Category: ข่าวคราวรอบโลก

เรื่องราวของหนุ่มน้อยที่และเจ้าเหมียวเพื่อนรัก ที่เขาช่วยเหลือมันมาจากข้างถนน และเมื่อเขาป่วยเจ้าเหมียวก็ตอบแทนด้วยการอยู่ข้างๆ คอยเป็นกำลังใจให้แทบจะตลอดเวลา   นี่คือเจ้าเหมียว Ginja Ninja และเหนุ่มน้อย Paeton   เจ้าเหมียวสีส้มตัวนี้ถูกพบในระหว่างทางกลับบ้านของเจ้าหนุ่มน้อย Paeton มันเดินเข้ามาเพื่อขออาหาร “มันถูกทิ้งให้อยู่ข้างถนน รูปร่างของมันในตอนนั้นทั้งผอมโซ และสกปรก มันก็ผ่านมาแล้วเกือบ 4 ปี ที่ลูกชายของฉันพามันมาอยู่ที่บ้านนี้ และเขาก็รบเร้าให้พวกเรารับเลี้ยงมัน” คุณ Mel Morrow แม่ของหนุ่มน้อย Paeton เล่า   “ดูสิฮะแม่ มันสกปรก แล้วก็หิวมากๆ เลยด้วย เราต้องช่วยเหลือมัน แล้วก็ดูแลมันด้วยนะ” หนุ่มน้อย Paeton บอกกับแม่ ซึ่งตอนนั้นที่บ้าานของเขาก็เลี้ยงเจ้าเหมียวไว้หลายตัวอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจที่จะดูแลมันจนกว่าจะหาบ้านให้กับมัน แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนแผนเลี้ยงไว้ซะเอง ฮร่า “พวกเราพามันไปที่โรงพยาบาลสัตว์ในเช้าวันต่อมา และคุณหมอบอกว่ามันไม่มีไมโครชิปอยู่ (แสดงว่าไม่มีเจ้าของ) พวกเขาก็เลยแนะนำให้พามันไปไว้ที่สถานสงเคราะห์สัตว์ แต่พวกเราเลือกที่จะพามันกลับมาที่บ้าน และแนะนำให้มันรู้จักกับเจ้าเหมียวตัวอื่นๆ” คุณแม่กล่าว   แต่เรื่องราวยังไม่ได้จบลงแค่นั้น…   หลังจากนั้นพวกเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เจ้าเหมียว Ginja…

พูดถึง Pokemon ที่กำลังมาแรงในปัจจุบันนี้ หลายคนอาจจะมีตัวโปรดที่ถูกใจแตกต่างกันออกไป ทั้งปิกาจู เซนิกาเมะ ลิซาด้อน หรือกระทั่งเนียส ก็ตาม… แน่นอนว่า คาบิกอน ก็เป็นอีกตัวที่มีแฟนๆ ชอบกันเยอะมาก และเมื่อมีการผลิตออกมาเป็นตุ๊กตายักษ์ งานนี้แฟนคลับคาบิกอนคงไม่พลาดที่ซื้อมาสินะ   แต่ ชาวเน็ตญี่ปุ่นกำลังแห่แชร์ภาพกันเพราะว่า ซื้อเจ้าคาบิกอนมา แต่มันดันไม่มีที่เก็บซะนี่ ฮร่าาาา อย่างที่รู้กันดีว่า เจ้าคาบิกอนในการ์ตูนเนี่ย ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน ก็ชอบขวางทางคนอื่นเขาไปทั่ว เพราะขนาดตัวของมันนั้นใหญ่เหลือเกิน และเมื่อนำคาบิกอนมาทำเป็นตุ๊กตาให้เท่ากับขนาดจริงมากที่สุดคือ กว้าง 130 เซนติเมตร สูง 150 เซนติเมตร ในราคาตัวละ ประมาณ 17,000 บาท เรายังสนใจที่จะซื้อหรือเปล่า เพราะดูจากผู้มีประสบการณ์ชาวญี่ปุ่น ที่ได้โพสต์เรื่องราวตุ๊กตาคาบิกอนมาไว้ในบ้าน ดูเหมือนจะเป็นปัญหามากกว่าความรู้สึกยินดีซะอีก   ดูจากภาพโฆษณาแล้ว มันต้องดีมากแน่ๆ ถ้าได้มาครอบครองซักตัว   แต่พอซื้อมาแล้ว จะเอาเข้าบ้านยังยากเลย .   ประตูนี้คงเล็กไปสำหรับเจ้าตุ๊กตาคาบิกอนนี่สินะ   เข้าบ้านแล้ว ก็ไม่รู้จะเอาไปไว้ตรงไหนอีก มาเป็นตุ๊กตาแล้ว ก็ยังขวางทางเดินเหมือนในการ์ตูนเลยนะ กะว่าจะนอนกอดซะหน่อย…

ความเป็นแม่นั้น คงมีอยู่ในตัวผู้หญิงทุกคน และมันจะยิ่งชัดมากขึ้นเมื่อมีลูก และได้ทำให้เราได้เห็นความรักของแม่ในมุมต่างๆ มากขึ้นด้วย   และแน่นอนว่าชีวิตปัจจุบัน บางครั้งการเลี้ยงลูก กับการทำงาน มันย่อมแยกจากกันไม่ได้ หลายบริษัทมีนโยบายให้พนักงานลางานเลี้ยงลูกเล็กได้ โดยเฉพาะแถบยุโรปที่ขึ้นชื่อเรื่องสวัสดิการเหล่านี้เป็นพิเศษ แต่บางครั้ง งานซึ่งมันสำคัญและหาคนอื่นมาทำแทนไม่ได้ หรือจำเป็นต้องทำจริงๆ แถมยังต้องเลี้ยงลูกไปด้วย เลยเกิดเป็นข่าวเรียกรอยยิ้มอย่างการประชุมสภายุโรปในครั้งนี้…   คุณแม่คนนี้คือ Licia Ronzulli เป็นสมาชิกรัฐสภายุโรปจากประเทศอิตาลี โดยเธอได้พา Victoria ลูกสาววัย 7 สัปดาห์ไปด้วยระหว่างเข้าประชุมที่สภายุโรปในสัปดาห์นี้ หลายคนกังวลว่าเด็กจะมารบกวนการประชุมหรือไม่ แต่ก็ไม่เลย แม้เธอจะเอาลูกมาทำงานด้วย แต่เด็กน้อยก็เหมือนจะเป็นใจ นอนสงบนิ่งจนกระทั่งการประชุมผ่านพ้นไป (ท่าจะอิ่มล่ะซิ อิอิ) ในขณะที่แม่เองก็คอยดูแลลูกอย่างดี บางครั้งเธอก็ก้มจูบที่หน้าผากของลูก ช่างเป็นภาพที่อบอุ่นเหลือเกิน..   รูปภาพของเธอได้รับการตีพิมพ์ และเผยแพร่ไปทั่วโลกแล้ว และสร้างความประทับใจให้ผู้คนจำนวนมาก . . . . .   นี่สินะ ความรักของแม่ แม้ต้องทำงาน แต่ก็ไม่อยากอยู่ห่างจากลูก ^^ ที่มา amusingplanet

ใครที่เคยทำตัวจบมาแล้ว คงเข้าใจดีว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางคนแก้แล้วก็แก้อีกก็ไม่ผ่านสักที ในขณะที่บางคนต้องลงพื้น ต้องทำตัวให้กลมกลืนกับหัวข้อตัวจบมากที่สุด เพื่อให้งานออกมาสมบุรณ์แบบนั่นเอง เช่นเดียวกับ Dylan Miller นักศึกปีสุดท้ายจากวิทยาลัย Juniata ถึงขั้นลงทุน เข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในป่าเป็นเวลาเกือบปี เพื่อทำความเข้าใจกับตัวเองให้มากที่สุด Miller ทำตัวจบในหัวข้อ “การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Henry David Thoreau และ Ralph Waldo Emerson ซึ่งเป็นคนที่แสวงหาอิสรภาพทั้งกายและใจ     ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปใช้ชีวิตในป่าแห่งนี้ Miller ก็ได้ไปขออนุญาตจากทางวิทยาลัย และพวกเขาก็เห็นด้วย เพราะเป็นวิธีการที่จะทำให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงตัวจบของตัวเองมากขึ้น และอาจเป็นการทำให้ตัวจบนั้นเป็นไปได้ง่ายขึ้นด้วย เมื่อได้ย้ายมาอยู่ในป่า เขาได้สร้างกระท่อมเล็กๆ ไว้หลังหนึ่ง ซึ่งไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา และแน่นอนไม่มีอินเตอร์ด้วย กลางคืนต้องอาศัยแสงจากตะเกียงเท่านั้น (และที่แย่ที่สุดคือ เขาต้องเผชิญหน้ากับแขกไม่ได้รับเชิญอย่าง ‘หมี’ ด้วย) Miller บอกว่า “ผมคิดว่า ปัจจุบันนี้ผู้คนให้ความสำคัญกับวัตถุนิยมมากเกินไป จนทำให้พวกเขาไม่มีความสุขที่แท้จริง แต่สิ่งที่ผมทำอยู่นี้ ก็เพื่อพิสุจน์ให้เห็นว่า ผมสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องมีสิ่งเหล่านั้น”     เขายังบอกอีกว่า “อยู่ที่นี่ ผมรู้สึกเป็นอิสระ เดินไปไหนมาไหนในป่านี้ก็ได้ ที่สำคัญผมนอนหลับอย่างสบายทุกคืนเลย”…

วัยที่คนเราจะตั้งคำถามมากที่สุดก็คงจะเป็นวัยเด็ก เพราะเวลาเห็นอะไรก็จะสงสัยไปหมด ออสติน เด็กชายวัย 4 ขวบได้ไปเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติ ที่ไม่ได้แค่เพื่อความสนุก แต่เขายังได้เรียนรู้ความสำคัญของแต่ละสถานที่ด้วย โดยการเดินทางในครั้งนี้ เรียกว่า ‘โปรแกรมลูกเสือน้อย’ ที่พ่อแม่ได้จัดขึ้นเพื่อนออสตินโดยเฉพาะ แม้จะเป็นลูกเสือแต่พ่อแม่ก็คอยดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างดี สถานที่แรกที่เขาไปคือ อุทยานแห่งชาติ Big Bend ที่นี่เขาได้เห็นพืช สัตว์ และก้อนหินขนาดใหญ่ ที่สร้างความประหลาดใจให้ออสตินเป็นอย่างมาก     ออสตินไม่ต่างจากเด็กทั่วไป คือ เมื่อไปที่ไหน เขามักจะเกิดคำถามอยู่เสมอ ดังนั้นทั้งเจ้าหน้าที่และพ่อแม่ก็จะคอยตอบทุกคำถามที่เขาสงสัย จนแน่ใจว่าเขาเข้าใจแต่ละสถานที่เป็นอย่างดีแล้ว จึงให้ออสตินกล่าวคำปฏิญาณต่อสถานที่นั้นๆ แม้ว่าคำกล่าวจะต่างกัน แต่ส่วนใหญ่ก็เน้นการอนุรักษ์เป็นหลักเหมือนกัน ออสตินได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ที่มีข้อมูลของแต่ละสถานที่อยู่ โดยภายในหนังสือเล่มนี้ เต็มไปด้วยสิ่งที่เขาสงสัย มีรูปภาพและกิจกรรมสนุกๆ มากมาย ภายในเวลา 6 เดือน พวกเขาได้ไปเที่ยวอุทยานต่างกว่า 13 ที่ แต่ละที่นั้นทำให้พ่อแม่ได้ใช้เวลากับลูกเสือออสตินมากขึ้น และได้เห็นการเรียนรู้ของออสตินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขตลอดเวลา     ออสตินในคำปฏิญานในฐานะลูกเสือที่อุทยานแห่งชาติ Olympic   เขาไปเล่นปาก้อนหินที่อุทยานแห่งชาติ Big Bend   พวกเขาบอกว่า ใช้เดินทางเป็นเวลา 6 เดือน และได้ถ่ายรูปสถานที่ต่างๆ จนรู้สึกเหมือนกลายเป็นช่างภาพมืออาชีพไปเลย…

โลกเรายังมีสถานที่แปลกๆ เจ๋งๆ อีกมากมายที่เราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน จนบางทีเราก็แอบคิดว่า มันมีของแบบนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอเนี่ย #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมทะเลสาบน้ำแข็งแห่งหนึ่ง ที่เพื่อนๆ เห็นแล้วต้องอึ้งเพราะมันใสกิ๊ง จนนึกว่เดินบนผิวน้ำจริงๆ เลยล่ะ อยากรู้แล้วสิว่าที่ไหน!?     ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขา High Tatras ของประเทศสโลวาเกีย ตั้งอยู่บริเวณชายแดนของสโลวาเกียและโปแลนด์ โดยมียอดเขาที่สูงที่สุดคือยอดเขา Gerlachovský štít ที่มีความสูง 2,655 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล (ดอยอินทนนท์ของเราสูง 2,565 เมตร) และผู้ที่บันทึกภาพสุดเจ๋งออกมาให้เราชมคือนักปีกเขาชาวสโลวัก Tomas Nunuk วัย 38 ปี นั่นเอง     ในวีดีโอเราจะได้เห็นเขาสาธิตการเดินบททะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งน้ำแข็งเหล่านั้นใสมากเสียจนรู้สึกเหมือนได้เดินบนผืนน้ำจริงๆ เลยทีเดียว   ปกติแล้วเ #เหมียวอ๊อดโด้ ไม่ค่อยตื่นเต้นกับคลิปพวกนี้เท่าไหร่ แต่คลิปนี้เป็นข้อยกเว้นจริงๆ เห็นแล้วถึงกับอุทานว่า “เฮ้ย โครตเจ๋ง” ออกมาเลย ไม่เชื่อลองไปชมกัน (ปรับความละเอียดเป็น 720p 60fps เป็นอย่างน้อยด้วยนะ) รับรองว่าฟินแน่นอน .…

ใครเคยไปดูนิทรรศการงานศิลปะ คงเข้าใจดีว่า ส่วนใหญ่นั้นไม่ให้พาสัตว์เลี้ยงเข้าไปด้วย เพราะเกรงว่าพวกมันอาจจะไปทำให้ผลงานได้รับความเสียหายได้ หรืออาจจะคิดว่า พวกมันไม่เข้าใจงานศิลปะก็ได้ แต่จริงๆ แล้วพวกมันก็อยากมีอารมณ์สุทรีย์เหมือนมนุษย์เรานะ ดังนั้น Dominic Wilcox จึงได้จัดนิทรรศการเพื่อสัตว์เลี้ยงขึ้นครั้งแรกที่ลอนดอนในสัปดาห์ที่แล้ว โดยใช้ชื่อว่า ‘Play More’ ซึ่งจัดเพียง 2 วันเท่านั้น งานนี้จัดขึ้นเพื่อให้เจ้าของมีเวลากับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น และเพื่อเป็นการช่วยให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น โดยภายในงานนอกจากภาพศิลปะแล้ว ยังมีที่ให้สุนัขได้เล่นอย่างอิสระด้วย     ดูไปน้ำลายไหลไปสิท่า   ให้มาดูงาน แต่เจ้าสองตัวนี้ เน้นมาเล่นมากกว่า   นี่มันอะไรนะ โดดใส่ซะเลย   สนุกมากมั้ยละนั่น   นี่ก็อยากรู้อยากเห็นจัง   เล่นจนหิวน้ำ จะกินยังไงละนี่   จำลองบรรยากาศการนั่งรถเล่นให้น้องหมา   เหมือนมั้ยละ อิอิ   Dominic Wilcox เจ้าของนิทรรศการครั้งนี้   ปิดท้ายด้วยคลิป ไปชมบรรยากาศภายในงานซะหน่อยดีกว่า   ดูแล้วคงจะไม่อยากมาชมงานเท่าไร แต่อยากจะมาเล่นกันซะมากกว่านะเจ้าพวกนี้!!! ที่มา boredpanda, dominicwilcox, morethan, designtaxi

ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์เรานั้นไม่มีจุดสิ้นสุด ขอเพียงมีจินตนาการและความพยายามที่มากพอ ไม่ว่าใครก็สามารถทำสิ่งธรรมดาๆ ให้กลายเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ได้ อย่างเช่นศิลปินหนุ่มคนนี้ ที่เปลี่ยนตัวต่อเลโก้ธรรมดาๆ ให้กลายเป็นศิลปะเงาระดับเทพ เขามีชื่อว่า John V. Muntean เป็นนักวิจัยทางด้านเคมีและกำลังค้นคว้าเกี่ยวกับสเปคตรัมในห้องทดลองแห่งหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังสามารถหาเวลามาสร้างตัดต่อเลโก้สุดเจ๋งได้     โดยตัวต่อเลโก้ของเขาเมื่อถูกส่องไฟจะมุมต่างๆ ก็จะปรากฏเงาแตกต่างกันไปตั้งแต่ ผีเสื้อ เครื่องบิน หรือแม้กระทั่งมังกร!!     เขาบอกว่าในฐานะที่เขาเป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และศิลปิน เขาอยากจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า “การรับรู้” (Perception) ของมนุษย์ จะส่งผลอย่างไรต่อการมองสิ่งต่างๆ เหมือนที่เขาทำให้เห็นว่า แม้แต่เลโก้อันเดียว สามารถทำให้เห็นเป็นอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับมุมมอง     ลองไปชมผลงานของเขากันดูดีกว่า อย่างคลิปนี้เขาได้ต่อเลโก้ให้มีเงาเป็น มังกร ผีเสื้อ และเครื่องบินเจ็ท   แบบเรือโจรสลัด อัศวินขี่ม้า แล้วก็นางเงือกก็มี   หรือเป็นภาพการแข่งไตรกีฬาก็มีนะ   เจ๋งมั้ยละ ใครชื่นชอบงานชิ้นนี้ ก็ลองเข้าไปดูในชาแนลของเขาในเว็บไซต์ยูทูปด้านล่างได้เลยนะฮะ มีงานเจ๋งๆ ให้ดูอีกเพียบแน่นอน ที่มา jvmuntean

สำหรับคนเป็นแม่แล้ว การได้เห็นบุตรหลายของตนเองเศร้าเสียใจคงเป็นเรื่องที่พวกเธอไม่อยากเห็นเป็นที่สุด จนบางครั้งพวกเธอยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกของพวกเธอมีความสุข อย่างเช่นเรื่องราวคุณแม่คนนี้ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ แดน และ เคีย คุยเปอร์ สองสามีภรรยาสูญเสียบุตรไปเพราะการแท้งระหว่างการตั้งครรภ์มาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ จนครั้งสุดท้าย พวกเขาสามารถตั้งครรภ์มาได้ถึง 6 เดือน แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เพราะเคียต้องคลอดลูกก่อนกำหนด และเด็กคนนั้นก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา..     ณ ตอนนั้นพวกเขาแทบพังทลายลงไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ยิ่งไปกว่านั้น หมอได้ห้ามพวกเขาในความพยายามมีลูกอีก เพราะเนื่องจากมีการตรวจพบอาการลิ่มเลือดในสายสะดือจากการตั้งครรภ์ครั้งก่อน ซึ่งอาจนำไปสู่อันตรายถึงชีวิตได้ แปลว่าพวกเขาไม่สามารถมีลูกได้เองอีกต่อไป   ท่ามกลางภาวะสับสนและความเสียใจ คุณแม่ก็ก้าวเข้ามา… เมื่อ มิเชล เฮิร์นแดน คุณแม่วัย 47 ปี ได้รับรู้ถึงปัญหาและเห็น แดน ลูกชายของเธอเสียใจแบบนั้น เธอก็เลยอาสามาเป็นแม่อุ้มบุญ เพื่อเติมเต็มความฝันของคนทั้งสอง โดยพวกเขาได้ใช้วิธีผสมเทียมจากภายนอก แล้วนำเซลไปฝากในมดลูกของมิเชล ก่อนหน้านี้เธอมีลูกมาแล้ว 9 คนด้วยกัน รวมถึงแดนก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้ว่าเธอจะไม่อยากมีลูกเพิ่มอีก แต่เมื่อลูกชายอยากจะมีลูกมากๆ เธอก็เลยขอช่วยเหลือ “สำหรับคนที่มีลูกมาแล้วเก้าคน ฉันนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าความรู้สึกของหญิงสาวที่มีลูกไม่ได้เป็นยังไง และถ้าเป็นฉันเอง ฉันคงไม่มีลูกเพิ่มแล้ว แต่นี่เพื่อลูกชายของฉัน…

พูดถึงทะเล แน่นอนว่ามันต้องมีความเค็ม แต่รู้มั้ยทะเลแต่ละที่มีความเค็มต่างกันนะ โดยทะเลที่ขึ้นชื่อว่า มีความเค็มมากที่สุดในโลกคือทะเล  Dead Sea (หรืออีกชื่อคือทะเลมรณะ) ที่มีความเค็มมากกว่าทะเลยอื่นๆ ประมาณ 4 เท่าเลยละ Sigalit Landau ศิลปินชาวอิสราเอล จึงได้ทำการทดลองภายใต้โครงการที่มีชื่อว่า Salt Bride ในปี 2014 เพื่อทดสอบความเค็มของน้ำทะเลแห่งนี้ โดยการนำชุดเจ้าสาวสีดำไปแช่ไว้ในทะเล Dead Sea โปรเจคนี้ได้รับแรงบันดาลใจละครเวทีเรื่อง Dybbuk ซึ่งเป็นผลงานของ S. Ansky เป็นเรื่องราวของ หญิงสาวชาวยิวคนหนึ่งที่ถูกครอบงำโดยวิญญาณของคนรักของเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว     ชุดที่ศิลปินได้นำมาทดลองนี้ ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงยุคปี 1920   Landau ได้นำชุดสีดำนี้ ไปแช่ในน้ำทะเลเป็นเวลา 3 เดือนในช่วงแรก แล้วค่อยๆ สังเกตความเปลี่ยนแปลงของมัน   เมื่อเวลาผ่านไป ชุดดำก็ถูกเกาะด้วยเกลือและกลายเป็นสีขาวทั้งหมด   และเมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี ทางทีมงานก็ได้ดึงชุดนี้ขึ้นมา นี่คือการนำขึ้น และสภาพชุดที่เปลี่ยนไป . .   และชุดนี้ จะได้นำไปจัดแสดงในงานนิทรรศการ  London’s Marlborough Contemporary…

เมื่อได้รับชัยชนะในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามมานั้นก็คือบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง อย่างที่เราเห็นในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่รู้หรือไม่ กลับมีนักกีฬาบางคน ที่แม้เขาจะได้เหรียญรางวัลจากการแข่งขัน แต่เขาอาจถูกจับหรือถูกฆ่าเมื่อกลับไปถึงประเทศของเขา…   เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ Feyisa Lilesa นักวิ่งมาราธอนทีมชาติเอธิโอเปีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาได้เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนโอลิมปิก ซึ่งเขาก็เข้าเส้นชัยเป็นที่สอง ทำให้สามารถคว้าเหรียญเงินไปครอบครอง แต่เรื่องราวกลับไม่ชื่นมื่น เมื่อท่าแสดงชัยชนะตอนเข้าเส้นชัย อาจทำให้เขาถูกฆ่าเมื่อกลับไปยังประเทศของเขา     โดยท่าดังกล่าวเป็นการแสดงการประท้วงต่อรัฐบาลเอธิโอเปียที่สั่งสลายการชุมนุมประท้วงของชนเผ่าโอโรโม่ ชนเผ่าที่ใหญ่ที่สุดของเอธิโอเปีย จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยคน “รัฐบาลเอธิโอเปียกำลังฆ่าชาวโอโรโม่ แย่งชิงทรัพยากรและผืนดินของพวกเราไป เราจึงทำการประท้วง และในฐานะที่ผมเป็นชาวโอโรโม่ ผมสนับสนุนพวกเขาเช่นกัน ญาติผมบางคนถูกจับขังคุก ถ้าใครพูดถึงสิทธิประชาธิปไตยก็จะถูกฆ่า ผมจึงยกมือขึ้นเพื่อสนับสนุนการประท้วงครั้งนี้” “ถ้าผมกลับประเทศไป เขาคงฆ่าหรือไม่ก็จับผมขังคุก ผมยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อจากนี้ บางทีผมอาจจะย้ายไปอยู่ประเทศอื่น” Feyisa ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขัน     ล่าสุดมีการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือ Feyisa เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสามารถระดมทุนได้ถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 340,000 บาท เพื่อช่วยให้เขาลี้ภัยไปยังสหรัฐอเมริกา รวมทั้งพาครอบครัวของเขาลี้ภัยไปยังสหรัฐด้วยเช่นกัน     ตอนนี้ชาวโอโรโม่กำลังประท้วงรัฐบาลเอธิโอเปีย โดยต้องการให้มีการปฏิรูปทางการเมือง รวมถึงมอบโอกาสที่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ และหยุดความรุนแรงที่สร้างขึ้นโดยรัฐ     เรื่องนี้เราก็คงตัดสินถูกผิดไม่ได้ แต่ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป…

กลายเป็นภาพประทับใจบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว สำหรับเด็กหญิงจีนคนหนึ่งที่แม้เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดรักษามะเร็งจนต้องเสียขาไปข้างหนึ่ง แต่เธอก็ยังมุ่งมั่นตั้งใจเรียน อ่านหนังสือทั้งๆ ที่ยังอยู่ในห้องพักฟื้น เด็กหญิงคนนี้มีชื่อว่า “เฮ่อเหวินเจี๋ย” วัย 15 ปี เธอได้เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลมะเร็งในมณฑลเสฉวน จนต้องตัดขาข้างซ้ายไป ซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลประจำอำเภอมาก่อน     แม้จะเพิ่งผ่าตัดไปได้ไม่นาน และก็ยังเจ็บแผลผ่าตัดอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังยืนกรานที่จะอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายเหมียนหยาง ในเมืองเหมียนหยาง มณฑลเสฉวน ตามปกติแล้ว หลังการผ่าตัดเช่นนี้ ผู้ป่วยต้องพักรักษาตัวภายในโรงพยาบาลอีกประมาณ 6 เดือน ซึ่งเธอไม่อยากเสียการเรียน เธอจึงให้พี่สาวซื้อหนังสือเรียนมาให้ เพื่อเธอจะได้ศึกษาด้วยตนเองในห้องพักฟื้น พอพักฟื้นเสร็จเธอจะได้กลับไปเรียนต่อได้ในทันที   .   ความขยันของเธอนั้นน่านับถือจริงๆ ยังไงก็ขอให้แผลเธอหายไวๆ จะได้กลับไปเรียนเหมือนเดิม แล้วก็สามารถสอบเข้าโรงเรียนได้ดั่งใจหวังนะฮะ . . . ที่มา China Xinhua News 

เอาล่ะสิงานนี้ ถึงว่า #จ่าสิบเหมียว เลยไม่ผอมสักที เพราะแบบนี้นี่เอง ฮ่าๆๆ เมื่อล่าสุดมีงานวิจัยเล็กๆ ตัวใหม่ออกมาชี้ว่า ‘คนอ้วน’ น่ะ มีแนวโน้มที่จะน่ารักและใจดีมากกว่าคนผอมนะเออ!!? แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้ใครๆ ก็ชอบคนผอม คนหุ่นดีประดุจนางแบบ เพราะว่าสื่อต่างๆ ที่พยายามทำให้เราเห็นว่านี่คือสิ่งที่ดี สิ่งที่สวย และสร้างค่านิยมนั้นๆ ให้กับเรา จนบางครั้งรูปลักษณ์เหล่านั้นก็ทำให้เราลืมคุณค่าทางด้านจิตใจไปเสียสิ้น…   คนอ้วนมีแนวโน้มที่จะใจดีและอารมณ์ดีมากกว่า!?   สำนักข่าว Metro ประเทศอังกฤษได้รายงานว่า นักวิจัยชาวเยอรมันได้ทำการทดสอบนี้กับอาสาสมัครกลุ่มหนึ่ง ประกอบด้วยชายอ้วนจำนวน 20 คน (เฉลี่ยน้ำหนักแล้วอยู่ที่ 120 กิโลกรัมโดยประมาณ) และคนผอมอีก 20 คน (ค่าเฉลี่ยน้ำหนักอยู่ที่ 60 กิโลกรัม) โดยการจับพวกเขามาเล่นเกมที่ต้องแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น โดยมีเงินเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับการแลกเปลี่ยนภายในเกมนั้น ผลออกมาก็คือกลายเป็นว่าคนที่ผอมกลับมีแนวโน้มการตัดสินใจเลือกทำสิ่งที่ไม่เป็นธรรม (เห็นแก่ตัว) มากกว่าคนอ้วน และคนอ้วนนั้นมีอัตราการมอบเงินให้ผู้อื่นมากกว่าถึงร้อยละ 16 เลยทีเดียว   อุ๊บบบบบบ   อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสังเกตจากการทดลองนี้ก็คือ คนผอมมักจะตัดสินใจให้เงินคนที่ผอมมากกว่า และจะเริ่มมีอาการหงุดหงิดได้ง่ายกว่าเวลาที่น้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้สรุปได้ว่าการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องทางการเงินและผลประโยชน์นั้น (จากลักษณะของเกมที่ใช้ทดสอบ)…

ว่ากันว่าถ้าบรรยากาศภายในออฟฟิศดี จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น นั่นทำให้เหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ต่างพยายามตกแต่งออฟฟิศของตนเองให้ออกมาดูดีที่สุด เพื่อดึงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานออกมาให้ได้มากที่สุด และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 20 ออฟฟิศรอบโลกที่ถูกจัดอันดับมาว่ามีความสวยงาม มีความเจ๋ง มีความคูล มีความน่าไปนั่งทำงานด้วย ลองดูกันครับว่าจะมีที่ไหนติดมาบ้าง…   White Mountain Office, Stockholm, Sweden . .   iHeartMedia, New York, USA . .   Selgas Cano Architecture Office, Madrid, Spain .   Google, Tel Aviv, Israel . .   Airbnb, San Francisco, California . .   Dropbox, San Francisco,…

สำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติแล้ว การได้นั่งห้องส้วมท่ามกลางต้นไม้ และต้นหญ้าสีเขียวขจีคงเป็นอะไรที่ฟินไม่น้อยเลยทีเดียวล่ะ… และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมส้วมที่เรียกได้ว่าสงบและร่มรื่นที่สุดในโลกกัน…     เมื่อพูดถึงการปลดทุกข์แล้วเพื่อนๆ ทุกคนก็คงจะนึกถึงห้องน้ำที่อยู่ในที่แคบๆ เป็นห้องทึบๆ อับๆ แต่ไม่ใช่กับที่สุขา Serene Itabu Toilet แห่งนี้ คนที่มาใช้บริการที่นี่นั้นจะได้ปลดทุกข์กันได้อย่างผ่อนคลายแบบเต็มที่ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวขจี ดูแล้วสบายตาเป็นอย่างยิ่ง     เจ้าห้องน้ำนี้เป็นผลงานของคุณ Sou Fujimoto ผู้ออกแบบห้องน้ำกลางแจ้งขนาด 200 ตารางเมตร ซึ่งถือได้ว่าเป็นห้องน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียวล่ะ ตัวของห้องส้วมนั้นจะอยู่ในห้องกระจกสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ และต้นไม้นานาชนิด ทั้งต้นพีช ต้นพลัม และดอกซากุระ จากนั้นก็ล้อมรอบด้วยรั้วที่มีความสูงประมาณ 2 เมตรอีกชั้นหนึ่ง     และเจ้าห้องน้ำนี้เองก็อยู่ใกล้ๆ กันสถานีรถไฟ Itabu ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ว่ากันว่านี่คือเส้นทางรถไฟที่เต็มไปด้วยดอกซากุระที่บานสะพรั่ง   .   ทางคุณ Fujimoto ผู้ออกแบบได้กล่าวว่าบริเวณนี้มีธรรมชาติที่สวยงามน่าอัศจรรย์ ดังนั้นเขาก็เลยต้องการให้คนที่มาใช้ห้องน้ำ ได้ใช้เวลาสัมผัสกับความสุขของการชมวิวทิวทัศน์ และได้รับความรู้สึกถึงการปลดปล่อยที่แท้จริง แต่ขอแสดงความเสียใจล่วงหน้าสำหรับเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายนะจ๊ะ เพราะเจ้าห้องน้ำกลางสวนนี้สงวนไว้สำหรับผู้หญิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อิอิ…

เวลาเราไปว่ายน้ำในสระสาธารณะ แน่นอนว่า ก็ต้องมีคนมากวนเราบ้าง และบางทีเราก็ไม่ชอบด้วยนี่ซิ จนทำให้การเล่นน้ำของเรากลายเป็นเรื่องไม่สนุกไปเลยก็มี แต่จะทำไงได้ล่ะ ก็มันเป็นสระรวมนี่เนาะ แต่ปัญหานั้นจะหมดไปด้วยสิ่งของชิ้นหนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนแมลงที่หลายๆ คนยี้เป็นที่สุด นั่นคือ เบาะลอยน้ำรู๔ปแมลงสาบ งานนี้รับรองไม่มีใครมากวนใจการพักผ่อนในสระของคุณได้อีกแล้วล่ะ   ขนาดแมลงสาบตัวเล็กคนยังยี้ เจอตัวบึ้มขนาดนี้ คงหนีกระเจิงแน่   สำหรับเจ้าเบาะลอยน้ำชิ้นนี้ เป็นผลงานของบริษัท Kangaroo ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ก็ทำออกมาให้คนที่รักเจ้าปีเตอร์ได้เอาไปเล่นน้ำอย่างสบายใจ ผู้ผลิตบอกว่ามันทำจากไวนิล 0.25 มิลลิเมตร มีความแข็งแรงทนทานเหมาะกับการเล่นในน้ำได้อย่างสบาย ไม่ฉีกขาดหรือรั่วง่าย แถมขนาดของมันความยาวราวๆ 177 เซนติเมตรก็รองรับร่างกายของคนทั่วไปได้เป็นอย่างดี   ทีนี้ก็สบายเลย ไม่มีใครมากวนแล้ว     ส่วนใครที่เห็นภาพพวกนี้แล้วส่งใจอยากจะสั่ง สามารถซื้อได้ในเว็บ Amazon ตามลิงค์นี้  โดยสนนราคาอยู่ประมาณ 1,000 บาท แต่ก็ไม่แน่ใจนะว่ามีส่งมาประเทศไทยรึเปล่า   ดูหน้านางแบบสิ ท่าจะฟินกับเจ้าปีเตอร์มากๆ . .   สนุกและมีความสุขกับเจ้าปีเตอร์มากๆ สินะหนูน้อย . นับเป็นอีกไอเดียที่แหวกแนวซะเหลือเกิน!!! ที่มา designyoutrust

ไม่ว่าพ่อแม่ที่ไหนก็ไม่อยากเห็นลูกตัวเองต้องทุกข์ทรมานจากยาเสพติด เพราะยาเสพติดได้เปลี่ยนบุตรหลานที่น่ารักของพวกเขาให้กลายเป็นอีกคน ซึ่งเราต่างก็รู้ดีว่า ยาเสพติดนั้นให้โทษขนาดไหน… สำหรับ Tina Wells Louden‎ ก็เช่นกัน เธอได้เสียลูกสาว Ashley ไปจากการใช้ยาเสพติดเมื่อสามปีก่อน ด้วยความเศร้าเสียใจ เธอจึงได้โพสภาพในเพจ Heroin KILLS You เพื่อตัดพ้อต่อว่าเหล่าผู้ค้ายา ที่ทำให้เธอต้องสูญเสียลูกสาวไป     “ถึงคนที่ขายยาให้ลูกสาวฉัน นี่คือสภาพฉันในวันที่เคยเป็นวันเกิดของลูกสาว คุณรู้สึกยังไงกับชีวิตของตัวเองเหรอ ฉันอยากรู้จริงๆ ปกติฉันไม่ค่อยโพสต์ภาพเท่าไหร่ แต่ฉันอยากให้ภาพนี้กลายเป็นกระแสให้ได้มากที่สุด ดูสิเหล่าพ่อค้ายาทั้งหลาย นี่คือสิ่งที่คุณทำกับครอบครัวของเรา”     หลังจากนั้นไม่นานภาพเหล่านี้ก็กลายเป็นกระแสอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าชาวเน็ตจะมีความเห็นที่แตกต่างออกไปจากเธอนะ   “จริงๆ ถ้าไม่มีคนซื้อ ก็ไม่มีคนขาย ฉันรู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังเจ็บปวด แต่ลูกสาวของเธอเลือกเอง เธอรู้ว่าการเสพยาจะเป็นยังไง แต่เธอก็ยังทำ เลิกโทษคนอื่นแต่ฝ่ายเดียวเถอะ ทุกคนก็มีส่วนผิดทั้งนั้น”   “มันเป็นความผิดของลูกสาวคุณ คุณสาวคุณต่างหากที่เป็นคนทำลายครอบครัวตัวเอง ไม่ใช่พ่อค้า พ่อค้ายามันต้องการแค่เงิน แต่คนที่อยากเสพคือลูกสาวของคุณ และเป็นเธอที่เสพจนตายไปเอง”   “ฉันเคยติดยามาก่อน มันเป็นสิ่งที่ฉันเลือกเอง ไม่มีใครบังคับ พ่อค้ายาก็ไม่ใช่ ฉันเสียใจกับเรื่องลูกสาวคุณนะ แต่เราสามารถเลือกได้ว่า “ไม่ ฉันจะไม่เสพแล้ว””…

สิ่งหนึ่งที่นักเรียนหลายๆ คนขยาดกันซะเหลือเกินในตอนที่เป็นเด็กๆ คงหนีไม่พ้นเจ้าสิ่งที่เรียกว่า ‘การบ้าน’ จะไม่ให้เบื่อก็คงแปลก เพราะหลังจากที่นั่งเรียนกันอย่างหนักทั้งวันแล้ว คงไม่มีใครอยากจะกลับบ้านไปแล้วต้องมาหมกมุ่นกับเรื่องเรียนอีกแน่ๆ และเชื่อว่าคุณพ่อ คุณแม่ สมัยใหม่หลายๆ คนก็อาจไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นัก ที่ต้องเห็นลูกน้อยวัยกำลังซน ต้องมานั่งทำการบ้านอย่างเคร่งเครียด แทนที่จะได้ใช้เวลาไปกับการเล่นอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ ให้เหมาะสมตามวัย และนี่คือวิธีการของคุณครูประจำชั้น ป.2 จากโรงเรียนแห่งหนึ่งรัฐเท็กซัส ที่ต้องการจะลองวิธีการใหม่ๆ นั่นก็คือการ ‘ไม่สั่งการบ้าน’   และนี่คือจดหมายประกาศเกี่ยวกับนโยบายการสั่งการบ้านจากครูสาว Brandy Young โดยมีใจความสำคัญดังนี้…   “ถึง ผู้ปกครองทุกท่าน หลังจากการทำวิจัยอย่างหนักในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ดิฉันขออนุญาติทดลองอะไรใหม่ๆ นั่นก็คือการกำหนดให้นักเรียนจะมีการบ้านก็ต่อเมื่อ พวกเขาทำงานชิ้นนั้นไม่เสร็จภายในชั่วโมงเรียน และจะไม่มีการสั่งงานนอกเหนือจากนี้ เนื่องจากเคยมีงานวิจัยที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการบ้านไม่ได้ช่วยพัฒนาศักยภาพของนักเรียน ในทางกลับกันดิฉันขอความร่วมมือให้ผู้ปกครองช่วยทำในสิ่งที่ส่งผลต่อความสำเร็จของนักเรียน นั่นก็คือ การทานอาหารเย็นร่วมกับครอบครัว อ่านหนังสือด้วยกัน ออกไปเล่นข้างนอก และพาบุตรหลานของท่านเข้านอนแต่หัวค่ำ จาก Brandy Young“   และวิธีการของคุณครูคนนี้ก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ปกครองทั้งหลาย มีการแชร์ต่อกันไปมากถึง 70,000 ครั้ง จากเหล่าผู้ปกครองที่เบื่อหน่ายกับการสั่งให้ลูกทำการบ้าน แทนที่จะได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน “นักเรียนทุกคนต่างเล่าเรียนกันมาหนักมากพอแล้วในหนึ่งวัน เมื่อถึงตอนที่พวกเขากลับบ้าน มันก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้เรียนรู้อะไรอย่างอื่นบ้าง ฉันพยายามพัฒนาศักยภาพโดยรวมทั้งหมดของนักเรียนค่ะ”…

ปัจจุบันนี้การแข่งขันระหว่างนักเรียนด้วยกันนั้นสูงมาก พ่อแม่จึงพากันวางแผนให้ลูกๆ เพื่อให้พวกเขาประสบความสำเร็จในชีวิต โดยเป็นการให้เด็กลงมือทำตั้งแต่เด็กๆ ตามที่สำนักข่าว CRI ได้รายงานว่า ตอนนี้มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่เปิดอบรมให้กับเด็ก เช่น “คอร์สการขี่ม้าในวังสำหรับเด็ก” “ค่ายกอล์ฟภาคฤดูร้อนสำหรับเด็ก” ซึ่งเป็นจุดหมายสำหรับประชาชนชนชั้นกลาง และหนึ่งในสถานบันเหล่านี้ที่มณฑลกว่างโจว ก็ได้นำเสนอ “หลักสูตร CEO” สำหรับเด็ก 3 ขวบ โดยจะมีการเรียนการสอน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 250,000 บาทต่อปี โดยจะเรียนเป็นกลุ่มเล็กๆ คือนักเรียน 3-8 คน ต่อครู 1 คน     Global Times รายงานเพิ่มเติมว่า ภายในหลักสูตรซีอีโอนี้ เด็กจะได้ทำกิจกรรมมากมายรวมทั้งถูกฝึกให้มีภาวะความเป็นผู้นำขององค์กรด้วย เช่น การหาคำที่หายไปในประโยค การเล่นซ้อนอิฐ กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้เด็กๆ เป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ ตามที่องค์กรต่างๆ ต้องการ แน่นอนว่ากีฬาที่มากับภาพลักษณ์ของคนรวย ก็คือกีฬากอล์ฟ  ชมรมกอล์ฟแห่งหนึ่งในมณฑลกว่างโจว ได้มีการเปิดหลักสูตรสอนกอล์ฟพื้นฐานให้กับเด็กอายุ 3 ขวบ ในราคา 5,000 บาทต่อวันไม่รวมที่พัก ถ้าผู้ปกครองจะเหมาจ่ายทั้งเดือนก็ตกอยู่ที่ประมาณ 100,000…

ในสังคมเราทุกวันนี้ จะเห็นว่า คนพิการนั้น มักมีสิทธิไม่เท่าเทียมกับคนปกติทั่ว เพราะด้วยศักภาพในด้านต่างๆ ที่อาจทำพวกเค้าทำงานหรือทำกิจกรรมได้คล่องแคล่วได้เท่าคนปกติ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องทำความเข้าใจกับคนพิการมากขึ้น…..   แต่เหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดกับคนพิการ ก็เป็นเรื่องน่าเศร้า เมื่อชายหูหนวก Daniel Harris ชายวัย 29 ปี ถูกยิงในขณะที่เดินทางกลับบ้านโดยตำรวจทางหลวง Jermaine Saunders  ที่ไล่กวดเขาเป็นระยะทางกว่า 13 กิโลเมตร สุดท้ายก็ไปถึงบ้านของเขาที่ตั้งอยู่ในเมืองชาร์ล็อตต์ เขาลงจากรถและออกมาหาตำรวจ (รายงานระบุว่าเขาหูหนวก จึงไม่ได้ยินเสียงไซเรนที่ตำรวจไล่กวด) จากนั้นพยายามใช้ภาษามือสื่อสาร แต่ก็ถูกยิงเสียชีวิต     ทันทีที่ Daniel ลงจากรถ เจ้าหน้าตำรวจก็ได้ยิงกระสุนไปที่เขา 1 นัด โดยที่เขาไม่มีอาวุธอยู่ในมือเลย จึงทำให้เขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สอบสวนบอกว่า ก่อนเสียชีวิตนั้น Daniel เขาพยายามจะสื่อสารกับตำรวจด้วยภาษามือ แต่ตำรวจคิดว่าเขาอาจจะกำลังพยายามต่อสู้บางอย่าง ด้วยความไม่เข้าใจกัน จึงจบด้วยเหตุการณ์น่าเศร้าเช่นนี้ (ตามกฎหมาย ตำรวจอเมริกันมีสิทธิยิงได้ หากเรียกให้หยุดรถแล้วเรามีท่าทีมือไม่อยู่เป็นปกติ หรือจับอยู่ที่พวงมาลัยทั้งสองข้างเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ)     เจ้าหน้าตำรวจ Saunders ถูกสั่งพักงานในระหว่างมีการสอบสวนและรวบรวมหลักฐานต่างๆ นี้ รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลจากแผงหน้าปัดรถยนต์ และตามกล้องวงจรปิดต่างๆ ต่อมาสำนักข่าว WCCB รายงานว่า เจ้าหน้าที่ที่ยิงชายหูหนวก ให้เหตุผลว่า “ผมยิงเขาเพราะ เขาไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง” จากกรณีนี้สร้างความไม่พอใจให้ผู้คนจำนวนมาก โดยเพื่อนบ้านของ  Daniel ได้ประณามการกระทำของตำรวจนายนี้ว่า…

‘คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะตายได้’ เป็นประโยคที่ไม่ว่าใครก็คงได้ยินกันมาอยู่บ่อยๆ ในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็เลยนำเรื่องราวน่าสนใจมาฝากเพื่อนๆ กัน เป็นเรื่องของสุสานใต้ทะเลอีกหนึ่งทางเลือกที่ดูน่าสนใจไม่เบาสำหรับการหลับพักผ่อนไปตลอดชีวิต ที่ตั้งมันอยู่ห่างจากชายฝั่ง Key Biscayne เมืองไมอามี่ รัฐฟลอริดา ออกไป 5.2 กิโลเมตร และลึกลงไปใต้มหาสมุทรประมาณ 14 เมตร เป็นที่ตั้งของสุสานสำหรับฝังศพใต้ทะเล The Neptune Memorial Reef      หลายคนคงคิดว่ามันจะต้องเป็นสุสานโบราณใต้ทะเลที่เพิ่งถูกค้นพบแน่ๆ เลยอะไรทำนองนั้น ซึ่งมันไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย เพราะที่สุสาน The Neptune Memorial Reef แห่งนี้เพิ่งเปิดใช้เป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้เอง โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นที่พักสุดท้ายหลังจากเสียชีวิตของผู้ที่รักทะเล     ในช่วงแรกนั้นที่สุสานแห่งนี้ มีเถ้ากระดูกและป้ายหลุมศพของผู้คนที่หลับอยู่ที่นี่เพียง 850 คนเท่านั้น แต่ผู้ดูแล The Neptune Memorial Reef วางอนาคตไว้ว่าจะขยายอาณาเขตของสุสานแห่งนี้ออกไปเป็น 64 ตารางกิโลเมตร เพื่อสามารถบรรจุเถ้ากระดูกของผู้เสียชีวิตได้ถึง 125,000 ราย     ส่วนวิธีการที่เขาจะนำเถ้ากระดูกลงไปฝังไว้ใต้ทะเลนั้น ก็ต้องมีวิธีการที่แตกต่างจากการนำไปฝังในดินเล็กน้อย โดยจะมีการทำพิธีทางศาสนาที่ริมฝั่งซะก่อน จากนั้นก็จะนำเถ้ากระดูกไปผสมรวมกับซีเมนต์ ขั้นตอนต่อไปก็ให้นักประดาน้ำนำไปติดตั้งไว้ภายในสุสาน…

เจ้าหมาน้อยตัวนี้มีชื่อว่า Libre ถูกเจ้าของของมันเลี้ยงดูอย่างทิ้งขว้างและทารุณกรรมอย่างน่ากลัว จนทำให้มันเกือบเอาชีวิตไม่รอด เจ้าหมาได้รับความเจ็บปวดจากสภาพผิวหนังที่ย่ำแย่และขาดสารอาหารในระดับที่เสี่ยงอันตรายต่อการเสียชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ยอมแพ้กัดฟันสู้และมีชีวิตอยู่ต่อไป จนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือจากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Speranza Animal Rescue ร่วมกับโรงพยาบาลสัตว์  Dillsburg Veterinary Center และพวกเขาเองก็ไม่ยอมแพ้ที่จะช่วยเหลือเจ้าหมาน้อยหัวใจแกร่งตัวนี้เช่นกัน     หลังจากที่เรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ทุกอย่างกลับเงียบหายไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งเรื่องไปถึงหูของเจ้าหน้าที่อัยการของ Lancaster County ในรัฐ Pennsylvania เข้า ก็เลยตัดสินใจที่จะออกมาทวงความยุติธรรมให้กับเจ้า Libre คุณ Craig Stedman ผู้เป็นอัยการของเมือง Lancaster County ได้ทำการตัดสินปลดเจ้าหน้าที่ตำรวจ Susan Martin ออกจากตำแหน่งฝ่ายสังคมสงเคราะห์ในทันที หลังจากที่ผู้คนต่างก็ไม่เห็นด้วยกับท่าทีของเธอที่เลือกตัดสินใจที่จะไม่ทำการฟ้องเจ้านายคนเก่าของเจ้าหมา Libre ที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต     คุณ Stedman รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ยุติธรรมอย่างมาก เพราะเจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นเลือกที่จะไม่ดำเนินการอะไรเลยกับคนที่ทารุณกรรมเจ้าหมาน้อย Libre และตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่หญิงคนนี้จะถูกถอดจากตำแหน่ง   “ระบบความยุติธรรมของเราจะต้องเป็นอะไรที่สมบูรณ์ สัตว์ทั้งหลายเองก็ควรมีสิทธิ์ที่จะได้รับการช่วยเหลือจากใครซักคนที่มีความยุติธรรมและอำนาจ ที่จะสามารถลงมือทำอะไรซักอย่างกับเคสเหล่านี้ได้” คุณ Stedman กล่าว อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาเจ้า…

เนื่องจากการเดินทางไปที่ค่อนข้างจะใช้เวลายาวนาน และค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพียงแค่ 30,000 คนจากทั่วโลกต่อปีเท่านั้น ที่จะได้มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสวิถีธรรมชาติที่ทวีปแอนตาร์คติกา หรือ ขั้วโลกใต้ Robyn และ Patrick Woodhead สองผู้ก่อตั้งแคมป์ที่พักสุดหรูท่ามกลางความหนาวเหน็บในแบบขั้วโลกใต้ ที่นอกจากแขกจะได้เข้าพักในแคมป์ที่อำนวยความสะดวกได้เพรียบพร้อมที่สุดในแพ็คเกจราคาสูงกว่า 2.5 ล้านบาท ต่อคน ยังรวมถึงโปรแกรมทัวร์ที่พาเราไปใกล้ชิดธรรมชาติได้สุดๆ อีกต่างหาก และที่สำคัญสถานที่แห่งนี้เปิดรับนักท่องเที่ยวเฉพาะช่วงเดือน พฤศจิกายน – ธันวาคม เท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศอบอุ่นที่สุด โดยค่าเฉลี่ยอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ -36 ฟาเรนไฮต์ในเดือนพฤศจิกายน และ -16 ฟาเรนไฮต์ในเดือนธันวาคม ส่วนค่าเฉลี่ยอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ -40 ฟาเรนไฮต์ในเดือนพฤศจิกายน และ -20 ฟาเรนไฮต์ในเดือนธันวาคม (นี้ขนาดเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นที่สุดแล้วนะ!!) เราไปชมรีวิวที่พักและโปรแกรมทัวร์ที่เปิดเผยโดยเว็บไซต์ BusinessInsider กันเลยว่าราคาขนาดนี้ เราจะได้สัมผัสกับประสบการณ์อะไรบ้าง……   แขกที่เข้าพักจะต้องเดินทางจาก Cape Town ประเทศแอฟริกาใต้ เพื่อมาถึงจุดหมายโดยใช้ระยะเวลาเดินทางนานกว่า 5 ชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว   แคมป์แห่งนี้มีห้องพักที่ออกแบบเหมือนกระท่อมอิกลู คอยให้บริการอยู่ 6 ห้อง…

“สะพานนานกิง” สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีในเมืองนานกิงถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีคนฆ่าตัวตายมากที่สุดในโลกตลอด 20 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2006 มีผู้มาก่อเหตุฆ่าตัวตายกว่า 2,000 คน จนทำให้หน่วยงานของทางการต้องให้ความสนใจกับปัญหานี้เลยทีเดียว แต่รู้หรือไม่ ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา จำนวนของผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายอาจเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ หากไม่มีชายคนหนึ่งที่ทุ่มเทชีวิตของตนเอง เพื่อช่วยเหลือผู้กำลังคิดสั้น ให้มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป เราไปติดตามเรื่องราวของเขากันเลยดีกว่า     คุณลุงคนนี้มีชื่อว่า “เฉินซี” เขาได้รับฉายาว่าเป็น “เทพบุตรแห่งนานกิง” เพราะเขาได้ช่วยชีวิตคนที่กำลังจะฆ่าตัวตายบนสะพานแห่งนี้ไปหลายร้อยคน จุดเริ่มต้นย้อนไปในปี 2003 เขาเดินทางไปทำงานในเมืองนานกิงและได้พบกับชายแก่คนหนึ่ง ซึ่งชายแก่คนนั้นได้มอบคำแนะนำดีๆ ให้กับเขามากมาย แต่หลังจากนั้นไม่นาน ชายแก่คนดังกล่าวได้ทะเลาะกับลูกชายเรื่องมรดก จนสุดท้ายชายแก่คนนั้นตรอมใจ ไม่ยอมกินอาหาร และเสียชีวิตไปหลังจากนั้นไม่นาน ตอนนั้นเขาคิดว่า ถ้าเขาเข้าไปถามไถ่และพูดคุยกับชายแก่คนนั้น บางทีเขาอาจไม่ตรอมใจจนตายก็เป็นได้ เขาจึงตั้งใจช่วยชีวิตผู้อื่นให้ได้มากที่สุด     นับตั้งแต่นั้นมา ทุกๆ วันหยุด เขาจะขี่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของตนเองมายังสะพานนานกิงแห่งนี้ จากนั้นเขาก็จะเดินลาดตระเวนบนสะพาน หากเขาพบใครที่กำลังจะฆ่าตัวตาย เขาจะเข้าไปพูดคุยและให้กำลังใจเพื่อให้พวกเขามีแรงสู้ต่อไปในชีวิต ซึ่งตลอด 13 ปีที่ผ่านมา เขาได้ช่วยชีวิตคนไปแล้วกว่า 300 ชีวิต อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่อยากรับน้ำใจนี้จากเขา บางครั้งเขาก็ถูกคนที่เขาเข้าไปช่วย…

เราอาจไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสาเหตุใดถึงก่อให้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมต่างๆ ขึ้นมา หลายๆ คนอาจคิดว่าเหล่าฆาตกรต่อเนื่อง มักจะมีปัจจัยหรือสาเหตุในการก่อเหตุที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งความเป็นจริงแล้วมันกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง บางคนอาจจะดูปกติทั่วไปเมื่อมาอยู่ในสังคม และในขณะที่บางคนก็อาจจะดูผิดปกติชอบเก็บตัวและชอบวางตัวอยู่นอกกรอบของสังคม แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เราไปดูคำพูดที่ออกจากปากของเหล่าฆาตกรต่อเนื่องที่เคยเป็นคดีดังในอดีตกันเลยดีกว่า เผื่อว่าจะช่วยให้เราได้เรียนรู้และเข้าถึงจิตใจของพวกเขาได้มากยิ่งขึ้น…   1.“ผมเกิดมาคู่กับปีศาจ” – H.H.Holmes ในช่วงปี 1893 ที่รัฐชิคาโก Holmes ได้ทำให้บ้านตัวเองเป็นเหมือนศูนย์รวมของการฆาตกรรมขึ้น โดยทำทีว่าเป็นเหมือนเกสเฮาส์ทั่วไป แต่เขาได้คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปมากกว่า 200 คน!!!   2. “ผมไม่เชื่อในพระเจ้า มนุษย์ หรือปีศาจ อะไรทั้งนั้น ผมเกลียดเผ่าพันธุ์มนุษย์ รวมถึงตัวผมเองด้วย” – Gary Ridgway ชายผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นนักฆ่าแห่ง Green River ประจำรัฐยูทาห์ ในช่วงยุค 80s – 90s เขาได้สังหารผู้บริสุทธิ์ไปมากถึง 48 คน แต่กลับให้การสารภาพกับศาลว่าจำนวนผู้เสียชีวิตมีมากกว่านี้ถึง 2 เท่า!!!   3. “ขอให้เมียและลูกๆ ของเธอถูกข่มขืนอย่างหนักทางทวารนั่นแหละ!!!” – Aileen Wuronos…

ใครเลี้ยงแมวคงรู้ดีว่า บางทีมันก็ซนจนเราเองไม่ทันได้ดูแลมัน แต่แมวที่ว่าซนแล้ว ถ้าในบ้านมีเด็กอยู่ด้วย คงยิ่งเพิ่มเรื่องปวดหัวให้พ่อแม่ไม่ใช่น้อย แต่ก็โทษใครไม่ได้ ทั้งเด็กและแมวก็คงซนตามประสาแหละ แต่สำหรับกรณีนี้ ไม่รู้เกิดจากความซนของใครมากกว่ากัน เมื่อทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งว่า มีลูกแมวตกลงไปในชักโครก ที่สำคัญมันถูกกดลงชักโครกไปแล้วด้วย โดยฝีมือเด็กน้อยวัย 4 ขวบ     ทันทีที่วางสาย เจ้าหน้าที่ก็มาถึงบ้านที่เกิดเหตุภายใน 15 นาที แล้วพวกเค้าก็พบว่า ภารกิจในครั้งนี้ยากกว่าทุกครั้งที่เคยเจอ เพราะในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่เคยได้รับแจ้งอะไรแบบนี้มาก่อนเลย เป็นเรื่องธรรมดาที่สัตว์เลี้ยงของเราเผลอเล่นซนจนตกลงไปส้วมบ้าง ซึ่งเราก็ช่วยมันออกมาได้ง่ายๆ แต่กับกรณีนี้ ไม่รู้ว่าหนูน้อยเผลอไปกดโดยไม่ตั้งใจหรืออย่างไร…   เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง พวกเค้าก็รื้อห้องน้ำ   และแกะกระเบื้องออก   มันอยู่ลึกลงไประดับหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงต้องลงไปเพื่อช่วยมันออกมา   เมื่อการช่วยเหลือผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ลูกแมวก็ถูกช่วยเหลือออกมาได้   พวกเขาดีใจมากที่ได้เจอกับลูกแมวอีกครั้ง และจากการช่วยเหลือในครั้งนี้ พวกเขาก็ได้เขียนขอบคุณเจ้าหน้าที่กู้ภัยผ่าน เฟซบุ๊ค และตั้งชื่อให้ลูกแมวตัวนี้ว่าเจ้า Miracle  หรือแปลว่าปาฏิหาริย์นั่นเอง ใครที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านพร้อมเด็กๆ คงต้องให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยมากขึ้นด้วยนะคะ ที่มา buzzfeed

ต้องบอกเลยว่า เดี๋ยวนี้มีนางแบบ นายแบบแจ้งเกิดในวงการมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ รวมทั้งวัย 80 อัพก็มี ก็แหม่ คนมันจะดังใครจะห้ามได้ละ…. เช่นเดียวกับ William Franklyn-Miller นายแบบรุ่นเล็กวัย 12 ปี จาก จากเมลเบิร์น ในออสเตรเลีย ที่มีผู้ที่ติดตามใน อินสตาแกรม มากกว่า 150,000 คนแล้ว โดยจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาโด่งดังได้ขนาดนี้ มาจากนักเรียนญี่ปุ่นคนหนึ่งได้โพสต์รูปของเขาลงทวิตเตอร์ จากนั้นก็มีการนำไปแชร์ต่อๆ กันเป็นร้อย ภายในสองวันก็มีคนรู้จักเขาทั้งในประเทศญี่ปุ่นและจีน     Will บอกกับสำนักข่าวเดลีเมล์ ว่า “มีคนมากดติดตามผมเป็นร้อยในทุกๆ สามวินาที จนบางทีผมก็คิดว่า คิดว่าคนที่มากดติดตามนั้นเป็นตัวปลอมหรือเปล่า” แต่มันก็ดีต่อเขาสำหรับการทำงานในวงการบันเทิงเช่นนี้ เขาเล่าว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เขาเคยทำงานเป็นนายแบบให้ Covent Garden ไม่กี่ครั้ง และเมื่อเร็วๆ นี้เขาก็ได้ทำงานกับรายการโชว์อย่าง Jack Irish เวอร์ชั่นเด็ก     ตั้งแต่กลายเป็นคนดังในอินสตาแกรม เขาก็ได้ออกรายการของเอเชียถึง 3 รายการ มีการสัมภาษณ์ทาง Skype ซึ่งเขาได้รับการตอบรับจากแฟนคลับเป็นอย่างดี สำหรับตอนนี้ Will…

วันนี้เราจะพาไปชมเรื่องราวสุดประทับใจของเด็กสาววัย 5 ขวบ ที่พลัดพรากกับเจ้าเหมียวของตัวเองไปเป็นเวลากว่า 3 ปี และในที่สุดก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง ^^     “เจ้าเหมียว Cursor เป็นหนึ่งในครอบครัวของเราก่อนที่หนู Claudia จะเกิด และแน่นอนว่าทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนซี้กันไปโดยปริยาย พวกเขาเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านด้วยกัน และมักจะกอดกันอยู่เสมอ แต่แล้วเจ้า Cursor ก็หายไป” คุณ Kara Arnold กล่าว เธอเสียใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าเพื่อนรักจากไปแล้ว ทางครอบครัวตามหากันเจ้าเหมียวกันทุกที่ ทุกทาง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอ     คุณ Kara เล่าว่า “เวลาที่เธอเศร้ากับเรื่องอะไร สุดท้ายก็จะร้องไห้แล้วก็คิดถึงเจ้าเหมียวอยู่ตลอด และพอเป็นแบบนั้น ฉันก็จะทำการรีประกาศตามหามันอีกครั้งโดยการนำป้ายไปติดตามละแวกบ้าน และโพสต์ลงในเพจตามหาสัตว์หาย” หลังจากที่พยายามตามหากันอยู่นาน ในที่สุดพวกเขาก็เจอเจ้าเหมียว “ฉันรู้สึกดีใจมาก ในที่สุดฉันก็ทำได้ ฉันได้โพสต์ครั้งล่าสุดไปเมื่อเดือน มิถุนายน แต่แล้วก็มีคนพบเห็นและติดต่อเข้ามา” พวกเขาได้รับการติดต่อมาจากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Nanaimo SPCA ว่าพบเจ้า Cursor แล้ว     ลองไปชมคลิปโมเม้นต์สุดประทับใจ เมื่อหนูน้อย Claudia ได้พบกับเพื่อนรักเจ้าเหมียว…

บางครั้งโลกของเราก็มีรสนิยมการกินแบบแปลกๆ แต่บางทีมันก็แปลกจนล้ำเส้นไปหน่อยนะ… เช่นเดียวกับชายคนนี้ ที่มีรสนิยมการทานอาหารที่สุดจะแปลก แต่ไม่ได้แปลกแบบธรรมดานะ ต้องขอบอกเลยว่าแปลกมากๆ!! ก็เพราะว่าเขาชอบกิน ‘มีด’ ยังไงล่ะ     Jarnail Singh ชายวัย 42 ปีที่อาศัยอยู่ในรัฐปัญจาบ ประเทศอินเดีย ได้ถูกหามส่งโรงพยาบาลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่เขามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และร่างกายอ่อนเพลีย หลังจากที่แพทย์ได้ทำการตรวจความผิดปกติทางร่างกาย ด้วยวิธีการต่างๆ รวมไปถึงการเอ็กซเรย์แล้วก็พบว่าในท้องของเขานั้นมีมีดอยู่มากมายนับได้ทั้งหมดประมาณ 40 เล่มเลยทีเดียว!!   .   จากการสอบถามก็ได้ทราบว่านาย Singh ได้เริ่มกินมีดมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เอง โดยเจ้าตัวให้สาเหตุว่าเขาเสพติดรสชาติของมัน “ผมชื่นชอบรสชาติของมัน และก็เสพติดมัน…ก็เหมือนกับคนที่ชอบการดื่มเหล้าหรือเบียร์นั่นแหละ ความรู้สึกของผมก็ประมาณนั้นเลย” เขาให้สัมภาษณ์กับ CNN   ซึ่งมีดที่เขากินไปนั้นไม่ได้ผ่านกระบวนการเคี้ยวแต่อย่างใด แต่ดูเหมือนจะเป็นลักษณะการกลืนมากกว่า ซึ่งมีดที่เขากินเข้าไปนั้นก็มีลักษณะแตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่จะเป็นมีดพับ และบางอันก็มีขนาดยาวถึง 17 เซนติเมตรเลยทีเดียว!! จากรายงานของแพทย์พบว่าสาเหตุที่นาย Singh ปวดท้องนั้นมาจากบาดแผลที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของเขา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เกิดการติดเชื้อเลยแม้แต่น้อย     จากรายงานของสำนักข่าว CNN นาย Singh…

กลายเป็นเรื่องฮือฮาของนักศึกษา เมื่อจู่ๆ ก็มีเด็กน้อยวัย 11 ปีโผล่มานั่งเรียนที่ห้องเรียนของนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ในมหาวิทยาลัย University of Toledo ในรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เรื่องนี้เล่ามาโดยคุณ Cigdem Kahyaoglu วัย 19 ปี นักศึกษาคณะคณิตศาสตร์ชั้นปีที่สอง และกำลังเรียนเตรียมเพื่อจะย้ายคณะไปเป็นแพทย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ซึ่งเมื่อวันที่ผ่านมาเธอได้ทำการถ่ายรูปภาพของเพื่อนร่วมชั้นเรียนตัวน้อยคนหนึ่งอัพลงโซเชียล พร้อมกับให้แคปชั่นว่า “เด็กคนนี้มีอายุ 11 ขวบ กำลังนั่งเรียนวิชาเคมีกับฉันอยู่ เขาบอกว่าถ้าพวกเรามีปัญหาหรือคำถามอะไรก็ให้ส่งอีเมลล์ไปหาเขานะ”     ซึ่งแน่นอนว่ามีผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมากโดยมียอดไลค์กว่า 190,000 ไลค์ และรีทวิตไปกว่า 100,000 ครั้ง ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง!! เท่านั้นยังไม่พอ Cigdem ยังเล่าเพิ่มเติมอีกว่าเจ้าหนูน้อยคนนี้เองก็เคยมานั่งเรียนวิชาแคลคูลัสร่วมกับเธอเมื่อปีที่ผ่านมาด้วย!? (โอ้โห อะไรจะเก่งปานนั้น) โดยเด็กน้อยในรูปนั้นมีชื่อว่า Daniel Liu  อายุ 11 ปี เป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาเท่านั้น แต่เขามักจะมาหาความรู้เพิ่มเติมจากการนั่งเรียนในชั้นเรียนระดับมหาวิทยาลัยอยู่เสมอ     แน่นอนว่าเขาไม่ใช่เด็กธรรมดาๆ อยู่แล้วล่ะ…

ทุกวันนี้#เหมียวฟิ้นยังคงเชื่อว่าการทำดียังได้ดีอยู่นะ แต่มันอาจจะไม่ได้เห็นผลในทันตา และไม่รู้ด้วยว่าจะเห็นผลได้จริงๆ หรือเปล่า แต่อย่างน้อยการเป็นคนดีมีน้ำใจมันก็ช่วยให้สังคมนี้น่าอยู่ขึ้นล่ะนะ   เช่นเดียวกับเรื่องราวของนาย Kasey Simmons วัย 32 ปี บริกรที่ทำงานในร้านอาหาร Applebee ในเมือง ดัลลัส รัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา วันหนึ่งเขาได้ไปเดินซื้อของในร้านขายของชำในท้องถิ่น ในตอนนั้นเขาสังเกตเห็นหญิงชราคนหนึ่งต่อแถวเพื่อจ่ายเงินด้วยท่าทางหม่นหมอง แต่ไม่มีใครช่วยเหลือเธอเลยแม้แต่คนเดียว…..     นาย Simmons เลยเดินเข้าไปพูดคุยกับเธอเพื่อสอบถามว่าทำไมเธอถึงทำท่าเศร้าขนาดนั้น แต่หญิงชราก็ไม่ได้อธิบายกับเขาว่าทำไมเธอเป็นอะไร… เขาก็เลยพยายามชวนเธอคุย พูดปลอบใจให้เธอเห็นในแง่ดีๆ ของโลกใบนี้ พร้อมกับเสนอสินน้ำใจที่จะซื้อสินค้านั้นให้กับเธอเป็นเงินจำนวน 590 บาทฟรีๆ (เทียบกับในอเมริกาก็ราวๆ 15 เหรียญ หรือค่าจ้างขั้นต่ำประมาณ 1-2 ชั่วโมง) เพื่อให้ลูกค้าสูงวัยรายนี้ได้มีรอยยิ้มแฮปปี้ติดตัวกลับไป   Simmons ให้สัมภาษณ์ว่า “มันราคาแค่ 590 บาทเท่านั้น แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับเงินหรอก มันคือการแสดงให้ใครบางคนเห็นว่าคุณแคร์เขา”     หญิงชราก็กลับบ้านไปพร้อมกับความรู้สึกปลาบปลื้ม จากนั้นเธอได้เล่าเรื่องนี้ให้กับลูกสาวฟัง ลูกสาวของเธอจึงออกตามหาว่าพนักงานชายคนนี้เป็นใคร สุดท้ายจึงทราบว่าเขาทำงานอยู่ในร้านอาหาร Applebee’s ในเมืองดัลลัส ที่ลูกสาวของเธอต้องทำขนาดนี้ก็เพราะว่าแม่ของเธอตกอยู่ในความเศร้าโศกมานานกว่า 3 ปีหลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิตไป…

ถ้าใครเคยไปเมืองใหญ่ๆ อื่นๆ ทั่วโลก จะพบว่าแทบทุกเมืองจะมีรูปปั้น หรือไม่ก็อนุสาวรีย์เจ๋งๆ ตั้งอยู่อย่างน้องหนึ่งหรือสองแห่ง ซึ่งแต่ละแห่งนั้น ถูกสร้างขึ้นมาจากจินตนาการระดับเทพของเหล่าศิลปินที่เห็นแล้วต้องสงสัยว่า พวกเขานั้นคิดได้ยังไง วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 22 “สถาปัตยกรรม” ระดับเทพจากทั่วโลก ที่เปิดทุกมิติแห่งจินตนาการให้กว้างไกลยิ่งขึ้น   Fairy Sculpture Dancing With Dandelion โดย Robin Wight ในประเทศอังกฤษ   Colossus ในเมือง Florence ประเทศ Italy   The Force Of Nature โดย Lorenzo Quinn   ความเป็นเด็กในร่างผู้ใหญ่ โดย Alexander Milov   Mihai Eminescu เมือง Onesti ประเทศ Romania   The Caring…

ทุกวันนี้เราอาจได้ยินหลายๆ คนบ่นว่า โลกไม่น่าอยู่เหมือนเดิม เพราะผู้คนต่างแก่งแย่งชิงดีกัน ความมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์กลับค่อยๆ เหือดแห้งไปจนน่าใจหาย แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเด็กชายวัย 5 ขวบคนนี้ เพราะทันทีที่เขารู้ว่ายังมีเพื่อนมนุษย์อีกหลายคนที่ไม่มีโอกาสเช่นเขา เขาก็รีบบริจาคของขวัญทั้งหมดของตนเองเพื่อคนเหล่านั้นทันที     เด็กชายคนนี้มีชื่อว่า นาธาน ฮิลล์ จากกรุงเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ เขาเพิ่งฉลองวันคล้ายวันเกิดอายุ 5 ปีของเขาไปเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา แน่นอน ด้วยความที่เขาเติบโตในบ้านที่มีฐานะพอสมควร เขาจึงได้รับของขวัญเจ๋งๆ มากมายจากครอบครัวและญาติพี่น้อง แต่วันหนึ่ง ขณะที่แม่ของเขา จูลี่ย์ วัย 27 ปี กำลังส่งเขาเข้านอน เขาก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่า มีเด็กๆ คนอื่นบนโลกมั้ย ที่ไม่มีของเล่นมากมายบนเตียงเหมือนเขา เมื่อนาธานรู้ความจริงว่า ยังมีเด็กอีกมากที่ไม่เคยได้เล่นของเล่นแม้แต่ชิ้นเดียว ก็รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก เขาจึงถามแม่ว่า เขาสามารถทำอะไรเพื่อคนเหล่านั้นได้หรือไม่     ด้วยเหตุนี้นาธานจึงมอบของเล่นและของขวัญของเขาที่ได้มาในช่วงวันเกิดให้กับมูลนิธิเด็กกำพร้าในกรุงเอดินเบอระ ฮาวิลส์ คิลเดย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการของมูลนิธิเด็กกำพร้าดังกล่าวได้ออกมาตอบรับและขอบคุณนาธานสำหรับการบริจาคครั้งนี้ว่า “เป็นเรื่องยอดเยี่ยมมากที่นาธานยกของขวัญของเขาทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือเด็ก คนอื่น ของเล่นเป็นสิ่งสำคัญมากในการช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ และการบริจาคครั้งนี้จะทำให้งานของเราง่ายขึ้นเยอะ”     หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป…

ประเทศจีนคือหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนา ก่อสร้าง และขยับขยายมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แต่นั่นก็หมายความว่าในแผนการก่อสร้าง ต้องมีผู้คนที่ถูกบังคับให้ย้ายออกจากถิ่นฐานของตัวเองเช่นกัน เพราะบางครั้งก็ไม่พอใจจำนวนเงินที่ได้รับ หรือต้องการอาศัยอยู่ในพื้นที่เดิมซึ่งเคยอยู่มาอย่างยาวนาน… ในประเทศจีนเลยมีเหตุการณ์ ‘บ้านตะปู’ เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง หรือบ้านที่ปักหลักไม่ย้ายไปไหนแม้รอบๆ จะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปหมดแล้วก็ตามนั่นเอง คนอาศัยอยู่ต้องสตรองมากๆ เลยทีเดียวนะเนี่ย ลองมาดูกันเลย   บ้านหลังนี้เจ้าของกำลังจะย้ายออก และทุบทิ้ง เพื่อสร้างเป็นอพาร์ทเม้นท์ใหม่ย่านดาวน์ทาวน์ในเซี่ยงไฮ้   พื้นที่นี้กำลังเตรียมสร้างศูนย์การค้า แต่เจ้าของตึก 6 ชั้นแห่งนี้ก็ปฏิเสธเงินที่บริษัทเสนอให้   ที่พักเก่าในเมืองกว่างโจวที่ถูกล้อมรอบไว้ด้วยทางยกระดับ   บ้านที่ตั้งอยู่กลางถนน ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง   เจ้าของบ้านที่เป็นคนแก่ปฏิเสธที่จะย้ายออกจากบ้านที่พวกเขาอยู่มานาน เลยกลายเป็นบ้านหลังเดียวกลางถนนของมณฑลเจ้อเจียง   Cao Wenxia เจ้าของบ้านกำลังจุดประทัดเพื่อเป็นการฉลองวันปีใหม่ ทั้งๆ ที่ในละแวกเดียวกันก็ถูกทุบทิ้งไปจนหมดแล้ว   ตึกเก่าสุดท้ายในพื้นที่ที่กำลังจะถูกสร้างให้เป็นโซนอพาร์ทเม้นท์ในกว่างโจว   ด้วยค่าตอบแทนที่ไม่ค่อยน่าพอใจ เจ้าของตึกนี้แห่งมณฑลอานฮุยจึงยังไม่ย้ายออกจากที่นี่จนกว่าจะได้ราคาที่ต้องการ   บ้านที่ไม่ยอมย้ายออกแม้ถูกทางรัฐบาลบีบบังคับ เพราะเงินที่จะได้รับนั้นไม่ตรงตามความต้องการกับที่พวกเขาอยากได้   บ้านหลังเก่าหลังสุดท้ายในมณฑลหูหนาน   บ้านหลังสุดท้ายที่กำลังโดนทุบ หลังจากเจ้าของบ้านแพ้การสู้คดีกับทางบริษัทผู้ก่อสร้าง เพื่อทำเป็นอพาร์ทเม้นท์ใหม่   Zheng Meiju…

นี่อาจจะทำให้คนรักสุนัขรู้สึกประทับใจ แต่ก็สะเทือนใจอยู่ไม่น้อย… เพราะเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เมโทรได้เปิดเผยเรื่องราวของเจ้า Polo สุนัขฮีโร่ผู้เสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้อง Viviana Poremski เด็กน้อยวัย 8 เดือน จากเหตุบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่เกิดไฟไหม้     ตามรายงานบอกว่าระหว่างที่เกิดเหตุไฟไหม้ นาง Erika ผู้เป็นแม่ ได้เดินออกไปเอาของในรถ โดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าภายในบ้านเกิดเพลิงไหม้ขึ้นแล้ว และเธอก็ต้องช็อคเมื่อเห็นว่ามีไฟไหม้อยู่ที่บริเวณชั้น 2 ของบ้าน เธอจึงรีบเข้าไปในบ้านเพื่อช่วยลูกน้อยของเธอ แต่ด้วยเพลิงที่ลุกไหม้หนักจึงต้องรอความช่วยเหลือจากนักดับเพลิงเพราะเธอไม่สามารถพังประตูหรือหน้าต่างเข้าไปได้ ในระหว่างนั้นเธอได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกสาวตลอดเวลา     Erika ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ฉันได้ยินเสียงลูกสาวร้องไห้และฉันไม่สามารถเข้าไปหาเธอได้ ฉันพยายามที่จะเข้าไปช่วยแล้ว เพื่อนบ้านก็พยายามช่วยแล้ว แต่ก็หมดหวัง” ในเวลาไม่นานนักดับเพลิงก็เดินทางมาถึง เมื่อพวกเขาเข้าไปยังตัวบ้านได้ก็ตกตะลึงมาก เพราะพวกเขาพบร่างของเจ้า Polo นอนตายทับอยู่บนร่างของ Viviana และนั่นคือสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้หนูน้อยรอดตายจากความร้อนภายในบ้าน…   .   จากการตรวจสอบร่างกายพบว่าหนูน้อย Viviana ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ใบหน้า แขน และลำตัว เนื่องจากโดนไฟไหม้รุนแรง ทำให้ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและตำรวจยังไม่ฟันธงว่าเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้เกิดจากอะไรกันแน่ อยู่ระหว่างการสืบสวนต่อไป  …

หลายครั้งหลายคราที่เราได้เห็นหนังแนวเอาตัวรอด แล้วคิดไปว่าหากเป็นเราที่ต้องไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจะรอดหรือไม่? อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับไหวพริบของแต่ละคนนะ หากใครดูสารคดีมาเยอะก็น่าจะมีความรู้เรื่องการเอาตัวรอดเยอะพอสมควร แต่หากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลาหรือได้ดูอะไรแบบนั้น วันนี้ #เหมียวฟิ้น ได้ย่อยเอา 18 เทคนิคเล็กๆ ในการเอาตัวรอดมาไว้ให้อ่านแล้ว ลองไปดูกันว่าหากอยู่ในภาวะคับขัน คุณควรจะต้องทำตัวยังไง!?   1. ถ้าคุณต้องไปปีนเขา ไปตั้งแคมป์ หรือไปที่ไหนที่ห่างไกลผู้คน อย่าลืมบอกคนที่บ้านหรือเพื่อน ว่าจะกลับมาวันไหน อย่างน้อยให้พวกเขารับทราบ   2. การพกหมากฝรั่งไว้ช่วยได้ หากติดอยู่ในที่ที่มีอาหารจำกัด ให้เคี้ยวหมากฝรั่ง มันจะช่วยระงับความหิวของคุณได้ระดับหนึ่ง (อย่างน้อยก็ช่วยให้อาหารหมดช้าลงล่ะนะ)   3. หากต้องเข้าไปในตึกที่มีผู้คนเยอะๆ ให้ลองสังเกตดูทางออกฉุกเฉินไว้หน่อยก็ดีนะ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาคุณจะได้เอาตัวรอดได้ทันท่วงที   4. หากเดินบนถนนหรือที่ไหนก็ตาม พยายามอย่าก้มดูมือถือตลอดเวลา เพราะมันจะเบี่ยงเบนความสนใจของคุณจนไม่ทันมองสิ่งรอบข้าง เช่นขโมย รถ หรืออุบัติเหตุต่างๆ   5. อาจจะชวนอี๋ไปนิดนึง แต่ก็ต้องบอกว่าถุงยางอนามัยนั้นเป็นภาชนะเก็บน้ำที่ดีมากๆ (หากมันคับขันจริงๆ น่ะนะ)   6. หากเกิดไฟไหม้ ให้ก้มตัวให้ต่ำที่สุด เพราะออกซิเจนจะรวมตัวกันอยู่ที่ด้านล่าง แถมยังเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้คุณสำลักฝุ่นควันด้วย   7. หากคุณได้รับบาดแผลเล็กๆ และไม่สามารถหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลได้จริงๆ กาวร้อนก็พอจะช่วยสมานแผลได้นะ  …

ตอนเด็กๆ เวลาดูการ์ตูนที่มีเจ้าหญิง เราก็มักใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าหญิงจริงๆ ซักครั้ง เพราะพวกเค้าดูสวยสง่าเหลือเกิน ที่สำคัญ มักจะได้แต่งงานกับเจ้าชายหล่อด้วย แล้วเราเคยเห็นเจ้าหญิงในชีวิตจริงมั้ย ว่าพวกเค้าจะสวยเหมือนในเทพนิยายหรือเปล่า แล้วพวกเค้าใช้ชีวิตยังไง วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพาไปชมความงามของเจ้าหญิงทั้ง 8 คน ที่สวยไม่แพ้เจ้าหญิงในเทพนิยายเลย   1. เจ้าหญิงอเล็กซ์ซานดร้าแห่งลักเซมเบิร์ก เจ้าหญิงผู้งดงามวัย 24 ปี เป็นลููกสาวคนเดียวของ แกรนด์ ดุ๊ก เฮนรี่ และ แกรนด์ ดัชเชส มาเรีย เทเรซา อเล็กซ์ซานดร้า สามารถพูดได้ 5 ภาษา และเป็นเจ้าหญิงที่มีชื่อเต็มยาวที่สุดในบรรดาเจ้าหญิงในยุโรป คือ Alexandra Josephine Teresa Charlotte Marie Wilhelmine   2. เลดี้ อเมเลีย วินด์เซอร์ สหราชอาณาจักร เลดี้ อเมเลีย วัย 20 ปี โดยเธอเป็นหลานของกษัตริย์จอร์จที่ 5 เธอมีความฝันอยากเป็นนักข่าว และตอนนี้ก็กำลังศึกษาในด้านนี้อยู่ นอกจากนี้ยังมีความสนใจในด้านแฟชั่น…

ความรักเป็นอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อน แม้จะบอกว่ารักกัน แล้วอะไรล่ะเป็นตัวพิสูจน์ว่ารักกันจริง ในขณะที่บางคนบอกว่า ยิ่งคบนานยิ่งรักกันมาก แต่ก็ไม่จริงเสมอ เพราะบางคู่แม้จะคบกันนาน แต่ก็เลิกกันได้ในตอนท้าย Ryan Fontana และ Molly Joseph คู่รักที่ตัดสินใจลาออกจากงาน และทำสิ่งที่เป็นความใฝ่ฝันของทั้งคู่ คือการเที่ยวไปรอบโลกด้วยกัน เพื่อพิสูจน์ว่า ‘รักแท้’ ที่พวกเขามีให้กันนั้นมันจะยืนยาวหรือไม่   พวกเขามุ่งหน้าไปยังแถบแปซิฟิก โดยได้ตั้งเป้าไว้อย่างเรียบง่ายว่า ‘เพื่อใช้ชีวิตทุกวันให้คุ้มค่า เอาชนะอุปสรรคต่างด้วยความรัก และออกไปเผชิญโลกที่ท้าทายมากขึ้น’   นี่คือคู่รัก Ryan Fontana และ Molly Joseph   ในระหว่างการเดินทาง พวกเขาได้เจอประสบการณ์และเรื่องราวต่างๆ หลายรูปแบบ แต่ทั้งคู่ก็ฝ่าฟันไปด้วยกัน แม้บางทีจะเจอกับความยากลำบากบ้าง แต่มันก็ทำให้การเดินทางในครั้งเต็มนี้ ไปด้วยความทรงจำดีๆ และทำให้เข้าใจความหมายของความรักมากขึ้น โดยพวกเขาบอกว่า “หลังจากที่เราได้ใช้เวลาเที่ยวรอบโลก เพื่อแบ่งปันความรักให้คนที่เรารัก ทุกอย่างมันกลายเป็นแสงสว่าง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ามันมีความมืดมิดปกคลุมอยู่ บางอย่างที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อมีความรักมันก็ผ่านไปได้ ความรักจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีกฎเกณฑ์”   ก่อนหน้านี้ ครั้งหนึ่งหลังจากเดินทางไปอุทยานแห่งชาติ Yosemite พวกเค้าตระหนักว่า มีบางอย่างขาดหายไป   ทั้งคู่จึงลาออกจากงาน และมุ่งหน้าไปยังแถบแปซิฟิคทันที…

ในโลกนี้ล้วนมีแต่ความเปลี่ยนแปลง มีทั้งค่อยๆ เปลี่ยนไปตามกาลเวลาและเปลี่ยนแบบรวดเร็วกระทันหัน เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เข้า พอย้อนกลับไปดูบางอย่างแทบจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือกันเลยทีเดียวเชียว และนี่คือ 15 สิ่งรอบโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงในระยะเวลา 100 ปี ทำให้ได้รู้ว่าโลกเรานั้นเปลี่ยนขนาดไหนและเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด   1. ภาพถ่ายโลกจากอวกาศในปี 1946   และปี 2016   2. ต้นคริสต์มาสใน Rockefeller Center ปี 1931   และปี 2015   3. การประกวดนางงาม ปี 1955   และปี 2015   5. โอลิมปิกมาราธอนในกรุงเอเธนส์ในปี 1896   และในลอนดอนในปี 2012   6. ชุดอวกาศในปี 1961   และปี 2014   7. รถไฟใต้ดินแห่งแรกของโลกในปี 1863   และสภาพของสถานีรถไฟใต้ดินประเทศสวีเดน ในปัจจุบัน   8.…

ขึ้นชื่อว่าหมา บางทีมันก็ชอบเล่นซนๆ บ้าง จนทำให้เกิดเรื่องกับมันได้ จึงเป็นหน้าที่ของคนเลี้ยงอย่างเราที่ต้องคอยดูแลมันอย่างดี Edgar เป็นหมาพันธุ์ผสมวัย 4 ปี มีนิสัยกลัวแมวและพายุ แต่มันได้หายออกจากบ้านในคืนหนึ่งพร้อมกับเพื่อนของมัน Oscar พอในวันรุ่งขึ้น Oscar ดันกลับมาแค่ตัวเดียว แล้ว Edgar ล่ะหายไปไหน!!?   Juli และ Sean เจ้าของของมันบอกว่า “ปกติแล้วพวกมันสองตัวชอบออกไปเล่นด้วยกัน และกลับมาด้วยกันเสมอ แต่ครั้งนี้มันผิดปกติ ทำไมมันกลับมาแค่ตัวเดียวล่ะ” พวกเขาจึงติดโปสเตอร์ประกาศตามหาหมาหาย แจ้งเจ้าหน้าที่ควบคุมสัตว์ และออกตามหามันทุกคืน จนผ่านไปเป็นอาทิตย์แล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของ Edgar   พวกเค้ากังวลมากเพราะตลอดทั้งอาทิตย์นั้นก็มีพายุตลอด ไม่รู้ว่ามันจะไปอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง จนวันหนึ่งเมื่อ Sean ออกไปเดินเล่นแถวๆ บ้าน เขาก็ได้เสียงที่คุ้นหู หรือนั่นจะเป็น Edgar เขาจึงรีบเข้าไปใกล้แหล่งเสียงนั้น ปรากฏว่าเสียงมาจากในท่อระบายน้ำ และเมื่อมองเข้าไป ก็เห็น Edgar ติดอยู่ในนั้น เขาจึงโทรเรียกหน่วยฉุกเฉินเพื่อให้มาช่วยตัดท่อ เพราะมันอยู่ลึกเข้าไปเกือบ 30 เมตร   ตัวซ้ายคือ Edgar และขวาคือ Oscar .   เจ้าหน้าที่พยายามตัดท่อ เพื่อช่วยมันออกมา…

ก็ปิดฉากลงกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างริโอเกมส์ หรือโอลิมปิก 2016 ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำลายสถิติต่างๆ การกวาดเหรียญทองกลับประเทศตัวเอง เรื่องของนักกีฬาไร้สัญชาติ และอีกมากมายที่กลายเป็นข่าวโด่งดัง #เหมียวฟิ้น เลยถือโอกาสนี้รวบรวมเอาเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในริโอเกมส์ทั้ง 13 เหตุการณ์มาย้อนให้ทุกๆ คนได้อ่าน ก่อนจะถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์การกีฬา จะประทับใจแค่ไหนลองมาดูกัน…   1. ชาวฟิจิส่งเสียงเฮลั่นทั้งประเทศ เมื่อทีมนักกีฬารักบี้ชายสามารถคว้าเหรียญทอง ซึ่งเป็นเหรียญโอลิมปิกเหรียญแรกในประวัติศาสตร์ของฟิจิมาได้ ลองย้อนกลับไปตอนสมัยพี่บาส สมรักษ์ ได้เหรียญทองแรก ตอนนั้นกระแสในบ้านเราก็ฟีเวอร์มากกกกกกกกกกกกกก เลยล่ะ   2. Michael Phelps นักกีฬาว่ายน้ำชายที่สามารถกวาดเหรียญโอลิมปิกได้มากที่สุดตั้งแต่ที่เคยจัดการแข่งขันมา รวมจากทุกการแข่งขันแล้ว เขามีเหรียญโอลิมปิกกว่า 28 เหรียญ (นับเป็นเหรียญทอง 13 เหรียญ) ทำลายสถิติโลกของ Leonidas แห่งเกาะโรดส์ เมื่อปี 188 ก่อนคริสตกาล ที่คว้าเหรียญโอลิมปิกไปได้ 12 เหรียญ   3. นักวิ่ง Abbey D’Agostino จากอเมริกา…

เพิ่งจบกันไปหมาดๆ กับโอลิมปิกที่เมืองรีโอเดจาเนโร 2016 มีการแข่งขันกีฬามากมายทั้งที่ได้รับความนิยม และไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่…แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะวันนี้ #เหมียวบ็อบ จะพาไปรู้จักกับ 8 กีฬา ที่จะว่าไปแล้วมันก็ไม่แปลกหรอก แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งมันถูกเอามาแข่งเป็นจริงเป็นจังในรายการโอลิมปิกซะได้   1. แข่งชักกะเย่อ นึกว่าจะมีแต่ในกีฬาสีสนุกๆ ขำๆ แบบในบ้านเรา แต่เมื่อช่วงปี 1900-1920 มันเคยถูกบรรจุในการแข่งขันโอลิมปิกมาแล้ว เราคงสนุกน่าดูถ้าได้เห็นตัวแทนแต่ละประเทศมาแข่งดึงเชือกกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และในภาพนี้คือทีมจากประเทศสหรัฐฯ เมื่อปี 1908 ที่จัดขึ้นที่เมืองลอนดอน   2. แข่งยิงเป้านกพิราบตัวเป็นๆ ถ้าปัจจุบันยังมีการแข่งขันนี้อยู่ รายการโอลิมปิกคงถูกประณามแน่ๆ เพราะมันเคยจัดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวในปี 1900 ที่เมืองปารีส นกพิราบกว่าร้อยตัวจะค่อยๆ ถูกปล่อยออกมาเพื่อเป็นเป้าให้แก่นักกีฬายิงปืนทั้งหลาย (โถ่ววว น่าสงสารเจ้านกน้อยเป็นที่สุด T^T)   3. การแข่งขันปีนเชือก เป็นการแข่งขันที่ตัวแทนแต่ละประเทศจะต้องแข่งกันปีนเชือกด้วยมือเปล่า เพื่อขึ้นไปให้ถึงจุดเส้นชัยที่อยู่ข้างบน และนี่คือภาพของ Nikolaos Andriakopoulos นักกีฬาปีนเชือกจากกรีซ ที่กำลังจะคว้าเหรียญทอง เมื่อปี 1896 และการแข่งขันนี้ก็ถูกยกเลิกไปในที่สุดหลังจากปี 1932 นั่นเอง  …

เมื่อเรารักใครซักคน เราก็อยากจะอยู่กับคนที่เรารักไปนานๆ อยากจะทำให้ความสัมพันธ์และช่วงเวลาดีๆ ที่มีกับคนรักคงอยู่ไปตลอดกาล แต่บางที…ความสัมพันธ์ก็อาจจะไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด และสำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เพื่อนๆ ลืมเรื่องงานศิลปะ หรือประติมากรรมอันแสนสวยงามไปได้เลย เพราะที่นี่คือที่จัดแสดงสิ่งของต่างๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของความรักที่แตกร้าว และความสัมพันธ์ที่ไม่ได้จบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้งเหมือนดั่งหนังรักโรแมนติก     แรกเริ่มเดิมทีพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในเมือง Zagreb ประเทศโครเอเชีย และตอนนี้ได้เปิดให้บริการเพิ่มที่เมือง Los Angeles เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยราคาค่าเข้าชมเพียงแค่ประมาณ 650 บาท ผู้เยี่ยมชมจะได้พบกับสิ่งของที่ถูกทิ้งไว้ และไม่มีใครต้องการ จากความสัมพันธ์ของคู่รักที่ต้องแยกทางกัน ที่แห่งนี้มีสิ่งของมากมายที่นำมาจัดแสดงไม่ว่าจะเป็น รูปถ่าย ชุดชั้นใน นิตยสารโป๊ เครื่องดนตรี จดหมาย หรือแม้แต่ชุดแต่งงาน!!     สิ่งของที่นำมาจัดแสดงเหล่านี้ จะถูกรวบรวมมาจากผู้คนทั่วไปที่บริจาคและต้องการบอกเล่าเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดของตนเอง แต่จะไม่มีการเปิดเผยถึงชื่อ หรือข้อมูลของคนนั้นๆ   เสื้อยืด ชุดแต่งงาน และขวาน!!! (อยากรู้เรื่องราวของขวานมากๆ เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น)   สิ่งของทั้งหมดที่ถูกนำมาแสดง จะได้รับการรักษาอย่างดีเพื่อให้คงสภาพเดิมไว้ให้ได้นานที่สุด   ดอกไม้กระดาษ ซึ่งมีเรื่องราวมาจาก “ชายหนุ่มคนหนึ่งในแอลเอ ได้เจอกับสาวคนหนึ่งและเขารู้สึกตกหลุมรัก หลังจากนั้นเธอคนนั้นก็หายไปหลายสัปดาห์…

หากพูดถึงเรือนจำ คนทั่วๆ ไปก็ต้องนึกถึงสภาพการเป็นอยู่ที่ไม่น่าอยู่นัก รวมถึงเพื่อนร่วมห้องที่เค้าอาจจะเคยก่อคดีเลวร้ายจนเราไม่อยากจะทำความรู้จักเลยก็ได้ แต่ทุกอย่างในโลกย่อมมีดีชั่วปะปนกันไป ในดำมีขาว – ในขาวมีดำ เฉกเช่นเดียวกันกับเรือนจำแห่งหนึ่งในเมือง Stillwater รัฐโอคลาโฮมา กับเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อนักโทษเข้ามาช่วยเหลือผู้คุม ที่ถูกเพื่อนนักโทษด้วยกันเองทำร้ายร่างกาย!!!   เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ Tashka Maret นักโทษวัย 24 ปี ที่เรียกร้องขอให้ผู้คุม Matthew Hudson ช่วยเปิดประตูให้ ด้วยการอ้างว่าตนต้องการจะไปเข้าห้องน้ำ   แต่หลังจากที่ผู้คุมเข้าไปเปิดประตูให้เท่านั้นแหละ…!!! นักโทษหนุ่มก็พุ่งเข้ามาสาวหมัดใส่ผู้คุมแบบไม่ยั้ง เรียกได้ว่าไม่ทันให้ได้ตั้งตัวกันเลยทีเดียว ในขณะที่เจ้าหน้าที่ Hudson ผู้ถูกทำร้ายพยายามที่จะติดต่อร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คุมคนอื่น แต่กลับน่าแปลกใจที่ไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ เขาเลยแม้แต่คนเดียว     สถานการณ์ยิ่งดูแย่ลงเรื่อยๆ สำหรับเจ้าหน้าที่คนนี้ เขาถูกนักโทษกอดรัดเข้าที่หลังแล้วฟาดลงกับพื้นจนเสียหลัก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเจ้าพนักงานคนไหนเข้ามาช่วยเหลือเลย…   แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น!! เราต่างรู้กันดีว่านักโทษย่อมเป็นฝ่ายตรงข้ามกับผู้คุม แต่ไม่ใช่กับ Robert Hammock นักโทษร่างท้วมที่กำลังนั่งรออยู่ห่างๆ ทันใดนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะวิ่งเข้ามาช่วยเหลือผู้คุม ด้วยการอุ้มนักโทษอีกคนออกและพยายามแยกทั้งคู่ ก่อนที่จะเกิดเหตุรุนแรงและความเสียหายมากไปกว่านี้   เราไปชมคลิปวิดีโอจากเหตุการณ์นี้ที่บันทึกได้โดยกล้องวงจรปิดในเรือนจำกันเลยดีกว่า…   สุดท้ายแล้วเรื่องราวก็จบลง ภายหลังมีการเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่…

ส่วนใหญ่แล้วคุณลุง และคุณป้า มักจะใจดีกับเราเสมอ เพราะด้วยความที่เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดแท้ๆ ของพ่อแม่เรา อาจทำให้พวกเขาเอ็นดู รักเราเหมือนลูกแท้ๆ และแน่นอนว่าสิ่งทรงคุณค่าที่เรามักได้จากลุงๆ ป้าๆ ก็คงหนีไม่พ้นเงินค่าขนมนั่นเอง และนี่คือเรื่องราวที่ถูกแชร์ลงบนเว็บไซต์ RocketNews24 โดยหลานคนหนึ่ง ที่บังเอิญดันมีลุงที่นอกจากจะใจดีให้เงินค่าขนมหลานแล้ว แต่วิธีการที่เค้าให้นี่แหละไม่ซ้ำซากจำเจ แถมยังครีเอทสุดๆ “ถ้าหลานอยากได้เงินละก็….ต้องแก้ไขปริศนาของลุงให้ได้ก่อนนะ” คุณลุงไม่ได้กล่าวไว้   และนี่คือเกมส์ไขปริศนารับเงินรางวัลที่ลุงคนนี้ทำขึ้นเพื่อหลานรักสำหรับปีนี้   เธอได้รับไข่ปริศนาจากคุณลุง เมื่อเปิดออกมาก็พบว่ามันมีกระดาษโน๊ตเขียนติดไว้ข้างใน โดยมีเนื้อหาว่า “นี่คือคำถามของเธอ เรามาเริ่มกันเลย!!! ประเภทเนื้อที่ขึ้นชื่อของญี่ปุ่นได้แก่ เนื้อโกเบ เนื้อโอมิ และ …….? ลองตามหาคำตอบดูซิ”     เธอเลยคิดขึ้นได้ว่า ตัวเธอและครอบครัวได้มีโอกาสไปดูวิ่งแข่งวัวเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่เดินตามหาทั่วบ้าน เธอก็เข้าไปที่ห้องครัว และไปเจอกับสิ่งของอย่างหนึ่งที่น่าจะเป็นคำตอบ มันคือแพ็คเกจขนาดเล็กที่เขียนติดไว้ว่า ‘เนื้อ มัตสึสากะ’ พร้อมทั้งคำอธิบายด้านของกล่องว่า ‘เนื้อคัดพิเศษ’ และนี่อาจเป็นคำตอบก็ได้นะว่ามั้ย?     และนี่ก็คือคำตอบที่ถูกต้องจริงๆ ด้วย!! ด้วยการไขปริศนาเล็กๆ น้อยๆ นี้ เธอก็ได้รับรางวัลไปเป็นเงิน 3,000 เยน (ประมาณ 1,000…

โรงเรียนกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับเด็กๆ ทั่วโลก เพราะนอกจากจะต้องตื่นเช้าเพื่อไปนั่งเรียนในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ก็หาความน่าตื่นเต้นไม่เจอเลย นอกจากเวลาพักที่เปิดโอกาสให้ได้เล่นกับเพื่อนๆ และนี่คือ 15 โรงเรียนทั่วโลกที่รวบรวมโดยเว็บไซต์ BrightSide ซึ่งแน่นอนว่านอกจากบรรยากาศที่พิเศษกว่าโรงเรียนทั่วไปแล้ว หลักสูตรและการเรียนการสอนย่อมแตกต่างอย่างแน่นอน…   1. โรงเรียนลอยน้ำ Makoko เมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย เป็นโรงเรียนที่ดูเรียบง่ายตั้งอยู่บนผืนน้ำ และสามารถปรับระดับกับน้ำขึ้นน้ำลงได้อย่างดี และรับมือกับสภาพอากาศที่เลวร้ายได้อีกด้วย ที่โรงเรียนแห่งนี้ไม่มีการจำกัดอายุของนักเรียน และพื้นที่ทั้งหมดเป็นได้ทั้งห้องเรียน และสนามเด็กเล่น ในเวลาเดียวกัน   2. โรงเรียนในลูกบาศก์ เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เป็นโรงเรียนที่มีห้องเรียนขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยนักเรียนชั้นมัธยมปลายมากกว่า 1,100 คน!! และการเรียนการสอนก็ดำเนินไปในโดมกระจกแห่งนี้ มีการแบ่งโซนต่างๆ สำหรับการเรียนแยกเป็นกลุ่มๆ ด้วยพื้นที่วงกลมที่นักเรียนนั่งเรียนกันแบบสบายๆ ส่งผลให้เกิดบรรยากาศที่ช่วยให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างสนุกสนาน   3. โรงเรียนที่นักเรียนสามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ในออสเตรเลีย นอกจากรูปทรงและการดีไซน์ของตึกที่ดูมีสีสัน นักเรียนที่นี่ยังได้รับโอกาสในการจัดการแผนการเรียนของตัวเอง ซึ่งจะมีผู้ปกครองและคุณครูมาช่วยดูแลอีกที อีกทั้งนักเรียนยังสามารถนำเสนอหลักสูตรการสอนใหม่ๆ เพื่อพัฒนาความรู้และความสะดวกสบายให้ตัวเองได้อีกด้วย และที่สำคัญนักเรียนที่นี่จะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น   4. โรงเรียนฝึกประสบการณ์จริง ในรัฐโรดไอแลนด์ ประเทศสหรัฐฯ จุดเด่นของโรงเรียนนี้คือ นักเรียนจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่พวกเขาชอบหรือมีใจรักโดยตรงจากผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ที่ทำงานในสาขานั้นๆ…

อีกหนึ่งของเรื่องราวที่โคตรเป็นจริงเกี่ยวกับผู้คนในสมัยนี้ เพราะโลกโซเชียลมีเดียนั้น ก็ถือเป็นการแสดงอัตลักษณ์ของคนๆ นั้นให้สังคมได้รับรู้ในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เราจะสร้างให้เป็นแบบไหนก็ได้ตามที่เราต้องการ… Julia Stakhiva ลูกเศรษฐีสาวชาวรัสเซียคนนี้เช่นกันที่กำลังมีชีวิตในรูปแบบนั้น เธอเป็นเซเลปในโลกออนไลน์ มีผู้ติดตามกว่า 50,000 รายด้วยกัน แถมล่าสุดก็ได้ไปโชว์ตัวในรายการทีวีของอังกฤษอย่าง “The Rich Kids of Instagram” อีกด้วย ซึ่งก็เป็นรายการเกี่ยวกับลูกท่านหลานเธอผู้มีอันจะกินและคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดนั่นแหละ และแน่นอน พวกเขาโชว์ความร่ำรวยสุดๆ ของพวกเขาในรูปแบบที่ต่างๆ กัน ผ่านการใช้สื่อและโซเชียลมีเดียให้คนอื่นได้อิจฉากันเล่นๆ   Julia Stakhiva   แต่เรื่องราวดูเหมือนว่าจะกลับกลายเป็นสวรรค์เบี่ยงซะแล้วสำหรับเธอ เพราะตอนนี้เธอต้องตั้งอินสตาแกรมของเธอ @juliastakhiva เป็นไพรเวทเลยทีเดียวหลังโดน Marina Hyde แห่งสำนักข่าว The Guardian แฉว่า แท้จริงแล้วเธอไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย แถมแอบจองห้องพักในลอนดอนผ่านเว็บไซต์โลโซๆ อย่าง SpareRoom ซะงั้น ทำไมนักข่าวถึงสามารถรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ!? เพราะว่าแฟลทที่เธอมาเช่าดังกล่าวนั้นเป็นของแม่ยายของนักข่าวคนนี้ซะงั้น แถมยังมีภาพของ Julia หลุดออกมาขณะเข้าพักหลายภาพ ทำให้หลายต่อหลายฝ่ายรวมถึงผู้ชมรายการโจมตีเธออย่างรุนแรงในโซเชียลมีเดียของเธอแทบจะทุกทาง!!!   วิดีโอของ Julia Stakhiva ที่แสดงถึงชีวิตอันแสนหรูหราของเธอ   ‘แถมดันประจวบเหมาะตรงที่ แฟลทดังกล่าวนั้นดันไปอยู่ในรายการ “The Rich Kids of Instagram” เรียลลิตี้ติดตามชีวิตเหล่าลูกมหาเศรษฐีราวๆ…

อย่าเพิ่งคิดไปว่าคนเราแก่แล้วจะไม่สามารถทำอะไรได้คล่องแคล่วหรือแข็งแรงเหมือนกับคนหนุ่มสาวนะ เพราะคุณยายคนนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแม้เธอจะมีอายุปาเข้าไปกว่า 77 ปี แต่เธอก็ยังสามารถจับโจรได้นะ!? เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่าคุณยาย Winifred Peel วัย 77 ปี ในเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ต่อสู้กับแก๊งโจรวัยรุ่นชาวโรมาเนีย 3 คนที่เข้าจู่โจมเธอในระหว่างที่กำลังกดเงินจากตู้ ATM     ตามรายงานบอกว่าแก๊งวัยรุ่นทั้ง 3 มีชื่อว่านาย Felix Stoica วัย 19 ปี , Piper Dumitru วัย 18 ปี และนาย Florin Geblescu วัย 18 ปี พยายามปล้นเงินจำนวน 9 พันบาท จากนาง Winifred แต่เนื่องจากคุณยายเข้ายิมเป็นประจำถึง 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำให้ร่างกายของเธอแข็งแกร่งกว่าคนวัยเดียวกัน เธอจึงไม่ยอมให้ปล้นเงินไปได้ง่ายๆ เลยจับคอเสื้อของนาย Stoica หนึ่งในแก๊งวัยรุ่นแล้วทุบเข้ากับตู้ ATM อยู่หลายครั้ง…

หลายๆ คนมองว่าชีวิตแต่ละชีวิตนั้นมีค่า ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ คน หรือแม้แต่ต้นไม้เองก็มีชีวิต ฉะนั้นหากเราพลาดพลั้งทำให้ชีวิตหนึ่งชีวิตต้องตายไปก็จะรู้สึกเศร้าเสียใจเป็นเรื่องธรรมดา เช่นเดียวกับสาวน้อยคนนี้ที่ไม่ได้ตั้งใจขับรถชนเข้ากับเจ้านกตัวน้อยจนทำให้มันตาย ซึ่งเธอก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก   และนี่คือ Simone (คนตัวเล็ก) และ Mikayla (คนตัวสูง) สองคู่ซี้วัยเรียน จากเมือง Houston รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา   เมื่อไม่นานมานี้เอง Mikayla ได้ขับรถออกไปข้างนอก ร่วมกันกับเพื่อนรักของเธอ และพี่สาว แต่จู่ระหว่างทางเธอก็ได้ขับรถชนกับเจ้านกตัวน้อยอย่างจัง เป็นเหตุให้มันเสียชีวิตในทันที     นั่นทำให้ Mikayla รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ก็เลยร้องไห้ออกมาไม่หยุดตลอดทาง ซึ่งเพื่อนของเธอก็เลยถ่ายคลิปมาอัพลงโซเชียลเน็ตเวิร์คซะเลย ในระหว่างนั้นก็ได้เปิดเพลงเศร้าคลอไปด้วย     Mikayla เล่าว่า “เมื่อฉันได้ยินเพลงเศร้า ก็ทำให้นึกถึงฉากในหนังที่เจ้านกน้อยพลัดร่วงลงมาจากรัง ในวันที่มีแสงแดดส่องจ้า ท่ามกลางใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นลงมาช้าๆ เป็นสัญญาณบอกว่าชีวิตใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว!! แต่ก็น่าเศร้าใจที่รู้ว่าหลังจากนั้นมีคนพรากชีวิตของมันไป และมันคงไม่มีโอกาสที่จะได้โบยบินอีกครั้ง” นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่าเธอเป็นคนที่รักสัตว์มากๆ และเธอไม่เคยฆ่าแม้แต่แมลงซักตัวที่อยู่ในบ้านของเธอเลย “ฉันเป็นคนที่รู้สึกอ่อนไหวต่อเรื่องต่างๆ ได้ง่ายมาก ฉันไม่สามารถทนเห็นเรื่องเศร้าแบบนี้ได้โดยไม่ร้องไห้ออกมา” Mikayla กล่าว แต่ถึงอย่างนั้น…

แม้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงจะไม่มีซุปเปอร์ฮีโร่ไว้คอยช่วยเหลือผู้คน แต่หากเราร่วมมือกัน แม้แต่โจรร่างยักษ์ก็สามารถโดนโค่นได้ง่ายๆ เช่นเดียวกับคลิปของอันธพาลร่างเบิ้มรายนี้ ที่ขึ้นมาบนรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่กำลังฉกเอาโทรศัพท์มือถือและทรัพย์สินอื่นๆ จากเด็กวัยรุ่นไป แม้จะมีผู้โดยสารคนอื่นๆ ยืนรายล้อมตัวเขาอยู่ก็ตาม     คลิปนี้ถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Zaida Pugh ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา เผยให้เห็นชายอ้วนสวมใส่เสื้อสีดำ กำลังขู่กรรโชคทรัพย์กับวัยรุ่นคนหนึ่ง เสียงของเขาดังเกินกว่าที่ผู้โดยสารคนอื่นๆ จะเพิกเฉยได้ ผู้คนจึงเริ่มบอกให้เขาใจเย็นๆ และหยุดขโมยของวัยรุ่นคนนั้นซะ     แต่ดูท่าแล้วเขาจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ และนั่นทำให้บางคนทนไม่ไหว จากคลิปวิดีโอจะเห็น หญิงสาวคนหนึ่งเปิดฉากปาถาดสปาเก็ตตี้ใส่หน้าเข้า และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการปลดล็อคอะไรสักอย่าง ถัดจากนั้นไม่ถึงวินาที ผู้โดยสารคนอื่นๆ ก็เข้ามาช่วยตะลุมบอนอันธพาลรายนี้อย่างหนักหน่วง     ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่นี่เลย (ชมคลิปไม่ได้คลิกที่นี่) YEAH HE NEEDS TO BE ARRESTED. HE’S A DAMN BULLY AND FOR ALL OF THAT THE LITTLE BOY…

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ไปเสียแล้ว หลังจากที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวที่ว่าได้มีชายชราคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บหนักจากอุบัติเหตุในประเทศจีน แต่กลับถูกรถพยาบาลทิ้งหลังจากถูกยืนยันว่าชายคนนั้นเสียชีวิตแล้ว สื่อจีน Anhui News ได้รายงานว่ารถพยาบาลในมณฑลอานฮุยประเทศจีนได้ทิ้งร่างของผู้ป่วยหลังจากได้รับการยืนยันว่าเขาเสียชีวิตแล้ว     โดยที่รถพยาบาลถูกโทรเรียกโดยครอบครัวของชายชราคนนี้ ผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ และรถพยาบาลก็ได้รับเขาไปส่งที่คลินิคใกล้เคียง จากนั้นก็ได้ทำการส่งผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลที่ใหญ่กว่านี้ อย่างไรก็ตาม รถพยาบาลก็ได้หยุดระหว่างที่จะถึงจุดหมายเพื่อไปพบกับรถพยาบาลจากโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่าและแพทย์ฉุกเฉินก็ประเมินผู้บาดเจ็บแล้วว่าเสียชีวิตไปแล้ว ทางหน่วยกู้ชีพจึงแจ้งไปทางครอบครัวว่าต้องพักการส่งตัวผู้ป่วยไว้ก่อน เพราะว่ามีเหตุด่วนอีกเหตุการณ์ที่ต้องไปทำหน้าที่     ทางครอบครัวก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากจากการกระทำของหน่วยกู้ชีพนี้ พร้อมทั้งรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับตำรวจฟัง ตำรวจก็ได้แนะนำว่าทางรถพยาบาลควรนำร่างของผู้เสียชีวิตไปส่งที่ห้องดับจิต หรือไม่ก็ย้ายไปที่รถที่พอจะพาไปส่งได้ หลังจากเหตุการณ์นี้ ทางหน่วยกู้ชีพทีมนี้พร้อมทั้งคนขับรถก็ได้ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ทางชาวเน็ตก็พูดในหลายแง่ที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของหน่วยกู้ภัยที่จะออกไปช่วยอีกคน เพราะว่าอีกชีวิตก็สำคัญเช่นเดียวกัน . . .   และอีกฝั่งก็บอกว่าทางรถพยาบาลควรเคารพร่างผู้เสียชีวิตด้วย ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีใครพาไปส่งที่โรงพยาบาล   แล้วเพื่อนๆ มีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้บ้าง ลองแสดงความคิดเห็นมาได้นะ ที่มา rocketnews24

กลายเป็นเรื่องเศร้าปนฮาไปเลย เพราะเมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ Mirror ได้เปิดเผยเรื่องราวของนาย Faizan Patel หนุ่มชาวอินเดียจากกรุงนิวเดลี ที่เพิ่งจะแต่งงานกับภรรยา Sana เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปี 2015 ที่ผ่านมา     พวกเขาวางแผนจะไปฮันนีมูนที่ประเทศกรีซและอิตาลี ในเดือนสิงหาคม แต่ก่อนจะออกเดินทางได้ไม่กี่วัน Sana ก็พบว่าเธอทำหนังสือเดินทางหาย หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ และพวกเขาไม่สามารถขอคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบินและแพ็คเกจที่พักใดๆ ได้แล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจว่านาย Faizan ควรจะไปเที่ยวเพียงลำพัง….     ในวันเดินทาง Sana ยังได้มาส่งสามีของเธอที่สนามบิน ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไป เขาได้เตรียมกระดาษที่ปริ้นรูปภาพของภรรยาติดตัวไปด้วย เพื่อจะได้ถ่ายภาพคู่ (แบบหลอกๆ) ตามสถานที่ต่างๆ ตลอดการเดินทาง     นาย Faizan ให้สัมภาษณ์ว่าเขาคิดถึงภรรยามาก “ทริปนี้ถูกวางแผนโดยเธอทั้งหมดเลย ผมอยากให้เธอมาอยู่ข้างๆ ผมเหลือเกิน”  เหลือเชื่อเลยว่าเรื่องนี้โด่งดังจนไปเข้าหูของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดียอย่าง Sushma Swaraj เขาเลยจะออกหนังสือเดินทางอีกฉบับให้ แต่น่าเศร้า.. เพราะยังไงแล้วมันก็ยังต้องรอวีซ่าอยู่ดี ทำให้เธอไม่สามารถไปร่วมทริปกับสามีได้ทันเวลา     นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ ที่มีข่าวว่าคู่รักต้องแยกกันไปฮันนีมูนคนเดียว เพราะเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก็มีข่าวว่าหญิงสาวชาวปากีสถานต้องออกไปฮันนีมูนที่กรีซกับสามี แต่ฝ่ายชายดันทำวีซ่าไม่ผ่าน…

เวลาดูหนังสักเรื่อง แล้วเห็นอาหารวางอยู่บนโต๊ะ แหม่ มันช่างยั่วน้ำลายจริงๆ และโดยเฉาะ เรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์ ที่เต็มไปด้วยอาหารหน้าตาแปลก แต่ก็ยั่วให้อยากได้ดีจริง และนี่คือ 19 อาหารที่เคยทำให้ใครหลายคนน้ำลายไหลมา ทั้งๆ ที่บางเมนู เราก็สามารถหามากินได้ง่าย มีอะไรบ้าง ไปดูกัน อย่าลืมเช็ดน้ำลายด้วยละ อิอิ   1. โอเค โพสต์นี้เราจะพาย้อนไปชมอาหารในภาพยนตร์ฮิตเรื่องนี้   2. จำได้มั้ยในภาคแรก กับชอตการกินขนมของแฮรี่และรอน ที่ทำให้กลืนน้ำลายไปหลายอึกเลย   3. บวกกับการกินขนมฟินๆ แบบรอน เห็นแล้วก็ต้องหาอะไรมาเคี้ยวเล่นๆ ตาม   4. เค้กของแฮกริด ที่แม้หน้าตาจะไม่น่ากิน แต่เราก็ยังอยากอยู่ดี   5. ขนมเค้กของเพ็ตทูเนีย ตกแต่งด้วยผลไม้   6. เห็นแล้ว รีบโทรสั่ง KFC มาส่งรัวๆ   7. ขนมเต็มโต๊ะในวันฮาโลวีน จนอยากเข้าไปร่วมโต๊ะ   8.…

เวลาที่เราจะเลือกของสักชื้น เราคำนึงถึงอะไรบ้าง แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ก็คงจะเลือกซื้อเพราะมันมีประโยชน์ อะๆ แต่ก็มีอีกหลายคนเช่นกัน ที่ซื้อของเพราะแพคเกจจิ้งมันน่ารักอะ วันนี้เลยมาเอาใจสาวกคนรักแพคเกจ ด้วยแพเกจจิ้งสวยๆ น่ารัก ที่เห็นแล้ว ยังไม่ทันรู้ว่าอะไรอยู่ข้างในก็ซื้อไว้ก่อน   กระดาษชำระ เป็นผลงานของนักออกแบบชาวญี่ปุ่น  Kazuaki Kawahara   ซื้อไปคงไม่กล้าแกะใช้อ่า   กล่องนมสไตล์ Jack Daniel   กล่องคุกกี้ โดยนักออกแบบชาวจีน จาก Kee Wah   สบู่ที่ออกแบบให้เหมือนไอศกรีม คิดค้นโดยทีมงานจาก Ahhaproject   ก่อนเอาไปใช้ดูดีๆ นะ บางคนคิดว่าเป็นไอศกรีม เอาเขาปาก ยุ่งแน่   เทปกาว โดยนักออกแบบโฆษณาชาวเยอรมัน Kolle Rebbe ในคอนเซปท์ Magic Tape .   กล่องใส่ซีเรียลแบบม้วน โดยนักออกแบบชาวอินเดีย   ไม่ใช่แค่สวย แต่ยังใช้ได้ดีกว่าเดิมด้วย   กระป๋องเบียร์ โดยนักออกแบบชาวสเปน Txaber   ขวดไวน์…

แม้เราจะเกิดมาสมบูรณ์ครบถ้วน แต่เราก็ไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าต้องเจอกับอะไรบ้าง จากที่มีร่างกายครบ 32 แต่วันหนึ่งหากเราต้องเอาส่วนใดส่วนหนึ่งออก นั่นอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของใครหลายๆ คน แต่จะเปลี่ยนไปในทางไหน ดีหืรอแย่กว่าเดิมนั้น ก็อยู่ที่เราจะเลือกใช้ชีวิต และตอบรับกับสิ่งที่เข้ามาในอนาคตอย่างไร…   Mama Cax บล็อกเกอร์ด้านไลฟ์สไตล์และความงาม เธอโชคร้ายที่ปวยเป็นมะเร็งตั้งแต่เายุ 14 ปี เท่านั้นยังไม่พอ แม้เธอจะรอดมาได้ตอนหมอบอกว่าเหลือเวลาอีกแค่ 3 อาทิตย์ที่จะมีชีวิตอยู่เท่านั้น โรคร้ายนั้นทำให้เธอต้องตัดขาทิ้งไป… หลังจากนั้นเธอเลยตั้งเป้าหมายว่า จะต้องเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนพิการทุกคนบนโลกนี้…   เธอบอกว่า “คนพิการบนโลกนี้ มักจะถูกจำกัดสิทธิทางการเมืองและสังคม ดังนั้น ฉันจะสร้างความแตกต่างและเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขา” โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอมีใจสู้แบบนี้ เป็นเพราะว่าเธออยากเอาชนะกับ ความไม่สมบูรณ์ของร่างกาย และอีกหนึ่งเหตุผลคือ เพราะว่าเธอได้รับกำลังใจมากมายจากคนรอบข้าง ดังนั้นจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด และวันนี้เธอก็ประสบความสำเร็จแล้ว ด้วยการเป็นบล็อกเกอร์เกี่ยวกับ การท่องเที่ยว อาหาร และแฟชั่น ที่สำคัญเธอยังเป็นแรงบันดาลให้กับผู้คนทั่วโลกด้วย   .   แม้จะลำบากซะหน่อย แต่เธอก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้   มีผู้คนมากมายมาให้กำลังใจ เธอจึงลุกขึ้นสู้ต่อไป   และตอนนี้ เธอก็ประสบความสำเร็จแล้ว มีผู้ติดตามอ่านบล็อกเธอ…

ชีวิตคู่เป็นอะไรที่ซับซ้อน ใครที่ไม่เคยเจอคงไม่เข้าใจ มีทั้งสุขบ้าน เศร้าบ้าง ทะเลาะกันบ้าง เป็นสีสันให้ชีวิตคู่ แต่ถ้าหากรักกันจริง ไม่ว่าจะมีอุปสรรค พวกเค้าจะผ่านมันไปด้วยกันได้ในที่สุด Carolina Maggio ศิลปินหญิงคนหนึ่ง ได้ออกแบบตัวการ์ตูน “ลูกไก่กับหมาจิ้งจอก” เพื่อทำเซอร์ไพรส์สามี โดยการสร้างเป็นเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงความรักของทั้งคู่ เธอบอกว่า “ทั้งฉันและสามีรู้ดีว่า ตั้งแต่เราแต่งงาน เราก็ต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย ซึ่งเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล ที่แม้จะลำบากและก็ความท้าทายให้กับชีวิตของเรา ในการจัดการกับความเปลี่ยนแปลงนี้”   ตั้งแต่สามีออกไปทำงาน ภรรยาก็นั่งรอ รอ รอ แล้วก็ คร่อกกกก…   เธอแทนตัวเองเป็นหมาจิ้งจอกและให้สามีเป็นลูกไก่ตัวน้อยๆ ‘หมาจิ้งจอกมักจะจิกกัดลูกไก่บ่อยๆ ซึ่งบางทีก็ทำให้กลายเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตคู่ แต่ลูกไก่เอง ก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จทำให้หมาจิ้งจอกกลายเป็นเด็กชายที่ใสซื่อ บริสุทธิ์ด้วยการถอนขน เอาหูออกและถอดกรงเล็บหมาจิ้งจอก’   เมื่อทะเลาะกัน ต่างคนต่างก็อยากเป็นผู้ชนะเท่านั้น   อย่าพยายามจะเปลี่ยนเค้า แต่ให้เข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกัน   แต่บางทีบางเรื่อง มันก็น่าเปลี่ยนนะ   อย่างเช่น การหันมารักษาสุขภาพกันเถอะ   ตั้งแต่มีภรรยา นาฬิกาปลุกก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว   ในทุกๆ วัน…

สำหรับคนที่ชื่นชอบการไปดูหนังในโรงหลายๆ คนก็จะรู้กันดีว่าที๋โรงภาพยนตร์หลายๆ โรงนั้นมักจะอนุญาตให้นำอาหารและเครื่องดื่มที่ซื้อจากหน้าโรงเข้าไปเพียงเท่านั้น ถ้าหากเราซื้อมาจากข้างนอกเรานำเข้าไปทานในโรงน่ะแสดงว่าผิดกฎ ซึ่งแน่นอนว่าใครหลายๆ คนก็คงเคยทำกันมาก่อน โดยให้เหตุผลว่าอาหารและเครื่องดื่มที่ทางโรงหนังเอามาขายนั้นมันมีราคาแพงเกินกว่าเหตุ เช่นเดียวกันกับสาวๆ กลุ่มนี้ที่แอบพกอาหารเข้าไปทานในโรงหนัง แต่ไม่ใช่ของกินธรรมดาๆ นะ เพราะพวกเธอเอาแตงโมเป็นครึ่งลูกเข้าไปนั่งทานกันอย่างสบายใจเฉิบเลยยังไงล่ะ   สาวน้อยวัย 18 ปี Priscilla Banuelos นักเรียนจากโรงเรียน Modesto Junior College ที่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย     เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้เธอและเพื่อนๆ ของเธอได้ไปชมภาพยนตร์กันที่โรงหนัง Galaxy ในเมือง Riverbank ที่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย     แต่มันไม่ได้เป็นการไปดูหนังในโรงแบบธรรมดาๆ น่ะสิ เพราะพวกเธอทุกคนได้แอบเอาแตงโมคนละครึ่งลูกเข้าไปกินในโรง ด้วยการเอามาแปะติดกับท้องแล้วทำทีเป็นคนท้องเดินข้าไปในโรงหนัง     หลังจากที่โพสต์เรื่องราวลงบนทวิตเตอร์ก็ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีโดยมียอดไลค์ถึง 33,500 ครั้ง และรีทวีตถึง 23,800 ครั้งเลยทีเดียว ซึ่งเธอก็ได้เล่าว่า ได้ไอเดียนี้มาจากช่างแต่งหน้าชื่อดังที่เธอชื่นชอบ Bretman Rock ที่เคยทำแบบนี้มาก่อนแล้ว กลุ่มของสาวๆ ได้ให้เหตุผลของการออกมาทำแบบนี้ว่าพวกเธอจะมีโอกาสได้อยู่ร่วมกันอีกไม่นานแล้ว ก่อนที่จะแยกย้ายกันออกไปเดินตามความฝันของแต่ละคน ก็เลยตัดสินใจที่จะทำเรื่องบ้าๆ ด้วยกัน     สาว Priscilla…

กลายเป็นคนดังไปชั่วข้ามคืนเลย สำหรับ Fu Yuanhui นักว่ายน้ำสาวชาวจีนที่ร่าเริงสดใสจนคนทั่วโลกพูดถึง หลังจากที่จบการแข่งขันแล้ว เธอก็ได้เดินทางกลับไปยังประเทศจีนเพื่อเดินสายโชว์ตัวและออกรายการโทรทัศน์ต่างๆ ล่าสุดเธอได้ไปออกรายการ Champion Fun ของจีน เธอสารภาพออกสื่อว่าไม่เคยคบกับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย และเธออยากจะมีแฟนมากๆ     Fu Yuanhui ปรากฏตัวในรายการทีวีในชุดกระโปรงยาว เสื้อดำและรองเท้าส้นสูงดูแปลกตากว่าภาพที่เราเห็นเธอในโอลิมปิกที่ผ่านมา แต่ท่าทางบ๊องๆ ต๊องๆ ของเธอยังอยู่ครบถ้วนนะ เมื่อก้าวเข้ามาในรายการ พิธีกรได้เริ่มถามถึงเสื้อผ้าหน้าผมของเธอที่ดูแปลกตา เธอแอบขำนิดๆ แล้วบอกว่าหากเธอได้กลับไปสวมเสื้อวอร์มแบบเดิมเธอคงจะโผกอดพิธีกรสักฟอดนึง     จากนั้นพิธีกรก็เริ่มถามถึงความสัมพันธ์ของเธอต่อ ซึ่งเธอบอกว่าไม่เคยผ่านชายคนไหนมาก่อนเลย ต่อมาพิธีกรได้ถามเธอว่ามีนักกีฬาว่ายน้ำในทีมคนไหนที่เธอชอบบ้างไหม? เธอเลยบอกว่า “แม้แต่คนที่ฮอตที่สุดในทีมก็ยังกลายเป็น ‘พี่ชาย’ ไปเลย หลังจากที่เราซ้อมด้วยกัน”     “ฉันรู้สึกว่าผู้คนที่มีอายุไล่เลี่ยกับฉันจะดูไม่เป็นผู้ใหญ่พอ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจกับคนที่แก่กว่าในทีมว่ายน้ำของฉันหรอกนะ” Fu Yuanhui พูดถึงทัศนะคติที่มีต่อความรัก ตอนนี้สื่อต่างๆ ให้ความสนใจเธอเป็นอย่างมาก เธอจึงพยายามเน้นชัดกับทุกๆ คนว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือนักกีฬาและนั่นคือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของเธอ เธอไม่ต้องการเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในฐานะนักแสดงตลกหรือคนดังในโลกออนไลน์ แต่หวังว่าผู้คนจะให้ความสนใจไปที่ความสำเร็จในการว่ายน้ำของเธอ     ชมคลิปที่เธอไปออกรายการโทรทัศน์ได้ที่ด้านล่างเลย แม้จะฟังไม่ออกทั้งหมดแต่ก็รับรู้ในความโก๊ะกังของเธอล่ะนะ ดูไปดูมาเธอนี่โด่งดังกว่านักกีฬาที่ได้เหรียญทองบางคนอีกนะเนี๊ยะ ที่มา shanghaiist

ทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศตามหาใครก็ตาม ดูเหมือนคนๆ นั้นจะต้องเจอปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว แต่ก็มีบางกรณีเหมือนกันนะ ที่ตำรวจต้องการตามตัวเพื่อสรรเสริญถึงความดีที่เขาคนนั้นได้ทำเอาไว้     เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในเมือง ท็อตแนม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นภาพของชายวัย 47 ปีที่จู่ๆ เกิดสะดุดทางเดินจนร่วงลงไปบนรางรถไฟ สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนในบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก     แต่ในระหว่างที่ผู้คนกำลังมุงดูและไม่มีใครกล้าลงไปช่วยเพราะเกรงว่ารถไฟกำลังจะเทียบชานชาลาได้อีกไม่กี่อึดใจ กลับมีชายหนุ่มคนหนึ่งตัดสินใจกระโดดลงไปข้างล่างเพื่อช่วยให้ชายคนนั้นกลับขึ้นมาด้านบนอย่างปลอดภัย     จากนั้นไม่นานทีมแพทย์ก็เข้ามาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่จะนำตัวคุณลุงส่งโรงพยาบาลต่อไป ตามรายงานบอกว่าทั้งคู่ปลอดภัยดีและไม่ได้ถูกไฟฟ้าช็อต เพราะเนื่องจากไปพวกเขาไม่ได้ไปโดนเข้ากับรางที่ติดกับกำแพงที่มีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่     วีรกรรมของฮีโร่คนนี้ได้รับการยกย่องจากผู้คนในบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก ทางด้านผู้กำกับการตำรวจขนส่ง Chris Horton ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “การลงไปบนรางรถไฟถือเป็นเรื่องที่อันตรายสุดๆ เลย แต่ชายคนนี้กล้าลงไป ขอยกย่องเลย” “ในนามของกรมตำรวจขนส่ง ผมอยากจะสรรเสริญชายคนนี้สำหรับการกระทำที่กล้าหาญ การตัดสินใจที่รวดเร็วที่ช่วยชีวิตของชายคนนั้นไว้ได้” แถมยังปิดท้ายด้วยว่าตอนนี้พวกเขาอยากจะเจอชายคนนี้มากๆ เพื่อที่จะได้พูดคุยและรู้จักกับชายผู้กล้าคนนี้   ไม่ว่าใครก็กลายเป็นฮีโร่ได้ แม้จะไม่ได้สวมชุดแบบซุปเปอร์ฮีโร่ก็ตาม ที่มา metro

ในยุคที่เกิดเหตุก่อจลาจล การก่อการร้าย และอะไรๆ ก็ดูจะไม่เป็นมิตรกับเราสักเท่าไหร่ แต่คุณก็อย่าเพิ่งหมดศรัทธากับมนุษย์ไปนะ เพราะคนดีๆ ยังมีอยู่อีกเยอะล่ะ     วันนี้ #เหมียวฟิ้น จะพาทุกคนไปดูคลิปการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ชวนอิ่มเอมใจ จากช่องยูทูบ Penelope Derksen คำอธิบายคลิปบอกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา คลิปเผยให้เห็นภาพของชายคนหนึ่งกำลังขี่สกู๊ตเตอร์สำหรับคนพิการและชราไปตามถนน แต่เนื่องจากถนนมีความลาดชันมาก ทำให้เขาไม่สามารถขึ้นไปได้โดยง่าย ประกอบกับในตอนนั้นมีพายุฝนโหมกระหน่ำลงมา ทำให้เขาติดอยู่ตรงถนนไม่สามารถขยับไปไหนมาไหนได้     แต่โชคดีที่มีพลเมืองดีขับรถผ่านมา และจอดเพื่อลงไปช่วยเข็นสกู๊ตเตอร์ให้กับชายคนนั้นเป็นเวลาประมาณ 5 นาที ทำให้ร่างกายของเขาเปียกฝนไปด้วย พร้อมกันนี้เจ้าของคลิปยังอธิบายเพิ่มเติมว่า “แค่อยากจะขอบคุณในการตอบสนองที่รวดเร็วของเขา เขาช่วยผู้ชายคนนั้นเสร็จก่อนที่ผมจะใส่รองเท้าเสร็จซะอีก”   .   ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย   คลิปนี้ได้รับคำวิจารณ์ได้แง่ต่างๆ มากมาย ทั้งชื่นชมในความมีน้ำใจ และคำตำหนิที่บอกว่าคนถ่ายคลิปควรจะออกไปช่วยพวกเขา แทนที่จะเอาแต่ถ่ายคลิปอย่างเดียว Lorita Gainford “ขอบคุณสำหรับความเป็นสุภาพบุรุษที่ใส่ใจกับคนพิการด้วย” Don Orchard “ความเมตตาไม่ได้มีเกิดขึ้นกับทุกๆ คน มีแค่ในบางคนเท่านั้นแหละ และมีน้อยคนที่จะมีความเป็นสุภาพบุรุษ” Abdel Hegazi “ผมมั่นใจว่าคนอีกเป็นพันน่าจะคิดแบบเดียวกับผม คือถ้าคนที่บันทึกคลิปนี้ยื่นมือเข้าไปช่วย…

โรงเรียนที่ไม่มีการทำร้ายรังแกกัน… โรงเรียนที่มีคนที่พร้อมจะเป็นเพื่อนกับเรา….   ปัญหาการไปโรงเรียนของเด็กๆ นั้น ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็มักจะเจอปัญหา เช่น ปัญหาการอยู่ร่วมกับเพื่อน ปัญหาค่าใช้จ่าย การเดินทาง และอื่นๆ อีกมากมาย Kevin Egan เป็นเด็กออทิสติกและสมาธิสั้น วัย 11 ปี จาก Essex เขาพยายามที่จะเรียนในโรงเรียนปกติ แต่แล้วก็ต้องกลับมาร้องให้ทุกครั้ง เพราะไม่มีใครคุยกับคุยด้วย เขาจึงอยากไปเรียนที่โรงเรียน  Endeavour ซึ่งเป็นที่มีสิ่งที่เขาต้องการ แต่แล้วก็เกิดปัญหาอีก     โดยทางหน่วยงานด้านการขนส่งขนส่ง ที่คอยไปรับไปส่งเด็กจากไปบ้านไปโรงเรียน ส่งจดหมายมาหาครอบครัวของเขาว่า ‘ไม่สามารถไปรับ ไปส่ง Kevin ได้ เพราะว่า บ้านไปอยู่ไกลจากโรงเรียนถึง 30 กิโลเมตร’ ในขณะที่แม่ของเธอยินที่จะจ่ายเพิ่มเป็นเงินราว 3,500 บาท แต่ทางสภาก็ตอบกลับมา ‘ถ้าเราให้โอกาส Kevin หนึ่งคน เด็กคนอื่นๆ ก็จะทำตามอีก และจะเกิดปัญหาตามมา’ โดยเสนอให้ Kevin ย้ายไปที่โรงเรียน Harlow Fields เนื่องจากใกล้กับบ้านของเขามากกว่า และเป็นโรงเรียนที่เหมาะกับเด็กทีมีความบกพร่องทางการเรียนรู้อย่างเขาด้วย   แต่ก็ไม่เป็นดังที่คาดคิด… และเมื่อลองไปเรียนที่นั่นประมาณ…

ในทุกๆ การแข่งขัน แน่นอนว่าต้องมีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะเสมอ แต่ส่วนมากแล้ว โลกของเรามักชื่นชม และนำเสนอเรื่องราวของผู้ชนะมากกว่า ด้วยความสำเร็จของพวกเขา ทำให้คนจากทั่วโลกรู้จักและชื่นชมในสิ่งที่พวกเขาทำ แต่ในด้านของผู้แพ้ล่ะ?? ที่จริงแล้วหลายๆ คนนั้นก็มีความพยายามไม่น้อยไปกว่าเหล่าบรรดาแชมป์เปี้ยนเลย แต่กระนั้นก็เหมือนที่กล่าวไว้ ในทุกๆ การแข่งถ้ามีผู้ชนะ ก็ต้องมีผู้ที่พ่ายแพ้และผิดหวังเกิดขึ้นร่ำไป วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากพาเพื่อนๆ ไปชม 23 ภาพสุดสะเทือนใจจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ริโอในปี 2016 นี้ อีกหนึ่งด้านที่คุณอาจไม่เคยเห็นกันมาก่อน!!!   นักเทนนิสมือหนึ่งของเซอร์เบีย Novak Djokovic หลั่งน้ำตาหลังตกรอบแรกของการแข่งชายเดี่ยว   ทีมหญิงนิวซีแลนด์ที่พ่ายเหรียญทองในการแข่งขันรักบี้กับประเทศออสเตรเลีย หลังจากเป็นแชมป์มาอย่างยาวนานกว่า 7 ปีเต็ม   Ines Boubakri นักฟันดาบสาวชาวตูนีเซียไปสงบสติอารมณ์และทำใจอยู่ตรงมุมสนามหลังพ่ายให้กับนักดาบอิตาลี Elisa di Francisca   นักว่ายน้ำชาวจีน Sun Yang มองเหรียญเงินของตัวเองอย่างผิดหวัง หลังพ่ายให้กับ Mack Horton นักว่ายน้ำชาวออสเตรเลียในรอบชิงชนะเลิศ   กัปตันทีมฮอคกี้ชาวอินเดีย PR Sreejesh ที่ถึงกับต้องไปสงบสติอารมณ์ หลังพ่ายให้กับทีมชาติเบลเยี่ยมในรอบ 4 ทีมสุดท้าย   Bernadette…

เปิดมุมมองในอีกหนึ่งประเทศ ที่ขึ้นชื่อว่ามีความลึกลับมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก….   แต่สำหรับช่างภาพมืออาชีพ ผู้ที่ได้ถ่ายทอดผลงานการถ่ายภาพเจ๋งๆ มาแล้วมากมายอย่าง Raphael Olivier ได้เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวยังกรุงเปียงยาง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเกาหลีเหนือ พร้อมทั้งได้เก็บภาพสถาปัตยกรรมภายในเมืองมาให้เราได้ชม     เธอบอกว่า ‘หลังจากที่เมืองเกือบถูกทำลายอย่างย่อยยับในช่วงสงครามเกาหลี เมืองเปียงยางแห่งนี้ถูกฟื้นฟูโดยสถาปนิกท้องถิ่นในช่วงยุค 1960-1970 ซึ่งส่วนใหญ่เรียนรู้มาจากในสหภาพโซเวียต’ เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าผลงานที่อยู่ในเมืองนี้ จะให้ความรุ้สึกเป็นคอมมิวนิสต์ร่วมสมัย และให้กลิ่นอายของโซเวียตอยู่มากเลยทีเดียว แม้ว่าหลากหลายอาคารจะดูค่อนข้างเก่าและเสื่อมโทรมไปตามการเวลา แต่ก็มีโครงการพัฒนาใหญ่ อย่างเช่นอาคารทรงปิรามิดที่เราได้เห็นกันด้านล่างนี้   .   เมื่อได้ลองเปิดโลกทัศน์ในกรุงเปียงยาง ก็ทำให้เราได้รู้ว่าจริงๆ แล้วก็เป็นเมืองที่แปลกตาไม่น้อยเลยทีเดียว…   อีกมุมหนึ่งของภาพบรรยากาศภายในกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ ที่น้อยคนจะเคยเห็น . . . . .   และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงผลงานภาพถ่ายส่วนหนึ่งของเขาเท่านั้น หากใครที่ชื่นชอบ และอยากรับชมภาพเพิ่มเติม ก็สามารถคลิกเข้าไปตามลิงค์ที่เราแปะไว้ให้ได้เลย behance, raphaelolivier, facebook และ twitter ที่มา : twistedsifter

ถ้าเรามองย้อนไปในประวัติศาสตร์สมัยยุคกลาง หรือที่รู้จักกันในชื่อของยุคมืด คิดว่าหลายๆ คนคงไม่อยากอยู่แน่นอน เพราะเป็นยุคที่โลกในสมัยนั้นถูกปกครองด้วยศาสนจักร เรียกได้ว่าถ้าใครทำผิดอะไรนิดหน่อยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นประหารได้เลยนะ!!! และในสมัยยุคกลางนี้แหละ เป็นยุคที่รุ่งเรืองสุดๆ ในเรื่องของการทรมานผู้กระทำผิด เพื่อให้พวกเขาบอกความจริง หรือรับสารภาพผิด ซึ่งแต่ละอย่างนั้นเน้นทรมานกะเอาตายกันไปข้างเลยก็ว่าได้ เราไปดู 10 ตัวอย่างการทรมานในอดีตกันเลยดีกว่า แต่ขอเตือนเลยว่ามันโหดร้ายมากจริงๆ   1. แท่งเหล็กแห่งการทิ่มแทง รู้หรือไม่ว่า Vlad หรือที่รู้จักกันในนาม Dracula เมื่อศตวรรษที่ 15 คือผู้ที่ชื่นชอบนำเอานักโทษหรือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมาทรมานด้วยการ ให้นั่งบนแท่งเหล็กที่มีความแหลม แล้วนักโทษคนนั้นก็จะค่อยๆ ไหลลงมาจากจุดบนสุดของหนามขนาดใหญ่อันนี้ และปล่อยให้นักโทษตายอยู่ตรงนั้น ว่ากันว่ามีคนโดนทำโทษด้วยวิธีนี้มากถึง 20,000 – 30,000 คนเลยทีเดียว อีกทั้งขุนนางอย่าง Vlad ชื่นชอบที่จะทานอาหารระหว่างดูนักโทษโดนทิ่มแทงอีกด้วย   2. เก้าอี้แห่งจูดาส ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะดูโหดร้ายกว่าอันแรกไปซักหน่อย แต่ความเจ็บและทรมาณนั้นไม่ต่างกัน เพราะนักโทษจะถูกบังคับให้นั่งลงบนเก้าอี้ทรงสามเหลี่ยม และมัดขึงไว้ด้วยเชือก รอคอยวันที่นักโทษค่อยๆ หมดแรง มีการทรมานเพิ่มให้เจ็บปวดมากขึ้น ส่วนเก้าอี้ก็ไม่ค่อยได้ล้างทำความสะอาดเท่าไหร่ รับประกันได้เลยว่าด้วยเวลาเพียงไม่กี่วัน นักโทษจะเสียชีวิตจากการติดเชื้อ และตายจากการทรมานในที่สุด   3. โรงศพทรมาน เป็นอีกเครื่องทำโทษที่เรามักจะพบเห็นได้บ่อยๆ ตามหนังฮอลลีวู้ด…

หลายๆ คนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศญี่ปุ่นเนี่ย มีทั้งเทคโนโลยีเจ๋งๆ ล้ำๆ ของเล่นแปลกๆ หรือแม้แต่อะไรที่มันมุ้งมิ้งน่ารักก็ต้องที่นี่ด้วยเช่นกัน แต่ความพิเศษของประเทศนี้เค้าไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะนี่คือเหล่า 5 สิ่งมีชีวิตสุดแปลก ที่เราจะเจอมันได้เฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้น!!!   1. ปูแมงมุม ไหนใครกลัวแมงมุมบ้าง? แล้วมีใครกลัวปูมั้ย? แล้วถ้าเราเอามันทั้งสองมารวมกันหล่ะจะเกิดอะไรขึ้น? ก็นี่เลยเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ไง ด้วยขาของมันที่ยาวมากถึง 1 เมตร มีขาเหมือนแมงมุมถึง 8 ขา รวมๆ แล้วตัวนึงมีความยาวถึง 3.8 เมตร   แต่ไม่ต้องตกใจไปหรอกนะ มันไม่ได้ออกมาให้เราพบเห็นได้ง่ายๆ หรอก เพราะพวกมันชอบอาศัยอยู่ในเขตทะเลลึกทางตอนใต้ของญี่ปุ่นอย่างเกาะ Honshu อาศัยหาอาหารด้วยการกินทุกอย่างที่มันพอจะหาได้ เป็นปูก็ดูปกติดีอยู่หรอก แต่ขายาวเฟื้อยแบบนี้น่ากลัวชะมัด     2. ปลาฉลามก็อบลิน เจ้าฉลามหน้าตาโคตรอัปลักษณ์แถมยังดูน่ากลัวสุดๆ จนอดสงสัยไม่ได้เลยว่ามันคือสิ่งมีชีวิตรูปแบบไหนกันแน่? ถึงแม้ว่าเจ้าตัวนี้จะพบได้นอกชายฝั่งของญี่ปุ่น แต่ส่วนใหญ่แล้วสถิติการจับมันได้ก็เกิดขึ้นในญี่ปุ่นมากที่สุดอยู่ดี   พวกมันชอบอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกลงไปมากถึง 1,200 เมตร และเท่าที่เคยมีคนค้นพบตัวใหญ่ที่สุดจะมีความยาวประมาณ 6.2 เมตร หนักเกือบ 210 กิโลฯ ลองจ้องมองไปที่ฟันอันแหลมคม จมูกที่ดูเหมือนใบมีด และดวงตาที่ดูเย็นชาดุร้าย ดูๆ แล้วมันคงไม่ใช่สัตว์โลกน่ารักแน่ๆ อีกทั้งมันยังคงดำรงสายพันธ์ุอยู่มาตั้งแต่เมื่อ 125…

ธรรมชาติรอบตัวเรานี้ อุดมไปด้วยความงามที่บางทีเราก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นแร่หรืออัญมณีบางชนิดที่ดูงดงามราวกับเป็นสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ แต่จริงๆ แล้วมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติล้วนๆ และนี่คือแร่และหินที่ถูกค้นพบจากส่วนต่างๆ ของโลก ที่ทำให้เรารู้ว่า ภายใต้เท้าของเรานี้ประกอบด้วยสิ่งสวยงามตระการตาแบบที่เราคาดไม่ถึงจริงๆ   1. โอปอลไฟ ข้างในดูคล้ายแสงอาทิตย์ตกดิน   2. ลักซ์โอปอล ที่มีกาแลคซี่ข้างใน   3. บิสมัท   4. โอปอล ที่มีมหาสมุทรอยู่ภายใน   5. พลอยสีม่วงขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า “จักรพรรดิแห่งอุรุกวัย”   6. โอปอลฟอสซิล   7. โอปอลดำ   8. ฟลูออไรท์   9. โรสควอตซ์   10. ทัวร์มาลีนพม่า   11. สกอลิไซต์   12. ไทเทเนียม ควอทซ์   13. คริสโซคอลลา   14. อะซูไรต์   15. ทัวร์มาลีนแตงโม  …

ความสุขเป็นสิ่งที่เราทุกคนปฏิเสธไม่ได้ว่า มันเป็นเป็นสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในชีวิต ว่าแต่ใครจะมีความสุขมากที่สุดกันล่ะ? แล้วใช้อะไรเป็นตัวชี้วัดความสุขได้บ้าง ในทุกๆ ปีสหประชาชาติได้ทำการวัดคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยผ่านการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งตั้งแต่ปี 2013 พบว่า มี 13 ประเทศที่ติดอันดับประชากรมีความสุขมากที่สุดในโลก แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขล่ะ?     John Helliwell หนึ่งผู้ร่วมทำการสำรวจบอกว่า 10 ประเทศที่ติดอันดับในปีนี้ เป็นประเทศที่ประชาชนมีความไว้วางใจและมีน้ำใจต่อกัน โดยพวกเค้าจะเป็นคนอัธยาศัยดี ให้บริการลูกค้าด้วยความเป็นมิตร…และนี่คือ 10 ประเทศที่ประชากรมีความสุขมาที่สุดในโลก ตามรายงานของ World Happiness Report 2016 10. ประเทศสวีเดน ประเทศนี้มักจะติดอันดับเสมอ และพบว่าเป็นประเทศที่คนอยากมามากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยสิ่งที่ทำให้พวกเค้ามีความสุขการไปนั่งตามร้านกาแฟชิวๆ ซึ่งสวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศที่ดื่มการแฟมากที่สุดในโลกด้วย พวกเค้ามีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและเป็นชุมชนเข้มแข็งเพราะมีวัฒนธรรมคอยยึดเหนี่ยวจิตใจที่เรียกว่า Fika   9. ประเทศออสเตรเลีย เป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ระดับมลพิษนั้นต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยประชากรมักจะให้ความร่วมมือกันในทุกๆ ด้านและมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น   8. ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเกาะที่มนุษย์เข้าไปครอบครองเมื่อไม่นานมานี้เองคือ 800 ปีที่แล้ว แม้ต่อมาจะมีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ แต่มลพิษก็อยู่ในระดับต่ำ และเป็นที่รู้จักกันดีว่า มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก ทำให้ชาวนิวซีแลนด์ทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องความหลากหลายของระบบนิเวศเหล่านี้   7. ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นประเทศที่ประชากรชอบออกกำลังกายมากที่สุดในโลก และพวกเค้านิยมเดินทางด้วยจักรยาน…

การจะสร้างตึกหรือสร้างบ้านซักหลัง แน่นอนว่าเราต้องตัดต้นไม้หลายต้นออกเพื่อเคลียร์พื้นที่และจะได้ไม่ขัดขวางการทำงานด้วย แต่ก็ยังมีบางคนที่สร้างตึกโดยไม่ได้ตัดต้นไม้เลย หรือตัดออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างเช่นตึก  Niavaran Residential Complex ซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่งในเมืองเตหะราน ประเทศอิหร่านที่ออกแบบโดย Mohammad Reza Nikbakht และสร้างขึ้นโดยไม่ตัดต้นไม้เลย ในพื้นที่แห่งนี้เดิมทีนั้นเป็นรีสอร์ทเมื่อ 40 ปีแล้ว ดังนั้นปัจจุบันนี้ที่นี่จึงเต็มด้วยต้นไม้เก่าแก่มากมาย เมื่อ Nikbakht ต้องการสร้างอพาร์ทเม้นที่นี่ เขาจึงต้องคำนึงถึงการอนุรักษ์ต้นไม้เหล่านี้เป็นอันดับแรก     ดังนั้นเมื่อเขาออกแบบตึกแห่งนี้ เขาได้วางต้นไม้เหล่านี้เป็นหลัก แล้วค่อยคิดว่าจะสร้างตึกยังไงดี ฟังดูแล้วออกจะซับซ้อนซักหน่อย แต่เขาก็ไม่อยากทำลายต้นไม้พวกนี้ อาคารนี้จึงแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนเป็นพื้นที่สีเขียวที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ และส่วนที่เป็นภาพรวมของอาคาร อพาร์ทเม้นนี้ใช้พื้นที่ 80-300 ตารางเมตร เป็นตึก 5 ชั้น ในแต่ละชั้นจะมีแฟลตอยู่ 6 ห้อง ตั้งแต่ชั้น 3 ลงไป จะเป็นพื้นที่อำนวยความสะดวกทั่วไป ส่วนชั้นล่างสุดนั้น เป็นล็อบบี้ สำนักงานของผู้จัดการ ห้องพนักงานและห้องประชุมต่างๆ     Mohammad Reza Nikbakht ผู้ออกแบบอาคารนี้…

เด็กๆ มักจะมีมุมประทับใจ ที่ชวนให้คนดูยิ้มตามได้อยู่เสมอ ดังเช่นคลิปวีดีโอที่แสดงเรื่องราวน่ารักๆ ของเหล่าเด็กน้อยเหล่านี้ บอกเลยว่ายิ่งได้เห็นความไร้เดียงสาของเด็กๆ คุณจะรู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาทันทีเลยละ จากคลิปวีดีโอปรากฏให้เห็นเป็นภาพของหนูน้อย Tyler ขณะกำลังเดินกลับเข้าไปในห้องเรียนวันแรก โดยมีพ่อของเขาเป็นคนถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้     ซึ่งสาเหตุที่หนูน้อยต้องหยุดเรียนเป็นเวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากเขาได้ป่วยเป็นไวรัสลงกระเพาะ และทันทีที่เขาเดินถึงห้องเรียน เรื่องน่ารักๆ ก็เกิดขึ้น…     เด็กผู้หญิงตัวน้อย ที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขา ได้วิ่งออกมาต้อนรับการกลับมาของ Tyler เป็นคนแรก แถมยังโผเข้ากอดกันอีกด้วย งุ้ยยย มุ้งมิ้งจุง >< หลังจากนั้น เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ก็รีบกรูเข้ามาต้อนรับการกลับมาของ Tyler อย่างอบอุ่น ความน่ารักของเด็กน้อยเหล่านี้ ทำให้โลกทั้งใบดูสดใสขึ้นมาทันทีเลย     เรามาชมคลิปกันดีกว่า   เป็นความประทับใจที่ไม่มีวันลืมจริงๆ เด็กๆ เหล่านี้น่ารักมาก ที่มา : littlethings

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวของเจ้าตูบที่น่าสงสารตัวหนึ่ง ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ขณะกำลังลอยคออยู่กลางน้ำท่วม ในเมืองบาตันรูช รัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา โถๆๆ น่าสงสารจังน้องหมา     Josh Pettit หนึ่งในหน่วยทีมกู้ภัย ผู้ที่ได้นำเรือออกไปช่วยเหลือผู้ประสบกับปัญหาน้ำท่วม และเป็นผู้ที่ได้เข้าไปช่วยเหลือเจ้าหมาตัวนี้ ได้โพสต์เรื่องราวขณะที่เขาได้พบมัน ซึ่งในขณะนั้นเขาได้ผ่านมาทางนั้นพอดี และได้สังเกตเห็นว่าพุ่มไม้สั่นไหว… ดังนั้น เขาจึงได้เข้าไปดูใกล้ๆ และได้เจอน้องหมาสีเทาตัวดังกล่าว ที่ตัวเกือบจะจมน้ำ กำลังทำหน้าตาเศร้าและจ้องมองมาที่เขาอย่างมีความหวัง มันคงจะรอคนมาช่วยเหลือแน่ๆ อีกทั้งมันยังเป็นหมาที่มีใบหน้าเศร้าที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาเลยล่ะ     เจ้าหมาไม่สามารถขยับตัวได้ เนื่องจากตัวของมันติดกับโคลนด้านล่าง เมื่อเห็นดังนั้น Josh จึงรีบเข้าช่วยเหลือมันทันที โดยการพามันขึ้นมาบนเรือ และแน่นอนว่าเจ้าหมารอดตายแล้ว มันคงจะดีใจมากแน่ๆ     หลังจากที่เขาได้ช่วยเหลือมัน และพาเจ้าหมาขึ้นไปบนฝั่งอย่างปลอดภัย Josh ก็ได้พบกับเจ้าของหมาตัวนี้ และก็ได้รู้อีกว่าเจ้าหมามีชื่อว่า Sadie ตอนนี้หลายๆ คนก็คงจะหายห่วงได้แล้วล่ะ เพราะเจ้า Sadie ปลอดภัยดีแล้ว เป็นโชคดีของมันจริงๆ ที่มีคนมาช่วยเอาไว้ได้ทัน…

ลองจินตนาการว่าคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหนตามต่างจังหวัดหรือแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แล้วจู่ๆ แบตเตอรี่มือถือดันหมดระหว่างทาง นั่นคงจะเป็นฝันร้ายสุดๆ เลยใช่ไหมล่ะ แต่ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป หากคุณมีเครื่องปั่นไฟฟ้าพลังน้ำ!!     เมื่อไม่นานมานี้บริษัท Enomad ในกรุงลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกแบบและคิดค้นเครื่องปั่นไฟจากพลังน้ำขนาดเล็ก ที่มีลักษณะคล้ายกับกระบอกน้ำพกพาง่าย   .   ขั้นตอนการใช้งานมันก็เพียงแค่เปิดฝา กางใบพัดออกมา แล้วนำไปวางไว้ในแม่น้ำ ลำธาร หรือที่ไหนก็ได้ที่มีกระแสน้ำไหลผ่านตลอดเวลาเพื่อให้ใบพัดหมุน เท่านี้ก็ใช้การได้แล้ว     ในการชาร์จแต่ละครั้งจะสร้างพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 2.5 – 5 วัตต์ สามารถใช้ชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้นานถึง 5 ชั่วโมง ชาร์จมือถือได้ 3 เครื่อง กล้อง GoPro หรือแม้แต่ Tablet ได้เร็วกว่าปกติถึง 2 เท่า ไม่ว่าคุณจะไปเจอกับแหล่งน้ำที่ไหนก็ตาม คุณสามารถชาร์จมันได้ทันที (เจอแหล่งน้ำเท่ากับเจอไฟฟ้าเลยนะเออ)     ลองชมคลิปสาธิตการทำงานได้ที่ด้านล่างเลย ถือเป็นอีกหนึ่งพลังงานไฟฟ้าที่น่าสนใจมากทีเดียว หากใครสนใจอยากจะสนับสนุนหรือหาซื้อเครื่องปั่นไฟแบบนี้มาไว้ที่บ้านสักตัวล่ะก็ เขาสนนราคาอยู่ที่เครื่องละประมาณ 6 พันบาท…

ใครๆ ก็บอกว่า ช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตก็คือ ช่วงวัยเด็ก เพราะไม่ต้องทำงานอะไรมากมาย ไม่มีเรื่องให้ต้องคิดมาก ว่าแต่วัยเด็กของเราเนี่ย เราเล่นอะไรกันบ้าง วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง ก็เลยนำรูป การละเล่นของเด็กๆ จากประเทศทั่วโลกมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันเพลินๆ ไม่ว่ารู้ว่าจะเหมือนเราตอนเด็กมั้ยน้าาา? แนะนำว่า ก่อนดูรูปภาพเหล่านี้ลองจินตนาการว่า ตัวเองเป็นเด็กอีกครั้ง เพื่อเข้าถึงภาพเหล่านี้มากขึ้น อิอิ   1. อินโดนีเซีย . . .   2. รัสเซีย . .   3. บูร์กินาฟาโซ   4. พม่า   5. ทาจิกิสถาน   6. อินเดีย . .   7. เวียดนาม   8. กานา   9. เอสโตเนีย   10.อัฟริกาใต้ .…

คงจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากๆ เลย หากว่าเราเกิดมาพร้อมกับอาการป่วย แต่จะยิ่งน่าเศร้ามากขึ้นไปอีกหากอาการป่วยที่ว่านั้นมันทำให้เรามีอายุแก่เร็วมากกว่าคนปกติถึง 8 เท่า…   เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว CCTVNews ได้รายงานว่าเด็กวัยรุ่นสาว Ana Rocelle จากประเทศฟิลิปปินส์ ได้เสียชีวิตลงแล้ว ถ้าใครเคยติดตามข่าวมาก่อน จะทราบว่าเธอมีอาการป่วย ทำให้สภาพร่างกายแก่ชราคล้ายกับคนอายุ 150 ปี ทั้งที่จริงแล้วเจ้าตัวมีอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น     ตามรายงานบอกว่า Ana Rocelle ป่วยเป็นโรค Hutchinson-Gilford Progeria Syndrome (HGPS) หรือโรคชราในเด็ก ทำให้ร่ายกายของเธอแก่ชราเร็วกว่าคนปกติถึง 8 เท่า ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีอาการ ผิวหนังเหี่ยวย่นคล้ายคนแก่ รูปร่างแคระแกรน ผมหลุดร่วง และมักจะเสียชีวิตด้วยวัยประมาณ 13 ขวบ จากความผิดปกติของหัวใจ ในกรณีของ Rocelle ถือว่ามีชีวิตได้ยืนยาวกว่าคนที่ป่วยเป็นโรคนี้มากทีเดียว     แต่ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตลง ยังมีเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอเช่นกัน เพราะเมื่อตอนวันครบรอบอายุ 18 ปีของเธอ ได้มีการจัดงานวันเกิดในธีมเจ้าหญิงให้กับเธอ…

ตอนวัยเด็กเพื่อนๆเคยฝันอยากจะเป็นอะไรกันบ้าง? เรายังจำความฝันของเราในวัยเด็กกันได้อยู่มั้ยเอ่ย? และนี่คือเรื่องราวสุดน่ารักของสองพ่อลูก เมื่อลูกมีความฝัน ก็เป็นหน้าที่ของคุณพ่อที่จะจัดการให้มันเกิดขึ้นจริงให้ได้ เรื่องมีอยู่ว่าวันหนึ่งช่างภาพ Aaron Sheldon กำลังอยู่ในห้องตรวจของคุณหมอกับลูกของเขา แล้วจู่ๆหนุ่มน้อยวัย 3 ขวบ Harrison ก็เกิดอาการกลัวไม่กล้าขึ้นไปนั่งบนเตียงตรวจของคุณหมอ เพราะเค้ารู้สึกว่ามันสูงเกินไป   “ผมเลยคุยกับลูกถึงเรื่องความกล้าหาญ และคนแบบไหนกันนะที่เค้ามีความกล้าหาญที่มากพอจะนั่งบนเตียงตรวจของคุณหมอได้ เรากำลังพูดถึงตำรวจ นักดับเพลิง และจู่ๆเขาก็ถามผมขึ้นมาว่า ‘แล้วนักบินอวกาศละฮะ? พวกเขากล้าหาญไหม?’ ผมจึงตอบกลับไปว่า พวกเขากล้าหาญอย่างแน่นอนที่สุด” Aaron กล่าว หลังจากนั้นหนุ่มน้อย จึงคิดว่าตัวเองเป็นนักบินอวกาศ ทำให้เค้ามีความกล้ามากขึ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวภาพถ่ายทั้งหมด ภายใต้ชื่อคอนเซ็ปท์ที่คุณพ่อนำเสนอออกมาว่า ‘ก้าวเล็กๆ คือการกระโดดที่ยิ่งใหญ่’      เมื่อหนุ่มน้อยต้องไปตรวจร่างกายกับคุณหมอ คุณพ่อก็นำหมวกนักบินอวกาศและกล้องถ่ายรูปไปด้วย เพื่อให้เขาไม่กลัว และแสดงความกล้าออกมา   แต่การออกสำรวจของนักบินอวกาศน้อยไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่โรงพยาบาล เพราะทั้งคู่ยังออกไปสำรวจสถานที่ใหม่ดินแดนอันห่างไกลโพ้นที่มีชื่อว่า ‘Targets’ ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง คล้ายๆ โลตัส หรือ บิ๊กซี บ้านเรา   รวมถึงการได้ออกไปสำรวจมหาสมุทรเล็กๆ ในอาคาร หรือที่เราเรียกกันว่าสระว่ายน้ำนั่นเอง   และยังได้ไปสำรวจสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่หนุ่มน้อย Harrison…

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2559 ทางเว็บไซต์ Huffingtonpost ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวของ Evelyn Moore หนูน้อยที่อาศัยอยู่ในเมืองเอดมันตัน ประเทศแคนาดา ที่เกิดมามีน่ารักตาน่ารักน่าเอ็นดู และร่าเริงสดใสเหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป แต่ถึงกระนั้น เธอก็ไม่ได้เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ไปซะหมด เพราะมีบางสิ่งที่ทำให้ Evelyn ดูแตกต่างออกไป แต่นั่นไม่ใช่ปมด้อยของเธอหรอกนะ เป็นเพราะว่าเธอมีความผิดปกติทางร่างกายต่างหากละ     ขอเล่าย้อนเวลากลับไปตอนที่หนูน้อย Evelyn มีอายุได้เพียง 4 เดือน แพทย์ได้ทำการวินิจฉัยพบว่าเธอเป็นโรคเนื้องอกในกระดูกสันหลัง เธอได้รับการเปลี่ยนยาเคมีบำบัดถึง 8 รอบด้วยกัน และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือหนูน้อยได้กลายเป็นอัมพาตครึ่งซีก     อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแพทย์จะบอกว่าเธอสามารถใช้รถเข็นได้ในภายหลัง แต่ Kimberly Moore ผู้เป็นแม่ก็อยากจะให้ลูกสาวของตัวเอง มีสภาวะปกติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ “เมื่อรู้ว่า Evelyn โรคเนื้องอกในกระดูกสันหลัง เราก็รู้สึกกังวลเกี่ยวกับการรักษาของเธอ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องทำประกันภัยสำหรับรถเข็นคนพิการ… แต่ Brad สามีของฉันได้บอกว่าเขาสามารถสร้างรถเข็นเองได้ภายในหนึ่ง ถึงสองวัน และแน่นอนว่าเขาก็สามารถสร้างเสร็จจริงๆ” Kimberly ได้เผยกับทางสำนักข่าว…

เวลาอากาศร้อนๆ เรามักจะหิวน้ำกัน แต่ดีที่มนุษย์สามารถดูแลตัวเองได้ ในขณะที่เหล่าสัตว์ทั้งหลายนั้น มันไม่สามารถจะกินน้ำทุกเมื่อที่มันหิวได้ แต่ต้องรอให้เจ้าของเอาให้ แล้วถ้าเป็นหมาจรจัดล่ะ ใครจะดูแลพวกมัน!??     เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศคอสตาริก้า ในวันที่มีแดดรุนแรงวันหนึ่ง Tania Cappulleti ได้เจอกับหมาตัวหนึ่งที่กำลังนอนอยู่บนถนน ด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงมานอนกลางถนนแบบนี้ เธอจึงเดินไปหามัน เมื่อเข้าไปใกล้ เธอเห็นว่ามันผอมมาก และอ่อนแรงเนื่องจากมันหิวน้ำท่ามกลางอากาศที่ร้อนขนาดนี้ เธอจึงได้ช่วยมันด้วยการพามันขึ้นรถและรีบหาน้ำให้มันดื่ม Tania เล่าให้ฟังว่า “ตอนที่ฉันลงรถแล้วเดินไปหา มันดูดีใจมากเลยค่ะ แล้วมันก็ร้องด้วยเสียแผ่วเบา เหมือนต้องการบอกว่า มันดีใจที่ในที่สุดก็มีคนมาเจอมันสักที เพราะถนนที่ฉันไปเจอมันนั้น แทบไม่มีรถขับผ่านเลย”     เมื่อมันได้ดื่มน้ำ มันก็เริ่มมีแรง และหยอกล้อกับ Tania โดยเธอก็ตกหลุมรักในความน่ารักของมันเช่นกัน แต่แม้จะเล่นได้แล้ว ก็ยังยืนไม่ได้ เพราะร่างกายของมันยังอ่อนแอมาก ต่อมาเธอก็ได้พาเจ้าหมาตัวนี้ไปสถานสงเคราะห์สัตว์ เพื่อรักษาหมัดที่อยู่เต็มตัวมัน และเมื่อสัตวแพทย์ได้ทำการตรวจ เขาบอกว่า หมาตัวนี้แข็งแรงดี แค่รักษาหมัด และช่วยให้พ้นจากภาวะขาดน้ำ มันก็จะหายเป็นปกติ   อ่ะ ชมภาพตอนช่วยกัน ก่อนที่จะอ่านเรื่องเจ้าของคนใหม่… . . . . .…

สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยในพิธีแต่งงาน ก็คงจะเป็นเค้กเนี่ยและ แล้วเพื่อนๆ ล่ะ อยากได้เค้กแต่งงานแบบไหนดีเอ่ย? ปัจจุบันมีเค้าหน้าตาหลากหลายให้เลือกมากมาย แล้วเราเคยคิดมั้ยว่าในอดีตนั้น เค้กแต่งงานมีหน้าตายังไงน้าาา?? วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพาชมเค้กแต่งงานในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ดูสิว่าแบบสมัยนิยมในยุคต่างๆ นั้น จะมีรูปแบบใดบ้าง…   ในปี 1916 เค้กแต่งงานจะมีความเรียบง่ายมาก เป็นเค้กชั้นเดียวแล้วเอาดอกไม้มาวางไว้ข้างบน แต่ก็สวยดีนะ   ตั้งแต่ปี 1930 เค้กแต่งงานก็ได้อัพเกรดขึ้นมาอีกขึ้น ด้วยการเพิ่มจำนวนชั้น แล้วเอารูปปั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาวางไว้บนยอดเค้ก   ในช่วงปี 1940 เริ่มมีการใส่รายละเอียดเค้กมากขึ้น ก็เลยเป็นชั้นๆ ที่ตกแต่งรายละเอียดมากน้อย   ตัวอย่างการตกแต่งด้วยดอกไม้จากครีม   ในยุคช่วงถัดมา ยุค 1950-1980 เค้กแต่งงานจะอลังการมาก แต่มันก็ได้รับความนิยมมากด้วย   และที่ขาดไม่ได้ในสมัยนั้นคือ นกพิราบที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์แห่งความรักของคู่บ่าว สาว   ช่วงปี 2000 ได้เริ่มมีการตกแต่งด้วยคัพเค้ก และบนยอดเค้กนั้นวางรูปคู่บ่าวสาวตามต้องการเลยจ้าาา   ปัจจุบันเค้กมีความหลายมากขึ้น ตามความชอบของแต่ละคน เราเลยมักจะเห็นเค้กแนวอาร์ทๆ…

ถ้าหากใครที่มีผู้สูงอายุในครอบครัวกำลังป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ คงเข้าใจอารมณ์ของหนุ่มคนนี้ดีว่า มันเป็นเรื่องยากที่เราต้องเห็นคนที่เรารัก กำลังสูญเสียความทรงจำ และความเป็นตัวตนของเค้าไปทีละน้อยๆจากโรคนี้ โดยที่เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย และนี่คือเรื่องราวดีๆ ของสองพ่อลูกที่เกิดขึ้นในอังกฤษ ระหว่างคุณพ่อวัย 80 ปี Ted ผู้กำลังสูญเสียความทรงจำไปทีละน้อยๆ และลูกชายของเขา Simon คนนี้     อย่างที่เราทราบกันดีว่าโรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ มีอาการค่อยเป็นค่อยไป และจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจทำให้วันหนึ่งคุณพ่อของเขาต้องสูญเสียความทรงจำแทบจะทั้งหมดไปเลยก็ว่าได้ และสิ่งที่เขาพอจะทำได้ ณ เวลานี้ที่นอกเหนือจากเรื่องของการแพทย์แล้ว นั่นก็คือการได้ย้อนอดีตวันวานของทั้งคู่ เผื่อว่าอาการของคุณพ่ออาจดีขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย Simon ตัดสินใจที่จะพาคุณพ่อของเขาขับรถเล่นวนไปเรื่อยๆ ในย่านที่พวกเขาอาศัยอยู่ พร้อมกับชวนกันร้องเพลงเป็นประจำ ราวกับว่าพวกเขาทั้งสองได้ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อเขายังเด็ก และคุณพ่อยังหนุ่มอีกครั้ง…   เราไปชมหนึ่งในวิดีโอของสองพ่อลูกกันเลยดีกว่า นอกจากจะน่ารักปนซึ้งแล้ว ทั้งคู่ยังเสียงดีอีกด้วยนะ   เห็นแบบนี้คุณพ่อก็ไม่ธรรมดานะ เพราะเมื่อวัยหนุ่มเขาเคยเป็นนักร้องตามผับในอังกฤษมาก่อน และแน่นอนว่าเพลงเหล่านี้ต้องมีความหมายที่พิเศษต่อตัวเขาเองแน่ๆ และที่สำคัญที่สุด ด้วยความน่ารักของสองพ่อลูกที่มักจะถ่ายวิดีโอระหว่างขับรถและร้องเพลงด้วยกันไปเรื่อยๆนี้แหละ พวกเขาสามารถระดมทุนช่วยเหลือ กลุ่มผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ ได้มากถึง 3 ล้านบาท เลยทีเดียว!!! สำหรับใครที่สนใจอยากจะติดตามวิดีโอของทั้งคู่ ที่นอกจากจะน่ารักแล้วยังเสียงดีฟังเพลินสบายอีกต่างหาก สามารถเข้าไปชมได้ที่แชนแนล The Songaminute Man …

เราทุกคนต่างรู้ดีว่าเราไม่ควรที่จะตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ที่มักจะเผลอตัดสินคนจากภายนอกอยู่เป็นประจำ และนี่คือเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นระหว่าง ชายผู้ไร้บ้าน และสาวชาวบราซิล ในคืนวันหนึ่ง Caroline Santana นักศึกษาวัย 24 ปี จากเมืองเซาเปาโล กำลังจะเดินทางกลับบ้านระหว่างยืนรอรถบัส เธอก็ได้พบว่าตัวเองเผลอทำตั๋วโดยสารหายไปซะแล้ว และเธอก็ไม่เหลือเงินมากพอที่จะซื้อตั๋วใบใหม่อีกแล้วด้วย   ในขณะที่เธอกำลังค้นกระเป๋าด้วยสีหน้าที่ดูกังวลนั้น จู่ๆก็มีชายไร้บ้านเดินเข้ามาใกล้และขอให้เธอช่วยบริจาคเศษเหรียญให้เขาบ้างได้ไหม? หลังจากนั้นเธอก็ขอให้ชายผู้นั้นรอสักครู่ ขณะที่เธอกำลังค้นของในกระเป๋าอยู่ จู่ๆชายไร้บ้านก็ถามเธอขึ้นมาดื้อๆว่า “คุณต้องการเงินสำหรับซื้อตั๋วเท่าไหร่? ผมมีเงินอยู่นิดหน่อยแต่ก็สามารถแบ่งให้คุณได้นะ”  แต่ถึงแม้ว่าสาว Caroline จะปฏิเสธน้ำใจจากชายคนนี้ไป เขาก็ยังคงยืนยันเหมือนเดิมว่า “ได้โปรด ผมแบ่งเงินของผมให้คุณได้ ผมไม่อยากให้คุณเดินกลับบ้านคนเดียว รับการช่วยเหลือของผมไว้เถอะ” เขาพยายามอ้อนวอนให้เธอรับเงินจำนวนหนึ่งจากเขาไว้     และช่างโชคดีสุดๆที่เธอกำลังเจอรถบัสขับผ่านมาพอดี เธอจึงยอมรับเงินส่วนนี้ไว้ ก่อนที่จะขอบคุณและอำลากับชายคนนี้ เธอก็คิดบางอย่างออกทันที… Caroline ขอถ่ายรูปคู่กับเขา เพื่อที่จะแชร์ให้โลกรู้ว่าเขาคือชายคนหนึ่งที่มีจิตใจที่กว้างขวางขนาดไหน และได้ทราบมาว่าชายคนนี้มีชื่อว่า Cesar  หลังจากนั้นเธอก็แชร์เรื่องราวนี้ลงบนโลกอินเตอร์เน็ต ได้รับการเข้าชมมากกว่า 100,000 ครั้ง และเธอยังกล่าวทิ้งท้ายอีกด้วยว่า “นี่คือบทเรียน ที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวสุภาพบุรุษคนนี้ ผู้ที่ยอมช่วยเหลือคนอื่นแม้ตนจะลำบาก ชายผู้เต็มใจที่จะมอบเงินส่วนนึงให้ฉัน เพราะไม่อยากให้ฉันต้องเดินกลับบ้านกลางดึก เขาช่างเป็นคนที่มีจิตใจที่ดีงามมากๆ ที่เขาเป็นห่วงเป็นใยคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเห็นกันมาก่อน”…

หลายๆ ประเทศและบางพื้นที่ ห้ามเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์พิตบูลเพราะความดุ แต่อาจจะต้องคิดใหม่แล้วล่ะ…   ถึงจะโหดแค่ไหนมาเจอกับพี่เหมียวของเราก็เป็นต้องสยบไปทุกราย เช่นเดียวกับกลุ่มเจ้าหมาพิตบูล 7 ตัวนี้ ที่เจ้านายพาออกไปเดินเล่น…. แต่อยู่ๆ ดันไปจ๊ะเอ๋กับเจ้าเหมียวอยู่กลางทางที่ไม่รู้อารมณ์บูดมาจากไหน กระโดดเข้ามาตบหน้ารัวๆ จนกลายเป็นแผลเลือดซิบไปทั้งหน้าเลยทีเดียว   เรื่องมีอยู่ว่าคุณ Javiera Rodriguez และคุณ Kyla Grover ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Pit Bulls of Victoria BC เป็นกลุ่มที่เจ้าของเหล่าพิตบูลทั้งหลายจะทำการนัดกันพาพวกมันไปเดินเล่น ในทุกๆ สัปดาห์ และนี่ก็คือเจ้า Bandida (ซ้าย) สุนัขพิตบูลของคุณ Rodriguez วัย 3 ปี และเจ้า Cali (ขวา) ที่อยู่ในกรุ๊ปทัวร์เดินเล่นร่วมกับเจ้าพิตบูลอีก 5 ตัวด้วย   สาเหตุที่พวกเธอได้ก่อตั้งกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อประกาศให้ทุกคนเข้าใจว่าจริงๆ แล้วเจ้าพิตบูลนั้นไม่ใช่สุนัขที่ดุร้ายหรอกนะ (หลายๆ คนในอเมริกาคิดว่าเจ้าพิตบูลเป็นหมาที่ดุร้าย ก็เลยกลัว และไม่กล้าเข้าใกล้ แถมยังทำร้ายพวกมันอยู่บ่อยๆ อีกต่างหาก)     ในระหว่างทางที่พวกเขาพาเหล่าพิตบูลทั้ง 7…

เมื่อวานที่ผ่านมาบ้านเรานั้นอาจเป็นวันธรรมดาๆ ไม่มีอะไรที่พิเศษ แต่เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่าสำหรับประเทศสหรัฐอเมริกานั้นเป็นวันสำคัญสำหรับเจ้าเหมียวสีดำนะ ในวันที่ 17 เดือนสิงหาคมของทุกปี ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานั้นจะเป็นวันพิเศษที่เรียกได้ว่าเป็นวาระระดับชาติเลยทีเดียว นั่นก็คือ ‘วันยกย่องแมวดำแห่งชาติ’      ในวันนี้ที่สถานสงเคราะห์สัตว์ หรือตามฟาร์มแมวทั้งหลาย จะมีแต่แมวดำมาเป็นข้อเสนอพิเศษให้เหล่าคนที่สนใจรับเลี้ยงได้เลือกชม โดยหวังว่าจะช่วยให้พวกมันถูกรับไปเลี้ยง เพราะว่าแมวสีดำ หลายคนคิดว่ามันน่ากลัว ก็เลยถูกรับเลี้ยงน้อยที่สุดนั่นเอง…     และเนื่องในโอกาสนี้ #เหมียวหง่าว ก็อยากจะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวของแมวดำ และความเชื่อที่มีต่อแมวดำจากทั่วโลก มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันว่าพวกมันน่ะ เจ๋งแค่ไหน ย้อนกลับไปในช่วงยุคกลาง (Middle Ages) ชาวรุโรปมองว่าเหมียวดำนั้นเป็นเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ อย่างเช่นแม่มดแปลงกายมาเป็นแมวดำ หรือ เลือดของแมวดำสามารถนำไปปรุงเป็นยาเสน่ห์ อะไรทำนองนี้ เป็นต้น   แต่กลับกันชาวอียิปต์กลับมีความเชื่อว่าแมวดำนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี   และยังมีอีกหลากหลายประเทศทั่วโลกที่มีความเชื่อว่าแมวดำนั้นเป็นตัวแทนของความโชคดี   อย่างเช่น ที่อังกฤษ และไอร์แลนด์ เชื่อว่าถ้ามีแมววิ่งตัดหน้าจะถือว่าเป็นลางดี ทางส่วนกลางของประเทศอังกฤษนั้นมีความเชื่อว่าการมอบแมวดำให้เป็นของขวัญวันแต่งงานจะหมายถึงโชคดี และเป็นของขวัญแต่งงานที่ดีที่สุด .   ในญี่ปุ่น แมวดำนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี โดยเฉพาะสำหรับสาวโสดการเลี้ยงแมวดำจะช่วยให้พวกเธอได้พบกับเนื้อคู่   พวกมันยังมีเรื่องจริงที่น่าสนใจอยู่ด้วยนะ…เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วแมวดำส่วนมากน่ะจะเป็นเพศผู้นะ แถมส่วนใหญ่จะมีดวงตาเป็นสีเหลืองด้วยนะ…

ปัจจุบันนี้มีโครงการมีบ้านเกิดขึ้นมากมาย ทั้งราคาสำหรับคนฐานะธรรม และบ้านหรูที่สร้างเพื่อให้เหล่ามหาเศรษฐีมาจับจอง ที่บ้านเราว่าเยอะแล้ว แต่ที่จีนเยอะกว่า โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี   แต่บางทีโครงการที่พวกเขาสร้างมานั้น ก็ไม่ได้เป็นไปตามคาดเสมอไป โครงการหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ที่ Zhengzhou ประเทศจีน โดยมีเนื้อที่ประมาณ 400 กว่าไร่ โดยได้ทำบ้านขึ้นมาประมาณ 379 หลัง และตั้งใจขายในราคาหลังละ 66 ล้านบาท ซึ่งเมื่อมันเสร็จสิ้น มูลค่าของโครงการจะสูงถึง 25,000 ล้านบาทเลยทีเดียว       ความฝัน ก็ไม่ได้เป็นความจริง… แต่หลังจากที่นักลงทุนคนนี้ทุ่มเงินไปนับล้าน เขาก็ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เนื่องจากโครงการนี้ทำผิดกฏ สร้างขึ้นในพื้นที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จึงถูกรัฐบาลท้องถิ่นสั่งให้หยุดทำหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดก็ต้องหยุดสร้างในปี 2015 และถูกปล่อยทิ้งร้าง และกลายเป็นสถานที่ที่ชวนขนลุกไปโดยไม่มีใครสนใจที่จะมาสานต่ออีกเลย   . . .   หวังว่าในอนาคต มันจะถูกทำอะไรสักอย่าง ถ้าสร้างไม่ได้จริงๆ น่าจะทุบหรือเปลี่ยนสถานที่เป็นอะไรสักอย่าง ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้ให้กลายเป็นสถานที่แห่งความรกร้าง และแอบขนลุกเบาๆ นะเนี่ย… ที่มา dailymail

เดี๋ยวนี้การสร้างบ้านสักหลัง ไม่ได้คิดแค่ว่า อยู่ได้ก็พอเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่เป็นการสร้างด้วยดีไซน์ หรือสร้างตามสไตล์ ที่มีมากมายนับไม่ถ้วน เพราะบางคนก็ชอบแนวแปลกๆ ที่ไม่ซ้ำใคร เราจึงเห็นบ้านรูปทรงแปลกๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นบ้านเอียง บ้านกลับหัว หรืออื่นๆ ที่เรายังไม่เคยเห็นก็มี แต่บ้านแปลกเหล่านี้ ก็เป็นที่น่าสนใจไม่ได้น้อยเลยนะ และนี่คือ 10 บ้านดีไซน์สุดล้ำ เมื่อเปิดเข้าไปดูแล้ว ก็น่าอยู่มากจนอยากจัดสักหลังเลย…..   1. บ้านโปร่งใส ประเทศญี่ปุ่น บ้านหลังนี้มีชื่อว่า “บ้าน NA” ที่รับแรงบันดาลจาก คนโบราณที่อาศัยอยู่ใต้ต้นไม้ ซึ่งทุกด้านนั้น ไม่ได้มีอะไรปิดกั้นเลย ทำให้แสงสามารถเข้าได้ทุกทาง แต่คงจะไม่มีความเป็นส่วนตัวเท่าไรนะสิ       2. บ้านสเก็ตบอร์ด สหรัฐอเมริกา สำหรับคนชอบเล่นสเก็ตบอร์ด บ้านหลังตอบโจทย์มาก เพราะสามารถเล่นสเก็ตบอร์ดได้ตลอดเวลา ทั้งนอกบ้านและในบ้าน       3. บ้านแคบที่สุดในโลก ประเทศโปแลนด์ บ้าน Keret แทกอยู่กระหว่างตึก 2 ตึก โดยมีความกว้างแค่…

ตั้งแต่มีซีรี่ย์เกาหลีฉายในบ้านเรามากขึ้น สาวๆ ไม่เป็นอันหลับอันนอน บางคนเอาไปเพ้อเป็นแฟนตัวเองก็มี ที่สำคัญติ่งโอปป้าเยอะมาก ว่าแต่เพื่อนๆ ยกให้หนุ่มเกาหลีคนไหนเป็นโอปป้าบ้างเอ่ย แต่ ณ เวลานี้ บอกเลยว่าต้องยกให้หนุ่มน้อยชาวเกาหลีคนนี้ ฮันอุล (jhanuul) ที่มาแรงแซงโอปป้าของทุกแน่ โดยมียอดฟอลโล่วอินสตาแกรมกว่าแสนคนแล้ว     ก็แหม่ ทั้งหน้าตา การแต่งตัว ไหนจะรอยยิ้มอีก งานนี้เล่นเอาสาวใจละลายไปตามๆ กันเลยทีเดียว จนเมื่อโพสต์รูปลงไอจีบ่อยเข้า ก็มีแฟนคลับมาติดตามกันเพียบ นอกจากนี้ น้องเค้ายังมีเว็บไซต์ส่วนตัวที่ www.jhanuul.co.kr เพื่ออัพเดทชีวิตว่าแต่ละวันนั้นไปทำอะไรมาบ้าง เอาให้แฟนคลับดูได้หลากหลายช่องทาง   ใครอยากสมัครเป็นแฟนคลับ ก็ตามเข้าไปในอินสตาแกรมของน้องได้เลยนะคะ ส่วนด้านล่างนี้คือรูปความน่ารักมุ้งมิ้งของเขาล่ะ (โตขึ้นไปคงจะหล่อน่าดู) . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…

เรื่องราวของเจ้าเหมียวขี้อาย ที่อาศัยอยู่ในสถานสงเคราะห์สัตว์จรจัด มันมักจะซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่ออกมาพบปะกับผู้คนที่เดินผ่านไปมา หรือคนที่จะมารับเลี้ยงเหล่าสัตว์ เจ้าเหมียวตัวนี้มีชื่อว่า Sasha มันถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือไว้และนำมาส่งตัวให้กับสถานสงเคราะห์แห่งนี้ “เมื่อฉันเห็นมันครั้งแรก มันอยู่นิ่งๆ ไม่ไหวติงนอนนิ่งอยู่กับพื้นไม่ขยับไปไหน ในห้องที่แยกออกมาของสถานสงเคราะห์” Dorella Tuckwiller ผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือแมว Itty Bitty Kitty Committee (IBKC) กล่าว     เจ้าเหมียวพยายามที่จะแยกตัวเองออกจากคนอื่น นอนหลบอยู่ใต้ผ้าห่มไม่ยอมออกมาพบปะกับผู้คน และก็ดูเหมือนกับว่ามันขยับตัวได้ยากมากๆ “มีหลายๆ คนที่เข้าไปเยี่ยมในสถานสงเคราะห์แห่งนั้น พอเห็นเจ้าเหมียวตัวนี้พวกเขาก็รู้สึกเป็นห่วงกลัวว่ามันจะเป็นอะไร พวกเขาพยายามที่จะช่วยเหลือมัน แต่ก็รู้ว่ามันคงต้องการมากกว่านั้น ก็เลยติดต่อมายัง IBKC เพื่อขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่าทาง IBKC เองก็ตอบตกลงอย่างเร็วไว” คุณ Tuckwiller ได้พาเจ้าเหมียว Sasha ไปหาหมอเพื่อตรวจดูว่ามันมีอาการผิดปกติอะไรหรือไม่ เหตุใดจึงไม่ยอมออกมาพบปะผู้คน เอาแต่หลบอยู่อย่างนั้น แถมยังดูขยับตัวได้ยากลำบากอีกต่างหาก     “ผลจากการอัลตราซาวด์ พบว่าเจ้าเหมียวตัวนี้มีนิ่วอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ นั่นทำให้มันรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว ขยับไปไหนมาไหนยากลำบาก มานานมากแล้ว เพราะดูเหมือนว่าเจ้าเหมียวตัวนี้จะไม่รู้วิธีการใช้กระบะทรายเลยแม้แต่น้อย” คุณ Tuckwiller เล่า เอาล่ะ ข้อสงสัยทุกอย่างเคลียร์แล้ว…

บนโลกนี้ มีสิ่งก่อสร้างสุดมหัศจรรย์อีกมากมาย ที่ดูแล้วรู้สึกแปลกตา และน่าตื่นตาตื่นใจในแบบที่หลายคนเห็นแล้วจะต้องทึ่ง ยกตัวอย่างเช่น สะพาน ก็เป็นอีกหนึ่งงานสถาปัตยกรรม ที่มนุษย์ให้ความสนใจ และสร้างขึ้นมาได้อย่างประณีต งดงาม ไม่แพ้กับสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ในวันนี้เราจะพาไป ชม 10 สะพานสวยๆ จากทั่วโลก ที่นอกจากแหวกแนวไม่เหมือนใครแล้ว ยังสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้คนที่ได้เห็นอีกด้วย ว่าแล้วก็ไปชมกันเลย   1.สะพานแขวนคาพิลาโน ในแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น ตัวสะพานอยู่สูงเหนือแม่น้ำคาพิลาโน 230 ฟุต หรือประมาณ 70 เมตร บางจุดของทางเดินจะถูกบุด้วยกระจกใส เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านล่างได้นั่นเอง   2.สะพานอินฟินิตี้ สหราชอาณาจักร สะพานอินฟินิตี้ เป็นสะพานเดินเท้าของประชาชน เพื่อข้ามผ่านแม่น้ำไปยังเขตเลือกตั้งใน Stockton-on-Tees ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร อีกทั้งยังเป็นสะพานข้าม Castle Gate มายังมหาวิทยาลัย Durham อีกด้วย   3.สะพานหิน Rhododendronpark Kromlau ประเทศเยอรมนี…

ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเทศที่มีไอเดียแปลกๆ เกี่ยวกับอาหารให้เราได้ชมกันอยู่ตลอดเวลา และวันนี้อีกครั้งที่พวกเขาได้นำของสองอย่างที่ไม่น่าจะเข้ากันได้อย่าง “แมลงเชื่อม” กับ “ไอศกรีม” มาขายด้วยกัน กลายเป็นของกินสุดแปลกให้เราได้ลองชิมกัน!!     เมนูนี้มีชื่อว่า “Azemichi Sofuto Kurimu“ แปลเป็นไทยได้ว่า “เส้นทางระหว่างทุ่งข้าว” เป็นของดีจากศูนย์พัฒนาการท่องเที่ยวเมืองอุโอนุมะ ในเขตนิงาตะ ประเทศญี่ปุ่น     โดยทางศูนย์การท่องเที่ยวได้พยายามหาวิธีในการโปรโมทของดีจากท้องถิ่น ซึ่งก็กลายเป็นการนำสมุนไพรพื้นบ้านอย่าง ชิงเห่า (wormwood) และ โกฐจุฬาลัมพา (mugwort) มาทำเป็นไอศกรีม และนำตั๊กแตนไปเชื่อมในน้ำตาลและซอสหอย เพื่อใช้เป็นท็อปปิ้งประดับตกแต่งให้ สะ สะ สวยงามมมมม     สนนราคาอยู่ที่โคนละ 50 เยนหรือราว 17 บาทนั่นเอง และถ้าท่านชอบตั๊กแตนเชื่อมมากๆ ท่านสามารถสั่งเพิ่มเติมพิเศษได้ในราคา 50 เยน เช่นเดียวกัน     ใครสนใจก็ลองไปชิมกันได้นะฮะ มีขายที่ศูนย์การท่องเที่ยวยูคิกุนิ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ที่เว็บ www.uono.co.jp   ที่มา Rocketnews24

ใครมีเพื่อนที่เป็นดาวน์ซินโดรมบ้าง และคุณปฏิบัติต่อเค้ายังไง!? หลายคร้้งที่เราเห็นคนที่เป็นดาวน์ซินโดรมถูกรังแก หรือต้องอยู่คนเดียวบ่อยๆ เพราะไม่มีใครคบ ทั้งๆ ที่พวกเค้าก็ต้องการเพื่อนเหมือนเด็กทั่วๆ ไป   และนี่คือเรื่องราวของสองเพื่อนซี้ Ben Moser และ Mary Lapkowicz โดยทั้งคู่สนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนประถมอยู่ด้วยกัน Ben เป็นคนเดียวที่คบกับ Mary ในขณะที่คนอื่นต่างพากันออกห่าง เพราะเธอเป็นดาวน์ซินโดรม เมื่อเรียนชั้นประถมปีที่ 4 Ben สัญญากับ Mary ว่า จะพาเธอไปงานพรอมในโรงเรียน ม. ปลายของเขา และเขาเป็นคนเดียวที่คอยอยู่เคียงข้าง Mary ตลอด เมื่อเห็นเธอเบื่อ เขาก็ได้ชวนเธอไปเตะบอลด้วย Mary เองก็มีความสุขกับการเตะบอลมาก   แม้ Mary จะเป็นดาวน์ซินโดรม แต่ Ben ก็ไม่รังเกียจที่จะเป็นเพื่อนกับเธอ   ไม่นานหลังจากนั้น Mary ก็ได้ย้ายไปเรียนที่อื่น แต่ก็โชคดีที่ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งเมื่อทีมฟุตบอลของโรงเรียนพวกเค้าได้ลงแข่งขันในสนามเดียวกัน   พวกเค้าได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในการแข่งขันฟุตบอล   และเมื่อถึงเวลาที่ต้องไปงานพรอม เขาก็ไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับ Mary   เขาจึงได้ทำเซอร์ไพรส์ให้เธอ…

เมื่อเรารู้ว่าคนที่เรารักกำลังจะจากเราไป คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงอดีตที่ผ่านมามากกว่าอนาคตหรือปัจจุบันที่เป็นอยู่นี้ซะอีก และทำให้เราหมดกำลังใจที่จะก้าวไปข้างหน้า แต่มีครอบหนึ่งใน New York เมื่อรู้ว่าคนที่พวกเค้ารักกำลังจะจากไปในไม่ช้านี้ Gaia Squarci หนึ่งในสมาชิกของครอบครัวจึงได้ตัดสินใจถ่ายรูปคุณยายของเธอในช่วง 1 เดือนสุดท้ายของชีวิตภายใต้ชื่อ ‘My grandmother’s last months’     ยายของเธอคือ Marisa Vesco วัย 85 ปี อยู่ที่ ที่กำลังเผชิญกับโรคร้ายถึง 3 โรคด้วยกัน นั่นก็คือโรคหัวใจ โรคมะเร็งตับ และมะเร็งเต้านม แต่คนในครอบครัวบอกให้รู้แค่ว่าตับของคุณยายเท่านั้นที่เป็นมะเร็ง ส่วนเรื่องที่เธอกำลังจะเสียชีวิตเร็วๆ นี้ เธอยังไม่รู้ตัว และครอบครัวเธอเองก็ไม่กล้าบอก เพราะกลัวว่า เธอจะคิดมาก และรับไม่ได้     Gaia บอกว่า “เรารู้สึกเจ็บปวดที่ต้องบอกลาเธอเร็วๆ นี้ แต่ที่เจ็บกว่าคือ เราไม่สามารถบอกเธอได้ว่า เธอกำลังจะจากเราไปในไม่ช้านี้” Marisa มักจะใช่เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตนี้อยู่แต่ในบ้าน มองผนัง และมองออกไปที่ถนนบ้าง Gaia คิดว่า ‘ในช่วงนี้ ไม่ว่ายายของเธอจะทำอะไรก็ตาม ทุกอย่างก็ล้วนเป็นสิ่งที่มีความหมายลึกซึ้งสำหรับเธอ ดังนั้น…

การฉลองวันเกิดให้กับคุณตาคุณยาย หรือผู้สูงอายุในบ้าน เพื่อนๆ คิดว่าจะฉลองแนวไหนดี ครั้นจะให้จัดปาร์ตี้แดนซ์กระจาย ก็คงไม่ไหวสินะ บางคนก็มีพาไปทานข้าวนอกบ้าน เป่าเค้กนิดหน่อยประมาณนี้ ก็ทำให้ท่านมีความสุขแล้ว แต่กับคุณยายวัย 80 คนนี้ ได้ฉลองวันเกิดที่ทำเอาวัยรุ่นอย่างเรายังต้องอิจฉา ด้วยการได้ขับมอเตอร์ไซค์สามล้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอชอบมากๆ คุณยายท่านนี้คือ Sheila Hurst วัย 80 ในปีนี้ โดยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เธอได้บอกกับ Sam ลูกสาวของเธอว่า อยากขับมอเตอร์ไซค์ แต่น่าเสียดายที่คันเก่ามันพัง และลูกๆ ก็ทำได้เพียงบอกกับเธอว่า มอเตอร์ไซค์ได้พังไปแล้ว     Sam เองก็อยากทำให้ฝันของแม่เป็นจริง เธอจึงโทรหาเพื่อนของเธอ Mick Quinland ที่เป็นไบค์เกอร์อยู่แล้ว ให้ช่วยเซอร์ไพรส์วันเกิดแม่ให้หน่อย Mick ก็ได้เลยโพสต์บอกเพื่อนๆ ในกลุ่ม facebook ทันที ไม่กี่นาทีต่อมา ไบค์เกอร์ประมาณ 30 คนก็มารวมตัวกันเพื่อมาเซอร์ไพรส์วันเกิดให้แม่ของเธอ โดยนำรถมอเตอร์ไซค์สามล้อที่ตกแต่งด้วยลูกโป่งและธง มาให้คุณยาย Sheila ได้นั่ง     แล้วพวกเค้าก็พาเธอขับไปประมาณ 30 นาที แล้วไปหยุดที่ผับแห่งหนึ่ง…

ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าเหล่าแมวเหมียวทั้งหลายนั้นเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับเหล่ามนุษย์ซักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ชอบอ้อนเราซะเหลือเกิน ชอบมาอยู่ใกล้ๆ เอาหัวมาถู เหมือนกับว่ากำลังแสดงความรักที่มีต่อเรายังไงยังงั้นเลย (ความจริงคือแสดงความเป็นเจ้าของ เอ็งเป็นทาสข้านะเจ้ามนุษย์) และนี่คือเรื่องราวของเจ้าเหมียวน้อยและเด็กน้อยที่ตัวติดกันจนแทบจะแยกไม่ออกเลยทีเดียว จะเป็นอย่างไรนั้นลองไปชมเรื่องราวพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   ครอบครัวของเจ้าหนูน้อยคนนี้ได้รับลูกแมวจรจัดที่ยุ้งฉางใกล้บ้าน พวกเขาก็เลยตัดสินใจที่จะรับมันมาเลี้ยง และนอนหลับด้วยกันทุกคืน   “ตั้งแต่ที่รับเจ้าเหมียวน้อยนี้มาที่บ้าน ลูกชายของฉันก็ดูเหมือนจะตกหลุมรักมันเข้าอย่างเต็มเปา หลังจากนั้นพวกเขาก็สนิทกันเร็วมาก จนถึงขนาดที่ว่าตัวติดกันตลอดเวลาเลยล่ะ” สมาชิกเว็บไซต์ Reddit ชื่อว่า Dino_vagina กล่าว   ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนรักที่แยกออกจากกันไม่ได้   ขนาดนอนกลางวันก็ยังนอนกอดกัน   ถึงแม้ว่าเจ้าเหมียวจะตื่นแล้ว แต่ก็ยังนอนกอดบนตัวของเจ้าทาสตัวน้อยไม่ลุกไปไหน   ดูเหมือนมันจะหวงเจ้าทาสตัวน้อยของมันมากเลยล่ะ ดูสิคอยอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างออกไปไหนเลย   ไม่มีอะไรที่จะมีความสุขไปกว่าการมีเพื่อนซักคนที่พร้อมจะนอนกอดกันไปตลอดอย่างนี้หรอกเนอะ ^^ ขอให้รักกันไปนานๆ นะเจ้าหนูทั้งสอง   แหม่ ตัวติดกันซะขนาดนี้ นี่เป็นปลาท่องโก๋กันรึเปล่าเนี่ย?? ฮร่า ที่มา : lovemeow

ถ้าหากเราพูดกันถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 มันคือเรื่องราวโศกนาฏกรรมความเศร้าในอดีต ที่มีผู้คนมากมายต้องล้มหายตายจากกันไปเพราะสงคราม เหลือเพียงความทรงจำที่เป็นภาพถ่ายไว้ให้คนรุ่นหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งแปซิฟิค ซึ่งว่ากันว่าเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตมากนับล้านคน โดยประมาณการณ์ทั้งจำนวนทหารและจำนวนของชาวบ้่านที่ต้องสูญเสียไปมากมาย และนี่คือการนำภาพขาวดำในอดีตที่มีอายุมากกว่า 60 ปี มาเติมเต็มสีสันลงไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเป็นผลงานของ Jared Enos จากสหรัฐอเมริกา หนุ่มช่างภาพวัย 19 ปี ราวกับว่ารูปภาพในอดีตถูกปลุกขึ้นมาให้เล่าเรื่องอีกครั้ง..   นายทหารสองคนกำลังหลบภัยอยู่ในหลุม เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1944   นายทหารผู้บาดเจ็บคนหนึ่งกำลังได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทีม   “มีอยู่สองเหตุการณ์หลักๆ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ขึ้นชื่อว่ามีการสังหารกันมากที่สุด อันแรกคือ The Eastern Front ที่ยุโรป ส่วนอีกที่ก็คือสงครามอ่าวแปซิฟิค” “ในขณะที่รูปภาพจากเหตุการณ์ในยุโรปหาค่อนข้างยาก แต่ทางหน่วยนาวิกโยธินของสหรัฐฯ ได้เก็บรวบรวมรูปถ่ายจากสงครามครั้งนี้เอาไว้ และหลังจากที่เติมเต็มสีให้รูปภาพเหล่านี้ ผมกลับรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานั้น รู้สึกได้ถึงประสบการณ์ที่ทหารทุกคนกำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนั้น” เจ้าของผลงานกล่าว   พลทหารปืนไฟที่ได้รับคำสั่งให้ออกไปทำลายฝั่งรถขนส่งของญี่ปุ่น ในโมโตยาม่า เมื่อ ปี 1945   การบุกเข้าโจมตีของรถถัง (Zippo) พร้อมๆ กับพลซุ่มยิง ของสหรัฐฯ ในยุทธการที่อิโวะจิมะ…

เนื้อหานี้อาจจะมีภาพอันสยดสยองบ้าง แต่ภาพดังกล่าวไม่ใช่ของจริง เป็นการแต่งหน้าของเธอคนนี้นี่เอง….   การแต่งหน้า นับว่าเป็นเรื่องจำเป็นของสาวๆ บางคนไปแล้ว เพราะการแต่งหน้าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับสาวๆ นั่นเอง และแน่นอน แต่งแล้วก็ต้องสวย ข้อนี้จะขาดไปไม่ได้เลย แต่ก็มีอีกมุมหนึ่งของการแต่งหน้า ที่ไม่ได้เน้นสวย แต่เน้นแปลกและหลอนแทน กับช่างแต่งหน้าสาวจากเมือง Willits รัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริกา วัย 17 ปี Tiffany Baze บอกเลยว่าเธอมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา การันตีด้วยประกาศนียบัตรมากถึง 18 ใบ     Tiffany เริ่มแต่งหน้าแนวแปลกๆ ครั้งแรกเมื่อ 2-3 ปีก่อน ตอนที่เธอไปงานฮาโลวีน หลังจากนั้นเธอก็ได้เริ่มโพสต์ภาพแต่งหน้าลงโซเชียลครั้งแรกเมื่อ 9 เดือนที่แล้ว และมีคนเข้ามาคอมเม้นมากมาย บางคนบอกว่า ขยะแขยงกับแนวการแต่งหน้าของเธอ แต่นี่คือสิ่งที่เธอชอบ เธอก็เลยไม่ปล่อยให้คำพูดทางลบนั้นมาเป็นอุปสรรคในการทำสิ่งที่รัก เธอบอกว่า “ถ้ามีคนมาคอมเม้นชมผลงานของฉัน ฉันยิ่งจะมีความสุข เพราะมันทำให้ฉันรู้ว่าพวกเค้าคอยติดตามผลงานของฉันอยู่”     ในการแต่งหน้าหรือร่างกายแต่ละครั้งนั้น เธอใช้เวลาตั้งแต่ 40 นาที ถึง 3…

พูดถึงนางแบบ เราคงคิดว่าต้องเป็นวัยรุ่น หรือสาวๆ หุ่นเต่งตึงเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วสายรุ่นใหญ่ก็เป็นได้เช่นเดียวกัน เพราะความแก่นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะหมดสวยหรือ จะเป็นนางแบบไม่ได้ และนี่คือเหล่านางแบบที่มีอายุ 70 อัพ แต่พวกเธอพิสูจน์ให้เห็นว่า ถึงแม้จะเป็นสาวเหลือน้อย แก่แต่ก็เก๋ไก๋ได้ไม่แพ้สาวๆ แน่นอน โดยพวกเธอไม่ได้ทำหน้าให้ดูอ่อนเยาว์เพื่อซ่อนความแก่ เผยให้เห็นความงามในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง   1. Lauren Hutton วัย 72 ปี เธอมีประวัติที่ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะเธอเคยถ่ายแบบให้กับนิตยสารชื่อดังอย่าง Vogue มาแล้ว และในปี 2013 ก็ได้ขึ้นปกนิตยสาร MUSE, Edit และ Harper’s Bazaar เมื่อตอนอายุ 61 เธอยังได้ถ่ายภาพนู๊ดให้กับนิตยสาร Big ด้วย เพื่อแสดงถึงความภาคภูมิใจในร่างกายของตัวเอง .   2. Jacqueline Murdock วัย 86 ปี ในสมัยที่ยังสาวนั้น เธอทำงานเป็นนักเต้น และยังได้ขึ้นปกนิตยสารอีกมากมาย และเมื่อเธออายุ 82 เธอก็ได้รู้จักกับบล็อกเกอร์แฟชั่นชื่อดังอย่าง Ari Seth Cohen ที่ชวนให้เธอมาถ่ายโฆษณาของพวกเขาด้วย…

จากเด็กน้อยวัย 8 ขวบ ที่มีชื่อว่า Lily เด็กสาวจากครอบครัวทหาร ที่เห็นว่าประเทศที่เธออาศัยอยู่กำลังประสบปัญหามากมาย และอยากจะสร้างความเชื่อมั่นขึ้นอีกครั้ง เธอจึงส่งคำแนะนำสุดครีเอทของเธอเป็นจดหมายไปให้ประธานาธิบดี Barack Obama เองซะเลย และนี่คือเรื่องราวที่เปิดเผยโดยเว็บไซต์ HuffingtonPost เราไปดูเนื้อหาในจดหมายกันเลย ว่าสาวน้อยวัย 8 ขวบ คนนี้เธอจะมีคำแนะนำสุดเก๋ ฝากไปถึงประธานาธิบดีไว้อย่างไรบ้าง…   “ถึงท่านประธานาธิบดี หนูคิดว่าประเทศนี้กำลังต้องการความกล้าหาญอีกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยปัญหาจากไวรัสซิก้า หรือสงครามที่เกิดขึ้น หนูอยากให้คุณลุงช่วยทำอะไรสนุกๆ ได้มั้ยคะ? เช่น ใส่เสื้อมัดย้อมกับกางเกงขาสั้นไปในงานสำคัญบ้าง หนูอยากให้ลุงไปเล่นสกีที่แคริบเบียน พาครอบครัวไปดิสนี่ย์เวิลด์ ทำอะไรสนุกๆ และให้คุณลุงกล่าวคำอะไรซักอย่างที่ช่วยให้ทุกคนใจเย็นขึ้น คุณลุงอาจจะไม่รู้ว่าหนูเป็นห่วงบ้านเมืองมากแค่ไหน” แถมเด็กสาวตัวน้อยยังเขียนลงท้ายอีกด้วยว่า “หนูขอแสดงความยินดีกับการได้ดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของคุณลุงด้วยค่ะ หนูเกือบลืมเขียนไปเลยว่าหนูเป็นแฟนตัวยงของคุณลุง พ่อของหนูทำงานให้กับกองทัพอากาศ และนั่นก็เป็นแรงบันดาลใจให้หนูมีความอยากจะเป็นประธานาธิบดีบ้าง ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วอาชีพในฝันของหนูคือศัลยแพทย์ด้านหัวใจและหลอดเลือด เราจะพัฒนาประเทศไปด้วยกัน!”   ถึงจะเป็นเด็กน้อยส่งมาให้ ประธานาธิบดีผู้นี้ก็ไม่นิ่งนอนใจที่จะตอบกลับแต่อย่างใด…   “ถึง Lilly ขอบคุณสำหรับจดหมายน่ารักๆ และคำแนะนำ เธอดูเป็นเด็กที่เก่งมากๆ และฉันจะบอกให้ว่ามีความกล้าหาญอยู่มากมายในตัวเธอ ที่จะช่วยทำให้ประเทศเราแข็งแกร่งได้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าภรรยาและลูกสาวจะคิดยังไงถ้าฉันใส่เสื้อมัดย้อมตามที่เธอแนะนำ แต่อย่างน้อยฉันรู้ว่าหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ…

ชุดเครื่องแบบพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนับว่า เป็นอีกหนึ่งแฟชั่นที่ถูกจับตามองของคนในวงการแฟชั่น โดยตั้งแต่ปี 1930 นั้น เครื่องแบบแอร์โฮสเตสมีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งนั่นยิ่งสร้างความท้าทายให้กับเหล่าดีไซเนอร์มากขึ้นด้วย พิพิธภัณฑ์ SFO ที่สนามบิน San Francisco International ได้จัดนิทรรศการ ‘Fashion In Flight’ รวบรวมชุดของสายการบินต่างๆ พร้อมประวัติความเป็นมา นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่มีมากถึง 70 ชุดจาก 20 สายการบินทั่วโลก โดยงานนี้จัดให้เข้าชมถึงเดือนมกราคม 2017   1. เครื่องแบบพนักงานต้อนรับของ Transcontinental & Western Air โดย  Howard Greer ปี 1944   Greer นักออกแบบแฟชั่นฮอลลีวูด ที่ได้ออกแบบชุดให้กับแอร์โฮสเตสด้วย   2. เครื่องแบบของพนักงานต้อนรับสายการบิน Trans World โดย Oleg Cassini ปี 1955 เขาเป็นที่รู้จักในฐานะเป็นดีไซเนอร์ให้กับ Jacqueline Kennedy Onassis   3. เครื่องแบบของสายการบิน Pan American World ออกแบบโดย Don…

ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าที่ต่างประเทศนั้นมักจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยี่ยมหาที่บ้านอยู่บ่อยๆ บ้างก็เป็นหมี บ้างก็โคอาล่า บ้างก็เป็นกวางน้อย หรือแม้แต่ไอ้เข้ก็ยังมี (อย่าว่าแต่ต่างประเทศเลย บ้านเราก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ฮร่า) เช่นเดียวกันกับครอบครัวนี้ ที่จู่ๆ คืนหนึ่งก็มีแขกเป็นแมวเหมียวมาเกาะที่ประตูหน้าบ้านกลางดึกพร้อมกับร้องเมี๊ยวๆ ขอให้คนในบ้านเปิดประตู ซึ่งนอนว่าพวกเขาไม่ปฏิเสธ “ผมได้ยินเสียงของเจ้าเหมียวร้องเมี๊ยวๆ อยู่หน้าประตูบ้าน พอเดินมาที่ประตูก็ต้องเจอกับภาพแบบนี้ 555+” (ถึงกับลั่น) สมาชิกเว็บไซต์ imgur ชื่อว่า ifyourgirlonlyknew กล่าว     พวกเขาเปิดประตูและมันก็รีบเดินเข้ามาในบ้านอย่างเร็วไว จากนั้นมันก็เดินสำรวจไปรอบๆ บ้าน เหมือนกับตรวจสอบสถานที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ของมันยังไงยังงั้นเลย (เฮ้ย เค้ายังไม่ได้ตกลงจะรับเลี้ยงเอ็งเลยนะเฟร้ย!!) “ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะเลี้ยงแมว ก็เลยตัดสินใจที่จะตามหาเจ้าของของมันก่อน เผื่อว่ามันหลงมาจากบ้านอื่น แต่ถ้าไม่มีก็คงต้องเลี้ยงมันไว้ซะแล้วล่ะ” เจ้าของบ้านกล่าว     เจ้าเหมียวเดินเข้าไปในห้องครัว เพื่อดูว่ามีอะไรให้กินบ้าง (แหม่ทำตัวอย่างกับว่านี่เป็นบ้านของแกเลยนะเจ้าเหมียว 555+)     แต่พอรู้ว่าไม่มีมันก็เลยกระโดดขึ้นไปนั่งอยู่บนขอบหน้าต่าง เหมือนกับบอกว่า “เฮ้!! ในห้องครัวไม่มีอะไรกินเลยอ่ะ ไปหาอะไรมาให้ข้ากินหน่อยซิเจ้ามนุษย์”   พอเห็นดังนั้นแล้วเจ้าของบ้านก็รีบกุลีกุจอออกไปหาซื้ออาหารแมวที่มินิมาร์ทใกล้บ้านในทันที แน่นอนว่าเจ้าเหมียวก็ฟาดเรียบ (ดูจะหิวมากเลยนะนั่น)   พวกเขาโพสต์รูปภาพของเจ้าเหมียวลงบนโซเชียลเพื่อตามหาเจ้าทาสของมัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มี…

เมื่อเกิดน้ำท่วม ผู้คนส่วนใหญ่มักจะอพยพออกจากพื้นที่พร้อมข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นรวมทั้งสัตว์เลี้ยงตัวโปรด ในขณะที่สัตว์ที่ไม่มีเจ้าของมักจะถูกปล่อยให้เผชิญชะตาชีวิตด้วยตัวเอง เมื่อสัปดาห์ที่มาได้มีน้ำท่วมที่รัฐหลุยส์เซียนา และมีผู้คนอพยพออกจากพื้นที่ประมาณ 20,000 คน ต่อมาทราบว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน ในขณะที่ Denham Springs ซึ่งเป็นศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ในรัฐหลุยส์เซียนา ก็ถูกน้ำท่วมจนมองเห็นแค่หลังคา ภายในเต็มไปด้วยสัตว์มากมายที่ต้องการความช่วยเหลือ     โชคดีที่เจ้าหน้าที่และชาวบ้านอาสาบางส่วนได้ช่วยไว้ โดยการนำพวกมันขึ้นอยู่บนหลังคา และรอเรือมารับออกไปอย่างปลอดภัย มีคนหนึ่งได้นำเหล่าแกะไปไว้บนเรือและลากเรือขึ้นฝั่ง มีคนมาคอมเม้นว่า “นี่มันเรือโนอาห์ชัดๆ” ต่อมาในวันอาทิตย์ กรมคุ้มครองสัตว์ป่าและการประมงก็ช่วยเหลือชาวบ้าน 2,324 คน และสัตว์อีก 464 ตัว ในขณะที่กรมอุตุฯ เตือนว่า วันจันทร์นี้จะมีฝนตกที่ยาวนานกว่าเดิม     เจ้าหน้าที่และชาวบ้านบางส่วนได้ช่วยเหลือสัตว์เท่าที่จะทำได้   พวกเขาให้สัตว์ขึ้นไปอยู่บนหลังคา ก่อนให้เรือมารับอย่างปลอดภัย .   ชาวบ้านที่ไม่ได้ย้ายออกจากพื้น ก็ให้ที่อยู่อาศัยชั่วคราวกับสัตว์เหล่านี้ด้วย   หน่วยกู้ภัย ออกเรือเพื่อตามหาทั้งคนและสัตว์ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ .   นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เราควรทำตามนะคะ แม้ตัวเองจะเดือดร้อนแค่ไหน แต่ก็ไม่ลืมที่จะช่วยเพื่อนร่วมโลกให้รอดไปด้วยกัน ที่มา boredpanda l facebook

ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่า ‘โรคมะเร็ง’ นั้นเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไปแล้วมากมาย ความจริงแล้วมันเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ถ้าเราตรวจพบเชื้อร้ายได้ทันท่วงที แต่หลายๆ คนนั้นไม่รู้สึกเอะใจพอไปตรวจก็กลายเป็นขั้นสุดท้ายแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าโรคร้ายนี้มันก็ไม่ได้มีวิธีการรักษาที่ง่ายดายเพียงแค่กินยาแล้วก็หาย ผู้คนที่ป่วยเป็นมะเร็งจะต้องได้รับการรักษาด้วยการทำคีโม และผลข้างเคียงของมันก็มีต่างๆ นานา หนึ่งในนั้นคือการที่จะต้องเป็นคนหัวล้านเช่นกัน…     แต่ไม่ใช่กับเธอคนนี้ Andrea Sierra Salazar สาวน้อยอายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมปลายจากเท็กซัส ที่ถึงแม้ว่าจะป่วยเป็นมะเร็งและไม่มีผม แต่เธอก็ไม่หยุดยั้งงานอดิเรกที่ชื่นชอบการเป็นนางแบบของเธอ เด็กสาวคนนี้ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คุณแม่ของเธอได้พบความผิดปกติมีติ่งเนื้องอกขึ้นมาบนคอของเธอ ก็เลยตัดสินใจที่จะพาไปหาหมอ และก็พบว่ามันคือเนื้อร้าย     “ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเป็นมะเร็ง จนวันหนึ่งรู้สึกเจ็บที่บริเวณลำคอ ความรู้สึกเหมือนกับนอนตกหมอน พอลูบๆ ที่บริเวณลำคอก็เหมือนกับมีก้อนอะไรซักอย่างอยู่ และมันก็เจ็บมากๆ เลยด้วย” Andrea กล่าว เท่านั้นยังไม่พอ จากการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ก็ทำให้แพทย์พบว่าเธอยังมีเนื้อร้ายอยู่อีก 2 จุดด้วยกัน คือที่บริเวณกระดูกไหปลาร้า และหน้าอก ซึ่งมันดำเนินมาสู่ระยะที่ 2 แล้ว     แน่นอนว่าเธอต้องทำการรักษาด้วยการทำคีโม ผมของเธอร่วงหายไปจนหมด และการรักษานั้นต้องทำอยู่เป็นประจำทำให้เธอใช้เวลาอยู่ที่โรงพยาบาลมากกว่าอยู่ที่บ้านและโรงเรียนซะอีก…

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยคลิปวีดีโอ พร้อมเรื่องราวน่ารักๆ ของ Harvey Wosika คุณปู่ที่ถึงแม้ว่าจะอายุ 92 ปีแล้ว แต่ก็ยังสามารถแต่งเพลงรักหวานซึ้ง มาขับร้องให้คุณย่าฟัง งานนี้ทำเอาผู้คนทั่วโลกออกไลน์ถึงกับเขินแทนเลยละ   จากภาพเราจะเห็นได้ว่า คุณปู่ได้ทำการนั่งคุกเข่าลงต่อหน้า Mildred Wosika คุณย่าวัย 90 ปี ภรรยาแสนรัก   จากนั้นเขาก็ขับกล่อมบทเพลงรักหวานๆ ที่ชื่อว่า “Let Me Call You Sweetheart” ให้คุณย่าฟัง เพื่อฉลองวันครบรอบแต่งงานปีที่ 50 ของทั้งคู่ เรียกได้ว่าทั้งหวานทั้งซึ้ง และโรแมนติกฝุดๆ     แม้ว่าก่อนหน้านี้ คุณปู่จะบอกมาตลอดว่าเขานั้นร้องเพลงไม่เป็นเลย แต่เพื่อความหวานก็ต้องจัดซะหน่อยงานนี้   และหลังจากที่คลิปวีดีโอดังกล่าว ได้ถูกเผยแพร่ลงในโลกโซเชียล ต่างก็มีชาวเน็ตเข้ามารับชมกว่า 16,000 ครั้งเลยทีเดียว ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดู ก็คลิกโลดดดดด…. ถ้าคลิปไม่ขึ้นหรือชมคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่  …

ความสุขของคู่แต่งงานนั้น ถ้าสถานะอะไรต่างๆ มีความพร้อมหมดแล้ว สิ่งที่มีความสุขที่สุดก็คงไม่พ้นการมี ‘ลูก’ เพื่อเป็นสิ่งเติมเต็มในชีวิตของมนุษย์ทุกๆ คนล่ะ… เรื่องราวของ Brianne Dow สาววัย 24 ก็เช่นกัน เมื่อเธอรู้ว่าเธอตั้งครรภ์ เธอกลับแอบอุบไว้ไม่บอก Brandon สามีของเธอให้รู้ แต่เธอกลับนัดช่างภาพวันแต่งงานของพวกเขา Samantha Boos เพื่อไปถ่ายภาพแบบคู่รักน่ารักๆ ธรรมดาๆ ในสวนสาธารณะ ซึ่งที่นั่น เธอตั้งใจจะบอกเรื่องนี้แก่สามีของเธอในวิธีที่น่ารักและซาบซึ้งสุดๆ ไปเลย!!!   จัดฉากราวกับว่านัดมาถ่ายภาพธรรมดาๆ   โดยการจัดฉากให้เขียนคำที่อยากบอกอีกฝ่ายไว้ ไม่ให้เห็น แล้วค่อยหันมาเผยพร้อมๆ กัน   เขาไม่รู้หรอก ว่ากำลังจะเจออะไร หึหึ!!! … ‘เธอกำลังจะเป็นพ่อคนแล้วนะ <3’   อย่าบอกเขาเชียวล่ะช่างภาพ ฮร่าาาาา   ผู้ชายก็หันมาธรรมดาๆ นี่แหละ ถ่ายรูปกับแฟนเล่นๆ น่ารักๆ อ่ะเนาะ   แต่พอเขาได้เห็นข้อความของผู้หญิงเท่านั้นแหละ…ตึ่งโป๊ะ!!!   น้ำตาแตกเลยทีเดียว (ดีใจใช่ไหม อย่าบอกว่าเสียใจนะ ฮร่าาาาา)  …

หลายคนชื่นชอบการจัดสวนหลังบ้าน หรือหน้าบ้านให้สวยงามตามแบบฉบับของตัวเอง ก็เหมือนกับ Robert Burns คุณปู่วัย 75 ปี คนนี้ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบการจัดสวนหน้าบ้านเช่นกัน แถมคุณปู่ยังสามารถจัดสวนได้อย่างสวยงาม จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตามาเยี่ยมชม และมาแวะเก็บภาพสวยๆ ที่สวนหน้าบ้านของเขา     โดยเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2559 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ได้เผยเรื่องราวพร้อมกับภาพสวนสวยๆ ของคุณปู่ ที่เต็มไปด้วยพืชพรรณ รวมไปถึงดอกไม้ที่มีสีสันสดใสนานาชนิด เรียกได้ว่านอกจากจะงดงามแล้ว ยังสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมอีกด้วย     หลังจากที่คุณปู่ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านริมทะเลสาบ Lomond ในประเทศสกอตแลนด์ พร้อมกับภรรยา ตั้งแต่ปี 2000 เขาก็เริ่มทำการจัดสวนภายในบ้าน และหลังจากนั้นสวนของพวกเขาก็ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปี 2001 เป็นเวลากว่า 16 ปี ที่คุณปู่ได้ทำการตกแต่งหน้าบ้านของเขา ให้กลายเป็นสวยที่สวยงาม จนในที่สุดสวนแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีผู้คนแวะเข้ามาเยี่ยมชมกันอย่างมากมาย   .   คุณปู่ทำงานอย่างหนัก เพื่อที่จะทำให้สวนของตัวเองออกมาสวยงาม และผลลัพธ์ที่ได้มันก็คุ้มค่ามากจริงๆ   ลองนึกดูสิ…สวนสีสันสดใส ที่อยู่ท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบ มันคงจะเป็นภาพที่สวยสะดุดตาไม่น้อย…

กลายเป็นประเด็นร้อนบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว หลังจากนักวิ่งสาวจากบาฮามาสพุ่งหลาวเข้าเส้นชัย จนสามารถเฉือนชนะคู่แข่งได้เหรียญทองไปในการแข่งขันกรีฑาประเภท 400 เมตรหญิง นักวิ่งคนดังกล่าวคือ Shaunae Miller นักวิ่งจากประเทศบาฮามาส โดยเธอได้พุ่งหลาวเข้าเส้นชัย จนสามารถเฉือนเอาชนะนักวิ่งจากสหรัฐอเมริกา Allyson Felix ไปเพียง 0.07 วินาทีเท่านั้น     Miller ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวว่า “ฉันไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ฉันได้แผลถลอกมานิดหน่อย ตอนที่ฉันพุ่งลงไปฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะชนะรึเปล่า จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง” “ในสมองของฉันตอนนั้นมีแต่ความคิดว่าต้องได้เหรียญทอง รู้ตัวอีกทีฉันก็ลงไปอยู่ที่พื้นแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก”     ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าลำตัวของ Miller เข้าเส้นชัยก่อน Felix   อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตหลายคนได้เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการพุ่งหลาวของเธอแบบนี้ ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคารพต่อคู่แข่ง   “เธอไม่ได้ลื่น เธอตั้งใจ เธอควรถูกตัดสิทธิ์”   “การพุ่งเข้าเส้นชัยแบบนี้ควรผิดกฎหมายนะ มันเหมือนไม่เคารพกีฬาชนิดนี้และนักกีฬาคนอื่นๆ เลย”   “เธอควรละอายในตัวเองนะ ช่างเป็นชัยชนะที่ไม่แฟร์เอาซะเลย”   “เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่เอาผิดทางกฎหมายไม่ได้ แต่ช่างเป็นการกระทำที่แย่มากๆ จริงๆ”   แต่ก็มีอีกหลายคอมเมนต์บอกว่า เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะกฎของการแข่งขันคือผู้เข้าแข่งขันที่ลำตัวถึงเส้นชัยก่อน ผู้นั้นคือผู้ชนะ  …

สำหรับสาวๆ แล้ว ชุดแต่งงานคือหนึ่งในชุดที่พวกเธอต่างเฝ้าฝันที่จะได้ใส่ซักครั้งในชีวิต แน่นอนว่าชุดเหล่านั้น จะต้องเป็นชุดที่ทำให้เธอโดดเด่นที่สุดในงาน และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปส่อง 15 ชุดแต่งงานสุดอลังการดาวล้านดวงจากทั่วโลก ไม่เทพจริงทำไม่ได้นะเนี่ย!!   เป็นชุดแต่งงานที่ลำบากแขกเหรื่อในงานมาก   ชุดแต่งงานที่ยาวที่สุดในโลกด้วยความยาวกว่า 2,750 เมตร ของนางแบบชาวโรมาเนีย Emma Dumitrescu   ชุดแต่งงานที่ทำให้เห็นรอยสักทั้งตัวของ Amy Davison แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบข้าง แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด   ชุดแต่งงานแห่งความเร่าร้อน   ชุดแต่งงานแชมเปญ รับรองว่าคืนนี้หลับสบายแน่นอน   ชุดแต่งงานสุดน่ารักของโจลี่   ชุดแต่งงานแบบชุดวันเกิด   ชุดเจ้าหญิงของ Katie Price   ชุดแต่งงานสีดำ   ชุดแต่งงานในธีมดอกเตอร์ออคโทปุส   ชุดแต่งงานไฟวันปีใหม่   ชุดแต่งงานสไตล์ Techno   ชุดแต่งงานไม่ต้องกลัวหุ่น   ชุดแต่งงานเอ่อ….อ่ะนะ   ชุดแต่งงานเค้ก กินได้ อร่อยด้วย…

นี่คือภาพของโรงภาพยนตร์กลางแจ้ง ที่มาพร้อมกับเก้าอี้ที่สร้างจากไม้สำหรับรับชมกว่า 150 ที่นั่ง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรไซนาย ประเทศอียิปต์ แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่า มันไม่เคยถูกเปิดใช้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แถมยังมีเพียงไม่กี่คนที่เคยไปที่นั่นอีกด้วย     สำหรับภาพทั้งหมดนี้ ถูกถ่ายขึ้นมาโดย Kaupo Kikkas ช่างภาพชาวเอสโตเนีย ผู้ที่ได้เดินทางเข้าไปบันทึกภาพ พร้อมทั้งได้เผยเรื่องราวที่น่าสนใจของโรงภาพยนตร์ว่า โรงภาพยนตร์แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นโดยเศรษฐีชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสเดินทางมายังคาบสมุทรไซนาย     และเมื่อเห็นว่าสถานที่ดังกล่าว เหมาะที่จะนำมาสร้างโรงภาพยนตร์ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปยังกรุงไคโร เพื่อไปซื้อของที่ต้องการจากโรงภาพยนตร์เก่า และนำมาใช้ในการเปิดโรงภาพยนตร์ของเขาเอง     หลังจากที่โครงการสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี สิ่งที่คิดเอาไว้ก็ดันไม่ตรงไปตามแผน เพราะในคืนรอบปฐมทัศน์มีบางอย่างกลับผิดพลาด อุปกรณ์ที่ใช้ในงานด้วยระบบไฟฟ้าถูกตัด อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าทางหน่วยงานท้องถิ่น ไม่พอใจกับความคิดในการเปิดโรงภาพยนตร์กลางทะเลทรายของเขาเลยแม้แต่น้อย     ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้โรงภาพยนตร์ของเศรษฐีชาวฝรั่งเศส ไม่มีการฉายภาพยนตร์เลยแม้แต่เรื่องเดียวนับตั้งแต่วันเปิดตัวมาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง .   ภาพของเก้าอี้ไม้กว่า 150 ตัว ที่ตากแดดตากฝน และเจอกับสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย จึงทำให้มันผุพังไปตามกาลเวลา   โรงภาพยนตร์ที่ไม่มีวันฉาย ถูกทิ้งร้างไปอย่างน่าเสียดาย  …

กลายเป็นภาพสุดประทับใจอีกครั้งในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกจริงๆ สำหรับการขอแต่งงานของนักกีฬาหนุ่มต่อแฟนสาวนักกีฬาด้วยกันกลางพิธีมอบเหรียญโอลิมปิก เล่นเอาเขินกันทั้งสนามเลยทีเดียว โดยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 สิหาคม 2559 เมื่อ ฉินไข่ นักกีฬากระโดดน้ำหนุ่มทีมชาติจีนได้ทำเซอร์ไพรซ์ด้วยการนำแหวนเพรชขึ้นไปคุกเข่าขอแฟนสาว เหอจือ นักกีฬากระโดดน้ำสาวทีมชาติจีนอีกคนกลางพิธีมอบเหรียญรางวัล หลังเธอเพิ่งได้รางวัลเหรียญเงินมาหมาดๆ     เหอจือเล่าว่า เธอไม่ระแคะระคายมาก่อนเลยว่าเขาจะทำเซอร์ไพรซ์ในวันนั้น ก่อนหน้านั้นเธอเห็นเขาพึมพำๆ อะไรบางอย่างทั้งวัน แต่เมื่อเธอถาม เขากลับบอกว่ากำลังร้องเพลงอยู่ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์สุดประทับใจดังกล่าวขึ้นมา เธอยังบอกอีกว่า เธอจำไม่ได้แล้วว่าเขาพูดอะไรบ้างตอนขอแต่งงาน เพราะเธอตื่นเต้นมาก แต่ที่จำได้ดีคือ เขาบอกว่า เขาพร้อมจะดูแลเธอตลอดชีวิตแล้ว (เขินเลย) อีกทั้งทางสำนักข่าวได้รายงานว่า ทั้งสองคบหาดูใจกันมาเป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว     โดยในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ เหอจือได้รางวัลเหรียญเงินจากกระโดดน้ำหญิง ประเภทสปริงบอร์ด 3 เมตร ส่วน ฉินไข่ได้รางวัลเหรียญทองแดงจากกระโดดน้ำ ประเภทคู่ชายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา     เรียกว่าลักกี้อินเกม ลักกี้อินเลิฟจริงๆ สำหรับทั้งคู่ ยังไงก็ขอให้รักกันไปนานๆ นะฮะ ที่มา Dailymail.com

ช่วงนี้ก็คงไม่มีการแข่งขันกีฬาใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าอีเว้นท์โอลิมปิกที่ริโอ ประเทศบราซิลอีกแล้วล่ะ วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเกร็ดความรู้น่าสนใจมาฝากกัน ในประเด็นที่ว่า ‘ทำไมเหล่านักกีฬาที่ได้รับเหรียญมานั้น ต้องกัดเหรียญของตัวเองด้วยล่ะ!?’ ว่าแล้วเรามาถกประเด็นนี้กันเลยดีกว่า!!!   ประเพณีการกัดเหรียญ… (แหม๊ นึกถึงขนมช็อกโกแลตเหรียญเลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ)   แถมการกัดเหรียญนั้นก็ไม่ได้พึ่งจะมีในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ ภาพนี้มาจากโอลิมปิกปี 1991 นักกีฬาวิ่งชาวอังกฤษก็กัดเหรียญเช่นกัน!!   สาเหตุที่ว่าทำไมทุกๆ คนต้องกัดเหรียญกันแบบนั้นล่ะ!?   หนึ่งในปัจจัยเหล่านั้น…ใครจะไปนึกว่าคือ ‘เหล่าช่างภาพ’ !!!   ‘ราวกับว่าเป็นความลุ่มหลงของเหล่าช่างภาพเลยทีเดียว’ David Wallechinsky หัวหน้าสมาคมนักประวัติศาสตร์โอลิมปิกกล่าวกับทาง CNN ‘เพราะเหล่าช่างภาพคิดว่าการกัดเหรียญนั้นเหมือนเป็นจุดขายของเหล่านักกีฬาที่จะทำให้ภาพดูน่าสนใจ เอาจริงๆ นะ ผมไม่คิดว่าเหล่านักกีฬานึกอยากจะกัดเหรียญกันขึ้นมาเองหรอก’   เพราะว่าเป็นภาพที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการแข่งขัน แถมยังสามารถขายได้อีกด้วย!!!   และตามประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่ผ่านๆ มา การกัดทองนั้นถือว่าเป็นการพิสูจน์ความ ‘แท้’ ของพวกมันล่ะ!!! เพราะทองแท้นั้นอ่อน และสามารถกัดได้ และจะทิ้งรอยฟันไว้บนเนื้อของมัน   แต่ประเด็นคือเหรียญทองส่วนใหญ่ที่ใช้ในโอลิมปิกนั้นมีส่วนผสมของเงินอยู่เป็นส่วนมาก   และโอลิมปิกที่ริโอในครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งก่อนๆ ตั้งแต่ปี 1912 ที่ไม่ได้ทำมาจากทอง 100…

ไม่รู้ทำไมของอร่อยๆ มักจะไม่ดีต่อสุขภาพทั้งนั้น เหมือนอย่างอาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งหลาย รู้นะว่ามันไม่ดี แต่ว่ามันก็อดใจไม่ไหวทุกครั้งที่เห็น โดยเฉพาะเด็กๆ รู้สึกจะถูกใจอาหารพวกนี้มากเป็นพิเศษ คุณพ่อลูก 2 อย่าง Matthew Blake เห็นว่าถ้ากินเยอะไปคงจะไม่ดีเท่าไหร่ ก็เลยคิดที่จะสร้างอาหารที่คล้ายๆ กันออกมา แต่เป็นแบบที่ดีต่อสุขภาพ   นี่คือคุณพ่อ Matthew Blake กับลูกชายอีก 2 คน   และนี่คืออาหารของพ่อที่ทำออกมาเลียนแบบอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง   พ่อเล่าว่าปกติก็ไม่ค่อยมีเวลาทำอาหารให้ลูกเท่าไหร่ แต่ถ้ามีโอกาสก็จะทำอะไรที่มันดีต่อพวกเขา ให้พวกเขาได้สนุกกับการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ   จุดเริ่มต้นมาจากการที่ลูกๆ ไม่อยากกินอาหารที่พ่อทำ ซึ่งตั้งใจทำมาก พ่อก็เลยลองหาวิธีอื่นๆ ดู จนออกมาเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ สร้างแบรนด์เป็นของตัวเองซะเลย .   ถือเป็นไอเดียที่เจ๋งมากๆ เลยสำหรับคุณพ่อที่ต้องการอยากให้ลูกได้ทานอาหารดีๆ แถมยังสามารถห่อไปกินที่โรงเรียนได้แบบเฟี้ยวๆ อีกด้วย ที่มา distractify

เพราะบางครั้งเวลาที่เราเดินทางไปท่องเที่ยวหรือไปยังสถานที่ต่างๆ ในต่างประเทศ สิ่งที่เราต้องการก็คือการพักผ่อน และการได้เอนหลังเพื่อนอนหลับอย่างแท้จริงก็เท่านั้น วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ 13 โรงแรมแคปซูลเจ๋งๆ จากรอบโลกกันล่ะ!!! และถ้าหากว่าเพื่อนๆ ชอบเดินทาง และไม่เกี่ยงเรื่องพื้นที่แคบแล้วล่ะก็ โรงแรมเหล่านี้ก็จะเป็นที่พักในอุดมคติของเพื่อนๆ เลยทีเดียว ลองมาดูกันเลย…   1. Anshin Oyado, Japan เป็นไอเดียที่ดีเลยล่ะถ้าคุณจะเลือกที่พักเพราะอยู่ห่างจากสถานี Shinjuku ราวๆ 3 นาทีด้วยการเดินเท่านั้น   แถมยังครบครันไปด้วยทีวี คอมพิวเตอร์ แถมยังมีบริการแช่อ่างน้ำร้อนและอบซาวน่าอีกด้วย!!! และมีบริการเสริมจากทางโรงแรมอย่างร้านซักรีด ร้านขนม และร้านค้าเปิดบริการแบบ 24 ชั่วโมงกันไปเลย!!!   2. Sleepbox, Moscow เหมาะสำหรับการพักผ่อนที่เรียบง่าย!!!   ไม่มีลูกเล่น ไม่มีของตกแต่ง ไม่หรูหรา แต่มีที่นอน ห้องน้ำแบบแชร์กันและที่เก็บของ ง่ายๆ แต่เพียงพอแล้วล่ะ!!!   3. Book and Bed, Tokyo เหมาะสำหรับคนรักหนังสืออย่างยิ่ง!!…

ความหล่อความสวยนั้น เป็นค่านิยมที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลาจริงๆ โดยเมื่อปีที่แล้วทางช่อง Cut จากเว็บไซต์ยูทูปได้นำเสนอแฟชั่นความสวยของผู้หญิงในแต่ละยุค เพื่อแสดงให้เห็นถึงค่านิยมของคนในปีต่างๆ ที่ผ่านมา และในครั้งนี้พวกเค้าก็ทำเช่นกัน แต่เปลี่ยนเป็นผู้ชายแทน โดยทางทีมงานได้ให้นายแบบชาวอเมริกัน มาเปลี่ยนทรงผมที่เป็นที่นิยมของคนในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ส่วนจะจริงมั้ยนั้นคงต้องให้เพื่อนๆ เป็นคนตัดสินแล้วล่ะ   1. หนวด… นับว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของผู้ชายยุค 1910s   2. ยุค 1920s เป็นช่วงที่ดนตรีแจ๊สได้รับความนิยมมาก   3. ยุค 1930s เป็นช่วงที่ฮอลลีวูดกำลังโด่งดังเลย   4. ยุค 1940s ช่วงสงครามโลก และรูปแบบทหารหรือทหารเรือมาแรงมาก   5. ยุค 1950s เรียกว่าไม่มีใครไม่รู้จัก Elvis แน่ เพราะท่าเต้นเขาฮิตจริงๆ   6. ยุค 1960s จุดเด่นคือ ทรงผมทรงนี้แหละ   7. ยุค 1970s แนวฮิปปี้ (#เหมียวขี้ส่อง ชอบแบบนี้ อิอิ)   8.…

สำหรับโลกของเราก็มีเรื่องน่ากลัวๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่อง ที่ส่วนมากแล้วมีความคิดผิดแปลกและวิกลจริตกว่าผู้อื่น เลยทำให้มีพฤติกรรมสุดสยองแบบนั้นออกมา วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีผลสำรวจจากทาง BuzzFeed Community เกี่ยวกับหนังสารคดีของฆาตกรต่อเนื่องที่น่ากลัวที่สุด ลองมาฟังเรื่องของพวกเขากันเลย   The Jeffrey Dahmer Files (2012)   เป็นการเล่าชีวิตของฆาตกรต่อเนื่อง Jeffrey Dahmer ผ่านสายตาของนักสืบ เพื่อนบ้านของเขา และจิตแพทย์ที่ฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ไปรักษาตัวด้วย ผสมปนเปด้วยภาพบรรยากาศการสัมภาษณ์เขาจริงๆ !!? รวมถึงจำลองเหตุการณ์ในอดีตออกมาได้อย่างน่ากลัวเลยทีเดียวล่ะ   Serial Killers: John Wayne Gacy (1999)   ปกติตัวตลกก็ดูน่ากลัวอยู่แล้วนะ…แต่นั่นยังไม่เพียงพอ เพราะ John Wayne Gacy เป็นนักฆ่าในคราบตัวตลกที่แสนใจดี!!? แล้วถ้าเพื่อนๆ พร้อมจะรับความสยองขวัญกันแล้วล่ะก็…   สามารถเข้ามาชมกันได้ที่นี่เลย   This Is the Zodiac Speaking (2007)   เป็นสารคดีที่อ้างอิงจากความเป็นจริง มีภาพของสถานที่เกิดเหตุจริงๆ และการสืบสวนจริงๆ ในวิดีโอให้เห็นกันจะจะเลยล่ะ   รับชมกันได้ที่นี่…

เราเคยคิดมั้ยว่า ในสมัยก่อน เวลาจะสร้างเมือง ต้องมีปัจจัยอะไรบ้าง แล้วพวกเค้าสร้างยังไงให้มีความอลังและเป็นระเบียบอย่าง Timgad ที่เห็นแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของผู้คนในยุคสมัยโบราณ เมือง Timgad (ปัจจุบันอยู่ในประเทศอัลจีเรีย ตอนนี้ได้เสื่อมโทรมไปตามเวลา) ถูกสร้างเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว โดยจักรพรรดิโรมัน Trajan เดิมนั้นคนที่อยู่ในเมืองนี้เป็นทหารผ่านศึกที่ได้รับที่ดินเป็นการตอบแทนจากการรับใช้กองทัพ การสร้างเมืองก็เพื่อเป็นอีกหนึ่งปราการสำหรับต่อกรกับชนเผ่า Berbers ซึ่ง     เดิมทีนั้นเมือง Timgad ถูกออกแบบให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยทุกด้านมีความยาว 355 เมตร และทำถนนเส้นตะวันออกให้จรดกับตะวันตก ในขณะที่ถนนเส้นเหนือสู่ใต้นั้น พาดผ่านกลางเมืองพอดี โดยมีประชากรที่พักพิงอยู่ประมาณ 15,000 ราย แต่ต่อมาอีก 300 ปี ผังเมืองได้ขยายขึ้นเป็นสี่เท่าตัว ในช่วงศตวรรษที่สองและสามนั้น เมือง Timgad ดำรงอยู่อย่างสงบสุข โดยในศตวรรษที่สามนี้เมืองได้กลายเป็นศูนย์กลางเพื่อการทำพิธีกรรมของศาสนาคริสต์ แต่แล้วในศตวรรษที่ห้าเมืองก็อ่อนแอลงเนื่องจากการบุกรุกของประเทศเดนมาร์ก และถูกซ้ำเติมด้วยชนเผ่า Berbers     ต่อมา เมือง Timgad ก็ได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในศตวรรษที่หก โดยจักรพรรดิจัสติเนียนไบเซนไทน์ มีการสร้างป้อมปราการที่ด้านนอกเมือง ตึกต่างๆ ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ แต่ผ่านไปอีกราว 200 ปี เมืองก็ถูกบุกรุกและทิ้งร้างอีกครั้ง ปิดตำนานเมืองอายุกว่า 8 ศตวรรษลงไป หลังจากนั้นเมืองถูกปล่อยทิ้งร้างไปตามกาลเวลา มีการสำรวจพบและถูกขุดขึ้นมาจากพื้นทรายในปี 1881…

ขึ้นชื่อมีดแน่นอนมันก็ต้องคม แล้วมีดที่เราเคยใช้กันนั้น คมแค่ไหนเชียว วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพาไปดูการรวมภาพเคลื่อนไหวแบบ GIF แสดงพลังของมีด ที่ตัดอะไรได้แบบง่ายๆ ลื่นปื้ดได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดูแล้วก็เพลินดีนะ   1. เมื่อด้ายหลอดนี้ถูกกรีดด้วยคัตเตอร์   2. ชีสสสสส   3. เป็นการหั่นมะเขือเทศที่นุ่มนวลจริงๆ   4. นี่ไง ชิวซะเหลือเกิน…   5. หั่นกระดาษแบบลื่นปื้ด มีดต้องคมเบอร์ไหนเนี่ย   6. นี่ก็เช่นกัน   7. หืมมมม น้ำผึ้งเยิ้มๆ 8. เลื่อยไม้ให้เป็นแผ่นบ๊างบางจนไม่น่าเชื่อ!!   9. คนชอบทำขนมมีอุปกรณ์นี้ คงจะฟินน่าดู   10. คมจนไม่ต้องจับ ก็หั่นได้สบายๆ   11. อ่ะ ดูวนไปค่ะ     12. ปิดท้ายความฟินเบาๆ   แล้วมีดที่บ้านล่ะ ใช้แล้วฟินขนาดนี้มั้ย?   ที่มา buzzfeed

ต้องยอมรับว่า คู่รักเพศเดียวกันในปัจจุบันนี้มีจำนวนมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็โลกก็ตาม แต่สิ่งที่ตามมาคือ มีทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่ต่อต้าน คู่รัก Thomas Rees วัย 32 ปี และ Joshua Bradwell วัย 35 ปี เป็นคู่รักเกย์ที่ถูกไล่ออกจากร้าน เพราะทั้งคู่จับมือกัน และมีลูกค้าคนอื่นบอกว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ผู้คนนับร้อยจึงได้มารวมตัวกันที่ร้าน Sainsbury’s Local บนถนน Hackney ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เข้าร่วมการจูบที่เป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเค้าสนับสนุนคู่รักที่ถูกสังคมปฏิเสธ และเพื่อให้รู้ว่าทั้งคู่มีสิทธิ์ที่จะรักกัน   ผู้คนนับร้อยเข้าร่วมการจูบที่ร้าน Sainsbury’s   คนที่เข้าร่วมการจูบในครั้งนี้มีประมาณ 200 คน ซึ่ง Thomas  และ Joshua ก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาเยอะขนาด โดยในทุกๆ เย็นพวกเค้าจะมารวมตัวที่นี่พร้อมเปิดเพลงเต้นไปด้วย ก่อนที่จะเข้าไปในร้านและนับถอยหลังก่อนเริ่มจูบ Joshua บอกกับสื่อมวลชนว่า “ผู้คนมากันเยอะมากๆ เกินความคาดหวังของเราจริง” ในขณะที่ Thomas บอกว่า “มีผู้คนทั่วโลก ส่งข้อความมาหาผม และพวกเค้าก็เป็นคนที่ไม่กล้าจับมือคู่รักตัวเองเหมือนกัน แต่ผมอยากบอกว่า อย่าปล่อยให้คนที่คุณรักต้องโดดเดี่ยว คุณเองก็ทำแบบคู่ของเราได้นะ”   ทั้งคู่ขอบคุณพวกเค้า…

ใครเป็นคนติดโซเชียลบ้าง ยอมรับมาซะดีๆ? จะว่าไปในยุคนี้มีแต่คนติดโซเชียลกันเยอะเหมือนกันนะ ถึงขั้นว่า ต้องก้มตลอดเวลา วันๆ ไม่ทำอะไร เผือก เฮ้ย!? ติดตามข่าวสารบ้านเมืองตลอด แต่บางทีมันก็มากไปจนคนที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่เข้าใจ และนี่คือโม้เม้นของคนติดโซเชียล ชอบท่องโลกอินเตอร์เน็ต ที่คนติดเท่านั้นถึงจะเข้าใจ ตรงมั้ย เช็คเลย   1. ตื่นมาปุ๊บ สิ่งแรกที่ทำคือ…หยิบโทรศัพท์สิคะ รอไร   2. และสิ่งสุดท้ายที่เราทำก่อนนอน… เดี๋ยวนอนไม่หลับ เอาซะหน่อย อิอิ   3. แต่พอจะนอนจริงๆ นอนไม่หลับซะงั้น   4. วันๆ ไม่ทำอะไร แต่นั่งกึ่งนอนท่านี้ได้ทั้งวัน   5. คุณจะไม่ลุกไปไหนเลย ยกเว้นที่นั่นจะมีไวไฟ   6. ถามตัวเองดูใน 1 วัน คุณท่องโลกอินเตอร์เน็ตกี่ชั่วโมง   7. เลื่อนไปเจออะไร ต้องคลิกเข้าไปให้หมด เดี๋ยวตกข่าว   8. และเมื่อหยุดเล่นอินเตอร์เน็ต อยากออกไปข้างนอก…

ในโลกนี้มีวิธีการแอบเซอร์ไพรส์แฟนสาวเพื่อขอแต่งงานมากมายหลากหลายวิธี แบบแปลกๆ ใหม่ๆ ครีเอทๆ ก็เคยมีให้เห็นกันแล้วนักต่อนัก อยู่ที่ใครจะเลือกเอาไปปรับเปลี่ยนให้เข้ากับตัวเองยังไง แต่ไม่ว่าวิธีไหนก็ควรจะคำนึงถึงความปลอดภัยและความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยนะ ไม่งั้นอาจจะเหวอได้เหมือนกับคู่รักคู่นี้     เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว Dailymail ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการขอแต่งงานที่โหดร้ายและดิบเถื่อนที่สุดคลิปหนึ่ง โดยฝ่ายชายได้วางแผนกับเพื่อนๆ ให้ปลอมตัวเป็นตำรวจมายืนดักรอรถของพวกเขา     เมื่อเธอขับรถผ่านมาพวกเขาก็บังคับให้พวกเขาทั้งสองคนลงจากรถ โดยตำรวจปลอมได้ถามเธอว่า “รู้จักกับชายคนนั้นหรือเปล่า? เขาซ่อนอะไรไว้ที่กะโปรงหลังรถ?” ก่อนจะพาเธอลุกขึ้นไปดูที่ท้ายรถและพบว่าผู้ชายกำลังคุกเข่าขอเธอแต่งงานอยู่ เล่นเอาอึ้งไปเลยทีเดียว   .   “แต่งงานกับผมไหม?”   ลองชมการขอแต่งงานที่เหวอที่สุดในปฐพีได้ที่นี่เลย (คลิปไม่ขึ้นให้กดที่นี่นะจ๊) The cruellest marriage proposal ever!And they say romance is dead… โพสต์โดย Daily Mail บน 13 สิงหาคม 2016   หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไป ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลากหลายแบบ เช่น Nona…

เป็นอีกเรื่องราวดีๆ ที่อยากจะนำมาเล่าสู่ให้กันฟัง เมื่อคู่สามี-ภรรยา ได้สูญเสียลูกชายอันเป็นที่รัก ผู้เปรียบดั่งตัวแทนความรักของพวกเขาทั้งสอง และยังเป็นความหวังอันหนึ่งเดียวของครอบครัว… เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1993 ขณะที่คุณแม่ Mary Johnson กำลังทำงานอยู่อย่างปกติเฉกเช่นทุกๆ วัน จู่ๆ เธอก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งให้เธอได้ทราบว่า Laramiun ลูกชายคนเดียวของเธอได้เสียชีวิตลงแล้ว จากเหตุทะเลาะวิวาทกันในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง     ส่วนผู้ที่ลงมือก่อเหตุจนทำให้มีผู้เสียชีวิต คือเด็กหนุ่มอายุเพียง 16 ปี Oshea Israel และแน่นอนว่าหัวอกคนเป็นแม่ ณ ห้วงเวลานั้น Mary คงเหลือเพียงความรู้สึกเศร้าโศก ความเกลียดชัง และความโกรธแค้น “ตอนที่ขึ้นศาล ฉันมอง Oshea เป็นเหมือนสัตว์ป่าเถื่อนตัวนึง” แถมแม่ของเขายังกล่าวเสริมอีกว่า “ความรู้สึกอันขมขื่นมันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ความโกรธเริ่มเข้ามาแทนที่ และมันทำให้ฉันรู้สึกเกลียดทุกคน เป็นแบบนี้อยู่หลายปี มีผู้คนมากมายตีตัวออกห่างจากฉัน”   เวลาล่วงเลยไปกว่า 12 ปี วันหนึ่งเธอได้อ่านบทกวีบางอย่างเข้าและมันกลายเป็นแรงบันดาลใจ เปลี่ยนความคิดของเธอไปตลอดกาล   “Tell me the name of the son you love…

ทุกๆ ครั้งที่เราได้เห็นเรื่องราวดีๆ ของเพื่อนมนุษย์ที่ถึงแม้จะไม่รู้จักกัน แต่กลับช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้ผ่านพ้นสถานการณ์อันเลวร้ายไปได้ เรื่องราวเหล่านี้มักจะทำให้เรารู้สึกดีใจเสมอ ทำให้เราได้กลับมาย้อนคิดว่า ถึงแม้ปัจจุบันโลกจะเต็มไปด้วยความวุ่นวายขนาดไหน ก็ยังคงมีคนดีๆ เหลืออยู่….     เช่นเดียวกันกับเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองแบตันรูช เมืองหลวงของรัฐลุยเซียนา ที่ขณะนี้กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างรุนแรง จนชาวเมืองต่างต้องรีบอพยพกันออกมาอย่างเร่งด่วน และเหตุการณ์สุดระทึกก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ หญิงสาวคนหนึ่งติดอยู่ในรถไม่สามารถออกมาเองได้ และรถก็กำลังจะค่อยๆ จมน้ำอย่างรวดเร็ว…..   แต่โชคยังช่วยที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์ผู้เป็นดุจดั่งฮีโร่ของเธอรีบเข้ามาช่วยไว้ได้ทันเวลา เราไปชมคลิปเหตุการณ์การช่วยเหลือครั้งนี้กันเลย   ถ้าช้ากว่านี้เพียงไม่กี่วินาที อาจทำให้เธอและหมาน้อยที่ติดอยู่ในรถไม่รอดแน่ๆ นับว่าเป็นความโชคดีที่สุดของทั้งสองชีวิตที่สามารถรอดพ้นมาจากวินาทีเฉียดเป็นเฉียดตายครั้งนี้มาได้ ส่วนคนที่เข้าไปช่วยเหลือก็พิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้เห็นแล้วว่า ฮีโร่ที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องมีพลังวิเศษ ไม่ต้องใส่ผ้าคลุม ไม่ต้องมีอำนาจล้นฟ้า แต่อาจเป็นแค่คนธรรมดาๆ ที่พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน นี่สิฮีโร่ในชีวิตจริง ที่พวกเราสามารถเป็นกันได้ทุกคน!! ที่มา: Youtube

ใครที่คิดว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความแปลก หรือเอกลักษณ์ที่แสนจะโดดเด่นในหลายๆ ด้าน ขอบอกเลยว่าคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ฮ่าๆๆๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำ ของใช้เจ๋งๆ แปลกๆ รวมไปถึงสื่ออุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะด้านไหนญี่ปุ่นก็มักจะทำให้สุดทุกทางเลยจริงๆ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า 18 สิ่งนี้ มันจะสะท้อนความเป็นญี่ปุ่นได้ดีขนาดไหนกันนะ?   18. ถุงยางอนามัย มาพร้อมกับลายหมีน้อยสุดน่ารัก ว่ากันว่าสาวๆ ในญี่ปุ่นมักจะชอบอะไรที่มันดูน่ารัก คิขุ แบ๊วๆ ใสๆ และถุงยางอนามัยลายหมีน้อยนี้เอง ที่ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าสาวๆ ที่นี่ เค้าชอบอะไรที่มัน มุ้งมิ้ง จริงๆ นะ   17. เกมส์จำลองการได้จับนมของสาวๆ ในการ์ตูน หลังจากที่ผลิตภัณฑ์แว่นจำลอง 3มิติ Oculus Rift วางขายได้ไม่นาน เจ้าเกมส์นี้ก็ถูกปล่อยออกมาพร้อมๆ กัน โดยภายในเกมส์เราจะได้จับนมของสาวๆ ผ่านเครื่องจำลองนม แถมยังมีปฏิกริยาจากตัวละครในเกมส์ที่คอยเหย้าแหย่กับเราอีกต่างหาก   16. ป้ายบอกที่นั่งสุดกวนโอ๊ย ในรถไฟใต้ดิน ฮั่นนแน่….!!! รู้นะคิดอะไรกันอยู่ จะบอกให้ละกันว่าแต่ละป้ายมีความหมายว่าอย่างไรบ้าง เรียงจากขวาไปซ้าย คนที่ได้รับบาดเจ็บทางขา, สตรีที่กำลังตั้งครรภ์, คนที่อุ้มเด็กอยู่ และสุดท้าย…..ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางแขน…

การที่เด็กๆ ส่วนใหญ่เกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์ของร่างกาย ไม่ต้องคาบช้อนเงินช้อนทองติดตัวมาด้วย แค่นั้นก็นับว่าเป็นความโชคดีที่สุดของคนเป็นพ่อเป็นแม่แล้วล่ะนะ แต่บนโลกใบนี้ก็ยังมีเด็กอีกจำนวนไม่น้อยที่เกิดมาพร้อมกับความไม่สมบูรณ์ เช่นเดียวกับหนูน้อย Harmonie-Rose Allen จากเมืองบาธ ประเทศอังกฤษ เพราะเธอสูญเสียแขนและขาไปตั้งแต่เกิด ปลายจมูกแหว่งและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ     แต่หนูน้อย Harmonie ก็ยังคงมีชีวิตรอดมาได้และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้จะต้องใช้อวัยวะเทียมในการใช้ชีวิตแต่เธอก็ได้รับกำลังใจที่ดีจากพ่อและแม่ เนื่องจากหนูน้อยมีสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้การหาตุ๊กตาหรือของเล่นต่างๆ มาเล่นเป็นเพื่อนเธอเป็นเรื่องที่ยาก เพราะตุ๊กตาเกือบทุกแบบจะมีอวัยวะที่ครบถ้วน     เหมือนโชคจะเข้าข้าง เพราะวันหนึ่งนาง Freya Hall ผู้เป็นแม่ ได้เจอตุ๊กตาจากโรงงานผลิตตุ๊กตาในสหรัฐ ที่ทำตุ๊กตาแบบพิเศษ เพื่อเด็กๆ ที่มีสภาพร่างกายที่แตกต่างไปจากเด็กคนอื่นๆ เธอจึงเลือกซื้อตุ๊กตาที่ใส่แขนขาเทียมเหมือนลูกสาวของเธอ Freya กล่าวกับสื่อว่า “ตุ๊กตามีชื่อว่า Rebecca เธอรักตุ๊กตานั่นมากและบอกฉันว่า ‘ตุ๊กตาเหมือนหนูเลยแม่!!’ บริษัทตุ๊กตาทำให้มันใส่แขนขาเทียม และเปลี่ยนตุ๊กตาอีกหลายตัวเพื่อเด็กๆ ให้รู้สึกว่าตุ๊กตาเหล่านั้นเป็นพวกเดียวกันกับเด็กๆ”     นี่เป็นอีกครั้งที่เราเห็นบริษัทต่างๆ พยายามสร้างความเท่าเทียมให้กับเด็กๆ หรือบุคคลที่เกิดมาพร้อมกับความบกพร่องทางร่างกาย แม้มันจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อย แต่ก็สามารถฟื้นฟูสภาพจิตใจของพวกเขาได้ดีเลยนะ ที่มา dailymail

ในความเข้าใจของคนทั่วๆ ไป เข้าใจกันว่าผักชีนั้นเป็นพืชผักที่ใช้สำหรับโรยหน้าบนอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติให้เมนูนั้นๆ กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ผักที่จะเอาไว้ใช้เป็นอาหารแบบจริงๆ จังๆ เท่าไหร่ แต่เราขอบอกเลยว่าตอนนี้ผักชีกำลังกลายเป็นผักที่ได้รับความนิยมเอามากๆ ในประเทศญี่ปุ่น พวกเขาได้ครีเอทเมนูต่างๆ ที่มีส่วนผสมของผักชี หรือบางเมนูไม่น่าจะทำร่วมกับผักชีได้…แต่พวกเขาก็ทำได้ เราลองไปดูกันว่ามีเมนูไหนกันบ้าง?   1. ซุปผักชี   2. มันฝรั่งทอดรสผักชี   3. ข้าวผัดผักชี   4. พริกผักชี   5. ผักชีทอด?   6. เมนูข้าว ใส่ผักชีพูนๆ   7. เนื้อโปะผักชี   8. โมฮิโต้ (ค็อกเทล) ผักชี   9. ซอสผักชี   10. บะหมี่กึ่งสำเร็จฯ รสผักชี   มองไปทางไหนก็มีแต่ผักชี ว่าแล้วก็ลุกไปทำไข่เจียวผักชีดีกว่า ที่มา si_n_o , buzzconan , merry.nov15

ณ เวลานี้ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับนักกีฬาว่ายน้ำหนุ่มสุดหล่อ ผู้เป็นตัวแทนจากสหรัฐอเมริกาอย่าง ‘Michael Phelps’ ชายผู้ทำลายสถิติโลก ด้วยการกวาดเหรียญทองกลับบ้านไปแล้วกว่า 22 เหรียญทอง (ยังไม่รวมผลงานจากโอลิมปิกปีก่อนๆ เลยนะเนี่ย) แต่ความสำเร็จย่อมต้องแลกมาด้วยระเบียบวินัย ความอดทน และการฝึกฝนอย่างหนัก ถ้านึกภาพไม่ออกว่าต้องซ้อมหนักขนาดไหน ก็เอาเป็นว่าภายในหนึ่งวัน ชายคนนี้ต้องใช้พลังงานมากถึง 12,500 แคลอรี่ เลยทีเดียว!!! (สำหรับคนทั่วไปจำนวนแคลอรี่ที่ต้องการต่อวัน อยู่ที่ประมาณ 2,500 แคลอรี่เท่านั้น!!! ต่างกันมากเลยใช่มั้ยล่ะ?)     เขาใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง ในทุกๆ วันไปกับการว่ายน้ำ ว่ายน้ำ และ ว่ายน้ำเท่านั้น เฉลี่ยแล้วในหนึ่งอาทิตย์เขาจะว่ายได้ระยะทางประมาณ 50 ไมล์ (80 กิโลเมตร) ปอดเหล็กจริงๆ เลยนะพ่อคู๊ณณณณณ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเก็บตัวก่อนการแข่งขันด้วยแล้ว เรื่องอาหารการกินก็ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ เราไปดูกันเลยว่าตลอดระยะเวลาการแข่งขัน ในแต่ละวันเขารับประทานอะไรบ้าง?     มื้อเช้า โจ๊กถ้วยใหญ่โรยหน้าด้วยบลูเบอร์รี่, ขนมปังปิ้งขนาดหนา 3 แผ่นโรยหน้าด้วยน้ำตาล, แพนเค้กใส่ช็อคโกแลตชิพแผ่นใหญ่ 3…

กลายเป็นประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ซะแล้ว ที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันจากเว็บไซต์สำนักข่าวอย่าง TheSun เมื่อมีการเผยแพร่ภาพวิดีโอ ของนักข่าวที่กำลังสัมภาษณ์ผู้ประสบอุบัติเหตุจากรถชน ที่กำลังนอนเจ็บอย่างอิดโรยบนท้องถนน อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นบนทางด่วนในประเทศ El Savador เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งถูกรถกระบะชนเข้าอย่างจังจนลงไปนอนเจ็บกองอยู่กับพื้นอย่างน่าสงสาร   หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวรายนึง ก็รีบวิ่งปรี่เข้าไปสัมภาษณ์ชายหนุ่มผู้ทำท่าเหมือนว่านอนบาดเจ็บอย่างอิดโรยอยู่ข้างถนน อย่างทันทีทันใด ด้วยประโยคคำถามสุดคลาสสิค “เป็นยังไงบ้าง?” ถึงแม้ว่าจะเจ็บหนัก หรืออาจโดนรถชนแล้วจุกจนต้องนอนกองกับพื้น แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ละความพยายามที่จะตอบคำถาม ด้วยเสียงอันแผ่วเบาที่ออกมาจากปากของคนที่กำลังบาดเจ็บอย่างหนัก “เขาชนผม และผมก็เจ็บมากๆ”    หลังจากนั้นนักข่าวก็ยังคงดำเนินรายการต่อ ด้วยการพยายามสัมภาษณ์ไปเรื่อยๆอีกเล็กๆน้อยๆ เราไปดูคลิปวิดีโอ ของเรื่องนี้กันเลยดีกว่า….   หลังจากได้ชมคลิปวิดีโอแล้ว เพื่อนๆมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง? ซึ่งหลายๆคนอาจมองว่านักข่าวไม่มีหัวใจรึเปล่า ทำไมถึงไม่ยอมช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุในสถานการณ์ที่คับขันแบบนี้… แต่กลับกันยังมีอีกประเด็นชวนให้เราคิดว่า ถ้าหากเราช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ โดยที่เราไม่มีพื้นฐานด้านการแพทย์เลย จะทำให้เจ็บหนักกว่าเดิม หรือเสี่ยงมากขึ้นไปอีกรึเปล่า? เอาเป็นว่าเราไปชมความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากชาวเน็ตกันบ้างดีกว่า…   “ช่างเป็นสื่อที่แย่มากจริงๆ!!” “ผมรู้สึกหมดหวังกับมนุษยชาติ นี่ผมเพิ่งให้กำเนิดลูกสาวเพื่อที่จะมาอยู่ในโลกที่มีคนแบบนี้เนี่ยนะ? ถึงเวลาแล้วที่คนดีๆจะต้องออกมาช่วยเหลือกันบ้าง!!!”   “หวังว่าเรื่องแย่ๆแบบนี้จะเกิดกับตัวนักข่าวเองบ้าง คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าคุณนอนเจ็บปางตาย ท่ามกลางคนที่หัวเราะใส่ ชี้นิ้วใส่ แต่ไม่มีใครช่วยเหลือ ในขณะที่คุณกำลังจะตาย”   ในขณะที่บางคนก็มีความเห็นที่แตกต่างออกไป… “ไม่เห็นว่านักข่าวจะต้องช่วยเขาเลยนี่? ก็ในเมื่อไม่มีเลือดไหล และยังสามารถหายใจได้อยู่ และฉันก็ค่อนข้างมั่นใจว่าต้องมีคนเรียกรถพยาบาลมาแล้วแน่ๆ ตอนท้ายดูเหมือนเขาจะบอกว่าไม่อยากไปโรงพยาบาลเลยนะ?” หรือบางคนก็อาจไม่เชื่อว่าหนุ่มคนนี้จะบาดเจ็บจริงๆ   “โถ่ววน่าเวทนามากไอ้หนุ่ม…

Neuro Dan เป็นเจ้าเหมียวที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาท นั่นทำให้ชีวิตของมันนั้นยากลำบากกว่าแมวตัวอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรมันก็มักจะทำหน้าตาเหมือนกับว่า ยิ้มอยู่ตลอดเวลา มันถูกทิ้งให้พบกับชีวิตที่ย่ำแย่ แต่โชคดีที่ทางศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Misfit Critter Farm & Sanctuary ได้ช่วยเหลือมันไว้ได้ แต่พวกเขาก็เป็นห่วงกับอนาคตของมันเป็นอย่างมาก เพราะว่าเจ้าเหมียวตัวนี้จะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ     เจ้าเหมียว Dan มีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท ที่ส่งผลให้กระดูกสันหลังของมันเคลื่อนมาอยู่ข้างหน้า แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งไม่ให้มันใช้ชีวิตต่อไปข้างหน้าได้     มันอาจจะทำหน้าตา และมีท่าทางแปลกๆ แต่มันก็พยายามอย่างถึงที่สุดแล้วล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้า Dan ก็ชอบที่จะเล่นของเล่นอยู่ดี โดยเฉพาะอะไรที่เป็นขนๆ เนี่ยชอบนักล่ะ       ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์พยายามอย่างหนักเพื่อหาบ้านให้กับมัน นั่นเพราะว่ามันเป็นเหมียวที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ และสุดท้ายพวกเขาก็ทำได้     เจ้าทาสคนใหม่ของเจ้า Dan เป็นคนที่มีจิตใจดีมากๆ เขาช่วยฝึกให้มันเดินจนทำให้มันสามารถช่วยตัวเองได้บ้างแล้ว เท่านั้นยังไม่พอผู้คนรอบๆ ข้างของเจ้าทาสเองก็มีแต่คนที่รักแมวทั้งนั้นเลย     ต้องขอบอกเลยว่าถึงแม้ชีวิตมันจะเกิดมาไม่ได้สมบูรณ์พร้อมไปซะทุกอย่าง แต่ตอนนี้มันก็ได้กลายเป็นแมวเหมียวที่มีชีวิตดีมากที่สุดในโลกเลยทีเดียวล่ะ     ทาสของเจ้า Dan เคยพามันไปหาหมอ และคุณหมอก็บอกว่ามันไม่น่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานเกิน…

ไม่ว่าแม่คนไหนๆ ต่างก็รักลูกด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีแต่เพียงมนุษย์ที่คิดแบบนี้ เจ้าแมวเหมียวสามสี Gemma ตัวนี้เองก็ด้วย เจ้า Gemma เป็นแมวจรจัดที่อาศัยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับถนน Keele and Lawrence ในรัฐ Toronto มีครอบครัวของมนุษย์ครอบครัวหนึ่งไปพบเจอกับมันเข้า และพวกเขาก็เอาข้าวเอาน้ำไปให้กับมันวันละสองครั้ง แต่อยู่มาวันหนึ่งเจ้าเหมียวก็เดินมาอยู่ที่หน้าบ้านของพวกเธอพร้อมกับร้องเสียงดังราวกับว่ากำลังขอความช่วยเหลือ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่ปฏิเสธต้อนรับเจ้า Gemma เข้ามาในบ้านอย่างดีอกดีใจ     แต่เรื่องที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นคือเจ้าเหมียวตัวนี้กำลังตั้งท้องอยู่ ซึ่งหลังจากที่ครอบครัวของมนุษย์เปิดบ้านต้อนรับมันเข้ามา เจ้าเหมียวก็คลอดลูกออกมาและมีเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น     “ฉันคิดว่าน่าจะมีลูกอยู่ในท้องของมันมากกว่านี้นะ” คุณ Lillian Szilagy หนึ่งในสมาชิกครอบครัวที่ช่วยเหลือมันกล่าว เธอสังเกตเห็นว่าหลังจากที่คลอดตัวแรกออกมาแล้วเจ้าเหมียวยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่จึงคิดว่ามันอาจจะมีความเสี่ยง เธอก็เลยขอความช่วยเหลือจากผู้มีประสบการณ์ เพื่อให้มันได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีลูกเหมียวน้อยคลอดออกมาอีกเลย กลายเป็นว่ามันตั้งท้องลูกแค่ตัวเดียว คุณ Szilagy ก็เลยตั้งชื่อเจ้ามิ้วน้อยที่เกิดมาใหม่นั้นว่า Aggie     แสดงว่าเจ้าเหมียว Gemma นั้นมาขอความช่วยเหลือจากบ้านของมนุษย์ก็เพราะว่ามันรู้ตัวว่าตัวเองใกล้คลอดแล้ว แหม่ ช่างเป็นเหมียวที่ฉลาดจริงๆ นะ ^^     ตั้งแต่เจ้า Aggie เกิดมา แม่ของมันก็คอยอยู่ข้างๆ ตลอด ดูแลเอาใจใส่…

สัตว์หายากหรือสัตว์ที่มีจำนวนน้อยลง มักจะถูกจัดให้อยู่ในสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ เหมือนกับสุนัขจิ้งจอกพันธุ์ Island Fox ที่ถูกจัดให้อยู่ในสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในปี 2004 โดยทางเจ้าหน้าที่ต่างก็คิดว่า อีกประมาณ 10 ปี มันคงจะหมดไปจากโลก แต่ไม่น่าเชื่อ หลังจากนั้น 10 ปี มันกลับมาอีกครั้ง โดยมีการเพิ่มจำนวนมากขี้นอย่างรวดเร็ว และทำลายสถิติการเพิ่มจำนวนของสัตว์หายากในรอบ 43 ปีด้วย Dan Ashe หนึ่งในเจ้าหน้าที่อนุรักษ์สัตว์ป่าบอกว่า เพราะว่ามันใกล้สูญพันธุ์เราจึงเรียนรู้ว่า ควรช่วยพวกมันอย่างไร เพื่อไม่ให้มันตกในสภาวะใกล้สูญพันธุ์อีก     ในปลายทศวรรษ 1990 สนัขจิ้งจอก Island Fox ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสัตว์นักล่าสูงสุดในห่วงโซ่อาหาร แต่พวกมันมีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็วถึงร้อยละ 90 ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าเป็นผลมาจากการรุกรานของนกอินทรีย์หัวทองที่เข้ามาแทนที่นกอินทรีย์หัวล้าน ทำให้เกิดการแย่งอาหารกัน และอีกหนึ่งสาเหตุคือ เป็นเพราะพวกมันป่วยด้วยโรคหัดในสุนัขนั่นเอง ตัวอย่างเช่นใน Santa Rosa จากที่มี 1,780 ตัว ก็หายไปเหลือเพียง 15 ตัวเท่านั้น แต่ข่าวดีคือปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่บอกว่า “ที่ Santa Rosa มีจำนวน…

การทำให้อาหารเช้าให้น่ากินสำหรับลูกๆ นั้น นับเป็นเรื่องยาก ยิ่งเด็กบางคนเลือกกินอาหารจากหน้าตาเท่านั้น แบบนี้กว่าจะกินได้คงต้องโอ๋กันนานเลย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณพ่อ Adam Perry ที่มีลูกสาว 2 คน และคนหนึ่งก็ดันแพ้อาหารอย่างรุนแรงด้วย ในแต่ละเช้านั้น เธอจะกินแค่ ขนมปังกับน้ำมันทานตะวัน ทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกว่า จะให้ลูกทานแต่อาหารน่าเบื่อแบบนี้ต่อไปคงไม่ได้แล้วล่ะ เขาจึงได้รังสรรค์อาหารเช้าให้ลูกๆ ที่ดูน่ากินมากขึ้น ด้วยการทำขนมปังเป็นรูปทรงต่างๆ รวมทั้งทำเป็นงานศิลปะที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละเช้า ลูกๆ เห็นแล้วคงอดที่จะกินไม่ได้แน่ๆ   ขนมปังในรูปทรงจักรยาน ไม่รู้ลูกๆ จะกินลงมั้ยเนี่ย   ทาวเวอร์บริดจ์ จะกินก็เสียดายอยู่นะ   เสานาฬิกาในลอนดอน มาอยู่ในจานหนูๆ แล้ว   โคลอสเซียมในกรุงโรม จัดให้ลูกๆ ซะหน่อยเป็นไง   ยิ่งพ่อเขียนคำว่า NO! ยิ่งยั่วให้กินเข้าไปอีก   ขนมปังบนเตาปิ้งขนมปังอีกที กินส่วนไหนดีก่อนเนี่ย   ไม่ต้องแยกนมกับขนมปังอีกแล้ว กินพร้อมกันเนี่ยแหละ ฟินนนน   บ้านมาเป็นหลังเลย   เตียงก็มาแหะ เห็นแล้วไม่รู้จะง่วงหรือจะหิวก่อนดี   อะ…

ในสังคมไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม เราก็มักจะเห็นความแตกต่างกันของคนในสังคม โดยส่วนหนึ่งมาจากความไม่เท่าเทียมในด้านเศรษฐกิจ พูดง่ายๆ คือฐานะทางการเงินนั่นเอง รัสเซีย เองก็ถือเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูงมาก เพราะคนที่รวยก็รวยมาก และคนที่จนก็จนมากเช่นกัน  โดย 10% ของคนในประเทศครอบครองความร่ำรวย 85% เอาไว้ ขณะที่รายงานอีกอันระบุว่าเศรษฐีแค่ 111 คน แต่กลับครอบครองความร่ำรวยถึง 19% ของประเทศ (ราวๆ 1 ใน 5 เลยทีเดียว)     ช่างภาพ Lilia Li-Mi-Yan ได้เข้าไปถ่ายรูปภายในบ้านของพวกเขา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของแต่ละบ้าน ซึ่งแต่ละคนที่เขาได้ขอถ่ายรูปนั้น ก็เป็นคนที่เขาคุ้นเคย จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร และทุกคนก็ให้ความร่วมมืออย่างดีด้วย ก่อนที่จะถ่ายรูปพวกเขานั้น เธอได้พูดคุยกับพวกเกี่ยวบทบาทการเป็นลูกจ้างหรือนายจ้าง ว่าคิดยังไง และมีความเกี่ยวของกับสองบทบาทนี้ยังไง!? ที่ต้องถามเพราะเธอจะได้รู้ว่า ควรถ่ายรูปมุมไหนในบ้านของพวกเขา ซึ่งส่วนใหญ่ลักษณะการทำงานนั้น ขึ้นอยู่กับเพศด้วย เช่น ผู้หญิง ก็จะทำงานเป็นแม่บ้าน หรือเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เป็นต้น     นายจ้างส่วนใหญ่จะเคารพและดูแลลูกจ้างอย่างดี แต่คนรับใช้ส่วนใหญ่พวกเค้าไม่ได้ให้ความเคารพนายจ้างเพราะพวกเขาแค่ต้องการหาเงินเพื่อที่จะไปหางานใหม่อีก Li-Mi-Yan บอกว่า “ฉันได้เจอกับหญิงมีอายุคนหนึ่ง ที่เลือกทำงานตามที่ตัวเองต้องการเท่านั้น”…

ตามข้างถนนที่เราผ่านทุกวัน เต็มไปด้วยหมาที่ถูกทิ้ง และพวกมันก็มีสภาพมอมแมมไม่น่ามอง และส่วนใหญ่ที่ถูกทิ้งมักไม่ใช่หมาพันธุ์ที่ราคาแพงๆ แต่ที่ในสหรัฐอเมริกา… หมาที่เราเห็นว่าน่ารัก ราคาแพง เป็นที่นิยมเลี้ยงก็ถูกทิ้งได้เช่นกัน แถมยังติดอันดับในข้อมูลจากที่ Petfinder รายงานว่าเป็นพันธุ์ที่ถูกทิ้งมากที่สุดด้วย   1. อเมริกันพิทบูล เทอร์เรีย สุนัขพันธุ์นี้รวมทั้งพิทบูลสายพันธุ์อื่น ถูกทิ้งมากที่สุดในอเมริกา โดยมีจำนวนประมาณ 18,000 ตัวที่รอให้คนเอาไปเลี้ยง คนส่วนใหญ่เข้าใจว่ามันเป็นสัตว์ที่ดุร้าย แต่หากเลี้ยงอย่างถูกวิธี มันก็เป็นเพื่อนที่เหมือนสุนัขทั่วไป   2. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เนื่องจากมันเป็นพันธุ์ที่หน้าตาน่ารัก และเป็นที่ต้องการของคนในอเมริกา ดังนั้นฟาร์มต่างๆ จึงเร่งผลิตสุนัขพันธุ์นี้ แล้วจำหน่ายให้กับใครก็ตามที่ต้องการ โดยไม่ได้ตรวจสอบว่า คนที่ซื้อไปนั้นจะเอาไปทำอะไร หรือสามารถเลี้ยงได้มั้ย ทำให้มันมีจำนวนที่ถูกทิ้งเกือบ 18,000 ตัวซึ่งพอๆ กับพิทบูลเลย   3. ชิวาวา สุนัขที่คนนิยมเลี้ยง เพราะมันตัวเล็กและน่ารัก แต่หากมันไม่ได้รับการฝึกนิสัยดีๆ มันจะเป็นหมาที่ไร้ระเบียบและน่ารำคาญ เมื่อเจ้าของไม่สามารถควบคุมมันได้ มันจึงถูกทิ้งไป   4. บ็อกเซอร์ เป็นพันธุ์ที่น่ารัก ใจดี แต่มีนิสัยตื่นเต้นง่าย มันชอบออกกำลังกาย ต้องการความสนใจจากเจ้าของมากๆ แต่บางทีเจ้าของก็ไม่สามารถจะทำตามที่มันต้องการได้ตลอด…

ความใฝ่ฝันของนักกีฬาส่วนใหญ่ ก็คงจะเป็นการได้มีโอกาสเข้าไปแข่งในระดับกีฬาโอลิมปิกสักครั้ง เช่นเดียวกัน นักกีฬาที่มาถึงจุดนี้ได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พวกเขาเตรียมตัวมาอย่างดี เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสครั้งสำคัญนี้ ล่าสุดในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกริโอ นักกีฬาขี่ม้าสาวคนหนึ่งได้ตัดสินใจถอนตัวจากแข่งขัน และสร้างความฮือฮาให้ผู้คนทั่วโลก แต่ที่ทำแบบนี้เพราะเธอต้องการช่วยม้าของเธอที่ไม่พร้อมจะลงสนามนั่นเอง     นักกีฬาคนนี้คือ Adelinde Cornelissen เธอถอนตัวเพราะเห็นว่าการช่วยม้าของเธอนั้นสำคัญกว่า ม้าตัวนี้มีชื่อว่า Parzival ซึ่งเป็นม้าที่ใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ แต่จู่ๆ Parzival ก็เกิดไม่สบายขึ้นมา โดยมีไข้ขึ้นสูงถึง 40 องศา และที่หัวด้านซ้ายก็บวมด้วย มีการคาดเดาว่า มันน่าจะถูกแมลงหรือยุงกัด     เธอให้สัตวแพทย์ช่วยมันเท่าที่จะทำได้ และเธอยังนอนเฝ้ามันที่คอกม้าด้วย พร้อมทั้งคอยเช็คอาการมันทุกชั่วโมง จนกว่าอาการของ Parzival จะดีขึ้น วันต่อมาอาการของมันก็ดีขึ้น แพทย์จึงอนุญาตให้มันลงสนามได้ ในขณะที่ Adelinde ยังมีความเป็นห่วงมันมาก แต่ก็จำเป็นต้องลงแข่งเพราะไม่อยากทำให้ทีมต้องแพ้ แต่พอลงสนาม เธอเริ่มลังเลอีกครั้ง และตัดสินใจถอนตัวในที่สุด     Parzival ไม่ใช่แค่ม้าที่ใช้ในการแข่งขัน แต่มันเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเธอ เป็นทุกอย่างในชีวิต เธอจึงเลือกที่จะปกป้องมัน แม้ต้องพลาดโอกาสสำคัญก็ตาม     ถ้าเป็นเราจะเลือกลงแข่งหรือปกป้องสัตว์ของเราดี?? ที่มา boredpanda

เดินทางมาถึงครึ่งทางแล้วสำหรับการแข่งขันที่ผู้คนทั้งโลกจับตามองอย่างโอลิมปิก 2016 ณ กรุงริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ซึ่งที่ผ่านๆ มา#เหมียวฟิ้นได้นำเสนอแรงบันดาลใจในแง่มุมต่างๆ ของนักกีฬาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันไปแล้ว   แต่วันนี้เราจะขอมาเอาใจสาวๆ ดูบ้าง กับนักกีฬาสุดแซ่บที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกในขณะนี้ นักกีฬาที่เราพูดถึงนี้มีชื่อว่านาย Arthur Nory นักกีฬยิมนาสติกชาวบราซิลเจ้าเสน่ห์วัย 22 ปี ที่เขาโด่งดังจนกลายเป็นที่พูดถึงในขณะนี้ก็เพราะใบหน้าสุดหล่อเหลา รูปร่างล่ำๆ กล้ามแน่นๆ และรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์   ตามรายงานบอกว่า Arthur เกิดในครอบครัวของนักกีฬา คุณพ่อเป็นนักกีฬายูโด ส่วนแม่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ทำให้เขาชื่นชอบกีฬามาตั้งแต่เด็กๆ และเมื่อตอนที่เขาอายุได้ 10 ขวบ เขาก็ค้นพบว่าตัวเองชื่นชอบกีฬายิมนาสติก ทำให้เขาฝึกฝนร่างกายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนได้ส่วนหนึ่งของตัวแทนนักกีฬาทีมชาติบราซิลเพื่อเข้าแข่งขันในริโอเกมครั้งนี้ด้วย     ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เขากลายเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์อย่างมากมาย เพราะทางสถานีโทรทัศน์ SporTV ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการสัมภาษณ์ของนาย Arthur ถึงการแข่งขันและความรู้สึกของเขา ซึ่งในระหว่างการสัมภาษณ์นั้นเขาได้ส่งยิ้มให้กับกล้องตลอดเวลา จนสาวๆ หลายคนถึงกับคลั่งไคล้หลงเสน่ห์ของเขาไปตามๆ กัน   ยิ้มร่าเลย   ชมคลิปการให้สัมภาษณ์ของเขาได้ที่นี่เลย (คลิปไม่ขึ้นให้กดที่นี่นะจ๊ะ) Arthur…

กลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปเสียแล้ว เมื่อมีนักกีฬายิงปืนชาวเกาหลีเหนือชื่อว่า คิม ซองกุก ผู้คว้าชัยเหรียญทองแดงจากการยิงปืนสั้นระยะ 50 เมตรชายไปครองในกีฬาโอลิมปิกที่ริโอครั้งนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับเหรียญทองแดงมา แต่เขาก็รู้สึกว่าทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะไม่สามารถขึ้นเป็นที่หนึ่งหรือที่สองได้ พร้อมทั้งได้พูดแสดงความคิดเห็นบางอย่างระหว่างสัมภาษณ์จนทำเอาชาวเกาหลีใต้เป็นห่วง   “ถ้าสอง(เกาหลี) กลายเป็นหนึ่ง เราอาจจะได้เหรียญมากกว่านี้ ทั้งเหรียญทองและทองแดงมาจากเกาหลี ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่”   ก่อนหน้านี้นักกีฬาชาวเกาหลีใต้ จิน จองโอ คว้าเหรียญทองจากกีฬาประเภทเดียวกันไปได้ นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่เขาพูดถึงเรื่องการคว้าเหรียญร่วมกันของสองเกาหลีขึ้นมา และหลังจากที่เขาได้พูดไปก็ได้มีชาวเกาหลีใต้ออกมาชื่นชมเป็นอย่างมากจนคลิปถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็ว มีคนดูกว่า 2.2 ล้านคนภายใน 24 ชั่วโมง มีคอมเม้นท์อีกกว่า 13,000 คนรวมแสดงความเห็นหลากหลาย       ในส่วนของคอมเม้นท์ก็มีการแสดงความเห็นมากมาย เช่น.. สิ่งที่ทำให้ทุกคนอึ้งก็คือไม่เคยเห็นชาวเกาหลีเหนือคนไหนพูดอยากจะรวมประเทศมาก่อน ทำให้เห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองเกาหลีรวมเป็นหนึ่ง หลายคนก็เป็นห่วงเพราะว่ามันเหมือนเป็นคำพูดที่อาจจะทำให้รัฐบาลทางฝั่งเหนือไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก ตอนนี้ชาวเกาหลีใต้ต่างก็ให้กำลังใจเขาเยอะแยะมากมาย ทั้งอยากเห็นเขาอีกในโอลิมปิกครั้งต่อไป หรือบางคนก็บอกว่า เขาควรได้รับเหรียญทองจากคำพูดที่เขาได้กล่าวออกมา…     #เหมียวสามสี พยายามหาวิดีโอจากต้นฉบับที่เผยแพร่ในเพจ www.facebook.com/SBS8news กลับไม่พบวิดีโอดังกล่าว คาดว่าอาจจะถูกลบออกไป และขณะที่ในยูทูปก็ยังไม่เจอเช่นกัน ถ้าใครพอมีเบาะแสก็สามารถแจ้งเพิ่มเติมได้นะครับ…   ที่มา straitstimes

น่าสนใจเหมือนกันนะเนี่ย…. เพราะว่าเป็นกิจกรรมที่หลายๆ คนมักจะทำเช่นกัน (#จ่าสิบเหมียว เองด้วยล่ะ -*-) ที่จะถ่ายภาพของตัวเองเวลาออกกำลังกายแล้วโพสต์ลงในโลกโซเชียล!!? แต่กลายเป็นว่าการกระทำนี้ เป็นอาการที่แสดงออกถึงอาการทางจิตอ่อนๆ ซะงั้น จากการเปิดเผยของเหล่านักวิจัยแห่ง Brunel University ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ   การโพสต์ภาพตัวเองออกกำลังกายเหมือนเป็นอาการของโรคหลงตัวเองแบบอ่อนๆ งั้นหรือ!?   โดยเฉพาะคนที่โพสต์ภาพของตัวเองบ่อยๆ เกือบทุกวัน จนจะเรียกว่าเป็นกิจวัตรเลยทีเดียวนั้นยิ่งมีความหนักหน่วงของอาการนี้มาก เพราะเป็นการสื่อถึงอาการ ‘ความหลงตัวเอง’ ในบุคคลนั้นๆ ทางมหาวิทยาลัย Brunel แห่งประเทศอังกฤษได้ตีพิมพ์การค้นพบของพวกเขาใน Science Daily ว่า ‘คนที่มักจะหลงตัวเองนั้นชอบที่จะอัพเดทเรื่องราวเกี่ยวกับความสำเร็จและสิ่งที่ตัวเองทำได้อยู่บ่อยๆ ซึ่งมีรากฐานมาจากความความต้องการที่จะเป็นที่สนใจและได้รับการยอมรับในสังคมโซเชียลมีเดีย’   ส่วนหนึ่งของการหลงตัวเองในยุคปัจจุบัน!?   นอกจากนี้ Dr. Tara Marshal หนึ่งในผู้วิจัยในเรื่องนี้ก็ได้ออกมาให้เหตุผลเพิ่มเติมด้วยว่า ‘ถึงแม้ว่าแต่ละโพสต์ของพวกเขาจะได้จำนวนถูกใจและคำติชมเยอะแยะมากมายจนโด่งดังกลายเป็นเซเลปในเฟซบุ๊ค แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าเพื่อนๆ ในเฟซของเขาทำเป็นมารยาทเพียงเท่านั้น พวกเขาแค่เก็บความไม่ชอบและหมั่นไส้เอาไว้เงียบๆ อยู่ภายใน’   ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่านะเนี่ย แต่ลึกๆ แล้วที่จริงเราอาจรู้สึกแบบนั้นก็ได้นะเนี่ย เพื่อนๆ คิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้กันบ้าง?? มาร่วมคอมเม้นท์ให้เหตุผลประกอบกันได้เลยนะจ๊ะ   ที่มา: Distractify

กำลังเป็นที่ฮือฮาของชาวเน็ตทั่วโลก ให้อิจฉาตาร้อนกันเล่นๆ กับคลิปวิดีโอรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆจากทั่วทั้งประเทศเซอร์เบีย ที่คู่รักทั้งสองคนนี้ได้ไปเยือนมา.. เรื่องราวการผจญภัยในเซอร์เบียร์ ของ Malwina และ Michal Kolatek สองคู่รักนักท่องเที่ยว ได้ตัดสินใจออกเดินทางท่องเที่ยวไปในโลกใหม่ ด้วยระยะทางกว่า 4,500 กิโลเมตร เป็นระยะเวลากว่า 14 วัน     เรื่องราวก็เริ่มจากการที่ทั้งคู่ได้อ่านบล็อก ’37 เหตุผลที่ไม่ควรมาเซอร์เบียร์’ จากเว็บไซต์แห่งหนึ่ง และพบว่าวิวทิวทัศน์ของประเทศนี้ มันกำลังเรียกร้องให้พวกเขาเข้าไปสัมผัสให้ได้ กลายเป็นที่มาของโปรเจ็ค ‘Land Coloured with Life’     “ตลอดระยะเวลา 14 วัน เราทั้งสองเหมือนได้สัมผัสกับโลกใบใหม่ โลกที่ถูกขับเคลื่อนด้วยผู้คนใหม่ๆ ที่เราเจอ ขณะกำลังถ่ายทำวิดีโอ มีทั้งคนที่นำของฝาก ของขวัญ มาให้เรามากมาย แถมผู้คนยังใจดี อบอุ่น และเป็นกันเองมากๆ” ทั้งคู่กล่าว     เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปชมวิดีโอของทั้งคู่กันเลยดีกว่า ขอบอกเลยว่าทั้งมุมกล้อง ความคมชัด และสถานที่ๆ ไปถ่ายไม่ธรรมดาเอาซะเลย   พอได้ชมแล้วก็เกิดอาการอิจฉา…

ปกติเวลาเราไปเที่ยว ส่วนใหญ่ก็ต้องมีการวางแผนไว้ก่อนว่า จะไปที่ไหนบ้าง จะทำอะไร พักที่ไหน โดยเฉพาะถ้าไปต่างประเทศ เรายิ่งต้องวางแผนให้รัดกุมก่อนไป แต่สำหรับ Keith Habersberger นั้น กลับไปเที่ยวนิวยอร์กแบบไม่มีแพลนอะไรเลย เขาอาศัยทวิตเตอร์ในการพาเที่ยว โดยให้ผู้ติดตามเขาผ่านทวิตเตอร์เป็นผู้ให้คำแนะนำ ว่าจะให้ทำอะไร ที่ไหน เขาจะทำตาม เรียกได้ว่า มีความตื่นเต้นได้ตลอดทริปแน่ๆ เพราะเราไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง   “ผมเพิ่งมาถึงนิวยอร์กเมื่อไม่นานนี้ ตลอดทั้งทริปผมให้เหล่าผู้ติดตามในทวิตเตอร์บอกว่าผมต้องทำอะไรบ้าง มันตื่นเต้นดีนะ”   “ผมเริ่มต้นทริปที่นิวยอร์ก พวกเค้าบอกให้ผมกินขนมปัง Tompkins และช็อกโตแลตชิป แต่มันดันหมดซะก่อน แต่ผมก็ยังตามหาต่อไป เพื่อความสุขของพวกเขา”   “ที่นิวยอร์กอากาศร้อนมาก และเหงื่อก็ออกท่วมตัว ผมเลยต้องหาเสื้อผ้าใหม่ และแน่นอนผมต้องถามเหล่าผู้ติดตามของผมว่า ผมจะไปซื้อเสื้อใหม่ได้ที่ไหน”   “หลังจากนั้น ผมก็ไปที่ตลาด พวกเค้าบอกให้ผมไปซื้อผลไม้สดมา ผมเลยไปซื้อราสเบอร์รี่สดมากินกับ Hoda ผู้มาจากอียีปต์ ที่ไม่เคยกินราสเบอร์รี่มาก่อน”   “พวกเขาแนะนำให้ผมไปที่ร้านเล็กในเมืองๆ ผมจึงไปที่ Scotch & Soda และให้พวกเค้าช่วยเลือกชุดให้ และชุดที่ได้มันทำให้ผมกลายเป็นคนใหม่เลยแฮะ”   “ได้เวลาไปทานมื้อเที่ยงแล้ว และผมกำลังจะไปกินพิซซ่าชีสครับ และที่นี่ผมเห็นผู้คนมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม” ยิ้มตอบพี่เค้าหน่อยนาาาาา…

หลังจากที่วันแม่ผ่านมาแล้วเมื่อวาน หลายๆ คนก็คงจะได้กลับบ้านไปเยี่ยมหาและแสดงความรักต่อคุณแม่ของตัวเองกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าวันแม่เนี่ยเป็นวันที่สร้างความสุขให้กับเหล่าคุณแม่และคุณลูกทั้งหลายอย่างมากมายเลยทีเดียวล่ะ และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็มีเรื่องราวสุดประทับใจที่เกี่ยวข้องกับวันแม่มาฝากเพื่อนๆ กัน เผื่อว่าใครยังอารมณ์ค้างจากเมื่อวานอยู่ จะได้ไปซึ้งกันต่อ ฮร่า     เรื่องมีอยู่ว่าทหารหนุ่มชาวอเมริกันได้กลับบ้านก่อนกำหนด ซึ่งตามจริงแล้วเขาจะได้กลับบ้านมาในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ก็เลยวางแผนกับเพื่อนๆ และคุณพ่อเพื่อมาเซอร์ไพรส์คุณแม่ถึงหน้าที่ทำงานเลยทีเดียว โดยเขาสวมชุดทหารพร้อมกับทำท่าทีอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ รอคอยเวลาที่แม่ของเขาจะเดินผ่านมา…   ทันใดนั้นเองเธอก็เดินผ่านไปซะเฉยๆ แต่เหมือนกับว่าชุดทหารนั้นมันช่างสะดุดตาเหลือเกิน ก็เลยหันกลับมามอง   จากนั้นก็หยุดและลองสังเกตดูอย่างตระหนี่ถี่ถ้วน ค่อยๆ เขยิบเข้ามาใกล้ๆ เพื่อดูให้แน่ใจและก็พบว่านี่คือลูกชายของเธอนั่นเอง!!   เธอดีใจเป็นอย่างมากจนถึงกับกระโดดขึ้นไปกอดทั้งตัวเลยทีเดียว ทั้งสองต่างร่ำไห้ด้วยความปิติยินดี   ต้องขอบอกเลยว่าทหารของอเมริกานั้นเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก เพราะการออกไปประจำการนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกหรือไม่ นั่นก็เลยกลายเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณแม่ถึงดูดีอกดีใจมากเป็นพิเศษอย่างนี้ยังไงล่ะ   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์ความประทับใจที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   ความรู้สึกของคนรอเมื่อรู้ว่าสิ่งที่รอคอยมันมาถึงน่ะ ขอบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลยนะ ^^ ที่มา : viralnova, larry s

มีเรื่องราวต่างๆมากมายเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค 2016 ทั้งเสียใจ ดีใจ ผิดหวัง หรือแม้แต่ซีนตลกๆ ฮาๆ จากนักว่ายน้ำหญิงชาวจีน อย่างที่ทำบทความไปเมื่อวาน: ‘Fu Yuanhui’ นักกีฬาว่ายน้ำสาวจีน กับความน่ารัก ทำเอาชาวเน็ตคลั่งไคล้ที่สุด!! แต่เมื่อจู่ๆ ก็เกิดเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อนักกีฬาว่ายน้ำหญิงทั้ง 2 คน จากอเมริกา และ แคนาดา สามารถทำเวลาและเข้าเส้นชัยได้พร้อมกันเป๊ะ!!   นี่อาจเป็นหนึ่งในเรื่องราวประวัติศาสตร์วงการกีฬาเลยก็ว่าได้นะเนี่ย..   เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กับรายการแข่งขันฟรีสไตล์หญิง ระยะ 100 เมตร ที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะว่า นักว่ายน้ำสาวทั้งสอง  Simone Manuel จากอเมริกา และ  Penny Oleksiak จากแคนาดา ทั้งคู่ได้ทำเวลาเข้าเส้นชัยพร้อมกันเป๊ะ ด้วยเวลา 52.70 วินาที!!   Penny Oleksiak ตัวแทนจากแคนาดา   Simone Manuel ตัวแทนจากสหรัฐอเมริกา   แต่งานนี้ก็จบไปแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง เพราะทั้งคู่ก็ได้สอยเหรียญทองกลับไปให้ประเทศของตนเองเป็นที่เรียบร้อย เราไปชมวิดีโอบันทึกภาพเหตุการณ์กันบ้างดีกว่ากว่าเจ้าตัวจะรู้ตัว…

ในวันที่ 6 สิงหาคม และ 9 สิงหาคม ปี 1945 นั้นประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิประเทศญี่ปุ่น ทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก และเป็นครั้งเดียวเลยก็ว่าได้ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์จริงๆ กับมนุษย์!!?     ระเบิดทั้งสองลูกมีชื่อว่า “Little Boy” และ “Fat Man” ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ไม่ได้มีรูปภาพของเหตุการณ์นี้ออกมาให้เห็นมากนัก แต่วันนี้เราก็มีภาพของการเตรียมการมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ถือว่าเป็นภาพเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์เลยล่ะ ฐานทัพอากาศที่ระเบิดทั้งสองลูกถูกส่งไปก็คือ ฐาน North Field บนเกาะ Tinian เป็นหนึ่งในเกาะหลายๆ เกาะของหมู่เกาะ Mariana ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น   ภาพทหารกำลังตรวจสอบ “Fat Man” ว่าปลอดภัยและแน่นหนาพอรึเปล่า   และนี่ก็คือระเบิด “Little Boy” คนที่มองดูอยู่คือ Norman Ramsey ผู้ที่ภายหลังได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์   ภาพของช่างเทคนิคที่กำลังตรวจเช็คระเบิด “Fat Man” เพื่อให้มันสามารถกักเก็บพลังงานไว้จนถึงตอนทิ้งระเบิด   ทั้งทหารและคนที่ทำระเบิดลูกนี้เซ็นชื่อและเขียนข้อความของตัวเองติดไปกับลูกระเบิด   ภาพซูมใกล้ๆ   หลังจากนั้นก็ถูกนำขึ้นรถบรรทุกเพื่อขนส่งไปยังฐานทัพอากาศ   ใครจะไปนึกล่ะเนาะว่ารถบรรทุกที่ดูธรรมดาๆ แบบนี้จะเก็บระเบิดพลังทำลายล้างมหาศาลเอาไว้!!?   ที่ฐานทัพอากาศได้ติดตั้งหลุมลิฟต์ไฮดรอลิกไว้เพื่อดันลูกระเบิดให้ขึ้นไปอยู่บนเครื่องบินได้ ในภาพคือระเบิดปรมาณู “Fat…

ปัจจุบันนี้ที่นิวยอร์ก มีอัตราพ่อเลี้ยงเดี่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นชายผิวสี เนื่องจากปัญหาความยากจน โดยเฉพาะในย่านชุมชนเล็กๆ อย่าง Brooklyn ที่ประชากรส่วนใหญ่มีฐานะยากจน อันเป็นผลพวงมาจากปัญหายาเสพติด และอาชญากรรมที่เกิดขึ้น ช่างภาพ Phyllis Dooney ได้ไปสัมภาษณ์ชีวิตของคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวเหล่านี้  เพื่อถ่ายทอดชีวิตของพวกเค้าให้โลกรู้ว่า ต้องเผชิญกับอะไร และพวกเค้าคิดอย่างไรกับการเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว รวมทั้งการต้องสละความสุขส่วนตัวเพื่อลูกน้อย     Jason ‘Law’ กับลูกสาว Nevoeh Jason บอกว่า “แม้ศาลจะเกิดมาเพื่อประชาชน แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเวลาฟ้องร้องสิทธิการเลี้ยงดูบุตร พวกเค้ามักจะตัดสินให้ฝ่ายหญิงได้ไป แล้วแบบนี้ เราจะสู้เพื่ออะไร?”   David กับลูกชาย Prince “ผมคิดอยู่ตลอดเวลาว่า ผู้ชายจะทำหน้าที่ได้ดีเท่าแม่เขามั้ย? ผมกำลังทำเพื่อใคร หรือผมควรจะหนีจากจุดนี้ดีมั้ย?”   Clifton Jerrick กับลูกชาย Logan “เราไม่ได้มีหน้าที่แค่ความเป็นพ่อเท่านั้น แต่เรายังต้องทำงาน ผมคงจะทำงานจนวันตายนั่นแหละ”   Esau ‘Chubbs’ Johnson “ตำรวจจะคอยจับผิดเรา และพวกเค้าก็ยิงเด็กด้วย นี่คือสิ่งที่ผมกังวล และไม่อยากให้ลูกสาวต้องเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมแบบนี้”   Joshua Mann กับลูกชาย King…

เมื่อพูดถึงอัฟกานิสถาน ภาพที่เราคิดอาจจะเป็นภาพสงคราม ภาพเหล่าทหาร อย่างที่เราคุ้นชินกันในช่วงหลายปีหลัง ผ่านทางสื่อต่างๆ ที่ถ่ายทอดความรุนแรงออกมา แต่รู้มั้ยว่าในยุค 1960 วิถีชีวิตของพวกเค้า ช่างแตกต่างกับปัจจุบันนี้มาก โดยศาสตราจารย์ Dr. Bill Podlich อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยในอเมริกา ทำงานให้กับ UNESCO ในอัฟกานิสถาน เขาจึงได้ถ่ายภาพในช่วงเวลานั้นไว้ หลังจากนั้นประมาณ 10 ปี การปฏิวัติโดยทหาร การยกเลิกราชวงศ์ สงครามกับโซเวียต การเกิดกลุ่มต่างๆ รวมถึงกลุ่มที่อ้างศาสนาอิสลาม ทำให้ประเทศอยู่บนความไม่แน่นอน และเปลี่ยนโฉมหน้าของประเทศนี้ไปตลอดกาล…   1. ช่างภาพสาวที่สวน Paghman   2. นักศึกษาที่วิทยาลัยครูเมืองคาบูล   3. การเต้นรำของเด็กๆ ในโรงเรียนอนุบาล   4. โรงเรียนสหศึกษา   5. นักเรียนมัยธมหญิงในอัฟกานิสถาน   6. ห้องเรียนกลางแจ้ง ภายใต้ร่มไม้   7. การเดินทางด้วยรถบัสในสมัยนั้น   8. พี่สาวคนโต พาน้องสาวมาเดินตลาด  …

ในยุคนี้ใครๆ ก็นิยมออกกำลังกายลดหุ่น และตามโซเชียล เราก็มักจะเห็นคนอ้วนหลายๆ คนที่โพสต์ภาพตัวเองก่อนและหลังลดน้ำหนัก ที่เห็นแล้วก็เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ใครๆ ก็อยากทำตาม เช่นเดียวกับบุคคล 15 คนนี้ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อ้วนแค่ไหน ก็กลายเป็นคนหุ่นเป๊ะ สุขภาพดีได้ ถ้าตั้งใจ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง   1. คู่รักที่ตัดสินใจลดความอ้วนด้วยกัน และถ่ายรูปแต่งงานอีกครั้ง   2. ชายหนุ่มคนนี้ ลดน้ำได้ 50 กิโล กลายเป็นหนุ่มล่ำภายในปีเดียว   3. หญิงร่างอ้วน เมื่อเธอตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ใช่เพื่อใคร… ก็เพื่อตัวเอง   4. การเลือกทางเดินอย่างถูกวิธี คุมอาหาร และออกกำลังกาย   5. ด้วยกำลังใจและความตั้งใจ ลูกชายคนนี้ก็ทำให้แม่ของเขาได้   6. เธอทรมานจากพฤติกรรมการกินที่ผิด เธอได้ลุกขึ้นมาออกกำลังกายจนมีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง   7. อ้วนได้ ก็ล่ำได้เหมือนกัน แน่นอน ตอนนี้เขาชอบออกกำลังกายไปแล้ว   8. เห็นแบบนี้ เมื่อเธอตั้งใจลดความอ้วน…

ถ้าหากว่าเราได้ถกเถียงกันเรื่องความสวย ความงาม หรือ ความสมบูรณ์แบบล่ะก็ เชื่อว่าคงไม่มีวันได้คำตอบที่พร้อมจะฟันธงว่าอะไรสวยที่สุดแน่นอน เพราะเรื่องของความสวยงาม คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามเชื้อชาติ วัฒนธรรม ประเพณี หรือแม้กระทั่ง รสนิยมส่วนบุคคล #เหมียวบ็อบ ขอพาไปรู้จักกับค่านิยมด้านความงาม ที่มันช่างแตกต่างซะจนคนไทยอย่างเราๆ ไม่คุ้นชินเอาซะเลย….   1. ฟันซ้อนของสาวๆ ในญี่ปุ่น (Yaeba) Yaeba คือสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าเป็นศิลปะที่จะมอบความงามให้แก่สาวๆ ด้วยการทำให้ฟันซ้อนนั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นที่นิยมอย่างมากในญี่ปุ่นเลยทีเดียว เพราะถ้าหากสาวคนไหนที่มีฟันแบบนี้ละก็ จะทำให้ดูน่ารักและเยาว์วัยไปอีกหลายปี แถมหนุ่มๆ ยังชอบอีกด้วย   2. ระเบิดหูในแอฟริกา แฟชั่นการระเบิดหูอาจดูธรรมดาไปแล้วในบ้านเรา แต่สำหรับที่แอฟริกานั้นแตกต่างออกไป เพราะอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับถ่วงใบหูทำมาจาก หิน หรือ เครื่องเพชรพลอยที่มีขนาดหนัก สะท้อนความเชื่อที่ว่าหากมีรูหูที่ใหญ่ และยาน มากเท่าใด เท่ากับว่าคนนั้นได้อยู่ในชนเผ่ามามานานมากเท่านั้น   3. ระเบิดริมฝีปากในแอฟริกา นอกจากจะระเบิดหูให้มีขนาดใหญ่แล้ว บางชนเผ่าในแอฟริกาหรือแถบอเมซอน ก็มีค่านิยมความงามอีกอย่างคือการระเบิดปาก เมื่อหญิงสาวเริ่มมีประจำเดือน ฟันสองซี่ด้านล่างสุดในปากจะถูกถอดออก และแทนที่ด้วยแผ่นไม้กลมๆขนาดใหญ่ แถมยังมีการเปลี่ยนขนาดของแผ่นไม้ให้มากตามอายุขัยอีกด้วย   4. บั้นท้ายสุดสะบึ้มของสาวๆ ในแถบอเมริกา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ากระแสบั้นท้ายสุดสะบึ้มนี้เริ่มมาจาก Kim Kardashian…

ถ้าพูดกันถึงเรื่องโชคชะตา และดวงวาสนา เชื่อว่าหลายๆ คนก็อยากจะมีดวงดีๆ ได้สิ่งที่ต้องการมาแบบง่ายๆ จากการพึ่งโชคชะตา บุญบารมี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องหวยด้วยแล้ว ซื้อมันทุกเดือนไม่เคยถูกซักที ชีวิตย่ำแย่จริงๆ แต่กลับกัน เรื่องราวของชายคนหนึ่ง ที่กลายมาเป็นผู้ถูกขนานนามว่าโชคดีที่สุดในโลก เพราะเรื่องราวที่ผ่านมาของเขามันเหมือนกับว่าเป็นปาฏิหารย์ หรือจะเรียกแบบภาษาบ้านเราว่าทำบุญมาเยอะก็ว่าได้     ชายหนุ่มชาวดูไบ ที่อายุอานามก็ปาเข้าไป 62 ปี Mohammad Basheer Abdul Khadar คือผู้ที่มีเรื่องโชคดีเกิดกับเขาขึ้นถึง 2 ครั้งติด.. แค่ครั้งแรกก็นับว่าโชคดีสุดๆแล้ว ที่สามารถเอาชีวิตรอดออกมาจากอุบัติเหตุเครื่องบินไฟลท์ EK521 ที่เกิดเหตุขัดข้องระเบิดกลางสนามบินในดูไบได้   หลังจากนั้นอีก 6 วัน เขาก็ถูกหวยรางวัลที่ 1 ของดูไบ ได้เงินรางวัลไปมากถึง 35 ล้านบาท!! เชื่อรึยังล่ะว่าลุงคนนี้โชคดีซะจริงๆ “คงเป็นพระเจ้าที่อวยพรให้ผมโชคดีขนาดนี้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการที่ผมรอดจากเหตุการณ์บนเครื่องบินมาได้ และที่สำคัญที่สุดผมยังมีสุขภาพที่ดีแข็งแรงเหมือนเดิม ถ้ามีคนบอกว่าผมโชคดีที่สุด ผมว่ามันก็เป็นเรื่องจริงนะ แต่ในแง่ของสุขภาพซะมากกว่า ก็ต้องขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่ทำให้ผมยังอยู่ได้อย่างแข็งแรงในช่วงวัยที่เริ่มโรยรา” เขากล่าว     และที่สำคัญเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากรางวัล เขานำไปบริจาคให้แก่เด็กๆ…

ใครมีเพื่อนที่ซื่อสัตย์นั้นถือว่าเราโชคดีที่สุดแล้ว เพราะทุกวันนี้เรามีเพื่อนมากก็จริง แต่มีกี่คนที่จริงใจกับเราทั้งต่อหน้าและลับหลัง หรือแม้กระทั่งเราจากไปแล้ว เค้าก็ยังทำสิ่งดีๆ เพื่อเราอยู่เสมอ มาดูเรื่องราวสุดซึ้งของมิตรภาพของ Aidan Jackson ที่ทำภารกิจเพื่นเป็นเกียรติให้กับเพื่อนที่จากไป ด้วยการนำตุ๊กตาโปรดของเพื่อนมาเรียงกันในสนามกีฬา     Aidan Jackson เด็กชายวัย 14 ปี จาก Widnes ได้รวบรวมตุ๊กตาได้จำนวน 10,500 ตัว แล้วเอาไปวางไว้ที่อัฒจันทร์ในสนามกีฬา เพราะเพื่อนของเขา Olivia Alice ชอบตุ๊กตาสัตว์มาก และเธอคงจะมีความสุขที่ได้เห็นตุ๊กตาที่เธอรักจำนวนมากมายขนาดนี้ ทั้งคู่เจอกันที่ชมรมว่ายน้ำท้องถิ่นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่เธอมา Olivia ก็ได้จากไปในวัย 15 ปี จากภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากความพิการ     Aidan จึงตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นเกียรติแก่เธอ เขาจึงเริ่มภารกิจดังกล่าว… Aidan ขอรับบริจาคตุ๊กตาผ่านโครงการ Aidan’s Teddy Bear Challenge ในเว็บไซต์ GoFundMe ตุ๊กตาบางตัวจึงมาไกลมาก เช่น จากประเทศจีน และถึงขั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งได้บริจาคตุ๊กตาหมีมากถึง 500 ตัว  …

พูดถึงการศัลยกรรม ปัจจุบันกลายเป็นเรื่องปกติที่ใครก็ทำกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง สำหรับการศัลยกรรมก้น มักจะเป็นผู้หญิงที่ไปทำ เพราะผู้หญิงต่างก็อยากมีก้นงอนได้รูป เวลาแต่งตัวจะดูเป๊ะ แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่า ผู้ชายบางคนก็ชอบการมีก้นใหญ่ไม่แพ้ผู้หญิงนะ Joey Prixx ชายหนุ่ม วัย 26 ปี ผู้เสพติดการศัลยกรรม แต่ไม่ได้ทำแค่ใบหน้านะ เค้ายังทำในส่วนที่เราคาดไม่ถึงว่า เขาจะทำ นั่นคือ ‘ก้น’ ที่แม้จะต้องทุ่มเงินเป็นล้านก็ยอม     การศัลยกรรมกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของ Joey เมื่อ 5 ปีก่อน โดยเขาผ่านการทำจมูกมาแล้ว 2 ครั้ง ตัดต่อมเหงื่อใต้รักแร้ออก ไปทำปากอวบอิ่มทุกๆ 1-3 เดือน พร้อมกับฉีดโบท็อกซ์ที่หน้า และในทุกๆ 6-12 เดือน เขาจะไปฉีดฟิลเลอร์ที่โหนกแก้มด้วย แต่การศัลยกรรมที่โดดเด่นที่สุดคือ การอัพก้นด้วยซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่ถึง 350 ซีซี ซึ่งเป็นขนาดที่ออกแบบมาเพื่อร่างกายของเขาเท่านั้น และเขาก็รักมันมากจึงตั้งชื่อให้ว่า “ก้นฟองปลอม” โดยได้มาจากการทำงานอย่างหนัก เขาทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ในที่สุดก็ได้ก้นสวยสมใจ รวมทั้งร่างกายแล้ว เขาบอกว่าใช้เงินไปมากกว่า 2 ล้านกว่าบาท  …

คุณอาจไม่ต้องเป็นถึงระดับโจรสลัดหมวกฟาง ก็สามารถออกไปตามหาทะเลแปลกๆ บนโลกใบนี้ได้เช่นกัน เพราะวันนี้เราจะพาคุณไปชมทะเลสาบที่มีสีสันแปลกตาราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายหรือการ์ตูนเรื่องไหนสักเรื่อง…     ทะเลสาบที่ #เหมียวฟิ้น พูดถึงอยู่ในขณะนี้อยู่ในประเทศเม็กซิโก เป็นทะเลที่มีสีสันประหลาดมาก เพราะมันเป็นสีชมพู เชื่อว่าผู้ที่คลั่งไคล้อินสตาแกรมหลายๆ คนก็อยากที่จะไปเก็บภาพสวยๆ จากที่นี่มาอัพให้ชาวโลกได้ดูเหมือนกัน     ทะเลสาบแห่งนี้ถูกพบอยู่ในหมู่บ้านของชาวประมง Las Coloradas ชายฝั่งตะวันออกของเม็กซิโก มันไม่ใช่เวทย์มนต์หรือการโฟโต้ชอปใดๆ เพราะมันเป็นชมพูอมสีแดงแบบนั้นจริงๆ ส่วนที่ว่ามันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงนั้น ก็เพราะว่าในน้ำทะเลมีแพลงตอนแดงและไรทะเลเป็นจำนวนมหาศาล พวกมันมีสีแบบนี้ด้วยสารในตัวของมันเอง เปลี่ยนให้น้ำกลายเป็นสีชมพูไปโดยปริยาย     นอกจากน้ำทะเลสีชมพูและชายหาดสีน้ำตาลแล้ว ที่ชายหาดยังมีกองทรายสีขาวๆ มาขั้นระหว่างกลางด้วย สาเหตุก็เพราะว่าครั้งหนึ่งที่เมือง Las Coloradas เคยถูกใช้เป็นเหมืองขุดเกลือมาก่อน ทำให้เศษซากของเกลือยังคงหลงเหลือและเกาะรวมกันเป็นคราบขาวๆ นั่นเอง   . . . . . .   นี่ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่โรแมนติกเอามากๆ เลยนะ ว่าแล้วเราก็ออกเดินทางกันเลย!! ที่มา boredpanda

เรื่องราวของเจ้าเหมียวจรจัดตัวน้อย ที่ขออาศัยนั่งรถบรรทุกของมนุษย์ไปด้วย จนนำไปสู่การมีบ้านให้อยู่อาศัยในที่สุด สมาชิกเว็บไซต์ Reddit ได้เปิดเผยเรื่องราวสุดประทับใจ เมื่อเขาได้พบกับเจ้าเหมียวน้อยตัวหนึ่งที่อาศัยติดรถบรรทุกของเขามาระหว่างที่ขับออกไปส่งของ “ผมขับรถบรรทุกของเจ้านายเพื่อไปส่งแก๊สในเมืองที่ห่างไกลออกไป แต่พอลงมาตรวจเช็คดูก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีเพื่อนร่วมทางนั่งมาด้วยเหมือนกันนะเนี่ย” คุณ gabulldawgfan เล่า     สงสัยมันคงจะออกมาเล่นกับเพื่อนๆ อยู่แถวละแวกที่เขาจอดพักรถ หลังจากที่เล่นจนเหนื่อยก็เดินมาหาที่อุ่นใจนอนพักผ่อน แต่ที่ไหนได้มันกลายมาเป็นรถบรรทุกซะงั้น เขาพบมันนอนอยู่ใต้ถังแก๊สด้วยพร้อมกับมีท่าทางหวาดระแวง หลังจากนั้นก็ช่วยมันออกมาได้อย่างปลอดภัย เขาตัดสินใจว่าจะดูแลมันซักพักแล้วก็จะประกาศหาบ้านใหม่ให้กับเจ้าเหมียว     คุณ gabulldawgfan พยายามที่จะไม่ผูกมิตรกับมันเพราะกลัวว่าหากมันไปอยู่ที่อื่นแล้วมันจะคิดถึงเขา แต่ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน เจ้าเหมียวน้อยก็แสดงท่าทีว่ามันไม่อยากไปอยู่ที่อื่น ที่นี่แหละคือบ้านของมัน และแกก็คือทาสของฉัน (อะไรประมาณนี้เลย ฮร่า)     ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ได้พบกัน เจ้าเหมียวก็ได้ชื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชื่อว่า Priscilla และดูเหมือนว่าทั้งคู่ก็ตัดสินใจได้แล้วว่าจะอยู่ด้วยกัน (เย้ๆ) ถ้าเจ้า Priscilla พูดได้มันก็คงกำลังบอกกับเจ้าทาสคนใหม่ของมันว่า ขอบใจนะที่รับฉันมา ชั้นเลือกนายยย!! จากนี้ไปก็จงดูแลชั้นซะ อิอิ     และมันก็มีเพื่อนใหม่ด้วย   “เจ้าเหมียวน้อยตัวนี้ทำให้ผมมีความสุขมาก ผมดีใจมากที่มันเลือกผมหลังจากที่ช่วยเหลือมันออกมา” คุณ gabulldawgfan กล่าว     บางครั้งเรื่องดีๆ ก็เกิดขึ้นได้ในทุกช่วงเวลา เพราะฉะนั้นพวกเราก็ต้องเตรียมรับมือกับมันให้ดี จะได้ไม่พลาดไป…

ถ้าใครจำได้ช่วงเดือนก่อน เคยมีดราม่าหนึ่งบนเว็บไซต์พันทิป เมื่อคุณแม่คนหนึ่งออกมาถามความเห็นชาวเน็ตเกี่ยวกับการทำอาหารแนว “วีแกน” ซึ่งปราศจากผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ให้กับลูกกิน จนชาวเน็ตได้เข้ามาถกเถียงกันเป็นจำนวนมาก (ข่าวเก่า: ถ้าให้ลูกกินมังสวิรัติตั้งแต่เด็ก จะดีหรือไม่… มาร่วมแสดงความคิดเห็น แชร์ข้อมูลกันดีกว่า!!)     โดยฝ่ายที่เห็นด้วยก็บอกว่า การกินวีแกนเป็นสิ่งที่คนหลายๆ กลุ่มปฏิบัติมาอย่างยาวนาน ก็ไม่น่าจะส่งผลเสียอะไร ยิ่งไปกว่านั้น การทานแต่ผักก็สามารถได้รับสารอาหารครบถ้วนไม่แพ้การทานเนื้อ ส่วนฝ่ายที่ไม่สนับสนุนก็ออกมาแย้งว่า สารอาหารบางอย่างที่จำเป็นต่อเด็ก สามารถพบได้ในเนื้อสัตว์เท่านั้น หากจะให้เด็กทานวีแกน ก็ควรให้เขาโตก่อน และให้เขาเป็นคนเลือกเองว่าจะทานหรือไม่     แต่ล่าสุดในประเทศอิตาลี มีการผลักดันกฎหมายใหม่ หากพ่อแม่บังคับให้เด็กกินอาหารวีแกน พวกเขาอาจถูกศาลตัดสินจำคุกได้!! กฎหมายใหม่นี้มีชื่อเล่นว่า Savino Law ซึ่งถูกผลักดันโดย Elvira Savino ส.ส. จากพรรค Forza Italia ใจความของกฎหมายข้อนี้บอกว่า พ่อแม่ที่บังคับให้ลูกทานอาหารที่ “สารอาหารไม่ครบถ้วน” อาจถูกตัดสินจำคุกถึง 4 ปี     (Elvira Savino)   Savino กล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ แนวคิดการทานอาหารแบบวีแกนกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่งบางครั้งก็เคร่งครัดเกินไป แม้กระทั่งในเด็กเล็ก พ่อแม่หลายคนบังคับให้พวกเขากินแต่อาหารวีแกน…

ความขี้สงสัยมักคู่กับมนุษย์มาตั้งแต่กำเนิด และยิ่งโดยเฉพาะเวลาที่เราเจอบ้านร้างที่ดูน่าสงสัยแล้วล่ะก็ เชื่อว่าหลายๆคนคงอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ทำไมมันถึงร้างนะ? แล้วเจ้าของเก่าเค้าไปอยู่ที่ไหนกันนะ? เฉกเช่นเดียวกับบ้านหลังนี้ ที่จู่ๆ มันก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้อย่างยาวนาน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดถึงถูกทิ้งให้ร้างอย่างดื้อๆ แต่เมื่อเข้าไปสำรวจกลับพบว่า สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ยังคงตั้งอยู่อย่างเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง เป็นเวลานานกว่า 30ปี!!   บ้านร้างสุดแปลกที่ได้รับการขนานนามจากคนท้องถิ่นว่า “Hoarder House” เพราะมันถูกปล่อยร้างไว้ตั้งแต่ช่วง 1980 แถมยังเป็นสถานที่ขึ้นชื่อสำหรับคนอยากลองของอีกด้วย   มันอาจจะยากต่อการหาคำอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่แห่งนี้ แต่เมื่อมีคนเข้าไปสำรวจกลับพบว่ามันเต็มไปด้วย หนังสือจดทะเบียนสมรส เอกสารการหย่า และจดหมายที่กำลังจะส่งถึงดาราชื่อดังเพื่อเรียกร้องให้เขามาอยู่กับเธอในบ้านหลังนี้   สภาพภายในบ้านดูเหมือนว่ายังมีคนมาอาศัยอยู่ตลอด ทั้งที่จริงแล้วมันคือบ้านร้าง   ชุดเสื้อผ้าก็ดูเก่าแก่ แถมยังเจอเตารีดและถาดแบบโบราณที่เคยใช้เมื่อนานมาแล้ว และรูปของเด็กๆ ที่คาดว่าอาจจะเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน   ภายในห้องนั่งเล่นก็ดูเรียบร้อยดี มีการตกแต่งด้วยม่านสีทองในแบบยุค 1950 กระจัดกระจายไปด้วยโคมไฟ 3 ดวง วางห่างกัน พร้อมโปสเตอร์ของศิลปิน Elvis Presley   ในส่วนของห้องนอนที่ดูหลอนๆ ชอบกล เพดานของห้องเริ่มผุกร่อนราวกับว่ามันจะตกลงมา สีที่ทากำแพงก็หลุดลอกออกมาซะหมด แต่เตียงนอนยังคงอยู่ที่เดิมไม่เคยเปลี่ยนไป   ใกล้เคียงกับห้องนอน…

ปกติถ้าพูดถึงปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ เราอาจนึกถึงชายชราหน้าโหดๆ ที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ และมักจะถูกนำเสนอในภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับคุณยายวัยเจ็ดสิบคนหนึ่งที่ภายนอกอาจดูไม่ต่างจากคนทั่วไป แต่หารู้ไม่ เธอกลับเป็นถึงปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมของอินเดียคนหนึ่ง     คุณยายท่านนี้มีชื่อว่า Meenakshi Gurukkal วัย 74 ปี จากรัฐเกรละ ทางภาคใต้ของอินเดีย เธอเป็นปรมาจารย์ทางด้านศิลปะการต่อสู้ชนิดหนึ่งชื่อว่า “กาลาริปายัตถุ” ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้แบบโบราณของชาวอินเดีย โดยศิลปะการต่อสู้ชนิดนี้มีศาสตร์การป้องกันตัวหลายรูปแบบอย่างเช่น ดาบ กระบอง ซึ่งเธอสามารถใช้งานอาวุธอย่างดาบและกระบองได้อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้หนุ่มวัยฉกรรจ์เลยทีเดียว     เธอเล่าว่าเธอฝึกศิลปะการต่อสู้ชนิดนี้มาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ซึ่งเป็นความต้องการของพ่อของเธอ เพราะเขาอยากให้เธอเรียนรู้วิธีป้องกันตนเองไว้ แต่ปรากฎว่า Meenakshi มีพรสวรรค์ทางด้านนี้ เธอจึงฝึกฝนเรื่อยมาและกลายเป็นผู้ชำนาญการในที่สุด หากนับเวลารวมกันแล้ว ก็เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 60 ปีเลยทีเดียว ต่อมาเธอได้แต่งงานกับ Raghavan Master ครูหนุ่มผู้คลั่งไคล้ในศิลปะการต่อสู้ซึ่งทั้งสองพบกันขณะที่ฝ่ายชายมาฝึกฝนกาลาริปายัตถุนั่นเอง     ต่อมาทั้งสองได้เปิดโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้กาลาริปายัตถุขึ้นมา โดยความฝันของ Raghavan มีเพียงหนึ่งเดียวคือ ทำให้กาลาริปายัตถุกลายเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ และวันนี้เขาทำสำเร็จแล้ว ปัจจุบันนักเรียนของพวกเขาส่วนมากเป็นเด็กผู้หญิงวัย 6 ถึง…

ลาวาเดือดบนภูเขาไฟ มองไกลๆ มันคือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่มีความงดงาม ในขณะเดียวกันก็มีความหวาดกลัวไม่น้อย ดังนั้น จึงไม่ค่อยมีมนุษย์คนไหนอยากจะเข้าไปใกล้ แม้ว่าอยากจะชมความงดงามของมันใกล้ๆ ก็ตาม แต่สำหรับ Alison Teal นักเซิร์ฟบอร์ดสาว วัย 30 ปี คนนี้ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกของโลก ที่ได้พิสูจน์ความกล้าของตัวเองโดยการลงไปเล่นเซิร์ฟบอร์ด บริเวณริมหน้าผาที่มีลาวาจากภูเขาไฟ Kilauea บนเกาะฮาวาย ที่กำลังไหลลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิก     เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอ ที่น่าตื่นตาตื่นใจของ Alison ขณะที่เธอกำลังลงไปเล่นเซิร์ฟบอร์ด โดยสวมชุดบิกินี่สีชมพูเพียงตัวเดียวเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็มีทีมงานรักษาความปลอดภัยคอยให้ความช่วยเหลือตลอด     สำหรับ Alison เธออยากที่จะลงไปเล่นเซิร์ฟบอร์ด บริเวณริมหน้าผาที่มีลาวาจากภูเขาไฟมานานแล้ว แม้ว่ามันจะอันตราย และร้อนก็ตาม   เธอถูกเศษหินกระเด็นมาใส่ จนต้องรีบดำลงไปหลบใต้น้ำ หลังจากที่พยายามว่ายเข้าไป เพื่อจับเกลียวคลื่น หลังจากนั้นก็ถูกคลื่นซัดออกมาใกล้ๆ กับธารลาวา   Alison เผยว่า ลาวาที่เดือดปุดๆ…

เป็นเวลากว่า 10 กว่าปีที่แล้วไอศกรีม “เวียนเนตต้า” ของวอลล์ได้หายไปจากตู้ เหลือไว้เพียงความทรงจำของเด็กๆ หลายคนที่ฝันว่าวันหนึ่งถ้าเราโตมามีงานทำจะซื้อมากินให้ได้ เพราะว่าสมัยนั้นมัน 80 บาท ซึ่งถือว่าแพงมากๆ ถ้าเทียบกับค่าเงินตอนนั้น แต่ไหงพอเราโตมามีงานทำ กลับไม่มีให้เรากินซะงั้น เหมือนว่าความฝันที่จะได้ลิ้มลองมันหายไปในพริบตาเลย…   ถึงขั้นมีเพจทวงคืนกันเลยทีเดียว   แต่เดี๋ยวก่อน ตอนนี้มีคนพบเบาะแสไอติมนี้อีกครั้งในประเทศออสเตรเลีย แต่ครั้งนี้มาในรูปแบบไอติมแท่ง แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมๆ ไว้   ผู้คนที่ได้ชิมต่างก็ชื่นชมในความดีงามของไอติมที่มีลักษณะแตกต่างจากแบบอื่น ทั้งช็อกโกแลตและชั้นของไอติมวานิลลาที่ม้วนอยู่   ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะมีวางขายที่มอลต้า ลอนดอน และปักกิ่งมาก่อนหน้านี้แล้ว   เห็นแบบนี้แล้วก็อยากให้มาที่บ้านเราบ้าง อย่างน้อยก็ให้ความฝันในวัยเด็กของใครหลายๆ คนได้เป็นจริงซักที ขอแค่คำเดียวก็ด้ายยยยยย .   แถมโฆษณาเวียนเนตต้าของไทยจากเมื่อก่อน ดูแค่นี้ก็รู้เลยว่าน่ากินแค่ไหน   ที่มา dailymail

ลองจินตนาการดูซิว่า ถ้าหากเราหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นมา พบว่าเราได้อยู่ท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยแสงสีของมวลหมู่ดาวระยิบระยับมากมายรายรอบตัวเราเอง จะวิเศษขนาดไหนในชีวิตนี้… มันได้เกิดขึ้นแล้ว กับประสบการณ์การเสพศิลปะรูปแบบใหม่ ชวนให้เราได้รู้สึกราวกับว่าได้หลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว….     ผลงานการแสดงศิลปะสุดล้ำภายใต้คอนเซ็ปท์ที่ชื่อว่า ‘Crystal Universe’ เป็นผลงานของ teamLAB ผู้สรรค์สร้างนิทรรศการสุดล้ำ จัดขึ้นที่ DMM.Planets Art ศูนย์แสดงงานศิลปะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว Kudo Takashi หนึ่งในทีมผู้สร้างได้อธิบายคอนเซ็ปท์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีกว่า “เราต้องการจะตกแต่งให้ทุกห้องแตกต่างกัน เพื่อประสบการณ์อันแปลกใหม่สำหรับผู้ที่เข้าชม ราวกับว่า ทุกครั้งที่คุณเปลี่ยนห้อง เหมือนได้สัมผัสโลกใบใหม่อีกครั้งหนึ่ง”      สิ่งที่ทำให้นิทรรศการงานศิลปะชิ้นนี้แตกต่างออกไปก็คือ การที่สามารถทำให้ผู้เข้าชมได้รู้สึกถึงความสวยงาม และมีอารมณ์ร่วมผ่านประสบการณ์จากการสัมผัสและการมองเห็นด้วยตัวของพวกเขาเอง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นประสบการณ์การเสพศิลปะ ที่แตกต่างออกไป “สำหรับผมแล้วเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์คือเครื่องมืออย่างหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคอนเซ็ปท์และไอเดียที่ทีมเราช่วยกันสร้างขึ้นมา หลังจากนั้นพวกเราจึงใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ” ทีมงานกล่าว     ถึงแม้จะเห็นว่ามันสวยงามขนาดนี้ แต่อันที่จริงแล้วต้องใช้ทีมงานมากถึง 400 คน เพราะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ออกแบบและฝ่ายคอมพิวเตอร์ ที่ต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้มันออกมาสวยงามและลงตัวมากที่สุด     ไม่ใช่มีเพียงแค่แสงสีและภาพเท่านั้น เพราะในแต่ละห้องยังมีสัมผัสของกลิ่นที่จะช่วยให้ผู้เข้าชมเกิดความรู้สึกร่วมมากขึ้นไปอีก “ในทุกๆ ห้องทีมงานเราได้ออกแบบกลิ่นให้สอดคล้องกันมากที่สุด เช่น ห้อง ‘Wander Through…

การดัดผมให้เป็นลอน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นทรงผมเก๋ๆ ของผู้หญิง ซึ่งเป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล แล้วรู้กันหรือไม่ว่าก่อนที่เทคโนโลยีการดัดผมอันแสนง่ายดาย ที่มีแค่เครื่องดัดอันเดียวก็สามารถทำเองได้ที่บ้าน แต่กลับกันสาวๆในยุคสมัยก่อนต้องทุ่มทุนและเวลากันไปเท่าไหร่ กว่าจะได้ผมดัดสวยๆ ออกมา… เราไปชมภาพวิธีการดัดผมจากช่วงยุค 1920s – 1930s กันบ้างดีกว่า ซึ่งถือว่าเป็นยุคแรกเริ่มที่มีการนำเครื่องจักรไฟฟ้ามาใช้ในการดัดผม ภาพเหล่านี้อาจทำให้สาวๆ รู้สึกโชคดีสุดๆ ที่ได้เกิดมาในยุคสมัยที่ความสวยงามมาพร้อมกับความสะดวกสบายที่มากขึ้น   โฉมหน้าของเครื่องดัดผมในอดีต อาจจะไม่ค่อยต่างจากสมัยนี้สักเท่าไร แต่การจัดวางที่ต่างกันบ้างเล็กน้อย (บางคนบอกว่าดูๆ ไปแล้วอย่างกับหลุดมาจากในหนังคลาสสิคชื่อดังอย่าง “The Twilight Zone”)   ถึงมันจะดูพะรุงพะรังและน่ากลัว แต่ระบบการทำงานของมันก็แสนง่ายดาย เพียงแค่ใช้กระแสไฟฟ้าเป็นตัวเร่งให้เส้นผมเกิดความร้อนสูง ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่สามารถใช้ในการดัดผมได้อย่างดี   แต่ก่อนที่จะมีเจ้าเครื่องนี้ ช่างทำผมมักจะใช้วิธีการนำสารเคมีมากัดกร่อนเส้นผมให้หงิกงอ   แต่เห็นแบบนี้เจ้าเครื่องนี้ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะบางทีมันอาจจะให้ความร้อนที่สูงจนเกินไป ทำให้เส้นผมไหม้ได้ เพราะฉะนั้นช่างทำผมจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา   และนี่คือหน้าตาของเจ้าเครื่องนี้ มีแต่สายไฟพะรุงพะรังอยู่เต็มไปหมด   แต่ก็ใช่ว่าเจ้าเครื่องนี้จะถูกยกเลิกไปซะทีเดียว เพราะในปัจจุบันยังคงมีการนำมาใช้อยู่ เพียงแต่มันถูกพัฒนาระบบให้มีความทันสมัยมากขึ้น และปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย   กว่าสาวๆ จะสวยได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน กรรมวิธีการเสริมสวยต่างๆ มักจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเครื่องดัดผมนี่ก็ทำให้เราได้เรียนรู้เช่นกันว่า…

หลังจากที่การแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงริโอประเทศบราซิลได้เริ่มขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อนๆ ที่ติดตามชมการแข่งขันหลายๆ คนก็จะสังเกตเห็นวงกลมสีแดงคล้ำ บนตัวของเหล่านักกีฬาโอลิมปิกทั้งหลาย แล้วก็เกิดสงสัยว่ามันคืออะไรกันนะ!? (นั่นน่ะสิมันคืออะไรกัน เป็นโรคติดต่อรึเปล่า? อาจจะโดนยุงที่บราซิลกัดเข้าให้ ก็เลยกลายเป็นแผลแบบที่เห็นนี้ หรือไม่ก็ไปมีเรื่องกับนักกีฬาคนอื่นๆ รึเปล่า? ช่างน่าสงสัยซะจริงๆ)     แต่ความจริงแล้วทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานั้นไม่ถูกเลยซักอย่าง เพราะเจ้ารอยวงกลมแดงๆ นั้นมันก็คือผลจากการทำทรีทเม้นท์แบบโบราณนั่นเอง   และมันก็เพิ่งมาฮิตในหมู่นักกีฬาเมื่อไม่นานมานี้เอง ไม่แน่ว่านักกีฬาทั้งหลายอาจจะรู้ถึงข้อดีบางอย่างของมันที่ส่งผลต่อฟอร์มการแข่งขันของพวกเขาก็เลยกลายเป็นที่นิยมขึ้นมาก็เป็นได้   แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแค่นักกีฬาว่ายน้ำเท่านั้น นักกีฬาประเภทอื่นๆ เองก็มีเจ้าวงกลมสีแดงคล้ำอยู่บนร่างกายด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนมากจะอยู่บนช่วงหัวไหล่ แขน และบริเวณหลังเท่านั้น   โดยเจ้าการทรีทเม้นท์แบบนี้เค้าเรียกว่า ‘การครอบแก้ว’ เป็นศาสตร์การแพทย์ของจีนโบราณที่จะช่วยแก้อาการปวดเมื่อยได้   วิธีการของมันก็คือ ใช้ถ้วยแก้วร้อนมาประคบเข้ากับบริเวณผิวหนังของเรา ซึ่งเจ้าถ้วยนั้นจะมีวาล์วที่สามารถเปิดปิดได้ แล้วเค้าก็จะดูดอากาศออกจากถ้วยผ่านทางวาล์วนั้นแหละ   ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 5- 10 นาที เจ้าถ้วยนี้จะดูดหนังของเราเข้าไปอยู่ในถ้วย จะส่งผลให้เส้นเลือดมาคั่งอยู่ตรงจุดนั้น กลายเป็นวงกลมสีแดงเข้มบริเวณที่ถูกถ้วยครอบ   ตามความเชื่อว่าการรักษาแบบนี้ มันจะช่วยให้เลือดสามารถเดินทางไปสู่ส่วนต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง ทำให้กล้ามเนื้อถูกฟื้นฟูสภาพได้อย่างรวดเร็ว (อย่างไรก็ตาม บุคลากรทางการแพทย์เองก็ยังมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยในประเด็นนี้เช่นกัน)   และนี่คือภาพจากการทำการทรีทเม้นท์แบบครอบแก้ว   มันอาจจะดูแปลกๆ…

เดี๋ยวนี้ในตจ่างประเทศ เซ็กส์ทอย มีการขยายสู่ท้องตลาดในวงกว้าง และมีคุณภาพดีขึ้น ทั้งยังมีความแปลกใหม่มาเรื่อยๆ อีกด้วย ทำให้หนุ่มๆ สาวๆ มีทางเลือกมากขึ้น และนี่คือ 8 เซ็กส์ทอยที่ได้รับการรีวิวจากลูกค้าทั่วโลกว่า เป็นเซ็กส์ทอยที่ดีที่สุด และเหมาะที่จะใช้กับคู่รักของเราด้วย แต่ละชิ้นบอกเลยว่า เราอาจจะมองว่าธรรมดา แต่การใช้งานนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน 1. Pulse Duo ราคาประมาณ 3500 บาท (ร้าน Love Honey) Pulse Duo มีขายแล้วในตลาดเซ็กส์ทอยทั่วไป ใช้สำหรับการสวม ‘กระปู๋’ ซึ่งคนที่เคยใช้แล้วต่างบอกมันเป็นหนึ่งในของเล่นที่ดีที่สุดเลยล่ะ มันอาจจะมีรูปร่างแปลกซะหน่อย แต่มันก็ทำให้คู่รักมีอะไรกันได้อย่างลื่นไหลและยาวนานขึ้น   2. Nova from We-vibe ราคาประมาณ 4,000 บาท (ร้าน  Simply Pleasure) เห็นรูปร่างแปลกแบบนี้ เวลาใช้มันจะงอเองเมื่อกดลงไปในอวัยวะเพศหญิง นั่นหมายความว่ามันสามารถปรับให้เข้ากับน้องสาวของคุณผู้หญิงได้ แต่เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน มันก็จึงเหมาะกับบางคนเท่านั้น แต่มันก็เหมาะกับคู่รักมากๆ เพราะมันสามารถควบคุมได้ด้วยสมาร์ทโฟน แม้คู่รักจะอยู่ต่างที่กันก็ใช้ได้ เช่นคนหนึ่งอยู่บ้าน อีกคนอยู่ที่ทำงาน ก็สามารถใช้สมาร์ทโฟนสั่งการได้เลย     3. …

พูดถึงคุกแล้วคงไม่มีอยากไปซักเท่าไร ถ้าไม่มีธุระจริงๆ น่ะนะ แต่มีคุกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนใฝ่ฝันอยากไปซักครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่านักดำน้ำทั้งหลายแล้ว คุกแห่งนี้ถือเป็นสถานที่สุดยอดของพวกเค้าเลยละ คุกที่ว่านี้คือ Rummu ตั้งอยู่ห่างจากเมือง Tallinn ประมาณ 40 กิโลเมตร ใกล้กับฐานทัพ Ämari NATO ของเอสโตเนีย ในอดีตนั้นใช้เป็นที่คุมขังนักโทษที่เป็นศัตรูกับกองกำลังโซเวียต และมีข่าวคราวของการบังคับใช้งานนักโทษในเหมืองอย่างหนัก จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันมากทีเดยว   Rummu สร้างขึ้นปีค.ศ. 1930 ต่อมาเอสโตเนียได้รับอิสรภาพคืน คุกแห่งนี้ก็ถูกปล่อยให้ร้าง และเมื่อเวลาผ่านไปรวมถึงการทำเหมืองหิน พื้นที่ก็เปลี่ยนแปลงทำให้น้ำก็ได้ท่วมคุกแห่งนี้เฉกเช่นสภาพที่เห็นกันอยู่นี้ ตั้งแต่นั้นมาก็มีป้ายเขียนเตือนว่า “อันตราย ห้ามลงเล่นน้ำ” แต่เมื่อเข้าไปจะสังเกตเห็นว่า ที่นี่เต็มไปด้วยนักดำน้ำนับสิบชีวิตเลยทีเดียว     แน่นอนว่ายังคงมีรั้วหนาม หอคอยควบคุมนักโทษ และสภาพที่เกือบจะใกล้เคียงสภาพเดิมโดยรอบ .   แน่นอนว่าบางจุดกลายเป็นแหล่งกระโดดน้ำวัดใจ ของคนที่ชอบอะไรเสี่ยงๆ .   น้ำที่นี่ลึกประมาณ 13 เมตร แต่นักดำนักส่วนใหญ่จะดำลงไปแค่ประมาณ 6-9 เมตรเท่านั้น ด้านล่างเต็มไปด้วยต้นไม้ วัชพืช และแสงน้อยทำให้เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็น ไม่เมื่อไม่นานมานี้ก็มีคนเสียชีวิตที่นี่ และนั่นไม่ใช่รายแรกแน่นอน แต่ถึงรู้ว่าเสี่ยงแค่ไหน…

ทุกวันนี้เราส่วนใหญ่ที่เลี้ยงสุนัขก็เพราะว่ามันน่ารัก หรือต้องการให้มันเป็นเพื่อนของเรา และตอบแทนมันด้วยการให้อาหารให้ที่อยู่กับพวกมัน หรืออาจมีการฉลองวันเกิดให้มันบ้าง     เทศกาลเฉลิมฉลองให้กับเหล่าสุนัขนี้มีชื่อว่า Kukur Tihar โดยจะจัดติดกัน 5 วันตามปฏิทินของฮินดู ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนพวกเขาก็จะจัดเทศกาลนี้ ด้วยการทำความสะอาดบ้านและตกแต่งด้วยแสงไฟ โดยในวันที่ 2 ของเทศกาลนั้น พวกเขาจะใช้สีแต้มที่หน้าผากของสุนัข นำมาลัยมาคล้องคอให้และโรยดอกไม้บนตัวมัน ตามความเชื่อที่ว่า ‘สุนัขเป็นทูตแห่งการตัดสินและความตาย’ และเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์กับมนุษย์ด้วย ดังนั้นใน 5 วันนี้สุนัขทุกตัวรวมทั้งสุนัขจรจัดจะได้รับการปรนนิบัติอย่างดี พร้อมมอบอาหารอร่อยๆ ให้มันกิน     ภาพการตกแต่งตัวสุนัข ตามวัฒนธรรมโบราณ .   พวกเขาให้ความเคารพพวกมัน นำมาสู่การปรนนิบัติอย่างดี   และแน่นอน แม้ตามหลักวิทยาศาสตร์มันจะเป็นเพียงแค่สัตว์ชนิดหนึ่ง แต่ในความเชื่อของกลุ่มคนแล้ว สุนัขเป็นอะไรที่มากกว่านั้น   ลองชมบรรยากาศในงานนี้กันได้เลยค่ะ… . . . . .   เห็นมุมมองที่ต่างกันบนความแตกต่างของวัฒนธรรมบนโลกรึเปล่า… บางทีสุนัขนั้นถูกใช้เป็นอาหาร บางที่ถูกเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง แต่บางที่มันคือตัวแทนของทูตเลยล่ะ!!! ที่มา sobadsogood

“แมว” ขึ้นชื่อว่าเป็นนักล่า ดังนั้น คุณไม่ต้องแปลกใจเลยว่าวันหนึ่งมักจะลากเหยื่ออย่างเช่น พวกนก พวกหนูเข้าบ้าน เพราะการล่าเหยื่อนั้นถือเป็นสัญชาติญาณของแมว นั่นเอง แต่กับเจ้า Milo แมวเหมียวหน้าตามุ้งมิ้งตัวนี้ ถึงแม้ว่ามันจะมีความเป็นนักล่าเหมือนแมวตัวอื่นๆ แต่เหยื่อที่มันชอบจับมานั้น ไม่ใช่หนู ไม่ใช่นก นะจ๊ะ แต่เป็น “แมวนักล่าฟองน้ำ” ต่างหากละ   แหมๆๆ เกือบจะมีมุมดาร์กๆ เหมือนแมวตัวอื่น แต่มาหยุดตรงที่ชอบล่าฟองน้ำ 555   และเมื่อไม่นานมานี้ ทางผู้ใช้ reddit ที่ชื่อว่า Funkmon_360 ก็ได้เผยภาพพร้อมกับเรื่องราวของเจ้า Milo ว่า ขณะที่แมวตัวอื่นๆ เป็นนักล่าสายโหด แต่เจ้า Milo กลับล่าฟองน้ำ และดูเหมือนว่ามันจะภูมิใจในสิ่งที่ทำอีกด้วย   ที่สำคัญ Milo ได้ทำแบบนี้มาหลายต่อหลายครั้ง และทุกครั้งที่ได้มองออกไปด้านนอก ก็จะได้ยินเสียงร้องเมี๊ยวๆ และเห็นเจ้า Milo มาพร้อมกับฟองน้ำที่ตามล่ามาได้   เจ้า Milo จะไม่หยุดการล่าฟองน้ำแน่ๆ มันจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ  …

ในโลกนี้ เต็มไปด้วยสถานที่ที่ หรือของใช้ที่ถูกทิ้งร้างด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ บางอย่างแม้จะดูเป็นของใหม่ ใช้การได้ แต่ก็ถูกทิ้งร้างได้เหมือน ซึ่งมันคงมีเหตุผลในตัวมันเอง Orient Express เป็นรถไฟคันหรูที่ถูกทิ้งร้าง โดยสภาพของมันนั้น ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ แม้ภายนอกจะมีสนิมเกาะก็ตาม ส่วนภายในนั้นไม่ได้มีการโยกย้ายรื้อถอน เพียงแต่มันเสื่อมสภาพตามกาลเวลาเท่านั้นเอง     รถไฟ Orient Express เปิดตัวเมื่อปี 1883 โดย CIWL ประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นรถไฟที่ให้บริการผู้โดยสารที่เดินทางไกล เส้นทางที่โด่งดังที่สุดคือระหว่าง Paris ฝรั่งเศส ไปยัง Constantinople ในตุรกี เมื่อเวลาผ่านไป การเดินทางหรูหราโดยรถไฟเสื่อมความนิยมลง ก็ย่อมมาถึงจุดสิ้นสุดของการให้บริการ ีรถไฟวิ่งให้บริการครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคมปี 2009 และก็ปิดตัวลงตั้งแต่นั้นมา   ปัจจุบันรถไฟเหลืออยู่เพียง 2 ขบวนเท่านั้น อันแรกถูกใช้ไปตกแต่งในโรงแรม Venice-Simplon Orient Express ส่วนอีกขบวนหนึ่งก็แน่นอน… คือที่เราเห็นอยู่ตอนนี้     Brian ช่างภาพชาว Rotterdam เป็นหนึ่งในคนที่มาเก็บภาพรถไฟคันนี้ เขาเล่าให้ฟังว่า “เมื่อผมเดินเข้าไปในรถไฟคันนี้ มันให้ความรู้สึกว่าได้ย้อนเวลาไปในอดีต ผมจึงถ่ายทอดอารมณ์เหล่านั้นผ่านรูปภาพเหล่านี้…และเมื่อมีคนมาชมผลงานของผลแล้วเกิดคำตามว่า ‘อะไร ทำไม…

เป็นใครก็อยากรวยทั้งนั้น แต่เส้นทางสู่การรวยเนี่ยสิ มันช่างยากเย็นจริงๆ ถ้าพ่อแม่เราไม่ใช่คนรวยนะ… แต่สำหรับบางคนก็เหมือนจะโชคดีเพราะมาพร้อมกับความร่ำรวยมาตั้งแต่กำเนิดเลย เหมือนกับ Hugh Grosvenor ที่กลายมหาเศรษฐีหนุ่มที่รวยที่สุดในโลก ด้วยวัยเพียง 25 ปี ไม่ใช่แค่รวยนะ แต่ยังหล่อจนสาวๆ ใจละลายด้วย   Hugh ได้รับมรดกตกทอดจากพ่อของเขาในฐานะบุตรชายคนโต และกลายเป็นดยุคที่ 7 แห่ง ‘เวสต์มินสเตอร์’ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ปี 2016 ซึ่งเป็นวันที่พ่อของเขาได้เสียชีวิต จำนวนเงินที่เขาได้รับนั้นคือ 400,000 ล้านบาท ได้รับที่ดินในส่วนของ Mayfair ประมาณ 100 เอเคอร์ และส่วนของ Belgravia 200 เอเคอร์   นี่คือพ่อแม่ของและ Hugh ในวัยทารก   ประวัติของเขาก็ถือว่าไม่ธรรมดาเลยนะ Hugh ซึ่งปัจจุบันอายุ 25 ปี เรียนในโรงเรียนซึ่งไม่ไกลจากบ้านของเขานัก ส่วนระดับอุดมศึกษาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Newcastle ซึ่งก็มีข้อมูลระบุว่าผลการเรียนดีเลยทีเดียว พี่สาวคนโตของเขา Lady Tamara อายุ 36 ปี…

ในโลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่เรายังไม่เคยเห็น เต็มไปด้วยเรื่องราวเหลือเชื่อ หลายครั้งที่เราได้เห็นภาพแปลกๆ ที่ทำขึ้นมาจากเทคโนโลยีต่าง ซึ่งดูแล้วเกินจินตนาการมนุษย์จริงๆ แต่ก็ยังมีอีกหลายภาพ หลายสถานที่ที่เห็นแล้ว นึกว่าเป็นการตัดต่อ แต่จริงๆ มันคือภาพจริงโดยธรรมชาติ ที่แปลกพิศดารจนทำให้คิดว่า “นี่มันต้องผ่านการตัดต่อมาแน่ๆ เลย”   1. “ยีราฟที่กินทุกอย่างที่เอื้อมถึง จนเป็นโค้งสวยงาม”   2. ควันไฟจากการปล่อยเครื่องบิน C-17 Globemaster III ที่มีรูปร่างเหมือนคน   3. “เวลานกยูงโกรธ”   4. “Shush!”   5. “เมื่อของเหลวกระทบกับผิวน้ำ”   6. ทะเลสาบ Lago Matese Caserta ประเทศอิตาลี   7. ชายหาดในประเทศอิตาลี   8. “คลื่น”   9. “ภาพระหว่างผิวน้ำ”       10. “เซี่ยงไฮ้เวิร์ลไฟแนนเชียลเซนเตอร์และตึกจินเหมาทาวเออร์” ประเทศจีน   11.…

วันที่ 11 สิงหาคม 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวสุดซึ้งของ Cailee Frost หนูน้อยวัย 6 ขวบ จากเมืองฟีนิกซ์ ในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอต้องเผชิญชะตากรรมอยู่กับโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก หลังตรวจพบว่า หนูน้อยมีความผิดปกติของเส้นเลือดจอประสาทตาในเด็ก อันเป็นสาเหตุของการสูญเสียการมองเห็นในอนาคตนั่นเอง     ด้าน Catrina Frost ผู้เป็นแม่ของ Cailee จึงได้พาลูกสาวไปทำการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านดวงตา เพื่อช่วยรักษาดวงตาของลูกสาวเอาไว้ให้ได้นานที่สุด ซึ่งหนูน้อยจะต้องทำการเลเซอร์จี้เลือดออกในตาถึง 5 ครั้ง  แต่ถึงกระนั้นลูกตาของเธอก็จะโตขึ้นไปตามอายุ ทำให้หนูน้อยมีภาวะจอประสาทตาลอก จนในที่สุดเธอก็จะกลายเป็นคนตาบอดอย่างถาวร ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี     เธอต้องทำอะไรสักอย่าง ถึงจะรักษาไม่ได้ แต่เธอสร้างความทรงจำดีๆ ขึ้นมาได้….   ด้วยสัญชาติญาณของความเป็นแม่ เมื่อเห็นลูกน้อยต้องเชิญชะตากรรมที่แสนลำบาก เธอก็รู้สึกเสียใจ ที่วันหนึ่งจะต้องลูกสาวจะต้องตาบอด และมองไม่เห็นอะไรอีกเลย ดังนั้น Catrina จึงได้ตัดสินใจพาลูกสาวของเธอออกไปเที่ยวชมสิ่งสวยงามบนโลกใบนี้ เพื่อที่จะให้หนูน้อย Cailee ได้เก็บภาพความทรงจำ และประสบการณ์ดีๆ เอาไว้ให้มากที่สุด…

ในยุคนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับ ดารานำชายชื่อดังก้องโลกอย่าง ‘Leonardo DiCaprio’ ที่ไม่ว่าจะแสดงเรื่องไหนก็ทำผลงานได้ดีเยี่ยมมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็พึ่งมาได้รางวัลตุ๊กตาทองคำในช่วงหลังนี้เอง แต่ใครจะไปเชื่อละว่า ระหว่างการแข่งขันโอลิมปิคยิงธนูชาย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่เมือง Rio de Jeneiro การแข่งขันดันเป็นที่ถูกอกถูกใจของเหล่าบรรดาแฟนคลับของลีโอนาร์โด ซะเหลือเกิน…   ก็แหมมมม หลายๆคนต้องเกิดอาการสงสัยแน่นอนล่ะว่าป๋าลีโอนาร์โด แอบมาเข้าทีมนักยิงธนูชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เห็นอีกทีก็โผล่มาในโอลิมปิคซะแล้ว   อันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่หรอกฮ่าๆๆ นักกีฬายิงธนูสัญชาติอเมริกันผู้นี้มีชื่อว่า Brady Ellison ลองดูภาพกันแบบชัดๆ ซิว่าทั้งหนวดเครา ผมที่ยุ่งพะรุงพะรัง แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนให้สาวๆ หลงใหล เหมือนกับเฮียลีโอนาร์โด(เวอร์ชั่นพุงพลม)เป๊ะๆเลย   “ผมเคยโดนทักมาตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะครับ ว่าเหมือนดาราดังคนนี้ แต่ส่วนตัวผมก็คิดว่าไม่ได้มีความคล้ายคลึงกันเท่าไหร่นะ อาจจะเป็นเพราะหนวดเคราและการมองจากด้านข้างก็ได้ อันที่จริง ลีโอนาร์โด เขาหล่อจะตายไป ผมเลยคิดว่าเป็นเพียงคำชมเล่นๆเท่านั้นเอง” Ellison ให้สัมภาษณ์กับสื่อ     เรามาดูรูปนักกีฬาคนนี้แบบชัดๆกันบ้าง แต่บางคนก็อาจจะบอกว่าไม่เหมือน ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนกันไป (แต่ส่วนตัวคิดว่าตอนหันข้างนี่เหมือนเป๊ะ!!!) ที่มา: Huffingtonpost

วันที่ 10 สิงหาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยภาพพร้อมคลิปวิดีโอสุดประทับใจ เมื่อทารกน้อยจากประเทศสเปน ได้คลอดออกมาจากครรภ์ของมารดา ในขณะที่ตัวยังอยู่ในถุงน้ำคร่ำที่ยังไม่แตก เรียกได้ว่าเป็นภาพของช่วงเวลาที่หาดูยาก จนกลายเป็นโมเม้นต์ที่สุดแสนประทับใจ ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นได้บ่อยๆ เนื่องจากกรณีดังกล่าวจะมีโอกาสเกิดเพียง 1 ใน 80,000 คนเท่านั้น     จากภาพเราจะเห็นได้ว่า ทารกน้อยกำลังนอนขดตัวเคลื่อนไหวดุ๊กดิ๊กๆ อยู่ในถุงน้ำคร่ำ แถมยังมีสายสะดือสีฟ้า ซึ่งทำหน้าที่ส่งออกซิเจนไปเลี้ยงทารก ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน     สำหรับโอกาสที่ทารกจะคลอดออกมาพร้อมถุงน้ำคร่ำนั้น เรียกได้ว่ามีน้อยมาก เนื่องจากถุงน้ำคร่ำจะมีหน้าที่ห่อหุ้มทารกอยู่ในมดลูกของมารดา อีกทั้งยังช่วยลดแรงกระแทก และช่วยหล่อลื่นในการคลอด ซึ่งเมื่อถุงน้ำคร่ำแตกออก นั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกว่า เด็กพร้อมที่จะคลอดออกมาลืมตาดูโลกแล้วนั่นเอง     ทางแพทย์ได้ใช้กรรไกรตัดถุงน้ำคร่ำให้แตก และนั้นก็ทำให้ตัวของทารกน้อย หลุดออกมาจากถุงน้ำคร่ำแล้วววว   และไม่เพียงแต่คุณเท่านั้น ที่จะรู้สึกถึงความอัศจรรย์ เพราะทางทีมแพทย์และพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างก็พากันยินดี และรู้สึกประทับใจไปด้วย   หลังจากที่คลิปวีดีโอของทารกน้อย ได้ถูกนำไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ไม่นานก็มีคนเข้ามารับชมช่วงวินาทีที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่า 6,800,000 คนเลยทีเดียว   ว่าแล้วก็ไปชมคลิปวิดีโอดังกล่าวได้เลย… ชมคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่ ที่มา…

มีงานวิจัยเผยออกมาว่า การที่ห้องเรียนหรือตึกเรียนถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม จะทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนขอนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ (อ้างอิง) ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลายๆ โรงเรียน (ที่มีกำลังทรัพย์) ต่างออกแบบตึกเรียนให้ออกมาสวยงามเพื่อดึงดูดเหล่านักเรียนให้มาเรียน และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 9 อาคารเรียนสุดอลังกาลดาวล้านดวงในอเมริกา ที่เห็นแล้วอยากเข้าไปเรียนซักครั้งหนึ่ง!! จะน่าเรียนขนาดไหน ไปชมกันเลย!   โรงเรียน Diamond Ranch High School ในเมือง Pomona รัฐ California   ความเจ๋งของตึกเรียนโรงเรียนนี้คือ บางตึกถูกสร้างขึ้นบนหน้าผา ซึ่งดูแล้วไม่น่าสร้างได้เป็นอย่างยิ่ง   ตึกทรงปิรามิดจาก Ramon Cortines School of Performing Arts    โรงเรียนแห่งนี้ยังมีตึกทรงโค้งสุดเจ๋งแบบนี้ด้วย   โรงเรียน The Amino Lenox Charter High School ใน Inglewood รัฐ California   โรงเรียน The Youngker High School ใน Buckeye…

ต้องขอบอกเลยว่ารสนิยมความชอบของคนเราในปัจจุบันนี้มีมากมายเหลือเกิน ซึ่งบางอย่างมันก็อาจจะดูแปลกไปซักนิด อย่างเช่นกลุ่มคนที่ชื่นชอบในเรื่องของวิญญาณ หรือไม่ก็เปลือยกายล่อนจ้อนทำกิจกรรมร่วมกันราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าอย่างหลังนี่ก็ดูน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวใช่มั้ยล่ะ!? หลายๆ คนอาจจะมองว่าการเปลื้องผ้าทำกิจกรรมร่วมกันนั้นย่อมหมายถึงเรื่องเซ็กส์ และเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควร แต่จริงๆ แล้วการทำแบบนี้เค้าอาจมีความคิดที่แตกต่างออกไปจากนี้ก็เป็นได้   ทางช่องโทรทัศน์ NOW TV ของประเทศอังกฤษ ได้มีการโฆษณาโปรโมทบาร์เปลือยแห่งใหม่กันเลยทีเดียว   โดยคนที่มาที่นี่จะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่แสนงดงามบนชั้นดาดฟ้าที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน มองเห็นหอคอยนาฬิกา Big Ben, ชิงช้าสวรรค์ The London Eye, ตึกรัฐสภา และวิหาร Westminster Abbey   กิจกรรมข้างบนนั้นก็จะมีบาร์ เครื่องเล่นต่างๆ เช่น ลูกบอลเด้งดึ๋ง แทรมโบลิน เป็นต้น แต่ทุกคนที่มาใช้บริการที่นี่จะต้องเปลือยกันหมดทุกคนนะ อิอิ   หากใครสนใจก็ต้องสมัครล่วงหน้าด้วยการ ส่งข้อมูลประกอบไปด้วยชื่อ อายุ และอีเมลล์แอดเดรส ไปที่อีเมลล์ของทางร้าน แล้วเขาจะส่งตอบกลับมา แต่ที่สำคัญต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้นนะ   หลังจากที่โฆษณานี้ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้มีหลายๆ คนออกมาวิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ซึ่งทางช่อง NOW TV ก็ได้ออกมาแถลงว่า…

ต้องขอบอกเลยว่าการแต่งหน้านั้นเป็นสิ่งที่สาวๆ ทุกคนต่างก็ชื่นชอบ และมักจะให้ความสำคัญกับมันมากเป็นพิเศษ ในตอนที่ไปออกงานต่างๆ ทุกคนต่างก็จะต้องเสียเงินจ้างช่างแต่งหน้าที่มีฝีมือ เพื่อให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้หญิงทุกคนก็จะมีสกิลการแต่งหน้าระดับพื้นฐานกันอยู่แล้วอย่างเช่น ทาลิปสติก หรือไม่ก็เขียนคิ้ว เป็นต้น   Taylor Trimble สาวน้อยวัย 18 ปีจาก Texas เองก็เป็นนักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับการแต่งหน้าโดยเฉพาะ   ดูฝีมือของเธอสิ เลิศขนาดไหน!? และตอนนี้เธอก็สั่งสมประสบการณ์จากการแต่งหน้าให้กับผู้คนมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วล่ะ   เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาในช่วงที่เป็นวันแม่ เธอและคุณป้าของเธอ ได้ไปเยี่ยมคุณทวด Doris วัย 97 ปี ที่บ้านพักคนชรา จากนั้นเธอก็เสนอว่าจะแต่งหน้าให้คุณทวด ซึ่งเธอได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ช่างแต่งหน้ามืออาชีพที่แต่งหน้าให้กับคุณยายวัย 80   “คุณทวดไม่ได้แต่งหน้ามาหลายปีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นระหว่างที่ทำการแต่งหน้า คุณทวดก็ได้กระพริบตารัวๆ จากนั้นก็ขยับอวัยวะบนใบหน้าอย่างช่ำชอง ราวกับว่าเธอยังจำความรู้สึกตอนแต่งหน้าได้เป็นอย่างดี” Trimble กล่าว คุณทวด Doris ชื่นชอบการแต่งหน้าของหนู Timble มากๆ เลยล่ะ พร้อมกับพูดว่า “เธอจะต้องพาฉันไปแอ๊วแว๊วหนุ่มๆ ด้วยนะ” (แหม่ คุณทวดก็นะ…555+) และเธอก็ชอบเทคนิคการเขียนอายแชโดว์เป็นอย่างมาก…

ตอนเด็กๆ เวลาผู้ใหญ่ถาม มีความใฝฝันอะไร!? เรามักจะตอบว่า ‘เดินทางรอบโลกครับ’ แต่พอโตขึ้น มีน้อยคนที่จะทำได้อย่างนั้น แม้ว่าเราอยากจะทำตามฝัน แต่ด้วยเงื่อนไขหลายๆ อย่างทำให้เราได้แค่ฝันจนทุกวันนี้ แต่สำหรับ Alex Gandy เขาได้ทำตามความฝันได้สำเร็จ ด้วยการเดินทางไปยังรอบโลกโดยปั่นรถจักรยาน เป็นระยะทางกว่า 22,500 กิโลเมตร ทำให้เขาได้รับประสบการณ์มากมายจากการเดินทางในครั้งนี้ เขาจึงบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ผ่านบล็อก a blog of his trip ในอัลบั้มที่มีชื่อว่า May Your Footsteps Fall Upon My Eyes และได้รวบเงินเพื่อเด็กยากไร้ในประเทศเนปาลด้วย   ถามว่าทำไมต้องปั่นจักรยาน? เขาบอกว่า “เพราะการปั่นจักรยานนั้นทำให้ผมรู้สึกเป็นอิสระ ค่อยๆ ปั่นไม่ต้องรีบ และยังได้ทำความรู้จักกับแต่ละประเทศที่ไปอย่างลึกซึ้งด้วย”   Alex Gandy เป็นช่างภาพชาวอังกฤษ ที่มีความหลงไหลในการผจญภัย เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อทำตามความฝันในวัยเด็กของเขา นั่นคือการปั่นจักรยานข้ามทวีปเอเชีย โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือ กรุงเทพมหานคร เขาออกเดินทางในปี 2013 โดยจุดเริ่มต้นคือ Istanbul ประเทศตุรกี เขาใช้เวลา 15 เดือน ในการเดินทางไป 13 ประเทศ ซึ่งในแต่ละที่นั้น…

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2559 ทางเว็บไซต์ Buzzfeed มีรายงานว่า หลังจากที่ Sarah Joiner วัย 56 ปี จากกรุงลอนดอน ได้กลับมาจากการว่ายน้ำ เธอก็แทบคลั่งทันที หลังจากที่รู้ว่าเจ้า Zuma เต่าที่มีอายุกว่า 90 ปี หายออกไปจากบ้าน งานนี้จึงทำให้ Sarah ผู้เป็นเจ้าของ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที   .   เจ้า Zuma ถูกตรวจสอบโดยอุปกรณ์ตรวจจับของเจ้าหน้าที่ จนในที่สุดก็พบว่ามันติดอยู่ในถุงขยะ ซึ่งกว่าจะเจอก็ใช้เวลาตามหากว่าครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว     แม้ว่าโอกาสเจอเจ้า Zuma จะมีน้อยมาก แต่เจ้าหน้าที่พยายามค้นหาถุงขยะกว่า 1,000 ถุง จนกว่าจะเจอเจ้าเต่าตัวนี้ และโชคดีที่สามารถหา Zuma เจอได้ทันเวลา เพราะไม่อย่างนั้นถุงขยะ อาจจะถูกเก็บรวบรวมไปแล้วก็เป็นได้   .   ทีหลังก็อย่าหายไปไหนอีกนะเจ้าเต่าน้อย   ตอนนี้มันปลอดภัยดี  …

กล้องถ่ายภาพถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยบันทึกความทรงจำของแต่ละคนเอาไว้มากมาย และถ้ากล้องนั้นหายไปไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจ เชื่อว่าทุกคนพอจะจินตนาการออกว่า มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายขนาดไหน และเชื่อว่าคงมีน้อยคนนักจะได้กล้องตัวนั้นกลับคืนมา สำหรับหนุ่มคนนี้ก็เช่นกัน…   เมื่อสองปีก่อน ขณะที่ Kyle Puelston กำลังเล่นน้ำอยู่ในแม่น้ำแห่งหนึ่ง เขาทำกล้อง GoPro Hero 2 หายไป โดยข้างในนั้นบันทึกความทรงจำของครอบครัวเอาไว้มากมาย   เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่เขาพยายามกระโดดน้ำจากหน้าผา   เขาบอกว่าติดกล้องไว้ที่หน้าผาก แต่โชคร้ายที่กล้องไม่ได้ยึดกับตัวยึดแน่นพอ ทำให้มันเกิดหลุดหายไป   เขาพยายามดำน้ำหาอยู่เกือบชั่วโมงแต่ก็ไม่พบ สุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้ และเขาคิดว่า เขาคงไม่ได้เจอกล้องตัวนี้อีกต่อไปแล้ว   แต่เรื่องไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น เมื่อพี่น้องคู่หนึ่งไปดำน้ำบริเวณแม่น้ำแถวนั้น แล้วพบกล้องดังกล่าวโดยบังเอิญ   โชคดีที่กล้อง GoPro แทบไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ทั้งสองจึงตัดสินใจหาเจ้าของในทันที   Chris Flores หนึ่งในพลเมืองดีที่เก็บกล้องได้ พบเบาะแสว่า เจ้าของกล้องอาจเป็นหน่วย S.W.A.T โดยดูจากแถบบนแขนเสื้อ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการตามหา   Flores เข้าใจความสำคัญของรูปเหล่านี้ดี เพราะเขาเกือบจะเสียลูกสาวไปด้วยอาการป่วยอย่างหนักเมื่อช่วงปีก่อน รูปของเด็กในกล้องนั้นก็ย่อมมีความสำคัญกับเจ้าของเดิมมากอย่างแน่นอน   เขาจึงพยายามติดต่อเจ้าของกล้อง และส่งคืนกล้องในที่สุด  …

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2559 ทางเว็บไซต์ Thedodo ได้เผยเรื่องราวสุดประทับใจของ Rubio อดีตสุนัขจรจัด ที่ตอนนี้มีชีวิตดี๊ดีจนน่าอิจฉา และถ้าใครได้ฟังเรื่องราวของมันละก็ รับรองว่าคุณจะต้องยิ้มไม่หุบแน่นอน   ย้อนเวลากลับไปเมื่อตอนเจ้า Rubio ยังคงเป็นสุนัขจรจัด มันได้พบกับ Olivia Sievers แอร์โฮสเตสสาวชาวเยอรมัน ซึ่งในตอนนั้นเธอได้เดินทางมายังประเทศอาร์เจนตินา และเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในเมืองบัวโนสไอเรส เมื่อเธอเดินออกมานอกโรงแรม Olivia ก็ได้พบกับเจ้า Rubio และนั่นก็ทำให้เธอเดินเข้าไปเล่นกับมัน แถมยังเอาข้าวให้กินอีกด้วย งานนี้ดูเหมือนว่าเจ้าตูบจะชื่นชอบเธอซะด้วยสิ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวน่ารักๆ นั่นเอง     หลังจากวันนั้น เวลาที่เจ้า Rubio เห็น Olivia มันก็มักจะคอยเดินตาม และนั่งคอยเธอทุกครั้ง แม้เธอจะต้องบินกลับไปกลับมา และต้องมาค้างคืนที่โรงแรมนี้ มันก็มักจะเดินมาหาเธอเสมอ “ฉันพยายามเปลี่ยนเส้นทาง เพราะไม่อยากให้มันเดินตาม แต่มันก็ยังมาหาที่เดิม และเดินตามฉันตลอด เจ้าหมาดูมีความสุขทุกครั้งเวลาที่คนให้ความสนใจมัน” Olivia กล่าว     นอกจากนี้ Olivia…

ใครกำลังตามหาปิกาจูอยู่บ้าง คงต้องใช่เวลานานเลยสินะกว่าจะเจอ ถ้าอดใจรอไม่ไหว ดูนี่ก่อนมั้ย สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ได้ชื่อว่ามีสีและลายคล้ายกับปิกาจูเลย สิ่งมีชีวิตนี้มีชื่อว่า Thecacera Pacifica ซึ่งเป็นสายพันธ์หนึ่งของปลิงทะเล และสามารถพบได้ที่มหาสมุทรอินเดีย จากชายฝั่งแอฟริกาไปจนถึงอินโดนีเซีย และวานูอาตู     ตัวเจ้านี่จะเป็นสีฟ้าผสมดำ และสีเหลือง ดูแล้วก็เหมือนกับปิกาจูในเกมที่เรากำลังตามหากันอยู่เลย บางคนบอกว่ามันดูเหมือนดอกไม้ทะเล แต่ไม่ใช่เลย จริงๆ มันคือปลิงนะจ๊ะ และที่เห็นสวยๆ แบบนี้มันก็มีพิษในตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้าใครได้บังเอิญไปพบเจอมันก็ไม่สามารถใช้โปเกบอลหรือมือเปล่าจับมาเล่นได้นะ ปล่อยไว้ในธรรมชาติไว้ให้มันเป็นความสวยงามแบบนี้ต่อไปดีกว่านะ….   . . . . . . . . . . . . . .   ปิกาจูตัวนี้ เอาไว้ดูอย่างเดียวนะ เอาไปเลี้ยงคงไม่ปลอดภัยสักเท่าไร แบบนี้สินะที่เรียกว่า ‘สวยพิฆาต’ ที่มา designyoutrust

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเฝ้าฝันถึงวันที่เราสามารถสั่งให้รถพาไปยังเป้าหมายได้ โดยที่ไม่ต้องลงมือขับเอง อย่างที่เราเห็นในหนังไซไฟชื่อดังต่างๆ แต่เชื่อหรือไม่ ตอนนี้เราสามารถทำแบบนั้นได้แล้ว และบางครั้ง ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัตินี้ อาจช่วยชีวิตคุณได้อย่างคาดไม่ถึง….     เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ Joshua Neally ทนายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของรถ Tesla Model X วันหนึ่งเขาได้ขับรถออกจากออฟฟิศเพื่อกลับบ้านในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐมิสซูรีตามปกติ แต่เรื่องราวเกือบจะกลายเป็นหนังเศร้า เมื่ออยู่ดีๆ เขาก็เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันในปอดกะทันหันจนแทบหมดสติไป ขณะขับอยู่บนทางหลวง     แทนที่จะเรียกรถพยาบาลซึ่งเขาเล็งเห็นแล้วว่าคงมาช่วยไม่ทันแน่ เขาจึงหันไปตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Tesla ให้ค้นหาและพาเขาไปส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งห่างออกไป 31 กิโลเมตร เมื่อไปถึงแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล เขาก็ค่อยๆ บังคับรถให้เข้าจอดยังที่จอดรถได้อย่างปลอดภัย ซึ่งทางแพทย์บอกว่า เขานั้นโชคดีมากที่รอดชีวิตได้ เพราะอาการนี้จะทำให้ผู้ป่วยหมดสติ และถ้าพวกเขาขับอยู่ ก็อาจเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้     อย่างไรก็ตาม ระบบคนขับอัตโนมัตินี้ ไม่ได้สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นชนิดที่ว่าคนขับจริงๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแต่มันจะช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเส้นทาง หรือพุ่งชนสิ่งกีดขวางข้างหน้าเท่านั้น แต่การควบคุมบางอย่างก็ต้องใช้คนขับจริงๆ อยู่ดี     มีข้อถกเถียงถึงระบบนี้มากมายว่าปลอดภัยมากจริงหรือไม่ ทั้งในส่วนของโลกออนไลน์และคนที่อยู่ในวงการรถยนต์ เพราะเคยมีเคสที่ใช้ระบบออโต้ไพลอทแล้วเกิดอุบัติเหตุเช่นกัน เคยมีกรณีที่รถไม่สามารถตรวจสอบเจอรถบรรทุกที่ขวางทางอยู่ข้างหน้า ทำให้คนขับซึ่งใช้ออโต้ไพลอทชาวรัฐฟลอริด้า ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทันที ขณะที่เดือนก่อนในรัฐมอนทาน่า…

ก็อย่างที่รู้กันว่าตอนนี้กีฬาโอลิมปิกนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำทุกๆ 4 ปี ประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็จะส่งนักกีฬาของแต่ละประเทศเข้าร่วมแข่งขันขันกัน ซึ่งในการจัดโอลิมปิกแต่ละครั้งก็จะเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ หรือที่เรียกว่า ‘เจ้าภาพ’ นั่นเอง เมื่อได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการเตรียมความพร้อมทั้งสร้างสนามแข่งขัน ที่พักสำหรับนักกีฬา เป็นต้น และการสร้างสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ย่อมใช้งบประมาณอย่างมหาศาล เลยทีเดียวล่ะ แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยกันหรือไม่ ว่าไอ้สิ่งก่อสร้างต่างๆ เหล่านั้นหลังจากที่โอลิมปิกจบลงไปแล้วจะเป็นอย่างไรบ้างกันบ้างนะ ซึ่งจะบอกว่าบางสถานที่นั่นถูกใช้งานต่อ ถูกใช้งานแต่ขาดการดูแล จนถึงกระทั่งเลิกใช้งานและกลายเป็นที่ร้างกันไปเลย   1. รางสำหรับแข่งบอบสเลด ที่เมือง Sarajevo ประเทศ Bosnia โอลิมปิกฤดูหนาวปี 1984   2. อีกมุมหนึ่งของรางแข่งรถเลื่อนหิมะในเมือง Sarajevo ประเทศ Bosnia โอลิมปิกฤดูหนาวปี 1984   3. สระว่ายน้ำที่เมือง Berlin ประเทศเยอรมัน โอลิมปิกฤดูร้อนปี 1936   4. แท่นสำหรับใช้ในการแข่งขันกระโดดสกี ที่เมือง Cortina D’ampezzo ประเทศอิตาลี โอลิมปิกฤดูหนาวปี 1956   5.…

เจ้า Gozer เป็นแมวเหมียวที่ถูกเจ้าทาสคนเก่านำมาให้สัตวแพทย์ทำการการุณยฆาตมัน ด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่ามันมีอาการติดเชื้อที่ตา “มีคนเอามันไปทิ้งให้สัตวแพทย์ทำการุณฆาต เพียงเพราะแค่มันมีอาการติดเชื้อที่ตา…ฉันคิดว่ามันน่าจะมีอายุประมาณ 3 สัปดาห์ ลองเดาจากรูปร่าง และขนาดตัวของมัน” ชาวเน็ตเว็บไซต์ Reddit ชื่อว่า sup3rnint3ndo (ผู้ที่รับเจ้า Gozer กลับมาเลี้ยง) กล่าว     ทางสัตวแพทย์ปฏิเสธที่จะทำการการุณยฆาตให้กับเจ้าเหมียวน้อย และเมื่อพวกเขาได้เห็นใบหน้าที่เศร้าสร้อยของมันแล้วอดสงสารไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจรับมันมาเลี้ยงซะเลย พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่าเจ้า Gozer “เจ้าเหมียวของแฟนฉันเพิ่งหายตัวไปได้ไม่นาน และฉันคิดว่าน่าจะหาเจ้านายตัวใหม่ให้กับเขา” คุณ sup3rnint3ndo กล่าว   จากการติดเชื้อที่ตาของมัน ส่งผลให้เจ้า Gozer นั้นเป็นโรคหวัดเรื้อรัง แถมยังมีผิวหนังบางส่วนที่ถูกเชื้อรากัดกินจนขนของมันหายไปอีกด้วย พวกเขาพามันไปทำการรักษาและในที่สุดก็หายดี   ผ่านไป 2 ปีเจ้า Gozer กลายเป็นแมวเหมียวที่มีร่างกายแข็งแรง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกับเจ้าทาสคู่รักทั้งสองคน โดยผลจากอาการติดเชื้อเรื้องรังนั้นทำให้ดวงตาของมันมีลักษณะแปลกๆ ซึ่งก็ทำให้มันดูน่ารักไม่เบาเลยนะเนี่ย ฮร่า     แถมยังชอบทำหน้ากวนโอ๊ยอยู่ตลอดเวลาอีกต่างหาก   เงิบมั้ยล่ะ 555+   เวลาอยู่ใกล้ๆ กับของกิน   ต้องขอบอกเลยว่าพวกเขาคิดไม่ผิดเลยที่รับเจ้า Gozer…

กลายเป็นประเด็นสุดร้อนบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว หลังจากหนุ่มคนหนึ่งโพสภาพ “กฎข้อห้าม” ขณะไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าละเอียดยิบ จนกลายเป็นประเด็นดราม่าเล็กๆ เลยทีเดียว ว่าเธอทำเกินไปหรือเปล่า โดยหนุ่มคนดังกล่าวมีชื่อว่า Kieran Lumsden ชาวสก็อตแลนด์ เขากำลังจะมีทริปไปเที่ยว เกาะมายอก้า ในประเทศสเปน ด้วยเหตุนี้เอง แฟนสาวของเขา Whitney Travers จึงทำหนังสือ “10 กฎข้อห้ามระหว่างไปเที่ยว” ขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้แฟนหนุ่ม ออกนอกลู่นอกทาง โดยเขาได้โพสภาพดังกล่าวลงบนทวิตเตอร์พร้อมแคปชั่นว่า “Whitneys กำลังยกระดับความบ้าขึ้นไปอีกระดับ ฮ่าๆ”   โดยกฎที่เขาต้องปฏิบัติตามมีดังนี้  ชาร์จดโทรศัพท์ให้เต็มทั้งวันนะ แล้วโทรหาฉันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ( 2 นาที) 2. ห้ามมีผู้หญิงอื่น ห้ามดู ห้ามคุย ห้ามจับ 3. ห้ามกดฟอลโลวสาวๆ บนโซเฃียล 4. รอยสัก = ห้าม (กลับมาเดี๋ยวเช็คอีกที) 5. อย่าดื่มพวกเครื่องดื่มผสม (ยาเสพติดก็อย่า)   6. ถ้ามีปาร์ตี้บนเรือ ห้ามเล่นเกมกับเพศตรงข้าม…

ปกติถ่ายรูปในโทรศัพท์นี่ว่าสวยละนะ แต่พอได้เห็นภาพของช่างภาพยิ่งสวยไปกันใหญ่ แล้วเราเคยคิดมั้ยว่า ภาพที่เราคิดว่าสวยที่สุดนั้นมีราคาเท่าไร หรือภาพที่แพงที่สุดนั้นหน้าตาจะเป็นยังไง!? และนี่คือ 20 อันดับภาพที่ราคาแพงที่สุดโลก เห็นภาพว่าอึ้งแล้ว พอรู้ราคาเท่านั้นแหละ อ้าปากค้างกันไปเลย   20. “One” โดย Peter Lik ปี 2010 ราคา $1,000,000 (ประมาณ 34 ล้านบาท)   19. “Kuwait, Stock Exchange II” โดย Andreas Gursky ปี 2008 ราคา $1,014,354 (ประมาณ 34 ล้านบาท)   18. “Pantheon, Rome” โดย Thomas Struth ปี 1990/1992 Print ราคา $1,049,000 (ประมาณ 34.4 ล้านบาท)   17. “Nautilus” โดย Edward Weston ปี 1927 ราคา $1,105,000 (ประมาณ 35.5…

ผู้หญิงเวลาจะแข็งแรงก็แข็งแรงจนน่าเหลือเชื่อเลยล่ะ บางทีผู้ชายอย่างเราก็มีโมเม้นต์ที่ทึ่งอยู่เหมือนกัน อันนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องพลังกำลังแบบว่างัดข้ออะไรกันนะ แต่หมายถึงแข็งแรงในแบบที่ผู้หญิงเป็น และสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต่างให้ความเคารพก็คือการที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องแบกท้องที่มีเด็กอยู่ข้างใน เป็นความรู้สึกที่ผู้ชายไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ อีกทั้งความเจ็บปวดในการคลอดอีก   คุณแม่คนนี้เธอมีชื่อว่า Jessica Stubbins เธอได้สร้างเรื่องราวที่ทำให้ใครหลายคนตะลึงกันไปเลย หลังมีคลิปที่เธอได้ทำคลอดด้วยตัวเองหน้าประตูโรงพยาบาล   เธอได้ลูกสาว ตั้งชื่อลูกว่า Lucy และตอนนี้เด็กน้อยก็มีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์เป็นอย่างดี   ทั้งคู่ให้สัมภาษณ์กับรายการ Good Morning Britain ว่าไม่คิดมาก่อนว่าลูกจะคลอดวันนี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ขนาดที่ว่าสามี Tom คิดไม่ถึง ซึ่งตอนที่ภรรยาคลอด เขายังไปหาที่จอดรถอยู่เลย   ภาพวงจรปิดได้เผยภาพคุณแม่เดินเข้ามาในประตูแล้วก็หยุด เพราะว่าเธอดูเหมือนจะไม่ไหว แล้วหลังจากนั้นก็คลอดเด็กออกมาทันทีและเร็วมากๆ คุณพ่อเดินเข้ามายังพูดไม่ออกเลย แล้วก็พูดแต่ว่า “ผมขอโทษๆ” หลังจากที่เธอคลอดลูกออกมา ก็ได้มีพยาบาลมาช่วยเธอในการพาไปที่ห้องเพื่อทำให้ถูกวิธีและตัดสายสะดือ   พยาบาลที่ได้เข้าไปช่วยเหตุการณ์ในวันนั้นได้เล่าว่าเธอกำลังจะเดินไปที่รถเพื่อไปเอาอาหาร แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง ก็เลยเข้าไปดูก็พบทั้งคู่ เธอก็เลยรีบหาอะไรมาห่อเด็ก ก่อนที่จะพาไปห้องพยาบาล   สุดท้ายทั้งคู่ก็ปลอดภัย ถือเป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความสุดยอดของคนเป็นแม่จริงๆ ด้วยความเคารพจากใจ ที่มา Good Morning Britain

สำหรับหญิงสาวแล้ว การมีพ่อเดินเคียงข้างในวันแต่งงาน ถือว่าเป็นความปราถนาสูงสุดอย่างหนึ่งของพวกเธอ ลองนึกภาพช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตมีชายที่คุณไว้วางใจมาเดินอยู่ข้างๆ จะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมขนาดไหน   สำหรับ Jeni Stepien คนนี้ก็เช่นกัน เธออยากให้พ่อแท้ๆ ของเธอ Michael Stepien มาร่วมเดินส่งเธอในงานวันแต่งงานด้วย แต่โชคร้ายพ่อของเธอเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2006 แล้วจากเหตุฆาตกรรม สิ่งเดียวที่พ่อของเธอเหลือไว้ คือ “หัวใจ” ที่เขาบริจาคให้กับชายที่ป่วยเป็นโรคหัวใจคนหนึ่งชื่อว่า Arthur Thomas ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พวกเขายังติดต่อและแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันอยู่เสมอ ทุกเทศกาลสำคัญทั้งสองครอบครัวจะส่งของขวัญและดอกไม้ให้แก่กัน     และในงานแต่งงานของ Jeni เธอก็ได้ส่งจดหมายชวน Arthur มาร่วมงานด้วย เธอหวังเพียงว่า แม้พ่อของเธอจะไม่สามารถมาร่วมงานได้แล้ว แต่ “บางส่วน” ของเขายังคงอยู่บนโลก จดหมายดังกล่าวใจความว่า “สวัสดี T้homas ฉันเป็นลูกสาวของคนที่บริจาคหัวใจให้คุณ ฉันจะแต่งงานในวันที่ 6 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ถ้าเป็นไปได้ ฉันขอให้คุณมาร่วมเดินส่งฉันเข้าพิธีได้หรือเปล่า” เมื่อ T้homas ได้อ่านจดหมายดังนั้น เขาจึงเดินทางจาก New Jersey มายัง Pennsylvania เพื่อร่วมงานแต่งงานในทันที  …

Gisela Villa สาวน้อยวัย 17 ปี จากโมเดสโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ที่รักสวยรักงาม และชื่นชอบการแต่งหน้าทำผมเหมือนกับเด็กสาวทั่วๆ ไป เธอได้เริ่มแต่งหน้าตั้งแต่อายุ 15 ปี หลังจากได้รับเครื่องสำอาง จากการฉลองวัน Quinceanera ซึ่งเป็นการฉลองคล้ายวันเกิดปีที่ 15 ของเด็กผู้หญิง และจุดเริ่มต้นมาจากตอนนั้นนั่นเอง ^^     เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2559 ทางเว็บไซต์ Buzzfeed ได้ทำการเผยภาพน่ารักๆ ของคุณพ่อ Lucio ที่ถูกลูกสาวจับมาแต่งหน้าซะไม่เหลือความโหด หลังจากที่จู่ๆ เธอก็นึกอยากจะแต่งหน้าให้พ่อขึ้นมา และอยากรู้ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร งานนี้เล่นเอาคุณพ่อถึงกับคิดหนัก และเอ่ยปากออกมาว่า “ลูกจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ”   แต่ในที่สุด คุณป๊ะป๋าแสนดีก็ยอมให้ลูกสาวแต่งหน้าจนได้ หากมันจะทำให้เธอเลิกขอร้องเขาเสียที ฮร่าๆ   และนี่ก็คือผลงานการแต่งหน้าของสาวน้อย Gisela ที่ทำให้คุณพ่อหน้าโหด กลายเป็นคุณพ่อสุดแบ๊วขึ้นในทันตา   หลังจากที่แต่งหน้าเสร็จ เธอก็ได้นำภาพของคุณพ่อโพสต์ลงในทวิตเตอร์ @villa_gisela ซึ่งก็มีสาวๆ…

บางครั้งการมีจิตสาธารณะถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นนะ แต่การมีน้ำใจหรือจิตสาธารณะมากไปก็ทำให้คุณเดือดร้อนได้เช่นกัน…   เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของคุณลุง Robert Wall วัย71 ปี ในเมืองไรน์แฮม ประเทศอังกฤษ เขาเป็นคุณลุงที่มีจิตสาธารณะมาก ไม่ว่าเขาจะไปเห็นสนามหญ้าที่ไหนใกล้ๆ บ้าน เขาก็มันจะหิ้วเอาเครื่องตัดหญ้าไปตัดให้ฟรีๆ เสมอ เป็นแบบนี้มานานกว่า 4 ปีแล้ว     แต่ความหวังดีของเขาก็กลายเป็นเรื่องที่ย้อนกลับมาทำร้ายเขาเสียอย่างงั้น เมื่อมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเตือนและบอกให้หยุดตัดหญ้านอกบ้านของตัวเอง เพราะอาจจะทำให้เขาถูกดำเนินคดีทางอาญาในศาลและปรับในข้อหาสร้างความเสียหายด้วยการตัดหญ้านอกบ้าน   คุณ Wall กล่าวว่า “มันมาถึงจุดที่ผู้คนไม่กล้าออกจากบ้านแล้วไปเก็บกวาดขยะ เพราะกลัวจะถูกดำเนินคดีแล้ว ผมถูกเลี้ยงดูมาโดนพ่อแม่ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่มีจิตใจดี และเห็นอกเห็นใจคนอื่นก่อน” “แต่ตอนนี้ผมกำลังถูกคุกคาม เพราะงานที่ผมพยายามทำให้พื้นที่นี้สะอาดและไร้รอยขีดข่วย มันไร้สาระสิ้นดี”     นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณลุง Wall ถูกเตือนเกี่ยวกับความมีจิตใจดีของเขา เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยถูกเตือนมาแล้ว เพราะเคยไปทาสีเสาไฟในบริเวณใกล้เคียงด้วยเช่นกัน   การมีน้ำใจเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ก็ต้องดูกฎเกณฑ์ด้วยว่าที่ไหนควรทำอะไร ที่ไหนไม่ควรทำอะไร ที่มา dailymail

วันที่ 4 สิงหาคม 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยภาพพร้อมกับเรื่องราวสุดประทับใจของ Sasha Chebykin เด็กชายวัย 12 ปี ในเมืองเรฟด้า แถบเทือกเขาอูราล ประเทศรัสเซีย ผู้ที่ได้ทำการช่วยเหลือลูกสุนัขใกล้ตายตัวหนึ่ง ที่ติดอยู่ในท่อระบายน้ำออกมาจนมันปลอดภัย หลังจากที่ไม่มีผู้ชายที่ผ่านไปมาแถวนั้น ให้ความเข้าช่วยเหลือเลย งานนี้จึงทำให้ผู้คนต่างก็ยกให้เขาเป็น “ผู้กล้าหาญ และผู้เสียสละ” ตัวจริง     ในขณะที่ Sasha กำลังเดินเล่นอยู่กับเพื่อนของเขานั้น จู่ๆ ก็ได้บังเอิญเห็นผู้หญิงสองคน กำลังยืนดูท่อระบายน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำท่วมขัง หลังจากที่เพิ่งเกิดพายุ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ มีแม่สุนัขจรจัดตัวหนึ่งกำลังวิ่งอยู่รอบๆ บริเวณนั้นอย่างร้อนรน เพราะลูกน้อยของมันติดอยู่ในท่อระบายน้ำ ก่อนที่พวกเธอจะรีบโทรแจ้งตำรวจ และเรียกผู้ชายที่อยู่บริเวณนั้น เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครยอมเข้ามาช่วยเลย     เมื่อเห็นดังนั้น เด็กชายวัยเพียง 12 ปี จึงได้ตัดสินใจถอดเสื้อออก และรีบลงไปในท่อระบายน้ำที่ทั้งสกปรก และเย็นจัด เพื่อช่วยเหลือลูกสุนัขที่ติดอยู่ในท่อระบายน้ำออกมาจนปลอดภัย หลังจากที่ Sasha ได้ช่วยเหลือลูกสุนัขออกมา หญิงสาวก็ได้เผยความรู้สึกออกมาว่า “เขาไม่กลัวอะไรเลย แม้ว่าบริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยโคลน…

ปกติแล้วเวลาเราไปเที่ยว เราก็ต้องการชื่นชมธรรมชาติ ดอกไม้ใบหญ้า แต่บางทีเราก็ต้องเจอประสบการณ์ที่หวาดเสียวบ้าง เพื่อที่จะไปถึงที่แห่งนั้นได้ เหมือนอย่างในที่แห่งนี้ในประเทศจีน ที่จะให้คุณได้ซึมซับธรรมชาติอย่างรอบด้านกระสะพานกระจกความยาวกว่า 100 เมตรที่ทอดยาวตามภูเขาเทียนเหมินซาน ในมณฑลหูหนาน ซึ่งมีความสูงกว่า 300 เมตรจากด้านล่าง ชื่อของสะพานคือ Tongtian Avenue แปลได้ว่าทางสู้ท้องฟ้า โดยที่ความกว้างของมันมีแค่ 1.6 เมตรเท่านั้น     ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเยอะมาก เพราะสามารถเดินทางมาด้วยเคเบิลคาร์ขึ้นสู่ยอดเขา โดยที่สะพานนี้เปิดให้ใช้งานตั้งแต่ปี 2011 จนกระทั่งได้กลายเป็นสถานที่ที่โด่งดังมาจนถึงตอนนี้ . . . . . . .   ใครสนใจก็เชิญ แต่ #เหมียวสามสี ขอบายยยยยย ที่มา designyoutrust

เมื่อพูดถึงเชฟทำอาหารฝีมือฉกาจ หลายๆ คนน่าจะนึกถึงเชฟตามร้านอาหาร 5 ดาว หรือเชฟจากร้านการทำอาหารดังๆ แต่หากจะให้มีชื่อเสียงและฝีมือดียิ่งกว่านั้นอีก ก็คงจะต้องนึกถึงเชฟที่ได้รับรางวัลจากมิชลิน สตาร์ นั่นเอง ในบทความนี้ #เหมียวฟิ้น จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเชฟที่ชื่อว่านายชาน ฮอน หมิง ที่เปิดร้านอาหารธรรมดาๆ แห่งหนึ่งใน ประเทศสิงคโปร์     อาหารที่โด่งดังที่สุดของเขาก็คือเมนูข้าวหน้าไก่ฮ่องกงและบะหมี่ไก่ฮ่องกง ที่มีรสชาติเยี่ยมจนมีคนมาต่อคิวซื้อทั้งวัน และที่สำคัญเขาตั้งราคาขายถูกมาก เพียงราวๆ 1.50-2.00$ หรือเทียบเป็นเงินไทยก็แค่ 52-70 บาทเท่านั้น ถือว่าถูกกว่าเมนูฟ้าสฟู๊ดหลายๆ แห่งเสียอีก     และแล้ววันหนึ่งชื่อของชาน ฮอน หมิง ก็โด่งดังขึ้น เพราะเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายชานได้รับเชิญให้เข้าร่วมทานอาหารค่ำและรับรางวัลภายในงาน Michelin Guid Singapore Gala Dinner ซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของคนทำอาหารเลยก็ว่าได้     เพื่อเป็นการยืนยันว่าเขาคือเชฟมิชลิน สตาร์ที่มีฝีมือเยี่ยมคนหนึ่ง แม้จะไม่ได้มาจากโรงเรียนสอนทำอาหารดีๆ หรือร้านอาหารหรูๆ ก็ตาม     เมื่อเขาได้ยินแบบนั้นก็แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองว่ามันคือเรื่องจริง “ตอนที่ผมได้รับการเชิญ ผมไม่ค่อยแน่ใจ ผมถามพวกเขาว่า…