Author:

กำลังเป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่ฮือฮาสำหรับคนที่มีใจรักกับการออกเดินทาง เพราะโดยปกติแล้ว เรามักจะคิดกันว่า ‘แสงเหนือ’ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติแสนวิเศษนั้น หาดูได้ยาก และกว่าจะไปถึงได้ก็คงต้องทุ่มทุนไปเป็นแสนๆ แต่หลังจากที่มีสมาชิกพันทิป TinyPichy ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ ทริปล่าแสงเหนือ เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คน จนแชร์กันไปใหญ่ เชื่อว่าหลายๆคนก็อยากจะเดินทางตามรอยของเธอเช่นกัน เพราะแม้แต่ตัว #เหมียวบ็อบ เองได้อ่านครั้งแรกก็ถึงกับตกใจ ประมาณว่า..ห๊ะ!! เราสามารถไปดูแสงเหนือด้วยงบเท่านี้ได้ด้วยเหรอ? เธอสรุปค่าใช้จ่ายเอาไว้ดังนี้… 1. ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับไทย-รัสเซีย = 18,000 บาท 2. ค่าที่พัก 5 คืน x วันละ 1,600 บาท / หาร 2 คน = คนละ 4,000 บาท 3. ค่ากิน 5 วัน x 3 มื้อวันละ 500 บาท = 2,500 บาท 4. ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับมอสโค-มูรมัส = 4,000 บาท…

มนุษย์เราทุกคนต่างก็ต้องมีอะไรซักอย่างที่ทำให้เรารู้สึกโปรดปราน และหลงใหลไปกับมันสุดๆ มันก็อยู่ที่ว่าใครจะชอบอะไรมากเป็นพิเศษ และสำหรับเรื่องราวในครั้งนี้ที่ #เหมียวบ็อบ เอามาเล่าสู่กันฟัง ก็นับว่าเป็นเรื่องราวชีวิตของชายคนหนึ่งที่มีความหลงใหลในถั่วแบบสุดๆ ถึงแม้ว่าเขาจะต้องตกงาน และประสบปัญหาในชีวิตหลายๆด้าน แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ด้วยความชื่นชอบที่มีต่อถั่ว ก็ทำให้เค้าได้พลิกชีวิตตัวเอง และกลายเป็นยอดมนุษย์ กัปตันถั่ว!!!     เบื้องหลังการเป็นกัปตันถั่วคนนี้ เขามีชื่อว่า Barry Kirk หนุ่มใหญ่วัย 62 ปี จากเมือง Port Talbot ประเทศเวลส์ ซึ่งเดิมทีเขาเคยทำงานอยู่ในสายงานด้าน IT มาโดยตลอด 25 ปี แต่ทว่าด้วยอาการป่วยของคุณแม่ ทำให้เขาต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแล โดยต้องอาศัยเงินสวัสดิการสมทบเพื่อดูแลผู้ป่วย จากทางภาครัฐมาโดยตลอด และหลังจากที่คุณแม่ของเขาได้จากไปอย่างสงบเมื่อ 9 ปีก่อน ทำให้เขาไม่สามารถที่จะกลับเข้าสู่การทำงานแบบปกติด้วยเงื่อนไขบางอย่าง     ด้วยความที่เขาหลงใหลในถั่วอบกระป๋องมากสุดๆ ต่อมาเขาจึงปิ๊งไอเดียที่จะเปลี่ยนชื่อตัวเองให้เป็น ‘Captain Beany’ และทำตัวเองให้กลายเป็นจุดขายเองมันซะเลย ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงปี 1986 กัปตันถั่วเคยได้รับบันทึกสถิติลงในกินเนสบุ๊คด้วยว่า ‘เป็นผู้ที่แช่ตัวในอ่างที่มีแต่ถั่วอบนานถึง 100 ชม.’   “หลังจากที่ผมได้บันทึกสถิติ…

ในอดีตมักจะมีการนำเฮลิคอปเตอร์ มาใช้ในการสู้รบในภาวะสงคราม ซึ่งฟังดูแล้วอาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าเราจะบอกว่ามีคนนำเฮลิคอปเตอร์มาสร้างเป็นที่พักละ ฟังดูแปลกๆ เหมือนกันนะ แต่ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ มีคนได้สร้างที่พักโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ขึ้นมาแล้วจริงๆ Martyn Steedman เกษตรกรชาวสก็อตแลนด์ อดีตผู้ค้นหากองทัพเรือ และหน่วยกู้ภัยเฮลิคอปเตอร์ พร้อมกับ Louise ผู้เป็นภรรยา ได้ปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด โดยการลงทุนซื้อ Sea King เฮลิคอปเตอร์ ที่ปลดระวางจากกองทัพเรือมาในมูลค่าราวๆ 300,000 บาท  เพื่อสร้างเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ได้เดินทางมายังเมือง Stirling ประเทศสก็อตแลนด์ ในราคาเริ่มต้นคืนละ 5,700 บาท     สำหรับเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ มีความยาวกว่า 17 เมตร ถูกปลดระวางในปี 1994 แต่ก็ถูกนำมาใช้ในการฝึกอบรมทหารเรือจนถึงปี 2002 ก่อนที่จะถูกนำมาประมูลขายในเดือนมีนาคมเมื่อต้นปีที่ผ่านมา   เมื่อดูจากสภาพภายนอกแล้ว จะเห็นได้ว่ายังมีการคงรูปลักษณ์เดิมๆ เอาไว้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทาง Martyn เอง ก็ได้ดูแลรักษา และทำการปรับปรุงซ่อมแซมในหลายๆ จุดได้เป็นอย่างดี   ภายในก็ถูกปรับแต่งให้มีลักษณะคล้ายกับบ้านทั่วๆ ไป…

ก็คงจะปฏิเสธกันไม่ได้ล่ะว่า ‘เบียร์’ นั้น คือหนึ่งในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เหล่าขาดริ้งจากทั่วโลกนิยมชมชอบกันมากที่สุด…   ซึ่งวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มี 15 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเครื่องดื่มชนิดนี้มาฝากกัน จากการรวบรวมข้อมูลของเว็บไซต์ต่างประเทศ TheChieve ล่ะ บอกตามตรงว่าขาดื่มไม่ควรพลาดกันอย่างยิ่งเลยทีเดียว!!   1. มีโรคแปลกประหลาดที่ชื่อว่า Cenosillicaphobia หรืออาการ ‘กลัวแก้วเบียร์เปล่า’ อยู่จริงๆ ด้วยล่ะ!!   2. สถิติการดื่มเบียร์อย่างต่อเนื่องนั้นเป็นของ Steven Petrosino ชาวสหรัฐฯ ที่สามารถดื่มเบียร์ 1 ลิตร ภายในระยะเวลา 1.3 วินาทีเท่านั้น   3. ในประเทศฟินแลนด์ รางวัลของงานแข่งเทศกาลแบกเมียนั้น คือ ‘เบียร์’ เท่ากับน้ำหนักเมียที่เขาแบก (เอาเป็นเอาตายเลยล่ะงานนี้!!)   4. ในเมืองไทยมี วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว (วัดล้านขวด) แห่ง จังหวัดศรีสะเกษ ก่อสร้างด้วยขวดต่างๆ (รวมถึงขวดเบียร์) กว่า 1.5 ล้านขวดเลยทีเดียว   5. ชาวไวกิ้งเชื่อว่าถ้าพวกเขาตายไป จะได้ไปพักพิงยังวัลฮัลลา…

Bubbles เป็นชื่อปลาทองตัวน้อย ที่ได้กลับมาเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่อย่างมีความสุข หลังจากที่ทางทีมแพทย์ช่วยกันผ่าตัดเนื้องอกบนหัวของมันออกได้สำเร็จ จนทำให้มันสามารถรอดชีวิตมาได้ ดีใจด้วยนะเจ้าปลา… ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 8 เดือนที่แล้ว ทางเฟสบุ๊คที่ชื่อ Lort Smith Animal Hospital ได้เผยภาพของ Bubbles ปลาทองอายุ 9 ปี ที่ต้องทนทุกข์ทนมานอยู่กับการมีเนื้องอกขนาดใหญ่โผล่ออกมาบริเวณหัว จึงทำให้มันว่ายน้ำค่อนข้างลำบาก อีกทั้งยังทำให้มันไม่สามารถกินอาหารได้ตามปกติ ด้วยเหตุนี้ ผู้เป็นเจ้าของจึงได้นำเจ้าปลาทองแสนรัก ไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ Lort Smith ในประเทศออสเตรเลีย     ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นอาการของเจ้า Bubbles ทางแพทย์ก็ได้เผยว่า เจ้าปลาทองจะต้องได้รับการผ่าตัด   การน้ำปลาออกมาจากน้ำเป็นเวลานานๆ กว่าจะทำการผ่าตัดเสร็จมันไม่ใช่ง่ายที่ง่ายเลย โดยในตอนแรก ทางแพทย์ได้ให้ยาชากับมัน แล้วนำท่อออกซิเจนสอดเข้าไปในปาก เพื่อช่วยให้มันหายใจ จากนั้นก็ได้ลงมือผ่าตัดนำเนื้องอกชิ้นโตออกไปจากหัวของเจ้า Bubbles     เมื่อการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี จนทำให้ในตอนนี้เนื้องอกที่อยู่บนหัวของ Bubbles ได้หลุดออกมาแล้ว   หลังจากที่ได้รับการผ่าตัด และรักษาตัวจนหายดี เจ้าปลาทองน้อยก็กลับมาชีวิตที่สดใส และมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมากกกกก ต้องขอขอบคุณทางแพทย์มากจริงๆ…

พักจากเรื่องเครียดๆ มาชมอะไรที่หวาดเสียวกันบ้างดีกว่า เพราะตอนนี้คลิปวิดีโอของพ่อหนุ่ม ‘Tyler McPeak’ กำลังเป็นที่โด่งดังสุดๆในโลกออนไลน์ ทำไมน่ะเหรอ? เพราะปกติแล้ว แค่การเล่น ‘Parkour’ ที่ปีนป่ายไปบนบ้าน กระโดดมาจากหลังคา อะไรประมาณนี้ก็ทำให้เราเสียวได้พอสมควร แต่คราวนี้พี่แกมาเหนือเมฆมาก เล่นไปปีนป่ายบนตึกสูงระฟ้า แถมยังโชว์วิวข้างล่างให้เห็นอีก #เหมียวบ็อบ รับประกันเลยว่า คลิปปีนป่ายตึกสูงด้วยระยะเวลาถึงแม้จะสั้นๆไม่กี่นาทีนี่แหละ แต่ดาเมจของมันรุนแรงจนเล่นเอาเราต้องเกร็งเท้าอยู่ตลอดเวลา และลุ้นไปตามกันๆ   และนี่คือคลิปวิดีโอจากเจ้าตัวที่กำลังโด่งดังสุดๆ รับประกันความเสียว   หลังจากที่ได้เห็นวีรกรรมของพี่แกแล้ว เราจึงไปเสาะหาข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยพบว่า นี้คือหนุ่มหล่อที่อยู่เบื้องหลังความเสียวของชาวเน็ตในครั้งนี้   ที่จริงแล้วอาชีพหลักของเขา ก็เป็นทั้งนายแบบรูปงาม และเทรนเนอร์สอนฟิตเนส อาศัยอยู่ในเมืองนิวยอร์คนั่นเอง   อันนี้แถมให้อีกรูป เอาใจเหล่าแม่ยกทั้งหลายหน่อย นอกจากจะชอบเล่นท่ายากผาดโผนแล้ว หุ่นนี้ยังฟิตเปรี๊ยะ!!   ด้วยคลิปวิดีโอที่เล่นเอาเสียวท้องน้อยไปตามๆกัน ก็มีชาวเน็ตออกมาให้ความคิดเห็นมากมายทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เราลองไปดูปฏิกริยาจากโลกออนไลน์กันบ้าง…       “ทำไมถึงต้องมีใครซักคนออกมาทำอะไรบ้าๆแบบนี้ด้วย? มันไร้สาระสิ้นดี ถ้าเกิดวันหนึ่งพลาดขึ้นมา แน่นอนว่าสิ่งที่คุณจะเจอก็คือความตาย”   “อย่าลืมคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ข้างล่าง ที่โดนร่างกายใครไม่รู้ลอยมาจากฟ้าตกกระแทกใส่พื้นด้วยล่ะ!!”   “ชีวิตนี้มันมีอะไรให้ทำอีกเป็นล้านอย่าง…

สำหรับกรุงลอนดอน ก็ถือว่าเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ของประเทศอังกฤษ และเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ซึ่งวันนี้ทางเราก็มีภาพบรรยากาศของกรุงลอนดอนในช่วงปี 1930 มาฝากกัน ก่อนที่จะกลายมาเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยงาม มันเคยมีบรรยากาศอึมครึมๆ และอันตรายมาก่อน!!   ผลงานของ John Morrison และ Harold Burdekin ที่ถูกเผยแพร่ไว้ตอนปี 1934   ในช่วงนั้นลอนดอนต้องการที่จะกลายมาเป็นเมืองที่สะอาด ปลอดภัย และทันสมัยขึ้น   ประกอบกับการใช้รถและไฟฟ้าที่มากขึ้นของประชากรภายในเมือง   โดยตอนนั้นลอนดอนมีประชากรราวๆ 12.5 ล้านรายเลยทีเดียว!!   ถือเป็นจุดพลิกผันของเมืองนี้และประชากรในเมืองเลยก็ว่าได้…                       ดูอึมครึมและดูอันตรายมากจริงๆ เลยนะเนี่ย ราวกับว่าเป็นเมืองในยุคกลางยังไงยังงั้น -*-   ที่มา: Designyoutrust

อีกหนึ่งปัญหาของหัวอกคนเป็นพ่อ เป็นแม่ ที่ไม่อยากจะให้เกิด ก็คือการที่ลูกสุดที่รักของตัวเอง ถูกแก๊งมิจฉาชีพ หรือผู้ไม่ประสงค์ดีลักพาตัวไป เหตุการณ์แบบนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆตามหน้าข่าวในอินเตอร์เน็ต หรือหนังสือพิมพ์ บ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นประกาศตามหาคนหาย และเรื่องราวแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่ไทยเท่านั้น ที่จีนก็เช่นเดียวกัน   บริษัทผลิตน้ำดื่มเจ้าหนึ่งในเมืองซิงเต่า มณฑลซานตง ประเทศจีน ได้ร่วมมือกับเว็บไซต์ Baobeihuijia.com ซึ่่งเป็นเว็บไซต์ที่ใช้สำหรับตามหาคนหายโดยเฉพาะของจีน (คนหายกันบ่อยมาก) ด้วยริเริ่มโครงการ “พาเด็กๆ กลับบ้าน” ด้วยการพิมพ์หน้าของเด็กๆที่สูญหาย พร้อมกับข้อมูล และที่อยู่ติดต่อถ้าหากมีใครพบเห็น ลงบนฉลากขวดน้ำแร่ ก่อนที่จะนำไปวางขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป โรงพยาบาล สถานีขนส่ง รวมถึงสนามบิน เพื่อเป็นการกระจายข้อมูลแก่ประชาชน ให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตากันมากขึ้น     และนับตั้งแต่เริ่มโครงการนี้มา มีจำนวนเด็กหายที่ถูกนำมาติดบนฉลากนี้แล้ว 6 ราย กระจายไปพร้อมกับน้ำดื่มจำนวน 5 แสนขวดทั่วเมือง ซึ่งทางสำนักข่าวจากจีนรายงานว่า เด็กที่หายตัวไปและมีอายุมากสุดตอนนี้น่าจะ 18 ปีแล้ว เพราะหายตัวไปตั้งแต่ปี 2546 ส่วนเด็กที่อายุน้อยที่สุดหายตัวไปเมื่อ 2555 ปัจจุบันอายุ 8 ปี ถึงแม้ว่าตั้งแต่เริ่มโครงการนี้มา ทางเว็บไซต์ และหน่วยงานอื่นๆ จะยังไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติม…

รัสเซียนอกจากจะเป็นประเทศที่มีผู้นำที่เฉียบขาดอย่าง ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’ แล้ว บ่อยครั้งที่ประชาชนในประเทศมักจะมีเรื่องราวที่มันทำให้เรารู้สึกว่า มันโหดสัสรัสเซีย และนี่ก็เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงในประเทศที่ความโหดสัสเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเด็กๆที่นี่ต้องพกขวาน หรืออาวุธไปโรงเรียนทุกวัน เพื่อป้องกันอันตรายจากหมาป่า หรือหมีป่า ที่อาจจะกำลังซุ่มโจมตีอยู่ระหว่างทางก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน Verkhny Nugush เด็กๆทุกคนที่นี่ต้องไปเดินทางเท้าไปเรียนเป็นประจำทุกวันที่หมู่บ้านใกล้ๆกัน Galiakberovo   เป็นระยะทางกว่า 10 กิโลฯ ที่เด็กๆจะต้องเดินฝ่าป่าเขา และหิมะอันหนาวเหน็บ เพื่อไปโรงเรียนเป็นประจำทุกวัน   เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้มีจำนวนชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงแค่ 60 ครัวเรือน ทำให้โรงเรียนประจำหมู่บ้านต้องถูกปิดตัวลงไป เด็กๆทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องเดินเท้าไปเรียนที่หมู่บ้านใกล้ๆแทน คุณแม่คนหนึ่งกล่าวว่า “โดยเฉพาะช่วงตอนเลิกเรียน เมื่อเด็กๆกำลังจะเดินกลับบ้าน มักจะมีหมาป่า ไม่ก็หมี โผล่มาให้เห็นอยู่เป็นประจำ มีครั้งหนึ่งพวกมันมากันเยอะมาก เด็กๆต่างก็กลัว มีแค่ฉันและผู้ปกครองคนอื่นๆที่ต้องช่วยกันไล่มันออกไป” และนั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมเด็กๆต้องพกอาวุธไปด้วยตลอดเวลา Rustam Sharipov ผู้ใหญ่บ้านประจำตำบล Burzyansky ก็ได้ออกมากล่าวว่า ตนเคยขอร้องทางโรงเรียนให้ช่วยรองรับรถบัสสำหรับรับส่งเด็กๆมาแล้ว แต่เนื่องจากความห่างไกล และความทุรกันดาร ทำให้รถบัสไม่สามาถเข้ามาได้   ผู้ปกครองต่างก็หวังว่าเมื่อไหร่จะมีรถบัสคอยรับส่งซักที   รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของรัสเซีย ก็ได้ออกมายืนยันเช่นเดียวกันว่า บริเวณหมู่บ้าน Bashkortostan นี้เองที่มีจำนวนประชากรหมาป่า มากกว่าพื้นที่ใดๆในประเทศ…

พันธุกรรม เป็นลักษณะที่ลูกได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ เช่น มีหน้าตาเหมือนกัน สูงเหมือนกัน หรือผอมเหมือนกัน ฯลฯ ซึ่งถือเป็นลักษณะทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่นที่เราเห็นกันทั่วๆ ไป แต่สำหรับ MilliAnna หนูน้อยวัย 18 เดือน และ Brianna Worthy คุณแม่วัย 23 ปี จากเซาท์แคโรไลนา คู่นี้ เป็นแม่ลูกที่มีลักษณะทางพันธุกรรมที่แปลก และพบได้ยากมากๆ นั่นคือ ทั้งคู่เกิดมาพร้อมกับกระจุกผมสีขาวที่งอกขึ้นมาในตำแหน่งเดียวกันเป๊ะ!!     เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2559 ทางเว็บไซต่างประเทศได้เผยภาพ พร้อมกับเรื่องราวที่น่าสนใจของ MilliAnna หนูน้อยผู้เกิดมามีกระจุกผมสีขาวเช่นเดียวกับแม่ของเธอ ทั้งยังเป็นรุ่นที่ 4 ของครอบครัว ที่มีผมในลักษณะที่ผิดปกติแบบนี้เช่นกัน     ลักษณะที่โดดเด่นนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลของเธอเลยก็ว่าได้ เพราะมันได้รับการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่รุ่นคุณยาย Jennifer และคุณยายทวด Jaonne ซึ่งต่างก็มีสีผมสองที่แยกกันอย่างเห็นได้ชัด   สำหรับภาวะที่เกิดสีผมดังกล่าว เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อว่า Poliosis หรือ ภาวะผมหงอกเป็นปอยเฉพาะที่…

‘มะเร็ง’ อีกหนึ่งโรคอันตราย ที่มักจะพรากชีวิตคนที่เรารัก ถ้าหากว่าพวกเขาไม่ทันได้รู้ตัว และเข้ารับการรักษาให้ทันท่วงที เช่นเดียวกับ ‘มะเร็งลำไส้’ ภัยใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้แต่เราเองก็ตาม แต่ด้วยความที่ผู้คนยังไม่ค่อยให้ความสนใจ หรือตระหนักถึงภัยใกล้ตัวเรื่องนี้เท่าไหร่ กลุ่มพยาบาลจากเมือง Brisbane ประเทศออสเตรเลีย จึงได้เริ่มต้นโครงการเล็กๆที่จะช่วยให้ผู้คนได้หันมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากยิ่งขึ้น     แคมเปจเล็กๆนี้เกิดขึ้นอย่างง่ายๆ เมื่อ Jemma Ambrose และกลุ่มพยาบาลเพื่อนร่วมงานของเธออีกมากกว่า 40 ชีวิตจากโรงพยาบาล Wesley Hospital ได้ร่วมมือกันพาตุ๊กตาเจ้าอุนจิน้อย ติดตัวไปด้วยทุกสถานที่ทั่วโลก ที่พวกเค้าได้ไปเที่ยว หรือพักผ่อน พวกเขาไปมาแล้วทั้ง ดูไบ อังกฤษ หรือแม้แต่บราซิล โดยมีเจ้าอุนจิ ‘Bristol’ ติดสอยห้อยตามไปด้วยเสมอ อีกทั้งยังมี Instagram เป็นของตัวเองอีกด้วย     ซึ่งทาง Jemma ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า ผู้คนเริ่มออกมาให้ความสำคัญกับเรื่องมะเร็งเต้านมของผู้หญิงมากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีเลยค่ะ แต่ทว่ายังมี มะเร็งลำไส้ ที่เป็นเหมือนภัยร้ายใกล้ตัว ที่หลายคนมองข้าม เราเลยทำสิ่งนี้ เพื่อหวังว่าคนที่เข้ามาเห็น จะตระหนักถึงเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น”…

เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้เห็นเรื่องราวของใครซักคน ยอมสละเวลาส่วนตัว เพื่อนำไปช่วยเหลือส่วนรวม ก็มักจะทำให้เราเกิดอาการชื่นอกชื่นใจ รู้สึกว่าโลกนี้ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวดีๆ ที่ถึงแม้จะมีแต่ข่าวคราวความวุ่นวายรายวันก็ตาม และนี่ก็เป็นอีกเรื่องราวดีๆของหนุ่มน้อยชาวเมืองโฮบาร์ต ประเทศออสเตรเลีย Campbell Remess หนุ่มใจดีวัย 12 ปี ที่ตั้งใจเย็บตุ๊กตาหมีทุกตัวอย่างบรรจงด้วยมือของเค้าเอง เพื่อที่จะนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆ     หนุ่มน้อยกลายเป็นที่พูดถึง และได้รับความสนใจอย่างมาก หลังจากที่ได้มีวิดีโอเบื้องหลังการเย็บตุ๊กตาของเขา แพร่สะพัดไปทั่วโลกออนไลน์ จนสำนักข่าว ABC News ต้องเข้ามาสัมภาษณ์ และถ่ายทอดเรื่องราวของเขา เชื่อไหมล่ะว่า Remess เขาทำแบบนี้มานานกว่า 3 ปีแล้ว แม้แต่เจ้าตัวก็ไม่อาจจำได้ว่ามีจำนวนตุ๊กตาหมีกี่ตัวที่เขาเคยเย็บ และส่งไปถึงมือผู้ป่วย แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะยังไงซะเขาก็จะยังคงตั้งใจส่งต่อความรู้สึกดีๆให้กับสังคมต่อไป     “มันเป็นอะไรที่เจ๋งมากเลยครับ ถ้าสิ่งที่ผมทำมันกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่ไม่ว่ายังไง ผมก็ยังต้องทำสิ่งนี้ต่อไป เพื่อมอบความรู้สึกดีๆให้คนป่วยครับ” เขากล่าว และหลังจากที่เรื่องราวของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ทำให้ความต้องการมีเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน และปัจจุบันมีสำนักข่าวทางโทรทัศน์มากมาย ที่กำลังรอคิวสัมภาษณ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เค้าก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือ และผลิตตุ๊กตาหมีต่อไป     ทางด้านของคุณแม่ Sonya Whittaker…

กระแสการถ่ายรูปแบบหันกล้องจากมือถือเข้าหน้าตัวเอง หรือที่เรียกกันจนติดปากในยุคปัจจุบันว่า ‘เซลฟี่’ ไม่รู้ว่าจุดกำเนิดมันเริ่มมาจากไหน แต่อยู่ดีๆก็กลายเป็นคำศัพท์ใหม่ที่ถูกนิยามขึ้นมา และได้รับความนิยมไปทั่วโลก จนต้องมีผลิตภัณฑ์ที่ออกมาช่วยรองรับมากมายอย่าง ‘ไม้เซลฟี่’ อันที่จริงการถ่ายรูปแบบนี้ก็ถือว่ามีข้อดีอยู่นะ เพราะเราจะได้ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นให้มาถ่ายให้ แถมยังได้เลือกมุมเองอีกด้วย แต่ทว่าบางทีถ้าเกิดว่ามัวแต่เซลฟี่จนไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็อาจจะกลายมาเป็นเรื่องใหญ่โตแบบนักท่องเที่ยวคนนี้ได้   จากสื่อ Metro ได้รายงานว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ ‘National Musuem of Ancient Art’ ประเทศโปรตุเกส เมื่อนักท่องเที่ยวชายชาวบราซิลคนหนึ่ง ได้เข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ และเป็นธรรมดาที่ใครๆก็อยากจะถ่ายรูปคู่กับงานศิลปะอันล้ำค่า เช่นเดียวกับพี่ชายคนนี้ เขาอยากจะถ่ายรูปเซลฟี่ตัวเองสวยๆคู่กับรูปปั้น ‘Saint Michael’ งานศิลปะแบบประติมากรรมที่สร้างมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 อันทรงคุณค่า จากการรายงานของเจ้าหน้าที่บอกว่า พ่อหนุ่มคนนี้พยายามที่จะถ่ายเซลฟี่ แต่เดินถอยหลังไปเรื่อยๆ จนเผลอไปชนใส่รูปปั้นที่ตั้งอยู่กลางห้องเข้าอย่างจัง ผลปรากฏว่า…รูปปั้นตกลงมาอย่างแรง กระแทกกับพื้นเข้าอย่างจัง แตกออกเป็นเสี่ยงๆ   เรียกได้ว่าชิ้นส่วนสำคัญหลุดออกไปคนละที่คนละทาง   Jose Alberto Seabra Carvalho เจ้าหน้าที่จากพิพิธภัณฑ์ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ผมทำงานที่นี่มาหลายปี แต่ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรที่จะแย่เท่านี้มาก่อน” ทางด้าน Antonio Filipe Pimental…

ปัจจุบันการสำรวจทางออนไลน์เป็นวิธีเก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้นเกมเมอร์รายหนึ่ง จึงได้ใช้วิธีดังกล่าวไปขอให้เพื่อนผู้ติดเกมเช่นกันกับเขา ส่งภาพของผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศตัวเองมา แน่นอนว่าเขาได้รับการตอบสนองที่น่าทึ่งมาก เพราะเมื่อได้เห็นภาพเหล่านั้น เขาก็พบว่าผู้หญิงที่ถูกเลือกมามีทั้งนักแสดงที่มีชื่อเสียง นักดนตรี บุคคลทั่วไป รวมถึงราชวงศ์ของแต่ละประเทศด้วย และนี่คือ 19 ภาพของบรรดาหญิงงามในแต่ละประเทศจากอุดมคติของคนติดเกม ที่จะทำให้เราได้เห็นถึงรสนิยม และความชื่นชอบผู้หญิงสวยของผู้คนในประเทศนั้นๆ ว่าแล้วก็มารับชมกันเลย   Tamannaah Bhatia นักแสดงสาววัย 26 ปี จากประเทศอินเดีย   Petra Silander นางแบบสาว จากประเทศสวีเดน   Kate Menson นางแบบ จากประเทศกานา   Gisele Bündchen นางแบบวัย 36 ปี จากประเทศบราซิล   Noor Neelofa Mohd Noor นักแสดง นางแบบสาววัย 28 ปี จากประเทศมาเลเซีย   Gal Gadot นักแสดงสาวชื่อดัง จากประเทศอิสราเอล…

คงไม่มีอะไรจะให้เซ็งเท่าถูกขโมยของอีกแล้วล่ะ ถ้าใครที่เคยโดนคนนิสัยไม่ดี แอบมาย่องเบาขโมยของรักของเราไป ใครบ้างล่ะจะไม่เสียอารมณ์ แถมสมัยนี้พวกโจรยังแอบฉลาด มีสารพัดกลเม็ดทีเด็ดเอาไว้เข้าไปขโมยของๆคนอื่นอีก ร้ายกาจมากจริงๆ   เช่นเดียวกับคุณลุง Emilio Cervero ชาวสเปนเจ้าของธุรกิจชิ้นส่วนอะไหล่รถมือสอง จากเมืองบาร์เซโลน่า โดยคุณลุงแกถูกโจรวัยรุ่นเหิมเกริม แอบขโมยชิ้นส่วนอะไหล่ของลุงไปมากกว่า 7 ครั้งในรอบปี จนปัจจุบันก็ยังจับตัวการไม่ได้ซ๊ากกที   ปัญหามันก็เริ่มมาจาก เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทางรัฐบาลได้เข้ามาสร้างถนนวงเวียนใกล้ๆกับสถานที่เก็บสินค้าของลุง และเจ้าหน้าที่จำเป็นที่จะต้องรื้อกำแพงคอนกรีตออก เสร็จแล้วก็สร้างรั้วแบบที่ไม่ค่อยแข็งแรงให้แทน (การทำงานเหมือนแถวนี้เลยเนาะ) เลยกลายเป็นว่า สินค้าของคุณลุงยั่วตายั่วใจเหล่าโจรมือดีเหลือเกินน แต่เดิมคุณลุงจะมีสุนัขคอยเฝ้าร้านให้มาตลอด แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย (โถ่ววเจ้าหมา) ซึ่งคุณลุงคาดว่ากลุ่มโจรที่เข้ามาขโมยของ น่าจะเป็นวัยรุ่นที่ทำตัวเหิมเกริม คอยพังรั้วเข้ามาย่องเบาขโมยของแล้วจากไป ถึงแม้ว่าสินค้าต่างๆจะไม่ได้มีมูลค่าสูงมากนัก แต่การที่โดนโจรย่องเบามากถึง 7 ครั้งในรอบปีเดียว มันเป็นอะไรที่ชักจะหยามหน้าคุณลุงมากเกินไปแล้ว!!   และที่คุณลุงไม่ยอมติดสัญญาณกันขโมย เพราะกลัวว่าตกดึกเสียงมันจะไปรบกวนชาวบ้านละแวกนั้น   ในเมื่อใช้เจ้าตูบเฝ้าบ้านแล้วมันไม่ได้ผล คุณลุงเลยต้องงัดของเด็ดประจำถิ่นออกมาใช้ นั่นก็คือ วัวกระทิงพันธุ์นักสู้ นั่นเอง ซึ่งงานนี้คุณหลังแกก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะได้ผลขึ้นมาบ้าง เพราะอย่างที่เรารู้กันดีว่า วัวกระทิงจากสเปนนั้น มักจะมีนิสัยที่ดุร้าย และขี้โมโหสุดๆ เขาก็หวังว่าเมื่อไหร่ที่โจรแอบเข้ามาขโมยของ จะต้องโดนกระทิงไล่ขวิดให้ไม่กล้ากลับมาทำซ่าได้อีก หน้าที่ของเจ้าวัวกระทิงก็ไม่มีอะไรมาก…

แน่นอนว่าด้วยทั้งการออกแบบและการประดิษฐ์ ทำให้เทคโนโลยีต่างๆ มีความก้าวหน้า แต่จะมีสักกี่ไอเดียที่ทำตามได้แบบจริงๆ จนกลายเป็นสิ่งที่เราเห็นในทุกๆ วันนี้ล่ะ!? ในเรื่องของรถและยานยนต์ก็เช่นกัน ในช่วงยุคปี 1970 นั้นก็ได้มีการออกแบบไว้ว่าในอนาคตจะพัฒนาให้รถไปอยู่ในทิศทางไหน และวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ย้อนอดีตไปดูงานมอเตอร์โชว์แห่งกรุงปารีสกัน   ในปี 1980 นั้น Citroen Karin ได้มีการนำคอนเซ็ปต์รถในอนาคตมาโชว์ให้กับเหล่าคนในงานได้ชมกัน และนี่คือผลงานของพวกเขาในตอนนั้นล่ะ!!     นี่คือโมเดลของ 1981 Citroen Xenia   American 1983 Buick Questor   Ital-Design 1984 Ford Maya   ภายในของ Lamborghini Athon   และภายนอกของตัวรถ     Lancia Bertone Stratos ปี 1970     ไม่ได้มีแค่รถยุโรปเท่านั้น รถญี่ปุ่นก็มีเข้ามาเหมือนกัน Toyota FCX-80  …

คงไม่มีใครอยู่เฉยๆแล้วอยากโดนขโมยของหรอกใช่มั้ย? เพราะเราอุตส่าห์เก็บเงินไปซื้อมา หรือแม้แต่จะเป็นของชิ้นเล็กๆน้อยๆ อย่างขนมราคาไม่กี่สิบบาท แต่ถ้าถูกขโมยไปมันก็ทำให้เราอารมณ์เสียได้ทั้งวันเช่นกัน เช่นเดียวกับ Hunter Jobbins พ่อหนุ่มนักศึกษาวัย 19 ปี จากรัฐแคนซัส วันหนึ่งเขาเดินทางมาที่มหา’ลัย และจอดรถไว้นอกหอประชุม ทว่าเจ้าตัวลืมที่จะล็อครถ ถึงแม้จะไปทำธุระแค่ 15 นาที กลับมาเขาก็ต้องพบว่ามีโจรมาแอบขโมยคิทแคท ที่เพิ่งซื้อมา แหมม..มันน่าเจ็บใจจริงๆ ขโมยอะไรก็ได้แต่ทำไมต้องขโมยคิทแคท (พ่อหนุ่มไม่ได้กล่าวไว้) แต่โจรแสบก็ยังแอบมีน้ำใจอยู่บ้าง เขาทิ้งกระดาษโน๊ตเล็กๆ พร้อมเขียนข้อความขอโทษไว้ดังนี้…   “เห็นคิทแคทวางอยู่ในรถ พอดีว่าเรารักคิทแคทมาก เลยลองเช็คประตูรถดู ปรากฏว่าคุณไม่ได้ล็อค แต่เราก็ไม่ได้เอาอะไรไปนะนอกจากคิทแคท เราขอโทษจริงๆ เพราะเราหิวมาก”   หลังจากนั้นพ่อหนุ่ม Hunter ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร คงได้แต่โพสต์กระดาษโน๊ตเพื่อไว้อาลัยแด่คิทแคทที่จากไปผ่าน ทวิตเตอร์ส่วนตัว แต่กลายเป็นว่า ทวิตดังกล่าวของเจ้าเรื่องถูกแชร์ส่งต่อไปมากกว่า 180,000 ครั้ง และมันก็มากพอที่จะทำให้เรื่องนี้ดังไปถึงหูครูอังคณา เอ๊ยย..หูของบริษัทช็อคโกแลต Hershey ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ของคิทแคทอีกทีนึง Shilpa Gadhok กรรมการผู้จัดการแบรนด์คิทแคทก็รับมุกสุดๆ ถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์เองว่า “เมื่อเราได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับ Hunter เราเข้าใจความรู้สึกอันเจ็บปวดนั้นได้เป็นอย่างดี”…

เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทั้งในบ้านเรา และเกือบทุกประเทศทั่วโลก มีสุนัขที่ถูกทอดทิ้งไม่เว้นแต่ละวัน จนกลายเป็นปัญหาสังคมที่ยากเกินจะแก้ไข อีกทั้งยังส่งผลกระทบในด้านต่างๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ในบ้านเรา หากมีน้องหมาที่ถูกเจ้าของเดิมนำมาทิ้ง ก็ต้องตกมาเป็นภาระของพระ ที่ต้องเลี้ยงดูสุนัขเหล่านี้ หรือบางตัวก็ถูกปล่อยให้กลายเป็นสุนัขเร่ร่อนอยู่ข้างถนน โดยไม่มีคนสนใจ แต่อย่างน้อย น้องหมาบางตัวก็ยังมีความหวังเล็กๆ ที่รอคนใจดีมารับมันไปเลี้ยง เมื่อ Richard Phibbs ช่างภาพชื่อดัง ผู้ที่เชื่อว่า “ภาพ” สามารถเปลี่ยนแรงบันดาลใจ และแรงกระตุ้นได้ โดยเมื่อปี 2012 เขาได้ถ่ายภาพสุนัขจากศูนย์ช่วยเหลือสุนัขในนิวยอร์ค และนั่นก็ทำให้มีผู้เห็นภาพ และพร้อมช่วยเหลือสุนัขตัวน้อยๆ ไปดูแล และในปี 2016 นี้ เขาก็ได้จับสุนัขถูกทิ้งมาถ่ายภาพแฟชั่นน่ารักๆ อีกเช่นเคย พร้อมกับนำเสนอเรื่องราวการเดินทางของสุนัขแต่ละตัว ที่มาจากสถานการณ์ต่างๆ ทั้งการถูกทิ้ง รวมถึงถูกปฏิเสธจากศูนย์กู้ภัย เพื่อช่วยค้นหาความสุขที่น้องหมาจะได้พบในบ้านหลังใหม่นั่นเอง   Cookie   Zeppy   Chelsea   Buddy   Yoko   Christopher   Hugo…

ถ้ามีเทศกาลแมลงสาบจัดขึ้นล่ะก็ ลองถามใจเพื่อนๆ ดูสิว่าจะไปเที่ยวกันรึเปล่า…   คำถามนี้ต้องรีบถามกันแล้วล่ะ เพราะมันเกิดขึ้นจริงๆ แล้วสำหรับเทศกาลแมลงสาบที่ประเทศญี่ปุ่น จัดขึ้นโดยสวนสัตว์ Tokuyama แห่งจังหวัดยามากูชิ!!   ไปเที่ยวกันมั้ย…   ล่าสุดผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่น @tomo04_yyy ได้ทำการทวิตภาพโปสเตอร์เชิญชวนผู้คนเข้าร่วมงานของทางสวนสัตว์ พร้อมกับตั้งคำถามเพื่อถามชาวเน็ตว่า ‘หาาาา นี่เรื่องจริงหรือเปล่าเนี่ย ทางสวนสัตว์กำลังคิดอะไรอยู่?’   ภาพจากทวิตเตอร์ของเขา   สำหรับตอนนี้เว็บไซต์ของทางสวนสัตว์ Tokuyama ก็ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด มีแค่กำหนดการของงาน และรายละเอียดของกิจกรรมในงานคร่าวๆ เท่านั้น มีทั้งการจัดแสดงสายพันธุ์แมลงสาบ การแข่งแมลงสาบ สอนวิธีการรับมือกับแมลงสาบเมื่อต้องเจอ และสอนวิธีการเพาะพันธุ์แมลงสาบให้กับผู้เข้าร่วมงานอีกด้วย…น่าสนุกเนาะ เสียดายที่นิทรรศการนี้ก็ได้ปิดตัวลงไปแล้วล่ะ เพราะเปิดตั้งแต่ 18 กรกฎาคม – 31 สิงหาคมที่ผ่านมานี้เท่านั้น   อ่ะ เดี๋ยวหาว่า #จ่าสิบเหมียว โม้ นี่คือภาพจากบางส่วนของงาน…   แมลงสาบมาดากัสการ์ ขนาดบิ๊กบึ้มบะล่ะฮึ่มมาก!!   ดูอีกด้านหนึ่ง ก็ยังใหญ่อยู่ดี…   และนี่ก็คือสวนสัตว์ Tokuyama สถานที่จัดงาน   ทางเข้านิทรรศการ   เข้ามาก็พบกับโปสเตอร์ของงานนี้เต็มๆ…

Legatum Institute หนึ่งในสถาบันจัดอันดับที่ได้รับการมากเชื่อถือที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน ได้เผยลิสต์ 25 ประเทศที่ประชากรมีความสุขที่สุด มั่งคั่งที่สุด และสุขภาพดีที่สุดของปีนี้ออกมาแล้ว โดยจะนำข้อมูลของทั้ง 149 ประเทศมาวิเคราะห์ ตั้งแต่เรื่อง GDP จำนวนชั่วโมงงานของประชากรโดยเฉลี่ย ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ รวมถึงความปลอดภัยของเซิฟเวอร์อินเตอร์เน็ทก็ถูกนำมาเฉลี่ยและวิเคราะห์ทั้งหมด จะมีประเทศไหนติดอันดับมาบ้าง เรามาดูกันได้เลย!!   อันดับ 25. ประเทศโปรตุเกส ถึงแม้อันดับอื่นๆ โปรตุเกสจะได้อันดับที่ 50 มาครอง แต่เรื่องสิทธิและเสรีภาพของประชากรนั้น ทำคะแนนได้ดีจนได้รับอันดับ 10 เลยทีเดียว ทำให้ติดเข้ามาในลิสต์ท็อป 25 นี้   อันดับ 24. ประเทศมัลต้า ประเทศเกาะเล็กๆ ใจกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในด้านอื่นๆ นั้นเข้ามาเป็นอันดับที่ 20 แต่ที่โดดเด่นสุดๆ คงไม่พ้น ทุนทรัพย์ของรัฐบาลที่เข้ามาเป็นอันดับ 8 ของโลก   อันดับ 23. ฮ่องกง ถึงแม้ว่าอาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นประเทศ แต่ก็ถือว่าติดโผเข้ามาในลิสต์นี้อยู่ดี โดยเฉพาะการที่เข้ามาในอันดับนี้ได้ก็เพราะติดอันดับ 4 พื้นที่ๆ…

ถ้าเรามาว่ากันด้วยเรื่องสิ่งของที่ถูกรัฐบาลสั่งห้าม มันทำให้เรารู้สึกคันปากยุบยิบเหลือเกิน จะนั่งเม้ามอยเรื่องนี้ทั้งวันก็คงไม่จบ เพราะสำหรับประเทศเราดูเหมือนอะไรๆก็ถูกสั่งห้าม สั่งแบน ไปซะทั้งหมด (อย่างเช่นเว็บโป๊เป็นต้น ฮือๆๆๆ T_T) แต่ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับไทยเราเท่านั้น เพราะ 11 สิ่งที่มันสุดแสนจะธรรมดาทั้งหลายนี้ ดั๊นนกลายเป็นของต้องห้าม และถูกแบนในประเทศเหล่านี้ซะงั้น!?   1.ออสเตรเลีย: สั่งแบนหนังโป๊ที่นางเอกนมเล็ก สำหรับหนุ่มๆที่ชอบสาวนมเล็ก เราขอเสียใจด้วยที่ประเทศนี้อาจจะหาหนังผู้ใหญ่แนวๆนี้ให้ดูไม่ได้ อีกทั้งนางเอกหน้าอกเล็ก ก็อาจจะไม่ได้แจ้งเกิดเช่นเดียวกัน ทางรัฐบาลให้เหตุผลว่า การที่เนื้อหาในหนังโป๊มีนางเอกนมเล็ก มันชวนให้นึกถึงเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และอาจเป็นสาเหตุของการก่ออาชญกรรม หรือการข่มขืนผู้เยาว์ได้ แต่กฏย่อมมีไว้แหก ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะสั่งแบน ใช่ว่าจะไม่มีหนังโป๊นางเอกนมเล็กอยู่เลย เพียงแต่อาจจะได้รับความนิยมน้อยหน่อยในประเทศนี้เท่านั้นเอง ที่มา: Theregister   2. จีน: เครื่องเกมคอนโซล ถึงแม้ว่าเครื่องเกมส่วนใหญ่จะมีฐานการผลิตในประเทศจีน แต่ก็น่าแปลกที่รัฐบาลจีนไม่อนุญาติให้วางขายเครื่องเกมคอนโซลได้ การออกกฏสั่งห้ามเริ่มตั้งแต่ปี 2000 โดยทางรัฐบาลให้เหตุผลว่า เครื่องเล่นเกมเหล่านี้จะมอมเมาเยาวชนของชาติ ส่งผลทำให้ไม่ยอมทำการทำงาน มัวแต่เสียเวลาไปแต่กับการเล่นเกมอย่างเดียว ที่มา: Time   3. กรีซ: วิดีโอเกม ไม่ใช่แค่จีนเท่านั้นที่เคยสั่งแบนเครื่องเล่นเกม แต่ครั้งหนึ่งเมื่อปี…

รู้สึกกันมั้ยว่า ‘เกาหลีเหนือ’ เป็นประเทศระบบเผด็จการ ที่ดูเหมือนว่ามีหลายๆคนอยากจะเข้าไปลองของ เข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตที่เราแทบจะไม่เคยได้รับรู้ข่าวสารบ้านเมืองของเค้าเลยแม้แต่น้อย อะไรที่มันลึกลับ คนเราก็อยากจะเข้าไปพิสูจน์ เช่นเดียวกับสองหนุ่มนักกีฬาจากออสเตรเลีย Morgan Ruig และ Evan Shay ทั้งคู่เป็นนักกีฬาโปโล ที่เดินทางมาแข่งขันทัวร์นาเม้นท์ที่กรุงปักกิ่ง   แต่ไม่รู้ว่าความคิดแผลงๆแบบนี้โผล่มาจากไหน ทั้งคู่ได้ยินข่าวมาว่าจะมีการจัดแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเม้นท์ขึ้น ที่กรุงเปียงยาง เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำคิม จอง อึน สองหนุ่มตัดสินใจลองส่งอีเมลล์ไปสมัครทันที “เราแค่บอกเขาไปว่า พวกเรา 2 คนเป็นนักกอล์ฟจากออสเตรเลีย สนใจในทัวร์นาเม้นท์นี้ พวกเขาก็ไม่ตรวจสอบอะไรแม้แต่น้อย ตอบกลับมาเพียงแค่ว่างั้นเราคือตัวแทนจากออสเตรเลีย”   ทั้งคู่ไม่รอช้า หลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากทีมผู้จัดงาน (แน่นอนว่าต้องเป็นรัฐบาล) พวกเขาก็รีบเดินทางไปเกาหลีเหนือทันที และต้องอึ้งสุดๆ เมื่อพวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างดี มีการแจกชุดสูทสีเขียว พร้อมกับติดป้ายว่าเป็นตัวแทนนักกีฬากอล์ฟ ซึ่งดูเหมือนว่าจะใช้เป็นสิทธิพิเศษสำหรับการมาเที่ยวครั้งนี้ได้ยอดเยี่ยมไปเลยล่ะ “ผมคิดว่า คงเป็นเพราะอินเตอร์เน็ตของเกาหลีเหนือถูกจำกัด เพราะงั้นพวกเขาเลยไม่ค่อยมีโอกาสที่จะเข้าถึงข้อมูลเท่าไหร่” Shay ให้สัมภาษณ์กับ 9News     และเมื่อถึงเวลาแข่งขัน คงตื่นเต้นสุดๆสำหรับทั้งคู่ เพราะอันที่จริงแล้ว พวกเขาไม่เคยเล่นกอล์ฟมาก่อน แต่ก็ต้องจำใจยอมลงไปตีลูกในสนาม ไม่อย่างนั้นถ้าโดนจับได้ มีหวังไม่ได้กลับบ้านแน่ๆ…

ส่วนใหญ่แล้วถ้าเราเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่มาพร้อมกับ รถจักรยานยนต์คู่ใจคันโต บ้างก็ใส่เสื้อกั๊กหนัง มีรอยสักไว้ผมยาวๆ ดูแล้วเชื่อว่าหลายคนต้องแอบกลัวลึกๆ แหละ แต่นั่นก็เป็นแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น เพราะอย่างที่โบราณว่าไว้ ‘อย่าตัดสินคนที่ภายนอก’ คำนี้ใช้ได้จริงกับทุกยุคทุกสมัยเสมอ   Luc Perreault   เช่นเดียวกับเรื่องราวในครั้งนี้ Luc Perreault หนุ่มใหญ่จากแคนาดา ที่วันหนึ่งเขากำลังทดสอบขับรถช็อปเปอร์คันใหม่ และได้ตัดสินใจแวะพักระหว่างทางที่ร้านอาหาร Tim Horton ชื่อดังประจำถิ่น     ในระหว่างที่รอคิวสั่งอาหารนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเด็กหญิงตัวน้อยมองเขาด้วยสายตาชวนสงสัย จนทั้งคู่ได้ทักทายกันไปตามมารยาทแบบฝรั่งว่า ‘Hello’ แต่หลังจากที่คุณแม่ของหญิงสาวตัวน้อยเห็นว่าลูกของเธอเข้าไปคุยกับชายหน้าโหด เธอจึงรีบอุ้มลุกสาวกลับมาพร้อมกับสอนลูกไปว่า “เราไม่คุยกับพวกไบคเกอร์สกปรกนะลูก” ไบค์เกอร์ Luc ถึงกับรู้สึกเซ็ง และผิดหวังสุดๆ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมกุลสตรีที่เป็นแม่คน ถึงได้สอนให้ลูกของเธอตัดสินคนที่ภายนอกแบบนี้ จนในที่สุดเขาก็ได้โพสต์ระบายความรู้สึกทุกอย่างลงเฟซบุ๊ค     “ถึงครอบครัวที่ขับรถ SUV สีแดงที่ร้าน Tim Horton วันนี้ จริงอยู่ที่ผมตัวใหญ่ หนัก 127 กิโลฯ ขี่มอเตอร์ไซค์คันโต พร้อมรอยสักเต็มตัว ผมมันดูแย่…

ก็คงไม่เป็นการกล่าวเกินจริงจนเกินไปในเรื่องที่ว่า Michael Bublé นั้นคือหนึ่งในศิลปินที่โด่งดังและเป็นที่รักคนหนึ่งของเหล่าบรรดาแฟนเพลง…   Michael Bublé เจ้าของบทเพลง It’s A Beautiful Day ที่แสนคุ้นหู   แต่ล่าสุด Michael Bublé และภรรยาของเขา Luisana Lopilato ก็ได้ออกมาชี้แจงข่าวร้าย เกี่ยวกับลูกชายวัย 3 ขวบของพวกเขา Noah… ว่าตอนนี้เขาเป็นโรคมะเร็ง!?   โพสต์จากเฟซบุ๊คของเขา   ‘ในตอนนี้เรากำลังตกอยู่ในภาวะเศร้าสลดอย่างมาก เกี่ยวกับข่าวคราวโรคมะเร็งของลูกชายคนโต เรามักพูดเสมอว่าเราเห็นครอบครัวสำคัญมากขนาดไหน ตอนนี้เราเลยหยุดหน้าที่และการงานทั้งหมดเสียก่อนเพื่อรักษาลูก และจนกว่าลูกจะหายดี สุดท้ายแล้วเราต้องขอความเห็นใจและความเป็นส่วนตัวเพื่อดูแลลูกๆ เรามีเส้นทางอีกยาวไกลที่ต้องเผชิญ และหวังว่าทั้งเพื่อนๆ และมิตรรักแฟนเพลงจากรอบโลกจะเป็นกำลังใจให้เรา เราจะชนะเรื่องนี้ให้ได้’ จากโพสต์ของ Michael Bublé   ภาพของครอบครัวและลูกชายคนโตผู้เป็นมะเร็ง   และพวกเขามีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะเอาชนะโรคนี้ให้ได้   เป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆ   รู้สึกเศร้าไปกับพวกเขาเลยจริงๆ   ณ ตอนนี้ ชาวเน็ตก็ได้ทราบข่าวคราวเรื่องนี้กันแล้ว ช่วยส่งแรงใจเพื่อช่วยครอบครัวนี้กันยกใหญ่… ส่งความรักไปให้กับ Michael ภรรยา และลูกชายของเขา ไม่ว่าเด็กควรไหนก็ไม่ควรต้องมาทุกข์ทนกับโรคนี้เลย…

ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีศูนย์พักพิง หรือศูนย์ช่วยเหลือสัตว์อยู่มากมายจนนับไม่ถ้วน ซึ่งสถานที่เหล่านี้ได้รับน้องหมาจรจัด หมาถูกทิ้ง รวมถึงหมาที่ได้รับบาดเจ็บมาคอยดูแล จนกว่าจะมีคนใจดีติดต่อมารับมันไปเลี้ยง แม้ว่าน้องหมาจะถูกช่วยเหลือจนมันปลอดภัย แต่บางทีสถานที่เหล่านี้ก็แออัดจนเกินไป เพราะมันต้องอาศัยอยู่แต่ในกรงขัง ไม่ได้ออกมาวิ่งเล่น หรือใช้ชีวิตแบบในแบบที่ควรจะเป็น แต่สำหรับศูนย์พักพิงสัตว์บางแห่ง อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นทั้งหมด เพราะในรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นศูนย์พักพิงสัตว์ Luvable Dog Rescue ที่มีลักษณะเหมือน “บ้าน” สำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ   และนี่คือบ้านสีม่วงสดใสอันแสนอบอุ่น เพื่อให้หมาได้อาศัยอยู่อย่างสบายๆ ไม่ต้องทนอยู่ในกรงที่แสนแออัดอีกต่อไป   นอกจากนอกบ้านจะดีสวยงามแล้ว ภายในบ้านก็ไม่ธรรมดานะจ๊ะ เพราะมันถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์, ภาพวาด, และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะทำให้มีลักษณะคล้ายกับบ้านที่ใช้อาศัยอยู่จริงๆ   สำหรับศูนย์พักพิงแห่งนี้ มีที่ดินกว่า 55 ไร่ โดยพื้นที่บริเวณรอบๆ จะเต็มไปด้วยป่าไม้ และทุ่งหญ้า เพื่อความสุข และความบันเทิงของเพื่อนสี่ขา ทำให้มันสามารถออกไปวิ่งเล่นรอบๆ บ้านได้อย่างมีความสุข แถมยังมีสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วย   ต้องขอขอบคุณ Liesl Wilhardt เป็นอย่างมาก ที่ได้เป็นผู้ก่อตั้งศูนย์พักพิงสัตว์แห่งนี้ขึ้นมา เพราะนอกจากจะทำให้เหล่าหมาจรจัดได้มีที่อยู่อาศัยอันแสนอบอุ่นแล้ว ยังทำให้มันได้รับความสุขสบายอย่างแท้จริง   Liesl…

ในขณะที่น้องหมาพันธุ์คอร์กี้ ปอม ดัชชุน โกลเด้น หรือชิวาวา ถูกมองว่าเป็นสัตว์ที่น่ารัก จนใครๆ ก็อยากเข้าใกล้ แต่พอพูดถึงสุนัขพันธุ์พิทบูลขึ้นมาเมื่อไหร่ ทำไม๊ทำไมถึงมีแต่คนวิ่งหนีน้า ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว มันก็น่ารักไม่แพ้กับน้องหมาตัวอื่นเลย ><   นี่คือเจ้า Dublin สุนัขพันธุ์พิทบูลของ William ชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ในรัฐ Massachusetts สหรัฐอเมริกา มันดูสดใส และร่าเริงมาก   ย้อนเวลากลับไปในคืนวันฮาโลวีนที่ผ่านมา หลายคนอาจจะมีความสุข แต่สำหรับ Dublin แล้ว มันเป็นคืนที่น่าเศร้ามาก เพราะคืนนั้นไม่มีใครอยากเข้ามาเล่นกับมันเลย ทั้งๆ ที่มันก็อุตส่าห์แต่งตัวรอซะน่ารัก อ๋อยยยย น่าสงสาร   และเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 หลังผ่านพ้นคืนวันฮาโลวีนไปแล้ว William ก็ได้นำภาพของเจ้า Dublin ที่กำลังทำหน้าตาเศร้าสร้อยในชุดแฟนซี มาโพสต์ลงในทวิตเตอร์ พร้อมเผยว่า… “สุนัขของผมรอให้เด็กๆ มาเล่น trick-or-treaters ทั้งคืน แต่พวกเขากลัวที่จะมาเล่นกับมัน น่าเศร้าจริงๆ”  …

เวลาที่เรารับชมภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาค่อนข้างจะรุนแรง ส่อเสียด หรือดูโหดร้าย ทางผู้ผลิตก็มักจะเขียนคำเตือนออกมาอยู่เสมอว่า ทั้งหมดเป็นแค่การแสดงนะ อย่าได้ทำเลียนแบบเป็นอันขาด และสำหรับบางคนยิ่งห้าม มันก็เหมือนยิ่งยุ ไม่รู้ว่าพวกเค้าคิดอะไรอยู่ หรืออาจจะอินกับบทบาทในหนังมากเกินไป เลยก่อเหตุอาชญกรรม ตามแบบในหนังซะเลย…แบบนี้ผู้กำกับหนังมาเห็นคงกุมขมับแย่ (ตรูอุตส่าห์เขียนห้ามไว้แล้วแท้ๆ)   Scream Thierry Jaradin หนุ่มขับรถขนส่งผู้โดดเดี่ยววัย 24 ปี ได้ก่อเหตุฆาตกรรมสาววัยรุ่นอายุ 15 ปี Alisson Cambier ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อปี 2001 แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อพ่อหนุ่มชวนสาววัยรุ่นคนนี้มาค้างที่บ้าน แต่เธอกลับปฏิเสธ Thierry จึงหาหน้ากากผีมาใส่ พร้อมกับเอามีดไปแทงสาวมากกว่า 30 ครั้ง หลังจากก่อเหตุ เจ้าตัวก็เข้ามอบตัวกับทางตำรวจทันที อีกทั้งยังให้คำสารภาพว่า การกระทำทั้งหมดได้แรงบันดาลใจมาจากหนังผีเรื่อง ‘Scream’ ทุกขั้นตอน   Fight Club เมื่อปี 2009 กองตำรวจประจำเมืองนิวยอร์ค ได้รับแจ้งเหตุว่าพบระเบิดทำมือ เกิดระเบิดขึ้นมาตามจุดต่างๆในนิวยอร์ค เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปสอบสวน ก็พบว่าเป็นฝีมือของ Kyle Shaw หนุ่มวัย 17 ปี…

เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่คนเป็นหมอฟันอยากจะได้เห็นจากเด็กๆ ก็คือการที่พวกเค้ารู้จักดูแล รักษาสุขภาพฟันมากขึ้น เพราะอย่างที่รู้กันว่า เด็กๆมักจะชื่นชอบของหวานเป็นพิเศษ และนั่นก็อาจเป็นสาเหตุทำให้หนูๆหลายคนต้องฟันผุ และสำหรับเทศกาลฮัลโลวีนที่เพิ่งจะผ่านไป สิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนประเพณีดั้งเดิมของฝั่งตะวันตก คือการที่เด็กๆต่างออกมาแต่งตัวเป็นผีน้อย พร้อมกับเคาะประตูตามบ้านเพื่อขายลูกกวาด   แต่สำหรับคุณหมอ Tillery จากเมือง Indianapolis เธอทำในสิ่งที่ต่างออกไป แน่นอนว่าเธอไม่ปฏิเสธที่จะอุดหนุนเด็กๆที่เข้ามาขายขนม ในขณะเดียวกันเธอก็ต้องการที่จะสอนให้เด็กๆรักษาสุขภาพฟันด้วย   เธอจึงตัดสินใจเหมาลูกอมทั้งหมด ที่เด็กชายตัวน้อยคนนี้นำมาเสนอขาย และของเด็กคนอื่นๆในละแวกเดียวกันด้วย เธอยินดีที่จะจ่าย 1 ดอลลาร์ ต่อลูกอม 1 ปอนด์ (สูงสุดประมาณ 5 ดอลาร์ต่อคน) สำหรับลูกอมทั้งหมดที่เหลือจากคืนฮัลโลวีน   โดยลูกอมโฮมเมดทั้งหมด เธอส่งไปเหล่าทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ห่างไกลทั้งหลาย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และเพื่อให้พวกเค้ารู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน   อีกทั้งคุณหมอใจดี ยังแจกจ่ายกระดาษโน๊ต และอุปกรณ์เครื่องเขียนให้แก่เด็กๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้เขียนข้อความดีๆ ส่งไปให้ถึงเหล่าทหาร ที่กำลังจะได้ลิ้มรสขนมหวานจากฝีมือของพวกเขาเอง นอกจากคุณหมอใจดีจะช่วยอุดหนุนแบบไม่อั้นแล้ว เขายังได้แจกจ่ายชุดอุปกรณ์ดูแลรักษาฟันให้แก่เด็กๆทุกคนที่เข้ามาเสนอขายลูกอมอีกด้วย   ซึ่งลูกอมทั้งหมดจะถูกส่งไปที่ศูนย์ช่วยเหลือทหาร พร้อมกับสเบียง และของใช้จำเป็นไปให้เหล่าทหารทั่วโลก   งานนี้เรียกได้ว่าแฮปปี้กันทุกฝ่าย เด็กๆได้เงิน แถมยังได้ส่งต่อความรู้สึกดีๆให้เหล่าทหารอีกด้วย เอ้าาพวกเรากล่าวคำชมพร้อมกันว่า……

หลายๆครั้งเรามักจะได้เห็นเรื่องราวของคนเป็นพ่อ แม่ ยอมเสียสละบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่ชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องลูกอันเป็นที่รัก แต่คราวนี้เป็นเรื่องราวดีๆ ที่คุณลูกขอลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อช่วยชีวิตคุณพ่อ ถ้าหากว่ามีคนบอกให้เราไปเพิ่มน้ำหนักตัวเอง ซัก 5 กิโลฯ หลายคนคงคิดว่า มันเยอะเกินไป ทำไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นละอ้วนตายแน่เลย แต่สำหรับหนูน้อยชาวจีนคนนี้ เขาพร้อมที่จะทำอย่างไม่ลังเล เพื่อคุณพ่อสุดที่รัก   Cao Yinpeng หนูน้อยวัย 8 ขวบคนนี้ ทันทีที่รู้ว่าหนทางเดียวที่จะรักษาคุณพ่อได้ คือการบริจาคไขกระดูก แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่น้อยเกินไป เค้าก็ไม่ลังเลที่จะเพิ่มน้ำหนักตัวเองมากถึง 10 กิโลฯ   ซึ่งคุณพ่อของหนูน้อย ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย และคุณหมอคาดการณ์ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ต่ออีกเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น ลูกชายต้องการที่จะบริจาคไขกระดูกให้พ่อของเขาทันทีที่รู้เรื่องนี้ แต่ด้วยข้อกฏหมายทางการแพทย์ของจีน ที่ระบุไว้ว่า ผู้บริจาคอวัยวะต้องมีอายุอยู่ในช่วง 18 – 45 ปี อีกทั้งต้องมีน้ำหนักอย่างน้อย 44 กิโลฯ   ถึงแม้ว่าคุณหมอจะยอมไม่ทำตามกฏหมายข้อแรก เพราะ Yingpeng เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัว แต่หนุ่มน้อยก็ยังมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งมันจะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของเขาเอง   ด้วยทางเลือกที่มีไม่มากนัก ทำให้หนุ่มน้อยตัดสินใจที่จะมุ่งมั่นเพื่อช่วยให้พ่อเค้ากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ให้เหมือนกับที่คุณพ่อได้เสียสละดูแลเค้ามาตลอดทั้งชีวิต เด็กหนุ่มต้องรับประทานอาหารอย่างหนัก…

ช่วงเช้าวันหนึ่งในเขต Orange County รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา มีพิทบูลสองเพื่อนซี้ที่น่าสงสาร ถูกคนใจร้ายทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพังกลางถนน แต่โชคดีของพวกมันที่ Patrick Hennessey ชายผู้กำลังจะไปทำงานผ่านมาเห็นพอดี ด้วยเหตุนี้เขาจึงช่วยพวกมันไว้   Patrick พบว่าน้องหมาหนึ่งในสองตัวนั้นได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งมันยังหวาดกลัว และไม่ยอมแยกออกจากกันเลย ซึ่งพวกมันกำลังรอคอยให้ใครบางคนมาช่วยเหลืออยู่ เมื่อเห็นดังนั้น เขาจึงได้ติดต่อกับทางสำนักงาน Orange County เพื่อขอความช่วยเหลือ   และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ Reed และ Boggs มาถึง พวกเขาก็ได้ช่วยกันปลอบโยนเจ้าพิทบูลเพื่อช่วยให้มันรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น   ทางด้านคุณตำรวจ ได้ใช้ผ้าพันแผลมาพันบริเวณขาที่ขาของเจ้าหมาที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อทำให้เลือดของมันหยุดไหล   พวกมันอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของคุณตำรวจ พร้อมกับรอให้ทางเจ้าหน้าที่จากศูนย์พักพิงสัตว์มารับไปดูแล   เมื่อทางเจ้าหน้าที่จากศูนย์พักพิงสัตว์เดินทางมาถึง พวกเขาก็ได้นำเจ้าหมาออกจากถนนอย่างปลอดภัย พร้อมกับนำตัวของมันกลับไปดูแล   ตอนนี้สองเพื่อนซี้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่จากศูนย์พักพิง พวกมันไม่ต้องกลัวการถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป แถมยังได้รับความรัก และความสุขที่พวกเขามอบให้อย่างเต็มใจ   นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังได้ตั้งชื่อให้กับพวกมันว่า Justice และ Liberty อีกด้วย   ปัจจุบัน…

ไม่ว่าใครๆต่างก็ชื่นชอบดนตรีกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะในฐานะผู้ฟัง หรือผู้เล่น เช่นเดียวกับกลุ่มวัยรุ่นจาก Los Angeles กลุ่มนี้ พวกเขามีงานอดิเรกนั่นก็คือการรวมตัวกันซ้อมดนตรี เล่นคัฟเว่อร์เพลงของวงร็อคที่ตัวเองชอบ และมักจะนัดซ้อมกันหลังบ้านเป็นประจำ ในขณะเดียวกันอีกฝากหนึ่งของเมือง เจ้าหน้าที่ Miguel Garcia นายตำรวจประจำย่าน Compton หลังจากที่เขาและคู่หูได้เสร็จจากการสืบสวนสอบสวน และกำลังขับรถผ่านย่านชุมชนแห่งหนึ่่ง เขาก็ดันไปได้ยินวัยรุ่นกลุ่มนี้ซ้อมดนตรีกันอย่างเมามันส์ ดังสนั่นลั่นทุ่ง   ทันใดนั้นพวกเขาก็ตามหาถึงที่มาของเสียง และก็พบว่ามันมาจากบ้านหลังนี้นี่เอง…นายตำรวจรีบจอดรถอย่างไม่รอช้า ก่อนที่จะลงเข้าไปชาร์จใส่กลุ่มวัยรุ่นที่กำลังซ้อมดนตรีกันอยู่อย่างรวดเร็ว แต่พี่ตำรวจเค้าไม่ได้เข้าไปชาร์จจับกุมหรืออะไรหรอกนะ เพราะที่จริงแล้วพี่เค้าเข้าขอแจมกีต้าร์กับวงน้องๆด้วยต่างหากล่ะ บังเอิญว่าเป็นชาวร็อคเหมือนกัน อีกทั้งยังชื่นชอบเพลงคล้ายกัน งานนี้ตำรวจขออู้งานมาซ้อมดนตรีเล่นๆล่ะกัน   งานนี้ตำรวจขอลีดกีต้าร์เพลง ‘The Kids Ain’t Alright’ ของ The Offspring ซักหน่อย   ทางด้านของเพื่อนๆในวงก็ให้สัมภาษณ์กับ CBSLA ว่า “ตอนแรกพวกผมตกใจมากเลยครับ นึกว่าเขาจะมาสั่งให้เราหยุดเพราะเสียงดังเกินไปซะอีก แต่พอรู้ว่าเค้ามาขอแจมด้วย พวกเรานี่ดีใจสุดๆ”   ทั้งนี้นายตำรวจหัวใจร็อคก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้เช่นกัน “ผมโตมากับย่านนี้ และอันที่จริงผมไม่ใช่ตำรวจประเภทที่จะไล่จับทุกอย่างอ่ะนะครับ ผมขับรถผ่านแล้วได้ยินเสียงพวกเค้าซ้อมกัน และเล่นดีมากๆ ด้วยความที่ชอบเล่นกีต้าร์อยู่แล้ว มันก็อดใจไม่ไหวที่อยากจะขอเข้ามาแจมด้วยจริงๆ”…

โลกของเราเต็มไปด้วยความเชื่อของผู้คนที่หลากหลาย วิธีคิด ทัศนคติ และอุดมการณ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่อาจจะเป็นเพราะมนุษย์ไม่เคยเรียนรู้ที่จะเปิดใจ และอยู่ร่วมกันบนความแตกต่าง จึงทำให้เกิดปัญหาระหว่างศาสนา เชื้อชาติ หรือแม้แต่สีผิว มาโดยตลอด และสำหรับบทความนี้ #เหมียวบ็อบ ไม่ได้ต้องการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งกันหรอกนะจ๊ะ เพียงแต่จะนำเรื่องราวตัวอย่างที่ไม่ดี ที่เกิดขึ้นในอังกฤษ มาบอกเล่าสู่กันฟัง เพื่อไม่ให้เอาเป็นเยี่ยงอย่างเนาะ ^ ^   เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 สื่อเว็บไซต์ Metro ได้รายงานเรื่องราวของ 2 หนุ่มวัยรุ่นจากเกาะอังกฤษ ถูกศาลพิพากษาสั่งจำคุก เนื่องจากก่อความไม่สงบ นำเบค่อนไปรุมโยนใส่ประชาชนชาวมุสลิมขณะกำลังอยู่ในพิธีทางศาสนา   Piotr Czak-Zukowski   โดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านในละแวกนั้นว่า เมื่อช่วงตุลาคมที่ผ่านมาว่ามีวัยรุ่นสองคน มาป้วนเปี้ยนอยู่แถว มัสยิด Ah-Rahman ทางตอนเหนือของลอนดอน และมักจะโยนเบค่อนเข้ามาเป็นประจำ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องชาวมุสลิมเป็นอย่างมาก ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวน และพบว่าเป็นฝีมือของนาย Piotr Czak-Zukowski และ Mateusz Pawlikowski ต่อมาจึงได้เข้าจับกุมทั้งสองโดยทันที งานนี้ตำรวจก็ได้พบของกลางเป็นซองบรรจุเบค่อนที่ถูกใช้แล้ว ซึ่งคาดว่าเป็นของกลางที่วัยรุ่นทั้งสองคนนำไปปาใส่ชาวมุสลิม   Mateusz Pawlikowski  …

ในค่ำคืนวันฮัลโลวีน ใครๆต่างก็พากันออกมาแต่งตัวเป็นผีสางนางไม้ สุดแล้วแต่ความครีเอทีฟของแต่ละคน ว่าจะทำให้คนรอบข้างรู้สึก อู้ววหูวว กับการแต่งตัวของเราได้มากน้อยขนาดไหน ครั้นจะพาเพื่อนๆไปชมกามไอเดียการแต่งตัวคืนฮัลโลวีน คงเป็นอะไรที่น่าเบื่อ และซ้ำซากจำเจ #เหมียวบ็อบ เลยขอแนะนำให้เพื่อนๆรู้จักกับ ผีร้ายแห่งคืนฮัลโลวีนทั้ง 11 คนนี้ ที่บอกว่าร้าย เราไม่ได้ใส่ความนะจ๊ะ เพราะพวกเขาดันไปก่อเรื่องไว้ สุดท้ายก็ต้องโดนจับได้พร้อมหน้าตาผีๆเนี่ยแหละ   Dusten Jacob Williams จาก Oregon ถือว่าเป็นหนึ่งในการจับกุมที่ผู้ต้องหาแต่งหน้าได้แปลกสุดๆก็ว่าได้ พ่อหนุ่มวัย 20 ปีคนนี้ ถูกจับกุมเมื่อปี 2006 ในข้อหาพกปืน BB Gun ในที่สาธารณะ ซึ่งมันดูไม่ร้ายแรงอะไรหรอก แต่พ่อหนุ่มดันทำเหมือนเป็นปืนจริง แล้วไล่ยิงแกล้งชาวบ้านเนี่ยสิ… สุดท้ายก็ต้องโดนจับไปตามระเบียบ   Christopher Ray Woods จาก Alabama พ่อหนุ่มมนุษย์ถ้ำคนนี้ ถูกจับในข้อหาที่ไม่ร้ายแรงมากนัก (รึเปล่า!?) เพราะเขาดันแอบลักลอบนำยาเสพติดทั้งกัญชา และ MDMA เข้าไปในเทศกาลดนตรี ‘Hangout Music Festval’ แต่สุดท้ายแผนการณ์ไม่สำเร็จ ถูกเจ้าหน้าที่จับไต๋ได้ งานนี้พ่อหนุ่มของเราอดดื่มด่ำดนตรีด้วยฤทธิ์ของยาเสพติดไปโดยปริยาย…

สำหรับหนุ่มสาว หรือคู่รักที่ตัดสินใจลงหลักปักฐาน ร่วมใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนประเพณีคล้ายกันทั่วโลก ก็คือ ‘งานแต่งงาน’ ซึ่งปกติแล้วถ้าเป็นในแบบตะวันตก ก็จะมีการเชิญบาทหลวงมาเป็นสักขีพยาน แต่สำหรับคู่รักชาวรัสเซียทั้งสองคนนี้ พวกเค้าอยากจะจัดงานแต่งงานให้แตกต่างออกไป ถ้าหากนำบาทหลวงมาเป็นสักขีพยานก็เกรงว่าจะซ้ำซากน่าเบื่อไปหน่อย พวกเค้าเลยเรียกใช้บริการเจ้าหมี ‘Stepan’ มาเป็นสักขีพยานรักซะเลย!!     งานแต่งงานกลางป่าเขาในครั้งนี้ เป็นการรวมไอเดียของคู่รัก Denis และ Nelya วัย 30 ปี จากกรุงมอสโคว์ เมื่อทั้งคู่ตัดสินใจที่จัดงานแต่ง แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้มันซ้ำซากจำเจ พวกเขาเลยนึกขึ้นได้ว่าที่รัสเซีย มีเจ้าหมีใจดีที่ชื่อ ‘Stepan’ หมีอ้วนที่มักจะรับงานปรากฏตัวตามอีเว้นต์ต่างๆ “เราทั้งคู่รู้ครับว่า Stepan เป็นพี่หมีใจดี และไม่ทำร้ายมนุษย์ แต่ก็อย่างว่าแหละ ตัวมันใหญ่มาก อีกทั้งพื้นฐานมันเป็นสัตว์นักล่า ต้องบอกตรงๆเลยว่าพวกเราแอบกลัวอยู่ลึกๆ แต่สุดท้ายงานก็ผ่านไปอย่างราบรื่น” เจ้าบ่าวกล่าว   Stepan จูบมือเพื่อเป็นการต้อนรับเจ้าสาว ตามแบบพิธีการดั้งเดิม (แหม..รู้งานนะเอ็ง)   ถ่ายภาพคู่กับเจ้าบ่าว เพื่อเป็นเกียรติให้เจ้าภาพซักหน่อย   “มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลยครับ เราทั้งตื่นเต้น และรู้สึกวิเศษสุดๆ เพราะตลอดทั้งงานผมรู้สึกกลัวลึกๆว่าเจ้าหมีจะอาละวาด แต่เปล่าเลย…

เมื่อไม่นานมานี้ ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวของ Afia กอริลลาน้อยแสนน่ารักวัยเพียง 6 เดือน ที่กำลังเกาะแน่นอยู่บนหลังของผู้ดูแล เรียกได้ว่าเป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อย ในขณะที่หลายคนคงเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า แล้วแม่ของมันละอยู่ที่ไหน     Afia เกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มันถูกนำมาตัวมายังสวนสัตว์บริสตอล หลังจากที่แม่ของมันดันป่วยหนัก แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าก็กอลริลลาน้อยก็ได้ดูภายใต้ดูแลของทางเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี   Sarah Gedman ทีมดูแลเจ้า Afia ได้เผยว่า “เจ้า Afia มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก และเราก็คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสุขภาพของมันจะดีขึ้นเรื่อยๆ… ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้า Afia มักจะชอบการเรียนรู้ และมันก็มีความมุงมั่นเป็นอย่างมาก ถ้าหากมันเห็นอะไรบางอย่างที่มันต้องการ มันก็จะทำทุกอย่างที่สามารถนำสิ่งนั่นมาตรวจสอบ”     เจ้า Afia ถูกฝึกให้มีความเชื่อมั่น และเรียนรู้การใช้ชีวิตตามธรรมชาติของมัน เพื่อที่จะทำให้มันสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข   มันได้รับการช่วยเหลือ และได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี   ก่อนหน้านี้ Afia ได้รับความช่วยเหลือจากทีมแพทย์ของโรงพยายาล St Michael…

ในการเดินทางโดยสายการบินนั้น แน่นอนว่าเพื่อนๆ ก็ต้องไปขึ้นเครื่องกันที่สนามบินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งต้องรอไฟลท์นานๆ ด้วยแล้วล่ะก็ เป็นประสบการณ์ที่แย่พอสมควรเลยทีเดียว แต่สนามบินเหล่านี้ บางแห่งมีทั้งโรงหนังไอแม็กซ์ สนามตีกอล์ฟ หรือแม้กระทั่งสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้าเลยทีเดียว ทางเว็บ BusinessInsider ได้รวบรวมข้อมูลมาให้ว่ามีสนามบินไหนบ้าง และ #จ่าสิบเหมียว จะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ 15 สนามบินสวยๆ ที่เหล่าผู้โดยสารอาจจะต้องร้องอุทานออกมาเลยว่า ‘อยู่ต่อเลยได้มั้ยยยยย…’   1. Singapore’s Changi Airport หรือที่ได้รับการขนานนามว่า ‘สนามบินสีเขียว’   สนามบินแห่งนี้มีสวนดอกไม้ มีน้ำตกภายในสนามบิน แม้กระทั่งมีผีเสื้อบินอยู่ในสนามบินด้วยล่ะ!!   นอกจากนี้ก็ยังมีโรงแรม สระว่ายน้ำที่อยู่ชั้นดาดฟ้า สปาต่างๆ ทำให้สถานที่แห่งนี้มักได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกจากหลายๆ สำนักอยู่บ่อยๆ   2. Amsterdam Schiphol Airport สนามบินแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์   สนามบินมีพิพิธภันฑ์ทางทางดนตรี Riijk ตั้งอยู่ นอกจากนี้ก็มีโรงหนัง 6XD ให้บริการ สามารถนั่งชมมภาพยนตร์ไปพร้อมกับเอฟเฟกต์สุดระทึกถึง 5 นาทีเต็ม   หรือจะไปพักผ่อนที่บาร์ออกซิเจน…

เราคงเคยได้ยินคำพูดที่ติดปากว่า ‘ดวงตาเป็นประตูสู่ดวงใจ’ กันมาบ้างแล้ว เพราะเวลาเรามีอารมณ์ต่างๆ นั้น ก็จะแสดงให้เห็นในแววตานั่นเอง   และสายตาของความเหงานั้น คงจะสรรหาคำบรรยายไหนมาอธิบายไม่ได้ดีไปกว่าสายตาของเจ้า Mingky อีกแล้วล่ะ…   Mingky คือเจ้าอุรังอุตังกำพร้าโชคร้ายที่แม่ของมันถูกฆ่าตาย แถมดันถูกจับได้ในป่าเขตร้อนเมื่อราวๆ ปีก่อนโดยเหล่านายพราน ตั้งแต่นั้นมามันก็ถูกโซ่ตรวจล่ามไว้ ให้อยู่ในพื้นที่ช่องแคบๆ ระหว่างบ้านสองหลังที่อยู่ติดกัน…   สภาพที่อยู่ของเจ้า Mingky   บ่อยครั้งที่เจ้าอุรังอุตังจะถูกนายพรานพาออกมาข้างนอกเพื่อให้เด็กๆ ในละแวกได้ดูกันอย่างเพลิดเพลิน จนวันหนึ่งมีภาพของเจ้า Mingky หลุดรอดไปถึง Orangutan Information Centre หรือศูนย์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอุรังอุตังแห่งประเทศอินโดนีเซียเข้า Panut Hadisiswoyo หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของศูนย์กล่าวว่า ‘นายพรานผู้ที่จับมันได้ต้องการที่จะเก็บมันไว้เพื่อให้เด็กๆ ของเขาได้ดู เขาเลี้ยงมันด้วยผลไม้ และบางครั้งก็ข้าว แต่นั่นมันไม่ใช่ชีวิตหรอก’   หลังจากนั้นทางศูนย์ก็ได้แจ้งเรื่องนี้ให้ตำรวจในพื้นที่ได้ทราบ เพื่อให้ช่วยกดดันให้นายพรานปล่อยตัวเจ้า Mingky แต่ก็พบกับความลำบากเพราะว่าพอมีคนเข้าไปใกล้ๆ เจ้าลิงจะดุร้ายมากจนต้องยิงยาสลบใส่มันก่อนเพื่อนำตัวออกมา (อาจเป็นเพราถูกขังเดี่ยวและทรมานมานานจนเกินไป)   ตอนนี้มันอยู่ที่ศูนย์ภิบาลสัตว์ เพื่อเยียวยาทั้งร่างกายและสภาพจิตใจก่อนที่จะถูกปล่อยกลับสู่ป่าอีกครั้ง   เจ้าหน้าที่คาดว่าเจ้า Mingky นั้นถูกขังในลักษณะนี้มาราวๆ 2 ปีแล้ว ขณะที่ตอนนี้มันมีอายุได้ราวๆ 3 ปี   โชคดีจริงๆ ที่เรื่องของมันหลุดไปถึงหูของหน่วยงานนี้…

ทุกวันพฤหัสที่สี่ของเดือนพฤศจิกายน ของทุกปี จะเป็นวันที่เหล่าชาวอเมริกันได้หยุดพักผ่อน พร้อมกับร่วมรับประทานอาหารดินเนอร์ร่วมกันในครอบครัว เนื่องในโอกาสวันขอบคุณพระเจ้า หรือ ‘Thanksgiving day’ นั่นเอง ทุกๆปีมีไก่งวงนับล้านตัว ที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นอาหารอันโอชะ หลายๆครอบครัวต่างก็เฝ้ารอที่จะได้ทานเนื้อไก่งวงที่แสนนุ่มอร่อย ร่วมกันสำหรับมื้อเย็น แล้วเราเคยสงสัยกันมั้ยว่า ทำไมต้องกินไก่งวง? กินไก่ธรรมดาไม่ได้เหรอ? หรือไก่งวงมีอะไรพิเศษกันนะ? วันนี้เราจะพาไปไขข้อสงสัย และข้อเท็จจริง จาก 5 เรื่องที่ถูกเล่ากันมาจากปากต่อปากของชาวอเมริกัน ว่ากันว่านี่คือเหตุผลที่พวกเขาต้องกินไก่งวง เราตามไปดูกันเลย   เนื้อแน่นๆของเธอ ช่างทำให้ใจชั้นปั่นป่วน   1. ไก่งวงถูกเลือกมาจากตำนานนักแสวงบุญ Pilgrims สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับเทศกาลเฉลิมฉลองนี่ก็คือ เริ่มแรกมันมาจาก ‘Edward Winslow’ ผู้เขียนบันทึกวารสารเกี่ยวกับเรื่องเล่าของผู้แสวงบุญที่เมือง Plymouth ถึงแม้ว่าในหนังสือของเขาจะบันทึกไว้ว่า วันขอบคุณพระเจ้าครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1621 อีกทั้งเค้ายังบันทึกไว้อีกด้วยว่า ตอนนั้นได้มีการนำ ‘ไก่ป่า’ มาทำเป็นอาหาร แต่ก็ไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นไก่งวง ซึ่งช่วงหลังนักโบราณคดีจึงคาดการณ์ว่าน่าจะเป็น ห่าน หรือเป็ด ซะมากกว่า   2. ผู้คนเชื่อว่า วันขอบคุณพระเจ้า เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ หลังจากที่กลุ่มนักบุญได้ฉลองการกินไก่งวงครั้งแรก วันขอบคุณพระเจ้า…

ในทุกสิ้นเดือนตุลาคมของทุกๆ ปี สำหรับประเทศไทยบ้านเรามันก็คือวันธรรมดาๆ วันหนึ่ง แต่ถ้าเป็นฝั่งชาวตะวันตก มันเป็นช่วงเวลาของวันฮาโลวีนนั่นเอง สำหรับค่ำคืนวันฮาโลวีน เราจะเห็นได้ว่าผู้คนได้พากันแต่งตัวเป็นภูตผีปีศาจสุดหลอน เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ และนอกจากการแต่งตัวแล้ว สาวๆ หลายคนก็ไม่พลาดที่จะแต่งหน้าผีกันแบบจัดเต็ม บางคนก็แปลงโฉมซะแทบจำหน้าเดิมของตัวเองกันไม่ได้เลยทีเดียว และนี่คือ ภาพการแต่งหน้าต้อนรับวันฮาโลวีน ที่ต้องยอมรับเลยว่านอกจากจะดูสยอง และสร้างความขนลุกขนพองให้คนดูแล้ว ฝีมือการแต่งหน้าของแต่ละคนก็เทพจนอยากจะกดไลค์รัวๆ ให้เลยละ   เมื่อรอยยิ้มที่สวยงามของสาวๆ เปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มที่ดูสยดสยอง   ไอเดียการแต่งหน้าสุดครีเอท ลองเอาไปแต่งตามได้นะ (เฉพาะคนที่อยากสยองในวันฮาโลวีน)   หากได้เห็นเธอคนนี้มาปรากฏกายในค่ำคืนปล่อยผี ขอเผ่นก่อนก็แล้วกัน   ผลงานการแต่งหน้าสุดสร้างสรรค์ ที่ดูหลอน และสยองไม่น้อย   คุณคิดไหมว่า กว่าจะออกมาเสร็จสมบูรณ์ขนาดนี้ ต้องใช้เวลานานขนาดไหน   เมื่อมนุษย์กำลังจะกลายเป็นนางเงือก   ฝีมือการแต่งหน้าของสาวๆ แต่ละคน ล้วนแต่โชว์สกิลขั้นเทพกันทั้งนั้น   ดูแปลกแหวกแนวสุดๆ ใครเห็นก็ต้องขนหัวลุกจนแทบเอามืดปิดตาเลยทีเดียว   โอ้วววว นี่มันไม่ใช่ของจริง ต้องคิดว่ามันเป็นการแต่งหน้าเท่านั้นนนนนนนน   ต้องเก็บไปฝันร้ายในคืนนี้แน่ๆ   เตรียมออกมาเผชิญความหลอนในคืนวันฮาโลวีนกันได้เลย  …

ว่ากันว่าเราทุกคนนั้น ล้วนมีฝาแฝดที่ไม่ได้เกี่ยวดองกันทางสายเลือดเลยแม้แต่น้อยอยู่สักแห่งบนโลก หรือที่เรียกว่า ‘ดอพเพลแกงเกอร์’ ล่ะ!!   แต่บางครั้งสำหรับบางคน ก็ดันไปเหมือนดาราดังที่มีคนรู้จักไปทั่วโลก เช่น ดาราสาวอย่าง Emma Watson ซะงั้น…   Emma Watson ตัวจริง   Megan Flockhart สาวน้อยวัย 24 ปี จากกลาสโกว์ประเทศสกอตแลนด์ ได้กลายมาเป็นคนดังในแวดวงของแฟนๆ แฮร์รี่พอตเตอร์ซะงั้น เพราะเมื่อฮัลโลวีนปีก่อนเธอได้สวมชุดคอสเพลย์เป็นนักเรียนฮอกวอตซ์ และมีชาวเน็ตหลายคนมาตั้งข้อสังเกตกันยกใหญ่ว่า   เธอเหมือน Emma Watson ในบทบาทของ Hermione อย่างมาก   เอาจริงๆ นะ นี่คือ Emma ชัดๆ !!   Megan ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ‘ฉันไม่กล้าพูดหรอกนะว่าฉันหน้าเหมือน Emma ขนาดนั้น เพราะเธอสวยมาก จะว่าไปแล้วเธอคือไอดอลของฉันตั้งแต่ฉันอายุ 10 ขวบเลยล่ะ’   แต่ชาวเน็ตหลายๆ คนก็มักบอกว่าพวกเธอเหมือนกันมากๆ อยู่ดี   แล้วใครจะปฏิเสธล่ะ!?…

ประเด็นการเหยียดสีผิวในบ้านเรานั้นอาจจะไม่ค่อยเป็นที่สังเกตนัก เพราะไม่ได้รุนแรงเทียบเท่ากับในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่คนผิวสีนั้น มักจะถูกจำกัดและริดรอนสิทธิต่างๆ มาตั้งแต่ในอดีต ในสมัยวิคตอเรียที่เริ่มนิยมการถ่ายภาพนั้น เราก็มักจะเห็นภาพของคนผิวขาวหลายต่อหลายครั้งที่ตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่เคยเห็นภาพของคนผิวสีกันบ้างมั้ยล่ะ? วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็ไปเจออัลบั้มมาชุดหนึ่ง เป็นชุดภาพของชาวผิวสีที่มีชีวิตอยู่ในสมัยวิคตอเรียและเรื่องราวโดยสังเขปของพวกเขากันล่ะ!!   สิบโท Isaiah Mays เกิดมาในฐานะทาส เข้าสังกัดในกองทัพจนได้รับอิสรภาพและได้รับเหรียญกล้าหาญในปี 1889   ภาพของ Nellie Franklin ถ่ายในช่วงปี 1885 – 1900   นักธุรกิจสาว Eartha Mary Magdalene White เธอเป็นนักธุรกิจผู้เก่งฉกาจ ทำเงินได้มากมายจากทั้งอสังหาริมทรัพย์ ซักรีด อาหารแห้ง หรือแม้กระทั่งบริษัทแท็กซี่ แถมสร้างโรงเรียนสำหรับชาวผิวสีเป็นแห่งแรกในฟลอริด้า ถ่ายภาพร่วมกับ Clara แม่บุญธรรมของเธอ   Hiram R. Revels วุฒิสมาชิกแห่ง Mississippi ชายผิวสีคนแรกที่ได้ตำแหน่งในวุฒิสภาของประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 1870   ภาพนี้ถูกถ่ายไว้เมื่อช่วงปี 1860 ไม่ทราบนามของผู้ที่อยู่ในรูป   ภาพของเด็กสาวที่ถูกถ่ายไว้ราวๆ…

สำหรับผู้ชายแล้ว สิ่งหนึ่งที่เหมือนจะมีค่ายิ่งกว่าอะไร ก็คงเป็นมิตรภาพจากเพื่อนแท้ ซึ่งแน่นอนว่าถึงแม้ว่าชีวิตเราจะผ่านพบเจอผู้คนมากมาย แต่สุดท้ายแล้ว เพื่อนที่รู้ใจและสนิทที่สุด ก็มักจะเหลือไม่กี่คนอยู่ดี เช่นเดียวกับเรื่องราวที่จะทำให้เราได้ซาบซึ้งในมิตรภาพของคำว่า ‘เพื่อน’ เมื่อวันหนึ่งนาย John Twinberrow เกิดอุบัติเหตุพลัดตกจากหลังรถจักรยาน ทำให้เค้าต้องอยู่ในสภาพโคม่านานกว่า 7 เดือน เพื่อนซี้คู่ใจที่สนิทกันมาตั้งแต่วัยเด็กอย่าง Tim Murray ก็ไม่ขอนิ่งนอนใจ ยอมลาออกจากงาน เพื่อมาช่วยดูแลให้ John ได้กลับมามีชีวิตปกติอีกครั้ง   ภาพถ่ายของสองเพื่อนรัก Tim Murray (ซ้าย) และ John Twinberrow (ขวา)   อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้นาย John ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองอย่างรุนแรง ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และทำกายภาพบำบัดใหม่ทั้งหมด ช่วงเวลาที่เราลำบาก มักจะเป็นช่วงเวลาพิสูจน์ใจคนรอบข้างเสมอ..หลังจากที่ Tim ได้ทราบข่าว เขาตัดสินใจที่จะลาออกจากงานทันที เพื่อผันตัวมาเป็นคนดูแลเพื่อนซี้ ทุกๆวันเขาต้องเดินทางไกลกว่า 80 ไมล์ เพื่อช่วยอาบน้ำ แต่งตัว ป้อนอาหาร หรือแม้แต่พาเพื่อนรักไปทำกายภาพบำบัดทุกๆเช้า     ”…

ถ้าพูดกันถึงเรื่องศักดิ์ศรีของชายชาติทหารแล้ว พวกเขาพร้อมที่จะยอมเอาตัวเองไปเสี่ยง เพื่อเป็นรั้วของชาติ คอยปกป้องรักษาประเทศให้มีแต่ความสงบสุข แต่สำหรับอดีตชายชาติทหารอกสามศอกอย่าง Robert Misseri ถึงแม้จะปลดประจำการแล้ว แต่อุดมการณ์ที่อยากจะมอบความสงบสุข และช่วยเหลือสัตว์โลกของเค้ายังคงอยู่ จึงกลายเป็นที่มาของกลุ่ม ‘Guardian of Rescue’   และสำหรับภารกิจลับที่เหล่าทหารต้องทำให้สำเร็จครั้งนี้ นั่นก็คือการย้อนกลับไปในแถบตะวันออกกลาง ซึ่งไม่ระบุว่าแถวไหน ส่วนเป้าหมายที่ต้องจัดการ นั่นก็คือเจ้าหมาตัวเดียวที่ยังรอดชีวิตมาได้ ‘Ghost’ ภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่การฆ่าแกงกันหรอกนะ แต่เป็นการเข้าไปช่วยเหลือและหาบ้านหลังใหม่ให้มันต่างหากล่ะ   ภาพของเจ้า Ghost และลูกๆของมัน น่าเศร้าที่ลูกของมันถูกชาวบ้านแถวนั้นกำจัดไปทีละตัว สองตัว   ทันทีที่พวกเค้าเดินทางมาถึงฐานทัพทหารในตะวันออกกลาง พวกเค้าก็รีบออกตามหาเจ้า ‘Ghost’ ทันที และโชคดีที่พบว่ามันยังคงอาศัยอยู่แถวนั้น ถึงแม้ว่าจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ตามลำพัง เจ้าหมาดูผอมซูบ ราวกับว่ามันไม่ได้รับการดูแลที่ดี และไม่มีใครให้อาหารมันมาหลายวันแล้ว และสิ่งที่พวกเค้าต้องการ ก็คือพามันกลับบ้าน ไปอยู่อย่างมีความสุข     “ตอนนี้พวกมันกำลังตกอยู่ในภาวะที่เสี่ยงมากๆ มันไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ไกล และไม่มีใครดูแล ทางเดียวที่จะช่วยได้นั่นก็คือ ส่งคนที่ไว้ใจได้ เข้าไปพาเจ้าหมาออกมา” Robert กล่าว แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าออกได้อย่างง่ายดายเหมือนไปบ้านเพื่อน เพราะเขตที่พวกเขาต้องการเข้าไป…

เราสามารถพูดขึ้นมาได้เต็มปากว่า ภูเขาไฟระเบิด เป็นหนึ่งในภัยธรรมชาติที่น่ากลัวมากที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้เกิดความเสียหายมากมายแล้ว มันยังเคยเป็นสาเหตุทำมนุษย์ล้มตายเป็นจำนวนมากอีกด้วย ที่สำคัญหลายๆ ประเทศทั่วโลก พร้อมทั้งในแถบเพื่อนบ้านของเรา เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ล้วนก็เคยได้รับผลกระทบจากภูเขาไฟระเบิดกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ในวันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับ 8 การระเบิดภูเขาไฟ ที่มีทั้งความรุนแรง และน่ากลัวมากที่สุดที่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ โดยแต่ละลูกนั้นบอกเลยว่าเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่เคยดับ และที่สำคัญเราก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดการปะทุขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ คิดแล้วก็น่ากลัวเหมือนกัน   1.ภูเขาไฟ Eyjafjallajökull ในประเทศไอซ์แลนด์ ภูเขาไฟ Eyjafjallajökull เป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งขนาดเล็ก ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ภูเขาไฟแห่งนี้เคยปะทุขึ้นอย่างรุนแรงในปี 2010 เป็นผลให้สภาพทางอากาศเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อประเทศในภาคเหนือของยุโรปกว่า 20 ประเทศ ที่ต้องทำการสั่งปิดน่านฟ้า แถมยังทำให้นักท่องเที่ยวกว่า 100,000 คน ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้อีกด้วย   2.ทะเลสาบลาวา ในประเทศคองโก ทวีปแอฟริกาใต้ Nyiragongo เป็นทะเลสาบลาวา ในปล่องภูเขาไฟ Nyiragongo ที่ตั้งอยู่ภายใน Virunga National Park ประเทศคองโก มันเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังคงปะทุ และมีความรุนแรงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญกว่า…

อีกหนึ่งเรื่องราวที่ทำให้เราได้รู้ว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควร ‘ตัดสิน’ คนจากภายนอก…   เพราะว่าเราไม่รู้ว่ากว่าเขาจะมาเป็นเขาอย่างทุกวันนี้นั้น ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และเรื่องราวในวันนี้เป็นคลิปจากสมาชิกเฟซบุ๊คท่านหนึ่งที่ชื่อว่า Balaraju Somisetty ที่มียอดวิวสูงกว่า 10 ล้านครั้งเลยทีเดียว ในคลิปนั้นเผยให้เห็นถึงการทำงานของแคชเชียร์หญิงรายหนึ่งซึ่งกำลังนับเงินของผู้เข้ามาทำธรุกรรม แต่ทว่าการทำงานของเธอนั้นช้ามาก ชาวเน็ตที่เห็นต่างก็แสดงความคิดเห็นในเชิงเปรียบเปรยเหมือนดั่งตัวสล็อต Flash ในเรื่อง Zootopia   Flash ใน Zootopia   คลิปวิดีโอดังกล่าวที่ถูกแชร์และพูดถึงไปในวงกว้าง…   แต่ที่จริงแล้ว เรื่องราวนั้นเป็นแบบนี้เราเห็นรึเปล่า?   ชาวเน็ตส่วนมากต่างแสดงความคิดเห็นในเชิงตลกขบขัน แต่แล้วก็มีความเห็นดังกล่าวที่มาชี้แจงในส่วนที่หลายคนยังไม่รู้   ‘นี่ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ… ชื่อของเธอคือ Premlata Shinde เธอกำลังจะเกษียณในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2017 ที่จะถึงนี้แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอมีปัญหาสุขภาพ ทั้งอาการชักและต้องผ่านภาวะหัวใจล้มเหลวมากว่า 2 ครั้ง เธอพึ่งกลับมาทำงานได้อีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้หลังจากได้รับการบำบัดจนหายดี ที่จริงแล้วเธอมีวันลาหยุดสะสมไว้จนเธอสามารถลาได้จนเกษียณ นั่งรับเงินอยู่บ้านฟรีๆ ได้สบายๆ แต่นั่นไม่ใช่วิธีการของเธอ เธอเลือกที่จะกลับมาทำงาน และเกษียณโดยการทำหน้าที่ของเธอให้สมเกียรติและสมบูรณ์ที่สุด เหล่าพนักงานที่ทำงานในสาขาเดียวกับเธอเลยตั้งเค้าเตอร์พิเศษให้กับเธอขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานเค้าเตอร์ต่างๆ ของสาขาได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน เธอก็สามารถทำงานในระดับความเร็วของเธอโดยไม่ต้องกดดันทั้งตัวเธอและลูกค้าผู้เร่งรีบ แต่บางครั้งเหล่าลูกค้าที่ไม่รู้ ก็ได้ไปใช้บริการที่เค้าเตอร์ของเธอ…

โบราณเค้าว่าไว้ว่า คนเราจะแข่งกันด้วยเรื่องความสามารถ เรื่องความรู้นั้นพอจะแข่งได้ แต่ถ้าให้แข่งกันเรื่องบุญวาสนา หรือโชคลาภ คงเป็นเรื่องที่แข่งกันไม่ได้จริงๆ เพราะคงไม่มีใครรู้หรอกว่าวันไหนตัวเองจะโชคดี วันไหนจะโชคร้าย เช่นเดียวกับ Glenda Blackwell วัย 57 ปี และสามีของเธอ จากรัฐนอร์ท แคโรไลน่า ประเทศสหรัฐฯ เนื่องด้วยสามีเธอชอบขอเงินไปซื้อล็อตเตอรี่อยู่เป็นประจำ อาทิตย์ละครั้ง บ้างก็สองครั้ง ทำให้คุณภรรยารู้สึกหงุดหงิดใจ และต้องการที่จะประชดเค้าด้วยการ ซื้อล็อตเตอรี่มาหนึ่งใบ พร้อมกับบอกว่ามันไม่มีทางหรอกนะที่เราจะโชคดีขนาดนั้นได้   “บ่อยครั้งที่เค้ามักจะทำให้ฉันโกรธ เพราะมักจะเข้ามาขอเงินไปซื้อหวย ซึ่งฉันมองว่ามันเป็นการใช้เงินที่สิ้นเปลืองสุดๆ เหมือนกับคุณเอาเงินไปทิ้งทุกอาทิตย์ โดยที่ไม่เคยได้อะไรกลับมาเลย” ภรรยากล่าว     เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ถึงจึงตัดสินใจพาสามีตัวแสบไปที่ร้านขายล็อตเตอรี่ พร้อมกับซื้อมา 1 ชุด จำนวน 300 บาท เพื่อหวังที่จะให้เค้าเลิกตอแยสักที แต่หลังจากนั้นคงไม่มีใครเชื่อว่า คนที่เกลียดการเล่นหวยเข้ากระดูกดำ จะกลายเป็นคนที่ได้รับรางวัลใหญ่จากสิ่งที่เธอเกลียดซะเอง เงินรางวัลทั้งหมดก็เรียกได้ว่าแจ็คพ็อตแตกกันเลยทีเดียว เป็นจำนวนเงินสูงถึง 35 ล้านบาท!! “แหมม จะบอกว่าฉันกลืนน้ำลายตัวเองก็ได้ค่ะ แต่มันถือว่าคุ้มค่าที่ฉันจะยอมเป็นคนผิดคำพูด ฮ่าๆๆ ฉันไม่เคยรู้สึกมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย”…

จะว่าก็ว่าเถอะ ในโลกนี้คงไม่มีใครชอบให้ของตัวเองหายแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งของที่เราซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงจากการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย ยิ่งถ้าไม่ได้ทำหายเองแต่ดันมีโจรมาขโมยไปด้วยนะ หูยย…โมโหสุดๆ เรื่องราวครั้งนี้เกิดขึ้นกับสาวชาวเมือง Portland เธอมีชื่อว่า Erin Hatzi คืนหนึ่งที่เธอกำลังออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนอย่างสนุกสนาน กลับมาก็ต้องพบว่า รถยนต์คันโปรด Subaru สีแดงของเธอหายไป!! แล้วมันหายไปได้ยังไง? ดังนั้นเธอจึงรีบไปเปิดกล้องวงจรปิดดูทันที ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ มีโจรมือดีมาแอบเข้ามาย่องเบาขโมยรถของเธอไป   นั่นไง…แกนั่นเองเจ้าโจรร้าย งานนี้หนีไม่รอดแน่ ภาพจับไว้ได้หมดแล้ว   เมื่อเธอได้ดูวิดีโอจากกล้องวงจรปิดทั้งหมด ก็พบว่า..โจรคนนี้มันต้องเป็นมือใหม่แน่ๆ เพราะหลังจากที่เข้าไปในรถได้ ดูเหมือนพี่แกจะงงๆกับระบบภายในรถ กว่าจะถอยรถออก และขับต่อไปได้ ก็เล่นใช้เวลาอยู่นานพอสมควร   เราลองไปดูวิธีการขับของโจรคนนี้กัน เหมือนว่าเค้าจะมือใหม่อยู่นะเนี่ย   หลังจากนั้นเธอและสามีก็รีบเข้าไปแจ้งความกับตำรวจทันที แต่ดูเหมือนกับว่าตดยังไม่ทันหายเหม็น ปัญหาทุกอย่างก็ถูกคลี่คลายลงในเช้าวันถัดไป ทั้งคู่ตื่นมาก็ต้อง งง ยิ่งกว่า เพราะเมื่อคืนโจรพึ่งขโมยรถไป แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงเอามาคืนกันได้ง่ายๆ แถมยังมีข้อความเขียนติดมาให้ด้วย     และนี่คือเนื้อหาทั้งหมดในจดหมาย ที่โจรเขียนกลับมาให้เจ้าของรถซูบารุสีแดง “สวัสดีครับ ผมขอโทษจริงๆที่ขโมยรถของคุณมา เพราะผมได้มอบกุญแจรถของผมให้เพื่อน เพื่อให้เค้าช่วยขับรถผมกลับมา เป็นซูบารุสีแดงเหมือนกัน อยู่บนถนน 7802…

บ่อยครั้งที่เรามักจะได้เห็น นักศึกษา หรือองค์กรต่างๆ ออกมาทำกิจกรรมร่วมกันทางสังคม เพื่อนำกำไร หรือผลประโยชน์ทั้งหมด เข้าไปช่วยเหลือองค์กรการกุศลอีกต่อหนึ่ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อนักศึกษาทั้งชาย และหญิง จากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ ในประเทศอังกฤษ ได้ออกมารวมตัวกันถ่ายภาพนู๊ด ที่ไม่ได้ต้องการสื่อถึงความลามกอนาจาร แต่พวกเค้าจะทำเป็นปฏิทิน เพื่อนำเงินช่วยเหลือองค์กรที่เข้าไปดูแลคนลี้ภัย ซึ่งผลงานภาพถ่ายทั้งหมดนี้ นักศึกษาได้รวมตัวกันตามชมรมกีฬาต่างๆ ก่อนที่จะถ่ายภาพออกมาให้ดูเหมือนว่า การโป๊เปลือยกายนั้น เป็นเรื่องปกติ เราตามไปดูผลงานของพวกเค้ากันเลย   ทีมนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลประจำมหาวิทยาลัย .   ทีมนักมวยสากล .   ส่วนคนที่เป็นฝ่ายจัดการเรื่องนี้ทั้งหมดคือ Rowenna McGill นักศึกษาสาววัย 21 ปี ได้เล่าว่า “ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างให้ความร่วมมือกันอย่างดี พวกเค้าดูสนุกสนานกันสุดๆ คุณลองนึกภาพดูสิว่ามีคนจำนวนมากโป๊เปลือยอยู่ในที่เดียวกันแบบไม่ขะเขิน มันเป็นอะไรที่เจ๋งมากเลยหล่ะ”   ทีมยิมนาสติกชาย   ทีมยิมนาสติกหญิง   แต่เห็นแบบนี้พวกเค้าก็ไม่ได้จู่ๆเดินแก้ผ้าไปถ่ายกันโต้งๆหรอกนะ เพราะต้องรอให้ถึงช่วงปิดเทอมซะก่อน เพราะเกรงว่าจะมีคนเดินผ่านมาเห็น แล้วเกิดอาการหัวใจวายเอาได้   ทีมฮ็อคกี้ชาย   นักกีฬาโปโล ท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น .…

เรื่องกฎเรื่องระเบียบต่างๆ ของสถานศึกษานั้น ในประเทศญี่ปุ่นก็ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกฎเหล่านี้อยู่เยอะมากจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องกฎการแต่งกายเนี่ย!! แต่บางสถานศึกษาในประเทศญี่ปุ่นนั้น เคร่งครัดไปจนถึงเรื่องสีของกางเกงในเลยทีเดียว!!   Atsuko Kaizu สมาชิกสภาเทศบาลแห่งกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกมาเผยกฎที่ว่าของโรงเรียน (ที่ไม่ออกนาม) ในพื้นที่ของเขา เกี่ยวกับกฎการแต่งกาย ที่เขาเผอิญมาสะดุดตาอยู่ข้อหนึ่ง ‘เพื่อสุขอนามัยที่ดี ให้นักเรียนทุกคนสวมกางเกงในสีขาวเท่านั้น ห้ามมิให้สวมกางเกงในสีอื่นๆ หรือสีขาวแต่มีลายเด็ดขาด’   กฎให้สวมเฉพาะกางเกงในสีขาว!?   เหตุผลที่ว่าให้ใส่บราสีขาวนั้นเป็นเรื่องที่พอรับได้ เพราะชุดส่วนบนของเครื่องแบบนักเรียนหญิงก็เป็นสีขาวอยู่แล้ว แต่ในส่วนของกางเกงในนั้นเป็นจุดที่ลับสายตาไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ทางโรงเรียนก็ได้ให้เหตุผลว่าถ้านักเรียนดูแลความสะอาดของกางเกงชั้นในไม่ดีก็จะเกิดคราบต่างๆ ทำให้นักเรียนสามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง แต่กฎนี้มีผู้ที่เห็นต่างมาแย้งซะมากกว่า เช่นในกรณีของคนโรคจิตและพวกถ้ำมอง ที่ถ้าเห็นนักเรียนที่สวมเครื่องแบบอยู่ก็จะจินตนาการแล้วล่ะว่า เธอคนนี้จะต้องใส่ชุดชั้นในสีขาวอย่างแน่นอน เป็นการกระตุ้นให้เกิดความหื่นกระหายเข้าไปอีก     แถมพอ Atsuko Kaizu สืบค้นเรื่องนี้เข้าไปอีกก็ยังพบว่ามีโรงเรียนในเขตที่เขาดูแลถึงกว่า 10 โรงเรียนด้วยกันที่ใช้กฎนี้กับนักเรียนกันอยู่ ทำให้ยิ่งรู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่ ‘เอาจริงๆ นะ พวกเขาคิดว่าเรื่องนี้จะมีประโยชน์อะไรในเชิงวิชาการเหรอ?’ Atsuko กล่าว   ก็เข้าใจเหตุผลของทั้งสองฝ่ายล่ะนะ แต่ก็แอบคิดเหมือนกันน่ะแหละว่ามีประโยชน์อะไรในเชิงวิชาการกันหน๊ออออ   ที่มา: rocketnews24

ใช่ว่าการที่ต้องจากลากันจะมีแต่มนุษย์เท่านั้นที่เสียใจ บ่อยครั้งที่เรามักจะได้เห็นข่าวคราวเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่จู่ๆ พวกมันก็โดนเจ้าของเอามาทิ้งไว้กลางทาง โดยที่ไม่คิดจะหวนกลับมาอีก เหลือไว้เพียงแต่ชีวิตน้อยๆที่เคยได้รับความรัก ที่ทำได้เพียงแค่เฝ้ารอ หวังว่าซักวันคนที่มันรักจะกลับมาหาอีกครั้ง.. เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสหายแมวเหมียว ผู้เฝ้ารอวันคืนที่จะได้กลับมาอยู่กับเจ้าของอีกครั้ง โดยที่มันอาจจะไม่ทันได้รู้ตัวว่า เจ้าของสุดที่รักของมัน ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา   เรื่องราวซึ้งๆระหว่างแมวและคนครั้งนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งเธอชื่อว่า  Keli Keningau Prayitno ผู้ที่ต้องเดินทางผ่านสุสานแห่งนี้ทุกวัน และเธอก็ได้สังเกตุเห็นเจ้าแมวเหมียวที่นอนอยู่บนหลุมศพที่สลักชื่อไว้ว่า ‘คุณแม่ Kundari’   วันแล้ววันเล่าที่เธอเดินผ่าน และก็พบว่าแมวเหมียวตัวนี้มักจะป้วนเปี้ยนอยู่แถวหลุมศพของคุณแม่ Kundari อยู่เสมอ จนหญิงสาวคิดว่าแมวเหมียวน่าจะต้องการความช่วยเหลือ เธอจึงพยายามที่จะชวนมันกลับบ้าน เพื่อหวังว่าจะได้ช่วยเหลือแมวจรจัดตัวหนึ่ง แต่เจ้าเหมียวก็กลับปฏิเสธทุกครั้ง และยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆที่เดิมเป็นประจำทุกวัน ไม่เปลี่ยนแปลง     Keli จึงตัดสินใจที่จะเฝ้าดู และเป็นห่วงเจ้าเหมียวอยู่ห่างๆ ทุกๆวันเธอนำอาหารมาให้มัน และสังเกตุเห็นว่ามันจะไม่ยอมลุกไปไหน นอกจากจะอยู่ตรงที่หลุมศพเท่านั้น   บางครั้งเจ้าเหมียวก็นอนเกลือกกลิ้งไปมาบนหลุมศพ ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังโอบกอด หรือเล่นกับมันอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเจ้าของจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา แต่ก็เชื่อว่าเจ้าเหมียวคงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รู้สึกใกล้ชิดกับบุคคลอันเป็นที่รักของมัน หลังจากที่ Keli ได้โพสต์เรื่องราวนี้ลงบนเฟซบุ๊ค เธอก็ได้พบความจริงที่ว่า เดิมทีเจ้าเหมียวเป็นของคุณแม่ Kundari จริงๆ และวันหนึ่งเธอจากไปด้วยโรคร้ายอย่างกระทันหัน และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มันยังคงรัก…

Arna Ýr Jónsdóttir เธอกำลังประกวด Miss Grand International อยู่ แถมยังพ่วงตำแหน่ง Miss Iceland มาซะด้วย แต่ล่าสุดก็มีเหตุให้เธอต้องออกจากการแข่งขันกลางคัน เพราะเธอถูกสั่งให้ลดความอ้วนนั่นเอง…   Arna Ýr Jónsdóttir   Daily Beast รายงานว่า ระหว่างการประกวดนั้น เจ้าของการประกวดได้บอกกับเธอว่า ‘ให้เธอหยุดทานอาหารเช้า กินเฉพาะสลัดในตอนกลางวัน และตอนเย็นก็ดื่มแค่น้ำก็พอตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันแข่งขัน ที่ส่งข้อความมาแบบนี้ก็พราะว่าทางผู้จัดน่ะชื่นชอบเธอมาก และอยากให้เธอทำได้ดีในวันแข่งจริง’   ภาพจากทางเพจ Miss Grand International   สิ่งที่เธอทำก็คือออกจากการแข่งขัน พร้อมส่งจดหมายนี้ให้กับทางผู้จัด…   ‘ฉันยอมรับว่าฉันก็เป็นหญิงแกร่งคนหนึ่ง แต่บางครั้งความแข็งแกร่งที่ฉันมีนั้นก็อาจไม่เพียงพอซะแล้ว… เจ้าหน้าที่ของคุณได้บอกกับฉันว่าฉันต้องลดน้ำหนักเพื่อเข้าแข่งขันในรอบไฟนอล เพราะฉันอ้วนเกินไปและมีไหล่ที่กว้างไป สิ่งที่ฉันต้องทำก็คือต้องลดอาหารและลดน้ำหนัก เพื่อที่คุณ (ผู้จัด) จะชอบฉันมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ฉันตัดสินใจออกจากการแข่งขันนี้ ฉัน ในฐานะ Miss World ของประเทศไอซ์แลนด์ ได้รับอันดับ 14 ในการแข่งขัน Miss World ผู้ชนะในการประกวด…