Category: ข่าวคราวรอบโลก

กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลกเลยทีเดียว สำหรับความพยายามปฏิวัติของทหารตุรกี แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวด้วยการขัดขวางของประชาชน ตำรวจ และรัฐบาล ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 250 คน และบาดเจ็บกว่า 1,500 คน รายงานกล่าวว่า ตอนนี้มีผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารราว 6,000 คนถูกจับหลังจากการรัฐประหารเหลว ในจำนวนนี้ประกอบทหาร ตำรวจ ผู้พิพากษา และข้าราชการ (ที่มีแววว่าจะอยู่คนละฝ่ายกับรัฐบาลตุรกี) ล่าสุดมีการเผยภาพออกมาว่า ทหารที่พยายามทำการรัฐประหารเหล่านั้น ถูกจับแก้ผ้าแล้วขังไว้ในโรงยิมขนาดใหญ่ จนมีสภาพน่าอเนจอนาถเป็นอย่างยิ่ง     นอกจากนี้ เหล่าประชาชนที่ต่อต้านการรัฐประหาร ก็ได้ร่วมทุบตีเหล่าทหารด้วยความโกรธแค้น . . . .   ส่วนกลุ่มทหารที่เป็นผู้นำในการรัฐประหารก็ถูกจับแล้วเช่นกัน และถูกควบคุมตัวโดยตำรวจ จนไม่เหลือสภาพทหารนายทหารชั้นผู้ใหญ่แม้แต่น้อย   แต่ละคนจะถูกถามคำถามว่าชื่ออะไร มียศอะไร และมีตำแหน่งอะไรในการรัฐประหารครั้งนี้ อย่างเช่น ชายเสื้อลายขวางสีขาวฟ้าทางซ้ายมือคือ Akin Ozturk นายทหารอากาศระดับสูง หนึ่งในแกนนำการรัฐประหารที่ผ่านมา   จากนั้นแต่ละคนก็จะถูกตำรวจที่ควบคุมตัวด่าอย่างรุนแรงก่อนจะถูกควบคุมตัวออกไป เพื่อไปยังศาล . . . . .   ปฏิกิริยาของประชาชนตุรกีช่างรุนแรงจริงๆ ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่า…

Ruben Andrews พนักงานรักษาความปลอดภัย วัย 21 ปี บังเอิญไปเจอกับเจ้ากระต่ายป่าข้างทางเข้า เขาจึงนำตัวมันกลับมาเลี้ยง หลังจากที่เจอกันเขาก็มีท่าทีตื่นเต้นสุดๆ และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือชีวิตเค้าก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิงเพราะเจ้ากระต่ายน้อยตัวนี้     และนี่คือคลิปเหตุการณ์ในคืนที่เค้าเจอเจ้ากระต่ายป่าอ้วนกลมตัวนี้ ระหว่างที่เขาและเพื่อนกำลังขับรถกลับบ้านที่ Pensacola รัฐฟลอริด้า (ดูไม่ได้มานี่เลย) 6 months ago I caught a wild rabbit. This is my snap story from that night. pic.twitter.com/VyO1Av1z1E — sonyanicolee_ stan account (@RubenXaivier) July 8, 2016   เขาบังเอิญเจอเจ้ากระต่ายตัวนี้ที่ข้างถนน และด้วยความที่เคยเลี้ยงกระต่ายมาก่อน เขาจึงใช้วิชาจับกระต่ายนำเจ้ากระต่ายป่ากลับขึ้นมาบนรถ     ถึงแม้ Ruben จะบอกว่ามันเป็นกระต่ายป่า แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นกระต่ายของใครซักคนที่นำมาทิ้งหรือหลุดหนีออกมามากกว่า เพราะกระต่ายป่าส่วนใหญ่มักจะมีสีเทาหรือสีน้ำตาลที่จะช่วยในเรื่องอำพรางตัว กระต่ายสีขาวแบบนี้ไม่น่าจะเอาตัวรอดได้ในป่า แต่ยังไงซะ เขาก็ตื่นเต้นมากๆ กับการช่วยเหลือกระต่ายน้อยไว้ได้ แถมยังเรียนตัวเองว่า “นักจับกระต่ายในตำนาน”…

ตั้งแต่วัยเด็ก มีการ์ตูน-อนิเมะหลายๆ เรื่องที่เข้ามาในชีวิตของพวกเรา และแน่นอนว่าได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำอันแสนดี ซึ่งหลายๆ คนก็คงไม่กล้าที่จะปฏิเสธว่าโปเกม่อนก็เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ซาบซึ้งกินใจที่สุดของเพื่อนๆ วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยมี 17 เรื่องราวดีๆ น่ารักๆ ที่ใครก็ตามที่เติบโตมาพร้อมกับการ์ตูนเรื่องนี้จะจำได้ และเข้าใจกันเป็นอย่างดีเลยล่ะ มาลองดูกันเลยว่าจะจำกันได้ไหม (ดักแก่หนักมาก ฮร่าาา)   กด A รัวๆ ให้มันผ่านๆ ไปนั่นแหละ รีบๆ ฮีลสิ จะออกไปตียิมแล้ว   ใครยังพอจำได้มั้ยว่าตัวนี้ชื่อว่าอะไร?? เฉลยยยยยยย Sandshrew ยังไงล่าาาาา อิอิ   รู้สึกเศร้ามากเกือบร้องไห้น้ำตาแตกเลยทีเดียวตอนนึกว่าซาโตชิตายซะแล้ว T^T   แต่ฉากที่ร้องไห้หนักมากจริงๆ ก็คงจะเป็นตอนที่ต้องบอกลาเหล่า Butterfree นั่นแหละ   มนุษย์คำคมสามารถพบเจอได้ในเกมโปเกม่อน   ‘ใบหน้าของฉันสะท้อนบนผืนน้ำ แสดงให้เห็นถึงรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของฉัน หรือบางครั้งมันอาจแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบและเศร้าหมองจากความกลัว แล้วใบหน้าของคุณล่ะ สะท้อนให้เห็นอะไรอยู่??’ By มนุษย์คำคมโปเกม่อน   รู้สึกเหมือนถูกโกงเลยมั้ย เวลาซื้อการ์ดโปเกมอนแล้วได้เจ้านี่มาน่ะ -*-   แต่บางครั้งถ้าได้การ์ดดีๆ แบบนี้มาล่ะก็ ดีใจสุดๆ…

ขอเสียงคนรักดอกไม้ไฟโหน่ยยยยยย ไม่ว่าจะเทศกาลไหนๆ เราก็มักจะเห็นดอกไม้ไฟอยู่เกือบทุกงาน โดยเฉพาะเทศกาลเฉลิมฉลอง แต่ขึ้นชื่อว่าดอกไม้ไฟแล้ว แน่นอนว่า มันคงไม่ได้สวยงามอย่างเดียวแน่ๆ วันนี้ก็เลยพามาดู เทศกาลดอกไม้ไฟที่เสี่ยงอันตรายแต่ก็สวยงาม อลัง ปัง ไม่ใช่เล่นเลยล่ะ สำหรับเทศกาล Tezutsu Hanabi ของชาวญี่ปุ่น เป็นประเพณีดอกไม้ไฟแบบดั้งเดิม และทำเองกับมือเลย โดยเทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า และขับไล่ดวงวิญญาณร้ายในเวลาเดียวกัน จัดขึ้นมานานต่อเนื่องกว่า 400 ปีแล้ว   ดอกไม้ไฟทั้งหมดนี้ พวกเค้าทำเองกับมือเลยนะ ใช้ดินปืนถึง 3 กิโลกรัมเลยล่ะ   งานนี้จะจัดขึ้นในเมือง Toyohashi จังหวัด Aichi ช่วงวันศุกร์ที่สาม วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ของเดือนกรกฏาคม   ไปชมภาพบรรยากาศแบบเต็มๆกันเลยดีกว่า . . .   และการยิงดอกไม้ไฟนั้น พวกเขาก็จะต้องทำการยิงด้วยตัวเองแบบนี้   จุดไฟ แล้วก็ถือกระบอกยิงดอกไม้ไฟอย่างมั่นคง . . . . . . . .…

Introvert หรืออาการชอบเก็บตัวนั้น คงจะเป็นปัญหาของหลายๆ คนอยู่พอสมควร หลักๆ แล้วก็คือการชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบเข้าสังคมหรือไปตามสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน แน่ล่ะไม่ใช่อาการแปลกหรืออาการทางจิตแต่อย่างใด แต่หลายๆ คนก็คงจะรู้สึกอึดอัดที่มีอาการนี้กัน… วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีผลงานของศิลปินสาวคนหนึ่ง Ana Kopadze ที่วาดภาพการ์ตูนน่ารักๆ ออกมาถึง 15 ภาพ อธิบายลักษณะของการเป็นคน ‘ชอบเก็บตัว’ มาดูกันซิว่าเพื่อนๆ เป็นคนเก็บตัวอยู่หรือเปล่า??   คนชอบเก็บตัวนั้น ราวกับว่าพวกเขาชอบที่จะสร้างกำแพงที่มองไม่เห็นขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองจากผู้อื่นอยู่เสมอ   โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ถูกบังคับให้เผยตัวและเป็นจุดสนใจในสังคม ถึงขั้นทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว   การพรีเซ้นท์หน้าห้องเป็นอะไรที่ฝันร้ายสุดๆ เพราะตอนนั้นทุกๆ คนจะเห็นและหันมาสนใจเรา   งานปาร์ตี้หรือสถานที่ๆ คนพลุกพล่านนั้น ไม่ได้เป็นสถานที่โปรดปรานของคุณ ไม่ได้อยากจะเฉียดเข้าไปแม้แต่น้อย   เวลาออกไปข้างนอก… ไม่อยากจะให้ใครมาแตะต้องตัวได้เลย   ถึงแม้ว่าคนจะมาหาที่บ้านหรือพยายามติดต่อคุณก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี   พ่อแม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราไม่ออกไปไหน แถมไล่ให้ออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงบ้าง   มีความอ่อนไหว เห็นอะไรน่ารักไม่ได้เลย   พูดถึงความอ่อนไหว อารมณ์ความรู้สึกจะรุนแรงเป็นพิเศษ ถ้าอ่านหนังสืออยู่แล้วตัวละครโปรดตายล่ะก็…   แต่บางครั้งก็ขัดแย้งเหมือนกันเพราะไม่รู้สึกอะไรเลย แค่อยากจะนั่งเฉยๆ  …

สำหรับคนโสดแล้ว การไปดูหนังคนเดียวอาจเป็นเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจอยู่บ่อยๆ เพราะบางทีต้องไปนั่งข้างๆ คู่รักที่พากันมาดูหนัง จนต้องรู้สึกอิจฉาตาร้อนไปตามๆ กัน     ด้วยเหตุนี้ทางโรงหนัง MEGABOX จากเกาหลีใต้ จึงจัดวางตำแหน่งที่นั่งในโรงหนังใหม่เพื่อเอาใจคนโสด กับเก้าอี้แถวเดี่ยวไม่ต้องนั่งติดกับคู่รักคนอื่นๆ ให้บาดใจ!!     โดยภาพดังกล่าวถูกนำมาแชร์โดยทวิตเตอร์ @stitch_pololo เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2559 ซึ่งทวิตดังกล่าวได้รับความนิยมจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก โดยถูกรีทวีตกว่า 10,000 ครั้งเลยทีเดียว   .   นี่มันความฝันคนโสดชัดๆ หวังว่าโรงหนังไทยจะเอาไอเดียนี้มาใช้บ้างนะ รับรองว่าได้ลูกค้าคนโสดเพียบแน่นอน ที่มา @stitch_pololo, MEGABOXon

ขอให้ทุกท่านจินตนาการว่าตัวเองเป็นเด็ก 7 ขวบ ก่อนที่จะเริ่มอ่านเรื่องนี้….   มิกกี้ และมินนี่ ถือเป็นคู่รักในตำนานที่อยู่คู่วงการมาเนิ่นนานเหลือเกิน จนทำให้ภาพน่ารักๆ ของทั้งคู่ได้ตราตรึงในหัวใจเด็กๆ และบรรดาแฟนๆ ของดิสนีย์อยู่เสมอ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ทางเว็บไซต์ Buzzfeed ได้ทำการเผยภาพสุดอื้อฉาวของฝ่ายหญิง จากทวิตเตอร์ของ @florrchata ผู้ที่ชื่นชอบการ์ตูนดิสนีย์เป็นชีวิตจิตใจ และได้ทำการบันทึกภาพถ่ายที่น่าตกใจนี้ไว้ได้ ซึ่งภาพดังกล่าวนอกจากจะทำให้มิกกี้ผู้เป็นที่รักต้องเจ็บช้ำน้ำใจแล้ว ยังทำให้บรรดาแฟนๆ ทั่วโลกถึงกับอึ้งไปตามๆ กันอีกด้วย     คุณ florrchata ได้เผยว่า “นี่มันเป็นเรื่องที่อื้อฉาวที่สุดที่เคยเห็นมา และมันก็ไม่ต่างไปจากพ่อเลี้ยง ที่กำลังแอบคบอยู่กับแฟนสาวของเพื่อนสนิทตัวเอง”     และในที่สุดความสัมพันธ์แบบลับๆ ของทั้งคู่ก็ปิดเอาไว้ไม่อยู่ หลังมิกกี้ดันมาเห็นเข้าแบบเต็มๆ ตา   ผ่างงงงงง!! คนที่ใจสลายจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก “มิกกี้” นางอาจจะกำลังเปิดประตูเข้าไปหาแฟนสาว แต่ก็ต้องช็อกกับภาพเบื้องหน้า…   หลังจากที่ภาพดังกล่าว ถูกนำไปเผยแพร่ลงในโลกโซเชียล แน่นอนบรรดาชาวเน็ต รวมไปถึงแฟนๆ ดิสนีย์ ต่างก็รีบเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย เพราะต่างคนต่างก็รับไม่ได้กับเหตุการณ์สุดช็อกที่เกิดขึ้น อร๊างงงงง     ทำไมมินนี่ถึงได้ไล่ตามแต่กูฟฟี่ ทั้งๆ…

เชื่อว่าใครที่เป็นแฟนหนังจีนฝั่งฮ่องกงมาก่อน คงจะไม่มีใครไม่รู้จักนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง โจว เหวินฟะ ล่ะนะ เพราะนอกจากเขาจะมีชื่อเสียงในฮ่องกงแล้วยังมีโอกาสได้ไปเล่นหนังฮอลลีวูดมาแล้วหลายเรื่องทีเดียว แต่ใช่ว่าเขาจะมีชื่อเสียงในเรื่องของการแสดงอย่างเดียว แต่การปฏิบัติตัวเป็นคนเรียบง่าย การวางตัวในสังคมก็ทำให้เขาได้รับคำชื่นชมจากแฟนๆ อยู่ไม่น้อยเลย     อย่างเช่นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยเรื่องราวน่ารักๆ ของเขาและภรรยา ที่ออกมาต่อคิวซื้อตั๋วหนังที่โรงหนังแห่งหนึ่งในฮ่องกง เพื่อดูหนังเรื่อง Cold War 2 ที่เขาเป็นนักแสดงนำ   เห็นได้ชัดเลยว่าในระหว่างที่เขากำลังต่อแถวอยู่นั้นเองมีแฟนๆ จดจำเขาได้จึงเข้าไปขอถ่ายภาพและลายเซ็น พร้อมกันนี้ยังได้รับคำชื่นชมจากแฟนๆ ในเรื่องของความมีมารยาทและไม่ใช้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น แม้ว่าจะเป็นหนังที่ตัวเองเล่นก็ตาม   อย่าสปอยล์หนังล่ะพี่โจว…   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีข่าวด้านดีๆ ของเขามาให้เห็นกัน เพราะก่อนหน้านี้โจว เหวินฟะเองก็ได้รับการขนานนามว่าเป็นดาราผู้ใช้ชีวิตแบบสมถะด้วย เพราะเมื่อปี 2014 มีข่าวว่าเจ้าตัวได้ทำพินัยกรรมเพื่อยกทรัพย์สินกว่า 5 พันล้านบาทให้กับองค์กรการกุศล เพื่อตอบแทนสังคมที่ให้การสนับสนุนผลงานของเขามาตลอดด้วย     ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโจว เหวินฟะถึงกลายเป็นดาราที่มีคนชื่นชอบและติดตามผลงานของเขาอยู่ แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตาม นี่แหละคนดังที่ควรค่าแก่การสนับสนุน ที่มา shanghaiist

ช่วงนี้กระแสเกมส์ Pokemon Go มาแรงมากจริงๆ ถึงแม้ว่าจะยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเราก็ตาม แต่ที่เมืองนอกกลับมีผู้ให้ความสนใจอย่างล้นหลามอย่างมากมายเลยทีเดียว ในเมื่อตัวเกมส์มาแรงจนหยุดไม่อยู่ขนาดนี้ก็เกิดเหล่าพ่อค้าหัวใสทั้งหลายที่ออกมาจัดโปรโมชั่นหรือทำธุรกิจที่รองรับเหล่าโปเกม่อนเทรนเนอร์ตามมา งานนี้เราไปดูภาพของเหล่าธุรกิจที่รู้จักปรับตัวไวให้ทันกับกระแสเกมส์ที่กำลังมาแรงกันเลยดีกว่า   1. ร้านพิซซ่าที่โฆษณาออกตัวเลยว่า ร้านของเราอยู่ใกล้ๆ Pokestop 2 จุดนะจ๊ะ   2. ป้ายจากร้านขายน้ำแห่งหนึ่ง “ถึงเหล่าเทรนเนอร์ทั้งหลาย ถ้าใครใช้ Lure Module ในละแวกนี้รับไปเลย เบียร์ Bud Light ในราคาแค่ 1$ หรือ Smoothie ในราคาเพียง 2$”   3. แม่สาวหัวคิดไวมายืนขายแบตเตอรี่สำรองในจุดจับโปเกม่อนงานนี้ขายดีแน่ๆ   4. ร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่งที่มีทั้ง PokeBall และ PokeStop อยู่ข้างใน   5. ร้านอาหารผู้สนับสนุน Pokemon Go หากลูกค้าคนไหนวาง Lure Module ไว้ในจุด PokeStop ใกล้ๆ กับร้าน รับส่วนลดทันที…

ถ้าใครเคยอยู่หอพักหรืออพาร์ตเมนต์ แล้วส่วนของระเบียงของเราหันหน้าไปทางเส้นทางสัญจร บางทีมันก็รู้สึกอึดอัดนิดๆ เวลาเราจะออกไปทำอะไร หรือบางทีจะออกไปตากกางเกงในก็ยังรู้สึกเขินๆ เลย จนบางครั้งคนข้างนอกก็แอบมองเข้ามาในห้องเราด้วย ดูเหมือนถูกคุกคามนิดๆ แต่แล้วทางเกาหลีก็ได้คิดค้นกระจกที่สามารถเบลอหมอกได้ขณะเคลื่อนผ่านพื้นที่เหล่านี้ และดำเนินการติดตั้งกับรถไฟในเมืองแดกูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว     โดยกระจกนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อรถไฟเคลื่อนที่ไปถึงที่พักหรืออพาร์ตเมนต์ เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่ที่พักอาศัย โดยใช้แสงไฟส่องเข้าไปที่กระจกเพื่อให้เกิดเป็นแสงสีขาวพร่าๆ เหมือนกับมีหมอกมาเกาะที่กระจก เทคโนโลยีชิ้นนี้ก็เคยถูกนำมาใช้แล้วกับรถไฟที่สิงคโปร์พร้อมทั้งยังนำไปติดตั้งที่ออฟฟิศและห้องต่างๆ ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอีกด้วย ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว   นี่คือคลิปการทำงานสั้นๆ ที่รถไฟของประเทศเกาหลี   จริงๆ แล้วมันยังทำอะไรได้อีกเยอะเลยนะ   ที่มา twistedsifter

เครื่องร่อนหรือแฮงค์ไกลเดอร์ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมที่หลายคนไม่กล้าลอง เพราะว่าแค่ดูมันก็น่ากลัวแล้ว แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปเสียวสันหลังยิ่งกว่ากับคลิปนี้ Jon Gjerde วัย 51 ปี แชมป์โลกแฮงค์ไกลเดอร์ได้ไปแสดงที่เมือง Voss, Norway ในเทศกาล  Ekstremsportveko (Extreme Sports Week) และได้ทำการโชว์ท่าหมุนควงกลางอากาศ     โดยในการร่อนครั้งนี้ เขาได้ติดกล้องไว้ที่เครื่องร่อนเพื่อบันทึกภาพไว้ด้วย แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นเมื่อมีบางอย่างทำให้เครื่องร่อนหมุนจนไม่สามารถควบคุมได้ โชคยังดีที่เขาสามารถกระตุกร่มไว้ได้ทัน และลงจอดในน้ำได้อย่างปลอดภัย และไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอกแต่อย่างใด แต่มีอาการตาแดงกับปวดหัวนิดหน่อย เพราะว่าแรงเหวี่ยงนั่นเอง   ชมคลิปสุดหวาดเสียวนี้กันเลย (คลิปดูไม่ได้คลิกที่นี่)   ถ้าดูไม่ออกว่าเขาเหวียงแรงแค่ไหน ดูคลิปที่คนอื่นถ่ายเขาตอนตกมาด้วยเลย ขอบอกว่าน่ากลัวมากๆ (คลิปดูไม่ได้คลิกที่นี่)   แต่ก็โชคดีที่เธอรอดมาได้ ต้องขอชื่นชมสติและความสามารถในการเอาตัวรอดครั้งนี้เลยล่ะ… ที่มา twistedsifter

ปัจจุบันชุดชั้นใน นับว่าเป็นสิ่งที่สาวๆ ให้ความสำคัญมาก และมีให้เลือกหลายพันหลายร้อยแบบ จนเลือกไม่ถูก ส่วนหนึ่งก็มาจากการโฆษณาเนี่ยแหละ แต่ละแบรนด์ต่างงัดโฆษณาเด็ดๆ เอาใจลูกค้า แบบไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว แล้วในอดีตล่ะ สาวๆ เลือกชุดชั้นในแบบไหนกันนะ อะไรคือสิ่งดึงดูดให้สาวๆ ใส่ชุดชั้นในแบบนั้น หรือเป็นเพราะแรงโฆษณา งั้นเราก็มาดู 15 โฆษณาชุดชั้นในในอดีต ที่ถึงกับต้องขยี้ตาดูอีกรอบ!!   1. หืมมมม บราที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนโนบรา แบบนี้ก็ได้หรอออ สองจุดนั้นเด่นเชียว   2. ใส่ชุดชั้นในออกกำลังกายไปเลยยยยยย   3. คนอาร๊ายยย ยิ้มทั้งที่โดนลากผมอยู่!!   4. เปลี่ยนมิติใหม่แห่งวงการชุดชั้นใน ใส่ออกไปเดินเล่นก็ได้ด้วยยย   5. ธีมอินเดียนแดงก็มา สีแดงร้อนแรงป่ะล่าาาา   6. นี่สิ ชุดชั้นในฝันของสาวๆ (สมัยนั้น)   7.เป็นโฆษณาที่เอาไปทำภาพปกหนังได้เลยนะเนี่ยยย   8. แบรนด์นี้ ชิคๆนะ ใส่ตั้งแต่ยายยันลูก   9. อุ๊ต๊ะ!! หนุ่มคงจะคุ้นๆ…

หากเราลองมองดูรอบตัว เราจะเห็นว่า เต็มไปด้วยคนเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหมาหรือแมว ส่วนใหญ่ก็จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แล้วสัตว์ที่ไม่มีคนดูแลล่ะ ถ้าเค้าต้องการความช่วย ใครล่ะจะยื่นมือเข้าไปช่วย? บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมคนเราถึงเดินผ่านสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือได้ ทั้งๆ ที่เราก็สามารถช่วยมันได้ บางทีแค่เราสละเวลาเล็กน้อย ก็ทำให้มันมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว และนี่คือตัวอย่างของการช่วยสุนัข โดยหญิงสาวรายหนึ่ง เมื่อเธอเห็นสุนัขตัวหนึ่งเดินอยู่บนถนน จากสภาพที่เห็นนั้นมันคงจะถูกทิ้งหรือถูกทำร้ายมา   ดูเหมือนมันจะหิวมาก เธอจึงตวงน้ำใส่มือและนำมาให้มันได้ดื่มกิน   มันรีบดื่มน้ำด้วยความหิว และหญิงสาวคนนี้ก็ตวงให้มันอีก 2-3 ครั้ง จนแน่ใจว่ามันอิ่มแล้ว   ถ้ามันพูดได้ มันคงอยากบอกคุณหญิงสาวคนนี้ ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยมัน   และนี่คือวิดีโอที่หญิงสาวคนนี้ได้ช่วยสุนัขด้วยการตวงน้ำใส่มือให้มันดื่ม   ไม่รู้ว่าชีวิตต่อจากนั้นของมันจะเป็นยังไง แต่ก็ขอให้มีคนใจดี เอามันไปเลี้ยงเร็วๆนะ ที่มา viralnova

สุนัขเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตว์ และเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ เมื่อเราเลี้ยงมันด้วยความรัก ความใส่ใจ มันเองก็พร้อมจะตอบแทนเราทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตของมัน เหมือนกับเจ้าสุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนตัวนี้ ที่พยายามช่วยเจ้าของจากงูเห่าถึง 4 ตัว จนสุดท้ายมันก็จากไปอันเนื่องมาจากพิษงู   เจ้าของสุนัขตัวนี้คือ Dibakar Raita ครอบครัวชาวอินเดีย ในรัฐโอริสสา ประเทศอินเดีย โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเข้าของวันที่ 11 กรกาฎาคม มีงูเห่าสี่ตัวพยายามเลื้อยเข้ามาในบ้านของเขา เมื่อสุนัขตัวนี้เห็นเข้า มันก็เข้าไปต่อสู้กับงูทั้ง 4 ตัว เพื่อปกป้องเจ้านายของมัน มันสู้อย่างไม่คิดชีวิต และโดนงูฉกเข้าไปหลายครั้ง จนในที่สุดมันก็ล้มลงเพราะพิษที่แล่นเข้าสู่ร่างกาย     Dibakar Raita ผู้เป็นเจ้าของสุนัข กล่าวว่า “รู้สึกตกใจมาก มันยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องครอบครัวเรา เราจะจดจำเจ้าสุนัขตัวนี้ไปตลอด ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง และหวังว่าวิญญาณของมันจะไปสู่สุคติ” และแล้วในที่สุดพวกเค้าก็ได้ทำการฝังศพให้เจ้าสุนัขฮีโร่ตัวนี้ ในบริเวณใกล้ๆ กับบ้านของพวกเขาเอง   นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมมนุษย์ชอบเลี้ยงสุนัข ไม่ใช่เพื่อให้มันตายแทนเรานะ แต่เพราะมันซื่อสัตว์และจงรักภักดีกับเจ้าของต่างหาก หลับให้สบายนะ ตอนนี้มันคงกลายเป็นสุนัขที่น่าจดจำสำหรับใครหลายๆ คนไปแล้ว T T ที่มา metro

เดี๋ยวนี้ โลกแฟชั่นมันไปเร็วจริงๆ บางทีเราก็ตามไม่ทัน หรือบางอย่างเราก็เข้าไม่ถึง แหม่ ก็อย่างว่าแหละ หลายคนหลายความชอบ ชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้นแหละ แต่ที่ #เหมียวขี้ส่อง จะพามาดูวันนี้ เป็นแฟชั่นสำหรับสาวๆจ้า อาจจะแปลกๆซักหน่อย แต่ที่ฝรั่งเศสเค้ากำลังฮิตนะจ๊ะตัวเธอ อะไปดูกันเลยดีกว่า     จุดเริ่มต้นของแฟชั่นนี้ เกิดจาก Adèle Labo วัย 16 ปี โดยถึงรู้สึกว่า มีความกดดันเวลาไปโรงเรียน เธอต้องคอยโกนหรือแว็กซ์อยู่บ่อยๆ มันช่างเป็นปัญหาเหลือเกิน เธอจึงไม่โกนและปล่อยยาวซะเลย “ฉันได้สร้างแฮชแทคนี้  เพื่อช่วยให้ผู้หญิงมีความมั่นใจกับร่างกายของเขารวมทั้งขนรักแร้นี้ด้วย” Adèle บอกกับเว็บไซต์เมโทร และตอนนี้สาวฝรั่งเศสก็ได้มีการใช้สื่อโซเชียล โดยมีแฮชแท็ก #lesprincessesontdespoils เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเค้าทำจริงและนี่ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรเลย       มีข้อมูลว่าผู้ป่วยมากกว่าครึ่งที่เข้ารักษาที่สถาบัน A&E ต้องทนทุกข์เกี่ยวกับเครื่องแต่งกาย นี่จึงเป็นที่ชัดเจนว่าสังคมทั่วโลกกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับการกำจัดขนรักแร้ เธอยังบอกอีกว่า ‘แคมเปญนี้ได้รับการตอบรับที่ดีมาก’ แอชแทคนี้กลายเป็นคำที่ยอดฮิตในทวิเตอร์ ของประเทศฝรั่งเศส แต่บางส่วนที่ไม่เห็นด้วยก็มี   “ก็ดีนะ แต่เราไม่ชอบผู้หญิงที่ขนรักแร้ยาวอะ” หญิงคนหนึ่งที่ไม่ค่อยเห็นด้วยบอก    …

ทุกๆ ฤดูร้อนของญี่ปุ่น ที่หมู่บ้าน Inakadate ในจังหวัดอาโอโมริ ทุ่งนาธรรมดาๆ จะถูกเปลี่ยนให้เป็นศิลปะบนนาข้าวอันสวยงาม ถ้าใครยังไม่รู้จักหมู่บ้านนี้ คลิ้กลิ้งค์เรื่องเก่าที่ CatDumb เคยทำเอาไว้ ด่วน!! และปีนี้ก็เช่นเคย ศิลปะบนทุ่งนาของชาวนาญี่ปุ่น ปีนี้อลังการขึ้นกว่าเดิม เราไปกันเลยดีกว่า…   ในคราวนี้ เนื่องจากภาพยนตร์เรื่อง Shin Godzilla หรือ Godzilla: Resurgence มีกำหนดการเข้าฉายที่ประเทศญี่ปุ่นในปลายเดือนนี้ ผลงานศิลปะบนทุ่งนารอบนี้จึงออกมาเป็นแบบนี้แหละ   ภาพเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน   วันที่ 23 มิถุนายน ก็อตซิลล่าเริ่มดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น   ภาพเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน   5 กรกฎาคม แต่นแต๊น!! อลังการตระการตา     ที่จริงแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ก็มีผลงานศิลปะออกมาชิ้นหนึ่งซึ่งโด่งดังมากเช่นกัน ต้องยอมรับเลยว่าพวกเขาออกแบบกันได้อย่างน่าทึ่งจริงๆ   หลายคนคงจะสงสัยสินะว่าพวกเขาทำได้ยังไง ขอยกเนื้อหาของเหมียวสามสี ที่เคยทำเอาไว้ในเว็บมาเล่าต่อ ศิลปะแบบนี้เค้าเรียกว่า “Tanbo Art” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ Tanbo…

ก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอเรื่องราวของเจ้า Larry แมวเหมียวผู้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าจับหนูของนายกอังกฤษ ที่ยังขอทำหน้าที่เดิมต่อ แม้ว่านาย Cameron จะลาออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้มันได้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกโซเชียล (อ่านเรื่องราวของมันได้ที่นี่) และนอกจาก Larry แล้ว ยังมีแมวเจ้าถิ่นอีกหนึ่งตัว ที่ดำรงตำแหน่งเป็นแมวจับหนูประจำกระทรวงการต่างประเทศ มีลักษณะเป็นแมวลายดำ-ขาว หน้าตาเฟี้ยวฟ้าว และมีชื่อเสียงเรียงนามที่นักการเมืองอังกฤษต่างก็รู้จักเป็นอย่างดี นั่นก็คือ เจ้า Palmerston นั่นเอง     แม้ว่าเจ้าเหมียวสองตัวนี้ จะประจำตำแหน่งอยู่คนละที่ แต่หลังจากที่มันได้มาเจอหน้ากันทีไร บอกเลยว่าเป็นอันต้องเกิดเรื่องทุกที และล่าสุดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2559 มีรายงานเหตุด่วนจากทางเว็บไซต์ของประเทศอังกฤษว่า… หลังจากที่เจ้าเหมียว Larry และเจ้า Palmerston ได้บังเอิญมาเจอกัน ณ หัวมุมถนน ระหว่างที่ตั้งสำนักนายกฯ และกระทรวงการต่างประเทศ งานนี้ศึกแห่งความขัดแย้งขนาดย่อมของ 2 แมวจึงบังเกิดขึ้นทันที   และนี่คือเจ้า Larry แห่งบ้านเลขที่ 10   ส่วนนี่คือ Palmerston แมวจับหนูประจำกระทรวงการต่างประเทศ   พอได้เผชิญหน้ากันแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ทั้ง Larry…

Patrick Magno ชายหนุ่มจากซานดิเอโก้คนหนึ่ง เขาทำงานสังคมสงเคราะห์ เป็นหนึ่งในผู้ประสบกับปัญหาน้ำหนักเกิน แต่แล้วเขาก็สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ภายในเวลา 12 สัปดาห์กลายเป็นคนที่มีรูปร่างดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ แรกเริ่มเดิมทีนั้นตัวเขาเองมีไขมันกว่า 30% ในตัว ทำให้รู้สึกว่าไม่มีความสุขกับรูปลักษณ์ตัวเองเท่าไหร่จนทำให้เขาต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป . ในช่วงที่กำลังตรวจสุขภาพนั้น เขามีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน อีกทั้งยังเคยมีคนในครอบครัวของเขาเคยเป็นเบาหวานด้วย เขาเห็นว่าพ่อของเขารู้สึกยังไงเมื่อต้องต่อสู้กับโรคเบาหวาน เขาจึงสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมเป็นแบบนั้น เลยเริ่มหันมาดูแลตัวเอง แต่เขาก็ยังติดอยู่กับงานที่มีผลทางด้านอารมณ์ เพราะเป็นงานด้านสังคมสงเคราะห์ เขาต้องไปเจอกับเด็กๆ ที่ต้องถูกพ่อแม่รังแก ใช้ความรุนแรง และอื่นๆ อีกมากมาย . สองสัปดาห์หลังจากได้รับคำเตือนจากคุณหมอ แล้วก็รู้สึกหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม หลังจากเสร็จงานวันสุดท้ายแล้ว เขาก็ขอกลับไปพบแฟนสาวอีกครั้งหลังไม่ได้เจอกันมานานกว่า 6 ปี เขาเตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อให้คู่หมั้นของเขาภูมิใจ และในที่สุดเขาแทบไม่เชื่อว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม และที่ผ่านมานั้นเขารู้สึกน่าอายมากๆ ที่ปล่อยตัวเองให้เละเทะขนาดนั้น . วิธีของเขาก็คือใช้แอปฯ Bodyspace และเทคนิคสร้างกล้ามเนื้อของ Kris Gethin ใน 12 สัปดาห์ พร้อมทั้งควบคุมอาหาร ทิ้งอาหารขยะทั้งหมด และกินอาหารจำพวกทูน่า ข้าวกล้อง ไข่ และเนื้อไก่ อีกทั้งยังเสริมโปรตีนในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้มีรูปร่างที่ดี จนมาถึงอาทิตย์ที่ 5 เขาก็เล่าความรู้สึกว่ามันเหนื่อยล้า…

ถ้าเราเคยเห็นในหนัง ตามประเพณีงานแต่งของฝรั่งแล้ว ต้องมีเด็กๆ มาโปรยดอกไม้เป็นทาง ซึ่งเด็กก็จะอายุประมาณ 3 – 10 ขวบ แต่สำหรับงานแต่งของคู่รัก Josh และ Maggie Wakefield แล้ว สาวโปรยดอกไม้อายุรวมกันก็ปาไป 149 ปีแล้ว     คุณยายของ Maggie ชื่อว่า Joyce ท่านมีอายุ 75 ปี และคุณยายของฝั่งสามีคือคุณยาย Drue อายุ 74 ปี ทั้งคู่ถูกขอร้องโดยหลานๆ ในงานให้เป็นสาวโปรยดอกไม้ในงานที่จัดขึ้นที่ White Chimneys ในรัฐเพนซิลเวเนีย และคุณยายทั้งคู่ก็ไม่ปฏิเสธเลย อีกทั้งยังมีเรื่องราวที่เรียกน้ำตา เนื่องจากว่าคุณพ่อของ Maggie เสียไปเนื่องจากมะเร็งในปี 2013 และท่านก็สำคัญสำหรับเธอเป็นอย่างมาก เพราะเธออยากให้ท่านได้มาร่วมพิธีแต่งงานครั้งนี้     ดังนั้นคุณตาของเธอ Ronald จึงเป็นคนอาสาพาส่งเธอเดินไปหาเจ้าบ่าว ถือเป็นช่วงเวลาที่พิเศษที่สุด “ฉันมั่นใจว่าพ่อของฉันต้องมองลงมาพร้อมกับยิ้มและหัวเราะในตอนที่คุณยายกำลังโปรยกลีบดอกไม้อยู่แน่ๆ อีกทั้งคุณตาก็เป็นคนเดินมาส่งฉันอีกด้วย”   . . . .   ถือเป็นพิธีแต่งงานที่เต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์จริงๆ ยังไงก็ยินดีกับทั้งคู่ด้วยนะจ๊ะ ที่มา boredpanda

เราทุกคนมีความฝัน ไม่ว่าฝันนั้นจะเล็กหรือใหญ่ เราก็อยากจะทำให้มันสำเร็จด้วยน้ำมือของเราเองให้ได้ เพราะมันคือหนึ่งความภาคภูมิใจในชีวิตนี้เลย ความฝันนั้นต้องมาพร้อมกับแรงผลักดันด้วย ถึงแม้ว่าบางครั้งจะใช้เวลานานก็ตาม แต่ถ้าเรามีไฟที่แรงพอก็สามารถทำให้สำเร็จได้ เหมือนอย่างคุณตาคนนี้ Justo Gallego คุณตาชาวสเปน ที่อุทิศทั้งชีวิตให้กับการสร้างโบสถ์ที่เขาเป็นคนออกแบบโครงสร้างทั้งหมด พร้อมกับเป็นคนลงมือทำเองด้วยตัวคนเดียวมาตลอดระยะเวลา 53 ปี   . ตอนนี้เขาอายุได้ 90 ปีแล้ว แต่ก็ยังสร้างโบสถ์นี้ไปเรื่อยๆ วันนึงอาจจะไม่ได้เยอะมาก แต่ทั้งหมดทำด้วยใจล้วนๆ ไม่น่าเชื่อว่าทำหมดนี้สร้างด้วยมือของคนคนเดียว ไม่มีอะไรที่น่าภูมิใจไปกว่านี้แล้ว คุณตาเล่าว่าสิ่งที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาทำสิ่งนี้ก็คือความศรัทธา เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถทำให้เสร็จได้ในช่วงชีวิตนี้แน่ๆ แต่เขาก็ได้วางแผนอะไรไว้ทุกอย่างแล้ว   เราไปชมเรื่องราวของคุณตาในการสร้างโบสถ์ครั้งนี้กัน   เห็นแล้วใช่ไหมว่าถ้าคนเรามีความฝัน ต่อให้มันยากแค่ไหน ถ้าเราลงมือทำ วันละนิดวันละหน่อย ก็สามารถทำให้สำเร็จได้ ที่มา lifebuzz

เป็นการกระทำที่อุกอาจมาก ล่าสุดในประเทศตุรกีที่มีทหารกลุ่มหนึ่งได้พยายามทำรัฐประหารโดยส่งกำลังไปยึดส่วนต่างๆ ในทั้งอิสตันบูล เมืองหลวงของประเทศ และอังการา อีกหนึ่งเมืองที่มีความสำคัญของประเทศนี้… Peace at Home Council กลุ่มที่ต่อต้านการรัฐประหารของกองทัพตุรกีได้กล่าวว่า ‘กองทัพของประเทศได้เข้าควบคุมหนุ่วยงานสำคัญต่างๆ เพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพของพลเมือง กฎหมาย รวมไปถึงความปลอดภัยทั่วไปในชีวิต’ ประชาชนของประเทศก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่ยอมให้ทหารทำการรัฐประหารง่ายๆ โดยรวมตัวกันประท้วงเพื่อสนับสนุนประธานาธิบดี Tayyip Recep Erdogan ที่กำลังดำรงตำแหน่ง (แม้บางคนจะไม่ชอบขี้หน้า แต่ก็ไม่ยอมให้ยึดอำนาจไปจากประชาชน) วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปชมประวัติของการรัฐประหารในประเทศตุรกีกันล่ะ ลองมาดูกันเลย!!!   ตั้งแต่ปี 1960 ประเทศตุรกีเกิดการรัฐประหารโดยกองทัพถึง 5 ครั้งด้วยกัน!!!     1. การรัฐประหารในปี 1960 : ทางกองทัพของประเทศได้เข้าทำรัฐประหารในวันที่ 27 พฤษภาคม เนื่องจากเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน กรณีมีนโยบายผ่อนปรนกฎต่างๆ ทางศาสนา แต่หันไปเคร่งครัดกับสื่อแทน ในเหตุการณ์นี้นายกรัฐมนตรีของประเทศ Adnan Mederes ถูกจับประหาร   ภาพประชาชนออกมาต่อต้านการรัฐประหารโดยกองทัพ    …

“นักกีฬา ช่างภาพ และผู้มีความโรแมนติก” เหล่านี้คือคำจำกัดความของเจ้าชายแห่งดูไบ ชีกห์ฮัมเดน บิน มูฮัมหมัด อัล มักทูม โอรสองค์ที่สองใน ชีกห์มูฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มักทูม แห่งราชวงศ์มักทูม ผู้ปกครองดูไบ ที่มีชื่อเสียงทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงและโลกออนไลน์     หากให้ทุกคนนึกถึงภาพของเจ้าชาย เชื่อว่าเราน่าจะเห็นภาพคล้ายๆ กัน เช่นการใช้ชีวิตหรูหรา มีองครักษ์และผู้ติดตามจำนวนมาก แต่กับเจ้าชายแห่งดูไบกลับมีมุมอื่นๆ ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นการใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ ท่องเที่ยว เล่นกีฬา เล่นกับเด็กๆ หรือนอนบริจาคเลือด     การขี่ม้าถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่พระองค์ทรงโปรดปรานมาก เพราะนอกจากจะมีม้าส่วนพระองค์แล้ว เจ้าชายยังเคยคว้าแชมป์ World Equestrian Games (การแข่งขันขี่ม้า) ในประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 2014 มาแล้ว และพระองค์ทรงให้การสนับสนุนแก่องค์กรช่วยเหลือสัตว์อีกหลายแห่งด้วย     วันนี้#เหมียวฟิ้นเลยจะขอชวนเพื่อนๆ ไปส่อง IG ของเจ้าชายแห่งดูไบกัน ดูว่าในแต่ละวันพระองค์ทรงงานหรือทรงทำกิจกรรมอะไรบ้าง?   บริจาคเลือดเพื่องานการกุศล   ทรงเรียนรู้การเป็นนักกีฬาพาราลิมปิกเกม…

ใครๆ ก็อยากสร้างบ้านให้ดูสวยโดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ในแบบที่ไม่เหมือนใครกันทั้งนั้น เหมือนดังเช่น Benjamin และ Ingrid Marie คู่รักชาวนอร์เวย์ ผู้ที่ได้ทุ่มทุนกว่า 17 ล้านบาท เพื่อทำการสร้างโดมแก้ว ที่สามารถครอบคลุมบ้านได้ทั้งหลัง และพื้นที่บริเวณสวนได้ทั้งหมด ซึ่งนอกจากจะช่วยให้บ้านมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ยังเป็นมิตรกับธรรมชาติอีกด้วย     โดมแก้ว ถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุสังเคราะห์ทางเทคโนโลยี ที่สามารถช่วยรองรับกับสภาพอากาศที่รุนแรงได้เช่น พายุหิมะตกหนัก โดยจะมีโครงตาข่ายหกเหลี่ยมอยู่ภายใน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าโดมแบบ geodesic     และที่สำคัญ โดมแก้วนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงามเพียงอย่างเดียว เพราะมันยังสามารถช่วยควบคุมอุณหภูมิให้สม่ำเสมอตลอดทั้งปี ช่วยลดรังสีอัลตราไวโอเลต ช่วยลดปริมาณการซ่อมแซม แถมยังใช้เวลาในการสร้างเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น     สำหรับโดมแก้ว สร้างโดยแผ่นกระจกทั้งหมดกว่า 360 แผ่น มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 15 เมตร และสูง 7.5 เมตร ส่วนโครงตาข่ายด้านในสร้างจากกรอบอะลูมิเนียมรีไซเคิล ที่สามารถใช้งานได้นานถึง 100 ปีเลยทีเดียว     นอกจากนี้ แผ่นกระจกใสยังช่วยสร้างพลังงานที่เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวัน…

ถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากอ้วนหรอกจริงมั้ย?? ดูอย่างดาราดังหลายๆคน ต่างมีหุ่นที่ผอมเพรียว ล่ำบึก ใครๆ ต่างอยากมีหุ่นเหมือนกับพวกเค้า แต่ในขณะเดียวกัน กลับไม่ดูแลตัวเอง ปล่อยให้ร่างกายอ้วนจนมีปัญหาสุขภาพ เพื่อให้คนเราตระหนักว่า โรคอ้วน ไม่ได้ส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่มันยังทำให้เสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพด้วย ดังนั้นศิลปินหลากหลายคน จึงร่วมกันตัดต่อรูปดาราดังทั้งหลายให้กลายมาเป็นคนอ้วน   Taylor Swift  โดย Fichtenbrenner   Superman โดย Dolphinsdock   Amy Winehouse โดย ThreeProngs   Christina Aguilera โดย Sudiptatatha   Jennifer Aniston โดย Baechi   Catherine Zeta-Jones โดย Sbalou 96   Cameron Diaz โดย Chrisboo1974   Taylor Lautner โดย LikeAPeach  …

เชื่อว่าหลายๆคนคงคุ้นเคยกับรายการมวยปล้ำชื่อดังอย่าง WWE ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในบ้านเราแถมยังเต็มไปด้วยเรื่องราว ตัวละคร ให้น่าติดตามจนชนิดที่ว่าในสมัยเด็กๆ หลายๆคนติดรายการนี้และเสียงพากษ์ของ ‘น้าติง ฮาร์ดคอ’ กันอย่างงมแงมเลยทีเดียว กลับมาที่ซีกโลกตะวันออกกันบ้าง ขอพาไปรู้จักกับรายการแข่งขันมวยปล้ำในญี่ปุ่น งานนี้มีแต่ผู้หญิงล้วนๆที่จะมาห่ำหั่นกันบนเวทีให้เราได้ชมกัน ไปทำความรู้จักกันดีกว่าว่าเวอร์ชั่นผู้หญิงจะโหดได้ขนาดไหน   การต่อสู้รายการนี้มักมีความคล้ายคลึงกับศิลปะการต่อสู้ทั่วๆไป นักมวยปล้ำสาวส่วนใหญ่จะอาศัยการเตะเพื่อเป็นการป้องกันตัว Cr. Thomas Peter   รายการแข่งขันนี้ถูกจัดขึ้นเมื่อปี 2010 และ 5 ปีต่อมารายการแข่งขันมวยปล้ำอื่นๆก็เริ่มปิดตัวลง   ในช่วงเวลานั้น มันเรียกเสียงฮือฮาและความนิยมจากผู้ชมได้อย่างล้นหลามในเวลาอันสั้นอีกด้วย   นักมวยปล้ำหญิงที่นี่จะต้องแต่งตัวด้วยสีสันที่ฉูดฉาด (ดูหน้าเจ๊แกสิ เอาจริงนะเนี่ย!!)   บางแมทช์ก็ต่อสู้กันบนเวทีมากกว่า 2 คน (นี่ไม่ได้มาเล่นๆนะเนี่ย)   หรือจะแท็คทีม 6 คน ขึ้นไปซัดกันให้เข็ดไปข้างก็ยังได้   ภาพตัวอย่างของการต่อสู้กันแบบแท็คทีม (ดูวุ่นวายโกลาหลสุดๆ5555+)     บางทีวิญญาณนักสู้มันก็เข้าสิงชนิดที่ว่าไม่สนใจกฏเกณฑ์บนเวทีอะไรทั้งนั้น (หรือเค้าโกรธกันจากนอกเวทีมาก่อนนะ?)   สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเป็นผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด   นักมวยปล้ำหญิงที่นี่หลายๆคนเคยเป็นและกำลังเป็นนางแบบอยู่ด้วยนะ แต่… คนดูส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งนั้นเลย  …

พูดถึงโรงพยาบาล คงไม่มีอยากเข้าโรงบาลหรอกใช่มั้ย แต่ที่ต้องเข้าเพราะมันมีเหตุให้ต้องเข้าเสียมากกว่า เมื่อต้องเข้าโรงพยาบาลเราอาจจะรู้สึกว่า อะไรๆก็ดูแย่ไปเสียหมด ไหนจะต้องใส่ชุดของโรงพยาบาลอีก เฮ้อออ  แต่อย่าเพิ่งหมดหวังไป เพราะมีโครงการดีดีอย่าง Ward+Robes ที่จะมาทำให้ชุดโรงพยาบาลอันแสนจะน่าเบื่อกลายเป็นชุดที่ไม่ว่าใครก็ต้องอยากใส่แน่นอน   นักออกแบบหลายคนได้ร่วมกับมูลนิธิ Starlight Children ในประเทศแคนาดาซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ได้ออกแบบชุดโรงพยาบาลให้กับเด็กที่ป่วย โดยโครงการ Ward+Robes ได้เปิดตัวที่โรงพยาบาลใน Ontario และพวกเขาก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ทำกับโรงพยาบาลอื่นๆในประเทศต่างๆด้วย  (ส่วนใครที่สนใจก็สามารถเข้าร่วมได้ที่นี่เล้ยยยย)   Ward+Robes ได้ให้ ‘โอกาศที่จะเป็นตัวเอง’ ของพวกเขา ด้วยการเปลี่ยนชุดโรงพยาบาลที่น่าเบื่อให้เป็นชุดชิคๆ   “การใส่ชุดของโรงพยาบาลมันเหมือนอยู่ในโรงพยาบาล” เด็กหญิงคนหนึ่งบอก “…ซึ่งมันไม่มีอะไรดีเลย”   หญิงสาวอีกคนบอกว่า “เมื่อไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าที่ต้องการ มันก็เหมือนกับการไม่ได้เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละ”   และนี่คือเสือผ้าที่โครงการนี้ออกแบบ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเด็กๆ   และก็อย่างที่เห็นเนี่ยและ พวกเขาดูน่ารักและมีความสุข   “เมื่อผมเห็นชุดที่ทาง Ward+Robes ออกแบบให้ ผมเห็นเด็กและวัยรุ่นต่างมีกำลังใจขึ้น อย่างที่พวกเค้าไม่เคยได้รับมาก่อน” เด็กคนหนึ่งพูด   พวกเค้าออกแบบเสื้อผ้าที่หลากหลาย ซึ่งดูเหมือนเด็กๆก็ชอบไม่ใช่น้อยเลย   ย้ำกันอีกครั้งนะคะว่า… Ward+Robes เป็นการร่วมมือกันระหว่างมูลนิธิ Starlight Children และนักออกแบบท้องถิ่น  …

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่บาดแผลจากสงครามที่ฝังลึกลงไปในใจของผู้คนนั้น ยังคงทำให้ชาวพื้นเมืองจดจำมาถึงทุกวันนี้ แม้กระทั่งความเคียดแค้นก็ยังไม่จางหายไปได้ง่ายๆ   Duan Shaojie อายุ 57 ปี จากมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เป็นอดีตนายทหารที่ยังคงมีความแค้นฝังลึกมาถึงทุกวันนี้ เขาจึงใช้เวลาภายหลังเกษียณสร้างหุ่นลากรถ “ปีศาจญี่ปุ่น” ขึ้นมา   เขาใช้ทักษะในด้านการเชื่อม ผสมผสานกับศิลปะ และความเกลียดชังที่มีต่อญี่ปุ่น สร้างหุ่นยนต์ ‘ปีศาจญี่ปุ่น’ สำหรับลากรถเข็น ซึ่งผู้นั่งสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ทั้งการเดิน วิ่ง หันซ้าย-ขวา และถอยหลัง แน่นอนว่าโดดเด่นสะดุดสายตาผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาไม่น้อยเลยทีเดียว…   . . .   เขากำลังวางแผนที่จะสร้างหุ่นแบบต่างๆ เพิ่มอีก เช่นหุ่นกองทัพปฏิวัติแห่งชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีน หุ่นยนต์รถถัง และหุ่นสายลับ แล้วถ้าหากว่าหุ่นขัดข้องใช้งานไม่ได้แล้ว เขาก็จะใช้เป็นเป้าฝึกยิงธนูแทน     มณฑลเหอหนานเคยประสบกับหายนะมาแล้วมากมาย ตั้งแต่การรุกรานของญี่ปุ่นในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในเวลาต่อมาก็เกิดอุทกภัยแม่น้ำหวงในปีพ.ศ. 2481 ซึ่งท่วมพื้นที่ของมณฑลเหอหนาน มณฑลอันฮุย และมณฑลเจียงซู ทำให้มีชาวจีนเสียชีวิตไปเป็นแสนๆ คน จนมาถึงภาวะแห้งแล้งอย่างรุนแรงที่นับได้ว่าเป็นหายนะที่รุนแรงที่สุด ซึ่งส่งผลให้มีชาวจีนอดอยากตายกว่า 2 ล้านคน ซึ่งล้วนแต่เป็นผลจากการรุกรานของญี่ปุ่นทั้งสิ้น    …

  เมื่อพูดถึงสุนัขจิ้งจอก จริงอยู่ที่มันเป็นนักล่าที่มีความว่องไว และน่ากลัว แต่ถ้าหากคุณได้อ่านเรื่องราวของเจ้า “อโฟไดท์” (Aphrodite) สุนัขจิ้งจอกแดงจากประเทศอังกฤษตัวนี้แล้วล่ะก็… เชื่อว่าภาพที่น่าสงสารของมัน จะลบความน่ากลัวของสุนัขจิ้งจอกไปได้หมดเกลี้ยงเลยละ ว่าแล้วก็มาฟังเรื่องราวของมันไปพร้อมๆ กันเลย     เรื่องราวของเจ้าอโฟไดท์ ไม่ได้สวยหรูอย่างที่หลายๆ คนคิดหรอกนะ เพราะมันเป็นสุนัขจิ้งจอกที่ผ่านเรื่องราวอันเลวร้ายมามากมายเหลือเกิน ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เจ้าอโฟไดท์ ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยการถูกทำร้ายจากสัตว์ใหญ่ แถมตัวของมันก็ดันไปติดอยู่กับดักซึ่งเป็นรั้วลวดหนามอยู่นานหลายชั่วโมง จนทำให้ทั่วร่างกายมีแต่บาดแผลอยู่เต็มไปหมด     แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้โชคร้ายจนเกินไป เพราะหลังจากนั้นก็มีหน่วยกู้ภัยได้เข้ามาช่วยชีวิตมันไว้ และทำให้มันรอดตายมาในที่สุด ถึงกระนั้นใบหน้าของมันก็ยังคงเต็มไปด้วยความทุกข์ทนมานอยู่ดี เห็นแล้วรู้สึกสงสารจับใจเหลือเกิน     เมื่อเจ้าอโฟไดท์ ได้ถูกส่งตัวเข้าไปรับรักษา ทางสัตว์แพทย์ก็พบว่า มันป่วยเป็นโรค Toxoplasmosis (โรคติดเชื้อปรสิต) ซึ่งเป็นโรคที่มีผลโดยตรงต่อสมองของสัตว์ และทำให้มันสูญเสียสัญชาตญาณความเป็นนักล่าไป ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มันกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกที่อ่อนโยน และสามารถอยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์ได้เป็นเวลานาน ในขณะเดียวกันหากเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวอื่นๆ จะแสดงความดุร้าย และความรุนแรงออกมาทันที     แม้ว่าเจ้าอโฟไดท์ จะได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี จนทำให้อาการของมันก็เริ่มดีขึ้น และขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็หายเป็นปกติ แต่อย่างไรก็ตาม…

นี่ถือเป็นข่าวของซุปเปอร์ฮีโร่ในชีวิตจริงเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่เรื่องราวของทหารจีน 16 นาย ทำการเกาะกลุ่มกันเพื่อสร้าง “มนุษย์เขื่อนกั้นน้ำ” กันน้ำจากทะเลสาบโปยาง ไม่ให้ไหลเข้าสู่มณฑลเจียงซี ประเทศจีน     อย่างที่หลายๆ คนทราบ ในช่วงนี้ประเทศจีนต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เช่นเดียวกับชาวนาและชาวบ้านในเมืองจิ่วเจียง มณฑลเจียงซี ประเทศจีน ที่เกือบจะถูกบังคับให้อพยพออกจากเมือง เนื่องจากเขื่อนกั้นน้ำจากทะเลสาบโปยางนั้นพังทลายลง     ตามรายงานบอกว่าเนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำแยงซีเกียงเพิ่มสู่งขึ้นอย่างฉับพลัน บวกกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้น้ำยังคงไหลทะลักเข้าสู่เมืองอย่างต่อเนื่อง เหล่าทหารจึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการรวมกำลังกัน 16 นาย มายืนกั้นบริเวณเขื่อนกั้นน้ำแทน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับอาคารบ้านเรือนและชาวบ้าน     เหล่าทหารหาญต้องยืนอยู่ในน้ำเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง กว่าที่เพื่อนทหารคนอื่นๆ จะนำกระสอบทรายมากั้นและซ่อมแซมเขื่อนที่พังลงไปให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ชาวนาในท้องถิ่นกล่าวชื่นชมทหารว่าหากไม่มีพวกเขา นาข้าวก็อาจเสียหายไปหมดแล้ว “ทหารอยู่ที่นี่แล้ว นาข้าวหลายแห่งปลอดภัยแล้ว” นอกจากนาข้าวแล้วยังมีชาวบ้านอีกกว่า 6,000 หลังคาเรือนที่ปลอดภัยจากภัยน้ำท่วมครั้งนี้ด้วย   . .   และนี่คือวีรกรรมของเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ในชีวิตจริง ที่ไม่ต้องมีพลังวิเศษหรือแต่งชุดเท่ๆ แบบในหนังหรือการ์ตูน แต่ก็สามารถช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้รอดปลอดภัยได้เช่นกันนะ…

หากคุณอยากให้คนทั่วไปรู้ว่าคุณนั้นคลั่งไคล้โลกเวทย์มนต์ขนาดไหนล่ะก็ คุณต้องอยากได้กระเป๋าใบนี้มาไว้ครอบครองแน่ๆ ชาวญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการแต่งชุดคอสเพลย์ที่ค่อนข้างกว้างขวาง ฉะนั้นเราจึงได้เห็นเสื้อผ้าหน้าผมที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับกลุ่มคนแบบเฉพาะเจาะจงมากๆ     เช่นเมื่อช่วงปลายปี 2015 ที่ผ่านมา ได้มีบริษัทผลิตเสื้อผ้าในญี่ปุ่นออกแบเสื้อฮู๊ดดี้แบบใหม่ ที่อิงตามเสื้อผ้าของพ่อมดในนวนิยาย ปลายแขนเสื้อกว้างๆ พร้อมกับหมวกปลายแหลม เพื่อให้คนที่อยากจะคอสเพลย์หรือหาเสื้อผ้าแต่งกายคล้ายกับพ่อมดได้ซื้อมาใส่กัน       และเพื่อส่งเสริมให้การแต่งตัวของเราดูคล้ายพ่อมดเข้าไปอีก บริษัท Item-ya ในญี่ปุ่น ได้ผลิตกระเป๋าใส่ของแบบใหม่ที่ชื่อว่า Grimoire Bag มันมีรูปร่างคล้ายกับสมุดเล่มหนาๆ ที่มีหน้าปกเป็นภาษาและอักขระโบราณ คล้ายกับสมุดที่พ่อมดใช้ในการท่องคาถา     กระเป๋าใบนี้มาพร้อมกับสายสะพายที่ให้คุณคาดเอวหรือพาดไหล่ก็ได้ ภายในมีเนื้อที่ความกว้าง 18.2 เซ็นติเมตร ให้คุณเก็บสมุดหนังสือ โทรศัพท์ได้อย่างพอเหมาะพอดี   . . .   หากใครสนใจลองเข้าไปดูกันได้ที่เว็บไซต์ vvstore.jp เขาสนนราคาอยู่ที่ใบละ 6,264 เยน หรือประมาณ 2,060 บาทล่ะ (แน่นอนว่าทั้งเว็บเป็นภาษาญี่ปุ่น) ใครสนใจอยากจะลองคอสเพลย์เป็นแม่มดหรือจอมขมังเวทย์ก็ลองดูได้นะจ๊ะ ที่มา rocketnews24

ไม่ว่าที่ไหนในโลกใบนี้ก็ย่อมมีคนที่มีทัศนคติไม่ค่อยดีกับตำรวจซักเท่าไหร่ จนถึงกับขนาดที่ว่าต้องคอยหลบหน้าหลบตาไม่อยากเข้าไปอยู่ใกล้ๆ เลยทีเดียว และเช่นกันกับคู่รักชาวอเมริกันคู่นี้ ที่มีทัศนคติแย่ๆ กับตำรวจจนไม่อยากนั่งโต๊ะทานข้าวใกล้กับตำรวจเลยทีเดียว ทางคุณตำรวจก็ไม่ยอมปล่อยให้เรื่องราวจบตรงที่ว่าต่างคนต่างแยกย้ายกันทานอาหาร แต่พวกเขากลับทำอะไรที่น่ารักมากๆ เลยล่ะ     เรื่องมีอยู่ว่ามีคู่รักคู่หนึ่งได้ออกไปทานอาหารกันนอกบ้านที่ร้านอาหาร Eatn’ Park ที่อยู่ในรัฐ Pennsylvania และหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายก็เข้ามานั่งทานอาหารที่โต๊ะใกล้ๆ กันกับพวกเขา   Jesse Meyers พนักงานเสิร์ฟของร้านนี้เล่าว่า คู่รักคู่นี้ได้ทำการขอร้องว่าไม่อยากนั่งโต๊ะติดกับตำรวจ อยากจะย้ายไปนั่งโต๊ะอื่นมากกว่า   และก่อนที่จะย้ายโต๊ะออกไปเจ้าหน้าที่ตำรวจ Chuck Thomas ก็ได้พูดขึ้นมาว่า “ไม่ต้องห่วงนะครับ พวกเราไม่ทำอันตรายพวกคุณหรอก” แต่ดูท่าทางเหมือนพวกเขาก็ยังไม่ยอมรับคำพูดของคุณตำรวจ และยืนยันที่จะย้ายโต๊ะอยู่ดี   เจ้าหน้าที่ Thomas ไม่อยากให้คู่รักคิดแบบนั้นเขาก็เลยคิดหาวิธีที่จะแสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้วตำรวจก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดหรอกนะ เพื่อนของเขาก็เลยแนะนำให้เลี้ยงอาหารทั้งคู่ซะเลย ซึ่งเขาก็ทำตามคำแนะนำพร้อมกับให้ทิปเพิ่มไปอีกด้วย   หลังจากนั้นเขาก็นำเรื่องราวนี้ไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ค และกล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมต้องการที่จะทำให้หลายๆ คนเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อตำรวจ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กรตำรวจกับประชาชน” เขารู้ดีว่าที่เป็นแบบนี้นั้นก็เพราะเหตุการณ์ตำรวจใช้อาวุธยิงประชาชนใน Dallas แต่เขาก็อยากจะให้ทุกคนรู้ไว้ว่าทางตำรวจเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพวกเขาเองก็เสียใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเขาก็เลยอยากจะเรียกความศรัทธาจากประชาชนให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง    …

กลายเป็นเกมที่ฮิตติดลมบนไปเป็นที่เรียบร้อยไปแล้วสำหรับเกม Pokemon Go ที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก ทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างก็ติดกันงอมแงม เพราะว่ามันคือการ์ตูนในวัยเด็กของใครหลายๆ คน แต่จะว่าไป การที่คนติดเกมนี้งองมแงมมันก็ไม่ใช่เรื่องดีซะทีเดียวหรอกนะ เพราะล่าสุดนี้ได้มีคลิปของนักข่าวคนหนึงเดินตัดหน้ากล้องขณะถ่ายทอดสดข่าวพยากรณ์อากาศอยู่     โดยที่นักข่าว Allison Kropff แห่งสถานี WTSP 10 ได้โพสต์คลิปลงในเฟซบุ๊กตัวเอง พร้อมกับภาพที่เธอกำลังเดินเล่นมือถือผ่านหน้ากล้อง ทำเอานักข่าวที่กำลังรายงานอยู่นั้นถึงกับงงเลยทีเดียว   Bobby Deskins ผู้ซึ่งกำลังรายงานสภาพอากาศอยู่นั้นถึงกับอึ้งพร้อมกับระเบิดหัวเราะออกมาเลย (แถมแซวเรื่องโปเกม่อนอีกด้วย ฮร่า) ถ้าดูคลิปไม่ได้กดดูตรงนี้นะ   ได้โอกาสแซวใหญ่เลย   ก็คงเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ชอบเล่นมือถือจนลืมเงยหน้ามอง (แต่หลายเสียงก็บอกว่านี่เป็นการจัดฉากของรายการข่าว เพื่อเป็นการเตือนว่าอย่าเล่นโปเกม่อนเพลินจนเกินไป) เรื่องนี้ก็ต้องใช้วิจารณญาณเอาเองนะจ๊ะ ที่มา distractify

ถ้าใครยังจำกันได้ หนูน้อย Aldi Rizal วัย 2 ขวบ กลายเป็นที่โด่งดังเป็นอย่างมากจากภาพที่หนูร้อยกำลังสูบบุหรี่ ซึ่งใครเห็นเป็นต้องห่วงสุขภาพและทนดูไม่ได้ จนทั่วโลกต้องเรียกร้องให้ทางอินโดนีเซียทำอะไรซักอย่างกับหนูน้อยคนนี้ จนกระทั่งตอนนี้ชีวิตหนูน้อยก็เปลี่ยนไปแล้ว   นี่คือภาพของ Aldi เมื่อสองปีที่แล้วกับการสูบบุหรี่จัดมาก เขาสูบวันละประมาณ 40 มวนได้   และตอนนี้หนูน้อยก็เลิกบุหรี่ได้แล้ว แต่กลับไปติดการกินแทนซะนี่ -*-   กว่าจะเลิกบุหรี่ได้ หนูน้อยต้องได้รับการบำบัดที่เมืองจากาต้า อีกทั้งพ่อแม่ก็ช่วยให้ลูกเลิกจากบุหรี่ได้ด้วย   พวกเขาประสบความสำเร็จในการทำให้หนูน้อยเลิกบุหรี่ได้   แต่ตอนนี้มีเรื่องที่อยากกว่าก็คือเรื่องทานอาหารนั่นเอง เพราะมันไม่เหมือนกับบุหรี่ เราหยุดกินอาหารไม่ได้ นั่นทำให้เจ้าหนูควบคุมอาหารได้ยากมากๆ   คุณแม่ Rizal ก็เป็นห่วงลูกมาก เพราะน้ำหนักเพิ่มเป็นสองเท่าจากเมื่อก่อน อีกทั้งยังขออาหารพอๆ กับขอบุหรี่แบบเมื่อก่อนเลย ครอบครัวก็เลยต้องจัดการปัญหานี้   ด้วยเหตุนี้ทั้งครอบครัวก็เลยต้องร่วมมือกัน เพื่อทำให้เจ้าหนูมีสุขภาพดีที่สุด และปัจจุบันนี้สุขภาพของเจ้าหนูก็ยังแข็งแรงดี วิ่งเล่นเหมือนเด็กทั่วไป   และที่สำคัญที่สุดสำหรับเรื่องนี้ก็คือ… เขาสัญญาว่าจะไม่สูบบุหรี่อีกแล้ว!!! ที่มา lifebuzz

ชีวิตเรานี้มันไม่มีอะไรที่สามารถคาดเดาได้เลย ในช่วงที่เราลำบากสุดๆ บางครั้งก็จะมีเรื่องราวร้ายๆ มาทำให้มันเลวร้ายกว่าเดิม ซึ่งตรงนี้ยิ่งเป็นตัวที่ทำให้เราทุกข์ใจมากยิ่งขึ้น เหมือนอย่างเรื่องราวนี้ที่เกิดขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อหนุ่มขับรถเก๋งอยู่ดีๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งพุ่งเข้ามาชนที่ท้ายรถเขาอย่างจัง เป็นใครก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา   Sayd Omar Morales เจ้าของรถยนต์คันนี้กำลังขับรถอยู่ จู่ๆ รถมอเตอร์ไซค์ก็พุ่งเข้าชนท้ายรถของเขาจนยุบ   และเมื่อเขาได้เห็นสภาพรถที่ถูกชน ก็โกรธขึ้นมา เพราะว่าไม่ใช่ความผิดของเขาเลย   แต่แล้วเขาก็ได้พบอะไรบางอย่าง และรู้ความจริงว่ามอเตอร์ไซค์ที่ล้มอยู่นั้นกำลังจะเอาข้าวไปให้ครอบครัวของเขา หลังจากสอบถามก็พบว่าเขาเป็นชาวประมงยากจนคนหนึ่ง และข้าวเหล่านี้ก็คือทุกอย่างสำหรับครอบครัว   และเมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ Morales ก็ไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายอะไร พร้อมมอบเงินให้ชายชาวประมงไปซื้อข้าวคืนมา   จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้เขาถึงกับหลั่งน้ำตา และเรื่องราวนี้ก็ถูกแชร์ไปอย่างมากในเฟซบุ๊กของเขา สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์ยังคงมีจิตใจที่ดีงาม พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ที่มา lifebuzz

กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเลยทีเดียว สำหรับการปลูกต้นไม้ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกครั้งหนึ่ง เมื่อชาวอินเดียกว่า 800,000 คน ได้ออกมาร่วมปลูกต้นไม้กว่า 50 ล้านต้นภายในหนึ่งวัน จนกลายเป็นสถิติโลกของกินเนสบุ๊ค     เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย เมื่อชาวอินเดียกว่า 800,000 คน ได้ออกมาร่วมกันปลูกต้นไม้กว่า 50 ล้านต้นภายใน 1 วัน ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายสถิติเดิมที่ประเทศปากีสถานเคยทำไว้ที่ 840,000 ต้นภายในหนึ่งวัน โดยผู้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในโครงการนี้คือรัฐบาลท้องถิ่นรัฐอุตตรประเทศ ซึ่งผู้ที่ออกมาร่วมปลูกต้นไม้ครั้งนี้ มีตั้งแต่นักเรียน พ่อค้าแม่ค้า นักกฎหมาย ไปยันเจ้าหน้าที่รัฐบาลเลยทีเดียว     Akhilesh Yadav นายกรัฐมนตรีของรัฐอุตตรประเทศกล่าวว่า การทำลายสถิติครั้งนี้มีขึ้นเพื่อทำให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติ     รายงานกล่าวว่า ทางรัฐบาลอินเดียจริงจังกับการปลูกป่าเหล่านี้มาก โดยมีการอนุมัติงบประมาณกว่า 6.3 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2 แสนล้านบาทเพื่อใช้ในการขยายพื้นที่ป่า และตั้งเป้าไว้ว่าจะมีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นถึง 235 ล้านเอเคอร์ หรือราว 95 ล้านตารางกิโลเมตร     ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้…

ต้องบอกเลยว่าถ้าพูดถึงอะไรล้ำๆ ญี่ปุ่นอาจจะจัดว่าเป็นประเทศลำดับต้นๆ ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์สุดเจ๋งที่ผสมผสานนวัตกรรมต่างๆ เข้าด้วยกัน DeNA Co., บริษัทเกมในญี่ปุ่นได้ร่วมมือกับบริษัทฝรั่งเศส EasyMile S.A., ทำรถบัสไร้คนขับ EZ10 ขนาดเล็กที่สามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 12 คน เตรียมให้บริการในจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น โดยแผนระยะแรกจะให้บริการในพื้นที่ 21,000 ตารางเมตร ภายในสวนสาธารณะ Toyosuna ที่อยู่ใกล้กับศูนย์การค้า AEON Hiroshi Nakajima ผู้จัดการฝ่ายรถอัตโนมัติของ DeNA ระบุว่า ในปีหน้าวางแผนจะขยายให้บริการรถไร้คนขับนี้ไปครอบคลุมในส่วนของทางหลวงด้วย   เราไปชมตัวอย่างเจ้ารถบัสคันกันเลยดีกว่าครับ!!!   ส่วนความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้กับเรื่อง Tesla Model S ที่มีอุบัติเหตุจนเสียชีวิตขณะที่ระบบขับอัตโนมัติยังทำงานอยู่ ทางบริษัท DeNA ขอไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ แต่จะนำมาเรียนรู้และปรับปรุงเพื่อความปลอดภัย และบริษัทจะดำเนินธุรกิจในวิสัยทัศน์ที่ว่า “เรื่องของการเกิดอุบัติเหตุนั้นจะไม่เป็นที่ยอมรับในบริษัทของเรา เพราะเราจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น”   รถมีขนาดเล็กกระทัดรัด สาวๆ เห็นแล้วต้องชอบกันแน่ๆ เลย!!!   เรื่องปัญหาการจอดรถจะหมดไปเมื่อมีเจ้าสิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะไม่ได้มีขนาดยาวเหมือนรถบัสอื่นๆ เลย…   ชักอยากเห็นรถคันนี้ตอนเปิดให้บริการแล้วล่ะสิ   ประเทศญี่ปุ่นยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีตลอดเลยนะเนี่ย!!! ที่มา : Japantimes

มีใครเคยออกทีวีมาแล้วบ้าง รู้สึกยังไงบ้างเอ่ย แหมมม เป็นใครก็ตื่นเต้นอยู่แล้ว ยิ่งอยู่ดีดีก็มีกล้องมาจับที่เรา ทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว… แต่สำหรับเด็กคนนี้ที่อยู่ดีๆ เธอก็เดินมาเล่นกับกล้อง ในขณะที่นักข่าว Scott Linden ในประเทศออสเตรเลียอยู่ เมื่อเธอรู้ว่า เธอกำลังอยู่หน้ากล้อง เธอก็เลยเล่นกล้องใหญ่   อ๊ะ ได้ออกทีวีแล้ว!!!   นักข่าวเองก็ไม่ได้รังเกียจ โบกมือทักทายเธออย่างเป็นกันเอง   แถมยังชวนให้เธอทักทายคนดูทางบ้านด้วย เธอเลยถือโอกาสบอกพ่อแม่ซะเลย อิอิ   มาดูความตื่นเต้นของเธอ และความน่ารักของนักข่าวคนนี้กันเลยดีกว่า   เข้าใจเลยว่านางตื่นเต้น อิอิ ที่มา viralnova

มิตรภาพที่ดีทีสุดของหลายๆคน ก็คือเพื่อน สังเกตจากทุกช่วงชีวิตของเราต่างก็มีเพื่อน และถ้าวันหนึ่งมีเหตุทำให้เราต้องห่างกัน เราก็จะคิดถึงกัน นี่แหละเพื่อน!! เราลองไปดูเรื่องราวดีๆ ของคุณยาย Peggy Rouse วัย 97 ปี และ Beryl Goodburn วัย 95 ที่ไม่ได้เจอกันเป็นเวลาเกือบ 80 ปี ช่างเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน และพวกเธอจำกันได้ทันที เมื่อย้ายมาอยู่บ้านพักคนชรา Hollies (Evergreen) Residential Care Home ในเมืองเกรฟเซนด์ สมัยวัยรุ่น พวกเธอเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน โดยเจอกันครั้งแรก เพราะทำงานด้วยกันที่โรงงานผลิตสายเคเบิลใน Northfleet ตอนอายุ 14 ปี ทั้งสองอยู่ในชมรมปั่นจักรยานด้วยกัน และออกทริปด้วยกัน พวกเธอมักจะไปเที่ยวกันในวันหยุด แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องขาดการติดต่อกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ชีวิตของพวกเธอต้องไปคนละทิศคนละทาง     Peggy เล่าให้ฟังว่า “เรามีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันที่ Henley’s แต่เราก็ต้องขาดการติดต่อในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย…ฉันแต่งงานในปี 1941 และมีลูกคนแรก ชีวิตของเราจึงแตกต่างกันเพราะสงครามในครั้งนั้น “     หลังจากที่ Peggy แต่งงานกับ Ted…

ตอนนี้จะเห็นว่ามีการผลิต ธนบัตรใหม่ ออกมาเรื่อยๆ พอมีธนบัตรใหม่ เราก็เอาธนบัตรเก่าไปแลก แล้วเราเคยสงสัยกันมั้ยว่า พวกธนบัตรเก่าเนี่ย เค้าเอาไปไว้ไหน หรือเอาไปทำอะไร?? วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพาไปดูขั้นตอนการจัดการกับ ‘ธนบัตร’ เก่าเหล่านี้ โดยธนาคารแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ที่บอกเลยว่า ไม่ใช่แค่ทำลายนะ ยังเอาไปทำประโยชน์ได้อีกด้วย   นี่คือธนบัตรเก่า ที่ไม่ใช้แล้วด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม   เราจะตามมันไปยังโรงงานในนิวออร์ลีน ซึ่งมันจะถูกแปรสภาพให้แทบไม่เหลือแบบเดิม โดยการตัดให้เป็นชิ้นเล็กๆ   กองเท่าภูเขาขนาด คงจะมีมูลค่าไม่น้อยเลยสินะ… เห็นกองดำด้านหลังนั่นไหมล่ะ มันคือกองดินนั่นเอง     ธนบัตรต่างๆ จะถูกนำมาบดจนเหลือเป็นผุยผง แล้วผสมกับดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่ามันเป็นส่วนผสมลับเลย ที่จะเปลี่ยนดินธรรมดาให้กลายเป็นดินที่มีคุณค่าทางอาหารขึ้นมาได้…   แน่นอนว่าออกมาเป็นดินที่สามารถนำมาใช้ในการเกษตรได้ได้อย่างดีเยี่ยมเลย และมันจะถูกส่งไปขายให้กับชาวไร่ในแถบนี้   และนี่คือผลผลิตที่ได้มาจากเงินมูลค่านับล้าน (ที่ไม่มีค่าไปแล้ว อิอิ)   สำหรับใครที่อยากรับชมเป็นคลิปแบบจริงจัง ลองดูด้านล่างได้เลย มีขั้นตอนให้เห็นกันเพลินๆ   โอ้โห ขึ้นชื่อว่า ‘เงิน’ แล้ว ไม่ว่ามันจะแปรสภาพไปยังไง…

การรณรงค์ช่วยโลกมีมานาน และก็มีรูปแบบที่หลากหลาย ส่วนใหญ่ที่เราเห็นนั้น ผู้มักจะเป็นผู้นำในเรื่องการรณรงค์เหล่านี้ แต่วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จำเสนอการช่วยโลก โดยกลุ่มเด็กๆจำนวน 70 คน จาก หมู่เกาะ Arborek เขต Raja Ampat, ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเกาะที่ไม่มีน้ำจืดและไม่มีไฟฟ้า ไปดูกันเลย โครงการนี้ชื่อว่า ‘Message Me’ ดำเนินการโดย 2 สามี ภรรยา ทั้งคู่เป็นช่างภาพและผู้ผลิตภาพยนต์จากลอนดอน เขาใช้เวลาเป็นปีในการเดินทางไปประเทศต่างกว่า 20 ประเทศทั่วโลก เพื่อที่จะทำวิดีโอเกี่ยวกับการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและโครงการเพื่อสังคม ทำให้องค์กรของเขาถูกเรียว่า ‘Planet Hero’     ชีวิตของเด็กที่ Arborek มีความแตกต่างมาก เมื่อเทียบเด็กทางตะวันตก เพราะเด็กที่นี่ไม่ติดทีวี แทบเล็ต หรือเกมคอมพิวเตอร์ พวกเขาเป็นเจ้าแม่แห่งธรรมชาติ เป็นพี่เลี้ยงเด็ก และเล่นในสนามเด็กเล่น โดยโครงการนี้ จะเป็นการให้เด็กเขียนข้อความแล้วใส่ลงไปในขวดพลาสติกแล้วเอาไปโยนลงในทะเล (ซึ่งเป็นการสร้างมลพิษทางน้ำ) เพื่อถ่ายรูป จากนั้นก็จะนำขวดเหล่านี้ไปรีไซเคิล   ทั้งคู่ได้ทำคลิปสั้นๆ โดยการแทรกรูปของเด็กๆที่ถ่ายรูปใต้น้ำ ในขณะที่ถือขวดที่มีข้อความของพวกเขาอยู่   Raja Ampat เป็นหนึ่งในสถานที่ที่อยู่ห่างไกลที่สุดของโลก และมีสิ่งมีชีวิตที่หลากหลายที่สุดของโลก คือ…

ต้องบอกเลยว่าช่วงที่ผ่านมากระแส “Pokémon Go” ได้รับการตอบรับจากแฟนการณ์ตูนและแฟนเกมส์ในตำนานอย่างล้นหลาม… วันนี้ #เหมียวฟูๆ จะมาขอแนะนำเครื่องประดับจากประเทศญี่ปุ่นที่จะช่วยเพิ่มพลังให้กับเหล่าโปเกม่อนสุดโปรดของพวกคุณ เพียงแค่คุณใส่เครื่องประดับเหล่านี้ คุณอาจจะสามารถเป็นเทรนเนอร์ที่เก่งที่สุดในกลุ่มเพื่อนๆเลยนะครับ!!   แหวนปิกาจู… ไฟฟ้าแสนโวลต์!!!   ถ้าใส่แหวนวงนี้ จะทำให้ปิกาจูเพิ่มพลังด้านความสวยงามและเวลาเราดวลเก็บเพื่อนๆ จะทำให้คู่ต่อสู้เกิดอาการติดสตั้น 3 วินาที แล้วจะทำให้คุณเป็นผู้ชนะในที่สุด แหวนเงินที่ปิกาจูสีเหลืองทอง 18 กะรัต ราคาอยู่ที่ 99,000 เยน (หรือประมาณ 34,000 บาท)   แหวนหมั้นปิกาจู… ที่ตัวแหวนเป็นทองคำขาว!!!  ราคา 120,000 เยน(หรือประมาณ 42,000 บาท)   และแหวนคู่แบบน่ารักก็มีนะคร้าบบบ!!!   นอกจากนี้ยังมีสร้อยคอปิกาจู!!!  ราคาอยู่ที่ 38,000 เยน(ประมาณ 13,200 บาท) แหวนมาสเตอร์บอล… ก็มีนะจ้าาาาา   ความสามารถของแหวนเงินวงนี้ เมื่อใส่แล้วจะทำให้มีมาสเตอร์บอลอินฟินิตี้… ปัญญาเรื่องมาสเตอร์บอลก็จะหมดไปปาบอลกันไปแบบรัวๆ ราคาตกอยู่ที่ 12,000 เยน (หรือประมาณ…

ทุกๆ ทริปของการไปเที่ยวญี่ปุ่น สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนจะไม่พลาดเลยก็คือ การได้รับประทานอาหาร รวมไปถึงขนมอร่อยๆ ที่มีหน้าตาแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นจากร้านที่มีชื่อเสียงโด่งดัง รวมไปถึงร้านค้าสะดวกซื้อในญี่ปุ่น ก็มีของอร่อยๆ ให้เราเลือกรับประทานเพียบ และถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังมีแพลนไปเที่ยวญี่ปุ่นละก็ ในวันนี้เหมียวขี้อ้อน มี 10 ไอศกรีมแสนอร่อยมาแนะนำ ซึ่งไอศกรีมเหล่านี้คุณสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อในประเทศญี่ปุ่น บอกเลยว่าแต่ละอย่างทั้งน่าทาน แถมยังดูแปลกตาอีกด้วย มาดูกันเลยว่าจะมีไอศกรีมของอะไรกันบ้าง ไม่แน่นะว่าบางทีคุณอาจจะเคยทานมาแล้วก็เป็นได้   10.Häagen-Dazs จริงๆ แล้ว Haagen-Dazs เป็นไอศกรีมที่หลายๆ คนเคยทานมาแล้วอย่างแน่นอน เพราะในประเทศเราก็สามารถหาซื้อได้ง่าย แต่ถ้าสำหรับประเทศญี่ปุ่น Haagen-Dazs จะมีรสชาติให้เลือกทานมากมายไม่ว่าจะเป็น รสวานิลลา และคุกกี้แอนด์ครีม รสชาเขียวมัทฉะ รสชีสเค้ก รสฟักทอง รวมไปถึงรสโมจิ นอกจากนี้ยังมีไอศกรีมรูปแบบอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย เช่น ไอศครีมแซนวิช หรือแม้กระทั่งเครปไอศกรีม สไตล์ฝรั่งเศส ก็มีเช่นกัน   9.Ice Box มาต่อกันด้วยไอศกรีม Ice Box ซึ่งเป็นไอศกรีมที่มีลักษณะเป็นแท่งแช่แข็ง ถูกออกแบบขึ้นมาให้รับประทานง่าย มีวางจำหน่ายครั้งแรกตั้งแต่ปี…

เป็นธรรมดาที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ อยากมีหน้าอกแบบตุ้มๆใช่มั้ยล่าาาา แต่ลองสังเกตดูดีดี คนหน้าอกใหญ่ก็หญ้ายยยยยยใหญ่ คนไม่มีหน้าอกก็แบ๊นนนนนแบน เฮ้อออออ แล้วสาวๆรู้มั้ยว่า คนประเทศไหนหน้าอกเล็ก ประเทศไหนหน้าอกใหญ่?? เอ๊ะ แล้วของบ้านเรานี่จะจัดอยู่ในหมวดไหนละ… นี่เลย วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง มีข้อมูลน่าสนใจมาฝากกัน     อาจารย์และนักศึกษาจำนวน 7 คน จาก 6 สถาบัน  ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับ “ขนาดหน้าอกของผู้หญิง” โดยศึกษาจากผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 28-30 ปีจำนวน 11,682 คน จาก 108 ประเทศทั่วโลก (sciencedatabaseonline) เพื่อทำการศึกษาว่า ผู้หญิงจากทวีปไหนหน้าอกใหญ่สุด และที่ไหนหน้าอกเล็กสุด     การวิจัยพบว่า “ผุ้หญิงที่เต้านมเล็กที่สุด คือผู้หญิงที่เกิดในทวีป แอฟริกา และเอเชีย โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ในแถบเอเชียตะวันออก โดยขนาดหน้าอกประมาณ คัพ A หรือเล็กกว่านั้น ซึ่งนี่เป็นขนาดหน้าอกโดยเฉลี่ย”   จากกราฟจะเห็นว่าประเทศที่มีหน้าอกขนาดเล็กสุดก็คือ ฟิลปปินส์ ด้วยขนาดหน้าอกเล็กสุด 111 มิลลิตร และขนาดใหญ่สุด 179…

ว่าด้วยเรื่องการขอแต่งงาน ใครๆก็คงอยากให้วันนี้เป็นวันที่พิเศษสุดในการเริ่มต้นชีวิต หลายๆคนก็เลยทำเซอร์ไพรส์กันในรูปแบบต่างๆ เหมือนกับที่ #เหมียวขี้ส่อง จะพาไปดูในวันนี้ ที่เป็นการขอแต่งงานในสถานที่ที่โรแมนติกสุดๆ   ช่างภาพชาวลิธัวเนียจาก  “FotoJura Photography” ได้แชร์เรื่่องราวที่น่าสนใจของคู่หนุ่มสาว Neringa กับ Zigmantas กับการถ่ายภาพที่น่าประทับใจในนอร์เวย์   ย้อนกลับไป ในครั้งแรกนั้น ชาวหนุ่ม Zigmantas ตั้งใจเซอร์ไพรส์ขอแฟนสาวแต่งงานในบรรยากาศสุดโรแมนติกที่ หิน Kjerag ซึ่งเป็นหินที่อยู่ระว่างภูเขาสองลูก แต่แฟนสาว Neringa กลับกลัว จึงทำให้แผนในครั้งนั่นล่ม และต้องย้ายไปขอแต่งงานที่ผาใกล้กันนั้นแทน เรื่องนี้ทำให้เจ้าแฟนสาวรู้สึกผิดมาก เธอจึงตั้งใจเอาไว้ว่า จะกลับมาที่นี่อีกครั้งในฐานะภรรยาของของเขา     และเมื่อทางทีมงาน “FotoJura Photography” ได้ยินเรื่องราวนี้ พวกเค้าเลยตัดสินใจที่จะทำให้ฝันของทั้งคู่เป็นจริง ด้วยการไปถ่ายรูปให้ทั้งคู่ในสถานที่เดิมนั้นอีกครั้ง เพื่อสร้างช่วงเวลาที่พิเศษให้กับคู่รักคู่นี้   เมื่อเรามาถึงนอร์เวย์ อากาศดีอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่เหมือนวันนั้นเลย พวกเค้าคิดว่าการเดินทางไปที่หินนั้นคงจะง่าย แต่เมื่อไปจริงๆ มันกลับไม่ง่ายเลย เพราะพวกเค้าไม่เคยปีนขึ้นเขาที่สูงขนาดนี้มาก่อน พวกเค้าต้องปีนขึ้นเขาท่ามกลางลมที่แรง ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง พวกเค้ามีเวลาเพียง 1 ชั่วโมงในการถ่ายรูป ในขณะที่พวกเค้ารอให้ก้อนเมฆเคลื่อนผ่านดวงอาทิตย์ไปก่อนนั้น Neringa ผู้เป็นเจ้าสาวก็ปีนขึ้นไปยังก้อนหิน Kjerag ทุกคนต่างทึ่งและภูมิใจในตัวเธอ เธอใจกล้ามากจริงๆ  …

เรื่องของความรัก แม้จะเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ที่บางคนก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ทำไมถึงเกิดขึ้นกับเฉพาะแค่บางคคน แล้วบางคนถึงไม่เคยได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าความรักเอาซะเลย แต่ถึงจะเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนขนาดไหนก็ไม่ยากเกินกว่าที่ผู้ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรมจะเข้าใจได้นะ เพราะถึงพวกเขาจะมีความบกพร่องทางสมอง แต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่าความรักคืออะไรเช่นกัน   เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะนำเสนอต่อไปนี้เป็นเรื่องชวนอบอุ่นหัวใจของ Danny Griffiths และแฟนสาย Ashley Greenhalgh ทั้งคู่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม ทั้งคู่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็คบหาดูใจกันมาตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลาย   แต่แล้วความเซอร์ไพรส์ก็มาถึง เมื่อทั้งคู่เรียนอยู่ในงานปาร์ตี้เลี้ยงส่งหลังจบม.ปลาย ซึ่งตรงกับวันเกิดครบรอบอายุ 21 ปีของ Ashley ด้วย Danny จึงแอบนำของขวัญมาเซอร์ไพรส์ให้กับเธอ เมื่อเปิดออกมาเธอจึงรู้ว่าของขวัญนั่นคือแหวนเพชรสุดล้ำค่า Danny คุกเข่าลงไปต่อหน้าเธอพร้อมกับบอกเธอว่า “คุณจะแต่งงานกับผมไหม? คุณอยากเป็นภรรยาของผมไหม?”   Ashley แสดงอาการดีใจแบบสุดๆ และบอกว่า “มันคือแหวน! ฉันจะได้แต่งงานแล้ว!”   ชมความน่ารักชวนน้ำตารื้นของทั้งคู่ได้ที่ด้านล่างเลย แม้จะเป็นผู้บกพร่องทางสมอง แต่ก็รู้จักความรักเช่นกัน ที่มา mirror

เชื่อว่าสำหรับท่านชายทั้งหลาย การมีสมรรถภาพทางเพศที่แข็งแรงปึ๋งปั๋ง ถือว่าเป็นสิ่งที่หลายๆ คนต้องการ แต่บางครั้งด้วยการใช้ชีวิตที่ไม่เป็นระเบียบด้วยความจำเป็นเรื่องงาน (หรือเรื่องอื่นๆ) ทำให้การจะมีสมรรถภาพที่แข็งแรงปึ๋งปั๋งเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่จากบริษัทสตาร์ทอัพ VylyV กำลังจะทำให้ความฝันของท่านชายทั้งหลายเป็นจริง ด้วยการมีสมรรถเพศที่แข็งแรง เพียงแค่ใส่กางเกงอัจฉริยะตัวนี้!!     ทางผู้พัฒนาเคลมว่า กางเกงของพวกเขาจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงใน “การแข็งตัว” ของท่านชาย รวมถึงเพิ่ม “ความอึด” และช่วยให้สามารถถึง “จุดสุดยอด” ได้หลายครึ่งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้พัฒนายังบอกอีกว่า กางเกงของพวกเขาทุกคนสามารถสวมใส่ได้ ไม่ว่าจะมี “ขนาด” เท่าไหร่     หลายคนสงสัยสินะ ว่ามันทำงานยังไง!? เจ้ากางเกงอัจฉริยะตัวนี้ จะติดตั้งเซ็นเซอร์และเครื่องติดตามไว้ภายในกางเกง ซึ่งตัวกางเกงสามารถเชื่อมต่อกับแอพลิเคชั่นในโทรศัพท์สมาร์ทโฟน   และเมื่อผู้ใช้งานเล่นเกมผ่านโทรศัพท์ของตนเอง เซ็นเซอร์ก็จะขยับเพื่อบริหารกล้ามเนื้อเชิงกรานของผู้สวมใส่   ไปชมคลิปแนะนำของเขากันดูดีกว่า   ตอนนี้ทางผู้ผลิตกำลังจะเปิดระดมทุนบน Kickstarter แต่ยังไม่มีการเปิดเผยราคาออกมาแต่อย่างใด ใครที่สนใจก็เกาะติดข่าวสารไว้ให้ดีๆ ไว้ถ้าเปิดสั่งซื้อเมื่อไหร่ #เหมียวอ๊อดโด้ จะรีบนำมารายงานโดนด่วนเลยนะฮะ ที่มา Mirrors

หากคุณอยากจะมีวันหยุดพักผ่อนชวนฝันแบบแฟนตาซีกลางทะเลล่ะก็ ลองมาทำความรู้จักกับป้อมปราการกลางทะเลอายุเก่าแก่แห่งนี้หน่อยเป็นไง?   ป้อมปราการแห่งนี้มีชื่อว่า Solent ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของเมืองพอร์ตสมัธ และเกาะไอล์ออฟไวต์ ของประเทศอังกฤษ ตอนแรกที่มันถูกสร้างขึ้นมีจุดประสงค์เพื่อเอาไว้เป็นจุดป้องกันศัตรูไม่ให้ผ่านเข้ามาทางช่องแคบโซเลนต์   ใช้เวลาในการสร้างตั้งแต่ปี 1867 – 1880 ยาวนานกว่า 13 ปี ใช้งบในการสร้างราวๆ 18 ล้านบาท หลังจากนั้นเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ความสำคัญของมันก็น้อยลง และกลายเป็นสถานที่ไม่สำคัญทางทหารแล้ว… แต่ปัจจุบันมันถูกปรับปรุงและบูรณะใหม่ให้กลายเป็นโรงแรมชั้นเลิศ   การเดินทางไปที่นี่นั้นมีอยู่ 2 ช่องทาง ทางแรกก็คือคุณจะต้องไปเช็คอินที่ท่าเรือชายฝั่งในเวลา 10.30 นาฬิกา จากนั้นเรือจะออกจากท่าในเวลา 11.30 นาฬิกา เพื่อมาส่งคุณให้ถึงป้อมปราการแห่งนี้ แต่หากคุณมีเงินล้นเหลือล่ะก็ จะนั่งเฮลิคอปเตอร์มาลงที่ดาดฟ้าของป้อมก็ไม่มีใครว่าเช่นกัน   เมื่อเดินเข้ามาด้านใน คุณจะพบกับพนักงานต้อนรับยืนเสิร์ฟแชมเปญให้คุณในบรรยากาศสุดหรูเลย . .   ภายในนั้นนอกจากห้องอาหาร และห้องพักไว้รองรับนักท่องเที่ยวแล้ว ยังมี The Zing Spa สปาให้พวกเราได้พักผ่อนหย่อนใจกันด้วย พนักงานโรงแรมเล่าว่าเศียรพระพุทธรูปนั่นถูกค้นพบอยู่บนป้อมแห่งนี้ตั้งแต่แรก ก่อนจะมีการบูรณะให้กลายเป็นโรงแรม พวกเขาเลยนำมาตั้งไว้เป็นอนุสรณ์ของสปาแห่งนี้   คุณสามารถรับรู้ประวัติศาสตร์ของป้อมปราการแห่งนี้ได้ตามจุดต่างๆ ทั่วป้อม…

หลายท่านอาจเคยประสบปัญหาข้าวของแตกหักง่าย ไม่ว่าจะเป็นถ้วย จาน ชาม หรือแก้วต่างๆ แต่ปัญหาเหล่านั้นของท่านจะหมดไป ด้วยสเปรย์เคลือบสิ่งของสุดเทพอันนี้ เพราะเมื่อท่านเคลือบด้วยสเปรย์อันนี้ ข้าวของของท่านจะแข็งแกร่งขึ้นจนน่าตกใจเลยล่ะ!! สเปรย์นี้เป็นผลงานจากบริษัท Line-X จากประเทศโปแลนด์ โดยคุณสมบัคิของสเปรย์เมื่อเคลือบลงบนพื้นผิวของสิ่งของที่ต้องการแล้ว จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสิ่งของนั้นๆ จนน่าตกใจเลยทีเดียว   ปกติแล้วเจ้า Line-X จะใช้งานกับพวกรถบรรทุกต่างๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของชิ้นส่วน หรือทำให้พื้นที่บรรทุกตรงกระบะนั้นแข็งแรงขึ้น   หรือไม่ก็เอาไปเคลือบผนังกันระเบิด   แต่บอกแค่นั้นอาจไม่เห็นภาพว่ามันช่วยให้แข็งแรงขนาดไหน งั้นเราไปเคลือบสิ่งของในชีวิตประจำวันกันดีกว่า   ลองไปดูแก้วพลาสติกแบบไม่เคลือบ เหยียบปุ๊บ แบนแต๊ดแต๋เลย   แต่พอเคลือบแล้ว ขึ้นไปยืนเหยียบได้สบายๆ   เป้าบินแบบไม่เคลือบ   ตกเบาๆ ก็แตก   แต่พอเคลือบแล้ว ตกจากที่สูงก็ยังนิ่ง ไม่มีแตก .   ลูกแคนตาลูปเคลือบแล้วก็สบายๆ ตกจากที่ไหนก็ไม่หวั่น (แต่กินไม่ได้แล้วนะ)   แม้แต่ไข่ไก่ที่ว่าเปราะบาง   เจอ Line-X เข้าไปก็ถึงกับนิ่ง สุดยอดมั้ยละ   ไปชมคลิปกันเพื่อให้เห็นภาพยิ่งขึ้น ว่ามันแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน…

พูดถึงกีฬาแนวเอ็กส์ตรีมที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ปากัวร์ (Parkour) หรือ ฟรีรันนิ่ง ถือว่าเป็นกีฬาอีกชนิดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่น พวกเขาต้องใช้ทักษะทั้งการวิ่ง การกระโดม รวมทั้งยิมนาสติกขั้นพื้นฐาน ในการปีนป่ายหรือกระโดดข้ามตึกหรือสิ่งกีดขวางต่าง รวมทั้งเป็นการฝึกจิตใจเพื่อเอาชนะความกลัวของตนเองอีกด้วย   ล่าสุดทีมปากัวร์จากประเทศอังกฤษ Storror ได้ทำให้โลกตื่นตะลึงอีกครั้ง กับการกระโดดข้ามตึกสูงในฮ่องกง เรียกว่าตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจเลยทีเดียว   ลองไปดูแบบภาพเคลื่อนไหวดู เจ๋งสุดๆ ไปเลย เหยียบบนขอบตึกได้พอดีเป๊ะ พลาดไปซักนิ้วนี่เพื่อนๆ ได้ไปโกยมาจากข้างล่างแน่ๆ (ดูคลิปไม่ได้กดตรงนี้)   มีผลงานอื่นๆ ด้วยนะ ไปชมกันเถอะ . . .   บางทีก็คิดว่า พวกเขาไม่รู้จักความกลัวกันหรือยังไงน้า   สุดยอดจริงๆ ใครที่คิดจะทำตามขอให้เบรกไว้ก่อนเลยนะฮะ เพราะพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญกันจริงๆ เกิดทำเองแล้วประสบอุบัติเหตุขึ่นมา มันจะเรื่องใหญ่นะฮะ ที่มา Shanghaiist

พูดถึง แฮรี่ พ็อตเตอร์ เชื่อว่าน้อยคนนักจะไม่รู้จัก ด้วยความโด่งดังทำให้มีแฟนคลับพ่อมดน้อยหลายล้านคนกระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งแต่ละคนต่างก็สรรหาวิธีมาแสดงความรักต่อนิยายเรื่องโปรดของพวกเขาอย่างเต็มที่ อย่างเช่นครอบครัว Katherine และ Jesse Oldfield นี้ ทั้งสองเป็นแฟนพันธุ์แท้แฮรี่ พ็อตเตอร์ตัวยง พวกเขาจึงคิดโปรเจคถ่ายภาพลูกๆ ด้วยธีมแฮรี่ พ็อตเตอร์ขึ้นมา   โดยครั้งก่อน พวกเขาจับลูกคนแรก Sebastian ตอนอายุได้ 8 เดือน ไปถ่ายภาพด้วยธีมแฮรี่ พ็อตเตอร์ในสุสานสุดเจ๋ง   ส่วนลูกชายคนที่สอง Theodore เพิ่งคลอดได้ไม่นาน พวกเขาจึงจับไปเป็นต้นแมนเดรกซะเลย   น่ารักมั้ยล่ะ   ร้องไห้ซะแล้ว ก็เด็กทารกอ่ะเนอะ   ลูกชายคนโตอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ซะด้วย . .   น่ารักมั้ยละเพื่อนๆ ใครที่เป็นแฟนแฮรี่ พ็อตเตอร์ ก็ลองเอาไอเดียไปปรับใช้ได้นะฮะ รับรองว่าสวยเก๋ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน ที่มา Buzzfeed, lunedelaroguephotography

มีการคาดคะเนกันว่าในอนาคตนี้ มนุษย์น่ามีต้นทุนในการใช้พลังงานต่างๆ ที่ถูกลง เพราะเราจะหันไปใช้พลังงานทดแทนอย่างพลังงานน้ำ พลังล พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานไฟฟ้า แต่#เหมียวฟิ้นไม่คิดเลยว่าเราจะสามารถนำพลังงานจาก “ปัสสาวะ” มาใช้ได้ด้วย!?     แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะเพราะเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้รายงานว่า ตอนนี้มนุษย์สามารถสร้างพลังงานจากปัสสาวะได้แล้ว และสามารถนำมันมาใช้ชาร์จเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้าเล็กๆ อย่างโทรศัพท์มือถือได้ด้วย   ตามรายงานบอกว่านักวิทยาศาสตร์ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ขนาดเล็กที่มีค่าใช้จ่ายเพียง 90 บาท มันสามารถผลิตไฟฟ้าได้จากการเทปัสสาวะลงไป นั่นหมายความว่าเมื่อคุณเดินไปเข้าห้องน้ำก็สามารถชาร์จมือถือได้แล้ว   การชาร์จในแต่ละครั้งต้องใช้ปัสสาวะ 600 มิลลิลิตรในการนำจุลินทรีย์มาผลิตเป็นกำลังไฟ และใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 6 ชั่วโมง แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับการเป็นพลังงานให้เราสามารถคุยโทรศัพท์ติดต่อกัน 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว   ทั้งหมดนี้เป็นผลงานการพัฒนาของศาสตราจารย์ Ioannis Ieropoulos และทีมงานใน University of the West of England ในบริสตอล “เราตื่นเต้นมากที่จะประกาศให้โลกรับรู้ว่า การพัฒนาครั้งนี้เป็นไปได้โดยการออกแบบเซลล์เชื้อเพลิงจุลินทรีย์แบบใหม่ ที่ทำให้ไม่เกิดการสูญเสียความหนาแน่นของพลังงานเลยแม้แต่น้อย”   ไปชมการทำงานของมันได้ที่ด้านล่างเลย แม้แต่ปัสสาวะก็สามารถกลายเป็นพลังงานได้เหมือนกันนะเนี๊ยะ มนุษย์นี่ฉลาดล้ำจริงๆ ที่มา mirror

ที่เมืองนอกนั้นพ่อแม่มักจะปลูกฝังเกี่ยวกับการหาเงินให้กับตัวเอง โดยไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ ซึ่งส่วนมากก็จะไปทำงานพาร์ทไทม์เพื่อเอาเงินมาซื้อเสื้อผ้า เกม หรือสิ่งที่อยากได้สำหรับวัยรุ่น หรือบางครั้งก็อดออมจากมื้ออาหาร เหมือนอย่างเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้น คลิปนี้เป็นที่โด่งดังอย่างมากที่เมื่อนอก เมื่อมีป้าคนหนึ่งพยายามเข้ามาขู่เด็กหนุ่มที่กำลังขายลูกอมอยู่หน้าร้าน Target ซึ่งเป็นการหารายได้เล็กๆ น้อยๆ ของเขาเอง (ทางเราไม่มีข้อมูลเช่นกัน ว่าเขาขออนุญาตขายอย่างถูกต้องหรือไม่หรือไม่)   คุณป้าอ้างว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้รับอนุญาต หลังจากที่ป้าขู่อยู่สักพักเด็กหนุ่มก็เริ่มร้องไห้   จนกระทั่งได้มีชายหนุ่มอีกคนเข้ามาเสริม พร้อมกับเข้าข้างเด็กขายลูกอมและเสนอจะซื้อลูกอมของเขาทั้งหมด เราไปชมคลิปเหตุการณ์กันก่อนเลย (ดูคลิปไม่ได้ กดตรงนี้)   คลิปนี้ถูกโพสต์ลงในเพจ The Shade Room จนมียอดวิวกว่า 8 ล้านวิว และแชร์ไปกว่า 140,000 ครั้ง หลายคนต่างก็แสดงความคิดเห็นสงสารเด็กขายลูกอมและชื่นชมชายที่ออกมาปกป้องเด็กคนนี้ด้วย   ขณะที่หลังจากได้เห็นคลิป บางคนพุ่งประเด็นไปด้วยการเหยียดสีผิว เนื่องจากว่าเรื่องแบบนี้มีให้เห็นทั่วไป แต่คุณป้ากลับเข้ามาด่าเด็กขายลูกอมคนนี้เหมือนจงใจโดยเฉพาะ…..   ก็น่าคิดเหมือนกันนะ… ที่มา The Shade Room

ใครๆ ก็น่าจะรู้กันว่า หากเราสั่งอาหารฟ้าสฟู๊ดหรืออาหารเดลิเวอรี่ให้มาส่งที่บ้าน แล้วไม่มีคนอยู่รอรับอาหารหรือจ่ายเงิน พนักงานก็จะเก็บของแล้วกลับไปทันที แต่สำหรับร้านอาหารแห่งนี้กลับใจดี๊ใจดี เพราะแม้ลูกค้าจะไม่ได้อยู่จ่ายเงินให้พวกเขา แต่ก็ยังอุตส่าห์ทิ้งอาหารไว้ให้ด้วยแหนะ…   เรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะหยิบมานำเสนอในวันนี้เป็นเรื่องราวของผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งที่ชื่อว่าคุณ Bert Yong เจ้าตัวเล่าว่าตนเองได้สั่งอาหารจากร้านในละแวกบ้าน Mian Gee’s Grill มากินที่บ้านตอนตี 4 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาเมาเละเทะเรียบร้อยแล้ว แต่แทนที่จะอยู่รอจ่ายเงินและรับอาหารมากิน เจ้าตัวดันเผลอหลับไปซะอย่างงั้น เมื่อตื่นเช้ามาเขารู้สึกหิวมากและเศร้าในเวลาเดียวกัน เพราะเพิ่งจะนึกได้ว่าอาหารที่เขาสั่งไปนั้นคงจะไม่ได้กินแล้ว     แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นไปตามที่คาด เมื่อเขาเดินออกมาที่หน้าบ้านแล้วพบว่ามีถุงอาหารที่เขาสั่งห้อยอยู่ แม้ว่าเจ้าตัวจะยังไม่ได้จ่ายเงินให้กับทางร้านเลยก็ตาม “สั่งอาหารแบบทานที่บ้านไปตอนตี 4 และก็เผลอหลับไป แต่กลับพบว่ามันมีสิ่งนี้แขวนไว้ที่หน้าประตูบ้าน” Bert Yong กล่าว     แม้อาหารจะถูกแขวนอยู่หน้าบ้านตั้งหลายชั่วโมงจนเย็นชืด แต่เขาก็นำมันไปอุ่นใหม่และกินมันอย่างเอร็ดอร่อยเยี่ยงราชาเลยทีเดียว คาดว่าหลังจากที่เขากินเสร็จแล้วคงจะไปจ่ายเงินให้กับร้าน Mian Gee’s Grill เพราะเรื่องราวของร้านนี้กระฉ่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ตจนได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากทีเดียว!!!   ที่มา metro , OPTYCYK

อื้อหืออออ ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่หลายๆ คนอาจจะชอบหรือไม่ชอบกัน แต่ล่าสุดมีงานวิจัยออกมาแล้วล่ะว่า การ ‘ออรัลเซ็กส์นั้น’ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งมะเร็งศรีษะและลำคอได้!!? โดยส่วนมากแล้ว มะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณนั้นเรามักมีความเชื่อกันว่าเกิดจากการสูบบุหรี่และการดื่มสุราหนักๆ มากกว่า จากการเก็บข้อมูลของทาง American Cancer Society พบว่า ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา อัตราการเกิดโรคมะเร็งนั้นเพิ่มขึ้นสูงกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว โดยเฉพาะมะเร็งศรีษะและลำคอ   อัตราการเสี่ยงเป็นมะเร็งที่มากขึ้น!?   HPV – Human Papilloma Virus คือกลุ่มของไวรัสที่มีผลต่อผิวหนังและเนื้อเยื่อชุ่มฉ่ำที่อยู่ภายในของร่างกายมนุษย์ ซึ่งนักวิจัยอย่าง Dr. Iain Morgan ได้ออกมาเผยว่า ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซีเรียสเลยทีเดียว และก็มีหลักฐานที่ชี้เบาะแสให้เรารู้ว่า การมีออรัลเซ็กส์นั้นทำให้อัตราการรับไวรัสกลุ่มนี้สูงขึ้น’ แต่อย่าพึ่งตกใจกันไปเพราะทางสำนักข่าง Dailymail ได้รายงานว่า จากงายวิจัยล่าสุด Journal of Clinical Oncology พบว่าคนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันที่จะป้องกันมันได้ ถึงแม้เชื้อ HPV นี้จะรุนแรงและสามารถนำไปสู่การติดเชื้อได้แค่แม้สัมผัสกัน (ในกรณีนี้อาจปากต่อปาก หรือปากต่ออวัยวะเพศ)   แต่กระนั้นถึงโอกาสจะมีน้อย บางคนก็รับไวรัสตัวนี้เขาไปมันก็สามารถกระตุ้นเซลล์ที่ติดเชื้อให้เกิดเหตุการณ์อื่นๆ อันเป็นการเกิดโรคมะเร็งในภายหลัง… ** ไม่ได้ก่อให้เกิดมะเร็งโดยตรง   และก็อย่างที่เราทราบกันเป็นอย่างดีว่า…

เชื่อว่าทุกคนต้องเคยประสบปัญหาไม่มีที่นั่งเวลาไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหรืองานต่างๆ เพราะถูกนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ จับจองหมดแล้ว จนสุดท้ายก็ต้องยืนจนเมื่อย หรือไม่ก็ถอดใจกลับบ้านไปอย่างเหงาๆ แต่วันนี้ปัญหาเหล่านั้นท่านจะไม่ต้องประสบแล้ว เพราะเราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ FATBOY โซฟาลมแบบพกพา ใช้ง่ายไม่ต้องกลัวยืนเมื่อยอีกต่อไป!!     โซฟาพกพาอันนี้เป็นผลงานของบริษัท Lamzac วิธีการใช้งานก็ไม่ยาก แค่แกะตัวโซฟาออกมาจากถุง แล้วโบกขึ้นไปในอากาศซักสองที แบบในภาพ (อย่าลืมจับฝั่งที่มีช่องลมนะ)   จากนั้นก็ม้วนปิดช่องลมแบบนี้ เพื่อไม่ให้ลมออก   แค่นี้เราก็ได้โซฟาสบายๆ มานอนเล่นริมชายหาดเก๋ๆ แล้ว   นอกจากจะใช้งานได้ง่ายแล้ว ยังพกพาสะดวกอีกด้วย แบบนี้แบกไปเที่ยวทะเลได้สบายๆ เลยล่ะ   ใครยังนึกภาพไม่ออก ลองไปชมคลิปสาธิตกันดู รับรองว่าต้องร้องว้าววว อย่างแน่นอน   ว้าววววว ท่าทางสะดวกมากเลยนะเนี่ย สนนราคาอยู่ที่ชิ้นละ 70 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,500 บาท ใครอยากได้ก็ลองสั่งซื้อมาใช้ดูนะฮะ   แอบนึกถึงคลิปนี้ เมื่อเราเอาถุงยางอนามัยไปรับลมนอกรถ อิอิ ที่มา Lamzac

เมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม 2559 ทางสำนักข่าว Presstv มีรายงานว่า ประชาชนและนักท่องเที่ยวหลายพันคน ในกรุงโซล รวมถึงหลายๆ พื้นที่ในประเทศเกาหลีใต้ ได้พากันพกปืนฉีดน้ำ เพื่อไปร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลคลายร้อน ซึ่งในครั้งนี้ เทศกาลดังกล่าวได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 แล้ว เพื่อให้ประชาชนได้เล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างสนุกสนาน ในช่วงฤดูร้อน โดยผู้เข้าร่วมจะต้องพกปืนฉีดน้ำของตัวเองมาร่วมงานในครั้งนี้อีกด้วย     นอกจากนี้ ยังมีการนำรถดับเพลิงมาร่วมฉีดน้ำใส่ฝูงชนกันอย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังมีกิจกรรมสนุกๆ นอกเหนือจากการเล่นน้ำเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ขบวนพาเหรด, เครื่องเล่นสไลเดอร์, การแสดงคอนเสิร์ต และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย     ทั้งนี้ เทศกาลปืนฉีกน้ำ ได้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 – 10 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา สำหรับใครที่อยากจะไปสัมผัสบรรยากาศเทศกาลปืนฉีดน้ำด้วยตัวเอง ปีหน้าห้ามพลาดนะจ๊ะ อ้อ!! แล้วอย่าลืมมาบอกกันด้วยละว่า มันคล้ายกับเทศกาลสงกรานต์บ้านเราหรือเปล่า….     ชมภาพบรรยากาศกันเลย . . .   คลิปบรรยากาศภายในงาน… .…

ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าสัตว์ตระกูลแมวนั้น เป็นเจ้านายของเหล่ามนุษย์ตลอดมา ไม่ว่าอะไรก็ตามพวกมันจะไม่ยอมตกอยู่ภายใต้คำสั่งของมนุษย์อย่างเราๆ เป็นแน่แท้ เช่นเดียวกับเจ้าแมวป่าตัวนี้ ที่มันไม่ยอมถูกขังเป็นเบี้ยล่างอยู่ในสวนสัตว์ตลอดไป มันจึงแอบขุดดินหนีออกไปเพื่อเสพอิสระภาพ   กลายเป็นเรื่องใหญ่เมื่อแมวป่า ยูเรเซียน ลิงซ์ (Eurasian Lynx) ชื่อว่าเจ้า Flaviu ที่อยู่ในการดูแลของสวนสัตว์ Dartmoor หายตัว หลบหนีจากสายตาของเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ไปได้อย่างไร้ร่องรอย   จากการตรวจสอบอย่างละเอียดก็พบว่ามันได้ทำการขุดกำแพงให้เป็นรูแล้วลอดออกไป ซึ่งในตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็กำลังออกตามหากันให้ควั่ก ทั้งส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตามหา หรือแม้แต่ส่งเฮลิคอปเตอร์ออกไปก็แล้ว แต่ก็ไม่พบ และล่าสุดก็ส่งโดรนออกไปและแล้วก็สามารถจับภาพของมันได้ พบว่ากำลังนอนชิลอยู่ที่ฟาร์มข้างๆ สวนสัตว์นี่เอง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังจับไม่ได้แต่อย่างใด หลังจากที่เข้าไปตรวจสอบแล้วพบเพียงแค่รอยเท้าเพียงเท่านั้น ทางสวนสัตว์ก็เลยตัดสินใจงดให้บริการสวนสัตว์เอาไว้ก่อน เพื่อออกตามหาตัวของเจ้า Flaviu ให้ได้     เอาล่ะเราลองมาทำความรู้จักกับเจ้าเหมียวป่าชนิดนี้กันก่อนดีกว่า จะได้เข้าใจว่าทำไมทางสวนสัตว์ถึงได้รีบออกตามหามันให้ควั่ก แมวป่านั้นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มักจะหาสัตว์เล็กกินเป็นอาหารเช่น กระต่าย หนู กระรอก หรือนก แต่บางครั้งมันก็กินสัตว์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอาหารอย่างเช่นกวาง เป็นต้น และไม่แน่ถ้ามันหิวมากๆ หรือรู้สึกว่ากำลังได้รับอันตราย อาจจะมีความเสี่ยงที่จะทำร้ายมนุษย์ได้ (ถึงมันจะไม่กินก็ตาม)     ด้วยขนาดลำตัวของมันที่มีความยาวจากหัวถึงหาง ประมาณ 120 เซนติเมตร และมีน้ำหนักมากถึง 20…

คนไร้บ้าน หรือ ขอทาน เราคิดยังไงกับพวกเค้ากัน…. ถ้าพวกเค้าเลือกได้ เชื่อว่าบางคนเค้าก็คงอยากทำงานทำการเหมือนเราๆเนี่ย และบางทีโอกาสของคนเราก็ไม่เหมือนกันเนาะ วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพาดูเรื่องราวดีดี ของคนไร้บ้านเนี่ยแหละ คือ เค้าก็เหมือนขอทานทั่วไปที่เดินขอเศษเงินจากคนอื่น แต่สิ่งที่เขาได้รับนั้น บอกเลย มันมีค่ายิ่งกว่าเศษเงินเสียอีก ยังไงละ??     เรื่องราวนี้เกิดที่ทางตอนเหนือของเมืองแมนเชสเตอร์ โดย Darren Wheatcroft เจ้าของภาพเล่าว่า ‘ชายไร้บ้านคนหนึ่ง เดินขอเงินคนที่ผ่านทั่วๆไป และเขาก็มีท่าทีสุภาพ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับเงิน แต่เขาก็ยังอวยพรให้วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับคนเหล่านั้นด้วย’   ต่อมาเขาได้เข้าไปขอเงินจากช่างทาสีคนหนึ่ง ช่างทาสีไม่มีเงินให้ แต่ก็ถามเขาว่า ‘ดื่มน้ำมั้ย?’ ชายไร้บ้านบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’ ช่างทาสีคนนี้ก็เลยไปคุยกับเพื่อนร่วมงานว่า ‘เราควรจะให้งานเค้าทำดีมั้ย?’  และเพื่อนๆ ต่างก็เห็นด้วย จากนั้น พวกเขาก็คุยกันนิดหน่อย แล้วชายไร้บ้านก็วางกระเป๋าลง แล้วหยิบแปรงทาสีขึ้นมาทำงาน     คนถ่ายภาพยังบอกเพิ่มว่า ชายไร้บ้านดูมีความสุขกับการทำงาน ระหว่างทำงานเค้าก็ได้พูดคุยกับเหล่าช่างทาสีด้วย ผู้คนที่ผ่านไปผ่านก็คุยกับพวกเขาเช่นกัน เราไม่รู้เลยว่าเขาตกลงค่าจ้างเอาไว้มากน้อยเพียงใด คาดว่าอาจจะเป็นกลุ่มช่างทาสีร่วมกันแบ่งเงินค่าจ้างวันนั้นคนละนิดละหน่อยให้เขา เพื่อจะได้มีเงินไปซื้ออะไรกินหรือใช้ชีวิตต่อไป… แต่มันก็เป็นเหตุการณ์ที่ให้แง่คิดอะไรหลายๆ อย่างเลยเนอะ   บางทีโอกาสอาจจะมีไม่เท่ากันในสังคม คนที่ดูไม่ค่อยดีหรือยากไร้…

พูดถึงแพะแล้ว เราคงนึกถึงฟาร์มเลี้ยงแพะ หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่มีแพะเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมหรือถ่ายรูป แล้วมีใครนำแพะมาเป็นสัตว์เลี้ยงบ้างมั้ย หมายถึงเลี้ยงแบบหมาแบบแมวอะไรนี่แหละ วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพามาเปิดหูเปิดตา ว่าจริงๆแล้ว แพะเนี่ยเป็นสัตว์ที่ฉลาดและสามารถเป็นเพื่อนกับมนุษย์ได้ดีพอๆกับสุนัขเลยนะ   โดยการศึกษาล่าสุดจาก มหาวิทยาลัย Queen Mary ของลอนดอน เปิดเผยว่า ‘แพะนั้นสามารถสร้างความผูกพันกับเจ้าของตัวเองได้…  แพะสามารถมองตาเจ้าของแล้วรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของเจ้าของได้ เมื่อพวกมันต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งลักษณะแบบนี้ ไม่ค่อยเกิดกับสัตว์อื่นๆยกเว้นสุนัข’     เพื่อพิสูจน์ว่าแพะฉลาดกว่าสัตว์อื่นๆ ทีมวิจัยได้ทดสอบโดยการใช้เครื่องมืออย่างเดียวกับที่วัดความฉลาดของลิง โดยในการทดสอบนี้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของแพะที่เดินเข้าไปในกล่องที่ปิดสนิทด้วยการใชัคันโยก ‘การทดลองครั้งแรกนั้น  ฝึกให้แพะเปิดฝากล่องแล้วค่อยเอาให้สิ่งตอบแทนให้มัน ส่วนในการทดสอบครั้งสุดท้ายนั้น กล่องถูกทำให้เปิดไม่ได้ และการตอบสนองของแพะก็คล้ายกับการตอบสนองของสุนัข คือมันหันไปหาเจ้า แล้วทำท่าอ้อนให้เจ้าของช่วย’ Dr Christian Nawroth ผู้วิจัยร่วมกล่าว       แพะยังถูกตั้งข้อสังเกตว่า มันจ้องมองคนนานขึ้นเมื่อคนหันมาสบตากับมัน แต่ถ้าคนไม่มองมัน มันก็จะไม่ค่อยจองมอง หรือจ้องคนน้อยกว่า และทักษะของมันอีกอย่างหนึ่งคือ มันสามารถทำอะไรแบบเดิมได้แบบไม่ต้องย้ำทั้งๆที่เวลาผ่านไป 4 ปีแล้ว     Dr Alan McElligott จากมหาวิทยาลัย Queen Mary บอกว่า “บางคนคิดว่า แพะกับแกะนั้นมีความฉลาดที่เท่าเทียมกัน…

เชื่อว่าหนึ่งในปัญหาที่คนขี้ร้อนต้องเจอเหมือนๆ กัน คือการที่เหงื่อออกบริเวณจุดซ่อนเร้นเช่น รักแร้ เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เสียบุคลิกเป็นอย่างมาก เพราะใครกันเล่าจะชอบให้มีรอยเปียกบริเวณรักแร้กัน แต่วันนี้ท่านกำลังจะได้พบกับทางสว่างแล้ว เพราะเรากำลังจะมีพัดลมเป่า “รักแร้” และ “จุดซ่อนเร้น” โดยเฉพาะ ทำให้ท่านไม่ต้องกังวลกับคราบเหงื่ออีกต่อไป!!     อุปกรณ์ดังกล่าวมีชื่อว่า Under the Armpit Cooling Device หรือ เครื่องทำให้รักแร้เย็น ผลงานจากบริษัท Thanko จากประเทศญี่ปุ่น   วิธีการใช้งานก็ไม่ยาก แค่เราหนีบตัวเครื่องเข้าไปที่สายแขนเสื้อ (ควรจะเป็นเสื้อแขนสั้นนะ) จากนั้นเครื่องก็จะเป่าลมเย็นๆ เข้าไปที่ใต้รักแร้ของเรา แค่นี้ก็ฟินสบาย สดชื่นเหมือนยืนบนไหล่เขาแล้ว   เจ้าเครื่องเป่าลมอันนี้ใช้พลังงานจากถ่านขนาด AAA สองก้อน ซึ่งสามารภใช้ง่านได้ 5-9 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับระดับความแรงของลมที่เราเลือก นอกจากนี้เรายังเอาสาย USB มาต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำเป็นพัดลมขนาดเล็กก็ได้นะ . . . .   สนนราคาของพัดลมเป่ารักแร้อันนี้อยู่ที่ 1,980 เยน หรือ ราว 700…

ถ้าพูดถึงการเผาแล้ว ที่บ้านเรามีการเผาป่าบนภูเขาสร้างมลพิษในภาคเหนือถือว่าเป็นปัญหาอย่างใหญ่หลวงที่แก้ไม่ตกจริงๆ แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปที่ญี่ปุ่นเพื่อไปชมการเผาแบบเดียวกันนี่แหละ แต่ต้องบอกก่อนกว่าการเผาของเขานั้นไม่ได้เผาเรื่อยเปื่อย เพราะมันเป็นเทศกาล “ยามะยากิ” แปลได้ว่าย่างภูเขานั่นเอง ในทุกๆ เดือนมกราคมของทุกปี ในเมืองนาราจะจัดเทศกาลนี้ขึ้นด้วยการทำให้ภูเขาลุกเป็นไฟ พร้อมทั้งขบวนแห่คบเพลิงและพลุมากมาย เปลี่ยนฤดูหนาวให้กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง     งานนี้จะจัดขึ้นทุกๆ วันเสาร์ที่สี่ของเดือนมกราคม โดยกลุ่มขบวนแห่คบเพลิงนั้นจะเดินไปตามทางของเมืองมุ่งสู่ภูเขาวากะกุสะ ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับไปแล้ว หลังจากนั้นก็ทำการย่างภูเขาให้ราบ พร้อมทั้งมีหน่วยควบคุมเพลิงให้ไฟไม่ให้ลามเกินขอบเขตด้วย     ไฟนั้นจะลุกไหม้ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับว่ามีต้นไม้แห้งอยู่มากแค่ไหน ซึ่งที่มาของเทศกาลนี้ยังไม่มีใครรู้ แต่ก็ทำต่อมาเรื่อยๆ และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว   . . . . . . . . .   เห็นได้ชัดเลยว่าส่วนที่เผาไปนั้นก็กลายเป็นสถานที่ที่ให้คนมาเยี่ยมชมและสวยงามมากๆ ไปนอนเล่นรับแดดคงจะฟินไม่น้อยเลย ที่มา Amusing Planet

เพื่อนๆ เคยมีประสบการณ์น่าขนลุกๆ บ้างมั้ย?? อย่างเช่นมีมดตลานออกมาจากหู แค่คิดก็น่าขนลุกแล้วใช่มั้ยล่ะ?? เหมือนกับสาวน้อยคนนี้ที่แพทย์ได้ช่วยนำมดออกจากหูให้นับเป็นพันตัว แต่ก็ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน มดก็ยังคลานออกจากหูเธอตลอดเวลา นี่มันฝันร้ายชัดๆ เลย   ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว สาวน้อยนามว่า Shreya Darji อายุ 12 ปี จากเมือง Deesa รัฐ Gujarat อยู่ทางตะวันตกของประเทศอินเดีย เธอไปพบแพทย์เพื่อไปรักษาการการระคายเคืองหู อาการของเธอค่อนข้างน่าวิตกเลยทีเดียว   แต่หลังจากตรวจแล้ว แพทย์ก็แทบช็อคเมื่อพบว่ามีมดเข้าไปอาศัยอยู่ในหูของเธอ ไม่ได้มีอยู่ตัวเดียว แต่มันเหมือนไปทำรังอยู่ภายใน   เธอเล่าว่ามันทำให้เธอลำบากมากๆ ทุกๆ วันจะมีมดนับสิบตัวคลานออกมาจากหูของเธอ และมักจะมีมดตัวใหญ่ๆ คลานออกจากหูเธออยู่เสมอ   ไม่ว่าจะเวลาเรียนหนังสือหรือเล่นกับเพื่อนๆ พวกมันส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตของเธอ เพื่อนๆ ก็มักจะพากันตื่นตกใจเมื่อมีมดคลานออกจากหูเธอ   ช่วงเวลานั้นพ่อแม่ของเธอหมดหวังมาก พวกเขาทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ตั้งแต่การรักษาด้วยแพทย์แผนทางเลือกไปจนถึงการแพทย์สมัยใหม่ แต่ก็ไม่สามารถกำจัดมดให้หมดไปได้   Jawahar Talsania อายุ 58 ปี แพทย์อาวุโสด้านหู คอ จมูก ที่รัฐ Gujarat กล่าวว่าเขาได้ดำเนินการทุกอย่างเพื่อค้นหาความผิดปกติของร่างกาย ไม่จะด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือด้วยลำแสงเอกซ์ แต่ก็พบว่าไม่มีความผิดปกติในร่างกายแต่อย่างใด   แพทย์กล่าวอีกว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมที่เธออาศัยอยู่…

เรื่องของปัญหาสุขภาพบางทีก็เป็นเรื่องใกล้ตัวที่น่ากลัวมากๆ เลยนะเนี่ย….   Sophie Cox หญิงสาวอายุ 23ปี จากกลอสเตอร์เชอร์ ประเทศอังกฤษ เธอเป็นโรคในคล้ายเคียงกับอาการโรคราพันเซล ซึ่งเป็นสภาวะทางจิตอย่างหนึ่ง มีนิสัยหรือพฤติกรรมที่ย้ำคิดย้ำทำ ดึงเส้นผมของตัวเองมากิน (ตอนหลับก็ด้วยเช่นกัน) และที่หนักยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เธอมีอาการนี้มา 7 ปีเต็ม     เธอใช้ชีวิตได้อย่างปกติ จนกระทั่งรู้สึกน้ำหนักลดอย่างเร็ว และมีอาการปวดท้อง   โดยในช่วงตุลาคม 2015 เธอจะอาเจียนออกมาทุกครั้งเมื่อกินอาหารและกระเพาะอาหารของเธอก็บวมขึ้น เธอบอกว่า “แพทย์สันนิษฐานว่า ฉันอาจจะเป็นโรคนิ่วหรือไม่ก็โรคกระเพาะอาหาร แต่สุดท้ายกับไม่ใช่” จนกระทั้งเดือนพฤศิกายน แพทย์ได้ทำการส่องกล้องเพื่อตรวจกระเพาะอาหาร กับพบก้อนผมขนาดใหญ่มาก ประมาณ 30 เซนติเมตร     ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเขาไม่เคยเห็นก้อนผมขนาดใหญ่แบบนี่มาก่อนใน 30 ปีที่ผ่านมา และอยู่ติดกับถุงน้ำดี   Sophie ต้องรออีก 4 เดือน จนกระทั่งถึงเดือนเมษายน จึงสามารถทำการผ่าตัดเอาก้อนผมในท้องเธอออกมาได้ โดยใช้เวลาผ่าตัดถึง 6 ชั่วโมง หลังจากมันออกมาแล้ว สามารถชั่งน้ำหนักได้มากถึง 14 ปอนด์ (ราวๆ 6…

คำว่า ผู้ต้องหา อาจจะฟังดูแล้วคนที่ถูกเรียกนั้น ทำความผิดอย่างรุนแรง ถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี แต่ใครจะรู้ว่ามีเรื่องราวดีๆที่ กลุ่มผู้ต้องหา กลุ่มหนึ่งที่ได้ทำเรื่องอันน่าประทับใจขึ้นในครั้งนี้   เรื่องราวดีๆนี่เกิดขึ้นที่ Parker County Jail เมื่อเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเกิดหมดสติกระทันหัน และในระหว่างนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่คนอื่นอยู่เลย นอกจากผู้ต้องหาที่ถูกคุมขัง จึงทำให้กลุ่มผู้ต้องหารวมตัวกันแหกคุกเพื่อออกมาช่วยเจ้าหน้าที่คนนั้น จะเห็นได้ว่า หลังจากออกมาได้แล้ว มีการเข้าไปตรวจสอบร่างกายของเจ้าหน้าที่คุมขัง รวมถึงตะโกนให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างนอกเข้ามา พวกเขาส่งเสียงดังลั่น เนื่องจากตรงนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่เลย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ชั้นบนลงมา     เจ้าหน้าที่ Ryan Speegle ผู้ที่มาถึงที่เกิดเหตุเป็นคนแรกได้เล่าว่าเขามีกุญแจ เขามีปืน พร้อมกับเห็นผู้ต้องหาหลุดออกมา มันช่างเป็นเหตุการณ์ที่ตัดสินใจยากว่าจะทำอะไรก่อนดี   ก่อนอื่นเรามาชมคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น… (นาทีที่ 0.50)   โดยผู้ต้องหาคนหนึ่งชื่อว่า Nick Kelton ให้สัมภาษณ์ว่า “จู่ๆเขาก็ล้มไปแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งอาจจะทำให้ตายได้เลย” อีกทั้งเขายังเล่าว่า พวกเขากลัวตำรวจที่เข้ามาพร้อมกับเอาปืนจ่อ เพราะตำรวจคิดว่าพวกเขาแหกคุกเพื่อจะหนีออกไปข้างนอก     สำหรับเจ้าหน้าที่ที่หมดสติไปนั้น ตอนนี้อาการปลอดภัยดี อาทิตย์หน้าสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ   ถือว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้เราไม่มองคนอื่นเพียงแค่ภายนอก แม้จะเป็นผู้ต้องหาที่โดนคดี…

ก็อย่างที่ใครหลายๆ คนรู้ว่าที่ประเทศออสเตรเลียนั้นเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากมาย มีสัตว์ป่ามากมายหลายชนิดที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่พวกมันอาศัยอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียเพียงที่เดียวเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น จิงโจ้ หมีโคอาล่า เป็นต้น ทำให้วิถีชีวิตของชาวออสเตรเลียนั้นใกล้ชิดกับสัตว์ป่ามากๆ เลยล่ะ เพราะฉะนั้นการที่ออกไปเที่ยวนอกบ้านแล้วกลับมากลางดึกพบกับตัวอะไรมานั่งเล่นอยู่บนโซฟาก็ไม่ต้องแปลกใจเลยทีเดียว   เช่นเดียวกับเรื่องราวของสองสาวชาวออสเตรเลียที่เป็นโฮมเมทกัน คือคุณ Michele Goodman และ คุณ Viki Haines เธอทั้งสองคนได้ไปออกทริปด้วยกันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และพอกลับมาถึงบ้านก็ต้องแปลกใจ เมื่อพบว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญสุดน่ารักมาเยี่ยมที่บ้านด้วย!!   เจ้าแขกที่ว่านั้นก็คือหมีโคอาล่าขนปุยที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาใกล้กับฮีตเตอร์ พร้อมกันหน้าไปทางทีวี อย่างสบายใจเฉิบ   พวกเธอรู้สึกลนลานและตื่นเต้นเป็นอย่างมากผิดกับแขกผู้แปลกหน้าที่นั่งนิ่งอยู่เฉยไม่ยอมขยับไปไหนเลย แต่พวกเธอก็ไม่ได้ทำอะไรกับมันมากนะ เพียงแค่ถ่ายรูปกับมันซักสองสามรูป แล้วก็ทิ้งให้มันนั่งอยู่บนโซฟาอย่างนั้นแหละ   คุณ Goodman เล่าว่าในพื้นที่ที่เธออาศัยอยู่นั้นเป็นบริเวณที่มีอากาศหนาวและฝนตกชุก เจ้าโคอาล่าก็เลยหนีเข้ามาเพื่อหาที่อุ่นๆ นอน   พวกเธอก็รู้ดีว่าเจ้าหนุ่มน้อยตัวนี้จะอยู่ที่นี่แบบนี้ตลอดไปไม่ได้ ก็เลยโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ในศูนย์อนุรักษ์หมีโคอาล่า Hunter Koala Preservation Society ให้มารับตัวมันไป   แหม่ นี่คงกะจะเนียนมานอนดูทีวี เล่นเกม กินขนมในตู้เย็นของบ้านเค้าแบบฟรีๆ แต่ดันผิดแผนเจ้าของบ้านเค้ากลับมาก่อนล่ะสิ๊ เจ้าหมีโคอาล่า 555+ ที่มา : Thedodo

Blacky แมวเหมียวแสนน่ารักส่งตรงมาจากประเทศนิวซีแลนด์ ตัวนี้ เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่า กว่ามันจะมีชีวิตที่สุขสบาย มันต้องผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายในชีวิตมามากมายเหลือเกิน และในวันนี้เราจะมาขอเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจของเจ้าเหมียวสีดำตัวนี้ให้คุณได้ฟังเอง บอกเลยว่ายิ่งรู้จักคุณจะต้องยิ่งหลงรักเจ้า Blacky มากขึ้นแน่ๆ     Blacky เป็นแมวเหมียวที่เกิดมาปกติๆ เหมือนแมวทั่วๆ ไป แต่หลังจากที่ดวงตาข้างซ้ายของมัน ถูกแมวตัวอื่นข่วนจนกระจกตาฉีกขาด ดังนั้นแพทย์จึงจำเป็นที่จะต้องนำดวงตาของมันออก จนทำให้มันสูญเสียตาข้างซ้ายไป และกลายเป็นแมวตาเดียวมาจนถึงทุกวันนี้     ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเจ้า Blacky จะมีเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรหนักหนา เพราะ 4 ปีต่อมามันก็ดันมาถูกรถชน จนทำให้ขาหลังของมันทั้ง 2 ข้าง กลายเป็นอัมพาต และใช้การไม่ได้ เนื่องจากเส้นประสาทที่ไขสันหลังได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงนั่นเอง     และถึงแม้ว่าขาหลังทั้งสองข้างของมันจะพิการ แต่มันก็ยังสามารถเดินและใช้ชีวิตได้เหมือนแมวทั่วไป เพราะอย่างน้อยขาหน้าของมันยังใช้งานได้ แถมขาหลังยังใส่วีลแชร์ หรือรถเข็นสำหรับสัตว์ที่ขาพิการ เพื่อช่วยให้มันสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง     ถึงชีวิตจะเจอเรื่องราวอันเลวร้ายมามากมาย แต่ทุกวันนี้ชีวิตของเจ้า Blacky ก็มีความสุขดี แถมยังได้กลายเป็นเซเลปเหมียวผู้โด่งดังในโลกโซเชียล เพราะตอนนี้ (9 กรกฎาคม 2559) มีคนเข้าไปติดตามชีวิตของมันในเฟสบุ๊คแล้วกว่า  40,732…

ปัจจุบันโลกของเรามีการเปิดกว้างในเรื่องของเพศเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นชายรักชายหรือหญิงรักหญิงผู้คนสามารถเปิดเผยรสนิยมของตัวเองได้โดยไม่ต้องอับอาย เพราะกลายเป็นที่ยอมรับกันในสังคมแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยแนวความคิดแบบดั้งเดิมในอดีตที่ชายต้องคู่กับหญิงเท่านั้นก็ยังคงหลงเหลืออยู่เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นเมื่อลูกๆ รู้ตัวว่าตัวเองมีรสนิยมทางเพศที่ชอบเพศเดียวกัน ก็มักจะรู้สึกเกรงกลัวเมื่อต้องบอกให้ผู้ปกครองรับรู้ เป็นต้น   เหมือนกับเรื่องราวของ Gina สาวชั้นมัธยมปลายวัย 16 ปี ที่อาศัยอยู่ใน California คนนี้   Gina เล่าว่า เธอเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองมีรสนิยมชอบเพศเดียวกันเมื่อประมาณปีที่ผ่านมา และเธอก็เริ่มคิดหาทางที่จะบอกเรื่องนี้ให้กับครอบครัวได้รับรู้   และแน่นอนว่าเธอต้องบอกความจริงด้วยตัวเอง แต่นิสัยของเธอดั๊นไม่ใช่คนที่จะแบบว่านั่งจับเข่าคุยกันแบบซีเรียสอะไรแบบนี้ซะด้วยสิ ก็เลยตัดสินใจที่จะทำให้มันเป็นโมเม้นต์ที่สุดสนุก Gina ก็เลยวางแผนพาแม่ของเธอไปเที่ยวสวนสนุก Disneyland เพื่อไปเล่นเครื่องเล่น Splash Mountain ด้วยกัน ทำไมต้องเป็นเจ้าเครื่องเล่นนี้น่ะเหรอ? ก็เพราะว่าเค้ามีบริการถ่ายรูปขณะที่เล่นเครื่องเล่นนี้ด้วยยังไงล่ะ     จากนั้นพอถึงเวลาจุดที่กล้องจะจับภาพเธอก็ยกแผ่นป้ายที่เธอเตรียมมา มีข้อความว่า “I’m Gay” (คำว่า Gay ก็ใช้กับผู้หญิงได้นะ) หลังจากที่เล่นเสร็จเธอก็ไปรับรูปแล้วก็เอาให้แม่ของเธอดู คุณแม่ก็ส่งให้พ่อและพี่ชายดูด้วย ปรากฏว่าพวกเขาเข้าใจและไม่ได้โกรธอะไรเธอเลยแม้แต่น้อย   หลังจากนั้นเธอก็นำรูปภาพนี้ไปโพสต์ลงในทวิตเตอร์ ก็ทำให้มีผู้คนเข้ามาแสดงความยินดีกับเธอกันมากมาย โดยมียอดไลค์ถึง 11,000 ครั้ง และมีคนกดรีทวีตไปกว่า 6,250 ครั้งเลยทีเดียว   ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความยินดีกับหนู…

เราก็คงจะพอรู้กันอยู่แล้วว่าแถบสแกนดิเนเวียเป็นสถานที่ที่มีธรรมชาติสวยงาม โดยเฉพาะในประเทศนอร์เวย์ อันเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คน ใฝ่ฝัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าประเทศนอร์เวย์ เลิกใช้คนและหันมาใช้ ‘แกะ’ มาเป็นพรีเซนเตอร์โปรโมทการท่องเที่ยว อย่างที่เราได้เห็นกันผ่านแฮชแท็ก#SheepWithAView และอินสตาแกรม sheepwithaview  คงจะฮาและเกรียนมากแน่ๆ   ” เรียกฉันว่า Kari-nerys Baaa-rgaryen ผู้เป็นแม่ของแกะทั้งหลาย ผู้เฝ้าประตูฟาร์ม ผู้เป็นราชชินีแห่งแกะ และเป็นแกะตัวแรก ราชินีแห่งหมู่เกาะทั้งหลาย Baaa-halesi “   “ฉันน่ะพาสาวๆมาที่ฟาร์ม แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอจะสนใจแต่  Lars ซะงั้น”   “บางคนบอกว่า มันต้องกินหญ้าชุบทองแน่ๆ บางคนก็บอกว่า มันขนนุ่มยิ่งกว่าผ้ากำมะหยี่ซะอีก เจ้าแกะ Lars ผู้เป็นตำนานจาก Trøndelag”   “มันรักการผจญภัย รักการกินหญ้า ชอบเดินป่า และเพลิดพลินกับการชมทัศนียภาพ”   “Gigi Hadid กับท่าทีที่สง่างาม  มันคงคิดว่าตัวเองเป็นนายแบบอยู่ละสิ”   “มาเจอกับเจ้าตัวนี้ที่ Dovrefjell  บอกฉันทีว่ามันคือ แกะ 3 ตัวที่กำลังใส่ผ้าคลุมขนยาวอยู่ใช่มั้ย??”   “มาผ่อนคลาายที่  Alesund บน…

หากเราได้ติดตามข่าวบ่อยๆ ในหน้าร้อน เรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับ การปล่อยเด็กไว้ในรถ จนทำให้เด็กเสียชีวิต หรือต้องทุบกระจกช่วยเหลือออกมา เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเกิดจากความสะเพร่า ไม่ทันระวัง สุดท้ายก็ต้องเจอกับความสูญเสีย และเรื่องที่ #เหมียวขี้ส่อง จะไปพาไปดูวันนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในหน้าร้อนเช่นกัน ไม่ใช่กับคน แต่เป็นสุนัข เรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่จะย้ำเตือนให้เราระวังมากขึ้น หากเราเลี้ยงหมาด้วย เรายิ่งต้องใส่ใจให้มากๆ     RSPCA (Royal Society for the Prevention of Cruelty to Animals) ได้เปิดเผยภาพของ Rottweilers 2 ตัวที่ถูกปล่อยไว้ในรถ ในขณะที่เจ้าของอยู่ในงานเทศกาล Creamfields โดยการเปิดเผยภาพนี้ เพื่อจะเตือนคนที่เลี้ยงหมาทั้งหลายว่า มันอันตรายแค่ไหน หากคุณปล่อยหมาไว้ในรถ โฆษกบอกว่า “อย่าปล่อยหมาของคุณไว้ในรถ หรือ ในห้องที่ปิดด้วยกระจก หรือที่ไหนก็ตามมีทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว” ตัวอย่างเช่น ‘อุณหภูมิข้างนอก 22 องศา แต่แค่ไม่ถึงชั่วโมง มันจะทำให้อุณหภูมิในรถสูงถึง 47 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่อาจทำให้ถึงตายได้’     ภาพนี้แสดงถึงให้เห็นถึงความน่ากลัวของอุณหภูมิที่ Rottweilers…

แน่นอนว่านาทีนี้ก็คงไม่มีอะไรที่ฮอตฮิตไปกว่าเกมมือถือของการ์ตูนชื่อดังระดับโลกอย่าง Pokemon Go อีกแล้ว ที่จะมาเชิญชวนให้ทุกคนออกไปผจญภัยและจับเหล่าโปเกมอนกัน หลังจากเปิดบริการไปได้เพียงแค่ 2 วันก็ทำให้มีผู้คนออกไปจับโปเกมอนกันทุกหนทุกแห่ง จนเรียกได้ว่าติดกันงอมแงมเลยทีเดียว ฮร่า ไม่เว้นแม้แต่พ่อหนุ่ม Jonathan Theriot ที่กำลังจดเป็นพ่อคนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี่อยู่แล้วเชียว แต่ก็ไม่วายที่จะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อจับโปเกมอน ทั้งๆ ที่เมียกำลังจะคลอดอยู่ตรงหน้านี่แล้วเชียว 555+   เรื่องมีอยู่ว่าในวันนั้นภรรยาของเขากำลังนอนอยู่บนเตียงรอเวลาที่จะคลอดลูกในอีกไม่กี่อึดใจด้วยการผ่าคลอด จู่ๆ ก็มีโปเกมอนโผล่ขึ้นมาบนเตียงนอนที่คุณภรรยากำลังนอนอยู่มันอดใจไม่ไหวก็เลยจับไว้ซะเลย หลังจากนั้นเขาก็แคปภาพหน้าจอขณะที่กำลังจับเจ้าโปเกมอน โดยมีฉากหลังเป็นภรรยาของตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงเพื่อรอทำคลอดมาอัพลงเว็บไซต์ Reddit พร้อมกับให้แคปชั่นว่า “เมื่อเมียกำลังจะคลอดลูก จู่ๆ ก็มีโปเกมอนโผล่ขึ้นมา รออะไรอยู่ล่ะจับมันสิ!!”   หลังจากที่ภาพถูกแชร์ออกไปก็ทำให้มีผู้คนหลั่งใหลเข้ามาชมกันเป็นจำนวนมาก เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็มีคนเข้าชมกว่า 82,000 คนแล้ว พร้อมกับคอมเม้นต์อีก 100 กว่าคอมเม้นต์ ซึ่งหลายๆ คนก็มาตำหนิว่าคุณ Theriot นั้นเป็นสามีที่แย่มากๆ เพราะในช่วงเวลาที่สำคัญยังมาทำอะไรไร้สาระแบบนี้ได้ แต่เขาก็มาโต้ตอบอย่างทันควันว่าที่ภรรยาของเขาไม่ได้สนใจอะไรหรอกเพราะเธอเข้าใจดี และสนับสนุนในการเป็นโปเกมอนเทรนเนอร์ของเขาอีกต่างหาก นอกจากนี้เขายังเข้าไปคอมเม้นต์ใน Reddit อีกว่า ภรรยาของเขายังแนะนำให้ออกไปหาจับโปเกมอนรอบๆ โรงพยาบาลดูน่าจะมีเยอะเลยล่ะ เพราะตอนที่เข้าห้องผ่าตัดถึงยังไงเขาก็เข้าไปด้วยไม่ได้อยู่ดี (พร้อมกับถ่ายภาพแนบมาด้วยอีกต่างหาก)     ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความเป็นพ่อขณะที่เขาเดินจับโปเกมมอนไปรอบๆ…

การต่อสู้กันของสัตว์ป่านั้น นับเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะต่อสู้กับพวกเดียวกันหรือต่างสายพันธุ์ แต่ทั้งหมดก็เรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้น และเป็นความสมดุลอย่างหนึ่งในธรรมชาติ แน่นอนว่า แน่นอนว่า ผู้ล่ากับผู้ถูกล่าก็ย่อมต้องมีการปะทะกันอยู่เสมอ ปกติเราจะคุ้นชินกับภาพในสารคดีสัตว์โลก ของจระเข้ที่หมายจะเอาชีวิตวัวป่าวีลเดอบีสต์ แต่มันแตกต่างไปเพราะคราวนี้มี ฮิปโป มาแจมด้วย!!?? โดยเรื่องราวนี้ถูกบันทุึกโดยช่างภาพ Neil Goodes ชาวออสเตรเลียวัย 60 ปี…   วัวป่าตัวหนึ่งกำลังกินน้ำอยู่ริมน้ำ Sabi Sands ของแอฟริกาใต้   แต่มันโชคร้าย ที่ต้องเจอเข้ากับจระเข้ผู้หิวโหยตัวหนึ่ง ตรงเข้าไปงับกรามของมัน   วัวป่าพยายามจะดิ้นให้หลุดจากปากของจระเข้ แต่ดูเหมือนจระเข้จะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ จระเข้พยายามลากวัวป่าลงน้ำ และดึงวัวให้ห่างจากฝั่ง   จรเข้พยายามม้วนตัวให้อยู่รอบตัวมัน และดึงวัวป่าลงใต้น้ำ   จระเข้คิดว่า นี่เป็นวัวป่าจะเป็นอาหารของมันตัวเดียว แต่แล้ว… แถ่น แทน แถ๊นนนนนน   ฮิปโปตัวหนึ่งโผล่มาร่วมท้าชน เหมือนวัวป่าจะจะเจอกับสถานการณ์ที่แย่ลงกว่าเดิม เพราะทั้งฮิปโปและจรเข้ ต่างก็เป็นสัตว์ที่น่ากลัวที่สุดในแอฟริกาใต้   ฮิปโปพยายามจะแยกวัวป่าออกจากจรเข้ โดยการดำน้ำลงไปแล้วดันหัวขึ้นมา่ใต้คอวัวป่า เพื่อให้มันหลุดจากปากจรเข้   ฮิปโปสู้กับจรเข้อย่างดุเดือด (ลืมไปเลยว่าเป็นมังสวิรัติ) เหมือนพยายามจะแย่งเจ้าวัวป่าให้ได้…

และนี่คือเรื่องราวของตำรวจผู้น่าชื่นชมอย่างยิ่ง…..   ชายคนหนึ่งชื่อ Jaden Bashaw ในขณะที่เขากำลังเดินทางกลับบ้าน เขาสังเกตเห็นอะไรแวบๆ ในท่อระบายน้ำเลยเข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่า มันคือ เจ้ากวางน้อย ที่กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เขาจึงโทรแจ้งตำรวจท้องถิ่นให้ทราบ และแล้วเขาก็ได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ Dave Shinaver ผู้ไม่รีรออะไรทั้งนั้น รีบให้ความช่วยเหลือเจ้ากวางน้อยทันที   นี่คือ กวางน้อยที่ติดอยู่ในท่อระบายน้ำ กำลังรอความช่วยเหลือ   เจ้าหน้าที่ Shinaver จึงไม่รอหน่วยช่วยเหลือ ตัดสินใจเปิดฝาท่อระบายน้ำ และลงไปในท่อด้วยตัวเอง   โชคดีที่ตอนนั้นไม่มีน้ำขัง แต่ถ้าเป็นช่วงฝนตกหนัก ก็น่าคิดเหมือนกันว่ามันอาจจะไม่รอดก็ได้ และแล้วเจ้ากวางน้อยก็ถูกช่วยออกมาได้อย่างปลอดภัย   ช่วยออกมาได้แล้วทำยังไงต่อ ปล่อยกลับเฉยๆเหรอ ไม่ใช่… ต้องถ่ายเซลฟี่ดิ   แล้วค่อยปล่อยให้เป็นอิสระ…   คลิปการช่วยเหลือครั้งนี้ (ใครชมไม่ได้ คลิกที่นี่นะ) Jaden Bashaw & Officer Dave Shinaver helped rescue a baby deer from…

สำหรับเหล่าทาสหมาทาสแมวทั้งหลาย มักจะแสดงความรักกับน้องหมาน้องแมวของตัวเองบ่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยการกอดหอม หรือจุ๊บเบาๆ จนหลีกเลี่ยงการเลียของพวกมันไม่ได้เลย แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่าการปล่อยให้สุนัขหรือแมวเลียหน้านั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีนักหรอกนะ เพราะว่าในน้ำลายของพวกมันนั้น อาจจะมีเชื้อแบคทีเรียที่สามารถส่งผลกับร่างกายของเราได้ อย่างเช่นในข่าวนี้…   เว็บไซต์ Daily Mail เผยเรื่องราวของคุณยายชาวอังกฤษวัย 70 ปี ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังจากพบว่ามีอาการล้มพับหมดสติไป     พอเข้าไปรักษาตัวก็พบว่ามีอาการสับสน ปวดหัว ไข้สูง ท้องเสีย ไตเริ่มลดการทำงาน และติดเชื้อในกระแสเลือดอีกด้วย หลังจากตรวจสอบประวัติก็พบว่า เธอเลี้ยงสุนัขพันธุ์ Italian Greyhound จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบรอยแผลถูกข่วน ถูกกัด แต่อย่างใด จึงคาดว่าน่าจะมีการติดเชื้อจากเชื้อโรคในน้ำลายสุนัข     และจากผลการตรวจเลือดของเธอก็พบว่ามีเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Capnocytophaga canimorsus ที่มักจะพบในปากของมะหมาและเจ้าเหมียวทั้งหลาย ซึ่งมันสามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันต่ำ การติดเชื้อนี้จะเกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่ออ่อน อย่างเช่น เหงือก ตา เป็นต้น โชคดีที่คุณยายรอดมาได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลารักษาตัวนานถึง 1 เดือนเต็มเลยทีเดียว!!   เพราะฉะนั้นใครรู้ตัวว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันก็อย่าปล่อยให้น้องหมาและน้องแมวเลียหน้ากันด้วยนะจ๊ะ ^^ ที่มา :…

ไม่ว่าจะเป็นในต่างประเทศ หรือบ้านเรา หากถึงช่วงเวลาที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้เริ่มออกมาหาเสียง สิ่งเราจะเห็นกันก็คือสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เช่น ใบปลิว แผ่นพับ รวมไปถึงป้ายโปสเตอร์หาเสียง และแน่นอนว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว ป้ายหาเสียงเหล่านั้น มักจะเป็นภาพของผู้ลงสมัครใช่ไหมละ แต่สำหรับ Satoshi Shima หนึ่งในผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งจากญี่ปุ่นคนนี้ เกิดปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิดขึ้นมา โดยการทำป้ายโปสเตอร์หาเสียงที่น่าสนใจ และแปลกกว่าผู้ลงสมัครคนอื่นๆ ก็คือ…   แทนที่จะใส่ภาพของตัวเองเพียงแค่คนเดียว แต่กลับเพิ่มแมวเหมียวยักษ์สีขาว มาร่วมแจมในป้ายหาเสียงของเขาแบบนี้…   ในขณะที่ภาพโปสเตอร์ของผู้ลงสมัครคนอื่นๆ เป็นรูปแบบเดิมๆ ที่เคยเห็นกันจนชินตา .   แต่ของคุณ Satoshi Shima กลับดูแหวกแนวกว่าคนอื่นๆ   แม้ว่าโปสเตอร์เหล่านี้ อาจดูตลกในสายตาของคนอื่นๆ แต่เขาก็ยังนำภาพโปสเตอร์ที่มีภาพของเจ้าเหมียวมาใช้ในการหาเสียงจริงๆ แถมยังนำภาพของมันติดเคียงคู่กับภาพของเขาบนรถหาเสียงอีกด้วย     นอกจากนี้ คุณ Satoshi ยังได้โพสต์ภาพป้ายโฆษณา พร้อมกับเขียนข้อความติดตลกลงในทวิตเตอร์อีกว่า “หากคุณเจอโปสเตอร์หาเสียงของผมที่แมวสีขาวแล้ว มันจะทำให้คุณมีความสุขขึ้นมาแน่นอน”     ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าภาพโปสเตอร์หาเสียงดังกล่าว จะมีผลต่อการหาเสียงของเขาหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นการสร้างสีสัน และเรียกรอยยิ้มให้กับประชาชนได้ไม่น้อยเลยล่ะ   .  …

ในทุกๆ ปีจะมีการจัดอันดับสาวสวยจากสำนักต่างๆ กันจนเป็นธรรมเนียมไปแล้ว ซึ่งล่าสุดเว็บไซต์ Wonderlist ก็ได้จัดอันดับสาวสวยคนดังจากทั่วโลกในหลายๆ วงการ ในการจัดอันดับต่างๆ จะมีพื้นฐานการให้คะแนนเช่นความแข็งแรงของร่างกาย ความเฉลียวฉลาด ความเป็นที่ปราถนา ความนิยม ความมีเสน่ห์ แต่ในรายชื่อของสาวๆ ที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้จะเป็นรายชื่อของสาวๆ ที่ให้แรงบันดาลใจแก่คนทั่วโลก ลองไปดูกันว่าใครได้อันดับไหนกันบ้าง!?   10. Pia Wurtzbach หญิงสาวชาวฟิลิปปินส์ ผู้คว้าตำแหน่ง Miss Universe 2015 เธอเป็นทั้งนางแบบและนักแสดง จึงไม่แปลกที่เธอจะติดอยู่ในอันดับ 10   9. Emilia Clarke คาลีซีแห่งซีรี่ส์ Game of Thrones เธอเป็นสาวอารมณ์ดียิ้มง่าย ทำให้ใบหน้าของเธอดูมีเสน่ห์สุดๆ   8. Adriana Lima หนึ่งในนางแบบสาวสวยผู้เคยเป็นนางแบบให้กับแบรนด์ชุดชั้นในชื่อดัง Victoria’s Secret Angel’s และเคยติด 1 ใน 100 สาวเซ็กซี่ของนิตยสาร Maxim ด้วย   7. Priyanka Chopra ครั้งหนึ่งเธอเคยเข้าประกวด…

อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่า ‘หมี’ นั้นเป็นสัตว์ป่าที่มีความอันตรายเป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ ด้วยความใหญ่โตของตัวมันทำให้มีพละกำลังมหาศาล พร้อมกับกรงเล็บและคมเขี้ยวที่แหลมคม สามารถแยกชิ้นส่วนของเหยื่อเป็นชิ้นๆ ได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที จนทำให้เรื่องราวของนักรบที่เก่งกาจในอดีตนั้นถูกนำไปเปรียบเปรยว่าพวกเขาสามารถต่อสู้กับหมีได้ด้วยมือเปล่าเลยทีเดียว และในวันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวของคุณปู่คนหนึ่งที่ไปเจอหมีโดยบังเอิญ แต่เขากลับไล่มันไปได้ด้วยมือเปล่า มาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกัน     เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาคุณปู่ Rick Nelson อดีตนักมวยอาชีพ วัย 61 ปี ได้พาหมาของเขาออกไปเดินเล่นตามปกติในเมือง Sudbury ประเทศแคนาดา แต่ระหว่างทางจู่ๆ เขาก็ได้พบกับเจ้าลูกหมีตัวน้อยโผล่ออกมาด้านหลังขอนไม้ ทั้งคู่จ้องหน้ากันอยู่สักพัก เจ้าลูกหมีก็ร้องออกมา เหมือนกับว่าร้องเรียกหาแม่มันยังไงยังงั้นเลย…     คุณปู่ Rick เห็นแบบนี้ก็ชักรู้สึกหวั่นใจว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่นอน หลังจากนั้นแม่หมีตัวใหญ่ก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ใหญ่แสดงท่าทีปกป้องลูกน้อยของมัน     ในตอนนั้นคุณปู่ Rick เล่าว่า ไม่มีเวลาให้หนี หรือแม้แต่แกล้งตาย เขาก็เลยตัดสินใจที่จะสู้กับมันด้วยมือเปล่า คุณปู่ประเดิมด้วยการสาวหมัดเพื่อที่จะขู่ไล่มันออกไปในทีเดียว แต่ดันพลาดเป้าถูกสวนกลับมาด้วยกรงเล็บถึงสองครั้งเกิดเป็นรอยแผลที่บริเวณหน้าอกและใบหน้าของเขา จากนั้นคุณปู่ก็ถอยออกมาตั้งหลักแล้วก็ปล่อยหมัดฮุคเข้าไปอีกรอบ คราวนี้โดนเข้าไปเต็มๆ หน้าของมันแบบจังๆ จนทำให้แม่หมีถึงกับผงะถอยหลังออกไป สักพักเจ้าลูกหมีก็ส่งเสียงร้องอีกรอบเหมือนกับส่งสัญญาณว่าให้ไปจากที่นี่กันเถอะ  …

หากพูดถึงโรงงาน เราคงจะนึกถึงเครื่องไม้ เครื่องมือที่เป็น เครื่องจักร เพราะปัจจุบันนี้ใช้เครื่องจักรมากกว่าแรงงานคน แต่ถ้าสมัยก่อนละ พวกเขาไม่ได้มีเครื่องมือเพรียบพร้อมเหมือนปัจจุบัน แล้วพวกเขาทำงานกันยังไง #เหมียวขี้ส่อง ขอพาทุกคนย้อนไปดูภาพ โรงงานในอดีต เพื่อดูว่า สภาพโรงงานเป็นยังไง แล้วพวกเขาทำงานกันยังไง ด้วย 15 ภาพ ที่หลายคนไม่เคยเห็นแน่นอน   1. แรงงานในช่วงพัก ณ โกดังเก็บชาอินโดนีเซีย ประมาณปี 1860   2. เหล่าแรงงานสร้างเรือ ณ โรงงานวิศวกรรมในลอนดอน   3. คนงานใช้เครนระบบไอน้ำเพื่อวางกระบอกปืนให้เข้าที่   4. แรงงานเด็กกำลังทำงานที่โรงงานทอฝ้าย โดยมีผู้ใหญ่คอยคุมไม่ห่าง   5. เหล่าแรงงานหญิงในกระบวนการผลิตอัลบั้มของ The Beatles ที่มีชื่อว่า “Rubber Soul”   6. ที่โรงงานเย็บผ้าแห่งนี้ ผู้หญิงจะต้องสวมหมวกกระดาษ ซึ่งอาจจะดูแปลกไปซะหน่อย   7. กฏหมายเกี่ยวกับแรงงานเด็กไม่ได้มีทุกที่เสมอไป เด็กหนุ่มคนนี้กำลังปั่นล้ออยู่ที่โรงงานฝ้าย ในแมนเชสเตอร์ประเทศอังกฤษ  …

เนื่องจากเกิดฝนตกหนักและทำให้น้ำท่วมในประเทศจีน จนส่งผลให้เกษตรกรในมณฑลอานฮุย อาจจะต้องทิ้งหมูที่เลี้ยงไว้กว่า 6,000 ตัว เพราะติดอยู่ในคอก และสถานการณ์น้ำท่วมทำให้ไม่สามารถนำมันออกมาได้ ในขณะเดียวกันมีภาพ นายหลี่ เสี่ยวป๋อ ผู้จัดการฟาร์มสุกรที่กำลังร้องไห้เพราะอาจจะต้องสูญเสียสุกรทั้งหมด หลังจากน้ำท่วมถึงระดับคอของพวกมัน…   เมื่อเรื่องราวดังสู่โลกออนไลน์ ชาวเน็ตนับพันร่วมกดดันให้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือมันสักหน่อย เพราะชีวิตนับพันนั้นไม่ควรต้องมาตายอย่างสูญเปล่าเช่นนี้เลย หลังจากมันติดอยู่ในน้ำนานกว่า 20 ชั่วโมง ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปยังบริเวณที่ถูกน้ำท่วม และพยายามช่วยเหลือพวกมันออกมาโดยใช้รถแทรกเตอร์และรถบรรทุก แต่ไม่มีรายงานว่าพวกมันได้รับการช่วยเหลือมากน้อยเพียงใด อย่างน้อยก็ยังดีกว่าที่พวกมันทั้งหมดต้องตายไปแน่นอน   บรรยากาศการช่วยเหลือเหล่าหมูในครั้งนี้ . . . . .   เราไปชมวิดีโอการช่วยเหลือ เจ้าหมูพวกนี่กันดีกว่าครับ!!!   ภาพสุดท้ายนี่คงจะสามารถสื่อออกมาได้ว่า เกษตรกรดีใจแค่ไหนเมื่อทีมกู้ภัยและอาสาสมัครมาช่วยเหลือเจ้าหมูของเขา   #เหมียวฟูๆ ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านเรื่องร้ายๆ เหล่านี่ไปได้โดยเร็วนะครับ สู้ สู้!! ที่มา : Metro , Telegraph , Shanghaiist

เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในประเทศจีนจนทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรงในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งอยู่ตามแนวแม่น้ำแยงซี เผชิญฝนตกหนักตลอดทั้งสัปดาห์ ได้รับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยสูงถึง 56 เซนติเมตร มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง ถนนและสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งถูกน้ำท่วม ขณะที่บริการรถไฟก็ถูกยกเลิกด้วย ไฟฟ้า ประปา ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักไปด้วยเช่นกัน เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนในบริเวณนั้นเกือบ 10 ล้านคน และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาหวู่ฮั่นออกแจ้งเตือนภัยขั้นสีแดง นั้นคือ “ระบบเตือนภัยสูงที่สุด”   นี่คือสภาพของสถานีรถไฟใต้ดิน . .   บริเวณบางส่วนของเมืองที่ท่วมไม่มาก .   แต่บางส่วนนั้นก็ต้องถือว่าท่วมหนักมากจริงๆ . .   สภาพภายนอก . . .   ภาพถ่ายจากทางอากาศ . .   บางรายถึงกับต้องนำม้าออกมาลุยน้ำท่วม   เห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวแล้วเราจะรู้สึกถึงความรุนแรงชัดเจน . . .   ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง แห่งประเทศจีน เดินทางลงพื้นที่ในมณฑลหูเป่ย เพื่อควบคุมดูแลและทำการช่วยเหลือประชาชน…. นอกจากนั้น ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ออกคำสั่งให้กองทัพยกระดับความช่วยเหลือออกไปทั่วประเทศ!!!  …

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวสุดประทับใจของ Bethy Campbell และสามีของเธอ Pasey Pettitt คู่รักที่เกิดตกหลุมรักเจ้า Muffin แมวเหมียวลายส้มแสนน่ารัก เข้าอย่างจัง หลังจากที่ได้เห็นภาพของมันผ่านทางอินเทอร์เน็ต ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทั้งคู่ ได้ตัดสินใจเดินทางข้ามรัฐไปกลับด้วยระยะทางกว่า 5,632 กิโลเมตร เป็นเวลาถึง 4 วัน เพื่อไปรับเจ้า Muffin มาดูแล   สุดยอดดด!! ขอยกนิ้วให้กับคู่รักทาสแมวคู่นี้เลยจ้า   เพราะความน่ารักแบบนี้นี่เอง เลยทำให้พวกเขาตกหลุมรักเจ้าเหมียวทันที ซึ่งทั้งคู่ก็ได้ทำการจ่ายเงิน พร้อมทั้งได้เดินทางออกจากรัฐวอชิงตัน ไปยังรัฐไอโอวา ด้วยระยะทางกว่า 2,735 กิโลเมตร นอกจากนี้ ทางกลุ่มกู้ภัย Agape Fosters ผู้ที่ได้นำภาพของมันไปโพสต์ลงในเว็บไซต์ ก็ได้ส่งภาพของเจ้า Muffin ไปให้พวกเขาอีกครั้งเพื่อถามความตั้งใจเค้าอีกครั้ง พร้อมส่งข้อความมายืนยันว่าทั้งคู่ได้รับการอนุมัติในการนำเจ้าเหมียวไปดูแล       หลังจากนั้นก็ให้พวกเขาเดินทางไป Muffin ที่กำลังรออยู่ที่มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ Agape Fosters ที่อยู่…

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยว่า ในขณะที่เที่ยวบินของสายการบิน Rossiya Airline กำลังจะมุ่งหน้าออกจากกรุงมอสโก สู่เมืองวลาดีวอสตอค ของประเทศรัสเซีย ในอีกไม่กี่นาทีนั้น… จู่ๆ ก็มีหญิงวัย 40 รายหนึ่ง ขอลงจากเครื่องบินโดยด่วน ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง งานนี้จึงทำให้ไฟล์ทบินเป็นอันต้องดีเลย์ไปนานกว่า 7 ชั่วโมงเลยทีเดียว     ด้านผู้โดยสารรายหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ได้เผยว่า หญิงรายนี้กำลังทะเลาะกับสามีของเธอ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเธอทะเลาะผ่านโทรศัพท์ หรือผู้เป็นสามีเองก็อยู่บนเครื่อง จนทำให้หญิงคนดังกล่าวได้ตัดสินใจหย่ากับเขาทันที     หลังจากนั้น เธอก็รีบเดินไปเรียกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ให้พาเธอออกจากเครื่องบินโดยด่วน เพราะไม่มีอารมณ์จะเดินทางอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้โดยสารกว่า 500 ราย ต้องจำใจลงจากเครื่อง และเดินทางกลับไปยังสนามบินอีกครั้ง     จากคลิปวีดีโอแสดงให้เห็นว่า ผู้โดยสารส่วนใหญ่ไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ด้วยข้อบังคับด้านความปลอดภัยในการบิน จึงทำให้พวกเขาต้องทำตามกฎ   (ชมคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่) เฮ้อ…เป็นเพราะอารมณ์ฉุนเฉียวของคนๆ เดียว เลยต้องทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปด้วย น่าเห็นใจจริงๆ ที่มา : mirror

ทุกวันนี้การซื้อเคสมาใส่โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนของตนเองถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ทำกัน โดยในตลาดก็มีเคสน่ารักๆ ให้เลือกใช้มากมาย ตอบสนองความชื่นชอบของแต่ละคน แต่ถ้าใครเบื่อๆ เคสแบบธรรมดาๆ เหล่านั้น วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้ชมเคสแปลกๆ สุดสยองจากฝีมือของศิลปิน Morgan Loebel ที่รับรองว่าเพื่อนๆ เห็นแล้วต้องสยดสยองจนขนหัวลุกแน่นอน     Morgan Loebel เป็นศิลปินชาวอเมริกัน เขาถนัดในการปั้นและสร้างงานศิลปะแนวสยองขวัญ โดยใช้โพลีเมอร์เป็นวัสดุหลัก   ด้วยประสบการณ์การทำงานในห้องแลปคลินิคทันตกรรมมาอย่างยาวนาน ซึ่งต้องใช้ความละเอียดและความอดทนเป็นอย่างสูง ทำให้เขาสามารถปั้น “ฟัน” “ปาก” และ “เนื้อเยื่อ” ต่างๆ ออกมาได้อย่างสมจริง   ลองไปชมผลงานของเขากันดูเลย รับรองว่ามีสยองแน่นอน . . . . . . . . . . . . . . . .   อื้อหือ สยดสยองมั้ยละเพื่อนๆ…

เพื่อนๆ หลายคนคงจะเคยเห็นบทความ หรือคำกล่าวต่างๆ นาๆ ว่า ‘มนุษย์’ นั้นเป็นตัวการทำให้ธรรมชาติเสียหาย หรือแม้กระทั่งมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่โหดร้าย เป็นตัวการทำให้สัตว์โลกต้องสูญพันธุ์กันเป็นว่าเล่น แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวที่จะมายืนยันว่าจริงๆ แล้วมนุษย์นั้นก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แสนเลวร้ายไปซะทั้งหมดหรอก   เรื่องมีอยู่ว่าในวันที่อากาศสดใสเหมาะแก่การออกไปแล่นเรือเป็นอย่างยิ่ง มีกลุ่มคนกำลังแล่นเรือเล่นอยู่ในอ่าว Swann Creek กันอย่างสนุกสนาน จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องครางหงิงๆ ขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง…     แต่พวกเขาไม่ได้สนใจอะไรเลยเพราะคิดว่ามันเป็นเสียงนกร้อง จนเวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง ก็มีคนเอะใจว่านี่มันไม่ใช่เสียงนกนี่นาและก็ออกตามหาที่มาของเสียงจนพบว่า ที่จริงแล้วมันคือเจ้าแรคคูนน้อย ที่กำลังว่ายน้ำป๋อมแป๋มอยู่ข้างๆ เรือนั่นเอง     แต่พอเห็นแล้วพวกเขาก็ตระหนักได้เลยว่า ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือมันแล้วล่ะ เพราะสภาพของมันดูอิดโรย และสิ้นหวังเป็นอย่างมาก คาดว่าอาจจะว่ายน้ำแบบนี้มาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงแล้ว     เขาจึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือมันด้วยการโยนห่วงนิรภัยลงไปอย่างรวดเร็วเจ้าแรคคูนก็ค่อยๆ พยายามไต่ขึ้นมาเกาะบนห่วงยางนิรภัย จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ขับเรือพามันกลับเข้าฝั่ง     ไปชมคลิปเหตุการณ์กันที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   เป็นอย่างไรกันบ้างจ๊ะเพื่อนๆ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากว่าพวกเขาเอะใจช้ากว่านี้อีกสักหน่อย เจ้าแรคคูนอาจจะจมดิ่งลงสู่ก้นทะเลสาบไปแล้วก็ได้…ยินดีด้วยนะจ๊ะเจ้าแร็คคูน ต่อไปก็ต้องใช้ชีวิตอย่างระวังด้วยล่ะ อย่าให้ตกน้ำอีกนะ…

เชื่อว่าน้ำอัดลมผสมโคล่าถือว่าเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน ด้วยรสชาติอันหอมหวานอร่อย และยิ่งถ้าดื่มเวลาเหนื่อยๆ ยิ่งทำให้รู้สึกสดชื่นจนซาบซ่านไปทั้งตัว แต่หากเพื่อนๆ โดยเฉพาะหนุ่มๆ ทั้งหลายได้อ่านข่าวนี้ เพื่อนๆ อาจไม่อยากดื่มน้ำอัดลมอีกเลย เพราะเครื่องดื่มชนิดนี้อาจทำให้ “เจ้าโลก” ของหนุ่มๆ เสื่อมสมรรถภาพได้!!     อ้างอิงจากงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแพทย์โคเปนเฮเก้น โดยเก็บตัวอย่างข้อมูลจากผู้ชาย 2,554 คน พบว่าผู้ที่ติดการดื่มน้ำอัดลมโคล่าจะมีอสุจิ 35 ล้านตัวต่อหนึ่งมิลลิลิตร เทียบกับคนที่ไม่ดื่มจะมีอสุจิราว 56 ล้านตัวต่อหนึ่งมิลลิลิตร มากว่าถึง 30 เปอร์เซ็นเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น อัตราการรอดชีวิตของอสุจิก็มีพอๆ กับคนทั่วไป ซึ่งด้วยปริมาณเพียงเท่านั้น อาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นหมันได้     นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ Franciszek Lukaszczyk จากมหาวิทยาลัยนิโคลัส คาโปนิคัส ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า สารให้ความหวานในน้ำอัดลม ส่งผลกระทบต่อเส้นเลือดในอวัยวะเพศ ทำให้เลือดไม่สามารถส่งไปเลี้ยงได้ จนอาจทำให้อวัยวะเพศ “ไม่แข็งตัว” อย่างที่ควรจะเป็น แม้มันจะมีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดอาหารหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ทั้งด้านกายภาพและด้านจิตวิทยา แต่แน่นอนว่าการให้ความหวานในน้ำอัดลมนั้น ก็ดูจะมีส่วนในเรื่องนี้เช่นกัน     ได้ยินแบบนี้แล้ว…

สัตว์ ก็มีสัญชาตญาณปกป้องคนที่มันรักจากการโดนทำร้ายเหมือนกับมนุษย์เช่นกัน ดูอย่างเรื่องราวของลูกสิงโตยอดกตัญญูตัวนี้สิ มันกำลังยืนปกป้องร่างของผู้เป็นแม่ที่นอนป่วย ณ ริมแม่น้ำซาบี อุทยานแห่งชาติครูเกอร์ ในแอฟริกาใต้อยู่ แม้ว่าในขณะนั้น จะมีเจ้าสิงโตนักล่าตัวหนึ่ง กำลังย่องเข้ามาใกล้ๆ หมายจะกินแม่ของมัน แต่ลูกฮิปโปใจกล้ากลับวิ่งขู่สิงโตตัวนั้นทันที โดยที่ไม่มีท่าทางเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย จนสิงโตค่อยๆ เดินห่างออกไปทันที   มันคงจะรักแม่ของมันมากๆ เลยละ   หลังจากที่เจ้าลูกฮิปโปได้ไล่สิงโตให้ออกห่างจากแม่ของมัน มันก็เดินกลับไปยังที่ที่แม่นอนอยู่   แต่เจ้าสิงโตนักล่าก็ไม่ยอมถอยไปง่ายๆ เดินกลับไปหมายจะกินฮิปโปน้อย   แต่ดีที่มันไหวตัวทัน รีบหันหน้าเข้าขู่สิงโตทันที จนมันยอมถอยออกไปในที่สุด   ด้านผู้อำนวยการอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ ได้ออกมาเผยว่า แม้ว่าแม่ฮิปโปจะไม่มีแรงลุกขึ้นมาปกป้องลูก เพราะสาเหตุจากการขาดอาหาร แต่ลูกของมันก็ลุกขึ้นมาปกป้องแม่ของมันแทน มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากๆ เลยทีเดียว     (ชมคลิปกันเลยดีกว่า หากชมไม่ได้ คลิกที่นี่)   อย่างไรก็ตาม ผู้ถ่ายคลิปบอกว่าถึงแม้มันจะรอดชีวิตจากการเป็นเหยื่อของสิงโตครั้งนี้ แต่ก็ไม่สามารถรอดจากการป่วยได้ และทั้งสองก็เสียชีวิตจากการอดอาหารในอีก 2 วันให้หลัง ถึงมันจะเศร้า แต่ก็เป็นตามความเป็นไปของธรรมชาติล่ะนะ…. ที่มา : dailymail

และในวันนี้เราจะขอพาคุณมาย้อนเวลาไปชมภาพในอดีต และปัจจุบัน ของเหล่านักแสดงจากภาพยนตร์ ที่โด่งดังสุดๆ ในยุค 90 งานนี้แต่ละคนจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน….   ภาพยนตร์ The Mummy ปี 1999 1 .Brendan Fraser   2 .Rachel Weisz   3 .Arnold Vosloo   ภาพยนตร์ Pretty Woman ปี 1990 4 .Richard Gere   5 .Julia Roberts   ภาพยนตร์ Braveheart ปี 1995 6 .Mel Gibson   7 .Sophie Marceau   ภาพยนตร์ Forrest Gump ปี 1994…

ปัญหาผู้อพยพถือว่าเป็นสิ่งที่ประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลกกำลังเผชิญในขณะนี้ โดยบุคคลเหล่านั้นต่างทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อที่จะเข้าไปยังประเทศที่อาจจะเป็นชีวิตใหม่ของพวกเขา ไม่ว่านั่นจะเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายหรือไม่ จนหลายๆ ครั้งเราต้องทึ่งในความพยายามของพวกเขาเลยทีเดียว อย่างเช่นสิ่งที่เกิดขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ครั้งนี้ รับรองเพื่อนๆ ต้องตะลึงในความพยายามของเหล่าผู้อพยพจริงๆ เพราะพวกเขาเล่นแอบซ่อนตัวเองไว้กระเป๋าเดินทางเลยทีเดียว!!     เรื่องราวเกิดขึ้นที่บนรถไฟสายอิตาลี-สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงแปลกๆ มาจากกระเป๋าเดินทางใบหนึ่ง พวกเขาจึงได้เข้าไปตรวจเช็ค ปรากฎว่ามีผู้อพยพผิวสีคนหนึ่งแอบซ่อนอยู่ในกระเป๋าใบนั้น เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่ไปที่มา พบว่าเขาเป็นชาวประเทศเอริเทรียในทวีปแอฟริกาวัยยี่สิบต้นๆ ที่กำลังเดินทางไปประเทศอังกฤษอย่างผิดกฎหมาย พร้อมกับเพื่อนอีกคนที่ซ่อนอยู่ในห้องน้ำรถไฟ แต่กลับถูกจับได้เสียก่อนบริเวณชายแดนระหว่างประเทศอิตาลีและสวิตเซอร์แลนด์     ทั้งนี้ไม่มีรายงานว่าเขาทั้งสองคนลักลอบเข้ามาถึงตรงนี้ได้อย่างไร ผ่านทางนายหน้าหรือแอบมาเองโดยวิธีดังกล่าว แต่สุดท้ายแล้วเมื่อไม่มีเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทางตำรวจสวิตเซอร์แลนด์จำเป็นต้องส่งชายทั้งสองกลับไปยังประเทศอิตาลี   ไปชมวินาทีที่เขาถูกจับได้กันดีกว่า รับรองว่าต้องอึ้งแน่นอน ว่าซ่อนไปได้ยังไง .   นับถือในความพยายามจริงๆ อย่างว่าต้นทุนชีวิตเราไม่เท่ากัน เขาก็อยากไปหาสิ่งที่ดีกว่า ยังไงก็สู้ต่อไปนะ ซักวันต้องเป็นของพวกนายแน่นอน ที่มา Dailymail

ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าเหล่ามะมหาทั้งหลายนั้นเป็นสัตว์ที่เป็นมิตรกับทุกคน พวกมันพร้อมที่จะผูกมิตรกับคนแปลกหน้าเสมอ (ถ้ามันไม่มีความหลังฝังใจกับการถูกมนุษย์ทำร้ายล่ะก็นะ…) เช่นเดียวกับเรื่องราวสุดน่ารักของเจ้าสุนัขที่ถูกครอบครัวครอบครัวหนึ่งรับมาเลี้ยง และเมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็มีลูก จากนั้นเจ้าสุนัขก็กลายมาเป็นเพื่อนรักของหนูน้อยตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว   เจ้าหมาตัวนี้มีชื่อว่า Justin เป็นหมาที่ถูกทิ้งไว้ข้างถนนร่วมกับพี่น้องของมันอีก 8 ตัว แต่หลังจากนั้นเรื่องราวชีวิตที่แสนดีของมันก็เริ่มขึ้น…   เจ้า Justin ถูกรับมาเลี้ยงโดยคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งซึ่งก็คือคุณ Daniel และคุณ Callie Hill พวกเขามีบ้านอันแสนอบอุ่นอยู่ที่ Luisiana   3 ปีหลังจากนั้น เจ้า Justin ก็ได้เพื่อนเพิ่มมาอีกคน เป็นนางฟ้าตัวน้อยๆ ที่ชื่อว่า Emmy   (ที่ครอบครัวนี้ยังมี มะหมาอีกตัวนึงที่ชื่อว่า Jasmine) คุณ Daniel เล่าว่า “ในตอนแรกนั้นเหล่าลูกสมุนทั้งหลายของเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการที่พาเจ้าตัวเล็กเข้ามาที่บ้านวันแรก พวกมันเข้ามาดมกลิ่น ดมๆ แล้วก็ดมอยู่นั่นแหละ”    “และหลังจากนั้น พวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนรักกัน”   พวกเขาชอบกอดกันมากๆ เลยล่ะ ^^   บางครั้งก็แอบออกไปเล่นโยนของกันสองคนที่หน้าบ้าน   เจ้า Justin…

ถ้าพูดถึงเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา คงหนีไม่พ้นพวกสัตว์เหล่านี้ไม่ว่าเราจะมีความสุข ความทุกข์ โกรธ มันก็อยู่เคียงข้างพวกเราเสมอ ถึงอย่างไรพวกสัตว์เหล่านี้ก็ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนกับเราได้ตลอดไป เพราะทุกสิ่งมีชีวิตย่อมมีเกิด แก่ เจ็บ ตายและจากไปโดยไม่อาจจะหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้นได้ เมื่อต้องสูญเสียเพื่อนตัวน้อยเหล่านี้ไป ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เสียใจ แม้จะพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่สุดท้ายมันก็ไหลออกมา….   1. เพื่อนที่ดีที่สุด วันแรกที่พบกันและวันสุดท้ายที่ต้องจากลา   2. ชายที่ถ่ายรูปกับสุนัขที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก เป็นเวลา 15 ปีก่อนที่มันจะจากไป   3. ความแตกต่างระหว่างภาพแรกและภาพสุดท้าย เป็นเวลา 16ปี   4. วันแรกและวันสุดท้ายของเจ้ามิกี้ เพื่อนที่ดีที่สุด!!   5. เป็นเวลา 14ปี ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่ดีนะเจ้าด็อกเกอร์   6. นี่คือภาพแรกและภาพสุดท้ายของเจ้าหมาน้อยที่น่ารัก!!!   7. วันแรกที่พบกัน และวันสุดท้ายก่อนจากไป!!!   8. ภาพแรกและภาพสุดท้าย ก่อนที่มันจะจากไป…   9. วันแรกที่เราพบกันและวันสุดท้ายที่ต้องกล่าวอำลา   10. ภาพแรกและภาพสุดท้าย เพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน   11.…

สิ้นสุดกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับเทศกาล “Swingfields SEX FESTIVAL” หรือ เทศกาลเซ็กส์หมู่ย้อนยุค ที่จัดขึ้น ณ ทุ่งสวิงฟีลด์ ในหมู่บ้านเทรลเลซ ประเทศเวลส์ โดยในปีนี้มีผู้เข้ามาร่วมงานมากถึง 700 คนเลยทีเดียว     สำหรับงานเทศกาลเซ็กส์หมู่ย้อนยุคที่สวิงฟิลด์ (ทุ่งหญ้าแห่งการสวิง จะแปลแบบนั้นได้รึเปล่า) เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเลยก็ว่าได้ โดยได้เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกปี 2013 และต่อมาก็ถูกจัดขึ้นเป็นประจำในทุกๆ ปีจนถึงปัจจุบัน   ด้านผู้ที่เคยได้เข้าไปร่วมชมงานเทศกาลดังกล่าว ได้เผยว่า ภายในงานจะมีการเปิดให้ผู้เข้าร่วมงานได้มายืนชมปาร์ตี้เซ็กส์กันอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น การร่วมรักในเต็นท์ หรืออ่างน้ำอุ่น รวมไปถึงปาร์ตี้เซ็กส์กลางแจ้ง และมีเต็นท์ให้บริการเซ็กส์ทอย     แต่ยัง ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะเทศกาลดังกล่าว ยังมีการจัดแข่งขันกีฬาอีกด้วย แต่ไม่ใช่การแข่งขันกีฬาปกติๆ อย่าง วิ่ง หรือว่ายน้ำที่เราเคยเห็นหรอกนะ…แต่เป็นการแข่งขันสำเร็จความใครด้วยตนเอง และแข่งขันถึงจุดสุดยอดได้เร็วที่สุดต่างหากละ     ว่าแล้วก็ไปชมภาพภายในงานกันเลย . . . . . . .   สำหรับราคาของบัตรในงานเทศกาลดังกล่าว…

จริงๆ แล้วถ้าหากดีไซเนอร์มีไอเดียสุดสร้างสรรค์ สามารถนำสิ่งต่างๆ รอบตัวมาดัดแปลงทำเป็นชุดเดรสสุดเก๋ไก๋ได้เหมือนกัน แต่ถ้าหากจินตนาการของคุณมันล้ำเกิ๊นนนน เช่น การนำขนในจุดซ่อนเร้นมาทำเป็นชุดเดรสละก็ คิดเอาเองละกันว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน และนี่คือชุดเดรส จากผลงานของอดีตช่างเสริมสวยผู้ผันตัวมาเป็นดีไซเนอร์อย่าง Sarah Louise Bryan คุณแม่ลูกสองวัย 28 ปี ที่ได้ทำการสร้างสรรค์ชุดเดรสของตัวเอง โดยใช้เส้นผสม รวมไปถึงขนตรงที่ลับ เนรมิตขึ้นมาทั้งหมด ห๊ะ!!   ใช่แล้วคุณฟังไม่ผิดหรอก มันคือชุดเดรสที่ถักทอด้วยเส้นใยขนจุดซ่อนเร้น เส้นผม และขนส่วนอื่นๆ ของร่างกาย 0.0   ย้อนกลับไปเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว คุณแม่ลูกสองได้โพสต์ข้อความขอรับบริจาค “ขนจุดซ่อนเร้น” (รวมถึงเส้นผมและเส้นขนอื่นๆ แต่เน้นที่ขนจุดซ่อนเร้นเป็นพิเศษ) ลงบนทวิตเตอร์ของเธอ เพื่อนำมาทำเป็นชุดเดรสอย่างที่เราได้เห็น     และถึงแม้ว่าจะมีผู้คนเข้ามาด่าทอว่าเธอเป็นโรคจิต แต่ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่ยอมสละเส้นขน โดยเฉพาะในส่วนจุดซ่อนเร้นของพวกเขา แล้วนำมาบริจาคเพื่อช่วยสานฝันให้กับเธอ เนื่องจาก Sarah ต้องการที่จะทำชุดสุดพิสดารยิ่งกว่าชุดเนื้อสดที่ขุ่นแม่ Lady Gaga เคยใส่มาอวดโฉมออกงานจนทำให้ผู้คนทั่วโลกอึ้งกันมาแล้ว     ตลอดระยะเวลาในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ เธอก็ไม่ลืมที่จะสวมหน้ากากปิดปาก…

คอสเพลย์ คือการแต่งตัวเลียนแบบตัวละคนที่เราชื่นชอบ ไม่ว่าจะจากภาพยนตร์ หรือการ์ตูนดังต่างๆ ซึ่งคุณอาจจะเคยเห็นผลงานคอสเพลย์เจ๋งๆ กันมามากมายแล้ว แต่ถ้าหากคุณได้รับชมการคอสเพลย์เป็นตัวละคร Rachnera หนึ่งในอนิเมะสาวมอนสเตอร์จากเรื่อง Monster Musume no Iru Nichijou ละก็ หลายคนจะต้องร้องว้าวอย่างแน่นอน…     นี่คือ Marie Claude Bourbonnais ผู้ที่ได้ทำการสร้างคอสเพลย์เลียนแบบตัวละคร Rachnera ได้อย่างอลังการงานสร้างสุดๆ ซึ่งผลงานดังกล่าวถูกนำไปจัดแสดงในงาน Anime Expo 2016     และที่สำคัญเพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่ากว่าจะกลายมาเป็นตัวละครสาว Rachnera มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ เพราะเธอจะต้องใช้เวลา และใช้เงินลงทุนไปเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว     แต่ผลงานที่ได้มันคุ้มค่าเหมือนกันนะ ทำเอาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยละ   ไหนๆ ก็พูดมาขนาดนี้แล้ว เราไปชมเบื้องหลังกว่าจะออกมาเป็นแมงมุมสาว Rachnera กันเลยดีกว่า . .     เปรียบเทียบการสร้าง กับต้นฉบับในการ์ตูน  …

เพื่อนๆ เคยลองคิดเล่นๆ บ้างหรือไม่ว่า ถ้าอีก 30 หรือ 40 ปีข้างหน้า สิ่งต่างๆ รอบตัวจะถูกพัฒนาขึ้น และเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์โลกจะเป็นอย่างไร เหมียวขี้อ้อนเชื่อว่ามันต้องเปลี่ยนไปมากแน่ๆ เพราะเท่าที่สังเกตดูจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน สิ่งก่อสร้าง สถาปัตยกรรมต่างๆ รวมไปถึงเทคโนโลยีก็มีความทันสมัยขึ้นมาก ดังนั้นในอนาคตข้างหน้าสิ่งเหล่านี้จะต้องถูกพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นอย่างแน่นอน วันนี้เราจะพาคุณไปชมจินตนาการล่ำๆ ของบรรดานักออกแบบ และเหล่าศิลปินผู้ที่ได้คาดการณ์ 10 การเดินทางท่องเที่ยวของมนุษย์ในอนาคตอีก 30 ปีข้างหน้าเอาไว้ บอกเลยว่าแต่ละอย่างล้ำสุดๆ   1.สายการบินสุดล้ำ สำหรับนักเดินทาง มันคงจะดีไม่น้อยหากคุณได้เดินทางไปกับเครื่องบินสุดล้ำ ที่ถูกออกแบบโดย Eric Almas โดยสายการบินลำนี้นอกจากจะดูสวยงามแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้คุณอีกมากมาย ทั้งสระว่ายน้ำ ที่พัก รวมไปถึงกระจกใสที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของท้องฟ้าได้   2.เมืองลอยน้ำ   Lilypad เป็นโครงการเมืองลอยน้ำที่ออกแบบโดยศิลปินนามว่า Vincent Callebaut ซึ่งความเจ๋งของมันก็คือสามารถรองรับปัญหาการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำในมหาสมุทร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานลม แสงอาทิตย์ และจากแหล่งพลังงานอื่นๆ แถมยังสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากถึง 50,000 คนเลยทีเดียว   เท่านั้นยังไม่พอ…

สำหรับวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับสนามบินมาฝากกันแหละ จากการเก็บข้อมูลของทาง Airports Council International (ACI) นี่คือ 16 สนามบินที่เรียกได้ว่าหนาแน่น และมีผู้โดยสารต่อปีมากที่สุดในโลก (จากสถิติปี 2015 ที่ผ่านมา) มาดูกันเลยว่าจะมีที่ไหนกันบ้าง!!!   อันดับ 16. Singapore Changi Airport (SIN) มีผู้โดยสาร 55,449,000 รายในปี 2015   อันดับ 15. John F. Kennedy International Airport (JFK) มีผู้โดยสาร 56,827,154 ราย ในปี 2015   อันดับ 14. Amsterdam Airport Schiphol (AMS) มีผู้โดยสาร 58,284,864 ราย ในปี 2015 ที่ผ่านมา   อันดับ 13.  Shanghai Pudong International Airport (PVG) มีผู้โดยสารทั้งหมด 60,053,387 ราย ในปี 2015  …

เมื่อพูดถึงห้องสมุดแล้ว เราก็คงจะนึกถึงห้องสี่เหลี่ยม ที่เต็มไปด้วยหนังสือ มีโต๊ะ มีเก้าอี้ ดีๆหน่อยก็มีคอมให้เล่น อะไรประมาณนี้ แต่วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพาไปเปิดหูเปิดตา กับห้องสมุดที่เก่าแก่ที่สุดในโลก (บอกเลยมีความอลังมาก เรียกว่าห้องสมุดคงไม่เหมาะ เรียกคฤหาสน์สมุดได้มั้ย)   ห้องสมุดที่เก่าแก่ที่สุดในโลกนี้ ตั้งอยู่ใน Fez ประเทศโมร็อกโก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย  Al-Qarawiyyin ที่เปิดเมื่อปี 859 เดิมนั้นมหาวิทยาลัย ได้สงวนเอาไว้ให้นักวิชาการและนักศาสนาเท่านั้น หลังจากการพยายามรีโนเวทหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ จนถึงปี 2012 นักสถาปนิก Aziza Chaouni  ตัดสินใจที่จะแปลงโฉมมันให้อยู่ในสภาพดีอีกครั้ง…   มหาวิทยาลัย Al-Qarawiyyin, ห้องสมุด และมัสยิด ถูกก่อตั้งขึ้นโดย Fatima El-Fihriya ในปี 859 ซึ่งเป็นช่างรูปแบบพีชคณิตถูกคิดค้นขึ้นมา   El-Fihri หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง ห้องสมุดยังคงมีประกาศนียบัตรเดิมของเธออยู่   วันนี้ต้องขอบคุณ Aziza Chaouni สำหรับ สี่ปีของการปรับปรุง ห้องสมุด al-Qarawiyyin ได้ปรับปรุงลานน้ำพุและตำราต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลงานทางศาสนาดั้งเดิม   การตกแต่งภายในมีความสวยงามด้วยกระเบื้องโมเสคที่ซับซ้อนและมีสีขาวตรงส่วนโค้ง แน่นอนว่าห้องสมุดที่เก่าแก่ที่สุดในโลกต้องมีห้องอ่านหนังสือส่วนตัว   NPR…

ภาพโดย: bbc ช่วงนี้อากาศบ้านเราเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวก็ร้อน เดี๋ยวก็ฝน แต่ที่อื่นจะเป็นเหมือนบ้านเรามั้ยน้าาา วันนี้ #เหมียวขี้ส่องจะพาไปดูสภาพอากาศทั่วโลกว่า เขาเจออากาศแบบไหนกันบ้าง…   ชายคนนี้กำลังดันถังที่มีเด็กๆอยู่ข้างในหลังจากที่เขาไปรับเด็กๆจากโรงเรียนในพื้นที่น้ำท่วม ที่ Duchang มณฑลเจียงซี ประเทศจีน วันที่ 27 มิถุนายน   ภาพความเสียหายจากไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา “Erskine Fire” คือการเผาไหม้ในพื้นที่ทะเลสาบ Isabella  มันเป็นไฟป่าที่ใหญ่และทำลายล้างมากที่สุดของแคลิฟอร์เนียในปีนี้ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้บ้านเรือนเสียหายอย่างน้อย 150 หลัง     ชายคนนี้กำลังเก็บเศษซากจากภัยน้ำท่วมอย่างรุนแรงใน White Sulphur Springs ทางตะวันตกของเวอร์จิเนีย มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 100 หลังคา และธุรกิจต่างๆอีกนับหมื่น มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อง 24 คน พระอาทิตย์ตกดูเงียบสงบที่ Brombach ใกล้กับทะสาบ Pleinfeld in Bavaria ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ฟ้าแลบในช่วงพายุฝนฟ้าคะนองในคิวบา วันที่ 21 มิถุนายน  …

ได้ยินคำว่า นาซี ก็ต้องนึกถึงฮิตเลอร์ และแน่นอน มักจะเกี่ยวข้องกับสงคราม และที่ #เหมียวขี้ส่อง จะไปดูวันนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แน่นอนว่าในสงครามนั้น ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก แม้กระทั่งห้องน้ำก็ไม่มี แล้วเวลาพวกเขาอยากปลด พวกเขาจะทำยังไงกันละเนี่ย ขุดหลุมหรือเปล่า หรือ ปล่อยที่ไหนก็ได้ ใครสงสัย ลองมาดูภาพการ “อึ” ของทหารนาซี รับรองว่าหลายคนอาจไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน   1. อะ เรียงกันไปเลย ไม่มีการอายในหมู่ทหาร   2. ถึงกับต้องมีเพื่อนมาคอยคุ้มกัน   3. ดูจากหน้าแล้ว คงจะเป็นการปลดทุกข์ที่มีความสุขเนาะ   4. อันนี้ดีหน่อย ค่อยดูเหมือนห้องน้ำปกติ   5. คงปวดกะทันหัน ต้องปล่อยลงทะเล   6. มีความสโลไลฟ์ไปอีก อึไป อ่านไป   7. หน้ากากที่ใส่ไม่รู้ว่ากันพิษหรือกันกลิ่นกันแน่   8. เพราะการอึ ไม่ใช่ เรื่องน่าอาย เลยอึตรงไหนก็ได้…

บ้านที่คุณกำลังจะได้รับชมต่อไปนี้ ดูภายนอกคุณอาจจะคิดว่ามันก็คือบ้านหลังเล็กธรรมดาๆ เหมือนกับบ้านทั่วๆ ไป แต่ใครจะรู้ละว่า ความจริงแล้วบ้านหลังนี้มีอายุอานามไม่ใช่เล่นๆ เลยนะจ๊ะ เพราะตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน มันมีอายุกว่า 300 ปีแล้ว วันนี้เหมียวขี้อ้อน จะพาคุณมาชมความเจ๋งของบ้านหลังนี้กัน ถึงแม้ว่ามันจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นเวลานานนับร้อยๆ ปี แต่ก็ยังดูสวยงาม และมีความน่าสนใจไม่น้อย   เมื่อดูจากภายนอกมันเหมือนกระท่อมหลังน้อยๆ   บริเวณด้านหน้า และด้านข้างของบ้าน มีต้นไม้เขียวๆ ต้นเล็กๆ ล้อมรอบอยู่   เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลก Middle Earth เลยละ   ส่วนของหลังคาก็ยังคงอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม   เอาละ!! ถึงเวลาที่เราจะเข้ามาชมด้านในของบ้านหลังนี้กันแล้วววว   แตกต่างจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง   แม้ว่าบ้านเก่าแก่หลังนี้ จะมีอายุมากถึง 300 ปี แต่มันก็ยังได้รับการปรับปรุงตกแต่งให้ดูสวยงาม และหรูหราไม่น้อยเลย   นอกจากเฟอร์นิเจอร์แล้ว ทุกๆ อย่างภายในบ้าน รวมไปถึงเตาผิงยังได้รับการปรับปรุงให้ดูทันสมัยขึ้น ทำให้บรรยากาศดูสบายๆ และเพิ่มเสน่ห์ให้กับห้องนั่งเล่นเป็นอย่างมากเลยละ   มุมอ่านหนังสือน่ารักๆ   นอกจากขนาดของบ้านจะเล็กแล้ว…

ของเล่นที่เด็กผู้หญิงชื่นชอบส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นตุ๊กตาล่ะนะ เพราะทั้งน่ารัก สดใส ผมสลวย หน้าตาเหมือนเพื่อนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ถ้าเด็กคนนั้นเป็นเด็กที่มีอาการป่วยบางอย่างล่ะ พวกเธอจะยังอยากได้ตุ๊กตาเหล่านั้นอยู่อีกไหม?   ปัญหานี้เกิดขึ้นกับนาง Meredith Bailey คุณแม่ที่มีลูกสาววัย 4 ขวบ ป่วยเป็นโรคผมร่วง เธอพยายามจะหาตุ๊กตามาให้ลูกสาวได้เล่นเป็นเพื่อนเธอ แต่ไม่ว่าจะตุ๊กตาตัวไหนๆ มันก็ทำให้ลูกสาวของเธอรู้สึกแตกต่างและน้อยเนื้อต่ำใจที่ตนเองไม่มีผมเหมือนอย่างตุ๊กตา   แต่ถือเป็นโชคดีมากที่เมื่อไม่กี่วันก่อนนาง Bailey ได้ไปเดินห้างสสรพสินค้าแห่งหนึ่งแล้วเจอเข้ากับตุ๊กตาจากบริษัท American Girl อยู่บนตู้โชว์ แต่สิ่งที่ทำให้เธอเซอ์ไพรซ์ก็คือตุ๊กตาเหล่านั้นไม่มีผมเลย เมื่อเธอลองขยับเข้าไปอ่านข้อความบนกล่องนั่นจึงเห็นข้อความว่า “เราภูมิใจนำเสนอ ตุ๊กตา Truly Me แบบไร้เส้นผม ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี มีให้เลือกหลากหลายโทนสี”   นั่นทำให้คุณแม่ Bailey ไม่ลังเลที่จะซื้อมันมาให้กับลูกสาวของเธอ ซึ่งลูกสาวของเธอก็ดีใจเอามากๆ ที่จะได้มีตุ๊กตาที่เหมือนกับตัวเอง ทำให้เธอไม่รู้สึกแปลกแยกอีกต่อไป ต่อมาคุณแม่รายนี้ก็ได้เขียนจดหมายขอบคุณโรงงานผลิตตุ๊กตา โดยมีข้อความบางส่วนกล่าวว่า   “ฉันสนับสนุนบริษัทผลิตตุ๊กตาของคุณมาโดยตลอด ฉันยังมีตุ๊กตาของบริษัทนี้ที่ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อปี 1988 อยู่เลย ซึ่งลูกสาวของฉันก็ชอบมันมาก ฉันมีความสุขมากที่ได้เห็นว่าลูกสาวของฉันก็มีตุ๊กตาเป็นของตัวเองเช่นกัน” “ตุ๊กตาเหล่านี้ถูกวางอยู่บนชั้นในห้างแบบไม่ได้หลบมุมแต่อย่างใด แต่พวกมันถูกวางไว้ให้ทุกคนได้เห็นชัดเจน โดยเฉพาะลูกสาวของฉัน ที่แปลกใจว่าทำไมเขาไม่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้” นับว่าเป็นความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยที่บริษัทตุ๊กตาผลิตตุ๊กตาหัวโล้นออกมาแบบนี้ เพราะเป็นสินค้าที่เจาะกลุ่มลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจงมาก แต่ก็ขอชื่นชมในความคิดแหวกแนวนะ เหล่าเด็กๆ ที่ป่วยอยู่จะได้มีเพื่อนเล่นยังไงล่ะ…

การเป็นตัวของตัวเองถือว่าเป็นสิ่งที่ดีนะ เราจะมีความสุขมากๆ กับการที่เราได้ทำในสิ่งที่เราชอบ ไม่เดือดร้อนคนอื่น ไม่มีใครคอยมาบงการชีวิต แต่ก็อย่างว่าแหละ ในสังคมอันกว้างใหญ่ สุดท้ายแล้วก็มักจะตกเป็นที่ติฉินนินทาอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะผู้หญิง อย่างในกรณีของ Liz Krueger สาวหุ่นฟิตผู้รักสุขภาพ ได้รับเชิญเข้าร่วมงานแต่ง และชุดที่เธอเลือกไปร่วมงานก็คือชุดเดรสสีพีชที่มีขนาดพอดีกับตัวเธอ ซึ่งเธอเองก็มั่นใจกับชุดนี้มาก แต่กลับกลายเป็นว่าพอเข้าร่วมงาน แขกคนอื่นๆ ดันไม่ชอบใจชุดของเธอซะงั้น     แขกร่วมงานผู้หญิง คนอื่นๆ แสดงพฤติกรรมตอบรับชุดของเธออย่างหยาบคายและรุนแรงมากๆ ในช่วงเวลาท่ามกลางปาร์ตี้งานแต่ง อย่างเช่นแกล้งทำเบียร์หกใส่แขนเธอ มาตบก้นเธอโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตอีกต่างหาก แอบซุบซิบนินทาและหัวเราะเธอตลอดทั้งคืน!!     Liz Krueger เปิดเผยกับ Yahoo Style ไว้ว่า ‘คืนนั้นฉันพยายามหัวเราะกลบเกลื่อนและพยายามทำเป็นไม่สนใจอะไร แต่จริงๆ แล้วภายในฉันรู้สึกย่ำแย่มากๆ’     หลังผ่านพ้นคืนนั้นไป เธอได้ทำการโพสต์รูปภาพของเธอใส่ชุดเดรสที่ผ่านมาหลากหลายงาน ว่าจริงๆ แล้วเธอก็มีลุคในรูปแบบอื่นๆ เช่นกัน เธออยากให้ผู้คนได้ตระหนักว่าไม่ควรดูถูกดูแคลนหรือปฏิบัติหยาบคายกับการแต่งตัวของผู้อื่น เพราะคงไม่มีใครชอบที่จะโดนดูถูกเหยียดหยามและวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตัวของตัวเองหรอก     แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การกระตุ้นให้ผู้คนได้ตระหนักถึงการเหยียดหยามผู้อื่นให้น้อยลงของ Liz นั้น มันหมดก็ไม่ได้หมดไปเสียทีเดียว…

ความตาย เป็นสิ่งที่ทุกชีวิตจะต้องเจอในวาระสุดท้าย ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ จนกระทั่งเกิดเป็นคำถามที่ว่า ‘ชีวิตหลังความตายนั้นเป็นอย่างไร’ จนปัจจุบันก็ยังหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ เพราะคนตายไปแล้วคงไม่กลับมาตอบให้ (หรืออาจจะเป็นผีบอก) ตึ่งโป๊ะ!?     แม้ว่าวิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าไปมากแค่ไหน แต่เรื่องของชีวิตหลังความตายนั้นก็เป็นสิ่งที่เกินกว่าวิทยาศาสตร์จะหาข้อเท็จจริงได้ ซึ่งส่วนมากแล้วในทางทฤษฎีที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือจะเห็นเป็นแสงสีขาวพร้อมกับภาพความทรงจำในชีวิตแทรกเข้ามาอย่างรวดเร็ว     จนกระทั่งคำถามที่ว่า ‘ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร’ ได้เดินทางมาสู่เว็บไซต์ Reddit (พันทิปฝรั่ง) โดยมีผู้ที่เข้ามาตอบคำถามดังกล่าวเป็นผู้ที่เคยตายไปแล้วในทางการแพทย์แต่กลับฟื้นคืนชีพมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ทั้งหมด 6 รายด้วยกัน (โปรดใช้วิจารณาญาณในการอ่าน)   1) เหมือนดั่งการอ่านเรื่องราวในหนังสือ ผู้ใช้นามแฝง monitormonkey เล่าว่าเมื่อ 5 ปีก่อน เขาเข้ารับการผ่าตัดครั้งใหญ่ ซึ่งในระหว่างนั้นเขาเสียเลือดมากจนทำให้เขาเสียชีวิตเป็นเวลาหลายนาที   ‘ฉันตื่นขึ้นมาในลักษณะที่คล้ายกับอวกาศ แต่ไม่มีดวงดาวหรือแสงใดๆ เลย แล้วก็ไม่ได้รู้สึกล่องลอยด้วย แบบว่าจู่ๆ ก็โผล่เข้าไปที่นั่น ฉันไม่รู้สึกร้อนหรือหนาว ไม่รู้สึกหิวหรือเพลีย มีแต่ความรู้สึกสงบเงียบ ฉันรู้ว่ามีแสงและความรักอยู่ที่ไหนซักแห่งใกล้ๆ แต่ก็ไม่สามารถไปตามหามันได้ทันทีทันใด’ ‘ฉันจำได้ว่า ฉันคิดถึงเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา ไม่ใช่เป็นแบบภาพตัดเข้ามานะ แต่เป็นเหมือนการนั่งพลิกหน้าหนังสือแล้วก็มีภาพออกมาจากตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง’ ‘แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร มันเปลี่ยนความคิดบางอย่างของฉัน ฉันยังรู้สึกกลัวที่จะต้องตาย…

เป็นเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับมนุษย์ที่ทำความดีให้กับเหล่าเพื่อนร่วมโลกแสนน่ารักอย่างเจ้าเหมียวอีกแล้ว และถ้าใครมีโอกาสไปที่ญี่ปุ่นล่ะก็ อย่าลืมไปเที่ยวและเยี่ยมเยือนคาเฟ่แมวชื่อดังของประเทศอย่างร้าน Neco Republic ด้วยล่ะ ซึ่งตอนนี้มีสาขาอยู่ในหลายๆ พื้นที่ทั้ง  Gifu, Osaka, Aichi และในย่าน Ochanomizu ของโตเกียวด้วย!!! ข้อดีของร้านนี้ก็คือทางร้านจะรับเหล่าแมวเหมียวจรจัดมาเลี้ยงในคาเฟ่และดูแลพวกมัน ซึ่งล่าสุดทางร้านก็ได้เปิดสาขาใหม่ในกรุงโตเกียว แต่คราวนี้รับแต่เหล่าแมวเหมียวที่มี FIV หรือเรียกกันสั้นๆ ในภาษาไทยเราว่า ‘เอดส์แมว’ มาดูแลที่ร้านล่ะ   คาเฟ่เหมียวที่รับแต่แมวที่มีอาการ FIV   ในส่วนของโรคเอดส์แมวนี้แน่นอนว่าไม่ติดต่อสู่คนนะจ๊ะ เพราะจะติดต่อกันกับสัตว์ที่อยู่ในตระกูลแมวเท่านั้น แน่นอนว่าการหาบ้านให้เจ้าเหมียวพวกนี้อยู่ถือว่าเป็นเรื่องยากมาก ถึงจะไม่ติดไปยังคนก็ตาม แต่ถ้าบ้านที่เลี้ยงแมวอยู่แล้วคงไม่อยากได้เจ้าเหมียวที่เป็นโรค FIV เข้าไปอยู่กับน้องเหมียวของตัวเองหรอกใช่มั้ย?? แมวที่เป็นโรค FIV นั้นไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติไปจากแมวทั่วไปหรอกนะจ๊ะ อาการอาจจะไม่แสดงเป็นระยะเวลาหลายปีเลยทีเดียวขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของน้องเหมียว และยังสามารถใช้ชีวิตได้ยาวนานเหมือนแมวปกติอีกด้วย   คาเฟ่น้องแมวติดเอดส์   Apple Cat ที่เป็นสัญลักษณ์ของน้องแมวเหล่านี้ที่ทางร้านวาดขึ้นมา   หนึ่งในน้องเหมียวสมาชิกของทางร้าน   มีการขายของที่ระลึกด้วยนะจ๊ะ และรายได้ส่วนนี้จะใช้ไปในการดูแลน้องแมว สามารถซื้อได้แบบออนไลน์ที่นี่   สำหรับตอนนี้ทางสาขานี้ก็ได้ทำการเปิดบริการอย่างเป็นทางการแล้ว น้องเหมียวชุดแรกที่เป็นสมาชิกของทางร้านมีอยู่ทั้งหมด 8 ตัวด้วยกันล่ะ!!!   แน่นอนว่าเจ้าเหมียวทั้งหมดในร้านสามารถให้ลูกค้ารับไปเลี้ยงดูได้ถ้าเกิดถูกชะตากันจริงๆ…

นอกจากฟ่าน ปิง ปิง แล้ว หนึ่งในนักแสดงสาวจีนที่โด่งดัง และได้รับความนิยมไม่แพ้กันก็คงจะหนีไม่พ้น “หลิว อี้ เฟย” อย่างแน่นอน เพราะนอกจากความสามารถในด้านการแสดงแล้ว เธอยังเป็นนักแสดงสาวที่มีใบหน้าสวยงามได้รูปตามแบบฉบับสาวจีนเป๊ะๆ     ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้สาวจีนหลายๆ คนอยากมีใบหน้าที่สวย และมีเสน่ห์เหมือนกับเธอ หนึ่งในนั้นก็คือ “หลี ยี่เฟ่ย” สาว หมวยวัย 19 ปี จากเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง ประเทศจีน เธอก็คือหนึ่งในแฟนคลับที่ชื่นชอบนักแสดงสาวคนนี้มาตั้งแต่เด็กๆ     ที่สำคัญเธอยังพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เหมือนนักแสดงสาว เพราะในสมัยเรียนอยู่ชั้นประถม หลี ยี่เฟ่ย ถึงขั้นลงทุนไปเรียนรำจีน รวมไปถึงพยายามเลียนแบบท่าทางให้เหมือนกับหลิว อี้ เฟย อีกด้วย     และหลังจากที่ได้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย เธออยากมีใบหน้าเหมือนกับนักแสดงสาว ดังนั้นจึงทำให้เธอเริ่มหันไปทำศัลยกรรมมากขึ้น จนทำให้เธอมีใบหน้าคล้ายกับนักแสดงสาวยังไงละ   .   นี่คือภาพของหลิว อี้ เฟย นักแสดงผู้โด่งดังของจีน ผู้ที่มีทั้งความสามารถ รวมไปถึงมีหน้าตางดงามตามแบบฉบับสาวจีน  …

“นักบิน” ถือเป็นอาชีพที่หนุ่มๆ และสาวๆ หลายๆ คนใฝ่ฝันถึง เพราะนอกจากนักบินจะถูกมองว่าเท่ เก่ง และมีความสามารถมากมายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนจะต้องอิจฉานักบินก็คือ การที่ได้เห็นวิวทิวทัศน์สวยๆ ในแบบที่น้อยคนจะมีโอกาสได้เห็น และนี่คือ 15 ภาพถ่ายวิวทิวทัศน์บนน่านฟ้า จากเหล่านักบิน LOT Polish Airlines ที่จะทำให้คุณได้เห็นมุมสุดอลังการของทิวทัศน์จากทั่วทุกมุมโลก รับรองว่าใครเห็นแล้วจะต้องร้องว้าวววว อย่างแน่นอน   ภาพมุมสวยๆ ของการเดินทางจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เข้าสู่สนามบิน Warsaw Chopin   ภาพถ่ายพระอาทิตย์ตกดินบนเทือกเขาทาทร้า (Tatra Mountains) ระหว่างเส้นทางจากกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ สิ้นสุดที่บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี   เที่ยวบินจากเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ในขณะที่กำลังบินอยู่เหนือป่า Kampinoska เพื่อเดินทางสู่กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์   ภาพถ่ายสุดอลังการของพระอาทิตย์ตกในเยอรมนี จากกรุงวอร์ซอสู่มหานครนิวยอร์ก   ระหว่างเที่ยวบินจากเมืองวอร์ซอ สิ้นสุดที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี   สนามบิน Warsaw Chopin…

ใครที่ชอบติดตามข่าวดาราอยู่ จะเห็นว่าช่วงนี้ดาราบ้านเรามีหลายคู่ที่กำลังมีสมาชิกใหม่ บางคนก็เพิ่งคลอดก็มี แต่วันนี้ที่ #เหมียวขี้ส่อง จะไปดูดาราต่างประเทศ ที่มีข่าวดีเหมือนกัน Alexa Vega เพิ่งจะอายุ 12 ปี ตอนที่เธอเล่นเป็น Carmen Cortez ในหนังเรื่อง Spy Kids  แต่ตอนนี้เธอ อายุ 27 ปี แต่งงานมาแล้ว 2 ครั้ง และตอนนี้กำลังตั้งท้องอยู่     Alexa ท้องกับสามีคนที่ 2 ซึ่งเป็นนักร้อง นักแสดง ชื่อ Carlos Pena Jr ทั้งคู่ได้ประกาศข่าวการต้องทั้งผ่านอินสตาแกรมพร้อมกับแท่งตรวจครรภ์เป็นหลักฐานประกอบ     “ไม่อยากเชื่อเลยว่า ในที่สุดฉันก็ได้พูดว่า…ฉันท้องแล้วววว แท่งตรวจครรภ์นี้ยืนยันว่า เรากำลังจะมีสมาชิกใหม่ในครอบครัว PenaVega” จาก IG:vegaalexa ตั้งแต่นั้นมา พวกเขาก็อัพรูป และวิดีโอลงโซเชียลเรื่อยๆ   “และแล้วการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น…ลูกเป็นทุกสิ่งสำหรับเรา” จาก IG:vegaalexa   “ว่าที่คุณพ่อ…” จาก IG: therealcarlospena   “วันหยุดที่ดีกว่าทุกครั้ง เพราะมีหนูน้อยอยู่ด้วย”…

Mark Laita ได้อุทิศถ่ายภาพในแนวคิด “ความเสมอภาค” โดยได้เดินไป 48 รัฐทั่วอเมริกา ในเวลา 8 ปี เพื่อถ่ายภาพตลอดการเดินทาง… เขานำเสนอภาพถ่ายแห่งการเปรียบเทียบ ระหว่างคนสองกลุ่มในสังคม ระหว่างคนรวยกับคนจน แม้กระทั่งความดีและความชั่วที่นิยามขึ้น นอกจากนั่นพวกเขาจะมีชีวิตต่างกันโดยสิ้นเชิง และอาจจะไม่มีโอกาสพบกันในโลกแห่งความเป็นจริงด้วยซ้ำ เพื่อจะได้เห็นว่าเราทุกคนมีความเท่าเทียมกันหมด แม้สภาพแวดล้อมจะแตกต่างกันเหลือเกิน โดยสื่อผ่านทางภาพขาว-ดำ พร้อมยกตัวอย่างอาชีพและวิถีชีวิตของผู้คนเหล่านั้น ถึงวิถีชีวิตจะแตกต่าแต่มีบางสิ่งที่เหมือนกัน…   1. นักเพาะกาย กับ ชาวนา   2. นักล่าขนสัตว์ กับ ผู้หญิงและสุนัข   3. นักปรัชญา กับ ช่างซ่อมรถยนต์   4. ซีอีโอ กับ นักจัดส่งของ   5. นักศึกษาจบมหาวิทยาลัย กับ นักเรียนที่ถูกไล่ออก   6. ครอบครัวที่ยากจน กับ ครอบครัวที่ร่ำรวย   7. คนไร้บ้าน กับ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์   8. นาวิกโยธิน…

ใครว่าคนเราแก่แล้วแก่เลย #เหมียวฟิ้นขอเถียงว่าไม่จริงนะ เพราะหากคุณดูแลตัวเองดีๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่งตัวให้มันดูดีหน่อยไม่ปล่อยตัวเองให้แก่ตามวัย คุณก็จะดูดีได้แม้อายุจะล่วงเลยไป 50-60 ปีแล้วก็ตาม   ก่อนหน้านี้เราได้เคยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับนายแบบชาวฝรั่งเศส Philippe Dumas วัย 60 ที่ดูดี๊ดูดีจนโมเดลลิ่งมาติดต่อไปเป็นนายแบบ คราวนี้เราขอพาคุณไปดูหนุ่มรุ่นเดอะอีกคน ที่ดูดีและแซ่บไม่แพ้กัน   หนุ่มรุ่นเดอะที่เรากำลังพูดถึงมีชื่อว่าคุณตา Irvin Randle วัย 54 ปี มีหลานแล้ว 2 คน อาศัยอยู่ในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเขาทำงานเป็นคุณครูอยู่ในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง   ที่คุณตา Irvin กลายเป็นที่โด่งดังในโลกออนไลน์ก็เพราะว่าไลฟ์สไตล์แนวๆ การแต่งตัวเท่ๆ ไม่ว่าจะเป็นกางใส่กางเกงยีนส์ขาดๆ ไว้หนวดงามๆ แว้นมอเตอร์ไซค์คันสวย ไหนจะรองเท้าสีเจ็บๆ อีก   เมื่อวันสองวันที่ผ่านมาภาพของคุณตา Irvin ถูกแชร์และพูดถึงในโลกทวิตเตอร์อย่างมาก พร้อมกับติดแฮชแท็ก #MrStealYourGrandma (คนที่จะมาขโมยคุณยาย) ให้ด้วย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “แฮชแท็ก” คืออะไร คุณตาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ผมรู้สึกประหลาดใจในตอนแรก ตอนนี้ผมชินกับมันมาก ผมขอบคุณทุกความคิดเห็นและคำชมทุกคำชมเลย”   เมื่อถามถึงการแต่งตัวของคุณตาว่ามีไอเดียเกี่ยวกับการแต่งตัวยังไง? คุณตาผู้มีคนติดตามใน Instagram เกือบ 70,000 คนก็บอกกลับมาว่า…

การขยายความรู้ทางด้านสาขาวิทยาศาสตร์นั้น ก่อให้เกิดเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์มากมาย แต่มันก็สามารถสร้างสรรค์ในสิ่งที่เป็นอันตรายได้เช่นกัน ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับว่ามันตกอยู่ในมือของใคร และจะใช้ในจุดประสงค์ใด ในคราวนี้ #เหมียวเลเซอร์ ขอพาทุกท่านมาชมผลงานการประดิษฐ์ที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเจ๋งหรือโหดกันแน่ สืบเนื่องจากนักประดิษฐ์หนุ่ม Styropyro ได้ทำการสร้างอาวุธมหาประลัยขึ้นมาหนึ่งชิ้น หน้าตามันดูเหมือนของเล่นเด็ก แต่ประสิทธิภาพไม่เด็กเลย       สิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาก็คือ ปืนยิงลำแสงเลเซอร์ขนาดยักษ์ เทียบความแรงของลำแสงเลเซอร์ 0.05 วัตต์ปกติที่เรารู้กันดีว่าถ้าโดนส่องเข้าตาก็อาจทำให้ตาบอดได้แล้ว แต่ปืนโตกระบอกนี้มีพลังรุนแรงถึง 200 วัตต์ คล้ายๆ กับไมโครเวฟที่สามารถยิงได้ เขายังระบุว่า มันมีความเข้มข้นมากกว่าการมองพระอาทิตย์ด้วยตาเปล่า 33 ล้านเท่าเลยทีเดียว!!!     ส่วนประกอบของเจ้าปืนยิงลำแสงเลเซอร์พิฆาตนี้ ประกอบไปด้วยเศษเหล็กเหลือใช้ประกอบเข้ากับโปรเจคเตอร์ DLP พังๆ อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ที่ การทำงานโดยรวมของเจ้าปืนนี้จะกินพลังงานหลายกิโลวัตต์ต่อชั่วโมงเลยทีเดียว   ชื่อของมันเรียกง่ายๆ ว่า บาซูก้าเลเซอร์ ไม่ส่งเสียงดัง และให้อนุภาพที่รุนแรงมาก!!   และความรุนแรงก็อย่างที่จะได้เห็น….   นี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ายิงใส่คน อันตรายถึงชีวิตกันเลยนะ!! ที่มา : styropyro, theladbible

“I am not a terrorist, I’m a father ผมไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ผมเป็นแค่พ่อคนหนึ่ง…” – John Cramsey   คนเป็นพ่อเป็นแม่รักลูกยิ่งกว่าอะไรดี หากมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับลูกไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ พวกเขาก็พร้อมที่จะเข้ามาปกป้องคุณอย่างแน่นอน อย่างเช่นเรื่องของคุณพ่อที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้   เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของนาย John Cramsey วัย 50 ปี จากเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ขนปืนและอาวุธสงครามอีกเป็นโหลใส่รถตู้ เพื่อหวังจะนำไปใช้กราดยิงใส่เหล่าแก๊งค้ายาเสพติดในเมือง   แต่สุดท้ายแผนการของเขาก็ต้องล้มเหลว เพราะในระหว่างที่เขากำลังขับรถผ่านทางด่วน Holland Tunnel ในเมืองนิวยอร์ค เขากลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจค้นในรถและพบอาวุธสงครามเข้า แม้จะถูกกล่าวหาแต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นศาลเตี้ย เป็นเพียงคุณพ่อที่หัวใจสลายคนหนึ่งเท่านั้น   นาย Cramsey เล่าว่าเมื่อ 4 เดือนก่อน ลูกสาวของเขาที่ทำอาชีพนางแบบได้ถูกชักจูงโดยแฟนหนุ่มให้ลองเสพเฮโรอีน หลังจากนั้นเธอก็เริ่มเสพติดมันและเสียชีวิตเนื่องจากเสพยาเกินขนาด ตามรายงานบอกว่าลูกสาวของนาย Cramsey ถูกพบว่าเสียชีวิตข้างแฟนหนุ่มในอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา   จากเหตุการณ์นั้นนาย Cramsey ถึงกับหัวใจแตกสลาย…

กลายมาเป็นเรื่องราวใหญ่โตกันเลยทีเดียว กับการกระทำที่ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นสีขาวสีดำกันแน่ เพราะมันอยู่คั่นกลางระหว่างสองสี… ฟังดูข่าวนี้เหมือนกับอะไรที่มาจากเว็บไซต์ไวรัสดักคนเข้า แต่เป็นการเปิดเผยจากทางสื่อใหญ่อย่าง Independent เมื่อมีข่าวลือหนาหูของรัฐบาลจีน ที่ให้เหล่านักโทษเข้าร่วมโปรแกรมฝึก Falun Gong อันเป็นวิถีการฝึกสมาธิอย่างหนึ่งของลัทธิในจีน เมื่อจบโปรแกรมแล้วจะนำนักโทษเหล่านั้นมาประหารเพื่อหวังนำเอาอวัยวะภายในไปปลูกถ่ายให้กับบุคคลที่ต้องการ (ราวกับว่าเป็นการค้าอวัยวะกันเลย)     จากแหล่งข่าวได้กล่าวเอาไว้ว่าทางรัฐบาลจีนได้หยุดโปรแกรมดังกล่าวไปเมื่อสองปีที่แล้ว แต่ก็ยังมีการลักลอบผ่าตัดนำอวัยวะของเหล่านักโทษอย่างต่อเนื่อง โดยทางผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์เอาไว้ว่าในทุกๆ ปี จะมีนักโทษราวๆ 60,000 – 100,000 รายที่ถูกประหารชีวิตและผ่าตัดนำหัวใจ ตับ และอวัยวะภายในอื่นๆ ออกมา เพื่อนำไปใช้ปลูกถ่าย     ทั้งนี้ยังมีรายงานตัวเลขที่น่าตกใจตามมาก็คือ โดยรวมแล้วประมาณ 1,500,000 รายที่ถูกผ่าตัดนำตับและไตออกจำหน่ายไปสู่ศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะกว่า 712 แห่งทั่วประเทศจีน มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดถูกบังคับให้ทำการปลูกถ่ายอวัยวะทุกวันจนแทบจะนับจำนวนครั้งไม่ถ้วน บางวันอาจจะถูกบังคับให้ทำการผ่าตัดนำตับออกจากร่างมากถึง 6 ครั้งกันเลยทีเดียว!!     ข้อมูลต่างๆ นั้น ได้รับการตีพิมพ์ใน Bloody Harvest: Revised Report into Allegations of Organ Harvesting…

ยังจำหนังสือเล่มแรกที่เราอ่านจบได้อยู่มั้ย ถ้าไม่นับหนังสือเรียนนะ อาจจะเป็นนิยายหรือหนังสือทั่วไป สำหรับ #เหมียวสามสี คือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคแรกตอนอยู่ป.4 มันเป็นอะไรที่ภูมิใจมากๆ ที่เราสามารถอ่านหนังสือหนาๆ ได้จบสักหนึ่งเล่ม ในเรือนจำนั้นยังมีนักโทษอีกหลายคนที่รอวันที่จะถูกปล่อยออกมา หลายคนก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและกลับใจได้ ส่วนหนึ่งก็มีจากการอ่านหนังสือในเรือนจำนั่นแหละ เพราะมันช่วยหล่อหลอมให้เขาคิดอะไรบางอย่างได้     สำหรับหนูน้อยวัย 9 ขวบที่ชื่อว่า Tyler Fugett เขาก็มีเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากจะเอาไปสร้างสิ่งดีๆ ซึ่งเงินก้อนนี้แท้จริงแล้วเขากะเอาไว้ซื้อหนังสืออ่าน แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้เอามาอ่านเอง แต่กลับเอามาให้นักโทษที่เรือนจำ Montgomery County Jail แทน หนูน้อย Tyler เขามีสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในเรือนจำด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาขอให้แม่พาไปส่งที่ร้านหนังสือทุกๆ สัปดาห์ เพื่อหาหนังสือลดราคา ก่อนที่เขาจะรวบรวมแล้วเอามาส่งให้กับทางเรือนจำ     หนูน้อยกล่าวว่า “เวลาที่ผมคิดเรื่องไม่ดี ผมมักจะอ่านหนังสือ ดังนั้นผมเลยเก็บหนังสือแล้วเอาไปให้พวกเขา ถ้าพวกเขาได้อ่านหนังสือก็จะไม่มีเวลาคิดเรื่องไม่ดี บางทีพวกเขาอาจจะเจออะไรดีๆ ในหนังสือและทำให้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้” หนังสือในเรือนจำนั้นมาจากการบริจาคทั้งหมด และหนึ่งในนั้นก็เป็นของหนูน้อย Tyler ด้วย เป็นเด็กวัย 9 ขวบที่มีความคิดดีจริงๆ ที่มา distractify   พอพูดถึงเรื่องนักโทษแล้ว หลายคนอาจจะนึกว่าเขาเป็นคนไม่ดีไปซะหมด…

อเมริกาถือเป็นสวรรค์ของคนรักเบอร์เกอร์จริงๆ ถ้าไม่นับรวมพวกอาหาร Junk Food แล้ว เบอเกอร์ถือเป็นอาหารที่คนนิยมกันมาก เพราะมันอิ่ม ทานง่าย จบในจานแบบไม่ต้องมีอะไรมากมาย ร้านเบอร์เกอร์ในอเมริกาก็มีหลากหลาย ซึ่งส่วนมากจะแพงกว่าร้านเบอเกอร์แบบเฟรนไชส์มากประมาณ 100 – 300 บาท หรืออาจจะแพงกว่านั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปดูโฉมหน้าของเบอร์เกอร์ที่ติดอันดับท็อป 50 จาก Foursquare ที่สำรวจมาทั้งประเทศ เราจะได้เห็นความฉ่ำของมันอย่างเต็มแล้ว รับรองว่าท้องร้องแน่นอน   1. Hopdoddy Burger Bar — Austin, TX   2. Casper and Runyon’s Nook   3. Shake Shack — New York, NY   4. Poe’s Tavern — Sullivan’s Island, SC  …

เพื่อนๆ หลายคนคงเคยได้ยินข่าวของเหล่าช้างทั้งหลายที่ประสบอุบัติเหตุจากการเหยียบโดน ‘กับระเบิด’ จนทำให้พวกมันต้องสูญเสียขาไปหลายเชือกด้วยกัน บางเชือกก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจนเสียชีวิตไปก็มี บางเชือกก็มีชีวิตรอดและอาศัยอยู่ในศูนย์อนุรักษ์ช้างจนมาถึงปัจจุบัน   และเจ้าโมชา และเจ้าโม่ตาลา ช้างเอเชียก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายได้รับอุบัติเหตุจนเสียขาไปด้วยเช่นกัน แต่พวกมันก็มีชีวิตรอดมาได้ และตอนนี้ก็ได้รับการช่วยเหลือด้วยการติดตั้งขาเทียมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!! เจ้าโมชา เป็นช้างสายพันธุ์เอเชีย ที่เสียขาไปจากการเหยียบกับระเบิดที่บริเวณชายแดน ไทย-พม่า เมื่อตอนที่มันยังมีอายุได้ 7 เดือนเท่านั้น   เจ้าหน้าที่ในศูนย์อนุรักษ์ช้างในที่ตั้งอยู่ในจังหวัดลำปาง ที่รับหน้าที่ดูแลเจ้าโมชา เล่าว่าการที่มันสูญเสียขาไปนั้นสร้างภาระให้กับขาข้างอื่นๆ และหลัง ของมันเป็นอย่างมาก แต่มันก็ได้รับการช่วยเหลือด้วยการสร้างขาเทียมเพื่อช่วยให้มันสามารถเดินเหินได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งเจ้าโมชา ถือได้ว่าเป็นช้างเชือกแรกที่ได้รับการรักษาด้วยการใส่ขาเทียมมาตั้งแต่ปี 2007 แล้ว   และตอนนี้ตัวของมันก็โตขึ้นมากแล้วก็เลยต้องมีการทำขาเทียมขึ้นมาใหม่ เพื่อรองรับน้ำหนักตัวที่มากขึ้น และช่วยให้รู้สึกสบายไม่คับจนอึดอัดเกินไป ซึ่งนี่ก็เป็นการเปลี่ยนขาเทียมเป็นครั้งที่ 9 แล้ว   ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เจ้าโมชา เพิ่งเหยียบกับระเบิดมาใหม่ๆ ตอนนั้นมันยังมีน้ำหนักประมาณ 590 กิโลกรัม แต่ตอนนี้น้ำหนักตัวของมันพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 2 ตันแล้ว!! (ตามรายงานของ Reuter)   และแน่นอนว่าจากการศึกษาและทดลองใช้ขาเทียมกับเจ้าโมชา ก็ทำให้ขาเทียมที่ใช้กับช้างพัฒนาไปอย่างมากเลยล่ะ ช้างเชือกอื่นๆ ที่ประสบอุบัติเหตุจากการเหยียบกับระเบิดมาก็เลยพลอยได้รับการช่วยเหลือไปด้วย อย่างเช่นเจ้า โม่ตาลา เชือกนี้   เจ้าโม่ตาลา เป็นช้างงานที่ถูกนำไปใช้ลากซุงที่แถวๆ ชายแดนไทย-พม่า และก็เดินไปเหยียบกับระเบิดในบริเวณนั้นเช่นกันเมื่อปี 1999…

ปัญหาการจอดรถที่ขอบถนนกำลังจะหมดไปแล้วล่ะ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีนักประดิษฐ์ชาวแคนาดาที่ชื่อว่านาย William Liddiard ได้คิดค้นและออกแบบล้อรถยนต์แบบใหม่ ที่นอกจากจะขับไปด้านหน้าด้านหลังได้แล้ว มันยังสามารถขับไปด้านข้างได้ด้วยนะเออ!?   นาย Liddiard ตั้งชื่อให้กับล้อแบบใหม่นี้ว่า “Omni-Directional” (รอบทิศทาง) เขาอธิบายถึงเจ้าสิ่งประดิษฐ์นี้ว่าเป็น “การเคลื่อนที่ทุกทิศทางอย่างแท้จริงที่มันเป็นไปได้ด้วยล้อ”   ที่มันสามารถเคลื่อนที่ไปด้านข้างได้ก็เพราะว่าตัวยางนั้นจะมีลักษณะเป็นโดนัท 2 วง หากจะขยับไปด้านข้าง อุปกรณ์สายพานที่อยู่ด้านในจะค่อยๆ หมุนยาง จะล้อเคลื่อนตัวไปในแนวนอน “ตอนนี้คุณสามารถขับไปได้ในทุกทิศทาง และจอดตรงไหนก็ได้ที่ต้องการ” นาย Liddiard กล่าว   อันที่จริงแล้วสิ่งประดิษฐ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใหม่เท่าไหร่นัก เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีการประดิษฐ์นวัตกรรมแบบนี้มาแล้ว แต่ถูกใช้ในรถเข็นวีลแชร์สำหรับผู้ป่วยเท่านั้น หรือย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 ทาง Honda Motor Co. ก็ได้มีการเปิดตัวล้อแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในงาน Tokyo Motor Show แต่เป็นการออกแบบเพื่อ Segway มากกว่า     ตอนนี้นาย Liddiard กำลังพัฒนาล้อขับเคลื่อนด้านข้าง และหวังจะขายไอเดียนี้ให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ เราก็หวังว่ามันจะถูกใช้จริงๆ ได้ในสักวันหนึ่งนะ   ลองชมการเคลื่อนที่ไปด้านข้างของเจ้ารถคันนี้ดูเลย อีกหน่อยถ้าระบบนี้ถูกพัฒนามาใส่ไว้ในรถที่วางขายตามตลาดจริง เราน่าจะจอดรถข้างถนนได้ข้างขึ้นนะ ที่มา nationalpost

เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านนั้น #เหมียวเลเซอร์ ได้นำเสนอในเรื่องราวความรักอันยาวนานถึง 7 ปีของคู่รัก Andrew และ Ali ที่มานั่งเปิดอกคุยกันอีกครั้งให้หลัง 2 ปีจากที่เลิกรากันไป เพื่อหาสาเหตุที่ว่า ‘ทำไมถึงนอกใจ’ (อ่านเนื้อหาเก่า) ซึ่งหลังจากที่เราได้รับชมไปแล้วนั้น ก็ไม่อาจหาคำตอบจากฝ่าย Andrew ได้ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่เต็มใจที่จะตอบ แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว ไม่สามารถย้อนคืนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้อีก ส่วนที่เหลือก็คือการมองไปข้างหน้า ว่าทั้งสองนั้นจะลงเอยกันแบบไหน ในคลิปภาค 2 ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว   หลังจากที่จบภาคแรกไปแล้วนั้น Andrew ยังคงให้คำตอบไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงคิดนอกใจ Ali แต่ยังพยายามอธิบายเหตุผลแบบอ้อมๆ อยู่อย่างนั้น   Andrew: ผมว่าผมอาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ผมต้องฝ่าฟันมันไปในแบบที่ควรจะเป็น Ali: ใช่ Andrew: มันอาจจะฟังดูตลกนะ แบบว่าผมอยากจะไปออกเดทกับคุณอีกครั้ง เพื่อจะแสดงให้เห็นว่าผมควรจะทำยังไง Ali: มันก็ฟังดูดีนะ แล้วจะชวนออกไปเดทเลยมั้ยล่ะ? Andrew: อื้อ จะไปออกเดทกับผมมั้ยล่ะ (เสียงหัวเราะก็ตามมา)   และแล้วก็ตามมาด้วยคำถามที่ว่า อยากจะบอกอะไรกับแฟนใหม่ของ Ali บ้างมั้ย?…

เดี๋ยวนี้ ยังมีคนที่ไม่เคยเซลฟี่มั้ย? ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนเซลฟี่กันทั้งนั้น แต่รู้มั้ย? การเซลฟี่ แม้ว่าจะทำให้เราได้รูปสวยๆมา แต่ถ้ามากไป ก็ไม่ดีนะ เพราะการเซลฟี่อาจทำลายร่ายกายของเราได้อย่างง่ายดายเลย     รายการข่าวจากทาง Elle ระบุว่านักข่าวคนหนึ่ง Hoda Kotb ได้รับการวินิจฉัยถึงอาการข้อสอบอักเสบ ซึ่งมีผลมาจากการถ่ายเซลฟี่มากเกินไป เธอเริ่มรู้สึกปวดแขนและข้อศอก เธอจึงไปปรึกษานักศัลยกรรมกระดูก เขาถามเธอว่า ‘เธอเล่นเทนนิสหรือปิงปองหรือเปล่า’ (เธอไม่เคยทำทั้งสองอย่าง)     ผลการวินิจฉัยออกออกมาว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นกับเธอนั้นไม่ได้มาจากการออกกำลังกาย แต่มาจากการถ่าย ‘เซลฟี่’ อาการดังกล่าวถูกตั้งชื่อว่า Selfie Elbow นั่นเอง แพทย์ยังชี้ให้เห็นว่า เมื่อเราเซลฟี่ แขนของเราจะงอแบบแปลกๆ แล้วเราก็กด แชะ แชะ แชะ ลองคิดดู ถ้าเราถ่ายรูปเยอะๆ 20 30 หรือ 40 รูป ต้องใช้เวลานานแค่ไหน แล้วเราก็ต้อง เกร็งข้อศอกไปแบบนั้น   ตอนนี้ Hoda มีก้อนแข็งๆ อยู่ที่ข้อศอกของเธอ เธอกินยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด และตอนนี้เธอก็ไม่ใช่คนเดียวที่ต้องเจอกับความเจ็บปวดจากการเซลฟี่นี้!!  …

ในโลกใบนี้เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย และมีหลายสิ่งหลายที่รอให้เราได้เข้าไปสัมผัส เรียนรู้ เพื่อนำมาเผยแพร่ให้กับผู้อื่น วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพาไปสัมผัส เรียนรู้อีกมุมหนึ่งของโลก จากประสบการณ์ของช่างภาพสารคดีคนหนึ่ง ที่ได้เดินทางไปยัง Omo Valley ประเทศเอธิโอเปีย เพื่อบันทึกภาพวิถีชีวิตของ 5 ชนเผ่าโบราณดั้งเดิม ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้…   เริ่มจากกลุ่มแรก ชนเผ่า Hamar ที่เหลือกำลังรวมตัวกันอยู่ใต้ต้นใม้ใหญ่   เมื่อมีเขื่อนไฟฟ้าขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นที่แม่น้ำ Omo เพื่อที่จะสนับสนุนพื้นที่เพาะปลูกในเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งส่งผลให้ชนเผ่าเหล่านี้ต้องย้ายไปยังที่ที่ห่างไกลจากแผ่นดินำถิ่นกำเนิดของพวกเขา การสร้างเขื่อนนี้ได้ทำลายระบบสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของชนเผ่านี้ที่มีความผูกพันอยู่กับแม่น้ำมาเป็นเวลานาน   พวกผู้ชายจะเพ้นท์หน้าตัวเอง ก่อนที่จะเข้าร่วมพิธีกระโดดวัว   เมื่อมีธุรกิจการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปด้วย “ผมต้องจ่ายให้พวกเขาทุกครั้งที่ถ่ายรูป และโอกาสที่จะได้ถ่ายภาพวิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเขาก็มีน้อยมาก ภาพที่หาเงินได้ดีที่สุดคือ ภาพที่ผู้หญิงเทินหม้อและดอกไม้ไว้บนหัว เด็กๆจะถูกจัดให้โพสต์ท่าราวกับนางแบบที่มีประสบการณ์มานาน มีการเอาสีมาทาบนเรือนร่างและออกท่าทางคล้ายกับการเต้น” เมื่อโลกาภิวัตน์เข้ามาแทนที่ ความเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้จึงหายไปอย่างรวดเร็ว   กลุ่มผู้หญิงจะอาสาหาแส้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ความมุ่งมั่นของหนุ่มๆในการเข้าร่วมพิธีกระโดดวัว   ฝูงวัวจะยืนเรียงกัน เพื่อใช้สำหรับพิธีกระโดดวัว   พิธีกระโดดวัว จัดขึ้นเพื่อทดสอบว่า วัยรุ่นชายพร้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว และพร้อมที่จะแต่งงานมีครอบครัว รวมทั้งการได้เป็นเจ้าของวัวด้วย   การเต้นรำของชนเผ่าในระหว่างพิธีกระโดดวัว…

คู่รักหลายๆ คู่เองก็มีช่วงเวลาที่สำคัญแตกต่างกันออกไป บ้างก็มีวันครบรอบแต่งงาน วันครบรอบที่จับมือกันครั้งแรก วันครบรอบไปดูหนังด้วยกันครั้งแรก เป็นต้น ซึ่งในวันสำคัญเหล่านั้นก็จะมีการชวนกันไปฉลองเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสร้างความสุขให้กับชีวิตคู่ของแต่ละคน เช่นเดียวคุณตา Joe และคุณยาย Kay O’Regan ที่ชวนกันไปเฉลิมฉลองวันครบรอบแต่งงานปีที่ 57 และพ่วงกับฉลองวันเกิดครบรอบ 80 ปี ด้วยการพากันไปวิ่งมาราธอน   คุณตา Joe และคุณยาย Kay เป็นคู่รักที่ชื่นชอบการวิ่งมาราธอนเป็นอย่างมาก ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าพวกเขาได้ถูกลูกชายของตัวเองท้าทายให้วิ่งกับเขาท่ามกลางสายฝน ซึ่งมันก็ทำให้จุดประกายให้เกิดความหลงใหลในการวิ่ง และนอกจากนี้การวิ่งยังส่งผลดีต่อร่างกายของพวกเขาอีกมากมาย ทั้งในเรื่องของสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิต แถมยังทำให้ได้พบเจอเพื่อนใหม่ๆ จากการเข้าร่วมกลุ่ม Running Club ใน Ireland ที่พวกเขาอาศัยอยู่มาจนถึงปัจจุบัน   นี่คือภาพที่พวกเขาเคยไปวิ่งมาราธอนด้วยกันที่ London เมื่อตอนที่พวกเขายังอายุ 50 ปี   ความหลงใหลในการวิ่งมาราธอนทำให้พวกเขาเดินทางออกไปตามเมืองต่างๆ ในหลายประเทศ เพื่อไปวิ่งมาราธอนด้วยกัน ประกอบไปด้วย Boston, Melbourne, Berlin และ London และปัจจุบันคุณตา Joe เข้าร่วมการแข่งขันมาราธอนมาแล้วกว่า 29…

หากคุณเป็นทาสแมวที่คลั่งไคล้แมวเอามากๆ และชอบเก็บซะสมทุกอย่างที่เกี่ยวกับแมว นี่อาจเป็นของเล่นที่คุณควรมีไว้ในบ้าน ออฟฟิศ หรือห้องนอนก็ได้นะ   ของเล่นที่#เหมียวฟิ้นกำลังพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Breadcat (แมวขนมปัง) มันถูกออกแบบโดยศิลปินที่ชื่อว่า Rato Kim จากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เขาเป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบแมว แต่ไม่อาจจะเลี้ยงมันไว้ได้เนื่องจากยังไม่มีความพร้อมเท่าไหร่   แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ดันไปปิ๊งไอเดียเมื่อได้เห็นภาพของเจ้าเหมียวตัวหนึ่งกำลังนั่งเอาขาหน้าซุกเข้าไปใต้ตัวของมัน ทำให้มันมีลักษณะเป็นก้อนๆ เหมือนก้อนขนมปัง จากนั้นนาย Kim ก็นำเอามันมาเป็นแบบทำเป็นตุ๊กตาขนมปังก้อนสี่เหลี่ยม มีหูและหาง   แต่ Kim บอกว่าส่วนที่ยากที่สุดก็คือการออกแบบใบหน้า เพราะพวกมันแสดงออกทางสีหน้าได้หลากหลายรูปแบบมาก “พวกแมวมีการแสดงสีหน้าหลากหลาย ผมก็เลยเลือกที่จะให้พวกมันมีใบหน้าหลายๆ แบบซะเลย” Kim กล่าว   แม้ว่าส่วนตัวแล้ว นาย Kim จะไม่มีแมวเป็นของตัวเอง แต่เขาก็กล่าวว่าภายใน 2 ปีนี้เขาจะนำมันมาเลี้ยงให้ได้เลย และเข้าแมวขนมปังนี้ก็เหมาะมากๆ สำหรับคนแบบเขา ที่อยากจะเลี้ยงแมวแต่ยังไม่พร้อม ไม่มีโอกาส สถานที่ไม่อำนวยหรืออะไรก็แล้วแต่ . . . . . .   หากใครสนใจอยากจะชมผลงานอื่นๆ ของนาย Rato Kim…

และนี่คือเรื่องราวที่ถูกแชร์จาก ผู้ที่ใช้ชื่อว่า Taisce ซึ่งเป็นน้าของ Katherine King สาวน้อยที่ต้องจากไปด้วยโรคมะเร็งสมองในวัยเพียงแค่ 7 ขวบเท่านั้น ครอบครัวของเธอจึงบอกเล่าเรื่องเหล่านี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเธอ…   ลาก่อน Katherine King   การวิจัยเพื่อรักษามะเร็งสมองนั้นไม่ค่อยได้รับทุนสนับสนุนเท่ากับมะเร็งอื่นๆ และนั่นทำให้เด็กหลายคนผู้ป่วยเป็นโรคนี้ไม่สามารถรักษาตัวให้หายได้ เช่นเดียวกันกับ เด็กหญิงวัย 7 ขวบคนนี้ ชื่อ Katherine King เธอยอมจำนนต่อโรคร้ายนี้ในวันที่่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา พ่อแม่ของเธอก็จะเก็บเธอไว้ในความทรงจำตลอดไป และหวังว่าเรื่องราวที่แชร์นี้ จะทำให้หลายคนตระหนักถึงภัยของโรคมะเร็งสมอง และสนับสนุนทุนเพื่อการวิจัยรักษาโรคนี้อย่างจริงจังมากขึ้น   เธอได้จากเราเร็วเกินไป   สิ่งที่เธอก่อนที่จะจากไป   ในวัยเพียง 7 ขวบ ยังมีสิ่งที่ให้ลองทำและประสบการณ์ดีๆอีกมากมาย   เธอมีชีวิตที่สดใสมาตลอด 12 เมษายน 2557 (นี่เป็นรูปสุดท้ายก่อนที่เธอจะเจอกับโรคร้าย)   จริงๆแล้วเธอควรจะได้ไปโรงเรียน 2 มิถุนายน 2015 (วันที่แพทย์วินิจฉัยว่า เธอมีเนื้องอกในสมอง และเธอต้องได้รับการผ่าตัด) และหมอบอกว่า เธอมีชีวิตได้อีกเพียง 9 เดือน   เธอควรจะมีโอกาสได้มีแฟน…

เชื่อหรือไม่ว่าภาพมุมสูง สามารถทำให้เรามองเห็นความไม่ธรรมดาของสิ่งธรรมดาๆ ที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ได้ ดั่งเช่นภาพที่ #เหมียวอ๊อดโด้ นำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมวันนี้ รับรองว่าจะต้องตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน ภาพดังกล่าวเป็นผลงานของ Bernhard Lang ตากล้องผู้ชำนาญการถ่ายภาพมุมสูงชาวเยอรมัน เขาได้ถ่ายภาพ “ไร่ดอกทิวลิป”  เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสวยงามของธรรมชาติและผลกระทบจากมนุษย์ โดยภาพจะทำให้เราเห็นผิวโลกที่มีสีแตกต่างกันอย่างชัดเจน เนื่องจากสีของดอกทิวลิป ลองไปชมความงดงามกันดีกว่า!!   สวยงามอย่างกับวอลเปเปอร์   ไม่น่าเชื่อว่าแค่ถ่ายภาพจากมุมสูง ก็ได้เห็นอะไรเจ๋งๆ แบบนี้แล้ว   สีของพื้นโลกทั้งสองฝั่งแตกต่างกันอย่างชัดเจน   เราไปชมภาพอื่นๆ กันเลย . . . . . . .   สวยงามตระการตาตามท้องเรื่องจริงๆ ว่าแล้วลองหาซื้อโดรนมาถ่ายภาพมุมสูงแถวบ้านเหมียวบ้างดีกว่า อาจมีอะไรเจ๋งๆ แบบนี้ให้ดูบ้างก็ได้นะ อิอิ ที่มา Boredpanda

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2559 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวของ Senji Nakajima ชายชาวญี่ปุ่นวัย 61 ปีคนหนึ่ง ผู้ที่อาศัยอยู่กับ “ตุ๊กตายาง” รูปหญิงสาวในอพาร์ตเมนต์ของเขา ที่กรุงโตเกียว     Senji ก็คือผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่เคยแต่งงาน และมีลูกแล้วถึง 2 คน แต่หลังจากที่แยกทางกับภรรยา เขาจึงได้ซื้อตุ๊กตาอย่างตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Saori มา เพื่อที่จะช่วยแก้เหงาในยามที่เขาต้องออกไปทำงานไกลบ้าน     ในตอนแรกเขา Senji ใช้ Saori เป็นที่ระบายอารมณ์  แต่ภายหลังเขาก็เริ่มรู้สึกผูกพันกับตุ๊กตาตัวนี้ จนในที่สุดจากที่ซื้อมาเพื่อช่วยระบายอารมณ์ ก็กลายเป็นความรักไปในทันที     Senji บอกว่า Saori ไม่เคยหวังเงินทอง และไม่เคยทรยศเขาเหมือนกับคนอื่นๆ เธอเป็นมากกว่าตุ๊กตา เพราะเธอนั้นคือคนที่ทำให้เขาผ่านเวลาในช่วงลำบากไปได้   .   ในทุกๆ วันเขาจะเป็นคนอาบน้ำ รวมไปถึงเลือกเสื้อผ้า และแต่งตัวให้กับเธอ .…

หากเลือกได้ ก็คงไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นคนอ้วนหรอก จริงมั้ย เพราะการเป็นโรคอ้วนนั้น อาจจะทำให้มีโรคแทรกซ้อนต่างๆเข้ามามากมาย และยังเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตด้วย เด็กชายคนนี้ ถูกขนานนามเป็น เป็นเด็กที่อ้วนที่สุดในโลก ด้วยวัยเพียง 10 ขวบ ซึ่งเขาจะต้องกินอาหารบางอย่างเพื่อช่วยชีวิตของเขา     เขาไม่สามารถเดินได้ จึงต้องลาออกจากโรงเรียนเพราะเป็นโรคอ้วน สืบเนื่องมาจากการกินอาหาร 5 มื้อต่อวัน พ่อแม่ของเขาก็ไม่สามารถหาเสื้อผ้าที่พอดีกับตัวเขาได้ จึงตระหนักว่า ลูกของเขาควรจะหยุดกินได้แล้ว แม่ของเขา Rokayah Somantri  เล่าว่า… “เขาจะหิวตลอดเวลา และกินเข้าไปในปริมาณมาก อาหารของผู้ใหญ่สองจาน เขาสามารถกินหมดได้ในครั้งเดียว นอกจากนี้เขามักจะเหนื่อยง่ายและมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจที่ถี่เกินไปด้วยเขากินแล้วก็นอน บางครั้งก็จะลงไปแช่ในน้ำเป็นชั่วโมงๆ”     ‘คงไม่มีอะไรที่เจ็บไปกว่าการต้องทนเห็นลูกตัวเองต้องอยู่อย่างทรมาน…’ “ลูกชายของฉันไม่สามารถไปโรงเรียน เพราะเขาเดินเองไม่ได้ เขาต้องอาศัยความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง เขาเดินได้แค่ก้าวสั้นๆ ในขณะที่ฉันก็อยากเห็นเขาได้เล่นสนุกกับเพื่อนๆบ้าง”   Arya เป็นลูกชายคนที่ 2 ของ Rokayah วัย 35 และ สามีของเธอ Ade Somantri วัย 45 ปี โดยทั้งคู่เป็นชาวนา พวกเขาคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ…

เรื่องราวของเจ้า Bujing ลิงอุรังอุตัง ที่ถูกชาวบ้านในประเทศอินโดนีเซียนำไปขายในตลาดมืด หลังจากที่แม่ของมันตาย เจ้า Bujing ถูกขายไปในราคา 2,600 บาท เพื่อนำมันไปเป็นสัตว์เลี้ยง แต่ก็ไม่ได้ดูแลมันได้ดีเท่าที่ควร ผู้ซื้อล่ามโซ่มันไว้ในบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ในฝั่งตะวันตกของจังหวัด Kalimantan เป็นเวลานานกว่า 4 ปี จนมันมีสภาพผอมโซ ขนหลุดร่วงแทบจะทั้งตัว และมีบาดแผลอยู่เต็มลำตัว   เจ้าของผู้เลี้ยงได้เปิดเผยว่า ตอนเอามันมาเลี้ยงใหม่ๆ ยังเป็นเด็กเล็กๆ น่ารักเขาได้ทำการเลี้ยงดูอาบน้ำให้นมมันเป็นประจำ แต่พอมันโตขึ้นเขาจึงจับมันมาล่ามไว้หลังบ้าน เพื่อไม่ให้มันไปรบกวนเพื่อนบ้าน   แต่โชคดีที่มันถูกช่วยเหลือออกมาได้โดยคุณ Kylie Bullo นักอนุรักษ์ที่เป็นผู้จัดการโครงการช่วยเหลือและอนุรักษ์อุรังอุตังจากประเทศออสเตรเลีย เขาได้เดินทางมายังประเทศอินโดนีเซียเพื่อทำการช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ถูกมนุษย์จับไปหาผลประโยชน์ และบังเอิญได้ไปพบกับเจ้า Bujing เข้า เขาและทีมเจ้าหน้าที่ได้ทำการเจรจากับเจ้าของเป็นเวลานานกว่า 8 ชั่วโมงด้วยกัน จนทำให้เขายอมปล่อยเจ้าลิงอุรังอุตังวัย 9 ปีให้มาอยู่ในความดูแลของทีมอนุรักษ์   เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี เจ้าหน้าที่ทำการดูแลรักษามันเป็นอย่างดี ให้ทานอาหารที่มีประโยชน์ และตอนนี้สุขภาพของมันหายดีเป็นปลิดทิ้งแล้ว ขนของมันเริ่มยาว น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น และสามารถห้อยโหนปีนป่ายไปมาบนต้นไม้ได้อย่างอิสระ .   น่าดีใจแทนเจ้า Bujing จริๆ…

อย่างที่รู้กันดีว่าเลข ‘8’ นั้นเป็นตัวเลขที่ชาวจีนเชื่อว่าเป็นเลขมงคล จะนำพามาซึ่งความโชคดีมาให้ ยิ่งมีเลข 8 มากเท่าไหร่ ยิ่งให้โชคมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้ชาวจีนหลายๆ คนเลือกที่จะนำเลข 8 เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น เบอร์โทรศัพท์ เลขที่บ้าน เลขทัเบียนรถ เป็นต้น เช่นเดียวกัชายหนุ่มชาวจีนนามว่า Kai Long ที่ทำงานเป็นเจ้าของกิจการขายส่งผลไม้ เขายอมทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อประมูลซื้อป้ายทะเบียนรถเลขสวยที่มีเลข 8 ถึง 5 ตัวด้วยกัน!!   เขายอมเสียเงินไปกว่า 5 ล้าน 2 แสนบาท เพื่อแลกกับเจ้าป้ายทะเบียนสุดยอดอภิมหามงคลนี้มา หวังว่ามันจะให้โชค ช่วยการทำมาค้าขายให้เจริญร่ำรวยยิ่งๆ ขึ้นไป   แต่ผลที่รับกับไม่เป็นอย่าที่เค้าหวัง เพราะเมื่อวันก่อนนาย Kai ได้ทำการประเดิมขับรถที่ติดป้ายทะเบียนมงคลออกไปขับเป็นวันแรก มุ่งหน้าแบบชิลๆ ไปตามทางด่วนในเมือง Zhenzhou แต่จู่ๆ ก็ถูกหยุดไว้โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเข้าใจว่าป้ายทะเบียนรถของเขานั้นเป็นของปลอม!? แม้นาย Kai จะเถียงว่าเป็นของจริงก็ไม่เชื่อ จนต้องเช็คใบขับขี่ ใบเล่มทะเบียนรถ และเลขเครื่องยนต์ จึงได้ทราบว่าเป็นของจริง   และยังไม่จบแค่นั้น…ในวันต่อมา นายไคก็เอารถคันนี้ออกไปขับอีก…

อะไรที่มันมากเกินไปก็ไม่ดีนะ อย่างที่เหมียวทั้งหลายเคยนำเสนอในข้อดีของเกมไป แต่ก็ใช่ว่าข้อเสียของมันจะไม่มีเลย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลด้วย ว่าจะให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน อย่างเช่นกรณีตัวอย่างดังต่อไปนี้ ข่าวคราวอันน่าตกใจนี้เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีชายวัย 55 ปี ผู้มีหน้าที่การงานได้เกษียณก่อนกำหนด และกลับมาอยู่บ้านกับภรรยาวัย 52 ปีกันสองคน โดยที่ลูกๆ ก็เติบโตแยกย้ายไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว     เมื่อเวลาผ่านไป ฝ่ายสามีผู้เกษียณในวัย 57 ปี วันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย ก็มีอาการติดเกมอย่างหนัก เล่นทั้งวัน ทั้งคืน ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน แม้จะอาศัยอยู่ที่เดียวกันกับภรรยา แต่ก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว จะได้เห็นก็ตอนที่จะออกมาเข้าห้องน้ำเท่านั้น จนกระทั่งภรรยาทนกับพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ไหว จนทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน แต่ก็ไม่วายโดนสามีติดเกมสวนกลับมาว่า ‘ถ้าผมหายออกไปจากเกม จะทำให้คนอื่นเล่นต่อไม่ได้ แล้วแบบนี้จะให้ผมทรยศเพื่อนพ้องงั้นเหรอ’     เมื่อได้ยินประโยคที่ทำให้ใจสลาย ภรรยาก็ไม่ทนอีกต่อไป ในเมื่อเกมสำคัญกว่าจิตใจของเธอ เธอก็ขอตีตัวออกห่าง แต่หลังจากนั้นเพียงแค่ 4 วัน เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาลแจ้งมาว่าสามีของเธอเป็นโรคขาดสารอาหารอย่างหนัก ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน     ทีนี้เราก็ต้องมาคิดกันใหม่ว่าหากเราละเลยสิ่งรอบข้างไป บางครั้งมันก็กลับมาทำร้ายเราได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านจิตใจและสุขภาพ เพราะฉะนั้นแล้ว ควรที่จะจัดลำดับความสำคัญแต่ละอย่างให้พอดีนะจ๊ะ…

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2559 ทางเว็บไซต์ Buzzfeed ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวสุดประทับใจของ Jeanette Carty คุณทวดจากรัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่กำลังมีความสุขสุดๆ… หลังจากที่บรรดานักดับเพลิงประจำเมือง Norfolk ทั้งสถานี ได้รวมตัวกันเพื่อมาเซอร์ไพรส์วันเกิดอายุครบ 100 ปี ของเธอถึงหน้าบ้าน เรียกได้ว่าเป็นภาพที่น่ารักมาก ทำเอาคนดูถึงกับยิ้มตามไม่หุบเลยละเมี๊ยวววว     หลายคนอาจจะกำลังสงสัย ว่าทำไมนักดับเพลิง ถึงได้พากันยกขบวนมามอบของขวัญให้คุณทวดแบบนี้…ความจริงก็คือ Joe Carty สามีของคุณทวด เคยเป็นนักดับเพลิงในเมือง Norfolk มาตั้งแต่ปี 1942 เขาได้ปฏิบัติหน้าที่มาตลอด 30 ปี ก่อนที่จะเสียชีวิต อีกทั้ง David Bear ผู้เป็นหลานชาย รวมไปถึงพ่อของเขา ก็เป็นนักดับเพลิงประจำเมือง Norfolk อีกด้วย     ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บรรดานักดับเพลิง พร้อมใจกันเดินทางมาเซอร์ไพรส์วันเกิดอายุครบ 100 ให้กับคุณทวด เพราะพวกเขาอยากให้เธอรู้สึกพิเศษ และมีความสุขที่สุด   พวกเขาได้นำดอกไม้มามอบให้เธอ…

งานแต่งงาน ถือเป็นพิธีที่สำคัญที่จะเกิดขึ้นกับเราแค่หนึ่งครั้งในชีวิต ซึ่งใครๆ ก็อยากทำออกมาให้ดีที่สุด แต่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ Julie Stroyne วัย 24 ปี เธอประกอบอาชีพเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาล UPMC Presbyterian Hospital และนี่ก็คือวันที่พิเศษที่สุดสำหรับเธอ ในวันที่ 11 มิถุนายน เป็นวันที่เธอจะได้เข้าพิธีแต่งงานกับแฟนหนุ่ม Andrew Nixon     ระหว่างที่พิธีดำเนินไปอย่างราบรื่น ช่างภาพก็กำลังเก็บภาพ จู่ๆ เจ้าสาวก็ได้ยินเสียงร้องให้ช่วย “มีใครทำ CPR เป็นบ้าง มีหมอบ้างไหม” ทันใดนั้นเธอก็ออกจากโรงแรมเพื่อไปตามเสียงทันที   เธอทิ้งทุกอย่างที่อยู่ในมือ แล้วทำการช่วยชีวิตด้วยการทำ CPR แล้วมันก็ได้ผล หญิงสาวที่สลบผู้นั้นมีสติกลับมาอีกครั้งหนึ่ง   Julie เล่าว่าในตอนนั้นเธอไม่ได้คิดเกี่ยวกับการแต่งกายหรือความตลกเวลาใส่ชุดเจ้าสาวแล้ววิ่งเลย แค่มีความสุขที่ได้ช่วยชีวิตคน   คุณแม่ของเธอยังกล่าวอีกว่า “ลูกไปอยู่ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ ฉันดีใจที่เธอได้ไปอยู่ตรงนั้น”   นี่อาจจะเป็นงานแต่งงานที่เธอไม่ได้หวังไว้ แต่เชื่อว่ามันน่าจะเป็นงานแต่งงานที่เธอจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต ที่มา distractify

ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเทศที่มักมีไอเดียอะไรแปลกๆ ออกมาให้เราได้ชมเสมอ และวันนี้อีกครั้งกับผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาเอาใจผู้ที่ชื่นชอบ “ซูชิ” อาหารขึ้นชื่อจากญี่ปุ่นอย่างสุดกับใจกับ “กระเป๋าซูชิ” อันนี้!!’     กระเป๋าซูชิสุดเก๋ชิ้นนี้ เป็นผลงานของบริษัท Turn Over โดยกระเป๋าจะทำหน้าตาออกมาเลียนแบบซูชิ ซึ่งจะมีหลายแบบ ได้แก่ซูชิหน้าไข่ หน้ากุ้ง และหน้าแซลม่อน   เห็นหน้าตาประหลาดๆ แบบนี้ อย่านึกว่าใช้งานจริงๆ ไม่ได้นะ เพราะผู้ผลิตทำช่องใส่ของไว้มากมาย ตั้งแต่ใส่ขวดน้ำ เอกสาร โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์แลปทอปขนาด 17 นิ้วเลยนะจ๊ะ .   สนนราคาอยู่ที่ชิ้นละ 4,860 เยนหรือราว 1,700 บาทไทย ใครสนใจก็สั่งซื้อจากเว็บไซต์ Turn Over ได้เลยนะฮะ   แหม อะไรจะเหมือนจริงขนาดนี้ เกิดกำลังหิวๆ อยู่ แล้วมีคนสะพายกระเป๋าซูชิเดินผ่าน อาจมีกระโดดงับได้ ก็คนมันหิวนี่น่า ฮาาา ที่มา: Rocketnews24

กลายเป็นข่าวดังในวงการศึกษาของญี่ปุ่นเลยทีเดียว เมื่อนักเรียนคนหนึ่งเตรียมฟ้องโรงเรียนเป็นเงินกว่า 6 ล้านเยน หรือราว 2 ล้านบาท เนื่องจากไล่เขาออกจากโรงเรียนในข้อหามีเพศสัมพันธ์กับสาวที่คุยกันอยู่ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อนักเรียนชายคนหนึ่งของโรงเรียนมัธยมปลายเซวะกาคุเอ็ง ในเมืองเซนได ถูกโรงเรียนไล่ออกเนื่องจากมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวที่กำลังคุยๆ กันอยู่ ซึ่งเป็นช่วงเพียง 1 สัปดาห์ก่อนจบการศึกษา     อย่างไรก็ตาม โรงเรียนได้ยื่นข้อเสนอให้เขาลาออกเอง ซึ่งแน่นอนว่าเขาเลือกที่จะลาออกเองแทนที่จะโดนไล่ออก แต่ผลก็คือเขาต้องออกจากโรงเรียนอยู่ดี เป็นที่ทราบกันดีว่า เด็กๆ ญี่ปุ่นส่วนมากถูกโรงเรียนกำหนดเส้นทางชีวิตไว้หมดแล้ว ว่าจะต้องไปเรียนต่อที่ไหนอะไรยังไง ฉะนั้นการต้องย้ายโรงเรียนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตอย่างมัธยมปลาย อาจหมายถึงเส้นทางชีวิตที่เปลี่ยนไปตลอดกาล แม้ตอนนี้เขาจะได้เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อมองย้อนกลับไปเขารู้สึกเสียดายกับสิ่งที่เขาสูญเสียไปเป็นอย่างมาก ทำให้เขาตัดสินใจฟ้องร้องโรงเรียนเก่าของเขาเป็นจำนวนเงิน 6 ล้านเยนหรือราว 2 ล้านบาทเนื่องจากทำให้เขาเสียโอกาสในชีวิต     พิจารณาจากกฎระเบียบของกระทรวงการศึกษาแล้ว ไม่มีการระบุบทลงโทษที่ชัดเจนว่าต้องทำอย่างไร มีเพียงแค่ห้ามทำร้ายร่างกายเด็กเท่านั้น ส่วนโรงเรียนเอกชนสามารถกำหนดบทลงโทษได้เองตามวิจารณญาณ ส่วนครูใหญ่ของโรงเรียนเซวะ ได้กล่าวว่า พวกเขาเคยส่งจดหมายเตือนแก่นักเรียนทุกคนแล้วว่า จะไม่มีการปราณีต่อผู้ที่กระทำผิดทางเพศอย่างเด็ดขาด     เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นที่โจษจันในสังคมเป็นอย่างมาก ชาวเน็ตหลายท่านแสดงความเห็นว่า นี่เป็นบทลงโทษที่รุนแรงเกินไปหรือเปล่า เพราะเรื่องเพศก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กวัยนี้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข่าวฟ้องร้อง…

“น้ำ” ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น การนำมาใช้อุปโภคบริโภค นำมาใช้ในด้านอุตสาหกรรม หรือในด้านการการเกษตร และด้านอื่นๆ อีกมากมาย ในขณะเดียวกัน ภาวะขาดแคลนน้ำ เรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่หลายๆ ประเทศมักจะให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา จำนวนประชากรของแอฟริกาที่มากถึง 36% ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำดื่มที่สะอาดได้ ดังนั้นทางทีมงานสถาปัตย์จาก Architecture and Vision จึงช่วยกันคิดหาวิธีที่จะแก้ไขปัญหานี้ นั่นก็คือ การสร้างหอคอยเก็บน้ำจากอากาศ นั่นเอง   .   หอคอยเก็บน้ำจากอากาศนี้ มีลักษณะเป็นรูปแจกัน ถูกสร้างขึ้นมาจากไม้ไผ่ และพลาสติก ที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมดเพียง 1 สัปดาห์     เพื่อนๆ อาจจะกำลังสงสัยว่ามันจะสามารถเก็บน้ำได้อย่างไร จริงๆ แล้วไม่ได้มีกลไกอะไรซับซ้อนเลย เพียงแค่ใช้ประโยชน์จากการรวมตัวของไอน้ำในบรรยากาศโดยรอบ ที่ไหลผ่านตาข่าย แล้วถูกส่งลงมาเป็นหยดน้ำกรองมาเก็บไว้ในถัง เพียงเท่านี้ก็จะได้น้ำสะอาดจากธรรมชาติแล้ว     เรียกได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ให้ทั้งความปลอดภัย แถมยังมีประสิทธิภาพมากๆ เพราะนอกจากจะเป็นการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติแล้ว ยังทำให้ประชากรมีน้ำดื่มสะอาด เพื่อเอาไว้ดื่ม เอาไว้ใช้อย่างน้อยวันละ 26 แกลลอนเลยทีเดียว…

ในสังคมเราปัจจุบันนี้ จะดูการการกระทำอย่างเดียว คงไม่พอเสียแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกก็ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จำทำให้เราได้เข้าถึงโอกาสต่างๆในชีวิตด้วย และนี่คือตัวอย่างโครงการจาก Unicef ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของรูปลักษณ์ภายนอก ว่ามีความสำคัญต่อสังคมอย่างไร…   เด็กน้อยวัย 6 ขวบ  Anano เธอแต่งตัวเป็นเด็กสาวที่ดูดี เพียบพร้อม กับ เด็กน้อยที่ดูยากจน น่าสงสาร .   คนที่เดินผ่านไปผ่านมา หยุด เมื่อเห็นหนูน้อยแต่งตัวดี ใส่รองเท้าแพงๆ และเธอว่า ‘อายุเท่าไร หลงทางหรือเปล่า บ้านอยู่ไหน’   แต่เมื่อหนูน้อยเปลี่ยนการแต่งตัวแบบโทรมๆ ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ดูสกปรก ผู้คนก็จะเดินผ่านไปโดยไม่สนใจเธอเลย   องค์การ UNICEF ได้ทำวิดีโอ ที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการแก้ไขปัญหาความยากจนที่ส่งผลกระทบต่อโอกาสในชีวิตของเด็ก และนี่ก็เป็นวิดีโอที่อธิบายให้เห็นว่า ทำไมคนเราต้องตัดสินคนอื่นที่การแต่งตัว ซึ่ง หนูน้อย Anano ก็บอกว่า ‘เป็นเพราะ หน้าตามอมแมม และเสื้อผ้าที่ดูสกปรก พวกเขาเลยแสดงอาการแบบนััน’   ตอนที่เธอแต่งตัวสะอาดสะอ้าน มีแต่คนเข้ามาคุย มาทักเธออย่างเป็นมิตร   แต่เมื่อเธอแต่ตัวด้วยเสื้อผ้ามอมแมม มีแต่คนผลักไสไล่ส่ง   มันทำให้ฉันเศร้า…

ถ้าใครจำได้ คราวก่อนเหมียวขาสั้น ได้เคยทำเรื่อง ป้ายโฆษณา ‘เหยียดเพศ’ ที่เหล่าแบรนด์ดัง ล้วนเคยใช้มาในอดีต… เมื่อวันก่อน วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยขอสานต่อประเด็นนี้แบบเต็มๆ เลยนะ… เรียกได้ว่าช่วงนี้กระแสเรียกร้องความเท่าเทียมทั้งด้านทางเพศและเรื่องอื่นๆ ก็มีขึ้นมาเรื่อยๆ ล่าสุดเราก็ขอยกเรื่องของโฆษณาต่างๆ มาเป็นกรณีศึกษาแล้วกันเนาะ   โฆษณานี้ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ณ ขณะนี้ในต่างประเทศ   โฆษณานี้ได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดก็เพราะว่าการโชว์หุ่นของหญิงสาวที่ดูเพอร์เฟ็คต์จนเกินไปและไม่น่าเชื่อ ทำให้หญิงสาวหลายๆ คนรู้สึกแย่กับหุ่นของตัวเอง บางคนก็ตีความว่าอาจทำให้ผู้หญิงอยากผอมด้วยวิธีการที่ผิดๆ หรือแท้จริงแล้วความผอมก็อาจไม่ได้เป็นการชี้วัดความสวยที่ถูกต้องก็เป็นได้ แต่ถ้าเพื่อนๆ ลองย้อนกลับไปดูโฆษณาในอดีตแล้ว จะรู้สึกว่าแค่นี้นี่ซอฟต์ไปเลยทีเดียว…   โฆษณาของ Heinz ใช่วงปี 1950 ที่เขียนไว้ว่า “Most husbands, nowadays, have stopped beating their wives …” หรือ ‘ผู้ชายในสมัยนี้ส่วนมากนั้น เลิกตบตีภรรยากันแล้ว…’ ดูรุนแรงจริงๆ และยังเป็นการบอกโดยนัยน์ว่าหน้าที่ของสาวๆ คือเอาใจและดูแลผู้ชายเท่านั้น   โฆษณาของ Chase & Sanborn, 1952 โชว์ภาพความรุนแรงของการทำร้ายร่างกายเพศหญิงภายในครอบครัว   Schlitz, 1952 ‘ไม่เป็นไรนะที่รัก…

อื้อหืออออ คอนเท้นท์นี้ต้องบอกตรงๆ ว่าหนักหนามาก ทำไปขนลุกไปเลยนะเนี่ย วันนี้จะพาเพื่อนๆ มารู้จักกับ Trypophobia หรือเอาง่ายๆ โรคกลัวรูนั่นเอง จากที่เหมียวเลเซอร์ได้เคยทำบทความเอาไว้ รู้จักกับโรคกลัวรู ‘Trypophobia’ มันคืออะไร ทำไมถึงเป็นกันเยอะ? ใครอยากจะรู้ว่ามันเป็นยังไงลองตามไปอ่านกันได้ แต่ที่ #จ่าสิบเหมียว เอามาให้ชมวันนี้เพื่อทดสอบจริงๆจังๆ ว่าคุณน่ะเข้าข่ายโรคกลัวรูกับชาวบ้านเค้าหรือไม่ และถ้าดูทั้ง 21 ภาพนี้แล้วล่ะก็ยังรู้สึกสบายๆ อยู่นะ บอกเลยว่าเพื่อนๆ ผ่านแล้วล่ะ ฮร่าาา   เริ่มมีอาการเบาๆ กันบ้างรึยัง??   แค่ม้วนกระดาษเองนะเนี่ยยย อิอิ   ขนมก้อนนึง   เริ่มรู้สึกปั่นป่วนท้องไส้แล้วสิ -*-   เส้นพาสต้า   อึ๋ยยยยย ฟองน้ำเฉยๆ นะเนี่ย   เดี๋ยวๆๆๆๆ ทำไมขนเริ่มลุก   ลิ้นน้องแมวรู้สึกยังไงบ้าง??   อ่อกกกกกกกกกก   อันนี้ยังโอเค อิอิ   ชิวๆ   ม่ายยยยยยย…

เพื่อนๆ หลายคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘ไม่ควรมองคนที่ภายนอก’ กันมาบ้างแล้ว ซึ่งมันก็เป็นความจริง บางครั้งคนที่มีหน้าตาน่ากลัวก็อาจมีจิตใจดีก็ได้ หรือบางครั้งคนที่ไม่มีบ้านหรือไม่มีเงินความคิดเค้าอาจจะไม่ได้มีแค่ต้องการขโมยของของคนอื่นก็ได้… วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวน่าประทับใจของชายหนุ่มผิวสีที่ใครๆ ก็มองว่าพวกเขาเป็นคนไม่ดี แต่จริงๆ แล้วจิตใจของเค้าดีมากๆ เลยล่ะ     เรื่องมีอยู่ว่าชายหนุ่ม Matt White ได้ทำการโพสต์สเตตัสลงบนเฟซบุ๊ค เล่าเรื่องราวที่เขาได้พบเจอมา… เขาเล่าว่า เขาได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่า Chauncey Jones ในระหว่างที่เขากำลังถือของช็อปปิ้งอยู่นั้น จู่ๆ ชายหนุ่ม Chauncey ก็เดินเข้ามาเสนอความช่วยเหลือการช่วยถือของให้ไปที่รถเพื่อแลกกับโดนัทซักกล่อง เขามองเข้าไปในตาของชายหนุ่มพบว่าในนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แถมชายหนุ่มยังดูหิวโหยแบบสุดๆ ชายหนุ่มเล่าว่าที่บ้านของเขายังมีแม่อีกคนที่รออยู่ บ้านเขาไม่มีอะไรเลย ไม่มีอาหาร ไม่มีรถ ไม่มีโทรศัพท์ ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับทำให้เขาต้องออกมาแสดงความช่วยเหลือเพื่อแลกกับอาหารเล็กน้อยอยู่แถวนี้ คุณ Matt ได้ยินแบบนี้ก็เลยพาเขาไปซื้อของมากมายทั้งซีเรียล ขนม พิซซ่า ผักแช่แข็ง ชีโต้ส แตงโม และอื่นๆ อีกหลายอย่าง พร้อมกับขับรถพาเขาไปส่งที่บ้าน และพอไปถึงที่บ้านก็พบว่าเรื่องที่เขาเล่านั้นเป็นความจริงทั้งหมด แม่ของเขาใจดีมากๆ เลย ในตอนนั้นดวงตาของหนุ่ม Chauncey ดูเปล่งประกาย…

ความรักจะเกิด อะไรก็ฉุดไม่อยู่ ขึ้นชื่อว่า ‘ความรัก’ นั้น ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหนย่อมสวยงามเสมอ เพราะความรักเป็นเรื่องของคนสองที่พร้อมจะดูและซึ่งกันและกัน วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพามาดูคู่รักแม้จะต่างวัย แต่สุดท้ายทั้งสองก็ลงเอยอย่างแฮปปี้สุดๆ   กลายเป็นข่าวฮือฮาทั่วโลกออนไลน์ญี่ปุ่นไปชั่วข้ามคืน เมื่อมีเรื่องราวของนักวาดการ์ตูนวัย 51 ปี แต่งงานกับสาวอายุ 20 ปีถูกเผยแพร่ในโลกโซเชียล   เป็นเวลากว่า 26 ปี ที่ Kosuke Fujishima หลงรักการวาดการ์ตูนแนวโรแมนติก และเขาก็ได้สร้างผลงานดีๆ มาให้เหล่านักอ่านได้ชมกันอย่างต่อเนื่อง อย่างผลงาน Oh! My Goddess  ที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันดีที่สุด เขาสามารถสร้างตัวละครให้ดูสะดุดตา แม้ว่าตัวการ์ตูนตัวนั้นจะแต่งตัวย้อนยุคก็ตาม และเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้แต่งงานกับ  Nekomu Otogi ซึ่งเป็นสาวคอสเพลย์ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง     การที่เจ้าบ่าวอายุ 51 แต่งงานกับเจ้าสาวจะอายุเพียงแค่ 20 ปี นั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความรักของทั้งสองเลย พวกเขาแสดงออกชัดเจนถึงความรักที่มีให้กัน โดยโอโทกิ ได้เล่าเรื่องราวของผ่านทวิตเตอร์ว่า… ‘ฉันอยากบอกทุกคนว่า นักวาดการ์ตูน Kosuke Fujishima และฉัน เราได้แต่งงานกันแล้ว และตอนนี้ฉันก็ท้องแล้วด้วย ต้องขอโทษทุกคน…

สิ่งหนึ่งในชีวิตที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยก็คือความแก่ เมื่อแก่ไปเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนอย่างวัยรุ่น เพราะว่าด้วยอายุและสังขาร ดังนั้นในตอนนี้ถ้าใครอยากทำอะไรก็ต้องรีบโกยไว้ก่อน แต่ต้องไม่ใช่เรื่องที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะจ๊ะ แต่สำหรับคุณยาย Sadie Sellers วัย 79 ปี ชาวไอร์แลนด์ เธอต้องไปอยู่สถานดูแลผู้สูงอายุ เนื่องจากว่าลูกๆ ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน แต่การไปอยู่ที่นั่น มันก็ต้องมีเบื่อบ้างเป็นธรรมดา เธอเลยวางแผนที่จะหนีจากที่นี่เพื่อไปทำอะไรบางอย่าง   เมื่อ Tony Sellers ลูกชายของเธอไปหาแล้วพบว่าแม่หายไป งานนี้ก็เดือดร้อนกันแล้ว เพราะว่าไปหาที่ไหนก็ไม่เจอ แม่หายไปไหนนะ?   หลังจากทำการสืบไปสักพัก ก็ได้มีคนพบเห็นเธอเดินไปที่ร้านสักแห่งหนึ่ง   เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่าแม่ของตัวเองนั้นกำลังให้ช่างสักให้ที่แขน ดูหน้าของคุณยายที่มีหลานตั้ง 11 คน คนนี้สิ แลดูสะใจมากๆ   เอาจริงๆ คุณยายก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องครอบครัวเท่าไหร่เลย ถ้าเกิดว่าคุณยายหายไปก็ปล่อยให้ลูกๆ ตามหาพร้อมกับบอกว่า “ช่างแมร่ง”   สาเหตุที่คุณยายมาสักก็เพราะว่าได้แรงบันดาลใจมาจากหลายสาววัย 22 ปีชื่อว่า Samantha ซึ่งเธอได้มาเล่าเกี่ยวกับการสักให้คุณยายได้ฟัง ยายได้ยินดังนั้นก็เลยจัดไป 1 ลาย   พอกลับไปถึงบ้าน คุณพ่อ Tony ถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว ส่วนหลาน Samantha…

โลกเราได้ผ่านภัยพิบัติมาหลายศตวรรษ… ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นภัยที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ อาทิเช่นภัยสงคราม การก่อการร้าย และแน่นอนว่าทุกการกระทำย่อมส่งผลถึงสิ่งที่จะตามมา… นี่คือ 15 อันดับภัยธรรมชาติที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ซึ่งจัดอันดับโดยเว็บไซต์ ORZZZZ เราลองไปดูว่ามีอะไรติดมาบ้าง..   อันดับที่ 15. Afghanistan Blizzard (2008) พายุหิมะที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อิหร่าน โดยมีผู้บาดเจ็บล้มตายไปถึง 1,337 คน เนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลงต่ำกว่า -30 องศาเซลเซียสและหิมะสูงถึง 180 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาจากอาการเนื้อตาย จากความเย็นมากกว่า 100,000 คน   อันดับที่ 14. New Zealand Earthquake (2011) แผ่นดินไหว “Christchurch” ที่มีความรุนแรงถึง 6.3 ริกเตอร์ เกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2011 ที่นิวซีแลนด์ บ้านเรือนเสียหายมากมายและ นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตถึง 185 คน อีก 238 คนหายสาบสูญ   อันดับที่ 13. Bhola Cyclone (1970)…

เชื่อว่าบ้านไหนๆ ก็ต้องมี “เตารีด” ติดบ้านเอาไว้อย่างน้อยๆ หนึ่งเครื่อง สำหรับคนทั่วไป เตารีดก็ต้องมีเอาไว้รีดเสื้อผ้า แต่สำหรับชายหนุ่มคนนี้ เขากลับใช้เตารีดสร้างสรรค์งานศิลปะขึ้นมา!! ชายหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Benjamin Shine เป็นชาวลอนดอนโดยกำเนิด แต่ชีวิตส่วนมากของเขา ก็จะเดินทางสลับไปมาระหว่างลอนดอนกับซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ความสามารถพิเศษของเขาคือ เขาสามารถใช้เตารีดและผ้าเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะสุดเจ๋งขึ้นมาได้     เขาเล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ว่า “วันหนึ่งผมเห็นกองผ้าที่ถูกขยำอยู่บนพื้นสตูดิโอ ผมก็รู้สึกว่า ผมน่าจะนำมันมาทำอะไรบางอย่างได้นะ”     วิธีการของเขาคือ เขาจะเย็บผ้าตัดกับฉากหลังเอาไว้ จากนั้นก็จะค่อยๆ ใช้เตารีด รีดผ้าเหล่านั้นให้เกิดเป็นรอย และกลายเป็นรูปภาพในเวลาต่อมา     ตอนนี้ผลงานของเขากว่า 50 ชิ้น ถูกจัดแสดงอยู่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นที่โมนาโก นิวยอร์ก และลอนดอน พิสูจน์ให้เห็นว่า ผลงานของเขานั้นน่าเป็นที่ตื่นตาตื่นใจขนาดไหน!!     ลองไปชมผลงานอื่นๆ ของเขากันดีกว่า   . . . .   ใครสงสัยว่าเขาทำยังไง ลองชมบทสัมภาษณ์อันนี้ดูได้นะฮะ  …

เรื่องมาตรฐานความปลอดภัย เรียกว่าใส่ใจกันเป็นที่หนึ่งจริงๆ สำหรับชาวญี่ปุ่น ล่าสุดเหล่าผู้โดยสารรถไฟเส้นทางโอดาคิว ต้องไปถึงที่หมายช้าไปนิดหน่อย เพราะรถไฟต้องจอดอย่างกะทันหัน หลังมี “มันฝรั่ง” ตกขวางทางรถไฟอยู่     โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา รถไฟที่ออกจากสถานียามาโตะเพื่อไปยังสถานีโชนันไดต้องหยุดกะทันหัน หลังจากมีคุณยายคนหนึ่ง ทำถุงมันฝรั่งขาด จนมันฝรั่งที่ซื้อมาตกอยู่กลางทางรถไฟ เมื่อรถไฟที่กำลังแล่นมาเห็นดังนั้น ทางคนขับรถจึงจอดรถในทันที แล้วลงไปเคลียร์มันฝรั่งเหล่านั้นให้ออกจากเส้นทาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวรถไฟ     ส่วนเจ้าของมันฝรั่งก็ยืนอยู่ข้างทาง แล้วคอยมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างงงๆ     เมื่อชาวเน็ตเห็นภาพดังกล่าว ก็ออกมาคอมเมนต์แบบฮาๆ มากมายเช่น “สงสัยคุณป้าอยากทำมันฝรั่งบด” “คุณป้าทำไปทำไมเนี่ย สงสัยร้อนจัดจนเพี้ยนซะละมั้ง” “ปกติทำแบบนี้ไม่โดนจับเหรอ?”     พนักงานเค้าใส่ใจทุกรายละเอียดดีจริงๆ ถ้าเป็นรถไฟไทยนี่เหยียบเละไปแล้วแน่นอน แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรบ้าง ลองแสดงความเห็นกันเข้ามาดูนะเหมียว ที่มา Rocketnews24

เมื่อกล่าวถึง ‘โรคมะเร็ง’ แล้ว เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้กันดีว่าเจ้าโรคนี้เป็นตัวการที่คร่าชีวิตผู้คนมากมายบนโลกของเรา และในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถหาวิธีที่รักษาที่ได้ผลแบบรวดเร็วทันใจได้ นอกจากจะต้องทำคีโมเพื่อกำจัดเชื้อมะเร็งร้ายให้หมดไป ทั้งนี้การทำคีโมนี้ก็มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย แถมยังมีค่าใช้จ่ายสูงอีกด้วย ทำให้ใครหลายๆ คนที่เป็นมะเร็งในระยะสุดท้าย เลือกที่จะยอมแพ้และจากไป… วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวของหนูน้อยคนหนึ่งที่สูญเสียแม่ไปด้วยโรคมะเร็งร้าย และด้วยเหตุนี้ทำให้เขาอยากที่จะช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยโรคมะเร็งคนอื่นๆ   เจ้าหนูน้อย Harvey Hughes-Sharps วัย 7 ปี เขาได้ตัดสินใจทำบางอย่างที่ต้องขอบอกไว้เลยว่าทุกคนจะต้องยกย่องเค้าแน่ คุณพ่อ Jonathan Sharps เล่าว่าเขาสูญเสียภรรยาไปเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนที่เจ้าหนู Harvey ยังอายุได้ 4 ขวบด้วยโรคมะเร็งรังไข่ ซึ่งเจ้าเนื้อร้ายนี้แพร่กระจายไปยังปอด และสมอง   ก่อนหน้านั้นคุณ Rachel คุณแม่ของเจ้าหนู Harvey ได้เข้าทำการรักษาตัวอยู่ที่ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย Good Shepherd ในเมือง Chester  ในวันที่เธอเสียชีวิต เป็นวันที่เจ้าหนู Harvey กำลังเลิกเรียนและจะมาเยี่ยมคุณแม่เหมือนปกติทุกๆ วัน คุณ Rachel อดทนรอคอยที่จะพบหน้าลูกของเธอเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากนั้นเธอก็จากไปอย่างสงบในเดือน ธันวาคม ปี…

เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่สันโดษ ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง เรียกได้ว่าเป็นประเทศแห่งความลึกลับ และไม่มีที่ไหนน่าพิศวงมากไปกว่าที่นี่อีกแล้ว…   นี่คือความลับที่ถูกรวบรวมจากผู้ที่หลบหนีออกมาจากเกาหลีเหนือ ซึ่งซ่อนไปด้วยอะไรหลายๆอย่างอันแปลกไปจากบ้านเรา ที่เราแทบจะนึกกันไม่ถึงเลยทีเดียว   1. เกาหลีเหนือมีทรงผมที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลทั้งหมด 28 ทรง เป็นทรงของผู้หญิง 18 ทรง   และทรงของผู้ชาย 10 ทรง   2. ปีศักราชที่ใช้ในเกาหลีเหนือ เริ่มนับจากวันเกิดของท่านผู้นำคนแรกของเกาหลีเหนือ “คิม อิล-ซ็อง” (ศักราชที่ 105) เรียกว่าระบบ Juche   3. โรงแรม Ryugyong ที่ตั้งสูงตระหง่านกลางเมืองหลวงหรือ เมืองเปียงยาง มีทั้งหมด 105 ชั้น เป็นตึกที่สูงเป็นอัน 24 ของโลก แต่ห้องกว่า 3,000 ห้องยังคงเป็นห้องโล่งๆ   4. ในปี 2014 ท่านผู้นำคิม จ็อง-อึน แบนขนมช็อกโก้พาย เพราะว่ามันได้รับความนิยมเกินไป และกลัวจะทำให้เกิดการก่อจลาจล ชาวเกาหลีใต้จึงแกล้งนำช็อกโก้พาย ผูกกับลูกโป่ง 50 ลูก…

เชื่อว่าหนุ่ม 99% ต่างอยากมีร่างกายที่กำยำแข็งแรง ดูมาดแมนสมชายชาตรี แต่บ้างครั้งการทำให้มีหุ่นแบบนั้นก็ไม่ง่ายเลย เพราะต้องใช้ทั้งความพยายามและความทุ่มเทในการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก   แต่วันนี้ปัญหาของท่านที่อยากมีกล้ามโตจะหมดไปแล้ว ด้วยเสื้อเสริม “กล้าม” สุดเทพตัวนี้!!   โดยเสื้อ “กล้าม” ตัวนี้ จะมีการเสริมฟองน้ำเข้าไปบริเวณหน้าอกและแขน เพื่อทำให้ผู้สวมใส่ดูมีกล้ามหน้าอกและกล้ามแขนขึ้นมา โดยไม่ต้องออกกำลังกายแต่อย่างใด .   เห็นแล้วอยากได้ซักตัวมั้ยละเพื่อนๆ   เมื่อสวมเสื้อปกติทับลงไปบนเสื้อเสริมกล้าม เท่านั้นร่างกายของท่านก็จะดูกำยำขึ้นมาแล้ว!!! . เป็นไงล่ะ สนใจหรือเปล่าเพื่อนๆ ถ้าสนใจบอกใบ้ให้ก็ได้ว่า ผู้ผลิตเขาอยู่ในไทยนี่แหละ มีเพจด้วย ยังไงก็ลองค้นหากันดูนะ เผื่ออยากมีกล้ามแบบเร่งด่วย อิอิ ที่มา 9gag

เราทั้งหมดต่างรู้กันดีว่า “เบียร์” ไม่ใช่ เครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพนัก หากคุณพยายามที่จะรักษาอวัยวะต่างๆ ในร่างกายให้ใช้งานได้นานที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้มำให้เหล่าบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอลล์หยุดทำการโฆษณาหรือใช้นางแบบสาวสวยมาช่วยโปรโมทได้เลย     แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ผู้ผลิตเบียร์แบรนด์ Bergedorfer Bier ได้ว่าจ้างบริษัทโฆษณา Jung von Matt ให้ทำโฆษณาเบียร์ให้พวกเขา โดยในโฆษณาชุดนี้เป็นการเลือกเอาหนุ่มอ้วน 3 คนมาถ่ายภาพพอร์ทเทรต์ธรรมดาๆ     แต่สิ่งที่ทำให้โฆษณาชุดนี้น่าสนใจก็คือ พวกเขาทั้ง 3 คน จะอุ้มหน้าท้องอ้วนๆ ของตัวเองเอาไว้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการดื่มเบียร์มากๆ จะทำให้คุณอ้วนคล้ายกับหญิงสาวที่กำลังตั้งท้องอยู่ พร้อมกับสโลแกนว่า “ชงด้วยรัก” ถือได้ว่านี่เป็ฯโฆษณาที่จริงใจกับผู้บริโภคสุดๆ เลยก็ว่าได้   . .   นี่เป็นโฆษณาน่ารักๆ ที่#เหมียวฟิ้นชอบมาก แม้จะไม่ได้โชว์ว่าเบียร์ของพวกเขาดีกว่าเจ้าอื่นยังไง แต่ก็ได้ใจลูกค้าและคนที่ไม่ใช่ลูกค้าแบบเรามาก แถมยังเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกอีก แบบนี้ Win-Win จ้า ที่มา boredpanda

การที่เราจะออกเดินเรือไปในมหาสมุทรได้นั้น บนเรือจะต้องมีบคคลประจำตำแหน่งหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นกัปตัน ต้นเรือ ต้นหน ต้นกล นายท้ายเรือและอีกมากมาย แต่ในอนาคตตำแหน่งเหล่านั้นอาจจะไม่จำเป็นอีกแล้วก็ได้ เพราะกำลังจะถูกแทนที่ด้วยระบบสมองกลหมดแล้ว   เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้รายงานว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ Rolls-Royce ได้ออกแบบเรือรุ่นไฮเทค ที่ใช้การควบคุมด้วยหุ่นยนต์และระบบสมองอัจฉริยะทั้งหมด ให้คุณควบคุมเรือผ่านคอมพิวเตอร์ได้แม้จะไม่ได้นั่งไปกับเรือ!?   Rolls-Royce ได้มีแนวคิดในการออกแบบเรือขนส่งสินค้าภายใต้โปรเจ็คที่ชื่อว่า “oX” มีการค้นคว้าและวิจัยกันและคาดกันว่าจะสามารถผลิตเรือแบบนี้ออกมาแล่นในทะเลได้จริงๆ ภายในปี 2020 โดยที่บนเรือนั้นไม่จำเป็นต้องมีลูกเรือแม้แต่คนเดียว   ทั้งนี้พวกเขาก็ได้ปล่อยคลิปคอนเซ็ปต์แรกเริ่มของโปรเจ็ค oX มาให้ชมกันด้วย จากในวิดีโอจะเห็นว่ามีฐานควบคุมเรืออยู่ที่ชายฝั่ง โดยมีคนควบคุมเรือเพียงไม่กี่คนและมีหน้าจอโฮโลแกรมมากมาย นอกจากนี้ยังมีโดรนคอยมีตรวจตรารอบๆ เรือ เพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นบนเรือบ้าง   ในขณะที่รายละเอียดต่างๆ ของเรือ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ความดันต่างๆ จะถูกรวบรวมเป็นขอมูลอิเล็คทรอนิกแล้วส่งกลับมายังคอมพิวเตอร์ที่ฐานบัญชาการ ทีมงานก็สามารถที่จะแก้ไขปัญหาทุกอย่างจากบนบกได้เลย   คอนเซปต์ของเก้าอี้ควบคุมเรือ ล้ำอย่างกับในหนังไซไฟ .   ลองชมคลิปจำลองการเดินเรือของ Rolls-Royce ที่นี่เลย   ในอนาคตเหล่านักเดินเรืออาจจะมีงานทำน้อยลงแล้วเหรอเนี๊ยะ? อย่าเพิ่งกังวลไป กว่าเรือแบบนี้จะมีใช้กันทั่วไปก็คงอีกนานเลยล่ะ ที่มา mirror

การสักกลายเป็นค่านิยมหนึ่งของวัยรุ่นนี้ในปัจจุบันนี้ แม้จะถูกห้ามหรือมีกฎหมายแต่เราก็ยังเห็นกันอยู่จนทุกวันนี้ ทั้งนี้เพราะค่านิยมของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางประเทศถึงขั้นกำหนดกฏหมายเกี่ยวกับการสักแบบชัดเจนเลยทีเดียว วันนี้เหมียวจะพามาดูการสักที่ผิดกฏหมายในประเทศเกาหลีใต้ ที่แม้ว่าจะมีคนนิยมสักกันมาก แต่ส่วนใหญ่แล้วกลับดำเนินธุรกิจแบบผิดกฎหมายแทบทั้งสิ้น…     ในเกาหลีใต้ การสักนั้น ช่างสักต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และต้องมีใบอนุญาตในการสัก หากทำการสักโดยไม่มีใบอนุญาตต้องได้รับโทษด้วยการเสียค่าปรับจำนวนมาก การสักมักเป็นวัฒนธรรมหรือสัญลักษณ์ของแก๊งต่างๆ ดังนั้นผู้ที่มีรอยสักจะได้รับการยกเว้นในการเกณฑ์ทหารด้วย ด้วยเหตุนี้ทำให้กลุ่มวัยรุ่นชายมักจะใช้รอยสักนี้หนีการเกณฑ์ทหารจำนวนมาก     เกาหลีใต้จึงต้องเคร่งในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการหนีเกณฑ์ทหาร รวมทั้งการเปิดร้านสักที่ไม่ได้มาตรฐานด้วย ร้านสักส่วนใหญ่ที่เปิดในเกาหลีใต้นั้น เป็นร้านที่ไม่มีใบอนุญาตทั้งนั้น เพราะการจะทำให้ได้ใบอนุญาตมา เป็นเรื่องยากและซับซ้อน ร้านต้องคอยระวังตำรวจตลอดเวลา ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ นอกจากนี้ยังต้องคอยระวัง พวกที่นำเข้าเครื่องมือสักอย่างถูกกฏหมายด้วย(ข้อมูลเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้ยังคลุมเครืออยู่) เพราะตำรวจจะจับตามองคนพวกนี้เป็นพิเศษ เพื่อจะขยายผลไปสู่การจับกุมช่างสักได้     ในขณะที่ช่างหลายคนต้องการออกจากประเทศเพื่อประกอบอาชีพช่างสักอย่างอิสระ เพราะที่เกาหลีใต้นั้น วงการสักเป็นอะไรที่ซับซ้อนมาก แต่การจะทำให้ร้านอยู่รอดในประเทศนี้ได้นั้น จำเป็นต้องมีการประชาสัมพันธ์ และแน่นอนพวกเขาต้องอาศัยสื่อ เช่น อินสตาแกรม หรือ บล็อกต่างๆ ในการโฆษณานี้เพื่อช่วยดึงดูดลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น ส่วนลูกค้าที่มาสักนั้น ไม่ได้แคร์ว่าจะถูกกฏหมายหรือไม่ พวกเขาแค่อยากสัก ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เพียงแค่รอยนั้นมันสำคัญกับเขา และนั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ช่างสักเองก็อยากให้พวกเขามีความทรงจำดีดีกับรอยสัก พวกเขาจึงรักในอาชีพช่างสัก ที่ได้สร้างความทรงจำดีดีให้กับผู้คน แม้ว่าจะผิดกฏหมายก็ตาม     การจะเปิดร้านสักในเกาหลีใต้มันช่างซับซ้อนมากจริงๆ ก็น่าเห็นใจช่างสักนะ แม้จะรักในวงการนี้ แต่ก็ต้องทำอย่างหวาดระแวง…

เมื่อพูดถึงร้านตัดผม เราคงนึกถึงห้องสี่เหลี่ยม มีเก้าอี้ และมีกระจกอยู่ตรงหน้า แน่นอนว่าเราเองก็คุ้นชินกับห้องแบบนี้ จนไม่คิดว่าจะมีสถานที่ตัดผมนอกเหนือจากนี้ Miguel Gutierrez หรือที่รู้จักกันในนาม Nomad Barber  ได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆมากกว่า 20 ประเทศ ในเวลา 1 ปี และการเดินทางนี้ เขาก็ได้อาสาตัดผมให้กับผู้คนที่เขาพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือชาวบ้านแถวนั้น ซึ่งแต่ละสถานที่นั้น บอกได้เลยไม่ธรรมดาจริงๆ ตลอด 12 เดือนของการเดินทางนั้น เขาได้ตัดผมให้ผู้คนมากมาย   นี่เป็นสถานที่ ที่ไม่ธรรมดาที่สุดสำหรับเขา เพราะนี่คือฐานรบภาคเหนือของอิรัก “เราใช้เวลาผ่านชายแดนอิหร่าน 20 นาที และเจอด่านตรวจอีกประมาณ 12 ด่าน”   สำหรับ Gutierrez นั้น อินเดียนับว่าเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมการตัดผมที่ยอดเยี่ยมประเทศหนึ่ง “คนอินเดียนั้นมักนิยมไปร้านตัดผมมากกว่าตัดที่บ้าน เพราะที่ร้าน ราคาถูกมากๆ”   Gutierrez ตัดผมที่เมือง พาราณสี ซึ่งรู้จักกันว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวอินเดีย ,ในรูปนี้เค้าได้ตัดผมให้ชายคนหนึ่งบนเรือที่ลอยอยู่ในแม่น้ำคงคา ซึ่งเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธ์สายหนึ่งในอินเดีย   แม้ชาวอินเดียจะเข้าร้านตัดผมบ่อย แต่ชายคนดูไบนั้นเป็นคนที่ห่วงสวยหล่อมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆที่เขาไปมา   การที่คนดูไบต้องห่วงสวยห่วงหล่อมากที่สุดนั้น เป็นเพราะว่า นั่นเป็นคุณสมบัติหนึ่งสำหรับการหางานที่ดูไบ  …

ปัจจุบันเทรนด์การถ่ายภาพพรีเวดดิ้งหรือภาพแต่งงาน ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในประเทศจีน ทำให้คู่รักหลายๆ คู่ พยายามสรรหาคิดค้นโลเคชั่นเจ๋งๆ มาใช้เป็นภาพแต่งงานกัน อย่างเช่นคู่รักพยาบาลหนุ่มสาวสองคนนี้ จางซินและเหมาเล่ย พวกเขาได้ใช้สถานที่ทำงานของเขา นั่นก็คือ “ห้องผ่าตัด” เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพพรีเวดดิ้ง บอกได้คำเดียวเลยว่า ทั้งสวยแล้วก็เจ๋งสุดๆ ไปเลย     พวกเขาบอกว่า ด้วยความที่พวกเขาเป็นพยาบาล ทำให้ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปไหนเท่าไหร่ ฉะนั้นสถานที่ที่ทั้งสองได้ใช้เวลาร่วมกันมากที่สุดก็เป็นในโรงพยาบาลแห่งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจใช้ห้องผ่าตัด เป็นสถานที่ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง พวกเขายังบอกอีกว่า ขนาดจะถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง พวกเขายังต้องรีบถ่ายให้จบภายในวันสองวันเลยทีเดียว เพราะว่าวัดหยุดที่ว่างตรงกันมีน้อยเหลือเกิน (ชีวิตพยาบาลจริงๆ ฮา)     จางซินเล่าว่า เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว อยู่ดีๆ เหมาก็โทรมาหาเธอแล้วบอกว่า “เลิกงานแล้วไปซื้อแหวนแต่งงานกันนะ” จนทุกวันนี้เธอก็ยังนึกขำอยู่ว่า ช่างเป็นการขอแต่งงานที่ฮาร์ดคอร์จริงๆ เมื่อชาวเน็ตได้เห็นภาพชุดนี้ ก็ต่างออกมาชื่นชมและอวยพรให้คู่รักทั้งสองรักกันไปนานๆ รวมทั้งขอให้ตั้งใช้ปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยชีวิตคนต่อไป   .   น่ารักจริงๆ ก็ถือว่าเป็นไอเดียดีๆ สำหรับการถ่ายภาพแต่งงานนะฮะ ใครอยากเอาไปปรับใช้กับคู่รักของตนเองก็ไม่ว่ากันนะฮะ อิอิ ที่มา CCTV

กลายเป็นภาพที่สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวเน็ตทั่วโลกจริงๆ สำหรับเด็กหญิงวัยห้าขวบจากฟิลิปปินส์คนนี้ ที่แสดงความกตัญญูด้วยการจูงมือพ่อที่ตาบอดไปที่ทำงานทุกวัน เรื่องราวเกิดขึ้นที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อมีชาวเน็ตท่าหนึ่งได้เผยคลิปวีดีโอของเด็กหญิงวัยห้าขวบชื่อว่า Jenny กำลังจูง Nelson Pepe คุณพ่อที่มีอาการตาบอดของเธอไปยังที่ทำงาน ซึ่งเป็นสวนมะพร้าวขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง     โดย Jenny จะจับแท่งไม้แล้วจูงพ่อของเธอเดิน ซึ่งถ้ามีสิ่งใดขวางทางอยู่ เธอก็จะคอยบอกให้พ่อเธอระวัง ซึ่งทางสำนักข่าวรายงานว่า คุณพ่อของเธอจะได้ค่าตอบแทนประมาณ 250 บาทต่อวัน ในการปีนต้นมะพร้าวกว่า 60 ต้น   นอกจากจะจูงไปทำงานแล้ว เธอยังทำหน้าที่ดูแลคุณพ่อระหว่างวันอีก…   ลองไปชมคลิปดูดีกว่า   ซึ่งหลังจากที่คลิปถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีคนเข้ามาชมกว่า 2 ล้านครั้งทั่วโลก จนล่าสุดมูลนิธิ ABS-CBN ได้เข้ามาช่วยเหลือสองพ่อลูกดังกล่าว ให้มีชีวิตที่ดึขึ้นกว่าเดิม   . .   น่าสงสารจังเลย หวังว่าจากมูลนิธิเข้ามาแล้ว พวกเขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้นนะ #เหมียวอ๊อดโด้ ขอเป็นกำลังใจให้ ที่มา Dailymail

เคยไหมเวลาออกไปนอกบ้าน แล้วกลับมาเจอแมวเสนรัก มารอต้อนรับคุณกลับบ้านอย่างอบอุ่น เรียกได้ว่ามันคงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย ก็เหมือนกับเรื่องราวของ Karlee Trafford คนนี้ ที่กลับมาบ้าน แล้วมักจะเจอเจ้า Jaxon เหมียวแสนรักวัย 3 ขวบ ออกมาต้อนรับเธอในทุกๆ วัน ครั้งนี้ก็เช่นกัน เจ้า Jaxon ก็ได้ออกมาต้อนรับเธอเหมือนปกติ แต่ทว่าเมื่อเธอเห็นหน้าของมัน ก็ต้องประหลาดใจ เพราะสภาพของเจ้าเหมียวน้อยทำเอาสาวคนนี้ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว   เพราะเจ้าเหมียว Jaxon กำลังอ้าปากหวออยู่ยังไงละ เย้ย นี่เอ็งกำลังตกใจอะไรอยู่หรือเปล่า   แม้ว่า Karlee จะพยายามทำให้ปากของมันกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะปากของมันก็ยังคงอ้าไม่หุบอยู่อย่างนั้น แต่ลิ้นของมันยังคงใช้งานได้ตามปกติ จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจพามันไปพบกับสัตว์แพทย์     Karlee ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงในการนั่งรอพบสัตว์แพทย์ และเมื่อทางสัตว์แพทย์กำลังจะตรวจอาการของเจ้าเหมียว จู่ๆ ปากของมันก็หุบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงต้องพามันกลับบ้าน และคิดว่าเจ้า Jaxon คงไม่เป็นอะไรแล้ว     อีกวันต่อมา หลังจากที่คิดว่า Jaxon…

นับตั้งแต่อินเตอร์เน็ตกลายเป็นที่นิยมของคนทั่วไป ทำให้มีหลายๆ คนใช้ช่องทางเหล่านี้ในการโชว์ทักษะและความสามารถของตนเอง และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมผลงานของช่างแต่งหน้าระดับเทพวัย 19 ปีจากประเทศลิธัวเนีย จะเจ๋งขนาดไหน เราไปติดตามกันดีกว่า เธอคนนี้มีชื่อว่า Saida Mickeviciute เธอชอบแต่งหน้าโดยอ้างอิงจากหนังสยองขวัญที่เธอดู โดยเธอบอกว่าทั้งหมดนี้ เธอฝึกฝนเองโดยไม่เคยเรียนจากที่ไหนมาก่อน ซึ่งถ้าเพื่อนๆ เห็นฝีมือของเธอแล้ว จะต้องทึ่งอย่างแน่นอน ลองไปชมกันเลย     เธอกล่าวว่า “แรงบันดาลใจของฉันส่วนมากจากหนังสยองขวัญ หรือไม่ก็ผู้กำกับคนโปรดของฉันอย่าง ทิม เบอร์ตั้น”    ที่น่าทึ่งยิ่งกว่า คือเธอเพิ่งหัดแต่งหน้าแบบนี้ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง “ฉันเพิ่งเริ่มหัดแต่งหน้าแบบนี้ เมื่อช่วงวันฮาโลวีนปีที่ผ่านมานี้เอง จากนั้นฉันก็ฝึกฝนมาเรื่อยๆ ปกติแล้วฉันจะใช้เวลาประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมงต่อผลงานหนึ่งชิ้น”  . . . . . . . . . . . . . . . . . อื้อหือ โหดจริงๆ ฝีมือเจ๋งขนาดนี้…

“รถไฟเหาะตีลังกา” เป็นเครื่องเล่นในสวนสนุกชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นรถที่เล่นไปตามรางคล้ายทางรถไฟ แต่รางจะถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้มีลักษณะโค้งไปมา และตีลังกา โดยมีความหวาดเสียว และน่ากลัวมากกกกก แต่แล้วก็เกิดเหตุระทึกขวัญ… เมื่อรถไฟเหาะของสวนสนุกสกอตแลนด์ หลุดออกจากรางขณะให้บริการลูกค้าและร่วงลงสู่พื้น ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 10 คน ดยแบ่งเป็นเด็ก 8 ราย และผู้ใหญ่ 2 ราย   เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เครื่องเล่นที่ชื่อว่า “สึนามิ” ที่ประเทศสกอตแลนด์ สวนสนุก “เอ็มแอนด์ดีส์” โดยเก้าอี้รถไฟเหาะ 5 ตัว หลุดออกจากราง ชนเข้ากับโครงสร้างของรางรถไฟ!!!   ขณะเดียวกัน สวนสนุก เอ็มแอนด์ดีส์ ออกแถลงการณ์ระบุว่า เนื่องจากเหตุการณ์ร้ายแรง ทางสวนสนุกจะปิดให้บริการ   โดยเครื่องเล่นสึนามิจะวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิด 40 ไมล์ต่อชั่วโมง (ราว 64.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)   เครื่องเล่นนี้ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบเล่น โชคดีที่ไม่มีเด็กเล็กได้รับอันตรายมากมายอะไรนัก… . .   นี่คือคลิปเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น!!!  …

ถึงคลองปานามาจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายนัก แต่แน่นอนล่ะว่ามันเป็นสถานที่สำคัญที่เชื่อมทั้งมหาสมุทรแอตแลนติกและแปซิฟิกเข้าด้วยกัน เป็นสถานที่ๆ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากๆ ในภูมิภาคนี้ แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นคลองที่มีมาแต่แรก แต่เกิดจากการสร้างของมนุษย์และ ซึ่งตอนนี้ก็ได้มีโปรเจ็คต์ขยายคลองนี้ขึ้นด้วยวงเงินกว่า 5,250 ล้านเหรียญด้วยกัน (ราวๆ 183,000 ล้านบาท) ทีนี้เรือที่จะสามารถผ่านคลองแห่งนี้ได้นั้น ขนาดจะเพิ่มขึ้นไปราวๆ 2.5 เท่าตัวเลยทีเดียว แน่นอนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะเนี่ย!!!!   การขยายคลองปานามา   นี่คือคลองปานามาเก่า สามารถรองรับเรือขนาดความกว้างไม่เกิน 31 เมตรเท่านั้น ถ้าใหญ่กว่านั้นจะต้องใช้รถรางลากข้ามผ่านไป (โดยเฉพาะเรือจากเอเชีย)   สำหรับเรือที่สามารถผ่านโซนนี้ได้ในปัจจุบันอันใกล้ถือว่าจัดอยู่ในกลุ่มของ Panamax หรือขนาดเต็มแม็กซ์ที่คลองปานามาสามารถให้ผ่านไปได้ โดยจะมีขนาดอยู่ที่ 54 เมตรเลยทีเดียว   การขยายคลองแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะต้องให้มันทนทานต่อแรงกระเทือนจากแผ่นดินไหวต่างๆ รวมถึงการกัดกร่อนจากน้ำทะเล ถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมเลยล่ะ   ทั้งการก่อสร้างที่เรียกได้ว่ายากลำบาก   ขนาดที่ใหญ่โตของมัน   ระบบต่างๆ ที่ต้องใส่ลดไป และต้องสามารถเชื่อถือมันได้   ยังไม่นับถึงค่าบำรุงที่ต้องจ่ายในแต่ละปีเมื่อสร้างเสร็จอีกนะ   แต่แน่นอนว่ามันจะเป็นหนึ่งในสุดยอดสิ่งก่อสร้างอย่างไม่ต้องสงสัย   มาชมภาพการก่อสร้างกันต่อเลย…  …