย่างแน่นอน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา.. ขอเชิญพบกับคุณ Monomi Ohno ศิลปินชาวญี่ปุ่นผู้เนรมิตรลังกระดาษธรรมดาๆ ให้กลายเป็นโมเดล 3 มิติที่สวยและเหมือนจริงสุดๆ คุณ Monomi Ohno และผลงานของเธอ สาววัย 23 ปีผู้นี้ จบการศึกษาจาก Osaka University of the Arts เธอบอกว่าที่มาของการทำงานศิลปะจากลังกระดาษนี้เริ่มต้นจาก ในตอนที่เรียนอยู่ปี 2 ตอนนั้นเธอเลือกที่จะเรียนในสาขาแอนิเมชั่น 3 มิติ แต่เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างโมเดล 3 มิตินั้น มีราคาสูงมาก เธอจึงเลือกที่จะนำกล่องกระดาษมาใช้ในการสร้างโมเดลของเธอแทน และเธอก็เริ่มสนุกกับการสร้างแบบจำลองต่างๆ จากกล่องกระดาษนี้ ตอนนี้เธอกำลังฝึกฝนตัวเองเพื่อพัฒนาฝีมือให้เป็นศิลปินกระดาษแข็ง และต่อไปนี้คือผลงานบางส่วนของเธอที่เธอใช้กระดาษแข็งเพื่อนำเสนอผลงานศิลปะแทนผืนผ้าใบ จะสวยงามและน่าสนใจแค่ไหนไปชมกันได้เลย.. รองเท้าที่ทำมาจากกระดาษแข็งนอกจากจะสวยแล้วยังใส่ได้จริงๆ อีกด้วย!! รถจากหนังเรื่อง Back to the Future สวยและเหมือนจริงสุดๆ กระป๋องเบียร์ก็มีนะ…
-
น้ำใจนักกีฬาที่แท้จริง นักวิ่งหนุ่มยอมเข้าเส้นชัยช้า เพื่อช่วยเหลือคู่แข่งที่กำลังบาดเจ็บ
เมื่อช่วงปีที่แล้วเราก็ได้นำเสนอข่าวที่แสนจะน่าประทับใจ เมื่อนักกรีฑาหญิงคนหนึ่งได้เข้าไปช่วยเพื่อนนักกีฬาและเข้าเส้นชัยเป็นอันดับสุดท้าย (อ่านข่าวเก่า ชัยชนะไม่สำคัญกว่ามิตรภาพ… นักวิ่งโอลิมปิก หยุดช่วยคู่แข่งที่ล้มลงไป จนเข้าอันดับสุดท้าย) และเมื่อไม่นานมานี้ก็มีข่าวในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีกแล้ว คราวนี้เหตุการณ์น่าประทับใจนี้เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน London Marathon เมื่อนักวิ่งหนุ่มได้เข้าช่วยเหลือเพื่อนนักกีฬาให้เข้าเส้นชัยไปพร้อมกับเขา Matthew Rees นักวิ่งหนุ่มจากทีม Swansea Harriers Athletics Club ได้ทำเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงน้ำใจของนักกีฬาที่แท้จริง เมื่อเขาได้ช่วยเหลือ David Wyeth เพื่อนนักวิ่งที่เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงในช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันวิ่งมาราธอน ระยะทางกว่า 42 กิโลเมตร โดยมีผู้บันทึกภาพเหตุการณ์ที่น่าประทับใจนี้ไว้ เราลองไปวินาทีที่ Matthew Rees เข้าไปช่วย David Wyeth ได้ในในคลิปวีดีโอด้านล่างนี้เลย Matthew Rees ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า “ในระหว่างที่ผมกำลังวิ่งมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย ผมสังเกตุเห็น Wyeth มีอาการกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง เขาพยามจะลุกขึ้นแต่ว่าขาไม่เป็นใจ ล้มและลุกอยู่หลายครั้ง ผมคิดว่าควรจะช่วยเขาให้ถึงเส้นชัย ซึ่งมันสำคัญกว่าเวลาเพียงเล็กน้อยที่ผมเสียไป เราพยายามกันอยู่นาน ผมให้กำลังใจเขาและบอกว่า มาเถอะเพื่อน เราทำได้” สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็เข้าเส้นชัยพร้อมกัน และ Wyeth ก็ได้รับการดูแลจากแพทย์หลังจากจบการแข่งขัน การกระทำของ Matthew Rees ได้รับการยกย่องจากผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก หลังจากที่ทางผู้จักการแข่งขันได้นำคลิปวีดีโอในตอนช่วยเหลือเพื่อนนักวิ่ง ของเขาไปเผยแพร่ในทวิตเตอร์…
-
หญิงสาวทนไม่ได้ เมื่อครูพี่เลี้ยงลงโทษลูกของเธอ ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันอย่างรุนแรง…
หลายๆ ครั้งที่เรามักจะเคยได้ยินข่าวการทำร้ายร่างกายเด็ก โดยพี่เลี้ยงหรือผู้ดูแลกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งสาเหตุของความรุนแรงนี้ ก็คงจะมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง และเชื่อแน่ว่าเมื่อผู้ปกครองได้รู้ว่าลูกของเราถูกทำร้าย ก็ย่อมที่จะหาทางที่จะแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน เหมือนกับผู้ปกครองชาวจีนท่านนี้ ที่ได้เห็นคลิปวีดีโอการลงโทษลูกของเธอด้วยวิธีที่รุนแรงโดยพี่เลี้ยงเด็ก และเธอก็มีอาการโมโหแบบสุดขีดและเลือกที่จะใช้วิธีการที่รุนแรงในการแก้ปัญหา ภาพบางส่วนในคลิปวีดีโอที่เผยให้เห็นการกระทำของครูพี่เลี้ยง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับเด็กจากโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน ที่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หลังจากที่ถูกคุณครูทำโทษ และทันทีที่ผู้ปกครองทราบเรื่อง ก็บุกมาที่โรงเรียนเพื่อดูเทปวีดีโอการลงโทษนั้น และเมื่อผู้ปกครอง (สันนิษฐานว่าอาจเป็นคุณแม่) ได้เห็นการลงโทษดังกล่าว เธอก็ได้ขอพบกับครูพี่เลี้ยงทั้งสองคนที่เตะและจับลูกของเธอโยน ซึ่งหลังจากได้พบกับครูพี่เลี้ยงทั้งสองคน คุณแม่ก็ได้ระบายความโมโหด้วยการประเคนทั้งหมัดและเท้าให้กับทั้งคู่ และนี่คือคลิปวีดีโอดังกล่าว หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปนี้ออกไป ก็ได้มีชาวเน็ตของประเทศจีนแสดงความคิดเห็นมากมาย ต่อการกระทำของคุณแม่ท่านนี้ บางคนก็เห็นด้วยกับการกระทำนี้ และยังบอกว่าคุณแม่ไม่ได้ทำรุนแรงเกินไป แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยและบอกว่าควรที่จะมีการจัดการที่ดีกว่านี้ บางส่วนที่เห็นด้วยก็คือ มีลูกในวัยนี้เหมือนกัน ถ้ามีใครทำอะไรแบบนี้กับลูก ก็คงทำเหมือนอย่างในกรณีเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นแล้วผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ส่วนที่ไม่เห็นด้วยก็กล่าวในเชิงว่า ทำไมให้ตำรวจเป็นคนจัดการแจ้งข้อหาให้กับคุณครูพี่เลี้ยงเด็กเหล่านั้นแทนล่ะ? ทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากครูพี่เลี้ยงเด็กเลย นั่นก็จะทำให้เด็กจำจากกระทำของผู้ใหญ่ เหตุการณ์แบบนี้ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวเองก็พูดยากเหมือนกันนะ แต่เหมียวคิดว่าสิ่งสำคัญเมื่อเจอแบบนี้ก็ควรจะใจเย็นๆ ไว้ก่อน น่าจะดีที่สุด ที่มา shanghaiist
-
บรรยากาศ The Shambles ตรอกยุคกลางของอังกฤษ ที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี…
สำหรับใครที่เคยดูหนังเรื่อง Pirate of the Caribbean คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับถนนหรือตรอกต่างๆ ในยุคกลาง ที่มักจะเป็นที่พบปะกันของผู้ที่ชื่นชอบการดื่มเหล้า หรือถ้ายังนึกไม่ออกก็ลองนึกถึงตรอกไดแอกอน ที่พ่อมดน้อยแฮร์รี่เดินทางไปซื้ออุปกรณ์การเรียนเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์นั่นแหละ และวันนี้เราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่แสนจะสวยงามและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่น่าไปเก็บภาพมาอัพเดทลงอินสตาแกรมไว้อวดเพื่อนๆ นั่นก็คือ ตรอก Shambles ถนนสายเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ยุคกลาง จะสวยงามและน่าไปแค่ไหนไปชมกันเลย… สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง York เมืองที่มีอายุกว่า 2,000 ปีและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศอังกฤษเป็นอย่างมาก Shambles เป็นถนนที่ยังคงถูกอนุรักษ์เอาไว้ เต็มไปด้วยอาคารและสิ่งก่อสร้างอันเก่าแก่ บางหลังเริ่มสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 กันเลยทีเดียว!! ชื่อของถนนเส้นนี้ มาจากภาษาในยุคกลางที่แปลว่า “โรงฆ่าสัตว์” หรือที่นี่อาจรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “The Great Flesh Shambles” ซึ่งอาจจะมาจากภาษาของชาวแองเกิลส์ กลุ่มคนที่เดินทางมาตั้งถิ่นฐานในประเทศอังกฤษ หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน แต่เดิมในปี ค.ศ. 1862 มีร้านขายเนื้อตั้งอยู่บนถนนสายนี้กว่า 26 ร้าน ซึ่งในที่แห่งนี้คุณจะสังเกตเห็นร่องน้ำที่หน้าอาคารในตลอดถนนเส้นนี้ นั่นมีไว้เพื่อให้ร้านขายเนื้อได้ทำการล้างสิ่งปฏิกูลอย่างเศษเนื้อหรือเลือดลงไปนั่นเอง และตอนนี้ถึงแม้ว่าร้านขายเนื้อจะหายไปจากถนนสายนี้แล้ว แต่ก็ร้านค้าต่างๆ ก็ยังคงอนุรักษ์รูปแบบของร้านขายเนื้อแบบเดิมอยู่ อย่างเช่นตะขอและตู้กระจกสำหรับแขวนเนื้อ ร่องน้ำที่อยู่หน้าร้านค้า ใช้ในการระบายสิ่งปฏิกูลอย่างเช่นเลือดและเศษเนื้อ โครงสร้างบางส่วนของอาคารยังคงเป็นวัสดุแบบเดิมในสมัยก่อน .…
-
หญิงผู้เป็น ‘มารดาแห่งการอุปถัมภ์’ รับเลี้ยงเด็กกว่า 1,400 คน และรักเหมือนครอบครัวจริงๆ
การที่ใครคนหนึ่งจะรับเลี้ยงเด็กกำพร้าสักคนนั้น ต้องผ่านการคิดแล้วคิดอีก นอกจากนี้คนรับเลี้ยงต้องมีความรักให้กับเด็กคนนั้นด้วย แต่เนื่องจากการเลี้ยงเด็กสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นผู้รับเลี้ยงจึงต้องมีความพร้อม ความมั่นคงด้านหน้าที่การงานด้วย เพื่อให้เด็กคนนั้นได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี และจะได้ไม่เป็นปัญหาในอนาคต ดังนั้นไม่ว่าคุณจะรักเด็กมากแค่ไหน ก็คงสามารถรับเลี้ยงมาเลี้ยงได้แค่ 1 หรือ 2 คนเท่านั้น แต่สำหรับ Sindhutai Sapkal เธอสามารถรับเด็กเป็นลูกบุญธรรมได้มากถึง 1,400 คน และทุกคนก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี Sindhutai Sapkal วัย 68 ปี มีความมุ่งมั่นในการเป็นแม่ให้กับเด็กที่ไม่มีใครต้องการ โดยนอกจากมอบอาหารและที่พักให้แล้ว เธอก็รักพวกเขาเหมือนคนในครอบครัวจริงๆ ด้วย ด้วยความเมตตาที่น่าทึ่งนี้ ทำให้ Sapkal ได้รับรางวัลมากกว่า 750 รางวัล และยังได้รับยกย่องให้เป็น “มารดาแห่งการอุปถัมภ์” ด้วย Sapkal มีสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า 4 ที่ ใน Prune รัฐมหาราษฏระของอินเดีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอเอง โดยแบ่งเป็นสำหรับเด็กผู้หญิง 2 ที่ และเด็กผู้ชายอีก 2 ที่ โครงการของ Sapkal ได้รับความช่วยเหลือจาก Mamta ซึ่งเป็นลูกสาวแท้ๆ…
-
ผู้เชี่ยวชาญการทหารสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตอาวุธที่เกาหลีเหนือนำมาโชว์ ว่าเป็นของปลอม!?
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ที่เกาหลีเหนือได้มีจัดงานเดินขบวนเพื่อเฉลิมฉลองในวันครบรอบคล้ายวันเกิด 105 ปีของอดีตท่านผู้นำคิม อิล ซุง (รุ่นตา) ภายในงานกองทัพเกาหลีเหนือก็ได้ขนอาวุธยุทโธปกรณ์ ออกมาให้ชาวโลกได้ยลโฉมกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปืนใหญ่ หรือแม้แต่จรวดมิสไซล์ ทว่าล่าสุด Michael Pregent ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธสงครามจากสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาชี้แจงว่าอาวุธทั้งหมดที่เห็นในภาพ ส่วนใหญ่เป็นของปลอม!? ภาพของทหารถือปืน AK-47 และที่ยิงระเบิด ซึ่งจริงๆ แล้วผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า มันเป็นแมกกาซีนสำหรับใส่ลูกกระสุนปืน ภาพของทหารถือปืนอาร์พีจี ซึ่ง Michael ให้การว่าน่าจะเป็นของปลอม เพราะหัวจรวดของจริงจะมีน้ำหนักมาก และท่านผู้นำก็คงไม่อยากให้มีใครยิงจรวดใส่ จากภาพนี้เขามองว่าเป็นการถือปืนไรเฟิลที่น่าขันมากที่สุด เพราะวัสดุที่ใช้ห่อหุ้มปลายปืนเป็นพลาสติก สังเกตว่าซ้ายมือท่านผู้นำ จะมีปืน AK-47 กระบอกสีเงินอยู่ ซึ่งเขาก็ให้ความเห็นว่ามันน่าจะถูกเอามาทาสีซะมากกว่าที่จะเป็นเงินจริงๆ เช่นเดียวกับแว่นตาของทหาร เขาให้ความเห็นว่านี่เป็นแว่นตาธรรมดาที่ไม่เหมาะสมจะเอามาใช้ทางการทหาร เพราะตามหลักที่ถูกต้องควรจะเป็นแว่นที่สามารถยึดกับศรีษะได้ตลอดเวลา เช่นเดียวกับปืนของทหารชุดนี้ เขากล่าวว่ามันดูเหมือนของเล่นปลอมๆ ซะมากกว่า โดยดูจากวัสดุที่ใช้ Michael เชื่อว่าทั้งหมดนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างภาพให้แก่ประเทศของตัวเอง ให้ดูน่าเกรงขาม…
-
ผัวหัวไหม้ที่เมียเปลี่ยนนามสกุล เพียงเพื่อขึ้นเงินเดือน เลยจ้างรถเทปูนอัดเข้าไปในรถเมีย!?
เมื่อช่วงสัปดาห์ถึงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวหนึ่งที่โด่งดังมากในประเทศรัสเซีย เป็นกรณีของสามีชาวรัสเซียรายหนึ่งที่โมโหภรรยาจนถึงขั้นเทปูนใส่รถภรรยาหน้าตาเฉย!? แถมเขายังดูจะซะใจสุดๆ เลยล่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย โดยทุกอย่างเริ่มต้นที่ชายเจ้าของคลิปได้จ้างรถปูนซีเมนต์มาเทปูนให้เต็มรถของภรรยา พร้อมกับอธิบายสาเหตุของการกระทำครั้งนี้ว่าที่ผ่านมาเขากับภรรยาไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่ และยังทะเลาะกันบ่อยๆ ด้วย จนล่าสุดภรรยาของเขาเปลี่ยนนามสกุลจากที่ตอนแรกทั้งคู่ใช้นามสกุลเดียวกัน กลายเป็นชื่อของซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เธอทำงานอยู่แทน เพื่อให้ตัวเองได้รับการเลื่อนขั้นตามนโยบายของซุปเปอร์มาร์เก็ต นโยบายที่ว่าก็คือ ทางซุปเปอร์มาเก็ตจะจ่ายเงินให้กับลูกจ้างที่เปลี่ยนนามสกุลเป็นชื่อของซุปเปอร์มาเก็ต เป็นเงิน 875 เหรียญ (ราวๆ 3 หมื่นบาท) ที่สำคัญต่อเดือนด้วยนะ!! นอกจากนั้นเธอยังบอกอีกว่า จริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้ซื่อสัตย์กับสามีอยู่แล้วด้วย การทำแบบนี้จึงเป็นเรื่องง่ายมากๆ ที่จะตัดสินใจ ด้วยเหตุนี้สามีที่รู้เรื่องเบื้องหลังทั้งหมดพร้อมกับหัวที่ลุกเป็นไฟ จึงจัดการล้างแค้นด้วยวิธีที่กล่าวไปข้างต้นนั่นเอง ว่าแต่ชาวเน็ตจะตอบรับกับเรื่องนี้ยังไงลองมาดูกันดีกว่า จริงๆ เขาควรจะฝากรอยมือ พร้อมข้อความไว้หน่อยนะ ปูนที่เทลงไปยังมีมูลค่ามากกว่ารถเสียอีก นี่แหละที่เขาเรียกว่าความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเป็นคอนกรีต สุดท้ายเราก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าชายคนนี้จะโดนข้อหาอะไรไหม แต่ถ้าโดนจริงๆ คนขับรถปูนน่าจะซวยไปด้วยแน่ๆ เลยล่ะงานนี้ ที่มา dailymail
-
โคนันฉลองยอดขายครบ 200 ล้านเล่ม เปิดโอกาสให้คุณ ออกแบบตัวละครด้วยตัวเอง!!
คงจะถูกใจแฟนๆ การ์ตูนเจ้าหนูยอดนักสืบโคนันแน่นอน เมื่อทางต้นสังกัดได้ทำเว็บไซต์เพื่อฉลองยอดขายการ์ตูนครบ 200 ล้านเล่ม!! ซึ่งภายในเว็บไซต์มีกิจกรรมสนุกๆ ให้แฟนๆ ได้ร่วมเล่นกัน นั่นก็คือการสร้างตัวละครโดยใช้ลายเส้นของอาจารย์ โอยาม่า โกโช งานนี้คงจะถูกใจเหล่าสาวกนักสืบจิ๋วแน่นอน!! ข้อความฉลองครบ 200 ล้านเล่มหน้าเว็บไซต์ หลังจากที่เข้ามาในเว็บไซต์ conan-face-maker แล้วเราก็จะเห็นหน้าเว็บเป็นข้อความฉลองยอดขายหนังสือการ์ตูน เลื่อนลงมาด้านล่างจะพบกับแถบสีแดงดังภาพข้างล่าง จากนั้นกดเข้าไปเลย!! กดที่แถบข้อความอันนี้ แล้วเตรียมตัวสนุกกันได้เลย!! หลังจากที่กดเข้ามาแล้ว ทีนี้เราจะพบกับหน้าจอสำหรับการสร้างคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนในแบบของเราโดยจะเริ่มจากการเลือกหน้าตา ที่มีให้เลือกทั้งชายและหญิงกว่า 127 แบบ ซึ่งในส่วนนี้จะมีหน้าที่ถูกล๊อคไว้ 4 แบบนั่นก็คือ เงาดำ, จอมโจรคิด, ไยบะและอาจารย์โอยาม่า โกโช อ่า.. แบบนี้หลายคนที่ชื่นชอบจอมโจรคิดคงจะเสียใจใช่ไหมล่ะ แต่ไม่ต้องห่วงทางเว็บไซต์ mangozero ได้รวบรวมโค๊ดปลดล๊อคเอาไว้ให้แล้วดังต่อไปนี้ 1. เงาดำ: BLACK (ตัวใหญ่หมดนะ) 2. จอมโจรคิด: 1412 3. ไยบะ: なまこおとこ 4. อาจารย์ โอยาม่า โกโช: とっとり หน้าจอเมื่อกดเข้ามาตอนแรก…
-
กองทัพปูนับล้านในคิวบา รวมตัวเดินขบวนวางไข่ตามฤดู อย่างกับจะไปประท้วงแหน่ะ!!
เห็นพาดหัวข่าวมีคำว่า ‘ปู’ และคำว่า ‘เดินขบวน’ ก็อย่าเพิ่งตกใจไปว่าเราเอาข่าวการเมืองมานำเสนอรึเปล่า เพราะนั่นมันคนละปูกัน เพราะนี่เรื่องราวของปูจริงๆ จากประเทศคิวบา โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานเมื่อวันที่ 25 เมษายน ว่าได้เกิดปรากฏการณ์ฝูงปูหลายล้านตัวออกมาเดินขบวนอย่างกับจะประท้วงอะไรซักอย่าง! มองไปทางไหนก็เจอแต่ ปู ปู ปู แล้วก็ปู ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกสำหรับคนที่นี่ เพราะทุกปีหลังฝนแรกของฤดูใบไม้ผลิ ปูนับล้านตัวจะออกจากป่า และรวมตัวกันเพื่อเดินทางไปวางไข่ที่อ่าวหมู (Bay of Pigs) ทว่าการเดินทางของพวกมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะกองทัพปูแดง (ส่วนใหญ่สีแดงจริงๆ นะ) ต้องเดินผ่านย่านชุมชน หรือท้องถนน ซึ่งกองทัพของพวกมันก็สร้างปัญหาให้กับชาวบ้านอยู่ไม่น้อย เพราะพวกมันมักจะแอบบุกเข้าไปในบ้านของในคนละแวกนั้นอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงตามท้องถนนที่มีปูอยู่เต็มไปหมด ทำให้การจราจรเป็นไปได้ยากกว่าเดิม (แต่ก็มีตัวที่ถูกรถทับตายเหมือนกัน) การเดินขบวนเพื่อไปวางไข่ของปูก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสีย เพราะอีกด้านหนึ่งมันก็ได้กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และที่น่าสนใจมากกว่าการท่องเที่ยวคือ… ชาวบ้านในละแวกนั้นกลับสร้างรายได้จากการรับปะยางรถยนต์ของนักท่องเที่ยว ที่ถูกกระดองปูตำเป็นรูรั่ว จะว่าไปแล้วก็ถือว่าวิน-วิน ทั้งสองฝ่ายนะ นักท่องเที่ยวได้ดูปรากฏการณ์ปู ชาวบ้านได้รายได้จากการปะยาง และปูก็ได้เดินทางไปวางไข่ …
-
แม่พิทบูลขี้ระแวง ยอมให้มนุษย์นำตัวลูกทั้ง 8 ตัวไป เพื่อให้ลูกได้อยู่ในที่ปลอดภัย
การช่วยเหลือสัตว์สักตัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะสัตว์ไม่รู้ว่ามนุษย์เข้าหานั้นจะมาดีหรือมาร้าย พวกมันก็มักจะระมัดระวังตัวไว้ก่อนเสมอ เพราะการที่จะช่วยเหลือสัตว์นั้นคุณต้องเรียนรู้วิธีการเข้าหามันด้วย โดยเฉพาะการทำให้มันเชื่อใจ อย่าง Rainbow แม่หมาที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ เพราะมันไม่ไว้ใจใครเลย Rainbow เป็นสุนัขจรจัดสายพันธุ์พิทบูล มันอาศัยอยู่ข้างถนนในรัฐแคลิฟอร์เนีย ในทุกๆ วันมันต้องเอาชีวิตรอดอย่างยากลำบาก แต่ไม่นานหลังจากนั้น Rainbow ก็คลอดลูกอีก 8 ตัว ยิ่งทำให้มันลำบากมากขึ้น เพราะมันต้องปกป้องลูกให้ดีที่สุด และยิ่งไปกว่านั้นวันที่มันคลอดลูกก็เป็นช่วงที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักพอดี มันจึงพาลูกๆ ไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย โชคดีที่ตอนนั้นทาง Hope for Paws ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีให้ไปช่วย Rainbow และลูกๆ ออกมาจากตรงนั้น แต่ก็ต้องใช้เวลาเดินทางมากถึง 3 ชั่วโมงครึ่งกว่าจะมาถึงเป้าหมาย ฝนยังคงตกลงมาไม่หยุด และเวลาก็ค่ำมืดแล้วด้วย ทำให้ภารกิจช่วยเหลือในครั้งนี้ค่อนข้างลำบาก โดยแม่หมาได้พาลูกๆ ไปหลบอยู่ในพุ่มไม้แห่งหนึ่ง Rainbow ให้ลูกทุกตัวเข้ามาอยู่ใต้ท้องของมันเพื่อให้ความอบอุ่น… ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน มีหลายคนจะให้ความช่วยเหลือ Rainbow แต่มันไม่ไว้ใครเลย เอาแต่วิ่งหนี จนกระทั่งวันที่มันคลอดลูก มันจึงคิดได้ว่าต้องยอมให้มนุษย์ช่วยเหลือสักที เมื่อ Eldad Hagar ผู้ก่อตั้ง Hope for…
-
เผยโฉมหมอนวิเศษแพงที่สุดในโลก ราคาใบละเกือบ 2 ล้าน เหมาะกับทุกสรีระร่างกาย!!
การจะซื้อหมอนสักใบ เราก็คงคำนึงแค่ความหนานุ่มของมัน และราคาที่สมเหตุสมผล ว่าแต่หมอนที่เพื่อนๆ เคยซื้อกันนั้น มีราคาแพงที่สุดเท่าไหร่? แล้วมันจะแพงเท่าหมอนใบนี้หรือเปล่า เพราะนี่คือหมอนที่ราคาแพงที่สุดในโลก ด้วยราคาประมาณ 1,970,000 บาท อู้ววว นี่มันบ้าไปแล้ววว!! มาดูกันดีกว่าว่าทำไมหมอนใบนี้ถึงมีราคาสูงลิ่วขนาดนี้ หมอนใบนี้ได้รับการพัฒนาโดย Thijs van der Hilst นักกายภาพบำบัดชาวดัตช์ ที่ทุ่มเทเวลากว่า 15 ปี Hilst เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอ เขาได้พัฒนาหมอนที่ทำจากผ้าไหมมัลเบอร์รี่ ผ้าฝ้ายอียิปต์ โฟมปลอดสารพิษ และผ้าทอง 24 กะรัต ส่วนซิปของหมอนนั้นทำด้วยแกนที่มีเพชรฝังอยู่ 4 ชิ้น และมีพลอยไพลินขนาดใหญ่อีก 22.5 กะรัต ทีนี้รู้แล้วสิว่าทำไมมันถึงแพงขนาดนี้ ถึงแม้จะเป็นหมอนราคาแพงที่สุดในโลกแต่ Hilst ก็ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มันเป็นหมอนสำหรับบรรดามหาเศรษฐีหรือผู้ร่ำรวย แต่เขาทำขึ้นมาเพื่อคนไข้ของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการผลิตหมอนใบนี้เพื่อขายเป็นจริงเป็นจัง เขาแค่ต้องการแก้ปัญหาให้คนไข้ และแก้นิสัยการนอนหลับให้คนที่ชอบนอนผิดท่าด้วย เขาบอกว่า “ผมเคยแน่นำคนไข้ให้หาหมอนดีๆ มาหนุน แต่ก็มาคิดขึ้นได้ว่า ไหนล่ะหมอนดีๆ ในโลกนี้ เพราะไม่มีหมอนที่ดีพอสำหรับคนไข้ของผมเลย” ก็อย่างที่รู้แหละว่า…
-
นักแสดงสาววัย 24 ปี โดนรัฐบาลกัมพูชาสั่งแบน 1 ปี เนื่องจากแต่งตัว “เซ็กซี่เกินไป”
เป็นเรื่องธรรมดาที่เหล่านักแสดงสาวไม่ว่าจะในไทยหรือในต่างประเทศจะแต่งตัวเซ็กซี่บ้างในบางโอกาส เพื่อเป็นการสร้างจุดสนใจ สร้างภาพลักษณ์เซ็กซี่ให้กับตัวเองบ้าง แต่ก็ใช่ว่าทุกประเทศจะยอมรับความเซ็กซี่ของคุณได้หมดนะ และบางครั้งมันก็อาจจะสร้างความเดือดร้อนให้นักแสดงสาวเหล่านั้นได้เลย เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมาเว็บไซต์ข่าวท้องถิ่นของประเทศกัมพูชาอย่าง Cambodiadaily.com ได้รายงานว่าทางภาครัฐของประเทศกัมพูชาได้สั่งแบนนักแสดงสาวรายหนึ่งเป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากเธอแต่งตัว “เซ็กซี่เกินไป” !? ตามรายงานบอกว่านักแสดงสาวรายนี้มีชื่อว่า Denny Kwan วัย 24 ปี ได้ถูกลงโทษทางวินัยโดยห้ามปรากฏตัวในรายการทีวีหรือบนสื่อภาพยนตร์เป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากทางกกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมของกัมพูชามองว่าเธอแต่งตัวเซ็กซี่เกินไปและยังละเมิดหลักจรรยาบรรณของพวกเขาด้วย หลังจากที่มีประกาศแบนดังกล่าวออกมาเธอก็ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจผ่านสื่อว่า “ในประเทศกัมพูชามีศิลปินเซ็กซี่อยู่หลายคน บางคนยิ่งกว่าฉันอีก มีทั้งจูบและฉากอีโรติกด้วย” “ฉันรู้ดีว่ามันเป็นสิทธิของฉันที่จะแต่งตัวยังไงก็ได้ตามที่ฉันต้องการ แต่ด้วยวัฒนธรรมของเราชาวกัมพูชา ไม่อาจยอมรับตรงนี้ได้ ฉันจะพยายามไม่เซ็กซี่เหมือนช่วงก่อนๆ ที่ฉันเคยโพสต์ลง Facebook ก็แล้วกัน” นอกจากนี้นักแสดงสาวยังแสดงความรู้สึกต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมว่าพวกเขาสั่งสอนเธอ “เหมือนกับเป็นลูกของพวกเขา” ตามประมวลกฎหมายของกระทรวงฯ พวกเขามุ่งมั่นที่จะ ‘อนุรักษ์รักษาศิลปวัฒนธรรมประเพณีและอัตลักษณ์ของประเทศ’ รวมทั้ง ‘ป้องกันผลกระทบเชิงลบของศิลปะและประเพณีของประเทศ’ แต่การประกาศแบนนักแสดงสาวครั้งนี้ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามาในหลายๆ ด้าน เช่นความเท่าเที่ยมกันของชายหญิงในกัมพูชา หรือการใช้อำนาจสั่งให้ผู้หญิงแต่งตัวแบบใดแบบหนึ่งทั้งที่ไม่มีกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าขอบเขตของการแต่งตัวเซ็กซี่อยู่ตรงไหนกันแน่ เพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้บ้าง? เพราะในไทยเองก็มีดาราสาวแต่งตัวเซ็กซี่เหมือนกันนะ…
-
หนุ่มยอมสละวันหยุด เพื่อทำความสะอาดป้ายหลุมศพทหารที่ถูกลืม ให้ดูเอี่ยมอ่องอีกครั้ง
ส่วนใหญ่แล้วในช่วงวันหยุดประจำสัปดาห์ของแต่ละคน เราส่วนใหญ่คงอยากจะพักผ่อนทำตัวขี้เกียจอยู่บ้านบ้าง และคงไม่มีใครอยากพาตัวเองไปลำบากในวันหยุดหรอกจริงไหม? แต่สำหรับพ่อหนุ่ม Andrew Lumish เขามีความตั้งใจที่แตกต่างออกไป เพราะทุกวันหยุดประจำสัปดาห์เขาจะใช้เวลาอยู่กับป้ายบนหลุมฝังศพของเหล่าทหาร เพื่อขัดถูและทำความสะอาดให้จนดูใหม่เอี่ยมอ่องอีกครั้ง ตัวอย่างผลงานการทำความสะอาดป้ายหลุมศพ ซึ่งหลุมฝังศพทั้งหมดนี้ เป็นสถานที่ของทหารอเมริกันที่เคยออกไปร่วมรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปกติในวันธรรมดาพ่อหนุ่มชาวฟลอริด้าคนนี้ จะทำงานเป็นช่างทำความสะอาดพรม และเปิดบริษัทรับทำความสะอาด แต่ด้วยความที่เขารู้สึกว่า… ไม่อยากให้เรื่องราวของฮีโร่ที่ไม่ได้ถูกเล่าขาน จะต้องถูกลืมไปอย่างน่าเสียดาย เขาจึงตัดสินใจสละวันหยุดทุกวันอาทิตย์ มานั่งขัดถูทำความสะอาดหลุมศพเหล่านี้ให้ดูใหม่เอี่ยมอีกครั้ง วิธีการก็ง่ายมาก ขั้นตอนแรกเขาจะฉีดน้ำก่อน จากนั้นก็ตามด้วยสารเคมี D/2 เสร็จแล้วก็ลงมือขัดๆ ถูๆ ป้ายหลุมฝังศพส่วนใหญ่ของที่นี่มีอายุมาตั้งแต่ช่วงปี 1900s และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะขัดคราบเหล่านั้นออกให้หมดได้ หลังจากที่บูรณะเสร็จแล้ว เขาก็จะถ่ายรูปผลงานลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมทั้งนำชื่อของคนๆ นั้นไปค้นหาเรื่องราววีรกรรมในอดีตเพิ่มเติม โดยเขาเชื่อว่า ยังมีเรื่องราวจากฮีโร่ไร้นามอีกมากมายที่ชาวอเมริกันยังไม่ได้รับรู้ และเรื่องราวเหล่านี้ก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้ถูกลืมไปตามกาลเวลา และแน่นอนว่าทั้งหมดนี้เขาไม่ได้ค่าตอบแทนเลยแม้แต่เซนต์เดียว หากแต่เป็นการทำออกมาจากใจล้วนๆ กว่าจะขัดให้ขาวสะอาดได้อีกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องใช้ทั้งเวลาและแรงกายแรงใจ แบบนี้ต้องชมพร้อมกันว่า เยี่ยมจริงๆ! เยี่ยมจริงๆ! เยี่ยมจริงๆ! ที่มา:…
-
กิจกรรมในชีวิตประจำวันจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป แค่ลองมองมุมกลับ ปรับมุมมอง เอ้าเริ่ม!!
หากคุณกำลังรู้สึกเบื่อกับกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ลองเปลี่ยนมุมมองดูสิ แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่เราพบเห็นอยู่ทุกวันนี้ มันอาจจะมีอะไรที่ซ่อนอยู่มากกว่านั้นก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ได้มีสาระที่จะพลิกชีวิตของคุณหรอก แต่มันจะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับจินตนาการเล็กๆ น้อยๆ เป็นการเติมสีสันในชีวิตที่น่าเบื่อยังไงล่ะ 1. รูปร่างไก่ตัวนี้เหมือนคนกำลังทำหน้าโมโหเลย 2. เห็นเงานั่นมั้ย เหมือนหน้าคนมีหนวดเลย 3. เอ๋ ทำไมหน้าเหมือนเราจัง 4. ม้วนพลาสติกที่ดูเหมือนตัวประหลาดไรสักอย่าง 5. โอ้วววแม่สาวน้อย มาทอดหุ่นอยู่นี่เอง 6. เหมือนรองเท้ากำลังคิดแผนร้าย 7. อาจจะมีปีศาจแฝงอยู่ในรถก็เป็นได้ 8. ไข่คงจะร้อนมาก เลยแปลงร่างเป็นหน้าผีซะเลย 9. เมาแอ๋เลย 10. ดูสิ ทำเหมือนไม่อยากออกจากบ้านงั้นแหละ 11. ขี้นกเป็นรูปเป็นร่างเชียว 12. เห็นเหมือนกันมั้ย หมีทำหน้ายิ้ม 13. อุโมงค์ที่พร้อมจะกลืนทุกอย่าง 13. นี่กล้องวงจรปิด…
-
อู้วว!! ญี่ปุ่นโปรโมทออนเซน ให้หนุ่มหุ่นล่ำมาเล่นน้ำ จนไม่รู้ว่าจะต้องโฟกัสที่อะไรดี
ถ้าคุณชอบผู้ชายล่ำๆ กล้ามแน่นๆ บอกได้เลยคุณมาถูกทางแล้ว เพราะนี่คือการโปรโมทน้ำพุร้อนออนเซนที่ใช้ผู้ชายหุ่นล่ำกล้ามปูเป็นพรีเซนเตอร์ จนคุณต้องร้องอู้วว้าวววว ปกติการโฆษณาอะไรเกี่ยวกับอาบน้ำ ไม่ว่าจะเป็นสบู่ หรือห้องน้ำก็มักจะใช้ผู้หญิงเป็นพรีเซนเตอร์เสมอ แต่เราจะได้เห็นผู้ชายเป็นพรีเซนเตอร์เต็มๆ บ้างก็ครั้งนี้แหละ เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น กิจกรรมที่หลายๆ คนชอบทำคือการไปแช่ออนเซน ทำให้มีการเปิดบ่อออนเซนมากมายในญี่ปุ่น ทีนี้ก็อยู่ที่กลยุทธ์การโฆษณาแล้วล่ะ ว่าเจ้าไหนจะดึงดูดลูกค้าได้มากกว่ากัน แต่ ณ จุดจุดนี้คงต้องยกให้จังหวัดอิบะระกิ บนชายฝั่งตะวันออกของเกาะฮอนชูในประเทศญี่ปุ่น ที่ทำการโปรโมทบ่อออนเซนได้ถึงพริกถึงขิงสุดๆ เพราะพวกเขามีการโปรโมทที่เหนือชั้น โดยการใช้พรีเซนเตอร์เป็นหนุ่มหุ่นล่ำ ให้เข้าไปเล่นน้ำในบ่อออนเซน จากนั้นก็ทำเป็นวิดีโอสโลว์โมชั่น ยั่วยวนมากเลยค่ะคุณขา และไม่ได้มีวิดีโอแค่ชุดเดียวนะ แต่ได้ทำออกมาถึง 3 ชุด 3 สถานที่ด้วยกัน นั่นก็คือที่ Isohara Seaside Hotel, Marumitsu Ryokan และ Yu No Sawa Spa โดยแต่ละที่จะให้ความฟีลที่แตกต่างกันอีกด้วย อันนี้ถ่ายทำที่ Isohara Seaside Hotel คอนเซ็ปของการโปรโมทในครั้งนี้คือ แข็งแรง ผ่อนคลาย สวยงาม…
-
‘แข่งควบม้าปลอม’ กีฬาสุดฮิตในหมู่วัยรุ่นฟินแลนด์ คล้ายกับขี่ม้าก้านกล้วยในบ้านเรา!!
ตอนเด็กๆ หลายคนคงจะเคยเล่นม้าก้านกล้วย แหม่ ตอนนั้นควบก้านกล้วยทีไรรู้สึกเหมือนได้ควบม้าจริงๆ เลย วิ่งไปร้องฮี่ๆ ไป แต่พอโตขึ้นเราก็เลิกเล่นไปเสีย สำหรับเรามันอาจจะเป็นการละเล่นแบบเด็กๆ สมัยก่อน แต่ชาวฟินแลนด์นั้นโดยเฉพาะผู้หญิง มองการขี่ม้าปลอมเป็นมากกว่าการละเล่นธรรมดา แต่มันคือกีฬาที่เรียกว่า Hobbyhorsing ดังนั้นพวกเขาจึงต้องฝึกฝนวันละ 1-2 ชั่วโมงทุกวัน เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันขี่ม้าปลอมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในฟินแลน์ ม้าปลอมของชาวฟินแลนด์ไม่ได้ทำจากก้านกล้วยเหมือนบ้านเรานะ แต่เป็นการเอาหัวตุ๊กตาม้ามาเสียบกับไม้ แล้วก็จินตนาการว่ามันเป็นม้าจริงๆ ในการแข่งขั้นนั้นพวกเขาจะควบม้าปลอม แล้วกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางต่างๆ โดยผู้เข้าแข่งขันต้องสรรหาท่ากระโดดที่น่าประทับใจที่สุดเพื่อเรียกคะแนนจากคณะกรรมการ สำหรับกีฬาแข่งขี่ม้าปลอมนี้ได้กลายเป็นกีฬาที่ได้รับความสนใจ ในประเทศฟินแลนด์มานานกว่า 10 ปี แล้ว แต่เพิ่งจะได้รับความสนใจจากต่างชาติเมื่อไม่นาน หลังจากผู้กำกับ Selma Vilhunen ที่โพสต์ภาพกีฬาแปลกๆ นี้ลงในอิสตาแกรม เธอรู้สึกทึ่งกับกีฬานี้มาก ถึงกับเอาไปทำเป็นหนังเรื่อง Hobbyhorsing Revolution จนทำให้มีการแข่งขันขี่ม้าปลอมเกิดขึ้นทั่วโลก ในขณะที่ฟินแลนด์เองก็มีบทความเกี่ยวกับ Hobbyhorsing ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2017 ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน ไม่ใช่แค่ฟินแลนด์เท่านั้น การแข่งขันขี่ม้าปลอมก็เริ่มได้รับความนิยมในประเทศรอบข้างด้วย เช่น สวีเดน นอร์เวย์ เยอรมนีและฝรั่งเศส…
-
20 ผลงานสตรีทอาร์ตสุดครีเอท ที่สร้างสรรค์ออกมาให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมรอบๆ
งานศิลปะในโลกนี้มีอยู่หลายประเภท ทั้งงานประติมากรรม ภาพพิมพ์ ภาพวาด หรืองานเขียน แต่สิ่งที่เหมือนกันของทุกผลงานในทุกสาขาก็คือ การถ่ายทอดความคิดโดยใช้เทคนิคและวิธีการของศิลปิน มายังผู้ชมหรือผู้เสพย์งานศิลป์อย่างเราๆ และหลายๆ คนก็คงจะคุ้นเคยกับงานศิลปะตามท้องถนนหรือที่เรียกว่าสตรีทอาร์ตกันมาบ้างพอสมควร โดยงานศิลป์ประเภทนี้เป็นการแสดงผลงานของศิลปินโดยใช้พื้นถนนหรือผนังของตึกแทนผืนผ้าใบ และเราก็ได้นำผลงานสตรีทอาร์ตที่สวยงามและสุดจะครีเอทมาให้ได้ชมกัน โดยศิลปินได้ทำสร้างสรรค์ผลงานของพวกเขาและอาศัยสภาพแวดล้อมรอบๆ เช่นต้นไม้ ท้องฟ้า พุ่มไม้หรือตึก ทำให้งานของพวกเขาสมบูรณ์และดูมีชีวิตชีวามากขึ้น จะสวยงามแค่ไหนไปชมกันได้เลย…. 1. ภาพของเด็กหญิงบนผนังตึกและต้นไม้ ทำให้ผลงานนี้เหมือนเธอกำลังรดน้ำต้นไม้จริงๆ 2. แค่พุ่มไม้ธรรมดาๆ ก็สามารถทำให้กลายเป็นนกกระจอกเทศได้ เจ๋งสุดๆ 3. งานปฏิมากรรมชิ้นนี้ดูสมจริงมาก 4. สีที่ไหลออกมาเป็นดอกไม้ 5. ภาพของเด็กหญิงที่พยายามดึงตึกลงมาเพื่อให้มองเห็นท้องฟ้า ผลงานนี้บอกอะไรเราได้หลายอย่างเหมือนกัน 6. ต้นไม้ถูกนำมาใช้ในผลงานชิ้นนี้ ทำให้ดูเหมือนว่าชายหนุ่มกำลังหวีผมอยู่ 7. ภาพของร่างกายส่วนล่างกับพุ่มไม้ มองให้มันเป็นศิลปะนะอย่าคิดมาก ฮ่าๆ 8. ลักษณะอาเจียนออกมาเป็นดอกไม้ที่แทรกอยู่ในผนัง 9. เจ้ากบตัวนี้กำลังแอบกวาดใบไม้ไว้ใต้พื้นถนน 10. งานปฏิมากรรมชิ้นนี้ ทำให้ดูเหมือนกับว่าพื้นที่ตรงนั้นถูกหนีบจริงๆ …
-
พบกับ Andrey Nagorny ชายชาวรัสเซีย ผู้ชนะการประกวดถ่ายแบบชุดชั้นในผู้หญิง!?
ในปัจจุบันความต้องการเสรีภาพของคนเราเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อจำกัดทางด้านต่างๆ ไม่อาจปิดกันศักยภาพและความต้องการในการแสดงออกของมนุษย์ได้ ซึ่งข้อจำกัดที่ว่านี้ยกตัวอย่างเช่นสีผิว เชื้อชาติ หรือแม้แต่เพศสภาพเองก็ตาม เหมือนหนุ่มรัสเซียผู้นี้ ที่ส่งรูปถ่ายของตัวเองเข้าประกวดการถ่ายแบบชุดชั้นในของผู้หญิง!! Andrey Nagorny หนุ่มรัสเซียวัย 20 ปีกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อเขาตัดสินใจถ่ายภาพของตัวเองส่งเข้าร่วมการประกวดถ่ายแบบชุดชั้นในของผู้หญิงที่จัดโดยร้านค้าแห่งหนึ่ง และได้รางวัลชนะเลิศกลับมาอีกด้วย!! Andrey Nagorny ชายหนุ่มจากเมือง Yuzhno-Sakhalinsk ของประเทศรัสเซีย ได้ข่าวการประกวดนี้จากแฟนสาวของเขา และด้วยร่างกายที่คล้ายกับผู้หญิง เขาจึงตัดสินใจที่เข้าร่วมการประกวดดังกล่าว โดยผู้ที่ช่วยแต่งหน้าทำผมและจัดท่าทางของเค้านั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือแฟนสาวของเขานั่นเอง ในตอนแรกที่ส่งผลงานไปพวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะชนะการประกวด หลังจากที่ชนะการประกวด ทางร้านขายชุดชั้นในได้มอบรางวัลชนะเลิศให้กับเขาและเรียก Andrey Nagorny ว่า “Miss Avocado” แต่พวกเขาก็ต้องยกเลิกตำแหน่งดังกล่าวที่มอบให้กับเขา เนื่องจากทางผู้จัดงานทราบภายหลังในตอนที่จะถ่ายรูปโปรโมทสินค้าว่าเขาเป็นผู้ชาย และพวกเขาเกรงว่าภาพพจน์ของแบนรด์จะเสียหายจึงได้มอบตำแหน่งนี้ให้กับอันดับสองแทน Zheanna Stolpovskaya ผู้จัดการของทางร้านขายชุดชั้นและเป็นผู้จัดการประกวดนี้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นว่า “เค้ามีรูปร่างที่เหมือผู้หญิงมาก ตอนแรกเราไม่ได้จำกัดเพศในการประกวดครั้งนี้ รูปที่เขาส่งมานั้นมันดูดีมากและนั่นจึงทำให้เราเลือกเขาเป็นผู้ชนะ แต่ว่าในการถ่ายแบบครั้งสุดท้ายเราไม่สามารถให้เขาถ่ายแบบได้ เพราะรูปพวกนั้นจะออกสู่สาธารณะและเราไม่รู้ว่าคนทั่วไปจะรู้สึกอย่างไรหากเรานำภาพของเขาขึ้นโฆษณา” แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับชัยชนะอย่างที่ควรจะได้ แต่ Nagorny ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ เพราะเขาไม่ได้หวังว่าจะชนะการประกวดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาแค่ต้องการ่วมสนุกแค่นั้นเอง และเมื่อทางร้านได้เผยแพร่ภาพชุดชั้นในดังกล่าวและไม่มีผู้ชนะที่แท้จริงอย่าง Nagorny ผลการตอบรับจากคนทั่วไปก็ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคาดไว้ มีหลายความคิดเห็นที่ออกมาตำหนิการกระทำดังกล่าวของทางร้าน บางคนถึงขั้นออกมาบอกว่าการกระทำนี้เป็นการเลือกปฏิบัติทางเพศและเป็นการไม่เปิดกว้างทางการแสดงออกเลย ตอนนี้หลายๆ คนก็ได้แต่หวังว่าทางคณะกรรมการจะยอมรับฟังความคิดเห็นและมอบชัยชนะคืนให้กับเขา…
-
คุณพ่อชาวจีนสวมชุด “ปิกาจู” ขอรับบริจาคเงิน เพื่อนำไปรักษาลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย
เมื่อลูกน้อยเกิดความลำบาก แน่นอนว่าคนที่มีหัวใจของความเป็นพ่อแม่นั้น ย่อมทนเห็นลูกตกอยู่ในความยากลำบากนั้นไม่ไหวแน่ ผู้เป็นพ่อและแม่ย่อมพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้ลูกของพวกเขาได้สิ่งที่ดีที่สุด และเรื่องต่อไปนี้ก็คงจะอธิบายนิยามของความเป็นพ่อแม่ได้เป็นอย่างดี เมื่อคุณพ่อชาวจีนยอมลงทุนแต่งตัวด้วยชุดมาสคอต เพื่อเรี่ยไรเงินมารักษาลูกสาวตัวน้อยที่ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้วที่คุณพ่อชาวจีนวัยหนุ่ม Liu ต้องแต่งตัวด้วยชุดมาสคอตปิกาจู เพื่อไปขอรับเงินบริจาคในสถานีรถไฟใต้ดินของเมืองฉางตู เพื่อหาเงินมารักษาลูกสาววัยขวบกว่าซึ่งป่วยด้วยโรคร้ายที่ว่านี้ สาวน้อยผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ชื่อว่า Yu Yan เธอลืมตาขึ้นมาดูโลกเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2015 และหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งปี ความสุขของพวกเขาก็หมดลง เมื่อลูกสาวของพวกเขาเริ่มหยุดทานอาหารและมีอาการทรมานจากโรคหวัดอย่างรุนแรง เธอถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของเมืองเฉิงตู เมื่อเดือนมกราคมปี 2016 แพทย์ได้วินิจฉัยว่าสาวน้อยเป็นโรคลูคีเมียแบบฉับพลัน คุณหมอบอกว่ามีโอกาศที่จะรักษาชีวิตลูกของเค้าได้เพียง 70 เปอร์เซนต์และต้องใช้ค่ารักษาที่แพงมากถึงหลายแสนบาท แต่ถึงอย่างนั้นผู้เป็นพ่อก็ไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มวัย 24 ปีลาออกจากงานก่อสร้างทันที เนื่องจากงานที่ทำอยู่นั้นจะจ่ายเงินในตอนสิ้นปี แต่ทว่าตอนนี้เขาต้องการเงินอย่างมากในการรักษาลูกสาว พวกเขาใช้เงินในการรักษาไปแล้วกว่า 8 แสนบาทสำหรับค่ารักษาพยาบาล Liu และภรรยาเป็นหนี้สินมากมายเนื่องจากค่ารักษาที่แพงมาก โดยในแต่ละวันค่ายาของหนูน้อยจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท ในต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาเขาตัดสินใจสั่งซื้อชุดมาสคอตในร้านขายสินค้าออนไลน์ แต่หลังจากที่ Liu เล่าเรื่องราวของลูกสาวให้พวกเขาฟัง ทางร้านก็มอบชุดนี้กับเขาฟรีๆ จากนั้นเขาก็แต่งกายด้วยชุดปิกาจู พร้อมทั้งนำเอกสารยืนยันอาการป่วยของลูกสาว และประกาศขายรูปถ่ายในชุดตุ๊กตาแลกกับเงินบริจาค…
-
ศิลปินเนรมิตกระท่อมหลังเล็ก ให้เป็นเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยกระจกหลากสีสัน
หลายคนคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับกระจกหลากสี ที่มักจะติดอยู่ตามหน้าต่างของโบสถ์ ซึ่งการจัดวางและสีสันที่ฉูดฉาดของมันนั้น ช่วยเพิ่มเสน่ห์และสวยงามให้กับโบสถ์เป็นอย่างมาก และเมื่อไม่นานมานี้ศิลปินและเจ้าของร้านขายเครื่องประดับที่มีนามว่า Neile Cooper ได้ทำการเนรมิตรกระท่อมหลังเล็กกลางป่าให้เป็นเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดยตกแต่งด้วยงานศิลปะที่ทำจากกระจก Neile Cooper ได้ทำการสร้างกระท่อมน้อยแห่งนี้ขึ้นที่บริเวณหลังบ้านของเธอที่เมือง Mohawk ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ แทบจะทุกพื้นที่ของกระท่อมหลังนี้ ถูกประดับตกแต่งด้วยงานศิลปะของเธอ หลังคา ฝาผนังและประตูหน้าต่าง ถูกประดับด้วยกระจกหลากสีที่ทำเป็นรูปต่างๆ เช่น ดอกไม้ ผีเสื้อ นก และภาพธรรมชาติต่างๆ โดยการออกแบบงานศิลปะกระจกของกระท่อมหลังนี้ มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอและมันยังคล้ายกับเครื่องประดับในของร้านเธออีกด้วย และนี่คือภาพของกระท่อมหลังนี้ในแต่ละมุม จะสวยงามและน่าอยู่ขนาดไหน ไปชมกันเลย… กระจกแบบนี้ทำให้นึกถึงโบสถ์ในหนังเลยนะเนี่ย . ผนังทั้งหมดของกระท่อมถูกเนรมิตให้สวยงามราวกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ . แม้แต่หลังคาก็ด้วยนะ!! และเมื่อมองไกลๆ กระท่อมหลังนี้ช่างเข้ากับบรรยากาศในป่า ซะเหลือเกิน สวยมากเลยนะเนี่ยว่ามั้ย?? ถ้ามีบ้านเล็กๆ แบบนี้ไว้พักผ่อนในสวนแบบชิวๆ ก็คงจะดีมากเลยเน๊าะ ถ้าหากใครอยากชมความสวยงามของกระท่อมน้อยหลังนี้เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปชมได้ที่อินสตาแกรม neilecooper ได้เลย ที่มา thisiscolossal
-
สาวชาวอังกฤษยอมทิ้งชีวิตผู้ดี เพื่อไปดูแลเด็กกำพร้า ที่เธอเป็นห่วงและรักในยูกันดา
Emilie Larter หญิงสาวชาวอังกฤษวัย 25 ปี ยอมเลือกที่จะทิ้งชีวิตจากเมืองใหญ่ เพื่อไปดูแลเด็กชายกำพร้าในประเทศยูกันดาเพราะความผูกพันที่มีให้กัน… ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ Emlie มีอายุได้ 22 ปี เธอเพิ่งจะเป็นนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยหมาดๆ เลยทำให้เธอตัดสินใจไปเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเด็กๆ ในประเทศยูกันดา เป็นระยะเวลาสองเดือน ก่อนที่เธอจะเริ่มหางานทำอย่างจริงจัง เธอได้บอกกับเว็บไซต์ Mirror ว่า “หน้าที่ของฉันในฐานะอาสาสมัครตอนนั้น ไม่ได้มีอะไรมากมายนัก ฉันทำในสิ่งที่ฉันพอจะทำให้กับเด็กๆ อย่างเปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนอาหาร หรือเล่นกับพวกเขา” “แต่หลังจากที่ฉันทำงานที่นั่นไปได้หนึ่งเดือน อยู่มาวันหนึ่งก็มีสายโทรเข้ามาพร้อมกับบอกว่ามีเด็กที่เพิ่งเกิดใหม่และต้องการคนช่วยดูแล ซึ่งนั่นเป็นข้อมูลทั้งหมดที่ฉันได้รับ แต่ฉันก็ไม่สนและรีบเดินทางไปยังที่นั่นทันที” เมื่อเธอไปถึงสิ่งแรกที่เธอพบกลับเป็นงานศพที่กำลังจัดขึ้น และนั่นก็คืองานศพของแม่เด็กชายผู้เกิดใหม่ ที่เธอเพิ่งจะได้รับสายนั่นเอง ซึ่งเขาถือเป็นลูกคนที่ 7 และอายุน้อยที่สุดในครอบครัว ในช่วงเวลานั้นไม่มีใครที่ตัดสินใจจะเลี้ยงดูเด็กชายแรกเกิดวัย 5 วันเลย นั่นทำให้ Emilie ตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูเขาด้วยตัวเอง และตั้งชื่อให้กับเด็กชายว่า Adam แน่นอนว่าเธอไม่รู้เลยว่าเด็กชายคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล และเมื่อเธออาสารับเลี้ยงดู เธอก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี ที่สำคัญสายสัมพันธ์ของทั้งคู่เหมือนจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เธอดูแลเด็กชายไม่ห่างไปไหนเลยตลอด 24 ชั่วโมงและตลอดสัปดาห์…
-
เรียนรู้ประวัติชาวอินเดียแดงชนเผ่าต่างๆ จากภาพสีที่อาจไม่เคยผ่านตาคุณมาก่อน!!
ชาวอเมริกันดั้งเดิม หรือที่เรารู้จักกันในชื่ออินเดียแดง ถือเป็นชนชาติดั้งเดิมที่ล้มหายตายจากไปเมื่อ 120 ปีก่อนเป็นผลมาจากการล่าอาณานิคม แต่สำหรับเรื่องนั้นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ส่วนในครั้งนี้เราจะมาดูภาพของชนเผ่าต่างของอินเดียแดงกัน ล่าสุดทางเว็บไซต์ Dailymail ได้ปล่อยเซตภาพดังกล่าวออกมา แต่ว่าภาพทั้งหมดล้วนเป็นภาพสีที่ถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ โดยจะย้อนกลับไปเมื่อปี 1899 ซึ่งแต่ละภาพก็จะประกอบไปด้วย ชาวอินเดียแดงจากหลากหลายชนเผ่าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Sioux, Crow, Ute, Passamaquoddy, Pawnee, Maricopa, Blackfeet และ Salish Porrum และ Pedro จากเผ่า Ute ปี 1899 เผ่า Ute ถือเป็นเผ่าที่มีขนาดใหญ่และตั้งถิ่นฐานกันอยู่บริเวณภูมิประเทศที่เป็นภูเขาของรัฐต่างๆ อย่างเช่น Colorado, Utah, Wyoming, Eastern Nevada และ Northern New Mexico นอกจากนั้นพวกเขายังมีทักษะในการล่าสัตว์ที่สูงมากๆ อีกด้วย Peter Tall Mandan และ Iron White Man จากชนเผ่า Sioux ปี 1900 เผ่านี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเผ่าที่เป็นชาวอเมริกันแท้ๆ โดยพวกเขาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณทุ่งหญ้าใน Minnesota…
-
สุดยอด 22 ผลงานสร้างสรรค์จากนักคิดทั่วโลก กับรางวัลชนะเลิศบนเวทีการออกแบบแห่งปี!!
การผลิตอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อวางขายในตลาด นอกจากเพื่อการนำไปใช้ประโยชน์แล้ว ยังจต้องมีการออกแบบให้มีความน่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้าอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ในแต่ละปีจึงได้มีการจัดแข่งขันออกแบบผลิตภัณฑ์ภายใต้งาน A’ Design Award & Competition ซึ่งเป็นการประกวดการออกแบบในเชิงสร้างสรรค์ ดังนั้นในทุกๆ ปี งานนี้จะเป็นที่สนใจของบรรดานักออกแบบ นักประดิษฐ์ และนักคิดจากทั่วโลก สำหรับการผลการประกวดระหว่างปี 2016-2017 ก็เพิ่งจะประกาศไปเมื่อไม่นานนี้เองเหมือนกัน ต้องบอกได้เลยว่า แต่ละผลงานที่ได้รับรางวัลนั้น เป็นนวัตกรรมสุดล้ำที่อาจจะเปลี่ยนโลกที่เรารู้จักกันก็เป็นได้ และในการประกวดครั้งนี้ มีผลงานเจ๋งๆ กว่า 1,200 ผลงานเลยล่ะ มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ บรรจุภัณฑ์ งานกราฟิก และสถาปัตยกรรม ผลงานที่ส่งประกวดนี้อยู่ภายใต้พื้นฐานของการนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นรางวัลที่ได้จึงไม่ใช้แค่เงินเท่านั้น แต่ผลงานของผู้ชนะจะได้รับการนำไปใช้ในตลาดจริงๆ ด้วย และนี่คือผลงานส่วนหนึ่งที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ดูสิว่าแต่ละชิ้นจะสร้างสรรค์และน่าสนใจแค่ไหน… ผู้ชนะรางวัลการออกแบบบรรจุภัณฑ์ 1. Little Pocket นี่คือกล่องเฟรนช์ฟราย ที่มาพร้อมช่องด้านข้างสำหรับใส่ซอส ซึ่งเป็นบรรุภันฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคด้วย 2. บรรจุภัณฑ์ของ Marais Piano Cake ไม่บอกก็รู้ว่าบรรจุภัณฑ์นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเปียโน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่มีตัวโน๊ตเรียงกันอยู่ และแต่ละตัวนั้นก็มีเสียงที่แตกต่างกัน แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว …
-
‘Monster’ แมวจรมีดวงตาเป็นอาวุธ ใครจ้องเป็นต้องหลงรัก ใช้สะกดจิตจนได้บ้านมาแล้ว
ทุกวันนี้มีแมวจรจัดอยู่มากมาย และแม้ว่าเราจะรักสัตว์มากแค่ไหน เราก็คงไม่เก็บพวกมันมาเลี้ยงทุกตัวหรอกใช่มั้ย แต่สำหรับตัวที่เราตัดสินใจรับมาเลี้ยงนั้น แสดงว่ามันต้องเกิดมาเพื่อเราจริงๆ และคงจะมีบางอย่างบอกให้เราเก็บมันมาเลี้ยง อย่างลูกแมวตัวนี้ที่เรียกร้องความจากมนุษย์ด้วยการร้องไห้ สุดท้ายมนุษย์ก็ต้องใจอ่อน เลยต้องรับมันมาอยู่บ้านด้วยเมื่อ 8 เดือนที่แล้ว lilbitpink ผู้ใช้จากเว็บไซต์ reddit เล่าให้ฟังว่า “ตอนที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงลูกแมวตัวหนึ่งร้อง ผมก็เลยตามหาเจ้าของเสียงนั้น” และแล้วเขาก็เจอลูกแมวตัวหนึ่งติดอยู่ในท่อน้ำ มันกำลังนั่งร้องไห้ขอความช่วย เพื่อให้ใครสักคนพามันออกไป จากนั้นเขาก็พยายามนำลูกแมวออกมาด้วยความระมัดระวัง เพราะมันตัวเล็กมากๆ หลังจากที่นำเจ้าเหมียวออกมาได้ เขาก็จัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ และเมื่อมองหน้ามันแล้ว เหมือนมันต้องการจะบอกว่า “ขอบคุณนะมนุษย์” แทนที่เขาจะให้เอาไปส่งให้ศูนย์พักพิงสัตว์ แต่ lilbitpink ตัดสินในจะเลี้ยงไว้ในบ้านของตัวเอง และตั้งชื่อให้มันว่า Monster แล้ววันหนึ่งเขาก็สังเกตว่า Monster นั้นมีดวงตาแปลก ไม่เหมือนกับแมวทั่วไป ลักษณะตาของมันเหมือนตาสไปเดอร์แมนเลย เขาเลยไปมันไปหาหมอ จึงได้รู้ว่าลูกแมวตัวนี้มีความบกพร่องมาตั้งแต่เกิดจนทำให้มีลักษณะตาแบบนี้ แต่โชคดีนะที่ความบกพร่องนี้ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับมัน อย่างไรก็ตามเจ้า Monster ยังคงมีร่างกายที่อ่อนแอมาก เพราะมันเคยใช้ชีวิตอยู่ข้างถนนมาก่อน lilbitpink จึงป้อนข้าว ป้อนน้ำ เช็ดตัวให้ทุกวัน จนร่างกายมันค่อยๆ แข็งแรงขึ้น เมื่อได้อยู่ด้วยกันทุกวัน ดูแลกันทุกวัน…
-
รวม 11 หมู่บ้านและเกาะที่ถูกสัตว์น่ารักเข้าครอบครอง และพร้อมต้อนรับทุกคนอย่างเป็นมิตร
สวรรค์ของคนรักสัตว์ก็คงจะหนีไม่พ้นการได้อยู่ท่ามกลางสัตว์ผู้น่ารักมากมาย แต่นี่จะไม่ใช่แค่ความฝันนะ เพราะมันมีแหล่งที่สัตว์รวมตัวกันเพื่อมอบความฟินให้คนรักสัตว์อยู่บนโลกนี้จริงๆ และไม่ใช่แค่ที่เดียวที่เป็นเช่นนั้น มีอยู่หลากหลายที่ทั่วโลกรอให้คุณเข้าไปสัมผัส จะมีที่ไหนบ้างนั้น เราไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ 1. หมู่บ้านหมาจิ้งจอก ประเทศญี่ปุ่น หมู่บ้านหมาจิ้งจอกตั้งอยู่ในจังหวัดมิยากิของญี่ปุ่น มีสุนัขจิ้งจอกอาศัยอยู่มากกว่า 100 ตัว ที่ประกอบไปด้วย 6 สายพันธุ์ โดยทั้งหมดนี้อยู่อย่างอิสระในป่าใหญ่ คนที่จะเข้าไปหาแก๊งหมาจิ้งจอกเหล่านี้ต้องจ่ายค่าเข้า 200 บาท และคุณยังสามารถให้อาหารพวกมันได้อีกด้วย สำหรับคนญี่ปุ่นนั้นถือว่า สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่มีพลังความลึกลับและจะนำความโชคดีมาให้ 2. เกาะกระต่าย เกาะกระต่ายรู้จักกันในชื่อ Okunoshima ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ อยู่นอกชายฝั่งของจังหวัดฮิโระชิมะ ซึ่งเป็นที่อยู่ของสัตว์กว่า 100 ชนิด แต่มีเพียงกระต่ายเท่านั้นที่มักจะเข้าไปรุมล้อมนักท่องเที่ยวเพื่อแย่งอาหาร จริงๆ ไม่มีใครรู้ว่า เกาะแห่งถูกกระต่ายยึดได้อย่างไร แต่ในช่วงปี 1930 ถึง 1945 เกาะแห่งนี้ถูกใช้เป็นพื้นที่ทดสอบยาพิษ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการจับกระต่ายมาเป็นหนูทดลองด้วย ใครที่มาเกาะกระต่ายพร้อมอาหาร ก็จะถูกกระต่ายไล่ตามเป็นฝูงแบบนี้แหละ 3. เกาะปู บนเกาะคริสต์มาสคาดว่ามีปูมากกว่า…
-
มหาเศรษฐีสาว อายุน้อยที่สุดในโลกด้วยวัยเพียง 20 ปี เที่ยวรอบโลกด้วยวงเงินไม่จำกัด!!
การจะเป็นเศรษฐี ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ อย่างที่คิด กว่าจะไปถึงจุดนั้นก็ต้องทำงาน ต้องใช้ความพยายามถึงจะเป็นได้ บางคนกว่าจะได้เป็นเศรษฐีก็อายุมากแล้ว เลยเหลือเวลาเผาผลาญสมบัติไม่มากนัก แล้วจะดีแค่ไหนถ้าคุณได้เป็นเศรษฐีตั้งแต่อายุยังน้อย อื้อหือ ถ้าเป็น #เหมียวขี้ส่อง นะ จะไม่ทำอะไรเลย วันๆ จะใช้เงินอย่างเดียว มีความคิดอยากจะทำอะไรก็จะทำให้หมด!! สำหรับคนที่ขี้เพ้อฝันแบบนี้ คงต้องอิจฉาเธอคนนี้แน่ๆ เลย เพราะเธอคือเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น Alexandra Andresen วัย 20 ปี เป็นแชมป์ขี่ม้าเยาวชน 3 สมัย และเธอยังเป็นที่รู้จักในฐานะมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลกด้วย โดยมีสมบัติมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท การเป็นเศรษฐีในวัยเท่านี้ ทำให้ Alexandra มีทางเลือกมากมายในชีวิต ไม่ว่าเธออยากทำอะไร หรือไปที่ไหน เธอก็จะสามารถทำมันได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็มีเงินเหลือเฟือเหลือใช้แทบจะทั้งชีวิตแล้ว และสิ่งที่มหาเศรษฐีสาวคนนี้อยากทำก็เป็นสิ่งที่วัยรุ่นทุกคนอยากทำนั้นแหละ นั่นคือการไปเที่ยวรอบโลก โอ้ยยย น่าอิจฉาไปไหน หลายคนคงสงสัยว่าทำไมหญิงสาวอายุ 20 คนนี้ถึงกลายเป็นเศรษฐีได้ นั้นเป็นเพราะครอบครัวของเธอเป็นเจ้าของแบรนด์ยาสูบที่ชื่อ Tiedemanns ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในประเทศนอร์เวย์ …
-
ภาพบรรยากาศของ ‘โตเกียวในยามค่ำคืน’ ที่เหลือเพียงแสงสีและความเหงาที่คุณก็สัมผัสได้
โตเกียวนับเมืองที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก ที่นี่จึงมักจะเต็มไปด้วยผู้คนตลอดทั้งวัน สำหรับในตอนกลางคืนนั้นก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน เพราะจะมีแสงสีสว่างไสวตลอดคืน แต่น้อยคนที่จะได้เห็น ภาพเหล่านี้ถ่ายโดย Masashi Wakui ซึ่งเป็นภาพบรรยากาศโตเกียวตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืน มีผู้คนบางตา เนื่องจากรถไฟฟ้าขบวนสุดท้ายจะออกเวลา 00.30 น. หลังจากนั้นโตเกียวก็เหลือเพียงแค่แสงจากไฟนีออนกับความเหงาที่คุณเองก็สัมผัสได้ Wakui ได้ตามเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบของโตเกียว เพื่อให้เห็นถึงการสิ้นสุดของกิจกรรมต่างๆ ในวันนั้น และเพื่อให้เห็นสภาพของโตเกียวในแบบที่คนส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย สามารถติดตามผลงานของ Wakui ได้ที่เว็บไซต์ Flickr นะคะ . . . . . . . . . . . . . . ที่มา sobadsogood
-
เรื่องราวของหญิงสาวที่จำทุกวันในชีวิตของเธอได้ ความพิเศษที่มีเพียง 60 คนในโลกเท่านั้น!!
เพื่อนๆ ยังจำช่วงเวลาสมัยที่เราออกมาลืมตาดูโลกได้มั้ย? แล้วจำช่วงเวลาที่เรายังเป็นเด็กเริ่มหัดพูดได้มั้ย? แน่นอนว่าคงจำกันไม่ค่อยได้ หรือถ้าได้ก็อาจจะลางมากๆ แต่สำหรับ Rebecca Sharrock หญิงสาววัย 27 ปี จากเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย เธอสามารถจำทุกช่วงวินาทีที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้เป็นอย่างดี และน่าแปลกใจที่โลกนี้มีคนเป็นแบบนี้เพียงแค่ 60 คนเท่านั้น Rebecca Sharrock ‘ภาพแรกที่ฉันเห็นคือตอนที่อายุได้ 12 วัน เป็นวันที่พ่อแม่กำลังอุ้มฉันมาไว้ที่เบาะหลังรถ จากนั้นก็ถ่ายรูป ซึ่งตอนนั้นฉันเห็นภาพแต่ไม่รู้เรื่องเลยว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร…’ เธอเล่า เธอเล่าว่าความทรงจำของเธอทั้งหมด มันเริ่มตั้งแต่วันที่เธออายุได้ 12 วันเท่านั้น เธอสามารถจำเหตุการณ์ได้ แต่ด้วยวัยที่ยังเด็ก ทำให้เธอไม่รู้ว่านี่คือความแปลกอย่างหนึ่ง จนกระทั่งในช่วงปี 2014 เธอได้อ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องของคนที่สามารถจดจำเหตุการณ์ทุกอย่างในชีวิตได้ และนั่นก็ทำให้เธอตั้งคำถามกับตัวเอง และค้นพบว่าเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน อาการดังกล่าวเรียกว่า HSAM (Highly Superior Autobiographical Memory) หรือความสามารถในการจดจำความทรงจำแบบพิเศษ ซึ่งทำให้เธอไม่สามารถลืมภาพเหตุการณ์ในอดีตได้เลย ทว่าด้วยความที่เป็นอาการผิดปกติที่หาเจอได้ยากมากๆ ทำให้ทางการแพทย์ยังคงต้องศึกษาหาข้อมูลเชิงลึกในสมองของผู้ที่มีอาการดังกล่าวต่อไป …
-
สาวอินโดนีเซียหน้าใส ผู้คลั่งไคล้กับการเลี้ยงแมงมุมตัวจ้อย ขนปุกปุยมากกว่า 1,500 ตัว!!
เข้าใจว่าเทรนด์การเลี้ยงสัตว์แปลกๆ กำลังเป็นอะไรที่มาแรง แต่… บางทีสัตว์บางชนิดก็ดูไม่น่าจะเอามาอยู่ร่วมกับคน อย่างก่อนหน้านี้เราก็เคยนำเสนอเรื่องของ สาวน้อยที่ชอบอยู่กับแมลงสาบ ไปแล้ว นี่… หนูชอบอยู่กับแมลงสาบจริงๆ นะ และคราวนี้ก็ชวนให้รู้สึกสยึ๋มกึ๋ยได้ไม่แพ้กัน เพราะ Ming Cu สาวหน้าใสจากอินโดฯ วัย 28 ปี ผู้มองเห็นความงดงามในตัวของแมงมุมมีพิษ แถมขนยาวเฟื้อยอย่างกับหนวด และส่วนใหญ่พวกมันก็เป็นสายพันธุ์ทารันทูร่าซะด้วย! ซึ่งเธอใช้เวลาสะสม และเลี้ยงดูลูกๆ ของเธอมา 7 ปีแล้ว ทุ่มเงินไปมากกว่า 2 ล้านบาท แต่ถึงเธอจะคลั่งไคล้มากขนาดไหน การเลี้ยงดูของเธอก็เป็นไปตามคำแนะนำจากหนังสือของผู้เชี่ยวชาญอยู่ตลอด เธอใช้เวลาศึกษาพฤติกรรมของแมงมุม และการป้องกันตัวเองจากพวกมัน (ถือว่ามีความรู้มากเลยล่ะ) เมื่อพ่อแม่ของเธอเริ่มเห็นในความตั้งใจ และความมุ่งมานะของลูกสาว พวกเขาจึงยอมใจอ่อนให้เธอสามารถเลี้ยงแมงมุมไว้ในบ้านได้ จนกระทั่งตอนนี้ก็ปาเข้าไปมากกว่า 1,500 ตัวเข้าให้แล้ว ‘พ่อแม่ของฉันก็ยังกลัวอยู่ค่ะ แต่ก็ยังดีนะที่พวกเขายังไม่ถึงขั้นกลัวจนอยู่ไม่ได้’ Ming กล่าว เธอตั้งใจที่จะเก็บสะสมแมงมุมสายพันธุ์ทารันทูร่าจากทั่วโลก ซึ่งเธอเล่าว่าตอนนี้สายพันธุ์ที่พบได้ในอินโดนีเซีย เธอเก็บสะสมไว้หมดแล้ว และจุดมุ่งหมายของเธอตอนนี้ก็คือแมงมุมพันธุ์หายากจากอินเดีย และแอฟริกาใต้ …
-
Knops ชุดอุดหูที่กันเสียงทุกอย่างให้เงียบสงบ จะดังมากแค่ไหนก็ตาม ก็กั้นได้หมด…
การต้องอยู่ในสังคมเมืองแบบนี้ เป็นธรรมดาที่คุณต้องยินเสียงรบกวนบ้าง ทั้งเสียงคน เสียงรถ เสียงการก่อสร้าง เสียงผู้คนทะเลาะถกเถียงกัน หรือในห้องสมุดบางครั้งยังมีเสียงเข้ามารบกวนการอ่านหนังสือของเราเลย แต่จะดีแค่ไหน หากมีตัวช่วยทำให้คุณไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น ต้องนี่เลย Knops ชุดอุดหูที่สามารถกันเสียงทุกอย่างให้เกิดความเงียบสงบ จะดังแค่ไหนก็ไม่ได้ยิน!! Knops มีรูปทรงคล้ายหีบเสียงที่มีการติดตั้งแผ่นเงินและทอง โดยขอบของชุดเก็บเสียงนี้สามารถหมุนได้ ใช้สำหรับการปรับโหมดการเก็บเสียง ที่มีให้เลือกถึง 4 โหมดด้วยกัน นั่นก็คือ โหมดกำจัดเสียง ปิดเสียงรบกวนจากสังคมเมือง ปิดเสียงดนตรี และปิดเสียงทั้งหมด นอกจากช่วยในการปิดเสียงแล้ว ชุดเก็บเสียงตัวนี้ยังช่วยถนอมหูของผู้ใช้อีกด้วย เพราะในแต่ละวันคุณต้องเจอกับเสียงที่มีความหลากหลาย แต่เมื่อคุณมาใช้ชุดเก็บเสียงนี้ มันจะช่วยปรับเสียงที่เหมาะสมกับหูของคุณ สำหรับผู้คิดค้น Knops คือ หัวหน้าวิศวกร Arjen De Jong โดยได้รับความช่วยเหลือจาก Koen Brouwer และ Quinten Huigen ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Thunderplugs เป็นแบรนด์ปลั๊กอุดหูซิลิโคนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ปัจจุบัน Knops อยู่ระหว่างการระดมทุนเพื่อนำไปสู่การผลิตภายใต้แคมเปญในเว็บไซต์ Kickstarter ซึ่งตอนนี้มียอดสบทบทุนมากถึง 5.3 ล้านบาทแล้ว ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการระดมทุน อาจจะมีการจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในอนาคต แฟนเก่าขี้บ่น ไม่อยากจะฟัง…
-
ตำรวจจับแพะจริงๆ!! ลูกแพะเดินซนจนหลง คุณตำรวจต้องคุมตัว พาไปส่งบ้านอย่างปลอดภัย
แค่ได้ยินว่าตำรวจจับแพะก็รู้สึกโมโหแล้ว เป็นตำรวจทำแบบนั้นยังไง ห๊า!! เดี๋ยวๆ ใจเย็น เจอแบบนี้อาจจะทำให้เข้าใจผิดว่า ตำรวจไปจับคนบริสุทธิ์มารับโทษแทนคนร้ายตัวจริง แต่กรณีนี้ก็คือ ตำรวจจับแพะ แพะจริงๆ ที่ร้องแบ๊ะ!! เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมือง Maine ใน Sergeant Daniel Fitzpatrick เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงคนหนึ่งว่าพบลูกแพะสองตัวอยู่ในโรงรถ กำลังกินอาหารแมวที่เธอวางเอาไว้ให้แมว จริงๆ แล้วก่อนที่เธอจะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ เธอพบลูกแพะสองตัวนี้บนถนนแห่งหนึ่ง ลักษณะเหมือนมันหลงทางมา เธอจึงพาพวกมันมาอยู่ที่โรงรถโดยปิดประตูเอาไว้ ก่อนที่จะโทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก Belfast Police Department ในเวลาต่อมา สำหรับกรมตำรวจ Belfast Police Department นอกจากดูแลเรื่องทุกข์สุขของประชาชนแล้ว พวกเขายังเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมสัตว์ในเมือง Belfast ด้วย เมื่อ Fitzpatrick หนึ่งในแจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงโรงรถ พวกเขาก็เห็นลูกแพะสองตัวกำลังกินอาหารแมว และกระโดดไปมาอย่างมีความสุข ต่อมาตำรวจก็ได้ทำการพาลูกแพะทั้งสองตัวออกจากโรงรถหญิงคนดังกล่าวได้สำเร็จ และรู้ว่าพวกมันทั้งสองตัวชื่อ Louis กับ Mowgli ตำรวจพาทั้งสองตัวขึ้นรถ แต่ยังไม่ทันปิดประตู หนึ่งในลูกแพะก็กระโดดลงจากรถและวิ่งหายไป งานเข้าตำรวจอีกครั้ง เพราะตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่ามันวิ่งไปหนีหายไปทางไหนแล้ว Fitzpatrick ต้องใช้เวลากว่า…
-
‘ดอกมังกร’ พืชธรรมชาติสุดแปลก ที่มีลักษณะเหมือนหัวกะโหลก เมื่อแห้งเหี่ยวเฉาตามกาลเวลา
ผู้หญิงสวยมักจะถูกเปรียบเทียบกับดอกไม้ ที่มีทั้งความสวย ทั้งกลิ่นหอมและน่าสัมผัส ยิ่งถ้าชายหนุ่มได้มีโอกาสเด็ดมาดมนะ คงจะฟินสุดๆ ไปเลยล่ะ แต่ช้าก่อน เพราะดอกไม้มันไม่ได้มีความสวยงาม น่าสัมผัสเสมอไป มันออกจะน่ากลัวปนสยองเสียด้วยซ้ำ จนสาวๆ ไม่อยากถูกเปรียบเป็นดอกไม้อีกแล้วก็เป็นได้ ดอก Snapdragon หรือ ดอกมังกร เป็นหนึ่งในพืชที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสวนทั่วยุโรป อเมริกา และแอฟริกาเหนือ การที่ดอกชนิดนี้ถูกตั้งชื่อว่า ดอกมังกร ก็เพราะมันมีลักษณะเหมือนปากมังกรที่มีการเปิดและปิด และหากคุณลองบีบดอกนี้เบาๆ คุณก็จะได้เห็นด้านมืดของมันอีกระดับหนึ่ง ดอกมังกรนี้มีที่มาที่ไปที่เป็นตำนานด้วยนะ ตามความเชื่อโบราณบอกว่า มันมีพลังเหนือธรรมชาติแฝงอยู่หากปลูกไว้ในบ้าน จะช่วยป้องกันคำสาป และขจัดปัดเป่าโรคร้าย หรือถ้าเอาไปให้ผู้หญิงกิน จะทำให้ไม่แก่ ไม่เฒ่า เป็นสาวตลอดกาล ต่อมาในยุควิคตอเรีย ดอกมังกรถูกตั้งให้เป็นสัญลักษณ์แห่งการหลอกลวง ความสงสัย ความลึกลับ เพราะมันมีรูปร่างที่แปลกประหลาด แต่หากใครที่ซ่อนดอกชนิดนี้ไว้ในเสื้อผ้า จะทำให้บุคคลนั้นมีเสน่ห์และน่าหลงใหล ว่าแต่ทำไม้ดอกที่ทำให้มีเสน่ห์และมีความสง่างามถึงมีรูปลักษณะเหมือนกะโหลกเช่นนี้ล่ะ? Johanna L. Roose นักชีวเคมีบอกว่า “รูปร่างที่คล้ายกะโหลกนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ดอกไม้ได้รับการผสมเกสร และกลีบที่ค่อยๆ เหี่ยวไปตามกาลเวลา และการที่มันมีรูปร่างเปลี่ยนไปคล้ายกะโหลกเป็นเพราะว่า เกสรตัวเมียมีละอองเรณูและรูปร่างที่เกิดจากช่องรังไข่ เมื่อมันถูกทิ้งไว้จนตายก็จะเกิดช่องโหว่ที่มีลักษณะคล้ายเบ้าตาและช่องปาก …
-
รวม 15 ภาพเบื้องหลังของภาพยนตร์ ปีศาจสยองขวัญในยุคก่อน กว่าจะทำได้ไม่ง่ายเลย
ถ้าพูดเทคโนยีการถ่ายทำหนังในยุคนี้ ต้องเรียกได้ว่าก้าวไกลสุดๆ จากยุคก่อนมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะการสร้างปีศาจ ผีหรือสัตว์ประหลาดต่างๆ ออกมา ก็สามารถทำออกมาได้สวยงามด้วยเทคโนยีสมัยใหม่ แต่เรารู้กันไหมว่าการจะถ่ายทำฉากแบบนั้นได้ในยุคก่อนให้เหล่าผีและสัตว์ประหลาด รวมถึงฉากต่างๆ ออกมาดูดีได้ต้องใช้ความยากลำบากขนาดไหน? วันนี้เราก็เลยจะมาดูภาพเบื้องหลังของการถ่ายทำหนังสยองขวัญยุคเก่ากัน ว่าพวกเขาทำกันยังไง ถึงได้ออกมาสมจริงและน่ากลัวโดยที่ไม่ต้องมีเทคโลยีสมัยใหม่เข้าช่วยเลย 1. Phantasm II กว่าจะมาเป็น Tallman ได้มันไม่ง่ายเลยนะเนี่ย . 2. A Nightmare on Elm Street 2: Freddy’s Revenge กว่าจะมาเป็นเฟรดดี้ ครูเกอร์ได้มันยากลำบากขนาดไหน ยอมใจทั้งคนแสดงและคนแต่งหน้าจริงๆ น่าจะร้อนและเหนียวตัวน่าดู . 3. Child’s Play หรือที่เรารู้จักในชื่อแค้นฝังหุ่น และนี้ก็คือเบื้องหลังการเป็นแช็กกี้ในหนัง ต้องมีทั้งสายไฟระโยงระยางและใช้การเชิดตลอดเวลา 4. Creepshow หลอนโดยไม่ต้องมี CG มาช่วย 5. Critters 3 จะโฟกัสที่เฮียลีโอ หรือตัวกลิ้งงับงับข้างหลังดีล่ะเนี่ย …
-
องค์กรช่วยเหลือสัตว์สหรัฐฯ ปิดฟาร์มเนื้อสุนัขในเกาหลีใต้กว่า 7 แห่ง เพื่อชีวิตใหม่ของเจ้าตูบ!!
รู้หรือไม่ ในเกาหลีใต้มีฟาร์มสุนัขที่ใช้กินเป็นอาหารมากกว่า 17,000 แห่ง ซึ่งทุกปีจะมีประชากรสุนัขมากกว่า 2,500,000 ตัวที่ถูกนำไปเป็นอาหารให้คนได้กิน และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้องค์กรช่วยเหลือสุนัขมากมายต่างต่อสู้เพื่อปิดฟาร์มเหล่านั้น ซึ่งล่าสุด Humane Society International (HSI) องค์กรช่วยเหลือเหล่าสุนัขของทางฝั่งอเมริกาก็ได้ประสบความสำเร็จในการปิดตัวฟาร์มเนื้อสุนัขไป 7 แห่งในประเทศเกาหลีใต้ แต่พวกเขาบอกว่าฟาร์มที่ 7 ที่พวกเขาไปปิดนั้น ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่พวกเขาเคยเห็นมาเลย ณ ฟาร์มในเมืองโกยาง สุนัข 55 ตัวถูกขังไว้ในกรงเหล็ก ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดมิดชิดไม่มีแสงแดดและอากาศถ่ายเท Adam Parascandola ผอ. ขององค์กรปกป้องสัตว์บอกว่า “ผมแทบจะหยุดหายใจในตอนที่พวกเราเดินเข้าไปในฟาร์มที่มืดสนิทเป็นครั้งแรก กลิ่นแอมโมเนียที่รุนแรง เสียงเห่าของเหล่าสุนัขที่มีแต่เสียง ไม่สามารถมองเห็นหน้าของพวกมันได้ชัดเจน” มีสุนัขสองตัวที่คาดว่าน่าจะมาจากเจ้าของเก่าที่ตัดสินใจขายมันให้กับฟาร์มแห่งนี้ ส่วนอีกตัวเป็นสุนัขที่มีปลอกคอไฟฟ้ารัดแน่นอยู่ที่คอของมัน ซึ่งมันน่าจะอยู่ได้ไม่นานแน่ๆ เพราะมันเริ่มที่จะพยายามแกะปลอกคออกและขูดเข้าไปถึงเนื้อของมันเองแล้ว ส่วนสาเหตุที่ฟาร์มแห่งนี้ถูกสั่งปิดตัวลง ก็เพราะว่าเจ้าของที่เป็นคู่สามีภรรยามีอายุราวๆ 70 ปีแล้วทั้งคู่ พวกเขาอยากจะเลิกกิจการนี้แต่ไม่รู้จะจัดการยังไง พวกเขาก็เลยร้องขอให้ทาง HSI เข้ามารับพวกสุนัขในฟาร์มไปเพื่อให้พวกมันได้มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าตอนนี้ และทาง HSI ก็ตอบตกลงยินดีที่จะเข้ามาช่วยเหลือสุนัขในฟาร์มทั้งหมด Adam…
-
หนุ่มนักศึกษา นำคำสบประมาทของพ่อเลี้ยงมาเป็นแรงผลักดันตัวเอง จนจบการศึกษา!!
บ่อยครั้งที่เรามักจะต้องเผชิญกับคำดูถูกและคำสบประมาทจากคนอื่นๆ ที่มองไม่เห็นศักยภาพที่แท้จริงของเรา การจัดการกับคำพูดแย่ๆ ที่เข้ามาหาเรานั้นก็มีมากมายหลายวิธี บางคนเลือกที่จะไม่ใส่ใจ แต่บางคนก็เลือกที่จะหยิบเอาคำพูดเหล่านั้นมาเป็นแรงผลักดัน ในการพัฒนาตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้า เพื่อบอกกับคนที่ดูถูกว่า “พวกแกคิดผิดแล้วเฟ้ย!!” เหมือนเช่นหนุ่มคนนี้ ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกพ่อเลี้ยงของเขาดูถูก แต่แทนที่เค้าจะยอมแพ้แล้วนั่งเศร้ากับคำพูดแย่ๆ พวกนั้น เขากลับนำมันมาเป็นแรงผลักดันให้กับตัวเอง Daivon Reeder หนุ่มจากเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเพิ่งจบการศึกษาทางด้านกระบวนการยุติธรรมทางอาญาและวิทยศาสตร์ทางทหาร จากมหาวิทยาลัย Eastern Michigan University เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองและมีความสามารถมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เป็นได้อย่างทุกวันนี้ก็คือคำดูถูกจากพ่อเลี้ยงของเขา โดยในวันปฐมนิเทศนักศึกษา พ่อเลี้ยงได้บอกกับเขาว่า “ฉันไม่จำเป็นต้องไปงานปฐมนิเทศแกหรอก เพราะแกจะเรียนไม่จบด้วยซ้ำ” แต่หนุ่มนักศึกษาของเราไม่ได้คิดเช่นนั้น เขานำคำพูดนี้มาเป็นแรงผลักดันและมุ่งมั่นที่จะลบคำสบประมาทให้ได้ และในวันที่สำเร็จการศึกษพ่อหนุ่มคนนี้ก็ได้ทวีตรูปของเขาในชุดครุย พร้อมทั้งข้อความที่บอกว่า “พ่อเลี้ยงบอกผมว่าไม่มีประโยชน์ที่จะไปงานปฐมนิเทศ สีปีต่อมาผมจบปริญญา ส่วนตัวเขา (พ่อเลี้ยง) อยู่ในคุก ฮ่าๆ” Daivon Reeder บอกกับนักข่าวว่า “คำพูดของพ่อเลี้ยงของผมในวันนั้น มันเป็นแรงกดดันที่ดีเลยทีเดียว เขาพูดถูก แต่มันไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกแย่ได้หรอก มันก็เหมือนกับที่เพื่อนบอกคุณว่า คนอย่างนายน่ะติดคุกยังง่ายกว่าเรียนจบซะอีก” โดยหลังจากนั้นก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของเขาอย่างมาก…
-
เจ้าหน้าที่อิสราเอลปิ้งย่างสร้างกลิ่นหอม เพื่อเป็นการยั่วยุเหล่านักโทษ ที่อดอาหารประท้วง
เมื่อเหล่านักโทษปาเลสไตน์ ทำการประท้วงเจ้าหน้าที่ด้วยวิธีการคลาสสิกแต่ได้ผลเสมอมาอย่างการอดอาหาร แต่ทว่าดูเหมือนมันจะใช้ไม่ได้ผลนักในเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะสมาชิกพรรคฝ่ายขวา Ichud Leumi (สหภาพแห่งชาติ) ได้จัดการยั่วยุเหล่านักโทษด้วยวิธีการที่โหดเสียกว่าการทำร้ายร่างกายหรือพูดจาไม่ดีใส่เสียอีก เพราะวิธีที่ว่าก็คือการตั้งปาร์ตี้ปิกนิกพร้อมแจกอาหารฟรี และทำการโจมตีด้วยกลิ่นอาหารปิ้งย่าง!! แถมกลิ่นที่ว่า ก็ไม่ใช่กลิ่นไม่ดีหรือเป็นพิษแต่อย่างใด แต่มันคือกลิ่นของเนื้อย่างบาร์บีคิวหอมๆ ที่ลอยไปตามลมจนเล็ดลอดผ่านเข้าไปถึงห้องขังของเหล่านักโทษที่ทำการประท้วงกว่า 1,500 ชีวิต ในเรือนจำ Ofer เขตเวสต์แบงก์ ของประเทศอิสราเอล การประท้วงอดอาหารดังกล่าว นำโดยนักโทษชาวปาเลสไตน์นามว่า Marwan Barghouti เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อเป็นการกดดันให้ทางการอิสราเอลมอบสวัสดิการทางการแพทย์ที่ดีและให้สิทธิ์นักโทษสามารถใช้โทรศัพท์ได้ และเกิดเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์กับเจ้าหน้าที่อิสราเอลเมื่อวันที่ 20 เมษายน ภายนอกเรือนจำทางตอนเหนือของเยรูซาเลมด้วย ในระหว่างที่ผู้ถูกคุมขังชาวปาเลสไตน์กำลังทำการอดอาหารประท้วงอย่างต่อเนื่องภายในเรือนจำ ลองคิดสภาพเราเป็นชาวเน็ตที่กำลังหิวแล้วอยู่ดีๆ ก็เลื่อนไปเจอภาพอาหารที่น่ากินในยามดึก แค่นั้นมันก็ทรมานสุดๆ แล้ว แต่นี้อดอาหารประท้วงอยู่ กลับต้องรู้ว่าข้างนอกมีปาร์ตี้ของกินอยู่และแค่นั้นยังไม่พอ ดันส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลอีก… คลิปจากเหตุการณ์ดังกล่าว กับความทรมานในความหิวโหยของนักโทษในคุก ที่กำลังอดอาหารประท้วงอยู่ โหดร้ายสุดๆ รูปอาหารยามดึกยังเทียบชั้นไม่ติด!! ที่มา rt
-
พาไปชมความสวยงามของ “กุหลาบหิน” พันธุ์หายาก คนรักการปลูกต้นไม้ห้ามพลาด!!
ก่อนหน้านี้ #เหมียวเวจจี้ ได้แนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับพืชอวบน้ำสุดน่ารัก ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่นอย่างต้นโลมา และต้นกระต่ายน้อย เชื่อแน่ว่าหลายคนกำลังออกตามหาเจ้าต้นไม้ทั้ง 2 ชนิดนี้มาประดับประดาเพิ่มความน่ารักให้กับบ้าน หรือที่ทำงานกันอยู่ใช่มั้ยล่ะ เพื่อเอาใจสายเขียว เอ้ย!! คนรักธรรมชาติ วันนี้เราก็มีพืชอวบน้ำอีกชนิดที่จะมาแนะนำให้รู้จักกัน ลักษณะลำต้นคล้ายกับดอกกุหลาบ แต่ไม่ใช่ดอกกุหลาบแท้ๆ หรอกนะ ต้นไม้ที่ว่านี้ก็คือต้น Greenovia Dodrentalis เป็นหนึ่งในตระกูลพืชอวบน้ำ และจัดอยู่ในวงศ์กุหลาบหิน ส่วนโค้งของลำต้นมีลักษณะคล้ายกับดอกกุหลาบ หลายๆ คนที่ชื่นชอบการปลูกต้นไม้ อาจจะคุ้นเคยกับกุหลาบหินกันเป็นอย่างดี แต่เจ้าต้น Greenovia Dodrentalis นั้นไม่เหมือนกัน มันเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่หายาก โดยพบได้มากที่หมู่เกาะคะแนรี นอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกาในมหาสมุทรแอตแลนติกนู่นเลยทีเดียว!! เราไปชมความสวยงามของกุหลาบหินพันธุ์นี้กันได้เลย รับรองถูกใจคนรักต้นไม้อย่างแน่นอน… . . ไม่ว่าจะมุมไหนก็ดูคล้ายกับกุหลาบจริงๆ นะเนี่ย . . เอามาจัดเป็นช่อแบบนี้ก็สวยเหมือนกันนะเนี่ย . หรือจะปลูกต้นเล็กๆ แบบนี้ไว้ใกล้ๆ โต๊ะทำงานก็น่ารักดีเหมือนกันนะ . . . . . . .…
-
“The Kailasa Temple” วิหารในอินเดีย ที่สร้างมาจากก้อนหินยักษ์เพียงก้อนเดียว
วันนี้ขอเปลี่ยนอารมณ์ผู้อ่านจากเรื่องแมวๆ หมาๆ มาเป็นเรื่องสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจของโลกนี้กันบ้างดีกว่า และอาจเรียกได้ว่านี่เป็นวิหารที่สร้างมาจากหินยักษ์เพียงก้อนเดียว ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ The Kailasa Temple ตั้งอยู่ในรัฐมหาราษฏระ (Maharashtra) ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ๆ ถูกสร้างขึ้นมาให้เหมือนกับเขาไกรลาส ที่ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่อยู่ของพระศิวะ ตามความเชื่อของชาวฮินดู ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าทั้งหมดนี้ถูกสร้างมาจากพลังแห่งศรัทธา โดยใช้ก้อนหินยักษ์เพียงก้อนเดียวเท่านั้น ย้อนกลับไปเมื่อสมัยคริสตศักราชที่ 760 กษัตริย์คริชนะที่ 1 ทรงสั่งสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้นมา โดยมีการผสมผสานศิลปะของวัฒนธรรมปัลลวะ (Pallava) และศิลปะจากราชวงศ์จาลุกยะ (Chalukya) เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าจากชาวอินเดียในท้องถิ่นเล่าว่า สมัยก่อนตอนที่กษัตริย์ทรงป่วยหนัก พระมเหสีได้สวดมนต์ขอพรจากองค์พระศิวะ โดยอธิษฐานว่าจะสร้างวิหารถวายให้พระองค์ หลังจากนั้นอาการของกษัตริย์ก็ดีขึ้นตามลำดับ กษัตริย์เมื่อรู้เรื่องเข้าจึงได้มีพระราชโองการสั่งให้เกณฑ์ช่างแกะสลักฝีมือดีมาสร้างวิหารดังกล่าวขึ้น โดยตามตำนานเล่าว่าวิหารแห่งนี้ใช้เวลาสร้างเพียงแค่ 1 อาทิตย์เท่านั้น รายละเอียดทุกตารางนิ้วภายในวิหารแห่งนี้ จะเป็นการสื่อนัยยะถึงความศรัทธาที่มีต่อพระศิวะ ตามความเชื่อของชาวฮินดู งานแกะสลักรูปช้างที่ดูเหมือนกำลังแบกวิหารศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่ ซึ่งก็เป็นการอ้างอิงจากตำนานความเชื่อของศาสนาฮินดูเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นอีกสถานที่ๆ ครั้งหนึ่งควรจะไปเที่ยวชมให้ได้เลยล่ะ ไม่น่าเชื่อว่าวิหารทั้งหมดนี้จะถูกสร้างจากหินเพียงก้อนเดียว คนสมัยนั้นต้องอัจฉริยะมากแน่ๆ ที่มา:…
-
เปิดประสบการณ์ใหม่ หนุ่มไทยพาทัวร์กัญชาที่ซีแอตเทิล ได้ความรู้เน้นๆ ย้ำเยิ้มๆ
วันที่ 20 เมษายน หรือวัน 420 ของชาวสายเขียวเพิ่งจะผ่านพ้นไปหมาดๆ และวันนี้เราจะพาผู้อ่านไปสัมผัสกับประสบการณ์ทัวร์ฟาร์มกัญชาจากเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ที่คุณ พีรชาติ อำไพจิตร หนุ่มไทยวัย 32 ปี ได้ไปสัมผัสมาด้วยตัวเอง แหม่.. ขอบอกเลยว่างานนี้สายเขียวห้ามพลาดเลยล่ะ FB: Peerachart Umpaichitr IG: n0te Note: HAPPY 420 DAY ทัวร์ฟาร์มกัญชาที่ซีแอตเทิลครับ ราคาค่าทัวร์ครั้งนี้ 150 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5,200 บาท ใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมงครึ่ง เริ่มแรกก็จะมีเจ้าหน้าที่มาให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกัญชากันก่อน จากนั้นก็พาไปชมบ้องแปลกๆ ที่สร้างมาจากการเป่าแก้ว อย่างเช่นภาพนี้เป็นบ้องกีต้าร์ จะโซโล่ไปด้วย ดูดกัญชาไปด้วยก็ยังได้ จากนั้นก็พาไปชมฝีมือการเป่าแก้วของศิลปิน กว่าที่จะนำมาวางขายตามช็อปได้ไม่ใช่ง่ายๆ เลย ส่วนนี่คือตู้คอนเทนเนอร์ปลูกกัญชาเอนกประสงค์ เพียงแค่เสียบปลั๊ก เติมน้ำ ก็สามารถปลูกได้ทันที ต่อไปก็มีรถมารับพาไปชมฟาร์มกัญชา…
-
นักวิจัยค้นพบ สายพันธุ์หนอนผีเสื้อกลางคืน ที่สามารถกัดกินและย่อยพลาสติกได้!!
นี่อาจเป็นข่าวดีที่สุดในรอบปีสำหรับมวลมนุษยชาติเลยก็ว่าได้ เมื่อปัญหาเกี่ยวกับขยะพลาสติกที่ล้นโลก กำลังจะถูกแก้ไขได้ด้วยตัวอ่อนของหนอนผีเสื้อกลางคืน โดยเว็บไซต์ Telegraph ได้รายงานว่าทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ ได้ค้นพบแล้วว่าตัวอ่อนของหนอนผีเสื้อกลางคืนสายพันธุ์ ‘Galleria mellonella’ สามารถกัดกิน และย่อยสลายพลาสติกได้จริง อ้างอิงข้อมูลจากวารสาร Current Biology ทีมวิจัยได้อธิบายไว้ว่า พวกมันมีกลไกการย่อยสลายที่น่าอัศจรรย์มากๆ เพราะเดิมทีพวกมันจะกินขี้ผึ้งในรังผึ้งเป็นอาหาร ซึ่งมีพันธะเคมีใกล้เคียงกับพลาสติก เมื่อนักวิจัยได้นำหนอนชนิดดังกล่าวมาทดสอบ โดยให้พวกมันกัดกินแผ่นขยะพลาสติก ก็พบว่ามันสามารถกัดกินถุงพลาสติกให้กลายเป็นรูเล็กๆ หลายรูได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง น่าแปลกใจที่พวกมันสามารถย่อยสลายพลาสติกประเภทโพลีเอทิลีนได้ Dr. Paulo Bombelli หนึ่งในทีมวิจัยให้สัมภาษณ์ว่า‘มันน่าสนใจมากครับ ผมเชื่อว่านี่อาจจะพลิกโฉมการกำจัดขยะของมนุษย์ในอนาคตได้เลย ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะยังไม่รู้แน่ชัดว่ากลไกการย่อยสลายทางชีวภาพทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เราเชื่อว่าถ้าเรานำการค้นพบครั้งนี้ ไปต่อยอดเข้ากับเทคโนโลยีในปัจจุบัน เราจะสามารถแก้ปัญหาขยะได้แน่นอน’ และตอนนี้ทีมวิจัยก็ได้ร่วมกันจดทะเบียนสิทธิบัตรการค้นพบครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทีมวิจัยจะมุ่งศึกษาระบบการย่อยอาหารเชิงลึกของหนอนชนิดนี้ต่อไป ตัวอย่างของพลาสติกที่ถูกย่อยสลายด้วยหนอน 10 ตัว ภายในเวลา 30 นาที มาครับ… เรามาเพาะหนอนขายกันดีกว่าครับแบบนี้ ที่มา: Telegraph
-
“หญิงสาวในฟองสบู่” สาวออสซี่ผู้ป่วยด้วยโรคร้าย แพ้สารเคมีแทบทุกอย่างบนโลก..
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการแพทย์จะก้าวหน้าไปอย่างมาก หลายๆ โรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้ ถูกค้นพบแนวทางการรักษา ทำให้สามารถช่วยชีวิตป่วยจากโรคร้ายเหล่านั้นได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีบางโรคที่ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังคงหาคำตอบของสาเหตุการเกิดและวิธีการรักษาไม่ได้ อย่างเช่นโรคที่เกี่ยวกับอาการภูมิแพ้ต่างๆ ซึ่งบางอาการแพ้ก็ยังไม่สามารที่จะหาแนวทางการรักษาที่ชัดเจนเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคได้ และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่งที่ป่วยด้วยอาการภูมิแพ้ โดยโรคของเธอนั้นรุนแรงอย่างมาก ทำให้เธอต้องลาออกจากงานและต้องอาศัยอยู่แต่ในห้องที่ปราศจากสารเคมี… Amelia Hill หญิงสาววัย 41 ปีหรือที่รู้จักกันในชื่อของ “ผู้หญิงในฟองสบู่” ต้องอาศัยอยู่ภายในบ้านราวกับเป็นนักโทษ เนื่องจากอาการแพ้สารเคมีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างรุนแรงของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถออกมาใช้ชีวิตตามปกติภายนอกได้ เธอบอกว่าเธอเริ่มมีอาการแพ้ครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 15 ปีหลังจากที่ได้สัมผัสกับสเปรย์ฉีดปลวก สาวผู้เคราะห์ร้ายวัย 41 ปีบอกว่า “บางครั้งเป็นอาการแพ้ของฉันเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง มันทรมานอย่างมาก ฉันทั้งปวดกล้ามเนื้อ มีผื่นขึ้นและอ่อนแรง” นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า บางครั้งสารเคมีในบ้านอย่างพวกน้ำยาล้างพื้นก็ทำให้เธอแพ้ได้ บางทีแค่เธอได้สัมผัสมันก็เกิดอาการหายใจไม่ออกและเกือบเอาชีวิตไม่รอดเลยทีเดียว จนกระทั้งตอนอายุ 33 เธอได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการแพ้สารเคมีหลายชนิด มีอาการอ่อนล้าเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome) และเป็นโรคอาการไวต่อการสัมผัสสนามแม่เหล็ก (Electromagnetic Hypersensitivity) โดยก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคดังกล่าว เธอทำงานเป็นนักออกแบบและบรรณาธิการนิตยสารแห่งหนึ่ง แต่เมื่ออายุ 30 ปีอาการแพ้ของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอรู้สึกอ่อนแรงและไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ จึงเข้ารับการรักษาและนั่นจึงทำให้เธอต้องออกจากงานเพื่อพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน อาการเเพ้ของเธอตอบสนองกับสารเคมีแทบจะทุกชนิด…
-
เหล่าแมวเหมียวผลัดกันมาเคาะบ้านหญิงสาว เพื่อขอความช่วยเหลือ และเธอก็ช่วยพวกมันไว้ทุกตัว!!
เรื่องมีอยู่ว่ามีเจ้าเหมียวมากหน้าหลายตาโผล่มาที่หน้าบ้านของหญิงสาวคนหนึ่ง เพื่อขอความช่วยเหลือ แล้วเธอก็ช่วยมันไว้ทุกตัว ทุกอย่างมันเริ่มต้นที่เจ้า Sophia เจ้าเหมียวตัวสีดำสวมชุดทักซิโด้ตัวน้อย ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของครอบครัวของเธอตั้งแต่ช่วยเดือนเมษายน ปี 2013 “ในตอนนั้นมันเป็นแมวจรจัดที่ถูกทิ้งไว้ มีอายุเพียงแค่ 3 วัน” คุณ Maria Delk เล่า เจ้าแมวเหมียวกำพร้าแม่ตัวน้อยยังคงมีสายสะดือติดอยู่กับตัวในตอนที่ครอบครัวของคุณ Maria ได้พบเจอกับมัน หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ทำการรักษาพยาบาลมันให้กลับมามีสุขภาพที่ดีอีกครั้งหนึ่ง เจ้าเหมียวตัวน้อยได้สัมผัสกับความอบอุ่นและความรักที่แท้จริง หลังจากที่รับเจ้าเหมียวมาเลี้ยงอีกเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็เริ่มมีเหล่าแมวเหมียวแวะเวียนมาที่บ้านของพวกเขาอยู่บ่อยๆ ราวกับว่ากลายเป็นสวรรค์ของเหล่าแมวเหมียวไร้บ้านเลยล่ะ เหมือนกับว่ามีแมวเหมียวตัวหนึ่งที่ผ่านมาบ้านหลังนี้แล้วถูกช่วยไว้ ได้น้ำได้อาหารทาน พอมันออกไปข้างนอกก็ไปบอกพรรคพวกของมันว่าที่นี่มีอาหารนะ มีน้ำนะ แล้วก็พากันแห่ไปที่นั่น “มีแมวแปลกหน้ามากกว่า 15 ตัวที่แวะเวียนมาที่หน้าบ้าน ฉันได้ตั้งชื่อให้กับพวกมันไปบ้างแล้วเป็นบางตัว แต่บางตัวก็ยังไม่ได้ตั้งให้” คุณ Maria เล่า แมวที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแมวจรจัดไม่เช่นนั้นก็เป็นแมวที่หลงมา และก็มีแมวเป็นจำนวนมากที่มาที่บ้านของคุณ Maria แล้วมีอาการบาดเจ็บหรือต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งเธอก็ช่วยเหลือมันทุกตัว และด้วยเหตุนี้เองด้วยความรักความอบอุ่นของเธอที่มีต่อเหล่าแมวเหมียวนั้นก็กลายเป็นเรื่องราวที่เหล่าแมวเหมียวพากันไปบอกต่อๆ จนทำให้มีแมวเหมียวมากมายเดินทางแวะเวียนมาที่บ้านของเธอ และหนึ่งในแมวเหมียวที่มาเที่ยวที่หน้าบ้านของคุณ Maria ชื่อว่าเจ้า Bob…
-
เศรษฐีหนุ่มยอมทิ้งความสุขสบาย เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือสุนัขจากตลาดขายเนื้อในแถบเอเชีย
Mark Ching หนุ่มนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ใช้ชีวิตแบบปกติเหมือนกับคนทั่วไป เขาจะใช้เวลาว่างเพื่อช่วยเหลือเหล่าสุนัขที่ถูกทำร้าย และหาบ้านใหม่ให้กับพวกมัน หลังจากที่เขาได้ยินเรื่องราวของความน่ากลัวว่ามีประเพณีการขายเนื้อสุนัขในประเทศจีน จึงทำให้เขาตัดสินใจว่าจะต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อช่วยเหล่ามะหมาให้รอดพ้นจากการถูกฆ่า ชีวิตของนาย Mark ได้เปลี่ยนไปตั้งแต่ปี 2015 เมื่อเขาได้ยินเรื่องราวของเทศกาลประจำปีของชาวจีนชื่อว่า Yulin Dog Meat Festival ที่จะนำสุนัขมาเชือดแล้วก็ขายกันเป็นหมื่นๆ ตัว จึงได้ทำการตัดสินใจที่จะตีตั๋วบินจากนคร Los Angeles ไปสู่ประเทศจีน และทำการช่วยชีวิตของเหล่ามะหมาผู้มีชะตากรรมโชคร้ายออกมาให้ได้มากที่สุด “ทริปแรกของผมเป็นช่วงหลังจบงานเทศกาล Yulin เมื่อวันที่ 1 กันยายน เมื่อผมเดินทางไปถึงเมืองจีน ผมเห็นสิ่งที่พวกเขาทำ ผมรู้ดีว่าที่นี่เค้าทานเนื้อสุนัขกัน แต่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าก่อนที่จะฆ่าพวกมันเพื่อเอาเนื้อมาทานนั้นได้มีการทารุณกรรมพวกมันด้วย ผมว่ามันไม่ถูกต้อง” Mark กล่าว จากนั้นเขาก็เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชียอย่างเช่น เกาหลีใต้ และเวียดนาม เยี่ยมชมตลาดซื้อขายเนื้อสุนัขและโรงฆ่าสัตว์ พร้อมกับเริ่มดำเนินการช่วยเหลือพวกมัน ตอนแรกเขาตั้งใจไว้ว่าจะช่วยเจ้าหมาที่กำลังจะถูกฆ่าเพื่อนำเนื้อไปขายกว่า 249 ตัว ใน 4 ทริปแรกที่เขาเดินทางมาที่นี่ แต่ท้ายที่สุดก็พบว่าพวกมันได้ถูกฆ่าไปจนเกือบหมด…
-
หนุ่มแชร์พฤติกรรมแปลกๆ ของเจ้าหมาน้อย ชอบคาบ ‘ลูกสน’ กลับมาเก็บไว้ที่บ้าน…
บางครั้งเหล่ามะหมาทั้งหลายเองก็มักจะมีกิจกรรมอะไรที่ตัวเองชอบทำ และเราที่เป็นเจ้าของก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ เช่นเดียวกันกับเจ้าหมาชื่อว่า Buddy ตัวนี้ ที่มีงานอดิเรกคือการเก็บสะสม ‘ลูกสน’ เจอเป็นไม่ได้ต้องคาบกลับมาเก็บไว้ที่บ้านทุกที!? นี่คือ Joey Sweren หนุ่มวัย 19 ปี และเจ้าหมาของเขาชื่อว่า Buddy ทั้งคู่อาศัยอยู่ในเมือง Ocean City รัฐ Maryland นาย Joey เล่าว่าเขารับเจ้า Buddy มาเลี้ยงเมื่อ 5 ปีก่อน “มันเป็นหมาที่มีความมั่นใจสูงมาก มันไม่เคยกลัวหมาที่ตัวใหญ่กว่าเลย พอเห็นก็จะพุ่งเข้าใส่แล้วก็เล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน” แต่ว่าเจ้า Buddy มันมีงานอดิเรกที่แปลกและไม่เหมือนใคร เพราะมันชอบเก็บสะสมลูกสนเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ Joey ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองนี้เมื่อ 7 เดือนก่อน ตอนนี้เจ้า Buddy ก็ได้เก็บสะสมลูกสนมาแล้วมากกว่า 60 ลูกเลยทีเดียว และมันก็จะเอาไปเก็บไว้บริเวณตู้คอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศ “มันมักจะกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจเมื่อหาลูกสนพบ ความจริงแล้วในทุกๆ วันการพามันออกไปเดินเล่นจะจบลงก็ต่อเมื่อมันเจอลูกสนและคาบกลับมาเก็บไว้ที่บ้าน” เขาก็เลยตัดสินใจถ่ายภาพ…
-
เจ้าของฟาร์มถึงกับเดือด หลังม้าตาย 2 ตัว เพราะกิน ‘ถุงอึสุนัข’ ที่มีคนโยนเข้ามาในฟาร์ม
เจ้าของฟาร์มที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Warlingham เมือง Surrey ประเทศอังกฤษ ถึงกับหัวร้อนเมื่อมีคนมักง่ายโยนถุงอึ๊หมาเข้ามาในฟาร์มของตน จนทำให้ม้าของเขาเสียชีวิตไปแล้วถึง 2 ตัว เพราะกินอึ๊หมาเข้าไป ด้วยเหตุนี้เองเจ้าของฟาร์มจึงนำป้ายมาติดไว้ที่บริเวณข้างรั้วเพื่อป้องกันเหตุการณ์อันน่าเศร้าแบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก ในป้ายเขียนเอาไว้ว่า “คุณได้ฆ่าม้าที่อยู่ในฟาร์มนี้ไปแล้ว 2 ตัว ด้วยการโยนถุงอึสุนัขข้ามรั้วเข้ามาในสนามหญ้า ตัวแรกนั้นตายไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ และจากชันสูตรก็พบว่าในท้องของมันมีแต่ถุงอึหมาเต็มไปหมด และตัวที่สองก็เพิ่งจะตายไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งสัตวแพทย์ก็บอกว่าเกิดจากสาเหตุเดียวกันกับตัวแรก ม้ามันได้กลิ่นคล้ายธัญพืชที่เป็นอาหารของมันจากอึสุนัข และมันก็กินเข้าไปโดยที่ไม่รู้หรอก ตอนนี้เจ้าม้าตัวเล็กกลายเป็นลูกกำพร้าไม่มีแม่ของมันคอยดูแลอีกต่อไป ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะคุณไม่ยอมเก็บอึหมาของคุณกลับไปที่บ้านด้วย หรือโยนมันทิ้งลงถังขยะให้เป็นที่เป็นทาง” โฆษกขององค์กรช่วยเหลือสัตว์ RSPCA (Royal Society for the Prevention of Cruelty to Animals) ได้เห็นเรื่องดังกล่าวนี้ ก็เลยออกมาให้ข้อมูลเสริมอีกว่า การทิ้งถุงอึสุนัขบนสถานที่สาธารณะนั้นเป็นอะไรที่อันตรายมากๆ เพราะมันสามารถเข้าไปติดพันอยู่ในลำไส้ของสัตว์ที่เผลอกินมันเข้าไป นอกจากนี้ยังเสี่ยงที่ถุงนั้นจะติดไปกับจมูกของมันและทำให้ไม่สามารถหายใจได้อีกด้วย เพระาฉะนั้นเหล่าคนเลี้ยงหมาทุกคนควรทำก็คือ การทิ้งถุงอึสุนัขลงถังขยะ และต้องตรวจดูให้แน่ใจด้วยว่าผูกมันเอาไว้อย่างแน่นหนา และอยู่ในถังขยะเรียบร้อยดีแล้วทุกครั้ง เลี้ยงสุนัขแล้วก็ต้องดูแลให้ดี และต้องใส่ใจส่วนรวมด้วยนะจ๊ะ ที่มา : metro
-
‘ดิลโด้งาช้าง’ จากยุควิคตอเรียถูกนำมาประมูลขาย คาดว่าราคาสูงถึง 30,000 บาท!!
‘ความต้องการทางเพศ’ นั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่ว่าใครต่างก็ต้องพบเจอ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีจัดการกับมันแตกต่างกันออกไป บ้างก็อาจจะใช้ตัวช่วย (เซ็กส์ทอย) บ้างก็อาจจะเลือกที่จะไม่สนใจแล้วปล่อยให้ผ่านไป เป็นต้น แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชม ‘ดิลโด้’ จากยุควิคตอเรีย (คริสต์ศตวรรษที่ 19) ที่ขอบอกเลยว่ามันช่างอลังการงานสร้างซะจริงๆ ดิลโด้ที่ทำขึ้นมาด้วยมือจากงาช้างจากครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยชาวอังกฤษ ที่ไปอาศัยอยู่ในไอร์แลนด์ เชื่อว่าฝ่ายสามีทำขึ้นมาเพื่อให้ภรรยาเป็นของขวัญวันเกิดในช่วงปี 1840 สภาพของมันนั้นดูใหม่เอี่ยมเพราะได้รับการเก็บรักษาดูแลไว้เป็นอย่างดีในกล่องที่ดูหรูหรา เจ้าดิลโด้งาช้างนี้ถูกนำมาประมูลในงานประมูณที่จัดขึ้นในเมือง County Meath ประเทศไอร์แลนด์ และคาดว่าน่าจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 30,000 บาทเลยทีเดียวเชียว ยุคสมัยวิคตอเรียเป็นยุคที่เรียกได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเป็นยุคสูงสุดของจักรวรรดิอังกฤษ ซึ่งตรงกับสมัยการปกครองของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ในยุคนั้นประเทศอังกฤษได้แผ่ขยายอาณานิคมไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์แล้วพบว่าในช่วงยุควิคตอเรียนั้นมีการใช้งานเซ็กส์ทอยกันอย่างแพร่หลาย แต่ส่วนมากแล้วจะถูกใช้ในรูปแบบของการรักษาอาการป่วยซะมากกว่าที่จะนำมาบำบัดความใคร่ แหม่ คนเข้าร่วมประมูลเจ้าดิลโด้งาช้างนี้เค้าคงอยากได้เอาไปตั้งโชว์เป็นของสะสมอย่างแน่นอนเลยล่ะนะ ที่มา : dailymail
-
รวม 22 ภาพที่ทำให้เห็นว่า “พ่อแม่กับลูก” จริงๆ แล้ว คล้ายกันขนาดไหน!!
เชื่อว่าทุกคนเคยได้ยินญาติๆ หรือเพื่อนๆ ของพ่อแม่พูดว่า ตนเองนั้นมีความคล้ายกับพ่อแม่ของตนเองขนาดไหน แต่ก็นั่นแหละ คนส่วนมากก็ไม่เคยเห็นพ่อแม่ของตัวเองตอนอายุเท่ากับตัวเขาตอนนั้นๆ ก็เลยไม่รู้ว่ามันคล้ายขนาดไหน ล่าสุดเว็บไซต์ BoredomTherapy ได้รวบรวมภาพ “ความคล้าย” ของ “พ่อแม่และลูก” ในอายุเท่าๆ กัน จากชาวเน็ตต่างประเทศทั้งหลายที่ร่วมส่งกันเข้ามา ซึ่งงานนี้ก็มีคนร่วมสนุกเพียบ เพื่อนๆ เห็นแล้วต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ช่างเหมือนกันจริงๆ” นะ อยากรู้แล้วล่ะสิว่าเหมือนขนาดไหน ลองไปชมกันเลย ภาพของเด็กหญิงกับพ่อของเธอตอนอายุเท่ากัน ไม่บอกนึกว่าฝาแฝด ภาพลูกชายถ่ายเมื่อปี 2014 ทางซ้าย ส่วนทางขวาพ่อถ่ายเมื่อปี 1977 แม่ (ซ้าย) ลูก (ขวา) ตอนอายุ 4 เดือนเท่ากัน พ่อ (ซ้าย) ลูกสาว (ขวา) ทางซ้ายคุณพ่อถ่ายเมื่อปี 1978 ทางขวาคุณลูกถ่ายเมื่อปี 2013 Reese Witherspoon กับลูกสาว Ava…
-
เด็กน้อยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตำรวจทั้งโรงพักช่วยกันตามให้วุ่น สุดท้ายหลบอยู่ใต้เตียง…
สมัยก่อนเราคงเคยได้ยินข่าวการลักพาตัวเด็กอยู่บ่อยๆ แต่ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้วข่าวเด็กหายก็ยังคงมีให้เห็นมากขึ้นในแต่ละวัน เมื่อเป็นเช่นนี้ เวลาที่เจ้าตัวเล็กหายตัวไปแน่นอนว่าหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่แทบจะแหลกสลายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แน่นอน เดือดร้อนต้องคิดหาทุกวิถีทางเพื่อจะค้นหาลูกให้เจอ… เหตุการณ์นี้ก็เช่นกัน เมื่อเด็กน้อยวัย 9 ขวบได้หายตัวออกไปจากบ้าน ผู้เป็นแม่และคนในครอบครัวรู้สึกร้อนใจอย่างมาก ภาพของเด็กน้อยที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในตอนเช้า เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมาเว็บไซต์ dailymail ได้รายงานว่าตำรวจท้องที่ของเมือง Gateshead ประเทศอังกฤษได้รับแจ้งความว่ามีเด็กชายวัย 9 ขวบหายตัวไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย คุณ Michelle หญิงสาววัย 49 ปีแม่ของเด็กน้อย Josh Dinning พบว่าลูกของเธอได้หายตัวไปจากห้องนอนในตอนเช้าในระหว่างที่เธอกำลังจะไปปลุกเขาเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนตอนเก้าโมงครึ่ง เธอบอกว่าในคืนก่อนเข้านอนเธอเป็นคนส่งลูกน้อยเข้านอนด้วยตัวเอง แต่ในตอนเช้าเมื่อเธอมาปลุกเขาเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน กลับพบว่าเตียงว่างเปล่าผู้เป็นแม่ตกใจอย่างมากจึงพยามที่จะค้นหาตัวลูกน้อยให้พบ ตำรวจหลายนายถูกระดมกำลังเพื่อตามหาตัวเด็กชายวัย 9 ขวบ หลังจากที่หมดปัญญาในการค้นหา แม่ของเด็กได้โทรแจ้งกับสถานีตำรวจ และทันใดนั้นตำรวจหลายสิบนาย รวมไปถึงเฮลิคอปเตอร์ สุนัขตำรวจและเรือลาดตระเวณถูกส่งออกมาเพื่อตามหาตัวเจ้าหนู ลูกพี่ลูกน้องของเด็กน้อย Scott วัย 20 ปีได้บอกว่า “เขาไม่ใช่พวกที่จะชอบเล่นซ่อนแอบหรือแกล้งให้คนอื่นตกใจเล่น คุณคงจะเห็นข่าวเด็กหายอยู่บ่อยๆ ใช่มั้ยล่ะมันน่ากลัวมาก ดังนั้นเมื่อเค้าหายตัวไปพวกเราจึงเป็นกังวล” การค้นหาดำเนินไปอย่างเข้มข้นแม่ของเด็กและคนในครอบครัวได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้พบกับลูกน้อยอีกครั้ง ไม่เพียงเท่านั้นห้องสมุดในเมือง ยังช่วยพิมพ์ภาพของเด็กน้อยแจก ให้กับผู้ที่มาใช้บริการ เพื่อเป็นการช่วยตามหาตัวเด็กน้อยด้วยอีกแรง หลังจากการค้นหานานกว่า 4 ชั่วโมง เวลาประมาณบ่ายโมง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในทีมค้นหาก็พบตัวเด็กน้อยเข้า!! Josh…
-
ทำความรู้จักกับ “Black Insomnia” กาแฟที่ได้ชื่อว่าเข้มที่สุดในโลก แก้วเดียวตึง!!
เชื่อว่าคนส่วนมากคงจะเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยกาแฟหอมๆ ซักหนึ่งแก้วอย่างแน่นอน และรสนิยมความชอบการแฟของแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกันไป บางคนชอบแบบเข้ม บางคนชอบแบบหวานมัน และวันนี้เราขอแนะนำกาแฟที่เข้มที่สุดในโลก เอาใจคนชอบความซาดิสม์ รับรองว่าแก้วเดียวก็สามารถที่จะทำให้คุณตาแข็งได้ถึงเช้าอีกวันแน่นอน เจ้ากาแฟที่ว่านี้คือ Black Insomnia กาแฟดำที่เข้มข้นที่สุด เพียงแค่ 12 ออนส์คุณก็จะได้รับปริมาณมาณคาเฟอีนมากถึง 702 มิลิกรัมเลยทีเดียว งานนี้มีหวังไม่ได้หลับกันพอดี!? กาแฟสุดเข้มที่ว่านี้ถูกคิดค้นขึ้นในปี 2016 โดย Sean Kristafor ชาวแอฟริกาใต้ผู้คลั่งไคล้กาแฟ เขาได้ตั้งเป้าหมายที่จะผลิตกาแฟที่เข้มที่สุดในโลกขึ้นมา โดยเขาได้ค้นหาวัตถุดิบเพื่อมาผลิตจากกาแฟพันธุ์โรบัสต้าที่มีความเข้มข้นหลายสายพันธุ์ แทนการใช้กาแฟพันธุ์อารบิกาที่มีความหอม การเลือกเมล็ดกาแฟและการคั่วเมล็ดเพื่อให้รสชาติที่เข้มข้นถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับ คุณ Sean Kristafor บอกเพียงว่า “เราสามารถที่จะผลิตกาแฟที่เข้มที่สุดในโลกขึ้นมาได้แล้ว และต้องลดความเข้มของมันลงนิดหน่อยสำหรับผลิตภัณฑ์ที่จะจัดจำหน่ายออกไป เพื่อให้ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค” หลังจากออกสู่ตลาดครั้งแรกในเดือนมิถุนายนปีที่ 2016 เราสามารถชิมความเข้มของกาแฟนี้ได้เฉพาะที่ร้านกาแฟในเมือง Cape Town ประเทศแอฟริกาใต้เท่านั้น แต่ตอนนี้มีข่าวดีสำหรับคอกาแฟ เพราะในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาพวกเขาได้ส่งออกกาแฟสุดเข้มนี้ไปกว่า 22 ประเทศทั่วโลก และตอนนี้คุณสามารถสั่งซื้อผ่านทางอเมซอนได้แล้ว กาแฟ Black Insomnia ได้รับการตอบรับอย่างดีมาก บริษัทผู้ผลิตบอกว่าพวกเขาสามารถจำหน่ายมันได้ถึง 5 หรือ 6 ตันต่อเดือนเลยทีเดียว!! และเพื่อเป็นการยืนยันถึงความเข้มของมัน ทางคุณ Sean Kristafor ได้ส่งเจ้ากาแฟสุดเข้มนี้ไปทดสอบกับห้องแลปในสวิตเซอร์แลนด์…
-
ขบวน ‘จักรยานดอกไม้’ โผล่กลางเมืองเซา เปาโล แจกความสดใสให้กับทุกเช้าและทุกคน!!
ในเมืองใหญ่ที่ผู้คนใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ แต่หากมีบางสิ่งบางอย่างที่ดูสดใสอย่างขบวนจักรยานดอกไม้มาเติมเต็มความสดใสให้ล่ะก็ คงจะเป็นอะไรที่ดูน่ารักไม่เบา ชาวแก๊งจักรยานดอกไม้ที่ปั่นไปทั่วเมือง São Paulo ประเทศบราซิลในทุกๆ เช้าโดยมีเป้าหมายเพื่อแจกความสดใสให้กับทุกๆ คน เป็นไอเดียของศิลปิน Azuma Makoto ที่ต้องการที่จะสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับเมือง และผู้คนในทุกๆ วันจนกว่าจะถึงวันที่ 7 เมษายน โดยเหล่าผู้ปั่นจักรยานจะมีชื่อเรียกว่า Flower Messenger ที่จะปั่นจักรยานดอกไม้ไปตามเส้นทางต่างๆ ที่วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อแจกจ่ายความสุก ความสดใสร่าเริง ด้วยดอกไม้ที่ประดับประดา ไว้บนจักรยาน “Flower Messenger จะช่วยลดแรงตึงเครียดของเมืองที่เร่งรีบ ด้วยการสร้างความสนุกสนาน และส่งมอบข้อความที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับพวกเขา ทุกคนจะต้องฉงน เพราะถนนที่ดูโล่งและราบเรียบในเมื่อวาน แต่ในวันนี้กลับเต็มไปด้วยดอกไม้ และเมื่อเหล่าดอกไม้หายไป ทุกคนจะต้องคิดถึงมัน…” Marcello Dantas กล่าวถึงแคมเปญดังกล่าวนี้ . . . . . . . . . . …
-
เจ้าหมาที่ถูกล่ามโซ่มาตลอดชีวิต กับอิสรภาพชีวิตใหม่ที่ถูกปลดปล่อย โดยมนุษย์ผู้ใจดี!!
เรื่องราวชีวิตอันน่าหดหู่ของเจ้าหมาที่ถูกโซ่ล่ามคอมาอย่างยาวนาน จนขนบริเวณคอของมันถูกย้อมไปด้วยสีของเหล็กเพราะถูกเสียดสี หญิงสาวคนหนึ่งบังเอิญขับรถผ่านมาเห็นเจ้าหมาที่ชื่อว่า Violet พร้อมกับเพื่อนๆ ของมันอีก 5 ตัว ที่ถูกล่ามเอาไว้แบบเดียวกันในบ้านหลังหนึ่ง “จากภาพก็สามารถคาดเดาได้ว่าพวกมันน่าจะถูกล่ามแบบนี้มาตั้งแต่เกิด” Angela Stell ผู้อำนวยการขององค์กรช่วยเหลือสัตว์ NMDOG เล่า บ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่ในแถบ Miguel County รัฐ New Mexico ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในพื้นที่นี้การล่ามสุนัขทิ้งไว้โดยที่ไม่มีเจ้าของคอยดูแล ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย คุณ Angela จึงตัดสินใจเดินทางไปแจ้งกับองค์กรช่วยเหลือสัตว์ Animal Welfare Coalition of Northeastern New Mexico ที่อยู่ในรัฐ New Mexico และสำนักงานนายอำเภอ เพื่อเรียกร้องอิสระภาพให้กับเจ้าหมา “ฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีคนอยู่ในบ้านหลังนี้หรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหมาเหล่านี้ถูกทิ้งขว้างให้อยู่อย่างน่าอดสู” คุณ Angela เล่า เธอสามารถช่วยเหลือเหล่าหมาที่ถูกล่ามออกมาได้ทั้งหมด และรีบพามันไปหาหมอเพื่อทำการรักษา เจ้า Violet นั้นดูเหมือนจะมีอาการหนักกว่าเพื่อนผิวหนังของมันเป็นแปลและถูกแมลงวันเข้ามาวางไข่จนเกิดอาการติดเชื้อ เจ้าหน้าที่จึงทำการรักษาด้วยการขูดเนื้อบริเวณที่ติดเชื้อออก และตอนนี้อาการของมันก็ดีขึ้นมากแล้ว “มันเป็นหมาที่ขี้กลัวมากๆ ถ้าหากว่าเราขยับมือ หรือร่างกาย…
-
ความเชื่อดั้งเดิมของชาวจีน กับประเพณี ‘เท้าดอกบัว’ ที่ใกล้จะหายไปจากโลกนี้แล้ว!!
บนโลกของเรานั้นมันช่างกว้างใหญ่ซะเหลือเกิน ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ผู้คนทั้งโลกดำเนินชีวิตเหมือนกันไปซะทั้งหมด สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันก็ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนมีความหลากหลาย สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมวัฒธนธรรมความเชื่อในเรื่องของความงามของหญิงจีนแบบโบราณ ต้องขอบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ เลยล่ะ ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวจีนโบราณจะมีประเพณีที่ชื่อว่า ‘Lotus Feet’ หรือ เท้าดอกบัว ผู้หญิงจีนจะต้องนำผ้ามามัดเท้าของตัวเองอย่างหนาแน่นตั้งแต่ช่วงวัยเจริญเติบโต คือ 4-9 ขวบ เพื่อให้เท้าของพวกเธอมีขนาดเล็ก เพราะเชื่อว่ามันคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความงดงาม และฐานะทางสังคม ประเพณีนี้เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในประเทศจีนเมื่อช่วงยุคก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20 แต่ภายได้ถูกยกเลิกออกไป และรัฐบาลจีนก็ได้ทำประกาศว่ามันผิดกฎหมายในปี 1911 ปัจจุบันยังคงหลงเหลือชาวบ้านที่ยังคงดำเนินตามแบบแผนของวัฒนธรรมโบราณนี้อยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น และเท้าของพวกเธอแต่ละคนก็จะมีรูปร่างที่แปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด นิ้วเท้าจะงอม้วนเข้าหาตัว และกระดูกมีรูปร่างที่แปลกประหลาด เพราะถูกรัดเอาไว้จนทำให้เจริญเติบโตผิดรูปร่าง และนี่ก็คือภาพถ่ายของคุณยายทั้งหลายในเมือง Biejie ที่เป็นกลุ่มสุดท้าย ที่ยังคงรักษาประเพณีความเชื่อดั้งเดิมนี้อยู่ . . . . . . . ที่มา : dailymail
-
หญิงสาวหัวร้อน ตะโกนด่าคู่รักที่กำลังจู๋จี๋อย่างดุเดือด ชาวบ้านชาวช่องถึงกับงง…
“โอย!! จะรักกันไปไหนเนี่ย” คนโสดหลายคนคงจากจะตะโกนคำนี้ใส่คู่รักหวานแหววที่เดินจูงมือกันไปมา ทำให้พวกเราอิจฉากันบ้างแน่ๆ แต่ก็คงได้แต่เก็บความเจ็บช้ำนี้ไว้กับตัวและโพสต์ลงหน้าเฟซบุ๊กของตัวเองเท่านั้น ก็แน่ล่ะใครมันจะไปกล้าขนาดนั้น… แต่เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีคนหญิงสาวหัวร้อนคนหนึ่ง เธอหงุดหงิดอย่างมากที่เห็นคู่รักกระหนุงกระหนิงกันหน้าบาร์สลัด จึงตะโกนออกไปประมาณว่า “ได้ไหมช่วยไปน่ารักไกลๆ หน่อย” รายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรติดตามได้จากข่าวนี้เลย ชาวเน็ตท่านหนึ่งได้โพสต์คลิปวีดีโอเหตุการการทะเลาะกันระหว่างหญิงสาวผู้หนึ่งกับเขาและแฟนสาว ในคลิปเผยให้เห็นภาพของหญิงสาวผู้เกรี้ยวกราดที่กำลังตะโกนด่าคู่รักอย่างเอาเป็นเอาตาย และขณะนี้การกระทำของหญิงสาวผู้นี้กำลังถูกวิจารณ์อย่างมากในโลกอินเตอร์เน็ต ท่าทางของเธอเกรี้ยวกราดมาก!! ชายหนุ่มเจ้าของคลิปวีดีโอบอกว่า “ในระหว่างที่ผมกับแฟนกำลังรอสั่งอาหารอยู่นั้น ผมได้โอบกอดแฟนสาวของผมและจูบหน้าผากเธอเบาๆ ทันได้นั้นผู้หญิงเสื้อสีแดงที่กำลังยืนรอจ่ายเงินอยู่ เธอก็หันมาหาพวกผมแล้วตะโกนออกมาว่าพวกผมทำเรื่องอะไรกัน ไม่อายคนอื่นบ้างหรืออย่างไร ตอนแรกผมนึกว่าเธอแค่พูดเล่น แต่ท่าทีของเธอหลังจากนั้นหมือนโกรธและเรื่องก็เป็นอย่างในคลิปวีดีโอที่คุณเห็น” คำหยาบมากมายถูกกระหน่ำใส่คู่รักทั้งสอง และต่อหน้าผู้คนในร้านอาหารจำนวนมาก หลังจากนั้นชายหนุ่มจึงได้ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่ออัดวิดีโอ ทันทีที่รู้ตัว่าถูกถ่ายวิดีโออยู่ เธอก็ยิ่งอารมณ์เสียและบอกว่า“ฉันต้องการพบผู้จัดการเพื่อต้องการเอาเงินคืน ฉันจะแจ้งความกับตำรวจว่าพวกคุณทำอาณาจารในที่สาธารณะ และช่วยเอากล้องนั่นเก็บด้วยมันคือการล่วงละเมิดฉัน #@!-#” ลองไปฟังคลิปเสียงของเธอชัดๆ กัน (คลิปวีดีโอนี้อาจมีคำหยาบ) ถือว่าดุเดือดมากเลยนะเนี่ยสำหรับการกระทำของหญิงสาวผู้นี้ แต่เราก็คงจะตัดสินอะไรไม่ได้มากหรอก เพราะว่าคลิปวีดีโอนี้ไม่เริ่มอัดตั้งแต่ต้น แต่สำหรับการกระทำของเธอเราก็คงพอจะรู้ละนะ ว่าทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย!? ที่มา distractify
-
ชายหนุ่มคิดค้น “อุปกรณ์ยึดมือถือกับกระเป๋ากางเกง” จะเก่งแค่ไหน ก็ล้วงไปไม่ได้!!
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ปัจจุบันสมาร์ทโฟนถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีส่วนสำคัญในชีวิตของเราอย่างมากจนแทบจะกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของใครหลายๆ คนไปแล้ว เพราะแค่เพียงเครื่องเดียวเราก็สามารถที่จะทำอะไรได้หลายอย่างทั้งถ่ายรูป โทรศัพท์ติดต่อธุรกิจ คุยหาเพื่อนหาแฟน จีบสาวที่อยากรู้จัก หรือแม้แต่เป็นไฟฉายในยามฉุกเกินก็ยังได้ แต่ปัญหาหนึ่งที่ทุกคนมักจะเจอกันก็คือ มันชอบหาย!! ถึงแม้ว่าเราจะเก็บมันไว้อย่างดีในกระเป๋าแค่ไหน มันก็มักจะหล่นหรือโดนล้วงไปได้ง่ายๆ แต่ต่อจากนี้เราไม่ต้องกังวลว่ามือถือจะหล่นจากกระเป๋าอีกต่อไป เพราะมีหนุ่มคนหนึ่งผู้เคยประสบกับปัญหานี้เช่นกัน เขาได้คิดค้นอุปกรณ์ป้องกันการโจรกรรมมือถือ หน้าตาและการทำงานของมันจะเป็นอย่างไรติดตามได้จากข่าวนี้เลย… อุปกรณ์ป้องกันมือถือโดนขโมย ถึงจะดูเล็กๆ แต่กลับมีประโยชน์อย่างมาก หนุ่มสวีเดนเล่าถึงประสบการการโดนขโมยโทรศัพท์ของเขาว่า “ในระหว่างที่ผมกำลังเดินอยู่บนถนนในกอเทนเบิร์ก ประเทศสวีเดน ผมได้เดินชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง ในครั้งแรกผมไม่ได้รู้สึกเอะใจอะไรจนกระทั่งผ่านมาได้ซักพัก ผมพบว่าโทรศัพท์ของผมหายไป ผมพยายามตามหาอย่างมากแต่ก็ไม่พบ นั่นจึงเป็นที่มาของโปรเจคนี้ มันคืออุปกรณ์ที่จะช่วยป้องกันมือถือคุณจากการโดนขโมย” เค้าอธิบายถึงที่มาของอุปกรณ์ที่ชื่อว่า C-Safe ที่จะคอยช่วยปกป้องมือถือของคุณ สบายใจได้เลยว่า โทรศัพท์ของคุณจะถูกปกป้องจากการถูกขโมยอย่างแน่นอน การทำงานของมันนั้นก็ง่ายๆ เพียงแค่คุณติดตัวยึดเล็กๆ ไว้หลังมือถือคุณแล้วนำไปเกี่ยวกับที่เกี่ยวที่ติดอยู่กับกระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋ามือถือคุณ เพียงแค่นี้มือถือก็จะปลอดถัย ไม่หล่นหรือโดนขโมยอีกต่อไปแล้ว และที่สำคัญเจ้า C-Safe นี้ยังกันน้ำและมีความทนทานอย่างมากอีกด้วย และนี่คือหน้าตาและส่วนประกอบของมัน ถึงแม้จะดูเรียบง่ายแต่มีประโยชน์เกิดตัวจริงๆ . ลองไปชมคลิปวีดีโอสาธิตการทำงานของมันเต็มๆ ได้เลย และตอนนี้เค้ากำลังเปิดระดมทุนผ่าน KickStarter…
-
ข้อคิดดีๆ จากการปราศัยของ แจ๊ค หม่า “ถ้าหากอยากจะมีชีวิตที่เรียบง่าย ก็จงอย่าเป็นผู้นำ”
หลายๆ คนคงจะรู้จักและคุ้นเคยกับ Jack Ma กันเป็นอย่างดี จากผู้ที่ไม่มีอะไรเลย สามารถพาบริษัท Alibaba พุ่งทะยานสู่ความสำเร็จและความรุ่งเรืองได้ คงไม่มีใครสงสัยในความเก่งของนักธุรกิจชาวจีนท่านนี้อย่างแน่นอน และเมื่อไม่นานมานี้ เขาเพิ่งได้กล่าวคำปราศัยที่สำคัญมากอีกครั้งหนึ่ง Alexa von Tobel ผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัท LearnVest ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายของคำปราศัยนี้อย่างสุดซึ้ง และเธอจะมาให้คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการจะเติบโตและประสบความสำเร็จในชีวิต เธอบอกว่า “บางครั้งการที่อยู่ในบทบาทของผู้นำอาจทำให้การพัฒนาตัวเองของคุณหยุดลง ในบางวันคุณอาจจะทำได้ดีมาก แต่บางวันมันก็อาจจะไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้นคุณต้องพัฒนาตัวคุณเองและพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” และนี่ก็คือ 3 ข้อสำคัญที่จะช่วยคุณในการพัฒนาตนเอง จากทัศนคติของแจ๊ค หม่า เอง 1.คุณต้องมีความรัก เธอบอกว่าในการปราศัยนั้น แจ๊ค หม่า กล่าวถึง IQ 3 แบบที่ผู้นำควรจะมี ซึ่งประกอบไปด้วย IQ, EQ และ LQ สำหรับสองอย่างแรกนั้น หมายถึงความฉลาดทางด้านสติปัญญาและความฉลาดทางด้านอารมณ์ แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ผู้นำควรจะมีก็คือ ความฉลาดทางด้านความรัก หรือ LQ (Love Quotient)…
-
คู่รักจากนิวเจอร์ซีย์ สร้างบ้านพักให้น้องหมาใกล้ตาย เพื่อมอบความสุขตลอดช่วงชีวิตที่เหลือ
บ่อยครั้งเรามักจะเห็นภาพของสุนัขจรจัดที่ป่วยใกล้ตาย เดินเร่ร่อนอยู่บนถนน คิดแล้วมันช่างเป็นภาพที่สะเทือนใจซะเหลือเกิน ซึ่งเจ้าหมาเหล่านี้อาจจะเคยมีเจ้าของมาก่อน แต่กลับโชคร้ายที่ต้องมาถูกทิ้งให้เผชิญอยู่ในโลกใบใหญ่เพียงลำพัง และไม่มีผู้คนสนใจ แต่ถึงกระนั้น ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสรัฐอเมริกา กลับมีสถานที่แห่งหนึ่ง ที่บอกเลยว่าทั้งอบอุ่น และเต็มไปด้วยความรัก ซึ่งมันสร้างขึ้นมาสำหรับบรรดาสุนัขจรจัดแก่ๆ ที่ใกล้ตายโดยเฉพาะ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Michelle และ Jeff Allen สองคู่รักจากรัฐนิวเจอร์ซีย์ คู่นี้ ได้สร้างบ้านพัก Monkey’s House ที่มีขนาดกว่า 6 เอเคอร์ ให้แก่สุนัขที่ใกล้ตาย โดยพวกเขาได้รับสุนัขเหล่านี้มาจากศูนย์พักพิงสัตว์ พร้อมกับทำหน้าที่ดูแลพวกมันเป็นอย่างดี นอกจากนี้ สถานที่ดังกล่าวมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับเจ้าหมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเตียง โซฟา รวมถึงอาหารอีกด้วย “นี่ถือเป็นสถานที่สุดท้ายของพวกเขา” Michelle ผู้ก่อตั้ง Monkey’s House กล่าว “ฉันอยากจะให้พวกมันได้นอนอยู่บนเตียง และโซฟา เราต้องการทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้” …
-
ก็แค่คนถูกทิ้ง!! สาวน้อยสร้างเพลย์ลิส ระบายความในใจ หลังจากถูกแฟนหนุ่มขอเลิก
เวลาที่โดนบอกเลิก สิ่งแรกๆ ที่คุณมักจะทำคืออะไร?? ติ๊กต๊อกๆ อ่า ก็คงจะหนีไม่พ้นการขึ้นสเตตัสตัดพ้อ บ่นเรื่องความรัก โทรไปร้องไห้กับพี่อ้อยพี่ฉอดหรือฟังเพลงเศร้าหรืออะไรต่างๆ ก็ว่ากันไปตามสไตล์ของแต่ละคน แต่การจะจมอยู่กับความเศร้าแบบนั้นก็ดูจะเป็นการตอกย้ำตัวเองมากเกินไป แน่นอนในยุคที่การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ง่ายขนาดนี้วิธีการที่จะระบายความอัดอั้นจากอาการอกหักก็มีหลายวิธี และเมื่อเร็วๆ นี้ก็ได้มีสาวน้อยคนหนึ่ง ได้ระบายความอัดอั้นของเธอด้วยการสร้างเพลย์ลิสเพลง เอ๊ะ แล้วมันจะช่วยอะไรได้มากขนาดไหนกัน? เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีสาวน้อยผู้ใช้งานทวิตเตอร์ในชื่อ Hannah Woodley ได้แชร์เพลย์ลิสเพลงของเธอในแอพพลิเคชั่นฟังเพลงออนไลน์ Spotify ซึ่งเป็นแอพลิเคชั่นให้เช่าเพลงที่ได้รับความนิยมสูงในอเมริกา เธอได้สร้างเพลย์ลิสของเธอขึ้นมาเพื่อขอเลิกกับแฟนหนุ่ม โดยชื่อเพลงในเพย์ลิสของเธอนั้นเมื่ออ่านต่อกันจะได้ความหมายประมาณว่า “ฉันยังรักคุณอยู่แต่คุณอาจจะไม่ได้รู้สึกเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรยังไงเราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันได้อยู่ และตอนนี้ฉันเสียใจมาก” นี่คือเพลย์ลิสของเธอที่ใช้เป็นประโยคแทนคำพูดในใจ . และหลังจากที่เธอแชร์ภาพนี้ในทวิตเตอร์ของเธอก็ได้มีผู้คนให้ความสนใจอย่างมาก โดยมีการรีทวีตถึง 50,000 ครั้งและมีคนถูกใจอีกกว่า 1 แสนคน และยังมีคนที่เข้ามาคอมเม้นเพื่อให้กำลังใจเธออีกด้วยอย่างเช่น “ถ้าเขาต้องการจะเป็นเพื่อนกับเธอ ฉันจะไปทำลายห้องของเขาเอง” หรืออีกคนหนึ่งก็ได้แสดงความเห็นประมาณว่า “อย่าปล่อยเรื่องนี้ให้มันผ่านไป เธอต้องทำให้เขารู้สึกบ้าง” ตัวอย่างบางคอมเม้นต์จากชาวเน็ตต่อเรื่องราวของเธอ นอกจากนี้นังมีบางคนช่วยเธอสร้างเพลย์ลิสสำหรับแฟนเก่าด้วยชื่อเพลงต่อๆ กันแบบเจ็บๆ ประมาณว่า “แกทำให้ฉันรู้สึกดีมากเลยว่ะ” หรือ “แกมันเห็นแก่ตัว” ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าแฟนเก่าของ Hannah ได้เห็นเพลย์ลิสที่อดีตแฟนสาวและชาวเน็ตพร้อมใจกันมอบให้รึยังนะเนี่ย…
-
สื่อนอกจัดอันดับ 10 เมือง “โคมแดง” ที่ขึ้นชื่อเรื่องของการค้าประเวณีและแหล่งโลกีย์
โสเภณีอาจเป็นอาชีที่ผิดกฏหมายในหลายๆ ประเทศ แต่ในบางประเทศอาจเป็นอาชีพที่ถูกกฏหมาย การค้าประเวณีถือว่าเป็นเรื่องที่ขัดต่อศีลธรรมอันดี เพราะนอกจากจะเป็นการส่งเสริมการค้ามนุษย์แล้ว การซื้อบริการทางเพศจากเด็กก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ดีอีกด้วย เมื่อไม่นานมานี้สื่อต่างชาติ Therichest ได้จัดอันดับเกี่ยวกับประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการค้าประเวณีอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว ลองไปดูมุมมองของพวกเขาดีกว่า ว่าประเทศใดบ้างที่พวกเขาจัดให้เป็น “เมืองเซ็กส์ทัวร์” อันดับ 10. สาธารณรัฐโดมินิกัน เป็นอีกหนึ่งประเทศในแถบทะเลคาร์ริเบียนที่การค้าประเวณีเป็นสิ่งถูกกฏหมาย มีผู้หญิงขายบริการที่นี่กว่า 60,000 ถึง 100,000 คนและโดยส่วนมากเป็นชาวเฮติ แต่สิ่งที่น่าเศร้ามากที่สุดก็คือหญิงขายบริการของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน สิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจมาเที่ยวที่โดมินิกัน อาจเป็เพราะการเดินทางที่ง่ายเนื่องจากที่นี่ตั้งอยู่ระหว่างอเมริกาและยุโรป อันดับที่ 9. ประเทศ กัมพูชา ถึงแม้ว่ากัมพูชาจะมีกฏหมายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการค้าประเวณี แต่ในความจริงนั้นตรงกันข้าม ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการมาเที่ยวเซ็กส์ทัวร์ ปัจจุบันกัมพูชากำลังประสบกับปัญหาการค้าประเวณีเด็กอยู่ ความยากจนของครอบครัวบีบให้พ่อแม่ต้องส่งลูกเข้าสู่วงการด้านมืดนี้ อันดับที่ 8. ประเทศ เนเธอร์แลนด์ กรุงอัมสเตอร์ดัมเป็นอีกเมืองที่มีการค้าประเวณีสูงที่สุดของประเทศเนเธอร์แลนด์ หลายคนคงจะคุ้นเคยกับป้ายไฟสีแดงริมถนนที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้เป็นอย่างดี มันเป็นสิ่งที่จะทำให้คุณทราบว่าร้านที่ประดับด้วยป้ายไฟนีออนสีแดง มีการขายบริการอยู่หลายรูปแบบเช่นการอาบน้ำโชว์ เต้นอะโกโก้ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ที่นี่อาชีพโสเภณีเป็นสิ่งถูกกฎหมายและได้รับการดูแลด้านสวัสดิการอย่างดี อันดับที่ 7. ประเทศ เคนย่า สำหรับคนที่ชอบความเสี่ยงที่นี่อาจจะเหมาะกับคุณ เคนย่าก็เหมือนกับประเทศต่างๆ…
-
สานฝันท่านผู้นำ มีหน้ากากขายที่ Ebay ราคาสูงกว่า 100,000 บาท ใครอยากได้ก็ซื้อเลย!!
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อนๆ คงได้เห็นคลิปวิดีโอของคนที่ใส่หน้ากากปลอมตัวเป็นผู้นำของประเทศมหาอำนาจอย่าง Donald Trump, Putin และคิม จอง อึน ออกมาเต้นกระดุ๊กกระดิ๊กในที่สาธารณะจนสร้างเสียหัวเราะให้กับผู้คนทั่วโลกกันมาแล้ว ลองไปชมคลิปวิดีโอดังกล่าวที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปซูมชมหน้ากากที่พวกเขานำมาใส่กันให้เห็นแบบชัดๆ ว่ามันไม่ได้เป็นหน้ากากแบบธรรมดาๆ เพราะราคามันช่างสูงลิบลิ่วซะเหลือเกินนน รายละเอียดของหน้ากากนั้นต้องขอบอกเลยว่าทำออกมาได้เสมือนจริง ทั้งเส้นขน และพื้นผิว รอยเหี่ยวย่นต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดูราวกับเป็นของจริง หลังจากที่คลิปวิดีโอของชายสามคนที่สวมหน้ากากกลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลก จู่ๆ ก็มีคนนำหน้ากากที่เหมือนกับในคลิปเด๊ะๆ มาวางขายลงในเว็บไซต์ Ebay และราคาของมันก็โคตะระจะเว่อร์วัง อยู่ที่ 4,300 เหรียญสหรัฐ หรือกว่า 150,000 บาทเลยทีเดียว!! สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่ ebay . ในส่วนของท่านประธานาธิบดีของรัสเซีย Putin อนู่ที่ราคา 77,000 บาท ไม่รวมค่าจัดส่ง หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจก็เข้าไปสั่งซื้อได้ที่ ebay .…
-
พาไปชม ‘โยคะแบบเมทัล’ ที่ดูแล้วไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่มันก็มีอยู่จริงๆ ที่นิวยอร์ก!!
ถ้าหากจู่ๆ เราพูดถึง โยคะ และ เพลงเมทัล หลายๆ คนคงจะคิดว่ามันเป็นอะไรที่ช่างแตกต่างกันซะเหลือเกิน และไม่น่าจะเข้ากันได้เลย… สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมโยคะแบบเมทัล ที่ต้องขอบอกเลยว่ามันมีอยู่จริงๆ และมีผู้เข้าร่วมเยอะซะด้วย!! คลาสโยคะนี้มีชื่อว่า Metal Yoga Bones โดย Saskia Thode จากย่าน Brooklyn เมือง New York City ได้นำวัฒนธรรมแบบฉบับเพลงเมทัล ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรง ความตาย และโครงกระดูก มาผสมสานกับการเล่นโยคะแบบ Zen โดย Saskia จะเป็นคนต้นคิดท่าโยคะแบบใหม่ๆ ขึ้นมาด้วยตัวเอง ซึ่งแต่ละท่าก็จะมีความดิบ ความเถื่อน มีกลิ่นอายของวงเพลงแนวเมทัลตลบอบอวลอยู่เต็มไปหมด ทั้งท่า ‘Destroyer666’ , ‘F*ck you’ หรือ ‘Corpse Pose’ เป็นต้น “ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังฝึกโยคะอยู่ที่บ้าน ฉันก็มักจะเปิดเพลงเมทัลฟังไปด้วย และมันก็รู้สึกสนุกมากๆ…
-
เจ้า Bert หมาพันธุ์ปอมฯ ที่ถูกทิ้งกลับกลายมาเป็นมาสคอต ประจำแกลอรี่ศิลปะ!!
ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเจ้า Bert หมาพันธุ์ Pomeranian ที่ถูกนำไปทิ้งไว้ที่สถานสงเคราะห์ ขณะที่มีอายุได้ 5 เดือนเท่านั้น แต่โชคชะตาชีวิตของมันก็พลิกผันจากเจ้าหมาที่ต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่ในสถานสงเคราะห์ให้เวลาผ่านไปวันๆ กลายมาเป็นเซเลบที่เป็นผู้ดูแลพิพิฒพันธ์งานศิลปะในนิวยอร์คซิตี้ซะงั้น!? Kathy Grayson เจ้าของอาร์ตแกลอรี่ The Hole ที่ตั้งอยู่ในเมืองนิวยอร์คซิตี้ ได้ทำการเปิดใช้งานเว็บไซต์ PetFinder เพื่อดูน้องหมาเล่นๆ แต่ก็ต้องไปสะดุดตากับเจ้า Bert ที่ดูแล้วมันช่างน่ารักซะเหลือเกิน Kathy จึงตัดสินใจที่จะนั่งเครื่องบินไปยังเมือง Tulsa และขับรถต่อไปยังเมืองเล็กๆ ชื่อว่า Sallisaw เพื่อพบกับเจ้า Bert และพามันกลับมาอยู่ที่นิวยอร์คด้วย “มันเหมือนมีอะไรบางอย่าง เมื่อฉันได้จ้องมองเข้าไปในดวงตาของมัน” Kathy เล่า “ในวันะรุ่งนี้เรามีงานเปิดตัวอาร์ตแกลอรี่ใน NYC จะมีคนมากมายหลายคนมาร่วมงาน และเฉลิมฉลองแสดงความยินดีร่วมกับเรา และฉันก็คิดว่าเจ้า Bert ก็พร้อมที่จะเข้าสู่โลกแห่งศิลปะแล้วล่ะ” ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกันมาโดยตลอด และตอนนี้ก็ผ่านมาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว และทุกวันนี้เจ้า Bert ก็ยังคงเดินทางไปทำงานกับเจ้านายของมันอยู่เป็นประจำทุกวัน พร้อมกับสร้างรอยยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับทุกคนที่เข้ามาชมผลงานศิลปะในอาร์ตแกลอรี่ “ในตอนแรกที่มันมาอยู่ที่นี่ มันค่อยข้างที่จะเงียบ…
-
ฝันร้ายของตีนผี… อังกฤษแสบสัน ติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็ว ยัดไว้ในถังขยะ!?
สำหรับคนที่มช้รถใช้ถนนกันอยู่เป็นประจำแล้วล่ะก็ ต้องเคยผ่านประสบการณ์การรับมือกับ ‘กล้องตรวจจับความเร็ว’ กันมาบ้างแล้ว และแน่นอนว่ามันช่างเป็นอะไรที่ยากเย็นแสนเข็ญซะเหลือเกิน เพราะเราไม่ทราบว่าจุดติดตั้งกล้องอยู่ตรงไหน และกว่าจะรู้ตัวก็โดนใบสั่งตามมาถึงบ้านซะแล้ว สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมนวตกรรมกล้องตรวจจับความเร็วแบบใหม่จากประเทศอังกฤษ ที่จะมาเพิ่มความแอดวานซ์ให้กับการตรวจจับความเร็วยิ่งขึ้นไปอีก เรียกได้เลยว่าเป็นฝันร้ายของคนที่ชื่นชอบขับรถด้วยความเร็วเลยทีเดียว และนี่คือกล้องจับความเร็วแบบใหม่ที่กำลังจะถูกนำมาใช้งานตามถนนเส้นต่างๆ ในประเทศอังกฤษ หลังทำการทดลองใช้แล้วพบว่าได้ผลดีเยี่ยม โดยเจ้ากล้องแบบใหม่นี้ถูกออกแบบโดยบริษัทสัญชาติเบลเยียมชื่อว่า SecuRoad ที่จะใช้แสงอินฟาเรดในการตรวจจับความเร็ว ทำให้มันสามารถวางซ่อนอยู่ในสิ่งของแปลกๆ อย่างเช่น ถังขยะ หรือ รถที่จอดอยู่เฉยๆ ก็ได้ เจ้ากล้องนี้มีชื่อว่า ‘NK7’ มีค่าใช้จ่ายต่อตัวอยู่ที่ 1.8 ล้านบาท!! ด้วยการใช้แสงอินฟาเรดทำให้เหล่าผู้ใช้รถใช้ถนนไม่รู้ตัวถึงการมีอยู่ของมัน และสามารถจับความเร็วรถได้บนถนน 3 เลนเลยทีเดียวล่ะ โฆษกของบริษัทถึงกับขนานนามให้กับมันว่า ‘ฝันร้ายของเหล่านักขับตีนผี’ เลยทีเดียวเชียว และตอนนี้ทางการอังกฤษก็เริ่มนำเจ้ากล้อง NK7 เข้าไปติดกล้องตามถังขยะต่างๆ ไปแล้วมากกว่า 30 ตัว เชื่อว่ามันจะช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนและช่วยให้ประชาชนขับขี่กันอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน นี่ถ้าขับกันแบบช้าๆ ก็จะไม่ต้องพะวงเลยว่าจะถูกใบสั่งส่งมาถึงที่บ้านน่ะ ที่มา…
-
คอนเซ็ปต์ ‘คุกเรือขนาดยักษ์’ จากปานามา แม้แต่พี่ไมเคิลก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะแหก!!
สำหรับแฟนๆ ซีรีส์ชื่อดังอย่างเรื่อง Prison Break ก็จะรู้กันดีว่าเหล่าชาวแก๊งของตัวละครเอกอย่าง ไมเคิล สโกฟิลด์ มีความสามารถในการแหกคุกที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ แต่สำหรับคุกที่ทางสถาปนิกชาวปานามาได้ออกแบบมานั้น ต้องขอบอกเลยว่าแม้จะเป็น ไมเคิล และทีมงาน ก็คงหนีออกมาไม่ได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน Panama Papers Jail เรือขนาดยักษ์ที่มีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่คล้ายแผงโซลาร์เซลล์นี้ แท้จริงแล้วเป็นห้องขังนับ 1,000 ห้อง ที่มีต้นแบบมาจาก ‘คุกลอยฟ้า’ ที่ Tyrion Lannister ถูกนำไปขังไว้ในเรื่อง Game of Thrones เป็นการออกแบบโดยสถานปนิคของปานามาที่ออกแบบมาเพื่อขังนักโทษมากกว่า 3,300 คน แต่ถึงอย่างนั้นแบบแปลนนี้ก็ถูกโจมตีอย่างหนัก เพราะเชื่อว่าที่ทำแบบนี้ขึ้นมาก็เพื่อหลบเลี่ยงภาษี ประเทศปานามานั้นเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการเป็นสรวงสวรรค์ของการเลี่ยงภาษี และการฟอกเงิน แล้วบริษัท Panama Papers นี้เองก็เป็นคนช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าทั่วโลกมาเปิดบริษัทที่ปานามา แน่นอนว่าแบบแปลนโครงสร้างที่ดูเว่อร์วังอลังการแบบนี้ไม่ว่าใครต่างก็เห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรสักอย่างแน่ แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่คอนเซ็ปต์เท่านั้น ส่วนจะทำการก่อสร้างขึ้นมาใช้งานจริงๆ หรือไม่นั้นก็ต้องคอยติดตามกันต่อไป… . . . …
-
เจ้าหมาผู้น่าสงสาร มีกระสุนฝังอยู่ในตัวกว่า 20 เม็ด ตำรวจเชื่อว่าเป็นฝีมือเพื่อนบ้าน!!
เจ้า Jackson หมาพันธุ์ English Mastiff ที่มีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม ถูกเพื่อนบ้านขี้ยาใช้ปืนบีบีกันยิงเข้าที่ลำตัวจนสร้างบาดแผลมากมาย แถมกระสุนบางลูกยังคงฝังอยู่ในร่างกายของมันอีกต่างหาก ในตอนแรกที่คุณ Hayden Howard จากเมือง Seymour รัฐ Indiana ได้พบกับมันตอนแรกก็คิดว่าเป็นแผลจากการถูกแมลงกัด นาย Tim Woodward เพื่อนบ้านของเธอ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง และคาดว่านั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดบาดแผลบนตัวของเจ้า Jackson “บนร่างกายของมันมีแต่รอยแผลเต็มไปหมด ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นแผลจากการถูกแมลงกัด แต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาฉันก็รู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น” คุณ Hayden เล่า เธอพามันไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสัตว์ทันที และพอไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ทำการโกนขนในบริเวณที่เป็นแผลออก พบว่ามีลูกกระสุนบีบีกันมากกว่า 20 ลูกฝังอยู่ในตัวของมัน และอีก กว่า 20 รอยแผล จากการตรวจค้นในบ้านของนาย Tim เจ้าหน้าที่ตำรวจพบสารเสพติดมากมายหลายชนิดทั้งกัญชา และเมทแอมเฟตามีน นอกจากนี้ยังมีปืนบีบีกันอยู่ด้วย แน่นอนว่าเขาจะต้องถูกเพิ่มข้อหาทารุณกรรมสัตว์ในการตัดสินโทษของเขาด้วย และตอนนี้เจ้า Jackson ก็ได้กลับมาอยู่ที่บ้านด้วยการดูแลของคุณ Jayden กับลูกชายแล้ว เชื่อว่าต่อจากนี้ไปมันคงจะได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยไร้การกลั่นแกล้งจากคนใจร้ายแล้วล่ะ …
-
เด็กเป็นโรคสมองพิการ ได้เล่นสเก็ตบอร์ดเป็นครั้งแรกในชีวิต ด้วยการช่วยเหลือจากคุณพ่อ
เรื่องราวของเด็กชาย Callen Van Hise ที่ป่วยเป็นโรคสมองพิการ แต่เขาก็ยังมีความใฝ่ฝันอยากจะเล่นสเก็ตบอร์ดมาโดยตลอด…. และในที่สุดความฝันของเด็กชายก็กลายเป็นความจริงแล้ว จากการช่วยเหลือของคุณพ่อ Philip ที่ช่วยพาเขาไปโลดแล่นในสนามสเก็ตบอร์ด แม้ว่าจะได้นั่งเล่นบนวิลแชร์ แต่มันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าได้เล่นสเก็ตบอร์ดจริงๆ กลายเป็นคลิปเหตุการณ์สุดประทับใจ คุณพ่อ Philip ได้ทำการเข็นวีลแชร์ของ Callen ไปในสนามเล่นสเก็ตบอร์ด ขณะที่เด็กชายที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ ก็ยกมือขึ้นเพื่อรับลมที่พัดเข้ามาประทะทั่วร่างกายด้วยความสนุกสนานดีใจ “ลูกชายของเราคลอดก่อนกำหนด 16 สัปดาห์ และคุณหมอบอกเราว่าร่างกายของเขาผอมบางมาก เขาอาจจะไม่รอดก็ได้ แต่ถ้าหากว่ารอดเขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ไปตลอดชีวิต เนื่องจากว่าเขาป่วยเป็นโรคสมองพิการ” “ในตอนนั้นเราตัดสินใจที่จะยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น และคิดเอาไว้ว่าลูกชายของเราจะต้องได้รับโอกาสในการทำทุกๆ อย่างเหมือนกับเด็กธรรมดาทั่วไป ทั้งกิจกรรมต่างๆ และความใฝ่ฝันของเขา” คุณพ่อ Philip เล่า “พวกเราเริ่มจากการออกไปวิ่งเล่นด้วยกันในลานจอดรถ ผมจะเข็นวีลแชร์ของ Callen ไปด้วยความเร็ว เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาชอบมากๆ” จนเมื่อช่วงเดือนตุลาคมเมื่อปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวสนามเล่นสเก็ตบอร์ดใกล้ๆ กับบริเวณบ้านของเขา เวลาที่คุณพ่อ Philip เข็นวีลแชร์พา Callen ผ่านไปบริเวณนั้นก็พบว่า ลูกชายของตัวเองมักจะจ้องมองเหล่าเด็กๆ ที่เล่นสเก็ตบอร์ดกันอย่างไม่ละสายตา “พวกเราพยายามติดต่อเพื่อขอเข้าไปเล่นบ้าง แต่พวกเขาปฏิเสธมาโดยตลอด…
-
การแข่งขันจูบรถ ใครจูบได้นานที่สุดรับรถกลับบ้านไปเลย แต่แข่งกันนานถึง 50 ชั่วโมง!!
Dilini Jayasuriya สาววัย 30 ปี จากเมือง Austin รัฐ Texas ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด KIA Optima LX ปี 2017 หลังเอาชนะในการแข่งขันจูบรถ Kiss a KIA ที่ทางบริษัท KIA จัดขึ้นมา โดยทำเวลาได้นานถึง 50 ชั่วโมง ด้วยการสนับสนุนจากสถานีวิทยุ iHart คลื่นความถี่ 96.7 KISS FM ที่ทำการจัดการแข่งขัน Kiss a KIA ขึ้นมา โดยเริ่มการแข่งขันในเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 20 คน กติกาก็เป็นอะไรที่ง่ายมากๆ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะต้องแข่งกันเอาปากแนบติดกับรถ และใครทำได้นานที่สุดก็จะได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นรถยนตร์รุ่นใหม่ของ KIA กลับบ้านไปเลยแบบฟรีๆ พอเวลาผ่านไปถึงช่วงดึกของวันจันทร์ก็มีผู้เข้าแข่งขันที่ยอมแพ้ไป 5 คน “ทุกๆ คนนั้นมีจิตใจที่เข้มแข็งมากๆ” นาย Zachary Wellsandt ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ iHeart กล่าว…
-
หนุ่มผู้คลั่งไคล้รถ Hot Wheel นำมาแปะไว้บนรถ Jaguar ของตัวเองมากกว่า 4,600 คัน!!
เชื่อว่าทุกคนต่างก็มี ‘งานอดิเรก’ เป็นของตัวเอง และมันก็จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความชอบหรือรสนิยมของแต่ละคน เช่นเดียวกันกับนักธุรกิจหนุ่มชาวมาเลเซียคนนี้ ที่ชื่นชอบการสะสมรถ Hot Wheel เป็นชีวิตจิตใจ แต่!! วิธีการสะสมของพี่แกนั้นมันช่างแปลกซะเหลือเกิน เพราะแทนที่จะเก็บใส่ตู้โชว์เอาไว้ แต่กลับเอาเหล่ารถ Hot Wheel ทั้งหลาย มาติดกับรถหรูยี่ห้อ Jaguar ของตัวเองซะงั้น Datuk Seri Mahadi Badrul Zaman CEO ของบริษัทธุรกิจทางการเงิน Financial Genius Group ที่เป็นเจ้าของรถ Jaguar แสนสะดุดตาคันนี้ เขาเป็นคนที่ชื่นชอบรถของเล่นยี่ห้อ Hot Wheel มากๆ และเก็บสะสมมันมาตั้งแต่อายุ 13 ปีแล้ว และตอนนี้เขาก็เป็นเจ้าของรถ Hot Wheel มากกว่า 5,000 คันเลยทีเดียว และกว่า 4,600 คันก็ถูกนำมาติดไว้บนรถหรูยี่ห้อ Jaguar รุ่น S-Type ของเขาด้วยการใช้กาว…
-
“Lane Robot” หุ่นยนต์สุดเจ๋งในจีน ที่สามารถย้ายเลนบนถนน เพื่อช่วยแก้ปัญหารถติดได้
ในขณะที่เรากำลังนั่งทำงาน นั่งเรียน ไปเที่ยวรอบโลก เราอาจจะไม่รู้เลยว่าตอนนี้เทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้น ได้ก้าวหน้าไปไกล และเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน อย่างเช่น การสร้างหุ่นยนต์ ที่นับวันจะยิ่งแปลกตา และน่าทึ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากมันจะทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ตอนนี้หุ่นยนต์ยังพัฒนาไปไกลสุดๆ เพราะมันได้ถูกสร้างขึ้นมาใช้จัดระเบียบในเรื่องการจราจรติดขัดแล้วจ้า วันที่ 24 เมษายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่าวประเทศมีรายงานว่า ตำรวจจราจรในเสินเจิ้น ประเทศจีน ได้นำ Lane Robot ซึ่งเป็นรางบนถนนที่เคลื่อนที่ได้เองแบบอัตโนมัติ มาช่วยในการจัดระเบียบการจราจรที่ติดขัดบนถนน Shennan (ถนนที่มีชื่อเสียงในเรื่องรถติด) เป็นครั้งแรกในประเทศ สำหรับ Lane Robot เป็นรางที่นอกจากจะสามารถจัดระเบียบบนถนนได้แล้ว ยังช่วยเปลี่ยนเลนถนนในช่วงเวลาที่เร่งด่วนได้ นอกจากนี้ ยังสามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถบนถนน ไปยังช่องทางที่แตกต่างกันได้อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ Lane Robot ยังเป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะที่ช่วยลดภาระการทำงานของตำรวจจีนได้เป็นอย่างดี โดยในขณะที่อยู่ระหว่างการทดสอบนั้น พบว่า มันสามารถช่วยลดการจราจรติดขัดได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ทั้งนี้ ทางตำรวจได้ออกมาเผยว่า Lane Robot…
-
ธรรมเนียมของชาวอินโดนีเซีย เก็บศพคนในครอบครัวไว้ และปฏิบัติราวกับยังมีชีวิตอยู่…
โดยปกติแล้วหากคนในครอบครัวของเราได้เสียชีวิตไป จะต้องมีการจัดพิธีตามธรรมเนียม ในบางประเทศก็นำศพไปฝัง หรืออย่างในบ้านเราเมื่อทำพิธีสวดเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะนำไปเผาใช่ไหมละ แต่สำหรับชาว Torajan ชนพื้นเมืองบนเกาะสุลาเวสี ประเทศอินโดนีเซีย กลับมีธรรมเนียมสุดแปลกประหลาดที่สืบทอดกันมาอย่างช้านานนั่นก็คือ การเก็บศพของบรรพบุรุษเอาไว้ในบ้านนั่นเอง เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์มีรายงานว่า หลังจากที่สมาชิกในครอบครัวของชาว Torajan ได้เสียชีวิตลง พวกเขาจะทำการเก็บศพของญาติเอาไว้ในบ้านเป็นเวลานานหลายเดือน หรือบางครั้งก็นานเป็นปีๆ จนกว่าจะพร้อมจัดงานศพขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ และในขณะที่ศพอยู่ภายในบ้าน คนในครอบครัวก็จะปฏิบัติต่อศพราวกับว่ายังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าอาจจะฟังดูแปลกพิลึก แต่บอกเลยว่าธรรมเนียมดังกล่าวนั้น ได้ถูกปฏิบัติต่อกันมานานกว่าหลายร้อยปีแล้ว หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่า หากเก็บศพไว้นานขนาดนี้ จะไม่ส่งกลิ่นเหม็น หรือเน่าเปื่อยหรือ? ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ชาว Torajan เขามีวิธีการเก็บศพให้คงอยู่ได้นานด้วยนะ โดยจะนำน้ำสมุนไพร หรือฉีดฟอร์มาลีนเข้าไป เพื่อเป็นการรักษาสภาพของศพ นอกจากนี้ ทางญาติก็จะนำอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงบุหรี่ไปวางไว้หน้าศพวันละสองครั้ง พร้อมกับชำระล้างร่างกาย และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับศพอยู่เสมอ อีกทั้ง ยังนำกระโถนมาตั้งไว้ตรงมุมห้องเพื่อให้ผู้ตายได้เข้าห้องน้ำอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ซากศพจะไม่ถูกทิ้งเอาไว้ตามลำพัง และจะถูกนำไปเก็บไว้ในห้องที่เปิดไฟสว่างๆ อยู่เสมอ ทั้งนี้…
-
สองนักเทนนิสต้องหยุดแข่งขัน หลังได้ยินเสียงร่วมรักดังลอดเข้ามา ทำเอาเสียสมาธิหมด!!
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2560 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยคลิปวีดีโอโมเมนต์ชวนขำ ในระหว่างการแข่งขันทัวร์เทนนิส ที่ Sarasota Open ในฟลอริดา ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างสองนักเทนนิสชาวอเมริกัน Frances Tiafoe และ Mitchell Krueger โดยขณะที่ทั้งคู่กำลังทำการแข่งขันกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงคู่รักคู่หนึ่งที่ดูเหมือนจะกำลังร่วมรักกันดังก้องไปทั่วอณาบริเวณ งานนี้บอกเลยว่าเล่นเอาทั้งตัวนักกีฬา และผู้ชมถึงกับหลุดขำออกมากันเป็นแถว จากการรายงานระบุว่า ในขณะที่สองผู้เล่นชาวอเมริกันกำลังแข่งขันเทนนิสรอบแรกที่สนาม James T. Driscoll ในวันอังคารที่ผ่านมาอยู่นั้น… ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งเล็ดลอดเข้ามาจนทำให้พวกเขาถึงกับเสียสมาธิในการเล่น ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ Frances นักกีฬาเทนนิสถึงกับหยุดเล่น และหัวเราะขึ้นมาทันที พร้อมกับตะโกนออกไปว่า “มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ทางด้าน Mike Cation ผู้บรรยายการแข่งขันกีฬาเทนนิส ได้ออกมาเผยว่า “อาจจะเป็นเพราะมีคนกลุ่มหนึ่งลืมที่จะลดเสียงโทรศัพท์ลงขณะที่เขากำลังเปิดดูหนังผู้ใหญ่ ผมไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร แต่ที่แน่ๆ มันต้องเป็นโทรศัพท์ของใครบางคนที่มาร่วมดูการแข่งขันแน่ๆ” ในขณะที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์บางคน ได้ออกมากล่าวว่า “นี่ไม่ใช่เสียงที่มาจากโทรศัพท์แน่นอน แต่มันคือเสียงที่มาจากอพาร์ทเมนต์ที่อยู่ใกล้ๆ กับบริเวณที่แข่งขันเทนนิส”…
-
คดีปล้นเพชรที่ใหญ่และอุกอาจมากที่สุดในประวัติศาสตร์ คิดว่าเล่น GTA อยู่รึไงห๊าา!!
นับเป็นคดีโจรกรรมเพชรที่อุกอาจ และยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี และข้อมูลทั้งหมดถูกเปิดเผยหลังจากเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนาย Leonardo Notarbartolo เอาไว้ได้ เมื่อกุมภาพันธ์ ปี 2003 นาย Leonardo ถูกจับกุมข้อหาโจรกรรมเพชร และสมบัติมีค่าอื่นๆ จาก Antwerp Diamond Centre รวมทั้งหมดเป็นมูลค่าสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ.. ด้วยระบบป้องกันภัยที่มีอยู่หลายชั้น เจ้าหน้าที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า การโจรกรรมครั้งนี้สำเร็จได้อย่างไร? ย้อนกลับไปเมื่อปี 2000 นาย Leonardo ได้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพชรพลอย ที่เดินทางมาจากเมืองตูริน และได้เช่าออฟฟิศภายในห้างเพชรแห่งนี้ โดยอ้างว่าใช้สำหรับการติดต่อเจรจาธุรกิจ โดยเขาให้การว่าตนเองได้รับการว่าจ้างจากพ่อค้าเพชรชาวยิวคนหนึ่ง เป็นเงินสูงถึง 100,000 ยูโร กับภารกิจโจรกรรมเพชรครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาใช้เวลาช่วงที่เช่าออฟฟิศอยู่ภายในอาคาร ทำการสำรวจเส้นทางการเข้าถึงห้องเก็บสมบัติ และพบว่าภายในห้องเต็มไปด้วยระบบนิรภัย เซนเซอร์จับการเคลื่อนไหว สนามแม่เหล็ก และกล้องวงจรปิด Leonardo Notarbartolo ถึงแม้ว่าภายในห้องเก็บสมบัติจะมีระบบป้องกันนิรภัยมากมาย แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรจะหยุดโจรกลุ่มนี้ได้ เขาใช้เวลาทั้งหมดที่ปลอมตัวเป็นคนขายเพชร ในการเก็บข้อมูล และวาดแผนผังอาคารทั้งหมดก่อนลงมือจริง กลางดึกของคืนโจรกรรม กลุ่มโจรได้ลักลอบย่องเบาสะเดาะกลอนประตูเข้าไปยังห้องเก็บสมบัติ ชายคนหนึ่งใช้โล่ที่ทำมาจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์เพื่อกันเซนเซอร์…
-
ช่างภาพตามถ่าย ‘ใบหน้าศักดิ์สิทธิ์’ ศิลปะ ความเชื่อ และความศัทธา ของนักบวชฮินดู
‘ศาสนา’ เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมนุษย์มาช้านาน ถึงแม้ว่าโลกยุคสมัยใหม่จะมีกลุ่มคนที่ไม่นับถือศาสนา (Atheist) เพิ่มมากขึ้น แต่ที่อินเดียความเชื่อยังคงฝังลึกอยู่ในรากของวิถีชีวิต ไม่เคยจางหายไปไหน Omar Reda ช่างภาพหนุ่มผู้มีความสนใจในวัฒนธรรมของประเทศอินเดีย เขาได้ใช้เวลานานหลายเดือนออกเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อตามศึกษาวิถีชีวิต และถ่ายภาพใบหน้าอันศักดิ์สิทธิ์ของนักบวชชาวฮินดู หรือที่เรียกกันว่า ‘Sadhus’ . . . ศาสนาอื่นอาจจะมีพิธีกรรมทางความเชื่อที่แตกต่างออกไป แต่ที่อินเดียนักบวชฮินดูมักจะตกแต่งบริเวณหน้าผากของตัวเองด้วยการแต้มสีสันลงไป พิธีกรรมนี้เรียกว่า ‘Tilak’ มาจากพื้นฐานความเชื่อที่ว่า เป็นการเบิกเนตรที่ 3 ของมนุษย์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นดวงตาแห่งปัญญานั่นเอง . . . . ลวดลายในการวาดบนหน้าผากอาจจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งนอกจากจะเป็นพิธีกรรมทางความเชื่อแล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และความศรัทธา ในเชิงสังคมอีกด้วย . . . . . . . ก็ถือว่าเป็นอีกวิถีความเชื่อที่เราไม่ค่อยคุ้นเคยซักเท่าไหร่ น่าสนใจมากๆ เลยนะเนี่ย ที่มา: Boredpanda
-
Lilium Jet รถยนต์ไฟฟ้าบินได้ ไม่ต้องใช้รันเวย์ขึ้น-ลง แค่ใช้แรงดันเจ็ทก็ลอยขึ้นแล้ว!!
โดยปกติแล้วการนำเครื่องบินขึ้นสู่ฟากฟ้าหรือลงจอดได้นั้นจำเป็นต้องรันเวย์เสมอ ส่วนระยะทางนั้นขึ้นอยู่กับตัวเครื่องบินอีกที และแนวคิดในอนาคตที่ว่าจะมีรถยนต์บินได้มาทดแทนเครื่องบินนั้นยังคงเป็นเรื่องที่ดูห่างไกลอยู่ แต่ตอนนี้ Lilium Aviation ได้เผยคลิปวิดีโอ ความสำเร็จของการทดสอบนำรถยนต์บินขึ้น-ลง โดยไม่ใช้ต้องใช้รันเวย์ แต่สามารถขึ้นและลงจอดได้ทันที สำหรับรถยนต์บินดังกล่าวนี้ จะมีการติดตั้งเจ็ทไฟฟ้าถึง 36 ตัวไว้ที่บริเวณปีก และเมื่อจะนำเครื่องออก จะเกิดแรงดันจากเจ็ทไฟฟ้า ซึ่งแรงพอที่จะทำให้เครื่องลอยขึ้นได้เหมือนเฮลิคอปเตอร์ ในขณะที่เรื่องบินลอยขึ้นสู่อากาศ แรงดันจากปีกทั้งสองข้างจะเปลี่ยนทิศทางเป็นแนวนอน ทำให้เครื่องสามารถลอยอยู่กลางอากาศได้ดี และเมื่อถึงเวลาที่จะเอาเครื่องลง แรงดันจากปีกก็จะเปลี่ยนเป็นแนวตั้งเหมือนตอนนำขึ้น ทำให้เครื่องสามารถลงจอดได้ตรงๆ โดยไม่ต้องร่อนเหมือนเครื่องบินทั่วไป Lilium บอกว่า รถยนต์บินดังกล่าวนี้สามารถบรรทุกคนได้ 2 คน และบินได้ประมาณ 300 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง . ที่มา theverge
-
คุณยายวัย 70 ปีหาเงินเพื่อรักษาลูกสาวบุญธรรม ภายใต้มาสคอตมินนี่ผู้ร่าเริง…
ปกติแล้วเวลาไปเที่ยวสวนสนุกเรามักจะเห็นมาสคอตตัวการ์ตูนมาสร้างสีสัน สร้างรอยยิ้มให้เด็กๆ รวมทั้งให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมถ่ายรูปเก็บไว้ แต่เราเคยสงสัยมั้ยว่า ภายใต้มาสคอตหน้ายิ้มนั้น พวกเขากำลังคิดอะไรหรือกำลังทำหน้ายังไงอยู่ พวกเค้าจะมีความความสุขเหมือนมาสคอตที่แต่งมั้ย? และนี่คือเรื่องราวของคุณยายวัย 70 ปี ที่สวมชุดมาสคอตมินนี่เม้าส์ผู้น่ารัก คอยให้ความสนุกกับทุกคน แต่แท้จริงแล้วเธอคือมินนี่ที่เศร้าที่สุด คุณยาย Yin Pizhi แม้จะอายุมากแล้ว แต่เธอก็ยังมาทำงานเป็นมาสคอตในสวนสนุก ไม่ใช่เพราะชอบ แต่จำเป็นต้องทำเพื่อหาค่ารักษาพยาบาลให้ลูกบุญธรรม People’s Daily Online รายงานว่า ลูกสาวบุญธรรมของ Pizhi ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ จนต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากจนครอบครัวไม่อาจจ่ายได้ ด้วยเหตุนี้ Pizhi จึงตัดสินใจมาทำงานในสวนสนุกด้วยการแต่งชุดมาสคอตเป็นมินนี่เม้าส์ทุกวัน ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปด้วย แลกกับเงิน 5-25 บาทต่อรูป โดยจะรวบรวมเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนชุดมินนี่เม้าส์นี้เธอก็ไม่ได้ซื้อเอง แต่ยืมมาจากลูกชายของเพื่อนอีกที และมันไม่ใช่งานง่ายเลยสำหรับผู้หญิงสูงวัยอย่างเธอ เพราะต้องทนอยู่กับความร้อนอบอ้าวภายในชุด แต่ก็ต้องอดทนไว้เพื่อลูกสาว การแต่งเป็นมินนี่ทำให้คุณยายต้องทำตัวร่าเริงตลอดเวลา ต้องก้มลงไปคุยหรือถ่ายรูปกับเด็กๆ บ่อยๆ เมื่อทำงานเป็นเวลานานๆ บวกกับอากาศที่ร้อนมากๆ เธอจึงต้องพักบ่อยกว่าคนอื่นๆ เพราะอายุมากแล้วจึงเหนื่อยง่าย ตอนนี้ Wang Hai-mei ลูกสาวของเธอนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล Ningjin…
-
เด็กหญิงผิวเผือก ผู้มีความงามที่โดดเด่น จนได้รับเชิญให้เป็นนางแบบจากหน่วยงานทั่วโลก
โรคผิวเผือกนั้นเกิดจากความผิดปกติทางพันธุ์กรรม ซึ่งควบคุมโดยยีนด้อย ทำให้คนที่เป็นโรคดังกล่าวนี้มีความผิดปกติทางร่างกายภายนอก รวมทั้งปัญหาสุขภาพภายในที่มองไม่เห็น และถ้าหากมีอาการมากๆ พวกเขาก็อาจจะสูญเสียโอกาสทางสังคมไปด้วย แต่สำหรับหนูน้อย Nariyana วัย 8 ขวบ คนนี้ แม้จะเป็นโรคผิวเผือก แต่ก็ได้รับข้อเสนอให้เป็นนางแบบมากมายจนมีฉายาว่า ‘สโนว์ไวท์’ Nariyana เกิดที่ Yakutia ในไซบีเรีย โดยสมาชิกในครอบครัวทั้งหมดมีผมสีดำ ส่วนเธอนั้นเกิดมาพร้อมผมสีบลอนด์ และมีผิวพรรณที่เงางามไม่เหมือนใคร เพราะความโดดเด่นเหล่านี้ทำให้มีหน่วยงานในวงการแฟชั่นต่างเสนอให้เธอมาร่วมงานด้วย แต่คุณแม่ของเด็กหญิงยังไม่อยากให้ลูกสาวทำงานหน้ากล้องในขณะนี้ Albert และ Elena พ่อแม่ของเด็กหญิงบอกว่า Nariyana เป็นคนแรกในครอบครัวที่เป็นโรคผิวเผือก เธอชอบเต้นและวาดรูป คุณแม่บอกกับสำนักข่าว Siberian Times ว่า “เราได้รับการติดต่อจากวงการแฟชั่นและหน่วยงานโฆษณาเยอะมาก แต่ฉันยังไม่อยากให้ลูกทำตอนนี้ค่ะ แต่ถ้าโตขึ้นฉันจะให้เลือกทำในสิ่งที่เธออยากทำแน่นอนค่ะ” Nariyana และพี่สาววัย 14 ปี “ปกติแล้วเธอจะชอบเต้นและวาดรูปในเวลาว่างค่ะ แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอเริ่มหวั่นไหวกับคำเชิญชวนแล้ว เพราะเมื่อถามว่าอยากเป็นอะไร เธอมักจะตอบว่าอยากเป็นนางแบบค่ะ” คุณแม่บอก แต่ครั้งหนึ่ง ช่างภาพ Vadim Rufov ได้มีโอกาสถ่ายรูปเด็กหญิงผิวเผือกคนนี้ เขาเล่าให้ฟังว่า “เธอเป็นเด็กหญิงที่ไม่ธรรมดาที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นเลยครับ” “เธอเป็นเด็กหญิงผิวเผือกที่มีความตั้งใจสูงมาก…
-
สะเทือนวงการแพทย์!! หมอชาวจีนประสบความสำเร็จ ในการปลูกถ่ายหูเทียมไว้ที่แขนผู้ป่วย
ปัจจุบันการแพทย์ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ในปัจจุบันมีความเข้าใกล้กับหนังแนววิทยาศาสตร์ที่เราเคยได้ชมกัน เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวใหญ่อีกข่าวหนึ่งที่ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์เลยทีเดียว เมื่อแพทย์ชาวจีนประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายหูเทียมลงบนแขนมนุษย์!! เมื่อวันที่ 31 มีนาที่ผ่านมาทางเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานข่าวว่ามีศัลยแพทย์ชาวจีน ได้ปลูกถ่ายหูเทียมลงบนแขนของชายผู้หนึ่งหลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรงในปี 2015 คุณ Ji หนุ่มจีนผู้ได้รับการทำศัลยกรรมในครั้งนี้ เขาประสบอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงในปี 2015 จนทำให้เสียหูด้านขวาไป แพทย์ไม่สามารถที่จะทำให้หูของเขาให้กลับคืนมาได้อย่างเดิม ต้องพึ่งการศัลยกรรมเท่านั้น หลังจากนั้นดอกเตอร์ Guo Shuzhong ศัลยแพทย์จากโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย Xi’an Jiaotong ได้รับคุณ Ji ผู้เคราะห์ร้าย เข้ามาเป็นคนไข้ในการดูแลและได้ทำการปลูกถ่ายหูเทียมที่ต้นแขนของเขาเพื่อนำไปติดที่เดิม คุณหมอได้ทำการสร้างหูเทียมขึ้นมาจากเครื่องปริ้นสามมิติ โดยใช้กระดูกอ่อนจากกระดูกซี่โครงของผู้ป่วยเป็นวัตถุดิบในการสร้างอวัยวะเทียมในครั้งนี้ “หูเทียม” ถูกปลูกถ่ายไว้ยังต้นแขนของเขาและสามารถเติบโตได้ดี ผู้ป่วยต้องนอนพักในโรงพยาบาลอีกเป็นเวลา 2 อาทิตย์เพื่อดูการทำงานของอวัยวะเทียมที่ได้รับการปลูกถ่ายครั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าหูที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นี้ สามารถเข้ากับเซลร่างกายของเขาได้ ก่อนที่มันจะถูกนำไปติดยังที่ศีรษะของเขาแทนหูเดิมที่สูญเสียไปจากอุบัติเหตุ หูเทียมถูกปลูกถ่ายลงในแขนของนาย Ji และสำเร็จในเดือนพฤศจิกายน 2015 คุณหมอ Guo Shuzhong กำลังตรวจสอบแผลการผ่าตัดหลังจากที่ปลูกถ่ายหูเทียมลงที่แขนของผู้ป่วย การตรวจสอบหูเทียมที่ปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วย โอโหการแพทย์สมัยนี้ก้าวหน้ามากเลยนะเนี่ย ไม่ว่าอวัยวะอะไรแพทย์ก็สามารถสร้างของเทียมขึ้นมาทดแทนได้ สุดยอดมากๆ ที่มา dailymail
-
คุณหมออายุกว่า 105 ปี ผู้ผ่านโลกมาแล้วมากมาย และเคยบอกให้ “ซัดดัม” เลิกบุหรี่!!
“อาบน้ำร้อนมาก่อน” คงเป็นสุภาษิตที่หลายคนคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เพราะผู้ที่มีอายุมากนั้นมักจะผ่านเหตุการณ์สำคัญๆ และมีประสบการ์ในการใช้ชีวิตที่มากกว่า การเรียนรู้หรือทำความรู้จักกับชีวิตของผู้มากประสบการณ์เหล่านั้นก็เหมือนกับเราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปด้วยในตัว หลายๆ คนที่มีอายุร่นคุณปู่คุณย่าของเรานั้นก็คงจะผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามากมาย ถ้าหากใครเคยดูหนังรางวัลออสก้าเรื่องดังอย่าง ฟอร์เรสท์ กัมพ์ ที่พระเอกของเรานั้นผ่านเหตุการณ์สำคัญๆ มาอย่างมากมายเหลือเกิน และต่อจากนี้เราจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับฟอร์เรสท์ ในโลกแห่งความเป็นจริง พร้อมทั้งเรียนรู้ประวัติศาสตร์กับแพทย์อาวุโสท่านหนึ่งที่มีอายุถึง 105 ปีและมีประสบการการใช้ชีวิตอย่างโชคโชนมากมาย ทั้งเคยผ่านค่ายกักกันทหารที่เกาะนรกของญี่ปุ่มมาแล้ว เคยสั่งให้ซัดดัม ฮุสเซนงดบุหรี่!! และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ ทุกวันนี้เค้ายังคงเป็นคุณหมออยู่ นายแพทย์อาวุโสท่านนี้มีชื่อว่า คุณหมอ Bill Frankland เป็นลูกของนายอำเภอ เกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคมปี 1912 ในรัฐเท็กซัส ประเทศอเมริกาและย้ายตามครอบครัวมายังประเทศอังกฤษมี คุณหมอพี่น้องทั้งหมด 4 คนและเขาเป็นคนสุดท้อง เมื่อไม่นานมานี้คุณปู่เพิ่งได้รับการ์ดอวยพรวันเกิดครบ 105 ปีจากราชินีอังกฤษ ถึงแม้ว่าจะอายุมากกว่า 100 ปีแล้วแต่เขายังคงทำงานวิจัยทางการแพทย์อยู่และเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา งานวิจัยชิ้นล่าสุดของเขาเพิ่งจะถูกตีพิมพ์ ในชื่อ “การศึกษาแผลไฟไหม้เรื้อรังของเชลยสงครามในช่วงปี 1942 ถึง 1945” คุณหมอผู้เชี่ยวชาญทางด้านการรักษาเกี่ยวกับทางเดินหายใจท่านนี้ถูกยกย่องให้เป็น “Grandfather of Allergy” หรือคุณปู่แห่งโรคภูมิแพ้เลยทีเดียว…
-
ตำรวจได้รับแจ้งว่าเด็กๆ เล่นฮอกกี้เสียงดัง ก็เลยร่วมเล่นด้วย ก่อนจะสอนสิ่งที่ถูกต้องให้!?
ในระหว่างที่เรากำลังทำเรื่องสนุกๆ กับเพื่อนอยู่ บางครั้งเราอาจจะเล่นกันจนเพลิน เผลอเรอส่งเสียงดัง หรือทำตัวรบกวนคนอื่นๆ โดยที่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้นะ… และเหตุการณ์ต่อไปนี้ก็เช่นกัน เมื่อมีชาวบ้านได้โทรแจ้งความกับตำรวจในท้องที่ ให้มาจัดการกับกลุ่มเด็กๆ ที่กำลังเล่นกันเสียงดังภายนอกบ้าน แต่เมื่อตำรวจมาถึงเรื่องราวกลับไม่เป็นไปตามที่ผู้โทรแจ้งหวังไว้ เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการรายงานข่าวว่า ผู้พักอาศัยในหมู่บ้านแห่งเกิดความรำคาญเมื่อพวกเด็กจอมซนที่มาวิ่งเล่นในสนามหญ้าและถนนหน้าบ้านเขา พร้อมกับส่งเสียงดังโวยวาย เขาจึงต้องการที่จะหยุดการเล่นสนุกของเด็กๆ พวกนั้นโดยการโทรแจ้งกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้มาจัดการเรื่องนี้โดยด่วน ทันทีที่ได้รับการโทรแจ้ง ตำรวจก็รีบมายังบ้านหลังนั้น และเขาก็พบกับพวกเด็กๆ กลุ่มหนึ่งที่กำลังเล่นกันฮอกกี้กัน อย่างสนุกสนาน อยู่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว คุณตำรวจไม่รอช้า เดินเข้าไปหาพวกเด็กโดยทันทีและหยิบไม้ฮอกกี้ขึ้นมาตีกับเด็กๆ ซะเลย จนคนแถวนั้นคิดว่านี่แจ้งให้มาหยุดหรือมาเล่นกันแน่นะ (ฮ่าาา) ระหว่างที่พวกเขากำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานนั้นก็ได้มีผู้ถ่ายภาพอันแสนอบอุ่นนี้และอัพเดทลงในเฟซบุ๊ค พร้อมกับแคปชั่นที่ว่า “เด็กก็คือเด็ก” แต่ก็ไม่ใช่เล่นด้วยเฉยๆ นะ เพราะพวกเขายอมปิดถนนประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อเล่นกับเด็ก ก็ย่อมหวังว่าพวกเขาจะพัฒนาไปในทางที่ดี หลังจากเล่นจบเกม พวกเขาก็เริ่มทำหน้าที่ตำรวจที่ดี พวกเขาบอกเด็กๆ เหล่านั้นว่ามาเล่นตรงจุดนี้มันสร้างความเดือดร้อนให้กับคนในบ้านหลังอื่นๆ นอกจากนี้ยังกีดขวางถนนอีกด้วย และได้แนะนำให้เด็กๆ ไปเล่นในลานว่างที่ใกล้เคียงในละแวกนั้นแทน จะเห็นได้ว่าเด็กๆ ก็ยอมเชื่อฟังตำรวจแต่โดยดี เพราะรู้สึกเหมือนกับพวกเขาเป็นส่วนหนึ่ง เป็นทีมของกันและกัน… ลองคิดว่าหากเป็นกรณีที่ตำรวจมาบอกให้หยุดตั้งแต่แรก พวกเขาก็คงเกิดการต่อต้านแน่ๆ แต่พอตำรวจยอมเสียเวลาเล่นด้วยและแนะนำวิธีที่ถูกต้อง พวกเขาก็พร้อมปฏิบัติตาม และสัญญาว่าคราวหน้าจะย้ายที่เล่นไปยังที่ซึ่งตำรวจแนะนำด้วย…
-
น้องหมาหัวติดขวดโหลนาน 3 วันเต็ม เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือ และมอบชีวิตที่ดีขึ้นให้กับมัน
ใครที่เลี้ยงหมาคงจะรู้ดีว่า ปกติแล้วพวกมันมักจะไม่อยู่นิ่งๆ แต่ชอบไปเล่นซนที่นั่นที่นี่ จนบางทีก็หาเรื่องมาให้เราซะงั้น ทำตัวเป็นเด็กน้อยที่จะต้องคอยดูแลอยู่ตลอดเวลาเลย แล้วถ้าเป็นหมาจรจัดไม่มีเจ้าของล่ะ ใครจะช่วยพวกมันได้เมื่อเจอปัญหา เหมือนกับเจ้าหมาตัวนี้ที่ไม่รู้ไปทำท่าไหน จนทำให้หัวมันเข้าไปติดในขวดโหลพลาสติกจนไม่อาจเอาออกไปได้ มันเดินไปเดินมาอยู่บนถนน พร้อมขวดโหลที่ติดอยู่บนหัว แต่โชคดีที่คนแถวนั้นสังเกตเห็นมันเข้า พวกเขาจึงได้ติดต่อไปยัง Fort Worth Animal Control ซึ่งเป็นศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ให้มาช่วยเหลือ พวกเขาบอกว่าหมาตัวนี้ชื่อ Pickle และมันก็อยู่ในสภาพแบบนี้มาประมาณ 3 วันแล้ว แต่ไม่มีใครเข้าไปช่วยได้ เพราะมันกลัวทุกคนเลยไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ เมื่อได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ 2 คนของศูนย์ก็เดินทางไปยังพื้นที่นั้นแล้วก็พบ Pickle กำลังนั่งหลบอยู่ในพุ่มไม้ โดยที่ยังมีโหลพลาสติกติดอยู่บนหัว แต่ด้วยเหตุความกลัวข้างต้น จึงทำให้ยากต่อเข้าหา เจ้าหน้าที่ก็พยายามทำให้มันรู้ว่าพวกเขามาเพื่อช่วย ไม่ได้มาทำร้ายมันแน่นอน Diane Covey เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บอกว่า “เจ้าหน้าที่ต้องเดินย่องๆ เข้าไปใกล้ตัวมัน เพื่อไม่ให้มันตื่นกลัว จนในที่สุดพวกเขาก็ได้เข้าไปนั่งข้างๆ ตัวมันได้สำเร็จค่ะ” หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ใช้อุปกรณ์เข้าล็อคตัวมัน ส่วนอีกคนก็พยายามดึงขวดพลาสติกออก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดึงพรวดเดียวหลุด เพราะ Pickle ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมันบ้าง มันก็เลยทำการดิ้นตอบโต้ สุดท้ายแล้วสุดเจ้าหน้าที่ก็สามารถดึงขวดโหลออกจากหัวมันได้สำเร็จ ขวดโหลพลาสติกใบนี้…
-
พาชม ‘RedStar 3’ ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของเกาหลีเหนือ จะเป็นยังไงไปดูกัน…
ถ้าพูดถึงเกาหลีเหนือ หลายคนอาจจะเห็นภาพของประชาชนตาดำๆ ที่ต้องอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองแบบผูกขาดจากตระกูลคิม (พล็อตเรื่องคุ้นๆ มั้ย?) ประมาณว่าผู้นำว่าไง ผู้ตามก็ต้องว่างั้น ครั้งหนึ่ง Will Scott อดีตพนักงานจากบริษัทกูเกิ้ล มีโอกาสได้ไปดูงานที่มหาวิทยาลัยเปียงยาง เขาก็ไม่ลืมที่จะแอบซื้อระบบปฏิบัติการบนคอมพิวเตอร์ของเกาหลีเหนือ Red Star 3 มาลองใช้ดูด้วย ลองตามไปดูว่าคนเกาหลีเหนือต้องใช้คอมพิวเตอร์แบบไหนกันนะ ตัวอย่างภาพนักศึกษาที่กำลังใช้คอมพิวเตอร์ ในมหาวิทยาลัยคิมอิลซุง เมื่อลงระบบปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว เปิดคอมพิวเตอร์มาก็จะเจอกับภาพนี้ก่อนเลย แต่ก่อนที่จะเข้าไปใช้คอมฯ ได้ ต้องเลือกโซนซะก่อน น่าแปลกใจตรงที่ไม่มีโซนเกาหลีใต้ หรือกรุงโซล ให้เลือก จากนั้นก็ต้องล็อกอิน เสมือนเป็นการรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานยังไงยังงั้น (ชักจะคล้ายแถวนี้มากขึ้นทุกที) กว่าจะเข้ามาได้ผ่านหลายด่านเหลือเกิน พอเห็นอินเตอร์เฟสแล้วรู้สึกว่าคุ้นๆ มั้ย? มีข่าวลือมาว่าเมื่อปี 2013 เคยมีคนจับภาพ คิม จอง อึน ใช้ iMac จึงเกิดทฤษฏีสมคบคิดที่ว่า… เขาน่าจะลอกแบบมา ในส่วนของโปรแกรมสำหรับการพิมพ์งาน หรือจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ส่วนนี่ก็เป็นระบบอีเมล์ เหมือน Outlooks…
-
แบบนี้ก็มี… บริษัทสัญชาติเช็กผลิต ‘แปรงสีฟันกิ่งไม้’ ให้คุณได้ทำความสะอาด ด้วยวิถีธรรมชาติ
ต้องยอมรับเลยว่าโลกในปัจจุบันแตกต่างกับในอดีตอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากได้เข้าสู่ในยุคแห่งเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น จนบางทีก็ทำให้เราลืม และห่างไกลคำว่าธรรมชาติออกไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทเช็ก จึงได้ทำการหาวิธีที่จะทำให้มนุษย์เราได้สัมผัส และใกล้ชิดกับธรรมชาติให้ได้มากที่สุด โดยการนำต้น Salvadora persica หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Miswak มาสร้างสรรค์ให้กลายเป็นแปรงสีฟันจากธรรมชาติซะเลย หืม!! น่าสนใจเหมือนกันนะเนี่ย เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2560 ทางเว็บไซต์ Odditycentral มีรายงานว่า บริษัท Yoni สัญชาติเช็ก ได้ทำการดีไซน์แปรงสีฟันรูปแบบพิเศษขึ้นมาจากกิ่งไม้ Miswak โดยจะนำมาว่างจำหน่ายในราคาอันละ $5 หรือราวๆ 170 บาท เรียกได้ว่าเป็นแปรงสีฟันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากจริงๆ เพราะนอกจากจะผลิตขึ้นมาจากธรรมชาติแล้ว ยังมาพร้อมกับด้ามจับที่ผลิตมาจากต้น Salvadora Persica อีกด้วย ในส่วนของขนแปรง ผู้ใช้สามารถนำอุปกรณ์สำหรับตัดปลายซิการ์มาตัดปลายของต้น Salvadora Persica เพื่อทำเป็นขนแปรง และถ้าหากขนแปรงเดิมไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป คุณสามารถตัดส่วนเดิมออกได้ และนั่นก็จะทำให้คุณได้ขนแปรงส่วนใหม่ที่สามารถใช้ต่อได้ทันที สำหรับกิ่งไม้จาก Salvadora persica หรือ…
-
ผู้คนแห่ชมภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์ เคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งแคนาดา มากถึงมากที่สุด!!
ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ มักจะชวนให้มนุษย์ธรรมดาๆ อย่างเราตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ เพราะนอกจากเราจะได้เห็นในสิ่งน่าเหลือเชื่อแล้ว มันยังทำให้เรารู้ว่าความงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมานั้นแท้จริงแล้วมันเจ๋งขนาดไหน ดูอย่างภาพธรรมชาติอันน่าทึ่งที่นี่สิ บอกเลยว่ามันกำลังทำให้นักท่องเที่ยวตื่นตาเป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้เกิดปรากฏการณ์ภูเขาน้ำแข็งก้อนยักษ์ในประเทศแคนาดา เคลื่อนตัวเข้าใกล้กับผืนแผ่นดิน โหวววว อยากไปเห็นความมหัศจรรย์แบบนี้ด้วยตาตัวเองบ้างจัง!! เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์รายงานว่า ช่างภาพมืออาชีพ ผู้คนในประเทศแคนาดา รวมถึงบรรดานักท่องเที่ยวหลายร้อยชีวิต ได้พากันหลั่งไหลไปยังเมือง Ferryland รัฐ Newfoundland และ Labrador เพื่อพากันเก็บภาพความยิ่งใหญ่อลังการของภูเขาน้ำแข็งยักษ์ ที่ได้เคลื่อนตัวผ่านช่องแคบระหว่างเกาะ Newfoundland และ Labrador (หรือที่เรียกว่า ตรอกภูเขาน้ำแข็ง หรือ ไอซ์เบิร์ก อัลลีย์) เข้ามาใกล้ชายฝั่ง จนทำให้เมืองเล็กๆ แห่งนี้ ได้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ และเต็มไปด้วยบรรยากาศที่คึกครื้นของผู้คนในประเทศ รวมถึงนักท่องเที่ยวมากมาย จากการรายงานระบุว่า ภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมานี้ คาดว่าน่าจะมีความสูงมากถึง 150 ฟุต หรือ 45 เมตร และเมื่อเทียบกับภูเขาน้ำแข็งที่เรือไททานิคพุ่งเข้าชนเมื่อปี 1912…
-
หนุ่มออสซี่ใจงาม ออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อช่วยชีวิตสุนัขทุกตัวบนโลกนี้!!
Ryan Anderson เป็นชื่อของชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลีย แต่ถ้าหากคุณได้ลองอ่านเรื่องราวของหนุ่มคนนี้ รับรองว่าคุณจะต้องหลงรักเขาอย่างแน่นอน สำหรับ Ryan แล้ว เขาเป็นคนที่ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงานที่ทำอยู่ นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่ว่างๆ Ryan ก็จะกลายไปเป็นอาสาสมัครที่ลงไปปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือสุนัขทุกตัวในโลกใบนี้ “ในทุกๆ วันหยุดสุดสัปดาห์ ผมจะกลายมาเป็นอาสาสมัคร เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือสัตว์ ซึ่งในตอนนี้ผมได้รับหน้าที่เป็นผู้ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือสุนัขผ่านสื่อออนไลน์ รวมทั้งได้ทำบทความการศึกษา ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมให้เจ้าของรับผิดชอบสุนัขของตนเองด้วย” Ryan กล่าว ความรัก และความหลงใหลในการช่วยสุนัขที่ตกทุกข์ได้ยางของ Ryan ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาออกไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัว เพื่อถ่ายรูปกับสุนัขพันธุ์ต่างๆ ทั่วโลก และนั่นก็ทำให้เขาได้เห็นว่าชีวิตความเป็นอยู่ของสุนัขที่มีเจ้าของ และสุนัขจรจัดมันต่างกันโดยสิ้นเชิง… ดังนั้น จึงทำให้เขา และเพื่อนสนิท ได้ติดสินใจที่จะช่วยเป็นกระบอกเสียงให้เจ้าของสุนัขรับผิดชอบสัตว์เลี้ยงของตัวเองมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยประกาศตามหาบ้านให้กับเจ้าหมาจรจัดผ่านสื่อออนไลน์ และนั่นก็ทำให้โครงการ ‘Aussie Dog Guy’ ก็ได้ถูกสร้างขึ้น หลังจากที่ได้ก่อตั้งโครงการดังกล่าว Ryan ก็ได้เริ่มออกเดินทางไปยังหลายๆ ประเทศทั่วโลก ซึ่งก็ทำให้เขาได้พบกับสุนัขมากมายหลายสายพันธุ์ อีกทั้งเขายังได้สอนผู้คนเกี่ยวกับความสำคัญในการช่วยชีวิตน้องหมาลงบนอินสตาแกรม Aussie Dog…
-
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ “เพรียงเรือยักษ์” ที่มีความยาวถึง 1 เมตร ในประเทศฟิลิปปินส์
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2560 ทางเว็บไซต์เดลีเมล์มีรายงานว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Northeastern สหรัฐอเมริกา ได้ทำการค้นพบเพรียงเรือขนาดความยาวไม่เกิน 5 ฟุต หรือราวๆ 1.52 เมตร (ถือว่ามีนาดใหญ่ที่สุด) โดยเพรียงเรือดังกล่าวอยู่ ณ บริเวณอ่าวของเกาะมินดาเนา ทางตอนใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ จากการรายงานระบุว่า ข้อมูลในการค้นพบเพรียงเรือยักษ์ในครั้งนี้ ถูกนำไปเผยแพร่ลงในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) โดยได้ระบุว่า… เพรียงเรือดังกล่าว มีชื่อเรียกในทางวิทยาศาสตร์ว่า Kuphus polythalamia เป็นญาติใกล้เคียงกับเพรียงเรือชนิดที่เจาะไชไม้ท้องเรือกินเป็นอาหาร เพียงแต่ว่ามันจะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่ามาก โดยจะอาศัยอยู่ในเปลือกที่มีลักษณะแข็ง มีรูปร่างคล้ายกับงาช้าง ในส่วนการดำรงชีวิตของมันนั้น ฟังดูแล้วแปลกหูเป็นอย่างมาก เพราะเจ้าเพรียงเรือยักษ์นี้จะเอาส่วนหัวของมันปักลงไปในพื้นของโคลนทะเล เพื่อดูดกินก๊าซไข่เน่าหรือไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่เกิดจากซากเน่าเปื่อยในตะกอนโคลนเลนเป็นอาหารนั่นเอง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเพรียงเรือที่ถูกค้นพบนี้ จะมีลักษณะคล้ายกับหนอนขนาดยักษ์ แต่ในความจริงแล้วมันเป็นสัตว์ตระกูลหอย เนื่องจากตัวของมันมีลักษณะที่อ่อนนุ่มมาก เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดยาวถึง 1.5 เมตรเลยทีเดียว …
-
Serena Williams ชนะการแข่งทั้งๆ ที่ตั้งท้อง 20 สัปดาห์ กับคู่หมั้นผู้ก่อตั้งเว็บ Reddit!!
วันนี้ 20 เมษายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Serena Williams นักหวดสาวจอมพลังได้ประกาศข่าวดีผ่านทาง Snapchat (แอพพลิเคชั่นแชทยอดนิยมของฝรั่ง) ไปเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2560 ที่ผ่านมาโดยระบุว่า… และในตอนนี้เธอได้ตั้งครรภ์ลูกคนแรกกับ Alexis Ohanian คู่หมั้นหนุ่มหนึ่งในผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Reddit มานานกว่า 20 สัปดาห์แล้ว ภาพของ Serena ในขณะกำลังสวมชุดว่ายน้ำสีเหลือง และมีหน้าท้องป่อง ตามด้วยข้อความสั้นๆ ว่า “20 สัปดาห์” ทำให้บรรดาแฟนๆ ของเธอรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้ทราบข่าวดีนี้ เพราะเธอนั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นเทนนิสหญิงสัญชาติอเมริกาที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมมากที่สุดถึง 23 สมัยเลยทีเดียว ทางด้านหนึ่งในตัวแทนของโปรเทนนิส ก็ได้ออกมาเผยความรู้สึกว่า “ผมยืนยันว่า Serena จะต้องคลอดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้อย่างแน่นอน” แฟนคลับถึงกับทวีตว่าอยากจะเป็นลูกของเธอกันเลยทีเดียว!! ขณะที่บรรดาแฟนๆ ต่างก็เข้ามาคอมเม้น เพื่อแสดงความยินดีกับเธออย่างมากมาย อีกทั้งยังมีแฟนบางคนได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ว่า “เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา Serena ได้ลงแข่งในศึก Australian…
-
กลุ่มผู้รักศิลปะ เสกลายบนถนนไปโผล่บนเสื้อ เพื่อกระตุ้นเทคนิคภาพพิมพ์ให้หลากหลาย!!
ปกติแล้วการจะสกรีนลวดลายลงบนเสื้อผ้าเนี่ย คุณจะต้องมีทั้งบล๊อก สี ยางปัด ไหนจะต้องวาดแบบอีกด้วย เห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่ามันหลากหลายขั้นตอนเหลือเกิน แล้วจะทำให้มันยุ่งยากไปทำไมล่ะ ทำไมไม่หาวิธีสกรีนเสื้อด้วยวิธีการง่ายๆ อย่าง Raubdruckerin กลุ่มศิลปินในเบอร์ลิน ที่สร้างลวดลายบนเสื้อด้วยลายบนถนน!! ส่วนขั้นตอนการทำนั้นไม่ยากเลย แค่นำสีสกรีนไปทาบนพื้นถนนที่คุณชื่นชอบ เช่น ท่อระบายน้ำ สัญลักษณ์บนถนน ซึ่งมีความนูนอยู่แล้ว จากนั้นก็เอาเสื้อหรือกระเป๋าไปวางทับบนสีนั้น คุณก็ได้ลายอาร์ทๆ ติดขึ้นมาทันที ที่เหลือก็แค่รอให้แห้ง… ปัจจุบันการทำลวดลายด้วยเทคนิคนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่รักงานศิลปะ จึงทำให้สมาชิก Raubdruckerin กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ เช่น อัมสเตอ์ดัม, เอเธนส์, ปารีส, ลิสบอน และเบอร์ลิน พวกเขาเหล่านี้จะสร้างลวดลายจากท้องถนนที่พวกเขาอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งแต่ละที่นั้นก็จะมีความแตกต่างกันไป และนอกจากจะสกรีนไว้ใส่เองแล้ว พวกเขายังได้เปิดขายอีกด้วย เป็นช่องทางการหารายได้ที่สร้างสรรค์มากๆ นี่ไม่ใช่แค่งานศิลปะเท่านั้น แต่มันเป็นการบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของถนนในเมืองที่พวกเขาอยู่ด้วย ซึ่งปกติแล้วสิ่งเหล่านี้มักจะถูกมองข้ามและไม่มีใครพูดถึง พวกเขาจึงถ่ายทอดลวดลายบนท้องถนนผ่านงานศิลปะแบบนี้แหละ ส่วนแรงจูงใจที่ทำให้เกิดผลงานเหล่านี้ มันเกิดจากการที่พวกเขาต้องการกระตุ้นให้เกิดเทคนิคใหม่ๆ ในวงการศิลปะ ต้องการนำเสนอกิจวัตรประจำวันให้เกิดประโยชน์ และเป็นการส่งเสริมภาพพิมพ์ให้มีความยั่งยืนอีกด้วย แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะเน้นความสวยงามอย่างเดียวนะ เพราะสีที่ใช้นั้น ต้องเลือกสีติดผ้าได้นาน ส่วนเสื้อก็จะเลือกเป็นผ้าฝ้ายธรรมชาติ สวมใส่ได้สบายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม…
-
นักออกแบบสร้างสรรค์ “โคมไฟป๊อบอัพ” งานจากกระดาษล้วนๆ แต่อลังและดูแพงมาก!!
อยากได้โคมไฟสวยๆ มาแต่งห้องสักอัน แต่ทำไมมันแพงเหลือเกิน อันที่ไม่แพงก็ดันไม่ถูกใจอีก แล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย จะหาแบบที่สวยถูกใจและราคาถูกได้จากที่ไหนกันหนอ หรือว่าของแบบนั้นจะไม่มีจริง!? แต่เดี๋ยวก่อน!! ของดีที่ราคาไม่แพงนั้นยังคงมีอยู่จริง ต้องนี่เลยโคมสุดสวยตามใจฉัน ทำเองได้ง่ายๆ ด้วยวัสดุเพียงแค่กระดาษ ลงทุนนิดเดียวแต่ได้โคมไฟที่สวยงาม ปังเวอร์ โคมไฟกระดาษนี้ออกแบบโดย Chen Bikovski นักออกแบบจาก Tel Aviv โดยตั้งชื่อให้ผลงานตัวเองว่า Popup Lighting เพราะมันมีลักษณะเหมือนหนังสือป๊อปอัพที่มีแสงส่องสว่างไปทั่วห้องคุณ ที่สำคัญคือมันไม่ใช่แค่กระดาษทรงสี่เหลี่ยมธรรมดาเท่านั้น แต่เป็นการพับกระดาษเป็นรูปต่างๆ เช่น กวาง หรือ นกยูง ดังนั้นเมื่อเปิดไฟ มันก็จะฉายแสงและเงาออกมาตามแบบที่คุณทำไว้ สวยงามไม่ซ้ำใครแน่นอน Bikovski บอกว่า “ฉันเป็นคนที่สนใจหนังสือป๊อบอัพมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ตอนนี้ฉันก็เลยทำให้ความชอบของฉันออกมาเป็นผลงานที่สวยงาม ซี่งมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้เผยโลกใบใหม่เลยล่ะ” “และเมื่อนำไฟเข้ามาใส่ไว้ใต้กระดาษเหล่านี้ มันจะยิ่งทำให้คุณได้ใส่จินตนาการลงไป จนทำให้กระดาษธรรมดาๆ ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น” นอกจากนี้ โคมไฟป๊อปอัพนี้เกิดจากการที่เธอต้องการสร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกให้อยู่ในทุกหนแห่งของบ้าน ด้วยการสร้างแสงให้เกิดเป็นมิติที่งดงาม และที่สำคัญคือเป็นการจุดประกายจินตนาการของตัวเธอเองด้วย . . . . .…
-
สลด!! หมีขั้วโลกวัย 21 ปี ตรอมใจตาย หลังคู่ของมันถูกแยกตัวไปเพื่อทำการผสมพันธุ์
ความเป็นเพื่อนนั้นไม่ใช่จะสร้างกันง่ายๆ และการจะเจอเพื่อนแท้สักคนมันก็ต้องใช้เวลา ต้องสร้างความผูกพัน และต้องผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะแยะมากมาย จึงจะรู้ว่าได้ว่าใครคือเพื่อนแท้ของเรา และหากมีเพื่อนแท้อยู่เคียงข้างสักคน คุณก็คงไม่อยากจากกันไปไหน เช่นเดียวกับเจ้าหมีขั้วโลกตัวนี้ ที่มีเพื่อนเพียงตัวเดียว แต่แล้วมันก็ถูกจับแยก จนทำให้มันต้องตรอมใจตาย Szenja เป็นหมีขั้วโลกวัย 21 ปี อยู่ใน San Diego SeaWorld มันอยู่ที่นี่กับเพื่อนหมีขั้วโลกตัวเมียที่ชื่อว่า Snowflake ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปี 1997 แล้ว ทำให้ทั้งสองมีความผูกพันกันมากเป็นพิเศษ แต่แล้วหมีตัวเมียก็ถูกส่งตัวไปที่สวนสัตว์ Pittsburgh เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์เพื่อการขยายพันธุ์ ซึ่งก่อนหน้านั้น มันก็เคยถูกส่งตัวไปแล้วครั้งหนึ่งในปี 2014 โดยที่มีเจ้า Szenja เดินทางไปด้วยกัน แต่สำหรับครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้พาเจ้า Snowflake ไปเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น เนื่องจากไม่สะดวกต่อการเดินทาง ด้วยเหตุนี้ทำให้ Szenja รู้สึกว่าตัวเองถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง จริงๆ แล้วก่อนที่จะตัวเมียจะถูกส่งตัวไป ได้มีผู้ลงชื่อคัดค้านกว่าพันรายชื่อ พวกเขาอ้างว่ามันเป็นการกระทำที่โหดร้ายต่อสัตว์ และไม่มีความจำเป็น โดยเสริมอีกว่า ทุกวันนี้หมีขั้วโลกกว่า 60% ต้องตายเพราะถูกมนุษย์เข้ามาคุกคาม แต่ทาง SeaWorld ก็ยังยืนยันที่จะส่งตัวมันไปในที่สุด…
-
อะจึ๋ย!! คนงานจีนยัดปลาไหลเข้าทวารหนัก หวังรักษาอาการท้องผูก จนหมอต้องผ่าออกให้
ทุกวันนี้มีทั้งโรงพยาบาล คลินิกและร้านขายยาเต็มไปหมด แต่หลายคนก็เลือกที่จะไม่พึ่งสิ่งเหล่านั้น เมื่อเป็นอะไรขึ้นมาก็พยายามรักษาด้วยวิธีการของตัวเอง แต่หารู้ไม่มันเป็นสิ่งที่เสี่ยงต่อชีวิตมากเลยนะ เหมือนชายคนหนึ่งนี้ที่พยายามรักษาอาการเจ็บป่วยของตัวเองด้วยวิธีการสุดพิสดาร แต่จนแล้วจนรอด ก็ต้องไปหาหมอเพื่อขอความช่วยเหลือแทน… เรื่องนี้เกิดขึ้นกับ Liu วัย 49 ปี คนงานโรงงานในประเทศจีน เขาได้ยัดปลาไหลที่มีความยาวประมาณครึ่งเมตรเข้าไปในช่องทวารหนักเพื่อรักษาอาการท้องผูก!! คือตอนแรกก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็เกิดปวดท้องขึ้นมา จึงได้ไปหาหมอในโรงพบาบาลท้องถิ่น และเมื่อคุณหมอได้ตรวจดูก็ต้องตกใจเมื่อเห็นปลาไหลอยู่ในท้องของเขา จากการรายงานของ Guangdong Television บอกว่า ก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ Liu ได้ไปโรงพยาบาลแล้วบอกหมอว่าเขามีปัญหาท้องผูก จากการตรวจเบื้องต้นคุณหมอวินิจฉัยว่าเขาเป็นมะเร็งลำไส้ และแนะนำให้เขาแอดมิทเพื่อรับการรักษาต่อไป แต่ Liu ปฏิเสธคำแนะนำของหมอและตัดสินใจที่จะรักษาด้วยวิถีโบราณ นั่นก็คือการยัดปลาไหลเข้าไปในทวารหนักเพื่อที่จะทำให้สิ่งที่อุดตันในลำใส้ไหลเวียนได้ง่ายขึ้น แต่หารู้มั้ยว่า นอกจากปลาไหลจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว ยังทำให้เขาปวดท้องอย่างรุนแรงด้วย จนต้องรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาล Guangzhou Dongren เมื่อคุณหมอได้ตรวจบริเวณช่องท้องของ Liu ก็ต้องตกใจหนักมาก เพราะเห็นปลาไหลอยู่ในลำไส้ของเขา คุณหมอจึงต้องผ่าตัดเพื่อนำปลาไหลตัวนั้นออกมา สำหรับปลาไหลตัวนี้เป็นปลาไหลนาเอเชีย มีความยาวประมาณครึ่งเมตร น้ำหนัก 250 กรัม และมีหัวกว้าง 3-5 เซนติเมตร และยังพบเศษอาหารและอุจจาระในตัวปลาไหลตัวนี้ด้วย Zhao Zhirong ศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลดังกล่าวบอกว่า “ตอนที่คนไข้เข้ามาบอกว่าปวดท้องนั้น เขาไม่ได้บอกถึงสาเหตุเลย แต่เมื่อเราพบปลาไหลในช่องท้องของเขา…
-
เด็กชายวัย 5 ขวบ ช่วยชีวิตแม่จากการเป็นลมชัก จนได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโร่ตัวน้อย!!
จำได้มั้ย ตอนอายุ 5 ขวบ เราทำอะไรได้บ้าง แน่นอนว่าเราอาจจะช่วยเหลือตัวเองได้เล็กๆ น้อยๆ เช่น กินข้าวเอง ล้างหน้า แปรงฟันเอง หรือแต่งตัวเองได้ สำหรับเด็กชาย Salvatore Cicalese แม้จะอายุแค่ 5 ขวบ แต่ก็สามารถทำได้มากกว่าที่เราคิด เพราะเขาได้ช่วย Katelyn Cicalese ผู้เป็นแม่ให้รอดจากการเป็นลมชัก จนได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโรตัวน้อยเลย เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ณ บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน San Tan รัฐแอริโซนา เมื่อแม่ของ Salvatore เป็นลมชักขณะอาบน้ำ ทำให้ล้มหัวฟาดพื้นจนหัวแตก เมื่อลูกชายมาเห็น จึงวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน จนทำให้คุณแม่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลาและรอดมาได้อย่างปลอดภัย หลังจากที่เหตุการณ์นี้ผ่านพ้นไปด้วยดี คุณแม่ได้เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า มันเกิดขึ้นเมื่อเวลา 2 ทุ่ม ของวันที่ 14 มีนาคม เธอได้กอดลูกชายที่กำลังนั่งเล่นในห้อง แล้วก็พาลูกสาววัย 2 เดือน ไปนอน จากนั้นก็ไปอาบน้ำ แต่ระหว่างที่อาบน้ำคุณแม่ก็เกิดเป็นลมชักขึ้นมากระทันหัน…
-
ช่างแต่งหน้าชื่อดัง ชวนสาวๆ มาแต่งหน้าตามราศีเกิด สวยเริ่ดเชิดปัง ไม่ซ้ำใครแน่นอน!!
มาแล้วๆ เทรนด์แต่งหน้าเก๋ๆ แบบไม่ซ้ำใคร… จริงๆ แล้วการแต่งหน้าไม่จำเป็นต้องแต่งให้สวยอย่างเดียวนะ แต่สาวๆ สามารถใส่ไอเดียตัวเองลงไปในการแต่งหน้าแต่ละครั้งได้ด้วย เหมือนกับช่างแต่งหน้าชื่อดังคนนี้ ที่ทำให้วงการเสริมสวยมีความน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นด้วยการแต่งหน้าตามราศีต่างๆ ทั้ง 12 ราศี สวยสะพรึงจนน่าลองทำตามเป็นอย่างยิ่ง Setareh Hosseini เป็นช่างแต่งหน้าที่โด่งดังในโลกโซเชียล และเรามักจะได้เห็นผลของเธอผ่านอินสตาแกรม starlit_makeup ที่รวมการแต่งหน้าทุกรูปแบบของเธอไว้ที่นี่ ปกติฝีมือการแต่งหน้าของเธอนั้นก็ได้รับการชื่นชมจากชาวเน็ตมากมายอยู่แล้ว แต่เมื่อเธอปล่อยภาพชุดแต่งหน้าตามราศีชุดนี้ ทำให้ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ จนทำให้ยอดฟอลโล่วพุ่งสูงถึง 90,000 คนแล้ว 1. ราศีธนู 2. ราศีพฤษภ 3. ราศีสิงห์ 4. ราศีเมถุน 5. ราศีพิจิก 6. ราศีกันย์ 7. ราศีกรกฎ 8. ราศีตุลย์ 9. ราศีกุมภ์ 10. ราศีมีน 11. ราศีมังกร 12. ราศีเมษ ใครเกิดราศีไหนก็ดูเอาไว้นะ แล้วจะแต่งตามก็ไม่ว่ากันนะจ๊ะ ที่มา boredpanda
-
ศิลปินใช้ชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางป่าใหญ่ จัดปาร์ตี้น้ำชาร่วมกับสัตว์ป่าแบบกันเอ๊ง กันเอง…
ความเรียบง่ายมักจะพบได้ในธรรมชาติ ดังนั้นหากใครต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ ลองเข้าไปอยู่ป่าสิ แล้วคุณจะพบว่า ชีวิตที่เรียบง่ายก็มีความสุขได้ Jay Rainey ศิลปินผู้หลงใหลในธรรมชาติ ตัดสินใจเข้าไปอยู่ในกระท่อมกลางป่าในรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เพื่อใช้ชีวิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติอย่างจริงจัง แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะรู้สึกเหงานะ เพราะอยู่ที่นี่เธอมีเพื่อนเป็นสัตว์ป่ามากมายหลายชนิด และเธอก็มักจะจัดปาร์ตี้น้ำชากับพวกมันบ่อยๆ ด้วย แม้จะเป็นศิลปิน แต่ก็ชอบทำงานหลายๆ อย่าง เช่น การถ่ายรูป การเป็นนักเขียน และงานอื่นๆ ที่เธอสนใจ พร้อมทั้งรักในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ดังนั้น การมาใช้ชีวิตอยู่ในป่านับเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง เธอต้องการใช้ชีวิตที่ตัดขาดโลกภายนอก พร้อมกับศึกษาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ท่ามกลางป่าใหญ่ ในขณะที่สัตว์ป่าก็ให้ความร่วมมือกับ Rainey เป็นอย่างดี พวกมันไม่เคยทำร้ายเธอเลย แถมยังให้ความร่วมมือในการถ่ายรูปด้วย เธอจึงตอบแทนด้วยการจัดปาร์ตี้เลี้ยงชาพวกมันอย่างเป็นมิตร . . . . . . ความสุขท่ามกลางธรรมชาติ ที่เพียบพร้อมไปด้วยความเรียบง่าย ที่มา raineyroost l boredpanda
-
ศิลปินทั่วโลกร่วมพัฒนา “สีดำระดับ 2.0” ความดำสนิทที่ทุกคนเข้าถึงได้ ในราคาไม่แพง!!
เมื่อพูดถึงสีดำแล้ว เราก็คงจะนึกว่ายังไงมันก็ดำเหมือนกันหมดนั่นแหละ ว่าแต่เพื่อนๆ คิดถึงสีดำระดับไหนล่ะ เพราะแม้จะเป็นสีดำเหมือนกัน แต่ระดับความดำของมันมีความแตกต่างกันนะ ก็อย่างว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า ดังนั้นเหนือดำก็ยังมีดำหม่นเข้าไปอีก และสีดำที่ว่านี้ มันเป็นสีดำที่เรียกได้ว่าอภิมหาดำ หรือเป็นสุดยอดแห่งความดำ!! ไหนดูสิจะมีความดำมากสักแค่ไหนเชียว สุดยอดสีดำนี้พัฒนาขึ้นโดยศิลปินชาวอังกฤษ Stuart Semple ที่ตั้งราคาไว้ไม่แพงมากนัก เพื่อให้ศิลปินทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และนำไปใช้งานศิลปะต่อไป สำหรับสุดยอดสีดำนั้นปกติแล้วทำขึ้นจากเม็ดสี Vantablack ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่มีความดำมากที่สุดในโลก แต่ราคามันค่อนข้างจะแพงมากๆ เลยล่ะ แต่ก็ใช่ว่าคนมีเงินจะหามาครอบครองได้ทุกคน เพราะสำหรับคนที่อยู่นอกสหราชอาณาจักรจะต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลเสียก่อน จึงจะนำไปใช้ได้ เนื่องจากสีตัวนี้มีกลิ่นคล้ายกับสารเคมี ดังนั้น Stuart จึงได้พัฒนาสีดำของตัวเองขึ้นมา โดยร่วมมือกับศิลปินนับพันคนทั่วโลก เพื่อยกระดับให้เป็น สีดำเวอร์ชั่น 2.0 อันเป็นสีอะคริลิคที่มืดสนิท มีกลิ่นคล้ายเชอร์รี่และสามารถนำไปใช้ได้ในทุกที่โดยไม่ต้องขออนุญาตจากทางการอีกต่อไป สุดยอดสีดำมีกาวอะคริลิคช่วยยึดเกาะ ทำให้มันมีความดำมากกว่าสีดำทั่วไป Stuart บอกว่า “มันเป็นสีดำที่แสงไม่สามารถส่องผ่านได้ หากคุณต้องการใช้สีดำสนิทจริงๆ สีตัวนี้ตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ ที่สำคัญมันไม่เป็นพิษต่อผู้ใช้แน่นอนครับ” และทุกคนสามารถหาซื้อได้ในราคาประมาณ 515 บาท (15 ดอลลาร์) ต่อ 150…
-
ภาพเหตุการณ์จระเข้ยักษ์ล่าละมั่ง ที่เกิดขึ้นเป็นประจำในธรรมชาติ แต่น้อยคนนักจะได้เห็น
*คำเตือน : ในบทความนี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่รุนแรง อาจจะสร้างความสะเทือนใจให้กับเพื่อนๆ ได้ ฉะนั้นลองตัดสินใจดูดีๆ ก่อนที่จะเลื่อนลงไปอ่านนะจ๊ะ และนี่คือภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันในธรรมชาติ สัตว์นักล่าที่ต้องล่าสัตว์อื่นเพื่อประทังชีวิต มันอาจจะดูรุนแรงไปบ้างแต่พอได้ชมแล้ว ก็คงต้องทำความเข้าใจว่ามันเป็นกฎของธรรมชาติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เป็นภาพเหตุการณ์ขณะที่เจ้าจระเข้ตัวใหญ่ยักษ์ที่คาดว่าน่าจะมีความยาวประมาณ 5 เมตร และหนักกว่า 500 กิโลกรัม ทำการจู่โจมเจ้าละมั่งที่กำลังลงมาดื่มน้ำแก้กระหาย มันค่อยๆ ว่ายเข้าไปประชิดตัวเจ้าละมั่งที่กำลังดื่มน้ำอยู่ริมฝั่งอย่างช้าๆ จากนั้นก็งับเข้าที่ลำตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะใช้ขากรรไกรอันแข็งแกร่งกัดจนร่างฉีกออกเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย ภาพดังกล่าวนี้ถูกถ่ายไว้โดยช่างภาพ Jeffrey Wu จากเมือง Toronto ประเทศแคนาดา ในวันเกิดเหตุเขาได้ไปออกทริปถ่ายรูปในประเทศเคนย่า คุณ Wu เล่าว่า “ผมได้รับหน้าที่เป็นคนนำถ่ายภาพทัวร์ในเคนย่า และ Botswana ขณะนั้นพวกเรากำลังรออยู่ที่ชายฝั่งแม่น้ำ Mala เพื่อรอเก็บภาพของฝูง Wildebeest วิ่งผ่านแม่น้ำ” “และฝูงละมั่งผู้โชคร้ายก็เป็นอพยพตามมากับฝูง Wildebeest ด้วย แต่ด้วยความที่มันกระหายน้ำมากเกินไปจึงไม่ได้สนใจต่ออันตรายที่จะเข้ามาถึง” “ฝูงละมั่งที่มีจำนวนทั้งหมด 12 ตัวถูกจู่โจมโดยจระเข้ขนาดมหึมาทั้งหมด…
-
ขะ…แข็งแกร่ง!! หนุ่มชิลีรอดตายจากการถูกยิง เพราะมีสมาร์ทโฟนจีนบังกระสุนไว้
เป็นอีกครั้งที่สมาร์ทโฟนสัญชาติจีน Huawei สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ด้วยการปกป้องชีวิตจาก ‘กระสุนปืน’ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ชายหนุ่มชาวชิลีรายหนึ่งกำลังเดินออกมาจากธนาคารในเมือง Santiago ประเทศชิลี หลังจากเข้าไปถอนเงินมูลค่ากว่า 160,000 บาทออกมากับคุณลุงของเขา จากนั้นทั้งคู่ก็ไปแวะดื่มกาแฟกันก่อนที่จะถูกแก๊งมิจฉาชีพ 3 คนเข้ามาปล้นเงินอย่างอุกอาจ ชายหนุ่มพยายามที่จะต่อสู้ขัดขืนแต่ถูกคนร้ายคนหนึ่งใช้ปืนยิงเข้าใส่บริเวณลำตัว แต่โชคดีที่กระสุนพุ่งไปโดนใส่โทรศัพท์ Huawei รุ่น Honor 5X และหยุดอยู่แค่นั้น ทำให้เขารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ต่อมาไม่นานแก๊งมิจฉาชีพ 2 คนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ส่วนอีกคนยังคงลอยนวลอยู่พร้อมกับเงินที่ชิงไปจากคุณลุงและชายหนุ่ม มีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงปีก่อนในประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อนักธุรกิจรายหนึ่งถูกยิงเข้าที่หน้าอกในระยะที่ใกล้มาก จากการถูกปล้นโดยอาชญากรบริเวณนอกบ้านของเขาในเมือง Capetown แต่กลับรอดมาได้เพราะโทรศัพท์ Huawei P8 Lite ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเขา++ ด้วยการตลาดอันแยบยลของ Huawei จึงได้มอบโทรศัพท์เครื่องใหม่ รุ่นใหม่ล่าสุด Huawei P9 Lite ให้กับนักธุรกิจคนดังกล่าวไปแบบฟรีๆ และคาดว่าชายหนุ่มชาวชิลีก็อาจจะได้รับโทรศัพท์เครื่องใหม่เป็นการเยียวยาด้วยเช่นเดียวกัน ขะ แข็งแกร่งอะไรเบอร์นั้น!! ที่มา : shanghaiist
-
ภาพถ่ายมุมสูงของงานอุตสาหกรรม กับรอยแผลเป็นที่ฝากไว้บนผืนแผ่นดินธรรมชาติ…
ก็อย่างที่รู้กันดีว่าโรงงานอุตสาหกรรมนั้นเป็นตัวการที่ทำให้สภาพแวดล้อมบนโลกเลวร้ายลง ทุกที่ที่มีการทำโรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสารเคมี จะทำให้สภาพแวดล้อมเสียหายอย่างหนัก และไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติได้ สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมร่องรอยความโหดร้ายของโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำลายสภาพแวดล้อมและทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ ผ่านมุมกล้องแบบ Bird Eye View ว่ามันส่งผลร้ายแรงแค่ไหน เป็นผลงานภาพถ่ายจากช่างภาพ J Henry Fair ใช้ชื่อผลงานว่า Industrial Scars โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้มนุษย์หันมาให้ความสนใจกับผลกระทบที่น่าเศร้าที่ตัวเองเป็นคนสร้างให้กับโลกใบนี้ เอาล่ะถ้าพร้อมแล้วก็ลองไปชมผลงานของเขาไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า… 1. อุตสาหกรรมอลูมิเนียม ในเมือง Gramercy รัฐ Louisiana ประเทศสหรัฐอเมริกา โคลนสีแดงที่เห็นนี้เป็นของเสียที่เกิดขึ้นจากการทำอุตสาหกรรมอลูมิเนียม ถูกปั๊มขึ้นมาบนพื้นผิวโลกจนกลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2. อุตสาหกรรมอาหาร ในเมือง Luling รัฐ Louisiana ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าสารเคมี Glyphosate ที่เป็นผลพลอยมาจากการทำอุตสาหกรรมอาหารปลอดภัยต่อมนุษย์หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ สารตกค้างเหล่านี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์อย่างที่เราเห็นในภาพ 3. อุตสาหกรรมน้ำมัน ในเมือง Fort Mcmurray ประเทศแคนาดา นี่เป็นภาพมุมสูงบนแท้งค์น้ำมันที่บรรจุน้ำมันดิบกว่า 400,000…
-
บริษัทเดนมาร์กเปลี่ยนสนามเด็กเล่น ให้เป็นโลกแฟนตาซีแสนสนุก แม้แต่ผู้ใหญ่ยังอยากเล่น!!
สำหรับเหล่าเด็กๆ ทั้งหลายแล้ว ขอบอกเลยว่าการไปเที่ยวเล่นที่ ‘สนามเด็กเล่น’ ถือเป็นการสร้างความสุขสนุกสนานได้เป็นอย่างดี แต่โดยปกติแล้วสนามเด็กเล่นทั่วๆ ไปก็มักจะมีแต่ของเล่นที่มีรูปแบบเดียวกันอยู่มากมาย จนบางครั้งเราก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเด็กๆ เค้าจะเบื่อกันบ้างรึเปล่านะ?? สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพือ่นๆ ไปชมโปรเจคสุดเจ๋งของบริษัทที่ชื่อว่า MONSTRUM จากเดนมาร์ก ที่จะมาเปลี่ยนให้สวนสนุกของเด็กๆ ให้กลายเป็นโลกแฟนตาซีแสนสนุก และไม่น่าเบื่ออีกต่อไป… บริษัท MONSTRUM นี้ก่อตั้งขึ้นมาโดยผู้ออกแบบฉากหลังในโรงละครที่เป็นชาวเดนมาร์กแท้ๆ อย่างคุณ Ole Barslund Nielsen และคุณ Christian Jensen และทั้งคู่ก็ได้ดำเนินการปรับแต่งสนามเด็กเล่นตามที่ต่างๆ ในเดนมาร์กมาตั้งแต่ปี 2003 แล้ว พวกเขาจะเปลี่ยนให้เหล่าของเล่นในสนามเด็กเล่นแบบธรรมดาๆ เช่น สไลเดอร์ ชิงช้า ให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ เครื่องบิน เรือดำน้ำ หรือหอคอยเจ้าหญิง ราวกับว่าหลุดออกมาจากโลกในนิทานยังไงยังงั้นเลยทีเดียว แล้วสนามเด็กเล่นแต่ละแห่งจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรบ้างก็ลองตามไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า…. 1. Dannebroge 2. Liseberg 3. The Crooked Houses 4. The Blue Whale…
-
Starbucks เปิดตัวเมนูสายชมพู ‘Unicorn Frappuccino’ สีสันแบบนี้ น่าไปโดนสักที!!
เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวลือกันอย่างหนาหูในต่างประเทศถึงเมนูใหม่ของแบรนด์แฟรนไชส์ร้านกาแฟชื่อดังระดับโลกอย่าง Starbucks เพราะจู่ๆ ก็มีพนักงานบาริสต้านำส่วนผสมปริศนาออกมาโพสต์พร้อมกับให้ทายว่ามันคืออะไร? จากนั้นไม่นานภาพนั้นก็ถูกลบออกไป แน่นอนว่ามันสร้างความสงสัยให้กับชาวเน็ตเป็นอย่างมาก ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…. ผงสีชมพูปริศนา ห้ามเปิดใช้ก่อนถึงวันที่ 17 เมษายน!? แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ทาง Starbucks เองก็ได้เปิดตัวเจ้าเครื่องดื่มปริศนานี้อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว มันก็คือ Unicorn Frappuccino นั่นเอง ผ่างงงงงงง!! เป็นน้ำปั่นที่ดูมีสีสันฟรุ้งฟริ้งสวยงาม คาดว่าพอได้ดื่มแล้วก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีม้ายูนิคอร์นตัวเล็กๆ มาบินอยู่รอบตัวเลยล่ะ >< จากการคาดเดาของเว็บไซต์ต่างประเทศก็คิดว่ามันน่าจะเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของเบอร์รี่ชนิดต่างๆ ที่มาพร้อมกับท็อปปิ้งและวิปครีม จากป้ายโฆษณาแล้วก็พบว่ามีการแจ้งปริมาณของพลังงานที่เราจะได้รับหากดื่มเข้าไป 1 แก้ว ซึ่งมันมากกว่า 450 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียว (เหมือนกับกินม้ายูนิคอร์นเข้าไป 1 ตัวเต็มๆ เลยมั้ยล่ะนั่น ฮร่า) แถมยังมีการบอกอีกนะว่าจะมีขายก็ต่อเมื่อคุณมีความศรัทธาเท่านั้น ด้วยความฟรุ้งฟริ้งน่ารักซะขนาดนี้ ถ้าเป็น #เหมียวหง่าว ก็คงต้องไปหามาลิ้มลองให้ได้ซัก 1 แก้วแล้วล่ะ ซึ่งตอนนี้เจ้า…
-
คู่รักที่แม้จะแยกทางกันแล้ว แต่ยังคงรักษาน้องหมา ผู้เป็นสื่อกลางเชื่อมโยงหัวใจไว้ด้วยกัน!!
คู่รักหลายๆ คนหลังจากที่เลิกรากันไปก็มักจะไม่เหลือเยื่อใยที่ดีให้แก่กันอีกต่อไป แต่สำหรับคู่นี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น แม้ว่าทั้งคู่จะแยกกันอยู่แล้ว แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ เพราะมีสายใยที่คอยเชื่อมถึงกันอยู่ ซึ่งก็คือเจ้าหมาที่รับมาเลี้ยงด้วยกันตอนยังคบกันอยู่นั่นเอง และนี่คือ Rebecca Hernandez และ Frankie แฟนหนุ่มสุดที่รักที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม และทั้งคู่ก็แต่งงานกันไปเมื่อปี 2012 หลังจากที่ Rebecca เรียนจบมหาวิทยาลัย Frankie ทำงานเป็นนาวิกโยทิน ทำให้ทั้งคู่ต้องย้ายออกจากบ้านเกิดใน Texas ทันทีหลังจากที่แต่งงานกัน จากนั้นไม่นานพวกเขาก็ตัดสินใจรับลูกหมามาเลี้ยงหนึ่งตัวชื่อว่าเจ้า Apollo ซึ่งขณะนั้นมันมีอายุเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น Rebecca เล่าถึงเจ้าหมาของตัวเองว่า “มันมักจะทำของทุกอย่างพัง ทุกอย่างที่พวกเราซื้อมาให้มัน แต่มันก็ยังคงน่ารัก และความน่ารักนั้นเอง ก็ช่วยสร้างความสุขให้กับทุกๆ คน” แต่น่าเศร้าที่หลังจากแต่งงานกันมาไม่นาน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มมีปัญหา Rebecca กล่าวว่า มันเป็นความผิดของพวกเขาทั้งคู่ “เหมือนกับว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย พวกเรายังคงต้องเติบโตไปอีกมาก และเวลาที่คุยด้วยกันเราก็ยังคงมีอารมณ์อ่อนไหวต่อกันเสมอ ก็เพราะว่าเรายังคงรักกันอยู่” Rebecca เล่า คู่รักแยกกันอยู่มานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้หย่ากันแต่อย่างใด…
-
นายพรานชาวแอฟริกาใต้ หายตัวอย่างลึกลับระหว่างล่าสัตว์ คาดว่าถูกจระเข้เขมือบแล้ว!?
การล่าสัตว์ถือว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตของประเทศซิมบับแว่ ซึ่งผู้คนที่เดินทางไปส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะทำกิจกรรมนี้กันบ่อยๆ ที่สำคัญทางการยังมีการออกใบอนุญาติและจัดพื้นที่ล่าให้อย่างถูกกฏหมายอีกด้วย Scott Van Zyl ชายวัย 44 ปีผู้มีลูกสองคนและภรรยาแสนสวย พร้อมกับเปิดกิจการพานักท่องเที่ยวออกไปล่าสัตว์ในแอฟริกาใต้ ที่อยู่ดีๆ วันหนึ่งเขาก็หายตัวไปอย่างน่าสงสัย เรื่องมันเริ่มจากวันหนึ่งเขาและคนแกะรอยได้ลงจากรถและเดินเข้าไปในพุ่มไม้ในทิศทางที่ต่างไปจากเส้นทางล่าสัตว์ปกติ แล้ววันต่อมาสุนัขของเขาก็กลับมาที่แคม์ปแต่ตัว Scott ไม่ได้กลับมาด้วย จะมีก็แต่ปืนไรเฟิลของเขาที่วางทิ้งไว้บนรถเท่านั้น หลังจากที่ทุกคนทราบว่า Scott หายตัวไปทีมกู้ภัยจึงรีบออกตามหาเขาทันที ไม่ว่าจะด้วยเฮลิคอปเตอร์ รถยนต์ รวมถึงทีมแกะรอย ทั้งหมดต่างพากันช่วยตามหาตัว Scott ในบริเวณอุทยานที่คาดว่าเขาหายไป ส่วนเพื่อนๆ ของเขาก็ช่วยกันนำโปสเตอร์ประกาศคนหายไปติดตามหมู่บ้านต่างๆ Scott มีลูกชาย 2 คน ซึ่งเขามาลูกๆ มาเที่ยวในซิมบับเว แต่เขากลับหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากการออกตามหาดำเนินการไปได้ระยะหนึ่ง ก็มีคนพบเข้ากับรอยเท้าของ Scott ซึ่งมันนำไปสู่แม่น้ำลิมโปโป และเมื่อตามรอยเท้าไปจนสุดสายพวกเขาก็พบเข้ากับกระเป๋าของเขาที่วางอยู่ใกล้ๆ กับรอยเท้า Sakkie Louwrens หนึ่งในทีมค้นหาบอกว่า ทางตำรวจสงสัยว่าเขาอาจจะถูกจระเข้กินไปแล้วก็เป็นได้ “พวกเราได้บังเอิญเจอเข้ากับซากศพของมนุษย์ในร่างของจระเข้สองตัวที่พวกเราจับมาได้” บริเวณแม่น้ำที่เขาหายตัวไปอย่างลึกลับ สุดท้ายชิ้นส่วนของศพที่ถูกพบในจระเข้ ก็กำลังถูกส่งไปตรวจเพื่อพิสูจน์หาหลักฐานกันต่อไป แต่จะใช้ร่างของเขาหรือไม่ ซึ่งมันต้องใช้เวลาพอสมควร…
-
เอาใจสายวาย “MeseMoa” วงบอยแบนด์หนุ่มหล่อจากญี่ปุ่น กับฉากจูบรัวๆ จูบปาก จูบหู ยันจูบตีน
ปกติแล้วถ้าพูดถึงเกิร์ลกรุ๊ปจากญี่ปุ่นที่หนุ่มๆ ชื่นชอบ AKB 48 ก็คงจะเป็นชื่อแรกๆ ที่ลอยมาในหัวอย่างแน่นอน แต่ว่าในครั้งนี้เราจะไม่ได้มาพูดถึงวงที่เต็มไปด้วยสาวๆ เพราะ #เหมียวมู่ทู่ จะพาไปรู้จักกับวงหนุ่มหล่อเอาใจสายวายต่างหาก วงที่ว่านี้คือ MeseMoa เป็นวงบอยแบนด์ที่ประกอบด้วยผู้ชาย 9 คน ซึ่งล่าสุดก็สร้างความร้อนแรงไปทั่วโลกออนไลน์ หลังจากพวกเขาก็ได้ปล่อยซิงเกิลใหม่ออกมาที่ชื่อว่า Shadow Kiss ซึ่งเป็นเพลงแรกจากอัลบั้ม Secret อัลบั้มเปิดตัวของพวกเขานั่นเอง… ส่วนที่บอกว่าเอาใจสาววายก็เพราะ หนุ่มหล่อเหล่านี้ไม่ได้ออกมาเต้นเท่ๆ เฉยๆ แบบวงอื่นๆ หรอกนะ แต่ในมิวสิควิดีโอของพวกเขา สมาชิกทุกคนจะผลัดกันจูบกันคนละนิดละหน่อยตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย (ตื่นเต้นแล้วละสิพวกเทอว์) และเมื่อผ่านการรนับและคำนวนอย่างตั้งใจแล้ว จำนวนจูบที่มีทั้งหมดในเอมวีจะมีทั้งหมด 36 ครั้ง เฉลี่ยทุกๆ 6 วินาที เรียกว่าจัดเต็มสาวๆ ต้องจิกหมอนกันสุดๆ เอาให้ฟินตายกันไปข้างหนึ่งเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่จุฟปาก จูบปากมันธรรมดาไปใช่ไหม จูบหู กระทั่งจูบเท้ากันเลยทีเดียว ดูแค่ภาพกับอ่านบรรยายอย่างเดียวคงฟินไม่เต็มที่ ลองดู MV เต็มๆ เลยก็แล้วกัน…
-
สองหนุ่มปิ๊งไอเดีย ผลิต “กาแฟใส” รสชาติและกลิ่นยังจัดเต็ม เพียงแต่สีเหมือนน้ำเปล่าเลย!?
โดยทั่วไปแล้วเรารู้จักกาแฟที่มีสีน้ำตาล รสขม หรือบางทีก็มีการปรุงให้มันมีรสชาติต่างๆ ที่สำคัญคือ หากใครที่เสพติดกาแฟมากๆ ก็อาจจะมีปัญหาฟันมีคราบเหลืองตามมาเป็นของแถมได้ แต่ปัญหาฟันเหลืองจะหมดไป ถ้ากาแฟนั้นไม่มีสี แต่เอ๊ะ…บ้าหรือเปล่า กาแฟที่ไหนไม่มีสี ก็เพราะปัญหาเรื่องฟันเนี่ยแหละ สองหนุ่มจึงคิดค้นกาแฟไร้สีขึ้นมา เพื่อให้คุณยิ้มอย่างมั่นใจแม้จะเสพติดกาแฟก็ตาม กาแฟ Clr Cff หรือกาแฟใส เกิดจากการคิดค้นร่วมกันของ Adam และ David Nagy แต่ก็น่าเสียดายนะที่พวกเขาไม่ได้เปิดเผยวิธีการทำให้ใครรู้ แต่ไม่เป็นไร เรามาดูที่ตัวกาแฟสีใสนี่กันดีกว่า พวกเขาบอกว่า กาแฟตัวนี้มีรสชาติอ่อนๆ มีสารให้ความหวานและไม่มีสารกันบูดแน่นอน ส่วนส่วนผสมของกาแฟตัวนี้ ก็อย่างที่บอกแหละค่ะว่าพวกเขาไม่ยอมเปิดเผยให้ใครรู้ แต่บอกเพียงแค่ว่า มันมีน้ำเปล่า กาแฟอาราบิก้า แล้วก็สารคาเฟอีน ปัจจุบัน Clr Cff มีวางจำหน่ายเฉพาะในสหราชอาณาจักรและสโลวะเกียเท่านั้น แต่ก็ไม่แน่ ในอนาคตอาจจะมีการวางขายทั่วโลกก็ได้ . กาแฟสีที่จะช่วยปกป้องฟันของคุณ คอกาแฟว่าไง อยากลองป่ะ? ที่มา thesun l clrcff
-
จีนค้นพบ “สมุดจดโพย” อายุกว่า 100 ปี ที่นักเรียนในอดีต ใช้ทุจริตการสอบข้าราชการ
การทุจริตในห้องสอบนั้นพบว่ามีอยู่ในเกือบทุกสังคม ซึ่งก็มีวิธีที่หลากหลายกันไป ที่สำคัญคือ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งมี มันมีประวัติศาสตร์ยาวนาน มาตั้งแต่ก่อนที่เราจะเกิดด้วยซ้ำ โดยเฉพาะนักเรียนจีนในปัจจุบันนี้ที่เป็นที่รู้จักกันดีว่า มักจะใช้อุปกรณ์ไอเทคเพื่อการทุจริตในการสอบ Gaokao ประจำปีเสมอ ที่สำคัญนั้นหลักฐานชิ้นใหม่ยังพบว่า บรรพบุรุษชาวจีนบางคนนั้นทุจริตการสอบมามากกว่า 100 ปีแล้ว หลักฐานสำคัญที่ยืนยันเรื่องนี้คือ สมุดเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งที่ถูกพบใน Changsha เมืองหลวงของหูหนาน ข้างในสมุดเล่มนี้เต็มไปด้วยการจดโพยข้อสอบ ที่เป็นการคัดลอกข้อความจากหนังสือ Four Books and Five Classic ( 四書五經) ทั้งนี้เป็นหนังสือขงจื้อดั้งเดิมที่นักเรียนจีนต้องท่องจำให้ได้ทุกคนเพื่อเอาไปใช้ในการสอบบรรจุเป็นข้าราชาการพลเรือนในสมัยนั้น เจ้าของร้านหนังสือโบราณและหนังสือหายากในประเทศจีนบอกว่า นักวิชาการของราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงสมัยนั้นจะแอบนำสมุดเล็กๆ เหมือนกับสมุดโพยเล่มนี้เข้าห้องสอบด้วย โดยซ่อนไว้ในเสื้อผ้าหรือรองเท้า วิธีการเช่นนี้เป็นที่นิยมมาก เพราะในสมัยนั้นทุกคนก็อยากเป็นข้าราชการกันทั้งนั้น จึงหวังว่าการจดโพยเข้าไปจะช่วยพวกเขาเขาได้บ้าง แต่ก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ผู้คุมสอบในสมัยนั้นใช้วิธีการอย่างไรในการจัดการและป้องกันการทุจริตในห้องสอบ… สำหรับปัจจุบันนี้ โรงเรียนหลายๆ แห่งในประเทศจีน ได้ออกมาตรการให้นักเรียนสอบกลางแจ้งหรือนอกอาคาร โดยจะถูกจับตาดูด้วยกล้องส่องทางไกล และยังมีผู้คุมสอบที่เดินคุมในสนามสอบอีกด้วย นอกจากนี้บางโรงเรียนจะให้นักเรียนหากระดาษครอบหัวเอาไว้ เพื่อป้องกันการลอกข้อสอบ รวมทั้งการแยกนักเรียนให้อยู่ห่างกันมากๆ ราวกับทำข้อสอบคนเดียว…
-
เจ้าหน้าที่กู้ภัย รุดเข้าช่วยแม่แมวและลูกน้อยอีก 4 ตัว หลังติดอยู่ในท่อลึกเกือบ 20 เมตร
เมื่อหน่วยกู้ภัย Hope for Paws ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้รับแจ้งว่ามีแมวเหมียวติดอยู่ในท่อระบายน้ำเป็นเวลานาน นั่นจึงทำให้ทางเจ้าหน้าที่รีบเข้าไปช่วยเหลือมันทันที ซึ่งหลังจากที่พวกเขาเดินทางมาถึงยังสถานที่เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ก็พบว่าเจ้าเหมียวตัวนั้นไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเพียงลำพัง แต่มันยังอยู่กับลูกน้อยของมันถึง 4 ตัวอีกด้วย แทบจะมองไม่เห็นเจ้าเหมียว เพราะท่อนั่นแคบและก็อยู่ลึกมากด้วย จากการรายงานระบุว่า แม่แมวตัวดังกล่าวได้ติดอยู่ภายในท่อที่ยาวถึง 60 ฟุต (เกือบ 20 เมตร) พร้อมกับลูกๆ ของมัน โดยในขณะนั้นทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะเข้าไปช่วยเหลือพวกมันได้ทันที เนื่องจากมันอยู่ในท่อที่ลึกมาก ดังนั้น พวกเขาจึงได้กลับไปยังศูนย์กู้ภัย เพื่อที่จะได้นำอุปกรณ์ต่างๆ มาช่วยเหลือพวกมัน “เราตระหนักดีว่าการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในการช่วยเหลือครอบครัวของเจ้าเหมียว จะต้องดำเนินไปอย่างรวดเร็ว” เจ้าหน้าที่กล่าว จากนั้นไม่นาน ภารกิจช่วยชีวิตครอบครัวเหมียวก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามเข้าไปช่วยเหลือพวกมันอย่างเต็มที่ และในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกับครอบครัวของเจ้าเหมียวที่ติดอยู่ในท่อ หลังจากที่พบเจ้าเหมียวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็รีบนำตัวของพวกมันออกมา โดยเริ่มจากการนำแม่แมวออกมาก่อน ตามด้วยลูกๆ ของมัน การช่วยลูกแมวน้อยค่อนข้างจะดำเนินการไปได้ยาก เนื่องจากพวกมันไม่สามารถเดินได้ และมีขนาดตัวที่เล็กมากนั่นเอง แม้ในตอนแรกแม่แมวจะรู้สึกหวาดกลัว แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามทำให้มันสงบลงได้ ด้วยความพยายามของทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย จึงทำให้พวกเขาสามารถช่วยชีวิตแมวน้อยๆ…
-
หนุ่มวัย 34 ถูกตั้งข้อหาลักทรัพย์ หลังแอบบุกเข้าบ้านคนอื่น เพียงเพื่อขโมย “ไก่ทอด+วอดก้า”
โดยปกติแล้ว หากมีขโมยลักลอบเข้ามาในบ้านของเรา สิ่งที่จะหายไปก็คือเงินทอง รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ที่มีมูลค่านับพันนับหมื่นใช่ไหมละ แต่สำหรับหัวขโมยที่ชื่อว่า Ronald Gregory Wesly วัย 34 ปีคนนี้ กลับทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป เพราะแทนที่เขาจะขโมยของ แต่กลับขโมยอาหารซะอย่างนั้น!! เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า หลังจากที่ Samantha O’Neal หญิงสาวที่อาศัยอยู่ในรัฐฟลอริด้า ได้เดินทางออกไปทำงาน นาย Ronald Wesly ก็ได้แอบบุกเข้าไปในบ้านของเธอทันที และเมื่อเข้าไปในบ้านได้สำเร็จ เขาก็เดินไปยังตู้เย็น และได้พบกับไก่ตัวหนึ่ง งานนี้หนุ่มรายดังกล่าวจึงได้ตัดสินใจนำไก่ไปทอด พร้อมกับขโมยวอดก้าเพื่อมาดื่มคู่กับไก่อย่างชิวๆ อีกด้วย น่าเศร้าที่ความสุขของเขาเกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น เพราะหลังจากนั้นไม่นาน Samantha ก็กลับมาที่บ้านพร้อมกับน้องสาว ซึ่งเธอก็ได้สังเกตเห็นควันจากในบ้านที่นาย Ronald ทำอาหาร นั่นทำให้เธอรีบโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที และหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่จาก Alachua County Sheriff’s Office เดินทางมาถึง นาย Ronald ก็ถูกจับกุมตัว…
-
เจ้าหมาฮัสกี้ พยายามปลุก “ร่างไร้วิญญาณ” ของเพื่อนมันให้ตื่น หลังถูกรถชนกลางถนน…
หลายคนที่เลี้ยงสุนัข จะรู้ดีว่ามันเป็นสัตว์ที่ภักดีต่อเจ้านายมากขนาดไหน แม้กระทั่งเวลาที่พวกมันเห็นเจ้านายกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก พวกมันก็จะรีบเข้ามาปกป้องเราทันที เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ เพราะมันถูกนำมาเสนอบนโลกออนไลน์อยู่บ่อยครั้ง… และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งคลิปวีดีโอที่จะมายืนยันให้มนุษย์ทั้งหลายได้เห็นว่า “สุนัข” นอกจากจะภักดี และคอยปกป้องเจ้านายแล้ว มันก็ปฏิบัติเช่นนี้กับเพื่อนสุนัขตัวอื่นๆ เหมือนกันนะ วันที่ 19 เมษายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอเหตุการณ์สุดสะเทือนใจของเจ้าหมาพันธุ์ฮัสกี้ตัวหนึ่ง ที่ได้ยืนเฝ้าดูเพื่อนของมันอยู่ไม่ห่าง หลังจากที่เพื่อนของมันถูกรถชน สำหรับภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นบนถนนสายหนึ่ง ทางตะวันออกของมณฑลเจ้อเจียง ในประเทศจีน ซึ่งจากคลิปปรากฏให้เห็นว่า… หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เจ้าหมาฮัสดี้ตัวสีขาวก็ได้ยืนเฝ้าเพื่อนของมันอยู่ตรงจุดเกิดเหตุเป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง พร้อมกับมีท่าทีเสียใจอย่างหนัก และได้ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา นอกจากนี้ มันยังพยายามที่จะปลุกเพื่อนหมาสีน้ำตาลที่นอนนิ่งไร้ล้มหายใจอยู่บนถนนให้ตื่น ท่ามกลางรถยนต์ที่ขับผ่านไปมาอยู่เต็มท้องถนน ขณะที่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุได้เลย ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หญิงชุดดำที่อ้างว่าเป็นเจ้าของสุนัขก็ได้วิ่งไปยังที่เกิดเหตุ และพยายามปลุกให้เจ้าหมาตื่น พร้อมกับได้พาเจ้าหมาตัวนั้นอกจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวทันที โดยภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปสอบถาม ก็พบว่าหญิงรายดังกล่าวเป็นเจ้าของสุนัขผู้โชคร้ายนั่นเอง ตามรายงานข่าวไม่ได้บอกว่า เธอจัดการอย่างไรกับศพของสุนัข หรือตำรวจสามารถติดตามตัวคนชนได้หรือไม่ แต่คลิปที่เป็นไวรัลมียอดวิวกว่า 2.5 ล้านครั้ง คงเป็นเครื่องการันตีความเห็นอกเห็นใจของชาวเน็ต และคนนับล้านก็ได้รับชมความซื่อสัตย์และรักเพื่อนของเจ้าตัวขาวได้เป็นอย่างดี… ที่มา : ladbible, dailymail
-
คำขอสุดท้ายของ “หญิงชราป่วยเป็นมะเร็ง” อยากให้คนใจดีรับหมาไปเลี้ยง ก่อนเธอจากโลกนี้ไป…
เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ Thedodo ได้เผยเรื่องราวชวนเรียกน้ำตาของ Gloria Gutierrez คุณยายที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง และต้องเข้ารับการรักษาตัวด่วนในโรงพยาบาล แต่สิ่งที่เธอเป็นกังวลมากที่สุดในชีวิตไม่ใช่เพราะโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ แต่เธอกลับเป็นห่วง Vera, Brandy, Light, Mega, Bruno และ Muñeca สุนัขทั้ง 6 ตัวของเธอมากกว่าอะไรทั้งสิ้น “เธอเรียกสุนัขเหล่านี้ว่าเป็นลูกๆ ของเธอ และพวกมันก็ต้องการที่จะอยู่รอบๆ ตัวของเธอตลอดเวลา ซึ่ง Gloria ก็จะขอปกป้องลูกๆ ของเธอไปตลอดชีวิต” Rachel Cannady อาสาสมัครจากองค์กรช่วยเหลือสุนัข God Rescue Dog กล่าว สำหรับเจ้าสุนัขทั้ง 6 ตัวนี้ มันเคยเป็นสุนัขจรจัดมาก่อน ต่อมา Gloria ก็ได้เข้าไปช่วยเหลือมันมาจากถนนในเมืองซานอันโตนิโอ รัฐเท็กซัส หลังจากที่พวกมันถูกทอดทิ้งโดยเจ้าของเดิม แต่น่าเศร้าที่น้องหมาชื่อ Muñeca วัยเพียง 3 ปี กลับต้องมาเจอกลับเรื่องที่โชคร้ายหลังจากถูกเจ้าของเดิมทิ้งให้อยู่ตามลำพัง แต่ต้องมาถูกรถชน เมื่อมันพยายามที่จะเดินข้ามถนน อุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้เจ้า…
-
เบื่อการโยนดอกไม้ในงานแต่ง เปลี่ยนมาเป็นโยน “เจ้าเหมียว” แทน มันจะกลายเป็นภาพฮาขนาดไหน!?
การโยนดอกไม้ ถือเป็นการปฏิบัติอย่างหนึ่งที่คุณมักได้เห็นในงานแต่งงาน และแน่นอนว่าภาพการโยนดอกไม้ถือเป็นสิ่งที่เรามักจะเห็นกันจนชินตาอยู่แล้ว โดยผู้เป็นเจ้าสาวนั้นจะเป็นผู้โยนให้แก่หญิงสาวที่มาร่วมงาน และถ้าหากใครที่สามารถรับช่อดอกไม้ได้ จะเชื่อกันว่าเธอผู้จะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป และสำหรับเซตภาพที่เราได้นำมาให้รับชมต่อไปนี้ มันอาจจะทำให้คนรักแมวถึงขั้นอ้าปากค้าง เพราะทั้งหมดเป็นภาพของบรรดาเจ้าสาวที่ได้เปลี่ยนจากการโยนช่อดอกไม้ มาเป็นการโยนเจ้าเหมียวแทน เห้ย!! แบบนี้ก็มีด้วยหรอ แต่เดี๋ยวก่อน คุณอย่าเพิ่งตกใจไปละ เพราะนี่มันไม่ใช่ของจริงนะจ๊ะ แต่เป็นภาพที่ศิลปินชาวออสเตรเลียผู้เป็นเจ้าของเพจ Brides Throwing Cats ที่กำลังฮิตอยู่บนเว็บ Tumblr เป็นผู้ทำการตัดต่อภาพเหล่านี้ขึ้นมาทั้งหมด ดังนั้น ขอให้ทุกคนสบายใจได้เลยว่า ภาพเหล่านี้ไม่ใช่เหตุการณ์จริงแต่อย่างใด และไม่มีแมวตัวใดถูกโยนอย่างแน่นอน ซึ่งเจ้าสาวทุกคนในภาพนั้นจริงๆ แล้วพวกเธอโยนดอกไม้ เพียงแต่เขาได้ตัดต่อภาพของแมวมาใส่เพื่อเป็นการเรียกเสียงฮาเท่านั้น ว่าแล้วก็ไปชมผลงานของเขากันเลย . . . . . . . . . . . . . โถๆๆๆ ไอ้เราก็ใจหายใจคว่ำ นึกว่าพวกเธอจะโยนน้องแมวจริงๆ แหม!!! ที่มา : sobadsogood
-
พาไปรู้จักเทศกาล “ฆ่างูหางกระดิ่ง” แม้จะดูโหดร้าย แต่ทำสืบต่อกันมานานอย่างมีเหตุผล?!?
ในแต่ละประเทศทั่วโลก ก็ย่อมมีเทศกาล หรือประเพณีที่แตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกับที่เมือง Sweetwater (แหม่ เชื่อเมืองนี่น้ำหวานเชียว) รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประจำทุกปีที่นี่จะถูกจัดงาน ‘เทศกาลฆ่างูหางกระดิ่ง’ ถึงแม้จะดูโหดร้ายอยู่บ้าง ทว่าเทศกาลฆ่างูนี้ก็มีเหตุผล และที่มาที่ไปของมันอยู่เหมือนกัน และไม่ใช่แค่ฆ่าเอาสนุกอย่างเดียว… ต้องเล่าก่อนว่าเดิมทีในหลายๆ รัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา ชาวบ้านต้องเผชิญกับปัญหาถูกงูหางกระดิ่งเข้ามารุกรานถิ่นที่อยู่อาศัย (น่าจะสลับกันมั้ง?) จึงทำให้เกิดวัฒนธรรมการล่างูหางกระดิ่งขึ้น ในบางพื้นที่ชาวเมืองใช้วิธีหยอดน้ำมันลงไปในหลุมของพวกมัน ทำให้หายใจไม่ออก และตายยกรังในที่สุด ที่เมือง Sweetwater ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ๆ มีจำนวนประชากรงูหางกระดิ่งชุกชุมมากเป็นอันดับต้นๆ โดยผู้จัดงานได้ให้เหตุผลว่าเทศกาลดังกล่าวจะช่วยลดจำนวนประชากรงูหางกระดิ่งที่มากเกินไป ให้อยู่ในระดับที่พอดีต่อห่วงโซ่อาหารทางธรรมชาติได้ ในช่วงไม่กี่อาทิตย์ก่อนถึงเทศกาล ชาวบ้านมักจะรวมกลุ่มจับทีมกันออกล่างูหางกระดิ่งนับพัน เพื่อนำมาแสดงในงานเทศกาล และงูหางกระดิ่งทั้งหมดจะถูกปลิดชีพทั้งเป็นต่อหน้าฝูงชนที่มาร่วมงาน นอกจากนั้นยังมีเงินรางวัลให้กับทีมที่สามารถล่างูหางกระดิ่ง ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด หรือทีมที่ล่าได้จำนวนมากที่สุด ด้วยเช่นกัน แต่มันก็ไม่ได้มีแต่การมาฆ่าอย่างเดียวนะ ช่วงหลังนี้งานถูกทำให้เป็นวิชาการมากขึ้น มีการจัดแสดงให้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้เข้าร่วม รวมถึงให้ความรู้ไปพร้อมๆกัน ภายในงานจะมีทั้งการสาธิตวิธีการรับมือกับงูหางกระดิ่ง รวมถึงมีการให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์จากเซรุ่มของงู และการแสดงสินค้า หรืออาหารที่แปรรูปมาจากงูด้วยเหมือนกัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีข้อกังขาจากองคฺ์กรอนุรักษ์งู (ASP)…
-
เซอร์ไพรส์!! สัตวแพทย์หญิงพบกระเป๋าปริศนา ระหว่างไปทำงาน พอเปิดดูพบมิ้วน้อย 15 ตัว
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาสัตวแพทย์หญิงได้เดินไปทำงานที่คลินิค Vets4Pets ตั้งอยู่ในเมือง Dagenham ประเทศอังกฤษ แต่ระหว่างทางเธอได้พบกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกทิ้งอยู่ สภาพของกระเป๋านั้นมีรูเล็กๆ ถูกเจาะอยู่ ด้วยความสงสัยเธอตัดสินใจเดินเข้าไปเปิดกระเป๋าใบนั้นเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ปรากฎว่าข้างในนั้นมีแก๊งมิ้วน้อย 15 ตัวกำลังเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเธอพร้อมกับร้องเมี๊ยวๆ และโชคดีมากๆ ที่พวกมันทุกตัวยังมีชีวิตอยู่ เหมียว เมี๊ยว มิ้ว มุ้วววว แม๊วววววว ไม่ทราบว่ากระเป๋าใบและมิ้วน้อยที่น่ารักเหล่านี้เป็นของใคร แต่ดูเหมือนว่าคนที่จะมีคนเอามาทิ้งไว้อย่างแน่นอน อาจจะมาจากสาเหตุว่าเขาไม่สามารถดูแลพวกมันได้หมดทุกตัว จึงเลือกที่จะทิ้งพวกมันไว้ก็เป็นได้ ด้วยการช่วยเหลือของสัตวแพทย์หญิง เธอได้พามันไปไว้ที่ศูนย์ช่วยเหลือแมว Cats Protection Hornchurch & District Branch และพวกมันจะได้รับการอุปถัมป์จนเติบโตพอที่จะย้ายไปอยู่ยังบ้านหลังใหม่ แหม่ ก็ภาพตอนถูกช่วยมันมุ้งมิ้งขนาดนี้ ไม่แปลกหรอกที่จะได้รับบ้านใหม่อย่างรวดเร็ว “มีเจ้าเหมียว 5 ตัวที่มีอายุน้อยมาก พวกเราต้องป้อนนมให้กับมัน ส่วนอีก 10 ตัวนั้นมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี” โฆษกของ Cats Protection กล่าว ตั้งแต่เรื่องราวการค้นพบของพยาบาลสาวถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลร์ ก็ทำให้มีทาสแมวมากมายติดต่อเข้ามายัง Cats Protection เพื่อขอรับเจ้าเหมียวเหล่านี้ไปอยู่ด้วยที่บ้าน และเมื่อถึงเวลา เจ้ามิ้วน้อยทั้ง 15 ตัว ก็จะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่กลายเป็นราชาใช้ชีวิตอยู่กับทาสมนุษย์ผู้แสนซื่อสัตย์ แหม่…
-
เตือนใจพ่อแม่… เด็กชาย 7 ชวบ กระโดดตึกชั้น 10 พร้อมร่ม 1 คัน เกือบไม่รอดแล้วนะเจ้าหนู!?
เด็กชายวัย 7 ขวบชาวจีนรอดชีวิตได้อย่างหวุดหวิด หลังเล่นพิเรนทร์กระโดดลงมาจากหน้าต่างชั้น 10 พร้อมกับร่ม 1 คัน!? ใครจะคิดว่าเรื่องราวของเด็กที่เลียนแบบการ์ตูนในทีวี ด้วยการกระโดดจากตึกและร่ม ค่อยๆ ร่อนลงพื้นนั้น จะมีเด็กนำไปเลียนแบบจริงๆ และก็เกือบกลายเป็นข่าวสลด ตามรายงานของสำนักข่าว Dailymail เล่าว่าเมื่อวันที่ 15 เดือนเมษายนที่ผ่านมา เด็กชายชาวจีนถูกพบตัวอยู่บนถนนมีอาการบาดเจ็บสาหัสหลังจากกระโดดลงมาจากตึกสูง 10 ชั้น พร้อมกับร่ม 1 คัน จากการตรวจสอบก็พบว่าในวันนี้เขาถูกทิ้งไว้ให้อยู่ในอพาร์ตเม้นท์เพียงลำพัง แต่ภายหลังรอดชีวิตมาได้เพราะถูกช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา “เขาได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรง แต่เพราะเขาถูกพามาส่งที่โรงพยาบาลทันเวลา จึงทำให้พวกเราสามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้” แพทย์กล่าว เจ้าหน้าที่เผยข้อมูลว่าเด็กชายถูกทิ้งเอาไว้ให้อยู่บ้านเพียงลำพัง โดยที่พ่อแม่ของเขาคิดว่าลูกของตัวเองสามารถอยู่คนเดียวได้ และจะนั่งดูการ์ตูนอย่างเรียบร้อยที่หน้าจอทีวีอย่างเรียบร้อย แต่กลับกลายเป็นว่าการ์ตูนที่เขาชื่นชอบนั้นดันมีตัวละครที่โชว์การกระโดดจากที่สูงลงมาด้วยร่ม ราวกับใช้เป็นร่มชูชีพ จึงทำให้เขาอยากลองทำตามดู ซึ่งตามรายงานไม่ได้มีการเขียนไว้ว่าเป็นการ์ตูนเรื่องอะไร โชคดีที่ก่อนจะตกลงมาถึงพื้นตัวของเด็กชายตกลงมาถูกสายโทรศัพท์ จึงทำให้เขารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด สภาพของบริเวณที่เกิดเหตุ เต็มไปด้วยที่พักและตึกสูง ถือเป็นอุทาหรณ์เตือนใจวำหรับพ่อแม่หลายๆ คน ว่าการให้ดูการ์ตูนนั้นเราควรจะให้คำแนะนำหรือเสริมความรู้ในโลกของความเป็นจริงให้กับลูกๆ…
-
Walter White ตัวจริง!? ศาสตราจารย์เคมี กลายเป็นเจ้าพ่อยาเสพติด สร้างรายได้ 20 ล้านต่อปี
และนี่กลายเป็นคดี ที่ชาวเน็ตจีนแซวว่าเป็นเรื่องของ Walter White จากซีรี่ย์เรื่อง Breaking Bad ในชีวิตจริง… ศาสตราจารย์ด้านเคมีวิทยาชาวจีน ถูกจับกุมเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากทำการผลิตยาเสพติดและส่งขายไปยังต่างประเทศ สร้างรายได้ให้กับตัวเขาเองมากกว่า 20 ล้านบาทต่อปี หลังจากที่เข้าเรียนในสาขาเคมีในมหาวิทยาลัยหวู่ฮั่น ชายนามว่า Zhang ก็กลายมาเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยเดียวกันนี้ ขณะออกไปทำการสำรวจงานวิจัยในประเทศออสเตรเลีย เขาก็ค้นพบว่ายากล่อมประสาทนั้นเป็นที่ต้องการในประเทศออสเตรเลียเป็นอย่างมาก พอกลับมาที่เมืองจีนเขาก็ทำการเช่าโรงงานผลิตที่มีเนื้อที่ 800 ตารางเมตรในเมืองแห่งนี้ เพื่อเปิดเป็นโรงงานผลิตสารเคลือบทางการแพทย์และตัวทำละลาย ด้วยการจัดการทางการเงินของเขาผ่านทาง Western Union และ Bitcoin ก็ทำให้บริษัทผลิตสารเคมีของเขาสามารถส่งยาเสพติดไปยัง สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, แคนาดา, และ ออสเตรเลีย และรับเงินได้อย่างง่ายดาย และนาย Zhang เองก็ทำธุรกิจค้ายามานานนับสิบปี จนมาถึงปี 2014 เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดพัสดุของเขากว่า 9 กล่อง ที่บรรจุไปด้วย Methylone ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในยาอี จากนั้นในปี 2015 เจ้าหน้าที่ได้ทำการบุกค้นในแล็บของนาย Zhang และก็พบยาเสพติดที่มีน้ำหนักมากกว่า…
-
เมื่อโค้ชทีมบาสเก็ตบอลหญิงโพสต์ภาพ ‘ต่อต้านการรักร่วมเพศ’ ทำเอาชาวเน็ตจีน ดราม่าทั่วโซเชียล
นักศึกษาหญิงสองคนจากมณฑล Hubei ประเทศจีนได้ออกมาทำการถือป้ายประกาศต่อต้านการรักร่วมเพศที่หน้ามหาวิทยาลัย จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ของประเทศจีน ข้อความในป้ายประกาศเขียนเอาไว้ว่า “ปกป้องวัฒนธรรมของชาวจีน ต่อต้านแนวคิดจากตะวันตก เราไม่เอาการรักร่วมเพศ อย่าให้มันเข้ามาในมหาวิทยาลัยของเรา” ภาพดังกล่าวถูกถ่ายขึ้นเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา บริเวณข้างสนามบาสเก็ตบอลในคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย Huazhong University ที่ตั้งอยู่ในเมือง Wuhan เมื่อดูให้ดี ก็พบว่าภาพนี้ถูกโพสต์โดยแอคเค้าท์ของโค้ชทีมบาสเก็ตบอลหญิงที่ชื่อว่า Ling Bing พร้อมกับแคปชั่นว่า “นี่เป็นความหวัง ที่อยู่ในใจของเราเสมอมา” Ling พยายามที่จะนำมุมมองในเรื่องของการต่อต้านความรักร่วมเพศมาสอนให้กับเหล่าผู้เล่นในทีมของตัวเอง และนักศึกษาหญิงทั้งสองคนที่ยืนถือป้ายอยู่นั้นก็เป็นผู้เล่นในทีมของเธออีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีนักศึกษาวัย 22 ปี ในมหาวิทยาลัย Huazhong University ที่เรียนอยู่คณะเดียวกันก็ออกมาเล่าให้ฟังว่าในอดีตเคยมีนักกีฬาที่เป็นเลสเบี้ยนถูกเพื่อนร่วมทีมกลั่นแกล้งจนต้องลาออกมาแล้ว “ในทีมบาสเก็ตบอลหญิงจะกลายเป็นสถานที่มหันตภัยสำหรับชาวรักร่วมเพศเลยล่ะ ทำให้หลายๆ คนที่อยากเป็นนักกีฬา แต่มีรสนิยมรักร่วมเพศไม่กล้าที่จะเข้าไปสมัครเข้าทีมเลยแม้แต่คนเดียว” แน่นอนว่าหลังจากที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้อุณหภูมิในโซเชียลเน็ตเวิร์คจีนถึงกับเดือดระอุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทั้งนักศึกษา และชาวเน็ตคนอื่นๆ ต่างก็ไม่พอใจกับการกระทำของโค้ช และเหล่านักกีฬาบาสเก็ตบอลหญิง นักศึกษาคนหนึ่งให้ความเห็นว่า “พวกเรารู้สึกโกรธมากๆ เกี่ยวกับความคิดของพวกเขา พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของสิทธิและความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย” ส่วนชาวเน็ตที่ไม่ใช่นักศึกษาก็ออกมาบอกว่า “ฉันสนับสนุนในเรื่องของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นนะ แต่การกระทำที่ใจแคบแบบนี้สมควรแล้วหรือ??” “วัฒนธรรมจีนโบราณอย่างนั้นเหรอ? พวกเธอแน่ใจได้อย่างไรว่าการรักร่วมเพศนั้นเป็นแนวคิดที่มาจากตะวันตก…
-
พาไปชมบรรยากาศเทศกาล ‘ปาขี้วัว’ ในอินเดีย ที่เชื่อว่าจะนำมาซึ่งความมั่งคั่ง และสุขภาพดี
ในทุกๆ ปีชาวบ้านในหมู่บ้าน Kairuppala ที่ตั้งอยู่ในรัฐอานธรประเทศจะมีการจัดงานเทศกาลปา ‘ก้อนอึ๊วัว’ ใส่กัน จนทำให้มีผู้บาดเจ็บมากมายนับ 10 คนเลยทีเดียว แต่แม้จะมีการบาดเจ็บไปบ้าง แต่ก็ยังจัดต่อไปโดยมีความเชื่อว่าประเพณีจะนำมาซึ่งความมั่งคั่งและสุขภาพที่ดี ตามเรื่องราวในตำนานเมื่อขุนนางวีรภัทร ร่างอวตารของพระศิวะ ที่เป็นเทพเจ้าในศาสนาฮินดู และเทพีพระนางภัทรกาลี ได้ตกหลุมรักซึ่งกันและกันจึงตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน แต่ฝ่ายเจ้าบ่าวดันนึกครึ้มอยากแกล้งเจ้าสาวจึงบอกไปว่าเขาไม่ต้องการที่จะแต่งงาน ทำให้พระนางภัทรกาลีโกรธ จึงรวบรวมทหารมาเพื่อทำการสั่งสอนเจ้าบ่าวด้วยการโยนก้อนอึ๊วัวใส่ และอีกฝั่งก็ตอบโต้ไปด้วยเช่นกัน จนผลสุดท้ายทั้งคู่ก็ปรับความเข้าใจกัน และแต่งงานด้วยกันในที่สุด ทำให้ชาวบ้าน Kairuppala ดำเนินตามประเพณีตามตำนานนี้มาอย่างยาวนาน กองอึ๊วัวแห้งขนาดใหญ่ที่มีเป็นนับพันก้อน จะถูกกองเอาไว้บริเวณกลางหมู่บ้าน จากนั้นชาวบ้านก็จะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือฝั่งของพระนางภัทรกาลี กับฝั่งของขุนนางวีรภัทร ส่วนผู้ชมก็จะขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคาบ้าน หรือไม่ก็บนต้นไม้ เพื่ออยู่ให้ห่างจากการต่อสู้ที่เดือดระอุอบอวลไปด้วยกลิ่นอึ๊วัว เมื่อมีการส่งสัญญาณให้การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นทั้งสองฝั่งก็จะเริ่มโยนก้อนอึ๊วัวแห้งเข้าหากัน และทำไปเรื่อยๆ นานกว่าครึ่งชั่วโมง ทำให้มีผู้บาดเจ็บจากการถูกก้อนอึ๊วัวแข็งๆ กระทบเข้าใส่ และในปีล่าสุดก็มีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บมากกว่า 50 รายเลยทีเดียว!! แต่หลังจากที่ประเพณีจบลง ทุกคนในหมู่บ้านที่เข้าร่วมต่างก็แสดงท่าทีแห่งความสุขออกมา ทั้งสองฝั่งร่วมกันเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุขแม้ว่าเพิ่งจะต่อสู้กันด้วยก้อนอึ๊วัวอย่างหนักหน่วงมาก่อนหน้านี้ก็ตาม… ลองไปชมคลิปบรรยากาศในงานเทศกาลกันแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… มีต่ออีกคลิปจ้า… นี่ยังดีนะที่เอาแบบแห้งๆ มาปากัน…
-
หญิงสาวขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบโลก หลังจากที่แฟนเก่าไม่พาไป เพราะเขาว่า “มันอันตรายเกินไป…”
หญิงสาวผู้ออกไปท่องเที่ยวรอบโลกพร้อมกับมอเตอร์ไซค์คู่ใจ หลังจากที่แฟนเธอบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้…. Nikki Misurelli หรือที่รู้จักกันในชื่อ Alaska Moto Girl ได้ทำการออกไปท่องเที่ยวรอบโลกร่วมกับมอเตอร์ไซค์คู่ใจ โดยเธอให้เหตุผลว่าที่ทำแบบนี้เพราะต้องการลบคำสบประมาทของแฟนเก่า ที่บอกเธอว่า ‘มันอันตรายเกินไป’ “ฉันขอร้องให้เขาพาฉันออกไปท่องเที่ยวด้วยกันกับเขา แต่เขาบอกว่า ‘ไม่ได้ มันเป็นทริปของผู้ชายเท่านั้น เพราะมันอันตรายมากเกินไป เธอไม่สามารถควบคุมมันได้หรอก’” “ฉันก็เลยตัดสินใจเลิกกับเขา และออกทริปไปด้วยตัวเอง” และทริปแรกของเธอนั้นคือการออกเดินทางจากรัฐ Alaska ไปยังเมือง Panama ที่ตั้งอยู่ในแถบอเมริกากลาง จากนั้นตามด้วยการขับผ่านประเทศต่างๆ ไปอีกกว่า 9 ประเทศ ในระยะเวลา 6 เดือน เป็นระยะทางไปแล้วกว่า 19,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว!! ภาพของเธอที่บันทึกเอาไว้ระหว่างการเดินทาง . และที่คุณ Misurelli ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะพารถทรงสปอร์ตคู่ใจของเธอ Honda CBR 600rr ไปออกทริปที่ยุโรปด้วยในอนาคต นอกจากนี้ก็ยังมีแถบตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และส่วนอื่นๆ ของโลกอีกด้วย “ฉันมีเป้าหมายในชีวิตอีกมากมายที่ต้องทำให้สำเร็จ และ 1 ในนั้นก็คือการออกไปเที่ยวรอบโลก…
-
เรื่องราวของ ‘นักวิ่งมาราธอนหญิง’ คนแรกของโลก ในยุคที่โดนผู้ชายรุมกีดกัน มันไม่ง่ายเลย…
หากย้อนกลับไปในอดีตเราจะพบว่าความคิดเรื่องความเท่าเทียมของ ‘เพศสภาพ’ เป็นอะไรที่ดูรุนแรงจนทำให้พวกเราที่ใช้ชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบันนั้นยากที่จะจินตนาการถึงได้เลยล่ะ ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ลองไปชมเรื่องราวของคุณยาย Kathrine Switzer วัย 70 ปี ที่วีรกรรมอันเด็ดเดี่ยวของเธอ ต้องย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 1967 เธอได้กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ลงแข่งขันในการวิ่งมาราธอน Boston City Marathon และเป็นหญิงสาวคนแรกที่สามารถวิ่งจนจบได้ ‘อย่างเป็นทางการ’ หลายๆ คนก็อาจจะคิดว่ามันก็แค่การวิ่งมาราธอนธรรมดาๆ ไม่เห็นมีอะไรยากเลยนี่นา ทำไมถึงกลายเป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำได้ถึงขนาดนี้ล่ะ? ก็เพราะว่าในช่วงนั้นผู้คนยังมีความเชื่อว่าผู้ชายนั้นต้องเป็นใหญ่ และผู้หญิงจะไม่สามารถออกมาทำกิจกรรมอะไรที่ทัดเทียมกับผู้ชายได้เหมือนในปัจจุบัน และยิ่งเป็นการวิ่งมาราธอนที่เป็นกิจกรรมของผู้ชายก็ยิ่งทำให้กลายเป็นที่น่าจับตามอง แม้ว่าจะมีนักวิ่งมาราธอนหญิงอีกหลายคนที่เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอน แต่สำหรับคุณยาย Switzer เป็นคนเดียวที่ทำการลงสมัครอย่างเป็นทางการและวิ่งจนเข้าเส้นชัย แต่ระหว่างการวิ่งนั้นมันไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่คิด เพราะเธอต้องถูกกลุ่มชายหัวรุนแรงที่ไม่ยอมรับการกระทำของเธอพยายามเข้ามาทำร้าย และไล่เธอออกไปจากการแข่งขัน พร้อมกับเสียงโห่ร้องของคนที่ไม่เห็นด้วยอีกมากมาย เธอเล่าถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นว่า “ฉันรีบวิ่งออกไปโดยสัญชาตญาณ พร้อมกับมีผู้ชายร่างใหญ่พยายามเข้ามาทำร้ายฉัน เขาพยายามที่จะจับตัวของฉันเหวี่ยงออกไปอย่างรุนแรง พร้อมกับตะโกนว่า ‘ออกไปจากการแข่งขันของฉัน และเอาป้ายนั่นมาซะ!!’” ภาพนี้กลายเป็นหนึ่งในภาพตำนานประวัติศาสตร์ของโลก หลังจากที่จบการแข่งงขันในครั้งนั้นคุณยาย Switzer ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเรียกร้องความเท่าเทียมให้กับสตรีเพศในการเล่นกีฬา นอกจากนี้เธอก็ยังเป็นเสียงสำคัญในการเรียกร้องสิทธิสตรีในกีฬาต่างๆ ด้วยการเข้าร่วมการแข่งขันมาราธอนอีกมากมายกว่า 39 รายการ สร้างสถิติและกวาดถ้วยรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันมาราธอนที่…
-
เมื่อหนุ่มหล่อ ‘คนขับรถบรรทุก’ เจอเจ้าเหมียวนอนอยู่กลางถนน ซิ่งไปด้วยกันซะเลยงานนี้!!
เรื่องราวความน่ารักระหว่างคนขับรถบรรทุกที่บังเอิญพบกับเจ้าเหมียวตัวน้อยโดยบังเอิญ เขาเห็นมันกำลังนอนรอความช่วยเหลืออยู่กลางถนน ขณะที่คุณ Matt คนขับรถบรรทุก กำลังขับรถอย่างชิลๆ จู่ๆ ก็พบเจ้าเหมียวน้อยตัวหนึ่งกำลังนอนอยู่บนถนน “ผมเจอเจ้าเหมียวกำลังนอนอยู่กลางถนนที่มีรถพลุกพล่าน ผมก็เลยตัดสินใจจอดรถและช่วยเหลือมัน” “มันค่อยๆ คลานมาจากพุ่มไม้ที่ข้างถนน ดูเหมือนว่ามันจะเกิดที่นั่น แต่ด้วยเหตุการณ์อะไรบางอย่าง จึงทำให้แม่ของมันหนีออกจากรังไป และคาบลูกตัวอื่นๆ ไปด้วย แต่ดันทิ้งเจ้าตัวนี้เอาไว้” ในวันต่อมาคุณ Matt ก็ตัดสินใจพาเจ้าเหมียวไปหาหมอ ลำตัวของมันมีแต่เห็บหมัดอยู่เต็มไปหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็สามารถจัดการออกไปได้โดยไม่มีปัญหา “ขณะกลับจากการไปหาหมอ เจ้าเหมียวก็หลับมาตลอดทางพร้อมกับหายใจเป็นเสียงกรน ดังราวกับหัวเครื่องจักรรถไฟเลยทีเดียว และผมก็ไม่กล้าเปิดวิทยุซะด้วย เพราะกลัวว่าจะรบกวนมัน” ดีแล้วที่หลับ เพราะถ้ามันตื่นก็จะกวนแบบนี้ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขาก็ไม่ได้รับเลี้ยงมันไว้หรอกนะ เนื่องจากตัวเองก็ก็เป็นภูมิแพ้ขนสัตว์ และไม่มีประสบการณ์เลี้ยงแมวเลย แต่ก็ได้ส่งต่อให้กับคนที่พร้อมดูแลเป็นที่เรียบร้อย “เนื่องจากว่าผมป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ จึงต้องทำการหาบ้านใหม่ให้กับเจ้าเหมียว และตอนนี้มันก็ได้บ้านหลังใหม่พร้อมกับทาสคนใหม่ และเพื่อนๆ แมวเหมียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และที่นั่นเองมันก็คงจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอย่างแน่นอน” คุณ Matt เล่า ถือว่าเป็นโชคดีของเอ็งแล้วล่ะนะเจ้าเหมียว ขอให้ใช้ชีวิตใหม่อยู่ในบ้านหลังใหม่อย่างมีความสุขล่ะ ^^…
-
คุณตาเปิดศึกไฟท์หน้าบ้านพักคนชรา เพราะงอนอีกฝ่ายไม่มีเวลาให้ จบด้วย.. การคลำหาแว่น -*-!!
โดยปกติแล้วคนเฒ่าคนแก่นั้นมักจะเป็นคนใจเย็น มีการเคลื่อนไหวเชื่องช้า เพราะภาพร่างกายที่เสื่อมไปตามกาลเวลา ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยได้เห็นพวกเขาทำอะไรแบบหุนหันพลันแล่นสักเท่าไร แต่คุณตาสองคนได้ฉีกกฏเหล่านี้ไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยการเปิดศึกชกต่อยสุดมันส์ แถมยังต่อยกันตรงบริเวณบ้านพักคนชราที่พวกเขาอาศัยอยู่อีกด้วย… เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ Hebburn (เมืองเล็กๆ ใกล้กับ Newcastle ในประเทศอังกฤษ) ขอแทนชื่อด้วยคุณตาเสื้อดำ และคุณตาคนเสื้อแดงนะคะ ทั้งคู่อยู่ในบ้านพักคนชราด้วยกัน แต่ไม่รู้ไปไงมาไงเกิดศึกไฟท์กันซะได้ การปะทะของพวกขาเกิดขึ้นเมื่อมีคนไปพบคุณตาทั้งสองวางถุงพลาสติกลงแล้วมีปากเสียงกัน… เริ่มด้วยคุณตาเสื้อดำพูดจาด่าทอด้วยความโมโห พร้อมทั้งชี้หน้าด้วย ทำให้คุณตาเสื้อแดงไม่พอใจเลยกระโดดต่อยคุณตาเสื้อดำทันที กำปั้นคุณตาเสื้อแดงคงจะหนักไม่ใช่เล่น ทำให้แว่นคุณตาเสื้อดำถึงกับกระเด็นออกจากหน้า จนมองอะไรพร่ามัวไปหมด ทำไงล่ะทีนี้ เมื่อไม่มีแว่นพวกเขาก็ตัดสินใจหยุดศึก แล้วช่วยกันหาแว่นของคุณตาเสื้อดำ และกว่าจะหาเจอทั้งคู่ก็หายโกรธกันพอดี ก่อนจะหันมายิ้มให้กันและแล้วเดินกลับบ้านพักคนชราด้วยกัน ต่อมาคนที่เห็นเหตุการณ์นี้บอกว่า คุณตาสองคนทะเลาะกันเพราะหนึ่งในคุณตางอนอีกฝ่ายที่ปล่อยให้เขาต้องอยู่คนเดียวมาหลายเดือนแล้ว เกิดเลยนำสู่การปะทะกันเนี่ยแหละ แต่ตอนนี้ดีกันแล้วนะ และเย็นนี้พวกเขาคงจะมีปาร์ตี้เล็กๆ ด้วยกันแน่ๆ ก็ไม่รู้จะทะเลาะกันไปทำไมเนาะ แต่จะว่าไปก็น่ารักดีนะ คนแก่งอนกัน เอ๊ะ เป็นเรื่องของคนทะเลาะกัน… ทำไมดูแล้วยิ้มละ ฮ่าาา ที่มา dailymail
-
หญิงสาว ใช้ “พาวเวอร์พอยท์” บอกรักชายหนุ่มในฝัน ได้ผลหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ มันเจ๋งอ่า
หากคุณแอบชอบใครสักคน คุณจะมีวิธีบอกเค้ายังไง!? แต่ก็อย่างที่รู้กันแหละ ว่าหลายคนไม่กล้าบอก เพราะกลัวโดนปฏิเสธ สุดท้ายก็ต้องมานั่งเศร้าอยู่คนเดียว (อ๊ะ เหมือนชีวิตตัวเองเบยยยยยย) แต่ถ้าไม่อยากถูกปฏิเสธก็ลองให้วิธีบอกรักแบบเจ๋งๆ สิ หรือวิธีที่ทำให้ใครคนนั้นประทับใจได้ เหมือนกับหญิงสาวคนนี้ที่ตัดสินใจบอกรักด้วยการทำพาวเวอร์พ้อยสุดครีเอท เธอคนนี้คือ Lizzy Fenton นักศึกษาคณะพันธุศาสตร์ สาขาชีววิทยาและการพัฒนาเซลล์ มหาวิทยาลัย University of Minnesota สไลด์เธอใส่รูปตัวเองกับข้อความ “รู้มั้ย ทำไมคุณควรจะเดทกับฉัน?” โปรแกรมพาวเวอร์พอยท์นั้น หลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี รวมทั้งหญิงสาวคนนี้ด้วยที่มักจะนำเสนองานทางวิทยาศาสตร์ด้วยโปรแกรมนี้บ่อยๆ และตอนนี้เธอกำลังแอบชอบพ่อหนุ่ม Carter Blochwitz อยู่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะบอกเขายังไงดี ในที่สุดเเธอก็ตัดสินใช้พาวเวอร์พอยท์นี่แหละเป็นตัวช่วย ว่าแล้ว Lizzy จึงได้ทำผลงานจำนวน 6 สไลด์ ที่เกิดจากความตั้งใจล้วนๆ ส่งให้ชายหนุ่มดู โดยหวังว่าเขาจะประทับใจกับสิ่งที่เธอตั้งใจทำนี้ รายละเอียดของสไลด์นั้น เป็นการให้เหตุผลว่าทำไม Carter ควรเดทกับเธอ รวมทั้งบอกเธอว่าจะพาไปรู้จักครอบครัว หรือแม้กระทั่งการทำทรงผมต่างๆ ที่น่าสนใจด้วย เธอยังบอกถึงข้อดีตัวเองอีกว่า เธอเป็นคนพูดเก่ง มีอารมณ์ขัน รับรองว่าแม่ของชายหนุ่มต้องชอบแน่ๆ นอกจากนี้เธอจะแต่งตัวสวยๆ ในทุกๆ เทศกาลไม่ให้น้อยหน้าใครแน่นอน สไลด์ต่อมาเป็นภาพหญิงสาวกับเพื่อน และด้านล่างเป็นภาพหญิงสาวกับทรงผมที่แตกต่างกัน 3 ทรง …
-
ครอบครัวจีนบังเอิญพบ “ระเบิด” สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นับสิบลูกอยู่ใต้พื้นบ้าน อะเฮ้ยยย!?
เคยคิดมั้ยว่าบ้านที่เราอยู่ทุกวันนี้ มันอาจจะมีบางสิ่งอย่างซ่อนอยู่ที่เราไม่เคยรู้ก็ได้ จนเมื่อคุณรื้อบ้านหรือลองจัดเก็บข้าวของนั่นแหละ แล้วจึงจะได้เห็น เหมือนกับครอบครัวหนึ่งมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ที่พบวัตถุโบราณอยู่ในบ้านระหว่างที่ทำการปรับปรุงบ้านบางส่วนของพวกเขา ผ่าม พาม ผ๊ามมมม…. สำหรับชาวจีนนั้นจะรู้ดีว่า เมือง Daye ในมณฑลหูเป่ยนั้นเป็นแหล่งกำเนิดของวัฒนธรรมสำริดโบราณของจีน ที่อยู่ภายใต้อำนาจของราชวงศ์โจวตะวันตกและราชวศ์ซ้ง และภายใต้เมืองแห่งนี้ นักโบราณคดีได้ค้นพบอุโมงค์ ที่มีเหมืองแร่ทองแดงหลายร้อยแห่ง รวมถึงซากปรักหักพังของเตาเผาขนาดใหญ่ด้วย ในตอนแรกนั้น ครอบครัวที่ค้นพบวัตถุโบราณนี้เข้าใจว่ามันคือสิ่งประดิษฐ์โบราณที่มีค่า พวกเขาจึงห้ามไม่ให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้ขอหมายค้นจากศาลสำเร็จในที่สุด และเข้าไปตรวจสอบทันที แล้วก็พบว่ามันไม่ใช่สมบัติอย่างที่ครอบครัวนี้เข้าใจ แต่มันคือระเบิดเก่านับสิบลูก ที่คาดว่าน่าถูกใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สื่อจีนยังรายงานอีกว่า สำหรับเมือง Daye นี้ มันยังเคยเป็นที่ตั้งของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนนี้วัตถุระเบิดทั้งหมดอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่แล้ว โดยจะส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญทำการพิสูจน์ต่อไป บางทีการค้นพบอะไรบังเอิญ มันอาจจะไม่ใช่โชคดีเสมอไป และไม่อยากคิดเลยว่าหากมีการผ่าพิสูจน์หรือตรวจสอบเองโดยพลการ มันจะกลายเป็นความเสียหายได้ขนาดไหน -*- ที่มา shanghaiist
-
ลูกสาวมุสลิม อับอายจนคิดจะถอด “ฮิญาบ” คุณพ่อจึงให้กำลังใจซึ้งๆ จนถูกใจชาวเน็ตทั่วโลก!!
ความเชื่อทางศาสนานั้นอยู่คู่กับมนุษย์มานานแล้ว โดยถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น และปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่นั้นมักจะนับถือศาสนาตามพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด หรือใครอาจจะไม่เชื่อก็ตาม เราก็ไม่ควรลบหลู่ดูหมิ่นความเชื่อที่แตกต่างจนเกินไป… แต่สำหรับเด็กปัจจุบันนี้มีแนวโน้มที่จะออกห่างจากศาสนามากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อโตพอที่จะคิดเองได้ พวกเขามักเลือกทุกอย่างด้วยตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจสร้างความไม่พอใจให้กับพ่อแม่บางคนได้ เหมือนอย่างเรื่องราวของ Lamyaa วัย 17 ปี ชาวอาหรับและเป็นมุสลิมจากรัฐเพนซิลวาเนีย ปัจจุบันอาศัยอยู่ในซาอุดิอาราเบีย เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ Lamyaa ได้เข้าร่วมกลุ่มที่เริ่มโดยเพื่อนคนหนึ่งของเธอ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตั้งขึ้นมาเพื่อวิจารณ์ประธานธิบดีทรัมป์โดยเฉพาะ และไม่ใช่แค่กลุ่มเพื่อน แต่ยังมีคนที่เธอไม่เคยรู้จักมากมายเข้าร่วมกลุ่มนี้ด้วย เธอบอกว่า “การที่ทรัมป์ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีมันส่งผลกระทบกับฉันมากเลยค่ะ เพราะฉันเป็นคนอาหรับและเป็นชาวมุสลิม” หากเราได้ติดตามเรื่องราวทางการเมือง จะเห็นว่า ทรัมป์ได้ประกาศไม่ให้คนมุสลิมเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน แน่นอนว่ามันส่งผลกับชาวมุสลิมไม่น้อยเลย จนทำให้ผู้หญิงมุสลิมหลายคนอยากถอดฮิญาบออก ในกลุ่มนั้นหญิงสาวได้บอกทุกคนว่าเธอเป็นผู้หญิงมุสลิม และเธอก็ได้วิจารณ์นโยบายของทรัมป์ที่มีต่อศาสนาอิสลามด้วย จนทำให้หนึ่งในสมาชิกกลุ่มแชทไม่พอใจกับคำวิจารณ์ของเธอ ชายคนนั้นบอกว่า “เธอควรจะหยุดเข้าข้างศาสนาตัวเองได้แล้วนะ เพราะมันเป็นศาสนาที่ทำให้เธอต้องใส่ฮิญาบอยู่ตลอดเวลา หรือพ่อเธอบังคับให้ใส่หรือเปล่า?” ส่วนตัว Lamyaa เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมต้องใส่ฮิญาบด้วย ทั้งที่เธอก็ไม่ได้อยากใส่ตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งมาเจอสถานการณ์กดดันแบบนี้มันยิ่งคิดหนักเข้าไปใหญ่ และอยากถอดญิหาบออก แต่ก็ไม่ลืมที่จะนำเรื่องนี้ไปบอกพ่อก่อน บทสนทนาดังกล่าว…. Lamyaa: พ่อหนู่มีอะไรจะบอก พ่อ: ว่ามาเลยลูก Lamyaa:…
-
ศิลปินผู้หลงไหล “เจ้าหญิงดิสนีย์” นำภาพพวกเธอมาวาดใหม่ ให้สวยสมจริงจนร้องว๊าววววววว!!
การวาดการ์ตูนนั้นนอกจากจะเน้นความสวยงามแล้ว ศิลปินยังต้องการความสมจริงเพื่อสื่ออารมณ์ไปยังผู้ชมด้วย หรือเรียกว่าทำให้ภาพวาดดูมีชีวิตมากขึ้นนั่นเอง หนึ่งในศิลปินผู้ทำให้ภาพดูสมจริงนั้นคือ Isabelle Staub ซึ่งหลายคนคงรู้จักกันไปบ้างแล้ว เธอเป็นคนชอบวาดการ์ตูนดิสนีย์ จนผลงานหลายชิ้นก็ถูกนำไปใช้ทำโปสเตอร์การ์ตูนชื่อดัง สร้างรายได้ให้เธอมากมาย… 1. โพคาฮอนทัส จากเรื่องโพคาฮอนทัส ศิลปินคนนี้เป็นคนที่ไม่หยุดอยู่กับที่ แต่เธอชอบที่จะพัฒนาฝีมือตัวเองไปเรื่อยๆ ดังนั้นสิ่งที่เธอชอบทำคือ การนำภาพเดิมของการ์ตูนดิสนีย์มาวาดใหม่อีกครั้งเพื่อให้ดูสมจริงยิ่งขึ้นอีกระดับหนึ่ง Isabelle บอกว่า “ฉันชื่นชอบการ์ตูนดิสนีย์มาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ฉันก็เลยวาดรูปเจ้าหญิงดิสนีย์ในแบบของตัวเองแม้จะเป็นการวาดรูปเพื่อความสนุกเท่านั้น แต่รู้มั้ยว่าแต่ละภาพนั้นใช้เวลา 8-12 ชั่วโมงเชียวล่ะ” 2. แอเรียล จากเรื่องเงือกน้อยผจญภัย โดยหลังจากที่เธอวาดรูปด้วยเทคนิค Corel Painter เสร็จแล้ว เธอก็จะนำไปทำต่อให้สมบูรณ์ด้วยโปรแกรม Photoshop และใส่ใจในทุกรายละเอียดเสมอ ปัจจุบันนอกจากวาดการ์ตูนแล้ว เธอยังตั้งใจจะทำหนังสือการ์ตูนสำหรับเด็กด้วยนะ หากใครสนสามารถติดตามได้ที่อินสตาแกรม isabelle_staub และเว็บไซต์ Etsy 3. เบลล์ จากเรื่องบิวตี้แอนด์เดอะบิสท์ 4. เอสเมรันด้า จากคนค่อมแห่งน็อทร์-ดาม 5. เทียน่า จากมหัศจรรย์มนต์รักเจ้าชายกบ 6. ออโรร่า จากเจ้าหญิงนิทรา 7.…
-
โจรขโมยโทรศัพท์กว่า 100 เครื่องในคืนเดียว แต่หนีไม่พ้น ถูกเหยื่อล่าด้วยแอพหาโทรศัพท์
ปัญหาโทรศัพท์มือถือหายนั้นเกิดขึ้นแทบทุกวัน ในทุกๆ สังคม จนกลายเป็นเรื่องที่เราเห็นกันได้ทั่วไปซะแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็มีคนที่ได้คืนบ้าง และคนที่ต้องอำลาโทรศัพท์ตัวเองไปตลอดกาล (น่าเศร้าเนอะ T_T) แต่กรณีนี้ดูจะเป็นข่าวการขโมยโทรศัพท์ที่ออกจะแปลกสักหน่อย เพราะคนร้ายได้ขโมยโทรศัพท์มากถึง 100 เครื่องในครั้งเดียว เรื่องนี้เกิดในงานเทศกาลดนตรี Coachella เมืองอินดิโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีผู้เสียหายจำนวนมากโพสต์ลงโซเชียลว่าโทรศัพท์มือถือหายไปในงานนี้ โฉมหน้าของคนร้าย ที่ต้องถามเลยว่า ทำได้อย่างไรกัน!? หลังจากที่โทรศัพท์หาย บรรดาเหยื่อจึงออกตามหาโทรศัพท์ด้วยแอพ Find My iPhone และแล้วก็พบว่า โทรศัพท์ของพวกเขากำลังรวมกันอยู่คนคนเดียว เมื่อรู้ตัวแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของงานดนตรี Coachella จึงเข้าไปจับตัวคนร้ายทันที และรอให้ตำรวจเข้ามาจัดการต่อ ต่อมาทราบชื่อว่าคนร้ายคนนี้ชื่อ Reinaldo De Jesus Henao ชายชาวนิวยอร์กวัย 36 ปี ตำรวจพบหลักฐานเป็นโทรศัพท์มือถืออยู่ในกระเป๋าของเขามากถึง 100 เครื่องด้วยกัน ตอนนี้โทรศัพท์ประมาณ 20 เครื่องก็ถูกคืนเจ้าของไป ส่วนเครื่องที่เหลืออีกกว่า 80 เครื่องนั้นกำลังอยู่ในระหว่างการตามหาเจ้าของ ว่าเป็นของใครกันแน่ จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า Henao มักจะเข้าไปในงานต่างๆ ที่มีคนจำนวนมากแล้วก็จะก่อเหตุขโมยโทรศัพท์มือถือเหมือนกับครั้งนี้…
-
28 หมา-แมวสายพันธุ์แปลกๆ ที่หาดูได้ยากขึ้น เพราะใกล้จะสูญพันธุ์แล้วในปัจจุบัน
เพื่อนๆ คิดว่าเคยเห็นหมา-แมวทุกสายพันธุ์บนโลกนี้แล้วหรือยัง!? หมา แมว เป็นสัตว์เลี้ยงที่มนุษย์คุ้นเคยเป็นอย่างดี และอาจจะเคยเห็นมาแล้วหลายสายพันธุ์ แต่เชื่อหรือไม่ว่าที่เห็นอาจจะเป็นส่วนน้อยด้วยซ้ำ คือ จริงๆ แล้วในโลกนี้ยังมีหมา แมว อีกหลายสายพันธุ์ที่หายากมากๆ จนคนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นมาก่อน ลองมารู้จักพวกมันเหล่านี้ ว่าเราเคยเห็นพวกมันบ้างหรือเปล่า 1. แมวพันธุ์นอร์เวเจียนฟอเรสท์ แมวสายพันธุ์นี้พบได้ที่นอร์เวย์ และเป็นสายพันธุ์เดียวบนโลกที่อยู่ท่ามกลางอากาศหนาวจัดในนอร์เวย์ได้ 2. แมวป่ามาร์เกย์ แมวมาร์เกย์สามารถพบได้ในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ แต่ปัจจุบันมีจำนวนน้อยลงมาก เนื่องจากถูกคุกคามที่อยู่อาศัย 3. แมวปัมปัส ปัมปัสเป็นพันธุ์ที่หาได้ยากมาก ทำให้เราไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับมันที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนที่เหลืออยู่บนโลก นิสัย อาหาร ที่อยู่อาศัย และข้อมูลอื่นๆ 4. หมาป่าพันธุ์ Darwin’s Fox หมาป่า Darwin’s Fox พบได้ในประเทศชิลี และปัจจุบันเหลือเพียงประมาณ 300 ตัวบนโลก 5. แมวพัลลัส แมวพันธุ์นี้พบมากที่สุดในยุโรปตะวันออก เป็นที่เชื่อกันว่า พวกมันเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่อยู่มานานที่สุดในโลก 6. แมวตีนดำ แมวตีนดำเป็นพันธุ์ที่เล็กที่สุดในบรรดาแมวในแอฟริกา ส่วนใหญ่แล้วจะออกหากินในเวลากลางคืน พวกมันจึงหายากและยากต่อการศึกษาวิจัย…
-
ช่างภาพสงครามในซีเรีย เล่าถึงวินาทีต้องทิ้งกล้อง ยอมไม่เอาภาพ เข้าไปช่วยเด็กจากระเบิด…
ถึงแม้ว่าไทยเราอาจจะอยู่ไกลจากสมรภูมิรบในซีเรีย ทำให้ดูเหมือนจะไม่ค่อยส่งผลต่อประเทศเราสักเท่าไหร่ หลายคนจึงมองข้ามและไม่ค่อยได้รับรู้เรื่องราวรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนั้น ทว่าตัวเลขการเสียชีวิตของบริสุทธิ์กลับมีจำนวนมากขึ้นทุกที Abd Alkader Habak หนึ่งในช่างภาพผู้ติดตามถ่ายเหตุการณ์สงครามในซีเรีย เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาเกิดเหตุระเบิดพลีชีพที่เมือง Aleppo ซึ่งเขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ และต้องเห็นภาพของเด็กๆ ผู้จากไปอย่างน่าเศร้าต่อหน้าต่อตา ทว่าหากเป็นนักข่าวคนอื่นคงเลือกที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับเหตุความรุนแรง แต่ทันทีที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น Abd Habak เลือกที่จะเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ ทันที เขาไปอยู่ในที่เกิดเหตุหลังเกิดเหตุระเบิดมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตมากมาย และจำนวนมากในนั้นก็เป็นเด็กๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่กลับต้องมารับผลกรรมจากสงคราม ทันทีที่ช่างภาพสงครามคนนี้เห็น เขาต้องเลือกระหว่างการทำหน้าที่นักข่าวอย่างเต็มที่ บันทึกภาพเหตุการณ์ให้ได้มากที่สุด เพื่อนำกลับไปเสนอต่อสำนักข่าว หรือเลือกที่จะไม่เก็บภาพบางส่วน แต่วิ่งเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ ที่ติดอยู่ในกองเพลิง โดยหวังว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ ภาพของช่างภาพหนุ่มที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก หลังจากที่ตนต้องเห็นเด็กๆ ตายไปต่อหน้าต่อตา ถูกถ่ายไว้ได้โดยช่างภาพอีกคนหนึ่ง ‘มันเป็นภาพเหตุการณ์ที่น่ากลัวมาก ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นแน่นอน ผมเห็นระเบิดต่อหน้าต่อตา ผมเห็นเด็กๆ และผู้คน นอนร้องขอความช่วยเหลือ และก็จากไปในที่สุด’ ช่างภาพให้สัมภาษณ์กับ CNN จากเหตุระเบิดดังกล่าวคาดว่ามียอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 126 คน และกว่า 68 คนที่เสียไป…
-
แคมเปญสุดเจ๋ง “เติมเต็มความรักในช่องว่าง” เพื่อกระตุ้นให้รับเลี้ยงสัตว์ถูกทิ้ง แทนการซื้อมา…
ทุกวันนี้มีสัตว์มากมายที่ต้องการบ้าน ทางด้านกลุ่มที่ช่วยเหลือสัตว์เองก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้พวกมันมีบ้านโดยเร็วเช่นกัน เช่นกัน บางทีเราอาจจะเห็นการรณรงค์ต่างๆ เช่น ให้ซื้อน้อยลง รับเลี้ยงมากขึ้น หรือบางพื้นที่ถึงกับมีกฎหมายเพื่อบังคับไม่ให้มีร้านขายสัตว์ จะเลี้ยงก็ต้องรับเลี้ยงเท่านั้น ในวิธีการต่างๆ เหล่านั้นก็คงจะแตกต่างกันไป อย่างเช่น วิธีการโปรโมทของกลุ่ม World For All ที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้ World For All ตั้งอยู่ในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ตอนนี้พวกเขากำลังทำเคมเปญสำคัญ เพื่อกระตุ้นให้มนุษย์รับเลี้ยงสัตว์ในศูนย์พักพิงมากขึ้น ความน่าสนใจของแคมเปญนี้คือ การทำภาพลวงตา ที่ทำโดยมนุษย์นี่แหละ แล้วให้ช่องว่างระห่างมนุษย์นั้นออกเป็นรูปสัตว์ชนิดต่างๆ พร้อมสโลแกนที่ว่า “ช่องว่างมีอยู่เสมอสำหรับการรับเลี้ยง” สำหรับความคิดสร้างสรรค์นี้เกิดจาก Amol Jadhav และทีม McCann Worldgroup ในอินเดีย แคมเปญดังกล่าวนี้ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ หลังจากได้ทำแคมเปญนี้พบกว่า สัตว์ในศูนย์พักพิงถูกรับเลี้ยงเพิ่มขึ้นเป็น 150% จากปีที่แล้ว ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลยนะ Ruchi Nadkarni ผู้ก่อตั้ง World For All บอกว่า “แคมเปญของเราได้รับความสนใจวงกว้างมากขึ้น และทำให้เกิดกลุ่มรณรงค์ส่งเสริมการรับเลี้ยงสัตว์เพิ่มมากขึ้นด้วย ส่วนหนึ่งนั้นก็มาจากภาพลวงตาที่เราสร้างขึ้นเนี่ยแหละ” เธอยังบอกอีกว่า “เราอยากจะจัดมันขึ้นมาทุกๆ…
-
กลุ่มศิลปิน ร่วมทำแบบจำลองเมืองจิ๋ว 50 ประเทศทั่วโลก รายละเอียดสวยงามด้วยงบ 1,600 ล้าน
ในโลกศิลปะนั้นอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ เรียกได้ว่าเป็นการรังสรรค์จินตาการให้ให้ออกมาเป็นรูปธรรม เพื่อถ่ายทอดให้ผู้คนได้เห็นได้รับรู้ เหมือนกับนิทรรศการนี้ที่กลุ่มศิลปินได้ทุ่มเงินกว่า 1,680 ล้านบาท และใช้พื้นที่กว่า 4.5 ไร่ ในการจำลองเมืองต่างๆ จาก 50 ประเทศทั่วโลก ไทม์สแควร์ในนิวยอร์ก นิทรรศการนี้มีชื่อว่า Gulliver’s Gate เป็นการจำลองสถานที่และเมืองต่างๆ ทั่วโลก โดยย่อขนาดให้เล็กลง ซึ่งในแต่ละสถานที่นั้นก็จะมีการใส่รายละเอียดที่เหมือนของจริงมากๆ ดังนั้นเมื่อคุณได้เข้าชมงานนี้ คุณจะรู้เหมือนได้เข้าไปอยู่ในสถานที่นั้นจริง และคุณยังสามารถเที่ยวมชมสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ พีระมิดและสฟิงซ์ในอียิปต์ นิทรรศการนี้จัดแสดงที่นิวยอร์ค ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน ไปจนถึง 30 ธันวาคม 2017 นี้ หากใครมีโอกาสก็ลองไปชมดูนะคะ แล้วอย่าลืมกลับมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังด้วยล่ะ Chichen Itza ในเม็กซิโก สะพานบรูคลินในนิวยอร์ก สโตนเฮนจ์ การสร้างเมืองจิ๋วในปารีส ประเทศฝรั่งเศส Arc de Triomphe…
-
หนุ่มจีนสุดทน ห้องข้างบนชอบทำตึงตังเสียงดัง ลงทุนซื้อ “เครื่องเขย่าตึก” มาเอาคืนเต็มที่!!
การเช่าที่พักนั้น ถ้าเจอเพื่อนบ้านดีก็โชคดีไปเนอะ แต่ถ้าไม่เป็นแบบนั้นล่ะก็… เราต้องเจอกับปัญหามากมาย โดยเฉพาะปัญหากับเพื่อนบ้านที่อาจจะมีการทำเสียงรบกวนบ้างจนทำให้เรารำคาญใจ สำหรับคนที่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ก็อาจจะแก้ป้ญหาที่แตกต่างกันไป เช่น เข้าไปบอกเพื่อนบ้านตรงๆ หาอะไรอุดหู หรือถ้ายังไม่ดีขึ้นอีกก็คงต้องย้ายออกสินะ แต่สำหรับพ่อหนุ่มคนนี้ เมื่อถูกเพื่อนบ้านทำเสียงรบกวนบ่อยๆ เข้า เขาได้ทำการเอาคืนด้วยการซื้อเครื่องเขย่าตึกมา เพื่อให้เพื่อนบ้านห้องข้างบนได้รับรู้ถึงรสชาติการถูกรบกวน เรื่องนี้เกิดขึ้นกับหนุ่ม Zhao จากมณฑล Shaanxi ของจีน เขาได้ไปเช่าห้องพักแห่งหนึ่ง และมักจะถูกรบกวนจากห้องที่อยู่ชั้นบนอยู่เป็นประจำ ในวันหยุดของ Zhao แทนที่จะได้นอนพักผ่อนสบายๆ แต่ลูกชายของห้องชั้นบนมักจะวิ่งเล่นรอบห้อง บางทีก็กระโดดเสียงดัง จนทำให้เขาต้องตื่น สร้างความรำคาญไม่น้อยเลย แรกๆ ที่ถูกรบกวนแบบนี้ ชายหนุ่มพยายามจะหาเหตุผลดีๆ ไปคุยกับห้องชั้นบน และได้ขอให้พวกเขาเบาเสียงในบางช่วงเวลา แต่ทางห้องชั้นบนก็ไม่เคยทำตาม พวกเขายังคงทำเสียงรบกวนอย่างต่อเนื่อง และแล้วความอดทนของ Zhao ก็มาถึงจุดสิ้นสุด เขาตัดสินใจที่จะเอาคืนครอบครัวนี้อย่างจริงจัง ด้วยการสั่งซื้อ ‘เครื่องเขย่าตึก’ จากร้านค้าออนไลน์ ในราคา 2,000 บาท นอกจากนี้ เครื่องเขย่าตึกยังสามารถบังคับได้ด้วยสมาร์ทโฟน เพื่อให้การใช้งานนั้นง่ายยิ่งขึ้น และนั่นคือสิ่งที่ Zhao ทำ เขาตั้งเวลาให้เครื่องทำงานในวันศุกร์ตั้งแต่ 2 ทุ่มเป็นต้นไป…
-
เด็กหญิงวัย 3 ขวบ อยากจัดปาร์ตี้วันเกิดในธีม “อึ” ฟังดูแปล๊กแปลก แต่พ่อแม่ก็จัดให้!!
ในงานวันเกิดของเรานั้น เราก็คงจะอยากจัดในธีมที่ตัวเองชอบ อย่างเช่นธีมเจ้าหญิง-เจ้าชาย ธีมปีศาจ ธีมผลไม้ ธีดอกไม้ หรืออื่นๆ แล้วแต่ใครชอบแบบไหน หนูน้อย Audrey วัย 3 ขวบ คนนี้ก็อยากจัดวันเกิดในธีมที่ตัวเองชอบเช่นกัน นั่นคือ ธีมอึ!! เอ่อ.. เดี๋ยวนะ นี่หนูคิดดีแล้วใช่มั้ย นี่คือความชอบของหนูจริงๆ หรอลูก? ปกติในงานมงคลแบบนี้เราคงไม่อยากพูดถึงเรื่องอึด้วยซ้ำ แต่เด็กหญิงคนนี้กลับเนรมิตทุกอย่างในวันเกิดให้มีแต่อี อึ แล้วก็อึ ก่อนจะถึงวันเกิดนั้น Audrey ได้ขอให้คุณแม่จัดวันเกิดในเธอด้วยธีมอึ ตอนแรกคุณแม่ก็พยายามจะให้เธอเปลี่ยนธีมนะ แต่หนูน้อยก็ยังยืนยันว่าอยากได้แค่ธีมอึเท่านั้น เธออยากให้งานของเธอเต็มด้วยอึ ดังนั้นเด็กน้อยจึงขอลูกโป่งอึ เค้กอึ ในที่สุด ปาร์ตี้วันเกิดธีมอึก็ถูกจัดขึ้น นี่มันคงจะเป็นปาร์ตี้วันเกิดที่แปลกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินละมั้ง ในงานวันเกิดนั้น Audrey ใส่ชุดเดรสที่มีรูปอึอยู่ตรงหน้าอก ส่วนคุณแม่ก็แต่งมาสคอร์ดเป็นรูปอึเช่นกัน บรรยากาศในงานจึงเต็มไปด้วยอึ แต่ทุกคนก็มีความสุขกับปาร์ตี้ในครั้งนี้มากๆ มันอาจจะเป็นธีมงานที่แปลก แต่ครอบครัวของสนับสนุนเธอ เพราะมันเป็นวันของเธอ และคงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสุขของเธออีกแล้ว Rebecca คุณแม่ของเด็กหญิงบอกว่า “Audrey มีความเป็นตัวเองค่ะ เธอมั่นใจในตัวเองเสมอ และฉันก็อยากให้เธอเป็นแบบไปนานๆ…
-
“Kinako” เจ้าเหมียวส้มผู้เปลี่ยน “คุณปู่อัลไซเมอร์” ให้กลับมามีชีวิตแฮปปี้ และสดใสอีกครั้ง
หลายคนอาจจะมองว่าชีวิตในวัยชรา เป็นช่วงที่เราได้พักทั้งกาย และใจอย่างเต็มที่ แต่ความจริงแล้วการที่ต้องอยู่ในช่วงปั้นปลายของชีวิตนั้น มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับผู้สูงอายุหลายคนเลย เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่ อาจรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย บางคนก็เกิดอาการเหงาได้ทุกเวลา เหมือนดังเช่น Jiji คุณปู่ในวัย 94 ปีคนนี้ เขาก็ต้องทนอยู่กับความเหงาของชีวิตวัยแก่เช่นกัน แต่ทว่าหลังจากที่ได้มาพบกับแมวเหมียวตัวหนึ่ง ชีวิตของคุณปู่ก็สดใสขึ้นมาทันทีเลย สำหรับคุณปู่ Jiji เขาอาศัยอยู่กับภรรยา และ Akiko DuPont หลานสาวผู้เป็นช่างภาพ ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากที่คุณปู่อายุมากแล้ว เขาก็ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณปู่ต้องสูญเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตไป จนกระทั่งเขาได้พบ Kinako ย้อนเวลากลับไปก่อนที่คุณปู่จะรู้ว่าตัวเองป่วย เขาก็เป็นคนๆ หนึ่งที่ใช่ชีวิตตามปกติเหมือนกับชาวญี่ปุ่นทั่วๆ ไป แถมคุณปู่ก็ยังเคยเป็นคนที่กระตือรือร้น และมีความสุขในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ช่วงชีวิตเข้ามาสู่วัยชรา และยังต้องมาพบกับอาการป่วย นั่นทำให้คุณปู่ได้กลายเป็นคนชราที่ไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตเลยแม้แต่น้อย เมื่อเป็นเช่นนี้ Akiko ผู้เป็นหลานสาวจึงคิดว่า เธอควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ปู่ของตัวเองกลับมามีความสุขอีกครั้ง นั่นจึงทำให้เธอได้รับเจ้าเหมียวส้ม Kinako วัยเพียง 4 เดือน…
-
“โยคะแพะ” กิจกรรมออกกำลังกาย-สร้างความสุขแนวใหม่ กำลังได้รับความนิยมในสหรัฐฯ
“โยคะแพะ” หลายคนที่ได้ยินคำนี้ อาจจะรู้สึกสะดุดขึ้นมาทันทีว่าเอ…มันคืออะไรกันน้า เพราเคยได้ยินแต่โยคะธรรมดาๆ ซึ่งจริงแล้ว โยคะแพะ ถือเป็นการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ที่เพิ่งมีไม่นาน ดูเหมือนจะได้รับความนิยมขึ้นมาอย่างมากอีก โดยก่อนหน้านี้ เราก็เคยนำเสนอบทความเกี่ยวกับ การเปิดคลาส “โยคะแพะ” ในฟาร์ม No Regrets จากเจ้าของที่อาศัยอยู่ในรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข่าวเก่า: หญิงสาวเปิดคลาส “โยคะแพะ” ในฟาร์มของตนเอง ผ่อนคลายกายและใจไปกับแพะแบ๊ะ และนั่นก็ทำให้เราได้เห็นว่า การได้เล่นโยคะท่ามกลางธรรมชาติ ไปพร้อมๆ กับมีสิงสาราสัตว์นานาชนิดเข้ามามีส่วนร่วม มันช่วยทำให้ผู้คนเหล่านั้นมีความสุข และผ่อนคลายมากขนาดไหน เพราะเป็นแนวการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ที่เริ่มได้รับความสนใจ เลยทำให้เจ้าของจากฟาร์ม Jenness Farm ในมลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด โดยการจัดให้มีชั้นเรียนโยคะกับลูกแพะซะเลย งานบอกเลยว่าได้รับความสนจากผู้คนไม่แพ้กันเลยละ ในขณะที่คุณกำลังเล่นโยคะ ก็จะมีบรรดาลูกแพะตัวน้อยๆ เข้ามาร่วมแจม บางตัวก็ขึ้นมาขี่บนหลัง บางตัวก็เข้ามาคลอเคลียเหล่านักเรียนที่มาฝึก น่ารักจริงๆ เหมือนจะเป็นแรงจูงใจ และอุปสรรคให้การฝึกโยคะยากกว่าเดิมไปอีกระดับ ฮ่าาา . .…
-
คุณแม่พาหมาไปงาน “ชุดแฟนซีสัตว์” เพราะคิดว่าเป็น “งานสัตว์เลี้ยง” แต่มันก็กลายเป็นซุปตาร์ในทันที!!
เมื่อไม่นานมานี้ ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยเรื่องราวน่ารักๆ ที่ทำให้ชาวเน็ตถึงขั้นอมยิ้ม หลังจากที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงสี่ขา ได้พาหมาของตัวเองไปงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง แต่ภายหลังกลับรู้ว่า…เห้ย!! นี่มันไม่ใช่งานของสัตว์ แต่เป็นงานของพวกมนุษย์ต่างหาก Kenny Wassus ผู้อำนวยการของ NY Mag ได้รู้ว่า Cheryl Wassus แม่ของตนได้ไปร่วมงาน Motor City Furry Convention ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ในมลรัฐมิชิแกน พร้อมกับได้พาสุนัข;yp 1 ขวบไปร่วมงานด้วย เนื่องจากแม่ของเขาคิดว่างานดังกล่าวเป็นงานที่จัดขึ้นมาเพื่อสัตว์เลี้ยง แต่เมื่อไปถึงที่งาน ก็ยิ่งทำให้เธอแปลกใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะภาพที่เห็นนั้น กลับมีแต่ผู้คนที่สวมใส่ชุดแฟนซีเป็นรูปสัตว์เต็มไปหมด เอ๊ะ!! แล้วไหนสัตว์ของจริงละ!! ทางด้าน Cheryl แม่ของ Kenny ได้ออกมาเผยว่า “ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมใหม่ๆ ของผู้คนที่มารวมตัวกันและแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีขน… ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอับอายไปซะทีเดียว ซึ่งหลังจากที่เจ้าหมามาถึงมันก็เริ่มสงสัยว่าทำไมผู้คนถึงแต่งตัวแบบนี้ และนั่นจึงทำให้มันเริ่มเข้าไปดมกลิ่น และตรวจสอบคนอื่นๆ” ซึ่งหลังจากที่เจ้าหมาได้มาร่วมงานดังกล่าวโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ทำให้มันได้รับความสนใจจากบรรดาผู้คนที่อยู่ในงานเลี้ยงเป็นอย่างมาก อีกทั้งพวกเขาก็ได้พากันเข้ามาถ่ายภาพน่ารักๆ ร่วมกับมันอีกด้วย …
-
มนุษย์ตกใจ เจ้าเหมียวไม่ยอมนั่งในวงกลม-สี่เหลี่ยม แต่นั่งใน “ดาวห้าแฉก” เอ็งเป็นปีศาจใช่มั้ย!?
ใครที่เลี้ยงแมวอยู่ อย่าชะล่าใจไปล่ะ เพราะเห็นน่ารักๆ แบบนี้ บางทีพวกมันอาจจะเป็นปีศาจแฝงตัวมาก็ได้ ไม่เชื่อลองทดสอบแมวของคุณดูสิ อย่างเช่น เจ้าของแมวคนนี้ที่ลองทดสอบว่า แมวจะเป็นปีศาจอย่างที่ใครๆ ว่ากันหรือเปล่า เขาเริ่มด้วยการวาดวงกลมบนพื้น แล้วดูว่าแมวจะตอบสนองอย่างไร… และก็จริงด้วย ปรากฏว่ามันไม่ตอบสนองอะไรเลย เจ้าเหมียวไม่ตอบสนองกับวงกลมเลย เมื่อเห็นแมวยังนอนนิ่ง เขาก็เลยลบวงกลมออกแล้วเปลี่ยนเป็นสี่เหลี่ยมแทน แต่เจ้าเหมียวตัวดีก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ อีกเช่นกัน ไม่แคร์สี่เหลี่ยมด้วย เช๊อะะะะ สุดท้ายเขาก็วาดรูปดาวห้าแฉก ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจ หลังจากวาดเสร็จก็รอดูปฏิริริยาของแมวตัวเดิม… ปรากฏว่าเจ้าเหมียวมันตอบสนองต่อสัญลักษณ์นี้ทันที ด้วยการเข้าไปนั่งในตรงกลางของดาวห้าแฉกนี้ งั้นที่ใครๆ ว่าแมวเป็นปีศาจก็เป็นความจริงสิ โอ้วววม่ายยย!! แต่… อันนี้มันนั่ง แหม่ นี่มันอาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้ ถ้าอยากมั่นใจ ทดสอบกับแมวของคุณดูสิ ที่มา boredpanda
-
ชาวเน็ตร่วมแชร์ 25 ภาพพัฒนาการฝีมือวาดรูป ตอกย้ำว่าไม่มีใคร “เก่งมาตั้งแต่เกิด”
ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นล้วนต้องอาศัยการเรียนรู้ ฝึกฝน และอดทน เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งนั้น ซึ่งมันอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย แต่มันก็คุ้มค่านะ เช่นเดียวกับภาพวาดเหล่านี้ ที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของการวาดรูป แน่นอนว่าการวาดภาพครั้งแรกนั้นมันอาจจะออกมาธรรมดามาก แต่เมื่อฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ จะพบกับความสำเร็จที่เหลือเชื่อเลยล่ะ 1. ฝีมือของ Jade Mere 2005 vs 2017 2. Miles กับพัฒนาการในระยะเวลา 10 ปี 3. พัฒนาการภายใน 11 เดือนของ Itsmehoswa 4. พัฒนาการของ Abigail Diaz 5. ฝีมือของ Laura Brouwers ในเวลา 9 ปี 6. 1 ปี ของ Zary 7. ฝีมือของ Isvoc ใน 3 ปี 8. พัฒนาการของ Sara…
-
อะไรก็เกิดขึ้นได้… ตำรวจแต่งตั้ง “กิ้งก่ามังกรเครา” ให้เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจจับยาเสพติด!?
ถ้ามีคนบอกว่า ‘สัตว์โลก’ สามารถถูกฝึกให้ทำงานคู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ คนส่วนใหญ่ก็คงนึกถึงสุนัข สัตว์เลี้ยงที่ดูเหมือนจะเข้ากับมนุษย์ได้ดีที่สุด แต่ถ้าบอกว่าเป็นกิ้งก่าล่ะ? ใครเชื่อก็บ้าแล้ว!! และนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ช่วยพิสูจน์ให้เราเห็นว่า อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เพราะที่รัฐแอริโซน่า สถานีตำรวจ Avondale Police Department มีเจ้ากิ้งก่าเบียร์ดดราก้อน (กิ้งก่ามังกรเครา) เป็นเจ้าพนักงานตรวจจับยาเสพติดอยู่จริงๆ เจ้าพนักงานตัวจิ๋วผู้นี้มีชื่อว่า Iroh ไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้ากิ้งก่าน้อยไปผจญภัยที่ไหนมาบ้าง จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้วมันก็ปรากฏตัวอยู่ที่สถานีตำรวจแห่งนี้ และดูเหมือนมันจะรู้สึกชอบที่นี่เอามากๆ ซะด้วยสิ ซึ่งตอนแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ประกาศลงในเฟซบุ๊กเล่นๆ ว่าจะมีการแต่งตั้งให้เจ้ากิ้งก่าจิ๋ว Iroh เป็นหนึ่งในทีมตรวจจับยาเสพติด และไม่น่าเชื่อว่าจมูกของมันสามารถจับกลิ่นยาเสพติดได้จริง!! มีการมอบตราสัญลักษณ์ตำรวจ และใบประกาศณียบัตร พร้อมทั้งกล่าวคำปฏิญาณตามธรรมเนียมทุกประการ ‘มีงานวิจัยที่ออกมายืนยันแล้วว่า ต่อมการรับกลิ่นของเจ้า Iroh ทำงานได้ดียิ่งกว่าสุนัข K-9 ซะอีกครับ ซึ่งเราก็ได้ลองพามันไปทดสอบการทำงานดู ผลปรากฏว่าจมูกของมันสามารถตรวจจับหายาเสพติดได้จริงๆ’ ผู้หมวดเล่า บางทีเจ้า Iroh ก็มาช่วยพี่ๆ ทำงานด้านเอกสาร แต่ส่วนใหญ่แล้วงานของมันคือการออกนอกพื้นที่กับนายตำรวจคู่ซี้ ตรวจตราความเรียบร้อยให้บ้านเมือง เอ่อเว่ยเฮ้ยย..ใครมันจะไปคิดล่ะ ว่ากิ้งก่าก็เป็นตำรวจได้…
-
IKEA สุดใจดี บริจาค “เตียงนอนตุ๊กตา” ให้น้องเหมียวในศูนย์พักพิง ได้นอนอย่างสบายๆ
ไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้นนะ ที่ต้องการพื้นที่สบายๆ ในการหลับนอน เพราะในความจริงแล้ว เพื่อนตัวน้อยของเราอย่างเจ้าเหมียว ก็ต้องการที่หลับนอน หรือเตียงนอนดีๆ เช่นกัน ด้วยเหตุนี้นี่เองที่ทำให้บริษัท IKEA ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้า และอุปกรณ์เจ๋งๆ มากมาย ได้ทำการบริจาคเตียงนอนของตุ๊กตา Duktig doll (เตียงขนาดเล็กสำหรับตุ๊กตา) ให้กับบรรดาน้องเหมียวในศูนย์พักพิง Etobicoke Humane Society ที่รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา และนอกจากจะมอบเตียงอันแสนอบอุ่นให้แล้ว IKEA ยังใจดีสุดๆ มอบทุนให้กับทางศูนย์พักพิงอีกกว่า 300 เหรียญ หรือราวๆ 10,000 บาท เพื่ออนาคตอันสดใสของเพื่อนสี่ขาในศูนย์พักพิงอีกด้วย “เตียงเหล่านี้ง่ายต่อการทำความสะอาดเป็นอย่างมาก ตอนนี้เจ้า Catsby และ Frankie ก็ได้มีเตียงนอนอุ่นเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะทำให้มันได้นอนขดตัวอย่างสบายๆ แล้ว” ทางศูนย์พักพิง Etobicoke Humane Society กล่าว สำหรับ IKEA เป็นห้างที่ไม่ได้มีการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์เพื่อสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะหรอก…
-
ร้านเหล้าหัวหมอ ทำเขาวงกตเพื่อเลี่ยงกฎหมายที่ว่า ต้องห่างจากถนนหลวง 500 เมตร!!
ที่ไหนมีสุรา ที่นั่นย่อมต้องมีกฎหมายควบคุมอยู่ อย่างบ้านเราก็เช่น ห้ามตั้งร้านเหล้าใกล้สถานศึกษา หรือกำหนดเวลาการซื้อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น เราบินไปที่อินเดียบ้าง ที่นี่ก็มีกฎหมายเกี่ยวกับการตั้งร้านเหล้าเช่นกัน นั่นก็คือ ร้านเหล้าต้องอยู่ห่างจากถนนหลวงไม่ต่ำกว่า 500 เมตร ซึ่งเป็นกฎที่เพิ่งบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2017 ที่ผ่านมา ผลกระทบจากกฎหมายดังกล่าว ทำให้ร้านเหล้าหลายแห่งต้องปิดตัวลง เนื่องจากอยู่ใกล้ถนนต่ำกว่า 500 เมตร แต่ก็มีบางคนไม่ยอมปิดกิจการ แต่เลือกที่จะสรรหาวิธีรับมือกับกฎหมายใหม่แทน ร้าน Aishwarya Bar ใน Kerala ก็ถูกสั่งให้ปิดกิจการเช่นกัน แต่แทนที่จะปิด ทางร้านกลับหลีกเลี่ยงกฎหมายด้วยการล้อมร้านด้วยเขาวงกตที่มีความคดเคี้ยว เพื่อให้ระยะทางจากถนนถึงร้านเหล้านั้นห่างออกไปอีกหน่อย เจ้าของร้านได้จ้างคนงานให้มาทำอิฐบล็อกให้เป็นเขาวงกตล้อมรอบร้าน โดยใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน จนทำให้ร้าน Aishwarya Bar อยู่ห่างจากถนนหลวงด้วยระยะ 520 เมตร (แหนะ!! มีเกินมา 20 เมตรเลยนะ) โดยเชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้สามารถเปิดบริการต่อไปได้อย่างถูกต้อง Shiju P. ผู้จัดการร้านบอกว่า “เราไม่ได้ทำผิดกฎหมายนะครับ เพราะเราได้ทำให้ร้านอยู่ห่างจากถนนหลวงมากขึ้น…
-
เกือบไปแล้ว… หนุ่มแชร์ประสบการณ์ จะเกิดอะไรขึ้น หากคุณไม่ได้จ้างช่างภาพในงานแต่ง!?
งานแต่งงานนั้นนับว่าเป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตวันหนึ่ง ดังนั้นหลายคนจึงทุ่มเทกับงานนี้มาก ตั้งแต่ถ่ายพรีเวดดิ้ง ชุดแต่งงาน ธีมงาน รวมถึงการช่างภาพในงาน สำหรับการเก็บภาพในงานนั้น หลายคนอาจไม่อยากจ้างช่างภาพ ด้วยนานาหลายเหตุผล เดี๋ยวขอภาพจากแขกในงานแทนก็ได้ แต่… จะบอกว่า ภาพที่ได้จากแขกที่มาร่วมงาน มันจะไม่เหมือนกับฝีมือช่างภาพมืออาชีพน่ะสิ!! รูปที่ได้จากแขกในงาน แล้วมันจะเป็นยังไงน่ะเหรอ? วันนี้ Eirik Halvorsen จะมาแชร์ประสบการณ์ตรงให้ได้รู้กัน เพื่อแสดงให้เห็นว่า ควรจะมีช่างภาพมืออาชีพในงานแต่งนะ!! Eirik เล่าว่า “ก่อนแต่งงานผมได้เข้ากลุ่มแต่งงานใน Facebook เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับงานแต่งงาน โดยได้บอกพวกเขาว่า ผมต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย จะมีช่องทางไหนที่ผมจะทำได้บ้างครับ?” คู่รักได้ไอเดียนี้จากกลุ่ม Facebook ทางด้านคนในกลุ่มแนะนำว่า “ไม่ต้องจ้างช่างภาพน่าจะช่วยได้เยอะนะ เพราะภาพในงานเราปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแขกที่มาร่วมงานก็ได้ หลังจากนั้นคุณก็แค่รวบรวมภาพจากพวกเขาแล้วรวมเป็นอัลบั้มของคุณเอง” แต่เมื่อถึงเวลาจริง Eirik ตัดสินใจที่จะไม่ทำตามคำแนะนำนั้น เขาได้จ้างช่างภาพในงานแต่ง เพื่อเก็บภาพบรรยากาศทั้งหมดเอาไว้ กันเหนียวไว้ก่อนนนนนนน หากจะประหยัดค่าใช้จ่าย ด้วยการไม่จ้างช่างภาพในงานแต่งล่ะ!? ปัจจุบันงานแต่งของเขาผ่านไปเกือบ 4 ปีแล้ว พวกเขาจึงได้นำภาพบรรยากาศในงานมาเปิดดูอีกครั้ง แล้วก็เห็นถึงความแตกต่างระหว่างฝีมือแขกกับฝีมือช่างภาพ… และนี่คือภาพที่ได้จากแขกในงาน …
-
การขับรถฝ่าดงน้ำแข็งเพื่อนำอาหาร 12 ตัน ไปส่งมอบให้ชาวบ้าน อันห่างไกลในไซบีเรีย…
เมื่อพูดถึงไซบีเรีย เราคงจะนึกถึงพื้นที่กว้างใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ น้ำแข็ง และธรรมชาติอันขาวโพลน สถานที่ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะไปอยู่อาศัยนอกจากนักโทษที่ถูกเนรเทศเท่านั้น แต่เชื่อมั้ยว่ายังมีคนกลุ่มหนึ่งตั้งรกรากอยู่ที่นี่ ทั้งที่การเดินทางนั้นลำบากมากๆ แถมยังอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจนทำให้ความเจริญเข้าไปไม่ถึงด้วย ยังดีที่มีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กลัวความลำบากเหล่านี้ พวกเขาตัดสินใจที่จะได้ออกเดินทางท่ามกลางความลำบากเพื่อนำอาหาร 12 ตันไปยังบริจาคให้คนในเมือง Belaya Gora ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอาร์กติกไซบีเรีย Ruslan ผู้ที่จะนำอาหารไปให้ชาวไซบีเรีย ในการเดินทางนั้น นอกจากต้องใช้เส้นทางที่มีแต่หิมะแล้ว ยังต้องข้ามแม่น้ำที่ถูกแช่งแข็ง และไม่รู้ด้วยว่ามันจะจะยุบลงเมื่อไหร่ ด้วยน้ำหนักของอาหารที่ขนไปบวกกับน้ำหนักของรถบรรทุก และเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางยาวนานร่วมกว่า 10 วัน ซึ่งนับว่าเป็นเส้นทางที่อันตรายมากๆ แต่ทุกคนก็ยังยืนยันที่จะไปอยู่ดี ส่วนนี่คือรถบรรทุกของเขา Ruslan ออกเดินทางพร้อมเพื่อนจำนวนหนึ่ง เพื่อนำอาหารให้คนในเมือง Belaya Gora ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอาร์กติกไซบีเรีย พวกเขาออกเดินทางจาก Yakutsk และเส้นทางที่จะไปยังเมือง Belaya Gora นั้น เริ่มต้นด้วยถนนเส้นสีแดง จากนั้นก็ต้องผ่านแม่น้ำแช่แข็งเส้นสีฟ้าเกือบครึ่งทางเลย การเดินทางในช่วงแรกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากบนเส้นทางหลวง Kolyma แต่ถนนค่อนข้างจะลื่นพอสมควร พวกเขาต้องนอนพักผ่อนแออัดกันในรถ และผลัดกันนอนเป็นพักๆ พวกเขากินอาหารแช่แข็งและอาหารกระป๋อง แต่โชคดีที่นำเตาแก๊สพกพามาด้วย จึงสามารถปรุงอาหารได้ในระดับหนึ่ง ตลอดการเดินทาง…
-
ชาวจีนโชว์สุดยอดวิชา ใช้ “หรรมส์” ลากรถยนต์รวดเดียว 7 คัน น้ำหนักรวม 12 ตัน!??
เรามักจะเห็นชาวจีนที่ฝึกวิชากังฟู มวยจีน หรือศาสตร์การต่อสู้แขนงต่างๆ ออกมาโชว์ศักยภาพของวิชาและร่างกายที่ตัวเองฝึกมาด้วยวิธีการต่างๆ หรือบางทีก็มักจะมีข่าวแปลกๆ อย่างเช่นการโชว์พลังแแบบโลดโผนอย่างที่เราเห็นกัน Ye Wei ชายชาวจีนวัย 39 ปี ได้โชว์วิดีโอที่เขาบันทึกการทำลายสถิติของเขาเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่าน เขาได้ใช้ส่วนอวัยวะเพศและลูกอัณฑะผูกเข้ากับเชือกแล้วลากรถยนต์พร้อมกันถึง 7 คันในคราวเดียว (ไข่จะไม่ขาดเอาเหรอพี่) มีคนมาดูเขามากมายเต็มไปหมดพร้อมกับส่งเสียงเชียร์ให้กับเขา ในระหว่างที่เขากำลังรวบรวมสมาธิลงไปที่อวัยวะเพศเพื่อดึงรถทั้งหมดที่มีน้ำหนักรวมกันมากถึง 12.6 ตัน และเมื่อเขาพร้อมเขาเริ่มออกแรงลาก ที่สำคัญรถค่อยๆ ขยับทีละนิดอีกต่างหาก จนสุดท้ายแล้วเขาลากรถไปได้ไกลกว่า 8 เมตรเลยทีเดียว เขาบอกว่าที่สามารถรวบรวมพลังจนสามารถทำแบบนี้ได้ เขาใช้เทคนิคที่เรียกว่า Xi Sui Gong แถมเขายังบอกเพิ่มเติมว่าการที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อฝึกร่างกายตามแบบลัทธิเต๋า ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถทางเพศได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าการโชว์ลากรถในครั้งนี้ถือเป็นการทำลายสถิติของเขาเมื่อมีนาคมปีก่อน โดยสถิติเก่าของเขาก็คือรถ 5 คัน และเขาได้ปิดท้ายว่า ยิ่งเขาฝึกวิชาพวกนี้มากเท่าไหร่ ปัญหาการหลั่งเร็วก็ลดลงและความอึดในการมีเพศสัมพันธ์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น!! มาขนาดนี้แล้ว ลองชมคลิปการดึงรถของเขาดูหน่อยเป็นไง สงสัยต้องไปฝากตัวเป็นศิษย์วิชาไข่เหล็กกับอาจารย์ท่านนี้ซะแล้ว ที่มา dailymail
-
นายตำรวจในฟลอริด้า ถูกจับได้ว่าแอบเล่นจ้ำจี้ตำรวจสาวในเวลางาน โดนเด้งออกทั้งคู่!!
เรามักจะพบเห็นกันบ่อยๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เกินเลยในที่ทำงาน โดยอาจจะเกิดจากเพื่อนร่วมงานด้วยกัน หรืออาจจะเป็นลูกจ้างกับนายจ้าง ซึ่งถ้าทั้งคู่โสดและไม่มีกฎข้อบังคับในที่ทำงาน ก็คงจะไม่เกิดปัญหาตามมา แต่ส่วนใหญ่เรามักจะเจอกรณีที่ทำงานมีกฎห้ามเพื่อนร่วมงานมีสัมพันธ์เชิงชู้สาว ไม่ก็เป็นคนหนึ่งมีคู่ครองแล้วหรืออาจจะมีทั้งคู่เลย แน่นอนว่าการทำแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ผิดแน่ๆ แต่แล้วก็ยังคงมีให้เห็นเป็นบทเรียนอยู่เสมอ จ่า Amy Walling ตำรวจสาวจากรัฐฟลอริด้าวัย 43 ปี ได้มอบหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอลับความยาว 23 วินาที ซึ่งในวีดีโอที่ว่านั้นคือภาพของจ่า Amy และเพื่อนร่วมงานของเธอจ่า Jason VanSteenburgh ที่กำลังมีการเพศสัมพันธ์กันอยู่ในเวลางาน (ไม่ต้องขอวาร์ปนะ) ทางกรมตำรวจ Jupiter Police Department ได้ยืนยันว่าทั้งคู่ได้มีเพศสัมพันธ์กันมาอย่างน้อยแล้ว 2 ครั้งในปี 2015 แถมตัวจ่า Jason ก็กำลังหมั้นหมายกับหญิงอื่นอยู่แล้ว ที่สำคัญเหตุการณ์ดังกล่าวยังอยู่ในจังหวะช่วงเวลาที่ทั้งคู่กำลังปฏิบัติหน้าที่อีกต่างหาก Amy ได้ยื่นหลักฐานให้กับกรมตำรวจเป็นรูปภาพสุดอื้อฉาวของจ่า Jason ที่เป็นภาพของเขากำลังสวมชุดปฏิบัติการเต็มยศพร้อมกับรูดซิบลงแสดงให้เห็นอวัยวะเพศตัวเอง โดยเธอให้เหตุผลของการยอมรับเรื่องนี้ว่า เธอยอมให้เขาไปแต่งงานกับคนอื่นไม่ได้ นี่ก็คือภาพสุดอื้อฉาวของจ่า Jason ในชุดปฏิบัติหน้าที่เต็มยศ แน่นอนว่าจ่า Jason…
-
สาวกซีรีย์แทบกรี๊ด!! คู่รักอวดโฉมถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยธีม Game of Thrones สุดอลังการ
งานแต่งงานคงจะเป็นความใฝ่ฝันของผู้หญิงหลายคนและคงจะดีไม่น้อยถ้าหากพวกเธอได้มีโอกาสที่จะจัดงานแต่งงานในฝัน มีลูกโป่งหลากสี ธีมงานแต่งที่สุดอลังการ และที่ขาดไม่ได้คือชุดเจ้าสาวสีขาวสุดแพรวพราว #เหมียวเวจจี้ เองก็ได้นำธีมงานแต่งงานสุดอลังการอีกแบบหนึ่งมาฝากกัน เผื่อใครจะเอาไปใช้เป็นไอเดียในการจัดธีมงานแต่งก็ไม่ว่ากันนะ ชุดภาพพรีเวดดิ้งสุดอลังการนี้ถูกสร้างสรรค์โดยช่างภาพสาว Katherine Elena โดยเธอได้บอกว่าไอเดียสุดบรรเจิดนี้ได้รับแรงบัลดาลใจมาจากความรักของตัวละครในซีรีย์ Game of Thrones “อันที่จริงพวกเราต่างรู้กันดีว่างานแต่งงานในอาณาจักรทั้งเจ็ดนั้น ไม่มีงานแต่งใดที่ประสบความสำเร็จซักงาน แต่ความรักของตัวละครในเรื่องเป็นแรงบันดาลใจในภาพถ่ายชุดพรีเวดดิ้งครั้งนี้ ” ช่างภาพสาวกล่าว จริงๆ ภาพพรีเวดดิ้งชุดนี้ไม่ได้ยกกับไปถ่ายทำในเวสเทอร์รอสหรอก แต่พวกเขาไปเช่าปราสาท Smithmore ในนิวยอร์กเพื่อถ่ายภาพงานแต่งสุดอลังการนี้ต่างหาก มีการตกแต่งห้องโถงอันได้รับแรงบันดาลใจจากงานแต่งงานในยุคกลาง เจ้าสาวในชุดของ คาลิซี หรือ The Mother of Dargon หรือถ้าใครอยากจะเป็น ซานซ่า สตาร์ค ก็มีให้เลือกเหมือนกันนะ . เค้กและอุปกรณ์ประกอบฉากต่างๆ ถูกตกแต่งให้เข้ากับธีมของซีรีย์เรื่องดัง . เห็นแก้วไวน์แบบนี้แล้วทำให้นึกถึง หนุ่มคนแคระขี้เมาอย่าง Tyrion Lannister ขึ้นมาเลยทีเดียว การจัดโต๊ะอาหารสุดอลังการอย่างกับอยู่ใน King’s Landing ชุดเครื่องเขียนสุดอลังการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากข้อความที่ว่า “Moon of my life. My…
-
ศิลปินญี่ปุ่นสุดเจ๋ง สร้างประติมากรรมพระพุทธรูป ด้วยแมลงปีกแข็งกว่า 20,000 ตัว!!
ศิลปินมักจะสรรหาเทคนิคและวิธีการแปลกใหม่ เพื่อมาสร้างผลงานศิลปะของพวกเขาให้น่าสนใจอยู่เสมอ ทั้งงานทางด้านภาพพิมพ์ การวาด หรือประติมากรรม ถูกสร้างสรรค์ด้วยวัสดุที่แปลกใหม่ทำให้ชิ้นงานมีเอกลักษณ์และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น งานประติมากรรมที่ #เหมียวเวจจี้ นำมาฝากกันในครั้งนี้ก็เช่นกัน มันถูกสร้างขึ้นมาจากแมลงปีกแข็งถึง 20,000 ตัว โอ้โห!! ไม่เคยนึกมาก่อนเลยนะเนี่ยว่าแมลงปีกแข็งจะถูกนำมาใช้แบบนี้ได้ด้วย พระพุทธรูป “Senju Kannon Bosatsu” ถูกสร้างจากแมลปีกแข็งกว่า 20,000 ตัว ประติมากรรมที่สวยงามและแปลกตานี้ถูกสร้างเมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้วโดยศิลปินชาวญี่ปุ่นชื่อว่า Yoneji Inamura ซึ่งเขาใช้เวลากว่า 6 ปีในการสร้างงานศิลปะชิ้นนี้ขึ้นมา รูปปั้นของพระพุทธรูป “Senju Kannon Bosatsu” ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยแมลงทับและแมลงปีกแข็งอื่นๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 20,000 ตัว คุณ Yoneji บอกว่าเขาต้องการสร้างงานศิลปะที่ฉีกแนวออกไป “ผมต้องการใช้แมลงเป็นสิ่งที่สื่อออกมาถึงความศรัทธาของผม” ศิลปินรุ่นคุณปู่กล่าว แมลงปีกแข็งถูกนำมาเรียงตัวอย่างสวยงามด้วยความประณีต นอกจากพระพุทธรูปแล้วยังมีงานศิปะอย่างอื่นที่สร้างจากแมลงอีกด้วย ลองไปชมรายละเอียดกันแบบใกล้ๆ ได้เลย . . . . . ตอนนี้งานประติมากรรมชิ้นนี้ถูกจัดแสดงอยู่ที่ศาลากลางของเมือง Itakura จังหวัดกุมมะ ถ้าใครมี โอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ลองแวะไปชมความสวยงามกันได้นะ …
-
ความรักชนะทุกอย่าง คู่แต่งงาน “สาวรัสเซีย” กับ “หนุ่มจีน” คนงานเหมืองถ่านหิน ที่ทำให้โลกอิจฉา
ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและไม่เคยแบ่งแยกความเชื่อ ศาสนา หรือแม้แต่ฐานะ หลายๆ ครั้งที่เราดูคะครหรือซีรี่ส์เกาหลีก็มักจะพบความรักประมาณว่า พระเอกเป็นคนรวยมากมาแต่งงานกับนางเอกที่เป็นลูกยาจกไม่มีข้าวจะกินต้องไปขอข้าววัด หรือพระเอกเป็นขอทานมาพบรักกับนางเอกผู้เป็นเจ้าของแผงขายผักที่พระเอกไปนั่งขอทานอยู่ (นี่ก็มโนกันไป) แต่ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องความรักแบบในละครนั้นจะมีอยู่ในชีวิตจริงด้วย เหมือนเรื่องที่เรานำมาฝากกันในวันนี้… Chen Jingyang หนุ่มจีนวัย 28 ปี ได้จัดงานแต่งอย่างเรียบง่ายกับเจ้าสาวของเขา Sophia สาวรัสเซียวัย 22 ปี ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมือง Heihe มลฑล Heilongjiang ประเทศจีน Sophia มาที่เมือง Heihe เมื่อ 5 ปีที่แล้วเพื่อศึกษาต่อทางด้านภาษา เธอมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับวัฒนธรรมของจีนและภาษาจีนกลางอย่างมาก หลังจากเรียนจบเธอเลือกที่จะทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่งในตัวเมือง มากกว่าที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดที่รัสเซีย ในช่วงกลางปี 2016 ทั้งคู่ได้พบกันครั้งแรกผ่านเพื่อนของฝ่ายชาย และได้เริ่มติดต่อกันผ่านทาง Wechat แอพพลิเคชั่นชื่อดังของจีน ขณะนั้นฝ่ายเจ้าบ่าว Chen กำลังทำงานเป็นคนงานเหมืองถ่านหินอยู่ ในทุกๆ วันเขาจะใช้เวลาหลังเลิกงานเพื่อติดต่อพูดคุยกับเธอ เนื่องจากเหมืองถ่านหินที่เขาทำงานอยู่นั้นห่างจากตัวเมืองมาก เขาจึงฝากเพื่อนหรือคนในครอบครัวเอาดอกไม้ไปให้กับ Sophia อยู่บ่อยๆ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความรักของทั้งสอง Sophia บอกว่ามันคือความรักตั้งแต่แรกพบ เธอมักจะลางานเพื่อไปพบเขาที่เหมืองถ่านหินอยู่บ่อยๆ และหลังจากนั้นเธอก็ตัดสินใจที่จะลาออกจากงาน และไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักหลังเล็กใกล้กับที่ทำงานของเขา เธออาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลากว่า 2 เดือน…
-
สาวน้อยวัย 23 ปี ทำโปรเจคถ่ายภาพคอนเซ็ปท์ “ความกลัว” ในรูปแบบต่างๆ ที่ชวนคุณขนลุก
กลุ่มของโรค “Anxiety” หรือโรคที่เกิดขึ้นจากความกลัวหรือความกังวลของจิตใจ เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุและมีอาการที่แตกต่างกันไป เช่น บางคนกลัวการอยู่ในที่มืด หรือบางคนกลัวพื้นที่แคบ อย่างนี้เป็นต้น อาการเหล่านี้ทางการแพทย์อธิบายว่าอาจเกิดมาจากประสบการณ์ที่แต่ละคนพบเจอมาและฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของพวกเขาทำให้เกิดความวิตกกังวลและกลัวขึ้นมา เมื่อไม่นานมานี้ Katie Joy Crawford นักศึกษาปีสุดท้ายของภาควิชาการถ่ายภาพจากมหาวิทยาลัย Baton Rouge ในรัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัสอเมริกา เธอได้ถ่ายภาพของตัวเองและใช้เทคนิคการตกแต่งภาพ สร้างผลงานเกี่ยวกับอาการกลัวแบบต่างๆ ของมนุษย์ เพื่อนำเสนอเป็นโปรเจ็คจบของเธอ ลองไปชมผลงานบางส่วนของเธอพร้อมกับคอนเซปท์กันได้เลย ภาพนี้เธอบอกว่า “บางครั้งใน ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองหายใจไม่ออก ทั้งๆ ที่หน้าอกของฉันยังขยับอยู่ ฉันพยายามที่จะเอานิ้วมาวางไว้ได้จมูกเพื่อให้แน่ใจมีลมออกมาจากจมูก แต่ก็ยังรู้สึกว่าหายใจไม่ออกอยู่ดี” ภาพนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการที่เธอรู้สึกชาจนขยับตัวไม่ได้ เธอบอกว่า “มันรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอะไรอยู่ในท้อง มันเหมือนกับว่าคุณกำลังว่ายน้ำในสระและพยามที่จะเอาเท้าแตะลงพื้นสระ ถึงจะพยายามเท่าไหร่เท้าก็ไม่ถึง” บางครั้งคุณติดอยู่กับเรื่องแย่ๆ มากมายทั้งเรื่องราว ด้านลบคำพูดแย่ๆของคนอื่น ความกลัวคำโกหก คุณต้องออกมาจากกรงที่ขังคุณอยู่ เข้มแข็งและสู้กับมัน นี่คือคอนเซปต์ของภาพนี้ “ฉันกลัวที่จะมีชีวิตอยู่ ฉันกลัวที่จะตาย อะไรคือความหมายของการมีชีวิตอยู่” ภาพนี้แสดงถึงคนที่กำลังสับสนในชีวิต การนอนในห้องที่มืดๆ คนเดียวจะทำให้คุณรู้สึกกลัวได้ แต่ห้องที่มืดสนิทนั้นไม่น่ากลัวเท่ากับห้องที่มีแสงไฟสลัวๆ เพราะคุณสามารถที่จะมองเห็นเงาดำๆ ที่น่ากลัวได้มากกว่านั่นเอง และภาพนี้ก็แสดงให้เห็นถึงอาการเหล่านั้น หยึ๋ย!!…
-
โลกออนไลน์ร่วมสดุดี แจกฟักชายหนุ่มผู้ “ขว้างหินใส่จิงโจ้” เพราะอยากเห็นมันกระโดดเต็มตา
คงจะมีหลายคนที่ชอบไปเที่ยวสวนสัตว์เพื่อชมความน่ารักของพวกสัตว์ต่างๆ หรือเพื่อเป็นการพักผ่อนยามว่างกับครอบครัวกันบ้างแน่นอน และส่วนมากที่กรงของพวกมันก็จะมีคำเตือนติดอยู่gl,v เช่นห้ามเอามือยื่นเข้าไป หรือห้ามให้อาหารมัน เมื่อมีคนทำตามกฎ ก็มีคนบางส่วนที่ฝ่าฝืนคำเตือนพวกนั้นอยู่บ้างแน่ๆ แต่ถึงจะฝ่าฝืนกันขนาดไหน ก็คงไม่มีใครคิดพิเรนทร์ๆ ถึงขั้นทำร้ายพวกมันอย่างชายคนนี้แน่ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมาบนโลกอินเตอร์เน็ตได้มีการเผยแพร่คลิปชายหนุ่มผู้หนึ่งได้โยนก้อนหินใส่จิงโจที่อยู่ในกรงขณะที่มันหลับอยู่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สวนสัตว์ Yangzhou Zoo ในประเทศจีน เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งโยนก้อนหินขนาดใหญ่ใส่กลุ่มจิงโจ้ที่กำลังนอนหลับอยู่ เพื่อให้พวกมันเต้นไปรอบๆ กรงและถ่ายรูปพวกมัน เมื่อคลิปวิดีโอนี้ ถูกเผยแพร่ออกไปมีหลายคนได้เข้ามาต่อว่าและวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของชายหนุ่มผู้นี้เป็นจำนวนมาก คลิปวีดีโอในขณะที่เขาโยนก้อนหินก่อนใส่พวกจิงโจ้ กลุ่มผู้รักสัตว์ Humane Society International (HSI) ได้ออกมาประณามการกระทำครั้งนี้ว่า เป็นการกระทำที่น่าอับอายมาก พวกเขาจะติดต่อไปยังองค์กรที่ดูแลเกี่ยวกับสวนสัตว์ในประเทศจีน ให้มีมาตรการจัดการกับการกระทำของชายคนนี้ HSI ยังกล่าวอีกว่า “เราขอขอบคุณผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ช่วยกันตำหนิการกระทำของเขา และสื่อจีนที่ได้นำเสนอเรื่องราวของเขา ตอนนี้รายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำของเขายังไม่ชัดเจน เราไม่ทราบว่าเขาได้ทำร้ายสัตว์ตัวอื่นๆ ด้วยหรือไม่” ภาพบางส่วนจากคลิปวีดีโอแสดงให้เห็นถึงขนาดของก้อนหินที่เขาขว้างใส่จิงโจ้ สวนสัตว์ในประเทศจีนมักมีเรื่องฉาวเกี่ยวกับการทรมานสัตว์อยู่แล้ว บางที่มีรายงานเรื่องการช็อตไฟฟ้าหรือขว้างปาสิ่งของใส่พวกสัตว์เพื่อให้มันแสดงหรือทำกิจกรรมในผู้ชมได้ชม ตอนนี้กฎหมายเกี่ยวกับการทารุณสัตว์ในประเทศจีนยังมีไม่มากเท่าที่ควร แต่ขณะนี้กำลังมีการรณรงค์ให้มีการร่างกฎหมายฉบับใหม่อยู่ และเมื่อคลิปวีดีโอนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย เช่น “อีสึส ชายคนนี้น่าจะถูกจับขังในคุก และถูกปาก้อนหินใส่แทนนะ” “พวกจิงโจ้น่าจะเก็บก้อนหินไว้ในกระเป๋าเพื่อปาใส่คนพวกนี้บ้างนะ”…
-
สายการบินเลี้ยวกลับกะทันหัน ให้ “คุณตา-คุณยาย” ลงจากเครื่อง ไปหาหลานที่ป่วยใกล้ตาย…
หลายคนอาจจะกำลังอินกับดราม่าสายการบิน ซึ่งช่วงหลังอาจจะมีข่าวไม่ดีนัก แต่วันนี้เราจะไม่พูดถึงเรื่องเลวร้ายนั่นอีกแล้ว พักไปชมเรื่องราวดีๆ เพื่อให้จิตใจเราเบิกบานกันบ้างดีกว่า เมื่อไม่นานมานี้สายการบิน Etihad airways ได้ทำสิ่งที่เรียกได้ว่าเหนือกว่าการบริการ และได้ใจของชาวเน็ตรวมถึงผู้โดยสารที่รับรู้เรื่องราวไปเต็มๆ โดยพวกเขาตัดสินใจที่หยุดเครื่องบินที่กำลังจะขึ้น เพื่อให้คุณตาคุณยายได้กลับไปดูใจหลานอีกครั้ง!! เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา ณ สนามบินแมนเชสเตอร์ ในเส้นทางการบินจากอังกฤษไปยังประเทศออสเตรเลีย ระหว่างที่นักบินกำลังจะนำเครื่องขึ้น ก็เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้า เมื่อคุณตาคุณยายคู่หนึ่งได้รับโทรศัพท์ด่วนจากลูกสะใภ้ว่าหลานของพวกเขาประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรง และกำลังเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นโคม่าและอาจจะไม่มีชีวิตรอด คู่สามีภรรยา Stephenson บอกว่า “ระหว่างที่เครื่องวิ่งอยู่บนรันเวย์ ขณะที่กำลังจะปิดโทรศัพท์เราได้รับข่าวจากลูกสะใภ้ว่าหลานชายของพวกเรากำลังประสบอุบัติเหตุและพวกเราจำเป็นอย่างมากที่จะต้องไปหาเขา” หลังจากนั้นคุณตาคุณยายก็แจ้งให้ลูกเรือทราบถึงความจำเป็นของพวกเขา ลูกเรือได้ประสานงานไปยังนักบิน โดยที่หวังว่าจะยอมให้พวกเขาลงกลางคันเพื่อกลับไปเยี่ยมหลาน และไม่น่าเชื่อว่า นักบินจะตัดสินใจหันหัวเครื่องบินกลับไปยังเกตที่พวกเขาเพิ่งออกมา พวกเขาตัดสินใจที่จะนำเครื่องบินวนกลับมายังประตูขึ้นเครื่อง ในเวลาเดียวกันนั้นสต๊าฟของสายการบินก็จัดเตรียมกระเป๋าและรถเพื่อนำทั้งคู่ออกจากสนามบินอย่างรวดเร็ว คุณยายบอกว่า “นี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก ตั้งแต่เดินทางกับเครื่องบินมา 25 ปีฉันยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย ฉันรู้สึกขอบคุณพวกเขาอย่างมาก สิ่งที่พวกเขาทำมันมากกว่าการบริการจริงๆ “ และในวันรุ่งขึ้นหลานชายของพวกเขาก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบ… หลังจากที่ทั้งคู่ลงไปแล้วเครื่องบินก็ได้ทำการบินตามปกติ แต่ความมีน้ำใจของการการบินยังไม่หมดเพียงเท่านี้พวกเขาได้แจ้งให้สองตายายทราบว่าตั๋วของทั้งคู่นั้น ยังสามารถที่จะนำมาใช้ในการบินครั้งหน้าได้โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด งานนี้ทำให้หลายคนที่ทราบข่าว ต่างพากันยกย่องความมีน้ำใจของสายการบินดังกล่าว ที่มองเห็นเรื่องมนุษยธรรมตอนนั้นสำคัญกว่าเรื่องรายได้และค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียเพิ่มเติม เชื่อว่าหลังเหตุการณ์นี้ คงจะได้ใจผู้โดยสารและนักเดินทางหลายคนเพิ่มขึ้นแน่นอน… …
-
เพื่อนกันเพื่อนตายตลอดไป… สุนัขขุดทางเล็กๆ ช่วยเพื่อนหมาของมัน ที่ติดอยู่ในหิมะ
การช่วยเหลือกันนั้นเป็นเรื่องที่ดีและเป็นสิ่งที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น… หลายๆ ครั้งเราอาจจะเคยเห็นข่าวของการช่วยเหลือในรูปแบบของคนช่วยคน หรือคนช่วยสัตว์ แต่วันนี้ #เหมียวเวจจี้ มีเรื่องของการช่วยเหลืออีกแบบหนึ่งมาให้ทุกคนได้ชมกัน เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อเจ้าสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด ชื่อ Kanawha พยายามที่จะเข้าไปช่วยเพื่อนพันธุ์พิทบลูของมันที่ติดอยู่ในพายุหิมะที่พัดอย่างหนักในเมือง Tannersville รัฐนิวยอร์ก เพื่อนของมันไปติดอยู่ตรงนั้น หลังจากหิมะตกแล้วกำลังหนาวเหน็บไม่มีแรงขุดออกมาเอง ก็เลยต้องลำบากเจ้าตัวใหญ่ของเราแล้ว ลองไปชมคลิปในตอนที่มันกำลังพยามช่วยเพื่อนของมันกันได้เลย พิทบลูตัวน้อยกำลังทำหน้าหง๋อยรอเพื่อนของมันอยู่ เจ้าหมาพิทบลู ผู้โชคร้ายตัวนี้ชื่อว่า Knuckles มันไม่สามารถก้าวขาออกมาจากกองหิมะที่ทับมันอยู่ได้ มันได้แต่เฝ้ารอและคอยเจ้าของอยู่ท่ามกลางพายุ หิมะอันหนาวเหน็บ ทันใดนั้นโชคก็เข้าข้างมันเมื่อเจ้าของและเพื่อนของมันอย่างเจ้า Kanawha ได้ออกตามหามันและพบมันเข้า Kanawha จึงใช้ร่างกายที่ใหญ่โตและขาหน้าของมันขุดหิมะให้เป็นทางกว้างๆ และเข้าไปพาเจ้า Knuckles ออกมา เจ้าของก็เลยปล่อยเป็นหน้าที่เจ้าหมา ตัวเองยืนถ่ายคลิปเนียนสบายๆ ซะเลย ฮ่าาา คุณ Wagner เจ้าของสุนัขทั้งสองตัวบอกว่า “ในตอนแรกผมเห็นมันยืนอยู่รอบๆ ถังขยะตรงนั้นแต่ไม่ได้เข้าไปช่วยเพราะตอนนั้นหิมะยังไม่หนามาก แต่เมื่อหิมะเริ่มตกหนักและมันไม่สามารถออกมาได้ ผมและ Kanawha จึงเข้าไปช่วยมัน Kanawha รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่ต้องช่วยเจ้า Knuckles มันดุเพื่อนมันหลังจากที่ช่วยออกมาจากหิมะ เพราะปกติแล้วพวกมันไม่ค่อยจะมีพฤติกรรมแบบนี้” เจ้า Kanawha ทำท่าดุเพื่อนมันหลังจากที่ช่วยออกมาได้ อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า สุดท้ายแล้วพวกมันก็ไม่ทอดทิ้งกันเสมอแหละเนอะ!! ที่มา dailymail
-
ฟอร์ดผุด “เปลเด็กอัจฉริยะ” กล่อมลูกน้อยให้หลับปุ๋ย ราวกับได้ไปนั่งรถเล่น…
การเป็นพ่อแม่มือใหม่ใครว่าง่าย เพราะแน่นอนว่าสิ่งที่คุณจะต้องเจอก็คือ การรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ของทารกตัวน้อยที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ลูกของคุณงอแง เพราะไม่ได้นอนบนรถ!! ด้วยเหตุนี้นี่เอง จึงทำให้พ่อแม่มือใหม่ทั้งหลาย ถึงกับอดหลับอดนอน บางคนแก้ปัญหาด้วยการขับรถพาลูกออกไปข้างนอก เพื่อที่จะบรรยากาศให้พวกเขาได้หลับสบาย เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น ทางด้านทางวิศวกรของแบรนด์รถยนต์อย่าง “ฟอร์ด” ในประเทศสเปน จึงได้ปิ๊งไอเดียสุดเจ๋งด้วยการเนรมิต “เปล” อัจฉริยะ ที่สามารถทำให้เด็กๆ หลับปุ๋ยได้แม้แต่อยู่ในบ้าน สำหรับเปลดังกล่าว จะมาในลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนเปลธรรมดาๆ ทั่วไป แต่มันสามารถจำลองการเคลื่อนไหวได้เองแบบอัตโนมัติ โดยอาศัยจังหวะการโยกแบบเดียวกับรถยนต์ขณะที่กำลังเคลื่อนที่เป๊ะๆ และที่สำคัญทางด้านข้างของแปล ยังมีหลอดไฟ LED ที่สามารถเปิดตามจังหวะให้เหมือนกับแสงที่สาดเข้ามาภายใน ซึ่งทำให้รู้สึกราวกับว่ารถกำลังเคลื่อนที่อยู่บนถนน ยัง ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะบริเวณด้านล่างของเปล ยังมีลำโพงให้เสียงของรถยนต์ในตอนที่กำลังแล่น ทำให้เด็กๆ สามารถได้อย่างสบายๆ เหมือนกับอยู่ในรถยนต์เลยละ นอกจากนี้ ยังมีทางบริษัทยังมีแอพพลิเคชั่น ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการอัดเสียงพ่อแม่ ซึ่งคุณสามารถเปิดให้ลูกได้ฟังแบบเรียลไทม์ ในตอนที่พวกเขาหลับรอพ่อแม่ขณะที่กำลังขับรถกลับบ้านได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ทางบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบเปลดังกล่าว แต่ถ้าหากสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี…
-
ร้านเค้กเนรมิต “เค้กแต่งงาน” ที่มีมูลค่ามากถึง 17 ล้านบาท อลังการแค่ไหนก็ลองชม…
เมื่อพูดถึงงานแต่ง ภาพบรรยากาศที่เราได้จินตนาการเอาไว้ จะต้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรัก รวมไปถึงสิ่งสวยงามต่างๆ ที่ถูกนำมาจัดตกแต่งภายในงาน และแน่นอนว่า “เค้กแต่งงาน” ก็คงจะเป็นหนึ่งในนั้นแน่ๆ ซึ่งจากที่ผ่านๆ มา เราจะเห็นได้ว่ามีคู่รักมหาเศรษฐีหลายต่อหลายคู่ด้วยกัน ได้จัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ และอลังการ ซึ่งนอกเหนือไปจากบรรยากาศภายในงานแล้ว “เค้ก” ก็เป็นสิ่งหนึ่งถูกจับตามองไม่แพ้กันเลยละ ดูอย่างเช่น เค้กงานแต่ง ที่เราได้นำมาให้ชมในวันนี้สิเต็มไปด้วยความอลัง ความหรูหรา และมีมูลค่าสูงเว่อร์ ลองไปชมภาพกันหน่อยมั้ยยย… เค้กเหล่านี้ ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดย LeNovelle Cake ร้านเบเกอรี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ที่ดำเดินการโดยครอบครัวผู้เชี่ยวชาญในด้านการตกแต่งเค้ก จากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย LeNovelle Cake เป็นร้านเบเกอรี่อันโด่งดัง ที่ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นมาในปี 1993 โดยทางเจ้าของร้านได้เริ่มจากการทำเค้กวันเกิดขายให้เพื่อนๆ และครอบครัว จนภายหลังกิจการก็เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดปี 2004 ก็ได้ทำการต่อตั้งร้านเบเกอรี่ในชื่อ LeNovelle Cake ขึ้นมานั่นเอง ในทุกๆ ปี ที่ร้านเบเกอรี่แห่งนี้ มักจะสร้างสรรค์ผลงานเค้กสุดอลังการงานสร้างออกมาเรื่อยๆ จนสามารถสร้างสรรค์เค้กสุดอลังการงานสร้างนี้ขึ้นมาได้ โดยเค้กชิ้นหนึ่งจะใช้คนทำถึง…
-
รวม 42 Pringles รสชาติแปลกๆ จากประเทศญี่ปุ่น ที่มันช่างมากมาย ละลานตาซะเหลือเกิน!!
สิ่งหนึ่งที่นับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ และไม่สามารถหาได้จากที่ไหนง่ายๆ นั่นก็คือ รสชาติของอาหารที่มาจากประเทศญี่ปุ่น ที่บางครั้งก็แปลกและชวนโอวว้าวได้อีก หลายคนคงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อในเรื่องของการเนรมิตอาหารที่มีรสชาติแปลกใหม่ขึ้นมาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่ม ช็อกโกแลต หรือแม้แต่เบอร์เกอร์ ก็เคยถูกผลิตขึ้นมาอย่างจำกัด แถมยังไม่สามารถหาทานได้จากที่ไหนอีกด้วย และถ้าหากเราจะพูดถึง มันฝรั่งทอดกรอบ ที่มีโลโก้เป็นคุณลุงหนวดงาม ผูกหูกระต่ายสีแดง เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึง Pringles แบรนด์มันฝรั่งทอดกรอบที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน สำหรับ Pringles นั้น มีขายมากกว่า 140 ประเทศ ซึ่งทางบริษัทผู้ผลิตก็ได้คิดค้นรสชาติใหม่ๆ ขึ้นมาให้ลิ้มลองกันอยู่ไม่ขาด บางรสชาติก็มีขายเฉพาะบางประเทศเท่านั้น โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่มี Pringles หลากหลายรสชาติไม่แพ้ KitKat เลยละ ครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะขอพาเพื่อนๆ มารับชมรสชาติสุดแหวกแนวของ Pringles ที่เคยผลิต และถูกนำมาวางขายในญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงปี 2015 ถึง 2017 เรามาดูกันเลยว่าจะมีรสชาติไหนกันบ้าง (ถ้าเคยกินมาแล้วก็อย่าลืมมาบอกรสชาติกันบ้างน้า) ปี 2015 รสเกลือ รสซาวครีมและหัวหอม …
-
ชายหนุ่มขับรถทั่วนิวซีแลนด์ 8,000 กิโลเมตร เพื่อเก็บภาพที่จะบอกไงดี คือมันสวยมากอ่ะ!!
Jacob Laukaitis ชายหนุ่มผู้หลงรักการเดินทาง ได้ออกท่องเที่ยวมาแล้วหลายประเทศทั่วโลก เพื่อที่จะได้นำสถานที่ต่างๆ ที่เคยไป มาถ่ายทอดเป็นเรื่องราว พร้อมกับบันทึกภาพสุดประทับใจเหล่านั้นเก็บเอาไว้ และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เขาก็ได้มีโอกาสออกไปเที่ยวชมสถานที่อันงดงามหลายแห่งด้วยกัน แถมยังได้ยินผู้คนเล่าอีกว่า นิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่งดงามที่สุดในโลก ด้วยความอยากรู้ จึงทำให้ Jacob ได้ตัดสินใจ ออกเดินทางไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ ในประเทศนิวซีแลนด์ซะเลย พร้อมกับได้มาเล่าประสบการณ์ในการผจญภัยครั้งนี้ให้เราได้ฟังอีกด้วย ถ้าอย่างนั้นมาดูกันเลยว่า ประเทศนี้จะสามารถทำให้เขาประทับใจได้มากขนาดไหน ก่อนออกผจญภัย Jacob ได้เล่าว่า เขาได้บินไปยังโอ๊คแลนด์ เพื่อซื้อรถยนต์ Mazda SUV ปี 1996 จากนั้นก็เริ่มออกเดินทางไปทั่วนิวซีแลนด์ “ผมรู้ว่าประเทศนี้ต้องสวยงามแน่ๆ แต่ก็ไม่เคยคาดหวังว่าโลกนี้จริงๆ เป็นอย่างไร” สถานที่แรกที่ไปคือ จุดที่เหนือที่สุดของนิวซีแลนด์ จากนั้นก็เริ่มออกเดินทางไปทางใต้ และไม่กี่วันต่อมา ผมก็ได้เดินทางไปยังภูเขาไฟที่สูงที่สุดในประเทศ (ซึ่งสถานที่แห่งนี้เคยถูกใช้เป็นฉากในการถ่ายทำ ประตูดำแห่งมอร์ดอร์ ในภาพยนตร์เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ นั่นเอง) เช้าวันรุ่งขึ้น ผมก็ได้เดินทางไปยัง Tongariro Crossing…
-
รวม 20 ภาพที่ตอกย้ำเสมอว่า โลกเรายังมีแง่มุมดีๆ และมันไม่ได้โหดร้ายเสมอไปหรอก…
เคยไหมที่บางครั้งเรารู้สึกท้อแท้กับชีวิตเหลือเกิน จนรู้สึกว่าโลกใบนี้มันมีแต่เรื่องแย่ๆ มองไปทางไหนมันก็ดูไม่ดีไปหมด ยิ่งเสพอะไรแย่ๆ เข้าไป มันก็ยิ่งทำให้จิตใจของเราหม่นหมองลงไปอีก ถ้าคุณกำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่แล้วละก็ ภาพเหล่านี้อาจจะแสดงให้เห็นว่าโลกยังมีเรื่องดีๆ อยู่เสมอ เผื่อมันจะช่วยให้คุณกลับมามองโลกให้สดใส พร้อมกับยิ้มรับวันใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง….. วินาทีประทับใจ ที่นักดับเพลิงพยายามช่วยเจ้าหมาสุดชีวิต หลังจากที่บ้านของมันไฟไหม้ ชายหนุ่มใช้เวลา 3 ปีในการเขียนจดหมายรักให้แฟน เพื่อบอกข้อความขอแต่งงานไว้ที่ซ่อนไว้ที่ตัวอักษรตัวแรก ช่วงเวลาสุดดีใจของเจ้าหนู หลังจากที่อยู่ในบ้านเด็กกำพร้ามานานกว่า 832 วัน ก็มีคนมาขอรับเลี้ยงเขาไปสักที ภาพโมเม้นต์น่ารักๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งที่กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เพราะสีผมเธอเหมือนลิตเติ้ลเมอร์เมด ความรอยยิ้มสุดพิมใจ หลังจากที่เธอคนนี้ได้รับช่อนักเก็ตเป็นของขวัญจากแฟนหนุ่ม เจ้าปลาตัวนี้ป่วยเป็น Bladder Disorders หรือก็คือการที่มันว่ายน้ำกลับหัวนั่นแหละ เจ้าของรูปก็เลยทำวีลแชร์ให้กับมัน มันจะไม่ได้ต้องว่ายกลับหัวและทรมานอีกต่อไป ผู้คนต่างพากันเอาโพสอิท มาติดให้กำลังใจชายหนุ่มในหอพักที่กำลังเสียใจ ภาพของคุณพ่อที่ป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง กอดกับลูกชายที่พึ่งเรียนจบ หลังจากที่เขาบอกกับลูกชายว่าเขาไม่น่าจะรอด พ่อที่ยอมเปียกฝนเพื่อลูกชายของเขา คนแปลกหน้าได้แปะเงินไว้หน้าตู้ขายของอัตโนมัติ เพื่อให้คนที่ไม่มีเงินได้ซื้อกิน เป็นการฉลองวันคริสต์มาส ช่วงเวลาน่ารักๆ ของคุณตาคุณยาย…
-
ตามติดชีวิต “ชนเผ่าซูริ” แห่งเอธิโอเปีย ใช้วัวเป็นทรัพย์สิน และเจาะร่างกายเพื่อความงาม
ชนเผ่าเอธิโอเปียที่อยู่ห่างไกลความเจริญแห่งนี้ สมาชิกในเผ่าจะต้องผ่านพิธีกรรมอย่างการเจาะปากแล้วนำแผ่นหินมาสอด หรือการต่อสู้ด้วยกระบองไม้ที่โหดเหี่ยม Mario Gerth ช่างภาพชาวชาวเยอรมันวัย 40 ปี ได้เดินทางไปที่หมู่บ้านของชนเผ่าซูริ และเก็บภาพของคนในเผ่ารวมถึงเล่าถึงความเป็นอยู่ที่น่าสนใจของพวกเขามาให้พวกเราได้ชมกัน ชนเผ่าซูริ อาศัยอยู่ในบริเวณที่ราบทางตะวันตกเฉียงใต้ของเอธิโอเปีย ซึ่งพวกเขามีความภูมิใจในเรื่องของพิธีกรรมและรอยแผลเป็นของพวกเขามากๆ หญิงสาวชาวซูริ จะใช้ผิวของตัวเองเป็นที่แสดงถึงศิลปะและความสวยงาม พวกเธอจะสักร่องรอยต่างๆ ลงบนร่างกาย ตกแต่งด้วยเครื่องประดับจากธรรมชาติ เช่น หมวกจากดอกไม้และต้นหญ้า ส่วนหญิงสาวที่มีอายุถึงกำหนด พวกเธอจำเป็นจะต้องเจาะใต้ปากเพื่อที่จะจัดแผ่นหินลงไปได้ ที่สำคัญจำเป็นจะต้องถอนฝันหน้าสองซี่ออกไปด้วย ในส่วนขนาดของแผ่นหิน ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ พ่อของพวกเธอก็จะสามารถเรียกร้องวัว มาเป็นสินสอดได้เยอะยิ่งขึ้นในตอนที่พวกเธอหมั้นหมาย . ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมถึงต้องใช้วัวเป็นสินสอด ก็เพราะว่า สำหรับเผ่าซูริแล้ว วัวนับเป็นเครื่องแสดงฐานะและทรัพย์สินอันมีค่า หากบ้านไหนมีวัวมาก นั่นก็หมายถึงความร่ำรวยนั่นเอง ผู้ชายในเผ่าปกติแล้วจำเป็นจะต้องมีวัวในครอบครองราวๆ 30-40 ตัว แต่ว่าชายที่จะแต่งงานได้จำเป็นจะต้องมีวัว 60 ตัวขึ้นไป เพื่อใช้วัวส่วนหนึ่งในการมอบให้กับครอบครัวของเจ้าสาว Mario บอกว่า ความภาคภูมิใจของชนเผ่านั้นจะขึ้นอยุ่กับรอยแผลเป็นที่พวกเขาสามารถมีได้ โดยพวกผู้หญิงในเผ่าจะใช้ใบมีดโกนในการสร้างบาดแผลให้กับตัวเอง และตรงจุดนั้นก็จะกลายเป็นแผลเป็น ที่กลายเป็นความภาคภูมิใจของพวกเธอนั่นเอง …
-
หุ่นยนต์ตัวน้อยในโกดังสินค้าที่จีน ทำหน้าที่จัดส่งสินค้า ได้มากกว่าวันละ 200,000 ชิ้น!!
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอันที่จริงแล้วประเทศจีน นับเป็นอีกประเทศที่มีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก มีอุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่ และในแต่ละปีจีนมีพัสดุส่งออกนอกประเทศมากกว่า 30 พันล้านชิ้น และเป็นอีกครั้งที่เทคโนโลยีหุ่นตร์ทำให้เรารู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ กลัวว่าจะตกงานในอนาคต เพราะมันสามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำวันละมากกว่า 200,000 ชิ้น!! ถึงจะมีขนาดเล็กจิ๋วแต่ก็ทำงานได้ไม่มีผิดพลาด โดย People’s Daily สื่อใหญ่จากประเทศจีน ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการทำงานของหุ่นยนตร์ส่งพัสดุ จากโกดังของ STO Express บริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่แห่งแดนมังกร ทีมงานหุ่นยนตร์ส่งพัสดุนี้มีชื่อว่า ‘Shentong’s Army’ มันสามารถชาร์จแบตฯ ให้ตัวเองได้ สามารถสแกนโค้ดจากพัสดุเพื่อจัดส่งให้ถูกต้องตามฐานข้อมูล และในแต่ละวันมันสามารถทำยอดได้มากถึง 200,000 ชิ้น ที่สำคัญคือมันทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด และช่วยประหยัดต้นทุนด้านแรงงานได้มากถึง 70% จะเห็นได้ว่าจากเดิมที่ต้องใช้คนคอยจัดส่งพัสดุจำนวนมาก ตอนนี้ลดจำนวนลงมาเหลือแค่พนักงานที่คอยแจกจ่ายพัสดุให้หุ่นยนตร์เท่านั้น อันที่จริงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกในโลก ที่ตำแหน่งงานนี้จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนตร์ เพราะที่โกดังของบริษัท Amazon ก็มีการนำหุ่นยนตร์มาใช้เป็นผู้จัดส่งพัสดุด้วยเหมือนกัน แค่ของจีนเมื่อกี้ก็ว่าล้ำแล้วนะ แต่หุ่นยนตร์ในโกดังของ Amazon นี่ล้ำกว่าอีก หลายที่ทั่วโลกเริ่มหันมาใช้งานหุ่นยนตร์กันมากขึ้น…
-
เด็กดาวน์ซินโดรม ขอของขวัญวันเกิดเป็นของเล่นสุนัข เพื่อมอบให้กับเจ้าตูบในศูนย์พักพิง
เด็กๆ มักจะจำวันเกิดตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะมันเป็นวันพิเศษที่จะได้เป่าเค้ก ได้รับของขวัญมากมาย และยังเป็นวันที่พวกเขาจะได้ขอพรอีกด้วย แต่สำหรับ Nico Barillas จากเมืองออสติน รัฐเท็กซัส เขาเป็นดาวน์ซินโดรมจนเกือบจะพูดไม่ได้ ต้องสื่อสารผ่านไอแพด แต่เขาก็มีใจอยากช่วยสุนัขในวันเกิดของเขา ในวันเกิดของ Nico ต่างไปจากเด็กทั่วไป เพราะของขวัญในงานนั้นล้วนเป็นของใช้และของกินของสุนัขทั้งนั้น ไม่มีของเล่นสำหรับเขาเลย ซึ่งทั้งหมดก็เป็นความต้องการของเด็กชายนั่นแหละ ตอนแรกพ่อแม่ก็แปลกใจเหมือนกันนะ พวกเขาถามเด็กชายว่า “ลูกอยากได้อะไรในวันเกิดนี้มั้ย?” เด็กชายตอบว่า “ของเล่นสุนัขครับ” แต่ตอนนั้นพวกเขาก็มีของเล่นมากมายสำหรับสุนัขของพวกเขาอยู่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าทำไมลูกถึงขอแบบนี้ แต่ลูกชายได้บอกว่า “ไม่ใช่เพื่อสุนัขของเรา แต่เพื่อสุนัขทุกตัว” แม่จึงถามเขาต่อว่า “ลูกอยากให้ของเล่นกับสุนัขที่ไม่มีบ้านใช่มั้ย?” เด็กชายตอบในไอแพดว่า “ใช่ ใช่ ใช่” พ่อแม่จึงนำไอเดียของ Nico ไปเชิญชวนเพื่อนๆ ของเด็กชายด้วย ซึ่งทุกคนก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จนเด็กๆหลายคนบอกว่า พวกเขาก็อยากทำเหมือนกับ Nico ด้วย เรื่องนี้ได้สร้างความภูมิใจให้กับพ่อแม่ของเด็กชายเป็นอย่างมาก และรู้สึกดีที่ได้เห็นเด็กหลายคนมีใจที่อยากช่วยเหลือสัตว์ขนาดนี้ พวกเขาทำให้ในสิ่งที่ต่างไปจากเด็กทั่วไป และมันก็เป็นเรื่องดีด้วย เมื่อเด็กชายเห็นว่ามีของขวัญเต็มโต๊ะ เขาดีใจมาก และเมื่อเห็นว่าทุกชิ้นเป็นของสำหรับสุนัขทั้งนั้น เขายิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ เขาดูมีความสุขมากกว่าวันคริสต์มาสซะอีก …
-
หมาปั๊กทำหน้าเศร้าขณะตัดเล็บ ชาวเน็ตไม่พลาดเอาไปตัดต่อ จนกลายเป็นเรื่องฮาเลย
หมาปั๊กเป็นสุนัขสายพันธุ์หนึ่งที่ทีใบหน้าเป็นเอกลักษณ์อย่างโดดเด่น พวกมันมักจะมีใบหน้าย่นที่ดูเหมือนเศร้าตลอดเวลา แต่ต่อพวกมันมีความสุข หน้าก็ไม่ต่างจากนี้หรอกค่ะ ที่สำคัญคือพวกมันเป็นสุนัขที่มีนิสัยอ่อนโยนและน่ารักมาก ไม่เชื่อลองดูจากวิดีโอนี้สิ ซ้อนเก่งขนาดนี้ รู้เลยว่าต้องเป็นปั๊กสายแว๊นแน่ๆ… อ่ะ มาดูที่ตัวนี้กันดีกว่า คือเจ้าหน้าที่กำลังตัดเล็บให้หมาปั๊ก แล้วดูมันทำหน้าสิ อย่างกับจะถูกจับฉีดยา อะไรจะเศร้าก็ขนาดน๊านนนน หน้าแบบนี้แหละที่ชาวเน็ตชอบ เพราะพวกเขาจะหาความสนุกจากใบหน้าของมันด้วยการนำตัดต่อให้อยู่เหตุการณ์ต่างๆ จากหน้าเศร้ากลายเป็นหน้าฮาเลย เมื่อคุณเปิดตู้เย็นแล้วพบว่า ไม่มีอะไรให้กินเลย เมื่อคุณลุ้นไม่ให้คู่แข่งยิงประตูเข้า เมื่อคุณพาสาวมาทานข้าวแล้วเจอบิลที่แพงเกิดคาด ชีวิตในตารางมันช่างเศร้าเหลือเกิน แม้แต่โปสเตอร์หนังดังอย่าง Get Out ก็เหมาะแก่การตัดต่อซะเหลือเกิน ไม่รู้ทำผิดไรมา แต่ขอหนีไว้ก่อน คอนเสิร์ตไรแว๊ น่าเบื่อจุง สุดท้ายนี้ เพื่อนๆ ช่วยตัดต่อให้ทีนะ เอาแบบฮาๆ ที่มา ladbible
-
แม่แมวช่วยเลี้ยงลูกแมว 14 ตัว ดูแลเหมือนลูกตัวเอง ทำให้พวกมันรอดพ้นจากความหิวโหย
เมื่อคุณได้กลายเป็นแม่คนแล้ว คุณจะมีสัญชาตญาณแห่งความเป็นแม่อย่างเต็มเปี่ยม และเมื่อนั้นคุณจะกลายเป็นคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก แม้แต่สัตว์เลี้ยงอย่างแมวเองมันก็มีสัญชาตญาณแห่งความเป็นแม่เช่นกัน ที่สำคัญคือมันไม่เกี่ยงว่าลูกแมวจะเป็นลูกของมันหรือไม่ แต่มันก็พร้อมจะดูแลเหมือนดั่งเป็นลูกแท้ๆ ของมันเอง Izabelle แม่แมวที่อยู่ใน Animal Care Centers of NYC (ACC) พร้อมด้วยลูกๆ ถึง 14 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่ลูกของมันหรอก แต่ลูกของแมวอีก 2 ตัว ก่อนหน้านี้มันอยู่ในบ้านหลังหนึ่งกับเพื่อนอีก 2 ตัว แล้วทั้ง 3 ตัวก็เกิดลูกในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่แมวอีก 2 ตัว ไม่สามารถดูแลลูกได้ จนลูกๆ ของพวกมันต้องทรมานจากความหิว Izabelle ไม่สามารถทนเห็นลูกแมวในสภาพนั้นได้อีก มันเลยตัดสินใจรับเลี้ยงลูกแมวทั้งหมดนั้นไว้ และดูแลพวกมันเหมือนลูกของมันเอง เมื่อมีแมวจำนวนมากมาอยู่ในบ้านขนาดนี้ ทำให้เจ้าของไม่สามารถเลี้ยงทั้งหมดไว้ได้ พวกเขาจึงได้ตัดสินนำแมวเหล่านี้ไปไว้ในศูนย์พักพิง แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะแม่แมวไม่ยอมให้ใครแยกลูกไปจากมัน ในที่สุดศูนย์พักพิง Best Friends Animal Society (NYC) จึงไดัรับแมวทั้ง…
-
สุนัขใกล้ตายยอมฝืนร่ายกาย เพื่อรอเจอหน้าเจ้านายตัวน้อย ก่อนจากไปในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
เมื่อสุนัขแก่ตัวลงไป พวกมันจะเหนื่อยง่าย เคลื่อนไหวตัวได้ช้าลงและอาจทำให้เจ้าของต้องเหนื่อยกว่าเดิมมากๆ แต่ยังไงพวกมันก็อยากอยู่เคียงข้างเจ้าของจนวินาสุดท้าย Rocky สุนัขวัย 17 ปี ที่ถูกเจ้าของเดิมทิ้งและไล่ออกจากบ้าน เพราะมันแก่จนกลายเป็นภาระ แต่ก็โชคดีที่ทางศูนย์พักพิง Anne Arundel County Animal Control (AACAC) ไปเจอมันเข้า และได้ช่วยมัเอาไว้ ดังนั้นตั้งแต่ Rocky ได้เข้ามาอยู่ในศูนย์พักพิงแห่งนี้ในปี 2015 มันก็รู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่ เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลมันตลอดแม้ว่าเป็นภาระให้พวกเขาบ้างก็ตาม ในขณะเดียวกันคู่รัก Beth และ Michael Clark ก็เพิ่งจะนำเงินมาบริจาคให้ศูนย์พักพิงแห่งนี้ และได้ถามเจ้าหน้าที่ว่า ‘ขอรับเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่งได้มั้ย?’ และแล้วพวกเขาก็ได้พบกับ Rocky ทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถออกจากที่นี่ได้หากไม่พาสุนัขตัวนี้ไปด้วย Beth บอกว่า “ตอนนั้น Rocky ดูเศร้ามากเลยค่ะ ฉันสงสารมันจับใจเลย” แต่สุนัขแก่ตัวนี้ก็เศร้าได้เพียงไม่นาน เพราะ Beth และ Michael ตัดสินใจรับเลี้ยงมัน และพามันกลับไปฉลองคริสต์มาสที่บ้านด้วย ทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวทันที Chris Collins จาก AACAC บอกว่า “ทุกคนต่างชอบเรื่องราวของ Beth…
-
29 ภาพของคนที่ตั้งใจทำผิวสีแทน แต่เกิดความผิดพลาด ได้ลายผิวแปลกๆ มางี้เลย!?
ร้อนๆ แบบนี้ ต้องหาที่คลายร้อนกันสักหน่อยแล้ว แต่ชุดที่จะใส่ก็สำคัญเหมือนกันนะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนแดดเผาจนผิวไหม้กันหมด หรือใครตั้งใจจะอาบแดดเพื่อทำผิวสีแทน ต้องดูดีๆ นะว่า จะให้ส่วนไหนแทนบ้าง หรือจะป้องกันส่วนไหนไว้บ้าง มิฉะนั้นผิวคุณจะเกิดลายประหลาดจนไม่กล้าโชว์ผิวไปอีกนาน เหมือนพวกเขาเหล่านี้ 1. เป็นตารางมาเชียว 2. แค่ไม่ได้ใส่เสื้อแขนยาวเอง โดดแดดเผาไปขนาดนี้เลยหรอ 3. กะจะทำผิวแทนสวยๆ สักหน่อย แต่สิ่งที่ได้มาคือ… 4. ปิดทุกส่วนแล้ว แต่ลืมปิดหน้า มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ 5. นี่ตั้งใจใช่มั้ย 6. ทาครีมกันแดดไม่ทั่วถึงก็ผิวลายได้นะ 7. เมื่อใส่หมวกแก๊ปออกแดด 8. นึกว่าใส่เลคกี้ง 9. นี่ก็เช่นกัน เป็นแบบนี้ ถุ่งน่องก็ไม่จำเป็นแล้ว 10. นอบอาบแดด เอามือวางแบบท้อง ได้ลายนี้มาเลย 11. ตั้งใจทำผิวสีแทนแหละ แต่ดูสิ่งที่ได้สิ…
-
มาถึงขั้นนี้แล้ว!? สาวมะกันวัย 23 ปี กระทำอุกอาจปล้นและข่มขืน แท็กซี่หนุ่มผู้โชคร้าย…
ปัญหาการข่มขืนนั้นนับวันก็ยิ่งจะมีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่เพียงผู้หญิงและเด็กเท่านั้นที่จะตกเป็นเหยื่อ ผู้ชายก็เป็นเหยื่อของการข่มขืนได้เช่นกัน เรื่องนี้เกิดขึ้นในรัฐโอไฮโอ เมื่อหญิงสาว Brittany Carter วัย 23 ปี ถูกจับกุมในข้อหาข่มขืนคนขับแท็กซี่หนุ่ม โดยมี Cory Jackson วัย 20 ปี และชายหนุ่มอีกคน เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตำรวจได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 28 มกราคม โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ Carter กับ Jackson และชายอีกคนหนึ่งได้เรียกใช้บริการแท็กซี่จาก Trinity Express Cab Service Brittany Carter และ Cory Jackson ในระหว่างที่รถกำลังแล่นนั้น Jackson ก็ได้เอามีดจี้คอคนขับแท็กซี่วัย 29 ปี ทำให้เขาต้องรีบจอดรถกระทันหัน จากนั้น Carter ก็เริ่มทำอนาจารกับคนขับแท็กซี่ทันที โดยคนขับแท็กซี่เองก็พยายามขัดขืนอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมีมีดจี้คออยู่ หลังจากทำการข่มขืนเสร็จแล้ว Carter และ Jackson ก็ได้รีบหนีไปทันที โดยเหยื่อบอกว่า พวกเขาขโมยเงินจำนวน 3,500 บาทติดตัวไปด้วย…
-
เด็กหญิงป่วยเป็นโรคผมร่วง คุณแม่จึงจัดทรงผมที่ไม่ซ้ำกัน เพื่อสร้างความมั่นใจในทุกๆ วัน
ทรงผมก็เหมือนอีกหนึ่งความมั่นใจของคนเรา ดังนั้นก่อนจะเลือกตัดผมทรงอะไรหรือทำสีผมก็ต้องคิดแล้วคิดอีก เพื่อไม่ให้สูญเสียความมั่นใจในส่วนนั้นไป จะเหมาะกับเรามั้ย ทำแล้วจะเข้ากับหน้าเรารึเปล่า? แต่สำหรับเด็กหญิงคนนี้ เธอไม่สามารถเลือกได้ว่าจะทำทรงอะไร เพราะผมเธอเป็นโรคผมร่วง (Alopecia Areata) และไม่มีทางรักษาได้ด้วย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสุขหายไปจากชีวิตเลย เด็กหญิง Gianessa Wride วัย 7 ขวบ จากยูทาห์ ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคผมร่วงเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และมันก็ไม่มีทางไหนที่จะช่วยให้ผมของเธอกลับมาได้เลย ในขณะที่ทางหมอก็แนะนำให้เธอกินยาสเตียรอยด์ ซึ่งก็ช่วยได้บ้าง แต่พอหยุดกินไป ผมของเด็กหญิงก็ร่วงไปอีก ดังนั้น Daniella แม่ของเธอจึงไม่ให้เด็กหญิงทานยาอีกต่อไป และแน่นอนว่าเธอคงไม่ปล่อยให้ลูกต้องไปโรงเรียนด้วยหัวโล้นๆ แบบนี้ คุณแม่ได้ปิ้งไอเดียด้วยการตกแต่งหัวให้ลูกสาว เพื่อสร้างความมั่นใจให้ คุณแม่ได้นำสติกเกอร์มาติดบนหัว Gianessa เป็นรูปดอกไม้บ้าง รูปสัตว์บ้าง โดยใช้สติกเกอร์ที่มีสีสันสดใส ซึ่งทำให้เด็กหญิงถูกใจมากๆ กับทรงผมที่คุณแม่จัดให้ คุณแม่พยายามเปลี่ยนทรงไปเรื่อยๆ เพื่อให้ลูกสาวไม่รู้สึกเบื่อ และที่สำคัญก็คือ เป็นการช่วยทำให้เด็กหญิงได้ไปโรงเรียนด้วยความมั่นใจ และไม่ถูกเพื่อนๆ ล้อด้วย ในทุกๆ วัน Gianessa จะมีแต่ความสนุกสนาน เพราะเธอจะรอลุ้นว่า แม่จะทำทรงอะไรให้ และไม่ว่าแม่จะทำทรงไหนให้…
-
เม้าท์ให้แซ่ด!! ‘Mariah Carey’ เปย์แฟนหนุ่มเดือนละ 8 แสน เพื่อให้ซื้อของขวัญสุดหรูให้
เมื่อพูดถึง Mariah Carey หลายคนคงคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี เพราะเธอเป็นทั้งนักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์เพลงที่มีผลงานคุณภาพมากมาย นอกจากผลงานที่โดดเด่นแล้ว เรื่องความรักของเธอนั้นก็สุดโต่งไม่เหมือนใครเช่นกัน โดยนิตยสาร Life & Style ได้เปิดเผยว่า ปัจจุบัน Mariah ในอายุ 47 ปีกำลังคบอยู่กับ Bryan Tanaka วัย 33 ปี แต่ก่อนหน้านี้เธอได้แต่งงานไปแล้วกับ Nick Cannon จนทั้งคู่ได้เลิกรากันไป แต่นั่นไม่ได้มีผลอะไรกับเธอมาก เพราะหลังจากนั้นไม่นานเธอก็หันไปคบกับ James Packer จนกระทั่งหมั้นกันไปที่เรียบร้อย โดยตลอดระยะเวลาที่คบกันนั้น James ก็คอยปรนนิบัติเธอเป็นอย่างดี มักจะซื้อของขวัญมาเซอร์ไพรส์ให้อยู่เสมอ แล้วก็ไม่รู้ไปทำอีท่าไหน ทำให้เธอต้องเลิกกับคู่หมั้นคนนี้อีกครั้ง หลังจากที่ทั้งคู่เลิกกัน Bryan ก็เดินหน้าตามจีบ Mariah เมื่อช่วงเดือนตุลาคมของปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นเขาเป็นแค่นักเต้นที่มีรายได้เดือนละ 50,000 เท่านั้น ไม่นานหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ตกลงเป็นแฟนกัน ซึ่งทางนิตยสาร Life & Style บอกว่า ชายหนุ่มคนนี้ได้รับเงินจากศิลปินสาวสูงถึง 860,000 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว …
-
คุณลุงนักสะสมรถถัง ซื้อรถถังราคา 1.3 ล้านบาท มีทองซ่อนแถมให้มูลค่า 86 ล้านบาท!!
คงต้องบอกว่านี่มันยิ่งกว่าถูกหวยซะอีก แค่บอกว่าคุณลุงคนนี้แกเป็นนักสะสมรถถังก็ทำให้งงแล้ว แถมดันไปเจอสมบัติทองคำแท้ซ่อนอยู่อีก!! เมื่อวันที่ 10 เมษายน สำนักข่าว TheSun ได้รายงานว่า Nick Mead หนุ่มใหญ่วัย 55 ปี จากเมือง Northamptonshire ประเทศอังกฤษ ผู้หลงใหลในการเก็บสะสมรถถังมากถึง 150 คัน (โรงจอดรถบ้านแกต้องใหญ่ขนาดไหนเนี่ย!?) Nick Mead (คนซ้าย) ถ่ายภาพคู่กับคนที่ขายรถถังให้ โดยก่อนหน้านี้ลุง Nick ได้ทำการติดต่อซื้อขายรถถังมือสองรุ่น T54/69 ซึ่งผลิตจากประเทศรัสเซีย กับนาย Todd Chamberlain เป็นราคา 30,000 ปอนด์ (1.3 ล้านบาท) หลังจากที่ซื้อขายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วลุง Nick ก็ได้เข้าไปสำรวจภายในห้องเครื่อง และพบว่ามีถังใส่น้ำมันหนักหลายสิบกิโลฯ วางอยู่ ‘ตอนแรกเรากลัวว่ามันจะเป็นวัตถุระเบิด เราควรจะโทรหาตำรวจ แต่ด้วยความขี้สงสัยเราก็เลยช่วยกันงัดถังเหล็กนั่นแทน’ Nick เล่า เมื่อเปิดออกมาพวกเขาก็ต้องตกใจ เพราะข้างในเต็มไปด้วยทองคำแท่งมูลค่าสูงถึง 2 ล้านปอนด์ (86…
-
เรื่องราวของ “Duke” สุนัขผู้ถูกทอดทิ้ง เฝ้ารอใครซักคนมาช่วยบนโซฟาตัวเดิมทุกวัน
อีกเรื่องราวดีๆ ของการช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงผู้ตกทุกข์ได้ยาก ไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้า Duke ต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง ถึงทำให้มันเอาแต่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมทุกวัน เพื่อรอให้ใครซักคนเข้ามาช่วยเหลือ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ทางตอนใต้ของรัฐเท็กซัส เมื่อมีชาวเน็ตคนหนึ่งได้สังเกตเห็นว่ามันมาอาศัยอยู่แถวนี้ได้สักพักแล้ว ด้วยความสงสัยเขาจึงโพสต์ภาพ และประกาศหาเจ้าของให้มัน ภาพของเจ้า Duke ที่ชาวเน็ตถ่ายมาได้ ทันทีที่ Leslie Ysuhuaylas อาสาสมัครจากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์เห็นโพสต์ดังกล่าว เขาก็รีบเดินทางมาหามันทันที ‘ตอนแรกที่ฉันไปเจอมันน่าสงสารมาก มันผอมติดกระดูก เหมือนไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน และฉันคิดว่ามันต้องเจอเรื่องร้ายมาเยอะมากพอสมควร’ Leslie บอก จากนั้นเธอจึงพามันไปหาสัตวแพทย์ทันที คุณหมอตรวจร่างกายและพบว่า มันเป็นสุนัขที่ถูกฝึกสำหรับการต่อสู้มาโดยเฉพาะ ‘ดวงตาของมันดูโศกเศร้ามาก ตอนแรกมันเหมือนจะตื่นกลัว และไม่กล้าไว้ใจใครเลย’ แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป ดูเหมือนว่าความรักจากมนุษย์ผู้มีเมตตา จะช่วยเยียวยารักษาจิตใจของมันได้ และทุกวันนี้มันก็ยังอาศัยอยู่กับ Leslie ตอนนี้มันมีบ้านอยู่ มีอาหารกินอิ่ม และมีคนคอยมอบความรักให้ มันคงไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว มันต้องผ่านเรื่องร้ายๆ มาเยอะมากแน่ๆ นัยตาถึงได้ดูเศร้าเหลือเกิน ที่มา: Boredpanda
-
รวมภาพ 22 ของผู้รักความท้าทายกับ “การผจญภัยสุดหวาดเสียว” จนหายใจไม่ทั่วท้อง
ใครที่ชอบความเสียว ควมสูง ความท้าทาย คุณมาถูกทางแล้ว แต่สำหรับใครที่กลัวความสูง จะเข้ามาดูก็ได้นะ เพราะนี่คือความเสียวที่แบบเสียวสุดๆ แน่นอนว่า คนที่ชอบความท้าทายนั้น มักจะไม่หยุดอยู่กับที่ แต่ชอบออกไปผจญภัยที่โน่นนี่นั่นเสมอ และแต่ละอย่างที่ทำนั้นบอกได้เลยว่า ใจไม่แข็งจริงทำไม่ได้นะจ๊ะ มันอาจจะเป็นความสนุกสำหรับพวกเขาเหล่านี้นะ แต่เป็นความสนุกท่ามกลางความเสี่ยงที่อาจจะต้องแลกมาด้วยชีวิต แต่ก็อย่างว่าแหละ ความชอบกับสักครั้งหนึ่งที่ได้สัมผัสประสบการณ์สุดท้าทายเหล่านี้ Eskil Ronningsbakken นักแสดงโลดโผนจากนอร์เวย์ ผู้ออกทางไปทั่วโลกเพื่อถ่ายภาพความเสี่ยงเช่นนี้มาให้ชาวโลกได้ดู Kayakers Steve Fisher วัย 37 ปี Dale Jardine วัย 33 ปี จากแอฟริกาใต้ และ Sam Drevo จากอเมริกา กำลังอยู่บนขอบน้ำตก Zambia’s Victoria Falls ซึ่งเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลก นักปีนเขากำลังพักผ่อนชิลๆ อยู่บนหน้าผา El Captain Rock ในอุทยานแห่งชาติ Yosemite ของรัฐแคลิฟอร์เนีย หน้าผา Moher ในไอร์แลนด์ สูง 200 เมตร เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งเป็นเส้นทางจักรยานที่อันตรายที่สุดในโลก…
-
ชายหนุ่มตามเสียงปริศนา พบหนุ่มใหญ่ที่หายตัวไปนานนับเดือน ใกล้สิ้นใจอยู่ในหลุมลึก!!
ทุกวันนี้รายชื่อคนหายตัวไปนั้นมีอยู่ในทุกประเทศ ซึ่งก็มีสาเหตุที่แตกต่างกัน และสิ่งที่ทุกคนสงสัยคือ พวกเขาเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่มั้ย? เหมือนกับ James Thompson วัย 51 ปี คนนี้ที่หายตัวไปกว่า 1 เดือนแล้ว หลายคนเชื่อว่าเขาหนีไปอยู่ในป่า แต่บางคนก็บอกว่าเขาเจ็บข้อเท้าจนต้องเข้าไปพักในหลุมแล้วก็ออกมาไม่ได้ ในขณะที่ทางตำรวจเองคาดว่า เขาคงเสียชีวิตตั้งแต่วันแรกที่หายตัวออกจากไปบ้านแล้ว แต่ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันคำเหล่านี้ เพราะฉะนั้นการหายตัวไปของ James ยังคงเป็นปริศนาต่อไป James Thompson ผู้หายตัวไปนานนับเดือน จนกระทั่งวันหนึ่ง Izaak Eglington-Watts วัย 19 ปี และเพื่อนสาว Emily Thompson วัย 18 ปี ได้ไปพบกับ James ในระหว่างที่พวกเขาเดินเข้าไปในป่า พวกเขาหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากหลุมใต้สะพานแห่งหนึ่ง จากนั้น Izaak ก็ส่งเสียงตะโกนออกไป และมีเสียงของ James ตอบกลับมา แต่เป็นเสียงสะท้อนที่ฟังไม่ค่อยชัดนัก แต่ชายหนุ่มมั่นใจว่าต้องมีคนอยู่ในนี้แน่ๆ Izaak จึงตัดสินใจที่จะปีนลงไปดู แต่ก็ได้หันมาถาม Emily ก่อนว่าจะลงไปด้วยมั้ย เธอตอบไม่ ชายหนุ่มจึงปีนลงไปคนเดียวอย่างระมัดระวัง ในขณะเดียวกันเขาก็ตะโกนเรียกคนที่อยู่ข้างล่างเรื่อยๆ และเขาก็ตอบกลับมาด้วย แต่มองไม่เห็นอะไรเลย เพราะมันมืดมากจนต้องใช้แฟลชโทรศัพท์ช่วยส่องทาง…
-
คุณแม่ถ่ายรูปลูกสาวกับสุนัขตัวโปรด บันทึกมิตรภาพอันสวยงามและน่ารักของทั้งคู่
เพื่อน ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีความเหมือนกันหรือต่างกันสุดขั้ว แต่ขอแค่ใครสักคนที่เข้าใจ ร่วมทุกข์ร่วมสุขและพร้อมจะเรียนรู้ไปด้วยกัน เหมือนกับเด็กหญิงคนนี้ที่มีเพื่อนเล่นเป็นสุนับผู้ซื่อสัตย์ และไม่ว่าทั้งคู่จะทำอะไรก็หรือไปไหน ทั้งคู่มักจะอยู่ด้วยกันและมอบความสุขให้กันและกันเสมอ Mustang เป็นสุนัขถูกรับเลี้ยงโดยแม่ของเด็กหญิง Aayat ตั้งแต่มันเข้ามามันก็เปรียบเสมือนลูกชายของบ้านนี้ และมันยังทำหน้าที่เป็นพี่ชายให้เด็กหญิงด้วย ดังนั้นคุณแม่จึงตัดสินใจที่จะเก็บความทรงจำของทั้งคู่ไว้ ด้วยการถ่ายรูปพวกเขาเวลาเล่นด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน รวมทั้งกิจกรรมอื่นที่ทำร่วมกัน แต่ถ้าทำคนเดียวคงจะทำได้ยาก คุณแม่จึงขอให้สามีช่วย แต่ดูเหมือนสามีไม่ค่อยอยากทำสักเท่าไร ทำให้ทั้งสองเกิดทะเลาะกันจนเกือบจะบานปลายถึงขั้นหย่าร้างกัน แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วยที่คุณแม่ได้ถ่ายรูปแล้วบ้างนั้น ผู้เป็นพ่อก็ได้เห็นถึงความน่ารักและความสัมพันธ์ของลูกกับสุนัข เขาจึงได้เข้ามามีส่วนร่วมในการถ่ายภาพครั้งนี้ด้วย แม้จะไม่ได้เข้ามาช่วยโดยตรง แต่คุณพ่อก็คอยบอกลูกสาวว่าควรทำอะไรบ้าง อย่างไร ทั้งยังคอยดูแลเธอระหว่างที่คุณแม่ถ่ายรูปด้วย และทั้งหมดนี้ก็ทำให้เกิดภาพที่สวยงามสมบูรณ์แบบและน่ารักที่สุด . . . . . . . . . . . . เป็นชุดภาพที่น่ารักมากๆ ค่ะ ที่มา boredpanda l butnaturalphotography
-
รับชมผลงานประตูศิลปะ จากยุคอาร์ตนูโว สื่อถึงธรรมชาติภายในถิ่นที่อยู่อาศัย…
“อาร์ตนูโว” เป็นศิลปะที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วง ค.ศ.1890 ถึง ค.ศ.1905 โดยมีจุดเด่นคือ การใช้รูปแบบตามธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ พืชพรรณตามธรรมชาติ รวมถึงสัตว์นานาชนิด มาสร้างเป็นลวดลายอันงดงาม ทั้งภายในอาคาร นอกอาคาร รวมถึงของประดับ และเครื่องแต่งกาย นอกจากนี้ ศิลปะในรูปแบบดังกล่าว ยังมีความหรูหราตามสไตล์ผสมผสานกับความทรุดโทรมที่ดูเข้ากันอย่างลงตัวอีกด้วย แน่นอนว่า เมื่อกล่าวถึงอาร์ตนูโว สิ่งแรกที่จะต้องนึกถึงเลยก็คือ ประตู เพราะในช่วงสมัยนั้น ผู้คนมักจะเลือกศิลปะรูปแบบดังกล่าว มาสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นประตูที่ดูแปลกตา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความสง่างามของศิลปะสไตล์นี้นั่นเอง และต่อจากนี้ไป เราขอเชิญคุณผู้ชมทุกท่านเข้าสู่งานออกแบบประตูโดยใช้ศิลปะ จากยุคอาร์ตนูโว บอกเลยว่าเมื่อได้เห็นแล้วคุณจะต้องหลงใหลในความงามของมันอย่างแน่นอน ประตูอาร์ตนูโว ในรัสเซลส์ ประตูอาร์ตนูโว ที่ประเทศฝรั่งเศส ในปี 1903 ประตูอาร์ตนูโว ในบรัสเซลส์ บ้านสไตล์อาร์ตนูโว ในเมืองการ์กาซอน ประเทศฝรั่งเศส ประตูอาร์ตนูโว ผลงานชิ้นเอกของโดยสถาปนิก Jules Lavirotte ที่ตั้งอยู่ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส …
-
ทหารหนุ่มโพสต์ภาพถ่ายอันแสนหวาน หลังพาแฟนหนุ่มไปงานพรอม จนหลายคนอิจฉา…
นี่เป็นภาพถ่ายของ Max Emerson และ Andrés Camilo Hernandez ทหารหนุ่มจากโรงเรียนเตรียมทหารสหรัฐ สองคู่รักชายรักชาย ที่กำลังโด่งดัง และได้รับความสนใจจากชาวเน็ตในขณะนี้เลยก็ว่าได้ หลังจากที่ Andrés ได้โพสต์ภาพถ่ายอันแสนหวานขณะที่ได้พาแฟนหนุ่มไปร่วมงานพรอมที่ West Point นิวยอร์ก ลงในอินสตาแกรม ก็มีบรรดาชาวเน็ตต่างก็พากันเข้ามากดไลค์กันอย่างมากมาย แถมยังทำให้เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศหลายๆ เว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น Yahoo Style, Elite Daily, The Washington Blade และ สื่ออื่นๆ อีกมากมาย ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จากการรายงานของสื่อหลายๆ สำนักได้สันนิษฐานภาพของทั้งคู่ว่า นี่อาจจะเป็นสัญญาณที่จะบอกให้รู้ว่า ความรักของคู่เกย์จากกองกำลังติดอาวุธ อาจจะได้รับการเปิดเผย และยอมรับมากขึ้น เพราะในอดีตกฎหมายสหรัฐอเมริกา ได้ออกนโยบาย “ไม่ถาม ไม่บอก” (Don’t Ask, Don’t Tell) ที่ห้ามเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวลที่เปิดเผยตัว เข้าร่วมกองทัพอเมริกัน ไม่เช่นนั้นก็จะต้องไล่ออกจากราชการ แต่เมื่อ…
-
United Airlines ใช้กำลังลากผู้โดยสารลงจากเครื่อง จนบาดเจ็บ-มีดราม่า หลังขายตั๋วเกิน??
ถ้าจะพูดถึงเรื่องอื้อฉาวที่โด่งดังสุดๆ ในช่วงนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นเหตุการณ์ของสายการบิน United Airlines ที่ปรากฏเป็นคลิปการลากผู้โดยสารลงจากเครื่องด้วยวิธีการบังคับและใช้กำลัง จนชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา บนเที่ยวบินจาก Chicago มุ่งหน้าไป Louisville ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นจากทางสายการบินไม่สามารถขึ้นบินได้ เพราะมีตั๋ว Over-booking เกินมา 4 ที่นั่ง (Over-booking คืออะไรนั้น สรุปไว้ท้ายข่าวนะครับ) เจ้าหน้าที่เลยจำเป็นจะต้องหาอาสาสมัคร 4 คนเพื่อสละที่นั่งดังกล่าว โดยตอนแรกทางสายการบินได้เสนอเงิน 1,000 เหรียญ (ราวๆ 34,000 บาท) เพื่อให้ผู้โดยสารเปลี่ยนเที่ยวบินไปวันรุ่งขึ้น(วันที่ 10 เมษายน)แทน แต่ด้วยความที่ทุกคนอยากเดินทางตามกำหนดการของตัวเองจึงไม่มีใครยอมสละที่นั่ง ด้วยเหตุนี้เจ้าหน้าที่จึงบอกว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องสุ่มที่นั่งผู้โดยสารด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อหาคนสละที่นั่งแทน ซึ่งผู้โดยสาร 3 คนแรกตอบตกลงและรับเงินชดเชยแต่โดยดี ในขณะที่ผู้โดยสารคนที่ 4 มีท่าทีขัดขืน ตามรายงานบอกว่าผู้โดยสารรายที่ 4 เป็นชายชาวจีนวัย 69 ปี โดยเจ้าตัวได้ให้เหตุผลว่าตนเองเป็นหมอและต้องรีบเดินทางไปดูคนไข้ในโรงพยาบาลให้ทันวันรุ่งขึ้น ทำให้เกิดการถกเถียงกันยกใหญ่ จนสุดท้ายทางสายการบินจึงต้องเรียกพนักงานมาลากเขาลงไป ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการลากเขา มีการขัดขืนและส่งผลให้ศีรษะของเขาฟาดเข้ากับที่นั่งผู้โดยสาร จนภายหลังเขารูุ้สึกตัวว่ามีอาการบาดเจ็บที่หัวและเลือดออกปากด้วย พร้อมกับพูดแค่ว่า “ผมต้องกลับบ้าน ไม่งั้นก็ฆ่าผมซะเถอะ” ซ้ำไปมา…
-
สองหนุ่มปลอมตัวเป็นคนจรจัด เพื่อตามหาคนที่เหมาะสม กับรางวัลบ้านถังขยะสุดล้ำไปครอง!!
ในขณะที่เราส่วนใหญ่ได้อยู่อาศัยในบ้านอันแสนอบอุ่น มีเครื่องอำนวยความสะดวกเยอะแยะมากมาย แต่ยังมีคนอื่นกลุ่มหนึ่งต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างถนน ไม่มีบ้าน ไม่มีที่นอน จะหนาวหรือร้อนก็ต้องอดทน Damian ‘Dean’ Cummings เป็นคนจรจัดที่ต้องนอนอยู่ข้างถนนในนิวยอร์กเป็นเวลานาน แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเขาได้พบกับชายหนุ่ม 2 คน ก็ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป Damian ‘Dean’ Cummings ชายจรจัดผู้โชคดี เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อ Shane Duffy วัย 37 ปี และ Phil Sullivan นายแบบจาก America’s Next Top วัย 28 ปี ได้พบกับ Cummings ชายจรจัดที่นั่งขอทานอยู่ข้างถนนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 ตอนนั้นทั้ง 2 คนปลอมตัวเป็นขอทานเช่นกัน เพื่อเฟ้นหาคนที่สมควรจะได้รับของขวัญอันล้ำค่าจากพวกเขา เมื่อเวลาผ่านไป 4 วัน พวกเขาก็ได้เจอกับ Cummings โดยเขาแสดงน้ำใจให้กับทั้งสองคนได้เห็น ทั้งแบ่งที่นอน อาหาร และผ้าห่มให้ หลังจากเหตุการณ์นั้น พวกเขาจึงตกลงที่จะมอบรางวัลให้กับชายจรจัดคนนี้ เพราะเขามีน้ำใจ ขนาดตัวเองไม่มีอันจะกิน ก็ยังอุตส่าห์แบ่งปันในสิ่งที่มีให้กับคนอื่นๆ…
-
ลูกเรือ Turkish Airline ช่วยกันทำคลอดให้คุณแม่ ระหว่างบินสูงเหนือฟ้ากว่า 42,000 ฟุต
เป็นอีกหนึ่งโมเม้นต์ที่แสนประทับใจมากจริงๆ หลังทีมลูกเรือจากสายการบิน Turkish Airlines ได้ช่วยกันทำคลอดให้กับผู้โดยสารรายหนึ่ง จนประสบความสำเร็จ และปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2560 ทางสำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า ในขณะที่เครื่องโบอิ้ง 737 ของสายการบิน Turkish Airlines กำลังออกเดินทางจากสนามบินวากาดูกูในเมืองโกนากรี ประเทศกินี เข้าสู่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ในระดับความสูง 42,000 ฟุตเหนือพื้นดินอยู่นั้น จู่ๆ Nafi Diaby คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ได้ 28 สัปดาห์ ก็เกิดปวดท้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่โชคดีที่ในขณะนั้น มีลูกเรือคนหนึ่งได้เดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี และนั่นจึงทำให้เธอได้รีบเข้าไปช่วยเหลือหญิงรายดังกล่าวทันที “ลูกเรือของเราเห็นว่า มีผู้โดยสารหญิงคนหนึ่งกำลังปวดท้อง และทุกข์ทรมานจากการคลอดลูก เมื่อเห็นดังนั้น พวกเขาจึงรีบเข้าไปช่วยกันทำคลอดให้กับเธอในระหว่างการบิน” ทางสารการบิน Turkish Airlines กล่าว ภายหลังจากที่ลูกเรือสามารถช่วยกันทำคลอดคุณแม่รายดังกล่าวได้สำเร็จ ทางผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่ตอนแรกพากันตื่นตระหนกก็พากันแสดงอาการโล่งใจ พร้อมกับแสดงอาการดีใจกันถ้วนหน้า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้เครื่องบิน ได้ลงจอดฉุกเฉินที่กรุงวากาดูกู เมืองหลวงของประเทศบูร์กินาฟาโซ เพื่อจะได้นำตัวแม่และเด็กส่งโรงพยาบาล…
-
ลูกค้ากรีดร้อง มีงูมาจ๊ะเอ๋ในชั้นแช่เย็นซุปเปอร์มาร์เก็ต หลบร้อนมาหาอะไรกินเหรอลู๊กกกก!?
ทุกวันนี้หลายคนเลือกที่จะซื้อของในร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต เพราะมีความกว้างขวาง แอร์เย็น ข้าวของถูกจัดเป็นระบบระเบียบ และดูสะอาดสะอ้านด้วย ว่าแต่เพื่อนๆ เคยเจอเหตุการณ์แปลกๆ ในซุปเปอร์มาร์เก็ตกันบ้างมั้ยคะ? แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแปลกและสะพรึงเท่าเหตุการณ์นี้หรือเปล่า เพราะทำเอาคนแตกตื่นกันทั้งห้างเลยทีเดียว เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ห้างเทสโก้แห่งหนึ่งในแอฟริกาใต้ เมื่อลูกค้าคนหนึ่งเลือกสินค้าจากชั้นแช่เย็นกะจะหยิบสินค้าที่ต้องการมา ในระหว่างที่กำลังเลือกสินค้าอยู่นั้น ก็เจอเจ้างูนอนแช่อยู่บนชั้นอย่างสบายใจ!! ลูกค้าเจอแบบนี้ก็กรี๊ดลั่นสิ จนทางด้าน Martie Esnouf ผู้จัดการของห้างต้องวิ่งไปดู แล้วลูกค้าคนนั้นก็บอกด้วยเสียงสั่นว่า “งูค่ะงู งูอยู่ในนั้นค่ะ!!” ส่วนเจ้างูนั้นเมื่อถูกจับได้ มันรีบเลื้อยเข้าไปหลบในกล่องนม กล่องโยเกิร์ตอย่างรวดเร็ว ผู้จัดการจึงโทรเรียกเจ้าหน้าที่ให้มาจัดการทันที ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่จับงูของท้องถิ่นมาถึง ก็พบว่ามันคืองูหลามแอฟริกา (African Rock Python) ที่มีความยาวสูงสุดถึง 6 เมตร และสามารถฆ่าคนตายได้ เจ้าหน้าที่ต้องขอให้พนักงานและลูกค้าออกจากพื้นที่ใกล้เพื่อที่จะทำการนำงูตัวนี้ออกมา แต่เมื่อเอาออกมาได้แล้วปรากฏว่ามันแทบจะไม่ขยับเลย คงจะเป็นเพราะความเย็นจากชั้นแช่สินค้า พวกเขาจึงได้นำงูตัวนี้ไปไว้ที่ Kruger National Park โดยให้ความอบอุ่นและเฝ้าสังเกตอาการกว่า 48 ชั่วโมง จนในที่สุดมันก็กลับมาขยับได้เหมือนเดิม ก่อนที่จะปล่อยมันคืนสู่ธรรมชาติต่อไป ทางด้านผู้จัดการ Martie บอกว่า “ฉันไม่รู้ว่ามันเข้าไปอยู่ในนั้นยังไง มันอาจจะเข้ามาทางใต้หลังคา…
-
สูงจนเสียว!! สระว่ายน้ำใสบนชั้นดาดฟ้า มองเห็นพื้นข้างล่าง 150 เมตร หัวใจจะวายก่อนว่าย
เวลาเครียด หรือรู้สึกเหนื่อยมากๆ หลายคนมักจะเลือกระบายด้วยการนอนแช่ในน้ำหรือไปว่ายน้ำ ดังนั้นสระว่ายน้ำในแต่ละที่มักจะมีการออกแบบเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ เช่นเดียวกับสระน้ำ Sky Pool ซึ่งอยู่บนชั้น 42 ของอพาร์เม้นต์สุดหรู Market Square Tower ที่จะทำให้คุณลืมทุกเรื่องเมื่อมาว่ายน้ำที่นี่ สระว่ายน้ำ Sky Pool อยู่ที่ความสูง 152 เมตร เป็นสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้า ที่มีความพิเศษมากกว่าที่อื่นนั่นก็คือ การออกแบบให้สระน้ำบางส่วนนั้นยื่นออกจากตัวอาคารถึง 3 เมตร และส่วนของ 3 เมตรนั้นก็เป็นกระจกใสที่มีความหนา 8 นิ้ว นั่นเท่ากับว่า เมื่อคุณก้าวเท้ามายังส่วนที่เป็นกระจกใส คุณจะได้เห็นวิวที่เสียวไส้จนลืมทุกอย่างไปเลย เพราะคุณจะเห็นวิวข้างล่างได้อย่างชัดเจน นี่ถ้าใครกลัวความสูงมีหวังเป็นลมแน่ แต่สำหรับคนที่ใจไม่แข็งพอ ก็ลงไปเล่นสระว่ายน้ำชั้น 4 ของอพาร์ทเมนต์ก็ได้นะ ดังนั้นใครที่กำลังมองหาสระว่ายน้ำที่ไม่ทำให้หัวใจวายก่อนลงว่ายน้ำ ก็น่าจะตอบโจทย์ได้บ้างนะคะ ในแต่ละห้องของ Market Square Tower มีพื้นที่ 564 ตารางฟุต มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในราคา 200,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้ารวมค่าอาหารเข้าไปด้วยแล้วก็ประมาณ 2 ล้านบาทต่อเดือนค่ะ …
-
Centralia เมืองต้นแบบ Silent Hill ที่ยังคงมอดไหม้อยู่ แม้จะผ่านมานานกว่า 55 ปีแล้ว
ใครที่เป็นคอหนัง หรือคอเกม เชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องคุ้นหูกับคำว่า “Silent Hill” (เมืองห่าผี) ที่เต็มไปด้วยฉากของเมืองที่โดนเผาทำลาย และมีหมอกควันปกคลุมอย่างแน่นอน และหากใครที่เป็นแฟนตัวจริงของ Silent Hill คุณจะรู้ว่าฉากที่ทั้งหลอน และน่ากลัวทั้งในหนังและเกมส์ ได้รับแรงบันดาลใจมากจากสถานที่ที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ ในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะขอพาเพื่อนๆ ทุกคน มารู้จักกับเมือง Centralia เมืองต้นแบบของ Silent Hill ที่ตั้งอยู่ ณ รัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา บอกเลยว่าน่ากลัวไม่แพ้ในเกมเลยล่ะ สำหรับ Centralia นับว่าเมืองอีกหนึ่งเมืองที่เคยมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ต่อมาภายหลังดินแดนแห่งนี้กลับเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในเดือนพฤษภาคม ปี 1962 จนทำให้ผู้คนได้ค่อยๆ พากันอพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งในปัจจุบันเมืองแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นเมืองที่ถูกทิ้งร้างไปเสียแล้ว ควันที่พวยพุ่งออกจากพื้นอย่างต่อเนื่อง หากคุณกำลังมีความคิดว่าอยากจะไปเยือนสถานที่แห่งนี้สักครั้ง เราขอเตือนคุณเอาไว้เลยนะว่า สิ่งที่ควรระวังให้มากที่สุดก็คือ ท้องถนน เพราะถนน และพื้นดินบางส่วนได้ทรุดตัวลง และมีรอยแตกของพื้นที่ทำให้เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ นั่นทำให้เกิดเป็นแหล่งสะสมควันพิษเอาไว้มากมาย เนื่องจากก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการทำเหมืองถ่านหินมาก่อน และเมื่อคุณใช้เวลาอยู่ในที่แห่งนี้มากเกินไป…
-
ความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยกับการก่อสร้างอาคาร โชคลางเป็นหลัก ความสวยงามเป็นผลพลอยได้…
หลักฮวงจุ้ย ความเชื่อในการออกแบบของสถาปัตยกรรมแบบจีน ที่เชื่อว่าโลกของเรามีการไหลเวียนของพลังงานอยู่ ดังนั้นสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่อยู่บนพื้นโลกก็เช่นกัน ย่อมได้รับผลของการไหลเวียนพลังงานนั้น ถ้าหากมีการก่อสร้างที่เป็นการขวางพลังงานที่ดี ก็อาจจะส่งผลเสียต่ออาคารนั้นรวมไปถึงผู้อยู่อาศัยภายในได้ หลักฮวงจุ้ยนี้ได้รับความนิยมในการนำไปปรับใช้กับการสร้างอาคารต่างๆ ในปัจจุบันอย่างมาก เพื่อให้ผู้ที่อยู่อาศัยประสบกับความโชคดีและร่มเย็นเป็นสุข นอกจากเรื่องของความโชคดีแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นผลพลอยได้จากการทำตามหลักฮวงจุ้ยนั่นก็คือ รูปแบบของอาคารและสิ่งก่อสร้างที่สวยงามและแปลกตา ทำไมถึงต้องออกแบบตึกให้มีรูกลางอาคารด้วย!? ประเทศฮ่องกง ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีตึกระฟ้าที่สวยงามอยู่มากมาย การออกแบบและก่อสร้างอาคารสูงเหล่านั้นถูกออกแบบและก่อสร้างโดยคำนึงถึงหลัก “ฮวงจุ้ย”เป็นสำคัญ การจัดตำแหน่งของทางเข้าอาคารและเฟอร์นิเจอร์ภายในตามหลักของฮวงจุย มีความเกี่ยวข้องกับความเจริญรุ่งเรืองของเจ้าของอาคาร ความเชื่อนี้ถูกพิจารณาเป็นอันดับแรกๆ ในการสร้างบ้านหรือซื้อขายอาคารส่วนมากในเกาะฮ่องกง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความเชื่อไม่มีหลักการทางวิทยาศาตร์ยืนยันได้ หลักฮวงจุุ้ยเคยถูกปราบปรามครั้งใหญ่ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมของประเทศจีนช่วงปี 1960 แต่กลับมาได้รับความนิยม อย่างมากในช่วงที่ผ่านมา มีหลายบริษัทถึงขั้นจัดสรรงบเพื่อไว้สำหรับปรึกษาเกี่ยวกับฮวงจุ้ย โดยคำแนะนำของการวางฮวงจุ้ยก็มีตั้งแต่ การจัดวางตำแหน่งของโต๊ะผู้บริหาร การเอาเหรียญมาวางไว้ใต้พรม หรือแม้กระทั่งการวางรูปแบบของอาคารใหม่เลยทีเดียว ตัวอย่างของความเชื่อนี้ที่ถูกนำไปประยุกต์ใช้กับการจัดวางอาคารต่างๆ เช่น ตึกสำนักงานใหญ่ของธนาคารระดับโลกอย่าง HSBC ได้นำรูปหล่อของสิงห์โตสองตัวมาตั้งที่หน้าสำนักงาน มีการปรับทิศทางของบันไดเลื่อนเพื่อป้องกันวิญญาณชั่วร้ายจากจากอ่าว Victoria เข้าสู่ออฟฟิส และสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะคล้ายกับปืนใหญ่ไว้ด้านบนสุดของอาคารเพื่อเป็นการยิงส่งชั่วร้ายที่มาจากอาคารตรงข้ามอีกด้วย อาจเป็นเพราะการแก้ฮวงจุ้ยนี้เองที่ยังคงทำให้ธนาคาร HSBC ยังคงดำเนินกิจการได้ถึงจนทุกวันนี้ เพราะอาคารที่อยู่บริเวณเดียวกันที่ละเลยการวางฮวงจุ้ยต่างก็ต้องพบกับโชคร้าย อย่างเช่น ธนาคารพาณิชย์ที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ อย่าง Bank of China ก็มีผลประกอบการที่ไม่ดี หรือ…
-
ชาวเน็ตลุกฮือพากันขับ “รถสีเหลือง” ชุมนุมกว่า100 คัน หลังได้ยินเรื่องคุณตา Peter Maddox
ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 2 เดือนก่อนเราเคยเขียนข่าวเกี่ยวกับคุณตานามว่า Peter Maddox ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเก่าแก่ที่ชื่อว่า Arlington Row ประเทศอังกฤษ ดราม่ามันเกิดเมื่อเขาถูกคนในหมู่บ้านกลั่นแกล้งจากเหตุที่รถของคุณตาแกดูแปลกแยกจากคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน โดยสามารถอ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่ ชาวบ้านหงุดหงิดถึงขั้นทุบ “รถสีเหลือง” ของคนในหมู่บ้าน เพราะขัดกับทิวทัศน์โดยรอบ!? นี่คือคุณตา Peter และรถ Vauxhall Corsa ของแก และนี่ก็คือภาพบ้านของแก กับนักท่องเที่ยวที่บอกว่ารถสีเหลืองของคุณตามันทำลายบรรยากาศในหมู่บ้าน ด้วยเหตุการณ์นั้น ทำให้เรื่องของคุณตาแกแพร่กระจายออกไปบนโลกอินเตอร์ จนล่าสุดชาวเน็ตก็รู้สึกว่าการที่คุณตาแกถูกกลั่นแกล้งแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง พวกเขาจึงจัดการรวมกลุ่มกับเพื่อนแสดงพลังสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้คุณตาซะเลย ส่วนวิธีที่พวกเขาทำก็คือ พวกเขารวมกลุ่มรถสีเหลืองมากกว่า 100 คันและขี่มาที่หมู่บ้านของคุณตา โดยรถที่ขี่มาก็มีตั้งแต่รถธรรมดาๆ ไปจนถึงซูปเปอร์คาร์ราคาแพง ทุกรุ่นทุกสไตล์ที่เป็นสีเหลือง มากันเพียบ ลัมโบร์กินีก็มากับเขาด้วย รุ่นเก่าๆ ก็มีมานะ . ก่อนหน้านี้ บริษัทรถ Vauxhall ที่คุณตาใช้อยู่ ก็ออกมาสนับสนุนด้วยการบอกว่าจะตั้งชื่อเฉดสีรถของพวกเขาตามชื่อคุณตาแกอีกต่างหาก “ตอนที่พวกเราได้ยินเรื่องของคุณตาแก เรารู้ได้ทันทันว่าเรื่องของเขามันจะต้องเป็นที่จดจำอย่างแน่นอน และทางเราก็อยากจะแสดงถึงความสนับสนุนที่เรามีให้แก้เขา โดยการเปลี่ยนชื่อเชดสีเหลืองในรถของเราทุกรุ่นเป็น…
-
Donald Trump เตรียมปรับใช้กฎหมาย ให้สามารถล่าหมีได้แม้เป็นฤดูจำศีล เพื่อควบคุมนักล่า!?
นี่อาจจะเป็นเรื่องราวที่ทำให้คนรักสัตว์และเหล่านักอุนรักษ์จากทั่วโลก และโดยเฉพาะผู้คนในประเทศสหรัฐอเมริการู้สึกสะเทือนใจได้ หลังจากที่ประธานาธิบดี Donald Trump ได้มีการเตรียมปรับใช้กฎหมายใหม่ อนุญาตให้ออกล่าหมีในฤดูการจำศีลได้ เพื่อเป็นการควบคุมสัตว์นักล่า เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ทางประธาณาธิบดี Donald Trump ได้ทำการยกเลิกกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าของ Barack Obama อดีตประธานาธิบดีบดีของสหรัฐฯ นอกจากนี้ Trump ยังได้ออกกฎหมายใหม่เพื่อยื่นให้รัฐสภาพิจารณา ให้สามารถยิงหรือดักจับหมาป่าในขณะที่อยู่ในรัง และดักจับหมีในฤดูกาลจำศีลโดยเครื่องบิน ซึ่งจะมีการนำอาหารล่อให้พวกมันออกมา จากนั้นก็ทำการฆ่า ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยลดจำนวนสัตว์นักล่าในอลาสก้านั่นเอง สำหรับการเปลี่ยนแปลงกฎหมายดังกล่าว Trump ได้รับการเสนอเรื่องจาก Ronald D Young สมาชิกพรรค Republican ในมลรัฐอลาสก้า พร้อมกับเสียงสนับสนุนจากสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์กรนายทุนอาวุธปืนขนาดใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดของสหรัฐฯ อีกด้วย ทางด้าน Wayne Pacelle ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรพิทักษ์สัตว์ Humane Society ได้ออกมาเผยว่า “สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจทำลงไปนั้น จะทำให้เกิดความรู้สึกด้านลบต่อคนรักสัตว์ในประเทศสหรัฐอเมริกา…
-
ชายหนุ่มโดนสาวที่ชอบเท ไม่ไปงานพรอมอย่างไร้เยื่อใย งานนี้ Kylie Jenner ตกลงไปแทน!!
งานพรอมสำหรับนักเรียนอเมริกา ถือว่าเป็นงานสำคัญมากๆ งานหนึ่งในชีวิตวัยรุ่นเลยก็ว่าได้ แล้วการที่จะไปงานนี้ได้ก็เป็นธรรมเนียมที่ปกติแล้วฝ่ายชาย จะเป็นคนไปขอให้ฝ่ายหญิงที่ตัวเองชอบ หรือพาสาวคนสนิทของเขาไปงานนี้ด้วย ปกติถ้าเป็นผู้ชายที่ไม่ฮอตไม่ป็อบ (เป็นแค่มิสเตอร์โนบอดี้ในโรงเรียน) ใครล่ะเขาจะไปงานกับเรา และ Albert Ochoa วัย 19 ปีจากโรงเรียนมัธยม Rio Americano ก็ประสบปัญหานั้นเช่นกัน นี่ก็คือโฉมหน้า Albert Ochoa เจ้าของเรื่องราวในครั้งนี้ เขาได้ไปขอสาวที่ตัวเองชอบเพื่อจะไปงานพรอม ซึ่งจัดในคืนวันเสาร์ที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา แต่เธอก็ปฏิเสธเขาอย่างไม่ใยดี ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ทำให้เขายอมแพ้ที่จะไปงานพรอมหรอกนะ เพราะเขาได้พยายามอีกรอบ ด้วยการลองส่งข้อความไปขอเซเลบคนดังระดับโลกอย่าง Kylie Jenner แล้วคิดว่าปกติแล้วพวกพวกเราคิดว่าเซเลบชื่อดังขนาดนี้จะตอบกลับว่าไงล่ะ? ซึ่งเราก็คงตอบว่าเธอไม่มาแน่…แต่คำตอบของเซเลบสาวคือ มา!! เธอถึงกับบินตรงจากลอสแองเจลิสมาที่งานกับเพื่อนสาว Jordyn Woods เพื่อร่วมงานกับเขา บอกเลยครับว่างานนี้เล่นเอางานวุ่น ใครจะคิดว่าเซเลบระดับนี้จะโผล่มาเป็นคู่เดทกับชายที่ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย แถมเธอก็ไม่ได้งานเฉยๆ เพราะเธอยังร่วมเต้นรำกับ Albert อีกด้วย งานนี้เล่นเอาคนทั้งโรงเรียนอิจฉาตาร้อน ใครจะเชื่อจากชายที่พึ่งโดนเทไปหมาดๆ จะกลายเป็นตำนานของโรงเรียนในชั่วข้ามคืน บอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ส่งจดหมายขอเธอมางานพรอม พร้อมบอกว่าโดนเทมา เธอก็ยอมมาดามใจให้จริงๆ …
-
ผู้ประกาศข่าวสุดสตรอง รายงานข่าวสามีตัวเองเสียชีวิต กลั้นน้ำตาทำหน้าที่ต่อจนจบรายการ!!
Supreet Kaur ผู้ประกาศข่าวสาวชาวอินเดีย ขณะที่กำลังทำหน้าที่ประกาศข่าวออกอากาศสดทางช่อง IBC24 จู่ๆ ก็มีรายงานด่วนเข้ามาถึงสถานการณ์อุบัติเหตุรถชน และมีผู้เสียชีวิตถึง 3 คนด้วยกัน เธอทำหน้าที่รายงานข่าวตามปกติ แต่ในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน เพราะหนึ่งในนั้นมีรายชื่อของสามีสุดที่รักของเธออยู่ด้วย หลังจากที่รับทราบแล้วว่าสามีได้เสียชีวิตลง Supreet ก็พยายามอดกลั้นน้ำตาทำหน้าที่รายงานต่อไป เป็นเวลากว่า 10 นาที ก่อนที่ทางห้องส่งจะตัดภาพออกอากาศออกไป สามีของ Supreet นาย Harshad Kawade ได้นั่งรถออกไปข้างนอกกับเพื่อนๆ อีก 5 คน ก่อนที่จะถูกรถบรรทุกพุ่งชนจนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นให้การว่า “อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงมาก ผู้โดยสารที่นั่งมาในรถยนต์เสียชีวิตทันที 3 คน ขณะที่อีก 2 คนบาดเจ็บสาหัส” ผู้กำกับการรายงานข่าวของช่อง IBC24 เล่าวว่า “ขณะที่เธอกำลังอ่านรายงานข่าว เธอก็เอะใจว่านั่นเป็นรถที่สามีของเธอโดยสารไปด้วย ในวันเดียวกันนั้นเลย” “แม้ว่าผู้รายงานข่าวภาคสนามจะไม่ได้แจ้งรายชื่อผู้เสียชีวิต แต่ทีมโปรดัคชั่นก็มีรายชื่อเรียบร้อยแล้ว แต่เราไม่สามารถบอกเธอขณะที่รายการทำลังถ่ายทอดสดได้” “แม้เธอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถที่สามีของเธอโดยสารไปด้วย แต่ก็ต้องยอมรับในความเป็นมืออาชีพของเธอจริงๆ เพราะเธอยังคงทำหน้าที่ต่อไปอีกกว่า 10…
-
แม่เหมียวพาลูกๆ หลบภัยหนาวในถังขยะ หอบฟางทำรังเพื่อให้ความอบอุ่นและอยู่รอด!!
เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บเจ้าแม่เหมียวจรจัดก็เลยตัดสินใจคาบลูกๆ ของมันไปไว้ในถังขยะขนาดใหญ่ เพื่อสร้างความอบอุ่นและเอาชีวิตรอด จนในที่สุดคู่รักคู่หนึ่งก็มาพบเจอเข้า แบบนี้ไม่ช่วยไว้ไม่ได้ซะแล้ว!! คุณ Linda ผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Animal Care Council ในเมือง Binghamton รัฐนิวยอร์ค ได้ทำการช่วยเหลือบรรดาเหล่าแมวจรจัดมานานหลายปีแล้ว และเหล่าแมวเหมียวที่เธอช่วยเหลือมาทุกวันนี้ต่างก็ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาพวกเขาได้ทราบข่าวมีมีแม่แมวตัวหนึ่งมาคลอดลูกอยู่ในสวนหลังบ้านของพวกเขา จึงตัดสินใจที่จะทำการช่วยเหลือพวกมัน ด้วยอากาศที่หนาวเย็นติดลบ 1 องศาในช่วงตอนเช้า และตอนกลางคืน ทำให้เราเป็นห่วงว่าพวกมันจะไม่ปลอดภัย พอตามเจ้าแม่แมวไปเรื่อยๆ ก็พบว่ามันนำลูกๆ ของมันไปซ่อนอยู่ในถังขยะสีขาว พร้อมกับฟางแห้งที่มันเป็นคนคาบมาสร้างเป็นรังเพื่อสร้างความอบอุ่น คู่รักก็เลยนำฝามาปิดซักเล็กน้อยเพื่อช่วยให้พวกมันอุ่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จากนั้นประมาณ 30 นาทีเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือจาก Cat Catching Crew ก็มาถึง พวกเขาจึงพาพวกมันไปไว้ที่ที่ปลอดภัย พอไปถึงที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Animal Care Council บ้านของคู่รักแล้วก็พบว่าตัวแม่นั้นไม่ยอมป้อนนมให้ลูกเลย มัวแต่กระโดดไปมาในบ้านหลังใหม่ด้วยความกลัว คู่รักจึงต้องป้อนอาหารให้ลูกของมันก่อน จากนั้นผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง เจ้าแม่เหมียวจึงใจเย็นลงและกลับมาป้อนนมลูกของมัน พวกเขาตั้งชื่อให้กับเจ้าแม่เหมียวว่า Marshmallow และลูกๆ ของมันอีกสองตัวว่าเจ้า Spot และเจ้า…