เผยภาพถ่ายชนเผ่าผู้ห่างไกล ปฏิเสธโลกภายนอกสิ้นเชิง พร้อมจะปลิดชีพได้ทุกเมื่อ!!

ในยุคที่โลกของเราเต็มไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยแบบนี้ แทบไม่น่าเชื่อว่าจะยังหลงเหลืออารยธรรมของชนเผ่าหนึ่ง ผู้ซึ่งปฏิเสธความศิวิไลซ์จากโลกภายนอก

Sentinelese คือชนเผ่าดั้งเดิมที่อาศัยอยู่กับธรรมชาติอย่างสันโดษ บนหมู่เกาะ North Sentinel คาบมหาสมุทรอินเดีย และไม่ว่าใครก็ตามที่พยายามจะเข้าไปสำรวจเกาะแห่งนี้ มักจะถูกพวกเขาโจมตีขับไล่ออกมาตลอด!

 

ภาพฟุตเทจจากทีมที่พยายามเข้าไปสำรวจ แต่ไม่สำเร็จ

 

อ้างอิงข้อมูลจาก LoveBiteProduction คาดว่าชนเผ่าดังกล่าว อาจเป็นมนุษย์ที่สืบเชื้อสายโดยตรงจากชนเผ่าดั้งเดิมในแอฟริกา ซึ่งพวกเขาอยู่อาศัยบนเกาะนี้มาแล้วกว่า 60,000 ปี

พื้นที่ทั้งหมดของเกาะมีขนาดเท่ากับเกาะแมนฮัตตัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีทีมสำรวจใด จะสามารถบอกจำนวนประชากรจากชนเผ่านี้ได้อย่างแน่ชัด ซึ่งปัจจุบันคาดว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ 40 – 500 คน

 

‘ไม่สำคัญว่าคุณจะมาผูกมิตร หรือเป็นศัตรู เพราะพวกเขาจะต้อนรับคุณด้วยลูกธนู และหอก นับไม่ถ้วน’ ทีมสำรวจกล่าว

 

ภาพของเด็ก และผู้ใหญ่ จากฟุตเทจของทีมสำรวจ

 

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 เกิดสึนามิขึ้นเป็นวงกว้างในแถบมหาสมุทรอินเดีย รัฐบาลอินเดียได้ส่งทีมกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือชนเผ่า Sentinelese แต่พวกเขากลับถูกต้อนรับด้วยลูกธนูแทน

 

ภาพชนเผ่ากำลังยิงธนูใส่เฮลิคอปเตอร์ ที่เข้ามาช่วยเหลือจากรัฐบาลอินเดีย

 

บริเวณที่ตั้งของหมู่เกาะดังกล่าว

 

เมื่อปี 1967 รัฐบาลอินเดียเคยพยามที่จะสร้างสัมพันธไมตรีกับชนเผ่านี้ พวกเขาส่งนักมานุษยวิทยา T.N. Pandit มาเป็นตัวแทนในการเจรจาต่อรอง

‘เราได้เดินทางเข้าไปเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีกับพวกเขา วินาทีแรกที่เราเจอพวกเขาย้อนอยู่บนชายฝั่ง เราพยายามที่จะส่งเสียงอย่างเป็นมิตรเพื่อทักทาย แต่ดูเหมือนพวกเขาจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ต้อนรับ

จู่ๆ ก็เกิดบางอย่างแปลกๆ ขึ้น ผู้หญิงจับคู่กับนักรบ พวกเธอนั่งอยู่บนทรายข้างๆ พวกเขา และดูเหมือนว่าจะเป็นการให้กำลังใจบางอย่าง จากนั้นพวกเขาก็โจมตีเรา’ บันทึกจาก T.N. Pandit

 

 

ภาพถ่ายแบบใกล้ชิดที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้

 

ปัจจุบันองค์กร Survival International ได้แต่งตั้งให้ชนเผ่าดังกล่าวเป็น ‘อารยธรรมที่ควรค่าแก่การรักษามากที่สุดในโลก’

 

รวมทั้งรัฐบาลอินเดีย ก็ได้ประกาศให้พื้นที่ของเกาะ เป็นพื้นที่ห้ามไม่ให้มีการเดินทางเข้าใกล้ฝั่งในระยะ 3 กิโลฯ

 

ยิ่งลึกลับ ยิ่งดูน่าค้นหา อยากรู้จักพวกเขาให้มากกว่านี้จังเลย…

ที่มา: Dailymail

Comments

Leave a Reply