นี่เห็นอยู่นี้คือหน้าเว็บ CatDumb เวอร์ชันเก่า

ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะมีอัตราการเกิดเหตุการณ์ปล้นจี้ ชิงทรัพย์ และอาชญากรรมรุนแรงต่ำมากๆ ทั้งนี้ก็อาจเป็นเพราะ Koban (โคบัง) ป้อมตำรวจเล็กๆ ที่มีตั้งอยู่ทุกซอกซอยในประเทศญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตามสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นแล้ว กลับมีรายงานว่าพวกเขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบบัตรประชาชนอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เหล่าชาวต่างชาติรู้สึกตกใจ และไม่แฟร์กับพวกเขา     แต่เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศญี่ปุ่นนั้น ไม่ต้องคอยมาพะวงกับปัญหาการก่อาชญากรรมใหญ่ๆ ทำให้พวกเขามีเวลาว่างที่จะใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆ อย่างการขี่จักรยานไล่จับโจรลักเล็กขโมยน้อย ช่วยหาของหาย หรือบอกทางให้กับคนหลงทางเป็นต้น     แต่ทำไมพวกเขาถึงต้องเรียกตรวจชาวต่างชาติอยู่ตลอดเลยล่ะ? แต่เอาจริงๆ แล้วพวกเขาก็เรียกตรวจคนญี่ปุ่นด้วยนะ เพื่อขอตรวจสอบบัตรประชาชน ซึ่งการถูกตำรวจในประเทศญี่ปุ่นเรียกตรวจเนี่ย มันไม่ได้หมายความว่าคุณทำอะไรผิดหรอก เพราะถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นคนแปลกหน้าเดินผ่านมาแถวๆ เขตการดูแล พวกเขาก็ต้องอยากรู้เป็นธรรมดาว่าคุณมาทำอะไรในพื้นที่แถบนี้ และบางครั้งพวกเขาก็จะเรียกตรวจคนต่างชาติและทำการตรวจสอบอย่างจริงจังทั้งพาสปอร์ต บัตร Residence Card เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้เข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย     ถ้ารู้ว่าตัวเองบริสุทธิ์ก็ต้องโชว์หลักฐานไปให้เจ้าหน้าที่ดู เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็จบ ซึ่งการเดินทางไปไหนมาไหนในประเทศญี่ปุ่นโดยไม่พกพาสปอร์ต หรือ Residence Card นั้นถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แล้วชาวต่างชาติจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจบ่อยแค่ไหนกันเชียว? ยูทูบเบอร์ชาวญี่ปุ่น That Japanese Man Yuta ได้ทำการเก็บข้อมูลผ่านแบบสอบถามออนไลน์ และพบว่าแทบไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหน ถูกเรียกตรวจสักครั้งเลยในแต่ละเดือน ส่วนใหญ่แล้วไม่ถูกเรียกเลยซะมากกว่า ถ้าเทียบเป็นจำนวนต่อปีแล้วก็ถือว่าคุณจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจเพียงแค่ 1…

เนื้อหานี้ประกอบไปด้วยภาพที่มีความรุนแรงพอสมควร… เหตุการณ์เกิดขึ้นที่หมู่บ้านในทิศตะวันตกของเกาะซูลาเวซี ประเทศอินโดนนีเซีย โดยเรื่องมันเริ่มจากที่ Akbar Salubrio ชายวัย 25 ปี หายตัวไปในกลางดึกของวันอาทิตย์ โดยมีคนพบเห็นเขาครั้งสุดท้ายก็ตอนที่เขาไปเก็บเกี่ยวผลปาล์มจากสวนในหมู่บ้าน   พอเพื่อนของเขาเห็นว่า เขาหายตัวไปนานเกินไปและไม่สามารถติดต่อได้ เขาก็เลยไปเช็คดูที่บ้านของ Akbar แต่ก็ไม่พบเขาในบ้าน จนกระทั่งเดินออกไปที่สวนหลังบ้าน กลับพบภาพของงูหลามตัวยาวกว่า 7 เมตรนอนนิ่งอยู่ ซึ่งตัวของมันก็บวมเป่งมากๆ จนเขาเกิดกังวลว่ามันจะกลืนเพื่อนของเขาไปหรือเปล่า     ด้วยเหตุนี้เขาจึงเรียกให้ชาวบ้านต่างพากันมาตรวจสอบดู และผ่าท้องของมันออก ชาวบ้านต่างต้องตกใจ เพราะในท้องของเจ้างูหลามตัวนั้นมันก็คือ Akbar ตามที่เพื่อนเขากลัวจริงๆ เขาสิ้นลมแล้ว ศพของเขาถูกพบอยู่ในตัวของงูหลาม ร่างกายของเขายังมีเค้าโครงที่จำได้ ส่วนอีกสิ่งที่ยืนยันว่าเป็นเขาก็คือรองเท้าบูทของเจ้าตัวนั่นเอง     เมื่อไปสัมภาษณ์ทางผู้ใหญ่บ้าน ได้ให้การว่า “ตอนกลางคืนก่อนที่จะพบศพ Akbar มีชาวบ้านมาบอกกับผมพวกเขาได้ยินเสียงคนร้องในตอนกลางคืนมาจากทางป่าต้นปาล์ม” “หลังจากที่พวกเขาจับงูได้ ก็พบรองเท้าของ Akbar ที่เขาใส่อยู่ได้หายไป คาดว่ามันน่าจะอยู่ในท้องของงูแน่นอน” “ชาวบ้านต่างพากันผ่าท้องงูออกแล้วก็พบว่า Akbar ได้สิ้นลมไปเสียแล้ว”     ส่วนภรรยาของเขา Manu เธอไม่อยู่ในช่วงเวลาที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นพอดี เพราะต้องออกไปกทำธุระที่อื่นเป็นเวลาสองสามวัน และก็พึ่งจะทราบข่าวก็เมื่อตอนที่สำนักข่าวรายงานนั่นเอง…

สาวน้อยวัย 2 ขวบ Sophia Benner จากรัฐ South Carolina ความใฝัฝันของเธอก็คือการได้เป็นคุณหมอ และเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา คุณแม่ Brandi ก็ได้พาเธอไปช็อปปิ้งเพื่อเลือกซื้อของขวัญแสดงความยินดีกับการจบการศึกษา และหนูน้อย Sophia ก็เลือกตุ๊กตาคุณหมอกลับบ้านไป 1 ตัว แต่ตุ๊กตาที่เธอเลือกนั้นเป็นตุ๊กตาที่มีผิวสีดำ แน่นอนว่ามันสร้างความแปลกใจให้กับแคชเชียร์เป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ Sophia แลพคุณแม่ Brandi เองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเจ้าตุ๊กตาตัวนั้น     แคชเชียร์ถาม Sophia หลังจากที่เธอหยิบตุ๊กตาตัวนั้นไปคิดเงิน “หนูแน่ใจนะว่าจะเอาตุ๊กตาตัวนี้น่ะที่รัก?” เธอตอบกลับไปว่า “ใช่ หนูจะเอาตัวนี้ค่ะ” จากนั้นแคชเชียร์ก็ถามต่อว่า “แต่เจ้าตุ๊กตาตัวนี้มันไม่เหมือนกับหนูเลยนะ เรายังมีตุ๊กตาอีกมากมายที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับหนู”     คุณแม่ Brandi เริ่มที่จะโกรธที่แคชเชียร์ถามคำถามนี้กับลูกสาวของเธอ แต่หนู Sophia ก็ตอบไปว่า “ตุ๊กตาตัวนี้ก็เหมือนกับหนู เพราะเธอเป็นหมอเหมือนกับที่หนูอยากจะเป็น และหนูก็เป็นเด็กที่น่ารัก ตุ๊กตาตัวนี้ก็น่ารักเหมือนกับหนู เห็นผมสวยๆ ของมันมั้ย? แถมยังมีหูฟังเอาไว้เช็คเสียงหัวใจด้วยนะ”…

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้ เราคงจะได้เห็นต้นไม้ ดอกไม้เบ่งบานมากมาย แล้วถ้าพูดถึงต้นไม้ในบ้านเราเพื่อนๆ ชอบต้นอะไรกันบ้างคะ? แต่สำหรับวันนี้เราจะพาดูต้นไม้ในญี่ปุ่นกันค่ะ ในฤดูใบไม้ผลินี้นอกจากความสวยงามของต้นซากุระแล้ว ญี่ปุ่นยังมีเทศกาล Great Wisteria Festival ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี     Great Wisteria Festival จะจัดขึ้นที่สวนดอกไม้ Ashikaga ซึ่งอยู่ห่างจากจังหวัดโทะชิงิ ประมาณ 2 ชั่วโมง ภายในงานจะเต็มไปด้วยต้นวิสทีเรียมากกว่า 350 ต้น ต้นวิสทีเรียเป็นสายพันธุ์ไม้เถาวัลย์ มีหลากหลายสี เช่น สีขาว ชมพู ม่วง และโทนสีที่ใกล้เคียงกัน โดยมีถิ่นกำเนิดทั้งในสหรัฐอเมริกา จีน เกาหลี และญี่ปุ่น และบางต้นใน Ashikaga ก็มีอายุมากกว่า 150 ปีแล้ว จนได้รับการประกาศให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นด้วย     ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกๆ จะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่น เพื่อชมความงามของต้นวิสทีเรียที่ไม่ว่าจะดูกี่ครั้ง กี่หน ก็ไม่รู้สึกเบื่อเลย เมื่อคุณเดินเข้ามาในสวนดอกไม้แห่งนี้ คุณจะได้เดินผ่านอุโมงค์ดอกไม้ที่มีความยาวถึง 80 เมตรเลยทีเดียว มันเป็นดอกไม้ที่มีความหอมหวาน งดงามจนรู้สึกว่ากำลังถูกสะกดให้หลงอยู่ในโลกแห่งดอกไม้เหล่านี้    …

จะว่าไปแล้วระบบนำทางจีพีเอสที่ไม่ว่าอูเบอร์ แท็กซี่ หรือเวลาเราไปต่างจังหวัดก็มักจะใช้กันเป็นประจำ บางทีมันก็มีข้อเสียโผล่มาให้เห็นแบบพ่อหนุ่มจีนรายนี้เหมือนกัน (ก่อนหน้านี้ก็มีอีกหลายคนที่โดน) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่มณฑลอานฮุย ประเทศจีน โดยสำนักข่าว Shanghaiist ได้รายงานว่าเมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งให้ไปช่วยกู้รถที่ติดอยู่กลางแม่น้ำ!!   เจ้าหน้าที่สอบถามเจ้าของรถก็ได้ความว่า พ่อหนุ่มจีนขับรถมาเที่ยวในบริเวณนี้ แต่ตามหาจุดหมายที่จะไปไม่เจอ เลยใช้จีพีเอสนำทางมาเรื่อยๆ และก็ปรากฏว่าเป็นอย่างที่เห็นในภาพ   ติดอยู่กลางแม่น้ำขนาดนี้อาศัยแค่แรงคนคงไม่ไหว เจ้าหน้าที่ต่างก็พากันงงว่าพ่อหนุ่มขับรถยังไง๊ ให้มันมาโผล่กลางน้ำแบบนี้ได้!?   เจ้าหน้าที่ต้องประสานงานกับทางเทศบาล เพื่อนำรถตักดินมาถมทางก่อน   จากนั้นก็ต้องใช้เชือกผูกรถเจ้ากรรมที่ติดอยู่กลางน้ำไว้กับรถบรรทุก เรียกได้ว่าเหนื่อยกันไปทั้งกรมเลยทีเดียว   เจ้าหน้าที่ตำรวจให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นของจีนว่า ‘ผู้ประสบเหตุเขาไม่ใช่คนแถวนี้หน่ะครับ เขาเลยไม่ชินทาง หรืออะไรบังตารึเปล่าก็ไม่รู้ ขับรถมาลงน้ำเนี่ย’ หลังจากที่เหตุการณ์นี้ถูกแชร์ลงในเน็ต ก็มีชาวเน็ตออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย บ้างก็ว่าเป็นความผิดจีพีเอส บ้างก็ว่าผู้ผลิตจีพีเอสไม่ได้คุณภาพ แต่มีความเห็นหนึ่งที่เรารู้สึกชอบใจมากเขาบอกว่า ‘นี่มันไม่ได้เกี่ยวกับจีพีเอส แต่มันเป็นเพราะไอคิวต่างหาก’    กว่าจะถมทางเสร็จ กว่าจะช่วยกันลากออกมาได้ ไม่ใช่งานง่ายๆ เลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆ   อยากรู้ว่าตอนเลี้ยวลงน้ำนี่ พ่อหนุ่มแกไม่ได้มองทางเลยเร๊อะ? ที่มา: Shanghaiist

ใครจะคิดว่าบ้านสภาพหลอนๆ ที่เต็มไปด้วยของเสียและขยะสุดยี้ จะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากถึง 37 ชีวิต   บ้านหลังที่ว่านี้ตั้งอยู่ในรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ทางตำรวจเข้าไปค้นในบ้านหลังนี้ เพราะได้รับแจ้งจากผู้ไม่ประสงค์ออกนามว่า ที่แห่งนี้มีเด็กที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและปลอดภัยอาศัยอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึงก็ต้องเจอกับผู้อยู่อาศัยเป็นผู้ใหญ่ 4 คนประกอบด้วย   Brandi Pybus-McCoy วัย 41 ปี (ซ้าย) Nicholas Luciano วัย 29 ปี (ขวา)   Samantha Crain วัย 22 ปี (ซ้าย) Zachariah McCoy วัย 22 ปี (ขวา)   นอกจากผู้ใหญ่ทั้ง 4 คนดังกล่าวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ยังพบเด็กสองคนเป็นเด็กวัย 7 เดือนกับ 2 ขวบ พร้อมกับหมาแมวรวมกันได้ 30 ตัวและยังมีหมูอีก 1 ตัวอยู่ในบ้านหลังเดียวกันอีกด้วย     เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ใหญ่ทั้งสี่คนด้วยข้อหาสองข้อคือ กระทำทารุณกรรมแก่เด็กและทิ้งขยะมูลฝอยที่ผิดกฎหมาย…

หากใครที่มีความสนใจในเรื่องแมวคงจะเคยได้ยิน ‘เกาะแมวญี่ปุ่น’ มาแล้วบ้าง ซึ่งเป็นเกาะที่มีแมวมากมายอาศัยอยู่ จนทาสแมวทั้งหลายต่างพากันไปเยี่ยมชมกันเป็นจำนวนมาก แล้วรู้มั้ยว่าในญี่ปุ่นนั้นมีเกาะแมวมากถึง 11 เกาะด้วยกัน แต่ละเกาะจะเต็มไปด้วยแมวหลากหลายสายพันธุ์ พวกมันอยู่กันอย่างสงบสุขเพราะไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาทำร้าย ไม่มีภัยคุกคามใดๆ     หนึ่งในเกาะเหล่านี้คือ Ainoshima โดยชาวประมงมักจะนำแมวจากที่นี่ขึ้นเรือไปด้วย เพื่อให้ช่วยกำจัดหนูบนเรือให้ หลังจากนั้นก็จะเอามันมาส่งที่เดิม พร้อมกับเลี้ยงดูความเป็นอยู่บนเกาะ นอกจากชาวประมงแล้ว หากนักท่องเที่ยวคนไหนผ่านมาแถวนี้ก็แวะไปเยี่ยมเยียน ไปเล่นกับแมวพวกนี้เสมอ แต่ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะสวรรค์ของแมว พวกมันก็มีปัญหาเหมือนกันนะ     Andrew Marttila ช่างภาพสัตว์ ก็ได้เดินทางไปยังเกาะ Ainoshima เพื่อถ่ายรูปแมว แต่แล้วเขาก็พบว่า แมวที่เกาะแห่งนี้กำลังมีปัญหาสุขภาพ เขาบอกว่า “สำหรับเรา คนรักแมวทั้งหลาย การได้มาในเกาะที่เต็มไปด้วยแมวนับว่าเป็นสวรรค์เลยล่ะ แต่สิ่งที่หลายคนไม่ทันสังเกตเห็นคือ แมวทุกตัวกำลังทรมานกับโรคที่ยากต่อการรักษา”     ดังนั้นหากแมวพวกมันนี้ไม่ได้รับการรักษาโดยสัตวแพทย์ หรือดูแลไม่ถูกวิธี มันก็จะลุกลามเป็นปัญหาใหญ่ จนไม่สามารถจะแก้ไขได้ ในขณะที่ Hannah Shaw หนึ่งผู้ที่มาเยี่ยมแมวที่เกาะนี้ก็ได้พูดถึงปัญหานี้ว่า “แมวที่นี่กำลังป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจค่ะ และมีจำนวนประชากรมากเกินไป เพราะอาหารที่มีกินอย่างอุดมสมบูรณ์จากนักท่องเที่ยว ส่งผลทำให้แมวตัวผู้เกิดการแย่งชิงพื้นที่กัน” จากกรณีนี้ มีบางคนเสนอว่า ควรปล่อยให้มันอยู่กันตามธรรมชาติ…

สำหรับสัตว์เลี้ยงบางตัว กว่าพวกมันจะน่ารักได้ขนาดนี้ มันต้องผ่านมรสุมชีวิตที่ยากลำบาก แต่หากไม่มีคนเหลียวแล มันอาจจะไม่มีวันนี้แล้วก็ได้ เหมือนกับลูกสุนัขทั้ง 6 ตัวนี้ที่ถูกไฟไหม้ จนเกือบจะไม่รอด แต่โชคดีที่ Kristina Rinaldi กรรมการบริหารของ Detroit Dog Rescue (DDR) ตัดสินใจช่วยพวกมันเอาไว้     พวกมันถูกไฟไหม้จนผิวหนังเสียหายเกือบหมด ลองนึกภาพหมาที่เป็นโรคผิวหนังหรือโรคเรื้อน แต่สำหรับลูกหมา 6 ตัวนี้ พวกมันเป็นแย่กว่านั้นมาก เพราะมันมีแต่แผลไฟไหม้ทั่วทั้งตัว ทั้ง 6 ตัวอยู่ในการดูแลของ Rinaldi ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2015 หลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากบ้านร้างในเมือง Detroit รัฐมิชิแกน     ซึ่งตอนนั้นที่พักในศูนย์ควบสัตว์เต็มจนไม่สามารถรับลูกหมาทั้ง 6 ตัวเข้ามาได้ อีกอย่างคือพวกเขาก็ไม่มีงบพอที่จะดูแลพวกมันด้วย ดังนั้นทางศูนย์จึงติดต่อกับ Rinaldi เพื่อขอให้ทาง DDR ช่วยเหลือสุนัขเหล่านี้ ทาง DDR จึงได้ขอดูข้อมูลลูกหมาทั้ง 6 ตัว และตัดสินใจเข้าช่วยเหลือทันที ด้วยการพาพวกมันไปหาสัตวแพทย์ แต่น่าเศร้าที่พวกมันมาพบคุณหมอช้าเกินไป ทำให้ลูกหมา 2 ตัวเสียชีวิตเมื่อไปถึงโรงพยาบาล…

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบกล่องไม้ขนาดความสูง 40 เซนติเมตร ตั้งอยู่ในสนามบิน Beirut Airport ในประเทศเลบานอนนานกว่า 1 สัปดาห์ จนในที่สุดมันก็ถูกเปิดออก     ทุกคนต่างก็ต้องช็อคไปตามๆ กันเพราะข้างในนั้นมีลูกเสือไซบีเรียนอยู่ด้วยกันถึง 3 ตัว สภาพของพวกมันนั้นดูอ่อนแอ และหิวโซมากๆ จนแทบไม่เชื่อเลยว่าจะยังมีชีวิตอยู่ได้ ร่างกายของพวกมันเปื้อนไปด้วยปัสสาวะ และเห็บหมัด มีหนอนชอนไชตามร่างกายนับร้อยตัว “ไม่มีเอกสารหรืออะไรที่ระบุเอาไว้เลยว่าในกล่องนี้ถูกบรรจุด้วยเหล่าลูกเสือ ไม่มีแม้แต่ข้อมูลของผู้จัดส่ง หรือผู้รับเลยแม้แต่น้อย” ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Animals Lebanon กล่าว     แต่หลังจากการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าเจ้าลูกเสือเหล่านี้เดินทางมาจากสวนสัตว์ Nikolaev Zoo ในปรพดทศยูเครน โดยมีปลายทางอยู่ที่สวนสัตว์  Samer al-Husainawi Zoo ในเมือง Damascus ประเทศซีเรีย แต่ถูกนำมาทิ้งไว้ระหว่างทางที่เลบานอน     และตอนนี้พวกมันก็ถูกเจ้าหน้าที่จากศูย์ช่วยเหลือ Animals Lebanon ช่วยเหลือไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขณะนี้พวกมันก็พักรักษาตัวอยู่ที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าพร้อมทั้งร่างกายที่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ “เสือทั้งหลายนั้นมีค่ามากกว่า 350,000 บาท ในตลาดมืด เจ้าของของเสือเหล่านี้พยายามทุกวิถีทางที่จะเอามันคืนไป แต่เราจะสู้เพื่อให้พวกมันได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระ” Animals Lebanon กล่าว…

เรียกได้ว่ากำลังเป็นปัญหาที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันของหนุ่มๆ ผู้อาศัยอยู่ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐฯ เพราะล่าสุดในสภามีการชงกฎหมายตัวใหม่ ที่จะสั่งปรับผู้ชายขี้เหงาเป็นเงินกว่า 100 ดอลลาร์ ถ้าหากพวกเขาช่วยตัวเอง!? โดยสำนักข่าว Metro ได้รายงานว่าในสภาของรัฐเท็กซัส มีการยกข้อกฏหมายดังกล่าวขึ้นมาอภิปรายเป็นครั้งแรก ซึ่งในตัวกฎหมายที่ยังไม่ผ่านการอนุมัตินี้ ได้ให้เหตุผลไว้ว่า ‘การรูดหนอนเป็นการต่อต้านไม่ให้เด็กเกิดออกมา’     งานนี้ชาวเมืองถึงกับร้อนอกร้อนใจโดยเฉพาะผู้ชาย ลองคิดดูเล่นๆ สิว่าเพียงแค่คุณแอบหัตถกรรมตัวเองในบ้านพักส่วนตัว คุณก็ต้องถูกปรับเป็นเงินสูงกว่า 3,000 บาทแบบนี้มันแฟร์ซะที่ไหน นอกจากนั้นรายละเอียดของตัวกฎหมายยังมีการเสนอให้ผู้ชายที่จะรูดหนอนได้ ต้องรอ 24 ชม. หลังจากการตรวจสุขภาพ และต้องเลือกว่าจะทำหมัน หรือรับยาตามใบสั่งแพทย์ (จะช่วยตัวเองทั้งทีทำไมยุ่งยากจัง)     ย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 ที่รัฐเท็กซัส ก็เคยมีการออกกฎหมายบังคับให้ผู้หญิงที่แท้งโดยธรรมชาติ จะต้องอุลตร้าซาวด์ก่อนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง (แปลกๆ นะว่ามั้ย?) แต่ถึงกระนั้นหนึ่งใน Jessica Farrar จากพรรคเดโมแครตก็ได้ออกมาบอกว่า ‘ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องกฎหมายข้อนี้ เพราะมีโอกาสน้อยมากที่มันจะได้รับการนำมาบังคับใช้’   Jessica Farrar   สงสัยเค้าอยากจะรณรงค์ให้ประชาชนออกไปเตะบอล แบบประเทศแถวนี้ล่ะม๊างง ที่มา: Metro

เดี๋ยวนี้การแต่งหน้าทำผมด้วยลุคต่างๆ สำหรับผู้หญิงกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น คลิปการสอนแต่งหน้าและรีวิวต่างๆ ตามยูทูปมีเยอะแยะมากมาย เครื่องสำอางหลากหลายยี่ห้อมีให้สาวๆ เลือกสรรอย่างมากมายเพื่อให้เหมาะตามสภาพผิวและเงินในกระเป๋า… แต่เดี๋ยวก่อน!! อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ วันนี้เราไม่ได้มาแนะนำเครื่องสำอางหรือวิธีการแต่งหน้าหรอก แต่สิ่งที่นำมาฝากวันนี้เป็นเมคอัพอีกแบบหนึ่ง ถ้าทุกคนได้เห็นต้องร้องว้าว!! แน่นอน เพราะมันคือการแต่งหน้าด้วยเทคนิคพิเศษที่จะแปลงร่างให้คุณกลายเป็นตัวละครต่างๆ หญิงสาวผู้หนึ่งที่ใช้ชื่อในช่องยูทูบว่า My Gal the Zombie FX เธอคือผู้หลงใหลในการแต่งหน้าตัวเองให้กลายเป็นตัวประหลาดด้วยเทคนิคพิเศษต่างๆ เธอบอกว่า “ก่อนที่จะมาสนใจการแต่งแบบสเปเชียลเอ็ฟเฟคนี้ ฉันเริ่มจากการทำบอร์ดี้เพนท์มาก่อน แต่เมื่อฉันได้ลงเรียนวิชาแต่งหน้าที่มหาวิทยาลัยและได้ลองแต่งหน้าด้วยเทคนิคพิเศษนี้ฉันก็หลงรักมันทันที ส่วนมากฉันใช้เวลาประมาณ 10-20 ชั่วโมงในการแต่งหน้าตัวเองให้กลายเป็น ผีดิบหรือตัวละครต่างๆ”   ลองไปชมผลงานการแต่งหน้าของเธอกันได้เลย รับรองแต่ละลุคเด็ดๆ ทั้งนั้น . . . แทบไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ย ว่านี่คือการแต่งหน้า!! . . .   โจ๊กเกอร์ก็มานะ   หลอนมาก!! . . .   นี่บัซไลท์เยียร์ใช่มะ? . ผลงานของเธอมีแต่หลอนๆ ทั้งนั้นเลยนะเนี่ย . . . .  …

ไม่ว่าคนหรือสัตว์ หากแก่ตัวลงไปก็คงต้องการการดูแลทั้งนั้น และมันคงจะดีมาก ถ้ามีคนที่รักอยู่ข้างๆ เพื่อไม่ต้องเหงาในช่วงบั้นปลายของชีวิต และเรื่องราวของ Franklin จะทำให้คุณรู้สึกรักสัตว์มากขึ้น Franklin เป็นหมาสายพันธุ์ปั๊ก อายุ 15 ปี ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ควบคุมสัตว์เมื่อปีที่แล้ว ก่อนจะถูกนำตัวไปที่ Suffolk Animal Care Center (SACC) ในรัฐเวอร์จีเนีย แต่น่าเศร้าที่ไม่มีใครเหลียวแลมันเลย…     Casey White ผู้ดูแล SACC จึงได้ติดต่อกับ Mr. Mo Project ซึ่งเป็นองค์กรจาก Clifton Park ในนิวยอร์ก ที่ช่วยเหลือสุนัขสูงอายุทั่วประเทศ White ได้ส่งอีเมลล์ไปหาทางองค์กร เพื่อขอให้เลี้ยงดู Franklin ที่กำลังแก่ตัวลงและคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว     เมื่อ Chris และ Mariesa Hughes ผู้ก่อตั้ง Mr. Mo Project ได้เห็นข้อมูลและรูปภาพของ Franklin แล้ว พวกเขาตัดสินใจที่รับเลี้ยงทันที โดยก่อนหน้านี้ทาง Mr. Mo Project ก็เพิ่งสูญเสียสุนัขไป 3 ตัว ดังนั้นพวกเขาจึงพร้อมที่รับ Franklin…

งานแต่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานที่สำคัญที่สุดในชีวิต ดังนั้นหลายคนจึงต้องออกแบบและวางแผนกันมาเป็นอย่างดี ที่สำคัญงานแต่ต้องออกมาเป็นธีมที่เราชอบด้วย เพื่อที่จะสร้างความประทับใจให้ได้มากที่สุด อย่างคู่รัก Cindy และ Matthew ที่ได้จัดงานแต่งในธีมโลกเวทมนต์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ Hollywood Castle ในเมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอเนีย     ไอเดียการแต่งงานในธีม แฮร์รี่ พอตเตอร์ นี้ Cindy เป็นคนคิดขึ้นมาทั้งหมด ซึ่งเธอบอกว่า “ฉันได้รับแรงบันดาลใจความลึกลับและโลกแห่งเวทมนต์จากเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ค่ะ ฉันก็เลยอยากเนรมิตทุกอย่างให้เป็นแบบนั้น” ในขณะที่ Matt นั้น ก่อนแต่งงานเขาไม่เคยอ่านเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์มาก่อนเลย แต่เขาก็รู้สึกแฮปปี้กับไอเดียของแฟนสาว และตัดสินใจไปอ่านเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์จนจบ ถึงจะช้าไปหน่อยแต่ก็ได้ซึบซับเป็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   พวกเขาใส่ใจในทุกรายละเอียด   งานแต่งถูกจัดขึ้นในห้องโถงขนาดใหญ่ โดยปกติแล้วห้องนี้จะค่อนข้างมืด แม้เป็นเวลากลางวันก็ตาม แต่นั่นแหละคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ แสงที่มีในห้องแต่งงาน มีเพียงแสงเทียนที่ห้อยจากเพดานเท่านั้น ส่วนของตกแต่งอื่นๆ ก็ได้ออกแบบให้เหมือนสิ่งของต่างๆ เหมือนกับในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยมีบริษัทออกแบบ Crosby + Jon มาช่วยอีกแรงด้วย     ตอนนี้ทุกอย่างในงานดูเหมือนได้อยู่ในโลกเวทมนต์จริงๆ มันมีทั้งเทียนลอยน้ำ ไม้กายสิทธิ์…

เจ้าเหมียวที่ไม่มีใครสนใจและต้องการรับมันไปเลี้ยง ต้องใช้เวลานานหลายปีในสถานสงเคราะห์สัตว์ จนหญิงสาวคนหนึ่งได้มองเห็นความน่ารักของมัน และตัดสินใจพามันไปอยู่ด้วยในที่สุด   ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเจ้าเหมียว Ayame   “ในอดีตมันเคยเป็นแมวจรจัดอาศัยอยู่ข้างถนนในเมืองนิวยอร์คซิตี้มาก่อน ภายหลังถูกจับไปส่งให้กับสถานสงเคราะห์สัตว์และกำลังจะถูกการุณยฆาต แต่ก็มีองค์กรช่วยเหลือมันออกมาได้” ทาสของเจ้า Ayame เล่า เจ้า Ayame กลายเป็นแมวที่มีนิสัยขี้กลัว และมันต้องอาศัยอยู่ที่สถานสงเคราะห์สัตว์เพื่อรอคนมารับไปเลี้ยงนานถึง 3 ปี เลยทีเดียว จนเมื่อวันที่ 10 เดือนพฤศจิกายนปี 2016 ที่ผ่านมา มีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งเข้ามาที่สถานสงเคราะห์สัตว์ และบอกว่าต้องการจะรับเลี้ยง ‘แมวขี้กลัว’ และเจ้าหน้าที่ก็เลยตัดสินใจที่จะพาเธอไปพบกับเจ้า Ayame และเธอก็ตอบตกลงรับเลี้ยงมันในทันที     เธอตั้งชื่อมันว่า Ayame เป็นชื่อเรียกของดอกไอริสเป็นภาษาญี่ปุ่น ในวันแรกที่ไปถึงบ้านเจ้า Ayame ก็รีบวิ่งเข้าไปซ่อนตัวที่ใต้เตียงและไม่ยอมออกมาจากตรงนั้นเลย     5 วันผ่านไปหลังจากที่รับมันมาเลี้ยง เจ้า Ayame ก็เริ่มรับรู้ได้แล้วว่าบ้านหลังใหม่นั้นก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด มันค่อยๆ เดินออกมาจากใต้เตียง แล้วก็ทานอาหารที่หญิงสาวเตรียมเอาไว้ให้ “มันค่อยๆ ออกมาช้าๆ เพื่อความแน่ใจว่าจะไม่เกิดอันตรายขึ้นกับมัน” หญิงสาวเล่า    …

โดยทั่วไปแล้วสื่อการสอนของแต่ละประเทศ ก็จะมีการนำเอาเทพนิยายใส่เข้าไปในหลักสูตรด้วย เรื่องราวในนิทานที่ถูกแต่งขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อนเมื่อเทียบกับสภาพของสังคมในปัจจุบันแล้วต้องขอบอกเลยว่ามันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ล่าสุดในรัฐ Victoria ของประเทศออสเตรเลียได้ทำการประกาศว่าเตรียมที่จะแบนเทพนิยายพื้นบ้านอย่าง สโนว์ไวท์ หรือ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ออกจากหลักสูตรการเรียนการสอน     และจะแทนที่ด้วยโปรแกรมการเรียนการสอนที่ชื่อว่า Respectful Relationships เข้าไปแทน เพื่อจัดการกับปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว โดยจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 755 ล้านบาท และมีระยะการดำเนินการประมาณ 2 ปี ในการจัดทำหนังสือ ของเล่น สำหรับนักเรียนชั้นเตรียมอนุบาลเพื่อปลูกฝังความคิดในเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศให้เหล่าเด็กๆ     ซึ่งเหล่าเทพนิยายทั้งหลายนั้นมีโอกาสที่จะทำให้เด็กผู้ชายมีความคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ และทำให้ผู้หญิงมองว่าเห็นคุณค่าของตัวเองน้อยลง     สำหรับโปรแกรมใหม่นี้เด็กๆ จะได้ถูกตั้งคำถามว่าหากเปลี่ยนบทบาทของเหล่าตัวละครในเทพนิยาย อย่างเช่น ให้ผู้หญิงสวมชุดเกราะแล้วไปช่วยเจ้าชาย พวกเขาจะมีความคิดอย่างไร? จากนั้นคุณครูก็จะให้คำแนะนำกับเด็กๆ ถึงเรื่องของความแตกต่างระหว่างร่างกายของเพศสภาพ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเพศใดเพศหนึ่งจะมีความสูงส่งไปมากกว่ากัน     แต่ถึงอย่างนั้นระบบการศึกษานี้และการแบนเทพนิยายเรื่องต่างๆ ก็ไม่ได้มีแต่คนที่เห็นด้วยเพียงอย่างเดียว รัฐมนตรีกระทรวงครอบครัวและเด็ก Jenny Mikakos ได้ออกมากล่าวว่า “ฉันอ่านเทพนิยายหลายเรื่องให้กับเด็กๆ ในครอบครัวของฉันฟัง และฉันก็จะทำมันต่อไป และฉันก็อยากจะให้พ่อแม่ทุกคนทำต่อไปเช่นกัน เด็กๆ ควรจะเติบโตมาโดยมีแนวทางชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ใช่นำความรู้สึกเรื่องความหลากหลายทางเพศสภาพไปยัดเยียดให้กับพวกเขา” แต่ถึงอย่างไรทางรัฐบาลก็ได้ออกมาแถลงว่าเทพนิยายจะไม่ถูกแบนออกไปโดยปริยาย แต่จะสนับสนุนให้เกิดการ ‘พูดคุย’…

ปัจจุบันนี้ในโลกของเรามักจะพบโรคแปลกๆ ซึ่งบางโรคนั้นก็มาพร้อมกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเนี่ยแหละ อาจจะฟังดูแปลกแต่มีอยู่จริงนะ อย่างล่าสุดก็พบว่ามีโรคที่คิดว่าโทรศัพท์ตัวเองสั่น หรือภาษาทางการเรียกว่า Phantom Vibration Syndrome คือคนพวกนี้มักจะเข้าใจผิดว่าโทรศัพท์ตัวเองสั่นเมื่อใส่ไว้ในกระเป๋า     Dr Robert Rosenberger นักปรัชญาและผู้ช่วยศาสตราจารย์จาก Georgia Institute of Technology กล่าวว่า โรคนี้เกิดจาก การเรียนรู้ของร่างกาย อ้างอิงจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Computers in Human Behaviour บอกว่า ‘คนที่พกโทรศัพท์มือถือติดกระเป๋าไปด้วย พวกเขาจะคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย’ ซึ่งเหมือนกับการใส่แว่น ที่บางทีก็ลืมไปว่ากำลังใส่แว่นอยู่     Dr Rosenberger บอกว่า “การที่เรารู้สึกว่าโทรศัพท์ตัวเองสั่นนั้น เป็นผลพวงมาจากสาเหตุอื่น เช่น การเคลื่อนไหวของเสื้อผ้าที่เกิดจากกล้ามเนื้อกระตุกจนหลายคนคิดว่าโทรศัพท์สั่น  แท้จริงแล้วเป็นแค่สิ่งที่เรารู้สึกไปเองเท่านั้น” ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC เขาก็ยังบอกอีกว่า “หนึ่งในการวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ได้ใช้นักศึกษาปริญญาตรีเป็นกรณีตัวอย่าง แล้วพบว่า 90% ของพวกเขายืนยันว่าเคยมีประสบการณ์คิดว่าโทรศัพท์ตัวเองสั่น”     อย่างไรก็ตาม Dr Rosenberger ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีมีความทันสมัยและมีหลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะบางทีสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เราป่วยทางจิตได้”   มีใครเคยเป็นแบบนี้บ้างมั้ยเอ่ย?…

โดยปกติแล้วเราก็จะรู้กันดีว่า ‘หมี’ เป็นสัตว์กินเนื้อที่มีความดุร้าย หากใครได้เห็นมัน แน่นอนว่าต้องเผ่นเอาไว้ก่อน เพราะหากไม่หนี หรือเข้าไปใกล้มันย่อมเกิดความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต แต่สำหรับนาย Corey Hancock ที่เป็นช่างภาพชาวอเมริกันแล้ว กลับไม่ทำแบบนั้น ขณะที่เขากำลังออกไปเดินป่าแถวๆ รัฐ Oregon ก็ได้พบกับเจ้าลูกหมีตัวหนึ่งนอนอยู่ สภาพของมันนั้นดูร่อแร่ใกล้ตาย     “มันนอนอยู่เฉยๆ ไม่ขยับไปไหนเลย ตอนแรกผมคิดว่ามันคงไม่รอดซะแล้ว ปากของมันซีดมาก ตาทั้งสองข้างของมันเบิกโพลง เนื้อตัวของมันเปียกชุ่มเพราะฝน แต่พอสังเกตดูที่ท้องของมันดีๆ แล้วก็พบว่ามันยังหายใจอยู่” “ผมจึงคิดขึ้นมาในใจว่าจะให้ทิ้งมันเอาไว้ให้ตายอยู่ที่นี้งั้นเหรอ? ไม่มีทางซะหรอก ผมจึงตัดสินใจอุ้มมันขึ้นมาและวิ่งไปที่รถอย่างรวดเร็ว ขณะที่วิ่งไปนั้นก็ต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา” “มันเป็นการเสี่ยงชีวิตมากๆ ที่ทำแบบนี้ เพราะแม่หมี อาจจะอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณนี้ และอาจจะเข้ามาทำร้ายผม เพราะพยายามเอาลูกของมันไป” คุณ Corey เล่า     แต่พอมาถึงที่รถแล้วกลับพบว่าเจ้าหมีน้อยหยุดหายใจไป เขาจึงเริ่มทำการผายปอด และมันก็กลับมาหายใจอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็รีบพาไปยังคลีนิครักษาสัตว์ที่ใกล้ที่สุด และก็สามารถช่วยเหลือชีวิตของมันเอาไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตามจากกฎหมายของรัฐ Oregon แล้วยการช่วยเหลือหมีนั้นถือว่าผิดกฎหมาย นาย Corey จะต้องถูกปรับเป็นมูลค่ากว่า 200,000 บาท…

สำหรับคนที่เปิดร้านค้า หรือทำการขายของ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะถูกโจรขโมยปล้น แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าผู้ประกอบการก็มักจะมีอุปกรณ์สำหรับป้องกันเหตุอันตรายเหล่านี้ และมันก็ใช้ได้ผลชะงัดนัก เช่นเดียวกันกับเจ้าของร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งของไชน่าทาวน์ในเมืองมิลานประเทศอิตาลี ได้ถูกแก๊งมิจฉาชีพสองคนบุกเข้าไปปล้นถึงในร้านอย่างอุกอาจ     ในตอนแรกดูเหมือนว่าเจ้าของร้านจะเสียท่า และถูกชิงเงินไป ทันใดนั้นเองเขาก็ค่อยๆ ถอยหลังเข้าไปหยิบสเปรย์พริกไทยออกมาแล้วก็พ่นใส่หน้าของขโมยทั้งสองคน     จากนั้นสถานการณ์ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ โจรคนหนึ่งวิ่งหนีไปได้ แต่อีกคนถูกเจ้าของร้านจับเอาไว้ได้ หลังจากที่พยายามฉุดกระชากลากยื้อกันจู่ๆ กางเกงของโจรก็หลุดออกเผยให้เห็นแก้มก้นอันแนบนวล เจ้าของร้านไม่รอช้ารีบทุบเข้าบริเวณนั้นอย่างเร็วไว!!     จากนั้นไม่นานภรรยาของเขาก็เดินเข้ามา พร้อมกับบรรดาลโทสะเตะเข้าที่หัวของโจรอย่างรุนแรง เวลาแห่งความชุลมุนค่อยๆ ผ่านไป เจ้าโจรใจบาปเหมือนจะดิ้นหลุดและวิ่งหนีออกไปได้ แต่สุดท้ายก็มีพลเมืองดีให้ความช่วยเหลือจนในที่สุดก็สามารถจับเอาไว้ได้     คลิปดังกล่าวกลายได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในโลกโซเชียลของประเทศจีน ชาวเน็ตหลายๆ คนต่างก็ปรบมือแสดงความชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้าของร้านคู่สามีภรรยาเป็นอย่างมาก     ลองไปชมคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันแบบเต็มได้เลยจ้า แบบนี้พี่โจรคงเข็ดไปอีกนานเลยล่ะ..   ให้มันได้แบบนี้สิพี่เจ้าของร้าน ต้องสั่งสอนให้รู้ซะบ้าง คราวหน้าคราวหลังจะได้เลิกเป็นโจรซักที!! ที่มา : shanghaiist

ปกติถ้าไปเที่ยวที่สวนสาธารณะ ใครก็อยากจะไปนั่งกินลมชมวิวชิลๆ กันทั้งนั้น  ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น ‘สวน’ ของประชาชนทุกคน และเป็นพื้นที่ใช้พักผ่อนหย่อนใจ แต่ถ้าคนเยอะไปบางมันก็อาจไม่ชิลเหมือนที่เราคาดหวังไว้ เช่นเดียวกับสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในเมืองเซินเจิ้น ซึ่งสำนักข่าว Shanghaiist ได้รายงานว่า จำนวนจักรยานของผู้มาเที่ยวชมมันเยอะจนแทบจะไม่มีที่เดิน เจ้าหน้าที่ถึงกับต้องสั่งแบน!   ตอนแรกก็คิดว่ามันจะเยอะขนาดไหนเชียว พอได้เห็นรูปนี้เท่านั้นแหละ..   นี่มันงานชุมนุมจักรยานโลกรึเปล่าเนี่ย!?   จากเว็บไซต์ต้นฉบับของจีนได้ระบุว่า ในวันที่ถ่ายรูปนี้คาดว่าจะมีจำนวนคนเข้ามาเที่ยวมากถึง 300,000 คน ซึ่งมันดันตรงกับวันหยุดเทศกาลชิงหมิง (เชงเม้ง) ของจีนพอดี ชาวเมืองก็เลยต่างพากันเช่าจักรยาน และปั่นมาเที่ยวชมที่สวนสาธารณะ Shenzhen Bay Park โดยเฉพาะแค่ช่วงเช้าก็มีจักรยานแห่กันเข้ามามากกว่า 10,000 คันเลยทีเดียว   เยอะซะจนคนแทบจะไม่มีที่เดิน   ดูสภาพการจราจรจากในคลิปแล้ว รู้สึกอึดอัดแทนเลย   ด้วยจำนวนจักรยานที่มันเยอะ บวกกับพฤติกรรมของคนเช่าที่จอดไม่เป็นที่เป็นทางจนกลายเป็นปัญหา ทำให้วันต่อมาเจ้าหน้าที่รัฐออกคำสั่งห้ามไม่ให้นำจักรยานเข้ามายังบริเวณสวนสาธารณะทันที ซึ่งก็มีการเรียกตัวผู้ประกอบการให้เช่าจักรยาน มาปรึกษาหารือถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และก็ได้ข้อสรุปที่ว่าหน่วยงานเอกชนยินดีที่จะช่วยกันทำให้สวนสาธารณะกลับมาสงบสุขร่มรื่นอีกครั้ง   ภายในคืนนั้นเองทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ประกอบการ ต่างก็ช่วยกันเคลียร์จักรยานที่จอดอยู่เต็มสวน   ไม่ว่าจะพ่อค้าแม่ขายให้เช่าจักรยานรายไหน ก็ต้องเก็บกลับบ้านหมดทุกคน  …

ถุงยางอนามัยนอกจากจะเป็นช่องทางในการคุมกำเนิดแล้ว เพื่อนๆ คิดว่ามันสามารถเอาไปทำอะไรอีกได้บ้างคะ แหน่ รู้นะว่า หลายคนคงตอบว่าเอาไปเป่าเป็นลูกโป่งเล่นแน่นอน!! แต่สำหรับคุณลุง Orestes Estevez วัย 65 ปี คนนี้ เขาได้นำถุงยางมาครอบปากขวดที่เขาใช้หมักไวน์ เพื่อช่วยในการประหยัดต้นทุนการทำไวน์ของเขาด้วย เอ๊ะ!? มันช่วยได้ยังไงละนั่น     หลายคนอาจจะรู้มาแล้วบ้างว่า ถุงยางนั้นเป็นที่นิยมมากในประเทสคิวบา ซึ่งไม่ใช่เพื่อการคุมกำเนิดเท่านั้นนะ แต่มันยังทำประโยชน์อื่นๆ ได้อีกเยอะแยะเลยทีเดียว ทั้งนี้เป็นผลมาจากมาจากคิวบาถูกคว่ำบาตรมานานหลายปี โดยห้ามมีการค้าระหว่างประเทศจนทำให้รายได้ของประเทศคิวบาตกต่ำลงอย่างมาก ทำให้ประชาชนต้องประหยัดและทำทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอด คุณลุง Estevez เองก็ได้พลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส ด้วยการนำถุงยางมาใช้ในกระบวนการผลิตไวน์ และมันก็เป็นวิธีการที่ประสบความสำเร็จซะด้วยสิ     จริงๆ แล้วคุณลุงทำไวน์มานานหลายปีแล้ว แต่เขาเพิ่งเปิดโรงกลั่นไวน์องุ่น El Canal เมื่อปี 2000 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปีที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ ทำให้การตั้งกิจการส่วนตัวนั้นเป็นเรื่องที่ถูกฎหมายโดยง่าย คุณลุงใช้องุ่นคิวบา ผลไม้เขตร้อน และผัก มาผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำไปหมัก ซึ่งเป็นการลงทุนที่ต่ำมาก แต่รสชาติที่ได้นั้นเหมือนไวน์นำเข้าเลยล่ะ โดยปกติแล้ว รายได้เฉลี่ยของคนคิวบานั้นอยู่ที่เดือนละ 800 บาท จึงมีไม่กี่คนที่จะสามารถซื้อไวน์นำเข้าได้ ดังนั้นการได้ซื้อไวน์ในราคาขวดละ 18…

มันมีอยู่จริงๆ นะ คนที่แบบว่า ชอบซื้อของกระจุกกระจิก แต่ถามว่าเอาไปใช้ประโยชนได้จริงมั้ย มันก็ได้แต่เชื่อสิว่าที่ซื้อไปส่วนใหญ่อ่า ไม่ใช่เพราะจะเอาไปใช้หรอก แต่แค่เห็นมันน่ารักแค่นั้นเอง เออ แต่ของบางชิ้นมันก็น่ารักซะจนเราอดใจไม่ได้เหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องซื้อมาจนได้ แล้วก็เอาไว้อย่างนั้นแหละ เพราะมันน่ารักซะจนไม่กล้าใช้เลย แต่อย่างน้อยๆ มีไว้ครอบครองก็อุ่นใจแหละ ฮร่า   1. เทียนหอม เทียนหอมที่ถุกทำออกมาให้เหมือนใบไม้ห่อตัว ซื้อมาแล้วก็ไม่กล้าใช้หรอก เดี๋ยวมันจะหมดเอา แต่ถ้าสนใจก็สั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์  MythicCreationsbyAni นะ ในราคา 380 บาท   2. หมอนกุ้ง หมอนกุ้งที่จะทำให้คุณหนุนไปหิวไป หาซื้อได้ที่ Amazon ในราคา 750 บาท   3. ถุงเท้ารองขาเก้าอี้ ทาสแมวคงไม่พลาดสินค้าชิ้นนี้แน่ๆ เพราะมันคือถุงเท่ารองขาเก้าอี้ที่คาวาอี้มาก เป็นอุ้งเท้าแมวด้วย ซื้อได้ที่ Amazon ในราคา 480 บาท   4. ที่ตัดเค้ก ใครที่มีปัญหากับการตัดเค้ก นี่เลยที่ตัดเค้ก ให้เรื่องเค้กเป็นเรื่องง่าย ไม่เลอะด้วย ซื้อได้ที่ Amazon ราคา 680 บาท…

เราทุกคนอยากมีร่างกายที่สมบูรณ์เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย ราบรื่น แต่หากต้องใช้ชีวิตกับร่างกายที่บกพร่อง บางทีมันก็ทำให้รู้สึกเศร้าได้เหมือนกันนะ เหมือนกับชีวิตของ Angel Marie ม้าน้อยที่ต้องใช้ชีวิตแบบสัตว์พิการตั้งแต่เพิ่งเกิดได้ไม่กี่วันเท่านั้น เนื่องจากอุบัติเหตุที่ทำให้แม่พลาดไปเหยียบเท้าของมันโดยไม่ได้ตั้งใจ     Angel กลายเป็นม้าที่มีเพียง 3 ขา แม้จะใช้ชีวิตค่อนข้างลำบาก แต่ทุกๆ วัน มันจะเรียนรู้ที่จะอยู่กับพิการนั้น และค่อยๆ ชินไปกันมัน จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อ Derrick Campana ได้มาพบกับม้า 3 ขาตัวนี้เข้า และอยากให้มันได้ใช้ชีวิตปกติเหมือนม้าทั่วไป เขาจึงตั้งใจทำขาเทียมให้กับมัน     ปกติ Campana ทำงานเป็นคนทำขาเทียมสำหรับมนุษย์อยู่แล้ว แต่เมื่อมาเจอกับม้าตัวนี้ เขาได้เกิดไอเดียว่า ควรจะทำขาเทียมให้สัตว์ด้วย เพราะพวกมันก็อยากมีร่างกายที่สมบูรณ์เช่นกัน ปัจจุบันเขาทำงานที่ Animal Ortho Care ในเมืองสเตอร์ลิง รัฐเวอร์จิเนีย โดยจะทำขาเทียมเพื่อสัตว์ และมักจะใช้พลาสติกที่มีคุณภาพสูงมาทำเสมอ เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้สัตว์ที่มีความพิการ     จนถึงตอนนี้เขาได้ช่วยเหลือสัตว์ชนิดต่างๆ มากมาย และรู้สึกขอบคุณ Angel ทุกครั้งที่ทำให้เขาเกิดไอเดียนี้ ซึ่งมันก็เป็นสัตว์ตัวแรกที่เขาทำขาเทียมให้ Campana บอกว่า “การได้เห็น Angel เดิน และการที่มีมันอยู่ที่นี่วันนี้ มันทำให้ฝันของผมเป็นจริงแล้ว…

เคยเป็นมั้ย แบบเห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด โดยเฉพาะคนเจ้าระเบียบจะเข้าใจอารมณ์นี้ เพราะเมื่อไรก็ตามที่เห็นอะไรไม่เข้าที่เข้าทาง หรือไม่ได้เป็นอย่างที่ควรจะเป็น ก็จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที… มาดูกันสิว่าคุณเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า ที่จะรู้หงุดหงิดขึ้นมาหากได้เจอความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยตามที่เคยเห็น เคยพบมา   1. ช็อกโกแลตชิปชิ้นเล็กๆ อยู่ในไอศกรีม   2. เป็นการหั่นพิชซ่าที่มั่วไปหมด ไม่เป็นระเบียบเอาซะเลย   3. แล้วจะตัดยังไงล่ะ ต้องหากรรไกรอีกอันมาตัดใช่มั้ย   4. นี่ก็เหมือนกัน ไขควงนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีไขควงอีกอันมาหมุน   5. มันไม่ใช่อ่ะ ทำไมไม่เท่าๆ กันล่ะ   6. เลข 9 ต้องมาอยู่ล่าง 6 สิ หู้วววว   7. ถือแบบนี้ พิชซ่าคงจะไหลไปอยู่รวมกันหมดแล้วมั้ง   8. ไหง โผล่ออกมาขนาดนี้ล่ะเฮ้ย   9. จะกินเหลือไว้ทำไมฟะ   10. ว่าจะเป็นฮิปสเตอร์ซะหน่อย มาจากไหนล่ะเนี่ยเจ้านก   11.…

กว่าจะออกมาเป็นบ้านต้นไม้ที่สวยงามแต่ละหลังนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะไหนเราจะต้องใช้ทั้งวัสดุอุปกรณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ไม้ น็อต ตะปู ฯลฯ แต่สำหรับที่บริษัทออกแบบชื่อ Penda จากประเทศจีนแห่งนี้ บอกเลยว่าพวกเขาสามารถเนรมิตบ้านสุดหรู ที่สร้างขึ้นมาจากไม้ไผ่ โดยจะไม่ใช้น็อตและตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียว เฮ้ยยยย!! แบบนี้ก็ได้เหรอเนี่ย     ในปี 2015 ที่ผ่านมา ทางบริษัท Penda ได้ทำโมเดลจำลองโครงสร้างของบ้านแห่งนี้ออกมา จนได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับสองในหมวดการออกแบบสถาปัตยกรรม (Architecture Design) ในงาน 2016 A’Design Awards พร้อมตั้งชื่อให้ว่า “Rising Canes” อีกด้วย     แม้ว่าจะไม่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 แต่ต้องบอกเลยว่ามันเป็นผลงานการออกแบบที่ยอดเยี่ยม และน่าประทับใจมาก   สำหรับไอเดียในการสร้างบ้านนี้ ทางบริษัทมีจุดประสงค์เพื่อต้องการสร้างขึ้นมาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยจะใช้ไม้ไผ่มาเรียงต่อกันจนกลายเป็นชั้นๆ โดยแต่ละชั้นจะมีการวางซ้อนทับกันให้มีความพอดี นอกจากนี้ ยังมีการนำเชือกมาผูกให้แน่นติดกับจุดรอยต่อระหว่างไม้ไผ่  ซึ่งจะผูกยึดติดกันถึง 8 ท่อน และมัดให้มีช่องตรงกลาง ซึ่งจะสามารถเสียบไม้ไผ่ท่อนอื่นเข้าด้วยกัน  …

การต้องเป็นมนุษย์แว่นเนี่ย มันไม่สนุกเลยนะ เพราะแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันก็ดูจะสะดุดไปหมดเพราะแว่นตาเนี่ยแหละ แถมยังบดบังความสวยความหล่อด้วย และนี่คือเหตุการณ์ที่คนใส่แว่นต้องเจอเป็นประจำ พวกเขาจึงได้ออกมาประท้วงด้วยภาพพวกนี้ ดูแล้วก็น่าเห็นใจเหมือนกันนะ   1. จะเล่น Snapchat แบบมุ้งมิ้งเหมือนคนอื่นก็ไม่ได้ เพราะมันจะไม่พอดีกับหน้า   2. ต้องเจอกับคนที่ชอบยืมแว่นไปลอง แล้วก็จะจับแบบนี้   3. อยากใส่แว่นกันแดด แต่ก็กลัวจะมองไม่ชัด   4. จะนอนตะแคงเล่นโทรศัพท์ก็ลำบ๊าก ลำบาก   5. หนาวๆ ก็อยากปิดทุกส่วน แต่หายใจที ไอน้ำขึ้นแว่นหมด   6. ฝนตกทีไร ต้องเช็ดแว่นทุก 3 นาที   7. จะวิ่งแบบใส่แว่นก็ไม่ได้อีก เห้ออ   8. ก่อนดื่มชา หรือกาแฟ ก็ต้องถอดแว่นก่อน ไม่งั้นจะมีแต่ไอแบบนี้   9. แม้แต่การกินมาม่า ก็ต้องถอดแว่นออก   10. เวลาไม่ใส่แว่นก็จะเห็นอะไรผิดเพี้ยนไปหมด อย่างเคสนี้ นึกว่ารองเท้าเป็นแมว…

ในการเลี้ยงสัตว์นั้นเราก็คงอยากเลี้ยงตามสามารถเพื่อที่จะได้ดูและพวกมันให้ดีที่สุด แต่สำหรับบางคนกลับเลือกที่จะดูแลสัตว์ทุกตัวที่ไม่มีเจ้า และมอบสิ่งดีๆ ให้พวกมันนี้ นี่เป็นเรื่องราวของ Lya Battle ผู้หลงรักสุนัข จนต้องรับเลี้ยงไว้ทุกตัว… ทุกอย่างมันเริ่มขึ้น Diego สุนัขวัย 15 ปี ถูกนำตัวไปยังศูนย์พักพิงใน Costa Rica     Diego เป็นสุนัขที่แก่มากแล้ว ทำให้ร่างกายของมันอ่อนแอและยังเป็นเนื้องอกอีกต่างหาก ในช่วงนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ Battle เดินทางไปยังศูนย์พักพิงเพื่อหาสุนัขมาเลี้ยงพอดี แล้วเธอก็เกิดสะดุดเข้ากับ Diego หญิงคนนี้เล่าถึงวันนั้นว่า “ตอนนั้นมันค่อนข้างดึกแล้ว และทางศูนย์กำลังจะปิด แล้วจะก็ได้ยินเสียงหญิงคนหนึ่งพูดกับเพื่อนวัน ‘เดี๋ยวๆ ก่อนออกไปจัดการหมาตัวนี้ก่อนมั้ย’”  หมาตัวนั้นก็คือ Diego “จากนั้นฉันก็เห็นพวกเขาเอาหมาตัวหนึ่งเข้าไปห้องผ่าตัด เพื่อที่จะทำการการุณยฆาตมัน เนื่องจากมันแก่มากแล้ว” เธอไม่อาจทนเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ได้ เธอจึงตัดสินใจบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอรับหมาตัวนี้ไปเลี้ยง     แต่ทางเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่า “ไม่ได้ค่ะ มันกำลังป่วย และแก่มากแล้ว” Battle จึงบอกว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ต่อให้มันอยู่ได้แค่อาทิตย์เดียว ถ้ามันจะจากไป ก็ให้มันได้อยู่ที่บ้านดีกว่าค่ะ” ส่วนตัว Battle นั้นมีสุนัขที่เลี้ยงไว้มากมายอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังอยากได้ Diego มาเพิ่มอีก และถือเป็นสุนัขที่ต้องดูแลเป็นพิเศษตัวแรกของเธอด้วย     เธอบอกว่า “ครั้งแรกฉันก็คิดว่ามันคงอยู่ได้อีกประมาณอาทิตย์เดียว แต่เมื่อมาอยู่กับฉันมันอยู่ได้อีกถึง…

ลิ้นเป็นมัดของกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณฐานของช่องปากเพื่อรองรับอาหาร และช่วยในการเคี้ยว การกลืน และเป็นอวัยวะที่สำคัญในการรับรส นั่นก็เป็นฟังก์ชั่นหลักทั่วไปของลิ้นมนุษย์ แต่ความไม่มีขีดจำกัดของมนุษย์นั้น สามารถทำให้ลิ้นเป็นได้มากกว่าที่ควรจะเป็น อย่างเช่นหญิงสาวคนนี้ที่ไม่รู้ไปฝึกมายังไง จนทำสามารถใช้ลิ้นหยุดพัดลมได้!!   Zoe L’Amore   Zoe L’Amore หญิงผู้มีลิ้นอันแข็งแกร่งจากออสเตรเลีย ได้ออกไปรายการ Guinness World Records Italian Show เพื่อโชว์ความสามารถของลิ้น นี่ไม่ใช่การโชว์เพื่อความสนุกเท่านั้น แต่มันยังเป็นการทำลายสถิติเดิมของตัวเองด้วย โดยการหยัดพัดลมด้วยลิ้นภายในเวลาหนึ่งนาที     ในคลิปจะเห็น Zoe ถือพัดลม 32 วัตต์ ในมือทั้งสองข้าง โดยที่พัดลมทั้งสองกำลังเปิดด้วยเบอร์ที่แรงที่สุด สิ่งที่หญิงสาวต้องทำคือ ต้องใช้ลิ้นหยุดพัดลมให้ได้มากกว่า 20 ครั้ง เพื่อสร้างสถิติใหม่ และแล้วเธอก็ทำสำเร็จจนได้ จนผู้คนในห้องส่งต้องลุกขึ้นปรบมือให้… ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัว ไม่ควรลอกเลียนแบบเด็ดขาด เพราะอาจเป็นอันตรายได้นะคะ   โอ้ววว แม่สาวน้อย ลิ้นคุณช่างแข็งแรงเหลือเกิน   นี่แหละพลังที่แท้จริงของลิ้นนนนน!!   ปกติแค่มือไปโดนพัดลมนี่ก็เจ็บจี๊ดแล้ว นี่ใช้ลิ้นเลยเร๊อะ!! ที่มา 9gag l Guinness World Records

เคยสังเกตมั้ยว่าบางคนชอบสะสมของโน่น นี่ นั่น ซึ่งของบางชิ้นก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร ก็ยังเอามาเก็บไว้ในบ้าน แล้วก็เก็บอยู่อย่างนั้นแหละ แล้วก็ไม่กล้าทิ้งด้วยนะ เพราะเสียดายหรืออยากเก็บไว้เรื่อยๆ จริงๆ แล้วพฤติกรรมแบบนี้ถือเป็นโรคชนิดหนึ่งนะ งั้นวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับโรคนี้สักหน่อย เผื่อว่าเราจะเข้าใจคนชอบสะสมของมากขึ้น     ทำความเข้าใจการสะสมของ การสะสมของเป็นพฤติกรรมที่ยากต่อการแก้ไขหรือยากต่อการเก็บซ่อนเอาไว้ พวกเขาจะสะสมสิ่งที่ชอบราวกับเป็นสมบัติชิ้นสำคัญโดยไม่สนว่าจะมีประโยชน์หรือไม่ พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลต่ออารมณ์ ร่างกาย การเข้าสังคม การเงิน และอาจจะถึงขั้นทำผิดกฏหมายด้วยการหยิบของคนอื่นมาสะสม ที่สำคัญพวกเขามักจะมีปัญหากับคนในครอบครัวที่อยู่ด้วยกัน     จริงๆ ทุกคนก็อาจจะมีของสะสมเหมือนกัน แต่สำหรับคนที่เป็นโรคนี้จะมีความต่างตรงที่ปริมาณของสะสมจะมากกว่าคนอื่นๆ สิ่งที่พวกเขาชอบสะสมก็มีหลายอย่างเช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร กระดาษและถุงพลาสติก กล่องกระดาษ รูปถ่าย ของใช้ในครัว อาหาร และเสื้อผ้า การสะสมของอาจจะมีผลกับพฤติกรรมการซื้อสินค้า เช่น ความอยากสะสมทำให้ต้องซื้อของที่ไม่อยากได้ หรือการซื้อสินค้าที่ไม่มีราคาอย่างเช่น ใบปลิว หรือการพยายามหาซื้อของที่สมบูรณ์แบบ ไม่ซ้ำใคร     อาการและพฤติกรรมของคนชอบสะสมของ คนที่ชอบสะสมของอาจจะมีพฤติกรรมต่อไปนี้ ไม่กล้าทิ้งของ กังวลมากเมื่อทิ้งของสะสม จำแนกสิ่งของได้ยาก สับสนว่าจะเก็บอะไรที่ไหนอย่างไร คิดแต่เรื่องการสะสมตลอดเวลา กลัวคนอื่นจะมายุ่งกับของสะสม ขโมยของหรือคุ้ยขยะโดยไม่รู้ตัว ทำงานร่วมกับคนอื่นได้ยาก มีปัญหากับครอบครัว มีปัญหาทางการเงิน…

เวลาเห็นเศษไม้หรือกิ่งไม้หลายคนมักจะคิดว่ามันเกะกะ จนต้องจับโยนทิ้ง เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่ก็ไม่เสมอไปนะ เพราะเรามีไอเดียสร้างสรรค์ เราอาจจะทำให้กิ่งไม้เหล่านั้นกลายเป็นของมีค่าไปเลยก็ได้ ในไม่กี่วันมานี้ก็มีกระแสฮือฮาในโลกโซเชียล เมื่อร้าน Botanique ในกรุงลอนดอน ประกาศขายกิ่งไม้ขนาดเล็กในราคาชิ้นละ 750 บาท     สำหรับกิ่งไม้ที่ทางร้าน Botanique นั้น ก็เป็นไม้ธรรมดาเนี่ยแหละ แต่ที่มันพิเศษกว่ากิ่งไม้อื่นๆ ก็เพราะมันถูกตัดแต่งให้มีรูปทรงและขนาดที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการตกแต่ง จนได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ร้านดังกล่าวนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกของลอนดอน เป็นทั้งแหล่งขายและแหล่งผลิตไม้ตกแต่งโดยช่างไม้มืออาชีพ ซึ่งขายในราคา 400-800 บาท ขึ้นอยู่กับรูปร่างและขนาด     ไม้ตกแต่งเหล่านี้ทำมาจากไม้เบิร์ชหรือฮอลลี่ โดยจะทำการตัดด้านใดด้านหนึ่งออกให้เป็นผิวเรียบ แล้วเจาะรูปไว้เพื่อที่จะนำไปติดบนผนังได้ นอกจากตกแต่งแล้ว มันยังเป็นที่แขวนเสื้อหรือกระเป๋าได้อีกด้วย แต่ตอนนี้กระแสดังกล่าวกำลังกลายเป็นที่ถกเถียงกันในโลกออนไลน์ โดยส่วนหนึ่งมองว่า ‘ก็แค่กิ่งไม้ธรรมดา หาเอาตามแถวบ้านก็มี ทำไมต้องยอมเสียเงินแพงๆ เพื่อซื้อมันมาด้วย’     ในขณะที่  Alice Howard เจ้าของร้าน Botanique วัย 29 ปี ไม่เห็นด้วย โดยให้เห็นผลว่า ‘ไม่ใช่ไม้ทุกชิ้นที่จะขายได้ และราคาที่เธอขายนั้นก็สมเหตุสมผล เพราะมันผ่านการตัดแต่ง ขัดถูก ให้รูปร่างสวยงามลงตัวแล้ว’ เธอบอกว่า “ไม้เหล่านี้ฉันได้มาจากเพื่อนของแม่ใน Devon…

ทุกวันนี้เวลามีปัญหาเรามักจะให้ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการของกฏหมาย แต่ก็ยังที่รู้ๆ กันนั่นแหละว่า บางทีกระบวนการดังกล่าวนี้ก็มีความผิดพลาดได้เช่นกัน เหมือนอย่างกรณี้นี้ ที่ทำให้ชายหนุ่่มต้องติดคุกฟรีนาน 21 ปี ก่อนจะมารู้ภายหลังว่าเขาไม่ได้มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหาไป ในที่สุดทางการจึงมอบเงินชดเชยให้พ่อแม่ของชายหนุ่มจำนวน 13 ล้านบาท     เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับ Nie เมื่อปี 1995 เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาข่มขืนและฆ่าผู้หญิงคนหนึ่ง โดยในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกานั้นพบว่ามีความผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง โดยศาลพบว่าทางโจทก์มีหลักฐานไม่เพียงพอเกี่ยวกับการหายตัวไปของหญิงสาวที่ถูกอ้างว่าตกเป็นเหยื่อ และคำสารภาพของ Nie ก็ดูไม่น่าเชื่อถือ เพราะเหมือนถูกข่มขู่จากอีกฝ่าย นอกจากนี้รายละเอียดของเวลาและสาเหตุการตายของหญิงสาวก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนจากโจทก์ด้วยเช่นกัน… แต่ก็ไม่ได้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมในเรื่องนี้     ผู้ที่มีส่วนสำคัญในความผิดพลาดนี้อีกคนคือ  Liu Jinguo ตำรวจเจ้าของคดีนี้ ก็เชื่อคำกล่าวหาและไม่ได้สืบสวนข้อเท็จจริงอย่างจริงจัง ทำให้ชายหนุ่มต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนก่อเหตุจริง ต่อมาในปี 2005 ก็มีชายคนหนึ่งชื่อ Wang Shujin ได้ออกมารับสารภาพเป็นผู้ร้ายตัวจริง ส่วน Nie เป็นแค่แพะที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย อย่างไรก็ตามก็จำเป็นต้องตรวจสอบ และเริ่มการสอบสวนทุกอย่างให้รอบคอบเพื่อไม่เกิดการผิดพลาดอีก… เรื่องนี้ทำให้พ่อแม่ของ Nie มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาจึงพยายามรวบรวมหลักฐานอย่างต่อเนื่อง นานกว่า 10 เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของลูก     ในที่สุดศาลฎีกาจึงได้มอบหมายให้ศาลมณฑลซานตงรื้อฟื้นคดีในปี 2014 จนกระทั่งเดือนมิถุนายนในปีเดียวกันก็ได้มีการเปิดแฟ้มคดีของ Nie อีกครั้ง แม้จะเป็นการรื้อฟื้นคดีในรอบที่สอง แต่ก็ต้องใช้เวลานานมาก เนื่องจากต้องพิจารณาหลักฐานใหม่เกือบทั้งหมด…

Zheng Jiajia วิศวกรหนุ่มชาวจีนวัย 31 ปี ผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านปัญญาประดิษฐ์ การออกแบบ และการเขียนโปรแกรม ล่าสุดเขาได้ตัดสินใจสร้างหุ่นยนต์สาวสวยที่ชื่อว่า Yingying ขึ้นมา พร้อมทั้งได้แต่งงานกับตุ๊กตาตัวดังกล่าว หลังจากที่เขาไม่สามารถตามหาหญิงสาวในอุดมคติได้     เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2560 เว็บไซต์ Metro มีรายงานว่า Zheng ได้สร้างหุ่นยนต์สาวที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 30 กิโลกรัมขึ้นมาตามแบบฉบับหญิงสาวที่เขาต้องการ และหลังจากที่ได้สร้างหุ่นยนต์สาวตัวนี้เสร็จเป็นที่เรียบร้อย เขาก็ได้จัดงานพิธีสมรสกับเธอในเมืองหังโจว ในมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน โดยมีครอบครัวและคนใกล้ชิดของเขามาเข้าร่วมพิธี เป็นสักขีพยานอย่างอบอุ่น     จากภาพปรากฏให้เห็นว่า วิศวกรหนุ่มรายดังกล่าวมาในชุดสูทสีดำ พร้อมกับกำลังอุ้มเจ้าสาวแสนสวยที่มาในชุดดำ และผ้าคลุมศีรษะสีแดง ถึงแม้ว่าเจ้าสาวของเขาจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ แต่ถึงกระนั้น นาย Zheng ก็หวังว่าในอนาคตเขาจะพัฒนาให้เธอสามารถช่วยเหลือตัวเองได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การทำงานบ้าน และหน้าที่ในการรับผิดชอบต่างๆ     ทางด้านเพื่อนคนหนึ่งของฝ่ายผู้เป็นเจ้าบ่าว ได้ออกมาเผยว่า “หนุ่ม Zheng พยายามหาแฟนมานานแล้ว แต่เขาก็คว้าน้ำเหลวทุกที จนในที่สุดเขาก็เกิดความเบื่อหน่าย”…

ในช่วงฤดูหนาวของปี 1944 เป็นช่วงที่ชาวยิวตกอยู่ภายใต้อำนาจของนาซี แต่ในระหว่างนั้นก็มีช่างภาพชาวยิวคนหนึ่งได้ถ่ายรูปในช่วงนั้นเอาไว้ แต่ต้องเอาไปฝังดินเพื่อไม่ให้ถูกกลุ่มนาซียึดไป ไม่กี่ปีต่อมารูปภาพเหล่านี้ก็ถูกพบ พร้อมเรื่องราวน่าเศร้าในภาพถ่ายเหล่านั้น จนกลายเป็นที่พูดถึงตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบันนี้   ภาพคู่รักที่ถ่ายในระหว่างปี 1940-1944   ภาพเหล่านี้เป็นผลงานของ Henryk Ross แห่ง Łódź จากโปร์แลนด์ ซึ่งเป็นช่างภาพภาพที่แอบเก็บภาพเหตุการณ์ในช่วงที่กองกำลังเยอรมันเข้ามารุกรานในปี 1939 การถ่ายรูปในสถานการณ์เช่นนั้นนับเป็นงานที่เสี่ยงมาก แต่เขาก็เอาตัวรอดได้ทุกครั้ง ส่วนรูปภาพทั้งหมดที่ถ่ายมาได้เขาได้ทำการฝังถังน้ำมันที่มีฝาปิดสนิท เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ดูในวันข้างหน้า   รูปของชายผู้เก็บ Torah มาจากซากปรักหักพังในถนน Wolborska   ต่อมาในปี 1945  Łódź ก็ได้รับการปลดปล่อยจากอำนาจของนาซี โดยกองทัพโซเวียต ทำให้ภาพที่ถูกฝังไว้นั้นถูกขุดออกมาอีกครั้ง ซึ่งก็มีบางส่วนได้รับความเสียหาย ปัจจุบันรูปเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เรียกว่า Art Gallery of Ontario home เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่น่ากลัวที่สุดในโลก   1940-1944 เด็กชายกำลังหาอาหาร   ปี 1940 ชายคนนี้กำลังเดินท่ามกลางหิมะหนาบนถนน Wolborska   ถังข้าวถังน้ำที่ถูกทิ้งเอาไว้ หลังพวกเขาถูกเนรเทศออกจากค่ายกักกัน   1940-1942 แม่และลูก   Henryk Ross กำลังขุดหลุมฝังเอกสารทั้งหมดที่เขามี…

เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าเต่าตัวเบิ้ม และเจ้าวัวหนุ่มพิการ ที่แม้จะต่างเผ่าพันธุ์ แต่พวกมันก็สามารถกลายเป็นเพื่อนซี้กันได้…     เจ้าเต่าเดือยแอฟริกันชื่อว่า Leonardo อาศัยอยู่ที่มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ในประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี มาตั้งแต่ปี 2013 แล้ว หลังจากที่สวนสัตว์ที่เป็นที่อยู่อาศัยเดิมของมันถูกปิดตัวไปจึงทำให้มันกลายเป็นสัตว์เร่ร่อน   ไม่กี่ปีต่อมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2016 ก็มีเพื่อนใหม่เข้ามาอยู่ด้วยที่ศูนย์ช่วยเหลือ   แต่ไม่ได้เป็นเต่าเหมือนกับเจ้า Leonardo นะเพราะสัตว์ที่เข้ามาใหม่น่ะมันคือวัวหนุ่มที่ชื่อว่า Simon ที่ถูกช่วยเหลือมาหลังจากที่มันถูกพาออกไปทำงานที่ไร่ แล้วเกิดอุบัติเหตุขาไปติดกับต้นไม้ จนทำให้มันต้องเสียขาไป 1 ข้าง ทางมูลนิธิจึงได้มอบขาเทียมให้กับมัน และตั้งใจที่จะพามันไปแนะนำให้รู้จักกับเหล่าวัวตัวอื่นๆ ที่อยู่ในศูนย์ช่วยเหลือ เพื่อให้มันได้มีเพื่อน     เจ้าหน้าที่ตั้งใจที่จะพามันไปอยู่ในบ้านที่ทำเอาไว้สำหรับวัวโดยเฉพาะ ร่วมกับเจ้าวัวอีก 2 ตัวที่ถูกช่วยเหลือมาไว้ที่นี่ก่อนหน้านี้   แต่หลังจากที่เจ้า Simon ได้พบกับ Leonardo ทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันซะงั้น   ตั้งแต่ที่ได้เจอกันพวกมันก็ไม่ยอมแยกห่างจากกันอีกแลย โดยเฉพาะเจ้า Simon ที่ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายที่ถูกอกถูกใจเจ้า Leonardo เป็นพิเศษ และมักจะมอนานเล่นด้วยอยู่ทั้งวันไม่ยอมไปไหน    …

ในปัจจุบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว หลายๆ งานวิจัยทางการแพทย์ช่วยยื้อชีวิตให้กับมนุษย์เราได้อย่างคาดไม่ถึง และเร็วๆ นี้ก็มีงานค้นคว้าทางด้านพันธุวิศวกรรมที่น่าสนใจมากงานหนึ่ง เมื่อนักวิทยาศาตร์ได้นำพืชผักสวนครัวมาดัดแปลง เพื่อศึกษาการทำงานของเนื่อเยื่อหัวใจ ไม่แน่นะอาจช่วยให้การผ่าตัดหัวใจในอนาคตง่ายขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียว   เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่าทีมวิจัยได้นำใบของผักโขมมาใช้ในการศึกษาการทำงานของเนื้อเยื่อหัวใจ ก่อนหน้านี้ได้มีการพยามจำลองโครงข่ายและเนื้อเยื่อของหัวใจด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติแต่ไม่สำเร็จ ดังนั้นการค้นพบครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะมันช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำงานวิจัยและศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเนื้อเยื่อของหัวใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันการศึกษาและงานวิจัยแนวนี้ยังมีอยู่น้อยมาก   นี่เป็นภาพแสดงลำดับของการขจัดเซลพืชออกจากใบผักโขม ด้วยวิธีการที่เรียว่า decellularization วิธีนี้จะทำให้เหลือแต่เส้นใยและโครงสร้างของใบ ที่คล้ายกับเส้นเลือดในหัวใจมนุษย์แบบใสๆ   เนื่องจากการลำเลียงสารอาหารในใบพืชนั้นคล้ายกับการลำเลียงเลือดของหัวใจของมนุษย์ ถึงแม้ว่าการลำเลียงสารเคมีภายในเนื้อเยื่อของสัตว์และพืชอาจจะไม่เหมือนกัน แต่โครงข่ายของท่อลำเลียงนั้นคล้ายกัน ในอตีดเคยมีการจำลองโครงสร้างนี้ขึ้นมาแล้ว แต่ว่ามีขนาดเล็กเกินไปทำให้ยากในการที่จะศึกษาเพื่อนำไปใช้ในการรักษา แต่ใบผักโขมนั้นมีขนาดใหญ่กว่าจึงทำให้มีความเหมาะสมมากกว่า     ทีมวิจัยหวังว่าการค้นพบเทคโนโลยีนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการนำไปสร้างเนื้อเยื่อใหม่ สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ งานวิจัยชิ้นนี้กำลังจะถูกตีพิมพ์ลงนิตยสาร Biomaterials ในเดือนพฤษภาคมนี้ นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน Worcester Polytechnic ได้บอกว่า “การพัฒนาครั้งนี้จะเป็นรากฐานของการศึกษาการทำงานที่เหมือนกันของเนื้อเยื่อพืชและสัตว์”     ถึงเเม้ว่าระบบการขนส่งของเหลวของเซลสัตว์และพืชจะต่างกัน แต่โครงสร้างของเนื้อเยื่อทั้งสองมีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก   ในการทดลองเนื้อเยื่อหัวใจเทียมครั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ใส่ของเหลวที่คล้ายกับเซลเนื้อเยื่อของมนุษย์เข้าไปในผักโขม เป็นการศึกษาการทำงานของเส้นใยในใบที่ทำหน้าที่คล้ายเส้นเลือดของหัวใจมนุษย์ Glenn Gaudette ศาสตราจารย์ทางด้านพันธุวิศวกรรมของสถาบัน Worcester Polytechnic กล่าวว่า “เรายังมีงานที่ต้องทำอีกมาก แต่ตอนนี้มีแนวโน้มที่ใกล้ความจริงมากยิ่งขึ้น การนำพืชที่มีการเพาะปลูกอย่างยาวนานมาประยุกต์ใช้ในการศึกษาด้านวิศวกรรมเนื้อเยื่อช่วยให้เราสามารถแก้ปัญหาเรื่องข้อจำกัดของการศึกษาได้” นักวิทยาศาตร์เชื่อว่า ในวันข้างหน้าเทคนิคนี้จะสามารถนำไปช่วยการสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงได้หรือฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหายจากหัวใจวายได้     เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ…

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2560 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยภาพที่น่าตกใจของฟาร์มโคนมแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ ณ Grange Dairy ใน Winfrith Newburgh ใกล้กับ Dorchester, Dorset สำหรับภาพดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่อันแสนแออัดของ “ลูกวัว” ในฟาร์มกว่า 1,000 ตัว ที่ถูกขังเดี่ยวอยู่ในโรงเรือนขนาดเล็ก ซึ่งลูกวัวเหล่านี้ถูกเลี้ยงไว้เพื่อรีดนมให้กับซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำหลายแห่งของอังกฤษ รวมถึงแบรนด์ดังอย่าง Marks & Spencer     และถึงแม้ว่าในประเทศอังกฤษจะมีกฎหมายคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ ที่ระบุเอาไว้ว่า ลูกวัวควรได้รับการเลี้ยงดูในโรงเรือนตอนอายุไม่เกิน 8 สัปดาห์ แต่ทว่าในทางกลับกัน ลูกวัวหลายตัวในฟาร์มแห่งนี้กลับมีอายุเกิน 6 เดือน และมีขนาดตัวที่ใหญ่เกินกว่าที่อยู่ของพวกมัน ดังนั้น ฟาร์มโคนมแห่งนี้จึงถูกคาดว่าอาจกระทำการผิดกฎหมาย     สำหรับฟาร์มโคนมดังกล่าวเป็นของบริษัท JF Cobb & Sons ซึ่งดำเนินการโดยครอบครัว Cobb มาตั้งแต่ปี 2471 อีกทั้งฟาร์มแห่งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มฟาร์มที่ส่งออกนมกว่า 240,000 ไพนต์…

เด็กชายได้บอกกับตำรวจว่า “ผมตื่นขึ้นมาก็เจอพ่อแม่นอนอยู่บนพื้น แถมไม่ขยับเขยื้อนเลย”   เหตการณ์นี้เป็นเรื่องของ Brian Halye วัย 36 ปี ซึ่งทำอาชีพเป็นนักบินให้กับสายการบินหนึ่ง และภรรยาของเขา Courtney วัย 34 ปี ทั้งคู่ถูกพบนอนเป็นศพอยู่บนพื้นในบ้านของพวกเขาเองที่เมืองเซนเตอร์วิลล์ รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามรายงานบอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา สาเหตุการตายของพวกเขาทั้งคู่ถูกคาดว่าน่าจะมาจากการเสพยาเกินขนาด ส่วนพยานที่พบศพก็คือลูกๆ ทั้ง 4 คนของพวกเขา     ลูกของพวกเขาทั้งหมดยังอยู่ในวัย 9-13 ปี โดยพวกเขาให้ปากคำว่าปกติแล้วพ่อแม่จะต้องมาปลุกพวกเขาให้ไปโรงเรียน แต่วันนั้นกลับแปลกไป ทั้งหมดจึงไปตรวจสอบดูที่ห้องพ่อแม่แล้วก็พบเหตุการณ์ดังกล่าว ลูกชายคนโตวัย 13 ปีได้ให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจว่า “ผมตื่นขึ้นมาผมก็เจอพวกเขานอนอยู่บนพื้นแถมยังไม่ขยับน้องสาวของผมบอกกับผมว่าพวกเขาตัวเย็นเฉียบ เรียกยังไงก็ไม่ตื่นแถมไม่หายใจด้วย”     เด็กชายยังบอกอีกว่าร่างพ่อของเขามีแต่เส้นสีดำๆ เต็มใบหน้าไปหมด ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกเขายังปกติดีอยู่แท้ๆ ในวันถัดมาเด็กๆ ก็ได้กลับไปโรงเรียนอีกครั้ง ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้ทราบถึงการสูญเสียของพวกเขา และออกมากล่าวถึงเรื่องนี้เช่นกัน “ทาง Spring Valley Academy พึ่งทราบข่าวการสูญเสียของเด็กนักเรียนของเรา แน่นอนว่าพวกเรายังต้องมองหาทางออกพร้อมให้การช่วยเหลือกับเด็กๆ…

หากเราใครรักสักคน เราก็คงอยากอยู่กับเขาไปจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต และหากใครคนใดคนหนึ่งต้องจากไปก่อน ก็คงไม่อยากทิ้งให้อีกคนต้องเหงาอยู่เพียงลำพัง เหมือนกับสองตายายคู่นี้ที่ร่วมใช้ชีวิตคู่กันมานานกว่า 71 ปี แต่แล้วคุณตาก็จากไปก่อนในวัย 93 ปี แต่แล้วอีก 4 นาทีต่อมา คุณยายก็เสียชีวิตตามไปด้วย ราวกับนัดแนะกันไว้ คุณตา Wilf Russell ถูกส่งตัวไปอยู่ในบ้านพักคนชราเมื่อปีที่แล้ว หลังหมอได้วินิจฉัยว่าเขาเป็นโรคสมองเสื่อม ในระหว่างนี้ Vera ผู้เป็นภรรยาก็หมั่นไปเยี่ยมเขาบ่อยๆ     แต่ยิ่งเวลาผ่านไป คุณยายก็มีอาการทรุดลงเรื่อยๆ สาเหตุเป็นเพราะความเศร้า เมื่อเธอไปเยี่ยมเขาในบ้านพักคนชรา ซึ่งฝ่ายสามีเริ่มจำเธอไม่ได้แล้ว Stephanie Welch ผู้เป็นหลานสาวของทั้งคู่ก็บอกว่า “ฉันคิดว่าคุณยายกำลังรอคุณตาอยู่ค่ะ เธอรอให้เขาจำเธอได้ แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่คุณตาจะจำได้ ยายก็เลยเสียใจมาก” เธอยังเล่าอีกว่า “ฉันไปเยี่ยมยายที่ Leicester Royal Infirmary เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เธอถามฉันว่า ‘Wilf อยู่ไหน’ และ ‘เราเป็นคู่รักกันใช่มั้ย’ นั่นคือคำพูดสุดท้ายของยายค่ะ” หลังจากนั้นคุณยาย Vera ก็เสียชีวิตในเวลา 6.54 น. โดยไม่รู้เลยว่าสามีของเธอก็ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้าเธอเพียง 4…

การเลี้ยงสัตว์นับเป็นเรื่องปกติสำหรับคนรักสัตว์ แต่แม้จะรักมากแค่ไหน เราก็คงจะเลี้ยงตามความสามารถ เพื่อจะได้ดูแลพวกมันอย่างทั่วถึงและเพื่อให้พวกมันอยู่อย่างสบาย แต่สำหรับ Lee Asher เป็นชายหนุ่มที่รักสัตว์มาตั้งแต่วัยเด็กแล้ว และเขาพ่ายแพ้ให้ความน่ารักของสัตว์เสมอ จนทำให้ปัจจุบันเขามีสัตว์เลี้ยงถึง 9 ตัวด้วยกัน (ข่าวเก่า)     ปัจจุบัน Lee Asher เลี้ยงหมา 7 ตัว และแมว 2 ตัวแล้ว สำหรับคนทั่วไปแล้วคงคิดว่านี่มันมากเกินไปสำหรับการเลี้ยงคนเดียว แต่สำหรับชายหนุ่มผู้รักสัตว์คนนี้กลับรู้สึกว่ายังเป็นจำนวนน้อยอยู่ ดังนั้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เขาจึงตัดสินไปยังศูนย์พักพิงสัตว์ท้องถิ่น และได้พบกับหมาพิทบูลวัย 2 ขวบ ตัวหนึ่ง ชายหนุ่มรู้สึกตกหลุมรักมันทันที หมาพิทบูลตัวนี้อยู่ในศูนย์พักพิงมา 3 เดือนแล้ว แต่ดูจากสีหน้าของมันแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่ชอบที่นี่ และกำลังรอคอยใครสักคนที่รับมันไปเลี้ยง     แต่ Asher ก็ไม่ได้ตัดสินใจพามันกลับในทันทีนะ วันนั้นเขาจึงเล่นกับมันไปก่อน จากนั้นก็กลับไปนอนคิดอีกทีว่าจะรับมันมาอยู่ด้วยดีมั้ยนะ และแล้วในวันถัดมา ชายหนุ่มก็กลับไปยังศูนย์พักพิงอีกครั้ง เพื่อพาพิทบูลผู้อ่อนโยนตัวนี้กลับบ้านด้วย และดูเหมือนมันก็รอคอยเวลานี้มานานแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เท่ากับว่า Asher มีสัตว์เลี้ยงครบ 10 ตัวแล้ว แต่ตอนนี้มันยังไม่มีชื่อนะ เพราะดูเหมือนมันกำลังตื่นเต้นกับครอบครัวใหม่อยู่…

ในการสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวนั้น หลายๆ ครอบครัวคงไม่อยากให้สูงมากหรือใหญ่โตมาก เพราะมันอาจจะทำให้ลำบากในการขึ้นลงหรือดูแลบ้านได้ไม่ทั่วถึง แต่สำหรับบ้านเดี่ยวหลังนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านที่สูงที่สุดในโลก โดยคุณจะได้ทั้งความสูง ความอลังการ และความสะดวกสบายครบครันในราคา 51 ล้านบาท     บ้าน Falcon Nest มีเนื้อที่ 575 ตารางเมตร อยู่ใกล้กับ Thumb Butte in Prescott ในรัฐแอริโซนา เป็นอาคาร 10 ชั้น สูง 37 เมตร บ้านหลังนี้ออกแบบโดยสถาปนิก Sukumar Pal ในปี 1994 ภายในนั้นประกอบด้วย 3 ห้องนอน 4 น้องน้ำ เพดานกระจก ที่ทำให้ได้เห็นวิวอันงดงามของ San Francisco Peaks, Thumb Butte, Humphrey’s Peak และ Bill Williams Mountain     ส่วนใครที่คิดว่าบ้านสูงแบบนี้คงจะขึ้นลงลำบากน่าดู… อย่าห่วงเลย เพราะบ้านหลังนี้ได้ติดตั้งลิฟท์ไฮดรอลิค…

เวลาดูการ์ตูนหรือดูหนังที่มีปราสาทอยู่ หลายคงใฝ่ฝันอยากมีปราสาทเป็นของตัวเองใช่มั้ยเอ่ย แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าหากปราสาทที่ยิ่งสวยงามมากเท่าไร มันก็ยิ่งมีมูลค่าสูงมาก เอาแค่บ้านหลังน้อยก็แทบจะไม่มีตังค์ซื้ออยู่แล้ว แต่บางทีฝันนั้นอาจจะใกล้เข้ามาอีกนิดก็ได้ เพราะที่สหราชอาณาจักรยังคงมีปราสาทเล็กๆ หลังหนึ่งขายในราคา 23 ล้านบาทเท่านั้น ราคาหลักสิบล้านขนาดนี้ก็ว่าแพงแหละ แต่ยังไงซะมันก็คือปราสาทที่ยังพอจะมีโอกาสจับต้องได้ (ถ้าเงินเหลือเฟือน่ะนะ)     ปราสาทหลังนี้เป็นอาคารที่มีห้องนอนเพียงห้องเดียว ซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยเป็นบ้านพักใน Weston Park มาก่อน แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Molly’s Lodge แล้ว Molly’s Lodge ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้มากมายในพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ อยู่ใกล้กับหมู่บ้าน Long Compton ใน Warwickshire     ปราสาทเล็กนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1830 โดย Edward Blore สถาปนิกชาวอังกฤษผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นผู้ที่มีผลงานที่โดดเด่นมากมายในยุคสมัยนั้น ปราสาทถูกออกแบบมาสวยงามลงตัว มีการติดตั้งมุ้งลวดที่หน้าต่าง มีป้อมปราการหินปูนที่มีความโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด     ภายในจะมีห้องนอนเพียงห้องเดียว มีห้องรับประทานอาหาร มีหน้าต่างสไตล์โบราณ มีเตาผิงเหล็กหล่อมาอย่างดีและตกแต่งด้วยสไตล์วิคตอเรีย นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ที่น่าสนใจที่สุดคือ มีบันไดสำหรับขึ้นไปยังหอคอย ซึ่งจะมีห้องนอนเล็กภายในหอคอยด้วย…

ใกล้จะถึงช่วงหยุดยาวสงกรานต์แล้ว มีใครวางแผนเที่ยวที่ไหนกันไว้บ้างไหมเอ่ย!? ถ้าหากว่าใครยังคิดไม่ออกหรือไม่รู้จะไปไหนดี #เหมียวเวจจี้ ขอแนะนำที่เที่ยวอีกที่หนึ่งในประเทศญี่ปุ่นที่มีความสวยงามมากๆ ไว้เป็นอีกตัวเลือกเผื่อใครจะสนใจ สถานที่ที่เรากำลังพูดถึงนี้คือสะพาน Tsunoshima Ōhashi ตั้งอยู่ในเมือง Shimonoseki จังหวัด Yamaguchi ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฮอนชู      สำหรับสะพาน Tsunoshima Ōhashi เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น จากเหตุการณ์ Battle of Dannoura ซึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อสู้ระหว่างสองตระกูลที่ยิ่งใหญ่ นั่นก็คือตระกูล Genji กับ Heishi เมื่อปีค.ศ. 1185 สะพาน Tsunoshima Ōhashi ถ้าหากแปลตามตัวของมันเลยก็คือ “สะพานยักษ์ของ Tsunoshima “ ซึ่งสะพานนี้ก็ถูกขนานนามว่าเป็นสะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นด้วยนะ  ความสวยงามของสะพานและวิวเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเยื่อนที่นี่มากมายในแต่ละปี   สะพานนี้ตัดผ่านทะเล ดูสวยงามมากจริงๆ   สะพานแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปี 2000 มีความยาวทั้งสิ้น 1,780 เมตร เพื่อใช้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเมือง Shimonoseki กับเกาะ Tsunoshima และที่สำคัญก็คือไม่มีการเก็บค่าผ่านทางใดๆ ทั้งสิ้น ช่วงเวลาที่เหมาะที่จะมาเที่ยวชมความสวยงามของสะพานนี้มากที่สุดก็คือช่วงหน้าร้อน ซึ่งการที่จะเที่ยวแบบให้ได้ฟีลมากที่สุดนั้น ก็คงจะเป็นการขับรถกินลมชมวิวล่ะ   ตรงนี้คือจุดชมวิวของสะพานแห่งนี้   นี่คือความสวยงามของสะพาน ที่มองจากบริเวณริมชายฝั่ง   นี่คือภาพที่ถ่ายมาจากจุดชมวิว สวยงามมากเลยใช่ไหม   น้ำทะเลสีฟ้าคราม…

เรียกได้ว่ากำลังเป็นเทรนด์ที่เริ่มได้รับความนิยมสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มหญิงสาวชาวญี่ปุ่น จะว่าไปแล้วมันก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะความรักครั้งนี้พวกเธอไม่ต้องเสียตัว ไม่ต้องเสียใจ แถมยังไม่ต้องผูกมัดอีกด้วย Midnight Cinderella และ 100 Days Princess จากค่าย Cybird คือแอพฯ เกมบนสมาร์ทโฟน ที่ชวนให้สาวๆ ผู้เล่นได้จินตนาการเหมือนว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง และกำลังอยู่ในช่วงออกเดทแบบมุ้งมิ้งน่ารักกับเจ้าชายสุดหล่อแบบภาพ 2D   ตัวอย่างภาพเจ้าชายจากเกม   ซึ่งตัวเกมเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มหญิงสาวได้ดีสุดๆ Ayaka หนึ่งในสาวที่คลั่งไคล้เจ้าชายในเกมสุดๆ ให้สัมภาษณ์ว่า ‘ตอนที่เล่นเกมฉันรู้สึกตกหลุมรักเขาจริงๆ ค่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือความรู้สึกอะไร บางทีนี่อาจจะเป็นความรักก็ได้มั้ง โอ้วพระเจ้า…ฉันเขินมากเลย’    Ayaka   เธอไม่ค่อยชอบเท่าไหร่… แค่มีสมุดสะสมภาพเจ้าชายเท่านั้นเอ๊งง   เกมประเภที้จะถูกเรียกว่า ‘Otome’ ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ที่ทำให้ได้รับความนิยมสูงก็เพราะ สาวๆ จะได้สวมบทบาทราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงจริงๆ และมีสิทธิที่จะเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ (จีบ) กับเจ้าชายคนไหนก็ได้ ที่สำคัญพวกเธอสามารถเลือกเดทกับเจ้าชายได้ทีละหลายคน และสามารถเลือกได้ว่าตัวเองอยากจะใช้เวลาอยู่กับเจ้าชายคนไหนก็ได้ตามใจชอบ (ประมาณว่าสาวๆ ได้กลายเป็นผู้เลือก)   ภาพตัวอย่างตัวละครเจ้าชาย ที่มีสาวๆ เป็นแฟนคลับกันให้เพียบ   ดูภาพโฆษณาเจ้าชายสิ…