ช่างภาพสงครามในซีเรีย เล่าถึงวินาทีต้องทิ้งกล้อง ยอมไม่เอาภาพ เข้าไปช่วยเด็กจากระเบิด…

ถึงแม้ว่าไทยเราอาจจะอยู่ไกลจากสมรภูมิรบในซีเรีย ทำให้ดูเหมือนจะไม่ค่อยส่งผลต่อประเทศเราสักเท่าไหร่ หลายคนจึงมองข้ามและไม่ค่อยได้รับรู้เรื่องราวรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนั้น ทว่าตัวเลขการเสียชีวิตของบริสุทธิ์กลับมีจำนวนมากขึ้นทุกที

Abd Alkader Habak หนึ่งในช่างภาพผู้ติดตามถ่ายเหตุการณ์สงครามในซีเรีย เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาเกิดเหตุระเบิดพลีชีพที่เมือง Aleppo ซึ่งเขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ และต้องเห็นภาพของเด็กๆ ผู้จากไปอย่างน่าเศร้าต่อหน้าต่อตา

 

ทว่าหากเป็นนักข่าวคนอื่นคงเลือกที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับเหตุความรุนแรง แต่ทันทีที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น Abd Habak เลือกที่จะเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ ทันที

 

เขาไปอยู่ในที่เกิดเหตุหลังเกิดเหตุระเบิดมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตมากมาย และจำนวนมากในนั้นก็เป็นเด็กๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่กลับต้องมารับผลกรรมจากสงคราม

ทันทีที่ช่างภาพสงครามคนนี้เห็น เขาต้องเลือกระหว่างการทำหน้าที่นักข่าวอย่างเต็มที่ บันทึกภาพเหตุการณ์ให้ได้มากที่สุด เพื่อนำกลับไปเสนอต่อสำนักข่าว

หรือเลือกที่จะไม่เก็บภาพบางส่วน แต่วิ่งเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ ที่ติดอยู่ในกองเพลิง โดยหวังว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้

 

ภาพของช่างภาพหนุ่มที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก หลังจากที่ตนต้องเห็นเด็กๆ ตายไปต่อหน้าต่อตา ถูกถ่ายไว้ได้โดยช่างภาพอีกคนหนึ่ง

 

‘มันเป็นภาพเหตุการณ์ที่น่ากลัวมาก ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นแน่นอน ผมเห็นระเบิดต่อหน้าต่อตา ผมเห็นเด็กๆ และผู้คน นอนร้องขอความช่วยเหลือ และก็จากไปในที่สุด’ ช่างภาพให้สัมภาษณ์กับ CNN

 

จากเหตุระเบิดดังกล่าวคาดว่ามียอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 126 คน และกว่า 68 คนที่เสียไป ล้วนเป็นเป็นเด็กนักเรียนทั้งสิ้น

 

‘ตอนแรกผมได้ยินเสียงระเบิด ตกใจมากเลยครับ ผมเห็นเด็กคนหนึ่งนอนอยู่เลยรีบวิ่งเข้าไปดูปรากฎว่าเขาไม่หายใจแล้ว ผมจึงรีบวิ่งไปดูเด็กอีกคน ซึ่งเขาก็เสียชีวิตไปแล้วเหมือนกัน

จนเจอเด็กคนที่สามซึ่งนอนร้องโอดโอยอยู่บนถนน ผมจึงรีบช่วยอุ้มพาตัวเค้ามาส่งที่โรงพยาบาลโดยด่วน’ ช่างภาพหนุ่มเล่าเสริม

 

ซึ่งแม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าวินาทีนั้น ทำไมถึงเลือกที่จะเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเด็กๆ

 

และหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ระเบิดดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อการร้าย โดยมุ่งหวังสร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชน เช่น การระเบิดพลีชีพกลางที่สาธารณะในครั้งนี้

 

ก็ต้องรอดูต่อไปว่าเมื่อไหร่ความรุนแรงนี้จะจบลงซักที

.

ที่มา: Dailymail

Comments

Leave a Reply