สาวชาวอังกฤษยอมทิ้งชีวิตผู้ดี เพื่อไปดูแลเด็กกำพร้า ที่เธอเป็นห่วงและรักในยูกันดา

Emilie Larter หญิงสาวชาวอังกฤษวัย 25 ปี ยอมเลือกที่จะทิ้งชีวิตจากเมืองใหญ่ เพื่อไปดูแลเด็กชายกำพร้าในประเทศยูกันดาเพราะความผูกพันที่มีให้กัน…

ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ Emlie มีอายุได้ 22 ปี เธอเพิ่งจะเป็นนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยหมาดๆ เลยทำให้เธอตัดสินใจไปเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเด็กๆ ในประเทศยูกันดา เป็นระยะเวลาสองเดือน ก่อนที่เธอจะเริ่มหางานทำอย่างจริงจัง

เธอได้บอกกับเว็บไซต์ Mirror ว่า “หน้าที่ของฉันในฐานะอาสาสมัครตอนนั้น ไม่ได้มีอะไรมากมายนัก ฉันทำในสิ่งที่ฉันพอจะทำให้กับเด็กๆ อย่างเปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนอาหาร หรือเล่นกับพวกเขา”

 

 

“แต่หลังจากที่ฉันทำงานที่นั่นไปได้หนึ่งเดือน อยู่มาวันหนึ่งก็มีสายโทรเข้ามาพร้อมกับบอกว่ามีเด็กที่เพิ่งเกิดใหม่และต้องการคนช่วยดูแล ซึ่งนั่นเป็นข้อมูลทั้งหมดที่ฉันได้รับ แต่ฉันก็ไม่สนและรีบเดินทางไปยังที่นั่นทันที”

เมื่อเธอไปถึงสิ่งแรกที่เธอพบกลับเป็นงานศพที่กำลังจัดขึ้น และนั่นก็คืองานศพของแม่เด็กชายผู้เกิดใหม่ ที่เธอเพิ่งจะได้รับสายนั่นเอง ซึ่งเขาถือเป็นลูกคนที่ 7 และอายุน้อยที่สุดในครอบครัว

ในช่วงเวลานั้นไม่มีใครที่ตัดสินใจจะเลี้ยงดูเด็กชายแรกเกิดวัย 5 วันเลย นั่นทำให้ Emilie ตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูเขาด้วยตัวเอง และตั้งชื่อให้กับเด็กชายว่า Adam แน่นอนว่าเธอไม่รู้เลยว่าเด็กชายคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

 

 

และเมื่อเธออาสารับเลี้ยงดู เธอก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี ที่สำคัญสายสัมพันธ์ของทั้งคู่เหมือนจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เธอดูแลเด็กชายไม่ห่างไปไหนเลยตลอด 24 ชั่วโมงและตลอดสัปดาห์ แต่ชีวิตย่อมมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเสมอ

เมื่อในช่วงนั้นน้ำเริ่มที่จะขาดแคลน รวมถึงไฟฟ้าด้วยเช่นกัน หยูกยาก็เริ่มที่จะหาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับในช่วงนั้นยุงก็แพร่เชื้อโรคระบาดหนักอีกต่างหาก แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ด้วยการให้สัมภาษณ์กับสื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นไว้ว่า

“ฉันรู้สึกเครียดนะ แต่ว่าฉันกำลังตกหลุมรัก ฉันสามารถนั่งมองเขาได้นานเป็นชั่วโมงๆ โดยตอนแรกฉันขออยู่ที่นี่แค่ 2 เดือน

แต่ตอนนี้ฉันขอขยายเวลาเพิ่มอีก 2 เดือน เพราะเขาจะร้องไห้แน่ๆ ถ้าพบว่าฉันไม่อยู่ใกล้ๆ คนรอบข้างต่างบอกว่าอย่าปล่อยให้อารมณ์นำทาง แต่ทำไงได้ฉันกับเขาผูกพันกันมากๆ พวกเราค่อยๆ เติบโตไปด้วยกัน”

 

 

แต่แล้วเวลาผ่านไปเธอก็ต้องกลับไปที่ประเทศอังกฤษ เพื่อเข้าร่วมพิธีสำเร็จการศึกษาของเธอ แต่เธอก็ทนที่จะห่างจาก Adam ไม่ได้เลย

ไม่กี่เดือนหลังจากนั้นเธอบินกลับไปเพื่อมาเยี่ยม Adam เธอทำแบบนี้อยู่บ่อยครั้งจนวันหนึ่งพ่อของ Adam ก็โทรมาหาเธอบอกว่า เขากำลังป่วยหนักมากๆ แน่นอนว่าเธอไม่รอช้ารีบบินไปดูไข้ทันที

จนในที่สุดเธอตัดสินใจที่จะย้ายไปอยู่ประเทศยูกันดากับ Adam และตัดสินใจจะรับเลี้ยงดูต่อจากพ่อของ Adam ซึ่งเธอก็ได้ทำงานเป็นครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งเพื่อหาเงินจุนเจือค่าเลี้ยงดู แต่แล้วเวลาผ่านไปทางโรงเรียนได้ตัดสินใจไม่จ้างเธอต่อ ทำให้เธอเริ่มที่จะไม่มีเงินเลี้ยงดู Adam อีกต่อไป

 

 

แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ซะทีเดียว เธอเลือกที่จะไปเป็นอาสาสมัครสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนของ Adam เพื่อแลกกับค่าเล่าเรียนของเด็กชาย

จนล่าสุดเธอได้เปิดระดมทุนผ่าน Gofundme เพื่อให้เธอมีเงินมากพอที่จะมีสิทธิ์เลี้ยงดูเด็กชายอย่างถูกต้องเสียที และสุดท้ายเธอได้บอกสาเหตุที่ยอมทุ่มทุกอย่างให้กับเขาว่า

“Adam ได้นำความสุขมาสู่ชีวิตฉันมากกว่าที่ฉันจะคิดเสียอีก ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เป็นแม่ของเขา ฉันคิดภาพไม่ออกเลยว่าจะอยู่ยังไงถ้าไม่มี Adam เพราะเขาคือชีวิตของฉัน”

 

 

ใครสนใจอยากจะระดมทุนสามารถเข้าไปช่วยเธอได้ที่ gofundme มาช่วยให้ฝันของเธอเป็นจริงกันเถอะครับ

เฮ้ย ใครหั่นหอมแถวนี้ น้ำตาไหลเลยเนี่ย

ที่มา ladbible

Comments

Leave a Reply